ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ  (อ่าน 34945 ครั้ง)

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


 ~ คำโปรย ~

ชีวิตคนเราก็เหมือนนิยายเรื่องหนึ่ง  ในระหว่างทางเดินของแต่ละตัวละคร
ต้องพานพบกับเรื่องที่ทุกข์และเรื่องที่สุข  บางเรื่องที่เจอกับตัวทำให้ร้องไห้
จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด  แต่บางเรื่องก็ทำให้เรายิ้มหรือหัวเราะได้
ทั้งน้ำตา อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน  เช่น นายข้ามฟ้า
ที่เผชิญเรื่องราวและผู้คนมากมายจนชีวิตมาถึงจุดที่เปลี่ยนเขาไปตลอดกาล


          ***********************************


“บอกว่าอย่ามาจับตัวไงเล่า  สกปรก… อ๊าก!!!”

“กอหญ้า!  หยุดเดี๋ยวนี้นะ  จะถูทำไมนัก  ถลอกหมดแล้วเนี่ย
 บอกมาสิ  เป็นอะไร?”

“สกปรก!  อย่าจับ!  ล้างมือ  ต้องล้างมือ  ปล่อย ฮือฮือ”

“ชู่ๆๆ  ไม่สกปรก  ไม่เลอะนะ  นิ่งๆ นะกอหญ้า  หายใจลึกๆ
ไม่มีอะไรน่ากลัว  นิ่งซะ”

“คุณเป็นใคร  ผมเคยได้ยินเสียงนี้”


สารบัญ
1  ข้ามฟ้า
2  ชีวิตพลิกผัน
3  ครอบครัวแผ่นดิน
4  นายคือกอหญ้า
5  คู่กัดหรือคู่กัน
6  ฟื้น...เกลียดสัมผัส
7  ผมไม่ใช่ข้ามฟ้า
8  ไปอยู่บ้านพี่ดิน
9  นายอำเภอคนใหม่
10  เมื่อนิตยสารวางแผง
11  พิสูจน์ใจ
12  ไปตลาด
13  เรื่องวุ่นๆ
14  ถูกลอบวางเพลิง
15  ความจำกลับคืน
16  พี่ดินคนดื้อ
17  จับขโมย
18  คนขี้หวง
19  คืนฝนตก
20  แหวนคู่แทนใจ
21  ส่วนหนึ่งของครอบครัว
22  มื้อค่ำนอกบ้าน
23  กันและกัน
24  น้องสกาย 1
25  น้องสกาย 2
26  มื้อเย็นหรรษา
27  แค่เรารักกัน
28  เหตุวุ่นวาย 1
29  เหตุวุ่นวาย 2
30  เหตุวุ่นวาย 3
31  ออกสื่อ
32  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์
33  กลับมาเป็นข้ามฟ้า
34  คุณย่าออกโรง
35  เกิดเรื่อง
36  พลังแห่งรัก
37  ทางเดินชีวิต
38  ทางที่เลือกเดิน
39  ก้าวต่อไป
40  เที่ยวชมไร่ 1
41  เที่ยวชมไร่ 2
42  ถูกสะกดรอยตาม
43  ภัยมืด 1
44  ภัยมืด 2
45  รับเคราะห์แทน
46  ก้าวไปพร้อมกัน
47  ในความทรงจำ 1
48  ในความทรงจำ 2
49  ถ่ายละคร
50  จุดจบตัวร้าย
51  เมาเหล้าหรือเมารัก
52  ดูแล
53  ใครเหนือกว่า
54  ปวดใจ
55  ปลดพันธนาการ
56  อดีตที่ผิดพลาด
57  ช่วงเวลาสำคัญ
58  รักยิ่งใหญ่
ตอนพิเศษ 1 แฟนหมอ
ตอนพิเศษ 2 ยังรักอยู่มั้ย?
ตอนพิเศษ 3 อยากได้ยินว่ารัก



ตอนที่ 1  ข้ามฟ้า

“เซตสุดท้ายแล้วนะข้าว  จบงานนี้ได้พักกันยาวๆแล้วล่ะ  ตามคำขอเลยจ้ะน้องรัก”
 
คะน้าหญิงสาวร่างสูงโปร่ง  ผิวเนื้อสองสี  ดวงตาคมเรียว  รับกับจมูกที่โด่งรั้น
จัดว่าเป็นหญิงสาวสวยที่ทั้งเก่งและมาดมั่น

คะน้าเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับนักแสดงหนุ่ม ข้ามฟ้า เหนือเวหา
ผู้ก้าวขึ้นมาจากเส้นทางการประกวดเฟ้นหาดาวดวงใหม่ของวงการในงานประกวด
‘Mr.perfect’ นั่นเอง

“พี่คะน้า  ข้าวขอไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะฮะ”
หนุ่มหล่อในสังกัดเอ่ยปากพร้อมกับเดินออกไปยังระเบียงห้อง
คะน้าอ้าปากจะทัดทานแต่ได้เห็นเพียงเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวประบ่าของเด็กหนุ่มเท่านั้น

คะน้าถอนหายใจ ดวงตาทอดมองแผ่นหลังและไหล่กว้างที่มือข้างซ้ายยึดจับกับราวระเบียง
ส่วนอีกมือก็กดโทรศัพท์แนบไว้หลังหู  ท่าทางที่เดินวนกลับไปกลับมาอยู่พักนึง
แล้วก็ผลุบกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว

คะน้ารู้เลยว่าน้องไม่ได้ดั่งใจนัก
สังเกตได้จากใบหน้ารูปไข่ที่มีดวงตาสีน้ำตาลหวานปนเศร้า  และคิ้วเข้มๆ
ที่ขมวดกันจนแทนเป็นก้อนเหนือเปลือกตา  แล้วยังจะอาการกระแทกกระทั้นตัวลงนั่งอีก

 “ข้าวอย่าเครียดสิ  พี่ไม่อยากเห็นเราเป็นแบบนี้  ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ก็ปล่อยๆ
ไปเถอะ  อนาคตข้าวยังต้องไปอีกไกลกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เหนื่อยขนาดไหน
อย่าลืมสิ!  อย่าให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวมาดับอนาคตตัวเอง”

คะน้าได้แต่เตือนสติเด็กหนุ่มกลับไป  ด้วยเพราะรักและเป็นห่วงทำให้เธอต้องพร่ำเตือนอยู่ตลอด

“พี่คะน้า  ข้าวติดต่อขิมไม่ได้เป็นเดือนแล้วนะ  จะไม่ให้ทุกข์ร้อนได้ไง
คนรักทั้งคนนะพี่  ถึงเราจะทะเลาะกันบ่อยมันก็แค่เรื่องเล็กน้อย
สุดท้ายเราก็ปรับความเข้าใจกันได้  แต่นี่เล่นตัดหนทางติดต่อ
ไม่ใช่เพราะงานที่รัดตัว  จนแทบหายใจไม่ออกเหรอฮะ  ขิมถึงเอามาเป็น
ประเด็นชวนทะเลาะ  เหนื่อยนะฮะแต่ก็อยากให้เธอเข้าใจ”

ชายหนุ่มตัดพ้ออย่างท้อแท้ใจ  คนฟังได้แต่ส่ายหน้าด้วยไม่รู้จะพูดยังไงให้น้องหายเศร้า


 “เอาน่ะข้าว  เตรียมตัวกับงานชิ้นนี้ให้ดี  เอาให้สุดๆ ไปเลย  แล้วสิ่งดีๆ
มันจะเข้ามาหาเราเอง  นู้น!  พี่ดลมาชะเง้อหลายรอบแล้ว
เกรงใจแกหน่อยค่าเช่าสตูดิโอนี่ก็แสนจะแพง ไปประจำที่ตัวเองได้แล้ว
แล้วค่อยคุยกันใหม่”

พี่คะน้าเอ่ยถึงพี่ภูดล  ช่างภาพมือโปร  หัวฟูๆ มาดเซอๆ ที่เป็นช่างภาพมือทองอยู่ในขณะนี้
งานที่พี่ดลถ่ายดังเป็นพลุแตกทุกราย

ข้ามฟ้าลมสูดหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกพลังใจกลับ
คืนมา  เขายืดตัวตรงและลุกขึ้นก้าวเท้าไปหาตากล้องตัวหนาที่เซตกล้องรอ

“มาเลยข้าว  ถอดเสื้อกับกางเกงออก  เอาผ้าขนหนูห่อไว้ซะหน่อย
เออนั่นแหละ  กร...เอ็งไปจัดท่าให้ข้าวมันที  ดูดีๆ ให้เซ็กซี่หน่อยๆ
เอาชนิดว่าผู้ชายน้ำลายหกและแม่ยกมันมดลูกสะเทือนไปเลยเป็นพอ
เห่ย! กร ไม่ต้องเปลือยขนาดนั้น  แค่พอมีมิติแบบน่าค้นหาหน่อย
นั่นแหละประมาณนั้น มองมาที่กล้องนะข้าว  อย่ามองแบบพุ่งๆนะ
เอาแบบอ้อนหน่อยๆ  เว้าวอนนิดๆ  คะน้าเว้ย!  ช่วยให้ใครไปซับหน้า
ออกหน่อยเติมแป้งอีกนิดด้วย  เจอไฟหน้าเยิ้มไปหมดแล้ว”

ภูดลยังคงพูดเองเออเองไปคนเดียวไม่ได้หยุด  และหันไปกระดกขวดน้ำดื่ม
พอเมคอัพหน้าให้นายแบบเสร็จก็เริ่มงานต่อทันที


“เอ้า! ทุกอย่างพร้อมนะข้าว  แสงดี  ตาอย่าตกมองมาที่พี่
ใช่แล้ว...แบบนั้นแหละ  ตาอ้อนจริงๆ เลยว้อย!”

พี่ดลยังคงพูดคนเดียวอีกตามเคย  นิ้วก็รัวชัตเตอร์ไม่หยุด
หมุนหาองศาแทบจะลงไปนอน  ท่าเยอะเอามากๆ 


ข้ามฟ้าถูกขอให้รับงานเพราะผู้ใหญ่ตกปากรับคำกันไว้  จนทำให้เขา
ต้องอยู่ในชุดผ้าน้อยชิ้นแทบจะเป็นถ่ายนู้ดอยู่แล้ว
ถึงใครจะมองว่าเป็นภาพศิลป์  งานศิลป์ถ้ามากไปกว่านี้
เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะทำเหมือนกัน




“เยี่ยมมากทุกคนเก็บของเสร็จไปฉลองกันที่ผับตรงข้ามสตูนี้นะ
คะน้ากับข้าวไปด้วยกันนะ  รู้มั้ย”

ข้ามฟ้าหันไปส่งยิ้มให้พี่ดล  อ้าปากจะขอตัว  แต่พี่ดลหันไปคุยกับพี่คะน้าซะก่อน


“ภาพเสร็จจะส่งให้ดูนะคะน้า  แกไม่ต้องมาจิกตาใส่พี่เลย
ถ้ารูปไม่ดีจริงพี่ไม่ปล่อยออกมาลงปกหรอก  ไม่โป๊เกินไป
แต่ว้าว!  แน่งานนี้  ฮ่าฮ่า”

พี่ดลคุยเสียงดังกับพี่คะน้าแล้วพากันหัวเราะ


“พี่ดล  พี่คะน้า  ข้าวมีธุระต้องไปจัดการ ขอโทษด้วยครับที่ไปฉลองกับพี่ๆ
ไม่ได้ ไว้โอกาสหน้านะครับ”

ข้ามฟ้าหันไปขอโทษทุกคนรวมทั้งทีมงาน  ซึ่งทุกคนต่างก็พยักหน้าเข้าใจ



ข้ามฟ้ารีบกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวฉวยเสื้อยืดกางเกงยีนชุดเดิมมาเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
และคว้ากระเป๋าเป้มาสะพายข้างพร้อมกับถลาไปที่ลิฟต์โดยไม่มองหลัง


“ข้าว!  รีบอะไรขนาดนั้น  รอพี่ด้วย”
คะน้าวิ่งตามและแทรกตัวเข้าในลิฟต์  ทำหน้าดุ  เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ

“ข้าวจะไปหาขิม  ถึงแล้วจะโทรหานะครับ  ไม่ต้องห่วงนะ”

ข้ามฟ้าบอกกับหญิงสาวที่ดูแลห่วงใยเขาไม่ต่างจากพี่น้อง


“รักตัวเองให้มากและดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะข้าว
บอกน้าช่อรึยังว่าจะไปไหนมาไหน  อย่าให้แกมาว่าพี่ได้ล่ะ”

ปากสวยๆพูดเตือนน้องอีกตามเคย


“ข้าวไปไม่กี่วันก็กลับ  วันนี้แค่จะกลับไปจัดเก็บห้องแล้วแพ็กกระเป๋า
พรุ่งนี้เย็นถึงจะบิน”

ข้ามฟ้าพูดและขมวดคิ้วยุ่งเมื่อนึกถึงแม่เลี้ยงที่ยุ่มย่ามเจ้ากี้เจ้าการ
กับชีวิตเขาไม่ได้หยุดหย่อน


“อย่าลืมรักตัวเองนะข้าว  มีอะไรอย่าปิดบังพี่  โทรหาพี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ดึกดื่นเที่ยงคืนยังไงพี่ก็จะทิ้งผัวและลากสังขารไปหาเรา
ทุกที่…ขอแค่บอก”

พี่คะน้ามาโหมดซึ้งอีกแล้ว  ข้ามฟ้าเข้าไปสวมกอดพี่สาวใจดีที่ลูบหลังเขา
อย่างอ่อนโยน  พอลิฟต์ถึงชั้นจอดรถจึงผละออกมา  แล้วส่งยิ้มให้กันอีกที
ทั้งสองแยกย้ายกันไปที่รถตัวเอง  พี่คะน้าโบกมือให้ก่อนที่จะเคลื่อนรถนำไปก่อน
ข้ามฟ้าจึงขึ้นรถสปอร์ตคันหรูสีดำเงาวับของตนขับออกไปไล่ๆกัน



ณ คอนโดหรูใจกลางเมือง  ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นเยี่ยม
ทำให้ข้ามฟ้าตัดสินใจเลือกซื้อที่นี่ไว้เป็นที่ส่วนตัว  ที่ปลอดจากสายตา
ของคนนอก


เขาซื้อมันด้วยน้ำพักน้ำแรงที่หามาได้  ถึงราคาจะแพงลิบลิ่วแต่เพราะเขา
ต้องการความเป็นส่วนตัว  ที่ไม่ต้องทนจุกจิกรกหูกับเรื่องที่แม่เลี้ยงชอบหา
มาให้  น้าช่อแก้วเธอติดการพนันอย่างหนัก  ชอบดูดเงินจากเขาไปละลาย
ในบ่อนการพนัน  เขาจึงเลือกที่จะอยู่คอนโดแทนการกลับไปบ้าน
แม้ว่าบ้านนั้นจะเป็นของพ่อแต่ท่านก็เสียชีวิตไป บ้านจึงกลายเป็นสมบัติของ
น้าช่อแก้วไปโดยปริยาย



ข้ามฟ้าออกจากลิฟต์ได้ก็เดินตรงไปที่ประตูหน้าห้องเอื้อมมือจะแตะคีย์การ์ด
ชะงักมือเมื่อพบกับหนุ่มน้อยตัวขาวปากแดง  ผมเผ้ายุ่งเหยิงที่เหมือนว่าเจ้าตัว
จะเพิ่งลุกจากที่นอน  ส่งยิ้มทักทายมาให้  สองมือยังโอบตะกร้าผ้าใบโตไว้ด้วย

“อ้าวกริช  จะไปไหน  หืม?”
ข้ามฟ้าเอ่ยทัก  แล้วชี้มือมาที่ตะกร้าผ้า  เด็กหนุ่มวางตะกร้าลงที่พื้นหน้าห้อง


“สวัสดีครับพี่ข้าว  ผมไปเอาผ้าที่ซักไว้น่ะครับ  เผลอหลับไปนึกขึ้นได้ว่าลืมผ้าไว้
ที่ตู้หยอดเหรียญ  ถึงได้รีบกลับลงไปเอาน่ะครับ  นี่พี่ข้าวก็กลับค่ำมากเลยนะฮะ
มีงานละครเหรอ”

หนุ่มน้อยเป็นแฟนคลับตัวยงของข้ามฟ้าซึ่งเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ
นั่นเอง  บ้านต้องมีฐานะพอควรไม่อย่างนั้นคงไม่กล้ามาอยู่คอนโดหรูระดับนี้แน่ๆ
กริชเป็นเด็กอัธยาศัยดี  ไม่ลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขา  จนข้ามฟ้าเอ็นดูเป็นพิเศษ


“ละครถ่ายเสร็จหมดแล้ว  รอลงจอน่ะ  ตอนนี้ถ่ายปกนิตยสาร
ถ้าเล่มเสร็จก่อนที่จะวางแผงพี่จะเอามาให้เรานะ”

ข้ามฟ้าบอกน้องทำเอาเจ้าเด็กหนุ่มยิ้มแก้มแทบแตก


“โหๆ ดีจังเลยฮะพี่ข้าว  ผมจะได้ผลงานของพี่คนแรกอีกแล้วสิ
ปลื้มปริ่มจนนอนไม่หลับแน่คืนนี้”

กริชทำท่าดีอกดีใจเป็นการใหญ่แต่ไม่วายพูดทะเล้น


“น้อยๆ หน่อยเจ้ากริช  เออ! พี่จะไม่อยู่สักพักนะจะไปทำธุระที่ต่างประเทศ
เราก็ตั้งใจเรียนอย่าเกเรล่ะ  รู้มั้ย”
 
ข้ามฟ้าบอกเล่าให้เด็กหนุ่มฟังและยกมือยีหัวน้องที่ยืนหน้าจ๋อย


“ผมจะไม่เกเรครับ  พี่ข้าวเป็นไอดอลของผมเลยนะ
ผมจะเก่งให้ได้อย่างพี่  ว่าแต่พี่ข้าวไปพักเถอะฮะ
ดูแลตัวเองดีๆ และขอให้เดินทางปลอดภัยนะฮะ
พักผ่อนเยอะๆ ด้วยหน้าหมองไปหน่อยแล้ว”

กริชสังเกตหน้าพี่ข้าวไม่สดใสเหมือนเคยจึงอดเป็นห่วงไม่ได้


“ครับตัวแสบ  เรารับปากพี่แล้วนะว่าจะไม่เกเรต้องทำให้ได้ด้วยล่ะ
พ่อแม่เราจะได้ภูมิใจ  ไปนอนได้แล้วไป”


พี่ข้าวยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงตัวสวย  ใบหน้าหล่อแบบหวานๆ
ยิ่งยิ้มแบบนี้น่ารักกว่าตอนทำหน้านิ่งเป็นไหนๆ เด็กหนุ่มคิด
แล้วจึงโบกมือให้ก่อนที่จะผลุบหายเข้าห้องตัวเอง


พอเข้ามาด้านในได้ก็ยืนพิงประตูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนทุกครั้ง
โชคดีที่เจอนายแบบในดวงใจก่อนเข้านอน






“ขิมยังไม่กลับไทยตอนนี้  คุณแม่ท่านจะให้ขิมเรียนต่ออีกค่ะ”

“พี่ไม่เห็นรู้เรื่อง  ไหนขิมบอกจบนี่แล้วจะกลับไทย”

“ก็ขิมพูดอยู่นี่ไงล่ะ  อีกอย่างพี่มาก็ดีแล้ว  ขิมต้องหมั้นกับพี่ตฤน
เรื่องของเราจบแค่นี้เถอะนะ”

“ว่าไงนะขิม  หมั้นอะไร  ยังไง  แล้วพี่ล่ะ”
ข้ามฟ้าหูอื้อ  เขาฟังไม่ผิดแน่

“ลูกชายเพื่อนคุณพ่อ  ท่านไม่เห็นด้วยที่เราคบกันพี่ข้าวก็รู้
 อีกอย่างท่านเป็นถึงรัฐมนตรีลูกเขยท่านก็ต้องเป็นคนระดับเดียวกัน”

“เหอะๆ ที่ผ่านมาพี่มันก็แค่ดาราที่ต่ำต้อย  ไม่รู้ชาติกำเนิดที่ชัดเจน
อย่างนี้สินะ  ขิมถึงไม่ติดต่อพี่เลย”

“พี่ข้าวต้องเข้าใจ  อาชีพอย่างพี่  วันนึงก็ต้องถูกสื่อมวลชนขุดคุ้ยเรื่องทางบ้าน
ถ้าวันนั้นมาถึงเรื่องของเราคุณพ่อท่านไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่
เราเลิกกันเถอะนะ”

หญิงสาวร่างโปร่ง  เอวคอด  ที่สวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นตรงหน้า
สีหน้านิ่งเรียบไม่บ่งบอกว่าจะเศร้าเสียใจอะไรเลย
วาจาที่พูดออกมากลับเสียดแทงจิตใจคนฟังเหลือเกิน


'ทำไมถึงได้ตัดรอนความสัมพันธ์อย่างไม่มีเยื่อใยแบบนี้'


เขาสู้อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงออสเตรเลียเพื่อพบว่า
เธอกำลังจะหมั้นและไม่ได้มีอาการอะไร
เหมือนเธอกับเขาเป็นแค่คนที่รู้จักกัน…หรือว่าเขาเป็นแค่คนผ่านทาง
…เขาคงเป็นได้แค่นั้น…จบแล้วเรื่องของเขากับเธอปิดฉากลงแล้ว





ข้ามฟ้าหาเที่ยวบินกลับไทยอย่างรีบด่วน  เขาไม่อาจทนอยู่ต่อแม้เสี้ยววินาที
ความรักที่เขามีให้เธอมันดูไร้ค่า ไม่คู่ควร  ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

เขาย้อนนึกไปถึงความหลัง  วันที่พบกัน  เขาไปงานโชว์ตัวที่ผับดัง
แล้วขิมก็เข้ามาขอเบอร์ติดต่อ  จากนั้นทั้งสองก็สานสัมพันธ์กันมา
เธอก็เหมือนเด็กวัยรุ่นที่อยากมีแฟนเป็นดารา 

พอคบกันไปด้วยความไม่พร้อมของเขา
ทั้งเวลาที่เขาแทบไม่มีให้เธอ  และฐานะที่ไม่ได้ดีอะไรมากนัก
แล้วยิ่งเมื่อเธอได้รู้ว่ามารดาที่ให้กำเนิดของเขาไม่มีตัวตนไม่รู้ว่าเป็นใคร
เธอดูผิดหวัง

‘พี่ข้าว  ไม่รู้จริงเหรอว่าแม่พี่เป็นใคร’

‘แม่คลอดพี่ได้ประมาณเดือนเดียวท่านก็ทิ้งพี่ไปแล้ว’

‘พี่ไม่โกรธเหรอ ถ้าเป็นขิม คงไม่มีวันให้อภัย’

‘แม่ให้พี่เกิดมามีวันนี้ได้ก็พอแล้ว ท่านคงมีเหตุผลที่ทำอย่างนั้น ช่างเถอะอย่าพูดถึงเลย’




ข้ามฟ้านึกถึงเหตุการณ์ในครั้งแรกๆ ที่คบกัน
นี่สินะ  ความไม่คู่ควรที่เธอบอก

 

พ่อของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อ 8 ปีก่อน
น้าช่อแก้วที่เป็นแม่เลี้ยงจึงเลี้ยงดูเขาเรื่อยมา
แม้เธอจะไม่ค่อยเต็มใจแต่เงินประกันชีวิตที่พ่อทิ้งไว้
และบ้านที่ท่านสร้างก็พอจะรั้งให้เธอจำต้องทำหน้าที่นั้น
เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิงเงินที่เขาหามาได้  แม้จะต้องถูกเธอรีดไป
แต่เขามองว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่เธอไม่ทอดทิ้งให้เขาต้อง
โตมาโดยลำพัง   และนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลที่เขาถูกทิ้ง



‘ฐานะและชาติกำเนิด’

ข้ามฟ้าปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า

ความเจ็บปวดที่ได้รับครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่าพอกันทีกับความรัก…

‘อย่าให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวมาทำให้อนาคตต้องพัง’


‘นั่นสินะ!  ชีวิตต้องเดินไปอีกไกล’

‘ไม่คาดหวัง…จะไม่ผิดหวัง’

ข้ามฟ้าบอกกับตัวเอง


***********************************
'ข้ามฟ้ามาสู่ดิน'
เป็นเรื่องที่สองแล้วค่ะ  ฝากผลงานด้วยค่ะ แสดงความคิดเห็น
ติ ชม กันได้นะคะ ขอบคุณค่ะ ใครยังไม่เคยอ่านเรื่อง 'ภูรักฟ้า'
ตามไปอ่านกันได้นะคะ
                                                           
                                                                เส้นขอบฟ้า










Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-04-2019 15:13:42 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 2 ชีวิตพลิกผัน

ข้ามฟ้าจำเป็นต้องจัดกระบวนการทางความคิดและให้เวลากับตัวเองสักพักก่อน
เขาจึงจะกลับไปทำงาน  เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาจึงหาตั๋วเที่ยวบินระหว่างประเทศ

‘ไปเชียงใหม่แล้วกัน’

เขานั่งเครื่องต่อไปทางเหนือของประเทศ  ข้ามฟ้าปิดเครื่องมือสื่อสาร
ความอ่อนล้าจากการเดินทางทำให้รู้สึกมึนๆ เขาจึงหาโรงแรมเพื่อให้ร่างกายได้พัก
เขาได้ที่พักที่ไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก

ชายหนุ่มสวมหมวกและใช้แว่นกันแดดกับแจ็คเก็ตตัวโคร่งอำพรางตัว
มีคนที่ทำท่าจะเข้ามาทักหลายต่อหลายคน  ด้วยเพราะไม่มั่นใจจึงเลยผ่านเขาไป
จนสุดท้ายข้ามฟ้าก็ได้นอนบนที่นอนแสนนุ่ม  และหลับด้วยความอ่อนเพลียในที่สุด


“ขอเช่ารถครับ”
ข้ามฟ้าเข้าไปติดต่อขอเช่ารถตามที่เสิร์ชหาในมือถือ

“ครับ  วันละหนึ่งพัน  ขอหลักฐานบัตรประจำตัวด้วยครับ”
เจ้าของรถเช่าตาโตที่เห็นบัตรประชาชนของข้ามฟ้า
กำลังจะอ้าปากบอกพรรคพวกลูกน้องในร้าน  ข้ามฟ้าก็คว้าแขนไว้แล้วยกนิ้วจุ๊ปาก

“ขอโทษครับ  ผมขอความเป็นส่วนตัวครับพี่  ช่วยผมหน่อยนะ”
ข้ามฟ้าขอร้อง  พี่แกจึงเอามือปิดปาก  หน้าตาตื่นเต้นสุดๆ
ด้วยความที่มีคนดังมานั่งตรงหน้า  ทั้งงานแสดง  งานโฆษณา
ใครๆ ก็รู้จักเขาพอสมควร

“ตามสบายครับ  คุณข้ามฟ้า  ขอให้มีความสุขในการท่องเที่ยวครั้งนี้
หากไม่ได้รับความสะดวกอะไร  แจ้งผมได้ตามสติกเกอร์ที่ติดข้างรถเลยครับ”
เจ้าของรถให้ความเป็นกันเอง  ข้ามฟ้ารับกุญแจรถมาถือไว้

“ขอบคุณครับ”
เขากล่าวขอบคุณ  ก่อนจะเดินไปที่รถและขับออกมา


ข้ามฟ้าเริ่มต้นการท่องเที่ยวโดยการไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนี้เป็นลำดับแรก
เพื่อความเป็นสิริมงคล  เขาใช้เวลาที่นี่นานพอควร แวะหาอาหารทานโดยเลือกร้านที่มีคนไม่มากนัก


“พี่ข้าว  ข้ามฟ้าหรือเปล่าคะเนี่ย  แต่หนูจำได้นะว่าใช่
ที่พี่เล่นละครเป็นพี่ภูแน่ๆ หนูว่าไม่ผิดตัว”
หนูน้อยในวัยประถมเข้ามาทักทายเขา

“ใช่แล้วครับคนสวย  ไม่บอกใครน้า  พี่ข้าวขอทานข้าวเงียบๆ  ได้ไหมเอ่ย?”
 ข้ามฟ้าบอกกับหนูน้อย

“ได้สิค่ะ  ตัวจริงหล่อมากๆ เลยค่ะ”
หนูน้อยยิ้มสวยโบกมือลา  เมื่อแม่ของเธอเรียกให้ไปขึ้นรถ


ชายฉกรรจ์สองคนที่นั่งโต๊ะถัดไปได้ยินทุกคำที่ข้ามฟ้าพูดคุยกับเด็กหญิง
ทั้งสองสบตากัน  แววตาวาวโรจน์  ริมฝีปากหนาแย้มยิ้มอย่างน่าขนลุก
ข้ามฟ้าดื่มน้ำเป็นสิ่งสุดท้าย จ่ายค่าอาหารก่อนจะเดินไปที่รถแล้วขับออกจากร้านข้าวไป

ข้ามฟ้าใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง  เขาแวะดื่มกาแฟที่ร้านน่ารักๆ แห่งหนึ่ง
นั่งไม่นานพอให้กาแฟหมดแก้วก็ออกจากร้านและขับรถไปแบบเรื่อยๆ
อยากแวะไหนก็แวะ  ไม่มีแพลนอะไรในหัวเลย  มันว่างโล่ง  เขามารู้ตัวอีกทีก็พลบค่ำ


แต่ขณะที่เดินทางกลับเส้นทางเดิมเพื่อไปที่พักก็มีรถกระบะสีดำขับมาปาดหน้า
อย่างกระชั้นชิด  ข้ามฟ้าตกใจกระทืบเบรกอย่างแรงพร้อมกับหักหลบทำให้รถหมุนคว้าง
เขารู้สึกตัวเหมือนโดนแรงอัดกระแทก  และร่างเหมือนถูกกระชากด้วยแรงมหาศาลจาก
ที่ไหนสักที่และสติรับรู้ของเขาก็ดับวูบลง



“เร่งมือหน่อย  แม่งตายรึเปล่าวะ  เอากระเป๋าตังค์กับมือถือมันขึ้นมาก่อน
นาฬิกาก็ด้วย  ส่งๆ มาสิ  รีบดิวะ เดี๋ยวพ่อมึงก็แห่กันมาหรอก ได้แล้วก็ถีบมันลง
ไปนู้นเลย  ห่างรถนี่หน่อยก็ดี  มีแสงไฟว่ะ! กูว่ามึงขึ้นมาเหอะ”
คนดูต้นทางด้านบนพูดไม่หยุดปาก  สักพักคนที่รูดทรัพย์อยู่ก็ปีนขี้นมา
จากร่องลึกข้างทางที่รถตกลงไป

“แม่งเอ๊ย!  เป็นตั้งดาราดังเสียเปล่ามีของติดตัวมาแค่นี้  เหนื่อยเปล่าๆ ว่ะ
สร้อยแสตนเลสกูไม่ปลดมานะมึงกระจอกว่ะ  ถุย ! พรุ่งนี้ก็คงรู้ว่ามันตายหรือเปล่า
แต่มันยังหายใจอยู่นะมึง  หนักเอาการเลย…กูว่าไม่น่ารอด”
ชายที่ลงไปรูดทรัพย์พูด

เดนมนุษย์ร่างยักษ์สองคนเร่งเครื่องรถหนีไป  โดยไม่สนใจเหยื่อของมันว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง


ข้ามฟ้ารู้สึกตัวเขาเจ็บ  ปวดหัวแทบระเบิด  ทรมาน  มืดจนมองอะไรไม่เห็น
เขาเดินลากเท้าและใช้มือคลำทาง ล้มลุกคลุกคลาน ไถลลื่น ครูดกับคันหิน
ทางเดินมันลาดชันลงเรื่อยๆ เขาถูกทั้งกิ่งไม้และเปลือกไม้ครูดจนเจ็บแสบและชาที่ฝ่ามือ
ความรู้สึกวูบโหวง  กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง  เอามือคลำถึงรู้ว่าเป็นเลือดสดๆ
ที่ไหลลงมาจากศีรษะ  ปวดแทบทนไม่ไหว  ขาทั้งสองข้างสั่นเทา  เริ่มจะหมดแรง
ก้าวเท้าไปได้แค่ก้าวเดียวฉับพลันตัวก็ลอยละลิ่วลงจากที่สูง  เขากำลังจะตายจริงๆ
ใช่ไหม  ลมหายใจรวยรินและแผ่วเบาลง



“นายดิน! ยู้ฮู  ไปไหนของเขานะ  ไอ้ขวัญบอกว่าเดินมาทางนี้นี่นา”
ชายหนุ่มร่างกำยำผิวคล้ำแดด  เดินวนเวียนหานายของมัน
แล้วก็เห็นแสงไฟวอมแวมแถบท้ายไร่

“นายดิน!  ทางนี้  คร๊าบ  ยู้ฮู”
มิ่งวิ่งไปตรงที่เห็นแสงไฟนั้น

“ไอ้มิ่ง! โว๊ย!  ทางนี้!”
เสียงตะโกนมาโหวกเหวก  มิ่งไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหา

“นาย! นายดินเป็นอะไร โอ๊ะ! เลือด!! ใครทำบอกผม!!!”
มิ่งถลาเข้าไปทั้งที่เหนื่อยหอบแบบนั้น

“กูไม่ได้เป็นอะไรคนนู้นต่างหากล่ะ  มึงรีบอุ้มกลับไปที  ต้องพาส่งโรงพยาบาล
เขาเสียเลือดมากเดี๋ยวได้ตายห่ากันพอดี เออ! มึงนั่นแหละอุ้ม กูน่ะอุ้มมาแล้ว
ตัวหนักชิบ! เร็วดิวะ!”

ชายหนุ่มร่างสูงตัวหนาพูด  ชี้มือไปที่คนเจ็บที่ตอนนี้นอนกองอยู่ที่พื้นหญ้า
อ้มิ่งจึงช้อนมือเข้าใต้ขาพับอุ้มในท่าอุ้มสาว  เดินขาปัดไปปัดมาเลยทีเดียว
ก็รูปร่างคนเจ็บออกจะสูงยาวพอๆ กับมัน

“นายดิน  แผลที่หัวเขาใหญ่เนอะเลือดท่วมเลย  หน้าก็ด้วยทั้งแถบเสียโฉมแน่ๆ”
มิ่งชวนคุยพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไปอีกให้ทันนายดินที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว

“ไอ้มิ่ง  เร็วอีกหน่อยสิวะ  ถ้ามันเสียโฉมแต่ไม่ตายมึงว่าจะดีกว่ามั้ย
อย่ามัวแต่พูดมากอยู่เลย”
นายตัวใหญ่หันมาดุลูกน้องเพราะความร้อนใจ

“ผมก็รีบแล้วเนี่ยตัวหนักเหมือนกันนะ สูงพอๆ กะนายแหละ ใครก็ไม่รู้เนาะ
โดนอะไรมาก็ไม่รู้อีก น่าสงสารเหมือนกันนะ”
มิ่งพูดตลอดทางที่เท้าก้าวเดิน

“มิ่งกูว่ามึงส่งต่อมาให้กูแบกไปเองดีกว่าเดี๋ยวจะตายห่าก่อนถึงมือหมอซะเปล่าๆ”
นายดินพูดเสียงติดจะหงุดหงิดแบบไม่ได้ดั่งใจ

“นายดิน  รับไปครับ  ฮึบบบ”
แผ่นดินรับคนเจ็บมาแบกใส่หลัง  โดยมือสองข้างของคนเจ็บก็ห้อยต่องแต่ง
อย่างกับไม่มีกระดูกอย่างนั้น

“อีกนิดจะถึงรถแล้ว  มิ่งไปติดเครื่องก่อนเลยแล้วก็ขับให้ที  เอ้ากุญแจ”
มิ่งคว้ากุญแจจากมือนายดินที่ส่งมาให้ทั้งพวง  วิ่งอย่างเร็วไปที่รถจี๊ป
แล้วติดเครื่องรออย่างที่เจ้านายสั่ง  นายดินมาถึงก็วางคนเจ็บที่ไม่ได้สติ
ที่เบาะหลัง  แล้วเขาก็ขึ้นนั่งเอาศีรษะที่มีแต่เลือดพาดมาที่หน้าขาของเขา
ลมหายใจรวยรินแผ่วเบาลงทุกที  เขาก็ได้แต่นึกคิดในใจ


‘อย่าเป็นอะไร  ต้องทันสิ  ต้องรอดนะเว้ย!’


แผ่นดินมาตรวจไล่ตามปกติ พบคนเจ็บนอนหมดสติที่กอหญ้าท้ายไร่ของเขา
เข้าไปดูพบว่าแค่สลบก็เลยอุ้มออกมา  ตัวหนักเอาเรื่องแต่ยังดีที่เจ้ามิ่งลูกน้อง
คนสนิทมาตามหา  เขาจึงได้มันมาช่วยอีกแรง  ใครเป็นอะไรที่เขตไร่ของเขา
หากเขาพอที่จะให้ความช่วยเหลือได้เขาก็ช่วยทั้งนั้น  ไม่เคยนิ่งดูดายเลยสักครั้ง


“อ้าวคุณแผ่นดิน  พาใครมาครับ โอ้โห้!  เป็นเยอะเลย
คุณช่วยกรอกประวัติคนเจ็บให้ผมด้วยครับ”
เจ้าหน้าที่เข็นเตียงมารออีกคนก็เข้ามาขอประวัติคนเจ็บ

“เขาไม่มีหลักฐานอะไรติดตัวมาเลยต้องรอให้เขาฟื้นเสียก่อนน่ะครับ”
แผ่นดินซึ่งผมดำหยักศก  ตัดสั้น  หน้าออกเหลี่ยม  คางยาวรับกับใบหน้า
ใครๆ ก็รู้จักเขา  เจ้าของไร่เขตแผ่นดินที่มีคนนับหน้าถือตา  คุณพ่อลูกสอง
เมียทิ้งแต่หล่อเข้มบาดตา  โดยเฉพาะดวงตาที่มีประกายกล้าอย่างกับตาเหยี่ยว
ริมฝีปากหนาแต่หยักสวย  แม้จะไม่ค่อยยิ้มเลยก็ตาม  ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังคง
น่ามองสำหรับผู้พบเห็นอยู่ดี

“งั้นก็ต้องรอคุณหมอแจ้งอาการกลับมาอีกที
ดูจากบาดแผลแล้วไม่ใช่แผลจากการถูกทำร้าย”
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ตามอาการที่เห็นเบื้องต้น

“ผมรับเป็นเจ้าของไข้ก็แล้วกัน  มีอะไรติดขัดบอกผมได้เลยครับ
 นั่นคุณหมอออกมาแล้ว”
แผ่นดินชี้มือไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน  เมื่อเห็นคุณหมอเดินออกมาจากด้านในด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง



“ญาติคนไข้  มีไหมครับ  อยากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้หน่อยครับ”
คุณหมอวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ

“คนไข้ไม่มีญาติ  ไม่มีหลักฐานติดตัวมา  ผมไปพบเข้าจึงพามาครับ
 ผมรับเป็นเจ้าของไข้เอง  คุณหมอมีเรื่องอะไรเหรอครับ  คุยกับผมได้”
แผ่นดินอธิบายให้คุณหมอทราบ

“งั้นไปคุยกันที่ห้องผมแล้วกัน  ตามมาเลยครับ”
คุณหมอนำไปห้องด้านใน  แล้วท่านก็นั่งลง  มีผลตรวจอยู่ในมือ

“เท่าที่ตรวจอย่างละเอียด  คนไข้ได้รับความกระทบกระเทือนในสมองอย่างรุนแรง
 มีเลือดคั่งในสมองจะต้องผ่าเอาเลือดที่คั่งออกก่อนที่จะไปทำลายสมองส่วนดีให้ตาย
คนไข้อาจต้องสูญเสียความทรงจำไป  แต่อาจกลับมาหายเป็นปกติได้ก็ต้องใช้เวลาพอควร
และมีอีกเรื่องที่สำคัญ  เขาเป็นกลุ่มเลือดชนิดพิเศษ B Rh Negative(Rh-)
ต้องรับเลือดในกลุ่มเดียวกันเท่านั้น  ดังนั้นตอนนี้ทางโรงพยาบาลจึงต้องระดมหาเลือดกลุ่มนี้
คงจะทำการผ่าตัดได้  ต้องเปิดรับบริจาคแล้วละครับ”
แผ่นดินฟังคุณหมออธิบายก็อดสงสารคนเจ็บเสียไม่ได้ที่ต้องมาเผชิญเคราะห์กรรมเช่นนี้

“เลือดผมได้ครับคุณหมออยู่กลุ่มเดียวกัน ผมสามารถให้เขาได้ถ้าไม่พอผมจะเรียก
น้องชายมาอีกคนครับ”
แผ่นดินบอกคุณหมอไปด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

“งั้นคุณไปเตรียมตัวเลย  เราต้องรีบทำโดยด่วน”
คุณหมอผุดลุกขึ้นทันทีทันใด



แผ่นดินมานอนให้เลือด  เพื่อให้นำเลือดของเขาไปช่วยคนเจ็บ
เจ้ามิ่งป้วนเปี้ยนไม่ห่างเตียงเจ้านายของมัน  แล้วก็เสร็จสิ้นภารกิจสำหรับวันนี้
ชายหนุ่มทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้กับทางโรงพยาบาล  แล้วเดินทางกลับเข้าไร่เขตแผ่นดิน
ทันทีโดยเจ้ามิ่งเป็นคนขับรถให้



“นายดิน  คุณคนนั้นน่าสงสารเนาะ  แล้วยังจะมาความจำเสื่อมอีก
หน้าเดิมก็เหมือนจะหล่อมากเลย  หากจะไม่เกิดบาดแผลนั่น  เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้
เอ่อ! ตะกี้เจ้าหน้าที่พยาบาลส่งของนี่คืนมาให้ครับ  บอกว่าเป็นของคนเจ็บ นายเก็บไว้ทีสิ”

เจ้ามิ่งส่งของที่แพ็กใส่ถุงพลาสติกแบบซองซิปมาให้  เขารับมาเทลงบนฝ่ามือ
ปรากฏว่าเป็นสร้อยที่น่าจะเป็นทองคำขาวพร้อมจี้ไพลินรูปหยดน้ำล้อมรอบด้วยเพชร
เม็ดเล็กส่องประกายวับเมื่อต้องแสงไฟ  น่าแปลกที่เหลือของติดตัวมาแค่ชิ้นเดียวแล้ว
ก็เป็นของที่มีราคามากด้วย  อย่างอื่นไม่มีอะไรเหลือเลย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันจนหัวคิ้วแทบชนกัน


 ‘นายเป็นใครกันนะ’


สองข้างทางตลอดแนวเข้าไร่มีไฟทางส่องสว่างเป็นช่วงๆ
มิ่งเลี้ยวรถไปทางซ้ายที่มีตัวตึกขนาดใหญ่ปลูกสร้างบนเนินสูง
มีแสงไฟส่องออกมา
จากตัวบ้านหลังใหญ่นั้น  นายใหญ่ที่นี่คือคุณเขตพ่อของนายแผ่นดินและนายฐานทัพ
นายใหญ่ลามือให้นายดินลูกชายคนโตของท่านบริหารจัดการงานไร่แทนแล้ว
มิ่งจอดรถให้แผ่นดินลงที่หน้าบ้าน  รอจนกระทั่งเจ้านายหนุ่มเดินเข้าไปในตัวบ้าน
มิ่งจึงเคลื่อนรถไปจอดที่โรงจอดรถ  ฉวยมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างเสา
ขี่กลับไปเรือนพักคนงานที่อยู่ห่างจากบ้านใหญ่ไปเกือบๆ หนึ่งกิโลเมตร




“อ้าว! ดิน ไปไหนมา กลับดึกดื่นเลย นั่นเป็นอะไร! เสื้อเลอะเทอะมีแต่เลือดน่ะ”
ชายชราผมสีดอกเลาทักขึ้น พลางสำรวจลูกชายคนโตที่เพิ่งโผล่หน้าเข้ามาในบ้าน

“พ่อยังไม่นอนอีกเหรอครับ ผมไปตรวจไร่แล้วไปเจอคนนอนหมดสติที่ท้ายไร่
ผมกับไอ้มิ่งเลยพาไปส่งโรงพยาบาลครับ เขาเสียเลือดมากตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว
เพิ่งไปให้เลือดเขามาด้วย เลือดกรุ๊ปพิเศษแบบผมกับเจ้าทัพเลย เลือดคั่งในสมอง
ฟื้นมาหมอบอกอาจจะความจำเสื่อมด้วยนะพ่อ
ถ้าหายก็คงต้องให้มาอยู่กับเราที่นี่ไปก่อนนะพ่อ”

ชายหนุ่มเล่าให้พ่อฟัง เป็นการขออนุญาตกลายๆ ไปด้วย

“อืม แกจะช่วยเหลือใคร ก็ระวังๆ หน่อย
เรื่องเดือดร้อนมันจะเข้ามาหาแกแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเอานะดิน”
พ่อของแผ่นดินเตือนลูกชาย

“ครับพ่อ ผมจะระมัดระวัง อย่าห่วงเลย แล้วนี่สองแสบเข้านอนยังไงล่ะครับ”
 ชายหนุ่มถามถึงลูกๆ

“ย่าแกสิ  พาไปนอนด้วย  เห็นแกไม่กลับมาเสียที  ก็เด็กๆ ร่ำๆ จะรอแก
แต่ก็หาวหวอดๆ ย่าแกเลยจัดการเสียหลับปุ๋ยไปแล้ว  แกก็ไปอาบน้ำ
อาบท่าเถอะไป  ถ้าใครมาเห็นแกในสภาพนี้  เดี๋ยวพากันตกอกตกใจกันเสียเปล่าๆ
ไม่มีอะไรแล้วพ่อไปนอนก่อนนะ”

พ่อแยกไปเข้าห้องนอนที่อยู่ปีกขวาของบ้านแต่เป็นชั้นล่าง
ส่วนเขาแยกขึ้นไปชั้นบนของบ้านแทน


ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 3 ครอบครัวแผ่นดิน

แผ่นดินตื่นก่อนฟ้าสาง  เขาต้องไปตรวจความเรียบร้อยของไร่
ที่กว้างสุดลูกหูลูกตาบนเนื้อที่กว่าห้าร้อยไร่ตามปกติอย่างทุกวัน
ก่อนจะเข้ามาอาบน้ำกินข้าว  เล่นกับลูกๆ แล้วค่อยเข้าไร่ส้ม
ไปดูคนงานใส่ปุ๋ย  ดายหญ้า  ฉีดยา  และเก็บผลส้ม


นอกนั้นเขายังต้องไปดูฟาร์มโคนม  แถมด้วยแปลงผักเกษตรอินทรีย์อีก
งานเหล่านี้ก็กินเวลาทั้งวันเข้าไปแล้ว  กว่าจะได้กลับเข้าบ้านก็โพล้เพล้เต็มที



ชีวิตที่น่าจำเจแบบนี้ส่งผลให้ระรินภรรยาสาวทิ้งเขาและลูกสองคน
ชายหญิงไปกับหนุ่มนักธุรกิจหนุ่มใหญ่  ซึ่งสามารถให้ชีวิตที่สุขสบาย
และฟุ้งเฟ้อกับเธอได้  ทั้งข้าวของแบรนด์เนม  เงินทองและรถหรู
เธอจึงหันหลังให้เขาเมื่อคลอดลูกคนเล็กได้ไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ


นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว  มีผู้หญิงเข้ามาวนเวียนอยู่รอบตัว
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือใส่ใจกับใครอีกเลย
เขาเบื่อและเข็ดขยาดผู้หญิงไปแล้ว



“พ่อดินค๊าบ  กล้าไม่ไปโรงเรียนนะฮะ  ตัวร้อนจี๋ๆ เลย จับดูๆ”
น้องต้นกล้าลูกชายวัย 5 ขวบวิ่งมาดึงชายเสื้อ
เมื่อเห็นพ่อดินเข้าบ้านมา  ชายหนุ่มอุ้มเจ้าตัวแสบขึ้นมาฟัดแก้มซ้ายขวา

“โอ๊ะโอ! ตัวร้อนอย่างนี้  งั้นเย็นนี้ก็อดไปกินไอศกรีมในเมือง
กับน้องใบข้าวล่ะซิ  พ่อคงต้องไปกับน้องสองคนแล้ว”
ชายหนุ่ยพูดเปรยๆ และแอบซ่อนรอยยิ้ม

“โอ๊ะโอ! ต้นกล้าตัวร้อนนิดเดียวเองไปได้ๆ
จะลงๆ กล้าไปแต่งตัวไปโรงเรียนดีกว่าครับ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึหึในความแสบของลูก  เป็นแบบนี้เกือบทุกเช้าสิน่า

“ไปหาพี่แตงโตแต่งตัว  แล้วเข้าไปปลุกน้องด้วยนะ
จะได้มาทานข้าวเช้ากัน  เดี๋ยวอาทัพจะมารับไปโรงเรียนแล้วนะลูก”
เด็กชายพยักหน้าวิ่งตื๋อออกไปทันที

“อ้าว! ทัพ  วันนี้มาเช้าได้นะเรา  เห้ย!
กลิ่นเหล้าคลุ้งเลยแก  ยังไม่ได้นอนรึไง  ตาแดงมาเลยเนี้ย”
แผ่นดินทักน้องชายที่เดินเข้าบ้านมา

“ก็เพราะรีบลุกมานี่แหละถึงได้มีสภาพแบบที่เห็น  ห๊าววว”
น้องชายเพลย์บอยพูดจบก็ปิดปากหาว  แผ่นดินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“ให้มันเพลาๆ ลงบ้างนะทัพ  สุรานารีของแกน่ะ  ไปนอนก่อนไป
สายๆ ค่อยลงมา  เดี๋ยวให้เจ้าขวัญมันไปส่งต้นกล้าที่โรงเรียนแทนแล้วกัน
ไปๆ กลิ่นขนาดนี้  เดี๋ยวพ่อได้แพ่นกระบาลแกพอดี”

พี่ชายบ่นน้องชายและไล่ให้ไปนอน  สังคมจัดเสียเหลือเกิน
อายุก็จะเบญจเพสแล้วยังไม่เป็นโล้เป็นพายเท่าที่ควร
ดีนะที่ไม่ไปทำหญิงที่ไหนท้องโต  หอบลูกมาให้เลี้ยงกันเต็มบ้าน
พี่ชายมองสภาพน้องแล้วได้แต่ส่ายหน้า

“ดีเหมือนกัน  ผมขอสักงีบนะ เดี๋ยวตื่นมาช่วยงานครับ  บายๆ”
แล้วน้องชายตัวขาวร่างผอมบางสะโอดสะองก็ผละไปขึ้นห้องนอน
เขาจึงเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร



“ตาดิน  วันนี้เข้าบ้านเช้าจังเลยนะลูก  ยัยหนูยังไม่ตื่นเลยนะ
เมื่อคืนพากันมานอนกับย่า”
ย่าทับทิมเดินเข้ามานั่งด้วยกันที่โต๊ะ ไม่นานก็มีเด็กรับใช้เอาหนังสือพิมพ์กับกาแฟมาเสิร์ฟให้เขา

“ครับคุณย่า  พอดีสายๆ จะฝากงานให้ชานนท์ดูแทนสักหน่อย
ผมจะไปเยี่ยมคนเจ็บที่ช่วยไว้เมื่อคืนน่ะครับ  ไม่รู้อาการเป็นยังไงบ้างเช้านี้”
ชายหนุ่มบอกกล่าวกับคุณย่า

“อ้อ! ที่พ่อเขตเล่าให้ฟังน่ะเหรอ  ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน
ก็ช่วยๆ กันไปนะลูก  เอาบุญ”
หญิงชราตัวผอมบาง  ที่ยังคงมีเค้าความสวยให้เห็นแย้มยิ้มมาให้
 
“ฮือฮือ  คุณทวดขา ใบข้าวฝันร้าย”
เด็กหญิงตัวขาวน่ารักในวัยสามขวบเดินขยี้ตาร้องไห้มาหาคุณย่าทับทิม
หนูน้อยไม่ทันเห็นว่าพ่อดินก็นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วย
ชายหนุ่มวางหนังสือพิมพ์ที่กำลังเปิดดูหน้าข่าวเกษตรลง

“ใบข้าว  คนเก่ง  เป็นอะไร  ไหนมาหาพ่อสิคะ”
ชายหนุ่มอ้าแขนให้ลูกสาว  หนูน้อยหันมายิ้มทั้งน้ำตา
แล้วผละออกจากย่าทวดไปหาพ่อทันที

“โอ๋ๆ ฝันร้ายอะไรกันคะ?”
ชายหนุ่มอุ้มลูกมานั่งบนตัก

“ใบข้าวฝันว่าไข่เจียวตาย แงๆ”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วชี้นิ้วไปที่แมวอ้วนสีขาวที่นอนอยู่บนชั้นวางของเล็กๆ
มุมห้อง  มันกำลังส่ายหางไปมาอย่างสบายอารมณ์

“นู้นไง! ไข่เจียวนอนเล่นอยู่บนนั้น  มันเป็นแค่ฝันนะลูก  ไข่เจียวไม่ได้ตายค่ะ”
เด็กหญิงได้ฟัง มองตามมือที่พ่อชี้บอก  ทำตาวาว
ไถลตัวลื่นจะลงจากตักไปหาเจ้าแมวอ้วน

“ไปหาพี่แตงโมก่อนนะ  ล้างหน้า  แปรงฟัน
แล้วค่อยมาหาไข่เจียว”
แผ่นดินพูดจบ แตงโมพี่เลี้ยงก็เดินมารับตัว
และส่งน้องต้นกล้าที่โต๊ะอาหารด้วยอีกคน

“เย็นนี้ไปกินติมนะใบข้าว  เดี๋ยวพี่พาไป”
พี่ชายรีบบอกน้องสาว

“เย้ๆ พี่กล้าใจดี  กินติมๆ”
 แล้วเด็กหญิงก็เดินไปกับพี่เลี้ยง

“เจ้าดิน  ส่งหนังสือพิมพ์มาให้ย่าทีสิ  จะดูดาราเสียหน่อย”
คุณย่าเอื้อมมือไปขอหนังสือพิมพ์ที่ชายหนุ่มวางไว้
แล้วคุณย่าก็เอาไปเปิดๆ หน้าเกือบๆ จะสุดท้าย  ดูข่าวซุบซิบดารา

“โอ้! ละครใหม่ของพ่อดาราหนุ่มคนนี้จะฉายแล้ว เออๆ น่าดูๆ”
คุณย่าเป็นคอละครหลังข่าวตัวยงเลยทีเดียว  ท่านติดตามดูทุกเรื่องทุกวัน
ละครไม่จบท่านก็ไม่เข้านอน  ผิดกับชายหนุ่มที่ไม่เคยเปิดทีวีดูเลยด้วยซ้ำไป
แม้จะมีจอขนาดใหญ่ที่ห้องนอนก็ตาม  หัวถึงหมอนทีไรเป็นอันหลับทุกทีไป

“หึหึ  เป็นแฟนพันธุ์แท้เขาหรือไงครับคุณย่า  ติดตามกันขนาดนั้นน่ะ”
 ชายหนุ่มแขวะคนเป็นย่าอย่างขำๆ

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง  เขาเล่นเก่ง  น่ารัก  บทเศร้ายิ่งเล่นได้ดี
 พลอยทำย่าเสียน้ำตาไปกับเขาทุกทีไป  พ่อข้ามฟ้าของย่าเนี่ย”

ชายหนุ่มสะดุดกับชื่อ  ‘ข้ามฟ้า’ ชื่อแปลกเสียจริง

“เสียดายที่ย่าไม่มีหลานสาว ไม่งั้นจะยกให้เขาไปฟรีๆ เลยจริงๆ หนูข้าวเนี่ย”
แล้วคุณย่าก็หัวเราะร่วน  นั่นรู้แม้แต่ชื่อเล่น ‘ข้าว’
ชายหนุ่มมองความสุขของคนแก่ตรงหน้า
โคลงหัวไป ยิ้มตามที่เห็นมุมปากคุณย่ายิ้ม

“ดูจะชอบเขามากนะครับคุณย่า  อาหารเช้ามาแล้วครับ
เตรียมทานกันเถอะ  ต้นกล้าทานเยอะๆ นะลูก
โจ๊กหมูใส่ไข่ 2 ฟอง ทานเสร็จให้อาขวัญส่งไปโรงเรียนนะครับ”
เด็กน้อยพยักหน้า  ลงมือตักอาหารเข้าปากคำแรก

“แก้ว ไปบอกแม่สายเอาข้าวต้มหมูให้ฉันที่นึงนะ  อยากซดน้ำร้อนๆ”
แก้วสาวใช้จึงเดินเข้าครัวไป  แล้วข้าวต้มรวมมิตรก็มาเสิร์ฟ
ตามแต่ใครจะเลือกว่าจะเอา  หมู  ปลา  ไก่  กุ้ง  ได้ตามที่สั่งเลย
คุณย่าวางมือจากหนังสือพิมพ์  แล้วเลื่อนชามข้าวต้มมาคนๆ
แล้วก็เริ่มลงมือทาน  ไม่นานคุณพ่อ  และยัยหนูใบข้าวก็พากันมานั่งประจำที่
ชายหนุ่มจึงลงมือทานไปพร้อมๆ กันกับทุกคน

“หมู่นี้ เสี่ยทวีปมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่าดิน
 ระวังๆ ตัวไว้บ้าง  พวกหมารอบกัดน่ะ  ไม่น่าไว้ใจ”

คุณพ่อพูดถึงเสี่ยทวีปที่เป็นตัวกลางขูดรีดชาวบ้าน
คว้านซื้อที่ดินเพื่อเอาไปขายต่อให้นายทุนมาทำรีสอร์ต
มันมักหาวิธีบีบบังคับจนได้  หากว่าที่แปลงนั้นมีนายทุนอยากจะได้ขึ้นมา
แล้วก็เป็นแผ่นดินทุกครั้งไปที่คอยขัดขาทำให้เสี่ยทวีปทำงานไม่สำเร็จหลายต่อหลายครั้งแล้ว

“เงียบๆ อยู่นะครับพ่อ  มันคงกำลังเตรียมแผนสกปรกอะไรอยู่ละมั้ง
ผมไม่กลัวมันหรอก  มาไม่ดีก็กินลูกตะกั่วของผมไปแล้วกัน”
แผ่นดินคาดคะเนเอา  คุณพ่อฟังแล้วย่นหัวคิ้ว
จนหน้าผากขึ้นเส้นเด่นชัด  ดวงตาสีเทาหม่นมีแววกังวลอย่างชัดเจน

“พวกนี้มันเดนมนุษ ย์ เมื่อไหร่กฎหมายจะจัดการมันไปเสีย
ให้สิ้นซากกัน  พ่อล่ะเป็นห่วงแกจริงๆ เลยเจ้าดิน”

“พ่ออย่ากังวลไปนักเลย  ไอ้ภพมันตามเก็บหลักฐานอยู่อย่างลับๆ
ตำรวจเขาไม่ได้นิ่งนอนใจนะครับ  คนเลวเดี๋ยวมันก็แพ้ภัยไปเองแหละ
ทานข้าวเถอะครับ  ข้าวจะเย็นเสียหมด”
ชายหนุ่มพูดเพื่อให้ท่านคลายกังวล  อย่างน้อยๆ เขาก็อุ่นใจ
ที่มีเพื่อนรักอย่างตรีภพ  ที่เป็นถึงสารวัตรไฟแรงเป็นมือดีของกรมตำรวจมาเป็นพวกอีกคน


“นายดินเรียกหาผมแต่เช้า  มีอะไรครับ”

ขวัญแฝดผู้น้องของเจ้ามิ่งรีบเอาหน้าตื่นๆ มาให้นายดินเห็น
เสียก่อนเมื่อรู้ว่าถูกเรียกหา  มิ่งกับขวัญทำงานเป็นมือขวามือซ้าย
ให้แผ่นดินมานานจนรู้ใจกัน  ไม่ว่านายจะให้ทำอะไรมักได้อย่างใจเสมอ
มิ่งตัวดำอารมณ์ร้อน  มุทะลุ  พูดมาก  แต่เนื้อแท้จิตใจดี
ซึ่งส่วนต่างของแฝดก็มีที่ขวัญจะติดเป็นคนใจเย็น  สุขุม  รอบคอบ
พูดน้อยแถมตัวขาว

“ไปส่งต้นกล้าที่โรงเรียนทีนะ  เสร็จแล้วก็มาจัดการลากนายทัพ
ให้มันไปดูร้านของฝากที่ตลาดด้วย  เหลวไหลมากๆ เข้าทางลุงอนันต์
เค้าจะหาคนมาลงขายแทนของไร่เราเสียเปล่าๆ ดูเด็กๆ ทำงานกันด้วยนะขวัญ”
ขวัญลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับคแต่เหมือนจะออกอาการฝืนๆ ชอบกล
ชายหนุ่มก็พอจะรู้ว่าเจ้าทัพน่ะมันเรียกยากเรียกเย็น  ถ้าลองว่ามันได้นอนแล้วน่ะ

“แล้วเจ้ามิ่งน่ะ ถ้าเจอมันบอกมันไปดูคนงานเก็บส้ม
แล้วก็รีดนมวัวด้วยล่ะ  ฉันจะตามไปตอนบ่ายๆ เช้านี้จะไปเยี่ยมจนเจ็บเสียหน่อย”

“ครับนายดิน  แล้วคุณคนนั้น  มีข่าวคืบหน้าบ้างรึยังครับ
พี่มิ่งเล่าให้ฟังเมื่อคืน  ฟังแล้วก็อดสงสารไม่ได้”
ขวัญถามออกไปอย่างที่ใจอยากรู้  หน้าตี๋ๆ ดวงตาเล็กรี
ออกอาการเศร้าสลดไปกับเขาด้วยตามแบบฉบับคนขี้สงสาร

“สายๆ วันนี้คงคืบหน้าบ้างละนะ  เดี๋ยวต้องคุยกับเจ้าภพมันด้วย
เหตุเกิดในพื้นที่ของมันนี่  อาจจะมีคนมาแจ้งความญาติหายไว้บ้างก็เป็นได้”
ชายหนุ่มคาดเดาไปตามรูปการณ์

“ไปๆ ส่งเด็กนักเรียน  ต้นกล้าตั้งใจเรียนนะลูก
ตอนเย็นอาทัพไปรับแล้วเราเข้าเมืองหาไอศกรีมอร่อยๆ ทานกันนะครับ”

เด็กชายในชุดนักเรียนอนุบาลเอี๊ยมลาย  หันมายิ้มพยักหน้าหงึกๆ
แล้วเดินมาหาพ่อ ให้กอดหอมก่อนไปโรงเรียน  ขวัญจับจูงเด็กน้อย
ไปขึ้นรถกระบะแบบครอบครัวสีขาว  แล้วเคลื่อนรถออกไป

แผ่นดินจึงเดินไปเอารถที่โรงจอดบ้างเหมือนกัน



“นายดิน  ไม่ให้ผมไปด้วยเหรอครับ  ผมก็อยากไปดูคุณคนนั้นเหมือนกันนะครับ”
 มิ่งเอามอเตอร์ไซค์มาจอดแอบไว้แล้วเดินมาเกาะรถนายดิน

“ไม่ต้องเลย  อยู่ช่วยงานชานนท์ที่นี่แหละ  บ่ายๆ กลับมา  เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
 แล้วชายหนุ่มก็เคลื่อนรถออกไป มิ่งมองตามรถนายที่ขับออกไปไกลแล้วตาละห้อย


ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ชีวิตพลิกผัน ว่าแต่เจ้าของรถเช่าก็รู้นะว่ารถที่ให้เช่าเป็นใคร
ตำรวจก็ต้องไปถามร้านเช่ารถนะว่าใครเช่า

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: ตอนที่ 4 นายคือกอหญ้า
«ตอบ #4 เมื่อ10-03-2019 08:25:27 »

ตอนที่ 4  นายคือกอหญ้า

แผ่นดินเข้าไปเยี่ยมคนเจ็บ  ที่ยังคงอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต เขาเดินเข้าไปข้างๆ
เตียงเห็นสภาพของคนที่นอนอยู่แล้วรู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง  ทั้งเครื่องช่วยหายใจ
ที่มีทั้งท่อและสายระโยงระยางเต็มไปหมด  ศีรษะถูกโกนมีผ้าพันแผลโพกไว้
ใบหน้าบวมจนไม่อาจเห็นถึงรูปหน้าที่แท้จริงมีผ้าพันแผลปิดทับไว้ที่แก้มซีกขวา
จากที่เห็นผิวเนื้อที่โผล่พ้นชุดคนไข้  บอกได้ว่าเจ้าตัวมีผิวที่ขาวเนียนละเอียดมาก
เนื้อตัวมีแผลถลอกและรอยขูดขีดหลายรอย  คนเจ็บโดยรวมรูปร่างสูงและผอมบาง
หุ่นอย่างกับนายแบบ  มือขาวๆ นั้นมีผ้าพันที่กลางฝ่ามือด้วย  บวกกับนิ้วที่เรียวยาว
อย่างกับลำเทียนต้องไม่ใช่คนที่เคยผ่านการตรากตรำกรำงานมาก่อนเป็นแน่

“นายเป็นใครกันนะ  นอนนานแล้ว  ไม่เบื่อบ้างหรือไง  คนที่บ้านเป็นห่วงแล้วนะ
นายต้องเข้มแข็ง  อดท น และกลับมา  ตื่นสักทีเถอะ”
แผ่นดินชะโงกหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ เขาก็รู้ทั้งรู้ว่าพูดไปอีกคนก็ไม่รับรู้อะไรด้วย

“ฉันต้องกลับก่อน แล้วจะมาเยี่ยมใหม่ ไม่รู้ว่าชื่ออะไรก็ชื่อ ‘กอหญ้า’ ไปก่อนแล้วกัน”
 แล้วแผ่นดินก็หมุนตัวออกจากห้อง


“อ้าว! ดิน มาทำอะไรที่นี่วะ! มีใครเป็นอะไรถึงต้องอยู่ ICU”
แผ่นดินก้าวเท้าออกมาจากเยี่ยมคนเจ็บ  เดินยังไม่ถึงห้าก้าวก็ถูกเพื่อนเรียกไว้
สารวัตรตรีภพ  สุรบวรดิลกภพ  เพื่อนสมัยเรียนมัธยมนั่นเอง

“มาดูคนเจ็บที่ช่วยไว้เมื่อคืนว่ะ”
“อ่อ! งั้นเหรอ  นี่ก็มีลูกน้องแจ้งว่าพบรถเช่าเกิดอุบัติเหตุตกอยู่ข้างทาง
เดี๋ยวขอตัวไปดูก่อนนะดิน  ว่างๆ จะเข้าไปหา”
แล้วสารวัตรตรีภพก็รีบเร่งฝีเท้าเดินจากไป


ตรีภพชายหนุ่มตัวขาว  รูปร่างสันทัด  ผมรองทรงสูง  ใบหน้าเหลี่ยมแต่ดูเกลี้ยงเกลา
มีเสน่ห์  ตรีภพหวงความโสดมากยิ่งกว่าอะไร  มันเคยบอกไว้ว่าจะเก็บไว้ให้คนที่มันรัก
แค่เพียงคนเดียว  จนตอนนี้ตัวเขาเองมีลูกถึงสองคนแล้ว  เพื่อนก็ยังคงเก็บความโสดไว้อย่างดี

“พี่ดินขา  สวัสดีค่ะ  ไปทานข้าวเที่ยงกับนิชาสักมื้อนะคะ  ไม่เจอพี่ดินตั้งนานมากแล้ว
อยากคุยด้วยค่ะ”
หญิงสาวในชุดดำรัดรูปตึงเปรี๊ยะไปทุกส่วน  ดูเซ็กซี่เย้ายวน  กับสีสันที่แต่งแต้มบนใบหน้า
จนดูมีมิติสวยคม ปากแดงๆ ที่อิ่มเต็ม  น่าสัมผัส  แต่ไม่ใช่กับแผ่นดิน

“อ่อ  นิชา  พี่มีธุระด่วนที่ไร่  ต้องรีบกลับไปจัดการ  ไว้คราวหน้านะ”
พูดทิ้งท้ายแล้วก้าวฉับๆ หนีออกมา  ปล่อยให้หญิงสาวยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น
เธอมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างหมายมาด

“หนีได้หนีไปพี่ดิน  รู้จักนิชาน้อยไปแล้ว”
 เธอสะบัดหน้าเดินไปอีกทาง


“คุณพ่อขา  เป็นยังไงบ้าง  นิชาเป็นห่วงมากๆ เลยค่ะ
 ที่รู้ว่าคุณพ่อเข้าโรงพยาบาลแบบนี้”
 ดวงตากลมโตสีน้ำตาลส่องประกายสลดวูบ  ให้รู้ว่าเธอเป็นห่วงท่านมากแค่ไหน
 ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้แย้มยิ้มที่ลูกสาวคนเดียวมาเยี่ยม

“แค่ผ่าตัดไส้ติ่ง  อีกไม่กี่วันก็เดินเหินได้คล่องแล้ว  พ่อยังต้องได้เห็นลูกคนเดียวของพ่อ
เป็นฝั่งเป็นฝาไปเสียก่อนแหละน่ะ”
เสี่ยทวีปใช้ฝ่ามืออูมลูบหัวลูกสาวที่เข้ามาซบที่อก

“แหมคุณพ่อเนี่ย  ไม่รู้จะรีบไล่นิชาให้ไปแต่งงานทำไมเร็วๆ”
 เธอแสร้งทำหน้าเศร้า

“โธ่ลูก  พ่อก็เป็นห่วงลูก  อยากให้มีคนมาดูแลลูกต่อจากพ่อไง”
เสี่ยทวีปบอกกับลูกสาว  โดยมีนายแมน  คนสนิทของเสี่ยทวีปที่มี
หน้าตาคมแต่แววตาเอาเรื่องยืนอยู่ไม่ห่าง

“แมน  ดูแลคุณพ่อให้ดีๆ ด้วยล่ะ  นิชากลับก่อนนะคะคุณพ่อ  ขอให้หายเร็วๆ นะคะ”
แล้วเธอก็หอมแก้มผู้เป็นพ่อ  ก่อนจะเดินรี่ออกประตูไป  และมีคนโทรเข้ามาพอดี
เธอกรีดนิ้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูเบอร์แล้วจึงกดรับ  กรอกเสียงลงไป

“ค่ะคุณปรัช  เดี๋ยวนิชาเข้าไปหานะคะ  คิดถึงมากๆ เหมือนกัน”
 แล้วนิชาก็วางสายไป  เบะปากใส่โทรศัพท์

“น่าเบื่อจริง  คุณมันหมดความน่าสนใจไปแล้วคุณปรัช”
แล้วเธอก็ส่ายหน้า  เดินหายเข้าไปในลิฟต์  โดยมีสายตาของแมนมองตามไป
อย่างคลั่งไคล้หลงใหล  จนร่างนั้นลับตาไป


แผ่นดินกลับเข้าไปที่ไร่ในตอนบ่าย  เขาแวะสั่งข้าวกล่องจากร้านป้าแสง
เพราะความที่เขาเบื่อปากแม่ค้าที่ชอบถามซอกแซกไปเสียทุกเรื่อง
หากไม่จำเป็นเขาจะไม่ซื้อเลยจริงๆ

“นายดิน  เมื่อไหร่จะหาเมียใหม่ซะที  นี่ก็หลายปีแล้วนะที่ปล่อยตัวเป็นโสดน่ะ”
 ป้าแสงถามไปผัดข้าวไป  น้ำลายคงเต็มกระทะแล้วละมั้ง  แผ่นดินนึกค่อนขอดอยู่ในใจ

“เบื่อแล้วละป้า  ไม่อยากหาแม่เลี้ยงให้ลูกด้วย  อยู่มันไปอย่างนี้แหละ  ดีที่สุดแล้ว”
แผ่นดินตอบอย่างขอไปที

“นี่ถ้าป้ามีลูกสาวจะยกให้เลยนะ  ไม่เอาสักแดงค่าสินสอดน่ะ”
แกพูดไปเรื่อย  ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเอือมๆ เพราะลูกสาวแกไม่ว่าจะกี่คน
ก็หนีตามหนุ่มไปหมด  แล้วยังเอาลูกมาให้แกเลี้ยงจนโตไปหลายรุ่นแล้ว
ที่เห็นตอนนี้ก็เด็กสาวที่ชื่อองุ่นนี่แหละ

“พี่ดิน  มาอีกนะคะ  หรือจะให้องุ่นหิ้วไปส่งให้ที่ไร่ก็ได้ค่ะ  แค่พี่โทรมากริ๊งเดียว
ไม่นานเกินรอเลยล่ะค่ะ  นี่เบอร์โทรองุ่น”
เด็กสาวชม้ายตาให้  แล้วยัดเบอร์ใส่ในถุงข้าวกล่อง  และผลุบหายไปเมื่อยายแสงเรียกใช้


แผ่นดินโผล่หน้าเข้าไปในห้องที่เขาจัดให้เป็นห้องทำงาน  โดยให้เป็นที่ติดต่องาน
และเก็บเอกสารต่างๆ โดยมีชานนท์  ผู้จัดการไร่นั่งทำงานอยู่

“อ้าว  ชานนท์  เป็นไงนั่งหน้ายุ่งเชียว”
แผ่นดินทักหนุ่มตัวขาวหน้าตี๋ที่นั่งหน้ามุ่ย
“ก็นายคมกฤช  น่ะสิ  มาป่วนตั้งแต่สายๆ แล้วละ  ไอ้ผมก็ยุ่งๆ จะรีบเคลียร์เงินจ่ายค่าแรงคนงาน
กลางเดือนให้มันเสร็จก็มานั่งถามโน่นถามนี่ไม่ได้หยุดปาก”

ชานนท์ผู้จัดการหนุ่มเหนือ  ตัวขาว  ปากแดง  เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยเคลียๆ บ่า
ดูน่ารักเสียมากกว่าหล่อถึงได้มีหนุ่มอย่างคมกฤช  เกษตรอำเภอมาแจกขนมจีบไม่เว้น
แต่ละวัน  โดยขยันหาเหตุเทียวไปเทียวมาเข้าไร่เขาไม่มีหยุดหย่อน

“ก็เรามันทำตัวน่ารัก  จนเขาอดใจไม่ไหวล่ะสิ  หึหึ”
 ชายหนุ่มกระเซ้าเย้าแหย่ออกไป

“นายดิน  ผมเป็นผู้ชายนะครับ  แล้วก็หล่อด้วย  ลำพังแค่หน้าตี๋ก็แย่แล้ว
อย่าหาเรื่องมาให้ผมอีกเลย”
ชานนท์กระฟัดกระเฟียดที่เจ้านายไม่เข้าข้างเอาเสียเลย

“เออๆ หล่อก็หล่อ  ทำงานไปเถอะ  ผมจะไปหาจานเทข้าวกินหน่อย  หิวไส้จะบิดแล้วเนี่ย”
 แล้วแผ่นดินก็เดินออกจากห้องทำงาน เข้าครัวไป

“นายดิน  มาทำอะไรในครัวของป้ากันคะ  ไปซื้อข้าวกล่องยัยแสงมาอีกแล้ว
รู้ทั้งรู้ว่าไม่ถูกปากกินครึ่งทิ้งครึ่งยังจะซื้อมาอีก  ป้ามีแกงส้มมะรุมใส่ปลาเค็ม
เดี๋ยวป้าไปตักมาให้ดีกว่า”
ป้าสายบ่นๆแล้วก็ปรี่ไปที่หม้อแกงตักมาให้ชายหนุ่มเต็มถ้วย

“อื้ม  ป้าสาย  ปลาเค็มเน้นๆ เลยนะ  ขอบคุณครับ”
แล้วชายหนุ่มก้มหน้าก้มตากินข้าว  โดยมีป้าสายแม่บ้านร่างอ้วนเตี้ยยืนมอง
เจ้านายหนุ่มเคี้ยวข้าวเพลินและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปคนเดียว  แล้วก็เดินไปจัดการงานบ้านของแกต่อ

“อ้าว! มิ่ง  มีอะไร  มาด้อมๆ มองๆ อยู่ได้  เข้ามาสิ”
นายดินร้องทักคนสนิทผิวเข้มที่มายืนหน้าทะเล้นที่กรอบประตูครัว

“ก็นายบอกจะเข้ามาตอนบ่าย  นี่ก็บ่ายกว่าแล้ว  ผมเลยมาดู  แหะแหะ”
 แผ่นดินมองลูกน้องที่มายืนทำตาปริบๆ

“เป็นห่วง  กอหญ้า  นักหรือไงบอกมาตรงๆ เลย”
ชายหนุ่มพูดดักคอ

“กอหญ้า? คืออะไรครับนาย  ผมงง”
มิ่งยืนเกาหัวแกรกๆ จนหัวฟู

“เออ  ก็คนเมื่อคืนไง  ฉันตั้งชื่อให้ว่ากอหญ้า  ก็ไปเจอแถวๆ กอหญ้า  งงทำไมเรื่องแค่นี้”

“โหย…นายดิน! ถ้าไปเจอเขา  แถวส้วมล่ะ  อุ๊บ!!”
 มิ่งรีบเอามือปิดปากอย่างไวที่เห็นเจ้านายกำลังกินข้าวอยู่  เกือบถูกไล่เตะเสียแล้วไอ้มิ่ง

“วันนี้สภาพดูไม่ดีเลยว่ะ  บวมไปหมดหน้าตา  ยังไม่ฟื้นเลย”
เล่าจบก็ก็ถอนหายใจ

“พรุ่งนี้ผมไปด้วยนะนายดิน  จะไปเยี่ยมคุณเขาบ้าง”
มิ่งยิ้มเผล่และถูไม่ถูมืออย่างหมายมาดว่าจะได้ไป

“เออๆ เอาเป็นตอนสายๆ หน่อยแล้วกันนะ  กว่าที่นั่นจะให้เข้าเยี่ยม
ขี้เกียจไปนั่งรอ  อีกอย่างวันนี้ดันไปเจอยัยนิชาลูกสาวเสี่ยทวีป ไม่รู้ว่าไปเยี่ยมใครที่นั่น”
แผ่นดินเล่าไปด้วยกินข้าวไปด้วย

“อืม  พรุ่งนี้ผมไปถามข่าวให้ครับนาย”
 แล้วมิ่งก็หันหลังเดินกลับออกไป

‘เหอะ! ได้คำตอบแล้วนี่  ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนา  คนรู้จักก็ไม่ใช่’
 แผ่นดินมองตามหลังลูกน้องไป  เมื่ออิ่มจากมื้อกลางวันเขาก็ลุกไปที่รถจี๊ปคันโปรด
ขับเข้าไปในไร่ทันทีเหมือนกัน



แผ่นดินเลี้ยวรถไปที่แปลงผักเกษตรอินทรีย์  เขาเพิ่งเริ่มทำโครงการปลูกผักปลอดสาร
ไม่นานนี้เอง  เพื่อให้คนงานในไร่ที่ร่วมๆ ร้อยชีวิตได้มีผักปลอดสารพิษกินกัน
หากโครงการนี้ไปได้สวย  พื้นที่รกร้างว่างเปล่าของเขาก็จะได้เอามาทำประโยชน์เพิ่มขึ้นอีก

“คมกฤช  เป็นยังไงแปลงสาธิตของพี่จะไปได้อย่างที่หวังรึเปล่า”
แผ่นดินลงจากรถ  และก้าวเข้าไปทักหนุ่มอีกคนที่กำลังให้คำแนะนำกับคนงานที่แผ่นดิน
จัดมาให้ทำเกษตรนำร่องก่อนกลุ่มแรก

“ได้ๆ พี่ดิน  เตรียมเลี้ยงข้าวผมได้เลยครั บ ถ้าผักชุดนี้เก็บเกี่ยวได้”
เกษตรอำเภอหนุ่มยิ้มยิงฟันสวย  ตามแบบหนุ่มลูกทุ่ง  ผมหยักศก  ตัวหนา  ผิวออกน้ำตาล
ตาโต  หน้าตาธรรมดาๆ ถ้าเทียบกับเจ้านนท์ช่างต่างกัน  อีกคนตัวเล็กน่ารัก  คนนี้ก็ตัวโตกว่า
แถมสีผิวยังตัดกันดีอีกด้วย  อืม…แล้วเขาจะจับมันคู่กันทำไม  งงกับความคิดชั่วแล่นของตัวเอง

“ได้สิ  ผักก็ตัดจากสวน  ปลาก็จับจากบ่อ  จะกินอะไรก็บอก  เดี๋ยวพี่จะให้เจ้านนท์มันทำให้กิน”
 ชาวหนุ่มแกล้งคมกฤช  ที่ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม  ดีใจจนออกนอกหน้า

“พี่ดิน  จริงๆ นะ ผมมากินจริงนะครับ”
 พูดไปก็ถูต้นแขนตัวเองไปด้วย  แผ่นดินเห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้  ในความใสซื่อของเจ้าตัว
แล้วทั้งสองก็พากันเดินไปดูบ่อปูนที่จะเริ่มลงปลาทับทิมในปลายๆ เดือนนี้
โครงการดีๆ ชายหนุ่มริเริ่มทำทั้งนั้นหากมันจะสร้างงานสร้างรายได้เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต
ที่ดีขึ้นให้กับคนงานในไร่ของเขา

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 4
«ตอบ #5 เมื่อ10-03-2019 08:52:46 »

ตอนที่ 5 คู่กัดหรือคู่กัน
'ที่นี่ที่ไหน  ทำไมมีแต่ความขมุกขมัว  รางเลือน  เวิ้งว้าง  ล่องลอย  มองไปรอบๆ
ไม่เห็น  นั่นมีกลุ่มคนทางนั้น  คุณลุงครับ! หยุดก่อน! อย่าเพิ่งไปครับ  นั่นใคร!
พี่สาวจะไปไหนกันครับ  ทุกคนจะเดินไปไหนกัน  ได้ยินไหม  ทำไมไม่มีใครตอบ
คุยกับผมก่อน  ไม่ได้ยินเสียงเราเลยหรือไงนะ’

‘สัมผัส  จับต้อง  ไม่ได้  ว่างเปล่าเหมือนไม่มีรูปร่างไม่มีตัวตน
ทำไมเราถึงไม่รู้สึกอะไรเลย  นี่เราตายไปแล้วหรือยังไงกัน  ไม่นะ!!!’

“กอหญ้า! ตื่นได้แล้ว  นอนมากเกินไปแล้ว  กอหญ้า! จะขี้เซาไปถึงไหน
นายไม่อยากเจอคนที่รักนายหรือไง  กอหญ้า! นายต้องเข้มแข็ง  นายต้องสู้
ลืมตาสักทีสิ”

แผ่นดินจับมือกอหญ้าไว้แล้วก็พูดไปด้วย  ซึ่งหมอบอกเป็นวิธีให้กำลังใจคนไข้
ทางหนึ่งเขาก็พร้อมจะทำ

‘นั่นใคร! เสียงใคร! เรียกใครกัน ใครคือกอหญ้า ผมคือใครกัน ไม่ใช่! ไม่นะ!
ไม่มีใครรัก  เขาทิ้งผมไปหมด ไม่มีเลยสักคน  คุณคือใคร ได้ยินผมไหม
มาพาผมออกไปจากที่นี่  ช่วยผมที! ช่วยด้วย!!’

“กอหญ้า! ถ้านายไม่ลืมตา  ฉันจะทิ้งนายไว้ที่นี่  ฉันจะไม่มาแล้วนะ  กอหญ้า!”
แผ่นดินพูดกระตุ้นไปอีก

‘อย่าไป!!  ผมไม่ใช่กอหญ้า  แต่อย่าทิ้งกันไป  ได้โปรดอย่าไป!! นั่นทางนั้น  ลำแสงอะไร
 ลุงครับขอผมไปด้วย  ยิ้มให้ผมได้ยินผมแล้วใช่มั้ย  ได้ยินใช่ไหมครับ
 //// ไปเถอะ! ไปตามทางนั้น! ที่นี่ไม่ใช่ที่ของลูก  มันยังไม่ถึงเวลา กลับไป!!!’

“กอหญ้า! ตื่นซะทีนาย…นี่นายขยับนิ้วแล้ว  ไอ้มิ่งๆ กดเรียกหมอที”
แผ่นดินบอกมิ่งน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ

‘ใครกันนะ  อุ่นจั ง จับมือเหรอไม่นะ!  อย่าจับ! สกปรก! ปล่อยนะ!
 ขยะแขยง! โอยทนไม่ไหว! ล้างมือ! ต้องล้างมือ!!!’


แพทย์พยาบาลกรูเข้าไปที่เตียงคนเจ็บ  ส่วนแผ่นดินต้องออกมาอยู่นอกห้อง
เขาเดินไปเดินมาอย่างเป็นกังวล โดยไม่รู้ตัว

“นายดิน! นั่งก่อนเถอะครับ  เดินจนผมเวียนหัวไปหมดแล้วนะครับ”
 มิ่งเอ่ยปาก  ชายหนุ่มหันขวับ

“ก็ลุ้นไงล่ะ  เจ้ามิ่ง! เข้าใจมั้ย  ลุ้นจนฉี่จะราดแล้วเนี่ย  ก็ขาเล่นนอนเป็นอาทิตย์ๆ
จนจะกลายเป็นผักเข้าไปทุกที  แล้วอยู่ๆ ก็ฟื้นมาได้  เป็นนายบ้างล่ะ! จะเก็บอาการอยู่มั้ย!!”
ชายหนุ่มพูดเสียงกดต่ำ  หน้าตึงใส่ลูกน้องคนสนิท

“อยากเดินเป็นหนูติดจั่นก็เดินไปเถอะ  ผมไม่ห้ามแล้ว  แค่ห่วงว่าจะเมื่อยขา  ก็แค่นั้นเอง”
มิ่งพูดเสียงอ่อยๆ แล้วหมอก็เดินออกมา

“คนไข้มีการตอบสนองที่ดีขึ้นมาก  คาดว่าจะรู้สึกตัวในอีกไม่นานนี้ครับ”
 คุณหมอหน้านิ่งคนนั้นนั่นเอง

“ขอบคุณ  คุณหมอมากๆ เลยครับ”
แผ่นดินกล่าวขอบคุณ  และขอเข้าไปดูคนเจ็บ

“กอหญ้า! นายเก่งมากเลยนะ  เข้มแข็งและอดทนไว้นะ  อย่ายอมแพ้ล่ะ!
วันนี้ฉันต้องกลับแล้วล่ะ  แล้วจะมาเยี่ยมใหม่”
แผ่นดินเข้าไปที่เตียงจับมือคนไข้ที่หลับสนิท  สีหน้าดีขึ้นไม่ซีดเซียวและอาการบวม
ก็ลดลงบ้างแล้ ว แผลผ่าตัดคุณหมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  ไม่ติดเชื้อ  แผลสวย
ส่วนที่ใบหน้าคงต้องพึ่งการศัลยกรรมเข้าช่วย  ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความประสงค์ของคนไข้เป็นสำคัญ
 
แผ่นดินมองขนตาที่เรียงกันเป็นแพยาว  จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากที่หยักสวย
ดูจากโครงหน้าแล้วผู้ชายคนนี้เป็นชายหนุ่มที่หล่อเอามากๆ จริงๆ หากฟื้นขึ้นมาแล้วจำความ
ได้ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นโชคดี  หากความจำเสื่อมก็ต้องเยียวยารักษากันต่อไป  ในเมื่อเขารับดูแล
แล้วจะปล่อยทิ้งปล่อยขว้างไม่ใยดีก็ไม่ใช่วิสัยของเขาอีกเช่นกัน


หนุ่มเจ้าของไร่หันหลังเดินกลับออกประตูไป  โดยที่เขาไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองหันหลังให้นั้น
ได้เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก  เจ้าตัวปรับสายตาให้ชินกับแสงที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน
ดวงตาคู่สวยกะพริบขึ้นลง  และกรอกตาไปมา  เห็นเพดานสีขาว  ม่านสีเหลืองเข้ม

‘กลิ่นยา  สายระโยงระยาง  เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  เราเป็นอะไร’ ไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับตัว
เขาปวดหัวมาก  เพียรพยายามนึกและคิดสมองก็ช่างว่างเปล่าเหลือเกิน  เมื่อนึกไม่ออก
อย่างนี้กลไกร่างกายสั่งให้ปิดสวิตซ์ตัวเองลงจึงหลับไปอีกครั้ง


“นายทัพ  วันนี้มาได้นะครับ  ลูกค้าสาวๆ หายไปจะหมดแล้ว  เพราะมาไม่เจอเจ้าของร้าน
สุดหล่อน่ะ  แหะๆ”
เจ้าอาร์มลูกน้องหัวทอง  ผมสั้นเกรียน  ร่างกายกำยำ  ผิวขาว  ยิ้มเผล่เดินมาทักทายเจ้านายหนุ่ม

“เจ้าอาร์ม  ที่เขาไม่ค่อยจะเข้าร้านเพราะแกไปยิ้มทะลึ่งใส่เขามากกว่ามั้ง
อย่ามาโทษกันนะเว่ย  เอ๊ะ! เจ้าแก้มมันไปไหนเสียล่ะ”
ฐานทัพถามออกไป  เมื่อมองหาสาวทอมที่ทำงานคู่กับเจ้าอาร์มไม่เจอ

“อ๋อ…มันไปหาซื้อข้าวเช้า  แล้วก็คงไปแวะคุยกับใบหม่อนด้วยแหละ”
อาร์มตอบแบบคาดการณ์เอา  เพราะแก้มมักทำอย่างนั้นเป็นประจำ
ฐานทัพคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินชื่ออีกคนเข้า  แล้วเขาก็เดินสำรวจตรวจตราของในร้าน
ที่มีทั้งตะกร้าผลไม้  ของฝาก  ผลไม้อบแห้ง  ขนมอบ  รวมถึงของพื้นเมืองสวยๆ
งามๆ ที่บรรดานักท่องเที่ยวต่างมาจับจ่ายซื้อหาเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน

“เออ  เดี๋ยวมา  เอ็งเฝ้าร้านไปก่อนนะอาร์ม  ข้าต้องไปเยี่ยมเพื่อนเก่าเสียหน่อย”
ฐานทัพยิ้มกวนๆเดินผ่านหน้าเจ้าอาร์มออกไป

“นายทัพครับ  อย่าไปกวนใบหม่อนมันนักเลย  ถ้ามันฟ้องคุณอนันต์
หากโดนยึดร้านขึ้นมาพวกผมคงตกงานนะครับ”
อาร์มตะโกนตามหลังนายจ้างหนุ่ม  ซึ่งยิ้มร้ายแล้วเดินตรงไปที่หมายอย่างไม่มีรีรอ

“ไอ้แก้ม  เอ็งดูนั่น  อกตูมๆ ขาก็เรียวสวย  หน้าเกาหลี  หูย…ฟันเหล็กด้วย
สะโพกก็บึ้ม  น่ารักจริง  แก้มๆ มึงดูคนเสื้อชมพูกางเกงขาสั้นอีกคนสิ
จะสั้นไปไหนกันนะ  ทำไมเงียบไปวะ  แก้มสเปกเอ็งนะนั่น ใช่ไหม?”
พูดไปมือก็สะกิดคนข้างๆ ไปด้วย เมื่อเห็นเงียบผิปกติไม่โต้ตอบจึงหันมอง
แล้วก็ตกใจผลักคนข้างๆ ออกไปในทันทีเมื่อเห็นหน้า  แต่คนถูกผลักไม่มีขยับเขยื้อนสักนิด

“นี่นายทัพ  มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่  เสียมารยาทจริงๆ มาแอบฟังคนอื่นคุยกัน
ไอ้แก้มเอ็งดูนายของเอ็ง  อ้าว! เห่ย”
แก้มสาวหล่อผิวเข้ม  มาดกวน  ถอยหลังออกไปไกลแล้ว  แถมยังโบกมือให้คุณใบหม่อน
สาวหล่อตัวขาว  น่ารัก  ลูกสาวคุณอนันต์เจ้าของ  ‘ตลาดมีคุณอนันต์’ แล้วหันหลังวิ่งแน่วกลับร้านไป

‘ใครจะอยู่กันล่ะถ้าเจ้านายกับคุณใบหม่อนเจอกัน  ตลาดแทบแตก  โกยเลยดีกว่า’
แก้มคิดได้อย่างนั้นจึงไม่รีรอ

“มันไปแล้ว  มีอะไรครับคนสวย  คุยกันดังโหวกเหวกเสียขนาดนั้น  ดังไปถึงนู้น!
หัวตลาดยันท้ายตลาด  ไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยินครับ”
ฐานทัพยักคิ้วหลิ่วตา  กับเด็กสาวคนนี้เขาปล่อยเฉยไว้ไม่ได้เสียทุกครั้งที่เจอ
ไม่เพราะไอ้ท่าทางทโมน  แซวสาวคนโน้นทีคนนี้ที  ทั้งที่เจ้าตัวก็เป็นสาวน้อยน่ารัก
ดูแล้วมันขัดลูกตาสิ้นดีกับไอ้ท่าทางทอมบอยนี่นัก

“โว๊ะ! อย่ามาเรียกอย่างนี้นะ  ไม่ได้สวย  หล่อต่างหากล่ะ  มองไม่เห็นรึไงกัน
นี่นายทัพกลับไปเฝ้าร้านของตัวเองไป  มาเพ่นพ่านแล้วยังจะทำปากดีอะไรตรงนี้อยู่ได้”
คนหล่อผมรองทรงสั้นสีทอง  หน้าหวานๆ ปากนิดจมูกหน่อยตรงหน้าทำลอยหน้าลอยตา
พูดอยู่ตรงหน้านี่ ทำเอาฐานทัพอยากจะจับมาฟาดก้นเสียจริงๆ

“คุณใบหม่อนคนสวย  รู้ได้ยังไงครับ  ว่าปากดีน่ะลองชิมแล้วเหรอ  อ่ะๆ อย่านะ
ยกเท้าไม่สุภาพอย่างแรง  แน่ะๆ มีกำหมัดอีก  โมโหอะไรกันล่ะครับ  พี่ไม่มาหาหลายวัน
ทนคิดถึงไม่ไหวเหรอไงกัน  มามะให้กอดทีจะได้หายคิดถึง”
ฐานทัพหนุ่มหล่อเจ้าสำอาง  ได้เห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของอีกคนแล้วให้นึกสนุกเข้าไปใหญ่

“โว๊ะ! ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ”
 แล้วคนหล่อก็กระทืบเท้าลงที่เท้าของฐานทัพอย่างแรง แล้วก็วิ่งแจ้นหนีไป
 ฐานทัพชักเท้าหลบไม่ทันโดนกระทืบแบบเต็มๆ ตัวเล็กแต่แรงไม่ใช่เล่น
 ฐานทัพไม่มีทีท่าว่าจะโกรธแต่กลับมองตามไปยิ้มๆ


“พี่ใบหม่อน  เป็นอะไรมาครับ  มาถึงก็เตะนั่นเตะนี่ไปเรื่อย  เจ็บเท้าเปล่าๆ นะครับ
ใครทำอะไรบอก  ไอ้กล้วยไข่จะไปจัดการใ ห้ บังอาจทำลูกพี่อารมณ์เสียได้ไง”
กล้วยไข่เด็กหนุ่มตัวบางผิวขาว  ผมเกรียน  หน้าตาไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอย่างปากพูด
จะไปจัดการใครเขาได้  ก็เจ้าตัวน่ะเอวบาง  ร่างเล็กเสียมากกว่า  แถมติดจะหล่อตี๋แบบ
เด็กพื้นเมืองด้วยซ้ำ  คู่หูของคุณหนูลูกเจ้าของตลาดมีคุณอนันต์นั่นเอง

“ก็ ไอ้ๆ โว๊ย…”
ใบหม่อนตีอก กลมไปอีก อาการแบบนี้ กล้วยไข่พอจะรู้แล้วว่าใครทำ ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ

“โอ๊ะ โอ…คนเดิมอีกแล้ว  ช่างกล้าทำคุณใบหม่อนของผม  นายทัพนะนายทัพ”
 กล้วยไข่พูดไปแบบกล้าๆ กลัวๆ

“โว๊ะ! ไอ้กล้วย! อย่าเอ่ยชื่อนี้ออกมาให้ได้ยินอีกนะ”
ใบหม่อนหน้าแดงด้วยความกรุ่นโกรธ

“ทำไมชอบกวนประสาท  แล้วยังชอบมายั่วโมโหคุณหนูของไอ้กล้วยไข่อีก  ไม่รู้ทำไม?”
กล้วยไข่สังเกตเห็นแววหมองๆ ในดวงตากลมโตที่เคยสุกสกาว  เพลย์บอยตัวพ่อของ
ไร่เขตแผ่นดิน  ที่โดดเด่นในเรื่องที่ใช้ผู้หญิงเปลืองอย่างกับอะไรดี

‘จะมาอะไรกันนักหนากับคุณใบหม่อนที่แสนจะใสซื่อและน่ารัก’
ช่างน่าสงสารเอาเสียจริงๆเลย กล้วยไข่แอบถอนหายใจ




ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 6 ฟื้น…เกลียดสัมผัส

“เอ้อ! เจ้าดิน  คนงานมาทำอะไรกันยกใหญ่  ข้างบนน่ะมีอะไรกัน?”
 พ่อเขต ร้องทักลูกชายที่สวนเข้ามาพอดี

“อ่อ…คือว่าผม…ให้มาช่วยกันจัดห้องที่อยู่ติดกับห้องนอนเด็กๆ
น่ะครับ  พอดีจะให้  เอ่อ… กอหญ้า  คนที่ผมช่วยไว้น่ะมาพัก
จนกว่าเขาจะจำอะไรๆ ได้น่ะครับ  ผมก็ว่าจะบอกพ่ออยู่เหมือนกัน
กลับเข้าบ้านดึกๆ ช่วงนี้  ไม่เจอพ่อ  ก็เลยลืมๆไป งั้นผมขออนุญาตเลยแล้วกัน”
ชายหนุ่มพูดและขออนุญาตประมุขของบ้าน

“อืม… ก็ดูให้ดีๆ แล้วกัน  คนสมัยนี้  รู้หน้าไม่รู้ใจนะดิน”
 พ่อพยักหน้ารับรู้  และเตือนลูกชายไปด้วย

“ครับพ่อ  นี่ผมก็ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเขาอีกเลย ได้แต่ส่งไอ้มิ่งมันไปแทน
 ช่วงนี้ยุ่งๆ เรื่องงานในไร่  ก็โรคระบาดจากไร่ข้างเคียงน่ะครับ  พวกหนอนผีเสื้อ
 ต้องฉีดพ่นยากันยกใหญ่เลย”

“แล้วเด็กคนนั้นน่ะ  จนป่านนี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเขาเป็นใครมาจากไหน?”
พ่อถามถึงคนเจ็บที่อีกหน่อยต้องรับเข้ามาร่วมชายคาเดียวกัน

“ยังครับ…แต่เขารู้สึกตัวแล้วนะ  เห็นเจ้ามิ่งมันมาบอกว่าอีก
ไม่กี่วันหมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว”

“เอาล่ะๆ ไหนๆ แกก็ช่วยเขาไปแล้วนี่นะ  จะปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง
ได้ยังไงกัน คนทั้งคนน่ะนะ”

แล้วพ่อเขตก็เดินแยกไป  แผ่นดินคิดว่าถ้าจัดการเรื่องห้องนอนเสร็จ
เขาจะเข้าไปเยี่ยมหน่อย  เห็นแต่ไอ้มิ่งมาเล่าว่าดื้อเอาการอยู่



“บอกว่าอย่ามาจับตัวไงเล่า  สกปรก… อ๊าก!!!”

พยาบาลเจอฤทธิ์คนไข้  ที่สะบัดจนข้าวของที่ถือมาตกลงพื้น
ต่างพากันถอนร่น  จนแผ่นหลังเธอชนเข้ากับแผ่นดินที่สวนเข้ามาพอดี
เธอขอโทษแล้วผลุบออกไป  ชายหนุ่มเดินไปที่เตียงเห็นคนก่อเรื่องเช็ดถู
ตามข้อมือและแขนจนแดงไปหมด  เขารีบเข้าไปคว้ามือไว้  แต่กลายเป็นว่า
คนตรงหน้ายิ่งดิ้นหนีจนเกือบตกเตียง  หน้าตาตื่นกลัวเอามากๆ

“กอหญ้า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ  จะถูทำไมนัก  ถลอกหมดแล้วเนี่ย  บอกมาสิ เป็นอะไร?”

ชายหนุ่มเสียงดังใส่เพื่อให้เจ้าตัวหยุด  แต่เขากลับเห็นใบหน้าซีดเผือด
ของคนตัวขาว  ปากคอสั่น  น้ำตาคลอที่หน่วยตาคู่สวย

“สกปรก! อย่าจับ! ล้างมือ  ต้องล้างมือ  ปล่อย ฮือฮือ”

แผ่นดินปล่อยแขนทั้งสองข้างทันที  แต่สิ่งที่เห็นทำให้รีบไป
คว้าผ้าห่มมาห่อตัวร่างบางนี้ไว้แล้วรวบกอด

“ชู่ววๆๆ ไม่สกปรก  ไม่เลอะน ะ นิ่งๆ นะกอหญ้า  หายใจลึกๆ ไม่มีอะไรน่ากลัว นิ่งซะ”

แผ่นดินกอดไปลูบหลังไปแล้วใช้น้ำเสียงนุ่มแทนการพูดเสียงดุๆ แบบเมื่อครู่
ได้ผลเมื่อเจ้าตัวค่อยๆสงบลง  และช้อนตาขึ้นมองหน้าเขา

“คุณเป็นใคร  ผมเคยได้ยินเสียงนี้”

เจ้าตัวขมวดคิ้ว  แล้วนิ่วหน้าเมื่อโทนเสียงที่ได้ยินคุ้นหูเหลือเกิน

“พี่ชื่อแผ่นดิน  เรียกพี่ดินนะ  นายรถคว่ำบาดเจ็บสาหัส
พี่ไปเจอก็พามารักษาตัวที่นี่  ไม่ต้องกลัวนะ  ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองคือใคร
ก็ชื่อกอหญ้าไปก่อน  ถ้าไม่อยากให้ใครถูกตัว…เวลาที่ใครให้ทำอะไร…ก็ต้องทำ
อย่าดื้อ  จะได้หายไง  แล้วก็จะไม่ต้องถูกมัดกับเตียงด้วย  เชื่อพี่นะกอหญ้า
แล้วเราจะได้กลับบ้านกัน  เข้าใจที่พี่พูดหรือเปล่า …อย่าดื้ออีก”

แผ่นดินพยายามอธิบายให้คนในอ้อมแขนฟัง  เขาสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุด
ขึ้นที่ไรผมและข้างขมับ  จึงคลายผ้าห่มออก  แล้วปล่อยตัวให้เป็นอิสระ

“พี่ดินเหรอ  แล้วผมชื่อกอหญ้า  เหรอฮะ”

เจ้าตัวพึมพำเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววหมองๆ ใบหน้าซีกซ้ายที่เกลี้ยงเกลา
นั้นเนียนใส  แต่แก้มขวาถ้าไม่มีรอยแผลเป็นใหญ่ที่เริ่มแห้งและตกสะเก็ด  ก็คงดูดีไม่น้อย

“ผมไม่ชอบให้ใครโดนตัว…ผมกลัว…ผมขยะแขยง พี่ดิน! ผมเป็นบ้าใช่ไหมครับ?”

คนตัวบางเริ่มมีอาการร้อนรน  และมีน้ำตาหยดลงมาอีก  ชายหนุ่มเอื้อมมือหมาย
จะไปเช็ดให้  ชะงักมือไว้เมื่อนึกได้ว่าคนตรงหน้ากำลังกลัวการถูกสัมผัส 

“กอหญ้าไม่ได้บ้า  เพียงแต่อาจจะกลัวว่ามันไม่สะอาดพอ
 กลัวสิ่งสกปรกก็เป็นได้  เอาอย่างนี้นะ  เดี๋ยวพี่ไปคุยกับคุณหมอก่อน
 ท่านจะได้หาทางช่วยกอหญ้าได้ไงล่ะ”

“จริงเหรอฮะ  ผมจะหายใช่ไหม?”

คนป่วยมีประกายความหวังขึ้นมา  จนแผ่นดินยกยิ้มมุมปากนิดนึง

“แน่นอนสิ  ก่อนอื่นกอหญ้าต้องเชื่อใจพี่ก่อนนะ  ว่าพี่ไม่ทำอันตรายอะไรเรา
พี่มาดี  พี่ช่วยเราไว้  แค่นี้  ทำได้หรือเปล่า?”

แผ่นดินพูดโน้มน้าวให้คนฟังคล้อยตาม  ซึ่งเจ้าตัวก็ทำเพียงมุ่นหัวคิ้วคิดตาม

“พี่ดิน  ไม่ได้หลอกผม  ใช่ไหม?”

 แววตายังเคลือบแคลงสงสัย

“ไม่หลอกแน่นอน  เอาอย่างนี้น ะ ลองส่งมือมาให้พี่
 นี่พี่ล้างแอลกอฮอล์ให้ดูเลย  พี่กดใส่มือแล้วเห็นไหมแล้วก็ถูๆ มือ
 เท่านี้ก็ไม่มีเชื้อโรคแล้ว  ไม่สกปรกด้วยครับ  ส่งมือมาให้พี่สิ…กอหญ้า”

แผ่นดินแบมือแล้วยื่นไปข้างหน้า  เจ้าตัวกระถดตัวหนีทันที
แววตาหวาดหวั่น ส่ายหน้าไปมา

“ไม่ได้! ผมทำไม่ได้! อย่าจับ! อย่าแตะต้องผม! ไม่เอา!!! ฮือฮือ  สกปรก”

“กอหญ้าไม่เป็นไร  พี่ไม่จับแล้วก็ได้  ไว้เชื่อใจพี่เมื่อไหร่  ค่อยลองใหม่นะ
 จำไว้ว่าพี่ไม่ทำร้ายเรา  พี่มาช่วยนะ  กอหญ้า  ไม่ร้องแล้วนะ
 ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนแล้วกัน”

ชายหนุ่มพูดอย่างอ่อนโยน  ปลอบประโลมอย่างที่ไม่เคยกระทำกับใครมาก่อน
แล้วจึงก้าวถอยออกมาสองก้าว

“พี่ดินครับ… อย่าทิ้งผม อย่าเพิ่งไป ผมบ้าไปแล้วใช่ไหม”

 เจ้าตัวพูดขึ้นแววตาอ้างว้าง  น้ำตายังนองหน้า  แล้วถามคำถามที่คาใจอีกครั้ง

“กอหญ้า…เราแค่ไม่สบายเท่านั้น  เดี๋ยวก็หาย…นะครับ  พี่อยู่เป็นเพื่อนไ
 แป๊บนึงแล้วกันนะ พี่ต้องกลับไปดูงานในไร่”

ชายหนุ่มพูดให้เข้าใจว่าไม่ได้จะทอดทิ้ง

“งานอะไร  ทำไมต้องไปทำด้วยล่ะ”

 คิ้วขมวดกันยุ่ง

“เอ่อ…งั้นพี่จะเล่าให้ฟังนะ  กอหญ้าจะได้รู้จักพี่มากขึ้นไง
 พี่ทำไร่ส้ม…ชื่อไร่เขตแผ่นดิน  ที่นั่นเลี้ยงวัวนมด้วย
 แล้วพี่ก็มีลูกสองคนด้วยครับ  ชายคนหญิงคน  ภรรยาไม่มีเลิกกันไปหลายปีแล้ว
 ตอนนี้พี่อยู่กับคุณย่า  คุณพ่อ  และน้องชาย  แล้วเดี๋ยวก็ต้องมีกอหญ้าไปอยู่ด้วยอีกคนไง”

กอหญ้านั่งฟังเงียบๆ เหมือนคิดตามไปด้วย

“พี่ดิน  จะให้ผมไปอยู่ด้วยเหรอฮะ  จริงๆ นะ ไม่หลอกผมใช่ไหม”

ดวงตาที่เศร้าหมองเมื่อครู่นั้นมีประกายเจิดจ้าขึ้นมาทันตา

“แน่นอน  แต่เราต้องไม่ดื้อกับพี่ๆ พยาบาล  หากมีใครมาบอกพี่ว่ากอหญ้าดื้อ
 พี่จะไม่มาเยี่ยมแล้วก็…”

ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันจบ  เจ้าตัวก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ผมจะไม่ดื้อ!!! พี่ดินอย่าทิ้งผมไว้ที่นี่นะ พาผมกลับไปด้วย…นะครับ”

 แววตากระตือรือร้น จนแผ่นดินลอบยิ้ม

“พี่จะเชื่อเรานะ วันนี้พี่จะไปคุยกับคุณหมอก่อนกลับ  แล้วพี่จะมาเยี่ยมใหม่”

 พูดจบก็หมุนตัวกลับไปที่ประตู  ก่อนจะปิดประตูลง
 เขายังทันได้ยินคนบนเตียงพูดตามหลังมา

“มาอีกนะ…อย่าหลอกกันนะ”



“พ่อครับ  อามิ่งกับอาขวัญบอกว่า  จะมีคนมาอยู่กับเราที่บ้านเหรอฮะ”

ต้นกล้าถามพ่อเมื่อเจอหน้าในตอนค่ำ

“ใช่ลูก อากอหญ้า  เขาไม่สบาย  พ่อต้องพามาอยู่ด้วย  เด็กๆ ยอมไหมครับ หืม?”
แผ่นดินบอกลูก และถามความยินยอม

“ได้ๆ แล้วอากอหญ้า ใจดีใช่ไหมครับ”
 ต้นกล้าถามสิ่งที่สงสัย

“ใจดีสิครับ  แล้วเขาก็จะมาช่วยเลี้ยงเด็กๆ ด้วยนะ”
ชายหนุ่มบอกกับลูกชาย  ที่นั่งลูบขนเจ้ากองหนุนสุนัขพันธุ์พูเดิลสีขาวเล่นไปมา
 ส่วนหนูน้อยใบข้าวก็อุ้มเจ้าไข่เจียวแมวสีสวาดไว้บนตัก

“ใบข้าว จะให้อากอหญ้าอุ้มไข่เจียว”
 หนูน้อยแสดงน้ำใจ

“พี่กล้าก็จะให้เล่นกับกองหนุนด้วยนะ”
ต้นกล้าเสนอบ้าง

“เก่งมากเลยลูก  อากอหญ้าต้องดีใจมากๆ เลย ที่ลูกๆ
ของพ่อเป็นเด็กใจดี แบบนี้”
เด็กๆ ยิ้มตาหยีให้พ่อดินของพวกเขา



ที่คอนโดของข้ามฟ้า  คะน้าเดินไปเดินมาที่หน้าห้อง  หน้าตาเครียดจัด
เธอไม่สามารถติดต่อกับข้ามฟ้ามาได้เกือบสิบวันแล้ว  โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง
โทรหาขิมก็ไม่ยอมรับสาย
 
วันนี้คะน้าจึงต้องมาให้เห็นกับตาตัวเอง
เธอใช้คีย์การ์ดสำรอง  พอเข้าไปก็ไม่พบว่าจะมีการใช้งานเลยทั้งที่นอน
ที่ผ้าปูเตียงนั้นเรียบตึง  ตู้เย็นก็ไม่ได้เสียบปลั๊กไว้  ข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่ครบ
 
“ไปไหนของนายนะข้าว  พี่เป็นห่วงมากเลย  เฮ้อ…อย่าให้เจอตัวนะจะจับมาฟาด
ให้ก้นลายเลย  บอกแล้วว่าไปไหนๆ ก็ให้ติดต่อมา เอ๊ะ! หรือจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ทำไงดี  ข้าวนะข้าว  พี่กลุ้มจะแย่แล้วนะ  กลับมาซะที”

คะน้าเดินวนรอบห้อง  แล้วก็บ่นพึมพำคนเดียวไม่หยุดปาก แล้วจึงหมุนตัวออกจากห้อง


“อ้าว! สวัสดีครับ  พี่คะน้า  พี่ข้าวกลับมาแล้วเหรอฮะ”
 กริชออกจากห้องของตัวเอง  และเจอเข้ากับคะน้าที่เปิดประตูออก
มาพร้อมๆ กันกับเขา  เด็กหนุ่มยิ้มดีใจ

“กลับมาอะไรเล่ากริช  หายไปเลยสิไม่ว่า  เพราะอย่างนี้แหละพี่ถึงต้องมาดูเอง
ให้เห็นกับตาไง  ติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่ออกเดินทางคราวก่อนนู้น
 พี่กลัวจะเกิดเรื่องร้ายกับข้าวน่ะกริช”

 คะน้าเล่าให้เด็กหนุ่มแฟนคลับของข้ามฟ้าฟัง  กริชเบิกตากว้างขึ้นทันทีที่ได้ฟังเรื่องราว

“พี่คะน้า  อย่าเพิ่งคิดไปในทางร้ายเลยครับ  แค่ฟังผมก็ใจคอไม่ดีไปด้วยแล้ว
 พี่ข้าวอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจ  จึงอยากพักเงียบๆ ก็เป็นได้นะฮะ
 เรารอดูกันอีกสักหน่อยเถอะนะ”

กริชช่วยออกความคิดเห็น

“อืม ก็คงต้องรอดูไปก่อนจริงๆ นี่นามบัตรของพี่ หากมีความคืบหน้าอะไร
 กริชช่วยบอกพี่ทันทีเลยนะ”

 คะน้าให้นามบัตรกับเด็กหนุ่มไว้

“ได้ครับ หากมีอะไรผมจะรีบโทรบอกพี่เลยครับ”
ทั้งสองจึงเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกัน  สีหน้าของพวกเขามีแววกังวล
ให้เห็นอย่างเด่นชัด…ไม่ต่างกัน






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 ตอนที่ 7 ผมไม่ใช่ข้ามฟ้า

ตรีภพรู้ว่าแผ่นดินเพื่อนรักของเขาเป็นผู้ที่ให้การช่วยเหลือและพาคนเจ็บมารักษาตัว
และรับเป็นเจ้าของไข้  จึงรีบรุดมาที่โรงพยาบาล  และทางตำรวจได้แจ้งไปที่ต้นสังกัด
ของข้ามฟ้าให้มายืนยันว่าใช่ข้ามฟ้า เหนือเวหา ตัวจริงหรือไม่

คะน้าถูกส่งตัวขึ้นเครื่องมาเชียงใหม่อย่างรีบด่วน  เธอร้องไห้มาตลอดทางและพร่ำภาวนา
ให้คนที่น่าสงสัยนั้นไม่ใช่ข้ามฟ้า  และเธอได้ขอร้องให้ทางค่ายอย่าเพิ่งออกข่าวอุบัติเหตุ
ครั้งนี้ออกไป  เพราะเกรงความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นจากกลุ่มแฟนคลับของข้ามฟ้า


“พี่ดิน ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น  ผมไม่ใช่ข้ามฟ้าอะไรนั่นนะ  อย่าให้ใครมาพาผมไปนะฮะ”

 กอหญ้าร้องไห้จนตัวโยน  และเนื้อตัวสั่นเทา  จนแผ่นดินนึกสงสารและเห็นใจ

“กอหญ้า  ตำรวจแค่จะคุยด้วยเท่านั้น  นั่นน่ะ! พี่ภพ  เพื่อนพี่เองไม่ต้องกลัวนะพี่ก็อยู่นี่ด้วยแล้ว”

ชายหนุ่มต้องใช้ผ้าห่มคลุมกายอันสั่นเทา  และกอดคนตรงหน้าไว้

“โธ่! ข้าว…นี่พี่คะน้าไง  ข้าวจำพี่ไม่ได้เหรอ  ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้  ฮึกฮือฮือ”

คะน้ายืนยันว่าเป็นข้ามฟ้า  แต่เธอไม่สามารถเข้าใกล้ตัวข้ามฟ้าได้เลย
เธอไม่คิดว่าตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาที่เธอไม่สามารถติดต่อกับข้ามฟ้าได้นั้น
เพราะเจ้าตัวประสบเหตุอยู่ที่นี่นั่นเอง

“โธ่! ข้าว…น้องพี่  ไหนบอกว่าจะไปเคลียร์กับยัยขิมที่ออสเตรเลียไง
ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้  แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฮือฮือ”

ผู้จัดการส่วนตัวดาราดัง  ร้องไห้มากมาย  จากเหตุไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัวของเธอ

“พี่ดิน ผมไม่รู้จักเขานะ  พี่ดินอย่าให้เขาเอาผมไป  ผมชื่อกอหญ้าแล้วไง
 พี่บอกจะไม่ทิ้งผม  จะให้ผมไปอยู่ด้วย  พี่ไม่โกหกผมใช่ไหม?”

ข้ามฟ้าหรือกอหญ้าในเวลานี้  ไม่รับรู้ใดๆอีก  เขารู้แต่ว่าเขาไม่เชื่อใคร
 ต้องเป็นพี่ดินเท่านั้นที่จะไม่ทำร้ายเขา

“กอหญ้า  ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ ค่อยคิดกันนะว่าจะเอายังไง
 เราอยากจะไปหรือไม่ไป พี่ก็แล้วแต่เรา”

 ชายหนุ่มพูดให้คนในอ้อมแขนสงบลง

“จริงนะ  ผมไม่ใช่ข้ามฟ้า  ผมไม่ไป”
กอหญ้าพึมพำ

“คุณดิน  ขอบคุณที่คุณช่วยเหลือข้าว  ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
ค่ารักษาพยาบาลที่คุณจ่ายไปเดี๋ยวคะน้าจะจัดการคืนให้ทั้งหมด
ตอนนี้คุณช่วยพูดให้ข้าวกลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ทีเถอะนะคะ”
คะน้าพูดไปร้องไห้ไปด้วย

“ไม่นะ!  ผมไม่ไป! ที่นั่นผมไม่รู้จักใคร  อย่าเข้ามานะ!
อย่ามาถูกตัวผม! พี่ดินช่วยผมที!!!”

 แววตาหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“เอ่อ…คุณคะน้าครับ  กอหญ้า เอ่อ…ข้าวน่ะ  เขาไม่ให้ใครสัมผัสตัวเขา
เขาจะกลัวแล้วก็จะถูตามเนื้อตัวที่เราไปสัมผัสเขาจนถลอก
 คือว่า…ตอนนี้คุณช่วยอยู่ห่างๆ เขาหน่อยจะเป็นการดี…นะครับ”

 แผ่นดินยกมือเป็นเชิงห้ามไม่ให้คะน้าเข้าใกล้กอหญ้า

“ดิน แล้วแกจะเอาไงล่ะ เค้าไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ
 สงสัยต้องให้อยู่กับแกไปก่อน  คุณคะน้าว่ายังไงครับ”

ตรีภพถามความเห็นของเพื่อนและผู้จัดการดารา

“อืม…ทางเราก็เกรงใจคุณอยู่นะคุณดิน  แต่หากกลับไปกรุงเทพฯ
เขาก็มีแต่แม่เลี้ยงที่ไม่ค่อยกินเส้นกันนัก  เขาไม่มีใครแล้วจริงๆ ตอนนี้
หากคะน้าจะขอฝากน้องไว้กับคุณ  มันก็จะเป็นการผลักภาระให้คุณจนเกินไป…”


“ตอนนี้กอหญ้าเขาไม่ไว้ใจใครเลย…เอาเป็นว่าให้เขาอยู่ที่นี่แหละ…
แล้วคุณคะน้าว่างก็หมั่นมาเยี่ยมเขาบ้าง”
แผ่นดินเสนอทางออกให้กับเรื่องนี้ คะน้ามองหน้ายกนิ้วเคาะๆ ที่ขมับ

“ถ้างั้นขอร้องคุณช่วยปิดข่าวก่อนได้ไหมคะ  ไม่งั้นนักข่าวต้องแห่มา
 แล้วข้าวเองก็คงไม่ต้องการเสียความเป็นส่วนตัว  แล้วตอนนี้เขาก็กลัวคน
ไปหมดแล้วด้วยสิ  คงต้องเป็นคุณแล้วล่ะที่เขาจะยอมเชื่อใจในตอนนี้…คุณดิน”

 คะน้าพูดขึ้นมาอย่างตัดสินใจแล้วพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอีก จนดวงตาสองข้างช้ำแดง

“คุณคะน้า  คุณอย่ากังวลไปเลย  ผมช่วยเขาไว้ตั้งแต่แรก
 ก็ต้องช่วยจนถึงที่สุดนั่นแหละ  อย่าห่วงเลย  จะไม่มีใครรู้ว่ากอหญ้าคือใคร  สบายใจได้ครับ”


เดิมทีแผ่นดินที่รู้ข่าวจากเพื่อนว่าคนที่เขาช่วยเหลือไว้นั้นคือข้ามฟ้า เหนือเวหา
นายแบบนักแสดงดัง  เขาก็ตกใจอยู่เหมือนกัน  แต่สภาพที่เจ้าตัวเป็นในตอนนี้
นอกจากคนใกล้ชิด หรือคนในครอบครัวเท่านั้นที่จะแยกแยะออกว่าเป็นข้ามฟ้าตัวจริง
และอาการกลัวคนรอบช้างนั่นอีก  อดเห็นใจไม่ได้


“บ่ายนี้หมอให้กลับบ้านแล้ว  เดี๋ยวผมไปจัดการค่าใช้จ่ายก่อนครับ
 คุณคะน้าก็ตามไปที่บ้านผมด้วยกันเลยก็ได้ จะได้เห็นว่ากอหญ้าเขาอยู่ยังไง”

“เอ่อ! ดีเลยค่ะ อ้อ! คุณดิน ค่าใช้จ่ายคะน้าขอจัดการเองคุณอยู่นี่เถอะ
 รบกวนคุณมามากเกินไปแล้ว  ให้ทางคะน้าได้ทำหน้าที่ด้วยเถอะค่ะ”

คะน้ารีบออกไปจัดการค่าใช้จ่ายของข้ามฟ้าเพื่อจะได้ให้แผ่นดินพากลับบ้าน


“พ่อคนใจบุญ…ใจพระ…หากคุณข้ามฟ้าหายเป็นปกตินะ
 นายคงได้เป็นข่าวโด่งดังเลยนะเว่ย  เนี่ย! ดาราดังมาก!
เลยนะคนนี้  แฟนคลับมากมายท่วมท้น  ดีไม่ดีไร่แกพังแน่ถ้าแฟนคลับรู้ข่าวเข้าน่ะ”

สารวัตรตรีภพพูดไม่หยุด  และมองเพื่อนที่กอดคนตรงหน้าไม่ปล่อย
แม้จะมีผ้าห่มผืนบางห่มอีกคนไว้ก็ตาม  เขาย่นหัวคิ้ว  และรู้สึกแปลกใจ
ที่คนอย่างแผ่นดินยอมให้ใครใกล้ชิดได้ขนาดนี้

“แกก็อย่าพูดไปก็แล้วกัน ไม่มีใครจำได้หรอกน่า เชื่อเถอะ ตอนนี้เขาชื่อกอหญ้า..แล้วเว่ย!”

แผ่นดินก็คลายผ้าออกให้คนตัวผอม

“เรียบร้อยแล้วทุกคน เสื้อผ้าของข้าวล่ะ ไม่ให้เปลี่ยนเหรอคะ?”
 คะน้าโผล่หน้าเข้ามาในห้อง

“เออใช่! ผมลืม! เอาไงดี  ต้องไปหาซื้อแถวร้านค้าหน้าโรงพยาบาลแล้วล่ะคุณคะน้า”

 แผ่นดินขยับจะออกไป

“คะน้าไปเอง  คะน้ารู้ว่าน้องใส่ไซส์ไหน รอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวคะน้าจะรีบกลับมา”
แล้วหญิงสาวสวยปราดเปรียวก็ผละออกไป  ดูทำอะไรคล่องแคล่วเสียจริงๆ
นี่ละมั้งผู้จัดการส่วนตัวของดาราดังที่ต้องทำให้ได้แบบนี้
แผ่นดินมองอย่างทึ่งๆ ไม่นานคุณคะน้าก็มาพร้อมกับถุงเสื้อผ้าของใช้หลายถุง

“คุณดิน  ระหว่างนี้คะน้าขอรบกวนพักที่บ้านคุณก่อนได้มั้ยคะ
จะอยู่จัดการเรื่องข้าวของเครื่องใช้อะไรต่างๆ ของข้าวด้วย
เสร็จแล้วคะน้าค่อยกลับกรุงเทพฯ”
หญิงสาวร้องขอไปพักที่ไร่ด้วย

“ได้สิครับ  แต่คุณลิสต์รายการของที่ต้องการมาให้ผมก็ได้
 เดี๋ยวผมให้ลูกน้องไปจัดการต่อให้เอง”

 คะน้าอึ้งในความมีน้ำใจของเจ้าของไร่ส้มเสียเหลือเกิน
 เป็นความโชคดีบนความโชคร้ายอยู่เหมือนกันที่ข้าวได้มาเจอกับคุณแผ่นดินคนนี้

“ไม่เป็นไรค่ะ  ให้คะน้าได้ทำอะไรเพื่อน้องบ้างเถอะ  ข้าวเขาเป็นเด็กน่าสงสาร
แล้วก็เป็นเด็กดีมาตลอด  ถึงจะมีเรื่องรักๆ แบบงี่เง่าๆ กับผู้หญิงแย่ๆ ก็เถอะนะ
แค่เรื่องเดียวนี่แหละ! ที่เจ้าเด็กนี่! ไม่ได้อย่างใจคะน้าเลย  นอกนั้นไม่เคยทำอะไร
ให้หนักใจ  ยัยผู้หญิงนั่นที่ข้าวรักนักหนาน่ะตีตัวออกห่างเป็นเดือนๆ ยังบ้าไปตามหา
ข้ามน้ำข้ามทะเลก็ยังจะทำ  จนมาเกิดเรื่องแบบนี้ไม่ใช่โดนหล่อนสลัดรักมาเหรอถึง
เป็นได้ขนาดนี้  อย่าให้เจอแม่นั่น! นะ  คะน้าจะด่าให้เสียหมาไปเลยคอยดัเถอะ”

ดูเธอเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเอามากๆ แต่ตรงข้ามกับอีกคนที่นั่งฟังอยู่บนเตียง
อย่างไม่ใส่ใจว่านั่นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองแท้ๆ

“ทางตำรวจคาดเดาว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนมีคนจงใจทำให้มันเกิด
 ยังไงขอรวบรวมหลักฐานมัดตัวให้มันดิ้นไม่หลุดเสียก่อน
 แล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบกันอีกทีเล่นลอกคราบเสียเกลี้ยง
ไม่ให้เหลือหลักฐานแบบนี้  ดีนะที่ได้เจ้าดินช่วยเอาไว้น่ะ
ไม่งั้นป่านนี้คงเหลือแต่ชื่อจริงๆ เอ่อ! ขอโทษที่พูดแบบนี้นะครับ”

สารวัตรหนุ่มหล่อมาดเข้ม  พูดมาถึงตอนท้ายๆ ก็เสียงอ่อนลง

“ไม่เป็นไรค่ะสารวัตร  ถ้าไม่ได้คุณดินช่วยเอาไว้  ข้าวก็คงเป็นอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ
เวรกรรมอะไรนักหนาก็ไม่รู้  พ่อก็มาตาย  แม่ก็ทิ้งหายไปตั้งแต่เกิด  แม่เลี้ยงก็เอาแต่ผลาญเงิน
เจ้าเด็กนี่ต้องทำงานงกๆ อดตาหลับขับตานอน  สายตัวแทบขาดเพื่อให้แม่เลี้ยงเอาเงินไปถลุง
ในบ่อน ชีวิตไม่มีอะไรดีเลย…ข้าวเอ๊ย!”

ผู้จัดการสาวร่ายเสียยืดยาว  แผ่นดินจากที่สงสารเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งสงสาร
และเห็นใจเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว  แล้วแผ่นดินก็รับเอาเสื้อผ้าไปยื่นให้คนบนเตียง

“พี่ช่วยนะ กอหญ้า  จะได้กลับบ้านกัน  พี่ไม่ถูกตัวเราหรอก  มาครับ”

แผ่นดินช่วยคนตัวขาวเปลี่ยนชุดอย่างทุลักทุเล  เห็นผิวที่เปิดเปลือยขาวเนียนละเอียด
‘น่าสัมผัส’ แผ่นดินสะดุดลมหายใจไปทีที่คิดอย่างนั้น

‘จะบ้ากันไปใหญ่แล้วไอ้บ้าดิน’
แผ่นดินกร่นด่าตัวเองในใจ



เมื่อเข็นรถมาถึงที่ลานรถ  แผ่นดินเข้าอุ้มคนตัวบางขึ้นบนรถ
เจ้าตัวสะบัดหนี  แต่เขาใช้จังหวะอันรวดเร็วเข้าล็อกตัวเสียก่อน
พอขึ้นนั่งก็หอบหายใจทั้งคนอุ้มและคนที่ถูกอุ้ม

“กอหญ้า พี่บอกว่าไม่ทำอันตราย  เมื่อไหร่จะเชื่อใจกันนะ เลิกดื้อซะที หายใจลึกๆเลย”

แผ่นดินพูดติดจะหงุดหงิดแล้วก็ส่ายหน้า เล่นเอาเขาหอบไปเหมือนกัน
แต่เนื้อนุ่มนิ่มและเนียนไปหมดแม้แค่สัมผัสแป๊บเดียวก็เถอะ

“ภพ! แกตามมาด้วยสิ! พาคุณคะน้ามาเลยล่ะ”
 แผ่นดินหันไปบอกเพื่อนให้ขับตามหลังมา



ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 8 ไปอยู่บ้านพี่ดิน

เส้นทางที่คดเคี้ยวกับถนนลูกรัง  แล้วยังแนวเขาที่พาดผ่านกว่าจะเข้าสู่ไร่เขตแผ่นดิน
ก็เล่นเอาผู้โดยสารหัวสั่นหัวคลอนไปตามๆ กัน จนคะน้าสาวมั่น ต้องปริปากพูดออกมาจนได้

“คุณสารวัตรคะ  หนทางทำไมลำบากขนาดนี้  ไม่ใช่ว่าต้องให้…ข้าว…
มากัดก้อนเกลือกินกันเลยหรือคะ  ทำไมมันดูกันดารอย่างนี้  แล้วน้องมันจะไหวเหรอ
คะน้ายังรู้สึกว่าตัวเองน่ะถูกนวดแผนไทยเลยจริงๆ นะคะตอนนี้น่ะ”

“หึหึ  อดใจสักนิดก่อนเถอะครับ  แล้วคุณจะเสียใจที่พูดคำนี้ออกมา”

 สารวัตรตรีภพพูดยิ้มๆ


พอรถแล่นผ่านโค้งเชิงเขาไปได้ก็เป็นถนนราดยาง  รถกำลังแล่นลงทางลาดเขา
คะน้านั่งไปอย่างเงียบๆ แบบใจจดใจจ่อลุ้นไปด้วย  ผ่านหมู่บ้านเข้าไป
ที่นี่ผู้คนปลูกพืชผักเป็นแบบขั้นบันได  นาข้าวก็มี  แล้วก็ถึงทางแยกซ้ายที่มีป้าย
ชี้บอกว่าทางไปไร่ ‘เขตแผ่นดิน’  พอเริ่มเข้าสู่เขตไร่


สองฟากถนนกลับเป็นแนวเฟื่องฟ้าหลากสีทอดยาวไปจรดซุ้มทางเข้า
คะน้าเห็นบ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านล้อแสงตะวันอยู่บนเนิน
ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อรถมาจอดนิ่งสนิทที่หน้าบ้านแล้ว


“โอ้โห้!!! สารวัตร! บ้านหลังใหญ่จัง! สวนสวยมากๆ เลยด้วย
 นี่บ้านคุณดินเหรอคะ อย่างกับรีสอร์ตในหุบเขา  สวยงามมากๆ เลย
 ชักอายแล้วสิคะ…ที่ไปว่าที่นี่กันดารน่ะ”

คะน้ายิ้มอายๆ เมื่อพากันลงมายืนเบื้องล่าง  รถของแผ่นดินจอดข้างๆ กัน
คะน้ารีบเดินไปหาข้ามฟ้าทันทีที่ลงยืน

“เป็นไง ข้าว ชอบไหม?”

คะน้าเข้าไปเปิดประตูรถให้  คนถูกถามนั่งเงียบแต่สายตาทอดมองไปรอบๆ บริเวณ

“สวยดีครับ”
ตอบไปแบบสั้นๆ และหันไปหาแผ่นดินที่เปิดประตูเดินอ้อมมาหา

“กอหญ้าถึงแล้วนะ บ้านพี่เอง พี่ต้องอุ้มเราเข้าไปนะ ห้องอยู่ชั้นบน จัดไว้ให้แล้วล่ะ”
 กอหญ้านั่งตัวแข็งทื่อที่จะถูกอุ้มอีกแล้ว

“พี่ดิน! เดี๋ยวก่อนนะ  อย่าเพิ่งนะ  ขอหายใจก่อนแป๊บนึงครับ”
 แล้วเจ้าตัวก็โกยอากาศเข้าปอดเป็นการใหญ่ พร้อมกับหลับตาลง

“อ่ะ นับ1..2..3 ฮึ๊บ”
แล้วแผ่นดินก็ช้อนมือเข้าใต้เข่าอุ้มกอหญ้าตัวปลิวเดินเข้าบ้านไป
กอหญ้ากำเสื้อพี่ดินที่แผงอกกำยำไว้แน่น  หายใจหอบถี่เมื่อสมองสั่งให้กลัวขึ้นมาอีก

“กอหญ้า ไม่กลัวพี่สิ  ขึ้นบันได  เลี้ยวซ้ายก็ถึงห้องเราแล้ว  ทนอีกหน่อยนะ”


ประตูห้องมีคนมาช่วยเปิดไว้ให้แล้วแผ่นดินวางกอหญ้าบนเตียงนอนขนาดใหญ่
คนอื่นๆ ก็เดินตามกันเข้ามาด้วย  จนทำให้ห้องดูแคบลงไปถนัดตา

“หืม…คุณดิน ห้องน่าอยู่มากเลย  โปร่งตา เอ๊ะ! ผ้าม่านสีน้ำตาลโทนเดียว
กับที่คอนโดข้าวเลยนะคะเนี่ย  เครื่องนอนก็ใหม่หมดเลย ข้าวเอ๊ย!
โชคดีจริงๆ ที่คุณดินเป็นธุระให้ขนาดนี้  ปกติตัวจริงเจ้าเด็กนี่นะ…เรื่องมากจะตายไป
ไม่ค่อยยอมใช้ของร่วมกับใคร  นี่อย่าบอกนะว่าสั่งมาให้ใหม่ทั้งหมดน่ะ
ตายๆ หมดไปเยอะเลยนะคุณดิน”


คะน้าเดินสำรวจห้อง  เห็นว่าทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า
เตียงนอนหรือแม้แต่โต๊ะเครื่องแป้ง  ยังไม่ผ่านการใช้งานเลย  ล้วนเป็นสีวอลนัททุกชิ้น
ทุกอย่างดูลงตัวไปหมดจนต้องออกปากพูดอย่างเก็บอาการไม่อยู่

“เอ่อ… ไม่เป็นไรครับ คุณคะน้า ยังไงของพวกนี้ก็ต้องตกเป็นของลูกๆ ผม
ในอนาคตอยู่ดี อย่ากังวลไปเลยครับ”
 ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูอบอุ่นใจดีไปทันตาเห็น
 คะน้ามองคนใจดีตรงหน้า

“เจ้าบุญทุ่มครับ เสี่ยดินเราน่ะ หึหึ”
 ตรีภพเปิดปากแซวเพื่อน หลังจากที่มาเป็นผู้ติดตามในวันนี้

“กอหญ้า อยู่ได้นะ มีอะไรก็บอกพี่ หากพี่ไม่อยู่จะส่งเพชรมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน”
 กอหญ้าหน้าตาตื่นๆ อย่างขลาดๆ เมื่อได้ยินว่าเขาต้องมีคนอื่นมาคอยดูอีกคนที่ไม่ใช่พี่ดิน

“เพชรเป็นเด็กเพิ่งจบป.6 หลานป้าสายเขาน่ะ  อย่ากลัวไปเลย”
กอหญ้าถอนหายใจดังเฮือกอย่างโล่งอก
สักพักเจ้าตัวก็นั่งบิดไปมาอยู่บนเตียง

“เอ่อ พี่ดิน ผมอยากเข้าห้องน้ำ”
 กอหญ้าบอกออกไปอย่างอายๆ

“ไปสิ ส่งมือมา พี่พาไป เกาะเดินนะ เท้าจะได้มีกำลัง”
 แล้วแผ่นดินก็ไปยืนข้างๆ กอหญ้าสูดหายใจหนักๆ แล้วก็ส่งมือไปยึดแขน
ข้างหนึ่งของพี่ดินไว้  แล้วพยายามทรงตัวยืน  ออกอาการซวนเซ
 แต่สักพักก็ทรงตัวได้ แล้วก็ค่อยๆ เดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่อีกด้านของผนังห้อง



“สงสารคุณดินที่ต้องมาดูแลข้าวนะคะ แล้วก็สงสารข้าวด้วยที่ต้องมาเป็นแบบนี้”
คะน้าพูดเปรยๆ ออกมา

“อย่าบ่นเลยคุณคะน้า  ดินมันเต็มใจทำ  ไม่เห็นเหรอครับ
 มีบ่นสักคำไหมล่ะ  แล้วก็กอหญ้าน่ะ  อย่าให้คนป่วยเขามาได้ยินเดี๋ยวจะเสียใจ
 หมดกำลังใจไปเสียก่อน ส่งผลให้หายช้ากันไปอีกนะครับ”

ตรีภพติงมาเบาๆ

“อุ้ย! ขอโทษ! จริงด้วยค่ะ พอดีคะน้า อดใจไม่ได้ ปากไวไปหน่อยน่ะค่ะ”
 คะน้าหน้าเจื่อนลง

“พี่ดิน ผมเสร็จแล้วครับ พากลับออกไปหน่อย”
 กอหญ้าบอกคนที่มาส่ง แล้วก็ไปยืนหันหลังให้ไม่ห่างนัก

“อืม…เกาะพี่แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนะ อย่างนั้นแหละ แน่ะ!
 เกือบล้มแล้วไหมล่ะ ถ้าพี่คว้าไม่ทัน ช้าๆ ก่อน ค่อยๆ ก้าวขาเดินมา ทีละก้าว”

“พ่อดินครับ ไหนอากอหญ้าละฮะ โอ๊ะโอ!”
ต้นกล้าวิ่งเข้ามาในห้อง หลังจากที่พี่เลี้ยงบอกว่าพ่อดินอยู่ข้างบน เด็กชายเบิกตาโต

“ครับลูก นี่ไง อากอหญ้าที่จะมาอยู่กับเรา อ้าว! ใบข้าวมานี่เลยค่ะ มารู้จักอากอหญ้ากัน”
แผ่นดินเรียกให้ลูกๆเข้ามาใกล้ๆ เพื่อทำความรู้จักกับสมาชิกใหม่ของบ้าน

“ใจดี ใช่มั้ย ฮะ”
ต้นกล้ามองใบหน้าที่มีแผล และศีรษะที่ยังมีผ้าสีขาวโพกไว้อีก

กอหญ้าส่งยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าวันที่แผ่นดินยังไม่เคยได้เห็น
ปากบางหยักสวย แย้มยิ้มเล็กน้อย ทำให้หน้าตาน่ามองยิ่งขึ้น แม้จะไม่สดใสเท่าที่ควร
ดวงตาสวยหวานนั้นช่วยให้ดูดีขึ้นมากโข

“ชื่ออะไรกันบ้างครับเด็กๆ”
 กอหญ้าส่งยิ้มให้แล้วเอ่ยถามหนูน้อย

“ต้นกล้าครับ นี่ใบข้าว น้องของกล้าเองฮะ”
 เด็กชายบอกไปพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

“รู้จักกันแล้วนะ  ไม่กลัวอานะครับ”
คนตัวบางพยายามผูกมิตรกับเด็กๆ เด็กชายตัวสูงผมสีน้ำตาลตัดสั้น
กับดวงตาสีดำโตๆนั่น จมูก ปาก ได้พ่อมา โตขึ้นคงหล่อน่าดู กับเด็กหญิงผมม้า
ไว้หางเปียตัวกลมน่ารักข้างๆ กัน ตาใสๆ ปากแดงๆ น่ารักทั้งพี่ทั้งน้อง
ผิวขาวเอามากๆ เลยทั้งสองคน

‘ดูแล้วคงว่านอนสอนง่าย ไหนๆ พี่ดินก็ดูแลเราเป็นอย่างดีแล้ว
 เป็นเพื่อนเล่นให้ลูกพี่ดินหน่อยแล้วกัน’
 กอหญ้าคิด

“ครับ มาจับมือเป็นเพื่อนกัน”
 แล้วต้นกล้าก็เข้ามาคว้ามือของกอหญ้า เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมโดยดี

“สุดหล่อไม่สนใจอาภพเลยนะครับ”
ตรีภพกระเซ้าเด็กชาย ต้นกล้าจึงปล่อยมือจากอากอหญ้าวิ่งไปหา
อาภพแทน ตรีภพจึงอุ้มเด็กชายขึ้นมา ส่วนน้องสาวคนเป็นพ่อเอาไปอุ้มไว้ก่อนแล้ว

“ส่วนคนนี้ อาคะน้า เด็กๆ สวัสดีคุณอาด้วยสิลูก”
เมื่อแผ่นดินพูดจบ เด็กน้อยทั้งสองจึงหันไปไหว้คะน้าสาวสวยเพียงหนึ่งเดียว
ที่อยู่ในห้องนี้ที่ส่งยิ้มมาให้อยู่ก่อนแล้ว

“เดี๋ยวทานมื้อเย็นกันก่อน ภพอยู่ด้วยนะจะได้เจอคุณพ่อกับคุณย่า
 เจ้าทัพจะมาทันหรือเปล่ารายนั้นน่ะ ภารกิจกับสาวๆ ของเขาน่ะมากจนไม่มีเวลาให้กับใครๆเลย”
แผ่นดินพูดถึงน้องชายแล้วก็ส่ายหน้า

“ไว้มื้ออื่นเถอะดิน ต้องไปงานเลี้ยงต้อนรับนายอำเภอคนใหม่ที่จะมาประจำที่นี่
 เอ่อ! เค้าพูดกันว่าเป็นรุ่นน้องเรานะ แกพอรู้มั้ยว่าเป็นใคร?”

“ก็ธาราพี่ชายของธารินไงล่ะ”
แผ่นดินตอบเพื่อนออกไป

“เห่ย!!! ธารินที่โดนยิงตาย! ในงานวัดนั่นน่ะเหรอ แล้วคนไหนล่ะที่ว่าเป็นพี่ชายน่ะ”
 ตรีภพพูดขึ้น พลางมุ่นหัวคิ้วจนเป็นปม

“อืม… ก็นั่นแหละ! ที่ตายน่ะคนน้อง แต่ธาราตัวขาวๆ ปากแดงๆ
ที่แกหาว่าเขาเป็นตุ๊ดตอนเขาเด็กๆไง
แล้วแกยังชอบแกล้งเค้าบ่อยๆด้วยน่ะ จำได้หรือยัง”

 คนฟังตาเป็นประกาย แล้วย้อนนึกไปในช่วงสมัยเรียนมัธยมโน้น

‘เจ้าเด็กตัวเปี๊ยก ขาวซีดนั่นเหรอ ที่เข้ามาขวางทุกทีที่น้องมันจะโดนยำ
 หึหึ ธารา แล้วเจอกัน’
แล้วสารวัตรหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก


ทุกคนก็ทยอยกันเดินลงมาที่ชั้นล่างเพราะใกล้มื้อเย็นเต็มทีแล้ว
แผ่นดินบอกให้กอหญ้านั่งเล่นอยู่ก่อนบนห้องนอน โดยมีคะน้าลากเก้าอี้มานั่งห่างออกไปเล็กน้อย

“เดี๋ยวพี่มารับนะ จะไปบอกให้ใครช่วยเตรียมห้องรับรองแขกให้คุณคะน้าก่อน
 ถ้าหากให้เขานอนกับกอหญ้าในห้องนี้ด้วยคงเป็นปัญหาแน่ๆ ใช่ไหม?”
 แผ่นดินหันไปถามกอหญ้า เจ้าตัวมองคะน้าอย่างไม่ไว้วางใจนัก

“เอ่อ! ผมคงนอนไม่หลับ ยังไม่คุ้นน่ะครับ ขอเวลาผมหน่อยนะครับ…พี่คะน้า”

 เจ้าตัวหันไปบอกกับคะน้า เป็นการเปิดปากพูดกันครั้งแรกของกอหญ้ากับหญิงสาว

“ไม่เป็นไรจ้ะ แต่พี่ไม่เคยคิดร้ายกับข้าวมาก่อนเลยนะ…
 เอ่อ! …กอหญ้า พี่มีแต่ความห่วงใยและปรารถนาดีให้
ที่กอหญ้าเป็นแบบนี้เพราะยังป่วยอยู่ พี่เข้าใจเราจ้ะ”
คะน้าพูด ตาแดงๆ ขึ้นมาอีกแล้ว

“ขอโทษนะครับ ที่ผมยังจำพี่ไม่ได้น่ะ”
 กอหญ้าพูด แววตาหม่นแสงลง

“อย่าเครียดเลย อย่าเพิ่งยอมแพ้ด้วย แล้วข้าวจะกลับมาหายดีเหมือนเดิม พี่เชื่ออย่างนั้นนะน้อง”
คะน้าพูดให้กำลังใจ

“พี่ลงไปก่อนนะ เดี๋ยวจะกลับมาพาเราลงไป คุยกันไปก่อน…เอ่อ!
 คุณคะน้าพอมีโทรศัพท์ให้กอหญ้าใช้สักเครื่องไหมครับ
หากดึกๆ เขาต้องการความช่วยเหลือจะได้โทรบอกพวกเราได้”
 ชายหนุ่มเอ่ยปาก เป็นการห่วงใยใส่ใจที่คะน้าเองยังคาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่า
 คุณดินจะรอบคอบขนาดนี้

“มีๆ เดี๋ยวคะน้าหาให้เลยค่ะ ใช้ไปก่อนนะกอหญ้า แล้วพี่จะหาเครื่องแบบเดิมให้ใหม่”
หญิงสาวรีบกุลีกุจอไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่วางอยู่มุมห้อง แล้วลากมารื้อค้น

“ขอบคุณครับ พี่คะน้า”
กอหญ้ามองอาการกระตือรือร้นของเธอ แววตาอ่อนแสงลงและเป็นมิตรมากขึ้น
จนคะน้ารู้สึกใจชื้นขึ้นมาที่อย่างน้อยข้าว…ก็ยังยอมนั่งคุยกับเธอจากเดิมที่ปิดกั้นและผลักไสกัน


แผ่นดินขึ้นไปรับกอหญ้าที่ห้อง เพราะจัดห้องนอนไว้ชั้นบนจึงทุลักทุเลพอควรที่ให้คน
ไม่แข็งแรงต้องขึ้นลงบันไดอย่างนี้ แผ่นดินเป็นหลักให้กอหญ้าเกาะ จนพาลงมาถึงโต๊ะอาหาร
แล้วก็เลื่อนเก้าอี้ออกให้นั่งลงใกล้ๆกับเขา

“อุ้ย! พ่อคุณ หน้าตาหล่อเหลาไม่ใช่เล่น
นี่นะถ้าผมยาวสักหน่อย และไม่มีแผลที่แก้มนะ ย่าว่าเป็นพ่อพระเอกข้ามฟ้าของย่าแหงๆ”
คะน้าและแผ่นดินหันมองหน้ากัน

คะน้าและกอหญ้าไหว้ทักทายคุณย่าและคุณพ่อของแผ่นดิน
กอหญ้าส่งยิ้มให้คุณย่าอีกครั้ง

“ย่าของแกน่ะติดดาราเสียจนเพ้อไปแล้ว เจ้าดิน!
 เจ้าหนูนี่จะเป็นพ่อดาราดังของคุณแม่ไปได้ยังไงกันครับ ฮ่าฮ่า ลงมือกินข้าวกันก่อนเถอะ”

พ่อเขตพูดดักคอคุณย่า จนแผ่นดินต้องลอบพรูลมหายใจออกอย่างโล่งอก

“พ่อเขตน่ะ เวลาชวนมาดูละครเป็นเพื่อนกันก็ไม่ค่อยจะมา
 แล้วจะไปรู้จักอะไร ฉันนี่แฟนละครตัวจริงของหนูข้าวเลยนะเนี่ย
 เดี๋ยวทานข้าวกันเสร็จจะพาไปดู วันนี้มีออกอากาศด้วยสิ เหมือนมากๆ เลยละหนูกอหญ้าน่ะ”
 แล้วคุณย่าก็มองกอหญ้าไม่วางตา  กินไปมองไปอยู่อย่างนั้น  จนเจ้าตัวออกจากเกร็งไปสักหน่อย

“กอหญ้า นี่ต้มยำกุ้งน้ำข้นที่เราชอบไง เอาถ้วยมาสิ เดี๋ยวพี่ตักให้”
คะน้าดูแลกอหญ้าไม่ห่าง แผ่นดินเห็นคนตัวบางกินได้เขาก็ถือว่าดีมากแล้วละ
อุ้มไปเบาอย่างกับอะไร ผิดจากครั้งแรกที่แบกหนักกว่านี้ด้วยซ้ำไป


เด็กๆ ทานข้าวกันเอง พ่อดินช่วยลูกบ้างในบางครั้ง เขาสอนให้ลูกๆ ดูแลกันเอง
ให้ตักทานกันเองโดยไม่ป้อน ต้นกล้าก็ช่วยดูน้องสาวไปด้วย

กอหญ้าเห็นคนบ้านนี้แล้ว รู้สึกว่าเป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นดี
ไม่เหมือนกับตัวเองที่ในสมองช่างว่างเปล่า  เหมือนว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมา
ไม่เคยได้สัมผัสกับความอบอุ่นอย่างครอบครัวนี้มาก่อน

ตอนอยู่บนห้องนอนกับพี่คะน้า เขาได้รู้เรื่องราวชีวิตของตัวเองบ้างแล้วจากปากพี่คะน้า
แต่ก็เหมือนฟังไปอย่างนั้นเองที่เรื่องราวมันไม่คุ้นเอาเลย

‘หากวันหนึ่งเรายังความจำไม่กลับมา ชีวิตจะเป็นยังไงนะ’

 เมื่อคิดๆก็ทำให้ปวดหัวขึ้นมา จนช้อนที่ถืออยู่หลุดมือกระทบลงบนจานข้าว

“กอหญ้า! เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้สิ ทานข้าวไปให้อิ่มๆ แล้วจะได้กินยา”
แผ่นดินรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน  มันเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว

“เอ่อ…ขอโทษครับ”
 กอหญ้าพูดขอโทษทุกคนในโต๊ะอาหาร

“ไม่เป็นไรนะ พ่อคุณ จำอะไรยังไม่ได้ก็อย่าเพิ่งไปจำมันหรือไปนึกมัน
 บางอย่างลืมๆ มันไปซะบ้าง มันก็จะเบาสบายสมองนะ ทิ้งๆ มันไว้ก่อนก็ได้
 ที่นี่อยู่กันแบบพี่แบบน้อง  เราน่ะอยู่ได้นานจนกว่าจะเบื่อไปเลยย่าไม่ว่าหรอกนะลูก”

คุณย่าที่น่ารักของบ้านพูดขึ้น กอหญ้าได้ฟังก็รู้สึกซาบซึ้ง
จึงไหว้ขอบคุณท่านที่เมตตาเขา  แล้วตักข้าวทานไปเงียบๆ
โดยมีคะน้าเฝ้ามองอย่างสงสารและเห็นใจในชะตากรรมของเด็กหนุ่ม

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 9 นายอำเภอคนใหม่

เมื่อทานมื้อค่ำกันเสร็จ  ทุกคนพากันตามคุณย่าไปที่ห้องนั่งเล่น
ทำให้ห้องดูแคบลงไปทันตา  เพราะสมาชิกของบ้านไม่เคยได้ใช้พร้อมกันแบบนี้

“นี่ๆ มาแล้ว  พ่อสุดหล่อของย่า  ดูเลยพ่อเขต…เจ้าดิน…
ไม่เหมือนหนูกอหญ้าตรงไหน  เหมือนมากต่างหากล่ะ”

คุณย่าชี้ชวนให้ดูละครหลังข่าวช่องหลายสี  ที่พ่อพระเอกขวัญใจของท่าน
กำลังเข้าฉากอยู่พอดี  แผ่นดินและทุกคนหันมองเป็นตาเดียวกัน
เสียงทุ้มนุ่มที่พูดอยู่และท่วงท่าที่แสดงตามบท  หน้าตาที่หล่อเหลา
ตาหวาน  ริมฝีปากบางอิ่มและผิวหน้าที่เรียบเนียน  ทรงผมตามสมัยนิยม
ช่างดูดีมีเสน่ห์เสียจนแผ่นดินเผลอมองค้าง  ส่วนกอหญ้าจ้องดูจอภาพและคิดตาม

‘ใช่จริงๆ เหรอ  ข้ามฟ้า เหนือเวหา  ใช่เราจริงๆนะเหรอ  ช่างเป็นผู้ชายที่ดูดีเสียเหลือเกิน
แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว  เราซึ่งไม่รู้ว่าจะมีทางจำได้  และกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีกหรือเปล่า
ใครล่ะที่จะตอบเราได้’

พ่อเขตมองคนในจอทีวีแล้วก็หันมองคนนอกจอที่นั่งอยู่อีกมุม  ท่านก็คิดว่า

‘เหมือนจริงๆ นั่นแหละ  แต่ก็แค่เหมือนจะเป็นคนๆ นั้นไปได้ยังไงกัน
หนูคะน้าก็บอกว่าเป็นน้องที่ร่วมงานด้วยกันเท่านั้นนี่นะ’

คะน้าเองน้ำตาคลอ  เธอรู้เรื่องราวทุกอย่าง  ทำให้เหมือนมีหินหนักๆ
มาถ่วงให้ใจจมดิ่งลงเหว  สงสารข้ามฟ้าเสียเหลือเกิน
 
“อ้าว! ยังไม่ถึงฉากซึ้งเลย  หนูคะน้าก็น้ำตาคลอเสียแล้ ว เป็นไงล่ะพ่อข้ามฟ้าของย่าน่ะ”

คุณย่านั่งดูละครไป ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อย่างนั้น  ส่วนเด็กๆ ก็เอาหัวชนกันขนย้ายของเล่น
จากกล่องเอนกประสงค์ตรงมุมห้องมาเล่นกันไม่สนใจเรื่องของพวกผู้ใหญ่เลย


แผ่นดินมองไปที่คะน้าแล้วก็เข้าใจเธอว่าทำไมถึงน้ำตาคลอขนาดนั้น
เพราะความใกล้ชิดและความผูกพันที่เธอมีให้กับข้ามฟ้า  เหนือเวหา
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะสงสารและเห็นอกเห็นใจดาราหนุ่มมากมาย
เขาเสียอีกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนยังสงสารและให้การช่วยเหลือถึงขนาดนี้เลย
 
“กอหญ้าง่วงหรือยัง  ให้พี่พาขึ้นไปนอนมั้ย  จะได้ขึ้นไปกินยาด้วย
แล้วก็เช็ดตัวนอน  พรุ่งนี้สายๆ จะมีนักกายภาพบำบัดเข้ามาที่นี่
เราต้องเชื่อฟังเขานะ  อย่าดื้อล่ะ  พี่มีงานเกือบทั้งวันเลย
ไม่ว่างมาดูเรานะบอกไว้ก่อน”

แผ่นดินแสดงน้ำใจและบอกให้กอหญ้าช่วยให้ความร่วมมือหากเขาไม่อยู่
จนคะน้าสะดุดกึกกับความใจดีนั้น  และน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่อ่อนโยนน่าฟังนั้นด้วย

“เดี๋ยวคะน้าเช็ดตัวให้น้องเองค่ะ  กอหญ้าให้พี่ช่วยนะ  อย่ารบกวนพี่ดินนักเลยเนอะ”

คะน้าพูด  หวังให้น้องยอม  แต่เจ้าตัวหน้างอง้ำขึ้นมาอีกแล้ว
เอาแต่ใจไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ

“อยากให้พี่ดินทำให้  นะครับ  พี่ดินช่วยหน่อย”
กอหญ้าหันไปขอความเห็นใจกับพี่ดิน

“ได้สิ! ไปๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้  ไม่กลัวพี่แล้วเหรอเรา?”
 แผ่นดินดน้มใบหน้าเข้าไปถาม  กอหญ้าสะดุ้งนิดหน่อย

“ก็ยังคุ้นมากกว่าพี่คะน้า  นี่ครับ”
กอหญ้าอ้อมแอ้มตอบออกไป

คะน้าพยักหน้าให้ เพิ่งพบหน้ากันวันนี้คงยังไม่เชื่อใจ  เหมือนเมื่อก่อนที่น้องมีโลกส่วนตัวสูง
ไม่ผิดเพี้ยน  เข้ากับคนยาก  ทำงานร่วมกับทีมงานครั้งที่สามหรือสี่นู้นถึงจะยอมให้ความคุ้นเคยพูดคุยด้วย

“พี่ไม่น่าจัดห้องให้อยู่ชั้นบนเลย  ลำบากหน่อยนะกอหญ้า  ถ้าแข็งแรงก็คงสบายกว่านี้แหละ”
 พี่ดินพูดพร้อมกับเข้าไปให้เด็กหนุ่มเกาะพาเดินขึ้นข้างบน

“คุณพ่อเขต  คุณย่า  ผมไปนอนก่อนนะครับ”
กอหญ้าหันไปบอกลาผู้ใหญ่ที่นั่งดูละครกันอยู่  ท่านทั้งสองหันมาโบกมือให้ไป

“แตงโมมาจัดการให้เด็กๆ อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเลย เดี๋ยวพ่อแวะไปส่งเข้านอนนะครับลูก”

ชายหนุ่มหันไปบอกกับหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งดูเด็กๆ เล่นไปด้วย
ตาก็มองทีวีไปพลางๆ เด็กเหนือผิวขาวอย่างนี้ทุกคนเลยสินะ
กอหญ้ามองเธอ  ที่หันมาส่งยิ้มให้เขาด้วย

“นายดินเดี๋ยวแตงโมจัดการน้องเองค่ะ  ขอดูละครอีกฉากนึงนะคะ”
 เธอหันมาขอ

“อื้มๆ ได้สิ พรุ่งนี้วันหยุดเจ้ากล้าไม่ต้องไปเรียนนี่นะ  ฉันลืมไป”

“ค่ะ  คุณพ่อ  ขอเล่นอีกนิดนึงนะ  พี่กล้าเนอะ”
ใบข้าวบอกกับคนเป็นพ่อ  แล้วหันไปอ้อนพี่ชาย  เด็กชายพยักหน้าให้น้อง

“อืม ได้ๆ แต่พี่แตงโมให้ไปอาบน้ำต้องไปนะ ไม่ดื้อกันนะลูก”
เด็กๆ พยักหน้ากันหงึกๆให้พ่อดิน



สารวัตรตรีภพมาถึงงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่ลานกว้างหน้าที่ว่าการอำเภอ
โดยจัดเลี้ยงอาหารแบบโต๊ะจีน  ตรีภพมาในชุดแต่งการเสื้อเชิ้ตแขนยาว
พับแขนครึ่งท่อนสีน้ำเงินกับกางเกงผ้าสแลคเนื้อเนียนสีดำ  เท่ไม่เบาด้วยรูปหน้าเหลี่ยม
มีมุมมองที่คมเข้ม  จนสาวๆ สะกิดกันหันมอง  นายตำรวจหนุ่มหล่อแถมโสดใครๆ
ก็อยากสานสัมพันธ์ด้วย

เขาไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าถึงจนอายุปาเข้าไปเลขสามนำหน้าแล้ว
เขามีกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงร่างกายมาด้วยโดยมีลูกน้องถือตามเข้ามา
ชายหนุ่มเข้าไปหาเจ้าของงานทันที  ชะงักที่ได้เห็นคนตัวเล็ก  ปากแดง
ผมสั้นรองทรงสูง  สวมแว่นสายตาซึ่งก็ดูเสริมบุคลิกให้ดูน่าเชื่อถือได้อีก

“สวัสดีครับ  สารวัตรตรีภพ  ผมธาราครับ  มาประจำที่นี่  อำเภอบ้านเกิดครับ
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ  หวังว่าคงได้รับความอนุเคราะห์จากท่านบ้างนะครับ”

นายอำเภอหนุ่มพูดเหมือนเป็นคำพูดฝากตัวธรรมดา  แต่ตรีภพกลับสัมผัสได้ว่า
ในน้ำเสียงนั้นมีการหยิกแกมหยอกปนอยู่ด้วย

“ได้ครับ  น้องธารธารา  นี่กระเช้าพี่นำมาด้วย  พี่ภพจะดูแลอย่างดีครับ  ไม่ให้ใครรังแกได้เลยจริงๆ”
 สารวัตรปากไวพูดออกไปทันควัน

“ขอบคุณมากครับ  พี่ภพ  ที่รับปากอย่างลูกผู้ชายพึงจะกระทำ”

เอื้อมมือไปรับกระเช้า  บังเอิญปลายนิ้วไปสัมผัสคนตัวสูงโดยบังเอิญถึงกับรู้สึกอุ่นวาบ
แล่นลิ่วขึ้นมาที่หน้า  เขาจึงทำทีเดินเลี่ยงไปรับแขกคนอื่น

“ลูกผู้ชายตัวจริงเลยครับ  อย่ากังวลไปเลย  น้องธาร”
 คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นทันที  หยุดกึก

‘ธาร  อีกแล้ว  เมื่อไหร่จะลืมๆ ไปเสียที  เรียกตั้งแต่เล็กจนป่านนี้ หึ้ย! ช่างหน้าโมโหนัก’

“ขอบคุณมากครับ พี่สามชาติ”
 พูดเสียงเหวี่ยงๆ แล้วก็จ้ำอ้าวออกไป  ตรีภพได้ยินคลี่ยิ้ม

‘สามชาติเหรอครับ  น้องธารธารา  ตัวแสบ’

ตรีภพเดินไปหาที่นั่งตามที่ลูกน้องของเขาชี้ชวน  พอได้ที่นั่งก็ยังไม่วายสอดส่ายสายตา
มองหาคนตัวเล็กที่ลับฝีปากกันไปเมื่อครู่  มีพ่อค้านักธุรกิจน้อยใหญ่ในอำเภอนี้ดาหน้ากัน
เข้าไปเสนอหน้าให้เป็นที่จดจำของนายอำเภอหนุ่ม  หวังให้งานการของพวกเขาราบรื่นใน
วันข้างหน้า  สักพักก็มีเด็กชายตัวน้อยน่ารักในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนรัดๆ วิ่งเข้าไปหาโดยมี
พี่เลี้ยงผู้ชายวิ่งตามไปติดๆ

“คุณพ่อครับ  สกายหิวแล้ว”

หนูน้อยผมดำและหยักศก  ดวงตากลมโต  ใบหน้าเหมือนกันเอามากๆ
ลูกเหรอ  สารวัตรหนุ่มได้ยินไม่ผิดแน่

“สกายไปนั่งโต๊ะกับพี่นุก่อนไป  เดี๋ยวพ่อให้คนเอาอาหารไปเสิร์ฟให้นะครับ”

 ดเต็มสองหูเลย  พ่อกับลูก  สารวัตรหนุ่มมองตามกางหูฟังไปด้วย
 แล้วพี่เลี้ยงหนุ่มก็พามานั่งโต๊ะข้างๆ กัน  กับที่เขานั่ง

“พี่นุ  กายอยากหาคุณพ่อ ไม่ได้เหรอฮะ”
 เด็กน้อยอ้อนถามพี่เลี้ยง

“คุณพ่อต้องรับแขก ไปไม่ได้หรอกครับ  นั่งทานอาหารไปก่อน
 มองดูคุณพ่อตรงนี้ก็เห็นนะครับ  นั่นอาหารมาแล้ว เดี๋ยวพี่นุจัดการให้นะ
 หูย...น่ากินจังเลยครับน้องกาย”

พี่เลี้ยงพาให้เด็กน้อยหันมาสนใจอาหารแทน  แล้วหนูน้อยก็หมดความสนใจ
คนเป็นพ่อไปเลย

ตรีภพลุกไปหาเด็กชายที่โต๊ะ  ถือจานของหวานไปด้วย

“สุดหล่อ  ลุงมีขนมมาให้ครับ  ชื่ออะไรครับ  ลุงชื่อ  ลุงภพนะครับ”

 ตรีภพเข้าไปตีสนิทกับเด็กชาย  พี่เลี้ยงเงยหน้ามามองเขา  แล้วก็ก้มหน้าลงไปบอกเด็กชาย

“ขอบคุณ  คุณลุงภพก่อนครับ  ที่เอาขนมมาให้  น้องกายน่ะครับ”
 เด็กชายยกมือไหว้ขอบคุณ

“แล้วคุณแม่ไม่มาด้วยเหรอครับ”

 ตรีภพถามออกไป  เด็กชายหันมองหน้าลุงภพ  แล้วมองหน้าพี่เลี้ยง
ที่นั่งอึ้งสีหน้าเจื่อนๆ ลงทันตาเห็น

“เอ่อ ขอโทษครับสารวัตร ผม…เอ่อ  ไว้สารวัตรค่อยถามพี่ธาราเองดีกว่านะครับ
 นู้นเดินมาแล้วล่ะครับ”
 พี่เลี้ยงชี้ไปทางด้านหลังที่คนตัวเล็กเดินมา

“ไงครับน้องกาย  อร่อยมั้ยครับ  ขนมดึกแล้วอย่าทานเยอะนะ  เดี๋ยวปวดท้องครับ”
 ก้มลงหอมแก้มลูกฟอดนึง  แล้วพูดโดยไม่ทันมองว่ามีคนตัวสูงนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

“ลุงภพ  เอามาให้กายครับ  คุณพ่อ”
 เด็กน้อยบอก  ธาราเงยหน้ามองคนที่นั่งยิ้มจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว
 หน้าเชิดขึ้นทันที  ดวงตาภายใต้กรอบแว่น  ไหววูบแต่เพียงแวบเดียวก็กลับไปเป็นปกติ

“คุณศาลาวัด ไปทานอาหารของคุณเถอะไป  มาหลอกอะไรลูกผม”
 คนตัวเล็กทำน้ำเสียงบ่งบอกว่ารำคาญใจ

“น้องธารครับ  พี่ก็แค่มาผูกไมตรีกับเจ้าหนูนี่นิดๆ หน่อยๆ แค่นั้น
 ทำเป็นคนหวงลูกไปได้  แล้วนี่ภรรยาไปไหนล่ะ  ตั้งแต่เข้างานมายัง
ไม่เห็นใครเลยนะ  แม่เจ้าหนูนี่น่ะ  หน้าตาเป็นไงนะ”

ตรีภพถามออกไปก็ชะเง้อคอมองข้ามไหล่หนุ่มแว่นไปด้วย

“มันธุระกงการอะไรของคุณ  ไม่ทราบ!  ไปทำหน้าที่จับผู้ร้ายให้มันได้เสียก่อน
ไม่ใช่ปล่อยลอยนวลให้คนอื่นต้องมารับกรรม  ตายไปฟรีๆ โดยจับมือใครดมไม่ได้แบบนี้"
ธาราตอกกลับจนสารวัตรหนุ่มหน้าเหวอที่ถูกโกรธ

"น้องกายอิ่มหรือยังครับ  เดี๋ยวพ่อให้อาพีไปส่งกลับบ้านนะ  แล้วเดี่ยวพ่อตามไปครับ”

ธาราพูดแบบใส่อารมณ์สุดๆ  อย่างไม่สบอารมณ์ที่มีคนถามถึงเรื่องครอบครัวของเขา
จะบอกไปได้ยังไงว่ายังโสด  ยิ่งถูกตราหน้าว่าเป็นตุ๊ด  เขายังไม่ลืมหรอกนะจนทุกวันนี้
แล้วยังถามถึงแม่ของสกายที่หนีหายไปแล้วด้วย  จะพูดได้ยังไงกันว่าเจ้าสกายเนี่ยเป็นหลาน

“อะไรกันครับน้องธารแค่นี้ต้องมีโมโหด้วย โถๆ ไปดีกว่าเจ้าภาพไล่แล้วนี่นะ”
พูดจบตรีภพก็แยกตัวกลับไปที่โต๊ะตัวเอง

ธาราค่อยหายใจทั่วท้องหน่อยที่จัดการ
สารวัตรเถื่อนออกไปได้  แล้วก็เรียกชายหนุ่มร่างเล็กสันทัดลูกน้องคนสนิทให้มาพา
สกายและนุไปส่งบ้าน 

ธาราเดินกลับไปพูดคุยกับแขกที่หันมาทักทายไม่หยุด และไม่ได้หันมองมาที่ชายหนุ่มร่างสูง
ที่เอาแต่มองตามทุกการเคลื่อนไหวของหนุ่มแว่นเลยด้วยซ้ำ

สารวัตรหนุ่มคิดว่าความลับไม่มีในโลก  ตรีภพเสียอย่าง  ถ้าสนใจอะไรหรือใครแล้ว  ไม่พลาดเป้าแน่






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 10 เมื่อนิตยสารวางแผง

คะน้าอยู่จัดการเรื่องข้าวของเครื่องใช้ให้ข้ามฟ้าจนเสร็จสรรพจึงขอตัวกลับกรุงเทพฯ
เพื่อไปรายงานผลความคืบหน้าให้กับต้นสังกัดของข้ามฟ้าทราบ  ก่อนกลับเธอได้ฝากฝัง
เด็กหนุ่มไว้กับแผ่นดิน  เธอย้ำเด็กหนุ่มให้เชื่อฟังแผ่นดิน  หากดื้อเธอจะมาพาตัวกลับกรุงเทพฯ
ทันที  เด็กหนุ่มพยักหน้ารับปากอย่างว่าง่ายเพราะกลัวจะต้องถูกพาไปอย่างที่คะน้าพูด
ทำเอาทั้งคะน้าและแผ่นดินพากันหัวเราะร่วนที่เห็นคำขู่มักจะใช้ได้ผลในช่วงหลายวันมานี้

“แล้วพี่จะมาเยี่ยมใหม่นะข้าว  ขอให้หายไวๆ นะ  น้องพี่”
พี่คะน้าน้ำตาคลออีกแล้ว  กอหญ้าเห็นแล้วก็สงสารเธอ  ตลอดสามวันที่อยู่ด้วยกัน
เขาก็ได้เธอที่ทำอะไรต่ออะไรให้ด้วยใจ  อดใจหายไม่ได้ที่รู้ว่าเธอจะกลับแล้ว
เขาจึงเอื้อมมือไปจับมือพี่คะน้ามาบีบ  แม้จะกล้าๆ กลัวๆ ที่จะต้องสัมผัสกัน
แต่ก็กลั้นใจทำ  พี่คะน้าดูอึ้งๆ บีบมือตอบ
 
“ไปเถอะ  คุณคะน้า  เจ้ามิ่งเอารถมารอรับไปส่งที่สนามบินแล้ว
มีอะไรก็โทรมาถามไถ่ได้ตลอดเลยนะครับ”
พี่ดินพูดแล้วยิ้มให้พี่คะน้า  เธอยิ้มตอบและโบกมือลาไปขึ้นรถ
ขวัญช่วยยกกระเป๋าของเธอไปใส่รถให้

“กอหญ้า  ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเลย  วันนี้เป็นไงปวดหัวอีกมั้ย
เข้าบ้านกันเถอะ  แดดเริ่มร้อนแล้วนะ  มาเกาะแขนพี่เร็ว”

พี่ดินส่งแขนมาให้  ตอนนี้กอหญ้าเริ่มคุ้นชินกับพี่ดินและทุกคนในบ้านบ้างแล้ว
เขาไม่ค่อยตกใจมากนักถ้ารู้ว่าจะต้องสัมผัสตัวกับ แต่ต้องไม่เข้ามาแบบจวนตัว
หรือจู่โจม  กอหญ้าก็จะตั้งรับทัน  ไม่ให้ตื่นตกใจ

“ไม่ค่อยปวดแล้วครับ  แต่จะเป็นเอามากๆ ตอนที่พยายามจะคิดๆ ให้ออกน่ะ
 กอหญ้าอยากนึกออกเร็วๆ จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ดินนาน”
เจ้าตัวพูดแล้วก็เดินคู่กันไป  กลิ่นกายที่คุ้นเคย  แบบนี้ไม่ทำให้หวาดกลัว
กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด  พี่ดินใจดี

“ถ้ากอหญ้าพูดแบบนี้อีก  พี่จะโกรธแล้วนะ  รบกวนอะไรกัน
เราก็ไม่ได้ว่าจะดื้ออะไรนักนี่นาพักหลังน่ะ  ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วหรือไง”
พี่ดินพูดเสียงออกจะตึงๆ

“เอ่อ  ผมไม่ได้คิดว่าจะไม่อยู่ที่นี่ซะหน่อย  แค่อยากจำอะไรให้ได้
แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากๆ อีกอย่างจะได้ช่วยงานพี่ดินได้บ้างน่ะครับ
แค่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ ก็เท่านั้นเองครับ”

กอหญ้าหน้ามุ่ย  ที่พี่ดินแปลเจตนาของเขาผิดไปเยอะมาก

“อ่อ  เอางี้สิ  ถ้าเราแข็งแรงกว่านี้  เดินได้เองในระยะไกลๆ ได้
พี่จะอนุญาตให้เข้าไปในไร่ได้แล้วกัน  แต่ตอนนี้ต้องเชื่อฟังพี่ก่อนนะ”
พี่ดินพูด  แล้วก็เดินพากันมาถึงห้องนั่งเล่น  เขาจึงทรุดตัวลงนั่งที่โซฟานุ่ม

พี่ดินลุกไปเปิดทีวีให้

“พี่กอหญ้าฮะ  ทานยาก่อนนะครับ”
เจ้าเพชรเดินถือน้ำและยามาส่งให้

“ขอบใจนะเพชร  จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ  พี่อยู่ได้  แล้วนี่คุณชานนท์มาหรือยังล่ะ”
ถามหาผู้จัดการไร่

“ยังไม่เห็นนะครับ  อ่อ! ได้ยินเสียงรถ  ผมไปดูก่อนครับ  น่าจะใช่”
 แล้วหนุ่มน้อยร่างผอมเกร็งก็วิ่งปรู๊ดออกไป

“ถามหาเจ้านนท์มันทำไม  มีอะไร?”
พี่ดินนั่งลงข้างๆ รับแก้วน้ำไปวางให้ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

“ผมฝากให้คุณนนท์  หาซื้อนิตยสารที่พี่คะน้าบอกว่าจะวางแผงเมื่อวานให้น่ะครับ
อยากดูเหมือนกัน  ว่าจะถ่ายออกมาเป็นไงบ้างน่ะ”
กอหญ้ายิ้มเขินๆ ตอบชายหนุ่มไป  ก็พี่คะน้าบอกว่าเป็นการถ่ายเซตสุดท้ายรับซัมเมอร์
จะออกแนวหวิวๆ เสียด้วยสิ  งานชิ้นสุดท้ายของเขานี่นา

“อืม…อย่างนี้นี่เอง  นั่นไง! นนท์ๆ ไหนหนังสือในมือส่งมาให้ผมดูก่อนสิ”
กอหญ้ายกมือจะไปรับนิตยสารที่ฝากซื้อ  แต่พี่ดินคว้าไปเปิดดูเสียก่อน
เปิดดูๆ ไปหน้าก็ออกจะตึงๆ ขึ้นมาทันที  แล้วจึงส่งคืนมาให้เขาอย่างกับเป็นของร้อนอย่างนั้นแหละ

“ไปไร่ก่อน  กลับค่ำๆ ชานนท์ฝากดูกอหญ้าด้วยล่ะ”
พี่ดินพูดน้ำเสียงออกจะห้วนๆแล้วก็เดินลิ่วๆ ออกไป  กอหญ้ารับหนังสือมาดูหน้าปกแบบงงๆ
เป็นอะไรของเขากันนะ  แล้วก็พูดกับชานนท์

“ขอบคุณนะครับ  คุณนนท์  ผมขอนั่งดูหนังสือนี่ไปพลางๆ ก่อน  คุณไปทำงานของคุณเถอะครับ”

“มีอะไรเรียกผมได้เลยนะคุณกอหญ้า  อย่าได้เกรงใจนะครับ”
 ผู้จัดการหนุ่มตี๋ยิ้มจนตาแทบจะปิด  แล้วก็เดินเข้าประตูออฟฟิศไป


ชานนท์เริ่มลงมือสะสางงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะ  ทั้งนายดินกับนายทัพสองพี่น้อง
เล่นไม่แตะเลยงานเอกสารพวกนี้  โยนๆ มาไว้ให้เขาคนเดียว  จนเขาแทบไม่ได้เงยหน้าเงยตา
แต่กับคุณกอหญ้าที่นายดินให้การช่วยเหลือไว้และฝากฝังไว้นั้น

เขาก็เต็มใจที่จะไปทำให้อยู่แล้วเพราะเจ้าตัวดูน่ารักและน่าสงสารเอามากๆ
แถมยังจะขี้เกรงใจอีกต่างหาก  ถ้าความจำกลับมาก็คงดีกว่านี้  เขาจะได้มีเพื่อนคุย
และแชร์ประสบการณ์อะไรๆ ให้กันได้บ้าง


“อ้าว! นายทัพ  หายไปไหนมาเป็นอาทิตย์ๆ เห่ย! สภาพแบบนี้นี่ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ
 นี่ดูสิ! แผลตกสะเก็ดแล้วด้วย  ไม่คิดจะบอกข่าวคนในบ้านเลยรึไงกันครับ”

ชานนท์บ่นเป็นชุดที่เห็นฐานทัพกลับมาบ้านในรอบสัปดาห์ที่หายหน้าไป
แถมหน้าตายังมีร่องรอยถูกทำร้ายมาด้วย

“ชู่วววว เบาๆ หน่อยสิฮะพี่นนท์  เดี๋ยวคุณย่ากับคุณพ่อมาได้ยิน  ผมหูบวมกันพอดี
แค่เมาแล้วไปเหยียบเท้าคู่อริเก่าแค่นั้นเอง  นี่ผมก็ไม่ได้ไปไหนไกลนะพี่นอนอยู่ที่ร้าน
ทุกคืนนั่นแหละ  ไม่เชื่อพี่นนท์ก็ถามเจ้าอาร์มกับไอ้แก้มดูได้เลย”

ฐานทัพรีบพูดไขข้อข้องใจให้ผู้จัดการไร่รู้  ก่อนที่ชานนท์จะโวยวายตื่นตูมไปมากกว่านี้
แล้วทุกคนจะรู้  ทีนี้งานจะเข้าเขาเต็มๆแน่ๆ

“ให้ไปถามไอ้สองตัวที่ร้านคงได้ความจริงมาหรอกนายทัพ
 ลูกน้องที่ไหนมันจะยอมขายนายของมันกันครับ”
 ชานนท์แขวะ

 เพราะรู้ว่าอาร์มกับแก้มไม่มีวันปริปากถ้านายทัพของมันไม่อนุญาตให้พูด

“พี่นนท์ครับ…ผมไม่ได้ไปเกเรที่ไหนจริงๆ เชื่อผมเถอะนะครับ… มาๆ
 มีงานอะไร  ส่งมาครับ…ผมช่วยเอง”
 
ฐานทัพก็แบมือของานไปทำ  มาแปลกอีกแล้ววันนี้  ชานนท์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“อืม…เอานี่ไปช่วยดูหน่อย  งบเบิกค่าปุ๋ยและยาฆ่าแมลงเดือนที่แล้ว”

สองหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตาเคลียร์งานที่กองตรงหน้า  จนเวลาผ่านไปพอสมควร
ได้เวลาอาหารกลางวันพอดิบพอดี

“เอ๊ะ! มื้อเที่ยงแล้ว  ตายๆ ต้องรีบแล้ว  คุณกอหญ้าเป็นยังไงบ้างเนี่ย
ไม่เห็นเรียกหาเลย  แย่แล้วสิ”
ชานนท์รีบผลุนผลันออกไปจากห้อง  โดยไม่สนใจว่าฐานทัพยังนั่งอยู่ด้วย
ชายหนุ่มอ้าปากจะถามก็ไม่ทันแล้ว

“อะไรของเค้ากันนะ  กอหญ้าอะไรกัน  ไปหาข้าวกินบ้างดีกว่าเรา”

 ชายหนุ่มวางงานลงแล้วลุกออกไปจากห้อง  เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงของหล่นแตก
…ดังเพล้ง! จึงไปตามเสียงนั้น

“คุณกอหญ้ายืนนิ่งๆ ตรงนั้นก่อนเลย  อย่าขยับ! นะครับ เพชรๆ
ไปเอาไม้กวาดมาก่อนเร็วๆ เข้า”
เสียงพี่นนท์ดังออกมา  แล้วก็ดูจะวุ่นวายกันไปยกใหญ่

ฐานทัพชะโงกหน้าเข้าไปมอง  เห็นผู้ชายตัวขาวผอมบาง  ยืนหันข้างให้
ผมก็สั้นอย่างกับพระบวชใหม่  มีผ้าก๊อตโพกที่ศีรษะอีกด้วย
เขาเดินไปหยุดตรงหน้า  ก็เห็นเป็นหนุ่มหล่อ  แก้มซีกขวามีแผลตกสะเก็ดกระดำกระด่าง
ดวงตาหวานเอามากๆ เลย  จนฐานทัพต้องมองซ้ำอีกหน

“มีอะไรกันเหรอครับพี่นน ท์ แล้วคุณคนนี้เป็นใครครับ?”

“อ่อ… คุณฐานทัพน้องชายคุณดินน่ะครับคุณกอหญ้า
ส่วนนี่คุณกอหญ้าที่นายดินไปช่วยไว้  เขารถคว่ำแล้วก็จำอะไรไม่ได้
นายดินถึงพามาพักอยู่ที่บ้านนี้น่ะครับ”
 หนุ่มตี๋แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแบบรวบรัด

“อืมครับ  ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณกอหญ้า”
ฐานทัพส่งยิ้มให้คนตัวขาวๆ ที่หน้ายังตื่นๆ อยู่

“เอ่อ…ครับๆ”
กอหญ้าตอบรับเบาๆ เพชรเก็บกวาดเสร็จก็เข้าไปพยุงคนตัวบางให้นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวใกล้ๆ

“ขอโทษนะครับคุณนนท์  พอดีมือไปปัดโดนจานตกลงมาแตกเลย”
 กอหญ้าหันไปบอกชานนท์ก่อน

“อูย… ไม่เป็นไรก็ดีแล้วละครับ  ไม่งั้นนะเรื่องใหญ่แน่ๆแผลเก่ายังไม่หายดีเกือบ
จะเพิ่มแผลใหม่ซะอีกแล้วสิ  ผมก็ทำงานเพลินๆ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถึงมื้ออาหารก็รีบเข้ามาหา
 ทำเอาคุณกอหญ้าตกใจไปด้วย  ขอโทษเช่นกันครับ”
ชานนท์พูดแล้วส่งยิ้มปลอบใจไปให้

“ป้าสายตั้งโต๊ะให้แล้วล่ะครับ  เชิญคุณๆทานข้าวกันเลยครับ”
เพชรบอกทุกคน


ฐานทัพมองทั้งเพชรและชานนท์ที่ให้การดูแลคุณกอหญ้าเป็นอย่างดี
เดี๋ยวพี่ดินกลับมาต้องถามสักหน่อยแล้ว ใครกันนะได้สิทธิ์มาพักที่บ้านอย่างนี้
แค่เขาไม่ได้กลับบ้านหลายวันตกข่าวสำคัญไปได้



“อ้าว! เจ้าทัพกลับบ้านมาได้นะเรา  ไปมุดหัวที่ไหนมา  สร้างเรื่องมาอีกแล้วสิแก
แผลตามหน้าตามตัวยังไม่จาง  เมื่อไหร่จะเป็นโล้เป็นพายเสียทีนะ  อายุอานามก็มากขึ้นทุกวี่วัน
ย่าละเหนื่อยใจกับแกจริงๆ เลยบอกตรงๆ ไม่ต้องมาอ้าปากจะเถียงย่าเลย  กินๆ เข้าไปข้าวน่ะ”
คุณย่าร่ายยาวเมื่อเจอหน้าหลานชายในรอบสัปดาห์

กอหญ้ามองชายหนุ่มที่ชื่อฐานทัพน้องชายพี่ดิน  ผิวขาวตัวเล็กกว่าพี่ดินนิดหน่อย
ผมดำขลับหวีซะเรียบแปล้  คิ้วเข้ม  จมูกโด่ง  ดวงตาออกจะซุกซนเล็กน้อย
หน้าตาจัดว่าหล่อเหลาทีเดียว  แต่งตัวพิถีพิถันเอามากๆ เสื้อผ้าแบรนด์เนม
ถึงจะเป็นเสื้อเชิ้ตกับยีนรัดรูปก็เถอะ  แต่งออกมาแล้วดูดีไม่เบา
อายุคงจะไม่ต่างจากเขามากนัก  ฟังๆ จากที่คุณย่าพูด  เหมือนเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบเลยล่ะ
ต่างกับพี่ดินที่เอาแต่ทำงานงกๆ ไม่ได้ว่างเว้น  เนื้อตัวเสื้อผ้าพี่ดินก็แต่งแบบสบายๆ

เพชรกับแตงโมเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ดินบ้างานจนเมียทิ้ง
คุณทัพที่ได้ยินมาจะใช้เวลาหมดไปกับสาวๆ ซะมากกว่า

‘กวาดไปหมดทั้งตำบลหรือทั่วทั้งจังหวัดแล้วละมั้ง
น่าตาก็หล่อเหลาไม่เลว  อ่อนใจแทนคนบ้านนี้จริงๆ ที่สมาชิกของบ้าน
ช่างไม่สมดุลกันเสียเลย  พี่บ้างา น น้องบ้าหญิง’
 กอหญ้าคิด

“หนูกอหญ้ากินไปเยอะๆ เลยนะลูก  จะได้กลับมามีเนื้อมีหนังหล่อๆ
 แบบพ่อข้ามฟ้าของย่าเร็วๆซะที ย่าอยากเห็น”
 คุณย่าพูดถึงข้ามฟ้าอีกแล้ว  กอหญ้าก็ส่งยิ้มแหยๆ ให้ท่าน
 ถ้าวันหนึ่งท่านรู้ว่าเขานี่แหละข้ามฟ้าตัวจริง  ท่านจะว่ายังไงมั้ยนะ

“คุณกอหญ้านิตยสารดูเสร็จผมขอดูบ้างนะ  คนหล่อของคุณย่าเป็นปกทั้งทีนี่นา”
 กอหญ้าสะดุ้ง  ใครจะให้ดูกันเล่ า เปลือยเสียขนาดนั้น นี่หรือเปล่าที่พี่ดินดูแล้ว
ก็รีบหนีออกจากบ้านไปเลยน่ะ  ก็ไม่ถึงขนาดว่าจะน่าเกลียดอะไรเสียหน่อย
เดี๋ยวต้องเก็บไว้แล้วทำลืมๆ ไป คุณนนท์ก็คงไม่ถามหาอีกหรอกน่า






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 11 พิสูจน์ใจ

มื้อเย็นวันนี้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา  พี่ดินอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่บ้านเป็นกางเกงขาสั้น
กับเสื้อยืดคอกลมตัวโคร่ ง เด็กๆ นั่งประจำที่  โต๊ะกินข้าวบ้านนี้เป็นไม้สักกลมขนาดใหญ่
เก้าอี้แกะสลักลายเถาไม้เลื้อยและแกะลวดลายดอกไม้เป็นชั้นๆ สวยงาม  ตรงกลางโต๊ะ
เป็นแบบหมุนได้  บ้านนี้ทำอาหารหลากหลายทั้งอาหารไทยภาคกลางและเหนือ
มีทั้งจืดๆ ให้เด็กๆ และแบบเผ็ดสำหรับผู้ใหญ่

ป้าสายมักจะให้เพชรมาถามกอหญ้าก่อนมื้ออาหารว่าจะทานอะไรเป็นพิเศษ
แกจะได้ลงมือทำให้  แต่กอหญ้าก็ไม่เคยร้องขอ  เป็นเพราะเจ้าตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าชอบอาหารแบบไหนกันแน่

“เจ้าทัพ  วันนี้กลับบ้านได้นะเรา  พ่อเกือบลืมไปแล้วว่ามีแกเป็นลูกอีกคน
คิดว่ามีแต่เจ้าดินมันซะอีก”
พ่อเขตแขวะคุณทัพทันทีที่นั่งลงแล้วเห็นหน้าลูกชายคนเล็กอยู่ที่โต๊ะอาหาร

“คุณพ่อครับ  ผมก็อยู่ที่ร้านแหละครับ  นอนนู้นบ้าง  นี่บ้าง  ก็แค่นั้นเอง
ถึงขนาดจะตัดผมออกจากตระกูลเลยเหรอครับ  ใจร้ายจังเลยนะพ่อเนี่ย”
คุณทัพโอดครวญแต่น้ำเสียงไม่บ่งบอกว่าจะจริงจัง

“งานในไร่ก็แบ่งๆ จากเจ้าดินไปทำบ้าง  ที่ฟาร์มวัวก็ยังดี  พี่แกจะได้มีเวลาไปหาเมียกับเขาบ้าง
จะเฉาตายก่อนวัยเสียเปล่าๆ แกก็ด้วยใช้เกินไปแล้วผู้หญิงน่ะ”
แล้วฐานทัพก็โดนตำหนิอีกเรื่อง  ทำเอานั่งหน้าสลดไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

“พ่อครับ  ให้มันเป็นโรคตายไปคนเดียวเถอะ  ผมไม่เอาด้วยหรอก 
อยู่แบบนี้ไม่เห็นต้องมีใคร  ไม่ปวดหัวด้วยนะครับ”
พี่ดินพูดขึ้นอย่างไม่แยแสเรื่องผู้หญิง  ถึงกับเข็ดขยาดไปเลยรึไงกันนะ
กอหญ้ามองพี่ดินนิ่งๆ

“แล้วเราล่ะ  กอหญ้า ไม่มีแวบๆ เข้ามาเลยรึไง  ผู้หญิงในความทรงจำน่ะ อายุเท่านี้ก็คงมีบ้างหรอกน่ะ”
คุณพ่อหันมาถาม

“เอ่อ เห็นพี่คะน้าบอกว่า  ผมโดนทิ้งนะครับพ่อเขต  ช่างเถอะ  ผมคงแย่จนเธอทนไม่ได้ละมั้งครับ
อยู่แบบพี่ดินก็น่าจะดีน ะ ไม่ปวดหัวดีออก”
กอหญ้าบอกกับพ่อเขต

“กอหญ้าไม่ต้องแอบเอาคำพูดพี่ไปใช้เลย  ดีไม่ดี  ถ้าผู้หญิงของนายรู้ว่านายอยู่ที่นี่
ขี้คร้านจะวิ่งแจ้นมาตามสิไม่ว่า”
พี่ดินพูดยิ้มๆ

“โหๆ พี่ดิน  ถ้าเธอรักผม  จะปล่อยผมให้เป็นอย่างนี้จริงๆ นะเหรอครับ
ผมเชื่อพี่คะน้านะ  ที่ว่าเธอทิ้งผมก่อนน่ะ”
กอหญ้าหันมาพูดอย่างใส่อารมณ์

“อืม… ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน  กินข้าวไปเลย  กินเยอะๆ ล่ะ
คุณย่าอยากให้เราหุ่นล่ำเหมือนพ่อดาราคนโปรดของท่านเสียเหลือเกิน
ถ่ายแบบออกมาได้แทบจะแก้ผ้าอยู่รอมร่อแล้ว”
พี่ดินไม่วายพูดแขวะเข้าเรื่องนิตยสารเล่มเมื่อเช้า

กอหญ้าเผลอทำช้อนกระทบกับจานเสียงดัง  จนทุกคนต่างพากันมอง
เขาจึงยิ้มเจื่อนๆ ออกมา  เขาไม่ชอบสีหน้าพี่ดินเลยทำไมชอบแขวะกันจังนะ
ทำมามองตึงๆ ใส่อีก  ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าเมื่อก่อนจะกล้าถ่ายถึงขนาดนั้นน่ะ

“อะไรเหรอครับ  พี่ดิน  ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย  ที่คุยกันน่ะ”
ฐานทัพหันไปถามพี่ชายหน้าตาเหรอหรา

“แกก็อยู่บ้านเสียบ้างสิ  จะได้ไม่ตกข่าวอย่างมโหฬารอย่างนี้
เอ้า! เล่าให้ฟังพอเป็นกระษัยนะทัพ  คุณย่าเค้าน่ะปลื้มพ่อข้ามฟ้า เหนือเวหา
ดาราดังของเขา  ทีนี้คุณย่าก็บอกว่ากอหญ้าน่ะหน้าเหมือนพ่อดาราคนนั้นอยากให้
กินเยอะๆ หุ่นจะได้เหมือนๆ กัน  และตอนนี้เขาก็ออกนิตยสารท้าลมร้อนแทบจะแก้ผ้าอยู่แล้ว
ไม่เชื่อแกไปหาดูเอาตามแผงหนังสือ  จบนะเว่ย”
พี่ดินพูดไม่หยุด  โดยไม่มองหน้ากอหญ้าด้วยซ้ำ  ส่วนน้องชายก็ตาวาวเชียว

“ขนาดนั้นเลยเหรอ  ผมไปหามาดูบ้างดีกว่า  แต่ดาราคนนี้ผมไม่รู้จักนะพี่ดิน
ไม่เคยดูทีวีเหมือนพี่นั่นแหละ  แล้วพี่ไปดูมาจากไหนล่ะ  ขอผมดูบ้างดิ
จะได้ไม่ต้องไปซื้อให้เปลืองตังค์”
น้องชายพูด  คุณย่าหันมองหน้าพี่ดินอีกคน

“นั่นดิ  เอามาให้ย่าดูบ้างสิ  หนูข้าวของย่า  โป๊มากเลยเหรอเจ้าดิน”
ทั้งคุณย่าและน้องชายรุมถามพี่ดินกันใหญ่

กอหญ้ามองหน้าพี่ดินบ้าง  แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงขอร้องไม่ให้พี่ดินบอกว่า
ที่เขาก็มีนะหนังสือเจ้าปัญหานั้นน่ะ

“ก็ลูกน้องสาวๆ ในไร่น่ะสิ  จับกลุ่มดูกันก็เลยไปขอดูบ้าง ก็แค่นั้นเอง
กินข้าวกันต่อเถอะ  อย่าไปใส่ใจเลย”
พี่ดินพูด  แล้วชวนทุกคนให้กินข้าวกันต่อ

กอหญ้าแอบถอนใจดังเฮือก

“อากอหญ้าเป็นอะไรฮะ  ถอนใจบ่อยๆ คุณพ่อบอกจะอายุสั้นนะ”
ต้นกล้านั่งใกล้ๆ จึงถามขึ้น  กอหญ้ายิ้มแหยๆ ให้เด็กชายที่นั่งข้างกัน

“อ่อ  เหรอครับ  อาคงลืมตัวน่ะ  จะจำไว้นะครับ  คนเก่ง”
กอหญ้าหันไปคุยกับเด็กชาย

“พรุ่งนี้กลางวัน  กล้าจะอาบน้ำให้กองหนุน  อากอหญ้าจะช่วยอาบไหมฮะ”
เด็กชายเอ่ยปากชวน

“ต้นกล้า  อากอหญ้ายังไม่แข็งแรงนะลูก  จะไปวิ่งไล่จับเจ้ากองหนุนกับลูกน่ะ
ยังไม่ไหวหรอก  ไว้หายดีก่อน  ค่อยไปช่วยนะ”
พี่ดินรีบพูดแย้งขึ้นทันควัน

“อาขอไปนั่งดู นะครับ”
กอหญ้าบอกเด็กชายไปอย่างนั้น

“มาดู จริงๆ นะฮะ สัญญาแล้วนะ”
แล้วเด็กน้อยก็ส่งนิ้วก้อยไปให้เกี่ยว

ฐานทัพมองความกลมกลืนที่กอหญ้าเข้ากับคนทั้งบ้านได้อย่างไม่เก้อเขิน  ก็ให้แปลกใจนัก


ยิ่งเมื่อทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ยังพากันไปนั่งพักที่ห้องนั่งเล่น
น้องใบข้าวก็มาขอนั่งตักคุณอาคนใหม่อย่างสนิทสนมอีกด้วย  และที่อึ้งไปกันใหญ่
เห็นจะเป็นพี่ดินที่เข้าไปพากอหญ้าจับจูงขึ้นไปบนห้องนอน  น่าสนใจเสียแล้วละสิคู่นี้น่ะ



“พี่ดิน  กอหญ้าขอโทษที่ทำอะไรให้พี่ดินไม่ชอบใจ  อย่าโกรธเลยนะครับ”
เมื่อพี่ดินพานั่งลงที่ปลายเตียงกอหญ้าจึงพูดขึ้น

“พี่ไม่ได้โกรธอะไรเรานี่  แค่ไม่ชอบที่ไปถ่ายภาพเกือบเปลือยขนาดนั้น
มันปลุกใจพวกเสือป่าดีๆ นี่เอง  พวกชอบดูชายงามน่ะรู้มั้ยเรา
กอหญ้าจะไม่รู้สึกแย่หรือไงที่ใครๆ เค้าเห็นเรือนร่างเราไปหมดแทบทุกส่วนน่ะ
การเป็นดาราต้องทำถึงขนาดนั้นเลยรึไง  พี่มันคนชาวป่าชาวเขา  อาจจะหัวโบราณมากไปก็ได้
อย่าใส่ใจพี่เลยนะ  จะอาบน้ำเลยไหมพี่จะไปเตรียมของให้”
พี่ดินพูดแล้วก็ก้าวจะไปทำให้  กอหญ้ารีบคว้ามือไว้

“พี่ดิน  กอหญ้าจะไม่ใส่ใจพี่ได้ไงครับ  ที่พี่ช่วยให้ที่พักพิง
ใส่ใจดูแลกันขนาดนี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว  ถ้าความจำกลับมา
สัญญาเลยว่าจะไม่รับงานแบบนั้นอีกแล้วครับ”
กอหญ้าจับแขนพี่ดินเขย่าเบาๆ แล้วก็พูดออกมาหน้าเศร้าๆ แผ่นดินยกมือลูบหลังลูบไหล่
เดี๋ยวนี้เจ้าตัวไม่กลัวที่จะถูกสัมผัสจากคนในบ้านแล้ว  ถือเป็นแนวโน้มที่ดี

“อืม  พี่จะไม่พูดถึงอีกก็แล้วกัน  อย่าเครียดไปเลย  มาครับพี่พาไปอาบน้ำ
เดี๋ยวหาผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนให้น ะ รอแป๊บนึง”
แล้วพี่ดินก็เปิดตู้เสื้อผ้าได้ของที่ต้องการก็เอามาพาดแขน
แล้วเข้ามาพยุงเดินไปที่ห้องน้ำ  พาไปยืนใต้ฝักบัวใหญ่

“พี่ดิน  กอหญ้า เอ๊ย! ผมจัดการตัวเองได้ครับ  เกาะผนังไว้ไม่ล้มครับ”
กอหญ้าเสนอ  ว่าจะอาบน้ำเอง

“เรียกตัวเองว่ากอหญ้าน่ะดีแล้ว  ดีกว่าผมเป็นไหนๆ เลยรู้มั้ย”
แล้วพี่ดินก็เดินออกไปยืนรอที่ประตูห้องน้ำ

กอหญ้าจึงปลดกระดุมเสื้อผ้าฝ้ายที่ใส่อยู่ออก  ก้มลงถอดกางเกงขาสั้นเสมอเข่าขอบยางยืดออก
เอื้อมมือไปจะเอากางเกงพาดที่ราว  จังหวะเอี้ยวตัว  ขาก็อ่อนแรงพับลงไปเสียก่อน
ดีนะเขาเกาะผนังแล้วรูดตัวลงไม่งั้นหัวฟาดพื้นแน่ๆ

“กอหญ้าทำไมพี่ยังไม่ได้ยินเสียงเปิดน้ำอีก  เป็นอะไรรึเปล่า  พี่เข้าไปนะ”
แผ่นดินไม่รอช้าเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป  ภาพที่เห็นคนตัวขาวลงไปนั่งแปะอยู่กับพื้น
เขาจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา

“เป็นอะไร! ล้มเหรอ  เจ็บไหม  มาพี่อาบให้ดีกว่าจะได้ไม่ล้มอีก”
พี่ดินถามยังไม่ได้คำตอบ  ก็จับคนที่นั่งกองกับพื้นขึ้นเสียแล้ว

“ขาอ่อนแรงน่ะครับพี่ดิน  แต่ค่อยๆ รูดตัวลงมา  ไม่ทันล้มครับ”
กอหญ้าเล่าให้คนพี่ฟัง

“อืม…ดีแล้ว  เกาะผนังไว้  ใส่หมวกคลุมผมหน่อยนะ
ก้มหัวลงมา…นั่นแหละ  แผลจะได้ไม่ถูกน้ำ  กางเกงชั้นในก็ถอดหน่อยแล้วกัน
มีเหมือนๆ กันพี่ไม่ดูของเราหรอก  หันหน้าไปเลย”
แผ่นดินพูดจบก็รูดชั้นในสีขาวลงไปกองที่เท้าให้  เจ้าตัวก็ยกเท้าออก  แล้วเขี่ยออกไปให้พ้นทาง
แผ่นดินเอื้อมมือไปเปิดฝักบัวบีบครีมอาบน้ำใส่มือแล้วก็ชโลมไปตามแผ่นหลัง
แขนและขา  ลงมาที่แก้มก้นด้วย

‘ผิวเนียนๆ ให้ความรู้สึกนุ่มละมุนจากฟองครีม’

ภาพในหนังสือนิตยสารที่เห็นยังไม่เท่ากับที่มือสัมผัสอยู่ในตอนนี้  ใจสั่นไปหมดแล้ว
นี่เขาใจเต้นกับสรีระของผู้ชายอย่างนั้นหรือไงกัน  อ้อมมือไปถูแผ่นอกให้  เจ้าตัวรีบช่วย
อีกมือก็เกาะผนังไว้ด้วย  มือป่ายไปถูกตุ่มไตด้านหน้าที่ชูชันสู้มือ  จังหวะหายใจของแผ่นดิน
ติดขัดขึ้นมาทันที

‘ผิวที่ทั้งขาวและหอมอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกทำให้ปั่นป่วนในช่องท้องพิกล
หรือเพราะว่าห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามานาน แบบนี้ต้องทดสอบแล้วล่ะ’
ชายหนุ่มครุ่นคิด


“กอหญ้า พี่…เอ่อ… พี่ขอกอดเราหน่อยนะ  พี่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง  อยู่นิ่งๆนะครับ  อย่ากลัวพี่ล่ะ”

กอหญ้ายืนนิ่งเมื่อพี่ดินเอื้อมมือมาลูบไล้ที่หน้าท้องแบนราบ  แล้วก็สวมกอดจากด้านหลัง
กอหญ้ารู้สึกใจสั่นหวิวกับสัมผัสที่แนบชิดกัน  แผ่นหลังเปลือยของเขาแนบชิดกับแผ่นอกกว้าง
ของพี่ดินแม้จะมีเสื้อกางกั้นแต่ไออุ่นที่ถ่ายออกมาจากกายที่แนบกันอยู่นี้
พี่ดินซบหน้าลงที่ช่วงไหล่ของเขาลมหายใจถี่กระชั้นรินรดข้างกกหู  พี่ดินเบี่ยงใบหน้าของเขา
ให้หันไปหาจนปลายจมูกของเราสัมผัสกัน  แล้วก่อนที่กอหญ้าจะทันตั้งตัว  พี่ดินก็แนบริมฝีปาก
อุ่นจัดลงมาประกบกับปากของเขา  กดหนักๆ ย้ำๆ จนเขาต้องเผยอปากออกให้
แล้วลิ้นร้อนของพี่ดินก็กวาดเข้ามาสำรวจตั้งแต่แนวฟันไปจนทั่วโพรงปาก
ไล่เกี่ยวกระหวัดดูดดุนลิ้นของเขาไม่หยุด

สร้างความเสียวซ่านวูบวาบไปทุกอณูของกายที่เปลือยเปล่า

พี่ดินหมุนตัวเขาให้หันมาทั้งตัว  จนกอหญ้าต้องยกมือขึ้นคล้องคอพี่ดินไว้เพราะกลัวลื่นล้ม
แถมยังเผลอแทรกปลายนิ้วเข้าในกลุ่มผมของพี่ดินอีกคน  พี่ดินครางเบาๆ อย่างพึงพอใจ
แล้วก็ถอนริมฝีปากออก  มองดวงหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อกับดวงตาที่หลุบต่ำไม่ยอมสบสายตาของคนตัวขาว

“กอหญ้า เอ่อ…รีบล้างตัวเถอะ”
พี่ดินพูดจบก็ปรับระดับน้ำของฝักบัวให้แรงขึ้น  แล้วฉีดล้างฟองให้จนหมด
ในระหว่างนั้นกอหญ้าก็ถูกจับหันโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาคลุมกายให้
และซับหยดน้ำที่เกาะตามตัวจนแห้ง

“ขอบคุณฮะ พี่ดิน”
คนตัวบางพูดเบาๆ แล้วก็ถูกพาไปที่เตียงนอนจับใส่ชุดนอนและดันตัวให้นอนลงบนหมอน
ถูกริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบตามหน้าผาก  เปลือกตา  แก้ม  และแตะที่ริมฝีปากอีกทีก่อนจะผละออก
แล้วก็คลี่ผ้ามาห่มให้จนถึงช่วงคอ

“ฝันดีครับ…พี่ดิน”
กอหญ้างึมงำเบาๆ และปิดเปลือกตาลง

 
แผ่นดินนั่งมองคนตัวขาวที่หลับพริ้มไปแล้ว  ภายใต้เรือนร่างผอมบางนั้นช่างหอมหวานเหลือเกิน
มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ เขาแค่อยากทดสอบตัวเองว่าจะรังเกียจร่างกายคนตรงหน้าหรือไม่
แต่เปล่าเลยแค่สัมผัสแตะต้องเขายิ่งทรมาน  อยากครอบครองเป็นเจ้าของ…หวงแหน…
ไม่อยากให้ใครเห็น  เขาเป็นเอามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

แผ่นดินไล้ปลายนิ้วที่ใบหน้า  จมูก  ซอกคอ  วกกลับไปมองปากบางเรียวที่หยักสวย
จนต้องประกบปากลงไปแตะสัมผัสเพียงบางเบา  แล้วรีบลุกขึ้นยืนปิดไฟกลางห้อง
และเปิดไฟหน้าห้องน้ำทิ้งไว้ให้  พรุ่งนี้จะมองหน้ากันแบบไหนกัน  อดหวั่นใจไม่ได้
เขาผ่อนหายใจยาวแล้วจึงเปิดประตูห้องนอนก้าวออกไป


เมื่อคนตัวโตเดินออกไปจากห้อง  เปลือกตาคู่หวานก็เปิดขึ้นทันที
พี่ดินเป็นอะไรไปนะมาขอทดสอบ  แล้วไอ้ความหวามไหวที่พาให้ใจสั่นนั้นมันคืออะไรกัน
เขาเป็นผู้ชาย  ก่อนหน้านี้ก็คบกับผู้หญิง  แต่ทำไมพอได้ใกล้ชิด  ถูกสัมผัสแตะต้อง
อาการกลัวสัมผัสก่อนหน้านี้  หายไปไหนหมดนะ

‘อย่าอ่อนไหวไปกับความใจดีนั้นนักเลยกอหญ้า…อย่า…เราต้องหยุด  มันไม่ถูกต้อง’

กอหญ้ำพร่ำเตือนตัวเองก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงเพื่อเข้าสู่นิทรา






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 12 ไปตลาด

กอหญ้าตื่นนอนแต่เช้าเหมือนอย่างเคย  เมื่อคืนเขาหลับยาวยันสว่าง
พยุงตัวเองขึ้นจากที่นอนหย่อนปลายเท้าลงจากเตียง   ก้าวเท้าเดินทีละก้าวอย่างช้าๆ
ไปถึงประตูห้องน้ำใช้ผนังเป็นที่ยึดเกาะจนกระทั่งถึงหน้ากระจก  มองตัวเองในกระจกพบว่า
เขาตอนนี้มีสีหน้าอิ่มเอิบ  ดวงตาวาววามออกหวาน  ยกมือลูบผมที่เริ่มยาวมาอีกหน่อยรู้สึกจักจี้มือดี

นึกถึงเหตุการณ์ในตอนอาบน้ำแล้วหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา  เกิดวาบหวามในอกชอบกล
จึงรีบล้างหน้าแปรงฟัน  เสร็จแล้วจึงลากเท้าออกมาจนพ้นจากห้องน้ำ  ทรุดนั่งพิงหัวเตียง
อีกสักพักเพชรก็จะขึ้นมาพาเขาลงไปข้างล่าง  พี่ดินคงออกไปตรวจไร่ตั้งแต่เช้ามืดเหมือนเคย
เจอหน้ากันจะต้องทำหน้ายังไงนะ

 
“เจ้าดินมันติดงานในไร่ให้เจ้ามิ่งมาเอาสำรับมื้อเช้าไปแล้ว  พวกเราก็ทานกันไปเลยแล้วกัน”
พ่อเขตบอก  กอหญ้าอดแปลกใจไม่ได้
'ไม่ใช่หลบหน้ากันนะพี่ดิน'

กอหญ้านั่งทานไปเงียบๆ ตอนสายคุณนนท์ก็ชวนไปนั่งในห้องทำงาน
หางานเอกสารง่ายๆ ให้ช่วยทำเพื่อแก้เหงา


มื้อกลางวันมาถึงแม่บ้านจึงมาตามตัว  ที่โต๊ะอาหารมีคุณย่านั่งทานเป็นเพื่อนอีกคน
พอหลังมื้อเที่ยงคุณย่าชวนไปช่วยป้าสายเช็ดใบตอง  กลัดกระทง  เพื่อทำห่อหมกปลาช่อน
ที่มีคนงานเอาปลามาให้  เห็นคุณย่าบอกจะแบ่งไปถวายพระพรุ่งนี้ด้วย

เพชรมาพาไปนั่งดูเจ้ากองหนุนอาบน้ำ  เป็นไปตามที่พี่ดินบอก  เมื่อเจ้าสี่ขาหน้าขนตะกายหนีน้ำ
เด็กชายและคนช่วยต้องพากันวิ่งไล่จับ  พากันหอบเหนื่อยไปทั้งคนทั้งสุนัข  ดูเด็กๆ จะสนุกกันใหญ่
แต่เจ้ากองหนุนลิ้นห้อยสิ้นฤทธิ์ไปแล้ว  มันคงไม่สนุกไปกับเด็กๆ ด้วยเป็นแน่

วันนี้เป็นวันเสาร์ต้นกล้าจึงได้อยู่บ้าน  เล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวจนเหนื่อยตาปรอยๆ
พี่เลี้ยงจึงจับให้เด็กๆนอนกลางวันกัน  บ้านจึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

พี่ดินเดินเข้ามาในบ้านตรงมานั่งหน้ายุ่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น  พาดศีรษะไปกับพนักพิงหลับตาลง
กอหญ้าได้แต่มองตามแต่ไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรออกไป  สุดท้ายอดรนทนไม่ไหวจึงเปิดปากถาม

“พี่ดิน  มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือครับ  ดูหน้าเครียดจังเลย”
พี่ดินขยับตัวนิดหน่อยแต่ตาก็ยังคงหลับอยู่

“อืม… คนที่ไม่อยากจะพบ…ไม่อยากจะเจอ  ดันกลับเข้ามาวุ่นวายชีวิตอีก
มาสร้างปัญหา…พี่เบื่อ”
พี่ดินเล่าด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“ถ้าคนนั้น…ไม่ได้มีความสำคัญกับเราแล้ว…เราก็ไม่ควรให้ราคาอะไรกับเขานะครับ
อย่าให้คนเพียงคนเดียวต้องมาทำให้ชีวิตเราพัง  เอ๊ะ! ทำไมประโยคนี้คุ้นจัง…เหมือนกอหญ้า
ได้ยินมาจากไหนเลยครับพี่ดิน”
กอหญ้าพูดไปตามที่สมองคิด  คิ้วขมวดมุ่น

“ก็เราเป็นคนพูดอยู่นี่ไง  จะใครพูดอีกล่ะ  หึหึ”
พี่ดินหัวเราะขำทั้งที่ตายังหลับ

“ก็คงเป็นอย่างงั้นแหละครับ”
กอหญ้าพูด  แล้วก็นั่งเงียบมองใบหน้าพี่ดิ น มองปากที่สัมผัสกันอย่างดูดดื่มเมื่อคืน
แล้วก็ยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว  พลันสะดุ้งที่เห็นพี่ดินมองมายิ้มๆ
ลืมตามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  เล่นเอาหน้าร้อนผ่าวลามไปที่หลังใบหูแล้ว

“ฝันอะไรอยู่ครับ  หื้ม?”
กอหญ้าส่ายหัว  แล้วแสร้งหันไปมองเด็กๆ ที่หลับกันปุ๋ยตรงเบาะนอน
ที่แตงโมปูให้อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น

“เบื่อมั๊ยเรา  ช่วงบ่ายพี่จะไปดูร้านของฝากที่ตลาดเสียหน่อย ไปด้วยกันไหมล่ะ?”
 พี่ดินหันมาชวน กอหญ้าได้ยินก็เบิกตากว้าง  แล้วก็หน้าสลดลงทันทีเหมือนกัน

“ไปยังไงล่ะครับพี่ดิน  เดินไม่สะดวกแบบนี้  ลำบากคนพาไปเสียเปล่าๆ เฮ้อ!”
กอหญ้าทำหน้าเสียดาย  และห่อเหี่ยวจนแผ่นดินนึกสงสาร

“ไปได้สิ  ก็พี่จะพาไปนี่ไง  แต่งตัวพื้นเมืองแบบเนี่ย  ไม่มีใครสนใจหรอก
เดี๋ยวพี่นั่งให้หายเหนื่อยแป๊บนึงนะ  ค่อยไปแล้วกัน”



ตอนนี้กอหญ้าได้ลงมายืนที่หน้าร้านขายของฝากของไร่เขตแผ่นดินแล้ว
มีลูกค้าเดินเลือกของพอประปรายจากที่มองเข้าไปด้านในร้าน

“ค่อยๆ เดินนะ  แล้วเราจะเดินเองใช่มั้ย  ถ้างั้นก็ก้าวช้าๆ ล่ะ ไม่ต้องรีบ
 พี่จะเดินไปพร้อมๆ เรานี่แหละ”

“พี่ดิน  วันนี้กอหญ้าเดินได้เองแล้วนะครับ  แต่เดินช้าหน่อยแค่นั้นแหละ ไม่เชื่อดูนะครับ”
แล้วคนพูดก็ทำให้ดู  แผ่นดินมองตามคนตัวสูงร่างบอบบาง  แผ่นหลังโปร่งตา
หุ่นนายแบบจริงๆ ด้วยสิ

วันนี้กอหญ้าขอใส่หมวกไหมพรมแบบพื้นเมืองออกมาด้วย  เพื่อปกปิดศีรษะที่ผมสั้นแบบสกินเฮด
ทำให้ดูดีไปอีกแบบ  เจ้าตัวก้าวเท้าเข้าไปด้านในร้าน  มีลูกค้าหลายคนมองๆ มาเหมือนกัน
แล้วเจ้าอาร์มเด็กในร้านก็เดินปรี่เข้ามาทักทาย

“สวัสดีครับ…เชิญครับ  วันนี้ร้านเรามีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มานำเสนอนะครับ
ภูมิปัญญาชาวบ้านเลยครับ  หรือจะดูของฝาก  ผลไม้สดๆ จากไร่เขตแผ่นดินก็เชิญเลือกหา
จับจ่ายได้เลย  คุณลูกค้าต้องการแบบไหนดีครับ”
อาร์มมองคนตรงหน้า  อย่างคลับคล้ายคลับคลาว่าหน้าคุ้นเอามากๆ
เหมือนเคยเห็นมาก่อนยังไงยังงั้น

“เอ่อ ผมมากับพี่ดินน่ะครับ  ขอเดินดูไปพลางๆ ก่อนนะ”
กอหญ้าส่งยิ้มอ่อนไปให้

“ไงเจ้าอาร์ม  นี่คุณกอหญ้า  มากับฉันเอง  แล้วเจ้าทัพมันไปไหนลูกค้าเต็มร้านไม่เห็นมันจะโผล่หัวมาให้เห็น”

“เอ่อ  สวัสดีครับคุณกอหญ้า  เอิ่มๆ นายดิน  คือว่า…นายทัพไปทางนู้นน่ะครับ
ไม่หัวตลาดก็ท้ายนู้น แหะๆ”
ลูกน้องทำหน้าอิหลักอิเหลื่อบอกออกมา

“มันไปก่อกวน  ลูกสาวเจ้าของตลาดอีกแล้วสิ  ไอ้นี่”
พี่ดินส่ายหัว  แล้วเดินไปบริการให้คำแนะนำกับลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์อยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน
พี่ดินพูดจนสุดท้ายเห็นสาวๆ ควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อจนได้  คงเพราะคารมและความคมเข้มของ
เจ้าของร้านหนุ่มด้วย

กอหญ้าเดินดูของไปเรื่อยเปื่อย

“แกๆ พี่คนนั้น  ทำไมหน้าเหมือนพี่ข้าว…ข้ามฟ้าจังอ่ะ  ถ้าไม่ติดที่สวมหมวกกับแผลที่ใบหน้านะ
ใช่แน่ๆ เออ! นิตยสารฉบับล่าสุดน่ะแก  พี่ข้าวถ่ายได้แซ่บ! เว่อร์ มากๆ แกดูรึยัง  เอาซะมดลูกชั้นสะเทือน
ไม่รู้จะหล่อล่ำ  น่ากัดอะไรขนาดนี้  พูดแล้วนะฉันอยากจะเจอตัวจริงสักครั้ง  จะกอดไม่ปล่อยเลยเถอะ”
กอหญ้าสะดุ้ง ได้ยินทุกคำที่เธอพูด แล้วยังเสียงหัวเราะ หึหึ ข้างๆ หูนี่อีก

“หึ๊ย…พี่ดิน  ไหนบอกว่าจะไม่พูดไม่แขวะกันแล้วไง  คนมันพลาดแค่ครั้งเดียวนี่แหละ  ล้อไม่เลิกสิน่ะ”
กอหญ้าหันไปค้อนคนข้างๆ

“อะไรกัน  คุณกอหญ้า  ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยครับ  ร้อนตัวไปเองรึป่าวครับ หึหึ”
แผ่นดินยังกระเซ้าต่ออีก

“พี่ดิน!!! ไม่ต้องมาหัวเราะเสียงแบบนี้เลยนะ”
กอหญ้าทำหน้ากระเง้ากระงอดมาอีก

“หืม…น่านะ  ไม่ล้อก็ได้ ทำหน้าดีๆ หน่อย  เดี๋ยวพาไปกินเตี๋ยวเรือ  เจ้าเด็ด!
อร่อยมาก ๆของตลาดนี้เลย  พี่ยังไม่ได้กินกลางวัน  นี่ก็จะบ่ายสามแล้ว ไปกินกัน ป่ะๆ”

“นายดินฮะ กลับแล้วเหรอ  แก้มยังไม่ได้คุยด้วยเลย  มากับใครครับ  คนนี้เหรอ  เอ๋?”
แก้ม สาวหล่อผิวเข้ม  มาดกวนๆ ปรี่เข้ามาขวางหน้าไว้  ไอ้ผมทรงขัดใจแม่นี่อีก
เป็นเทรนด์ไปหมดแล้วละมั้ง  หลากหลายสีกันจริง

“เออ! หิว! จะไปกินเตี๋ยว  นี่คุณกอหญ้านะ  น้องชายอีกคน  มาอยู่ด้วยกันที่บ้านใหญ่น่ะ
อยากรู้อะไรถามนายทัพไปก่อนแล้วกัน ไปล่ะ”
นายดินก็พาคุณกอหญ้าเดินออกไปอย่างช้าๆ แก้มได้แต่อ้าปาก
ยังไม่ได้พูดอะไรด้วยเลย  คนหล่อจึงยืนเก้อได้อีก  ท่าจะหวงน้องชายคนใหม่ด้วยสิ
นั่นสินะ  เดี๋ยวค่อยถามนายทัพเอาแล้วกัน


“โอ๊ะ…พี่ดินขา  มาทานก๋วยเตี๋ยวเหรอคะ  ไม่เห็นโทรสั่งข้าวองุ่นเลย
เบอร์โทรก็ให้ไปแล้ว  เอ๊ะ! พี่สุดหล่อคนนี้ใครกันคะ  แนะนำหน่อยสิคะ  พี่ดิน!”
องุ่นปราดเข้ามาทักทันทีที่แผ่นดินและกอหญ้าหย่อนก้นนั่ง

“นี่กอหญ้า  น้องชายมาพักด้วยกันที่ไร่  จบนะ! หิวมาก! ยังไม่ได้กินกลางวันเลย
แม่ค้าเอาเส้นเล็กน้ำตกพิเศษทุกอย่างสองชาม  กอหญ้าเอาอะไรดี”
แผ่นดินจำใจแนะนำไปอย่างงั้นเอง  แล้วหันมาถามคนนั่งตรงข้ามกัน

“เกาเหลาน้ำตกทุกอย่างแล้วกันครับ  พี่ดิน”

“พี่กอหญ้า  หนูชื่อองุ่นนะค ะ ร้านข้าวตามสั่งปากซอยไร่เขตแผ่นดิน
ถ้าว่างพี่กอหญ้าไปแวะอุดหนุนบ้างนะคะ  เอาเบอร์ไปค่ะ  นี่เลยค่ะส่งอาหารถึงที่
แล้วเจอกันนะ…พี่สุดหล่อ  วันนี้พี่ดินโมโหหิวแล้ว  องุ่นไปดีกว่า บายค่ะ”
แล้วสาวแรกรุ่นหุ่นอวบอั๋นก็เดินยักย้ายส่ายสะโพกออกไป  ไม่วายทิ้งหางตาให้กอหญ้าด้วย

“เห้อ! เด็กสาวสมัยนี้  เอาเบอร์มานี่เลย”
พี่ดินคว้าเบอร์ที่แม่สาวน้อยคนตะกี้ให้มาใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตหน้าตาเฉย
“อ้าวพี่ดิน  อยากได้ของน้องเขาก็บอกดีๆ สิครับแย่งทำไมเนี่ย”
กอหญ้าเหวอไปที่ถูกฉวยเบอร์โทรไปแบบดื้อๆ

“หึหึ  พี่จะอยากได้ไปทำไม  ได้มาแล้วทีนึงวันก่อนนู้น  แล้วก็ทิ้งไปแล้วด้วย
นี่ก็จะเอาไปทิ้งอีกเหมือนกัน  เข้าใจป่ะ”
พี่ดินพูด  แล้วก็คว้าชามก๋วยเตี๋ยวที่วางอยู่ตรงหน้าพอดีเอาไปปรุงเครื่องเสียรสจัดจ้าน
เห็นแล้วน่าจะแสบกระเพาะเอาเรื่องอยู่

“พี่ดิน  ทำไมทานเผ็ดจังครับ  เดี๋ยวปวดท้องนะครับ”
กอหญ้าติงขึ้นที่เห็นคนตรงหน้าปรุงเสียรสจัดเน้นไปทางรสเผ็ด

“ไม่หรอกน่ะนานๆ กินที  ไม่เป็นไร”
พี่ดินคีบเส้นเข้าปาก  ชามแรกหมดไปแล้ว  ปากนี่แดงเถือกไปหมด
กอหญ้าไม่ปรุงเลย  รสชาติเขาก็กลมกล่อมดีอยู่แล้ว  พี่ดินกินไปซี๊ดปากไปด้วย
จนกอหญ้าทนไม่ไหว  ลุกเดินไปที่ตู้แช่หยิบนมกล่องออกมา  เจาะหลอดแล้วยื่นให้พี่ดิน

“พี่ดินดื่มนมสักหน่อยครับ  แก้เผ็ด  ปากแดงหมดแล้ว แต่อมๆ ไว้ก่อนแป๊บนึงค่อยกลืนนะ”
พี่ดินรับนมไปดูด แล้วก็วางลง

“อื้อ…ดีขึ้นจริงๆ ด้วยสิ!”
แล้วพี่ดินก็คีบก๋วยเตี๋ยวกินจนหมดชาม  แม้แต่น้ำก๋วยเตี๋ยวก็กินไม่เหลือ  แล้วดื่มนมต่อจนหมดกล่อง

“อิ่มสุดๆ ไปเลย”
กอหญ้ามองก็เห็นสีหน้าที่บ่งบอกว่าอิ่มเอมจริงๆ อย่างที่เจ้าตัวพูด

แผ่นดินเรียกเก็บเงิน แล้วก็พากันเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวเพื่อกลับไปที่รถ



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ arissara

  • ดาดาเดเด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 13 เรื่องวุ่นๆ

แผ่นดินเดินคู่ไปกับกอหญ้า  อย่างช้าๆ แดดในฤดูร้อน  ทำให้คนขาวจัดหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก
มีเหงื่อไหลย้อยตามไรผมและช่วงท้ายทอยลงมาเป็นทาง

“กอหญ้า  ไหวหรือเปล่าพี่ลืมหยิบร่มมาด้วย  ดูสิ! เหงื่อไหลออกเป็นน้ำเลย
เอาผ้าเช็ดหน้าพี่ไปซับก่อนไหม  ยังไม่ได้ใช้เลย  อ่ะนี่”
พี่ดินส่งผ้าเช็ดหน้าสีขาวมีลวดลายที่ขอบนิดหน่อยยื่นมาให้ตรงหน้า
กอหญ้ารับมาซับที่ใบหน้า  จมูกและช่วงคอ  กลิ่นประจำตัวที่คุ้นชินติดอยู่ตรงปลายจมูก

“ขอบคุณครับพี่ดิน  วันนี้ได้มาเปิดหูเปิดตาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
นะครับ  กลับกันเลยไหมพี่”

“เอาไว้วันหน้าพี่จะพาไปในตัวเมืองนะ”

“กอหญ้า  อยากไปดูพี่ดินทำงานในไร่มากกว่า  ไม่อยากเข้าเมืองเลยครับ”
คนพูดทำหน้าเศร้า และน้ำเสียงก็เบาหวิว

“กอหญ้าไม่ต้องกังวลอะไรนะ  พี่ไม่บังคับ  ที่ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปไง
ดีเสียอีกพี่ก็ไม่ได้อยากให้เราออกมาให้คนอื่นมองเสียด้วยสิ”
พี่ดินปลอบใจ  แล้วพูดเสียงเบาในตอนท้าย  แต่กอหญ้าก็ยังได้ยินอยู่ดี

“พี่ดินอายเหรอฮะ  ที่ต้องพากอหญ้าไปไหนๆ ด้วย  น่ะ”
กอหญ้าหน้ามุ่ย  แววตาหม่นอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อคิดว่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ

“ไม่ๆ พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น  แค่ไม่อยากให้ใครมอง  ไม่อยากให้ใครจำได้
เอ่อ! เอาเป็นว่าไม่อยากให้เราไปเป็นจุดสนใจของใคร  ก็เท่านั้น  ขึ้นรถเถอะ
เหนื่อยหน่อย เดินเยอแล้ววันนี้”
กอหญ้าอึ้งไปที่ได้ยิน  แต่ในรูปประโยคที่ได้ฟังก็ยังมีความหวังดีเจืออยู่


วันนี้พี่ดินเอารถครอบครัวแบบสี่ประตูมาใช้  เมื่อสตาร์ทและเตรียมเคลื่อนรถออก
จู่ๆ โทรศัพท์ของพี่ดินก็ดังขึ้นเสียก่อน
 
“ครับ  เขาดีขึ้นมากแล้ว  อีกสองวันหมอนัดครับ  วันนี้พามาเดินตลาด  เขาเดินได้เยอะขึ้น
ครับๆ ยินดีครับ  ไม่ต้องเป็นห่วง  นั่งอยู่นี่แหละ ได้ๆ สักครู่นะ/// กอหญ้า  คุณคะน้าจะคุยด้วย”
พี่ดินยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาให้  กอหญ้าจึงรับมา

“ครับ  อยู่ได้ฮะ ทุกคนดีกับผมมาก ไม่ต้องเป็นห่วง  ใครนะครับ  เอ่อ! อย่าเพิ่งเลยครับ
ผมยังไม่อยากพบใครตอนนี้  จนกว่าผมจะจำได้หมดเสียก่อน  อ้อ! พี่คะน้า  แบบที่ถ่ายล่าสุด
เป็นไงครับ  มีฟีดแบล็คอะไรหรือเปล่าครับ  ห๊ะ! กระแสดีมากเลยเหรอ  ไม่ๆ พี่คะน้ารับหน้าไป
ก่อนเลย  ทุกเรื่องนั่นแหละ  ไม่นะครับ  ผมไม่ไปนะ  ขอไม่ออกสื่อ  พี่เข้าใจผมนะ  ขอบคุณครับ”
กอหญ้าวางสายส่งคืนให้กับพี่ดิน แล้วนั่งหน้าเครียด

“พี่คะน้าบอกว่าทางต้นสังกัด  อยากให้เข้าไปแถลงข่าว  พี่ดินต้องช่วยกอหญ้านะ 
แค่รู้สึกว่าต้องมีคนมารุมล้อม  ก็จะหายใจไม่ออกแล้ว  ขออยู่ที่นี่ไปก่อนนะครับ  พี่ดิน”
กอหญ้าเอ่ยปากออกไป  น้ำเสียงร้อนรน  จนแผ่นดินละสายตาจากถนนมามองแวบนึง

“กอหญ้า  อะไรที่เราไม่อยากทำ  เราก็ไม่ต้องฝืนทำสิ  พี่ก็บอกเราไปแล้วนี่
เรายังจะกังวลอะไรอีก  ที่บ้านพี่น่ะให้อยู่ได้ตลอด  จนถึงวันที่ทุกอย่างกลับมา
แล้วความเป็นกอหญ้าหายไป…ถ้าถึงเวลานั้น…คนที่ไม่อยากให้เราไปอาจเป็นพี่แล้วละมั้ง”
พี่ดินพูด  สายตาทอดมองไกลออกไปข้างหน้า  น้ำเสียงที่พูดในตอนท้ายพาให้วูบโหวงแปลกๆ ตามไปด้วย

“กอหญ้าในวันนี้…หรือในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง  พี่ดินจำไว้อย่างนะครับ
ผมจะเป็นกอหญ้าสำหรับพี่…แบบนี้ตลอดไป  ถ้าพี่ดินยังต้องการกันอยู่”
กอหญ้าพูดอย่างแผ่วเบา  ดวงตาคู่สวยก็มองไกลออกไปเช่นกัน
รถเคลื่อนไปตามเส้นทางมุ่งเข้าสู่เขตไร่  เห็นหลังคาบ้านหลังใหญ่อยู่อีกไม่ไกลแล้ว
ทั้งสองต่างอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้อีก


พอจอดรถที่ลานหน้าบ้านยังไม่ทันขยับลงจากรถ  ลูกน้องพี่ดินที่เป็นแฝดก็พากันวิ่งมารับหน้า
สีหน้าตื่นๆ กันชอบกล  ส่วนพี่ดินก็หน้าตึงทั้งที่ยังไม่ทันได้มีใครเอ่ยปากบอกอะไร
พี่ดินเปิดประตูรถฝั่งคนขับก่อนจะลงไปจากรถและหันมาพูด

“กอหญ้าขึ้นห้องไปก่อน  ให้ขวัญพาไปนะ”

“นายดิน  เกิดเรื่องใหญ่  เอ่อ คือ…พี่มิ่งพูดสิ  ผมพูดไม่ถูก”
ขวัญอ้ำอึ้ง  แล้วโยนเรื่องไปให้พี่ชาย

“ไม่ต้องพูด  รถจอดคันตั้งใหญ่นั่นน่ะ  ขวัญ! มาพาคุณกอหญ้าไปส่งที่ห้อง”
ขวัญชี้เข้าหาตัวเองแล้วจึงพยักหน้า  รีบไปเปิดประตูรถให้กอหญ้า
เจ้าตัวเกาะแขนของขวัญ  พยุงตัวและก้าวเท้าลงจากรถ

“ขวัญเดินห่างๆ อีกหน่อยนะ  ผมพอเดินไปเองได้”
ขวัญพยักหน้าเข้าใจ  แล้วยืนห่างออกไปตามคำขอ  แต่ยังคอยระวังหากคุณกอหญ้าเสียหลัก
ขึ้นมาจะได้คว้าตัวได้ทัน  การกลัวคนสัมผัสตัวนั้นทุกคนที่เข้ามารับใช้ทราบดี
ไม่มีใครที่จะมีท่าทีไม่พอใจ  เพราะดูออกว่าคุณกอหญ้าไม่ได้แกล้งทำ

‘พี่มิ่งเล่าให้ฟังถึงอาการที่พบเจอตอนอยู่โรงพยาบาล  คุณเขาน่าสงสารมากแค่ไหน
ขัดถูตัวจนแดงเถือกถลอกไปหมด  ไม่ว่าจะใครจับก็เถอ ะ ดีที่ตอนนี้ไม่ถึงขั้นนั้นแล้ว’

“ดินมาก็ดีแล้ว  ถามไอ้พวกบ้านี่ก็ไม่ได้ความเลยสักคน  แค่จะรับลูกไปค้างด้วย
ทำไมยากเย็นนัก  นายคงไม่มีปัญหานะ  พรุ่งนี้ก็วันหยุดลูกไม่ต้องไปโรงเรียน”

หญิงสาวสวยเฉี่ยว  หุ่นดีบวกกับการแต่งกายที่ทันสมัยอย่างกับเดินออกมาจากแคทวอล์ค
ทั้งกระเป๋าที่คล้องอยู่ที่แขนและรองเท้าสีแสบตา  ยังจะเครื่องประดับและรถคันหรูที่จอดอยู่อีก
น้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดเหวี่ยงๆ นั้น  กลับทำให้หน้าสวยๆ ดูหมดเสน่ห์ไปกว่าครึ่ง

ขวัญพากอหญ้าเดินผ่านไปแบบรีบๆ แต่เจ้าตัวเดินได้เร็วสุดก็แค่นี้
ทำให้ได้ยินประโยคตอบโต้กลับจากพี่ดินได้เต็มสองหูเลย

“ใครอนุญาตให้เธอมาที่นี่! แล้วก็ไม่ต้องคิดนะว่าคนอย่างเธอจะมีสิทธิ์ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ
ลูกที่เธอพูดน่ะไม่มีอยู่ที่นี่! จำไม่ได้แล้วหรือไง  ยัยหนูยังไม่ทันได้รู้เลยว่าเธอเป็นแม่
เธอก็ทิ้งแกไปแล้ว  นับภาษาอะไรที่เจ้ากล้าจะไม่เข้าหาเธอ! ฝันกลางวันไปรึเปล่า
ไหนๆ ก็ไปสำเริงสำราญมีความสุขดีแล้ว  ก็ไปให้ตลอดรอดสิ  พวกเราอยู่กันมีความสุขดี
อย่าได้เอาหน้าไม่มียางอายของเธอมาให้เราเห็นเลย  กลับไปเถอะ”
เสียงพี่ดินดังมาก ดังจนได้ยินเข้ามาถึงข้างในตัวบ้าน

“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! เพราะนายเป็นอย่างนี้ไง  ใครจะไปทนดักดานด้วย
วันๆ ก็มีแต่ทำไร่ไถนาเนื้อตัวสกปรก!! เหม็นสาบ  ทุเรศ!  ฉันเป็นแม่!
วันนี้มาในฐานะแม่ไม่ใช่มาในฐานะอื่น!  ไม่ต้องมาพูดจาถากถางให้มากความ
ฉันจะมารับลูก ได้ยินมั้ย!! ต้นกล้า! ใบข้าว! มาหาแม่!!!”

กอหญ้าได้ยินเสียงเด็กๆ ร้องไห้กันกระจองอแง  เขาเผลอพ่นลมหายใจออกมา
อย่างหนักหน่วงที่ได้ยินดังนั้น  นึกไม่ออกว่าพี่ดินจะแก้ปัญหานี้ยังไง

‘นี่หรือเปล่านะ  ที่พี่ดินบอก...คนที่ไม่อยากพบ...ไม่อยากเจอน่ะ’

“ขวัญ  ส่งผมแค่นี้พอ  ขอบคุณนะ”
กอหญ้าหันไปบอกกับขวัญลูกสมุนตัวเล็กของพี่ดิน  ที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก  คงเป็นห่วงพี่ดินละมั้ง

“อ่อครับ  พักผ่อนไปนะครับ  ยังไม่ต้องลงไปจนกว่าจะมื้ออาหารนะ
เพราะถ้าลงไปตอนนี้ก็จะพาลให้ปวดหัวเปล่าๆ ผมไปดูนายดินก่อนนะครับ”
ขวัญพูดทิ้งท้ายแล้วหันหลังกลับแทบจะเป็นถลาลงไปจากชั้นนี้แทนการเดินอยู่แล้ว

กอหญ้ามองตามแผ่นหลังที่เห็นไวๆ

‘ถ้าเจ้านายไม่ดี  ลูกน้องจะทั้งรักทั้งเป็นห่วงกันอย่างนี้หรือไง  ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนยังไงกันนะ’


กอหญ้าเข้าห้องนอน  เดินไปนั่งพิงหัวเตียง  เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ลืมไว้ขึ้นมา
มีเบอร์พี่คะน้าโทรเข้ามาก่อนหน้านี้  เขาเข้าไปเช็คข่าวของแวดวงดารา  มีข่าวซุบซิบมากมาย
รวมถึงข่าวของเขาด้วย  เปิดอ่านอย่างผ่านๆ พอเบื่อๆ ก็วางลง  แล้วก็ไถลตัวลงนอน

วันนี้เดินเยอะและล้าเต็มที  จึงเผลอหลับไป  จนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
แล้วเปิดเข้ามา  เป็นพี่ดินที่เข้ามาถึงก็ทรุดนั่งลงข้างๆ กอหญ้าเท้าแขนจะลุกขึ้นพี่ดิน
ก็มาคว้าตัวไปกอดเสียก่อน  แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ

กอหญ้าจึงยกมือขึ้นลูบหลังพี่ดินแล้วตบเบาๆ ไปหลายที  สักพักหนึ่งพี่ดินก็ดันตัวออก
ยกมือข้างหนึ่งมาลูบแก้มของเขา

“นอนหลับอยู่เหรอ  พี่ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะ”
กอหญ้าส่ายหน้ายิ้มๆ มองตาพี่ดินที่มีแววอ่อนล้าให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง

“แค่พักสายตาเองครับ  วันนี้เดินมาเยอะด้วยแหละ  พี่ดินมีอะไรหรือเปล่า”
กอหญ้าเอ่ยถามคนตัวโต  กลับได้รับเพียงการส่ายหน้าแล้วก็เลื่อนตัวลง 
เอาหัวมาหนุนบนตักของเขา  กอหญ้าเกร็งไปเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว
ก้มมองหน้าเห็นเพียงเปลือกตาที่ปิดลงแต่หัวคิ้วกลับขมวดมุ่น  กอหญ้าจึง
ใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลึงๆ ที่หว่างคิ้วให้คลายออก  พี่ดินรวบมือเขาไว้ฃ
แล้วนำไปวางบนกลุ่มผมของตัวเอง  ก่อนจะขยำมือให้ทำตามนั้น
แล้วพี่ดินก็ปล่อยละมือของเขาออกไป

กอหญ้าจึงแทรกนิ้วเข้าไปที่กลุ่มผมดกดำที่หยักศกนั้น  ถึงผมจะเส้นใหญ่แต่นุ่มมือดี
ใช้นิ้วมือเรียวยาวของตนขยุ้มเป็นจังหวะเบาไปเรื่อยๆ จนคนบนตักหายใจอย่างสม่ำเสมอ
เห็นหน้าอกกระเพื่อมไหว…

‘หลับไปแล้วสินะ  เหนื่อยใช่ไหมครับพี่ดิน…หากตักนี้ทำให้หลับและคลายความเหนื่อยล้าก็นอนเถอะนะ’
กอหญ้าขยับตัวขึ้นไปพิงหัวเตียงและเอนไปหาหมอนใบหนาที่กองอยู่หลายใบ  มือก็ไม่ได้ละจากกลุ่มผม
ของคนหลับไปไหน  ยังคงขยับนิ้วมือไม่หยุด


แผ่นดินลืมตาตื่น  เขาจำได้ว่าเข้ามาหากอหญ้าที่ห้องนอน  ใช้ตักเป็นที่พักพิง
และมือเรียวยาวนั้นก็สางเส้นผมลูบให้จนเพลินๆ รู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียด
และเคลิ้มหลับไป  ชายหนุ่มมองหน้าคนที่หลับคอพับไปกับหัวเตียงแล้วจึงขยับลุกขึ้น
เกือบเดือนที่อยู่ร่วมบ้านกันมา  รู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้  ความหนักอึ้งก็บรรเทาลง

เพียงแค่ได้สัมผัสกัน

หากวันหนึ่งที่กอหญ้าความทรงจำหวนกลับมา  แล้วเลือกที่จะกลับไปโลดแล่นอยู่ในวงการมายา
ที่เจ้าตัวใฝ่ฝัน  และสู้ฟันฝ่าจนได้เป็นดาราโด่งดัง  หากไม่ประสบอุบัติเหตุอย่างนี้  ข้ามฟ้า เหนือเวหา
คงไปได้อีกไกลแสนไกล  หากกอหญ้าห่างหายไปจากชีวิตของเขาล่ะ…แค่คิด…ก็รู้สึกจุกแน่นที่อกข้างซ้าย

‘จะเป็นไปได้ไหมนะ  ที่จะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ไปไหน  อยู่เป็นกอหญ้าของแผ่นดิน…ตลอดไป’

เขาจะกล้าใช้ความเห็นแก่ตัวฉุดรั้งให้อยู่ที่นี่  บ้านป่าที่ไม่มีแสงสี  เขาได้แต่ส่ายหน้า  แล้วพรูลมหายใจออกมา

“พ่อครับ  อย่าทิ้งข้าวไป  อยู่กับข้าว  นะฮะ…อย่าทิ้งข้าว”
แผ่นดินสะดุ้ง  คนที่หลับละเมอ…หรือจะเป็นจิตใต้สำนึกกันนะ
 
‘ข้ามฟ้า…นายกำลังจะกลับมา  แล้วกอหญ้า…จะต้องหายไปตลอดกาล
อย่างนั้น…ใช่หรือเปล่า’

“ขี้เซา  อยากตื่นหรือยัง  จะได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะ”

“พี่ดิน  เหรอฮะ  ขอข้าวนอนอีกนิดนะ”

แผ่นดินชะงักมือที่กำลังจะลูบแก้มนวล  เรียกตัวเองว่าข้าวอีกแล้ว

“ขิม  ไหนบอกว่ารักกันไง…เลิกง่ายๆ รักของเราล่ะ”
ละเมออีกแล้ว  คราวนี้มีน้ำตาไหลลงมาตามร่องแก้มด้ว ย แผ่นดินนึกสงสาร

‘แต่ถ้าจะให้ดี…อย่าไปนึกถึง…คนใจร้ายคนนั้นจะดีกว่าไหม’

“กอหญ้า  ตื่นเถอะ  นอนตอนค่ำๆ ไม่ดีนะเดี๋ยวปวดหัว  ลุกเลย!  ไปล้างหน้าก่อนไป”

ดวงตาสีน้ำตาคู่สวยลืมขึ้นมามอง  ขนตายังชุ่มไปด้วยน้ำตา  ปิดปากหาวอีก
คงไม่รู้ว่าตัวเองน่ะนอนร้องไห้

“พี่ดิน  ตื่นนานแล้วเหรอ  ทำไมไม่ปลุกข้าวละฮะ  อุ๊บ!”
กอหญ้ายกมือขึ้นปิดปาก…ทำตาโต  แผ่นดินจึงยกมือขึ้นตบแปะๆ
ที่แก้มคนที่หลุดชื่อเก่าออกมา

“เอ่อ! เรียกตัวเองแบบนั้นก็ได้  แต่กับพี่คนเดียวนะ  ห้ามไปพูดให้คนอื่นฟัง”

พี่ดินโน้มตัวลงมากระซิบแล้วหอมแก้มเขา  ส่งมือมาฉุดรั้งให้ลุกขึ้นจากเตียง
กอหญ้าหย่อนเท้าลงยืนจึงถูกพี่ดินจับหันหลังให้เดินไปเข้าห้องน้ำ






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 14 ถูกลอบวางเพลิง

พี่ดินเดินเข้าไปที่ห้องทานข้าวก่อน  กอหญ้าเดินตามไม่ห่าง  เมื่อโผล่หน้าเข้าไป
อยู่กันครบจริงๆ แต่มีแขกเพิ่มอีกสองคน  เป็นหญิงวัยกลางคนกับเด็กสาววัยรุ่น
ทุกคนหันมามองเขาสองคนเป็นตาเดียว

“สวัสดีครับคุณน้า  วันนี้มาถึงนี่เลยนะครับ”
แผ่นดินยกมือไหว้ทักทายคุณน้าหน้าสวยที่นั่งอยู่  เธอรับไหว้แล้วมองมายิ้มๆ
ลูกสาวของเธอก็ไหว้พี่ดินด้วย  ดูจะคุ้นเคยกันดี

“คุณน้าข้าวทิพย์กับน้องข้าวหอมลูกสาว  นี่กอหญ้าน้องชายคนใหม่ของผมครับ”
กอหญ้าไหว้คุณน้ า ส่วนลูกสาวของเธอมองมาที่เขาแล้วทำตาโต  พร้อมยกมือไหว้

“พี่กอหญ้า  หน้าตาดูดี  หล่อเหมือนกับพี่ข้ามฟ้าเลยนะคะ  ถ้าไว้ผมทรงเดียวกัน
เป็นคนเดียวกันไปแล้วล่ะค่ะ  คริคริ”
แล้วเธอก็หัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่
 
“นี่หนูข้าวหอม  ก็เป็นแฟนคลับพ่อดาราคนนั้นเหมือนกันเหรอ  ลุงคิดว่าจะมีแต่คุณย่า
คนเดียวเสียอีก  ฮ่าฮ่า”
พ่อเขตพูดแล้วหัวเราะร่า

“ยัยหนูก็แบบนี้แหละค่ะ  คุณพี่  ตามช่วงวัยของแกน่ะค่ะ  ปลื้มเป็นพักๆ เป็นคนๆ ไป
เดี๋ยวก็ดาราเกาหลีอะไรของเขาไปทั่วแหละค่ะ”
คุณน้าข้าวทิพย์พูดยิ้มๆ มองกอหญ้าทีมองลูกสาวที

“ไม่นะคะ  คุณแ ม่ พี่ข้าวน่ะ  ข้าวหอมปลื้มมานานมาก  ติดตามตั้งแต่พี่เค้าเข้าประกวด
ค้นหาดาวนู้นแล้วถามเจ้ากริชดู  ตามผลงานมาตลอด  เนี่ยแบบที่ถ่ายชุดสุดท้ายนี่นะ ว้าว!
เลยล่ะค่ะคุณแม่  ฟินมาจนจะเจ็ดวันแล้วก็ยังไม่เลิก  คริคริ”

‘อีกแล้วกอหญ้าเอ๊ย!  จะดังข้ามภพข้ามชาติไปเลยรึไง  ดูหน้าพี่ดินสิ  ตายๆ กันพอดี
ตอกย้ำกันจริง  คนพลาดแค่ครั้งเดียวเอง’

กอหญ้านั่งทำหน้าไม่ถูก  มือไม้ก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน  ได้แต่วางไว้บนตักแล้วก็บีบไว้อย่างนั้น

“ย่าว่ากินข้าวกันเถอะนะ  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์กับหนูข้าวหอมจะได้ไม่กลับค่ำจนเกินไป
อุตส่าห์มาเยี่ยมหาคนแก่ก็ดีใจมากแล้ว  มาจ้ะทานข้าวกัน”
คุณย่าชวนทานมื้อค่ำ  พี่ดินตักอาหารให้คุณข้าวหอมบ้าง  เผื่อแผ่มาถึงกอหญ้าด้วย
กอหญ้าช่วยดูแลน้องใบข้าวไปด้วยเช่นกัน เพราะนั่งติดกัน

“อากอหญ้าขา  หนูอยากได้หมูทอดอีก”
กอหญ้าเอื้อมมือไปตักให้เด็กหญิง  จังหวะหยิบหมับช้อนกลางเดียวกับคุณน้าข้าวทิพย์
เธอก็ผายมือให้ก่อน  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เธอเป็นผู้หญิงที่ถึงจะวัยกลางคนแล้วก็ยังคงความสวยไม่สร่าง
ใบหน้ายิ้มแย้มใจดี  ผมดัดเป็นลอน  ตากลมโต  ปากหยักสวย  จมูกโด่งสวยได้รูป  ความสวยของเธอ
ส่งไปถึงลูกสาวที่ดูจิ้มลิ้มน่ารัก  ปากนิดจมูกหน่อย  ตาโตๆ นั้นเหมือนคุณแม่ของเธอเสียเหลือเกิน
 
“พี่กอหญ้าขา  ถ้าแข็งแรงดีแล้ว  ไปเที่ยวบ้านข้าวหอมบ้างสิค ะ อยากพาไปอวดเพื่อนๆ ด้วย
ว่าข้าวหอมเจอคนหล่อเหมือนพี่ข้ามฟ้าแล้ว”
น้องข้าวหอมหันมาชวน  ทำเอากอหญ้าสะดุ้งเพราะมัวมองหน้าสวยๆ ของสองแม่ลูกเพลิน

“เอ่อ!  ต้องรออีกหน่อยนะครับ  คงอีกเป็นเดือนถึงจะหายดี”
น้องข้าวหอมยิ้มจนตาแทบเป็นสระอิ  แต่เธอก็เบิกตาขึ้นอีกหน่อย

“พี่กอหญ้าไปได้จริงๆ นะคะรับปากแล้วนะคะ  เดี๋ยวข้าวหอมจะให้รถที่บ้านมารับ”
ดูเธอกระตือรือร้นเสียจริง

“ยัยหนู  ทานข้าวไป  อย่าชวนพี่เค้าคุยนัก  ดูสิ! ตักทานไปไม่กี่คำเอง  ตัวก็ยิ่งผอมๆด้วย”
คุณน้าข้าวทิพย์ติงลูกสาว

“นี่น้ำหนักก็ขึ้นมาบ้างแล้วล่ะครับ  อีกหน่อยคงกลับไปเท่าเดิม  อาหารที่นี่อร่อยด้วยครับ”
กอหญ้าหันไปคุยกับแม่เลี้ยงข้าวทิพย์ที่มีไมตรีหันมาพูดคุยด้วย

“แหมๆ หนูกอหญ้านี่  ช่างพูด  ถ้าป้าสายมาได้ยินนะ  ขี้คร้านจะผัดและแกงกันจนหม้อไหกระทะแตก
กันเลยสิ เหอะๆ”
คุณย่าหัวเราะชอบใจ

“นี่พี่ทัพก็ไม่อยู่อีกแล้วเหรอคะพี่ดิน  ข้าวหอมไม่เจอน้านนานเลย”

“อาทิตย์นึงจะเห็นหน้ามันสักวัน  ก็ว่ายากแล้วละน้องข้าวหอม”
พี่ดินบอก  เด็กสาวได้ฟังก็เลิกคิ้วทำตาโต


ทุกคนก็พากันทานข้าวไปพูดคุยกันบ้างไม่ขาด  จนมื้อค่ำจบไปแม่เลี้ยงข้าวทิพย์และลูกสาวก็ขอตัวกลับ
โดยมีรถของทางบ้านมารับ  หลังมื้ออาหารพี่ดินนั่งเล่นกับลูกๆ ที่ห้องนั่งเล่นตามเคย  คุณย่านั่งหน้าจอทีวี
ส่วนพ่อเขตก็นั่งเยื้องๆ ออกไป

“ได้ยินว่า  แม่ระรินเข้ามาวุ่นวายจนเด็กๆ ร้องกันกระจองอแงเลยหรือไง  เจ้าดิน”
พ่อเขตเอ่ยถามเรื่องเมื่อบ่ายแก่ๆ พี่ดินละมือจากกองของเล่นของลูกๆ

“ผีเข้ามาน่ะครับพ่อ  หายไปตั้งนานนึกจะโผล่ก็โผล่มา  จะมาขอรับเด็กๆ ไปค้างด้วย
ทำอย่างกับตัวเองไม่แปลกหน้าสำหรับลูกๆ อย่างงั้นแหละ  เจ้ากล้าน่ะไม่ยอมไปด้วยอยู่แล้วล่ะ
ยิ่งยัยหนูยิ่งแล้วใหญ่  ก็อย่างที่ได้ยิน  ผมถึงกับอดไม่ไหวต้องเสียงดังใส่กันไป  พวกแกก็คงตกใจ
ด้วยน่ะครับ  เพราะไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนั้น”

“ยังไง  ก็อดทนอดกลั้นเอานะดิน  มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  อย่าให้เด็กๆ ต้องหมดความสุขเพราะผู้ใหญ่
พ่อว่าถ้ายังไงก็ให้หล่อนมาใกล้ชิดลูกเสียที่นี่แหละ  ยังไงก็อยู่ใกล้หูใกล้ตาเรา ได้รู้ได้เห็นกันล่ะน่ะ”

“โธ่พ่อครับ  ต้องมาเห็นหน้า  เดินสวนกันไปมาในบ้านน่ะเหรอครับ โอยแค่คิดก็รู้สึกแย่แล้วล่ะ”
แผ่นดินโอดครวญ

“ก็ยังดีกว่าปล่อยลูกไปไกลหูไกลตานะดิน  ถ้าไม่ชอบมาพากลยังไง  เราก็ยังตะเพิดหล่อนออกไปได้นะ
เพราะนี่บ้านของเรา”
พ่อชี้แจงเหตุผลให้ลูกชายฟัง

“ถ้าเธอจะทนอยู่ห่างไกลแสงสีได้ก็เอาสิ  ยิ่งดูถูกว่าพวกเราน่ะบ้านป่าเมืองเถื่อน
เหม็นสาบผมอีก  เฮ้อ! ไม่รู้ผีตัวไหนนะพ่อที่สิงผมตอนนั้น  ทำให้เห็นผิดเป็นชอบ
คว้าหล่อนมาเป็นเมียได้น่ะ”

“ช่างมันเถอะเจ้าดิน  เรื่องมันแล้วไปแล้ว  คนต่อไปแกก็ดูให้มันดีๆ ไม่ใช่ไปคว้าพวกหลงแสงสี
เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออีกหล่ะ”
พ่อลูกพูดคุยกัน  กอหญ้าเหลือบมองเห็นพี่ดินนั่งจ้องมาที่เขา

‘ไหงพี่ดินมองหน้าเราอย่างนั้นล่ะ  บ้าไปแล้วพี่ดิน  กอหญ้าผู้ชายนะครับ’

“ก็มองๆ อยู่ครับพ่อ  แต่ไม่รู้จะเข้าอีหรอบเดิมอีกหรือเปล่า  ใครเขาจะมาร่วมชีวิตกับคนที่วันๆ
อยู่แต่กับไร่กับสวนล่ะครับพ่อ”
แผ่นดินพูดแล้วก็จ้องหน้ากอหญ้าอย่างสื่อความหมาย  ว่าคนที่เขามองๆ
น่ะอยู่ไม่ไกลเลย  จะรู้ตัวไหมนะ

“ไปมองสาวที่ไหนอีกล่ะคราวนี้  ยังไงก็ต้องเข้ากับลูกๆ แกให้ได้ด้วยล่ะ
ไม่ต้องถึงกับมาทำไร่ทำนาช่วยแกหรอก  แค่ไม่สร้างปัญหาให้แกเพิ่ม
เข้าใจแกบ้างก็คงพอแล้วล่ะ  ดินเอ๊ย!”

“ผมก็หวังอย่างนั้นแหละครับพ่อ  รอดูๆ กันไปก่อนแล้วกัน  ถ้าเขาไม่หนีหายไปเสียก่อนนะครับ”
พี่ดินพูดพลางยกยิ้ม  มียักคิ้วส่งมาให้เขาด้วย

‘บ้าจริงพี่ดิน  ก็บอกว่าผมน่ะผู้ชาย’
กอหญ้าหน้านิ่วคิ้วขมวด

“พ่อครับ  แล้วทำยังไงแม่เลี้ยงข้าวทิพย์กับลูกสาวถึงมาที่ไร่เราได้ล่ะครับ
หายไปนานเหมือนกันนะครับ  แล้วพ่อเลี้ยงอเนกล่ะครับ  เป็นไงบ้าง
กิจการปางไม้เห็นว่าซบเซาไปนี่ครับ”

“พอดีพ่อไปเจอเธอในเมืองนู้น  เธอไปรับลูกที่หอพักนักศึกษาน่ะ
หวงลูกอย่างกับอะไร  ที่ไม่มาเพราะลูกเข้ามหาลัย  เทียวดูลูกอยู่น่ะ
เห็นว่าแทบจะไปเฝ้าเลยนะ  ยัยหนูข้าวหอมก็ไม่น่าจะเป็นเด็กเกเรนะ
เท่าที่พ่อเห็น  แต่ไม่รู้เธอจะกลัวอะไรนักหนา  ไม่ไว้ใจลูกตัวเองเสียเลย
พ่อก็เลยชวนมาเยี่ยมคุณย่า  เอ่อ! เห็นเธอเล่าว่ากิจการก็ไปได้เรื่อยๆ นะ
สามีเธอเป็นคนมือสะอาดก็มีคนอยากทำการค้าด้วยเป็นธรรมดา”
พ่อลูกนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกอหญ้าสะดุ้งเพราะเผลอนั่งสัปหงก

“กอหญ้าไปอาบน้ำนอนไป  วันนี้คงเหนื่อยเห็นขวัญมันบอกว่าเจ้าดินพาไปตลาดมาเหรอ
คงหมดพลังไปเยอะสิท่า”
พ่อเขตเอ่ยปากให้ไปนอน

“เอ่อครับ  งั้นกอหญ้าขอตัวก่อนนะครับ”
กอหญ้าลุกขึ้นยืนเดินช้าๆ ขึ้นไปชั้นบน


“หนูกอหญ้านี่ก็น่าสงสารเนอะ  ปาเข้าไปกี่เดือนแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
ญาติก็ช่างกระไรไม่คิดจะติดตามหาตัวเลยรึไง  กลายเป็นคนจรหมอนหมิ่นไปเสียแล้ว
แกก็อย่าไปทิ้งขว้างเขาล่ะ  ช่วยเขาแล้วก็ให้ถึงที่สุดไปแล้วกัน  หมอนัดเมื่อไหร่ ก็ถามๆ
หมอด้วยว่าเมื่อไหร่เขาจะจำความได้เสียที”
พ่อเขตเปรยๆ ถึงเรื่องของกอหญ้ากับลูกชายต่ออีก

“อีกสองวันครับพ่อ  แต่เหมือนๆ กอหญ้าจะเริ่มๆ คุ้นๆ อะไรๆ ขึ้นมาบ้างแล้วครับ
อีกไม่นานคงจะหายและความจำกลับคืนมา”
แผ่นดินตอบพ่อ  แล้วเผลอถอนใจอย่างหนักหน่วงออกมา  ตาก็มองไปที่ภาพโฆษณา
ที่เจ้าตัวเป็นแบบ  ผมที่ยาวระต้นคอ  ใบหน้าหล่อเหลาก็น่าดูไม่น้อย  พอใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น
ถึงได้ดูฮอตจนสาวๆ พากันคลั่งไคล้  ดูอย่างน้องข้าวหอมพูดเข้าสิ

‘ฟินไปเจ็ดวันยังไม่เลิก’
คิดมาถึงตอนนี้แผ่นดินนึกอยากจับกอหญ้ามาฟาดก้นนัก

“พ่อ  ผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับ//เอ่อ แตงโม  ช่วยดูพาน้องอาบน้ำอาบท่าด้วย
อย่าให้เข้านอนดึกนักนะ  ตอนดึกพ่อจะเข้าไปดูนะเจ้าสองแสบ  พ่อไปอาบน้ำก่อนนะ”
แผ่นดินจับลูกสองคนมาฟัดแก้มแล้วก็ผละไปเข้าห้องอาบน้ำนอน


แผ่นดินนอนกลิ้งไปมาหลายตลบแล้วตาก็ไม่หลับสักที  จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา
เข้าดูข่าวบันเทิงดารา  เป็นอะไรที่ไม่เคยคิดอยากทำ  อินเทอร์เน็ตก็ไม่เคยสมัครใช้
แต่พอได้มารู้จักกอหญ้า  เขากลับโยนโทรศัพท์ให้ไอ้มิ่งมันจัดการสมัครให้  เขาแค่จะดู
ความเป็นมาเป็นไปของดาราคนนั้นคนเดียว  ข้ามฟ้า เหนือเวหา  เขาเปิดอ่านตั้งแต่ประวัติ
เริ่มเข้าวงการ  ข่าวซุบซิบ  ไอริณลูกสาวรัฐมนตรีกับคุณหญิง...
 
‘เอ๊ะ! ผู้หญิงได้เข้าพิธีหมั้นกับนายตฤณ  ลูกรัฐมนตรีวงการเดียวกัน  ฝ่ายหญิงก็สะสวยไม่เบา
นี่สินะ  อดีตคนรักที่หักอกข้ามฟ้า เหนือเวหา  จนเจ้าตัวต้องหนีมาเยียวยาหัวใจถึงที่นี่’

แผ่นดินกดปิดหน้าจอโทรศัพท์  แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่หน้าห้อง  เคาะไปสองทีแล้วก็เปิดเข้าไป
เห็นเจ้าของห้องนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง  เปิดโคมไฟดวงเล็กไว้

“นอนแล้วเหรอ  ขี้เซา  อาบน้ำตัวหอมเลย  ไหนขอหอมทีสิครับ”
แผ่นดินพูดงึมงำอยู่คนเดียว  กอหญ้าที่เคลิ้มๆ ก็ยังพอฟังรู้เรื่อง  รู้ว่าพี่ดินเข้ามา
ไล่หอมตั้งแต่หน้าผากลงมาที่จมูกแก้มและคางของเขา  แล้วยังซุกไซ้ที่ซอกคอเขาอีก
ขยับตัวอย่างรำคาญที่ถูกรบกวนการนอน

“พี่ดิน  ข้าวง่วงจัง”
แผ่นดินชะงักกึกที่ได้ยิน  กลิ่นกายที่ได้ดอมดมเมื่อสักครู่ทำให้อดใจไม่ไหวจึงนอนลงข้างๆ
พร้อมกับแทรกตัวเข้าไปใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน  กอดคนตัวหอมไว้หลวมๆ เจ้าตัวพอได้ไออุ่น
ก็ซุกตัวเข้ามาที่แผ่นอกของเขา

“พี่ดิน  อุ่นจัง  นอนกับข้าวนะ  ฝันดี”
ได้ยินอย่างนั้นแผ่นดินก็กดจูบที่เรือนผมคนขี้เซาไปที  แล้วก็ปิดเปลือกตาลง
ไม่นานความง่วงงุนก็เข้ามาทักทายเขาในเวลาต่อมา


กลางดึกคนในอ้อมแขนดิ้นรน  งึมงำ  ฟังไม่เป็นภาษา  แผ่นดินจึงลูบหลังปลอบประโลมให้
กระชับกอดเข้ามาอีกที  เจ้าตัวก็ยุกยิกๆ แล้วก็หลับต่อ  เป็นแบบนี้อีกสองครั้ง  แล้วก็หลับยาว
ไปจนกระทั่งเช้ามืด  แผ่นดินจึงตื่นห่มผ้าให้  แล้วเขาก็ลุกจากที่นอนเปิดประตูออกไป  เข้าไปดูลูกๆ
ในห้องนอนที่อยู่ห้องใกล้ๆ กับห้องของกอหญ้า  คลี่ผ้าขึ้นมาห่มให้ทั้งสองพี่น้อง  ก่อนที่จะเดินกลับ
เข้าห้องตัวเองเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน  และออกตรวจเวรยามในไร่ตามปกติ


ขับรถออกจากบ้านไปก็รู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ  ผิวปากไปตลอดทาง  เหมือนหนุ่มน้อย
ที่ริอ่านมีความรักไม่มีผิด  จอดรถแล้วก็คว้าไฟฉายกระบอกโตติดมือไปด้วย
ไม่ลืมเหน็บอาวุธคู่กายไว้ข้างเอว  แล้วเดิมดุ่มๆ ไปทางท้ายไร่  ชายหนุ่มเห็นแสงไฟ
ลุกโชนไกลออกไปรีบกดโทรศัพท์หาลูกน้องทันที

“ไอ้มิ่ง  ตื่นๆ มีคนลอบวางเพลิงไร่เราแล้ว  มึงรีบปลุกคนงานให้มาช่วยเลย
ด่วน  เออๆ เดี๋ยวกูไปดูก่อน  มึงรีบมานะเว้ย”

ชายหนุ่มวางสายแล้วรีบสาวเท้าไปทางต้นเพลิงทันที  ใช้แนวต้นส้มเป็นเกราะกำบังกาย

“เห้ย!  นายสั่งมานะมึง  ถ้าเจอตัวมัน  ยิงแม่งให้ไส้แตกได้เลย  ไม่ต้องเลี้ยง”

‘จะยิงไม่เลี้ยง  เออ! ได้สิ  กูนี่แหละ! ที่จะไม่เลี้ยงพวกมึง’

แผ่นดินกระเถิบตัวเข้าไปใกล้ไอ้พวกลอบกัด  พวกมันกำลังราดน้ำมันเพิ่มอีกแล้ว
ประเมินดูพวกมันมากันสามคน  ชายหนุ่มย่องเข้าไปใกล้อีกนิด  เพื่อไม่ให้พลาด
จากวิถีกระสุนที่จะเล็งออกไป  เสียงลั่นเปรี๊ยะของไม้ที่โดนไฟ  เป็นตัวช่วยกลบเสียง
หรือการเคลื่อนไหวไม่ให้พวกมันได้ยิน

‘ไอ้คนทางซ้ายที่มันแยกตัวออกไป  จัดการมันก่อนเลย’

ชายหนุ่มลอบตามมันไป  พอสบโอกาสก็ยกปืนขึ้นเล็ง  ยิงเปรี้ยง!
กระสุนเข้าที่ท้องของมัน  ถึงกับร่วงลงไปนอนกองกับพื้นดิ้นรนกระเสือกกระสน
เพื่อนมันสองคนไหวตัวเพราะเสียงปืน  ไอ้ตัวหนาก้าวถอยหลังแล้วเตรียมวิ่ง
แผ่นดินยิงไปอีกนัด  กระสุนถากไปเห็นมันล้มลงเอามือกุมไหล่แล้วลุกขึ้นเตรียมหนี
เพื่อนมันรีบปรี่เข้าไปช่วยประคองคนที่นอนที่พื้น  จังหวะนั้นชายหนุ่มยิงไปรัวๆ
แต่เขาพลาดที่มันยิงสวนกลับมาจนได้

“อึ้กกก…แม่งเอ๊ย!”
กระสุนวิ่งมาฝังที่ต้นแขนขวา  ชาหนึบ  และปวดจี๊ดในเวลาต่อมา  แผ่นดินทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น
มือกดที่ปากแผล

“นายดิน  เห่ย! ไอ้ขวัญ  นายดินโดนยิง  กูพานายไปหาหมอก่อน  มึงไปดูสิว่าใครหน้าไหน
 อย่าให้มันรอดออกไปได้  เร่งมือดับไฟกันด้วยโว๊ย!”
มิ่งตะโกนสั่งน้องชายและถลาเข้ามาถึงตัวนายดินของมัน

“นายดินๆ ทนหน่อยนะครับ  ขี่หลังไอ้มิ่งเลยจะพาไปที่รถ
โธ่ เว๊ย! ทำไมมันช้าไม่ทันใจอย่างนี้วะ! โว๊ะ!”
ไอ้มิ่งนำร่างของเขาพาดหลังและจับที่ต้นขาเขา  ความที่เขาตัวใหญ่กว่าทำให้ตัวมันเดิน
ไม่ได้เร็วอย่างใจคิดและซวนเซในบางจังหวะ  มันจึงบ่นไปตลอดทาง  จนแผ่นดินห้ามปากไว้ไม่ไหว

“ไอ้มิ่ง! กูยังไม่ได้ว่าจะตายตอนนี้  มึงใจเย็นๆ สิวะ  กูยังทนได้อยู่”
แผ่นดินเคาะหัวลูกน้องไปที  มันจึงสงบลงได้  ไม่นานก็มาถึงรถที่จอดแอบไว้
มิ่งแทบเหวี่ยงเขาลงจากหลังไปไว้ที่เบาะหน้า  ชายหนุ่มตะกายตัวขึ้นนั่ง
กัดฟันข่มความเจ็บปวดจนปากคอสั่น

“นายดิน  ทนอีกหน่อย  ผมจะเหยียบให้จมเลย  นั่งดีๆ นะครับ”
มิ่งพูดแล้วก็ทยานรถออกจากตรงนั้นไปแบบทิ้งฝุ่นไว้ท่วมไร่
มันเจ็บดีกว่านายมันมาเจ็บแบบนี้  ไม่นานสองหนุ่มก็ถึงที่หมาย

“หมอๆ ช่วยหน่อยครับ  นายแผ่นดินถูกยิงมาครับ”
เจ้าหน้าที่พยาบาลต่างกรูกันเข้ามาพาชายหนุ่มเจ้าของไร่เขตแผ่นดินไปทำการรักษา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เป็นกำลังใจ ไห่กอหญ้า เน้อ^^

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
พี่ดินหึวกอหญ้าละซิ รีบแย่งเบอร์โทรไปเนียะ

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 15 ความจำกลับคืน

เมื่อตำรวจได้รับแจ้งเหตุก็รีบรุดมาที่โรงพยาบาล  มิ่งบอกตำรวจไปคร่าวๆ
ตามที่นายดินโทรเรียกว่ามีคนลอบวางเพลิงท้ายไร่  มาถึงก็พบว่าเจ้านายหนุ่มถูกยิงแล้ว
รายละเอียดอื่นๆ  ต้องรอให้เจ้าตัวเล่าเอง  หลังจากนั้นมิ่งจึงโทรไปหาขวัญเพื่อถามความคืบหน้า
เรื่องคนร้ายทันที

“ฮัลโหล! ขวัญ  ยังไม่ออกมาเลย  ไม่โดนจุดสำคัญ  เออ! อย่าเพิ่งบอกนายเขตล่ะ
รอก่อน”

(บอกไปแล้วดิพี่มิ่ง  ก็คนไปออกันที่บ้านใหญ่เพราะเป็นห่วงนายดิน นายเขตถามก็เลยต้องบอก)

“ห๊ะ! ว่าไง! เดี๋ยวก็ตกใจตายห่ากันหมดพอดี”

(พี่มิ่งแช่งนายเขตรึไง ท่านไม่เป็นไร  สติดีกว่าพวกเราอีกมั้งพี่)

“เห่ย! พี่ไม่ได้จะแช่งนายเขต  แล้วจับใครได้บ้างวะทางนั้น”

(มันหนีได้หมด  ทิ้งแค่กองเลือดแค่นั้นแหละพี่)

“ไอ้เลว! อย่างนี้นายดินก็เจ็บตัวฟรีดิวะ เออ! ดับไฟทันก็ดีแล้ว
ถ้านายดินไม่ไปเจอนะเอ็ง! มันคงเผาลามมาจมูกพวกเราแล้ว อืมๆ
รอดูอาการนายนี่แหละ  แกก็ช่วยดูๆ คนที่บ้านใหญ่ด้วยล่ะ”

(พี่มิ่ง  นายทัพกำลังไปนะ  เดี๋ยวคงถึง  มีอะไรคืบหน้าโทรมาบอกด้วย ทุกคนรอข่าว)

“เออ  ก็ห่วงกันทั้งนั้นแหละวะ”
มิ่งวางสายจากขวัญไปแล้ว  เขายังคงเดินพล่านไปมาด้วยความเป็นห่วงคนเจ็บอยู่ดี
ทั้งที่ปากก็บอกน้องชายไปว่าไม่ถูกจุดสำคัญอะไร


กอหญ้าตื่นเพราะเสียงที่ดังโหวกเหวกจากชั้นล่างจึงรีบลงมาดู
พบว่ามีคนงานมาออกันเต็มลานหน้าบ้าน  เห็นพ่อเขตยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนชายหญิง
สีหน้าของแต่ละคนไม่สู้ดีนัก  เสื้อผ้าหน้าตาของทุกคนดำเป็นปื้นและมอมแมเหมือนกัน
กอหญ้าก้าวเท้าเข้าไปใกล้  ได้ยินเสียงขวัญพูดกับพ่อเขต

“นายดินโทรตามพี่มิ่ง  บอกว่าท้ายไร่เราถูกวางเพลิง  ให้พี่มิ่งรีบหาคนไปช่วยดับไฟ
แต่พอพวกเราไปถึงก็เห็นพี่มิ่งแบกนายดินขึ้นหลังแล้วครับ  พี่มิ่งตะโกนบอกอีกว่านายดิน
ถูกยิง  กำลังจะพาไปโรงพยาบาล  เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้แหละครับ”
กอหญ้าได้ยินว่าแผ่นดินถูกยิง  เขารับถลันเข้าไปกลางวงที่พ่อเขตอยู่

“ขวัญ! พี่ดินเป็นยังไง  ปลอดภัยหรือยัง  มิ่งโทรมาบอกอีกรึเปล่า  ใครพาผมไปดูพี่ดินหน่อยสิ”
กอหญ้าถามอย่างร้อนใจ  เขาใจสั่นมือเท้าเย็นไปหมดแล้ว  ความรู้สึกเดียวตอนนี้…เป็นห่วงอย่างที่สุด
 
“อ้าว! หนูกอหญ้าหน้าซีดเลย  เจ้าดินมันไม่เป็นไรมากหรอก  คนงานที่วิ่งตามหลังไอ้มิ่งไป
บอกว่าเจ้าดินโดนยิงที่แขน  ใจเย็นๆ ก่อน”
พ่อเขตหันมาบอกทันที  กอหญ้าใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่รู้ว่าไม่โดนจุดสำคัญ

“อ่อครับ  แล้วตอนนี้เป็นไงบ้าง  มีใครทราบอีกมั้ยครับ”
กอหญ้าถามความคืบหน้า  เขาอยากไปอยู่ตรงนั้น  ตรงที่ได้เห็นหน้า  จะได้รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง

“พ่อโทรให้เจ้าทัพมันไปดูที่โรงพยาบาลแล้ว  เดี๋ยวคงจะโทรมาบอก  นี่ขนาดว่าพ่อบอก
ให้มันน่ะระวังเนื้อระวังตัว  เตือนแล้ว  ยังโดนเข้าจนได้สิ”
พ่อเขตพูดสีหน้าเป็นกังวลไม่ใช่น้อย

“พ่อเขตเข้าไปนั่งรอในบ้านก่อนเถอะครับ  เดี๋ยวคงมีคนส่งข่าวมาอีก”
กอหญ้าเอ่ย  เมื่อเห็นว่าพ่อเขตไม่มีทีท่าว่าจะพากันเข้าบ้าน  พ่อเขตจึงขยับตัว
แล้วเอ่ยปากพูดกับคนงานที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่

“เอาล่ะๆ ทุกคน  ไม่ต้องตื่นตกใจกัน  กลับไปกันก่อนคืบหน้ายังไงจะบอกให้รู้อีกที
ขอบใจทุกคนมากที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้าดินมันน่ะ”
พ่อเขตพูดจบ  ทุกคนจึงพยักหน้าและทยอยกันกลับออกไป


พ่อเขตเดินเข้าบ้านโดยมีขวัญเดินตามมาด้วย  ผู้สูงวัยนั่งลงที่ชุดรับแขกไม้แกะสลักตัวยาว
กอหญ้านั่งลงข้างๆ ท่าน  แล้วโทรศัพท์พ่อเขตก็ดังขึ้น  ขวัญที่หย่อนก้นนั่งถึงกลับลุกพรวดขึ้น
 
“ว่ามาเจ้าทัพ  ห๊ะ! กระสุนฝังในเลยเหรอ  ไหนใครมันบอกไม่เป็นไรมากไง
ผ่าแล้วเหรอ อืม… ย้ายมาที่ห้องพักฟื้น  ปลอดภัยก็ดีแล้ว  เออ! ก็เลือดของแกไงให้พี่แกไป
ตอนนี้ให้ไอ้มิ่งมันเฝ้าอยู่นั่นแหละ  แกก็อยู่ดูเจ้าดินมันไปก่อน  มันจะเอาอะไรเดี๋ยวพ่อให้ไอ้ขวัญ
ตามเอาไปให้  นี่หนูกอหญ้าก็จะไปเยี่ยม  แค่นี้แหละ  จะเอาอะไรของไอ้มิ่งก็ถามมันด้วยล่ะ”
พ่อเขตพูดเสร็จก็วางสาย  และหันมาพูดกับกอหญ้าและขวัญ

“ไปเตรียมตัวกันไปกอหญ้า  อาบน้ำอาบท่ากินข้าวเช้าแล้วไปกับขวัญมัน
เอาเสื้อผ้าพี่แกไปด้วยนะขวัญ  ส่วนของนายดินก็ไปเตรียมชุดให้ใส่กลับก็พอ”
กอหญ้าจึงลุกขึ้น  แล้วหันไปถามพ่อเขตอย่างอดสงสัยไม่ได้

“พี่ดินต้องให้เลือดเหรอครับ  แล้วทำไมต้องเป็นเลือดคุณทัพล่ะครับ”

“หมอว่ามันเสียเลือดตั้งแต่ก่อนถึงโรงพยาบาลแล้ว  กว่าจะผ่ากันเสร็จอีกก็อ่อนแรงมาก
จึงต้องให้เลือด  พวกมันพี่น้องน่ะเลือดกรุ๊ปพิเศษ B- อะไรเนี้ยแหละ  เราก็เลือดกลุ่มนั้น
เหมือนกันนี่กอหญ้า   คราวก่อนเจ้าดินมันก็ให้เลือดกับเราไปนะเห็นมันกลับมาเล่าให้พ่อฟัง”

“อ้าว! เหรอฮะ  กอหญ้าไม่รู้เลยนะครับพ่อเขต  ไม่เคยเจ็บป่วยถึงขนาดให้เลือด
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเลือดกรุ๊ปพิเศษ  แย่จังครับ…ลำบากพี่ดินช่วยไว้หลายเรื่องแล้วสิ”
กอหญ้าหน้าจ๋อยลงถนัดตา  เขาติดหนี้พี่ดินเพิ่มอีกเรื่องแล้ว

“มันไม่ลำบากอะไรหรอก พี่เราน่ะลองมันได้ช่วยใครแล้ว  มันน่ะทุ่มสุดตัวเลยแหละ
เห็นไหมพอเป็นอะไรหน่อยลูกน้องมันก็แห่กันมาเต็มหน้าบ้านไปหมด”
พ่อเขตไม่ได้พูดเกินจริงสักนิด เมื่อเขาได้รับการช่วยเหลือที่สอดคล้องตามนั้นจริงๆ

“ขวัญ  เสื้อผ้าพี่ดินน่ะ  เดี๋ยวผมไปเตรียมให้ก็ได้  ขวัญจะได้กลับไปจัดการตัวเองแล้วก็
ของใช้ของมิ่งด้วย  เอาตามนี้แล้วกันนะ”

“ได้ครับคุณกอหญ้า  ตอนสายๆ ผมจะมารับนะครับ”
กอหญ้าพยักหน้า  แล้วต่างก็พากันแยกย้ายไปจัดการในส่วนของตน
 

กอหญ้าเดินขึ้นไปชั้นบน เขาตรงไปที่ห้องนอนพี่ดิน  ตั้งแต่มาอยู่ยังไม่เคยได้เข้าไปเลยสักครั้ง
พอเปิดเข้าไปก็คลำหาสวิตซ์ไฟ  พอไฟติดพรึ่บก็พบว่าห้องพี่ดินเป็นห้องนอนขนาดใหญ่
ชุดน้องนอนเป็นสีโอ๊ค  และเตียงนอนเป็นขนาดพิเศษ  ผ้าม่านสีน้ำตาลออกเข้มกว่า
ห้องที่เขานอนอยู่ทุกวัน  เครื่องนอนสีขาวสะอาดตาไม่ได้เรียบตึงแสดงว่ามีการใช้งานไปแล้ว

‘แต่เอ๊ะ! เมื่อคืนนี้  ทำไมรู้สึกว่าพี่ดินไปนอนด้วย ดูรางเลือนๆ แล้วความอบอุ่น
ที่ได้รับทั้งคืน  มันคืออะไรกันนะ’

กอหญ้าเลื่อนบานประตูตู้เสื้อผ้าออก

‘เสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวนี่น่าจะดี  คงจะใส่สบาย  กางเกงแบบยางยืดผ้าฝ้ายนี่ก็คงได้
กางเกงชั้นในมีแต่สีดำทั้งนั้นเลยนี่นา  หยิบไปอย่างละตัวแล้วกัน  งั้นก็หากระเป๋ามาใส่
กระเป๋าเอาใบนี้แล้วกัน  นาฬิกาอยู่ไหนนะ  อ้อ…ต้องที่หัวเตียงนั่นละมั้ง  นาฬิกาเรือนนี้
แล้วกัน’

พลันกอหญ้าต้องเบิกตากว้าง  เมื่อภายในกล่องใส่นาฬิกา มีสิ่งหนึ่งวางรวมอยู่ด้วยกัน

‘อะไรเหรอครับพ่อ  เอามาให้ข้าวทำไมครับ’

‘สร้อยพร้อมจี้…มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่ของลูกทิ้งไว้ให้’

‘พ่อเก็บไว้เถอะครับ  ข้าวไม่เห็นว่าจำเป็นต้องใส่’

‘ใส่ติดตัวไว้เถอะนะลูก  ไม่ว่าจะยังไงแม่ก็ได้ให้ชีวิตลูก…เขาให้ลูกได้เกิดมา
ไม่ว่าแม่จะมีเหตุผลอะไรที่ทิ้งพ่อและลูกไป  พ่อก็ไม่เคยโกรธ …เพราะฉะนั้น
ข้าวต้องไม่โกรธแม่นะลูก  ใส่สร้อยนี่ไว้…แล้วสิ่งนี้จะคุ้มครองให้ลูกของพ่อปลอดภัย
จากภัยอันตรายทั้งปวงนะลูก…ข้ามฟ้า…ลูกรัก’

กอหญ้ามือไม้สั่นเทา  น้ำตาไหลอาบแก้ม   เขาคือ ข้ามฟ้า เหนือเวหา
ลูกของพ่อกรณ์กับแม่ทิพย์  พ่อแต่งงานใหม่กับน้าช่อแก้ว  พ่อตายไป
น้าช่อจึงเลี้ยงดูเขามาจนโต  เขาเข้าประกวดจนคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้
จนได้มาเป็นดารา  พี่คะน้า…ขิมบอกให้เลิกกันเพราะไม่คู่ควร…เขามาที่นี่
เชียงใหม่…เพราะอกหัก…หลังจากนั้น…มีรถกระบะตัดหน้า  แล้วก็จำอะไร
ไม่ได้อีก  จนได้มาอยู่ที่นี่…ไร่เขตแผ่นดิน…ตอนนี้ความทรงจำทุกอย่างกลับมาแล้ว

กอหญ้าวางสร้อยกับจี้เส้นนั้นไว้ที่เดิม  พี่ดินคงจะเก็บเอาไว้ให้
สักวันพี่ดินก็คงจะคืนให้กับมือเขาเอง

‘ตอนนี้ยังไม่บอกนะครับพี่ดิน…ว่าข้าวจำทุกอย่างได้หมดแล้ว  ถ้าบอกไป
ทุกอย่างอาจจะไม่เหมือนเดิม…อาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่  ขอโทษนะครับพี่ดิน
ไว้ข้าวพร้อมกว่านี้  ข้าวจะบอกพี่เป็นคนแรกเลย’
กอหญ้าตัดสินใจได้ดังนั้นจึงเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าแล้วหิ้วไปที่ห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำ


กอหญ้าก้าวเท้าเข้าไปในห้องผู้ป่วย  พี่ดินนอนอยู่ที่เตียงโดยมีถุงน้ำเกลือแขวนไว้ที่เสา
ส่วนมิ่งนั่งอยู่ที่โซฟายาว เจ้าตัวผุดลุกขึ้นที่เห็นเขาเข้ามา

“อ้าว! คุณกอหญ้ามากันแล้วเหรอครับ”

“อืม…เดี๋ยวผมเฝ้าพี่ดินให้เอง  มิ่งจะไปหาข้าวกินก็ไปได้เลยนะ  แล้วนี่พี่ดินหลับไปนานหรือยังล่ะ?”
กอหญ้าพูดแต่สายตาก็ไล่สำรวจตามเนื้อตัวของคนที่นอนอยู่

“หลับไปสักชั่วโมงได้แล้วครับ  อีกเดี๋ยวคงจะตื่น  ผมขอไปข้างนอกสักพักนะครับ
อยากจะไปหาที่สูบบุหรี่สักหน่อย  จะลงแดงแล้วครับ  ไปกันเถอะขวัญ”

ขวัญรีบเอากระเป๋าไปเก็บใส่ตู้เสื้อผ้าแล้วคู่แฝดขาวกับดำก็พากันเดินออกไปจากห้อง
กอหญ้าเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเตียง

‘พี่ดินตอนหลับหน้าตาดูอ่อนวัยลงมาก  อายุเท่าไหร่แล้วนะ  พี่ชายใจดี’

อย่างไม่รู้ตัวกอหญ้าเอื้อมมือไปจับมือของพี่ดินมากุมไว้  แล้วก็ยกขึ้นมาจรดที่จมูก
พอเงยหน้าขึ้นก็สะดุดเข้ากับดวงตาเหยี่ยวที่มีประกายวิบวับที่กำลังมองมาไม่กะพริบ
เขาจึงวางมือพี่ดินลงตามเดิม ใบหน้าร้อนผ่าว

‘ตายแล้ว! ทำอะไรลงไปล่ะ แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีล่ะคราวนี้
ดันแอบขโมยหอมมือคนหลับซะได้’

“ยังไงครับ  แอบทำอะไรพี่  ส่งมือมาให้พี่ทำคืนเลย  เร็วครับ…ไม่งั้นพี่โกรธ”

“เอ่อ…พี่ดิน  อย่าล้อสิครับ  ข้าวเป็นห่วงพี่ดินมากเลยนะ  เจ็บมากไหมครับ”

แผ่นดินเงียบไปที่คนที่แอบหอมมือเขาไม่ยอมทำตามที่ขอไป 
แต่เขาก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้คนที่เป็นห่วง หายห่วงไปหน่อย

“พี่ดิน  หมอให้อยู่กี่คืนครับ  แล้วยังปวดแผลอยู่อีกมั้ยอ่ะ  เอ๋...พี่ดิน กอหญ้าทำอะไร
ให้พี่โกรธกันครับ…ทำไมไม่คุยกันเลยล่ะ”

กอหญ้าเลิกคิ้วและนิ่วหน้าเมื่อถูกปล่อยให้พูดอยู่คนเดียว

'ไม่รู้ตัวเลยสิ  ก็นายน่ะแค่เล็กน้อยก็ขัดใจกันได้'

“พรุ่งนี้คงจะได้กลับแล้ว  ปวดแผลเป็นพักๆ แค่นั้น  พี่ไม่ได้โกรธอะไรเราหรอก
แค่ว่า…คืนนี้ต้องนอนไม่หลับเพราะไม่มีตัวอุ่นๆ มาให้กอดนอนน่ะสิ”
แผ่นดินแสร้งพูดไปอีกเรื่อง ทำเอาคนฟังหน้าเหรอ
 
“พี่ดิน  กอหญ้าเป็นผู้ชาย  พี่ดินนี่พูดจาแปลกๆ แล้วใครไปให้กอด  เมื่อไหร่กันครับ  เพ้อเจ้อแล้วนะ”

“นี่จำไม่ได้เลยหรือไง  เราน่ะไม่ยอมให้พี่กลับห้อง  บอกให้นอนด้วยกัน
แล้วก็ซบกับอกพี่หลับไปทั้งคืนเลย  จำไม่ได้เองน่ะสิ”

“อ้าว…ไม่ใช่ฝัน…หรอกเหรอ”
กอหญ้าพึมพำเบาๆ หน้าขึ้นสีเรื่อๆ

แผ่นดินมองคนพูดแล้วยกยิ้มเล็กน้อ ย พอเจ้าตัวสบตามาเขาก็แกล้งตีหน้าขรึมตามเดิม

“พี่อยากกินผลไม้น่ะ ปอกให้พี่กินหน่อย”
คนเจ็บร้องขอขึ้นมาเสียดื้อๆ

กอหญ้าจึงเดินไปที่กระเช้าผลไม้บนโต๊ะ  เห็นนามบัตรเยี่ยม…ครอบครัวผู้ใหญ่อ้วน
แล้วก็ล้วงเอาแอปเปิ้ลมาสองผล  เดินไปที่อ่างซิงค์หน้าห้องน้ำ  เปิดน้ำล้างแล้วจึง
ลงมือปอกเปลือกแอปเปิลและเฉาะเป็นชิ้นๆ ให้คนตัวโตที่นอนรอกิน

“ได้แล้วครับคุณพี่ชาย”
กอหญ้ายกจานใบเล็กไปวางให้ข้างๆ มือ  พี่ดินทำเฉยอีกแล้ว  เขาจึงส่งแอปเปิลเข้าปาก
ไปให้หนึ่งชิ้น  พี่ดินก็อ้าปากงับแถมริมฝีปากยังขบมาโดนนิ้วมือเขาอีกด้วย ทำเอาเขาสะดุ้ง
ส่วนคนทำเคี้ยวตุ้ยๆ และยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีกด้วย

‘อ่อ…เนียนได้อีก แล้วก็เรียกร้องความสนใจนี่เอง’
กอหญ้ามองหน้าคนขี้อ้อน

“ดิน! เป็นไงบ้างวะ  คราวนี้แม่งเล่นกันแรงเลยเนอะ  จับได้ล่ะน่าดู
อ้าว! น้องกอหญ้าก็อยู่ด้วยเหรอครับ”
สารวัตรตรีภพเพื่อนพี่ดินน่ะเอง  แล้วเดินมาไม่รู้ได้เห็นตอนที่เขาป้อนผลไม้
ให้พี่ดินหรือเปล่า  กอหญ้าวางหน้าไม่ถูกแต่ก็รีบลุกขึ้นยืนทักทายคนมาใหม่

“ครับ  พี่ภพ  เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว  ล่ะครับ”
กอหญ้าหันไปตอบ  แล้วรับกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงร่างกายไปวางไว้บนโต๊ะ

“ใครให้เรากลับตอนนี้กอหญ้า อยู่ถึงเย็นๆ เลยค่อยกลับ”
พี่ดินพูดหน้าตาเฉย

“ไอ้ดิน  น้องกอหญ้าเขาก็ยังป่วยไม่หาย  แกจะทรมานน้องไปถึงไหนวะ ไอ้นี่!”
พี่ภพตำหนิพี่ดินออกมาตรงๆ
“เหรอ…ครับคุณตรีภพ  เพิ่งเจอกันครั้งรึสองครั้งนี่ถึงกับเรียกน้องทุกคำ  ไปสนิทสนมนับญาติ
กันตอนไหนไม่ทราบครับคุณศาลาวัด”
พี่ดินแขวะพี่ภพ
 
‘อืม…นั่นสิ  เรียกแบบสนิทสนมจริงๆ ด้วยสิ’
กอหญ้ายืนฟังสองหนุ่มคุยกัน

“คุณแผ่นดินครับ  อย่ามาทำหวงก้างเลยครับ  นี่เพื่อน…นะครับ ไม่ใช่ใครอื่น”
พี่ภพทำหน้าตาขึงขังใส่พี่ดิน

“ผมไม่ใช่สุนัขนะครับ  อีกอย่างไม่นิยมกินก้างด้วยครับ ชอบแบบเนื้อๆ
เน้นๆ ครับเพื่อน”
พี่ดินสวนกลับตานี่ขวางเลยเชียว

‘เขาจะเล่นสงครามน้ำลายรึไงกันพ่อสองคนนี้'

“ไอ้ดิน! ปากดีได้แบบนี้ก็กลับบ้านได้แล้วสิ”
พี่ภพถลึงตาใส่แล้วใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม  กอหญ้าหันมองเมื่อประตูห้องถูกเปิดอีกครั้ง
คนที่เข้ามาใหม่เป็นผู้ชายตัวเล็กหน้าตี๋สวมแว่นสายตาและที่เห็นเด่นชัดคือตัวขาวมาก
และปากก็บางออกสีเรื่อๆ บ่งบอกว่าไม่สูบบุหรี่เหมือนอย่างพี่ดิน  เดินหิ้วกระเช้าเครื่องดื่ม
บำรุงร่างกายเข้ามา

“โอ๊ะ…โอ  น้องธารธารา  น่ะเอง  มาเยี่ยมเพื่อนพี่ด้วยเหรอครับ”
พี่ภพรีบปรี่เข้าไปรับหน้าคนมาใหม่  แต่หนุ่มแว่นกลับชักสีหน้าและกลอกตามองบน
แวบเดียวแต่กอหญ้ายังทันได้เห็น

“เอ๊ะ! คุณศา-ลา-วัดก็มาด้วย ไม่ทราบเลยนะว่าพี่ดินมีเพื่อนเป็นคุณนะเนี่ย
แต่เอ…นิสัยทำไมช่างต่างกันสุดขั้วเสียเหลือเกินล่ะครับคุณสามชาติ”
คนตัวเล็กสวนกลับทันควัน

‘หืม…คู่นี้มวยถูกคู่  สินะ’

กอหญ้าลอบมองไม่วางตา ไหนจะสรรพนามที่เรียกขานกันยังเป็นที่สะดุดหูคนฟังอย่างมาก

“กอหญ้า  นั่นคุณธารา  เป็นนายอำเภอรุ่นน้องพี่เอง  เพิ่งมาประจำที่นี่///ส่วนนี่กอหญ้าน้องชาย
พี่อีกคนนะธารา”
กอหญ้ายกมือไหว้ตามมารยาทซึ่งนายอำเภอหนุ่มตัวเล็กน่าจะอายุมากกว่าเขา
ก็เขาจะ 23 ปี ในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว

“ยินดีที่รู้จักครับ  คุณกอหญ้า  หน้าคุณทำผมรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับใครสักคน
แต่เอ…ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนี่แหละ จริงๆ นะ”
สารวัตรหนุ่มหันมองหน้าคนพูดนิดนึง

‘คนดังเลยนะครับ  คนนี้น่ะ’
 แต่น้องธารของเขาก็จำไม่ได้

“เรียกกอหญ้าเฉยๆ เถอะฮะ  คุณธารา”
กอหญ้าพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าไม่ให้มีพิรุธ  กลัวว่านายอำเภอหนุ่มจะจำได้
ว่าเขาคือ ข้ามฟ้า

“งั้นก็เรียกพี่ว่าพี่ธาราก็พอครับ  กอหญ้า”
แล้วหนุ่มตัวผอมสองคนก็ยิ้มให้กัน  จนแผ่นดินชักจะหงุดหงิดใจขึ้นมา
ไม่ชอบเลยไอ้หน้าตายิ้มแย้มรับแขกเนี่ย

“เดี๋ยวถ้ามิ่งกับขวัญมาก็เตรียมตัวกลับไร่ไปพักผ่อนได้แล้วนะ”
กอหญ้ามองหน้าพี่ดิน  ที่ทำสีหน้าเรียบนิ่งขึ้นมาเฉยเลย

‘นึกจะไล่กลับก็ไล่  ยังไงกันนะ  ตะกี้ยังบอกให้กลับเย็นๆ อยู่เลย’

ประตูห้องพักคนไข้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้เป็นสาวสวยเซ็กซี่ถือกระเช้าเข้ามาอีกคน

“พี่ดินขา  นิชาเป็นห่วงมากๆ เลยนะคะพอได้ข่าวว่าพี่ถูกยิง”
เธอจีบปากจีบคอพูด  หน้าสวยและแต่งแต้มสีสันจนดูจัดจ้าน

“ขอบคุณนะ  ที่มาเยี่ยม”

พี่ดินพูดนิ่งๆ สาวเจ้าก็ยัดกระเช้าใส่มือกอหญ้าให้เอาไปเก็บ
คงเห็นเขาเป็นเด็กรับใช้ไปแล้วละมั้ง

“พี่ดินเจ็บมากไหมคะ  นิชารีบมาอย่างเร็วเลยนะเนี่ย”
เธอเดินหน้าทำคะแนน  ไม่สนใจหนุ่มๆ ในห้องเลย  สนใจแต่พี่ดินคนเดียว
ยืนแทบจะเอานมไปเทใส่หน้าพี่ดินอยู่แล้ว  เห็นแล้วกอหญ้าก็ชักจะหงุดหงิด
อย่างที่เจ้าตัวก็หาสาเหตุไม่ได้

“อ้าว! พยาบาลมาให้ยาแล้ว  ผมว่าพวกเราออกไปกันก่อนเถอะครับ
หายไวๆ นะดิน  ว่างๆ จะเข้าไปหาที่ไร่ขอข้าวสักมื้อ”
พี่ภพพูดแล้วก้าวออกห่างจากเตียง  หมุนตัวจะกลับแต่ไม่วายหันไปหาหนุ่มแว่นอีก

“น้องธารครับกลับกันเถอะ  ไปหาข้าวทานเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”

‘พูดเสียงนุ่มเชียวคืออะไรกันนะพี่ภพ’
 กอหญ้ายังคงมองสองหนุ่มไม่วางตา

“ผมเกรงว่าจะไม่สะดวกครับ  คุณศาลาวัด  ผมต้องไปเยี่ยมคนป่วยอีกหลายราย”
นายอำเภอหนุ่มบ่ายเบี่ยง

“เสียดายจัง  งั้นไว้โอกาสหน้าแล้วกัน  งั้นพี่ไปก่อนนะ น้องธาร”
พี่ภพพูดแล้วเดินออกไป  นายอำเภอหนุ่มเดินตามออกไปพร้อมหันมา
โบกมือให้กอหญ้าและพี่ดิน

“งั้น… นิชากลับก่อนนะพี่ดิน  หายเร็วๆ นะคะ”
ก่อนกลับเธอยังทิ้งสายตาหวานฉ่ำให้พี่ดินด้วย  จนตอนนี้เหลือกอหญ้าและพยาบาลที่มา
ปลดสายน้ำเกลือออก  แล้วจึงวางยาที่ต้องทานหลังอาหารไว้ให้  ก่อนที่จะเดินออกไป

“พี่ดิน  กอหญ้าไปเอาอาหารมาให้นะ  ทานแล้วจะได้ทานยา…แล้วก็นอนพัก
พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านเราแล้วนะครับ”
กอหญ้าพูด  พี่ดินยกยิ้มพอใจ  นี่เป็นรอยยิ้มแรกของวันเลยนะที่ได้เห็น

“พี่ก็คิดถึ ง อยากกลับบ้านเรา  เร็วๆ แล้วสิครับ”
พี่ดินเน้นตรงคำว่าบ้านเรา  ทำเอากอหญ้าชะงัก  แล้วก็เลื่อนอาหารไปตรงหน้าพี่ดิน
นั่งดูคนเจ็บฝืนกินไปครึ่งจาน  คงไม่ถูกปากเสียมากกว่าแล้วก็วางช้อนลง  ก่อนดื่มน้ำตาม
หญ้านั่งเป็นเพื่อนพี่ดิน  จนสักพักให้คนเจ็บทานยา  ไม่นานก็หลับไป  มิ่งและขวัญกลับเข้า
มาพอดี 

กอหญ้าเตรียมตัวกลับบ้าน โดยขวัญมาหิ้วกระเช้าบอกว่าต้องนำไปเก็บที่บ้านในบางส่วน
เพราะวันออกจากโรงพยาบาลจะได้ไม่ต้องหอบหิ้วกันมากมายหลายชิ้น


**********************************************
ขอบคุณ...ที่ชื่นชอบนะคะ สัญญาจะ up ให้อย่างน้อยวันละตอน




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2019 21:59:54 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น้องจำได้แล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 16 พี่ดินคนดื้อ

แผ่นดินได้กลับบ้านในตอนบ่ายของอีกวัน  จากข้อมูลที่ทางตำรวจได้ไปนั้นเขารู้ว่าเป็นงานยาก
อีกงานแล้ว  เพราะหลักฐานอะไรไม่มีหลงเหลือที่จะสืบสาวได้เลย  แผ่นดินรู้สึกมืดแปดด้าน
อีกตามเคย

“พี่ดิน  ทานยาหรือยัง  อยากได้อะไรเรียกนะครับ”
กอหญ้าบอก  เมื่อเห็นพี่ดินเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดและทอดถอนใจไม่หยุด

“หายดีแล้วหรือ  พี่แข็งแรงกว่าเราสิไม่ว่า  พรุ่งนี้ครบกำหนดหมอนัดไม่ใช่เหรอเราน่ะ
เป็นยังไงก็บอกหมอไปนะ  เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน”
พี่ดินย้อนถาม  แทนที่จะตอบคำถามที่กอหญ้าถามไป

“พี่ดินน่ะอยู่บ้านพักผ่อนไปเถอะ  แล้วก็อย่าเพิ่งใช้แขนข้างนั้นมากนัก
แผลอักเสบขึ้นมาจะยุ่งกันใหญ่  กอหญ้าไปกับมิ่งหรือขวัญก็ได้  สบายมากชิลด์”
กอหญ้าพูดเพระไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากอะไร  อีกอย่างเขาก็คุ้นกับลูกน้องสองคน
ของพี่ดินแล้วด้วย  แต่พี่ดินกลับชักสีหน้าไม่พอใจ

“พี่จะไปด้วย  ไม่ต้องพูดเยอะ”
พี่ดินพูดเสียงห้วนและหน้าก็นิ่งเสียด้วย

“พี่ดิน  อย่ามาเอาแต่ใจนะ  บอกว่าไม่ต้องไปก็ไม่ต้องสิ  อย่าดื้อได้มั้ยล่ะ”
กอหญ้าเริ่มเสียงดัง  จนแผ่นดินต้องเหลือบตาขึ้นมอง

‘ใครกันที่เอาแต่ใจ  แล้วก็ดื้อ  ชักจะเลี้ยงยากขึ้นทุกวันแล้วนะ…กอหญ้า’

“กอหญ้า  ถ้าไม่ให้พี่ไป  พี่ก็จะไปทำงานในไร่  ตามนี้…จบนะ”
พี่ดินยื่นคำขาดออกมา

“เอ๊ะ! พี่ดิน  ไม่คุยด้วยแล้ว  ดื้อจริง!!”
กอหญ้าพูดเสียงสะบัดแล้วจ้ำอ้าวๆ เข้าออฟฟิศไป

แผ่นดินถูกปล่อยให้นั่งเหงาอยู่คนเดียวข้างนอก  จนเกือบครึ่งค่อนวัน  ชายหนุ่มอดรน
ทนไม่ไหวจึงเดินไปเมียงๆ มองๆ ก็เห็นคนตัวบางก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานอยู่หน้าจอ
คอมพิวเตอร์โดยมีชานนท์ยืนอยู่ข้างๆ ใช้นิ้วจิ้มๆ ชี้ๆ สอนงาน แผ่นดินเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจ


หมุนตัวกลับไปเอนหลังที่โซฟาตามเดิมแล้วก็ผล็อยหลับไป  สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียง
คนเถียงกันอยู่หน้าบ้าน  มองออกไปเห็นเพชรที่เดินหน้าตื่นเข้ามา

“นายดินครับ  คุณนิชามาครับ…แต่เจอคุณระริน  ตอนนี้มีปากเสียงกันครับ
นายดินจะไปดูหน่อยไหม”
แผ่นดินพยักหน้าให้พชร  แล้วลุกเดินออกไปยังที่มาของเสียง

“ฉันมาเยี่ยมพี่ดินมันเกี่ยวอะไรกับเธอ  ขวางทางทำไม  ของที่พี่ดินทิ้งแล้วเค้าไม่หยิบ
ขึ้นมาให้เปื้อนมืออีกหรอก  หลีกทาง!”
นิชาพูดอย่างที่คิดว่าตัวเองมีดีกว่าอดีตภรรยาของผู้ชายที่เธอหมายปองมานาน

“นั่นมันเรื่องของฉัน! แกไปเลยนะนังผู้หญิงบ้า  รู้ไว้ด้วยนะ  ของที่ฉันโละแล้วฉันก็ไม่คิด
จะเอาเหมือนกัน  แต่ฉันไม่ต้องการให้ลูกสองคนมีแม่เลี้ยงอย่างหล่อน  ออกไป!!”
ระรินโต้กลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน

“อะไรกัน! สองคนนี้! ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสด  ถ้าจะทะเลาะกันนู้น! ไปข้างหน้า”
แผ่นดินโผล่หน้าออกไปห้ามทัพ  เห็นทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมใคร
เขาพูดออกไปอย่างไม่รักษาน้ำใจใครสักคน  สองสาวชะงักทันที

“พี่ดินขา  นิชามาเยี่ยมค่ะ  แต่ยัยป้านี่น่ะมาขวางทาง  แล้วยังว่าพี่ดินเสียๆ หายๆ อีกด้วยนะคะ”
นิชาปรี่เข้าไปจับมือถือแขนชายหนุ่มอย่างสนิทชิดเชื้อ

“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว  จะเป็นก็ตรงที่หาความสงบไม่ได้นี่แหละ  กลับกันไปเถอะ”
ชายหนุ่มพูดตัดบท

“อะไรกันดิน  รินมายังไม่ทันได้เจอลูกก็ไล่แล้ว  ยัยหนูอยู่บ้านนี่แกยังไม่เข้าเรียน
อย่ากีดกันนักเลย”
ระรินสวนทันควั น และบอกเหตุผลที่มาวันนี้

“ได้! อยากเจอลูกนักก็ไปเจอ! เพชรๆ ให้แตงโมพาน้องออกมา แต่ถ้านอนไม่ต้องปลุกนะ”
เพชรวิ่งเข้าไปในห้องด้านในซึ่งใบข้าวอยู่กับพี่เลี้ยง  สักพักเด็กหนุ่มก็กลับออกมา

“น้องหลับครับ”
เพชรรายงาน

“ได้ยินแล้วนะ  เธอจะอยู่รอลูกตื่นหรือว่าจะกลับก็เลือกเอา”
ชายหนุ่มหันไปพูดกับอดีตภรรยา

“ปลุกสิดิน  รินซื้อตุ๊กตามาให้  เดี๋ยวค่อยให้แกนอนใหม่ก็ได้”
ระรินโพล่งออกมาทำเอาแผ่นดินเลือดขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ระริน!!  ถ้าความเป็นแม่ที่เธอได้แต่พร่ำๆ เรียกร้อง  เธอยังมีให้ลูกไม่ได้เลย
เธอก็ไม่สมควรที่จะมาแสดงตัวว่าเป็นแม่!!  เด็กนอนกลางวันน่ะ! ไม่รู้เหรอไง!
ถ้านอนไม่พอจะเป็นยังไง  แค่นี้เธอยังคิดเองไม่ได้  รอไม่ได้ก็กลับไปซะ!!”
แผ่นดินพูดเสียงแข็งอย่างหมดความอดทนกับอดีตภรรยาแล้วจริงๆ

“ดิน! นี่ไล่กันอีกแล้วเหรอ  บอกตรงๆ นะ  ถ้านายให้สิทธิ์พาลูกไปไหนมาไหนได้บ้าง
ฉันคงจะไม่ต้องมาทนยืนอยู่ตรงนี้หรอก  เบื่อ!!!”
พูดแล้วระรินก็สะบัดหน้าเดินกระแทกเท้ากลับไปขึ้นรถ  เสียงปิดประตูรถดังปัง!
แล้วรถก็แล่นออกไปอย่างเร็ว

“พี่ดิน ไหนๆ แม่นั่นก็กลับไปแล้ว  ไปทานข้าวเย็นกับนิชาสักมื้อได้ไหมคะ
เดี๋ยวนิชามาส่งพี่ดินเอง”
นิชาเข้ามาเกาะแขนออดอ้อน

“คุณนิชาครับ  นี่ไม่รู้เลยหรือไงกันว่าพี่ดินน่ะป่วยอยู่  จะพาไปตะลอนๆ ได้ยังไง
ข้าวบ้านนี้ก็มีให้กิน  ลูกเต้าก็ตั้งสองคนที่ต้องดูแล  ต้องพาเข้านอนยังจะพาไปนู้น
ไปนี่อีก ไม่มีสมอง!!!”
กอหญ้าที่ออกมาทันได้ยินทั้งเมียเก่าและคนที่อยากจะมาเป็นเมียใหม่
อดรนทนไม่ไหวต้องสอดมือเข้าไปจัดการ

แผ่นดินหันมองคนตัวขาวอย่างนึกทึ่งที่ออกหน้าจัดการแทนเขา  ที่เบื่อหน่ายเต็มทีแล้ว

“แก!!! ไอ้คนรับใช้  ยุ่งอะไรด้วย  ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแกซะหน่อย”
นิชาเต้นเร่าๆ ชี้หน้ากอหญ้ามือไม้สั่นที่ถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ

“นิชา! กอหญ้าเป็นญาติแล้วก็เป็นน้องผม  ให้เกียรติกันหน่อย  ขืนคุณล่วงเกินคนในบ้าน
ก็เท่ากับล่วงเกินผมนะ”
แผ่นพูดขึ้นเสียงกร้าวพร้อมกับชักสีหน้า  จนนิชาหน้าถอดสีหันมามองหน้าคู่กรณีอย่างไม่พอใจ

“เอ่อ…งั้น…นิชากลับก่อนก็ได้ค่ะพี่ดิน  หายไวๆ แล้วกันนะคะ”
นิชาสะบัดหน้าใส่กอหญ้าก่อนเดินออกไป  แล้วเสียงกระแทกประตูรถก็ตามมาให้ได้ยิน
รถแล่นออกไปอย่างเร็วไม่ต่างจากคันก่อนหน้านี้

จังหวะนั้นก็มีรถสวนเข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าบ้านแทนคันที่เพิ่งออกไป
กอหญ้าเห็นหนุ่มผิวเข้ม  หน้าตาธรรมดาๆคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ

“อ้าว! นั่นคมกฤชนี่  หึหึ  สนุกอีกแล้วสิ”
พี่ดินพูดออกมาใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ทำไมล่ะ  พี่ดิน  อย่าบอกนะว่าคนนี้ก็มาชอบพี่ดินอีกคนน่ะ”
กอหญ้าทำตาโต  คิดไปไกล

“เห๊ย! ไม่ใช่ๆ อย่าเดาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้สิ  สยองเลย  ถ้าอยากรู้ก็ต้องรอดู”
แผ่นดินพูดแล้วยักไห ล่ พอเห็นหน้าผู้มาใหม่ใกล้ๆ กอหญ้ารู้สึกว่าคนนี้เป็นหนุ่ม
ที่มีความเป็นมิตรสูง  เพราะยิ้มโชว์ฟันขาวมาแต่ไกล

“สวัสดีครับพี่ดิน  แล้วก็คุณกอหญ้าสินะครับ  น้องชายคนใหม่ของพี่ดิน
ตัวจริงหล่อไม่เบาเลยได้ยินแต่มิ่งกับขวัญพูด  ได้เห็นตัวจริงแล้วนะครับ
ผมคมกฤช  เป็นเกษตรอำเภอของที่นี่ครับ  อ้าว! เงียบกันหมดเลยเหรอครับ”
คมกฤชทักออกไป  แต่คนที่เขาทักกลับอ้าปากค้างเสียอย่างนั้น

“น้อยๆ หน่อยเจ้ากฤช  ไม่เพราะว่ามาถึงนายก็เอาแต่พูดๆ รึไง
แล้วจะเอาช่องว่างที่ไหนให้พี่กับกอหญ้าพูดกันล่ะ”
แผ่นดินเบรกคมกฤชไว้ก่อน  เมื่อหาจังหวะพูดได้แล้ว

“อ่อ…จริงด้วยสิครับ  ไอ้ผมต้องเข้าหาคนพบปะพูดคุยทั้งต้องยืนบรรยาย
จนน้ำไหลไฟดับมันก็เลยติดตัวมาจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว  พี่ดินยังไม่ชินกับผมอีกเหรอครับ
แล้วนี่คุณชานนท์ของผมอยู่หรือเปล่า   ผมไปออกพื้นที่เสียหลายอาทิตย์ไม่เจอหน้าเลย
คิดถึงเอามากๆ ผมไม่เกรงใจแล้วนะพี่ดิน  ขอผมไปดูเองเลยแล้วกัน
ไปก่อนนะคุณกอหญ้า”
ขนาดพี่ดินติงที่มาถึงก็เอาแต่พูดๆ ไปนะ  เจ้าตัวก็ยังจะพูดไม่หยุดปากอีก
แล้วก็ผละไปที่ห้องทำงานที่คุณชานนท์อยู่

‘แล้วที่บอกคิดถึงนี่อย่าบอกนะว่า…หืม…หรือนี่จะเป็นเรื่องสนุกที่พี่ดินพูดกันนะ’
กอหญ้าได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

“ตามนั้นแหละ  ตามที่คิดเลย  เห้อ! เจ้านนท์นะเจ้านนท์  เกิดเป็นที่ต้องตาต้องใจเขาเข้าแล้ว”
พี่ดินพูดแล้วยิ้มขำ  กอหญ้านิ่วหน้าขำไม่ออก  เพราะมัวคิดตาม  คุณนนท์เนี่ยนะ
ไม่เห็นจะมีทีท่าอย่างนั้นเลย  กอหญ้าก็พ่นลมหายใจยาว  เพราะพี่ดินเองก็ไม่ได้มีทีท่าเหมือนกัน
ว่าจะชอบเพศเดียวกัน  แต่พักหลังๆ นี่ทำอะไรแปลกๆ ชักจะเข้าเค้า

“เพชรๆ ไปบอกป้าสายทำอาหารเพิ่มให้แขกอีกสองคนนะ”
พี่ดินหันไปเรียกเพชรที่เดินผ่านมา

“พี่ดินจะมีแขกมาทานมื้อเย็นเหรอครับ”
กอหญ้าถามออกไปอย่างสงสัย

“แขกที่ไหนกันล่ะ  ก็เจ้านนท์กับเจ้ากฤชนั่นแหละ  พี่เคยบอกว่าจะเลี้ยงข้าวมัน
เอาเป็นวันนี้เลยแล้วกัน”
กอหญ้าพยักหน้าเข้าใจ  แล้วตั้งท่าจะเดินไปที่ออฟฟิศเพื่อช่วยงานคุณนนท์

“ไม่ต้องไปทำแล้วงานห้องนั้นน่ะ  อยู่เป็นเพื่อนคุยกับพี่ก่อนใกล้มื้ออาหารแล้ว
อีกอย่างปล่อยให้สองคนนั้นเขาอยู่ด้วยกันไปก่อน  ไม่ได้ยินเหรอที่คมกฤชมัน
พูดว่าคิดถึงเจ้านนท์มันน่ะ”
กอหญ้าชะงักแล้วจึงนั่งลงที่โซฟาข้างๆ กัน  ส่วนพี่ดินก็ลุกไปหารีโมทมาเปิดทีวี
เป็นละครที่รีรันให้ดูน่ะเอง  กอหญ้านั่งจ้องไม่วางตาเพราะเป็นละครที่เขาแสดงไว้
นานมากแล้ว  ดูไปยิ้มไปจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนนั่งมองหน้าเขาแทนที่ตาจะมองที่จอทีวี


แผ่นดินมองนักแสดงที่ออกมาโลดแล่นอยู่นอกจอ  ตอนที่กอหญ้าปะทะคารมกับระริน
เขาดูว่ากอหญ้าเปลี่ยนไปมาก  ดูเป็นคนเอาจริงเอาจัง  ไม่ยอมลงให้ใคร  มีหลายอย่าง
ที่เจ้าตัวมักหลุดพูดออกมา  ทั้งแทนตัวเองว่า  ข้าว  ก็ออกบ่อย  หรือว่าเวลาที่เขากลัว
จะใกล้เข้ามาแล้ว  ข้ามฟ้าตัวจริงกำลังจะมา  แล้วกอหญ้าของเขาก็กำลังจะหายไปอย่างนั้น
หรือเปล่า

“นายดินครับ  ผมจัดตารางเวรยามมาให้ใหม่  จะดูเลยไหมครับ”
ชานนท์เดินเข้ามาเรียก  จนแผ่นดินถึงกับสะดุ้ง

“อืม…ก็เอามาสิ  แล้วนนท์กับกฤชก็อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนนะค่อยกลับ
ผมบอกป้าสายให้เตรียมแล้ว  วานไปบอกเจ้ากฤชให้ด้วยล่ะ”
แผ่นดินเอื้อมมือไปรับแฟ้มงานมาเปิดดู  แล้วก็ชวนให้ชานนท์อยู่ทานมื้อเย็น
 
“หึ้ย! นายดิน  ที่ผมรีบมาส่งงานเพราะว่าจะรีบหนีกลับบ้าน  นายดินก็ยังจะทำแบบนี้อีก
ผมน่ะรำคาญจะแย่! คนบ้าอะไรพูดมากพิลึก  ผีเจาะปากมารึไงก็ไม่รู้”
ชานนท์หน้าบอกบุญไม่รับทันทีที่ถูกชวนให้อยู่ต่อ

“นนท์  อย่าพูดไปนะนายน่ะ  ถ้าวันนึงเขาหายไปจริงๆ อย่างปากนายพูดนะ
นายนั่นแหละจะเหงา  คุยๆ ไปเถอะนะ เขาก็เป็นคนดีนี่เจ้ากฤชน่ะ ไม่มีพิษไม่มีภัย
อะไรกับใคร คุยๆ ไปเหอะ”
แผ่นดินโน้มน้าวเพื่อให้ชานนท์โอนอ่อนลงบ้าง

“นายดิน  ผมจะบอกอีกเป็นรอบที่ร้อยนะว่า… ผมเป็นผู้ชาย!  แมนเต็มร้อยแล้วก็
หล่อมากด้วย…จบนะครับ”
 แล้วชานนท์ก็เดินหน้าตึงกลับออฟฟิศไป

“พี่ดิน  อย่าไปแกล้งคุณนนท์นักเลยครับ  คนเราน่ะต่อให้แรงเชียร์จะมากแค่ไหน
หากเขาไม่ใช่คู่กัน  สุดท้ายก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี  ส่วนอีกประเภทต่อให้มีคนขัดขวาง
หรืออุปสรรคมากมายรอบด้านแค่ไหน  หากว่าจะเป็นคู่กันมันก็คือใช่  หนีกันไม่พ้นหรอกครับ”

กอหญ้าบอกเล่าตามความคิดส่วนตัวที่เขาเข้าใจให้แผ่นดินฟัง  ชายหนุ่มนิ่งฟังทั้งคารมและ
ความคิดขนาดนี้  นี่หรือไง  คนป่วยของใครๆ เขาน่ะ

“อืม…พี่ก็ไม่ได้จะยัดเยียดความคิดหรือจับคู่ให้ใครนี่  เพียงแต่ไม่อยากให้คนบางคนที่ไม่รู้
ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง  แล้วต้องปล่อยมืออีกคนหลุดไป…ก็แค่นั้นเอง”

‘พี่ดินพูดด้วยน้ำเสียงเหงาๆ อีกแล้ว  เป็นอะไรของเขากันนะช่วงนี้’

กอหญ้ามองหน้าคนพูด  ที่ดูไม่ออกว่าต้องการสื่ออะไรหรือเปล่า

“แต่คนบางคนเขาอาจจะรู้ใจตัวเอง…แต่เขาแค่ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น
ก็ได้นะครับ  พี่ดิน”
กอหญ้าพูดออกมา  แผ่นดินหันขวับมองหน้าคนพูด

“ถ้าไม่พูด…ไม่แสดงออกมา  ใครเขาจะไปรู้…ว่าใจตรงกันหรือเปล่า”
กอหญ้าเบนหน้ามองไปทางอื่น  พี่ดินพูดเหมือนว่ามีนัยยังไงก็ไม่รู้

“พี่ดินตรวจตารางเวรให้คุณนนท์ไปสิครับ  จะได้แก้ไขไปเลยถ้าไม่ชอบใจตรงไหน
เราจะได้เริ่มเอาไปใช้งานจริงเร็วหน่อย”
กอหญ้ารีบเบี่ยงประเด็นให้แผ่นดินหันไปสนใจงานในมือแทน

“ร้ายนักนะเรา หึหึ”
พี่ดินก็เปิดแฟ้มงานในมือ  เป็นการปิดฉากการสนทนาของเขาสองคน



แขกอีกสองคนที่ร่วมโต๊ะอาหารดูจะเป็นตัวทำให้มื้อเย็นวันนี้ครื้นเครงไม่ใช่น้อย
โดยเฉพาะคุณกฤชที่มีการพูดจาหยอกเย้าจนคุณนนท์งอนไปก็หลายหน
แต่สุดท้ายก็กลับมาคุยกันแบบปกติดี

‘นั่นสินะ! ไม่ใช่ไม่รู้ใจตัวเองหรอกนะ  คุณนนท์’

กอหญ้าลอบสังเกตสองหนุ่ม  ส่วนพี่ดินก็คอยตักอาหารมาให้ไม่ได้หยุด
โดยไม่รู้ว่าชานนท์เองก็มองกอหญ้ากับนายดินอยู่เหมือนกัน  เพราะตอนที่
ชานนท์เอางานไปให้เขาเห็นนายดินเอาแต่นั่งมองหน้าคุณกอหญ้าที่สนใจ
แต่ดูละคร  พอเรียกถึงกับสะดุ้งสุดตัวแบบนั้น

'ตัวเองน่ะเป็นซะเอง จะหาพวกสิ หึ'
ชานนท์ขบคิด

ทานอาหารกันเสร็จ   แขกก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  เหลือแต่คนที่บ้านที่พากันนั่งดูละครหลังข่าว
ต่ออีก  กอหญ้าดูได้ช่วงหนึ่งก็ขอตัวขึ้นห้องนอน  ปล่อยคุณย่ากับพ่อเขตดูกันต่อสองคน
ส่วนพี่ดินเห็นเล่นอยู่กับลูกๆ อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 17 จับขโมย

กอหญ้านอนหลับไปได้สักพัก  ก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงดังมาจากห้องพี่ดิน
จึงลงจากเตียงเดินไปหยุดที่หน้าห้อง  เสียงเงียบไปแล้ว  จึงตัดสินใจหมุนลูกบิด
เห็นว่าไม่ได้ล็อก  เปิดเข้าไปเห็นแสงไฟจากโคมดวงเล็ก  ส่องให้พอจะมองเห็น
คนที่นอนอยู่บนเตียงนอนกว้างได้บ้าง

“พี่ดินครับ  กอหญ้าเอง  พี่ดินเป็นอะไรหรือเปล่า  เมื่อตะกี้มีเสียงดังมาจากห้องพี่”
แผ่นดินหันมองคนที่เดินมาหยุดข้างๆ เตียง  เขาจึงใช้ฝ่ามือตบปุๆ ข้างตัวให้คนมาใหม่นั่ง

“นั่งก่อนสิกอหญ้า  ขอโทษทีที่ทำให้ตกใจตื่น”
พี่ดินพูดน้ำเสียงงัวเงีย

“แล้วมันเสียงอะไรกันล่ะครับ”

“แมวมันกัดกันอยู่นอกหน้าต่าง  พี่รำคาญจึงเปิดออกไปจะไล่มันแต่กระแทกถูกกระถางต้นไม้
ที่พี่เคยเอามาวางตากแดดไว้…ตกแตกเลย”
แผ่นดินเล่าให้คนตัวบางฟัง

“อ่อ…อย่างนี้นี่เอง  งั้นพี่ดินนอนเถอะ  กอหญ้าจะไปนอนแล้วเหมือนกัน  ฝันดีครับ”

กอหญ้าลุกจากเตียง  ยังไม่ทันก้าวเท้าก็ถูกเจ้าของห้องลุกพรวดจากที่นอนรวบตัว
เขาไปกอดไว้เสียแน่น

“นอนเป็นเพื่อนพี่นะ  เนี่ยพี่ง่วงจนตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว  นอนข้างนี้เนอะจะได้ไม่ถูกแผลพี่”
แผ่นดินขยับไปอีกฟากของเตียง โดยที่ลากอีกคนให้นอนลงข้างๆ

“พี่ดิน  นอนไปเลยครับ  ข้าวจะไปนอนห้องนู้น”
กอหญ้าขืนตัวจะลุกแต่ถูกรัดไว้แน่นอย่างกับงูรัดเหยื่อก็ไม่ปาน

“อย่าดื้อสิ…เด็กดี…นอนได้แล้ว  ถ้าดิ้นอีกโดนแผลพี่เลยนะเนี่ย
ถ้าเลือดออกต้องทำแผลให้พี่ใหม่ด้วยล่ะ”
พี่ดินเอาแผลมาอ้างจนกอหญ้าต้องนอนลงบนหมอนอีกใบอย่างจำยอม

“มาใกล้อีกหน่อยสิ  พี่ยังไม่ได้บอกฝันดีเลย”

พี่ดินโน้มใบหน้าลงมาใช้ริมฝีปากจูบลงที่หน้าผาก  ย้ายไปที่เปลือกตาและจมูก
แล้วก็ประทับริมฝีปากหนาลงมาที่ริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา  ก่อนที่จะผละตัว
ออกไปนอนหนุนหมอนตัวเอง  โดยวงแขนยังสวมกอดกอหญ้าไว้หลวมๆ และงึมงำ
บอกฝันดี  สัมผัสของพี่ดินทำเอากอหญ้าหวาบไหวอยู่ภายในอก  ความอ่อนโยน
ละมุนละไมที่ได้รับ  หากวันหนึ่งต้องเสียไปจะทำอย่างไร

‘พี่ดินข้าวจะอยู่อย่างนี้ไปตลอดเลยได้ไหม  ข้าวไม่อยากไปไหนแล้ว…หากเป็นไปได้
ขออยู่เป็นกอหญ้าของพี่ดินจะได้ไหม’

เสียงพร่ำบ่นในใจดังก้องในโสตประสาทจนกระทั่งหลับไป


เช้ามืดเป็นเวลาที่แผ่นดินต้องตื่น  แต่เพราะแขนยังไม่หายดี  จึงให้ฐานทัพรับหน้าที่ไปตรวจไร่แทน
ฐานทัพตื่นขึ้นมาจึงไปยืนหน้าห้องพี่ชาย  เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ  แล้วจึงเรียกพี่ชาย

“พี่ดิน…ขอปืนหน่อยพี่  จะไป  เอ่อ…คือ…หืม?”
ฐานทัพพูดไม่ทันจบประโยค  ภาพที่เห็นทำให้ไปไม่เป็น  พี่ดินนอนกอดใครสักคนอยู่บนเตียง
แสงสลัวของโคมไฟทำให้ได้เห็นพี่ชายยกมือจุ๊ปากไม่ให้ส่งเสียง  แถมคนในอ้อมแขนยังซุกหน้า
เข้าหาแผงอกพี่ชายอย่างรำคาญที่มีเสียงมารบกวน  พี่ดินชี้มือไปที่ตู้เสื้อผ้า

ฐานทัพอึ้งอยู่อึดใจก่อนจะสาวเท้าไปที่ตู้เสื้อผ้า  เขาเลื่อนบานประตูตู้…พอได้ของที่ต้องการแล้ว
ก็ไม่วายหันไปมองพี่ตัวเองอีกครั้ง  พี่ดินโบกมือไล่

‘ขี้หวงเสียด้วยสิ  ขอดูหน่อยก็ไม่ได้’

ฐานทัพเดินแบบ  เบลอๆ ออกไปจากห้องนอนของพี่ชาย  โดยไม่ลืมกดล็อกประตูให้ด้วย
แล้วก็พึมพำกับตัวเอง

“พี่ดินกับคุณกอหญ้า  ไม่ผิดแน่ๆ พี่ดินนะพี่ดิน  ทำไมเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ โอ๊ย!
นี่เราไม่ได้ฝันนี่หว่า”
ฐานทัพดึงทึ้งหัวตัวเองจึงรู้ว่าไม่ได้ฝันไป  แล้วก็จ้ำอ้าวๆ ออกไปจากบ้าน
ตรงไปที่รถจี๊ปแล้วขับไปยังท้ายไร่



เมื่อไปถึงก็จอดรถและดับเครื่อง  ถึงแม้พระจันทร์จะเต็มดวง  แสงจันทร์พอให้มองเห็นบ้างก็ตาม
ฐานทัพก็ไม่ลืมที่จะฉวยไฟฉายกระบอกใหญ่ติดมือไปด้วย  เพราะเขากลัวจะเดินไปเหยียบถูกเจ้า
พวกสัตว์เลื้อยคลานมีพิษเข้า

ชายหนุ่มเดินดุ่มๆ เข้าไปในแปลงส้มที่มีกำหนดจะเก็บผลกันในตอนสายของวันนี้
ฉับพลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเงาตะคุ่มสองสามคนที่ไม่น่าจะมาดีแน่

‘เฮอะ  เจอจนได้พวกหัวขโมย  กำลังลำเลียงกระสอบแบกขึ้นหลังกันอยู่พอดี
มาเก็บแทนเจ้าของกันเลย  คิดดีนี่’
ฐานทัพยกปืนขึ้นแล้วยิงขึ้นฟ้าไปหนึ่งนัดเป็นการข่มขวัญ  ผลปรากฏว่าไอ้พวกหัวขโมย
แหกปากร้องลั่น  และทรุดตัวลงนั่ง  ยกมือขึ้นไหว้กันประหลกๆ

“อย่าครับ  อย่ายิง! ไว้ชีวิตพวกผมด้วยเถอะครับ…นาย…อย่ายิงพวกผมเลยครับ”

หนึ่งในนั้นพูดขึ้นเสียงสั่นๆ ฐานทัพเปิดไฟฉายแล้วส่องดูหน้าคนพูด
ถึงกับอึ้งไปเลยเมื่อเห็นหน้า

‘เด็กนรกนี่เอง  เห็นบ่อยๆ ในตลาด’

ฐานทัพยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีคนงานกรูกันเข้ามาหาเขาสามสี่คน
ทั้งหมดไม่ได้มามือเปล่ามีทั้งไม้หน้าสาม  จอบหรือแม้แต่เสียมก็ติดมือมาด้วย

“นายครับ  นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
ชายคนหนึ่งร้องถามก่อนที่ตัวจะมาถึงด็วยซ้ำ

“ไม่เป็นไร…รู้จักสามตัวนี่มั้ย  เป็นลูกหลานใครในไร่หรือเปล่า  ริอ่านเป็นขโมย”
ฐานทัพพูดน้ำเสียงกระด้าง  และอ่อนอกอ่อนใจในตอนท้าย

“ไม่ใช่ลูกหลานของพวกเราหรอกครับนายทัพ…เอางี้!
เดี๋ยวพวกผมจับมันส่งตำรวจเลยแล้วกัน  ดีนะครับที่พวกผมเดินเวรผ่านมาพอดี
ได้ยินเสียงปืนก็รีบมากันเลย”
คนงานชายตัวใหญ่พูดขึ้น

“อืม…ฝากด้วยล่ะ”

ฐานทัพขยับตัวกำลังจะก้าวขาไปที่รถ  แต่ถูกหัวขโมยทั้งสามเข้ามากอดขาไว้เสียก่อน

“นายทัพ  อย่าส่งพวกผมให้ตำรวจเลยนะครับ  ถ้าพ่อกับพี่ชายผมรู้
ผมคงติดคุกหัวโตแน่ๆ แถมโดนกระทืบซ้ำอีกด้วยไม่มีใครประกันตัวพวกเราแน่ๆ
ปล่อยพวกผมสักครั้งเถอะครับ  ถือว่าเอาบุญ…ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
ฐานทัพมองหน้าทั้งสาม  เริ่มเห็นหน้าชัดขึ้น  เพราะฟ้าเริ่มสางมาก

“ถ้าพวกมึงไม่อยากติดคุก  เอาอย่างนี้…ไปทำงานชดใช้ค่าเสียหาย…ทั้งเดือน
จะทำหรือจะยอมติดคุกก็เลือกมา”
ฐานทัพพูดออกไป  ถือว่าเป็นการปรานีแล้ว

“ทำครับนาย…ว่าไงวะ…ป้าย โอ่ง”
หันไปถามเพื่อนอีกสองคนที่ก้มหน้าตัวสั่นงันงก

“ทำสิวะ…ไอ้ขนุน  ใครจะยอมติดละวะ! คุกเลยนะเว่ย! เพราะหัวหน้านั่นแหละ
พวกเราถึงซวยแบบนี้  ดันไปหลอกสาวว่าที่บ้านทำสวนส้ม  เวรแท้ๆ”
หนึ่งในคนที่ก้มหน้าพูดขึ้น  ทำเอาฐานทัพหนังตากระตุกที่ได้ยินอย่างนั้น

“อ้อ! มีผู้บงการด้วย  ดีเลยให้มันมาทำไร่ส้มอย่างที่มันอวดสาว  มึงบอกมาเดี๋ยวนี้!
ว่ามันเป็นใคร!! ?”
ฐานทัพหันไปตะคอกเพื่อเค้นเอาความ

“บอกไปพวกผมก็ถูกกระทืบสิครับ…นายทัพ…ยะ..อย่าให้พวกผมพูดเลย
นะครับ…ผมขอร้อง”
ไอ้คนชื่อขนุนอ้อนวอน  ดูมันกลัวเอามากๆ มองเพื่อนที่หลุดปากออกมาอย่างเคืองๆ
 
“นายทัพ  ไอ้สามตัวเนี่ย  มันเป็นสมุนนายกองพล  ลูกชายเสี่ยวิรัชนี่ครับ
ผมเห็นเวลาไปไหนมาไหนมันจะยกกันไปเป็นโขยงเดินตามก้นไปทุกที่เลยนะครับ”

พอมีคนเอ่ยชื่อตัวหัวหน้าออกมา  สามโจ๋ก็พากันสะดุ้งสุดตัว  มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ออกพิรุธขนาดนั้น  ฐานทัพเหยียดยิ้ม

“นายทัพครับ  พวกผมสามคนก็ยอมทำงานในไร่ให้ตั้งเดือนนึงแล้วนะ
อย่าถึงกับเอาความลูกพี่ผมเลยครับ  ผมขอร้องล่ะ”
ขนุนพูดขอร้องพร้อมยกมือไหว้  กลัวกันถึงขนาดนี้  ฐานทัพมองหน้าคนพูดพร้อมแสยะยิ้ม

“เออ!!! ถ้างั้นตลอดหนึ่งเดือนห้าม! ใครไปรับใช้ไอ้กองพล  หากไม่เชื่อ
กูนี่แหละ! จะไปลากตัวลูกพี่พวกมึงมาทำไร่แทน ไปพวกเรา! คุมตัวพวกมันไป
หากใครมันไม่ให้ความร่วมมือมาบอก  จะจัดให้อย่างหนัก!”
พูดจบฐานทัพก็หมุนตัวเดินออกไป  คนงานทุกคนรู้ว่าพี่น้องไร่เขตแผ่นดินเหมือนกัน
ก็ตรงที่เด็ดขาด  พูดคำไหนเป็นคำนั้น


ฐานทัพกลับเข้าไปในบ้าน  เหมือนว่าพี่ชายกับพ่อของเขาจะรู้เรื่องแล้ว
ว่าเขาจับขโมยได้ ข่าวไวจริงๆ

“ดีนะเนี่ย! ที่เจ้าทัพมันไปทัน ไม่งั้นมันคงขนกันเปรมไปเลย”
พ่อเขตพูด

“ฮะพ่อ  ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ เห็นเดินเกะกะเกเรอยู่ในตลาดออกบ่อย  ริอ่านเป็นขโมย
ไม่รู้ว่าเป็นลูกหลานใคร  ผมละปวดหัวแทนพ่อแม่พวกมันจริงๆ”
ฐานทัพเล่าเพิ่มเติม

“แกก็ลงโทษแค่พอให้มันหลาบจำ …อย่าได้ลงไม้ลงมือหรือทรมานอะไรมันกันล่ะ
ยังไงพวกนั้นก็เป็นลูกหลานของคนเมืองนี้  แค่มันเกเรพ่อแม่มันก็ช้ำใจพอแล้ว”
พ่อเขตพูดเป็นเชิงขอไม่ให้ลูกชายทำอะไรรุนแรงกับหัวขโมย

“ครับพ่อ  เดี๋ยวผมจะไปกำชับคนของเราอีกที  แค่พอให้เด็กพวกนั้นมันกลับออกไปจากไร่
แล้วเป็นคนดีกับเขาบ้างก็คงพอเนอะ”
พี่ดินพูดขึ้นบ้าง  กอหญ้ามองพ่อลูกครอบครัวนี้แล้วอดที่จะซึ้งใจไม่ได้ที่ตัวเองได้มารู้จัก
ได้มาสัมผัส  ช่างมีจิตใจดีกันจริงๆ ตั้งแต่พ่อมาสู่ลูก  ลูกน้องแต่ละคนถึงได้เทิดทูลรักใคร่กันนัก

“กอหญ้า  กินข้าวเช้าเสร็จก็เตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ  เดี๋ยวให้เจ้ามิ่งมาขับรถให้
พี่จะไปเป็นเพื่อนด้วย …ห้ามดื้อล่ะ”
แผ่นดินหันไปพูดกับคนที่นั่งข้างๆ

“หนูกอหญ้า  หมอนัดเหรอลูก”
คุณย่าถาม

“ครับคุณย่าหมอนัดแต่พี่ดินสิครับ  ตัวเองก็ยังไม่หายดี  บอกให้พักผ่อนอยู่บ้านก็ไม่ฟัง
 เชื้อโรคเยอะจะตายไปโรงพยาบาลน่ะ”
 กอหญ้าหันไปบอกคุณย่า  ทำให้แผ่นดินหันมาขึงตาใส่คนช่างฟ้อง

“ผมไปส่งให้น่าจะดีกว่านะ  เจ้ามิ่งมันจะได้ดูงานในไร่  ส่วนพี่ดินก็จะได้พักด้วยไง
ว่ากันตามนี้เนอะ”
น้องชายอาสาไปแทนพี่ชาย  แผ่นดินอ้าปากจะค้านแต่ถูกพ่อเขตชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน

“เอาตามที่เจ้าทัพมันบอกก็ดีนะดิน  รีบๆ กินจะได้ไปถึงไม่สายมากนัก
ได้คิวแรกๆ ก็จะได้ตรวจเร็วได้กลับบ้านกันเร็วหน่อย”

แผ่นดินนั่งกินข้าวไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก  ส่วนฐานทัพก็ทำหน้าระรื่นใส่พี่ชาย
ทำไมเขาจะมองไม่ออก  พี่ดินน่ะทั้งหวงและห่วงขนาดนั้น

‘เดี๋ยวผมจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยครับพี่ชาย  หมั่นไส้นัก  ภาพยังติดตาอยู่เลย
กอดกันกลมขนาดนั้น’


กว่าจะเตรียมตัวกันพร้อมก็สายพอดู  กอหญ้าเดินจะไปขึ้นรถก็เจอคนหน้ายักษ์ที่มายืน
เป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่หน้าบ้านเสียก่อนแล้ว  กอหญ้าไม่ค่อยกล้ามองหน้าพี่ดินเต็มตานัก
เพราะรู้ว่าเขาทำให้พี่ดินขัดใจ

“มีอะไรสงสัยก็ถามหมอ  หรือเป็นอะไรก็บอกหมอให้ละเอียดเลยนะกอหญ้า
 อีกอย่างอย่าไปเถลไถลที่ไหนล่ะ  ตรวจเสร็จก็รีบกลับมาบ้านเลย”
แผ่นดินมายืนส่งที่หน้าบ้านแล้วก็กำชับทั้งน้องชายและกอหญ้า

“ครับ…พ่อ…ดิน”
น้องชายแกล้งประชดพี่  แผ่นดินทำตาดุใส่น้องชาย

“โธ่! พี่ดินอ่ะ  กอหญ้าว่าจะเดินดูของใช้สักหน่อย ใกล้หมดแล้วด้วย”
กอหญ้าทำหน้าแบบเสียดาย

“ไม่ต้องเลย  เดี๋ยวพี่พาไปเอง  ทัพพากลับบ้านเลยนะ  ห้ามแวะไหน”
พี่ดินรีบห้าม  แล้วหันไปสั่งน้องชายอีก  คุณทัพเดินเข้าไปกระซิบอะไรสักอย่าง
ข้างหูพี่ดินแล้วรีบผละออกมาขึ้นรถ  กอหญ้าเห็นเพียงพี่ดินที่ยืนส่งด้วยอาการ
กระฟัดกระเฟียด


ตลอดทางคุณทัพชวนคุยไม่หยุด  เขาเป็นคนคุยสนุกอยู่เหมือนกันหาเรื่องมาเล่าได้ตลอด
คุณทัพให้กอหญ้าเรียกเขาว่าพี่ทัพอีกด้วย  ทั้งสองคุยกันไปจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 18 คนขี้หวง

แผ่นดินหงุดหงิดที่แขนมาเจ็บจะไปไหนมาไหนก็โดนสั่งห้ามไปเสียหมด
เขาก็อยากไปหาหมอกับกอหญ้าด้วยเหมือนกัน  อยากรู้ว่าอาการของเจ้าตัว
น่ะเป็นยังไงแล้วบ้าง  มีแนวโน้มจะหายได้เมื่อไหร่  ก็มาโดนสกัดกั้นเสียก่อน
ทำเอาเขาหงุดหงิดนั่งไม่ติด  ยิ่งถูกน้องชายมาปั่นหัวให้หัวร้อนเข้าไปอีก

‘พี่ชาย  เดี๋ยวผมจะประคบประหงมให้อย่างดี  จะทำให้ได้เหมือนอย่างพี่เมื่อเช้ามืด
ก็ได้นะครับ  หึหึ’

“ไอ้น้องเลว  จะทำหน้าที่แทนเหรอ  ข้ามศพพี่ไปก่อนเถอะ”
แผ่นดินงึมงำพึมพำอย่างกับหมีกินผึ้งอยู่คนเดียว  แล้วก็เดินวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น
 ย่างคนนั่งไม่สุข


“โดยภาพรวมที่หมอตรวจ  ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะหายได้เร็วแบบนี้นะครับ
หากเป็นคนอื่นต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหกเดือน  นี่คุณเพิ่งผ่านไปสองเดือน
เองนะคุณกอหญ้า”
คุณหมอวิทยา  หมอหน้านิ่งที่พี่ดินเคยเรียก  วันนี้กลับมีสีหน้ายินดีอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อผลตรวจรอบนี้ออกมาเป็นที่น่าพอใจ

“ผมต้องขอบคุณ  คุณหมอเป็นอย่างมากเลยครับที่ให้การรักษาเป็นอย่างดี”

กอหญ้าไหว้ขอบคุณหมอ  คุณหมอส่งยิ้มมาให้  แล้วเขียนบัตรนัดในอีกสองเดือน
ข้างหน้าให้อีก  เมื่อออกมาจากที่พบแพทย์แล้ว  กอหญ้าก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์ที่
เห็นฐานทัพยืนคุยอยู่กับสาวๆ

“อ้าว! กอหญ้า เสร็จแล้วเหรอ  งั้นกลับบ้านกัน  เบื่อพี่ดินเนี่ยโทรจิกอยู่นั่นแหละ
ผมไปก่อนนะครับ ไว้ว่างๆ จะมารับไปทานข้าวครับ”
พี่ทัพหยอดสาวๆ ก่อนกลับ  พวกเธอชะม้ายตาให้  พี่น้องช่างต่างกันเสียจริงๆ
กอหญ้ามองดูหนุ่มเจ้าสำราญ

“ผลเป็นยังไงบ้างล่ะจะหายกลับมาจำตัวเองได้เมื่อไหร่
นี่พี่ดินก็ลุ้นเสียเหลือเกินแล้วตอนนี้น่ะ”
พี่ทัพเอ่ยถามอาการ  กอหญ้าสะดุ้งเล็กน้อยอย่างวัวสันหลังหวะ

“ก็ดีขึ้นแล้วนะครับ  แต่คุณหมอบอกต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง  อาจจะเป็นปี
ก็คงแล้วแต่กรณีแล้วแต่คนด้วยครับ”
กอหญ้าบอกเล่าออกไป  แต่ไม่ใช่อาการของเขานะที่บอกไปน่ะ

“เหรอ…อย่างนี้ก็นานพอดูเลยสิเนอะ  กว่าจะหายแล้วจำอะไรได้น่ะ”
พี่ทัพพูดขึ้น  กอหญ้าแอบไม่ชอบใจพี่ทัพจะให้เขารีบจำได้เร็วๆ ไปถึงไหนกัน

‘คนยังไม่อยากจะหาย…ยังอยากอยู่ที่นี่อีกสักหน่อย’

“ก็ไม่ทราบน่ะครับ  สงสารพี่ดินเหมือนกัน  ที่ต้องมาดูแลกอหญ้าแบบนี้”
กอหญ้าแสร้งทำหน้าเศร้า  พี่ทัพหันมามองหน้า  แล้วยิ้มๆ ออกมา

“เห่ย! อย่าเครียดสิ  พี่ดินเขาทั้งยินดีและเต็มใจทำให้เราเลยนะ
อย่าคิดมาก  ถ้าพี่ดินมาได้ยินจะเสียใจเอานะ  เค้าห่วงเรามากนะกอหญ้า”
กอหญ้าได้ฟังแอบซ่อนรอยยิ้มดีใจ

“ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้  ที่ต้องมาเป็นคนไร้ประโยชน์  ไร้ความสามารถแบบนี้นี่ครับ…พี่ทัพ”
กอหญ้าแกล้งตอกย้ำว่าตัวเองรู้สึกไร้ค่า  และเห็นใจคนพี่

“พอๆ ไม่ต้องพูดแล้ว  เดี๋ยวมันก็ดีเองแหละน่า  อดทนเอาหน่อย”
พี่ทัพพูด แล้วก็ขับรถพากลับเข้าไร่  ไม่นานก็ถึงบ้าน  เมื่อจอดรถที่หน้าบ้านพี่ทัพก็พูดขึ้น

“กอหญ้า  พี่จะเข้าไปดูร้านที่ตลาดเสียหน่อย  ถ้าใครถามก็ฝากบอกตามนี้นะ
เย็นๆ จะกลับมากินข้าวด้วย”
แล้วพี่ทัพก็เคลื่อนรถออกไปทันที


กอหญ้าเดินเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงคนคุยกันที่ห้องนั่งเล่น  เสียงออกจะคุ้นเอามากๆ
จึงชะโงกหน้าเข้าไปมอง  พี่ดินนั่งหันหน้าออกประตูมาจึงเห็นเขาก่อน  ส่วนคนที่คุยด้วย
กับพี่ดินนั่งหันหลังให้

“กอหญ้า…หาหมอเป็นยังไงบ้าง  ดีขึ้นไหม  หมอนัดอีกเมื่อไหร่  เข้ามาก่อนนี่น้องชายพี่เอง”
พี่ดินถามคำถามออกมาเป็นชุด  และเรียกให้เข้าไปหา  จังหวะที่พี่ดินพูดจบคนที่พี่ดินบอกว่า
เป็นน้องก็หันหน้ามา

กอหญ้าชะงักเท้าหยุดกึกกับที่เมื่อเห็นหน้า

“พี่ข้าว! มาอยู่นี่ได้ยังไง  พี่คะน้าตามหาให้วุ่น  ทุกคนเป็นห่วงพี่มากเลยนะครับ
แล้วทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ครับ  เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

กริชหันมามองคนที่พี่ดินเรียกว่ากอหญ้า  แล้วเท้าก็ก้าวพรวดจนถึงตัวรวบมือไปกุมไว้
ถามออกไปรัวเร็ว  กอหญ้าอ้ำอึ้งพูดไม่ออก  จนพี่ดินเดินเข้ามาพาไปนั่งลงที่โซฟาก่อน
ที่จะได้พูดอะไร

“นี่กริชเป็นน้องชายพี่เอง  ส่วนนี่ก็พี่กอหญ้า…คนที่พี่เล่าให้เราฟังไงล่ะ”
กริชมองกอหญ้าแล้วได้แต่ส่ายหน้า  ยังไงเขาก็เชื่อว่าคนตรงหน้าที่เขาเห็นคือพี่ข้าว
ข้ามฟ้าของเขา  เขาติดตามพี่ข้าวมานานต่อให้พี่ข้าวจะไม่มีผมเลยสักเส้น  เขาก็จำได้

“พี่ดินครับ  นี่พี่ข้าว…ข้ามฟ้า  ผมรู้จักพี่ข้าวดี…ผมไม่มีวันที่จะจำพี่ข้าวผิดแน่ๆ ไม่เป็นไรครับ
ก็อย่างที่พี่ดินบอก  พี่ข้าวยังจำอะไรไม่ได้  ยังไงพี่กอหญ้าตรงหน้าผมก็คือพี่ข้าวอยู่วันยังค่ำ
ผมรอพี่นะครับ…พี่ข้าว…ไม่ว่าจะนานแค่ไหน  ผมก็หวังให้พี่กลับมาเป็นพี่ข้าว…คนเดิมของผม"
กริชพูด น้ำตาไหลลงมาข้างแก้ม

"เป็นพี่ชายใจดี….ที่เป็นห่วงเป็นใย  คอยเตือนให้ผมตั้งใจเรียน  ตลอดสองเดือนที่พี่ไม่อยู่
ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่นึกถึงพี่นะครับ  ผมไปเรียนทุกวัน…ไม่เคยเกเร  อย่างที่บอกไว้ว่าพี่เป็น
ไอดอลของผม  ผมจะเก่งให้ได้อย่างพี่  ตอนนี้พี่ก็ต้องเข้มแข็ง… สู้ๆ นะครับ  ผมจะเป็นกำลังใจ
ให้พี่อย่างนี้…ตลอดไป”
กริชพูดทั้งน้ำตา  จนกอหญ้าทนใจแข็งไม่ได้จึงดึงน้องเข้ามากอดและลูบหลังเจ้าเด็กแสบของเขาไปมา

“ขอบคุณนะครับ…เด็กดี…ที่เป็นกำลังใจให้พี่  วันหนึ่งพี่จะหายครับ  แล้วพี่จะกลับไปเป็นพี่ข้าวให้เรานะ”
กอหญ้าพูด  แล้วหันมองหน้าพี่ดินที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว  จึงรีบผละตัวออกมานั่งตัวตรงข้างๆ พี่ดิน
คนตัวสูงยกมือขึ้นมาลูบหัวเขา  แล้วก็ถามซ้ำ

“เป็นไงครับหาหมอ  ยังไม่ได้เล่าให้พี่ฟังเลย”
กริชมองความเอื้ออาทรที่พี่ชายของเขามีให้พี่ข้าว

“คุณหมอบอกว่าดีขึ้นมากแล้วครับพี่ดิน  อาจจะภายในหกเดือนนี้ก็ได้ที่จะหาย
อีกสองเดือนหมอนัดให้ไปตรวจอีกครั้งครับ”
กอหญ้าตอบคำถามพี่ดิน  มองหน้ากริชที่จ้องมองเขาเหมือนมีอะไรจะถาม

“ช่วงนี้ปิดเทอมผมขอมาค้างบ้านพี่ดินได้ไหมจะได้อยู่คุยเป็นเพื่อนพี่ข้าวด้วย”
หนุ่มน้อยร้องขอ  พี่ดินหันมองที่กอหญ้าแล้วพูด

“ได้สิ  แต่พี่ขอกริชเรื่องหนึ่งนะ  ให้เรียกพี่กอหญ้า  พี่ไม่อยากให้รู้ถึงหูคนนอก
อีกอย่างคุณคะน้าก็ขอไว้ด้วย”
กริชเบิกตาโตอย่างดีใจ  แล้วก็ยิ้มจนตาแทบปิด  อารมณ์เศร้าหายไปในฉับพลัน

“ได้สิฮะ พี่กอหญ้า  ชื่อเก๋ดีเหมือนกันนะครับ  นี่พี่คะน้าก็ทราบแล้วเหรอว่าพี่มาอยู่ที่นี่”

“ก็รู้หลังจากที่อยู่โรงพยาบาลมาเป็นสิบวันนู้นแล้วล่ะ”
พี่ดินตอบแทนกอหญ้า

“นอนห้องเจ้าทัพมันแล้วกันนะกริช  มันเองก็ไม่ค่อยจะกลับมานอนสักเท่าไหร่หรอก
เผลอๆ กริชอาจจะได้นอนคนเดียวตลอดปิดภาคเรียนนี้เลยก็ได้นะ”
พี่ดินบอกกับน้องชายไปเสร็จสรรพ

“พี่กอหญ้า  ขอผมนอนห้องพี่ไม่ได้เหรอฮะ เผื่อดึกๆ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยทำให้พี่ได้
บ้าง…นะฮะ"
กริชพูด  พร้อมกับบอกเหตุผล

“พี่กอหญ้านอนห้องพี่แล้ว  เราน่ะไม่ต้องห่วงเขาหรอ ก มีพี่ดูแลอยู่ทั้งคน”
ทั้งกอหญ้าและกริชอึ้งไปตามๆ กัน

‘เรานอนห้องพี่ดิน  เมื่อไหร่กันแค่คืนนั้นคืนเดียวเองเถอะ  โมเมแล้ว’

กริชไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างพี่ดินที่ไม่ว่าจะใจดีแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะให้ใครไปนอนด้วยแน่ๆ
แล้วคราวนี้ยังไง  ส่วนพี่ข้าวที่เขารู้จักก็โลกส่วนตัวสูงอย่างกับอะไรดี  จะไปนอนเตียงเดียวกับ
คนอื่นได้จริงๆ เหรอ  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ


ตกเย็นทุกคนมากันพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร  ฐานทัพเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย

“ใกล้จะหายแล้วนะหนูกอหญ้า  ดีแล้วล่ะต้องกินมากๆ จะได้หุ่นดีๆ หล่อๆ
อย่างพ่อข้ามฟ้าของย่าซะที”

“คุณแม่ก็จริงๆ เลยนะครับ  จะให้หนูกอหญ้าเป็นพ่อดาราดังขวัญใจตัวเองให้ได้สินะ”
พ่อเขตพูดเย้าแหย่กับคุณย่าตามเคย

“ไม่แน่นะฮะ  ถ้าพี่กอหญ้าหายดีเขาอาจจะหล่อกว่าพี่ข้าวของคุณย่าก็ได้ใครจะรู้ล่ะครับ”
กริชช่วยผสมโรงอีกคน  ทำเอาพากันหัวเราะร่วน  มีแต่กอหญ้าที่ยิ้มแหยๆ อยู่เพียงคนเดียว

“เจ้าทัพมันไปเป็นเพื่อนหาหมอ  มันดูแลเราดีมั้ย  หรือว่ามันมัวแต่ไปจีบสาว
บอกพ่อมาได้นะ  พ่อจะได้ฟาดกบาลมันให้”
พ่อเขตหันมาถาม  เหมือนจะเอาเรื่องเอาราวกับลูกชายคนเล็ก

“โธ่พ่อครับ…ไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย ไม่เชื่อถามกอหญ้าดู
ไม่มี๊…ไม่มี…เนอะ”
พี่ทัพปฏิเสธเสียงสูงจนคนฟังไม่อยากจะเชื่อถือ

“ไม่นะฮะ  คุณพ่อ  พี่ทัพดูแลกอหญ้าเป็นอย่างดีเลยละครับ”
พี่ดินหันขวับมามองหน้า  พูดอะไรผิดกันเล่า  ทำตาขุ่นส่งมาอีกด้วย

“อากริช  นอนกับกล้าไหมฮะ”
เด็กชายหันไปชวน

“อากริชนอนห้องอาทัพแล้วครับ…น้องกล้า”
กริชตอบหลานชายตัวน้อย

“งั้นอ่านนิทานให้กล้าฟังก่อนนะฮะ…ค่อยนอน”
เด็กชายอ้อนอาตัวเล็ก

“ได้สิ! เดี๋ยวอ่านให้ฟังสองเรื่องเลยครับ”
กริชยกมือขึ้นยีผมหลานชาย

“ทานข้าวกันได้แล้วทุกคน  อาหารมาครบแล้ว  ต้มซี่โครงหมูเห็ดหอมของเด็กๆ
เอาไปทางนู้นเลย ไก่ทอดด้วยนะ”
พี่ดินจัดการอาหารตรงหน้าให้เด็กๆ  กริชเอาถ้วยไปตักต้มยำกุ้งน้ำข้นแล้วส่งให้กอหญ้า
เขารับมารับมาแล้วขอบคุณน้องไปเบาๆ กริชยังตักปลาทอดราดน้ำปลามาให้ด้วย
เขาส่ายหน้าไม่รับแล้วเมื่อพี่ดินมองมาตาดุ  แถมพี่ทัพก็มองมาไม่วางตาเช่นกัน

“เจ้ากริช ไปรู้จักมักคุ้นกับกอหญ้าตั้งแต่เมื่อไหร่เราน่ะ  เพิ่งเจอกันวันนี้วันแรกไม่ใช่รึไง”
ฐานทัพถามขึ้น  เขามองนานแล้วเห็นน้องชายแลจะเอาใจใส่อย่างกับเป็นคนคุ้นเคยกันอย่างนั้นแหละ

“ก็ใช่ไงพี่ทัพ  สงสัยอะไรกันเล่า  ผมมันคนเฟรนลี่…ใครๆ ก็รู้ หุหุ”
พูดแล้วก็แกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน

“ระวังเถอะ! ทำอะไร  จะมีคนเกลียดขี้หน้าไม่รู้เนื้อรู้ตัว  พี่เตือนไว้ก่อนนะเว่ย!”
ฐานทัพเตือนน้องชาย

“โว๊ะ! พี่ทัพ ใครจะมาอคติหรือไม่ชอบหน้าผมไม่มีเสียละ  คนหล่อขนาดนี้…เชื่อเหอะ”
แล้วเจ้าตัวก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

“อาแดนเป็นไงบ้าง  สบายดีรึเปล่า  ไม่เจอกันจะสามเดือนแล้วมั้ง”
แผ่นดินถามถึงอาซึ่งเป็นพ่อของกริช

“พ่อก็ยุ่งๆ อย่างเคย  การค้าไม่ราบรื่น  พี่ดินก็รู้คู่แข่งเบอร์ต้นๆ น่ะมันชอบหาช่องเล่นสกปรกอยู่เรื่อย”
กริชตอบพี่  ตามที่พ่อเล่าให้ฟัง

“มันอีกแล้วเหรอ ไอ้ทวีปสินะ  พ่อก็อยากให้กรรมตามมันให้ทันจริงๆ คอยขัดแข้งขัดขา
ทำให้คนดีๆ ต้องทำงานกันลำบากลำบนไปด้วย”
พ่อเขตพูดอย่างเหลืออดที่ได้ยินอย่างนั้น

“อืม…นั่นสิครับพ่อ…ที่พี่ดินโดนคราวนี้  ไม่ใช่ว่าเป็นฝีมือมันรึไง
ระวังมันไว้หน่อยก็ดีนะพี่ดิน”
ฐานทัพพูดอย่างเป็นห่วงพี่ชาย

“อื้ม…ก็สงสัยว่าเป็นมันเหมือนกัน  หมู่นี้ลูกสาวมันก็ชักจะมาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน”

“แม่นิชา…อะไรนั่นน่ะเหรอเจ้าดินที่มาทะเลาะกันกับยัยระรินที่บ้านน่ะ”

“ใช่ครับคุณย่า ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริงๆ”
พี่ดินตอบ  แล้วก็ตักอาหารเข้าปาก
“โอ้โห…พี่ดินพูดอย่างนี้ สาวๆ ของผมมาได้ยินจะพากันยี้เอาได้
หรือไม่อาจจะไล่พี่ให้ไปบวชเอานะครับ”
ฐานทัพแขวะพี่ชาย

“เจ้าทัพ! เดี๋ยวเหอะ  เราน่ะจะเป็นโรคตายเอาสักวันไปว่าพี่เขา”
คุณย่าปรามหลานชายคนรอง

“ครับ …ไม่พูดถึงก็ได้  มิน่าล่ะ…เบื่อผู้หญิงนี่เอง เหอะๆ”
ฐานทัพหัวเราะแบบเป็นนัยๆ พี่ดินขึงตาใส่ทันที  พี่น้องคู่นี้ดูแปลกๆ ชอบกล
เหมือนมีลับลมคมในอะไรกันอย่างงั้นแหละ  กอหญ้ามองสองหนุ่มอย่างสงสัย

“ยัยหนู…ไม่เล่นข้าวนะลูก หกเลอะเทอะหมดแล้ว นะคะ”
พี่ดินหันไปดุลูก  หนูน้อยกำลังจะละเลงข้าวก็ผู้ใหญ่คุยกันไม่สนใจเธอเลย

“ใบข้าว  มาๆ เดี๋ยวอาพาไปล้างมือล้างปากก่อน  เดี๋ยวค่อยมาทานของหวานนะคะ”
กอหญ้าเข้ามาอุ้มยัยหนูเดินไปที่อ่างซิงค์  แผ่นดินมองตามร่างโปร่ง

‘คงจะแข็งแรงดีแล้วสินะ… เดินได้คล่องแคล่ว  และถึงขนาดว่าอุ้มยัยหนูที่หนักเป็น
สิบกิโลได้อย่างสบายๆ เลยด้วยสิ’




ออฟไลน์ Carmelita

  • Carmelita
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • casino online
ผมชอบแนวนี้มาก หาอ่านมานานแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด