Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี –
CH. 7 – Aquamarine
แก๊งลูกเพื่อนแม่อยู่ดีๆ ก็นัดรวมตัวกัน เหตุผลเพราะว่าต้นไม้กลับเชียงใหม่ คีตากลับเชียงรายและไอ้รามิลกับไอ้เบนทำท่าซึมเหมือนแฟนไปเมืองนอกสามปี เลยเกิดนัดกินข้าวปลอบใจแฟนกลับเหนือ สถานที่คือบ้านของทิมคุณย่ากาญจนาของเขาชอบอกชอบใจเวลาแก๊งลูกเพื่อนแม่มาบ้านเลยจัดกับข้าวชุดใหญ่
“ไหนเรามาคุยกันหน่อยซิคุณชายทับทิม”
คิน เบนและรามิลกระโดดขึ้นมานอนบนเตียงของทิม รูบี้ที่นอนเล่นอยู่บนอกทิมเริ่มวิ่งไปมาก่อนที่เป้าหมายจะเป็นเบนจามินคู่ปรับ มันเป็นเรื่องปกติพวกเขานอนด้วยกันสี่คนมาตั้งแต่อนุบาล นอนคุยกันแบบนี้มาตั้งแต่สมัยประถมจนถึงตอนนี้และทิมเองก็รู้ว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่จะคุยเรื่องอะไร
“ถึงไหนละ”
“ระบุหัวข้อด้วย”
“งานมึงอ่ะทิม”
“ก็โอเค เจริญกิจธาราเป็นตระกูลที่ไม่เรื่องมากเลยแทบจะไม่ได้แก้แบบด้วยซ้ำงานเลยเสร็จเร็วกว่าที่คิด”
“แล้วกับคน”
“มึงอยากรู้เหรอคินว่ากูกับพอร์ชถึงขั้นไหนกันแล้ว”
“ถ้ามึงตอบว่าขึ้นเตียงกันแล้วไอ้เบนกรี๊ดแน่นอน”
ทิมหัวเราะออกมาเมื่อเบนจามินลุกขึ้นมาจ้องหน้ารอฟังคำตอบ ส่วนรามิลและคินแค่หันหน้ามาหา เขารู้อยู่แล้วว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่น่าจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้างแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรพวกเขาไม่มีเรื่องอะไรที่ปิดบังกันอยู่แล้ว ทิมไม่ได้ตอบคำถามของคินเป็นคำพูดแต่ยกมือขึ้นมาชี้ที่หน้าผากตัวเอง
“แค่ตรงนั้นแน่นะ”
“กูเคยโกหกพวกมึงเหรอไง”
“กี่ครั้ง”
“ไม่ได้นับ”
“ใจกูจะขาด อยากสั่งให้มึงหันหน้าเข้ากำแพงสำนึกผิดแต่มึงก็ไม่ทำหรอกทิม”
เบนจามินล้มตัวลงนอนแผ่ไปอีกรอบเมื่อได้ยินคำตอบมีการยกมือขึ้นมาแปะหน้าผากทิมแรงๆ คล้ายจะจะลบรอยให้ จนทิมต้องปัดมือออก ก่อนที่เบนกับคินจะเถียงกันเรื่องพอร์ชไม่หยุด ทิมได้แต่ส่ายหน้าก่อนจะเอนตัวมานอนข้างๆ รามิลที่นอนมองหน้าอยู่
“รู้สึกยังไงตอนที่โดนจูบ”
“สัญญาก่อนว่าจะไม่ด่า”
“กูเคยด่ามึงเหรอทิมมีแต่มึงที่ด่ากูเนี่ย”
“รามิล”
“กูว่ากูพอรู้คำตอบ”
“ไม่อยากแพ้เลยว่ะมิล ไม่อยากเลย”
“รักหรือยัง”
“แค่หวั่นไหว”
“แล้วความรู้สึกของฝ่ายนั้น”
“อาจจะแค่หลง”
“เดี๋ยวก็รัก”
“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
“แล้วทำให้มันยากทำไมกันวะมึงสองคน”
“เพราะว่ากูเป็นผู้ชาย”
“……………………......................”
“ที่ต้องทำเป็นเล่นเกมก็เพราะว่ากูอยากเซฟตัวเอง”
“แล้วไม่คิดว่าคุยกันแบบทั่วๆ ไปมันไม่ดีว่าเหรอไง กูก็ไม่เห็นมันต่างกันตรงไหนเลยที่พวกมึงทำอยู่”
“เพราะเราทั้งคู่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักไงมิล แค่อยากเอาชนะล้วนๆ ทุกวันนี้กูยังไม่รู้เลยว่าที่พอร์ชทำอยู่มันคือความรู้สึกจริงๆ หรือมันเป็นแค่เกมที่อยากให้กูแพ้เท่านั้น”
“กูว่าไอ้พอร์ชยังไม่เคยชนะเลยนะ มึงร้ายขนาดนี้”
“ไม่แน่หรอกมึงที่จริงแล้วอาจจะเป็นกูก็ได้ที่แพ้มาตลอดก็ได้”
“มึงแค่กลัวที่จะรักพอร์ช”
“ถ้ามันคือความรักกูอยากแน่ใจว่าพอร์ชจะรักกูจริงๆ รักทับทิม นพจินดาที่เป็นผู้ชายไม่ใช่แค่ผู้ชายน่ารักที่เอาไว้เล่นแก้เบื่อ หรือเป็นแค่เกมคั่นเวลา”
“มันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้”
“กูเจอมาเยอะมั้ง คนที่เข้ามาหากูด้วยเหตุผลว่าน่ารักแต่ก็ไม่เห็นจะมีใครที่อยากจะรักกูจริงๆ สักคนแล้วก็จบลงเหมือนกันหมดเลือกคนอื่นแล้วก็แต่งงานมีครอบครัว”
“ทับทิม”
“กูถึงต้องทำแบบนี้ไงให้ทุกอย่างเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจากเกมจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกจริงๆได้ไหม ไม่อยากให้ทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด”
“……………………......................”
“แต่ถ้าวันหนึ่งกูรักพอร์ชขึ้นมา แล้วสุดท้ายกูไม่ใช่คนที่พอร์ชอยากอยู่ด้วยตลอดชีวิตกูจะทำยังไงดีวะมิล”รามิลยกมือลูบหัวเพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนที่ทับทิมจะขยับตัวเข้ามากอดเป็นเรื่องปกติเวลาทิมมีเรื่องไม่สบายใจหรือต้องการที่พึ่ง คำพูดที่อยากบอกแก๊งลูกเพื่อนแม่มีอยู่เต็มไปหมด แต่ทิมก็ยังไม่พร้อมที่จะระบายทุกอย่างให้ฟัง ทุกครั้งที่คิดว่าระหว่างเขากับพอร์ชมันเป็นความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่แค่เกมแต่ความเป็นจริงที่เขารู้ พอร์ชวางแผนเรื่องความรักและครอบครัวไว้เป็นรูปเป็นร่างขนาดนั้น
แหวนแต่งงาน งานแต่งงาน บ้านหลังนั้นที่เป็นเรือนหอ
ภรรยา และลูก
ถ้าความฝันของพอร์ชมีทั้งหมดนั่น
ก็เท่ากับว่า ทับทิม นพจินดาไม่ใช่คนที่ทำให้ฝันของพอร์ช พชร เป็นจริงได้เลย
Jewelry Design
งานแต่งงานงานที่เท่าไหร่ในปี้นี้ทิมเลิกนับไปแล้ว..
ดีที่งานนี้แก๊งลูกเพื่อนแม่โดนบังคับให้มาด้วย เพราะเป็นงานแต่งงานลูกสาวรัฐมนตรีที่ทิมเคยออกแบบแหวนแต่งงานให้เมื่อปีที่แล้ว บรรดานักการเมืองและนักธุรกิจมากันแทบทั้งประเทศ พอคนเยอะก็เริ่มน่าเบื่อขึ้นมาทันทีทิมโดนคินกับเบนประกบซ้ายขวาหลังจากที่มีผู้ชายหน้าตาดีใครบ้างก็ไม่รู้เดินเข้ามาหาตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในงาน
“เจริญกิจธาราก็มาด้วยว่ะ”
“ไม่แปลกป่ะวะนามสกุลใหญ่ขนาดนั้น”
“วันนี้พอร์ชหล่อนะเว้ย”
ทิมเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่าคนที่เบนกำลังพูดถึงกำลังหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบและแน่นอนว่าวันนี้พอร์ช พชร ดูดีถึงขนาดที่คนรอบข้างพากันพูดถึงทายาทของเจริญกิจธาราที่นานๆ ครั้งจะยอมออกงาน แค่เพียงไม่นานพอร์ชก็หันมาสบตาก่อนที่แก้วไวน์ในมือจะถูกยกขึ้นมาทักทายทิมเลยยกแก้วขึ้นมาทักตอบ แต่พอจะพอร์ชจะเดินเข้ามาหาก็โดนคุณเฟื่องฟ้าลากตัวไปอีกทาง พอเห็นพอร์ชทำหน้าเซ็งๆ ก็อดที่จะขำไม่ได้สงสัยคุณเฟื่องฟ้าคงอยากจะอวดหลานชายให้ทั่วทั้งงาน
งานใหญ่โตและคนเยอะจนมองไม่เห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว ผู้หญิงในงานแต่งตัวกันสวยระดับนางเอกละครไอ้คินที่โสดสนิทคนเดียวในกลุ่มเลยตาวาว ขอเดินโฉบเฉี่ยวไปทั่วงาน รามิลเองคุยกับลูกค้าฮอตสุดในงานวันนี้ก็คือมัน คุณชายรามิลแห่งธุรกิจอสังหาแต่ถ้ามีผู้หญิงทำท่าทางสนใจไอ้มิลวกเข้าเรื่องงานอย่างเดียว
ถามหาไลน์ตอบเรื่องบ้าน
ถามหาไอจีตอบเรื่องคอนโด
ถามหาเบอร์ตอบเรื่องโรงแรม
ผู้หญิงทำหน้า งง กันหมดเหมือนคุยกับไอ้มิลคนละเรื่อง
ส่วนไอ้เบนจามินมีคนเข้ามาหาบ้างนี่มันก็กลัวบรรดากิ๊กเก่าที่เคยหยอดไว้โผล่เข้ามา เลยพยายามยืนทำตัวลีบอยู่ข้างๆ เขา พอมีคนเข้ามาขอนามบัตรมันให้นามบัตรมาร์ชไปแทน เออดี..สงสารมาร์ชเหลือเกินนี่ก็ว่ามันเป็นทุกอย่างให้ไอ้เบนแล้วยกเว้นเมีย จะว่าไปผู้หญิงในงานก็สวยจริงๆ อย่างน้อยก็มีคนหนึ่งที่ยืนคุยกับพอร์ช พชร อยู่ตอนนี้
สวย
รวย
เก่ง
ทับทิมเองก็รู้จักคุณชิชาลูกสาวของคุณไพบูลย์เจ้าของธุรกิจนำเข้าเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ของประเทศ ภาพคนสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ตรงหน้าทำให้ทิมเลือกที่จะยกเครื่องดื่มในมือขึ้นมาจิบ ไอ้เบนขอตัวไปคุยโทรศัพท์กับคีตาเพราะในนี้เสียงเพลงในงานดังจนฟังไม่รู้เรื่อง ทิมเองก็อยากออกไปสูดอากาศข้างนอกเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวไปไหนคุณเฟื่องฟ้าก็หันมาเห็นพอดีเลยตรงดิ่งมาทักทายไม่ลืมที่จะลากทั้งหลานชายและคนที่หลานชายคุยอยู่ให้เดินตามมาด้วย
“ทิมมากับใครคะคุณกาญจนามาไหม”
“มาครับคุณย่าเดินไปทางนู้น”
“ดีจังเลยย่าจะได้มีเพื่อน ย่าเอาตาพอร์ชมาออกงานด้วยเพื่อนย่าตื่นเต้นกันใหญ่”
“นี่คุณทิม นพจินดาครับคุณชาน่าจะรู้จัก Pure Jewelry ”
“ชารู้จักค่ะ คุณทิมแห่งวงการจิลเวลรี่ตัวจริงน่ารักเหมือนที่เขาพูดกันเลย ชาจองคิวออกแบบแหวนแต่งงานไว้เลยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ Pure Jewelry ยินดีเสมอพาเจ้าบ่าวมาด้วยนะครับ”
“โห…งั้นอีกนานเลยค่ะ”
“เอ๊า!ไม่แน่นะชิชาอาจจะได้เจอวันนี้แหละใช่ไหมพอร์ช”
อ้อ..รู้เลยว่าคุณย่าเชียร์คนนี้นี่เองทิมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มๆ ก็เท่านั้นพอร์ชเองได้แต่พยักหน้าเออออไปตามผู้ใหญ่ มีแค่เพียงคุณชิชาที่ยิ้มเขินอยู่คนเดียว คุณเฟื่องฟ้าพอเห็นกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันก็เลยเดินไปสมทบ คุณชิชาเป็นผู้หญิงอารมณ์ดีและคุยเก่งนี่ก็ชวนคุยเรื่องเครื่องประดับไม่หยุด คงจะสนใจเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
“ทิม! ไม่เจอกันนานเลย”
เสียงเรียกชื่อก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงทำให้ทุกคนหันไปมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาหา ผู้ชายตัวสูงใหญ่กับสูทสีดำทำให้ผู้คนรอบข้างมองตาค้าง
“หมอปิง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เพิ่งกลับมาได้สองสามวันแม่ก็ลากมางานนี้เลย ได้ข่าวว่าออกแบบแหวนแต่งงานให้เจ้าสาวด้วย”
“แน่นอนนี่ใคร ทิม นพจินดา”
“จิ๋วแต่แจ๋วเหมือนเดิม แล้วนี่ลูกเพื่อนแม่ไปไหนหมดทุกทีรายล้อมยังกะบอดี้การ์ด”
บทสนทนาที่เข้าใจกันอยู่สองคนทำให้พอร์ชได้แต่ยืนกอดอกมองทั้งคู่ที่คุยไปหัวเราะไป ตอนนี้ยอมรับเลยว่าอารมณ์เขาโคตรไม่คงที่ ปกติคุณทิมหยิ่งจะตาย ใครเข้ามาหาก็เห็นโดนไล่จนเดินหนีหายไปหมด กว่าสองคนนั้นจะรู้ตัวว่ามีใครยืนอยู่ด้วยก็เกือบสิบนาที คุณทิมแนะนำตัวว่าเป็น เพื่อนแต่สำหรับพอร์ชเขาก็ไม่รู้หรอกว่าเพื่อนแบบไหน แต่ท่าทางจะสนิทกันน่าดู มีจับมือถือแขนลูบหัวกันด้วย ขนาดมีคนเดินเข้ามาใกล้คุณหมอปิงก็คอยเอามือบังให้
ดูสนิทกันดี
สนิทกันจนน่าหงุดหงิด!
“ผมรู้จักคุณพอร์ชนะเคยเห็นนิตยสารหนุ่มโสดในฝัน สถาปนิกสุดหล่อของเจริญกิจธารา”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับนิตยสารเขาก็เขียนผมหล่อเวอร์ไปหน่อย”
“แล้วนี่รู้จักกันหมดเลยเหรอครับ”
“ครับ เจริญกิจธาราเป็นลูกค้าของ Pure Jewelry คุณพอร์ชก็เป็นลูกค้าของผมเหมือนกัน”
“ครับ แค่ลูกค้า”อยู่ดีๆ บรรยากาศก็เย็นยะเยือกขึ้นมากะทันหันทั้งๆ ที่มันเป็นแค่บทสนทนาทั่วๆ ไปเท่านั้น ชิชากับหมอปิงหันมามองหน้ากันเมื่อเห็นว่าทั้งคุณทิมและพอร์ชกำลังยืนจ้องตากันไม่เลิกเหมือนต่างคนต่างกำลังโกรธกันอยู่ พอนานเข้าชิชาเลยต้องแกล้งถามเรื่องเครื่องประดับดึงความสนใจแทน
“แหวนแต่งงานของเจ้าสาววันนี้คุณทิมออกแบบเหรอคะ สวยจัง”
“ขอบคุณครับ ก็ถือว่ายากพอสมควรกว่าผมจะใส่รายละเอียดลงไปได้”
“น่าจะยากน่าดูเลยแหวนวงเล็กนิดเดียว”
“ครับ แหวนแต่งงานที่ผมออกแบบให้ ทุกคนอยากใส่เรื่องราวความรักของตัวเองลงไปทั้งนั้น”
“แล้วคุณทิมได้คิดเรื่องราวความรักของตัวเองไว้บ้างหรือเปล่าครับ”
ไม่ใช่คุณชิชาเป็นคนถามแต่กลับเป็นทายาทของเจริญกิจธารา
ทิมแค่ยิ้มนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้า
“คุณพอร์ชคิดว่าความรักของผมควรเป็นแบบไหนหรือครับ”
“แล้วคุณทิมคิดว่าความรักของตัวเองเป็นแบบไหนล่ะครับ”
“บางทีก็อาจจะเป็นแค่เกมๆ เดียวก็ได้”
“หมายถึงแค่เล่นๆ ”
“ถ้าอีกฝ่ายเขาก็แค่เล่นด้วยผมก็คงก็แค่เล่นตอบ”
“คุณทิมอยากเป็นฝ่ายชนะใช่ไหมครับ”
“เวลาเล่นเกมทุกคนก็อยากเป็นฝ่ายชนะไม่ใช่เหรอครับ”
“ได้คิดไว้ไหมครับถ้าแพ้คุณทิมจะทำยังไง”
“ก็เกมโอเวอร์”“เอ่อ..คือชาว่าเร…”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคคุณชิชาก็โดนเด็กที่วิ่งเล่นในงานชนเข้า แก้วน้ำหวานหกใส่ชุดจนเลอะเทอะดีที่คุณแม่เด็กตามมาขอโทษ แต่ชุดคุณชิชาก็เลอะสีแดงจนเธอเองก็หน้าเสียไปเหมือนกัน
“ชาว่าชากลับก่อนดีกว่าชุดเลอะหมดแล้ว”
“ลองไปล้างออกก่อนไหมครับ”
“ไม่ออกหรอกค่ะเลอะเยอะขนาดนี้”
“งั้น..ขอโทษนะครับ”
ทั้งหมอปิงและทิมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อพอร์ชตัดสินใจถอดเสื้อสูทของตัวคลุมเข้ากับไหล่ชิชาให้เสื้อสูทบังรอยเปื้อนไว้ คนรอบข้างที่รู้จักคุณชิชาส่งเสียงแซวกันใหญ่ ทั้งๆ ที่มันเป็นวิธีที่สุภาพบุรุษจนน่าจะเอ่ยชมแต่ทิมกลับยิ้มไม่ออกเลยสักนิด ยิ่งได้เห็นว่าคุณชิชากำเสื้อสูทของพอร์ชไว้แน่นด้วยท่าทางเขินอาย ทิมเลยต้องแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่นพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะแขนหมอปิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หมอปิงเลยเอียงหน้ามาฟังทิมที่กระซิบบอก แน่นอนว่าทุกการกระทำอยู่ในสายตาของพอร์ชทั้งหมด ก่อนที่ทั้งคู่จะขอตัวเดินไปอีกทาง
“กูเจอปิง หมอปิงที่เคยอยู่แถวบ้านเราเออ..มันกลับมาแล้วมากับแม่แฟนไม่ได้มา เบนกูออกมาข้างนอกแล้วนะคนเยอะว่ะ อึดอัด เฮ้ย!”
ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบแขนของทิมก็ถูกรั้งไว้พร้อมกับถูกดันจนหลังติดกับผนัง ดีที่ตรงนี้เป็นทางเดินไปที่จอดรถเลยไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมาเท่าไหร่ พอตั้งสติได้ก็เงยหน้ามองคนที่ยืนคร่อมตัวเขาอยู่ตอนนี้ ไหล่เขาถูกตึงไว้แน่นและใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้มีรอยยิ้มเหมือนทุกครั้งที่เราคุยกัน
“มีอะไร”
“ไม่มี”
“พอร์ช”
“หมอปิงของคุณไปไหน”
“แล้วคุณชิชาไปไหนล่ะคุณสุภาพบุรุษ”
“ผมขอถามคุณทิมหน่อยล่ะกัน”
“ถามอะไร”
“คุณเล่มเกมกับผมแค่คนเดียวหรือเปล่า”
“…………………………………………………”
“มีใครอีกไห..”
“ถ้าจะถามแบบนี้ก็ไม่ต้องคุยกัน”
“ผมจะคุย”
“คิดว่าผมเล่นแบบนี้กับทุกคนงั้นเหรอ คุณพอร์ชเคยเห็นใครเข้าใกล้ผมได้เท่าคุณอีกหรือเปล่า”
“คุณทิม”
“ถ้าไม่อยากเล่นเกมแล้วก็แค่เดินออกไปจากชีวิตผม”ทิมนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกว่าตรงไหล่เขาโดนบีบจนเจ็บไปหมดและเหมือนพอร์ชจะเริ่มรู้ตัวเลยค่อยๆ ผ่อนแรง ยอมรับว่าประโยคที่ได้ยินทำให้พอร์ชตัวชา คุณทิม นพจินดาก็ยังเป็นคุณทิมเหมือนที่เขาได้เจอในวันแรกท่าทางเย่อหยิ่งใบหน้าน่ารักเวลาที่ไม่ได้ยิ้มนิ่งสนิทจนเดาความรู้สึกไม่ได้เลยสักนิด พอร์ชไม่รู้ว่าตัวเองตอนนี้เขาหงุดหงิดอะไรนักหนาแต่ภาพที่อีกฝ่ายกับหมอปิงมันทำให้เขาต้องนับหนึ่งถึงสิบวนแล้ววนอีก แล้วยิ่งได้ยินประโยคนี้จากคุณทิมมันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่มากกว่าเดิม
“ทำไมสำหรับคุณทิมมันถึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจบเกม”
“…………………………………………………………….”
“ไม่คิดว่ามันยากสำหรับผมเหรอ”
“ผมเคยบอกคุณพอร์ชแล้วว่ามันไม่ง่ายตั้งแต่แรก งั้นขอผมถามบ้างคุณพอร์ชเองเล่นเกมกับผมแค่คนเดียวหรือเปล่า สิ่งที่ทำกับผมคุณทำกับคนอื่นอีกไหมหรือว่าคุณก็ทำแบบนี้กับทุกคนเหมือนกัน”
“ทับทิม”
“เจอกันคราวหน้าผมขอนัดที่ห้องประชุมของ Pure Jewelry ไม่นัดเจอกันที่อื่น”
ทิมผลักคนตรงหน้าให้ออกห่างก่อนจะเดินออกไป
สองเท้าที่กำลังจะเดินเลี้ยวไปอีกทางหยุดนิ่งอยู่กับที่ ก่อนจะเอ่ยบางอย่าง
“ถ้าไม่เรียกผมว่าพี่ก็ช่วยเรียกผมว่าคุณทิมด้วยนะครับคุณพชร”คุณทิมเดินไปแล้วเหลือแค่พอร์ชที่ยังยืนอยู่ที่เดิม มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้เขาถึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย เขาไม่ชอบหน้าไอ้หมอปิงนั่นเขาหงุดหงิดที่คุณทิมให้ความสนใจมากกว่าเขาที่อยู่ตรงหน้า ทั้งๆ ที่เมื่ออาทิตย์ก่อนเราทั้งคู่ยังกอดกัน หัวเราะให้กันอยู่เลย เขายอมรับแล้วว่าเกมมันไม่ง่ายเลยความรู้สึกเขาตอนนี้มันถลำลึกจนเขาเองก็เริ่มกลัว
ความตั้งใจตอนแรกก็แค่อยากลอง อยากรู้ว่าคนอย่าง ทิม นพจินดา ผู้ชายน่ารักที่คนต่างพากันบอกว่า เข้าถึงยาก จีบยาก จะเป็นยังไง แค่อยากรู้ว่าจะยากสักแค่ไหนกันเชียว ตอนแรกที่เริ่มเล่นเกมมันมีแค่นั้นจริงๆ ไม่ได้มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิด แต่วันนี้..
เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว
ยิ่งคำพูดของมีนทำให้เขาเริ่มรู้ว่าตัวเองจริงจังกับเกมนี้มากแค่ไหน
“จะตกแต่งบ้านใหม่เหรอวะเอาแบบบ้านสามร้อยล้านของมึงออกมาดูแบบนี้”
“ก็แค่เอามาดูเฉยๆ เผื่ออยากตกแต่งห้องเพิ่ม”
“ห้องคุณทิม?”
“ห้องรูบี้”
“ใครอีกวะนั่น”
“หนูผี”
“สัด..เหมือนคุยกับคนบ้าแต่ถามจริง มึงเคยบอกกูว่าห้องสองห้องนี้จะเก็บไว้เป็นห้องของลูกชายกับลูกสาวไง ถ้ามึงจะเอาบ้านออกมาตกแต่งใหม่เป็นห้องของคุณทิม คือพอร์ชมึง..”
“มีน”
“คือกูไม่ได้อะไรที่เขาเป็นผู้ชายแต่สำหรับมึงที่พร่ำเพ้อให้กูฟังถึงบ้าน ภรรยาและครอบครัวมาโดยตลอด มันทำให้กูคิดไม่ถึง กูอยากให้มึงแน่ใจจริงๆ ถ้าสุดท้ายแล้วเขาไม่ใช่ มึงรักเขาไม่ได้กูก็อยากให้มึงออกจากเกมได้แล้ว"
“……………………………………………..”
“เข้าใจที่กูพูดใช่ไหมพอร์ช”
เขาจะออกจากเกมตอนนี้ได้ยังไงกัน แค่ตอนนี้ภาพแผ่นหลังของคุณทิมที่เดินหนีเขาไปยังทำให้เขายังรู้สึกแย่ขนาดนี้ ถ้าจะไม่ได้เจอกันอีก ไม่ได้เห็นรอยยิ้ม ไม่ได้หัวเราะด้วยกัน เขาจะทนได้งั้นเหรอ พอร์ช พชร ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีนักหรอกเรื่องความรักเขาเห็นแก่ตัวมากด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เขาอยากหาคำตอบ
ทับทิบ นพจินดา จะทำให้เขายอมทิ้งทุกอย่างที่ฝันมาตลอดทั้งชีวิต
และทำให้เขารักจนหมดทั้งใจได้หรือเปล่า เขาก็อยากจะรู้เหมือนกัน
Jewelry Design
“กูดีใจนะที่เราได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาแต่กูว่ามันแปลกมาก….มึงมาจากไหนเนี่ยไอ้พอร์ช”
“เรียกผมว่ามึงแสดงว่าเราสนิทกันแล้ว”
“กูเรียกศัตรูทุกคนว่ามึง”
คินกอดอกมองพอร์ช พชรที่โผล่มานั่งร่วมโต๊ะหน้าตาเฉย ดีที่ไอ้ทิมติดคุยงานกับลูกค้าไม่ก็มันไปสืบมาแล้วว่าทิมไม่ว่างถึงได้โผล่หน้ามานี่ ลูกเพื่อนแม่ทุกคนพอรู้ว่าทั้งสองคนมีเรื่องเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เห็นไอ้พอร์ชหายหน้าไปสามสี่วัน ส่วนไอ้ทิมอยู่ดีๆ ก็นั่งเหม่อมองโทรศัพท์ทั้งวันยังกะรอใครโทรมา พอพี่ต่ายถามถึงงานของเจริญกิจธาราไอ้ทิมตอบทันควัน
“ไม่อยากทำงานให้ตระกูลนี้แล้ว!”เอ่อ..พี่ต่ายถึงกับสายตรงโทรมาหาไอ้มิลเพราะนึกว่าเจ้านายน้อยป่วยหนัก
เพราะไม่เคยเห็นโวยวายเรื่องงานขนาดนี้มาก่อนทุกทีนี่ขยันตัวเป็นเกลียว
“ผมไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว มีแค่พวกคุณสามคนเท่านั้น”
“คิดว่าพวกกูจะอยู่ข้างมึงเหรอไงพอร์ช”
“ผมทำคุณทิมโกรธมากๆ ผมพูดจาไม่ดีด้วย”
“สมน้ำหน้า กูดีใจยิ่งนักที่ได้ยินประโยคนี้”
“ผมงี่เง่าโคตรๆ เลย”
“เออ..มึงนี่ครบทุกคุณสมบัติแฟนเด็ก”
“คุณเบนเวลาคุณคีตาโกรธง้อยังไงครับ”
“กอดก่อนไม่หายค่อยหอม คีตาไม่ค่อยโกรธฟัดแก้มสองสามทีก็กลับมายิ้มลักยิ้มบุ๋มแล้ว”
“ผมลองวิธีนี้ดีไหม”
“มึงหยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้ไอ้พอร์ช นี่มันวิธีง้อแฟนกูมึงเป็นใครก็ไม่รู้จะมาฟัดเพื่อนกูได้ไงวะเดี๋ยวกูถีบไปนู่น”
“แล้วถ้าคุณไม้โกรธคุณมิล”
“มึงถามผิดคนแล้วไอ้น้อง ตายแล้วเกิดใหม่สามชาติไม้ก็ไม่มีทางโกรธไอ้มิลไม่รู้ว่ามีอะไรดีไม้ถึงได้รักนักรักหนา”
“อ้าวไอ้เบน กูทั้งหล่อทั้งแสนดีแปลกตรงไหนที่ไม้จะรักกูขนาดนี้”
สุดท้ายก็ไม่เห็นจะได้อะไรจากแก๊งลูกเพื่อนแม่ พอร์ชถอนหายใจแล้วเอนตัวไปกับเก้าอี้ หลังจากงานวันนั้นตอนแรกเขาลองทำตัวเฉยๆ ไม่ไปหา ไม่ไปง้อ ไม่ไลน์ ไม่ส่งข้อความใดๆ ทั้งสิ้นแต่ผ่านไปแค่สองวันเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวรู้สึกเหมือนจะตายได้เลย ลองส่งไลน์ไปหาถามเรื่องเครื่องประดับของเจริญกิจธารา เจ้าตัวก็ตอบแค่เรื่องที่เขาถามเท่านั้น ถ้าออกไปเรื่องอื่นจะโดนตัดบทว่าขอไปทำงานทันที พอจะไปหาที่บริษัทคุณต่ายก็บอกไว้ว่า ถ้าไม่มีธุระสำคัญให้ฝากข้อความไว้เพราะคุณทิมงานยุ่ง
เขารู้ว่ามันเป็นข้ออ้าง
สุดท้ายทำได้แค่ส่งขนมไปให้ เดาได้เลยว่าอาจจะโดนโยนทิ้งถังขยะไปแล้ว
“โดนไอ้ทิมโกรธมึงทำใจเลย ง้อยากฉิบหาย”
“ตอนเด็กกูขโมยอมยิ้มมันไปกินโกรธกูเป็นอาทิตย์ กูต้องเหมามาทุกรสเพื่อมาง้อมัน”
“กูต่างหากภาคินคนนี้โดนมันโกรธมาทุกช่วงชีวิตตอนอนุบาลไม่สะพายกระติกน้ำให้ก็โกรธ ตอนประถมเป่ายิ้มฉุบชนะมันก็โกรธ ม.ต้น ม.ปลาย มหา’ลัยโดนโกรธมาหมด ขนาดเมื่อวานกูไปแกล้งรูบี้มันก็โกรธ”
“น่ารัก”
“น่ารักอะไรนักหนากูเห็นมันทำอะไรมึงก็ชมมันน่ารักตลอด โดนมันเมินหน้าไม่มองขนาดนี้ยังจะชมว่ามันน่ารักอีก มึงบ้าแล้วพอร์ช”
“ช่วยผมหน่อย คุณมิล คุณเบน คุณคิน ให้ทำอะไรผมก็ยอมแล้วตอนนี้”
“ทำไมกูต้องช่วยศัตรู ไหนบอกมาสักข้อซิเหตุผลที่กูต้องช่วยมึง”
“มันแย่มากเลย แค่สามวันผมก็แทบจะไม่ไหวแล้วผมทำงานไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมคิดซ้ำๆ ว่าคุณทิมจะเป็นยังไงบ้าง หายโกรธผมหรือยัง ผมยอมเสี่ยงตายมาหาพวกคุณเพราะผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว”
“แค่เล่นเกมมันต้องจริงจังขนาดนี้เลยเหรอไง ครั้งนี้ถ้ามึงง้อไอ้ทิมก็แสดงว่ามึงแพ้นะ”
"จะบอกให้รู้ผมยังไม่เคยชนะเพื่อนคุณเลย”
แก๊งลูกเพื่อนแม่ทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน เขารู้ว่าพอร์ชไม่ได้โกหกท่าทางที่เหมือนคนใกล้ตายทำให้เบนพอจะมองออก ใบหน้าหล่อที่เขาเคยเห็นดูอ่อนล้าเหมือนคนไม่ได้หลับมาทั้งอาทิตย์ เอาจริงในฐานะเพื่อนของทิมเขาก็ให้คำปรึกษาอะไรไม่ได้มาก รามิลเลื่อนแก้วน้ำเปล่าไปตรงหน้าพอร์ชก่อนจะบอก
“ขอโทษ คือสิ่งเดียวที่คุณพอร์ชควรจะทำถ้าคิดว่าตัวเองทำผิด”
“……………………………………………………………………”
“ในฐานะที่คุณพอร์ชเป็นคนแรกที่กล้ามาหาพวกผมซึ่งๆ หน้าผมจะบอกให้คุณรู้ว่าทิม..อาการอาจจะไม่เท่าคุณในตอนนี้แต่สำหรับเพื่อนสนิทอย่างผม
ทิมก็แคร์คุณพอร์ชมากเหมือนกัน”
พอร์ชขอตัวกลับไปแล้วเพราะเพื่อนโทรมาตามให้กลับไปแก้งานน่าจะโดนลูกค้าวีนหนักเพราะได้ยินเสียงเพื่อนดังออกมาจากโทรศัพท์ แก๊งลูกเพื่อนแม่ทั้งสามคนได้แต่นั่งถอนหายใจเงียบๆ อาหารตรงหน้ายังไม่มีใครได้ตักเข้าปากเลยสักคน เบนวางช้อนในมือลงแล้วพิงศรีษะไปกับเก้าอี้
"โดนไอ้ทิมโกรธสามวันสภาพยังใกล้ตายขนาดนี้ถ้ายังบอกว่าเป็นแค่เกมอีกกูอยากฟาดด้วยหม้อต้มยำนี่จริงๆ "
คินหยักหน้า
แล้วหันมาแทกมือกับเบนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ขอสัญญาต่อหน้าปลากระพงทอดน้ำปลาว่ากูจะไม่มีวันเล่นเกมแบบนี้กับใครเด็ดขาด ปวดกระบาล”
............................
.....................................................