ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ  (อ่าน 34971 ครั้ง)

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 48 คนในความทรงจำ 2

หนึ่งสัปดาห์จากนั้น  มิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้าน  โดยขวัญได้รับหน้าที่ดูแล
พี่ชายจนกว่ามิ่งจะถอดเฝือกออก  งานในไร่ได้ฐานทัพเข้ามาช่วยมากขึ้น  ส่วนคดีทางตรีภพ
บอกว่าคืบหน้าไปมากแล้วอีกไม่นานเขาจะจับคนที่จ้างวานมาลงโทษได้แน่นอน  เมื่อเพื่อนรัก
รับปากเป็นมั่นเหมาะขนาดนั้นแผ่นดินก็เบาใจ

“เย็นนี้มีแขกมาทานข้าวนะ  ทัพกับกริชถ้าไม่มีธุระที่ไหนก็กรุณาอยู่ให้ติดบ้านกันด้วย”

แผ่นดินแจ้งข่าวให้สมาชิกในบ้านรับรู้

“ใครน่ะพี่ดิน  คนสำคัญหรือเปล่า”
กริชถามขึ้น

“สำคัญสิ  ก็มีคมกฤช  ชานนท์  ธารากับลูกและเจ้าภพ”

แผ่นดินสาธยายรายชื่อแขกให้น้องฟัง

“อืม…เดี๋ยวกลับมา  ทันอยู่หรอกน่ะ”

สองหนุ่มหันไปพยักพเยิดให้กัน

“จะไปไหนกันอีก  ร้านก็ได้ชานนท์ไปดูแทนแล้วนี่  ยังจะไปไหน  อันตรายรอบด้านออกตอนนี้น่ะ”

คุณย่าบ่นหลานชาย

“คุณย่าครับ  ผมกับน้องก็ต้องไปบริหารเสน่ห์กันบ้างสิฮะ  เดี๋ยวสาวๆของผมจะเหงาเอานะ
 หายหน้ากันไปนานๆแบบนี้”

ฐานทัพเย้าแหย่หญิงชรา  ทำเอาท่านขว้างค้อนมาให้จนรับแทนไม่ทัน

“พอเลยทัพ อย่าพาน้องไปเสียคน  น้องยังเด็ก  นี่ก็ใกล้จะเปิดเรียนแล้วไม่ใช่รึไง  อย่าพาไปตะลอนๆ นัก”

“โอ๊ะโอ…เจ้ากริชเนี่ยมันจะอายุยี่สิบไม่กี่วันนี้แล้วนะพ่อ  ยังจะเด็กอีกเหรอฮะ”

“รักใครชอบใครก็พามาให้ครอบครัวเรารู้จักล่ะ  อย่าแอบไปคบหากันไม่บอกไม่กล่าว  ย่าละกลัวใจพวกแกจริงๆ”

ฐานทัพสะดุ้งอย่างวัวสันหลังหวะ  ทำเอากริชที่นั่งอยู่ติดกับพี่ชายพลอยจับพิรุธได้ด้วย

“พี่ทัพนี่ๆ พี่ไปแอบคบใครจริงดิ  คนนี้ตัวจริงใช่ป่ะ ไม่ได้ๆ ต้องตามไปดู!!!”

กริชเผลอคาดคั้นพี่ชายออกมาต่อหน้าทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหาร

“เออน่ะ  ถ้าเขายอมเป็นแฟนพี่นะ  ตอนนี้ตามจีบอยู่ถ้าจะยอมคบ…เฮ้อ…”

ฐานทัพพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง  นึกถึงคนที่เขาตามตื้อตลอดสองเดือนมานี้  ทำไมช่างยากเย็นเสียจริง

“คงจะยากละสิ  คนนี้ เออๆ เอาใจช่วยนะเว่ย…ไอ้เสือ”

พี่ดินพูดอย่างคาดเดากับอาการของน้องที่เห็น  กอหญ้านึกไปถึงเด็กสาวหน้าหวาน
ที่แต่งกายแบบทอมบอยขึ้นมาทันที

“พี่ทัพก็ต้องเอาความจริงใจใส่เข้าไป ไม่มีอะไรยากเกินไป  ปมอะไรที่เคยผูกไว้ถ้าคลายมันออกก็จะง่ายขึ้น
แค่ว่าถ้ามีโอกาสแล้วจะยังทำโอกาสนั้นหายไปอีกไหม  คนเราถ้าเคยรักต่อให้นานแค่ไหน
มันลืมกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก  ตราบใดที่ยังรักและยังไม่มีคนที่รักมากกว่ามาแทนที่
ก็จะยังรักอยู่อย่างนั้น เชื่อเถอะ”


กอหญ้าพูดออกมา  คำพูดที่เขาพูดเหมือนไปทิ่มแทงลงกลางหว่างใจใครบางคนเข้า
เจ้าตัวนั่งเม้มปากแน่น  ดวงตาไหววูบและมีน้ำตาเอ่อคลอๆ ที่หน่วยตา  จึงเผลอเงยหน้า
ขึ้นมองเพดานโดยไม่รู้ว่าการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของทั้งกอหญ้า

แผ่นดินและฐานทัพทั้งสามมองหน้าน้อง  มีฐานทัพที่เลิกคิ้วอย่างคลางแคลงและสงสัยอยู่ภายในใจ  แต่ก็ไม่ได้
เอ่ยซักถาม  เขาก็อยากที่จะได้รับโอกาสแบบนั้นบ้าง  และเขาจะไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปอย่างแน่นอน



มื้อค่ำแขกเหรื่อที่พี่ดินบอกก็มากันพร้อมหน้า  พี่ธารามากับน้องสกายโดยมีพี่ภพเป็นคนพามา
และตามมาด้วยคุณคมกฤชที่หน้าตื่นเข้ามาโดยคิดว่าตนมาเป็นคนสุดท้าย คุณนนท์ถูกเรียกตัว
ไว้เมื่อทำท่าจะชิ่งหนีเมื่อเผชิญหน้ากับคุณปลัดอำเภอหนุ่ม  เมื่อทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะ 
พี่ดินก็ชะเง้อคอออกไปหน้าบ้านเหมือนว่ากำลังมองหาใครอีกอย่างนั้น

“เจ้ากริชกับเจ้าทัพล่ะ  ยังไม่กลับมากันเหรอ”
คุณย่าถามหาหลานชายอีกสองคน

“เพิ่งโทรมาว่าใกล้ถึงแล้วละฮะ”
พี่ดินเป็นคนตอบคุณย่า

“อ้าว! นั่นไง  แต่ไม่ใช่นี่รถใครกันล่ะเจ้าดิน”
พ่อเขตทักขึ้น  เมื่อรถที่มาจอดหน้าบ้านไม่คุ้นเอาเสียเลย

“โห…เบนซ์สีดำ ใครกันว่ะดิน แต่คุ้นหน้าจังนะเว่ยคนนี้  แล้วนั่นสองหนุ่มกลับมาแล้ว
เจ้าทัพไปรู้จักมักคุ้นกับเขาด้วยสิ  เดินโอบไหล่กันเข้ามาเลย”

พี่ภพบรรยาย กอหญ้ามองตามก็เห็นว่าพี่ทัพเป็นคนพาหมอหนุ่มเข้ามา
 แต่เจ้ากริชที่เดินรั้งท้ายเข้ามาสีหน้าบอกบุญไม่รับ

“สวัสดีครับ  คุณย่า  พ่อเข แล้วก็พี่ภพ พี่ดินและธารา…”

หมอหนุ่มเดินเข้ามายกมือไหว้ตั้งแต่คุณย่า ไล่ลงมาจนถึงพี่ภพพี่ดินและทักพี่ธารารวมทั้งกอหญ้าด้วย
และส่งยิ้มให้คนที่เหลือที่เขาไม่รู้จัก

“ใครกันล่ะ ย่าจำไม่ได้ แต่คุ้นหน้าอยู่นะ พ่อเขตล่ะจำได้มั้ย?”
คุณย่าทำท่านึก แล้วหันไปถามลูกชาย

“เออ! พ่อว่าหน้าเหมือนไอ้เด็กตัวเปี๊ยกที่เคยมาเก็บส้มช่วงปิดเทอมนะ
คนที่เจ้ากริชมันงอแง อ้อนให้อุ้มทั้งวี่ทั้งวันรึป่าววะ พ่อก็จำไม่ค่อยจะได้แล้ว”

ความจำของพ่อเขตถือว่าดีเยี่ยมเลย  ทำเอาเจ้ากริชหน้าเจื่อนที่มีคนบ้านนี้จำได้

“เออๆ ย่าจำได้แล้ว  เจ้าไนท์ล่ะสิ  ย่าจำได้ที่เจ้ากริชมันชะเง้อหาทุกปิดเทอม ที่จู่ๆ ก็หายไปเลยน่ะ”

พอคุณย่าจำชื่อได้ก็ทวนความจำเก่าๆ แล้วก็เหมือนเป็นการไปสะกิดแผลที่เป็นสะเก็ดของคนตัวเล็ก
ที่นั่งก้มหน้าเม้มปากแน่น กอหญ้ามองน้องแล้วก็ให้นึกสงสาร

“ไนท์เหรอ งั้นก็เป็นเพื่อนกับธารามาก่อนน่ะสิ  รุ่นเดียวกันนี่เนอะ ส่วนนี่ชานนท์ผู้จัดการไร่ และข้างๆ
นั่นคมกฤชก็เป็นปลัดอำเภอที่นี่น่ะ”

พี่ภพพูดขึ้น พี่ธาราจึงพยักหน้าส่งยิ้มให้เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน หมอหนุ่มแจกจ่ายยิ้มบางๆ
ให้กับทุกคน

“หมอชนเทพหรือชื่อเล่นไนท์ ตอนนี้มาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลของเราครับ”

พี่ดินแนะนำเพิ่มเติม  ทำเอาฐานทัพเบิกตากว้าง

“โหๆ พี่ไนท์เป็นหมอเลยเหรอฮะ ดีเลยหมู่นี้  คนที่ไร่มีเหตุให้เจ็บป่วยบ่อยๆ ท้ายสุดก็เจ้ามิ่ง
และตอนนี้ก็เหมือนจะมีเพิ่มมาอีกคน  แต่คนนี้ผมว่าต้องใช้ยาใจรักษานะครับ  ต้องยาถึงๆ หน่อย
ด้วยเพราะปล่อยไว้นานไม่ได้รักษา  ท่าจะเจ็บหนักจนเรื้อรังซะด้วยสิ”

พี่ทัพพูดขึ้น ทำเอากอหญ้ากับพี่ดินมองหน้ากันและเป็นพี่ดินอีกนั่นแหละที่ถลึงตาใส่น้องชาย
ที่สักแต่พูดไม่ดูเวล่ำเวลาทำเอาคนที่ถูกพาดพิง  ถึงกับเบนหน้าหนีไม่สบตาใครเลย  หมอหนุ่ม
หน้าเจื่อนเมื่อการมาของเขาทำให้คนตัวเล็กของเขาต้องเจ็บปวด

“เอ่อ…ครับ ก็ต้องรักษาไปตามอาการน่ะ  ต้องดูว่าคนไข้ยินดีจะรับการรักษาด้วยหรือเปล่าแต่หมอ
ยินดีและเต็มใจที่จะรักษาให้นะ”

หมอหนุ่มพูด หันมองคนตัวเล็กของเขาที่ไม่ยอมสบตาด้วยเลย

“ดีเลย คนกันเองทั้งนั้น มาๆ วันนี้วันดีมากินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา”
พ่อเขตชวนให้ลงมือทานอาหาร

“เด็กๆ ทานเลยลูก เอาละ ลูกใครก็ดูแลกันเอาเองนะ ย่าหิวแล้วล่ะ”

คุณย่าพูดแล้วก็ลงมือทานอาหารก่อนใครเพื่อน  แผ่นดินกับกอหญ้าจึงช่วยกันดูลูกๆ
ทานข้าว ส่วนน้องสกายมีธาราและตรีภพคอยดูแลไม่ได้ห่าง

“เอ้อ! เจ้าไนท์ ช่วงที่หายไปน่ะไปทำอะไรที่ไหนกันล่ะ แล้วเป็นไงมาไงถึงกลับมาเป็นหมอที่นี่ได้”

พ่อเขตเอ่ยถาม  คำถามนี้ทำเอาหมอหนุ่มอึ้งไปเลยทีเดียว

“ครับ ตอนเทอมสุดท้ายที่มาทำงานที่นี่ กลับไปเรียนได้ครึ่งเทอมแม่ก็เสีย
 ที่นี่ผมไม่มีญาติเลย คุณพ่อจึงมารับไปอยู่กับครอบครัวใหม่ของท่านที่จันทบุรีน่ะครับ”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง พ่อถึงว่าจู่ๆเราน่ะหายไปเลยไม่บอกไม่กล่าวกัน”

“มันกะทันหันน่ะครับพ่อเขต ตอนนั้นไม่ทันได้เตรียมตัวหรือเตรียมใจอะไรเลยครับ เพราะยังเด็กด้วย”

“เจ้าเด็กบ้านนี้ก็ไม่รู้ไงถึงได้ชะเง้อหาเก้อทุกช่วงปิดเทอม”

คุณย่าพูดขึ้นมาอีก กริชตักข้าวเข้าปาก ดูจะมือไม้สั่นๆไป กอหญ้ามองน้องที่ทำเหมือนไม่ใส่ใจ
แต่เก็บทุกชอตทุกคำเพราะเห็นมุ่นหัวคิ้วบ้าง ชะงักบ้าง

“อยู่กับพ่อไม่นานก็ถูกย้ายไปอยู่กับลุงที่ภูเก็ตอีก หลังจากนั้นผมก็มุ่งมั่นสอบชิงทุนไปเรียน
ที่ต่างประเทศ เรียนจบก็ขอกลับมาใช้ทุนที่นี่น่ะครับ ตอนนี้พ่อก็เสียแล้วด้วย ผมก็เหมือนตัว
คนเดียวอีกครั้งแต่ผมก็ยังดีใจที่ได้กลับมาที่นี่ เพราะรู้สึกว่าเหมือนได้ครอบครัวที่หายไปคืนมาครับ”

หมอหนุ่มเล่าช่วงชีวิตของเขาที่ผ่านมาให้ทุกคนฟัง แล้วก็มีเสียงที่สะดุดๆ ในช่วงท้ายๆ

“โธ่พ่อไนท์ของย่าชีวิตระหกระเหินน่าดู คงลำบากมากสินะ กว่าจะประสบความสำเร็จและได้กลับมา”

คุณย่าพูดขึ้น คนขี้สงสารอีกเหมือนเดิม

“ไม่มีใครแล้วแบบนี้พ่อก็แบ่งที่ทางให้ได้นะไนท์มาเป็นลูกเป็นหลานอยู่ซะด้วยกันที่นี่แหละ
 สร้างบ้านเอาได้เลยชอบตรงไหนก็มาบอก”

พ่อเขตแสดงน้ำใจอย่างที่น้อยคนจะมีให้เพื่อนมนุษย์ที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวเอง

“นั่นสิ อยากปลูกตรงไหนก็เลือกเอา  แล้วตอนนี้ล่ะอยู่ยังไง บ้านพักเหรอไนท์?”
พี่ดินแสดงน้ำใจขึ้นมาอีกคน ใจดีกันทั้งบ้านเลย กอหญ้ามองอย่างนึกชื่นชม

“ครับพี่ดินก็อยู่บ้านพักไปก่อน ค่อยๆขยับขยายเอา ขอบคุณมากครับพ่อเขตที่เมตตาไม่เคยเปลี่ยนเลย”

หมอหนุ่มพูดอย่างซาบซึ้งในน้ำใจของคนบ้านนี้  ตลอดเวลาที่หมอหนุ่มเล่าเรื่องราวของเขา
 คนตัวเล็กก็มีดวงตาไหววูบตามไปด้วย

“ต่อไปนี้มีเรื่องอะไรก็ให้นึกถึงคนบ้านนี้ก่อนเลยนะไนท์ อย่าคิดว่าไม่มีใคร ย่าขอล่ะ”

“นั่นสิพี่ไนท์อย่าหายไปแบบนั้นอีก มีอะไรก็บอก ช่วยได้ก็ช่วยกันไป”

ฐานทัพพูดเสริมอีกคน

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมเลยทำให้อาหารมื้อนี้หมดอร่อยเลย ขอโทษจริงๆครับทุกคน”

“จะเป็นไรไปล่ะ ดีเสียอีกที่เล่าให้ฟัง คนที่เข้าใจไปแบบผิดๆ จะได้รู้ว่าที่เราหายไปน่ะเกิด
จากมาสุมชีวิตต้องล้มลุกคลุกคลานเจอกับความยากลำบาก ผ่านมาถึงจุดนี้ได้ถือว่าเป็น
บททดสอบของเราเลยนะไนท์”

พี่ดินพูด เป็นการสรุปเนื้อหาที่ทำเอาน้องชายคนเล็กนิ่งอึ้งไปกว่าเดิม

‘ผมเข้าใจพี่ผิดมาตลอดเลยรึไง พี่ไนท์’

“ตอนนี้น่ะ มีคนรักหรือยังล่ะ ถ้ามีก็พามาให้รู้จักบ้างนะไนท์”

พ่อเขตถามขึ้นมา กอหญ้าหันมองหน้าเด็กแสบกับหมอหนุ่มไปพร้อมๆกัน

“เอ่อ…ผมไม่ได้คบใครครับพ่อเขต แต่มีคนที่รักมากอยู่แล้ว ไม่พบกันนาน…
ไม่รู้ว่ายังรอกันอยู่หรือเปล่าน่ะครับ”

หมอหนุ่มพูดแล้วก็จ้องหน้าเด็กหนุ่มตัวเล็กที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนพูดเมื่อฟัง
จบประโยคเจ้าตัวเลยทำหน้าไม่ถูก จนพี่ชายและแขกที่ร่วมโต๊ะต่างมองตามสายตา
ของหมอหนุ่ม แล้วก็เป็นฐานทัพที่เก็บอาการไม่อยู่อีกตามเคย

“ป๊าด!...จริงดิ…พี่ไนท์ อย่าบอกนะว่าคนที่ชอบน่ะ…เด็กเอ๋อแถวนี้ …
พี่ไนท์ครับผมขอยาฉีดกระตุ้นหัวใจหน่อยพี่…รู้สึกเหมือนหัวใจจะใกล้วาย”

พี่ทัพพูดอย่างไม่มีติดเบรกอีกตามเคย ทำเอาสายตาทุกคู่พุ่งตรงไปที่เด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้างุด
แก้มออกสีระเรื่อแถมยังเม้มปากแน่นอีก ค่ำนี้เหมือนกริชไม่ได้เอาปากมาด้วยยังไงยังงั้น

“เหอะๆ รักต้องอุ้มล่ะสิเจ้าไนท์ อุ้มกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยนู่นแล้ว”

พ่อเขตหัวเราะเมื่อมองออกแล้วว่าหมอไนท์หมายถึงใคร

“ไปรักเด็กกะโปโลเอารึไงเจ้าไนท์ ยิ่งเด็กเกินไปจะยิ่งเอาใจยากนะ”

คุณย่าพูดเสริมขึ้นมาอีกคน คราวนี้คนตัวเล็กได้แต่เอื้อมตักอาหารอย่างประหม่า
เมื่อตนกลายเป็นจุดสนใจในวงสนทนาไปเลย

“อ้าว…เจ้าไนท์น้องจะเอาจานนั้น ส่งให้น้องมันหน่อยสิ”

พี่ภพเป็นอีกคนที่เป็นตัวชงไปเสียแล้ว ธารามองคนข้างๆที่ยิ้มกริ่มไม่หุบ

“คุณกริช ไม่แกะก่อนรึไง ก้างปลาจะแทงคอเอานะ ทีนี้ต้องได้หาหมอรักษาแน่ๆ”

ชานนท์มีบทพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นกริชกำลังจะส่งอาหารเข้าปากทั้งอย่างนั้น

“เอานี่ไปตัวเล็ก พี่แกะก้างออกให้แล้วครับ”

หมอหนุ่มยื่นเนื้อปลาใส่จานให้คนตัวเล็ก สรรพนามที่ใช้เรียกขานทำเอาคมกฤชงึมงำเบาๆ
มีเขาที่ดูจะประมวลผลได้ช้ากว่าคนอื่นๆ แต่ก็พอจะเข้าใจบ้างว่าอะไรเป็นอะไรเมื่อเห็นการ
ใส่ใจที่หมอมีให้กับหนุ่มน้อยของบ้าน

“พี่ไนท์เป็นแขก ทานไปเถอะนะฮะ ผมแกะเองได้ครับ”

กริชพูดเป็นประโยคแรกจากที่นั่งเงียบมานาน พอคนตรงหน้าได้ยินว่าน้องยอมพูดด้วย
ก็ออกอาการไปไม่เป็น หมดมาดไปเลย

“ตัวเล็ก น้องยอมพูดกับพี่แล้ว อภัยให้พี่ หายโกรธพี่แล้วใช่มั้ย…พี่ขอโทษที่หายไปไม่บอก
…ขอโทษนะ…พี่จะไม่ไปไหนอีก…ให้โอกาสพี่นะครับ”

หมอหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้น  พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา คนตัวเล็กน้ำตาคลอ พาให้กลืนอาหารไม่ลง
ช้อนตาขึ้นมองหน้าคนพูดที่เหมือนกับเป็นคำมั่นสัญญา ที่บอกว่าจะไม่หายไป…
คนเดียวในความทรงจำ  คนเดียวที่ไม่เคยลืม คนเดียวที่รักมากอย่างนี้ กริชจึงพยักหน้ารับทั้งน้ำตา

“ขอบคุณนะตัวเล็กของพี่ ขอบคุณจริงๆ…ที่ให้โอกาสพี่และยอมเชื่อใจกันอีกครั้ง”

หมอหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหาคนตัวเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้ามกัน  แล้วสวมกอดจากทางด้านหลังหอมหัว
น้องเป็นการใหญ่โดยไม่สนใจสายตาที่มองเขาทั้งสองเป็นตาเดียว และหมอไนท์ยังแนบใบหน้า
กับแก้มนุ่มของน้องอีกด้วย

“เอาล่ะๆ กินข้าวกันต่อเถอะ  ลงเอยกันไปด้วยดี  อีกคู่แล้ว หึหึ”
พ่อเขตพูดพร้อมยกยิ้ม หมอหนุ่มจึงกลับมานั่งที่ แล้วก็คอยดูแลตักอาหารให้คนตัวเล็กตรงหน้า
ไม่หยุดหย่อน บรรยากาศในโต๊ะอาหารจากสีเทาๆ หม่นๆ กลายมาเป็นสีชมพูขึ้นมาทันทีดั่งแก้มเจ้ากริชในตอนนี้

“สรุปว่าย่าจะได้หลานเขยเป็นหมอสินะงานนี้น่ะ เหอะๆ ตาถึงไม่ใช่เล่นนะเจ้ากริชของย่า”

คุณย่าหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ทำเอากริชยิ้มเขิน

“คุณย่าอ่ะ อย่าล้อสิฮะ”
กริชทำปากยื่นใส่คุณย่าเมื่อถูกล้อ

กอหญ้าพาเด็กๆไปล้างมือล้างปากเพราะมื้อนี้ผู้ใหญ่มัวสนใจแต่ว่าที่หลานเขยจนลืมสนใจพวกเขา
ไปพักหนึ่งต่างจึงกันกินเลอะเทอะ  โดยเฉพาะยัยหนูที่ข้าวติดไปถึงเส้นผม

“แกล่ะเจ้าทัพ หาสะใภ้ชายหรือหญิงให้พ่อแกล่ะทีนี้…หื้ม”
คุณย่าถามหลานชายคนรอง

“หญิงสิครับคุณย่า  ทั้งพี่ดินทั้งเจ้ากริชก็หาได้แล้ว  ของผมต้องรอเธอปลงใจก่อน
 นี่ละน ะ ตอนที่เขามารักชอบก็ไม่สนใจเขา  พอเขาตัดใจก็ตื้อจะให้กลับมารัก  สมน้ำหน้าเลยผมเนี่ย”

ฐานทัพพูดเพราะนึกสมเพชตัวเอง

“พี่ทัพ ไม่ได้นะ! นั่นเพื่อนรักของผมนะ  พี่ทัพ!!! หึ้ย…”

กริชหัวเสียเมื่อได้ฟังอย่างนั้น  เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากใบหม่อนเพื่อนของเขา

“โว๊ะ!!! ยุ่งน่ะ  กินข้าวไปเลยแกน่ะ  อย่ามาทำหวงไม่เข้าท่า”

ฐานทัพทำกระฟัดกระเฟียดใส่น้องที่พูดออกมาอย่างนี้  เขายังจีบไม่ติดเลย
เดี๋ยวได้โดนพ่อเขตดุเอาอีก  แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดเมื่อพ่อของเขาหันขวับ

“ใคร! เจ้ากริชที่พูดน่ะ ลูกสาวเจ้าของตลาดรึป่าว”

พ่อเขตถามออกมา ทำเอาทั้งกริชและฐานทัพสะดุ้งมองหน้ากัน แล้วพากันเงียบไม่ตอบคำถาม
 ความเงียบเป็นคำตอบที่ดีเลยล่ะ แผ่นดินจ้องน้องชายเขม็ง

“อย่าไปทำรุ่มร่ามใส่เขานะเจ้าทัพ พ่อเด็กนั่นเอาแกตายแน่ แล้วก็คงจะมาถอนหงอกฉันหมดหัวแน่ๆ
ลูกสาวคนเดียวเขาด้วยนะเอ็ง”

พ่อเขตเตือนลูกชายคนรอง ซึ่งตักอาหารเข้าปากไม่สู้ตากับคนเป็นพ่อเลยตลอดมื้ออาหาร


หลังจากทานข้าวเสร็จ ทุกคนจึงย้ายไปนั่งกันต่อที่ห้องรับแขก  ทีนี้จึงเกิดการจับคู่คุยที่ออกรส
ชาติอย่างเด่นชัด ตั้งแต่คู่รักหมาดๆอย่างกริชและหมอไนท์ซึ่งหมอไนท์นั่งลูบหัวลูบหลังให้
เจ้ากริชซึ่งกลายเป็นเด็กขี้อ้อนขึ้นมาทันที  พี่ภพที่คุยเย้าแหย่พี่ธาราและมีน้องสกายนั่งบนตัก
พี่ภพอย่างคุ้นเคย อีกคู่ก็คุณนนท์กับคุณกฤชที่ดูจะเป็นคุณกฤชซะมากที่พูดอยู่คนเดียว
กอหญ้ากับพี่ดินเป็นตัวแถมที่คุยได้หมดกับทุกๆ คู่ งานนี้พี่ทัพไม่ยักจะตามมาร่วมวงด้วยคงนั่ง
ที่ห้องนั่งเล่นกับคุณย่าและพ่อเขต





ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 49 ถ่ายละคร

คุณเกริกเกียรติให้ตัวแทนถือหนังสือมาขอใช้ไร่เขตแผ่นดินเป็นสถานที่ถ่ายทำละคร
ตามที่กอหญ้าได้เคยพูดเกริ่นไว้กับแผ่นดิน ค่าตอบแทนเป็นเม็ดเงินที่มากพอสมควร

ทางพ่อเขตและแผ่นดินหารือได้ข้อสรุปว่าจะให้ใช้สถานที่ฟรี  แต่ส่วนที่เกิดความเสียหาย
ชำรุดให้ทางต้นสังกัดแก้ไขปรับปรุงให้ดีอย่างเดิมเพียงเท่านั้น  คะน้ามองว่าเป็นเรื่องของ
ผลประโยชน์ทางธุรกิจจึงเจรจาให้ทางนี้รับไว้ ให้คิดว่าเป็นรายได้ที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรง
ของหลายๆ ชีวิตที่นี่  และจะเป็นลู่ทางในการเปิดไร่เป็นที่ท่องเที่ยวแบบเชิงนิเวศน์ในอนาคตด้วย

คะน้ามองว่าวันข้างหน้าที่กอหญ้าออกจากวงการบันเทิงก็อาจหันมาจับงานทางด้านนี้ได้
ความคิดที่ก้าวล้ำแบบนี้ทำให้กอหญ้าเริ่มมองอนาคตของตัวเองกับพี่ดินออกบ้าง

“กอหญ้า  กองถ่ายจะมาวันนี้เลยรึป่าว”

แผ่นดินในชุดเตรียมออกไร่ หันมาถามคนรักที่ถูกสั่งให้อยู่ช่วยงานด้านเอกสารแทน
ชานนท์ที่ไปเฝ้าร้านขายของฝากในตลาดแทนฐานทัพ

“ช่วงบ่ายๆน่ะพี่ดิน เขาจะทยอยขนของเข้ามากันก่อน คงอีกสองวันถึงจะเปิดกล้อง”

“อ่อ…งั้นเที่ยงพี่มากินข้าวด้วยนะครับ”

“อืม…จะรอนะ จุ๊บ”

กอหญ้าพูดจบก็จูบที่ปลายคางพี่ดินไปที เดี๋ยวนี้การแสดงความรักต่อกัน
ทั้งสองมองว่าไม่ใช่การทำประเจิดประเจ้อกันจนเกินไป เหมือนที่พี่ดินมักจุ๊บเหม่งเขาบ้าง
และหอมหัวเขาเป็นประจำ



มิ่งอาการดีขึ้นมาก ขวัญมักจะพาออกมาเดินทั้งที่มีเฝือกดามไว้แบบนั้น  เพราะถูกพี่ชายรบเร้า
ให้พามาที่บ้านใหญ่  ทำอะไรหรือช่วยงานอะไรไม่ได้แต่มิ่งก็อยากมาเห็นหน้าคนที่บ้านนี้

“มิ่งดีขึ้นมากแล้วนี่เห็นขวัญบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะถอดเฝือกแล้ว ทนอีกหน่อยนะ”
กอหญ้าพูดให้กำลังใจมิ่ง

“ผมอยากจะถอดออกซะเองอยู่แล้วครับ ถ้าไม่ติดว่าจะพิการผิดรูปไป ผมเอามันออกไปซะนานแล้ว”

มิ่งพูดอย่างเอาแต่ใจ ซึ่งขวัญก็ถลึงตาใส่พี่ชายทันทีเมื่อได้ยิน

“มิ่ง…อย่าดื้อ ทนอีกนิด รู้ว่ารำคาญอยากจะทำงานแล้ว เอาอย่างนี้นะให้มิ่งคิดซะว่าช่วงนี้ได้
ลาพักร้อนแล้วกันเนอะ หายดีเมื่อไหร่ได้ลุยงานหามรุ่งหามค่ำแน่ๆ เดี๋ยวจะบอกพี่ดินให้จัดให้
ชุดใหญ่แบบหนักๆไปเลย”

กอหญ้าพูดอย่างให้เห็นเป็นเรื่องขำๆซะมาก

“ได้เลยครับ ผมจะรีบหายจะได้กลับมาช่วยงานนายดิน”
มิ่งหมายมาดอยากจะทำงานเต็มแก่โดยไม่กลัวกับคำขู่เลยแม้แต่น้อย


หมอชนเทพ กลายเป็นขาประจำของคนบ้านนี้ไปอีกคน ว่างทีไรก็เห็นมาพาน้องคนเล็ก
ของบ้านไปทำนู่นนี่ในเมืองไม่ได้หยุด ขากลับยังมีขนมจากร้านดังๆมาฝากหลานๆไม่ขาด
ตอนนี้สีหน้าของทั้งสองดูเปี่ยมสุขแม้ว่าอีกไม่กี่วันคนตัวเล็กจะต้องกลับไปเรียนแล้วก็ตาม

“พี่ไนท์ จะไปหาผม เอ่อ…กริชจริงๆใช่มั้ย แล้วอยู่ทางนี้อย่าแอบไปชอบใครล่ะ”

“ไปสิครับ ตัวเล็กไปตั้งหลายเดือน ถ้าไม่ไปหา พี่ไนท์เฉาตายแน่ๆ …รักมากขนาดนี้
จะไปมองใครได้อีก หื้ม…ตัวเล็ก”

หมอหนุ่มจับมือบางไปกุมไว้ข้างนึง อีกข้างก็จับพวงมาลัยรถ

“พี่ไนท์ ขับรถสองมือสิฮะ ขอมือคืนก่อนครับ”

หมอหนุ่มรีบปล่อยเพราะสายตาดุๆที่มองมา อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ที่คนตัวเล็กขอมือคืนทั้งๆที่เป็นมือของตัวเองอย่างนั้น

“ถึงปลายทางเมื่อไหร่ เอามาคืนพี่ด้วยนะ มือน่ะ”

หมอหนุ่มแกล้งเย้า คนตัวเล็กเบิกตาโต

“กล้าเนอะพี่ไนท์มือนี่ก็ของกริชเหอะ ต่อไปก็ขับรถสองมือ ห้ามโทรห้ามแชท …ห้ามดื้อ”

คนตัวเล็กไม่วายกำชับอีก

“ครับ พี่ไนท์จะจำไว้ครับ จะท่องทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัยเลยล่ะ”

หมอหนุ่มพูดอย่างเอาใจ ใครว่าไม่ได้ผล มันเกินคาดเพราะคนตัวเล็กยิ้มจนตายิบหยี

“วันมะรืน กริชได้ดูพี่กอหญ้าถ่ายละครแล้วนะ ได้ดูสักซีนสองซีนก่อนกลับไปเรียนก็ยังดี
 เอ่อ…พี่ไนท์ทราบรึป่าวว่าพี่กอหญ้าเป็นดาราดังเลยนะ ละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วด้วย
 พี่ดินให้เลิกรับงานแล้วมาอยู่ที่ไร่”

“โห…จิงดิ พี่ไม่รู้เลยนะ โอ๊ะ…นี่พี่ดินสอยดาราคนดังมาจากฟากฟ้าเลยรึนี่…คงรักกันมากๆ
ไม่งั้นกอหญ้าคงไม่ยอมพี่ดินอย่างนั้น”

“หึหึ คุณหมอไม่เคยดูละครละสิถึงไม่รู้ว่าพี่สะใภ้กริชน่ะดังขนาดไหน อีกอย่างพี่เค้าผ่านเรื่อง
ทั้งดีและร้านมาด้วยกันหลายต่อหลายเรื่อง คงไม่มีอะไรไปแยกเขาออกจากกันได้แล้วละฮะ”

กริชเล่า สีหน้ามีความสุขเสียเต็มประดา

“แฟนคลับตัวจริงเลยมั้ยเราน่ะ…หื้ม”
หมอไนท์แกล้งเย้า แบบขำๆ

“ฮะ กริชมีผลงานพี่กอหญ้าเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นเลยด้วย แต่อยู่ที่คอนโด ถ้าพี่ไนท์ไปนะ
 กริชจะแบ่งให้ดู นั่นน่ะของหวงเลยนะขอบอก”

เด็กหนุ่มพูดอวดถึงของรักของหวงให้หมอหนุ่มฟัง ทำเอาคนได้ฟังนึกคันยุบยิบในใจ

“อะแฮ่ม…คิดอะไรเกินเลยกับพี่สะใภ้รึป่าวน่ะเรา พี่ดินเป็นคนหวงของไม่ใช่รึไง พี่ได้ยินคนเขาเล่าลือกันมานะ”

หมอไนท์ทำทีเป็นแซวเล่น แต่ใจคิดไปไกลแล้ว

“บ้าแล้วพี่ไนท์อ่ะ กริชรู้จักกับพี่กอหญ้าก่อนที่พี่เขาจะมาประสบอุบัติเหตุที่นี่เสียอีก
ห้องที่คอนโดของเราก็ติดกันด้วย”

กริชรีบอธิบายให้หมอไนท์ฟัง เพราะสีหน้าทำเป็นทีเล่นทีจริง แต่ถ้าคิดจริงขึ้นมานี่งานเข้าเขาเลยนะ


“นั่นไง ห้องติดกันด้วยสิ หึ้ย…”
หมอหนุ่มหน้าตึงเมื่อได้ยินแบบนั้นออกอาการฟึดฟัด ทิ้งมาดหมอไปเลย

“พี่ไนท์ อย่ามาทำขี้หวงเหมือนพี่ดินนะ กริชเป็นน้อง ไม่ได้คิดแบบนั้นกับพี่กอหญ้าซะหน่อย”

กริชหน้ามุ่ยที่ถูกเข้าใจแบบผิดๆ

“ก็ได้ๆพี่ขอโทษแล้วกัน ไม่โกรธกันเนอะ อีกไม่กี่วันก็จะต้องห่างกันแล้ว พี่เชื่อตัวเล็กครับ
 ยิ้มให้พี่หน่อย…เร็ว”

หมอหนุ่มส่งนิ้วก้อยให้คนตัวเล็ก

“ได้แต่ถ้าพี่ไนท์คิดแบบนั้นอีก หรือไม่เชื่อใจกัน กริชจะโกรธพี่ไนท์ ไม่พูดด้วยเลยคอยดูเหอะ”

กริชขู่พร้อมกับส่งก้อยเล็กๆไปเกี่ยวกับมือหนานั้น

“ไม่ๆ อย่านะตัวเล็ก…พี่รู้ว่าเราทำได้ ดูอย่างคราวก่อนสิ เพิ่งได้เจอหน้ากันจากที่ไมเจอตั้งเป็นสิบปี
แทนที่จะดีใจ กลับไม่พูดกับพี่ซะอย่างนั้น ทำเอาอัดอั้น อึดอัด หายใจไม่ทั่วท้องเลย อย่าทำแบบนั้นเลย…นะคนดี”

หมอหนุ่มทำท่าเข็ดขยาดเอาจริงๆกับความเฮี้ยวของคนตัวเล็ก

“หึ หึ หึ”
กริชหัวเราะอย่างเป็นต่อเมื่อได้รู้จุดอ่อนของอีกคน


ฐานทัพยังคงแวะเวียนไปขายขนมจีบกับใบหม่อนไม่ได้ขาด ไม่ว่าจะถูกกริชและอาร์มห้ามก็ตาม
 หรือถูกคนตัวเล็กขับไล่ซะเอง ฐานทัพก็ยังคงตื้อไม่เลิก เหมือนตอนนี้ที่แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
 เพียงแค่มาให้คนตัวเล็กไม่ลืมหน้า

“นายทัพ กลับไปทำงานทำการไป มาเกะกะอยู่ได้ น่ารำคาญ”
ใบหม่อนกระฟัดกระเฟียดใส่เหมือนทุกครั้งที่พบหน้ากัน

“ให้พี่ทัพอยู่ตรงนี้อีกสักครู่เดียวนะๆ เดี๋ยวต้องกลับไปเฝ้าไร่แล้ว อย่าเพิ่งไล่กันเลย”

ฐานทัพใช้น้ำเสียงออดอ้อนขั้นสุด ซึ่งแต่ละครั้งที่มาก็ต้องงัดเอากลเม็ดเคล็ดลับออกมา
ใช้แทบไม่ซ้ำอย่าง แต่ไม่เคยเลยว่าจะได้ผลสักครั้ง

ฐานทัพเดินคอตกกลับไปขึ้นรถ ไหล่กว้างที่งองุ้มเล็กน้อยถูกคนตัวเล็กมองตามจนไฟท้ายลับตา

`เลิกพยายามเถอะ มันยากที่จะหล่อหลอมจิตใจที่พังขึ้นมาได้ใหม่`
 ใบหม่อน น้ำตาคลอ 

`อดทนเข้าไว้ใบหม่อน อย่ากลับไปรักเขาข้างเดียวให้เจ็บอีกเลย`

`เราก็แค่ของแปลก เขาก็แค่อยากเอาชนะ…ก็แค่นั้น`


กล้วยไข่เห็นทุกการเคลื่อนไหวของลูกพี่ตัวเล็ก  อดสงสารและเห็นใจไม่ได้
เพราะโตมาด้วยกันเขาถึงรู้ว่าคุณใบหม่อนเจ็บมามากแค่ไหน กับผู้ชายฉาวๆ คนนั้น
คนที่ตอนนี้เข้ามาวอแวไม่หยุดหากมีโอกาส  เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า
นายทัพจะมาเล่นๆ หรือว่าจริงๆ กันแน่ ถ้านายทัพรอคุณใบหม่อนได้ล่ะนะ

คะน้าวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าเมื่อวันนี้เป็นการเปิดกองวันแรก  กอหญ้าในบทบาทของหนุ่มน้อยชาวไร่
กับเสื้อผ้าหน้าผมที่แต่งออกมาได้ดูเป็นธรรมชาติมากๆ  แผ่นดินอนุญาตให้คนงานที่อยากจะ
ดูผลัดเปลี่ยนกันมาดูได้ แต่อย่าให้เสียงาน อีกอย่างกองถ่ายยังต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน

เขาเองยังมาแอบดูคนรักด้วยเหมือนกัน

“นี่เจ้ากริช ไม่ห่างกองเลยนะเรา นั่นแก๊งยัยข้าวหอมก็มากับเขาด้วยรึไง”
แผ่นดินแขวะน้อง

“พี่ดิน อย่ามาทำขี้หวงหน่อยเลย มะรืนพวกผมก็จะกลับไปเรียนแล้ว ขอดูนิดดูหน่อยจะเป็นไรไป”
กริชทำหน้าคว่ำใส่พี่
ชาย
“เอ้อ…พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มีตาก็ดูไปสิ”

แผ่นดินพูดแล้วเดินไปอีกมุมหนึ่ง เพราะจุดนี้ดูจะกลุ่มใหญ่ไปหน่อยแล้ว

“โห พระเอกหล่อม๊าก แต่ดูจะขี้เก๊กเนอะ ว่าไหมข้าวหอม”
กริชชวนเพื่อนคุย

“น่าจะเป็นไปตามคาแรคเตอร์เขาละมั้ง ดูไปก่อนสิ”
ข้าวหอมพูดดักคอ

“แต่พี่กอหญ้าของเรานี่ หน้าเด็กมาก ยิ่งถูกจับแต่งเป็นนิสิตมหาลัยแบบนี้
อย่างกับรุ่นเดียวกับพวกเราเลยนะ ว่ามั้ย กริช”

เพื่อนของข้าวหอมที่ขอตามมาดูด้วยพูดขึ้น

“อืม ก็เขาหน้าเด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รึว่าพวกเราจะหน้าแกกันฮึ”
กริชพูดออกมาลอยๆ

“แกแก่ไปคนเดียวเหอะกริช”
ข้าวหอมสะบัดหน้าใส่เพื่อน เมื่อรู้สึกว่าชักจะพูดจาไม่เข้าหูเธอแล้ว

“เออๆ แม่คนหน้าเด็ก ไม่แก่เลยจ้ะ เอ่อ…คุณน้าทิพย์ สวัสดีครับ”
กริชหันไปเจอคุณน้าที่แอบมาคุมลูกสาว

“ตามสบายเลยลูก  น้าแค่มาดูว่ายัยหนูว่าดื้อกับเพื่อนรึป่าว แค่นั้นแหละ”

สายตาที่จับจ้องไปที่พี่กอหญ้าไม่ใช่อย่างที่พูดเลยนะคุณน้าทิพย์  ดูแววตาจะชื่นชม
ลูกชายเอามากๆ กริชรู้สึกเห็นใจคุณน้าเหมือนกัน  ทำไงได้ล่ะ พี่กอหญ้าตอนนี้ชีวิตก็ดี
มีความสุขอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีอะไรเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตในช่วงนี้

“คุณแม่ขา พี่กอหญ้านี่เจ๋งสุดๆไปเลยนะคะ น่ารักมากๆเลย”
ข้าวหอมชมดาราในดวงใจของเธอให้ผู้เป็นมารดาฟัง

“อื้ม…นั่นสิลูก…น่ารักจริงๆด้วยสิ”

มารดารับคำลูกสาวอย่างลอยๆ แค่ได้มาเห็นลูกชายแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีตัวตนในสายตาลูกเลย
 เธอก็มีความสุขมากแล้ว

“โห ข้าวหอมพี่เขาถ่ายโคตรมืออาชีพเลยอ่ะแก เทคเดียวผ่าน สุดยอดมากๆ”
เพื่อนสาวของข้าวหอมชื่นชมจนออกนอกหน้า

“พี่ดิน ยิ้มแก้มจะแตกแล้วครับ แหมๆ”

กริชหันไปสะกิดแซวพี่ชายที่แอบหลบมุมดูคนรักห่างออกมา

“ยุ่งน่ะ ตัวดื้อ”

แผ่นดินทำท่าว่ารำคาญใส่น้องชาย ขนาดว่าเขามาแอบอีกจุดยังมาเห็นเข้าอีก

“เออนี่…พี่วานเราเอานี่ไปให้พี่สะใภ้หน่อย ไปสิ คอแห้งแล้วมั้งป่านนี้”

ชายหนุ่มส่งน้ำส้มคั้นเย็นเฉียบที่บรรจุใส่กระบอกน้ำแบบฝาล็อกให้น้องเอาไปให้คนรักที่อยู่ในช่วงเซตฉากใหม่

“โว๊ะ!! ว่าน้องแล้วยังจะมาใช้อีก อย่าเขกหัวน้องนะพี่ดิน เดี๋ยวฉี่รดที่นอน”

กริชยกมือกันเมื่อพี่ชายทำท่าจะประเคนมะเหงกให้

“ใช้นิดใช้หน่อย ทำตัวพองเดี๋ยวเหอะ จะไปไม่ไปฮึ”

แผ่นดินพูดจบทำหน้าตาเอาเรื่อง น้องชายตัวแสบรีบคว้ากระบอกน้ำวิ่งปรู๊ดไปหากอหญ้า
 แผ่นดินยังคงยืนมองจากจุดเดิมเห็นกอหญ้ารับกระบอกน้ำจากกริชที่บุ้ยใบ้มาทางที่เขายืน
 กอหญ้ามองมาส่งยิ้มให้และจรดปากดื่มน้ำส้มไปด้วย  จนกระทั่งส่งกลับคืนให้เจ้ากริชที่รับ
มาแล้ววิ่งกลับมาที่เขา

“เรียบร้อยแล้วนะคุณพี่ชาย คุณดาราเขาฝากมาขอบคุณ…แฟนคลับ…ที่น่ารัก
…ที่แอบส่งกำลังใจไปให้ ฮ่าฮ่า ไปนะ บาย”

เจ้าเด็กแสบพูดจบยัดกระบอกน้ำใส่มือให้ แล้วชิ่งหนีไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆตามเดิม

“เหอะๆ…มันน่านัก…ไอ้ดื้อ”
แผ่นดินอมยิ้มที่น้องเหมารวมว่าเขาเป็นแฟนคลับไปซะได้



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-04-2019 22:09:29 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 50 จุดจบตัวร้าย

แมนหงุดหงิดงุ่นง่านมาเกือบตลอดทั้งวัน  เพราะเขาเฟ้นหาคนทำงานฝีมือดีๆไม่ได้เลย
ช่วงนี้ทั้งงานของเสี่ยทวีปก็ดูจะติดขัดเพราะตำรวจดมกลิ่นใกล้เข้ามาทุกที  ทั้งงานลับๆ
ที่เขาให้คนไปเก็บศัตรูหัวใจก็ดันทำพลาดอีก

“พี่แมน  เสี่ยเรียกพบครับ  เห็นว่ามีเรื่องสำคัญ”

ลูกน้องวิ่งมาตามแมนที่นั่งขัดปืนจนขึ้นเงาอยู่ที่ห้องพัก

“เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”

แมนรีบเก็บอาวุธคู่กายเข้าซองที่ข้างเอว  แล้วรีบเดินไปทางตึกใหญ่ทันที  เมื่อไปถึงพบว่าเสี่ยนั่งดื่มรออยู่แล้ว

“แมนคืนนี้มีส่งของล็อตใหญ่ ขอมือดีๆ ไปคุมอีกชั้นนะ พลาดไม่ได้เลยมูลค่ามันมหาศาลมากรอบนี้”

เสี่ยทวีปตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่จะไหลเข้ากระเป๋าหากผ่านคืนนี้ไป

“ครับเสี่ย  ไม่พลาดแน่”

แมนพูดอย่างทุกทีที่เข้ามารับงาน

“อืม…ฉันเชื่อฝีมือนาย  เสร็จงานนี้  เราคงต้องพักกันยาวสักหน่อย”
เสี่ยทวีปแกว่งแก้วไปมา

“เที่ยวรอบโลกหน่อยก็ดีนะครับ  พาคุณหนูไปด้วย”

แมนชี้นำ  แต่เพื่อหวังผลได้ใกล้ชิดกับคุณหนู

“ฮ่าฮ่า  เป็นความคิดที่ดี  แกก็เตรียมแพ็กกระเป๋าได้เลย”

เสี่ยพูดจบ  ก็กระดกน้ำสีเหลืองอำพันรวดเดียวหมดแก้ว  ประกายตาละโมบโลภมากเผยให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง
แมนมองจนชินตาไปเสียแล้ว



“นายดิน! นายเขตครับ! ข่าวเด่นข่าวดัง  ฮอตฮิต  ติดขอบจอ  มาบอกครับ”

เสียงเรียกที่ดังอยู่หน้าบ้านก่อนที่ฟ้าจะสางซะอีก  เรียกความสนใจของพ่อลูกที่ตื่นเช้ากันอยู่ก่อนแล้ว

“ขวัญเหรอเข้ามามีข่าวอะไรของเอ็ง ถ้าไม่เด่นไม่ดัแกโดนเตะแน่ๆ”

แผ่นดินขู่ลูกน้องที่หน้าตาตื่นอย่างกับเจ๊กตื่นไฟ  ซึ่งไม่เคยเห็นว่าแฝดผู้น้องของมิ่งจะเป็นไปได้มากขนาดนี้

“ผมไปตลาดซื้อปลาท่องโก่กับน้ำเต้าหู้  แล้วได้ยินอาแปะแกเล่าว่า  เสี่ยทวีปกับพรรคพวกน่ะ
โดนตำรวจรวบตัวได้เมื่อคืน  แต่เสี่ยแกชักปืนยิงสู้โดนตำรวจสวนกลับ  แสกหน้าเลยครับนายเขต”

ขวัญเล่าอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์เสียเอง

“ห๊ะ! จริงเหรอเจ้าขวัญ  เจ้าดินแกโทรเช็กข่าวกับเพื่อนแกทีสิ  อะไรมันจะง่ายดายนักนะ
 พ่อไม่อยากจะเชื่อเอาซะเลย”

พ่อเขตผุดลุกขึ้นทันที  หน้าตาตื่นเหมือนอย่างเจ้าขวัญไม่มีผิด

“พ่อรอแป๊บนะครับ  อย่าเพิ่งไปเชื่อไอ้ขวัญมันมาก”

แผ่นดินบอกพ่อแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่หน้าทีวีอย่างร้อนใจ  เขาก็อยากรู้ว่าข่าวมันจริง
มั้ยแต่ทำเป็นเนือยๆไปอย่างนั้นเอง  กดโทรศัพท์หาตรีภพมือไม้สั่น

“ฮัลโหลภพ จะเช็กข่าว เออๆ ข่าวนั่นแหละ จริงเหรอว ะ ยังว่าไอ้ขวัญมันกุเรื่องนะเนี่ย
กะจะเตะมันซะหน่อย เออๆ แกคงกำลังยุ่งอยู่แค่นี้แหละขอบใจนะ”

แผ่นดินวางสายแล้วเดินมานั่งที่ม้านั่งตรงระเบียงที่ประจำที่พ่อนั่งดื่มชาทุกเช้า  พ่นลมหายใจออกมา

“จริงฮะพ่อ ตายสนิทคาที่  เมื่อคืนตำรวจบุกทลายพวกลักลอบค้าอาวุธเถื่อนลอตใหญ่
เดี๋ยวสายๆ ก็คงมีข่าว กรรมติดจรวดจริงๆ เลยนะครับ”

แผ่นดินนั่งลงข้างๆ พ่อ ท่าทางปลงๆ

“อืม…ตายง่ายตายดายเสียจริง  ก่อกรรมมาก็มาก  ขวัญแกก็อย่าเอาไปพูดเยอะนักนะ
เผื่อไปเจอพวกเดียวกันกับมันแกจะโดนแกล้งเอา  ค่อยรอดูข่าวเอาแล้วกัน”

พ่อเขตกำชับขวัญด้วยความเป็นห่วง

“ครับนายเขต  ที่ผมรีบมาบอกเพราะเขาทำกับครอบครัวเราไว้เยอะ ทีนี้พวกคุณๆ จะได้ปลอดภัย
กันเสียทีนะครับ  ถ้าพี่มิ่งรู้ข่าวคงจะดีใจกระโดดโลดเต้นจนลืมว่าตัวเองเจ็บอยู่นะผมว่า”

ขวัญดูจะพอใจกับข่าวนี้เอามากๆ

“นั่นดิ  ฝากแกไปบอกเจ้ามิ่งด้วยว่าอย่าไปแค้นเคือง คนก็ตายไปแล้วให้อโหสิกรรมกันไป
จะได้ไม่เป็นกรรมต่อกันอีกในชาติหน้า”

พ่อเขตฝากเรื่องไปบอกกับมิ่ง

“ประเสริฐแท้นายเขต  ผมจะจำไปบอกพี่มิ่งครับ  ส่วนปลาท่องโก๋เลยไม่ได้ซื้อกัน  อดแล้วกันนะพี่มิ่ง”

ขวัญพูด  แล้วทำท่าจะกลับ

“ก็ตื่นตูมซะขนาดนี้  ขี่มอไซค์กลับมาถึงนี่ได้ก็ดีแล้ว  ไปหาอย่างอื่นกินแทนไปมื้อเช้าน่ะ
ขอบใจแกนะขวัญที่ตาลีตาเหลือกมาบอก หึหึหึ”

แผ่นดินไม่วายขบขันลูกน้องในความป้ำๆ เป๋อๆ ของมัน

“โธ่ถ้านายดินมาเป็นผมหรือพี่มิ่งก็ไม่แคล้วทำยิ่งกว่านี้อีก  เชื่อเหอะ”
ขวัญย้อนเจ้านาย

“ตั้งแต่ต้องไปเฝ้าไอ้มิ่งนี่  ดูแกจะพูดมากเหมือนไอ้มิ่งไปทุกทีแล้วนะขวัญ ทำไมเพิ่งค้นพบตัวเองรึไงกัน”

แผ่นดินแขวะลูกน้องอีก  เช้านี้เขาอารมณ์ดีมาก  ยิ่งได้ลับฝีปากกับแฝดน้องแทนไอ้คนพี่
ยิ่งรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย

“วุ้ย…เบื่อนายดิน เป็นอย่างที่พี่มิ่งมันว่าไว้เลย  คงเหงาปากละสิ  เดี๋ยวสายๆผมจะพาพี่มิ่งมา
ให้นายดินลับฝีปากก็แล้วกัน ใจร่มๆ ไปก่อนนะครับนาย”

ขวัญพูดอย่างไม่กลัวเกรง

“ไอ้ขวัญ เดี๋ยวได้โดนเตะจริงๆแกนี่ กล้ามาต่อปากต่อคำ”
แผ่นดินแกล้งขู่

“นายเขต ผมลาละครับ นายดินโหดเกินอยู่ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวสายๆ จะมาฟ้องคุณกอหญ้าคอยดูเหอะ”
ขวัญเอาชื่อคุณกอหญ้ามาขู่ ได้ผลแฮะ นายดินชะงักเสียจังหวะไปหนึ่งจังหวะ ยกมือชี้หน้าเขา
 ขวัญจึงรีบเผ่นออกจากทันที

“เออ…ข่าวดีจริงๆด้วยเนาะ เจ้าดิน”

พ่อเขตยกชาที่มีควันลอยขึ้นมาเหนือปากถ้วย  สูดดมแล้วจิบ ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเช้าที่แสนจะสดชื่น

“ครับพ่อ ข่าวฮอตฮิตอย่างไอ้ขวัญว่าจริงๆ ด้วย”

แผ่นดินพูดแล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในบ้าน  อาการอย่างนี้คงไม่พ้นไปเล่าให้คนรักฟัง
คนเป็นพ่อมองตามหลังลูกชายไป


ตอนสายสมาชิกของบ้านต่างจับจ้องอยู่หน้าทีวี ไม่มีใครที่จะขยับเขยื้อนไปไหน
เมื่อข่าวที่ทุกคนรอคอยมาถึงต่างฟังอย่างสนอกสนใจ  ตำรวจขยายผลและเชื่อมโยง
ไปอีกหลายคดีที่เกิดขึ้น  ท้ายที่สุดเสี่ยทวีปเป็นผู้บ่งการอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ก็คนตายไปแล้ว
คนอยู่ก็พยายามดิ้นเพื่อให้โทษของตนที่ได้รับเบาลง

“โหพ่อ  อย่างนี้ก็ไม่เหลืออะไรสิครับ  ลูกน้องพากันปูดซะหมดเปลือกแบบนี้”

แผ่นดินพูดเมื่อข่าวจบ

“ก็คงเป็นไปตามระบอบของกฎหมาย  ลูกสาวก็คงเหลือแต่ตัวละสิงานนี้  ถูกริบเข้าเป็นทรัพย์แผ่นดิน
ถ้าตรวจสอบว่าเงินหรือทรัพย์นั้นได้มาโดยมิชอบด้วยประการทั้งปวง  เฮ้อ…กรรม”

พ่อเขตสรุปให้ลูกฟัง

“พี่ดิน  นายแมนนี่ปากหนักเนาะ  ไม่ปริปากเลยสักคำ  ไอ้คนนี้ใช่มั้ยที่มันส่งคนมาทำร้ายพี่ดินแล้วมิ่งรับเคราะห์ไปน่ะ”

กอหญ้าถามเพราะคาใจกับชื่อที่ได้ยิน

“อืม…มันนั่นแหล ะ พี่ก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับมันนะ  ทำไมกัน?”

จนป่านนี้เขายังไม่รู้ว่าไอ้แมนมันจงเกลียดจงชังเขาด้วยเรื่องอะไรถึงอยากให้เขาตาย

“มันคงไม่ได้ออกจากคุกในเร็ววันหรอก  มันเป็นมือหนึ่งของไอ้เสี่ยทวีปมันคงทำตามนายมันสั่ง
ทุกงานนั่นแหละ  มันจะรอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้ไง”

พี่ทัพเสริมขึ้นจากที่นั่งดูข่าวมาอย่างเงียบๆ

“ย่าว่ามันก็ต้องโดนร่างแหไปด้วยแน่ๆ มันจะรอดได้ไงกัน  พวกโจรมีสังกัด
 ก็เหมือนจ่าฝูงโดนแล้วพวกฝูงจะรอดได้ไง จริงมั้ยดิน”

คุณย่าคาดคะเน

“โอ้โห คุณย่า เฉียบ”
พี่ทัพแซวคุณย่า

“ทะเล้นน่ะเจ้าทัพ นี่น้องก็กลับไปเรียนแล้ว  คนช่วยงานก็น้อยลง  อย่าเกเรนักนะเรา  ตั้งใจทำงานด้วย”
พ่อเขตหันไปบ่นลูกคนรอง

“ครับคุณพ่อ  ที่รักและเคารพ”

พี่ทัพทำทะเล้นใส่พ่อเขต  เช้านี้ทุกคนพากันอารมณ์ดีไปตามๆ กัน คงนอนหลับสนิทกันเสียที
ไม่ต้องคอยหวาดระแวงว่าจะถูกใครลอบทำร้ายอีก  เป็นข่าวดีจริงๆ ในรอบหลายวันมานี้
กอหญ้าพลอยมีความสุขไปด้วย  และยังไม่ทันจะได้แยกย้ายไปไหนกัน หน้าบ้านก็มีกลุ่ม
คนงานมาออกันเกือบสิบคน

“นายดิน  มีเรื่องด่วนครับ”
แผ่นดินชะโงกไปดูตามเสียงเรียก

“อ้าว! สน มีอะไร ใครเป็นอะไรน่ะ?”
พี่ดินเดินเข้าไปหาลูกน้อง กอหญ้าถลาตามโดยมีพี่ทัพตามไปติดๆ

“พวกเราจับคนร้ายได้ครับ ไอ้สองตัวเนี่ยนายดิน ผมก็ว่ามันทำลับๆล่อๆ ชอบแต่จะเมียงๆ
มองๆ มาที่บ้านใหญ่ ที่ไหนได้ไปเจอมันซ่อนอาวุธไว้ที่พงหญ้าใกล้ๆ เรือนนอนนู้นครับ”

สนรีบรายงานพี่ดิน  กอหญ้ามองผู้ชายร่างยักษ์สองคนที่นอนกองอยู่ที่พื้น

“ห๊ะ! มีอาวุธด้วย  มันเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือนนี่  ใช่รึป่าว”

แผ่นดินถามกลับ  สนพยักหน้า

“มันมาไม่นานนี้เองนายดิน  กลางคืนก็ไม่หลับไม่นอนเดินด้อมๆแถวๆท้ายไร่
ผมกับพวกๆสะกดรอยตามจนได้รู้ว่ามันซ่อนรถไว้นู้นท้ายไร่เรา  จึงจับมันมาเค้นมัน
ก็ปิดปากเงียบ หนักเข้าพวกผมก็จับกรอกเหล้า  พอเมานะนายดินมันพ่นออกมาหมด
นายดินถามมันเองมั้ยว่ามันทำอะไรไว้บ้าง”

สนหยุดเล่า  และกระชากร่างที่สะบักสะบอมและฟกช้ำไปทั้งตัว  โยนกองไว้แทบเท้านายของมัน
ตัวออกใหญ่แต่ไร้เรี่ยวแรง  อ้อแอ้อย่างเมาจัด

“มันจะพูดรู้เรื่องเหรอสน  เมาหนักขนาดนี้”

ฐานทัพถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะอาการของสองคนนี้หนักเอาการ

“งั้นผมถามมันเอง ไอ้เขียวรถกระบะสีดำของเอ็งเอาไว้ทำอะไร
ไม่เห็นเคยขับ  ขับเป็นแน่นะ”

สนแกล้งพูดยั่วเย้าไอ้คนที่นั่งโอนเอนไปมา  ตามแขนที่พ้นเสื้อออกมามีแต่รอยสัก

“ไอ้สนมึงโง่เหรอ กูนี่นะดริฟโชว์ยังได้ ม่เพราะฝีมือกูรึไงแฟนนายมึงยังเกือบตาย
ไอ้ดาราหน้าอ่อนน่ะ  แค่กูขับปาดหน้าหน่อย แม่งอ่อนว่ะหักหลบกูพุ่งลงข้างทาง
แล้วกูสองคนนี่แหละที่พากันรูดทรัพย์แต่แม่งทั้งเนื้อทั้งตัวแทบไม่มีอะไรเลย  ขายได้ตังค์
มานิดหน่อย  สร้อยที่มันใส่แม่งก็ของปลอม กระจอกชิบ”

คนเมาพล่ามไม่หยุด  กอหญ้าได้ฟังหน้าซีดเผือด  แข้งขาอ่อนจนคุณย่ากับฐานทัพต้องมาช่วยพยุง
สนกำลังจะถามต่อก็เป็นอันตกตะลึงเมื่อนายดินของมันพุ่งเข้าใส่ไอ้ก้อนสองก้อนที่นั่งกองกันอยู่
ทั้งหมัดทั้งเท้าประเคนจนดูกันแทบไม่ทัน

“มึงนี่เอง  ไอ้สารเลว  เดนมนุษย์  ทัพแกไปเรียกตำรวจมาสิ  แต่ขอเวลาอีกนิดยังไม่หายแค้นเลย
พูดมาหน้าตาเฉยเล่าอย่างกับมันสองตัวนี่เป็นพระเอก  กูขอกระทืบให้เต็มตีนอีกหน่อยก่อน”

แผ่นดินพูดจบก็กระทืบซ้ำๆ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องลานหน้าบ้าน

“พ่อเถอะดินส่งให้ตำรวจเถอะ ย่าจะเป็นลมเห็นเลือดไม่ได้ กอหญ้าไปๆ เข้าบ้านกับย่าไป”

กอหญ้าเดินขาอ่อนตามคุณย่าเข้าบ้าน โดยไม่พูดไม่จา แผ่นดินมองตามแล้วจึงหยุดมือ

“หึ้ย…เห็นแล้วมันแค้น โว๊ย!”

คนงานต่างมองเจ้านายหนุ่มเลือดร้อนตาปริบๆ เป็นอย่างที่ลือกันหนาหูว่า นายดินขี้หวง

“เออ ใจเย็นเถอะดิน  ทัพมันไปโทรเรียกตำรวจแล้วเดี๋ยวคงมา มันโดนขนาดนี้รักษาตัวเป็นเดือนๆแหละพ่อว่า”

พ่อปรามลูกชายที่ดูจะมันมือจนไอ้สองคนเกินจะรับไหว

“ขอบใจมากนะสน แล้วก็ทุกคนเลย  ทำดีมากที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องกันเอง ดีมากๆ”

แผ่นดินพร่ำชมลูกน้อง ก่อนที่ทุกคนจะขอตัวกลับออกไปเมื่อตำรวจมาและรวบคนร้ายที่ทางตำรวจตามหา
กันแทบพลิกแผ่นดิน  ที่แท้มันมาแอบซ่อนตัวอยู่แค่ปลายจมูกของเหยื่อที่มันเคยกระทำต่อเขาไว้เสียด้วย


เมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย  แผ่นดินจึงรีบเข้าไปในบ้านเพื่อไปปลอบขวัญคนรักที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกไม่หาย

“คนดีโอเคมั้ย  อย่ากลัวไปเลยพี่อยู่นี่แล้ว  คนชั่วก็รับผลกรรมไปแล้วไม่ต้องกลัวนะ”

พี่ดินรวบตัวคนรักมากอดแนบอก  กอหญ้ากอดตอบเขาไม่คิดเลยว่าคนร้ายมันยังกล้าที่จะมา
มองหน้ากันอยู่ทุกวัน  เขาเกือบตายกับแค่เรื่องที่พวกมันอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง

“พี่ดินกอหญ้าเกือบตาย เพราะพวกมันอยากได้เงิน แค่นี้เองจริงๆ ถ้ามันดูสร้อยเส้นนี้เป็นนะมันคงเอาไปด้วย”

กอหญ้าพูดทั้งที่ยังสั่นกลัว

“แต่กอหญ้าของพี่ก็รอดมาได้  และตอนนี้ก็มีความสุขดีด้วย ลืมมันไปซะนะ”

แผ่นดินลูบหลังและหอมที่เรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่นุ่มขึ้นมากแต่ก่อน

“หัวหอมจัง ผมก็ยาวแล้ว ไม่ตัดแล้วได้มั้ย พี่อยากให้ไว้ยาวๆเลย”

กอหญ้ายกมือจับปลายผมตัวเอง

“พี่ดิน ผมยาวรุงรังหนักหัวนะ แล้วก็ต้องเปลืองยาสระผมด้วยสิ”
กอหญ้าติง

“เดี๋ยวพี่ออกให้เองค่าแชมพูและทรีทเม้นท์ สระให้ด้วยเลยเอ้า! แถมเช็ดจนแห้งไม่ใช้ไดร์ด้วย
 บริการทุกระดับขนาดนี้ ไว้ผมยาวเถอะ นะครับ”

แผ่นดินเปลี่ยนเรื่องคุยได้สำเร็จ

“อืมๆ ก็ได้ๆ แต่ถ้าบริการไม่ดีอย่างที่พูด ตัดทิ้งเลยนะ”

กอหญ้าแกล้งขู่ไปอย่างนั้นเอง จริงๆ แล้วเขาก็ชอบที่จะไว้ผมยาวเสียด้วย
ถ้าไม่ถูกทำร้ายคงยาวเยอะแล้วป่านนี้




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 48,49,50
«ตอบ #123 เมื่อ07-04-2019 23:07:24 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนจะคลี่คลายปมไปหลายเรื่องแล้ว

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 51 เมาเหล้าหรือเมารัก

เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี  กอหญ้ามีความสุขกับการทำงาน  เพื่อนร่วมงานนักแสดง
ตลอดจนผู้กำกับให้ความเป็นกันเองกับเขา และเหนือสิ่งอื่นใดเขาได้รับการดูแลใส่ใจจากคนรัก 
หากวันไหนที่ต้องย้ายกองไปถ่ายนอกเขตไร่  แผ่นดินจะเป็นคนพากอหญ้าและเพื่อนร่วมงานที่
กอหญ้าสนิทๆร่วมเดินทางไปส่งถึงที่หมาย และคอยดูแลจนกระทั่งงานแล้วเสร็จเป็นเช่นนี้จนกลาย
เป็นที่ชินตาของทีมงานไปแล้ว

“พี่ข้าวโชคดีจังค่ะ ที่มีคนรักอย่างพี่ดิน หาไม่ได้แล้วนะ แป้งอิจฉาพี่ข้าวนะเนี่ย”
เด็กสาวนักแสดงที่รับบทบาทเป็นเพื่อนสนิทในเรื่องพูดขึ้น

“น้องแป้ง พี่กับพี่ดินผ่านเรื่องอะไรมาด้วยกันมากมายนับไม่ถ้วน กว่าจะฟันฝ่ามาถึงวันนี้ได้
 พี่ดินก็ต้องอดทนและเหนื่อยกับพี่มากเหมือนกัน  อย่าอิจฉาพี่เลย  ถ้าเราอยากได้แบบพี่ดินต้องไป
หาเอาเอง  คนนี้พี่หวงบอกไว้ก่อนนะ”

กอหญ้าพูดหน้าตาเฉย  โดยไม่รู้ว่าคนที่ถูกหวงนั้นมายืนอยู่ข้างหลังแล้ว  เด็กสาวเห็นอย่างนั้นกำลัง
จะส่งสัญญาณให้รู้ว่าคนที่ถูกเอ่ยถึงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว  แผ่นดินจุ๊ปากให้เงียบไว้
เธอจึงนึกสนุกขึ้นมาพูดต่ออีกหน่อย

“หวงแล้วทำอะไรได้ล่ะพี่ข้าว พี่ดินเขาก็เคยมีสาวๆ มาก่อนนี่นะ  พี่ข้าวไม่กลัวพี่ดินจะกลับไปเป็นแบบเดิมเหรอ
พี่เผื่อใจไว้บ้างหรือเปล่าล่ะคะ”

เด็กสาวถามอย่างลองใจ  แผ่นดินอ้าปากกับคำถามที่แรงพอดู

“แป้ง…สรุปเธออยากได้พี่ดินใช่มั้ย พี่ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้พี่น่ะมีดีพอที่พี่ดินจะรักแล้วก็ไม่มีวอกแวก
ออกนอกลู่นอกทางด้วย  อย่าพยายามเลย เลิกพูดเรื่องนี้เถอะพี่ชักจะไม่ชอบขี้หน้าเธอแล้วนะ…หึ้ย”

กอหญ้าหน้างอ อารมณ์บูดขึ้นมาทันที  ใครว่าเขาจะไม่กลัวล่ะ เรื่องของจิตใจ ใครจะไปคาดเดาหรือ
ล่วงรู้จิตใจใครได้ ยิ่งกอหญ้ารู้ตัวว่าเขายังทำหน้าที่ของคนรักไม่ครบถ้วน…ให้เรื่องอย่างนั้นกับพี่ดิน
ไม่ได้เต็มที่ด้วยซ้ำ…พอคิดไปถึงเรื่องนี้ก็เครียดขึ้นมาทันที…ทำใจลำบาก

“พี่ข้าวโกรธน้องเหรอขอโทษนะ แป้งจะไม่พูดแบบนี้อี แต่ก็ยังอยากรู้อีกอยู่ดีว่าที่พี่ข้าวพูดน่ะ
อะไรนะที่ว่ามีดี…ตรงไหนล่ะ…ที่พี่ดินจะทั้งรักและหลงน่ะ คิกคิก”

แป้งแกล้งเย้าแถมทำหน้าทะเล้นใส่  กอหญ้าเพิ่งรู้ตัวว่าเสียรู้เด็กแสบก็ตอนที่ถูกสวมกอดจากทางด้านหลังนี่แหละ
แถมยังถูกจูบที่เรือนผมอย่างไม่แคร์สายตาใครๆ

“งอแงอะไรครับ หืม….มีดีขนาดนี้พี่จะไปไหนรอด จริงมั้ยครับ”

พี่ดินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม  จนเด็กแป้งอายม้วนต้วน

“พี่ดินคะ แป้งไปหายาทาก่อนนะไม่ไหวเลย มดไม่รู้มาจากไหนรุมกัดอยู่ได้  ไปก่อนนะพี่ข้าว”

ก่อนไปยังทำยักคิ้วล้อเลียนอีก

“เด็กบ้า…เดี๋ยวเหอะ พี่ดินก็ด้วยมาทำรุ่มร่ามอะไรตรงนี้  ดูสิพี่เมศมองใหญ่แล้วเดี๋ยวกอหญ้าก็ต้องมุดดินหนีหรอก
เอ่อ…ไม่ใช่ดินนี่ซะหน่อย  พี่ดินบ้า”

กอหญ้าก้มหน้างุด  เมื่อโดนพี่ดินจับมุดที่แผ่นอกเอาดื้อๆ แล้วยังเอาเสื้อมาคลุมตัวเขาอีก

“เห้อ…กว่าละครจะปิดกล้อง เบาหวานขึ้นตาแน่ๆ เลยกู”

พี่เมศพูดขึ้นมาลอยๆ เมื่อกอหญ้าเดินเข้ามาในรัศมีที่ได้ยินถนัดเต็มสองหู

“พี่แป้งก็มาขอแซมบัคเนี่ย  บอกว่ามดรุมกัด  ตกลงเราต้องหายาฆ่ามดมาประจำไว้ที่กองรึไงพี่เมศ”

น้องนักศึกษาที่มาฝึกงานพูดขึ้น  ทำเอากอหญ้าสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม

“อ้าว!ข้าวขาอ่อน เป็นอะไรวะ หนักไปหน่อยรึไงเมื่อคืน”

ผู้กำกับแซวหนักขึ้นอีก

“พี่เมศที่ข้าวสะดุดเนี่ยเพราะพื้นไม่เสมอไม่เห็นรึไง…หึ้ย”

กอหญ้าย้อนผู้กำกับที่หน้าโหด แต่จริงๆ เป็นคนแบบนี้เอง ขี้แกล้งสารพัดต้องโทษพี่ดินเลยงานนี้ทำ
ประเจิดประเจ้อดีนักคนล้อกันทั้งกองแล้วจะให้เอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน  เดินไปทางไหนก็มีแต่สายตา
ล้อๆ ตามมาตลอดทั้งวัน


วันปิดกล้องมาถึงหลังจากถ่ายซ่อมในบางซีนเสร็จสิ้น  พี่เมศบอกกับทีมงานว่าจะจัดงานเลี้ยงอำลาในตอนค่ำ
ซึ่งงานนี้จัดขึ้นที่ลานโล่งที่เคยใช้สำหรับจัดงานเลี้ยงประจำปีของทางไร่

แผ่นดินขอเป็นเจ้าภาพร่วมด้วยเพราะเขาก็อยากเลี้ยงคนงานที่ร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันความลำบากมาด้วยกัน
แล้วก็เลี้ยงฉลองที่มิ่งหายดีกลับมาทำงานได้อย่างเดิมแล้ว

“นายดินเราจะจัดรวมกับทีมงานกองถ่ายจริงเหรอครับ  อย่างนี้พวกผมก็ได้กระทบไหล่ดารากันจริงๆ แล้วสิครับ”
มิ่งพูดขึ้นยิ้มๆ ดวงตาเป็นประกาย

“เออ…แกจะกระทบไหล่ดาราคนไหนก็เรื่องของแกแต่มีคนนึงห้ามเลยนะ ไม่งั้นโดนเตะกระจายแน่"

“อะ…อุ้ย…คนนั้นเป็นข้อยกเว้นครับนายต้องวางไว้นู้น ที่สูงๆ เลยละครับ”

มิ่งสะดุ้งเมื่อนึกได้ว่าคุณกอหญ้าก็เป็นหนึ่งในดาราที่ว่าด้วยเหมือนกัน

“หึ หึ หึ”
แผ่นดินมีเพียงเสียงหัวเราะที่ลอดออกมาผ่านลำคอ แค่นั้น

“ช่วยดูๆ ความเรียบร้อยด้วยนะมิ่ง เดี๋ยวเพื่อนๆ ฉันจะมาเพิ่มกันอีก คนงานก็ปล่อยๆ มันไปบ้าง
แต่ถ้าใครดูระรานก็พาออกไปได้เลยนะ”

มิ่งพยักหน้ารับทราบคำสั่ง



งานเริ่มเกือบจะพลบค่ำมีการตกแต่งไฟหลากสี มีซุ้มอาหาร เครื่องดื่ม และดนตรีให้ด้วย
ทุกคนดูจะผ่อนคลายดูได้จากสีหน้าที่แย้มยิ้ม  แผ่นดินกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นคนงานบ้าง
ทีมงานละครบ้างที่ถามไถ่คุยกันอย่างออกรสชาติ  ที่ห่วงๆ ว่าจะเกเรกันดูแล้วไม่น่าห่วงเลยเพราะส่วนใหญ่
จะมีครอบครัวลูกเมียมาคุมเองด้วย

“งานใหญ่เลยนะดินหน้าชื่นไปตามๆ กันด้วยสิ”
ตรีภพทักทายเจ้าของงาน

“อืม…เลี้ยงขอบคุณลูกน้องด้วยแหละ แล้วนี่ไม่รับธารากับลูกมาด้วยเหรอ”

“อ่อ…เขาติดงานเลี้ยงรับรองคนใหญ่คนโตน่ะ ลูกก็ไม่ค่อยสบายด้วย”

ตรีภพเล่าให้เพื่อนฟัง  เป็นการแบไต๋ที่คนฟังหูผึ่งเมื่อได้ยิน

“อ่อ…ลูกป่วย พ่อของลูกก็ติดธุระ มันน่าน้อยใจเนอะ ว่ามั้ย”

“อืม…เดี๋ยวต้องแวะเข้าไปดูซะหน่อยว่ามีอะไรพอจะช่วยได้มั้ย”

“หืม…ดูซะหน่อยเนอะ ดูลูกเค้าหรือว่าดูพ่อเค้าล่ะ หึหึ”

แผ่นดินหัวเราะในลำคอ ทำเอาตรีภพส่ายหน้าที่เขาไม่สามารถปกปิดอะไรเพื่อนรักคนนี้ได้เลยสักเรื่อง
 มองทะลุปรุโปร่งไปถึงไหนๆ

“นั่นมาอีกคู่แล้ว ชานนท์กับคมกฤช หึหึ”

แผ่นดินหัวเราะทำนองเดียวกับที่หัวเราะเพื่อนรัก

“เห่ย…แล้วหมอไนท์ล่ะ ไม่เห็นมาเลยวะ”

ตรีภพชะเง้อมองผ่านสองหนุ่มที่เดินเข้ามา

“พรุ่งนี้วันหยุด คิดเหรอว่าจะมาอยู่นี่ ป่านนี้ขึ้นเครื่องแล้วมั้ง จุดหมายปลายทางนู้น…หาเด็กแสบ”

เป็นที่รู้กัน  ถ้าแผ่นดินเรียกว่าเด็กแสบก็คือเจ้ากริชนั่นเอง

“อืม ตกลงไนท์คบกับเจ้ากริชแล้วเหรอวะดิน”

ตรีภพถาม แต่ก็พอรู้อยู่บ้าง

“อือ…วันนั้นไนท์ก็แสดงออกขนาดนั้น ดูไม่ออกก็แย่แล้วล่ะ รักต้องอุ้มแบบที่พ่อพูดเลยล่ะ ฮ่าฮ่า”

สองหนุ่มเพื่อนรักหัวเราะประสานเสียงกัน

“ไอ้ดินๆ เมียแกโดนลากแล้วเว่ย…นั่นๆ”

ตรีภพเรียกเพื่อนเสียงดัง  เมื่อเห็นว่ากอหญ้าถูกบรรดาเพื่อนๆ นักแสดงลากออกไปเต้นอยู่กลางฟลอร์

“ใช่เหรอ  เด็กดื้อนั่นขี้อายจะตาย …สงสัยจะเมา ดูออกสเต็ปสิ…กะโหลกกะลาจริงๆ”

แผ่นดินออกจะขำๆ เสียด้วยที่เห็นอย่างนั้น  แต่ก็คงต้องปล่อยไปสักวัน ไหนๆ ก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบ
เดิมๆ ที่เจ้าตัวเคยเป็นแล้ว ดูอยู่ห่างๆ แล้วกัน

“ปล่อยเหรอวะ…เออๆ ปล่อยเขาสักวันก็ดี แกล่ะไม่ดื่มสักหน่อยเหรอ”

ตรีภพชูแก้วขึ้น  แผ่นดินส่ายหน้า

“ภพมึงลืมไปหรือเปล่า ถ้ากูดื่มจะเป็นยังไง หึหึ”

แผ่นดินทิ้งคำถามไว้แค่นั้น ตรีภพเบิกตากว้าง เรื่องมันนานจนลืมไปเลย มีเรื่องสนุกๆ
ให้ทำแล้วสิ  ตรีภพยกยิ้มมุมปากซึ่งถ้าแผ่นดินเห็นจะไม่เข้าใกล้เขาเด็ดขาด

“นิดหน่อยจะเป็นไรไป เมาก็นอน ไม่ได้ออกไปกินนอกบ้านนี่ จะกลัวอะไรกันวะดิน มาๆ ชนแก้วกันหน่อย
เดี๋ยวข้าดูแกเอง ไม่ทันเมาหรอก…แค่นี้”

ตรีภพคะยั้นคะยอเพื่อน แผ่นดินได้แต่ส่ายหน้าอย่างเดียวเลย ตาก็คอยแต่มองไปทางคนรักที่ดู
จะสนุกสนานไม่เบา  ตาที่คอยจับจ้องเพลินๆจนเผลอยกแก้วเหล้าที่เพื่อนเอามาวางไว้ใกล้มือขึ้นดื่ม
ยิ่งดึกทั้งบรรยากาศและเสียงเพลงพาให้แผ่นดินเผลอปล่อยใจจนดื่มไปหลายแก้วแล้ว

ตรีภพยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 

“ดินกลับก่อนนะเว่ย ไว้จะมาขอข้าวที่บ้านกิน คืนนี้ขอให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยนะเพื่อนเลิฟ”

ตรีภพตบบ่าเพื่อนรักไปสองป้าบ แล้วพยักหน้าให้มิ่งเข้ามาดูเจ้านายมันต่อ ก่อนไปมีกระซิบกระซาบกับมิ่งด้วย

“นายดินฮะ ขึ้นข้างบนเลยมั้ย เดี๋ยวผมพาไป คุณกอหญ้าก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว ผมให้ขวัญพาเข้าบ้านเลยแล้วกัน”

มิ่งมองดูเจ้านายหนุ่มที่นั่งโงนเงน ตาฉ่ำมาเป็นชั่วโมงแล้ว ยิ่งเมายิ่งเงียบแฮะ

“อืมๆ เข้าบ้านก็ดี ง่วงจังเลย แล้วเมียกูล่ะ ไปไหนวะไอ้มิ่ง”

แผ่นดินพูดโดยที่ยืนแทบจะไม่อยู่

“คุณสารวัตรนี่นะ ก็รู้ว่าเพื่อนดื่มไม่ได้ยังแกล้งอีก ขวัญๆไปพาคุณกอหญ้ากลับเข้าบ้านเถอะ
เดี๋ยวพี่ล่วงหน้าไปก่อนนะ”

มิ่งเข้าประคองนายพาเดินเป๋เข้าบ้าน บ้านใหญ่เปิดไฟไว้สว่างมิ่งจึง
พาเดินไปที่ห้องนอนจับอาบน้ำหาชุดนอนให้เสร็จแล้วจึงทิ้งให้นอนบนเตียง มีเสียงงึมงำถามหา
คุณกอหญ้าไม่หยุด  มิ่งตรวจความเรียบร้อยก่อนออกไปจากห้อง  ชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้อง
คุณกอหญ้าเห็นน้องชายกำลังจัดการกับเมียนายอย่างที่เขาเพิ่งทำให้นายดินเสร็จ

“พี่มิ่งมาช่วยกันหน่อย คุณกอหญ้านี่ดื้อจัง มือไม่อยู่เฉยเลยดูดิ”

ขวัญปัดมือคนเมาออกที่คอยแต่จะลูบไล้เขา

“เออ…แกไปเตรียมชุดนอนเลย รีบหน่อยเดี๋ยวพ่อมึงมา กูจะโดนเตะไปด้วย เร็วสิ”

มิ่งเร่งน้องชาย

“รีบอยู่เนี่ย พี่มิ่งพาไปในห้องน้ำเลย ตัวขาวๆไม่ต้องอาบนานหรอก ไม่สกปรกอะไรมาก”

ขวัญสาละวนกับการเตรียมผ้าเช็ดตัว และชุดนอน

“ขวัญแกมาช่วยที ดื้อจริงๆด้วยเนี่ย มือไม้ซุกซนจริงๆ”

คนเมาเลื้อยมือไปทั่ว จนสองพี่น้องแทบตะบะแตก กว่าจะล้างตัวแล้วเช็ดตัวให้จนแห้งก็หืดขึ้นคอ

“ใส่เสื้อนี่ก็เสร็จแล้ว เอาไงต่อพี่มิ่ง พาไปหานายดินมั้ยพี่”

“เออๆ พาไปเลย นายมึงร้องหาอยู่นู่นแหละ เดี๋ยวข้าเก็บของให้เข้าที่ก่อน เดี๋ยวออกไป
 แกก็รีบๆเข้า แล้วออกมานะ อย่าช้าล่ะ”

มิ่งบอกน้องชาย

“อืมๆ…รู้แล้วน่ะ คุณกอหญ้าครับไปนอนนะครับ นายดินรออยู่”

ขวัญบอกคนเมาที่เอาแต่ซุกซบอยู่อย่างนั้น

“หาพี่ดิน…น้องง่วง…พี่ดิน”

แล้วกอหญ้าก็ถูกขวัญพาไปปล่อยไว้บนเตียงที่มีนายดินนอนซะเกือบเต็มเตียง
ขวัญจัดท่านอนให้สองหนุ่มก่อนจะห่มผ้าให้ แล้วปิดไฟดวงใหญ่ ก่อนจะล็อกประตูแล้วเดิน
ลงมาด้านล่างที่พี่ชายฝาแฝดรออยู่

“ไปดูความเรียบร้อยในงานกันอีกหน่อย…ค่อยกลับไปนอน”

มิ่งบอกกับขวัญก่อนจะเดินนำออกไปที่บริเวณลานจัดงาน ที่ทั้งแสง สี เสียง ยังคงบรรยากาศสนุกสนานเช่นเดิม

“มิ่ง นายแกไปไหนหมดวะ”

ฐานทัพถามหาพี่ชายกับพี่สะใภ้

“ผมพาไปส่งบ้านแล้วทั้งสองคน นายดินน่ะเมาจนหลับไปแล้วละครับ นายทัพล่ะอย่าดื่มนักนะครับ
 ผมแบกกลับไม่ไหวนะ”

มิ่งพูด พร้อมทั้งมองหน้านายทัพ คนอะไรคอแข็งชะมัด ไม่มีอาการอะไรเลย

“เหอะๆ อย่างข้านี่นะจะเมา เด็กว่ะ เมื่อกี้เอ็งว่าไงนะ พี่ดินเมาเหรอวะ…ฉิบหายแล้ว…ไอ้มิ่งเอ๊ย”

ฐานทัพส่ายหน้าไปมา

`พี่ดินมันดื่มได้ไหมล่ะเหล้าน่ะ ตายๆกัน งานนี้อ่วมแน่ๆ ช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ กอหญ้า…`



แผ่นดินตื่นขึ้นมากลางดึก ด้วยรู้สึกคลื่นไส้จึงรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ โก่งคอเอาอาหารที่กินไปเมื่อตอนค่ำ
ออกมาจนหมดไส้หมดพุง ที่เหลือก็อาการขมคออย่างหนักนี่แหละ กลับมาที่เตียงนอนตอนที่จะล้มตัว
ลงนอนกลับมองเห็นดวงหน้าของคนรักที่ตะแคงมาทางนี้พอดี ดวงหน้าจิ้มลิ้มหลับพริ้มมีร่องรอยของ
ความสุขเปื้อนอยู่บนใบหน้า

แผ่นดินหักห้ามใจที่จะไม่ก้มลงจูบที่ปากอิ่มนั้นไม่ได้เลย เมื่อทาบริมฝีปากลงไปสัมผัสกับความนุ่มหยุ่น
ทำให้จิตใจกระเจิดกระเจิงร้อนรุ่มขึ้นมาตรงส่วนกลางกาย  บ้าน่า…จะมารู้สึกอะไรตอนนี้กันเล่า

แผ่นดินผละตัวออกมาได้เพียงครึ่งเพราะถูกแขนเรียวโอบรัดต้นคอดึงเขาให้ซุกซบไปที่ซอกคอ

“อ่า…คนดี…ปล่อยพี่ก่อน…นะครับ”
แผ่นดินขืนตัวไว้

“พี่ดิน  รักนะ”
เสียงน้อยๆ ที่งึมงำที่ซอกหู  รวมถึงลมหายใจที่รดต้นคอทำเอาขนอ่อนลุกเกรียว  มือนุ่มลูบไล้ช่วงบ่าของเขาไปมา
ยิ่งกระตุ้นความต้องการให้ลุกโหม

“คนดี พี่ต้องไป…ปล่อย…อื้อ…อ่ะ”

ชายหนุ่มหมดหนทางจะหลบหลีก  เมื่อช่วงขาเรียวยาวเกี่ยวกระหวัดรัดที่เอวเขาไว้แน่น
ส่วนกลางกายของเขาสองคนเต้นเร่าภายในกางเกงนอนเนื้อบาง  คนขี้เมาฉกปากลงมาดูดดึง
ริมฝีปากล่างของเขาแล้วยังแทรกปลายลิ้นเล็กในโพรงปากสำรวจแนวฟันและไล้ไปที่เพดาน
สร้างความเสียวซ่าน  แผ่นดินตื่นตัวอย่างหนัก  ความตั้งใจที่จะหลบลี้ไปชำระบาปกับตัวเอง
ไม่เป็นผลอีกต่อไป  กลิ่นแอลกอฮอล์ยิ่งเร้าให้รู้สึกมึนเมาลุ่มหลงยิ่งไปกว่าเดิม

“พี่ดิน…อย่าไป”

กอหญ้าฉุดรั้งคนตัวใหญ่ด้านบนไว้มั่น  เสียงแลกเอนไซม์ดังเป็นจังหวะ  นาทีต่อไปจากนี้ไม่มีใครถอย
ให้ใครอีกแล้ว  ร่างบางยกลำตัวช่วยเมื่อถูกมือหนาปลดเปลื้องเสื้อผ้า  ภายในพริบตาทั้งสองก็เปิดเปลือย
ตัวตนสู่สายตาของกันและกัน  คนตัวเล็กปรือตาขึ้นเล็กน้อยและยกยิ้ม  บิดกายเร่า  เมื่อเนื้อตัวของเราเสียดสีกัน
ศีรษะเล็กทุยส่ายไปมา  กลิ่นกายที่แสนคุ้นเคยทำเอาแผ่นดินอดใจที่จะดอมดมไม่ได้  จุมพิตสร้างรอยรักทุกที่
ที่ริมฝีปากลากผ่าน  คนตัวเล็กแอ่นอกตามติดเมื่อถูกดูดดึง 

แผ่นดินสะท้านเมื่อถูกขบกัดที่ต้นแขนและถูกเล็บจิกที่ลอนกล้ามหน้าท้อง  ยิ่งเป็นการปลุกเร้า
ให้เลือดในกายเดือดพล่าน เขาสำรวจเนื้อตัวคนใต้ร่างจนทั่ว ไม่มีส่วนใดที่รอดพ้นจากริมฝีปาก
หนาไปได้  ยิ่งร่องกลางกายด้วยแล้วเป็นศูนย์รวมความหฤหรรษ์ที่กอหญ้าเต้นเร่าไม่หยุด
เรียกร้อง…รอคอย…ผวาเฮือกน้ำตาคลอเมื่อถูกรุกล้ำและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้แสงไฟสลัวๆ
แผ่นดินลูบเนื้อตัวปลอบประโลม

“คนดีอยู่อย่างนี้ก่อน อื้ม…รัดพี่แน่นจัง อ่า…อย่าตอดแรง พี่ขยับแล้วนะ”

แผ่นดินขยับออกเพียงนิด คนตัวเล็กก็ผวาตาม เขาจึงต้องลูบไล้ขบกัดใบหูขาวไปเบาๆ เพื่อดึงความสนใจ
ก่อนที่จะถอนตัวสุดความยาวและแทรกลึกลงไปจนสุด  เสียงเนื้อที่กระทบกันเป็นจังหวะหยาบโลน
และเสียงครางอื้ออึงของคนใต้ร่างยิ่งเป็นการเร่งเร้าให้เขากระทั้นกายไม่หยุด  กลิ่นเหงื่อที่ผสมกับกลิ่น
แอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นชั้นดี

“อื้อ อ๊ะ ขยับสิ…โอ๊ะ…อะ…เร็วอีก…อื้อ…แรงอีก…อ่ะ…อ่าห์”
แผ่นดินสอบสะโพกตามที่คนใต้ร่างร้องขอตามจังหวะรักที่พาไป

“รัก…นะ…ครับ”
แผ่นดินเดินเครื่องเต็มกำลัง  กอหญ้าก็ตามติดไม่ยอมให้คนตัวโตถอดถอนกายห่าง
เป็นไปอย่างนี้จวบจนรุ่งสางของวันใหม่  ทั้งสองต่างตระกองกอดกัน…แล้วหลับไปด้วยกัน







ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เกิดฉากอัศจรรย์ที่สั้นมาก 555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Happy ทุกคู่เลย เหลือนายทัพคนเดียวสิเนี่ย  :hao3:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 52 ดูแล

กอหญ้ารู้สึกปวดหัวปวดตัวไปหมดเหมือนโดนสิบล้อทับมาอย่างนั้น  ขยับตัวเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ
สะดุ้งเจ็บแปลบที่สะโพกและช่วงล่าง  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ  กอหญ้าหลับตาลงและพยายาม
นึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืน  งานเลี้ยง…ใช่เขาดื่มหนักมาก  แล้วกลับมานอนที่เตียงพี่ดินได้
ไงกัน  ก้มลงมองตัวเองที่ลายพร้อยไปทั้งตัวแถมนอนเปลือยอีกต่างหาก  ไม่ต้องเดาแล้วว่าสิบล้อที่ไหนทับ
ก็เจ้ายักษ์ที่พาดแขนมาโอบที่เอวเขานี่ไง

“พี่ดิน! ตื่นเลย! ตื่นเดี๋ยวนี้!!!”

กอหญ้าเขย่า  เรียกคนที่นอนข้างๆ ให้ตื่น ซึ่งก็ไม่เป็นผล  เขาจึงซัดเพียะที่แขนไปอย่างแรง

“อื้ม…ที่รัก ขออีกแป๊บนึงนะ…”

แผ่นดินยกมือข้างที่รัดเอวขึ้นลูบหัวให้คนที่ตื่นมาก่อกวนเขานอนต่อ

“พี่ดิน  กอหญ้าปวดหัว  ปวดตัว ปวดฉี่ พี่ดินตื่นเลยนะ คนน่าไม่อาย…ฮึกฮือฮือ”

กอหญ้าโวยวาย  สุดท้ายก็ปล่อยโฮเมื่อไม่รู้จะช่วยตัวเองยังไง  ทำเอาแผ่นดินสะดุ้ง
ตื่นเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของคนรัก  ลุกพรวดทันที

“คนดีเป็นอะไรบอกพี่ โอ๊ะ! ตัวร้อนจี๋ พี่พาไปห้องน้ำไม่ร้องแล้วนะ ไม่ร้องครับ”

แผ่นดินตลบผ้าห่มออกจากตัวคนรัก  สภาพคนงอแงที่เห็นเต็มตาทำเอาชะงัก  ทั้งสภาพผ้าปูที่เปรอะเปื้อน
ไปด้วยคราบต่างๆนานา  ที่มองดูก็รู้ว่าคืออะไร  เนื้อตัวมีแต่รอยดูดที่ออกจะแดงช้ำ  ตายแน่ๆ  นี่เขาเมาแล้ว
ก็หื่นไม่เลิกอีกแล้ว  ช้ำไปทั้งตัว ไม่ได้การแล้วตัวร้อนอย่างกับไฟ

แผ่นดินจึงรีบช้อนมือเข้าใต้เข่าอุ้มคนรักพาไปห้องน้ำ  จัดให้นั่งลงที่ชักโครกแล้วหันไปเปิดชั้นใต้เคาน์เตอร์
หยิบกะละมังออกมาและเปิดน้ำใส่เกือบครึ่งและเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กบนชั้นออกมาสองผืน

“คนดีเสร็จแล้วหรือยัง ปวดหัวเหรอ พี่ขอโทษนะ…อย่าโกรธเลย…นะครับ”

กอหญ้าเอนหลังอย่างหมดแรง  ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ  เห็นอย่างนั้นแผ่นดินจึงบีบยาสีฟันส่งให้
เจ้าตัวรับไปแปรงอย่างลวกๆ และรับแก้วน้ำมาบ้วนปากต่อ  แผ่นดินจึงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามใบหน้าไล่
ลงมาที่ลำคอขาวเรื่อยลงมาจนถึงหน้าขา แล้วก็ใช้สายฉีดชำระล้างเนื้อตัวส่วนล่างให้

“ โอ๊ะ! พี่ดิน  เจ็บนะ”

กอหญ้าสะดุ้งหน้าตาเหยเก  เมื่อเขาสัมผัสถูกส่วนที่บวมช้ำ  แผ่นดินรีบสวนล้างให้อย่างรีบเร่ง

“พี่ดินคนบ้าคนทะลึ่งบอกไม่ฟัง ฮึกฮือฮึก…เจ็บ”
กอหญ้าตีมือคนตัวโตแล้วก็สะอื้นไห้อีก

“ต้องเอาออกครับจะได้สบายตัวนะ ทนหน่อยนะครับ ไม่ร้องแล้วตาบวมไม่สวยแล้ว”

แผ่นดินปลอบและเร่งมือไวขึ้น  เสร็จแล้วก็อุ้มคนป่วยไปวางบนโซฟายาว
“รอพี่แป๊บนะ  เปลี่ยนผ้าปูก่อน  เดี๋ยวสั่งข้าวต้มมาให้จะได้กินยานอน”

กอหญ้านั่งมองพี่ดินที่มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อช่วงล่างไว้ทำนู่นนี่ด้วยความคล่องแคล่วแถมยังหากางเกงขาสั้น
กับเสื้อยืดมาใส่ให้เขาด้วย  กอหญ้าถูกอุ้มกลับไปนอนลงที่เตียงตามเดิม  กลิ่นหอมจากผ้าปูสีขาวสะอาดทำ
ให้รู้สึกง่วงขึ้นมาอีกแล้ว  อาการมึนๆ หัวก็ตีรวนขึ้นด้วย ได้ยินเสียงโทรสั่งให้เพชรเอาข้าวต้มขึ้นมา
สักพักก็มีเสียงเคาะประตู

~ ก๊อก ก๊อก ~

เพชรเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดใส่ข้าวต้มสองชามกับน้ำดื่มขวดใหญ่  พี่ดินเดินไปรับถาดมาถือไว้

“ขอบใจนะเพชรใครถามหาบอกว่าคุณกอหญ้าไม่สบาย”
แผ่นดินถือถาดไปวางลงที่โต๊ะเล็กใกล้หน้าต่าง  แสงแดดทำให้รู้ว่าสายมากแล้ว

“ทานข้าวก่อน  จะได้ทานยาแล้วค่อยนอน”
พี่ดินยกชามข้าวต้มที่ควันลอยหอมฉุยมาให้ตรงหน้า แล้วตักพอดีคำเป่าให้พออุ่นๆ กอหญ้ามองคนตัวโต
แล้วก็เอื้อมมือจะไปจับช้อน  พี่ดินส่ายหน้าไม่ยอมเขาจึงต้องอ้าปากรับข้าวเข้าปากไป  กินไปได้ไม่ถึงห้า
คำก็รู้สึกตื้อๆ จึงส่ายหน้าหลบคำต่อไปที่ถูกยื่นมาอีก

“พอแล้วกอหญ้าปวดหัว  อยากนอน”

พี่ดินเอาชามไปวางคืนในถาด แล้วก็จัดหมอนมาให้อิง

“ยังนอนไม่ได้ครับนั่งพิงไปก่อนนะ อีกสิบห้านาทีกินยา ไม่ดื้อนะ”

กอหญ้าหน้ามุ่ยแต่ก็ทำตามโดยดี  แผ่นดินรีบเข้าไปอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำก็เตรียมยาให้คนงอแง
ที่หลับไปแล้ว  คลำดูยังมีไข้อ่อนๆ จึงเอาผ้ามาเช็ดให้อีกรอบแล้วปลุกให้กินยา  เจ้าตัวฟาดแขนอย่างเอาแต่ใจ

“ดื้อ…กินยา ไม่งั้นพี่ลงไปตามคุณย่ามานะ”
พอถูกขู่จึงต้องอ้าปากรับยาแต่โดยดีแล้วก็คอพับหลับไปอีก

แผ่นดินจึงจัดท่านอนให้ใหม่  มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากสีระเรื่อ เขาจึงแต่งตัวในชุดอยู่บ้านสบายๆ

เดินไปนั่งกินข้าวต้มจนหมดชาม  ดูคนที่พริ้มตาหลับสบายไปแล้ว

'ฝันหวานอยู่สินะ  ตื่นมาถ้าไข้ยังไม่ลด  ต้องพาไปหาหมอไนท์แล้วละ'


แผ่นดินเดินลงมาจากห้องนอน  ภายในบ้านเงียบเชียบมองนาฬิกาที่ผนังก็ตาเหลือก
นี่เขากับกอหญ้าพากันนอนจนถึงบ่าย

“พ่อคุณ  พากันนอนอย่างจะซ้อมตายเลยนะ  ดื่มกันหนักเลยละสิ  เจ้าทัพมาบอกว่าห้ามปลุกเด็ดขาด”

“ซ้อมตายอะไรล่ะพ่อกอหญ้าน่ะสิ เอ่อ…ไม่สบายตัวร้อนจี๋  นี่ผมเพิ่งเช็ดตัวให้กินยาหลับไปอีกแล้ว”

“น้องป่วยเหรอดิน  ย่าขอขึ้นไปดูซักหน่อย”
คุณย่าลุกขึ้น  จะเดินไปชั้นบน

“ไม่ต้องดูหรอกครับย่า  เย็นๆ ถ้าไม่หาย  จะพาไปหาหมอไนท์”

“อืมๆ เอาอย่างนั้นก็ได้  แต่แกต้องหมั่นไปเช็ดตัว ไปเฝ้านะ”
คุณย่ายอมนั่งลงที่โซฟาตามเดิม

“แกทำอะไรเขารึป่าวเจ้าดิน  อย่าให้รู้นะ  พ่อจะไปฟ้องแม่ทิพย์  นี่ก็เพิ่งวางสายไป
โทรมาถามข่าวลูกได้ทุกวี่วัน”

พ่อเขตพูดขึ้น  ทำเอาแผ่นดินสะดุ้ง ไม่เพราะเขาดื่มหนักเหรอถึงทำเอาน้องป่วย…เฮ้อ

“อะไรล่ะพ่อ  ใครจะไปทำอะไรเขาได้  หลานรักคุณย่าเชียวนะ”

แผ่นดินอ้อมแอ้มปฏิเสธ

“เออ…ให้มันจริงอย่างปากแกพูดเถอะ ถ้าลองรังแกเขา แกโดนดีแน่ๆ”

พ่อเขตคาดโทษลูกชาย

“เจ้าทัพมันรู้ได้ไงที่ไม่ให้ใครไปปลุกแก แล้วยังสั่งให้ทำข้าวต้มไว้ให้อีก มีเงื่อนงำนะพวกแกสองพี่น้องน่ะ”

พ่อเขตทำท่าว่าไม่ไว้ใจลูกเอาเสียเลย

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณย่าดูพ่อสิจะหาเรื่องผมให้ได้เลยไม่รู้ทำไม”

แผ่นดินหันไปฟ้องคุณย่าที่นั่งดูทีวีอยู่

“พ่อเขต ไหนบอกจะไปข้างนอกไง รีบไปรีบกลับไปๆ แยกย้ายกัน”

คุณย่าพูดจบ  พ่อเขตยกมือชี้หน้า  แผ่นดินทำเพียงยกยิ้มที่ศึกระหว่างพ่อลูกยุติลงได้
เพราะได้แม่ทัพที่เก่งกาจอย่างคุณย่าช่วย

“คุณพ่อขา  ใบข้าวคิดถึงอากอหญ้าค่ะ”

หนูน้อยเดินตุบตับเข้ามานั่งตักผู้เป็นพ่อ

“อากอหญ้าไม่สบายค่ะ ตัวร้อนจี๋ๆ ถ้าหนูไปใกล้หนูก็จะติดไข้นะ”

แผ่นดินลูบหัวเด็กน้อย

“ถ้าใบข้าวติดไข้อากอหญ้าจะหายใช่มั้ยคะ งั้นแลกกัน”

หนูน้อยปากแดงจิ้มลิ้มพูดอย่างไร้เดียงสา  จนคนพ่ออดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วคีบ
ไปที่ปากช่างพูดนั้นของลูก

“ถ้าหนูป่วย  อากอหญ้าก็ยังไม่หายอยู่ดีอาอย่างนี้มั้ย หนูต้องแข็งแรงๆ ไม่ป่วย
จะได้ช่วยพ่อดูแลอากอหญ้าได้ไงล่ะ พ่อว่าดีกว่ากันเยอะเลย”

หนูน้อยตาลุกวาวเมื่อได้ฟัง

“ได้ค่ะคุณพ่อ หนูจะแข็งแรงๆ เราไปดูอากอหญ้ากัน หนูคิดถึง”

แผ่นดินจึงอุ้มยัยหนูพาขึ้นไปบนห้อง  เมื่อเปิดเข้าไป ยัยหนูไปยืนชะเง้อมองคนป่วยที่ข้างเตียง

“จุ๊ จุ๊ นะครับลูก ถ้าอยากให้อากอหญ้าหายไวๆ ต้องไม่กวนนะคะทำแบบพ่อนี่ เดี๋ยวตื่นมาหายเลย”

แผ่นดินกดจูบที่หน้าผากคนป่วย ไออุ่นที่สัมผัสได้ไม่ร้อนแล้ว หนูน้อยเห็นอย่างนั้นก็ซอยเท้าเหย็งอยากทำบ้าง
พ่อจึงอุ้มลูกให้ขึ้นไปบนเตียง  เด็กหญิงจึงโน้มหน้าลงไปจุ๊บที่เดียวกับพ่อ

“หายจริงๆ เหรอค คุณพ่อ”

หนูน้อยถาม แผ่นดินยิ้มให้ลูก เด็กหญิงดีใจที่ตัวเองมีส่วนช่วยทำให้อากอหญ้าหายป่วยเมื่อตื่นขึ้นมา
แผ่นดินเห็นลูกสาวหาวหวอดๆ จึงให้นอนข้างๆ กอหญ้า

“นอนนะลูก พ่อนอนตรงนี้ด้วยคน ตื่นมาอากอหญ้าจะต้องดีใจที่เรามาเป็นกำลังใจให้”

แล้วพ่อลูกก็พากันหลับบนเตียงนอนที่แคบลงถนัดตาเมื่อมีคนตัวโตลงไปนอนเพิ่มอีกคน


กอหญ้าตื่นมาอีกทีให้รู้สึกเบาศีรษะ  ไม่หนักอึ้งเหมือนเมื่อตอนแรก  กลิ่นแป้งเด็กที่โชยเข้าจมูกทำให้
ต้องก้มมองก็เห็นหัวเล็กทุยของยัยหนูที่ซุกอยู่ที่อก   ถัดไปก็เป็นคนพ่อที่นอนขดเป็นก้อนกลม  กอหญ้า
แย้มยิ้มเมื่อมองไปเห็นกะละมังใบเล็กวางไม่ห่างจากเตียงนัก  พี่ดินคงมาเฝ้าไข้ นึกๆ ก็ให้รู้สึกอยากจะทำ
ร้ายร่างกายคนฉวยโอกาส  เมื่อคืนเขาเมาไม่รู้เรื่องยังจะทำเรื่องอย่างนั้นกับเขาได้อีก  คนหื่น…ครั้งแรกที่สติ
ไม่ได้รับรู้ …บ้าที่สุด  แต่ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์อยู่ดี

‘เป็นของพี่ดินจริงๆแล้วสินะ ได้แล้วจะเบื่อกันมั้ย’
กอหญ้าคิดไปเรื่อยเปื่อย  รู้สึกแย่จึงปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง  แล้วก็มีมือน้อยๆ มาสัมผัสที่แก้ม

“คุณพ่อขา ไหนว่าจุ๊บแล้วจะหายไง”

มือน้อยยังจับมือเขาไปกุมไว้อีก สัมผัสเปียกชื้นที่หน้าผากที่หนูน้อยฝากไว้ให้
ทำให้กลั้นไม่ไหวจึงหลุดขำออกมา  เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นดวงตากลมโตสีดำของหนูน้อยตรงหน้าที่เบิกกว้าง

“คนเก่ง  อาหายแล้วเนี่ยเพราะได้นางฟ้าตัวน้อยมาช่วยเลยนะถึงได้หาย”
กอหญ้าพูดแล้วก็ดึงเด็กหญิงมาฟัดแก้มแล้วก็ปล่อยไปตามเดิม  หนูน้อยหัวเราะคิกคัก

“เย้ๆ พ่อดินเก่งที่สุดเลย  อากอหญ้าหายแล้ว”
หนูน้อยดีใจ

“พ่อไม่ใช่นางฟ้าซะหน่อยพ่อเป็นเทวดา หึหึ”

แผ่นดินฉีกยิ้มที่เห็นคนป่วยหายไข้แล้ว  แต่ยังคงไม่มองหน้ากันอยู่ดี

“ล้างหน้าแล้วลงไปทานของว่างกัน  คุณย่าเป็นห่วงจะขึ้นมาเยี่ยมแล้วนะ”

แผ่นดินพูดจบ กอหญ้าผลุนผลันลุกขึ้น  นิ่วหน้าเมื่ออาการเสียดๆ ขัดๆ กลับมาเยือนอีก เมื่อเคลื่อนไหวแรงไป
 
“พี่ดินกับลูกลงไปก่อน เดี๋ยวตามไป”

กอหญ้าค่อยๆ ก้าวลงจากเตียง  อาการเดินที่ไม่เหมือนเดิมทำให้แผ่นดินหน้าเสียรีบเข้าไปพยุง
แต่โดนถลึงตาใส่จึงปล่อยแขนลง
“ให้พี่พาไปนะเดี๋ยวล้ม อย่าโกรธเลย…พี่ขอโทษครับ”

แผ่นดินตีหน้าเศร้าอย่างสำนึกผิดจริงๆ กอหญ้าจึงยอมให้คนตัวโตพาไปเข้าห้องน้ำ
เสร็จแล้วพี่ดินก็กดชักโครกให้  พาไปที่อ่างล้างหน้า เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยยัยหนู
ก็เดินมาจับแขนอีกข้างพากันเดินลงบันไดไปชั้นล่าง

 
“อ้าว! เป็นยังไงบ้างล่ะลูกเรียกหมอไนท์มาดูมั้ย”

คุณย่าถามขึ้นเมื่อเงยหน้ามองมาเห็นพ่อลูกช่วยพยุงคนป่วยมาที่ห้องนั่งเล่น

“ไม่ต้องหรอกครับคุณย่า  ดีขึ้นมากแล้ว”

กอหญ้าตอบคุณย่าไปอย่างอายๆ ใครจะให้หมอตรวจกันล่ะ

“ไม่มีไข้แล้วครับคุณย่า”

แผ่นดินช่วยพูดเมื่อมองเห็นแก้มคนรักที่ขึ้นสีระเรื่อ  เมื่อนั่งลงก็ดูว่ากอหญ้าจะทิ้งน้ำหนักไม่ค่อย
ได้เต็มที่นัก  เห็นแล้วก็ให้นึกโมโหตัวเองที่รังแกคนรักหนักไปหน่อย  ยิ่งต่างคนต่างไม่เคยด้วยแล้ว
แถมไอ้เพื่อนเลวไม่มีจะห้ามปรามปล่อยเขาดื่มซะเมามาย  บอกแล้วว่าดื่มไม่ได้ยังจะคะยั้นคะยออีก
เจอกันคราวหน้าจะตบให้หัวทิ่มเลย

แผ่นดินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อนึกถึงตรีภพ  พอดีของว่างมาเสิร์ฟยัยหนูเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วยังจิ้มมาป้อนให้ทั้งพ่อทั้งอาอีก
กอหญ้าดูผ่อนคลายเมื่อมีหนูน้อยอยู่ข้างๆ


วันนี้ทั้งวันแผ่นดินไม่ได้ย่างกรายเข้าไปในไร่เลย  ส่วนชานนท์ก็ยุ่งอยู่กับเอกสารกองใหญ่บนโต๊ะ
จนไม่ได้ออกมาทักทายใคร  จนกระทั่งเย็นจึงถูกเรียกตัวให้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน

“คุณนนท์ หน้าซีดๆ นะ ป่วยหรือเปล่า ากงานไว้ได้  เดี๋ยวกอหญ้าช่วยดูให้  พี่ดินลูกน้องป่วยเนี่ยให้หยุดงานเลย”

กอหญ้าหันไปสั่งคนตัวโต

“อื้ม…ป่วยก็หยุดสิจะมาทำไมกัน กินๆไป เดี๋ยวโทรเรียกคมกฤชให้มาพากลับบ้าน”

กอหญ้าสังเกตว่าชื่อคุณกฤชที่พี่ดินเอ่ยทำให้คุณนนท์สะดุ้งโหยง  ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“ปวดหัวนิดหน่อยฮ ไม่เป็นไรมากหรอก  คุณกอหญ้าก็ได้ข่าวว่าป่วยหายดีแล้วเหรอ”

กอหญ้าสะดุ้งที่ถูกถามกลับบ้าง

“ครับ...หายแล้ว”

กอหญ้าตอบไม่เต็มเสียงนัก  จังหวะที่คุณนนท์เอื้อมตักอาหารจานที่อยู่ตรงหน้า
เป็นเพราะนั่งตรงข้ามกันสาบเสื้อเผยอออก  กอหญ้ามีอันชะงักนั่งหน้าแดง

'อย่าบอกนะว่ารอยแดงที่โผล่ให้เห็นน่ะ…คุณนนท์…โธ่…เราจะไม่ตกที่นั่งเดียวกันหรือไง
ดีนะที่ค่ำนี้ไม่เจอพี่ทัพ นั่นน่ะตัวจ้องจับผิดเลย'

สรุปหลังมื้ออาหารก็มีหนุ่มผิวแทนส่งยิ้มฟันขาวมารับคุณนนท์กลับบ้าน  เจ้าตัวมีทีท่าอิดออดไม่พอใจ
แต่ก็ถูกพาไปขึ้นรถจนได้ก่อนไปยังหันมาขึงตาใส่พี่ดินที่เจ้ากี้เจ้าการไปตามคนมารับทั้งๆ ที่เจ้าตัวบอก
ว่าไม่เป็นไรแล้วก็ตาม






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 52 ดูแล
« ตอบ #129 เมื่อ: 08-04-2019 17:33:48 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 53  ใครเหนือกว่า?

หลายวันมานี้พี่น้องฝาแฝดเข้าหน้าลูกพี่ไม่ติดเอาเสียเลย  เห็นหน้าพาลจะถูกไล่ตะเพิด
แล้วก็แทบจะถูกเตะด้วยถ้าเข้าไปใกล้รัศมีเหวี่ยงวีนนั้น

“พี่มิ่งอ่ะ  เมื่อไหร่นายดินจะหายโกรธพวกเราซะที  เข้าหน้าไม่ได้เลยกลุ้มๆ
เข้าใกล้คุณกอหญ้าก็ไม่ได้ด้วย  ทำไงดีล่ะ”

ขวัญหันไปปรึกษาพี่ชาย

“ไม่รู้ว่ะ  พี่เองก็คิดจนหัวจะระเบิดแล้วเนี่ย ไม่น่าเลยเรา  น่าจะปล่อยให้นอนทั้งเหม็นๆ นั่นแหละ
ดันไปหวังดีอาบน้ำให้เมียนายซะได้ใครจะคิดว่ากับพวกเรายังหวง…เฮ้อนายนะนาย”

มิ่งโอดครวญขึ้นมา  เขาก็คิดหาวิธีง้อนายอยู่เหมือนกัน

“นายทัพบอกว่าเราสองคนไม่โดนจกลูกตาก็บุญแล้ว โธ่ๆ ไม่รู้จะหวงอะไรกันนักกันหนา
ก็แค่มองจะเอาไปได้เสียที่ไหนกันเล่า โอ๊ย!!!”

พอพูดจบประโยคขวัญก็มีอันหัวทิ่มไปข้างหน้าอย่างไม่ทันระวัง

“นายดินมาเงียบๆ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับคุณเขาเลยนะครับ  เชื่อผมสองคนเถอะ
ต่อไปจะปล่อยให้นอนเหม็นๆ ไปเลย  ไม่กล้าแล้ว นะครับบนายดินอภัยเถอะนะ”

ขวัญอ้อนวอนจนน่าสงสาร

“จริงครับนาย  ผมน่ะชอบแบบสะโพกบึ้มๆ อกตูมๆ หน้าอกแบบลูกเกดแปะน่ะ ผมไม่แลหรอกครับ”

มิ่งพูดจบก็หัวคะมำไปอีกคน

“นี่แน่ะ! ไหนบอกว่าแค่มอง ใครใช้ให้แกจำห๊ะ! ไอ้มิ่ง! แค่ลูกเกดแปะก็ไม่ได้โว้ย! ไปเลย
ไปล้างสมองพวกแกเลย  ไปให้พ้นหน้าให้หมด”

หลายวันมานี้แผ่นดินรู้สึกขัดลูกตาทุกครั้งที่เห็นแฝดนรกนี่  มันบังอาจมาจับคนรักของเขาเปลื้องผ้าอาบน้ำ
เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว  ยิ่งหนอนน้อยยิ่งไม่สมควรให้พวกมันมาเห็น  อยากจะควักลูกตามันมาต้มกินซะ
ให้หายแค้นนักถ้าเขาทำได้

กอหญ้าผิดสังเกตกับสามคนนี้มาหลายวันแล้ว  และวันนี้ก็ได้มารู้มาเห็นจนได้  สาเหตุแห่งความบาดหมาง
เกิดจากเขาเองที่เมาจนไม่เป็นผู้เป็นคน  ลำบากสองพี่น้องต้องดูแลอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้  และพาเข้านอน
…จะโกรธก็โกรธไม่ลง…คนขี้หวงนั่นสิ  อาการหนักกว่าเขาที่แค่รู้สึกว่าอาย  เขาคิดว่าต้องไปจัดการเรื่องนี้
ขืนปล่อยไว้เรื่องจะไปกันใหญ่  คิดได้ดังนั้นกอหญ้าจึงก้าวเท้าออกไปเผชิญหน้ากับสามหนุ่มที่อ้าปากค้างฃ
ทำอะไรไม่ถูกที่เห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า  เลือกสถานที่คุยกันนึกว่าจะรอดหูรอดตาเขาไปได้รึไงกัน

“มีอะไรกันครับพี่ดิน  ที่จะคุยมีตั้งเยอะตั้งแยะมายืนดมขี้วัวเนี่ยนะ ไปทางนู้นกันก่อนเลย ตามมาทั้งหมดนี่แหละ”

กอหญ้าออกคำสั่งเสียงเขียว

“กอหญ้าครับ มันไม่มีอะไรเลย  จริงๆนะ  เรากลับบ้านกันดีกว่าเนอะ”
แผ่นดินเข้าไปประกบคนรักแล้วโบกมือไล่คู่แฝดให้ออกไปไกลๆ

“ไม่กลับ! อย่าคิดว่าพี่ดินทำตัวเป็นเด็กๆ มาหลายวันจะไม่มีใครรู้นะ  มันจะอะไรกันนักหนา
สองคนนี้ไม่ได้มีความผิดอะไรขนาดต้องโกรธเคียงข้ามภพข้ามชาติแบบนี้  พี่ดินนั่นแหละไม่ยอมจบ
แค่สองคนนี้มาอาบน้ำให้แค่นั้นจะเป็นไรไปล่ะ  พี่ดินก็ถูกมิ่งจับอาบน้ำนี่นา  ถ้ากอหญ้าจะคิด
บ้าง  พี่ดินลองคิดตามสิว่ามิ่งจะปวดหัวแค่ไหนกับพวกเรา…”

กอหญ้าพูดด้วยเหตุและผลทำเอาแผ่นดินอึ้งก่อนจะเปิดปากพูด

“ก็พี่หวง…พี่ไม่อยากให้ใครมาเห็นของกอหญ้านี่นา”

แผ่นดินเสียงอ่อนลง

“เหอะ…ถ้าพี่ดินไม่ยอมจบนะกอหญ้าจะไปหาบอสจะของานถ่ายแบบนู้ดซะเลย  ดูสิพี่ดินจะตามไปโกรธ
ไปหวงกับคนทั้งประเทศได้มั้ย…ไม่ต้องมามองแบบนั้น ทำจริงๆ จะลองดูกันมั้ยล่ะ”

สามหนุ่มยืนหน้าซีด โดยเฉพาะพี่ดินที่หน้าซีดและตาเหลือกเห็นแล้วก็สงสารแต่ไม่ได้
ถ้าหากเขาไม่ขู่ไปอย่างนี้สองแฝดก็จะถูกกระทำอยู่ร่ำไป

“กอหญ้า…ไม่นะคนดี ฆ่าพี่ดีกว่าถ้าจะทำกันถึงขนาดนั้น  พี่ยอมแล้วยอมทุกอย่างเลย มิ่งกับขวัญไปทำงานไป
อย่ามาทำให้เมียกูอารมณ์เสีย ไปๆ”

พี่ดินพูดเสียงแหบโหยจนกอหญ้ารู้สึกเห็นใจและสงสารแต่ทนเก็บอาการไว้  สั่งตัวเองว่าห้ามใจอ่อน

“เดี๋ยวๆ ใครบอกให้ไป รับปากมาก่อนว่าพี่ดินจะไม่รื้อฟื้นเรื่องนั้นขึ้นมาพูดอีก  แล้วก็ห้ามไปทำท่าทำทาง
ใส่สองคนนี้ด้วย ไม่อย่างนั้น…”

กอหญ้าพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น  พี่ดินก็ผงกหัวหงึกหงักอย่างรัวเร็ว

“ครับคนดีไม่แล้วครับ เลิกแล้วต่อกัน…แค่นี้ จบจริงๆครับ”

มิ่งกับขวัญค้อมหัวให้นายแล้วก็หันมาส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้นายหญิงของไร่แล้วพากันเดินออกไป
เมื่อลับร่างสองแฝดพี่ดินก็รีบคว้าตัวเขาเข้าไปกอดซะแน่น

“พี่ดินครับ กอหญ้าอึดอัดนะ อื้ม…”

กอหญ้าประท้วง พี่ดินคลายวงแขนออกให้พอหลวมแล้วก็ครอบริมฝีปากลงมาบดขยี้ดูดดุนแทรกลิ้นเข้ามา
ในโพรงปากอย่างเร่าร้อน  ผิดไปจากที่เคยทำ  จนกอหญ้าตื่นเพริดไปกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับ
เสียงแลกน้ำลายดังให้ได้ยินและเสียงที่หอบกระเส่าของคนตัวโต  จนพี่ดินปล่อยให้เขาได้หายใจ
แล้วนั่นแหละ  น่าอายแต่เขาก็อดที่จะตื่นเต้นและเร้าใจไปด้วยพร้อมกัน  พาให้ร้อนรุ่มในช่องท้องแปลกๆ จนขาแทบยืนไม่อยู่

“พี่รักกอหญ้านะรู้มั้ย…หวงมากด้วย  อย่าเอาร่างกายนี้...ที่เป็นของพี่ไปให้ใครๆ เห็นอีก…นอกจากพี่
…วันนี้ทำพี่เสียศูนย์เสียการปกครองหมดแล้ว  พี่ถึงต้องลงโทษเรา…อย่าทำอีกนะครับ  พี่ขอร้อง”

พี่ดินพูดแล้วก็ลูบหลังเขาไปมา  กอดกระชับไปด้วย

'การลงโทษที่แสนหวามไหว ก็ดีนะ'

“ก็พี่ดินดื้อ…ก็ได้ๆ ไม่ทำแล้ว  เรากลับบ้านกันนะ”

กอหญ้าจูบที่ปลายคางคนพี่ไปทีอย่างอย่างใจแต่พี่ดินกลับส่ายหน้าแล้วชี้ที่ปากแทน  กอหญ้าทำตาโต
แต่ก็ยอมโอนอ่อนให้โดยทาบริมฝีปากลงไปแล้วบทจูบแบบเด็กๆ ที่กอหญ้าถนัดก็ถูกพี่ดินสอนให้ใหม่
จนกอหญ้ารู้สึกว่าปากของเขาคงบวมเจ่อไปแล้วแน่ๆ ไม่น่าไว้ใจเลย…คนเจ้าเล่ห์


กอหญ้าส่งลูกๆ เข้านอนเรียบร้อย  เด็กๆ ดูมีความสุขที่ได้ลุ้นว่าวันนี้จะได้ฟังเรื่องอะไรและพ่อหรืออาเป็นคนเล่า
นิทานมากมายที่พี่ดินซื้อมาทั้งภาพและสีทำให้เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจได้ทุกครั้ง  ยิ่งถ้ามีทั้งคุณพ่อและคุณอามาส่ง
เข้านอนพร้อมๆ กันแบบนี้  หนูน้อยจะยิ้มตาหยีและเข้านอนอย่างว่าง่ายเหมือนเช่นวันนี้

“ลูกหลับแล้วเราก็ไปนอนบ้างเนอะ  คืนนี้พี่…ขอกอดนะครับ”

“กอดอยู่ทุกคืน…ยังจะต้องขออีกเหรอ…พิลึกคน”

กอหญ้าหันมาค้อนคนตัวโตที่เดินตามหลังมาไม่ห่าง

“อนุญาตแล้วนะ…ห้ามเบี้ยวนะครับ…หึหึ”

เสียงหัวเราะในลำคอที่ได้ยินทำเอากอหญ้านึกหวั่นใจ  กอดแบบไหนกันหรือว่าจะแบบนั้น
…กอหญ้าใช้เวลาอาบน้ำในห้องน้ำนานกว่าที่เคย  เมื่อเดาว่ากอดของพี่ดินต้องเป็นอย่างที่คิดแน่ๆ
เขาถ่วงเวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอดูเพื่อให้คนรอง่วงและหลับไปก่อน  แต่รู้ตัวว่าคิดผิดไปถนัดเมื่อพบว่า
คนตัวโตยังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงในห้องนอนของเขา  พี่ดินอาบน้ำมาแล้วและก็สวมเพียงกางเกง
นอนขายาวเพียงตัวเดียว

กอหญ้าทำทีไม่ใส่ใจหยิบเอาชุดนอนขาสั้นที่ปลายเตียงมาสวม  ทาครีมแล้วก็ก้าวขึ้นเตียงดึงผ้าห่ม
มาคลุมจนเกือบถึงคอ

“ฝันดีนะฮะพี่ดิน รักนะครับ”

กอหญ้าปิดเปลือกตาลง และคนที่นอนอยู่ก็กดปิดไฟแล้วแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกัน
เขาจึงลืมตาขึ้นมองจากแสงไฟสลัวจากโคมไฟดวงเล็กพอให้เห็นว่าพี่ดินโน้มใบหน้าลงมา
กดจูบที่หน้าผากเปลือกตา  และริมฝีปากของเขา  แต่มือหนาไม่ได้อยู่เฉยกลับเลื่อนผ่านลำคอ
ลากไล้ลงมาเรื่อยๆ แม้จะมีเสื้อนอนกางกั้นก็สร้างความวูบวาบสั่นไหวได้อยู่ดี  กอหญ้าดื่มด่ำไปกับรสจูบหวาน
ที่พี่ดินชักนำจากอ้อยอิ่งกลับไต่ระดับเป็นเร่าร้อนซ่าบซ่า

เสื้อนอนเนื้อบางถูกเลิกขึ้น  เขาเผลอแอ่นอกรับริมฝีปากร้อนที่ครอบลงมาดูดดึงขบเม้มเม็ดบัวที่มันชูชัน
เป็นไตเมื่อถูกสัมผัสแตะต้องและตอนนี้ถูกกลืนเข้าไปอยู่ในอุ้งปากร้อนผะผ่าว

“อ๊ะ อื้อ พี่ดิน อือออ”
กอหญ้าดึงทึ้งกลุ่มผมหนาอย่างเผลอไผลและแอ่นอกสู้กับเรียวลิ้นที่ฉ่ำน้ำนั้น

“คนดีของพี่หวานที่สุดเลยครับ  กอดกันก่อนค่อยนอน…นะครับ”

กอหญ้าเผลอพยักหน้าจะเป็นไรไปก็แค่กอด  แต่เขารู้ตัวว่าพลาดอย่างหนักเมื่อมีบางสิ่งที่ดุนดันที่หน้าขา
ของเขาเป็นลำยาว  ยิ่งรู้ว่าอีกคนไม่ได้สวมชั้นในด้วยยิ่งพาลให้นึกไปไกล  สะดุ้งที่จู่ๆ ก็ถูกมือร้อนควานเข้ามา
ในกางเกงนอนขาสั้นที่เว้าขาสูง  ก็กางเกงที่พี่ดินซื้อมาให้นั่นแหละ  สมองขาวโพลนเมื่อสะโพกถูกยกลอย
และกางเกงนอนกับชั้นในถูกรูดออกจากข้อเท้า  กอหญ้าอ้าปากจะประท้วง

'ก็ไหนบอกจะกอดไง นี่มันไม่ใช่แล้วนะ'

แต่ปากเป็นอันต้องปิดฉับเมื่อลิ้นร้อนฉกที่ส่วนปลายที่ไวสัมผัสของเขาและยังมือปลาหมึกที่ยุ่มย่ามแถวหน้าอก
และเค้นคลึงสะโพกและหน้าท้องที่แบนราบของเขาอีกด้วย  กอหญ้าห่อปากสูดอากาศเมื่อตัวตนของเขาถูกอุ้งปาก
ร้อนครอบครองจนหมด  เขาจิกเล็บที่บ่ากว้าง  โหย่งตัวขึ้นเพื่อมองใบหน้าของคนเจ้าเล่ห์ที่คิดล่อลวงเขา

“อ๊ะ อื้อ พี่ดิน ซู๊ดดดด อ่าห์”
ปากจะร้องห้ามแต่กลายเป็นเสียงที่ครางกระเส่าแทน

'ไม่นะ มันไม่ใช่เสียงของเขาเลยสักนิด'

“อื้ออออ พี่ดิน ไม่ไหว อ๊ะ”

กอหญ้าสวนสะโพกหาเมื่อรู้สึกว่าพี่ดินจะถอยตัวห่างออก  ทำให้ส่วนอ่อนไหวของเขาไปถูกแนวฟัน
ของพี่ดินเข้าจนวาบถึงไขสันหลัง  พี่ดินผละออกไปถอดกางเกงและหยิบหลอดเจลที่หัวเตียง

'เอ๊ะ เจลงั้นเหรอ ไปเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่มันห้องนอนเขานะ'

กอหญ้ายังไม่ทันได้ถามไถ่ก็สะดุ้งเมื่อเจลเย็นๆ ถูกชโลมมาที่ร่องกลางกายและความแข็งขืนใหญ่โต
ที่ดิ้นขลุกขลักทักทายกันนี่อีก

“คนดีไม่เกร็งนะ  ขอพี่เตรียมความพร้อมก่อนครับ”

มือแกร่งเค้นคลึงที่สะโพกเขาและคนตัวโตก็แทรกตัวมาตรงกลางหว่างขา  โน้มใบหน้ามาจูบซับ
มุมปากและไล่งับใบหูที่ไวสัมผัส  ทำเอาขนอ่อนลุกชัน  เสียววาบไปยังช่องท้องและสะดุ้งมือข้อนิ้ว
ของพี่ดินดันเข้ามาในโพรงอ่อนนุ่มที่เกร็งรัดสิ่งแปลกปลอมที่รุกล้ำเข้ามา  ไม่นานนักพี่ดินก็ขยับนิ้ว
เข้าออกและเพิ่มนิ้วอีกเป็นสองและสาม ควานนิ้วและดึงเข้าออกอยู่อย่างนั้น

“อ้า ตรงนั้น อ๊ะ พี่ดิน  อย่าแกล้ง”

ยิ่งเขาร้องบอกกลับถูกพี่ดินย้ำๆ ตรงจุดที่กอหญ้าไม่คิดว่าจะเป็นศูนย์รวมของความเสียวซ่านได้
เขายกก้นเมื่อพี่ดินคลึงวนๆ อยู่อย่างนั้น

'ตาย เขาต้องตายแน่ๆ แล้ว'

“ไม่แกล้งครับ ตรงนี้สินะ หื้ม พร้อมนะ”

พี่ดินถอนนิ้วออกและเอาตัวตนที่แข็งใหญ่โตที่เขาเคยจับต้องมากดเข้าที่ปากทางเข้า

“ไม่ๆ พี่ดิน มันเข้าไม่ได้ อ๊ะ อื้อออออ”
กอหญ้าจะต่อต้านแต่คนตัวโตก็ดุนดันส่วนหัวเข้ามาจนรู้สึกตึงแน่น  กอหญ้าส่ายหน้าผ่อนลมหายใจ

'ไม่เกร็งเนี่ยนะ ใครจะทำได้'

“คนดี  เจ็บบอกนะ พี่จะได้หยุด อ่า ผ่อนคลายนะครับ”
พี่ดินดูจะทรมานมากที่ต้องพยายามดันตัวเข้ามาอย่างช้าๆ แต่หนักแน่น  กอหญ้ารู้ว่ายังไงก็คงห้ามให้หยุดไม่ได้แล้ว
มาถึงขนาดนี้แล้วเขาจึงสวนสะโพกเข้าหา  ใช้ขาโอบรัดที่เอวพี่ดินทำให้เขากลืนกินตัวตนของพี่ดินไปจนหมด

"อ๊ะ โอ๊ะ อูย...พี่ดินอย่าเพิ่งขยับ"

 กอหญ้าสะท้านและแน่นตึงไปหมด

“เจ็บใช่มั้ย  อย่าใจร้อนพี่จะค่อยๆ นำไปช้าๆ แบบนี้นะ”

พี่ดินทำอย่างที่พูดจริงๆ กอหญ้าผ่อนคลายและรู้ว่าการทำอย่างนี้มันทรมาน

“ไม่เป็นไรพี่ดินกอหญ้าไม่เจ็บแล้ว  ทำเถอะฮะ
ขาดคำที่เขาบอก เหมือนกอหญ้าไปเปิดสวิตซ์ทำให้พี่ดินเดินเครื่องอย่างเต็มกำลัง จนเขาหัวสั่นหัวคลอน
เสียวทุกทีที่ผนังด้านในถูกความใหญ่โตครูดโดน

“อ๊ะ อ่า อื้อออ พี่ดิน ช้าหน่อย อ้า”
ยิ่งบอกให้ช้าพี่ดินกลับกระหน่ำตอกอัดเข้ามา  กอหญ้าลากเล็บไปที่แผ่นหลังกว้างอย่างกระสันซ่าน
กว่าพายุที่รุนแรงจะหยุดพัดโหมกอหญ้าก็เสียงแหบเสียงแห้งแล้ว

กอดที่พี่ดินได้ไปทำเอาเขาหมดเรี่ยวแรง  สูบวิญญาณกันขนาดนี้…กอดหนักมากบอกเลย

“พี่ดิน กอหญ้าง่วงแล้ว พอก่อนเถอะนะ”

กอหญ้าอ้อนขอนอน นี่จะอึดไปไหนเขาน่ะน้ำจะหมดตัวอยู่แล้ว

“รอบสุดท้ายแล้วคนดี รอบนี้จะกอดแน่นๆ เลย อืม…อ่าห์”

จังหวะที่เร่งเร้ากระแทกกระทั้น กอดแน่นๆ ของพี่ดินเป็นอย่างนี้เอง

“อ๊ะ…อ่า…พี่ดิน…เบา…อะ…แรงอีก…ตรงนั้น อื้ม…อ่าห์”
สัมผัสหนักๆ ที่ตอกอัดพาให้ใจเริงร้อนเร่าและเสียวซ่าน  คำบอกรักที่กอหญ้าได้ยินซ้ำๆ มันหอมหวาน
เสียยิ่งกว่าบอกรักกันในช่วงเวลาปกติเสียอีก  จวบจนเขาและพี่ดินต่างกระตุกเกร็งและเสียววาบจากเบื้อง
บนลงสู่ปลายเท้า

กอหญ้าเผลอขบกัดเข้าที่บ่าคนบนล่าง แล้วยังจิกเล็บลากยาวที่แผ่นหลังจนพี่ดินสะดุ้งและกระแทกตัวตนจนสุด 
แล้วทิ้งน้ำหนักลงซบที่ซอกคอขาวพร้อมกับลาวาร้อนที่ฉีดพุ่งเข้ามาจนท่วมท้นช่องทางอ่อนนุ่มของเขาที่ป่านนี้
คงจะช้ำแดงด้วยไม่รู้ว่าคนหื่นนี้เอาเรี่ยวแรงจากไหนมานัก 

“อะ อืม ง่วงจัง”

กอหญ้าป่ายมือปัดป้องเมื่อรำคาญผ้าขนหนูเปียกชื้นที่ตามเช็ดให้  และเหมือนจะถูกคว้านทำความสะอาด
เฉพาะที่ให้ด้วย

'ใจดีจัง'

แล้วเจ้าตัวก็อมยิ้มน้อยๆ หลับไปแล้ว  แผ่นดินจัดการจนคนรักสะอาดหมดจรดและสบายตัว
เขาจึงได้เอนตัวลงนอนข้างๆก่อนที่จะดึงคนตัวบางมากอดไว้แนบอก 

‘กอดตอนที่รู้ตัว…มันดีอย่างนี้นี่เองที่รัก’
เขาไม่คิดว่าการได้รักได้ครอบครอง เป็นหนึ่งเดียวของกันและกันจะสุขได้มากขนาดนี้



“ดินเย็นนี้พาน้องไปกินข้าวบ้านคุณน้าทิพย์นะลูก  พาสองแสบไปด้วยก็ได้ บ้านนั้นเขาโทรมาชวน”
พ่อเขตบอกลูกชาย  แผ่นดินมุ่นหัวคิ้วอีกแล้วเหรอ เขาอุตส่าห์ทำลืมๆ เรื่องนี้ไปแล้ว
ยังต้องให้พาคนรักของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องอีก

“พ่อไม่ไปบ้างล่ะ พาคุณย่าไปด้วย”

แผ่นดินทำอิดออด ไม่อยากไป

“ไปหน่อยเถอะเขาอยากเจอ แกก็ตามๆ น้ำไปหน่อยจะเป็นไรไป”

คุณย่าพูดเสริมขึ้นอีกเสียงหนึ่ง

“ก็ได้ๆ แต่ถ้าไม่อยู่ในขอบเขต อย่าหาว่าผมร้ายไม่ได้นะครับ”

แผ่นดินพูดอย่างที่ไม่เห็นแก่ใครหน้าไหน

“เจ้าดินเดี๋ยวเหอะ อย่าให้มันมากนักนะเรา ย่าว่าไม่มีอะไรหรอกก็แค่เขาอยากเจอ
แกอย่ากังวลอะไรไปก่อนเลย”

คุณย่าหันมาปรามหลานชายคนโต

“อ้าวทัพมาพอดี เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านน้าทิพย์เป็นเพื่อนพี่หน่อย”

แผ่นดินหาแนวร่วมในครั้งนี้

“ได้ไงล่ะพี่ดิน ผมมีนัด เอ่อ…ธุระด่วน ต้องไปเฝ้าของรักของหวง เดี๋ยวจะโดนสุนัขคาบ”

น้องชายตอบพี่ชายหน้าเครียดๆ

“อะไรของแก เขาไม่เล่นด้วยก็เปลี่ยนใจเหอะวะทัพ คนอย่างแกหาใหม่ได้ง่ายจะตายไป”

“โหพี่ดินคนนี้น่ะ ใช่เลย หาใหม่ก็ไม่เหมือนไม่เอาอ่ะ อย่ามากล่อมซะให้ยาก”

“ระวังเถอะจะน้ำตาตกใน ถ้ายังจะดื้อดึงก็ตามใจแก สรุปไม่ไปเป็นเพื่อนใช่มั้ย”

ฐานทัพพยักหน้าให้พี่ชายที่มีสีหน้าผิดหวัง

“เออๆ ไปกันเองก็ได้ แต่วันนี้ไม่รู้เป็นไ ใจคอไม่ดีไม่อยากไปเลยว่ะทัพ”

“พี่ดินอย่าคิดมากน่า ทำตัวสบายๆ เถอะ ถ้ามันอึดอัดฝืนนักก็พากันกลับง่ายจะตายไป”

ฐานทัพบอกพี่ชายที่ก็ยังคงสีหน้าเป็นกังวลไม่หาย



“คุณพ่อครับ เราจะไปไหนกันครับ”

เด็กชายในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้ากางเกงยีนมีปักลายการ์ตูนที่เข่าถามขึ้น

“ไปบ้านคุณย่าทิพย์เพื่อนของคุณปู่ไง เขาชวนพวกเราไปทานข้าว”

แผ่นดินตอบลูกชาย

“แล้วมีขนมด้วยไหมคะคุณพ่อ”

น้องใบข้าวถามหาของหวาน

“มีสิคะ คุณย่าทิพย์รู้ว่าพ่อกับอากอหญ้าพาเด็กๆ ไปด้วยก็ต้องมีขนมให้ค่ะ”

แผ่นดินหันไปตอบและยีหัวลูกสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าตามแบบการ์ตูนเจ้าหญิงในนิทาน

“กอหญ้า หิวหรือยังนั่งเงียบเลยนะวันนี้”

แผ่นดินถามคนรักที่นั่งคู่กันมา

“ยังไม่หิวครับพี่ดิน ฟังพ่อลูกคุยกันเพลินไปหน่อย บ้านคุณน้าทิพย์มีแต่อาหารแบบจืดๆ พี่ดินจะอิ่มเหรอ”

“หึหึ พี่ไปกระซิบบอกป้าสายแล้วให้ทำต้มยำรวมมิตรน้ำข้นไว้ให้ ไม่อิ่มก็กลับมาทานต่อที่บ้านไม่เห็นยากเลย”

“โห ช่างกล้าเนอะมีทำสำรองด้วย”

กอหญ้าตาโต เมื่อรู้ถึงการเตรียมตัวล่วงหน้าของคนตัวโต มีแผนสำรองนี่เอง

“ใกล้ถึงแล้วละ รอบนี้ไม่ได้ให้เจ้ามิ่งมาขับรถให้ ไม่เป็นไรไม่ใช่หน้าฝนเนอะ อีกอย่างเราก็มากันแต่หัววัน
 อิ่มก็จะได้ขอตัวกลับ เอาลูกๆ มาด้วยก็ดีจะได้มีข้ออ้างได้”

“พี่ดินนี่นะเจ้าแผนการจริง บ้านนี้มาเป็นครั้งที่สองแล้วก็ยังรู้สึกว่ามันน่ากลัว วังเวงเกินไปเนอะ พี่ดินว่ามั้ย”


กอหญ้าพูดตามที่ความรู้สึกของเขามันบอก

“คงเพราะเราชินกับการอยู่บ้านใหญ่ ครอบครัวใหญ่ ที่อยู่กันหลายๆ คนละมั้ง"

แผ่นดินพูดจบ รถก็เคลื่อนเข้าไปจอดสนิทหน้าบ้าน ชายหนุ่มเปิดประตูรับเอาลูกสาวไปอุ้ม
ส่วนลูกชายกอหญ้าจูงมือพาเดินตามหลัง มีเด็กรับใช้มานำไปที่ห้องอาหารเหมือนคราวแรก

วันนี้แผ่นดินใส่เสื้อยืดโปโลสีเหลืองอ่อนกับกางเกงยีนสีดำพอดีตัว  ต่างกับกอหญ้าที่วันนี้มาในลุคเสื้อยืด
คอวีสีขาวตัวเล็กกับแจ็กเก็ตยีนสีอ่อนเข้าชุดกับกางเกงแนบเนื้อ  ดูสูงโปร่งน่ารักมากกว่าที่จะดูว่าหล่อเสียอีก
รองเท้าผ้าใบสีอ่อนแบรนด์ดังนั่นก็ทำให้ดูดีเข้าไปอีก แผ่นดินลอบมองคนรักที่ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็น่ามองไปเสียหมด


*******************************************************************************
Talk : คนเขียนรีบไปเพิ่มบทอัศจรรย์มาให้แล้วนะในบทนี้ หุหุ ก็พี่ดินเมาใช่มั้ยล่ะจะบอกอะไรเราได้กัน 555

         (ไม่ถนัดเลยจริงๆเดี๋ยวต้องไปฝึกปรือกันอีกเยอะ ขออภัยน๊า)

         ตอนหน้าจะหน่วงๆ จิตกันหน่อยนะ ระวังตับไตกันด้วย


         มีคนถามถึงนายทัพ โอ้...ในนี้ไม่มีใครคู่ควรกับนางเลย

         คนเขียนก็เลยมโนให้นางถูกกระทำ แน่ะ! ท้องได้อีก
     
         กำลังแต่งอยู่ถ้าเป็นแนวที่ใครจะรับได้ก็มาปูเสื่อกันไว้เลยนะคะ เลิฟคนอ่านทุกคนค่ะ :)




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2019 20:14:30 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ไล่อ่านจนครบแล้วววว

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ลุ้นๆๆๆๆๆ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว  :hao3:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 54 ปวดใจ

คุณหญิงศจีพรรณผู้สูงวัยที่สุดของบ้านนั่งเป็นสง่าอยู่หัวโต๊ะ  ถัดมาทางซ้ายคือพ่อเลี้ยงอเนก
และขวามือของท่านคือแม่เลี้ยงข้าวทิพย์บุตรสาว 

แผ่นดินเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องทานอาหารเขาเป็นคนแรกที่ไหว้ทำความเคารพเจ้าของบ้านทั้งสามท่าน
กอหญ้าและเด็กๆ ต่างทำตาม

“นั่นมากันแล้ว  มานั่งกันก่อนสิ  เด็กสองคนนี้ลูกพ่อดินเหรอ”

คุณยายร้องทัก  แผ่นดินยิ้มรับท่านจึงพยักหน้าให้เมื่อเมื่อไหว้ทักทายกันจนครบ
เขาเลือกที่นั่งฝั่งเดียวกับพ่อเลี้ยงอเนกและพาลูกชายมานั่งข้างๆ ด้วย  ส่วนลูกสาวกอหญ้า
จูงไปนั่งข้างๆ คุณน้าทิพย์

“ละครถ่ายเสร็จแล้วเหรอกอหญ้า  น้าได้ดูแค่วันแรกเอง ช่วงนี้ยุ่งๆ เรื่องที่ข้าวหอมเปิดเรียนน่ะ”
คุณน้าชวนคุย

“ครับ…ปิดกล้องไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว คุณน้าสบายดีนะครับ”

“ค่ะ สบายดี”

คุณน้าทิพย์ตอบ แล้วหันไปสนใจอาหารและจัดสลับที่วางอย่างเอาใจแขก

“ดินล่ะ  ตั้งแต่ที่เสี่ยทวีปตาย อะไรๆ ก็คงง่ายขึ้นจริงไหม น้าเองยังพลอยนอนหลับได้บ้าง”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดสีหน้าสบายๆเป็นกันเอง

“ครับ  ถ้าเขาอยู่ผมก็คงได้ตายก่อนเขาน่ะครับ หึหึ”

“เนี่ยแหละ ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ”

“พ่อหนุ่มล่ะ เห็นว่าออกจากวงการแล้ว มาเป็นเกษตรกรแล้วเหรอไง”

พ่อเลี้ยงอเนกถามกอหญ้า

“พี่ดินยังไม่มอบหมายอะไรให้ทำเท่าไหร่เลยครับ ไม่รู้จะถูกไล่กลับกรุงเทพฯเมื่อไหร่ คนไร้ประโยชน์นี่นะ”

กอหญ้าแสร้งพาดพิงคนรัก

“อะไรกัน ก็เพิ่งเสร็จงานละครของตัวเองไม่ใช่เหรอ ดินคงให้พักก่อนละมั้ง ก่อนที่จะอัดงานไร่ให้ทำน่ะ จริงไหมดิน”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดไปตามที่ท่านคาดเดา

“ครับ ผ่านมาสัปดาห์เดียวร้องจะทำไร่แล้ว เดี๋ยวพี่จัดให้นะครับ รับรองได้ตัวดำปี๋เห็นแต่ฟันขาวๆ แล้วอย่ามาบ่นนะว่าพี่โหดล่ะ”

แผ่นดินแกล้งเย้าคนรัก

“เหอะ ให้จริงเถอะ ถ้าหนักนักกอหญ้าก็จะฟ้องคุณย่า”

กอหญ้าเอาคุณย่ามาขู่ ซึ่งมักจะได้ผล

“ช่วยเลี้ยงลูกไปก่อน งานยากสุดแล้วล่ะนั่นน่ะ”

แผ่นดินพูดแกมหยอกและบุ้ยหน้าไปทางเด็กๆที่นั่งรอทานข้าว

“คุณพ่อครับ ต้นกล้าหิวแล้ว”

เด็กชายบ่นหิวและมองอาหารบนโต๊ะตาละห้อย

“อ้าว! ทานเลยลูก ยายก็มัวฟังเพลินๆ คู่นี้ถ้าไม่บอกว่าเป็นคู่รักกันนะ ยายว่าเป็นคู่กัดกันซะมากกว่า”

กอหญ้าหน้าเหวอไม่คิดว่าคุณยายจะเป็นคนแซวเสียเอง

“คุณแม่ เด็กสองคนนี้น่ะ อยู่บ้านเค้าหวานกันอย่างกับอะไรนะคะ ทิพย์เห็นมากับตา”

คุณน้าทิพย์แซวขึ้นมาอีกคน จนกอหญ้าเขินเมื่อนึกถึงคราวที่สองแม่ลูกมาเจอฉากเด็ด
ที่เขากับพี่ดินกำลังสวีทกัน  นึกแล้วน่าอายจริงๆ

“อืม…รักใคร่กันจริงๆจังๆก็ดี ถ้าผู้ใหญ่ไม่คัดค้านล่ะนะ”

คุณยายในชุดอยู่กับบ้านเป็นผ้าพื้นเมืองใส่สบายๆ พูดพร้อมกับเริ่มทานอาหาร
โดยมีลูกสาวคอยดูแลเรื่องอาหารให้ด้วย  บางทีคุณน้าทิพย์ก็ตักเผื่อแผ่มาถึงกอหญ้าที่นั่งข้างๆ กัน

 พ่อเลี้ยงอเนกวันนี้ใส่เป็นเสื้อปกโปโลคล้ายพี่ดินแต่เป็นสีขาว  ส่วนคุณน้าทิพย์ก็สวมชุดผ้าไทย
สีเขียวอ่อนทำใหดูขาวนวลตา  ท่านมีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดมื้ออาหาร

กอหญ้าดูแลหนูใบข้าวจนเธอทานเสร็จก็ถึงช่วงเวลาที่รอคอย  ขนมหวานที่มาเป็นหาบเล็กๆ น่ารัก
ซึ่งล้วนเป็นขนมไทยทั้งสิ้น

“น่าทานจังค่ะ ใบข้าวทานได้มั้ยคะ”

หนูน้อยตาวาวเมื่อเห็นของหวานมาวางตรงหน้า

“ได้สิคะลูก เอานี่ก่อนมั้ยของโปรดเลยนี่”

เด็กหญิงพยักหน้าเมื่อเห็นลูกชุบ  กอหญ้าจึงจิ้มออกมาใส่จานขนมใบเล็กให้เกือบๆ สิบลูก

“อร่อยค่ะ พี่กล้าเอามั้ย น้องแบ่งให้”

เด็กหญิงถามพี่ชายที่นั่งส่ายหน้า

“ไม่เอา พี่ไม่ชอบของหวาน”

ต้นกล้าบอกน้อง

“พี่น้องคู่นี้ เลี้ยงง่ายจริง สอนลูกมายังไงกัน หืม…”

คุณยายถาม และมองเด็กๆอย่างชื่นชม

“จะเป็นลักษณะให้พี่ช่วยเลี้ยงน้องและดูแลกันน่ะครับไม่มีอะไรมาก”

แผ่นดินเล่าให้ทุกคนฟัง และดูพี่ชายที่แบ่งอาหารที่รู้ว่าน้องชอบไปให้

“มีพี่ มีน้องนี่ดีจริงๆเลย ไม่เหมือนผมที่ตัวคนเดียว”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์สะดุ้งมือป่ายไปโดนแก้วน้ำคว่ำ  น้ำในแก้วกระเซ็นโดนเสื้อของกอหญ้า

“ขอโทษจ้ะ น้านี่ซุ่มซ่ามจริงๆ ดูสิเปียกไปหมดเลย มาค่ะน้าเช็ดให้นะ”

คุณน้าคว้าผ้าไปเช็ดให้อย่างเงอะๆ งะๆ

“ไม่เป็นไรคุณน้า เดี๋ยวก็แห้งครับ”

กอหญ้านั่งหลังตรง สายตาของคุณยายจ้องเขม็งมาที่กอหญ้า  และถ้าแผ่นดินไม่ได้ตาฝาด
เขาเห็นอาการไหววูบในหน่วยตานั้นก่อนที่ท่านจะลุกพรึ่บขึ้น

“แม่ทิพย์ มาพาแม่ไปห้องด้านนอกหน่อย รู้สึกวิงเวียน”

คุณยายพูดเสียงแข็ง ลูกสาวรีบลุกเข้าไปประคองท่านอย่างว่าง่าย

“น้าขอตัวสักครู่นะ”

คุณน้าทิพย์หันมาบอกกอหญ้าและพี่ดิน ยัยหนูยังคงอร่อยกับขนมเช่นเดิม
พี่ดินก็กำลังคุยออกรสกับพ่อเลี้ยงอเนก

กอหญ้ารู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ  มองหาก็ไม่เห็นพอดีสาวใช้เอาน้ำมาเสิร์ฟแทนแก้วเดิมของคุณน้าทิพย์ เขาจึงเอ่ยถาม

“เอ่อ…ห้องน้ำไปทางไหนครับ”

เด็กสาวชี้บอกทางที่อยู่ด้านนอก กอหญ้าบอกพี่ดินว่าจะไปห้องน้ำ ชายหนุ่มพยักหน้า 



กอหญ้าทำธุระเสร็จเดินจะกลับไปที่ห้องทานข้าวตามเดิม  แต่เสียงร้องไห้ที่ได้ยินทำให้ต้องหยุดเท้า
และประโยคที่ลอดออกมาจากภายในห้องที่ประตูปิดอยู่เสียงชัดเจนเหมือนคุยกันไม่ห่างจากบานประตูนัก

“สร้อยเส้นที่เด็กกอหญ้าใส่มันเป็นของฉัน ของต้นตระกูลฉัน มันไปอยู่กับเด็กคนนั้นได้ยังไง พูดมาแม่ทิพย์”

“กอหญ้าเป็นลูกของทิพย์กับพี่กรณ์ ทิพย์ทิ้งแกมา ทิพย์เลวจนไม่น่าให้อภัย คุณแม่จะดุด่าทิพย์ก็ยอมค่ะ
 ยอมทุกอย่าง ฮือฮือ”

เสียงร้องไห้ที่ดังออกมา  มันไม่บาดอารมณ์เท่ากับคำสารภาพที่ได้ยินเองกับหู

‘กอหญ้าเป็นลูกของทิพย์กับพี่กรณ์ ทิพย์ทิ้งแกมา’

กอหญ้าไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมารับรู้อะไรแบบนี้  มันช็อกความรู้สึกจนปวดแปลบ
และจุกแน่นในอกด้านซ้าย ไม่มีความยินดีที่ได้รู้…ไม่เลยสักนิด

‘พี่ดิน ช่วยที กอหญ้าอยากไปให้พ้น…ไปจากตรงนี้’

“หยุดพูดไปเลย ฉันไม่รับรู้ใดๆ แล้วก็ลืมมันไปซะ ฉันก็จะลืมเหมือนกันว่าเคยได้ยินอะไรแบบนี้
 ฉันมีแค่ข้าวหอมที่เป็นหลานของฉัน…แค่คนเดียว”

กอหญ้ายกมือปิดหู ไม่ ทนฟังไม่ได้ ไม่ฟัง

“ความอัปยศที่เธอทำในอดีตอย่าให้ลูกและสามีของเธอแล้วก็คนแก่ที่ใกล้จะลงโลงอย่างฉันต้องมารับรู้อีก
 ฉันหวังว่าเธอคงเข้าใจที่ฉันพูดนะแม่ทิพย์”

ประกาศิตที่บีบหัวใจจนรวดร้าวไปหมด พอ พอที ไม่อยากรู้แล้ว

‘ใช่สิ! เรามันคือเนื้อร้าย เรามันเป็นความอัปยศที่ใครๆก็ไม่ต้องการ พอทีเลิกดิ้นรน เลิกร่ำร้อง
นั่นไง! ผู้หญิงคนนั้น แม่ที่แสนดีของเด็กผู้หญิงที่ชื่อข้าวหอมแค่เพียงคนเดียวแค่นั้น…มันเจ็บ ปวดมากเหลือเกิน’

ขาอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับออกห่าง

“คุณแม่ ไม่ได้นะคะ นั่นลูกทิพย์ทั้งคน คุณแม่อย่าทำอย่างนี้เลย ทิพย์ขอร้องแกเป็นลูกของทิพย์ ฮือ ฮือ”

เสียงร้องไห้คร่ำครวญนั้นไม่มีผลกับเขาอีกแล้ว กอหญ้ารวบรวมกำลังกายพาเท้าให้ก้าวเดินห่างออกไป
และกลับไปที่ห้องทานข้าว

 เข้าไปยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“กอหญ้าหน้าซีดเชียว เป็นอะไรปวดหัวหรือไม่สบายตรงไหน บอกพี่สิครับ”

พี่ดินลุกพรวดเข้าไปประคองคนที่ยืนนิ่ง หน้าซีดแทบไม่มีสีเลือด ที่เอาแต่ส่ายหน้า น้ำตาคลอๆ
อาการแบบนี้ไม่ดีเอาเสียเลย

“ขอโทษนะครับคุณน้า กอหญ้าเพิ่งจะหายป่วยผมก็พาออกมาตะลอนนอกบ้านแล้ว นี่ไม่ค่อยดีอีกแล้ว
ผมขอพาน้องกลับก่อนนะครับ  ฝากขอโทษคุณยายและคุณน้าทิพย์ด้วยครับ เด็กๆ สวัสดีคุณปู่ก่อนลูก
เราจะกลับกันแล้วอากอหญ้าไม่สบายครับ”

แผ่นดินรีบรวดรัดขอพาคนรักกลับ เด็กๆ ก็วิ่งเข้ามาจูงมืออากอหญ้า เพราะได้ยินพ่อบอกว่าป่วย

“อากอหญ้าขา เดี๋ยวใบข้าวจุ๊บให้สองที หายเลยค่ะ”

เด็กหญิงเข้ามาดึงชายเสื้อบอก กอหญ้ายิ้มแห้งๆ ให้หนูน้อย

“อืม…ค่อยๆ ขับไปนะดิน อย่ารีบร้อน ไม่ไหวยังไงก็พากันหาหมอก่อนค่อยเข้าบ้าน
 ดูสิหน้าตาซีดเชียวเอามากๆด้วยไปเถอะ”

พ่อเลี้ยงอเนกบอกอย่างหวังดี

“ครับคุณน้า ลาแล้วครับ”

แผ่นดินบอกลาอีกครั้ง แล้วพากันออกเดิน ความผิดปกติที่เจ้าตัวเป็นแผ่นดินสัมผัสได้ตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นหน้าแล้ว

‘ไปเจออะไรมานะ หรือได้ยินอะไรที่แย่ๆมาหรือเปล่า’

“คนดี กลับบ้านเรากันนะ เด็กๆ นั่งเล่นกันเงียบๆ นะลูก”

เด็กๆ
พยักหน้าและนั่งเรียบร้อยที่เบาะหลัง เขาคาดเบลท์ให้คนรัก และกลับมานั่งประจำที่คนขับ

ก่อนออกรถยังคว้ามือที่เย็นเฉียบของคนรักมาบีบนวดถ่ายทอดความอบอุ่นให้ พรมจูบที่หน้าผากมน
และแนบหน้าผากชนกันอยู่อย่างนั้น

กอหญ้ากะพริบตาเมื่อได้รับสัมผัสอุ่น มองตามคนตัวโตที่เตรียมจะเคลื่อนรถออก 

“อดทนไว้นะกอหญ้าคนเก่ง พี่ส่งพลังให้แล้วนะครับ”

คนฟังมีดวงตาที่ไหวระริกน้ำตาคลอๆทำท่าจะหยด แต่เจ้าตัวฝืนไว้โดยเชิดหน้าขึ้นเสียก่อน
ถ้ากอหญ้าร้องไห้งอแงมันยังจะดีเสียกว่าที่เจ้าตัวจะทำเช่นนี้  แผ่นดินเคลื่อนรถออกไปจากบ้านหลังใหญ่
เขาไม่อยากจะคาดเดาเลยว่าการมาครั้งนี้มันสร้างความเจ็บปวดหรือบาดแผลอะไรเพิ่มให้คนรักของเขาไป
อีกกี่มากน้อย ไม่อยากจะเดาเลยจริงๆ

‘ไม่ว่าจะไปเจออะไรมา กอหญ้าเก่ง และจะผ่านมันไปได้…พี่เชื่ออย่างนั้นนะ`



เมื่อรถแล่นเข้าไปยังตัวบ้าน เด็กๆ หลับกันไปแล้ว มิ่งกับขวัญรีบออกมารับหน้า
ทั้งสองเข้ามาอุ้มเจ้าสองแสบเข้าไปส่งให้พี่เลี้ยง  แผ่นดินพยุงกอหญ้าที่เดินเข้าบ้าน
อย่างเลื่อนลอย ตลอดทางเจ้าตัวนั่งเงียบตามองทอดไกลออกไป ไม่มีชีวิตชีวาเหมือน
ตอนที่ออกไป

มิ่งกับขวัญพากันมองหน้าเจ้านายกับคนที่ถูกพยุงเข้ามาในบ้าน

“คุณกอหญ้าไม่สบายเหรอครับ นายดิน”

ขวัญเอ่ยปากถาม เพราะปกติคุณกอหญ้าต้องทักทายพวกเขาแล้ว ไม่ใช่ไม่มองหน้ากันอย่างนี้

“อื้ม…”
แผ่นดินตอบแค่นั้น

“อ้าว! กลับมากันแล้วเหรอดิน พาน้องไปพักผ่อนไป สองแสบเดี๋ยวให้แตงโมจัดการเอง”

พ่อเขตทัก เมื่อเห็นหน้ากอหญ้าที่ไม่เป็นปกตินัก

“ครับพ่อ”
แผ่นดินพาคนรักเดินขึ้นห้องนอน เจ้าตัวเดินไปที่เตียงแล้วฟุบหน้าลงกับหมอนเนื้อตัวสั่นเทาอย่างแรง
เพราะกลั้นสะอื้นจนตัวโยน ไม่มีเสียงร้องออกมาให้ได้ยิน  มีเพียงอาการที่บ่งบอกว่าเจ็บปวดและทรมาน
เป็นที่สุด

แผ่นดินนั่งลงที่ขอบเตียงปล่อยให้กอหญ้าปลดปล่อยเท่าที่ต้องการ  เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของเขา
อย่างที่คนชอบเปรียบเปรยว่าเวลาแห่งความสุขมันสั้น  แต่เวลาคนเราทุกข์จะรู้สึกว่านานเหมือนเขาตอนนี้ที่คนรัก
ทุกข์เขาก็ทุกข์ตามไปด้วย   ชายหนุ่มเห็นกอหญ้าหยุดสะอื้นแล้ว จึงเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังให้ ทำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
จนกอหญ้าพลิกตัวหันหน้ามามอง แล้วโผเข้ากอดคอเขาไว้แน่น 

“คนดี พี่อยู่ตรงนี้แล้ว อยากร้องไห้ก็ร้องซะให้พอ  เพราะจากนี้ไปน้ำตาที่จะไหลออกมาจากดวงตาคู่นี้
…ขอให้เป็นน้ำตาแห่งความสุข…กอหญ้าเป็นคนเก่ง  ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความเป็นผ่านความตาย
 กอหญ้าของพี่ผ่านมันมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายกอหญ้าของพี่ได้อีก"

"…ร่างกายนี้ หัวใจดวงนี้เป็นของพี่นะครับ…พี่ไม่อนุญาตให้เราหรือใครมาทำให้มันเจ็บปวดอีก…ได้ยินที่พี่พูดมั้ยครับ…”

แผ่นดินพูดอย่างที่ใจสั่งให้พูดให้บอก


กอหญ้านิ่งฟัง น้ำเสียงที่แสนจะคุ้นเคย  เสียงนี้ที่ฉุดรั้งเขาให้กลับมา  กี่ครั้งกี่หนกันแล้ว
น้ำเสียงที่ส่งผ่านทุกๆ ความรู้สึก ส่งผ่านพลังและกำลังใจมาให้

ผืนแผ่นดินผืนนี้ให้ที่พักพิงในยามที่เคว้งคว้างสิ้นหวัง  แผ่นดินที่โอบอุ้มทุกความเจ็บช้ำไว้…ผู้ชายคนนี้
คนที่มอบความรับ ความห่วงใย และเป็นทุกอย่าง

“รัก พี่ ดิน ขอบคุณ…ที่อยู่ ด้วยกัน…ขอบคุณ ฮึก…ฮือ…ฮึก…ฮือ”

กอหญ้าร้องไห้ออกมาเสียงดัง  คงถึงขีดสุดของความอดทนแล้ว  แผ่นดินทำได้แค่กอดปลอบอยู่อย่างนั้น
เสียงร้องไห้ที่ฟังแล้วมันบาดลึกเข้ามาในหัวใจ

เขาอยากที่จะแบ่งรับความเจ็บปวดนั้นไว้เสียเอง  ถ้ามันถ่ายทอดให้กันได้
เขายินดีที่จะรับทุกความเจ็บปวดนั้นไว้เองทั้งหมด






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54
«ตอบ #134 เมื่อ09-04-2019 16:34:55 »

 :3123: :3123:
 :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54
«ตอบ #135 เมื่อ09-04-2019 17:41:58 »

สงสารน้องง

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54
«ตอบ #136 เมื่อ09-04-2019 19:01:44 »

อย่าร้อง เค้าไม่รับเราเป็นหลานก็ช่าง อยู่กับพี่ดินดีกว่าเนอะๆๆ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54
«ตอบ #137 เมื่อ10-04-2019 11:10:30 »

 o18


 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 55 ปลดพันธนาการ

จากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว  กอหญ้ากลับมาให้ความสนใจกับงานเป็นอย่างมาก  เขาออกจะร่าเริง
ได้ดั่งเดิมแล้วอย่างที่โบราณว่าไว้ไม่มีอะไรที่จะร้ายเกินเจ็ดวัน  กอหญ้าสนุกกับการจัดแต่งและเลือกซื้อ
ของมาประดับสวน  สนุกกับการได้ออกแบบและวางแผนงาน  ดูตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นแม่วัวออกลูก 
ตลกขบขันกับการเดินขาปัดขาเป๋ของลูกวัวแรกเกิด  ร้องขอรีดนมวัวเองทั้งที่จะจับราวนมของแม่วัว
ยังกล้าๆ แหยงๆ เสียด้วยซ้ำ  ขอสะพายกระบุงเก็บส้มด้วยตัวเองและอีกหลากหลายงานที่เจ้าตัวขอ

แผ่นดินมองว่าที่กอหญ้าทำอยู่นั้น…เหมือนคนพยายามที่จะลืมมากกว่า  เขาอยากรู้เหมือนกันว่าวันนั้น
…เกิดอะไรขึ้น  แต่คงไม่เป็นการดีหากจะถามออกไป ได้แต่รอเวลาให้กอหญ้าเข้มแข็งและพร้อมที่จะเล่าด้วยตัวเอง


แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ยังคงพยายามที่จะเข้าหากอหญ้าโดยมีพ่อเขตเป็นสื่อกลางเช่นเดิมแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
แผ่นดินได้ขอร้องพ่อเขตออกไปว่ากอหญ้ายังไม่พร้อมพบหน้าและขอเวลาอีกสักหน่อย  เพื่อให้เจ้าตัว
ผ่านมันไปให้ได้ก่อน  แล้วเขาจะไม่ขัดขวางเลยหากแม่ลูกจะพบหน้ากัน

ตั้งแต่วันนั้นกอหญ้าก็ถอดสร้อยเส้นนั้นออกจากคอ  เก็บลงไว้ในกล่องนาฬิกาของแผ่นดินตามเดิม
เขาบอกกับตัวเองว่ามันไม่คู่ควรที่จะอยู่กับเขา  มันต้องกลับคืนสู่เจ้าของเดิมและเขาจะเป็นคนเอามันไปคืน
ให้ด้วยตัวเอง  เมื่อเขาเข้มแข็งและลุกขึ้นยืนได้ใหม่อย่างมั่นคงแล้ว

กอหญ้าคิดไตร่ตรองอยู่หลายวันจนได้ข้อสรุปในวันนี้  เขาจึงเดินหาพี่ดินเพื่อที่จะบอกเล่าสิ่งที่ได้ตัดสินใจ
ไปแล้วให้พี่ดินได้รับรู้  วันนี้เขาเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากกว่าวันวานไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายเขาได้อีก
ในเมื่อใจดวงนี้ของเขาเป็นของพี่ดิน

“กอหญ้ามีอะไรครับ  เพชรบอกว่าเราถามหาพี่เหรอ”

พี่ดินถามพร้อมทั้งดึงตัวเข้ามากอด  กลิ่นเหงื่อจางๆ ที่เชยเข้าจมูก  กลิ่นที่คุ้นชิน
 
“พี่ดินไปอาบน้ำก่อนดีกว่าจะได้สดชื่น  กอหญ้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง  พี่ว่างจะฟังมั้ยครับ?”

“ว่างเสมอสำหรับคนนี้…แค่คนเดียว  จะคุยที่ไหนครับที่เตียงมั้ย? แต่…ถ้าเป็นที่เตียงต้องเสียหนึ่งกอด…นะ”
พอแผ่นดินพูดจบก็ถูกคนรักตีที่ต้นแขนดังเพียะ

“ทะลึ่งน่าพี่ดิน…หรือว่าพี่ดินอยากจะเป็นคนที่ถูกกอดบ้าง…ดีมั้ย…เรามาแลกกัน”

กอหญ้ายิ้มกริ่มใส่คนรักที่ยืนอึ้งไม่ตอบโต้  แล้วรีบผละไปชั้นบน  กอหญ้ามองตามไปแบบขำๆ


แผ่นดินอาบน้ำเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดคอปกสีขาวกับยีนสีดำขาเดรฟ  เดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น
แล้วนั่งลงข้างๆ คนรัก
 
“พี่ดินพากอหญ้าไปบ้านแม่เลี้ยงข้าวทิพย์หน่อยนะครับ”
กอหญ้าพูดสีหน้าอย่างคนตัดสินใจมาแล้ว คนฟังผวาเฮือกที่ได้ยินแบบนั้น

“ห๊ะ! ไม่อ่ะไม่เด็ดขาด พี่ไม่พาไปบ้านนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับคุณไปแล้วครับคุณข้ามฟ้า
พี่ไม่พาไปเด็ดขาด”
แผ่นดินปฏิเสธท่าเดียว พร้อมส่ายหน้ารัวๆ

“พี่ดินคนเราต้องกล้าที่จะเผชิญกับปัญหาสิ  จะให้กอหญ้าหนีไปตลอดชีวิตได้ยังไง พลังมีเหลือเฟือแล้วตอนนี้
เพราะพี่ดินชาร์จมาให้จนแบตเต็ม”

กอหญ้ายืนยันตามที่ตั้งใจไว้แต่ทีแรก

“บอกเหตุผลที่พี่ต้องพาไปให้ฟังสักข้อสิเพื่อใช้พิจารณาว่าสมควรอนุมัติหรือเปล่า”

แผ่นดินขอเหตุผลของการไปครั้งนี้

“เหตุผลเหรอฮะ ไม่มีหรอกไปตามที่ใจสั่งล้วนๆ คุณจะกรุณาพาไปหน่อยได้มั้ยครับ…คุณแผ่นดิน  สิทธิปกรณ์กุล”

“หูย…เรียกซะเต็มยศจนขนแขนลุกเลยเนี่ย”

แผ่นดินแกล้งทำท่าทำทางไปอย่างนั้น เขามองตาเด็กดื้อนี่เห็นทีไม่แคล้วใจอ่อนจนได้สิน่ะ

“งั้นกอหญ้าจะเล่าให้ฟังแล้วกันเรื่องวันนั้นน่ะ…กอหญ้าไปห้องน้ำใช่มั้ยล่ะ  ทีนี้ขากลับบังเอิญได้ยิน
เสียงร้องไห้ดังมากๆ จากห้องที่คุณน้าทิพย์กับคุณยายเข้าไป…คุณยายคงเห็นสร้อยเส้นที่กอหญ้า
สวมอยู่ในตอนที่น้าทิพย์ทำน้ำหกใส่น่ะ  คุณยายบอกว่ามันเป็นของต้นตระกูลท่านแล้วถามคุณน้าว่า
มันมาอยู่กับกอหญ้าได้ยังไง”

กอหญ้าเล่าด้วยสีหน้าราบเรียบ

“อ่ะห่ะอย่างนี้นี่เองที่อยู่ดีๆ ท่านก็ลุกพรวดพราดออกไปทั้งที่เรายังกินข้าวกันอยู่แบบนั้น”

แผ่นดินพูดแทรกขึ้น  เมื่อนึกขึ้นมาได้

“ครับ…คุณน้าร้องไห้แล้วบอกว่ากอหญ้าเป็นลูกของท่านกับพ่อกรณ์…แล้วเอ่อ…คุณยายสั่งให้
คุณน้าลืมซะให้หมด  แล้วท่านเองก็จะลืมว่าเคยได้ฟังเรื่องอัปยศนี้  คุณยายท่านพูดว่ามีหลาน
เพียงคนเดียวคือข้าวหอมและท่านไม่ต้องการให้เรื่องนี้รู้ถึงหูลูกเขยและหลานสาวของท่าน…
เรื่องก็จบแค่นี้แหละครับ”

กอหญ้าเล่าตามที่ได้ยินมา ในขณะที่พูดไม่มีความหวั่นไหว หรืออาการใดๆ
ให้เห็นอีก นอกจาก…เฉยชา…อย่างเดียวที่แผ่นดินสัมผัสได้

“คนดีของพี่ถ้าเป็นอย่างที่เล่ามาก็ไม่ต้องเข้าไปที่นั่นแล้ว  เราก็ลืมมันไปก็จบอย่างที่คุณยายท่านต้องการ
 เนอะ ไม่เข้าไปจะดีกว่านะ”

แผ่นดินโน้มน้าวคนรักให้เปลี่ยนใจ

“เจ้าดินย่าไม่อนุญาตให้แกพาน้องไปบ้านนั้น  หัวเด็ดตีนขาดก็ห้ามไปเหยียบ…ได้ยินไหม”

คุณย่าโผล่มา และสั่งเสียงเข้ม

“คุณย่า เอ่อ…ผม…คือว่า”

แผ่นดินพูดไม่ออก ท่านคงได้ยินหมดแล้วทุกคำถึงได้โกรธขนาดนั้น

“ไม่ต้องมาเอ่อมาอ่า ย่าสั่งไม่ได้ยินหรือไง! ยัยคุณหญิงศจีพรรณ นี่ร้ายกาจตั้งแต่สาวยันแก่
ย่าอยากรู้นักไอ้ความเจ้ายศเจ้าอย่าง  ถือยศถือศักดิ์นั่นน่ะ! มันทำให้คนสูงส่งขึ้นมาได้มั้ย?
นี่ขนาดหลานในไส้แท้ๆยังใจจืดใจดำได้ลงคอ"

คุณย่าเว้นจังหวะหายใจไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ

"อย่างนี้กับคนทั่วไปอย่างเราๆ ไม่ถูกเหยียบจมดินเลยหรือไงไม่ต้องโผล่หน้าไป ไม่ต้องไปข้องแวะด้วย
 เฮ้อ! หนูกอหญ้า คนแบบนั้นไม่คู่ควรที่หลานจะต้องไปนับญาติด้วย แล้วก็ไม่ต้องเสียใจเสียน้ำตาให้กับ
คนบ้านนั้นอีก  เข้าใจที่ย่าพูดมั้ย”

คุณย่าออกอาการกางปีกกั้น  แผ่นดินมองทั้งย่าและคนรักไม่รู้จะทำยังไงต่อดี

“กอหญ้าไม่ได้อยากไปเพื่อเรียกร้องสิทธิ์อะไรครับคุณย่า แค่มีพี่ดินกับคนบ้านนี้ที่รักและต้องการกอหญ้า
แค่นี้ก็พอแล้ว…แต่ที่ไปก็เพราะกอหญ้าจะเอาสร้อยไปคืนน่ะครับ  มันควรเป็นของหลานสาวท่าน  ก็แค่นั้นเอง
ที่จะไป คุณย่าอนุญาตเถอะนะ นะครับ…”

กอหญ้าบอกเหตุผลให้คุณย่าฟัง เผื่อท่านจะยินยอม

“เจ้าดินไปเตรียมรถ  ย่าจะไปด้วย  พ่อเขตของแกไปไหนไปตามมาให้ย่าที ม่ได้ไปไหนซะนาน
 วันนี้ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาซะบ้างก็ดี อะไร…เป็นอะไรกัน ย่าพูดจริงๆ ย่าจะไปหาเพื่อนเก่าเสียหน่อย”

คุณย่าดูกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันตา อย่างกับจะไปออกรบอย่างนั้น

“เสียงดังอะไรกันครับคุณแม่”

พ่อเขตเดินเข้าบ้านมาพอดี

“มันมีเรื่องน่ะสิ กอหญ้าน่ะจะไปบ้านยัยคุณหญิงศจีพรรณนั่น คราวก่อนไปกินข้าวบ้านเขากลับมา
ไม่เป็นผู้เป็นคนร้องห่มร้องไห้เสียงดังไปเจ็ดบ้านแปดบ้าน ยังคิดจะไปอีกแกดูนะตาเขต   นี่แม่ห้าม
ไม่อยู่ก็เลยจะไปด้วย”

คุณย่าฟ้องลูกชายทันทีที่ห้ามปรามแล้วไม่เป็นผล

“อ้าว! ไปทำไมอีก ถ้าไปแล้วมันเจ็บปวด มันไม่ดีต่อใจก็อย่าไป เชื่อพ่อเถอะนะกอหญ้า”

พ่อเขตได้ฟังหันมาห้ามอีกคน

“ไปเตรียมตัวเตรียมของสิ  จะเอาอะไรไปคืนเขาก็ไปเอามา อยากไปนักก็จะพาไป  แกไปด้วยกันนะพ่อเขต
 แม่จะเล่าให้แกฟัง ดูเอาเองแล้วกัน ฉันนี่แค้นใจนัก"

แล้วมารดาก็เล่าเรื่องราวที่ได้ยินมาให้ลูกชายฟัง

“เรื่องมันก็เป็นอย่างที่เล่านี่แหละ เฮอะ! ผู้ดีแปดสาแหรกจริงๆ ทำหลานแม่เสียใจ
ลองมาพูดอะไรอีกสิ คราวนี้แหละแม่จะเล่นเอง”
มารดาเล่าไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปด้วยจนลูกชายกลัวว่าท่านจะเป็นลมไปซะก่อนที่จะไปถึงบ้านนั้น

“คุณแม่อยู่บ้านดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนเด็กพวกนั้นเอง”

ลูกชายออกปาก

“ที่ฉันจะไปน่ะ เพราะจะไปดูหน้าพวกใจดำ อีกอย่างหลานสะใภ้ฉันจะได้ไม่โดนดูถูกเหยียดหยาม
 ให้เจ็บช้ำน้ำใจกลับมาอีก แกอย่ามาห้ามแม่เลยตาเขต”

สุดท้ายลูกชายก็ต้องยอมตามน้ำ

“ตามใจคุณแม่เถอะ ถ้าไม่ไปเป็นลมเป็นแล้งเสียก่อนนะ นั่นเจ้าสองคนลงมากันแล้ว”

“ไหนเอาของที่จะคืนนั่นมาให้ย่าดูหน่อย มันเป็นยังไงกัน ไม่เคยสนใจจะดูแบบจริงๆ จังๆ ซะด้วยสิ”

“นี่ครับคุณย่า”

กอหญ้าส่งสร้อยเส้นที่ติดตัวเขามาตั้งแต่จำความได้ให้คุณย่าดู

“อืม…ก็งั้นๆ ย่าก็มีเยอะแยะไป เดี๋ยวกลับมาย่าจะหาให้ใส่สักเส้น”

คุณย่าดูผ่านๆ อย่างไม่อินังขังขอบเท่าไหร่

“โอ๊ะๆ คุณย่าไว้ให้ลูกหลานเถอะครับ กอหญ้าก็ไม่ใช่พวกคลั่งไคล้ของพวกนี้เสียด้วยสิ”

“นี่อย่ามาพูดจาอย่างนี้นะ เราก็หลานย่า อย่าพูดว่าไม่ใช่เชียวนะ เฮอะ!”

คุณย่าเริ่มออกอาการงอน

“โอ๋…เอ๋…คุณย่าเดี๋ยวผมหาให้กอหญ้าเอง เมียผมทั้งคนจะหาให้ได้ดีกว่าของคนบ้านนั้นเลย”

พี่ดินเข้าไปกอดง้องอนคุณย่าแทนคนรัก

“พี่ดิน…บ้า พูดไม่อายปาก”

กอหญ้าเขิน

‘คำก็เมียสองคำก็เมีย เป็นแค่แฟนเหอะ คนหล่อเสียหายนะ’



“บ้านช่องโอ่อ่า …เออ!...แล้วไง…ก็เท่านั้น”
คุณย่าไม่ปลื้มก็ท่านมีออกมากมาย ผ้าขี้ริ้วห่อทองดีๆนี่เอง แผ่นดินเห็นอาการคุณย่าก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้

“คุณย่าที่รัก ขันตินะครับ อีกอย่างเรามาแบบเหนือชั้นกว่า คุณย่าดูมะ-เอ่อ…หลานรักคุณย่าสิ
ไม่มีหวั่นไหว ผมปลูกถ่ายภูมิคุ้มกันให้ ดีมั้ยล่ะครับ หึหึ”

กอหญ้าเหลือบมองหน้าพี่ดินนิดนึง ตะกี้พี่ดินจะหลุดคำว่าเมียอยู่แล้ว…กอหญ้านึกตามคำพี่ดิน
 เขาวันนั้นที่อ่อนแอ…อ่อนไหว กับเขาในวันนี้มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“คุณแม่ แล้วถ้าพวกเขาอยู่กันครบล่ะ แม่ของทิพย์ท่านคงไม่ชอบใจนักถ้าลูกเขยกับหลานสาว
เขาต้องมารับรู้”

พ่อเขตหันมาหารือก่อนจะพากันลงจากรถ

“บอกแค่ว่ามีคนฝากของมาคืน…แค่นั้นพอ ย่าไม่ได้จะมาเพื่อทำให้ใครต้องเจ็บปวด
คิดว่ามาเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งที่พันธนาการทั้งเค้าและเราแล้วกันนะหลานย่า”

กอหญ้ายิ้มเมื่อได้ฟังคุณย่าบอกแบบนั้น

“ไม่ต้องมาส่งสายตาอ้อนย่าเลย แค่นี้เขาก็พากันรักพากันหลงทั้งบ้านแล้วเนี่ย”

คุณย่าพูด แล้วก็เดินตามกันไปที่ห้องนั่งเล่นเมื่อมีคนมานำทาง  พอก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็พบว่าอยู่
กันพร้อมหน้าพร้อมตา น่าแปลกใจที่ข้าวหอมก็อยู่ด้วย

“สวัสดีค่ะคุณแม่ วันนี้พี่เขตพาคุณแม่มาถึงที่นี่ได้ ดีใจจังค่ะ”

คุณน้าทิพย์เอ่ยทักทาย กอหญ้ามองดูใบหน้าสวยงามตามวัยที่แย้มยิ้มดีใจ


กอหญ้านึกสะท้อนใจ  ผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยงามแม้ล่วงเลยเข้าวัยกลางคนตอนปลายแล้วแต่
ความสวยงามนั้นก็ยังคงมีอยู่ 

นี่ยังไงล่ะกอหญ้า…ผู้ให้กำเนิดที่นายอยากพบ  จะมีเหตุผลไหนบ้างนะที่จะทำให้เขามองข้าม
ความใจร้ายที่ท่านเคยทำไว้กับเด็กชายแรกเกิดคนนั้นที่มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว

ความน้อยเนื้อต่ำใจมันตีตื้นขึ้นมาอีกจนจุก  เพียงแค่ได้เห็นหน้า  ความเสียใจมันยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
เพียงแต่เขาหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร อย่าไปคิดมาก อย่าไปสนใจ อย่าอ่อนแอ

นายต้องเข้มแข็ ง มีผู้คนมากมายหลายร้อยพันที่ไม่รู้ว่าเกิดมาได้ยังไง  ใครคือพ่อ  ใครคือแม่
แต่เขาดีแค่ไหนแล้วที่มีพ่อ  มันดีมากแล้วจริงๆ ที่อย่างน้อยไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้า

ดีแค่ไหนที่อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าใครคือแม่  แล้วก็ดีมากแล้วที่ท่านยอมให้ได้ออกมาลืมตาดูโลก
จนได้มีลมหายใจอยู่ถึงวันนี้  อย่าน้อยใจอย่าเสียใจ  มันดีมากแล้วจริงๆ ที่เราได้พบกัน…คุณแม่

“อือ…ออกมาเปิดหูเปิดตาน่ะ คุณหญิงศจีพรรณก็ดูจะยังแข็งแรงดี อยู่ได้จนร้อยปีเป็นแน่”

คุณย่าพูดจบ ทำเอาลูกหลานที่ตามมาด้วยรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กันไปตามๆ กันเพราะรู้ความนัยของประโยค

“แหมตาเขตแม่นายยังฝีปากกล้าเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เจอกันเป็นสิบปีได้ละมั้ง”

คุณยายแขวะออกมาอย่างเด่นชัด ทันกันดีจริงๆเลยสองผู้เฒ่านี้

แผ่นดินมองไปที่กอหญ้าเป็นเชิงให้รีบจัดการจะได้รีบกลับบ้านกัน  เขาพอมองเห็นประกายไหวในดวงตาคู่สวย
ที่แสดงความเศร้าเพียงแวบ  จะเล่นละครตบตาใครก็ทำได้แต่ไม่รอดพ้นจากสายตาเหยี่ยวของเขาไปได้หรอก

“เอ่อ…พอดีผมมีของจะนำมาคืนน่ะครับ มันควรที่จะกลับไปอยู่กับเจ้าของ”

กอหญ้าพูดจบก็ส่งถุงกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มให้กับมือคุณยาย ท่านรับไปอย่างงงๆ แล้วเปิดออกดูชะงัก
ไปหน่อยหนึ่งก่อนจะส่งต่อให้ลูกสาวของท่าน

“ฉันเคยให้กับลูกสาวไปนานมากแล้ว ไม่ได้ใส่ใจมันอีก ส่วนเขาจะเอาไปให้ใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา”

คุณน้าทิพย์รับไปและเปิดถุงนั้นออกดู ดวงหน้าซีดเผือดและเม้มปากแน่นมือที่ถือของไว้ก็ออกจะสั่นๆ

“มันเป็นสมบัติของต้นตระกูลเธอ เอามันกลับคืนไป เราหมดธุระกันแล้วล่ะ กลับกันเถอะตาเขต”

คุณย่าลุกขึ้นก่อนคนแรก พ่อเขตจึงลุกตามพร้อมด้วยพี่ดินและกอหญ้าที่ลุกขึ้นช้าสุดเพราะไม่คิดว่า
จะรวดเร็วถึงเพียงนี้ หมดธุระกันแล้วจริงๆ

‘เราคงไม่มีความจำเป็นต้องพบกันอีกแล้วใช่มั้ยครับ…คุณแม่’

กอหญ้าเผลอสบตากับท่านเพียงบังเอิญ ท่านตาแดงๆ

“เดี๋ยวสิคะคุณย่า ข้าวหอมยังไม่ได้คุยกับพี่กอหญ้าเลย วันนี้ไม่มีเรียนกลับบ้านได้มาเจอพี่กอหญ้าด้วย
 นี่ถือเป็นโชคดีเลยนะคะ อยู่คุยกับน้องก่อนนะ”

ข้าวหอมรีบรั้งตัวกอหญ้าไว้ด้วยไม่รู้ว่าทำไมรีบมารีบกลับกันนัก

“อยู่ทานข้าวกลางวันกันก่อน สิคะ”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ยื้อไว้อีกคน ในมือของท่านกำถุงกำมะหยี่ไว้แน่น แผ่นดินมองไม่ผิดที่ท่านมือสั่นๆ

“พี่เขตกับคุณแม่ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว อยู่คุยกันก่อนสิครับ จะรีบไปไหนกันล่ะ”

พ่อเลี้ยงอเนกเป็นอีกคนที่พูดขึ้น ด้วยมองว่าการมาเยือนโดยมีประมุขของไร่นำทีมมา
…ถือเป็นเรื่องแปลกเอามากๆ

“ไม่รบกวนดีกว่า พอดีว่าจะไปหาของอร่อยทานกันในเมืองนู้นด้วย ไม่ได้ออกจากบ้านหลายปีแล้ว
 จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย ชีวิตมันไม่แน่ไม่นอนทำวันนี้ที่เหลือให้ดีที่สุดเป็นพอ
 จริงมั้ยล่ะพ่ออเนก”

คุณย่าพูดทิ้งท้ายไว้ เผื่อคำพูดของท่านจะไปดลจิตดลใจคนที่ใจจืดใจดำให้ได้คิดอะไรดีๆ กับเขาได้บ้าง

คุณย่าพูดจบก็เดินนำออกมาก่อนคนแรก คนอื่นๆจึงตามออกมาติดๆ ข้าวหอมเดินออกมาส่งเป็นคนแรก
โดยมีแม่ของเธอเดินตามมาไม่ห่าง

“เอ่อ…กอหญ้า น้าขอคุยอะไรด้วยสักหน่อยได้มั้ย”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เดินไปขวางหน้าเมื่อกอหญ้ากำลังจะเอื้อมมือไปดึงประตูรถ
 แผ่นดินชะงักเท้าที่กำลังจะเดินอ้อมไปขึ้นอีกข้างหนึ่ง

“คุณน้าทิพย์ อย่าเพิ่งเลยครับ ไว้วันอื่นเถอะ คุณยายคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่เราจะคุยกันลับหลังท่าน”

แผ่นดินขวางไว้แล้วเปิดรถดันกอหญ้าให้ขึ้นรถไปก่อน

“ดินน้าขอโทษ น้าแค่อยากคืนของให้น้อง ดินรับไว้ทีสิ น้าไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ น้าขอโทษ”

คุณน้าทิพย์น้ำตาคลอ ท่านพยายามกลั้นน้ำตา ข้าวหอมมองด้วยความสงสัยใคร่รู้

“อย่าเลยครับคุณน้า แบบนี้ดีที่สุดแล้วล่ะครับ ผมขอตัวก่อนครับ”

แผ่นดินไหว้ลาท่าน แล้วรีบเปิดรถเข้าไปนั่งคู่กับกอหญ้าที่เขยิบที่ให้ พ่อเขตออกรถ
ตลอดทางกลับไร่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว จวบจนถึงบ้าน แผ่นดินเปิดประตูรถลง
ไปพยุงคุณย่าเข้าบ้านโดยมีกอหญ้าเดินตามมาแบบเงียบๆ


คุณย่านั่งลงที่โซฟา พ่อเขตก็นั่งคู่กับท่าน แผ่นดินฉุดแขนกอหญ้าให้นั่งลงข้างๆ กัน
เอามือลูบหัวให้อย่างเบามือ

“ไหวมั้ย…คนดี”

พี่ดินถามน้ำเสียงทุ้มนุ่ม กอหญ้าส่งยิ้มให้แม้เขาจะคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่น่าจะดีแล้ว
 แต่พี่ดินกลับดึงเขาเข้าไปกอด แล้วกระซิบข้างๆ หูว่า

“คนเก่งของพี่ ถ้าไม่ไหวไม่ต้องฝืนนะ ไหล่ของพี่ว่างสำหรับเราเสมอ”

แค่ได้ยิน ความอ่อนแอที่คิดว่ามันหมดไปแล้ว…ที่คิดว่าเข้มแข็ง…ที่คิดว่าไม่เป็นไรเลย
 จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย เขายังคงเจ็บปวดแม้ไม่มากอย่างคราวก่อน แต่มันก็ยังคงอยู่
…ยังทิ้งร่องรอย เศษ ซาก ของความผุพังเอาไว้มากมาย

“เวลาคงจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น อย่างน้อยๆ กอหญ้ายังเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวกว่าผู้ใหญ่หลายๆ
คน…แล้วมันจะหายดี เก็บมันไว้เป็นความทรงจำนะ ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้เกิดมาจากกระบอก
ไม้ไผ่แค่นั้นพอนะลูก  อะไรที่จำแล้วมันเจ็บก็อย่าไปนึกถึงมันอีก”

คุณย่าปลอบใจ แม้ว่าท่านจะตาแดงๆในตอนที่พูดอยู่ก็ตามที

“ครับคุณย่า กอหญ้าจะไม่ให้อะไรมาทำร้ายใจดวงนี้ได้อีก ขอบคุณพ่อเขตที่พาไป
 แล้วก็ขอบคุณคุณย่าที่สุดเลยที่รักและเอ็นดูเสมอมา”

กอหญ้าส่งยิ้มให้ทั้งคุณย่าและพ่อเขต แผ่นดินทำตาเศร้าที่เขาเหมือนจะถูกลืมไปแล้ว
แต่กอหญ้ากลับชะโงกหน้าไปกระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน

“สำหรับพี่ดิน ต้องขอบคุณมากกว่าทุกๆ คนเลยครับ ต้องด้วยร่างกายและหัวใจเท่านั้น…คืนนี้…นะ”

กอหญ้าแกล้งทำเสียงกระเส่าแล้วเป่าลมใส่หูพี่ดินไปเบาๆ ได้ผลเมื่อพี่ดินรีบผละตัวออก
 หน้าตาแดงลามไปที่ใบหู

`พี่ดินเขิน เขินจริงๆใช่มั้ย หึหึ`

กอหญ้านึกสนุกขึ้นมา การกระทำของสองหนุ่มไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของผู้สูงวัยทั้งสองไปได้

“นี่เจ้าดิน แกอย่ามาทำท่าสาวน้อยต่อหน้าฉัน ขนลุกว่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนไป”

พ่อเขตว่าลูกชายที่ยังหูแดงไม่หาย

“ย่าจะเอนหลังสักหน่อย ปล่อยพลังไปเยอะ เพลียจริงๆ”

คุณย่าพูดแล้วเตรียมหาที่นอน

“กอหญ้าไปนอนเล่นกันสักชั่วโมงมั้ย เดี๋ยวค่อยตื่นไปรับลูกที่โรงเรียนกันเนาะ”

กอหญ้าพยักหน้าลุกขึ้นเดินตามพี่ดินไปที่ห้องนอน






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 56 อดีตที่ผิดพลาด

“ข้าวหอม คุณพ่ออยู่ที่ห้องทำงานมั้ยลูก”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ถามลูกสาว

“อยู่ค่ะ ยังใช้ให้ข้าวหอมย้ายงานเข้าไปไว้ที่โต๊ะเลยค่ะ คงดึกอีกตามเคยค่ะ”

ลูกสาวตอบและวางมือจากมือถือเครื่องหรู มองมารดาที่มีสีหน้าแปลกๆ ชอบกล

“แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณพ่อ ข้าวหอมจะไปฟังด้วยกันมั้ย”

“ไปๆ ค่ะคุณแม่”

น้ำเสียงกระตือรือร้น แล้วรีบเดินตามหลังมารดาเข้าไป

“อ้าว!...คุณทิพย์ มีอะไรกันครับ”

พ่อเลี้ยงอเนกปิดแฟ้มงานเมื่อภรรยาและลูกเข้ามาหา

“ทิพย์มีเรื่องจะบอกคุณพี่ และขอร้องช่วยฟังจนจบด้วยค่ะ”

เธอพูดและมองหน้าสามี กว่าจะมายืนตรงนี้ได้เธอต้องรวบรวมความมามากพอสมควร

“เรื่องร้ายแรงรึป่าว เกี่ยวกับของที่พี่กอหญ้านำมาคืนวันก่อนใช่มั้ยคะ”

ลูกสาวถาม ด้วยเธอคลางแคลงใจที่เห็นสีหน้าที่ไม่ดีของมารดาวันนั้น

“นั่นสิ ผมก็รู้สึกว่าคุณกับคุณแม่มีเรื่องปิดบังผมนะ”

คุณพ่อพูดขึ้นน้ำเสียงก็ราบเรียบ และใบหน้าก็นิ่งๆในแบบฉบับของท่าน

“เอ่อค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อยี่สิบสามปีที่แล้ว ทิพย์ทำเรื่องที่ผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยเลย คือว่าทิพย์…”

เธอเล่าเรื่องราวแต่หนหลังให้สามีและลูกฟังจนหมด ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของสองพ่อลูกเลย

"มันเป็นความเลวร้ายที่กัดกินใจเรื่อยมา ทิพย์ขอโทษคุณพี่…ขอโทษจริงๆ คุณพี่จะโกรธเกลียดทิพย์
ไปจนวันตายทิพย์ก็ยอม”

น้ำเสียงขมขื่นระคนเจ็บปวด


พ่อเลี้ยงอเนกมองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวย  ไม่เพราะความสวยในอดีต
หรือที่ทำให้เขาตกหลุมรัก และปลงใจใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอจนมีลูกสาวด้วยกัน

ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเธอไม่เคยทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของลูกขาดตกบกพร่องเลย  จวบจนกระทั่ง
เรื่องราวที่เธอเล่ามันออกมาจากปากของเธอเอง

เมื่อได้รู้อย่างนี้เขาจะทำอะไรได้เพราะเรื่องมันก็เนิ่นนานแล้ว

“นี่พี่กอหญ้าเป็นพี่ชายของข้าวหอมจริงๆเหรอคะ”

ข้าวหอมถาม น้ำตาขังหน่วยไม่ต่างจากมารดาเลย  เธอทั้งสงสารและเห็นใจทั้งแม่และพี่ชายหมาดๆ
รวมถึงสงสารพ่อที่ไม่เคยล่วงรู้อะไรมาก่อนเลย

“ใช่จ้ะลูก หนูจะโกรธเกลียดแม่อีกคนก็ได้ แม่ทำให้ทุกคนผิดหวังตั้งแต่คุณยาย คุณพ่อของลูก”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์พูดทั้งน้ำตา ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรกันต่อประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามา

~ครืด ครืด~

คุณยายพรวดเข้ามาหาเงื้อมมือตบฉาดเข้าที่ใบหน้าของคุณแม่ติดๆสองทีจนหน้าหัน

ข้าวหอมตกใจไม่คิดว่าจะได้เห็นคุณยายที่เกรี้ยวกราด ส่วนคุณพ่อก็ถลันเข้าไปประคองคุณแม่ที่ยืนแทบไม่อยู่

“ฉันสั่งให้เธอลืมอย่าเอาเรื่องที่เธอเคยเสเพลมาพูด เรื่องอัปยศนั่นบอกให้ลืม เธอก็ไม่ฟัง
กล้าขัดคำสั่งฉัน คิดหนีปัญหามาได้ตั้งนานทำไมยังกลับไปวนเวียนหามันอยู่อีกอดีตเลวๆ นั่น
หลานฉันมีแค่ยัยข้าวหอมก็บอกไปแล้ว เธอยังต้องการอะไรอีก บอกมา!”

คุณยายชี้หน้าด่าทอด้วยวาจาอันเผ็ดร้อนเชือดเฉือน คุณแม่ได้แต่สะอื้นไห้ ไม่โต้แย้งใดๆสักคำ

“พอเถอะครับ”

คุณพ่อพูดเป็นประโยคแรก

“คุณยายอย่าว่าคุณแม่อีกเลย เรื่องมันก็นานมากแล้วที่วันนี้คุณแม่มาบอกให้คุณพ่อกับข้าวหอมรู้ก็แค่ท่าน
รู้สึกผิดและเจ็บปวดมานาน และอยากที่จะปลดปล่อยตัวเอง  ข้าวหอมไม่โกรธคุณแม่ ยังรักและเคารพ
ท่านเหมือนเดิม”

ข้าวหอมพูดในมุมมองของลูกที่มองแม่

“เข้าอกเข้าใจกันดีเหลือเกิน จนฉันเนี่ยกลายเป็นตัวร้ายไปสินะ”

คุณยายยังมีสีหน้ากรุ่นโกรธไม่หาย

“ไม่ว่าคุณพ่อกับคุณยายจะคิดยังไงนั่นก็แล้วแต่ แต่คนที่เจ็บปวดและน่าเห็นใจที่สุดไม่ใช่พวกเรา
แต่เป็นพี่กอหญ้า  ที่ถูกทอดทิ้งและเติบโตด้วยความยากลำบาก  ถ้าเดาไม่ผิดพี่เขาคงรู้ว่าคนบ้านเรา
คิดยังไงกับเขา แบบนี้ไง แบบที่คุณยายกำลังเป็นอยู่ตอนนี้”

ข้าวหอมรู้สึกเห็นใจและสงสารพี่ชาย จึงอดปากไม่ไหวพูดออกมา

“ข้าวหอมไม่ก้าวร้าวคุณยายนะลูก ขอโทษคุณยายเลย”

มารดาปรามบุตรสาว

“ขอข้าวหอมพูดเถอะคะ วันที่พี่กอหญ้าถูกสื่อมวลชนซักเรื่องแม่ พี่เขาเจ็บปวดขนาดไหน ทุกคนรู้กันมั้ย
 เขาพูดว่าไม่คิดจะตามหา หากแม่ยังอยู่พี่เขาขอแค่ให้ท่านมีความสุข แค่นั้นเองจริงๆที่พี่กอหญ้าต้องการ
 ข้ามหอมอยากรู้ว่าวันนั้นที่คนบ้านพี่ดินมาที่นี่ เขาเหล่านั้นเป็นคนอื่นด้วยซ้ำแต่กลับปกป้องพี่กอหญ้า
แต่เราเกี่ยวข้องเป็นสายเลือดเดียวกันแต่กลับทำร้ายพี่”

ข้าวหอมพูดไปร้องไห้ไป และแม่ของเธอก็ยิ่งสะอื้นหนักเข้าไปอีก

“หยุดพล่ามได้แล้วยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”

คุณยายโกรธหลานสาวที่พูดจายอกย้อนท่าน

“เชิญคุณยายอยู่กับชื่อเสียง อยู่กับศักดิ์ศรีต่อไปเถอะค่ะ ข้าวหอมจะไปหาพี่กอหญ้า”

ข้าวหอมพูดจบก็ก้าวเท้าจะออกไปแต่ต้องหยุดกึก เมื่อคุณยายใช้คำพูดที่ข้าวหอมไม่คิดว่าจะได้ยิน

“ถ้าแกกล้าที่จะก้าวเท้าออกไปวันนี้ แกกับฉันขาดกัน ถ้าเห็นไอ้เลือดชั่วก้อนนั้นมันเป็นญาติ
 แกก็ไม่ต้องมานับว่าฉันเป็นยายของแกอีก”

คุณยายเสียงกร้าว ดุดัน อย่างที่ไม่เคยใช้พูดกับหลานสาวเพียงคนเดียวมาก่อน

“คุณแม่พอเถอะครับ เรามาคุยกันดีๆ ด้วยเหตุด้วยผล เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ค่อยๆ คุยกันเถอะ
ถึงผมจะไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่แรก ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะดูดายเรื่องนี้ ข้าวหอมนั่งลงก่อนลูก”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“พ่ออเนกที่ฉันทำมันดูร้ายกาจมากใช่มั้ย ไม่เพราะฉันต้องการจะปกป้องครอบครัวที่เหลืออยู่นี่หรือไง
คิดว่าฉันจะไม่เจ็บปวดเหรอที่ลูกสาวเพียงคนเดียวแอบไปท้องไปคลอดทั้งๆที่ฉันส่งมันไปเรียน
 ฉันที่ฟูมฟักมันมาอย่างดี แล้วดูมันทำ…ฉันไม่อยากให้อะไรมันเปลี่ยนไปจากนี้…แค่ทำลืมๆกันไป
 ลืมว่าเคยได้ยินได้ฟังอะไรมา ทำกันไม่ได้เลยหรือ…แค่ให้ฉันตายไปก่อน”

คุณยายพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเจ็บช้ำ

“ถ้าคิดแบบนั้นแล้วคุณยายสบายใจก็คิดไปเถอะนะคะ แต่คุณยายไม่มีสิทธิ์มาห้ามความคิดใคร
คุณยายจะอยากตัดปัญหา หนีปัญหาก็ทำไป…แต่ไม่ใช่กับข้าวหอม คนเราเมื่อรู้ตัวว่าทำผิดก็สมควร
ที่จะแก้ไข หรือทำวันข้างหน้าให้มันดี…ข้าวหอมขอโทษที่ก้าวร้าว ยังไงคุณยายก็คือคุณยายที่ข้าวหอม
รักและเคารพไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้ข้าวหอมต้องการไปพบครอบครัวอีกคนที่พลัดพรากกันมานานก็เท่านั้น
 ข้าวหอมขอตัวนะคะ หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจ”

เธอยกมือไหว้ขอขมาคุณยายแล้วคว้ากุญแจรถออกจากห้องไป แล้วไม่นานเสียงรถก็แล่นออกไปจากบ้าน


ผู้ใหญ่ทั้งสามหันมองหน้ากันด้วยไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ทุกอย่างที่ข้าวหอมพูด บอกให้รู้ถึงแง่มุมความคิด
ที่เด็กสาวมีต่อแม่ คุณยาย และพี่ชาย โดยที่คนเป็นพ่อคิดตามแล้วจึงเพิ่งรู้วันนี้เองว่าลูกสาวที่ถูกมารดา
เลี้ยงดูอย่างประคบประหงมเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ได้เติบโตทั้งด้านความคิดและสติปัญญาซึ่งเป็นเรื่อง
น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับพ่อที่ไม่ค่อยได้มีเวลาให้ลูกมากนักอย่างพ่อเลี้ยงอเนก

พ่อเลี้ยงอเนกมองว่าเรื่องวันนี้มันแทบไม่ส่งผลกระทบอะไรเลยกับคำว่าครอบครัวที่แม่ยายของเขา
วิตกกังวลนักหนา แค่เปลี่ยนมุมมองและเปลี่ยนความคิด มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ซึ่งจากที่ลูกสาว
พูดทางฝ่ายพี่ชายของข้าวหอมก็ไม่ได้ต้องการอะไร เขาก็อยู่ในที่ในทางของเขา ดูแล้วคนที่ร้อนรนคง
จะเป็นภรรยาที่คิดมากและแม่ยายที่คิดเยอะก็เท่านั้นเอง

“คุณทิพย์พาคุณแม่ไปพักผ่อนเถอะ ผมขอสะสางงาน เสร็จแล้วจะออกไปคุยด้วย แล้วก็โทรถามคนบ้าน
นั้นให้ด้วยนะว่าลูกเราถึงเมื่อไหร่ยังไงด้วยล่ะ”

พ่อเลี้ยงอเนกบอกกับภรรยาด้วยสีหน้าไม่ได้เครียดหรือกังวลใดๆ

“ค่ะคุณพี่ ไปข้างนอกกันก่อนเถอะค่ะคุณแม่”

สองแม่ลูกพากันออกไปจากห้องแล้ว พ่อเลี้ยงอเนกจึงลงมือเปิดแฟ้มงานขึ้นมาทำต่อ


ข้าวหอมจอดรถที่หน้าบ้าน พอเธอบอกว่ามาหาพี่กอหญ้าเด็กรับใช้ดูจะมีสีหน้าตื่นๆแต่ก็พาไปรอที่ห้องรับแขก
ก่อนจะหายออกไปและมีผู้ใหญ่ของบ้านเรียงแถวกันออกมา ขาดก็แต่คนที่เธอต้องการพบ

“สวัสดีค่ะ คุณย่า คุณลุง แล้วก็พี่ดิน แต่เอ…พี่กอหญ้าไปไหนล่ะคะ”

ไหว้อย่างอ่อนน้อม แต่ก็มุ่นหัวคิ้วที่ไม่ได้พบคนที่อยากพบ

“กอหญ้าดูคนงานแต่งสวนอยู่น่ะ มีอะไรคุยกับพี่ก็ได้นะข้าวหอม”

พี่ดินเอ่ยปาก เหมือนจะกีดกันไม่ให้เจอกันอย่างนั้น

“ข้าวหอมอยากพบพี่ชาย พี่ดินกรุณาให้พบหน่อยเถอะ พี่น้องจะพบหน้ากันอย่าขี้หวงสิคะพี่เขย”

เมื่อพูดจบ ข้าวหอมเห็นพี่ดินเบิกตา อ้าปาก ทำหน้าเหวอๆ แต่คุณย่ากับคุณลุงก็แค่อมยิ้มเท่านั้น

“ดินให้เพชรไปตามกอหญ้ามาสิ บอกเขาว่าน้องสาวมาหา นี่พ่อแม่ยัยหนูก็พากันโทรมาถามไถ่ว่าลูกสาว
ถึงรึยัง แล้วยังขอกับพ่อเองเลยนะว่าให้พี่น้องเขาได้เจอกัน”

“อ้าว…นี่รู้กันก่อนแล้วเหรอ ผมก็กลัวจะมาทำให้คนรักของผมปวดหัว ถ้าแค่นั้นก็จะให้เจอแต่บอกไว้ก่อนนะ
 ถึงเป็นน้องสาว พี่ก็หวง พี่เราน่ะแฟนพี่นะยัยข้าวหอม อย่าลืม!”

ข้าวหอมกลั้นขำ แต่ก็พยักหน้า

“ไปสิดิน เดี๋ยวมืดค่ำกันพอดี ต้องหาคนขับรถไปส่งยัยหนูนี่ด้วย พ่อแม่เขาเป็นห่วง”

คุณย่าพูดจบ พี่ดินก็เดินหายไป คงจะไปตามเองเป็นแน่ สักพักก็โผล่หน้ามาโดยพี่กอหญ้าเดินตามมา
ไม่ห่าง ข้าวหอมลุกพรวดไปสวมกอดทำเอาพี่กอหญ้ายืนนิ่งค้างมองพี่ดินอย่างตื่นๆ

“ยัยหนูปล่อยพี่เขาก่อน ดูนู่น! เจ้าคนขี้หวงมันจ้องอยู่นั่น”

คุณย่าบุ้ยใบ้ไปที่พี่ดิน ข้าวหอมจึงปล่อยแล้วจูงพี่กอหญ้ามานั่งด้วยกัน พี่ดินรีบตามมาขนาบข้าง

“ข้าวหอมเพิ่งรู้จากคุณแม่ว่า พี่กอหญ้าเป็นพี่ชายของข้าวหอม ดีใจที่สุดเลยค่ะ”

ข้าวหอมยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย

“เอ่อ…รู้แล้ว…เหรอครับ”

กอหญ้าทวนคำอย่างไม่คาดคิดว่าท่านจะบอกกับลูกสาว

“ค่ะ รู้ปุ๊บก็รีบมาเลย นี่ถ้ากริชมันรู้คงอิจฉาข้าวหอมแน่ๆ ต่อไปไม่ใช่แค่แฟนคลับพี่แล้วนะ
แต่ข้าวหอมเป็นน้องสาวคริคริ”

ข้าวหอมอวดตัวแล้วหัวเราะคิกคัก

“เจ้ากริชมันไม่อิจฉาหรอกยัยหนู มันรู้เป็นเดือนๆแล้ว ที่นี่รู้กันทุกคนนั่นแหละ”

ลุงเขตเฉลย ทำเอาข้าวหอมหน้าจ๋อยที่เธอเป็นน้องแต่กลับเพิ่งได้รู้เอาวันนี้

“ใจร้าย ไม่มีใครบอกเลย พี่กอหญ้าก็ด้วยไม่อยากได้หนูเป็นน้องเหรอ น้อยใจที่สุด”

ข้าวหอมบึนปากอย่างแสนงอน

“นี่ข้าวหอม อย่ามาเรียกคะแนนกับแฟนพี่เลย พี่บอกแล้วไงว่าหวง”

พี่ดินรีบแสดงตัวคงกลัวจะไร้ตัวตน

“พี่ดิน นี่ข้าวหอมเป็นน้องของกอหญ้านะ พี่นี่หวงไม่ดูอะไรเลยจริงๆ”

กอหญ้าเหลือบตาและจิกตาใส่พี่ดิน ข้าวหอมแอบทำหน้าสะใจใส่พี่เขย

“ดีใจที่พี่กอหญ้าไม่รังเกียจที่จะมีน้องสาวแบบหนู”

ข้าวหอมยิ้มตาแทบปิดที่พี่ชายยอมรับเธอ

“พี่ก็ดีใจครับ ที่อย่างน้อยไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว”

แววตากอหญ้าสดใสร่าเริงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“พี่น้องเจอกันถือเป็นเรื่องดี เจ้าดินเลยมีญาติเพิ่มขึ้นมาอีกคนสินะ ยัยหนูน่ะเป็นน้องเมียแกแล้วนะ เหอะๆ”

คุณย่าแซวขำๆ ทำเอากอหญ้าหลุบตาลงเพราะอายน้องสาวขึ้นมาทันที

“คุณย่าอ่ะ น้องแฟนก็พอนะครับ กอหญ้าน่ะยังไม่ชินให้เรียกว่าเมีย ไว้ผมเรียกเค้าให้ชินก่อนนะค่อยพากันเรียก”

พี่ดินพูด ทีแรกพี่กอหญ้าก็ยิ้มอยู่หรอกแต่พอฟังจบประโยคก็หุบยิ้มฉับ

ข้าวหอมมองว่าเป็นความน่ารักที่ทั้งสองจะหยอกเย้ากัน

“ดินแกให้ใครตามมิ่งกับขวัญมาพายัยหนูไปส่งบ้านที ขับรถยังไม่เก่งด้วยไม่ใช่รึไง ช่างใจกล้าจริงๆที่ขับออกมา”

พ่อเขตพูด แล้วก็ส่ายหน้ากับความใจกล้าของเด็กสาว

“เดี๋ยวผมไปส่งเองครับ”

พี่ดินรับอาสา กอหญ้ากำลังจะเอ่ยปากขอตามไปส่งแต่ต้องรีบเงียบ

“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวกอหญ้าก็ร้องตาม อย่าเพิ่งไปข้องเกี่ยวกับคนบ้านนั้น ปวดหัวเปล่าๆ ที่ย่าพูดนี่ไม่เกี่ยวกับ
ยัยหนูนะ อยากมาหาพี่ชายก็มาบ้านนี้ต้อนรับเสมอ”

ข้าวหอมเข้าใจที่คุณย่าพูดจึงพยักหน้า

“ไว้คราวหน้าข้าวหอมจะชวนคุณแม่มาหาพี่ด้วยนะคะ”

กอหญ้ายิ้มแหยๆเมื่อได้ฟัง เขายังไม่พร้อมเจอคุณน้าข้าวทิพย์ในสถานะใหม่เลยจริงๆ
ผ่านไปสักครู่พี่น้องฝาแฝดก็มาถึง  ขวัญเป็นคนขับคันของข้าวหอมให้และมิ่งขับอีกคันตามไป
เพื่อรับขวัญกลับ  กอหญ้ามองตามไฟท้ายที่หายออกไปจนลับตา  แววตามีประกายเจิดจ้า

 แผ่นดินขอแค่ให้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาเท่านั้นเพราะคนของเขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 57 ช่วงเวลาสำคัญ

ข้าวหอมกับแม่ของเธอมาที่ไร่เขตแผ่นดิน  คนบ้านนี้ดูจะเป็นใจเสียเหลือเกิน  เมื่อเขามองหาใครก็ไม่พบ
และต้องอยู่ตามลำพังสามคน 

กอหญ้าจำต้องเผชิญหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้กับน้องสาวกอหญ้าไม่มีอะไรที่จะไม่เปิดใจรับเธอให้เข้ามาเป็นน้อง
แต่กับคุณน้าข้าวทิพย์บอกตามตรงว่าเขายังรู้สึกอึดอัด

บาดแผลในใจ หากถามว่าหายหรือยัง เขาตอบได้ทันทีเลยว่ายัง และมันก็คงจะฝังแน่นในใจเขาไปอีกนาน

จากคนที่แค่เพิ่งได้รู้จักกัน  พอมาวันนี้เมื่อรู้ว่าเธอเป็นผู้ให้กำเนิดและขณะนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะรับท่าน  เขาไม่อยากให้ชีวิตในช่วงนี้ที่ถือว่าลงตัวแล้วต้องมีอะไรมาทำให้เปลี่ยนไป
มีความสุขกับการได้อยู่ที่นี่  เลือกที่จะละทิ้งชีวิตที่เคยไขว่คว้าในวงการมายา ทิ้งชื่อเสียงที่กำลังโด่งดัง

เลือกที่จะได้รักพี่ดิน…ได้ทำอะไรอย่างที่อยากจะทำแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

“สบายดีนะครับ คุณน้า”

กอหญ้าทักทายท่านเป็นประโยคแรก

“จ้ะ แม่…คือ…น้ามาเยี่ยมหาน่ะ”

คุณน้ามีสีหน้าเจื่อนลงกับสรรพนามที่กอหญ้าใช้เรียกขานท่าน

“นั่งก่อนสิครับ”

กอหญ้าผายมือให้ท่านนั่ง และเมื่อท่านนั่งจึงเป็นตำแหน่งที่ตรงข้ามกัน ส่วนข้าวหอมมานั่งอยู่ข้างๆ เขาแล้ว

“พี่กอหญ้า ไปทานข้าวข้างนอกกันหน่อยมั้ยคะ มีร้านอร่อยจะนำเสนอ รับรองไม่ผิดหวัง”

กอหญ้ามองน้องสาวที่ดูก็รู้ว่ากำลังพยายามมาเป็นกาวใจ

“ไม่ได้หรอก พี่ต้องทานพร้อมๆกับคนบ้านนี้ เอาอย่างนี้สิ ข้าวหอมกับคุณน้าก็ทานที่นี่ด้วยกันเลย”

กอหญ้าออกปากชวน ด้วยเห็นสีหน้าผิดหวังของคุณน้าทิพย์แล้วนึกอยากตามใจ แค่เรื่องนี้เรื่องเดีย
วเท่านั้นแหละ เขาย้ำกับตัวเอง


“คุณแม่ขา อันนั้นมันเผ็ดมากนะคะ พี่กอหญ้าไม่ทานเผ็ดเท่าไหร่ค่ะ”

ข้าวหอมคอยบอกเมื่อแม่ของเธอจะตักอาหารจานเผ็ดซึ่งเป็นของพี่ดินให้พี่กอหญ้า
 ด้วยความอยากจะเอาใจลูก

“ยัยหนูข้าวหอมนี่ไม่ต่างกับเจ้ากริชเลย รู้ทุกเรื่องว่าพี่เค้าชอบหรือไม่ชอบอะไร หึหึ”

พ่อเขตเอ่ยแซว เมื่อเห็นคนน้องที่รู้ไปซะหมด

“แหมๆคุณลุงขา ก่อนพี่เค้าจะมาเป็นพี่ชาย ข้าวหอมก็เป็นติ่งพี่เค้ามาก่อนนะคะ คิกคิก”

ข้าวหอมพูดอย่างปลื้มปริ่ม

“ระวังนะไอ้ติ่งๆอะไรเนี่ย มันใช่ไส้ติ่งรึป่าวล่ะยัยตัวแสบ”

ฐานทัพแซวขึ้นบ้าง

“พี่ทัพ ปากร้ายนะคะ”

ข้าวหอมค้อนขวับ

“พี่ไม่กล้าแกล้งเธอหรอก เธอน่ะมีพี่เขยดุ หึหึ”

ฐานทัพพาดพิงพี่ชาย

“อะไรของแกเจ้าทัพ อย่ามาข้องแวะกับคนของฉันเชียวนะ”

แผ่นดินกางปีกป้อง

“ขี้หวงจริง เชอะ”

ฐานทัพทำเป็นสะบัดหน้าใส่พี่ชาย

“หึหึ ไปเอาท่าทางแบบนั้นมาจากหลานอีกรึไงเรา”
แผ่นดินว่าน้องอย่างขำๆ


ทานอาหารกันไปสักพัก กอหญ้าสังเกตว่าข้าวหอมสะกิดแม่ของเธอหลายต่อหลายครั้ง
 แต่เขาก็ทำเป็นไม่เห็น จนแม่เลี้ยงข้าวทิพย์เปิดกระเป๋าถือที่ท่านวางไว้บนตัก  และล้วงมือ
ไปหยิบถุงกำมะหยี่สีน้ำเงินที่กอหญ้ารู้ดีว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่

“เออ…น้าเอาของมาคืน รับมันคืนไปเถอะ ไหนๆ มันก็เป็นของหนูตั้งแต่เกิดแล้วน่ะ”

ท่านยื่นของถุงเดิมมาคืน กอหน้าส่ายหน้า และใช้มือดันออกไปเบาๆ ต่อหน้าทุกคนบนโต๊ะอาหาร

“ทานข้าวกันก่อนเถอะนะครับ มีอะไรค่อยคุยกัน หลังจากนี้”

พี่ดินเป็นคนที่พูดขึ้น และตักอาหารมาใส่จานให้เขา กอหญ้ามองพี่ดินอย่างขอบคุณ
อย่างน้อยพี่ดินก็รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาในเวลานี้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดมันออกไป
ข้าวหอมมีเรื่องมาเล่าไม่ได้หยุด จนบรรยากาศกลับมาเหมือนเดิม


เมื่อทานอาหารกันเสร็จทุกคนจึงย้ายตัวเองไปนั่งต่อที่ห้องนั่งเล่น

“ที่กอหญ้าไม่รับคืนเพราะอยากให้เก็บไว้ให้ข้าวหอมน่ะครับ วันข้างหน้าน้องมีครอบครัวก็จะ
ได้ตกเป็นของทายาทของเขาน่ะครับ อีกอย่างเป็นผู้หญิงด้วย มันเหมาะกว่าเป็นไหนๆ”

กอหญ้าพูดอย่างที่ไม่นึกเสียดายของ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้ท่าน แผ่นดินหันมองสบตาคนรัก
และยิ้มส่งกำลังใจให้

“อืม ย่าเห็นด้วยนะ อีกอย่างกอหญ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ให้น้อยหน้าใคร ฉันเตรียมไว้ว่าจะรับขวัญหลานสะใภ้อยู่แล้ว
 นี่เจ้าดินยังไม่ได้บอกเหรอ ว่าไงดินจะอมพะนำไว้ทำไมกัน?”

“คุณย่าอ่ะ ผมจะเก็บไว้ทำเซอร์ไพรส์”

แผ่นดินโอดครวญที่แผนมาแตกก่อนที่จะได้เริ่ม

“อะไรกันจนป่านนี้ ยังไม่ได้ขอแต่งงานกันอีกรึไง แกนี่ช้าจริงๆเลย”

คุณย่าขยายความอีก ทำเอากอหญ้าหูผึ่ง นี่จะขอเขาแต่งงานจริงๆหรือว่าล้อกันเล่นขำๆนะคนบ้านนี้

“พี่ดินคิดจะทำโรแมนติก แผนแตกหมดกันเลยสิ”

ฐานทัพเป็นอีกคนที่อดดูเซอร์ไพรส์ จึงบ่นออกมา

“ช่างแกสิ พ่อเขตไปดูฤกษ์ยามให้ลูกมันหรือยัง อย่าบอกนะว่ายัง นี่พ่อลูกบ้านนี้นี่ไม่ได้เรื่องเลยสักคนรึไง”

แผนที่จะขอกอหญ้าแต่งงานถูกปูดเสียเกลี้ยง แผ่นดินจึงลุกพรวดขึ้น แล้ววิ่งไปห้องชั้นบนไม่สนใจใคร
ทำเอาทุกคนอ้าปากมองตามแผ่นหลังตาปริบๆ กอหญ้าจึงนั่งหน้าซีดอยู่กับที่อย่างที่ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

“ช่างหัวมัน ปล่อยมันไป พอไม่ได้อย่างใจก็เป็นแบบนี้ เลี้ยงไม่รู้จักโต”

คุณย่าบ่นว่าพี่ดินตามหลังไป กอหญ้าอยากจะตามขึ้นไปบอกเหลือเกินว่าพิธีการอะไรไม่สำคัญ
…เท่าวันนี้ที่เรารักและเข้าใจกัน…ก็พอแล้ว


แผ่นดินรื้อหากล่องแหวนเพชรที่คุณปู่ขอหมั้นคุณย่าสมัยสาวๆ ซึ่งคุณย่าเพิ่งส่งให้เขาเมื่ออาทิตย์ก่อน
เขาตั้งใจจะขอกอหญ้าแต่งงาน ตอนนี้เสียแผนไปหมดแล้ว ไม่ต้องโรแมนติกอะไรกันแล้ว  ขอมันซะตอนนี้
ก็ได้คนเยอะดี พอหาเจอแล้วเขาก็เดินกลับลงไปที่ห้องนั่งเล่น

บรรยากาศดูหม่นๆ ชอบกลทุกสายตามองมาที่เขาเป็นตาเดียว

แผ่นดินจึงเดินไปหากอหญ้าที่นั่งตัวตรงอยู่เขาดึงมือให้ลุกขึ้นยืน  กอหญ้าทำตามอย่างงงๆ
เขาคุกเข่าลงล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อ  หยิบกล่องแหวนออกมาแล้วเปิดออกพร้อมกับยื่นไปให้คนตรงหน้า

“ชีวิตพี่ที่เหลือขอใช้กับกอหญ้านะครับ  ชีวิตพี่จะสมบูรณ์ไม่ได้เลยถ้าปราศจากกอหญ้า
 ได้โปรด…แต่งงานกับพี่จะได้ไหม”

แผ่นดินพูดถ้อยคำที่เขากลั่นมันออกมาจากใจ  รอคอยให้มือเรียวยื่นมารับแหวน

กอหญ้าอึ้งไปไม่คาดคิดว่าพี่ดินจะทำอะไรแบบนี้เป็น ไม่ต้องมีพิธีการอะไรมากมายขอแค่ประโยค
ที่มันออกมาจากใจแค่นั้นเองที่เขาต้องการ

ผู้ชายคนนี้ที่เป็นทุกอย่าง…ฉุดรั้งและพาเขาข้ามผ่านเรื่องราวเลวร้าย คนที่เป็นกำลังใจ

ผู้ชายที่เขารักที่สุดและหมดทั้งหัวใจ เขาจึงส่งมือให้พี่ดินและยิ้มทั้งน้ำตา

“ขอบคุณนะ  พี่ไม่มีวันปล่อยเราไปไหนแล้วนะครับ”

แผ่นดินบรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งกอหญ้าสวมได้อย่างพอเหมาะพอดี

พี่ดินจูบที่หลังมืออย่างแผ่วเบา และลุกขึ้นสวมกอดเขาไว้แน่น ทุกคนต่างลุกขึ้นปรบมือให้อย่างเกรียวกราว

“อู้ฮู้ สวมแหวนได้โรแมนติกโคตรๆ ยินดีด้วยครับพี่ดิน กอหญ้าด้วยนะ”

ฐานทัพเข้ามาแสดงความยินดีกับพี่ชาย

“ยินดีด้วยนะลูก น้าดีใจนะดินที่น้องเลือกดินเป็นคู่ชีวิต ฝากน้องด้วยนะ”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์น้ำตาคลอที่วันนี้เธอได้อยู่ในนาทีสำคัญ ช่วงเวลาที่มีค่าของลูก
 แม้ว่าลูกจะยังไม่ยอมรับเธอก็ตาม

“ครับคุณน้า กอหญ้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมครับ”

 แผ่นดินพูดย้ำเตือนว่าคนในอ้อมกอดตอนนี้สำคัญกับเขามากแค่ไหน

“ข้าวหอมยินดีต้อนรับนะคะพี่เขย แล้วก็…หนูเก็บชอตสำคัญไว้หมดแล้ว คริคริ”

ข้าวหอมโบกโทรศัพท์ในมือไปมา

“ส่งมาให้พี่ด้วยเลย ยัยตัวแสบ”

ฐานทัพร้องขอบ้าง

“เดี๋ยวข้าวหอมจัดให้รับรองดังกว่าละครที่ออนแอร์อยู่ตอนนี้แน่ๆค่ะ”

ข้ามหอมยักคิ้วและยักไหล่เธอหมายมาดว่าจะปล่อยให้ว่อนเน็ตไปเลย แต่ต้องให้เดอะแก๊งดูก่อน
 โดยเฉพาะเจ้ากริชที่พลาดช่วงนาทีสำคัญไปแล้วตอนนี้

“ยังไงเดี๋ยวพ่อไปหาฤกษ์ให้นะลูก”

พ่อเขตพูด คุณย่าจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง

“ย่ะ อย่าช้าอีกล่ะ ฉันจะได้เตรียมชุดใส่ในงาน”

คุณย่าพูด ออกอาการเห่อหลานสะใภ้ไม่เปลี่ยน

“คุณพ่อจะแต่งงานกับอากอหญ้าเหรอคะ”

น้องใบข้าวถาม

“แต่งงานแล้วจะมีน้องอีกมั้ยฮะ”

ต้นกล้าถามขึ้นอีกคน ทำเอาสองหนุ่มอึ้งไปตามๆกัน

“แค่แต่งงานกันครับ แต่ไม่ได้จะมีลูก อากอหญ้าบอกว่ามีแค่ใบข้าวกับต้นกล้า แค่สองคนก็พอแล้ว”

แผ่นดินพูดให้ลูกเข้าใจ หนูน้อยพยักที่จะไม่ต้องแบ่งทั้งอากอหญ้าและพ่อให้ใครอีก

“ใช่ๆ อากอหญ้าไม่เอาน้องแล้วครับ จะมีลูกแค่สองคนนี้”

กอหญ้ากอดหนูน้อยทั้งสองและโยกตัวไปมา ทั้งสองยิ้มดีใจที่จะไม่ต้องมีน้องเพิ่มอีก
ผู้ใหญ่พากันยิ้มขำ เด็กๆทำอย่างกับว่าอากอหญ้าจะท้องได้อย่างนั้นแหละ


เมื่อสองแม่ลูกกลับไปแล้วไม่นานโทรศัพท์ของกอหญ้าก็ดังระรัว เจ้าตัวเห็นว่าเป็นพี่คะน้าจึงกดรับสาย

“ครับ ว่าไงนะครับ เอ่อ…ก็ตามนั้นแหละครับ ยังไม่ได้ดูฤกษ์ รอพ่อเขตไปหาให้ก่อนน่ะครับ
 หึหึ ข้าวก็สร้างกระแสหน่อยเดียวคนจะลืมหน้าเอาได้”

(พ่อน้องชายตัวดี อย่าลืมนะ ได้ฤกษ์บอกพี่ก่อนด้วย นี่บอสก็ร่ำๆจะไปที่ไร่
คราวก่อนแกไปต่างประเทศ เลยไม่ได้ตามดูนายถ่ายละครน่ะ)

“ครับพี่คะน้า จะบอกพี่คนแรกเลยล่ะ ถ้าบอสไม่ว่าอะไรไม่กระทบกับละคร
 ก็จะให้มาทำข่าวงานแต่งของเราก็ได้ครับ”

(ปรึกษาพี่ดินก่อน ยอมรึป่าว ออกทีวีเลยนะ)

“นั่นสิ พี่ดินยิ่งไม่ชอบอะไรแบบนั้นด้วย แล้วยังไงข้าวจะบอกพี่คะน้าอีกทีนะครับ”

(อื้อพี่รอนะน้องรัก แล้วแต่เราสะดวกเลย ยังไงก็ได้เอาที่เราสบายใจ)

“ขอบคุณพี่คะน้านะฮะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ข้าวมา ขอบคุณจากใจเลย"

(ไม่ต้องมาทำซึ้ง นี่ถ้าพี่ไม่รู้จากโซเชียลนะ คงจะตกข่าวอีกนานเลยสิ)

“หูย ดีกันนะ อย่างอนน้องเลย ก็ยัยน้องตัวแสบน่ะสิ ปล่อยภาพไป เอ่อ…แค่นี้ก่อนนะครับ
 พี่ดินมายืนฟังอยู่เนี่ย บายครับ”


กอหญ้ารีบตัดสาย เขาเกือบหลุดปากบอกไปแล้วเรื่องข้าวหอม พี่คะน้ายังไม่รู้ว่าเขาเจอแม่และมีน้องเพิ่มขึ้นมา
 ถึงยังไงเขาก็ไม่เป็นที่เปิดเผยกับสังคมอยู่ดี สังคมของแม่ที่มีครอบครัวใหม่ พรั่งพร้อมทุกอย่าง

ใครจะรู้ไม่ได้ว่าแม่มีลูกอีกคน ลูกที่เกิดจากความผิดพลาด ลูกที่ท่านทิ้งไปไม่ต้องการ

เขาที่เกิดมาทำให้ท่านลำบาก เขาที่จะทำให้ท่านต้องอับอายไม่ได้ …เราต่างอยู่ในมุมของเรา
มุมที่เปิดเผยไม่ได้นี่แหละ มันจะดีกับทุกฝ่าย

“สำหรับพี่ยังไงก็ได้ ยัยน้องตัวแสบส่งไปว่อนเน็ตแล้วใช่มั้ยล่ะ ดังจนช้างฉุดไม่อยู่แล้วนะเราสองคนน่ะ”

พี่ดินพูดแล้วจับหัวเขาโยกไปมา และพากันออกไปดูคนงานที่กำลังย้ายมุมปรับเปลี่ยนองศาจัดวางข้าวของ
ที่พวกเขาและพ่อเขตสั่งเข้ามา ตกแต่งจุดพักถ่ายรูปสำหรับผู้มาเยี่ยมชมไร่






ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 55,56,...
«ตอบ #141 เมื่อ10-04-2019 16:53:20 »

สรุปเรื่องนี้คุณยายร้ายสุด  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 55,56,...
«ตอบ #142 เมื่อ10-04-2019 18:48:33 »

 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:


ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 58 รักยิ่งใหญ่

ตอนสายของวันนี้มีบุคคลที่ไม่คาดคิดมาปรากฏตัวที่ไร่เขตแผ่นดิน  ทำให้เลือดในกายของกอหญ้า
และแผ่นดินสูบฉีดพล่านเลยทีเดียว

“พี่ดินขานิชาคิดถึงนะคะไม่เจอหน้าหลายเดือนเลย  วันนี้พานิชาชมไร่หน่อยสิคะ”

นิชาสาวสวยลูกสาวของเสี่ยทวีปนั่นเอง
“พี่ข้าว ขิมขอโทษกับเรื่องที่แล้วมา พี่ข้าวอภัยให้ขิมได้มั้ยคะ”

อดีตคนรักที่สลัดรักกอหญ้าอย่างไม่มีเยื่อใยก็มาด้วย

“อ้าว! นี่คนรักเก่าของนายเหรอ มาขอคืนดีสินะ ดีๆกันไปเลยสิ รออะไรล่ะ จะได้เลิกยุ่งกับพี่ดินของฉันซะที”

นิชาพูดออกมาอย่างเผยไต๋จนได้ว่าที่มาถึงไร่วันนี้ด้วยจุดประสงค์ใด

“อะไรกันคุณปากแดง พี่ดินเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่…แล้วก็ผมเกี่ยวอะไรครับคุณ ผมจำไม่ได้ว่าเคยรักคุณนะ”

กอหญ้าพูดแล้วเดินไปเกาะแขนพี่ดิน ทำเอาสองสาวที่มาวันนี้จ้องเขาเขม็งอย่างกับไม่เคยเห็น

“พี่ข้าวเราเคยรักกันนะ พี่ข้าวเลิกประชดขิมแบบนี้เถอะ ขิมมาขอโทษแล้วเนี่ยยกโทษให้ขิมเถอะ”

เด็กสาวที่รูปร่างหน้าตาสะสวยหุ่นอวบอั๋น หน้าอกหน้าใจที่ดูมีมากเกินตัวเธอจีบปากพูดเหมือนเรื่อง
ที่เธอทำมันเป็นเรื่องเล็กๆที่จะยอมกันได้ง่ายๆอย่างนั้น แผ่นดินมองอดีตคนรักของกอหญ้าด้วยอาการนิ่งเฉย

“ยังไงเหรอครับ ผมก็ไม่ได้โกรธหรือประชดอะไรคุณนี่นะ ผมถามหน่อยเถอะไปอยู่ที่ไหนกันมาครับ
 เราสองคนจะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ได้ดูข่าวกันเลยรึไง พวกคุณมาผิดที่แล้วละครับถ้าจะมาเพื่อทวง
ถามอะไรแบบนี้”

กอหญ้าพูดมีเหน็บแนมค่อนแคะไปบ้างตามประสาคนไม่ยอมลงให้ใคร แผ่นดินแอบยกยิ้มพอใจ

“อะไรกันคะพี่ดิน จะแต่งงานกันไปได้ยังไงล่ะผู้ชายเนี่ยนะ ฟ้าผ่าตายสิ”

นิชาเริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น

“งั้นใครอีกหลายๆคู่ที่แต่งกันก็ถูกฟ้าผ่าตายไปหมดแล้วสินิชา พูดจาชุ่ยๆไปได้ นี่คนรักของผม
อย่าคิดที่จะเข้ามาแทรกกลางเลยนิชามันไม่เป็นผลหรอก ถ้ามาเพื่อเที่ยวชมไร่เดี๋ยวผมหาคนพา
ไปแต่ถ้าเข้ามาด้วยจุดประสงค์อื่น ที่นี่ไม่ต้อนรับ”

แผ่นดินพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ และเป็นการประกาศออกไปในตัวว่าห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
 นิชาฟังหน้าเครียดกำมือแน่น

“พี่ข้าวฟังขิมหน่อย ขิมถอนหมั้นกับตฤณแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะแล้วพี่ข้าวก็กลับไปรับงาน
 กลับไปอยู่กรุงเทพฯกันนะคะ”

ขิมพูดและทำท่าจะเดินเข้าไปหากอหญ้า แผ่นดินฟังแล้วหน้าตึงขึ้นมาทันทีเขา ไม่ชอบใจที่เด็กสาว
ตรงหน้ามาตอแยคนรักของเขาแถมยังจะมาพากอหญ้าไปจากเขาอีก

“คุณจะหมั้นหรือถอนหมั้นกับใครยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม คนที่ผมรักและจะแต่งงานด้วยมีเพียงพี่ดินเท่านั้น”

กอหญ้าพูดชัดถ้อยชัดคำและสรรพนามเรียกขานก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ก้าวแรกที่พบหน้ากันแล้ว

“พี่ดินทำไมเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ก็แค่ผู้ชาย มันมีอะไรดีรึก็เปล่า นิชาไม่คิดเลยว่าพี่จะหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้
 จะอะไรกันนักหนา…เป็นเพราะมีมันเข้ามา…มันทำให้พี่ดินกลายเป็นพวกวิปริตผิดเพศ ถ้าไม่มีมันสักคน…”

นิชาพูดทิ้งท้าย หน้าตาที่เคยสวยงามกลายเป็นดุดันขึ้นมาอย่างกับเป็นคนละคนกัน กอหญ้าแค่ปรายตา
มองผ่านๆอย่างไม่ใส่ใจ อยากพล่ามก็พล่ามไป เขาไม่สนเสียอย่าง

“นิชากลับไปเถอะ ผมจะเป็นยังไงจะรักใครหรือไปชอบใครมันก็เรื่องของผมนะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย
 เท่าที่ผมรู้เราไม่เคยคบกัน คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ผมไม่เคยให้ความหวังคุณด้วย
 ผมชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ผมจะบอกอะไรให้นะนิชาต่อให้โลกนี้มีคุณเป็นผู้หญิงหรือมนุษย์คนเดียวผม
ก็ไม่มีวันชอบคุณ เข้าใจซะบ้าง”

แผ่นดินพูดอย่างเหลืออด เขาไม่คิดจะรักษาน้ำใจใครอีกในเมื่อมายืนพูดจาดูหมิ่นทั้งเขาและกอหญ้า
ได้ขนาดนี้เขาก็ไม่ไว้หน้าเช่นกัน

วาจาที่แผ่นดินพูดออกไปกระตุ้นโทสะของนิชาเข้าจนเส้นความอดทนของเธอขาดผึง
 เธอเปิดกระเป๋าสะพายแล้วล้วงวัตถุสีดำเงาออกมา แผ่นดินเบิกตากว้างและเป็นไปอย่างอัตโนมัติ
ที่มือหนาคว้าคนรักเข้ามากอดไว้แนบอกพร้อมกับกดศีรษะของกอหญ้าให้ซบลงกับบ่าของเขา

“รักมันมากสินะ นี่ขนาดนิชาจะส่งมันไปตายพี่ดินยังจะเอาตัวมาปกป้องมันอีก”

คำพูดของนิชาทำให้คนในอ้อมกอดมีการขืนตัวเพื่อจะหันมองดูเหตุการณ์ที่เจ้าตัวไม่ทันได้เห็นว่า
ตอนนี้ปลายกระบอกปืนได้หันมาที่ตนแล้ว

“เอาสิ! นิชาจะนับถึงสิบถ้าพี่ดินไม่หลบก็ตายพร้อมกับมันไปเลย”

แผ่นดินมองใบหน้าบูดบึ้งและดูเหยเก ผิดไปจากที่เคยเห็น เขาไม่ได้กลัวตายที่เห็นปืนแต่
เขากลัวว่าไอ้วัตถุชิ้นนั้นมันจะทำร้ายคนที่เขารัก…ไม่มีวัน เขาจะปกป้องกอหญ้าด้วยชีวิต

“พี่ดินปล่อยกอหญ้าเถอะนะ”

กอหญ้าร้องขอแต่แผ่นดินยิ่งรัดไว้แน่นเข้าไปอีก

“นิชาถึงคุณจะฆ่าผมหรือกอหญ้า คุณก็หนีเงื้อมมือของกฎหมายไปไม่พ้นเปลี่ยนใจยังทันนะ
 ชีวิตของคนทุกคนมีค่าไม่ว่าจะเป็นใคร เรามาคุยกันดีๆดีกว่ามั้ยอย่าใช้อารมณ์เพราะการตัดสิน
อะไรสักอย่างด้วยอารมณ์ไม่เคยให้ผลดีกับใครคุณเองก็รู้”

กอหญ้าพยายามเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่นจนเขาแทบจมเข้าไปในอก

“อย่าพูด! มันสายเกินไปแล้วในเมื่อเลือกมัน! รักกันมากนักละก็ตายไปพร้อมกับมันเลยแล้วกัน ฮ่ะฮ่าฮ่า”

นิชาพูดอย่างกราดเกรี้ยว และเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังลั่น

“พี่ดินปล่อยกอหญ้า เขาต้องการชีวิตของกอหญ้าก็ให้เขาเอาไป พี่ดินยังมีลูกมีใครอีกหลายๆคน
 รักษาชีวิตพี่ไว้ให้พวกเขาเถอะอย่ามาแลกกับคนอย่างกอหญ้าเลย แค่นี้กอหญ้าก็รู้ซึ้งดีแก่ใจแล้ว
ว่าพี่ดินรักแม้แต่ชีวิตของพี่ก็ให้กันได้ ขอบคุณที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กันมาตลอด ถึงแม้จะเป็น
ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม รักพี่ดินนะครับ…รักมาก”

กอหญ้าจูบปลายคางของคนรัก ในระหว่างที่เขาพูดกับพี่ดินเขาได้ยินเสียงนับของนิชา
 กอหญ้าพูดจบพร้อมๆกับที่นิชาก็นับครบพอดี กอหญ้าเอาแรงที่มีทั้งหมดมาเป็นพลังขับเคลื่อน
 เขาเอาหัวกระแทกปลายคางพี่ดินเต็มแรงจนพี่ดินเซถลาและอ้อมกอดก็หลุดเพราะไม่ทันได้ระวัง
 กอหญ้ายืนเป็นเป้ากระสุนอยู่ตรงนั้น เสียงปืนที่แผดก้องออกมาสองนัดซ้อน ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
ที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร

กอหญ้าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ หันมองพบว่าปืนไปอยู่ในมือของมิ่งแล้วตอนนี้
 และนิชานั่งกองลงไปกับพื้นเอามือปิดหน้ากรีดร้องตัวสั่นงันงกอย่างคนที่คุมสติตัวเองไม่ได้
 และนั่นร่างของผู้หญิงที่ฟุบอยู่กับพื้น

กอหญ้าสังหรณ์ใจจึงวิ่งเข้าไปแล้วทรุดนั่งตรงร่างนั้นที่มีเลือดสีแดงฉานไหลทะลักตรงกึ่งกลางลำตัว

“แม่! ไม่นะ! พี่ดินช่วยคุณแม่ด้วยช่วยแม่ของกอหญ้าด้วย ไม่จริงใช่มั้ย แม่ต้องไม่เป็นอะไร
 แม่ครับเราได้เจอกันแล้วอย่าเป็นแบบนี้ ไม่เอาแบบนี้สิ ฮืออออ”

กอหญ้าเข้าไปกอดร่างของมารดาไว้ร้องไห้น้ำตานองหน้าและพรั่งพรูคำพูดออกมา
 แผ่นดินรีบดึงตัวกอหญ้าออกห่างแล้วเข้าไปดูคนเจ็บแทน

“คุณน้าทิพย์อดทนนะครับ มิ่งไปเอารถออกเร็ว ขวัญแจ้งตำรวจ ไอ้สนเว้ย! คุมตัวนังบ้านั่นไว้ที
 กอหญ้าทำใจดีๆนะ คุณน้าอย่าหลับนะครับอดทนนะเราจะไปหาหมอกันแข็งใจไว้นะครับ
…รถมาแล้วไปกันกอหญ้า”

แผ่นดินอุ้มแม่เลี้ยงข้าวทิพย์ที่มีเลือดไหลออกมาเต็มเสื้อไปที่รถ
 เขาวางท่านนอนราบที่เบาะหลัง

กอหญ้ากระโดดขึ้นรถแม้จะยังเบลอๆกับเหตุการณ์ที่เกิดอย่างปัจจุบันทันด่วน แม่เลี้ยงข้าวทิพย์นอนนิ่ง
 เลือดออกมากจนกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั้งคันรถ

“พี่ดินแม่หายใจมั้ย กอหญ้าไม่ให้แม่เป็นอะไร แม่ต้องอยู่กับกอหญ้าอยู่กับน้อง ฮือฮือ”

กอหญ้าสะอื้นไห้ไม่หยุด แผ่นดินเห็นคนเจ็บที่สลึมสะลือและชีพจรเริ่มอ่อน

“มิ่งๆโยนผ้าที่แกโพกหัวมาให้ที กอหญ้ามากดปากแผลไว้ไม่ต้องแน่นมากนะ พี่จะเป่าปากท่านแล้วจะปั๊มหัวใจ
 กอหญ้าตั้งสติไว้ทำใจดีๆเราต้องช่วยกันนะ คุณน้าจะต้องปลอดภัยเมื่อถึงมือหมอ
 ไอ้มิ่งมึงขับเร็วแบบเต็มๆตีนหน่อยสิวะ!”

มิ่งเหงื่อแตกแต่เมื่อเห้นนายดินสั่งและขบกรามจนเป็นสันนูน บ่งบอกว่าเจ้านายกำลังเครียดเอามากๆ
มิ่งจึงเหยียบคันเร่งแทบมิดตามคำสั่ง ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่โรงเรียนเข้าและรถที่สัญจร
ไปทำงานก็บางตาไปกว่าครึ่ง

“กอหญ้าใจเย็นๆนะ คุณน้าท่านเสียเลือดมาก กดแผลห้ามเลือดไว้นะ มีสตินะกอหญ้า มิ่งมึงเหยียบได้อีกมั้ยวะ
 เมียกูสติจะแตกแล้วเนี่ย”

แผ่นดินเครียดอย่างหนัก เขากำลังกลัวจนมือไม้สั่นพยายามประคองสติ เขากลัวว่าคนตัวบางข้างๆนี้
จะรับการสูญเสียไม่ได้อีกแล้ว …กลัวจนจับขั้วหัวใจเลยทีเดียว

“กอหญ้าคนดี คุณแม่ท่านจะไม่เป็นไรครับทำใจดีๆไว้นะ”

แผ่นดินปลอบคนรักมือก็กดปั๊มหัวใจคนเจ็บไม่หยุด

“มิ่งมึงเห็นมั้ย! เมียกูไม่รับรู้อะไรเลย”

มิ่งมองนายดินกับคุณกอหญ้าที่เบาะหลัง คนเป็นนายเครียดจนเส้นเลือดแทบจะพุ่งออกจากดวงตาอยู่แล้ว
ส่วนอีกคนที่ดูเลื่อนลอยและดูเปราะบางอย่างกับแก้วบางๆที่หากไม่ระวังเผลอไปกระทบกับอะไรหน่อย
ก็จะแตกออกได้โดยง่าย นายดินช่างสังเกตแล้วก็แม่นยำในการคาดคะเนเสียด้วยสิ

มิ่งเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลทันที

“เตรียมตัวเถอะนายถึงโรงพยาบาลแล้ว”
 มิ่งพุ่งรถไปจอดที่ส่วนหน้าของทางเข้าแผนกฉุกเฉินและเมื่อรถจอดเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างกรูกัน
เข้ามาหาคนเจ็บและพาเข้าห้องไป แล้วก็เป็นไปตามระเบียบที่ญาติถูกกันออกมา


มิ่งไปหาที่จอดรถบนอาคารและรีบเร่งพาตัวเองไปสมทบกับคนเป็นนายทั้งสองทันที

“นายดินครับ แม่เลี้ยงท่านโดนยิงไปนัดเดียวเพราะจังหวะที่ผมพุ่งไปแย่งปืนทำให้
วิถีกระสุนเบนไปที่อื่นน่ะครับ”

มิ่งบอกกับเจ้านายที่นั่งกอดคนรักแนบกับบ่าและลูบหัวลูบหลังปลอบไม่ได้หยุด
 มิ่งไม่เห็นว่าคุณกอหญ้ามีสีหน้ายังไงในตอนนี้เพราะหันหน้าเข้าผนัง

“อืม…นัดเดียวก็เอาเรื่องเหมือนกันว่ะมิ่ง ตะกี้ข้าโทรไปบอกพ่อเลี้ยงอเนกแล้วเดี๋ยวท่านคงมา
 ดีนะที่ปั๊มหัวใจให้คุณน้าทิพย์ท่าน”

แผ่นดินถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าในตอนที่พูด

“พี่ดิน แม่เจ็บเพราะกอหญ้า เราไม่น่าเจอกันเลย ท่านต้องมาเจ็บแบบนี้ไม่ดี…ไม่ดีจริงๆ”

กอหญ้าได้แต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น

‘คุณแม่อย่าเป็นอะไรนะฮะ หากเราแม่ลูกเจอกันแล้วต้องเป็นแบบนี้ กอหญ้าขออยู่โดยไม่ต้องได้พบ
…ไม่ต้องรู้ว่าใครเป็นแม่…ดีกว่า…ไม่เอาแบบนี้’

“กอหญ้าไม่โทษตัวเองนะไม่มีใครอยากให้เกิด คุณน้าทิพย์ท่านรักกอหญ้าถึงได้ปกป้องอย่าคิดมากไปเลย
 หากคุณน้าทราบว่ากอหญ้านั่งโทษตัวเองแบบนี้ท่านคงไม่ชอบใจและท่านจะเสียใจมากที่ทำให้กอหญ้
าไม่มีความสุข ไม่ดื้อนะครับ…คนดีของพี่”

กอหญ้านิ่งฟังและดันตัวเองออกจากบ่าของคนตัวโตและจ้องมองคนรักด้วยแววตาสั่นไหว
และน้ำตาที่เอ่อท้นเปื้อนแก้มใส

“คุณแม่จะหายใช่มั้ยพี่ดิน ท่านจะไม่ทิ้งกอหญ้ากับน้องใช่มั้ย กอหญ้าไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้เลย
 ที่ท่านมาหาหลายต่อหลายครั้งกอหญ้าไม่เคยที่จะเรียกท่านว่าแม่เลยสักครั้ง
ทั้งที่ข้าวหอมก็บอกเสมอให้เปิดใจกับท่าน กอหญ้าละอายใจจริงๆที่ตอนท่านดีๆไม่คิดที่จะเรียกท่าน
 มาเรียกตอนที่ท่านเจ็บและไม่ได้ยินอย่างนี้ พี่ดินกอหญ้าปวดใจเหลือเกินแล้ว”

กอหญ้าพูดทุกสิ่งที่ค้างคาใจด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา แผ่นดินไล้ปลายนิ้วกรีดเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ

“อย่าคิดมาก ท่านต้องหายแน่นอนและท่านจะกลับมาหากอหญ้าของพี่นะครับ
 ตอนนี้ให้หมอผ่าเอากระสุนออกก่อนนะ กอหญ้าของพี่ต้องเข้มแข็งและอดทนรอ
 เรามารอฟังข่าวดีกันนะครับ คุณน้าทิพย์ท่านจะต้องกลับมาฟังคนดีของพี่เรียกท่านว่าแม่
 ท่านจะต้องกลับมาฟังแน่ๆเชื่อพี่นะ”

แผ่นดินจับปอยผมไปทัดไว้ให้ที่หลังใบหู และโน้มจมูกไปจรดที่หน้าผากมนอย่างปลุกปลอบขวัญ

“กอหญ้า…จะเชื่อพี่ดิน จะเชื่อ…เชื่ออย่างนั้น”

กอหญ้าทิ้งศีรษะลงซบบ่าของแผ่นดินอีกครั้ง บ่ากว้างและอกที่กำยำอบอุ่นนี้ให้ความรู้สึกปกป้อง
และปลอดภัยเสมอมา เจ้าตัวดันตัวออกเล็กน้อยแล้วไล้ปลาบนิ้วไปทั่วกรอบหน้าของพี่ดินและ
จูบที่ปลายคางที่ช้ำแดงจนออกสีม่วง ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ถึงกับคางแตก ขนาดว่าหัวเขาเองที่โดน
กระแทกยังปูดขึ้นมาและเจ็บเอาการอยู่เหมือนกัน

“กอหญ้าขอโทษนะที่ทำพี่ดินเจ็บและทำให้คุณแม่เจ็บไปด้วย…ไม่ดีเลยเนอะ…ขอโทษนะครับ”

กอหญ้าพูดแล้วลูบปลายคางของเขาแผ่วๆ แผ่นดินลืมไปแล้วว่าโดนคนตัวเล็กนี่ทำร้ายไว้เพราะ
เจ้าตัวเลือกที่จะเป็นเป้าของกระสุนเสียเองแบบนั้น เขาก็โกรธไม่ลงเหมือนกัน

“พี่เจ็บแค่นี้มันเทียบไม่ได้เลยกับการที่กอหญ้าปลอดภัย ขอบคุณที่ยังอยู่กับพี่…ตรงนี้”

แผ่นดินเอาคางกดคลึงที่ไหล่ของคนรักเบาๆ จนเมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกและเจ้าหน้าที่
เข็นเตียงของคนเจ็บออกมา เขาและกอหญ้าผุดลุกขึ้นพร้อมๆกัน

“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ กระสุนไม่โดนจุดสำคัญแต่เสียเลือดมากอยู่สักหน่อยแต่ก็ถือว่าโชคดี
มากที่พาคนไข้มาได้ทันเวลา และมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันมาดี”

คุณหมอพูดจบ ทั้งกอหญ้าและแผ่นดินหันมาสวมกอดกัน แล้วพ่อเลี้ยงอเนกก็มาถึงและเดินไป
ที่เตียงคนเจ็บที่ยังคงให้เลือดอยู่

“คุณน้าทิพย์ปลอดภัยแล้วครับ รอท่านฟื้นเพราะเพิ่งผ่าเอากระสุนออกครับ”

แผ่นดินรับหน้าและบอกเล่าอาการให้พ่อเลี้ยงอเนกทราบ

“อืม ดีมากแล้วที่ไม่โดนจุดสำคัญ ดีจริงๆ”

พ่อเลี้ยงอเนกกุมมือภรรยาไว้ ใบหน้าที่เครียดๆในก้าวแรกที่เห็น ผ่อนคลายลงมากเมื่อได้ฟังผล

“ขอโทษนะครับที่คุณแม่ เอ่อ…คุณน้าทิพย์เป็นแบบนี้เพราะผมเองครับ”

กอหญ้าเอ่ยปากขอโทษคนในครอบครัวของมารดา

“เรียกเค้าว่าแม่เถอะนะกอหญ้า ถ้าเขารู้คงดีใจมากที่รอคอยคำนี้มาตั้งนาน…ยอมเรียกเสียทีนะเรา
 ที่แม่เราเค้ายอมเจ็บครั้งนี้ก็เพราะรักเรานั่นแหละนะอย่าไปคิดวิตกอะไรให้มันมากมายปเลย
 มันไม่ใช่ความผิดอะไรของนายนะ”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองจนคนฟังมีสีหน้าที่ดีขึ้นฉับพลัน

“ผมขอเฝ้าเอ่อ…คุณแม่…นะครับ”

กอหญ้ารีบอาสาอยู่เฝ้าไข้เพราะโอกาสที่เขาจะทดแทนคุณท่านอยู่แค่เอื้อมนี้แล้ว
 เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้

“อืม…ตามใจเรานะแต่เดี๋ยวข้าวหอมก็จะมาแล้ว ก็ดีจะได้มีเพื่อนเฝ้า”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดอย่างยินยอม

“อ้าว! น้องข้าวหอมมีเรียนไม่ใช่เหรอครับทั้งพรุ่งนี้ด้วย”

กอหญ้าพูดเพราะเขากับน้องสาวคุยโทรศัพท์กันแทบทุกวันจนพลอยรู้ตารางเรียนของน้องไปแล้ว

“แม่เค้าทั้งคนอ่ะนะ ใครจะไปห้ามอะไรได้ล่ะไว้พี่น้องคุยกันเอาเองแล้วกันนะ”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดเพราะรู้นิสัยลูกสาวที่ติดแม่เอามากๆได้เป็นอย่างดี คู่นี้แทบจะไป
กินนอนเฝ้ากันที่หอเลยก็ว่าได้

“กอหญ้านี่เราก็เพิ่งหายป่วยเองนะ ให้ข้าวหอมเฝ้าไปก่อนเถอะวันนี้น่ะ”

แผ่นดินเห็นคนรักเพิ่งหายป่วยจึงอยากให้กลับไปพักที่บ้านสักคืนค่อยมาเปลี่ยนเวรเฝ้า

“พี่ดินกอหญ้าหายแล้วนะฮะ อีกอย่างที่คุณแม่เป็นแบบนี้กอหญ้าก็มีส่วนนะให้กอหญ้า
ได้ดูแลท่านเถอะครับ นะพี่ดิน”

แผ่นดินมองคนรักที่ออกอาการดื้อคงห้ามกันไม่ฟังแล้วลองเป็นแบบนี้ เพราะดูได้จากสายตา
ที่มุ่งมั่นขนาดนั้น
 
“ครับๆงั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ให้ขวัญเอาของใช้มาให้แล้วกัน”
กอหญ้าพยักหน้าจนผมกระจายเมื่อถูกตามใจ


“คุณแม่ครับ กอหญ้าขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้คุณแม่เจ็บ”

กอหญ้ากุมมือมารดาไว้เมื่อท่านลืมตา

“ไม่หรอกลูก แม่ทำหน้าที่ของแม่แค่นั้นเอง แค่แม่ได้ปกป้องลูกก็ดีใจที่สุดแล้วถึงจะต้องตายแม่ก็ยอม
 แม่ดีใจนะกอหญ้าที่ลูกอภัยให้แม่และยอมเรียกแม่ว่าแม่…แค่นี้ก็เกินพอแล้ว”

กอหญ้าได้ฟังอย่างนั้นจึงสวมกอดท่านไปเพียงเบาๆ ท่านยกมือขึ้นมากอดตอบแม้แค่แผ่วๆ
แต่กอหญ้าก็รู้สึกเต็มตื้นแล้ว อ้อมกอดที่เขาโหยหามาตลอด…อ้อมกอดของแม่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

‘หายเร็วๆนะครับ แล้วกอหญ้าจะกอดแม่ให้แน่นๆเลย’
กอหญ้าวาดหวังไว้ในใจ

“พระคุ้มครองนะลูก ดีที่สุดที่ลูกแม่ปลอดภัย ดีจริงๆ”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ตบหลังลูกเบาๆ

“คุณแม่ก็ปลอดภัยแล้วเหมือนกัน หายเร็วๆนะคะ”

ข้าวหอมเข้ามากอดและหอมแก้มท่านอีกคน

“พี่กอหญ้าไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย เนี่ยท่านเป็นสุดยอดคุณแม่ของพวกเรา
 แล้วก็ห้ามโทษตัวเองเลยนะคะ คุณพ่อบอกน้องแล้ว เนี่ยนะคะไม่ว่าจะเป็นพี่
กอหญ้าหรือข้าวหอมที่เกิดเรื่องคุณแม่ท่านต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่คิดมากนะคะ”

ข้าวหอมยิ้มให้พี่ชายที่ดูจากสีหน้าก็เป็นอย่างที่บิดาเล่าว่าเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุ

“วันนี้หนูจะช่วยดูแลคุณแม่แต่พรุ่งนี้อาจารย์นัดส่งงาน พี่กอหญ้าช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ก่อนนะคะ
 ถ้าเจอคุณยายพี่ต้องใจเย็นๆ ท่านจะพูดอะไรก็หนักแน่นเข้าไว้ สู้ๆนะพี่ชายของหนู”

ข้าวหอมพูด กอหญ้าฟังน้องและพยักหน้า นาทีนี้เขาทำได้หมดถ้าเพื่อแม่ที่สละะชีวิตเพื่อช่วย
ชีวิตเขาแล้ว…เขายอม

มีเรื่องน่าตกใจอีกเรื่องที่พวกเขาเพิ่งรู้คือนิชามีอาการป่วยทางจิตต้องได้รับการบำบัดรักษา
 ผลกรรมจากความริษยาเครียดแค้นและไม่ปล่อยวางของคุณหนูที่เคยใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ
บนกองเงินกองทองมาตั้งแต่เกิดพอเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้
มันเร็วเกินไปที่จะตั้งรับสำหรับนิชาที่ทรัพย์สินถูกตรวจสอบว่าได้มาโดยมิชอบทั้งสิ้น

ตลอดหนึ่งสัปดาห์แผ่นดินเทียวมาเทียวไประหว่างไร่กับโรงพยาบาลเพื่อมาคอยอยู่เป็นเพื่อนคนรัก
และเมื่อหมอให้คนเจ็บกลับบ้านได้ เขาจึงเป็นธุระพาแม่ยายไปส่งบ้าน คุณยายยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อพบเห็นคนรักของเขา ซึ่งแผ่นดินดูแล้วก็เป็นแค่การวางท่าทางไปอย่างนั้นเอง ก็คนเจ้ายศเจ้าอย่าง
และแบกชื่อเสียงเกียรติยศไว้มากก็ย่อมยากที่จะปล่อยวางอะไรง่ายๆ

กอหญ้าดูจะวางตัวได้เนียนเอามากๆก็เห็นไปลามาไหว้อย่างปกติที่ทำ เขาก็ได้แต่หวังว่าไม่นานทิฐิ
และความยึดมั่นถือมั่นของคุณยายคงจะเบาบางลงบ้างตามกาลเวลา

“พี่ดินว่างๆ พากอหญ้าไปเยี่ยมคุณแม่บ้างนะ กว่าท่านจะหายและทำอะไรได้อย่างเดิมก็เป็นเดือนๆ นู้น”

“ได้สิครับ แม่ยายป่วยนี่ไปเยี่ยมได้อยู่แล้ว เรื่องเล็กๆ”

พี่ดินพูดสีหน้าแววตากรุ้มกริ่ม

“พูดเต็มปากเต็มคำเลยเนอะ”

กอหญ้าหยิกที่แขนคนตัวโตไปที

“ทำร้ายร่างกายสามี เดี๋ยวจะโดนทำโทษหนักนะครับ…คืนนี้”

จบคำ มือนุ่มก็ทุบอึ้กที่กล้ามแขนของเขาอีกจนได้
“ที่รัก พี่ไม่ใช่กระท้อนนะครับทุบเอาๆแบบนี้ อย่าดุ…นอกห้องนอน…บอกไม่เคยจำเลยนะ”

กอหญ้าแสร้งทำหน้ามุ่ยแต่แววตาที่แผ่นดินสัมผัสได้คือเจ้าตัวผ่อนคลายตั้งแต่รู้ว่ามารดาได้กลับบ้านแล้ว

เขาสองคนผ่านเรื่องราวความเป็นความตายไปได้อีกครั้ง และครั้งนี้พิสูจน์ได้ดีเลยว่าใครรักเราจริง
กอหญ้าคิดว่าแค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว ต่อแต่นี้เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในเมื่อมีผู้ชายที่รักและเป็น
ทุกอย่างอยู่ข้างๆกันตรงนี้…สิ้นสุดแล้วกับการเดินทางอันยาวนาน…เขาข้ามฟ้ามาเพื่อได้พบกับผืนแผ่นดิน
ที่มั่นคงผืนนี้…ที่จะเป็นที่พักพิงสำหรับเขาไปจนวันตาย

                                                                                                    ***** The end *****

*********************************************************************************
กล่าวลากันตรงนี้เลยนะคะ

ขอบคุณที่ติดตาม

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์

ขอบคุณจากใจ

แล้วพบกันใหม่ในเรื่องหน้านะ

รักคนอ่านทุกคน

...เส้นขอบฟ้า... :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2019 22:26:23 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Special 1    แฟนหมอ

คอนโดหรูใจกลางเมือง  หมอหนุ่มเดินเข้าไปภายในลิฟต์  เอื้อมมือจะกดเลือกชั้นเห็นเป็นเลขชั้นเดียว
กันกับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ก่อนในลิฟต์  ตัวออกจะบางกว่าเขาหน่อย  หน้าตาจัดว่าดูดีพอควรในชุดนิสิต
คิ้วเข้มจมูกโด่ง  ก้มหน้าก้มตากับโทรศัพท์เครื่องบางในมือ  ปากเม้มแล้วคลายอยู่หลายครั้ง

“น้องกริชพี่มารับ มาจริงๆ ห้ามปฏิเสธแล้วนะ พี่ไม่ได้ล้อเล่นถึงแล้วเนี่ย”

หมอไนท์ว่าจะไม่สนใจแล้ว  แต่ชื่อของคนปลายสายทำให้ยุบยิบในใจไม่น้อย เขาจึงต่อสายไปหาคนที่นึกถึงทันที

“ตัวเล็กพี่จะถึงแล้วมีนัดทำงานกลุ่มเหรอ  พี่อยู่ได้รอเรากลับก็ได้ครับคิดถึงตัวเล็กมากๆ
พรุ่งนี้วันหยุดของพี่ต้องอยู่กับพี่ทั้งวันรู้มั้ย ไม่งั้นพี่ไม่ยอมด้วยแน่ใจนะที่พูด ถึงแล้วมารอได้เลย”

หมอไนท์เก็บโทรศัพท์  เด็กหนุ่มอีกคนขยับตัวเมื่อลิฟต์ถึงที่หมาย  เมื่อประตูเปิดเขาจึงก้าวออกไป
ตัวเล็กของเขากระโดดมากอดอย่างดีใจ

“คิดถึงพี่ไนท์ที่สุด ไม่เจอเป็นเดือนเลยอ่ะ  รอกริชนะจะรีบกลับแล้วเราไปหาของอร่อยทานกัน
เข้าห้องสั่งมื้อเช้ามาทานกันครับ”

ตัวเล็กพูดไม่หยุดไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดเลย

“น้องกริชครับ  พี่มารับ”

มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น  หมอหนุ่มหันขวับไปตามเสียง

“เห้ย! พี่เต้  คิดว่าล้อเล่นมาจริงๆ ด้วยอ่ะ อ้อ! พี่เต้ครับ นี่พี่หมอไนท์แฟนกริชเอง
ส่วนนี่พี่เต้เป็นพี่ชายของเพื่อนที่กริชจะไปทำงานกลุ่มด้วยครับพี่ไนท์”

คนตัวเล็กแนะนำให้สองหนุ่มรู้จักกัน  หนุ่มที่ชื่อเต้ดูสีหน้าเจื่อนๆ ไป แต่ก็ยกมือไหว้หมอหนุ่ม

“เข้าห้องก่อนครับ  เดี๋ยวกริชขอทานข้าวกับพี่ไนท์ก่อน  พี่เต้ทานมาหรือยังจะได้สั่งให้ด้วยเลย”

“พี่ทานมาแล้ว  พี่ไปรอที่ลอบบี้แล้วกันนะ”

พูดจบพี่เต้ก็เดินกลับไปที่ลิฟต์ พี่ไนท์มองตามสีหน้านิ่งเรียบ  กริชรู้สึกเหมือนงานจะเข้ายังไง
ไม่รู้รีบเดินไปที่ห้อง 3334 รูดคีย์การ์ดเข้าไป พี่ไนท์ตามมาเงียบๆ พอประตูปิดลงกริชก็ถูกกระชาก
เข้าหาตัวคนที่เดินตามหลังมา  ถูกริมฝีปากร้อนของพี่ไนท์บดขยี้จาบจ้วงรุกเร้าเอาแต่ใจ

กริชตกใจอ้าปากจะประท้วงก็ถูกคนตัวโตกว่าแทรกลิ้นพรวดเข้ามาไม่มีอ่อนโยนเสียเลย  จากดุเดือดดูดดึง
เปลี่ยนเป็นควานหาลิ้นนุ่มของเขาอย่างอ่อนโยนสร้างความวูบวาบอุ่นซ่านแปลกๆ จูบแรกถูกพี่ไนท์ช่วงชิงไปแล้ว
กริชเห็นแก่คนที่อุตส่าห์เดินทางมาไกลจึงตอบรับความคิดถึงที่พี่ไนท์มีให้และทุกความรู้สึกที่เขามีต่อคนตัวโต
ด้วยจูบที่หวานละมุน  เขาเผลอแทรกปลายนิ้วในกลุ่มผมพี่ไนท์ ได้ยินเสียงครางรับผะแผ่วอย่างพึงใจ
แล้วปากร้อนๆ ของคนพี่ก็คลายออก

กริชซบหน้าที่เห่อร้อนของเขากับแผงอกล่ำของอีกคน

“หวงนะให้หนุ่มอื่นขึ้นมารับถึงห้องพี่อยากจับเราพาดที่ตักแล้วตีๆ ที่ก้นนี่นัก”

ไม่พูดเปล่ากับใช้มือขยำที่แก้มก้นเขาอีก และยังเอาจมูกมาคลอเคลียที่หลังใบหูจนกริชสยิวขนอ่อนที่แผง
คอตั้งไปแล้ว ปลายจมูกโด่งยังตามไล้มาที่ซอกคอเรื่อยลงมา  แล้วปากที่ต่อว่าต่อขานก็งับที่ต้นคอขบเม้มจนเจ็บจี๊ด

“พี่ไนท์  น้องจะไปข้างนอกนะ”

หมอหนุ่มปล่อยตัวเด็กดื้อและยกยิ้ม

“ก็ไปสิครับ ไม่ได้ห้ามนี่นา หึหึ”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเมื่อตีตราทำรอยให้เห็นเด่นชัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“กริชสั่งข้าวผัด พี่ไนท์เอาข้าวต้มปลานะฮะ”

คนตัวโตพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา วางเป้ที่สะพายหลังมาด้วยไว้ข้างๆ ตัว กริชโทรสั่งข้าวให้มาส่งที่ห้อง

ไนท์ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีครีมออกสองเม็ด  ปลดเข็มขัดออกอีกเมื่อรู้สึกไม่สบายตัว

“พี่ไนท์เปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นนะ  กริชมีกางเกงบอลพี่คงใส่ได้”

คนตัวโตมองยิ้มๆ แล้วปลดกระดุมกางเกงยีนรอ  กริชส่งกางเกงบอลให้แล้วนั่งลงจะช่วยพี่ดึงกางเกงออกจากตัว
เพราะดูกางเกงที่ฟิตมากและเหมือนจะถอดยากด้วย

“เห่ย! พี่ทำเองได้ ไปเตรียมงานที่จะเอาไปทำเถอะ”

หมอไนท์ตกใจที่น้องมาป้วนเปี้ยนกับกางเกงเขา

“เตรียมไว้แล้ว พี่ไนท์มาเหนื่อยๆ น้องทำให้”

น้องพูดเอาใจพี่และช้อนตาขึ้นมอง นี่อ่อยกันหรือไง หมอไนท์กัดปากอย่างข่มอาการสุดฤทธิ์
จูบแรกของน้องที่ดูเงอะงะเมื่อกี้ก็ยังกรุ่นไม่หาย  รอยรักสีกลีบกุหลาบที่คอขาวนั่นอีก
อยากลากขึ้นเตียงเสียเดี๋ยวนี้  ถ้าไม่ติดว่าต้องรอเวลา…น้องยังเด็ก  เจ้าเด็กขี้อ่อยไม่วายเข้ามาช่วยจนได้
เมื่อดึงกางเกงออกจากตัวเขาได้แล้วนั่นแหละจึงยอมขึ้นมานั่งด้วยกันบนโซฟา

“ฮ่าฮ่า  พี่ไนท์ใส่กางเกงเด็กเหรอฮะ  อุ๊บ”

กริชขำที่กางเกงของเขากลายเป็นกางเกงเด็กไปเลยเมื่ออยู่บนตัวอีกคน

“กางเกงแฟนเด็กครับ  ของเขาใหญ่เลยตึงไปทุกส่วนแบบนี้  หึหึ”

เด็กตัวขาวกลายเป็นตัวแดง  ยิ่งใบหูด้วยแล้ว  สักพักก็มีเสียงกดออด  กริชเปิดจ่ายเงินแล้วหิ้วถุงอาหาร
ที่มาส่งเข้ามาในห้อง  เดินไปในส่วนที่เป็นครัวอาหารใส่จานและวางบนโต๊ะกลมใกล้ระเบียง

“พี่ไนท์ทานขาวกัน  พี่จะได้พักนะฮะมาเหนื่อยๆ”

หมอหนุ่มเดินไปนั่ง ทั้งสองทานข้าวกันไปเงียบๆ จนกริชลุกไปเอาน้ำดื่มมาสองแก้ว

“พี่ไนท์ทานไม่หมดก็ไม่เป็นไร  ปวดหัวหรือเปล่า หน้าเซียวๆ นะฮะ”

“พี่เป็นหมอนะครับตัวเล็ก ลืมไปหรือเปล่า”

“รู้ครับว่ามีแฟนเป็นหมอ  แต่หมอก็ป่วยได้นะ  อย่าลืม”

กริชพูดแล้วยกหลังมือแตะที่หน้าผากคนเป็นหมอ

“นี่ไงตัวรุมๆ กำลังจะมีไข้  เดี๋ยวทานยาแก้ไข้  น้องเช็ดตัวให้นะ  พี่ไนท์จะได้สบายตัว
แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อกล้ามดีกว่า  อืม…ต้องซื้อชุดสำรองไว้บ้างแล้ว เราต่างไซส์กัน
เวลาพี่ไนท์มาค้างจะได้มีชุดใส่สบายๆนะครับ”

คนฟังยิ้มตามเสียงเจื้อยแจ้วที่พูดนั่นนี่

“มีแฟนเด็กดีเนอะช่างเอาใจ น่ารักครับ…ตัวเล็ก”

พี่ไนท์พูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง  เป็นยิ้มที่มาทั้งปากและตา  ดวงตายิ้มได้ด้วย  มีเสน่ห์น่ามองเข้าไป
ใหญ่จนกริชชะงักไป

“เนี่ยปากแดงๆ มีไข้แล้วนะครับ”

กริชพูด  แล้วเอาหน้าผากไปชนกัน  แนบชิดอยู่อย่างนั้น

“พี่ไม่เป็นไรครับ  อย่าห่วงไปเลย  ออกเวรก็รีบมาเลย  นอนหน่อยเดียวก็เป็นแบบนี้แหละครับ
พักสักหน่อยก็หายแล้วครับ”

พี่หมอพูดอย่างกับตัวเองเคยเป็นบ่อยๆงั้นแหละ  กริชอดเป็นกังวลไม่ได้เมื่อเขาดันมีงานกลุ่มต้อง
ไปทำในตอนที่อีกคนกำลังป่วยแบบนี้

“พี่ไนท์ทานยาแก้ไข้เลยฮะ  เช็ดตัวแล้วค่อยนอนเนอะ  เสร็จงานกริชจะรีบกลับแบบด่วนจี๋เลย”

กริชพูดแล้วรีบไปเตรียมผ้าขนหนูซับน้ำมาเช็ดให้คนตัวโต  หมอหนุ่มนั่งนิ่งให้คนตัวเล็กทำให้
จนเขารู้สึกสดชื่นผ่อนคลายและอยากหลับ  น้ำกับยาก็ยื่นมาจ่อให้ที่ปาก  เขาจึงรับไปใส่ปากอย่างว่าง่าย
ใส่เสื้อกล้ามเสร็จถูกดันให้ไปนอนลงที่เตียงนอนใหญ่  กริชห่มผ้าให้  แล้วผละจะไปหยิบแฟ้มงาน  แต่ถูกดึงไว้ก่อน

“ส่งพี่เข้านอนก่อนครับ…ตรงนี้…แล้วก็ตรงนี้ด้วยครับ”

พี่ไนท์ชี้ที่หน้าผากและแก้ม  กริชยิ้มอ่อนกับคนตัวโตที่ดูจะเพิ่มดีกรีขี้อ้อนเข้าไปซะแล้ว
เขาจึงโน้มตัวลงไปจุ๊บเหม่งและแก้มแล้วยังมีแถมให้ด้วย  ก่อนจะคว้าแฟ้มที่วางที่หัวเตียง
เดินออกไปจากห้อง

กริชเพิ่งนึกได้ว่ามีคนมารอที่ลอบบี้  ป่านนี้คงนั่งรอจนจะหลับไปแล้วมั้ง
เมื่อห้องปิดลงหมอไนท์ก็ยกยิ้มความหยุ่นๆที่สัมผัสบนริมฝีปากเมื่อครู่นี้  เป็นของแถมที่ทำ
ให้เขาหลับไปอย่างยาวนาน


“พี่เต้  ขอโทษที่ให้รอนาน  พอดีพี่ไนท์มีไข้กริชเช็ดตัวหายาให้ทานถึงได้ลงมา”

เต้บอกว่าไม่เป็นไร  แต่สายตาที่บังเอิญมองไปเห็นช่วงคอขาวของคนตัวเล็กเป็นรอยแดง
แถมรอยนั้นยังใหม่ๆ เสียด้วย  น่าเจ็บใจเขาอุตส่าห์เฝ้าเช้าเฝ้าเย็นแต่กริชกลับมีตัวจริงโผล่มา
ให้เห็นจนได้  และดูจะมีภาษีเหนือกว่าก็เจ้าตัวเล่นแนะนำว่าเป็นแฟนกัน  แล้วยังเป็นหมออีก
กับเขาแค่รุ่นพี่และเป็นแค่พี่ชายเพื่อนจะเอาอะไรไปเทียบชั้นได้

“ไปกันเถอะครับพี่เต้”

คนตัวเล็กเร่งเร้าคงเป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่ในห้องเป็นแน่  เต้ทำเป็นไม่เก็บมาใส่ใจ

“เสร็จงานเจ้าโต้บอกมั้ยว่าเรามีไปต่อกัน  ดึกนิดนึงนะเพราะปิดเทอมก็ไม่ได้เจอกันตั้งสองเดือน”

“กริชขอเลื่อนไปก่อนนะพี่เต้  ต้องรีบกลับมาดูพี่ไนท์”

“น้องกริชครับ  พี่ไนท์เป็นหมอนะ  น้องกริชลืมรึป่าว”

“ถึงพี่ไนท์จะเป็นหมอแต่เป็นแฟนกริช  แฟนป่วยอยู่เป็นใครจะมีกะจิตกะใจเที่ยวกันละครับ”

กริชฉุนที่พี่เต้ทำไม่เข้าใจว่าเขาน่ะเป็นห่วงพี่ไนท์แค่ไหนหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่

“เอ่อ…ขอโทษ พอดีพี่เห็นว่าพี่เค้าเป็นหมอ  อย่าโกรธเลยนะ”

เต้หน้าเสียรีบกล่าวคำขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ”

กริชตอบสั้นๆ

“เพิ่งคบกับพี่ไนท์เหรอ  ก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีแฟน”

เต้ถามคำถามที่คาใจ

“เพิ่งคบเพราะพี่เค้าเพิ่งกลับจากฝรั่งเศส  เราเพิ่งกลับมาเจอกัน”

กริชเล่าไปมือก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย

“ก็ไม่นานนี้สิ”

เต้ถามกลับอีก

“ครับ  ไม่ถึงเดือน”

กริชตอบไปตามจริง

“หืม…ไม่ถึงเดือน แล้ว…เอ่อ  ทำไมถึงมาคบกันได้ล่ะ”

เต้สงสัยหนักเข้าไปอีก  จึงเอ่ยถามออกไป

“จริงๆ เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว  พี่ไนท์เป็นรักแรกครับ”

กริชพูดโดยไม่ได้มองหน้าคนฟัง

“อ่อ…ครับ”

เต้หมดข้อสงสัยที่จะซักถาม  ทุกคำถามถูกกลืนหายไปด้วยคำๆ เดียว  รักแรก
ถ้าอย่างนั้นเขาคงเป็นได้แค่มดแดงที่แฝงตัวอยู่ในพวงมะม่วง…เป็นได้แค่นั้นจริงๆ
ตลอดทางไปที่มหาลัยกริชนั่งเงียบ  คอยแต่จับจ้องอยู่กับโทรศัพท์ในมือ

งานเสร็จก็เย็นมากแล้ว   กริชรีบเก็บข้าวของและขอตัวกลับทันที จึงเป็นที่ผิดสังเกตของเพื่อนๆ ในกลุ่ม

“รีบอะไรขนาดนั้นวะกริช  มีอะไรดีรึไงที่ห้องน่ะ”

โต้เพื่อนตัวหนาหน้าหล่อ  ผิวเข้มถามขึ้นอย่างทันทีทันใด  กริชอมยิ้มแล้วโบกมือ

“แฟนมา  นอนป่วยอยู่ไว้โอกาสหน้านะโต้  ขอบคุณนะฮะพี่เต้ที่อยู่ช่วยจนงานเสร็จ  ผมกลับแท็กซี่เองได้ครับ”

“หูย…มีของดีนี่เอง เหอะๆ น่าสงสารใครบางคนจริงๆเลย”

โต้พูดและชำเลืองมองพี่ชาย  กริชได้แต่ยิ้มบางๆ แล้วรีบวิ่งไปเรียกแท็กซี่ที่เข้ามาส่งนักศึกษาพอดี



วันนี้ทั้งวันเขาทำงานไม่เป็นสุขเอาเลยเป็นห่วงพี่ไนท์  ป่านนี้ไข้จะลงรึยัง แล้วจึงกดโทรออก
หลายสายแล้วแต่พี่ไนท์ก็ไม่รับอีกเช่นเคย

“พี่ครับขอด่วนหน่อยได้มั้ยครับ  แฟนผมป่วยจะรีบไปดูครับ”

กริชหันไปบอกกับคนขับแท็กซี่

“ได้ๆ เดี๋ยวพี่จัดให้  แฟนน้องคงดีใจนะ  ที่น้องเป็นห่วงเธอขนาดนี้”

พี่แท็กซี่มองมาที่กระจกหลัง  กริชยิ้มๆ จะให้บอกได้ไงว่าไม่ใช่เธอแต่เป็นเขา 



แท็กซี่จอดหน้าคอนโดพอดี  พอลงรถได้กริชรีบถลาไปที่ลิฟต์ทันที  กดเลือกชั้นแล้วก็ยืนเคาะเท้า
อย่างร้อนใจ  อาหารกลางวันก็ไม่ได้สั่งไว้ให้  ป่านนี้ไม่หิวจนกินช้างได้แล้วเหรอ  พอลิฟต์หยุดรีบวิ่ง
ไปรูดคีย์การ์ดเปิดห้อง  หลังบานประตูไม่มีแสงสว่างเลย  อยู่มืดๆ นี่นะทำไปได้ กริชจึงเอื้อมไปเปิดไฟ
พอห้องสว่างก็มองไปที่เตียงนอนก่อนเลย  เห็นคนตัวโตนอนขดอยู่…แถมหลับสนิท

“พี่ไนท์ตื่นเถอะไปหาข้าวทานกัน  ตัวไม่ร้อนแล้วนี่ครับ  ยังปวดหัวอีกมั้ยฮะ”

หมอหนุ่มลืมตาแล้วหรี่ตาลงไปอีกเพราะแสงไฟที่แยงตา

“ตัวเล็กกลับมาแล้วเหรอ  พี่ยังง่วงอยู่เลยครับ”

หมอหนุ่มงอแงเสียงอู้อี้

“ค่อยนอนใหม่นะฮะค่ำแล้ว  กริชหิวข้าวไม่ได้กินกลางวันมาด้วย  กินแต่ขนมปังกับนมมาเอง หิวมากๆ เลย”

กริชอ้างว่าหิว ทั้งๆ ที่เขาห่วงคนที่ไม่ตื่นมากินกลางวันต่างหากล่ะ

“โทรสั่งอาหารตามสั่งมาก็ได้  กับข้าวสักสามสี่อย่างแล้วก็ข้าวเปล่า ไปเอาเงินในกระเป๋าพี่ไป”

พี่ไนท์บอกทั้งที่ยังนอนอยู่

“งั้นพรุ่งนี้เราค่อยไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันเนอะ”

กริชพูด พี่ไนท์ผงกหัวขึ้นมา  เหมือนจะลุกแต่กลับคว้าตัวคนที่นั่งข้างเตียงเหวี่ยงลงบนเตียงแทนที่
ไม่ได้รุนแรงแต่ทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวรู้สึกวืดและเหวอไปเลย  แล้วจมูกของพี่ไนท์ก็ไล่ซุกไซ้ที่ซอกคอ
และมือไม้ก็ไล่ปลดกระดุมเสื้อนิสิตออกอย่างว่องไว

“พี่ไนท์สั่งข้าวก่อน  ไหนคนป่วยทำไมแรงเยอะแบบนี้ล่ะ  แล้วบ่นง่วงไม่ใช่เหรอ…อื้อ”

ปากที่โต้แย้งถูกปิดทับ พี่ไนท์ขบกัดเบาๆ โดยไม่รุกล้ำเข้าไปสำรวจอย่างครั้งก่อน  ความอ่อนโยนที่
ได้รับพาให้ล่องลอย  แต่เหมือนไม่ใช่ไม่อิ่ม  ไม่เร้าใจ…แบบในตอนสาย  กริชจึงแทรกปลายลิ้นเล็กเข้า
ไปในปากดูดดุนลิ้นอีกคน  อย่างที่พี่ไนท์ทำไว้กับเขา  งับลิ้นพี่ที่หลบหลีกอย่างย่ามใจ  เสียงแลกน้ำลาย
ดังกระทบโสตประสาท  กริชลูบไล้ไปตามเนื้อตัวพี่ไม่ได้เบามือและเขาก็ได้รับสัมผัสหนักๆกลับมาด้วยเหมือนกัน

`อย่างนี้สิ…ถึงจะเรียกว่าจูบ`

กริชแอบชอบใจ

“อื้ม…ตัวเล็ก…อย่าดื้อ  ถ้ายังเค้นพี่หนักมือแบบนี้ อ๊ะ…เราจะเจ็บตัวนะ…โอ๊ะ”

พี่ไนท์ไล่จับมือของกริชที่ลูบไล้  เค้นคลึงไปตามลาดไหล่และหน้าท้อง  ต่ำลงมาไปเรื่อยๆ
ตอนนี้กริชอยากที่จะเรียนรู้ร่างกายของอีกคนบ้างแล้ว

“ป่วยอยู่หรือเปล่าครับ หมอ…”

กริชคลี่ยิ้มแล้วไต่มือเข้าไปทางขากางเกง

“ป่วยสิครับ หมอ…ป่วย ร้อนไปหมด…โดยเฉพาะ…ตรงนั้น อื้ม…อย่าแกล้ง ฮื้อ…”

พี่ไนท์กัดฟันกรอดและทิ้งตัวลงนอน  เมื่อถูกสัมผัสหนักๆ แตะต้อง  คนตัวเล็กปีนมาอยู่บนตัวคนป่วยแล้ว
กระซิบเสียงแหบพร่า

“ถ้าหมอป่วย…แบบนี้  ตอนนี้กริชก็ตัวร้อน…ร้อนไปหมด  ต้องฉีดยาลดไข้  แล้วใครจะฉีดให้ล่ะ…ฮ…ฮะ”

“หมอฉีดให้ได้  แต่ต้องถอดชุดก่อนเพราะต้องเช็ด…ตัว”

สิ้นเสียงพี่ไนท์กางเกงของกริชไม่มีเหลือติดตัวเลยสักชิ้น  และถูกดึงให้นอนราบไปกับที่นอน
ลิ้นร้อนๆ ละเลงไปทั้วทั้งร่าง  ยิ่งทำให้ความร้อนขึ้นสูงเข้าไปอีก โดยเฉพาะแถวใบหู

“หมอ…อ๊ะ ตรงนั้น  ซู้ด…อ่า…”

กริชถูกช้อนก้นลอย และพี่ไนท์ก็ฝังใบหน้าลงดอมดมส่วนกลางกาย  และยังครอบปากลงมาสุดลำ
นาทีนี้ความอายบอกไม่ได้เลยว่าเคยมีมั้ยก่อนหน้านี้  เมื่อถูกหมอจับตรวจร่างกาย

“อ๊ะ  พี่ไนท์  ตรงนั้นไม่นะ  มันสกปรก อิ๊ อ่า”

กริชร้องอู้อี้ไม่เป็นภาษาเมื่อถูกพี่ไนท์ชอนไชลิ้นร้อน  ตรงร่องกลางลำตัว  และยังส่งนิ้วเข้ามาสำรวจ
คว้านเป็นวงกลม  จนกริชแทบขาดใจ

“เป็นแฟนหมอ  ต้องโดนจับตรวจเช็กร่างกายประจำปีด้วยนะ ชุดใหญ่เลยครับ แล้วก็ถูกฉีดยา…นะครับ
กลัวเข็มหมอมั้ย…หื้ม”

กริชเด้งสะโพกเมื่อหมอไนท์ควานนิ้วไปถูกจุดจีสปอตซึ่งเจ้าตัวไม่เคยรู้และพานพบมาก่อนถึงกับห่อปาก
หมอน่าจะรู้ดีเลยละถึงได้ย้ำอยู่แต่ตรงนั้น

“หมอรักษากริชที อ๊ะ…เข็มใหญ่ไปน พี่หมอ โอ๊ะ อ๊ะ”

กริชกัดที่หัวไหล่เมื่อพี่หมอใช้เข็มประจำตัวจิ้มเข้ามาไม่หนักแต่รู้สึกตั้งแต่เข็มมาจ่อและคืบเข้ามาแล้ว

“ครั้งแรกของเราพี่หมอขอ…สด…นะ ว่าจะรอให้โตอีกสักปีสองปี…แต่ไม่ได้แล้ว
เดี๋ยวโรคจะลุกลาม…เรื้อรัง  ต้องฉีดฆ่าเชื้อ  เอ่อวัคซีนรับครบยังหืม… เดี๋ยวพี่หมอดูให้นะ อ่าห์”

พี่ไนท์ทำอย่างที่พูดจริงๆ เข็มแล้วเข็มเล่าจนข้าวเย็นไม่ได้กินกันเลย
เป็นแฟนหมอก็ดีนะหมอทำให้ทุกอย่างตั้งแต่เช็ดตัวให้จนสะอาดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้

กริชได้แต่นอนมองจนหลับไป






ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :pighaun: หมอออออออ ออกมาท้ายๆแต่ร้ายไม่เบานะเนี่ย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าวววว  คู่นั้นจบอย่างว่อง  ไม่คิดว่าจะจบไว  นึกว่าจะรอให้ยัยคุณยายเปลี่ยนใจแล้วค่อยจบ

ส่วนตอนนุ้งกริช   เปิดมาก็เสียตัวกันเลยทีเดียว  555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Special 2   ยังรักอยู่มั้ย?

เมื่อคืนกอหญ้านั่งดูละครที่ออนแอร์เป็นวันแรก  กระแสตอบรับเป็นไปอย่างเกินคาดในโลกโซเชียลตอนนี้
พี่คะน้าเป็นคนแรกที่โทรเข้ามาหา

(ข้าวน้องรัก  สปอนเซอร์วิ่งชนจนช่องรับไม่ไหวแล้ว  แฟนคลับจะถล่มไร่พี่ดินกันแล้วด้วย  เมื่อรู้ว่าสถานที่ถ่าย
ทำคือไร่เขตแผ่นดินน่ะจ้ะ)

“ห๊ะ! แล้วเราจะทำไงกันดี ตอนนี้ก็เร่งมือตกแต่งสวนและอีกหลายๆ มุมกันอยู่  แค่นี้พวกเราก็จะไม่มีเวลาสวีท
กันแล้วนะพี่คะน้า”

(โฮ๊ะๆ ที่กังวลนี่เพราะไม่มีเวลาพรอดรักกันเหรอคะ…คุณน้อง)

“ก็พี่ดินน่ะสิคงจะเบื่อน้องแล้วจะกอดจะหอมยังไม่ค่อยจะทำเลย  จนจำไม่ได้แล้วว่าถูกกอดครั้งล่าสุดวันไหน”

(กอดแบบไหนกันนะ…พี่ไปกอดให้ก็ได้ คริคริ)

“หึ ไม่เหมือนหรอก  ข้าวไม่มีทางบอกพี่ดินว่าจะมีแฟนคลับและใครต่อใครมาที่ไร่แน่ๆ แค่นี้ข้าวก็เหงาจะแย่
 พี่ดินบ้างานเกินไป หรือว่าข้าวไม่มีเสน่ห์พอ โอย…ปวดหัว ไม่คุยกับพี่แล้ว”

กอหญ้าวางสา และกลิ้งไปมาบนเตียงนอนใหญ่ที่ร้างลาคนข้างกายมาหลายคืน  พี่ดินไม่มีเวลาให้เขา
เหมือนเดิม วันๆ ก็อยู่แต่ในไร่ งานก็แย่งไปทำคนเดียวจนหมด พอแย้งก็ว่าเป็นงานกลางแดดไม่เหมาะ
กับคนตัวขาวๆ คิดแล้วก็น้อยใจ จึงลุกไปคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ  มองนาฬิกาก็เกือบจะหกโมงเช้าแล้ว
เจาจึงรีบจัดการตัวเองเพื่อที่จะได้ลงไปดูเด็กๆ

กอหญ้าก้าวเข้าไปที่ห้องทานข้าว คนอื่นๆ ไม่รู้ไปไหนกันหมด  หันรีหันขวางอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเห็นแตงโม
พี่เลี้ยงของน้องใบข้าว จึงเรียกตัวไว้

“แตงโม น้องยังไม่ลงมาเหรอ แล้วคนอื่นๆ ไปไหนกันหมดล่ะ”

“นายดินมาพาออกไปน่ะค่ะ ดูรีบร้อนมากเลย ส่วนคุณท่านทั้งสองเห็นว่าไปวัดนะคะ
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณย่าค่ะ”

แตงโมพูดจบ  กอหญ้ารู้สึกวูบโหวง ทำไมเขาถึงดูเป็นส่วนเกินของคนบ้านนี้ไปแล้วนะ

“ขอบใจจ้ะแตงโมจะไปทำอะไรต่อก็ไปเถอะ”

กอหญ้าพูดแล้วนั่งลงประจำที่มองอาหารบนโต๊ะที่เคยเป็นอาหารโปร  แต่เช้านี้ไม่นึกอยากเลย
เมื่อไม่มีเพื่อนร่วมโต๊ะจึงลุกไปชงกาแฟ  เมื่อได้กาแฟแล้วก็ถือออกไปนั่งตรงระเบียงซึ่งเป็นที่นั่ง
ประจำของพ่อเขต  ในมุมนี้มองออกไปหน้าบ้านจะเห็นรถที่แล่นเข้ามาได้ก่อนใคร  เขายกกาแฟขึ้น
จิบและทอดสายตามองไกลออกไป 

การต้องมานั่งคอยใครสักคน…เพิ่งรู้ว่าเวลาที่ผ่านไปเชื่องช้าและดูยาวนานเหลือเกิน

กอหญ้านั่งอยู่จนกระทั่งสายแล้วรถของพ่อเขตก็เคลื่อนเข้ามา  คุณย่าเดินลงมาพร้อมกับเพชรที่ถือปิ่นโต
และตะกร้าตามเข้ามาในบ้าน 

กอหญ้ารีบเดินออกไปรับหน้าท่านและสวมกอดหญิงชราไว้

“สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณย่า ไม่บอกกันบ้างเลย กอหญ้าไม่ได้ไปวัดกับคุณย่าเลยนะครับเนี่ย”

กอหญ้าทำหน้าเศร้า

“เหอะๆ จะทำหน้าเศร้าซึมทำไมกันล่ะลูก พ่อเขตนี่น่ะสิมาคะยั้นคะยอให้ย่าไป ย่าก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
ไว้ปีหน้านะ อย่าน้อยใจไปเลย”

คุณย่าพูดแล้วก็ยกมือลูบหลังเขาเบาๆ

“ไม่ได้เตรียมของขวัญให้คุณย่าเลย”

กอหญ้ายังคงพูดต่อและหน้าง้ำลงอีก  จนหญิงชราอดที่จะเอ็นดูไม่ได้

“มาๆของขวัญของย่าก็เรานี่ไงเป็นของขวัญของย่า ปีนี้ย่าได้หลานเพิ่มตั้งคนนึง ดีกว่าอะไรทั้งหมดเลยด้วย”

ท่านพูดแล้วก็กอดเขาแน่นเข้าอีก

“ยังงอนอีกเอาอย่างนี้  ย่าให้หอมสองฟอดเป็นของขวัญแล้วพอเลย”

กอหญ้าได้ยินตาเป็นประกายทันที  หอมท่านไปมากกว่าสองอีกด้วย

“แถมให้เยอะๆ เลย คุณย่าได้ของขวัญแล้วนะ ไม่เหมือนใครด้วย”

กอหญ้าพูดยิ้มๆ สีหน้าดีขึ้น

“นั่นสิ  จะไปเหมือนใครได้ไง เหอะๆ”

แล้วทั้งสองก็พากันเดินเข้าบ้าน

“มาๆ ทานข้าวเช้ากัน  วันนี้ทานสายหน่อย”

พ่อเขตนำไปที่โต๊ะอาหาร

“เจ้าดินมันยังไม่กลับอีกรึไง  จะนอนกันที่นั่นเลยเรอะ”

คุณย่าบ่นขึ้นมา  กอหญ้านั่งเงียบเพราะไม่รู้ว่าพี่ดินพาลูกไปไหน

“กินข้าวเถอะครับคุณแม่  นี่ก็สายมากแล้ว  เดี๋ยวมันเสร็จเรื่องก็กลับมาเองนั่นแหละ”

แล้วทั้งสามก็กินข้าวกันไปอย่างเงียบๆ บรรยากาศเป็นไปในแบบแปลกๆ ชอบกล

กอหญ้านั่งทำบัญชีแทนคุณนนท์  ช่วงนี้คุณนนท์ต้องไปคุมคนงานแทนพี่ดินในบางจุด
โดยสลับกับพี่ทัพและบางวันกอหญ้าก็ต้องไปเฝ้าร้านด้วย  ผลผลิตส้มปีนี้ได้รับการตอบรับ
เป็นอย่างดีกว่าทุกปีและมีแนวโน้มทำการตลาดออกสู่ต่างประเทศ  ซึ่งพี่ดินกำลังศึกษาเรียนรู้อยู่
จึงทำให้เขากับพี่ดินสวนทางกันเรื่องเวลา  จนกอหญ้ารู้สึกว่าเขาสองคนเริ่มมีระยะห่างกันมากขึ้น
อย่างเช่นวันนี้ที่บ่ายมากแล้วพี่ดินก็ยังไม่มาให้เห็นหน้า  พูดถึงก็มาเลย มีเสียงฝีเท้าน้อยๆ วิ่งไล่กันเข้ามา

“อากอหญ้าขา  ใบข้าวคิดถึงจัง”

หนูน้อยวิ่งมาหาและโผเข้ากอดเขา แล้วคนพี่ก็มาอีกคนโถมตัวมาอย่างแรง

“ต้นกล้าก็คิดถึงอากอหญ้า  ที่สุดเลยฮะ”

กอหญ้ากอดหนูน้อยทั้งสอ ง ชะงักไปนิดเมื่อมีกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงติดตัวเด็กๆ มา

“อาก็คิดถึงทั้งสองคนเลยครับ แล้วนี่ไปไหนกับคุณพ่อมาครับ”

กอหญ้าหอมแก้มซ้ายขวาของสองพี่น้อง และถามคำถามที่มันคาใจตั้งแต่เช้าออกไป

“ไปหาแม่รินครับ”

เด็กชายตอบ

“แม่เจ็บนอนโรงบาล”

เด็กหญิงเล่าบ้าง  กอหญ้าเงียบตัวชาวาบ  นาทีนี้หูอื้อไปหมดแล้ว พี่ดินพาลูกๆ
ไปเยี่ยมอดีตภรรยาที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล  หมดข้อสงสัยแล้วจริงๆ

“ทำอะไรกันครับ  กอดกันกลมเลย  ขอกอดด้วยคนสิครับ”

พี่ดินเดินเข้ามากอดเราสามคน หอมหัวอย่างที่ชอบทำ…นานมาแล้ว…จะให้คิดยังไง
ได้อีกเมื่อกอดของพี่ดินวันนี้มีกลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดียวที่ติดตัวเด็กๆ มาด้วย

“ทานกลางวันหรือยังครับคนดี พาลูกๆ ไปกินข้าวกันนะ”

พี่ดินรั้งตัวเขาให้ลุกจากเก้าอี้

“บ่ายแล้วนะครับ  พี่ดินไม่หาข้าวให้ลูกก่อน  ทำไมหิ้วท้องกลับมาถึงนี่ แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”

กอหญ้าท้วงเมื่อรู้ว่าเด็กๆ ยังไม่ได้กินอะไรกันมา ทั้งๆ ที่เลยมื้ออาหารไปแล้ว

“กินผลไม้และขนมรองท้องมาบ้างแล้ว แกบอกอยากเจออากอหญ้า บ่นคิดถึง
พี่ก็ด้วยอีกคน  ถึงได้รีบพากันกลับมานี่ไง”

พี่ดินพูด  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาบอกเลยว่าคงยิ้มแก้มแทบแตก  แต่วันนี้มันต่างออกไป

“ครับ  งั้นไปกันเลยเนอะเด็กๆ”

แล้วพ่อลูกก็เดินนำออกไป  กอหญ้าเดินตามออกมาได้แต่มองแผ่นหลังของคนที่รักมากค่อยๆ
ห่างออกไป  อาจเพราะเขาเดินช้าไป หรือว่าพี่ดินไม่คิดจะรอ…จนระยะห่างของเรา…มันมากขึ้น


“พรุ่งนี้ต้องไปเยี่ยมแม่รินกันอีกมั้ยครับ”

เด็กชายถามพ่อ พี่ดินเงียบไปนิดนึง

“ไปสิครับลูก ไปให้กำลังใจแม่หน่อยนะ”

พี่ดินพูดกับลูกๆ เด็กๆ จึงพยักหน้า

“แต่ใบข้าวขออยู่กับอากอหญ้า นะคะ”

เด็กหญิงหน้ามุ่ยไม่อยากไป

“งั้นพี่กล้าก็จะไม่ไป พี่จะไปโรงเรียน”

เด็กชายก็จะไม่ยอมไปอีกคน

“ไม่ได้ครับลูกเราบอกแม่แล้วว่าจะไป  สัญญากันแล้วก็ต้องไปสิครับ ไม่งั้นแม่จะเสียใจนะ”

พี่ดินบอกกับลูก กอหญ้านั่งฟังพ่อลูกคุยกัน  อาหารก็จะส่งเข้าปากพาลไม่อยากและกลืนไม่ลง
ทำไมไม่ไปตกลงกันก่อนที่จะมาขัดแย้งกันให้เห็นแบบนี้  กอหญ้าฟังอย่างเอือมๆ เหนือสิ่งอื่นใด
เขารู้สึกว่าตัวเองมาอยู่ผิดที่ผิดทางไปเสียแล้ว


ตลอดบ่ายพี่ดินก็ยังคงหายเข้าไปในไร่อีกตามเคย ส่วนเขาก็ก้มหน้าอยู่กับงานกองพะเนิน
สมองล้าเต็มทีไม่ใช่เกี่ยวกับงานบนโต๊ะ แต่มันล้าเพราะเรื่องส่วนตัวล้วนๆ จนรู้สึกเบลอๆ
ตาชักจะพร่าๆ มัวๆ จึงปิดเปลือกตาลงและความชื้นที่แก้มก็เป็นคำตอบให้ตัวเองได้ดีว่าที่
พร่าและมัวนั้น มันคือหยดน้ำใสๆ ที่ไหลลงมาเป็นทางนี้ต่างหาก

…ไหวไหมนะ…หัวใจ

มื้อค่ำวันนี้ลูกหลานมากันพร้อมหน้า  เจ้ากริชสายด่วนมาอวยพรวันเกิดให้คุณย่า  คุณย่าดูจะชอบใจ
กับคำอวยพรของเด็กแสบที่ให้ท่านอายุยืนถึงร้อยปี และก็เป็นหมอไนท์ว่าที่หลานเขยที่เป็นคนเอา
ของขวัญมาให้คุณย่าแทนเจ้ากริชที่ติดเรียน

พี่ดินโผล่เข้ามาในห้องทานข้าวพร้อมกับเค้กวันเกิดก้อนใหญ่  คุณย่าจึงถามว่าทำไมปีนี้ถึงได้ก้อนใหญ่กว่าทุกที

“ก็นี่เป็นของขวัญที่ครอบครัวผมจัดให้คุณย่านี่ครับ ผมกับลูกๆ แล้วก็เมียผมด้วยไง”

แผ่นดินพูดพร้อมกับดึงกอหญ้าพาไปช่วยจุดเทียนที่ปักอยู่บนเค้ก

“หนูกอหญ้า  นี่ไงล่ะของขวัญ บ่นว่าไม่ได้เตรียมให้ย่า ไม่ต้องน้อยใจแล้วเดี๋ยวเจ้าดินมันก็ต้องเรียก
เก็บจากเราอยู่ดีเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันแล้ว  ชิ้นเดียว…อย่างใหญ่…กินกันทั้งบ้าน เหอะๆ”

คุณย่าหันมาล้อ ทำเอากอหญ้าพลอยได้ยิ้มตามไปด้วย แม้จะมีเรื่องที่ติดใจอยู่บ้างก็ตาม
แล้วเสียงร้องเพลงวันเกิดก็ดังกึกก้องหลังมื้ออาหาร 

คุณย่าเป่าเค้กจนหน้าดำหน้าแดงสร้างเสียงหัวเราะกันยกใหญ่  เพราะท่านถูกแกล้งให้เป่าเทียน
ที่เป่าเท่าไหร่ก็ไม่ดับ  สุดท้ายพี่ดินสงสารจึงดึงเทียนออกจากเค้ก และนั่นทุกคนถึงได้ทานเค้กกันถ้วนทั่ว

หลังจากที่ทานเค้กกันแล้วพี่ดินก็รีบร้อนออกจากบ้านไป โดยไม่ได้บอกอะไรกับใคร
กอหญ้ามองตามแผ่นหลังที่ไกลออกไป พร้อมกับเสียงรถที่แล่นออกไป…เหมือนหัวใจ
มันได้หลุดลอยตามหลังอีกคนไปด้วยอย่างนั้น พี่ทัพชวนคุยไม่หยุด และเมื่อหมอไนท์
กลับไปเขาจึงขอตัวกลับเข้าห้องนอน โดยทีเด็กๆยังคงเล่นกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น


กอหญ้าอาบน้ำเสร็จ เดินเช็ดผมแล้วนั่งลงบนเตียง นึกไปถึงคนที่บอกว่าจะช่วยเช็ดผม
ให้ทุกทีที่สระแค่ขอให้ไว้ผมยาว….นี่ไงเริ่มประบ่าแล้ว แล้วไงล่ะ…ก็ต้องเช็ดเองอยู่ดี
จนผมแห้งจึงลงนอนเกลือกกลิ้งบนเตียง แต่ความกว้างของเตียง…ความรู้สึกที่ว่าขาดใคร
ไปคนนึงทำให้เตียงนอนดูกว้างเกินไปทั้งๆที่มันกว้างเท่าเดิมของมันตั้งแต่ทีแรกแล้ว…
ต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกกี่คืน กี่วันกันนะ และเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

กอหญ้าเอื้อมมือไปควานหา เป็นข้าวหอมที่โทรเข้ามา

(พี่กอหญ้า น้องจะชวนไปเที่ยว คุณแม่ให้มาชวนค่ะ ถ้าพี่กอหญ้าโอเคท่านถึงจะพาไป
นะคะ…ไปดูแสงเหนือกันที่สวีเดน เค้าว่าปีนี้เป็นปีครบรอบที่จะเห็นเด่นชัดและแสงสวยมากที่ซู้ดเลย
ถ้าพลาดต้องนู้นอีกสิบเอ็ดปีถึงได้เห็นเต็มท้องฟ้าแบบนี้ ไปนะคะ น้องอยากไป เขาว่ากันว่าครั้งนึง
ได้เห็นก่อนจะตายก็คุ้มแล้วชีวิตนี้)

“อืม…พี่ขอคิดดูก่อนได้มั้ย ต้องให้คำตอบเมื่อไหร่ครับ”

(สามวันเนอะ แล้วให้น้องขอพี่ดินให้มั้ยคะ)

“หึหึ ยัยตัวแสบ ไม่ต้องหรอก พี่จัดการได้ครับ”

ข้าวหอมชวนคุยอีกนิดหน่อยก็วางสาย…แสงเหนือ ณ สวีเดน ก็ดีเหมือนกัน แล้วเจ้าตัวก็กลิ้งไปมาบน
ที่นอนอีกหลายตลบกว่าจะหลับ


เช้านี้ตื่นมาเดินลงไปชั้นล่าง พบว่าคุณย่ากับพ่อเขตกำลังรอทานเมื่อเช้า พี่ดินกับลูกๆ ไม่อยู่อีกตามเคย

“กอหญ้ามาทานมื้อเช้ากันลูก เจ้าดินกับลูกๆ ไปทานข้างนอกกัน  แม่ระรินขับรถไปชนกับรถตู้
นักท่องเที่ยววันก่อน ดินมันว่าทางนั้นไม่มีใคร สามีก็ไปดูงานต่างประเทศ ญาติก็ไม่มี มาบ่นให้
ฟังว่าตัวมันเองก็งานท่วมแทบไม่มีเวลานอน ยังต้องไปดูคนเจ็บอีก เราก็เข้าใจพี่เขาหน่อยนะ
แค่ไม่กี่วันนี้แหละ เห็นว่าจะจ้างคนอื่นไปเฝ้าแล้วนี่”

คุณย่าพูดให้ฟังยืดยาว เขาก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำเบาๆ

'ครับ ผมเข้าใจ'

ตลอดมื้ออาหารกอหญ้าก็นั่งฟังคุณย่ากับพ่อเขตพูดคุยถึงผลกำไรจากนักท่องเที่ยว และผลผลิตในไร่ที่ออก
สู่ท้องตลาดแล้วเป็นที่สนใจของตลาด น่าชื่นชมกับความสำเร็จนี้จริงๆ แต่เขาที่เป็นแค่กลไกเล็กๆ ที่ช่วยบ้าง
นิดหน่อยเอง จะมีหน้าไปภาคภูมิใจอะไรกับเขากัน


วันนี้เป็นอีกวันที่ผ่านไปอย่างเงียบเหงา ดีหน่อยที่ตอนบ่ายคุณนนท์เข้ามาช่วยสะสางงาน
ที่ออฟฟิศทำให้มีเพื่อนคุยแก้เหงาไปได้ช่วงหนึ่ง

“นายดินงานยุ่งเกินไปแล้วครับ เร่งทำทุกอย่างเหมือนว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้ทำอย่างนั้นแหละ
 คุณกอหญ้าคงเหงาแย่เลยนะฮะ แต่หลังจากนี้ก็คงเบาแล้วละครับ นายดินบอกแบบนั้น”

ชานนท์เล่าไปตามที่ได้รู้ได้เห็นมา เขาเห็นสีหน้าที่ออกจะหงอยเหงาของคุณกอหญ้าแล้วก็เห็นใจ
กับนายที่กลัวคนรักจะลำบากจึงไม่ให้ออกงานกลางแจ้ง และคุณกอหญ้าที่เหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้คนเดียว

“อ่อ ครับ”

คุณกอหญ้าพูดน้อยลงไปมาก

`ความสดใสร่าเริงหายไปไหนนะ นายดินจะรู้บ้างหรือเปล่า`

คุณกอหญ้าก็ออกไปจากห้องเมื่อคุณย่าเรียกถามอะไรสักอย่าง ชานนท์เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่มี
ข้อความไลน์เด้งไม่หยุด จึงเหลือบตามอง

`แพ็กเกจท่องเที่ยวชมแสงเหนือ 5 คืน 7 วัน`

 ชานนท์มองภาพที่ส่งเข้ามารัวๆ และคำถามสุดท้ายที่ผ่านตาไป

`น้องโทรขอกับพี่ดินให้มั้ยคะ เหลือเวลาให้ตัดสินใจแค่สองวันนะ น้องกับคุณแม่รอคำตอบน๊า`

 ชานนท์ไม่ได้คิดจะละลาบละล้วงนะ

`คุณกอหญ้าเปิดหน้าแชททิ้งไว้เอง เครื่องก็ไม่ตั้งล็อก อย่าโทษกันเชียว`

 ชานนท์คิดว่าต้องหาเวลาคุยกับนายดินแล้ว ปล่อยแฟนเหงา แล้วยังมีแม่กับน้องชวนเที่ยวแบบนี้ จะรู้หรือเปล่า


แผ่นดินสังเกตสีหน้าของคนรักตั้งแต่ตอนที่ลูกๆ วิ่งไปกอดวันก่อนแล้ว กำลังงอนเขาอยู่แน่ๆ
หมู่นี้ต้องปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยว ทั้งผลิตผลที่เตรียมส่งออก ทำให้เวลา
ที่เขาจะนอนยังแทบไม่มี เวลาที่จะได้พบหน้าพูดคุยกับลูกเมียก็แทบหมดไปด้วย กลับเข้าบ้านก็ดึกดื่น
เที่ยงคืน ครั้นจะเข้าไปนอนกอดคนตัวเล็กก็เกรงว่าจะตื่น แต่เห็นทีคืนนี้ต้องปราบพยศคนแสนงอนหน่อยแล้ว

เขาอาบน้ำส่งลูกเข้านอนเป็นคืนแรกในรอบเดือนก็ว่าได้ เสร็จแล้วก็รีบไปที่ห้องนอนคนขี้ใจน้อยก่อนที่
จะถูกปิดตาย…ทีนี้จะยุ่งยากกันไปใหญ่

ชานนท์โทรมาว่าแม่ยายกับยัยน้องสาวตัวแสบจะพาเมียเขาเที่ยวตั้งสวีเดนรู้บ้างมั้ย
ทำเอาเขาต้องรีบกลับเข้าบ้านแทบไม่ทัน

“ที่รัก นอนหรือยัง หืม…”

คนบนเตียงสะดุ้ง เขาจึงเข้าไปกอดรัดและซุกไซ้จมูกไปที่ซอกคอขาว  ขบเม้มลงโทษที่ทำลืมกันได้

“พี่ดิน อย่าทำรอยสิ อ๊ะ”

ยิ่งถูกห้ามยิ่งต้องทำเยอะๆ จากที่ต่อต้านแข็งขืนตอนนี้ตัวอ่อนอย่างกับขี้ผึ้งถูกไฟลน
เขารู้ว่าคนรักไม่ชอบแบบนุ่มนวล จึงขบเม้มดูดดึงผิวในร่มผ้าสร้างรอยไปทั่ว ตามแต่ริมฝีปากจะลากผ่าน

“พี่ดิน อื้อ…เบา…อ๊ะ พี่…”

กอหญ้าบิดเร้าไปตามแรงที่บดเบียดเข้าหา เสื้อผ้าไม่ไม่มีเหลือติดกาย กลิ่นกายที่ห่างหายมานาน
พอได้แนบชิดเสมือนไฟที่ถูกเติมเชื้อให้ลุกโหม พี่ดินดุดัน สร้างความแปลกใหม่ได้ไม่รู้จบ  เสียงหอบกระเส่า

“คนดี  ที่รักของพี่ อ่าห์ อื้ม…”

เสียงที่แตกพร่าและมือใหญ่ที่ลูบไล้สลับกับบีบเค้นที่แก้มก้น  กอหญ้าจิกเล็บลงที่เอวเมื่อความเสียวสุดกลั้น
จู่โจมเข้ามา กอหญ้างับที่กล้ามแขน ทำเอาพี่ดินสะดุ้งและโน้มหน้าลงมาครอบดูดปากเขาจนชา

“อ่ะ พี่ดิน พี่ดิน”

กอหญ้าเผลอครางเรียกชื่อพี่ดิน ยิ่งถูกเรียกคนพี่ยิ่งเร่งจังหวะและลงน้ำหนักลงอีก เหงื่อโทรมกาย
ยิ่งเพิ่มความซ่านกระสันเข้าไปอีก กอหญ้าถูกจับให้หันหลังคู้เข่ากับที่นอนและร่างกำยำก็มาซ้อน
ที่แผ่นหลัง ปากยังไล่งับใบหูของเขาทำเอาขนลุกเกรียว

กว่าบทเพลงรักที่มีท่วงทำนองยาวนานจะจบลง  ทำพี่ดินและเขาต่างครางกันระงมไม่รู้ว่าเสียงใคร
เป็นเสียงใครและเสียงสุดท้ายเป็นเสียงครางที่ผสมกับการกัดฟัดกรอด

“รักที่สุด  นะครับเมีย”

“รักเหมือนกัน”

สักพักคนข้างๆ ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ กลับมาพร้อมผ้าขนหนูซับน้ำ เช็ดทำความสะอาดให้ทุกซอกมุมเหมือนที่
เคยทำให้ เขาถูกอุ้มไปวางที่โซฟาพร้อมผ้าห่มที่ห่อกายให้

“คนดี พี่เปลี่ยนผ้าปูแป๊บนะ”

สักพักพี่ดินก็กลับมาช้อนมืออุ้มเขาวืดขึ้น จนเขาต้องคว้ากอดคอไว้ และถูกวางลงบนเตียงที่มีผ้าปูกลิ่น
หอมสะอาดน่านอน รู้สึกถึงสัมผัสที่ข้างขมับ และมือที่ลูบหลังให้อย่างเพลินๆจนความง่วงงุนมาเยือน


ฟ้าใกล้สางแล้ว กอหญ้ารู้สึกอ้อมกอดอุ่น ขยับกายออกนิดนึงแต่กลับถูกกอดแน่นเข้าไปอีก
เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอย่างนั้น

“รักนะ คนดี”

พี่ดินงึมงำบอกรัก 

“รักพี่ดิน อย่า ทิ้ง กัน”

กอหญ้าพูดกับอกคนหลับ แม้พี่จะไม่ได้ยิน แต่เขาก็อยากจะพูด ทุกความรู้สึกมันประดังกันเข้ามา
จนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ จึงยกมือขึ้นกรีดน้ำตาออกทางหางตา และเผลอสูดน้ำมูก

“ชู่วว ไม่ร้องนะ พี่รักหนูนะครับ อย่ากลัว…กอหญ้าเป็นรักแรกของพี่และจะเป็นรักเดียว…ตลอดไป
พี่กับรินไม่เคยรักกันเราอยู่ด้วยกันเพราะหน้าที่และลูก  เขากับพี่ไม่มีทางที่จะหวนกลับมาเป็นเหมือน
เดิมในเมื่อพี่เจอคนที่พี่รักได้หมดทั้งหัวใจแล้ว”

กอหญ้าอึ้งที่ได้ฟังพี่ดินพูด เขาเป็นรักแรกของพี่ดินอย่างนั้นเหรอ

“ขอโทษที่พาลูกๆ ออกไปหาเขาโดยไม่ได้บอกอะไร ถ้าการที่พี่ไม่พูดไม่คุยแล้วเราต้องเสียใจ
น้อยใจแบบนี้ พี่ต้องบอกก่อนแน่ๆ ยกโทษให้พี่นะครับ ต่อไปหากจะยากลำบากพี่จะพาเราไปด้วย
เราจะสู้และฟันฝ่าความยากลำบากไปด้วยกัน ไม่ให้อยู่คนเดียวแล้วนะ ตัวดำหมดหล่อเลยด้วย”

กอหญ้าสวมกอดพี่ดินแน่นเข้า ทุกความเสียใจน้อยใจหายไปจนหมด แค่คำว่าขอโทษ…
และคำที่ว่า…เราจะฟันฝ่าความลำบากไปด้วยกัน แค่นั้นจริงๆ

“สัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวอีก”

กอหญ้าทวงคำสัญญา แผ่นดินลูบหัวและกดจูบที่ขมับ

“ครับ พี่จะรักและดูแลไม่ปล่อยให้เหงา”

กอหญ้าเงยหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางของเขา เป็นกิริยาน่ารักที่เจ้าตัวชอบทำเวลาที่ถูกใจพอใจอะไรสักอย่าง
เหมือนว่าได้ดั่งใจ

“เรามาทบทวนบทเรียนกันใหม่มั้ย เมื่อคืนชักจะลืมๆไปแล้ว”

พูดจบก็ถูกกำปั้นทุบอึ้กที่หน้าอกจนต้องรวบมือที่ทำร้ายมาแนบแก้มแทน

“วันนี้จะตื่นสายเหรอครับ ไม่ลุกซะทีล่ะ”

กอหญ้านึกสงสัยที่พี่ดินไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปจากเตียง

“วันนี้จะกกเมีย เดี๋ยวเมียหนีเที่ยวพี่ก็ต้องนอนแห้งและเฉาตายสิ แล้วเนี่ยพี่น่ะรุก…ตั้งนานแล้ว
 แต่เราน่ะไม่ยอม…รับเอง”

กอหญ้าเหน็บเนื้อที่เอวพี่ดินไปที ที่พูดจาสองแง่สองง่าม

“หูย…ทำร้ายสามีจังครับเช้านี้ คืนนี้ค่อยดุใส่พี่นะ…ขอแบบดุสุดๆ โอ๊ย…เดี๋ยวไม่มีใช้กันนะครับ”

แผ่นดินถูกตีที่กึ่งกลางลำตัวที่มันกำลังตื่นตัว และกำลังไปดุนดันที่สีข้างของอีกคนเพื่อทักทายยามเช้า

“หื่นๆ นี่แหน่ะ”

โดนบิดเนื้อและจิกปลายเล็บลงที่กล้ามท้อง แผ่นดินเจอแบบนี้จึงยกมือยอมแพ้
แต่เขาได้คาดโทษเอาไว้ในใจแล้วว่า

`คืนนี้เถอะ ดุนักใช่มั้ย หึ่ม`




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด