✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿✿✿ He's my love ♥ เติมเต็มรัก ✿✿✿ (ตอนจบ) 19/07/2019  (อ่าน 119598 ครั้ง)

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 7


[เติมเต็ม part]





คนเก่งนั่งอยู่ตรงข้ามผมครับ สีหน้าของน้องมันแสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่า...กังวลใจ

บะหมี่ที่ผมสั่งและน้ำปั่นที่คนเก่งสั่งมาแล้วครับ

คนเก่งสั่งน้ำสับปะรดปั่นมาให้ผม ไม่รู้ว่ามันจำได้ว่าผมชอบ หรือว่ามันสั่งไปอย่างนั้นเอง


"กินได้แล้ว" คนเก่งนั่งมองชามบะหมี่ โดยยังไม่แตะต้องเลยสักคำ

"ผมกินไม่ลง พี่เต็มคุยเลยก็ได้นะครับ" คนเก่งมันบอกด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดี

"คิดว่าพี่จะคุยอะไรด้วย ทำไมทำท่าคิดมาก" ผมอยากรู้ว่าคนเก่งมันกำลังคิดอะไร

"ก็....มันก็ต้องสำคัญไม่งั้นพี่เต็มจะมาหาผมเหรอ" คนเก่งตอบและเริ่มปรุงบะหมี่ของตัวเอง

"พี่หิวมาก กินก่อนเถอะ เผื่อคุยกันยาว" ผมบอกเสร็จผมก็ลงมือทานในส่วนของผม

ส่วนคนเก่งก็ลงมือทานบะหมี่ของตัวเองเช่นกัน

ใช้เวลาไม่นานกับมื้อดึกครับ ผมนั่งรอจนคนเก่งมันทานเสร็จ จึงเดินไปจ่ายเงิน


ผมเดินมาที่รถหันไปมองคนเก่งที่ยังนั่งอยู่ที่ร้านบะหมี่ คนเก่งเองก็มองมาทางผมอยู่แล้ว ผมพยักหน้าให้คนเก่งเดินมาหาผม คนเก่งเดินตามผมมาที่รถ สีหน้าแววตามีความไม่สบายใจ




พอขึ้นมาบนรถเรียบร้อย ผมติดเครื่องไว้แต่ยังไม่ได้ออกรถ และเหมือนคนเก่งมันทนไม่ไหว

"พี่เต็มจะคุยอะไรกับผมเหรอครับ" คนเก่งที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับ หันมาหาผมแบบทั้งตัว

"จะคุยที่นี่เหรอ" ผมถาม

"ที่ไหนก็ได้ครับ ที่นี่เลยก็ได้" คนเก่งตอบ

"ใจร้อนว่ะ" ผมบอก

"ผมว่าพูดที่ไหนก็เหมือนกัน" คนเก่งมันพูดออกมาเสียงเบา

คนเก่งมันพูดเหมือนรู้ว่าผมจะคุยเรื่องอะไร

"รู้เหรอว่าพี่จะคุยเรื่องอะไร"

"ไม่ทราบครับ แต่ก็ไม่น่าจะเดายาก"

"ไหนลองเดามาสิ ว่าเรื่องอะไร"

"พี่เต็มพูดมาเถอะครับ" เสียงคนเก่งมันฟังดูเหนื่อยล้ามากๆ




ผมมองดูนาฬิกาตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาเล็กน้อย ตอนที่ผมไปรับคนเก่งผมลืมเรื่องเวลาไปเลย ดึกขนาดนี้สถานที่ที่เหมาะที่จะไปนั่งคุยกันมากที่สุดก็น่าจะเป็นที่บ้านผม


ผมบอกให้คนเก่งหันไปนั่งดีๆ ก่อนที่จะขับรถออกไป


ตอนที่ผมขับรถมาถึงหน้าบ้าน คนเก่งมันหันมามองผมด้วยความตกใจ

"บ้านพี่เต็มนี่ครับ" คนเก่งถามผม

"อืม คุยกันที่นี่แหละ"



ผมจอดรถเรียบร้อยและบอกให้คนเก่งลงจากรถ โดยผมเดินลงจากรถมาก่อน คนเก่งก็เดินตามผมมา ผมเปิดประตูบ้านเข้าไปแล้วเดินนำคนเก่งไปที่ห้องสตูดิโอ (เรียกตามพี่ชายครับ)

ห้องนี้เป็นห้องที่พี่ชายผมทำเอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะและสังสรรค์เวลาเพื่อนพี่ชายมาที่บ้าน


"นั่งรอตรงนี้ก่อน" หลังจากที่เปิดไฟในห้อง ผมก็บอกคนเก่งนั่งลงตรงโซฟาที่อยู่กลางห้อง คนเก่งมีท่าทีตื่นเต้นอย่างชัดเจน น้องมันมองไปรอบๆห้องด้วยความสนใจ

.
.


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณสี่ชั่วโมงที่แล้ว ทำให้คืนนี้ผมต้องคุยกับคนเก่ง


.
.
.




ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเย็น

ผมมาเจอไอ้ธรณ์และพวกเด็กรุ่นน้องที่เคยอยู่โีรงเรียนเดียวกัน และเมื่อก่อนเคยเล่นบาสด้วยกันบ่อยๆ  แต่หลังจากผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เจอน้องๆกลุ่มนี้เลย

หลังจากที่เล่นบาสกันเสร็จ ก็มานั่งพักเหนื่อยและนั่งคุยกันอยู่ที่บ้านของรุ่นน้องที่ชื่อไอ้โจ้ บ้านของไอ้โจ้มันขายพวกของชำแต่หลังหกโมงเย็นร้านมันจะแปรสภาพเป็นร้านขายเบียร์วุ้น และบ้านมันอยู่ติดกับโรงเรียนเก่าที่พวกผมเคยเรียน ก็เลยเป็นสถานที่ที่สะดวกที่จะนั่งคุยกัน (พวกผมมาเล่นบาสกันที่สนามโรงเรียนเก่า)

กลุ่มของไอ้โจ้ ที่ผมเห็นหน้าบ่อยๆมีอยู่ประมาณห้าหกคน พวกมันเคยบอกผมว่ามันยกให้ผมเป็นฮีโร่ของพวกมัน เพราะตอนที่พวกมันอยู่มอสอง พวกมันไปมีเรื่องเข้าใจผิดกันกับนักเรียนโรงเรียนอื่น แล้วผมไปเคลียร์ให้

แต่จะบอกว่าเคลียร์ก็ไม่ถึงขั้นนั้น ด้วยความที่ผมทำกิจกรรมทั้งในและนอกโรงเรียนบ่อย ทำให้ผมมีโอกาสรู้จักนักเรียนโรงเรียนอื่นเยอะ นักเรียนที่พวกไอ้โจ้มีปัญหาด้วย เป็นคนที่ผมรู้จักก็เลยคุยให้เข้าใจกัน เรื่องจบลงด้วยดี


พวกผมนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ถามไถ่กันเรื่องต่างๆและนั่งดื่มเบียร์กันไปด้วย ตอนนี้เวลายังไม่ดึกมากเพิ่งจะสองทุ่ม ดูท่าอาจจะนั่งยาวครับคืนนี้



ไอ้โจ้กับเพื่อนมันคุยกันหลายเรื่อง จนมาถึงเรื่องนี้

"เออ พวกมึงยังจำไอ้อ้วนที่อยู่ห้องแปดได้เปล่าวะ" ไอ้โจ้ถามพวกเพื่อนๆมัน

"ไอ้เด็กใหม่ที่ย้ายมาแล้วมาตามตื้อเฮียเต็มอะนะ" เสียงเพื่อนของไอ้โจ้คนหนึ่งพูดขึ้น ผมจะไม่สนใจบทสนทนาของพวกมันเลย ถ้ามันไม่เกี่ยวกับผม



ไอ้อ้วนห้องแปด
เด็กใหม่
ตามตื้อผม



พวกมันกำลังหมายถึงคนเก่งหรือเปล่าวะ

ไอ้ธรณ์มันสบตากับผมโดยอัตโนมัติ มันคงกำลังคิดเหมือนผม


"เออ ไอ้นั่นแหละ" ไอ้โจ้ตอบ

"ผ่านไปตั้งหลายปี ยังเสือกจำมันได้อีก" เพื่อนไอ้โจ้อีกคนมันพูดขึ้น

"ที่กูพูดถึงมันเพราะกูจะเอาความดีความชอบจากเฮียเต็มเว้ย" ไอ้โจ้มันพูด

"อะไรยังไงวะไอ้โจ้" ไอ้ธรณ์มันเป็นคนถาม

"คืองี้เฮีย ... " ไอ้โจ้มันขยับมาใกล้ไอ้ธรณ์ ท่าทางมันคืออยากเล่าเต็มที่

"เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าเฮียยังจำไอ้อ้วนนั่นได้มั้ย ไอ้อ้วนที่มันชอบเฮียอะ" ไอ้โจ้มันถามผม ผมรู้สึกอยากจะต่อยปากไอ้โจ้ ที่มันมาเรียกคนเก่งแบบนี้ แต่ผมยังอยากรู้ว่าไอ้โจ้มันไปทำอะไรเอาไว้

"อืม จำได้" ผมตอบ

"กูว่าเป็นใครก็ต้องจำได้เปล่าวะ ถือเป็นจุดด่างในชีวิตเลยนะเว้ย" เพื่อนไอ้โจ้พูดเสริมขึ้นมา ผมตวัดสายตาไปมองมันด้วยความไม่พอใจ

ไอ้พวกเวรนี้ มันเห็นคนเก่งเป็นอะไรวะ


ไอ้ธรณ์ส่งสายตามาหาผม เหมือนจะบอกให้ผมใจเย็น แต่แววตามันก็ดูจะไม่พอใจอยู่เหมือนกันกับผม

"เล่าต่อไอ้โจ้" ไอ้ธรณ์มันบอกไอ้โจ้


"คืองี้เฮีย ไอ้อ้วนมันเป็นเด็กใหม่ย้ายมาตอนมอสามอยู่ห้องแปด แล้วพวกผมอยู่ห้องถัดจากมัน พวกผมเคยได้ยินมันพูดถึงเฮียกับไอ้หัวหน้าห้องแปดบ่อยๆ หัวหน้าห้องมันชื่ออะไรวะมึงชื่อเหมือนของกิน"


"ฟูจิ" เพื่อนไอ้โจ้มันตอบ


"เออ ไอ้ฟูจิ ตอนแรกพวกผมก็ยังไม่ได้อะไรกับไอ้อ้วนมันหรอกเฮีย จนมีช่วงหนึ่งที่ผมเห็นมันอยู่กับเฮียบ่อยๆ พวกผมก็เลยคิดว่าจะไปตักเตือนมันสักหน่อย แต่มันยังไม่มีสาเหตุอะไรที่พวกผมจะไปหาเรื่องมันไง พวกผมเลยคิดกันว่า ถ้ามันล้ำเส้นเฮียมากเกินไปเมื่อไหร่ พวกผมก็จะเข้าไปจัดการ" ไอ้โจ้มันหยุดเล่า ยกเบียร์ขึ้นดื่ม ก่อนจะเล่าต่อ


"จนวันนั้นพวกผมได้ยินเฮียคุยกับไอ้อ้วนตรงหลังตึกวิทยาศาสตร์ พวกผมก็เลยจัดการ"

"คุยว่าอะไรวะ" ไอ้ธรณ์ถามแทรกขึ้น


"ผมจำคำพูดทั้งหมดไม่ได้แล้วนะเฮียธรณ์ แต่เฮียเต็มพูดกับไอ้อ้วนประมาณว่า ไม่อยากให้มันมากินข้าวด้วยอีก ไม่ต้องมารอ ใช่มั้ยพวกมึง" ไอ้โจ้หันไปถามเพื่อนมัน ทุกคนก็พยักหน้าเออออเห็นด้วย


"พวกผมรู้เลยว่ามันต้องล้ำเส้นเฮียแน่นอน พวกผมก็เลยต้องสั่งสอนไอ้อ้วนนั่นสักหน่อย"

"สั่งสอนยังไงวะ" ผมกำลังจะถามแต่ไอ้ธรณ์มันไวกว่าผม ในใจผมวิตกขึ้นมาทันที



สั่งสอน คือพวกมันทำร้ายร่างกายคนเก่งหรือเปล่าวะ



"ผมถามเฮียเต็มก่อน หลังจากนั้นไอ้อ้วนมันก็ไม่มายุ่งกับเฮียเลยใช่มั้ย"



ผมคิดตามสิ่งที่ไอ้โจ้มันถาม ซึ่งมันก็จริงหลังจากวันนั้นคนเก่งไม่มารอทานข้าวกลางวันกับผมอีกเลย ไม่ถึงกับเลิกยุ่งเพราะคนเก่งยังส่งการ์ดให้ผมสม่ำเสมอ แต่เข้าหาผมมาเจอผมน้อยลง



คนเก่งเริ่มมาเจอผมมากขึ้น หลังจากที่คนเก่งเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว


"แล้วไงต่อ" ผมไม่ตอบคำถามไอ้โจ้ ผมอยากให้มันเล่าต่อ


"หลังจากเฮียคุยกับมันเสร็จ เฮียเดินแยกไป มันก็เดินไปทางสระว่ายน้ำ พวกผมก็เลยเดินตามมันไป มันหันมาเจอพวกผม มันจำพวกผมได้ว่าเคยเล่นบาสกับพวกเฮียบ่อยๆ ผมก็เลยบอกมันว่า ให้มันเลิกยุ่งกับเฮียซะ ตัวมันอ้วนก็อ้วน เตี้ยก็เตี้ย หน้าก็สิวเขอะ ยังไงเฮียก็ไม่มีทางชอบมันหรอก แต่มันไม่ยอมเฮีย มันบอกว่ามันแค่ชอบเฮียเท่านั้น ไม่ได้อยากให้เฮียมาชอบมันตอบ ผมก็บอกมันไปว่าเฮียโคตรรำคาญมันเลย แต่เฮียเป็นคนดี เห็นว่าเป็นรุ่นน้องในโรงเรียนเดียวกัน เฮียก็เลยไม่พูดทำร้ายจิตใจ มันถามว่าเฮียพูดแบบนั้นจริงเหรอ พวกผมก็ช่วยกันยืนยันว่าเฮียพูดจริง"



ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมนั่งกำหมัดแน่นมาตั้งแต่ตอนที่ไอ้โจ้มันพูดประโยคไหน


"เหี้ยมาก" เสียงไอ้ธรณ์ครับแต่พวกไอ้โจ้ไม่ได้สนใจ

"ยังมีต่ออีกนะเฮีย" เพื่อนไอ้โจ้อีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา

"ว่ามา เล่ามาให้หมดวันนี้เลย" ผมพูดเสียงแข็งเลยครับ ผมรู้ตัว แต่พวกไอ้โจ้ไม่ได้สนใจ

"พวกผมยังเห็นมันไปวุ่นวายกับเฮียอยู่ มันไม่ได้หายไป พวกผมก็เลยแกล้งมันเล็กๆน้อยๆ"

"เช่น" ผมถาม


"ยกตัวอย่างนะเฮีย มันไปส่งการบ้านที่โต๊ะครู พอมันเดินออกจากห้องพักครูไป พวกผมก็จะเอาสมุดที่เป็นชื่อมันเอาไปทิ้ง มันโดนครูทำโทษบ่อยมาก มันต้องทำการบ้านส่งใหม่เป็นประจำ ถ้าทำทันมันก็ได้ส่ง ถ้าไม่ทันบางวิชาครูก็ไม่ให้มันเข้าเรียน ตอนมันเข้าห้องน้ำอยู่พวกผมยังเคยปีนไปเทน้ำใส่มันเลยเฮีย มันเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า โคตรฮา" แล้วพวกมันก็นั่งชนแก้วหัวเราะกันทั้งกลุ่ม



ผมพูดไม่ออก ผมอธิบายความรู้สึกของผมออกมาไม่ได้


"พวกมึงก็หัวเราะมีความสุขกันเนอะ ทั้งๆที่พวกมึงทำคนอื่นเขาเดือดร้อน" ไอ้ธรณ์พูดขึ้น


"นี่มันแค่ส่วนหนึ่งนะเฮีย มันไม่ดูตัวเองเลย มันอ้วนมันขี้เหร่ มันเป็นผู้ชาย มันไม่เหมาะกับเฮียเต็มเลย  ฮีโร่ของพวกผมต้องได้แฟนที่ดีกว่านี้ และถ้าเฮียจะมีแฟนเป็นผู้ชาย แฟนเฮียก็ต้องเจ๋งกว่านี้"


"ถ้าพวกผมไม่ไปเรียนต่อที่อื่นนะเฮีย ถ้ายังเรียนต่อที่เดิม รับรองสนุกกว่านี้ มันอยากมายุ่งกับเฮียดีนัก"


ไอ้โจ้กับเพื่อนมัน ช่วยกันเล่าเหมือนเป็นเรื่องตลก

"แต่มันมีอีกเรื่องหนึ่งเฮีย อันนี้เด็ด" ไอ้โจ้เอ่ยขึ้นมา

"เรื่องเหี้ยๆของพวกมึงยังไม่หมดอีกเหรอวะ" ไอ้ธรณ์ถาม

พวกไอ้โจ้มันหัวเราะชอบใจ ก่อนที่จะเล่าต่อ



"ห้องผมเคยเรียนพละต่อจากห้องมันไง พวกผมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ไอ้อ้วนมันดันเดินเข้ามาบอกว่าลืมของไว้ พวกผมก็เลยถามมันว่าลืมของหรืออยากมาดูผู้ชายแก้ผ้ากันแน่ มันเดินมาหยิบของมันเสร็จมันก็รีบวิ่งออกไปแต่พวกผมไปดึงแขนมันกลับเข้ามาในห้อง พวกผมก็บอกคนอื่นในห้องว่าไอ้อ้วนเนี่ยมันชอบเฮียเต็ม หลายคนก็เลยมาแกล้งมันด้วย"


"พวกผมจับมันแก้ผ้าอะเฮีย" เพื่อนไอ้โจ้พูดขึ้น


"ไอ้พวกเหี้ย!!" ผมพูดพร้อมกับขว้างแก้วเบียร์ที่ดื่มอยู่ลงพื้น ผมทนฟังต่อไปไม่ไหว




บรรยากาศรอบตัวผมเงียบสนิท พวกไอ้โจ้นั่งหน้าเหวอ และไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา



"กูกลับล่ะ" ผมเดินออกมาขึ้นรถที่จอดไว้บริเวณหน้าโรงเรียน


ผมนั่งอยู่ในรถ ใบหน้าของคนเก่ง คำพูด รอยยิ้ม สายตาเศร้าๆ มันอยู่ในสมองผมเต็มไปหมด


ผมเอื้อมมือไปเปิดช่องเก็บของหน้ารถ มันมีการ์ดที่คนเก่งให้ผมอยู่จำนวนหนึ่ง ที่ผมยังไม่ได้เอาไปเก็บไว้ในตู้ที่บ้าน ผมหยิบออกมาหลายใบ




"To...พี่เติมเต็ม

         วันนี้ฝนตกอีกแล้ว ไม่รู้ตอนนี้เป็นฤดูอะไรกันแน่ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

                          เทคแคร์ครับ
                               คนเก่ง
                          09/xx/20xx"






"To...พี่เติมเต็ม
          เมื่อวานผมเห็นท่าทางพี่เหนื่อยๆ ดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าครับ ผมเป็นห่วงพี่นะ
                           เทคแคร์ครับ
                                คนเก่ง
                           04/xx/20xx"





"To...พี่เติมเต็ม
            เจอพี่เติมเต็มที่บีทูเอสด้วย แต่เห็นพี่อยู่กับเพื่อนเยอะก็เลยไม่กล้าเข้าไปทัก
                           เทคแคร์ครับ
                                คนเก่ง
                           12/xx/20xx

ปล : ฟูจิบอกว่าขนมอันนี้อร่อยมาก ผมเลยอยากให้พี่ลองทานดู"






"To...พี่เติมเต็ม
         วันนี้ไม่ได้มีขนมอะไรมาให้นะครับ มีแค่ความคิดถึง (เลี่ยนเนอะ)
                              เทคแคร์ครับ
                                  คนเก่ง
                              20/xx/20xx"





ผมนั่งอ่านการ์ดหลายใบที่อยู่ในมือ ด้วยใจที่มันหน่วง ผมไม่รู้และไม่เคยรู้เลยว่า ที่ผ่านมาคนเก่งมันต้องเจอกับอะไรมาบ้าง


นอกจากพวกไอ้โจ้แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีคนอื่นที่ทำแบบนั้น กลั่นแกล้งมันแบบนั้นอีกมั้ย


คนเก่งไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟัง ยังยิ้มทุกครั้งที่เจอผม ยังมีการ์ดมาให้ผมถึงแม้ไม่ได้เอามาให้เอง


พอมาคิดย้อนถึงเมื่อก่อน มันไม่ใช่คนเก่งหรอกที่ไม่เคยเล่า แต่มันเป็นตัวผมเองที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้มันเข้ามา ผมเป็นคนที่ทำให้คนเก่งมันไม่กล้าเข้ามามากเกินไป


ถ้าพวกไอ้โจ้มันเหี้ย ผมก็อาจจะยิ่งกว่าพวกมัน เพราะสาเหตุมันมาจากตัวผม



"แม่งเอ้ย!!" ผมทุบกำปั้นลงไปที่พวงมาลัยรถด้วยความโมโห เมื่อนึกถึงคำพูดของพวกไอ้โจ้ที่บอกว่า



'พวกผมจับมันแก้ผ้า'





เสียงมือถือของผมดังขึ้น ไอ้ธรณ์ครับ

"อืม"

(กูเห็นรถมึงยังจอดอยู่)

"อืม กูอยู่ในรถ"

(โอเคมั้ยมึง)

"......"

(กูออกมาจากไอ้พวกนั้นแล้ว)

"อืม"

(มึง เรื่องที่พวกมันบอกว่าแก้ผ้า...)

"กูไม่อยากฟัง"

(พวกมันยังไม่ได้ทำอะไร)

"อะไรนะ"

(ครูที่สอนพละเข้ามาเจอก่อน มันบอกถอดได้แค่เสื้อ กำลังจะถอดกางเกง....)

"พอเถอะ กูไม่อยากฟังวะ"

(แล้วมึงจะไปไหนต่อ)

"กลับบ้าน"

(โอเคมึง ค่อยคุยกัน)

ผมวางสายจากไอ้ธรณ์ แล้วขับรถตรงกลับบ้านทันที




(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2019 05:30:44 โดย ninewara »

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
(ต่อค่ะ)


ผมเจอป๊ากับม๊านั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนังเล่น

"สวัสดีครับป๊า" ผมยกมือไหว้ป๊า

"ไหนม๊าบอกว่ากลับดึก"

"แค่ไปนั่งคุยกับพวกรุ่นน้องครับป๊า"

ผมนั่งคุยกับป๊าม๊าสักพักผมก็ขอตัวขึ้นห้อง แต่พอผมเดินมาถึงบันไดที่จะเดินขึ้นชั้นบน ผมก็เปลี่ยนใจ เดินกลับมาหาป๊ากับม๊าอีกครั้ง

"มีอะไรหรือเปล่า" ม๊าถามผม

"ผมมีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษาครับ"

ป๊ามองผมด้วยความแปลกใจเพราะปกติผมไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องมาปรึกษา

"ผมอยากปรึกษาเรื่องคนเก่งครับ" ม๊ารู้เรื่องคนเก่งอยู่แล้วแต่ผมไม่แน่ใจว่าป๊ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า

"ทำเอาม๊าแปลกใจเลยนะนี่ ที่มาปรึกษาเรื่องคนเก่ง ทำไมเหรอลูกเกิดอะไรขึ้น" ม๊าถาม

"ผมเพิ่งรู้ว่าเมื่อหลายปีก่อนคนเก่งโดนกลั่นแกล้งเพราะว่ามาชอบผม"

"กลั่นแกล้งยังไง" ป๊าเป็นคนถามครับ ถ้าให้ผมเดา ป๊าน่าจะรู้เรื่องคนเก่งแล้ว

"เอาสมุดการบ้านไปทำลายจนโดนครูทำโทษ โดนเอาน้ำสาดจนเปียกทั้งตัว และ ... อีกหลายอย่างครับ" ผมเว้นไม่พูดเรื่องที่โดนจับแก้ผ้า เพราะพอนึกขึ้นมาผมโคตรรู้สึกแย่

"ตายจริง ทำไมถึงได้ทำกันขนาดนี้" ม๊ามีสีหน้าตกใจมากๆ

"เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ แต่ผมอยากขอคำปรึกษาจากม๊า แล้วก็ป๊าก่อน"

"ว่ามา" ป๊าครับ

"ผมคิดว่าผมจะไปคุยกับคนเก่งครับ แต่ผมไม่รู้ว่าผมควรจะไปดีมั้ย ควรจะเริ่มพูดยังไงดี แล้วก็..."

"เติมเต็ม"

"ครับม๊า"

"ลูกชายคนนี้ของม๊าเป็นคนที่คิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"...."

"ม๊าคิดว่าเต็มมีคำตอบอยู่แล้วว่าตัวเองอยากจะทำอะไร แต่เต็มเพียงแค่ต้องการความมั่นใจเท่านั้นเองว่าสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำมันถูกต้องมั้ย"

"...."

"ม๊าไม่มีคำตอบให้ แต่หัวใจของเต็มจะให้คำตอบได้ดีที่สุด"

"ม๊าพูดเหมือนผมคิดอะไรกับน้องมันเลย" ผมรีบปฏิเสธ

ม๊ายิ้มออกมาแล้วบอกว่า

"เอาเป็นว่าขึ้นห้องไปอาบน้ำ ปล่อยให้หัวใจและสมองมันโล่ง หลังจากนั้นลองให้หัวใจมันคุยกับสมองดูว่าผลสรุปจะออกมาเป็นยังไง"

"อ่านมาจากนิยายเล่มไหนล่ะคุณ" เสียงป๊าครับ

"คุณนี่ ไม่ขัดได้มั้ย"

ผมมองป๊ากับม๊าหยอกล้อกันเหมือนคู่รักวัยรุ่นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้


 


ผมอาบน้ำเรียบร้อย หลังจากปล่อยให้สมองและหัวใจมันคุยกันแบบที่ม๊าแนะนำ ผมคงเป็นอย่างที่ม๊าพูดคือผมมีคำตอบอยู่แล้วว่าผมอยากทำอย่างไร แต่แค่ต้องการความมั่นใจ



ผมกำลังคิดว่าพรุ่งนี้ผมจะนัดเจอกับคนเก่ง แต่เพราะเห็นแจ้งเตือนในเฟสบุ๊ค


Konkeng Peimthaworn liked your posted


คนเก่งกดไลค์สเตตัสล่าสุดของผมที่โพสไปเมื่อประมาณช่วงสี่ทุ่ม

ผมเลยตัดสินใจว่าผมคงรอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้ ต้องคุยคืนนี้เลย






กลับมาสถานการณ์ปัจจุบัน


ผมนั่งลงข้างๆคนเก่ง หลังจากเปิดแอร์และล็อคประตูห้องให้เรียบร้อย ถึงแม้ดึกมากแล้วแต่ผมก็กลัวว่าจะมีคนเข้ามารบกวน

"พี่เต็มพูดได้เลยครับ ผมพร้อมแล้ว" คนเก่งพูดขึ้นมาโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม



"เหนื่อยมั้ยกับการชอบพี่"

ผมถามคำถามที่มันตรงใจกับผมมากที่สุดในตอนนี้

คนเก่งหันมาสบตากับผมและผมเห็นน้ำตาที่คลอของคนเก่ง ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีผม

พอเห็นคนเก่งเหมือนจะร้องไห้ผมก็รู้สึกไม่กล้าจะพูดต่อ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็อยากเคลียร์


"คนเก่ง" ผมเรียกเพื่อให้คนเก่งหันมามองผม แต่คนเก่งมันไม่หันมา

"คนเก่งครับ" ได้ผล คนเก่งมันหันมาทันที

"วันนี้พี่จะถือว่าเป็นวันที่เราจะเปิดใจคุยกัน ตกลงมั้ย" คนเก่งนิ่งคิดสักพักก็ตอบรับ

"โอเค งั้นตอบที่พี่ถามไปเมื่อกี้ก่อน เหนื่อยมั้ยกับการชอบพี่"

"ไม่ครับ ไม่เคยเหนื่อยเลย"

"ไม่เบื่อเหรอที่ทำแบบนี้มาตลอดตั้งหลายปี"

"ไม่ครับ ผมมีความสุขที่ได้ทำ"

"ที่ผ่านมาพี่เคยทำอะไรให้เรารู้สึกว่ามีความหวังหรือเปล่า"

ผมเห็นความหวาดหวั่นด้วยแววตาของคนเก่ง

"พี่อยากให้คิดดูดีว่าพี่เคยทำอะไรที่ทำให้เราคิดว่าพี่มีใจมั้ย"

ผมถามย้ำกับคนเก่ง

"ไม่มีครับ ไม่เคยเลย" คนเก่งตอบออกมาเสียงสั่นไหว

"ถึงแม้พี่ไม่มีท่าทีมีใจแต่เราก็ยังชอบพี่เหรอ"

"ครับ"

ผมมองคนเก่งที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าน้ำตากำลังจะไหล

"พี่เต็มครับ ผมขอถามอะไรพี่สักหน่อยได้มั้ย"

"ได้"

"พี่ต้องตอบผมตามความจริงนะ"

"ถามมา"

"พี่รำคาญผมมั้ย"


ผมเงียบเพื่อใช้เวลาคิดว่าผมเคยรู้สึกแบบนั้นมั้ย

"แรกๆมันก็มี แต่ถ้าถาม ณ เวลานี้คือไม่"

"....." คนเก่งเงียบ

"คำถามต่อมาล่ะ" ผมถาม

"ไม่มีแล้วครับ"

"แน่ใจ? ดูหน้าเราสิเครื่องหมายเควสชั่นมาร์กเต็มไปหมด"

"แค่นี้ก็พอครับ" ผมรู้ว่าคนเก่งอยากถามอะไรผมหลายอย่างแต่เหมือนน้องมันจะเลือกถามเป็นบางข้อ

"พี่เต็มมีเรื่องคุยกับผมแค่นี้เหรอครับ" คนเก่งถามผม

"วันนี้คุยแค่นี้"

"วันนี้? หมายถึงมีวันอื่นอีกเหรอครับ" คนเก่งทำหน้าแปลกใจ

"ประมาณนั้น"

"ทำไมไม่คุยวันนี้เลยล่ะครับ ไหนบอกจะเคลียร์ไง"

"ใจร้อนตลอด"

"...."

"ตอนแรกก็ตั้งใจจะคุยวันนี้ให้จบ แต่กลัวจะไม่ได้ความจริง" ผมพูดไปตามตรง

"ความจริงจากผมเหรอ ผมก็ตอบความจริงแล้วนะครับ" คนเก่งรีบพูด

ผมเห็นสีหน้าที่ไม่ดีนักของคนเก่ง ผมเลยเอามือไปลูบหัวมันเบาๆไม่อยากให้มันคิดมาก

"อย่าคิดมาก พี่ไม่ได้บอกว่าเราโกหก พี่ว่าเรายังมีเวลาที่จะคุยกันอีกเยอะ"

คนเก่งมองผมตาโต หน้ามันแดงและดูเขินอาย อืมมม...ผมมันนิ่มมากเลยครับ


และมันก็ดู...น่ารัก




เกือบตีสองที่ผมขับรถไปส่งคนเก่งที่บ้าน คืนนี้ผมยังไม่ได้คุยกับคนเก่งเรื่องพวกไอ้โจ้ เพราะระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่นั้น ผมมาคิดได้ว่าคนเก่งไม่มีทางที่จะบอกความจริงกับผมแน่ๆ

ผมก็เลยเปลี่ยนแผนใหม่




ผมหยิบมือถือเข้าไปที่แอพไลน์ ในกลุ่มไลน์มีข้อความแชทค้างอยู่ ผมกดเข้าไปดูก็เห็นว่าไอ้ธรณ์มันเล่าเรื่องที่พวกไอ้โจ้เคยทำกับคนเก่งไว้

พวกเพื่อนๆผมหัวร้อนกันมาก ไอ้ชินท์บอกว่าถ้ามันอยู่ด้วยมันจะต่อยพวกไอ้โจ้เรียงตัว ถึงจะไม่เคยรู้จักพวกไอ้โจ้ก็เถอะ

ผมพิมพ์ลงไปในกลุ่ม

teimtem : ธรณ์
teimtem : มึงบอกพวกไอ้โจ้
teimtem : พรุ่งนี้กูจะเลี้ยงเหล้า
teimtem : เจอกันที่ร้าน xxx
teimtem : ตอนสามทุ่ม


ข้อความของผมขึ้นว่าอ่านแล้วสาม แสดงว่าพวกมันยังไม่มีใครนอน มองดูเวลา ตีสองสี่สิบนาทีไอ้พวกมนุษย์ค้างคาว


chin_ : มันทำกับคนเก่งขนาดนั้น
chin_ : จะไปเลี้ยงเหล้าแม่งมันทำไม
thorn : +1 เห็นด้วยกับไอ้ชินท์
teimtem : ทำตามที่กูบอก
thorn : เต็มมึงคุยกับน้องยัง
teimtem : ยังไม่ได้คุยเรื่องไอ้โจ้
touchpol : รออะไรวะ
chin_ : เออ!!ไปรับน้องมันมาดึกๆดื่นๆแต่เสือกไม่พูดอะไร
thorn : ทำอย่างอื่นกันเปล่าวะ
touchpol : น้องนอนกับมึงป่ะ
chin_ : +1 รอฟัง
teimtem : วันไหนนอนจะบอก
teimtem : แต่วันนี้ยัง
teimtem : กูจะนอนแล้ว อย่าลืมนัดพวกไอ้โจ้


ผมออกจากแอพไลน์ วางมือถือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนหลับไป




ผมตื่นมาตอนเกือบแปดโมงเช้า หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมลงมาข้างล่าง เจอป๊าม๊าและติวเตอร์น้องชายคนเล็กของผม นั่งกันอยู่ตรงห้องนั่งเล่นเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกกัน

"จะไปไหนกันเหรอครับ" ผมถาม

"ป๊ากับม๊ามีนัดทานข้าวกับลูกค้า" ม๊าบอก

"แล้วเราล่ะ" ผมถามติวเตอร์

"รอดูว่าวันนี้จะมีเพื่อนชวนไปไหนใครชวนไปไหนไปหมด" ติวเตอร์บอก

"อยู่บ้านบ้างก็ได้มั้ง" ผมบอกติวเตอร์

"ติวไม่ได้อยากไปหรอก แต่ติวเปิดโอกาสให้พี่เต็มได้อยู่กับพี่สะใภ้สองต่อสองไงครับ เผื่อวันนี้พี่สะใภ้จะมาที่บ้านอีก"

หืม?? พี่สะใภ้
ใครวะ
พี่ขวัญ?
แฟนพี่ต่อน่ะเหรอ
แล้วเกี่ยวอะไรกับผม


"พี่สะใภ้ หมายถึงใครน้องติว" ม๊าถาม

"ก็เมื่อคืนติวเห็นพี่เต็มพาพี่สะใภ้มาที่บ้าน" ไอ้ติวมันเล่นผมแล้ว

"เต็มพาใครมาที่บ้าน บ้านเรามีกฎจำได้มั้ย ห้ามพาคู่ควง คู่ขา กิ๊ก มาค้างที่บ้าน" ม๊าดุผมทันที

"ม๊า ติวเตอร์มันก็พูดเกินไป ผมไม่ได้พาผู้หญิงเข้าบ้านครับ เมื่อคืนผมพาคนเก่งมาที่บ้านไม่ใช่ผู้หญิง"

"นั่นไง พี่สะใภ้"

"เมื่อคืนเต็มพาคนเก่งมาที่บ้านเหรอลูก" ม๊าถาม

"ครับ ผมไปรับน้องมาจากที่บ้าน"

"ผมเห็นพี่สะใภ้มาตอนตีหนึ่งครับม๊า มาถึงพี่เต็มก็พาเข้าห้องสตูดิโอเป็นชั่วโมงเลย"

"ไอ้ติว!"

"ม๊า พี่เต็มขึ้นไอ้กับติว" ติวเตอร์หันไปกอดและฟ้องม๊า

"อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ไหนเต็มเล่าให้ม๊าฟังสิ"

"ไม่มีอะไรครับม๊า ผมไปหาคนเก่งตั้งใจว่าจะไปคุยเรื่องที่ผมปรึกษาม๊าเมื่อคืน แต่มันดึกมากแล้ว ผมเลยพาน้องมาคุยที่นี่"

"คุยกันเรียบร้อยใช่มั้ย" ป๊าถาม

"ไม่เชิงครับ ผมเห็นมันดึกมากแล้ว ก็เลยไปส่งคนเก่งกลับบ้านก่อน วันนี้จะคุยกันอีกที ผมขออนุญาตป๊ากับม๊าล่วงหน้านะครับ คืนนี้น่าจะกลับดึกหน่อย"

ป๊ากับม๊ารับรู้และอนุญาต

"จะไปไหนกับพี่สะใภ้เหรอครับ"

"ไอ้ติวยังไม่หยุดอีก" ผมว่าให้มัน มันหัวเราะก่อนจะเดินไปข้างบน

ติวเตอร์มันรู้เรื่องคนเก่งจากม๊าครับ เพราะมันเคยเห็นคนเก่งเอาของมาห้อยที่รั้วบ้าน มันก็เลยถามม๊าครับม๊าก็เลยบอกมัน

แต่วันนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินมันเรียกคนเก่งว่าพี่สะใภ้

พี่สะใภ้อะไรล่ะ
แค่ "ว่าที่" เท่านั้นแหละ




เสียงมือถือของผมดังขึ้น

"ครับม๊า" ผมรับสายม๊าด้วยความแปลกใจเพราะม๊าเพิ่งออกจากบ้านไปไม่ถึงสิบนาที

"คนเก่งเพิ่งปั่นจักรยานเข้ามาในซอยบ้านเราเมื่อกี้นะเต็ม" ม๊าพูดเสร็จก็วางสายไป


ผมรีบเดินออกไปตรงรั้วบ้าน เปิดประตูรั้วและชะโงกออกไปมอง ยังไม่เห็นคนเก่ง ถ้าม๊าบอกว่าเห็นเมื่อกี้ อีกสักพักคนเก่งก็น่าจะมาถึงบ้านผม

ผมเดินออกไปดูอีกรอบ ก็ยังไม่เห็น ผมเลยตัดสินใจยืนรอที่หน้าบ้านเลย แต่ผมว่ามันนานเกินไปแล้ว คนเก่งคงไม่ได้มาหาผมล่ะมั้ง

ผมกำลังจะเดินเข้าบ้าน หางตาผมเห็นอะไรแว่บๆ ผมหันไปมอง


คนเก่งครับ


มันยืนอยู่หลังรถตู้ของบ้านที่ถัดไปสองสามหลัง คนเก่งมันยื่นหน้าออกมาจากหลังรถตู้ หน้าตามันดูตกใจ

สักพักมันปั่นจักรยานมาหาผมที่หน้าบ้าน คนเก่งยกมือไหว้ผม มันยิ้มแห้งๆและเอามือเกาที่ท้ายทอย เป็นท่าทางที่มันทำเวลามันอาย


ผมว่า ผมรู้นะว่ามันเป็นอะไร


"ไปหลบหลังรถเขาทำไม" ผมถาม

"ก็พี่เต็มยืนอยู่หน้าบ้าน"

"แล้วไง"

"ก็พี่มายืนทำไมล่ะ" มันทำเสียงดุผม

"อ้าว ความผิดพี่ซะงั้น" ผมหัวเราะให้มัน

มันหน้ามุ่ยแต่ไม่พูดอะไรต่อ มันยื่นถุงสีขาวลายดาวมาให้

"คราวหน้าถ้ามาไม่ต้องไปหลบแบบนั้น" ผมบอก

"ปกติก็ไม่ได้หลบ แต่วันนี้พี่เต็มยืนอยู่หน้าบ้าน" คนเก่งมันบอก

"....."

"ผมอาย"

คนเก่งมันหน้าแดงมากครับ ลามไปถึงคอถึงหู

"งั้นผมกลับแล้วนะ" คนเก่งขึ้นคร่อมรถจักรยาน

"ไม่เข้าบ้านก่อนเหรอ"

"ไม่ดีกว่าครับ ผมจะพาแม่กับป้าไปซื้อของที่ตลาดด้วย" คนเก่งบอก

"อืม โอเค"

"งั้นผมไปนะ" คนเก่งบอก ผมพยักหน้ารับแต่คนเก่งก็ยังไม่ไป

"...."

"พี่เต็มเข้าบ้านไปก่อนสิครับ" ผมหัวเราะคนเก่งก่อนจะเดินเข้าบ้าน

ผมมายืนอยู่ตรงข้างรั้ว พอคนเก่งมันปั่นจักรยานไป ผมเดินออกมาหน้าบ้านอีกรอบ

ผมรู้ตัวเลยว่ากำลังยิ้มและมองตามหลังคนเก่งจนลับสายตา


ผมเดินกลับเข้ามาในบ้าน วันนี้ของในถุงเป็นรถจักรยานคันเล็กๆที่ทำจากลวด สีเดียวกันกับรถจักรยานของคนเก่งเลยครับ มีกระดาษใบเล็กๆห้อยอยู่ที่แฮนด์รถจักรยาน 'ปั่นเพื่อเธอ' ผมหัวเราะออกมาเบาๆกับข้อความนั้น




"To...พี่เติมเต็ม

       ถ้าพี่ยังไม่มีใคร อย่าเพิ่งเบื่อหรือรำคาญผมเลยนะ
                             เทคแคร์ครับ
                                 คนเก่ง
                            16/xx/20xx"
                           



ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการ์ดใบแรกหรือเปล่า ที่คนเก่งบอกถึงความรู้สึกของตัวเอง

มันดูอ้อนวอนและร้องขอ

และผมไม่อยากให้คนเก่งต้องผิดหวัง







TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿




ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[

งุ้ยๆ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เอ็นดูน้องคนเก่ง ทำไมพวกโจ้ใจร้ายจัง พี่เต็มจัดการเลยค่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
รอดูพี่เต็มจะเอาคืนกลุ่มโจ้ให้น้องยังไง

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 8



ผมปั่นจักรยานออกมาจากบ้านพี่เติมเต็ม ผมไม่กล้าหันกลับไปมอง ปกติเวลาเอาของมาให้ที่บ้านทีไร ไม่เห็นจะเคยเจอ แต่วันนี้พี่เติมเต็มออกมายืนอยู่หน้าบ้านซะงั้น เหมือนมายืนรอใคร


เมื่อคืนพี่เติมเต็มขับรถมาส่งผมตอนตีสอง ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสมาที่บ้านพี่เติมเต็มแบบงงๆ


อันที่จริงน่าจะบอกผมตั้งแต่แรกว่าจะคุยกันที่บ้านพี่เขา เพราะบ้านผมกับบ้านพี่เติมเต็ม ห่างกันแค่สี่ห้าซอยเท่านัันเอง


แต่ว่าเมื่อคืนพี่เติมเต็มแวะทานบะหมี่ก่อนนี่เนอะ




เมื่อคืนตอนที่โดนถามว่าเหนื่อยมั้ย ใจผมมันแย่เลยล่ะครับ ในใจผมคิดไปแล้วว่า พี่เติมเต็มอยากจะสื่อว่าถ้าเหนื่อยก็ให้หยุดแบบนี้หรือเปล่า


ยิ่งคำถามต่อมาที่ว่า



'พี่ไม่มีใจแต่ก็ยังจะชอบเหรอ'



ผมยิ่งแบบ..

กลัวทุกคำพูดที่จะออกมาจากปากพี่เติมเต็มเลยครับ


แต่แล้วพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาที่มันจะสื่อว่าให้ผมหยุด ผมก็จะเข้าใจไปเองว่า .. ผมยังเดินหน้าต่อไปได้


แถมเมื่อคืนยังลูบหัวผมด้วย พี่เติมเต็มอ่อนโยนมากเลยครับ บอกผมว่าอย่าคิดมาก


โอ๊ยยยย..ใจผม


รักจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว





หลังจากที่เมื่อช่วงเช้า ผมเอาของไปให้พี่เติมเต็มเสร็จผมก็กลับมาช่วยป้าลงต้นไม้ใหม่ที่บ้านครับ

เมื่อเช้าตอนที่ตื่นลงมาเจอแม่กับป้า ท่านก็ถามถึงเรื่องเมื่อคืน ผมก็เล่าให้ท่านฟังคร่าวๆ ดูท่านจะเป็นกังวลกับผมมาก แต่ป้าก็บอกว่า


'พี่เขายังไม่ได้บอกให้เราหยุด เราต้องลุยต่อ'


ผมอดขำป้าไม่ได้ครับ สมกับเป็นป้าหลานกันเลย..ว่ามั้ย


"คนเก่งจะพาแม่กับป้าไปตลาดใช่มั้ยลูก" แม่เดินมาถามผมที่กำลังเอาต้นไม้ลงดิน

"ครับแม่"

"งั้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ได้แล้วสายมากแล้วลูก"

"เสร็จพอดีครับ เดี๋ยวเก่งรีบอาบน้ำ"

ผมไปล้างมือล้างเท้าหลังบ้าน แล้วรีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำบนห้อง ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเกือบยี่สิบนาที แล้วรีบลงมาข้างล่าง



"เสร็จแล้วครับ" ผมลงมาถึงข้างล่างก็ต้องชะงัก เพราะแม่กับป้าท่านไม่ได้อยู่กันแค่สองคน แต่มีใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะนั่งอยู่ในบ้านผมได้


...พี่เติมเต็ม...


"ลงมาพอดีเลย พี่เขามาหาแน่ะ" ป้าเป็นคนพูดครับ

พี่เติมเต็มยิ้มให้ผม ผมยกมือไหว้พี่เขาอย่างงงๆ

"พี่เต็มมีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมนั่งลงที่เก้าอี้เยื้องกับพี่เติมเต็ม

"งั้นคนเก่งนั่งคุยกับพี่เขาไปนะลูก เดี๋ยวแม่กับป้าไปกันเองได้"

"แต่เก่งอยากไปช่วย"

"ไม่ได้ซื้ออะไรเยอะหรอกลูก" ป้าเป็นคนบอก

"จะไปซื้อของที่ตลาดกันใช่มั้ยครับ" พี่เติมเต็มถามแม่กับป้า

"ใช่จ้ะ"

"ถ้าอย่างนั้นผมขอไปด้วยได้มั้ยครับ จะได้ช่วยถือของด้วย"

ผมเบิกตากว้างเลยครับ พี่เติมเต็มขอไปด้วยเหรอ จะไปช่วยถือของเนี่ยนะ

"ไม่ต้องๆ จะให้ลูกชายคุณวรรณฤดีมาเดินถือของให้ได้อย่างไรล่ะ" คุณป้ารีบปฏิเสธ

"ผมไม่ได้เป็นคุณชายขนาดนั้นครับ รับรองม๊าผมไม่ว่าอะไร" พี่เติมเต็มบอก

"ถึงอย่างนั้นก็คงไม่ได้หรอก อากาศร้อน คนเยอะด้วยลูก" แม่ผมแย้งพี่เติมเต็มครับ

"ให้ผมไปด้วยเถอะครับ มีผู้ชายตัวโตๆไปด้วยสักคนอุ่นใจนะครับ" พี่เติมเต็มยังยืนยันจะไปให้ได้

แล้วข้ออ้างแบบนี้ มันคืออะไร ป้าผมยังหลุดขำออกมา

"ยังมีผมนะ" ผมพูดบ้าง

"ตัวแค่เนี้ย" แล้วดูสายตาที่มองผมสิ

"เอาล่ะๆ ถึงแม้เหตุผลมันจะดูแปลกไปสักหน่อยแต่ไปด้วยกันก็ได้" ป้าผมเป็นคนตัดสินใจครับ

"ถ้าอย่างนั้นผมรบกวนขอกุญแจรถด้วยนะครับ"

"พี่เต็มจะขับเหรอ"

"ใช่"

"ผมจะขับเอง"

"อย่าเลยไม่ไว้ใจ"

"ไม่ไว้ใจอะไรล่ะ ผมขับรถเป็นตั้งแต่มอหนึ่งแล้ว"

ป้าดูเหมือนจะไม่สนใจผม ยื่นกุญแจรถกระบะให้พี่เติมเต็ม

"รถคันสีขาวนะลูก" ป้าบอก



ผมให้แม่กับป้าเดินไปขึ้นรถก่อน ส่วนผมรอปิดประตูบ้านและประตูรั้ว

พอไปถึงตลาด แม่กับป้าแยกกันเดินซื้อของครับ แม่บอกว่าวันนี้ซื้อของไม่เยอะเพราะวัตถุดิบยังมีอยู่ แต่มาซื้อของสดเล็กน้อย ปกติแม่จะซื้อของสดวันต่อวันอยู่แล้ว


แต่มีบางคนได้อวตารเป็นลูกเป็นหลานเรียบร้อยแล้วครับ แม่กับป้าตอนแรกก็ดูเหมือนเกรงใจแต่ตอนนี้ในมือพี่เติมเต็มหิ้วของเยอะเลยครับ


"พี่เต็มเอาของไปเก็บที่รถก่อนดีกว่าครับ" ผมบอกพี่เติมเต็ม ซึ่งพี่เขาก็เห็นด้วย


"เอาของไปเก็บแล้วก็ไปหาที่นั่งรอกันเลยนะลูก ไม่ต้องมาช่วยแล้ว แม่เดินไปเอาถุงที่สั่งไว้ก็เสร็จแล้ว"
ผมรับคำแม่แล้วก็พาพี่เติมเต็มเดินไปที่รถ


หลังจากเอาของไปเก็บที่รถเรียบร้อย ผมเห็นพี่เติมเต็มมีเหงื่อออกเยอะเลย คงร้อนน่าดู


"พี่เต็มครับ เดี๋ยวเราไปนั่งรอแม่กับป้าที่ร้านนั้นกันครับ เครื่องดื่มอร่อย ขนมเค้กสุดยอด" ผมพูดและชี้นิ้วไปที่ร้านขายกาแฟเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล


ผมเดินนำพี่เติมเต็มเข้าไปในร้าน มีลูกค้านั่งอยู่สองโต๊ะ ผมพาพี่เติมเต็มไปนั่งโต๊ะที่แอร์น่าจะลงเยอะที่สุด


พอพี่เติมเต็มนั่งลง ผมก็หยิบเอาใบเมนูที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาพัดให้พี่เติมเต็ม


"พี่เต็มเหงื่อออกเยอะมากเลย ร้อนมากมั้ยครับ ตรงนี้ผมว่าแอร์น่าจะแรงสุด เดี๋ยวก็คงเย็นแล้วครับ"


ผมพูดและพัดให้พี่เติมเต็มไปด้วย แล้วผมก็หยิบเมนูอีกใบขึ้นมาดู พยายามดูว่ามีอะไรที่พี่เติมเต็มชอบทานบ้าง


ปกติพี่เติมเต็มจะชอบดื่มน้ำผลไม้ครับ ส่วนขนมแทบจะไม่แตะเลย


"พี่เต็มดื่มอะไรดีครับ เอาชามะนาวมั้ย ที่นี่เขาไม่มีน้ำผลไม้" ผมถามพี่เติมเต็มแต่พี่เติมเต็มไม่ตอบ เอาแต่มองหน้าผม จนผมทำหน้าไม่ถูก


"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมเอามือมาลูบหน้าตัวเอง เผื่อมันมีเศษอะไรติดอยู่


"เปล่า ไม่ต้องพัดแล้วล่ะ ไม่ค่อยร้อนแล้ว" พี่เติมเต็มบอกแต่ยังมองหน้าผมอยู่ สายตาที่พี่เขามอง ทำให้ผมใจสั่น


"เดี๋ยวผมไปสั่งให้ เอาชามะนาวนะครับ" พี่เติมเต็มพยักหน้า


ผมสั่งเครื่องดื่มเสร็จก็กลับมานั่งรอเรียกคิวที่โต๊ะ พี่เติมเต็มนั่งเล่นมือถืออยู่ ผมก็เลยหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาแม่


"ฮัลโหลแม่ เก่งนั่งรออยู่ร้านเดิมนะ แม่ดื่มน้ำอะไรมั้ย"

(ไม่เอาจ้ะ)

"แล้วป้าล่ะครับ ป้าอยู่กับแม่มั้ย"

(ป้าก็บอกว่าไม่เอา)

"โอเคครับ"

(ดูแลพี่เขาด้วยล่ะ วันนี้ใช้แรงงานไปเยอะเลย)


ผมเงยหน้ามองพี่เติมเต็ม เห็นพี่เขากำลังมองผมอยู่


"แค่นี้นะครับแม่"


พอผมวางสายจากแม่ไป พนักงานก็เรียกคิวผมพอดี ผมรีบลุกไปเอาเครื่องดื่มเพราะกลัวพี่เติมเต็มจะรอนาน

"มาแล้วครับ" ผมวางแก้วชามะนาวไว้ตรงหน้าพี่เติมเต็ม ส่วนอีกแก้วเป็นชาเย็นของผม

"ชอบชาเย็นเหรอ" พี่เติมเต็มถาม

"จริงๆก็ดื่มได้หมดครับ แต่ไม่ดื่มกาแฟ แต่ชอบสุดๆก็ชาเย็น"

"แค่ตอบสั้นๆว่าชอบก็จบแล้วป่ะ"

ผมคิดทบทวน

เออ มันก็จริง

พี่เติมเต็มหัวเราะผม ผมก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้



วันนี้ผมรู้สึกโชคดีจัง มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดพี่เติมเต็ม แล้วก็ได้เห็นในมุมที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน





ตอนนี้ผมกลับมาที่บ้านเรียบร้อยแล้วครับ และพี่เติมเต็มก็ยังไม่กลับบ้านตัวเอง


"คุณแม่ครับ คุณป้าครับ ที่จริงวันนี้ที่ผมมาพบ ก็เพราะผมมีเรื่องอยากขออนุญาตครับ" เสียงพี่เติมเต็มครับ

"จ้ะ"

"คืนนี้ผมขออนุญาตพาคนเก่งไปทานข้าวนะครับ อาจจะกลับดึกมากสักหน่อยครับ"


แม่ ป้า และผม เรามองหน้ากันอัตโนมัติ ต่อมาแม่กับป้าส่งสายตาสงสัยมาให้ผม ผมก็อยากจะบอกว่าผมงงเหมือนกัน


เพราะพี่เติมเต็มไม่ได้บอกหรือไม่ได้นัดอะไรผมเลยครับ


"ไม่มีปัญหาจ้ะ" ป้าตอบรับพี่เติมเต็มครับ ส่วนผมงงมากกำลังจะเอ่ยถาม

"ห้ามปฏิเสธ" พี่เขาก็พูดขึ้นมาก่อน


ผมคิดในใจว่า ก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว


"ไม่ได้จะปฏิเสธครับ แค่สงสัยว่าจะพาผมไปทานข้าวทำไม"

"ก็เลี้ยงตอบแทนค่าชามะนาวไงล่ะ"

จะพาผมไปเลี้ยงข้าวเพราะชามะนาวแก้วละสี่สิบเนี่ยนะ


"เดี๋ยวทุ่มหนึ่งพี่มารับ" พี่เติมเต็มบอกแค่นั้นก่อนที่ขอตัวกลับบ้านไป



"ริน พี่กำลังงงแล้วล่ะ ว่าตอนนี้ใครกำลังจีบใคร" ป้าคุยกับแม่ครับ

"หรือว่าหลานชายพี่รุ้งกำลังจะสมหวัง"

"แม่กับป้าพูดอะไรกันครับเนี่ย" หลังจากนั้นผมก็ทำเป็นไม่สนใจว่าแม่กับป้าพูดแซวอะไรบ้าง


จีบอะไรกันล่ะ ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่

แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร
ผมว่า...
ผมได้ประโยชน์นะ




พี่เติมเต็มมารับผมตอนเกือบหนึ่งทุ่มครับ ผมเดินมาขึ้นรถของพี่เติมเต็มที่จอดรออยู่หน้าบ้าน พอผมเข้าไปนั่งในรถ ผมก็ได้กลิ่นน้ำหอมของพี่เติมเต็มลอยมาเข้าจมูก ปกติไม่ได้ใช้กลิ่นนี้นี่นา

"เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเหรอครับ"

"เปล่า เวลาไปเที่ยวจะใช้กลิ่นนี้"

"อ๋อ"

"จำกลิ่นได้ด้วย"

"ก็..มันรู้สึกกลิ่นไม่ค่อยคุ้น"

"แล้วชอบกลิ่นไหนมากกว่ากัน"

"พี่เต็มต้องถามตัวเองแล้วล่ะครับว่าชอบกลิ่นไหน"

"ถ้าถามพี่ พี่ก็ต้องชอบทั้งสองกลิ่นสิ ไม่งั้นจะใช้เหรอ ต้องถามคนที่ได้กลิ่นมากกว่า"

"ผมก็ชอบทั้งสองครับ"

แต่ผมว่ากลิ่นที่ใช้วันนี้ทำให้พี่เติมเต็มดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่มากครับ

วันนี้พี่เติมเต็มเซ็ทผมมาครับ และใส่ต่างหูมาด้วย เป็นลุคที่ค่อนข้างแปลกตาสำหรับผม



พี่เติมเต็มขับรถไม่นานก็มาถึงร้านอาหาร เป็นร้านสไตล์นั่งชิลครับ มีวงดนตรีมีนักร้อง

พอลงจากรถผมถึงได้เห็นว่าพี่เติมเต็มแต่งตัวอย่างไร

คืนนี้พี่เติมเต็มใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงินเข้ม พับแขนเสื้อขึ้นไปเหนือข้อศอก กระดุมสองสามเม็ดบนไม่ติด เผยให้เห็นช่วงคอและหน้าอก

ส่วนกางเกง พี่เติมเต็มใส่กางเกงยีนส์สีขาวทรงเดฟ ที่มันเข้ากับพี่เติมเต็มมากๆ รู้เลยครับว่าพี่เติมเต็มหุ่นดีมากแค่ไหน

จากที่หล่ออยู่แล้ว คืนนี้ยิ่งหล่อกว่าเดิมอีก พอก้มลงมองตัวเอง ผมใส่เสื้อยืดคอวีสีขาวและกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มมีรอยขาดที่หัวเข่า

ผมก็คิดว่าผมไม่ได้แย่นะ แต่พี่มันดูดีเกินไป

"ปะ เข้าไปในร้านกัน" พี่เติมเต็มชวนผม

พอเดินเข้าไป ผมถึงได้รู้ว่าพี่เติมเต็มจองโต๊ะไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนที่พนักงานพาเดินมาที่โต๊ะ ผมก็ยิ่งงงเพราะโต๊ะค่อนข้างใหญ่ ไม่ใช่สำหรับสองคนแน่

โต๊ะที่เรานั่งกันอยู่ เก้าอี้เป็นแบบโซฟาโดยมีโซฟาขนาดใหญ่สองตัวและมีโซฟาเดี่ยวอีกสองตัวครับ

พี่เติมเต็มให้ผมนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ด้านในและให้ผมนั่งข้างในสุด พอผมนั่งลงก็เห็นว่าผมนั่งหันหน้าไปทางวงดนตรีพอดีเลย ถือว่าได้ที่นั่งดีนะเนี่ย

พี่เติมเต็มนั่งลงข้างผมก่อนจะขอเมนูจากพนักงาน

"คนเก่งจะทานอะไร"

"พี่เต็มสั่งเลยครับ ผมทานได้หมด"

ผมได้ยินพี่เติมเต็มสั่งอาหารแต่ไม่ได้ฟังว่าสั่งอะไรบ้างเพราะผมสนใจบรรยากาศในร้านมากกว่า

"ไม่เคยมาใช่มั้ย"

"ครั้งแรกครับ"

"มิน่าล่ะ มองโน่นมองนี่ไม่หยุด"

"จะมีเพื่อนพี่เต็มมาทานด้วยเหรอครับ"

"อืม พวกไอ้ธรณ์น่ะ"

ผมพยักหน้ารับรู้ ใจหนึ่งก็เสียดายนึกว่าจะได้ทานกันสองคน แต่อีกใจหนึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะกลัวพี่เติมเต็มเบื่อ ผมก็ไม่ใช่คนที่คุยสนุกอะไรด้วยสิ มีเพื่อนพี่เติมเต็มมาด้วยจะได้ไม่เบื่อ




"เออ กูอยู่ที่ร้านแล้ว"

"พวกมึงมาสักสองทุ่มก็ได้ หรือยังไง"

"เดี๋ยวกูให้น้องกินข้าวก่อน"

"แค่นี้ เจอกัน"



ผมได้ยินพี่เติมเต็มคุยโทรศัพท์ ได้ยินพี่เขาแทนตัวผมว่า 'น้อง' ด้วย

ผมชอบจัง


ผมได้ยินเพลงที่นักร้อง ร้องอยู่บนเวที เพลงนี้ทำให้ผมนึกถึงเมื่อหลายปีก่อน




แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อใจ
หน้าตาร้ายๆอย่างฉัน
แม้ว่าเธอไม่คิดมองกัน
ก็โอกาสฉันสักหน่อย
แม้ว่าคนที่มาชอบเธอ
จะเสนอสักกี่มากน้อย
เปิดให้ฉันเข้าไปสักหน่อย
ในหัวใจเธอ

แม้เส้นทางของเราต่างกัน
แม้ว่าฝันของฉันมันติดดิน
แต่ก็พร้อมจะโบยบินไปสู่เธอ
แม้ว่าคนที่มองเข้ามาจะว่าบ้าว่าเพ้อ
ไม่ค่อยเจียมที่หมายปองเธอ
....ก็ไม่เป็นไร

            [เพลงแม้ว่า ของเสก โลโซ]


"ร้องเพลงได้ด้วย" ผมไม่รู้ตัวว่าผมเผลอร้องเพลงออกมา

ผมชั่งใจก่อนที่จะพูดออกมา

"พี่เต็มเคยเป็นมั้ย ที่เรากำลังเจอเรื่องบางอย่างไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี แล้วเพลงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาพอดี แล้วถ้าเมื่อไหร่ที่ได้ยินเพลงนั้นเราก็จะนึกถึงเรื่องที่เราเจอ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน"

"....." พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไร ผมก็เลยพูดต่อ

"อย่างเช่นเมื่อหลายปีก่อนฟูจิมันโดนยึดกุญแจรถเพราะมันยังไม่มีใบขับขี่ มันบอกว่าตอนที่พ่อมันยื่นมือขอกุญแจรถจากมัน ในทีวีก็มีเพลงเพลงหนึ่งดังขึ้นมา ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้มันได้ยินเพลงนั้นทีไร มันจะนึกถึงวันที่มันโดนพ่อยึดกุญแจรถ และมันก็เกลียดเพลงนั้นไปเลยครับ"


"กำลังจะบอกว่าเพลงที่ร้องเมื่อกี้ก็เป็นเพลงที่คนเก่งได้ยิน ตอนที่คนเก่งเจอเรื่องบางอย่าง"

"ใช่ครับ"

"ถ้างั้นเรื่องที่เราเจอมันก็ต้องเป็นเรื่องที่มีผลกับความรู้สึกมาก ไม่งั้นเราคงไม่จดจำแม้แต่เพลงที่ได้ยินในตอนนั้น ถูกมั้ย"

พอฟังพี่เติมเต็มพูด มันก็จริงครับ

"ก็น่าจะใช่นะครับ"

"ถ้าไม่มีผลกับเรื่องความรู้สึก พี่ว่าสมองคนเราก็ไม่น่าจะจดจำนะ"

พี่เติมเต็มพูด และถูกขัดจังหวะด้วยพนักงานที่นำอาหารมาเสิร์ฟ น่าทานทั้งนั้นเลย

"แล้วเพลงที่เราร้องเมื่อกี้ มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ดีหรือไม่ดี ถึงได้ยังจดจำ"


พี่เติมเต็มมองหน้าผมด้วยสายตาที่เหมือนต้องการคำตอบจริงๆ


"เหตุการณ์ตอนนั้นก็ไม่ค่อยดีครับ ตอนที่ผมกำลังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ เพลงนี้มันก็ดังขึ้นมาพอดี ช่วงนั้นก็แย่หน่อย แต่ใช้เวลาไม่นานผมก็โอเคครับที่ได้ยินเพลงนี้ คือนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้โดยไม่รู้สึกแย่อีกแล้ว"

ผมตอบด้วยความรู้สึกจริงๆ ผมชะงักเล็กน้อย พี่เติมเต็มใช้มือมาลูบหัวผมไปมา พร้อมส่งสายตาที่ผมว่ามันอ่อนโยนมากๆเลย


มือพี่เติมเต็มอุ่นจัง



"ทานข้าวเถอะ"

"ไม่ต้องรอเพื่อนพี่เต็มเหรอครับ"

"ทานก่อนเลย ไอ้พวกนั้นมันกะจะมาเมาอยู่แล้ว น่าจะมากันดึกๆ"


หลังจากนั้นผมกับพี่เติมเต็มก็นั่งทานข้าวกัน ทั้งๆที่เราไม่เคยมานั่งทานข้าวด้วยกันสองคนเลย แต่กลับไม่รู้สึกอึดอัดอะไร (ไม่รู้ว่าพี่เติมเต็มจะคิดเหมือนผมหรือเปล่านะ)

ผมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปนักร้องที่กำลังร้องเพลงอยู่ เป็นคลิปสั้นๆ แล้วโพสลงเฟซบุ๊กครับ



Konkeng Peimthaworn
       อาหารอร่อย นักร้องดี เพลงเพราะมาก



หลังจากโพสคลิปเรียบร้อยผมก็นั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ


สักพักผมก็กดเข้าไปดูเฟซบุ๊กของตัวเอง เห็นมีแจ้งเตือนว่ามีคนมาแสดงความคิดเห็นหลายคน



Callme Fuji : เอ๊ะ! ยังไงวะ
Orange Orange : งื้ออออ เสียงพี่เต็ม
Thorn Saharit : ก็ไม่รู้สินะ
Techin Prompattana : ไม่เแท็กก็เหมือนแท็ก
Touchpol Suppamongkol : @Teimtem Paisanworrakit เกลียดความเนียน


ผมงงว่ามันคืออะไร อ่านความคิดเห็นของส้มส้มอีกครั้ง ส้มส้มบอก  'เสียงพี่เต็ม'  งั้นเหรอ


ผมก็เลยกดคลิปที่ผมโพสว่ามันมีอะไรอย่างนั้นเหรอ


ผลคือ ...
นอกจากเสียงของนักร้องแล้ว มันยังมีอย่างอื่นที่เสียงดังมากกว่าเสียงนักร้องอีก


'เดี๋ยวพี่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก อย่าลุกไปไหนนะ ไม่นาน'


เสียงพี่เติมเต็มพูดกับผมชัดมากครับ

ตอนนั้นที่ผมยกมือถือขึ้นถ่ายนักร้อง พี่เติมเต็มมีสายเข้ามาพอดีและบอกผมตามที่ได้ยินในคลิปเลย แต่ผมไม่ได้คิดอะไรครับ

แต่ถ้าเปิดดูคลิปก่อนผมก็คงจะไม่โพส

ไม่รู้พี่เติมเต็มจะมองว่าผมเจตนาโพสหรือเปล่า

ผมเข้าไปดูเฟซบุ๊กของพี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มเองก็โพสสถานะเหมือนกันครับ ดูจากเวลาที่โพสแล้ว ใกล้เคียงกับเวลาที่ผมโพสคลิปเลย




Teimtem Paisanworrakit กำลังมีความสุข อยู่ที่ร้าน xxx

                  มันโอเคมาก





ผมกดไลค์สเตตัสของพี่เติมเต็ม ก่อนที่จะมีแจ้งเตือนที่สเตตัสของผม



Teimtem Paisanworrakit : @Touchpol Suppamongkol อย่าทำรู้มาก



พอผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นพี่เติมเต็มกับเพื่อนๆพี่เขาเดินเข้ามาในร้าน ผมเห็นมีผู้หญิงหลายคนมองตามกลุ่มพวกพี่เติมเต็มไม่วางตาเลย

ผมลุกขึ้นและยกมือสวัสดีเพื่อนๆพี่เติมเต็ม

"น้องคนเก่ง แต่งตัวน่ารักจัง" เสียงพี่ชินท์ครับ

"ผมเหรอ ไม่นะครับ" ผมมองดูเสื้อผ้าตัวเองอีกรอบ

"น่ารักสิ พี่ไม่เคยเห็นแต่งตัวแบบนี้มาก่อน น่ารักดี ปกติก็ขาวแต่งแบบนี้ยิ่งขาว" พี่ชินท์ยังชมผมต่อ

อดเขินไม่ได้เลยแหะ

"จะกินอะไรก็สั่ง" เสียงพี่เติมเต็มดังขึ้น

"จะพูดอะไรดูหน้าเพื่อนมึงด้วยไอ้ชินท์" เสียงพี่ทัตพลครับ

"ดูทำไมวะ ยังไม่ได้ชัดเจนกูก็พูดได้" พี่ชินท์พูดกับพี่ทัตพลแต่สายตาพี่ชินท์มองมาที่พี่เติมเต็ม

"อีกสักพักพวกมันมาถึง" พี่ธรณ์ที่ตั้งแต่เข้ามานั่งก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เอ่ยขึ้น เข้าใจว่าคงบอกพี่เติมเต็มเพราะพี่เติมเต็มพยักหน้ารับ


"เป็นอะไร" พี่เติมเต็มที่ตอนนี้ขยับมานั่งตัวติดกับผมมากขึ้นเพราะพี่ทัตพลมานั่งข้างพี่เติมเต็ม เอ่ยถามผม

"เปล่านี่ครับ"

"เปล่าอะไร เห็นจ้องเฟซบุ๊กมาสักพักแล้ว"

"อ๋อ ผมกำลังคิดว่าจะลบคลิปดีมั้ย"

"ลบทำไม"

"พี่เต็มไม่ได้เปิดดูเหรอครับ"

"เปล่า ไหนมีอะไร"

"ต้องเอามือถือแนบหูด้วยครับ เดี๋ยวไม่ได้ยิน"

ผมกำลังจะเอามือถือไปแนบหูพี่เติมเต็มแต่กลายเป็นว่าพี่เติมเต็มเอามือมาจับมือผมอีกที แล้วแนบหูตัวเองลงมา ตอนนี้หัวผมกับหัวพี่เติมเต็มก็เลยชนกันครับ

ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าครับ ทำตัวไม่ถูก พอคลิปจบพี่เติมเต็มก็ยังนั่งอยู่ท่านั้นอยู่ จนผมต้องสะกิดบอกว่าคลิปจบแล้ว

พี่เติมเต็มปล่อยมือจากผมและบอกว่า

"ไม่เห็นจะมีอะไรเลยลบทำไม"

"พี่เต็มไม่ได้ยินเสียงตัวเองเหรอครับ"

"ได้ยินสิ แล้ว?"

"ผมกลัวพี่เต็มจะว่าผมฉวยโอกาส เอาคลิปที่มีเสียงพี่ลง"

"คิดเยอะวะ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ถ้าพี่ไม่พูดอะไรนั่นคือมันโอเค"


พี่เติมเต็มเอามือมาลูบผมอีกแล้วครับ


ผมชอบเวลาแบบนี้จัง






"หวัดดีครับเฮีย"

ผมเงยหน้ามองผู้ชายสามสี่คนที่มายืนอยู่ที่โต๊ะ ผมจำหน้าสองในสี่คนได้แม่นเลย แต่เหมือนพวกเขาจะจำผมไม่ได้

สองคนนั้นนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงกันข้ามกับผม

"มึง .. มึงคือไอ้อ้วนห้องแปด" คนนี้ชื่อแน็คครับ

ทุกคนบนโต๊ะเงียบกันหมดเลย จนผมรู้สึกเกร็งไปหมด

คนที่ชื่อโจ้ ลุกขึ้นมาแล้วชะโงกหน้าเข้าใกล้ๆผม เหมือนอยากจะดูหน้าผมให้ชัด โจ้ยื่นหน้ามาใกล้จนผมต้องเอนตัวไปจนหลังติดกับพนักโซฟา

"ไอ้โจ้ ไปนั่งดีๆเลยมึง"

พี่เติมเต็มใช้มือผลักหน้าของโจ้ให้ออกห่างจากผม และบอกให้โจ้นั่งลง

"ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่วะไอ้อ้วน นี่มึงยังไม่เลิกตามตื้อเฮียเต็มอีกเหรอวะ" น้ำเสียงโจ้ดูจะไม่พอใจผมมากๆครับ

"ไอ้โจ้ มึงเงียบ" เสียงพี่เติมเต็มพูดครับ

"ไอ้โจ้ แต่ตอนนี้มันไม่อ้วนแล้วนี่หว่า" เพื่อนของโจ้ที่ผมจำชื่อไม่ได้พูดขึ้น

"พวกมึงทุกตัวเงียบ!" พี่เติมเต็มเสียงดังมากขึ้น

ผมไม่กล้ามองโจ้และเพื่อนๆของโจ้ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของผมตอนนี้มันคือความกลัวหรือเปล่า

แต่เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนทำให้ผมกลัว ถ้าวันนั้นคุณครูไม่มาเจอผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเป็นอย่างไร

"โจ้ มึงกับเพื่อนจะกินอะไรสั่งเลย" พี่ธรณ์บอกโจ้ครับ

"เห็นหน้าไอ้เหี้ยนี่แล้วกินไม่ลง" โจ้พูดพร้อมกับมองหน้าผมด้วยความไม่พอใจ

"คนเก่งมากับกู" พอพี่เติมเต็มพูด โจ้ก็เลยไม่พูดอะไรอีก

โจ้กับเพื่อนนั่งดื่มเหล้ากัน หันมามองผมบ้างแต่ผมพยายามไม่สนใจ พี่เติมเต็มก็นั่งดื่มเหล้าและคุยกับเพื่อน ถึงพี่เติมเต็มจะไม่ค่อยได้คุยกับผม แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรืออึดอัด



แต่ที่ทำให้ผมอึดอัดคือสายตาของโจ้ที่มองผมมากกว่า มันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ


"โอเคหรือเปล่า" พี่เติมเต็มหันมาถามผม

"ครับ"

"อึดอัดมั้ย"

"ไม่เป็นไรครับ"


ผมนั่งฟังเพลงเงียบๆไปสักพัก ผมเลยตัดสินใจที่จะถามเรื่องที่มันคาใจผม


"พี่เต็มครับ ผมอยากคุยอะไรกับพี่หน่อยได้มั้ย"

"ได้สิ"

พี่เติมเต็มหันมาหาผมเต็มตัว แถมเอาแขนมาพาดพนักพิงโซฟาด้านหลังผมอีก จนผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นของแขนพี่เติมเต็มที่สัมผัสกับต้นคอ

"ที่นี่เหรอครับ" พี่เติมเต็มพยักหน้า

"พี่เต็มชวนพวกโจ้มาเหรอครับ"

"ใช่ เมื่อวานเจอกันเลยชวนมากินเหล้า"

ผมแอบผิดหวังนิดๆนึกว่าพี่เติมเต็มอาจจะบอกว่า บังเอิญเจอ แต่ที่จริงคือนัดกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

ที่บอกว่าชวนผมมากินข้าวมันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยนะสิ เพราะพี่เติมเต็มเล่นชวนทุกคนแบบนี้

"ไม่ได้อยากชวนแต่ที่ชวนพวกไอ้โจ้มาก็เป็นเพราะเรา"


หืม? เพราะเราเหรอ


"พี่เพิ่งรู้ว่าเมื่อก่อนเราเคยโดนไอ้โจ้กับพวกทำอะไรบ้าง"


ผมตกใจที่พี่เติมเต็มพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ถ้าผมไม่เจอโจ้ ผมก็แทบจะลืมเรื่องพวกนั้นไปแล้ว


ผมมองไปที่ทุกคน ดูเหมือนตอนนี้ไม่ได้มีใครสนใจผมกับพี่เติมเต็ม หรืออาจจะทำเป็นไม่สนใจรึเปล่า


"พี่ขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกมันทำกับเราแบบนั้น เป็นความผิดของพี่เอง"



แต่ก่อนที่ผมจะได้คุยอะไรต่อ โจ้ที่เมื่อกี้ผมเห็นนั่งดื่มกับพวกพี่ธรณ์ก็กลับมานั่งอยู่ตรงหน้าผม


"ไอ้อ้วน!กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกยุ่งกับเฮียเต็ม" โจ้พูดเสียงดังครับ

"ไอ้เหี้ยโจ้มึงเสียงดังไปแล้ว" แน็คเพื่อนโจ้มาดึงโจ้ไว้

"เฮียทำไมเฮียต้องมากับมันด้วย ทำไมต้องนัดผมมา แล้วให้มาเจอกับมัน" โจ้ถามด้วยความไม่พอใจ

"ไอ้โจ้มันเมาแล้วครับเฮีย ตั้งแต่มันมามันก็เล่นเพียวหลายแก้วแล้วครับ" เพื่อนโจ้อีกคนพูด

"กูไม่เมา กูจะคุยกับเฮียให้รู้เรื่อง" โจ้หันมามองพี่เติมเต็ม ผมเห็นสายตาของโจ้ดูเศร้ามากเลยครับ

"ที่กูนัดมึงออกมา เพราะกูอยากให้มึงมาขอโทษและปรับความเข้าใจกับคนเก่ง กูพูดตรงๆเลยนะว่ากูรับไม่ได้ในทุกเรื่องที่มึงทำกับคนเก่ง" พี่เติมเต็มพูดกับโจ้ครับ แต่ทุกคนที่โต๊ะได้ยินกันครบ

"กูตั้งใจว่าจะให้มึงคุยกับคนเก่งดีๆแต่แม่งเสือกเมาก่อน" พี่เติมเต็มพูดออกมาอีก

"ทั้งๆที่เรื่องที่ผมทำ ผมทำเพื่อเฮียทั้งนั้น"

"มึงทำในเรื่องที่กูไม่เคยขอให้มึงทำ"

ผมจับแขนพี่เติมเต็มและลูบแขนพี่เขาไปด้วย ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกสงสารโจ้ที่โดนพี่เติมเต็มพูดแบบนี้ด้วย ผมอยากให้พี่เติมเต็มใจเย็นลงครับ


"เฮียเข้าข้างมัน"


โจ้พูดก่อนที่จะยกแก้วเหล้าแก้วหนึ่งที่วางอยู่ตรงหน้า ซึ่งน่าจะเป็นแก้วของพี่ธรณ์ขึ้นมาดื่ม

และพูดประโยคต่อมาที่ทำให้ทุกคนอึ้งกันไปทั้งโต๊ะ



"ทั้งๆที่ผมรักเฮียมาก่อนมัน แต่ทำไมเฮียไม่สนใจผมบ้าง ผมทำทุกทางเพื่อให้มันเลิกยุ่งกับเฮีย แต่เฮียบอกว่าเฮียรับในสิ่งที่ผมทำไม่ได้ ทั้งๆที่ผมรักเฮียมากขนาดนี้"



โจ้ทรุดลงที่โซฟาและร้องไห้อย่างหนัก


ผมหันไปมองพี่เติมเต็มที่นั่งเงียบ และมีสีหน้าที่ตกใจมาก


ผมว่าพี่เติมเต็มคงคิดไม่ถึง แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนแอบชอบ ผมเคยเห็นสายตาที่โจ้มองพี่เติมเต็ม ผมว่าเราใช้สายตาแบบเดียวกัน แต่ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างที่ผมสงสัยจริงๆ


ผมกับโจ้เราไม่ต่างกันเลย เพียงแค่ผมมีความกล้ามากกว่าที่จะบอกความรู้สึกของผมให้พี่เติมเต็มรับรู้


แต่โจ้อาจจะเพราะสนิทหรือใกล้ชิดกับพี่เติมเต็ม ก็เลยทำให้ไม่กล้าที่จะบอก


เพราะถ้ามันไม่เป็นไปตามที่คิด ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป ไม่สามารถที่จะกลับมาสนิทกันได้เช่นเดิม






TBC.

#เติมเต็มรัก
ninewara✿



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2019 05:33:25 โดย ninewara »

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คดีพลิกซะงั้น

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ไม่ได้คิดจุดนี้เลย
แต่คนเก่งกล้ากว่าคนที่ทำไรลับหลังเยอะ
คนไม่กล้าก็มีวิถีของตัวเอง

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 9



[เติมเต็ม part]




หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ไอ้โจ้มันพูด คำเดียวที่ดังให้หัวผมคือ 'เหี้ย'

แต่สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นต่อมาคือการที่คนเก่งลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงข้างไอ้โจ้

พร้อมกับกอดไหล่ไอ้โจ้คล้ายจะปลอบใจ

นาทีนั้นผมและเพื่อนอีกสามคนมองหน้ากันอย่างงงๆ อะไรคือการเดินไปปลอบคนที่เคยทำไม่ดีกับตัวเองวะ

ไอ้โจ้มันเงยหน้ามองคนเก่งทั้งน้ำตา

"มึง! ไอ้อ้วน! กูเกลียดมึง!" ไอ้โจ้ผลักคนเก่งออกแล้ววิ่งออกไปนอกร้าน



วุ่นวายชิบหาย



คนเก่งวิ่งตามไอ้โจ้ออกไปครับ

อะไรวะเนี่ย!!



"ไอ้เต็มมึงตามคนเก่งไปเร็ว เดี๋ยวทางนี้กูจัดการเอง" ไอ้ธรณ์มันเห็นว่าเพื่อนไอ้โจ้ก็วิ่งตามหลังคนเก่งไป มันเลยบอกให้ผมตามไปเพราะกลัวมีเรื่องกัน



ผมวิ่งตามคนเก่งมาถึงหน้าร้าน ไอ้โจ้มันยืนอยู่ข้างรถคันหนึ่งที่จอดอยู่ริมฟุตบาธ ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นรถของมันเพราะเห็นมันล้วงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง

คนเก่งพยายามเข้าไปประคองไอ้โจ้ที่ยืนแทบจะไม่ไหว

"ไอ้อ้วน กูว่ามึงอย่ามายุ่งกับมันดีกว่า" ไอ้แน็คดึงแขนคนเก่งออกมาจากไอ้โจ้

ผมเดินเข้าไปปัดมือไอ้แน็คที่จับแขนคนเก่งออก

"เฮีย ผมว่าเฮียพาไอ้อ้วนมันไปเถอะ" ไอ้แน็คมันบอกผม


ไอ้โจ้เงยหน้าขึ้นมามองผม สายตาที่มันใช้มองผมเปลี่ยนไป หรือมันอาจจะเปลี่ยนนานแล้วก็ได้แต่ผมไม่เคยสนใจ

"เฮียตามผมออกมาทำไม!" ไอ้โจ้มันตวาดใส่ผม มันมองไปทางคนเก่งที่ยืนอยู่ข้างมัน

"หึ ผมเข้าใจผิดสินะ เฮียตามไอ้เหี้ยนี้มาต่างหาก"

"มีงเมามากแล้วไอ้โจ้ พรุ่งนี้มึงสร่างเมาเราค่อยคุยกัน" ผมบอก

"ผมไม่มีอะไรจะคุยกับเฮีย"

"กูอยากคุยตอนที่มึงมีสติกว่านี้"

"ผมบอกเฮียแล้วไงว่า ผมไม่มีอะไรจะคุยกับเฮีย ไม่ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ผมก็ไม่คุย"


พูดเสร็จมันก็ยื่นกุญแจรถให้เพื่อนมัน ตัวมันก็เปิดประตูรถด้านข้างคนขับขึ้นไปนั่ง แต่มันยังไม่ได้ปิดประตูรถ ผมถอนหายใจแล้วมองไปที่คนเก่ง ผมชวนคนเก่งเดินเข้าไปในร้าน


แต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหน ผมก็ถูกผลักจนตัวผมลงไปนอนอยู่บนถนน


"เฮียแม่ง!!!" ไอ้โจ้มันเป็นคนผลักผมครับ



"พี่เต็ม!!!" สักพักมีเสียงของคนเก่งเรียกผมเสียงดังมาก แค่เสี้ยววินาทีคนเก่งมากอดตัวผมไว้ พร้อมกับเสียงเบรคของรถยนต์ที่ตามมา


ตอนนั้นเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ผมยังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น


"เป็นอะไรรึเปล่าน้อง" เสียงผู้ชายคนหนึ่งเรียกสติผม

"ไม่เป็นไรครับ" เสียงคนเก่งครับ

"ระวังกันหน่อย จะข้ามถนนจะอะไรก็ดูรถด้วย ถ้าโดนชนพี่เป็นคนผิดเลยนะน้อง"

"ครับ ผมขอโทษครับ" ผมเห็นคนเก่งยกมือไหว้ขอโทษ

"แล้วไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ต้องไปหาหมอหรือเปล่า" ผู้ชายคนนั้นถามคนเก่ง

"ไม่เป็นอะไรครับ ไม่ได้โดนอะไรครับ"

"ถ้าไม่มีอะไรงั้นพี่ไปนะน้อง"

"ครับ"

คนเก่งตอบผู้ชายคนนั้นก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะให้นามบัตรคนเก่งไว้ เผื่อเราสองคนบาดเจ็บตรงไหนก็ให้ติดต่อไป




"พี่เต็ม ลุกไหวมั้ยครับ" คนเก่งถามผมพร้อมทั้งประคองผมขึ้น แล้วพาผมเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าร้าน

"ไหว พี่ไม่ได้เป็นอะไร" ผมตอบไปตามจริงเพราะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย

"ตอนนี้มันอาจจะยังไม่รู้สึกเจ็บก็ได้นะครับ" คนเก่งพูดพร้อมทั้งปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าผม

ระหว่างนั้นผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนที่ผลักผมคือไอ้โจ้

ผมหันไปมองมันที่ยืนหน้าซีดอยู่ ก่อนจะเดินตรงไปกระชากคอเสื้อมัน

"มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึง!"

"ผมขอโทษเฮีย ผมไม่ได้ตั้งใจ" ไอ้โจ้มันยกมือไหว้ขอโทษผมตัวสั่น ดูเหมือนมันจะสร่างเมาแล้วตอนนี้



"เกิดอะไรขึ้นวะ" พวกไอ้ธรณ์มันวิ่งออกมา

ผมพยายามระงับสติอารมณ์ของผม เมื่อกี้ถ้ารถเบรคไม่ทันหรือรถขับมาแรงกว่านี้ คนที่จะเจ็บคนแรกคือคนเก่ง เพราะตอนที่ได้ยินเสียงเบรคผมหันไปมอง กันชนรถคันนั้นกำลังจะชนแผ่นหลังของคนเก่ง


"ถ้ามึงยังคิดว่ากูเป็นเฮียของมึงอยู่ พรุ่งนี้คุยกัน" ผมพูดพร้อมกับปล่อยคอเสื้อมัน

ไอ้โจ้มันไม่ได้พูดอะไรออกมา มันยืนก้มหน้าเงียบ

"เดี๋ยวพวกผมคุยกับมันให้นะเฮีย" ไอ้แน็คพูดกับผม

ผมพยักหน้าให้มัน ก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนผม



"เช็คบิลยังมึง" ผมถาม

"เรียบร้อย แล้วเกิดอะไรขึ้นวะ" ไอ้ชินท์ถาม

ผมหันไปมองทางไอ้โจ้ เห็นเพื่อนมันกำลังพามันขึ้นรถ ไม่นานก็พากันขับออกไป

ผมเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนผมฟัง

"แล้วคนเก่งเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ" ไอ้ชินท์ถาม พอไอ้ชินท์ถามผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นคนเก่งสักพักแล้ว ตั้งแต่ที่ช่วยผมขึ้นมาจากถนน

"คนเก่งไปไหนวะ" ผมพูดขึ้นพร้อมกับมองหา สักพักผมเห็นคนเก่งเดินออกมาจากร้าน


"ไปไหนมา" ผมถาม

"ไปห้องน้ำครับ" คนเก่งบอก ผมพยักหน้ารับรู้

"แล้วโจ้ละครับ" คนเก่งถาม

"มันกลับแล้ว พรุ่งนี้จะนัดคุยกับมันอีกที" ผมบอก

คนเก่งพยักหน้ารับรู้


"แล้วพวกเรายังไง แยกย้ายหรือไปนั่งร้านอื่น" ไอ้ทัตพลถาม ผมมองดูนาฬิกาตอนนี้ประมาณห้าทุ่ม

"กูว่าแยกย้ายดีกว่า เพราะไอ้เต็มควรจะพาคนเก่งไปทำแผล" ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมองคนเก่งทันที

"วันพรุ่งนี้คุยกัน" ไอ้ธรณ์บอกและชวนไอ้ทัตพลไอ้ชินท์ให้เดินไปด้วยกัน



"เจ็บตรงไหน" ผมถามคนเก่งด้วยความร้อนใจ แล้วจับตัวคนเก่งหมุนไปมา

"ทำไมไม่บอก" ผมเห็นแผลถลอกที่แขนข้างขวาลากยาวจากข้อศอกลงมา

"ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ เมื่อกี้ผมไปล้างด้วยน้ำสะอาดมาแล้ว"

"แล้วเจ็บตรงไหนอีก"

"ไม่มีแล้วครับ"

ผมมองสำรวจร่างกายของคนเก่งคร่าวๆก็ดูไม่น่าจะมีอะไร

ผมตัดสินใจพาคนเก่งมาทำแผลที่บ้านผม เพราะคนเก่งยืนยันที่จะไม่ไปโรงพยาบาล บอกว่าแผลแค่นี้ทำเองก็ได้ แต่กว่าจะพาตัวมาบ้านได้ก็ยากเหมือนกัน โคตรดื้อ


ผมคิดว่าคืนนี้น่าจะไม่มีใครอยู่บ้าน ติวเตอร์ปกติคืนวันเสาร์มันมักจะไปนอนบ้านเพื่อน ส่วนป๊ากับม๊าก็น่าจะไปงานเลี้ยง

แต่คืนนี้ผมคาดการณ์ผิด ทันทีที่จอดรถ ผมเห็นรถป๊ากับม๊าจอดอยู่ ภาวนาขอให้พวกท่านขึ้นห้องนอนไปแล้วทีเถอะ

แต่พอผมพาคนเก่งเดินเข้าบ้านมาเท่านั้นแหละ


"อ้าว พี่สะใภ้" เจอน้องชายผมด่านแรกเลยครับ

ผมเห็นคนเก่งทำหน้าเหวอๆ

"ลืมหวัดดีเลย หวัดดีครับ" ติวเตอร์มันยกมือไหว้คนเก่ง คนเก่งก็ยกมือรับไหว้

"เฮ้ย! พี่สะใภ้เป็นอะไร" ติวเตอร์มันคงเห็นแผลบนแขนคนเก่ง

"ไอ้ติว มึงเบาๆหน่อยได้มั้ย แล้วพี่สะใภ้อะไรของมึง" ผมว่ามัน ก่อนที่ผมจะจับแขนคนเก่งมาดูแผล

ตอนอยู่ที่หน้าร้านแสงน้อย ค่อนข้างมืดผมเลยยังเห็นแผลไม่ชัด แต่พอมาเจอไฟสว่างแบบนี้ แผลค่อนข้างเยอะเหมือนกันเป็นทางยาว เลือดกำลังซึมเลย น่าจะแสบพอสมควร

ผมกำลังจะบอกให้น้องชายผมอย่าเสียงดังเพราะกลัวป๊ากับม๊าจะได้ยิน แต่มันคงไม่ทัน



"ม๊าครับ พี่สะใภ้เป็นอะไรก็ไม่รู้ครับ" ติวเตอร์มันวิ่งไปที่ห้องสตูดิโอ แสดงว่าป๊ากับม๊าผมยังไม่ขึ้นไปนอน

"เฮ้อออออ..." ผมถอนหายใจยาวออกมาก

"พี่เต็มครับ ผมว่าผมกลับบ้านดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้พี่เต็มมีปัญหา"

คนเก่งมันบอก สีหน้ากังวลใจ

"มันไม่ใช่ปัญหาในเรื่องที่เรากำลังคิดอยู่หรอก ไม่ต้องห่วง" ผมบอกก่อนจะพาคนเก่งเดินมาห้องนั่งเล่น



ยังไม่ทันได้นั่งลง เสียงม๊าผมก็ดังตามหลังมา

"เกิดอะไรขึ้นหะ เต็ม" คนเก่งจากที่กำลังจะนั่งลง เลยรีบยืนขึ้น

"สวัสดีครับคุณป้า" คนเก่งยกมือไหว้ม๊า และ..นั่นแหละม๊ามองเห็นแผลของคนเก่ง

"หืม ทำไมหนูมีแผลล่ะลูก ไหนมาให้ม๊าดูสิ" ม๊าผมรีบเดินมาหาคนเก่งและให้คนเก่งนั่งลง

"อุบัติเหตุนิดหน่อยครับไม่ได้เป็นอะไรมาก" คนเก่งบอก และมีสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่

"นิดหน่อยอะไรลูก มันจะเป็นแผลเป็นหรือเปล่า" ม๊าผมพลิกแขนคนเก่งไปมา

"ม๊า ปล่อยน้องก่อน ผมจะทำแผลให้น้อง" ผมบอกม๊า

"ติวเตอร์ ไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาเร็วๆ" ม๊าผมหันไปสั่งติวเตอร์


"ไหนเล่าให้ม๊าฟังว่าเกิดอะไรขึ้น" ม๊าถามผม

"ผมจะโดนรถชนแล้วคนเก่งมาช่วยผม ตัวเองก็เลยเจ็บตัวครับ" ผมเล่าให้ม๊าฟังแค่ส่วนหนึ่ง

"ตายแล้ว แล้วเต็มไปทำยังไงถึงจะได้โดนรถชน แล้วหนูโดนรถชนหรือเปล่า" ม๊าลูบหัว ลูบไหล่คนเก่งด้วยความเป็นห่วงครับ

"ไม่โดนครับ" คนเก่งตอบ


"ได้แล้วครับม๊า" ติวเตอร์ถือกล่องปฐมพยาบาลเดินเข้ามา

ผมเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาจากติวเตอร์

"ผมทำเองครับม๊า" ผมรีบบอก เพราะดูท่าทางแล้วม๊าอาจจะเป็นคนที่ทำแผลให้คนเก่งเอง

"ผมทำเองได้ครับ" คนเก่งแย้งขึ้นมา

"ให้พี่เขาทำให้นั่นแหละ เพราะเขาทำให้เราต้องเจ็บตัว อีกอย่างม๊าว่าหนูน่าจะทำไม่ค่อยถนัดด้วยลูก"

"ก็ได้ครับ" พอม๊าบอก คนเก่งก็เลิกดื้อครับ



ผมขยับไปนั่งข้างคนเก่งหลังจากที่ม๊าย้ายไปนั่งเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง ผมมองม๊ากับน้องชายผมที่มองคนเก่งอยู่ตลอด คนเก่งมีท่าทางที่ดูจะอึดอัดพอสมควร

"ม๊ากับติวมานั่งจ้องแบบนี้ คนเก่งก็ทำตัวไม่ถูกกันพอดี" ผมบอก

"ไม่ใช่นะครับ" คนเก่งปฏิเสธ

"เห็นมั้ยว่าน้องไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย เอาเถอะเดี๋ยวม๊าจะไปหาอะไรอุ่นๆมาให้ดื่มนะ" ม๊าพูดเสร็จก็เดินออกไป

ผมใช้สายตามองติวเตอร์ประมาณว่า 'ออกไปได้แล้ว'

ติวเตอร์มันยักไหล่ เหมือนไม่สนใจ

"ตั๋วหนังสองใบ" ผมบอกมัน

"ผมไปดูหนังต่อดีกว่า" มันพูดเสร็จก็เดินออกไป


คนเก่งมองผมงงๆแต่ไม่ได้ถามอะไร


"ไหนดูสิ ... เป็นเยอะเหมือนกัน" ผมทำความสะอาดแผลและทายาให้คนเก่ง ผมว่ามันคงจะแสบแผลพอสมควรเพราะมันทำหน้าเหมือนเจ็บแผลตลอด

"เอาละ เรียบร้อย" ผมบอกหลังจากทำแผลเสร็จ คนเก่งยกมือไหว้ผม

"ไม่ต้องไหว้ทุกครั้งก็ได้"

"ต้องไหว้สิครับ ก็พี่เต็มทำแผลให้ผมและพี่เต็มอายุมากกว่าด้วย"

ผมมองดูแผลอีกครั้ง ไม่น่าจะมีอะไรอีก แต่ก็อย่างที่ม๊าบอก สุดท้ายมันจะกลายเป็นแผลเป็นหรือเปล่า

ผมไม่อยากให้มันเป็นแผลเป็นเลย เพราะผิวคนเก่งมันขาวมาก ผิมนุ่มและลื่นมากด้วยครับ


เอาล่ะ!! ไอ้เต็มมึงกำลังจะไม่มีสติ



"ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะครับ" คนเก่งพูดขึ้น

ผมให้คนเก่งไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องสตูดิโอเพราะกลัวว่าถ้าเดินไปด้านหลังบ้านจะไปเจอม๊าที่บอกว่าจะไปในครัว



"พี่เต็มๆ" เสียงติวเตอร์ครับ

"เสียงดังอะไรวะ"

"พี่สะใภ้นะสิ เมื่อกี้ผมไปเจอพี่สะใภ้ในห้องน้ำ"

หืม?! เจอในห้องน้ำ

ผมกำลังจะถามต่อแต่มันพูดขึ้นมาอีก

"พี่สะใภ้ไม่ได้ล็อคประตู ผมเปิดประตูเข้าไป เห็นพี่สะใภ้ยืนหันหลังแล้วดึงเสื้อขึ้นมา ผมเห็นมีรอยช้ำที่หลังของพี่สะใภ้ด้วยนะ ถึงจะแค่แว่บเดียวแต่ผมมั่นใจ"



ผมรีบเดินไปที่ห้องน้ำที่คนเก่งอยู่ แต่คนเก่งเดินออกมาจากห้องน้ำก่อน คนเก่งทำหน้าแปลกใจ

"เมื่อกี้ติวเตอร์มันเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ"

"ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมผิดเองที่ลืมล็อคประตู คือแค่เข้าไปล้างมือเท่านั้นเอง"


ผมพาคนเก่งเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น เจอม๊านั่งอยู่กับติวเตอร์ เดาว่าติวเตอร์น่าจะพูดกับม๊าแล้ว

"ม๊าชงโกโก้ร้อนมาให้ ดื่มสักหน่อยนะ"

"ขอบคุณครับ"

ม๊าคงรู้ว่าผมอยากคุยแบบส่วนตัวกับคนเก่ง

"งั้นม๊าขอตัวขึ้นไปนอนก่อนนะ"

"ครับ ขอบคุณมากนะครับ" คนเก่งตอบ

"เต็มดูแลน้องดีๆล่ะ"

"ครับม๊า"

"ไปติวเตอร์ขึ้นข้างบน"

"ม๊า แต่ผมยังไม่อยากขึ้น" ติวเตอร์โวยวาย

"พรุ่งนี้ม๊าจะไปกินอาหารญี่ปุ่น"

"จะว่าไปผมก็เริ่มง่วงแล้วล่ะ สวัสดีครับพี่สะ.... พี่คนเก่ง" ผมส่งสายตาให้น้องชายก่อนที่มันจะพูดออกมา

เรียกกันเองที่บ้านก็พอจะเข้าใจได้ เพราะมันเรียกมานานมันคงจะติดปาก แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนเก่งจะมาเรียกแบบนี้มันคงไม่ค่อยดีมั้งผมว่า

คนเก่งยกมือไหว้ม๊า และหันมารับไหว้ติวเตอร์ หลังจากทั้งคู่เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป คนเก่งก็หยิบแก้วโกโก้ขึ้นมาดื่ม


"ดื่มเสร็จก็กลับเลยนะ จะได้พักผ่อน ต้องทานยาแก้ปวดด้วย" ผมบอก

"ครับ" คนเก่งตอบรับ

ผมเดินไปหยิบขวดยาพาราเซตามอล และหลอดยาทาแก้ฟกช้ำส่งให้คนเก่ง

"แค่พาราก็พอครับ"

ผมถือวิสาสะดึงชายเสื้อยืดของคนเก่งขึ้น คนเก่งมันไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยห้ามผมไม่ทัน

"พี่เต็มทำอะไรครับ!"คนเก่งโวยเสียงดังแล้วรีบดึงเสื้อลง แต่ผมไม่ยอม หน้ามันแดงแจ๋เลยครับ

"เรานั่นแหละทำอะไร เจ็บตรงไหนทำไมไม่บอก" ผมดุครับ

คนเก่งเงียบไม่ตอบหน้าเสียไปเลย คงตกใจที่ผมดุ

ผมเอามือลูบผมคนเก่งเบาๆอย่างอ่อนโยน อ่อนโยนในแบบที่ผมยังตกใจตัวเอง

"พี่ขอโทษที่เสียงดังแต่เราเจ็บตัวเพราะพี่ มีอะไรก็ต้องพูด"

คนเก่งพยักหน้ารับแต่ยังไม่พูดอะไรออกมา

"ไหนดูสิ" ผมขยับตัวออกห่างเล็กน้อยเพื่อจะมองรอยช้ำให้ชัดเจน

ผมเห็นรอยฟกช้ำบริเวณด้านข้างลำตัวและดูเหมือนรอยช้ำจะลงไปถึงบริเวณสะโพก ผมกำลังจะดึงขอบกางเกงยีนส์คนเก่งลงเพราะอยากรู้ว่ารอยช้ำมันมากแค่ไหน แต่คนเก่งจับข้อมือผมไว้ก่อน

"พี่เต็ม!"

"อะไร พี่ก็จะดูไงว่ามันช้ำมากแค่ไหน"

"ไม่ต้องครับ"

"อายอะไร ผู้ชายเหมือนกัน"

"มันไม่เหมือนกันสักหน่อย" คนเก่งแย้งเสียงเบาๆ



อืม...โอเค ผมพอจะเข้าใจแล้วครับ ผู้ชายเหมือนกันแต่ที่ไม่เหมือนกันคงเพราะคนเก่งมันชอบผม มันก็คงจะอาย


"มาพี่ทายาแก้ฟกช้ำให้" ผมบอก

"ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมกลับไปทาที่บ้าน"

"ก็เดี๋ยวพี่ทาให้ก่อน"

หลังจากยื้อกันไปมา ผมก็ไม่ได้ทายาให้คนเก่งหรอกครับ เพราะดูแล้วมันน่าจะอายมากจริงๆแค่จะแกล้งมันแค่นั้นเอง

แกล้งมันก็สนุกดีเหมือนกันครับ มันหน้าแดง มันเขิน เหมือนอยากจะด่าผมแต่ก็ด่าไม่ได้ เพราะผมเป็นคนที่มันชอบ (คือผมคิดเอาเองอะนะว่ามันไม่กล้าด่าผมเพราะมันชอบผม)


.
.
.




"ม๊าบอกให้นอนที่บ้านก็ไม่ยอม" ผมบ่นให้คนเก่ง ระหว่างที่ขับรถไปส่งคนเก่งที่บ้าน เพราะม๊าเดินลงมาและบอกให้คืนนี้คนเก่งนอนที่บ้านเลยก็ได้เพราะดึกแล้ว

แต่คนเก่งมันดื้อครับ พอผมขู่บอกว่าจะไม่ขับรถมาส่ง มันก็บอกว่ามันเดินกลับเองก็ได้ บ้านอยู่แค่นี้เอง ผมกลัวว่ามันจะทำจริง ก็เลยต้องยอมขับรถมาส่ง


ไม่รู้ว่าบ้านอยู่ใกล้กันมันดีมั้ย


"เกรงใจคนที่บ้านพี่เต็มครับ อีกอย่างบ้านไม่ได้ไกลมากด้วย"

"แต่ถ้าเดินอย่างที่เราว่ามันก็พอสมควร"

"แต่ก็ไม่ได้ไกลถึงขนาดที่เดินไม่ได้"

"โอเคๆ เพิ่งรู้ว่าเถียงเก่ง"

"แค่อธิบายครับ"

"ครับๆ"



ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงบ้านคนเก่งครับ

"พรุ่งนี้ถ้าพี่เต็มนัดคุยกับโจ้ ผมขอไปด้วยได้มั้ยครับ"

"พี่ก็ตั้งใจจะพาไปด้วยอยู่แล้ว"

"ครับ"

"อยากให้ไอ้โจ้กับเพื่อนมันขอโทษเรา"

"ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เต็มมันผ่านมานานแล้ว ผมไม่ได้คิดอะไรแล้ว"

"ไม่ได้ เรื่องมันเกิดจากพี่ ถ้าไม่ทำอะไรเลยพี่ไม่สบายใจ"

"ว่าแต่วันจันทร์เราเรียนกี่โมง"

"สิบเอ็ดโมงครับ"

"พรุ่งนี้ที่ฟกช้ำต้องระบมแน่"

"เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะรีบกินยาและทายาเลยครับ"

"อย่าทำให้เป็นห่วง" ผมบอกและใช้มือลูบผมคนเก่ง ผมเดาว่าคนเก่งน่าจะชอบให้ผมทำแบบนี้ด้วย เพราะแววตามันดูมีความสุข

"เข้าบ้านได้แล้ว" ผมบอก

"เจอกันพรุ่งนี้นะครับ" คนเก่งชะงักหลังจากพูดเสร็จ

"หืม?"

คนเก่งเงียบสักพักก่อนจะพูดออกมา

"คือผมเคยคิดเอาไว้ว่าถ้ามีโอกาสได้พูดกับพี่แบบนี้บ้างก็คงดี แต่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พูดจริงๆ"


ผมยื่นมือไปขยี้ผมคนเก่งเบาๆ

"ต่อไปรับรองจะได้พูดบ่อยๆ"

"......"

"และจะได้ยินบ่อยๆด้วย"

"......"

"เจอกันพรุ่งนี้ครับ"





ผมว่า...
การให้กำลังใจเด็กดีเล็กๆน้อยๆ
มันคงไม่เป็นไร
และมันเป็นเรื่องที่ผมควรทำ...มาตั้งนานแล้ว










TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

คนเก่งมีน้ำใจจริงๆ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
พี่เต็มเริ่มรักคนเก่งหรือยัง น้องยอมเจ็บตัวแทนเลยนะ

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 10



[เติมเต็ม part]





เช้าวันต่อมาไอ้โจ้ไลน์มาบอกผมว่าขอนัดเจอผมตอนเที่ยง ผมตอบตกลงกลับไป และบอกมันไปว่าผมจะพาคนเก่งไปด้วย ซึ่งมันก็ตอบรับ หลังจากนั้นผมก็ไลน์บอกคนเก่งเรื่องที่ไอ้โจ้นัด


เหตุการณ์เมื่อคืนที่คนเก่งช่วยผม ผมอาจจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ผมรู้สึก ..

ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกอย่างไรดี มันมากกว่าความประทับใจ

วันก่อนที่คนเก่งพาผมเข้าไปนั่งพักเหนื่อยในร้านกาแฟ แล้วคนเก่งก็คอยดูแลผมด้วยการนั่งพัดให้ผม คงเพราะเห็นผมมีเหงื่อออกเยอะ แถมยังคอยเทคแคร์สั่งเครื่องดื่มที่คิดว่าผมน่าจะทานได้

ผมไม่ได้เรื่องมากเรื่องเครื่องดื่ม เพียงแค่ผมชอบดื่มน้ำผลไม้มากกว่าพวกชากาแฟ แต่ไม่ใช่ว่าดื่มไม่ได้

และผมไม่ได้เป็นคุณชายขนาดที่ทนร้อนทนแดดหรือทนเหนื่อยไม่ได้ แต่คนเก่งมันคงคิดไปเองว่าผมไม่โอเค มันคงลืมไปว่าผมน่ะเรียนวิศวะ




ถ้าผมจะมีใจให้คนเก่งละก็

คนเก่งมันคงจะชนะใจผมด้วยความใส่ใจและความสม่ำเสมอนี่แหละครับ


เมื่อเช้าผมตื่นมาด้วยการที่ม๊าเข้าไปปลูกผมที่ห้องตั้งแต่เช้าเพราะอยากคุยเรื่องเมื่อคืน


ถ้าคุณคิดว่าม๊าผมชื่นชอบคนเก่ง คุณคิด.....

ถูกแล้วครับ

จากเดิมที่ม๊าผมชื่นชมคนเก่งอยู่แล้ว ม๊ายิ่งอาการหนักกว่าเดิม

ส่วนสาเหตุที่ทำไมม๊าถึงได้ชมชอบคนเก่งเอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ



ตอนสิบโมงกว่าผมเข้ามารับคนเก่งที่บ้าน เจอคุณแม่และคุณป้าของคนเก่งอยู่ที่ศาลาหลังเล็กที่อยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน


"สวัสดีครับคุณน้า" ท่านทั้งสองยิ้มทักทายและพูดคุยกับผมอย่างดีเช่นเคย

"เดี๋ยวคนเก่งลงมาจ้ะ ทานอะไรมาหรือยัง" คุณป้าของคนเก่งเอ่ยถามผม

"มื้อเช้าเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวมื้อเที่ยงคงต้องอนุญาตพาคนเก่งไปทานข้างนอก"

"จ้ะ ตามสบายเลย แล้วกลับหอกันวันไหน"

"เดี๋ยวผมต้องถามคนเก่งก่อนครับ เพราะตั้งใจว่าจะพาน้องกลับไปด้วยกัน"

ผมไม่แน่ใจว่าคนเก่งได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คนที่บ้านฟังหรือเปล่า แต่ผมคาดเดาจากความสนิทสนม คนเก่งน่าจะเล่าให้ฟังแล้ว

"ผมต้องขอโทษคุณน้าทั้งสองด้วยนะครับ ที่เมื่อคืนผมทำให้คนเก่งเจ็บตัว" ผมยกมือไหว้ขอโทษพร้อมกับพูดออกมา

"ทั้งคู่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก"

"ผมเกรงว่าคุณน้าทั้งสองจะมองว่าผมดูแลน้องได้ไม่ดีครับ"

"อย่าคิดมากเลยลูก อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ นั่นไงคนเก่งมาพอดี" คุณแม่ของคนเก่งพูดครับ

ยังไม่ทันได้คุยอะไรต่อ คนเก่งก็เดินมาพอดี

"ไปกันเลยมั้ยครับ" คนเก่งดูเหมือนจะรีบร้อน และส่งสัญญาณมาเหมือนให้ผมลุกขึ้น

"เอ่อ ... งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" ผมยกมือไหว้ลา ก่อนที่จะลุกขึ้นอย่างไม่เข้าใจท่าทางของคนเก่งเท่าไหร่





"มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำท่าทางแปลกๆ" หลังจากขับรถออกมาผมก็ถามทันที

"ก็ผมเดินมาได้ยินพี่เต็มพูดเรื่องเมื่อคืน ผมเลยต้องรีบพาพี่เต็มออกมาก่อน"

"อ้าว พี่นึกว่าที่บ้านรู้แล้ว เมื่อกี้คุณแม่กับคุณป้าเราก็ดูเหมือนจะรู้แล้วนะ"

"ก็ทราบแล้วล่ะครับ เพราะผมเล่าให้ฟังแต่ผมไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมด ผมบอกแค่ว่าเราสองคนโดนรถเฉี่ยวแค่นั้นครับ"

"อ๋อ"

"คือถ้าผมบอกเรื่องโจ้ ท่านก็ต้องถามว่าโจ้คือใคร เพราะพวกท่านไม่เคยรู้เรื่องที่โจ้เคยทำกับผม ผมไม่เคยเล่าครับ"

ผมนิ่งเงียบไปเพราะรู้สึกไม่ดีเลย ไม่รู้ว่าคนเก่งต้องอดทนมากแค่ไหนกว่าจะผ่านมาได้โดยที่ไม่เคยบอกใคร

"เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังบ้างมั้ย"

"ไม่ครับ"

"แม้แต่ฟูจิเหรอ"

"ยิ่งฟูจิ ยิ่งไม่ได้เลยครับ ถ้ารู้คงบุกไปหาโจ้ทันทีแน่ๆ"

"มันก็ควรจะต้องทำแบบนั้น เราจะปล่อยไปทำไม มันเคยคิดที่จะ....จับเราแก้ผ้าเลยนะคนเก่ง แล้วถ้ามันมากกว่านั้นล่ะ"

"เหตุผลแรกที่ผมไม่เล่าให้ฟูจิฟังเพราะผมคิดว่า..." คนเก่งเหลือบมองผม

"พี่เต็มเป็นคนให้พวกโจ้ทำหรือเปล่า เพราะถ้าฟูจิรู้มันต้องให้ผมเลิกชอบพี่เต็มแน่เลยครับ"

ผมเหยียบเบรคกะทันหัน โชคดีมากที่ไม่มีคันหลังตามมา

"หะ! คิดว่าพี่สั่งให้มันทำเราเนี่ยนะ"

"ไม่ใช่ครับ! เอ่อ..ก็ไม่เชิง คือผมหมายถึงตอนแรกที่โจ้บอกว่าให้เลิกยุ่งกับพี่ เพราะพี่รำคาญ"


ผมตัดสินใจจอดรถข้างทางเพราะคิดว่าต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน


"แล้ว?"


"ต่อมาผมก็ห่างพี่บ้างแต่ไม่ได้หายไปเลย ผมก็โดนโจ้แกล้งมากขึ้น ผมก็เลยคิดว่าพี่อาจจะบอกพวกโจ้ว่าทำยังไงก็ได้ที่จะให้ผมเลิกยุ่งกับพี่"

"สรุปก็คือคิดว่าพี่ให้โจ้มันแกล้งเรา"

"....."

"เสียใจว่ะ" ผมรู้สึกผิดหวังยังไงก็ไม่รู้ที่ได้รู้ว่าคนเก่งคิดแบบนี้ คิดว่าผมเป็นคนแบบนั้นได้ยังไง



คนเก่งปลดเข็มขัดนิรภัยและนั่งหันหน้ามาคุยกับผม

"พี่เต็มครับ ในตอนนั้นผมคิดมากเรื่องพี่นะ ผมไม่รู้ว่าผมต้องทำยังไง  ที่ผมบอกชอบพี่ไปแบบนั้นไม่รู้มันถูกมั้ยแต่..ผมไม่อยากปล่อยเวลาให้มันเสียเปล่า เพราะตอนนั้นพี่อยู่มอห้าแล้ว"

"......"

"พี่เต็มคงไม่เคยแอบชอบใครข้างเดียวมาก่อน พี่คงไม่เข้าใจความรู้สึกของคนที่แอบชอบ มันมีแต่ความกลัว ความไม่สบายใจ วันนั้นพี่บอกผมว่าไม่ต้องมารอกินข้าวด้วยอีกแล้ว ผมเลยรู้ว่าผมทำให้พี่รำคาญ"

"วันนั้น..." ผมพูดแทรกอยากจะอธิบาย

"ฟังผมก่อนครับ ถ้าให้ผมพูดวันหลังผมอาจจะไม่มีความกล้า"

"......."

"แล้วโจ้ก็ยังมาบอกอีกว่าพี่รำคาญผม ใจผมมันเชื่อไปแล้ว ต่อมาไม่ว่าผมจะเจอกับเรื่องอะไร มันก็พาลคิดไปหมดว่าเพราะพี่หรือเปล่า"

"......"

"ตอนนั้นที่ผมคิดคือพี่อาจจะบอกโจ้ว่าให้ทำยังไงก็ได้ที่ให้ผมเลิกยุ่ง หรือพี่อาจจะไปบ่นให้โจ้ฟังว่ารำคาญผม โจ้ก็เลยคิดวางแผนที่จะแกล้งผมเองโดยที่พี่ไม่ทราบ"

"......."

"แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลข้อไหน ผมก็ไม่เคยโกรธพี่ เพราะผมคิดว่าผมคงจะล้ำเส้นพี่มากเกินไป ก็สมควรแล้วที่จะโดน"

"......."

"ก็ประมาณนี้ครับ จบแล้ว"




คนเก่งกลับไปนั่งตามเดิม จากตอนแรกที่ผมรู้สึกผิดหวัง พอได้ฟังสิ่งที่คนเก่งพูดและพอคิดตาม ผมก็พอจะเข้าใจในความรู้สึกของคนเก่ง และด้วยสถานการณ์ต่างๆในตอนนั้นมันก็คงจะทำให้คิดว่าผมรู้เห็นได้ไม่ยาก

"วันนั้นที่พี่บอกว่าไม่ให้รอกินข้าวด้วยเป็นเพราะเราเข้าเรียนคาบบ่ายสายตลอด พี่เป็นห่วงเราเรื่องเรียน ไม่ใช่เพราะรำคาญ และอีกเรื่องที่เราจะต้องรู้ไว้คือพี่ไม่เคยไปเล่าหรือระบายเรื่องของเราให้พวกไอ้โจ้ฟัง เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องที่คิดว่าพี่บอกให้ไอ้โจ้ไปแกล้งเราได้เลย"

ผมอธิบาย

"เข้าใจเรื่องนี้แล้วใช่มั้ย" ผมถามเมื่อเห็นคนเก่งเงียบ

"พี่เต็มพูดยาวๆแบบนี้ก็เป็นด้วย" ดูมันครับ

"จริงจังหน่อยมั้ย" ผมพูด

คนเก่งหัวเราะเบาๆก่อนที่จะตอบ

"เข้าใจแล้วครับผม"




ผมขับรถพาคนเก่งมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งผมนัดไอ้โจ้ให้ออกมาเจอกันที่นี่ด้วย

"สั่งไว้รอเลยก็ได้" ผมยื่นเมนูให้คนเก่ง

"พี่เต็มเลือกเลยครับ อืม...ร้านนี้ร่มรื่นดีจัง ต้นไม้เยอะแล้วเป็นส่วนตัวด้วย" คนเก่งมองไปรอบๆร้านด้วยความสนใจ

โต๊ะที่พวกผมนั่ง อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งร้านนี้จะจัดเป็นลักษณะเป็นซุ้มแต่ละโต๊ะจะห่างกันประมาณหนึ่งช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

"ปกติออกไปไหนบ้างหรือเปล่า เห็นตื่นเต้นไปซะหมด"

"ไม่ค่อยครับ ปกติถ้าอยู่บ้านก็ช่วยแม่กับป้า เรื่องออกมากินข้าวนอกบ้านแทบจะไม่เคยครับเพราะผมชอบกินข้าวฝีมือแม่ แต่พอมาอยู่หอก็กินแถวๆหอ กับแถวมหา'ลัย"

เรื่องนี้เถียงไม่ได้ครับเพราะคุณแม่คนเก่งทำกับข้าวอร่อยจริงๆ

"ว่าจะถามตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว ทำไมใส่เสื้อแขนยาวมา แผลมันจะไม่แห้งเอา"

"แห้งแล้วครับ"

"ไหนดู" ผมจับแขนคนเก่งแล้วจัดการพับแขนเสื้อขึ้นมาดู

"ยังไม่ค่อยแห้งเลย" ผมส่ายหัวให้กับความดื้อ เห็นมันดูจะพูดง่ายแต่ที่แท้มันโคตรดื้อ

"เอาไว้แบบนี้แหละ" ผมจัดการพับแขนเสื้อทั้งสองข้างให้ ผมมองหน้าคนเก่ง หน้ามันแดงอีกแล้วครับ ถึงว่าทำไมมันเงียบๆไม่ตอบโต้อะไรเลย

ผมเอามือลูบผมคนเก่งเบาๆ
อืมมมมม ... อยู่ๆก็รู้สึกว่า
ทำแบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน


สักพักอาหารที่สั่งก็เริ่มทยอยมา ในจังหวะเดียวกันกับเสียงมือถือผมดังขึ้น

"เออ"

"ถึงแล้วเหรอ เข้ามาเลย เดินเข้ามาโต๊ะอยู่ด้านขวา"

ผมวางสาย

"ไอ้โจ้มันมาแล้ว"

"ครับ"

"ย้ายมานั่งข้างพี่" ผมบอกคนเก่งที่ตอนนี้นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผม

คนเก่งก็ย้ายมานั่งโดยดี

ไม่นานไอ้โจ้ก็เดินมาถึงโต๊ะ มันนั่งลงตรงเก้าอี้ที่คนเก่งนั่งเมื่อสักครู่

"หวัดดีครับเฮีย"

"อืม กินข้าวกันก่อน"

"คุยกันเลยดีกว่าเฮีย ผมไม่หิว"

ผมมองดูไอ้โจ้ ดูจากสีหน้าแล้วมันไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่

"แต่กูหิว" ผมหันไปมองพนักงานที่ยืนอยู่ห่างอยู่ไม่ไกล พนักงานเดินมาตักข้าวสวยใส่จานให้แต่ละคน หลังจากนั้นก็เดินออกไป

ไอ้โจ้มันไม่ยอมกิน

"เชื่อกู นั่งกินข้าวกันก่อนค่อยคุย"

"ผมมากับไอ้แน็ค มันรออยู่ในรถไม่อยากให้มันรอนาน"

"โทรไปบอกมันให้เข้ามากินข้าวด้วยกันก่อน"

ไอ้โจ้ดูลังเลใจแต่สุดท้ายมันก็โทรหาเพื่อนมันให้เข้ามาทานข้าวด้วยกัน



หลังจากผ่านการทานข้าวที่น่าจะเงียบที่สุดในชีวิตที่ของผมเสร็จ ผมก็สั่งผลไม้มาทานเพิ่ม ไอ้โจ้มันทำหน้าไม่ค่อยพอใจ ผมว่ามันคงอยากคุยให้จบไวไว


"เรื่องที่มึงพูดกับกูเมื่อคืน กูจะถือว่ากูไม่ได้ยิน" ผมเอ่ยขึ้นมา

"เรื่องที่ผมรักเฮียนะเหรอ"

"ถ้ามึงยังอยากเป็นรุ่นน้องกูต่อไป อย่าพูดเรื่องนี้อีก"

"ทำไมเฮีย ที่มันยังชอบเฮียได้เลย แล้วทำไมผมจะพูดไม่ได้"

ผมยังไม่ได้พูดอะไรต่อ คนเก่งสะกิดที่ข้อมือผมเบาๆ ทำให้ผมต้องหันมาหาคนเก่ง

"ผมว่าให้พี่เต็มคุยกับโจ้สองคนดีกว่าครับ" คนเก่งพูด

"ไม่ต้อง! คุยให้จบๆกันไปเลย" ไอ้โจ้เป็นคนตอบคนเก่ง ผมก็เลยพยักหน้าให้คนเก่งอยู่

"การที่คนเก่งหรือมึง หรือใครก็ตามจะมารู้สึกอะไรกับกู กูไม่ได้มีปัญหา แต่ถ้าใครก็ตามที่บอกว่ารักกูแต่มันไประรานคนอื่นแบบนี้กูไม่โอเคว่ะ"

"ผมทำเพื่อเฮียทั้งนั้น"

"อะไรคือการที่มึงบอกว่าทำเพื่อกูวะ"

"ผมพยายามทำให้มันเลิกยุ่งกับเฮีย เฮียจะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่ต้องมีมันมาคอยตามสร้างความวุ่นวายให้เฮีย"

ผมถอนหายใจอย่างเบื่อไม่ หันไปมองคนเก่ง มันนั่งก้มหน้าดูหงอยไปเลย

"ไอ้โจ้ มึงตอบคำถามกู"

"......."

"มึงแน่ใจเหรอว่ามึงรักกู"

"แน่ใจสิเฮีย"

"รักกูแต่ไม่ทำเหี้ยอะไรเลยให้กูรู้"

"ผมไม่กล้า เพราะเฮียไม่ได้ชอบผู้ชาย"

"แล้วมึงชอบผู้ชายรึไง"

"....."

"ตอบ"

"ครับ ผมชอบผู้ชาย"

ผมอดที่จะอึ้งกับคำตอบไอ้โจ้ไม่ได้ ไอ้โจ้เนี่ยนะชอบผู้ชาย มันตัวพอๆกับคนเก่ง แต่หนากว่ามีกล้ามเนื้อเยอะกว่า โดยรวมดูแล้วก็ไม่น่าเป็นเกย์

ช่างมันเถอะ เดี๋ยวนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้

"มึงบอกมึงรักกูแต่หลังจากที่กูเข้ามหาลัย มึงก็ไม่ได้ติดต่อกูเลยนะไอ้โจ้ มึงรักกูยังไง"

"......"

"กูว่าไม่ใช่วะ" ผมพูดตามที่คิด

"......"

ผมเห็นไอ้แน็คที่นั่งข้างไอ้โจ้ทำท่าทางแปลกๆ

"มึงมีไรจะพูดไอ้แน็ค" ผมถาม

"เปล่าครับเฮีย ไม่มีครับ"

ไอ้แน็คมันสบตากับไอ้โจ้ ผมว่ามันมีอะไรชัวร์

"มีอะไรก็พูดมา กูให้โอกาสพูด"

"....."

"กูจะถามแค่ครั้งเดียว"

มันสองคนสบตากันอีกครั้งก่อนที่ไอ้โจ้จะเป็นคนพูด

"ช่วงนั้นมีคนเข้ามาคุยพอดี"

"แล้วตอนนี้?"

"ก็....." มันอึกอัก

"เลิกแล้ว?" ผมถาม

"เฮีย ปากไม่เป็นมงคลว่ะ" มันโวยผม

"อะไรของมึงวะไอ้โจ้ กูงงกับมึงไปหมดแล้วเนี่ย"

"มันงอนแฟนมันครับเฮีย เรียกร้องความสนใจอยู่" ไอ้แน็คบอก

"มึงนั่งเฉยๆเถอะไอ้แน็ค"

"กูขอเอาแบบสรุปง่ายๆและเร็วๆ" ผมบอกไอ้โจ้

"ก็....ที่ผมบอกว่าผมรักเฮีย ผมพูดจริงๆนะเฮียเพียงแต่มันเป็นความรู้สึกเมื่อหลายปีก่อน พอจบมอสามผมก็ไปเรียนต่อที่อื่นอย่างที่เฮียรู้ แล้วช่วงที่ไปเรียนที่นั่นก็ไปเจอ...คนนั้นที่นั่น"

"ก็เลยลืมกูไปเลยว่างั้น" ผมแซวมัน

"ไม่เคยลืมเฮียเลยเถอะ" ไอ้โจ้มันพูด

"กูจะฟ้อง" เสียงไอ้แน็คครับ

"กูบอกให้มึงนั่งเฉยๆ"

"ในเมื่อมึงไม่ได้คิดอะไรกับกูแล้วเมื่อคืนมึงพูดมึงทำแบบนั้นทำไมวะ"

ไอ้โจ้ยกมือไหว้ขอโทษผม

"ผมขอโทษครับเฮีย ผม...."

"เมื่อวานมันทะเลาะกับแฟนมันมาครับเฮีย ไม่มีที่ลงเลยมาลงกับเฮีย" ไอ้แน็คบอก

ไอ้โจ้ตบหัวเพื่อนแต่ไม่ได้พูดแก้ตัวอะไร

"เมื่อคืนมึงทำให้คนเก่งต้องเจ็บตัวมึงรู้ตัวมั้ย" ผมยกแขนข้างขวาของคนเก่งให้มันดู

ไอ้โจ้มันมีสีหน้าตกใจ และสายตามันมีแววเสียใจ

"เรื่องเมื่อคืนกูขอโทษนะไอ้อ้วน พอกูเห็นมึงมากับพี่เต็มกูก็รู้สึกหงุดหงิด กูก็แค่อยากพูดอยากทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วสะใจ แต่กูไม่ได้อยากให้มึงกับเฮียเจ็บตัวเลยนะ กูคิดว่ากูผลักเบา ว่าแต่มึงเป็นอะไรมากมั้ย"

"ไม่มากๆ ดีขึ้นแล้ว ไม่ได้เจ็บอะไรมาก" คนเก่งตอบ

"แล้วก็...กูขอโทษที่ทำไม่ดีกับมึงเมื่อหลายปีก่อน แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปกูก็ยังจะทำอยู่ดี เพราะมึงมายุ่งกับคนที่กูชอบ"

"ไม่เป็นไร เราไม่ได้โกรธ ตอนที่เกิดเรื่องก็ไม่ได้โกรธ เพราะเราคิดว่าสงสัยเราจะล้ำเส้นมากเกินไป เลยโดนเกลียด" คนเก่งตอบยิ้มๆ

"มึงเนี่ยเป็นคนดีหรือคนโง่วะ โดนทำขนาดนั้นดันไม่โกรธ" ไอ้โจ้พูด

"เป็นคนเก่งอะ" คนเก่งตอบแล้วก็หัวเราะออกมา

"มึงคงรักเฮียมากเลยสินะ ไม่งั้นเมื่อคืนมึงคงไม่เข้าไปช่วยเฮียแบบนั้น" ไอ้โจ้ถาม

ผมมองคนเก่ง คนเก่งเองก็หันมามองผมเหมือนกัน แต่ดูหน้ามันสิแดงอีกแล้ว

"แล้วเฮียคบกับมันนานยัง"

"คบ?"

"เป็นแฟนกันนานยัง"

คนเก่งแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดื่ม

"ไม่ได้เป็นๆ" คนเก่งรีบปฏิเสธ

"ไม่ได้เป็น? อ่อนว่ะมึงไอ้อ้วน ทำอะไรอยู่วะตั้งหลายปี"

"ถามเฮียดีกว่า สรุปเฮียกับมันเนี่ยยังไง"

ไอ้โจ้หันมาถามผม

"ก็ไม่ยังไง"

"เฮียไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยเหรอ"

"มันเรื่องส่วนตัวกูเปล่าวะ"

หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันต่อด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นมาก จนบ่ายโมงกว่าๆไอ้โจ้ก็ขอตัวกลับ เดาจากที่มันรับโทรศัพท์ คนปลายสายน่าจะมารอมันอยู่หน้าร้าน


ผมพาคนเก่งกลับไปส่งที่บ้าน และนัดหมายเรื่องที่จะกลับไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน ตอนแรกคนเก่งปฏิเสธบอกว่าจะกลับกับฟูจิ แต่ฟูจิบอกว่าพรุ่งนี้จะลาไปทำธุระให้ครอบครัวก็เลยจะยังไม่ได้กลับ

ถึงจะเป็นแบบนั้นคนเก่งมันก็ยังบอกว่ามันจะนั่งรถตู้โดยสาร แล้วคิดว่าคนที่บ้านมันจะยอมเหรอครับ

ข้อสรุปก็เป็นตามที่คิดคือคนเก่งนั่งรถกลับกับผม

คุณแม่และคุณป้าของคนเก่งทำกับข้าวและขนมใส่กล่องถนอมอาหารมาให้หลายอย่างเลยครับ ได้ยินคุณป้าคนเก่งบอกว่าอยากให้หลานชายอ้วนมากกว่านี้


ตอนนี้เราอยู่บนรถครับ อีกสักพักใหญ่ๆก็น่าจะถึง

"เราก็ผอมลงไปเยอะเหมือนกันนะ ตอนที่มาเจอกันที่มหา'ลัย พี่แปลกใจมากเลย"

"ผมควบคุมน้ำหนักด้วยครับ แต่แม่บอกว่าเป็นช่วงที่ร่างกายมันยืดพอดีก็เลยผอมลง"

"หน้าก็ใส"

"ก็ต้องดูแลตัวเองบ้างมั้ยละครับ"

ผมชวนคนเก่งคุยเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องการทำรายงานและ เรื่องทั่วไป



จนรถมาจอดที่หน้าหอพักของคนเก่ง

ผมหยิบมือถือมาดู ในกลุ่มไลน์ครอบครัวมีข้อความจากม๊าเพียบครับ

"ม๊าบ่นใหญ่ว่าไม่พาเราไปหาม๊า" ผมบอกคนเก่ง

"จริงสิ ผมไม่ได้ไปขอบคุณคุณป้าเลย"

"ขอบคุณเรื่องอะไร"

"ก็ขอบคุณที่ผมไปรบกวนเมื่อคืนไงครับ"

"ถ้าจะขอบคุณต้องขอบคุณพี่ พี่เป็นคนทำแผลให้ แต่ก็เพราะพี่เราถึงได้เจ็บตัว"

"วันนี้พี่เต็มพูดแต่ประโยคยาวๆทั้งนั้นเลย" คนเก่งพูดเสร็จมันก็หัวเราะ เหมือนมันแซวผมมากกว่า เพราะปกติผมไม่ค่อยคุยกับมันยาวแบบนี้

"งั้นถ้าจะพูดแบบยาวๆอีกก็คงไม่เป็นไร"

คนเก่งทำหน้างงหลังจากผมพูดประโยคล่าสุด

ผมคิดมาตลอดทั้งคืนกับสิ่งที่ผมกำลังจะพูด


"คนเก่ง ตั้งแต่วันแรกที่เราเขียนจดหมายมาบอกว่าชอบพี่ เราไม่เคยคุยกันจริงจังสักครั้งเลย ตลอดช่วงระยะที่ผ่านมาหลายปี เราเป็นคนที่สื่อสารกับพี่แค่ฝ่ายเดียว แต่เป็นการสื่อสารที่ไม่ได้ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้นเพราะการ์ดที่เราเขียนมาให้พี่ก็ไม่ได้เขียนถึงเรื่องตัวเองมาให้พี่อ่าน"

"....."

"ตอนที่รู้ว่าคนเก่งเข้าเรียนที่นี่ได้ พี่ยังคิดเลยว่าเราจะต้องเข้ามาป่วนพี่แน่เลย แต่เปล่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม"

"มีนะ ผมไปดูพี่ซ้อมบาสไงครับ" คนเก่งมันเสียงดังขึ้นมาทันที จนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

"อืมมมมม...เปลี่ยนแปลงมากเลย มานั่งดูแทบไม่คุยกัน ดูเสร็จกินข้าวแยกย้าย"

"ไม่พูดแล้ว" มันทำมุ่ยครับ

"ที่พี่พูดมาทั้งหมดก็แค่จะบอกว่าเราน่าจะมาเริ่มต้นทำความรู้จักกันดีมั้ย"

"เริ่มต้นทำความรู้จักเหรอครับ"

"ใช่ มาเริ่มต้นทำความรู้จักกัน"

"....."

"มาเริ่มต้นเป็นพี่น้องกัน"

"ตกลงครับ" คนเก่งตอบตกลงไวมากจนผมตกใจ แถมยังยิ้มดวงตาเป็นประกายที่รู้เลยว่ามีความสุข

จนผมอยากจะถามว่าดีใจอะไรขนาดนั้น




ช่วงสองสามวันมานี้มีเรื่องคนเก่งเข้ามากวนใจหลายอย่าง จนผมถามตัวเองว่าสรุปผมรู้สึกยังไงกับคนเก่งกันแน่

รำคาญมั้ย? คำตอบคือไม่

เบื่อมั้ย? คำตอบคือไม่

เมื่อความรู้สึกในแง่ลบมันไม่เกิดขึ้น สิ่งที่ผมรู้สึกชัดเจนคือผมรู้สึกดี

แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกกับคนเก่งตอนนี้มันมากกว่าคำว่ารู้สึกดีหรือยัง

หวังว่าน้องมันจะโอเคกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์กับสถานะพี่น้องนะครับ







TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


◕ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่าน♥
◕อัพช้านิดนึงต้องขออภัยด้วยค่าาาา
◕ขอบคุณที่ติดตามความรักของพี่เติมเต็มและน้องคนเก่งนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2019 23:20:25 โดย ninewara »

ออฟไลน์ Kanni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คนเก่งเข้าใกล้อีกนิดแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ขยับความสัมพันธ์กันเข้ามาอีกนิด
จะมีใครเข้ามาเร่งปฏิกริยาไหมนะ

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 11




ตั้งแต่วันนั้นที่พี่เติมเต็มบอกว่าให้เริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่

เริ่มต้นเป็นพี่น้องกัน

ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้วครับ ผมชอบช่วงเวลาที่เราแอบรัก แต่ช่วงเวลานี้ผมก็ชอบมากเช่นกัน มันเป็นความรู้สึกที่อุ่นในหัวใจ

พี่เติมเต็มจะมาทานข้าวกับผมเกือบทุกวัน ถ้าผมไม่ไปหาพี่เขาที่คณะ พี่เขาก็จะมาหาผม แต่ไม่ค่อยได้ทานด้วยกันสองคนหรอกครับ เพราะไม่ว่าพี่เติมเต็มหรือผม เวลาไปไหนก็จะชวนเพื่อนไปด้วยตลอด

จริงๆมันก็เป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องปกตินะครับ แต่ใจผมมันไม่ซื่ออยู่แล้วไง พอถูกเลื่อนสถานะจากคนรู้จัก มาเป็นสถานะพี่น้อง ผมก็เลยคิดว่ามันโอเค มันโคตรดี


ส่วนเรื่องระหว่างผมกับโจ้จบลงด้วยดีแบบงงๆครับ คือคืนนั้นโจ้ไม่พอใจผมมาก แต่วันที่มาเคลียร์ก็เหมือนไม่ได้โกรธอะไรผมเลย

ถึงจะงงแต่ก็ดีครับ เพราะผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว มันผ่านมาหลายปีและพอมารู้เหตุผลที่โจ้ทำผมก็เข้าใจความรู้สึกของโจ้

และดูเหมือนโจ้ก็น่าจะแฮปปี้กับคนที่คบอยู่ด้วย






ตอนนี้ผมอยู่แถวๆโรงยิมคณะวิศวะครับ
วันนี้ผมมาดูพี่เติมเต็มซ้อมบาส  เห็นว่าอาทิตย์หน้าจะเริ่มแข่งกีฬาระหว่างคณะกันแล้ว ผมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เพราะเป็นครั้งแรกเลยที่ผมจะได้เห็นพี่เติมเต็มลงแข่งที่ไม่ใช่การซ้อม

ที่ผ่านมาเคยเห็นแต่รูปถ่ายที่ลงตามโซเชี่ยลเท่านั้น จำได้เมื่อปีแรกที่พี่เติมเต็มเข้ามาเรียนที่นี่ หลังจากได้เป็นเดือนคณะ ก็มีรูปพี่เติมเต็มลงในเพจของมหาวิทยาลัยและเพจ NiceGuys ซึ่งเป็นเพจที่รวบรวมหนุ่มหล่อของมหาวิทยาลัย ผมก็เลยได้อานิสงส์ไปด้วย (เซฟเก็บไว้แบบรัวๆ)

พอหลังจากนั้นพี่เติมเต็มได้ลงแข่งบาสเป็นตัวแทนของคณะ จากเดิมที่ลงรูปที่แค่เพจของมหาวิทยาลัย เพจอื่นที่ดังๆ ต่างก็มีรูปของพี่เติเต็มในชุดนักกีฬาบาสและในอิริยาบทอื่นๆแชร์กันเยอะมาก

พอช่วงปีสองเหมือนว่าความดังจะลดลงเล็กน้อยเพราะกิจกรรมที่ต้องทำในฐานะเดือนคณะน้อยลง รูปที่ลงตามเพจต่างๆก็มีน้อยลงแต่ก็ยังไม่ถึงกับหายไป

และพอเข้ามหาวิทยาลัยพี่เติมเต็มไม่ได้ทำกิจกรรมเยอะเหมือนตอนที่เรียนมัธยมสักเท่าไหร่ พี่เติมเต็มเคยให้เหตุผลว่าเพราะเรียนมหาวิทยาลัยมันหนักมากกว่าเรียนมัธยม จะเลือกทำเฉพาะกิจกรรมที่มันจำเป็นจริงๆหรือเลี่ยงไม่ได้ดูเท่านั้น



ระหว่างที่ผมกำลังเดินจะเข้าประตูโรงยิม มือถือผมก็ดังขึ้น

"ครับพี่เต็ม"

(อยู่ไหน)

"ถึงโรงยิมแล้วครับ"

(ถึงแล้วเหรอ)

"ครับ พี่เต็มจะเอาอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมซื้อไปให้"

(เปล่า แค่นี้นะ)

พี่เติมเต็มวางสายไปแล้วครับ อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงคือผมกับพี่เติมเต็มเราโทรหากันบ่อยขึ้น โดยคนที่เริ่มโทรหาก่อนก็คือพี่เติมเต็มครับ พี่เขาบอกว่าถ้าพี่เขาไม่โทรหาผมก่อน ชาตินี้ก็คงจะไม่ได้คุยกัน เพราะผมคงจะไม่โทรหาพี่เขาก่อนแน่


'ให้เบอร์ไปตั้งแต่เมื่อสามปีที่แล้ว ถ้าจะโทรคงโทรนานแล้วมั้ง'

'พี่รอให้เราโทรหาก็ยังไม่เคยโทร'

สารพัดคำจะบ่นครับ แต่มันเป็นการบ่นที่ผมรู้สึกมีความสุขสุดๆ



ผมเดินเข้ามาในโรงยิม เห็นพวกพี่เติมเต็มกับเพื่อนยืนอยู่ข้างสนาม ผมเห็นพี่ธรณ์มองมาทางผม และเรียกพี่เติมเต็มหันมามองผมด้วย พี่เติมเต็มหันมายิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปคุยกับพี่ธรณ์ เห็นพี่ธรณ์หัวเราะแล้วพี่เติมเต็มก็ใช้มือตบหัวพี่ธรณ์

ปกติจากเดิมผมจะนั่งที่นั่งที่อยู่ด้านบน แต่ตอนนี้พี่เติมเต็มบอกให้ย้ายมานั่งด้านล่าง

พี่เติมเต็มบอกว่าเวลาที่จะเดินมาหามันจะได้ไม่ไกล


ผมเดินมาถึงตรงที่นั่งวางกระเป๋าลง พี่ธรณ์เดินมาหาผม พี่เติมเต็มก็ดูเหมือนจะรีบเดินตามมาด้วย

"ทำไมวันนี้มาช้าวะ" พี่ธรณ์ถามผม

"อาจารย์ปล่อยช้าครับ"

"ถ้ามึงมาช้ากว่านี้น่าจะมีคนหัวร้อน" พี่ธรณ์พูดพร้อมกับหัวเราะ

"อะ" พี่เติมเต็มยื่นมือถือให้ผม คือช่วงหลังๆมานี่เวลาผมมาดูซ้อมบาสทีไร พี่เติมเต็มมักจะฝากมือถือและกระเป๋าไว้ที่ผมเสมอ

ผมคิดว่าเพราะตอนนี้เราเป็นพี่น้องกันแล้ว ความไว้ใจก็คงจะมีเพิ่มมากขึ้นครับ


"ใครเหรอครับ" ผมถามพี่ธรณ์

"ไม่ต้องไปสนใจมัน" พี่เติมเต็มบอกผม


พอพูดเสร็จพี่เติมเต็มก็ชวนพี่ธรณ์ลงสนาม หลังจากผมนั่งลงและมองพวกพี่เขาซ้อมกันอยู่ ผ่านไปเกือบๆชั่วโมงก็เห็นฟูจิเดินเข้ามาในโรงยิมพร้อมกับรุ่นพี่ผู้ชายที่เรียนคณะวิศวะเหมือนพี่เติมเต็ม


...พี่ธาวิน...


พี่ธาวินเป็นใครนะเหรอครับ?


จำที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้มั้ยว่าฟูจิมีคนรู้จักเป็นรุ่นพี่ที่เรียนคณะเดียวกันและปีเดียวกันกับพี่เติมเต็ม ช่วงที่พี่เติมเต็มเข้ามาเรียนที่นี่ ก็ได้พี่ธาวินคนนี่แหละครับคอยส่งข่าวผ่านทางฟูจิมาบอกผม


ฟูจิมองมาทางผม และเหมือนจะชี้มือบอกพี่ธาวินว่าผมอยู่ตรงนี้

"สวัสดีครับพี่วิน" ผมยกมือไหว้ตอนที่พี่ธาวินเดินมาถึง

"ไงเรา มาดูซ้อมบาสทุกวันเลย แบ่งเวลาไปดูฟุตบอลบ้างดีมั้ย" พี่ธรณ์ถาม

"ไม่ถนัดเรื่องฟุตบอลครับ" ผมตอบ

"มึงจะบอกว่าถนัดเรื่องบาสงั้นสิ" ฟูจิมันพูด

"น่าจะถนัดเกี่ยวกับคนเล่นบาสมากกว่ามั้ง" พี่ธาวินพูดพร้อมกับผมเห็นพี่ธาวินมองไปที่พี่เติมเต็มที่อยู่ในสนามบาส และผมเห็นพี่เติมเต็มมองพี่ธาวินเหมือนกัน

"ห้ามแซวครับ" ผมพูด พี่ธาวินหัวเราะก่อนที่จะนั่งลงใกล้ๆผม

"ว่าแต่พี่วินมีธุระอะไรกับผมเหรอ" ผมถาม

"พอดีขับรถผ่านมาเจอฟูจิเดินอยู่หน้าโรงยิมเลยรู้ว่าเราอยู่ที่นี่แน่ คืออาทิตย์หน้าพี่จะแข่ง แวะไปเชียร์พี่บ้างนะ" พี่ธาวินบอก

พี่ธาวินเป็นนักกีฬาฟุตบอลครับ

"ถ้าไม่แข่งตรงกันกับบาสก็ไปได้ครับ"

"พูดแบบนี้นักกีฬาฟุตบอลเสียใจแย่ ทำไมฟุตบอลเป็นรองบาสล่ะ งานกีฬาไม่ได้มีแค่บาสนะคนเก่ง" พี่ธาวินพูดยิ้มๆ

"เท่าที่ทราบกองเชียร์ฟุตบอลวิศวะเยอะเลยนะครับ"

"โห พูดแบบนี้พี่ก็แย่สิ คนที่อยากให้ไปก็พูดเหมือนจะไม่ไป"

"อยากให้ผมไปเหรอครับ"

"อยากให้ไป"

ผมงงๆกับท่าทีของพี่ธาวิน หันไปมองฟูจิที่มันเงียบมาตลอดตั้งแต่มาถึง มันไม่ได้มองผมกับพี่ธาวิน มันนั่งเล่นมือถืออยู่ครับ นี่ก็อีกคนดูแปลกๆ

"ก็...ถ้าสะดวกก็จะไปครับ" ผมตอบไปแบบนั้น พี่ธาวินเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ไม่พูด แค่ยิ้มออกมา



"มึงมาทำอะไรที่นี่วะไอ้วิน" อยู่ๆพี่เติมเต็มก็เดินเข้ามาถาม หันไปมองที่สนามบาส พวกพี่ๆเลิกซ้อมกันแล้ว

"กูก็...มาคุยธุระสำคัญ" พี่ธาวินตอบพี่เติมเต็มแต่สายตามองมาที่ผม

พี่เติมเต็มมองผม ผมก็ได้แต่ยิ้มให้ ผมไม่รู้ว่าคิดไปเองมั้ย เหมือนพี่เติมเต็มไม่ค่อยพอใจพี่ธาวิน


หรือพวกพี่เขามีปัญหากันมาก่อน


"คนเก่ง หยิบน้ำให้พี่หน่อย" พี่เติมเต็มบอก ผมหยิบขวดน้ำที่อยู่ในถังโฟมให้พี่เติมเต็ม พี่เติมเต็มรับขวดน้ำไปพร้อมกับใช้มือขยี้ผมของผมเบาๆ

ผมเงยหน้ามองเห็นพี่เติมเต็มยิ้มให้ผม ผมก็เลยยิ้มตอบ เขินชะมัดเวลาที่พี่เติมเต็มทำอะไรแบบนี้

"บรรยากาศมันชมพู๊ชมพู" เสียงพี่ชินท์ครับ

พี่เติมเต็มเอามือลง ก่อนจะดื่มน้ำจนหมดขวด

"มาทำอะไรวะไอ้วิน ไม่เห็นเคยมาที่นี่" พี่ธรณ์ถาม

"ถ้าไม่มีใครที่สำคัญมากพออยู่ที่นี่กูก็คงไม่มา" พี่ธาวินตอบ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนหันมามองที่ผมกันหมด

พี่เติมเต็มจ้องตากับพี่ธาวินเขม็งเลยครับ ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่าพวกพี่เขาต้องมีปัญหากันแน่นอน

"พี่ไปก่อนดีกว่า เอาไว้นัดกันอีกที" พี่ธาวินบอกก่อนจะเดินออกไป ผมหันไปมองฟูจิเห็นฟูจิถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะตามพี่ธาวินออกไป


"นัดกันไปไหน" พี่เติมเต็มนั่งลงข้างผม เอ่ยถามผมพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าและเหงื่อตามตัว

"พี่วินจะลงแข่งฟุตบอลอาทิตย์หน้าก็เลยมาชวนผมให้ไปดูครับ" ผมตอบ

"จะไป?"

"ก็ถ้าไม่แข่งพร้อมบาสก็น่าจะไปนะครับ" ผมตอบตามที่คิด ได้ยินพี่เติมเต็มถอนหายใจ ก่อนที่จะลุกไปเปลี่ยนชุด

"ไปเปลี่ยนชุดก่อน"

ผมตอบรับ ดูเหมือนพี่เติมเต็มจะอารมณ์ไม่ค่อยดี ซึ่งผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร




ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถพี่เติมเต็มครับ หลังจากที่พี่เติมเต็มเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ จนกระทั่งทานข้าวกันเรียบร้อย พี่เติมเต็มก็ดูจะคุยกับผมน้อยมากๆ เหมือนถามคำตอบคำ ไม่รู้ไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า

"พี่เต็ม ไม่พอใจอะไรผมอยู่หรือเปล่า" ผมตัดสินใจถามไปตรงๆเพราะรู้สึกอึดอัด

"เปล่า"

"ไม่จริงอะ พี่ดูเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่ คุยก็ไม่ค่อยคุย"

"แค่มีเรื่องให้ต้องคิด"

ผมไม่กล้าถามว่าเรื่องอะไรเพราะปกติไม่ค่อยเห็นพี่เติมเต็มคิดมากเรื่องอะไร เรื่องเรียนก็ไม่น่าจะใช่ เรื่องที่บ้านก็ไม่น่าจะมี งั้นคิดเรื่องอะไรล่ะ



"รู้จักกับไอ้วินมันได้ยังไง" หลังจากนั่งเงียบไปพักใหญ่ พี่เติมเต็มก็ถามขึ้นมา

จริงๆคำตอบไม่ยากแต่ถ้าจะบอกว่าเคยให้พี่ธาวินส่งข่าวเรื่องพี่เติมเต็มให้ มันจะดูแปลกๆมั้ยนะ

"รู้จักกันเพราะฟูจิครับ คือตอนที่พี่เต็มเข้ามาเรียนที่นี่ ผมก็บ่นกับฟูจิว่าพี่มาเรียนไกล ไม่รู้ว่าพี่เป็นยังไงบ้าง ฟูจิก็เลยบอกว่ามีพี่ชายที่อยู่ใกล้บ้านก็เรียนที่นี่เหมือนกัน แถมเรียนวิศวะปีเดียวกันด้วย ฟูจิก็เลยให้พี่วินช่วยส่งข่าวเรื่องพี่เต็มให้ครับ"

"งั้นก็รู้จักกันมานานแล้วสิ"

"พี่วินเขารู้แค่ว่าฟูจิมีเพื่อนที่ เอ่อ...แอบชอบพี่เต็มอยู่ แต่มารู้จักกันมาเจอกันจริงๆก็ตอนที่ผมเข้ามาเรียนที่นี่แล้วครับ"

"เจอกับมันบ่อยมั้ย"

"พี่วินก็ไปหาฟูจิที่คณะบ่อยนะครับ คือฟูจิกับผมอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลาอยู่แล้วถ้าอยู่มหาลัย"

"แสดงว่าเจอมันบ่อย"

"ก็น่าจะครับ"

"เคยไปไหนกับมันสองคนมั้ย"

"กับพี่วิน ไม่เคยหรอกครับ"

"อืม"



แล้วผมกับพี่เติมเต็มก็นั่งเงียบกันไปจนมาถึงที่หอผม พอพี่เติมเต็มจอดรถ

"พรุ่งนี้เจอกันนะครับ" ผมหันมาบอกพี่เติมเต็ม หลังจากปลดเข็มขัดนิรภัยออก หันไปจะเปิดรถลงไป แต่ประตูยังล็อคอยู่ ผมหันมามองพี่เติมเต็มที่กำลังมองผมอยู่

"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถาม

"พี่ขอโทษที่วันนี้อารมณ์เสียใส่เรา"

"ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอโทษ ผมไม่ได้โกรธ"

"แต่เราก็คงรู้สึกแย่"

"ไม่ถึงขนาดนั้นครับ ที่ผมถามเพราะถ้าผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจก็บอกผมได้ แต่พอพี่บอกว่าพี่มีเรื่องให้คิด ผมก็เป็นห่วงมากกว่าว่าพี่มีเรื่องอะไร"

พี่เติมเต็มลูบผมของผมไปมา

"เราเป็นเด็กดีมากนะ"

"อยู่ก็มาชมผมแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถาม

พี่เติมเต็มหยุดลูบหัวผม และนั่งเงียบไปสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา


"คนเก่ง"

"ครับ"

"ความรู้สึกที่คนเก่งมีให้พี่ยังเหมือนเดิมมั้ย ... ยังชอบพี่อยู่มั้ย"

"......"

"......"

"อยู่ๆทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะครับ"

"พี่แค่อยากได้ความมั่นใจ"

ผมงงครับ ว่าทำไมพี่เติมเต็มถึงต้องการความมั่นใจ


แต่ผมก็พร้อมที่จะตอบครับ


"พี่เต็มถามว่า ผมยังชอบพี่อยู่มั้ย... ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบพี่แล้วครับ"

"......" ผมเห็นพี่เติมเต็มสีหน้าไม่ดีเลย ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า

"....."

"ตอนนี้ไม่ได้ชอบแล้ว" พี่เติมเต็มพูดทวนออกมาเบาๆ

"....."

แล้วพี่เติมเต็มก็นั่งเงียบ

ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงปลดล็อคประตูรถ

"ขึ้นหอเถอะ ดึกแล้ว" พี่เติมเต็มพูดโดยไม่ได้มองหน้าผม



ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในเมื่อพี่เติมเต็มเป็นคนเปิดทางให้ผมพูด ผมก็จะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์


เอาล่ะ!!


"พี่เต็มครับ ผมไม่ได้ชอบพี่เต็มนานแล้วจริงๆนะ" ผมพูดย้ำอีกรอบ

"ย้ำบ่อยจังเลยว่ะ!!" พี่เติมเต็มดูจะหงุดหงิดเต็มที่เลยครับ

"ผมย้ำเพราะอยากให้พี่รู้ว่า ตอนนี้ผมไม่ได้ชอบแล้ว ... "

ผมยังพูดไม่จบ พี่เติมเต็มก็พูดแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีเลย

"เมื่อเวลาผ่านไป คงไม่มีใครที่จะไม่เปลี่ยนไป"



"ผมไม่ได้ชอบพี่แล้ว เพราะว่าผมเปลี่ยนจากชอบ ไปเป็นรักตั้งนานแล้วครับ"



ผมพูดเสร็จก็รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าหอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้


โอ๊ยยยย...ผมเขินจนหน้าจะไหม้ พรุ่งนี้จะกล้าเจอหน้าพี่เติมเต็มหรือเปล่าเนี่ย?

ตอนที่คิดว่าจะพูดมันดูไม่ยาก ตอนพูดออกไปยากนิดๆแต่ก็โอเคแหละ

แต่ผลจากการที่พูดออกไป ผมยังไม่พร้อมจะรับปฏิกิริยาตอบกลับของพี่เติมเต็มในตอนนี้

ผมขอเวลาเตรียมตัวเตรียมใจสักหนึ่งคืนนะครับ




TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿


ตอนนี้สั้นนิดนึงนะคะ


ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เราหมั่นไส้คนพี่มากๆเลยเริ่มรู้สึกในใจมากกว่าพี่น้องแล้วสินะถึงได้เก็บเอาเรื่องน้องไปคิดมากน่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[

พี่ต้องใจเย็นๆ55

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไอ่ประโยคสุดท้ายอ่ะ  พี่มันได้ยินหรือเปล่าเหอะ

กลัวหวยจะออกมาว่า  พี่มันไม่ได้ยินประโยคนั้นเพราะหูดับไปแล้ว

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เอาใจช่วยคนเก่ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 12



[เติมเต็ม part]




ตอนที่ผมเห็นไอ้ธาวินมันเดินเข้ามาคุยกับคนเก่งผมก็แค่สงสัยว่ารู้จักกันเหรอ แต่เห็นสายตาที่มันมองคนเก่งแล้ว รู้สึกหงุดหงิดชิบหาย

"ตั้งใจซ้อมหน่อยมึง" ไอ้ชินท์มันบอกผม

สมาธิผมแทบไม่มีเพราะมัวแต่คอยมองไปทางคนเก่ง

"วันนี้พอแค่นี้" หลังจากที่โค้ชบอกเลิกซ้อม ผมก็รีบเดินไปหาคนเก่งทันที และอดที่จะถามไอ้ธาวินมันไม่ได้ว่ามันมาทำไม

คำตอบของมันและสายตาที่มันมองคนเก่ง ทำให้ผมรู้สึกร้อนรน

ไอ้เหี้ยนี้ มันต้องคิดอะไรกับคนเก่งแน่

ตอนที่คนเก่งบอกว่า มันอยากให้คนเก่งไปเชียร์มัน วันที่มันมีแข่งฟุตบอลผมยิ่งหงุดหงิด ยังดีที่คนเก่งบอกว่าถ้าผมมีแข่งคนเก่งก็จะไม่ไป

นั่นแสดงว่าผมสำคัญกว่า

แต่...ถ้าผมไม่มีแข่งคนเก่งก็จะไปดูมันนะสิ


ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด!!



พวกคุณคงจะสงสัยว่าตกลงผมคิดยังไงกับคนเก่งกันแน่

อย่างที่เคยบอกผมรู้สึกดีกับคนเก่งมาก แต่ผมยังไม่รู้ว่ามันมากขนาดที่จะคบในสถานะอื่นได้มั้ย ผมรู้แค่ว่าความรู้สึกของผมมันพัฒนาได้

ผมก็เลยบอกคนเก่งให้เราทำความรู้จักกันในฐานะพี่น้อง เพราะผมคิดว่าถ้าความรู้สึกใดๆก็ตามที่มันจะพัฒนาได้ในอนาคตมันต้องมีจุดเริ่มต้น

เริ่มต้นจากพี่น้องมันก็ดูโอเค ถ้าสมมุติว่าสุดท้ายแล้วผมไม่ได้คิดอะไร หรือพอรู้จักกันมากขึ้นผมไม่ได้เป็นอย่างที่คนเก่งเคยวาดภาพไว้ อย่างน้อยเราก็น่าจะยังเป็นพี่น้องกันต่อไปได้



แต่เหตุการณ์วันนี้ มันทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ ผมเคยรู้สึกว่าผมยืนหนึ่งมาตลอด และไม่เคยคิดในแง่ที่ว่ามีคนอื่นเข้ามาชอบคนเก่งเลย

ผมไม่ได้หมายความว่าคนเก่งมันไม่น่ารักนะครับ คนเก่งมันน่ารักและแสนดีทั้งภายนอกและภายใน เอ่อ...ผมหมายถึงจิตใจของคนเก่งนะครับ แต่ผมเคยคิดแบบเข้าข้างตัวเองว่าคนเก่งไม่น่าจะชอบคนอื่นได้ โอเค..มันอาจจะไม่ชอบคนอื่นแต่ผมลืมจุดที่อาจจะมีคนอื่นมาชอบมัน


ความมั่นใจตลอดห้าปีที่ผ่านมาของผมในตอนนี้มันโคตรสั่นคลอน


ยิ่งตอนที่ผมถามคนเก่งว่ายังชอบผมอยู่มั้ย คำตอบที่ไม่คาดฝันของคนเก่งทำให้ผมอึ้งและทำตัวไม่ถูก


'ผมไม่ได้ชอบพี่แล้ว'


ประโยคนี้ก้องอยู่ในหูผมซ้ำๆ แม้เป็นเวลาแค่ไม่กี่นาที และคนเก่งก็ยังคงพูดย้ำอีกสองสามครั้ง


ผมที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะจมน้ำแต่มีมือของใครบางคนดึงผมขึ้นมาจากน้ำ



'ผมไม่ได้ชอบพี่แล้ว เพราะว่าผมเปลี่ยนจากชอบ ไปเป็นรักตั้งนานแล้วครับ'



สภาพผมคือนั่งประมวลคำพูดของคนเก่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนด้อยขนาดนี้มาก่อน

หลังจากประมวลผลเรียบร้อย สิ่งแรกที่ผมทำไม่ใช่การขับรถออกไป แต่ผมเลือกที่จะโทรหาคนที่วิ่งหนีเข้าหอไปก่อน


ไม่รับสายครับ ครั้งที่ 1
ไม่รับสายครับ ครั้งที่ 2
ตัดสายครับ ครั้งที่ 3

ผมเลือกเข้าแอพสนทนาสีเขียว


teimtem : รับสาย

konkengg : พรุ่งนี้ค่อยคุยกันครับ

ไม่รับสายแต่ตอบไลน์ไวมาก

teimtem : ถ้าไม่รับ
teimtem : จะขึ้นไปหา
teimtem : เลือกเอา

konkengg : พรุ่งนี้คุยกัน
konkengg : นะครับ

ิอย่าอ้อน ไม่สำเร็จหรอก

teimtem : 5
teimtem : 4
teimtem : 3



สายเรียกเข้า
.... คนเก่ง ....



ผมยิ้ม ก็แค่นี้
ผมกดรับสาย


"วิ่งหนีไปทำไม"

(ก็มันกลัว)

"กลัวอะไร'

(.......)

"กวนว่ะ"

(กวนอะไร)

"ก็ตอบคำถามกวน"

(คำถามไหนครับ)

"ที่ถามว่ายังชอบพี่อยู่มั้ย"


คนเก่งเงียบไม่พูดอะไร ซึ่งผมไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่ใช่ไม่ชอบที่คนเก่งเงียบนะ แต่ไม่ชอบที่เวลาคุยกันแล้วไม่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางเป็นยังไง


"อย่าเพิ่งวางนะ"

(ครับ)

ผมขับรถเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของหอพัก หลังจากจอดรถเรียบร้อย ผมก็เดินมาบริเวณประตูทางเข้าหอพัก ตอนนี้ประมาณสามทุ่ม คนเดินเข้าออกหอมีบ้างประปราย

"แล้วทำอะไรอยู่" ผมถามคนเก่งเพราะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเหมือนกำลังทำอะไร

(กำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำครับ)

"วางแป๊ป"

ผมบอกคนเก่งเพราะสายตามองไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆว่าจะเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งวิศวะ

และโชคดีเป็นของผมที่น้องคนนั้นหันมาเจอผมพอดี

"หวัดดีครับพี่เต็ม มาทำไรครับพี่"

"มาหาเพื่อน มันให้กุญแจห้องมาบอกให้ขึ้นไปรอ แต่พี่เข้าหอไม่ได้ไม่มีคีย์การ์ด ก็เลยต้องยืนรอมัน"

"งั้นเข้าไปพร้อมผมก็ได้ครับ ผมอยู่หอนี้เหมือนกัน"

นี่คือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะครับ และไอ้รุ่นน้องคนนี้ก็ประมาทเกินไป หอนี้มันมีแต่เด็กปีหนึ่งที่อนุญาตให้พักได้ แล้วผมจะมาหาเพื่อนที่อยู่หอนี้ได้ยังไง

แต่ผมก็ต้องขอบคุณรุ่นน้องมันครับ ไม่งั้นผมก็คงเข้ามาไม่ได้

คนเก่งอยู่ชั้นห้าครับ ห้อง 504 โชคดีมากที่ยังมีลิฟต์ หอพักที่คนเก่งอยู่เป็นหอในครับ หอพักจะตั้งอยู่ในบริเวณของรั้วมหาวิทยาลัยแต่จะแบ่งโซนพื้นที่อย่างชัดเจน ค่อนข้างกว้างขวาง ในความคิดของผม เป็นหอในที่ดูดีมากกว่าหอในของหลายๆมหาวิทยาลัยที่ผมเคยรู้มา

ผมเคยมาส่งคนเก่งหลายครั้งแต่ผมยังไม่เคยมาที่ห้องของคนเก่งเลยสักครั้ง

พอออกจากลิฟต์มา ผมก็กดมือถือออกหาคนเก่งอีกครั้ง คนเก่งไม่รับสาย เดาว่าน่าจะกำลังอาบน้ำ เดินออกจากลิฟต์มาไม่ไกล จะมีพื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ผมว่ามันน่าจะเคยเป็นระเบียงมาก่อน แล้วมาจัดเป็นสวนหย่อม ผมก็เลยคิดว่านั่งรอคนเก่งอยู่ตรงนี้ก็น่าจะดีกว่าไปยืนรอหน้าห้อง


teimtem : อาบน้ำ?
teimtem : อาบเสร็จแล้วโทรกลับด้วย


ผมนั่งรอประมาณสิบนาทีคนเก่งก็โทรมา

"อาบน้ำเหรอ"

(ครับ)

"เรียบร้อยยัง"

(ครับ)

"แต่งตัวแล้ว?"

(ใช่ครับ)

ผมเดินมาถึงหน้าห้องคนเก่งเรียบร้อย

"พี่อยู่หน้าห้องเปิดประตูเร็ว"

(หะ!?)

"เร็ว"

ผมได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่บริเวณอีกฝั่งหนึ่งของประตู ผมเดาว่าคนเก่งคงกำลังส่องตาแมวตรงประตู

(พี่ขึ้นมาได้ไง!) น้ำเสียงตกใจมากเลยครับ

"เปิดประตู"

สักพักประตูห้องคนเก่งก็เปิดออก

"วางสายได้แล้ว" ผมบอกคนเก่งที่ยังถือโทรศัพท์แนบหูอยู่


ห้องคนเก่งก็เป็นห้องธรรมดาเหมือนหอพักทั่วๆไป มีเตียง ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเขียนหนังสือ แต่ตรงข้างเตียงนอนมีชุดโซฟาเพิ่มมา ผมเดาเอาว่าอันนี้คนเก่งน่าจะซื้อมาเองเพราะสีมันไม่ค่อยเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นในห้อง

ผมเลือกนั่งลงตรงโซฟา

"พี่เต็มขึ้นมาได้ไงครับ"

ผมมองดูคนเก่งที่ตอนนี้ใส่ชุดที่คาดว่าน่าจะเป็นชุดนอนของเจ้าตัว เป็นเสื้อกล้ามสีดำ และกางเกงบ็อกเซอร์สีเดียวกัน พอเห็นแบบนี้แล้วคนเก่งมันดูตัวเล็กมากและมันขาวมากครับ ขามันแทบจะไม่มีขนเลย

"พี่เต็มมองอะไรเนี่ย" คนเก่งมันโวยขึ้นมา ซึ่งก็พอจะดูออกว่ามันเขินมาก ก่อนจะเดินไปหยิบหมอนและมานั่งข้างผมที่โซฟาตัวเดียวกัน และเอาหมอนมาวางไว้บนตัก

อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

"หัวเราะอะไรเล่า" คนเก่งมันเขินครับ ตัวมันเริ่มแดงแล้วตอนนี้

"ที่มองเพราะไม่เคยเจอแต่งตัวแบบนี้ ที่หัวเราะเพราะขำเรานั่นแหละ"

"ยังไม่ตอบผมเลยว่าขึ้นมาได้ไง"


ผมก็เล่าให้ฟังตามจริง


"พี่เต็มจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมร้ายกาจ"

อย่าว่าแต่คนเก่งแปลกใจเลย ขนาดตัวเองผมยังแปลกใจ



"ผมยังชื้นอยู่เลย" ผมจับผมของคนเก่งก็เห็นว่ายังเปียกอยู่เล็กน้อย

"ก็พี่เต็มมาตอนกำลังเช็ดผมอยู่"

คนเก่งเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วกลับมานั่งที่เดิม

ผมนั่งมองคนเก่งที่นั่งเช็ดผมตัวเองอยู่

"แล้วพี่เต็มมีอะไรเหรอครับ" คนเก่งดูจะเขินผมมาก แดงไปทั้งตัวแล้วมั้ง

"พูดอะไรเอาไว้ก่อนที่จะวิ่งขึ้นหอมา" ผมถาม และดูเหมือนคนเก่งจะลืมไปแล้ว ดูจากการที่ชะงักมือที่กำลังเช็ดผมอยู่

"ก็......ผมว่าพี่เต็มก็ได้ยินแล้ว" คนเก่งตอบ ก่อนจะเริ่มเอาผ้าขนหนูที่เช็ดผมอยู่มาคลุมหัวตัวเองมากขึ้น คล้ายๆจะหลบภัย

"นั่งหันหลังมาดีๆสิ" ผมบอกคนเก่ง ก่อนที่คนเก่งจะนั่งหันหลังให้ผม บนโซฟาตัวเดียวกัน ผมเอื้อมมือไปจับผ้าขนหนูที่อยู่บนหัวของคนเก่ง ก่อนจะเริ่มเป็นคนเช็ดผมให้คนเก่งแทนเจ้าตัวที่ดูเหมือนว่ามือไม้ดูเกะกะไปหมดและดูเกร็งๆ

ผมอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้


"พี่เต็มครับ"

"หืม?"

"พี่น้องกัน...เขานั่งเช็ดผมให้กันแบบนี้ด้วยเหรอครับ" ผมชะงักเล็กน้อยกับคำถามของคนเก่ง ก่อนจะเช็ดผมต่อ เส้นผมของคนเก่งนิ่มมากและเส้นเล็กด้วยครับ


"ไม่รู้เหมือนกันแต่พี่ก็ไม่เคยเช็ดผมให้ไอ้ติวนะ และไม่คิดจะทำด้วย" ผมตอบไปตามที่คิด แค่นึกภาพว่าต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ให้น้องชายตัวเองก็รู้สึกแปลกๆแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน กับคนเก่งผมกลับรู้สึกดี

คนเก่งมักจะมีกลิ่นประจำตัว ผมอธิบายไม่ถูกว่าเป็นกลิ่นแบบไหน เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ผมเคยได้กลิ่นแบบนี้ทุกครั้งที่คนเก่งอยู่ใกล้ๆแต่ผมไม่เคยสังเกต ผมเพิ่งมาสังเกตเมื่อเร็วๆนี้ว่ากลิ่นนี้คือกลิ่นของคนเก่ง

และตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้นเมื่อมาอยู่ในห้องของเจ้าตัวแบบนี้

"ผมว่า ผมน่าจะแห้งแล้วล่ะครับ" คนเก่งพูดขึ้น

ผมจับผมคนเก่งดู ใกล้แห้งแล้วครับผมก็เลยเอาผ้าขนหนูออก ผมจับตัวคนเก่งให้หันหน้ามาหาผม

"ถามว่ายังชอบมั้ย ทำไมต้องตอบว่าไม่ ในเมื่อยังเหมือนเดิม" ผมถามและคนเก่งทำตาโต คงตกใจที่อยู่ๆผมก็พูดขึ้นมา

"ก็..พี่เต็มถามว่ายังชอบมั้ย ผมก็ตอบไปตามตรง ก็..ไม่ได้ชอบตั้งนานแล้วอะ" คนเก่งตอบ

"ไม่ได้ชอบ ... แล้วรู้สึกยังไง" ผมอยากได้ยินอีกครั้ง

ที่คิดว่าหน้าแดงมากอยู่แล้ว ผมเพิ่งรู้ว่ามันยังสามารถที่จะแดงได้อีก

"พี่ก็ได้ยินแล้ว"

"ไม่ได้ยิน พูดเร็วมากใครจะฟังทัน"

"ขี้โกงแล้วเนี่ย" คนเก่งโวยวาย

"พูดเถอะ อยากได้ยิน"


"นั่งมองแบบนี้ใครจะกล้าพูด"

ผมยิ้มก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นนั่งหันหลังให้คนเก่งแทน

"พูดได้แล้ว" ผมเร่ง




"ผม ... รักพี่เต็มครับ"



พอได้ยินคนเก่งพูดแบบนี้ออกมา ใจผมมันเต้นรัวเลยทันที ผมหันกลับมามองคนเก่ง คนเก่งนั่งเอาหน้าซุกกับหมอน มองเห็นแค่ใบหูที่ตอนนี้แดงมาก

ผมกลับมานั่งตามปกติแล้วใช้มือลูบผมของคนเก่งไปมา ผมชอบนะที่ได้ทำแบบนี้


ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี แต่คำๆนี้มันตรงกับใจผมมากที่สุด


"ขอบคุณนะ"


ผมไม่ได้พูดอะไรต่ออีก นั่งเงียบไป รอจนคนเก่ง เงยหน้าขึ้นมาจากหมอน คนเก่งเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมที่มองอยู่ก่อนแล้ว คนเก่งยังหน้าแดงอยู่เลยครับ

"แล้วจะนอนหรือยัง" ผมถามเรื่องอื่น เพราะอยากให้คนเก่งผ่อนคลาย

"ยังครับ จะหาข้อมูลทำรายงานก่อน" คนเก่งตอบ

"ทำเลยสิ" ผมบอก

"รอพี่เต็มกลับก่อนก็ได้ครับ"

"ทำเลยไม่ต้องรอ เผื่อพี่จะนอนที่นี่"

ึคนเก่งหันมามองผม ทำตาโต ต่อมาเปลี่ยนเป็นหน้ามุ่ย และผมรู้สึกเหมือนจะโดนมองค้อนๆยังไงก็ไม่รู้

"จะนอนได้ไงล่ะครับ เสื้อผ้าก็ไม่มีให้เปลี่ยน"

"ถ้ามีก็นอนได้ใช่มั้ย"

"คอนโดพี่เต็มอยู่แค่หน้ามอเองนะ"

"นั่นสิ กลับไปเอาเสื้อผ้าแป๊ปเดียว"

"ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น"

ได้แกล้งมันก็สนุกดีครับ ผมไม่ได้คิดที่จะนอนกับคนเก่งจริงๆหรอก แต่ชอบเวลาเห็นคนเก่งทำหน้าไม่ค่อยถูก

มันน่ารักดี



"งั้นพี่กลับแล้วนะ" ผมบอกพร้อมกับยืนขึ้น เห็นคนเก่งมันมีสีหน้าโล่งใจแล้วก็อดไม่ได้

"ครับ"

"กลับไปเอาเสื้อผ้ามานอนค้าง"

"ไม่ต้องเลย"

"ถามหน่อย ฟูจิไม่เคยมานอนค้างหรือไง"

"เคยครับ"

"ก็เคยมีคนมาค้างนี่ แล้วทำไมพอพี่จะค้างบ้าง ดูเราทำหน้า"

"ก็...มันเหมือนกันซะทีไหนล่ะครับ"

"ความเป็นพี่น้องก็น่าจะได้สิทธิ์มากกว่าเพื่อนมั้ย"

"ไม่อยากคุยกับพี่แล้ว กลับได้แล้วครับ"

ผมเดินมาที่ประตูห้อง เห็นคนเก่งเดินไปหยิบพวงกุญแจ

"จะไปไหน"

"เดี๋ยวผมลงไปส่ง"

"ชุดนี้?"

"ครับ"

"ถ้าจะลงไปส่ง หากางเกงและเสื้อแขนยาวมาใส่ทับก่อนค่อยลงไป อืมมม...แต่ไม่ต้องดีกว่า ไม่ต้องลงไป"

คนเก่งมันทำหน้าไม่เข้าใจ

"ปกติเคยลงไปข้างล่างด้วยชุดนี้มั้ย"

"ไม่ครับ ปกติขึ้นหอมาแล้วจะไม่ออกไปไหน"

"งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องลง"

ผมคงปล่อยให้มันที่แต่งตัวแบบนี้ออกจากห้องไม่ได้หรอกครับ บอกตามตรงว่าผมรู้สึกหวงมัน

ก็น่าจะอารมณ์ประมาณเหมือนหวงน้องชายล่ะมั้ง แต่กับติวเตอร์ผมก็ยังไม่เคยหวงมันมาก่อน

อย่าเพิ่งหมั่นไส้ผมครับ เอาเป็นว่าผมรู้ว่าผมหวงคนเก่งแบบไหน แต่แค่ขอมั่นใจอีกสักนิด





"ส่งแค่นี้ก็พอ กลับห้องได้แล้ว"

หลังจากเถียงกันไปมาเลยได้ข้อสรุปคือผมอนุญาตให้คนเก่งมาส่งได้แค่หน้าลิฟท์เท่านั้น แต่ต้องสวมเสื้อคลุมออกมาด้วย

"ครับ พี่เต็มขับรถดีๆนะครับ"

"ไปได้แล้ว"

"เดี๋ยวรอพี่เข้าลิฟท์ก่อน"


ไม่นานลิฟท์ก็ลงมา ผมเดินเข้าไปในลิฟท์ ช่วงระหว่างที่รอประตูลิฟท์ปิด ผมกับคนเก่งมองหน้ากัน มันเป็นความรู้สึกที่ผมอธิบายไม่ถูก แว่บหนึ่งผมรู้สึกเหมือนไม่อยากกลับ และอีกแว่บหนึ่งคือรู้สึกมันจะมุ้งมิ้งไปหรือเปล่าว่ะ ที่คนเก่งยืนรอให้ผมเข้าลิฟท์ก่อนถึงจะกลับห้อง

แต่ถึงจะมุ้งมิ้งผมก็ว่า...มันดีนะ




ผมเดินมาถึงรถ ตอนที่กำลังจะสตาร์ทรถ ไลน์ของผมก็แจ้งเตือนขึ้นมา


konkengg : ถึงห้องแล้ว
konkengg : ไลน์บอกด้วยนะครับ


ผมอ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ซึ่งคนเก่งก็ไม่เซ้าซี้ ข้อดีอีกเรื่องของคนเก่งคือคนเก่งไม่เคยถาม ไม่เคยเซ้าซี้เวลาที่ผมอ่านไลน์แล้วไม่ตอบ หรือตอบช้า หรือแม้กระทั่งไม่อ่านเลย

คนเก่งไม่เคยถามว่า...ทำไม?

ไม่เคยแม้แต่จะส่งสติกเกอร์มากดดัน ผมเห็นเพื่อนบางคนเคยมาบ่นให้ฟังว่าเวลาที่อ่านไม่ตอบหรือตอบช้า แฟนจะส่งสติกเกอร์มาให้แบบเยอะมาก บางทีเป็นสิบๆอันก็มี เหมือนเป็นการกดดันว่าต้องตอบๆ ซึ่งคนเก่งยังไม่เคยทำ


เอ๊ะ! ทำไมผมถึงเปรียบเทียบคนเก่งกับแฟนเพื่อนล่ะ


เอาน่า มันก็คงจะคล้ายๆกัน




ผมใช้เวลาขับรถไม่นานก็ถึงคอนโด หลังจากส่งข้อความไปบอกคนเก่งว่าถึงคอนโดแล้ว คนเก่งก็ตอบมาแค่

'โอเคครับ'

กลายเป็นผมที่คอยลุ้นว่าคนเก่งจะส่งข้อความอะไรมาอีกมั้ย แต่ว่างเปล่า

เมื่อรออยู่หลายนาที ไม่เห็นมีข้อความใดๆจากคนเก่ง ผมตัดสินใจรีบอาบน้ำเพราะตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือสักสองสามชั่วโมง


konkengg : นอนแล้วน๊า
konkengg : ฝันดีนะครับ


คนเก่งส่งข้อความมาตอนเกือบตีสอง

teimtem : ห่มผ้าด้วยล่ะ

ผมเก็บหนังสือและเข้านอน คืนนั้นผมนอนฝันว่าคนเก่งมาพูดกับผมว่า 'ผมรักพี่เต็ม' ทั้งคืนเลยครับ





สองสามวันหลังจากนั้น หลังจากที่ผมขับรถไปส่งคนเก่งที่คณะเรียบร้อย ผมก็ขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของคณะตัวเอง ผมยังจอดรถไม่เรียบร้อยดี เพื่อนๆผมก็กระหน่ำโทรหาผมกันใหญ่


"ว่าไงวะ" ผมรับสายไอ้ธรณ์ หลังจากที่มันโทรติดๆกันสี่สาย พอรับสายไอ้ธรณ์ ก็มีเสียงสายซ้อนดังขึ้นมา มองดูหน้าจอเป็นไอ้ทัตพลที่โทรเข้ามา

(มึงอยู่ไหน)

"เพิ่งจอดรถ กำลังเดิน"

(เออ รีบมา)

ได้ยินเสียงไอ้ชินท์ดังแทรกมาว่า 'ให้มันวิ่งมาเลย' ก่อนที่ไอ้ธรณ์จะวางสาย


มีเรื่องอะไรกันวะ


ประโยคแรกที่ไอ้ธรณ์มันพูดขึ้นทันทีที่ผมมาถึงโต๊ะ

"งานเข้ามึงแล้วไอ้เต็ม"

"อะไรวะ ส่งงานไม่ผ่านเหรอ" ในหัวผมคิดแค่ว่าน่าจะเป็นเรื่องงานชิ้นล่าสุดที่ส่งอาจารย์ไป

"มึงได้ตามเพจของมอเราเปล่าวะ NiceGuys อะ" ไอ้ทัตพลถาม

"ไม่ได้ตาม ทำไมวะ"

"เชิญมึงทัศนาเลยครับเพื่อน" ไอ้ชินท์บอก ก่อนจะยื่นมือถือมันมาให้ผม มีอะไรวะ เพจนี้ผมไม่เคยตามครับแต่ก็ทราบว่าเคยลงรูปผมบ่อยๆ


สิ่งที่ผมเห็นจากมือถือของไอ้ชินท์ ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก



อะไรคือมีรูปคู่คนเก่งกับไอ้ธาวินลงเพจ NiceGuys แล้วแคปชั่นนี่คืออะไร!!





NiceGuys

         พี่ธาวิน ปี 3 วิศวะเครื่องกล ไม่รู้งานนี้สาวๆหนุ่มๆจะอกหักกันหรือเปล่า เพราะพี่ธาวินบอกแอดว่ากำลังตามจีบคนในรูปนี้อยู่ แถมยังบอกให้แอดช่วยเชียร์ด้วย เพิ่งเคยเห็นพี่ธาวินออกตัวแรงขนาดนี้ แฟนคลับว่ายังไงกันคร่าาาาา




"คนกดไลค์เป็นหมื่น คนแชร์อีกเพียบ ลงทั้งเฟซบุ๊ก ทั้งไอจีเลยมึง"

"พวกมึงอ่านเม้นกันยัง คนเชียร์ไอ้วินโคตรเยอะ"

ผมไม่รู้ว่าจะโมโหหรือจะหงุดหงิด หรือจะรู้สึกทุกๆอย่างรวมกันดี

"พวกมึงๆอ่านคอมเม้นท์เร็ว" ไอ้ชินท์บอก



comment 1 : งื้อออ ดีต่อใจค่ะ
comment 6 : ขอวาร์ปหน่อยค่ะแอด น้องน่ารักจัง
thawin_s : แอดมินน่ารักครับ ^^
comment 124 : กรี๊ดๆๆๆ ขอให้จีบสำเร็จนะคะพี่วิน @thawin_s
justjo : ถ้าจะจีบผมว่ายากครับเพราะหัวใจเขาให้คนอื่นไปแล้ว @thawin_s
thawin_s : ตราบใดที่ยังไม่เป็นแฟน ผมก็มีสิทธิ์ครับ @justjo
justjo : ถามเขาด้วยครับว่าเขาให้สิทธิ์คุณมั้ย
justjo : คุณใช้คำว่า 'ยังไม่เป็น' แสดงว่าคุณรู้อยู่แล้วว่าเขามีคนในใจแต่ก็จะจีบเขา แบบนี้เรียกว่าอะไรเหรอครับ



"เหี้ยยย ไอ้โจ้แม่งแรงชิบหาย" ไอ้ธรณ์พูด

"เออ! สุดอะ" ไอ้ชินท์เห็นด้วย

ผมสัญญาเลย เจอไอ้โจ้คราวหน้า ผมจะเลี้ยงเหล้ามันชุดใหญ่เลย

"แล้วมึงจะยังไงต่อครับเพื่อน คู่แข่งออกตัวแล้วนะเว้ย" ไอ้ชินท์ถามผม



หลังจากวันนั้นที่เจอไอ้ธาวินมันไปหาคนเก่งที่สนามบาส พวกผมก็คุยกันเรื่องไอ้ธาวินมันเหมือนกันครับ คนที่เริ่มคุยคือพวกเพื่อนผม เพราะสงสัยพฤติกรรมไอ้ธาวินตั้งแต่วันนั้น

อันที่จริงแล้ว พวกผมกับไอ้ธาวินไม่เคยมีปัญหาหรืออะไรกันมาก่อนเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งผมจะมาเคืองใจกับมันเพราะเรื่องผู้ชาย

แม่ง! ไม่ใช่เรื่องผู้หญิงด้วยนะ

แล้วผู้ชายหล่อๆน่ารักๆ มีตั้งเยอะแยะ มันจะมาอะไรกับคนเก่งวะ


"ก่อนอื่น พวกมึงอ่านเม้นล่าสุดของไอ้วินก่อน"



thawin_s : ไม่รู้ว่าคุณเป็นใครแต่น่าจะรู้จักกับ 'เขา' คนนั้นที่ 'ยังไม่เป็น' ฝากบอกให้เขาเคลียร์คนของเขาก่อนดีกว่ามั้ย @justjo




"อะไรคือเคลียร์คนของเขาวะ" ไอ้ชินท์ถาม

"มึงคบใครอยู่ไอ้เต็ม" ไอ้ทัตพลถาม

"กูจะคบใครวะ วันๆก็มีแต่น้องมัน" ผมพูด

"แน่ะ ยังไงวะ เลื่อนสถานะกันไม่บอกพวกกูเหรอวะ" ไอ้ชินท์มันแซว

"ก็ยังพี่น้องกันอยู่" ผมตอบ

"แล้วมึงจะรออะไรวะ จะรอให้ไอ้วินมันได้ไปหรือไง!" ไอ้ธรณ์เสียงดังครับ

"กูแค่รอเวลาให้มั่นใจ"

"ให้ใครมั่นใจ มึงหรือน้องมัน" ไอ้ทัตพลถาม

"ก็ทั้งคู่"

"มึงจะมาอยากได้ความมั่นใจอะไรตอนนี้วะ ห้าปีแล้วนะเว้ย" ไอ้ธรณ์ครับ

"เออกูรู้ แต่กูกับคนเก่งเพิ่งจะมาทำความรู้จักกันแบบจริงจังเมื่อไม่นานนี่เองนะเว้ย กูกลัวสุดท้ายแล้วถ้ากูไม่ใช่สำหรับน้องมัน .... "

"หยุด" ไอ้ธรณ์พูดขัดผม

"ถ้ามึงไม่ใช่ กูว่าน้องมันเลิกสนใจมึงแล้ว ก็หล่อ ก็เพอร์เฟค แต่ขี้เก๊ก ฟอร์มเยอะชิบหาย ถ้าเป็นกู กูไม่เสียเวลากับมึงแล้ว"

"เออ!จริง กว่าจะเปิดใจยอมทำความรู้จักด้วยก็ผ่านมาตั้งห้าปี"

"ไปรับไปส่ง ไปไหนมาไหนด้วยแต่ไม่ชัดเจนอะไรสักอย่าง"


ทำไมกลายเป็นผมโดนรุมวะ


"แล้วทำไมพวกมึงหันมารุมกูวะ"

"กูเกลียดความฟอร์มจัดของมึง จะปล่อยให้น้องมันรออีกแค่ไหนวะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนนะ กูจะจีบเองนานแล้ว ไม่มาถึงไอ้วินมันออกตัวหรอก" ไอ้ชินท์มันพูด

ผมรู้สึกมือเท้ามันกระตุก ใจเย็นๆ

"สรุปมึงชอบคนเก่งจริงๆเหรอไอ้ชินท์" ผมถาม

"ก็กูเคยบอกมึงแล้วว่ากูอยากได้การ์ดอะไรแบบที่คนเก่งส่งให้มึงบ้าง ถ้าคนเก่งชอบกูนะ กูไม่ให้รอถึงห้าปีหรอก" ไอ้ชินท์ตอบ

"ว่าแต่ไหนการ์ดของวันนี้ มีมั้ย?"

"ไอ้ชินท์ มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าไอ้เต็มมันก็อยากอ่านคนเดียว"

"ไม่คิด เพราะมันอยากให้พวกเราอิจฉามัน"



ผมหยิบการ์ดที่คนเก่งให้ผมก่อนที่จะลงจากรถออกจากกระเป๋าเสื้อช็อปออกมา




"To...พี่เติมเต็ม

       ช่วงนี้นอนดึกทุกคืนเลย ต้องดูแลสุขภาพเยอะๆนะครับ พี่เต็มไม่ชอบของหวานๆ แต่ช็อคโกแลตอันนี้ไม่หวานมากก็น่าจะพอทานได้นะครับ

                         เทคแคร์ & ซียูครับ
                                   คนเก่ง
                               14/xx/20xx"




ช่วงหลังมาคนเก่งจะลงท้ายการ์ดว่า 'เทคแคร์ & ซียูครับ' เสมอ คนเก่งบอกเพิ่มซียูมา ก็เพราะมันมีความหมายว่า 'ไว้เจอกัน' คนเก่งบอกมันคล้ายๆกับคำว่า 'พรุ่งนี้เจอกัน' ที่เราสองคนพูดบ่อยๆ


เมื่อเช้าคนเก่งให้ช็อคโกแลตแท่งเล็กๆผมมาแท่งหนึ่ง ผมเลยหักแบ่งให้คนเก่งครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งเป็นของผม ผมทานเข้าไปทันที ส่วนเจ้าตัวไม่ยอมทาน พอผมถามคนเก่งบอกว่า


'ผมอยากเก็บไว้มากกว่าเพราะมันเป็นของที่พี่เต็มให้'


ผมอดที่จะลูบผมคนเก่งด้วยความเอ็นดูไม่ได้ มันเป็นเด็กที่มีมุมน่ารักเยอะครับ

อย่างประโยคนี้ คนเก่งก็หมายความตามนั้นจริงๆ ไม่เคยคิดซับซ้อนหรือเรียกร้องอะไรจากผม และพูดโดยไม่มีอาการน้อยใจหรือเสียใจ





"กูว่ากูพอจะเดาได้ว่าที่ไอ้วินมันพูดมันหมายถึงใคร" ไอ้ทัตพลที่นั่งเงียบไปนานพูดขึ้น ดึงให้ผมกลับมา

"คนของไอ้เต็มอะนะ" ไอ้ชินท์ถาม

"ใช่"

"ใครวะ"

"เมื่อหลายวันก่อนเราคุยกันเรื่องที่ไอ้วินมันเคยส่งข่าวเรื่องไอ้เต็มให้คนเก่งใช่มั้ย" ไอ้ทัตพลเริ่มเล่า

"ใช่"

"แล้วพวกมึงคิดว่าไอ้วินมันจะไม่เล่าเรื่องนี้เหรอวะ"



ไอ้ทัตพลยกมือถือขึ้นมาให้พวกผมดูรูปที่ปรากฎอยู่ที่หน้าจอ เป็นรูปคู่ของผมกับอิงค์ช่วงที่หลังจบจากการประกวดดาวเดือน





NiceGuys

       การประกวดจบแล้วแต่ยังเห็นเดือนและดาวต่างคณะสองคนนี้ เจอะเจอกันบ๊อยบ่อย เอ...ไม่รู้ว่ามีซัมติงอะไรกันหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆลงรูปคู่ด้วยกันบ่อยมากค่ะคู๊ณณณณ!!!




"อิงค์นะเหรอ" ผมถาม

"เออ!"

"ที่นั่งเงียบนี่คือนั่งขุดรูปเหรอวะไอ้ทัต" ไอ้ชินท์ถาม

"ใช่นะสิ"

"ความพยายามสูงสุดๆ รูปตั้งแต่สองปีที่แล้ว มึงยังขุดเจอ"

ผมเห็นด้วยกับไอ้ชินท์

"ก็กูนั่งคิดไงว่า กูก็ไม่เห็นไอ้เต็มมันจะมีใครเข้ามานอกจากคนเก่ง พอนึกไปนึกมาเลยจำได้ว่ามีอิงค์อีกคน คนอื่นก็เข้ามาแบบผิวเผินไม่ได้แสดงตัวอะไร ก็เข้าประเด็นแค่อิงค์คนเดียว"

"พวกมึงก็รู้ว่ากูกับอิงค์มันยังไง"

"ใช่ กูรู้ แต่ไอ้วินอาจจะไม่รู้"

"และที่สำคัญ คนเก่งก็ไม่รู้"

"ไม่รู้ว่ามึงกับอิงค์เป็นอะไรกัน"

"กูว่าน้องมันก็ต้องตามเพจนี้ เพราะน้องชอบมึง เพจนี้ช่วงนั้นลงรูปมึงบ่อยจะตาย น้องมันก็ต้องเคยเห็นรูปคู่มึงกับอิงค์ รวมทั้งในเฟซบุ๊กด้วย อิงค์แท็กหามึงบ่อย"

ผมอดทึ่งพวกเพื่อนๆผมไม่ได้ มันวิเคราะห์ออกมาได้เป็นเรื่องเป็นราว พวกมึงควรไปเป็นตำรวจสืบสวนสอบสวน

"กูขอสนับสนุนความคิดเห็นไอ้ทัต ไอ้เต็มมึงจำได้มั้ยที่มีวันหนึ่ง คนเก่งไม่ยอมไปกินข้าวกับพวกเราหลังจากเลิกซ้อมบาส" ไอ้ธรณ์

"จำได้"

"วันนั้นอิงค์มาโรงยิมพร้อมกับมึง และบอกว่าจะไปกินข้าวกับพวกเรา"

"ต่อมาคนเก่งขอตัวไม่ไปด้วย"

"กูว่ามันต้องเกี่ยวกับอิงค์แน่"

พอฟังเพื่อนๆมันวิเคราะห์กัน ผมว่าความเป็นไปได้มันก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะ เพราะผมจำได้ว่าวันนั้นคนเก่งหน้าเศร้ามาก ไม่ค่อยร่าเริง แววตาที่มองผมในวันนั้นก็ไม่สดใสเหมือนเคย

"สิ่งแรกที่มึงต้องทำคือทำแบบที่ไอ้วินมันพูด 'เคลียร์คนของเขา' ก่อน"

"เคลียร์กับอิงค์?"

"ถูก"

"และเคลียร์กับน้องมันด้วย"

"น้องมันต้องอยากรู้ แต่น้องมันไม่ถาม ถ้าให้กูเดาจากนิสัย น้องมันคงเกรงใจที่จะถามและกลัวจะก้าวก่ายเรื่องของมึง"



เพื่อนผมแต่ละคนรู้สึกจะรู้จักคนเก่งดีกันเหลือเกิน



คงอย่างที่เพื่อนๆผมเสนอมาคือผมต้องเคลียร์กับคนเก่งเรื่องของอิงค์ก่อน

หวังว่าคนเก่งจะไม่คิดไปไกลอย่างที่พวกเพื่อนๆมันไซโคผม

และหวังว่าอิงค์จะให้ความร่วมมือกับผมไม่เล่นหรือคิดอะไรแผลงๆออกมาให้ผมกลุ้มใจมากกว่าเดิม

"มึงๆ ไอ้วินมันโพสถึงมึงแน่ะ" ไอ้ธรณ์บอกผม ผมเข้าไปที่หน้าเฟซบุ๊กของไอ้ธาวินทันที


Thawin Sukitwat
        ถ้าไม่กล้าทำให้มันชัดเจน ก็ปล่อยให้คนที่เขากล้ากว่า ทำเถอะ!!



ไอ้เหี้ยธาวิน!! ประกาศสงครามชัดๆ



รอก่อนเถอะ
แล้วมึงจะรู้ว่ายิ่งกว่าระบบ HD ก็กูเนี่ยแหละ !!!!









TBC.
#เติมเติมรัก
ninewara✿
















ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หรือธาวินกับอิงค์ จะวางแผนกันมาเป็นตัวกระตุ้นอย่างดีเวอร์ให้พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์เร็วขึ้น

แล้วสองคนนั้นก็ไปคบกันเอง

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[ กรี๊ดดดดพี่วิน กร้าาาวใจจริงๆ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Kanni

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่เต็มต้องไม่ยอมแพ้

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ธาวิน - โจ้ ????


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
✿เติมเต็มรัก✿ ครั้งที่ 13



"คนเก่งๆเห็นนี่หรือยัง" ส้มส้มวิ่งหาผมทันทีที่เห็นผมเดินเข้ามาในตึกคณะ

"มีอะไรเหรอส้มส้ม" ผมถาม

"นี่ไงดูสิ" ส้มส้มยื่นมือถือให้ผมดู

"เฮ้ย!"

ผมตกใจมากที่เห็นรูปผมกับพี่ธาวินอยู่ในเพจ NiceGuys เพจซึ่งรวบรวมคนหล่อของมหาวิทยาลัย ถ้าแค่พี่ธาวินคนเดียวมันไม่แปลกหรอกครับ แต่มีผมอยู่ด้วยเนี่ยสิ แล้วแคปชั่นอะไรกันเนี่ย

"พี่วินจีบคนเก่งเหรอ" ส้มส้มถามผม

"บ้าแล้ว จีบที่ไหนล่ะ" ผมก็ตอบตามจริง พี่ธาวินไม่ได้จีบจริงๆ

"พี่เขาจีบแต่คนเก่งไม่รู้ว่าจีบหรือเปล่า หรือฟูจิคิดว่าไง ฟูจิสนิทกับพี่วินนี่" ส้มส้มหันไปถามความคิดเห็นจากฟูจิที่นั่งเงียบตั้งแต่ผมมาถึง

"ไม่รู้สิ คงใช่มั้ง เราเดินไปซื้อกาแฟนะเอาอะไรมั้ย" ฟูจิตอบและถามส้มส้มกลับมา

"ไม่เอาจ้ะ"

"แล้วมึงล่ะ เอาอะไรมั้ย" ฟูจิมันหันมาถามผม

"เดี๋ยวกูไปด้วย" ผมพูด ตอนแรกเหมือนฟูจิมันจะปฏิเสธแต่สุดท้ายมันก็พยักหน้า

"เดี๋ยวพวกเรามา" ผมหันไปบอกส้มส้ม

ฟูจิกับผมเดินมาที่ร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลจากคณะของผมมากนัก หลังจากสั่งเครื่องดื่มเสร็จพวกผมก็นั่งรอ

"มึงเป็นอะไรรึเปล่า" ผมถามฟูจิเพราะช่วงนี้มีหลายอย่างที่มันดูแปลกไป มันดูเงียบๆ

"เป็นอะไรของมึงคืออะไร" ฟูจิถามผมกลับ พร้อมเล่นมือถือ ผมมองตามหน้าจอเห็นเป็นหน้าไอจีของ NiceGuys ที่มีรูปคู่ผมกับพี่ธาวิน ผมเห็นฟูจิมันเลื่อนอ่านความคิดเห็น

"กูว่าช่วงนี้มึงดูเงียบๆเหมือนมึงไม่ค่อยอยากคุยกับกูเลย" ผมตอบไปตามที่คิด

"มึงคิดมากเกินไปแล้วไอ้คนเก่ง กูไม่ได้เป็นอะไร แต่ถ้าเป็นกูจะบอกมึงคนแรกเลย" ฟูจิพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ในช่วงนี้ ฟูจิมันเป็นอะไรกันแน่ ผมอยากรู้

"ถ้ามีอะไรมึงต้องบอกกูนะ หรือถ้ากูทำอะไรให้มึงไม่พอใจ มึงต้องบอกกู กูเป็นห่วงมึงมากนะฟูจิ" ผมบอกมัน

"มึงดูไอ้เหี้ยโจ้มันมาคอมเม้นท์" ฟูจิยื่นมือถือมาให้ผมอ่าน

"โห โจ้เม้นท์แบบนี้เลยเหรอ" ผมอึ้งไปเหมือนกัน

"ถ้ามึงไม่เล่าให้ฟังว่ามันเคยชอบพี่เต็ม กูก็จะเข้าใจว่ามันชอบมึง" ฟูจิพูด




หลังจากเหตุการณ์ที่ผมกระโดดไปช่วยพี่เติมเต็มจนมีบาดแผลเล็กน้อยที่แขน ตอนแรกคิดว่าจะไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟูจิฟังแต่มันมาเห็นแผลผม มันถามที่มาของแผล ผมเลยจำเป็นต้องเล่าให้มันฟัง ตั้งแต่เรื่องที่ผมเคยโดนโจ้และเพื่อนกลั่นแกล้ง

ตอนที่ฟูจิรู้ ฟูจิโกรธมากเลย แต่ไม่ได้โกรธโจ้นะครับ คนที่ฟูจิโกรธก็คือผม ที่มีอะไรไม่เคยบอก จนมันผ่านมาถึงห้าปีแล้ว เพิ่งจะเล่าให้ฟังและที่เล่าเพราะฟูจิมาเห็นแผล ถ้ามันไม่เห็นผมก็คงจะไม่เล่าอีก

ฟูจิมันบอกว่ามันทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่มีอะไรไม่บอกมัน ทั้งๆที่มันเป็นเพื่อนผม เป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมมีแต่ผมกลับไม่เคยเล่าให้มันฟัง มันบอกมันรู้สึกเหมือนมันเป็นคนที่พึ่งพาไม่ได้ ผมถึงไม่บอกมัน

คบกับมันมาหลายปีผมก็เพิ่งรู้ว่าฟูจิมันก็เป็นคนที่คิดมากเหมือนกัน ผมง้อมันตั้งหลายวันกว่ามันจะหายโกรธ


ผมหยิบมือถือของตัวเองเข้าไอจีไปดูเพจ NiceGuys เห็นพี่ธาวินมาตอบคอมเม้นท์ของโจ้แล้วก็อดแปลกใจไม่ได้

"พี่วินทำไมถึงตอบโจ้ไปแบบนั้น"

ผมไม่รู้หรอกว่าพี่ธาวินที่บอกว่าจะจีบผมจริงมั้ย แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่รู้สิ ผมก็ไม่ได้หล่อน่ารักขนาดที่ผู้ชายอย่างพี่ธาวินจะมาชอบ และไม่เห็นมีท่าทีพิเศษกับผมเลย ผมว่าแอดมินเข้าใจผิด

"ไปกันเถอะ ได้แล้ว" ฟูจิเรียกผมตอนที่พนักงานเรียกคิวให้ไปรับเครื่องดื่ม



ตอนเดินมาถึงที่คณะเห็นพี่ธาวินนั่งอยู่กับส้มส้มที่โต๊ะ ผมยกมือไหว้พี่เขา

"เห็นรูปในเพจหรือยัง" พี่ธาวินถามผม

"เห็นแล้วครับ ทำไมเขาลงรูปแบบนั้นละครับพี่วิน" ผมถาม

"ก็ไม่มีอะไร พี่แค่สนิทกับแอดมินเพจน่ะ เลยขอให้เขาลงรูปให้" พี่ธาวินตอบยิ้มๆ

"ทำไมต้องขอให้เขาลงล่ะครับ"

"ไม่ได้อ่านแคปชั่นเหรอ ก็บอกแล้วว่าจะจีบ"

"พี่วิน อย่าล้อเล่นสิครับ"

"จะล้อเล่นได้ยังไง ประกาศออกไปขนาดนั้น"

"พี่วินชอบผมเหรอ"

"ถามตรงดี คิดว่าไงล่ะ ถ้าไม่ชอบจะจีบเหรอ"

"แต่ผมชอบคนอื่นอยู่แล้ว ซึ่งพี่วินก็รู้"

"ไม่ใช่ปัญหา"

ผมมองพี่ธาวินอย่างไม่ค่อยเข้าใจ จะจีบผมเนี่ยนะ

"ได้เวลาเรียนแล้ว กูขอขึ้นไปก่อนล่ะกัน" ฟูจิพูดขึ้นมาหลังจากที่ไม่พูดอะไรออกมาเลย

"ไปกันเถอะส้มส้ม" ฟูจิลุกขึ้นและชวนส้มส้มไปด้วย

"กูไปด้วย พวกผมไปเรียนก่อนนะครับพี่วิน" ผมบอกฟูจิ ก่อนจะหันไปบอกพี่ธาวิน พี่เขาไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้ารับ





หลังจากหมดคาบเรียน พวกผมเดินลงมานั่งที่โต๊ะประจำบริเวณหน้าตึกของคณะ ผมหยิบมือถือมาดู เห็นมีข้อความไลน์ค้างอยู่หลายคน

rungthiwa : สุดสัปดาห์นี้กลับบ้านมั้ยคนเก่ง

อันนี้เป็นของกลุ่มไลน์ครอบครัวครับ ขอตอบอันนี้ก่อน

konkengg : ยังไม่แน่ใจครับ
konkengg : อาทิตย์นี้กิจกรรมเยอะมาก
konkengg : เดี๋ยวหนูบอกอีกทีนะครับ
rungthiwa : เอาที่หนูสะดวก ถ้ามาจะได้ทำของโปรดไว้ให้
konkengg : ครับป้า


ต่อมาของพี่เติมเต็ม

teimtem : เรียนเสร็จทักมาด้วย

ดูจากเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว

konkengg : เรียนเสร็จแล้วครับ
teimtem : กินข้าวไหน

วันนี้พี่เติมเต็มตอบเร็วมาก เหมือนกำลังรอให้ผมตอบข้อความ

konkengg : ยังไม่ทราบเลยครับ
teimtem : เดี๋ยวออกไปกินข้างนอก
teimtem : อยู่ไหนกัน เดี๋ยวไปรับ
konkengg : หน้าคณะครับ
teimtem : รอตรงนั้น

"เดี๋ยวพี่เต็มจะมารับ ไปกินข้าวด้วยกันนะ" ผมบอกเพื่อนทั้งสองคน

"ส้มขอตัวนะ นัดกับเพื่อนที่หอว่าจะไปเดินดูเสื้อผ้ากัน"

"แล้วมึงอะ ไปด้วยกันมั้ย" ผมถามฟูจิ

"มึงไปกับพี่เขาเถอะ กูเบื่ออยากกลับห้องมากกว่า"

ผมมองมันด้วยความเป็นห่วง

"กูไม่ได้เป็นอะไรไม่ต้องมองกูแบบนั้น"

พวกเราสามคนนั่งคุยกันอยู่สักพัก ส้มส้มก็ขอแยกตัวออกไปก่อนเพราะเพื่อนที่นัดไว้โทรมาพอดี



"ฟูจิ ถ้ามึงมีอะไรมึงคุยกับกูได้ตลอด มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูเป็นห่วงมึง" ผมบอกฟูจิตอนที่เหลือเรานั่งกันอยู่สองคน ถึงเมื่อเช้าผมจะคุยกับมันไปแล้วก็เถอะแต่ผมก็อยากคุยกับมันอีก

"กูรู้ แต่กูไม่ได้เป็นอะไร"

"เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาแค่วันสองวันนะมึง มึงแปลกๆไปกูจะดูไม่ออกเลยเหรอ"

"กู ... " ฟูจิดูอึกอัก

"ไม่ต้องพูดตอนนี้ก็ได้ถ้ามึงยังไม่อยากเล่า กูแค่อยากให้มึงรู้แค่ว่ากูพร้อมจะรับฟังมึงเสมอ"

"มึงนี่เป็นคนอบอุ่นดีเนอะ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่ดี"

"ไอ้ฟูจิ!"

"ฮ่าๆ แบบนี้เป็นแม่ที่ดีของลูกพี่เติมเต็มได้แน่นอน" มันหัวเราะไปพูดไป

"ยังไม่หยุดอีก" ไม่น่าเป็นห่วงมันเลย




"แม่ของลูกพี่เหรอ?" เสียงพี่เติมเต็มดังมาจากด้านหลัง

"พี่เต็ม!" ผมเรียกด้วยความตกใจ

"ทำไมมาทางนี้ล่ะครับ" ปกติพี่เติมเต็มจะไม่เดินมาทางนี้ผมเลยแปลกใจ

"จอดรถอีกฝั่งหนึ่งน่ะ แล้วอะไรคือแม่ที่ดีของลูกพี่"

"ไม่มีอะไรครับ" ผมตอบ

"มีครับ" ฟูจิแย้ง

"งานนี้ขอเชื่อฟูจิละกัน" พี่เติมเต็มบอก ฟูจิหันมายักคิ้วใส่ผมอย่างกวนๆ

"ผมบอกว่าไอ้คนเก่งมันเหมาะที่จะเป็นแม่ที่ดีของลูกพี่เต็มได้" ฟูจิบอกพี่เติมเต็ม

"งั้นเหรอ" พี่เติมเต็มพูดยิ้มๆ

"พี่เต็มอย่าไปฟังฟูจิครับ พูดไปเรื่อย" ผมบอก

"งั้นกูไปก่อนนะ สวัสดีครับพี่เต็ม" ฟูจิบอกผมก่อนจะหันไปสวัสดีพี่เติมเต็ม

"ไม่ไปกินข้าวด้วยกันเหรอฟูจิ" พี่เติมเต็มถาม

"ไว้คราวหน้าละกันครับ วันนี้เพลียๆอยากกลับไปนอนมากกว่า" ฟูจิตอบ

"กูไปล่ะ" ฟูจิหันมาบอกผมอีกครั้งก่อนจะเดินไปทางลานจอดรถ

"เราก็ไปกันเถอะ" พี่เติมเต็มหันมาชวนผม พอเดินใกล้จะถึงรถพี่เติมเต็มก็เห็นคนที่ผมลืมนึกถึงไปเลยในช่วงที่ผ่านมา



...พี่อิงค์...


(มีต่อนะคะ)

ออฟไลน์ ninewara

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
(ต่อค่ะ)

พี่อิงค์ยืนอยู่ข้างรถพี่เติมเต็มครับ ถ้าให้ผมเดา พี่เขาน่าจะมาด้วยกัน


ผมยกมือไหว้พี่อิงค์ตอนที่เดินมาถึงรถ

"หวัดดีจ้ะ น้องคนเก่ง ไม่เจอกันนานเลย" พี่อิงค์ทักทายผม

"ครับ" ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี

"ขึ้นรถเถอะ" พี่เติมเต็มบอก

พี่อิงค์เดินไปเปิดประตูตรงฝั่งที่นั่งด้านข้างคนขับ ผมมองไปเห็นกระเป๋าถือของผู้หญิงอยู่ที่เบาะ ซึ่งน่าจะเป็นของพี่อิงค์ อย่างที่คิดไว้พี่เขามาด้วยกันจริงๆ

"อิงค์ ย้ายไปนั่งหลัง" เสียงพี่เติมเต็มบอกพี่อิงค์

"ขี้เกียจย้าย คนเก่งนั่งเบาะหลังได้ใช่มั้ย"

"ได้ครับ" ผมคงตอบอย่างอื่นไม่ได้

"อิงค์" พี่เติมเต็มเรียกพี่อิงค์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ

"ผมนั่งหลังได้ครับพี่เต็ม" ผมบอกพี่เติมเต็มก่อนจะเปิดประตูด้านหลังแล้วเข้าไปนั่ง




บรรยากาศในรถเงียบมากถึงมากที่สุด พี่เติมเต็มไม่พูดอะไรเลยจนถึงห้างที่จะมาทานข้าวกัน ส่วนพี่อิงค์ก็ชวนพี่เติมเต็มคุยตลอดแต่พี่เติมเต็มไม่ตอบหรือคุยอะไรด้วยเลย

พอลงจากรถมา เดินเข้ามาภายในห้าง พี่อิงค์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วบอกว่าจะตามไปที่ร้านเลย แสดงว่าพี่เขานัดกันแล้วว่าจะมาทานอะไรกัน

เฮ้อออ ... รู้สึกห่อเหี่ยวจัง

ช่วงที่ผ่านมาผมคงมีความสุขมากจนเกินไป จนลืมนึกถึงพี่อิงค์ ถึงแม้สถานะของพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์ยังไม่ชัดเจน แต่มันก็มีความน่าจะเป็นไปได้

ตอนนี้ผมเป็นน้องพี่เติมเต็ม ผมมีสิทธิ์ที่จะถามได้หรือเปล่านะ ว่าพี่สองคนเป็นอะไรกัน


ทั้งอยากรู้ทั้งกลัวคำตอบ



พี่เติมเต็มพาผมมาที่ร้านสุกี้ชาบูชื่อดัง พี่เติมเต็มแจ้งกับพนักงานว่ามากันสามคน แสดงว่าพวกเพื่อนพี่เติมเต็มไม่ได้มาด้วย

พอเดินมาถึงที่โต๊ะ พี่เติมเต็มก็ให้ผมเข้าไปนั่งด้านใน ส่วนพี่เติมเติมก็นั่งฝั่งเดียวกับผม

พี่เติมเต็มเป็นคนสั่งอาหารเองครับ เพราะถ้าถามผม ผมก็ให้พี่เขาสั่งตลอด พี่เติมเต็มเลยตัดปัญหาสั่งเองไปเลย

"เอาอะไรเพิ่มมั้ย" และถึงแม้พี่เติมเต็มจะเป็นคนสั่งเอง แต่ก็จะถามผมทุกครั้งว่าจะเอาอะไรเพิ่มจากที่สั่งมั้ย

"ไม่ครับ"

หลังจากพนักงานเดินออกไปจากโต๊ะ ผมก็ถามพี่เติมเต็มไปตรงๆ

"พี่เต็มนัดพี่อิงค์ไว้เหรอครับ"

"ใช่"

คำตอบของพี่เติมเต็มทำให้ใจผมเหี่ยวยิ่งกว่าเดิม

"จริงๆแล้ว ถ้าพี่เต็มมีนัดกับพี่อิงค์ไว้แล้ว บอกผมก็ได้นะครับ เราไม่ต้องกินข้าวด้วยกันทุกวันก็ได้" ผมบอกเพราะผมไม่อยากให้พี่เติมเต็มลำบาก

"ไม่ได้นัดล่วงหน้า นัดกะทันหัน"


หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เพราะพี่เติมเต็มดูใจจดจ่อกับมือถือ ผมก็เลยไม่กล้าจะชวนคุยอะไรมาก

พี่อิงค์ยังไม่มาเลยครับ  อาหารที่สั่งก็มาเรียบร้อยแล้ว

"เรากินกันก่อนก็ได้" พี่เติมเต็มบอกผม แต่มือก็คอยกดมือถือตลอด ผมมองเห็นชื่อที่หน้าจอเป็นชื่อของอีกคนที่นั่งรถมาด้วยกัน



"อิงค์อยู่ไหน" หลังจากที่เห็นพี่เติมเต็มกดมือถือหลายครั้ง พี่อิงค์ก็รับสายซะที


"อะไรนะ!"

"ให้เวลาไม่เกินสิบนาที"

"ไม่"

"อิงค์!"

"ไม่"

"ไม่"


ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่พี่เติมเต็มหันมามองผมอย่างน้อยก็สองครั้งแล้ว

ผมได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆของพี่เติมเต็ม


"มาเร็วๆนะครับที่รัก"



เคร้ง!!

ช้อนในมือผม ตอนนี้มันหล่นไปอยู่ที่พื้นเรียบร้อย

ผมไม่กล้าหันไปมองพี่เติมเต็มแต่รู้ว่าพี่เขาวางสายแล้ว ก่อนที่จะได้ยินเหมือนพี่เขาขอช้อนคันใหม่ให้ผม

"ขอโทษครับ" ผมได้ยินเสียงตัวเองที่มันเบามากๆ

"คนเก่ง" เสียงพี่เติมเต็มเรียกผม แต่ผมรู้สึกผมยังไม่อยากจะคุยอะไรกับพี่เขาเลย

ที่พาผมมาด้วยวันนี้เพราะจะพามาแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการหรือเปล่า


"มาแล้วๆ" พี่อิงค์นั่งลงที่เก้าอี่ฝั่งตรงกันข้าม

"ของโปรดของอิงค์ทั้งนั้น เต็มรู้ใจอิงค์ที่สุด" พี่อิงค์พูดครับ แต่ผมไม่กล้ามองหน้าพี่อิงค์เลย

"ลงมือๆเลยจ้ะคนเก่ง" พี่อิงค์บอกผม

จากที่ตอนแรกผมหิวมากแต่ตอนนี้ความหิวของผมมันหายไปพร้อมกับคำที่พี่เติมเต็มเรียกพี่อิงค์


'ที่รัก'


พี่เติมเต็มตักอาหารให้ผมหลายอย่างแต่ผมทานไม่ลงจริงๆครับ ทำยังไงดี ผมจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไร


"อิงค์" เสียงพี่เติมเต็มครับ

"ว่าไงคะ ที่รัก"

"ไม่เอาแล้วว่ะ ขอยกเลิก ไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร"

ผมได้ยินเสียงพี่อิงค์หัวเราะ

"ยกเลิกได้ไง"

"ทำแล้วไม่สบายใจก็ไม่อยากทำแล้ว"


ผมไม่รู้ว่าพี่ทั้งสองคนคุยอะไรกัน เรียกว่าผมไม่สนใจเลยก็ได้ ในหัวผมกำลังคิดว่าผมควรจะปฏิบัติตัวต่อพี่เติมเต็มยังไงต่อไปดี ถ้ายังไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆจะดีมั้ย เพราะพี่อิงค์ก็รู้ว่าผมชอบพี่เติมเต็ม คงไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองไปกับคนที่มาบอกว่ารักว่าชอบเท่าไหร่หรอก



"คนเก่ง" เสียงพี่อิงค์เรียกผมครับ

"โอเคหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผม

"ครับ?" หัวสมองผมยังประมวลผลไม่ถูกครับ

"พี่เรียกคนเก่งตั้งหลายรอบ" พี่อิงค์บอก

"ขอโทษครับ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย"

"ไม่เห็นกินอะไรเลย" พี่อิงค์ถามผม

"ผมไม่ค่อยหิวครับ"

"เรากลับกันดีกว่ามั้ย" เสียงพี่เติมเต็มถามผม นั่นสิผมกลับก่อนน่าจะดี

"ครับ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ผมบอก พร้อมกับหยิบเอากระเป๋า

"เดี๋ยวจะไปไหน" พี่เติมเต็มถามผมน้ำเสียงตกใจ

"ก็พี่เต็มถามผมว่าผมกลับก่อนดีกว่ามั้ย ผมก็เลยจะกลับ"

"พี่พูดว่า 'เรากลับกันดีกว่ามั้ย' เราหมายถึงเราสองคน"

ผมได้แต่ร้องอ๋อ...ในใจ ผมได้ยินว่า 'เรากลับก่อนดีกว่ามั้ย' ซึ่งเราหมายถึงผม


"อย่าเพิ่งกลับๆ พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย" พี่อิงค์บอก

ผมก็เลยนั่งเงียบ รอว่าพี่อิงค์จะคุยอะไร

"คนเก่งคิดว่าพี่กับเต็มเป็นอะไรกัน" คำถามแรกจากพี่อิงค์ก็ทำผมแย่แล้วครับ

"อิงค์ พอแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ" พี่เติมเต็มบอกพี่อิงค์ ก่อนที่จะมาจับข้อมือผมและดึงผมลุกขึ้น

"เฮ้อออ ไม่สนุกเลย เลิกก็ได้" พี่อิงค์พูด ส่วนพี่เติมเต็มก็นั่งลงเหมือนเดิม แต่ยังจับข้อมือผมอยู่

"แค่เห็นท่าทางคนเก่ง ผมก็ไม่สนุกแล้ว" พี่เติมเต็มพูด

"สมกับที่เรียนวิศวะ แวว 'เกียร์มัว' มาตั้งแต่เริ่ม" ได้ยินพี่อิงค์บ่นเบาๆ



"เอาล่ะ คนเก่ง!" พี่อิงค์เรียกผมเสียงดังขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อยและดูจริงจัง

"ครับ"

"พี่กับอดีตเดือนวิศวะคนนี้ ไม่ได้เป็นแฟนกัน กิ๊กกัน หรือชอบพอหรือคบหากันอย่างที่ คนส่วนใหญ่รวมถึงคนเก่งเข้าใจ" พี่อิงค์พูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่พี่เติมเต็ม

"และพี่ต้องขอโทษคนเก่งเรื่องที่พี่พูดกับคนเก่งวันนั้น คงทำให้คนเก่งไม่สบายใจมากแน่ๆ"

"เรื่องอะไร" พี่เติมเต็มถาม และพี่อิงค์ก็เป็นคนที่เล่าให้พี่เติมเต็มฟัง เรื่องวันที่พี่อิงค์พูดกับผมวันที่เจอกันที่สนามบาส

 พี่เติมเต็มมองหน้าผมเหมือนจะพูดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"มีอีกมั้ย" พี่เติมเต็มถามพี่อิงค์

"แค่นี้แหละ"

พี่เติมเต็มมองผม

"เดี๋ยวเราค่อยไปเคลียร์กันทีหลัง" พี่เติมเต็มบอกผม



ผมยังงงกับเรื่องที่พี่อิงค์พูดครับ ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ผมได้ยินชัดเจนนะครับว่าเรียกกันว่า 'ที่รัก'


"แล้วก็......"  พี่อิงค์ก็เล่าให้ฟังว่า

พี่เติมเต็มกลัวผมจะเข้าใจผิดเรื่องพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์ก็เลยอยากให้พี่อิงค์มาช่วยคุยกับผมให้หน่อย พี่อิงค์บอกว่าครอบครัวพี่ทั้งสองคนสนิทกันและพวกพี่ก็รู้จักกันมาก่อนที่จะมาเข้าเรียนที่นี่ ช่วงที่เข้ามาเรียนพี่เติมเต็มก็มีคนมาชอบเยอะ และพี่อิงค์ก็ไม่ต่างกัน พี่อิงค์ก็เลยแสดงตัวว่าสนิทสนมกับพี่เติมเต็มเป็นพิเศษ เพื่อให้คนอื่นเข้าใจไปในทางนั้น ซึ่งพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดหรือขัดอะไรในสิ่งที่พี่อิงค์ทำ เพราะถือว่าช่วยกัน ไม่ให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายมาก


"จนช่วงที่จะขึ้นปีสาม อยู่ๆก็บอกว่าไม่อยากให้ทำแบบนี้แล้ว พี่ก็เลยถามว่ามีคนที่ชอบแล้วเหรอ เต็มก็บอกว่าเปล่า พี่ก็สงสัยงั้นทำไมให้เลิกทำ คืองี้นะ ถ้าเต็มมีคนที่ชอบจริง พี่ก็เลิกทำนะ แต่เต็มบอกว่าไม่มีพี่ก็เลยสงสัยว่าทำไมให้เลิก"



พี่อิงค์เว้นช่วงนิดหน่อย



"จนวันที่พี่รู้ว่าคนเก่งเข้ามาเรียนที่นี่ พี่ถึงได้เข้าใจว่าทำไมอยากให้เลิกทำ"


พี่อิงค์ยิ้มและมองพี่เติมเต็มแบบร้ายๆ ซึ่งพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนผมก็รอลุ้นว่ามันเกี่ยวกับผมตรงไหน


"เรื่องของคนเก่งที่พี่รู้เพราะมีครั้งหนึ่งที่พี่กับคุณแม่ไปที่บ้านเต็ม แล้วม่าม๊าเล่าเรื่องที่มีผู้ชายมาชอบเต็ม และผู้ชายคนนี้ก็ส่งการ์ดมาให้เต็มตลอดสองสามปี พี่ก็เลยอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ก็เลยแอบไปเจอครั้งสองครั้งที่ร้านคุณแม่ของคนเก่ง"

"หา!" ไม่ใช่เสียงผมนะครับเสียงพี่เติมเต็ม

"เสียงดังทำไม"

"แอบไปหาน้องทำไม"

"ก็อยากเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง นึกว่าต้องใส่แว่นตาหนาๆแน่เลยถึงได้สายตาไม่ดีมาชอบเต็ม"

"ผมไม่ได้สายตาไม่ดีนะครับ" ผมรีบแย้งก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าพี่อิงค์คงจะแค่แซวเล่น

"จนต่อมาได้มาเจอคนเก่งอีกทีที่มหาลัยก็เลยเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเต็มบอกให้พี่เลิกทำตัวเหมือนแฟนกันได้แล้ว"

พี่อิงค์หยุดพูดและมองหน้าพี่เติมเต็ม

"คนเก่งคือเหตุผล ถูกมั้ย?" พี่อิงค์ถามพี่เติมเต็ม

พี่เติมเต็มไม่ได้ตอบ

"ขอโทษนะครับ เกี่ยวกับผมตรงไหน"

"ก็...เต็มไม่อยากให้คนเก่งเข้าใจผิดน่ะสิ" พี่อิงค์ตอบ

หืม? ไม่อยากให้ผมเข้าใจผิดงั้นเหรอ

"หลังจากนั้นพี่ก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับเต็มมากนักเพราะก็เป็นช่วงที่พี่เริ่มมีคนคุยด้วย จนเวลาผ่านไปก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่รู้มัวทำอะไรกันอยู่ทั้งสองคนเลย!"

อยู่ๆพี่อิงค์ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาครับ

"คนเก่ง!"

"ครับ!" ผมตอบรับด้วยความตกใจ

"จีบเรื่อยเฉื่อยแบบนี้เมื่อไหร่จะสำเร็จ"

"......"

"ส่วนเต็มก็มัวแต่ท่ามากอยู่นั่นแหละ ทั้งๆที่...."

"พอ" พี่เติมเต็มบอกให้พี่อิงค์หยุดพูด

"อะไรที่คนเก่งควรจะรู้จากปากผม เดี๋ยวผมพูดเอง ไม่ต้องพูดแทน" พี่เติมเต็มพูดเสริมขึ้นมา

"ตั้งใจจะแกล้งมากกว่านี้แต่สงสัยเต็มจะไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆของคนเก่งล่ะมั้ง ทั้งๆที่ตอนแรกตกลงกันอย่างดี"

"พูดเยอะไปแล้ว" พี่เติมเต็มบอก

"ก็มันตลกดี บอกให้ทำอะไรก็ทำ ทั้งๆที่ไม่ต้องทำก็ได้ ยังไงอิงค์ก็ต้องมาคุยให้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"

พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไรออกมา

"ถ้าจะร้อนใจมากขนาดนี้ ก็น่าจะมั่นใจได้แล้วล่ะมั้งว่ารู้สึกยังไง" พี่อิงค์พูดออกมาอีก


ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่าพี่เติมเต็มร้อนใจเรื่องที่กลัวว่าผมจะเข้าใจผิดความสัมพันธ์ของพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์

แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ


"เอาเป็นว่าเคลียร์กันแล้วนะเรื่องพี่กับเต็มเป็นอะไรกัน ต่อไปก็ไปเคลียร์กันเองนะว่าตกลงจะคบกันได้หรือยัง" ประโยคแรกพี่อิงค์พูดกับผม ส่วนประโยคต่อมาพี่อิงค์น่าจะบอกพี่เติมเต็มเพราะพี่อิงค์มองพี่เติมเต็ม

หลังจากนั้น พี่เติมเต็มก็เรียกเช็คบิล พี่อิงค์ขอตัวกลับเองเพราะบอกว่าจะไปเดินเล่นกับเพื่อนต่อ



ขากลับความเงียบในรถก็ไม่ต่างจากขามา แต่คราวนี้ผมว่ามันเป็นความเงียบที่ไม่ได้น่าอึดอัดใจอะไร

พี่เติมเต็มไม่ได้ขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพื่อไปส่งผมที่หอ ผมคิดว่าพี่เติมเต็มคงจะขับรถไปที่ถนนอีกเส้นที่อยู่อีกฝั่งของมหาวิทยาลัย แต่พี่เติมเต็มขับเลยเส้นนั้นมาก่อนจะมายูเทิร์น ผมว่าผมเดาได้ว่าพี่เติมเต็มจะไปไหน


คอนโดของพี่เติมเต็มครับ


"ทำไมไม่ส่งผมที่หอล่ะครับ"

"บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวเราต้องเคลียร์กัน คุยที่นี่แหละ"


พี่เติมเต็มจอดรถในที่จอดรถที่ระบุเลขที่ห้อง ก่อนจะเดินนำผมไปที่ลิฟท์ อดตื่นเต้นไม่ได้ครับเพราะผมยังไม่เคยมาที่คอนโดพี่เติมเต็มเลยสักครั้ง


พี่เติมเต็มกดเลข 18
ผมมองตัวเลขในลิฟท์แล้วแปลกใจ เพราะตัวเลขที่แสดงเห็นมีเลข 2,4,6....22 คือเป็นเลขคู่ทั้งหมดเลย

"พี่เต็มครับทำไมที่นี่มีแต่ชั้นเลขคู่ล่ะครับ"

"ที่นี่มีลิฟท์สี่ตัว แบ่งเป็นลิฟท์ชั้นที่เป็นเลขคู่สองตัว และลิฟท์ที่เป็นเลขคี่อีกสองตัว ที่นี่มีทั้งหมด 22 ชั้น พี่อยู่ชั้น 18" พี่เติมเต็มอธิบาย

ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ไม่นานก็ถึงชั้นสิบแปด พอออกจากลิฟท์มา ผมก็มองรอบๆด้วยความสนใจ ผมไม่รู้ว่าทุกชั้นเหมือนกันมั้ยแต่ชั้นนี้ผมเห็นมีห้องอยู่แค่หกห้องเท่านั้นเอง


พี่เติมเต็มพาผมมาหยุดหน้าห้อง 18B ผมมองพี่เติมเต็มสอดคีย์การ์ดเข้าไปที่เครื่องที่อยู่หน้าห้อง พร้อมกับเห็นพี่เติมเต็มกดตัวเลขบนเครื่องนั้น คงจะเป็นรหัสในการเข้าห้อง ระบบรักษาความปลอดภัยสุดยอดเลยครับ


ผมรู้ตัวเลยครับว่าผมตาโตมากแค่ไหนที่ได้มาเห็นห้องพี่เติมเต็ม ห้องใหญ่มากจนไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่คนเดียว พอเปิดประตูเข้ามาจะเจอชุดรับแขก เป็นโซฟาตัวใหญ่สองตัววางต่อกันเป็นรูปตัวแอล มีทีวีที่จอใหญ่มากอยู่ตรงข้ามกับโซฟา ตรงกลางคั่นด้วยโต๊ะกระจกสีควันบุหรี่

ด้านขวามือจะเป็นห้องครัวครับ จะมีชั้นวางคล้ายเคาน์เตอร์บาร์ แบ่งสัดส่วนของห้องครัวและห้องรับแขก ภายในห้องครัวมีตู้เย็นขนาดใหญ่สองตู้ มีเคาน์เตอร์ครัวที่มีอุปกรณ์พร้อม และมีโต๊ะทานข้าวขนาดสี่ที่นั่งอยู่ด้วย

ห้องของพี่เติมเต็มแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน,เทาและขาวครับ และเพดานสูงมาก ทั้งสองห้องขนาดใหญ่กว่าห้องรับแขกและห้องครัวที่บ้านผมอีก

"ไปดูห้องนอนด้วยมั้ย" พี่เติมเต็มถามพร้อมกับหัวเราะผม คงเห็นผมเดินสำรวจเกือบทั่วห้อง

"ก็ห้องพี่เต็มสวยนี่ครับ"

"ชอบเหรอ"

"ครับ ชอบมากเลย"

พี่เติมเต็มเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ

"เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งดูทีวีรอก่อน" พี่เติมเต็มเปิดทีวีและยื่นรีโมทให้ผม ก่อนจะเดินไปที่ห้องที่อยู่ถัดจากห้องรับแขกไป ผมมองตามเห็นมีอยู่สองห้อง แต่ผมไม่ได้มองว่าพี่เติมเต็มเดินเข้าห้องไหน


ผมนั่งดูทีวีอยู่เกือบๆครึ่งชั่วโมง พี่เติมเต็มก็เดินมานั่งข้างๆผมที่โซฟาตัวเดียวกัน ดูแล้วพี่เติมเต็มคงจะอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้วเพราะกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ หอมฟุ้งไปทั่วห้อง พี่เติมเต็มใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสามส่วน ผมชอบลุคนี้ของพี่เติมเต็มจังเลยครับ


พี่เติมเต็มกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ เท่าที่ฟังดูน่าจะกำลังคุยกับคุณป้า (ม๊าของพี่เติมเต็ม) ไม่นานพี่เติมเต็มก็วางสาย


"เอาล่ะ มาคุยกัน" พี่เติมเต็มหันหน้ามาคุยกับผมแบบจริงจัง

"ครับ"

"รูปคู่กับไอ้วินนี่มันยังไง สรุปมันจีบ?"

"รูปนี้ถ่ายนานแล้วครับ แต่ไม่รู้ทำไมพี่วินถึงเอาไปให้ทางเพจลง"

"มันเอาไปให้เพจลง?"

"ครับ พี่วินบอกว่าเป็นคนเอาไปให้เพจลงเอง เพราะสนิทกับแอดมิน"

"แม่งกวนตีน ... หมายถึงไอ้วิน"

"......."

"แล้วเรื่องจีบล่ะ"

"ผมถามแล้ว พี่วินเขาก็บอกว่า ... จีบจริงๆครับ"

"......" พี่เติมเต็มมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ

"แต่ผมว่าพี่วินน่าจะแค่พูดเล่นมากกว่าเพราะไม่เคยเห็นทำท่าจะจีบผมมาก่อน"

"แล้วถ้ามันพูดจริง"

"ผมยังเชื่อว่าไม่น่าจะใช่นะครับ พี่วินไม่น่าจะมาชอบผมได้ คืออย่างผมใครจะมาชอบแค่คิดก็แปลกๆแล้ว" ผมพูดอย่างที่คิด

"ทำไมจะชอบไม่ได้ขนาดพี่ยัง..."

"ยัง....อะไรครับ"

"ขนาดพี่ยังชอบเราเลย"

"อ๋อ...ห๊ะ! ชอบ พี่เต็มบอกว่าชอบผมเหรอ"


หัวใจผมเต้นระรัว รู้สึกว่าตัวเองมือสั่น ผมไม่ได้ยินอะไรผิดไปใช่มั้ย


"ใช่ พี่บอกว่าชอบ พี่ชอบคนเก่งนะ" พี่เติมเต็มพูดและลูบหัวผมไปมา

"เอ่อ...ไม่ได้หมายถึงชอบแบบพี่น้องใช่มั้ยครับ" ผมถามเพื่อความแน่ใจ

"เมื่อห้าปีก่อนพี่ได้รับจดหมายจากเด็กคนหนึ่ง ในจดหมายเด็กคนนั้นบอกว่าชอบพี่ คำว่าชอบของพี่มีความหมายเหมือนคำว่าชอบของเด็กคนนั้น" พี่เติมเต็มจับมือของผมพร้อมกับลูบไปมา

"ขอบคุณนะครับ" ขอบคุณที่พี่ชอบผม

"วันนี้ตอนที่อยู่ร้านสุกี้พี่ขอโทษนะ"

"เรื่องอะไรเหรอครับ"

"ก็เรื่องที่เรียกอิงค์ว่าที่รักไง โดนบังคับ"

"อ๋อ"

"เห็นหน้าเราพี่ก็ไม่อยากจะทำแล้ว"

พี่เติมเต็มน่ารักจังเลยครับ

"คนเก่ง พี่ถามจริงๆนะ คิดมากเรื่องอิงค์มั้ย"

"ก็...คิดครับ เพราะตอนนั้นพี่วินก็เคยบอกผ่านฟูจิมาว่า พี่สองคนน่าจะคุยๆคบๆกันอยู่ ผมก็ไปส่องเพจบ้าง ไอจีบ้าง ผมก็คิดว่าพวกพี่ก็ดูเหมาะสมกันดีครับ"

"ไม่หวงพี่เลยหรือไง"

"อืม ..คิดว่าไม่หวงนะครับ คือ .. ผมคิดว่า .." ผมไม่รู้พูดออกไปมันจะดีมั้ย ก็เลยลังเลใจ

"พูดมาเลย"

"คือถ้าตอนนั้นเป็นอย่างตอนนี้ผมก็คงจะหวงพี่ครับ ตอนนั้นพี่รู้แค่ผมมาชอบพี่ ซึ่งมันก็แค่นั้น เราไม่ได้รู้จักกันอย่างตอนนี้"

"ตอนที่พี่ไปหาเราที่ห้องเรียนครั้งแรก จำได้มั้ย"

"ไม่เคยลืมครับ"

"งั้นก็ต้องจำได้ว่า คนเก่งเคยบอกพี่ว่าไม่อยากครอบครอง ขอแค่ได้ชอบ"

"ครับ จำได้"

"แล้วตอนนี้คนเก่งยังคิดแบบนั้นอยู่มั้ย ยังไม่อยากครอบครองอยู่มั้ย"

"........"

"ว่าไง"

"ผม ... ผมพูดได้อย่างที่คิดเหรอครับ"

"ได้สิ"

"ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้ใกล้ชิด ผมก็ยิ่งอยากครอบครอง ผมคิดว่าตัวเองทำตัวไม่น่ารักเลย"

"คนเก่ง"

"ครับ"

"พี่ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งพี่จะมีโมเม้นท์ที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้มาก่อน แต่...ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนเก่งน่ารักเสมอสำหรับพี่"

"......"

"ไม่รู้ว่าสำหรับคนเก่งระยะเวลาห้าปีมันนานมั้ย แต่สำหรับพี่มันนานมาก"

"......"

"พี่ก็เลยคิดว่า เรามาลองคบกันดูดีมั้ย ลองมาคุยกันให้มากกว่าคำว่าพี่น้อง พี่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราค่อยเป็นค่อยไป จนถึงวันที่เรามั่นใจจริงๆค่อยขยับสถานะกันอีกที"

ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ลองคบ ลองคุยให้มากกว่าคำว่าพี่น้อง แล้วค่อยขยับสถานะ ผมจะพูดอะไรออกไปดีนะ สมองผมคิดไม่ทัน


"มันเหมือนทดลองงานมั้ยครับ"

"ห๊ะ!คำถามอะไรของเรา"

"ก็เวลาที่เราจะเข้าทำงาน เขาจะมีทดลองงานเราก่อน ถ้าผ่านเราก็ได้เป็นพนักงานประจำบริษัทนั้นๆ"

"คิดได้นะ"

"....."

"ก็เข้าท่าดี แบบนี้ถ้าทดลองคบผ่าน เราก็จะเป็นแฟนกันจริงๆ"

พอได้ยินคำว่าแฟนออกมาจากปากพี่เติมเต็มผมก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที

"แต่ทดลองงานบริษัท เจ้าของบริษัทเป็นคนประเมินว่าจะให้ผ่านทดลองงานมั้ย แล้วพวกเราล่ะใครจะประเมิน" พี่เติมเต็มพูดต่อ

ผมคิดในใจว่า ผมคงให้พี่เติมเต็มผ่านการทดลองตั้งแต่วันแรก

"พี่ว่าใช้ความรู้สึกเป็นตัวประเมินดีที่สุด แล้วเราจะรู้เองว่ามันใช่มั้ย"

"ครับ"

"ถ้างั้นก็..." พี่เติมเต็มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และดึงแขนผมให้ลุกขึ้นมาด้วย ตอนนี้เราสองคนยืนหันหน้าเข้าหากัน

"ผมมาทดลองคบเป็นวันแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" พี่เติมเต็มยื่นมือมาเพื่อจะเช็คแฮนด์กับผม ผมยื่นมือไปเช็คแฮนด์ตอบ และบอกกับพี่เติมเต็มว่า

"ขอฝากใจด้วยนะครับ"

เรายืนจับมือเช็คแฮนด์กันสักพัก ก็รู้สึกเขินกันขึ้นมา พี่เติมเต็มก็ดูจะหูแดงหน่อยๆด้วย พวกเราก็เลยนั่งลงที่โซฟาตามเดิม และพี่เติมเต็มก็เปิดดูหนังจากช่องเคเบิ้ล เห็นบอกว่าต้องดูเป็นประจำ

ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวแบบไหน ผมรู้สึกเกร็งไปหมด เพราะผมไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน พอมาเจอจริงๆผมก็เลยนึกไม่ออกว่าต้องทำตัวยังไงดี

"คนเก่ง"

"ครับ"

"ทำตัวตามปกติ สบายๆ อย่าทำหน้าเครียดขนาดนั้น เป็นแบบที่เราเคยเป็นได้เลย"


หลังจากนั่งเล่น นอนเล่นอยู่ในห้องพี่เติมเต็มหลายชั่วโมง มองดูเวลาก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ได้เวลาที่ต้องกลับหอแล้วครับ

"เดี๋ยวผมจะกลับหอแล้วนะครับ พี่เต็มไม่ต้องไปส่งก็ได้"

"ค้างที่นี่เลยสิ"

"ไม่เอาครับ!" ผมพูดด้วยความตกใจ

พี่เติมเต็มหัวเราะครับ

"เสียงดังทำไมเนี่ย ไม่อยากใช้สิทธิ์ของแฟนฝึกงานเหรอ"

'แฟนฝึกงาน' ... คิดได้ไงเนี่ย เคยได้ยินแต่นักศึกษาฝึกงาน



สุดท้าย พี่เติมเต็มก็ขับรถมาส่งผมที่หอจนได้ พี่เติมเต็มจอดรถใกล้ๆกับหน้าหอ พอผมปลดเข็มขัดนิรภัยออก ผมก็ตัดสินใจหันมาพูด สิ่งที่ผมคิดมาตลอดตั้งแต่อยู่ที่คอนโดพี่เติมเต็ม

"พี่เต็มครับ เรื่องพี่กับพี่อิงค์ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้พี่อิงค์มาอธิบายก็ได้นะครับ แค่พี่เต็มบอกผมว่าไม่มีอะไร ผมก็พร้อมที่จะเชื่อพี่เต็มอยู่แล้ว คนอื่นพูดเป็นร้อย ไม่สำคัญสำหรับผมเท่าคำพูดพี่คนเดียวหรอกนะครับ"

พี่เติมเต็มใช้มือมาเกลี่ยผมที่มันตกลงมาปรกหน้าผากผม ผมเคยเห็นในละครที่พระเอกชอบทำแบบนี้กับนางเอกบ่อยๆ ผมไม่กล้าจะสบตากับพี่เติมเต็มเลยครับ

"ขอบคุณนะครับ"

โอ้ยยย...ใจผม
ใจมันแพ้พี่เติมเต็มไปหมดแล้ว
พอพูดมีคำว่าครับทีไร ผมรู้เลยว่าผมแพ้
ไปต่อไปถูกเลย

พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่จากที่ลูบผมของผม ก็เปลี่ยนเป็นมาจับมือแทน

"มือนิ่มจัง"

พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับลูบมือผมไปมา ผมเขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว ผมว่าผมควรจะขึ้นห้องตัวเองได้แล้วก่อนที่หัวใจผมจะวาย

"คืนนี้อย่านอนดึกนะครับ พรุ่งนี้มีแข่ง"

พี่เติมเต็มหัวเราะผม เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร

"เราก็เหมือนกัน นอนให้ไว" พี่เติมเต็มปล่อยมือผมเปลี่ยนมาลูบผมเบาๆ

"ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ"

ผมกำลังจะเปิดประตูรถลงไป แต่พี่เติมเต็มจับแขนผมไว้ก่อน

"นั่นไอ้วินนี่ มันมาทำอะไรหอเรา มันเคยมาหาที่นี่หรือเปล่า"

ผมมองตามสายตาพี่เติมเต็ม เห็นพี่ธาวินยืนพิงรถยนต์คนหนึ่งที่จอดอยู่มุมหนึ่งของหอพัก

"ไม่เคยครับ" ผมตอบตามจริงคือพี่ธาวินไม่เคยมาหาผมที่หอเลย

"อย่าเพิ่งลงนะ" พี่เติมเต็มกำชับผมอีก ซึ่งผมก็ไม่คิดจะลงอยู่แล้ว

ไม่ถึงห้านาที ผมเห็นฟูจิเดินมาหาพี่ธาวินที่รถ ที่แท้ก็มาหาฟูจิ ฟูจิอยู่หอเดียวกับผมครับ

"นั่นไงครับมาหาฟูจิ"

ผมนั่งมองพี่ธาวินกับฟูจิยืนคุยกัน ซึ่งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะรอดูอะไร ลงจากรถเลยก็ได้แต่ผมเดาว่าพี่เติมเต็มคงไม่อยากให้ผมลงไปเจอกับพี่ธาวิน ผมก็เลยคิดว่านั่งรออีกสักนิดก็คงไม่เป็นไร


และอีกไม่กี่นาทีต่อมาภาพตรงหน้าทำให้ผมตกใจมากถึงมากที่สุด



พี่ธาวินกำลังจูบกับฟูจิครับ



"เฮ้ย!!"

เสียงผม


และตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆจากพี่เติมเต็ม


มันเกิดอะไรขึ้น!!

ฟูจิกับพี่ธาวิน!!






TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿



◕ ธาวิน ♥ ฟูจิ มาเฉยเลย ^__^
   

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เห็นอาการของฟูจิ  ก็พอเดาได้แหละ

ส่วนที่พี่วินมาออกตัวจีบคนเก่งนั้น  คิดว่าคงอยากกระตุ้นให้เติมเต็มเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้เร็วขึ้นหล่ะนะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

น่ารักทั้งคู่
คู่รองก็น่าลุ้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด