(ต่อค่ะ)
พี่อิงค์ยืนอยู่ข้างรถพี่เติมเต็มครับ ถ้าให้ผมเดา พี่เขาน่าจะมาด้วยกัน
ผมยกมือไหว้พี่อิงค์ตอนที่เดินมาถึงรถ
"หวัดดีจ้ะ น้องคนเก่ง ไม่เจอกันนานเลย" พี่อิงค์ทักทายผม
"ครับ" ผมไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี
"ขึ้นรถเถอะ" พี่เติมเต็มบอก
พี่อิงค์เดินไปเปิดประตูตรงฝั่งที่นั่งด้านข้างคนขับ ผมมองไปเห็นกระเป๋าถือของผู้หญิงอยู่ที่เบาะ ซึ่งน่าจะเป็นของพี่อิงค์ อย่างที่คิดไว้พี่เขามาด้วยกันจริงๆ
"อิงค์ ย้ายไปนั่งหลัง" เสียงพี่เติมเต็มบอกพี่อิงค์
"ขี้เกียจย้าย คนเก่งนั่งเบาะหลังได้ใช่มั้ย"
"ได้ครับ" ผมคงตอบอย่างอื่นไม่ได้
"อิงค์" พี่เติมเต็มเรียกพี่อิงค์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ
"ผมนั่งหลังได้ครับพี่เต็ม" ผมบอกพี่เติมเต็มก่อนจะเปิดประตูด้านหลังแล้วเข้าไปนั่ง
บรรยากาศในรถเงียบมากถึงมากที่สุด พี่เติมเต็มไม่พูดอะไรเลยจนถึงห้างที่จะมาทานข้าวกัน ส่วนพี่อิงค์ก็ชวนพี่เติมเต็มคุยตลอดแต่พี่เติมเต็มไม่ตอบหรือคุยอะไรด้วยเลย
พอลงจากรถมา เดินเข้ามาภายในห้าง พี่อิงค์ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วบอกว่าจะตามไปที่ร้านเลย แสดงว่าพี่เขานัดกันแล้วว่าจะมาทานอะไรกัน
เฮ้อออ ... รู้สึกห่อเหี่ยวจัง
ช่วงที่ผ่านมาผมคงมีความสุขมากจนเกินไป จนลืมนึกถึงพี่อิงค์ ถึงแม้สถานะของพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์ยังไม่ชัดเจน แต่มันก็มีความน่าจะเป็นไปได้
ตอนนี้ผมเป็นน้องพี่เติมเต็ม ผมมีสิทธิ์ที่จะถามได้หรือเปล่านะ ว่าพี่สองคนเป็นอะไรกัน
ทั้งอยากรู้ทั้งกลัวคำตอบ
พี่เติมเต็มพาผมมาที่ร้านสุกี้ชาบูชื่อดัง พี่เติมเต็มแจ้งกับพนักงานว่ามากันสามคน แสดงว่าพวกเพื่อนพี่เติมเต็มไม่ได้มาด้วย
พอเดินมาถึงที่โต๊ะ พี่เติมเต็มก็ให้ผมเข้าไปนั่งด้านใน ส่วนพี่เติมเติมก็นั่งฝั่งเดียวกับผม
พี่เติมเต็มเป็นคนสั่งอาหารเองครับ เพราะถ้าถามผม ผมก็ให้พี่เขาสั่งตลอด พี่เติมเต็มเลยตัดปัญหาสั่งเองไปเลย
"เอาอะไรเพิ่มมั้ย" และถึงแม้พี่เติมเต็มจะเป็นคนสั่งเอง แต่ก็จะถามผมทุกครั้งว่าจะเอาอะไรเพิ่มจากที่สั่งมั้ย
"ไม่ครับ"
หลังจากพนักงานเดินออกไปจากโต๊ะ ผมก็ถามพี่เติมเต็มไปตรงๆ
"พี่เต็มนัดพี่อิงค์ไว้เหรอครับ"
"ใช่"
คำตอบของพี่เติมเต็มทำให้ใจผมเหี่ยวยิ่งกว่าเดิม
"จริงๆแล้ว ถ้าพี่เต็มมีนัดกับพี่อิงค์ไว้แล้ว บอกผมก็ได้นะครับ เราไม่ต้องกินข้าวด้วยกันทุกวันก็ได้" ผมบอกเพราะผมไม่อยากให้พี่เติมเต็มลำบาก
"ไม่ได้นัดล่วงหน้า นัดกะทันหัน"
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เพราะพี่เติมเต็มดูใจจดจ่อกับมือถือ ผมก็เลยไม่กล้าจะชวนคุยอะไรมาก
พี่อิงค์ยังไม่มาเลยครับ อาหารที่สั่งก็มาเรียบร้อยแล้ว
"เรากินกันก่อนก็ได้" พี่เติมเต็มบอกผม แต่มือก็คอยกดมือถือตลอด ผมมองเห็นชื่อที่หน้าจอเป็นชื่อของอีกคนที่นั่งรถมาด้วยกัน
"อิงค์อยู่ไหน" หลังจากที่เห็นพี่เติมเต็มกดมือถือหลายครั้ง พี่อิงค์ก็รับสายซะที
"อะไรนะ!"
"ให้เวลาไม่เกินสิบนาที"
"ไม่"
"อิงค์!"
"ไม่"
"ไม่"
ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันแต่พี่เติมเต็มหันมามองผมอย่างน้อยก็สองครั้งแล้ว
ผมได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆของพี่เติมเต็ม
"มาเร็วๆนะครับที่รัก"
เคร้ง!!
ช้อนในมือผม ตอนนี้มันหล่นไปอยู่ที่พื้นเรียบร้อย
ผมไม่กล้าหันไปมองพี่เติมเต็มแต่รู้ว่าพี่เขาวางสายแล้ว ก่อนที่จะได้ยินเหมือนพี่เขาขอช้อนคันใหม่ให้ผม
"ขอโทษครับ" ผมได้ยินเสียงตัวเองที่มันเบามากๆ
"คนเก่ง" เสียงพี่เติมเต็มเรียกผม แต่ผมรู้สึกผมยังไม่อยากจะคุยอะไรกับพี่เขาเลย
ที่พาผมมาด้วยวันนี้เพราะจะพามาแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการหรือเปล่า
"มาแล้วๆ" พี่อิงค์นั่งลงที่เก้าอี่ฝั่งตรงกันข้าม
"ของโปรดของอิงค์ทั้งนั้น เต็มรู้ใจอิงค์ที่สุด" พี่อิงค์พูดครับ แต่ผมไม่กล้ามองหน้าพี่อิงค์เลย
"ลงมือๆเลยจ้ะคนเก่ง" พี่อิงค์บอกผม
จากที่ตอนแรกผมหิวมากแต่ตอนนี้ความหิวของผมมันหายไปพร้อมกับคำที่พี่เติมเต็มเรียกพี่อิงค์
'ที่รัก'
พี่เติมเต็มตักอาหารให้ผมหลายอย่างแต่ผมทานไม่ลงจริงๆครับ ทำยังไงดี ผมจะทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยได้อย่างไร
"อิงค์" เสียงพี่เติมเต็มครับ
"ว่าไงคะ ที่รัก"
"ไม่เอาแล้วว่ะ ขอยกเลิก ไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร"
ผมได้ยินเสียงพี่อิงค์หัวเราะ
"ยกเลิกได้ไง"
"ทำแล้วไม่สบายใจก็ไม่อยากทำแล้ว"
ผมไม่รู้ว่าพี่ทั้งสองคนคุยอะไรกัน เรียกว่าผมไม่สนใจเลยก็ได้ ในหัวผมกำลังคิดว่าผมควรจะปฏิบัติตัวต่อพี่เติมเต็มยังไงต่อไปดี ถ้ายังไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆจะดีมั้ย เพราะพี่อิงค์ก็รู้ว่าผมชอบพี่เติมเต็ม คงไม่มีใครอยากให้แฟนตัวเองไปกับคนที่มาบอกว่ารักว่าชอบเท่าไหร่หรอก
"คนเก่ง" เสียงพี่อิงค์เรียกผมครับ
"โอเคหรือเปล่า" พี่เติมเต็มถามผม
"ครับ?" หัวสมองผมยังประมวลผลไม่ถูกครับ
"พี่เรียกคนเก่งตั้งหลายรอบ" พี่อิงค์บอก
"ขอโทษครับ ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย"
"ไม่เห็นกินอะไรเลย" พี่อิงค์ถามผม
"ผมไม่ค่อยหิวครับ"
"เรากลับกันดีกว่ามั้ย" เสียงพี่เติมเต็มถามผม นั่นสิผมกลับก่อนน่าจะดี
"ครับ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" ผมบอก พร้อมกับหยิบเอากระเป๋า
"เดี๋ยวจะไปไหน" พี่เติมเต็มถามผมน้ำเสียงตกใจ
"ก็พี่เต็มถามผมว่าผมกลับก่อนดีกว่ามั้ย ผมก็เลยจะกลับ"
"พี่พูดว่า 'เรากลับกันดีกว่ามั้ย' เราหมายถึงเราสองคน"
ผมได้แต่ร้องอ๋อ...ในใจ ผมได้ยินว่า 'เรากลับก่อนดีกว่ามั้ย' ซึ่งเราหมายถึงผม
"อย่าเพิ่งกลับๆ พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย" พี่อิงค์บอก
ผมก็เลยนั่งเงียบ รอว่าพี่อิงค์จะคุยอะไร
"คนเก่งคิดว่าพี่กับเต็มเป็นอะไรกัน" คำถามแรกจากพี่อิงค์ก็ทำผมแย่แล้วครับ
"อิงค์ พอแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ" พี่เติมเต็มบอกพี่อิงค์ ก่อนที่จะมาจับข้อมือผมและดึงผมลุกขึ้น
"เฮ้อออ ไม่สนุกเลย เลิกก็ได้" พี่อิงค์พูด ส่วนพี่เติมเต็มก็นั่งลงเหมือนเดิม แต่ยังจับข้อมือผมอยู่
"แค่เห็นท่าทางคนเก่ง ผมก็ไม่สนุกแล้ว" พี่เติมเต็มพูด
"สมกับที่เรียนวิศวะ แวว 'เกียร์มัว' มาตั้งแต่เริ่ม" ได้ยินพี่อิงค์บ่นเบาๆ
"เอาล่ะ คนเก่ง!" พี่อิงค์เรียกผมเสียงดังขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อยและดูจริงจัง
"ครับ"
"พี่กับอดีตเดือนวิศวะคนนี้ ไม่ได้เป็นแฟนกัน กิ๊กกัน หรือชอบพอหรือคบหากันอย่างที่ คนส่วนใหญ่รวมถึงคนเก่งเข้าใจ" พี่อิงค์พูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่พี่เติมเต็ม
"และพี่ต้องขอโทษคนเก่งเรื่องที่พี่พูดกับคนเก่งวันนั้น คงทำให้คนเก่งไม่สบายใจมากแน่ๆ"
"เรื่องอะไร" พี่เติมเต็มถาม และพี่อิงค์ก็เป็นคนที่เล่าให้พี่เติมเต็มฟัง เรื่องวันที่พี่อิงค์พูดกับผมวันที่เจอกันที่สนามบาส
พี่เติมเต็มมองหน้าผมเหมือนจะพูดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
"มีอีกมั้ย" พี่เติมเต็มถามพี่อิงค์
"แค่นี้แหละ"
พี่เติมเต็มมองผม
"เดี๋ยวเราค่อยไปเคลียร์กันทีหลัง" พี่เติมเต็มบอกผม
ผมยังงงกับเรื่องที่พี่อิงค์พูดครับ ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ผมได้ยินชัดเจนนะครับว่าเรียกกันว่า 'ที่รัก'
"แล้วก็......" พี่อิงค์ก็เล่าให้ฟังว่า
พี่เติมเต็มกลัวผมจะเข้าใจผิดเรื่องพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์ก็เลยอยากให้พี่อิงค์มาช่วยคุยกับผมให้หน่อย พี่อิงค์บอกว่าครอบครัวพี่ทั้งสองคนสนิทกันและพวกพี่ก็รู้จักกันมาก่อนที่จะมาเข้าเรียนที่นี่ ช่วงที่เข้ามาเรียนพี่เติมเต็มก็มีคนมาชอบเยอะ และพี่อิงค์ก็ไม่ต่างกัน พี่อิงค์ก็เลยแสดงตัวว่าสนิทสนมกับพี่เติมเต็มเป็นพิเศษ เพื่อให้คนอื่นเข้าใจไปในทางนั้น ซึ่งพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดหรือขัดอะไรในสิ่งที่พี่อิงค์ทำ เพราะถือว่าช่วยกัน ไม่ให้คนอื่นเข้ามาวุ่นวายมาก
"จนช่วงที่จะขึ้นปีสาม อยู่ๆก็บอกว่าไม่อยากให้ทำแบบนี้แล้ว พี่ก็เลยถามว่ามีคนที่ชอบแล้วเหรอ เต็มก็บอกว่าเปล่า พี่ก็สงสัยงั้นทำไมให้เลิกทำ คืองี้นะ ถ้าเต็มมีคนที่ชอบจริง พี่ก็เลิกทำนะ แต่เต็มบอกว่าไม่มีพี่ก็เลยสงสัยว่าทำไมให้เลิก"
พี่อิงค์เว้นช่วงนิดหน่อย
"จนวันที่พี่รู้ว่าคนเก่งเข้ามาเรียนที่นี่ พี่ถึงได้เข้าใจว่าทำไมอยากให้เลิกทำ"
พี่อิงค์ยิ้มและมองพี่เติมเต็มแบบร้ายๆ ซึ่งพี่เติมเต็มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนผมก็รอลุ้นว่ามันเกี่ยวกับผมตรงไหน
"เรื่องของคนเก่งที่พี่รู้เพราะมีครั้งหนึ่งที่พี่กับคุณแม่ไปที่บ้านเต็ม แล้วม่าม๊าเล่าเรื่องที่มีผู้ชายมาชอบเต็ม และผู้ชายคนนี้ก็ส่งการ์ดมาให้เต็มตลอดสองสามปี พี่ก็เลยอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ก็เลยแอบไปเจอครั้งสองครั้งที่ร้านคุณแม่ของคนเก่ง"
"หา!" ไม่ใช่เสียงผมนะครับเสียงพี่เติมเต็ม
"เสียงดังทำไม"
"แอบไปหาน้องทำไม"
"ก็อยากเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง นึกว่าต้องใส่แว่นตาหนาๆแน่เลยถึงได้สายตาไม่ดีมาชอบเต็ม"
"ผมไม่ได้สายตาไม่ดีนะครับ" ผมรีบแย้งก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าพี่อิงค์คงจะแค่แซวเล่น
"จนต่อมาได้มาเจอคนเก่งอีกทีที่มหาลัยก็เลยเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเต็มบอกให้พี่เลิกทำตัวเหมือนแฟนกันได้แล้ว"
พี่อิงค์หยุดพูดและมองหน้าพี่เติมเต็ม
"คนเก่งคือเหตุผล ถูกมั้ย?" พี่อิงค์ถามพี่เติมเต็ม
พี่เติมเต็มไม่ได้ตอบ
"ขอโทษนะครับ เกี่ยวกับผมตรงไหน"
"ก็...เต็มไม่อยากให้คนเก่งเข้าใจผิดน่ะสิ" พี่อิงค์ตอบ
หืม? ไม่อยากให้ผมเข้าใจผิดงั้นเหรอ
"หลังจากนั้นพี่ก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับเต็มมากนักเพราะก็เป็นช่วงที่พี่เริ่มมีคนคุยด้วย จนเวลาผ่านไปก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นเลย ไม่รู้มัวทำอะไรกันอยู่ทั้งสองคนเลย!"
อยู่ๆพี่อิงค์ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาครับ
"คนเก่ง!"
"ครับ!" ผมตอบรับด้วยความตกใจ
"จีบเรื่อยเฉื่อยแบบนี้เมื่อไหร่จะสำเร็จ"
"......"
"ส่วนเต็มก็มัวแต่ท่ามากอยู่นั่นแหละ ทั้งๆที่...."
"พอ" พี่เติมเต็มบอกให้พี่อิงค์หยุดพูด
"อะไรที่คนเก่งควรจะรู้จากปากผม เดี๋ยวผมพูดเอง ไม่ต้องพูดแทน" พี่เติมเต็มพูดเสริมขึ้นมา
"ตั้งใจจะแกล้งมากกว่านี้แต่สงสัยเต็มจะไม่อยากเห็นหน้าเศร้าๆของคนเก่งล่ะมั้ง ทั้งๆที่ตอนแรกตกลงกันอย่างดี"
"พูดเยอะไปแล้ว" พี่เติมเต็มบอก
"ก็มันตลกดี บอกให้ทำอะไรก็ทำ ทั้งๆที่ไม่ต้องทำก็ได้ ยังไงอิงค์ก็ต้องมาคุยให้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน"
พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไรออกมา
"ถ้าจะร้อนใจมากขนาดนี้ ก็น่าจะมั่นใจได้แล้วล่ะมั้งว่ารู้สึกยังไง" พี่อิงค์พูดออกมาอีก
ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่าพี่เติมเต็มร้อนใจเรื่องที่กลัวว่าผมจะเข้าใจผิดความสัมพันธ์ของพี่เติมเต็มกับพี่อิงค์
แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
"เอาเป็นว่าเคลียร์กันแล้วนะเรื่องพี่กับเต็มเป็นอะไรกัน ต่อไปก็ไปเคลียร์กันเองนะว่าตกลงจะคบกันได้หรือยัง" ประโยคแรกพี่อิงค์พูดกับผม ส่วนประโยคต่อมาพี่อิงค์น่าจะบอกพี่เติมเต็มเพราะพี่อิงค์มองพี่เติมเต็ม
หลังจากนั้น พี่เติมเต็มก็เรียกเช็คบิล พี่อิงค์ขอตัวกลับเองเพราะบอกว่าจะไปเดินเล่นกับเพื่อนต่อ
ขากลับความเงียบในรถก็ไม่ต่างจากขามา แต่คราวนี้ผมว่ามันเป็นความเงียบที่ไม่ได้น่าอึดอัดใจอะไร
พี่เติมเต็มไม่ได้ขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพื่อไปส่งผมที่หอ ผมคิดว่าพี่เติมเต็มคงจะขับรถไปที่ถนนอีกเส้นที่อยู่อีกฝั่งของมหาวิทยาลัย แต่พี่เติมเต็มขับเลยเส้นนั้นมาก่อนจะมายูเทิร์น ผมว่าผมเดาได้ว่าพี่เติมเต็มจะไปไหน
คอนโดของพี่เติมเต็มครับ
"ทำไมไม่ส่งผมที่หอล่ะครับ"
"บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวเราต้องเคลียร์กัน คุยที่นี่แหละ"
พี่เติมเต็มจอดรถในที่จอดรถที่ระบุเลขที่ห้อง ก่อนจะเดินนำผมไปที่ลิฟท์ อดตื่นเต้นไม่ได้ครับเพราะผมยังไม่เคยมาที่คอนโดพี่เติมเต็มเลยสักครั้ง
พี่เติมเต็มกดเลข 18
ผมมองตัวเลขในลิฟท์แล้วแปลกใจ เพราะตัวเลขที่แสดงเห็นมีเลข 2,4,6....22 คือเป็นเลขคู่ทั้งหมดเลย
"พี่เต็มครับทำไมที่นี่มีแต่ชั้นเลขคู่ล่ะครับ"
"ที่นี่มีลิฟท์สี่ตัว แบ่งเป็นลิฟท์ชั้นที่เป็นเลขคู่สองตัว และลิฟท์ที่เป็นเลขคี่อีกสองตัว ที่นี่มีทั้งหมด 22 ชั้น พี่อยู่ชั้น 18" พี่เติมเต็มอธิบาย
ผมพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ไม่นานก็ถึงชั้นสิบแปด พอออกจากลิฟท์มา ผมก็มองรอบๆด้วยความสนใจ ผมไม่รู้ว่าทุกชั้นเหมือนกันมั้ยแต่ชั้นนี้ผมเห็นมีห้องอยู่แค่หกห้องเท่านั้นเอง
พี่เติมเต็มพาผมมาหยุดหน้าห้อง 18B ผมมองพี่เติมเต็มสอดคีย์การ์ดเข้าไปที่เครื่องที่อยู่หน้าห้อง พร้อมกับเห็นพี่เติมเต็มกดตัวเลขบนเครื่องนั้น คงจะเป็นรหัสในการเข้าห้อง ระบบรักษาความปลอดภัยสุดยอดเลยครับ
ผมรู้ตัวเลยครับว่าผมตาโตมากแค่ไหนที่ได้มาเห็นห้องพี่เติมเต็ม ห้องใหญ่มากจนไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่คนเดียว พอเปิดประตูเข้ามาจะเจอชุดรับแขก เป็นโซฟาตัวใหญ่สองตัววางต่อกันเป็นรูปตัวแอล มีทีวีที่จอใหญ่มากอยู่ตรงข้ามกับโซฟา ตรงกลางคั่นด้วยโต๊ะกระจกสีควันบุหรี่
ด้านขวามือจะเป็นห้องครัวครับ จะมีชั้นวางคล้ายเคาน์เตอร์บาร์ แบ่งสัดส่วนของห้องครัวและห้องรับแขก ภายในห้องครัวมีตู้เย็นขนาดใหญ่สองตู้ มีเคาน์เตอร์ครัวที่มีอุปกรณ์พร้อม และมีโต๊ะทานข้าวขนาดสี่ที่นั่งอยู่ด้วย
ห้องของพี่เติมเต็มแต่งด้วยโทนสีน้ำเงิน,เทาและขาวครับ และเพดานสูงมาก ทั้งสองห้องขนาดใหญ่กว่าห้องรับแขกและห้องครัวที่บ้านผมอีก
"ไปดูห้องนอนด้วยมั้ย" พี่เติมเต็มถามพร้อมกับหัวเราะผม คงเห็นผมเดินสำรวจเกือบทั่วห้อง
"ก็ห้องพี่เต็มสวยนี่ครับ"
"ชอบเหรอ"
"ครับ ชอบมากเลย"
พี่เติมเต็มเอามือมาขยี้หัวผมเบาๆ
"เดี๋ยวพี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งดูทีวีรอก่อน" พี่เติมเต็มเปิดทีวีและยื่นรีโมทให้ผม ก่อนจะเดินไปที่ห้องที่อยู่ถัดจากห้องรับแขกไป ผมมองตามเห็นมีอยู่สองห้อง แต่ผมไม่ได้มองว่าพี่เติมเต็มเดินเข้าห้องไหน
ผมนั่งดูทีวีอยู่เกือบๆครึ่งชั่วโมง พี่เติมเต็มก็เดินมานั่งข้างๆผมที่โซฟาตัวเดียวกัน ดูแล้วพี่เติมเต็มคงจะอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้วเพราะกลิ่นแชมพู กลิ่นครีมอาบน้ำ หอมฟุ้งไปทั่วห้อง พี่เติมเต็มใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสามส่วน ผมชอบลุคนี้ของพี่เติมเต็มจังเลยครับ
พี่เติมเต็มกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ เท่าที่ฟังดูน่าจะกำลังคุยกับคุณป้า (ม๊าของพี่เติมเต็ม) ไม่นานพี่เติมเต็มก็วางสาย
"เอาล่ะ มาคุยกัน" พี่เติมเต็มหันหน้ามาคุยกับผมแบบจริงจัง
"ครับ"
"รูปคู่กับไอ้วินนี่มันยังไง สรุปมันจีบ?"
"รูปนี้ถ่ายนานแล้วครับ แต่ไม่รู้ทำไมพี่วินถึงเอาไปให้ทางเพจลง"
"มันเอาไปให้เพจลง?"
"ครับ พี่วินบอกว่าเป็นคนเอาไปให้เพจลงเอง เพราะสนิทกับแอดมิน"
"แม่งกวนตีน ... หมายถึงไอ้วิน"
"......."
"แล้วเรื่องจีบล่ะ"
"ผมถามแล้ว พี่วินเขาก็บอกว่า ... จีบจริงๆครับ"
"......" พี่เติมเต็มมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
"แต่ผมว่าพี่วินน่าจะแค่พูดเล่นมากกว่าเพราะไม่เคยเห็นทำท่าจะจีบผมมาก่อน"
"แล้วถ้ามันพูดจริง"
"ผมยังเชื่อว่าไม่น่าจะใช่นะครับ พี่วินไม่น่าจะมาชอบผมได้ คืออย่างผมใครจะมาชอบแค่คิดก็แปลกๆแล้ว" ผมพูดอย่างที่คิด
"ทำไมจะชอบไม่ได้ขนาดพี่ยัง..."
"ยัง....อะไรครับ"
"ขนาดพี่ยังชอบเราเลย"
"อ๋อ...ห๊ะ! ชอบ พี่เต็มบอกว่าชอบผมเหรอ"
หัวใจผมเต้นระรัว รู้สึกว่าตัวเองมือสั่น ผมไม่ได้ยินอะไรผิดไปใช่มั้ย
"ใช่ พี่บอกว่าชอบ พี่ชอบคนเก่งนะ" พี่เติมเต็มพูดและลูบหัวผมไปมา
"เอ่อ...ไม่ได้หมายถึงชอบแบบพี่น้องใช่มั้ยครับ" ผมถามเพื่อความแน่ใจ
"เมื่อห้าปีก่อนพี่ได้รับจดหมายจากเด็กคนหนึ่ง ในจดหมายเด็กคนนั้นบอกว่าชอบพี่ คำว่าชอบของพี่มีความหมายเหมือนคำว่าชอบของเด็กคนนั้น" พี่เติมเต็มจับมือของผมพร้อมกับลูบไปมา
"ขอบคุณนะครับ" ขอบคุณที่พี่ชอบผม
"วันนี้ตอนที่อยู่ร้านสุกี้พี่ขอโทษนะ"
"เรื่องอะไรเหรอครับ"
"ก็เรื่องที่เรียกอิงค์ว่าที่รักไง โดนบังคับ"
"อ๋อ"
"เห็นหน้าเราพี่ก็ไม่อยากจะทำแล้ว"
พี่เติมเต็มน่ารักจังเลยครับ
"คนเก่ง พี่ถามจริงๆนะ คิดมากเรื่องอิงค์มั้ย"
"ก็...คิดครับ เพราะตอนนั้นพี่วินก็เคยบอกผ่านฟูจิมาว่า พี่สองคนน่าจะคุยๆคบๆกันอยู่ ผมก็ไปส่องเพจบ้าง ไอจีบ้าง ผมก็คิดว่าพวกพี่ก็ดูเหมาะสมกันดีครับ"
"ไม่หวงพี่เลยหรือไง"
"อืม ..คิดว่าไม่หวงนะครับ คือ .. ผมคิดว่า .." ผมไม่รู้พูดออกไปมันจะดีมั้ย ก็เลยลังเลใจ
"พูดมาเลย"
"คือถ้าตอนนั้นเป็นอย่างตอนนี้ผมก็คงจะหวงพี่ครับ ตอนนั้นพี่รู้แค่ผมมาชอบพี่ ซึ่งมันก็แค่นั้น เราไม่ได้รู้จักกันอย่างตอนนี้"
"ตอนที่พี่ไปหาเราที่ห้องเรียนครั้งแรก จำได้มั้ย"
"ไม่เคยลืมครับ"
"งั้นก็ต้องจำได้ว่า คนเก่งเคยบอกพี่ว่าไม่อยากครอบครอง ขอแค่ได้ชอบ"
"ครับ จำได้"
"แล้วตอนนี้คนเก่งยังคิดแบบนั้นอยู่มั้ย ยังไม่อยากครอบครองอยู่มั้ย"
"........"
"ว่าไง"
"ผม ... ผมพูดได้อย่างที่คิดเหรอครับ"
"ได้สิ"
"ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งได้ใกล้ชิด ผมก็ยิ่งอยากครอบครอง ผมคิดว่าตัวเองทำตัวไม่น่ารักเลย"
"คนเก่ง"
"ครับ"
"พี่ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งพี่จะมีโมเม้นท์ที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้มาก่อน แต่...ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คนเก่งน่ารักเสมอสำหรับพี่"
"......"
"ไม่รู้ว่าสำหรับคนเก่งระยะเวลาห้าปีมันนานมั้ย แต่สำหรับพี่มันนานมาก"
"......"
"พี่ก็เลยคิดว่า เรามาลองคบกันดูดีมั้ย ลองมาคุยกันให้มากกว่าคำว่าพี่น้อง พี่อยากให้ความสัมพันธ์ของเราค่อยเป็นค่อยไป จนถึงวันที่เรามั่นใจจริงๆค่อยขยับสถานะกันอีกที"
ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ลองคบ ลองคุยให้มากกว่าคำว่าพี่น้อง แล้วค่อยขยับสถานะ ผมจะพูดอะไรออกไปดีนะ สมองผมคิดไม่ทัน
"มันเหมือนทดลองงานมั้ยครับ"
"ห๊ะ!คำถามอะไรของเรา"
"ก็เวลาที่เราจะเข้าทำงาน เขาจะมีทดลองงานเราก่อน ถ้าผ่านเราก็ได้เป็นพนักงานประจำบริษัทนั้นๆ"
"คิดได้นะ"
"....."
"ก็เข้าท่าดี แบบนี้ถ้าทดลองคบผ่าน เราก็จะเป็นแฟนกันจริงๆ"
พอได้ยินคำว่าแฟนออกมาจากปากพี่เติมเต็มผมก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที
"แต่ทดลองงานบริษัท เจ้าของบริษัทเป็นคนประเมินว่าจะให้ผ่านทดลองงานมั้ย แล้วพวกเราล่ะใครจะประเมิน" พี่เติมเต็มพูดต่อ
ผมคิดในใจว่า ผมคงให้พี่เติมเต็มผ่านการทดลองตั้งแต่วันแรก
"พี่ว่าใช้ความรู้สึกเป็นตัวประเมินดีที่สุด แล้วเราจะรู้เองว่ามันใช่มั้ย"
"ครับ"
"ถ้างั้นก็..." พี่เติมเต็มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และดึงแขนผมให้ลุกขึ้นมาด้วย ตอนนี้เราสองคนยืนหันหน้าเข้าหากัน
"ผมมาทดลองคบเป็นวันแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ" พี่เติมเต็มยื่นมือมาเพื่อจะเช็คแฮนด์กับผม ผมยื่นมือไปเช็คแฮนด์ตอบ และบอกกับพี่เติมเต็มว่า
"ขอฝากใจด้วยนะครับ"
เรายืนจับมือเช็คแฮนด์กันสักพัก ก็รู้สึกเขินกันขึ้นมา พี่เติมเต็มก็ดูจะหูแดงหน่อยๆด้วย พวกเราก็เลยนั่งลงที่โซฟาตามเดิม และพี่เติมเต็มก็เปิดดูหนังจากช่องเคเบิ้ล เห็นบอกว่าต้องดูเป็นประจำ
ผมไม่รู้ว่าต้องทำตัวแบบไหน ผมรู้สึกเกร็งไปหมด เพราะผมไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน พอมาเจอจริงๆผมก็เลยนึกไม่ออกว่าต้องทำตัวยังไงดี
"คนเก่ง"
"ครับ"
"ทำตัวตามปกติ สบายๆ อย่าทำหน้าเครียดขนาดนั้น เป็นแบบที่เราเคยเป็นได้เลย"
หลังจากนั่งเล่น นอนเล่นอยู่ในห้องพี่เติมเต็มหลายชั่วโมง มองดูเวลาก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ได้เวลาที่ต้องกลับหอแล้วครับ
"เดี๋ยวผมจะกลับหอแล้วนะครับ พี่เต็มไม่ต้องไปส่งก็ได้"
"ค้างที่นี่เลยสิ"
"ไม่เอาครับ!" ผมพูดด้วยความตกใจ
พี่เติมเต็มหัวเราะครับ
"เสียงดังทำไมเนี่ย ไม่อยากใช้สิทธิ์ของแฟนฝึกงานเหรอ"
'แฟนฝึกงาน' ... คิดได้ไงเนี่ย เคยได้ยินแต่นักศึกษาฝึกงาน
สุดท้าย พี่เติมเต็มก็ขับรถมาส่งผมที่หอจนได้ พี่เติมเต็มจอดรถใกล้ๆกับหน้าหอ พอผมปลดเข็มขัดนิรภัยออก ผมก็ตัดสินใจหันมาพูด สิ่งที่ผมคิดมาตลอดตั้งแต่อยู่ที่คอนโดพี่เติมเต็ม
"พี่เต็มครับ เรื่องพี่กับพี่อิงค์ อันที่จริงพี่ไม่ต้องให้พี่อิงค์มาอธิบายก็ได้นะครับ แค่พี่เต็มบอกผมว่าไม่มีอะไร ผมก็พร้อมที่จะเชื่อพี่เต็มอยู่แล้ว คนอื่นพูดเป็นร้อย ไม่สำคัญสำหรับผมเท่าคำพูดพี่คนเดียวหรอกนะครับ"
พี่เติมเต็มใช้มือมาเกลี่ยผมที่มันตกลงมาปรกหน้าผากผม ผมเคยเห็นในละครที่พระเอกชอบทำแบบนี้กับนางเอกบ่อยๆ ผมไม่กล้าจะสบตากับพี่เติมเต็มเลยครับ
"ขอบคุณนะครับ"
โอ้ยยย...ใจผม
ใจมันแพ้พี่เติมเต็มไปหมดแล้ว
พอพูดมีคำว่าครับทีไร ผมรู้เลยว่าผมแพ้
ไปต่อไปถูกเลย
พี่เติมเต็มไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แต่จากที่ลูบผมของผม ก็เปลี่ยนเป็นมาจับมือแทน
"มือนิ่มจัง"
พี่เติมเต็มพูดพร้อมกับลูบมือผมไปมา ผมเขินจนทำตัวไม่ถูกแล้ว ผมว่าผมควรจะขึ้นห้องตัวเองได้แล้วก่อนที่หัวใจผมจะวาย
"คืนนี้อย่านอนดึกนะครับ พรุ่งนี้มีแข่ง"
พี่เติมเต็มหัวเราะผม เหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร
"เราก็เหมือนกัน นอนให้ไว" พี่เติมเต็มปล่อยมือผมเปลี่ยนมาลูบผมเบาๆ
"ครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ"
ผมกำลังจะเปิดประตูรถลงไป แต่พี่เติมเต็มจับแขนผมไว้ก่อน
"นั่นไอ้วินนี่ มันมาทำอะไรหอเรา มันเคยมาหาที่นี่หรือเปล่า"
ผมมองตามสายตาพี่เติมเต็ม เห็นพี่ธาวินยืนพิงรถยนต์คนหนึ่งที่จอดอยู่มุมหนึ่งของหอพัก
"ไม่เคยครับ" ผมตอบตามจริงคือพี่ธาวินไม่เคยมาหาผมที่หอเลย
"อย่าเพิ่งลงนะ" พี่เติมเต็มกำชับผมอีก ซึ่งผมก็ไม่คิดจะลงอยู่แล้ว
ไม่ถึงห้านาที ผมเห็นฟูจิเดินมาหาพี่ธาวินที่รถ ที่แท้ก็มาหาฟูจิ ฟูจิอยู่หอเดียวกับผมครับ
"นั่นไงครับมาหาฟูจิ"
ผมนั่งมองพี่ธาวินกับฟูจิยืนคุยกัน ซึ่งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะรอดูอะไร ลงจากรถเลยก็ได้แต่ผมเดาว่าพี่เติมเต็มคงไม่อยากให้ผมลงไปเจอกับพี่ธาวิน ผมก็เลยคิดว่านั่งรออีกสักนิดก็คงไม่เป็นไร
และอีกไม่กี่นาทีต่อมาภาพตรงหน้าทำให้ผมตกใจมากถึงมากที่สุด
พี่ธาวินกำลังจูบกับฟูจิครับ
"เฮ้ย!!"
เสียงผม
และตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆจากพี่เติมเต็ม
มันเกิดอะไรขึ้น!!
ฟูจิกับพี่ธาวิน!!
TBC.
#เติมเต็มรัก
ninewara✿
◕ ธาวิน ♥ ฟูจิ มาเฉยเลย ^__^