พิมพ์หน้านี้ - ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 06-03-2019 14:43:21

หัวข้อ: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 06-03-2019 14:43:21
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


 ~ คำโปรย ~

ชีวิตคนเราก็เหมือนนิยายเรื่องหนึ่ง  ในระหว่างทางเดินของแต่ละตัวละคร
ต้องพานพบกับเรื่องที่ทุกข์และเรื่องที่สุข  บางเรื่องที่เจอกับตัวทำให้ร้องไห้
จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด  แต่บางเรื่องก็ทำให้เรายิ้มหรือหัวเราะได้
ทั้งน้ำตา อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน  เช่น นายข้ามฟ้า
ที่เผชิญเรื่องราวและผู้คนมากมายจนชีวิตมาถึงจุดที่เปลี่ยนเขาไปตลอดกาล


          ***********************************


“บอกว่าอย่ามาจับตัวไงเล่า  สกปรก… อ๊าก!!!”

“กอหญ้า!  หยุดเดี๋ยวนี้นะ  จะถูทำไมนัก  ถลอกหมดแล้วเนี่ย
 บอกมาสิ  เป็นอะไร?”

“สกปรก!  อย่าจับ!  ล้างมือ  ต้องล้างมือ  ปล่อย ฮือฮือ”

“ชู่ๆๆ  ไม่สกปรก  ไม่เลอะนะ  นิ่งๆ นะกอหญ้า  หายใจลึกๆ
ไม่มีอะไรน่ากลัว  นิ่งซะ”

“คุณเป็นใคร  ผมเคยได้ยินเสียงนี้”


สารบัญ
1  ข้ามฟ้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3951858#msg3951858)
2  ชีวิตพลิกผัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3952865#msg3952865)
3  ครอบครัวแผ่นดิน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3952874#msg3952874)
4  นายคือกอหญ้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3953227#msg3953227)
5  คู่กัดหรือคู่กัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3953233#msg3953233)
6  ฟื้น...เกลียดสัมผัส (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3956812#msg3956812)
7  ผมไม่ใช่ข้ามฟ้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3956819#msg3956819)
8  ไปอยู่บ้านพี่ดิน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3956826#msg3956826)
9  นายอำเภอคนใหม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3957047#msg3957047)
10  เมื่อนิตยสารวางแผง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3957974#msg3957974)
11  พิสูจน์ใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3957979#msg3957979)
12  ไปตลาด  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3957982#msg3957982)
13  เรื่องวุ่นๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3958416#msg3958416)
14  ถูกลอบวางเพลิง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3958422#msg3958422)
15  ความจำกลับคืน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3958826#msg3958826)
16  พี่ดินคนดื้อ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3958984#msg3958984)
17  จับขโมย
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3958991#msg3958991)18  คนขี้หวง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3958994#msg3958994)
19  คืนฝนตก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3959205#msg3959205)
20  แหวนคู่แทนใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3959255#msg3959255)
21  ส่วนหนึ่งของครอบครัว (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3959514#msg3959514)
22  มื้อค่ำนอกบ้าน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3959539#msg3959539)
23  กันและกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3959863#msg3959863)
24  น้องสกาย 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3959869#msg3959869)
25  น้องสกาย 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3959871#msg3959871)
26  มื้อเย็นหรรษา (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3960279#msg3960279)
27  แค่เรารักกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3960295#msg3960295)
28  เหตุวุ่นวาย 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3960360#msg3960360)
29  เหตุวุ่นวาย 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3960385#msg3960385)
30  เหตุวุ่นวาย 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3960732#msg3960732)
31  ออกสื่อ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3960819#msg3960819)
32  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3960919#msg3960919)
33  กลับมาเป็นข้ามฟ้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961051#msg3961051)
34  คุณย่าออกโรง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961069#msg3961069)
35  เกิดเรื่อง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961095#msg3961095)
36  พลังแห่งรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961325#msg3961325)
37  ทางเดินชีวิต (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961409#msg3961409)
38  ทางที่เลือกเดิน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961414#msg3961414)
39  ก้าวต่อไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961431#msg3961431)
40  เที่ยวชมไร่ 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961669#msg3961669)
41  เที่ยวชมไร่ 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961675#msg3961675)
42  ถูกสะกดรอยตาม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961681#msg3961681)
43  ภัยมืด 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961718#msg3961718)
44  ภัยมืด 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3961732#msg3961732)
45  รับเคราะห์แทน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962107#msg3962107)
46  ก้าวไปพร้อมกัน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962118#msg3962118)
47  ในความทรงจำ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962313#msg3962313)
48  ในความทรงจำ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962722#msg3962722)
49  ถ่ายละคร (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962732#msg3962732)
50  จุดจบตัวร้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962750#msg3962750)
51  เมาเหล้าหรือเมารัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962850#msg3962850)
52  ดูแล (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962920#msg3962920)
53  ใครเหนือกว่า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3962930#msg3962930)
54  ปวดใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3963179#msg3963179)
55  ปลดพันธนาการ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3963498#msg3963498)
56  อดีตที่ผิดพลาด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3963501#msg3963501)
57  ช่วงเวลาสำคัญ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3963506#msg3963506)
58  รักยิ่งใหญ่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3963854#msg3963854)
ตอนพิเศษ 1 แฟนหมอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3963869#msg3963869)
ตอนพิเศษ 2 ยังรักอยู่มั้ย? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3964059#msg3964059)
ตอนพิเศษ 3 อยากได้ยินว่ารัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69771.msg3967248#msg3967248)



ตอนที่ 1  ข้ามฟ้า

“เซตสุดท้ายแล้วนะข้าว  จบงานนี้ได้พักกันยาวๆแล้วล่ะ  ตามคำขอเลยจ้ะน้องรัก”
 
คะน้าหญิงสาวร่างสูงโปร่ง  ผิวเนื้อสองสี  ดวงตาคมเรียว  รับกับจมูกที่โด่งรั้น
จัดว่าเป็นหญิงสาวสวยที่ทั้งเก่งและมาดมั่น

คะน้าเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับนักแสดงหนุ่ม ข้ามฟ้า เหนือเวหา
ผู้ก้าวขึ้นมาจากเส้นทางการประกวดเฟ้นหาดาวดวงใหม่ของวงการในงานประกวด
‘Mr.perfect’ นั่นเอง

“พี่คะน้า  ข้าวขอไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะฮะ”
หนุ่มหล่อในสังกัดเอ่ยปากพร้อมกับเดินออกไปยังระเบียงห้อง
คะน้าอ้าปากจะทัดทานแต่ได้เห็นเพียงเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวประบ่าของเด็กหนุ่มเท่านั้น

คะน้าถอนหายใจ ดวงตาทอดมองแผ่นหลังและไหล่กว้างที่มือข้างซ้ายยึดจับกับราวระเบียง
ส่วนอีกมือก็กดโทรศัพท์แนบไว้หลังหู  ท่าทางที่เดินวนกลับไปกลับมาอยู่พักนึง
แล้วก็ผลุบกลับเข้ามาในห้องแต่งตัว

คะน้ารู้เลยว่าน้องไม่ได้ดั่งใจนัก
สังเกตได้จากใบหน้ารูปไข่ที่มีดวงตาสีน้ำตาลหวานปนเศร้า  และคิ้วเข้มๆ
ที่ขมวดกันจนแทนเป็นก้อนเหนือเปลือกตา  แล้วยังจะอาการกระแทกกระทั้นตัวลงนั่งอีก

 “ข้าวอย่าเครียดสิ  พี่ไม่อยากเห็นเราเป็นแบบนี้  ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ก็ปล่อยๆ
ไปเถอะ  อนาคตข้าวยังต้องไปอีกไกลกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เหนื่อยขนาดไหน
อย่าลืมสิ!  อย่าให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวมาดับอนาคตตัวเอง”

คะน้าได้แต่เตือนสติเด็กหนุ่มกลับไป  ด้วยเพราะรักและเป็นห่วงทำให้เธอต้องพร่ำเตือนอยู่ตลอด

“พี่คะน้า  ข้าวติดต่อขิมไม่ได้เป็นเดือนแล้วนะ  จะไม่ให้ทุกข์ร้อนได้ไง
คนรักทั้งคนนะพี่  ถึงเราจะทะเลาะกันบ่อยมันก็แค่เรื่องเล็กน้อย
สุดท้ายเราก็ปรับความเข้าใจกันได้  แต่นี่เล่นตัดหนทางติดต่อ
ไม่ใช่เพราะงานที่รัดตัว  จนแทบหายใจไม่ออกเหรอฮะ  ขิมถึงเอามาเป็น
ประเด็นชวนทะเลาะ  เหนื่อยนะฮะแต่ก็อยากให้เธอเข้าใจ”

ชายหนุ่มตัดพ้ออย่างท้อแท้ใจ  คนฟังได้แต่ส่ายหน้าด้วยไม่รู้จะพูดยังไงให้น้องหายเศร้า


 “เอาน่ะข้าว  เตรียมตัวกับงานชิ้นนี้ให้ดี  เอาให้สุดๆ ไปเลย  แล้วสิ่งดีๆ
มันจะเข้ามาหาเราเอง  นู้น!  พี่ดลมาชะเง้อหลายรอบแล้ว
เกรงใจแกหน่อยค่าเช่าสตูดิโอนี่ก็แสนจะแพง ไปประจำที่ตัวเองได้แล้ว
แล้วค่อยคุยกันใหม่”

พี่คะน้าเอ่ยถึงพี่ภูดล  ช่างภาพมือโปร  หัวฟูๆ มาดเซอๆ ที่เป็นช่างภาพมือทองอยู่ในขณะนี้
งานที่พี่ดลถ่ายดังเป็นพลุแตกทุกราย

ข้ามฟ้าลมสูดหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกพลังใจกลับ
คืนมา  เขายืดตัวตรงและลุกขึ้นก้าวเท้าไปหาตากล้องตัวหนาที่เซตกล้องรอ

“มาเลยข้าว  ถอดเสื้อกับกางเกงออก  เอาผ้าขนหนูห่อไว้ซะหน่อย
เออนั่นแหละ  กร...เอ็งไปจัดท่าให้ข้าวมันที  ดูดีๆ ให้เซ็กซี่หน่อยๆ
เอาชนิดว่าผู้ชายน้ำลายหกและแม่ยกมันมดลูกสะเทือนไปเลยเป็นพอ
เห่ย! กร ไม่ต้องเปลือยขนาดนั้น  แค่พอมีมิติแบบน่าค้นหาหน่อย
นั่นแหละประมาณนั้น มองมาที่กล้องนะข้าว  อย่ามองแบบพุ่งๆนะ
เอาแบบอ้อนหน่อยๆ  เว้าวอนนิดๆ  คะน้าเว้ย!  ช่วยให้ใครไปซับหน้า
ออกหน่อยเติมแป้งอีกนิดด้วย  เจอไฟหน้าเยิ้มไปหมดแล้ว”

ภูดลยังคงพูดเองเออเองไปคนเดียวไม่ได้หยุด  และหันไปกระดกขวดน้ำดื่ม
พอเมคอัพหน้าให้นายแบบเสร็จก็เริ่มงานต่อทันที


“เอ้า! ทุกอย่างพร้อมนะข้าว  แสงดี  ตาอย่าตกมองมาที่พี่
ใช่แล้ว...แบบนั้นแหละ  ตาอ้อนจริงๆ เลยว้อย!”

พี่ดลยังคงพูดคนเดียวอีกตามเคย  นิ้วก็รัวชัตเตอร์ไม่หยุด
หมุนหาองศาแทบจะลงไปนอน  ท่าเยอะเอามากๆ 


ข้ามฟ้าถูกขอให้รับงานเพราะผู้ใหญ่ตกปากรับคำกันไว้  จนทำให้เขา
ต้องอยู่ในชุดผ้าน้อยชิ้นแทบจะเป็นถ่ายนู้ดอยู่แล้ว
ถึงใครจะมองว่าเป็นภาพศิลป์  งานศิลป์ถ้ามากไปกว่านี้
เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะทำเหมือนกัน




“เยี่ยมมากทุกคนเก็บของเสร็จไปฉลองกันที่ผับตรงข้ามสตูนี้นะ
คะน้ากับข้าวไปด้วยกันนะ  รู้มั้ย”

ข้ามฟ้าหันไปส่งยิ้มให้พี่ดล  อ้าปากจะขอตัว  แต่พี่ดลหันไปคุยกับพี่คะน้าซะก่อน


“ภาพเสร็จจะส่งให้ดูนะคะน้า  แกไม่ต้องมาจิกตาใส่พี่เลย
ถ้ารูปไม่ดีจริงพี่ไม่ปล่อยออกมาลงปกหรอก  ไม่โป๊เกินไป
แต่ว้าว!  แน่งานนี้  ฮ่าฮ่า”

พี่ดลคุยเสียงดังกับพี่คะน้าแล้วพากันหัวเราะ


“พี่ดล  พี่คะน้า  ข้าวมีธุระต้องไปจัดการ ขอโทษด้วยครับที่ไปฉลองกับพี่ๆ
ไม่ได้ ไว้โอกาสหน้านะครับ”

ข้ามฟ้าหันไปขอโทษทุกคนรวมทั้งทีมงาน  ซึ่งทุกคนต่างก็พยักหน้าเข้าใจ



ข้ามฟ้ารีบกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวฉวยเสื้อยืดกางเกงยีนชุดเดิมมาเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
และคว้ากระเป๋าเป้มาสะพายข้างพร้อมกับถลาไปที่ลิฟต์โดยไม่มองหลัง


“ข้าว!  รีบอะไรขนาดนั้น  รอพี่ด้วย”
คะน้าวิ่งตามและแทรกตัวเข้าในลิฟต์  ทำหน้าดุ  เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ

“ข้าวจะไปหาขิม  ถึงแล้วจะโทรหานะครับ  ไม่ต้องห่วงนะ”

ข้ามฟ้าบอกกับหญิงสาวที่ดูแลห่วงใยเขาไม่ต่างจากพี่น้อง


“รักตัวเองให้มากและดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะข้าว
บอกน้าช่อรึยังว่าจะไปไหนมาไหน  อย่าให้แกมาว่าพี่ได้ล่ะ”

ปากสวยๆพูดเตือนน้องอีกตามเคย


“ข้าวไปไม่กี่วันก็กลับ  วันนี้แค่จะกลับไปจัดเก็บห้องแล้วแพ็กกระเป๋า
พรุ่งนี้เย็นถึงจะบิน”

ข้ามฟ้าพูดและขมวดคิ้วยุ่งเมื่อนึกถึงแม่เลี้ยงที่ยุ่มย่ามเจ้ากี้เจ้าการ
กับชีวิตเขาไม่ได้หยุดหย่อน


“อย่าลืมรักตัวเองนะข้าว  มีอะไรอย่าปิดบังพี่  โทรหาพี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ดึกดื่นเที่ยงคืนยังไงพี่ก็จะทิ้งผัวและลากสังขารไปหาเรา
ทุกที่…ขอแค่บอก”

พี่คะน้ามาโหมดซึ้งอีกแล้ว  ข้ามฟ้าเข้าไปสวมกอดพี่สาวใจดีที่ลูบหลังเขา
อย่างอ่อนโยน  พอลิฟต์ถึงชั้นจอดรถจึงผละออกมา  แล้วส่งยิ้มให้กันอีกที
ทั้งสองแยกย้ายกันไปที่รถตัวเอง  พี่คะน้าโบกมือให้ก่อนที่จะเคลื่อนรถนำไปก่อน
ข้ามฟ้าจึงขึ้นรถสปอร์ตคันหรูสีดำเงาวับของตนขับออกไปไล่ๆกัน



ณ คอนโดหรูใจกลางเมือง  ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นเยี่ยม
ทำให้ข้ามฟ้าตัดสินใจเลือกซื้อที่นี่ไว้เป็นที่ส่วนตัว  ที่ปลอดจากสายตา
ของคนนอก


เขาซื้อมันด้วยน้ำพักน้ำแรงที่หามาได้  ถึงราคาจะแพงลิบลิ่วแต่เพราะเขา
ต้องการความเป็นส่วนตัว  ที่ไม่ต้องทนจุกจิกรกหูกับเรื่องที่แม่เลี้ยงชอบหา
มาให้  น้าช่อแก้วเธอติดการพนันอย่างหนัก  ชอบดูดเงินจากเขาไปละลาย
ในบ่อนการพนัน  เขาจึงเลือกที่จะอยู่คอนโดแทนการกลับไปบ้าน
แม้ว่าบ้านนั้นจะเป็นของพ่อแต่ท่านก็เสียชีวิตไป บ้านจึงกลายเป็นสมบัติของ
น้าช่อแก้วไปโดยปริยาย



ข้ามฟ้าออกจากลิฟต์ได้ก็เดินตรงไปที่ประตูหน้าห้องเอื้อมมือจะแตะคีย์การ์ด
ชะงักมือเมื่อพบกับหนุ่มน้อยตัวขาวปากแดง  ผมเผ้ายุ่งเหยิงที่เหมือนว่าเจ้าตัว
จะเพิ่งลุกจากที่นอน  ส่งยิ้มทักทายมาให้  สองมือยังโอบตะกร้าผ้าใบโตไว้ด้วย

“อ้าวกริช  จะไปไหน  หืม?”
ข้ามฟ้าเอ่ยทัก  แล้วชี้มือมาที่ตะกร้าผ้า  เด็กหนุ่มวางตะกร้าลงที่พื้นหน้าห้อง


“สวัสดีครับพี่ข้าว  ผมไปเอาผ้าที่ซักไว้น่ะครับ  เผลอหลับไปนึกขึ้นได้ว่าลืมผ้าไว้
ที่ตู้หยอดเหรียญ  ถึงได้รีบกลับลงไปเอาน่ะครับ  นี่พี่ข้าวก็กลับค่ำมากเลยนะฮะ
มีงานละครเหรอ”

หนุ่มน้อยเป็นแฟนคลับตัวยงของข้ามฟ้าซึ่งเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ
นั่นเอง  บ้านต้องมีฐานะพอควรไม่อย่างนั้นคงไม่กล้ามาอยู่คอนโดหรูระดับนี้แน่ๆ
กริชเป็นเด็กอัธยาศัยดี  ไม่ลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขา  จนข้ามฟ้าเอ็นดูเป็นพิเศษ


“ละครถ่ายเสร็จหมดแล้ว  รอลงจอน่ะ  ตอนนี้ถ่ายปกนิตยสาร
ถ้าเล่มเสร็จก่อนที่จะวางแผงพี่จะเอามาให้เรานะ”

ข้ามฟ้าบอกน้องทำเอาเจ้าเด็กหนุ่มยิ้มแก้มแทบแตก


“โหๆ ดีจังเลยฮะพี่ข้าว  ผมจะได้ผลงานของพี่คนแรกอีกแล้วสิ
ปลื้มปริ่มจนนอนไม่หลับแน่คืนนี้”

กริชทำท่าดีอกดีใจเป็นการใหญ่แต่ไม่วายพูดทะเล้น


“น้อยๆ หน่อยเจ้ากริช  เออ! พี่จะไม่อยู่สักพักนะจะไปทำธุระที่ต่างประเทศ
เราก็ตั้งใจเรียนอย่าเกเรล่ะ  รู้มั้ย”
 
ข้ามฟ้าบอกเล่าให้เด็กหนุ่มฟังและยกมือยีหัวน้องที่ยืนหน้าจ๋อย


“ผมจะไม่เกเรครับ  พี่ข้าวเป็นไอดอลของผมเลยนะ
ผมจะเก่งให้ได้อย่างพี่  ว่าแต่พี่ข้าวไปพักเถอะฮะ
ดูแลตัวเองดีๆ และขอให้เดินทางปลอดภัยนะฮะ
พักผ่อนเยอะๆ ด้วยหน้าหมองไปหน่อยแล้ว”

กริชสังเกตหน้าพี่ข้าวไม่สดใสเหมือนเคยจึงอดเป็นห่วงไม่ได้


“ครับตัวแสบ  เรารับปากพี่แล้วนะว่าจะไม่เกเรต้องทำให้ได้ด้วยล่ะ
พ่อแม่เราจะได้ภูมิใจ  ไปนอนได้แล้วไป”


พี่ข้าวยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงตัวสวย  ใบหน้าหล่อแบบหวานๆ
ยิ่งยิ้มแบบนี้น่ารักกว่าตอนทำหน้านิ่งเป็นไหนๆ เด็กหนุ่มคิด
แล้วจึงโบกมือให้ก่อนที่จะผลุบหายเข้าห้องตัวเอง


พอเข้ามาด้านในได้ก็ยืนพิงประตูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนทุกครั้ง
โชคดีที่เจอนายแบบในดวงใจก่อนเข้านอน






“ขิมยังไม่กลับไทยตอนนี้  คุณแม่ท่านจะให้ขิมเรียนต่ออีกค่ะ”

“พี่ไม่เห็นรู้เรื่อง  ไหนขิมบอกจบนี่แล้วจะกลับไทย”

“ก็ขิมพูดอยู่นี่ไงล่ะ  อีกอย่างพี่มาก็ดีแล้ว  ขิมต้องหมั้นกับพี่ตฤน
เรื่องของเราจบแค่นี้เถอะนะ”

“ว่าไงนะขิม  หมั้นอะไร  ยังไง  แล้วพี่ล่ะ”
ข้ามฟ้าหูอื้อ  เขาฟังไม่ผิดแน่

“ลูกชายเพื่อนคุณพ่อ  ท่านไม่เห็นด้วยที่เราคบกันพี่ข้าวก็รู้
 อีกอย่างท่านเป็นถึงรัฐมนตรีลูกเขยท่านก็ต้องเป็นคนระดับเดียวกัน”

“เหอะๆ ที่ผ่านมาพี่มันก็แค่ดาราที่ต่ำต้อย  ไม่รู้ชาติกำเนิดที่ชัดเจน
อย่างนี้สินะ  ขิมถึงไม่ติดต่อพี่เลย”

“พี่ข้าวต้องเข้าใจ  อาชีพอย่างพี่  วันนึงก็ต้องถูกสื่อมวลชนขุดคุ้ยเรื่องทางบ้าน
ถ้าวันนั้นมาถึงเรื่องของเราคุณพ่อท่านไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่
เราเลิกกันเถอะนะ”

หญิงสาวร่างโปร่ง  เอวคอด  ที่สวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นตรงหน้า
สีหน้านิ่งเรียบไม่บ่งบอกว่าจะเศร้าเสียใจอะไรเลย
วาจาที่พูดออกมากลับเสียดแทงจิตใจคนฟังเหลือเกิน


'ทำไมถึงได้ตัดรอนความสัมพันธ์อย่างไม่มีเยื่อใยแบบนี้'


เขาสู้อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงออสเตรเลียเพื่อพบว่า
เธอกำลังจะหมั้นและไม่ได้มีอาการอะไร
เหมือนเธอกับเขาเป็นแค่คนที่รู้จักกัน…หรือว่าเขาเป็นแค่คนผ่านทาง
…เขาคงเป็นได้แค่นั้น…จบแล้วเรื่องของเขากับเธอปิดฉากลงแล้ว





ข้ามฟ้าหาเที่ยวบินกลับไทยอย่างรีบด่วน  เขาไม่อาจทนอยู่ต่อแม้เสี้ยววินาที
ความรักที่เขามีให้เธอมันดูไร้ค่า ไม่คู่ควร  ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

เขาย้อนนึกไปถึงความหลัง  วันที่พบกัน  เขาไปงานโชว์ตัวที่ผับดัง
แล้วขิมก็เข้ามาขอเบอร์ติดต่อ  จากนั้นทั้งสองก็สานสัมพันธ์กันมา
เธอก็เหมือนเด็กวัยรุ่นที่อยากมีแฟนเป็นดารา 

พอคบกันไปด้วยความไม่พร้อมของเขา
ทั้งเวลาที่เขาแทบไม่มีให้เธอ  และฐานะที่ไม่ได้ดีอะไรมากนัก
แล้วยิ่งเมื่อเธอได้รู้ว่ามารดาที่ให้กำเนิดของเขาไม่มีตัวตนไม่รู้ว่าเป็นใคร
เธอดูผิดหวัง

‘พี่ข้าว  ไม่รู้จริงเหรอว่าแม่พี่เป็นใคร’

‘แม่คลอดพี่ได้ประมาณเดือนเดียวท่านก็ทิ้งพี่ไปแล้ว’

‘พี่ไม่โกรธเหรอ ถ้าเป็นขิม คงไม่มีวันให้อภัย’

‘แม่ให้พี่เกิดมามีวันนี้ได้ก็พอแล้ว ท่านคงมีเหตุผลที่ทำอย่างนั้น ช่างเถอะอย่าพูดถึงเลย’




ข้ามฟ้านึกถึงเหตุการณ์ในครั้งแรกๆ ที่คบกัน
นี่สินะ  ความไม่คู่ควรที่เธอบอก

 

พ่อของเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อ 8 ปีก่อน
น้าช่อแก้วที่เป็นแม่เลี้ยงจึงเลี้ยงดูเขาเรื่อยมา
แม้เธอจะไม่ค่อยเต็มใจแต่เงินประกันชีวิตที่พ่อทิ้งไว้
และบ้านที่ท่านสร้างก็พอจะรั้งให้เธอจำต้องทำหน้าที่นั้น
เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิงเงินที่เขาหามาได้  แม้จะต้องถูกเธอรีดไป
แต่เขามองว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่เธอไม่ทอดทิ้งให้เขาต้อง
โตมาโดยลำพัง   และนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลที่เขาถูกทิ้ง



‘ฐานะและชาติกำเนิด’

ข้ามฟ้าปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้า

ความเจ็บปวดที่ได้รับครั้งนี้ทำให้รู้สึกว่าพอกันทีกับความรัก…

‘อย่าให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวมาทำให้อนาคตต้องพัง’


‘นั่นสินะ!  ชีวิตต้องเดินไปอีกไกล’

‘ไม่คาดหวัง…จะไม่ผิดหวัง’

ข้ามฟ้าบอกกับตัวเอง


***********************************
'ข้ามฟ้ามาสู่ดิน'
เป็นเรื่องที่สองแล้วค่ะ  ฝากผลงานด้วยค่ะ แสดงความคิดเห็น
ติ ชม กันได้นะคะ ขอบคุณค่ะ ใครยังไม่เคยอ่านเรื่อง 'ภูรักฟ้า'
ตามไปอ่านกันได้นะคะ
                                                           
                                                                เส้นขอบฟ้า










หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 2 ชีวิตพลิกผัน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 09-03-2019 09:12:34
ตอนที่ 2 ชีวิตพลิกผัน

ข้ามฟ้าจำเป็นต้องจัดกระบวนการทางความคิดและให้เวลากับตัวเองสักพักก่อน
เขาจึงจะกลับไปทำงาน  เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเขาจึงหาตั๋วเที่ยวบินระหว่างประเทศ

‘ไปเชียงใหม่แล้วกัน’

เขานั่งเครื่องต่อไปทางเหนือของประเทศ  ข้ามฟ้าปิดเครื่องมือสื่อสาร
ความอ่อนล้าจากการเดินทางทำให้รู้สึกมึนๆ เขาจึงหาโรงแรมเพื่อให้ร่างกายได้พัก
เขาได้ที่พักที่ไม่ห่างจากตัวเมืองมากนัก

ชายหนุ่มสวมหมวกและใช้แว่นกันแดดกับแจ็คเก็ตตัวโคร่งอำพรางตัว
มีคนที่ทำท่าจะเข้ามาทักหลายต่อหลายคน  ด้วยเพราะไม่มั่นใจจึงเลยผ่านเขาไป
จนสุดท้ายข้ามฟ้าก็ได้นอนบนที่นอนแสนนุ่ม  และหลับด้วยความอ่อนเพลียในที่สุด


“ขอเช่ารถครับ”
ข้ามฟ้าเข้าไปติดต่อขอเช่ารถตามที่เสิร์ชหาในมือถือ

“ครับ  วันละหนึ่งพัน  ขอหลักฐานบัตรประจำตัวด้วยครับ”
เจ้าของรถเช่าตาโตที่เห็นบัตรประชาชนของข้ามฟ้า
กำลังจะอ้าปากบอกพรรคพวกลูกน้องในร้าน  ข้ามฟ้าก็คว้าแขนไว้แล้วยกนิ้วจุ๊ปาก

“ขอโทษครับ  ผมขอความเป็นส่วนตัวครับพี่  ช่วยผมหน่อยนะ”
ข้ามฟ้าขอร้อง  พี่แกจึงเอามือปิดปาก  หน้าตาตื่นเต้นสุดๆ
ด้วยความที่มีคนดังมานั่งตรงหน้า  ทั้งงานแสดง  งานโฆษณา
ใครๆ ก็รู้จักเขาพอสมควร

“ตามสบายครับ  คุณข้ามฟ้า  ขอให้มีความสุขในการท่องเที่ยวครั้งนี้
หากไม่ได้รับความสะดวกอะไร  แจ้งผมได้ตามสติกเกอร์ที่ติดข้างรถเลยครับ”
เจ้าของรถให้ความเป็นกันเอง  ข้ามฟ้ารับกุญแจรถมาถือไว้

“ขอบคุณครับ”
เขากล่าวขอบคุณ  ก่อนจะเดินไปที่รถและขับออกมา


ข้ามฟ้าเริ่มต้นการท่องเที่ยวโดยการไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนี้เป็นลำดับแรก
เพื่อความเป็นสิริมงคล  เขาใช้เวลาที่นี่นานพอควร แวะหาอาหารทานโดยเลือกร้านที่มีคนไม่มากนัก


“พี่ข้าว  ข้ามฟ้าหรือเปล่าคะเนี่ย  แต่หนูจำได้นะว่าใช่
ที่พี่เล่นละครเป็นพี่ภูแน่ๆ หนูว่าไม่ผิดตัว”
หนูน้อยในวัยประถมเข้ามาทักทายเขา

“ใช่แล้วครับคนสวย  ไม่บอกใครน้า  พี่ข้าวขอทานข้าวเงียบๆ  ได้ไหมเอ่ย?”
 ข้ามฟ้าบอกกับหนูน้อย

“ได้สิค่ะ  ตัวจริงหล่อมากๆ เลยค่ะ”
หนูน้อยยิ้มสวยโบกมือลา  เมื่อแม่ของเธอเรียกให้ไปขึ้นรถ


ชายฉกรรจ์สองคนที่นั่งโต๊ะถัดไปได้ยินทุกคำที่ข้ามฟ้าพูดคุยกับเด็กหญิง
ทั้งสองสบตากัน  แววตาวาวโรจน์  ริมฝีปากหนาแย้มยิ้มอย่างน่าขนลุก
ข้ามฟ้าดื่มน้ำเป็นสิ่งสุดท้าย จ่ายค่าอาหารก่อนจะเดินไปที่รถแล้วขับออกจากร้านข้าวไป

ข้ามฟ้าใช้เส้นทางเลี่ยงเมือง  เขาแวะดื่มกาแฟที่ร้านน่ารักๆ แห่งหนึ่ง
นั่งไม่นานพอให้กาแฟหมดแก้วก็ออกจากร้านและขับรถไปแบบเรื่อยๆ
อยากแวะไหนก็แวะ  ไม่มีแพลนอะไรในหัวเลย  มันว่างโล่ง  เขามารู้ตัวอีกทีก็พลบค่ำ


แต่ขณะที่เดินทางกลับเส้นทางเดิมเพื่อไปที่พักก็มีรถกระบะสีดำขับมาปาดหน้า
อย่างกระชั้นชิด  ข้ามฟ้าตกใจกระทืบเบรกอย่างแรงพร้อมกับหักหลบทำให้รถหมุนคว้าง
เขารู้สึกตัวเหมือนโดนแรงอัดกระแทก  และร่างเหมือนถูกกระชากด้วยแรงมหาศาลจาก
ที่ไหนสักที่และสติรับรู้ของเขาก็ดับวูบลง



“เร่งมือหน่อย  แม่งตายรึเปล่าวะ  เอากระเป๋าตังค์กับมือถือมันขึ้นมาก่อน
นาฬิกาก็ด้วย  ส่งๆ มาสิ  รีบดิวะ เดี๋ยวพ่อมึงก็แห่กันมาหรอก ได้แล้วก็ถีบมันลง
ไปนู้นเลย  ห่างรถนี่หน่อยก็ดี  มีแสงไฟว่ะ! กูว่ามึงขึ้นมาเหอะ”
คนดูต้นทางด้านบนพูดไม่หยุดปาก  สักพักคนที่รูดทรัพย์อยู่ก็ปีนขี้นมา
จากร่องลึกข้างทางที่รถตกลงไป

“แม่งเอ๊ย!  เป็นตั้งดาราดังเสียเปล่ามีของติดตัวมาแค่นี้  เหนื่อยเปล่าๆ ว่ะ
สร้อยแสตนเลสกูไม่ปลดมานะมึงกระจอกว่ะ  ถุย ! พรุ่งนี้ก็คงรู้ว่ามันตายหรือเปล่า
แต่มันยังหายใจอยู่นะมึง  หนักเอาการเลย…กูว่าไม่น่ารอด”
ชายที่ลงไปรูดทรัพย์พูด

เดนมนุษย์ร่างยักษ์สองคนเร่งเครื่องรถหนีไป  โดยไม่สนใจเหยื่อของมันว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง


ข้ามฟ้ารู้สึกตัวเขาเจ็บ  ปวดหัวแทบระเบิด  ทรมาน  มืดจนมองอะไรไม่เห็น
เขาเดินลากเท้าและใช้มือคลำทาง ล้มลุกคลุกคลาน ไถลลื่น ครูดกับคันหิน
ทางเดินมันลาดชันลงเรื่อยๆ เขาถูกทั้งกิ่งไม้และเปลือกไม้ครูดจนเจ็บแสบและชาที่ฝ่ามือ
ความรู้สึกวูบโหวง  กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง  เอามือคลำถึงรู้ว่าเป็นเลือดสดๆ
ที่ไหลลงมาจากศีรษะ  ปวดแทบทนไม่ไหว  ขาทั้งสองข้างสั่นเทา  เริ่มจะหมดแรง
ก้าวเท้าไปได้แค่ก้าวเดียวฉับพลันตัวก็ลอยละลิ่วลงจากที่สูง  เขากำลังจะตายจริงๆ
ใช่ไหม  ลมหายใจรวยรินและแผ่วเบาลง



“นายดิน! ยู้ฮู  ไปไหนของเขานะ  ไอ้ขวัญบอกว่าเดินมาทางนี้นี่นา”
ชายหนุ่มร่างกำยำผิวคล้ำแดด  เดินวนเวียนหานายของมัน
แล้วก็เห็นแสงไฟวอมแวมแถบท้ายไร่

“นายดิน!  ทางนี้  คร๊าบ  ยู้ฮู”
มิ่งวิ่งไปตรงที่เห็นแสงไฟนั้น

“ไอ้มิ่ง! โว๊ย!  ทางนี้!”
เสียงตะโกนมาโหวกเหวก  มิ่งไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปหา

“นาย! นายดินเป็นอะไร โอ๊ะ! เลือด!! ใครทำบอกผม!!!”
มิ่งถลาเข้าไปทั้งที่เหนื่อยหอบแบบนั้น

“กูไม่ได้เป็นอะไรคนนู้นต่างหากล่ะ  มึงรีบอุ้มกลับไปที  ต้องพาส่งโรงพยาบาล
เขาเสียเลือดมากเดี๋ยวได้ตายห่ากันพอดี เออ! มึงนั่นแหละอุ้ม กูน่ะอุ้มมาแล้ว
ตัวหนักชิบ! เร็วดิวะ!”

ชายหนุ่มร่างสูงตัวหนาพูด  ชี้มือไปที่คนเจ็บที่ตอนนี้นอนกองอยู่ที่พื้นหญ้า
อ้มิ่งจึงช้อนมือเข้าใต้ขาพับอุ้มในท่าอุ้มสาว  เดินขาปัดไปปัดมาเลยทีเดียว
ก็รูปร่างคนเจ็บออกจะสูงยาวพอๆ กับมัน

“นายดิน  แผลที่หัวเขาใหญ่เนอะเลือดท่วมเลย  หน้าก็ด้วยทั้งแถบเสียโฉมแน่ๆ”
มิ่งชวนคุยพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไปอีกให้ทันนายดินที่เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว

“ไอ้มิ่ง  เร็วอีกหน่อยสิวะ  ถ้ามันเสียโฉมแต่ไม่ตายมึงว่าจะดีกว่ามั้ย
อย่ามัวแต่พูดมากอยู่เลย”
นายตัวใหญ่หันมาดุลูกน้องเพราะความร้อนใจ

“ผมก็รีบแล้วเนี่ยตัวหนักเหมือนกันนะ สูงพอๆ กะนายแหละ ใครก็ไม่รู้เนาะ
โดนอะไรมาก็ไม่รู้อีก น่าสงสารเหมือนกันนะ”
มิ่งพูดตลอดทางที่เท้าก้าวเดิน

“มิ่งกูว่ามึงส่งต่อมาให้กูแบกไปเองดีกว่าเดี๋ยวจะตายห่าก่อนถึงมือหมอซะเปล่าๆ”
นายดินพูดเสียงติดจะหงุดหงิดแบบไม่ได้ดั่งใจ

“นายดิน  รับไปครับ  ฮึบบบ”
แผ่นดินรับคนเจ็บมาแบกใส่หลัง  โดยมือสองข้างของคนเจ็บก็ห้อยต่องแต่ง
อย่างกับไม่มีกระดูกอย่างนั้น

“อีกนิดจะถึงรถแล้ว  มิ่งไปติดเครื่องก่อนเลยแล้วก็ขับให้ที  เอ้ากุญแจ”
มิ่งคว้ากุญแจจากมือนายดินที่ส่งมาให้ทั้งพวง  วิ่งอย่างเร็วไปที่รถจี๊ป
แล้วติดเครื่องรออย่างที่เจ้านายสั่ง  นายดินมาถึงก็วางคนเจ็บที่ไม่ได้สติ
ที่เบาะหลัง  แล้วเขาก็ขึ้นนั่งเอาศีรษะที่มีแต่เลือดพาดมาที่หน้าขาของเขา
ลมหายใจรวยรินแผ่วเบาลงทุกที  เขาก็ได้แต่นึกคิดในใจ


‘อย่าเป็นอะไร  ต้องทันสิ  ต้องรอดนะเว้ย!’


แผ่นดินมาตรวจไล่ตามปกติ พบคนเจ็บนอนหมดสติที่กอหญ้าท้ายไร่ของเขา
เข้าไปดูพบว่าแค่สลบก็เลยอุ้มออกมา  ตัวหนักเอาเรื่องแต่ยังดีที่เจ้ามิ่งลูกน้อง
คนสนิทมาตามหา  เขาจึงได้มันมาช่วยอีกแรง  ใครเป็นอะไรที่เขตไร่ของเขา
หากเขาพอที่จะให้ความช่วยเหลือได้เขาก็ช่วยทั้งนั้น  ไม่เคยนิ่งดูดายเลยสักครั้ง


“อ้าวคุณแผ่นดิน  พาใครมาครับ โอ้โห้!  เป็นเยอะเลย
คุณช่วยกรอกประวัติคนเจ็บให้ผมด้วยครับ”
เจ้าหน้าที่เข็นเตียงมารออีกคนก็เข้ามาขอประวัติคนเจ็บ

“เขาไม่มีหลักฐานอะไรติดตัวมาเลยต้องรอให้เขาฟื้นเสียก่อนน่ะครับ”
แผ่นดินซึ่งผมดำหยักศก  ตัดสั้น  หน้าออกเหลี่ยม  คางยาวรับกับใบหน้า
ใครๆ ก็รู้จักเขา  เจ้าของไร่เขตแผ่นดินที่มีคนนับหน้าถือตา  คุณพ่อลูกสอง
เมียทิ้งแต่หล่อเข้มบาดตา  โดยเฉพาะดวงตาที่มีประกายกล้าอย่างกับตาเหยี่ยว
ริมฝีปากหนาแต่หยักสวย  แม้จะไม่ค่อยยิ้มเลยก็ตาม  ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังคง
น่ามองสำหรับผู้พบเห็นอยู่ดี

“งั้นก็ต้องรอคุณหมอแจ้งอาการกลับมาอีกที
ดูจากบาดแผลแล้วไม่ใช่แผลจากการถูกทำร้าย”
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ตามอาการที่เห็นเบื้องต้น

“ผมรับเป็นเจ้าของไข้ก็แล้วกัน  มีอะไรติดขัดบอกผมได้เลยครับ
 นั่นคุณหมอออกมาแล้ว”
แผ่นดินชี้มือไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน  เมื่อเห็นคุณหมอเดินออกมาจากด้านในด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง



“ญาติคนไข้  มีไหมครับ  อยากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้หน่อยครับ”
คุณหมอวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ

“คนไข้ไม่มีญาติ  ไม่มีหลักฐานติดตัวมา  ผมไปพบเข้าจึงพามาครับ
 ผมรับเป็นเจ้าของไข้เอง  คุณหมอมีเรื่องอะไรเหรอครับ  คุยกับผมได้”
แผ่นดินอธิบายให้คุณหมอทราบ

“งั้นไปคุยกันที่ห้องผมแล้วกัน  ตามมาเลยครับ”
คุณหมอนำไปห้องด้านใน  แล้วท่านก็นั่งลง  มีผลตรวจอยู่ในมือ

“เท่าที่ตรวจอย่างละเอียด  คนไข้ได้รับความกระทบกระเทือนในสมองอย่างรุนแรง
 มีเลือดคั่งในสมองจะต้องผ่าเอาเลือดที่คั่งออกก่อนที่จะไปทำลายสมองส่วนดีให้ตาย
คนไข้อาจต้องสูญเสียความทรงจำไป  แต่อาจกลับมาหายเป็นปกติได้ก็ต้องใช้เวลาพอควร
และมีอีกเรื่องที่สำคัญ  เขาเป็นกลุ่มเลือดชนิดพิเศษ B Rh Negative(Rh-)
ต้องรับเลือดในกลุ่มเดียวกันเท่านั้น  ดังนั้นตอนนี้ทางโรงพยาบาลจึงต้องระดมหาเลือดกลุ่มนี้
คงจะทำการผ่าตัดได้  ต้องเปิดรับบริจาคแล้วละครับ”
แผ่นดินฟังคุณหมออธิบายก็อดสงสารคนเจ็บเสียไม่ได้ที่ต้องมาเผชิญเคราะห์กรรมเช่นนี้

“เลือดผมได้ครับคุณหมออยู่กลุ่มเดียวกัน ผมสามารถให้เขาได้ถ้าไม่พอผมจะเรียก
น้องชายมาอีกคนครับ”
แผ่นดินบอกคุณหมอไปด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

“งั้นคุณไปเตรียมตัวเลย  เราต้องรีบทำโดยด่วน”
คุณหมอผุดลุกขึ้นทันทีทันใด



แผ่นดินมานอนให้เลือด  เพื่อให้นำเลือดของเขาไปช่วยคนเจ็บ
เจ้ามิ่งป้วนเปี้ยนไม่ห่างเตียงเจ้านายของมัน  แล้วก็เสร็จสิ้นภารกิจสำหรับวันนี้
ชายหนุ่มทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้กับทางโรงพยาบาล  แล้วเดินทางกลับเข้าไร่เขตแผ่นดิน
ทันทีโดยเจ้ามิ่งเป็นคนขับรถให้



“นายดิน  คุณคนนั้นน่าสงสารเนาะ  แล้วยังจะมาความจำเสื่อมอีก
หน้าเดิมก็เหมือนจะหล่อมากเลย  หากจะไม่เกิดบาดแผลนั่น  เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้
เอ่อ! ตะกี้เจ้าหน้าที่พยาบาลส่งของนี่คืนมาให้ครับ  บอกว่าเป็นของคนเจ็บ นายเก็บไว้ทีสิ”

เจ้ามิ่งส่งของที่แพ็กใส่ถุงพลาสติกแบบซองซิปมาให้  เขารับมาเทลงบนฝ่ามือ
ปรากฏว่าเป็นสร้อยที่น่าจะเป็นทองคำขาวพร้อมจี้ไพลินรูปหยดน้ำล้อมรอบด้วยเพชร
เม็ดเล็กส่องประกายวับเมื่อต้องแสงไฟ  น่าแปลกที่เหลือของติดตัวมาแค่ชิ้นเดียวแล้ว
ก็เป็นของที่มีราคามากด้วย  อย่างอื่นไม่มีอะไรเหลือเลย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันจนหัวคิ้วแทบชนกัน


 ‘นายเป็นใครกันนะ’


สองข้างทางตลอดแนวเข้าไร่มีไฟทางส่องสว่างเป็นช่วงๆ
มิ่งเลี้ยวรถไปทางซ้ายที่มีตัวตึกขนาดใหญ่ปลูกสร้างบนเนินสูง
มีแสงไฟส่องออกมา
จากตัวบ้านหลังใหญ่นั้น  นายใหญ่ที่นี่คือคุณเขตพ่อของนายแผ่นดินและนายฐานทัพ
นายใหญ่ลามือให้นายดินลูกชายคนโตของท่านบริหารจัดการงานไร่แทนแล้ว
มิ่งจอดรถให้แผ่นดินลงที่หน้าบ้าน  รอจนกระทั่งเจ้านายหนุ่มเดินเข้าไปในตัวบ้าน
มิ่งจึงเคลื่อนรถไปจอดที่โรงจอดรถ  ฉวยมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างเสา
ขี่กลับไปเรือนพักคนงานที่อยู่ห่างจากบ้านใหญ่ไปเกือบๆ หนึ่งกิโลเมตร




“อ้าว! ดิน ไปไหนมา กลับดึกดื่นเลย นั่นเป็นอะไร! เสื้อเลอะเทอะมีแต่เลือดน่ะ”
ชายชราผมสีดอกเลาทักขึ้น พลางสำรวจลูกชายคนโตที่เพิ่งโผล่หน้าเข้ามาในบ้าน

“พ่อยังไม่นอนอีกเหรอครับ ผมไปตรวจไร่แล้วไปเจอคนนอนหมดสติที่ท้ายไร่
ผมกับไอ้มิ่งเลยพาไปส่งโรงพยาบาลครับ เขาเสียเลือดมากตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว
เพิ่งไปให้เลือดเขามาด้วย เลือดกรุ๊ปพิเศษแบบผมกับเจ้าทัพเลย เลือดคั่งในสมอง
ฟื้นมาหมอบอกอาจจะความจำเสื่อมด้วยนะพ่อ
ถ้าหายก็คงต้องให้มาอยู่กับเราที่นี่ไปก่อนนะพ่อ”

ชายหนุ่มเล่าให้พ่อฟัง เป็นการขออนุญาตกลายๆ ไปด้วย

“อืม แกจะช่วยเหลือใคร ก็ระวังๆ หน่อย
เรื่องเดือดร้อนมันจะเข้ามาหาแกแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเอานะดิน”
พ่อของแผ่นดินเตือนลูกชาย

“ครับพ่อ ผมจะระมัดระวัง อย่าห่วงเลย แล้วนี่สองแสบเข้านอนยังไงล่ะครับ”
 ชายหนุ่มถามถึงลูกๆ

“ย่าแกสิ  พาไปนอนด้วย  เห็นแกไม่กลับมาเสียที  ก็เด็กๆ ร่ำๆ จะรอแก
แต่ก็หาวหวอดๆ ย่าแกเลยจัดการเสียหลับปุ๋ยไปแล้ว  แกก็ไปอาบน้ำ
อาบท่าเถอะไป  ถ้าใครมาเห็นแกในสภาพนี้  เดี๋ยวพากันตกอกตกใจกันเสียเปล่าๆ
ไม่มีอะไรแล้วพ่อไปนอนก่อนนะ”

พ่อแยกไปเข้าห้องนอนที่อยู่ปีกขวาของบ้านแต่เป็นชั้นล่าง
ส่วนเขาแยกขึ้นไปชั้นบนของบ้านแทน

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 3 ครอบครัวแผ่นดิน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 09-03-2019 09:46:02
ตอนที่ 3 ครอบครัวแผ่นดิน

แผ่นดินตื่นก่อนฟ้าสาง  เขาต้องไปตรวจความเรียบร้อยของไร่
ที่กว้างสุดลูกหูลูกตาบนเนื้อที่กว่าห้าร้อยไร่ตามปกติอย่างทุกวัน
ก่อนจะเข้ามาอาบน้ำกินข้าว  เล่นกับลูกๆ แล้วค่อยเข้าไร่ส้ม
ไปดูคนงานใส่ปุ๋ย  ดายหญ้า  ฉีดยา  และเก็บผลส้ม


นอกนั้นเขายังต้องไปดูฟาร์มโคนม  แถมด้วยแปลงผักเกษตรอินทรีย์อีก
งานเหล่านี้ก็กินเวลาทั้งวันเข้าไปแล้ว  กว่าจะได้กลับเข้าบ้านก็โพล้เพล้เต็มที



ชีวิตที่น่าจำเจแบบนี้ส่งผลให้ระรินภรรยาสาวทิ้งเขาและลูกสองคน
ชายหญิงไปกับหนุ่มนักธุรกิจหนุ่มใหญ่  ซึ่งสามารถให้ชีวิตที่สุขสบาย
และฟุ้งเฟ้อกับเธอได้  ทั้งข้าวของแบรนด์เนม  เงินทองและรถหรู
เธอจึงหันหลังให้เขาเมื่อคลอดลูกคนเล็กได้ไม่ถึงเดือนดีด้วยซ้ำ


นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว  มีผู้หญิงเข้ามาวนเวียนอยู่รอบตัว
แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือใส่ใจกับใครอีกเลย
เขาเบื่อและเข็ดขยาดผู้หญิงไปแล้ว



“พ่อดินค๊าบ  กล้าไม่ไปโรงเรียนนะฮะ  ตัวร้อนจี๋ๆ เลย จับดูๆ”
น้องต้นกล้าลูกชายวัย 5 ขวบวิ่งมาดึงชายเสื้อ
เมื่อเห็นพ่อดินเข้าบ้านมา  ชายหนุ่มอุ้มเจ้าตัวแสบขึ้นมาฟัดแก้มซ้ายขวา

“โอ๊ะโอ! ตัวร้อนอย่างนี้  งั้นเย็นนี้ก็อดไปกินไอศกรีมในเมือง
กับน้องใบข้าวล่ะซิ  พ่อคงต้องไปกับน้องสองคนแล้ว”
ชายหนุ่ยพูดเปรยๆ และแอบซ่อนรอยยิ้ม

“โอ๊ะโอ! ต้นกล้าตัวร้อนนิดเดียวเองไปได้ๆ
จะลงๆ กล้าไปแต่งตัวไปโรงเรียนดีกว่าครับ”
ชายหนุ่มหัวเราะหึหึในความแสบของลูก  เป็นแบบนี้เกือบทุกเช้าสิน่า

“ไปหาพี่แตงโตแต่งตัว  แล้วเข้าไปปลุกน้องด้วยนะ
จะได้มาทานข้าวเช้ากัน  เดี๋ยวอาทัพจะมารับไปโรงเรียนแล้วนะลูก”
เด็กชายพยักหน้าวิ่งตื๋อออกไปทันที

“อ้าว! ทัพ  วันนี้มาเช้าได้นะเรา  เห้ย!
กลิ่นเหล้าคลุ้งเลยแก  ยังไม่ได้นอนรึไง  ตาแดงมาเลยเนี้ย”
แผ่นดินทักน้องชายที่เดินเข้าบ้านมา

“ก็เพราะรีบลุกมานี่แหละถึงได้มีสภาพแบบที่เห็น  ห๊าววว”
น้องชายเพลย์บอยพูดจบก็ปิดปากหาว  แผ่นดินส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“ให้มันเพลาๆ ลงบ้างนะทัพ  สุรานารีของแกน่ะ  ไปนอนก่อนไป
สายๆ ค่อยลงมา  เดี๋ยวให้เจ้าขวัญมันไปส่งต้นกล้าที่โรงเรียนแทนแล้วกัน
ไปๆ กลิ่นขนาดนี้  เดี๋ยวพ่อได้แพ่นกระบาลแกพอดี”

พี่ชายบ่นน้องชายและไล่ให้ไปนอน  สังคมจัดเสียเหลือเกิน
อายุก็จะเบญจเพสแล้วยังไม่เป็นโล้เป็นพายเท่าที่ควร
ดีนะที่ไม่ไปทำหญิงที่ไหนท้องโต  หอบลูกมาให้เลี้ยงกันเต็มบ้าน
พี่ชายมองสภาพน้องแล้วได้แต่ส่ายหน้า

“ดีเหมือนกัน  ผมขอสักงีบนะ เดี๋ยวตื่นมาช่วยงานครับ  บายๆ”
แล้วน้องชายตัวขาวร่างผอมบางสะโอดสะองก็ผละไปขึ้นห้องนอน
เขาจึงเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร



“ตาดิน  วันนี้เข้าบ้านเช้าจังเลยนะลูก  ยัยหนูยังไม่ตื่นเลยนะ
เมื่อคืนพากันมานอนกับย่า”
ย่าทับทิมเดินเข้ามานั่งด้วยกันที่โต๊ะ ไม่นานก็มีเด็กรับใช้เอาหนังสือพิมพ์กับกาแฟมาเสิร์ฟให้เขา

“ครับคุณย่า  พอดีสายๆ จะฝากงานให้ชานนท์ดูแทนสักหน่อย
ผมจะไปเยี่ยมคนเจ็บที่ช่วยไว้เมื่อคืนน่ะครับ  ไม่รู้อาการเป็นยังไงบ้างเช้านี้”
ชายหนุ่มบอกกล่าวกับคุณย่า

“อ้อ! ที่พ่อเขตเล่าให้ฟังน่ะเหรอ  ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน
ก็ช่วยๆ กันไปนะลูก  เอาบุญ”
หญิงชราตัวผอมบาง  ที่ยังคงมีเค้าความสวยให้เห็นแย้มยิ้มมาให้
 
“ฮือฮือ  คุณทวดขา ใบข้าวฝันร้าย”
เด็กหญิงตัวขาวน่ารักในวัยสามขวบเดินขยี้ตาร้องไห้มาหาคุณย่าทับทิม
หนูน้อยไม่ทันเห็นว่าพ่อดินก็นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วย
ชายหนุ่มวางหนังสือพิมพ์ที่กำลังเปิดดูหน้าข่าวเกษตรลง

“ใบข้าว  คนเก่ง  เป็นอะไร  ไหนมาหาพ่อสิคะ”
ชายหนุ่มอ้าแขนให้ลูกสาว  หนูน้อยหันมายิ้มทั้งน้ำตา
แล้วผละออกจากย่าทวดไปหาพ่อทันที

“โอ๋ๆ ฝันร้ายอะไรกันคะ?”
ชายหนุ่มอุ้มลูกมานั่งบนตัก

“ใบข้าวฝันว่าไข่เจียวตาย แงๆ”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วชี้นิ้วไปที่แมวอ้วนสีขาวที่นอนอยู่บนชั้นวางของเล็กๆ
มุมห้อง  มันกำลังส่ายหางไปมาอย่างสบายอารมณ์

“นู้นไง! ไข่เจียวนอนเล่นอยู่บนนั้น  มันเป็นแค่ฝันนะลูก  ไข่เจียวไม่ได้ตายค่ะ”
เด็กหญิงได้ฟัง มองตามมือที่พ่อชี้บอก  ทำตาวาว
ไถลตัวลื่นจะลงจากตักไปหาเจ้าแมวอ้วน

“ไปหาพี่แตงโมก่อนนะ  ล้างหน้า  แปรงฟัน
แล้วค่อยมาหาไข่เจียว”
แผ่นดินพูดจบ แตงโมพี่เลี้ยงก็เดินมารับตัว
และส่งน้องต้นกล้าที่โต๊ะอาหารด้วยอีกคน

“เย็นนี้ไปกินติมนะใบข้าว  เดี๋ยวพี่พาไป”
พี่ชายรีบบอกน้องสาว

“เย้ๆ พี่กล้าใจดี  กินติมๆ”
 แล้วเด็กหญิงก็เดินไปกับพี่เลี้ยง

“เจ้าดิน  ส่งหนังสือพิมพ์มาให้ย่าทีสิ  จะดูดาราเสียหน่อย”
คุณย่าเอื้อมมือไปขอหนังสือพิมพ์ที่ชายหนุ่มวางไว้
แล้วคุณย่าก็เอาไปเปิดๆ หน้าเกือบๆ จะสุดท้าย  ดูข่าวซุบซิบดารา

“โอ้! ละครใหม่ของพ่อดาราหนุ่มคนนี้จะฉายแล้ว เออๆ น่าดูๆ”
คุณย่าเป็นคอละครหลังข่าวตัวยงเลยทีเดียว  ท่านติดตามดูทุกเรื่องทุกวัน
ละครไม่จบท่านก็ไม่เข้านอน  ผิดกับชายหนุ่มที่ไม่เคยเปิดทีวีดูเลยด้วยซ้ำไป
แม้จะมีจอขนาดใหญ่ที่ห้องนอนก็ตาม  หัวถึงหมอนทีไรเป็นอันหลับทุกทีไป

“หึหึ  เป็นแฟนพันธุ์แท้เขาหรือไงครับคุณย่า  ติดตามกันขนาดนั้นน่ะ”
 ชายหนุ่มแขวะคนเป็นย่าอย่างขำๆ

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง  เขาเล่นเก่ง  น่ารัก  บทเศร้ายิ่งเล่นได้ดี
 พลอยทำย่าเสียน้ำตาไปกับเขาทุกทีไป  พ่อข้ามฟ้าของย่าเนี่ย”

ชายหนุ่มสะดุดกับชื่อ  ‘ข้ามฟ้า’ ชื่อแปลกเสียจริง

“เสียดายที่ย่าไม่มีหลานสาว ไม่งั้นจะยกให้เขาไปฟรีๆ เลยจริงๆ หนูข้าวเนี่ย”
แล้วคุณย่าก็หัวเราะร่วน  นั่นรู้แม้แต่ชื่อเล่น ‘ข้าว’
ชายหนุ่มมองความสุขของคนแก่ตรงหน้า
โคลงหัวไป ยิ้มตามที่เห็นมุมปากคุณย่ายิ้ม

“ดูจะชอบเขามากนะครับคุณย่า  อาหารเช้ามาแล้วครับ
เตรียมทานกันเถอะ  ต้นกล้าทานเยอะๆ นะลูก
โจ๊กหมูใส่ไข่ 2 ฟอง ทานเสร็จให้อาขวัญส่งไปโรงเรียนนะครับ”
เด็กน้อยพยักหน้า  ลงมือตักอาหารเข้าปากคำแรก

“แก้ว ไปบอกแม่สายเอาข้าวต้มหมูให้ฉันที่นึงนะ  อยากซดน้ำร้อนๆ”
แก้วสาวใช้จึงเดินเข้าครัวไป  แล้วข้าวต้มรวมมิตรก็มาเสิร์ฟ
ตามแต่ใครจะเลือกว่าจะเอา  หมู  ปลา  ไก่  กุ้ง  ได้ตามที่สั่งเลย
คุณย่าวางมือจากหนังสือพิมพ์  แล้วเลื่อนชามข้าวต้มมาคนๆ
แล้วก็เริ่มลงมือทาน  ไม่นานคุณพ่อ  และยัยหนูใบข้าวก็พากันมานั่งประจำที่
ชายหนุ่มจึงลงมือทานไปพร้อมๆ กันกับทุกคน

“หมู่นี้ เสี่ยทวีปมีการเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่าดิน
 ระวังๆ ตัวไว้บ้าง  พวกหมารอบกัดน่ะ  ไม่น่าไว้ใจ”

คุณพ่อพูดถึงเสี่ยทวีปที่เป็นตัวกลางขูดรีดชาวบ้าน
คว้านซื้อที่ดินเพื่อเอาไปขายต่อให้นายทุนมาทำรีสอร์ต
มันมักหาวิธีบีบบังคับจนได้  หากว่าที่แปลงนั้นมีนายทุนอยากจะได้ขึ้นมา
แล้วก็เป็นแผ่นดินทุกครั้งไปที่คอยขัดขาทำให้เสี่ยทวีปทำงานไม่สำเร็จหลายต่อหลายครั้งแล้ว

“เงียบๆ อยู่นะครับพ่อ  มันคงกำลังเตรียมแผนสกปรกอะไรอยู่ละมั้ง
ผมไม่กลัวมันหรอก  มาไม่ดีก็กินลูกตะกั่วของผมไปแล้วกัน”
แผ่นดินคาดคะเนเอา  คุณพ่อฟังแล้วย่นหัวคิ้ว
จนหน้าผากขึ้นเส้นเด่นชัด  ดวงตาสีเทาหม่นมีแววกังวลอย่างชัดเจน

“พวกนี้มันเดนมนุษ ย์ เมื่อไหร่กฎหมายจะจัดการมันไปเสีย
ให้สิ้นซากกัน  พ่อล่ะเป็นห่วงแกจริงๆ เลยเจ้าดิน”

“พ่ออย่ากังวลไปนักเลย  ไอ้ภพมันตามเก็บหลักฐานอยู่อย่างลับๆ
ตำรวจเขาไม่ได้นิ่งนอนใจนะครับ  คนเลวเดี๋ยวมันก็แพ้ภัยไปเองแหละ
ทานข้าวเถอะครับ  ข้าวจะเย็นเสียหมด”
ชายหนุ่มพูดเพื่อให้ท่านคลายกังวล  อย่างน้อยๆ เขาก็อุ่นใจ
ที่มีเพื่อนรักอย่างตรีภพ  ที่เป็นถึงสารวัตรไฟแรงเป็นมือดีของกรมตำรวจมาเป็นพวกอีกคน


“นายดินเรียกหาผมแต่เช้า  มีอะไรครับ”

ขวัญแฝดผู้น้องของเจ้ามิ่งรีบเอาหน้าตื่นๆ มาให้นายดินเห็น
เสียก่อนเมื่อรู้ว่าถูกเรียกหา  มิ่งกับขวัญทำงานเป็นมือขวามือซ้าย
ให้แผ่นดินมานานจนรู้ใจกัน  ไม่ว่านายจะให้ทำอะไรมักได้อย่างใจเสมอ
มิ่งตัวดำอารมณ์ร้อน  มุทะลุ  พูดมาก  แต่เนื้อแท้จิตใจดี
ซึ่งส่วนต่างของแฝดก็มีที่ขวัญจะติดเป็นคนใจเย็น  สุขุม  รอบคอบ
พูดน้อยแถมตัวขาว

“ไปส่งต้นกล้าที่โรงเรียนทีนะ  เสร็จแล้วก็มาจัดการลากนายทัพ
ให้มันไปดูร้านของฝากที่ตลาดด้วย  เหลวไหลมากๆ เข้าทางลุงอนันต์
เค้าจะหาคนมาลงขายแทนของไร่เราเสียเปล่าๆ ดูเด็กๆ ทำงานกันด้วยนะขวัญ”
ขวัญลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับคแต่เหมือนจะออกอาการฝืนๆ ชอบกล
ชายหนุ่มก็พอจะรู้ว่าเจ้าทัพน่ะมันเรียกยากเรียกเย็น  ถ้าลองว่ามันได้นอนแล้วน่ะ

“แล้วเจ้ามิ่งน่ะ ถ้าเจอมันบอกมันไปดูคนงานเก็บส้ม
แล้วก็รีดนมวัวด้วยล่ะ  ฉันจะตามไปตอนบ่ายๆ เช้านี้จะไปเยี่ยมจนเจ็บเสียหน่อย”

“ครับนายดิน  แล้วคุณคนนั้น  มีข่าวคืบหน้าบ้างรึยังครับ
พี่มิ่งเล่าให้ฟังเมื่อคืน  ฟังแล้วก็อดสงสารไม่ได้”
ขวัญถามออกไปอย่างที่ใจอยากรู้  หน้าตี๋ๆ ดวงตาเล็กรี
ออกอาการเศร้าสลดไปกับเขาด้วยตามแบบฉบับคนขี้สงสาร

“สายๆ วันนี้คงคืบหน้าบ้างละนะ  เดี๋ยวต้องคุยกับเจ้าภพมันด้วย
เหตุเกิดในพื้นที่ของมันนี่  อาจจะมีคนมาแจ้งความญาติหายไว้บ้างก็เป็นได้”
ชายหนุ่มคาดเดาไปตามรูปการณ์

“ไปๆ ส่งเด็กนักเรียน  ต้นกล้าตั้งใจเรียนนะลูก
ตอนเย็นอาทัพไปรับแล้วเราเข้าเมืองหาไอศกรีมอร่อยๆ ทานกันนะครับ”

เด็กชายในชุดนักเรียนอนุบาลเอี๊ยมลาย  หันมายิ้มพยักหน้าหงึกๆ
แล้วเดินมาหาพ่อ ให้กอดหอมก่อนไปโรงเรียน  ขวัญจับจูงเด็กน้อย
ไปขึ้นรถกระบะแบบครอบครัวสีขาว  แล้วเคลื่อนรถออกไป

แผ่นดินจึงเดินไปเอารถที่โรงจอดบ้างเหมือนกัน



“นายดิน  ไม่ให้ผมไปด้วยเหรอครับ  ผมก็อยากไปดูคุณคนนั้นเหมือนกันนะครับ”
 มิ่งเอามอเตอร์ไซค์มาจอดแอบไว้แล้วเดินมาเกาะรถนายดิน

“ไม่ต้องเลย  อยู่ช่วยงานชานนท์ที่นี่แหละ  บ่ายๆ กลับมา  เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
 แล้วชายหนุ่มก็เคลื่อนรถออกไป มิ่งมองตามรถนายที่ขับออกไปไกลแล้วตาละห้อย

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 2 - 3 มาแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 09-03-2019 12:11:40
ชีวิตพลิกผัน ว่าแต่เจ้าของรถเช่าก็รู้นะว่ารถที่ให้เช่าเป็นใคร
ตำรวจก็ต้องไปถามร้านเช่ารถนะว่าใครเช่า
หัวข้อ: Re: ตอนที่ 4 นายคือกอหญ้า
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 10-03-2019 08:25:27
ตอนที่ 4  นายคือกอหญ้า

แผ่นดินเข้าไปเยี่ยมคนเจ็บ  ที่ยังคงอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต เขาเดินเข้าไปข้างๆ
เตียงเห็นสภาพของคนที่นอนอยู่แล้วรู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง  ทั้งเครื่องช่วยหายใจ
ที่มีทั้งท่อและสายระโยงระยางเต็มไปหมด  ศีรษะถูกโกนมีผ้าพันแผลโพกไว้
ใบหน้าบวมจนไม่อาจเห็นถึงรูปหน้าที่แท้จริงมีผ้าพันแผลปิดทับไว้ที่แก้มซีกขวา
จากที่เห็นผิวเนื้อที่โผล่พ้นชุดคนไข้  บอกได้ว่าเจ้าตัวมีผิวที่ขาวเนียนละเอียดมาก
เนื้อตัวมีแผลถลอกและรอยขูดขีดหลายรอย  คนเจ็บโดยรวมรูปร่างสูงและผอมบาง
หุ่นอย่างกับนายแบบ  มือขาวๆ นั้นมีผ้าพันที่กลางฝ่ามือด้วย  บวกกับนิ้วที่เรียวยาว
อย่างกับลำเทียนต้องไม่ใช่คนที่เคยผ่านการตรากตรำกรำงานมาก่อนเป็นแน่

“นายเป็นใครกันนะ  นอนนานแล้ว  ไม่เบื่อบ้างหรือไง  คนที่บ้านเป็นห่วงแล้วนะ
นายต้องเข้มแข็ง  อดท น และกลับมา  ตื่นสักทีเถอะ”
แผ่นดินชะโงกหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ เขาก็รู้ทั้งรู้ว่าพูดไปอีกคนก็ไม่รับรู้อะไรด้วย

“ฉันต้องกลับก่อน แล้วจะมาเยี่ยมใหม่ ไม่รู้ว่าชื่ออะไรก็ชื่อ ‘กอหญ้า’ ไปก่อนแล้วกัน”
 แล้วแผ่นดินก็หมุนตัวออกจากห้อง


“อ้าว! ดิน มาทำอะไรที่นี่วะ! มีใครเป็นอะไรถึงต้องอยู่ ICU”
แผ่นดินก้าวเท้าออกมาจากเยี่ยมคนเจ็บ  เดินยังไม่ถึงห้าก้าวก็ถูกเพื่อนเรียกไว้
สารวัตรตรีภพ  สุรบวรดิลกภพ  เพื่อนสมัยเรียนมัธยมนั่นเอง

“มาดูคนเจ็บที่ช่วยไว้เมื่อคืนว่ะ”
“อ่อ! งั้นเหรอ  นี่ก็มีลูกน้องแจ้งว่าพบรถเช่าเกิดอุบัติเหตุตกอยู่ข้างทาง
เดี๋ยวขอตัวไปดูก่อนนะดิน  ว่างๆ จะเข้าไปหา”
แล้วสารวัตรตรีภพก็รีบเร่งฝีเท้าเดินจากไป


ตรีภพชายหนุ่มตัวขาว  รูปร่างสันทัด  ผมรองทรงสูง  ใบหน้าเหลี่ยมแต่ดูเกลี้ยงเกลา
มีเสน่ห์  ตรีภพหวงความโสดมากยิ่งกว่าอะไร  มันเคยบอกไว้ว่าจะเก็บไว้ให้คนที่มันรัก
แค่เพียงคนเดียว  จนตอนนี้ตัวเขาเองมีลูกถึงสองคนแล้ว  เพื่อนก็ยังคงเก็บความโสดไว้อย่างดี

“พี่ดินขา  สวัสดีค่ะ  ไปทานข้าวเที่ยงกับนิชาสักมื้อนะคะ  ไม่เจอพี่ดินตั้งนานมากแล้ว
อยากคุยด้วยค่ะ”
หญิงสาวในชุดดำรัดรูปตึงเปรี๊ยะไปทุกส่วน  ดูเซ็กซี่เย้ายวน  กับสีสันที่แต่งแต้มบนใบหน้า
จนดูมีมิติสวยคม ปากแดงๆ ที่อิ่มเต็ม  น่าสัมผัส  แต่ไม่ใช่กับแผ่นดิน

“อ่อ  นิชา  พี่มีธุระด่วนที่ไร่  ต้องรีบกลับไปจัดการ  ไว้คราวหน้านะ”
พูดทิ้งท้ายแล้วก้าวฉับๆ หนีออกมา  ปล่อยให้หญิงสาวยืนเคว้งอยู่ตรงนั้น
เธอมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างหมายมาด

“หนีได้หนีไปพี่ดิน  รู้จักนิชาน้อยไปแล้ว”
 เธอสะบัดหน้าเดินไปอีกทาง


“คุณพ่อขา  เป็นยังไงบ้าง  นิชาเป็นห่วงมากๆ เลยค่ะ
 ที่รู้ว่าคุณพ่อเข้าโรงพยาบาลแบบนี้”
 ดวงตากลมโตสีน้ำตาลส่องประกายสลดวูบ  ให้รู้ว่าเธอเป็นห่วงท่านมากแค่ไหน
 ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้แย้มยิ้มที่ลูกสาวคนเดียวมาเยี่ยม

“แค่ผ่าตัดไส้ติ่ง  อีกไม่กี่วันก็เดินเหินได้คล่องแล้ว  พ่อยังต้องได้เห็นลูกคนเดียวของพ่อ
เป็นฝั่งเป็นฝาไปเสียก่อนแหละน่ะ”
เสี่ยทวีปใช้ฝ่ามืออูมลูบหัวลูกสาวที่เข้ามาซบที่อก

“แหมคุณพ่อเนี่ย  ไม่รู้จะรีบไล่นิชาให้ไปแต่งงานทำไมเร็วๆ”
 เธอแสร้งทำหน้าเศร้า

“โธ่ลูก  พ่อก็เป็นห่วงลูก  อยากให้มีคนมาดูแลลูกต่อจากพ่อไง”
เสี่ยทวีปบอกกับลูกสาว  โดยมีนายแมน  คนสนิทของเสี่ยทวีปที่มี
หน้าตาคมแต่แววตาเอาเรื่องยืนอยู่ไม่ห่าง

“แมน  ดูแลคุณพ่อให้ดีๆ ด้วยล่ะ  นิชากลับก่อนนะคะคุณพ่อ  ขอให้หายเร็วๆ นะคะ”
แล้วเธอก็หอมแก้มผู้เป็นพ่อ  ก่อนจะเดินรี่ออกประตูไป  และมีคนโทรเข้ามาพอดี
เธอกรีดนิ้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูเบอร์แล้วจึงกดรับ  กรอกเสียงลงไป

“ค่ะคุณปรัช  เดี๋ยวนิชาเข้าไปหานะคะ  คิดถึงมากๆ เหมือนกัน”
 แล้วนิชาก็วางสายไป  เบะปากใส่โทรศัพท์

“น่าเบื่อจริง  คุณมันหมดความน่าสนใจไปแล้วคุณปรัช”
แล้วเธอก็ส่ายหน้า  เดินหายเข้าไปในลิฟต์  โดยมีสายตาของแมนมองตามไป
อย่างคลั่งไคล้หลงใหล  จนร่างนั้นลับตาไป


แผ่นดินกลับเข้าไปที่ไร่ในตอนบ่าย  เขาแวะสั่งข้าวกล่องจากร้านป้าแสง
เพราะความที่เขาเบื่อปากแม่ค้าที่ชอบถามซอกแซกไปเสียทุกเรื่อง
หากไม่จำเป็นเขาจะไม่ซื้อเลยจริงๆ

“นายดิน  เมื่อไหร่จะหาเมียใหม่ซะที  นี่ก็หลายปีแล้วนะที่ปล่อยตัวเป็นโสดน่ะ”
 ป้าแสงถามไปผัดข้าวไป  น้ำลายคงเต็มกระทะแล้วละมั้ง  แผ่นดินนึกค่อนขอดอยู่ในใจ

“เบื่อแล้วละป้า  ไม่อยากหาแม่เลี้ยงให้ลูกด้วย  อยู่มันไปอย่างนี้แหละ  ดีที่สุดแล้ว”
แผ่นดินตอบอย่างขอไปที

“นี่ถ้าป้ามีลูกสาวจะยกให้เลยนะ  ไม่เอาสักแดงค่าสินสอดน่ะ”
แกพูดไปเรื่อย  ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเอือมๆ เพราะลูกสาวแกไม่ว่าจะกี่คน
ก็หนีตามหนุ่มไปหมด  แล้วยังเอาลูกมาให้แกเลี้ยงจนโตไปหลายรุ่นแล้ว
ที่เห็นตอนนี้ก็เด็กสาวที่ชื่อองุ่นนี่แหละ

“พี่ดิน  มาอีกนะคะ  หรือจะให้องุ่นหิ้วไปส่งให้ที่ไร่ก็ได้ค่ะ  แค่พี่โทรมากริ๊งเดียว
ไม่นานเกินรอเลยล่ะค่ะ  นี่เบอร์โทรองุ่น”
เด็กสาวชม้ายตาให้  แล้วยัดเบอร์ใส่ในถุงข้าวกล่อง  และผลุบหายไปเมื่อยายแสงเรียกใช้


แผ่นดินโผล่หน้าเข้าไปในห้องที่เขาจัดให้เป็นห้องทำงาน  โดยให้เป็นที่ติดต่องาน
และเก็บเอกสารต่างๆ โดยมีชานนท์  ผู้จัดการไร่นั่งทำงานอยู่

“อ้าว  ชานนท์  เป็นไงนั่งหน้ายุ่งเชียว”
แผ่นดินทักหนุ่มตัวขาวหน้าตี๋ที่นั่งหน้ามุ่ย
“ก็นายคมกฤช  น่ะสิ  มาป่วนตั้งแต่สายๆ แล้วละ  ไอ้ผมก็ยุ่งๆ จะรีบเคลียร์เงินจ่ายค่าแรงคนงาน
กลางเดือนให้มันเสร็จก็มานั่งถามโน่นถามนี่ไม่ได้หยุดปาก”

ชานนท์ผู้จัดการหนุ่มเหนือ  ตัวขาว  ปากแดง  เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปล่อยเคลียๆ บ่า
ดูน่ารักเสียมากกว่าหล่อถึงได้มีหนุ่มอย่างคมกฤช  เกษตรอำเภอมาแจกขนมจีบไม่เว้น
แต่ละวัน  โดยขยันหาเหตุเทียวไปเทียวมาเข้าไร่เขาไม่มีหยุดหย่อน

“ก็เรามันทำตัวน่ารัก  จนเขาอดใจไม่ไหวล่ะสิ  หึหึ”
 ชายหนุ่มกระเซ้าเย้าแหย่ออกไป

“นายดิน  ผมเป็นผู้ชายนะครับ  แล้วก็หล่อด้วย  ลำพังแค่หน้าตี๋ก็แย่แล้ว
อย่าหาเรื่องมาให้ผมอีกเลย”
ชานนท์กระฟัดกระเฟียดที่เจ้านายไม่เข้าข้างเอาเสียเลย

“เออๆ หล่อก็หล่อ  ทำงานไปเถอะ  ผมจะไปหาจานเทข้าวกินหน่อย  หิวไส้จะบิดแล้วเนี่ย”
 แล้วแผ่นดินก็เดินออกจากห้องทำงาน เข้าครัวไป

“นายดิน  มาทำอะไรในครัวของป้ากันคะ  ไปซื้อข้าวกล่องยัยแสงมาอีกแล้ว
รู้ทั้งรู้ว่าไม่ถูกปากกินครึ่งทิ้งครึ่งยังจะซื้อมาอีก  ป้ามีแกงส้มมะรุมใส่ปลาเค็ม
เดี๋ยวป้าไปตักมาให้ดีกว่า”
ป้าสายบ่นๆแล้วก็ปรี่ไปที่หม้อแกงตักมาให้ชายหนุ่มเต็มถ้วย

“อื้ม  ป้าสาย  ปลาเค็มเน้นๆ เลยนะ  ขอบคุณครับ”
แล้วชายหนุ่มก้มหน้าก้มตากินข้าว  โดยมีป้าสายแม่บ้านร่างอ้วนเตี้ยยืนมอง
เจ้านายหนุ่มเคี้ยวข้าวเพลินและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปคนเดียว  แล้วก็เดินไปจัดการงานบ้านของแกต่อ

“อ้าว! มิ่ง  มีอะไร  มาด้อมๆ มองๆ อยู่ได้  เข้ามาสิ”
นายดินร้องทักคนสนิทผิวเข้มที่มายืนหน้าทะเล้นที่กรอบประตูครัว

“ก็นายบอกจะเข้ามาตอนบ่าย  นี่ก็บ่ายกว่าแล้ว  ผมเลยมาดู  แหะแหะ”
 แผ่นดินมองลูกน้องที่มายืนทำตาปริบๆ

“เป็นห่วง  กอหญ้า  นักหรือไงบอกมาตรงๆ เลย”
ชายหนุ่มพูดดักคอ

“กอหญ้า? คืออะไรครับนาย  ผมงง”
มิ่งยืนเกาหัวแกรกๆ จนหัวฟู

“เออ  ก็คนเมื่อคืนไง  ฉันตั้งชื่อให้ว่ากอหญ้า  ก็ไปเจอแถวๆ กอหญ้า  งงทำไมเรื่องแค่นี้”

“โหย…นายดิน! ถ้าไปเจอเขา  แถวส้วมล่ะ  อุ๊บ!!”
 มิ่งรีบเอามือปิดปากอย่างไวที่เห็นเจ้านายกำลังกินข้าวอยู่  เกือบถูกไล่เตะเสียแล้วไอ้มิ่ง

“วันนี้สภาพดูไม่ดีเลยว่ะ  บวมไปหมดหน้าตา  ยังไม่ฟื้นเลย”
เล่าจบก็ก็ถอนหายใจ

“พรุ่งนี้ผมไปด้วยนะนายดิน  จะไปเยี่ยมคุณเขาบ้าง”
มิ่งยิ้มเผล่และถูไม่ถูมืออย่างหมายมาดว่าจะได้ไป

“เออๆ เอาเป็นตอนสายๆ หน่อยแล้วกันนะ  กว่าที่นั่นจะให้เข้าเยี่ยม
ขี้เกียจไปนั่งรอ  อีกอย่างวันนี้ดันไปเจอยัยนิชาลูกสาวเสี่ยทวีป ไม่รู้ว่าไปเยี่ยมใครที่นั่น”
แผ่นดินเล่าไปด้วยกินข้าวไปด้วย

“อืม  พรุ่งนี้ผมไปถามข่าวให้ครับนาย”
 แล้วมิ่งก็หันหลังเดินกลับออกไป

‘เหอะ! ได้คำตอบแล้วนี่  ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนา  คนรู้จักก็ไม่ใช่’
 แผ่นดินมองตามหลังลูกน้องไป  เมื่ออิ่มจากมื้อกลางวันเขาก็ลุกไปที่รถจี๊ปคันโปรด
ขับเข้าไปในไร่ทันทีเหมือนกัน



แผ่นดินเลี้ยวรถไปที่แปลงผักเกษตรอินทรีย์  เขาเพิ่งเริ่มทำโครงการปลูกผักปลอดสาร
ไม่นานนี้เอง  เพื่อให้คนงานในไร่ที่ร่วมๆ ร้อยชีวิตได้มีผักปลอดสารพิษกินกัน
หากโครงการนี้ไปได้สวย  พื้นที่รกร้างว่างเปล่าของเขาก็จะได้เอามาทำประโยชน์เพิ่มขึ้นอีก

“คมกฤช  เป็นยังไงแปลงสาธิตของพี่จะไปได้อย่างที่หวังรึเปล่า”
แผ่นดินลงจากรถ  และก้าวเข้าไปทักหนุ่มอีกคนที่กำลังให้คำแนะนำกับคนงานที่แผ่นดิน
จัดมาให้ทำเกษตรนำร่องก่อนกลุ่มแรก

“ได้ๆ พี่ดิน  เตรียมเลี้ยงข้าวผมได้เลยครั บ ถ้าผักชุดนี้เก็บเกี่ยวได้”
เกษตรอำเภอหนุ่มยิ้มยิงฟันสวย  ตามแบบหนุ่มลูกทุ่ง  ผมหยักศก  ตัวหนา  ผิวออกน้ำตาล
ตาโต  หน้าตาธรรมดาๆ ถ้าเทียบกับเจ้านนท์ช่างต่างกัน  อีกคนตัวเล็กน่ารัก  คนนี้ก็ตัวโตกว่า
แถมสีผิวยังตัดกันดีอีกด้วย  อืม…แล้วเขาจะจับมันคู่กันทำไม  งงกับความคิดชั่วแล่นของตัวเอง

“ได้สิ  ผักก็ตัดจากสวน  ปลาก็จับจากบ่อ  จะกินอะไรก็บอก  เดี๋ยวพี่จะให้เจ้านนท์มันทำให้กิน”
 ชาวหนุ่มแกล้งคมกฤช  ที่ฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม  ดีใจจนออกนอกหน้า

“พี่ดิน  จริงๆ นะ ผมมากินจริงนะครับ”
 พูดไปก็ถูต้นแขนตัวเองไปด้วย  แผ่นดินเห็นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้  ในความใสซื่อของเจ้าตัว
แล้วทั้งสองก็พากันเดินไปดูบ่อปูนที่จะเริ่มลงปลาทับทิมในปลายๆ เดือนนี้
โครงการดีๆ ชายหนุ่มริเริ่มทำทั้งนั้นหากมันจะสร้างงานสร้างรายได้เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิต
ที่ดีขึ้นให้กับคนงานในไร่ของเขา
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 4
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 10-03-2019 08:52:46
ตอนที่ 5 คู่กัดหรือคู่กัน
'ที่นี่ที่ไหน  ทำไมมีแต่ความขมุกขมัว  รางเลือน  เวิ้งว้าง  ล่องลอย  มองไปรอบๆ
ไม่เห็น  นั่นมีกลุ่มคนทางนั้น  คุณลุงครับ! หยุดก่อน! อย่าเพิ่งไปครับ  นั่นใคร!
พี่สาวจะไปไหนกันครับ  ทุกคนจะเดินไปไหนกัน  ได้ยินไหม  ทำไมไม่มีใครตอบ
คุยกับผมก่อน  ไม่ได้ยินเสียงเราเลยหรือไงนะ’

‘สัมผัส  จับต้อง  ไม่ได้  ว่างเปล่าเหมือนไม่มีรูปร่างไม่มีตัวตน
ทำไมเราถึงไม่รู้สึกอะไรเลย  นี่เราตายไปแล้วหรือยังไงกัน  ไม่นะ!!!’

“กอหญ้า! ตื่นได้แล้ว  นอนมากเกินไปแล้ว  กอหญ้า! จะขี้เซาไปถึงไหน
นายไม่อยากเจอคนที่รักนายหรือไง  กอหญ้า! นายต้องเข้มแข็ง  นายต้องสู้
ลืมตาสักทีสิ”

แผ่นดินจับมือกอหญ้าไว้แล้วก็พูดไปด้วย  ซึ่งหมอบอกเป็นวิธีให้กำลังใจคนไข้
ทางหนึ่งเขาก็พร้อมจะทำ

‘นั่นใคร! เสียงใคร! เรียกใครกัน ใครคือกอหญ้า ผมคือใครกัน ไม่ใช่! ไม่นะ!
ไม่มีใครรัก  เขาทิ้งผมไปหมด ไม่มีเลยสักคน  คุณคือใคร ได้ยินผมไหม
มาพาผมออกไปจากที่นี่  ช่วยผมที! ช่วยด้วย!!’

“กอหญ้า! ถ้านายไม่ลืมตา  ฉันจะทิ้งนายไว้ที่นี่  ฉันจะไม่มาแล้วนะ  กอหญ้า!”
แผ่นดินพูดกระตุ้นไปอีก

‘อย่าไป!!  ผมไม่ใช่กอหญ้า  แต่อย่าทิ้งกันไป  ได้โปรดอย่าไป!! นั่นทางนั้น  ลำแสงอะไร
 ลุงครับขอผมไปด้วย  ยิ้มให้ผมได้ยินผมแล้วใช่มั้ย  ได้ยินใช่ไหมครับ
 //// ไปเถอะ! ไปตามทางนั้น! ที่นี่ไม่ใช่ที่ของลูก  มันยังไม่ถึงเวลา กลับไป!!!’

“กอหญ้า! ตื่นซะทีนาย…นี่นายขยับนิ้วแล้ว  ไอ้มิ่งๆ กดเรียกหมอที”
แผ่นดินบอกมิ่งน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ

‘ใครกันนะ  อุ่นจั ง จับมือเหรอไม่นะ!  อย่าจับ! สกปรก! ปล่อยนะ!
 ขยะแขยง! โอยทนไม่ไหว! ล้างมือ! ต้องล้างมือ!!!’


แพทย์พยาบาลกรูเข้าไปที่เตียงคนเจ็บ  ส่วนแผ่นดินต้องออกมาอยู่นอกห้อง
เขาเดินไปเดินมาอย่างเป็นกังวล โดยไม่รู้ตัว

“นายดิน! นั่งก่อนเถอะครับ  เดินจนผมเวียนหัวไปหมดแล้วนะครับ”
 มิ่งเอ่ยปาก  ชายหนุ่มหันขวับ

“ก็ลุ้นไงล่ะ  เจ้ามิ่ง! เข้าใจมั้ย  ลุ้นจนฉี่จะราดแล้วเนี่ย  ก็ขาเล่นนอนเป็นอาทิตย์ๆ
จนจะกลายเป็นผักเข้าไปทุกที  แล้วอยู่ๆ ก็ฟื้นมาได้  เป็นนายบ้างล่ะ! จะเก็บอาการอยู่มั้ย!!”
ชายหนุ่มพูดเสียงกดต่ำ  หน้าตึงใส่ลูกน้องคนสนิท

“อยากเดินเป็นหนูติดจั่นก็เดินไปเถอะ  ผมไม่ห้ามแล้ว  แค่ห่วงว่าจะเมื่อยขา  ก็แค่นั้นเอง”
มิ่งพูดเสียงอ่อยๆ แล้วหมอก็เดินออกมา

“คนไข้มีการตอบสนองที่ดีขึ้นมาก  คาดว่าจะรู้สึกตัวในอีกไม่นานนี้ครับ”
 คุณหมอหน้านิ่งคนนั้นนั่นเอง

“ขอบคุณ  คุณหมอมากๆ เลยครับ”
แผ่นดินกล่าวขอบคุณ  และขอเข้าไปดูคนเจ็บ

“กอหญ้า! นายเก่งมากเลยนะ  เข้มแข็งและอดทนไว้นะ  อย่ายอมแพ้ล่ะ!
วันนี้ฉันต้องกลับแล้วล่ะ  แล้วจะมาเยี่ยมใหม่”
แผ่นดินเข้าไปที่เตียงจับมือคนไข้ที่หลับสนิท  สีหน้าดีขึ้นไม่ซีดเซียวและอาการบวม
ก็ลดลงบ้างแล้ ว แผลผ่าตัดคุณหมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง  ไม่ติดเชื้อ  แผลสวย
ส่วนที่ใบหน้าคงต้องพึ่งการศัลยกรรมเข้าช่วย  ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความประสงค์ของคนไข้เป็นสำคัญ
 
แผ่นดินมองขนตาที่เรียงกันเป็นแพยาว  จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากที่หยักสวย
ดูจากโครงหน้าแล้วผู้ชายคนนี้เป็นชายหนุ่มที่หล่อเอามากๆ จริงๆ หากฟื้นขึ้นมาแล้วจำความ
ได้ทั้งหมดก็ถือว่าเป็นโชคดี  หากความจำเสื่อมก็ต้องเยียวยารักษากันต่อไป  ในเมื่อเขารับดูแล
แล้วจะปล่อยทิ้งปล่อยขว้างไม่ใยดีก็ไม่ใช่วิสัยของเขาอีกเช่นกัน


หนุ่มเจ้าของไร่หันหลังเดินกลับออกประตูไป  โดยที่เขาไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองหันหลังให้นั้น
ได้เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก  เจ้าตัวปรับสายตาให้ชินกับแสงที่ไม่ได้เห็นมาหลายวัน
ดวงตาคู่สวยกะพริบขึ้นลง  และกรอกตาไปมา  เห็นเพดานสีขาว  ม่านสีเหลืองเข้ม

‘กลิ่นยา  สายระโยงระยาง  เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง  เราเป็นอะไร’ ไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับตัว
เขาปวดหัวมาก  เพียรพยายามนึกและคิดสมองก็ช่างว่างเปล่าเหลือเกิน  เมื่อนึกไม่ออก
อย่างนี้กลไกร่างกายสั่งให้ปิดสวิตซ์ตัวเองลงจึงหลับไปอีกครั้ง


“นายทัพ  วันนี้มาได้นะครับ  ลูกค้าสาวๆ หายไปจะหมดแล้ว  เพราะมาไม่เจอเจ้าของร้าน
สุดหล่อน่ะ  แหะๆ”
เจ้าอาร์มลูกน้องหัวทอง  ผมสั้นเกรียน  ร่างกายกำยำ  ผิวขาว  ยิ้มเผล่เดินมาทักทายเจ้านายหนุ่ม

“เจ้าอาร์ม  ที่เขาไม่ค่อยจะเข้าร้านเพราะแกไปยิ้มทะลึ่งใส่เขามากกว่ามั้ง
อย่ามาโทษกันนะเว่ย  เอ๊ะ! เจ้าแก้มมันไปไหนเสียล่ะ”
ฐานทัพถามออกไป  เมื่อมองหาสาวทอมที่ทำงานคู่กับเจ้าอาร์มไม่เจอ

“อ๋อ…มันไปหาซื้อข้าวเช้า  แล้วก็คงไปแวะคุยกับใบหม่อนด้วยแหละ”
อาร์มตอบแบบคาดการณ์เอา  เพราะแก้มมักทำอย่างนั้นเป็นประจำ
ฐานทัพคิ้วกระตุกเมื่อได้ยินชื่ออีกคนเข้า  แล้วเขาก็เดินสำรวจตรวจตราของในร้าน
ที่มีทั้งตะกร้าผลไม้  ของฝาก  ผลไม้อบแห้ง  ขนมอบ  รวมถึงของพื้นเมืองสวยๆ
งามๆ ที่บรรดานักท่องเที่ยวต่างมาจับจ่ายซื้อหาเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้าน

“เออ  เดี๋ยวมา  เอ็งเฝ้าร้านไปก่อนนะอาร์ม  ข้าต้องไปเยี่ยมเพื่อนเก่าเสียหน่อย”
ฐานทัพยิ้มกวนๆเดินผ่านหน้าเจ้าอาร์มออกไป

“นายทัพครับ  อย่าไปกวนใบหม่อนมันนักเลย  ถ้ามันฟ้องคุณอนันต์
หากโดนยึดร้านขึ้นมาพวกผมคงตกงานนะครับ”
อาร์มตะโกนตามหลังนายจ้างหนุ่ม  ซึ่งยิ้มร้ายแล้วเดินตรงไปที่หมายอย่างไม่มีรีรอ

“ไอ้แก้ม  เอ็งดูนั่น  อกตูมๆ ขาก็เรียวสวย  หน้าเกาหลี  หูย…ฟันเหล็กด้วย
สะโพกก็บึ้ม  น่ารักจริง  แก้มๆ มึงดูคนเสื้อชมพูกางเกงขาสั้นอีกคนสิ
จะสั้นไปไหนกันนะ  ทำไมเงียบไปวะ  แก้มสเปกเอ็งนะนั่น ใช่ไหม?”
พูดไปมือก็สะกิดคนข้างๆ ไปด้วย เมื่อเห็นเงียบผิปกติไม่โต้ตอบจึงหันมอง
แล้วก็ตกใจผลักคนข้างๆ ออกไปในทันทีเมื่อเห็นหน้า  แต่คนถูกผลักไม่มีขยับเขยื้อนสักนิด

“นี่นายทัพ  มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่  เสียมารยาทจริงๆ มาแอบฟังคนอื่นคุยกัน
ไอ้แก้มเอ็งดูนายของเอ็ง  อ้าว! เห่ย”
แก้มสาวหล่อผิวเข้ม  มาดกวน  ถอยหลังออกไปไกลแล้ว  แถมยังโบกมือให้คุณใบหม่อน
สาวหล่อตัวขาว  น่ารัก  ลูกสาวคุณอนันต์เจ้าของ  ‘ตลาดมีคุณอนันต์’ แล้วหันหลังวิ่งแน่วกลับร้านไป

‘ใครจะอยู่กันล่ะถ้าเจ้านายกับคุณใบหม่อนเจอกัน  ตลาดแทบแตก  โกยเลยดีกว่า’
แก้มคิดได้อย่างนั้นจึงไม่รีรอ

“มันไปแล้ว  มีอะไรครับคนสวย  คุยกันดังโหวกเหวกเสียขนาดนั้น  ดังไปถึงนู้น!
หัวตลาดยันท้ายตลาด  ไม่ต้องแอบฟังก็ได้ยินครับ”
ฐานทัพยักคิ้วหลิ่วตา  กับเด็กสาวคนนี้เขาปล่อยเฉยไว้ไม่ได้เสียทุกครั้งที่เจอ
ไม่เพราะไอ้ท่าทางทโมน  แซวสาวคนโน้นทีคนนี้ที  ทั้งที่เจ้าตัวก็เป็นสาวน้อยน่ารัก
ดูแล้วมันขัดลูกตาสิ้นดีกับไอ้ท่าทางทอมบอยนี่นัก

“โว๊ะ! อย่ามาเรียกอย่างนี้นะ  ไม่ได้สวย  หล่อต่างหากล่ะ  มองไม่เห็นรึไงกัน
นี่นายทัพกลับไปเฝ้าร้านของตัวเองไป  มาเพ่นพ่านแล้วยังจะทำปากดีอะไรตรงนี้อยู่ได้”
คนหล่อผมรองทรงสั้นสีทอง  หน้าหวานๆ ปากนิดจมูกหน่อยตรงหน้าทำลอยหน้าลอยตา
พูดอยู่ตรงหน้านี่ ทำเอาฐานทัพอยากจะจับมาฟาดก้นเสียจริงๆ

“คุณใบหม่อนคนสวย  รู้ได้ยังไงครับ  ว่าปากดีน่ะลองชิมแล้วเหรอ  อ่ะๆ อย่านะ
ยกเท้าไม่สุภาพอย่างแรง  แน่ะๆ มีกำหมัดอีก  โมโหอะไรกันล่ะครับ  พี่ไม่มาหาหลายวัน
ทนคิดถึงไม่ไหวเหรอไงกัน  มามะให้กอดทีจะได้หายคิดถึง”
ฐานทัพหนุ่มหล่อเจ้าสำอาง  ได้เห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของอีกคนแล้วให้นึกสนุกเข้าไปใหญ่

“โว๊ะ! ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ”
 แล้วคนหล่อก็กระทืบเท้าลงที่เท้าของฐานทัพอย่างแรง แล้วก็วิ่งแจ้นหนีไป
 ฐานทัพชักเท้าหลบไม่ทันโดนกระทืบแบบเต็มๆ ตัวเล็กแต่แรงไม่ใช่เล่น
 ฐานทัพไม่มีทีท่าว่าจะโกรธแต่กลับมองตามไปยิ้มๆ


“พี่ใบหม่อน  เป็นอะไรมาครับ  มาถึงก็เตะนั่นเตะนี่ไปเรื่อย  เจ็บเท้าเปล่าๆ นะครับ
ใครทำอะไรบอก  ไอ้กล้วยไข่จะไปจัดการใ ห้ บังอาจทำลูกพี่อารมณ์เสียได้ไง”
กล้วยไข่เด็กหนุ่มตัวบางผิวขาว  ผมเกรียน  หน้าตาไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนอย่างปากพูด
จะไปจัดการใครเขาได้  ก็เจ้าตัวน่ะเอวบาง  ร่างเล็กเสียมากกว่า  แถมติดจะหล่อตี๋แบบ
เด็กพื้นเมืองด้วยซ้ำ  คู่หูของคุณหนูลูกเจ้าของตลาดมีคุณอนันต์นั่นเอง

“ก็ ไอ้ๆ โว๊ย…”
ใบหม่อนตีอก กลมไปอีก อาการแบบนี้ กล้วยไข่พอจะรู้แล้วว่าใครทำ ก็ได้แต่ทำตาปริบๆ

“โอ๊ะ โอ…คนเดิมอีกแล้ว  ช่างกล้าทำคุณใบหม่อนของผม  นายทัพนะนายทัพ”
 กล้วยไข่พูดไปแบบกล้าๆ กลัวๆ

“โว๊ะ! ไอ้กล้วย! อย่าเอ่ยชื่อนี้ออกมาให้ได้ยินอีกนะ”
ใบหม่อนหน้าแดงด้วยความกรุ่นโกรธ

“ทำไมชอบกวนประสาท  แล้วยังชอบมายั่วโมโหคุณหนูของไอ้กล้วยไข่อีก  ไม่รู้ทำไม?”
กล้วยไข่สังเกตเห็นแววหมองๆ ในดวงตากลมโตที่เคยสุกสกาว  เพลย์บอยตัวพ่อของ
ไร่เขตแผ่นดิน  ที่โดดเด่นในเรื่องที่ใช้ผู้หญิงเปลืองอย่างกับอะไรดี

‘จะมาอะไรกันนักหนากับคุณใบหม่อนที่แสนจะใสซื่อและน่ารัก’
ช่างน่าสงสารเอาเสียจริงๆเลย กล้วยไข่แอบถอนหายใจ



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 6 ฟื้น...เกลียดสัมผัส
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 19-03-2019 19:07:42
ตอนที่ 6 ฟื้น…เกลียดสัมผัส

“เอ้อ! เจ้าดิน  คนงานมาทำอะไรกันยกใหญ่  ข้างบนน่ะมีอะไรกัน?”
 พ่อเขต ร้องทักลูกชายที่สวนเข้ามาพอดี

“อ่อ…คือว่าผม…ให้มาช่วยกันจัดห้องที่อยู่ติดกับห้องนอนเด็กๆ
น่ะครับ  พอดีจะให้  เอ่อ… กอหญ้า  คนที่ผมช่วยไว้น่ะมาพัก
จนกว่าเขาจะจำอะไรๆ ได้น่ะครับ  ผมก็ว่าจะบอกพ่ออยู่เหมือนกัน
กลับเข้าบ้านดึกๆ ช่วงนี้  ไม่เจอพ่อ  ก็เลยลืมๆไป งั้นผมขออนุญาตเลยแล้วกัน”
ชายหนุ่มพูดและขออนุญาตประมุขของบ้าน

“อืม… ก็ดูให้ดีๆ แล้วกัน  คนสมัยนี้  รู้หน้าไม่รู้ใจนะดิน”
 พ่อพยักหน้ารับรู้  และเตือนลูกชายไปด้วย

“ครับพ่อ  นี่ผมก็ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเขาอีกเลย ได้แต่ส่งไอ้มิ่งมันไปแทน
 ช่วงนี้ยุ่งๆ เรื่องงานในไร่  ก็โรคระบาดจากไร่ข้างเคียงน่ะครับ  พวกหนอนผีเสื้อ
 ต้องฉีดพ่นยากันยกใหญ่เลย”

“แล้วเด็กคนนั้นน่ะ  จนป่านนี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเขาเป็นใครมาจากไหน?”
พ่อถามถึงคนเจ็บที่อีกหน่อยต้องรับเข้ามาร่วมชายคาเดียวกัน

“ยังครับ…แต่เขารู้สึกตัวแล้วนะ  เห็นเจ้ามิ่งมันมาบอกว่าอีก
ไม่กี่วันหมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว”

“เอาล่ะๆ ไหนๆ แกก็ช่วยเขาไปแล้วนี่นะ  จะปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง
ได้ยังไงกัน คนทั้งคนน่ะนะ”

แล้วพ่อเขตก็เดินแยกไป  แผ่นดินคิดว่าถ้าจัดการเรื่องห้องนอนเสร็จ
เขาจะเข้าไปเยี่ยมหน่อย  เห็นแต่ไอ้มิ่งมาเล่าว่าดื้อเอาการอยู่



“บอกว่าอย่ามาจับตัวไงเล่า  สกปรก… อ๊าก!!!”

พยาบาลเจอฤทธิ์คนไข้  ที่สะบัดจนข้าวของที่ถือมาตกลงพื้น
ต่างพากันถอนร่น  จนแผ่นหลังเธอชนเข้ากับแผ่นดินที่สวนเข้ามาพอดี
เธอขอโทษแล้วผลุบออกไป  ชายหนุ่มเดินไปที่เตียงเห็นคนก่อเรื่องเช็ดถู
ตามข้อมือและแขนจนแดงไปหมด  เขารีบเข้าไปคว้ามือไว้  แต่กลายเป็นว่า
คนตรงหน้ายิ่งดิ้นหนีจนเกือบตกเตียง  หน้าตาตื่นกลัวเอามากๆ

“กอหญ้า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ  จะถูทำไมนัก  ถลอกหมดแล้วเนี่ย  บอกมาสิ เป็นอะไร?”

ชายหนุ่มเสียงดังใส่เพื่อให้เจ้าตัวหยุด  แต่เขากลับเห็นใบหน้าซีดเผือด
ของคนตัวขาว  ปากคอสั่น  น้ำตาคลอที่หน่วยตาคู่สวย

“สกปรก! อย่าจับ! ล้างมือ  ต้องล้างมือ  ปล่อย ฮือฮือ”

แผ่นดินปล่อยแขนทั้งสองข้างทันที  แต่สิ่งที่เห็นทำให้รีบไป
คว้าผ้าห่มมาห่อตัวร่างบางนี้ไว้แล้วรวบกอด

“ชู่ววๆๆ ไม่สกปรก  ไม่เลอะน ะ นิ่งๆ นะกอหญ้า  หายใจลึกๆ ไม่มีอะไรน่ากลัว นิ่งซะ”

แผ่นดินกอดไปลูบหลังไปแล้วใช้น้ำเสียงนุ่มแทนการพูดเสียงดุๆ แบบเมื่อครู่
ได้ผลเมื่อเจ้าตัวค่อยๆสงบลง  และช้อนตาขึ้นมองหน้าเขา

“คุณเป็นใคร  ผมเคยได้ยินเสียงนี้”

เจ้าตัวขมวดคิ้ว  แล้วนิ่วหน้าเมื่อโทนเสียงที่ได้ยินคุ้นหูเหลือเกิน

“พี่ชื่อแผ่นดิน  เรียกพี่ดินนะ  นายรถคว่ำบาดเจ็บสาหัส
พี่ไปเจอก็พามารักษาตัวที่นี่  ไม่ต้องกลัวนะ  ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองคือใคร
ก็ชื่อกอหญ้าไปก่อน  ถ้าไม่อยากให้ใครถูกตัว…เวลาที่ใครให้ทำอะไร…ก็ต้องทำ
อย่าดื้อ  จะได้หายไง  แล้วก็จะไม่ต้องถูกมัดกับเตียงด้วย  เชื่อพี่นะกอหญ้า
แล้วเราจะได้กลับบ้านกัน  เข้าใจที่พี่พูดหรือเปล่า …อย่าดื้ออีก”

แผ่นดินพยายามอธิบายให้คนในอ้อมแขนฟัง  เขาสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุด
ขึ้นที่ไรผมและข้างขมับ  จึงคลายผ้าห่มออก  แล้วปล่อยตัวให้เป็นอิสระ

“พี่ดินเหรอ  แล้วผมชื่อกอหญ้า  เหรอฮะ”

เจ้าตัวพึมพำเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววหมองๆ ใบหน้าซีกซ้ายที่เกลี้ยงเกลา
นั้นเนียนใส  แต่แก้มขวาถ้าไม่มีรอยแผลเป็นใหญ่ที่เริ่มแห้งและตกสะเก็ด  ก็คงดูดีไม่น้อย

“ผมไม่ชอบให้ใครโดนตัว…ผมกลัว…ผมขยะแขยง พี่ดิน! ผมเป็นบ้าใช่ไหมครับ?”

คนตัวบางเริ่มมีอาการร้อนรน  และมีน้ำตาหยดลงมาอีก  ชายหนุ่มเอื้อมมือหมาย
จะไปเช็ดให้  ชะงักมือไว้เมื่อนึกได้ว่าคนตรงหน้ากำลังกลัวการถูกสัมผัส 

“กอหญ้าไม่ได้บ้า  เพียงแต่อาจจะกลัวว่ามันไม่สะอาดพอ
 กลัวสิ่งสกปรกก็เป็นได้  เอาอย่างนี้นะ  เดี๋ยวพี่ไปคุยกับคุณหมอก่อน
 ท่านจะได้หาทางช่วยกอหญ้าได้ไงล่ะ”

“จริงเหรอฮะ  ผมจะหายใช่ไหม?”

คนป่วยมีประกายความหวังขึ้นมา  จนแผ่นดินยกยิ้มมุมปากนิดนึง

“แน่นอนสิ  ก่อนอื่นกอหญ้าต้องเชื่อใจพี่ก่อนนะ  ว่าพี่ไม่ทำอันตรายอะไรเรา
พี่มาดี  พี่ช่วยเราไว้  แค่นี้  ทำได้หรือเปล่า?”

แผ่นดินพูดโน้มน้าวให้คนฟังคล้อยตาม  ซึ่งเจ้าตัวก็ทำเพียงมุ่นหัวคิ้วคิดตาม

“พี่ดิน  ไม่ได้หลอกผม  ใช่ไหม?”

 แววตายังเคลือบแคลงสงสัย

“ไม่หลอกแน่นอน  เอาอย่างนี้น ะ ลองส่งมือมาให้พี่
 นี่พี่ล้างแอลกอฮอล์ให้ดูเลย  พี่กดใส่มือแล้วเห็นไหมแล้วก็ถูๆ มือ
 เท่านี้ก็ไม่มีเชื้อโรคแล้ว  ไม่สกปรกด้วยครับ  ส่งมือมาให้พี่สิ…กอหญ้า”

แผ่นดินแบมือแล้วยื่นไปข้างหน้า  เจ้าตัวกระถดตัวหนีทันที
แววตาหวาดหวั่น ส่ายหน้าไปมา

“ไม่ได้! ผมทำไม่ได้! อย่าจับ! อย่าแตะต้องผม! ไม่เอา!!! ฮือฮือ  สกปรก”

“กอหญ้าไม่เป็นไร  พี่ไม่จับแล้วก็ได้  ไว้เชื่อใจพี่เมื่อไหร่  ค่อยลองใหม่นะ
 จำไว้ว่าพี่ไม่ทำร้ายเรา  พี่มาช่วยนะ  กอหญ้า  ไม่ร้องแล้วนะ
 ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนแล้วกัน”

ชายหนุ่มพูดอย่างอ่อนโยน  ปลอบประโลมอย่างที่ไม่เคยกระทำกับใครมาก่อน
แล้วจึงก้าวถอยออกมาสองก้าว

“พี่ดินครับ… อย่าทิ้งผม อย่าเพิ่งไป ผมบ้าไปแล้วใช่ไหม”

 เจ้าตัวพูดขึ้นแววตาอ้างว้าง  น้ำตายังนองหน้า  แล้วถามคำถามที่คาใจอีกครั้ง

“กอหญ้า…เราแค่ไม่สบายเท่านั้น  เดี๋ยวก็หาย…นะครับ  พี่อยู่เป็นเพื่อนไ
 แป๊บนึงแล้วกันนะ พี่ต้องกลับไปดูงานในไร่”

ชายหนุ่มพูดให้เข้าใจว่าไม่ได้จะทอดทิ้ง

“งานอะไร  ทำไมต้องไปทำด้วยล่ะ”

 คิ้วขมวดกันยุ่ง

“เอ่อ…งั้นพี่จะเล่าให้ฟังนะ  กอหญ้าจะได้รู้จักพี่มากขึ้นไง
 พี่ทำไร่ส้ม…ชื่อไร่เขตแผ่นดิน  ที่นั่นเลี้ยงวัวนมด้วย
 แล้วพี่ก็มีลูกสองคนด้วยครับ  ชายคนหญิงคน  ภรรยาไม่มีเลิกกันไปหลายปีแล้ว
 ตอนนี้พี่อยู่กับคุณย่า  คุณพ่อ  และน้องชาย  แล้วเดี๋ยวก็ต้องมีกอหญ้าไปอยู่ด้วยอีกคนไง”

กอหญ้านั่งฟังเงียบๆ เหมือนคิดตามไปด้วย

“พี่ดิน  จะให้ผมไปอยู่ด้วยเหรอฮะ  จริงๆ นะ ไม่หลอกผมใช่ไหม”

ดวงตาที่เศร้าหมองเมื่อครู่นั้นมีประกายเจิดจ้าขึ้นมาทันตา

“แน่นอน  แต่เราต้องไม่ดื้อกับพี่ๆ พยาบาล  หากมีใครมาบอกพี่ว่ากอหญ้าดื้อ
 พี่จะไม่มาเยี่ยมแล้วก็…”

ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันจบ  เจ้าตัวก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ผมจะไม่ดื้อ!!! พี่ดินอย่าทิ้งผมไว้ที่นี่นะ พาผมกลับไปด้วย…นะครับ”

 แววตากระตือรือร้น จนแผ่นดินลอบยิ้ม

“พี่จะเชื่อเรานะ วันนี้พี่จะไปคุยกับคุณหมอก่อนกลับ  แล้วพี่จะมาเยี่ยมใหม่”

 พูดจบก็หมุนตัวกลับไปที่ประตู  ก่อนจะปิดประตูลง
 เขายังทันได้ยินคนบนเตียงพูดตามหลังมา

“มาอีกนะ…อย่าหลอกกันนะ”



“พ่อครับ  อามิ่งกับอาขวัญบอกว่า  จะมีคนมาอยู่กับเราที่บ้านเหรอฮะ”

ต้นกล้าถามพ่อเมื่อเจอหน้าในตอนค่ำ

“ใช่ลูก อากอหญ้า  เขาไม่สบาย  พ่อต้องพามาอยู่ด้วย  เด็กๆ ยอมไหมครับ หืม?”
แผ่นดินบอกลูก และถามความยินยอม

“ได้ๆ แล้วอากอหญ้า ใจดีใช่ไหมครับ”
 ต้นกล้าถามสิ่งที่สงสัย

“ใจดีสิครับ  แล้วเขาก็จะมาช่วยเลี้ยงเด็กๆ ด้วยนะ”
ชายหนุ่มบอกกับลูกชาย  ที่นั่งลูบขนเจ้ากองหนุนสุนัขพันธุ์พูเดิลสีขาวเล่นไปมา
 ส่วนหนูน้อยใบข้าวก็อุ้มเจ้าไข่เจียวแมวสีสวาดไว้บนตัก

“ใบข้าว จะให้อากอหญ้าอุ้มไข่เจียว”
 หนูน้อยแสดงน้ำใจ

“พี่กล้าก็จะให้เล่นกับกองหนุนด้วยนะ”
ต้นกล้าเสนอบ้าง

“เก่งมากเลยลูก  อากอหญ้าต้องดีใจมากๆ เลย ที่ลูกๆ
ของพ่อเป็นเด็กใจดี แบบนี้”
เด็กๆ ยิ้มตาหยีให้พ่อดินของพวกเขา



ที่คอนโดของข้ามฟ้า  คะน้าเดินไปเดินมาที่หน้าห้อง  หน้าตาเครียดจัด
เธอไม่สามารถติดต่อกับข้ามฟ้ามาได้เกือบสิบวันแล้ว  โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง
โทรหาขิมก็ไม่ยอมรับสาย
 
วันนี้คะน้าจึงต้องมาให้เห็นกับตาตัวเอง
เธอใช้คีย์การ์ดสำรอง  พอเข้าไปก็ไม่พบว่าจะมีการใช้งานเลยทั้งที่นอน
ที่ผ้าปูเตียงนั้นเรียบตึง  ตู้เย็นก็ไม่ได้เสียบปลั๊กไว้  ข้าวของเครื่องใช้ยังอยู่ครบ
 
“ไปไหนของนายนะข้าว  พี่เป็นห่วงมากเลย  เฮ้อ…อย่าให้เจอตัวนะจะจับมาฟาด
ให้ก้นลายเลย  บอกแล้วว่าไปไหนๆ ก็ให้ติดต่อมา เอ๊ะ! หรือจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ทำไงดี  ข้าวนะข้าว  พี่กลุ้มจะแย่แล้วนะ  กลับมาซะที”

คะน้าเดินวนรอบห้อง  แล้วก็บ่นพึมพำคนเดียวไม่หยุดปาก แล้วจึงหมุนตัวออกจากห้อง


“อ้าว! สวัสดีครับ  พี่คะน้า  พี่ข้าวกลับมาแล้วเหรอฮะ”
 กริชออกจากห้องของตัวเอง  และเจอเข้ากับคะน้าที่เปิดประตูออก
มาพร้อมๆ กันกับเขา  เด็กหนุ่มยิ้มดีใจ

“กลับมาอะไรเล่ากริช  หายไปเลยสิไม่ว่า  เพราะอย่างนี้แหละพี่ถึงต้องมาดูเอง
ให้เห็นกับตาไง  ติดต่อไม่ได้เลยตั้งแต่ออกเดินทางคราวก่อนนู้น
 พี่กลัวจะเกิดเรื่องร้ายกับข้าวน่ะกริช”

 คะน้าเล่าให้เด็กหนุ่มแฟนคลับของข้ามฟ้าฟัง  กริชเบิกตากว้างขึ้นทันทีที่ได้ฟังเรื่องราว

“พี่คะน้า  อย่าเพิ่งคิดไปในทางร้ายเลยครับ  แค่ฟังผมก็ใจคอไม่ดีไปด้วยแล้ว
 พี่ข้าวอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจ  จึงอยากพักเงียบๆ ก็เป็นได้นะฮะ
 เรารอดูกันอีกสักหน่อยเถอะนะ”

กริชช่วยออกความคิดเห็น

“อืม ก็คงต้องรอดูไปก่อนจริงๆ นี่นามบัตรของพี่ หากมีความคืบหน้าอะไร
 กริชช่วยบอกพี่ทันทีเลยนะ”

 คะน้าให้นามบัตรกับเด็กหนุ่มไว้

“ได้ครับ หากมีอะไรผมจะรีบโทรบอกพี่เลยครับ”
ทั้งสองจึงเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกัน  สีหน้าของพวกเขามีแววกังวล
ให้เห็นอย่างเด่นชัด…ไม่ต่างกัน





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 7 ผมไม่ใช่ข้ามฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 19-03-2019 19:24:56
 ตอนที่ 7 ผมไม่ใช่ข้ามฟ้า

ตรีภพรู้ว่าแผ่นดินเพื่อนรักของเขาเป็นผู้ที่ให้การช่วยเหลือและพาคนเจ็บมารักษาตัว
และรับเป็นเจ้าของไข้  จึงรีบรุดมาที่โรงพยาบาล  และทางตำรวจได้แจ้งไปที่ต้นสังกัด
ของข้ามฟ้าให้มายืนยันว่าใช่ข้ามฟ้า เหนือเวหา ตัวจริงหรือไม่

คะน้าถูกส่งตัวขึ้นเครื่องมาเชียงใหม่อย่างรีบด่วน  เธอร้องไห้มาตลอดทางและพร่ำภาวนา
ให้คนที่น่าสงสัยนั้นไม่ใช่ข้ามฟ้า  และเธอได้ขอร้องให้ทางค่ายอย่าเพิ่งออกข่าวอุบัติเหตุ
ครั้งนี้ออกไป  เพราะเกรงความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้นจากกลุ่มแฟนคลับของข้ามฟ้า


“พี่ดิน ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น  ผมไม่ใช่ข้ามฟ้าอะไรนั่นนะ  อย่าให้ใครมาพาผมไปนะฮะ”

 กอหญ้าร้องไห้จนตัวโยน  และเนื้อตัวสั่นเทา  จนแผ่นดินนึกสงสารและเห็นใจ

“กอหญ้า  ตำรวจแค่จะคุยด้วยเท่านั้น  นั่นน่ะ! พี่ภพ  เพื่อนพี่เองไม่ต้องกลัวนะพี่ก็อยู่นี่ด้วยแล้ว”

ชายหนุ่มต้องใช้ผ้าห่มคลุมกายอันสั่นเทา  และกอดคนตรงหน้าไว้

“โธ่! ข้าว…นี่พี่คะน้าไง  ข้าวจำพี่ไม่ได้เหรอ  ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้  ฮึกฮือฮือ”

คะน้ายืนยันว่าเป็นข้ามฟ้า  แต่เธอไม่สามารถเข้าใกล้ตัวข้ามฟ้าได้เลย
เธอไม่คิดว่าตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาที่เธอไม่สามารถติดต่อกับข้ามฟ้าได้นั้น
เพราะเจ้าตัวประสบเหตุอยู่ที่นี่นั่นเอง

“โธ่! ข้าว…น้องพี่  ไหนบอกว่าจะไปเคลียร์กับยัยขิมที่ออสเตรเลียไง
ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้  แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฮือฮือ”

ผู้จัดการส่วนตัวดาราดัง  ร้องไห้มากมาย  จากเหตุไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัวของเธอ

“พี่ดิน ผมไม่รู้จักเขานะ  พี่ดินอย่าให้เขาเอาผมไป  ผมชื่อกอหญ้าแล้วไง
 พี่บอกจะไม่ทิ้งผม  จะให้ผมไปอยู่ด้วย  พี่ไม่โกหกผมใช่ไหม?”

ข้ามฟ้าหรือกอหญ้าในเวลานี้  ไม่รับรู้ใดๆอีก  เขารู้แต่ว่าเขาไม่เชื่อใคร
 ต้องเป็นพี่ดินเท่านั้นที่จะไม่ทำร้ายเขา

“กอหญ้า  ใจเย็นๆ หายใจลึกๆ ค่อยคิดกันนะว่าจะเอายังไง
 เราอยากจะไปหรือไม่ไป พี่ก็แล้วแต่เรา”

 ชายหนุ่มพูดให้คนในอ้อมแขนสงบลง

“จริงนะ  ผมไม่ใช่ข้ามฟ้า  ผมไม่ไป”
กอหญ้าพึมพำ

“คุณดิน  ขอบคุณที่คุณช่วยเหลือข้าว  ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
ค่ารักษาพยาบาลที่คุณจ่ายไปเดี๋ยวคะน้าจะจัดการคืนให้ทั้งหมด
ตอนนี้คุณช่วยพูดให้ข้าวกลับไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ ให้ได้ทีเถอะนะคะ”
คะน้าพูดไปร้องไห้ไปด้วย

“ไม่นะ!  ผมไม่ไป! ที่นั่นผมไม่รู้จักใคร  อย่าเข้ามานะ!
อย่ามาถูกตัวผม! พี่ดินช่วยผมที!!!”

 แววตาหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“เอ่อ…คุณคะน้าครับ  กอหญ้า เอ่อ…ข้าวน่ะ  เขาไม่ให้ใครสัมผัสตัวเขา
เขาจะกลัวแล้วก็จะถูตามเนื้อตัวที่เราไปสัมผัสเขาจนถลอก
 คือว่า…ตอนนี้คุณช่วยอยู่ห่างๆ เขาหน่อยจะเป็นการดี…นะครับ”

 แผ่นดินยกมือเป็นเชิงห้ามไม่ให้คะน้าเข้าใกล้กอหญ้า

“ดิน แล้วแกจะเอาไงล่ะ เค้าไม่ยอมกลับกรุงเทพฯ
 สงสัยต้องให้อยู่กับแกไปก่อน  คุณคะน้าว่ายังไงครับ”

ตรีภพถามความเห็นของเพื่อนและผู้จัดการดารา

“อืม…ทางเราก็เกรงใจคุณอยู่นะคุณดิน  แต่หากกลับไปกรุงเทพฯ
เขาก็มีแต่แม่เลี้ยงที่ไม่ค่อยกินเส้นกันนัก  เขาไม่มีใครแล้วจริงๆ ตอนนี้
หากคะน้าจะขอฝากน้องไว้กับคุณ  มันก็จะเป็นการผลักภาระให้คุณจนเกินไป…”


“ตอนนี้กอหญ้าเขาไม่ไว้ใจใครเลย…เอาเป็นว่าให้เขาอยู่ที่นี่แหละ…
แล้วคุณคะน้าว่างก็หมั่นมาเยี่ยมเขาบ้าง”
แผ่นดินเสนอทางออกให้กับเรื่องนี้ คะน้ามองหน้ายกนิ้วเคาะๆ ที่ขมับ

“ถ้างั้นขอร้องคุณช่วยปิดข่าวก่อนได้ไหมคะ  ไม่งั้นนักข่าวต้องแห่มา
 แล้วข้าวเองก็คงไม่ต้องการเสียความเป็นส่วนตัว  แล้วตอนนี้เขาก็กลัวคน
ไปหมดแล้วด้วยสิ  คงต้องเป็นคุณแล้วล่ะที่เขาจะยอมเชื่อใจในตอนนี้…คุณดิน”

 คะน้าพูดขึ้นมาอย่างตัดสินใจแล้วพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอีก จนดวงตาสองข้างช้ำแดง

“คุณคะน้า  คุณอย่ากังวลไปเลย  ผมช่วยเขาไว้ตั้งแต่แรก
 ก็ต้องช่วยจนถึงที่สุดนั่นแหละ  อย่าห่วงเลย  จะไม่มีใครรู้ว่ากอหญ้าคือใคร  สบายใจได้ครับ”


เดิมทีแผ่นดินที่รู้ข่าวจากเพื่อนว่าคนที่เขาช่วยเหลือไว้นั้นคือข้ามฟ้า เหนือเวหา
นายแบบนักแสดงดัง  เขาก็ตกใจอยู่เหมือนกัน  แต่สภาพที่เจ้าตัวเป็นในตอนนี้
นอกจากคนใกล้ชิด หรือคนในครอบครัวเท่านั้นที่จะแยกแยะออกว่าเป็นข้ามฟ้าตัวจริง
และอาการกลัวคนรอบช้างนั่นอีก  อดเห็นใจไม่ได้


“บ่ายนี้หมอให้กลับบ้านแล้ว  เดี๋ยวผมไปจัดการค่าใช้จ่ายก่อนครับ
 คุณคะน้าก็ตามไปที่บ้านผมด้วยกันเลยก็ได้ จะได้เห็นว่ากอหญ้าเขาอยู่ยังไง”

“เอ่อ! ดีเลยค่ะ อ้อ! คุณดิน ค่าใช้จ่ายคะน้าขอจัดการเองคุณอยู่นี่เถอะ
 รบกวนคุณมามากเกินไปแล้ว  ให้ทางคะน้าได้ทำหน้าที่ด้วยเถอะค่ะ”

คะน้ารีบออกไปจัดการค่าใช้จ่ายของข้ามฟ้าเพื่อจะได้ให้แผ่นดินพากลับบ้าน


“พ่อคนใจบุญ…ใจพระ…หากคุณข้ามฟ้าหายเป็นปกตินะ
 นายคงได้เป็นข่าวโด่งดังเลยนะเว่ย  เนี่ย! ดาราดังมาก!
เลยนะคนนี้  แฟนคลับมากมายท่วมท้น  ดีไม่ดีไร่แกพังแน่ถ้าแฟนคลับรู้ข่าวเข้าน่ะ”

สารวัตรตรีภพพูดไม่หยุด  และมองเพื่อนที่กอดคนตรงหน้าไม่ปล่อย
แม้จะมีผ้าห่มผืนบางห่มอีกคนไว้ก็ตาม  เขาย่นหัวคิ้ว  และรู้สึกแปลกใจ
ที่คนอย่างแผ่นดินยอมให้ใครใกล้ชิดได้ขนาดนี้

“แกก็อย่าพูดไปก็แล้วกัน ไม่มีใครจำได้หรอกน่า เชื่อเถอะ ตอนนี้เขาชื่อกอหญ้า..แล้วเว่ย!”

แผ่นดินก็คลายผ้าออกให้คนตัวผอม

“เรียบร้อยแล้วทุกคน เสื้อผ้าของข้าวล่ะ ไม่ให้เปลี่ยนเหรอคะ?”
 คะน้าโผล่หน้าเข้ามาในห้อง

“เออใช่! ผมลืม! เอาไงดี  ต้องไปหาซื้อแถวร้านค้าหน้าโรงพยาบาลแล้วล่ะคุณคะน้า”

 แผ่นดินขยับจะออกไป

“คะน้าไปเอง  คะน้ารู้ว่าน้องใส่ไซส์ไหน รอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวคะน้าจะรีบกลับมา”
แล้วหญิงสาวสวยปราดเปรียวก็ผละออกไป  ดูทำอะไรคล่องแคล่วเสียจริงๆ
นี่ละมั้งผู้จัดการส่วนตัวของดาราดังที่ต้องทำให้ได้แบบนี้
แผ่นดินมองอย่างทึ่งๆ ไม่นานคุณคะน้าก็มาพร้อมกับถุงเสื้อผ้าของใช้หลายถุง

“คุณดิน  ระหว่างนี้คะน้าขอรบกวนพักที่บ้านคุณก่อนได้มั้ยคะ
จะอยู่จัดการเรื่องข้าวของเครื่องใช้อะไรต่างๆ ของข้าวด้วย
เสร็จแล้วคะน้าค่อยกลับกรุงเทพฯ”
หญิงสาวร้องขอไปพักที่ไร่ด้วย

“ได้สิครับ  แต่คุณลิสต์รายการของที่ต้องการมาให้ผมก็ได้
 เดี๋ยวผมให้ลูกน้องไปจัดการต่อให้เอง”

 คะน้าอึ้งในความมีน้ำใจของเจ้าของไร่ส้มเสียเหลือเกิน
 เป็นความโชคดีบนความโชคร้ายอยู่เหมือนกันที่ข้าวได้มาเจอกับคุณแผ่นดินคนนี้

“ไม่เป็นไรค่ะ  ให้คะน้าได้ทำอะไรเพื่อน้องบ้างเถอะ  ข้าวเขาเป็นเด็กน่าสงสาร
แล้วก็เป็นเด็กดีมาตลอด  ถึงจะมีเรื่องรักๆ แบบงี่เง่าๆ กับผู้หญิงแย่ๆ ก็เถอะนะ
แค่เรื่องเดียวนี่แหละ! ที่เจ้าเด็กนี่! ไม่ได้อย่างใจคะน้าเลย  นอกนั้นไม่เคยทำอะไร
ให้หนักใจ  ยัยผู้หญิงนั่นที่ข้าวรักนักหนาน่ะตีตัวออกห่างเป็นเดือนๆ ยังบ้าไปตามหา
ข้ามน้ำข้ามทะเลก็ยังจะทำ  จนมาเกิดเรื่องแบบนี้ไม่ใช่โดนหล่อนสลัดรักมาเหรอถึง
เป็นได้ขนาดนี้  อย่าให้เจอแม่นั่น! นะ  คะน้าจะด่าให้เสียหมาไปเลยคอยดัเถอะ”

ดูเธอเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเอามากๆ แต่ตรงข้ามกับอีกคนที่นั่งฟังอยู่บนเตียง
อย่างไม่ใส่ใจว่านั่นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองแท้ๆ

“ทางตำรวจคาดเดาว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนมีคนจงใจทำให้มันเกิด
 ยังไงขอรวบรวมหลักฐานมัดตัวให้มันดิ้นไม่หลุดเสียก่อน
 แล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบกันอีกทีเล่นลอกคราบเสียเกลี้ยง
ไม่ให้เหลือหลักฐานแบบนี้  ดีนะที่ได้เจ้าดินช่วยเอาไว้น่ะ
ไม่งั้นป่านนี้คงเหลือแต่ชื่อจริงๆ เอ่อ! ขอโทษที่พูดแบบนี้นะครับ”

สารวัตรหนุ่มหล่อมาดเข้ม  พูดมาถึงตอนท้ายๆ ก็เสียงอ่อนลง

“ไม่เป็นไรค่ะสารวัตร  ถ้าไม่ได้คุณดินช่วยเอาไว้  ข้าวก็คงเป็นอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ
เวรกรรมอะไรนักหนาก็ไม่รู้  พ่อก็มาตาย  แม่ก็ทิ้งหายไปตั้งแต่เกิด  แม่เลี้ยงก็เอาแต่ผลาญเงิน
เจ้าเด็กนี่ต้องทำงานงกๆ อดตาหลับขับตานอน  สายตัวแทบขาดเพื่อให้แม่เลี้ยงเอาเงินไปถลุง
ในบ่อน ชีวิตไม่มีอะไรดีเลย…ข้าวเอ๊ย!”

ผู้จัดการสาวร่ายเสียยืดยาว  แผ่นดินจากที่สงสารเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอได้ยินแบบนี้ก็ยิ่งสงสาร
และเห็นใจเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว  แล้วแผ่นดินก็รับเอาเสื้อผ้าไปยื่นให้คนบนเตียง

“พี่ช่วยนะ กอหญ้า  จะได้กลับบ้านกัน  พี่ไม่ถูกตัวเราหรอก  มาครับ”

แผ่นดินช่วยคนตัวขาวเปลี่ยนชุดอย่างทุลักทุเล  เห็นผิวที่เปิดเปลือยขาวเนียนละเอียด
‘น่าสัมผัส’ แผ่นดินสะดุดลมหายใจไปทีที่คิดอย่างนั้น

‘จะบ้ากันไปใหญ่แล้วไอ้บ้าดิน’
แผ่นดินกร่นด่าตัวเองในใจ



เมื่อเข็นรถมาถึงที่ลานรถ  แผ่นดินเข้าอุ้มคนตัวบางขึ้นบนรถ
เจ้าตัวสะบัดหนี  แต่เขาใช้จังหวะอันรวดเร็วเข้าล็อกตัวเสียก่อน
พอขึ้นนั่งก็หอบหายใจทั้งคนอุ้มและคนที่ถูกอุ้ม

“กอหญ้า พี่บอกว่าไม่ทำอันตราย  เมื่อไหร่จะเชื่อใจกันนะ เลิกดื้อซะที หายใจลึกๆเลย”

แผ่นดินพูดติดจะหงุดหงิดแล้วก็ส่ายหน้า เล่นเอาเขาหอบไปเหมือนกัน
แต่เนื้อนุ่มนิ่มและเนียนไปหมดแม้แค่สัมผัสแป๊บเดียวก็เถอะ

“ภพ! แกตามมาด้วยสิ! พาคุณคะน้ามาเลยล่ะ”
 แผ่นดินหันไปบอกเพื่อนให้ขับตามหลังมา


หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 8 ไปอยู่บ้านพี่ดิน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 19-03-2019 19:48:54
ตอนที่ 8 ไปอยู่บ้านพี่ดิน

เส้นทางที่คดเคี้ยวกับถนนลูกรัง  แล้วยังแนวเขาที่พาดผ่านกว่าจะเข้าสู่ไร่เขตแผ่นดิน
ก็เล่นเอาผู้โดยสารหัวสั่นหัวคลอนไปตามๆ กัน จนคะน้าสาวมั่น ต้องปริปากพูดออกมาจนได้

“คุณสารวัตรคะ  หนทางทำไมลำบากขนาดนี้  ไม่ใช่ว่าต้องให้…ข้าว…
มากัดก้อนเกลือกินกันเลยหรือคะ  ทำไมมันดูกันดารอย่างนี้  แล้วน้องมันจะไหวเหรอ
คะน้ายังรู้สึกว่าตัวเองน่ะถูกนวดแผนไทยเลยจริงๆ นะคะตอนนี้น่ะ”

“หึหึ  อดใจสักนิดก่อนเถอะครับ  แล้วคุณจะเสียใจที่พูดคำนี้ออกมา”

 สารวัตรตรีภพพูดยิ้มๆ


พอรถแล่นผ่านโค้งเชิงเขาไปได้ก็เป็นถนนราดยาง  รถกำลังแล่นลงทางลาดเขา
คะน้านั่งไปอย่างเงียบๆ แบบใจจดใจจ่อลุ้นไปด้วย  ผ่านหมู่บ้านเข้าไป
ที่นี่ผู้คนปลูกพืชผักเป็นแบบขั้นบันได  นาข้าวก็มี  แล้วก็ถึงทางแยกซ้ายที่มีป้าย
ชี้บอกว่าทางไปไร่ ‘เขตแผ่นดิน’  พอเริ่มเข้าสู่เขตไร่


สองฟากถนนกลับเป็นแนวเฟื่องฟ้าหลากสีทอดยาวไปจรดซุ้มทางเข้า
คะน้าเห็นบ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านล้อแสงตะวันอยู่บนเนิน
ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อรถมาจอดนิ่งสนิทที่หน้าบ้านแล้ว


“โอ้โห้!!! สารวัตร! บ้านหลังใหญ่จัง! สวนสวยมากๆ เลยด้วย
 นี่บ้านคุณดินเหรอคะ อย่างกับรีสอร์ตในหุบเขา  สวยงามมากๆ เลย
 ชักอายแล้วสิคะ…ที่ไปว่าที่นี่กันดารน่ะ”

คะน้ายิ้มอายๆ เมื่อพากันลงมายืนเบื้องล่าง  รถของแผ่นดินจอดข้างๆ กัน
คะน้ารีบเดินไปหาข้ามฟ้าทันทีที่ลงยืน

“เป็นไง ข้าว ชอบไหม?”

คะน้าเข้าไปเปิดประตูรถให้  คนถูกถามนั่งเงียบแต่สายตาทอดมองไปรอบๆ บริเวณ

“สวยดีครับ”
ตอบไปแบบสั้นๆ และหันไปหาแผ่นดินที่เปิดประตูเดินอ้อมมาหา

“กอหญ้าถึงแล้วนะ บ้านพี่เอง พี่ต้องอุ้มเราเข้าไปนะ ห้องอยู่ชั้นบน จัดไว้ให้แล้วล่ะ”
 กอหญ้านั่งตัวแข็งทื่อที่จะถูกอุ้มอีกแล้ว

“พี่ดิน! เดี๋ยวก่อนนะ  อย่าเพิ่งนะ  ขอหายใจก่อนแป๊บนึงครับ”
 แล้วเจ้าตัวก็โกยอากาศเข้าปอดเป็นการใหญ่ พร้อมกับหลับตาลง

“อ่ะ นับ1..2..3 ฮึ๊บ”
แล้วแผ่นดินก็ช้อนมือเข้าใต้เข่าอุ้มกอหญ้าตัวปลิวเดินเข้าบ้านไป
กอหญ้ากำเสื้อพี่ดินที่แผงอกกำยำไว้แน่น  หายใจหอบถี่เมื่อสมองสั่งให้กลัวขึ้นมาอีก

“กอหญ้า ไม่กลัวพี่สิ  ขึ้นบันได  เลี้ยวซ้ายก็ถึงห้องเราแล้ว  ทนอีกหน่อยนะ”


ประตูห้องมีคนมาช่วยเปิดไว้ให้แล้วแผ่นดินวางกอหญ้าบนเตียงนอนขนาดใหญ่
คนอื่นๆ ก็เดินตามกันเข้ามาด้วย  จนทำให้ห้องดูแคบลงไปถนัดตา

“หืม…คุณดิน ห้องน่าอยู่มากเลย  โปร่งตา เอ๊ะ! ผ้าม่านสีน้ำตาลโทนเดียว
กับที่คอนโดข้าวเลยนะคะเนี่ย  เครื่องนอนก็ใหม่หมดเลย ข้าวเอ๊ย!
โชคดีจริงๆ ที่คุณดินเป็นธุระให้ขนาดนี้  ปกติตัวจริงเจ้าเด็กนี่นะ…เรื่องมากจะตายไป
ไม่ค่อยยอมใช้ของร่วมกับใคร  นี่อย่าบอกนะว่าสั่งมาให้ใหม่ทั้งหมดน่ะ
ตายๆ หมดไปเยอะเลยนะคุณดิน”


คะน้าเดินสำรวจห้อง  เห็นว่าทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า
เตียงนอนหรือแม้แต่โต๊ะเครื่องแป้ง  ยังไม่ผ่านการใช้งานเลย  ล้วนเป็นสีวอลนัททุกชิ้น
ทุกอย่างดูลงตัวไปหมดจนต้องออกปากพูดอย่างเก็บอาการไม่อยู่

“เอ่อ… ไม่เป็นไรครับ คุณคะน้า ยังไงของพวกนี้ก็ต้องตกเป็นของลูกๆ ผม
ในอนาคตอยู่ดี อย่ากังวลไปเลยครับ”
 ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูอบอุ่นใจดีไปทันตาเห็น
 คะน้ามองคนใจดีตรงหน้า

“เจ้าบุญทุ่มครับ เสี่ยดินเราน่ะ หึหึ”
 ตรีภพเปิดปากแซวเพื่อน หลังจากที่มาเป็นผู้ติดตามในวันนี้

“กอหญ้า อยู่ได้นะ มีอะไรก็บอกพี่ หากพี่ไม่อยู่จะส่งเพชรมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วกัน”
 กอหญ้าหน้าตาตื่นๆ อย่างขลาดๆ เมื่อได้ยินว่าเขาต้องมีคนอื่นมาคอยดูอีกคนที่ไม่ใช่พี่ดิน

“เพชรเป็นเด็กเพิ่งจบป.6 หลานป้าสายเขาน่ะ  อย่ากลัวไปเลย”
กอหญ้าถอนหายใจดังเฮือกอย่างโล่งอก
สักพักเจ้าตัวก็นั่งบิดไปมาอยู่บนเตียง

“เอ่อ พี่ดิน ผมอยากเข้าห้องน้ำ”
 กอหญ้าบอกออกไปอย่างอายๆ

“ไปสิ ส่งมือมา พี่พาไป เกาะเดินนะ เท้าจะได้มีกำลัง”
 แล้วแผ่นดินก็ไปยืนข้างๆ กอหญ้าสูดหายใจหนักๆ แล้วก็ส่งมือไปยึดแขน
ข้างหนึ่งของพี่ดินไว้  แล้วพยายามทรงตัวยืน  ออกอาการซวนเซ
 แต่สักพักก็ทรงตัวได้ แล้วก็ค่อยๆ เดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่อีกด้านของผนังห้อง



“สงสารคุณดินที่ต้องมาดูแลข้าวนะคะ แล้วก็สงสารข้าวด้วยที่ต้องมาเป็นแบบนี้”
คะน้าพูดเปรยๆ ออกมา

“อย่าบ่นเลยคุณคะน้า  ดินมันเต็มใจทำ  ไม่เห็นเหรอครับ
 มีบ่นสักคำไหมล่ะ  แล้วก็กอหญ้าน่ะ  อย่าให้คนป่วยเขามาได้ยินเดี๋ยวจะเสียใจ
 หมดกำลังใจไปเสียก่อน ส่งผลให้หายช้ากันไปอีกนะครับ”

ตรีภพติงมาเบาๆ

“อุ้ย! ขอโทษ! จริงด้วยค่ะ พอดีคะน้า อดใจไม่ได้ ปากไวไปหน่อยน่ะค่ะ”
 คะน้าหน้าเจื่อนลง

“พี่ดิน ผมเสร็จแล้วครับ พากลับออกไปหน่อย”
 กอหญ้าบอกคนที่มาส่ง แล้วก็ไปยืนหันหลังให้ไม่ห่างนัก

“อืม…เกาะพี่แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นนะ อย่างนั้นแหละ แน่ะ!
 เกือบล้มแล้วไหมล่ะ ถ้าพี่คว้าไม่ทัน ช้าๆ ก่อน ค่อยๆ ก้าวขาเดินมา ทีละก้าว”

“พ่อดินครับ ไหนอากอหญ้าละฮะ โอ๊ะโอ!”
ต้นกล้าวิ่งเข้ามาในห้อง หลังจากที่พี่เลี้ยงบอกว่าพ่อดินอยู่ข้างบน เด็กชายเบิกตาโต

“ครับลูก นี่ไง อากอหญ้าที่จะมาอยู่กับเรา อ้าว! ใบข้าวมานี่เลยค่ะ มารู้จักอากอหญ้ากัน”
แผ่นดินเรียกให้ลูกๆเข้ามาใกล้ๆ เพื่อทำความรู้จักกับสมาชิกใหม่ของบ้าน

“ใจดี ใช่มั้ย ฮะ”
ต้นกล้ามองใบหน้าที่มีแผล และศีรษะที่ยังมีผ้าสีขาวโพกไว้อีก

กอหญ้าส่งยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าวันที่แผ่นดินยังไม่เคยได้เห็น
ปากบางหยักสวย แย้มยิ้มเล็กน้อย ทำให้หน้าตาน่ามองยิ่งขึ้น แม้จะไม่สดใสเท่าที่ควร
ดวงตาสวยหวานนั้นช่วยให้ดูดีขึ้นมากโข

“ชื่ออะไรกันบ้างครับเด็กๆ”
 กอหญ้าส่งยิ้มให้แล้วเอ่ยถามหนูน้อย

“ต้นกล้าครับ นี่ใบข้าว น้องของกล้าเองฮะ”
 เด็กชายบอกไปพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ

“รู้จักกันแล้วนะ  ไม่กลัวอานะครับ”
คนตัวบางพยายามผูกมิตรกับเด็กๆ เด็กชายตัวสูงผมสีน้ำตาลตัดสั้น
กับดวงตาสีดำโตๆนั่น จมูก ปาก ได้พ่อมา โตขึ้นคงหล่อน่าดู กับเด็กหญิงผมม้า
ไว้หางเปียตัวกลมน่ารักข้างๆ กัน ตาใสๆ ปากแดงๆ น่ารักทั้งพี่ทั้งน้อง
ผิวขาวเอามากๆ เลยทั้งสองคน

‘ดูแล้วคงว่านอนสอนง่าย ไหนๆ พี่ดินก็ดูแลเราเป็นอย่างดีแล้ว
 เป็นเพื่อนเล่นให้ลูกพี่ดินหน่อยแล้วกัน’
 กอหญ้าคิด

“ครับ มาจับมือเป็นเพื่อนกัน”
 แล้วต้นกล้าก็เข้ามาคว้ามือของกอหญ้า เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมโดยดี

“สุดหล่อไม่สนใจอาภพเลยนะครับ”
ตรีภพกระเซ้าเด็กชาย ต้นกล้าจึงปล่อยมือจากอากอหญ้าวิ่งไปหา
อาภพแทน ตรีภพจึงอุ้มเด็กชายขึ้นมา ส่วนน้องสาวคนเป็นพ่อเอาไปอุ้มไว้ก่อนแล้ว

“ส่วนคนนี้ อาคะน้า เด็กๆ สวัสดีคุณอาด้วยสิลูก”
เมื่อแผ่นดินพูดจบ เด็กน้อยทั้งสองจึงหันไปไหว้คะน้าสาวสวยเพียงหนึ่งเดียว
ที่อยู่ในห้องนี้ที่ส่งยิ้มมาให้อยู่ก่อนแล้ว

“เดี๋ยวทานมื้อเย็นกันก่อน ภพอยู่ด้วยนะจะได้เจอคุณพ่อกับคุณย่า
 เจ้าทัพจะมาทันหรือเปล่ารายนั้นน่ะ ภารกิจกับสาวๆ ของเขาน่ะมากจนไม่มีเวลาให้กับใครๆเลย”
แผ่นดินพูดถึงน้องชายแล้วก็ส่ายหน้า

“ไว้มื้ออื่นเถอะดิน ต้องไปงานเลี้ยงต้อนรับนายอำเภอคนใหม่ที่จะมาประจำที่นี่
 เอ่อ! เค้าพูดกันว่าเป็นรุ่นน้องเรานะ แกพอรู้มั้ยว่าเป็นใคร?”

“ก็ธาราพี่ชายของธารินไงล่ะ”
แผ่นดินตอบเพื่อนออกไป

“เห่ย!!! ธารินที่โดนยิงตาย! ในงานวัดนั่นน่ะเหรอ แล้วคนไหนล่ะที่ว่าเป็นพี่ชายน่ะ”
 ตรีภพพูดขึ้น พลางมุ่นหัวคิ้วจนเป็นปม

“อืม… ก็นั่นแหละ! ที่ตายน่ะคนน้อง แต่ธาราตัวขาวๆ ปากแดงๆ
ที่แกหาว่าเขาเป็นตุ๊ดตอนเขาเด็กๆไง
แล้วแกยังชอบแกล้งเค้าบ่อยๆด้วยน่ะ จำได้หรือยัง”

 คนฟังตาเป็นประกาย แล้วย้อนนึกไปในช่วงสมัยเรียนมัธยมโน้น

‘เจ้าเด็กตัวเปี๊ยก ขาวซีดนั่นเหรอ ที่เข้ามาขวางทุกทีที่น้องมันจะโดนยำ
 หึหึ ธารา แล้วเจอกัน’
แล้วสารวัตรหนุ่มก็ยกยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุก


ทุกคนก็ทยอยกันเดินลงมาที่ชั้นล่างเพราะใกล้มื้อเย็นเต็มทีแล้ว
แผ่นดินบอกให้กอหญ้านั่งเล่นอยู่ก่อนบนห้องนอน โดยมีคะน้าลากเก้าอี้มานั่งห่างออกไปเล็กน้อย

“เดี๋ยวพี่มารับนะ จะไปบอกให้ใครช่วยเตรียมห้องรับรองแขกให้คุณคะน้าก่อน
 ถ้าหากให้เขานอนกับกอหญ้าในห้องนี้ด้วยคงเป็นปัญหาแน่ๆ ใช่ไหม?”
 แผ่นดินหันไปถามกอหญ้า เจ้าตัวมองคะน้าอย่างไม่ไว้วางใจนัก

“เอ่อ! ผมคงนอนไม่หลับ ยังไม่คุ้นน่ะครับ ขอเวลาผมหน่อยนะครับ…พี่คะน้า”

 เจ้าตัวหันไปบอกกับคะน้า เป็นการเปิดปากพูดกันครั้งแรกของกอหญ้ากับหญิงสาว

“ไม่เป็นไรจ้ะ แต่พี่ไม่เคยคิดร้ายกับข้าวมาก่อนเลยนะ…
 เอ่อ! …กอหญ้า พี่มีแต่ความห่วงใยและปรารถนาดีให้
ที่กอหญ้าเป็นแบบนี้เพราะยังป่วยอยู่ พี่เข้าใจเราจ้ะ”
คะน้าพูด ตาแดงๆ ขึ้นมาอีกแล้ว

“ขอโทษนะครับ ที่ผมยังจำพี่ไม่ได้น่ะ”
 กอหญ้าพูด แววตาหม่นแสงลง

“อย่าเครียดเลย อย่าเพิ่งยอมแพ้ด้วย แล้วข้าวจะกลับมาหายดีเหมือนเดิม พี่เชื่ออย่างนั้นนะน้อง”
คะน้าพูดให้กำลังใจ

“พี่ลงไปก่อนนะ เดี๋ยวจะกลับมาพาเราลงไป คุยกันไปก่อน…เอ่อ!
 คุณคะน้าพอมีโทรศัพท์ให้กอหญ้าใช้สักเครื่องไหมครับ
หากดึกๆ เขาต้องการความช่วยเหลือจะได้โทรบอกพวกเราได้”
 ชายหนุ่มเอ่ยปาก เป็นการห่วงใยใส่ใจที่คะน้าเองยังคาดไม่ถึงด้วยซ้ำว่า
 คุณดินจะรอบคอบขนาดนี้

“มีๆ เดี๋ยวคะน้าหาให้เลยค่ะ ใช้ไปก่อนนะกอหญ้า แล้วพี่จะหาเครื่องแบบเดิมให้ใหม่”
หญิงสาวรีบกุลีกุจอไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่วางอยู่มุมห้อง แล้วลากมารื้อค้น

“ขอบคุณครับ พี่คะน้า”
กอหญ้ามองอาการกระตือรือร้นของเธอ แววตาอ่อนแสงลงและเป็นมิตรมากขึ้น
จนคะน้ารู้สึกใจชื้นขึ้นมาที่อย่างน้อยข้าว…ก็ยังยอมนั่งคุยกับเธอจากเดิมที่ปิดกั้นและผลักไสกัน


แผ่นดินขึ้นไปรับกอหญ้าที่ห้อง เพราะจัดห้องนอนไว้ชั้นบนจึงทุลักทุเลพอควรที่ให้คน
ไม่แข็งแรงต้องขึ้นลงบันไดอย่างนี้ แผ่นดินเป็นหลักให้กอหญ้าเกาะ จนพาลงมาถึงโต๊ะอาหาร
แล้วก็เลื่อนเก้าอี้ออกให้นั่งลงใกล้ๆกับเขา

“อุ้ย! พ่อคุณ หน้าตาหล่อเหลาไม่ใช่เล่น
นี่นะถ้าผมยาวสักหน่อย และไม่มีแผลที่แก้มนะ ย่าว่าเป็นพ่อพระเอกข้ามฟ้าของย่าแหงๆ”
คะน้าและแผ่นดินหันมองหน้ากัน

คะน้าและกอหญ้าไหว้ทักทายคุณย่าและคุณพ่อของแผ่นดิน
กอหญ้าส่งยิ้มให้คุณย่าอีกครั้ง

“ย่าของแกน่ะติดดาราเสียจนเพ้อไปแล้ว เจ้าดิน!
 เจ้าหนูนี่จะเป็นพ่อดาราดังของคุณแม่ไปได้ยังไงกันครับ ฮ่าฮ่า ลงมือกินข้าวกันก่อนเถอะ”

พ่อเขตพูดดักคอคุณย่า จนแผ่นดินต้องลอบพรูลมหายใจออกอย่างโล่งอก

“พ่อเขตน่ะ เวลาชวนมาดูละครเป็นเพื่อนกันก็ไม่ค่อยจะมา
 แล้วจะไปรู้จักอะไร ฉันนี่แฟนละครตัวจริงของหนูข้าวเลยนะเนี่ย
 เดี๋ยวทานข้าวกันเสร็จจะพาไปดู วันนี้มีออกอากาศด้วยสิ เหมือนมากๆ เลยละหนูกอหญ้าน่ะ”
 แล้วคุณย่าก็มองกอหญ้าไม่วางตา  กินไปมองไปอยู่อย่างนั้น  จนเจ้าตัวออกจากเกร็งไปสักหน่อย

“กอหญ้า นี่ต้มยำกุ้งน้ำข้นที่เราชอบไง เอาถ้วยมาสิ เดี๋ยวพี่ตักให้”
คะน้าดูแลกอหญ้าไม่ห่าง แผ่นดินเห็นคนตัวบางกินได้เขาก็ถือว่าดีมากแล้วละ
อุ้มไปเบาอย่างกับอะไร ผิดจากครั้งแรกที่แบกหนักกว่านี้ด้วยซ้ำไป


เด็กๆ ทานข้าวกันเอง พ่อดินช่วยลูกบ้างในบางครั้ง เขาสอนให้ลูกๆ ดูแลกันเอง
ให้ตักทานกันเองโดยไม่ป้อน ต้นกล้าก็ช่วยดูน้องสาวไปด้วย

กอหญ้าเห็นคนบ้านนี้แล้ว รู้สึกว่าเป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นดี
ไม่เหมือนกับตัวเองที่ในสมองช่างว่างเปล่า  เหมือนว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมา
ไม่เคยได้สัมผัสกับความอบอุ่นอย่างครอบครัวนี้มาก่อน

ตอนอยู่บนห้องนอนกับพี่คะน้า เขาได้รู้เรื่องราวชีวิตของตัวเองบ้างแล้วจากปากพี่คะน้า
แต่ก็เหมือนฟังไปอย่างนั้นเองที่เรื่องราวมันไม่คุ้นเอาเลย

‘หากวันหนึ่งเรายังความจำไม่กลับมา ชีวิตจะเป็นยังไงนะ’

 เมื่อคิดๆก็ทำให้ปวดหัวขึ้นมา จนช้อนที่ถืออยู่หลุดมือกระทบลงบนจานข้าว

“กอหญ้า! เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ อย่าเพิ่งคิดอะไรตอนนี้สิ ทานข้าวไปให้อิ่มๆ แล้วจะได้กินยา”
แผ่นดินรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน  มันเป็นไปโดยอัตโนมัติอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว

“เอ่อ…ขอโทษครับ”
 กอหญ้าพูดขอโทษทุกคนในโต๊ะอาหาร

“ไม่เป็นไรนะ พ่อคุณ จำอะไรยังไม่ได้ก็อย่าเพิ่งไปจำมันหรือไปนึกมัน
 บางอย่างลืมๆ มันไปซะบ้าง มันก็จะเบาสบายสมองนะ ทิ้งๆ มันไว้ก่อนก็ได้
 ที่นี่อยู่กันแบบพี่แบบน้อง  เราน่ะอยู่ได้นานจนกว่าจะเบื่อไปเลยย่าไม่ว่าหรอกนะลูก”

คุณย่าที่น่ารักของบ้านพูดขึ้น กอหญ้าได้ฟังก็รู้สึกซาบซึ้ง
จึงไหว้ขอบคุณท่านที่เมตตาเขา  แล้วตักข้าวทานไปเงียบๆ
โดยมีคะน้าเฝ้ามองอย่างสงสารและเห็นใจในชะตากรรมของเด็กหนุ่ม
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 6-7-8 มาแล้วค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-03-2019 20:23:43
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 9 นายอำเภอคนใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 20-03-2019 08:21:56
ตอนที่ 9 นายอำเภอคนใหม่

เมื่อทานมื้อค่ำกันเสร็จ  ทุกคนพากันตามคุณย่าไปที่ห้องนั่งเล่น
ทำให้ห้องดูแคบลงไปทันตา  เพราะสมาชิกของบ้านไม่เคยได้ใช้พร้อมกันแบบนี้

“นี่ๆ มาแล้ว  พ่อสุดหล่อของย่า  ดูเลยพ่อเขต…เจ้าดิน…
ไม่เหมือนหนูกอหญ้าตรงไหน  เหมือนมากต่างหากล่ะ”

คุณย่าชี้ชวนให้ดูละครหลังข่าวช่องหลายสี  ที่พ่อพระเอกขวัญใจของท่าน
กำลังเข้าฉากอยู่พอดี  แผ่นดินและทุกคนหันมองเป็นตาเดียวกัน
เสียงทุ้มนุ่มที่พูดอยู่และท่วงท่าที่แสดงตามบท  หน้าตาที่หล่อเหลา
ตาหวาน  ริมฝีปากบางอิ่มและผิวหน้าที่เรียบเนียน  ทรงผมตามสมัยนิยม
ช่างดูดีมีเสน่ห์เสียจนแผ่นดินเผลอมองค้าง  ส่วนกอหญ้าจ้องดูจอภาพและคิดตาม

‘ใช่จริงๆ เหรอ  ข้ามฟ้า เหนือเวหา  ใช่เราจริงๆนะเหรอ  ช่างเป็นผู้ชายที่ดูดีเสียเหลือเกิน
แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว  เราซึ่งไม่รู้ว่าจะมีทางจำได้  และกลับไปเป็นอย่างเดิมได้อีกหรือเปล่า
ใครล่ะที่จะตอบเราได้’

พ่อเขตมองคนในจอทีวีแล้วก็หันมองคนนอกจอที่นั่งอยู่อีกมุม  ท่านก็คิดว่า

‘เหมือนจริงๆ นั่นแหละ  แต่ก็แค่เหมือนจะเป็นคนๆ นั้นไปได้ยังไงกัน
หนูคะน้าก็บอกว่าเป็นน้องที่ร่วมงานด้วยกันเท่านั้นนี่นะ’

คะน้าเองน้ำตาคลอ  เธอรู้เรื่องราวทุกอย่าง  ทำให้เหมือนมีหินหนักๆ
มาถ่วงให้ใจจมดิ่งลงเหว  สงสารข้ามฟ้าเสียเหลือเกิน
 
“อ้าว! ยังไม่ถึงฉากซึ้งเลย  หนูคะน้าก็น้ำตาคลอเสียแล้ ว เป็นไงล่ะพ่อข้ามฟ้าของย่าน่ะ”

คุณย่านั่งดูละครไป ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อย่างนั้น  ส่วนเด็กๆ ก็เอาหัวชนกันขนย้ายของเล่น
จากกล่องเอนกประสงค์ตรงมุมห้องมาเล่นกันไม่สนใจเรื่องของพวกผู้ใหญ่เลย


แผ่นดินมองไปที่คะน้าแล้วก็เข้าใจเธอว่าทำไมถึงน้ำตาคลอขนาดนั้น
เพราะความใกล้ชิดและความผูกพันที่เธอมีให้กับข้ามฟ้า  เหนือเวหา
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะสงสารและเห็นอกเห็นใจดาราหนุ่มมากมาย
เขาเสียอีกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนยังสงสารและให้การช่วยเหลือถึงขนาดนี้เลย
 
“กอหญ้าง่วงหรือยัง  ให้พี่พาขึ้นไปนอนมั้ย  จะได้ขึ้นไปกินยาด้วย
แล้วก็เช็ดตัวนอน  พรุ่งนี้สายๆ จะมีนักกายภาพบำบัดเข้ามาที่นี่
เราต้องเชื่อฟังเขานะ  อย่าดื้อล่ะ  พี่มีงานเกือบทั้งวันเลย
ไม่ว่างมาดูเรานะบอกไว้ก่อน”

แผ่นดินแสดงน้ำใจและบอกให้กอหญ้าช่วยให้ความร่วมมือหากเขาไม่อยู่
จนคะน้าสะดุดกึกกับความใจดีนั้น  และน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่อ่อนโยนน่าฟังนั้นด้วย

“เดี๋ยวคะน้าเช็ดตัวให้น้องเองค่ะ  กอหญ้าให้พี่ช่วยนะ  อย่ารบกวนพี่ดินนักเลยเนอะ”

คะน้าพูด  หวังให้น้องยอม  แต่เจ้าตัวหน้างอง้ำขึ้นมาอีกแล้ว
เอาแต่ใจไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ

“อยากให้พี่ดินทำให้  นะครับ  พี่ดินช่วยหน่อย”
กอหญ้าหันไปขอความเห็นใจกับพี่ดิน

“ได้สิ! ไปๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้  ไม่กลัวพี่แล้วเหรอเรา?”
 แผ่นดินดน้มใบหน้าเข้าไปถาม  กอหญ้าสะดุ้งนิดหน่อย

“ก็ยังคุ้นมากกว่าพี่คะน้า  นี่ครับ”
กอหญ้าอ้อมแอ้มตอบออกไป

คะน้าพยักหน้าให้ เพิ่งพบหน้ากันวันนี้คงยังไม่เชื่อใจ  เหมือนเมื่อก่อนที่น้องมีโลกส่วนตัวสูง
ไม่ผิดเพี้ยน  เข้ากับคนยาก  ทำงานร่วมกับทีมงานครั้งที่สามหรือสี่นู้นถึงจะยอมให้ความคุ้นเคยพูดคุยด้วย

“พี่ไม่น่าจัดห้องให้อยู่ชั้นบนเลย  ลำบากหน่อยนะกอหญ้า  ถ้าแข็งแรงก็คงสบายกว่านี้แหละ”
 พี่ดินพูดพร้อมกับเข้าไปให้เด็กหนุ่มเกาะพาเดินขึ้นข้างบน

“คุณพ่อเขต  คุณย่า  ผมไปนอนก่อนนะครับ”
กอหญ้าหันไปบอกลาผู้ใหญ่ที่นั่งดูละครกันอยู่  ท่านทั้งสองหันมาโบกมือให้ไป

“แตงโมมาจัดการให้เด็กๆ อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนเลย เดี๋ยวพ่อแวะไปส่งเข้านอนนะครับลูก”

ชายหนุ่มหันไปบอกกับหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งดูเด็กๆ เล่นไปด้วย
ตาก็มองทีวีไปพลางๆ เด็กเหนือผิวขาวอย่างนี้ทุกคนเลยสินะ
กอหญ้ามองเธอ  ที่หันมาส่งยิ้มให้เขาด้วย

“นายดินเดี๋ยวแตงโมจัดการน้องเองค่ะ  ขอดูละครอีกฉากนึงนะคะ”
 เธอหันมาขอ

“อื้มๆ ได้สิ พรุ่งนี้วันหยุดเจ้ากล้าไม่ต้องไปเรียนนี่นะ  ฉันลืมไป”

“ค่ะ  คุณพ่อ  ขอเล่นอีกนิดนึงนะ  พี่กล้าเนอะ”
ใบข้าวบอกกับคนเป็นพ่อ  แล้วหันไปอ้อนพี่ชาย  เด็กชายพยักหน้าให้น้อง

“อืม ได้ๆ แต่พี่แตงโมให้ไปอาบน้ำต้องไปนะ ไม่ดื้อกันนะลูก”
เด็กๆ พยักหน้ากันหงึกๆให้พ่อดิน



สารวัตรตรีภพมาถึงงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่ลานกว้างหน้าที่ว่าการอำเภอ
โดยจัดเลี้ยงอาหารแบบโต๊ะจีน  ตรีภพมาในชุดแต่งการเสื้อเชิ้ตแขนยาว
พับแขนครึ่งท่อนสีน้ำเงินกับกางเกงผ้าสแลคเนื้อเนียนสีดำ  เท่ไม่เบาด้วยรูปหน้าเหลี่ยม
มีมุมมองที่คมเข้ม  จนสาวๆ สะกิดกันหันมอง  นายตำรวจหนุ่มหล่อแถมโสดใครๆ
ก็อยากสานสัมพันธ์ด้วย

เขาไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าถึงจนอายุปาเข้าไปเลขสามนำหน้าแล้ว
เขามีกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงร่างกายมาด้วยโดยมีลูกน้องถือตามเข้ามา
ชายหนุ่มเข้าไปหาเจ้าของงานทันที  ชะงักที่ได้เห็นคนตัวเล็ก  ปากแดง
ผมสั้นรองทรงสูง  สวมแว่นสายตาซึ่งก็ดูเสริมบุคลิกให้ดูน่าเชื่อถือได้อีก

“สวัสดีครับ  สารวัตรตรีภพ  ผมธาราครับ  มาประจำที่นี่  อำเภอบ้านเกิดครับ
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ  หวังว่าคงได้รับความอนุเคราะห์จากท่านบ้างนะครับ”

นายอำเภอหนุ่มพูดเหมือนเป็นคำพูดฝากตัวธรรมดา  แต่ตรีภพกลับสัมผัสได้ว่า
ในน้ำเสียงนั้นมีการหยิกแกมหยอกปนอยู่ด้วย

“ได้ครับ  น้องธารธารา  นี่กระเช้าพี่นำมาด้วย  พี่ภพจะดูแลอย่างดีครับ  ไม่ให้ใครรังแกได้เลยจริงๆ”
 สารวัตรปากไวพูดออกไปทันควัน

“ขอบคุณมากครับ  พี่ภพ  ที่รับปากอย่างลูกผู้ชายพึงจะกระทำ”

เอื้อมมือไปรับกระเช้า  บังเอิญปลายนิ้วไปสัมผัสคนตัวสูงโดยบังเอิญถึงกับรู้สึกอุ่นวาบ
แล่นลิ่วขึ้นมาที่หน้า  เขาจึงทำทีเดินเลี่ยงไปรับแขกคนอื่น

“ลูกผู้ชายตัวจริงเลยครับ  อย่ากังวลไปเลย  น้องธาร”
 คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นทันที  หยุดกึก

‘ธาร  อีกแล้ว  เมื่อไหร่จะลืมๆ ไปเสียที  เรียกตั้งแต่เล็กจนป่านนี้ หึ้ย! ช่างหน้าโมโหนัก’

“ขอบคุณมากครับ พี่สามชาติ”
 พูดเสียงเหวี่ยงๆ แล้วก็จ้ำอ้าวออกไป  ตรีภพได้ยินคลี่ยิ้ม

‘สามชาติเหรอครับ  น้องธารธารา  ตัวแสบ’

ตรีภพเดินไปหาที่นั่งตามที่ลูกน้องของเขาชี้ชวน  พอได้ที่นั่งก็ยังไม่วายสอดส่ายสายตา
มองหาคนตัวเล็กที่ลับฝีปากกันไปเมื่อครู่  มีพ่อค้านักธุรกิจน้อยใหญ่ในอำเภอนี้ดาหน้ากัน
เข้าไปเสนอหน้าให้เป็นที่จดจำของนายอำเภอหนุ่ม  หวังให้งานการของพวกเขาราบรื่นใน
วันข้างหน้า  สักพักก็มีเด็กชายตัวน้อยน่ารักในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนรัดๆ วิ่งเข้าไปหาโดยมี
พี่เลี้ยงผู้ชายวิ่งตามไปติดๆ

“คุณพ่อครับ  สกายหิวแล้ว”

หนูน้อยผมดำและหยักศก  ดวงตากลมโต  ใบหน้าเหมือนกันเอามากๆ
ลูกเหรอ  สารวัตรหนุ่มได้ยินไม่ผิดแน่

“สกายไปนั่งโต๊ะกับพี่นุก่อนไป  เดี๋ยวพ่อให้คนเอาอาหารไปเสิร์ฟให้นะครับ”

 ดเต็มสองหูเลย  พ่อกับลูก  สารวัตรหนุ่มมองตามกางหูฟังไปด้วย
 แล้วพี่เลี้ยงหนุ่มก็พามานั่งโต๊ะข้างๆ กัน  กับที่เขานั่ง

“พี่นุ  กายอยากหาคุณพ่อ ไม่ได้เหรอฮะ”
 เด็กน้อยอ้อนถามพี่เลี้ยง

“คุณพ่อต้องรับแขก ไปไม่ได้หรอกครับ  นั่งทานอาหารไปก่อน
 มองดูคุณพ่อตรงนี้ก็เห็นนะครับ  นั่นอาหารมาแล้ว เดี๋ยวพี่นุจัดการให้นะ
 หูย...น่ากินจังเลยครับน้องกาย”

พี่เลี้ยงพาให้เด็กน้อยหันมาสนใจอาหารแทน  แล้วหนูน้อยก็หมดความสนใจ
คนเป็นพ่อไปเลย

ตรีภพลุกไปหาเด็กชายที่โต๊ะ  ถือจานของหวานไปด้วย

“สุดหล่อ  ลุงมีขนมมาให้ครับ  ชื่ออะไรครับ  ลุงชื่อ  ลุงภพนะครับ”

 ตรีภพเข้าไปตีสนิทกับเด็กชาย  พี่เลี้ยงเงยหน้ามามองเขา  แล้วก็ก้มหน้าลงไปบอกเด็กชาย

“ขอบคุณ  คุณลุงภพก่อนครับ  ที่เอาขนมมาให้  น้องกายน่ะครับ”
 เด็กชายยกมือไหว้ขอบคุณ

“แล้วคุณแม่ไม่มาด้วยเหรอครับ”

 ตรีภพถามออกไป  เด็กชายหันมองหน้าลุงภพ  แล้วมองหน้าพี่เลี้ยง
ที่นั่งอึ้งสีหน้าเจื่อนๆ ลงทันตาเห็น

“เอ่อ ขอโทษครับสารวัตร ผม…เอ่อ  ไว้สารวัตรค่อยถามพี่ธาราเองดีกว่านะครับ
 นู้นเดินมาแล้วล่ะครับ”
 พี่เลี้ยงชี้ไปทางด้านหลังที่คนตัวเล็กเดินมา

“ไงครับน้องกาย  อร่อยมั้ยครับ  ขนมดึกแล้วอย่าทานเยอะนะ  เดี๋ยวปวดท้องครับ”
 ก้มลงหอมแก้มลูกฟอดนึง  แล้วพูดโดยไม่ทันมองว่ามีคนตัวสูงนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย

“ลุงภพ  เอามาให้กายครับ  คุณพ่อ”
 เด็กน้อยบอก  ธาราเงยหน้ามองคนที่นั่งยิ้มจ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว
 หน้าเชิดขึ้นทันที  ดวงตาภายใต้กรอบแว่น  ไหววูบแต่เพียงแวบเดียวก็กลับไปเป็นปกติ

“คุณศาลาวัด ไปทานอาหารของคุณเถอะไป  มาหลอกอะไรลูกผม”
 คนตัวเล็กทำน้ำเสียงบ่งบอกว่ารำคาญใจ

“น้องธารครับ  พี่ก็แค่มาผูกไมตรีกับเจ้าหนูนี่นิดๆ หน่อยๆ แค่นั้น
 ทำเป็นคนหวงลูกไปได้  แล้วนี่ภรรยาไปไหนล่ะ  ตั้งแต่เข้างานมายัง
ไม่เห็นใครเลยนะ  แม่เจ้าหนูนี่น่ะ  หน้าตาเป็นไงนะ”

ตรีภพถามออกไปก็ชะเง้อคอมองข้ามไหล่หนุ่มแว่นไปด้วย

“มันธุระกงการอะไรของคุณ  ไม่ทราบ!  ไปทำหน้าที่จับผู้ร้ายให้มันได้เสียก่อน
ไม่ใช่ปล่อยลอยนวลให้คนอื่นต้องมารับกรรม  ตายไปฟรีๆ โดยจับมือใครดมไม่ได้แบบนี้"
ธาราตอกกลับจนสารวัตรหนุ่มหน้าเหวอที่ถูกโกรธ

"น้องกายอิ่มหรือยังครับ  เดี๋ยวพ่อให้อาพีไปส่งกลับบ้านนะ  แล้วเดี่ยวพ่อตามไปครับ”

ธาราพูดแบบใส่อารมณ์สุดๆ  อย่างไม่สบอารมณ์ที่มีคนถามถึงเรื่องครอบครัวของเขา
จะบอกไปได้ยังไงว่ายังโสด  ยิ่งถูกตราหน้าว่าเป็นตุ๊ด  เขายังไม่ลืมหรอกนะจนทุกวันนี้
แล้วยังถามถึงแม่ของสกายที่หนีหายไปแล้วด้วย  จะพูดได้ยังไงกันว่าเจ้าสกายเนี่ยเป็นหลาน

“อะไรกันครับน้องธารแค่นี้ต้องมีโมโหด้วย โถๆ ไปดีกว่าเจ้าภาพไล่แล้วนี่นะ”
พูดจบตรีภพก็แยกตัวกลับไปที่โต๊ะตัวเอง

ธาราค่อยหายใจทั่วท้องหน่อยที่จัดการ
สารวัตรเถื่อนออกไปได้  แล้วก็เรียกชายหนุ่มร่างเล็กสันทัดลูกน้องคนสนิทให้มาพา
สกายและนุไปส่งบ้าน 

ธาราเดินกลับไปพูดคุยกับแขกที่หันมาทักทายไม่หยุด และไม่ได้หันมองมาที่ชายหนุ่มร่างสูง
ที่เอาแต่มองตามทุกการเคลื่อนไหวของหนุ่มแว่นเลยด้วยซ้ำ

สารวัตรหนุ่มคิดว่าความลับไม่มีในโลก  ตรีภพเสียอย่าง  ถ้าสนใจอะไรหรือใครแล้ว  ไม่พลาดเป้าแน่





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 10 เมื่อนิตยสารวางแผง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 23-03-2019 07:19:48
ตอนที่ 10 เมื่อนิตยสารวางแผง

คะน้าอยู่จัดการเรื่องข้าวของเครื่องใช้ให้ข้ามฟ้าจนเสร็จสรรพจึงขอตัวกลับกรุงเทพฯ
เพื่อไปรายงานผลความคืบหน้าให้กับต้นสังกัดของข้ามฟ้าทราบ  ก่อนกลับเธอได้ฝากฝัง
เด็กหนุ่มไว้กับแผ่นดิน  เธอย้ำเด็กหนุ่มให้เชื่อฟังแผ่นดิน  หากดื้อเธอจะมาพาตัวกลับกรุงเทพฯ
ทันที  เด็กหนุ่มพยักหน้ารับปากอย่างว่าง่ายเพราะกลัวจะต้องถูกพาไปอย่างที่คะน้าพูด
ทำเอาทั้งคะน้าและแผ่นดินพากันหัวเราะร่วนที่เห็นคำขู่มักจะใช้ได้ผลในช่วงหลายวันมานี้

“แล้วพี่จะมาเยี่ยมใหม่นะข้าว  ขอให้หายไวๆ นะ  น้องพี่”
พี่คะน้าน้ำตาคลออีกแล้ว  กอหญ้าเห็นแล้วก็สงสารเธอ  ตลอดสามวันที่อยู่ด้วยกัน
เขาก็ได้เธอที่ทำอะไรต่ออะไรให้ด้วยใจ  อดใจหายไม่ได้ที่รู้ว่าเธอจะกลับแล้ว
เขาจึงเอื้อมมือไปจับมือพี่คะน้ามาบีบ  แม้จะกล้าๆ กลัวๆ ที่จะต้องสัมผัสกัน
แต่ก็กลั้นใจทำ  พี่คะน้าดูอึ้งๆ บีบมือตอบ
 
“ไปเถอะ  คุณคะน้า  เจ้ามิ่งเอารถมารอรับไปส่งที่สนามบินแล้ว
มีอะไรก็โทรมาถามไถ่ได้ตลอดเลยนะครับ”
พี่ดินพูดแล้วยิ้มให้พี่คะน้า  เธอยิ้มตอบและโบกมือลาไปขึ้นรถ
ขวัญช่วยยกกระเป๋าของเธอไปใส่รถให้

“กอหญ้า  ไม่ต้องทำหน้าเศร้าเลย  วันนี้เป็นไงปวดหัวอีกมั้ย
เข้าบ้านกันเถอะ  แดดเริ่มร้อนแล้วนะ  มาเกาะแขนพี่เร็ว”

พี่ดินส่งแขนมาให้  ตอนนี้กอหญ้าเริ่มคุ้นชินกับพี่ดินและทุกคนในบ้านบ้างแล้ว
เขาไม่ค่อยตกใจมากนักถ้ารู้ว่าจะต้องสัมผัสตัวกับ แต่ต้องไม่เข้ามาแบบจวนตัว
หรือจู่โจม  กอหญ้าก็จะตั้งรับทัน  ไม่ให้ตื่นตกใจ

“ไม่ค่อยปวดแล้วครับ  แต่จะเป็นเอามากๆ ตอนที่พยายามจะคิดๆ ให้ออกน่ะ
 กอหญ้าอยากนึกออกเร็วๆ จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ดินนาน”
เจ้าตัวพูดแล้วก็เดินคู่กันไป  กลิ่นกายที่คุ้นเคย  แบบนี้ไม่ทำให้หวาดกลัว
กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด  พี่ดินใจดี

“ถ้ากอหญ้าพูดแบบนี้อีก  พี่จะโกรธแล้วนะ  รบกวนอะไรกัน
เราก็ไม่ได้ว่าจะดื้ออะไรนักนี่นาพักหลังน่ะ  ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วหรือไง”
พี่ดินพูดเสียงออกจะตึงๆ

“เอ่อ  ผมไม่ได้คิดว่าจะไม่อยู่ที่นี่ซะหน่อย  แค่อยากจำอะไรให้ได้
แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากๆ อีกอย่างจะได้ช่วยงานพี่ดินได้บ้างน่ะครับ
แค่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ ก็เท่านั้นเองครับ”

กอหญ้าหน้ามุ่ย  ที่พี่ดินแปลเจตนาของเขาผิดไปเยอะมาก

“อ่อ  เอางี้สิ  ถ้าเราแข็งแรงกว่านี้  เดินได้เองในระยะไกลๆ ได้
พี่จะอนุญาตให้เข้าไปในไร่ได้แล้วกัน  แต่ตอนนี้ต้องเชื่อฟังพี่ก่อนนะ”
พี่ดินพูด  แล้วก็เดินพากันมาถึงห้องนั่งเล่น  เขาจึงทรุดตัวลงนั่งที่โซฟานุ่ม

พี่ดินลุกไปเปิดทีวีให้

“พี่กอหญ้าฮะ  ทานยาก่อนนะครับ”
เจ้าเพชรเดินถือน้ำและยามาส่งให้

“ขอบใจนะเพชร  จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ  พี่อยู่ได้  แล้วนี่คุณชานนท์มาหรือยังล่ะ”
ถามหาผู้จัดการไร่

“ยังไม่เห็นนะครับ  อ่อ! ได้ยินเสียงรถ  ผมไปดูก่อนครับ  น่าจะใช่”
 แล้วหนุ่มน้อยร่างผอมเกร็งก็วิ่งปรู๊ดออกไป

“ถามหาเจ้านนท์มันทำไม  มีอะไร?”
พี่ดินนั่งลงข้างๆ รับแก้วน้ำไปวางให้ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

“ผมฝากให้คุณนนท์  หาซื้อนิตยสารที่พี่คะน้าบอกว่าจะวางแผงเมื่อวานให้น่ะครับ
อยากดูเหมือนกัน  ว่าจะถ่ายออกมาเป็นไงบ้างน่ะ”
กอหญ้ายิ้มเขินๆ ตอบชายหนุ่มไป  ก็พี่คะน้าบอกว่าเป็นการถ่ายเซตสุดท้ายรับซัมเมอร์
จะออกแนวหวิวๆ เสียด้วยสิ  งานชิ้นสุดท้ายของเขานี่นา

“อืม…อย่างนี้นี่เอง  นั่นไง! นนท์ๆ ไหนหนังสือในมือส่งมาให้ผมดูก่อนสิ”
กอหญ้ายกมือจะไปรับนิตยสารที่ฝากซื้อ  แต่พี่ดินคว้าไปเปิดดูเสียก่อน
เปิดดูๆ ไปหน้าก็ออกจะตึงๆ ขึ้นมาทันที  แล้วจึงส่งคืนมาให้เขาอย่างกับเป็นของร้อนอย่างนั้นแหละ

“ไปไร่ก่อน  กลับค่ำๆ ชานนท์ฝากดูกอหญ้าด้วยล่ะ”
พี่ดินพูดน้ำเสียงออกจะห้วนๆแล้วก็เดินลิ่วๆ ออกไป  กอหญ้ารับหนังสือมาดูหน้าปกแบบงงๆ
เป็นอะไรของเขากันนะ  แล้วก็พูดกับชานนท์

“ขอบคุณนะครับ  คุณนนท์  ผมขอนั่งดูหนังสือนี่ไปพลางๆ ก่อน  คุณไปทำงานของคุณเถอะครับ”

“มีอะไรเรียกผมได้เลยนะคุณกอหญ้า  อย่าได้เกรงใจนะครับ”
 ผู้จัดการหนุ่มตี๋ยิ้มจนตาแทบจะปิด  แล้วก็เดินเข้าประตูออฟฟิศไป


ชานนท์เริ่มลงมือสะสางงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะ  ทั้งนายดินกับนายทัพสองพี่น้อง
เล่นไม่แตะเลยงานเอกสารพวกนี้  โยนๆ มาไว้ให้เขาคนเดียว  จนเขาแทบไม่ได้เงยหน้าเงยตา
แต่กับคุณกอหญ้าที่นายดินให้การช่วยเหลือไว้และฝากฝังไว้นั้น

เขาก็เต็มใจที่จะไปทำให้อยู่แล้วเพราะเจ้าตัวดูน่ารักและน่าสงสารเอามากๆ
แถมยังจะขี้เกรงใจอีกต่างหาก  ถ้าความจำกลับมาก็คงดีกว่านี้  เขาจะได้มีเพื่อนคุย
และแชร์ประสบการณ์อะไรๆ ให้กันได้บ้าง


“อ้าว! นายทัพ  หายไปไหนมาเป็นอาทิตย์ๆ เห่ย! สภาพแบบนี้นี่ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ
 นี่ดูสิ! แผลตกสะเก็ดแล้วด้วย  ไม่คิดจะบอกข่าวคนในบ้านเลยรึไงกันครับ”

ชานนท์บ่นเป็นชุดที่เห็นฐานทัพกลับมาบ้านในรอบสัปดาห์ที่หายหน้าไป
แถมหน้าตายังมีร่องรอยถูกทำร้ายมาด้วย

“ชู่วววว เบาๆ หน่อยสิฮะพี่นนท์  เดี๋ยวคุณย่ากับคุณพ่อมาได้ยิน  ผมหูบวมกันพอดี
แค่เมาแล้วไปเหยียบเท้าคู่อริเก่าแค่นั้นเอง  นี่ผมก็ไม่ได้ไปไหนไกลนะพี่นอนอยู่ที่ร้าน
ทุกคืนนั่นแหละ  ไม่เชื่อพี่นนท์ก็ถามเจ้าอาร์มกับไอ้แก้มดูได้เลย”

ฐานทัพรีบพูดไขข้อข้องใจให้ผู้จัดการไร่รู้  ก่อนที่ชานนท์จะโวยวายตื่นตูมไปมากกว่านี้
แล้วทุกคนจะรู้  ทีนี้งานจะเข้าเขาเต็มๆแน่ๆ

“ให้ไปถามไอ้สองตัวที่ร้านคงได้ความจริงมาหรอกนายทัพ
 ลูกน้องที่ไหนมันจะยอมขายนายของมันกันครับ”
 ชานนท์แขวะ

 เพราะรู้ว่าอาร์มกับแก้มไม่มีวันปริปากถ้านายทัพของมันไม่อนุญาตให้พูด

“พี่นนท์ครับ…ผมไม่ได้ไปเกเรที่ไหนจริงๆ เชื่อผมเถอะนะครับ… มาๆ
 มีงานอะไร  ส่งมาครับ…ผมช่วยเอง”
 
ฐานทัพก็แบมือของานไปทำ  มาแปลกอีกแล้ววันนี้  ชานนท์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“อืม…เอานี่ไปช่วยดูหน่อย  งบเบิกค่าปุ๋ยและยาฆ่าแมลงเดือนที่แล้ว”

สองหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตาเคลียร์งานที่กองตรงหน้า  จนเวลาผ่านไปพอสมควร
ได้เวลาอาหารกลางวันพอดิบพอดี

“เอ๊ะ! มื้อเที่ยงแล้ว  ตายๆ ต้องรีบแล้ว  คุณกอหญ้าเป็นยังไงบ้างเนี่ย
ไม่เห็นเรียกหาเลย  แย่แล้วสิ”
ชานนท์รีบผลุนผลันออกไปจากห้อง  โดยไม่สนใจว่าฐานทัพยังนั่งอยู่ด้วย
ชายหนุ่มอ้าปากจะถามก็ไม่ทันแล้ว

“อะไรของเค้ากันนะ  กอหญ้าอะไรกัน  ไปหาข้าวกินบ้างดีกว่าเรา”

 ชายหนุ่มวางงานลงแล้วลุกออกไปจากห้อง  เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงของหล่นแตก
…ดังเพล้ง! จึงไปตามเสียงนั้น

“คุณกอหญ้ายืนนิ่งๆ ตรงนั้นก่อนเลย  อย่าขยับ! นะครับ เพชรๆ
ไปเอาไม้กวาดมาก่อนเร็วๆ เข้า”
เสียงพี่นนท์ดังออกมา  แล้วก็ดูจะวุ่นวายกันไปยกใหญ่

ฐานทัพชะโงกหน้าเข้าไปมอง  เห็นผู้ชายตัวขาวผอมบาง  ยืนหันข้างให้
ผมก็สั้นอย่างกับพระบวชใหม่  มีผ้าก๊อตโพกที่ศีรษะอีกด้วย
เขาเดินไปหยุดตรงหน้า  ก็เห็นเป็นหนุ่มหล่อ  แก้มซีกขวามีแผลตกสะเก็ดกระดำกระด่าง
ดวงตาหวานเอามากๆ เลย  จนฐานทัพต้องมองซ้ำอีกหน

“มีอะไรกันเหรอครับพี่นน ท์ แล้วคุณคนนี้เป็นใครครับ?”

“อ่อ… คุณฐานทัพน้องชายคุณดินน่ะครับคุณกอหญ้า
ส่วนนี่คุณกอหญ้าที่นายดินไปช่วยไว้  เขารถคว่ำแล้วก็จำอะไรไม่ได้
นายดินถึงพามาพักอยู่ที่บ้านนี้น่ะครับ”
 หนุ่มตี๋แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแบบรวบรัด

“อืมครับ  ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณกอหญ้า”
ฐานทัพส่งยิ้มให้คนตัวขาวๆ ที่หน้ายังตื่นๆ อยู่

“เอ่อ…ครับๆ”
กอหญ้าตอบรับเบาๆ เพชรเก็บกวาดเสร็จก็เข้าไปพยุงคนตัวบางให้นั่งลงตรงเก้าอี้ตัวใกล้ๆ

“ขอโทษนะครับคุณนนท์  พอดีมือไปปัดโดนจานตกลงมาแตกเลย”
 กอหญ้าหันไปบอกชานนท์ก่อน

“อูย… ไม่เป็นไรก็ดีแล้วละครับ  ไม่งั้นนะเรื่องใหญ่แน่ๆแผลเก่ายังไม่หายดีเกือบ
จะเพิ่มแผลใหม่ซะอีกแล้วสิ  ผมก็ทำงานเพลินๆ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าถึงมื้ออาหารก็รีบเข้ามาหา
 ทำเอาคุณกอหญ้าตกใจไปด้วย  ขอโทษเช่นกันครับ”
ชานนท์พูดแล้วส่งยิ้มปลอบใจไปให้

“ป้าสายตั้งโต๊ะให้แล้วล่ะครับ  เชิญคุณๆทานข้าวกันเลยครับ”
เพชรบอกทุกคน


ฐานทัพมองทั้งเพชรและชานนท์ที่ให้การดูแลคุณกอหญ้าเป็นอย่างดี
เดี๋ยวพี่ดินกลับมาต้องถามสักหน่อยแล้ว ใครกันนะได้สิทธิ์มาพักที่บ้านอย่างนี้
แค่เขาไม่ได้กลับบ้านหลายวันตกข่าวสำคัญไปได้



“อ้าว! เจ้าทัพกลับบ้านมาได้นะเรา  ไปมุดหัวที่ไหนมา  สร้างเรื่องมาอีกแล้วสิแก
แผลตามหน้าตามตัวยังไม่จาง  เมื่อไหร่จะเป็นโล้เป็นพายเสียทีนะ  อายุอานามก็มากขึ้นทุกวี่วัน
ย่าละเหนื่อยใจกับแกจริงๆ เลยบอกตรงๆ ไม่ต้องมาอ้าปากจะเถียงย่าเลย  กินๆ เข้าไปข้าวน่ะ”
คุณย่าร่ายยาวเมื่อเจอหน้าหลานชายในรอบสัปดาห์

กอหญ้ามองชายหนุ่มที่ชื่อฐานทัพน้องชายพี่ดิน  ผิวขาวตัวเล็กกว่าพี่ดินนิดหน่อย
ผมดำขลับหวีซะเรียบแปล้  คิ้วเข้ม  จมูกโด่ง  ดวงตาออกจะซุกซนเล็กน้อย
หน้าตาจัดว่าหล่อเหลาทีเดียว  แต่งตัวพิถีพิถันเอามากๆ เสื้อผ้าแบรนด์เนม
ถึงจะเป็นเสื้อเชิ้ตกับยีนรัดรูปก็เถอะ  แต่งออกมาแล้วดูดีไม่เบา
อายุคงจะไม่ต่างจากเขามากนัก  ฟังๆ จากที่คุณย่าพูด  เหมือนเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบเลยล่ะ
ต่างกับพี่ดินที่เอาแต่ทำงานงกๆ ไม่ได้ว่างเว้น  เนื้อตัวเสื้อผ้าพี่ดินก็แต่งแบบสบายๆ

เพชรกับแตงโมเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ดินบ้างานจนเมียทิ้ง
คุณทัพที่ได้ยินมาจะใช้เวลาหมดไปกับสาวๆ ซะมากกว่า

‘กวาดไปหมดทั้งตำบลหรือทั่วทั้งจังหวัดแล้วละมั้ง
น่าตาก็หล่อเหลาไม่เลว  อ่อนใจแทนคนบ้านนี้จริงๆ ที่สมาชิกของบ้าน
ช่างไม่สมดุลกันเสียเลย  พี่บ้างา น น้องบ้าหญิง’
 กอหญ้าคิด

“หนูกอหญ้ากินไปเยอะๆ เลยนะลูก  จะได้กลับมามีเนื้อมีหนังหล่อๆ
 แบบพ่อข้ามฟ้าของย่าเร็วๆซะที ย่าอยากเห็น”
 คุณย่าพูดถึงข้ามฟ้าอีกแล้ว  กอหญ้าก็ส่งยิ้มแหยๆ ให้ท่าน
 ถ้าวันหนึ่งท่านรู้ว่าเขานี่แหละข้ามฟ้าตัวจริง  ท่านจะว่ายังไงมั้ยนะ

“คุณกอหญ้านิตยสารดูเสร็จผมขอดูบ้างนะ  คนหล่อของคุณย่าเป็นปกทั้งทีนี่นา”
 กอหญ้าสะดุ้ง  ใครจะให้ดูกันเล่ า เปลือยเสียขนาดนั้น นี่หรือเปล่าที่พี่ดินดูแล้ว
ก็รีบหนีออกจากบ้านไปเลยน่ะ  ก็ไม่ถึงขนาดว่าจะน่าเกลียดอะไรเสียหน่อย
เดี๋ยวต้องเก็บไว้แล้วทำลืมๆ ไป คุณนนท์ก็คงไม่ถามหาอีกหรอกน่า





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 11 พิสูจน์ใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 23-03-2019 07:42:16
ตอนที่ 11 พิสูจน์ใจ

มื้อเย็นวันนี้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา  พี่ดินอาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่บ้านเป็นกางเกงขาสั้น
กับเสื้อยืดคอกลมตัวโคร่ ง เด็กๆ นั่งประจำที่  โต๊ะกินข้าวบ้านนี้เป็นไม้สักกลมขนาดใหญ่
เก้าอี้แกะสลักลายเถาไม้เลื้อยและแกะลวดลายดอกไม้เป็นชั้นๆ สวยงาม  ตรงกลางโต๊ะ
เป็นแบบหมุนได้  บ้านนี้ทำอาหารหลากหลายทั้งอาหารไทยภาคกลางและเหนือ
มีทั้งจืดๆ ให้เด็กๆ และแบบเผ็ดสำหรับผู้ใหญ่

ป้าสายมักจะให้เพชรมาถามกอหญ้าก่อนมื้ออาหารว่าจะทานอะไรเป็นพิเศษ
แกจะได้ลงมือทำให้  แต่กอหญ้าก็ไม่เคยร้องขอ  เป็นเพราะเจ้าตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าชอบอาหารแบบไหนกันแน่

“เจ้าทัพ  วันนี้กลับบ้านได้นะเรา  พ่อเกือบลืมไปแล้วว่ามีแกเป็นลูกอีกคน
คิดว่ามีแต่เจ้าดินมันซะอีก”
พ่อเขตแขวะคุณทัพทันทีที่นั่งลงแล้วเห็นหน้าลูกชายคนเล็กอยู่ที่โต๊ะอาหาร

“คุณพ่อครับ  ผมก็อยู่ที่ร้านแหละครับ  นอนนู้นบ้าง  นี่บ้าง  ก็แค่นั้นเอง
ถึงขนาดจะตัดผมออกจากตระกูลเลยเหรอครับ  ใจร้ายจังเลยนะพ่อเนี่ย”
คุณทัพโอดครวญแต่น้ำเสียงไม่บ่งบอกว่าจะจริงจัง

“งานในไร่ก็แบ่งๆ จากเจ้าดินไปทำบ้าง  ที่ฟาร์มวัวก็ยังดี  พี่แกจะได้มีเวลาไปหาเมียกับเขาบ้าง
จะเฉาตายก่อนวัยเสียเปล่าๆ แกก็ด้วยใช้เกินไปแล้วผู้หญิงน่ะ”
แล้วฐานทัพก็โดนตำหนิอีกเรื่อง  ทำเอานั่งหน้าสลดไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

“พ่อครับ  ให้มันเป็นโรคตายไปคนเดียวเถอะ  ผมไม่เอาด้วยหรอก 
อยู่แบบนี้ไม่เห็นต้องมีใคร  ไม่ปวดหัวด้วยนะครับ”
พี่ดินพูดขึ้นอย่างไม่แยแสเรื่องผู้หญิง  ถึงกับเข็ดขยาดไปเลยรึไงกันนะ
กอหญ้ามองพี่ดินนิ่งๆ

“แล้วเราล่ะ  กอหญ้า ไม่มีแวบๆ เข้ามาเลยรึไง  ผู้หญิงในความทรงจำน่ะ อายุเท่านี้ก็คงมีบ้างหรอกน่ะ”
คุณพ่อหันมาถาม

“เอ่อ เห็นพี่คะน้าบอกว่า  ผมโดนทิ้งนะครับพ่อเขต  ช่างเถอะ  ผมคงแย่จนเธอทนไม่ได้ละมั้งครับ
อยู่แบบพี่ดินก็น่าจะดีน ะ ไม่ปวดหัวดีออก”
กอหญ้าบอกกับพ่อเขต

“กอหญ้าไม่ต้องแอบเอาคำพูดพี่ไปใช้เลย  ดีไม่ดี  ถ้าผู้หญิงของนายรู้ว่านายอยู่ที่นี่
ขี้คร้านจะวิ่งแจ้นมาตามสิไม่ว่า”
พี่ดินพูดยิ้มๆ

“โหๆ พี่ดิน  ถ้าเธอรักผม  จะปล่อยผมให้เป็นอย่างนี้จริงๆ นะเหรอครับ
ผมเชื่อพี่คะน้านะ  ที่ว่าเธอทิ้งผมก่อนน่ะ”
กอหญ้าหันมาพูดอย่างใส่อารมณ์

“อืม… ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน  กินข้าวไปเลย  กินเยอะๆ ล่ะ
คุณย่าอยากให้เราหุ่นล่ำเหมือนพ่อดาราคนโปรดของท่านเสียเหลือเกิน
ถ่ายแบบออกมาได้แทบจะแก้ผ้าอยู่รอมร่อแล้ว”
พี่ดินไม่วายพูดแขวะเข้าเรื่องนิตยสารเล่มเมื่อเช้า

กอหญ้าเผลอทำช้อนกระทบกับจานเสียงดัง  จนทุกคนต่างพากันมอง
เขาจึงยิ้มเจื่อนๆ ออกมา  เขาไม่ชอบสีหน้าพี่ดินเลยทำไมชอบแขวะกันจังนะ
ทำมามองตึงๆ ใส่อีก  ก็ใครจะไปรู้เล่าว่าเมื่อก่อนจะกล้าถ่ายถึงขนาดนั้นน่ะ

“อะไรเหรอครับ  พี่ดิน  ผมไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย  ที่คุยกันน่ะ”
ฐานทัพหันไปถามพี่ชายหน้าตาเหรอหรา

“แกก็อยู่บ้านเสียบ้างสิ  จะได้ไม่ตกข่าวอย่างมโหฬารอย่างนี้
เอ้า! เล่าให้ฟังพอเป็นกระษัยนะทัพ  คุณย่าเค้าน่ะปลื้มพ่อข้ามฟ้า เหนือเวหา
ดาราดังของเขา  ทีนี้คุณย่าก็บอกว่ากอหญ้าน่ะหน้าเหมือนพ่อดาราคนนั้นอยากให้
กินเยอะๆ หุ่นจะได้เหมือนๆ กัน  และตอนนี้เขาก็ออกนิตยสารท้าลมร้อนแทบจะแก้ผ้าอยู่แล้ว
ไม่เชื่อแกไปหาดูเอาตามแผงหนังสือ  จบนะเว่ย”
พี่ดินพูดไม่หยุด  โดยไม่มองหน้ากอหญ้าด้วยซ้ำ  ส่วนน้องชายก็ตาวาวเชียว

“ขนาดนั้นเลยเหรอ  ผมไปหามาดูบ้างดีกว่า  แต่ดาราคนนี้ผมไม่รู้จักนะพี่ดิน
ไม่เคยดูทีวีเหมือนพี่นั่นแหละ  แล้วพี่ไปดูมาจากไหนล่ะ  ขอผมดูบ้างดิ
จะได้ไม่ต้องไปซื้อให้เปลืองตังค์”
น้องชายพูด  คุณย่าหันมองหน้าพี่ดินอีกคน

“นั่นดิ  เอามาให้ย่าดูบ้างสิ  หนูข้าวของย่า  โป๊มากเลยเหรอเจ้าดิน”
ทั้งคุณย่าและน้องชายรุมถามพี่ดินกันใหญ่

กอหญ้ามองหน้าพี่ดินบ้าง  แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงขอร้องไม่ให้พี่ดินบอกว่า
ที่เขาก็มีนะหนังสือเจ้าปัญหานั้นน่ะ

“ก็ลูกน้องสาวๆ ในไร่น่ะสิ  จับกลุ่มดูกันก็เลยไปขอดูบ้าง ก็แค่นั้นเอง
กินข้าวกันต่อเถอะ  อย่าไปใส่ใจเลย”
พี่ดินพูด  แล้วชวนทุกคนให้กินข้าวกันต่อ

กอหญ้าแอบถอนใจดังเฮือก

“อากอหญ้าเป็นอะไรฮะ  ถอนใจบ่อยๆ คุณพ่อบอกจะอายุสั้นนะ”
ต้นกล้านั่งใกล้ๆ จึงถามขึ้น  กอหญ้ายิ้มแหยๆ ให้เด็กชายที่นั่งข้างกัน

“อ่อ  เหรอครับ  อาคงลืมตัวน่ะ  จะจำไว้นะครับ  คนเก่ง”
กอหญ้าหันไปคุยกับเด็กชาย

“พรุ่งนี้กลางวัน  กล้าจะอาบน้ำให้กองหนุน  อากอหญ้าจะช่วยอาบไหมฮะ”
เด็กชายเอ่ยปากชวน

“ต้นกล้า  อากอหญ้ายังไม่แข็งแรงนะลูก  จะไปวิ่งไล่จับเจ้ากองหนุนกับลูกน่ะ
ยังไม่ไหวหรอก  ไว้หายดีก่อน  ค่อยไปช่วยนะ”
พี่ดินรีบพูดแย้งขึ้นทันควัน

“อาขอไปนั่งดู นะครับ”
กอหญ้าบอกเด็กชายไปอย่างนั้น

“มาดู จริงๆ นะฮะ สัญญาแล้วนะ”
แล้วเด็กน้อยก็ส่งนิ้วก้อยไปให้เกี่ยว

ฐานทัพมองความกลมกลืนที่กอหญ้าเข้ากับคนทั้งบ้านได้อย่างไม่เก้อเขิน  ก็ให้แปลกใจนัก


ยิ่งเมื่อทานอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ยังพากันไปนั่งพักที่ห้องนั่งเล่น
น้องใบข้าวก็มาขอนั่งตักคุณอาคนใหม่อย่างสนิทสนมอีกด้วย  และที่อึ้งไปกันใหญ่
เห็นจะเป็นพี่ดินที่เข้าไปพากอหญ้าจับจูงขึ้นไปบนห้องนอน  น่าสนใจเสียแล้วละสิคู่นี้น่ะ



“พี่ดิน  กอหญ้าขอโทษที่ทำอะไรให้พี่ดินไม่ชอบใจ  อย่าโกรธเลยนะครับ”
เมื่อพี่ดินพานั่งลงที่ปลายเตียงกอหญ้าจึงพูดขึ้น

“พี่ไม่ได้โกรธอะไรเรานี่  แค่ไม่ชอบที่ไปถ่ายภาพเกือบเปลือยขนาดนั้น
มันปลุกใจพวกเสือป่าดีๆ นี่เอง  พวกชอบดูชายงามน่ะรู้มั้ยเรา
กอหญ้าจะไม่รู้สึกแย่หรือไงที่ใครๆ เค้าเห็นเรือนร่างเราไปหมดแทบทุกส่วนน่ะ
การเป็นดาราต้องทำถึงขนาดนั้นเลยรึไง  พี่มันคนชาวป่าชาวเขา  อาจจะหัวโบราณมากไปก็ได้
อย่าใส่ใจพี่เลยนะ  จะอาบน้ำเลยไหมพี่จะไปเตรียมของให้”
พี่ดินพูดแล้วก็ก้าวจะไปทำให้  กอหญ้ารีบคว้ามือไว้

“พี่ดิน  กอหญ้าจะไม่ใส่ใจพี่ได้ไงครับ  ที่พี่ช่วยให้ที่พักพิง
ใส่ใจดูแลกันขนาดนี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว  ถ้าความจำกลับมา
สัญญาเลยว่าจะไม่รับงานแบบนั้นอีกแล้วครับ”
กอหญ้าจับแขนพี่ดินเขย่าเบาๆ แล้วก็พูดออกมาหน้าเศร้าๆ แผ่นดินยกมือลูบหลังลูบไหล่
เดี๋ยวนี้เจ้าตัวไม่กลัวที่จะถูกสัมผัสจากคนในบ้านแล้ว  ถือเป็นแนวโน้มที่ดี

“อืม  พี่จะไม่พูดถึงอีกก็แล้วกัน  อย่าเครียดไปเลย  มาครับพี่พาไปอาบน้ำ
เดี๋ยวหาผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนให้น ะ รอแป๊บนึง”
แล้วพี่ดินก็เปิดตู้เสื้อผ้าได้ของที่ต้องการก็เอามาพาดแขน
แล้วเข้ามาพยุงเดินไปที่ห้องน้ำ  พาไปยืนใต้ฝักบัวใหญ่

“พี่ดิน  กอหญ้า เอ๊ย! ผมจัดการตัวเองได้ครับ  เกาะผนังไว้ไม่ล้มครับ”
กอหญ้าเสนอ  ว่าจะอาบน้ำเอง

“เรียกตัวเองว่ากอหญ้าน่ะดีแล้ว  ดีกว่าผมเป็นไหนๆ เลยรู้มั้ย”
แล้วพี่ดินก็เดินออกไปยืนรอที่ประตูห้องน้ำ

กอหญ้าจึงปลดกระดุมเสื้อผ้าฝ้ายที่ใส่อยู่ออก  ก้มลงถอดกางเกงขาสั้นเสมอเข่าขอบยางยืดออก
เอื้อมมือไปจะเอากางเกงพาดที่ราว  จังหวะเอี้ยวตัว  ขาก็อ่อนแรงพับลงไปเสียก่อน
ดีนะเขาเกาะผนังแล้วรูดตัวลงไม่งั้นหัวฟาดพื้นแน่ๆ

“กอหญ้าทำไมพี่ยังไม่ได้ยินเสียงเปิดน้ำอีก  เป็นอะไรรึเปล่า  พี่เข้าไปนะ”
แผ่นดินไม่รอช้าเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป  ภาพที่เห็นคนตัวขาวลงไปนั่งแปะอยู่กับพื้น
เขาจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหา

“เป็นอะไร! ล้มเหรอ  เจ็บไหม  มาพี่อาบให้ดีกว่าจะได้ไม่ล้มอีก”
พี่ดินถามยังไม่ได้คำตอบ  ก็จับคนที่นั่งกองกับพื้นขึ้นเสียแล้ว

“ขาอ่อนแรงน่ะครับพี่ดิน  แต่ค่อยๆ รูดตัวลงมา  ไม่ทันล้มครับ”
กอหญ้าเล่าให้คนพี่ฟัง

“อืม…ดีแล้ว  เกาะผนังไว้  ใส่หมวกคลุมผมหน่อยนะ
ก้มหัวลงมา…นั่นแหละ  แผลจะได้ไม่ถูกน้ำ  กางเกงชั้นในก็ถอดหน่อยแล้วกัน
มีเหมือนๆ กันพี่ไม่ดูของเราหรอก  หันหน้าไปเลย”
แผ่นดินพูดจบก็รูดชั้นในสีขาวลงไปกองที่เท้าให้  เจ้าตัวก็ยกเท้าออก  แล้วเขี่ยออกไปให้พ้นทาง
แผ่นดินเอื้อมมือไปเปิดฝักบัวบีบครีมอาบน้ำใส่มือแล้วก็ชโลมไปตามแผ่นหลัง
แขนและขา  ลงมาที่แก้มก้นด้วย

‘ผิวเนียนๆ ให้ความรู้สึกนุ่มละมุนจากฟองครีม’

ภาพในหนังสือนิตยสารที่เห็นยังไม่เท่ากับที่มือสัมผัสอยู่ในตอนนี้  ใจสั่นไปหมดแล้ว
นี่เขาใจเต้นกับสรีระของผู้ชายอย่างนั้นหรือไงกัน  อ้อมมือไปถูแผ่นอกให้  เจ้าตัวรีบช่วย
อีกมือก็เกาะผนังไว้ด้วย  มือป่ายไปถูกตุ่มไตด้านหน้าที่ชูชันสู้มือ  จังหวะหายใจของแผ่นดิน
ติดขัดขึ้นมาทันที

‘ผิวที่ทั้งขาวและหอมอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกทำให้ปั่นป่วนในช่องท้องพิกล
หรือเพราะว่าห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามานาน แบบนี้ต้องทดสอบแล้วล่ะ’
ชายหนุ่มครุ่นคิด


“กอหญ้า พี่…เอ่อ… พี่ขอกอดเราหน่อยนะ  พี่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง  อยู่นิ่งๆนะครับ  อย่ากลัวพี่ล่ะ”

กอหญ้ายืนนิ่งเมื่อพี่ดินเอื้อมมือมาลูบไล้ที่หน้าท้องแบนราบ  แล้วก็สวมกอดจากด้านหลัง
กอหญ้ารู้สึกใจสั่นหวิวกับสัมผัสที่แนบชิดกัน  แผ่นหลังเปลือยของเขาแนบชิดกับแผ่นอกกว้าง
ของพี่ดินแม้จะมีเสื้อกางกั้นแต่ไออุ่นที่ถ่ายออกมาจากกายที่แนบกันอยู่นี้
พี่ดินซบหน้าลงที่ช่วงไหล่ของเขาลมหายใจถี่กระชั้นรินรดข้างกกหู  พี่ดินเบี่ยงใบหน้าของเขา
ให้หันไปหาจนปลายจมูกของเราสัมผัสกัน  แล้วก่อนที่กอหญ้าจะทันตั้งตัว  พี่ดินก็แนบริมฝีปาก
อุ่นจัดลงมาประกบกับปากของเขา  กดหนักๆ ย้ำๆ จนเขาต้องเผยอปากออกให้
แล้วลิ้นร้อนของพี่ดินก็กวาดเข้ามาสำรวจตั้งแต่แนวฟันไปจนทั่วโพรงปาก
ไล่เกี่ยวกระหวัดดูดดุนลิ้นของเขาไม่หยุด

สร้างความเสียวซ่านวูบวาบไปทุกอณูของกายที่เปลือยเปล่า

พี่ดินหมุนตัวเขาให้หันมาทั้งตัว  จนกอหญ้าต้องยกมือขึ้นคล้องคอพี่ดินไว้เพราะกลัวลื่นล้ม
แถมยังเผลอแทรกปลายนิ้วเข้าในกลุ่มผมของพี่ดินอีกคน  พี่ดินครางเบาๆ อย่างพึงพอใจ
แล้วก็ถอนริมฝีปากออก  มองดวงหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อกับดวงตาที่หลุบต่ำไม่ยอมสบสายตาของคนตัวขาว

“กอหญ้า เอ่อ…รีบล้างตัวเถอะ”
พี่ดินพูดจบก็ปรับระดับน้ำของฝักบัวให้แรงขึ้น  แล้วฉีดล้างฟองให้จนหมด
ในระหว่างนั้นกอหญ้าก็ถูกจับหันโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มาคลุมกายให้
และซับหยดน้ำที่เกาะตามตัวจนแห้ง

“ขอบคุณฮะ พี่ดิน”
คนตัวบางพูดเบาๆ แล้วก็ถูกพาไปที่เตียงนอนจับใส่ชุดนอนและดันตัวให้นอนลงบนหมอน
ถูกริมฝีปากอุ่นร้อนพรมจูบตามหน้าผาก  เปลือกตา  แก้ม  และแตะที่ริมฝีปากอีกทีก่อนจะผละออก
แล้วก็คลี่ผ้ามาห่มให้จนถึงช่วงคอ

“ฝันดีครับ…พี่ดิน”
กอหญ้างึมงำเบาๆ และปิดเปลือกตาลง

 
แผ่นดินนั่งมองคนตัวขาวที่หลับพริ้มไปแล้ว  ภายใต้เรือนร่างผอมบางนั้นช่างหอมหวานเหลือเกิน
มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ เขาแค่อยากทดสอบตัวเองว่าจะรังเกียจร่างกายคนตรงหน้าหรือไม่
แต่เปล่าเลยแค่สัมผัสแตะต้องเขายิ่งทรมาน  อยากครอบครองเป็นเจ้าของ…หวงแหน…
ไม่อยากให้ใครเห็น  เขาเป็นเอามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

แผ่นดินไล้ปลายนิ้วที่ใบหน้า  จมูก  ซอกคอ  วกกลับไปมองปากบางเรียวที่หยักสวย
จนต้องประกบปากลงไปแตะสัมผัสเพียงบางเบา  แล้วรีบลุกขึ้นยืนปิดไฟกลางห้อง
และเปิดไฟหน้าห้องน้ำทิ้งไว้ให้  พรุ่งนี้จะมองหน้ากันแบบไหนกัน  อดหวั่นใจไม่ได้
เขาผ่อนหายใจยาวแล้วจึงเปิดประตูห้องนอนก้าวออกไป


เมื่อคนตัวโตเดินออกไปจากห้อง  เปลือกตาคู่หวานก็เปิดขึ้นทันที
พี่ดินเป็นอะไรไปนะมาขอทดสอบ  แล้วไอ้ความหวามไหวที่พาให้ใจสั่นนั้นมันคืออะไรกัน
เขาเป็นผู้ชาย  ก่อนหน้านี้ก็คบกับผู้หญิง  แต่ทำไมพอได้ใกล้ชิด  ถูกสัมผัสแตะต้อง
อาการกลัวสัมผัสก่อนหน้านี้  หายไปไหนหมดนะ

‘อย่าอ่อนไหวไปกับความใจดีนั้นนักเลยกอหญ้า…อย่า…เราต้องหยุด  มันไม่ถูกต้อง’

กอหญ้ำพร่ำเตือนตัวเองก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงเพื่อเข้าสู่นิทรา





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 12 ไปตลาด
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 23-03-2019 08:02:26
ตอนที่ 12 ไปตลาด

กอหญ้าตื่นนอนแต่เช้าเหมือนอย่างเคย  เมื่อคืนเขาหลับยาวยันสว่าง
พยุงตัวเองขึ้นจากที่นอนหย่อนปลายเท้าลงจากเตียง   ก้าวเท้าเดินทีละก้าวอย่างช้าๆ
ไปถึงประตูห้องน้ำใช้ผนังเป็นที่ยึดเกาะจนกระทั่งถึงหน้ากระจก  มองตัวเองในกระจกพบว่า
เขาตอนนี้มีสีหน้าอิ่มเอิบ  ดวงตาวาววามออกหวาน  ยกมือลูบผมที่เริ่มยาวมาอีกหน่อยรู้สึกจักจี้มือดี

นึกถึงเหตุการณ์ในตอนอาบน้ำแล้วหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา  เกิดวาบหวามในอกชอบกล
จึงรีบล้างหน้าแปรงฟัน  เสร็จแล้วจึงลากเท้าออกมาจนพ้นจากห้องน้ำ  ทรุดนั่งพิงหัวเตียง
อีกสักพักเพชรก็จะขึ้นมาพาเขาลงไปข้างล่าง  พี่ดินคงออกไปตรวจไร่ตั้งแต่เช้ามืดเหมือนเคย
เจอหน้ากันจะต้องทำหน้ายังไงนะ

 
“เจ้าดินมันติดงานในไร่ให้เจ้ามิ่งมาเอาสำรับมื้อเช้าไปแล้ว  พวกเราก็ทานกันไปเลยแล้วกัน”
พ่อเขตบอก  กอหญ้าอดแปลกใจไม่ได้
'ไม่ใช่หลบหน้ากันนะพี่ดิน'

กอหญ้านั่งทานไปเงียบๆ ตอนสายคุณนนท์ก็ชวนไปนั่งในห้องทำงาน
หางานเอกสารง่ายๆ ให้ช่วยทำเพื่อแก้เหงา


มื้อกลางวันมาถึงแม่บ้านจึงมาตามตัว  ที่โต๊ะอาหารมีคุณย่านั่งทานเป็นเพื่อนอีกคน
พอหลังมื้อเที่ยงคุณย่าชวนไปช่วยป้าสายเช็ดใบตอง  กลัดกระทง  เพื่อทำห่อหมกปลาช่อน
ที่มีคนงานเอาปลามาให้  เห็นคุณย่าบอกจะแบ่งไปถวายพระพรุ่งนี้ด้วย

เพชรมาพาไปนั่งดูเจ้ากองหนุนอาบน้ำ  เป็นไปตามที่พี่ดินบอก  เมื่อเจ้าสี่ขาหน้าขนตะกายหนีน้ำ
เด็กชายและคนช่วยต้องพากันวิ่งไล่จับ  พากันหอบเหนื่อยไปทั้งคนทั้งสุนัข  ดูเด็กๆ จะสนุกกันใหญ่
แต่เจ้ากองหนุนลิ้นห้อยสิ้นฤทธิ์ไปแล้ว  มันคงไม่สนุกไปกับเด็กๆ ด้วยเป็นแน่

วันนี้เป็นวันเสาร์ต้นกล้าจึงได้อยู่บ้าน  เล่นกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวจนเหนื่อยตาปรอยๆ
พี่เลี้ยงจึงจับให้เด็กๆนอนกลางวันกัน  บ้านจึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

พี่ดินเดินเข้ามาในบ้านตรงมานั่งหน้ายุ่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น  พาดศีรษะไปกับพนักพิงหลับตาลง
กอหญ้าได้แต่มองตามแต่ไม่กล้าเอ่ยปากถามอะไรออกไป  สุดท้ายอดรนทนไม่ไหวจึงเปิดปากถาม

“พี่ดิน  มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือครับ  ดูหน้าเครียดจังเลย”
พี่ดินขยับตัวนิดหน่อยแต่ตาก็ยังคงหลับอยู่

“อืม… คนที่ไม่อยากจะพบ…ไม่อยากจะเจอ  ดันกลับเข้ามาวุ่นวายชีวิตอีก
มาสร้างปัญหา…พี่เบื่อ”
พี่ดินเล่าด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“ถ้าคนนั้น…ไม่ได้มีความสำคัญกับเราแล้ว…เราก็ไม่ควรให้ราคาอะไรกับเขานะครับ
อย่าให้คนเพียงคนเดียวต้องมาทำให้ชีวิตเราพัง  เอ๊ะ! ทำไมประโยคนี้คุ้นจัง…เหมือนกอหญ้า
ได้ยินมาจากไหนเลยครับพี่ดิน”
กอหญ้าพูดไปตามที่สมองคิด  คิ้วขมวดมุ่น

“ก็เราเป็นคนพูดอยู่นี่ไง  จะใครพูดอีกล่ะ  หึหึ”
พี่ดินหัวเราะขำทั้งที่ตายังหลับ

“ก็คงเป็นอย่างงั้นแหละครับ”
กอหญ้าพูด  แล้วก็นั่งเงียบมองใบหน้าพี่ดิ น มองปากที่สัมผัสกันอย่างดูดดื่มเมื่อคืน
แล้วก็ยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว  พลันสะดุ้งที่เห็นพี่ดินมองมายิ้มๆ
ลืมตามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  เล่นเอาหน้าร้อนผ่าวลามไปที่หลังใบหูแล้ว

“ฝันอะไรอยู่ครับ  หื้ม?”
กอหญ้าส่ายหัว  แล้วแสร้งหันไปมองเด็กๆ ที่หลับกันปุ๋ยตรงเบาะนอน
ที่แตงโมปูให้อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น

“เบื่อมั๊ยเรา  ช่วงบ่ายพี่จะไปดูร้านของฝากที่ตลาดเสียหน่อย ไปด้วยกันไหมล่ะ?”
 พี่ดินหันมาชวน กอหญ้าได้ยินก็เบิกตากว้าง  แล้วก็หน้าสลดลงทันทีเหมือนกัน

“ไปยังไงล่ะครับพี่ดิน  เดินไม่สะดวกแบบนี้  ลำบากคนพาไปเสียเปล่าๆ เฮ้อ!”
กอหญ้าทำหน้าเสียดาย  และห่อเหี่ยวจนแผ่นดินนึกสงสาร

“ไปได้สิ  ก็พี่จะพาไปนี่ไง  แต่งตัวพื้นเมืองแบบเนี่ย  ไม่มีใครสนใจหรอก
เดี๋ยวพี่นั่งให้หายเหนื่อยแป๊บนึงนะ  ค่อยไปแล้วกัน”



ตอนนี้กอหญ้าได้ลงมายืนที่หน้าร้านขายของฝากของไร่เขตแผ่นดินแล้ว
มีลูกค้าเดินเลือกของพอประปรายจากที่มองเข้าไปด้านในร้าน

“ค่อยๆ เดินนะ  แล้วเราจะเดินเองใช่มั้ย  ถ้างั้นก็ก้าวช้าๆ ล่ะ ไม่ต้องรีบ
 พี่จะเดินไปพร้อมๆ เรานี่แหละ”

“พี่ดิน  วันนี้กอหญ้าเดินได้เองแล้วนะครับ  แต่เดินช้าหน่อยแค่นั้นแหละ ไม่เชื่อดูนะครับ”
แล้วคนพูดก็ทำให้ดู  แผ่นดินมองตามคนตัวสูงร่างบอบบาง  แผ่นหลังโปร่งตา
หุ่นนายแบบจริงๆ ด้วยสิ

วันนี้กอหญ้าขอใส่หมวกไหมพรมแบบพื้นเมืองออกมาด้วย  เพื่อปกปิดศีรษะที่ผมสั้นแบบสกินเฮด
ทำให้ดูดีไปอีกแบบ  เจ้าตัวก้าวเท้าเข้าไปด้านในร้าน  มีลูกค้าหลายคนมองๆ มาเหมือนกัน
แล้วเจ้าอาร์มเด็กในร้านก็เดินปรี่เข้ามาทักทาย

“สวัสดีครับ…เชิญครับ  วันนี้ร้านเรามีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มานำเสนอนะครับ
ภูมิปัญญาชาวบ้านเลยครับ  หรือจะดูของฝาก  ผลไม้สดๆ จากไร่เขตแผ่นดินก็เชิญเลือกหา
จับจ่ายได้เลย  คุณลูกค้าต้องการแบบไหนดีครับ”
อาร์มมองคนตรงหน้า  อย่างคลับคล้ายคลับคลาว่าหน้าคุ้นเอามากๆ
เหมือนเคยเห็นมาก่อนยังไงยังงั้น

“เอ่อ ผมมากับพี่ดินน่ะครับ  ขอเดินดูไปพลางๆ ก่อนนะ”
กอหญ้าส่งยิ้มอ่อนไปให้

“ไงเจ้าอาร์ม  นี่คุณกอหญ้า  มากับฉันเอง  แล้วเจ้าทัพมันไปไหนลูกค้าเต็มร้านไม่เห็นมันจะโผล่หัวมาให้เห็น”

“เอ่อ  สวัสดีครับคุณกอหญ้า  เอิ่มๆ นายดิน  คือว่า…นายทัพไปทางนู้นน่ะครับ
ไม่หัวตลาดก็ท้ายนู้น แหะๆ”
ลูกน้องทำหน้าอิหลักอิเหลื่อบอกออกมา

“มันไปก่อกวน  ลูกสาวเจ้าของตลาดอีกแล้วสิ  ไอ้นี่”
พี่ดินส่ายหัว  แล้วเดินไปบริการให้คำแนะนำกับลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์อยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน
พี่ดินพูดจนสุดท้ายเห็นสาวๆ ควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อจนได้  คงเพราะคารมและความคมเข้มของ
เจ้าของร้านหนุ่มด้วย

กอหญ้าเดินดูของไปเรื่อยเปื่อย

“แกๆ พี่คนนั้น  ทำไมหน้าเหมือนพี่ข้าว…ข้ามฟ้าจังอ่ะ  ถ้าไม่ติดที่สวมหมวกกับแผลที่ใบหน้านะ
ใช่แน่ๆ เออ! นิตยสารฉบับล่าสุดน่ะแก  พี่ข้าวถ่ายได้แซ่บ! เว่อร์ มากๆ แกดูรึยัง  เอาซะมดลูกชั้นสะเทือน
ไม่รู้จะหล่อล่ำ  น่ากัดอะไรขนาดนี้  พูดแล้วนะฉันอยากจะเจอตัวจริงสักครั้ง  จะกอดไม่ปล่อยเลยเถอะ”
กอหญ้าสะดุ้ง ได้ยินทุกคำที่เธอพูด แล้วยังเสียงหัวเราะ หึหึ ข้างๆ หูนี่อีก

“หึ๊ย…พี่ดิน  ไหนบอกว่าจะไม่พูดไม่แขวะกันแล้วไง  คนมันพลาดแค่ครั้งเดียวนี่แหละ  ล้อไม่เลิกสิน่ะ”
กอหญ้าหันไปค้อนคนข้างๆ

“อะไรกัน  คุณกอหญ้า  ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยครับ  ร้อนตัวไปเองรึป่าวครับ หึหึ”
แผ่นดินยังกระเซ้าต่ออีก

“พี่ดิน!!! ไม่ต้องมาหัวเราะเสียงแบบนี้เลยนะ”
กอหญ้าทำหน้ากระเง้ากระงอดมาอีก

“หืม…น่านะ  ไม่ล้อก็ได้ ทำหน้าดีๆ หน่อย  เดี๋ยวพาไปกินเตี๋ยวเรือ  เจ้าเด็ด!
อร่อยมาก ๆของตลาดนี้เลย  พี่ยังไม่ได้กินกลางวัน  นี่ก็จะบ่ายสามแล้ว ไปกินกัน ป่ะๆ”

“นายดินฮะ กลับแล้วเหรอ  แก้มยังไม่ได้คุยด้วยเลย  มากับใครครับ  คนนี้เหรอ  เอ๋?”
แก้ม สาวหล่อผิวเข้ม  มาดกวนๆ ปรี่เข้ามาขวางหน้าไว้  ไอ้ผมทรงขัดใจแม่นี่อีก
เป็นเทรนด์ไปหมดแล้วละมั้ง  หลากหลายสีกันจริง

“เออ! หิว! จะไปกินเตี๋ยว  นี่คุณกอหญ้านะ  น้องชายอีกคน  มาอยู่ด้วยกันที่บ้านใหญ่น่ะ
อยากรู้อะไรถามนายทัพไปก่อนแล้วกัน ไปล่ะ”
นายดินก็พาคุณกอหญ้าเดินออกไปอย่างช้าๆ แก้มได้แต่อ้าปาก
ยังไม่ได้พูดอะไรด้วยเลย  คนหล่อจึงยืนเก้อได้อีก  ท่าจะหวงน้องชายคนใหม่ด้วยสิ
นั่นสินะ  เดี๋ยวค่อยถามนายทัพเอาแล้วกัน


“โอ๊ะ…พี่ดินขา  มาทานก๋วยเตี๋ยวเหรอคะ  ไม่เห็นโทรสั่งข้าวองุ่นเลย
เบอร์โทรก็ให้ไปแล้ว  เอ๊ะ! พี่สุดหล่อคนนี้ใครกันคะ  แนะนำหน่อยสิคะ  พี่ดิน!”
องุ่นปราดเข้ามาทักทันทีที่แผ่นดินและกอหญ้าหย่อนก้นนั่ง

“นี่กอหญ้า  น้องชายมาพักด้วยกันที่ไร่  จบนะ! หิวมาก! ยังไม่ได้กินกลางวันเลย
แม่ค้าเอาเส้นเล็กน้ำตกพิเศษทุกอย่างสองชาม  กอหญ้าเอาอะไรดี”
แผ่นดินจำใจแนะนำไปอย่างงั้นเอง  แล้วหันมาถามคนนั่งตรงข้ามกัน

“เกาเหลาน้ำตกทุกอย่างแล้วกันครับ  พี่ดิน”

“พี่กอหญ้า  หนูชื่อองุ่นนะค ะ ร้านข้าวตามสั่งปากซอยไร่เขตแผ่นดิน
ถ้าว่างพี่กอหญ้าไปแวะอุดหนุนบ้างนะคะ  เอาเบอร์ไปค่ะ  นี่เลยค่ะส่งอาหารถึงที่
แล้วเจอกันนะ…พี่สุดหล่อ  วันนี้พี่ดินโมโหหิวแล้ว  องุ่นไปดีกว่า บายค่ะ”
แล้วสาวแรกรุ่นหุ่นอวบอั๋นก็เดินยักย้ายส่ายสะโพกออกไป  ไม่วายทิ้งหางตาให้กอหญ้าด้วย

“เห้อ! เด็กสาวสมัยนี้  เอาเบอร์มานี่เลย”
พี่ดินคว้าเบอร์ที่แม่สาวน้อยคนตะกี้ให้มาใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตหน้าตาเฉย
“อ้าวพี่ดิน  อยากได้ของน้องเขาก็บอกดีๆ สิครับแย่งทำไมเนี่ย”
กอหญ้าเหวอไปที่ถูกฉวยเบอร์โทรไปแบบดื้อๆ

“หึหึ  พี่จะอยากได้ไปทำไม  ได้มาแล้วทีนึงวันก่อนนู้น  แล้วก็ทิ้งไปแล้วด้วย
นี่ก็จะเอาไปทิ้งอีกเหมือนกัน  เข้าใจป่ะ”
พี่ดินพูด  แล้วก็คว้าชามก๋วยเตี๋ยวที่วางอยู่ตรงหน้าพอดีเอาไปปรุงเครื่องเสียรสจัดจ้าน
เห็นแล้วน่าจะแสบกระเพาะเอาเรื่องอยู่

“พี่ดิน  ทำไมทานเผ็ดจังครับ  เดี๋ยวปวดท้องนะครับ”
กอหญ้าติงขึ้นที่เห็นคนตรงหน้าปรุงเสียรสจัดเน้นไปทางรสเผ็ด

“ไม่หรอกน่ะนานๆ กินที  ไม่เป็นไร”
พี่ดินคีบเส้นเข้าปาก  ชามแรกหมดไปแล้ว  ปากนี่แดงเถือกไปหมด
กอหญ้าไม่ปรุงเลย  รสชาติเขาก็กลมกล่อมดีอยู่แล้ว  พี่ดินกินไปซี๊ดปากไปด้วย
จนกอหญ้าทนไม่ไหว  ลุกเดินไปที่ตู้แช่หยิบนมกล่องออกมา  เจาะหลอดแล้วยื่นให้พี่ดิน

“พี่ดินดื่มนมสักหน่อยครับ  แก้เผ็ด  ปากแดงหมดแล้ว แต่อมๆ ไว้ก่อนแป๊บนึงค่อยกลืนนะ”
พี่ดินรับนมไปดูด แล้วก็วางลง

“อื้อ…ดีขึ้นจริงๆ ด้วยสิ!”
แล้วพี่ดินก็คีบก๋วยเตี๋ยวกินจนหมดชาม  แม้แต่น้ำก๋วยเตี๋ยวก็กินไม่เหลือ  แล้วดื่มนมต่อจนหมดกล่อง

“อิ่มสุดๆ ไปเลย”
กอหญ้ามองก็เห็นสีหน้าที่บ่งบอกว่าอิ่มเอมจริงๆ อย่างที่เจ้าตัวพูด

แผ่นดินเรียกเก็บเงิน แล้วก็พากันเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวเพื่อกลับไปที่รถ


หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 10,11,12 มาแล้วค่ะ ตามมาเลย :)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-03-2019 15:31:53
 o13
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 10,11,12 มาแล้วค่ะ ตามมาเลย :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-03-2019 22:09:47
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 10,11,12 มาแล้วค่ะ ตามมาเลย :)
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 24-03-2019 11:10:33
สนุกจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 13 เรื่องวุ่นๆ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 24-03-2019 11:15:03
ตอนที่ 13 เรื่องวุ่นๆ

แผ่นดินเดินคู่ไปกับกอหญ้า  อย่างช้าๆ แดดในฤดูร้อน  ทำให้คนขาวจัดหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก
มีเหงื่อไหลย้อยตามไรผมและช่วงท้ายทอยลงมาเป็นทาง

“กอหญ้า  ไหวหรือเปล่าพี่ลืมหยิบร่มมาด้วย  ดูสิ! เหงื่อไหลออกเป็นน้ำเลย
เอาผ้าเช็ดหน้าพี่ไปซับก่อนไหม  ยังไม่ได้ใช้เลย  อ่ะนี่”
พี่ดินส่งผ้าเช็ดหน้าสีขาวมีลวดลายที่ขอบนิดหน่อยยื่นมาให้ตรงหน้า
กอหญ้ารับมาซับที่ใบหน้า  จมูกและช่วงคอ  กลิ่นประจำตัวที่คุ้นชินติดอยู่ตรงปลายจมูก

“ขอบคุณครับพี่ดิน  วันนี้ได้มาเปิดหูเปิดตาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
นะครับ  กลับกันเลยไหมพี่”

“เอาไว้วันหน้าพี่จะพาไปในตัวเมืองนะ”

“กอหญ้า  อยากไปดูพี่ดินทำงานในไร่มากกว่า  ไม่อยากเข้าเมืองเลยครับ”
คนพูดทำหน้าเศร้า และน้ำเสียงก็เบาหวิว

“กอหญ้าไม่ต้องกังวลอะไรนะ  พี่ไม่บังคับ  ที่ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปไง
ดีเสียอีกพี่ก็ไม่ได้อยากให้เราออกมาให้คนอื่นมองเสียด้วยสิ”
พี่ดินปลอบใจ  แล้วพูดเสียงเบาในตอนท้าย  แต่กอหญ้าก็ยังได้ยินอยู่ดี

“พี่ดินอายเหรอฮะ  ที่ต้องพากอหญ้าไปไหนๆ ด้วย  น่ะ”
กอหญ้าหน้ามุ่ย  แววตาหม่นอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อคิดว่าต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ

“ไม่ๆ พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น  แค่ไม่อยากให้ใครมอง  ไม่อยากให้ใครจำได้
เอ่อ! เอาเป็นว่าไม่อยากให้เราไปเป็นจุดสนใจของใคร  ก็เท่านั้น  ขึ้นรถเถอะ
เหนื่อยหน่อย เดินเยอแล้ววันนี้”
กอหญ้าอึ้งไปที่ได้ยิน  แต่ในรูปประโยคที่ได้ฟังก็ยังมีความหวังดีเจืออยู่


วันนี้พี่ดินเอารถครอบครัวแบบสี่ประตูมาใช้  เมื่อสตาร์ทและเตรียมเคลื่อนรถออก
จู่ๆ โทรศัพท์ของพี่ดินก็ดังขึ้นเสียก่อน
 
“ครับ  เขาดีขึ้นมากแล้ว  อีกสองวันหมอนัดครับ  วันนี้พามาเดินตลาด  เขาเดินได้เยอะขึ้น
ครับๆ ยินดีครับ  ไม่ต้องเป็นห่วง  นั่งอยู่นี่แหละ ได้ๆ สักครู่นะ/// กอหญ้า  คุณคะน้าจะคุยด้วย”
พี่ดินยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาให้  กอหญ้าจึงรับมา

“ครับ  อยู่ได้ฮะ ทุกคนดีกับผมมาก ไม่ต้องเป็นห่วง  ใครนะครับ  เอ่อ! อย่าเพิ่งเลยครับ
ผมยังไม่อยากพบใครตอนนี้  จนกว่าผมจะจำได้หมดเสียก่อน  อ้อ! พี่คะน้า  แบบที่ถ่ายล่าสุด
เป็นไงครับ  มีฟีดแบล็คอะไรหรือเปล่าครับ  ห๊ะ! กระแสดีมากเลยเหรอ  ไม่ๆ พี่คะน้ารับหน้าไป
ก่อนเลย  ทุกเรื่องนั่นแหละ  ไม่นะครับ  ผมไม่ไปนะ  ขอไม่ออกสื่อ  พี่เข้าใจผมนะ  ขอบคุณครับ”
กอหญ้าวางสายส่งคืนให้กับพี่ดิน แล้วนั่งหน้าเครียด

“พี่คะน้าบอกว่าทางต้นสังกัด  อยากให้เข้าไปแถลงข่าว  พี่ดินต้องช่วยกอหญ้านะ 
แค่รู้สึกว่าต้องมีคนมารุมล้อม  ก็จะหายใจไม่ออกแล้ว  ขออยู่ที่นี่ไปก่อนนะครับ  พี่ดิน”
กอหญ้าเอ่ยปากออกไป  น้ำเสียงร้อนรน  จนแผ่นดินละสายตาจากถนนมามองแวบนึง

“กอหญ้า  อะไรที่เราไม่อยากทำ  เราก็ไม่ต้องฝืนทำสิ  พี่ก็บอกเราไปแล้วนี่
เรายังจะกังวลอะไรอีก  ที่บ้านพี่น่ะให้อยู่ได้ตลอด  จนถึงวันที่ทุกอย่างกลับมา
แล้วความเป็นกอหญ้าหายไป…ถ้าถึงเวลานั้น…คนที่ไม่อยากให้เราไปอาจเป็นพี่แล้วละมั้ง”
พี่ดินพูด  สายตาทอดมองไกลออกไปข้างหน้า  น้ำเสียงที่พูดในตอนท้ายพาให้วูบโหวงแปลกๆ ตามไปด้วย

“กอหญ้าในวันนี้…หรือในวันข้างหน้าจะเป็นยังไง  พี่ดินจำไว้อย่างนะครับ
ผมจะเป็นกอหญ้าสำหรับพี่…แบบนี้ตลอดไป  ถ้าพี่ดินยังต้องการกันอยู่”
กอหญ้าพูดอย่างแผ่วเบา  ดวงตาคู่สวยก็มองไกลออกไปเช่นกัน
รถเคลื่อนไปตามเส้นทางมุ่งเข้าสู่เขตไร่  เห็นหลังคาบ้านหลังใหญ่อยู่อีกไม่ไกลแล้ว
ทั้งสองต่างอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้อีก


พอจอดรถที่ลานหน้าบ้านยังไม่ทันขยับลงจากรถ  ลูกน้องพี่ดินที่เป็นแฝดก็พากันวิ่งมารับหน้า
สีหน้าตื่นๆ กันชอบกล  ส่วนพี่ดินก็หน้าตึงทั้งที่ยังไม่ทันได้มีใครเอ่ยปากบอกอะไร
พี่ดินเปิดประตูรถฝั่งคนขับก่อนจะลงไปจากรถและหันมาพูด

“กอหญ้าขึ้นห้องไปก่อน  ให้ขวัญพาไปนะ”

“นายดิน  เกิดเรื่องใหญ่  เอ่อ คือ…พี่มิ่งพูดสิ  ผมพูดไม่ถูก”
ขวัญอ้ำอึ้ง  แล้วโยนเรื่องไปให้พี่ชาย

“ไม่ต้องพูด  รถจอดคันตั้งใหญ่นั่นน่ะ  ขวัญ! มาพาคุณกอหญ้าไปส่งที่ห้อง”
ขวัญชี้เข้าหาตัวเองแล้วจึงพยักหน้า  รีบไปเปิดประตูรถให้กอหญ้า
เจ้าตัวเกาะแขนของขวัญ  พยุงตัวและก้าวเท้าลงจากรถ

“ขวัญเดินห่างๆ อีกหน่อยนะ  ผมพอเดินไปเองได้”
ขวัญพยักหน้าเข้าใจ  แล้วยืนห่างออกไปตามคำขอ  แต่ยังคอยระวังหากคุณกอหญ้าเสียหลัก
ขึ้นมาจะได้คว้าตัวได้ทัน  การกลัวคนสัมผัสตัวนั้นทุกคนที่เข้ามารับใช้ทราบดี
ไม่มีใครที่จะมีท่าทีไม่พอใจ  เพราะดูออกว่าคุณกอหญ้าไม่ได้แกล้งทำ

‘พี่มิ่งเล่าให้ฟังถึงอาการที่พบเจอตอนอยู่โรงพยาบาล  คุณเขาน่าสงสารมากแค่ไหน
ขัดถูตัวจนแดงเถือกถลอกไปหมด  ไม่ว่าจะใครจับก็เถอ ะ ดีที่ตอนนี้ไม่ถึงขั้นนั้นแล้ว’

“ดินมาก็ดีแล้ว  ถามไอ้พวกบ้านี่ก็ไม่ได้ความเลยสักคน  แค่จะรับลูกไปค้างด้วย
ทำไมยากเย็นนัก  นายคงไม่มีปัญหานะ  พรุ่งนี้ก็วันหยุดลูกไม่ต้องไปโรงเรียน”

หญิงสาวสวยเฉี่ยว  หุ่นดีบวกกับการแต่งกายที่ทันสมัยอย่างกับเดินออกมาจากแคทวอล์ค
ทั้งกระเป๋าที่คล้องอยู่ที่แขนและรองเท้าสีแสบตา  ยังจะเครื่องประดับและรถคันหรูที่จอดอยู่อีก
น้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดเหวี่ยงๆ นั้น  กลับทำให้หน้าสวยๆ ดูหมดเสน่ห์ไปกว่าครึ่ง

ขวัญพากอหญ้าเดินผ่านไปแบบรีบๆ แต่เจ้าตัวเดินได้เร็วสุดก็แค่นี้
ทำให้ได้ยินประโยคตอบโต้กลับจากพี่ดินได้เต็มสองหูเลย

“ใครอนุญาตให้เธอมาที่นี่! แล้วก็ไม่ต้องคิดนะว่าคนอย่างเธอจะมีสิทธิ์ทำอะไรได้ตามอำเภอใจ
ลูกที่เธอพูดน่ะไม่มีอยู่ที่นี่! จำไม่ได้แล้วหรือไง  ยัยหนูยังไม่ทันได้รู้เลยว่าเธอเป็นแม่
เธอก็ทิ้งแกไปแล้ว  นับภาษาอะไรที่เจ้ากล้าจะไม่เข้าหาเธอ! ฝันกลางวันไปรึเปล่า
ไหนๆ ก็ไปสำเริงสำราญมีความสุขดีแล้ว  ก็ไปให้ตลอดรอดสิ  พวกเราอยู่กันมีความสุขดี
อย่าได้เอาหน้าไม่มียางอายของเธอมาให้เราเห็นเลย  กลับไปเถอะ”
เสียงพี่ดินดังมาก ดังจนได้ยินเข้ามาถึงข้างในตัวบ้าน

“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! เพราะนายเป็นอย่างนี้ไง  ใครจะไปทนดักดานด้วย
วันๆ ก็มีแต่ทำไร่ไถนาเนื้อตัวสกปรก!! เหม็นสาบ  ทุเรศ!  ฉันเป็นแม่!
วันนี้มาในฐานะแม่ไม่ใช่มาในฐานะอื่น!  ไม่ต้องมาพูดจาถากถางให้มากความ
ฉันจะมารับลูก ได้ยินมั้ย!! ต้นกล้า! ใบข้าว! มาหาแม่!!!”

กอหญ้าได้ยินเสียงเด็กๆ ร้องไห้กันกระจองอแง  เขาเผลอพ่นลมหายใจออกมา
อย่างหนักหน่วงที่ได้ยินดังนั้น  นึกไม่ออกว่าพี่ดินจะแก้ปัญหานี้ยังไง

‘นี่หรือเปล่านะ  ที่พี่ดินบอก...คนที่ไม่อยากพบ...ไม่อยากเจอน่ะ’

“ขวัญ  ส่งผมแค่นี้พอ  ขอบคุณนะ”
กอหญ้าหันไปบอกกับขวัญลูกสมุนตัวเล็กของพี่ดิน  ที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก  คงเป็นห่วงพี่ดินละมั้ง

“อ่อครับ  พักผ่อนไปนะครับ  ยังไม่ต้องลงไปจนกว่าจะมื้ออาหารนะ
เพราะถ้าลงไปตอนนี้ก็จะพาลให้ปวดหัวเปล่าๆ ผมไปดูนายดินก่อนนะครับ”
ขวัญพูดทิ้งท้ายแล้วหันหลังกลับแทบจะเป็นถลาลงไปจากชั้นนี้แทนการเดินอยู่แล้ว

กอหญ้ามองตามแผ่นหลังที่เห็นไวๆ

‘ถ้าเจ้านายไม่ดี  ลูกน้องจะทั้งรักทั้งเป็นห่วงกันอย่างนี้หรือไง  ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนยังไงกันนะ’


กอหญ้าเข้าห้องนอน  เดินไปนั่งพิงหัวเตียง  เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ลืมไว้ขึ้นมา
มีเบอร์พี่คะน้าโทรเข้ามาก่อนหน้านี้  เขาเข้าไปเช็คข่าวของแวดวงดารา  มีข่าวซุบซิบมากมาย
รวมถึงข่าวของเขาด้วย  เปิดอ่านอย่างผ่านๆ พอเบื่อๆ ก็วางลง  แล้วก็ไถลตัวลงนอน

วันนี้เดินเยอะและล้าเต็มที  จึงเผลอหลับไป  จนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
แล้วเปิดเข้ามา  เป็นพี่ดินที่เข้ามาถึงก็ทรุดนั่งลงข้างๆ กอหญ้าเท้าแขนจะลุกขึ้นพี่ดิน
ก็มาคว้าตัวไปกอดเสียก่อน  แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ

กอหญ้าจึงยกมือขึ้นลูบหลังพี่ดินแล้วตบเบาๆ ไปหลายที  สักพักหนึ่งพี่ดินก็ดันตัวออก
ยกมือข้างหนึ่งมาลูบแก้มของเขา

“นอนหลับอยู่เหรอ  พี่ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะ”
กอหญ้าส่ายหน้ายิ้มๆ มองตาพี่ดินที่มีแววอ่อนล้าให้เห็นอย่างไม่ปิดบัง

“แค่พักสายตาเองครับ  วันนี้เดินมาเยอะด้วยแหละ  พี่ดินมีอะไรหรือเปล่า”
กอหญ้าเอ่ยถามคนตัวโต  กลับได้รับเพียงการส่ายหน้าแล้วก็เลื่อนตัวลง 
เอาหัวมาหนุนบนตักของเขา  กอหญ้าเกร็งไปเล็กน้อยเพราะไม่ทันตั้งตัว
ก้มมองหน้าเห็นเพียงเปลือกตาที่ปิดลงแต่หัวคิ้วกลับขมวดมุ่น  กอหญ้าจึง
ใช้นิ้วหัวแม่มือกดคลึงๆ ที่หว่างคิ้วให้คลายออก  พี่ดินรวบมือเขาไว้ฃ
แล้วนำไปวางบนกลุ่มผมของตัวเอง  ก่อนจะขยำมือให้ทำตามนั้น
แล้วพี่ดินก็ปล่อยละมือของเขาออกไป

กอหญ้าจึงแทรกนิ้วเข้าไปที่กลุ่มผมดกดำที่หยักศกนั้น  ถึงผมจะเส้นใหญ่แต่นุ่มมือดี
ใช้นิ้วมือเรียวยาวของตนขยุ้มเป็นจังหวะเบาไปเรื่อยๆ จนคนบนตักหายใจอย่างสม่ำเสมอ
เห็นหน้าอกกระเพื่อมไหว…

‘หลับไปแล้วสินะ  เหนื่อยใช่ไหมครับพี่ดิน…หากตักนี้ทำให้หลับและคลายความเหนื่อยล้าก็นอนเถอะนะ’
กอหญ้าขยับตัวขึ้นไปพิงหัวเตียงและเอนไปหาหมอนใบหนาที่กองอยู่หลายใบ  มือก็ไม่ได้ละจากกลุ่มผม
ของคนหลับไปไหน  ยังคงขยับนิ้วมือไม่หยุด


แผ่นดินลืมตาตื่น  เขาจำได้ว่าเข้ามาหากอหญ้าที่ห้องนอน  ใช้ตักเป็นที่พักพิง
และมือเรียวยาวนั้นก็สางเส้นผมลูบให้จนเพลินๆ รู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียด
และเคลิ้มหลับไป  ชายหนุ่มมองหน้าคนที่หลับคอพับไปกับหัวเตียงแล้วจึงขยับลุกขึ้น
เกือบเดือนที่อยู่ร่วมบ้านกันมา  รู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้  ความหนักอึ้งก็บรรเทาลง

เพียงแค่ได้สัมผัสกัน

หากวันหนึ่งที่กอหญ้าความทรงจำหวนกลับมา  แล้วเลือกที่จะกลับไปโลดแล่นอยู่ในวงการมายา
ที่เจ้าตัวใฝ่ฝัน  และสู้ฟันฝ่าจนได้เป็นดาราโด่งดัง  หากไม่ประสบอุบัติเหตุอย่างนี้  ข้ามฟ้า เหนือเวหา
คงไปได้อีกไกลแสนไกล  หากกอหญ้าห่างหายไปจากชีวิตของเขาล่ะ…แค่คิด…ก็รู้สึกจุกแน่นที่อกข้างซ้าย

‘จะเป็นไปได้ไหมนะ  ที่จะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่ไปไหน  อยู่เป็นกอหญ้าของแผ่นดิน…ตลอดไป’

เขาจะกล้าใช้ความเห็นแก่ตัวฉุดรั้งให้อยู่ที่นี่  บ้านป่าที่ไม่มีแสงสี  เขาได้แต่ส่ายหน้า  แล้วพรูลมหายใจออกมา

“พ่อครับ  อย่าทิ้งข้าวไป  อยู่กับข้าว  นะฮะ…อย่าทิ้งข้าว”
แผ่นดินสะดุ้ง  คนที่หลับละเมอ…หรือจะเป็นจิตใต้สำนึกกันนะ
 
‘ข้ามฟ้า…นายกำลังจะกลับมา  แล้วกอหญ้า…จะต้องหายไปตลอดกาล
อย่างนั้น…ใช่หรือเปล่า’

“ขี้เซา  อยากตื่นหรือยัง  จะได้เวลาอาหารเย็นแล้วนะ”

“พี่ดิน  เหรอฮะ  ขอข้าวนอนอีกนิดนะ”

แผ่นดินชะงักมือที่กำลังจะลูบแก้มนวล  เรียกตัวเองว่าข้าวอีกแล้ว

“ขิม  ไหนบอกว่ารักกันไง…เลิกง่ายๆ รักของเราล่ะ”
ละเมออีกแล้ว  คราวนี้มีน้ำตาไหลลงมาตามร่องแก้มด้ว ย แผ่นดินนึกสงสาร

‘แต่ถ้าจะให้ดี…อย่าไปนึกถึง…คนใจร้ายคนนั้นจะดีกว่าไหม’

“กอหญ้า  ตื่นเถอะ  นอนตอนค่ำๆ ไม่ดีนะเดี๋ยวปวดหัว  ลุกเลย!  ไปล้างหน้าก่อนไป”

ดวงตาสีน้ำตาคู่สวยลืมขึ้นมามอง  ขนตายังชุ่มไปด้วยน้ำตา  ปิดปากหาวอีก
คงไม่รู้ว่าตัวเองน่ะนอนร้องไห้

“พี่ดิน  ตื่นนานแล้วเหรอ  ทำไมไม่ปลุกข้าวละฮะ  อุ๊บ!”
กอหญ้ายกมือขึ้นปิดปาก…ทำตาโต  แผ่นดินจึงยกมือขึ้นตบแปะๆ
ที่แก้มคนที่หลุดชื่อเก่าออกมา

“เอ่อ! เรียกตัวเองแบบนั้นก็ได้  แต่กับพี่คนเดียวนะ  ห้ามไปพูดให้คนอื่นฟัง”

พี่ดินโน้มตัวลงมากระซิบแล้วหอมแก้มเขา  ส่งมือมาฉุดรั้งให้ลุกขึ้นจากเตียง
กอหญ้าหย่อนเท้าลงยืนจึงถูกพี่ดินจับหันหลังให้เดินไปเข้าห้องน้ำ





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 14 ถูกลอบวางเพลิง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 24-03-2019 11:53:18
ตอนที่ 14 ถูกลอบวางเพลิง

พี่ดินเดินเข้าไปที่ห้องทานข้าวก่อน  กอหญ้าเดินตามไม่ห่าง  เมื่อโผล่หน้าเข้าไป
อยู่กันครบจริงๆ แต่มีแขกเพิ่มอีกสองคน  เป็นหญิงวัยกลางคนกับเด็กสาววัยรุ่น
ทุกคนหันมามองเขาสองคนเป็นตาเดียว

“สวัสดีครับคุณน้า  วันนี้มาถึงนี่เลยนะครับ”
แผ่นดินยกมือไหว้ทักทายคุณน้าหน้าสวยที่นั่งอยู่  เธอรับไหว้แล้วมองมายิ้มๆ
ลูกสาวของเธอก็ไหว้พี่ดินด้วย  ดูจะคุ้นเคยกันดี

“คุณน้าข้าวทิพย์กับน้องข้าวหอมลูกสาว  นี่กอหญ้าน้องชายคนใหม่ของผมครับ”
กอหญ้าไหว้คุณน้ า ส่วนลูกสาวของเธอมองมาที่เขาแล้วทำตาโต  พร้อมยกมือไหว้

“พี่กอหญ้า  หน้าตาดูดี  หล่อเหมือนกับพี่ข้ามฟ้าเลยนะคะ  ถ้าไว้ผมทรงเดียวกัน
เป็นคนเดียวกันไปแล้วล่ะค่ะ  คริคริ”
แล้วเธอก็หัวเราะคิกคักเป็นการใหญ่
 
“นี่หนูข้าวหอม  ก็เป็นแฟนคลับพ่อดาราคนนั้นเหมือนกันเหรอ  ลุงคิดว่าจะมีแต่คุณย่า
คนเดียวเสียอีก  ฮ่าฮ่า”
พ่อเขตพูดแล้วหัวเราะร่า

“ยัยหนูก็แบบนี้แหละค่ะ  คุณพี่  ตามช่วงวัยของแกน่ะค่ะ  ปลื้มเป็นพักๆ เป็นคนๆ ไป
เดี๋ยวก็ดาราเกาหลีอะไรของเขาไปทั่วแหละค่ะ”
คุณน้าข้าวทิพย์พูดยิ้มๆ มองกอหญ้าทีมองลูกสาวที

“ไม่นะคะ  คุณแ ม่ พี่ข้าวน่ะ  ข้าวหอมปลื้มมานานมาก  ติดตามตั้งแต่พี่เค้าเข้าประกวด
ค้นหาดาวนู้นแล้วถามเจ้ากริชดู  ตามผลงานมาตลอด  เนี่ยแบบที่ถ่ายชุดสุดท้ายนี่นะ ว้าว!
เลยล่ะค่ะคุณแม่  ฟินมาจนจะเจ็ดวันแล้วก็ยังไม่เลิก  คริคริ”

‘อีกแล้วกอหญ้าเอ๊ย!  จะดังข้ามภพข้ามชาติไปเลยรึไง  ดูหน้าพี่ดินสิ  ตายๆ กันพอดี
ตอกย้ำกันจริง  คนพลาดแค่ครั้งเดียวเอง’

กอหญ้านั่งทำหน้าไม่ถูก  มือไม้ก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน  ได้แต่วางไว้บนตักแล้วก็บีบไว้อย่างนั้น

“ย่าว่ากินข้าวกันเถอะนะ  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์กับหนูข้าวหอมจะได้ไม่กลับค่ำจนเกินไป
อุตส่าห์มาเยี่ยมหาคนแก่ก็ดีใจมากแล้ว  มาจ้ะทานข้าวกัน”
คุณย่าชวนทานมื้อค่ำ  พี่ดินตักอาหารให้คุณข้าวหอมบ้าง  เผื่อแผ่มาถึงกอหญ้าด้วย
กอหญ้าช่วยดูแลน้องใบข้าวไปด้วยเช่นกัน เพราะนั่งติดกัน

“อากอหญ้าขา  หนูอยากได้หมูทอดอีก”
กอหญ้าเอื้อมมือไปตักให้เด็กหญิง  จังหวะหยิบหมับช้อนกลางเดียวกับคุณน้าข้าวทิพย์
เธอก็ผายมือให้ก่อน  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เธอเป็นผู้หญิงที่ถึงจะวัยกลางคนแล้วก็ยังคงความสวยไม่สร่าง
ใบหน้ายิ้มแย้มใจดี  ผมดัดเป็นลอน  ตากลมโต  ปากหยักสวย  จมูกโด่งสวยได้รูป  ความสวยของเธอ
ส่งไปถึงลูกสาวที่ดูจิ้มลิ้มน่ารัก  ปากนิดจมูกหน่อย  ตาโตๆ นั้นเหมือนคุณแม่ของเธอเสียเหลือเกิน
 
“พี่กอหญ้าขา  ถ้าแข็งแรงดีแล้ว  ไปเที่ยวบ้านข้าวหอมบ้างสิค ะ อยากพาไปอวดเพื่อนๆ ด้วย
ว่าข้าวหอมเจอคนหล่อเหมือนพี่ข้ามฟ้าแล้ว”
น้องข้าวหอมหันมาชวน  ทำเอากอหญ้าสะดุ้งเพราะมัวมองหน้าสวยๆ ของสองแม่ลูกเพลิน

“เอ่อ!  ต้องรออีกหน่อยนะครับ  คงอีกเป็นเดือนถึงจะหายดี”
น้องข้าวหอมยิ้มจนตาแทบเป็นสระอิ  แต่เธอก็เบิกตาขึ้นอีกหน่อย

“พี่กอหญ้าไปได้จริงๆ นะคะรับปากแล้วนะคะ  เดี๋ยวข้าวหอมจะให้รถที่บ้านมารับ”
ดูเธอกระตือรือร้นเสียจริง

“ยัยหนู  ทานข้าวไป  อย่าชวนพี่เค้าคุยนัก  ดูสิ! ตักทานไปไม่กี่คำเอง  ตัวก็ยิ่งผอมๆด้วย”
คุณน้าข้าวทิพย์ติงลูกสาว

“นี่น้ำหนักก็ขึ้นมาบ้างแล้วล่ะครับ  อีกหน่อยคงกลับไปเท่าเดิม  อาหารที่นี่อร่อยด้วยครับ”
กอหญ้าหันไปคุยกับแม่เลี้ยงข้าวทิพย์ที่มีไมตรีหันมาพูดคุยด้วย

“แหมๆ หนูกอหญ้านี่  ช่างพูด  ถ้าป้าสายมาได้ยินนะ  ขี้คร้านจะผัดและแกงกันจนหม้อไหกระทะแตก
กันเลยสิ เหอะๆ”
คุณย่าหัวเราะชอบใจ

“นี่พี่ทัพก็ไม่อยู่อีกแล้วเหรอคะพี่ดิน  ข้าวหอมไม่เจอน้านนานเลย”

“อาทิตย์นึงจะเห็นหน้ามันสักวัน  ก็ว่ายากแล้วละน้องข้าวหอม”
พี่ดินบอก  เด็กสาวได้ฟังก็เลิกคิ้วทำตาโต


ทุกคนก็พากันทานข้าวไปพูดคุยกันบ้างไม่ขาด  จนมื้อค่ำจบไปแม่เลี้ยงข้าวทิพย์และลูกสาวก็ขอตัวกลับ
โดยมีรถของทางบ้านมารับ  หลังมื้ออาหารพี่ดินนั่งเล่นกับลูกๆ ที่ห้องนั่งเล่นตามเคย  คุณย่านั่งหน้าจอทีวี
ส่วนพ่อเขตก็นั่งเยื้องๆ ออกไป

“ได้ยินว่า  แม่ระรินเข้ามาวุ่นวายจนเด็กๆ ร้องกันกระจองอแงเลยหรือไง  เจ้าดิน”
พ่อเขตเอ่ยถามเรื่องเมื่อบ่ายแก่ๆ พี่ดินละมือจากกองของเล่นของลูกๆ

“ผีเข้ามาน่ะครับพ่อ  หายไปตั้งนานนึกจะโผล่ก็โผล่มา  จะมาขอรับเด็กๆ ไปค้างด้วย
ทำอย่างกับตัวเองไม่แปลกหน้าสำหรับลูกๆ อย่างงั้นแหละ  เจ้ากล้าน่ะไม่ยอมไปด้วยอยู่แล้วล่ะ
ยิ่งยัยหนูยิ่งแล้วใหญ่  ก็อย่างที่ได้ยิน  ผมถึงกับอดไม่ไหวต้องเสียงดังใส่กันไป  พวกแกก็คงตกใจ
ด้วยน่ะครับ  เพราะไม่เคยเห็นผมเป็นแบบนั้น”

“ยังไง  ก็อดทนอดกลั้นเอานะดิน  มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  อย่าให้เด็กๆ ต้องหมดความสุขเพราะผู้ใหญ่
พ่อว่าถ้ายังไงก็ให้หล่อนมาใกล้ชิดลูกเสียที่นี่แหละ  ยังไงก็อยู่ใกล้หูใกล้ตาเรา ได้รู้ได้เห็นกันล่ะน่ะ”

“โธ่พ่อครับ  ต้องมาเห็นหน้า  เดินสวนกันไปมาในบ้านน่ะเหรอครับ โอยแค่คิดก็รู้สึกแย่แล้วล่ะ”
แผ่นดินโอดครวญ

“ก็ยังดีกว่าปล่อยลูกไปไกลหูไกลตานะดิน  ถ้าไม่ชอบมาพากลยังไง  เราก็ยังตะเพิดหล่อนออกไปได้นะ
เพราะนี่บ้านของเรา”
พ่อชี้แจงเหตุผลให้ลูกชายฟัง

“ถ้าเธอจะทนอยู่ห่างไกลแสงสีได้ก็เอาสิ  ยิ่งดูถูกว่าพวกเราน่ะบ้านป่าเมืองเถื่อน
เหม็นสาบผมอีก  เฮ้อ! ไม่รู้ผีตัวไหนนะพ่อที่สิงผมตอนนั้น  ทำให้เห็นผิดเป็นชอบ
คว้าหล่อนมาเป็นเมียได้น่ะ”

“ช่างมันเถอะเจ้าดิน  เรื่องมันแล้วไปแล้ว  คนต่อไปแกก็ดูให้มันดีๆ ไม่ใช่ไปคว้าพวกหลงแสงสี
เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออีกหล่ะ”
พ่อลูกพูดคุยกัน  กอหญ้าเหลือบมองเห็นพี่ดินนั่งจ้องมาที่เขา

‘ไหงพี่ดินมองหน้าเราอย่างนั้นล่ะ  บ้าไปแล้วพี่ดิน  กอหญ้าผู้ชายนะครับ’

“ก็มองๆ อยู่ครับพ่อ  แต่ไม่รู้จะเข้าอีหรอบเดิมอีกหรือเปล่า  ใครเขาจะมาร่วมชีวิตกับคนที่วันๆ
อยู่แต่กับไร่กับสวนล่ะครับพ่อ”
แผ่นดินพูดแล้วก็จ้องหน้ากอหญ้าอย่างสื่อความหมาย  ว่าคนที่เขามองๆ
น่ะอยู่ไม่ไกลเลย  จะรู้ตัวไหมนะ

“ไปมองสาวที่ไหนอีกล่ะคราวนี้  ยังไงก็ต้องเข้ากับลูกๆ แกให้ได้ด้วยล่ะ
ไม่ต้องถึงกับมาทำไร่ทำนาช่วยแกหรอก  แค่ไม่สร้างปัญหาให้แกเพิ่ม
เข้าใจแกบ้างก็คงพอแล้วล่ะ  ดินเอ๊ย!”

“ผมก็หวังอย่างนั้นแหละครับพ่อ  รอดูๆ กันไปก่อนแล้วกัน  ถ้าเขาไม่หนีหายไปเสียก่อนนะครับ”
พี่ดินพูดพลางยกยิ้ม  มียักคิ้วส่งมาให้เขาด้วย

‘บ้าจริงพี่ดิน  ก็บอกว่าผมน่ะผู้ชาย’
กอหญ้าหน้านิ่วคิ้วขมวด

“พ่อครับ  แล้วทำยังไงแม่เลี้ยงข้าวทิพย์กับลูกสาวถึงมาที่ไร่เราได้ล่ะครับ
หายไปนานเหมือนกันนะครับ  แล้วพ่อเลี้ยงอเนกล่ะครับ  เป็นไงบ้าง
กิจการปางไม้เห็นว่าซบเซาไปนี่ครับ”

“พอดีพ่อไปเจอเธอในเมืองนู้น  เธอไปรับลูกที่หอพักนักศึกษาน่ะ
หวงลูกอย่างกับอะไร  ที่ไม่มาเพราะลูกเข้ามหาลัย  เทียวดูลูกอยู่น่ะ
เห็นว่าแทบจะไปเฝ้าเลยนะ  ยัยหนูข้าวหอมก็ไม่น่าจะเป็นเด็กเกเรนะ
เท่าที่พ่อเห็น  แต่ไม่รู้เธอจะกลัวอะไรนักหนา  ไม่ไว้ใจลูกตัวเองเสียเลย
พ่อก็เลยชวนมาเยี่ยมคุณย่า  เอ่อ! เห็นเธอเล่าว่ากิจการก็ไปได้เรื่อยๆ นะ
สามีเธอเป็นคนมือสะอาดก็มีคนอยากทำการค้าด้วยเป็นธรรมดา”
พ่อลูกนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกอหญ้าสะดุ้งเพราะเผลอนั่งสัปหงก

“กอหญ้าไปอาบน้ำนอนไป  วันนี้คงเหนื่อยเห็นขวัญมันบอกว่าเจ้าดินพาไปตลาดมาเหรอ
คงหมดพลังไปเยอะสิท่า”
พ่อเขตเอ่ยปากให้ไปนอน

“เอ่อครับ  งั้นกอหญ้าขอตัวก่อนนะครับ”
กอหญ้าลุกขึ้นยืนเดินช้าๆ ขึ้นไปชั้นบน


“หนูกอหญ้านี่ก็น่าสงสารเนอะ  ปาเข้าไปกี่เดือนแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร
ญาติก็ช่างกระไรไม่คิดจะติดตามหาตัวเลยรึไง  กลายเป็นคนจรหมอนหมิ่นไปเสียแล้ว
แกก็อย่าไปทิ้งขว้างเขาล่ะ  ช่วยเขาแล้วก็ให้ถึงที่สุดไปแล้วกัน  หมอนัดเมื่อไหร่ ก็ถามๆ
หมอด้วยว่าเมื่อไหร่เขาจะจำความได้เสียที”
พ่อเขตเปรยๆ ถึงเรื่องของกอหญ้ากับลูกชายต่ออีก

“อีกสองวันครับพ่อ  แต่เหมือนๆ กอหญ้าจะเริ่มๆ คุ้นๆ อะไรๆ ขึ้นมาบ้างแล้วครับ
อีกไม่นานคงจะหายและความจำกลับคืนมา”
แผ่นดินตอบพ่อ  แล้วเผลอถอนใจอย่างหนักหน่วงออกมา  ตาก็มองไปที่ภาพโฆษณา
ที่เจ้าตัวเป็นแบบ  ผมที่ยาวระต้นคอ  ใบหน้าหล่อเหลาก็น่าดูไม่น้อย  พอใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น
ถึงได้ดูฮอตจนสาวๆ พากันคลั่งไคล้  ดูอย่างน้องข้าวหอมพูดเข้าสิ

‘ฟินไปเจ็ดวันยังไม่เลิก’
คิดมาถึงตอนนี้แผ่นดินนึกอยากจับกอหญ้ามาฟาดก้นนัก

“พ่อ  ผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับ//เอ่อ แตงโม  ช่วยดูพาน้องอาบน้ำอาบท่าด้วย
อย่าให้เข้านอนดึกนักนะ  ตอนดึกพ่อจะเข้าไปดูนะเจ้าสองแสบ  พ่อไปอาบน้ำก่อนนะ”
แผ่นดินจับลูกสองคนมาฟัดแก้มแล้วก็ผละไปเข้าห้องอาบน้ำนอน


แผ่นดินนอนกลิ้งไปมาหลายตลบแล้วตาก็ไม่หลับสักที  จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา
เข้าดูข่าวบันเทิงดารา  เป็นอะไรที่ไม่เคยคิดอยากทำ  อินเทอร์เน็ตก็ไม่เคยสมัครใช้
แต่พอได้มารู้จักกอหญ้า  เขากลับโยนโทรศัพท์ให้ไอ้มิ่งมันจัดการสมัครให้  เขาแค่จะดู
ความเป็นมาเป็นไปของดาราคนนั้นคนเดียว  ข้ามฟ้า เหนือเวหา  เขาเปิดอ่านตั้งแต่ประวัติ
เริ่มเข้าวงการ  ข่าวซุบซิบ  ไอริณลูกสาวรัฐมนตรีกับคุณหญิง...
 
‘เอ๊ะ! ผู้หญิงได้เข้าพิธีหมั้นกับนายตฤณ  ลูกรัฐมนตรีวงการเดียวกัน  ฝ่ายหญิงก็สะสวยไม่เบา
นี่สินะ  อดีตคนรักที่หักอกข้ามฟ้า เหนือเวหา  จนเจ้าตัวต้องหนีมาเยียวยาหัวใจถึงที่นี่’

แผ่นดินกดปิดหน้าจอโทรศัพท์  แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่หน้าห้อง  เคาะไปสองทีแล้วก็เปิดเข้าไป
เห็นเจ้าของห้องนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง  เปิดโคมไฟดวงเล็กไว้

“นอนแล้วเหรอ  ขี้เซา  อาบน้ำตัวหอมเลย  ไหนขอหอมทีสิครับ”
แผ่นดินพูดงึมงำอยู่คนเดียว  กอหญ้าที่เคลิ้มๆ ก็ยังพอฟังรู้เรื่อง  รู้ว่าพี่ดินเข้ามา
ไล่หอมตั้งแต่หน้าผากลงมาที่จมูกแก้มและคางของเขา  แล้วยังซุกไซ้ที่ซอกคอเขาอีก
ขยับตัวอย่างรำคาญที่ถูกรบกวนการนอน

“พี่ดิน  ข้าวง่วงจัง”
แผ่นดินชะงักกึกที่ได้ยิน  กลิ่นกายที่ได้ดอมดมเมื่อสักครู่ทำให้อดใจไม่ไหวจึงนอนลงข้างๆ
พร้อมกับแทรกตัวเข้าไปใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน  กอดคนตัวหอมไว้หลวมๆ เจ้าตัวพอได้ไออุ่น
ก็ซุกตัวเข้ามาที่แผ่นอกของเขา

“พี่ดิน  อุ่นจัง  นอนกับข้าวนะ  ฝันดี”
ได้ยินอย่างนั้นแผ่นดินก็กดจูบที่เรือนผมคนขี้เซาไปที  แล้วก็ปิดเปลือกตาลง
ไม่นานความง่วงงุนก็เข้ามาทักทายเขาในเวลาต่อมา


กลางดึกคนในอ้อมแขนดิ้นรน  งึมงำ  ฟังไม่เป็นภาษา  แผ่นดินจึงลูบหลังปลอบประโลมให้
กระชับกอดเข้ามาอีกที  เจ้าตัวก็ยุกยิกๆ แล้วก็หลับต่อ  เป็นแบบนี้อีกสองครั้ง  แล้วก็หลับยาว
ไปจนกระทั่งเช้ามืด  แผ่นดินจึงตื่นห่มผ้าให้  แล้วเขาก็ลุกจากที่นอนเปิดประตูออกไป  เข้าไปดูลูกๆ
ในห้องนอนที่อยู่ห้องใกล้ๆ กับห้องของกอหญ้า  คลี่ผ้าขึ้นมาห่มให้ทั้งสองพี่น้อง  ก่อนที่จะเดินกลับ
เข้าห้องตัวเองเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน  และออกตรวจเวรยามในไร่ตามปกติ


ขับรถออกจากบ้านไปก็รู้สึกครึ้มอกครึ้มใจ  ผิวปากไปตลอดทาง  เหมือนหนุ่มน้อย
ที่ริอ่านมีความรักไม่มีผิด  จอดรถแล้วก็คว้าไฟฉายกระบอกโตติดมือไปด้วย
ไม่ลืมเหน็บอาวุธคู่กายไว้ข้างเอว  แล้วเดิมดุ่มๆ ไปทางท้ายไร่  ชายหนุ่มเห็นแสงไฟ
ลุกโชนไกลออกไปรีบกดโทรศัพท์หาลูกน้องทันที

“ไอ้มิ่ง  ตื่นๆ มีคนลอบวางเพลิงไร่เราแล้ว  มึงรีบปลุกคนงานให้มาช่วยเลย
ด่วน  เออๆ เดี๋ยวกูไปดูก่อน  มึงรีบมานะเว้ย”

ชายหนุ่มวางสายแล้วรีบสาวเท้าไปทางต้นเพลิงทันที  ใช้แนวต้นส้มเป็นเกราะกำบังกาย

“เห้ย!  นายสั่งมานะมึง  ถ้าเจอตัวมัน  ยิงแม่งให้ไส้แตกได้เลย  ไม่ต้องเลี้ยง”

‘จะยิงไม่เลี้ยง  เออ! ได้สิ  กูนี่แหละ! ที่จะไม่เลี้ยงพวกมึง’

แผ่นดินกระเถิบตัวเข้าไปใกล้ไอ้พวกลอบกัด  พวกมันกำลังราดน้ำมันเพิ่มอีกแล้ว
ประเมินดูพวกมันมากันสามคน  ชายหนุ่มย่องเข้าไปใกล้อีกนิด  เพื่อไม่ให้พลาด
จากวิถีกระสุนที่จะเล็งออกไป  เสียงลั่นเปรี๊ยะของไม้ที่โดนไฟ  เป็นตัวช่วยกลบเสียง
หรือการเคลื่อนไหวไม่ให้พวกมันได้ยิน

‘ไอ้คนทางซ้ายที่มันแยกตัวออกไป  จัดการมันก่อนเลย’

ชายหนุ่มลอบตามมันไป  พอสบโอกาสก็ยกปืนขึ้นเล็ง  ยิงเปรี้ยง!
กระสุนเข้าที่ท้องของมัน  ถึงกับร่วงลงไปนอนกองกับพื้นดิ้นรนกระเสือกกระสน
เพื่อนมันสองคนไหวตัวเพราะเสียงปืน  ไอ้ตัวหนาก้าวถอยหลังแล้วเตรียมวิ่ง
แผ่นดินยิงไปอีกนัด  กระสุนถากไปเห็นมันล้มลงเอามือกุมไหล่แล้วลุกขึ้นเตรียมหนี
เพื่อนมันรีบปรี่เข้าไปช่วยประคองคนที่นอนที่พื้น  จังหวะนั้นชายหนุ่มยิงไปรัวๆ
แต่เขาพลาดที่มันยิงสวนกลับมาจนได้

“อึ้กกก…แม่งเอ๊ย!”
กระสุนวิ่งมาฝังที่ต้นแขนขวา  ชาหนึบ  และปวดจี๊ดในเวลาต่อมา  แผ่นดินทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น
มือกดที่ปากแผล

“นายดิน  เห่ย! ไอ้ขวัญ  นายดินโดนยิง  กูพานายไปหาหมอก่อน  มึงไปดูสิว่าใครหน้าไหน
 อย่าให้มันรอดออกไปได้  เร่งมือดับไฟกันด้วยโว๊ย!”
มิ่งตะโกนสั่งน้องชายและถลาเข้ามาถึงตัวนายดินของมัน

“นายดินๆ ทนหน่อยนะครับ  ขี่หลังไอ้มิ่งเลยจะพาไปที่รถ
โธ่ เว๊ย! ทำไมมันช้าไม่ทันใจอย่างนี้วะ! โว๊ะ!”
ไอ้มิ่งนำร่างของเขาพาดหลังและจับที่ต้นขาเขา  ความที่เขาตัวใหญ่กว่าทำให้ตัวมันเดิน
ไม่ได้เร็วอย่างใจคิดและซวนเซในบางจังหวะ  มันจึงบ่นไปตลอดทาง  จนแผ่นดินห้ามปากไว้ไม่ไหว

“ไอ้มิ่ง! กูยังไม่ได้ว่าจะตายตอนนี้  มึงใจเย็นๆ สิวะ  กูยังทนได้อยู่”
แผ่นดินเคาะหัวลูกน้องไปที  มันจึงสงบลงได้  ไม่นานก็มาถึงรถที่จอดแอบไว้
มิ่งแทบเหวี่ยงเขาลงจากหลังไปไว้ที่เบาะหน้า  ชายหนุ่มตะกายตัวขึ้นนั่ง
กัดฟันข่มความเจ็บปวดจนปากคอสั่น

“นายดิน  ทนอีกหน่อย  ผมจะเหยียบให้จมเลย  นั่งดีๆ นะครับ”
มิ่งพูดแล้วก็ทยานรถออกจากตรงนั้นไปแบบทิ้งฝุ่นไว้ท่วมไร่
มันเจ็บดีกว่านายมันมาเจ็บแบบนี้  ไม่นานสองหนุ่มก็ถึงที่หมาย

“หมอๆ ช่วยหน่อยครับ  นายแผ่นดินถูกยิงมาครับ”
เจ้าหน้าที่พยาบาลต่างกรูกันเข้ามาพาชายหนุ่มเจ้าของไร่เขตแผ่นดินไปทำการรักษา
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 13,14 ลงแล้วค่ะ ตามมาเลย :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-03-2019 12:16:53
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 13,14 ลงแล้วค่ะ ตามมาเลย :)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-03-2019 14:29:03
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 13,14 ลงแล้วค่ะ ตามมาเลย :)
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 25-03-2019 17:54:04
เป็นกำลังใจ ไห่กอหญ้า เน้อ^^
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 10,11,12 มาแล้วค่ะ ตามมาเลย :)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 25-03-2019 18:13:12
พี่ดินหึวกอหญ้าละซิ รีบแย่งเบอร์โทรไปเนียะ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 15 ความจำกลับคืน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 25-03-2019 21:15:32
ตอนที่ 15 ความจำกลับคืน

เมื่อตำรวจได้รับแจ้งเหตุก็รีบรุดมาที่โรงพยาบาล  มิ่งบอกตำรวจไปคร่าวๆ
ตามที่นายดินโทรเรียกว่ามีคนลอบวางเพลิงท้ายไร่  มาถึงก็พบว่าเจ้านายหนุ่มถูกยิงแล้ว
รายละเอียดอื่นๆ  ต้องรอให้เจ้าตัวเล่าเอง  หลังจากนั้นมิ่งจึงโทรไปหาขวัญเพื่อถามความคืบหน้า
เรื่องคนร้ายทันที

“ฮัลโหล! ขวัญ  ยังไม่ออกมาเลย  ไม่โดนจุดสำคัญ  เออ! อย่าเพิ่งบอกนายเขตล่ะ
รอก่อน”

(บอกไปแล้วดิพี่มิ่ง  ก็คนไปออกันที่บ้านใหญ่เพราะเป็นห่วงนายดิน นายเขตถามก็เลยต้องบอก)

“ห๊ะ! ว่าไง! เดี๋ยวก็ตกใจตายห่ากันหมดพอดี”

(พี่มิ่งแช่งนายเขตรึไง ท่านไม่เป็นไร  สติดีกว่าพวกเราอีกมั้งพี่)

“เห่ย! พี่ไม่ได้จะแช่งนายเขต  แล้วจับใครได้บ้างวะทางนั้น”

(มันหนีได้หมด  ทิ้งแค่กองเลือดแค่นั้นแหละพี่)

“ไอ้เลว! อย่างนี้นายดินก็เจ็บตัวฟรีดิวะ เออ! ดับไฟทันก็ดีแล้ว
ถ้านายดินไม่ไปเจอนะเอ็ง! มันคงเผาลามมาจมูกพวกเราแล้ว อืมๆ
รอดูอาการนายนี่แหละ  แกก็ช่วยดูๆ คนที่บ้านใหญ่ด้วยล่ะ”

(พี่มิ่ง  นายทัพกำลังไปนะ  เดี๋ยวคงถึง  มีอะไรคืบหน้าโทรมาบอกด้วย ทุกคนรอข่าว)

“เออ  ก็ห่วงกันทั้งนั้นแหละวะ”
มิ่งวางสายจากขวัญไปแล้ว  เขายังคงเดินพล่านไปมาด้วยความเป็นห่วงคนเจ็บอยู่ดี
ทั้งที่ปากก็บอกน้องชายไปว่าไม่ถูกจุดสำคัญอะไร


กอหญ้าตื่นเพราะเสียงที่ดังโหวกเหวกจากชั้นล่างจึงรีบลงมาดู
พบว่ามีคนงานมาออกันเต็มลานหน้าบ้าน  เห็นพ่อเขตยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนชายหญิง
สีหน้าของแต่ละคนไม่สู้ดีนัก  เสื้อผ้าหน้าตาของทุกคนดำเป็นปื้นและมอมแมเหมือนกัน
กอหญ้าก้าวเท้าเข้าไปใกล้  ได้ยินเสียงขวัญพูดกับพ่อเขต

“นายดินโทรตามพี่มิ่ง  บอกว่าท้ายไร่เราถูกวางเพลิง  ให้พี่มิ่งรีบหาคนไปช่วยดับไฟ
แต่พอพวกเราไปถึงก็เห็นพี่มิ่งแบกนายดินขึ้นหลังแล้วครับ  พี่มิ่งตะโกนบอกอีกว่านายดิน
ถูกยิง  กำลังจะพาไปโรงพยาบาล  เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างนี้แหละครับ”
กอหญ้าได้ยินว่าแผ่นดินถูกยิง  เขารับถลันเข้าไปกลางวงที่พ่อเขตอยู่

“ขวัญ! พี่ดินเป็นยังไง  ปลอดภัยหรือยัง  มิ่งโทรมาบอกอีกรึเปล่า  ใครพาผมไปดูพี่ดินหน่อยสิ”
กอหญ้าถามอย่างร้อนใจ  เขาใจสั่นมือเท้าเย็นไปหมดแล้ว  ความรู้สึกเดียวตอนนี้…เป็นห่วงอย่างที่สุด
 
“อ้าว! หนูกอหญ้าหน้าซีดเลย  เจ้าดินมันไม่เป็นไรมากหรอก  คนงานที่วิ่งตามหลังไอ้มิ่งไป
บอกว่าเจ้าดินโดนยิงที่แขน  ใจเย็นๆ ก่อน”
พ่อเขตหันมาบอกทันที  กอหญ้าใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่รู้ว่าไม่โดนจุดสำคัญ

“อ่อครับ  แล้วตอนนี้เป็นไงบ้าง  มีใครทราบอีกมั้ยครับ”
กอหญ้าถามความคืบหน้า  เขาอยากไปอยู่ตรงนั้น  ตรงที่ได้เห็นหน้า  จะได้รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง

“พ่อโทรให้เจ้าทัพมันไปดูที่โรงพยาบาลแล้ว  เดี๋ยวคงจะโทรมาบอก  นี่ขนาดว่าพ่อบอก
ให้มันน่ะระวังเนื้อระวังตัว  เตือนแล้ว  ยังโดนเข้าจนได้สิ”
พ่อเขตพูดสีหน้าเป็นกังวลไม่ใช่น้อย

“พ่อเขตเข้าไปนั่งรอในบ้านก่อนเถอะครับ  เดี๋ยวคงมีคนส่งข่าวมาอีก”
กอหญ้าเอ่ย  เมื่อเห็นว่าพ่อเขตไม่มีทีท่าว่าจะพากันเข้าบ้าน  พ่อเขตจึงขยับตัว
แล้วเอ่ยปากพูดกับคนงานที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่

“เอาล่ะๆ ทุกคน  ไม่ต้องตื่นตกใจกัน  กลับไปกันก่อนคืบหน้ายังไงจะบอกให้รู้อีกที
ขอบใจทุกคนมากที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้าดินมันน่ะ”
พ่อเขตพูดจบ  ทุกคนจึงพยักหน้าและทยอยกันกลับออกไป


พ่อเขตเดินเข้าบ้านโดยมีขวัญเดินตามมาด้วย  ผู้สูงวัยนั่งลงที่ชุดรับแขกไม้แกะสลักตัวยาว
กอหญ้านั่งลงข้างๆ ท่าน  แล้วโทรศัพท์พ่อเขตก็ดังขึ้น  ขวัญที่หย่อนก้นนั่งถึงกลับลุกพรวดขึ้น
 
“ว่ามาเจ้าทัพ  ห๊ะ! กระสุนฝังในเลยเหรอ  ไหนใครมันบอกไม่เป็นไรมากไง
ผ่าแล้วเหรอ อืม… ย้ายมาที่ห้องพักฟื้น  ปลอดภัยก็ดีแล้ว  เออ! ก็เลือดของแกไงให้พี่แกไป
ตอนนี้ให้ไอ้มิ่งมันเฝ้าอยู่นั่นแหละ  แกก็อยู่ดูเจ้าดินมันไปก่อน  มันจะเอาอะไรเดี๋ยวพ่อให้ไอ้ขวัญ
ตามเอาไปให้  นี่หนูกอหญ้าก็จะไปเยี่ยม  แค่นี้แหละ  จะเอาอะไรของไอ้มิ่งก็ถามมันด้วยล่ะ”
พ่อเขตพูดเสร็จก็วางสาย  และหันมาพูดกับกอหญ้าและขวัญ

“ไปเตรียมตัวกันไปกอหญ้า  อาบน้ำอาบท่ากินข้าวเช้าแล้วไปกับขวัญมัน
เอาเสื้อผ้าพี่แกไปด้วยนะขวัญ  ส่วนของนายดินก็ไปเตรียมชุดให้ใส่กลับก็พอ”
กอหญ้าจึงลุกขึ้น  แล้วหันไปถามพ่อเขตอย่างอดสงสัยไม่ได้

“พี่ดินต้องให้เลือดเหรอครับ  แล้วทำไมต้องเป็นเลือดคุณทัพล่ะครับ”

“หมอว่ามันเสียเลือดตั้งแต่ก่อนถึงโรงพยาบาลแล้ว  กว่าจะผ่ากันเสร็จอีกก็อ่อนแรงมาก
จึงต้องให้เลือด  พวกมันพี่น้องน่ะเลือดกรุ๊ปพิเศษ B- อะไรเนี้ยแหละ  เราก็เลือดกลุ่มนั้น
เหมือนกันนี่กอหญ้า   คราวก่อนเจ้าดินมันก็ให้เลือดกับเราไปนะเห็นมันกลับมาเล่าให้พ่อฟัง”

“อ้าว! เหรอฮะ  กอหญ้าไม่รู้เลยนะครับพ่อเขต  ไม่เคยเจ็บป่วยถึงขนาดให้เลือด
ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเลือดกรุ๊ปพิเศษ  แย่จังครับ…ลำบากพี่ดินช่วยไว้หลายเรื่องแล้วสิ”
กอหญ้าหน้าจ๋อยลงถนัดตา  เขาติดหนี้พี่ดินเพิ่มอีกเรื่องแล้ว

“มันไม่ลำบากอะไรหรอก พี่เราน่ะลองมันได้ช่วยใครแล้ว  มันน่ะทุ่มสุดตัวเลยแหละ
เห็นไหมพอเป็นอะไรหน่อยลูกน้องมันก็แห่กันมาเต็มหน้าบ้านไปหมด”
พ่อเขตไม่ได้พูดเกินจริงสักนิด เมื่อเขาได้รับการช่วยเหลือที่สอดคล้องตามนั้นจริงๆ

“ขวัญ  เสื้อผ้าพี่ดินน่ะ  เดี๋ยวผมไปเตรียมให้ก็ได้  ขวัญจะได้กลับไปจัดการตัวเองแล้วก็
ของใช้ของมิ่งด้วย  เอาตามนี้แล้วกันนะ”

“ได้ครับคุณกอหญ้า  ตอนสายๆ ผมจะมารับนะครับ”
กอหญ้าพยักหน้า  แล้วต่างก็พากันแยกย้ายไปจัดการในส่วนของตน
 

กอหญ้าเดินขึ้นไปชั้นบน เขาตรงไปที่ห้องนอนพี่ดิน  ตั้งแต่มาอยู่ยังไม่เคยได้เข้าไปเลยสักครั้ง
พอเปิดเข้าไปก็คลำหาสวิตซ์ไฟ  พอไฟติดพรึ่บก็พบว่าห้องพี่ดินเป็นห้องนอนขนาดใหญ่
ชุดน้องนอนเป็นสีโอ๊ค  และเตียงนอนเป็นขนาดพิเศษ  ผ้าม่านสีน้ำตาลออกเข้มกว่า
ห้องที่เขานอนอยู่ทุกวัน  เครื่องนอนสีขาวสะอาดตาไม่ได้เรียบตึงแสดงว่ามีการใช้งานไปแล้ว

‘แต่เอ๊ะ! เมื่อคืนนี้  ทำไมรู้สึกว่าพี่ดินไปนอนด้วย ดูรางเลือนๆ แล้วความอบอุ่น
ที่ได้รับทั้งคืน  มันคืออะไรกันนะ’

กอหญ้าเลื่อนบานประตูตู้เสื้อผ้าออก

‘เสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวนี่น่าจะดี  คงจะใส่สบาย  กางเกงแบบยางยืดผ้าฝ้ายนี่ก็คงได้
กางเกงชั้นในมีแต่สีดำทั้งนั้นเลยนี่นา  หยิบไปอย่างละตัวแล้วกัน  งั้นก็หากระเป๋ามาใส่
กระเป๋าเอาใบนี้แล้วกัน  นาฬิกาอยู่ไหนนะ  อ้อ…ต้องที่หัวเตียงนั่นละมั้ง  นาฬิกาเรือนนี้
แล้วกัน’

พลันกอหญ้าต้องเบิกตากว้าง  เมื่อภายในกล่องใส่นาฬิกา มีสิ่งหนึ่งวางรวมอยู่ด้วยกัน

‘อะไรเหรอครับพ่อ  เอามาให้ข้าวทำไมครับ’

‘สร้อยพร้อมจี้…มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่ของลูกทิ้งไว้ให้’

‘พ่อเก็บไว้เถอะครับ  ข้าวไม่เห็นว่าจำเป็นต้องใส่’

‘ใส่ติดตัวไว้เถอะนะลูก  ไม่ว่าจะยังไงแม่ก็ได้ให้ชีวิตลูก…เขาให้ลูกได้เกิดมา
ไม่ว่าแม่จะมีเหตุผลอะไรที่ทิ้งพ่อและลูกไป  พ่อก็ไม่เคยโกรธ …เพราะฉะนั้น
ข้าวต้องไม่โกรธแม่นะลูก  ใส่สร้อยนี่ไว้…แล้วสิ่งนี้จะคุ้มครองให้ลูกของพ่อปลอดภัย
จากภัยอันตรายทั้งปวงนะลูก…ข้ามฟ้า…ลูกรัก’

กอหญ้ามือไม้สั่นเทา  น้ำตาไหลอาบแก้ม   เขาคือ ข้ามฟ้า เหนือเวหา
ลูกของพ่อกรณ์กับแม่ทิพย์  พ่อแต่งงานใหม่กับน้าช่อแก้ว  พ่อตายไป
น้าช่อจึงเลี้ยงดูเขามาจนโต  เขาเข้าประกวดจนคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้
จนได้มาเป็นดารา  พี่คะน้า…ขิมบอกให้เลิกกันเพราะไม่คู่ควร…เขามาที่นี่
เชียงใหม่…เพราะอกหัก…หลังจากนั้น…มีรถกระบะตัดหน้า  แล้วก็จำอะไร
ไม่ได้อีก  จนได้มาอยู่ที่นี่…ไร่เขตแผ่นดิน…ตอนนี้ความทรงจำทุกอย่างกลับมาแล้ว

กอหญ้าวางสร้อยกับจี้เส้นนั้นไว้ที่เดิม  พี่ดินคงจะเก็บเอาไว้ให้
สักวันพี่ดินก็คงจะคืนให้กับมือเขาเอง

‘ตอนนี้ยังไม่บอกนะครับพี่ดิน…ว่าข้าวจำทุกอย่างได้หมดแล้ว  ถ้าบอกไป
ทุกอย่างอาจจะไม่เหมือนเดิม…อาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่  ขอโทษนะครับพี่ดิน
ไว้ข้าวพร้อมกว่านี้  ข้าวจะบอกพี่เป็นคนแรกเลย’
กอหญ้าตัดสินใจได้ดังนั้นจึงเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าแล้วหิ้วไปที่ห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำ


กอหญ้าก้าวเท้าเข้าไปในห้องผู้ป่วย  พี่ดินนอนอยู่ที่เตียงโดยมีถุงน้ำเกลือแขวนไว้ที่เสา
ส่วนมิ่งนั่งอยู่ที่โซฟายาว เจ้าตัวผุดลุกขึ้นที่เห็นเขาเข้ามา

“อ้าว! คุณกอหญ้ามากันแล้วเหรอครับ”

“อืม…เดี๋ยวผมเฝ้าพี่ดินให้เอง  มิ่งจะไปหาข้าวกินก็ไปได้เลยนะ  แล้วนี่พี่ดินหลับไปนานหรือยังล่ะ?”
กอหญ้าพูดแต่สายตาก็ไล่สำรวจตามเนื้อตัวของคนที่นอนอยู่

“หลับไปสักชั่วโมงได้แล้วครับ  อีกเดี๋ยวคงจะตื่น  ผมขอไปข้างนอกสักพักนะครับ
อยากจะไปหาที่สูบบุหรี่สักหน่อย  จะลงแดงแล้วครับ  ไปกันเถอะขวัญ”

ขวัญรีบเอากระเป๋าไปเก็บใส่ตู้เสื้อผ้าแล้วคู่แฝดขาวกับดำก็พากันเดินออกไปจากห้อง
กอหญ้าเดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเตียง

‘พี่ดินตอนหลับหน้าตาดูอ่อนวัยลงมาก  อายุเท่าไหร่แล้วนะ  พี่ชายใจดี’

อย่างไม่รู้ตัวกอหญ้าเอื้อมมือไปจับมือของพี่ดินมากุมไว้  แล้วก็ยกขึ้นมาจรดที่จมูก
พอเงยหน้าขึ้นก็สะดุดเข้ากับดวงตาเหยี่ยวที่มีประกายวิบวับที่กำลังมองมาไม่กะพริบ
เขาจึงวางมือพี่ดินลงตามเดิม ใบหน้าร้อนผ่าว

‘ตายแล้ว! ทำอะไรลงไปล่ะ แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีล่ะคราวนี้
ดันแอบขโมยหอมมือคนหลับซะได้’

“ยังไงครับ  แอบทำอะไรพี่  ส่งมือมาให้พี่ทำคืนเลย  เร็วครับ…ไม่งั้นพี่โกรธ”

“เอ่อ…พี่ดิน  อย่าล้อสิครับ  ข้าวเป็นห่วงพี่ดินมากเลยนะ  เจ็บมากไหมครับ”

แผ่นดินเงียบไปที่คนที่แอบหอมมือเขาไม่ยอมทำตามที่ขอไป 
แต่เขาก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้คนที่เป็นห่วง หายห่วงไปหน่อย

“พี่ดิน  หมอให้อยู่กี่คืนครับ  แล้วยังปวดแผลอยู่อีกมั้ยอ่ะ  เอ๋...พี่ดิน กอหญ้าทำอะไร
ให้พี่โกรธกันครับ…ทำไมไม่คุยกันเลยล่ะ”

กอหญ้าเลิกคิ้วและนิ่วหน้าเมื่อถูกปล่อยให้พูดอยู่คนเดียว

'ไม่รู้ตัวเลยสิ  ก็นายน่ะแค่เล็กน้อยก็ขัดใจกันได้'

“พรุ่งนี้คงจะได้กลับแล้ว  ปวดแผลเป็นพักๆ แค่นั้น  พี่ไม่ได้โกรธอะไรเราหรอก
แค่ว่า…คืนนี้ต้องนอนไม่หลับเพราะไม่มีตัวอุ่นๆ มาให้กอดนอนน่ะสิ”
แผ่นดินแสร้งพูดไปอีกเรื่อง ทำเอาคนฟังหน้าเหรอ
 
“พี่ดิน  กอหญ้าเป็นผู้ชาย  พี่ดินนี่พูดจาแปลกๆ แล้วใครไปให้กอด  เมื่อไหร่กันครับ  เพ้อเจ้อแล้วนะ”

“นี่จำไม่ได้เลยหรือไง  เราน่ะไม่ยอมให้พี่กลับห้อง  บอกให้นอนด้วยกัน
แล้วก็ซบกับอกพี่หลับไปทั้งคืนเลย  จำไม่ได้เองน่ะสิ”

“อ้าว…ไม่ใช่ฝัน…หรอกเหรอ”
กอหญ้าพึมพำเบาๆ หน้าขึ้นสีเรื่อๆ

แผ่นดินมองคนพูดแล้วยกยิ้มเล็กน้อ ย พอเจ้าตัวสบตามาเขาก็แกล้งตีหน้าขรึมตามเดิม

“พี่อยากกินผลไม้น่ะ ปอกให้พี่กินหน่อย”
คนเจ็บร้องขอขึ้นมาเสียดื้อๆ

กอหญ้าจึงเดินไปที่กระเช้าผลไม้บนโต๊ะ  เห็นนามบัตรเยี่ยม…ครอบครัวผู้ใหญ่อ้วน
แล้วก็ล้วงเอาแอปเปิ้ลมาสองผล  เดินไปที่อ่างซิงค์หน้าห้องน้ำ  เปิดน้ำล้างแล้วจึง
ลงมือปอกเปลือกแอปเปิลและเฉาะเป็นชิ้นๆ ให้คนตัวโตที่นอนรอกิน

“ได้แล้วครับคุณพี่ชาย”
กอหญ้ายกจานใบเล็กไปวางให้ข้างๆ มือ  พี่ดินทำเฉยอีกแล้ว  เขาจึงส่งแอปเปิลเข้าปาก
ไปให้หนึ่งชิ้น  พี่ดินก็อ้าปากงับแถมริมฝีปากยังขบมาโดนนิ้วมือเขาอีกด้วย ทำเอาเขาสะดุ้ง
ส่วนคนทำเคี้ยวตุ้ยๆ และยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีกด้วย

‘อ่อ…เนียนได้อีก แล้วก็เรียกร้องความสนใจนี่เอง’
กอหญ้ามองหน้าคนขี้อ้อน

“ดิน! เป็นไงบ้างวะ  คราวนี้แม่งเล่นกันแรงเลยเนอะ  จับได้ล่ะน่าดู
อ้าว! น้องกอหญ้าก็อยู่ด้วยเหรอครับ”
สารวัตรตรีภพเพื่อนพี่ดินน่ะเอง  แล้วเดินมาไม่รู้ได้เห็นตอนที่เขาป้อนผลไม้
ให้พี่ดินหรือเปล่า  กอหญ้าวางหน้าไม่ถูกแต่ก็รีบลุกขึ้นยืนทักทายคนมาใหม่

“ครับ  พี่ภพ  เดี๋ยวผมก็จะกลับแล้ว  ล่ะครับ”
กอหญ้าหันไปตอบ  แล้วรับกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงร่างกายไปวางไว้บนโต๊ะ

“ใครให้เรากลับตอนนี้กอหญ้า อยู่ถึงเย็นๆ เลยค่อยกลับ”
พี่ดินพูดหน้าตาเฉย

“ไอ้ดิน  น้องกอหญ้าเขาก็ยังป่วยไม่หาย  แกจะทรมานน้องไปถึงไหนวะ ไอ้นี่!”
พี่ภพตำหนิพี่ดินออกมาตรงๆ
“เหรอ…ครับคุณตรีภพ  เพิ่งเจอกันครั้งรึสองครั้งนี่ถึงกับเรียกน้องทุกคำ  ไปสนิทสนมนับญาติ
กันตอนไหนไม่ทราบครับคุณศาลาวัด”
พี่ดินแขวะพี่ภพ
 
‘อืม…นั่นสิ  เรียกแบบสนิทสนมจริงๆ ด้วยสิ’
กอหญ้ายืนฟังสองหนุ่มคุยกัน

“คุณแผ่นดินครับ  อย่ามาทำหวงก้างเลยครับ  นี่เพื่อน…นะครับ ไม่ใช่ใครอื่น”
พี่ภพทำหน้าตาขึงขังใส่พี่ดิน

“ผมไม่ใช่สุนัขนะครับ  อีกอย่างไม่นิยมกินก้างด้วยครับ ชอบแบบเนื้อๆ
เน้นๆ ครับเพื่อน”
พี่ดินสวนกลับตานี่ขวางเลยเชียว

‘เขาจะเล่นสงครามน้ำลายรึไงกันพ่อสองคนนี้'

“ไอ้ดิน! ปากดีได้แบบนี้ก็กลับบ้านได้แล้วสิ”
พี่ภพถลึงตาใส่แล้วใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม  กอหญ้าหันมองเมื่อประตูห้องถูกเปิดอีกครั้ง
คนที่เข้ามาใหม่เป็นผู้ชายตัวเล็กหน้าตี๋สวมแว่นสายตาและที่เห็นเด่นชัดคือตัวขาวมาก
และปากก็บางออกสีเรื่อๆ บ่งบอกว่าไม่สูบบุหรี่เหมือนอย่างพี่ดิน  เดินหิ้วกระเช้าเครื่องดื่ม
บำรุงร่างกายเข้ามา

“โอ๊ะ…โอ  น้องธารธารา  น่ะเอง  มาเยี่ยมเพื่อนพี่ด้วยเหรอครับ”
พี่ภพรีบปรี่เข้าไปรับหน้าคนมาใหม่  แต่หนุ่มแว่นกลับชักสีหน้าและกลอกตามองบน
แวบเดียวแต่กอหญ้ายังทันได้เห็น

“เอ๊ะ! คุณศา-ลา-วัดก็มาด้วย ไม่ทราบเลยนะว่าพี่ดินมีเพื่อนเป็นคุณนะเนี่ย
แต่เอ…นิสัยทำไมช่างต่างกันสุดขั้วเสียเหลือเกินล่ะครับคุณสามชาติ”
คนตัวเล็กสวนกลับทันควัน

‘หืม…คู่นี้มวยถูกคู่  สินะ’

กอหญ้าลอบมองไม่วางตา ไหนจะสรรพนามที่เรียกขานกันยังเป็นที่สะดุดหูคนฟังอย่างมาก

“กอหญ้า  นั่นคุณธารา  เป็นนายอำเภอรุ่นน้องพี่เอง  เพิ่งมาประจำที่นี่///ส่วนนี่กอหญ้าน้องชาย
พี่อีกคนนะธารา”
กอหญ้ายกมือไหว้ตามมารยาทซึ่งนายอำเภอหนุ่มตัวเล็กน่าจะอายุมากกว่าเขา
ก็เขาจะ 23 ปี ในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว

“ยินดีที่รู้จักครับ  คุณกอหญ้า  หน้าคุณทำผมรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับใครสักคน
แต่เอ…ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนี่แหละ จริงๆ นะ”
สารวัตรหนุ่มหันมองหน้าคนพูดนิดนึง

‘คนดังเลยนะครับ  คนนี้น่ะ’
 แต่น้องธารของเขาก็จำไม่ได้

“เรียกกอหญ้าเฉยๆ เถอะฮะ  คุณธารา”
กอหญ้าพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าไม่ให้มีพิรุธ  กลัวว่านายอำเภอหนุ่มจะจำได้
ว่าเขาคือ ข้ามฟ้า

“งั้นก็เรียกพี่ว่าพี่ธาราก็พอครับ  กอหญ้า”
แล้วหนุ่มตัวผอมสองคนก็ยิ้มให้กัน  จนแผ่นดินชักจะหงุดหงิดใจขึ้นมา
ไม่ชอบเลยไอ้หน้าตายิ้มแย้มรับแขกเนี่ย

“เดี๋ยวถ้ามิ่งกับขวัญมาก็เตรียมตัวกลับไร่ไปพักผ่อนได้แล้วนะ”
กอหญ้ามองหน้าพี่ดิน  ที่ทำสีหน้าเรียบนิ่งขึ้นมาเฉยเลย

‘นึกจะไล่กลับก็ไล่  ยังไงกันนะ  ตะกี้ยังบอกให้กลับเย็นๆ อยู่เลย’

ประตูห้องพักคนไข้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้เป็นสาวสวยเซ็กซี่ถือกระเช้าเข้ามาอีกคน

“พี่ดินขา  นิชาเป็นห่วงมากๆ เลยนะคะพอได้ข่าวว่าพี่ถูกยิง”
เธอจีบปากจีบคอพูด  หน้าสวยและแต่งแต้มสีสันจนดูจัดจ้าน

“ขอบคุณนะ  ที่มาเยี่ยม”

พี่ดินพูดนิ่งๆ สาวเจ้าก็ยัดกระเช้าใส่มือกอหญ้าให้เอาไปเก็บ
คงเห็นเขาเป็นเด็กรับใช้ไปแล้วละมั้ง

“พี่ดินเจ็บมากไหมคะ  นิชารีบมาอย่างเร็วเลยนะเนี่ย”
เธอเดินหน้าทำคะแนน  ไม่สนใจหนุ่มๆ ในห้องเลย  สนใจแต่พี่ดินคนเดียว
ยืนแทบจะเอานมไปเทใส่หน้าพี่ดินอยู่แล้ว  เห็นแล้วกอหญ้าก็ชักจะหงุดหงิด
อย่างที่เจ้าตัวก็หาสาเหตุไม่ได้

“อ้าว! พยาบาลมาให้ยาแล้ว  ผมว่าพวกเราออกไปกันก่อนเถอะครับ
หายไวๆ นะดิน  ว่างๆ จะเข้าไปหาที่ไร่ขอข้าวสักมื้อ”
พี่ภพพูดแล้วก้าวออกห่างจากเตียง  หมุนตัวจะกลับแต่ไม่วายหันไปหาหนุ่มแว่นอีก

“น้องธารครับกลับกันเถอะ  ไปหาข้าวทานเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ”

‘พูดเสียงนุ่มเชียวคืออะไรกันนะพี่ภพ’
 กอหญ้ายังคงมองสองหนุ่มไม่วางตา

“ผมเกรงว่าจะไม่สะดวกครับ  คุณศาลาวัด  ผมต้องไปเยี่ยมคนป่วยอีกหลายราย”
นายอำเภอหนุ่มบ่ายเบี่ยง

“เสียดายจัง  งั้นไว้โอกาสหน้าแล้วกัน  งั้นพี่ไปก่อนนะ น้องธาร”
พี่ภพพูดแล้วเดินออกไป  นายอำเภอหนุ่มเดินตามออกไปพร้อมหันมา
โบกมือให้กอหญ้าและพี่ดิน

“งั้น… นิชากลับก่อนนะพี่ดิน  หายเร็วๆ นะคะ”
ก่อนกลับเธอยังทิ้งสายตาหวานฉ่ำให้พี่ดินด้วย  จนตอนนี้เหลือกอหญ้าและพยาบาลที่มา
ปลดสายน้ำเกลือออก  แล้วจึงวางยาที่ต้องทานหลังอาหารไว้ให้  ก่อนที่จะเดินออกไป

“พี่ดิน  กอหญ้าไปเอาอาหารมาให้นะ  ทานแล้วจะได้ทานยา…แล้วก็นอนพัก
พรุ่งนี้จะได้กลับบ้านเราแล้วนะครับ”
กอหญ้าพูด  พี่ดินยกยิ้มพอใจ  นี่เป็นรอยยิ้มแรกของวันเลยนะที่ได้เห็น

“พี่ก็คิดถึ ง อยากกลับบ้านเรา  เร็วๆ แล้วสิครับ”
พี่ดินเน้นตรงคำว่าบ้านเรา  ทำเอากอหญ้าชะงัก  แล้วก็เลื่อนอาหารไปตรงหน้าพี่ดิน
นั่งดูคนเจ็บฝืนกินไปครึ่งจาน  คงไม่ถูกปากเสียมากกว่าแล้วก็วางช้อนลง  ก่อนดื่มน้ำตาม
หญ้านั่งเป็นเพื่อนพี่ดิน  จนสักพักให้คนเจ็บทานยา  ไม่นานก็หลับไป  มิ่งและขวัญกลับเข้า
มาพอดี 

กอหญ้าเตรียมตัวกลับบ้าน โดยขวัญมาหิ้วกระเช้าบอกว่าต้องนำไปเก็บที่บ้านในบางส่วน
เพราะวันออกจากโรงพยาบาลจะได้ไม่ต้องหอบหิ้วกันมากมายหลายชิ้น


**********************************************
ขอบคุณ...ที่ชื่นชอบนะคะ สัญญาจะ up ให้อย่างน้อยวันละตอน




หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 15 มาแล้วน๊าาา
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-03-2019 22:19:36
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 15 มาแล้วน๊าาา
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-03-2019 12:25:48
น้องจำได้แล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 16 พี่ดินคนดื้อ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-03-2019 13:00:33
ตอนที่ 16 พี่ดินคนดื้อ

แผ่นดินได้กลับบ้านในตอนบ่ายของอีกวัน  จากข้อมูลที่ทางตำรวจได้ไปนั้นเขารู้ว่าเป็นงานยาก
อีกงานแล้ว  เพราะหลักฐานอะไรไม่มีหลงเหลือที่จะสืบสาวได้เลย  แผ่นดินรู้สึกมืดแปดด้าน
อีกตามเคย

“พี่ดิน  ทานยาหรือยัง  อยากได้อะไรเรียกนะครับ”
กอหญ้าบอก  เมื่อเห็นพี่ดินเอาแต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดและทอดถอนใจไม่หยุด

“หายดีแล้วหรือ  พี่แข็งแรงกว่าเราสิไม่ว่า  พรุ่งนี้ครบกำหนดหมอนัดไม่ใช่เหรอเราน่ะ
เป็นยังไงก็บอกหมอไปนะ  เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน”
พี่ดินย้อนถาม  แทนที่จะตอบคำถามที่กอหญ้าถามไป

“พี่ดินน่ะอยู่บ้านพักผ่อนไปเถอะ  แล้วก็อย่าเพิ่งใช้แขนข้างนั้นมากนัก
แผลอักเสบขึ้นมาจะยุ่งกันใหญ่  กอหญ้าไปกับมิ่งหรือขวัญก็ได้  สบายมากชิลด์”
กอหญ้าพูดเพระไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากอะไร  อีกอย่างเขาก็คุ้นกับลูกน้องสองคน
ของพี่ดินแล้วด้วย  แต่พี่ดินกลับชักสีหน้าไม่พอใจ

“พี่จะไปด้วย  ไม่ต้องพูดเยอะ”
พี่ดินพูดเสียงห้วนและหน้าก็นิ่งเสียด้วย

“พี่ดิน  อย่ามาเอาแต่ใจนะ  บอกว่าไม่ต้องไปก็ไม่ต้องสิ  อย่าดื้อได้มั้ยล่ะ”
กอหญ้าเริ่มเสียงดัง  จนแผ่นดินต้องเหลือบตาขึ้นมอง

‘ใครกันที่เอาแต่ใจ  แล้วก็ดื้อ  ชักจะเลี้ยงยากขึ้นทุกวันแล้วนะ…กอหญ้า’

“กอหญ้า  ถ้าไม่ให้พี่ไป  พี่ก็จะไปทำงานในไร่  ตามนี้…จบนะ”
พี่ดินยื่นคำขาดออกมา

“เอ๊ะ! พี่ดิน  ไม่คุยด้วยแล้ว  ดื้อจริง!!”
กอหญ้าพูดเสียงสะบัดแล้วจ้ำอ้าวๆ เข้าออฟฟิศไป

แผ่นดินถูกปล่อยให้นั่งเหงาอยู่คนเดียวข้างนอก  จนเกือบครึ่งค่อนวัน  ชายหนุ่มอดรน
ทนไม่ไหวจึงเดินไปเมียงๆ มองๆ ก็เห็นคนตัวบางก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานอยู่หน้าจอ
คอมพิวเตอร์โดยมีชานนท์ยืนอยู่ข้างๆ ใช้นิ้วจิ้มๆ ชี้ๆ สอนงาน แผ่นดินเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบใจ


หมุนตัวกลับไปเอนหลังที่โซฟาตามเดิมแล้วก็ผล็อยหลับไป  สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียง
คนเถียงกันอยู่หน้าบ้าน  มองออกไปเห็นเพชรที่เดินหน้าตื่นเข้ามา

“นายดินครับ  คุณนิชามาครับ…แต่เจอคุณระริน  ตอนนี้มีปากเสียงกันครับ
นายดินจะไปดูหน่อยไหม”
แผ่นดินพยักหน้าให้พชร  แล้วลุกเดินออกไปยังที่มาของเสียง

“ฉันมาเยี่ยมพี่ดินมันเกี่ยวอะไรกับเธอ  ขวางทางทำไม  ของที่พี่ดินทิ้งแล้วเค้าไม่หยิบ
ขึ้นมาให้เปื้อนมืออีกหรอก  หลีกทาง!”
นิชาพูดอย่างที่คิดว่าตัวเองมีดีกว่าอดีตภรรยาของผู้ชายที่เธอหมายปองมานาน

“นั่นมันเรื่องของฉัน! แกไปเลยนะนังผู้หญิงบ้า  รู้ไว้ด้วยนะ  ของที่ฉันโละแล้วฉันก็ไม่คิด
จะเอาเหมือนกัน  แต่ฉันไม่ต้องการให้ลูกสองคนมีแม่เลี้ยงอย่างหล่อน  ออกไป!!”
ระรินโต้กลับอย่างไม่ยอมเช่นกัน

“อะไรกัน! สองคนนี้! ที่นี่ไม่ใช่ตลาดสด  ถ้าจะทะเลาะกันนู้น! ไปข้างหน้า”
แผ่นดินโผล่หน้าออกไปห้ามทัพ  เห็นทั้งสองไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมใคร
เขาพูดออกไปอย่างไม่รักษาน้ำใจใครสักคน  สองสาวชะงักทันที

“พี่ดินขา  นิชามาเยี่ยมค่ะ  แต่ยัยป้านี่น่ะมาขวางทาง  แล้วยังว่าพี่ดินเสียๆ หายๆ อีกด้วยนะคะ”
นิชาปรี่เข้าไปจับมือถือแขนชายหนุ่มอย่างสนิทชิดเชื้อ

“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว  จะเป็นก็ตรงที่หาความสงบไม่ได้นี่แหละ  กลับกันไปเถอะ”
ชายหนุ่มพูดตัดบท

“อะไรกันดิน  รินมายังไม่ทันได้เจอลูกก็ไล่แล้ว  ยัยหนูอยู่บ้านนี่แกยังไม่เข้าเรียน
อย่ากีดกันนักเลย”
ระรินสวนทันควั น และบอกเหตุผลที่มาวันนี้

“ได้! อยากเจอลูกนักก็ไปเจอ! เพชรๆ ให้แตงโมพาน้องออกมา แต่ถ้านอนไม่ต้องปลุกนะ”
เพชรวิ่งเข้าไปในห้องด้านในซึ่งใบข้าวอยู่กับพี่เลี้ยง  สักพักเด็กหนุ่มก็กลับออกมา

“น้องหลับครับ”
เพชรรายงาน

“ได้ยินแล้วนะ  เธอจะอยู่รอลูกตื่นหรือว่าจะกลับก็เลือกเอา”
ชายหนุ่มหันไปพูดกับอดีตภรรยา

“ปลุกสิดิน  รินซื้อตุ๊กตามาให้  เดี๋ยวค่อยให้แกนอนใหม่ก็ได้”
ระรินโพล่งออกมาทำเอาแผ่นดินเลือดขึ้นมาเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ระริน!!  ถ้าความเป็นแม่ที่เธอได้แต่พร่ำๆ เรียกร้อง  เธอยังมีให้ลูกไม่ได้เลย
เธอก็ไม่สมควรที่จะมาแสดงตัวว่าเป็นแม่!!  เด็กนอนกลางวันน่ะ! ไม่รู้เหรอไง!
ถ้านอนไม่พอจะเป็นยังไง  แค่นี้เธอยังคิดเองไม่ได้  รอไม่ได้ก็กลับไปซะ!!”
แผ่นดินพูดเสียงแข็งอย่างหมดความอดทนกับอดีตภรรยาแล้วจริงๆ

“ดิน! นี่ไล่กันอีกแล้วเหรอ  บอกตรงๆ นะ  ถ้านายให้สิทธิ์พาลูกไปไหนมาไหนได้บ้าง
ฉันคงจะไม่ต้องมาทนยืนอยู่ตรงนี้หรอก  เบื่อ!!!”
พูดแล้วระรินก็สะบัดหน้าเดินกระแทกเท้ากลับไปขึ้นรถ  เสียงปิดประตูรถดังปัง!
แล้วรถก็แล่นออกไปอย่างเร็ว

“พี่ดิน ไหนๆ แม่นั่นก็กลับไปแล้ว  ไปทานข้าวเย็นกับนิชาสักมื้อได้ไหมคะ
เดี๋ยวนิชามาส่งพี่ดินเอง”
นิชาเข้ามาเกาะแขนออดอ้อน

“คุณนิชาครับ  นี่ไม่รู้เลยหรือไงกันว่าพี่ดินน่ะป่วยอยู่  จะพาไปตะลอนๆ ได้ยังไง
ข้าวบ้านนี้ก็มีให้กิน  ลูกเต้าก็ตั้งสองคนที่ต้องดูแล  ต้องพาเข้านอนยังจะพาไปนู้น
ไปนี่อีก ไม่มีสมอง!!!”
กอหญ้าที่ออกมาทันได้ยินทั้งเมียเก่าและคนที่อยากจะมาเป็นเมียใหม่
อดรนทนไม่ไหวต้องสอดมือเข้าไปจัดการ

แผ่นดินหันมองคนตัวขาวอย่างนึกทึ่งที่ออกหน้าจัดการแทนเขา  ที่เบื่อหน่ายเต็มทีแล้ว

“แก!!! ไอ้คนรับใช้  ยุ่งอะไรด้วย  ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแกซะหน่อย”
นิชาเต้นเร่าๆ ชี้หน้ากอหญ้ามือไม้สั่นที่ถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำเจ็บแสบ

“นิชา! กอหญ้าเป็นญาติแล้วก็เป็นน้องผม  ให้เกียรติกันหน่อย  ขืนคุณล่วงเกินคนในบ้าน
ก็เท่ากับล่วงเกินผมนะ”
แผ่นพูดขึ้นเสียงกร้าวพร้อมกับชักสีหน้า  จนนิชาหน้าถอดสีหันมามองหน้าคู่กรณีอย่างไม่พอใจ

“เอ่อ…งั้น…นิชากลับก่อนก็ได้ค่ะพี่ดิน  หายไวๆ แล้วกันนะคะ”
นิชาสะบัดหน้าใส่กอหญ้าก่อนเดินออกไป  แล้วเสียงกระแทกประตูรถก็ตามมาให้ได้ยิน
รถแล่นออกไปอย่างเร็วไม่ต่างจากคันก่อนหน้านี้

จังหวะนั้นก็มีรถสวนเข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าบ้านแทนคันที่เพิ่งออกไป
กอหญ้าเห็นหนุ่มผิวเข้ม  หน้าตาธรรมดาๆคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ

“อ้าว! นั่นคมกฤชนี่  หึหึ  สนุกอีกแล้วสิ”
พี่ดินพูดออกมาใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ทำไมล่ะ  พี่ดิน  อย่าบอกนะว่าคนนี้ก็มาชอบพี่ดินอีกคนน่ะ”
กอหญ้าทำตาโต  คิดไปไกล

“เห๊ย! ไม่ใช่ๆ อย่าเดาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้สิ  สยองเลย  ถ้าอยากรู้ก็ต้องรอดู”
แผ่นดินพูดแล้วยักไห ล่ พอเห็นหน้าผู้มาใหม่ใกล้ๆ กอหญ้ารู้สึกว่าคนนี้เป็นหนุ่ม
ที่มีความเป็นมิตรสูง  เพราะยิ้มโชว์ฟันขาวมาแต่ไกล

“สวัสดีครับพี่ดิน  แล้วก็คุณกอหญ้าสินะครับ  น้องชายคนใหม่ของพี่ดิน
ตัวจริงหล่อไม่เบาเลยได้ยินแต่มิ่งกับขวัญพูด  ได้เห็นตัวจริงแล้วนะครับ
ผมคมกฤช  เป็นเกษตรอำเภอของที่นี่ครับ  อ้าว! เงียบกันหมดเลยเหรอครับ”
คมกฤชทักออกไป  แต่คนที่เขาทักกลับอ้าปากค้างเสียอย่างนั้น

“น้อยๆ หน่อยเจ้ากฤช  ไม่เพราะว่ามาถึงนายก็เอาแต่พูดๆ รึไง
แล้วจะเอาช่องว่างที่ไหนให้พี่กับกอหญ้าพูดกันล่ะ”
แผ่นดินเบรกคมกฤชไว้ก่อน  เมื่อหาจังหวะพูดได้แล้ว

“อ่อ…จริงด้วยสิครับ  ไอ้ผมต้องเข้าหาคนพบปะพูดคุยทั้งต้องยืนบรรยาย
จนน้ำไหลไฟดับมันก็เลยติดตัวมาจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว  พี่ดินยังไม่ชินกับผมอีกเหรอครับ
แล้วนี่คุณชานนท์ของผมอยู่หรือเปล่า   ผมไปออกพื้นที่เสียหลายอาทิตย์ไม่เจอหน้าเลย
คิดถึงเอามากๆ ผมไม่เกรงใจแล้วนะพี่ดิน  ขอผมไปดูเองเลยแล้วกัน
ไปก่อนนะคุณกอหญ้า”
ขนาดพี่ดินติงที่มาถึงก็เอาแต่พูดๆ ไปนะ  เจ้าตัวก็ยังจะพูดไม่หยุดปากอีก
แล้วก็ผละไปที่ห้องทำงานที่คุณชานนท์อยู่

‘แล้วที่บอกคิดถึงนี่อย่าบอกนะว่า…หืม…หรือนี่จะเป็นเรื่องสนุกที่พี่ดินพูดกันนะ’
กอหญ้าได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น

“ตามนั้นแหละ  ตามที่คิดเลย  เห้อ! เจ้านนท์นะเจ้านนท์  เกิดเป็นที่ต้องตาต้องใจเขาเข้าแล้ว”
พี่ดินพูดแล้วยิ้มขำ  กอหญ้านิ่วหน้าขำไม่ออก  เพราะมัวคิดตาม  คุณนนท์เนี่ยนะ
ไม่เห็นจะมีทีท่าอย่างนั้นเลย  กอหญ้าก็พ่นลมหายใจยาว  เพราะพี่ดินเองก็ไม่ได้มีทีท่าเหมือนกัน
ว่าจะชอบเพศเดียวกัน  แต่พักหลังๆ นี่ทำอะไรแปลกๆ ชักจะเข้าเค้า

“เพชรๆ ไปบอกป้าสายทำอาหารเพิ่มให้แขกอีกสองคนนะ”
พี่ดินหันไปเรียกเพชรที่เดินผ่านมา

“พี่ดินจะมีแขกมาทานมื้อเย็นเหรอครับ”
กอหญ้าถามออกไปอย่างสงสัย

“แขกที่ไหนกันล่ะ  ก็เจ้านนท์กับเจ้ากฤชนั่นแหละ  พี่เคยบอกว่าจะเลี้ยงข้าวมัน
เอาเป็นวันนี้เลยแล้วกัน”
กอหญ้าพยักหน้าเข้าใจ  แล้วตั้งท่าจะเดินไปที่ออฟฟิศเพื่อช่วยงานคุณนนท์

“ไม่ต้องไปทำแล้วงานห้องนั้นน่ะ  อยู่เป็นเพื่อนคุยกับพี่ก่อนใกล้มื้ออาหารแล้ว
อีกอย่างปล่อยให้สองคนนั้นเขาอยู่ด้วยกันไปก่อน  ไม่ได้ยินเหรอที่คมกฤชมัน
พูดว่าคิดถึงเจ้านนท์มันน่ะ”
กอหญ้าชะงักแล้วจึงนั่งลงที่โซฟาข้างๆ กัน  ส่วนพี่ดินก็ลุกไปหารีโมทมาเปิดทีวี
เป็นละครที่รีรันให้ดูน่ะเอง  กอหญ้านั่งจ้องไม่วางตาเพราะเป็นละครที่เขาแสดงไว้
นานมากแล้ว  ดูไปยิ้มไปจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนนั่งมองหน้าเขาแทนที่ตาจะมองที่จอทีวี


แผ่นดินมองนักแสดงที่ออกมาโลดแล่นอยู่นอกจอ  ตอนที่กอหญ้าปะทะคารมกับระริน
เขาดูว่ากอหญ้าเปลี่ยนไปมาก  ดูเป็นคนเอาจริงเอาจัง  ไม่ยอมลงให้ใคร  มีหลายอย่าง
ที่เจ้าตัวมักหลุดพูดออกมา  ทั้งแทนตัวเองว่า  ข้าว  ก็ออกบ่อย  หรือว่าเวลาที่เขากลัว
จะใกล้เข้ามาแล้ว  ข้ามฟ้าตัวจริงกำลังจะมา  แล้วกอหญ้าของเขาก็กำลังจะหายไปอย่างนั้น
หรือเปล่า

“นายดินครับ  ผมจัดตารางเวรยามมาให้ใหม่  จะดูเลยไหมครับ”
ชานนท์เดินเข้ามาเรียก  จนแผ่นดินถึงกับสะดุ้ง

“อืม…ก็เอามาสิ  แล้วนนท์กับกฤชก็อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนนะค่อยกลับ
ผมบอกป้าสายให้เตรียมแล้ว  วานไปบอกเจ้ากฤชให้ด้วยล่ะ”
แผ่นดินเอื้อมมือไปรับแฟ้มงานมาเปิดดู  แล้วก็ชวนให้ชานนท์อยู่ทานมื้อเย็น
 
“หึ้ย! นายดิน  ที่ผมรีบมาส่งงานเพราะว่าจะรีบหนีกลับบ้าน  นายดินก็ยังจะทำแบบนี้อีก
ผมน่ะรำคาญจะแย่! คนบ้าอะไรพูดมากพิลึก  ผีเจาะปากมารึไงก็ไม่รู้”
ชานนท์หน้าบอกบุญไม่รับทันทีที่ถูกชวนให้อยู่ต่อ

“นนท์  อย่าพูดไปนะนายน่ะ  ถ้าวันนึงเขาหายไปจริงๆ อย่างปากนายพูดนะ
นายนั่นแหละจะเหงา  คุยๆ ไปเถอะนะ เขาก็เป็นคนดีนี่เจ้ากฤชน่ะ ไม่มีพิษไม่มีภัย
อะไรกับใคร คุยๆ ไปเหอะ”
แผ่นดินโน้มน้าวเพื่อให้ชานนท์โอนอ่อนลงบ้าง

“นายดิน  ผมจะบอกอีกเป็นรอบที่ร้อยนะว่า… ผมเป็นผู้ชาย!  แมนเต็มร้อยแล้วก็
หล่อมากด้วย…จบนะครับ”
 แล้วชานนท์ก็เดินหน้าตึงกลับออฟฟิศไป

“พี่ดิน  อย่าไปแกล้งคุณนนท์นักเลยครับ  คนเราน่ะต่อให้แรงเชียร์จะมากแค่ไหน
หากเขาไม่ใช่คู่กัน  สุดท้ายก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี  ส่วนอีกประเภทต่อให้มีคนขัดขวาง
หรืออุปสรรคมากมายรอบด้านแค่ไหน  หากว่าจะเป็นคู่กันมันก็คือใช่  หนีกันไม่พ้นหรอกครับ”

กอหญ้าบอกเล่าตามความคิดส่วนตัวที่เขาเข้าใจให้แผ่นดินฟัง  ชายหนุ่มนิ่งฟังทั้งคารมและ
ความคิดขนาดนี้  นี่หรือไง  คนป่วยของใครๆ เขาน่ะ

“อืม…พี่ก็ไม่ได้จะยัดเยียดความคิดหรือจับคู่ให้ใครนี่  เพียงแต่ไม่อยากให้คนบางคนที่ไม่รู้
ความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง  แล้วต้องปล่อยมืออีกคนหลุดไป…ก็แค่นั้นเอง”

‘พี่ดินพูดด้วยน้ำเสียงเหงาๆ อีกแล้ว  เป็นอะไรของเขากันนะช่วงนี้’

กอหญ้ามองหน้าคนพูด  ที่ดูไม่ออกว่าต้องการสื่ออะไรหรือเปล่า

“แต่คนบางคนเขาอาจจะรู้ใจตัวเอง…แต่เขาแค่ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น
ก็ได้นะครับ  พี่ดิน”
กอหญ้าพูดออกมา  แผ่นดินหันขวับมองหน้าคนพูด

“ถ้าไม่พูด…ไม่แสดงออกมา  ใครเขาจะไปรู้…ว่าใจตรงกันหรือเปล่า”
กอหญ้าเบนหน้ามองไปทางอื่น  พี่ดินพูดเหมือนว่ามีนัยยังไงก็ไม่รู้

“พี่ดินตรวจตารางเวรให้คุณนนท์ไปสิครับ  จะได้แก้ไขไปเลยถ้าไม่ชอบใจตรงไหน
เราจะได้เริ่มเอาไปใช้งานจริงเร็วหน่อย”
กอหญ้ารีบเบี่ยงประเด็นให้แผ่นดินหันไปสนใจงานในมือแทน

“ร้ายนักนะเรา หึหึ”
พี่ดินก็เปิดแฟ้มงานในมือ  เป็นการปิดฉากการสนทนาของเขาสองคน



แขกอีกสองคนที่ร่วมโต๊ะอาหารดูจะเป็นตัวทำให้มื้อเย็นวันนี้ครื้นเครงไม่ใช่น้อย
โดยเฉพาะคุณกฤชที่มีการพูดจาหยอกเย้าจนคุณนนท์งอนไปก็หลายหน
แต่สุดท้ายก็กลับมาคุยกันแบบปกติดี

‘นั่นสินะ! ไม่ใช่ไม่รู้ใจตัวเองหรอกนะ  คุณนนท์’

กอหญ้าลอบสังเกตสองหนุ่ม  ส่วนพี่ดินก็คอยตักอาหารมาให้ไม่ได้หยุด
โดยไม่รู้ว่าชานนท์เองก็มองกอหญ้ากับนายดินอยู่เหมือนกัน  เพราะตอนที่
ชานนท์เอางานไปให้เขาเห็นนายดินเอาแต่นั่งมองหน้าคุณกอหญ้าที่สนใจ
แต่ดูละคร  พอเรียกถึงกับสะดุ้งสุดตัวแบบนั้น

'ตัวเองน่ะเป็นซะเอง จะหาพวกสิ หึ'
ชานนท์ขบคิด

ทานอาหารกันเสร็จ   แขกก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  เหลือแต่คนที่บ้านที่พากันนั่งดูละครหลังข่าว
ต่ออีก  กอหญ้าดูได้ช่วงหนึ่งก็ขอตัวขึ้นห้องนอน  ปล่อยคุณย่ากับพ่อเขตดูกันต่อสองคน
ส่วนพี่ดินเห็นเล่นอยู่กับลูกๆ อีกมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 17 จับขโมย
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-03-2019 13:22:50
ตอนที่ 17 จับขโมย

กอหญ้านอนหลับไปได้สักพัก  ก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงดังมาจากห้องพี่ดิน
จึงลงจากเตียงเดินไปหยุดที่หน้าห้อง  เสียงเงียบไปแล้ว  จึงตัดสินใจหมุนลูกบิด
เห็นว่าไม่ได้ล็อก  เปิดเข้าไปเห็นแสงไฟจากโคมดวงเล็ก  ส่องให้พอจะมองเห็น
คนที่นอนอยู่บนเตียงนอนกว้างได้บ้าง

“พี่ดินครับ  กอหญ้าเอง  พี่ดินเป็นอะไรหรือเปล่า  เมื่อตะกี้มีเสียงดังมาจากห้องพี่”
แผ่นดินหันมองคนที่เดินมาหยุดข้างๆ เตียง  เขาจึงใช้ฝ่ามือตบปุๆ ข้างตัวให้คนมาใหม่นั่ง

“นั่งก่อนสิกอหญ้า  ขอโทษทีที่ทำให้ตกใจตื่น”
พี่ดินพูดน้ำเสียงงัวเงีย

“แล้วมันเสียงอะไรกันล่ะครับ”

“แมวมันกัดกันอยู่นอกหน้าต่าง  พี่รำคาญจึงเปิดออกไปจะไล่มันแต่กระแทกถูกกระถางต้นไม้
ที่พี่เคยเอามาวางตากแดดไว้…ตกแตกเลย”
แผ่นดินเล่าให้คนตัวบางฟัง

“อ่อ…อย่างนี้นี่เอง  งั้นพี่ดินนอนเถอะ  กอหญ้าจะไปนอนแล้วเหมือนกัน  ฝันดีครับ”

กอหญ้าลุกจากเตียง  ยังไม่ทันก้าวเท้าก็ถูกเจ้าของห้องลุกพรวดจากที่นอนรวบตัว
เขาไปกอดไว้เสียแน่น

“นอนเป็นเพื่อนพี่นะ  เนี่ยพี่ง่วงจนตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว  นอนข้างนี้เนอะจะได้ไม่ถูกแผลพี่”
แผ่นดินขยับไปอีกฟากของเตียง โดยที่ลากอีกคนให้นอนลงข้างๆ

“พี่ดิน  นอนไปเลยครับ  ข้าวจะไปนอนห้องนู้น”
กอหญ้าขืนตัวจะลุกแต่ถูกรัดไว้แน่นอย่างกับงูรัดเหยื่อก็ไม่ปาน

“อย่าดื้อสิ…เด็กดี…นอนได้แล้ว  ถ้าดิ้นอีกโดนแผลพี่เลยนะเนี่ย
ถ้าเลือดออกต้องทำแผลให้พี่ใหม่ด้วยล่ะ”
พี่ดินเอาแผลมาอ้างจนกอหญ้าต้องนอนลงบนหมอนอีกใบอย่างจำยอม

“มาใกล้อีกหน่อยสิ  พี่ยังไม่ได้บอกฝันดีเลย”

พี่ดินโน้มใบหน้าลงมาใช้ริมฝีปากจูบลงที่หน้าผาก  ย้ายไปที่เปลือกตาและจมูก
แล้วก็ประทับริมฝีปากหนาลงมาที่ริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา  ก่อนที่จะผละตัว
ออกไปนอนหนุนหมอนตัวเอง  โดยวงแขนยังสวมกอดกอหญ้าไว้หลวมๆ และงึมงำ
บอกฝันดี  สัมผัสของพี่ดินทำเอากอหญ้าหวาบไหวอยู่ภายในอก  ความอ่อนโยน
ละมุนละไมที่ได้รับ  หากวันหนึ่งต้องเสียไปจะทำอย่างไร

‘พี่ดินข้าวจะอยู่อย่างนี้ไปตลอดเลยได้ไหม  ข้าวไม่อยากไปไหนแล้ว…หากเป็นไปได้
ขออยู่เป็นกอหญ้าของพี่ดินจะได้ไหม’

เสียงพร่ำบ่นในใจดังก้องในโสตประสาทจนกระทั่งหลับไป


เช้ามืดเป็นเวลาที่แผ่นดินต้องตื่น  แต่เพราะแขนยังไม่หายดี  จึงให้ฐานทัพรับหน้าที่ไปตรวจไร่แทน
ฐานทัพตื่นขึ้นมาจึงไปยืนหน้าห้องพี่ชาย  เขาเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ  แล้วจึงเรียกพี่ชาย

“พี่ดิน…ขอปืนหน่อยพี่  จะไป  เอ่อ…คือ…หืม?”
ฐานทัพพูดไม่ทันจบประโยค  ภาพที่เห็นทำให้ไปไม่เป็น  พี่ดินนอนกอดใครสักคนอยู่บนเตียง
แสงสลัวของโคมไฟทำให้ได้เห็นพี่ชายยกมือจุ๊ปากไม่ให้ส่งเสียง  แถมคนในอ้อมแขนยังซุกหน้า
เข้าหาแผงอกพี่ชายอย่างรำคาญที่มีเสียงมารบกวน  พี่ดินชี้มือไปที่ตู้เสื้อผ้า

ฐานทัพอึ้งอยู่อึดใจก่อนจะสาวเท้าไปที่ตู้เสื้อผ้า  เขาเลื่อนบานประตูตู้…พอได้ของที่ต้องการแล้ว
ก็ไม่วายหันไปมองพี่ตัวเองอีกครั้ง  พี่ดินโบกมือไล่

‘ขี้หวงเสียด้วยสิ  ขอดูหน่อยก็ไม่ได้’

ฐานทัพเดินแบบ  เบลอๆ ออกไปจากห้องนอนของพี่ชาย  โดยไม่ลืมกดล็อกประตูให้ด้วย
แล้วก็พึมพำกับตัวเอง

“พี่ดินกับคุณกอหญ้า  ไม่ผิดแน่ๆ พี่ดินนะพี่ดิน  ทำไมเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ โอ๊ย!
นี่เราไม่ได้ฝันนี่หว่า”
ฐานทัพดึงทึ้งหัวตัวเองจึงรู้ว่าไม่ได้ฝันไป  แล้วก็จ้ำอ้าวๆ ออกไปจากบ้าน
ตรงไปที่รถจี๊ปแล้วขับไปยังท้ายไร่



เมื่อไปถึงก็จอดรถและดับเครื่อง  ถึงแม้พระจันทร์จะเต็มดวง  แสงจันทร์พอให้มองเห็นบ้างก็ตาม
ฐานทัพก็ไม่ลืมที่จะฉวยไฟฉายกระบอกใหญ่ติดมือไปด้วย  เพราะเขากลัวจะเดินไปเหยียบถูกเจ้า
พวกสัตว์เลื้อยคลานมีพิษเข้า

ชายหนุ่มเดินดุ่มๆ เข้าไปในแปลงส้มที่มีกำหนดจะเก็บผลกันในตอนสายของวันนี้
ฉับพลันสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับเงาตะคุ่มสองสามคนที่ไม่น่าจะมาดีแน่

‘เฮอะ  เจอจนได้พวกหัวขโมย  กำลังลำเลียงกระสอบแบกขึ้นหลังกันอยู่พอดี
มาเก็บแทนเจ้าของกันเลย  คิดดีนี่’
ฐานทัพยกปืนขึ้นแล้วยิงขึ้นฟ้าไปหนึ่งนัดเป็นการข่มขวัญ  ผลปรากฏว่าไอ้พวกหัวขโมย
แหกปากร้องลั่น  และทรุดตัวลงนั่ง  ยกมือขึ้นไหว้กันประหลกๆ

“อย่าครับ  อย่ายิง! ไว้ชีวิตพวกผมด้วยเถอะครับ…นาย…อย่ายิงพวกผมเลยครับ”

หนึ่งในนั้นพูดขึ้นเสียงสั่นๆ ฐานทัพเปิดไฟฉายแล้วส่องดูหน้าคนพูด
ถึงกับอึ้งไปเลยเมื่อเห็นหน้า

‘เด็กนรกนี่เอง  เห็นบ่อยๆ ในตลาด’

ฐานทัพยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีคนงานกรูกันเข้ามาหาเขาสามสี่คน
ทั้งหมดไม่ได้มามือเปล่ามีทั้งไม้หน้าสาม  จอบหรือแม้แต่เสียมก็ติดมือมาด้วย

“นายครับ  นายเป็นอะไรหรือเปล่า”
ชายคนหนึ่งร้องถามก่อนที่ตัวจะมาถึงด็วยซ้ำ

“ไม่เป็นไร…รู้จักสามตัวนี่มั้ย  เป็นลูกหลานใครในไร่หรือเปล่า  ริอ่านเป็นขโมย”
ฐานทัพพูดน้ำเสียงกระด้าง  และอ่อนอกอ่อนใจในตอนท้าย

“ไม่ใช่ลูกหลานของพวกเราหรอกครับนายทัพ…เอางี้!
เดี๋ยวพวกผมจับมันส่งตำรวจเลยแล้วกัน  ดีนะครับที่พวกผมเดินเวรผ่านมาพอดี
ได้ยินเสียงปืนก็รีบมากันเลย”
คนงานชายตัวใหญ่พูดขึ้น

“อืม…ฝากด้วยล่ะ”

ฐานทัพขยับตัวกำลังจะก้าวขาไปที่รถ  แต่ถูกหัวขโมยทั้งสามเข้ามากอดขาไว้เสียก่อน

“นายทัพ  อย่าส่งพวกผมให้ตำรวจเลยนะครับ  ถ้าพ่อกับพี่ชายผมรู้
ผมคงติดคุกหัวโตแน่ๆ แถมโดนกระทืบซ้ำอีกด้วยไม่มีใครประกันตัวพวกเราแน่ๆ
ปล่อยพวกผมสักครั้งเถอะครับ  ถือว่าเอาบุญ…ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
ฐานทัพมองหน้าทั้งสาม  เริ่มเห็นหน้าชัดขึ้น  เพราะฟ้าเริ่มสางมาก

“ถ้าพวกมึงไม่อยากติดคุก  เอาอย่างนี้…ไปทำงานชดใช้ค่าเสียหาย…ทั้งเดือน
จะทำหรือจะยอมติดคุกก็เลือกมา”
ฐานทัพพูดออกไป  ถือว่าเป็นการปรานีแล้ว

“ทำครับนาย…ว่าไงวะ…ป้าย โอ่ง”
หันไปถามเพื่อนอีกสองคนที่ก้มหน้าตัวสั่นงันงก

“ทำสิวะ…ไอ้ขนุน  ใครจะยอมติดละวะ! คุกเลยนะเว่ย! เพราะหัวหน้านั่นแหละ
พวกเราถึงซวยแบบนี้  ดันไปหลอกสาวว่าที่บ้านทำสวนส้ม  เวรแท้ๆ”
หนึ่งในคนที่ก้มหน้าพูดขึ้น  ทำเอาฐานทัพหนังตากระตุกที่ได้ยินอย่างนั้น

“อ้อ! มีผู้บงการด้วย  ดีเลยให้มันมาทำไร่ส้มอย่างที่มันอวดสาว  มึงบอกมาเดี๋ยวนี้!
ว่ามันเป็นใคร!! ?”
ฐานทัพหันไปตะคอกเพื่อเค้นเอาความ

“บอกไปพวกผมก็ถูกกระทืบสิครับ…นายทัพ…ยะ..อย่าให้พวกผมพูดเลย
นะครับ…ผมขอร้อง”
ไอ้คนชื่อขนุนอ้อนวอน  ดูมันกลัวเอามากๆ มองเพื่อนที่หลุดปากออกมาอย่างเคืองๆ
 
“นายทัพ  ไอ้สามตัวเนี่ย  มันเป็นสมุนนายกองพล  ลูกชายเสี่ยวิรัชนี่ครับ
ผมเห็นเวลาไปไหนมาไหนมันจะยกกันไปเป็นโขยงเดินตามก้นไปทุกที่เลยนะครับ”

พอมีคนเอ่ยชื่อตัวหัวหน้าออกมา  สามโจ๋ก็พากันสะดุ้งสุดตัว  มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ออกพิรุธขนาดนั้น  ฐานทัพเหยียดยิ้ม

“นายทัพครับ  พวกผมสามคนก็ยอมทำงานในไร่ให้ตั้งเดือนนึงแล้วนะ
อย่าถึงกับเอาความลูกพี่ผมเลยครับ  ผมขอร้องล่ะ”
ขนุนพูดขอร้องพร้อมยกมือไหว้  กลัวกันถึงขนาดนี้  ฐานทัพมองหน้าคนพูดพร้อมแสยะยิ้ม

“เออ!!! ถ้างั้นตลอดหนึ่งเดือนห้าม! ใครไปรับใช้ไอ้กองพล  หากไม่เชื่อ
กูนี่แหละ! จะไปลากตัวลูกพี่พวกมึงมาทำไร่แทน ไปพวกเรา! คุมตัวพวกมันไป
หากใครมันไม่ให้ความร่วมมือมาบอก  จะจัดให้อย่างหนัก!”
พูดจบฐานทัพก็หมุนตัวเดินออกไป  คนงานทุกคนรู้ว่าพี่น้องไร่เขตแผ่นดินเหมือนกัน
ก็ตรงที่เด็ดขาด  พูดคำไหนเป็นคำนั้น


ฐานทัพกลับเข้าไปในบ้าน  เหมือนว่าพี่ชายกับพ่อของเขาจะรู้เรื่องแล้ว
ว่าเขาจับขโมยได้ ข่าวไวจริงๆ

“ดีนะเนี่ย! ที่เจ้าทัพมันไปทัน ไม่งั้นมันคงขนกันเปรมไปเลย”
พ่อเขตพูด

“ฮะพ่อ  ยังเด็กอยู่เลยแท้ๆ เห็นเดินเกะกะเกเรอยู่ในตลาดออกบ่อย  ริอ่านเป็นขโมย
ไม่รู้ว่าเป็นลูกหลานใคร  ผมละปวดหัวแทนพ่อแม่พวกมันจริงๆ”
ฐานทัพเล่าเพิ่มเติม

“แกก็ลงโทษแค่พอให้มันหลาบจำ …อย่าได้ลงไม้ลงมือหรือทรมานอะไรมันกันล่ะ
ยังไงพวกนั้นก็เป็นลูกหลานของคนเมืองนี้  แค่มันเกเรพ่อแม่มันก็ช้ำใจพอแล้ว”
พ่อเขตพูดเป็นเชิงขอไม่ให้ลูกชายทำอะไรรุนแรงกับหัวขโมย

“ครับพ่อ  เดี๋ยวผมจะไปกำชับคนของเราอีกที  แค่พอให้เด็กพวกนั้นมันกลับออกไปจากไร่
แล้วเป็นคนดีกับเขาบ้างก็คงพอเนอะ”
พี่ดินพูดขึ้นบ้าง  กอหญ้ามองพ่อลูกครอบครัวนี้แล้วอดที่จะซึ้งใจไม่ได้ที่ตัวเองได้มารู้จัก
ได้มาสัมผัส  ช่างมีจิตใจดีกันจริงๆ ตั้งแต่พ่อมาสู่ลูก  ลูกน้องแต่ละคนถึงได้เทิดทูลรักใคร่กันนัก

“กอหญ้า  กินข้าวเช้าเสร็จก็เตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ  เดี๋ยวให้เจ้ามิ่งมาขับรถให้
พี่จะไปเป็นเพื่อนด้วย …ห้ามดื้อล่ะ”
แผ่นดินหันไปพูดกับคนที่นั่งข้างๆ

“หนูกอหญ้า  หมอนัดเหรอลูก”
คุณย่าถาม

“ครับคุณย่าหมอนัดแต่พี่ดินสิครับ  ตัวเองก็ยังไม่หายดี  บอกให้พักผ่อนอยู่บ้านก็ไม่ฟัง
 เชื้อโรคเยอะจะตายไปโรงพยาบาลน่ะ”
 กอหญ้าหันไปบอกคุณย่า  ทำให้แผ่นดินหันมาขึงตาใส่คนช่างฟ้อง

“ผมไปส่งให้น่าจะดีกว่านะ  เจ้ามิ่งมันจะได้ดูงานในไร่  ส่วนพี่ดินก็จะได้พักด้วยไง
ว่ากันตามนี้เนอะ”
น้องชายอาสาไปแทนพี่ชาย  แผ่นดินอ้าปากจะค้านแต่ถูกพ่อเขตชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน

“เอาตามที่เจ้าทัพมันบอกก็ดีนะดิน  รีบๆ กินจะได้ไปถึงไม่สายมากนัก
ได้คิวแรกๆ ก็จะได้ตรวจเร็วได้กลับบ้านกันเร็วหน่อย”

แผ่นดินนั่งกินข้าวไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก  ส่วนฐานทัพก็ทำหน้าระรื่นใส่พี่ชาย
ทำไมเขาจะมองไม่ออก  พี่ดินน่ะทั้งหวงและห่วงขนาดนั้น

‘เดี๋ยวผมจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยครับพี่ชาย  หมั่นไส้นัก  ภาพยังติดตาอยู่เลย
กอดกันกลมขนาดนั้น’


กว่าจะเตรียมตัวกันพร้อมก็สายพอดู  กอหญ้าเดินจะไปขึ้นรถก็เจอคนหน้ายักษ์ที่มายืน
เป็นยักษ์วัดแจ้งอยู่หน้าบ้านเสียก่อนแล้ว  กอหญ้าไม่ค่อยกล้ามองหน้าพี่ดินเต็มตานัก
เพราะรู้ว่าเขาทำให้พี่ดินขัดใจ

“มีอะไรสงสัยก็ถามหมอ  หรือเป็นอะไรก็บอกหมอให้ละเอียดเลยนะกอหญ้า
 อีกอย่างอย่าไปเถลไถลที่ไหนล่ะ  ตรวจเสร็จก็รีบกลับมาบ้านเลย”
แผ่นดินมายืนส่งที่หน้าบ้านแล้วก็กำชับทั้งน้องชายและกอหญ้า

“ครับ…พ่อ…ดิน”
น้องชายแกล้งประชดพี่  แผ่นดินทำตาดุใส่น้องชาย

“โธ่! พี่ดินอ่ะ  กอหญ้าว่าจะเดินดูของใช้สักหน่อย ใกล้หมดแล้วด้วย”
กอหญ้าทำหน้าแบบเสียดาย

“ไม่ต้องเลย  เดี๋ยวพี่พาไปเอง  ทัพพากลับบ้านเลยนะ  ห้ามแวะไหน”
พี่ดินรีบห้าม  แล้วหันไปสั่งน้องชายอีก  คุณทัพเดินเข้าไปกระซิบอะไรสักอย่าง
ข้างหูพี่ดินแล้วรีบผละออกมาขึ้นรถ  กอหญ้าเห็นเพียงพี่ดินที่ยืนส่งด้วยอาการ
กระฟัดกระเฟียด


ตลอดทางคุณทัพชวนคุยไม่หยุด  เขาเป็นคนคุยสนุกอยู่เหมือนกันหาเรื่องมาเล่าได้ตลอด
คุณทัพให้กอหญ้าเรียกเขาว่าพี่ทัพอีกด้วย  ทั้งสองคุยกันไปจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 18 คนขี้หวง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 26-03-2019 13:49:27
ตอนที่ 18 คนขี้หวง

แผ่นดินหงุดหงิดที่แขนมาเจ็บจะไปไหนมาไหนก็โดนสั่งห้ามไปเสียหมด
เขาก็อยากไปหาหมอกับกอหญ้าด้วยเหมือนกัน  อยากรู้ว่าอาการของเจ้าตัว
น่ะเป็นยังไงแล้วบ้าง  มีแนวโน้มจะหายได้เมื่อไหร่  ก็มาโดนสกัดกั้นเสียก่อน
ทำเอาเขาหงุดหงิดนั่งไม่ติด  ยิ่งถูกน้องชายมาปั่นหัวให้หัวร้อนเข้าไปอีก

‘พี่ชาย  เดี๋ยวผมจะประคบประหงมให้อย่างดี  จะทำให้ได้เหมือนอย่างพี่เมื่อเช้ามืด
ก็ได้นะครับ  หึหึ’

“ไอ้น้องเลว  จะทำหน้าที่แทนเหรอ  ข้ามศพพี่ไปก่อนเถอะ”
แผ่นดินงึมงำพึมพำอย่างกับหมีกินผึ้งอยู่คนเดียว  แล้วก็เดินวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น
 ย่างคนนั่งไม่สุข


“โดยภาพรวมที่หมอตรวจ  ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะหายได้เร็วแบบนี้นะครับ
หากเป็นคนอื่นต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าหกเดือน  นี่คุณเพิ่งผ่านไปสองเดือน
เองนะคุณกอหญ้า”
คุณหมอวิทยา  หมอหน้านิ่งที่พี่ดินเคยเรียก  วันนี้กลับมีสีหน้ายินดีอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อผลตรวจรอบนี้ออกมาเป็นที่น่าพอใจ

“ผมต้องขอบคุณ  คุณหมอเป็นอย่างมากเลยครับที่ให้การรักษาเป็นอย่างดี”

กอหญ้าไหว้ขอบคุณหมอ  คุณหมอส่งยิ้มมาให้  แล้วเขียนบัตรนัดในอีกสองเดือน
ข้างหน้าให้อีก  เมื่อออกมาจากที่พบแพทย์แล้ว  กอหญ้าก็เดินไปตรงเคาน์เตอร์ที่
เห็นฐานทัพยืนคุยอยู่กับสาวๆ

“อ้าว! กอหญ้า เสร็จแล้วเหรอ  งั้นกลับบ้านกัน  เบื่อพี่ดินเนี่ยโทรจิกอยู่นั่นแหละ
ผมไปก่อนนะครับ ไว้ว่างๆ จะมารับไปทานข้าวครับ”
พี่ทัพหยอดสาวๆ ก่อนกลับ  พวกเธอชะม้ายตาให้  พี่น้องช่างต่างกันเสียจริงๆ
กอหญ้ามองดูหนุ่มเจ้าสำราญ

“ผลเป็นยังไงบ้างล่ะจะหายกลับมาจำตัวเองได้เมื่อไหร่
นี่พี่ดินก็ลุ้นเสียเหลือเกินแล้วตอนนี้น่ะ”
พี่ทัพเอ่ยถามอาการ  กอหญ้าสะดุ้งเล็กน้อยอย่างวัวสันหลังหวะ

“ก็ดีขึ้นแล้วนะครับ  แต่คุณหมอบอกต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง  อาจจะเป็นปี
ก็คงแล้วแต่กรณีแล้วแต่คนด้วยครับ”
กอหญ้าบอกเล่าออกไป  แต่ไม่ใช่อาการของเขานะที่บอกไปน่ะ

“เหรอ…อย่างนี้ก็นานพอดูเลยสิเนอะ  กว่าจะหายแล้วจำอะไรได้น่ะ”
พี่ทัพพูดขึ้น  กอหญ้าแอบไม่ชอบใจพี่ทัพจะให้เขารีบจำได้เร็วๆ ไปถึงไหนกัน

‘คนยังไม่อยากจะหาย…ยังอยากอยู่ที่นี่อีกสักหน่อย’

“ก็ไม่ทราบน่ะครับ  สงสารพี่ดินเหมือนกัน  ที่ต้องมาดูแลกอหญ้าแบบนี้”
กอหญ้าแสร้งทำหน้าเศร้า  พี่ทัพหันมามองหน้า  แล้วยิ้มๆ ออกมา

“เห่ย! อย่าเครียดสิ  พี่ดินเขาทั้งยินดีและเต็มใจทำให้เราเลยนะ
อย่าคิดมาก  ถ้าพี่ดินมาได้ยินจะเสียใจเอานะ  เค้าห่วงเรามากนะกอหญ้า”
กอหญ้าได้ฟังแอบซ่อนรอยยิ้มดีใจ

“ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้  ที่ต้องมาเป็นคนไร้ประโยชน์  ไร้ความสามารถแบบนี้นี่ครับ…พี่ทัพ”
กอหญ้าแกล้งตอกย้ำว่าตัวเองรู้สึกไร้ค่า  และเห็นใจคนพี่

“พอๆ ไม่ต้องพูดแล้ว  เดี๋ยวมันก็ดีเองแหละน่า  อดทนเอาหน่อย”
พี่ทัพพูด แล้วก็ขับรถพากลับเข้าไร่  ไม่นานก็ถึงบ้าน  เมื่อจอดรถที่หน้าบ้านพี่ทัพก็พูดขึ้น

“กอหญ้า  พี่จะเข้าไปดูร้านที่ตลาดเสียหน่อย  ถ้าใครถามก็ฝากบอกตามนี้นะ
เย็นๆ จะกลับมากินข้าวด้วย”
แล้วพี่ทัพก็เคลื่อนรถออกไปทันที


กอหญ้าเดินเข้ามาในบ้านได้ยินเสียงคนคุยกันที่ห้องนั่งเล่น  เสียงออกจะคุ้นเอามากๆ
จึงชะโงกหน้าเข้าไปมอง  พี่ดินนั่งหันหน้าออกประตูมาจึงเห็นเขาก่อน  ส่วนคนที่คุยด้วย
กับพี่ดินนั่งหันหลังให้

“กอหญ้า…หาหมอเป็นยังไงบ้าง  ดีขึ้นไหม  หมอนัดอีกเมื่อไหร่  เข้ามาก่อนนี่น้องชายพี่เอง”
พี่ดินถามคำถามออกมาเป็นชุด  และเรียกให้เข้าไปหา  จังหวะที่พี่ดินพูดจบคนที่พี่ดินบอกว่า
เป็นน้องก็หันหน้ามา

กอหญ้าชะงักเท้าหยุดกึกกับที่เมื่อเห็นหน้า

“พี่ข้าว! มาอยู่นี่ได้ยังไง  พี่คะน้าตามหาให้วุ่น  ทุกคนเป็นห่วงพี่มากเลยนะครับ
แล้วทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ครับ  เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

กริชหันมามองคนที่พี่ดินเรียกว่ากอหญ้า  แล้วเท้าก็ก้าวพรวดจนถึงตัวรวบมือไปกุมไว้
ถามออกไปรัวเร็ว  กอหญ้าอ้ำอึ้งพูดไม่ออก  จนพี่ดินเดินเข้ามาพาไปนั่งลงที่โซฟาก่อน
ที่จะได้พูดอะไร

“นี่กริชเป็นน้องชายพี่เอง  ส่วนนี่ก็พี่กอหญ้า…คนที่พี่เล่าให้เราฟังไงล่ะ”
กริชมองกอหญ้าแล้วได้แต่ส่ายหน้า  ยังไงเขาก็เชื่อว่าคนตรงหน้าที่เขาเห็นคือพี่ข้าว
ข้ามฟ้าของเขา  เขาติดตามพี่ข้าวมานานต่อให้พี่ข้าวจะไม่มีผมเลยสักเส้น  เขาก็จำได้

“พี่ดินครับ  นี่พี่ข้าว…ข้ามฟ้า  ผมรู้จักพี่ข้าวดี…ผมไม่มีวันที่จะจำพี่ข้าวผิดแน่ๆ ไม่เป็นไรครับ
ก็อย่างที่พี่ดินบอก  พี่ข้าวยังจำอะไรไม่ได้  ยังไงพี่กอหญ้าตรงหน้าผมก็คือพี่ข้าวอยู่วันยังค่ำ
ผมรอพี่นะครับ…พี่ข้าว…ไม่ว่าจะนานแค่ไหน  ผมก็หวังให้พี่กลับมาเป็นพี่ข้าว…คนเดิมของผม"
กริชพูด น้ำตาไหลลงมาข้างแก้ม

"เป็นพี่ชายใจดี….ที่เป็นห่วงเป็นใย  คอยเตือนให้ผมตั้งใจเรียน  ตลอดสองเดือนที่พี่ไม่อยู่
ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่นึกถึงพี่นะครับ  ผมไปเรียนทุกวัน…ไม่เคยเกเร  อย่างที่บอกไว้ว่าพี่เป็น
ไอดอลของผม  ผมจะเก่งให้ได้อย่างพี่  ตอนนี้พี่ก็ต้องเข้มแข็ง… สู้ๆ นะครับ  ผมจะเป็นกำลังใจ
ให้พี่อย่างนี้…ตลอดไป”
กริชพูดทั้งน้ำตา  จนกอหญ้าทนใจแข็งไม่ได้จึงดึงน้องเข้ามากอดและลูบหลังเจ้าเด็กแสบของเขาไปมา

“ขอบคุณนะครับ…เด็กดี…ที่เป็นกำลังใจให้พี่  วันหนึ่งพี่จะหายครับ  แล้วพี่จะกลับไปเป็นพี่ข้าวให้เรานะ”
กอหญ้าพูด  แล้วหันมองหน้าพี่ดินที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว  จึงรีบผละตัวออกมานั่งตัวตรงข้างๆ พี่ดิน
คนตัวสูงยกมือขึ้นมาลูบหัวเขา  แล้วก็ถามซ้ำ

“เป็นไงครับหาหมอ  ยังไม่ได้เล่าให้พี่ฟังเลย”
กริชมองความเอื้ออาทรที่พี่ชายของเขามีให้พี่ข้าว

“คุณหมอบอกว่าดีขึ้นมากแล้วครับพี่ดิน  อาจจะภายในหกเดือนนี้ก็ได้ที่จะหาย
อีกสองเดือนหมอนัดให้ไปตรวจอีกครั้งครับ”
กอหญ้าตอบคำถามพี่ดิน  มองหน้ากริชที่จ้องมองเขาเหมือนมีอะไรจะถาม

“ช่วงนี้ปิดเทอมผมขอมาค้างบ้านพี่ดินได้ไหมจะได้อยู่คุยเป็นเพื่อนพี่ข้าวด้วย”
หนุ่มน้อยร้องขอ  พี่ดินหันมองที่กอหญ้าแล้วพูด

“ได้สิ  แต่พี่ขอกริชเรื่องหนึ่งนะ  ให้เรียกพี่กอหญ้า  พี่ไม่อยากให้รู้ถึงหูคนนอก
อีกอย่างคุณคะน้าก็ขอไว้ด้วย”
กริชเบิกตาโตอย่างดีใจ  แล้วก็ยิ้มจนตาแทบปิด  อารมณ์เศร้าหายไปในฉับพลัน

“ได้สิฮะ พี่กอหญ้า  ชื่อเก๋ดีเหมือนกันนะครับ  นี่พี่คะน้าก็ทราบแล้วเหรอว่าพี่มาอยู่ที่นี่”

“ก็รู้หลังจากที่อยู่โรงพยาบาลมาเป็นสิบวันนู้นแล้วล่ะ”
พี่ดินตอบแทนกอหญ้า

“นอนห้องเจ้าทัพมันแล้วกันนะกริช  มันเองก็ไม่ค่อยจะกลับมานอนสักเท่าไหร่หรอก
เผลอๆ กริชอาจจะได้นอนคนเดียวตลอดปิดภาคเรียนนี้เลยก็ได้นะ”
พี่ดินบอกกับน้องชายไปเสร็จสรรพ

“พี่กอหญ้า  ขอผมนอนห้องพี่ไม่ได้เหรอฮะ เผื่อดึกๆ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยทำให้พี่ได้
บ้าง…นะฮะ"
กริชพูด  พร้อมกับบอกเหตุผล

“พี่กอหญ้านอนห้องพี่แล้ว  เราน่ะไม่ต้องห่วงเขาหรอ ก มีพี่ดูแลอยู่ทั้งคน”
ทั้งกอหญ้าและกริชอึ้งไปตามๆ กัน

‘เรานอนห้องพี่ดิน  เมื่อไหร่กันแค่คืนนั้นคืนเดียวเองเถอะ  โมเมแล้ว’

กริชไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างพี่ดินที่ไม่ว่าจะใจดีแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะให้ใครไปนอนด้วยแน่ๆ
แล้วคราวนี้ยังไง  ส่วนพี่ข้าวที่เขารู้จักก็โลกส่วนตัวสูงอย่างกับอะไรดี  จะไปนอนเตียงเดียวกับ
คนอื่นได้จริงๆ เหรอ  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ


ตกเย็นทุกคนมากันพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหาร  ฐานทัพเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย

“ใกล้จะหายแล้วนะหนูกอหญ้า  ดีแล้วล่ะต้องกินมากๆ จะได้หุ่นดีๆ หล่อๆ
อย่างพ่อข้ามฟ้าของย่าซะที”

“คุณแม่ก็จริงๆ เลยนะครับ  จะให้หนูกอหญ้าเป็นพ่อดาราดังขวัญใจตัวเองให้ได้สินะ”
พ่อเขตพูดเย้าแหย่กับคุณย่าตามเคย

“ไม่แน่นะฮะ  ถ้าพี่กอหญ้าหายดีเขาอาจจะหล่อกว่าพี่ข้าวของคุณย่าก็ได้ใครจะรู้ล่ะครับ”
กริชช่วยผสมโรงอีกคน  ทำเอาพากันหัวเราะร่วน  มีแต่กอหญ้าที่ยิ้มแหยๆ อยู่เพียงคนเดียว

“เจ้าทัพมันไปเป็นเพื่อนหาหมอ  มันดูแลเราดีมั้ย  หรือว่ามันมัวแต่ไปจีบสาว
บอกพ่อมาได้นะ  พ่อจะได้ฟาดกบาลมันให้”
พ่อเขตหันมาถาม  เหมือนจะเอาเรื่องเอาราวกับลูกชายคนเล็ก

“โธ่พ่อครับ…ไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย ไม่เชื่อถามกอหญ้าดู
ไม่มี๊…ไม่มี…เนอะ”
พี่ทัพปฏิเสธเสียงสูงจนคนฟังไม่อยากจะเชื่อถือ

“ไม่นะฮะ  คุณพ่อ  พี่ทัพดูแลกอหญ้าเป็นอย่างดีเลยละครับ”
พี่ดินหันขวับมามองหน้า  พูดอะไรผิดกันเล่า  ทำตาขุ่นส่งมาอีกด้วย

“อากริช  นอนกับกล้าไหมฮะ”
เด็กชายหันไปชวน

“อากริชนอนห้องอาทัพแล้วครับ…น้องกล้า”
กริชตอบหลานชายตัวน้อย

“งั้นอ่านนิทานให้กล้าฟังก่อนนะฮะ…ค่อยนอน”
เด็กชายอ้อนอาตัวเล็ก

“ได้สิ! เดี๋ยวอ่านให้ฟังสองเรื่องเลยครับ”
กริชยกมือขึ้นยีผมหลานชาย

“ทานข้าวกันได้แล้วทุกคน  อาหารมาครบแล้ว  ต้มซี่โครงหมูเห็ดหอมของเด็กๆ
เอาไปทางนู้นเลย ไก่ทอดด้วยนะ”
พี่ดินจัดการอาหารตรงหน้าให้เด็กๆ  กริชเอาถ้วยไปตักต้มยำกุ้งน้ำข้นแล้วส่งให้กอหญ้า
เขารับมารับมาแล้วขอบคุณน้องไปเบาๆ กริชยังตักปลาทอดราดน้ำปลามาให้ด้วย
เขาส่ายหน้าไม่รับแล้วเมื่อพี่ดินมองมาตาดุ  แถมพี่ทัพก็มองมาไม่วางตาเช่นกัน

“เจ้ากริช ไปรู้จักมักคุ้นกับกอหญ้าตั้งแต่เมื่อไหร่เราน่ะ  เพิ่งเจอกันวันนี้วันแรกไม่ใช่รึไง”
ฐานทัพถามขึ้น  เขามองนานแล้วเห็นน้องชายแลจะเอาใจใส่อย่างกับเป็นคนคุ้นเคยกันอย่างนั้นแหละ

“ก็ใช่ไงพี่ทัพ  สงสัยอะไรกันเล่า  ผมมันคนเฟรนลี่…ใครๆ ก็รู้ หุหุ”
พูดแล้วก็แกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน

“ระวังเถอะ! ทำอะไร  จะมีคนเกลียดขี้หน้าไม่รู้เนื้อรู้ตัว  พี่เตือนไว้ก่อนนะเว่ย!”
ฐานทัพเตือนน้องชาย

“โว๊ะ! พี่ทัพ ใครจะมาอคติหรือไม่ชอบหน้าผมไม่มีเสียละ  คนหล่อขนาดนี้…เชื่อเหอะ”
แล้วเจ้าตัวก็ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

“อาแดนเป็นไงบ้าง  สบายดีรึเปล่า  ไม่เจอกันจะสามเดือนแล้วมั้ง”
แผ่นดินถามถึงอาซึ่งเป็นพ่อของกริช

“พ่อก็ยุ่งๆ อย่างเคย  การค้าไม่ราบรื่น  พี่ดินก็รู้คู่แข่งเบอร์ต้นๆ น่ะมันชอบหาช่องเล่นสกปรกอยู่เรื่อย”
กริชตอบพี่  ตามที่พ่อเล่าให้ฟัง

“มันอีกแล้วเหรอ ไอ้ทวีปสินะ  พ่อก็อยากให้กรรมตามมันให้ทันจริงๆ คอยขัดแข้งขัดขา
ทำให้คนดีๆ ต้องทำงานกันลำบากลำบนไปด้วย”
พ่อเขตพูดอย่างเหลืออดที่ได้ยินอย่างนั้น

“อืม…นั่นสิครับพ่อ…ที่พี่ดินโดนคราวนี้  ไม่ใช่ว่าเป็นฝีมือมันรึไง
ระวังมันไว้หน่อยก็ดีนะพี่ดิน”
ฐานทัพพูดอย่างเป็นห่วงพี่ชาย

“อื้ม…ก็สงสัยว่าเป็นมันเหมือนกัน  หมู่นี้ลูกสาวมันก็ชักจะมาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน”

“แม่นิชา…อะไรนั่นน่ะเหรอเจ้าดินที่มาทะเลาะกันกับยัยระรินที่บ้านน่ะ”

“ใช่ครับคุณย่า ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวจริงๆ”
พี่ดินตอบ  แล้วก็ตักอาหารเข้าปาก
“โอ้โห…พี่ดินพูดอย่างนี้ สาวๆ ของผมมาได้ยินจะพากันยี้เอาได้
หรือไม่อาจจะไล่พี่ให้ไปบวชเอานะครับ”
ฐานทัพแขวะพี่ชาย

“เจ้าทัพ! เดี๋ยวเหอะ  เราน่ะจะเป็นโรคตายเอาสักวันไปว่าพี่เขา”
คุณย่าปรามหลานชายคนรอง

“ครับ …ไม่พูดถึงก็ได้  มิน่าล่ะ…เบื่อผู้หญิงนี่เอง เหอะๆ”
ฐานทัพหัวเราะแบบเป็นนัยๆ พี่ดินขึงตาใส่ทันที  พี่น้องคู่นี้ดูแปลกๆ ชอบกล
เหมือนมีลับลมคมในอะไรกันอย่างงั้นแหละ  กอหญ้ามองสองหนุ่มอย่างสงสัย

“ยัยหนู…ไม่เล่นข้าวนะลูก หกเลอะเทอะหมดแล้ว นะคะ”
พี่ดินหันไปดุลูก  หนูน้อยกำลังจะละเลงข้าวก็ผู้ใหญ่คุยกันไม่สนใจเธอเลย

“ใบข้าว  มาๆ เดี๋ยวอาพาไปล้างมือล้างปากก่อน  เดี๋ยวค่อยมาทานของหวานนะคะ”
กอหญ้าเข้ามาอุ้มยัยหนูเดินไปที่อ่างซิงค์  แผ่นดินมองตามร่างโปร่ง

‘คงจะแข็งแรงดีแล้วสินะ… เดินได้คล่องแคล่ว  และถึงขนาดว่าอุ้มยัยหนูที่หนักเป็น
สิบกิโลได้อย่างสบายๆ เลยด้วยสิ’



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 16,17,18 up แล้วค่ะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: Carmelita ที่ 26-03-2019 17:39:23
ผมชอบแนวนี้มาก หาอ่านมานานแล้ว
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 16,17,18 up แล้วค่ะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-03-2019 19:07:50
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 19 คืนฝนตก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 27-03-2019 10:31:44
ตอนที่ 19  คืนฝนตก

ท่ามกลางความเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิว  ฟ้ายังแลบแปลบปลาบ
กอหญ้าแง้มม่านตรงระเบียงมองออกไป  สายฟ้าที่พาดยาวเป็นสายทำให้มองเห็นแนวเขา
ดำทะมึนไกลออกไป  อีกไม่นานฝนคงจะตก  พยากรณ์อากาศเมื่อตอนหัวค่ำที่คุณย่าเปิดไว้
รายงานว่าจะมีฝนฟ้าคะนองทั่วทุกภาค

'ฝนแรกของฤดูนี่เอง โอ๊ะ!'

กอหญ้ารีบปิดม่านพรึ่บลงทันที  ลำแสงสว่างวาบใกล้เข้าเอามากๆ
จะมีใครสักกี่คนที่จะรู้ว่าข้ามฟ้าตัวจริงน่ะ  กลัวฟ้ามากกว่าอะไรทั้งหมด
ตอนนี้มีเหงื่อเม็ดเป้งๆ แข่งกันผุดขึ้นข้างขมับและปอยผม  กอหญ้ากระโจนพรวด
ขึ้นเตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมโปง  ควานหาหมอนข้างมากอดไว้แน่น

ไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา  สลับกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า

ครืน...เปรี๊ยง! ดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงมันดังก้องอยู่ในอก  กอหญ้างอตัว  ตัวสั่นเทาอยู่ภายใต้ผ้าห่ม
เขาได้แต่ภาวนาให้มันจบลงเสียที
 
“กอหญ้าๆ เป็นอะไร ทำไมคลุมโปงขนาดนี้ เดี๋ยวหายใจไม่ออก เป็นอะไร”
เสียงพี่ดิน  ผ้าห่มถูกดึงออกจากตัวของเขา  กอหญ้าผวาไปแย่งผ้าห่มจากมือพี่ดินกลับคืนมา

“ไม่นะพี่ดิน  ข้าวกลัว…อยู่ด้วยกันก่อนได้มั้ยฮะ”

แผ่นดินจับน้ำเสียงที่สั่นเครือนั้นได้  จึงคว้าตัวมากอดลูบหลังให้
พร้อมทั้งกดจมูกลงที่เรือนผมที่หอมกลิ่มแชมพูอ่อนๆ แม้จะระคายที่ถูกปลายผม
แหลมทิ่มตามปากกับจมูกอยู่บ้างก็ตาม

“ไม่เป็นไรแล้ว  นอนเถอะ  กลัวมากเลยเหรอ”
แผ่นดินดันคนกลัวฟ้าให้เอนลงบนหมอน  กอหญ้ากอดเขาไว้แน่น

กอหญ้าผวาซุกหน้ากับแผ่นอกของเขาเมื่อเสียงฟ้าฟาดเปรี๊ยงลงมาอีก
กลิ่นกายที่คุ้นเคยตลอดเกือบๆ สามเดือนทำให้แผ่นดินอดใจไม่ไหวจนต้องกดจูบ
ที่ซอกคอขาว  หอมกรุ่นกลิ่นแป้งเด็ก

“กอหญ้า  ทำไมตัวถึงได้หอมและนุ่มอย่างนี้  พี่จะอดใจไม่ไหวแล้วนะ”
พี่ดินหอบหายใจสะท้าน  ลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดลงมาที่ซอกคอของเขา
ทำให้ใจของกอหญ้าพลอยสั่นหวิวไปด้วย  เผลอป่ายมือไปที่ท้ายทอยพี่ดิน
แล้วลูบไล้ไปด้วย  พี่ดินสะดุ้งแล้วเคลื่อนตัวมาทาบทับ  พร้อมกับเคลื่อนปากลงมา
ซอกซอนไซ้ต่ำลงมาตามแนวของกระดุมเสื้อนอนที่ถูกปลดออกทีละเม็ดๆ
ตามด้วยปากอุ่นไล่งับผิวใต้ร่มผ้า  กอหญ้าแทรกนิ้วลงในกลุ่มผมนุ่มของพี่ดินอย่างเผลอไผล

“อ่ะ อ่า พี่ดินครับ ไม่นะ ข้าว เอ่อ ไม่เคยกับผู้ชาย”
ยิ่งได้ยินแบบนั้นพี่ดินยิ่งเคล้าเคลียลงน้ำหนักปากกับจมูกหนักๆ ที่หน้าท้อง

'ไม่นะ ตรงนั้นมันจุดอ่อนเลยนะ พี่ดิน'
กอหญ้ายึดใบหน้าพี่ดินไว้ได้  เอามือปิดปากพี่ดินไม่ให้รังแกเขาได้อีก  คนบนร่างหยุดนิ่งอย่างยอมจำนน

“มานอนกอดกันเฉยๆ ก็ได้ครับ…พี่ไม่รังแกเราแล้ว นอนเถอะ…มาให้พี่บอกฝันดีก่อนครับ”
แล้วพี่ดินก็เอาริมฝีปากมาสัมผัสกับกลีบปากของเขาแค่เพียงแผ่วเบา
กอหญ้าเผยอปากดันลิ้นพรวดเข้าไปในปากของพี่ดิน  ไล้ปลายลิ้นเข้าไปกวาดสำรวจภาย
ในโพรงปากของพี่ดิน  ดูดดุนไล่ต้อน  ในตอนแรกพี่ดินชะงักแต่ก็แค่เพียงแป๊บเดียวก็พลิกลิ้น
กลับมาเป็นผู้คุมเกม  เสียงแลกน้ำลายกันดังเฉาะแฉะจ๊วบจ๊าบแข่งกับเสียงฝนและเสียงฟ้า

ตอนนี้มันเพิ่มเสียงหอบหายใจของกันและกันที่ดังแข่งกับเสียงฝนด้านนอกไปด้วย

“อืมมม…อ่า ดีจังครับ…คนเก่งของพี่”
พี่ดินครางออกมาและถอนปากออกให้ได้หายใจ ริมฝีปากชื้นทาบปากลงมาอีกครั้ง
จูบครั้งนี้แทบจะกลืนกินเราสองคน  ทั้งหอมหวานและยาวนาน

“พี่ดิน…นอนลงสิครับ  ข้าวทำให้ นะ”
แผ่นดินถูกคนตัวบางดันให้นอนราบกับที่นอน  ปากนุ่มหยุ่นและจมูกเล็กนั้นก็ตามมา
จูบซุกไซ้สำรวจเนื้อตัวของเขาจนทั่วทั้งแผ่นอกไม่เว้นสักตารางนิ้วเดียวที่ไม่ถูกแตะสัมผัส

ชายหนุ่มถอดเสื้อออกจากตัวโยนลงข้างเตียง  เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วกอหญ้า
จะทำยังไงกับร่างกายเขาได้บ้าง

“พี่ดิน เนื้อแน่นจังครับ หอมด้วยนะเนี่ย”
เสียงกอหญ้าที่ดังแผ่วๆ และปากอิ่มนั่นยังไล่งับลอนกล้ามท้องของเขาเล่นอีก ทำเอาแผ่นดินสะดุ้ง

“กอหญ้า  จะแกล้งให้พี่คลั่งตายเลยหรือไง  รู้มั้ยกำลังทำอะไร  หืม…ถ้ายังดื้อ
แบบนี้พี่จะหยุดตัวเองไม่ได้นะ”
แผ่นดินเสียงพร่ากับสัมผัสที่ได้รับ  ทำเอาสุขซ่านอย่างบอกไม่ถูก

กอหญ้ายังคงใช้ลิ้นร้อนลากเลียไปที่ตุ่มไตที่ลุกชันบนหน้าอกของเขาไม่หยุด
ฟันคมขบเม้ม ดูดและดุน สลับกันไปทั้งซ้ายขวา  มือนุ่มยังบีบคลึงข้างที่ว่างไปด้วย
แผ่นดินหายใจหอบสะท้าน ร่างกายผู้ชายไม่นึกมาก่อนว่าจะสร้างความปั่นป่วนมึนเมา
ได้มากถึงเพียงนี้  แผ่นดินหลุดเสียงครางออกมาอย่างพึงพอใจ  ลิ้นร้อนยังลากลงต่ำ
สำรวจหลุมร่องสะดือ  มือของกอหญ้าเคลื่อนลงมาเกี่ยวขอบกางเกงนอนของเขา…แล้ว
ก็ร่นมันลงมาพร้อมกับปากนุ่มที่ไล่ตามมาติดๆ แผ่นดินผวา
 
“กอหญ้า อื้ม คนดี…”
แผ่นดินเรียกคนบนร่างที่ช้อนตาขึ้นมอง ประกายตาซุกซนที่ล้อกับแสงไฟทำให้หวาบไหวในอก
กอหญ้ารูดกางเกงของเขาลงต่ำ  จนชายหนุ่มต้องยกสะโพกลอยเพื่อให้เด็กซนถอดมันได้ง่ายขึ้น
เมื่อไม่มีสิ่งขวางกั้นสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ก็ดีดตัวออกมาอวดความใหญ่โต  กอหญ้าลูบไล้ทักทาย
และประคองลูกบอลของเขา กดบีบเบาๆ อย่างกับจะยั่วกันอย่างนั้น  ลมหายใจอุ่นยังรินรดต้อง
แก่นกายของเขาอีก  และอย่างไม่ทันตั้งตัวเรียวลิ้นนุ่มอุ่นจัดก็แตะลงที่ส่วนหัวที่เขาคาดว่าคงฉ่ำวาว
ไปแล้ว  ทำเอาแผ่นดินแดะสะโพกขึ้น…สุดท้ายเจ้าน้องชายของเขาก็ถูกอุ้งปากอุ่นพันธนาการไว้
ในโพรงปากร้อนที่ทั้งดูดดุนและตวัดเลีย  โดนฟันครูดบ้างในบางจังหวะเพราะความอ่อนด้อยประสบการณ์
ของคนตรงหน้า…แต่ก็พาให้แผ่นดินลุ้นระทึกตามไปด้วย
 
“อ๊ะ อืมมมม”
แผ่นดินครางแผ่วโหย  คอแห้งผากไปหมด  เขากำลังคาดหวังและรอคอย
ตรงไหนที่จะสร้างความหฤหรรษ์ได้มากกว่ากันผู้ชายด้วยกันจะรู้  กอหญ้าเร่งจังหวะเมื่อเห็นว่า
พี่ดินดีดตัวเร่ายกก้นลอยไม่ติดพื้นแล้ว  เขาจึงลงน้ำหนักเข้าไปอีก  จนกระทั่งพี่ดินเกร็งหน้าท้อง
แล้วใช้มือดันคางเขาให้ออกห่าง  คงจะเป็นจังหวะสุดท้ายแล้วแต่กอหญ้าไม่ยอมยังคงเร่งจังหวะ
หนักขึ้น  ความใหญ่โตคับแน่นถูกเขาครอบไว้หมดตลอดความยาว  ความแข็งขืนดันที่กระพุ้งแก้ม
ของเขาและชนเข้ากับแนวฟันด้วย

สุดท้ายแผ่นดินก็สวนสะโพกเข้าไปจนสุด  ฉีดพ่นลาวาร้อนเข้าไปยังโพรงปากอุ่นจัด

ภาพของเหลวที่เอ่อล้นทะลักลงมาตามมุมปากบางที่อวบอิ่ม  ภาพนี้ตรึงตาเสียเหลือเกิน
ดูช่างยั่วยวนจนน่าหลงใหลไปเสียแล้ว  มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของเขากันนะ  แผ่นดินได้แต่
ตระหนกตกใจ
'นี่เราหลงรักเด็กนี่ไปแล้วเหรอ  มันนานแค่ไหนแล้วนะ'

กอหญ้าเก็บกวาดงานจนคนตัวโตสะอาดหมดจรดไปทั้งตัว 

แผ่นดินทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง  ไม่วายลากเด็กซนขึ้นมากอดจูบอีกพักใหญ่

“อืม…เด็กดีของพี่…ขอบคุณ พี่มีความสุขมากเลย…ห้ามไปทำแบบนี้ให้ใครนะ”
แผ่นดินลูบหลังให้คนเก่งของเขาที่ซบอยู่บนอก  ไม่นานคนในอ้อมกอดก็หลับไป

แผ่นดินดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเขาสองคนแล้วปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งแล้วหลับตามกันไปในไม่ช้า



กริชตื่นในตอนรุ่งสาง  รู้สึกคอแห้งจึงลงไปหาน้ำดื่ม  แสงสว่างจากภายนอกพอให้มองเห็นทางเดิน
ที่ลงไปยังชั้นล่างโดยไม่ต้องเปิดไฟ  เด็กหนุ่มหยิบน้ำเปล่าติดมือขึ้นมาด้วยหนึ่งขวด
 
‘พี่ดินนอนห้องนู้นกับพี่ข้าว  ถ้างั้นห้องนี้ก็ว่างทำไมถึงไม่ให้น้องมานอน  เมื่อคืนพี่ทัพก็กลับมานอนบ้าน
แถมยังมาแย่งหมอนข้างเขาอีก ไหนพี่ดินบอกพี่ทัพไม่กลับมานอนไง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเปิดดูเสียหน่อย
ห้องใคร  ทำไมถึงหวงนักหวงหนา’

เด็กแสบหมุนลูกบิด  เปิดเข้าไป  นึกฉงนที่ห้องเย็นฉ่ำเหมือนมีคนนอน  จึงเดินไปดูใกล้ๆ เตียง

‘หว๋า…พี่ข้าวกับพี่ดิน…นอนกอดกันกลมเลย เอ๊ะ! ยังไงกัน’

พี่ดินไม่สวมเสื้อด้วยเห็นแผงอกที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา  ตอนสวนกันก่อนแยกเข้านอนก็ยังเห็นใส่เสื้อ

‘เอ๊ะ! กางเกงนอนที่พื้นนั่น โอยๆ ตายแล้ว  พี่ดินนอนเปลือย!! หึ้ย!! แบบนี้นี่เอง……พี่ดินนะพี่ดิน
น้องอุตส่าห์เฝ้าพี่ข้าวมาตั้งหลายปี  ดูทำกันได้’

กริชถอยหลังออกจากห้องอย่างกับพวกย่องเบากลัวคนบนเตียงจะรู้ว่าเขาเข้ามา
กดล็อกห้องให้พี่ชายด้วยเลย

‘กั๊กไว้ซะหมดสองห้อง…นอนเองสิไม่ว่า  พี่ดินนิสัยไม่ดี! พี่ทัพก็คงรู้อะไรบ้างแหละ
มิน่าล่ะ! บอกให้ระวังจะถูกเกลียด…เพราะคนขี้หวงนี่เอง ไอ้พี่บ้าเอ๊ย!’
กริชเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  อยากจะกรีดร้องและตีอกชกลมนักถ้าทำได้



เช้านี้แผ่นดินมีสีหน้าปริ่มสุข  ไม่ได้ทันมองน้องชายคนเล็กที่นั่งหน้าตูมบอกบุญไม่รับอยู่ตรงข้ามกัน

“หลับสบายไหมกริช  ฝนตกหนักขนาดนั้นน่ะ”
แผ่นดินถามน้องที่มาค้างคืนแรกที่นี่

“ก็หลับยาวถึงสว่างแหละครับ  แล้วพี่ดินล่ะ  หน้าตามีความสุขเสียเต็มประดา
สำลักความสุขมารึไง”
เด็กแสบแขวะพี่ชาย

กอหญ้ากับแผ่นดินหันมองคนถามพร้อมกันอย่างร้อนตัว  นี่เขาสองคนทำอะไรออกไป
ให้เกิดพิรุธหรือเปล่า  กอหญ้าครุ่นคิด

“ทำไมเช้านี้น้องชายพี่เหมือนจะกินรังแตนมาเลยล่ะ  หรือว่า…ไปรู้ไปเห็นอะไรที่ไม่ควรรู้มาหรือเปล่า
หื้ม…ไอ้แสบ”
ฐานทัพถามแบบตรงๆ ทื่อๆ จนทั้งแผ่นดิน กอหญ้าและกริชพากันสะดุ้งแล้วมองหน้ากัน
เป็นกอหญ้าที่หลบตาก่อนเพื่อน

“กินข้าวกินปลากันไป  คุยอะไรกันฟังไม่เห็นรู้เรื่อง”
คุณย่าทำให้บรรยากาศอึมครึมเบาบางลง

“เอ้า! ต้นกล้า ทานดีๆ ครับลูก ดูน้องด้วยนะ”
พี่ดินหันไปสนใจเด็กๆ แทน


ฐานทัพส่งต้นกล้าไปโรงเรียน  กริชร้องตามพี่ชายไปด้วยเขาจะไปหาเจ้าอาร์มที่ร้าน

กริชและอาร์มเป็นเพื่อนกันรวมทั้งใบหม่อนด้วย แต่กับกองพลเรียนร่วมชั้นกันมาแต่ไม่ค่อย
ลงรอยกันเท่าไหร่นัก

แผ่นดินโทรเรียกมิ่งให้มาขับรถพาเขากับกอหญ้าเข้าเมืองเพื่อเลือกซื้อของใช้ตามที่เจ้าตัว
บ่นอยากจะได้  ตอนสายมิ่งก็โผล่หน้ามาให้เห็น


กอหญ้าในชุดเสื้อผ้าฝ้ายใส่สบายๆ ตามแบบคนท้องถิ่น  ซึ่งเหมาะกับอากาศเมืองไทย
ส่วนแผ่นดินอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสวมแจ็คเก็ตยีนเข้าชุดกับกางเกงยีนขาเดปและรองเท้าหนัง
ก็ดูเท่ต่างจากเดิมที่กอหญ้าเห็นจนชินตา  แต่วันนี้แตกต่างออกไปจนดูเตะตา

“พี่ดินครับ  ทำไมต้องแต่งขนาดนี้ล่ะครับ  ปกติไม่เห็นจะเคยแต่งนี่นา”
กอหญ้าทักขึ้นก่อน  แม้ว่าเช้านี้จะมีอาการเขินๆ กันบ้าง  แต่ตื่นนอนมาก็ถูกจับฟัดไปพักนึง
จนอาการเขินของทั้งสองหายไป

“ไม่ได้สิครับ  เข้าเมืองทั้งทีเดี๋ยวไม่มีสาวมอง”
พี่ดินพูดยิ้มๆ ทำเอากอหญ้านึกหมั่นไส้และยุบยิบที่อกซ้าย

“ครับตามสบายเถอะ…เอ…ถ้างั้นนะ…กอหญ้าไปเปลี่ยนบ้างดีกว่า
เอาให้สาวเทพี่ดินเลย”
กอหญ้าพูดแล้วผละจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดชั้นบน  แต่ข้อมือถูกคว้าไว้ก่อน

“ไม่เอาครับ…ไม่ให้แต่งมากไปกว่านี้แล้ว  ที่พี่แต่งขนาดนี้น่ะ  แค่ว่า…อยากให้คนข้างๆ
มองแล้วภูมิใจในตัวพี่…แค่นั้นเอง จริงๆนะ”
พี่ดินพูดแล้วกระซิบในตอนท้ายให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เหรอครับ  แล้วพี่ดินไม่อยากภูมิใจหน่อยเหรอครับ”
กอหญ้าค่อนขอดเอาบ้าง

“คนนี้ไม่ได้ครับ ไว้มองคนเดียวพอ  ยิ่งตอน…ไม่มีเสื้อผ้ายิ่งน่ามองเป็นไหนๆ
แต่ห้ามถ่ายแบบอย่างนั้นแล้วนะ ไม่งั้นพี่นี่แหละจะไปอาละวาดให้อายเลย…คอยดูสิ”
พี่ดินพูดเป็นกระซิบ แต่สีหน้าและแววตานี่เอาเรื่องสุดๆ

“อะไรเล่า…ก็นั่นมันงานไหมล่ะ  พี่ดิน”
ชักจะเยอะขึ้นทุกวันผู้ชายคนนี้  กอหญ้าจ้องเขม็ง

“พี่เลี้ยงได้ครับ  ไม่ต้องไปทำมันแล้ว…งานแบบนั้น”
แผ่นดินพูดสีหน้าเรียบและจริงจัง  คนฟังรู้สึกใจจะพองคับอกไปแล้ว  แต่ไม่วายโต้กลับ

“พี่ดิน! จะให้กอหญ้าเกาะพี่กินรึไง  หาเงินใช้เองมันจะภูมิใจกว่าไหมล่ะ”
กอหญ้าทำหน้าเง้า

'จะมาเลี้ยงไว้ในฐานะอะไรกัน  ลืมตัวไปหรือเปล่าพี่ดิน'
กอหญ้าชำเลืองมอง

มิ่งออกรถพานายดินมุ่งหน้าสู่ตัวเมือง  กอหญ้ามองสองข้างทางแล้วก็ถามทุกอย่างที่ผ่านตา
แล้วเกิดความสงสัย  แผ่นดินก็ขยันตอบคำถามไม่มีบ่นเลยสักคำ  จนมิ่งเองลอบมองจากกระจกมองหลัง
บ่อยๆ  เมื่อมิ่งเลี้ยวรถเข้าไปในบริเวณห้างนั่นแหละกอหญ้าจึงเลิกซักถาม

“อยากดูอะไรก่อนล่ะ จะได้พาไปตรงนั้นก่อน”
พี่ดินหันมาถาม

“ดูมันไปเรื่อยๆ ได้ไหมครับ  มันต้องเห็นของก่อนถึงจะบอกได้”

“อะไรกัน นี่ซื้อเพราะสะดุดตา แล้วนึกอยากได้ หรือยังไง”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ…ไม่เสมอไปซะหน่อย  พี่ดินอ่ะ”
กอหญ้าอ้อมแอ้มพูด


พอเข้าไปในตัวห้างผู้คนไม่มากเท่าไหร่เพราะเป็นช่วงเวลาที่ห้างเพิ่งเปิดและเพราะเป็น
วันทำงานของคนส่วนใหญ่ด้วย  มิ่งเดินตามนายไม่ได้ห่าง  กอหญ้าจับแขนพี่ดินเดินคู่กันไป
อย่างไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองตามพวกเขา  มีกลุ่มนักศึกษาทำทีจะเข้ามาทักแล้วก็เปลี่ยนใจ

แผ่นดินรู้ว่าตอนนี้กำลังเป็นจุดสนใจของผู้พบเห็น  เขาก็ยิ่งโอบเอวบ้าง โอบบ่าบ้าง
แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ  แต่คนตัวเล็กที่เดินข้างๆ กันกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะสนใจ
มองแต่ข้าวของแบรนด์ดังๆ

“โอ๊ะ! นั่น…พี่ดินครับ  แวะร้านนั้นหน่อยสิครับ  ข้าวอยากได้แหวนใส่เล่นสักวง”
แผ่นดินชะงัก  ช่วงนี้เจ้าตัวหลุดชื่อออกมาบ่อยๆ จนเขาชักจะชินบ้างแล้วเหมือนกัน

“ได้สิ! เลือกให้พี่ด้วยนะ อยากใส่บ้างน่ะ”
กอหญ้าทำตาโตที่ได้ยินพี่ดินพูดแบบนั้น

“งั้นเอาเป็นแหวนคู่นะ  ใส่เหมือนกันไปเลย  แต่ข้าวขอออกเงินเองนะ
อย่าห้าม! เพราะข้าวอยากซื้อให้พี่ จบนะครับ"
สองหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน  พนักงานรีบออกมาต้อนรับ

“เอ่อ…คุณลูกค้าต้องการแบบไหนคะ  ลองได้นะคะ”
เธอมีสีหน้าตื่นๆ เมื่อมองมาที่กอหญ้าและแผ่นดิน สลับกัน

“ขอดูแหวนคู่  ชุดนั้นหน่อยครับ”
พนักงานสาวหยิบออกมาให้  กอหญ้าจับมือพี่ดินแล้วส่งแหวนให้ลองสวม
กอหญ้าลองวงที่เล็กลงมาเล็กน้อย  ปรากฏว่าเขาสองคนสวมได้อย่างพอดิบพอดี
แหวนเป็นแบบกลมเกลี้ยงทำจากทองคำขาวฝังเพชร  ไม่ถึงกับหรูหราจนเกินไป

กอหญ้าจึงควักบัตรเครดิตออกมาให้พนักงาน  แผ่นดินหน้าตึงเพราะเขาไม่เคยต้อง
ให้ใครมาจ่ายเงินซื้อของให้  ชีวิตที่ผ่านมาของเขามีแต่เป็นคนจ่ายให้แทบทั้งนั้น
พนักงานนำบัตรมายื่นคืนให้กอหญ้า

“กอหญ้าครับมันแพงไปนะ  ขอให้พี่ช่วยจ่ายบ้างเถอะนะ”
แผ่นดินลองพูดอีกครั้ง  เผื่อคนข้างๆ จะใจอ่อน

“พี่ดิน! อย่าดื้อ! ครับ”
คนตัวเล็กหันมาทำเสียงขู่  แล้วแผ่นดินก็เงียบไป ได้แต่เดินตามเพียงอย่างเดียวตอนนี้

กอหญ้าก็แวะดูมันไปเรื่อยๆ จริงๆ อย่างที่บอกไว้ 

จนเที่ยงจึงชวนกันเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น  แผ่นดินเรียกมิ่งมาทานด้วยกัน
เขามักจะเป็นแบบนี้ไม่ถือเนื้อถือตัว  ผิดกับกอหญ้าที่เมื่อก่อนคุ้นเคยกับคนยากมาก
แต่เมื่อมาเจอกับพี่ดิน  เขารู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน  เมื่อทานมื้อเที่ยงเสร็จ
ต่างก็เดินดูของใช้กันต่ออีกพักใหญ่ๆ จึงพากันกลับเข้าไร่








หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 19 ตามมาค่ะ เตรียมถุงเลือดมาด้วยน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-03-2019 13:18:40
 :z1: :man1: :z1:

 :L1: :pig4: :L1:

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 19 ตามมาค่ะ เตรียมถุงเลือดมาด้วยน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-03-2019 13:47:57
บอกเขาสักทีสิพี่ดิน
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 20 แหวนคู่แทนใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 27-03-2019 14:25:31
ตอนที่ 20 แหวนคู่แทนใจ

“พี่ดินครับ  แหวนที่ซื้อคู่กัน  สัญญากับกอหญ้าได้มั้ยว่าจะใส่ติดนิ้วไม่ถอด ได้ไหมฮะ?”
กอหญ้าขอสัญญากับคนพี่
 
“ได้สิครับ  พี่จะใส่อย่างนี้  ในทุกๆ วันเลย  กอหญ้าก็เหมือนกันนะ…ห้ามถอด
หากวันนึงที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน  มองเห็นแหวนแล้วจะได้นึกถึงกัน เอาตามนี้นะ”
พี่ดินพูดอย่างคาดหวัง  และกอหญ้าก็พยักหน้า

“กอหญ้าจะเก็บความทรงจำดีๆ ที่ได้รับจากพี่ดินและทุกๆ คนที่ไร่นี้ไว้  ไม่ลืมครับ
ว่าแต่พี่ดินไม่อายใครเหรอฮะ  ถ้าใครเห็นพี่สวมแหวนที่นิ้วนี้  อดได้แฟนเลยนะครับ
เท่ากับว่าพี่ถูกจองไปแล้ว  พูดอีกอย่างคือพี่ดินมีเจ้าของแล้ว  อุ๊บ! เอ่อ…”

กอหญ้าเอาแต่พูดๆ จนมาหยุดที่ประโยคท้ายๆ จริงสิที่เขาก็ลืมว่าถ้าใครเห็นเขาสองคน
สวมแหวนคู่รัก  ก็แสดงว่าเขากับพี่ดิน…เป็นแฟนกัน  ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่

“อะไรกันหืม…จนป่านนี้ยังต้องให้พี่บอกอีกรึไง  เราน่ะหมดอิสรภาพทางหัวใจ
ไปนานแล้วกอหญ้า  คงนานพอๆ กับเวลาที่เราสองคนเจอกัน”
พี่ดินพูด แววตาสื่อความหมายเป็นนัยว่า…

‘พี่ดินชอบเรา…แล้วตัวเราเองล่ะ  ชอบเหมือนกัน…สินะ’

ปกติมิ่งขับรถไปไหนๆ เขามักจะเปิดเพลงฟังจะลูกทุ่งหรือสตริงฟังได้หมด 
แต่วันนี้ไม่อยากจะเปิดเพลง  เพราะเมื่อนายดินกับคุณกอหญ้าขึ้นนั่งบนรถ
คำพูดและพฤติกรรมของนายที่มีต่อคุณกอหญ้าทำให้มิ่งสะดุดอยู่หลายครั้ง
หลายหน  เขาไม่ได้อยากจะแอบฟัง  เพียงแค่ไม่อยากพลาดการรับข่าวสาร
ก็เท่านั้น ดูๆ ไปชักคล้ายกับว่าสองคนนี้เป็นคู่รักกันเข้าไปทุกทีแล้ว

หากเป็นอย่างนั้นก็ดี…แค่เป็นใครก็ได้…ที่เข้ามาทำให้นายดินของเจ้ามิ่ง
มีความสุข…ก็พอ  เมื่อคิดได้อย่างนั้นมิ่งจึงขับรถมุ่งหน้าพานายสองคนกลับเข้าไร่เขตแผ่นดิน



ข้างฝ่ายกริช เขาช่วยงานในร้านได้เยอะมากๆ หากเป็นเมื่อก่อนวันหยุดเขาก็มัก
จะเข้าไปช่วยพี่ชายเฝ้าร้าน  ยิ่งตอนนี้ได้อาร์มเพื่อนซี้มาทำในร้านอย่างนี้ทำให้
บรรยากาศการทำงานดูสนุกสนานเข้าไปใหญ่

“กริช  วันก่อนน่ะ  นายดินพาคุณกอหญ้ามาที่ร้านด้วยเว้ย…หน้าอย่างคุ้นเลยนะแก
…เห็นแม่เปิดทีวีดูละครตอนค่ำเท่านั้นแหละ  โป๊ะเชะ! เลยล่ะเอ็งเอ๊ย!  คุณกอหญ้า
เนี่ยหน้าโคตรเหมือนพี่ข้าวของเอ็งมากจริงๆ เลยนะกริช  เอ็งเห็นเหมือนกันมั้ยวะ!”
อาร์มเล่าไปตามที่รู้สึก  และยิงทำถามที่ทำเอากริชสะดุ้ง

“พี่เขาแค่คล้ายๆ เท่านั้นน่า…เจอตัวจริงมาแล้วพี่ข้าวน่ะ…แต่นี่แค่คนหน้าเหมือน
…ก็…แค่นั้นเองน่ะ”
กริชปฏิเสธเพื่อนออกไป  เขายังคงต้องเก็บความลับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง
 
‘ขอโทษด้วยนะเว้ย อาร์ม’

“เออๆ ถ้าเอ็งว่าไม่ใช่ก็คงจะไม่ใช่จริงๆ…เพราะตำหนิไฝ  ฝ้า  ของพี่เค้าเอ็งคงรู้หมด
แหละจริงป่ะ…เฝ้าติดตามเค้ามานานขนาดนั้นนี่หว่า…เนอะ”
อาร์มเชื่อตามคำที่กริชบอก
 
“อาร์ม  เดี๋ยวเราไปหาใบหม่อนกันหน่อยมั้ยวะ… คิดถึงมันหว่ะ ไม่เจอตั้งเทอมนึง”
กริชรู้สึกผ่อนคลายที่เพื่อนไม่ได้สงสัยอะไรในตัวพี่กอหญ้าอีก

“อืมๆ แต่ว่า…อย่าให้นายทัพตามไปนะเอ็ง  คู่นี้ไม่รู้เป็นยังไง  เจอกันได้เรื่องทุกที
ใบหม่อนเพื่อนเราก็แสนจะน่ารัก  น่าเอ็นดู ไม่รู้ทำไมนายทัพถึงชอบไปแกล้ง…ไปแหย่
…ให้โกรธนักหนาก็ไม่รู้”
อาร์มปรารภกับเพื่อน

“จริงเหรออาร์ม  แย่จัง!  พี่ทัพไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกเป็นคนขี้แกล้งสักที  สงสารแต่ใบหม่อน
มันว่ะ! รักคนที่ไม่ควรค่าแก่การจะได้ความรักดีๆ ไปเลย  พูดแล้วก็สงสารมันว่ะ เห่ย!
เป็นอะไรไปวะ! ไอ้อาร์ม! อ้าปากค้าง เอ่อ…อุ๊บ!”
กริชเอามือปิดปากตัวเองฉับที่เผลอหลุดพูดความลับของเพื่อนออกไป

“แกพูดใหม่สิกริช! นี่ๆ ใบหม่อนของเรา ปะ…ไป ชะ…ชอบ  นายทัพตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ทำไม…แกรู้  แต่ข้าไม่รู้ว่ะ  เปิดปากเล่ามาเลย  เดี๋ยวนี้!”
อาร์มพูดติดๆ ขัดๆ เพราะความตื่นเต้น  มันเซอร์ไพรส์เกินไปแล้วสำหรับข่าวนี้น่ะ

“ไม่มีอะไรหรอกน่า…อาร์ม  อย่าใส่ใจเลย  พี่ทัพน่ะ  ผู้หญิงไม่เคยจะซ้ำหน้า
สวยๆ ทั้งนั้น ไม่มาสนใจเพื่อนเราที่ทโมนไปวันๆหรอก  แกก็ลืมๆ ไปเหอะ นะๆ
เสร็จงานกองนี้แล้วเราไปหาใบหม่อนกันเลย”
กริชตัดบทอย่างไม่อยากจะพูดถึงอีก

“เออๆ ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าว่ะ  เร่งมืออีกหน่อย  จะเสร็จแล้วเนี่ย”
อาร์มก็ไม่ตื้อถามอีกเมื่อรู้ว่าเพื่อนไม่อยากจะบอก


สองหนุ่มคู่ซี้เล่าไปจัดของกันไป  โดยไม่รู้ว่าฐานทัพได้ยินทุกคำที่เจ้ากริช
กับเจ้าอาร์มคุยกัน  เด็กคนนั้นเนี่ยนะแอบชอบเขา  แล้วเขามันดูแย่ในสายตา
ของทุกคนจริงๆ นะเหรอ  แล้วในสายตาของใบหม่อนล่ะ  ต้องหาทางพิสูจน์
เสียแล้ว  ฐานทัพก้าวถอยหลังออกไปจากตรงนั้นเพื่อไปออกหลังร้านแทน

ฐานทัพเดินลัดเลาะออกมาด้านหน้า

‘อืม…ไปหาเด็กแสบนั่นดีกว่า  วันนี้จะไม่แกล้งสักวันก็ได้  จะได้ดูเป็นคนดีกับเขาบ้าง
เออ! แล้วจะทำดี  เพื่อ?’
 
“กองพล  นายจะไปไหนทำอะไรก็ไปเสียทีสิ…มาเดินตามทำไมกันนัก  เกะกะ!
แล้วที่สำคัญนะ  สาวๆ ของชั้นจะหนีกันเสียหมด  โว๊ย! พูดแล้วยังจะตามอยู่อีก รำคาญๆ”
สาวหล่อเดินหนี  เพื่อนร่างยักษ์ไม่วายเดินตามไปเสียทุกที่  ถึงจะเรียนมาด้วยกัน
ยังจะโตมาด้วยกันอีก  เธอก็ไม่อยากนับเพื่อนกับมันสักเท่าไหร่  เหตุเพราะความอันธพาล
ชอบก่อกวนคนอื่นๆ ไปทั่ว…น่าเบื่อหน่าย
 
“ใบหม่อนอ่ะ…เราแค่เดินเป็นเพื่อนคอยดูแลไง  ไม่ได้เกะกะหรือก่อกวนเลยนะ
สาวๆ พวกนั้นน่ะ…แค่เขาชอบของจริงมากกว่าของปลอม…เท่านั้นเอง…ใบหม่อน
คนสวยอย่าอารมณ์เสียไปเลยไปกินข้าวกับเสี่ยกองพลหน่อยเถอะนะๆ ไม่มีเพื่อน
เลยเนี่ย ไอ้สามตัวก็ไม่รู้หายหัวไปไหนหลายวันแล้ว  นะครับ…เพื่อนขอร้อง”

เจ้ายักษ์ไม่ลดละความพยายามที่จะตามตื้อ

“โหๆ เสี่ยกองพล…ใครตั้งฉายาให้ไม่ทราบ…แล้วไอ้ของปลอมที่ว่าน่ะใครวะ…พูดดีๆ
ไม่งั้นปากเนี่ยจะเคี้ยวข้าวไม่ได้ ไอ้กล้วยเว้ย! อยู่ไหนวะ! มาเขี่ยไอ้นี่ออกไปที”
ใบหม่อนตะโกนเรียกสมุนมือขวา

“ลูกพี่! มีอะไรครับ”

กล้วยไข่โผล่หน้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก

“นี่ไง! เขี่ยไปให้พ้นทางที  แล้วก็นู้นด้วย! มาอีกคนแล้ว  ดูท่าวันนี้ชีวิตจะไม่สงบสุขเสียแล้วว่ะ”
ใบหม่อนชี้ที่กองพล  แล้วก็บุ้ยใบ้ไปทางฐานทัพที่เดินลัดโค้งและกำลังตรงดิ่งมาตรงที่เธอยืน

“เอ่อ…คุณกองพลครับ  ช่วยออกห่างๆ ลูกพี่ผมหน่อยนะครับ  เอิ่ม!
อย่าให้ไอ้กล้วยไข่ต้องใช้กำลังเลยนะครับ  ขอร้องละ  ส่วนคนนู้นน่ะ…เอ่อ…
คุณใบหม่อนจัดการเอาเองเถอะฮะ  ข้าน้อยมิกล้ามิบังอาจ…ขอรับท่านพี่…
กล้วยน่ะงานเยอะ…งานล้นมือ  ต้องไปช่วยแม่เฝ้าแผงกระเทียมแล้วครับ
ไปก่อนนะ…บายๆ”

พูดจบเจ้ากล้วยไข่ก็เผ่นแน่วไปอย่างรวดเร็ว  ทำเอาใบหม่อนหน้าเหวอ
“ไอ้กล้วย! กลับมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย! กองพลอยู่ก่อนนะ”
ใบหม่อนหันไปดึงกองพลไว้  เพื่อนที่ไม่อยากนับว่าเป็นเพื่อน
แต่ตอนนี้ต้องอาศัยมันเป็นไม้กันหมาไปก่อนแล้ว

“หูย…ใบหม่อน  เค้าเขินนะ…ที่ตัวเองยอมให้เค้าอยู่น่ะ”
ใบหม่อนมองหน้าไอ้คนดี๋ด๋านี่  แล้วก็เบะปากอย่างระอาใจ

“โอ๊ะโอ…คนสวย  มายืนรอรับพี่ทัพเหรอครับ  เราไปทานมื้อเที่ยงกันเนอะ
แล้วนี่ตัวอะไรวะ! มายืนบังอยู่เนี่ย”
ฐานทัพเดินรี่เข้าหาสาวหล่อทันที  และอดขวางหูขวางตากับเด็กหนุ่มร่างยักษ์
ที่ยืนข้างๆ ไม่ได้

“ใครจะไปกินข้าวกับนาย  กองพลเราไปกันเถอะ…หิวแล้ว”
กองพลระริกระรี้อย่างกับหมาตัวโตที่ดีใจส่ายหางอย่างนั้น

“นี่ไอ้อ่อนกลับไปกินข้าว…กินนมที่บ้าน…แล้วนอนซะ เนี่ย!
ไม่ใช่เรื่องของนายเลย ไปๆ”
ฐานทัพออกปากขวางกั้นเจ้าหมาตัวโตออกไปให้พ้นทาง

“ก็ๆ เออครับ! ไม่ไปก็ได้”
กองพลรู้ฝีไม้ลายมือของฐานทัพดี  สมัยเรียนเผลอไปแกล้งเจ้ากริชเข้า
เช้ามาเขาก็ถูกพี่ทัพของเจ้ากริชนี่แหละ! มาเอาคืนไปสามสี่หมัด
นึกแล้วยังเสียวที่มุมปากไม่หาย ไม่แตกยับจนกินข้าวไม่ได้ก็ถือว่าถูกเอาคืน
แบบเบาๆ…ตามที่คนชกบอกไว้แบบนั้น  ถ้าโดนแบบหนัก…เขาคงไม่ได้มายืน
อยู่ตรงนี้เป็นแน่  คิดได้อย่างนั้นกองพลก็รีบถอยห่างออกมา

“ใบหม่อนเพื่อนเลิฟไปกินข้าวกัน…คิดถึงๆ”
เจ้ากริชมาถึงก็คว้าตัวใบหม่อนไปกอดเสียเต็มรัก  ทำเอาฐานทัพต้องกระโดดหลบออกมา

“เห้ย! อะไรของเอ็งว่ะ! เจ้ากริช  ดีใจอะไรขนาดนั้น  แทบจะเหยียบหัวพี่แล้วเนี่ย!
ยังจะมาทำหน้าทะเล้นใส่อีก”

“ขอโทษฮะพี่ชาย  มองไม่เห็นจริงๆ ไหนๆ วันนี้ก็อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว
ไปกินกลางวันกันครับพี่ทัพ  อาร์ม  ใบหม่อนไปกัน  หิวๆ”
กริชพูดรวบรัดแล้วก็ลากใบหม่อนที่ตามไปอย่างงงๆ


ทั้งหมดพากันมานั่งรวมตัวกันเกือบเต็มพื้นที่ของร้านอาหารตามสั่ง
หลังตลาดนั่นเอง

“ข้าวผัดรวมๆ ไม่ใส่ผัด  จานนึง”
ใบหม่อนสั่งก่อนเพื่อนเมื่อหย่อนก้นนั่งคนแรก

“ข้าวกะเพราหมูกรอบใส่พริกเยอะๆ ไม่เอาใบกะเพรา  ค๊าบ”
กริชสั่งเป็นรายต่อมา

“หอยทอด  จานนึง  ขอหอยหย่ายๆ นะฮะ”
ไอ้อาร์มตะโกนสั่งบ้าง

“สุกี้น้ำทะเล  ครับ”
สรุปโต๊ะนี้สั่งกันในแบบไม่ค่อยปกติสักคน  แม่ค้าวางตะหลิวลงกระทะเสียงดัง

เคร้ง!

หันขวับ! กะว่าจะเล่นงานลูกค้ากลุ่มนี้เสียหน่อย  แต่พอเห็นหน้าเท่านั้น…

“อ้าว! คุณใบหม่อน  นายทัพ  เชิญๆ นั่งกันก่อน  ช่วยจดให้เจ๊หน่อยก็จะเป็น
การดีนะคะ  ขอบคุณค่ะ”
เจ๊เจ้าของร้านพูดเสียงอ่อนเสียงหวานที่เห็นหน้าลูกค้ากลุ่มนี้

“เจ๊อ้อยค๊าบบบ… ความจำเจ๊น่ะเริ่ดอยู่หรอก  ไม่ต้องจดก็ได้นะฮะ”
กริชพูดจบ  เจ๊อ้อยยิ้มแก้มปริ

“อ่ะๆ ตามนั้นก็ได้  เดี๋ยวเจ๊จัดให้ค๊า”
เจ๊อ้อยก็เดินตุ้มตุ้ยไปทำตามสั่งของแก  แล้วจานด่วนก็ทำออกมาไม่มีผิดเพี้ยน
ทั้งหมดกินข้าวกันไปอย่างเงียบๆ ในตอนนี้เองที่อาร์มเห็นคุณใบหม่อนเพื่อนสาวหล่อ
ที่คอยแต่จะแอบชำเลืองมองแต่คนหนุ่มที่ตัวโตกว่าใครในกลุ่มออกบ่อยๆ

‘นี่แหละพวกปากไม่ตรงกับใจ  นายทัพก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะแกล้งให้ใบหม่อน
โมโหอะไรอีก…มาแปลกกันจริง’
อาร์มลอบมอง

“นี่ๆ เอาเงินที่พี่ไปอาร์ม  กินแค่คนละจานพี่เลี้ยงได้  กินมากกว่านี้ก็ยังเลี้ยงไหวนะ”
ฐานทัพพูดจบ  หันไปมองหน้าใบหม่อน  เจ้าตัวทำไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น

“ขอบคุณฮะ  ถ้ารู้อย่างนี้ไปนู้นซะก็ดี…อาหารญี่ปุ่น  อิ่มแปล้แน่ๆ คราวหน้านะพี่ทัพ”
กริชพูดขึ้นมา  อาร์มตาวาวหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าเป็นอาหารญี่ปุ่น

“ได้ๆ พรุ่งนี้เลยก็ได้นะ  ทุกคนเลย…ไปนะ…ใบหม่อน”
เจ้าตัวสะดุ้งเป็นครั้งแรกที่ฐานทัพเรียกชื่อเธอ

“เอ่อ… แล้วแต่กริชกับอาร์มเลย”
ใบหม่อนโยนให้เพื่อน  สองหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกัน

“งั้นสรุปไปพรุ่งนี้นะ  เดี๋ยวพี่มารับที่นี่”


มื้อเที่ยงนี้ก็จบลงด้วยดี ไม่มีการตบตีกันระหว่างคู่ชกข้ามรุ่นอย่างใบหม่อน
กับนายทัพ  เจ้าอาร์มแย้มยิ้มหน่อยๆ อย่างพออกพอใจ  แล้วกริชก็ตามไป
ที่บ้านของใบหม่อนที่อยู่เยื้องๆ กับตลาด  บ้านคนรวยก็ใหญ่โตสมฐานะอย่าง
นี้นี่เอง  ส่วนอาร์มกับฐานทัพก็กลับไปเฝ้าร้าน


ตกเย็นกริชจึงกลับไปหาพี่ทัพที่ร้านของฝากอีกครั้ง  เพื่อกลับเข้าไร่พร้อมกัน
เมื่อไปถึงบ้านไร่  ทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะอาหารแล้ว  แม้ว่าจะเย็นมากแล้ว
แต่สีหน้าของพี่ดินก็ยังอบอวลไปด้วยความสุข  เหมือนไปได้อะไรดีๆ มาอย่างนั้น
เห็นอย่างนั้นกริชก็มองดูพี่ข้าวของเขาบ้าง  สีหน้าไม่ได้ต่างกันเลย  แล้วตอนที่ทั้ง
สองตักอาหารก็ทำให้กริชถึงบางอ้อ…

‘ใส่แหวนคู่  แทนใจกันทั้งสองคน  แบบนี้จะให้คิดยังไง’
กริชอดรนทนไม่ไหวเขาจึงสะกิดให้พี่ทัพมองที่นิ้วนางข้างซ้ายของทั้งสองคน
แล้วก็เป็นพี่ทัพที่ทำเอาสะดุ้งไปตามๆ กันเมื่อพี่ทัพเผลอทำช้อนที่ถือหลุดลงกระทบกับจาน

เคร้ง!

“เป็นอะไรเจ้าทัพ! ทำงานมาวันเดียวมือไม้อ่อน  แค่ช้อนยังไม่มีปัญญาจะถือ 
โธ่ๆ ย่าละหน่ายแกจริงๆ”

“คุณย่าที่รักครับผม  อย่าว่าหลานที่น่ารักนักเลย  น้อยใจนะฮะ…ผมรึ…
จะเหมือนใคร…บางคน  หน้าระรื่นทั้งวัน  ยิ้มปากแทบฉีกไปจนถึงใบหูแล้ว  เฮ้อ…”

ฐานทัพอดเหน็บแนมพี่ชายไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้

“กินๆ เข้าไป  อย่าได้เที่ยวแกว่งปากไปแขวะใครเขา…เดี๋ยวพ่อฟาดเสียหรอก”
พ่อเขตแกล้งตำหนิลูกชายคนเล็ก  ที่ก็แกล้งทำหน้างอนใส่พ่อตัวเองหน่อยๆ

“ทัพเอ๊ย! ท่านั้นน่ะไว้ให้หลานๆ มันทำจะน่าเอ็นดูกว่าเยอะนะ ฮ่าฮ่า”
พี่ดินพูดใส่น้องชาย  พี่ทัพจึงหันมาทำตาคว่ำใส่  จนพากันหัวเราะไปทั้งโต๊ะอาหาร
ในค่ำนี้  กอหญ้ารู้ว่าเขาและพี่ดินเป็นจุดสนใจของทั้งกริชและพี่ทัพ  แต่แกล้งทำไม่
รู้ไม่ชี้ไปอย่างนั้นเอง  วิญญาณนักแสดงนี่นะมันอยู่ในสายเลือดแล้วล่ะ
แล้วกอหญ้าก็ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม









หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 19,20 ตามมาค่ะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-03-2019 16:48:19
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 19,20 ตามมาค่ะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-03-2019 01:25:32
ครอบครัวสุขสันต์มาก5555
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 21 ส่วนหนึ่งของครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 28-03-2019 10:33:00
ตอนที่ 21 ส่วนหนึ่งของครอบครัว

แผ่นดินตื่นนอนตอนเช้ามืดอย่างเช่นทุกวันบาดแผลที่ถูกยิงหายดีแล้ว
เช้านี้เขาจึงตั้งใจจะเข้าไร่  และก่อนไปยังแอบหอมแก้มคนขี้เซาและดึงผ้าที่ร่น
ลงไปกองตรงเอวขึ้นมาห่มให้จนถึงหน้าอก  ช่วงนี้เป็นฤดูฝนมีฝนตกฟ้าคะนองทุกคืน
คนกลัวฟ้ายังไงก็กลัวอยู่อย่างนั้น  แผ่นดินจึงใช้โอกาสนี้เข้ามาขอนอนด้วยทุกคืน…
จนกลายเป็นความเคยชินที่ได้หลับไปพร้อมๆ กันภายในผ้าห่มผืนเดียวกัน


แผ่นดินขับรถไปเรื่อยๆ ลูกน้องเห็นรถของเขาต่างก็เข้ามารายงานสถานการณ์ให้ฟัง
ทุกอย่างเรียบร้อยดี  ไม่มีอะไรแปลกปลอมเข้ามาในค่ำคืนที่ผ่านมา  ชายหนุ่มรับทราบ
และกล่าวขอบใจทุกคนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้  จากการวางเวรยามใหม่ครั้งนี้ทำให้ภาระ
หน้าที่ของเขาเบาลง  เหนื่อยน้อยลง  มีเวลาเป็นส่วนตัวเยอะขึ้น  อย่างเช่นตอนนี้
ฟ้ายังไม่สว่างดีงานของเขาก็จบหมดแล้ว  เขาจึงขับรถกลับเข้าบ้าน

เมื่อลงจากรถก็พบว่าพ่อเขตนั่งดื่มชาอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน

“ตื่นเช้าจังครับพ่อ”

“อ้าวดิน! ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ?”

“พอดีชานนท์มันจัดตารางเวรยามให้ใหม่น่ะครับพ่อ  เพิ่มคนตามจุดอีกหลายจุด
ผมจึงได้กลับบ้านไวขึ้นน่ะครับ”
แผ่นดินตอบบิดา  และนั่งลงใกล้ๆ ท่าน

“เออเว้ย! น่าจะคิดได้นานแล้วนะเจ้านนท์เนี่ย  แกจะได้มีเวลาทำอะไรๆ มากขึ้น
ไม่ใช่ลงมือทำมันอยู่คนเดียวซะหมดทุกอย่าง”
พ่อพูดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี

“ฮะพ่อ ผมว่า…ก็ดีเหมือนกัน  ยิ่งตอนนี้ได้เจ้าทัพมันมาช่วยแบ่งงานไป
ผมก็เบาแรงลงมากทีเดียว”

“อื้ม… มีอะไรก็บอกก็สอนมันไปนะ ไอ้ที่พ่อกับย่าแกดุด่ามันไปน่ะก็อยากจะให้มัน
เป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง ไม่ใช่เมาหัวราน้ำตลอดอย่างที่ผ่านๆ มา อายุมันก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว”

“ทัพมันคงคิดได้บ้างแล้วละครับพ่อ…ตอนนี้น่ะ”
แผ่นดินพูดตามที่เห็นว่าน้องชายเริ่มลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเอง

“ถ้ามันคิดได้ก็ถือว่าดีนะ  ยังไงก็ดูๆมันด้วยแล้วกัน  ถ้าไม่ไหวบอก
พ่อจะเล่นงานมันให้เอง”

“ผมไหวอยู่ครับพ่อ  ทัพมันก็ไม่ดื้อกับผมเท่าไหร่ตั้งแต่เล็กแล้ว…ก็เห็นมัน
ทำดื้อเรียกร้องความสนใจแค่กับพ่อกับย่าซะมาก  หึหึ”

“เฮอะๆ ไอ้ลูกแหง่  ให้มันได้อย่างนี้สิ…เอ่อ! ดิน  พ่อเพิ่งนึกขึ้นได้  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์น่ะ
โทรมาเชิญบ้านเราให้ไปทานอาหารที่บ้านเขาเย็นนี้! แกกับเจ้าทัพไปแทนพ่อทีนะ
พาหนูกอหญ้าไปด้วยล่ะ  เขากำชับนักหนาว่าลูกสาวเขาอยากจะเจอตัวเต็มทีแล้ว”

“อ่อ… ได้ครับ  เดี๋ยวผมเอาของในไร่ไปฝากเขาด้วยเลย”
แผ่นดินรับปากบิดา

“อืม…ดีเลย  ขับรถก็ระวังด้วยนะ  ฝนฟ้าตกทุกวันถนนมันลื่น
เรียกเจ้ามิ่งไปเป็นเพื่อนอีกคนก็ดีนะดิน”
พ่อพูดด้วยความห่วงใย

“ครับ  ผมว่าจะไปหัววันหน่อยจะได้ไม่กลับค่ำเกินไป  ไม่รู้เจ้าทัพมันจะไปได้หรือเปล่าสิครับ
แต่เอาเจ้ากริชไปอีกคนน่าจะดี…ผมก็ลืมไปเลยพ่อ! น้องมันเป็นเพื่อนกับลูกสาวบ้านนั้นนี่”
แผ่นดินหน้าชื่นขึ้นมาทันทีที่นึกได้  มีตัวช่วยดึงความสนใจของน้องข้าวหอมไปจากกอหญ้าก็ดี
เขาเห็นความปลาบปลื้มที่เด็กสาวมีให้กอหญ้าแล้วออกจะขัดตาไม่ใช่น้อย

“ใช่ๆ มันเป็นเพื่อนเล่นกัน  เรียนมัธยมด้วยกันอีกด้วย”
พ่อเขตนึกได้เมื่อลูกชายเท้าความ

“ผมไปอาบน้ำก่อนนะพ่อ  แล้วจะได้ออกมากินมื้อเช้ากัน”
คนลูกลุกขึ้นแล้วผละไปอาบน้ำ  ส่วนคนพ่อก็นั่งทอดอารมณ์  จิบชาต้อนรับอรุณต่อไป


“อ้าว! พี่ดิน กลับมาแล้วเหรอ”
กอหญ้าโผล่ออกมาจากห้องน้ำก็เจอพี่ดินเปิดประตูห้องนอนเข้ามา
แล้วยังดึงเขาไปกอดหอมแก้มอีกด้วย

“พี่มาอาบน้ำน่ะ ว้า…แย่จัง…ว่าจะชวนอาบด้วยกัน  ซะหน่อย”

“ใครจะไปอาบกับพี่กัน  นี่พี่ดินจะอาบห้องนี้ใช่ไหม…รอแป๊บ
เดี๋ยวกอหญ้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้”
คนตัวหอมก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวออกมายัดใส่มือคนที่ยืนทำตาละห้อย
 
“นี่ครับ  รีบๆ เลย…อย่ามาทำตาอ้อนครับพี่ดิน”
แล้วคนตัวโตก็ถูกดุนหลังให้เข้าห้องน้ำ


ที่โต๊ะกินข้าว  ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ากว่าทุกวัน  เพราะฐานทัพที่กลับมานอนบ้าน
ทุกคืนแล้วยังตื่นมาร่วมมื้อเช้าได้ทันเวลา  ส่วนคุณย่ากับเด็กๆ ก็ลงมือทานกันก่อนแล้ว
กับมื้อเช้าเบาๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกันออกจากบ้าน

ครอบครัวไทยอบอุ่นอย่างนี้  จนกอหญ้ารู้สึกผูกพันกับครอบครัวนี้ไปแล้ว

“เจ้าทัพ! แล้วก็กอหญ้ากับกริชด้วยนะ  เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านแม่เลี้ยงข้าวทิพย์กันนะ
เขาเชิญบ้านเราน่ะ”
พี่ดินเอ่ยชวน  ทำเอากอหญ้าสะดุ้ง

“ผมไม่ว่างแล้วสิครับ  เย็นนี้น่ะ”
ฐานทัพออกตัวปฏิเสธคนแรก

“เอ่อ…กอหญ้าขอไม่ไปได้ไหมครับ  พี่ดิน”
กอหญ้าอิดออดอีกคน

“กอหญ้าน่ะคือคนที่ต้องไปเลยล่ะรู้ไหม  เขาเชิญบ้านเราทั้งครอบครัวแต่พ่อน่ะให้พวกเรา
เป็นตัวแทนไปไ ง อีกอย่างลูกสาวเขาอยากเจอเราเอามากๆ ด้วยสิกอหญ้า”
พี่ดินบอกเหตุผลที่ต้องไปให้รู้

“ข้าวหอมน่ะเหรอพี่ดิน  อ่อ…ผมพอจะรู้แล้วว่าทำไมถึงอยากเจอพี่กอหญ้านัก
ไปหน่อยเถอะครับพี่กอหญ้าเพื่อนผมเองแหละครับข้าวหอมน่ะ  อีกอย่างพวกเรา
ก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้กันแล้ว  ต้องไปทำหน้าที่กันซะหน่อย”

“สรุปตามนี้น ะ ก็มีเจ้าทัพที่ไม่ว่างคนเดียว”
แผ่นดินสรุป

“ตกลงเย็นนี้ย่ากับพ่อแกแล้วก็เด็กๆ อยู่กินข้าวบ้านนี้นะ  ดีแล้วไปเปลี่ยนบรรยากาศ
กินข้าวนอกบ้านบ้างนะกอหญ้า”
คุณย่าพูดขึ้น  แล้วก็หันมาเห็นดีเห็นงามที่จะให้กอหญ้าออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ
กอหญ้ายิ้มแหยให้คุณย่า  แล้วสนใจน้องใบข้าวที่ทานมื้อเช้าอยู่ข้างๆ แทน

เด็กบ้านนี้ทานผักกันด้วย  ดูอย่างผักโรยในข้าวต้มที่กอหญ้าแทบจะเขี่ยออกนอกชาม
แต่หนูน้อยกับตักเข้าปากทานเฉยเลย

 อ้าว! เห๊ย! พี่ดิน  ผมมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วอ่ะ  กับพี่ทัพด้วยสิ…เอาไงกันดีพี่ทัพ
อาหารญี่ปุ่นที่บอกจะพาไปน่ะ  ก็อยากกินอยู่นะ  แต่ข้าวหอมไม่เจอกันก็หลายเดือน
…อยากเจอมันเหมือนกัน”
กริชสองจิตสองใจขึ้นมาทันที  หันไปขอความเห็นฐานทัพที่ลงมือทานอาหารก่อนแล้ว

“เอางี้สิกริช  อาหารญี่ปุ่นเลื่อนไปกินวันอื่น  ทีนี้แกก็โทรไปเลื่อนนัดบรรดาคนในแก๊งก็แค่นั้น
แล้วก็เอาเบอร์ใบหม่อนมาให้พี่  เดี๋ยวพี่โทรบอกเขาเอง”
ฐานทัพฉวยโอกาส  เขาอยากได้มานานแล้วเบอร์เด็กแสบนั่นน่ะ

“พี่ทัพ! ห้ามเลยนะเว่ย! กับใบหม่อนน่ะ  แม้แต่คิดก็ไม่ได้…คนนี้เพื่อนรักของน้อง”
กริชทำหน้าทำตาใส่พี่ชายเพราะรู้ว่าพี่ทัพน่ะชอบแกล้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
“อะไรเล่าเจ้ากริช  พี่ไม่ทำอะไรเขาหรอกน่ะ  รู้อยู่ว่าพวกแกน่ะหวง  ตั้งแต่ไอ้อาร์มแล้ว
กลัวกันไปได้…ไม่เข้าเรื่อง  อย่าโยกโย้เอาเบอร์มาให้พี่ซะดีๆ”
ฐานทัพกระดิกนิ้วยิกๆ

“อ่ะ! เอาไป! หาเอาเองละกัน”
แล้วกริชก็ส่งโทรศัพท์ของเขาให้พี่ชายไปอย่างกระแทกกระทั้น

“งั้นเย็นนี้ทัพก็ไปรับหลานจากโรงเรียนเหมือนเดิมได้นะ  ตอนแรกพี่ว่าจะไปรับส่งลูกเองเสียหน่อย
ไว้วันอื่นแล้วกัน  แต่พวกพี่จะไปบ้านแม่เลี้ยงกันเร็วหน่อยนะจะได้ไม่กลับมืดค่ำเกินไป”
แผ่นดินหันไปฝากเรื่องกับฐานทัพที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์ของเจ้ากริชแต่เขาก็พยักหน้ารับ

“ไปแต่หัววัน  ดีเลยล่ะ! จะได้ไม่ดึกมาก  ทางก็ลำบาก  ดินก็ดูๆ เวลาบ้างนะลูก  ย่าเป็นห่วง”
คุณย่าเตือนมา

“ครับย่า  ผมจะไม่ให้ดึกครับ”
แผ่นดินรับปาก  ทำเอากอหญ้าค่อยคลายความกังวล

'ไปไม่นาน  อิ่มก็กลับ…แค่นั้น  ทนปั้นหน้าสักพักละกัน'
“ไอ้กริช! โทรศัพท์แกทำไมมีแต่รูปกอหญ้าวะ  นี่ไปแอบชอบเขารึไง  แกไม่กลัวโดนเตะเหรอ
เจ้าของเขาหวงนะ  อุ๊บ!!!!”
ฐานทัพปิดปากที่หลุดพูดออกไป  ทำเอาทั้งแผ่นดินและกอหญ้าหันขวับมองหน้าเขาพร้อมกัน

“เปล๊า……ไม่มีอะไร…กินข้าวกันไปเถอะทุกคน แหะ แหะ”
ฐานทัพแบมือ  ยักไหล่  หัวเราะกลบเกลื่อน

“พี่ทัพก็มั่วพูดได้เนาะ  นั่นน่ะ! รูปดาราขวัญใจของผม  ไม่ใช่พี่กอหญ้าซะหน่อย
…ผมน่ะติ่งพี่ข้ามฟ้านู่นเหมือนคุณย่านั่นแหละ”
กริชไขข้อข้องใจให้พี่ชายรู้  ทำเอากอหญ้าแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

แผ่นดินมองกริชอย่างขัดตาอีกคน  ส่วนพ่อเขตก็มองหลานชายด้วยอีกคน

“นี่เจ้ากริชก็เป็นแฟนคลับพ่อดารานั่นอีกคนแล้วเหรอ  ลุงคิดว่ามีแต่คุณย่าแกที่เป็นแฟนละครนะเนี่ย”
พ่อเขตเอ่ยแซวหลานชาย

“ลุงเขต…ผมติดตามเขามาตั้งแต่ผมเรียนมัธยมแล้วละครับ
ไปอยู่คอนโดเดียวกับเขาห้องติดกันด้วยนะครับลุง  นี่ไม่ได้โม้นะ  ตัวจริงน่ารัก
ใจดีมากเลยละครับคุณย่า”
กริชตอบลุงและหันไปเล่าให้คุณย่าฟัง  ทำเอาคุณย่าตาโตหูผึ่งขึ้นมาทันที

“ดีจริงเจ้ากริช  ได้คุยกับเขาด้วย”
คุณย่ายิ้มดีใจกับหลานด้วย

`แฟนคลับตัวยงอีกคนแล้ว มิน่าล่ะ เจอวันแรกก็รู้ว่าเป็นข้ามฟ้าและยังร้องห่มร้องไห้อีก
…อยู่คอนโดห้องติดกัน  รู้จักกันมาก่อนด้วย`

แผ่นดินคิดตามแล้วให้รู้สึกหวงขึ้นมา

“เหรอๆ รูปเยอะเลยสิเรา  เอามาให้พี่ดูบ้างสิ  ภาพลับ  รูปฮอตเยอะด้วยรึป่าว”
แผ่นดินขอดูบ้าง

“เออ! นั่นสิ  เอากลับมาดูใหม่อีกทีสิ  ทำไมเหมือนกอหญ้าจังวะ!”
พี่ทัพแบมือ  พี่ดินก็อีกคน  กริชส่ายหน้าแล้วตักอาหารเข้าปากหน้าตาเฉย

`เรื่องอะไรจะให้ดูอีกล่ะพี่ทัพ  เดี๋ยวก็พาลสงสัยนู่นนี่ไม่เลิก  ความลับจะแตกเสียเปล่าๆ`
กริชทำไม่รู้ไม่ชี้  เมื่อกริชไม่ให้  ฐานทัพก็เลิกตื้อน้อง  เขาจึงกินข้าวไปเงียบๆ แต่หัวคิ้วขมวด
เข้าหากันไม่เลิก พี่ดินก็คงอยากดูเพราะขี้หวงนั่นแหละ ฐานทัพพอจะดูพี่ชายออก

กอหญ้านั่งกินอาหารไปเงียบๆ พลางใช้ความคิด  สรุปเขาต้องไปจริงๆ ใช่ไหมมื้อค่ำบ้านน้องข้าวหอม
ถ้าไม่เพราะคำพูดเจ้ากริชที่ว่าต้องไปทำหน้าที่…เพราะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้

เขาจะหาเหตุเบี้ยวให้ได้เลย

'แฟนคลับน่ะ…น่ากลัวจะตายไป…ตบตาไม่ได้ง่ายๆ ด้วยสิ'
เขากลัวน้องข้าวหอมจะจับเท็จได้   ดูอย่างเจ้ากริชเขายังไม่สามารถปิดบังได้เลยว่าไม่ใช่ข้ามฟ้า

“ฮัลโหล…คนสวย  นี่พี่ทัพเองนะ  อ่ะๆ อย่าเพิ่งวาง  พี่จะบอกว่าที่นัดไว้น่ะขอเลื่อนไปก่อนนะ
พี่ดินจะพาเจ้ากริชไปทำธุระ  เอาไว้เราค่อยนัดกันใหม่  ตามนั้นนะครับ…น้องใบหม่อน
เที่ยงนี้พี่ทัพไม่ว่างเสียด้วย  ต้องช่วยงานในไร่  อะไรนะครับ ไม่อยากรู้  อ่อ…แต่พี่อยากจะบอก
นี่ครับ โธ่ๆ ไม่เห็นหน้าก็ต้องคิดถึงสิครับ  อ้าว! ใบหม่อน  ฟังอยู่มั้ยเนี่ย โถๆ วางไปซะแล้ว
เสียดายชะมัดเลย”
ฐานทัพวางสายหันหลังจะเดินเข้าบ้าน  มีอันต้องสะดุ้งที่เห็นพี่ชายกับน้องชายมายืนกอดอกจ้องเขม็งอย่างจับผิด

“อะไรกริช…พี่ดิน ไม่มี๊…ไม่มีอะไร  เชื่อสิ  ไม่มีจริงๆ นะเว้ย”
ฐานทัพรีบพูด

“อะไรของแกวะ  ทัพ  ร้อนตัวทำไม  พี่ยังไม่ได้ถามอะไรเลย  กริชล่ะ…สงสัยอะไรหรือเปล่า
ส่ายหน้า  อ่อๆ นี่มันพวกกินปูนร้อนท้อง  ล่ะสิ  ทัพเอ๊ย!…ฮะฮะ”
พี่ชายรีบสาวเท้าเข้ามาจับต้นแขน  แล้วหัวเราะใส่หน้า

“นั่นสิพี่ดิน  ผมแค่มองพี่ทัพเฉยๆ เองนะครับ  ฮ่าฮ่า”
น้องชายก็อีกคน  พากันหัวเราะงอหาย

“เออ! โว๊ย! สามัคคีกันให้ตลอด  อย่าให้ถึงทีผมนะพี่ดิน  พี่ไม่รอดแน่
…ไปดีกว่าไม่อยากเห็นหน้า…หึ้ยยย”
แล้วพี่ทัพก็เดินปึงปังเข้าบ้านไป  กริชมองตามอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก

`ใบหม่อนเพื่อนผม  อย่าได้คิดอะไรเล่นๆ กับมันนะเว่ย…พี่ทัพ`

“กริช  ทัพมันมีท่าทีสนใจใบหม่อนเหรอ  เด็กนั่นน่ะทอมไม่ใช่รึไง  เค้าจะชอบมั้ยผู้ชายน่ะ
…แล้วยิ่งคนแบบนี้ด้วย  ทำตัวเสเพลอย่างกับอะไรดี”
แผ่นดินถามถึงท่าทีของฐานทัพกับลูกสาวเจ้าของตลาด  ที่ดูเหมือนกริชจะเป็นกังวลห่วงใย
จนออกนอกหน้า

“โธ่…พี่ดินไม่รู้อะไร  ใบหม่อนน่ะใจมันก็ผู้หญิงนี่แหละ  ภายนอกที่เราเห็นกันน่ะมันจอมปลอม
….ใช่ตัวจริงมันที่ไหนล่ะ  เพื่อนผมมันแอบชอบพี่ทัพตั้งแต่ตอนมันเริ่มสาวแล้ว  ใบหม่อนมันเป็น
แบบทุกวันนี้ก็เพราะ  นู่นแหละ…น้องชายพี่น่ะทำมันเสียใจ  คั่วสาวไปทั่วทั้งตำบลแล้วก็ทิ้งขว้าง
ซะทุกคน  เพื่อนของใบหม่อนเองก็ยังถูกพี่ทัพทิ้งน่ะ  จนใบหม่อนน่ะมันหมดใจเลิกทำตัวเป็นหญิง
หันมาเป็นทอมแบบนี้น่ะ  เห้อ!”

กริชเล่าความลับแต่หนหลังของเพื่อนให้พี่ชายฟัง

“อืม…ฟังแล้วก็น่าสงสารจริงๆ ด้วยสิ  ชอบใครไม่ชอบ…ดันมาชอบไอ้ซาตาน
ในคราบเทพบุตรอย่างไอ้ทัพมัน  เห้อ!”
สองพี่น้องพากันถอนหายใจ  แล้วก็เป็นฐานทัพอีกคนนึงด้วยที่แอบถอนหายใจไปด้วย

`ยัยเด็กนั่นชอบเราจริงๆ นะเหรอ  เห้อ! อย่าชอบพี่เลยใบหม่อน…พี่มันคนไม่มีหัวใจ
ความรักเป็นยังไง…จนป่านนี้พี่เองยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ`

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 22 มื้อค่ำนอกบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 28-03-2019 12:15:56
ตอนที่ 22 มื้อค่ำนอกบ้าน

มิ่งมาทำหน้าที่ขับรถให้นายดิน  คุณกอหญ้าและคุณกริชน้องชายเพื่อไปที่บ้าน
ของแม่เลี้ยงข้าวทิพย์  ที่อยู่ห่างออกไปจากไร่เขตแผ่นดินร่วมๆ 30 กิโลเมตรได้

มิ่งต้องขับด้วยความระมัดระวังเพราะฝนตกตลอดทาง  แม้แต่ในเวลานี้ก็ยังตกอยู่
แต่ไม่หนักมากนัก  แต่ก็ต้องใช้ความเร็วรถไม่ให้เกินหกสิบเพราะเป็นทางลาดชัน
แล้วยังจะคดเคี้ยวอีกด้วย

“มิ่งช้าๆ นะ ไม่ต้องรีบ  ถนนลื่นด้วยสิ”
แผ่นดินคอยเตือนมิ่งให้ขับด้วยความระมัดระวัง

“ครับนายดิน  ผมก็ระวังๆ อยู่ครับ  เชื่อมือไอ้มิ่งเถอ ะ หลับตายังพาไปถึงเลยครับ”
มิ่งคุยโวตามเคย

“เออ! น้อยๆ หน่อยเถอะเอ็ง  อย่ามัวแต่คุยโม้  ดูทางดีๆ ด้วยแล้วกัน”
แผ่นดินปรามคนขับแบบไม่จริงจังนัก

“พี่กอหญ้ากับข้าวหอมเจอกันมาก่อนเหรอฮะ  เห็นพี่ดินบอกว่าพี่กอหญ้า
ต้องมาให้ได้ด้วยสิค่ำนี้น่ะ”
กริชถามไปตามที่สงสัย

“อืม… ก็เขากับแม่เลี้ยงข้าวทิพย์น่ะ  ไปทานข้าวที่บ้านเดือนก่อน  ก็เลยเจอกัน
ตอนนั้นพี่ยังไม่แข็งแรงดีเลย  เธอก็ชวนว่าให้มาบ้านเธอแล้วละ”

“พี่กอหญ้าทำใจไว้เลยนะก่อนไปถึงบ้านนั้น  ท่าจะเหนื่อยน่าดู  ยัยข้าวหอมไม่ปล่อยพี่แน่
มันคลั่งพี่ข้ามฟ้าอย่างกับอะไรดีเลยละ  ดีไม่ดีงานนี้  แก๊งเพื่อนๆ ของมันไปรอเต็มบ้านแล้ว
มั้ง  ผมว่านะ  เหอะๆ”
กริชพูดตามที่พอจะรู้นิสัยใจคอของเพื่อนอยู่บ้าง

“อูย…ขนาดนั้นเลยเหรอกริช  พี่ชักไม่อยากให้ถึงเสียแล้วสิ  เอ่อ…พี่ดินกับกริชเข้าไปสองคน
พอเนอะ…เดี๋ยวกอหญ้าให้มิ่งพาไปแอบ  แล้วค่อยกลับมารับพี่  นะๆ พี่ดิน”
กอหญ้าหาทางหนีทีไล่ เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอตัวกัน

“ไม่ได้แล้วกอหญ้า  อย่าทำอะไรเป็นเด็กไปมาแล้วก็ต้องเข้าไป  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์
น่ะลองออกปากเองแบบนี้  อย่าไปปฏิเสธเธอเลย  เดี๋ยวเธอจะโกรธขึ้นมา
พ่อเขตเราจะพลอยแย่ไปด้วย  นั่นน่ะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมานานแล้วนะสองคนนั้นน่ะ”

“ครับๆ งั้นใกล้ถึงหรือยัง  ขอกอหญ้านั่งทำสมาธิแป๊บนึ ง ตั้งรับก่อน
 เดี๋ยวเล่นไม่สมบทบาทครับ”

“พ้นโค้งด้านหน้าก็เข้าเขตบ้านเขาแล้วล่ะ”
พี่ดินตอบแทนมิ่งที่จดจ่ออยู่กับทาง  แล้วเมื่อรถพ้นโค้งข้างหน้าไปได้
ก็พบบ้านหลังใหญ่โอ่อ่าอยู่ข้างหน้า  มีกำแพงสูงล้อมรอบ  แต่มองจาก
ตรงที่รถอยู่สูงกว่านี้ไปก็ดูสวยไม่เบา

“บ้านเขาหลังใหญ่จังครับพี่ดิน”
กอหญ้าพลอยตื่นตาไปด้วย

“ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว  เขารวยทั้งมรดกตกทอดจากพ่อแม่ที่เป็นตระกูลเก่าแก่
ของที่นี่เลยนะ  แล้วก็ยังมาแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเอนกของปางไม้อีกด้วย
เงินต่อเงินเลยล่ะ  หลังใหญ่อย่างนี้เห็นว่าอยู่ไม่กี่คนเองนะ  มีพ่อแม่ลูกแล้วก็คุณยาย
ที่แก่มากแล้ว  นอกนั้นคงเป็นบริวารแหละ พี่ก็ลืมๆ ไปแล้ว ไม่ได้มานานเป็นปีๆ แล้วเหมือนกัน”

“แต่เท่าที่ผมพอรู้จากข้าวหอมมันว่าท่านดุมากเลย  ถ้าคุณยายพูดขึ้นมาแม่เลี้ยงข้าวทิพย์
เองยังต้องยอมฟังเงียบอย่างเดียวจริงๆ แต่ตอนนี้ความดุก็คงจะลดๆ ลงไปบ้างแหละตามวัย”
เจ้ากริชเล่าให้ฟังอย่างละเอียด  กอข้าวนั่งฟังไปเงียบๆ
“ประตูใหญ่เปิดแล้วล่ะ  เคลื่อนรถเข้าไปได้เลยมิ่ง”
พี่ดินบอกกับมิ่ง

“โอ้โห…พี่ดิน  นี่มันคุ้มของเจ้าทางเหนือหรือเปล่าฮะ ชักไม่อยากลงจากรถแล้วสิ”
กอหญ้านึกขยาดกับความโอ่อ่าของบ้าน

“ก็ประมาณนั้น  ไม่ต้องกลัวนะ  คนกันเอง…ตามพี่มาแล้วกัน
เจ้ากริชแกมาบ่อยไม่ใช่หรือ  บ้านเพื่อนแกนี่”
กริชส่ายหน้าทำคอย่นเมื่อพี่ชายลากแขนให้เดินนำหน้า

“บรื๋อ…ไม่ๆ ผมไม่เคยได้เข้ามา  ข้าวหอมมันบอกว่าคุณยายดุ  ไม่ชอบให้คนอื่นมาบ้าน
…แล้วใครจะกล้ามาล่ะ  พี่ดินผมก็ปอดแหกเป็นเหมือนกันแหละน่า”
กริชฝืนเท้าไม่ยอมเดินตามแลกฉุดของพี่

“เออๆ เงียบๆ กันได้แล้ว  เดินตามกันมา…นู่นแหน่ะ…มีคนมารอรับแล้ว”
สาวใช้สองคนมารอรับหน้าแล้วเดินนำหน้าพาไปที่ห้องรับแขก
ที่นั่นเจ้าบ้านนั่งรออยู่แล้ว

“สวัสดีครับ  คุณยาย  พ่อเลี้ยงเอนกแล้วก็แม่เลี้ยงข้างทิพย์  ผมมาแทนคุณพ่อ
น่ะครับ  นี่น้องชายครับกริชแล้วก็กอหญ้า”

“อ้อๆ ตามสบายเลยนะ  พ่อดิน  นั่งเลยคนกันเอง”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เชื้อเชิญให้นั่ง  พ่อเลี้ยงก็มีท่าทีเป็นมิตรดี
ส่วนข้าวหอมลูกสาวยังไม่เห็นหน้า  แล้วหญิงสูงวัยคงจะเป็นคุณยายสินะ
ท่านมีเค้าความสวยหลงเหลืออยู่บ้าง  รูปร่างผอมบาง  ผิวหนังเหี่ยวย่น
แต่แววตาที่จ้องมองมาที่กอหญ้าไม่รู้ว่าสื่ออารมณ์อะไรออกมา
เขาดูไม่ออกเอาเสียเลย  เล่นจ้องเขม็งขนาดนั้นจนกอหญ้ารู้สึกเกร็ง
มากกว่าเดิมเข้าไปอีก

“พ่อหนุ่มคนนั้นน่ะ  ลูกเต้าเหล่าใคร  ยายว่าหน้าตาเราคุ้นๆ อยู่นะ  แม่ทิพย์ว่ายังไงล่ะ”
คุณยายหันไปถามลูกสาวแล้วชี้มาที่กอหญ้า  ทำเอากอหญ้าหน้าเจื่อนลง

“พ่อดินเขาช่วยไว้น่ะค่ะคุณแม่เห็นว่าเป็นคนเมือง  รถคว่ำ  นี่ก็เพิ่งจะแข็งแรงขึ้นบ้าง
แต่ความจำยังไม่กลับมานะคะคุณแม่”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์บอกกับคุณยายให้หายสงสัย

“อ้าว! แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ  อาการดีขึ้นหรือยังตอนนี้”
พ่อเลี้ยงเอนกถามขึ้นมาบ้าง  แล้วมองมาที่เขา  ท่าทางท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ออกจะสุขุม
ท่าทางใจดี  ผิวขาวอย่างคนเหนือทั่วไป  ออกจะท้วมหน่อยเหมือนคนจีนวัยกลางคนที่เคยพบเห็น

“ดีขึ้นมากแล้วครับ  อีกไม่นานคงจำอะไรๆ ได้หมด”
กอหญ้าตอบคำถามพ่อเลี้ยงไป  ท่านพยักหน้าเนิบนาบ

เกิดโกลาหลขึ้นเมื่อกลุ่มเพื่อนของข้าวหอมกรูกันเข้ามาที่กอหญ้า  จนเจ้าตัวตกใจ
เพราะไม่ทันตั้งตัวไว้ก่อน
“พี่ข้ามฟ้า  ตัวจริงเลยนะนี่เธอ  นุ่นจำได้  ใช่ๆ เนาะพวกเรา”
สาวๆ สี่ห้าคนพากันห้อมล้อมตัวชายหนุ่ม  แต่เด็กสาวที่ชื่อนุ่นฟันธงมาก่อนเพื่อนเลย

“ขอโทษนะน้องๆ พี่ชื่อกอหญ้าครับ ไม่ใช่ดารา  แค่หน้าไปเหมือนเขาเท่านั้นเอง
จริงๆ ครับ”
กอหญ้ารีบสวมบทบาททันทีส่งยิ้มให้สาวๆ

“พี่ข้าว  ยิ้มนี่ก็ใช่นะคะ  อย่ามาอำพวกหนูหน่อยเลย  หนูจำได้  ข้าวหอมเชื่อนุ่นนะ”
เด็กที่ชื่อนุ่นยังไม่ยอมแพ้  หันไปหาเพื่อนให้ช่วย

“ข้าวหอม  นี่พี่กอหญ้า ไม่ใช่พี่ข้าว  เชื่อกริชสิ  คอนเฟิร์มอีกเสียงเลยว่าคนนี้ไม่ใช่พี่ข้าว”
กริชพูดยืนยันอีกเสียง  ทำให้บรรดาสาวๆเริ่มลดทอนความมั่นใจลง
แต่ก็ยังไม่วายพากันจ้องหน้าและห้อมล้อมไม่เลิกรา

“อ่อๆ ยายก็ว่าหน้าคุ้นๆ หน้าเหมือนดารานี่เอง ไปๆ เราไปเตรียมตัวกินข้าวกันเถอะ  ตั้งโต๊ะกันแล้ว”
คุณยายชวนขึ้นมาทำให้วงล้อมต้องแตกออก  แล้วเริ่มแยกย้ายไปที่ห้องรับประทานอาหาร

“พี่ดิน  พี่กอหญ้า ไม่โกรธข้าวหอมนะ  ที่พาเพื่อนมาด้วย”
ข้าวหอมออกตัว  เพราะเห็นสีหน้าพี่ดินที่เรียบเฉย

“ไม่เป็นไรครับ  ดีเสียอีกอยู่ๆ ได้เป็นคนดังกับเขาด้วย”
พี่กอหญ้าแก้สถานการณ์ได้ดี  จนกริชแอบยิ้มชื่นชมในไหวพริบของพี่ข้าว
แล้วก็พากันไปที่โต๊ะทานข้าว  ที่เป็นเครื่องไม้เงาวับ  เฟอร์นิเจอร์ที่นี่ล้วนทำจากไม้
บางชิ้นดูเก่าแก่  ซึ่งเหมือนจะประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ

กอหญ้ายังคงมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“พี่กอหญ้าทานอันนี้ดูหน่อยนะคะ  อร่อย  รับรองไม่เผ็ดเท่าไหร่ค่ะ”
ข้าวหอมคอยบริการอาหารให้  จนกอหญ้าแทบไม่ได้ตักอะไรด้วยตังเอง
ยังดีที่มีพี่ดินนั่งอยู่ข้างๆ กัน  ทำให้อุ่นใจไปได้บ้าง

“ข้าวหอม  กินไปบ้างเราน่ะ  อย่าไปกวนพี่เขานัก”
คุณยายพูดขึ้น  ข้าวหอมหน้าเจื่อนลงถนัดตา  เพื่อนๆ ของเธอก็ทานไปแต่แอบมองมา
ที่กอหญ้าตลอด  ชักจะกินไม่ค่อยลงแล้ว  จ้องกันเสียจริงๆ

“หนูกอหญ้า  อาหารเป็นยังไง  ทานได้ไหม”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ถามสีหน้ายิ้มแย้ม  ชุดที่เธอสวมเป็นชุดพื้นเมืองเรียบแต่ดูดี
ส่วนสามีเธอก็ใส่เป็นผ้าฝ้ายสีขาวพื้นเมืองเช่นกัน  คุณยายก็อีกคน  บ้านนี้อนุรักษ์ผ้าไทย
กันทั้งบ้าน  ส่วนลูกสาวถึงจะเป็นผ้าพื้นเมืองแต่ดีไซน์ทันสมัยเหมาะสมกับวัย

“ครับ  รสชาติดี  ไม่จัดจ้าน  ผมทานได้ครับ”
กอหญ้าตอบอย่างรักษามารยาท  ซึ่งจริงๆ แล้วอาหารบ้านพี่ดินอร่อยกว่าเยอะ

“ข้าวหอม  แกปิดเทอมแล้วไม่ใช่”
กริชถามเพื่อน

“อือ…ปิดแล้ว เพิ่งกลับมาบ้านนี่แหละ  ปกติอยู่หอนู่น  แต่คุณแม่ไปดูแลตลอดไม่เหงาเลย
แล้วนายล่ะ  มากี่วันแล้วล่ะ”
เด็กสาวจับคู่พูดคุยกับกริชบ้างแล้ว

“มาได้สามสี่วันแล้ว  เอ่อ…ตอนนี้พักที่บ้านพี่ดินนะ”
กริชบอกเพื่อน

“อ่อ…งั้นเราไปหากริชที่ไร่ก็เจอเนอะ  ดีเลยจะได้ไปหาพี่กอหญ้าด้วย  พี่ดินอนุญาตไหมคะ”
ข้าวหอมถือโอกาสถามเจ้าของไร่ที่ชะงักช้อนที่จะตักอาหาร

“ได้สิ…แต่ต้องโทรบอกก่อนนะ ไม่ค่อยอยู่บ้านกัน  กอหญ้าก็ไปช่วยงานพี่ในไร่
ส่วนเจ้ากริชก็เฝ้าร้านช่วยเจ้าทัพน่ะ”
พี่ดินสาธยายให้ข้าวหอมฟัง  ร้ายไม่เบาเลยพี่ดิน  ที่บอกว่าเขาช่วยงานในไร่…
พรุ่งนี้จะร้องตามให้ได้คอยดู  กอหญ้านึกกระหยิ่มในใจ

“อ่อ…ค่ะ   ข้าวหอมจะโทรหากริชอีกทีแล้วกันนะก่อนเข้าไป”
ข้าวหอมพูดสีหน้าดีใจ  แบบว่าช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย

“ได้ข่าวว่าโดนลอบวางเพลิงที่ไร่  แล้วโดนยิงด้วยนี่  หายดีแล้วเหรอดิน”
พ่อเลี้ยงเอนกหันมาถามพี่ดิน

“อุ๊ย! ตายจริง ไม่ทราบข่าวเลยนะคะเนี่ย”
แม่เลี้ยงก็ดูตกอกตกใจไปด้วยที่เพิ่งรู้ข่าว

“พวกลอบกัดนะครับ  ดีที่ผมไปเจอพวกมันเสียก่อน  นี่แผลก็เพิ่งหายครับ”
พี่ดินเล่าไปพลางๆ เขี่ยข้าวในจานไปมา  อาหารมีแต่จืดๆ ไม่ใช่รสชาติที่พี่ดินจะชอบเลย
รายนี้น่ะชอบรสจัดๆ หนักไปทางเผ็ดเสียด้วย

“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วล่ะ  พ่อดิน  พระคุ้มครองแท้ๆ”
คุณยายพูดเสริม

“ครับคุณยาย  ถือว่าผมยังโชคดีดวงไม่ถึงฆาตครับ”
 พี่ดินเล่ายิ้มบางๆ เพราะเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้ว

“แล้วเนี่ยน้าเห็นเราโสดมานาน  ชอบสาวที่ไหนบ้างหรือยังล่ะ  อย่ามัวแต่ทำงานเลี้ยงแต่ลูกจน
ไม่ได้มองหาคนรู้ใจล่ะ  อายุก็เพิ่มขึ้นทุกวันนะดิน”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์สัพยอกลูกชายเพื่อน

“ผมก็มีดูไว้อยู่ครับคุณน้า  แต่ไม่รู้ว่าผมชอบเขาฝ่ายเดียวหรือเปล่า
ชาวไร่อย่างผมใครเขาจะสนใจจริงจังล่ะครับ”
พี่ดินพูดเสียงอ่อน  แต่กลับส่งสายตาให้คนตัวบางที่นั่งข้างกัน

“ทำพูดไปเถอะ  ใครๆ เขาก็อยากได้คนดี  คนขยันเป็นเขยกันทั้งนั้นแหละ
นี่ถ้าน้ามีลูกสาวคนโตนะ  น้ายกให้พ่อดินไปนานแล้ว  แต่นี่มีแค่คนเดียวยังเด็กด้วย  ให้ไม่ได้แน่ๆ”
แม่เลี้ยงพูดออกตัวเสียก่อน  แต่พี่ดินไม่ชอบหรอกลูกสาวของเธอน่ะ

กอหญ้าชำเลืองมองพี่ดิน ที่มองกลับมาด้วยประกายจ้าแวบนึง

`หึ  ดูๆไว้อยู่เหรอ  ใครกันล่ะ  แต่ขอโทษนะพี่ดิน  มองนิ้วตัวเองด้วยมีเจ้าของแล้ว
ยังทำเป็นพูดไป  ชิส์`

“แม่ทิพย์  อย่าทำเป็นพูดไปนะเราน่ะมีลูกสาว  มันจะฟังดูน่าเกลียด”
คุณยายพูดขัดขึ้น ทำเอาลูกสาวร้อนตัวรีบพูดแก้ตัว

“แหม…คุณแม่คะ  ทิพย์ก็แค่เย้าหลานเล่นๆ แค่นั้นเองค่ะ ไม่ถือโกรธกันนะดิน”
เธอหันมาพูดกับพี่ดิน

“ไม่หรอกครับ คุณน้า”
พี่ดินพูดจบก็รวบช้อน

`ทนฝืนจนข้าวหมดจานดูก็รู้ว่าไม่อิ่ม แต่อาหารไม่ถูกปากละสิ`

กอหญ้ามองจานข้าวพี่ดินอย่างเห็นใจ

“เติมข้าวหน่อยไหม  ดูทานน้อยจัง”
แม่เลี้ยงถาม  พี่ดินยิ้มๆส่ายหน้ า แล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

“หนูกอหญ้าล่ะ  เติมข้าวอีกไหมลูก”
แม่เลี้ยงหันมาถามเขาอีกคน
“อิ่มเหมือนกันฮะ  คุณน้า”
แล้วกอหญ้าก็รวบช้อน  คงเหลือกริชที่ยังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ เด็กกำลังโต
กินได้กินดี  ส่วนสาวๆ เพื่อนของข้าวหอมก็นั่งทานกันไป  คุยกันหงุงหงิง
แล้วยังส่งสายตาหวานๆ มาให้เขาด้วย  พี่ดินก็ดูจะตีหน้าเรียบขึ้นมาอีกแล้วเมื่อเห็นอย่างนั้น

`แหม  เป็นดาราก็ต้องมีแฟนคลับบ้างสิ`
กอหญ้าแอบขำท่าทีพี่ดิน  ถ้าเป็นแฟนกันนะ  เขาจะนึกว่าพี่ดินหวงแล้วล่ะ
…อาการแบบนี้


เมื่อทานอาหารกันเสร็จ  ต่างก็ย้ายไปรวมกันที่ห้องนั่งเล่น โ ดยมีทีวีจอใหญ่เปิดไว้อยู่ก่อนแล้ว
ภาพข่าวในทีวี  ทำเอากอหญ้านิ่งอึ้งไปเลย มันเป็นภาพที่เขากับพี่ดินไปกำลังลองแหวน
แล้วก็อีกหลายๆ ภาพที่พี่ดินทั้งจูง โอบเอว โอบบ่า  แต่ละรูปใกล้ชิดกันมากๆ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่แค่เพื่อน

โทรศัพท์ของกอหญ้าก็ดังขึ้น  เขาล้วงออกมาดูก็เห็นว่าเป็นพี่คะน้า
“ขอตัวไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ”


กอหญ้าก็เดินออกมาหน้าบ้าน  ส่วนแผ่นดินและกริชก็เลยถือโอกาสลากลับด้วยเลย
เพราะฝนตกลงมาอีกแล้วจากที่ซาเม็ดไป  เดินทางค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน
ท่านทั้งสามต่างเข้าใจจึงพยักหน้าเป็นเชิงให้กลับ

“แล้วมากันอีกนะพ่อดิน  หนุ่มน้อยนี่ด้วย โดยเฉพาะพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนั้นด้วยล่ะ
ยายชอบแล้วสิ…ถูกชะตาเลยล่ะ”
คุณยายออกปากให้พากันมาอีก

“ได้ครับคุณยาย  ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ  ลาก่อนครับ”
สองหนุ่มพี่น้องพากันเดินออกมายังหน้าบ้าน  สาวเท้าตรงไปที่กอหญ้าซึ่งกำลังยืน
คุยโทรศัพท์อยู่อีกมุมของชายคาหน้าบ้าน



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 21,22 :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-03-2019 15:36:17
 :hao3:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 21,22 :)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-03-2019 21:30:58
งานเข้าแล้วจ้า~
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 23 กันและกัน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 29-03-2019 14:43:57
ตอนที่ 23 กันและกัน

เมื่อแผ่นดินและกริชเดินเข้าไปใกล้กอหญ้าเพื่อชวนให้กลับบ้าน  แต่เสียงตอบโต้ทางโทรศัพท์
ทำให้เท้าของทั้งสองชะงักกึกอยู่กับที่

“ใจเย็นพี่คะน้า  อย่าเพิ่งตื่นตูม  พี่ก็เคลียร์ไปสิ  เคยช่วยน้องมาได้ตั้งมากมายหลายเรื่องแล้ว
แค่เรื่องนี้มันจิ๊บๆ สำหรับพี่น่ะ  ข้าวเชื่อว่าพี่เคลียร์ได้อย่างขาวใส"

(ข้าว  หยุดก่อนเลย  อย่าเพิ่งวางสายนะ  นี่…ข้าว…น้องหายแล้วใช่ไหม  บอกมาดีๆ ใช่มั้ย)

“ใช่ครับ  ข้าวหายแล้วแต่ข้าวยังไม่อยากให้ใครรู้ตอนนี้  ข้าวยังอยากอยู่ที่นี่ต่อ
พี่คะน้าช่วยหน่อยนะ…นะฮะ”
กอหญ้าพูดอ้อนคนปลายสาย

(ข้าว…แล้วทำไม  ภาพข่าวที่เห็น…บอกได้ไหมว่ามันคืออะไรกัน  ทั้งไปซื้อแหวนคู่
อีกทั้งยังเดินโอบกันอย่างกับคู่รักนั้นน่ะ)

“ข้าวชอบพี่ดินไม่อยากไปไหนแล้วด้วย เอ่อ…ข้าว…เป็นเกย์หรือเปล่า  ข้าวไม่ยักจะเสียใจ
ที่ถูกขิมทิ้ง  แต่ถ้าให้ไปจากพี่ดิน  ข้าว…ข้าวคงอยู่ไม่ได้”

กอหญ้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจให้ผู้จัดการส่วนตัวฟัง  ซึ่งก็ไม่ใช่แค่นั้น  เพราะตอนนี้มีคนที่ร่วมรับรู้
เพิ่มขึ้นอีกตั้งสองคน
(ใจเย็นๆ นะข้าว  พี่ว่าข้าวแค่กำลังสับสน จริงๆ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ข้าวคิดนะ)

“พี่คะน้า  ข้าวรู้ว่ามันไม่ใช่แค่สับสน  แต่ข้าวคงชอบพี่ดินไปแล้ว
อื้ม…ข้าวจะค่อยๆ คิดและทบทวนใหม่แล้วกัน”

กอหญ้าวางสายยืนนิ่งไปนาน  จนได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้จึงหันไปมอง

“กลับบ้านกันครับ  เราสองคนลาเจ้าของบ้านกันแล้ว”
พี่ดินเดินเข้าไปโอบบ่าพี่กอหญ้า  กริชมองสีหน้าพี่ดินที่ระรื่นอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำ

‘คงสมใจแล้วล่ะ  ได้ยินเต็มสองหูว่าพี่ข้าวความจำกลับมา…แล้วได้รู้ว่าพี่ข้าวชอบอีก
เป็นใครจะไม่ปลื้มล่ะ’

“กอหญ้ายังไม่ได้ลาคนอื่นๆ เลยนะครับ  จะน่าเกลียดเอานะ”
กอหญ้ามีท่าทีเป็นกังวลจะขอกลับเข้าไปด้านใน

“ไม่หรอก  พี่ลาพวกท่านให้แล้ว  คุณยายยังออกปากให้พวกเรามากันอีกเลยนะ
ท่านชอบกอหญ้าด้วยนะ  ท่านบอกว่าถูกชะตา”
แผ่นดินพูดและพาเดินไปที่รถซึ่งมิ่งรออยู่

“จริงเหรอฮะ  ดีจังเลย”
กอหญ้าพูดแววตาสุกสกาว

“ขึ้นรถกันครับ  พี่ๆ ผมอยากกลับบ้านแล้ว”
กริชโอดครวญเบาๆ ตาปรอยแล้วด้วย  เด็กนี่กินอิ่มก็ง่วงเลย

“ไปสิ  เจ้าแสบ  หนังท้องตึงแล้วหรือไงกัน หืม…”
พี่ดินโยกหัวน้องชาย และกอหญ้าก็เอื้อมมือมาขยี้ซ้ำอีกคน

“โหๆ พี่ๆ ครับ  ผมของคนหล่อเสียทรงกันพอดี  พี่มิ่งครับกลับบ้านกันเถอะฮะ”
เด็กแสบทำทีเป็นต่อว่าแล้วผลุบขึ้นนั่งหน้าก่อนเลย  ปรับเบาะเอนลง  คงจะง่วงเต็มแก่
กอหญ้ามองน้องยิ้มๆ

“พี่ดินล่ะจะแวะหาอะไรเข้าไปทานที่บ้านไหมครับ  พี่ดินทานไปนิดเดียวเองจะหิวเอานะ
 อาหารจืดไปใช่ไหมล่ะ”
กอหญ้าถาม ทำเอาคนฟังยกยิ้มที่คนข้างๆ ใส่ใจและสังเกตเห็นว่าเขาไม่เจริญอาหาร
 
“แน่ะ  รู้ได้ไงครับ  ดีจังมีคนรู้ใจพี่ด้วย  แต่เอ…กลับเลยแล้วกัน
อาหารที่บ้านพวกแกงๆ คงมีบ้างล่ะน่ะ  ป้าสายเค้าต้องแกงไว้อยู่แล้วล่ะพี่ว่า”

“จริงด้วยสิ  วันก่อนยังทำแกงส้มเลยนี่ครับ  พูดแล้วก็อยากทานเหมือนกันนะฮะ
กับข้าวบ้านเราน่ะ  อร่อยที่สุดแล้ว”

“บ้านเรา…อาหารเด็ดสุดจริงด้วย  งั้นกลับไปทานเป็นเพื่อนพี่เนอะ”
พี่ดินพูดแล้วรวบมือเขาไปกุมแถมหมุนๆ แหวนที่นิ้วเขาเล่นไปด้วย

‘ยิ้มปากแทบจะฉีกถึงใบหู  ยิ้มอะไรนักหนา  พิลึกคนจริง’

“มีเจ้าของแล้วนะครับ  ห้ามไปมองคนอื่น  พี่หวงนะรู้รึป่าว”
พี่ดินโน้มหน้ามากระซิบข้างหู  คนฟังขนลุกเกลียว เพราะลมหายใจ
ที่รินรดต้นคอกันแบบนี้

“พี่ดินก็มีแล้วเหมือนกัน  ลองไปมองสาวคนอื่นดูดิ  หึ่ม…”
คนตัวบางกระซิบขู่บ้าง  การกระทำของสองหนุ่มที่เบาะหลังไม่รอดพ้นจากสายตาคนขับ
ไปได้  มันเป็นการฟ้องด้วยภาพไปแล้ว

สักพักสองหนุ่มที่เบาะหลังก็เอนหัวซบอิงแอบกันหลับไปแล้ว  มิ่งจึงค่อยๆ เคลื่อนรถไปเรื่อยๆ
อย่างไม่เร่งรีบอะไร  ขอแค่ให้คุณๆ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพก็เป็นแล้ว


“คุณๆ ครับ! ถึงไร่แล้วฮะ! จะนอนในรถเลยมั้ย! ไอ้มิ่งจะได้กลับไปนอนที่บ้านพักครับ!
เห็นหลับกันแล้วง่วงเลย”
มิ่งเรียกเสียงดังพอสมควรทำเอาสามหนุ่มสะดุ้งกันเลยทีเดียว

“ไอ้มิ่ง! จะแหกปากทำไมวะ! คนกำลังฝันหวานเลยไอ้นี่”
พี่ดินขึ้นเสียงใส่ลูกน้อง
 
“ก็ถึงบ้านตั้งนานแล้ว  คุณๆ ก็ไม่ตื่นกันเลยสักคน  ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละฮะ…ถ้ามีประทัดนะ
คงได้สนุกแน่ๆ”
เจ้ามิ่งทำท่าทางประกอบอย่างน่ากวนโมโห  จนคนเป็นเจ้านายอดไม่ได้

“ไอ้มิ่งเดี๋ยวโดนเตะนะมึง  วอนซะแล้ว  ก็ลองมาจุดดูสิจะจับยัดใส่รูหู ให้หูแตกไปเลย
กลับไปนอนไป  ขอบใจที่ส่งถึงบ้าน ไปสิ! ไล่แล้วเนี่ย! ยังจะมายืนมองทำไมอีกห๊ะ!”
แผ่นดินทำท่าขึงขังใส่เจ้ามิ่งที่ยืนนิ่งไม่ยอมไป  แม้ว่าจะโดนไล่แล้วก็ตาม

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน…ไอ้มิ่งโดนไล่เตะไปแล้วไม่ใช่แค่ขู่นะ…นี่แสดงว่านายดินของไอ้มิ่งน่ะ
…เปลี่ยนไป  ไปแล้วครับนาย…บาย”
มิ่งพูดจาเล่นลิ้นต่ออีก  ก่อนจะวิ่งหนีไปที่มอเตอไซค์ที่จอดแอบไว้ข้างเสา

“เออ! ขืนเอ็งยังยืนอยู่ตรงนี้  เอ็งก็ไม่วายโดนตีนแน่ ไอ้มิ่ง!!!”
พี่ดินต่อปากต่อคำไม่เลิก  กอหญ้ามองเจ้านายกับลูกน้องแล้วยิ้มขำ

“ไปอาบน้ำนอนกัน  กอหญ้านอนห้องพี่นะคืนนี้…นะครับ”
พี่ดินหันมาอ้อน  กอหญ้าพยักหน้าไม่มีอิดออด

“ขออาบน้ำก่อนนะฮะ  เดี๋ยวตามไ ป แล้วพี่ดินไม่ทานข้าวแล้วเหรอ
นั่น! กริชเดินขาปัดไปแล้วคงจะง่วงเต็มทน”
กอหญ้าเดินเข้าบ้านพร้อมกับพี่ดิน  แล้วก็คุยกันไปด้วยระหว่างเดินเข้าบ้าน

“ไม่กินแล้วล่ะ  ดึกเกินไป…เดี๋ยวอ้วน”
พี่ดินพูดหน้าตาเฉย

“กลัวอ้วน? แล้วจะไปเป็นแบบที่ไหนรึไง  ถึงกลัวหุ่นจะเสียน่ะ  คริคริ”
กอหญ้าหลุดขำจนได้แล้วหนีขึ้นชั้นบนไป

แผ่นดินมองตามแผ่นหลัง  นึกถึงถ้อยคำเมื่อชั่วโมงก่อน
‘ข้าวชอบพี่ดิน  แล้วก็ไม่อยากไปจากพี่ดิน  พี่คะน้า ข้าว…เป็นเกย์หรือเปล่า
ข้าวไม่ยักจะเสียใจที่ถูกขิมทิ้ง  แต่ถ้าให้ไปจากพี่ดิน  ข้าวคงอยู่ไม่ได้’

“พี่ก็เหมือนกัน…จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีกอหญ้า…อย่าไปไหนอยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไปเลยได้ไหม?”
แผ่นดินพึมพำออกมา  แล้วก้าวเท้าขึ้นข้างบนเพื่อไปอาบน้ำ

“เจ้าทัพ! แกมาแอบทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ มืดๆ ค่ำๆ”
พ่อเขต  เข้าไปทักเมื่อเห็นลูกชายยืนทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงมุมมืดหลังพุ่มไม้

“โธ่ๆ พ่ออย่าเสียงดังไปดิครับ  ผมจะจับพวกแมวขโมยเสียหน่อย ดูสิ! ไหวตัวไปแล้วเนี่ย”
ฐานทัพโอดครวญกับพ่อ  และยังโทษท่านอีกทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด
แต่ความที่ชอบต่อปากต่อคำกันจนติดนิสัย

“แมวขโมยอะไรของแกวะ  พ่อเห็นแต่พี่แกที่เดินไป  เดี๋ยวเถอะ!นะ
 พ่อจะฟ้องเจ้าดินที่แกหาว่ามันเป็นแมว  ฮ่าฮ่า”

“พ่ออ่ะ…อย่าพูดไปเชียว  พี่ดินมันเล่นผมตายพอดี  พ่อไม่อยากรู้เหรอว่าพี่ดิน
มันขโมยปลาย่างที่ไหนกิน”
“อยากเล่าก็เล่ามา  แกจะเกริ่นทำไมล่ะ  เดี๋ยวได้อกแตกตายหรอกถ้าไม่พูดมันออกมาเองน่ะ
ความลับมันจุกอกเอานะเว่ย  บอกไว้ก่อน”
 
“พ่อน่ะรู้ไปหมดทุกเรื่องสิน่า โว๊ะ! ไม่สนุกเลยคุยกับพ่อเนี่ย  ผมไปนอนดีกว่า”
ฐานทัพก็ทำเป็นงอนเดินสะบัดก้นหนีพ่อเข้าบ้านไป  ท่านมองตามหลังลูกชายคนเล็ก
ที่นับวันมันจะติงต๊องขึ้นเรื่อยๆ

“อ้าว! ไอ้ทัพ…กลับมาก่อนสิ  มาเล่าให้จบก่อน  อะไรของมันหว่า…เจ้าดินมันชอบกินปลาย่าง
ตั้งแต่เมื่อไหร่  แล้วทำไมมันจะต้องขโมยกิน  เหอะ”
พ่อเขตพึมพำอยู่คนเดียว  แล้วก็เดินเลี่ยงเข้าไปยังห้องนั่งเล่นที่มารดาดูละครทีวีอยู่

“คุณแม่ครับ  ร้องไห้อีกแล้วใครทำล่ะ…บอกผม”
บุตรชายรู้อยู่ว่าละครทำให้มารดาร้องไห้เป็นเผาเต่ายังอดกระเซ้าท่านไม่ได้อีกตามเคย

“ก็พ่อข้ามฟ้าของแม่น่ะสิ  เล่นเก่ง  ทำเอาสงสารใจจะขาดแล้วเนี่ยเจ้าเขต  ฮือฮือ”
มารดาฟูมฟายต่ออีกพักใหญ่

“เขาเล่นดี  สมบทบาทขนาดนั้นเลยเหรอครับ  เจ้าดาราคนนี้น่ะ
เออ! มองๆ ไปหน้าตาก็เหมือนกอหญ้าของเจ้าดินมันจริงๆ ทั้งคิ้ว ตา จมูกและปากด้วย
ไม่มีสิ่งไหนผิดเพี้ยนเลยจริงๆ ด้วยสิครับ”
ลูกชายมองไปปากก็วิจารณ์ไป  พอเพ่งพินิจหน้าตาอย่างจริงๆ จังๆ ก็เห็นตรงกับที่คนเป็นแม่บอกไว้

“ก็แม่บอกแกแล้วว่าหนูกอหญ้าน่ะคือพ่อข้ามฟ้า  แกก็ไม่เชื่อแม่  เนี่ยแม่ถึงบอกให้เขาน่ะกิน
เยอะๆ ไงจะได้อ้วนมีเนื้อมีหนังกว่านี้  ไม่ใช่ผอมบางจะปลิวลมอย่างทุกวันน่ะ”

“งั้นก็ต้องบอกแม่สาย  ให้ทำเมนูอร่อยๆ ให้เขากิน  จะได้กินเยอะๆ อ้วนๆ”

“แม่ก็บอกสายมันแล้ว  แต่หนูกอหญ้าไม่เคยร้องขออาหารสักอย่างที่ชอบ
เห็นว่าทำอะไรให้ก็กินอย่างกับแมวดม  แล้วเมื่อไหร่จะมีเนื้อมีหนังกันล่ะทีนี้”

“คุณแม่ต้องบอกเจ้าดินให้มันบังคับ  เห็นมันจัดการได้อยู่หมัด…จนเลิกดื้อได้แล้ว
ทีแรกใครเข้าใกล้ได้ซะที่ไหน  ถูซะเนื้อหนังแทบหลุด  เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้วนี่ครับ”

“อืม… จริงด้วยสิ  ดินมันจัดการได้อยู่หรอก…เดี๋ยวแม่พูดกับดินมันเอง”

“ตามใจเถอะครับ  พ่อพระเอกมาพักที่บ้านเราทำเอาคุณแม่มีความสุขเสียขนาดนี้น่ะ หึหึ”

“ไม่ต้องมาล้อแม่เลย เจ้าเขต เดี๋ยวจะโดนดีนะเรา”

“ดูไปสิครับ นั่นๆ โผล่มาแล้วครับพ่อพระเอกน่ะ”
คนเป็นแม่ก็ดูละครไม่สนใจลูกชายอีกเลย


แผ่นดินอาบน้ำเสร็จพักใหญ่ๆ จนขึ้นนอนบนเตียงแล้วคนที่รับปากว่าจะมานอนด้วย
ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมา  เขาจึงปิดแอร์ปิดไฟ  แล้วเตรียมตัวจะไปนอนที่ห้องนั้นเสียเอง
พอก้าวเข้าไปในห้อง  ก็ไม่เจอเจ้าของห้อง  จึงเดินไปดูที่ห้องน้ำ เห็นนอนแช่น้ำจะหลับ
มิหลับแหล่อยู่แล้ว

“กอหญ้าขึ้นมาเลย  พอแล้วแช่ตัวอะไรนานขนาดนี้กันล่ะ  เดี๋ยวก็จมน้ำตายกันหรอก
 ขึ้นๆ เลย  พี่ไม่ให้แช่แล้ว"
กอหญ้าผวาตัวลุกขึ้นเพราะเคลิ้มจะหลับไปเหมือนกัน

“แค่เคลิ้มๆ เอง พี่ดินออกไปก่อนเถอะ  ล้างตัวอีกเดี๋ยวจะตามออกไป”

“ห้ามเกินห้านาทีนะ”
 พี่ดินสั่งเสียงเขียว

“ครับๆ รีบแล้วครับ พี่ออกไปก่อนสิ  กอหญ้าโป๊อยู่นะ
 พี่ดินอย่าเข้ามา…ไม่เล่นนะฮะ”
พี่ดินย่างสามขุมเข้ามา  แล้วก็รวบตัวเขาไปกอดไม่กลัวว่าตัวจะเปียกตาม
ไปด้วยเลย  พาเดินออกไปจากห้องน้ำ ได้ก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อให้ด้วย
แล้วปล่อยให้เขายืนอยู่หน้าเตียงโดยพี่ดินก็ซับน้ำที่ตัวให้จนแห้ง

“มานอน…เร็ว  พี่ง่วงแล้ว”
พี่ดินเร่งให้ขึ้นเตียงนอนนอน

“ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเลยครับ  พี่ดินก็ตัวเปียกเหมือนกัน  เดี๋ยวกาชุดมาให้นะ
เอาแต่กางเกงใช่ป่าว  แล้วพี่จะนอนห้องนี้เหรอฮะ”

“ไม่ต้องใส่แล้วขึ้นมาเลย  ของพี่ไม่เปียกนี่  พี่จะนอนห้องนี่แหละก็เราโอ้เอ้…พี่รอตั้งนาน”


กอหญ้าปลิวไปตามแรงฉุดของคนตัวโตกว่า  ไม่ทันระวังจึงล้มลงไปบนตัวพี่ดินเต็มๆ
ความแนบชิดทำให้เก้อเขินไม่น้อย  พี่ดินพลิกตัวกอหญ้าให้นอนราบไปบนที่นอน
แล้วเจ้าตัวก็ตามมาประกบจูบปิดปากที่พยายามจะร้องประท้วง  ปลายลิ้นอุ่นสบจังหวะแทรก
เข้าสำรวจกับลิ้นเล็กที่หลบหลีกแต่ไม่เป็นผล  เขาถูกฟันคนตัวโตกว่าไล่งับและดูดดุน

จนกอหญ้าหลุดคราง
“อ๊ะ…อื้อ…”

พี่ดินปล่อยริมฝีปาก  เคลื่อนจมูกสูดดมที่ซอกคออย่างโลมเลีย  ฝังจมูกสร้างความปั่นป่วน
วาบหวามในช่องท้องของเขาไม่น้อย  ฝ่ามือหยาบก็ลูบไล้และเค้นคลึงที่หน้าอกทั้งสองข้าง
สลับไปมา  ปากก็ขบเม้มที่หลังใบหูเบาๆ เรียกเลือดในกายให้วูบไหวกับรสสัมผัสนั้น
ฝ่ามือยังคงลูบไล้ต่ำลงทุกที  แล้วก็กอบกุมส่วนอ่อนไหวของเขาไว้เต็มกำมือและบีบทักทาย
เบาๆ กอหญ้าส่ายหน้าครางกระเส่าอีกครั้ง
“อะ…อือ…พี่  อ่ะ…อาห์”

พี่ดินลากจมูกปากมาจู่โจมที่หน้าอกเขาอีกแล้ว  ความสากของลิ้นสร้างความรัญจวนอย่างยิ่ง
กอหญ้าแอ่นหน้าอกตามปากที่ดูดดึง  และปัดป่ายมือไปตามเนื้อตัวแผ่นหลังและทึ้งเสื้อนอน
ของอีกคนออก  พี่ดินผละไปจัดการชุดนอนของตัวเองออกภายในพริบตาเดียว  แล้วเนื้อตัวที่
เปล่าเปลือยก็ทาบทับลงมาเบียดเสียดแนบชิดทั้งตัว  น้องชายของเราสัมผัสทักทายกันอย่าง
พอดิบพอดี  สร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้เกิดขึ้น  มันมีความคลางแคลงสงสัยใคร่รู้ปะปนอยู่
ด้วยในทุกการสัมผัสแตะต้อง
“ไม่ต้องกลัวนะ…แค่ภายนอกเท่านั้น”

พี่ดินกระซิบข้างใบหูเสียงสั่นพร่า  เราต่างมองสบตากัน  ในแววตาอ่อนเชื่อมที่ส่งให้คนตรงหน้า
มีแววเว้าวอน  ออดอ้อนอยู่ในที  กอหญ้าจึงใช้มือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของพี่ดิน  คนด้านบนก็ถูไถ
ส่วนล่างที่แข็งขืนไปมา  ทำเอากอหญ้าสยิวภายในช่วงท้องจนเขม็งเกร็ง

“พี่ดิน  อ่ะ  ข้าวเสียว พี่ดิน…อือ…ช่วยข้าว”
กอหญ้าร้องขอเสียงสั่นๆ

พี่ดินประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม  มือที่ว่างก็กอบกุมส่วนอ่อนไหว
ของเราไปพร้อมๆ กันขยับรูดรั้งเป็นจังหวะ  การเสียดสีและจังหวะจะโคนที่คนตัวโตชักนำ
เหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกโหม  จนกอหญ้าต้องเด้งสะโพกตามมือพี่ดินทำให้แผ่นหลัง
ยกลอย  เขาเสียววาบตั้งแต่ไขสันหลังลงไปที่ปลายเท้า  กอหญ้าเสียวจนเผลอเล็บจิกที่สีข้าง
ของแผ่นดิน  จนชายหนุ่มพลอยสะดุ้ง หอบหายใจหนักๆ ถี่กระชั้น
 
“คนดี ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้ครับ…หืม”

พี่ดินขบกัดลงมาที่ราวนมดูดดุนเข้าไว้ในปากแล้วปล่อยออก  เผลอแป๊บเดียวคนตัวโต
ก็ลงไปคลุกที่ส่วนล่างครอบครองส่วนที่แข็งขืนของเขาไว้ในอุ้งปากที่อุ่นจัดแล้ว
ละเลงเรียวลิ้นไม่หยุดจนกอหญ้าต้องยกสะโพกตามอย่างเสียวซ่านสะท้านไหว
แผ่นดินเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีกเมื่อเห็นอาการเกร็งของคนตัวบาง  กอหญ้าเห็นสวรรค์
อยู่รำไร…แล้วทุกสิ่งอย่างก็ระเบิดออกมาอย่างท่วมท้น  กอหญ้าดึงพี่ดินให้ผละออกมา
แต่เจ้าตัวก็วนเวียนอยู่กับลาวาร้อนนั้น  จนหยาดหยดสุดท้ายถูกกลืนหายไปทั้งหมด

“หอมหวานที่สุดเลยครับ…กอหญ้าของพี่”

พี่ดินพูดน้ำเสียงแหบและกระเส่าหน้าแดงลามไปยังใบหู  ตาหวานฉ่ำ  อารมณ์ก็คงขึ้นสุดอยู่
เหมือนกัน  สังเกตจากน้องชายพี่ดินที่ยังคงแข็งขืนดันโดนโคนขาของกอหญ้า
เจ้าตัวจึงดึงพี่ดินให้มานอนเคียงกัน

“พี่ดินนอนลงครับ”

พูดจบเจ้าตัวก็ทั้งขบกัด  ฝังเขี้ยวไปตามเนื้อแน่นๆ ของเขาตั้งแต่หน้าอกลงมาตามลอนกล้ามท้อง

“พี่ดิน  เจ็บไหมครับ  ข้าวอยากกัดอ่ะ  เนื้อแน่นๆ แบบนี้”
 เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงแบบมันเขี้ยว

“โอ๊ะ! ตัวแสบ  พี่เสียวนะครับ”
เจ้าตัวแสบของเขาก็ไล่ขบกัดไปทั้งตัว  แผ่นดินทั้งสุข เสียว เจ็บหน่อยๆ ปะปนกันไปสร้างความ
แปลกใหม่ตื่นเต้นตามไปด้วย  เพราะไม่เคยมีใครทำให้ขนาดนี้  แล้วปากอิ่มหยักสวยก็พันธนาการ
จนเขาหมดอิสรภาพ  ยอมแพ้อย่างราบคาบ…พ่นพิษออกมาจนหมด

“พี่ดิน  คนดี  เป็นของข้าวแล้วนะ  ห้ามไปมีคนอื่นด้วย”
กอหญ้าช้อนตาขึ้นมองคนตัวโตอย่างหยอกล้อ  เย้าแหย่

“ครับ  พี่หลงจนหัวปักหัวปำแล้วเนี่ย  จะมีใครได้อีก  เราน่ะอย่าหนีพี่ไปไหนล่ะ
เราเป็นของกันและกันแล้วนะ…คนดี”

กอหญ้ายิ้มตาหวานเมื่อได้ฟังคำพูดที่เหมือนเป็นคำมั่น  แล้วก็จูบปิดปากคนตัวโตเป็นรางวัล
และแทรกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของกันและกัน




หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 23 น้องสกาย 1
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 29-03-2019 15:11:36
ตอนที่ 24  น้องสกาย 1

ช่วงนี้นายอำเภอหนุ่มร่างเล็กอย่างธารา  ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเข้ามาทักถาม
ฝากเนื้อฝากตัวกันเป็นการใหญ่  เพียงแค่ข้ามคืนจากงานเลี้ยงต้อนรับคราวก่อน
อำเภอเล็กๆนี่  ทั้งภาพและข่าวแพร่สะพัดไปเร็วเอามากๆ คนส่วนใหญ่จะรู้แค่ว่าเขา
มีลูกชายหนึ่งคนแล้ว  แต่ไม่ปรากฏว่าใครคือแม่ของเด็ก  แล้วเช้าที่วุ่นวายสำหรับ
ธาราก็เกิดขึ้นจนได้

“พี่ธาราครับ  เกิดเรื่องใหญ่แล้ว  มีผู้หญิงมาเอะอะโวยวายอยู่หน้าบ้าน
บอกว่า…เป็นเอ่อ…แม่น้องสกายครับ  พี่ธาราไปดูหน่อยเหอะ
ป้าวรรณจะต้านไม่อยู่เอาน่ะ”
ลูกพี่ลูกน้องของธาราและตอนนี้เป็นพี่เลี้ยงของน้องสกายเข้ามาแจ้งข่าวหน้าตาตื่น
“เจ้านุรีบไปดูน้องก่อนเลยไป  อย่าเพิ่งให้ออกมาจากห้องล่ะ  เดี๋ยวพี่ไปดูแม่ก่อน”
พูดจบธาราก็พุ่งตัวออกไปหน้าบ้านทันทีอย่างร้อนใจ

“ป้าวรรณ  หนูแค่จะมาหาลูก  ป้าวรรณจะขัดขวางไม่ให้แม่ลูกเจอกันได้ยังไงกัน
หนูจะไปแจ้งความว่าลูกชายหนูถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว  หนูทำจริงๆนะป้า”
หญิงกลางคนรูปร่างเล็กกับเด็กสาววัยรุ่นกำลังถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดง

“เธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวหลานชายฉัน  เธอทิ้งไปตั้งแต่คลอดไม่ถึงห้าวันด้วยซ้ำ
แล้วจะมาอ้างสิทธิ์อะไรอีก  ออกไป! บ้านนี้ไม่ต้อนรับคนอย่างเธอ”

“แม่ครับ  ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมคุยกับฝ้ายเอง”
ธาราเข้าไปโอบแม่ไว้  ตัวก็เล็กนิดเดียวจะไปอะไรกับใครเขาได้

“พี่ธารา  หนูจะมาหาลูกแต่ป้าวรรณไม่ให้เข้าบ้าน  มันยังไงกันคะเนี่ย…จะกีดกันแม่ลูก
ไม่ให้ได้เจอะเจอกันเลยหรือไง”
หญิงสาวร่างเล็ก  สวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปกับกางเกงขาสั้นจู๋  แต่งหน้าจัดจ้าน
ปากนิดจมูกหน่อยนั่นก็ดูสวยดี  นี่แหละแม่ของหลานชายตัวน้อย

“ฝ้ายเธอเป็นคนไปจากพวกเราเอง  เธอทิ้งน้องสกายไม่เคยกลับมาเหลียวแล
เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้  เจ้าธารินเองมันก็ช้ำใจกับเธอมาก็มาก  แล้วเธอยังจะกลับมาอีก
เพื่ออะไร  ตอนนี้สกายเป็นลูกของพี่แล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมายเสียด้วยสิ”
ธาราพูดด้วยเหตุและผลให้เด็กสาวฟัง  เด็กสาวได้ฟังก็หน้าเจื่อนลง

“พี่ธารา  หนูแค่ต้องการเห็นหน้าลูกบ้าง  อยากดูว่าเขาเติบโตมากแค่ไหนแล้ว
ที่แล้วมาหนูรู้ว่าหนูทำผิดกับพี่ธารินและลูก…แค่ตอนนี้ขอโอกาสให้หนูได้เห็นลูกบ้างได้ไหม”
ฝ้ายพูดน้ำตาคลอๆ

“ได้สิ…พี่จะให้เธอเจอกับสกายแต่บอกก่อนนะฝ้าย  เธอจะทำอะไรตามอำเภอใจที่นี่ไม่ได้
นุไปพาน้องออกมาหน่อย”
ธาราหันไปบอกนุที่เมียงมองไม่ห่างนัก  นุหายเข้าไปและกลับออกมาพร้อมเด็กชายหน้าตา
หวานที่อยู่ในชุดนักเรียนอนุบาล  เด็กน้อยมองคนแปลกหน้าแล้วก็เดินไปหลบหลังคนเป็นพ่อ

“สกาย! มาหาแม่สิครับ  แม่ฝ้ายไงล่ะ”
ฝ้ายยื่นมือออกไปข้างหน้า  เพื่อจะให้ลูกชายของเธอเข้ามาหา  แต่เด็กชายส่ายหน้า
ขนตางอนสวยนั้นไม่ต่างอะไรกับผู้ชายตัวเล็กที่เด็กชายไปยืนแอบที่ด้านหลังสักนิด

“ไม่ไป…พ่อธารา  สกายมีแม่วรรณแล้ว  สกายไม่เอาไม่ไปกับคนอื่น ฮึก…ฮือ”
หนูน้อยพูดไปสะอื้นไป  กลัวพ่อจะให้ไปกับผู้หญิงตรงหน้า

“อะไรกัน  คนอื่นที่ไหนล่ะ  นี่แม่ฝ้าย  แม่ของลูกนะครับ  คนบ้านนี้สอนอะไรผิดๆ
ให้ลูกหรือไง  ฮือ ฮือ สกายมาหาแม่”
หญิงสาวคร่ำครวญและโทษว่าเป็นความผิดของคนบ้านนี้ที่ลูกไม่เข้าหาเธอ

“ฝ้ายเธอพูดจาให้มันดีหน่อย  ใครจะไปสอนอะไรแบบนั้น  คิดไปเองคนเดียวสิ…เธอน่ะ”
ธาราชักจะหมดความอดทน

“สกายไม่เอาแม่ฝ้าย  พ่อธารา  ฮึก…แง แง แง”
หนูน้อยร้องไห้จ้าและกอดขาธาราไว้แน่น  จนชายหนุ่มต้องก้มตัวไปอุ้มลูกขึ้นมา

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะเด็กดี  ฝ้ายเธอต้องให้เวลากับลูกบ้าง  ให้เขาได้ปรับตัว
เดี๋ยวก็คุ้นเคยกันไปเอง  แต่พี่ไม่อนุญาตให้เธอพาน้องสกายไปไหนมาไหนตามลำพังนะ”
ธาราปลอบลูกและหันไปตกลงกับฝ้าย

“ก็ได้ค่ะพี่ธารา  งั้นฝ้ายค่อยมาใหม่วันหลัง  สกายแม่กลับก่อนนะครับ”
แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินออกไปขึ้นรถที่จอดรอเธออยู่

“นุช่วยดูน้องดีๆ ด้วยล่ะ  ถ้าหากเธอมาอีกก็ต้องเฝ้าอย่าได้ห่าง  เข้าใจใช่ไหม”
นุพยักหน้ารับคำ  ธาราเครียดขึ้นมา  เขาว่าเรื่องนี้มันคงจะไม่จบง่ายๆ เป็นแน่

“ธารา  แม่ละกลัวใจยัยเด็กนี่จริงๆ เลย  บทจะทิ้งก็ไป  บทอยากได้ก็กลับมา
ทำอะไรดูมักง่ายไปเสียหมด  แม่ละปวดหัว”
แม่วรรณสีหน้าทุกข์ร้อนเป็นกังวลไม่ต่างจากลูกชาย


“คุณแม่ก็ต้องคอยดูหลานดีๆ ด้วยนะฮะ  มีอะไรให้รีบบอกผม”
ธารากำชับมารดาก่อนที่จะออกจากบ้าน

ธาราขับรถกระบะ คู่ชีพกลางเก่ากลางใหม่สีดำออกจากบ้านเพื่อส่งลูกที่โรงเรียน
แล้วจึงขับไปทำงานอย่างเช่นทุกเช้า  แต่ออกจากโรงเรียนลูกมาไม่ไกลนักรถก็เกิดดับ
กระทันหัน  น้ำมันรถก็เกือบเต็มถัง  ความรู้เรื่องเครื่องยนต์เขาก็ไม่มีเอาเสียเลย
จึงกดโทรศัพท์หาตัวช่วยซึ่งก็คือพีลูกน้องคนสนิทนั่นเอง

“พี  รถผมดับตรงทางแยกออกถนนใหญ่  อ่ะใช่…ตรงโรงเรียนสกายพอดี
ไม่รู้ต้องทำยังไง  พีช่วยมารับผมทีสิ  เดี๋ยวจะเข้างานสาย  แล้วค่อยหาช่างมาดู
ทีหลัง ได้ๆ ผมจะรอ”
ธาราวางสาย  แล้วลงมายืนข้างรถ  เดินไปเดินมาจึงเปิดฝากระโปรงรถ
เผื่อว่าพีจะรู้วิธีแก้เบื้องต้นให้ก่อน  เขาจะได้ไม่ต้องทิ้งรถไว้ที่นี่  สักพักก็มีรถกระบะแบบ
ครอบครัวสีดำเงามาจอดถัดจากรถเขาไปเล็กน้อย  พอเห็นคนขับที่ก้าวลงจากรถ  ธาราก็ชะงัก
 
“โอ๊ะ…โอ น้องธารธารา  รถเสียเหรอครับ  มาครับ…เดี๋ยวพี่ภพช่วยดูให้นะ”
พูดจบผู้ชายตัวสูงก็ไปก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงเครื่อง  พักนึงก็เงยหน้ามามองและพูดขึ้น
“ลองไปสตาร์ทอีกที  พี่ว่าน่าจะติดแล้วนะ”
ธารารีบทำตามที่ตรีภพบอก  บิดกุญแจแค่ครั้งเดียว  เครื่องยนต์ก็สตาร์ทติดขึ้นมาเฉยเลย
เหมือนเป็นการแกล้งกันอย่างนั้น 

ธารารู้สึกเสียหน้า

“ขั้วแบตหลวมน่ะ  พี่ว่าเติมน้ำกลั่นบ้างก็ดีนะ  อีกอย่างหม้อน้ำนี่ด้วยอย่าละเลยหมั่นดูระดับน้ำ
 อ้าว! มองหน้าพี่…คือยังไงครับ”
ตรีภพถามออกไปเมื่อไม่มีการตอบโต้กลับมาสักคำจากคนตัวเล็ก
มีเพียงสายตาที่มองจ้องอย่างไม่รู้ว่าจะสื่ออะไร

“ทั้งหมดที่บอกมา  เข้าใจแล้วครับ  ขอบคุณที่ช่วยแล้วกันนะ…คุณศาลาวัด
…ผมต้องรีบไปทำงานแล้ว  ไปก่อนล่ะ”
แล้วธาราก็เหยียบคันเร่งหนีคนตัวโตที่กระโดดหลบแทบไม่ทัน

“แสบนักนะ  น้องธาร  หึหึ”
สารวัตรหนุ่มส่ายหน้ายิ้มพราย  เขาไม่นึกโกรธสักนิดที่ถูกคนตัวเล็กกระทำแบบนั้น


ธาราขับออกมาไกลพอควรจากจุดที่รถเสีย  เขาจึงเลี้ยวรถจอดข้างทางแล้วกดโทรศัพท์หาพี
เขาบอกไปว่ามีคนมาช่วยดูรถให้แล้ว  ตอนนี้รถใช้งานได้อย่างเดิมแล้ว  พีรับทราบและวางสายไป
 
ธาราขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงที่ว่าการอำเภอ

“อ้าว! พี  เจอตัวพอดีเลย…คุณช่วยไปดูรถให้ผมหน่อยสิ  ขั้วแบตหลวมน่ะเมื่อตะกี้
ช่วยดูเบื้องต้นให้ทีว่าต้องเติมอะไรบ้า ง ผมไม่เคยเปิดดูเลย  อีกอย่างก็ไม่ได้เข้าอู่นานมากแล้วด้วย”
ธาราอ้อมแอ้มบอกออกไป

“งั้นขอกุญแจ  เดี๋ยวผมไปดูให้ครับ”
พีรับกุญแจเดินไปทางโรงจอดรถ  พอธาราจะเดินเข้าห้องทำงานก็มีสายโทรเข้ามาอีก
เบอร์ไม่คุ้น แต่เขาก็กดรับสาย

“สวัสดีครับ  น้องธาร  อย่านะ…อย่าเพิ่งวาง  พี่แค่โทรมาชวนไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน
ก่อนเที่ยวพี่จะเข้าไปรับนะ  ห้ามปฏิเสธครับ…แล้วเจอกัน”
แล้วคนปลายสายก็วางไป

ธารายืนอึ้ง  อะไรของเขานะ  อยู่ดีๆ มาชวนทานข้าว  ท่าจะเพี้ยนเอามากๆ
แล้วธาราก็เดินไปนั่งทำงานที่โต๊ะ  มีงานมากองรอไว้กองพะเนิน  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการ
ต่อเนื่อง  เขาต้องศึกษาอย่างละเอียดและอย่างรอบคอบ  เพราะต้องตั้งงบและประมาณการให้
ดีด้วย  เรื่องเงินเรื่องทองต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ  ทำงานไปนานจนลืมเวลานัดหมาย

จนเมื่อมีคนตัวโตมายืนอยู่หน้าโต๊ะแล้วนั่นแหละ  เขาจึงนึกขึ้นมาได้

“อ้าว! ผมลืม ไปทานที่ไหนดีล่ะ ขอใกล้ๆ ก็ดีนะ”
ธาราเก็บงานบนโต๊ะ แยกกอง

“ไปรถพี่นะ  อยากทานอะไรล่ะ  ร้านใกล้ๆ ตลาดก็ได้นะ  พอทานได้อยู่”
พูดจบคนตัวโตก็เดินนำไปที่รถ  ธาราเดินตามไปห่างๆ ลูกน้องหันมามองยิ้มๆ
นายอำเภอหนุ่มน้อยน่ารักของเขา  มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หล่อคมมาพาออก
ไปต่อหน้าต่อตา

“พี่พีคะ  คุณสารวัตรเค้ามารู้จักลูกพี่ของเราได้ยังไงกัน  นายอำเภอเราเพิ่งมาเองนะคะ”
หญิงสาวสวยแย้มปากถามคนสนิทของนายอำเภอหนุ่ม

“คุณเจน  สองคนเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนมัธยมเดียวกันมาก่อนครับ”
พีตอบข้อสงสัยให้คนสวยหุ่นอวบอั๋น  หน้าแฉล้มปากชมพูฟัง

“โอ้โห…เส้นดีไม่เบาเลยลูกพี่เรา  ดีจังเลยเนอะพี่พีเพื่อพวกเรามีปัญหา
จะได้ปรึกษาคุณสารวัตรได้  คริคริ”
แล้วสาวแจงก็หัวเราะชอบใจ  พีมองสองหนุ่มที่เดินไปขึ้นรถแล้วก็ได้แต่หวั่นใจ
คู่นี้เท่าที่รู้มาออกจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเสียมากกว่าที่จะเป็นมิตรกันได้
แต่แปลกที่วันนี้ออกไปด้วยกันได้


สารวัตรหนุ่มพาคนตัวเล็กมาจนถึงร้านกาแฟขนาดกลาง  ที่มีอาหารแนวฟิวชั่นขายด้วย
ร้านตกแต่งจนดูเก๋ไก๋  น่ารักลงตัว  มีหนุ่มสาวนั่งกันอยู่หลายโต๊ะ  พอสองหนุ่มก้าวเท้า
เข้าไปคนอื่นๆ ก็หันมองแล้วส่งยิ้มให้พวกเขา  ทั้งสองจึงยิ้มทักทายกลับไปให้บ้าง

ตรีภพเลือกโต๊ะที่อยู่มุมในสุดเพื่อความเป็นส่วนตัว

“น้องธาร  อยากทานอะไรสั่งได้เลยครับ  พี่ขอแกะย่างกระเทียมจิ้มแจ่ว
และสปาเก็ตตี้ปลาอินทรีเค็มครับ"
ตรีภพสั่งก่อนโดยไม่เปิดเมนูด้วยซ้ำ  แสดงว่าเคยมาทานแล้วเป็นแน่
ธาราเปิดเมนูดู  แล้วจึงสั่งส่วนของตัวเองออกไป

“ของผมขอเป็น  พิซซ่าหน้าเขียวหวานกับเกี๊ยวปูครีมชีส  ครับ”
ธาราเห็นรูปอาหารให้นึกอยากทานจึงเลือกสั่งมาลองทานบ้าง

“เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ”
พนักงานหนุ่มน้อยถาม

“ขอเป็นน้ำเปล่าแล้วกันครับ”
ธาราบอกไป  เมื่อได้รายการอาหารแล้วเด็กหนุ่มก็ผละไป  แล้วก็มีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง
เดินเข้ามาทักสารวัตรหนุ่ม
“สวัสดีครับพี่ภพ  อ้าว! นั่นพี่ธารา  มาทานร้านนี้เหมือนกันเหรอฮะ”
ฐานทัพถามเพื่อนพี่ชาย

“อ่อ…ทัพ  พอดีพี่ไปลากตัวน้องธารเขามาน่ะ  ดูหน้าเขาสิ  จำใจมาเสียจริงๆ”
สารวัตรหนุ่มทักทายน้องชายของเพื่อน  แถมแขวะคนที่ร่วมโต๊ะด้วยเพราะดูจะมาแบบฝืนๆ

“ใครว่าล่ะ  เต็มใจมามากๆ เลยล่ะ  ของฟรีนี่ นั่งด้วยกันไหมทัพ…น้องด้วยครับ”
ธาราพูดประชดตรีภพ และชวนทั้งคู่ให้นั่งร่วมโต๊ะด้วย

“ไม่เป็นไรฮะ พี่ๆ ผมขอไปตรงโน้นดีกว่า อ่อ…นี่เมย์ เพื่อนผมครับ
 ส่วนคนนี้นายอำเภอธารากับสารวัตรตรีภพ  เพื่อนพี่ชายผมน่ะครับเมย์”
หญิงสาวสวยเฉี่ยว  ยิ้มทักทายพร้อมยกมือไหว้  แล้วก็เดินตามฐานทัพไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง


อาหารที่นี่รสชาติดี  อร่อยถูกปากธาราอย่างมาก  เขาไม่ค่อยกล้ามองหน้าคนตรงหน้า
สักเท่าไหร่  เพราะไอ้สายตากรุ้มกริ่มที่มองมานั่นน่ะ  ทำให้พลอยใจสั่น…คิดอะไรไปไกล
เกินตัว  จนต้องดึงสติกลับมาบ่อยๆ ชอบล้อเขาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเขาเป็นตุ๊ด  แต่ก็ยังตามมา
ตอแย  กลั่นแกล้งกันไม่เลิก  แล้วตอนนี้ก็เข้ามาพัวพันชีวิตเขาอีกจนชักจะยุ่งเหยิงไปใหญ่

เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้าร้านมา  ตรงดิ่งเข้าไปทักฐานทัพ  ทำเอาฐานทัพสะดุ้งโหยง

“เห่ย! มากันยังไงเยอะแยะ  อ่อ…หนีร้านมาด้วยรึไง กลับไปโดนแน่ๆ”
ฐานทัพหันไปคาดโทษเด็กหนุ่มหัวทอง

“อะไรเล่าพี่ทัพ  กลางวันก็ต้องมีพักทานข้าวบ้างสิ  ไม่เหมือนพี่นะบอกว่ายุ่ง
 ดูดิ! หลอกได้แม้กระทั่งน้องนุ่ง  เดี๋ยวผมจะฟ้องลุงเขตกับพี่ดิน”
เด็กหนุ่มตัวขาวผอมบางเป็นคนตอบแทนเพื่อนในกลุ่ม

“อย่านะไอ้กริช  อาร์มแกพาเพื่อนแกออกไปเลย  น้องใบหม่อนมานั่งกับพี่ไหมครับ”
ฐานทัพชวนเด็กสาวห้าว

“ไม่ๆ  กล้วยไข่  กริช  อาร์ม  เราไปหาที่นั่งกันเถอะ  เกลียดขี้หน้าคนบางคน…
เดี๋ยวกินไม่ลง  ไปกันเถอะ”
เด็กสาวสวนกลับ  แล้วก็พากันไปนั่งถัดออกไปอีกสองโต๊ะ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 25 น้องสกาย2
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 29-03-2019 15:25:47
ตอนที่ 25  น้องสกาย 2

หลังจากทานอาหารกลางวันกันเสร็จ  สารวัตรหนุ่มก็ขับรถไปส่งธารา
ก่อนเคลื่อนรถออกไป  ตรีภพหันไปโบกมือให้กับคนตัวเล็ก

“ไว้เจอกันนะครับ  น้องธาร”
ส่งยิ้มหล่อให้เป็นการตบท้าย  ธารามองตามไฟท้ายที่หายไปแล้ว  หมุนตัวเดินขึ้นบันได
ไปยังห้องทำงาน  เพื่อจัดการงานที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว  เพราะเย็นนี้เขาต้องไปรับลูก
ที่โรงเรียนด้วยเกรงใจครูที่ต้องฝากลูกไว้เกินเวลา


“น้องสกายครับ  คุณพ่อมารับแล้ว”
ครูสาวตัวเล็กน่ารักชะโงกหน้าออกมา

“สวัสดีครับ  ครูเหมียว  ขอโทษที่มารับสกายช้าน่ะครับ  น้องกายเกเรไหมครับวันนี้”
ธาราทักทายครูประจำชั้นของลูกชาย

“ไม่สักนิดเลยค่ะคุณพ่อ  น้องเป็นเด็กดีและมีน้ำใจ  เมื่อสักครู่ก็ช่วยครูกวาดห้องเรียนด้วยนะคะ”
ครูเหมียวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ…แต่ว่าเมื่อตอนกลางวันมีคุณแม่มาหาน้องนะคะ  แต่น้องสกายร้องไห้ใหญ่
ไม่ยอมเข้าหาเลยค่ะ”
ครูเหมียวบอกกับธารา  ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจอย่างไม่เคยคาดคิดว่าฝ้ายจะมาถึงโรงเรียนลูก

“เหรอครับครู  ผมก็ลืมกำชับทางคุณครูไว้ก่อน  เอ่อ…พอดีแม่ของน้องกับพ่อแท้ๆ
ของแกเลิกกันน่ะครับ  แล้วเธอก็ไม่เคยไปมาหาสู่ลูก  ทำให้น้องยังปรับตัวไม่ได้น่ะครับ
แกจะงอแงเวลาพบหน้า  ยังไงรบกวนคุณครูช่วยดูแลเป็นพิเศษหน่อยนะครับ
คือทางเรา…ไม่อนุญาตให้เธอมาพาลูกไปไหนมาไหนน่ะครับ”
ธาราเล่าด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ

“อย่างนี้นี่เอง  ถ้าเป็นแบบนี้ทางครูจะได้เข้มงวดให้มากขึ้น  แต่ขอโทษนะคะ
…ถ้าจะแนะนำว่าให้คุณพ่อไปตกลงกันให้ดีๆ ปัญหาแบบนี้ต้องจัดการให้จบ
จะเป็นการดีกับทุกฝ่ายแล้วก็ตัวเด็กเองด้วยนะคะ”
ครูสาวพูดแนะนำ

“ครับครู  ผมเข้าใจ…ขอบคุณครูเหมียวที่แนะนำและดูแลสกายให้ครับ
น้องกายเรากลับบ้านกันเถอะลูก  แม่วรรณรอแล้วป่านนี้  สวัสดีคุณครูก่อนครับ”
สองพ่อลูกลากลับ  ธาราขับรถกลับบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เขาไม่รู้จะจัดการยังไงกับเรื่องของฝ้ายที่มาวนเวียนอยู่ใกล้ตัวลูกแบบนี้

 
“คุณพ่อครับ  น้องกายไม่อยากเจอแม่ฝ้ายเลย  น้องกายมีแม่วรรณแล้วนะ”
หนูน้อยบอกกับผู้เป็นพ่อ

“ทำไมล่ะลูก ใครๆ เขาก็อยากมีแม่กันทั้งนั้น แม่ฝ้ายก็น่าสงสารนะลูก
ถ้าน้องกายไม่คุยกับเธอ  แม่ฝ้ายของน้องกายก็จะเสียใจได้นะ”
ธาราพูดโน้มน้าวหนูน้อย

“แต่น้องกายมีแม่วรรณแล้วนี่ฮะ”
เด็กชายยังย้ำแต่คำเดิมๆ ชายหนุ่มก็จนใจที่จะอธิบายเพราะเด็กยังเล็กเกินกว่า
จะเข้าใจ  เขาก็หวังว่าฝ้ายมาครั้งหน้าคงไม่มาสร้างปัญหายุ่งยากอะไรเพิ่มอีกก็พอ


บ้านของธาราปลูกสร้างมาจากเงินที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของเขา
ธาราซื้อที่ 2 ไร่ และจ้างช่างมาสร้างบ้านหลังนี้ขึ้น …เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมี 3 ห้องนอน
สองห้องน้ำกับหนึ่งห้องรับแขกรวมถึงห้องนั่งเล่นอีกห้องด้วย  รั้วรอบขอบชิด  หน้าบ้านจัด
เป็นสวนหย่อมขาดกลางมีทั้งไม้ดอกไม้ประดับและพืชตระกูลไม้มงคล  ด้านข้างทำเป็นที่จอดรถ
และต่อครัวไทยเล็กๆ ด้วย ส่วนพื้นที่ด้านหลังยาวไปจนสุดแนวรั้วทำสวนครัว  และปลูกไม้ผล
จำพวกฝรั่ง  มะม่วง  ชมพู่และมะนาว 

แม่ของธาราไม่ชอบอยู่เฉยต้องหางานทำกันจนได้โดยมีนุหลานชายห่างๆ มาเป็นลูกมือช่วยอีกแรง

เมื่อธาราจอดรถที่หน้าบ้านนุก็วิ่งมาเปิดรั้วให้อย่างที่รู้เวลากลับของสองพ่อลูก
 
“น้องหลับอยู่น่ะนุ  อุ้มไปนอนข้างในก่อนแล้วกัน  เดี๋ยวค่อยปลุกขึ้นมากินข้าวอาบน้ำอีกที”

“ครับพี่ธารา”
นุช้อนมืออุ้มน้องขึ้นแนบอก   นุเดินเข้าบ้านไปโดยมีธาราหิ้วสัมภาระของเด็กชายตามหลังไม่ห่าง

“อ้าว! ลูกหลับอีกแล้วเหรอธารา  ขึ้นรถทีไรหลับตลอดเลยตาหนูนี่  เป็นไงบ้างล่ะทำงานวันนี้น่ะ”
แม่วรรณถามลูก ธาราวางของบนโต๊ะกระจกข้างโซฟา

“สะสางงานเดิมๆ แหละครับแม่  เหลืออีกไม่มากแต่เป็นอะไรที่ต้องใช้ความละเอียด
รอบคอบเป็นหลักครับ”
เขาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟานุ่มสีน้ำตาลเข้มชุดใหญ่  ชายหนุ่มเลือกซื้อชุดนี้มาเพราะทดลอง
นั่งแล้วนุ่มสบายจึงตัดสินใจซื้อแล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อมันกลายเป็นมุมโปรดของทุกคนในบ้าน

“ค่อยๆ ทำไปนะลูก”
แม่วรรณพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม   รอยยิ้มที่แม่มีให้อบอุ่นเสมอมา
แม่วรรณเมื่อก่อนเป็นช่างเสริมสวย  สามีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
ทำให้เธอต้องเลี้ยงดูลูกชายสองคนมาด้วยตัวเองจนโตเป็นหนุ่ม
แล้วธารินลูกชายคนเล็กก็มาถูกยิงเสียชีวิตในงานประจำปีของวัดใกล้บ้าน
น้องสกายที่เพิ่งมีอายุได้ 1 ขวบจึงเป็นกำพร้า

จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้ายที่ยิงลูกชายเธอเลย 
เมื่อธาราเรียนจบทำงานได้  เขาจึงขอให้แม่เลิกทำร้านเสริมสวย
และอยู่บ้านเลี้ยงหลานแทน

“แม่ครับ  วันนี้ฝ้ายไปหาลูกที่โรงเรียน  ครูเหมียวบอก  น้องกายก็ร้องไห้ไม่ยอมหาเธอ
ผมจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีครับ…สงสารลูก…ขึ้นรถก็พูดแต่ว่า
น้องกายมีแม่วรรณแล้วไม่เอาแม่ฝ้าย”
ธาราเล่าไปเอามือนวดคลึงที่ขมับไปมาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

“ถ้าฝ้ายมา  แม่จะคุยให้รู้เรื่องไปเลยจะมาวนเวียนแบบนี้ทำไม
ในเมื่อลูกไม่ยอมรับเธอ…จะให้ทำยังไงได้ล่ะ  ผลก็สืบเนื่องมาจากการที่เธอทำไว้
นั่นแหละนะ  สิทธิ์ขาดอยู่ที่ธาราคนเดียวแล้วนี่ลูก…น้องกายเป็นลูกของธารา
อำนาจสิทธิ์ขาดก็ต้องอยู่ที่ธาราสิ …แม่ก็ไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกันใหญ่โต…แม่สงสารหลาน”

“ครับ  ก็เพราะสงสารสกาย  เลยทำอะไรมากไม่ได้  รอดูท่าทีฝ้ายไปก่อนแล้วกันครับ”
ธารามีสีหน้าอ่อนล้า

“แม่ว่าเราตั้งโต๊ะกินข้าวกันดีกว่าเย็นแล้ว  วันนี้แม่ตำน้ำพริกกะปิ  มีทั้งผักสดและผักต้มเลย
ไข่ทอดชะอมกับปลาทอดด้วยล่ะ  ของน้องกายก็ปีกไก่น้ำแดง”
แม่วรรณบอกเมนูอาหารเย็นให้ฟัง  ทำเอาธาราอยากอาหารขึ้นมาทันที

“ฟังแล้วหิวเลยครับแม่  นุไปปลุกน้องตื่นได้แล้วไป  พาไปล้างหน้าแล้วมากินข้าวกันนะ”
ธาราหันไปบอกนุที่นั่งดูทีวีอยู่ไม่ไกลนัก  เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นไปปลุกน้องอย่างว่าง่าย


มื้อเย็นผ่านไปด้วยเสียงพูดคุยกันของสมาชิกในบ้าน  น้องกายก็เล่าเรื่องเพื่อน
ที่โรงเรียนให้แม่วรรณฟังไม่หยุด

“แม่วรรณ น้องกายไม่เอาแม่ฝ้ายนะฮะ  น้องกายมีแม่วรรณคนเดียวพอ”
เด็กชายยังคงพูดประโยคเดิมๆ ไม่ยอมลืม

“มีแม่สองคนก็ดีนะครับน้องกาย  ดีจริงๆ นะ พ่อยังอยากมีเลยลูก ถามพี่นุดูสิ”
เด็กชายเริ่มลังเลเมื่อได้ฟังพ่อพูด จึงหันไปถามพี่เลี้ยง

“ดีจริงเหรอฮะ พี่นุ”
นุพยักหน้า  เมื่อถูกธาราส่งสัญญาณให้ทำแบบนั้น

“ดีมากๆ สุดยอดมากด้วย  น้องกายเชื่อพี่นุสิ”
เด็กชายคิ้วขมวด  แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก  ผู้ใหญ่หันมองหน้ากัน
ธาราส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“ดูรูปการณ์แล้ว  ท่าจะยากนะธารา”
แม่วรรณบอกกับลูกชายที่มองดูลูกน้อยทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย



“สวัสดีค่ะป้าวรรณ  พี่ธาราที่ฝ้ายมาวันนี้  จะมาลาค่ะ…ฝ้ายได้งานทำที่กรุงเทพฯ
คงไม่ได้มาหาลูกอีกนานเลย  ยังไงก็ฝากดูแลลูกด้วยนะคะ  ขอบคุณที่ไม่ขับไส
ไล่ส่งฝ้าย…น้องกายมาหาแม่หน่อยสิลูก”
เธออ้าแขนรอรับตัวลูกสู่อ้อมอก  แต่น้องกายกลับวิ่งไปแอบหลังแม่วรรณเสียก่อน

“ขอให้โชคดีนะฝ้าย  น้องกายอยู่นี่ก็สุขสบายดี  อยากมาเยี่ยมมาหาก็มาแล้วกัน
หากน้องกายโตกว่านี้คงจะเข้าใจ  ทางเราไม่เคยสอนให้ลูกไม่รักเธอเลยนะ
ป้าบอกตามตรง”
แม่วรรณพูดกับอดีตลูกสะใภ้

“ค่ะป้าวรรณ  หนูเข้าใจแล้วค่ะ  เพราะหนูไม่ดีเองตั้งแต่ต้น”
ฝ้ายพูดแล้วทำตาแดงๆ มองดูลูกชายที่ไม่ยอมเข้าหา  แล้วเธอก็จำต้องตัดใจ

“ไปก่อนนะคะป้าวรรณ  พี่ธารา  แม่ไปทำงานแล้วนะน้องกาย”
เธอเดินไปขึ้นรถที่จอดติดเครื่องยนต์รออยู่  เมื่อฝ้ายจากไป

ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็พากันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  น้องกายก็เดินออกมาจากหลังแม่วรรณ
ไปหาพ่อธาราและอ้าแขนให้อุ้ม  หนูน้อยหันมาโบกมือส่งยิ้มตาหวานให้แม่วรรณกับพี่นุ
เพื่อขึ้นรถพ่อธาราไปโรงเรียน


“อ้าว! ธารามาส่งลูกเหรอ  พี่ทำไมไม่เคยเห็นเราเลยล่ะ”
พี่ดินทักขึ้นเมื่อพบหน้าเด็กรุ่นน้อง

“ผมสิครับต้องถามพี่ดิน  เห็นแต่ทัพกับขวัญมารับส่งตลอด
วันนี้พี่มาส่งเองต้องเป็นเรื่องแปลกสิครับที่มาเจอผม  เนี่ยน้องกายกับน้องกล้า
ก็อยู่ห้องเดียวกันด้วยนะพี่ดิน รู้หรือเปล่า หึหึ”
ธาราบอกให้พี่ดินรู้เรื่องของลูกชายบ้าง

“เห่ย! จริงดิ เออๆ พี่ไม่เคยมาส่งลูกเองก็จริง พอกินข้าวเช้าเสร็จก็เข้าไร่ไปเลย
ตอนนี้จัดเปลี่ยนเวรยามกันใหม่ ทำให้มีเวลาเหลือจึงได้มาส่ง เห้อ! พี่นี่แย่จริงๆเลย”
แผ่นดินบอกเหตุผลให้รุ่นน้องรู้

“อะไรกันพี่ดิน  ไม่ถือว่าแย่สักหน่อยแค่ไม่ได้มาส่งลูกด้วยตัวเอง แค่นั้น ฮ่าฮ่า”
ธาราหัวเราะขำเข้าไปอีก

“เออๆ เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่กันนะ  เอาลูกไปด้วย  ไปทำความรู้จักกันหน่อย
พ่อพี่อาจจะจำธาราไม่ได้แล้ว  เดี๋ยวนี้หน้าที่การงานใหญ่โตไปแล้ว
ไปนะห้ามปฏิเสธคำชวน”
แผ่นดินชวนหนุ่มรุ่นน้องตัวเล็ก

“ได้ครับพี่ดิน  ขอบคุณที่ชวนนะครับ อืม…ดีเหมือนกัน ไม่ได้เจอกอหญ้า
เลยเขาหายดีหรือยังครับพี่”

“ดีขึ้นมากๆเลยละ  อีกไม่นานคงจะจำอะไรได้เหมือนเดิม งั้นเย็นนี้เจอกันที่บ้านนะธารา”
แผ่นดินพูดจบก็ตบไหล่ของรุ่นน้องไปที


“เห่ย! ศาลาวัด จะมาไม่บอกล่วงหน้าวะ  งั้นก็อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันเลยดิ วันนี้มีแขกด้วยสิ”
แผ่นดินร้องทักอย่างประหลาดใจที่เพื่อนรักมาหาถึงบ้าน

“บอกแล้วไงว่าถ้าว่างจะเข้ามา  นี่ไงว่างแล้ว…แล้วนี่คุณย่ากับพ่อเขตล่ะดิน”
ตรีภพมองหาผู้ใหญ่ของบ้าน

“นู่น…อยู่กันที่ห้องนั่งเล่น  เข้าไปหาสิ! เดี๋ยวข้าตามเข้าไป”

“นั่น! ใครมา รถคุ้นๆ อยู่นะ แขกที่บอกละสิ  ถ้างั้นข้าไปทักทายย่ากับพ่อเอ็งก่อน…
ข้าวค่อยมากินวันอื่น  ไม่ซีเรียสนะเว่ยดิน”
ตรีภพตบไหล่เพื่อนเตรียมผละไป

“คนกันเองน่ะแขกคนนี้น่ะ  แกก็รู้จักนี่ภพ”
แผ่นดินกล่าวจบ  ตรีภพแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถเป็นใคร

“อ่อ…คนนี้นี่เอง …ถือว่าคนคุ้นเคยจริงด้วยสิ  งั้นกินข้าวด้วยคนละกัน  หึหึ”
ตรีภพรีบฉวยโอกาสอยู่ทันที

“เห่ย…เดี๋ยวก่อนสิ…ไม่ก่อเรื่องนะแก  น้องนะคนนี้น่ะ”
แผ่นดินปรามเพื่อน

“เออน่ะ! รู้แล้ว! ถึงพูดว่าคนคุ้นเคย  แกนี่นะ…คิดเยอะ...มาแล้วว่ะ
 ข้าไปหาย่ากับพ่อก่อนแล้วกัน”
ตรีภพรีบหลบหน้าก่อนที่แขกตัวเล็กจะทันได้พบเขา

แผ่นดินมองตามแผ่นหลังของเพื่อนไปอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก
‘แค่พอหอมปากหอมคอ…พอนะเพื่อนรัก`


หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 23,24,25 up แล้วค่ะคุณๆ ตามมานะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-03-2019 16:55:54
เรื่องนี้ดูอบอุ่นดีจังเลย เพิ่งเข้ามาอ่านนะเนี่ย บอกเลยว่าชอบ
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 23,24,25 up แล้วค่ะคุณๆ ตามมานะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-03-2019 17:17:47
 o13
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 23,24,25 up แล้วค่ะคุณๆ ตามมานะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-03-2019 20:22:11
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 23,24,25 up แล้วค่ะคุณๆ ตามมานะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 29-03-2019 21:20:21
 :L2: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 23,24,25 up แล้วค่ะคุณๆ ตามมานะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-03-2019 17:29:53
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26 มื้อเย็นหรรษา
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 30-03-2019 19:18:46
ตอนที่ 26 มื้อเย็นหรรษา

“นายอำเภอธาราไอ้หนูตัวขาวๆ ปากแดงๆ ที่มันหวงน้องคอยแต่กางปีกปกป้องน้องตอนเด็กๆ
น่ะเหรอที่เจ้าดินกับเจ้าทัพมันชอบชวนมาเล่นในไร่น่ะ ฮะฮ่าฮ่า ไม่น่าเชื่อจริงๆ นะเนี่ย”
พ่อเขตร้องทักทันทีเมื่อจำหน้าแขกของลูกชายได้  แถมยังหัวเราะร่วนอีกต่างหาก
ทำเอาคนที่ถูกพูดถึงได้แต่อายหน้าแดงไปแล้ว 

ตรีภพกลั้นยิ้มจนหน้าดำหน้าแดงไปด้วยอีกคน

“พ่อเขต  นี่ละก็ไปล้อเค้า  ดูสิอายจนหน้าแดงไปแล้ว มาๆ กินข้าวกัน
นี่เด็กๆ ก็เรียนห้องเดียวกันด้วยสินะ ดีๆ คนกันเองทั้งนั้น”
คุณย่าดูอารมณ์ดีที่วันนี้มีแขกมากินข้าวให้ครื้นเครงกัน

"กายเป็นเพื่อนกล้าด้วยฮะ  พ่อดิน”
ต้นกล้าบอกพ่อ จนกอหญ้านึกเอ็นดูยกมือขึ้นลูบหัวหนูน้อย

“กอหญ้าล่ะ หายดีแล้วเหรอ  แล้วจำอะไรได้บ้างหรือยังล่ะ นี่ทางพี่ก็กำลังควานหาตัว
คนที่มีรอยนิ้วมือแฝงอยู่นะ  เห็นว่าเป็นคนต่างถิ่น  ก่อคดีไว้เยอะพอสมควร
พวกชอบขับรถปาดหน้าเหยื่อ แล้วก็เข้าไปรูดทรัพย์น่ะ”
ตรีภพถามอาการโดยรวมของกอหญ้า  และพูดถึงความคืบหน้าของคดีด้วย

“ดีขึ้นแล้วครับพี่ภพ  แต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้เลยฮะ”
กอหญ้าตอบตรีภพไปแล้วก็เบือนหน้ามองไปทางอื่น  ไม่กล้าสู้ตากับตำรวจหนุ่ม
กลัวว่าจะจับเท็จได้ ใครจะบอกล่ะว่าจำได้หมดแล้วน่ะ

“ต้องใช้เวลาพอสมควรล่ะ  ไม่แข้งขาหัก  กระดูกแตกก็ดีขนาดไหนแล้วล่ะ
พ่อภพเอ๊ย! ย่าก็ลุ้นๆ ให้จำความได้สักที  เผื่อจะเป็นพ่อข้ามฟ้าของย่าจริงๆ”
คุณย่าเสริมขึ้นมา  ทำเอากอหญ้าสะดุ้งเข้าไปอีก

“ครับคุณย่า  ผมก็ลุ้นเหมือนกันนะครับเนี่ย  อยากให้หายเร็วๆ”
กริชพูดสวนขึ้นอีกคน  ทำเอากอหญ้าไม่กล้าสู้ตาใครแล้วตอนนี้

“ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน  อย่าไปเร่งร้อน  จำได้หรือไม่นั้นมันไม่สำคัญหรอก
เพราะว่าเจ้าดินมันดูแลของมันได้  ไม่มีเกี่ยงงอนเลยเห็นไหมล่ะ”
พ่อเขตพูด  ทำเอาแผ่นดินแทบสำลักอาหาร

“พ่อดิน  ใบข้าวจะเอาปลาทอดอีก”
หนูน้อยใบข้าวขออาหารเพิ่ม

“มาค่ะ  อากอหญ้าตักให้ค่ะ”
แล้วกอหญ้าก็ตักเนื้อปลาส่งให้หนูน้อย

“อากอหญ้าให้กล้าด้วยสิฮะ  เอาเยอะๆ เลย”
แล้วก็กลายเป็นหน้าที่ของกอหญ้าที่คอยดูแลลูกๆ ให้แผ่นดินแทน

“กอหญ้าพอแล้วล่ะ  เอานี่ไปต้มยำกุ้ง  กินบ้างเถอะผอมจะแย่แล้ว”
พี่ดินติงให้เขาลงมือกินบ้าง

“ผอมเกินไปก็จะมีแต่กระดูกนะครับ  กอดไปก็ไม่อุ่น”
ฐานทัพพูดเปรยๆ ทำเอาแผ่นดินหันขวับไปถลึงตาใส่น้องชายตัวดีที่แขวะมาได้

“หุ่นแบบนี้  ผมว่ากำลังดีเลย  หุ่นนายแบบเลยนะเนี่ย  ทั้งสูงทั้งดูดี”
ธาราหันมาชม

“ถ้าอ้วนอีกสักสามสี่กิโลนะ  ใช่เลย…ย่าว่าใช่เลย”
คุณย่าก็ยังเชื่อความรู้สึกเดิมว่ากอหญ้าจะเป็นข้ามฟ้า

“คุณย่าครับ  กอหญ้าจะไปเป็นพ่อข้ามฟ้าของคุณย่าได้ไงกัน  ดาราดังขนาดนั้น
เอ่อ…วันก่อนเหมือนมีภาพหลุดพี่ดินกับกอหญ้านะ  คนเขาเอาไปลงนำมาเชื่อมโยง
ว่าเป็นข้ามฟ้าแอบมาคบกับเจ้าของไร่ส้ม  เห็นเด็กๆ ในร้านมันเม้ากัน แต่แค่ไม่กี่ชั่วโมง
ต้นสังกัดก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่  และให้ข่าวว่าตอนนี้คนของเขาอยู่ระหว่างพักผ่อนที่
ต่างประเทศนู่นน่ะครับ”
ฐานทัพเล่าเรื่องให้ทุกคนได้ฟัง

“โอ้โห พี่ทัพ นี่ขนาดไม่สนใจข่าวบันเทิงนะเนี่ย ยังรู้ลึก รู้จริง ยิ่งกว่าผมอีกแฮะ”
กริชแซวพี่ชาย

“ก็ตามกระแสบ้างนิดหน่อย  ข้ามฟ้านั่นจะมาหล่อสู้พี่ได้ไง จริงไหม พี่นี่อย่างหล่อแล้ว”
พี่ทัพพูดแล้วก็ยักคิ้วหลิ่วตาใส่กริชไม่เลิก

“เหอะ  ทำพูดไป  ตัวจริงเขามาได้ยิน จะหัวเราะขำเอานะ ไปเทียบชั้นกับเขาได้ไงพี่ชาย”
กริชเบรกพี่ชาย เพราะพี่ข้าวของเขายังไงก็เป็นหนึ่งในใจตลอดอยู่แล้วละ
แถมยังนั่งฟังอยู่ด้วยตอนนี้

“เออๆ สักวันเจอตัวจริงจะถ่ายรูปคู่มาเทียบให้แกดูเลยกริช ทำเป็นแตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ เหอะ!”
ฐานทัพพูดทับถมเข้าไปอีก

“กินๆ เข้าไปข้าวน่ะ เถียงกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง สองคนนี้”
พ่อเขตหันมาดุลูกชายคนเล็กกับหลานชาย

“เอ่อ…พี่ธาราผมว่าจะถามพี่สักหน่อย แฟนพี่น่ะ…ไม่เห็นจะมีใครเคยเห็นหน้า
แล้วก็ไม่มีข่าวว่าพี่แต่งงานจนมีลูกโตขนาดนี้เลยนะพี่”
ฐานทัพหันไปถามหนุ่มแว่นที่ตักอาหารให้ลูกชายอยู่ คนถูกถามชะงักกึก

“ก็คือ…เอ่อ จะเล่ายังไงดีล่ะ คือ…”
ธาราอ้ำอึ้ง  จนแล้วจนรอดก็เงียบไป

“ถ้ามันเป็นความลับ ไม่ต้องเล่าก็ได้ครับ  ขอโทษที่ถามนะพี่”
ฐานทัพเห็นอาการอึกอักจึงตัดบท  ทำเอาตรีภพที่รอลุ้นผิดหวังไปด้วย

“กายเป็นลูกพ่อธาริน  ครับ”
เด็กชายพูดขึ้น  ทำเอาทุกคนที่ร่วมโต๊ะเงียบไปเลยเพราะธารินน่ะตายไปแล้วใครๆ ก็รู้
แถมตายอย่างไม่เป็นธรรมด้วย

แผ่นดินและฐานทัพเงียบเป็นเป่าสากเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“โธ่! ตาหนู…คนเก่ง  นี่เราต้องรักพ่อธาราให้มากๆ เลยนะรู้ไหมที่เลี้ยงมาจนโต
และรักเราขนาดนี้น่ะ  เป็นเด็กดีนะลูก”
คุณย่าพูดขึ้น  ธารายกมือลูบหัวลูกแล้วส่งยิ้มให้หนูน้อย

“น้องกายรักพ่อธารากับแม่วรรณที่สุด”
เด็กชายพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
 
“นี่ผมก็เพิ่งเจอเรื่องยุ่งยากมาไม่กี่วันนี้เองครับ เพราะแม่น้องกายน่ะกลับมา ทำเอาผมกับแม่เครียด
 จะห้าปีแล้วไม่เคยมาให้เห็น อยู่ดีๆ ก็โผล่มาตอนที่ลูกไม่ต้องการ”
 ธาราพูด แววตายังคงหม่นหมองอย่างปิดไม่มิด

“ก็น้องกายมีแม่วรรณแล้ว  น้องกายไม่เอาแม่ฝ้าย”
 เด็กชายยังคงย้ำคำพูดแบบเดิมๆ

“นี่แหละครับที่แกพูดมาตลอด จนฝ่ายนั้นต้องถอยกลับไปเอง”
ธาราเล่าเรื่องให้คนอื่นๆ รู้

“สิทธิ์ขาดอยู่ที่นายไม่ใช่เหรอ แล้วจะเครียดทำไม มีอะไรสงสัยก็ถามพี่นี่
เห็นเป็นคนอื่นหรือไงกัน”
ตรีภพหันไปพูดกับธาราสีหน้าขึงขัง

“นึกไม่ออกนี่ครับ ลืมไปว่า…รู้จักกับคนใหญ่คนโต  อีกอย่างมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
เพราะยังไงเค้าก็แม่ลูกกัน”
ธาราจิกกัดไปเบาๆ จนกอหญ้าแอบขำ มวยถูกคู่ดีจริงๆ เห็นทีคู่นี้จะมีลุ้นเสียแล้ว
ดูแววตาพี่ภพสิ พี่ธาราไม่รอดแน่ๆ เสือเตรียมขย่ำแล้ว แถมเหยื่อน่ะทั้งตัวเล็ก
ทั้งขาวๆ อีกด้วย

ตรีภพเมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กนี่ไม่ได้มีครอบครัวอย่างที่เขาเข้าใจก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ขนาดถูกเหน็บยังไม่ตอบโต้  ซึ่งปกติไม่ใช่วิสัยของเขาเลย

“ครับน้องธาร มีอะไรก็นึกถึงพี่ก่อนก็ได้  ยินดีรับใช้ประชาชนครับ”
พูดออกไปจนได้  แผ่นดินมองตามสายตาที่เพื่อนส่งไปให้อีกคน  แล้วก็เข้าใจในทันที

`หวงความโสดมายาวนาน  ที่แท้ก็…เป็นอย่างนี้เอง ภพเอ๊ย! แกกลืนน้ำลายตัวเองแล้ว
ไปว่าเขาตุ๊ด  แถมแกล้งได้แกล้งดี แล้วไงล่ะตอนนี้ หึหึ`

“เพื่อนดิน  กินข้าวไปครับ  มองหน้าหาเรื่องเหรอ”
ตรีภพนึกเขม่น ที่เห็นสายตารู้ทัน

“เห่ย! ตำรวจจะรังแกประชาชนเหรอวะ ฟ้องได้นะเว่ย  นายอำเภอก็อยู่เป็นพยานได้ด้วยสิ”
แผ่นดินแกล้งแหย่เพื่อน

“นี่ๆ ยังจะทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ไปได้ เจ้าสองคนนี่ กินๆ เข้าไปข้าวน่ะ ย่าจะอิ่มแล้วนะ
มีนัดกับพ่อข้ามฟ้า ดูสิจะมาแล้วเนี่ย”
คุณย่าเตรียมตัวจะวางช้อน

“ค่อยๆ ทานครับคุณแม่ เดี๋ยวติดคอ ทันได้ดูหรอกน่า เวลาอีกถมเถไปครับ”
พ่อเขตเบรกคุณย่า ที่เห็นรีบๆ จะไปดูละคร  กอหญ้าอยากจะบอกเหลือเกินว่า

`หันมาดูตัวจริงก็ได้ครับคุณย่า นั่งอยู่ใกล้ๆ นี่แล้ว`

“คุณย่าฮะ ถ้ามีโอกาส ผมจะพาพี่ข้าวตัวเป็นๆ มาให้คุณย่าทั้งกอดทั้งหอมเลยครับ
เอาให้หายรักหายหลงไปเลยดีไหมครับ”
พี่ดินพูดขึ้นมา ทำเอากอหญ้าเขินหน้าแดงเมื่อได้ยิน

“จริงๆ  นะเจ้าดิน อย่าหลอกย่านะ ย่าจะกอดจะหอมให้ช้ำไปเลยคอยดูเถอะ
ยังเสียดายที่ไม่มีหลานสาวย่าจะยกให้เขาไปซะเลย  แกก็ดันมาเกิดเป็นผู้ชายซะได้”
คุณย่าพูดอย่างหมายมาด  ทำเอากอหญ้าสำลักน้ำที่กำลังดื่ม  จนต้องลุกไปไอทันที

“คุณย่า  นี่นะ  ทำเอาพี่กอหญ้าสำลักน้ำ  พูดมาได้  ถ้าลองได้เขามาดองกับทางเรานี่
พวกเราแย่กันหมด  หัวเน่าแน่ๆ เลย  เนาะพี่ดินพี่ทัพ”
กริชพูดขึ้นมา  เหมือนรู้ชะตาตัวเองว่าจะหัวเน่าแน่ๆ อย่างนั้น

“ฝันของคุณย่าอาจจะเป็นจริงก็ได้นะครับ  ใครจะไปรู้  ฮ่าฮ่า”
 เป็นตรีภพที่หันไปพูดกับคุณย่า  ก็ถ้าเขาตาไม่ฝาดแน่ที่เห็นเพื่อนเขากับอีกคน
พากันใส่แหวนคู่รักกันแล้ว

`ฝันเป็นจริงแน่ๆ ครับคุณย่า`

ตรีภพมองนิ้วนางข้างซ้ายของเพื่อนที่คบกันมามันเคยใส่ไหมล่ะเครื่องประดับ
ที่นอกจากนาฬิกาเพียงเรือนเดียว

“เออๆ แค่คิดกันเล่นๆ ย่าก็มีความสุขแล้วล่ะ”
แล้วคุณย่าก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดื่มน้ำแล้วเตรียมลุก

“ย่าไปก่อนนะ  จะไปเปิดทีวีรอ  ข่าวใกล้จะจบแล้ว”

“เดี๋ยวกริชตามไปดูเป็นเพื่อนครับคุณย่า”
หลานชายรับปากคุณย่า

“อืมๆ ตามมา ใครจะดูก็ตามมาล่ะ”

“น้องธารจะกลับหรือยัง  พี่จะขับตามไปส่ง  ลูกง่วงแล้วนะนั่น”
พี่ภพหันไปถามพี่ธารา  คู่นี้เขาห่วงกันจริงๆ นะ กอหญ้าสัมผัสได้

“กลับเลยก็ดีครับ  ทางมันคดเคี้ยวตรงช่วงโค้งคอเขาด้วย”
พี่ธาราพยักพเยิดให้คนรับอาสาขับตามเป็นเพื่อนร่วมทาง

“งั้นผมกับธารา  ขอลากลับกันเลยครับพ่อเขต  ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ”
แล้วสองหนุ่มกับหนูน้อยก็ไหว้ลา  แล้วหันมาโบกมือให้คนอื่นๆ ก่อนที่พี่ธาราจะเดินนำ
โดยจูงลูกชายตามออกไปด้วย

“เราไปดูละครเป็นเพื่อนคุณย่ากันเถอะครับ”
กริชหันมาชวน  ทุกคนจึงเดินเข้าไปจับจองที่นั่งหน้าทีวี โดยพี่ดินเดินรั้งท้ายมา
แล้วก็นั่งดูละครไปกว่าครึ่งรายการ กอหญ้าก็เผลอนั่งสัปหงกให้เห็น

“กอหญ้าขึ้นไปอาบน้ำนอนไป  ตาจะปิดแล้ว”
แผ่นดินบอกคนที่นั่งหลับให้เตรียมตัวไปนอน

“พี่ดินยังไม่ขึ้นเหรอฮะ  ฝนตกอีกแล้วนะครับ  ข้าวกลัวฟ้า”
กอหญ้างึมงำๆ เผลอพูดชื่อเล่นตัวเองออกมา  ทำเอาฐานทัพมองจ้อง

“กอหญ้าขึ้นไปก่อนนะ  ง่วงแล้ว บาย”
แล้วเจ้าตัวก็หันมาโบกมือให้กริชกับฐานทัพ  เดินขึ้นชั้นบนไป  แล้วแผ่นดินก็แอบเลี่ยง
ออกไปบ้างโดยไม่ได้บอกใคร  เขาต้องไปดูคนกลัวฟ้าเสียหน่อย

“กอหญ้าอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”
 แผ่นดินถามอยู่หน้าห้องน้ำ

“ครับพี่ดิน  อีกแป๊บจะเสร็จแล้วฮะ  พี่ก็ไปอาบก่อนไป  แล้วมานอนห้องนี้นะ  เดี๋ยวข้าวรอ”

“อืม…งั้นพี่ไปก่อนนะ”
แล้วแผ่นดินก็หันหลังเดินออกมาจากห้องของกอหญ้า



อาบน้ำเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่าจะคืนสร้อยกับจี้ให้เจ้าของไปเพราะไหนๆ เขาก็รู้แล้วว่า
กอหญ้าน่ะหายดีแล้ว  และความทรงจำก็กลับมาหมดแล้วด้วย  หากเจ้าตัวอยาก
จะบอกกับเขา  หรืออยากจะไปจากที่นี่  เขาก็คงต้องยอมอยู่ดี  ซึ่งจริงๆ เขาไม่อยาก
ให้วันนั้นมันมาถึงเลยด้วยซ้ำไป  แต่ไม่สามารถที่จะกักขังหน่วงเหนี่ยวใครไว้ได้

แม้ว่าจะรู้สึกลึกซึ้งกับอีกคนมากมายแค่ไหนก็ตามแต่  เขาไม่กล้าพอที่จะเห็นแก่ตัว
เอากอหญ้ามาอยู่ด้วยตลอดไป  แล้วแผ่นดินก็ก้าวเท้าออกไปจากห้องตัวเองเพื่อไป
หาอีกคนที่บอกว่าจะรอ




หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 27 แค่เรารักกัน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 30-03-2019 19:50:14
ตอนที่ 27 แค่เรารักกัน

แผ่นดินเปิดเข้าไปในห้องนอนของกอหญ้า  เห็นนั่งเช็ดผมที่ยาวขึ้นเยอะแล้ว
อีกเดือนก็ตัดแต่งทรงได้อย่างสวยแล้วละ  แผ่นดินเข้าไปดึงผ้ามาเช็ดต่อให้

“อาบน้ำตัวหอมอีกแล้ว  ขอหอมหน่อย  อื้ม…ชื่นใจจัง”
แผ่นดินฝังจมูกที่ซอกคอขาวและสูดลมหายใจเข้าจมูกอย่างยาวนาน

“แห้งแล้วล่ะพี่ดิน  พอเถอะ  นอนกันนะฮะ”
แล้วกอหญ้าก็ดึงผ้าไปพาดไว้ที่ราวเล็กนอกระเบียง
 
“เอ้า! นี่สมบัติเราที่ติดตัวมา  พี่คืนให้เก็บรักษาให้ดีนะ มาพี่สวมให้ครับ”
พี่ดินล้วงสร้อยคอกับจี้ที่พ่อเคยให้ไว้ขึ้นมาสวมให้และติดตะขอให้ด้วย

“ใส่แล้วดูเหมาะกับกอหญ้ามากๆ เลยล่ะ”
เครื่องประดับชิ้นนี้พอมาอยู่ที่ลำคอระหง  ดูดีจนแผ่นดินต้องเอ่ยปากชม

“เอ่อ…ครับ  มันเป็นของชิ้นเดียวที่แม่เหลือไว้ให้ข้าว  พ่อบอกเอาไว้อย่างนั้น
แล้วก็ให้เก็บรักษาไว้ให้ดีๆ ด้วย อุ๊บ!!!”

กอหญ้าเผลอเล่าออกมา  รู้ตัวก็รีบยกมือขึ้นปิดปาก แต่ไม่ทันแล้ว พี่ดินมองมาตาวาววับ

“มีอะไรจะบอกพี่มั้ยครับ  เด็กดื้อ…หื้ม”
พี่ดินรวบตัวไปกอดลูบหลังเขาขึ้นลงเบาๆ อยู่อย่างนั้น

กอหญ้าน้ำตาไหลเต็มตื้นกับความอ่อนโยนที่พี่ดินแสดงออกมา  พอถูกปฏิบัติอย่างนี้แล้ว
จะให้ไปจากกันได้ยังไง  พอนึกว่าจะต้องไปจากกันก็ร้องไห้ซบบ่าพี่ดิน

“ร้องไห้ทำไมครับ  พี่ไม่ได้ว่าอะไรเราเสียหน่อย…ตัวแสบ”
แผ่นดินพูดเสียงอ่อนโยนดังเดิม

“กอหญ้าเป็นเด็กดื้อไปแล้วนี่ไง  ตะกี้พี่ดินยังบอกเลย  ฮือฮือฮือ”
อารมณ์อ่อนไหวพาให้น้ำตารื้นขึ้นมาอีก

“ถึงจะดื้อยังไงพี่ก็รับมือเราไหวหรอกน่ะ ไม่ขี้แยสิ”
พี่ดินกระซิบที่ข้างหู

“ก็…เอ่อ…คือกอหญ้าอยากอยู่ที่นี่  อยู่กับพี่ดินไม่อยากไปไหน  ถ้าพี่ดินรู้ว่าหายดีแล้ว
ทุกคนรู้กันหมด  กอหญ้าก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี  ฮือฮือฮือ”
ร้องไห้ออกมาอีกยกใหญ่  อย่างเสียขวัญ

“คนดี…ใครบอกกัน  หายดีน่ะเป็นเรื่องที่ดี  ทุกคนรู้ก็พลอยดีใจ …หมดห่วง
แล้วใครบอกว่าจะให้ไปไหนกันครับ  พี่ต่างหากที่อยากเก็บเราไว้ที่นี่  ไม่อยากให้ไป
ทำงานแบบนั้นอีก  ทั้งเหนื่อย…ทั้งคนหลอกลวง…ยังต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวถ่ายแบบโป๊ๆ
สังคมแบบนั้นมันไม่เหมาะกับเราเลยนะ…กอหญ้า  ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ
อยู่กับพี่ที่นี่…ตลอดไป…ได้หรือเปล่า…ได้ไหมครับ”
แผ่นดินพูดแล้วจ้องตาคนตัวบางตรงหน้า  สองมือจับใบหน้าให้มองตรงมาที่เขา
เห็นน้ำตายังไหลลงมาอีกก็ใช้นิ้วมือเกลี่ยออกให้อย่างเบามือ

“กอหญ้า  อยากอยู่ที่นี่ฮะ  อยากอยู่กับพี่ดิน  ทุกวันนี้มีชีวิตรอดมาได้ก็เพราะพี่ดินช่วยไว้
กอหญ้าอยากอยู่ที่นี่ ฮือฮือฮึก”
พูดจบก็ร้องไห้ออกมาอีกอย่างหนัก

“อยู่ได้ครับ…เท่าที่ต้องการเลย  มันอาจจะเร็วไปถ้าพี่จะบอกว่า…พี่รักกอหญ้านะ
รักทั้งๆ ที่เราเป็นผู้ชาย  รักโดยมองข้ามความเป็น…ข้ามฟ้า เหนือเวหา…คนนั้น
รักที่เป็นเพียงกอหญ้า เด็กดื้อของพี่คนนี้”

“พี่ดิน  กอหญ้าก็…รักพี่ดิน…นะครับ  เราเป็นเกย์กันไปแล้วใช่ไหมครับ”
กอหญ้าพูดทั้งน้ำตา  ส่ายหน้าอย่างสับสน

“ไม่ครับ  เราแค่รักกัน  แค่นั้นเอง  คนดีรักพี่จริงๆ ใช่ไหม”
แผ่นดินมองเข้าไปที่นัยน์ตาคู่สวย

“ข้าวรักพี่ดิน…ครับ”
กอหญ้าพูดพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล

“ไม่ร้องแล้วครับ  เดี๋ยวจะปวดหัวเอานะ  นอนเถอะนะ  มากอดกันหน่อย”
พี่ดินก็จับจูงให้กอหญ้านอนลงบนหมอน ไออุ่นที่ส่งถึงกันและบรรยากาศมันพาไป
ทำเอาสองหนุ่มต่างพากันโอบกอดประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน

แผ่นดินแทรกปลายลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากอุ่นของกอหญ้า  จนเมื่อต่างฝ่ายต่างเพริด
ไปกับความหอมหวานที่ชักนำ  มือไม้ก็สำรวจร่างกายของกันและกันไม่หยุดหย่อน 

แผ่นดินซุกไซ้ขบเม้มใบหูขาวและจูบที่ต้นคอขาวและยังเผลอดูดดึงเข้าไปในปาก
สร้างรอยรักไปทั่วตามที่ริมฝีปากและลิ้นร้อนสำรวจผ่าน  มือของพวกเขาต่างลูบคลำ
แตะต้องส่งความสุขให้แก่กันจนเมื่อขีดความอดทนมาถึง  ทั้งสองก็ปลดปล่อยลาวาร้อน
เต็มฝ่ามือของอีกฝ่ายพร้อมๆ กัน

แผ่นดินกอดกอหญ้าไว้แนบอกลูบหลังให้

 “พี่ดิน…อย่าทิ้งข้าวนะ”
กอหญ้าพูดเสียงแผ่วเบาแล้วลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอก็เป็นเครื่องยืนยันว่าคนในอ้อมกอด
ได้หลับลงไปแล้ว  แผ่นดินกดจูบที่หน้าผากมน

“ทิ้งได้ไงกัน…คนนี้… รักนะครับ”
แผ่นดินพึมพำกับตัวเอง  แล้วนอนฟังเสียงลมหายใจของอีกคน จนผล็อยหลับไปด้วยอีกคน

 
กลางดึกแผ่นดินสะดุ้งตื่นเพราะความร้อนของร่างที่ตนกอด  ชายหนุ่มรีบไปหาผ้าชุบน้ำ
มาเช็ดตามเนื้อตัว

เขาสังเกตเห็นตั้งแต่หัวค่ำแล้วว่าเจ้าตัวออกจะเพลียๆ ง่วงๆ แล้วยังนั่งสัปหงกให้เห็น

ปกติกอหญ้าจะไม่หลับง่ายขนาดนี้  อากาศช่วงปลายฤดูฝนคงเล่นงานเอาเสียแล้ว
จะปลุกให้กินยาคงจะยาก  ขนาดว่าเขาจับถอดเสื้อเช็ดเนื้อตัวให้เจ้าตัวยังไม่รับรู้อะไรเลย
เขาเช็ดจนความร้อนในกายลดลงจึงเอนตัวลงนอนเคียงกัน

แผ่นดินหลับๆ ตื่นๆ เพราะคอยกังวลกับคนมีไข้จนรุ่งสาง  คิดว่าจะนอนต่อไม่ออกตรวจไร่

“พี่ดินครับ  ไม่ไปตรวจไร่เหรอครับ”
กอหญ้าตื่นมาเข้าห้องน้ำ  แล้วดูเวลาเห็นเลยเวลาที่คนตัวโตจะต้องตื่นจึงเรียกถาม
“หืม…งดครับ  กอหญ้ามีไข้เมื่อคืนนี้  พี่เช็ดตัวให้ตลอดเลยนะ  ไหนมาดูสิ…ตัวเย็นหรือยัง
ไม่ร้อนแล้วนี่นา  มานอนต่อเถอะ”
พี่ดินคว้าตัวมากอด  คลำหน้าผากซอกคอ  แล้วก็ดึงให้ลงไปนอนต่อ

“ขอบคุณนะ  ที่ดูแลกัน”
กอหญ้าพึมพำขอบคุณกับอกคนตัวโต

“ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว...เรามามอร์นิ่งคิส...กันหน่อยมั้ย”

กอหญ้าเม้มปากแน่น  กระดกหัวขึ้นจากอกพี่ดิน

“พี่ดิน  เรายังไม่ได้แปรงฟันกันเลย  ไม่เอาครับ”
มีหรือที่คนตัวผอมจะเอาชนะคนตัวโตไปได้  สุดท้ายต่างก็จูบกันอย่างดูดดื่มรับอรุณ

จนเกือบจะเลยเถิดไปไกล

“น่ารัก จนอดใจจะไม่ไหวแล้วเนี่ย  ทำยังไงดีครับ…หืม”
แผ่นดินทำตาหวานซึ้งใส่คนตัวขาวๆ

“พี่ดิน  ทำไมกลายเป็นคนหื่นไปได้เนี่ย วุ๊ย! ไปจัดการตัวเองเลยไป  นู่นห้องน้ำ ดูสิ หน้าไม่อาย”
มังกรที่พร้อมรบแต่เช้า ทำให้ถูกผลักให้ไปช่วยตัวเองในห้องน้ำ

“นิดนึง ไม่ได้เหรอครับ  นะๆ”
พี่ดินอ้อนอีก  กอหญ้าก็เลยฟาดมือไปที่แผงอกดังเพียะ  แล้วพี่ดินก็หายเข้าห้องน้ำไปนานพอดู
แถมยังแง้มประตูให้ได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมาอีก  เสียงนี่กระเส่าแถมยังเรียกชื่อเขาอีก

`บ้าจริงๆ เลย พี่ดินกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ`

กอหญ้าหน้าร้อนผ่าวลามไปที่ใบหู  ต้องเอาหน้าซุกกับหมอนหนีอาย


กอหญ้าไปอาบน้ำ  สำรวจตัวเองไปด้วย  แล้วก็หน้าหงิกกับรอยบนแผงอกและซอกคอที่ชัดเจน
เอามากๆ ไว้ใจไม่ได้แล้วสิพี่ดิน  ต้องหาเสื้อมีปกมาใส่ปิดบังรอยรัก ไม่ใช่หน้าหนาวด้วยจะใส่เสื้อ
มิดชิดได้ไงกันล่ะ เจ้าตัวโอดครวญในใจ

“พี่ดิน  ทำไมเป็นคนแบบนี้กันครับ  แล้วกอหญ้าจะมีหน้าออกไปไหนได้ล่ะ ทิ้งรอยไว้เนี่ย โว๊ะ!”
กอหญ้าเดินไปตี  คนที่นอนสบายอยู่บนเตียง
“หืม…อะไรล่ะครับ ที่รัก แค่แสดงความเป็นเจ้าของกันนิดๆ หน่อยๆ
นิดหน่อยเองครับ ไหนๆ มาให้พี่ดูหน่อย อืม…ตรงนี้ก็น่าจะมีอีกสักรอยนะ หึหึ”
แผ่นดินหยอกเย้ากลับไปอีก

“พี่ดิน!!! ไม่สำนึกอีกใช่มั้ย …หึ้ม อดไปเลยนะ”
กอหญ้าเสียงเขียว

“โอ๊ะๆ ล้อเล่นครับ ฆ่าพี่ดีกว่า ถ้าจะลงโทษกันถึงขนาดนั้นน่ะ”
พี่ดินไม่วายทำหน้าทะเล้นมาอีก เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด
 
“พี่อาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวลงไปข้างล่างพร้อมกัน”
พี่ดินพูดเสร็จก็ดึงหน้าเขาไปจูบที่หน้าผาก

“ไปเลยโอ้เอ้อยู่นี่แหละ”
กอหญ้าดันพี่ดินออกประตูไป  แล้วรีบปิดประตูห้องทันที

“แฮ่มๆ พี่ชายครับ ห้องนอนตัวเองไม่มีเหรอครับ ไปนอนเบียดคนอื่นเขาอย่างนี้น่ะ”
ฐานทัพแซวพี่ชายที่เห็นออกมาจากห้องของกอหญ้า

“อ้าว! พี่ชาย ไม่ไปตรวจเวรยามเหรอครับ สายแล้วนะ”
กริชเดินออกจากห้องนอนเห็นพี่ชายจึงทักขึ้นอีกคน

“ยุ่งน่าสองคนนี้  พี่จะไปอาบน้ำ  หลีกทางสิ!”
น้องสองคนมาขวางทางไว้  หน้าตานี่จ้องจับผิดกันจริงจัง

“อะไรครับ  ทำอารมณ์เสียไปได้  แววตามันซ่อนความรู้สึกไม่มิดนะครับ
สุขจนล้นแล้วละนั่น”
ฐานทัพกระเซ้ามาอีกง

“เออๆ ตามนั้นแหละ ล้อกันอยู่ได้ จะไปอาบน้ำ เบาๆ หน่อย เดี๋ยวกอหญ้ามาได้ยิน
พี่ตายกันพอดี ไปๆ แยกย้าย”
แผ่นดินปรามน้องๆ

“แหมๆ แววออกแล้วครับพี่ผม  ท่าจะกลัว…”
ฐานทัพพูดไม่ทันจบ  แผ่นดินก็เดินกระแทกไหล่หนีเข้าห้องไปแล้ว

“หึหึ  พี่ดิน  ชักจะมีเงื่อนงำแล้วสิ”
กริช  หัวเราะไล่หลังพี่ชายที่หลบฉากหนีพวกเขาไป

“พี่ทัพลงไปข้างล่างกันเถอะฮะ  เดี๋ยวว่าที่พี่สะใภ้เปิดมาเจอเข้า
เราสองคนก็อดได้ดูอะไรสนุกๆ กันพอดี…ไปครับ”

กริชหันมาดึงแขนพี่ชายพากันเดินลงไปชั้นล่าง






หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 30-03-2019 20:06:09


 :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-03-2019 20:55:29
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 28 เหตุวุ่นวาย 1
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 30-03-2019 22:01:39
ตอนที่ 28 เหตุวุ่นวาย 1

ที่โต๊ะอาหารกอหญ้าก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สบตาใครเลย 
เขารู้สึกว่าถูกพี่ทัพและเจ้ากริชจ้องอยู่ตลอด
“เจ้าดิน  เมื่อเช้าไม่ได้ไปตรวจไร่เหรอ”

พ่อเขตเอ่ยปากถามลูกชายคนโต  เมื่อได้เจอหน้ากันแต่เช้าตรู่แบบนี้
“ฮะพ่อ  พอดีว่าเมื่อคืนกอหญ้าไม่สบาย…ไข้ขึ้นทั้งคืนต้องคอยเช็ดตัวให้
กว่าผมจะได้นอนค่อนรุ่งไปแล้วน่ะ”
แผ่นดินบอกพ่อเขต

“อ้าว! เหรอ…อากาศเปลี่ยนล่ะสิ  แล้วนี่เป็นไงบ้าง  กินข้าวกินปลาแล้วก็พาน้องไป
หาหมอนะดิน โรงพยาบาลก็อยู่แค่นี้เอง”
เมื่อพ่อเขตพูดจบ  ทำเอากอหญ้าซาบซึ้งหัวใจที่มีคนใส่ใจ  เหมือนว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่ง
ของครอบครัวนี้อย่างนั้น

“ดีขึ้นแล้วครับพ่อเขต  เดี๋ยวกินยาแก้ไข้อีกที…แล้วนอนพักอีกหน่อยก็น่าจะหาย”
กอหญ้าบอกพ่อเขต

“อืม…งั้นก็ตามใจเราแล้วกัน  แต่ถ้ามันไม่ดีขึ้นก็ไปหาหมอด้วยล่ะ”
กอหญ้าพยักหน้า  และตักข้าวเข้าปาก

“พี่ดิน  เดี๋ยวผมไปส่งต้นกล้าเองครับเช้านี้”
ฐานทัพบอกพี่ชาย

“พี่ทัพ  ผมไปด้วย  จะไปที่ร้านน่ะครับ”
กริชร้องตาม

“งั้นก็รีบกิน  กอหญ้าล่ะ  อยากได้อะไรมั้ย  ขากลับพี่จะดูมาให้”
ฐานทัพหันไปถามกอหญ้า

“ไม่ครับพี่ทัพ  พอดีวันก่อนพี่ดินพาไปในเมืองมาแล้ว”

“ไปไหนมาไหนก็ระวังตัวกันบ้างนะ  ศัตรูเราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครที่คอยจ้องจะเล่นงาน
อย่ากลับให้มันมืดค่ำนักนะทัพ”
พ่อเขตเตือนลูกชายคนเล็ก

“ครับพ่อ  มาทันกินมื้อเย็นอยู่แล้ว”
ฐานทัพบอกพ่อ

“พี่ดิน  กอหญ้าขอไปดูไร่ด้วยคนสิครับ”

“นี่ๆ คนป่วยใครเขาให้ออกไปตากแดดตากลมกัน  มาอยู่เป็นเพื่อนย่าเลย”
คุณย่ารีบพูดขัดขึ้น

“นั่นสิ! คุณย่าพูดถูก  เดี๋ยวไข้ก็กลับมาอีกหรอก ไว้หายดีก่อนค่อยไป”
แผ่นดินหันไปทำตาดุใส่  กอหญ้าก็เลยตักข้าวเข้าปาก  ไม่กล้าพูดอะไรอีก

`ใครๆ เขาก็มีงานทำแล้วก็มีที่ไปกันทั้งนั้น  เราต้องเป็นคนไร้ประโยชน์
อยู่คนเดียวเลย เห้อ!`


ตอนสายของวันแผ่นดินก็เข้าไร่  ก่อนไปยังหันมากำชับกอหญ้าไม่ให้ทำ
อะไรอีกด้วย  แถมยังส่งเจ้าเพชรให้มาคอยเฝ้าด้วย  ของานคุณนนท์ก็ไม่ยอมให้ทำ
คงถูกสั่งห้ามมาละมั้ง

สุดท้ายกอหญ้าต้องดูทีวีเป็นเพื่อนคุณย่าแล้วก็เล่นกับน้องใบข้าวบ้างเท่านั้น   

คะน้าโทรบอกกอหญ้าว่าอยู่ที่สนามบินแล้ว  กำลังจะเดินทางมาที่ไร่  และที่สำคัญมี
น้าช่อแก้วตามมาอย่างกับเงาตามตัว

กอหญ้าได้ฟังก็ร้อนใจจึงรีบโทรหาแผ่นดิน

“ฮัลโหล  พี่ดินครับ  พี่คะน้ากำลังจะมาที่ไร่  มากับแม่เลี้ยงของกอหญ้าด้วยสิครับ
พี่ดินกลับมาบ้านก่อนได้ไหมครับตอนนี้ ”
กอหญ้าพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

(ได้ๆ รอพี่แป๊บนึง  จะไปเดี๋ยวนี้  ใจเย็นๆก่อนนะ)
 พี่ดินวางสายไปแล้วแต่กอหญ้าก็ยังเดินเป็นหนูติดจั่น  เขาร้อนใจเอามากๆ แล้วตอนนี้

“คุณกอหญ้าเป็นอะไรไปฮะ  ทำไมหน้าเครียดอย่างนั้น  ปวดหัวตัวร้อนอีกหรือเปล่าครับ”
ชานนท์ปรี่เข้ามาทักเมื่อเห็นความผิดปกติในสีหน้าของกอหญ้า

“เอ่อ…มีเรื่องไม่สบายใจน่ะคุณนนท์  นี่ผมรอพี่ดินอยู่ครับ
เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังพร้อมๆ กันเลยนะครับ”
กอหญ้าพูด  สีหน้าไม่ดีเอาเลย

“ถ้างั้น  คุณกอหญ้านั่งลงก่อนครับ  ทำใจเย็นๆ นะครับ  ทุกปัญหามีทางออก  นายดินเก่งออก
คงจะช่วยคุณได้ครับ  เพชรๆ ไปหาเครื่องดื่มหวานๆ เย็นๆ มาให้คุณกอหญ้าสักแก้วสิจะได้สดชื่นขึ้น”
ชานนท์พูดปลอบใจกอหญ้าที่ดูกระวนกระวาย และหันไปสั่งงานเพชร  เด็กหนุ่มรีบเร่งไปจัดการให้ทันที

“ขอบคุณครับ…ที่ดูแลกัน”
กอหญ้าฝืนยิ้มให้ชานนท์  แล้วจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้สุด

“ไม่เป็นไรมีอะไรบอกผมได้  ไม่ต้องเกรงใจนะฮะ”
ชานนท์ส่งยิ้มกลับไปให้ แล้วเพชรก็นำน้ำส้มคั้นมาวางให้ตรงหน้า

“ดื่มหน่อยเถอะครับ  จะได้สดชื่น”
กอหญ้าจึงหยิบขึ้นมาดื่ม  รสชาติเปรี้ยวอมหวาน  ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ
อย่างที่คุณนนท์บอก

“นั่น! นายดินมาแล้วครับ  เดินหน้าตาตื่นมาเลย  สงสัยจะเป็นห่วงน่าดู  อุ๊บ!!!
ขอโทษครับ  ปากไวไปหน่อย”
ชานนท์พูดไปตามที่คิด  ทำเอากอหญ้าหน้าขึ้นสีระเรื่อ

ชานนท์ดูออกแล้วว่าคู่นี้เขาห่วงกันจริงจัง  แบบพิเศษเสียด้วยสิ

“มีอะไรหืม…หน้าเครียดจัง  ยังมีไข้อีกหรือเปล่า  มาพี่ตรวจดูหน่อ ย อื้ม…ตัวไม่ร้อนแล้วนี่”
พี่ดินมาถึงก็ฉวยมือไปกุมก่อน  แล้วก็ใช้หลังมืออังที่หน้าผากและลำคอ  ไม่สนใจชานนท์
ที่ยืนมองตาใสอยู่ใกล้ๆ

“พี่ดิน  กอหญ้าจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่ปิดบังไว้ให้คุณย่ากับคุณพ่อและทุกคนฟังครับ
ก่อนที่น้าช่อและพี่คะน้าจะมาถึง …ก่อนที่ท่านจะไปรู้จากปากคนอื่น”
กอหญ้าพูดด้วยสีหน้าที่ตื่นๆ และน้ำเสียงที่ร้อนรนเอามากๆ แผ่นดินเห็นแล้วก็สงสาร
ยกมือขึ้นลูบหัวอย่างอ่อนโยนในแบบที่ชอบทำ

“ได้สิ…ถ้ากอหญ้าพร้อม  นั่น! คุณพ่อมาพอดี  เพชรๆ ไปเชิญคุณย่ามาที่ห้องนั่งเล่นที
บอกท่านว่าคุณกอหญ้ามีเรื่องสำคัญจะเรียนให้ทราบ  แล้วก็ไปตามคนอื่นๆ มาด้วย”
แผ่นดินหันไปบอกเพชร  เด็กหนุ่มเห็นสีหน้าของคุณกอหญ้าและนายดินแล้วจึงรีบ
จนเท้าแทบขวิดกัน

“อ้าว! เจ้าดิน ชานนท์  มีเรื่องอะไรกัน  หนูกอหญ้าด้วย  ใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
พ่อเขตเดินเข้ามาเห็นสีหน้าตื่นๆ ของกอหญ้า

“เอ้อ… กอหญ้ามีเรื่องจะบอกพ่อเขตกับคุณย่าแล้วก็ทุกๆ คนน่ะครับ  เชิญที่ห้องนั่งเล่นดีกว่าครับ”
กอหญ้าเอ่ยปากบอกประมุขของบ้าน

“อื้ม… เอาสิ! คงไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายนะ  คนแก่จะหัวใจวายเสียเปล่าๆ”
พ่อเขตพูดขึ้น  สีหน้าก็ออกจะเล่นๆ เสียมากกว่าจะจริงจัง

“พ่อน่ะ  พูดเป็นเล่นไปครับ  มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก  ไปชานนท์ย้ายเข้าไปฟังพร้อมๆ กัน”
แผ่นดินอดไม่ได้ที่จะขัดพ่อ  ด้วยเห็นท่านไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร


ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว  กอหญ้าคลานเข้าไปกราบที่ตักของพ่อเขตและคุณย่า
ก่อนจะกอดเอวคุณย่าไว้

คุณย่ามีสีหน้าตกใจที่เห็นการกระทำของกอหญ้า  แล้วท่านจึงเชยคางของเขาขึ้น  สบตากับเด็กหนุ่ม

“อะไรกันลูก  มีอะไร  ใครทำอะไร  นี่ไม่สบายใจอะไรบอกย่าสิ  พี่ดินรังแกหรือเปล่า?”

คุณย่าพูดด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร  ใจดีไม่เปลี่ยน  ทำเอากอหญ้าตื้นตันน้ำตาคลอ

“กอหญ้าความทรงจำกลับมาแล้วฮะคุณย่า  จำทุกอย่างได้หมดแล้ว
และรู้ว่าตัวเองเป็นใครด้วยครับ  ขอบคุณพ่อเขตและคุณย่า  โดยเฉพาะพี่ดิน
แล้วก็ทุกๆ คนที่ให้ความช่วยเหลือดูแลด้วยใจจริง  กอหญ้าจะไม่มีวันลืมน้ำใจ
ของคนบ้านนี้เลยครับ  มีอีกเรื่องที่อยากจะบอกให้ทุกคนทราบ  คือว่าผม…เอ่อ
…ผมคือข้ามฟ้า เหนือเวหาครับ  ต้องขอโทษด้วย…ที่ปิดบังไม่บอกให้ทุกคนทราบ
อย่าโกรธเลยนะครับ”

กอหญ้าพูดไปด้วยน้ำตาที่ปริ่มๆ ดวงตาก็เริ่มหยด

“นี่ๆ พูดจริงเหรอหนูกอหญ้า ไม่ใช่ล้อย่าเล่นนะ  พ่อข้ามฟ้าของย่าจริงๆ ใช่ไหม
โธ่ๆ….ลูก….ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ย่าไม่โกรธหรอกลูก  หายดีก็ดีแล้วล่ะ
คุณพระคุ้มครองนะลูก  มาให้ย่ากอดให้ชื่นใจอีกทีสิ  ไม่ต้องมาร้องไห้เลย
จะร้องทำไมกัน  ย่าไม่ได้ว่าอะไรเราเลยนะ  นี่ๆ…ชื่นใจคนแก่จริงๆ”
คุณย่าทั้งกอดทั้งหอม  ลูบเนื้อลูบตัวไม่หยุด

“เหอะๆ พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่ะเจ้าดิน  แถมยังเป็นพ่อดาราดัง
คนนั่นของคุณย่าแกอีกด้วย”
พ่อเขตทำหน้าตาแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“คุณกอหญ้า  ทำผมเซอร์ไพรส์หนักมากๆ ตัวเป็นๆ เลยนะครับเนี่ย
โอย…ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแล้วล่ะ”
ชานนท์ทำมือทำไม้แบบตกประหม่าเอามากๆ เห็นแล้วก็น่าตลกปนน่าเอ็นดู
จนกอหญ้าต้องส่งยิ้มไปให้ทั้งที่น้ำตายังคลอตา

“โหๆ ป้าก็โชคดีจริงๆ ได้ทำอาหารให้พ่อข้ามฟ้าทานด้วย  แกด้วยสินะยิ้มไม่หุบเลย
เจ้าเพชร! ได้ดูแลทำนู่นหยิบนี่ให้เขาน่ะ”
ป้าสายยิ้มแป้นพูดเป็นต่อยหอยเลย

“โธ่! ป้าสาย  ผมก็ปลื้มดาราเป็นเหมือนกันนี่ฮะ”
เพชรโต้กลับ  สีหน้าดูตื่นเต้นไม่ต่างจากคนอื่นๆ

“นี่เจ้ากริชกับเจ้าทัพ  เห็นทีว่ามันจะได้รู้ทีหลังอีกตามเคย  ฮ่าฮ่า ว่าเขาไว้เยอะเลยเจ้าทัพน่ะ
พ่ออยากเห็นหน้ามันจริงๆ ตอนที่ได้รู้ความจริงน่ะ ชักสนุกแล้วสิ ฮ่าฮ่าฮ่า”
พ่อเขตหัวเราะร่วนกว่าที่เคยได้ยิน

“ไม่มีใครโกรธกอหญ้าเลยเหรอครับ…เอ่อ…ขอผมใช้ชื่อที่พี่ดินตั้งให้นะครับ
ยังไงผมก็ยังเป็นกอหญ้าสำหรับทุกคนเหมือนเดิม”
กอหญ้าหันไปมองทุกคนที่ไม่มีใครโกรธเขาเลยสักคน  สีหน้าแต่ละคนมีแต่
ความปลาบปลื้มยินดีส่งมาให้

“พ่อคุณของย่า  ใครจะไปโกรธลงล่ะ  หมดเคราะห์หมดโศกกันเสียทีนะลูก”
คุณย่าพูดปลอบแล้วก็ลูบหลังเด็กหนุ่มไม่หยุดดังเดิม

“ผมมีเรื่องจะบอกคุณย่ากับพ่อด้วยครับ  คือผมกับกอหญ้า…เรารักกัน…ครับ”
แผ่นดินถือโอกาสนี้เปิดเผยเรื่องของเขาสองคนให้คนในบ้านรับรู้ไปด้วย

“ห๊ะ! เจ้าดิน! แกๆ พูดอะไรออกมาว่ะ! พวกแกก็ผู้ชายกันไม่ใช่หรือไง”
พ่อเขตตกใจ  ทำเอากอหญ้าหน้าเจื่อนลงไปทันตาที่เห็นท่าทีของพ่อเขต

“เอ้า!!! ดีสิ  ดีเลยล่ะ  เจ๋งนี่เจ้าดิน  ย่าบอกแล้วว่าถ้ามีหลานสาวจะยกให้พ่อข้ามฟ้า
เอาๆ หลานชายก็ยกให้ได้เหมือนกันแหละนะพ่อคุณ  คนกันเองแล้วนะทีนี้”
คุณย่าดีอกดีใจที่จะได้เกี่ยวดองกันอย่างที่ท่านมุ่งหวัง  สีหน้ามีความสุข

“เอ่อ! พ่อก็…ไม่ได้จะรังเกียจหรืออะไรหรอกนะ…แค่แปลกใจ…อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ
กอหญ้าเอ๊ย! พ่อไม่ได้จะห้ามหรือว่าอะไร”
พ่อเขตพูด  ปรับสีหน้าใหม่  ท่าทีตกอกตกใจเมื่อครู่ผ่อนลง  เพราะเห็นสีหน้าที่เจื่อนๆ
ของทั้งลูกชายกับคนรัก

“เซอร์ไพรส์อีกแล้วสิครับ โอย…นายดินกับคุณกอหญ้า…รัก…กัน หึ! มิน่าล่ะ!…นายดินถึงเชียร์ผม
กับนายคมกฤชเสียจริง  จะหาพวกนี่เอง หึหึ”
ชานนท์เผลอปาก แต่ไหนๆ ก็หลุดปากไปแล้วก็เลยพูดจนหมด

“เออ! แกไม่ต้องมาทำเป็นขำเลยเจ้านนท์  ถึงตาของแกบ้างเถอะ
จะขำไม่ออก! คอยดูเอาละกัน”
แผ่นดินหันไปขึงตาใส่ชานนท์ที่ทั้งขำและจิกกัดเขาเข้าด้วย

“ตกลงพวกผมเป็นแฟนกันแล้วนะ  คุณย่ากับพ่อรับทราบกันแล้วนะทีนี้”
แผ่นดินพูดแล้วก็ดึงกอหญ้าให้ขึ้นมานั่งที่โซฟา  สีหน้าระรื่นยิ้มปากจะฉีกถึงใบหูด้วยซ้ำ
ทำเอาพ่อเขตนึกหมั่นไส้ลูกชายคนโต

“ข่าวนี้ก็อย่าให้มันหลุดรอดออกไปข้างนอกกันนะ…ทุกคน  ไม่อย่างงั้นนักข่าวแห่กันมา
แน่นไร่ของเราแน่  ช่วยๆ กันปิดไว้ก่อนล่ะ”
พ่อเขตเอ่ยปากกำชับคนในบ้านไม่ให้ข่าวหลุดออกไป  เมื่อประมุขของบ้านพูดอย่างนั้น
ทุกคนจึงรับคำว่าจะไม่แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด  กอหญ้าจึงมีสีหน้าดีขึ้น


กอหญ้าบอกคุณย่าและคุณพ่อด้วยว่าแม่เลี้ยงของเขากับผู้จัดการส่วนตัวกำลังจะมาที่นี่
และเขาจำเป็นต้องแสดงออกมาว่าความจำยังไม่กลับมาไปก่อน  เพื่อตบตาแม่เลี้ยงที่จ้อง
จะหาประโยชน์กับเขาตลอดเวลา  ทุกคนเข้าใจและพากันเห็นใจเด็กหนุ่มที่มีแม่เลี้ยงแย่ๆ แบบนั้น










หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-03-2019 22:29:34
 o13
 :L1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 29 เหตุวุ่นวาย 2
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 30-03-2019 22:32:57
ตอนที่ 29 เหตุวุ่นวาย 2

เวลาที่รอคอยก็มาถึง  เมื่อคะน้ากับช่อแก้วก้าวเท้าลงมาจากรถ
เหยียบย่างลงบนผืนไร่เขตแผ่นดิน

“โอ้โห!!! บ้านช่องใหญ่โตท่าทางข้าวคงจะไม่ลำบากสินะอยู่ที่นี่
เป็นตั้งดาราดัง  จะมาตกอับได้ยังไงกัน  จริงไหมคะน้า"
น้าช่อมาถึงก็จับหมุนสำรวจตามเนื้อตัวแขนขาของกอหญ้าเป็นการใหญ่
ดูวุ่นวายไปหมด  จนกอหญ้าชักจะวิงเวียน

“ขอโทษทีครับ…คุณเป็นใคร?”
กอหญ้าเริ่มสวมบทละครทันที  และปัดมือน้าช่อออกจากจับต้อง

“เอ่อ…คือน้าช่อแก้ว  แม่เลี้ยงใจยักษ์  เอ๊ย!! น้าช่อ…ที่เลี้ยงกอหญ้ามาจนโต
ด้วยเงินคุณพ่อที่ทำประกันชีวิตไว้ให้เราไงล่ะ อุ๊ย! พูดผิดอีกแล้ว… สรุปว่าเขา
เลี้ยงเรามาจนโต  เข้าใจนะกอหญ้า”

คะน้าอดที่จะเหน็บแนมช่อแก้วไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้  เธอจึงจัดไปแบบเบาๆ
ซึ่งทำเอาคนโดนแขวะหน้าเชิดคอตั้งขึ้นมาทันที

“แล้วนี่เมื่อไหร่จะหายล่ะ  จะได้กลับไปทำงานทำการเสียทีหายตัวมาจะครึ่งปี
แล้วงานการจะหายหมด  อีกอย่างน้าก็จะอดตายแล้วด้วย…เจ้าหนี้ตามทวงเช้า
ทวงเย็น  จนน้าไม่เป็นอันกินอันนอน  หายสักทีเถอะนะ…ข้าว  น้ากำลังเดือดร้อน”

แผ่นดินมองผู้หญิงที่เข้าสู่วัยกลางคนแต่แต่งตัวจัดจ้าน  ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก็ดูดีไม่เบา
แต่คำพูดที่เปล่งออกมามีแต่ความเห็นแก่ได้…กอหญ้าถูกสูบเลือดสูบเนื้อขนาดนี้…
เห็นแล้วก็สงสาร

“สรุปที่คุณน้ามาที่นี่  ด้วยเป็นห่วงลูกเลี้ยง  หรือเป็นห่วงตัวเองกันแน่”
แผ่นดินพูดเสียงแข็ง  อย่างที่ไม่ยอมใครง่ายๆ ช่อแก้วมองชายหนุ่มที่ไม่มีทีท่า
จะลงให้ใครแล้วก็ถอยไปหาคะน้า

“อ่อ…คนนี้สินะที่ช่วยข้าวไว้น่ะ  หน้าตาก็ดีแต่พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ
ข้าวเป็นลูกเลี้ยงฉันกว่ามันจะโตมาได้ขนาดนี้  ฉันนี่หมดเงินกับมันไป
เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว  เป็นแค่คนอื่น…อย่ามาทำพูดดี  คะน้าไหนๆ
เราก็มาถึงนี่แล้ว  พาข้าวกลับกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้เลย  ฉันเดือดร้อนต้อง
ใช้เงินให้มันไปรับงาน”

ช่อแก้วไม่มีทีท่าจะผ่อนปรนให้ใคร  แถมยังกล้าพูดจาค่อนขอดชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตลูกเลี้ยงของเธอไว้อีก

“น้าช่อ  หนี้สินนั่นน่ะ  มันเกี่ยวกับข้าวซะที่ไหน  อย่าได้ขูดรีดน้องมันนักเลย
ตอนนี้ยิ่งข้าวเป็นแบบนี้ด้วย  สมองยังเสื่อมจะไปรับงานอะไรไหว  น้าช่อก็เลิกเล่น
ซะทีการพนันน่ะ  ไม่สงสารข้าวมันบ้างหรือไง  ผอมจะตายอยู่แล้วเห็นใจบ้างไหม
ทั้งขูดทั้งรีดจนจะเหลือแต่กระดูกแล้ว  จะให้น้องมันตายๆ ไปเลยหรือไงกันถึงจะพอใจ
ไม่ใจร้ายใจดำเกินไปหรือ”

คะน้าเถียงกลับอย่างเหลืออดที่เห็นความใจดำของช่อแก้ว

เมื่อโดนตอกกลับขนาดนั้นช่อแก้วโกรธจนปากคอสั่นอ้าปากจะเถียงกลับ แต่หาจังหวะไม่ได้

“อะไรกันครับ  พี่คะน้า  ผมมีหนี้กับใครด้วยเหรอ”
กอหญ้าพูดขึ้นบ้างจากที่ฟังมานาน

“ข้าวจะไปมีหนี้ได้ยังไงกันล่ะ  ไม่เคยแม้แต่จะซื้อหาอะไรให้ตัวเองเลย
อย่าไปฟังน้าช่อแกเลย”
คะน้าพูดให้กอหญ้ารับรู้  ซึ่งเป็นการเล่นละครฉากใหญ่อีกเหมือนกันของเธอ

“แต่น้าเลี้ยงแกมานะข้าว  จะเนรคุณ! ไม่คิดช่วยเหลือกันเลยรึไง  คนกำลังเดือดร้อน
กลับกรุงเทพฯกันนะ  เดี๋ยวน้าหางานให้เอง  น้ารู้จักคนเยอะแยะไป  เสี่ยกระเป๋าหนักๆ
ก็เยอะที่เขาอยากได้เรานะ  ทั้งคุณหญิงคุณนาย  หลับหูหลับตาไปนั่งกินข้าวด้วยสัก
ชั่วโมงสองชั่วโมง…ขี้คร้านข้าวอยากจะได้อะไรพวกนั้นก็ประเคนให้แล้วละ  กลับไปกับน้านะข้าว”

แม่เลี้ยงอ้อนวอนโดยชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาพูด  จากทีแรกที่ต่อว่าต่อขาน  กลายมาเป็นวิงวอนในตอนท้าย

“นี่ยัยแม่เล้า! คิดจะขายลูกกินหรือไง  อ่อ! ไม่ใช่ลูกตัวเองนี่นะ  พูดแต่ละคำไม่มีอายปาก
ไปขายหนังเหี่ยวๆ ของตัวเองนู่นไป…คงจะมีคนหลับหูหลับตาเอาอยู่หรอก ทุเรศ! สิ้นดี
อย่าได้มายุ่งวุ่นวายกับกอหญ้าของผม! ไม่งั้นอย่าหาว่าผมโหดร้ายนะถ้าขืนไม่ฟังกัน
ชานนท์ไปตามมิ่งกับขวัญมาที…พาผู้หญิงหน้าเงินนี่ไปให้พ้นๆ ไร่เราด้วย หรือจะพาไปทิ้ง
ให้เสืองาบก็เอาไป”

แผ่นดินโมโหอย่างหนัก  หน้าดำหน้าแดงแล้ว  ใครจะทนฟังได้วาจาที่หล่อนพูดมีแต่ได้
…แถมคิดจะเอาคนรักของเขาไปบำเรอพวกเสี่ยอีก  คิดมาได้จิตใจต่ำสิ้นดี

“พี่ดินครับ ใจเย็นๆ นะฮะ  กอหญ้าไม่ไปกับเขาแน่นอน  กอหญ้าจะอยู่ที่นี่กับพี่”
กอหญ้ากอดแขนแผ่นดินไว้แน่น

“นี่แกอย่าบอกนะ! ที่ไม่อยากกลับไปกับฉันเพราะมาหลงผู้ชายอยู่ที่นี่  ใช่มั้ยคะน้า!
เธอก็รู้เห็นเป็นใจด้วยรึไง! เหอะ! ถ้าข่าวนี้หลุดออกไป ได้งามหน้ากันแน่ๆ ดาราขวัญใจ
ประชาชน ข้ามฟ้า  เหนือเวหา…เป็นเกย์”
เธอหันมาพูดจาว่าร้ายกอหญ้าต่อทันที

“อะไรกัน  ยัยแม่เลี้ยงใจยักษ์  กอหญ้านี่เป็นหลานฉัน  เขาจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับหล่อน
เก็บปากเน่าๆ ของหล่อนไว้กินข้าวเถอะ  ดินพาน้องไปพักก่อนไป  เพิ่งหายไข้ไม่ใช่เหรอ
อย่าได้ใส่ใจยัยหน้าเงินนี่เลย  แล้วนี่มิ่งกับขวัญมาหรือยัง ใครไปดูทีสิ”
คุณย่ายุติปัญหาตรงหน้าลงทันที

“ดิน  พาน้องไปสิ  ที่เหลือพ่อจัดการเอ ง นั่นมิ่งกับขวัญมาแล้ว  คุณคะน้าอยู่ก่อนนะ
พักห้องเดิมนั่นแหละ...เดินทางมาเหนื่อยๆ…ไปพักกันไป”
พ่อเขตเข้ามาจัดการอีกคน  ทำเอาน้าช่อแก้วหน้าตาตื่นที่ทุกอย่างไม่เป็นไปในทิศทาง
ที่เธอต้องการ  ลูกเลี้ยงก็ตามตัวกลับไปด้วยไม่ได้  แถมเจ้าของบ้านยังไม่ต้อนรับอีก
คะน้าก็ลอยแพเธอจนได้กลางป่ากลางเขาด้วยสิ

“นายเขต  มีอะไรให้มิ่งจัดการครับ  สั่งมาได้เลย”
มิ่งกับขวัญเดินเข้าบ้านมา  มิ่งสีหน้าเอาเรื่องกว่าขวัญที่ออกจะนิ่งๆ เสียมากกว่าพี่ชาย

“มิ่งกับขวัญ  พาแม่ผู้หญิงหิวเงินนี่ไปจากไร่ที  เขาอยากจะลงตรงไหนก็ปล่อยเขานะ
แต่ให้พ้นเขตไร่เราออกไปเยอะๆ ยิ่งดี”
พ่อเขตออกคำสั่ง  ซึ่งน้อยครั้งที่ท่านจะลงมือจัดการอะไรแบบนี้  ทำเอาแผ่นดินปลื้ม
ในอกที่ท่านดูเอาใจใส่เรื่องของกอหญ้าเสมือนเป็นลูกหลานที่ใครจะมารังแกไม่ได้

“เอ้า! ตามมาสิ  หรือต้องให้คนมาหามออกไป”
มิ่งทำหน้าโหดใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญของไร่

“พวกแก!!! คอยดูนะ  มันไม่จบง่ายๆ แบบนี้  แล้วเราจะได้เห็นดีกัน  คอยดู!!
ไม่ต้องมาจับฉัน!! ปล่อย!!”
ช่อแก้วเดินปึงปังออกไป  ทิ้งสายตาอาฆาตไว้ก่อนจะไปขึ้นรถที่ขวัญเป็นคนขับ
ส่วนมิ่งนั่งประกบคู่ไป

“หน้าตาก็จัดว่าดี  ทำตัวไร้ค่าจริงๆ พ่อเราไปคว้ามาทำเมียได้ยังไงหน้าเนื้อใจเสือแบบนี้
คนประเภทนี้ต่อให้เราดีด้วยแค่ไหนก็ไม่เป็นผลหรอกนะกอหญ้า  ระวังเนื้อระวังตัวไว้บ้าง
เข้าตาจนขึ้นมาได้ถูกจับไปบำเรอเสี่ยอย่างปากหล่อนพูดแน่ๆ”
พ่อเขตพูดพาดพิงไปถึงบิดากอหญ้าที่เลือกผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยา  จนกรรมตกอยู่ที่
กอหญ้าอย่างนี้  และเตือนกอหญ้า ด้วยความปรารถนาดี

“ย่าว่าเราก็ต้องระวังให้มากอย่างที่พ่อเขตบอกนั่นแหละ  อย่าไปข้องแวะด้วยเลยคนพรรค์นั้น
รังแต่จะเปลืองเนื้อเปลืองตัวและพลอยทำเราตกต่ำเปล่าๆ โตมาได้จนขนาดนี้และรอดปากเหยี่ยว
ปากกาได้ก็นับว่าเป็นบุญมากแล้วลูกเอ๊ย! เฮ้อ…”
คุณย่ารำพึงรำพันไม่หยุด

“น่าสงสารคุณกอหญ้าจริงๆ เลยนะ  อยู่กับเราซะที่นี่  ก็ดีแล้วล่ะครับผมว่านะ”
ชานนท์พูดขึ้นอย่างเป็นห่วงด้วยอีกคน

“ค่อยๆ คิดกันอีกทีก็แล้วกัน  เรายังมีสัญญาที่ติดค้างกับต้นสังกัดอยู่…ยังไงก็ต้องกลับไป
ทำงาน  ถ้าจะออกจากวงการค่อยว่ากันอีกที  พี่ไม่บังคับเราหรอกนะข้าว”
พี่คะน้าพูดให้เห็นว่าสุดท้ายก็ต้องกลับไปทำงานอยู่ดี

“ขอบคุณพี่คะน้ามากๆ ที่ดูแลข้าวมาตลอด  ข้าวจะคิดดูอีกทีก็แล้วกัน
อาจจะต้องกลับไปสะสางงานให้จบสิ้นจริงๆ อย่างที่พี่ว่า …ข้าวก็เหนื่อย
มาเยอะแล้วเหมือนกัน…อยากอยู่เงียบๆ เป็นคนธรรมดาๆ แค่มีที่ให้หลับให้นอน
มีข้าวให้กิน…แค่นี้ข้าวก็พอแล้ว”
กอหญ้าพูดออกมาจากใจ  สายตาที่เหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นเด่นชัด
จนแผ่นดินต้องเข้าไปโอบบ่าให้เอนศีรษะซบที่ไหล่ของเขา  คนน่าสงสารก็ไม่มีขัดขืน
คงเหนื่อยและท้อเต็มที

“ที่นี่ยินดีต้อนรับนะลูก  มาอยู่เสียด้วยกัน…มาเป็นครอบครัวเดียวกัน  ย่ากับพ่อเขตน่ะ
เต็มใจอย่างยิ่ง  ส่วนเจ้าดินมันเต็มใจเสียยิ่งกว่าอะไรอีก  จริงมั้ยล่ะเจ้าดิน?”
คุณย่าออกปากรับเขาเข้ามาร่วมชายคาก่อนคนแรก

“ฮะคุณย่า  ยินดีและเต็มใจที่สุด”
แผ่นดินลูบหัวกอหญ้าโดยไม่แคร์สายตาทุกคู่ที่มองมา  โดยเฉพาะผู้จัดการสาว
ที่มองจ้องคนทั้งคู่จนตาแทบหลุด

“นี่…ข้าว นาย…เอ่อ…พี่ตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า  สองคนนี้เอ่อ…..”
พี่คะน้าชี้มาที่เขาสองคนอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตาเห็น

“ครับพี่คะน้า  เราสองคน…รักกัน”
กอหญ้าพูดแล้วก้มหน้าไม่กล้าสู้ตาผู้จัดการส่วนตัว

“นี่ข้าวของพี่ลืมยัยไอริณ ไปแล้วเหรอไง?”
คะน้าถามกลับทันควัน  ทีแรกที่คุยกันฟังเหมือนยังสับสนอยู่
แต่ตอนนี้เหมือนจะตกลงปลงใจกันแล้ว

“เอ่อ…ข้าวไม่เห็นจะจำได้ว่าเคยชอบขิมนะ พี่คะน้า”
กอหญ้าพูด  แววตาไม่มีลังเลสักนิด

“ช่างกล้าพูดนะเรา…มาถึงเชียงใหม่ ไม่ใช่เพราะโดนหักอกมาหรือไงกันจ้ะ”
คะน้าค่อนแคะ  อย่างมันเขี้ยว

“อ้าว! นั่นเจ้ากริชกับเจ้าทัพ  ทำไมกลับมาเร็วจั ง แตงโมน้องตื่นหรือยังไปดูทีสิ
แล้วก็แม่สายไปเตรียมทำครัวเลยไป  วันนี้กินข้าวเย็นกันเร็วหน่อยนะ  ฉันใช้พลังไปเยอะ
หิวแล้วเนี่ย”
คุณย่าบ่นหิว

“เดี๋ยวแก้วไปจัดของว่างมาก่อนดีกว่านะคุณท่าน  รอแป๊บนะคะ”
สาวใช้อาสาไปเตรียมของว่าง

“เออ ดีๆ ไส้ฉันก็จะบิดแล้วเหมือนกัน”
พ่อเขตก็บ่นหิวขึ้นมาอีกคน

“มีอะไรกันครับทุกคน  เหมือนผมกับน้องจะตกข่าวสำคัญอะไรไปอีกแล้วนะครับ
แลจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยรอบนี้”
ฐานทัพเดินเข้ามาเห็นทุกคนอยู่กันครบ  ไม่เว้นแม้แต่แม่ครัว

“พี่คะน้า  สวัสดีฮะ  มาถึงนี่เลยนะฮะ”
กริชทักทายคะน้า  แปลกใจที่พบว่าเธอรวมอยู่ในกลุ่มคนที่บ้านด้วย

“แน่นอนจ้ะ  น้องกริช  คนของพี่อยู่ที่ไหนพี่ก็ต้องตามไปดูแลสิคะน้อง”
คะน้าจีบปากตอบเด็กหนุ่ม  เธอก็เพิ่งรู้จากกอหญ้าว่ากริชบังเอิญกลายมาเป็น
เครือญาติกับคนที่ไร่นี้

“อ้อ…แล้วนี่พี่ฐานทัพน้องชายพี่ดินฮะ/// แล้วนี่ก็พี่คะน้า เป็นผู้จัดการส่วนตัวของ
คุณข้ามฟ้า เหนือเวหา  ครับพี่ทัพ”
กริชแนะนำพี่คะน้าให้พี่ทัพรู้จัก  ทำเอาพี่ทัพเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ  คุณคะน้า  แล้วนี่คุณรู้จักกับเจ้ากริชด้วยเหรอ…คุณดาราขวัญใจ
เจ้ากริชมาด้วยหรือเปล่าล่ะครับ  ถ้ามาผมจะขอถ่ายรูปคู่สักหน่อย  อีกอย่างคุณย่าของ
ผมจะได้เห็นเสียทีว่าผมก็หล่อไม่แพ้พ่อพระเอกของท่านเลยล่ะ”
กริชพูดขึ้น  ทำเอาคะน้าพอจะมองรูปการออกว่าชายหนุ่มหน้าตาคมคายคนนี้
คงไม่ได้รู้ระแคะระคายอะไรเลยเกี่ยวกับดาราในสังกัดของเธอ

คะน้ายิ้มกริ่มนึกอยากจะแกล้งหนุ่มหล่อคนนี้ขึ้นมา

“งั้นเหรอคะคุณฐานทัพ  อืม…เอายังไงดีน๊า…ข้าวถ่ายรูปกับคุณฐานทัพสักรูปสิน้อง
พี่ไม่เรียกเก็บค่าตัวจากคุณฐานทัพหรอก  ฟรีค่ะงานนี้…คนกันเองนี่นะ”
คะน้าพูดแล้วก็ยิ้มกว้าง  หันไปพูดกับกอหญ้า

“ใจดีจังฮะ  แล้วไหนล่ะคุณข้ามฟ้าน่ะ  ผมชักจะตื่นเต้นแล้วสิครับ”
ฐานทัพหันมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของคุณข้ามฟ้า

'แต่เอ๊ะ! คุณคะน้าหันไปบอกกับกอหญ้าทำไม  เอ….เกี่ยวอะไรกับกอหญ้าด้วยล่ะ'

“ข้าวไปแอบอยู่ด้านหลังพี่ดินทำไมกันล่ะ ออกมาสิ! มาถ่ายรูปกับน้องชายคุณดินเขา
หน่อย เร็วจ้ะ”
คะน้ากระเซ้า เพราะน้องชายคุณดินคนเดียวที่ยังไม่รู้ว่ากอหญ้าคือข้ามฟ้า น่าแกล้งสุดๆ ไปเลย

“พี่คะน้า! อย่าไปแกล้งพี่ทัพสิฮะ  เราไปทานของว่างกันดีกว่า  พ่อเขตกับคุณย่าบ่นหิวกันแล้วละ”
กอหญ้าเปลี่ยนประเด็นการสนทนา

“ได้ยังไงกันล่ะครับ  ขอผมเจอคุณข้ามฟ้าก่อนสิครับ  คุณคะน้าพูดแล้วนะครับ”
ฐานทัพยังไม่ยอมท่าเดียว

“พี่ทัพครับ…เอ่อ…กอหญ้าขอโทษนะฮะ  ที่ไม่ได้บอกว่า  จริงๆ แล้ว…เอ่อ…กอหญ้าคือ…ข้ามฟ้า
ขอโทษจริงๆ ครับ”
กอหญ้าจำต้องเฉลยออกเพราะดูฐานทัพที่ไม่ยอมจบ  เมื่อพูดไปแล้วก็อดสงสารอีกไม่ได้ที่ทุกคน
พากันกลั้นยิ้มกับท่าทางตื่นๆ อ้าปากหวอและดวงตาที่เบิกกว้างอย่างกับไข่ห่าน

“เจ้าทัพเอ๊ย! ใจเย็นๆ นะลูก  อย่าตื่นเต้นไปมากนัก  เดี๋ยวหัวใจจะวายก่อนที่จะได้ถ่ายรูป
คู่กับพ่อข้ามฟ้าของย่า”
คุณย่าเดินเข้ามาตบบ่าหลานชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  แล้วเดินเลี่ยงออกไปหาของว่างทาน

“กอหญ้า คือ ข้ามฟ้า จริงๆ เหรอครับ ใช่จริงๆเหรอฮะพี่ดิน!!!”
แผ่นดินเดินเข้ามาตบแก้มน้องชายเบาๆ อีกคน  ฐานทัพมองกอหญ้ากับพี่ดินสลับกันไปมา
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตลอดหลายเดือนมานี้  ข้ามฟ้า เหนือเวหา  อยู่ใกล้ๆ กันเพียงแค่นี้เอง
อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน  กินข้าวหม้อด้วยกัน  แล้วที่สำคัญเขาพูดอะไรออกไปเยอะแยะ

จะให้เขาเอาหน้าไปมุดไว้ตรงไหนกัน หน้าแตกแบบไม่เหลือเศษซากดีๆสักชิ้น

“พี่ทัพฮะ…ไปทานของว่างกันเถอะ”
กอหญ้าออกปากชวนเมื่อเห็นชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะตามมา  ฐานทัพสะดุ้งโหยงเมื่อ
ถูกชักชวนจากคนต้นเรื่องที่เขาไม่รู้จะวางตัวด้วยยังไง

“เอ่อ…พี่…คือผม โว๊ะ…ยังไงดีล่ะ  ทานกันไปเหอะยังไม่ค่อยหิวน่ะ
ไว้รอทานมื้อหนักเลย”
ฐานทัพตอบด้วยอาการประหม่าหรือเรียกว่าปรกดักประเดิดเสียมากกว่า
หมดมาดหนุ่มหล่อที่เคยเชื่อมั่นนักหนา

“พี่ทัพ  พูดในแบบปกติของพี่เถอะฮะ  ผมคือกอหญ้าครับสำหรับคนบ้านนี้
ช่วยเรียกผมอย่างเดิมเถอะ…นะฮะ”
กอหญ้าพูดขอร้องให้วางตัวกับเขาเหมือนอย่างเคย

“อืม…ได้ๆ กอหญ้าก็กอหญ้า เห้อ…ดีเหมือนกันพี่จะได้ไม่เกร็งไปด้วย…นี่เจ้ากริช
อย่าบอกนะว่าแกรู้มานานแล้วใช่ไหม  รู้ก่อนแล้วสิท่า  ทำไมไม่มีบอกกล่าวกันบ้างเลย
…น้องเลว…ทำพี่ปล่อยไก่ซะแทบหมดเล้า”
ฐานทัพหันไปเล่นงานน้องชายที่รู้เห็นไปกับพี่ชายด้วย  เขาก็เลยกลายเป็นตัวตลกของบ้านไปเลย

“ผมพูดไม่ได้นี่ครับ…ก็ผู้ใหญ่ขอร้องมา  ผมเป็นเด็กก็ต้องเชื่อฟังสิครับ”
กริชพูดจบ  ฐานทัพจึงชี้หน้าคาดโทษน้องตัวแสบ

`พี่ดินก็ดันเล่นของสูงเสียด้วย  ดูดิ! นั่งแทบจะเกยตักกันอยู่แล้ว`

 ฐานทัพได้แต่มองพี่ชายที่มีสีหน้าชื่นมื่นไม่



จวบจนมื้อค่ำมาถึง  และก็ได้ชานนท์ผู้จัดการหนุ่มที่เป็นผู้เล่าเรื่องราวที่สองพี่น้อง
ตกหล่นไปให้ได้รู้  ชานนท์เริ่มเล่าตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบเรื่อง

“ขอต้อนรับว่าที่พี่สะใภ้ ครับผม”
ฐานทัพกระเซ้ากอหญ้าที่นั่งหน้าแดงระเรื่อ

“รักกันนานๆ นะฮะ…พี่ข้าว…พี่ดิน ฮือฮือ”
กริชแกล้งเช็ดน้ำตาป้อยๆ จนพี่ดินยกมือมายีหัวน้องชายจนยุ่งเหยิง

“แต่อุปสรรคที่น่ากลัวที่เราต้องตั้งรับคงไม่พ้นบรรดานักข่าว  ป่านนี้แม่เลี้ยงใจยักษ์นั่น
ไม่ไปโพนทะนาเสียทั่วแล้วเหรอ…เตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดีๆล่ะกอหญ้า แกด้วยเจ้าดิน!”
พ่อเขตพูดขึ้นมาทำเอาทุกคนพุ่งเป้าไปมองที่แผ่นดินกับกอหญ้าเป็นตาเดียว

ทั้งสองหนุ่มก็พลอยคิ้วขมวดมุ่น  เมื่อรับรู้ว่าเรื่องที่เขาทั้งสองจะต้องเผชิญคงใกล้จะมาถึงอีกไม่นานนี้เป็นแน่



*********************************************
 Talk : พรุ่งนี้ติดภารกิจน๊า คนอ่านที่รัก เจอกัน วันนู้นนะ :)
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27,28,29 ตามให้ทันนะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-03-2019 22:49:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27,28,29 ตามให้ทันนะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 30-03-2019 23:21:23


ตามทันค่าาาา

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27,28,29 ตามให้ทันนะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-03-2019 00:36:17
ขอให้เสือคาบยัยแม่เลี้ยงไปกินสักทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27,28,29 ตามให้ทันนะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-03-2019 01:40:29
 :katai2-1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27,28,29 ตามให้ทันนะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 31-03-2019 09:31:43
จะรอตอนต่อไปจ้าาา นานแค่ไหน เอ้ย... อย่าให้นานมากนะจ๊ะ คนอ่านจะลงแดงซะก่อน
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27,28,29 ตามให้ทันนะ :)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-03-2019 09:40:02
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 30 มาแล้วค่ะ ยู้ฮู :)
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 01-04-2019 06:58:16
ตอนที่ 30 เหตุวุ่นวาย 3

กองทัพนักข่าวจากหลายสำนักต่างพากันมาปักหลักอยู่ตรงทางเข้าไร่
โดยมีการส่งตัวแทนเข้ามาขอพบเจ้าของไร่  เพื่อขอสัมภาษณ์ข้ามฟ้า
ตามที่มีคนให้ข่าวว่าเจ้าตัวมาพักอยู่ที่ไร่เขตแผ่นดิน  และมีการคบหา
ดูใจกับลูกชายเจ้าของไร่อีกด้วย

ข่าวดังกล่าวยังไม่มีสื่อฉบับไหนกล้านำเสนอออกไป  เพราะกลัวต้นสังกัด
จะฟ้องร้องเอาได้  หากข่าวไม่เป็นความจริงขึ้นมา  ทั้งหมดจึงได้พยายาม
เสาะแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อไปทำข่าว

“พี่คะน้า  เราจะทำยังไงกันดี  ข้าวพูดได้ทุกเรื่องอยู่แล้วที่เป็นเรื่องจริง
ไม่ว่าจะเรื่องอุบัติเหตุหรือแม้แต่เรื่องพี่ดิน”
กอหญ้าดูร้อนรนทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ว่าปากทางเข้าไร่เกิดความวุ่นวาย

“พี่ว่ารอเฮียก่อนดีกว่า  หรือไม่เราต้องหาทางออกไปจากไร่นี้ก่อน…
ไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ ดีมั้ยล่ะ”
พี่คะน้าออกความคิดเห็น

“ข้าวยังไม่พร้อมรับงาน  ถ้าเป็นไปได้ข้าวอยากจะขออยู่ที่นี่อีกสักหน่อย
ค่อยกลับไปเคลียร์  แต่ตอนนี้พี่คะน้าช่วยข้าวก่อนเถอะ…นะครับ”
กอหญ้าอ้อนวอนผู้จัดการส่วนตัวของเขา

“เรื่องนี้คงจะเป็นน้าช่อแน่ๆ ที่ทำให้มันเป็นข่าว ร้ายกาจจริงๆ”
คะน้าปักใจว่าเป็นฝีมือของน้าช่อไปแล้วบวกกับมีปากเสียงกันก่อนไปด้วย

“น้าช่อคงจะโกรธที่ข้าวไม่ยอมกลับไปช่วยเธอ…เรื่องเงิน”
กอหญ้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันเพราะไม่น่าจะมีใครเข้าข่ายต้องสงสัยอีก

“เขากอบโกยไปจากข้าวมากมายจนเกินพอแล้ว  ไม่นึกละอายแก่ใจเลยหรือไง
พี่ละเกลียดความใจดีของข้าวจริงๆที่ยอมแม่ปลิงดูดเลือดเนี่ยมานาน
หยุดให้ความช่วยเหลือ ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างเถอะน้องพี่”
พี่คะน้าพูดอย่างไม่ถนอมน้ำใจ เพื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะหัดเป็นคนหัวแข็งขึ้นมาบ้าง

คะน้าลุกไปเมื่อมีสายโทรเข้ามา  ส่วนกอหญ้าได้แต่นั่งรออย่างกระสับกระส่าย
เมื่อเห็นผู้จัดการสาวเดินเวียนวนอยู่เป็นนานสองนานทั้งที่จะนั่งคุยกันต่อหน้าก็ได้
ทำให้ยิ่งอยากรู้ว่าปลายสายมีข้อสรุปอะไรให้ อยากจะเจอพี่ดินก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน
 
“พี่คะน้า  เฮียว่าไงบ้างฮะ  ให้พูดหรือจะให้หนีนักข่าว  ข้าวว่ากลับกรุงเทพฯเลยดีกว่า
ไม่อยากอยู่สร้างความหนักใจให้คนที่นี่แล้ว แต่ก่อนไปขอลาพี่ดินก่อนนะ”
กอหญ้าพูดอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว  แม้หนทางที่ว่านี้เขาไม่อยากจะทำเลยก็ตาม

“อืม…ตัดสินใจได้อย่างนี้ก็ดี  เฮียบอกมาว่าอยากให้เข้าไปคุยกัน  เปิดแถลงข่าวที่นั่น
หากเราให้ข่าวจากที่นี่มันจะเข้าทางคนที่ต้องการใส่สีตีข่าวที่นี้จะสนุกปากกันไปใหญ่”
พี่คะน้ามีสีหน้าที่ดีขึ้น พลันพี่ดินก็เดินเข้ามาในห้อง พี่คะน้าเห็นดังนั้นจึงขอตัวออกไป

“พี่ดิน  กอหญ้าจะกลับไปกรุงเทพฯ ไปเคลียร์ทุกเรื่องและจะกลับมา…พี่ดินจะรอ…ใช่ไหมครับ”
กอหญ้าเข้าไปกอดแผ่นดินที่กอดตอบ เจ้าตัวช้อนตาขึ้นมองหน้าคนตัวโต

“ใช่ครับ…พี่จะรอ..กลับมานะ”
พี่ดินพูดแล้วก็ลูบหลังเขาไปมา ความอ่อนโยนที่ได้รับนี้หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว

“รักพี่ดินนะ สัญญาแล้วนะ พี่ดินห้ามผิดสัญญา…ห้ามไปมีคนอื่นนะครับ”
แล้วเจ้าตัวก็จูบที่แผงคอและปลายคาง เรื่อยลงมาที่กลีบปากของคนตัวโตอย่างแผ่วเบา
โหยหาและอาลัยอาวรณ์ไปพร้อมๆ กัน

“พี่ดิน…เป็นของกอหญ้าแล้ว…สัญญาว่าจะรอก็ต้องรอ อย่าลืม!”
คนตาสวยที่ตอนนี้ตาฉ่ำไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะหยดออกมาได้ทุกเมื่อ

“พี่ไม่ลืมแน่นอน…ห้ามรับงานโป๊เปลือย พี่ดูคนเดียวพอครับไม่ต้องให้คนอื่นมาช่วยดู
เข้าใจนะ…ถ้าดื้อ…พี่จะไปหาถึงที่…จะทำรอยให้ทั่วตัวเลย ดูสิ! จะกล้าโชว์ใครอีกมั้ย ไม่ต้อง
มาจ้องหน้าพี่เลย พี่ทำจริงๆ ที่อยู่พี่ก็รู้แล้วด้วยจะที่คอนโดเอย ที่ทำงานเอย ตามตัวได้ไม่ยาก”

แผ่นดินคาดโทษหน้าตาไม่ได้ล้อกันเล่นสักนิด จนกอหญ้าเผลอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

“พี่ดิน  ทำไมถึงได้ร้ายกาจแบบนี้…ไปให้ได้จริงๆอย่างปากพูดก็แล้วกันเหอะ อย่าให้เก้อล่ะ”
กอหญ้ายื่นปากไปจุ๊บที่ปากคนตัวโตกว่าไปอีกที

แผ่นดินเห็นคนตัวบางตรงหน้าอ้อนอย่างกับลูกแมวให้นึกอยากจะกักไว้ข้างกายไม่อยากปล่อย
ให้ไปไกลหูไกลตาเลยจริงๆ หากเขาจะทำได้

คะน้าโทรให้บอสใหญ่ออกข่าวว่าข้ามฟ้าอยู่ที่กรุงเทพฯ และเตรียมจะเปิดแถลงข่าวต่อเสื่อมวลชน
ทุกแขนงที่ต้องการทำข่าว  เพื่อเบี่ยงเบนนักข่าวให้กลับออกไปจากไร่เขตแผ่นดินเสียก่อน 
เธอและข้ามฟ้าจะได้เดินทางออกจากไร่ได้สะดวกขึ้น

“ข้าวเตรียมตัวเถอะ เฮียปล่อยข่าวไปแล้ว  ตอนนี้ทางสะดวกแล้วด้วย”
คะน้ารีบมาแจ้งข่าวกับกอหญ้า
“พี่ดินไปส่งกอหญ้าไหมครับ ของใช้ไม่เอาอะไรไปนะ  เสร็จงานก็กลับแล้ว”
กอหญ้าพูดทำเอาคนฟังหน้าชื่นขึ้นมาบ้าง

“ไปส่งอยู่แล้วครับ แต่กอหญ้าต้องไปลาคุณย่ากับพ่อเขตก่อนนะ  เด็กดี”
กอหญ้าพยักหน้ามันเป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว 

กอหญ้าเข้าไปกราบลาผู้ใหญ่ทั้งสองของบ้านที่ให้ความเอ็นดูเขาอย่างไม่นึกรังเกียจ
แม้จะไม่รู้ถึงหัวนอนปลายเท้าเขามาก่อนเลยก็ตาม บ้านนี้ยังทำดีกับเขามากขนาดนี้
“พ่อข้ามฟ้าของย่า รีบไปแล้วก็รีบๆ กลับมาหาย่านะลูก  กลับมาบ้านของเรา
ไหนย่าขอกอดอีกทีสิ”
คุณย่าทับทิมหอมแก้มแถมท้ายอีกฟอดสองฟอด

“คุณย่าดูแลตัวเองด้วยนะครับ เสร็จงานกอหญ้าจะรีบกลับมาครับ”
กอหญ้ากอดคุณย่าและหอมแก้มท่าน ทำเอาผู้สูงวัยยิ้มแก้มแทบปริ


มิ่งเป็นคนมาขับรถให้มีคะน้านั่งเบาะหน้า  กอหญ้าและแผ่นดินนั่งกุมมือกันไปตลอดทาง
กอหญ้านั่งซบไหล่คนรักไม่ห่าง

ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันที่ไร่ถึงจะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ แต่มิตรภาพและความผูกพัน
ได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว  เช่นเดียวกับสายใยแห่งรักที่ถักทอเป็นรูปเป็นร่างที่แน่นหนากว่าครั้งใดๆ
ที่เคยเกิดขึ้นมา  กลิ่นกายและลมหายใจที่รินรดกันในทุกค่ำคืนก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าจะไม่
โหยหาถึงกัน...เมื่อยามไกลห่าง

“กอหญ้า รักพี่ดิน นะครับ”
พูดทั้งน้ำตา  แผ่นดินเกลี่ยน้ำตาให้และกดจูบที่หน้าผากมนไปเบาๆ

“ครับคนดี…พี่เชื่อครับ ถ้าพี่ว่างจากงานจะไปหานะ…ห้ามดื้อล่ะ ทานข้าวให้ครบมื้อ
…แล้วก็ระวังตัวด้วย”
พี่ดินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนใจดีไม่เปลี่ยน

“พี่ดินก็ด้วยเหมือนกันนะ  ต้องดูแลตัวเองให้ดี…ห้ามเป็นอะไรนะครับ”
กอหญ้าพูดจบก็ยกมือขวาขึ้นมาลูบไล้มือที่กรอบหน้าไม่ปล่อย  แผ่นดินพยักหน้า
แล้วจึงดึงคนตัวบางให้เอนลงมาหาและกอดกระชับแน่นเข้า  มือก็ลูบหลังไหล่ไม่หยุด

ในความโชคร้ายที่กอหญ้าได้รับ มันมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่มากมายภายใต้ชายคาของบ้านไร่เขตแผ่นดิน
กอหญ้าจะกลับมาสู่อ้อมกอดของผู้ชายที่ชื่อว่าแผ่นดิน เขาสัญญากับตัวเอง


“นายดินครับ คุณกอหญ้าจะกลับมาอีกจริงๆ ใช่ไหมครับ”
มิ่งถามนายตัวเองเมื่อส่งทั้งสองขึ้นเครื่องแล้ว

“แน่นอนสิ  กลับมาแน่และก็จะไม่ไปไหนอีก”
แผ่นดินพูดอย่างหมายมาด

“แล้วนายให้ขวัญมันไปตามดูคุณกอหญ้าเหรอครับ  เห็นมันมาเก็บกระเป๋าเดินทาง
บอกนายให้ไปทำงานไกลมาก”
มิ่งถามออกไปตรงๆ อย่างสงสัยใคร่รู้ เพราะคู่แฝดบอกให้ถามเจ้านายเอาเอง

“เออ! ให้มันไปเปิดหูเปิดตาสักพักน่ะ  ขี้คร้านพอหลงแสงสีไม่อยากจะกลับมาบ้านป่าเป็นแน่”
แผ่นดินแกล้งพูด ทำเอามิ่งหน้าตาตื่น

“นายดิน ใจดีเกินไปแล้วมั้งครับ  งานแบบนั้นทำไมไม่ให้ผมทำล่ะ โธ่ๆ เสร็จกัน ไอ้ขวัญมันก็เปรม
ไปเลยสิครับ นายอ่ะ”
แล้วมิ่งก็ทำงอนนายของมัน

“เห๊ย! ไอ้มิ่ง ข้าส่งมันไปทำงาน ไปดูแลนายหญิงของไร่ ไม่ได้ให้มันไปเที่ยวนะ  เข้าใจเสียใหม่
อย่าไปอิจฉามันเลยว่ะ งานที่มันไปทำก็ไม่ใช่ง่ายๆ นะเอ็ง  ตะกี้มันส่งข่าวว่าถึงกรุงเทพฯ แล้ว”
นายดินพูด สีหน้ามีความสุข มิ่งมองแล้วก็ได้แต่ลอบยิ้มตามไปด้วย

`นายหญิง…ก็ดีนะ ถ้าเป็นคุณกอหญ้า`
 แล้วรถก็แล่นมาจนถึงไร่เขตแผ่นดิน

“พ่อดิน  ย่าทวดบอกว่า  อากอหญ้าไม่อยู่กับเราแล้วเหรอครับ”
เด็กชายวิ่งเข้ามาถามทันทีที่เจอหน้าพ่อ

“อากอหญ้ากลับไปทำงานครับ  เสร็จงานก็จะกลับมาอยู่กับพวกเราไงล่ะลูก”
แผ่นดินบอกกับลูกชายตัวน้อย

“ทำไม  อากอหญ้าไม่บอกกล้าก่อนล่ะ  ไม่น่ารักเลย”
เด็กชายพูดใบหน้าเศร้าสร้อย

“ก็ต้นกล้าไปโรงเรียนนี่ครับ  อากอหญ้ารีบมากๆ ถึงไม่ได้อยู่รอลูก ไม่โกรธอากอหญ้านะครับ
เดี๋ยวพ่อจะบอกอากอหญ้าว่าต้นกล้าคิดถึง  ดีไหมครับ”
เด็กชายพยักหน้าแล้วจึงยิ้มออกมาได้

“อย่าลืมบอกอากอหญ้า จริงๆ นะฮะ”
คนลูกสำทับ คนพ่อพยักหน้า และขยี้ผมลูก แล้วเด็กชายก็กลับเข้าบ้านไปเล่นกับน้อง

“พี่ดิน พ่อบอกว่ากอหญ้ากลับไปกรุงเทพฯ แล้ว ทำไมไม่รอกันก่อนล่ะ”
ฐานทัพท้วงติงมากับพี่ชาย

“พี่ดิน พี่กอหญ้ากลับไปแล้วจริงเหรอฮะ ทำไมผมไม่รู้ล่ะ ทำไมกัน?”
เจ้ากริชก็ตีโพยตีพายขึ้นมาอีกคน

“ใจเย็นๆ กันก่อน กอหญ้ามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ เดี๋ยวค่ำๆ จะมีเปิดแถลงข่าวนะ
เมื่อเช้ากองทัพนักข่าวมาออกันเต็มปากทางเข้าไร่ของเราน่ะ  ต้นสังกัดเขาจึงเรียกตัวกลับไปด่วน
รอดูข่าวเย็นนี้เถอะ”
แผ่นดินบอกข่าวให้น้องๆ รับรู้

“อ่อ…แล้วพี่เค้าจะกลับมาอีกไหมล่ะ…พี่ดิน”
กริชถามพี่ชายเสียงอ่อนลง

“มาสิ! เขาบอกว่าจะกลับมา”
แผ่นดินมีแววตามุ่งหวังอย่างเห็นได้ชัด

“พี่ชายไม่ห่วงพี่สะใภ้รึไง…มีแม่เลี้ยงใจร้ายจ้องจะจับส่งให้พวกเสี่ย…ไม่ใช่เหรอพี่”
ฐานทัพกระตุ้นเตือนพี่ชาย

“ก็ลองดู! ได้เห็นดีกัน! ของๆ พี่ใครก็มาแตะต้องไม่ได้  ยิ่งเป็นของรัก! ของหวง! ด้วยแล้ว
…ไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหมพี่ก็ไม่เว้น”
แผ่นดินพูดดวงตาวาวโรจน์อย่างลืมตัว

“หูย….น่ากลัว กริชมึงก็ห้ามไปยุ่งของพี่เขานะเว่ย! เป็นได้แค่แฟนคลับ หรือจะเป็นมดแดง
แฝงพวงมะม่วงก็เลือกเอานะน้อง”
ฐานทัพทำขนพองสยองเกล้าที่เห็นพี่ชายในท่าทางแบบนั้น

“หึ หึ หึ”
แผ่นดินรู้สึกตัวจึงหัวเราะร่วนกลบเกลื่อนทันที สามพี่น้องจึงคุยกันอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน


“นายดินครับ! คุณย่าท่านให้หาครับ  บอกว่ามีข่าวของคุณกอหญ้าให้เข้าไปดูครับ”
เพชรเดินออกมาตามแผ่นดิน เพราะเห็นคุยกันไม่มีทีท่าว่าจะมีใครเข้าบ้านเลยสักคน
พอเอ่ยชื่อคุณกอหญ้าออกมาเท่านั้น  สามคนพี่น้องแทบจะวิ่งกันเลยทีเดียว  ทำเอาฃ
คนบอกข่าวแทบหลบทางให้เกือบไม่ทัน

“มาแล้วครับคุณย่า  อืม…นั่นเค้ากำลังจะพูดแล้วนี่ฮะ”
แผ่นดินรีบเข้าไปนั่งข้างๆ คุณย่า

“หูย…เจ้ากริชพี่สะใภ้แก ทำไมดูหล่อจังว่ะ! ขึ้นกล้องดีแท้”
ฐานทัพพูดขึ้น  ทำเอากริชยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย  ส่วนคุณย่าก็มองตาไม่กะพริบ

“ก็เขาหล่อมาตั้งแต่เกิดนี่พี่ทัพ  หน้าจริงด้วยนะไม่ได้ผ่านมีดหมอเลย ถามผมๆ ผมเป็นแฟนคลับ
กริชพูดอย่างภาคภูมิใจ  ฐานทัพทำปากเบะใส่น้องชายด้วยความหมั่นไส้







หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 30 up แล้วค่ะ ค่ำๆ เจอกันอีกทีน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-04-2019 07:24:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะแถลงว่าอย่างไรหว่า?
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 30 up แล้วค่ะ ค่ำๆ เจอกันอีกทีน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 01-04-2019 07:33:03

 :mew1:

รอ รอ รอ


หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 30 up แล้วค่ะ ค่ำๆ เจอกันอีกทีน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-04-2019 10:51:26
 :z2: :z2:
รอจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 30 up แล้วค่ะ ค่ำๆ เจอกันอีกทีน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-04-2019 12:50:36
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 31 ออกสื่อ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 01-04-2019 17:31:25
ตอนที่ 31 ออกสื่อ

กอหญ้าเดินเข้าไปในห้องสำหรับจัดแถลงข่าวตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะยาวซึ่งทีมงานจัดไว้ให้
ท่ามกลางสื่อมวลชนที่รายล้อมและไมโครโฟนหลายสิบอัน  สีหน้ายิ้มแย้มไม่บ่งบอกถึง
ความวิตกกังวลใดๆ วันนี้พี่คะน้าจัดเสื้อผ้าเป็นกางเกงสแล็คสีดำกับเชิ้ตเข้ารูปสีน้ำเงินลายจุด
แขนยาวแต่เขาเลือกที่จะพับแขนไว้ประมาณข้อศอก  และเมื่อนั่งลงเรียบร้อยสื่อมวลชนก็พากัน
กดชัตเตอร์แบบรัวๆ

“สวัสดีครับ  พี่ๆ สื่อมวลชน  ก่อนอื่นต้องขอกล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจในตัวผมและ
สนับสนุนกันมาตลอด  จากข่าวลือต่างๆนานา ที่ทุกคนได้ยินได้ฟังมาอาจจะมีทั้งเรื่องจริงและ
ไม่จริงปะปนกัน  ดังนั้นมาฟังจากปากของผมเองจะดีกว่านะครับ  ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันแล้ว
ก็ไม่ทำให้ทุกคนเหนื่อยวิ่งหาข่าวกันด้วย  จริงไหมฮะ”

สีหน้าและแววตาที่ฉายออกมามีทั้งความเด็ดเดี่ยว  ตรงไปตรงมาดูจริงใจอย่างยิ่ง

“ถือว่าเด็ดสิครับ  พี่สะใภ้ของผม”
กริชยักคิ้ว หน้าทะเล้นในแบบฉบับของเขา

“ก่อนหน้านี้ที่ผมหายไป  เพราะ…เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำในระหว่างเที่ยวพักผ่อน
ที่เชียงใหม่  อย่างที่ทุกคนเห็นรอยแผลเป็นที่ใบหน้าซีกขวานี้นะครับ  ผมต้องผ่า
ตัดสมองเพราะมีเลือดคั่ง  และเมื่อผ่าตัดเสร็จสิ้นผลออกมา…ผมเกิดความจำเสื่อม
แบบชั่วคราว  ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นเดือนๆ ในตอนนั้นผมได้คุณแผ่นดิน สิทธิปกรณ์กุล
ลูกชายคนโตของไร่เขตแผ่นดินให้ความช่วยเหลือ…รับเป็นเจ้าของไข้ให้ด้วย
เมื่อผมออกจากโรงพยาบาลก็ให้ไปพักฟื้นอยู่ที่ไร่เขตแผ่นดิน  ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นั่น
ทุกคนให้การดูแลเอาใจใส่  โดยไม่มีใครทราบว่าผมคือ ข้ามฟ้า เหนือเวหาด้วยซ้ำไป”

ในระหว่างที่เจ้าตัวเล่านั้นดวงตาเปล่งประกายหวานอย่างเห็นได้ชัด 
จนแผ่นดินเผลอยิ้มตามคนในจอไปด้วย

“ผมเป็นหนี้ชีวิตพี่ดิน  ชาตินี้ผมข้ามฟ้า  เหนือเวหาจะไม่มีวันลืมว่า…ที่ผมรอดชีวิต
และกลับมายืนตรงจุดนี้ได้เพราะผู้ชายคนนั้นครับ”

กอหญ้าหยุดพูดแค่นั้น  ช่วงเวลาที่ทุกคนรอก็มาถึงเมื่อมีนักข่าวคนหนึ่งถามคำถามแรกออกมา

“มีคนถ่ายรูปคุณข้ามฟ้ากับคุณแผ่นดิน…ตอนที่คุณสองคนไปเลือกซื้อแหวนเป็นความจริง
หรือไม่ครับ  แล้วสรุปคุณข้ามฟ้าเป็นเกย์หรือเปล่า”

เมื่อคำถามจบก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น  สีหน้าของข้ามฟ้าดูนิ่งเรียบในทีแรกและไม่ออกอาการ
ว่าจะสะทกสะท้านเลย  เจ้าตัวแย้มยิ้มขึ้นมานิดก่อนจะตอบคำถาม

“ผมกับพี่ดินเราคบกันครับ…การที่เราใจตรงกัน…รักกัน…จะเรียกว่าเป็นเกย์หรืออะไรก็ตาม
โดยส่วนตัวของผมมองว่าหากเราเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่…คนที่รักในความเป็นตัวเรา
ไม่ได้คิดที่จะรักชอบเพราะความโด่งดังหรือความคู่ควรในเรื่องฐานะหรือชาติกำเนิด…
ใครที่รักผมโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเพศ…เขาคนนั้นก็คือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับผมแล้วครับ
…ผมไม่แคร์หากเรื่องของผมจะทำให้คนที่ชื่นชอบในตัวของผมผิดหวังหรือรับในสิ่งที่ผม
เป็นไม่ได้…เลิกให้ความสนใจหรือลดความนิยมในตัวผม...ผมก็น้อมรับผลของมันอย่าง
เต็มใจครับ  และผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าคนที่รักผมด้วยใจจริง ๆจะยังคงรักผมไม่เปลี่ยน
จริงไหมครับ”

แผ่นดินฉีกยิ้มตามเมื่อได้ยินคนรักพูดออกสื่อแบบนั้น

“นี่สิ! แบบนี้แหละพี่ข้าวของผม  แรงได้ใจและชัดเจนพอไหม”
เป็นเสียงเจ้ากริชอีกตามเคย  จนแผ่นดินต้องยกมือขึ้นมาขยี้หัวน้องชายอย่างเอ็นดู

“ก่อนหน้านี้เราทราบมาว่าคุณข้ามฟ้าคบหาอยู่กับคุณไอริณไม่ใช่เหรอครับ
เพราะเธอไปหมั้นกับคุณตฤนลูกชายนักการเมืองหรือเปล่า  จึงทำให้คุณสร้างกระแส
เรื่องคุณแผ่นดินขึ้นมา  คุณทำเพื่อประชดคุณไอริณใช่หรือไม่ครับ”

นักข่าวอีกคนถามขึ้นมา  สร้างเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง

“กับไอริณ  ผมไม่ขอพูดพาดพิงถึงเธอจะดีกว่านะครับ  เอาเป็นว่าเราเคยเป็นเพื่อนที่ดี
ต่อกัน…แค่นั้นครับ”
กอหญ้าตอบด้วยใบหน้าที่เฉยเมยและไร้อารมณ์เอามากๆ

“ขออีกสักคำถามครับคุณข้ามฟ้า  เรื่องมารดาของคุณที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
และคุณไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร  มันเป็นเรื่องจริงหรือครับ”

นักข่าวถามเรื่องที่เจ้าตัวพยายามเลี่ยงไม่ตอบมาตลอดสามปีจนได้
ข้ามฟ้าหน้าเจื่อน  แววตาไหววูบ  จนแผ่นดินที่เป็นผู้ชมอยู่ทางบ้านยังสัมผัสได้
เขานึกอยากจะกระชากคอไอ้คนที่มันกล้าตั้งคำถามนี้ออกมาให้พ้นๆ นัก
อยากจะเอากำปั้นอัดที่หน้ามันไปสักหมัดสองหมัดที่กล้าถามคำถามที่ไม่ควร
จะถามแบบนี้ออกมา

“ไหนๆ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทุกคนอยากทราบและพยายามขุดคุ้ยกันมาตลอด
ตั้งแต่ที่ผมเข้าวงการมาแล้ว  ผมขอพูดตรงนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเลยแล้ว
กันครับว่า…ผมเป็นลูกพ่อกรณ์และแม่ของผมนั้น…ผมรู้แค่ว่าชื่อทิพย์  พ่อกับแม่
พบรักกันในช่วงวัยเรียน  ท่านทั้งสองยังไม่พร้อมที่จะมีผมเลยด้วยซ้ำในตอนนั้น
แต่คุณแม่ท่านก็เก็บผมไว้  พอคลอดผมออกมา…ด้วยความไม่พร้อมนั้นทำให้ท่าน
ตัดสินใจไปจากผมและคุณพ่อ  ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลที่ท่านได้เลือกแล้วล่ะครับ
เอาเป็นว่า…ผมได้มีวันนี้ก็เพราะท่าน…ได้ให้ชีวิตผม…ถึงได้มีนายข้ามฟ้าวันนี้”

กอหญ้าพูด  ดวงตาหม่นแสงและไหววูบลงอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่

“แล้วคุณข้ามฟ้าไม่คิดที่จะตามหาท่านเหรอครับ  หรือถ้าคุณแม่คุณดูอยู่ทางบ้านตอนนี้
คุณอยากฝากบอกอะไรกับท่านไหมครับ”

คำถามต่อมาก็ตามมาอีกจนได้  เหมือนจะขยี้และตอกย้ำตรงสะเก็ดแผลยังไงยังงั้น

แผ่นดินผุดลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด  เขาสงสารคนรักที่ต้องมานั่งปั้นหน้าตอบคำถามที่
เป็นปมในใจแบบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกบีบคั้นแค่ไหนที่ต้องเอ่ยปากพูดออกมา

“ไม่ล่ะครับผมไม่อยากตามหาท่าน  เพราะคงไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องไปตามหา
แต่ถ้าหากว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้…ผมก็ขอให้ท่านมีความสุขในชีวิตและในทุกๆ
วันก็แล้วกันนะครับ”

กอหญ้าพูด  และคงจะเป็นคำตอบสุดท้ายแล้วเพราะผู้จัดการส่วนตัวได้มาดึงตัวชายหนุ่ม
ให้ลุกขึ้นจากโต๊ะสัมภาษณ์ทั้งที่มีไมค์ตามมาจ่ออีก

“ขออีกคำถามเป็นคำถามสุดท้ายครับ  คุณแผ่นดินกับคุณข้ามฟ้าอยู่ห่างไกลกันอย่างนี้
จะไม่เป็นอุปสรรคของความรักเหรอครับ”
กอหญ้ายิ้มให้กล้องและส่ายหน้ า ก่อนจะพูดขึ้นในทันที

“ที่ผมกลับมาครั้งนี้เพื่อมาเคลียร์งานที่ยังมีสัญญากันอยู่กับทางต้นสังกัด
แล้วผมจะขอพักงานทั้งหมดครับ  ผมจะกลับไปหาพี่ดิน…ไปตามหัวใจ
พี่ดินบอกจะรอผมครับ  ผมเชื่อว่าเขารอผมจริงๆ ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชน
ที่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดในวันนี้  และผมก็ขอขอบคุณผู้ชมและแฟนๆ
ทุกคนที่ชื่นชอบและติดตามผลงานของผมด้วยดีเสมอมาและคอยเป็น
กำลังใจให้กัน  ผมจะทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือเพื่อตอบแทน
ความรักที่ทุกคนให้ผมมาครับ”
แล้วกอหญ้าก็ไหว้ลาทุกคน  แล้วโบกไม้โบกมือยิ้มให้กับกล้อง

“หนูกอหญ้าของย่านี่พูดได้ดีจริงๆ เลยนะเจ้าดิน อ้าว! ซาบซึ้งจนใจลอยไป
ไกลแล้ว  พี่แกน่ะเจ้าทัพ  กริชดูมันให้ย่าที”
ฐานทัพจึงหันไปสะกิดพี่ชาย  ทำเอาแผ่นดินสะดุ้งโหยงหลุดออกจากภวังค์

“อะไร  มีอะไรวะ ทัพ”
แผ่นดินหันมาถามน้อง  เขาไม่ได้ยินที่คุณย่าพูดเลยด้วยซ้ำ

“ก็พี่ดินใจลอย  คุณย่าให้เรียกน่ะสิครับ”
กริชตอบแทนฐานทัพที่เบ้ปากใส่

“อ่อ! ผมคิดถึงเขาน่ะครับคุณย่า  อยากให้กอหญ้ากลับมาวันนี้เลยน่ะ เห้อ!”
แผ่นดินทอดถอนใจออกมาอย่างยืดยาว

“เป็นเอามากนะเจ้าดิน  เขาก็บอกอยู่ว่าจะกลับมา  แกก็บอกว่าจะรอนี่นา…ก็ต้องรอต่อไปสิ”
พ่อเขตพูดจากที่นั่งฟังมาเงียบๆ อยู่ตั้งนาน

“รอน่ะมันต้องรออยู่แล้วล่ะครับพ่อ  แต่คนมันคิดถึงนี่ครับ  เคยได้กอดนอนทุกคืน
ต้องมานอนคนเดียวเนี่ย อุ๊บ!!!”
แผ่นดินปิดปากฉับเมื่อหลุดปากพูดออกไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ทันแล้วครับพี่ชาย ได้ยินกันอย่างชัดๆเต็มสองหูเลย
แล้วยังรอยที่คอกอหญ้าเมื่อวานอีกก็เห็นๆกันอยู่ โดนเสียแล้วกอหญ้าเอ๊ย!”
ฐานทัพทำเป็นรำพึงรำพัน แต่เป็นความต้องการแฉซะมากกว่า

“เจ้าดิน นี่แก! แกไปรังแกหนูกอหญ้าของย่าแล้วเหรอ…โธ่ๆ”
คุณย่ามีสีหน้าผิดหวังหน่อยๆ

“คุณย่า  คนรักกันก็ต้องจับจองเป็นเจ้าของกันสิครับ  ขืนปล่อยไว้จะถูกหยามว่าไม่เป็น
ลูกผู้ชายนะครับ  ถูกไล่ให้ไปบวชขึ้นมาจะทำไง ฮ่าฮ่าฮ่า”
ฐานทัพกับกริชสะบัดหน้าใส่แผ่นดินพรืดเลย  แล้วก็พากันลุกขึ้นยืน

“หึ้ย!... ไปหาข้าวกินดีกว่า  ไปที่ห้องอาหารกันเถอะครับพ่อ ย่าด้วย
ไอ้สองแสบหิวตายแล้วมั้งป่านนี้”
ฐานทัพชวนให้ไปกินมื้อเย็น  ด้วยความหมั่นไส้พี่ชาย

“อ้าว! เด็กๆ กำลังทานข้าวกันเหรอครับ ไหนๆ …จะอิ่มแล้วนี่ กินกันต่อเลยลูก”
แผ่นดินเดินเข้ามาเจอหนูน้อยทั้งสองกำลังมีพี่เลี้ยงพากินข้าวอยู่ที่โต๊ะ

“น้องๆ บ่นหิวกันน่ะค่ะ  แตงโมเห็นผู้ใหญ่คุยกันนาน  ก็เลยพามาทานก่อนน่ะค่ะ”
พี่เลี้ยงเด็กตอบแทนเด็กๆ ที่เคี้ยวอาหารกันแก้มตุ่ย

“ไม่เป็นไรแตงโม ทำดีแล้วล่ะ”
แผ่นดินบอกกับพี่เลี้ยงเด็ก  เธอจึงยิ้มแป้นที่ได้รับคำชม

“พี่ดิน พี่กลายเป็นคนดังไปแล้วนะ  ทำไงกันดีล่ะ  ผมไปไหนมาไหนก็ต้องมีคนรู้จัก
มาถามไถ่เรื่องพี่กับกอหญ้าน่ะสิ ดังแน่ ๆคราวนี้”
ฐานทัพพูดพลางยกยิ้มเป็นปลื้มแทนพี่ชายไปด้วย

“อืม…ก็มีพี่สะใภ้เป็นดารานี่เนาะ”
กริชพูดอย่างภาคภูมิอีกคน

“พี่ดิน แล้วอย่างนี้สาวๆของพี่ ไม่อกหักกันหมดเลยเหรอครับ”
ฐานทัพเอ่ยถามพี่ชาย

“พี่ก็ไม่เคยให้ความหวังใครเขานะ ก็อย่างที่เห็นเบื่อแล้วจริงๆ ว่ะผู้หญิง”
แผ่นดินพูดอย่างไม่อ้อมค้อม

“นายเขตครับ นายดินครับ แม่เลี้ยงข้าวทิพย์มาครับ ท่านมาขอพบนายเขตกับนายดิน
น่ะครับ  ผมเชิญให้นั่งรอที่ห้องรับแขกแล้วนะครับตอนนี้”
เพชรเข้ามารายงาน  ทำให้สองคนพ่อลูกรีบรวบช้อน  แล้วพากันลุกขึ้นทันที

“ทานกันไปก่อนนะ  เดี๋ยวผมกับพ่อไปพบท่านก่อน  ไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไร”
แผ่นดินหันมาบอกคุณย่า  ส่วนพ่อเขตเดินนำออกไปก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ  น้าข้าวทิพย์  มาคนเดียวเหรอครับ  ทานข้าวกันก่อนมั้ยครับ”
แผ่นดินทักหญิงกลางคนที่นั่งอยู่ที่ชุดรับแขก  เธอรีบลุกขึ้นทันทีที่เจอเจ้าบ้าน
และลูกชายออกมา

“ขอโทษที่มารบกวนค่ำมืดอย่างนี้  พอดีมีเรื่องร้อนใจมากน่ะค่ะ”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ตาแดงๆ เหมือนว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างนั้น

“ไม่เป็นไรครับ…ยินดีเสมอ  นั่งลงก่อนเถอะครับคุณน้า  แล้วค่อยเล่านะฮะ”
แผ่นดินออกปากบอกกับเธอ  เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลนั้น

“นั่นสิ! แม่ทิพย์มีเรื่องอะไรร้อนใจนัก  ช่วยได้ก็จะช่วยล่ะนะ”
พ่อเขตพูดกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่

“พอดีมาทำธุระแถวนี้แล้วบังเอิญได้ดูข่าวที่ข้ามฟ้าให้สัมภาษณ์…เอ่อ
แล้วก็มีการพูดถึงแม่ของเขาด้วยน่ะค่ะ”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์น้ำตาไหลลงมา

“ครับ  แล้วทำไมเหรอครับ  คือคุณน้ารู้จักแม่ของกอหญ้าเหรอครับ”
แผ่นดินโพล่งขึ้นมาทันที

“น้า…เอ่อคือ  น้าเห็นว่าพ่อดินกำลังคบหากับหนูกอหญ้าก็เลยอยากให้พ่อดินช่วย คือ น้า…”
เธอร้องไห้อีกแล้ว  ทำเอาแผ่นดินกับพ่อมองหน้ากันด้วยไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอดี
เพราะยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ  พอดีคุณย่าเดินออกมาจากห้องทานข้าว

“อ้าว! แม่ทิพย์เป็นอะไร  ร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต  มีเรื่องอะไร ไหนๆ เล่ามาสิ
เผื่อจะช่วยกันได้บ้าง”
คุณย่าเข้าไปลูบหลังปลอบประโลมยกใหญ่  ซึ่งยิ่งปลอบท่านก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก

“ทิพย์มันคนบาปค่ะคุณแม่  พี่เขต  ทิพย์ทิ้งลูก ฮือฮือฮือ”
พ่อเขตกับคุณย่า นิ่งอึ้งไป

“ยัยหนูข้าวหอมเหรอแม่ทิพย์  เลี้ยงลูกก็ต้องเข้าใจเขาหน่อยนะยิ่งกำลังเป็นช่วงวัยรุ่น
อย่าไปปิดกั้นเขาจนเกินไปนัก  ทำไมล่ะยัยหนูโกรธเอาหรือยังไงกัน หืม…”
คุณย่าคาดคะเน  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“ไม่ใช่ยัยข้าวหอมหรอกค่ะ ทิพย์มีลูกอีกคน พี่ของยัยข้าวหอม วันนี้ทิพย์เพิ่งรู้ว่าข้ามฟ้า
เอ่อ…เป็นลูกของทิพย์ …ลูกที่ทิพย์ทิ้งแกมาเมื่อตอนคลอดแกไม่กี่วัน ฮึกฮือฮือ…”
คุณย่า  พ่อเขต นั่งอ้าปากค้างไม่เว้นแม้แต่แผ่นดินเองที่ผุดลุกขึ้นทันที

“อะไรนะ!!!! คุณน้าพูดใหม่สิครับ! กอหญ้าเป็นลูกคุณน้าเหรอ”
แผ่นดินตกใจไม่แพ้กันเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ใช่จ้ะ…พ่อดิน  น้าทิ้งเขา  มันเป็นตราบาปติดตัวน้ามาจนทุกวันนี้
มันเป็นฝันร้ายที่น้าไม่เคยลืมเลย”

เธอพูดทั้งที่น้ำตานองหน้า  แผ่นดินหันมองหน้าคุณย่าและพ่อเขต
เรื่องบังเอิญที่เหลือเชื่อได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ใช่ไหม  แผ่นดินคิ้วขมวดมุ่น
เขารู้สึกหนักใจและเห็นใจคุณน้าช่อทิพย์ไปพร้อมๆ กัน นึกถึงคนที่น่าสงสาร
ของเขาด้วยที่มีแผลในใจมาตั้งแต่เกิด


*****************************
ตู้ม!!!!  เดี๋ยวมาต่อให้นะ วิ่งสิ! รอไร?
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 31 :)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 01-04-2019 17:59:14


..ต้องกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ

เป็นกำลังใจคนเขียนค่า

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 31 :)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-04-2019 21:54:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

แล้วไงต่อหล่ะ หลังจากคุณแม่ตัวจริงเผยโฉม

เดาได้ตั้งแต่ตอนเปิดตัวน้าช่อทิพย์แล้วหล่ะ  ว่าต้องเป็นแม่ข้ามฟ้าแน่

แต่...จะมีดราม่าไหมนะ?  คงไม่มีหรอก เพราะรู้สึกว่าทางสามีนางก็เป็นคนดีนี่นะ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32 แม่เลี้ยงข้าวทิพย์
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 01-04-2019 22:40:39
ตอนที่ 32 แม่เลี้ยงข้าวทิพย์

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เล่าเบื้องหลังชีวิตที่เธอเก็บเงียบไม่เคยแพร่งพรายให้ใคร
ได้ล่วงรู้มาก่อนให้คุณย่า พ่อเขต และแผ่นดินฟัง ชายหนุ่มคาดไม่ถึงว่าเขา
จะจุดไต้ตำตอถึงขนาดนี้

“น้าพบกับพี่กรณ์พ่อของกอหญ้า เราแอบมีความสัมพันธ์กัน จนน้าตั้งครรภ์
และไม่ได้ไปเรียน พี่กรณ์เป็นรุ่นพี่เขาเป็นคนดี แต่เพราะว่าเขาเองก็ต้อง
ทำงานไปด้วยและส่งตัวเองเรียนด้วย และฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีอะไร
จนความยากลำบากที่น้าเผชิญทำให้ตัดสินใจทิ้งลูกและพี่กรณ์กลับมาบ้าน
หลังจากนั้นไม่นานคุณแม่ก็ให้น้าแต่งงานกับพ่อเลี้ยงอเนกของปางไม้
จนมียัยข้าวหอม”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เล่าไป  สีหน้าหม่นหมองไม่น้อย

“แล้วพ่อเลี้ยงรู้เรื่องนี้ไหมครับคุณน้า”
แผ่นดินถามออกไป น้าทิพย์ส่ายหน้า


“ไม่มีใครทราบค่ะ ไม่มีใครรู้เลย  แต่มันก็เป็นแผลในใจของน้าเรื่อยมา”

“แล้วนี่จะให้ช่วยยังไงล่ะ  กอหญ้าก็พูดแล้วว่าไม่อยากตามหาแม่น่ะ”
คุณย่าพูดตามที่ได้ดูการให้สัมภาษณ์ไปเมื่อสักครู่

“ทิพย์แค่อยากเจอลูก อยากขอให้ลูกอภัยให้…เท่านั้นเอง”
เธอพูดแล้วก็ปล่อยโฮอีก

“เจ้าดินล่ะ คิดว่ายังไง แฟนเรานี่น่ะ พอจะรู้ไหมว่าเขาเป็นคนยังไงกัน”
คุณย่าถามหลานชาย

“เอ่อ…คุณน้าค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะครับเรื่องแบบนี้  มันเป็นเรื่อง
ละเอียดอ่อน  ผลีผลามไปไม่ดีแน่ครับ  เนื้อแท้แล้วกอหญ้าเป็นคน
จิตใจดี ไม่ได้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร  ดูอย่างแม่เลี้ยงเขามีแต่
สูบเลือดสูบเนื้อเขาก็ยังยอมให้ตลอด”

แผ่นดินเล่าตามความรู้สึกที่เขารู้สึกจากที่ได้รู้จักกอหญ้ามา

“พ่อก็ว่าค่อยๆ บอกกันจะดีกว่านะ แม่ทิพย์เองก็อย่าเพิ่งฟูมฟายไปนัก
ไปเคลียร์กับทางครอบครัวของตัวเองให้ดีเสียก่อน  ถ้าว่ากอหญ้าน่ะ
ใช่ลูกของตัวเองแน่ๆแล้ว”

พ่อเขตช่วยออกความเห็นอีกเสียงหนึ่ง

“กอหญ้าเขามีสร้อยทองคำขาวที่ห้อยด้วยจี้ไพลินล้อมเพชร
เขาบอกว่าเป็นของที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ใส่ติดตัวอยู่ตลอด
แต่ตอนที่ป่วยผมเก็บไว้ไม่ได้ให้เขาใส่  เพิ่งจะคืนให้ไปเมื่อ
สองวันนี้เอง  เป็นของคุณน้าหรือเปล่าครับ”
แผ่นดินถามไปตามที่คาใจ

“ใช่ๆ มันเป็นของคุณแม่ท่านให้น้าไว้  น้าถอดไว้ให้ลูก
ไม่คิดว่าพี่กรณ์จะยังเก็บรักษาไว้จนถึงตอนนี้”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ตอบทั้งน้ำตา

“ไว้คุณน้าเคลียร์กับทางบ้านลงตัวแล้วเราค่อยคิดหาวิธีบอก
กับกอหญ้ากันอีกทีนะครับ  คุณน้าอย่าเพิ่งเป็นกังวลเลย
เพราะถึงยังไงตอนนี้กอหญ้าก็เป็นคนรักของผม  ทุกคนที่นี่
ก็รักและเอ็นดูกอหญ้ากันทุกคนแหละครับ”

“น้าขอบคุณ  ดินมากๆ ที่ช่วยชีวิตลูกชายน้าไว้…ไม่อย่างนั้น
ชาตินี้น้าก็คงจะไม่มีโอกาสได้เจอลูกอีกเป็นแน่”

“ตอนนี้ผมส่งลูกน้องไปประกบกอหญ้าไว้แล้ว
เพราะมีแม่เลี้ยงที่หิวเงิน  คอยแต่จะหาประโยชน์
วันก่อนยังมาพูดว่าจะส่งกอหญ้าไปให้เสี่ย...
ยัยแม่เล้านี่ทำผมไม่ไว้ใจเอาซะเลย”

แผ่นดินเล่าแล้วยังนึกโมโหไม่หาย

“ตายจริงนี่มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ  น้าเป็นห่วงลูกแล้วสิ
ชื่อข้าวใช่ไหม ไม่คิดว่าพ่อเขาจะตั้งชื่อนี้  น้าเคยพูดกับ
เขาว่าอยากให้ลูกใช้ชื่อนี้   พี่กรณ์ไม่เคยรู้ว่าน้าชื่อจริง
ว่าข้าวทิพย์  เรียกแต่ทิพย์เฉยๆ บ้านน้าเป็นตระกูลเก่า
คุณแม่ก็ดุเอามากๆ นี่ขนาดว่าน้ากลัวท่าน  น้ากับพี่กรณ์
ยังกล้าทำความผิดกันเลย พูดแล้วก็ละอายใจจริงๆ”

ดวงตาของคุณน้าข้าวทิพย์ดูหม่นแสงลงเมื่อนึกถึงอดีต

“แต่ผมเรียกกอหญ้าจนชินปากไปแล้ว  เขาก็ชอบชื่อนี้ด้วยสิครับ
บ้านนี้ก็เรียกแต่กอหญ้ากัน”
แผ่นดินอวดให้ว่าที่แม่ยายฟัง

“ชื่อน่ารักดีนะ  ดินรักลูกของน้าจริงๆ หรือเปล่า
ไม่ใช่หลอกแกเล่นนะ  นี่ขนาดมีลูกมีเต้าแล้วยัง
จะมารักชอบกอหญ้าได้ยังไงกัน”
น้าข้าวทิพย์หันมาถามคำถามที่เธอคงจะค้างคาใจอยู่ก่อนที่จะมาพบเขา

“รักสิครับคุณน้า รักมากด้วย  อาจเป็นเพราะความสงสารแต่แรกและ
ด้วยความใกล้ชิด  เราสองคนจึงมีใจให้กัน  แต่กับผู้ชายคนอื่นผมก็ไม่
เคยคิดที่จะเบี่ยงเบนหรือชอบพอมาก่อน  กอหญ้าก็เหมือนกันที่เขามา
เชียงใหม่เพราะอกหักจากผู้หญิง และนี่ครับ…แหวนที่เป็นต้นเหตุทำ
ให้ผมกับเขาเป็นข่าว”

แผ่นดินชูมือที่สวมแหวนให้แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ดูเพื่อเป็นการยืนยัน
ความรักของพวกเขาสองคน

“ดีใจนะคะที่ได้ยินแบบนี้  ลูกได้รักกับคนดีๆ อย่างพ่อดินที่น้าเห็น
มาแต่เด็กๆ นี่ถ้ายัยข้าวหอมรู้ว่าพี่ข้าวที่แกคลั่งไคล้นักหนาเป็น
พี่ชายแท้ๆ คงจะดีใจน่าดูเลย”

น้าทิพย์พูดสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิม  แววตามีประกายความหวังเจิดจ้า

“ตอนนี้ก็รู้กันทั้งเมืองแล้วละครับ  ว่าผมกับกอหญ้าเป็นคนรักกัน”
แผ่นดินเสริมขึ้นอีกเป็นการย้ำให้รู้ว่าเขานี่แหละที่จะเป็นเขยของท่าน

“แล้วเมื่อไหร่กอหญ้าจะกลับมาที่ไร่ น้าอยากเจอ วันนั้นที่ไปทานข้าว
ที่บ้านก็ได้คุยกันไม่กี่คำเอง ดินก็รีบพาน้องกลับมาเสียก่อน”

สีหน้าของน้าข้าวทิพย์ดูหมองลง คงเสียดายโอกาสที่ลูกไปอยู่ใกล้
แค่มือเอื้อมแต่กลับไม่รู้ว่าเป็นลูก

“ต้องให้เขาจัดการงานที่ตกค้างให้หมดเสียก่อนน่ะครับ
ใจเย็นนิดนึงนะครับ ผมสิฮะ…คิดถึงเขาไม่น้อยไปกว่าคุณน้าหรอกครับ”

แผ่นดินพูดความในใจให้แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ฟังอย่างเปิดเผย

“แหมๆ เจ้าดิน กล้าไปพูดให้ว่าที่แม่ยายแกเขาฟังนะ ไม่ใช่เล่นๆ เลยนี่นา”
คุณย่าแซวหลานชาย

“นั่นดิ! เขากลายเป็นลูกชายแม่เลี้ยงข้าวทิพย์ไปแล้วนะ
 แกจะไปทำเล่นๆ กับเขาไม่ได้แล้วนะเจ้าดิน พ่อกับย่าไม่ยอมเหมือนกัน
 ยิ่งเป็นครอบครัวคนคุ้นเคยอย่างนี้ด้วย”

บิดาอบรมลูกชายต่อหน้าแขก

“โธ่พ่อ! ผมรักกอหญ้าตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นดาราเสียด้วยซ้ำ
ใครอยากจะให้เขาเป็นกันดาราล่ะ เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปล่าๆ
ไอ้ที่ถ่ายเซตสุดท้ายน่ะ ผมแทบอยากจะไปเผาแผงหนังสือ
ทิ้งทั้งเมืองเลยนะครับ  อีกอย่างตัวแค่นั้นจะกินสักเท่าไหร่กัน
ผมเลี้ยงของผมได้น่ะพ่อ ไม่ต้องให้ทำเลยงานแบบนั้น”

แผ่นดินพูดเป็นการใหญ่ เพราะเกรงว่าผู้ใหญ่จะไม่เชื่อใน
ความรักของเขาที่มีให้กับคนรัก

“หูย…ถือว่าเด็ด ฮ่าฮ่า พ่อขอยืมคำพูดเจ้ากริชมันหน่อย
หึหึ… ไม่เบาใช่ไหมล่ะแม่ทิพย์ลูกชายพี่น่ะ”

พ่อเขตหัวเราะร่าอย่างชอบอกชอบใจ

“ค่ะคุณพี่ ทิพย์ก็ยินดีนะคะ ที่เราสองครอบครัวจะได้มา
เกี่ยวดองกัน  ลูกรักใคร  ทิพย์ก็เห็นดีเห็นงามไปกับเขาด้วย
ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดแบบชีวิตของทิพย์ ...ที่ได้เคย
ทอดทิ้งและทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็น”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์รำพึงรำพันในท้ายประโยค

แผ่นดินยิ้มหน้าบานที่ว่าที่แม่ยายไม่ขัดขวาง  แต่ท่านก็ยังคงติดอยู่
กับอดีตที่เหมือนแผลที่ตกสะเก็ดหากมีคนสะกิดหรือนึกถึงแววตา
หม่นหมองก็เกิดขึ้นทันตาเห็น  ชายหนุ่มนึกเห็นใจแต่เรื่องนี้เขา
กลัวผลกระทบที่จะตามมามากกว่า

“ดึกแล้วคุณน้ากลับก่อนเถอะ  ถนนหนทางก็ลำบากเพราะฝนตก
ถ้ามีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับกอหญ้าผมจะเล่าให้ฟังนะครับ”

แผ่นดินบอกไปอย่างนึกเป็นห่วง

“น้ากลับก็ได้จ้ะ ดีนะที่มาธุระแถวนี้พอดีจึงได้มาคุยกัน
ถ้าเก็บไว้อีกน้าคงอกแตกตายแน่ ยังไงน้าก็ฝากดินดูน้องด้วยนะ
จนกว่าน้าจะได้เจอเขา”
ถึงเธอจะไม่ฝากเขาก็ต้องทำอยู่แล้ว…คนรักทั้งคนนี้นะ

“ครับคุณน้า ผมมีคนไว้ใจได้คอยตามดูอยู่แล้วล่ะครับ ไม่ต้องห่วง”

“พ่อดิน ทำถึงขนาดนี้น้าก็เชื่อแล้วละว่า รักลูกของน้าจริงๆ ขอบคุณนะ”
เธอพูดพร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้ชายหนุ่ม



กริชกับฐานทัพเดินมาทันกับประโยคนี้พอดี  ทำเอาสองหนุ่มต่างมองหน้ากัน
แล้วก็พากันขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อจนคุณน้าช่อทิพย์กลับขึ้นรถไปแล้ว  สองหนุ่มจึง
รีบเดินไปหาพี่ชายในทันที

“พี่ดิน! ที่คุณน้าพูดหมายความว่ายังไง! พี่ดินไปชอบลูกสาวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
 ยัยข้าวหอมน่ะเหรอ แล้วพี่สะใภ้ผมล่ะ พี่ข้าวน่ะ…ผมไม่เข้าใจพี่ดินเลยนะเนี่ย”

กริชพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“อะไรของแกกันเจ้ากริช  พี่สะใภ้แกก็กอหญ้าเหมือนเดิมนั่นแหละ
 แล้วที่แกมาได้ยินว่าคุณน้าขอบอกขอบใจที่รักลูกเขาน่ะเหรอ หึหึ”

“นั่นสิ! จะพูดขยักขย่อนทำไม โว๊ะ! ”

ฐานทัพพลอยเดือดไปอีกคน  เมื่อพี่ชายไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไร

“พ่อครับไปทานข้าวกันต่อดีกว่าครับ”

พี่ดินจะเดินเลี่ยงไปแล้ว  แต่กริชมาขวางไว้ก่อน

“พี่ดิน! อย่ามาทำจับปลาสองมือนะ  ผมไม่ปลื้มบอกเลย  ทำแบบนี้”
กริชต่อว่าพี่ชายซ้ำอีกรอบ

“เออๆ ไปถามคุณย่านู่นไปๆ เรื่องมันยาวพี่ขอไปกินข้าวก่อนว่ะ หิว”
แผ่นดินหนีเข้าไปกินข้าว

ส่วนสองหนุ่มรีบเดินรี่ไปหาคุณย่าที่นั่งดูทีวีอยู่  เรื่องราวต่างๆ
ที่แม่เลี้ยงข้าวทิพย์มาเล่าที่นี่  ก็ได้คุณย่าเป็นผู้ถ่ายทอดเล่าสู่
กันฟังจนหมดเปลือก สองหนุ่มที่นั่งฟังได้แต่อ้าปากค้างไป
ตามๆ กัน แล้วความเงียบงันก็เกิดขึ้น จนกระทั่งกริชพูดทำลายความเงียบ

“สงสารพี่กอหญ้าของผมจังฮะคุณย่า  มารู้ตอนนี้ว่าใครเป็นแม่ก็คง
ไม่ปลื้มแล้วล่ะ ฮือฮือ สงสารจริงๆ”

แล้วกริชก็น้ำตาร่วงอย่างนึกสงสารและเห็นใจ

“โธ่! พี่สะใภ้ของผม ชีวิตยิ่งกว่านิยายอีก
และก็ยิ่งกว่าละครหลังข่าวด้วย”

ฐานทัพเป็นอีกคนที่รู้สึกเห็นใจกอหญ้า

“คุณย่า แล้วพี่ดินว่าไง จะช่วยให้แม่ลูกเขาเข้าใจกันได้ยังไง
 ผมยังมองไม่เห็นทางเลย แถมพี่กอหญ้าจะต้องไปมีคุณยายแบบนั้นอีก
เจ้ายศเจ้าอย่างยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวล เห้อ! ”

กริชปรารภน้ำตายังคลอๆ ด้วยเพราะว่ารักและยิ่งมารู้เห็นเรื่องราวที่
ถูกแม่แท้ๆ ทอดทิ้ง ยิ่งทั้งรักและสงสารเข้าไปอีกเป็นทวีคูณ

“กริช แกไม่ต้องไปกังวลมากนักหรอก กอหญ้าน่ะ พี่ไม่ปล่อยให้
เขาต้องไปเผชิญหรือไปทนรับชะตากรรมอะไรกับใครอีกแล้ว
ไม่ว่าจะพ่อเลี้ยง  หรือกับยัยแม่เลี้ยงหิวเงิน แม้แต่คุณยายที่
ถือยศถือศักดิ์นั่นด้วย  คนทั้งหมดนั้นหากไม่ต้องการกันก็อย่า
ได้มาแตะต้องเด็ดขาด พี่ไม่ไว้หน้าใครแน่ๆ แกอย่าห่วงไปเลย”

แผ่นดินเดินเข้ามาทันได้ยินที่น้องชายปรารภกันจึงย้ำคำออกไป

“ครับ ผมก็ฝากพี่ดินจัดการต่อแล้วกัน เพราะผมก็ต้องกลับไปเรียน
โอกาสเจอหน้าพี่กอหญ้าก็น้อยเต็มทีถึงจะอยู่ห้องติดกันก็เถอะ”

 กริชพูดน้ำเสียงเครือๆ

“อืม…ถ้าพี่ว่างก็จะไปเยี่ยมเขาที่นั่นด้วย”
แผ่นดินบอก  พี่น้องนั่งคุยกันอีกพักใหญ่ๆ ก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องใครห้องมัน



แผ่นดินจัดการส่งเด็กๆ เข้านอนเรียบร้อยก็เดินไปที่ห้องนอนของกอหญ้า
 อล้มตัวลงนอนก็เอาหมอนที่กอหญ้าใช้มาหนุนหัว  กลิ่นกายยังคงติดอยู่
กับหมอน ยิ่งทำให้คิดถึง จนอดใจไม่ไหวเอามากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างกับ
โรคจิตก็ไม่ปาน แล้วก็หลับตาลง  คืนนี้ฝนไม่ตกแต่ที่ปลายท้องฟ้าก็มีลำแสง
ของฟ้าแลบเป็นสายให้ได้เห็น

`คนกลัวฟ้า ป่านนี้จะนอนหรือยัง  จะคิดถึงกันบ้างไหมนะ`

และเพราะความคิดถึงห้ามกันไม่ไหว  จึงกดโทรศัพท์ไปหาทันที

“ฮัลโหล  พี่ดิน  คิดถึงจังครับ  เพิ่งอาบน้ำเสร็จ  พี่ล่ะทำอะไรอยู่”

“พี่ก็คิดถึงเรามากเลยนะ  พี่มานอนที่ห้องกอหญ้าด้วยแค่ได้กลิ่น
ที่ติดตามผ้าห่มกับหมอน  พี่ก็จะทนไม่ไหวแล้วครับ  อยากให้มา
นอนด้วยกันอยากกอด”

แผ่นดินทอดเสียงอ่อนไปให้คนปลายสาย

“พี่ดินอย่าพูด  กอหญ้าก็คิดถึงพี่นะครับ  อยากไปให้กอด...ฮืก ฮือ ฮือ”

“ไม่ร้องนะคนดี ไกลกันแบบนี้  พี่จะไปโอ๋ก็ไม่ได้ นิ่งนะ
 แล้วนี่อยู่ยังไงครับ ทานอะไรหรือยัง”

“นอนคอนโด ทานข้าวกับพี่คะน้าก่อนแล้ว พรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิศ
 อยากเก็บงานให้หมด  พี่คะน้าบอกว่ามีงานโชว์ตัวอีก
 คงกลับที่พักดึกหน่อยนะ  อย่าห่วงเลย  กอหญ้าดูแลตัวเองได้”

“ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะครับ”
แผ่นดินกระซิบเสียงเบา

“ครับ พี่ดินรอนะ  อย่าดื้อ พี่ดินเป็นของกอหญ้าแล้วด้วย  อย่าลืม! ล่ะ”

“ครับ พี่รู้ว่าทำอะไรตอนนี้ก็เป็นจุดเด่นไปแล้ว  มีแฟนเป็นถึงดาราดังนี่นะ”

แผ่นดินกระเซ้าเย้าแหย่คนรัก

“พี่ดินไม่ล้อสิครับ...ก็ยังเป็นกอหญ้าของพี่คนเดิมนั่นแหละ”

ปลายสายเสียงแผ่ว

“กอหญ้า พี่ถามอะไรอย่างสิ …เราอยากเจอ…แม่ไหมครับ”
แผ่นดินลองเกริ่นๆ ออกไป  แล้วก็กลั้นใจรอคอยคำตอบ

“พี่ดิน  ถามทำไมเนี่ย ไม่ต้องมาสงสารเลย…เอ่อ ไงดีล่ะ…
ก็ไม่รู้สินะ  บางทีก็อยากเจออยากเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง
แต่อีกใจ…ก็ไม่อยากเจอ  คือบอกไม่ถูกอ่ะพี่ เอาเป็นว่าต่าง
คนต่างอยู่ก็ดีแล้วละครับ  กอหญ้าไม่อยากเป็นส่วนเกิน…
หรือตัวถ่วงชีวิตใคร  ยิ่งถ้ารับไม่ได้ที่กอหญ้าเป็นแบบนี้ที่มา
รักกับพี่ดิน เห้อ! ช่างเถอะครับ  เคยอยู่มาได้โดยไม่มีก็ไม่จำ
เป็นต้องมี...จะเป็นไรไปเนอะ”

“เอาเป็นว่าหากจะได้เจอกันก็เจอเองแหละนะ  นอนได้แล้วเด็กดี…ฝันดีนะ”

แผ่นดินตัดบทเพราะเห็นว่าเขาสองคนคุยกันมานานพอควร

“ฝันดีเช่นกัน  รักพี่ดินนะ จุ๊บ จุ๊บ”

แล้วกอหญ้าก็ตัดสายไปก่อน

แผ่นดินวางโทรศัพท์และทอดถอนใจก่อนจะปิดเปลือกตาลง

`อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด  เพียงแต่เราเตรียมรับมือกับมันดีพอหรือยัง
แค่นั้นจริงๆ พี่จะอยู่ข้างๆ กอหญ้านะ ไม่ต้องกลัว`






หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-04-2019 22:45:29
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-04-2019 22:53:28
 :L1: :pig4: :L1:


 o13
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 02-04-2019 00:22:03
ผ่านมาาน้รื่องนี้โดยบังเอิญ

แต่!!!!!!! สนุกมาก อ่านเพลินมากเลยค่ะ ยังคิดกับตัวเองว่าพลาดไปได้ไง 55555

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องสนุกๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-04-2019 00:39:41
หูยยย มีโทรมาฝันดี จุ๊บๆ ด้วย อะไรจะปานนั้น สงสัยมดต้องขึ้นห้องแน่ๆ พี่ดินระวังไว้เหอะ
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-04-2019 00:59:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-04-2019 03:00:27
หักมุมดีอ่ะ  แม่คือคนใกล้ตัว
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33 กลับมาเป็นข้ามฟ้า
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 02-04-2019 09:28:10
ตอนที่ 33 กลับมาเป็นข้ามฟ้า

Rrrrrr เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในยามสาย
ทำให้ร่างบางภายใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่มลืมตาและบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความเมื่อยขบ

“สวัสดีฮะ ก็ใช่…พี่ต้องมารับข้าว ก็พากันห้ามไม่ให้ข้าวขับรถนี่
 ทำเป็นลืม…ทานข้างนอกก็ได้ฮะ ขอเวลาอาบน้ำแป๊บนึงฮะ”

ข้ามฟ้าวางสาย  แล้วลุกขึ้นนั่ง  ชูมือออกไปจนสุดแขน  แล้วหย่อนปลายเท้า
ลงจากเตียง  เตรียมตัวไปอาบน้ำ  ช่วงนี้ทั้งพี่ดินและพี่คะน้าไม่ยอมให้เขาขับรถ
เองเลยสักคน  กลัวกันไปต่างๆนานาก็บอกแล้วว่าที่ผ่านมาเป็นเรื่องสุดวิสัย

‘แล้วเมื่อไหร่จะได้ขับเจ้าลูกรักล่ะ แย่จัง’

“ข้าว  เสร็จหรือยั ง อ้าว! ทำไมแต่งตัวแบบนี้  เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่นะจ้ะ
ชุดพื้นเมืองนี้น่ะไม่ใส่นะ”

คะน้าร้องท้วงเมื่อเห็นการแต่งกายของข้ามฟ้า

“พี่คะน้า  ข้าวอยากใส่แบบนี้…นะฮะ”
กอหญ้าอ้อนและทำหน้ายู่เมื่อคนพี่ส่ายหน้าไม่ยอมท่าเดียว

“ข้ามฟ้า ไปเปลี่ยนชุด!”

ถ้าลองถูกเรียกชื่อจริงแบบนี้แล้วละก็…ข้ามฟ้าเดินหน้าคว่ำ
ไปที่ตู้เสื้อผ้าใบใหญ่  เลือกชุดออกมาใหม่อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

“อื้ม…ชุดนั้นแหละ  ใส่เชิ้ตกับยีนสีดำนั้นก็ได้  เรากลับมาเป็นข้ามฟ้า
แล้วนะข้าวทิ้งคราบของกอหญ้าไว้ที่ไร่พี่ดินไปก่อน  พี่รู้ว่าน้องน่ะคิดถึงที่นั่น
แต่แค่ช่วงนี้เท่านั้นนะทำทุกอย่างให้ดีและจะกลับไปเป็นกอหญ้าพี่ก็จะไม่ห้าม
เชื่อพี่นะ…เด็กดีแค่ช่วงนี้เท่านั้น”

คะน้าพูดจบก็เดินไปลูบหลังน้อง

เธอรู้ว่าเจ้าเด็กเอาแต่ใจกลับมาแล้ว

“ฮะพี่คะน้า  ข้าวจะเป็นข้ามฟ้าให้ดีก็แล้วกัน  เฮ้อ!”
พูดอย่างจำยอมพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

คะน้าอมยิ้มแล้วเข้าไปช่วยทาครีมและลงรองพื้นปกปิดรอยแผลเป็น
บนแก้มให้ คะน้าแต่งหน้าให้ข้ามฟ้าเพียงบางๆ ทาลิปสติกสีออกเรื่อๆ
ที่ใกล้เคียงกับสีปากให้ด้วย

“ดีมากเลย  ข้าวของพี่หล่อแล้ว ป่ะ…เราไปหาอะไรทานกันก่อน
แล้วค่อยเข้าไปคุยงานกับเฮียเนอะ”


ทั้งสองพากันออกจากคอนโดของข้ามฟ้า  ตลอดทางที่นั่งอยู่ในรถ
พี่คะน้าก็ชวนคุย เล่านั่นนี่ไม่ได้หยุดจนถึงร้านกาแฟเล็กๆ ที่อยู่ไม่ห่าง
จากออฟฟิศ  กอหญ้ากับคะน้าใช้เวลาไปเกือบๆ ชั่วโมง  พอถึงเวลา
นัดหมายก็ออกจากร้านกาแฟ



“นั่งก่อนสิทั้งสองคน  เป็นยังไงข้าวอาการดีขึ้นแค่ไหนแล้วล่ะ
แล้วคะน้าน่ะแฟนเธอเป็นไงยังจะให้ลาออกไปเป็นแม่บ้านอีก
หรือเปล่า  แล้วนี่กินมื้อเช้ากันมาหรือยัง”

คุณเกริกเกียรติ  ผู้บริหารใหญ่ที่ข้ามฟ้าต้องฟังมากที่สุดนั่งหน้าเครียด
แต่ก็ไม่ลืมถามสารทุกข์สุขดิบของทั้งสองคนอย่างที่เคยเป็นมา

“ข้าวดีขึ้นมากแล้วครับเฮีย  แล้วก็แวะทานมื้อเช้าข้างล่างนี่แหละครับก่อนขึ้นมา”

“คะน้ายังทำงานให้เฮียอีกพักน่ะแหละค่ะ  ถึงค่อยไปเป็นแม่พันธุ์อยู่บ้านเลี้ยงลูก”
คะน้าตอบคำถามที่เฮียถามทิ้งไว้

“อืม ดีๆ แล้วข้าวน่ะ  เมื่อวานให้ข่าวไม่นึกถึงชื่อเสียงที่สะสมมาเลยหรือไง
กล้ามากเลยนะเราเนี่ย  ปฏิเสธไปก็ได้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน…แต่ก็เลือก
ที่จะพูดความจริง  เฮ้อ! เอาเถอะๆ คะน้าได้เช็กกระแสในโซเชียลบ้างหรือยัง
แฟนคลับว่าไงบ้าง  กระทบกับงานต่อไปมั้ยล่ะ”

ใบหน้าอูมของคุณเกริกเกียรติไม่ได้บ่งบอกว่าจะโกรธอะไรมากมายกับข่าวเมื่อวาน
มีเพียงแววตาที่ส่อความกังวลบ้างเท่านั้น

“คะน้าเช็กแล้ว  กลายเป็นตอนนี้กระแสแรงมากเลยนะคะคนที่รักๆ
ก็เข้ามาให้กำลังใจ แต่มีแฟนคลับเกิดขึ้นมาใหม่  เป็นกลุ่มสาววายค่ะเฮีย
ส่วนคนที่ต่อต้านก็มีแต่ส่วนน้อยมากๆ เอ่อ…แล้วก็มีหลายคนที่อยากให้ข้าว
ได้เจอกับแม่ตัวจริงด้วย”

คะน้ารายงานผลให้บอสใหญ่ทราบ  คุณเกริกเกียรติเลิกคิ้วอย่างใช้ความคิด

“อืม…ถ้ากระแสมันดีขนาดนั้น  ก็หาหนังวายให้ข้าวเล่นสักเรื่องก่อนลาวงการสิ
เออๆ ท่าจะดีนะ  คะน้าไปเรียกคุณราเมศเข้ามาคุยกับผมหน่อย 
บอกเลขาให้จัดคิวมาก่อนเลยนะ อะไรข้าว…นั่งส่ายหัวทำไมกัน?”

บอสใหญ่มีแววตาเจิดจ้าทันที  นี่แหละนักธุรกิจจับกระแสอะไรได้ไว
ไม่ค่อยพลาดหรือทิ้งโอกาสอะไรหลุดมือไปง่ายๆ

“ข้าวว่า เอ่อ…จะดีเหรอที่ให้เล่นหนังแนวนั้นน่ะ คือว่า…”
ข้าฟ้าเอ่ยไม่เต็มเสียงนัก

`พี่ดินห้ามไว้เยอะ ถ้าหนังแนวนั้นก็ต้องมีบทเข้าพระเข้านาง
 ตายกันพอดี  กองถ่ายระเบิดเถิดเทิงเป็นแน่…คนขี้หวงขนาดนั้น`

“ดีสิ  เชื่อผม  ดูบทก่อนก็ได้นี่”
เฮียมีสีหน้าดีขึ้นฉับพลัน

“ข้าว  เดี๋ยวพี่ดูบทให้เอง  อย่าเพิ่งเครียดจะปังสุดๆ ก็คราวนี้แหละ
คุณราเมศเป็นมือหนึ่งของเฮียเลยนะรู้มั้ย  หนังเรื่องไหนที่เขาป้อนให้
คนที่ได้เล่นนะดังอย่างกับพลุแตกทุกเรื่องจริงๆ”

คะน้าจับมือของน้องมาบีบให้คลายกังวล  แล้วเธอก็ลุกขึ้นไปจัดการตามที่เจ้านายสั่ง
ไม่นานก็เดินกลับเข้ามา  สีหน้ายิ้มแย้มกว่าตอนออกไป

“เฮียคะ  คุณราเมศอยู่ที่ตึกพอดี  เดี๋ยวจะเข้ามา  เฮียจะคุยตามลำพัง
ไหมคะเราสองคนจะได้ออกไปกันก่อน”

“อยู่คุยพร้อมกันนี่แหละ  หากข้องใจอะไรจะได้ถามให้หายสงสัยกันไปเลย”

คุณเกริกเกียรติยังคงเป็นคนคิดเร็วทำเร็วไม่เปลี่ยน  คะน้ามองชายกลางคนร่างท้วม
แต่งกายภูมิฐาน  หน้าตาแบบคนไทยเชื้อสายจีนที่ดูใจดี  มีอำนาจและน่าเชื่อถือ

“เฮีย คือ…น้องมันมีแฟน  อย่างที่ให้ข่าวไปนั่นแหละค่ะ  แฟนเขาขอร้องไม่ให้
รับงานที่เหมือนกับเซตก่อน  คือบอกตรงๆ เขาหวง  ทีนี้น้องมันกลัวเจอบทอย่างว่า
คุณดินจะบุกมาเผากองถ่ายเอาน่ะเฮีย  เขาขู่กันไว้เยอะเสียด้วย”

คะน้ามองตาน้องก็เข้าใจทุกอย่าง  จนต้องพูดให้บอสทราบก่อน
เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในวันข้างหน้า

“ก็เลือกพระเอกเอาสิ  ถ้ามันจะเรื่องมากขนาดนั้นให้มาพบผม
เดี๋ยวส่งไปเทสหน้ากล้อง  ดูสิจะเล่นเป็นพระเอกได้มั้ย ฮ่าฮ่า
ถ้าไม่ได้ไม่กล้าก็ต้องยอมให้มืออาชีพเขาทำกันละนะ  อะไรของเธอคะน้า
อ้าปากทำไม  เฮียพูดจริงนะเว่ย”

คุณเกริกเกียรติพูดอะไรดูง่ายไปเสียหมด

“เฮีย  อย่าท้านะ  ถ้าคุณดินเขายอมมาจริงๆ เฮียห้ามมาถอนคำพูดทีหลังเชียว”
คะน้าแกล้งพูดดักไว้ก่อน

“พี่คะน้าอ่ะ  พี่ดินไม่มีทางมาหรอกงานแบบนี้
เขายิ่งจะให้ข้าวเลิกทำอยู่ด้วยงานสายนี้”

ข้ามฟ้าหน้าบูดเมื่อรู้ว่าโดนผู้จัดการสาวแกล้งเอา
ก็ตอนที่เขาพูดจบพี่คะน้าก็ปิดปากหัวเราะพร้อมกับบอส

“เออๆ ใจเย็นก่อน  แนวน่ารักใสๆก็มีเยอะแยะถมถืดไป
รอราเมศมาถึงก่อน เอ้า! เข้ามาสิ กำลังรออยู่เนี่ย”
บอสหันไปเห็นผู้ที่มาใหม่แต่ยืนรีรอไม่ยอมเข้ามาจึงกวักมือเรียก 

คุณราเมศ  ผู้กำกับมือทองของค่ายก็มาถึง  รูปลักษณ์ไม่แตกต่างจาก
พี่ภูดลตากล้องสักเท่าไหร่  จะเซอร์จะติสกันไปถึงไหน  ดูจากทรงผม
ที่รวบเป็นมวยเก็บไว้กลางศีรษะ  เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนที่ขาดๆ นั่นอีก
แต่หน้าออกจะดุๆ จนคะน้ามองว่าผู้กำกับรายนี้ไปฟัดกับใครมาก่อนหรื
อเปล่าที่จะมาถึงห้องนี้

“หวัดดีพี่เมศ”

คะน้ากับข้ามฟ้าเอ่ยทักขึ้นพร้อมกันเพราะคุ้นหน้ากันอยู่ก่อนแล้ว

“อืม…หายดีแล้วเหรอข้าว  เด็ดนี่หว่าข่าวเมื่อวาน กล้าได้อีกนะเรา”
แล้วพี่เมศก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับคุณเกริกเกียรติ

“เมศ นายช่วยหาหนังวายดีๆให้ข้าวสักเรื่องสิ  ก่อนลาวงการ  เอาแนวน่ารักๆ
ใสๆฟีลกู๊ดก็ดี”
คุณเกริกเกียรติเอ่ยปากทันทีที่ราเมศหย่อนก้นนั่ง

“เห่ย! จริงดิเฮีย  ผมอยากทำอยู่เลยแนวนี้ท้าทายดีด้วยตอนนี้
ตลาดกำลังเปิดกว้างมาก  อื้ม…เดี๋ยวผมไปคัดมาให้  แล้วพระเอกล่ะจะเอาใครดี
ถ้าระบุพระเอกมาจะได้หาเรื่องที่ตรงกับคาแรกเตอร์พระเอกของเราหน่อย”

“พระเอกผมไม่เน้ น แค่ให้ข้าวเป็นนายเอกพลิกคาแรกเตอร์กันหน่อย
ขอแค่ให้หนังเรื่องนี้เป็นที่จดจำก่อนอำลาวงการก็พอ”

“ห๋า! จริงดิ! จะไปแล้วเหรอข้าวพี่ยังไม่เคยทำหนังให้เราเลยนะ จะไปแล้วจริงสิ”
พี่เมศนั่งตัวตรงทันทีจากเดิมที่นั่งกึ่งนอนในแบบสบายๆ

“ใช่ไงพี่เมศ แฟนเค้าหวงมากด้วยเซตสุดท้ายที่พี่ดลถ่ายให้น่ะ…
คุณดินแทบจะเผาแผงหนังสือทิ้งเลยนะ  อีกอย่างน้องมันต้องกลับ
ไปช่วยแฟนทำไร่ส้มแล้วก็เลี้ยงวัวด้วยน่ะ”

พี่คะน้าพูดออกมา  ทำเอาผู้กำกับตาโตขึ้นมาทันที

“เห่ย! ดีเลย  เจ้าของไร่ส้มใช่มั้ยล่ะ นั่นแหละๆ พี่มีหนังในใจแล้ว
ถ้างั้นเราก็ขอใช้สถานที่เขาไปเลยสิ  ยกกองไปถ่ายที่นั่น  ให้แฟนข้าวมัน
ดูแลกันไปอยากหวงกันดีนัก  หึหึ  จัดไปให้สมใจ”

คุณราเมศพูดจบ  ข้ามฟ้ากับคะน้ามีสีหน้าดีขึ้นกันทั้งสองคนที่การพูดคุยออกมาในรูปนี้

“พี่เมศสัญญาแล้วนะห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด  คะน้าจะได้เที่ยวเชียงใหม่สักที
ไปทีไรก็มีแต่เรื่องงานและงาน  จนอดมองดูความสวยงามของภูมิประเทศที่นั่นเลย
ได้เที่ยวก็คราวนี้แล้ว  เฮ้อ…”

คะน้ายิ้มหน้าบานแววตาวาดหวังและพรูลมหายใจอย่างโล่งอก

“ดีเลย  ราเมศคุณไปจัดการตามนี้แหละ  เผื่อผมมีเวลาจะไปดูการทำงาน
และถือโอกาสพักผ่อนบ้าง”

เฮียเปิดไฟเขียวให้พี่เมศ  ทำเอาข้ามฟ้าดีใจไปด้วยที่ได้รับการคอนเฟิร์ม
จากปากบอสใหญ่  เวลาที่เขาจะได้เจอพี่ดินมันใกล้เข้ามาเร็วอย่างไม่คาดฝัน


`ข้าวจะได้ไปหาพี่ดินแล้วนะ`

ข้ามฟ้าหลุดเข้าไปอยู่ในห้วงฝันแล้วอีกคน

“ข้าว! ไปต่อกันเถอะ  อย่ามานั่งตาลอยเพ้ออยู่ เดี๋ยวต้องไปโชว์ตัวอีก
แต่เราจะต้องไปหาข้าวกลางวันกินกันก่อนด้วย”

คะน้าตบบ่าชวนให้ไปต่อเมื่อเห็นน้องนั่งปล่อยอารมณ์

“พี่คะน้าน่ะ ก็คนดีใจจะได้เจอพี่ดิน”
ข้ามฟ้างึมงำออกมาออกจะเขินหน่อยๆที่เผลอตัวให้ทุกคนเห็น

“อืม…พี่รู้ เหนื่อยอีกหน่อยน่าเดี๋ยวก็ได้ไปเป็นเกษตรกรแล้ว คริคริ”

พี่คะน้าหัวเราะแซว อืมฟังดูดีจัง เกษตรกร แค่ยกจอบจะทำไหวหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
จะไปช่วยงานอะไรพี่ดินได้กันล่ะ

“เห่ย…พี่แซวเล่น  พี่ดินไม่ให้เราไปแบกจอบ  ขุดดินกลางแดดแบบนั้นหรอกน่
ะน้องรัก มีงานใช้สมองเยอะแยะที่จะให้ข้าวทำน่า…นะ”

คะน้าจับแววตาที่ข้ามฟ้าแสดงออกมาได้  จึงพูดแก้ให้ใหม่

“นั่นสิ! ข้าวไปช่วยเลี้ยงลูกให้พี่ดินก็ยังได้ เด็กตั้งสองคน”
แล้วข้ามฟ้าก็ยิ้มดีใจกับความคิดของตน

“น้อยๆหน่อยตัวแสบ  แหมๆ จะไปเลี้ยงลูกช่วยเขา
เราเป็นพ่อพันธุ์มีเป็นของตัวเองไปเลยสิ  พี่ว่าเวิร์คกว่านะ”

“พี่คะน้า  อย่าพูดไปนะ  พี่ดินมาได้ยินข้าวตายแน่ๆ
 ยิ่งขี้หวงด้วย อืม…วันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย”

แล้วข้าฟ้าก็นั่งแชทโทรศัพท์ไปไม่หยุด
มีคะน้าเป็นคนขับรถพาไปหาอาหารกลางวัน

Gorya>> : คิดถึงพี่ดิน ทานกลางวันหรือยังฮะ

Din>> :)  : กำลังจะทานครับ แล้วกอหญ้าล่ะ?

Gorya>> : เพิ่งคุยงานเสร็จ กำลังจะไปหาร้านข้าวครับ

Din>> :)  : ทานเยอะๆ นะครับ คิดถึงกันบ้างนะ…รักนะครับ

Gorya>> :  love u too.

“ข้าว  นั่งยิ้มอยู่นั่นแหละ  พี่เลือกร้านอาหารไทยนะ”

“ได้เลยครับพี่คะน้า  ข้าวอยากกินต้มยำกุ้งรสจัดๆ พอดีเลย”
ข้ามฟ้ายิ้มทำแก้มป่อง

“ตามบัญชาจ้ะ  เลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็ถึงร้านแล้วละ”


ร้านที่พี่คะน้าเลือกเป็นร้านอาหารที่อยู่ในบรรยากาศแบบสวนร่มรื่น
มีน้ำตกจำลอง  บ่อปลาคราฟ  พอเดินทอดไปตามแนวสะพานเล็กๆ
ก็เข้าสู่ตัวร้านที่ทำเป็นซุ้มๆ ให้นั่ง ดูเป็นสัดส่วน

“พี่คะน้า  ร้านนี้ดูบรรยากาศเป็นกันเองดีเนอะ  สงบดีด้วยครับ
ชอบจัง”
มีพนักงานถือเมนูมาให้  คะน้าเลือกอาหารมาสี่อย่างกำลังจะสั่งอย่างที่ห้า

“พี่คะน้าสั่งเยอะไปแล้วครับ  ข้าวทานไม่หมดนะฮะแบบนี้”
หญิงสาวหันมองหน้าเด็กหนุ่ม

“อืมๆ พอก่อนก็ได้  ของชอบนายทั้งนั้นเลยนะเนี่ยที่พี่สั่งไปน่ะ”

“พี่คะน้าก็สั่งที่ตัวเองชอบบ้างสิครับ  ข้าวเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจอะไรพี่หรอก  เงินเราทั้งนั้นแหละ  พี่กินฟรีค่ะน้อง”

พี่คะน้าทำลอยหน้าลอยตาพูด  แล้วก็กดโทรศัพท์เล่นไม่หยุดมือ
เธอพูดแบบนี้ทุกทีแต่ในท้ายที่สุดเธอก็จะเป็นคนที่จ่ายค่าอาหารทุกทีไป
ข้ามฟ้ามองแล้วก็ส่ายหน้า พี่คะน้าเป็นผู้จัดการที่ถือได้ว่าดูแลห่วงใย
เขามากที่สุดแล้วที่ร่วมงานกันมาตลอดกว่าสามปี





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 02-04-2019 09:46:36


 :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 34 คุณย่าออกโรง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 02-04-2019 10:58:23
ตอนที่ 34 คุณย่าออกโรง

เช้าที่แสนจะวุ่นวายก็มาเยือนอีกวัน  เมื่อสองสาววายร้ายมาปรากฏตัว
ที่ไร่เขตแผ่นดินเจ้าของไร่หนุ่มเห็นแต่ไกลเมื่อเขาแล่นรถเข้ามาและจอดสนิท
ตัวปัญหาทั้งสองหันขวับมามองเขาเป็นตาเดียว  แผ่นดินรู้ได้โดยอัตโนมัติ
ว่าเขาเป็นเป้าหมายของการมาครั้งนี้อีกเช่นเคย

“พี่ดินขา  ข่าวที่ข้ามฟ้าอะไรนั่นพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหม นิชาไม่เชื่อ!
คนไร้ยางอายขนาดพี่ดินอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กินให้การช่วยเหลือจนรอดตาย
ยังสร้างความเสื่อมเสียให้อีก  ตัวเองจะเป็นเกย์ก็เป็นไปจะดึงพี่ดินไปเสียชื่อ
ด้วยทำไมกัน เนรคุณชัดๆ พี่ดินฟ้องกลับเลยนะคะ  เดี๋ยวนิชาจะให้คุณพ่อช่วย”

นิชากล่าวด้วยวาจาเผ็ดร้อน แล้วยังเข้ามายื้อยุดฉุดแขนเขาไว้อีกด้วย

“ดิน! ข่าวที่ออกมาจริงใช่ไหม  เป็นอย่างนั้นรินต้องได้สิทธิ์ในการดูแลลูก
นายไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเลี้ยงลูกแล้วล่ะ  เรามาตกลงกันดีๆดีกว่า”

ระรินก็เข้ามาขวางหน้าเขาด้วยอีกคน

แผ่นดินมองความวุ่นวายของผู้หญิงสองคนด้วยสายตาเย็นชา
เขารู้สึกถึงเส้นเลือดที่ขมับจะเขม็งเกร็งเมื่อต้องอดกลั้นไม่ระเบิด
ใส่คนทั้งสอง  ชายหนุ่มยังไม่ทันจะได้โต้ตอบกลับ  คุณย่าก็ชะโงกหน้า
มามองแล้วขวักมือเรียกไว้เสียก่อน

“อ้าว! เจ้าดิน  มีอะไรกันเสียงดังเอะอะ  เข้ามากันก่อน  มาพูดกันในบ้านนี่”
พอคุณย่าเรียกให้เข้าไปด้านใน  ชายหนุ่มจำต้องเดินนำเข้าบ้านทั้งๆ ที่เขา
ไม่อยากจะต้อนรับสองสาวนี่เลยจริงๆ แผ่นดินมองไปที่มิ่งที่ทำเมียงมองอยู่ไม่ห่าง
เขาจึงชี้บอกว่าให้รออยู่แถวๆ นี้ มิ่งพยักหน้า  เขาจึงเดินนำเข้าไปและตรงดิ่งไปที่
ห้องรับแขก โดยมีคุณย่านั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“มีอะไรก็คุยมันเสียที่นี่  นั่งลง!  เจ้าดินแกมานั่งข้างๆ ย่านี่”
คุณย่าตบลงบนที่นั่งข้างๆ ตัว

“พี่ดินตอบนิชามาก่อน  ที่ไอ้ดาราเกย์นั่นมันพูดเป็นเรื่องไม่จริงใช่ไหม
ที่ว่ามันคบกับพี่น่ะ”
นิชาพูดขึ้นทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง

“ฟังให้ชัดๆนะนิชา  เรื่องนั้นน่ะ…เราคบกันจริง!”
แผ่นดินยอมรับหน้าตาเฉยและลงเสียงเน้นหนักที่คำว่าจริง
ทำเอานิชายกมือขึ้นทาบอก

“ไม่จริง! นิชาไม่เชื่อพี่ดินโกหก! ต้องการจะตบตานิชาใช่มั้ย…
พี่ดินต้องการจะกันนิชาออกไป…พี่ดินต้องทำถึงขนาดนี้เลยรึไง
จะลงทุนมากเกินไปแล้ว”
นิชาพูดอย่างคลางแคลงใจ  เธอจะเชื่อได้อย่างไรในเมื่อพี่ดินน่ะ
เป็นผู้ชายแท้ๆ อดีตภรรยาแม่ของลูกๆ สองคนก็นั่งอยู่ที่นี่แล้วด้วย

“พี่บอกแล้วว่าเป็นเรื่องจริง  ยังจะหาเหตุหาผลอะไรมาขัดแย้งอีกล่ะ
จบเถอะนิชา  พี่รักกับกอหญ้าหรือที่ทุกคนเรียกเขาว่าข้ามฟ้านั่นแหละ
คนเดียวกัน  รักมากด้วย”

แผ่นดินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“นี่! แม่นิชา ที่เจ้าดินมันพูดน่ะย่ายืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง
อีกอย่างนะสะใภ้คนต่อไปของบ้านนี้ก็คือหนูกอหญ้า
ย่ากับพ่อเขตก็รับรู้กันก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวอีก  ยังจะข้องใจอะไร
ต่างคนต่างอยู่ต่างใช้ชีวิตกันไปเถอะนะ  ดินมันเลือกของมันแล้ว
...ก็ตัดใจเสียเธอน่ะ! อายุยังน้อยมีผู้ชายอีกมากมายที่ต้องการเธอ
อย่ามาเสียเวลากับหลานฉันเลย”

คุณย่าพูด  ทำเอานิชาอ้าปากค้าง ไม่รู้จะหาเหตุอะไรไปโต้แย้งอีก
เธอยังไม่ได้คบหากับผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ  จะทำอะไรได้ล่ะ  แต่คนอย่าง
นิชาลองอยากได้อะไรแล้วต้องได้  นิชาจึงลุกพรวดขึ้น  สะบัดหน้าเดิน
ออกไปจากบ้านโดยไม่มีการร่ำลาเจ้าของบ้านหรือใครเลย

“เด็กสมัยนี้ไม่เห็นกับหัวหงอกหัวดำเลย เฮอะ! ไปเสียได้ก็ดี
อ้าว! ทีนี้ก็ตาเธอ…มีอะไร?”
คุณย่าหันไปถามอดีตหลานสะใภ้ที่นั่งฟังเงียบๆ

“รินก็จะมาเรียกร้องสิทธิ์ที่จะได้เลี้ยงดูลูกบ้าง
ในเมื่อดินเป็นแบบนี้ลูกก็ต้องอยู่กับรินได้แล้วสิคะ คุณย่า”

“ไม่มีกฎหมายใดที่จะบอกว่าพ่อเป็นเกย์ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้นะ
อีกอย่างเธอคงจะลืมไปแล้วสินะระริน  ว่าเป็นเธอที่ทิ้งขว้างลูกตัวเอง
พอมาวันนี้จะเอาเหตุผลนี้มาอ้าง  เพื่อจะเอาลูกไปเลี้ยงดู…มันไม่เกิน
ไปหน่อยเหรอ…ก็ได้ๆ เราลองดูกันหน่อยจะเป็นไรไปว่าศาลจะฟังใคร
ระหว่างพ่อที่ทำมาหากินมีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งแน่นอน  กับคนหลัก
ลอยเร่ร่อนไม่มีอาชีพ…ได้แต่แบมือขอเงินคนนี้ทีคนนั้นที  ก็เอา…ถ้าเธอจะลอง
…เรามางัดกันดูสักตั้ง  เริ่มเลยแล้วกันนะ…ก่อนอื่นแกโทรไปหาเจ้าภพให้ย่าทีดิน
บอกมันว่าย่าเรียก  เข้ามาที่บ้านด่วนเลย  ย่าเบื่อแล้วเหมือนกันกับปัญหาที่มัน
คาราคาซังแบบนี้  เสียเวลาทำมาหากินกันพอดี”

คุณย่าพูดอย่างมีเหตุมีผล  ทำเอาระรินเริ่มหน้าถอดสีเมื่อสมองคิดตามที่หญิงชรา
พูดก็เห็นเป็นจริงดังนั้น

“รินเธอจะหาทนายก็หาไว้ได้เลยนะ  ผมพร้อมเสมอแหละ  จะได้จบซะที
ยืดเยื้อมาหลายวันแล้ว”

แผ่นดินหันไปพูดกับระริน  ซึ่งนั่งหน้าเจื่อนลงไปกว่าเดิมมี่เห็นท่าทีเอาจริง
เอาจังของย่าหลานคู่นี้  ความมั่นใจที่เธอพกมาแต่แรกแทบหมดไปเมื่อได้ฟัง
คุณย่าพูด หากเธอคิดจะฟ้องร้อง 

เรื่องมันไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิดไว้ทีแรก
เพราะเธอทิ้งลูกมาก่อนจริงๆ  ตรงนี้แหละที่เธอจะแพ้  แล้วเธอก็ลืมไปเสียสนิท
ว่าอดีตสามีมีเพื่อนเป็นตำรวจที่มียศใหญ่พอตัว คงออกหน้าช่วยเพื่อนรักอย่างดีเลยคนนั้น

“คุณย่าคะ…รินแค่จะมาตามสิทธิ์ของความเป็นแม่…เท่านั้นเองนะคะ”
ระรินพูดเสียงอ่อนอย่างกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ไว้

“สิทธิ์ของความเป็นแม่น่ะเธอมีอยู่แล้วล่ะ  ถ้าลูกๆ ยอมรับเธอน่ะนะ
เธอจะมาดูมาแลกันย่าก็ไม่ได้ห้ามได้หวง  ต่างเลือกที่จะใช้ชีวิตของ
ตัวเองกันแล้วนี่นะ  แต่ย่าว่าดีเสียอีกนะที่เธอไม่ต้องเอาลูกไปหนีบติดตัว
เธอจะไปทำอะไรที่ไหนก็แสนจะสบาย  คิดถึงก็มาเยี่ยมมาหาก็ได้
เธอทำอย่างกับจะเอาเด็กๆ ไปเลี้ยงดูซะเอง  ดินมันก็ไม่ยอมน่ะสิ
เธอถามตัวเองก่อนเถอะว่าพร้อมแค่ไหนที่จะรับลูกไปดูแล
วันๆไม่ใช่จะให้ลูกอยู่แต่กับพี่เลี้ยง  เธอต้องทำอะไรๆ ให้ลูกเองกับมือด้วย
เธอทำได้ไหมล่ะระริน”

คุณย่าถือโอกาสนี้อบรมอดีตหลานสะใภ้ไปด้วยในตัว  ซึ่งท่านรู้ดีว่าคนที่
ติดความสบายและเป็นคนหยิบโหย่ง ไหนเลยจะยอมทำอะไรอย่างนั้น

“เอ่อ…ริน…ขอคิดดูก่อนก็ได้ค่ะคุณย่า”
ระรินมีสีหน้ายุ่งยากใจเมื่อฟังคุณย่าสาธยายออกมา
เธอลืมคิดไปเสียสนิทมัวจ้องแต่จะเอาชนะอดีตสามี

“อย่างวันนี้น่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว  ก็อยู่กับลูกสักวัน เย็นๆ ค่อยกลับสิ
ผมไม่ว่าหรอกข้าวปลาที่นี่ก็มีให้กิน”
แผ่นดินพูดขึ้นบ้าง  เขาทำตามที่พ่อเขตแนะนำว่า…ให้เธอมา
คลุกคลีอยู่กับลูกๆ ได้  ให้ลูกอยู่ในสายตาดีกว่าปล่อยให้ไปไกลตา

“ไว้วันอื่นแล้วกันดิน  วันนี้มีธุระต้องไปทำต่ออีก  งั้นรินลาล่ะค่ะคุณย่า”
แล้วเธอก็ไหว้ลาคุณย่า รีบก้าวเท้าออกไปจากบ้าน

“เห้อ! ไปกันเสียได้  ขอบคุณคุณย่าที่จัดการให้นะครับ  คุณย่าเก่งที่สุดเลย”
แผ่นดินกอดประจบคุณย่า

“เออๆ ไม่ต้องมาประจบเลยเจ้าดิน  พูดแล้วก็คิดถึงหนูกอหญ้าเนอะ
เคยเห็นหน้ากันทุกวัน  เมื่อไหร่จะเสร็จงานกลับมาเสียทีนะ”

คุณย่าเปรยๆ ทำเอาแผ่นดินลุกนั่งตัวตรงจ้องหน้าคุณย่า

“คุณย่า  กอหญ้าน่ะของผมนะฮะ  คุณย่าคิดอะไรกับที่รักของผมรึป่าวเนี่ย!”
แผ่นดินทำเลิกคิ้วใส่คุณย่า

“นี่แน่ะ! ทะลึ่ง”
คุณย่าซัดเพียะที่แขนหลานชาย

“โอ๊ย! คุณย่าน่ะ  ผมล้อเล่นคร๊าบบบ โธ่..เจ็บนะ  มือหนักซะด้วยสิ”
ชายหนุ่มแกล้งทำว่าเจ็บเสียเต็มประดา

`เอิ่ม…พูดถึงกอหญ้าแล้วก็  คิดถึงจริงๆด้วยสิ`

“นายดิน! คร้าบ…เจ้าขวัญมันมีเรื่องด่วนจะรายงานครับ
โทรศัพท์นายดินแบตหมดรึป่าวครับมันโทรหลายรอบแล้ว”
มิ่งวิ่งหน้าตั้งส่งโทรศัพท์ของเขาเองให้กับเจ้านายหนุ่ม

“เออ!  อยู่ในรถนู้น! เอ็งไปเอามาชาร์จไฟให้ด้วยก็แล้วกัน”
แผ่นดินรับโทรศัพท์มาแนบกับหู  ส่วนมิ่งวิ่งกลับไปที่รถตามคำสั่ง

“ว่าไงขวัญ  อืม…จับตาดูให้ดีๆ หากมันกล้าเคลื่อนไหวขนาดนั้น
อีกไม่นานคงจะออกลาย  มีอะไรโทรมาเลยนะขวัญ  อีกสักสองสามวัน
จะลงไป  คุยกับมิ่งต่อไหมล่ะ  เออๆ อย่าให้พลาดก็แล้วกันนะ”

แผ่นดินส่งโทรศัพท์คืนให้มิ่งไปเมื่อขวัญวางสาย

“นายดิน  อย่าเพิ่งเครียดเลยครับ  ขวัญมันบอกว่ามันเอาอยู่ครับ
หรือนายจะให้ผมไปช่วยอีกแรงไหมล่ะ”

มิ่งออกความเห็นเมื่อเห็นเจ้านายหน้าเครียด

“ไม่เป็นไรมิ่ง  ลองเชื่อมือขวัญมันสักครั้งแล้วกัน  ตอนนี้มันประกบยัยแม่เลี้ยง
ไม่คลาดสายตา  แต่เห็นติดต่อกับเสี่ยบวร…ไปเอาเงินเขามาเล่นหมดไปเยอะแล้ว
ขวัญบอกไอ้เสี่ยนี่แหละที่มันอยากได้กอหญ้าของฉัน  มิ่งอีกสามวันเตรียมตัว
ไปกรุงเทพฯกันนะ  กำชับให้ขวัญมันเบนเข็มไปตามไอ้เสี่ยแทนแล้ว”

แผ่นดินพูดด้วยสีหน้าเครียดไม่น้อย

“ได้ครับนายดิน  ยังไงผมก็หวังว่า…เราสองคนคงไปช่วยคุณกอหญ้าทันนะครับ”
มิ่งมีสีหน้ากังวลไม่แพ้คนเป็นนายเหมือนกัน

“อืม…เดี๋ยวต้องกำชับกอหญ้าให้ระวังตัวมากกว่าเดิม  เราอยู่ก็ตั้งห่างไกลขนาดนี้
 จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงเนอะมิ่ง”

แผ่นดินหน้าเศร้า  มิ่งเห็นแล้วก็นึกเห็นใจ

“นายดิน  ถ้าห่วงมากขนาดนี้  ผมว่านายรีบไปหาคุณกอหญ้าเลยมั้ย”
มิ่งคะยั้นคะยอ  มิ่งเองก็กลัวว่าน้องชายจะคุมสถานการณ์ไม่อยู่เหมือนกัน

“ไม่ได้หรอกมิ่ง  ทำแบบนั้นได้ไงล่ะ  งานทางนี้ก็สำคัญไม่เป็นไรพรุ่งนี้
เราสองคนมาลุยทำมันให้เสร็จโดยเร็ว  เราจะได้เดินทางกันเร็วขึ้น
 เอาตามนี้แล้วกันนะมิ่ง”

“ครับนายดิน  ผมช่วยเต็มที่อยู่แล้วครับ”

“ขอบใจนะมิ่ง  แกก็ไปดูคนงานต่อเถอะ เอาโทรศัพท์มาเดี๋ยวชาร์จแบตเอง”

“มีอะไรนายเรียกผมได้เลยนะครับ”
มิ่งพูดแล้วก็เดินออกไปจากห้องรับแขก  ชายหนุ่มมองไปเห็นคุณย่านั่งเฝ้าหน้าจอทีวี
ที่ห้องนั่งเล่นนู่น  ได้ยินเสียงคุยเจี้ยวแจ้วของลูกสาวแว่วออกมาด้วย
คงกำลังเล่นอยู่กับพี่เลี้ยง  ชายหนุ่มจึงเลี่ยงขึ้นชั้นบน


ตกเย็นหลังมื้ออาหารสมาชิกของบ้านต่างนั่งเล่นและพูดคุยกันตามปกติ
เมื่อนั่งย่อยอาหารและเล่นกับลูกแล้ว  แผ่นดินจึงไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
ดูเวลาแล้วคิดว่าคนไกลคงกลับที่พักแล้ว  แผ่นดินจึงโทรหา  ถามไถ่ทุกข์สุขกันเสร็จ
กอหญ้าก็เล่าถึงงานที่ทำวันนี้ไม่หยุด  ก่อนวางสายแผ่นดินกำชับกอหญ้าให้ระมัดระวังตัว

(อย่าห่วงนักเลย  พี่คะน้าประกบแจอย่างกับเป็นเงาแล้วเนี่ยพี่ดิน)

“ดีแล้วล่ะ  ยังไงกอหญ้าของพี่ก็อย่าได้ประมาทแล้วกัน  ช่วยกันคนละแรงเนอะ
 แล้วนี่น่ะนอนได้แล้วมั้ง  ตื่นเช้ามาหน้าตาจะได้สดใส”

(ฮะนอนก็ได้  รักพี่ดินนะ  คิดถึงมากๆเลย)

“รักเหมือนกัน  ฝันดีนะ…เด็กดีของพี่”

(อยากกอด…แล้วก็หลับไปพร้อมๆกันจัง  พี่ดินรอหน่อยนะ  รอได้…ใช่ไหมครับ)

“รออยู่แล้ว ไม่งอแงนะ…คนดี”
แผ่นดินพูดปลอบเมื่อได้ยินเสียงที่สั่นเครือของคนรัก

(พี่ดินอ่ะ  ก็คนมันคิดถึงนี่นา  นอนแล้วก็ได้พรุ่งนี้มีงานเช้า)

“ดูแลตัวเองดีๆ นะ กอหญ้าเป็นหัวใจของพี่  ว่างจากงานก็โทรหาพี่
เป็นห่วงมากๆ…รู้ใช่ไหม”

แผ่นดินได้ยินปลายสายงึมงำเบาๆ รู้ทันทีเลยว่าตัวแสบของเขาที่บอก
จะนอนก็คงกำลังงอแงอยู่อย่างเดิมนั่นแหละ





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 02-04-2019 11:33:43


จะมีเหตุร้ายเปล่า


 :hao7:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-04-2019 11:51:22
เหม็นฟามรัก
 :a14:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 35 เกิดเรื่อง
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 02-04-2019 13:23:50
ตอนที่ 35 เกิดเรื่อง

วันนี้ข้ามฟ้าตื่นนอนแต่เช้าเพราะงานที่รับอยู่นอกเมืองออกไป  จึงต้องเผื่อเวลาในการเดินทาง
งานแรกเป็นงานบวงสรวงเปิดกล้องละคร  แล้วต่อด้วยงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
ที่ขยายออกชานกรุง  และงานสุดท้ายคืองานแฟนมีตที่ข้ามฟ้าต้องพบปะแฟนคลับ
ทั้งสามงานกินเวลาไปจนกระทั่งค่ำ

“ขอบคุณทุกคนที่ยังรักกัน  แม้ว่าข้าวจะทำให้ทุกคนผิดหวัง  ขอบคุณจริงๆ”
ข้ามฟ้ากล่าวขอบคุณเหล่าแฟนคลับ  และโบกมือส่งยิ้มอำลา

“พวกเราก็ขอบคุณพี่ข้าวมากๆ ที่มอบความสุขให้กับเรา  ถ้ามีโอกาสพวกเรา
คงได้เห็นพี่ข้าวพาพี่ดินออกงานคู่กันบ้างนะคะ”
แฟนคลับต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

“หึหึ ได้สิครับ  ถ้าพี่ดินจะยอมมาเปิดตัวนะ”
ข้ามฟ้าพูดจบก็ถูกพี่คะน้าพาตัวออกมาจากวงล้อมของเหล่าแฟนคลับ
แต่พ้นออกมาได้เพียงนิดเท่านั้นข้ามฟ้ารู้สึกมึนๆ เบลอๆ เหมือนตัวเอง
จะถูกลากออกมาด้วยพละกำลังที่มากกว่าจะเป็นแรงของพี่คะน้าด้วยซ้ำ

ข้ามฟ้าพยายามจะเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองว่าใครกันที่กำข้อมือ
ของเขาเสียแน่นจนรู้สึกเจ็บ  รู้สึกแขนขาอ่อนแรงจะล้มลงให้ได้

“ขอทางหน่อยครับ  คุณข้ามฟ้าเป็นลม  ขอให้เราพาไปปฐมพยาบาล
ก่อนนะครับ  เราเป็นทีมงานของคุณข้ามฟ้าเองครับ”
เสียงผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงห้าวๆ

`ไม่นะ …ทีมงานอะไรอีก  นอกจากพี่คะน้าก็ไม่เหลือใครแล้ว`
 ข้ามฟ้าพยายามจะลืมตาแต่เขาทำมันไม่ได้  แม้แต่ปากจะเผยอขึ้นมา
เอื้อนเอ่ยอะไรยังทำไม่ได้  สุดท้ายสติรับรู้รอบข้างก็วูบลง

 
คะน้านั่งไม่ติดเมื่อติดต่อข้ามฟ้าไม่ได้  เธอดึงน้องออกมาจากกลุ่มแฟนคลับได้แล้ว
แต่แค่ชั่วพริบตาเดียวข้าวก็ถูกดึงตัวหายไปโดยที่เธอมองหาไม่เจอแล้ว
ถามใครก็ไม่มีใครเห็นสักคน   คะน้ารู้สึกว่ามันชอบกลอยู่ และที่นี่ก็เป็นนอกเขตเมืองด้วย

“คุณคะน้าครับ  พวกเราตรวจเช็กกล้องตามที่คุณขอแล้วนะครับ
ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรเลย  อีกอย่างตรงจุดที่คุณข้ามฟ้าแยกตัวออกมา
เป็นลานโล่งนอกอาคารแบบนั้น  แถมมวลชนก็เยอะพอดูจึงยากที่เราจะตรวจสอบ”

“ยังไงก็รบกวนทางคุณช่วยอีกสักครั้งเถอะนะคะ  ดิฉันเกรงว่าจะมีเหตุร้าย
เกิดขึ้นกับข้ามฟ้า”

คะน้าร้อนใจอย่างมาก  จะให้นั่งรออยู่ได้ยังไงกัน

“ผมจะลองดูกล้องตัวที่อยู่ใกล้เคียงอีกทีแล้วกันครับ”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่ดูแลอาคารสถานที่พูดขึ้น

“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”

คะน้าทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องแต่งตัวที่เธอมานั่งเฝ้าน้องเมื่อตอนหัวค่ำ
เธอหาสาเหตุที่เด็กหนุ่มจะเหลวไหลไปไหนโดยไม่บอกไม่เจอเอาเลย
เพราะน้องไม่ได้เอารถมาเอง

`อย่าเกิดเรื่องอะไรอีกเลยนะข้าว`
 ฉับพลันคะน้าก็นึกไปถึงคนรักของข้ามฟ้า  จึงต่อสายไปหาทันที

“ฮัลโหลพี่ดิน  ข้าวหายตัวไปค่ะ  คะน้าให้ตรวจสอบกล้องแล้ว
แต่จนตอนนี้ยังหาไม่เจอเลย  ห๊ะ! จริงเหรอ พี่ดินอยู่กรุงเทพฯ แล้ว
ให้คะน้ารอที่นี่เหรอคะ”

(คะน้า  คุณรอดูอยู่ที่นั่นก่อน  พี่จะโทรให้ตรีภพช่วยอีกแรง)

เสียงพี่ดินก็ร้อนรนไม่แพ้กัน  แต่คะน้ารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อยที่อย่างน้อย
เธอก็ได้บอกให้แผ่นดินรับรู้  และสารวัตรตรีภพที่เป็นเพื่อนกับพี่ดินก็ออก
จะกว้างขวางคงพอช่วยกันได้บ้าง

“พี่ดิน  ช่วยข้าวให้ได้นะ  คะน้าเป็นห่วงน้องเอามากๆ”

(พี่ก็ร้อนใจไม่ต่างจากคุณหรอก  มีอะไรคืบหน้ารีบบอกพี่ด้วยล่ะ)
 ปลายสายก็ถูกตัดสัญญาณไป

 คะน้าได้แต่ทอดถอนใจและภาวนาอย่าได้มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มอีกเลย



ข้ามฟ้ารู้สึกง่วงงุน  ความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำเอาหนาวสั่น
แค่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมองเขายังทำไม่ได้  นับประสาอะไรจะหยิบผ้าขึ้นมาคลุมกาย

“ยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอวะ  นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วนะเว่ย”

“ก็ยามันแรง  อีกสักครึ่งชั่วโมงน่าจะรู้สึกตัว  แล้วเสี่ยล่ะจะมาถึงเมื่อไหร่”

“เห็นบอกว่าใกล้ถึงแล้วนะ  ถ้ารถไม่ติดมากนักก็คงพอๆกับนายคนนี้ตื่นนั่นแหละ
 แม่งทั้งขาวและหน้าตาดีอย่างนี้นี่เอง  เสี่ยถึงอยากได้นักหนา”

“เออ! นั่นสิ  กูก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำงานแบบนี้ไปอีกสักกี่งานเลยว่ะ
เหยื่อแต่ละคนที่เสี่ยอยากได้ออกจะดังๆ เด่นๆ กันทั้งนั้น”

“อืม…จะพลาดท่าตำรวจวันไหนก็ยังไม่รู้เลย
กูชักจะเบื่อๆ แล้วว่ะมึง  งานเสี่ยงๆ แบบนี้”

“เสร็จงานนี้กูคงกลับบ้าน  ไม่เสี่ยงด้วยแล้ว  เสี่ยก็ไม่ยอมปลงใจ
กับใครไปสักคนให้รู้แล้วรู้รอดไป  เซ็งจริงๆ”


เสียงผู้ชายสองคนที่อยู่ในห้องพูดคุยกันไม่หยุดปาก  ข้ามฟ้าได้ยินอย่างนั้น
ก็พอจะรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว  ความมีชื่อเสียงและหน้าตาที่ดึงดูดทั้งต่างเพศ
และเพศเดียวกัน  มันนำพาให้ต้องตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งแล้ว

`พี่ดิน  ช่วยข้าวด้วย  พาข้าวกลับไปทีกลับไปเป็นกอหญ้าของพี่ดิน
กอหญ้าไม่ขออยู่แล้วกับสังคมที่มีแต่คนจับจ้อง  อันตรายทั้งร่างกาย
และชีวิต  พี่ดินช่วยด้วย`

ข้ามฟ้านอนนิ่งได้แต่หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต  เกิดมายากไร้ยังไม่พอ
แม่ก็ทอดทิ้งพ่อก็มาตายจากไปอีก  เหลือตัวคนเดียวจริงๆ แล้วตอนนี้

'พี่ดินรักกอหญ้าไม่ใช่เหรอ…มาช่วยที…กอหญ้าขอโทษ…ขอโทษที่เส้นทาง
ที่เลือกเดินของกอหญ้า…มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่อยากให้เป็นเลยสักนิด'

“เห่ย! มึงดูทีนายคนนี้ท่าจะรู้สึกตัวแล้วว่ะ  น้ำตาไหลเป็นทางอย่างนั้น
กูก็สงสารละนะ  แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเรามันก็แค่ลูกน้องเขา  นายสั่งก็ต้องทำ
ไม่ทำก็อดตาย  เห้อ…”

ข้ามฟ้ายังคงน้ำตาไหลรินอยู่อย่างนั้น

“ห่มผ้าให้เขาหน่อยเถอะวะ  แอร์แม่งเย็นเกิน  ไม่เย็นก็ไม่ได้เสี่ยมาก็จะโดนด่าเอาอีก”

ผ้าห่มถูกโยนมาคลุมกายให้อย่างไม่ได้นุ่มนวลอะไร  ก็ยังดีกว่าที่เขาจะต้องนอนแข็งตาย
คงได้แต่นอนนิ่งๆรอเวลาให้ยามันสร่างฤทธิ์อีกหน่อย  ที่นี่คงเป็นที่ไหนสักแห่งที่ไกลหูไกลตา
ผู้คนพอสมควร คนพวกนี้ถึงกล้าทำเรื่องเลวๆ กับใครต่อใครได้อย่างนี้



“นายดินครับ  เมื่อไหร่เราจะรู้ล่ะว่าคุณกอหญ้าถูกพวกมันพาไปไว้ที่ไหน
 ผมสงสารคุณเขาจริงๆ”

“ไอ้มิ่ง! เงียบปากมึงที กูเนี่ย! แทบจะอกแตกตายแล้วนะโว๊ยยย!!!!!”

แผ่นดินแผดเสียงใส่มิ่ง  วันนี้พากันขึ้นเครื่องมากรุงเทพฯ เพราะความร้อนใจ
กังวล ห่วงใยสารพัดอย่างจนไม่เป็นอันทำงานทำการ  จนพ่อกับย่าแล้วก็เจ้าทัพ
ไล่ให้เขาเข้ากรุงเทพฯ ยิ่งคุณย่ายิ่งทั้งผลักและดันกลัวว่าที่หลานสะใภ้จะเป็นอันตราย

Rrrrrrr เสียงโทรศัพท์ของมิ่งดังขึ้น

“ไอ้ขวัญ…ยังไงกัน …จริงดิ! เออๆ ข้ากับนายดินร้อนใจจะแย่แล้ว
ไปเดี๋ยวนี้แหละส่งมาได้เลย”

“นายดิน ได้เรื่องแล้ว ขวัญมันจะส่งเส้นทางให้เรามาเตรียมตัว
กันเถอะครับ”
มิ่งกระตือรือร้นมากจนดูลุกลี้ลุกลนไปหมด

“เออ! ก็รออยู่เนี่ย! กูน่ะพร้อมจนไม่รู้จะพร้อมยังไงแล้ว
ป่านนี้กอหญ้าของกูจะเป็นยังไงบ้างวะ ไม่ร้องไห้จนตาปูด
ตาบวมแล้วรึไงไอ้มิ่ง”

“โธ่…นายดิ  อย่าเพิ่งคิดไปก่อนเลย ไอ้มิ่งสะเทือนใจไปด้วยแล้วเนี่ย”
มิ่งพูดจบก็รีบยกมือปิดปากหมับ  เมื่อเห็นนายดินมองมันตาเขียว

“ห้ามคิดเกินเลยกับกอหญ้านะมึง…ไม่งั้นมึงโดนตีนกูแน่ไอ้มิ่ง”
แผ่นดินทำหน้าตาขึงขังใส่

“โอยๆ นายดินครับ  คุณกอหญ้าน่ะนายหญิงที่รักและเคารพของผมนะ
จะคิดเป็นอื่นได้ไงล่ะครับ  สถานการณ์แบบนี้นายยังจะขี้หวงอีกเนาะ”
มิ่งโอดครวญ

“เออ…ยังดีที่มึงยังรู้ตัวว่าของใครเป็นของใคร หึหึหึ”

แผ่นดินรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างที่ได้ลับฝีปากหรือพูดง่ายๆ
ได้ด่าไอ้มิ่ง เพื่อระบายอารมณ์เป็นห่วงที่กำลังพุ่งพล่านของเขา

“เอ้า! ไอ้มิ่ง  นี่เส้นทางมึงดูไว้  แล้วก็ขับไป ด่วน! เลยนะ นครปฐมนอกเมือง
โน้นแน่ะ”
แผ่นดินส่งโทรศัพท์ให้มิ่งดูเส้นทางที่ขวัญส่งมาให้ แล้วมิ่งจึงส่งโทรศัพท์คืน
กลับมาให้เมื่อดูเข้าใจแล้ว

แผ่นดินรับโทรศัพท์คืนมาแล้วกดออกหาตัวช่วยทันทีซึ่งก็คือสารวัตรตรีภพนั่นเอง
แผ่นดินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนรักฟัง  แล้วก็ส่งแผนที่บ้านพักที่กอหญ้าถูกจับ
ไปขังให้เพื่อนด้วย  ตรีภพบอกจะประสานงานให้เพื่อนทางนี้ช่วย

“เออๆ จะไม่วู่วาม  ไม่ถึงกับฆ่ามันหรอกน่าอย่าห่วง  ขอด่วนหน่อยนะภพ…ขอบใจว่ะ”

แผ่นดินวางสายแล้วเอนตัวพิงเบาะ  ปิดเปลือกตาลงเขาต้องทำใจเย็นอดทนเข้าไว้อย่าง
ที่เพื่อนบอกแล้วทุกอย่างจะดีเอง

“นายครับ พักสายตาหน่อยก็ดี  เดี๋ยวผมจะพาไปอย่างด่วนและปลอดภัยเลย
เพื่อนคุณภพคงจะเข้าไปถึงก่อนเราเป็นแน่”
มิ่งพูดเพื่อให้เจ้านายคลายกังวลลง

“คงงั้น…เขาอยู่ในพื้นที่แล้วนี่  ดีเลย…กูค่อยเบาใจลงหน่อย เฮ้อ…”
มิ่งมองหน้าเจ้านายแวบหนึ่งเห็นถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก็ให้นึกเห็นใจ

“อ้าว! เสี่ย คุณเขายังไม่ตื่นเลยครับ  ยาตัวนี้มันแรงไปหน่อยน่ะครับ”

ข้ามฟ้าได้ยินเสียงคนที่จับตัวเขามารายงานให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ฟัง

`ช่วงเวลาแห่งชะตากรรมมาถึงแล้ว สินะ`

ข้ามฟ้าได้แต่นึกหมดอาลัยตายอยาก  เปลือกตายังคงหนักอึ้งดังเดิม

“อีกนานไหมกว่าจะตื่น  หลับอย่างนี้ไม่สนุกเลยว่ะ”

เสี่ยบวรพูดกับลูกน้อง  แต่สายตาที่มองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง
นั้นกระหายอยาก  หากใครได้มาเห็นคงหวาดหวั่นน่าดู  แต่สำหรับลูกน้อง
สองคนพวกเขากลับชินชาเสียแล้ว

“น่าจะได้เวลาแล้วละครับเสี่ย  พวกผมไปรอด้านนอกเลยแล้วกัน”
หนึ่งในสองคนพูดขึ้น  ข้ามฟ้าใจหายวาบเมื่อได้ยินดังนั้น

“อืม…ไปสิ ทำเหมือนเดิมล่ะ  ถ้ามีร้องโวยวายพวกเอ็งก็ทำหูทวนลมไปซะ”
เสี่ยบวรพูดขึ้น  ข้ามฟ้าสะดุ้งนี่เขาต้องมาถูกกระทำทั้งที่ไม่เต็มใจอย่างนั้นเหรอ
ต้องคิดหาทางเอาตัวรอดจากนี่ให้ได้  ถึงจะต้องเล่นละครตบตาก็ต้องทำกันละ
เสียงเดินที่ค่อยๆห่างออกไปกับเสียงประตูที่ปิดลงมันดังก้องในโสตประสาท

ข้ามฟ้าพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก  แล้วเขาก็ทำมันสำเร็จแสงสว่างจ้า
จนต้องหรี่ตาปิดลงไปอีก  ลองขยับแขนขาก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว

“ตื่นแล้วเหรอ…คนสวย  หลับสบายดีมั้ย  เสี่ยรอเราอยู่นะข้าว”
เสี่ยบวรพูดพร้อมกับส่งสายตาโลมเลียมายังเขาที่นอนมองอยู่
สายตาที่หื่นกระหาย 

ข้ามฟ้าแข็งใจทำใจดีสู้เสือ

“เอ่อ…เสี่ยบวรน่ะเอง ทำไมต้องจับกันด้วยล่ะครับ  พูดดีๆผมก็มาหาเสี่ยแล้ว
คนกันเองแท้ๆ ทำอย่างกับว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนซะอย่างนั้น”

ข้ามฟ้าเริ่มสวมบทบาทนักแสดง  ทำเอาเสี่ยบวรหน้าเหวอที่ไม่คิดว่าเขา
จะพูดดีๆ ด้วย แถมยังไม่แสดงอาการโวยวายขัดขืนให้เห็น

“โอ๊ะ…โอ…เสี่ยไม่คิดว่าข้าวจะพูดง่ายขนาดนี้นะ  ช่อแก้วน่ะสิบอกให้เสี่ยใช้วิธีนี้
เงินก็เอาของเสี่ยไปซะมากมายแล้ว  เสี่ยก็กลัวว่าข้าวจะไม่ยินยอมน่ะซี”

เสี่ยบวรพูดพร้อมกับนั่งลงที่ข้างเตียงทำเอาที่นอนยวบลงตามน้ำหนักตัว
ข้ามฟ้าผวาแต่แค่แวบเดียวเขาก็ดึงสติกลับมาได้ทันก่อนที่เสี่ยบวรจะทันเห็น

“แหม…เสี่ยก็เชื่ออะไรกับน้าช่อ…เขาไม่ชอบขี้หน้าผมที่เป็นลูกเลี้ยง
นี่ครับ…ถึงได้พูดไป”

ข้ามฟ้าพยายามพูดดีด้วย  เขาไม่คิดเลยว่าน้าช่อจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย

“ในเมื่อเราคุยกันรู้เรื่องแบบนี้ก็ดี  ถ้าอย่างงั้น…เรามาสนุกกันดีกว่า
ดีเลยเสี่ยจะได้ไม่เปลืองแรงเนอะ”
เสี่ยร่างท้วม  ลงพุงพุ้ยและใบหน้าที่หื่นกระหายกลับมาแล้วในฉับพลัน
เมื่อการพูดคุยจบลง

'เอาไงดีข้าว คิดสิ คิดๆ'

“ผมยอมเสี่ยอยู่แล้วละ ก่อนอื่นขอผม เอ่อ…ข้าวขอนั่งให้หายเวียนหัว
ก่อนนะฮะ แล้วเราค่อยเริ่ม…นะๆ เสี่ยไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆ ก่อนเถอะ
ข้าว…จะนอนรอ”

ข้ามฟ้าใช้ลูกอ้อนเข้ามาช่วย  เสี่ยบวรทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยขึ้นมาฉับพลันทันใด
โดยที่ไม่คิดระแวง

“พูดจาน่ารักมาก…เด็กดีของเสี่ย  งั้นรอเสี่ยแป๊บนะ”
เสี่ยบวรลุกจากเตียงไปเปิดตู้เสื้อผ้าบานใหญ่สีขาว 

ข้ามฟ้านอนมองทุกการเคลื่อนไหวของเสี่ยหื่นกาม
มันหยิบได้เสื้อคลุมสีน้ำเงินก็รีบผลุบเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านเดียวกับตู้เสื้อผ้า
 
ข้ามฟ้าส่งยิ้มให้และโบกมือส่งท้าย  เมื่อลับร่างนั้นไปแล้วข้ามฟ้าก็ผลุนผลันลุกขึ้นนั่ง
ความวิงเวียนกลับมาอีกครั้ง  เขาจึงได้แต่นั่งอยู่อย่างนั้นมองสำรวจจนทั่วห้อง
พบว่าเขาอยู่ในห้องที่โล่งเอามากๆ ไม่มีอะไรที่พอจะเป็นอาวุธได้เลยสักอย่าง
หน้าต่างสองบานใหญ่ๆก็ติดเหล็กดัดแน่นหนา  หลังบานประตูคงมีคนเฝ้าอยู่เป็นแน่
หนทางหนีรอดดูจะเลือนรางเต็มที  แล้วนี่ปาเข้าไปกี่โมงแล้วก็ไม่รู้ นาฬิกาก็ไม่มีให้ดู
ข้าวของติดตัวก็ให้พี่คะน้าเอาไปเก็บใส่รถให้แล้ว  โทรศัพท์ก็ดันถูกพวกมันยึดไปอีก

'พี่ดิน  พี่คะน้า จะมีใครรู้ไหมว่าข้าวกำลังตกอยู่ในอันตราย  ใครก็ได้มาช่วยที'

ข้ามฟ้าได้แต่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ  หากยอมบำเรอกามให้มันเขาก็พอมีหนทางรอด
ออกไปหาพี่ดิน  แต่มลทินที่ติดตัวแม้แต่ตัวเองยังรับไม่ได้เลย…รู้สึกสะอิดสะเอียน

เมื่อนึกว่าร่างกายต้องถูกชายอื่นที่ไม่ใช่พี่ดินสัมผัสแตะต้อง…ทำเอาเกิดอาการสั่นกลัว
ปวดหัว…ใจสั่น ลมหายใจเริ่มติดขัดขึ้นมา  มือและปากเริ่มสั่นจนรู้สึกจะควบคุมตัวเอง
ไม่ได้  วิงเวียนคลื่นเหียน เหงื่อผุดขึ้นมาทั้งๆ ที่แอร์ในห้องนี้เย็นจัด

ข้ามฟ้าพยายามเรียกสติของตัวเอง

'สกปรก…ขยะแขยง…กลัว'

รู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียน  ยิ่งได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้องน้ำ
เสียงน้ำ…ถ้ามันหยุดและประตูห้องน้ำเปิดออก เขาจะทำยังไง…
กลัวตัวเองจะทนไม่ไหวกับสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้  ความกดดันที่เขา
จะต้องเผชิญในอีกไม่กี่นาที…พอประตูห้องน้ำเปิดผลัวะ!...ข้ามฟ้าตัวแข็ง
ตาจ้องเขม็งไปที่ร่างท้วมที่ฉีกยิ้มส่งมาให้  และมันกำลังสืบเท้าตรงมาที่เตียง
อย่างไม่มีรีรอเลยแม้แต่น้อย

“รอนานมั้ย  เสี่ยอาบสะอาดแล้วนะ  เรามาเริ่มกันดีกว่าเนอะจะได้ไม่เสียเวลา”
เสี่ยบวรนั่งลงที่ขอบเตียงและกำลังปลดสายเสื้อคลุมจากเอวออก

“อะ…เอ่อ…สะ…เสี่ย อย่าเพิ่งฮะ… ผมปวดฉี่  ขอไปห้องน้ำแป๊บนึง”

ข้ามฟ้าคลานเข่าด้วยอาการลนลาน  แม้จะวิงเวียนอยู่ก็ขอหลบไป
จากตรงนี้ก่อน  เขาเหลือบมองเห็นความหงุดหงิดชัดเจนจากเสี่ยบวร
ข้ามฟ้าไม่รอช้าหย่อนเท้าลงจากเตียงอีกด้าน  เสี่ยหื่นก้าวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงคอยท่า

“อย่านานนักนะข้าว  เสี่ยไม่มีเวลามากนัก”
ข้ามฟ้าก้าวอย่างเชื่องช้าเมื่อรู้สึกว่าเท้ามันอ่อนเปลี้ย  คงเพราะยาที่ถูกมอมนั่นเอง
พอเท้าก้าวเข้าไปในห้องน้ำได้ก็แทบเข่าทรุด  เมื่อพบว่าประตูห้องน้ำไม่มีสลัก
ไม่มีอะไรเลย  เพียงแค่งับปิดไว้เฉยๆ เท่านั้น  ที่คิดไว้ว่าจะขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ
ก็คงเป็นไปไม่ได้

ข้ามฟ้าหมดสิ้นแล้วซึ่งความหวัง

***************************************
Talk : ตอนต่อไปจากนี้มันจะหน่วงๆ จุกๆอกสักหน่อย
         ขออภัย! คนอ่านไว้ก่อนนะ เลิฟๆ




หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34,35
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-04-2019 17:00:44
 :pig4: :pig4: :pig4:

หง่ะ   มีหน่วง ๆ ด้วยเหรอ?

ขออย่าให้โดน...เป็นใช้ได้
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34,35
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 02-04-2019 22:09:17
กอหญ้าของพี่แผ่นดิน หนูต้องรอดนะลูก  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34,35
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-04-2019 23:02:29
สงสารกอหญ้าจังเลย
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34,35
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-04-2019 23:56:01
 :3125:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36 พลังแห่งรัก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 03-04-2019 10:19:19
ตอนที่ 36 พลังแห่งรัก

ขวัญซุ่มอยู่ตรงข้างรั้วบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่เสี่ยบวรหายเข้าไปสักพักแล้ว
มีชายร่างใหญ่สองคนเดินไปมาอยู่ไม่ห่างจากประตูหน้าบ้านมากนัก
ภายในเงียบเสียจริง  คุณกอหญ้าอยู่ในนั้นแน่ๆ น่าเป็นห่วงเหลือเกิน

‘พี่มิ่งกับนายดินทำไมช้ากันนักนะ  ป่านนี้คุณกอหญ้าจะเป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้
โอ๊ย…ทำยังไงดี  บุกเดี่ยวเข้าไปมีหวังถูกกระทืบเละคาตีน  ตัวแม่งใหญ่อย่างกะควาย’

“นายดิน  ถึงไหนกันแล้ว ไอ้เสี่ยมันหายเข้าไปนานแล้วนะ  ผมห่วงคุณกอหญ้า
อ้าว! ตำรวจกำลังจะมาเหรอ  แต่ผมจะรอไม่ไหวแล้วน่ะสิ  นายดิน!!!
ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณกอหญ้า  เสียงน่าสงสารมาก  ผมไม่รอแล้วนะ”

ขวัญตัดสายมองซ้ายมองขวาแล้วเดินลัดเลาะข้างรั้ว  กำแพงสูงตรงหน้าไม่มีทาง
ที่เขาจะเข้าไปภายในได้เลย  ขวัญหันรีหันขวางเห็นรถตำรวจจึงรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหาทันที

“คุณตำรวจรีบเถอะครับ  ช่วยคุณกอหญ้าที  ผมได้ยินเสียงร้องด้านใน”
ขวัญละล่ำละลักบอกกับตำรวจที่ลงจากรถมาสี่นาย

“คุณมาจากไร่เขตแผ่นดินใช่มั้ย  สารวัตรตรีภพบอกเราไว้”
ตำรวจนายหนึ่งที่ดูท่าจะเป็นคนนำทีมถามขึ้น

“ใช่ๆ ผมชื่อขวัญเป็นลูกน้องของคุณแผ่นดิน  ผมสะกดรอยตามเสี่ยบวรมาครับ”

“งั้นเริ่มงานกันเลย ปกัน”
ตำรวจนายหนึ่งก็เดินไปกดกริ่งที่รั้ว  ชายคนหนึ่งรีบเดินมาดูที่ประตู
รูปร่างของมันสูงใหญ่ผิวกร้านแดด  ริมฝีปากหนา ตาดุ

“ใครวะกดกริ่ง  เห่ย!...ตะ-ตำรวจ เอ่อ…มีอะไร ค…ครับ”
เมื่อเห็นตำรวจมันก็พูดติดๆ ขัดๆ อย่างส่อพิรุธแม้ว่าตำรวจยังไม่ได้เอ่ยอะไรไป

~กรี๊ดดดดด อ๊ากกกกก

เสียงกรีดร้องจากภายในบ้านก็ดังออกมาให้คนภายนอกได้ยิน เสียงที่บาดอารมณ์
คนฟังเป็นที่สุด…ขวัญแทบพุ่งเข้าไปตามเสียงร้องนั้น

“เราได้รับแจ้งว่าที่นี่มีการจับคนมากักขังหน่วงเหนี่ยว  นี่หมายศาล
แต่เอ…ขอพบเจ้าของบ้านก่อนดีกว่า  รถจอดอยู่ที่นี่แล้วด้วย 
จะบอกว่าไม่อยู่ไม่ได้แล้วนะ…ยังเสียงร้องนั่นอีก”

พอนายตำรวจพูดจบ  สีหน้าของชายร่างยักษ์ก็มีอันเจื่อน
ยืนแทบไม่อยู่  หน้าซีดและปากคอสั่น

“เปิดประตู เดี๋ยวนี้! อย่าขัดขืนการทำงานของเจ้าหน้าที่จะดีกว่า”
เมื่อจบประโยค  ประตูบ้านก็ถูกเลื่อนออก 

ขวัญเตรียมกระโจนเข้าไปแต่ถูกตำรวจอีกสองนายขวางไว้  เขาจึงทำได้เพียงเดินรั้งท้าย
ส่วนชายที่เปิดประตูรั้วให้ก็รีบเผ่นออกไปนอกรั้ว  มันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตโดยมีนายตำรวจ
วิ่งตามไปหนึ่งนาย  แต่คงเป็นคราวเคราะห์ของมันเมื่อขวัญเห็นรถตำรวจตามมาอีกคัน
เมื่อรถจอดสนิทตำรวจก็เข้าจับกุมชายคนดังกล่าวไว้ได้อย่างทันท่วงที

“เห่ย!... ฉิบหาย…ตำรวจ อย่าครับ…อย่าทำผม”
ชายร่างยักษ์อีกคนที่ยืนเฝ้าประตูแหกปากดังลั่นเมื่อเห็นตำรวจเข้ามาประชิดตัว

“หยุด! ทิ้งอาวุธ!...ยกมือขึ้น…นั่นแหละอย่าตุกติก คุมตัวไว้ที่เหลือตามผมไปด้านใน”
ขวัญรีบตามหลังตำรวจนายนั้นไปติดๆ  เมื่อประตูห้องถูกเปิดโดยตำรวจที่นำทีม

ภาพที่เห็นทำเอาขวัญแทบเข่าทรุด  คุณกอหญ้านั่งกอดเข่าซุกอยู่ที่ด้านในสุด
ของหัวเตียงนอน  ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาและแข็งกร้าว  ปากคอสั่น  หายใจหอบถี่

“เห่ย! ตำรวจ…เข้ามาทำไม  นี่เด็กของผม…รู้มั้ยผมเป็นใคร  ผมฟ้องพวกคุณได้นะ
ที่บุกรุกเข้ามาแบบนี้”

เสี่ยบวรสภาพร่างกายที่ดูหลุดลุ่ยเพราะสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำที่สายรัดก็ปลดออกแล้ว
เห็นกางเกงชั้นในสีขาวที่วอมแวมอยู่ภายในเท่านั้น

“เราได้รับแจ้งว่าคุณลักพาตัวคุณข้ามฟ้ามากักขังไว้  แล้วก็จริงๆ…นี่ไงหลักฐาน
ผู้ชายคนนั้นที่คุณบอกว่าเป็นเด็กของคุณ”

“คุณกอหญ้า  ผมขวัญเองครับ ใจเย็นๆครับ  ผมกับตำรวจมาช่วยคุณแล้ว”
ขวัญก้าวเท้าเข้าไปหาคนที่ไม่ยอมรับรู้อะไรแม้ว่าตำรวจจะเข้ามาช่วยแล้วอย่างนี้
มีเพียงอาการสั่นกลัวและใช้แขนสองข้างถูกันไปมาจนถลอกเป็นปื้นแดงๆ

“อย่า…สกปรก…กลัว…อย่าเข้ามา  ช่วยด้วย อ๊ากกกกก!!!”

ขวัญเห็นคุณกอหญ้าตัวสั่นงันงกไปกว่าเดิมอีกเมื่อเขาขยับเข้าไปใกล้

พูดจาอย่างคนไม่มีสติ  ไม่ยอมฟังอะไร  เหมือนที่พี่มิ่งเคยเล่าให้ฟังไม่มีผิด
อาการเมื่อคราวเกิดอุบัติเหตุครั้งก่อนที่นายดินและพี่มิ่งช่วยดูแลจนหายไปแล้ว
…แล้วทำไม?

“คุณกอหญ้า  ทำใจดีๆ ไม่มีใครทำอะไรคุณแล้ว  นายดินกำลังมา…คุณกอหญ้าครับ
จำผมไม่ได้เหรอ  ขวัญเองครับ โธ่…”

ขวัญขึ้นไปบนเตียงอยากจะรวบตัวมากอดปลอบให้หาย  แต่อาการอย่างนี้
พี่มิ่งบอกว่ายิ่งถ้าไปสัมผัสจะยิ่งต่อต้านและอาการจะแย่ลง

“เจ้านั่นน่ะเหรอ  ข้ามฟ้า…ฮ่าฮ่าฮ่า  พวกคุณน่ะจำคนผิดแล้ว  ดูให้ดีๆ นี่มันเด็กของผม
เขามีอาการทางจิต  จะใช่ได้ยังไงกันล่ะคุณตำรวจ”

เสี่ยบวรพูดหลอกล่อเพื่อทำให้ตำรวจไขว้เขว  ขวัญได้ยินอย่างนั้นก็หันขวับ
ชี้หน้าเสี่ยบวรอย่างเหลืออด

“คุณตำรวจอย่าไปเชื่อไอ้เลวนี่  นี่น่ะคุณข้ามฟ้าตัวจริงผมยืนยันได้
แต่ตอนนี้กรุณาอย่าเพิ่งเข้าใกล้หรือไปถูกตัวเขานะครับ  รอคุณแผ่นดินมาถึงก่อน
อาการแบบนี้…มีนายดินที่รู้ว่าต้องทำยังไง”

ขวัญสวนขึ้นมาทันที  อีกอย่างเขากลัวใครจะไปแตะต้องคุณกอหญ้าเข้าอีก
แต่ช้าไปกับคำขอของขวัญเมื่อเสี่ยบวรกระโจนขึ้นไปบนเตียงแล้วคว้าหมับ
ล็อกต้นแขนของกอหญ้าไว้  ทำเอากอหญ้าดิ้นรนขัดขืนอย่างหนัก

“อ๊ากกกก  อย่าจับ…สกปรก! ฮืออออ”

ขวัญเห็นอาการขวัญเสียของคุณกอหญ้า  เขาจึงกระโจนเข้าใส่เสี่ยบวร
โดยพุ่งหมัดตรงไปที่ใบหน้าอูมอย่างเต็มแรงจนมันหน้าหงาย  ตำรวจนายหนึ่ง
เข้าล็อกตัวเสี่ยบวรจับใส่กุญแจมือทันที  และเมื่อคุณกอหญ้าเป็นอิสระก็ดิ้นหนี
ออกไปจนสุดมุมเตียง และถูไถตรงรอยที่ถูกสัมผัสอย่างหนักหน่วง

“คุณกอหญ้า หยุด! เถอะครับ ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้เลย…ฮือฮือ …คุณกอหญ้า
มีสติสักทีสิครับ  ผมขวัญเอง นายดินให้ผมมาช่วยคุณ  ฟังผม…ผมขอร้องล่ะ
…ฮือฮือ”
ขวัญสงสารคุณกอหญ้าอย่างจับใจ  เมื่อช่วยอะไรไม่ได้ก็ได้แต่อ้อนวอนทั้งน้ำตา
แต่ไม่มีปฏิกิริยาหรือสัญญาณตอบรับกลับมาอีกตามเคย

ขวัญต่อโทรศัพท์หาผู้เป็นนายอีกรอบ

“ฮัลโหล ฮึก..ฮือ นายดิน…รีบมาเถอะครับ ฮือฮือ”
ขวัญพูดอะไรไม่ออก  เมื่อก้อนสะอื้นมันจุกที่ลำคอจนไม่อาจเปล่งเสียง
ลอดผ่านลำคอออกมาได้  เขาได้ยินเสียงปลายสายที่ตะโกนถามอะไร
กลับมาอย่างร้อนรน

(ขวัญ…โธ่เว่ย! มึงใจเย็นก่อนได้มั้ย  ค่อยพูด  ค่อยๆ เล่า  กอหญ้าของกูเป็นอะไร
กูนี่ใจจะขาดแล้วมึงรู้มั้ย  ไอ้มิ่งมึงขับเร็วกว่านี้อีกได้มั้ยวะ  ไอ้ขวัญพูดสิ
…กอหญ้าเป็นอะไร  ไอ้เลวนั่นมันทำอะไรกอหญ้าของกู  ไอ้ขวัญพูดสิวะ!)

เสียงนายดินที่ตะโกนลั่น  ทำให้ขวัญต้องสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหนัก
แล้วเดินเลี่ยงออกไปจากห้อง  เพื่อให้ห่างจากภาพที่เห็น 

เมื่อมายืนนอกห้องแล้ว  จึงพยายามรวบรวมสติอีกครั้ง

“ฮึก…นายดิน  คุณกอหญ้าหวาดกลัวจนไม่รับรู้อะไรแล้ว  ยังจำผมไม่ได้เลย
กลัวสัมผัส…แล้วก็เอาแต่กรีดร้อง  ถูแขนเป็นรอยแดงถลอกไปหมด  นายดิน
ผมต้องทำยังไง  เรียกก็แล้ว…คุณกอหญ้าไม่ฟังอะไรเลย”

ขวัญเล่าไปตามที่เห็น

(ขวัญกลับไปเฝ้าไว้…อย่าให้ใครแตะต้อง…อยู่ให้ห่างๆ แค่นั้นพอ
 รออีกนิดไอ้มิ่งมันบอกจะถึงแล้ว  มีอะไรรีบโทรมา  ตั้งสติด้วย…แล้วไอ้เลวนั่น)

“ถูกจับแล้วครับนาย  เพราะมันดันกระโจนเข้าไปล็อกแขนคุณกอหญ้าเข้าอีก
…จนอาการแย่ลง  มันยังไม่ทันได้ทำอะไรคุณกอหญ้านะครับนาย  พอดีพวกเรา
มาช่วยทัน…เอ่องั้น…ผมไปเฝ้าคุณกอหญ้าก่อนนะ”

ขวัญกดวางสาย  เขารู้สึกใจชื้นเมื่อได้ยินว่าเจ้านายใกล้ถึงแล้ว

เขารีบกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง  คุณกอหญ้ายังคงอยู่ในอาการเดิม
ร้องไห้จนตาช้ำแดง  ถ้านายดินมาเห็น…ขวัญก็ไม่รู้ว่า  เสี่ยบวรจะรอดตีน
นายดินไปได้มั้ย  บังอาจมาแตะต้องของรักของหวงของนายอย่างนี้

“นี่มันบ้าเหรอวะ  แม่เลี้ยงมันไม่เห็นเคยบอกไว้  เอาคนบ้าแบบนี้
มาขายให้ได้ยังไงกัน”

เสี่ยบวรยังคงหัวเสียเมื่อเห็นอาการของคนที่ตนหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้
ครอบครอง  เสียเงินไปก็ตั้งมากมาย

“หยุดพูดไปเลยไอ้ชั่ว…ปากเสีย  มึงนั่นแหละบ้า  หน้ามืดตามัว…ไอ้บ้ากาม
ชีวิตคนนะโว๊ย! ไม่ใช่ผักปลาที่จะซื้อต่อกันมาได้ง่ายๆ ไอ้นรก!”
ขวัญอดกลั้นต่อไปไม่ไหวจึงสวนกลับด้วยคำด่าทอแบบรุนแรง  เขาสุดจะทนจริงๆ
มาหาว่าคุณกอหญ้าของนายดินบ้าเสียได้

“มึงเป็นใคร? มาเสือกอะไรด้วยวะ”
เสี่ยบวรถลึงตาและจ้องเขม็งอย่างไม่กลัวเกรง โดนหมัดไปยังปากดีได้อีก

“นั่นนายหญิงของไร่เขตแผ่นดิน  อย่างนี้ถึงต้องเกี่ยวโดยตรงไงล่ะ…ไอ้บื้อ”
ขวัญพูด ข่าวก็ออกไปแล้วว่าคุณกอหญ้าคบหากับนายดินเจ้าของไร่เขตแผ่นดิน
คนรู้กันทั้งเมือง  มันมัวไปมุดหัวอยู่ไหนถึงอยากได้คนมีเจ้าของแล้วอีก
ขวัญมองมันอย่างเหยียดหยาม

“อ่อ…นายมึงใช้ให้มาเป็นหมาคอยเฝ้าสินะ  แผนกูป่นปี้เพราะมึงนี่เอง!
ที่คาบข่าวไปบอกตำรวจ”

เสี่ยบวรกัดฟันกรอดจ้องหน้าขวัญอย่างแค้นเคือง

“คนสนิทเว้ย! ไม่ใช่หมา ไอ้หมูสกปรก! นายดินเป็นคนรักของคุณข้ามฟ้า
ชัดนะมึง…ไอ้…”

ขวัญพูดยังไม่จบดี  เสี่ยบวรก็ปรี่เข้ามาจะทำร้ายทั้งที่มือก็ถูกล็อกกุญแจมือไว้
เสี่ยบวรแทบหงายหลังเมื่อตำรวจรั้งไว้และก่อนที่จะชุลมุนไปกว่านี้

ฉับพลันแผ่นดินกับมิ่งก็ถลันเข้ามาในห้อง  เมื่อเข้ามาถึงนายดินก็คว้าผ้าห่มและถลา
เข้าไปกอดคนที่นั่งกอดเข่าตัวสั่นและซุกตัวอยู่ที่มุมเตียง

“กอหญ้า  ชู่วววว…เด็กดี…ไม่ร้องแล้วครับ ไม่เป็นไร…นี่พี่ดินของกอหญ้าเองนะ
พี่ดินคนที่รักกอหญ้าที่สุดไง…นิ่งซะนะ  ชู่ววว”

ขวัญมองการปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนที่นายดินแสดงออกต่อคุณกอหญ้า
ขวัญได้แต่มองหน้าพี่ชายตาปริบๆ ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้กันนะ  ปล่อยให้คุณกอหญ้า
ถูแขนจนแดงเถือกอยู่ได้ตั้งนาน

“เอ่อ…ขอโทษนะครับคุณตำรวจ  ผมขอเวลาส่วนตัวให้คุณข้ามฟ้าและคุณแผ่นดิน
สักครู่เถอะนะครับ  เดี๋ยวคุณข้ามฟ้าก็จะดีขึ้นเอง  พวกเราออกไปรอด้านนอกกัน
ก่อนนะครับ  ผมขอร้องล่ะครับ”

มิ่งเอ่ยปากขอ และฝ่ายเจ้าหน้าตำรวจที่ยืนคุมสถานการณ์อยู่ในห้องก็ทยอยออกไป
มิ่งตบบ่าน้องชายฝาแฝดเบาๆและเดินตามกันออกไปด้านนอก  ส่วนเสี่ยบวรกับพวก
ถูกควบคุมตัวออกไปตอนที่แผ่นดินกับมิ่งมาถึง

“กอหญ้า…พี่อยู่นี่นะคนดี  ฟังพี่อยู่มั้ยครับ  เราจะกลับไร่เขตแผ่นดินกันนะไปหาคุณย่า
พ่อเขตและลูกๆ ของเรารออยู่ที่นั่น  กลับบ้านเรากันนะ”
แผ่นดินเฝ้ากอดประคองคนในอ้อมแขนที่ขืนตัวไว้อย่างไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
เขาต้องปลอบขวัญและเรียกสติของคนขี้กลัวให้กลับมา

กอหญ้าดูสงบลงเมื่อได้ยินเสียงของเขา อาจจะด้วยความคุ้นชินและน้ำเสียงที่ใช้
ในช่วงเวลาหนึ่งคนในอ้อมแขนเหมือนจะชะงักนิ่งฟังแต่ก็แค่แวบเดียวก็กลับไปดิ้นรนอีก

“สกปรก! กลัวๆ ฮือฮือ ออกไป!”

อาการขัดขืนที่กอหญ้าเป็นอยู่เรียกความเจ็บแน่นในอกของเขาขึ้นมาอย่างจัง
แผ่นดินกัดกรามแน่นอยากจะออกไปฆ่าไอ้สารเลวนั่นเป็นที่สุด  เขารวบรวมแรงใจอีกครั้ง

“กอหญ้าที่รัก พี่มารับแล้ว…คนดี…ไหนบอกว่าคิดถึงพี่ไง  เสร็จงานจะรีบกลับไปหาพี่
นี่พี่มาหาแล้วนะครับ ไม่อยากเจอพี่หรือว่าลืมหน้ากันไปแล้วครับ…สวนส้มยังอยากไป
อีกหรือเปล่า  กอหญ้ายังอยากที่จะกลับไปอยู่ด้วยกันอีกมั้ยหื้ม…”

แผ่นดินเสียงเครือโยกตัวคนที่กอดไว้ไปมาเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับ
เขาก้มลงจูบหน้าผากมน  เขาเห็นความไหววูบที่ดวงตาคู่สวย แต่เพียงแวบเดียว
ก็จางหายไปอีก

อาการต่อต้านหายไปแต่ยังมีเสียงสะอื้นไม่หาย

“พี่รักกอหญ้านะ  พี่จะไม่ให้ใครมาทำอันตรายกอหญ้าของพี่ได้อีก
กลับบ้านกันนะที่รัก”
แผ่นดินพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและคำพูดบอกรักซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
เขาเห็นเหงื่อผุดที่ใบหน้าและลำคอระหง จึงคลายผ้าห่มออกจากตัวให้ 

“พี่…ดิน…ช่วย…ด้วย”
กอหญ้าเปล่งคำพูดออกมาทีละคำอย่างแผ่วโหย  แค่เพียงเบาๆ
แต่แผ่นดินกลับได้ยินอย่างชัดเจน  เขาจึงปลดผ้าห่มออกจากกาย
แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาที่จ้องผสานกลับมา  น้ำตาที่หน่วยตาของกอหญ้า
ก็รินไหลลงมาตามร่องแก้มและแววตาที่บ่งบอกว่ากอหญ้าของเขากลับมาแล้ว

ชายหนุ่มยิ้ม และน้ำตาแห่งความยินดีก็หยดลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“พี่ดิน…ฮือ…ฮึก…พี่ดิน…กลับบ้านกัน”
แผ่นดินสวมกอดร่างบางเอาไว้แนบอก  และลูบหลังปลอบขวัญ
กอหญ้ากอดตอบและสะอื้นไม่หยุด

“คนดี  ไม่เป็นไรแล้วนะ  พี่มารับแล้ว…ทุกคนรอกอหญ้าของพี่นะครับ”
แผ่นดินพูด  คนในอ้อมอกก็พยักหน้า  ทำเอาความปิติยินดีซาบซ่านขึ้นมา
ท่วมท้นใจที่แห้งเหี่ยวเมื่อสักครู่  เขาทำสำเร็จแล้ว  เขานำพากอหญ้ากลับมาได้แล้ว

“พี่ดิน  กอหญ้าไม่อยู่ที่นี่นะ…ไม่อยู่…ไม่เอาแล้ว”
กอหญ้าพูดและเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดเพื่อมองหน้าคนรัก
ส่ายหน้าไปมาอย่างหวาดผวา  แต่อาการหวาดกลัวของกอหญ้าก็พลันหาย
มือนุ่มๆ เอื้อมมาล้อมกรอบหน้าของเขาและเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างแผ่วเบา

“รักพี่ดินนะครับ  กอหญ้าไม่เป็นไร  เราจะกลับบ้านกัน”
กอหญ้าพูดจบ  ทำเอาแผ่นดินยกยิ้มที่กลายเป็นว่าเขานั้นได้รับการปลอบกลับมาเสียเอง

“แน่นอน  เราจะไม่ห่างกันไปไหนอีกแล้ว  อยู่กับพี่นะ…ชื่นใจที่สุดเลย”
แผ่นดินกดจมูกที่แก้มนุ่มที่เปียกชื้นน้ำต า เขาสูดความหอมอ่อนๆ ของนวลแก้มเข้าเต็มปอด
แล้วก็เกลี่ยน้ำตาให้อย่างเบามือ

“คนเก่ง พร้อมหรือยัง  ข้างนอกทุกคนรอเราอยู่ครับ”
แผ่นดินกระชับมือคนรักพาลุกจากเตียงแล้วโอบบ่าพาเดินออกไปด้านนอก
เมื่อพ้นประตูห้องออกไปก็พบกับสายตาหลายสิบคู่ที่มองมาที่เขาสองคนเป็นตาเดียว
ในแววตาเหล่านั้นบ่งบอกอาการอึ้งทึ่งและเหลือเชื่อโดยเฉพาะขวัญที่รี่เข้ามาจนถึงตัว
เขาสองคนก่อนใคร

“คุณกอหญ้าหายแล้วเหรอครับ  นี่ผมขวัญเองครับ…จำผมได้มั้ยครับ”

กอหญ้ามองหน้าขวัญและมองเลยไปด้านหลังก็มิ่งยืนห่างออกไป
แล้วก็ตำรวจอีกหลายนาย  ชายร่างใหญ่สองคนและเสี่ยบวร 
ซึ่งทั้งสามถูกสวมกุญแจมือ  แล้วกอหญ้าก็สบตากับขวัญ

“อื้ม…จำได้สิขวัญ”
กอหญ้าพูดแค่นั้น  ขวัญกับมิ่งยิ้มแก้มปริและกระโดดกอดกัน

“นายดินเก่งจริงๆเลยครับ  ทำให้คุณกอหญ้าหายได้  ผมตกใจหมด
…เสียขวัญมากๆ ด้วย ไม่รู้จะช่วยยังไงดี  แต่นายดินทำได้  เก่งจังครับ”

ขวัญชมเจ้านายไม่ขาดปาก

“แน่นอนขวัญ  ฉันน่ะใคร  คนรักของกอหญ้าเลยน ะ เขาต้องจำแฟนตัวเองได้สิ
 จริงมั้ยครับคนดี”
กอหญ้าส่งยิ้มอ่อนให้คนที่คุยโวให้ลูกน้องฟัง

“เห่ย! นั่น! ไอ้บ้านั่น…มันหายบ้าแล้วเหรอวะ  แหกปากเอาซะตกอกตกใจ
…คนบ้าเอ๊ย!”
พอเสี่ยบวรพูดจบหน้าก็หันไปตามแรงหมัดที่แผ่นดินพุ่งตัวไปประเคนใส่ใ
บหน้าอูมๆ นั้นสองหมัดติด ทำเอาคนปากดีได้เลือดสดๆ กลบปาก

“ถุย! มึงต่อยกูทำไมวะ  ที่กูพูดมันเรื่องจริงหรือว่ามันจะแกล้งบ้า
เพื่อตบตากูวะ  มันเป็นดารานี่”

เสี่ยบวรไม่หยุดพูด แผ่นดินเลือดขึ้นหน้ากะจะซ้ำอีกสักสามสี่หมัด
แต่ตำรวจยกมือห้ามไว้เสียก่อน

“ไปคุยกันที่โรงพักดีเถอะครับ  เชิญครับคุณข้ามฟ้า  คุณแผ่นดินและนายด้วยนะขวัญ”
ทุกคนที่ถูกเรียกชื่อพากันพยักหน้า

“ไปกอหญ้า โทรหาคะน้าด้วยล่ะ โทรมาร้องห่มร้องไห้ไม่ได้หยุดเลยก่อนพี่จะถึงน่ะ”
แผ่นดินพูดแล้วก็ยกมือลูบผมที่เริ่มยาวของคนรักพาเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่นอกรั้ว

“ฮะพี่ดิน  ขอโทรบนรถแล้วกันนะ”
ทั้งหมดพากันเดินไปที่รถ แล้วกอหญ้าก็โทรหาคะน้า
บอกว่าปลอดภัยดี และนัดแนะให้ไปพบกันที่สถานีตำรวจ


ตลอดทางแผ่นดินโอบกอดคนรักไว้แนบอกและกุมมือไว้ข้างนึงอีกมือ
ก็ลูบหลังไหล่ให้ไม่ได้หยุด  พี่น้องฝาแฝดก็ไม่มีใครพูดคุยอะไรกัน
เพราะทั้งสองต้องการให้เจ้านายได้มีเวลาเป็นส่วนตัวและสงบจิตใจ
กันกับเรื่องเลวร้ายที่ได้เผชิญกันมา

`พลังแห่งรัก…นี่ละมั้ง…ที่นำพาให้ร้ายกลายเป็นดี…น่าอิจฉาจริง`

ขวัญมองสองหนุ่มที่ตระกองกอดกันที่เบาะหลัง  เขาพรูลมหายใจออกมาอย่าง
หมดห่วงและยิ้มให้พี่ชายที่มองสบมาพอดี  มิ่งมองขอบตาที่บวมหน่อยๆ ของขวัญแล้วส่ายหน้า

‘เอ็งมันจะอ่อนไหวไปแล้วขวัญ  งานที่นายให้ทำมันงานบอดี้การ์ดเลยนะ’

‘รักของนายดิน มีพลังมหาศาลจริงๆ ดีแล้วที่พลังรักดึงคุณกอหญ้ากลับมาได้’

***************************************

talk : แบร่ คนเขียนน้ำตาซึมๆซะเอง หน่วงมากไม่ได้
        สงสาร แค่นี้พอแล้วกันนะ



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36 มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 03-04-2019 14:38:22
อยากกระโดดงับคอไอ้เสี่ยหมูตอนหื่นกาม!!!!

ซีนนี้นอกจากพี่ดิน ขวัญก็เป็นฮีโร่นะ อิ๊ อิ๊  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36 มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-04-2019 15:49:04
 :fire:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36 มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 03-04-2019 18:26:12


 :mew1:

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 37 ทางเดินชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 03-04-2019 18:58:55
ตอนที่ 37 ทางเดินชีวิต

มิ่งจอดรถที่หน้าสถานีตำรวจ  แผ่นดินประคองคนรักไม่ห่างกาย
กำลังจะเดินเข้าไปก็ชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคะน้า

“พี่ดินเกิดอะไรขึ้น…แล้วข้าวล่ะเป็นไง
น้องยังไม่ได้เล่าให้พี่ฟังเลยว่าเรามาที่นี่ทำไม?”

คะน้าถามรัวเร็ว

“เข้าไปฟังพร้อมๆกันด้านใน  กอหญ้าเพิ่งจะอาการดีขึ้นไม่นานนี้เอง
หาที่ให้น้องนั่งก่อนเถอะคะน้า”

พี่ดินออกปากและประคองกอหญ้าเดินนำไปก่อน
คะน้ามองปราดไปตามเนื้อตัวของน้องก็ชะงัก…เมื่อเห็นรอยถลอก
และแดงเถือกตามแขน…อีกแล้วสิ โธ่…ข้าว


เมื่อพากันนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยหน้าโต๊ะร้อยเวร  เรื่องราวต่างๆ
ก็กระจ่าง คะน้าโมโหจนเนื้อตัวสั่น วันที่เธอกลัวและเฝ้าระวังมาตลอด
ได้เกิดขึ้นจนได้  เมื่อออกมาจากห้องสอบสวนคะน้าเก็บอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป

“ข้าวเอาเรื่องน้าช่อให้ถึงที่สุดเลย ปล่อยไปไม่ได้! บัดซบสิ้นดี!
พี่ไม่คิดเลยว่าเงินตัวเดียว  ทำให้คนคิดชั่วได้ถึงเพียงนี้…คิดขายกัน
ได้ลงคอ…เข้าข่ายค้ามนุษย์ชัดๆ เห็นชีวิตคนอื่นเป็นอะไรไปแล้ว”

คะน้าแค้นเคืองเอามากๆ ดูได้จากวาจาเผ็ดร้อนที่เธอกล่าวออกมา

“พี่คะน้า  ข้าวทำเธอไม่ลงหรอก  ผีพนันแท้ๆ ที่ทำให้เธอเป็นอย่างนี้
พี่ดินข้าวควรทำยังไง”

กอหญ้าหันไปขอความเห็นจากแผ่นดิน  ซึ่งยืนหน้าเครียดอยู่ไม่ห่าง

“ละเว้นโทษไม่ได้หรอกกอหญ้า  ที่เสี่ยบวรทำน่ะมันไม่ใช่คดีเล็กๆ
เป็นคดีอาญาเลยด้วย  แล้วแม่เลี้ยงของกอหญ้าก็เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด
เสี่ยบวรให้การพาดพิงถึงเธอเองนะ  พวกเราเองยังไม่มีใครเอ่ยชื่อเธอ
ออกมาเลยด้วยซ้ำไป”

แผ่นดินพูดจบ  กอหญ้าก็พยักหน้ารับรู้อย่างเนือยๆ 

คะน้าเห็นว่าสมควรให้เธอรับโทษเพราะถ้าปล่อยไปเธอก็จะไม่สำนึก
และคงทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้กับลูกเลี้ยงอีกเป็นแน่

“พี่ว่าให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายเถอะ  คนทำผิดก็ต้องชดใช้
ข้าวอย่าไปคิดอะไรมากเลย  ที่เหลือเดี๋ยวเราให้ทนายจัดการต่อแล้วกัน
ข้าวกลับไปพักก่อนเถอะ  พี่ดินก็อีกคนเดินทางมาเหนื่อยๆ  ไปนอนพัก
ที่คอนโดข้าวนั่นแหละ”

คะน้าบอกให้แยกย้ายเมื่อเห็นสีหน้าที่อ่อนล้าของแต่ละคน

“ดีเหมือนกัน  ข้าวจะไม่ไหวแล้ว…เหนื่อยมาทั้งวัน”
กอหญ้าพูดแล้วก็ทำตาปรอยๆ

“แล้วเจอกันนะ  คะน้า”

พี่ดินบอกกับพี่คะน้าที่มาส่งพวกเขาขึ้นรถ

“พักมาก ๆนะข้าว ถ้าไม่ดีขึ้นยังไง….พี่ดินช่วยพาหาหมอให้ด้วยนะคะ”

คะน้าฝากฝังน้อง  กอหญ้าส่งยิ้มอย่างโรยแรง  แล้วมิ่งก็เคลื่อนรถออก


“มิ่งแวะซื้อโจ๊กก่อนนะ  แล้วนายสองคนค่อยไปหาอะไรกินกัน
มิ่งนอนที่เดียวกับขวัญนั่นแหละนะคืนนี้  เอ้า! เอาเงินนี่ไป”

ขวัญรับเงินจากนายไว้ปึกหนึ่ง  นอกเหนือจากเงินเดือนนายดินก็มักจะให้เพิ่ม
เมื่อเรียกใช้นอกเวลา  หากไม่รับก็เป็นเรื่อง จนสองพี่น้องไม่กล้าที่จะปฏิเสธ

เมื่อซื้อโจ๊กเสร็จมิ่งจึงส่งสองหนุ่มที่คอนโดหรูย่านใจกลางเมือง
แล้วสองแฝดก็เคลื่อนรถออกไป


“ที่นี่น่าอยู่มากเลยเนอะ ไม่ยักจะรู้ด้วยว่าเจ้ากริชมันอยู่หรูหราขนาดนี้น่ะ”

“พี่ดิน!…น้องมันไม่ใช่จะยากไร้ซะหน่อย  พี่ชายก็เป็นถึงเจ้าของไร่ส้มขนาดใหญ่
ของภาคเหนือเลยด้วยสิ  คิกคิก”

กอหญ้าแกล้งแซวคนรัก

“หืม…หัวเราะได้แล้ว…ก็หายแล้วสิเนอะ  ถ้างั้นคืนนี้…พี่…ขอ…นะ”

แผ่นดินแกล้งพูดเว้นระยะ  ทำเอาคนฟังใจสั่น  เผลอคิดไปไกล

“พี่ดินพูดอะไรน่ะ  ชักจะหน้าไม่อายใหญ่แล้วนะ”
คนพูดก้มหน้าไม่ยอมสบตา

“ฮ่ะฮ่า…พี่ล้อเล่นน่ะ  แล้วไหนล่ะห้องของกอหญ้าน่ะ”

แผ่นดินถามเมื่อก้าวออกจากลิฟต์  กอหญ้าเดินนำไปไม่เกินสิบก้าว
ก็หยุดที่ห้องๆหนึ่งแล้วแตะคีย์การ์ด

“ห้องนี้ครับ  พี่ดินจะอาบน้ำก่อนเลยมั้ย”
กอหญ้าพาเดินเข้าไป  หันมาถามคนตัวโตที่เดินตามเข้ามา
และอย่างไม่ทันตั้งตัวก็โดนดึงให้นั่งลงซ้อนตักกันที่โซฟาที่กำลังจะเดินผ่านไป

“ขอกำลังใจนิดนึงก่อนครับ”

แผ่นดินแนบริมฝีปากประกบลงบนเรียวปากบางที่เผยอขึ้นเหมือนจะประท้วง
จูบอย่างเนิบช้าอ่อนหวาน  ดูดดึงทั้งริมฝีปากบนและล่างโดยไม่ได้ล้วงล้ำ
เข้าไปภายใน  แล้วจึงถอนริมฝีปากออก

“ชื่นใจจังครับ…เราไปอาบพร้อมกันเลยเนอะ…ไม่ต้องมาทำหน้าทะลึ่งเลย
พี่ยังไม่ได้คิด…แค่จะอาบด้วยเฉยๆ ไปครับคนดี…จะได้มาทานโจ๊ก”

แผ่นดินดึงกอหญ้าให้ลุกตามกันไปโดยไม่ลืมที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวติดมือเข้าไปด้วย
ทั้งสองปลดเปลื้องเสื้อผ้าจนเนื้อตัวเปลือยเปล่าแล้วเดินเข้าไปใต้ฝักบัวใหญ่
จนตัวเปียกทั้งสองคน  กอหญ้าเทครีมอาบน้ำลงบนฝ่ามือแล้วฟอกไปตามเนื้อตัว
ของตนก่อน แผ่นดินก็เข้ามาช่วยลูบไล้ฟองครีมให้ด้วย  ต่างผลัดกันฟอกตัวให้กัน
แล้วจึงล้างฟองออก  จนสะอาดหมดจรดทั้งสองคน

“พอเถอะกอหญ้า  เดี๋ยวพี่จะไม่แค่อาบเฉยๆ ให้แล้วนะ”
แผ่นดินแกล้งเย้า  กอหญ้ารีบปิดน้ำทันที  แล้วคว้าผ้าเช็ดตัว
แต่แผ่นดินไวกว่าคว้ามาเช็ดให้จนแห้งแล้วจึงพันช่วงล่างให้เสร็จสรรพ

“พี่ดินทำอะไรก็เร็วไปหมดอย่างนี้  กอหญ้ากลายเป็นเต่าต้วมเตี้ยมไปเลย”

กอหญ้าพูด  ชายหนุ่มยิ้มรับแล้วพากันเดินออกจากห้องน้ำ  กอหญ้าไปรื้อหา
ชุดนอนได้กางเกงขาสั้นมาหนึ่งตัว

“พี่ดินใส่ของกอหญ้าได้มั้ยครับ  นี่ครับ  แล้วเสื้อคงไม่ต้องเนอะ
ไม่เห็นพี่ดินจะชอบใส่เสื้อนอน เอ…แล้วมิ่งไม่เอากระเป๋าเสื้อผ้าลง
ให้พี่ดินเลยล่ะ  ลืมไปแล้วละมั้ง”

“พี่ไม่ต้องใส่อะไรก็หลับเหมือนกันนั่นแหละ หึหึ
กระเป๋าสายๆ เจ้ามิ่งคงจะเอาเข้ามาให้”

แผ่นดินรับกางเกงมาจากคนที่ยืนหน้าแดงไม่ห่าง  ขี้เขินจริงๆ

“กอหญ้าเอาโจ๊กใส่ชามให้น ะ พี่ดินตามมานะครับ”
กอหญ้าเดินเลี่ยงออกไป  แผ่นดินตามมาที่โต๊ะซึ่งอยู่ติดกับระเบียง
มองแสงไฟที่เห็นวิบวับจากมุมสูง  กรุงเทพฯยามราตรี  บรรยากาศไม่เหมือนกับไร่ส้มเลยสักนิด

“ทานอีกสักสองคำแล้วพอเลยครับ  นั่นแหละ…เก่งจริง”
แผ่นดินพูดแค่นี้  คนตรงหน้าก็เขินอีกแล้ว 

“พี่ดินก็ทานให้หมดด้วย  เหลือไม่กี่คำเองครับ”

กอหญ้ามองชามโจ๊กของคนพี่  ซึ่งก็ตักทานจนหมดอย่างว่าง่าย

“ไปแปรงฟันไป  เดี๋ยวพี่ล้างชามเอง  นั่งพิงหลังก่อนอย่าเพิ่งลงนอน
นะกินอิ่มๆ ให้ย่อยสักหน่อยก่อน  หรือจะหากิจกรรมทำกันก่อนนอนดี
 หืม…”

พี่ดินพูดจบก็หันไปล้างชาม

“พี่ดิน…บ้า”

กอหญ้าพึมพำไม่ดังนัก  แต่แผ่นดินยกยิ้มมุมปากเมื่อหูกลับได้ยิน
เมื่อเสร็จธุระในครัวชายหนุ่มก็ตามเข้าไป  เห็นเจ้าของห้องกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
จึงเดินเข้าไปหายกหลังมืออังที่หน้าผากและลำคอ

“ปวดหัว  หรือวิงเวียนอะไรมั้ยครับ”
แผ่นดินทอดเสียงอ่อน  อย่างห่วงใย

“ไม่ครับพี่ดินแค่ง่วงๆ ก็พี่ดินสั่งไม่ให้นอน  ขอนั่งหลับได้ไหมครับ
กอหญ้าไม่ไหวแล้วตาจะปิด”

กอหญ้าพูดจบก็เอาหน้ามาซบที่พุงคนตัวโตที่ยืนค้ำหัวอยู่

“งั้นนอนพิงหัวเตียงแล้วซบที่พี่นี่  อีกสักเดี๋ยวพี่จะจัดท่านอนให้ตอนเราหลับ
…นอนนะฝันดีครับ”

แผ่นดินพูดจบก็จับคนง่วงให้นั่งกึ่งนอนซบมาที่ไหล่ของเขาที่ลงนั่งพิงที่หัวเตียงเช่นกัน

“ฝันดีครับ  พรุ่งนี้เจอกัน…รักพี่ดินนะ”

กอหญ้าพูดเสียงยานคางเพราะความง่วงงุน

“รักเหมือนกัน…เด็กดี”

แผ่นดินกดจูบที่เรือนผมนุ่มที่ยาวจนตัดแต่งทรงสวยแล้ว


แผ่นดินกดปิดไฟกลางห้องเหลือไว้แต่โคมไฟ  นั่งมองคนที่ซบหลับอยู่กับบ่า
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ…พรุ่งนี้เช้าต้องคุยอย่างจริงจังเสียที
จะปล่อยให้ใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองใหญ่แบบนี้ไม่ได้แล้ว

ที่นี่กอหญ้าไม่มีใครเลย ไร้ญาติมิตร  หากเป็นที่ไร่ของเขาอย่างน้อยๆ
ก็ยังมีเขาคนหนึ่งแล้วยังคุณย่ากับพ่อเขตที่เหมือนญาติผู้ใหญ่อีก

กอหญ้าจะต้องเลือกหนทางชีวิตแล้ว


กอหญ้าตื่นมาอย่างมีความสุขและอิ่มเอม ที่เป็นเช่นนี้เพราะได้ลืมตาตื่น
ในอ้อมกอดอุ่นของผู้ชายที่เป็นที่รัก  และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้
แม้ในยามที่เขามีภัยอันตรายก็ได้ผู้ชายคนนี้ช่วยไว้  ชีวิตนี้เป็นหนี้ที่ต้องชดใช้ให้กับพี่ดินแล้ว

“ว่าไงครับ หืม… แอบมองพี่  คิดอะไรกับพี่รึป่าว จะลักหลับพี่หรือไงครับ”
แล้วแผ่นดินก็ได้เห็นบางคนที่แก้มแดงอย่างกับลูกมะเขือเทศสุก

“พี่ดิน  พูดน่าเกลียดอีกแล้ว  กอหญ้าแค่ดีใจที่ตื่นมาเจอคนที่รัก
…เป็นคนแรกของวัน”

พอพูดจบ  กอหญ้าก็รู้สึกหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทันทีและลามไปที่ใบหูจนวูบวาบไปหมด

“อ้าว! ไม่ได้คิดเหรอ  แต่พี่…ทำไมถึง…คิดก็ไม่รู้สิ  หึหึ”

แผ่นดินพูดจบก็โดนเล็บจิกที่สีข้าง  ทำเอาสะดุ้ง

“พี่ดินไม่เล่นนะ…แล้วจะกลับไร่กันเมื่อไหร่ครับ  กอหญ้าจะได้ไปลาเจ้านาย
…ขอกลับด้วยคน…นะ”

กอหญ้าพูดจบก็ถูกรวบตัวไปกอดและถูกหอมที่หัวและจูบตามมาอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

“อุ้ย…ดะ…เดี๋ยวครับ  พี่ดิน  แปรงฟัน ก่…อะ…อืม”

จูบอย่างดูดดื่มรับอรุณจึงเกิดขึ้น

“หุหุ…ปากเจ่อเลย…ซอกคอก็ข๊าว…ขาว…จุ๊บ”

พี่ดินพูดแล้วก็ฝังจมูกที่ซอกคอแถมขบเม้มฝากรอย
เพราะกอหญ้ารู้สึกเจ็บจี๊ดหน่อยๆตรงรอยดูด

“พี่ดิน…อย่าแกล้งสิ…ไม่ได้อยากเอารอยไปโชว์ให้ใครเห็นนะ”

กอหญ้าบ่นอุบ  แล้วหดคอหนี

“จะกลับไร่อยู่แล้ว  มีรอยไม่เห็นจะเป็นไร  ใครๆ ก็ต้องรู้ว่ารอยนี่
…พี่เป็นคนทำ  วันนี้พี่จะไปกับเราทุกที่เลยคอยดู  ทีนี้ก็ไปลาเจ้านาย
ได้เลยครับ”

พี่ดินพูดหน้าตาเฉยอย่างไม่สะทกสะท้าน

“เช้านี้…เราจะทานอะไรกันดีครับ”
คนตัวโตถาม

“ร้านข้าวใต้คอนโดมีนะพี่ดิน เราสั่งขึ้นมาทานมั้ย”

“งั้นพี่ขอเป็นผัดพริกแกงปลาดุกเผ็ดๆกับไข่ดาวสักฟอง”

“กอหญ้าสั่งอะไรดีนะ…เอ่อ…ผัดผักรวมราดข้าวก็ได้”

“กอหญ้าหันมาทานผักด้วยเหรอ  เดี๋ยวนี้”

“ครับ  ก็ฝืนๆ อยู่บ้าง  แต่ไม่ได้หรอกต้องฝึกเอาไว้
ถ้ากลับไปที่ไร่อายลูกแย่สิ  เพราะเด็กๆ ทานกันได้อย่างหน้าตาเฉยเลย”
กอหญ้าพูดให้คนพี่ฟังและมีแอบเขินด้วย  แต่ไม่พ้นสายตาคนตัวโตไปได้ที่มองกลับมายิ้มๆ


“เฮีย…นี่แฟนข้าวเอง…พี่ดินครับ”

กอหญ้าพาคนรักไปพบคุณเกริกเกียรติด้วย เพราะไหนๆ
ก็จะลาออกจากวงการแล้ว  เขาก็อยากจะเปิดตัวให้เจ้านายได้รู้จักกับคนรักของเขา

“อ่อ…ที่ว่าขี้หวง  แต่ก็ดีที่ข้าวจะได้มีคนดูแล  หน้าตาดีนี่คุณน่ะ
ตาถึงนะข้าว ได้แฟนหล่อไม่เบา”

บอสชมพี่ดิน  ทำเอาคนอวดแฟนเขินแทนคนที่ถูกชม

“เอ่อ…ข้าวจะขอกลับไปไร่กับพี่ดิน  ของดรับงานทั้งหมดได้ไหมครับ
แต่ละครพี่เมศบอกจะยกกองไปถ่ายที่ไร่เขตแผ่นดิน  จะถ่ายทำที่นั่นทั้งเรื่อง
บอสจะอนุมัติมั้ย เอ่อ…คือพี่ดินไม่ให้ข้าวอยู่ที่นี่แล้ว”

กอหญ้าอ้ำอึ้งในช่วงท้ายประโยค

“ได้สิ  กลับไปเลยเหรอ…คุณดินจะเลี้ยงมันไหวเหรอเจ้านี่นะ  ท่าจะดื้อมากด้วยนะ”

“หึหึ  ตัวแค่นี้  ดื้อยังไงก็เอาอยู่ครับ…เลี้ยงตลอดชีวิตได้สบายๆ”

แผ่นดินตอบเจ้านายของคนรัก

“เออดี…เป็นคนจริงนะเนี่ยคุณ  ดูแลกันดีๆ ข้าวก็ไม่มีใครทางนี้แล้ว
ได้คุณดูแลก็ถือว่าเป็นโชคดีของมัน  แล้วเรื่องคดีติดขัดอะไรก็บอกนะ
ผมช่วยเต็มที่  หรือคุณดินจะมาเข้าวงการก็ยินดีนะ  หน้าตาดีแบบนี้
แฟนคลับคงจะเยอะไม่แพ้ข้าวแน่ๆ ฮ่าฮ่า”

บอสฝากฝัง  และชวนให้ชายหนุ่มมาร่วมงานด้วย

“เอ่อ…ไม่ดีกว่าครับ  ผมถนัดแต่งานไร่งานสวน  ขอบคุณที่กรุณานะครับ”

“ข้าวกราบขอบคุณเฮียที่เมตตา  แล้วก็ไม่โกรธที่ข้าวทิ้งงาน
ถ้ามีงานสำคัญๆ ข้าวก็จะขอพี่ดิน  คงจะมาช่วยเฮียได้บ้าง…เนอะ
…พี่ดินใจดีจะตาย”

กอหญ้าฉวยโอกาสมัดมือชกเขาต่อหน้าเจ้านาย  แผ่นดินมีสีหน้าประดักประเดิด
แต่ก็พยักหน้ายินยอมแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

‘พลาดไปแล้วพ่อหนุ่ม  ข้าวนี่มันไม่เบาจริงๆ เจ้าหนุ่มนี่ก็ดูรักใคร่
คงตามใจกันน่าดู ไม่เคยรู้เลยว่าข้าวมันจะขี้อ้อนได้ขนาดนี้
 ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปสินะ’

คุณเกริกเกียรติมองชายหนุ่มสองคนตรงหน้าแล้วก็ให้นึกเอ็นดู

“บอสสวัสดีค่ะ  คะน้าขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ
 อยากจะฟาดไอ้เด็กแสบนี่นัก จะหนีกลับไร่ก็ไม่บอกคะน้าสักคำ
 บังเอิญผ่านมาได้ยินเข้านะเนี่ย…หึ้ย”

คะน้าหน้างอ อย่างแสนงอน

“ข้าวมันยังไม่ได้กลับตอนนี้นี่เธอ จะงอนมันทำไม ไปคุยกันดีๆ
ก่อนเลย  อย่าเพิ่งตีกันล่ะ”

คุณเกริกเกียรติแกล้งทำเป็นห้ามปราม  คู่นี้รักใคร่ดูแลกันอย่างดีตั้งแต่
เห็นร่วมงานกันมาแล้ว  อย่างเมื่อคืนคะน้าก็โทรมาร้องห่มร้องไห้สงสารน้องอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้หยุด

“งั้นคะน้าขอพาน้องไปซ้อมต่อนะเฮีย  ดื้อนัก…ลุกสิ  พี่ดินด้วย ลาก่อนนะคะเฮีย”

คะน้าก็ฉุดแขนกอหญ้าที่ยกมือไหว้ลาบอสเกือบไม่ทัน
ทำเอาบอสและพี่ดินพากันโคลงศีรษะไปตามๆ กัน

“เออ…ไปดีๆ มีอะไรก็โทรมานะ เฮียยังดูแลพวกเราเหมือนเดิม
 อย่าลืมซะล่ะ”

เฮียส่งยิ้มให้  และทั้งสามก็พากันออกมาจากบริษัท
ตรงดิ่งไปหาข้าวกลางวันที่ร้านอาหารไทยร้านเดิมที่คะน้าเคยพากอหญ้าไปนั่นเอง




หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36 มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-04-2019 19:07:13
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 38 ทางที่เลือกเดิน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 03-04-2019 19:25:09
ตอนที่ 38 ทางที่เลือกเดิน

“พี่ดิน  ฝากน้องด้วย  เมื่อไหร่ที่พี่ไม่รักเจ้าเด็กงี่เง่านี่บอกนะ
คะน้าจะไปรับกลับมาเอง”

คะน้าฝากฝังกอหญ้ากับแผ่นดินเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะทำให้กับน้องชายได้
เด็กหนุ่มมองพี่สาวอย่างซึ้งใจ

“อย่าห่วงเลยคุณ  กอหญ้าเป็นชีวิตของพี่  อีกอย่างพี่ซะอีกที่ไม่รู้จะถูกเบื่อ
และถูกน้องคุณทิ้งเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เลย”

“พี่ดิน! กอหญ้าไม่เคยทิ้งใครก่อน  อย่ามาหมิ่นหัวใจกันนะ”

กอหญ้าพูดเสียงสะบัดๆ ใส่  คางเชิดอย่างรั้นๆ พูดผิดหูไม่ได้เลย
คุณหนูขี้วีนกำลังจะออกฤทธิ์

“โอ๋ๆ ใครจะไม่เชื่อกันล่ะหืม…อย่างอนเลยนะ”

แผ่นดินจับหัวทุยๆ โยกเยกไปมา

“แหมๆ คุณๆ คะ ดิฉันยังอยู่ตรงนี้อยู่เลยนะ  หวานออกสื่อกันแล้ว
…มดเริ่มจะไต่จนปัดออกไม่ไหวแล้วเนี่ย  ขอตัวกลับก่อนนะ
เจอกันที่ไร่พี่ดินนะ บายจ้ะ”

พี่คะน้าโบกมืออำลา  มุมปากยกยิ้มและไหวไหล่ล้อๆ สองหนุ่ม
แผ่นดินจึงพากอหญ้ากลับไปขึ้นรถ  เตรียมตัวเดินทางขึ้นเหนือในตอนบ่ายแก่ๆ ของวัน

“เสร็จจากงานละคร  พี่ว่ากอหญ้าอำลาวงการไปอยู่กับพี่เลยเนอะ
คอนโดจะขายหรือเก็บไว้ก็ตามใจ  แล้วรถนี่น่ะจะเอาไงต่อ
ถ้าจะเอาไปด้วยพี่ไม่ให้เราขับคนเดียวนะบอกไว้ก่อน ไปไหน
ต้องมีพี่นั่งไปด้วย”

แผ่นดินพูดอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อเข้ามานั่งกันในรถสปอร์ตคันหรูของกอหญ้าแล้ว

“พี่ดิน  คอนโดขอเก็บไว้ให้ลูกๆ นะครับ เด็กๆ ต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ
อยู่แล้วตอนโต  ส่วนรถคันนี้กอหญ้าขอเอาไปใช้ที่ไร่นะ  ได้ขับบ้างนิด
หน่อยก็ยังดี  ยังพอรู้สึกว่ามีสมบัติติดตัวไปบ้าง ไม่ใช่หนีตามพี่ดินไป
แบบตัวเปล่าๆ…แล้วจะให้มองหน้าใครติดล่ะจริงไหม”

กอหญ้าพูดไปก็กัดปากไปด้วย  อาการขี้เขินอีกตามเคย

“ใครบอกว่าเราหนีตามพี่…แบบนี้เค้าเรียกว่าไปดูแลหัวใจต่างหากล่ะ
…จะคิดเยอะทำไมเล่า ลูกๆ กว่าจะโตอีกตั้งหลายปี  ถ้าขายไปยัง
เหลือเป็นเงินเก็บติดตัวนะ  เอาอย่างนี้มั้ยพี่จะรับซื้อไว้เป็นสมบัติ
ให้ลูกแล้วกัน…ตกลงตามนี้แล้วกันนะ”

แผ่นดินหาทางออกที่ไม่เป็นการเอาเปรียบคนตรงหน้าจนเกินไป

“พี่ดิน! ทำเหมือนกอหญ้าเห็นแก่เงิน…แล้วเหมือนเราไม่ใช่ครอบครัว
เดียวกันอย่างนั้นแหละ  เสียใจนะครับ”

กอหญ้าออกอาการปากยื่นจนจะถึงจมูกอย่างไม่ชอบใจ

“เห่ย! พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น  แค่ไม่อยากเอาเปรียบเราไง
ก็มันเป็นน้ำพักน้ำแรงของกอหญ้านะ โอเคๆ ลูกพี่ก็เป็น
ลูกกอหญ้าแล้วกัน  งั้นตามใจเราเลย ไม่งอนพี่เนอะ…
พี่ขอโทษครับ”

แผ่นดินง้องอนคนแสนงอน

“พี่ดิน  กอหญ้างอนพี่ซะที่ไหนล่ะ ไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย…บ้าจริง”

แก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อพูดจบ  น่ารักชะมัดแผ่นดินมองอย่างมันเขี้ยว
เขาอยากจะลากมาฟัดซะให้จมเขี้ยวถ้าไม่ติดว่ากำลังขับรถอยู่ละก็…

“งั้นบ่ายนี้เรานั่งเครื่องกันสองคน  แล้วให้ขวัญกับมิ่งขับรถของ
กอหญ้าตามไป”

แผ่นดินวางแผนการเดินทาง  กอหญ้ายิ้มโชว์ฟันเรียงกันสวยเมื่อถูกตามใจ

“อย่างนั้นก็ได้ครับ  พี่ดินใจดีจัง”

กอหญ้าพึมพำขอบคุณ  และยิ้มไม่หุบ  จนแผ่นดินโคลงศีรษะ

‘รักเด็ก  หลงเด็ก  ต้องตามใจกันอยู่ร่ำไปสิน่า’

“โอ้…แม่เจ้า สุดยอด!!! รถสปอร์ตในฝันของผม…คุณกอหญ้ารถสวยมากๆ
เลย  หรูจนผะ…ผม  ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ขับมัน…ครั้งนึงในชีวิตเลยนะครับ”

มิ่งพูดพร้อมกับลูบคลำรถจนจะทั่วทั้งคันอยู่แล้ว

“มิ่ง  ขับระวังๆ หน่อยนะ  เจ้าของรถไม่เคยทำให้เกิดรอย
อย่าเร็วนักรู้มั้ยล่ะ…เครื่องมันแรงมากๆด้วย  เจ้าขวัญอีกคนช่วยปรามๆ
พี่ชายเราด้วย”

แผ่นดินกำชับลูกน้องคนสนิทก่อนจะส่งกุญแจรถให้ไป

“ครับนายดิน  คุณกอหญ้าเชื่อมือผมกับขวัญเถอะ…จะดูแลส่งมอบถึงมือ
โดยไม่ให้มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียววางใจได้ครับ”

มิ่งรับปากอย่างเป็นมั่นเหมาะ  ส่วนขวัญยืนยิ้มอยู่ข้างๆ กันนั่นเอง

“มีรอยไม่ว่าหรอกเพราะรถน่ะมีประกันแก้ไขได้อยู่แล้ว…แต่นายสองคนน่ะ
อย่าซิ่งเป็นพอ  ขับกันดีๆ แล้วก็ให้ถึงที่หมายด้วยดีล่ะ…แล้วเจอกันที่ไร่นะ”

กอหญ้าบอกสองหนุ่มที่ค้อมตัวให้ว่าที่นายหญิงของไร่ที่แสนดี
ไม่หวงรถแต่ห่วงคน  แค่นี้สองพี่น้องก็ทำงานแบบถวายหัวให้แล้ว

“นายไม่ให้ผมส่งนายขึ้นเครื่องก่อนเหรอฮะ แล้วจะไปสนามบินกันยังไง”

ขวัญหันมาถามและลังเลที่จะก้าวขึ้นรถคันหรู

“เรื่องแค่นี้เองขวัญ  กรุงเทพฯรถแท็กซี่เยอะอย่างกับกองทัพมด
ฉันก็ไม่ได้จะบ้านนอกจนไม่รู้นะเว่ย  เจ้าถิ่นเขาก็อยู่นี่ทั้งคน
ไปกันได้แล้วไปยังจะมาห่วงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก”

ขวัญยิ้มแหยเมื่อได้ยินคำตอบจากนายจ้างหนุ่ม  แถมยังโบกมือไล่สองพี่น้อง
ให้ออกรถอีก  จนเมื่อมิ่งเคลื่อนรถออกไปลับตานั่นแหละกอหญ้าจึงพูดขึ้น

“พี่ดิน…ไปยอกย้อนขวัญทำไมกัน  สองคนนั้นอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยพี่
คนฟังเสียน้ำใจหมดกัน”

กอหญ้าติงด้วยไม่รู้ว่านายกับลูกน้องพูดกันแบบนี้
จนเป็นเรื่องเคยชินด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้ว

“พี่แค่พูดไปอย่างนั้น…ของมันเคยปากน่ะ
พี่อยู่กับพวกทโมนเนี่ยทั้งวันทุกวัน จนพี่ติดเป็นนิสัยเพราะอยู่แต่ป่าแต่เขา”

แผ่นดินเสียงอ่อนเมื่อเห็นคนข้างกายทำตาดุๆ

“ไม่เห็นจริง  พูดดีๆก็พูดได้ออกบ่อยไป  ดูกับกอหญ้าทำเป็นพูดเสียงอ่อน
เสียงหวานได้เลย…อุ๊บ”

ยกมือปิดปากตัวเองฉับ  แล้วเดินหนีเข้าลิฟต์ไปก่อน จนคนตัวโตตามเกือบไม่ทัน

“รึว่า…กอหญ้าอยากให้พี่พูดเสียงแบบนี้กับคนอื่นด้วย…ได้จริงๆเหรอครับ…หืม”

นี่ไง น้ำเสียงแบบนี้ไง ไม่น่าเลยที่จะหลุดปากออกไป โดนแกล้งกลับเสียเองแล้ว
พูดไม่พูดเปล่าโน้มหน้าเข้ามาเสียชิดจนจมูกจะแตะกันอยู่แล้ว

“พี่ดินครับ  อย่าแกล้ง…เตรียมตัวกลับบ้านกัน  กอหญ้าอยากไปถึงนู้นแล้ว
คิดถึงคุณย่ากับพ่อเขตแล้วก็ลูกๆด้วย”

กอหญ้าเลี่ยงออกจากสถานการณ์ตรงหน้า  พี่ดินก็ยังส่งสายตาฉ่ำหวานให้ไม่เลิก

‘จะทำให้เขินไปถึงไหนกัน  คนขี้แกล้งเนี่ย  ถึงบ้านก่อนเหอะ…จะดื้อให้ปวดหัว
เลยคอยดูฤทธิ์กันบ้าง’

พอคิดได้อย่างนั้นกอหญ้าก็จ้องกลับด้วยดวงตาดุๆ เช่นเดิม แต่พี่ดินกลับประสานตาสู้อย่างไม่ยอมแพ้

“โอเคๆ สงบศึกกันสักพักก็ได้ครับ…good boy”

พูดจบก็หอมหัวคนรักไปที  แล้วพากันเดินออกจากลิฟต์เข้าห้องไปเก็บของจำเป็น
ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า  เพราะอย่างอื่นก็มีครบแล้วที่ไร่  จึงเป็นการย้ายเข้าบ้านคนรัก
แค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพียงใบเดียวเท่านั้น


สองหนุ่มเดินทางมาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ
เมื่อเดินพ้นประตูของผู้โดยสารขาเข้า  ก็เห็นกริชกับฐานทัพ
โบกมือรอรับอยู่ไหวๆ พร้อมรอยยิ้มแรกที่พบหน้ากัน

“พี่ดิน  กอหญ้า  ยินดีต้อนรับกลับบ้านเรานะ  พี่ดินรู้มั้ยพ่อกับคุณย่า
ไล่ผมกับเจ้ากริชให้ออกมาตั้งนานแล้ว  จนเราสองคนแทบจะต้องมานอนรอเลยด้วย
ไม่รู้สองคนนั้นจะเห่อสะใภ้กันไปถึงไหน เอ่อ…แหะๆ”

ฐานทัพพูดจบแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อน  เมื่อพี่ชายขึงตาใส่

“พี่กอหญ้า คิดถึงจังฮะ ปลอดภัยกลับมาผมก็ดีใจมากๆ
แล้วล่ะ กลับไร่แล้วไม่ต้องไปอีกนะฮะกรุงเทพฯ น่ะ
ทุกคนไม่เป็นอันทำอะไรกันเลยพากันห่วงแต่พี่นั่นแหละ
ส่วนคอนโดของพี่ผมยึดนะ”

กริชพูดขึ้น  สีหน้าทะเล้นไม่เปลี่ยน

“ได้ไงเจ้ากริช  ห้องนั้นเป็นของลูกๆ พี่แล้ว แกก็มีของตัวเองแล้วจะวุ่นวาย
เอาอะไรอีกกับของหลานน่ะ”

แผ่นดินชักสีหน้าใส่น้องชาย

“ขี้หวงไปได้น่ะพี่ดิน  กว่าสองแสบจะโตเข้าเรียนมหาลัย
ห้องพี่กอหญ้าไม่ปลวกขึ้นหรือไง”

กริชย้อนพี่ชาย

“กลับกันเถอะ  เดี๋ยวค่ำ  คุณย่าชะเง้อจนคอจะยาวมาถึงนี่แล้ว
ไปเถียงกันต่อในรถเถอะ”

ฐานทัพมาช่วยลากกระเป๋าเดินทางให้ แล้วก็เดินนำไปที่รถ

“พี่ดินแล้วพี่มิ่งกับพี่ขวัญล่ะ ไม่กลับมาด้วยกันเหรอฮะ
หรืออยู่เที่ยวกรุงเทพฯ กันต่อ”

กริชถามถึงพี่น้องฝาแฝดคนสนิทของพี่ชาย

“พี่ใช้ให้สองคนนั้นขับรถของกอหญ้ากลับมาน่ะ
รายนี้ไม่รู้ทำไมอยากจะเอารถมาใช้ซะจริงๆ
ทั้งๆ ที่พี่ก็บอกแล้วว่าจะขับไปไหนมาไหนต้องมีพี่นั่งไปด้วย
ยังจะเอามาใช้อีก…หวังว่าคงได้ใช้หรอกนะ หึหึ”

พี่ดินพูด  และหัวเราะอย่างมีเลศนัย

“ได้ขับอยู่แล้วละ  พี่ดินเถอะตามติดทุกที่ได้ก็ให้รู้ไปเหอะ”
กอหญ้าเริ่มออกอาการดื้อตาใส  และมีประกายซุกซนในหน่วยตาสีน้ำตาลคู่สวย

“บ้านเรามีรถตั้งหลายคัน  หยิบใช้ได้หมดจะเอามาอีกทำไมกันครับ
 จะไปไหนก็แค่บอกมีคนขับให้นั่งอยู่แล้ว  ถนนหนทางก็ไม่คุ้นชิน
 พี่ว่าคงยากนะที่พี่ดินจะให้ขับเองน่ะ”

ฐานทัพตอกย้ำขึ้นมาอีกคน

‘อีกไม่กี่ชั่วโมงรถก็จะมาถึงแล้ว  ถ้าจะไม่ให้ขับตั้งแต่ทีแรก…
แล้วจะย้ายรถมาเพื่ออะไรกัน  พี่ดิน…คนเจ้าเล่ห์’

กอหญ้ามีอาการขัดใจหน่อยๆ

“พี่ทัพอย่าพูดไปนะ  ลองได้เห็นรถของพี่กอหญ้าเหอะ
พี่จะไม่พูดแบบนี้หรอก หึหึ”

กริชพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น  ฐานทัพขมวดคิ้วอย่างแคลงใจ


ตลอดเส้นทางกลับบ้าน  แผ่นดินเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกอหญ้า
ให้น้องชายทั้งสองฟัง  เมื่อทั้งสองฟังจบลงก็เกิดอาการหัวร้อนไปตามๆ กัน

“ถ้าผมอยู่ตรงนั้นนะพี่ดิน  ผมจะกระทืบๆ มันให้กระอักเลือดเลย  ไอ้นรกเอ๊ย!”

ฐานทัพโกรธแค้นแทนพี่ชาย

“ดีนะที่พี่ขวัญตามไปติดๆ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
ถ้าไม่มีคนไปช่วย…ฮึกฮือ”

กริชพูดจบ แล้วก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ด้วยอาการใจเสีย

“พี่ปลอดภัยกลับมาแล้วเนี่ย  พี่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะตัวแสบ”

กอหญ้าเอื้อมมือไปลูบหัวน้องที่นั่งอยู่เบาะหน้า

“ต่อไปพี่ก็ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแล้วละ”

พี่ดินพูดขึ้น  แล้วยีหัวกอหญ้าบ้าง

“อ้าว! แล้วงานทางนั้น ทำไงกันต่อ ทิ้งได้เหรอไง
ไม่ถูกเขาฟ้องเรียกค่าเสียหายเหรอ สัญญายังไม่หมดนี่”

ฐานทัพถามอย่างสงสัย

“เหลือละครอีกเรื่องครับพี่ทัพ  เข้าไปคุยกับบอสแล้วเมื่อเช้า
ทางนั้นจะยกกองมาถ่ายที่ไร่ของเรา แล้วก็โลเคชั่นในจังหวัดเชียงใหม่นี่แหละ
กอหญ้าก็ไม่ต้องไปกรุงเทพฯแล้ว แต่อาจจะต้องเข้าไปบ้างบางงานแต่ก็ต้องให้พี่ดินพาไป”

กอหญ้าเล่าให้ฐานทัพฟังแบบที่ได้ตกลงกับบอสและผู้กำกับไว้ก่อนหน้านี้

“อ้าว! จริงเหรอกอหญ้า  พี่คิดว่าที่บอสของกอหญ้าพูดน่ะเป็นเรื่องล้อเล่นซะอีก
 ไหงเป็นเรื่องจริงล่ะ มาถ่านที่ไร่เราเนี่ยนะ

”แผ่นดินถามอย่างแปลกใจ

“เรื่องจริงครับพี่ดิน…กอหญ้าลืมบอกพี่ก่อนหน้านี้
พี่คะน้าคงรอผู้กำกับว่างถึงจะติดต่อขอใช้สถานที่กับทางไร่เขตแผ่นดินน่ะครับ”

กอหญ้าชี้แจงให้เจ้าของไร่ฟังอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก

“เจ๋งไปเลย! ทีนี้ไร่เราได้ดังเป็นพลุแตกแน่ๆ พี่ดินเตรียมเปิดไร่
ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม  แล้วเก็บค่าเข้าชมเป็นรายหัวได้เลย
ทีนี้ล่ะรับเงินกันไม่หวาดไม่ไหว  ทั้งขายของฝากได้เพิ่มอีก
โดยเฉพาะแฟนคลับอย่างพวกผมมากันตรึม หุหุ”

กริชพูด  พร้อมทำตาเคลิ้มฝันไปไกล  ลืมเรื่องเศร้าไปจนหมด

“เห่ย! บรรเจิดแท้น้องรัก เป็นความคิดที่ดีแล้วใครเป็นนางเอกคู่กับกอหญ้า
ล่ะเรื่องนี้น่ะ”

พี่ทัพถาม ทำเอาคนถูกถามสะดุ้งโหยง เมื่อเขาเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้คุยกับพี่ดิน ก็ตกลงรับงานไปแล้ว

“ว่าไง ได้วางตัวนักแสดงรึยัง ทำไมคิดนาน ใช่นางเอกคนเดียวกับที่เล่นคู่กันตอนนี้รึเปล่า
ที่คุณย่ากำลังดูอยู่น่ะ”

แผ่นดินถามย้ำขึ้นอีกเมื่อเห็นกอหญ้าดูลังเลที่จะบอกชอบกล

“เอ่อ…คือ มันเป็นละคร  บอยเลิฟ  มีพระเอกแต่เป็นคนอื่นไม่ใช่กอหญ้าน่ะครับ”

กอหญ้าตอบแบบเลี่ยงๆอีกตามเคย ถ้าแฟนละครตัวยงจะเข้าใจคำว่า บอยเลิฟ ว่าเป็นละครแนวไหน

“อ้าว! จริงดิ ถ้าไม่ได้เล่นเป็นพระเอก แล้วเล่นเป็นอะไรล่ะ
ตัวร้ายรึไงจะพลิกบทบาทเหรอเรา”

พี่ทัพยิงคำถามมาอีก  พาให้กอหญ้ารู้สึกกระอักกระอ่วนหายใจไม่ทั่วท้อง

“เหอะๆ เดี๋ยวก็รู้ครับพี่ๆ อย่าเพิ่งคาดคั้นให้พี่เขาบอกเสียหมดเลย
ผู้กำกับและเจ้าของละครเขาจะว่าได้นะ เพราะละครยังไม่ได้เปิดกล้อง
จะโปรโมทกันเองได้ไง  ยังคงเป็นความลับอยู่ละมั้ง”

กริชรู้แล้วว่าพี่กอหญ้าไม่ใช่พระเอก แล้วก็ไม่ได้เล่นเป็นตัวร้ายด้วย

‘ผมช่วยได้แค่นี้นะพี่ ที่เหลือไปเคลียร์กันเองสองคนเถอะ’
กริชหันมายิ้มให้กำลังใจจนที่นั่งหน้าเจื่อนอยู่เบาะหลัง


กอหญ้ามองน้องอย่างนึกขอบคุณที่ช่วยให้เรื่องจบลงได้
เขาต้องรีบคุยกับพี่ดินให้รู้เรื่องก่อน หากพี่ดินรู้เองทีหลังมีหวังบ้านแตกแน่ๆ
คืนนี้กอหญ้าตั้งใจว่าจะเล่าให้คนรักฟัง แล้วเรื่องนี้ก็เป็นอันปิดจบเมื่อกอหญ้า
ง่วงแล้วซบหลับไปกับบ่าคนตัวโตข้างๆ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 39 ก้าวต่อไป
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 03-04-2019 20:01:03
ตอนที่ 39 ก้าวต่อไป

กอหญ้ามาถึงไร่เขตแผ่นดินเมื่อเกือบค่ำ  ทุกคนโผล่หน้ามาให้เห็นเมื่อก้าวเท้า
ลงจากรถ  เป็นที่น่ายินดีที่ได้รับการต้อนรับดีถึงเพียงนี้

“กอหญ้าไปหาคุณย่ากับคุณพ่อก่อนเถอะ  ท่านรอนานแล้ว
ทัพกับกริชก็ขอบใจมากที่ไปรับนะ  นู่นเจ้าเพชรกับแตงโมมานั่นแล้ว
ให้ช่วยขนกระเป๋าตามมาให้พี่ทีนะ”

พี่ดินจูงมือกอหญ้าพาเดินเข้าบ้านไป  กอหญ้าส่งยิ้มให้เพชรและแตงโม
ส่วนป้าสายก็มาเมียงมองให้เห็น  คุณนนท์ก็ด้วยอีกคน

“สวัสดีครับป้าสาย  คุณนนท์คิดถึงนะครับ  อยากทานอาหารฝีมือป้าสายจังเลย”

กอหญ้าเอ่ยทักทาย

“คิดถึงเช่นกันครับ  ยินดีต้อนรับกลับนะคุณกอหญ้าแล้วก็นายดินด้วย
เข้าไปด้านในกันเถอะคุณท่านรออยู่”

ชานนท์ออกมารับหน้าสองหนุ่ม

“เดี๋ยวป้าไปหาน้ำส้มเย็นๆมาให้นะคะ”

ป้าสายบอกแล้วก็หมุนตัวกลับเข้าครัว กอหญ้าเดินไปที่ห้องรับแขก
เจอเจ้าบ้านทั้งสองจึงก้มลงกราบ

“ขึ้นมานั่งข้างๆย่านี่ลูก หมดเคราะห์หมดโศกซะทีนะ
เจ้าดินมันหัวไวส่งเจ้าขวัญไปคอยเฝ้า แล้วก็ฉลาดที่ขอความช่วยเหลือ
มาที่เจ้าภพมัน ไม่งั้นนะเข้าไปช่วยไม่ทันแน่ๆเลยลูกเอ๊ย! อยู่มันเสียที่นี่
เลยแล้วกัน ย่าไม่ให้ไปไหนแล้ว เจ้าดินมันเลี้ยงเราได้อยู่หรอก
ที่นี่ญาติเยอะมีคนดูแลดีกว่าเป็นไหนๆ ที่นู่นไม่เห็นจะมีใครสักคน”

คุณย่าพูดเองเออเอง และสรุปจบในตอนเดียว

“นั่นสิ  กลับมาบ้านเรา  งานอะไรนั่นก็เลิกๆ ทำมันซะ
อยู่ช่วยเจ้าดินมันซะที่นี่ เลี้ยงเด็กก็ตั้งสองคน ว่างก็ไปตรวจไร่ดูคนงาน
เฝ้าร้านขายของฝากในตลาด ทำบัญชีช่วยเจ้านนท์คงไม่ยากเย็นเท่าไหร่
เห็นไหมงานเยอะแยะถมถืดไป ถ้ายังไม่พอหรือยังจะว่าไม่มีอะไรให้ทำก็มาบอก
เดี๋ยวพ่อหาให้จะขนขี้วัวก็ได้นะ ฮะฮ่าฮ่า”

พ่อเขตเย้าหยอกในตอนท้าย  ทำเอากอหญ้ายิ้มแหยๆ

“นายเขตก็ไปล้อคุณกอหญ้า  ดูสิครับพอพูดว่าจะให้ไปขนขี้วัว
หน้าเจื่อนเลย  คริคริ”

ชานนท์อดขำไม่ได้ที่เห็นกอหญ้าทำหน้าปุเลี่ยนแบบนั้น

“พ่อครับ  ที่รักของผมยังไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในไร่  ก็จะให้ไปขนขี้วัวแล้วเหรอ
 ร้ายกาจเกินไปแล้วครับพ่อ”

แผ่นดินแกล้งต่อว่าบิดาอย่างไม่จริงจังนัก  เป็นการพูดเอาฮาซะมากกว่า

“เออแน่ะ! เข้าข้างกันแล้วว่ะ! ลูกชายฉันสงสัยจะหลงเมีย หึหึ”

พ่อเขตกระเซ้ากลับมาหนักกว่าเดิมอีก

“นี่ตาเขต  เดี๋ยวเหอะนะ  เย้าหยอกซะแรง  ดูหลานฉันสิ…ดูทำหน้าเข้า
มาใกล้ๆ ย่ามา ให้ย่ากอดอีกที”

คุณย่าอ้าแขนรอ

“คุณแม่ก็ด้วยท่าจะหลงหลานสะใภ้เอาจริงๆ”

พ่อเขตขยี้ซ้ำลงอีก  กอหญ้ารู้สึกว่าการต้อนรับกลับบ้านครั้งนี้พ่อเขตเล่นหนักกว่าใครเพื่อน
จนเขาวางหน้าไม่ถูกแล้ว

“อ้าว! นั่นเอาน้ำส้มมาให้เหรอ อืม…ขอบใจนะแก้ว”

เด็กสาวยิ้มรับ  แผ่นดินจึงรับถาดน้ำส้มมาวางตรงหน้า
แล้วส่งให้กอหญ้าไปแก้วหนึ่งเมื่อเจ้าตัวกอดกับคุณย่าจนพอใจแล้ว

“ไปที่โต๊ะทานข้าวกันเถอะ  เจ้าสองคนไปรอนู่นแล้ว”

คุณย่าชวนให้ไปทานมื้อเย็น  ที่โต๊ะมีกริชและพี่ทัพไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ฮึ…ผมคิดว่าจะไม่มีคนหิวซะอีกมื้อนี้”

ฐานทัพแขวะ  ตามนิสัยปากช่างว่า

“เหรอ  ถ้าไม่มีใครหิวสิ  พวกแกได้กินกันท้องแตกแน่ๆ อาหารทำพิเศษ
ให้หนูกอหญ้าเลยนะ มื้อนี้น่ะ”

คุณย่าพูดขึ้น เมื่ออาหารมาวางที่โต๊ะ ทำเอากริชยกมือลูบอย่างหวานหมูที่พลอยได้ลาภปากไปด้วย

“สุดยอดเลยคุณย่า  เด็ดๆ ทั้งนั้นเลย ดูสิ! ไปรู้มาจากไหนว่าเป็นของชอบพี่เค้าน่ะ
เป็นแฟนพันธุ์แท้แล้วสิครับ…แบบนี้”

กริชแซวคุณย่าที่ยิ้มไม่หุบ

“เจ้าเพชรน่ะสิ  มันเปิดดูในโทรศัพท์  แล้วก็จดๆออกมา  ย่าเลยให้สายลองทำ  กินเยอะๆนะกอหญ้า”

“พวกผมก็ทานเป็นนะครับ  คุณย่าคนดี…ขอพี่ทานบ้างนะกอหญ้า หวงรึป่าวเนี่ย”

ฐานทัพแกล้งหันไปขอกับเจ้าของเมนูโปรด

“พี่ทัพอ่ะ  พากันล้ออยู่ได้  ก็ทำสำหรับทุกคนนั่นแหละครับ”

กอหญ้าอายจนแทบจะม้วนลงไปใต้โต๊ะกินข้าวแล้ว

“แตงโม ไปพาน้องๆ ออกมากินข้าวไป  ตั้งแต่กลับมายังไม่เห็นลูกเลย”

แผ่นดินถามหาลูกๆ

“นั่นสิพี่ดิน ไม่ใช่เล่นกันเพลินหรือว่าพากันหลับอยู่ล่ะ”

ฐานทัพพูดขึ้นอีกคน แตงโมหายไปแป๊บก็มีเสียงวิ่งตุบตับ
เตาะแตะเข้ามา คนเล็กเดินไปหาพ่อ  คนโตเข้าหาอากอหญ้า

“ชื่นใจจังครับ  ต้นกล้า คิดถึงอากอหญ้ามั้ยครับ”

กอหญ้าหอมแก้มเด็กชายแล้วจับมานั่งเก้าอี้ข้างๆ กัน

“คิดถึงฮะ  อากอหญ้าหนีไปไม่บอกกล้าเลย แต่พ่อไม่ให้กล้าโกรธอาครับ”
เด็กชายต่อว่ากลายๆ

“อามีงานด่วนต้องไปทำ  นี่ไงครับ  อากลับมาแล้ว  ทานข้าวกันดีกว่าเนอะ
 ใบข้าวทานเยอะๆ นะคะ”

กอหญ้าชะโงกหน้าไปหาเด็กหญิงที่ยิ้มตาหยีข้างๆ พ่อดิน

ทั้งหมดลงมือทานอาหารค่ำ บรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้น

“ชานนท์เป็นอะไร เผ็ดเหรอเรา  กินได้หรือเปล่าล่ะ จานนั้นมันเผ็ดมากของเจ้าดินมัน
 รับนี่ไป”

พ่อเขตส่งจานผัดเปรี้ยวหวานให้แลกกับจานผัดฉ่า

“เผลอไปหน่อยครับนายเขต ปากแทบพัง นายดินทานเผ็ดไปแล้ว
ลำไส้ไม่พังหมดแล้วเหรอป่านนี้”

ชานนท์อดบ่นผู้เป็นนายไม่ได้

“บอกเคยเชื่อซะที่ไหน พอไม่มีเผ็ดๆให้ก็ทานนิดเดียว
เลี้ยงยากสุดๆ เลยคนนี้”

กอหญ้าเผลอผสมโรงไปด้วยอีกคน

`รู้ใจกันไปเสียหมด พี่ดินไปหาแค่คืนเดียวดูสิ…ฝากรอยที่คอขาวๆ
กลับมาด้วย คนขี้หวงนี่นะ ร้อนแรงไม่เบา`

ฐานทัพอดไม่ได้ที่จะสะกิดให้เจ้ากริชดูต้นคอของกอหญ้า
กริชเขินแทนเมื่อเห็น  แต่ก็ไม่วายเกรียน

“คอนโดพี่กอหญ้าท่าจะยุงเยอะเนาะ กัดซะคอแดงกลับมาเลย”

กริชถือคติทักทายกันตามประสาพี่น้องซะหน่อย  พูดจบช้อนในมือพี่กอหญ้าถืออยู่ก็ร่วงลงบนจาน

เคร้ง!!!

“อะไรกันลูก  มือไม้อ่อน  เจ้าดินก็อีกคนเป็นอะไรแอบขำอะไรนักนะ”

คุณย่าพูดขึ้นเพราะไม่รู้ว่าหลานชายคนโตเป็นต้นเหตุ กอหญ้ามองตาเขียวใส่สามพี่น้อง
และส่งสายตาพิฆาตให้คนก่อเรื่อง

“เจ้ากริช เอ้า! เอานี่ไปปากว่างนักนะเรา เดี๋ยวจะโดนดี”

พี่ดินตักอาหารจานเผ็ดซึ่งมีพริกลอยอยู่เต็มไปใส่จานน้อง เพราะหมั่นไส้ที่หาเหตุให้เขาโดนหมายหัว

“คุณย่าฮะ  พี่ดินเป็นอันธพาลอีกแล้ว  เอาพริกมาใส่จานกริชดูสิฮะ
ใครจะไปกินได้  แสบท้องตายกันพอดี”

กริชหันไปฟ้องคุณย่าเมื่อถูกพี่ชายเอาคืน

“เจ้าดินแกชอบเผ็ดก็กินไปคนเดียวสิ  อย่าไปยุ่งกับน้องมัน  ถ้ามันปวดท้อง
เดือดร้อนแกแน่ๆต้องพาไปหาหมอเลยนะ…เจ้าตัวดี”

คุณย่ากลายเป็นเกราะกำบังอย่างดีสำหรับน้องตัวแสบไปแล้ว ฐานทัพแอบอมยิ้มกับความแสบของน้อง


Rrrrrrr เสียงโทรศัพท์ของกอหญ้าดังขึ้น

พอหยิบดูก็เห็นเป็นเบอร์จากทนายความ  จึงหันหน้าจอให้พี่ดินดู

“กอหญ้าส่งมาให้พี่เลย  เดี๋ยวพี่คุยเอง”

กอหญ้าส่งโทรศัพท์ให้  พี่ดินรับสายและลุกออกไปคุยด้านนอก
หายไปสักครู่ก็เดินกลับเข้ามาสีหน้าเรียบนิ่ง

“แม่เลี้ยงของกอหญ้าส่งทนายมาจะขอไกล่เกลี่ย  พี่บอกไปแล้วว่า
…ถ้าเป็นเรื่องนี้เราจะไม่คุย  ไม่มีการรอมชอมอะไรทั้งนั้น”

พี่ดินพูดด้วยความเด็ดขาด  กอหญ้าจึงพยักหน้าเข้าใจ

“อย่าไปคุยให้เสียเวลาเลยดิน  เอาความให้ถึงที่สุดดีแล้วล่ะ
แกก็จัดการไปตามที่เห็นสมควร  ไม่ต้องให้กอหญ้าทำนะ
รายนี้พ่อดูตาก็รู้ว่าขี้สงสาร  เดี๋ยวก็ไปใจอ่อนยอมความเขา
ถ้าเรื่องบางเรื่องจะใจอ่อนสงสารหรืออภัยได้มันก็เป็นการดี
แต่ไม่ใช่ว่าจะทุกเรื่องนะ ว่าไหมเจ้าดิน”

แผ่นดินรู้ว่าเรื่องที่พ่อพูดคือเรื่องแม่ๆลูกๆนี่แหละ

พ่อแอบเล่าให้ฟังว่าแม่เลี้ยงข้าวทิพย์โทรมาถามไถ่ข่าวคราวลูกชายทุกวัน
เกือบสามเวลาหลังอาหาร  ชายหนุ่มได้ฟังก็อ่อนใจ…กลัวกอหญ้าจะไม่ยอม
รับแม่ตัวเองขึ้นมา  เขาจะพลอยถูกโกรธและเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดไปด้วย

น้ำท่วมปากจริงๆ แล้วตอนนี้

“บางเรื่อง  หุนหันไปก็มีแต่พังกับพังนะเจ้าดิน”

คุณย่าพูดอีกเสียง พี่ดินก็พยักหน้า  น้องชายสองคนของพี่ดินก็ไม่พูดอะไรกัน
เหมือนทุกคนรู้อยู่ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร  กอหญ้ารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก
ที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย 


มื้อค่ำผ่านไปด้วยดีอย่างอิ่มหมีพีมันกันไปตามๆกัน
กิจวัตรประจำวันหลังมื้อค่ำก็ยังคงเดิม  กอหญ้ารู้สึกเพลียอยากจะนอน
จึงสะกิดพี่ดิน

“อาบน้ำนอนได้แล้ว  มิ่งกับขวัญอีกสักสามชั่วโมงคงมาถึง
 เดี๋ยวพี่ตามไป”

พี่ดินดันหลังให้เขาขึ้นข้างบน  กอหญ้ารีบทันทีเพราะเหนียวตัวเต็มที


กอหญ้าใช้เวลาพอสมควรในห้องน้ำ  แล้วก็มีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องน้ำ

“กอหญ้าทำไมอาบนาน  ออกมาเลย  ตาพี่อาบบ้างแล้ว”

“แปรงฟันแป๊บนึงฮะ  พี่ดินเตรียมตัวได้เลย”

รีบบ้วนปากเช็ดตัว  แล้วก็พันกายช่วงล่าง  หันไปประตูห้องน้ำก็เปิดผลัวะเข้ามา

“ขอโทษที  พี่เป็นห่วงเห็นเข้ามานาน  คิดว่ามัวแช่ตัวอยู่…ไปใส่เสื้อผ้าไป”

พี่ดินพูดแล้วก็ปลดผ้าเช็ดตัวออกจากตัว  เดินโทงเทงไปที่ฝักบัว
กอหญ้าจึงรีบหนีออกจากห้องน้ำทันที ได้ยินเสียงหัวเราะดังตามหลัง


กอหญ้าแต่งตัวเสร็จก็ทาไนท์ครีมบำรุงผิวหน้าและโลชั่นทาผิวกาย
พี่คะน้าสั่งนักสั่งหนาไม่ให้ละเลยเพราะผิวพรรณและหน้าตาเป็นจุดขายที่ต้องใส่ใจ
ลูบไล้ครีมมาถึงช่วงคอให้นึกโกรธคนตัวโต  ดูทำรอยไว้จนเจ้ากริชแซวแล้วพี่ทัพ
จะไม่เห็นได้ไง

กอหญ้าก้าวเท้าขึ้นเตียงล้มตัวลงนอน  กลิ่นหมอนกับผ้าห่มกลายเป็นกลิ่นกายพี่ดิน
ไปแล้ว  คงจะมานอนห้องนี้ทุกคืนตอนที่เขาอยู่กรุงเทพฯ เป็นแน่

กอหญ้านอนรอจนง่วง  พอปิดเปลือกตาลง  ประตูห้องน้ำก็เปิดออก

“นอนแล้วเหรอ  ไม่รอกันเลย”

แผ่นดินเดินมาหยิบกางเกงที่กอหญ้าวางไว้ให้ที่ปลายเตียงมาสวม
เอาผ้าเช็ดตัวไปพาดที่ราวเล็ก  แล้วก็แทรกตัวเข้าในผ้าห่ม

“เห็นหน้าก่อนนอน  แค่นี้ก็พอแล้ว…ฝันดีนะ”

แผ่นดินกดจูบกลางหน้าผากมน  และดึงคนตัวหอมมากอดแนบอก

“ฝันดีฮะพี่ดิน”

ไออุ่นจากเรือนกายที่ต้องผิวกายของกันและกันให้ความรู้สึกอุ่นวาบไปสู่หัวใจ
จนกอหญ้าเคลิ้มและดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา 

แผ่นดินพยายามข่มตาหลับแต่สมองของเขายังคงขาวโพลน
ใจหวนนึกไปถึงว่าจะทำยังไงให้กอหญ้ายอมรับคุณน้าทิพย์เป็นแม่
โดยที่ไม่ต้องเจ็บปวด  คิดอยู่หลายตลบก็ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน

จนกลไกร่างกายไม่ไหวแล้วนั่นแหละชายหนุ่มจึงผล็อยหลับตามไปในที่สุด

***************************************************************************************
Talk : ช่วงหวานละมุนก็เก็บเกี่ยวกันไว้นะคะ เพราะช่วงชีวิตคนเราต้องเจอกับอะไรอีกเยอะแยะมากมาย มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ  และน้ำตา เชื่อเถอะ





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36,37,38,39 มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-04-2019 20:31:32
 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36,37,38,39 มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 03-04-2019 22:09:43
หวานจัง มดในไร่มาล้อมบ้านไว้หมดแล้ว
 :catrun:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36,37,38,39 มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-04-2019 23:02:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 36,37,38,39 มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 03-04-2019 23:56:54
กลับไร่มาให้นายดินประคบประหงมอย่างนี้ก็ดีแล้ว

แต่หวังว่าจะไม่มีดราม่าเรื่อง BL น๊า 55555  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 40 เที่ยวชมไร่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 04-04-2019 12:38:40
ตอนที่ 40  ชมไร่ 1

กอหญ้าตื่นนอนมาในตอนสาย  พี่ดินคงไปตรวจความเรียบร้อยในไร่ยังไม่กลับ
กอหญ้าจึงไปเข้าห้องน้ำทำกิจธุระส่วนตัว  เสร็จแล้วจึงแต่งตัวในชุดพร้อมออก
ไปไร่ 

หวังว่าพี่ดินคงมีงานให้เขาทำอย่างที่บอกไว้  และกอหญ้าตั้งใจจะบอกพี่ดินถึงเรื่องละครที่รับเล่นไปด้วยเลย

“อาบน้ำตัวหอมเลยนะ  มาให้พี่หอมที อื้ม…จุ๊บ…แล้วนี่แต่งตัวจะไปซนที่ไหนครับ”

แผ่นดินเข้ามาในห้องนอนพบเจ้าของห้องอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วในชุดทะมัดทะแมงพร้อมลุย

“อ้าว! ก็จะไปช่วยพี่ดินทำงานในไร่ไงครับ  ส่ายหน้าทำไม…ไม่รู้ล่ะ
ถ้าพี่ดินไม่ให้งานกอหญ้าทำนะ ไปขนขี้วัวก็ได้”
กอหญ้าหน้างอเมื่อคนตัวโตทำท่าไม่ยอมให้ไปด้วย

“ช่วยน่ะพี่ให้ช่วยอยู่แล้ว  แต่ไม่ใช่วันนี้ครับเพราะยัยข้าวหอมกับคุณน้าทิพย์จะมาที่ไร่
พ่อเขตให้เราสองคนช่วยรับรองแขกแทนท่าน  ไปพร้อมกันนะพาสองคนแม่ลูกชมไร่ด้วย
นี่แหละคืองานที่ต้องทำ ห้ามงอแง”

พี่ดินเอื้อมมือมาจับปลายคางของเขาและใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงเล่น

“ก็ได้ งานแรกก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ แล้ว”
กอหญ้าพูดประชด

“ไม่ต้องมาหน้ามุ่ยใส่พี่เลย เอ่อ…เจ้าสองแฝดเอารถมาคืนให้แล้วนะ
ไปดูหน่อยมั้ย เห็นว่ากลับมาราวๆ ตีสองได้”

พี่ดินชวนไปดูรถคันหรูที่มาถึงเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เป็นไรฮะ นี่ถือว่าสองคนนั้นขับไม่เร็วมากเท่าไหร่นะเนี่ย
ดีแล้วที่กลับมาปลอดภัยทั้งสองคน พี่ดินจะไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอ
จะได้ลงไปทานมื้อเช้า แล้วเด็กๆ ล่ะฮะ”

“กอหญ้านี่เก้าโมงกว่าแล้วนะ  ต้นกล้าไปเรียนแล้ว  ส่วนยัยหนูเล่นของเล่น
อยู่กับแตงโม  นี่พี่ก็อาบน้ำนานแล้ว  นี่ไงครับชุดหล่อของพี่…พร้อมลุยงาน”

“หูย…ทำไมไม่มีใครปลุกเลย  น่าขายหน้าชะมัด  แล้วยังต้องนั่งกินมื้อเช้า
คนเดียวเนี่ยนะ  งั้นกาแฟถ้วยเดียวดีกว่ามื้อนี้”

“ได้ยังไง…พี่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย  รอกินพร้อมเรา…ไปกันพยาธิพี่ดิ้นแล้ว”
พี่ดินพูดเสร็จก็ลากแขนกอหญ้าให้ลงไปข้างล่าง

“โอ๊ะ…ช้าๆพี่ดิน เดี๋ยวตกบันไดครับ”

กอหญ้าถูกลากจนขาแทบพันกัน

“ใครจะปล่อยให้เจ็บตัว งั้นค่อยเดินไปก็แล้วกัน”

“หนูกอหญ้า หลับดีเลยสิลูก…เจ้าดินน่ะไม่ยอมให้ใครไปปลุกบอกให้นอนไปก่อน
 เนี่ยเลยมื้ออาหารไปนานแล้ว ถ้าปวดท้องย่าจะฟาดพี่เราให้ ดีมั้ยลูก”

“ไม่ปวดท้องหรอกฮะ…ขอโทษนะครับคุณย่า  เหนื่อยมาหลายวัน…
เผลอนอนทบยอดมากไปหน่อย”

กอหญ้าอ้อมแอ้มบอกคุณย่า  อายก็อายที่รู้กันทั้งบ้านว่าเขาตื่นสายโด่ง

“ไม่เป็นไรลูก ย่าไม่ได้ว่าอะไร นี่แม่สายไปเตรียมอุ่นข้าวต้มให้อยู่ จะได้กินร้อนๆหน่อย”

“อ้าว! ลำบากป้าสายอีกรอบเลยดูสิ แย่จัง…”
กอหญ้ารู้สึกผิดที่กลายเป็นเพิ่มงานให้ป้าสาย

“ไม่เป็นไรลูก แม่สายน่ะเค้าอยากทำให้เอง อย่าไปคิดอะไรเลย
ที่นี่ก็ทำให้กันอย่างนี้เป็นประจำอยู่แล้วอย่างเจ้าทัพไง…
เที่ยวดึกตื่นสาย…กินทีหลัง…เป็นปกติล่ะลูก”

คุณย่าพูดถึงพี่ทัพจนกอหญ้ามองเห็นภาพเลยทีเดียว

“ขอบคุณฮะคุณย่า  แล้วพ่อเขตไปไหนเหรอฮะ  ยังไม่เห็นเลย”
กอหญ้ามองหาพ่อเขตอีกคนที่ปกติต้องเจอกันทุกครั้งที่ลงมาด้านล่าง

“เห็นเอารถไปลองขับกันน่ะ  ไม่ยอมรอเจ้าของรถก่อนเลย  เจ้ามิ่งนั่นสิ!
 ตัวดีนัก คะยั้นคะยอ  ทำเอาทั้งพ่อทั้งลูกเจ้ากริชด้วยแห่ไปกันหมด”

“หึหึ  นี่เจ้าทัพเป็นไปด้วยอีกคนเหรอครับย่า”
พี่ดินถามคุณย่า สีหน้าพี่ดินออกจะขำๆ ด้วยซ้ำ

“ใช่ๆ มันตัวดีเลยด้วย  ชวนพ่อแกแทบจะลากถูลู่ถูกังเอาเลยเชียว
คงอยากจะลองเครื่องเสียเองแต่ให้พ่อมันไปเป็นหนังหน้าไฟให้อย่างนั้น”

คุณย่าว่าหลานชายตัวดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ใครว่าคุณย่าไม่ชอบพี่ทัพกัน
นี่ขนาดพี่ทัพเกเรยังทั้งรักทั้งหมั่นไส้แบบนี้  กอหญ้ามองคุณย่าแล้วยกยิ้มตาม

“โธ่ คุณย่าก็…กอหญ้าไม่หวงของเสียหน่อย  คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น
ไม่เห็นจะต้องลากคุณพ่อไปด้วยเลยพี่ทัพนี่น๊า”

“ไงล่ะเจ้าดิน ยิ้มปากจะฉีกถึงใบหู…ถูกใจที่เมียแกพูดล่ะสิ”
คุณย่าแซวออกมา ทำเอากอหญ้าไปต่อไม่เป็นเลย

`เมีย ฮึ คุณย่าอ่ะ ไม่ได้เป็นซะหน่อย…แค่แฟนเองเถอะ`

“มีความสุขนี่ครับที่เลือกคนรักได้…แสนดี…แบบนี้”
แผ่นดินพูดอย่างที่ใจคิดและรู้สึก

“นี่น่ะ…ถ้าแม่ยายแกมาได้ยิน คงดีใจเอามากๆ แน่ ที่แกรักใคร่ลูกเขาถึงขนาดนี้
เอ่อ …ย่าปวดท้อง…ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

คุณย่ารีบขอตัวไปห้องน้ำจนเหมือนกับว่าต้องการเลี่ยงกันอย่างนั้น ทำเอากอหญ้ายืนตะลึง

'เอ๊ะ! แม่ยายอะไร ยังไง แล้วกับสะใภ้คนไหนล่ะ'

“พี่ดิน  ที่คุณย่าพูดคือใคร แม่ยายน่ะครับ”
กอหญ้าถามขึ้นทันทีที่คุณย่าเดินหายออกไป

“คุณย่าคงลืมไปว่ากอหญ้าไม่มีแม่  ท่านก็พูดไปเรื่อยเปื่อย
พี่ไม่ได้มีใครอีกนอกจากเรานะ  ข้าวต้มมาแล้วทานกันก่อนเถอะ
เดี๋ยวแขกมาจะพากันอดซะเปล่าๆ”

“ขอบคุณนะครับป้าสายและขอโทษที่ทำให้ยุ่งยาก”

“ไม่เป็นไรค่ะ  ทานให้อร่อยนะคะ”
ป้าสายวางชามลงบนโต๊ะ ส่งยิ้มให้แล้วกลับเข้าครัว

“พี่ดินครับ  เช้าแบบนี้อย่าเพิ่งทานเผ็ดเลย ไม่ต้องปรุงจะดีกว่า”
กอหญ้ายกชุดเครื่องปรุงหนีห่างมือคนตัวโต

“ก็ได้ๆ ไม่เติมก็ได้  อยู่ในโอวาทเสียหน่อย  แฟนจะได้รักได้หลง”

“พี่ดิน เดี๋ยวเหอะนะ”
กอหญ้าหันไปส่งสายตาวาวเอาเรื่อง


เมื่อทั้งสองทานมื้อสายกันเสร็จสิ้น ต่างก็พากันไปนั่งรอรับแขกที่จะมา
เที่ยวไร่ ซึ่งคาดว่าคงใกล้จะมาถึงแล้ว

“พี่ดินเรื่องละคร  กอหญ้า…เอ่อ…เล่นเป็นนายเอก ไม่ใช่พระเอกนะฮะ
มันเป็นละครวายกระแสนิยมใหม่… เรื่องแบบชายรักชายน่ะ  พี่คะน้าดูบทให้แล้ว
เป็นฟีลกู๊ดแบบรักใสๆ ไม่ได้หวือหวา ไม่โป๊อะไร”

“อ่อ…ที่มีกระแสจิ้นที่เขาจับคู่ดาราชายกับชายน่ะเหรอ”

“โอ้…พี่ดินรู้จักด้วย ไม่ตกเทรนด์เลยนะเนี่ย งั้นให้กอหญ้าเล่นนะ”

“หึ…รับงานเขาแล้วจะมาบอกอะไรตอนที่เขาจะยกกองมาที่นี่กันอีก
ไม่กี่วันนี้ล่ะครับ  คุณข้ามฟ้า”
น้ำเสียงพี่ดินมีแววประชดหน่อยๆ

“พี่ดินคนดี…อย่างอแงสิฮะ เรื่องสุดท้ายแล้ว อย่าโกรธเลยนะ…นะครับ”

กอหญ้าอ้อนคนตัวโตด้วยการทอดสายตาฉ่ำหวานและกัดปากเบาๆ ซึ่งเป็นท่าที่ผู้กำกับ
บอกว่าดูดีมีเสน่ห์ออกยั่วหน่อยๆ ละนะ เผื่อว่าจะได้ผล

“เดี๋ยวเหอะ  อย่ามาทำท่านี้ใส่พี่นะ  เดี๋ยวจะไม่ได้ออกจากบ้านหึ่ม…ตัวแสบ”
พี่ดินพูดแล้วทำมันเขี้ยว

‘ได้ผลเกินคาดแฮะ แต่ต้องระวังจะโดนลากเข้าห้องถ้าขืนใช้บ่อยๆ’

“พี่ดิน อื้อ…เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะครับ อย่ารุ่มร่ามสิ”
กอหญ้าตีมือพี่ดินที่พยายามลูบไล้เข้ามาในร่มผ้าของเขา

“เอ่อ…คุณแม่ เรามาผิดจังหวะรึเปล่าคะ คริคริ”
เสียงข้าวหอมดังขึ้น ทำเอากอหญ้าทะลึ่งพรวดลุกขึ้น พี่ดินก็ด้วย

“เอ่อ…สะ…หวัดดี ครับคุณน้า”

พี่ดินไหว้ทักทายแขก ส่วนกอหญ้าไหว้ตามแล้วก้มหน้าซ่อน
ความอายที่ลามแดงไปจนถึงใบหู

“จ้ะสวัสดี น้ากับลูกมารบกวนพ่อดินกับหนูกอหญ้าหรือเปล่าคะ”
คุณน้าทิพย์พูดแต่สายตากลับจับจ้องที่กอหญ้าซะงั้น

“ไม่หรอกฮะคุณน้า ขอโทษที่ไม่ได้ยินเสียงรถ”
กอหญ้าพูดขึ้น แล้วช้อนตาขึ้นมอง จังหวะนั้นแผ่นดินเห็นดวงตา
ของคุณน้าทิพย์ไหววูบ ผวาจะเข้าไปใกล้ตัวกอหญ้าซะอย่างนั้น

“คุณน้ากับน้องข้าวหอมนั่งก่อนสิครับ  ดื่มน้ำเย็นๆสักแก้วแล้วเราค่อยไปกันนะครับ”
แผ่นดินดึงสถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้แล้ว  อาการตกประหม่าเขินอาย
ของกอหญ้าก็หายไปแล้วเช่นกัน

“พี่ข้าวเอ่อ…พี่กอหญ้าขอเรียกเหมือนคนบ้านนี้นะคะ  รู้ว่าพี่กลับมาที่ไร่
ก็รีบดึงคุณแม่มาเลย ข้าวหอมมองพี่ไม่ผิดจริงๆบอกแล้วว่าเป็นพี่ข้าว
ตั้งแต่ทีแรกที่เจอแล้ว”
เด็กสาวหันมองอย่างชื่นชมยินดี

“น้องข้าวหอมทำตัวตามสบายได้เลย คนคุ้นเคยของบ้านนี้
เสียด้วย…พี่ยินดีครับ นี่พี่ก็ยังไม่เคยเข้าไปในไร่เหมือนกันนะ
พี่ดินสิ  พี่ร้องตามไม่เคยให้เข้าไปสักที  อ้างนู่นนี่สารพัดอย่าง
วันนี้ถือเป็นโอกาสดี”

“แดดร้อนแล้วยังฝนตกอีกช่วงนั้น  อีกอย่างเราก็ยังไม่หายดี
ไปโดนแดดโดนลมมากๆ เดี๋ยวก็ป่วย  นี่ก็เพิ่งเจอเรื่องเลวร้ายมาหยกๆ”

แผ่นดินเผลอปากพูดออกไป  คุณน้าทิพย์ถลาไปจับต้องเนื้อตัวของ
กอหญ้าพลิกหาร่องรอยตามเนื้อตัว

“เป็นอะไร  เกิดอะไรขึ้นกัน ไม่เห็นมีใครเล่าให้น้าฟังเลยดิน”
คุณน้าหน้าตาตื่นถามกลับไปที่พี่ดิน  ซึ่งพี่ดินนั่งอ้ำอึ้งอยู่ คงไม่รู้ว่าจะเล่ายังไง
กอหญ้าจึงเล่าขึ้นเสียเอง

“เอ่อ…ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่เกือบโดนล่วงละเมิดทางเพศน่ะครับคุณน้า
แต่พี่ดินส่งคนไปช่วยไว้ได้ทันแล้วก็พากลับมาที่ไร่”
กอหญ้าเล่าแบบรวบรัด

“โถลูก…พี่ดินช่วยไว้ได้ทันเหรอ ดีจริงๆ เลย พระคุ้มครองนะลูก”

คุณน้าทิพย์ลูบตามท่อนแขนและหลังไหล่  การกระทำอันอ่อนโยนแบบนี้
ทำเอากอหญ้านึกไปว่าถ้าคนที่ทำให้อยู่นี้เป็นแม่ ความรู้สึกจะอบอุ่นขนาดไหนกัน

“ขอบคุณคุณน้าที่เป็นห่วงนะครับ”

“คุณแม่ดูเป็นห่วงพี่กอหญ้าจังเลย  แสดงว่าข้าวหอมปลื้มคนไม่ผิดใช่มั้ยคะ คิกคิก”

ข้าวหอมดูกระตือรือร้นอย่างมาก  ที่มารดาของเธอไม่เคยสักครั้งที่จะเห็นดีเห็นงาม
ที่เธอไปชื่นชอบดาราคนไหน  แต่กับพี่ข้าวคุณแม่กลับเต็มใจทั้งยังพาเธอมาให้ใกล้ชิด
ดาราขวัญใจอีกด้วย  ส่วนกอหญ้ามองว่าคุณน้าทิพย์ช่างเป็นคุณแม่ที่ดีจริงๆ

“พี่ก็จะมีถ่ายละครที่ไร่นี้ด้วยนะ  เป็นงานสุดท้ายของพี่แล้วก่อนที่จะเลิกอาชีพนี้
ถ้ายังไม่เปิดภาคเรียนคุณน้ากับน้องมาดูได้นะครับ”

กอหญ้าออกปากชวนสองแม่ลูก
คนแม่มีสีหน้ายินดีแบบสุดๆ ส่วนลูกสาวหน้าจ๋อยลงถนัดตา

“อีกไม่กี่วันข้าวหอมก็ต้องไปเรียนแล้ว  อดดูพี่กอหญ้าถ่ายละครเลย
แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุณแม่มาแทนข้าวหอมนะคะ”

ลูกสาวหันไปบอกแม่ ซึ่งเธอก็พยักหน้า  ตอนนี้คุณน้ากลับไปนั่ง
ในส่วนของเธอตามเดิมแล้ว  แผ่นดินลอบมองอยู่บ่อยๆ

กอหญ้ามีส่วนคล้ายกับคุณน้าทิพย์อยู่เหมือนกันเมื่อทั้งสองนั่งคู่กันอย่างนี้
คุณน้าทิพย์มักจะหลุดแสดงตัวชัดเจนจนเกินไป

“ดื่มน้ำแล้วก็เข้าไร่กันเถอะ เดี๋ยวแดดจะร้อนเกินไป กอหญ้าไปเอาหมวกปีกกว้าง
ที่แก้วมาด้วยนะ ถ้าไปแบบโล่งๆ ตัวดำขึ้นมาคะน้าเล่นงานพี่แน่ๆ อีกอย่างเดี๋ยวจะป่วยเอา”

พี่ดินเอาหลังมือมาอังที่หน้าผากไม่สนสายตาของสองคนแม่ลูกที่มองมาไม่วางตา

“พี่ดินดูแลพี่กอหญ้าดีจริงๆ เลย ถ้าข้าวหอมมีแฟนแบบนี้  รักตายเลยค่ะ”
ข้าวหอมเอ่ยขึ้น  ทำเอากอหญ้าชะงักเท้าที่จะก้าวออกไปจากห้อง 
หันมาตอบเด็กสาวอย่างไม่มีลังเล

“เป็นคนนี้….ในแบบนี้…ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพี่…พี่ก็รักมากแล้วด้วยครับ”

กอหญ้าพูดได้ลื่นไหล ไม่รู้ทำไม  เขารู้สึกอยากเปิดเผยให้สองคนแม่ลูก
คู่นี้รู้โดยไม่คิดที่จะปิดบัง  พูดแล้วก็เขินจึงรีบเดินเลี่ยงออกมา

“ป้าสาย  แก้วอยู่ไหนครับ  พี่ดินให้มาขอหมวกสักใบจะเข้าไร่  พอหาให้ได้ไหม”

“อ่อ…แก้วมันไปซื้อของให้ป้าน่ะ  แต่เอ…ป้าไปดูก่อนนะ  นั่งรอสักครู่นะคะ”
เมื่อป้าสายเดินลับตาไป  กอหญ้าก็มองผักที่ป้าสายหั่นค้างไว้บนเขียง
จึงหยิบมีดขึ้นมาหั่นต่อ  สักครู่ก็มีเสียงเดินเข้ามาในครัว  กอหญ้าคิดว่าเป็นป้าสาย

“เจอไหมฮะป้าสาย  ถ้าไม่มีขอเป็นร่มก็ได้ครับ”
แล้วกอหญ้าก็หั่นผักต่อไป

“ได้แล้วค่ะ หาแทบแย่ อ้าว! แม่เลี้ยงเดินมาถึงนี่เลย
คุณกอหญ้าไปเถอะค่ะในนี้ร้อนออก ดูสิมาหั่นผักป้าทำไมกันค่ะ น่าตี…”

กอหญ้าวางมีดแล้วหันไปรับหมวกมาถือไว้  ส่งยิ้มให้ป้าสายที่ขี้หวงไม่ยอมให้ทำ
หันไปชวนคุณน้าทิพย์ที่แอบมายืนมองเขาหั่นผักในครัว

“ไปข้างนอกกันครับคุณน้า พี่ดินรออยู่ ว่างๆ ป้าสายสอนกอหญ้าทำครัวบ้างนะฮะ”
กอหญ้าหันไปกระเซ้าป้าสายก่อนเดินออกจากครัว  รู้ว่าคงยาก
คนบ้านนี้แทบจะไม่ยอมให้เขาหยิบจับอะไรเลย

“หนูกอหญ้าทำอาหารเป็นด้วยเหรอลูก”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ถาม พลางเดินคู่กันออกจากครัว

“พอทำได้บ้างพวกทอดๆ ผัดๆน่ะครับ พอดีว่าพ่อชอบทำอาหาร
ตอนเด็กก็ได้ช่วยพ่อในครัวบ้างน่ะครับ  แค่พอให้ไม่อดเพราะพ่อติดงาน
กลับบ้านดึกๆ น่ะครับ”
กอหญ้าเล่าให้คุณน้าทิพย์ฟัง

“ชีวิตตอนเด็กคงจะลำบากมากเลยสิ”
คุณน้าพูดเสียงอ่อน

“ก็พอทนน่ะครับ  แต่เราสองคนพ่อลูกก็มีความสุขดีครับ  ถึงแม้ว่าจะไม่มีแม่ก็เถอะ”
กอหญ้าพูด ในตอนท้ายน้ำเสียงออกจะอ้างว้างจนแม่เลี้ยงข้าวทิพย์รู้สึกจุกแน่นที่อก
เหมือนหัวใจถูกบีบรัด

“ไปกันหรือยังครับ  แดดเริ่มแรงแล้วนะ”
พี่ดินเดินมาตาม  เป็นการปิดฉากสนทนาของกอหญ้าไปโดยปริยาย






หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 41 เที่ยวชมไร่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 04-04-2019 13:11:55
ตอนที่ 41 เที่ยวชมไร่ 2

แผ่นดินพาแม่เลี้ยงข้าวทิพย์และลูกสาวชมไร่ในจุดที่รถจอดได้  ใช้เวลาไปกว่าชั่วโมงเศษๆ
และแปลงเกษตรอินทรีย์ที่น่าภาคภูมิใจดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของสองแม่ลูกเอามากๆ

แผ่นดินสั่งคนงานให้เก็บผักตะกร้าใหญ่เพื่อเป็นของฝากรวมทั้งส้มในไร่ด้วย  กอหญ้าชิมส้ม
จากต้นแบบสดๆ ใหม่ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่ต่างกับสองแม่ลูกเลย  การเข้าไร่ครั้งนี้
ก็เป็นก้าวแรกของเจ้าตัวด้วยเช่นกัน

“พี่ดินลูกวัวตัวน้อยน่ารักจังเพิ่งคลอดเหรอฮะ  เดินเดี๋ยวล้มๆ ตลกนี่นะ”
กอหญ้ายืนลุ้นลูกวัวที่เดินล้มแผละแล้วลุกขึ้นใหม่  แววตาสนุกสนานดูมีชีวิตชีวาสดใสสมวัย

“ใช่เพิ่งเกิด  ว่าไงตัวเล็กดูดนมโชว์แล้ว  ฮ่าฮ่า”
พี่ดินชี้ให้ดูลูกวัวที่กำลังดูดนมแม่วัวจากเต้าขาวๆ น้องข้าวหอมก็ชะเง้อมองตาม

“น่ารัก ขอข้าวหอมถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยนะคะ …~ ดื่มๆ เรามาดื่มนมกันเถอะ
ดื่มแล้วอย่าทำเลอะเทอะ ดื่มนมเยอะๆ ร่างกายแข็งแรง เย้ๆ มอๆๆ~”

ข้าวหอมถ่ายรูปไปร้องเพลงไป  นี่ก็อีกคนร่าเริงเอามากๆ พี่น้องคู่นี้เหมือนกันจริงๆ
แผ่นดินและแม่เลี้ยงข้าวทิพย์สบตากัน  เธอแย้มยิ้มมีความสุขที่ได้เห็นความสดใสของลูกๆ

“ข้าวหอม ไม่ส่งเสียงดังรบกวนนะลูก”
คุณน้าปรามลูกสาวที่ร้องเพลงและบางจังหวะก็เต้นไปด้วย

“ไม่เป็นไรครับคุณน้า  ดูกอหญ้าสิ พลอยได้หัวเราะตามน้องไปด้วย”
แผ่นดินหันไปบอกกับว่าที่แม่ยายที่พยักหน้าเห็นด้วย

“เรากลับเข้าบ้านกันเถอะ  จะถึงมื้อกลางวันแล้ว ไปล้างหน้าล้างมือกันก่อนนะ
ก็อกน้ำอยู่ตรงนั้น  แล้วอยู่ทานกลางวันด้วยกันนะครับ”

แผ่นดินหันมาชวนทุกคนให้กลับเข้าบ้าน  กอหญ้ามีใบหน้าแดงระเรื่อเพราะแดดเริ่มร้อน
ดวงอาทิตย์กำลังจะตรงศีรษะบ่งบอกว่าใกล้เที่ยง

“รบกวนเปล่าๆดิน  น้าพาน้องกลับเลยดีกว่า”

“ทานหลายคนสนุกดี นะครับ”
กอหญ้าออกปากชวนอีกแรง

“เอ่อ…ก็ได้ ไว้น้าจะเลี้ยงตอบแทนเราบ้างนะ เลือกร้านในเมืองก็ได้”
คุณน้ามีสีหน้ายินดีที่จะได้อยู่ต่อ  สำหรับเธอแค่ได้ใกล้ชิดลูก
ได้เห็นทุกการเคลื่อนไหวของลูกก็มีความสุขแล้ว…แม้ว่าลูกจะไม่รู้ว่าเธอเป็นแม่ก็ตาม

กลับไปบ้านเย็นนี้ เธอตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่ปิดบังมานานเท่าอายุของกอหญ้า
ให้คนที่บ้านฟัง แม้ว่าจะถูกโกรธเธอก็ยอม  ขอแค่ให้เธอได้แก้ไขสิ่งผิดพลาดสักครั้งก่อนตาย



มื้อกลางวันผ่านไปพร้อมเสียงพูดคุย  จวบจนเกือบจะบ่ายคล้อย  สองแม่ลูกจึงพากันกลับไป
คนตัวโตจึงลากแขนคนรักพากันขึ้นห้อง

“กอหญ้าเหนื่อยไหม  สมใจละซีอยากเข้านักไร่น่ะ  ตัวแดงไปหมดพรุ่งนี้
ตัวดำผิวลอกเป็นแผ่นๆ แน่”

“พี่ดิน กอหญ้าไม่ใช่งูไม่ลอกคราบหรอกน่ะ อีกอย่างทากันแดดแล้วด้วย คริคริ”
กอหญ้าลอยหน้าลอยตาพูด

“หน้าตามีความสุขมากๆเลยนะ แฟนคลับมาเยี่ยมนี่ ถามจริงๆเรารำคาญสองคนนั้นมั้ย”

“คุณน้าทิพย์กับน้องข้าวหอมน่ารักจะตาย จะไปรำคาญอะไรเธอล่ะ ทำพูดไปถ้าเธอมา
ได้ยินจะเสียใจเอานะฮะ”
กอหญ้าทำตาดุใส่คนตัวโตเฉยเลย

“พี่แค่ถามดู  ถ้าเรารำคาญหรือไม่ชอบใจก็ไม่ต้องฝืนไง  พี่ไม่ว่า…”
แผ่นดินบอกน้อง

“ไม่ฝืนอะไรซะหน่อย  ก็ดีนะฮะ ดูคุณน้ากับลูกจะให้ความเป็นกันเองกับกอหญ้าด้วยสิ
อีกอย่างเธอดูเป็นคุณแม่ที่ดี  คอยดูแลเอาใจใส่ลูก  ลูกชอบอะไร  อยากทำอะไร
ไปไหนเธอก็พาไป  ถ้ากอหญ้ามีแม่แบบนี้บ้างก็ดีนะฮะ…คงมีความสุขที่สุดเลยละ”

กอหญ้าพูดชื่นชมแม่เลี้ยงข้าวทิพย์  แววตาไหววูบเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเอง
แผ่นดินเห็นแล้วก็ดึงคนข้างๆ เข้ามาซบที่อก  ลูบหลังไปมา

“วันนึง  อาจเป็นวันดีๆ ที่กอหญ้าจะได้เจอแม่ก็ได้  แล้วแม่อาจจะดีอย่างคุณน้าที่เราเห็นวันนี้นะ”
แผ่นดินพูดปลอบคนรักที่ส่ายหน้ากับอกเขาไปมา

“คงไม่มีวันนั้นหรอกครับพี่ดิน  แม่ของกอหญ้า ไม่น่ารักอย่างคุณน้าทิพย์หรอก”
กอหญ้าพูดงึมงำ

“ก็ไม่แน่นะ  ง่วงแล้วใช่ไหม นอนก่อนก็ได้  เดี๋ยวค่อยตื่นไปรับลูกที่โรงเรียนกัน”
กอหญ้าพยักหน้าแล้วไถลตัวลงนอนหนุนหมอน

“พี่ดิน  ปลุกด้วยนะ  ห้ามหนีไปคนเดียว”
เงียบเสียงไปแล้ว

แผ่นดินมองดวงหน้ายามหลับแล้วก็นึกเอ็นดู  กินอิ่มนอนหลับแบบนี้
เลี้ยงง่ายดีจริงๆ ชายหนุ่มตั้งเวลาปลุกแล้วจึงหลับตามกันไป



“ไปไหนมากันล่ะ แม่ทิพย์”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านก็เจอกับด่านคุณแม่ของเธอ

“ไปที่ไร่พี่เขตมาค่ะ  พอดียัยหนูอยากไปชมไร่  ก็เลยพากันทานมื้อเที่ยงที่นั่นด้วยน่ะค่ะ”

“อ้อ! แอบไปหาหนูกอหญ้าล่ะสิ  เราก็ให้ท้ายลูกนะแม่ทิพย์  ลูกปลื้มดาราไม่มีขัดเลยจริงๆ”
คุณยายพูดไม่ได้จริงจังอะไรนัก

“คุณยายขา  พี่กอหญ้าน่ารักพาพวกเราเที่ยวชมไร่ด้วย  ดูลูกวัวดูดนมมาด้วยนะคะ”
ข้าวหอมเล่าให้คุณยายฟังพร้อมกับสไลด์จอโทรศัพท์ดูภาพที่เธอถ่ายมา

“เหอะ! ยิ้มแฉ่งขนาดนี้  สมใจละสิ  ได้ใกล้ชิดดาราน่ะ”
คุณยายเหน็บแนม

“นิดหน่อยเองคุณยาย ข้าวหอมเสียดายจัง จะเปิดเรียนแล้วอดดูพี่กอหญ้า
ถ่ายละครเลย  เขายกกองมาถ่ายที่ไร่พี่ดินเลยน ะ เสียดายสุดๆ”
เด็กสาวเล่าไปสีหน้าผิดหวังหน่อยๆ

“งั้นไร่ตาเขตก็ดังไปเลยน่ะสิ  อีกหน่อยคงต้องเปิดให้คนนอกเข้า”
คุณยายพลอยตื่นตาไปด้วยที่ได้ยินแบบนั้น

“นั่นสิคะคุณแม่  จะดังใหญ่แล้ว  ถ้าบริหารจัดการกันดีๆ นะ ยิ่งใหญ่แน่ๆ
ดีนะที่หนูกอหญ้าได้แฟนอย่างเจ้าดินที่ทั้งเก่งและเป็นคนดีแบบนั้น”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์พูดเปรยๆ

“อ้าว! เขาไปชอบพอกับลูกชายบ้านนั้นเหรอนี่ ผู้ชายนะสองคนนั้น
 แม่ฟังไม่ผิดใช่ไหมแม่ทิพย์ ตายๆอกจะแตก นี่ถ้ามีลูกมีหลานเป็นแบบนั้นจะทำยังไงกัน
 นี่ตาเขตกับแม่เขาไม่ว่าอะไรกันบ้างเลยเหรอ”
คุณยายดูตกใจเอามากๆที่ได้ยินได้ฟังแบบนั้น

“คุณยายคะ โลกเราเดี๋ยวนี้มันไปไกลแล้ว  จะรักชอบกับใครยังไง
 มันก็แค่คนสองคนรักกัน  ผู้หญิงชอบพอกันเองก็มีเยอะแยะไป ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วค่ะ”

ข้าวหอมบอกคุณยาย  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์มองว่าแม่ของเธอจะพูดอะไรต่ออีกสำหรับเรื่องนี้
แต่ก็เห็นท่านไม่ได้ใส่ใจที่จะต่อความ

“อืม…ยุคสมัยมันเปลี่ยน  ก็ช่างเถอะนะ ไม่เกี่ยวกับบ้านเรา”
คุณยายพูด  ทำเอาลูกสาวหน้าเจื่อนไปหน่อย

“ครอบครัวนั้นเขารับได้น่ะค่ะคุณแม่ พี่เขตกับคุณแม่เขาชื่นชมรักใคร่
หนูกอหญ้าอย่างกับอะไรดี  ทิพย์เห็นมาเองกับตา  หนูกอหญ้าก็วางตัวดี
เข้ากับลูกๆของเจ้าดินได้  และน้องๆ ของทางนั้นด้วย  เรื่องก็เลยง่ายไปเสียหมด”
ลูกสาวเล่าไปตามที่ได้เห็นมาให้คนเป็นแม่ฟัง

“นั่นสิคะคุณยาย  ข้าวหอมเองยังดีใจแทนพี่กอหญ้า เนี่ยลงทุนออกจากวงการ
บันเทิงเพื่อมาเป็นแม่บ้านให้พี่ดิน  คู่นี้รักกันจริงๆ คุณยายต้องไปเห็นเอง
นี่ถ้าข้าวหอมมีพี่ที่เป็นแบบนี้ข้าวหอมก็ไม่ว่า…ไม่รังเกียจนะคะ  รับได้ค่ะ”
ข้าวหอมพูดยิ้มๆ ก็ใครจะรู้นอกจากกลุ่มเพื่อนว่าเธอน่ะเป็นสาววาย

“ย่ะ แม่คุณ ก็เราไม่ได้มีพี่ชายกับเขานี่”
คุณยายทำประชดใส่หลานสาว  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์มองสองยายหลาน
แล้วก็ได้แต่นึกคิดไปต่างๆ นานา



“กอหญ้า  รถเราน่ะเฟี้ยวมากเลย  พี่แค่ไปลองเครื่องนิดหน่อยสาววิ่งมา
ขอเบอร์เฉยเลย  ระวังนะเราถ้าได้นั่งหลังพวงมาลัย หึหึ”
ฐานทัพพูดขึ้นพร้อมกับส่งกุญแจรถคืนให้  กอหญ้ากำลังจะเอื้อมมือ
ไปรับกุญแจก็มีอันถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา  ทำเอาต้องหดมือกลับ

“พี่บอกว่าไงครับ  ลืมรึเปล่า?...หืม”
พี่ดินแกว่งกุญแจผ่านหน้าไปมาอย่างท้าทาย

“ไม่ลืมซะหน่อย  พี่ดินจะว่างไปด้วยทุกที่เลยรึไง  จะคอยดูก็แล้วกัน เหอะ!”
กอหญ้าบ่นอุบอิบ

“พี่เราเขาเป็นห่วงก็ดีแล้ว ไปไหนก็เอาไปด้วยจะได้ดูแลกันได้
รถก็ออกจะล่อตามิจฉาชีพซะขนาดนั้น ไปไหนคนเดียวไม่รอดแน่ๆ”
พ่อเขตพูดขึ้นอีกคน  ทำให้การที่กอหญ้าจะขับรถไปไหนเองกลาย
เป็นเรื่องน่ากลัวไปเลยทีเดียว

“ยึดกุญแจเลยเหรอพี่  แรงไปป่าวค๊าบ  งั้นก็เอากุญแจไว้กับผม
รถมันต้องวิ่ง จอดไว้เฉยๆ เครื่องมันจะอั้นวิ่งไม่ออกเอานะ  ผมช่วย
เอาไปใช้ได้นะพี่ดิน”

ฐานทัพถือโอกาส  เขาก็แค่ลองเผื่อฟลุ๊ค…เท่านั้นเอง

“อย่าได้ให้มันเชียวนะเจ้าดิน  มือเท้ามันหนัก  คันแค่นี้ไม่พอมือมันหรอก
อีกอย่างเดี๋ยวได้ขับไปอวดสาว  บ้านฉันหัวกะไดไม่แห้งกันพอดี”
พ่อเขตสกัดกั้นทันที  ทำเอาพี่ทัพหน้าม่อยไม่โต้เถียงสักคำ

“ถ้าพี่ทัพจะใช้ก็มาขอที่พี่ดินแล้วกันนะ  กอหญ้าไม่หวง”
กอหญ้าหันไปบอกพี่ทัพที่ตาวาวขึ้นมาหน่อย  แล้วก็ทำหน้าสลดต่ออีก

“ถ้าไม่บ่อยจะใช้ก็มาขอ  เจ้าของเขาอนุญาตแล้วนี่  ไม่ต้องแกล้งตีหน้าเศร้าเลย
ไม่ใจอ่อนว่ะ  กินข้าวกันครับทุกคน  กริชวันนี้ไม่เอาปากกลับมาด้วยรึไง
เป็นอะไรหน้าเศร้าอีกคนแล้ว”

แผ่นดินหันไปหาน้องคนเล็ก

“อีกไม่กี่วันต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว  ข้าวหอมโทรมาหาเล่าเรื่องที่มาไร่วันนี้
แล้วยังเล่าว่าพี่กอหญ้าชวนให้มาดูถ่ายละคร  เสียดายอ่ะ”
กริชพูดแล้วทำสีหน้าผิดหวังจนน่าสงสาร

“ก็จะให้ทำยังไงล่ะ  รึว่าแกจะลาออกมาทำไร่ล่ะจะได้ไม่ต้องเรียน
ไม่ต้องไปกรุงเทพฯ น่ะ  เอามั้ย”
คุณย่าพูดแขวะ  ทำเอาคนต้นเรื่องนั่งตัวตรงดวงตาเป็นประกาย

“จริงดิ  งั้นผมโทรบอกพ่อนะ  ว่าย่าบอกให้ลาออก ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้ว
คุณย่าให้มาทำไร่แทน”

“ไอ้ลูกหมา  ขืนแกโทรไปพ่อแกได้ถ่อมาลากคอแกกลับบ้านวันนี้เลย
หรือจะลอง  ลุงรู้นิสัยพ่อแกดี”
ลุงเขตพูดแค่นั้น  กริชก็ให้รู้สำนึกขึ้นมา

“ย่าประชด  ลองแกไม่เรียนย่านี่แหละจะโทรฟ้องเจ้าแดน  เลี้ยงลูกปล่อยปะละเลย
ไปแล้วมั้ง  นี่ถ้าแม่มันไม่ด่วนหนีตายจากไป  ย่าจะฟ้องแม่มันอีกคน”
คุณย่าเล่นขู่กันขนาดนี้  กริชจึงเสไปตักอาหารเข้าปาก

“ไม่ต้องเฉไฉ  ยังอยากจะมาทำอีกมั้ยไร่นะ  นู่นมาโน่นแล้ว…ใครไปฟ้องมันวะ
หายไปหลายเดือนวันนี้กลับมาโผล่ที่นี่ได้”
พ่อเขตพูดแล้วบุ้ยใบ้ไปทางหน้าประตูบ้าน  กริชเห็นดังนั้นตาโตส่ายหน้า

“ทุกคนครับ  รักนะครับ  อย่าฟ้องพ่อนะ จุ๊บ จุ๊บ”
พูดจบเด็กหนุ่มก็ลุกพรวดไปรับหน้าพ่อทันที  กอหญ้าเห็นเด็กแสบสวมกอด
พ่อแล้วพากันเดินเข้าบ้านมา  พ่อของกริชตัวเตี้ยกว่าพ่อเขตและดูจะท้วม
กว่าหน่อยแต่ท่าทางใจดีไม่ต่างกัน

“สวัสดีฮะอาแดน  ทานข้าวกัน  แก้วๆ ขอข้าวเพิ่มที่นึง”
พี่ดินลุกขึ้นทักก่อนพ่อของกริช  พี่ทัพจึงทำตามและกอหญ้าก็ลุกตามพี่ดินด้วยอีกคน

“เอ้า! ไม่ได้มาบ้านนี้ซะหลายเดือน งานยุ่งมากๆ ไอ้ลูกหมานี่ก็ปิดเทอมมาขอไม่อยู่บ้าน
ทิ้งเราแก่ๆ ไว้บ้านคนเดียว  คุณแม่เป็นไงบ้างครับดูหน้าตาผ่องใสดีจัง อ้าว!
แล้วพ่อหนุ่มคนนี้น่ะ  แฟนเจ้าดินเหรอที่เป็นดาราดังน่ะ ไม่เลวนี่หล่อไม่เบา”

อาแดนนั่งลงใกล้ๆ กับคุณย่า  แล้วก็พูดไม่หยุดปากคงเพราะไม่ได้มานานอย่างที่บอกออกมา

“ครับอา  นี่กอหญ้าครับ”
พี่ดินแนะนำกอหญ้าให้รู้จักกับพ่อของกริช

“ดาราคนที่ผมปลื้มไงพ่อ ที่พ่อชอบว่าผมบ้าคลั่งไคล้ ตั้งแต่ตอนที่ลุ้นพี่เขาคราว
ที่ประกวด Mr.Perfect น่ะ”

กริชอธิบายเพิ่ม  เผื่อว่าพ่อเขาจะจำได้

“อ่อ…ที่แกต้องขอตังค์ไปซื้อหนังสือมากองเต็มที่นอนแกนะเหรอ  ดาราคนนั้นน่ะ”

“กินข้าวก่อนเถอะ  ถ้าจะคุยคืนนี้ก็ไม่จบเรื่องมันเยอะเจ้ากริชน่ะ”
พ่อเขตชวนให้ลงมือกินข้าว

“พ่อฮะ กับข้าวบ้านย่าอร่อยที่หนึ่งเลยนะ ตักข้าวมาน้อยจะเสียดายทีหลัง ผมไม่เติมให้แล้วนะ”

“เออ…งั้นก็ตักมาละกันจะให้กินแค่ไหนก็…ไอ้ลูกคนนี้”
พ่อของกริชพูดแล้วก็โยกหัวลูกไปสองที

“อาแดน ไม่หาคนข้างกายสักคนละครับ จะได้มีคนดูแลยามเจ็บไข้”
พี่ดินแนะนำอาแดนไป ทำเอาเจ้ากริชหันขวับมองหน้าพ่อ

“พ่ออ่ะ…กริชไม่เอาแม่เลี้ยงนะ พ่อก็อย่าป่วยสิ…นะครับ ลูกไม่ปลื้ม
พี่ดินเองยังไม่มีเลยแม่เลี้ยงจะมาอยากให้ผมมีทำไม หึ้ย…”
กริชเริ่มออกอาการเอาแต่ใจ

“กริช พ่อเรายังไม่แก่เท่าไหร่ อย่าไปห้ามไปหวงเลย เราอยู่ก็ตั้งไกล
หากพ่อแกป่วยล่ะ ใครจะดูแล แกจะลาเรียนมาเฝ้าหรือไง ไอ้เรื่องเจ็บไข้
มันห้ามกันได้หรือไง โตแล้วหัดมีเหตุผลนะลูก”
คุณย่าอบรมกริชบนโต๊ะอาหารเสียอย่างนั้น

“ช่างเถอะครับคุณแม่ ผมอยู่ได้ครับ”

อาแดนพูดอย่างเอาใจลูก คงจะสปอยล์ลูกน่าดูอาของพี่ดินเนี่ย
กอหญ้าทานอาหารไปด้วยดูแลหนูน้อยที่นั่งข้างกันด้วย
ใบข้าวทานไปอย่างเรียบร้อยไม่ทำหกเลอะเทอะหรือเล่นข้าวอีก

“กริชยอมพ่อก็ได้แต่พ่อต้องพามาให้รู้จักก่อนนะ”
เอาแต่ใจอย่างเด็กไม่ยอมโตเสียอย่างนั้น

“เออว่ะ ขนาดต้องให้ดูตัวกันก่อน ไม่มากไปหน่อยเหรอน้องชาย
ถ้าแกเรื่องมากพ่อแกหามาได้อย่างพี่ดินแกจะว่าไง ฮ่าฮ่า”

พี่ทัพย้อนน้องชาย  ทำเอาเจ้าตัวแสบหน้ามุ่ย

“งั้นแล้วแต่พ่อละกัน ไงก็ห้ามรักผมน้อยลง”
เด็กเอาแต่ใจไม่วายต่อลองอีก

“ตัวแสบ พ่อมีลูกอยู่คนเดียวก็ต้องรักอยู่แล้วป่าววะ”
เจ้าเด็กแสบยิ้มตาปิดเมื่อพ่อพูดถูกใจ

“เออว่ะ โอ๋กันเข้าไป…ไอ้ลูกแหง่”
พ่อเขตค่อนขอดหลานชาย  ทำเอากริชสะบัดหน้าใส่ลุงตัวเอง
คอแทบหลุด  เป็นที่ขบขันของพี่ๆ บนโต๊ะอาหารเป็นอย่างยิ่ง



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 42 ถูกสะกดรอยตาม
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 04-04-2019 13:52:44
ตอนที่ 42 ถูกสะกดรอยตาม

เช้านี้กอหญ้าและใบข้าวตามพี่ดินออกมาส่งต้นกล้าที่โรงเรียนด้วย
โดยกอหญ้าบอกพี่ดินแค่ว่าให้เด็กหญิงได้คุ้นชินกับโรงเรียน  เพราะปีการศึกษาหน้า
นี้ใบข้าวก็ต้องเข้าเรียนแล้ว

“ใบข้าว  ชอบโรงเรียนของพี่กล้ามั้ย”
เด็กชายชี้ชวนน้องให้ดูโรงเรียนของตน  เด็กหญิงมองสนามเด็กเล่นสำหรับน้องเล็กๆ
เธอก็มีประกายตาวาวพลางพยักหน้า

“ชอบๆ ใบข้าวอยากเรียนกับพี่กล้า”
เจ้าตัวมองเครื่องเล่นสีสันสดใสที่ล่อตาอย่างเหลียวหลัง

“พี่ดินต้องพาลูกออกนอกบ้านบ่อยๆ แล้ว แกจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
เป็นการเสริมพัฒนาการให้แกด้วยนะฮะ”

กอหญ้าเสนอ  เพราะที่ผ่านมาพี่ดินเอาแต่ทำงาน ลูกๆ ก็อยู่แต่กับบ้าน
เขาเองยังไม่เคยเห็นพ่อลูกได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเลย

“ได้สิ งั้นเราก็เอาลูกไปด้วยแล้วกันถ้าออกมาข้างนอก”
แผ่นดินเห็นด้วยกับคนรัก

“งั้นอาทิตย์นี้พาเด็กๆ ไปทานไอศกรีม แล้วเล่นเครื่องเล่นเด็กในห้างกันนะฮะ”

“อืม…ได้ๆ เดี๋ยวพาคุณย่าออกมาด้วยอีกคน”

“ครับ จัดไปตามนั้น”

กอหญ้ายิ้มดีใจที่จะได้พาทุกคนไปทำกิจกรรมวันหยุดนอกบ้าน

“อ้าว! คุณพ่อน้องต้นกล้า วันนี้มาส่งน้องเองเลยเหรอคะ อุ้ย…คุณข้ามฟ้าก็มาด้วย”

คุณครูประจำชั้นของต้นกล้าชะงักที่เห็นกอหญ้าในระยะใกล้ๆ แบบนี้

“สวัสดีครับ  คุณครูใบบัวใช่ไหมครับ”

กอหญ้าทักคุณครู เธอยังไม่หายตื่นเต้นและระงับมันไม่อยู่อีกเมื่อกอหญ้าทราบชื่อเธอ

“ใช่ค่ะ ตัวจริงคุณข้ามฟ้าน่ารักมากเลยนะคะ ตามที่เป็นข่าวไม่คิดว่า
จะเป็นคุณพ่อของน้องต้นกล้าเลยนะคะเนี่ย”

คุณครูใบบัวพูดอย่างที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะจุดไต้ตำตอว่าเป็นผู้ปกครอง
ของนักเรียนที่เธอดูแลที่ไปเป็นคู่รักกับดาราดัง

“เอ่อ…ครับ พี่ดินคนนี้แหละ ยังไงฝากคุณครูด้วยนะครับ หากน้องมีปัญหาอะไร
โทรบอกได้ตลอดเลยนะ นี่ครับเบอร์โทรของผม”

กอหญ้าทิ้งเบอร์ให้เธอ คุณครูส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้แล้วรับตัวน้องเดินเข้าห้องเรียนไป

“แหมๆ ไม่ถามพี่สักคำเลยนะ เที่ยวได้แจกเบอร์โทรคนอื่นไปทั่ว”
พี่ดินหันมาทำตาขุ่นใส่

“พี่ดินอ่ะ อ้าว! นั่นพี่ธารามาส่งลูกเหมือนกันเหรอฮะ”
กอหญ้าไม่ทันได้ต่อปากต่อคำกับพี่ดิน  ก็เห็นพี่ธาราจูงน้องสกายมาส่งที่ห้อง
ซึ่งเป็นห้องเรียนเดียวกับลูกชายพี่ดิน

“ครับ กอหญ้ากับพี่ดินจะกลับแล้วเหรอ เอ…น้องใบข้าวก็มาด้วยเหรอเนี่ย
พี่กายพูดถึงอยู่นะคนเก่ง ไว้ว่างๆ ทานข้าวกันครับพี่ดิน”
พี่ธาราชวนทานข้าวในมื้อหน้า

“ได้สิ วันอาทิตย์นี้เป็นไง  พอดีพี่ว่าจะพาลูกๆ ออกมาทานไอศกรีมที่ห้างกันน่ะ”

“ดีเลย ผมจะได้พาเด็กๆไปเจอเพื่อนๆ ด้วย งั้นสิบโมงนะครับ  แล้วผมจะโทรหาอีกที”
แล้วโทรศัพท์ของพี่ธาราก็ดังขึ้น  พี่ธาราจึงโบกมือลา  แล้วก็กดรับสายด้วยใบหน้างอง้ำ

`อะไรอีก ผมมาส่งลูกที่โรงเรียน  นี่จะอะไรกับผมนักนะ ไปทำงานทำการของคุณไป คุณศาลาวัด…..`

“พี่ดิน  กอหญ้าว่างานนี้มีลุ้นนะครับ  เพื่อนพี่น่ะ  คริคริ”

“เจ้าภพน่ะเหรอ พี่ก็ว่างั้น  พวกปากไม่ตรงกับใจ  แกล้งเขาไว้สารพัด  สุดท้ายขว้างงูไม่พ้นคอซะนี่”

“กอหญ้าให้ลูกนั่งเบาะหลังมั้ย  นั่งตักไม่เมื่อยเหรอไงกัน”

“ไม่เป็นไรพี่ดิน  น้องตัวไม่หนักครับ”

“งั้นไปดูร้านเจ้าทัพหน่อยนะ  เช้านี้”



แผ่นดินขับพาไปตลาด  ในระหว่างทางกอหญ้ารู้สึกเหมือนมีรถขับตามมา

“พี่ดิน  รถคันหลังเราที่เป็นกระบะสีดำ  กอหญ้าว่ามันแปลกๆ นะ เหมือนจะตาม
เราตั้งแต่ทางแยกออกจากโรงเรียนแล้วนะครับ”

กอหญ้าหันมองหัน  แล้วอดที่จะบอกคนขับไม่ได้

“อืม…พี่ก็รู้สึกผิดสังเกตอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้พูดเพราะกลัวว่าเราจะตกใจ
นี่เอาโทรศัพท์ไปต่อสายหาเจ้าภพให้พี่ที”
พี่ดินส่งโทรศัพท์ของตัวเองมาให้

“สายไม่ว่างเลยครับ อ่อ…ติดแล้วฮะ/// พี่ภพนี่กอหญ้าเองครับไม่ใช่พี่ดิน
พอดีว่ามาส่งลูกที่โรงเรียนกันแล้วมีรถตามเราไม่เลิกเป็นกระบะสีดำครับ
 อ่อครับ…ให้จำทะเบียนรถ ครับๆ ให้พี่ดินขับทำไม่รู้ไม่ชี้ ได้ครับพี่ภพ”

“พี่ดิน  พี่ภพให้จำทะเบียนรถไว้  เดี๋ยวพี่ภพจะตรวจสอบให้”

“งั้นพี่แวะร้านขนมข้างหน้านะ  กอหญ้าช่วยพี่จำยี่ห้อรถ จำทะเบียนรถด้วยแล้วกัน”

แผ่นดินตบไฟเลี้ยวแวะข้างทางและลงไปซื้อของ  รถอีกคันก็จอดเลยออกไปหน่อย
โชคดีที่สามารถเห็นทะเบียนได้ชัดเจน

กอหญ้ายกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายเลขทะเบียนรถพี่ดินติดฟิล์มเข้มจนคนนอกมองเข้ามา
ไม่เห็น  พี่ดินหอบหิ้วขนมกลับมาที่รถ

“กอหญ้าใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายไว้ฮะพี่ดิน  ส่งเข้าเครื่องพี่แล้วนะ”

“เอ้า! กอหญ้าเอาไปส่งต่อให้ภพมันที  แล้วก็เมมเบอร์เจ้าภพมันไว้ในเครื่องเราด้วยล่ะ”
พี่ดินยัดโทรศัพท์ใส่มือเขา  แล้วเคลื่อนรถออกมุ่งสู่ตลาดเพื่อไปร้านขายของฝาก

“พี่ดินมายังไงกันแต่เช้า  พาสองคนนี้มาเปิดโลกเหรอ”
ฐานทัพออกมารับหน้าพี่ชายที่โผล่มาที่ร้าน

“อืม…อยู่ร้านได้นะแก  เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้วสิ  มีอะไรดีๆในชีวิตรึป่าว…หือ”
พี่ชายตบบ่าแซวน้องชาย  แล้วเดินเข้าข้างในร้าน  พี่ทัพทำหน้าเหรอที่ถูกทักแบบนั้น
ส่วนกอหญ้าจูงน้องใบข้าวตามเข้ามา

“อุ๊ย…นั่นไข่เจียวของใบข้าวนี่  อากริชก็อยู่ด้วย  เย้ๆ”
น้องใบข้าววิ่งไปหาแมวสีขาวตัวอ้วน  แล้วก็กระโดดดีใจที่เจออากริชที่ร้าน

“ว่าไงคะคนสวย  นั่นไม่ใช่ไข่เจียวของหนูนะ  ตัวนี้ของพี่สุดหล่อคนนู้น  ของใบข้าวขนไม่ยาวแบบนี้นะคะ”
อากริชพูดให้เด็กหญิงเข้าใจ

“เหรอ…ไข่เจียวอยู่บ้าน  เนาะๆ”
ใบข้าวพยักหน้าและเขย่าแขนอากริชพร้อมทั้งชูมือขึ้นให้อุ้ม

“ฮึ้บ…ตัวหนักแล้วนะเรา เป็นลูกหมูแล้วหรือไง พุงป่องๆ ด้วยนะเนี่ย”
กริชจับพุงหลานสาว  เจ้าตัวจักจี้ดิ้นหนี

“อากอหญ้าขาช่วยด้วย  อากริชดื้อ…แกล้งน้อง”
เด็กหญิงหาตัวช่วย

“อากริชไม่ใช่พี่ต้นกล้า  อากริชไม่ดื้อซะหน่อย”
กริชต่อปากต่อคำกับหลานตัวน้อย

“คุณพ่อขา  ช่วยด้วย  อากริชดื้อๆ”
เด็กหญิงยังคงดิ้นหนีเมื่อถูกทำให้จักจี้

“เจ้ากริช อย่าแกล้งหลาน อย่าเล่นพุงด้วย…เดี๋ยวอ้วก…งานเข้าเลยนะเว่ย”
ฐานทัพเดินมาแย่งตัวหลานสาวในชุดกางเกงเอี๊ยมสีชมพูมาอุ้มไว้แทน

“อาทัพ…บินๆ กัน”
หนูน้อยขอให้อาพาร่อนแบบเครื่องบินเหมือนที่เคยเล่นกัน

“เพิ่งกินอิ่มๆ เล่นไม่ได้ค่ะ  ค่อยไปเล่นที่บ้านคืนนี้นะ”
ฐานทัพบอกกับเด็กหญิง

“อ้าว! นายทัพนั่นลูกสาวเหรอฮะ”
อาร์มทักเมื่อหิ้วข้าวกล่องเข้ามาในร้าน  คนที่เดินตามเข้ามาพลอยชะงักเท้าไปด้วย

“ใบข้าวคนสวย  บอกพี่อาร์มสิคะว่าหนูเป็นลูกใครเอ่ย”
ฐานทัพคะยั้นคะยอให้หนูน้อยตอบ  เห็นคนที่อยู่ด้านหลังเจ้าอาร์มแล้วก็อยากแกล้ง

“คนไหนพ่อครับ”
อาร์มรอลุ้น

“ทำอะไรกันใบข้าว อย่ากวนคุณอากับพี่ๆ สิคะลูก  มาหาอากอหญ้าดีกว่า  พ่อดินซื้อขนมมาไปทานกัน”
กอหญ้าเข้ามารับตัวเด็กหญิงออกไป

“นั่นลูกสาวนายดินเหรอฮะ  ไม่เคยพาออกมาเลย  โตขนาดนี้แล้วเนอะ”
อาร์มพูดขึ้นเพราะไม่ได้เข้าไปที่ไร่หลายปีแล้ว

“อืม…แล้วนี่จะไปไหนกัน  ใบหม่อนล่ะมาหาพี่เหรอครับ  คิดถึงใช่มั้ยล่ะ?”
ฐานทัพหันไปสนใจสาวหล่อแทน

“ป่าว นัดกับกริชต่างหากล่ะ”
ใบหม่อนพูดแล้วก็เดินไปหากริชตรงมุมร้าน  กริชกำลังเขย่งจนสุดแขนเพื่อ
จัดเก็บของเข้าชั้น  ใบหม่อนเดินเข้าไปแล้วจี้เอวเพื่อน

“เห้ย!...อย่าจี้…อ้าวใบหม่อน  มาแล้วเหรอ  ขออีกห้านาทีค่อยไปนะ”
สองคนมีนัดเลือกซื้อของกัน

“กริชจะไปไหน  เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน”
ฐานทัพออกตัว  เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มจะไปข้างนอกกับเพื่อน

“ได้ไงฮะนายทัพ  นายดินมาตรวจร้านทั้งที  ขืนนายทัพทิ้งร้านนะ  นายดินเอาตายแน่ๆ”
อาร์มพูด  ฐานทัพหน้าเจื่อนเมื่อได้ฟัง  เขาลืมไปถนัดว่าพี่ชายมา

“จะไปไหนกัน  นั่นเดินมาอีกคนแล้ว”
แผ่นดินบุ้ยใบ้ไปทางกองพลที่เดินตัวลีบเข้ามา  และเมื่อเห็นหน้านายทัพ
เจ้าตัวก็มีอันหน้าจ๋อยลงไปอีก

“นัดซื้อของกันครับ  พี่ทัพน่ะสิ จู่ๆก็มาร้องตาม…วัยรุ่นเซ็งเลย”
กริชแกล้งพี่ชาย  ดูก็รู้ออกอาการขนาดนี้อยากไปล่ะสิ

“ไปกันทั้งหมดเลยไป  เดี๋ยวพี่กับกอหญ้าเฝ้าร้านให้  อาร์มไปด้วยก็ได้นะ
 วันนี้ไม่ใช่วันหยุด…ลูกค้าคงมีเรื่อยๆ แล้วเจ้าแก้มล่ะวันหยุดมันเหรอไง”
ทุกคนเงียบกริบอย่างผิดคาด ที่ได้รับความเอื้อเฟื้อ

“ใช่ๆวันนี้วันหยุดไอ้แก้ม  พี่ดินนี่บทจะใจดีก็ดีเกินคาด  สมแล้วที่พี่กอหญ้า
เลือกพี่เป็นแฟน ฮ่าฮ่า”
กริชแซวพี่ชายและพาดพิงไปถึงพี่สะใภ้

“นายดิน  เรียกผมมามีอะไรครับ  อยู่กันครบเซตเลยนะว้นนี้”
มิ่งโผล่เข้ามาในร้านอีกคน

“ให้มาอยู่ช่วยงานในร้าน อีกเดี๋ยวพวกนี้ก็ไปกันหมดแล้ว ทัพ! ไปแล้วก็อย่ากลับเย็นนักล่ะ”
แผ่นดินกำชับน้องชาย โดยไม่บอกเหตุผลเกรงว่าน้องๆ จะตื่นตูมกันไปเสียก่อน

“ฮะพี่ดิน กลับมาก่อนมื้อค่ำแน่นอน ไปกันเถอะพวกเรา เดี๋ยวลูกค้าจะเข้าร้านแล้ว
ไปครับน้องใบหม่อนนั่งรถพี่นะ กริชด้วย ส่วนอาร์มไปรถเจ้ายักษ์นั่นไป”
พี่ทัพหันไปคว้ามือเด็กสาวมาดเท่ข้างๆ ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งและหันมาค้อมศีรษะ
ให้กอหญ้า พลางส่งยิ้มแหยๆมาให้ หน้าตาจัดว่าน่ารัก

เมื่อทุกคนออกไปกันหมดแล้วก็เหลือแต่แผ่นดินกับมิ่งและกอหญ้า ส่วนน้องใบข้าวเดินสำรวจร้านอยู่
ลูกค้ารายแรกก็ไปแล้วพร้อมกับแมวเปอร์เซียสีขาวตัวอ้วน

“พี่ดิน  เด็กสาวเมื่อกี้นี้  ใครเหรอฮะ”
กอหญ้าถามคนรัก

“ลูกสาวเจ้าของตลาดน่ะ  ชื่อใบหม่อนเพื่อนเจ้ากริช เจ้าอาร์ม
แล้วก็เด็กยักษ์เมื่อครู่ ทำไม สนใจรึไง”
พี่ดินย้อนถามแล้วก็เดินไปประจำเครื่องแคชเชียร์

“บ้าน่ะพี่ดิน  แค่เหมือนว่าพี่ทัพจะยังไงๆ กับน้องมันน่ะสิ  ดูเอาใจใส่ชอบกล  พี่ดินไม่เห็นรึไง”

“อ้าว! เหรอ  พี่ไม่ทันมอง  ว่าที่น้องสะใภ้พี่รึป่าวน่ะ  น่าคิดแฮะ”

พี่ดินทำท่าครุ่นคิดมือเกาคาง

“ดูกันต่อไปเถอะนายดิน  คนอย่างนายทัพมีหัวใจซะที่ไหน กี่ร้อยคนแล้วที่ผ่านมาในชีวิต
 ผมเห็นจนจำหน้าไม่ทันได้  นายทัพก็เปลี่ยนคนใหม่ไปเรื่อย”
มิ่งพูดพร้อมกับใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นไปด้วย

“ใบข้าวมานั่งกับพ่อตรงนี้มั้ยลูก  เดี๋ยวถ้าลูกค้ามาคิดเงินจะได้ช่วยพ่อขายของ”
เด็กหญิงเดินเข้ามาหาที่โต๊ะ  แผ่นดินจึงอุ้มขึ้นนั่งบนเก้าอี้บุนวมอีกตัว

“ทานขนมมั้ย  ที่พ่อแวะซื้อ  มีลูกชุบกับฟักทองสังขยาด้วยนะ  หรือจะทานฝอยทอง”
เด็กหญิงชี้ที่ลูกชุบที่มีสีสันน่าทาน  ชายหนุ่มจึงจิ้มส่งเข้าปากลูก  แล้วจิ้มอีกลูกให้
กอหญ้าที่อ้าปากงับเคี้ยวตุ้ยๆ พร้อมลูก

“กลางวันจะทานอะไรคิดเมนูไว้เลย  เดี๋ยวให้มิ่งวิ่งไปซื้อมาให้”

“อยากทานก๋วยเตี๋ยวเรือที่พี่ดินเคยพาไปน่ะ  แล้วพี่ดินล่ะทานอะไรดี
ของยัยหนูเป็นราดหน้าหมูสับก็ได้เนาะ”

“พี่เอากะเพราเป็ดดีกว่า ขอเผ็ดๆ นะมิ่ง”

“พี่ดินเพลาๆลงบ้างเถอะ เห็นทานแต่ของเผ็ดๆ จนปากคอสั่น
ทรมานตัวเองจริงๆ ถ้ากระเพาะพังได้นอนโรงพยาบาลแน่ๆ อย่าหาว่าไม่เตือนนะ”
กอหญ้าหันมาบ่นคนตัวโต

“งั้นเปลี่ยนเป็นผัดไทกุ้งสดแล้วกันนะมิ่ง เดี๋ยวเมียบ่นเอาอีก”
พูดหน้าตาเฉย  คนถูกพาดพิงจิกตาใส่พร้อมปากที่งึมงำไปด้วย คงจะพูดว่า
‘พี่ดินคนบ้า’อีกตามเคย แล้วตรีภพก็โทรเข้ามา

“ฮัลโหล…ว่าไงภพ พวกมันอีกแล้วเหรอว่ะ เออๆขอบใจมากเพื่อน จะระวัง
อืมๆ อยู่ที่ร้านนี่แหละ ทัพมันพาเด็กๆเข้าเมือง ใช่เฝ้าร้านแทนมัน จะมาเหรอ
ได้สิ! งั้นซื้อเข้ามาเลยไม่สะดวกออกไปว่ะ  เผื่อยัยหนูด้วยนะ อยู่กันครบแหละ
ให้มิ่งมาช่วยงานด้วย เออๆ แล้วเจอกัน”
แผ่นดินวางสายจากตรีภพ  หน้าตาเครียดแววตาเอาเรื่อง  กอหญ้ามองตั้งแต่ตอนที่คุยโทรศัพท์แล้ว

“มิ่ง  มานี่หน่อย”
ชายหนุ่มกวักมือเรียกมิ่ง  เจ้าตัวเก็บไม้ขนไก่เข้าที่แล้วเดินมาหาเจ้านาย

“ครับนายดิน  มีอะไรเหรอ ให้ผมดูรูปนี้ทำไม?”
มิ่งรับโทรศัพท์มาดูอย่างงงๆ

“เมื่อเช้ามันขับตามพวกเรามา  ภพตรวจสอบแล้วมันเป็นพวกของเสี่ยทวีป
แกดูๆ ไว้หน่อยละกัน  มันคงจะลงมืออีกไม่นานนี้”
แววตาบ่งบอกว่าเอาเรื่องน่าดู

“งั้นเย็นนี้  สลับรถกันครับนาย  นายทัพน่ะให้ขับกลับพร้อมๆกันเลย
ผมพกปืนมาด้วย ของนายล่ะติดมาด้วยรึป่าว”
แผ่นดินพยักหน้า

“กอหญ้าช่วงนี้ อยู่แต่ในไร่เถอะนะ  สถานการณ์ไม่ค่อยดี  พวกเราออกข้างนอกแบบนี้
เป็นเป้าให้มันง่ายๆ เลยละ”

“พี่ดิน  คนพวกนี้ เรารู้ตัวขนาดนี้แล้ว เอ่อ…พี่ภพยังช่วยเราไม่ได้เหรอ ต้องใช้ชีวิตแบบ
หวาดระแวงไปถึงไหนกัน  อย่างนี้ก็แย่สิฮะ”

กอหญ้ามองว่าอิสรภาพถูกลิดรอนเพราะพวกไม่ประสงค์ดีนี้

“พี่ไม่ได้จะห้ามไม่ให้เราออกจากไร่  แต่ถ้าเป็นอะไรไปพี่จะทำยังไง  พี่เป็นห่วงเรานะ”

“รู้ว่าห่วง แต่เราไม่จัดการอะไรเลย …พวกมันก็ได้ใจสิ  พี่ดินหรือน้องๆ ออกมานอกไร่
…กอหญ้าก็อดห่วงไม่ได้  เราจะอยู่ด้วยความหวาดระแวงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน”
กอหญ้าพูดด้วยสีหน้าวิตก

“ไม่นานหรอก  ภพมันบอก…แค่ช่วงนี้…เท่านั้น อดทนหน่อยนะคนดี”
แผ่นดินพูดอย่างที่คาดหวังว่าเรื่องราวคงอีกไม่นานอย่างที่เพื่อนบอก
จึงได้พูดปลอบให้กอหญ้าอดทน กอหญ้าพยักหน้าและหันไปรับลูกค้า
ที่ทยอยเข้ามากันบ้างแล้ว




หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 40,41,42... มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-04-2019 16:38:37
 :hao7:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 40,41,42... มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 04-04-2019 16:46:43
มีหลายคู่ที่รอลุ้นเหลือเกิน แต่ไม่มีใครหวานเท่านายดินแล้ว 5555
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 43 ภัยมืด 1
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 04-04-2019 17:42:44
ตอนที่ 43 ภัยมืด 1

ใบข้าวหิ้วตะกร้าเดินจับจ่ายของภายในร้านอย่างสนุกสนาน
เธอมีโอกาสมาสัมผัสโลกภายนอกอย่างเต็มตัวก็วันนี้เอง

“อากอหญ้าขา  ใบข้าวปวดชี้ฉี่  พาไปหน่อยค่ะ”
เด็กหญิงร้องบอกให้พาไปห้องน้ำ  มิ่งเดินไปรับลูกค้าแทนกอหญ้า

แผ่นดินมองตามหลังคนรักที่จูงลูกสาวหายเข้าไปด้านในบอกได้เพียงว่า
'รัก…และเป็นห่วง'
เป้าหมายในครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นเขาหรือเป็นกอหญ้ากันแน่



แก๊งเพื่อนรักพากันทัวร์ห้างดังของเมืองเชียงใหม่  ได้ของติดไม้ติดมือกันไม่ใช่น้อยๆ
กองพลสายเปย์เซ้าซี้ให้ใบหม่อนเลือกเสื้อผ้าแบรนด์หรูอยู่นั่นแหละ  แต่มันไม่ใช่แนว
ที่เธอใส่อยู่เจ้าตัวจึงถลึงตาออกบ่อยครั้ง

ฐานทัพเห็นแล้วให้ขวางหูขวางตาอย่างบอกไม่ถูก  จึงเดินเลี่ยงออกมาและเจอเข้ากับเมย์
หญิงสาวที่เคยเป็นคู่ควงมาก่อน  เธอยิ้มหวานแล้วตรงรี่เข้ามาควงแขนชายหนุ่มทันที

“ดีใจจังค่ะ  มาเจอทัพที่นี่  ทำไมไม่รับโทรศัพท์เมย์บ้างเลย  งานยุ่งเหรอคะ”

หญิงสาวเอื้อนเอ่ย  ปากรูปกระจับที่เคลือบด้วยลิปสติกสีพีชดูเย้ายวน
ดวงตาเรียวสวยกับสันจมูกที่โด่งและปลายพุ่ง  ทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็ดูดีมีระดับ
แต่ฐานทัพมองแค่ว่าเธอเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่จะพาไปไหนด้วยก็เท่านั้นเอง

“งานยุ่งมากน่ะเมย์  วันนี้พาน้องๆ มาเลือกซื้อของ ได้พี่ชายเฝ้าร้านให้ถึงปลีกตัวออกมาได้น่ะ”

ฐานทัพตอบเธอไปแล้วสอดส่ายสายตามองหากลุ่มน้องๆ ที่มาด้วยกัน  เห็นหลังอยู่ไวๆ

“งั้นอยู่ทานมื้อเที่ยงกับเมย์ก่อนนะคะทัพ นะๆ ไหนๆ เราก็เจอกันแล้ว”

หญิงสาวกกระแซะเข้ามาอีก  อกตูมๆบดเบียดที่ต้นแขนไม่ห่าง
ชายหนุ่มนึกเปรียบเทียบถ้าใบหม่อนจะช่างเจรจาฉอเลาะแบบนี้บ้างจะเป็นยังไงนะ

“ไม่ได้หรอกครับเมย์ น้องๆ รอทานมื้อเที่ยง ไว้คราวหน้านะ  ผมต้องขอตัวก่อน”
ฐานทัพพูดอย่างสุภาพและเบี่ยงตัวออกมา  หญิงสาวหน้างอแต่ก็ต้องปล่อยมือจากต้นแขนของชายหนุ่ม

“ก็ได้ค่ะ  สัญญาแล้วนะ  คราวหน้าจริงๆ นะทัพ”
ชายหนุ่มพยักหน้าและรีบเดินกลับไปหากลุ่มของกริชทันที

“พี่ทัพ  พวกเราจะไปทานกลางวันกันแล้วนะ  พี่เลือกร้านเลยสิ
เป็นเจ้ามือด้วยนะครับ  เพราะพี่ติดพวกเราไว้มื้อนึงนะฮะ”

กริชทวงพี่ชายที่ติดว่าจะเป็นเจ้ามือให้ตั้งแต่คราวก่อน

“ได้อยู่แล้ว  ร้านนั้นไง  คนยังไม่เยอะเท่าไหร่”

ฐานทัพคว้ามือสาวคนเดียวในกลุ่มลากไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น  อย่างไม่พูดอะไรให้มากความ
มือนุ่มนิ่มชื้นเหงื่อดูจะสั่นๆ เล็กน้อย  ชายหนุ่มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกตามเคย

“ปล่อยสิ  จะลากทำไมเนี่ย”
ใบหม่อนพูดออกมาเบาๆ

“เดี๋ยวหลง  คนเยอะแยะ  อย่าดื้อน่า”

ฐานทัพกระซิบกลับไป  จึงถูกเล็บจิกเข้าที่ต้นแขนทำเอาสะดุ้ง  เสื้อผ้าในแบบทอมบอยนี้เมื่อไหร่จะเลิกใส่เสียที

“นายทัพ  ปล่อยมือนะ  ดูสิเพื่อนๆมองกันแล้ว  นู่นผู้หญิงของนายมองตาขวางแล้วด้วย”

ใบหม่อนดึงมือกลับแล้วบุ้ยใบ้ไปทางหญิงสาวที่ตอนแรกเธอเห็นยืนเบียดแขนชายหนุ่ม
อย่างแนบชิดก่อนที่จะเข้ามาที่ร้านนี้

“ช่างปะไร  ตอนนี้พี่ต้องดูแลสาวน้อยคนนี้ที่พามา  ดูเพื่อนเถื่อนๆของเราสิ
มีใครที่จะปกป้องเราบ้า ง สนใจแต่ของกิน”

ใบหม่อนมองหน้าคนพูด  เธอฟังอะไรผิดไปรึไง  คนคนนี้มองเธอเป็นสาวตั้งแต่เมื่อไหร่
กินยามาผิดหรือไงกัน

“นายทัพนั่งดีๆ หน่อย จะเบียดทำไมนักเล่า นี่…ไม่อยากเป็นจำเลยนะ โจทย์มานู่นแล้ว”
ใบหม่อนพูดจบก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาที่โต๊ะ

“ทัพคะ น้องๆด้วย ขอเมย์นั่งด้วยคนสิ เมย์มาคนเดียวไม่มีเพื่อนทานกลางวันด้วยเลย”
สาวสวยมาขอร่วมโต๊ะ ใครจะกล้าปฏิเสธกันล่ะกริชจึงเอ่ย

“เพื่อนพี่ทัพเหรอ  นั่งสิครับ  ผมกริชน้องพี่ทัพครับ”

กริชแนะนำตัวเอง  เขาตอบรับให้เธอร่วมโต๊ะ  พี่ทัพจะไม่ค่อยพอใจนัก
กริชอยากจะดูเหมือนว่าระหว่างใบหม่อนเพื่อนของเขากับสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด
คนนี้พี่ชายจะเทคะแนนให้ใคร  แล้วคนอื่นๆ ที่ร่วมโต๊ะก็พากันแนะนำตัวเอง
บอกด้วยว่าทำอะไรที่ไหนยังไง จนถึงใบหม่อนที่บอกแค่ว่าชื่อใบหม่อนเท่านั้น

“สาวหล่อสินะ  เด็กแถวตลาดเหมือนกันเหรอ”
เธอพูดน้ำเสียงเหยียดๆ ชอบกล  จนใบหม่อนเองสัมผัสได้

“อืม ก็บ้านอยู่แถวนั้น”
ใบหม่อนพูดไปแค่นั้น เธอไม่ชอบอวดตัวอยู่แล้ว ใครจะคิดยังไงเธอไม่สน

“อาหารมาแล้ว เอ้า! นี่ของโปรดใบหม่อนเราสั่งให้เองน่ะ”
กองพลส่งกิวคัตสึกับข้าวหน้าปลาไหลมาให้

“อืม…ขอบใจนะเสี่ย”
เด็กสาวแกล้งเรียกเอาใจ  เพื่อนร่างยักษ์ยิ้มแก้มแทบแตก
แต่ไม่ทันที่จะคีบอาหารก็ถูกฐานทัพก็ยกไปวางใกล้ๆ ตัวเอง
แล้วเลื่อนอาหารในส่วนที่ตัวเองสั่งมาแทนที่

“อันนี้พี่สั่งให้เรา  ลองดูอะไรใหม่ๆ บ้าง ทานแต่เดิมๆ ไม่เบื่อรึไง”
ฐานทัพคีบข้าวหน้าปลาไหลเข้าปาก ใบหม่อนมองอย่างนึกเสียดายก็ของชอบเธอนี่นะ

“พี่ทัพอย่าแกล้งเพื่อนผม  ส่งคืนมาฮะ  ผมก็ชอบทานเหมือนกัน  ขี้หวงว่ะพี่”
ฐานทัพส่ายหน้าแล้วก็คืบเข้าปากอีก  กริชยู่ปากใส่  แล้วยกมือสั่งเพิ่มมาอีกที่ให้เพื่อน

“ทัพค่ะ  นี่ก็อร่อยนะ  ลองสิ”
เมย์คีบอาหารส่งให้ถึงปากชายหนุ่ม  แต่ฐานทัพทำเป็นเมินจนเธอต้องหดมือกลับ

“ลองนี่สิ  พี่เมย์มันฝรั่งบดชุบแป้งทอด  สักนิดมั้ย”
กองพลคีบส่งให้เธอ  เมย์รับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก  ของทอดเธอกลัวอย่างกับอะไรดี

“นี่เสี่ย  ผู้หญิงกับของทอดน่ะไม่ถูกกันนะ”
ใบหม่อนบอกเพื่อน  ทำเอากองพลหน้าเจื่อน

“ของผมมาแล้วเซตใหญ่ คุณๆ ไม่ต้องแย่งนะครับ  นี่สำหรับหนึ่งทีต่อหนึ่งคน
ไม่ได้หวงแต่ขี้เกียจหาเมนูใหม่”

อาร์มพูดขึ้น  ทำเอาเพื่อนๆ เบะปากใส่

“ใบหม่อนทานสิ  จะเขี่ยทำไมนัก  ผอมจนจะปลิวลมแล้ว เอ้านี่! เราสั่งมาให้ใหม่แล้ว”

กริชส่งคืนอาหารที่พี่ชายแย่งของเพื่อนไปคืนให้

“หูย…ขอบคุณนะเพื่อนรัก”
ดวงตาเป็นประกาย  ของชอบจริงๆ สินะ  อย่างอื่นไม่แตะเอาเลย
ฐานทัพมองดูแล้วก็จดจำไว้  เพื่อว่าคราวหน้ามีโอกาสมาทานด้วย
กันเขาจะได้ไม่แย่งของชอบเธออีก

“รีบๆ ทานกันเหอะ  พี่ดินรอแล้วป่านนี้  กำชับว่าไม่ให้กลับเย็น”
ฐานทัพกระตุ้นเตือนน้องๆให้เร่งมือทาน

“ครับพี่ชาย  แต่ก่อนกลับขอเดินดูของอีกรอบนะ”
ฐานทัพพยักหน้าให้น้อง  แล้วก็ลอบมองใบหม่อนที่ก้มหน้าก้มตากิน
เคี้ยวจนแก้มตุ่ย การกระทำดูช่างเป็นธรรมชาติจนฐานทัพมองเพลิน 
ข้างฝ่ายเมย์เธอชักจะไม่ชอบขี้หน้าเด็กกะโปโลตรงหน้าที่ดูเชยแสนเชย
ไม่มีส่วนโค้งส่วนเว้าให้น่าสนใจแต่เพื่อนๆ และผู้ชายของเธอกลับให้ความใส่ใจจนน่าโมโห

“ทัพคะ  เมย์มีธุระต้องไป  ขอตัวก่อนนะ  ลาล่ะทุกคน  ขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะทัพ”
เมย์คว้ากระเป๋าสะพายที่วางข้างๆ ตัวเดินออกไปจากร้าน

“พี่ทัพสาวสวยมานั่งด้วยทั้งทีไม่เห็นพี่จะเทคแคร์เธอเลย  ช่างไร้เสน่ห์ชะมัดเลยพี่เนี่ย”
กริชต่อว่าพี่ชาย

“ไม่ได้อยากให้มานั่งตั้งแต่ทีแรกแล้วนี่  นายนั่นแหละเอ่ยปากให้นั่งเองนะ”

ตอบน้องไปหน้าตาเฉย  ใบหม่อนเผลอเงยหน้ามอง  จังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่ม
มองมาที่เธอพอดี  เธอจึงเสไปคีบอาหารเข้าปากต่อ  คงถึงคราวถูกโละเป็นของ
น่าเบื่ออีกแล้วสิ  คนที่เท่าไหร่กันนะ  เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยใช้ผู้หญิงเปลืองสักทีนะ

“เมื่อไหร่พี่ทัพจะเลิก  ทำแบบนี้  หาตัวจริงซักทีเหอะ  แบบนี้ผมกับพี่ดินจะพลอย
เสียชื่อไปด้วยนะ พ่อคาสโนวาแห่งไร่เขตแผ่นดิน”

กริชค่อนขอดพี่ชาย  คำถามที่น้องถาม สะดุดใจชายหนุ่มอย่างจัง
'นั่นสิถึงเวลาที่จะต้องหาตัวจริงได้แล้ว'

“มองๆ อยู่ว่ะ แต่ยากจัง…คนนี้”

ฐานทัพพูดแล้วมองหน้าสาวน้อยตรงหน้า ใบหม่อนชะงักไปนิดเมื่อได้ยิน
แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมองหน้าคนพูด จึงไม่ได้เห็นแววตาที่มองมายังเธอ

กองพลหน้าเจื่อนที่เห็นแบบนั้น  แย่แล้วสิคู่แข่งเกิดขึ้นแล้ว แพ้ตั้งแต่ยังไม่
ได้ลงสนามแข่งเลยรึไง  กองพลรู้สึกเช่นนั้น

“น้องครับขอสั่งอาหารกลับบ้าน อืม…ขอชุดนี้กับนี่ด้วย”

พนักงานมารับออเดอร์และกลับไปจัดการให้  ชายหนุ่มจ่ายเงินค่าอาหารและถือส่วนที่สั่งกลับบ้านติดมือ


กริชยังคงสนุกกับการเข้าออกร้านนั้นร้านนี้  แม้ไม่ได้ซื้อหาได้จับหน่อยก็ยังดี
เจ้าแก๊งเด็กแสบ  ใบหม่อนดูมีสีหน้ายิ้มแย้มมากขึ้นเมื่อได้อยู่ท่ามกลางเพื่อน
สนิทแบบนี้  ความน่ารักสดใจเริ่มฉายประกายออกมาจนฐานทัพลอบมองบ่อยครั้ง
หลายวันมานี้ที่พบหน้ากัน  เขาไม่ก่อกวนไม่กลั่นแกล้งอะไรเธออีก ในเมื่อรู้มาว่า
เขาเคยเป็นผู้ชายที่ใบหม่อนเคยปลื้มเมื่อแรกรุ่น จะเป็นไปได้มั้ยที่เขาจะกลับไปอยู่ ณ จุดเดิมที่เคยเป็น

`พี่จะพยายามนะ ถ้ามันจะนำพาความสดใสที่หายไปของเธอคืนมา…ใบหม่อน`
 
“ตัวแสบมากันซะเกือบเย็น  ดีนะที่พี่โทรไปบอกขวัญให้ไปรับต้นกล้า
 ถ้าขืนรอแกนะทัพ  หลานได้นอนเฝ้าโรงเรียนแน่ๆ”

พี่ชายแขวะน้องชายสองคนที่เข้าร้านมาจนเกือบค่ำ

“พี่ดินก็พูดเกินไป  เตรียมตัวกลับกันเถอะ ผมเก็บร้านเอง”
ฐานทัพบอกพี่ชาย

“กลับพร้อมกันนั่นแหละ  มาพี่ช่วยเก็บ  กอหญ้าครับปลุกลูกเถอะนอนนานแล้วนะ”

“เดี๋ยวผมไปดูหลานเองครับ”

กริชอาสาแทน  เมื่อเห็นพี่กอหญ้ากำลังดูแลลูกค้าอยู่อีกราย

`อ่อ…บริการคนหล่อไม่ได้เลยสิ ขี้หวงจริงพี่ดิน แค่นี้ทำเรียก`

“อาร์ม เอานี่ไปให้ใบหม่อนที  บอกว่าฉันซื้อฝาก ตะกี้ลืมส่งให้ บอกเขาด้วยว่าทานให้อร่อย”

ฐานทัพใช้ให้อาร์มเอาของโปรดที่เขาสั่งกลับมาไปให้เป็นการชดเชยที่แย่งเธอกิน
ก็ใครใช้ให้รับของจากคนอื่นกันล่ะ  ถึงเจ้ายักษ์จะเป็นเพื่อนก็เถอะ  เขามองออกว่า
เด็กนั่นน่ะมันคิดเกินเพื่อน

“โห…นายทัพ  ซื้อมาก็น่าจะให้เขาเองกับมือนะ”

อาร์มบ่น  แต่ก็ไปจัดการให้อยู่ดี

“อาร์ม…อย่าพูดมาก  เดี๋ยวโดนเตะ”

ฐานทัพขู่ไปอย่างนั้นเอง  เจ้าคนโดนขู่ก็ไม่ได้ว่าจะกลัวเกรงอะไร  อยู่ด้วยกันจนรู้นิสัยใจคอหมดแล้ว


มิ่งแลกรถกับนายของตัวเองและขับออกไปก่อนคันแรก  ฐานทัพและกริชตามไปอีกคัน
และแผ่นดินขับปิดท้ายขบวน  เขาไม่ได้เล่าให้น้องชายรู้ว่าพวกเขาถูกตาม
ไม่อยากให้น้องเป็นกังวลเพราะเป้าหมายที่พวกมันต้องการไม่ใช่น้องชายของเขาด้วย

“พี่ดินฮะ  เราจะไม่บอกพี่ทัพหน่อยเหรอ  รู้ไว้จะได้ช่วยกันสอดส่องนะฮะ”

กอหญ้าเสนอความคิดเห็นออกไป  ดูสีหน้าพี่ดินแล้วน่าเป็นห่วง

“พี่ไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นกังวล แต่ถ้ากอหญ้าว่าอย่างนั้น งั้น…
เย็นนี้พี่บอกทุกคนก็ได้  แต่หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว  ตามนี้แล้วกันนะ”

“ดีจังที่พี่ดิน  ยอมรับความคิดเห็นของกอหญ้า”

“เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่  พี่รักเรานะกอหญ้า”
แผ่นดินหันมามองคนรัก

“ใบข้าวก็รักอากอหญ้าค่ะ”
เด็กหญิงโถมตัวขึ้นกอดคออาหนุ่ม

“ค่ะ  อาก็รักใบข้าว  รักพ่อดินด้วยเหมือนกัน”
กอหญ้าจูบที่เรือนผมนุ่มของหนูน้อยอย่างรักใคร่  พ่อลูกได้กำหัวใจของเขาไปหมดแล้วทั้งดวง

“ออกมาข้างนอกอย่างนี้  สนุกมั้ยคะ”
แผ่นดินถามลูกสาว  เด็กหญิงยิ้มแก้มแทบแตกพยักหน้าหงึกหงัก

“สนุกค่ะ แต่ใบข้าวก็คิดถึงพี่แตงโมกับไข่เจียวที่สุด”
หนูน้อยตอบพ่อ

“เอ่อ…คงเพราะออกมาทั้งวันน่ะครับ  อีกหน่อยแกคงชิน”
กอหญ้าออกความเห็น

“อืม…พี่ก็ปิดกั้นแกมานานเกินไป ถ้าเหตุการณ์ปกติดีเมื่อไหร่ ค่อยพาแกออกมาใหม่แล้วกัน”

แผ่นดินมองไปสุดทาง  สายตามุ่งมั่น ราชสีห์กางเล็บเตรียมปกป้องผองภัยแล้วสินะ
ขออย่าได้มีเหตุร้ายอะไรอีกเลย กอหญ้าได้แต่ร้องขออยู่ภายในใจ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 40,41,42... มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 04-04-2019 17:49:58

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 44 ภัยมืด 2
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 04-04-2019 18:21:18
ตอนที่ 44 ภัยมืด 2

ขับมาได้ครึ่งทางก็มีสัญญาณเตือนว่าข้างหน้ากำลังมีเหตุ  แผ่นดินต้องเคลื่อนรถไป
อย่างช้าๆเพราะเป็นช่วงทางโค้งและเป็นจุดอันตราย  รถที่เกิดเหตุตรงจุดนี้น้อยคนนัก
ที่จะรอด อยู่ๆ แผ่นดินก็ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง  สีหน้าตื่นตกใจเมื่อนึกไปต่างๆ นานา
แล้วมาสะดุดตรง…….

“พี่ดินจอดทำไมครับ  ตรงนี้น่ากลัวนะ  พี่ดินฮะ  ปวดหัวหรือปวดท้อง…เป็นอะไร?”
กอหญ้าถามอย่างร้อนรนเมื่อสังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของคนรักจากแสงไฟที่ส่องมากระทบ

“กอหญ้าโทรหามิ่งกับทัพให้พี่ที  พี่ใจคอไม่ค่อยดีเลย  ข้างหน้ามีอุบัติเหตุด้วย  พี่กลัวว่า…”

แผ่นดินพูดค้างไว้แค่นั้น  แล้วส่งโทรศัพท์ของเขาให้คนข้างๆ ไป

“พี่ทัพ  รับสิครับ เฮ้อ…โทรหากริชดีกว่า  พี่ดินไม่มีคนรับสายเลย
ส่วนมิ่ง…ติดนะแต่ก็ไม่รับสาย  พี่ดินใจเย็นๆ ก่อนอย่าเพิ่งคิดมาก  เราจะไปต่อมั้ยครับ”

กอหญ้าส่งโทรศัพท์คืนให้พี่ดินที่นั่งนิ่ง

“พ่อดินไม่สบายเหรอคะ  อากอหญ้าขา”

หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นพ่อของเธอนั่งหลับตา
 
Rrrrrrr เสียงโทรศัพท์ที่กรีดดังในความเงียบงันมันบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของแผ่นดิน
เป็นเบอร์ของกริชที่โทรกลับมา  เขาส่งให้กอหญ้ารับแทน

“ฮัลโหลกริช ว่าไงนะ! ไม่จริง! ………กริช…แล้วพี่ทัพ …อยู่ตรงนั้นก่อนเดี๋ยวเข้าไป
ว่าไงนะ! ไม่ให้เข้า กริช! เดี๋ยวสิ”

กอหญ้ามือไม้สั่นและปากคอก็สั่น  เหงื่อผุดตามไรผมทั้งที่แอร์ในรถเย็นฉ่ำ

“พี่ดิน…ใจเย็นๆ นะ พี่ทัพกับกริชไม่เป็นไร แต่มิ่ง…”

กอหญ้าพูดได้แค่นั้นก็กอดน้องใบข้าวสะอื้นจนตัวโยน เด็กหญิงตกใจเบะปากจะร้องตาม
แผ่นดินจึงลูบหลังและโอบกอดทั้งสองคนไว้พร้อมๆ กัน

“กอหญ้านิ่งเถอะ…ลูกกลัว…ยัยหนูตกใจแล้ว ส่งลูกมาให้พี่”

กอหญ้ารู้สึกตัวจึงปล่อยเด็กหญิงออกจากอ้อมกอดส่งให้กับพี่ดิน

“โธ่…มิ่ง…ไม่น่าเลย เขามารับเคราะห์แทนพวกเรา  พี่ดิน…มิ่งจะฮึก…ฮือ”

กอหญ้าพูดไปพยายามข่มก้อนสะอื้นแต่ไม่เป็นผล

“ข้างหน้าเป็นโค้ง  มิ่งมันทำท่าไหนของมันวะ  ถ้าไม่ใช่เพราะแลกรถกัน
ถ้าไม่ใช่…เพราะพวกเลวนั่น…ไอ้มิ่งคง…”

พี่ดินกัดฟันกรอดจนกรามขึ้นเป็นสันนูน

“กริชบอกให้เรากลับเข้าไร่เลย  ทางนี้พี่ทัพจะดูเอง  พี่ทัพฝากบอกว่าไม่ให้พี่ดิน
ลงจากรถไปที่จุดเกิดเหตุ  เชื่อพี่ทัพเถอะนะ  กอหญ้ารู้ว่าพี่ดินเป็นห่วงมิ่ง…แต่
ไม่เพราะมิ่งเป็นห่วงพวกเรารึไง…ถึงทำแบบนี้…พี่ดินกลับไปคุยกันที่บ้าน…นะครับ
มากอหญ้าขับเอง”

กอหญ้าขยับจะเปลี่ยนตำแหน่งไปขับ  พี่ดินส่ายหน้าแล้วส่งยัยหนูมาไว้บนตักเขาแทน
และออกรถไปอย่างช้าๆ ยิ่งใกล้จุดที่เกิดเหตุ  มีรถจอดดูและคนออกันเป็นกลุ่มใหญ่
ทั้งรถกู้ชีพที่แซงไปสมทบอีก  ยิ่งเห็นไฟจากไซเร็นในอกของกอหญ้าก็ยิ่งสั่นระทึก

พี่ดินกำพวงมาลัยแน่นเข้าไปอีก  มองตรงไปข้างหน้าดวงตาแข็งกร้าว

“พี่ดินครับ  มีสติหน่อยนะ  ส่งลูกเข้าบ้านก่อน  ค่ำมากแล้วด้วย…ลูกหิว”

กอหญ้าพยายามเรียกสติคนตัวโตและพูดถึงลูก  ดวงตาพี่ดินไหวขึ้นมาที่ได้ยินว่าลูกหิว

“ใบข้าวไม่หิวเท่าไหร่  คุณพ่อไม่สบาย”

เด็กหญิงพูด  แล้วจ้องหน้าพ่อ

“พ่อ…เอ่อ…ปวดหัวนิดหน่อย  อีกแป๊บนะลูก  พ่อจะพาไปหาพี่ต้นกล้า  ทนหิวหน่อยนะคะ”

พี่ดินบอกลูก  ดูสติจะค่อยๆ กลับมาแล้ว  กอหญ้าคลายกังวลลงเล็กน้อย  เขารู้ว่ามิ่งเป็นยิ่งกว่าลูกน้อง
ความดูแลห่วงใยที่นายกับลูกน้องมีให้กันดูได้จากหลายๆ เรื่องที่ต่างทำให้แก่กันมา

“มิ่งจะต้องปลอดภัย  กอหญ้าเชื่ออย่างนั้น  พี่ดินก็ต้องเชื่อด้วยเหมือนกันนะฮะ
เรามาช่วยกันส่งแรงใจให้พวกนั้นหามิ่ง…เจอโดยเร็วเถอะ”

กอหญ้าพยายามให้ตัวเองมีสติที่สุด  เพื่อเป็นที่ยึดให้กับคนรักที่กำลังอ่อนแอ

“พี่จะพยายามเชื่ออย่างนั้นนะ  ทั้งๆ ที่จุดนั้นยากแก่การเข้าช่วยเหลือและยากที่มีใครร…”

“พี่ดินไม่พูดอย่างนั้น…”

กอหญ้าพูดสวนและยกมือตบที่บ่าพี่ดิน  จนแผ่นดินต้องหยุดพูดคำที่ไม่ดีต่อใจออกไป



แผ่นดินกลับถึงไร่เขาเรียกประชุมคนงานและแจ้งข่าวร้ายให้ทุกคนฟัง  ต่างตระหนกตกใจ
และเกิดเสียงดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ไม่หยุด

“เงียบหน่อยทุกคน  ที่บอกให้รู้เพราะต้องการอาสาสมัครช่วยกันออกไปค้นหามิ่ง
….ใครที่ร่างกายแข็งแกร่งมีพละกำลังก็ออกมารวมกันตรงนี้  ส่วนลูกเด็กเล็กแดง
และผู้หญิงกลับไปพักผ่อน  งานนี้ไม่บังคับนะ  ใครอยากช่วยก็มาเอารถคันใหญ่ออก”

พูดจบคนงานชายก็แยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้หญิงและเด็ก

“พวกเราไปกันหมดนี่แหละครับนายดิน  พี่มิ่งไม่เคยที่จะเอารัดเอาเปรียบพวกเรา
เราก็รักและเป็นห่วงพี่มิ่งกันทุกคน  ขอไปช่วยอีกแรงครับ”

คนงานชายคนหนึ่งพูดขึ้น

“ลุงจะอยู่ดูเวรยามท้ายไร่ให้แล้วกัน”

คนงานวัยกลางคนห้าหกคนแยกตัวออกไปอีกกลุ่ม

“ขอบใจทุกคนที่สามัคคีกัน  มิ่งมันคงจะรอดตายเพราะพวกเราก็คราวนี้
ไปกันได้แล้ว  แล้วก็ระมัดระวังกันให้มากๆ ด้วยนะ”

แผ่นดินส่งกุญแจรถคันใหญ่ที่ใช้บรรทุกพืชผลทางการเกษตรให้กับคนงานชายคนหนึ่งไป


“เจ้าดิน  มานี่ก่อนพ่อเพิ่งได้ฟังเรื่องจากกอหญ้า  พ่อว่าเอ็งอย่าเพิ่งออกไปเลย
มันจะย้อนรอยเอาได้  ถ้ามันรู้ว่าในรถคันนั้นไม่ใช่เอ็ง  อย่าเพิ่งปรากฏตัวเลยดิน
เชื่อพ่อเถอะนะ”

พ่อเขตเข้าไปรั้งตัวลูกชายไว้  ที่มีทีท่าว่าช้างก็จะฉุดไม่อยู่เสียแล้ว

“ผมห่วงไอ้มิ่งมัน  พ่อลองมาเป็นผมที่อยู่ตรงจุดนี้สิ ผม…ผม”

แผ่นดินร้อนรน  และดูจะไม่ฟังอะไรเลย

“พี่ดิน  อย่าออกไปเลยเราขอกำลังจากพี่ภพได้  พี่ธาราก็ด้วย  สองหน่วยงานนี้ก็มากพอแล้วนะฮะ
พี่ดินอยู่รอที่นี่เถอะ  กอหญ้าขอร้องละ”

กอหญ้ารั้งไว้อีกแรง  และเสนอแนวทางเลือกให้

“เอ้า! ดีเลย ถ้าคนไม่พอเดี๋ยวพ่อขอคนที่ปางไม้พ่อเลี้ยงอเนกมาช่วยอีกแรง
แกใจเย็นหน่อยนะดิน”

แผ่นดินพยักหน้า  อย่างที่กอหญ้าบอกขอความช่วยเหลือกับทั้งตรีภพและธาราก็เกินพอ ยังจะปางไม้อีก

“ครับพ่อ ผม…จะรอที่นี่”
แล้วกอหญ้าก็เป็นคนเอาโทรศัพท์ของแผ่นดินไปโทรประสานงานอย่างที่คุยกันไว้

“พี่ภพบอกว่าได้คนจากป่าไม้จังหวัดเข้าไปในพื้นที่แล้ว  พวกเขามีความชำนาญในพื้นที่มากกว่า
 พี่ดินประสานงานเรื่องอำนวยความสะดวกให้พวกเขาเถอะนะครับ”

“จริงดิ  งั้นบริการน้ำดื่มเครื่องดื่ม  ข้าวกล่อง  ชานนท์เข้ามาพอดี  อ้าว! คมกฤช คุณสองคนช่วยกันหน่อย
ต้องการอะไรก็เบิกได้ที่กอหญ้านะ”

กอหญ้าพยักหน้าและแยกตัวออกไปคุยกับชานนท์และคมกฤชพักนึงสองหนุ่มจึงแยกตัวออกไปจัดการตามที่ได้รับมอบหมาย

“พี่ดินไปทานอะไรสักหน่อยเถอะ  นิดนึงก็ยังดี อย่าดื้อครับ”

กอหญ้าฉวยมือใหญ่มาจับจูงกันไปที่โต๊ะอาหารที่มีคุณย่ากับเด็กๆ นั่งทานกัน  พ่อเขตก็นั่งลงอีกคน

“พ่อคุยกับแม่เลี้ยงข้าวทิพย์แล้ว  เธอกำลังส่งคนมาช่วย เ จ้าภพมันบอกพ่อว่ามีรอยเบรกลากยาว
เหมือนจะหักหลบด้วย  พ่อว่ามันแซงตัดหน้าให้เสียจังหวะแหละ  กะจะเอาให้ตาย”

กอหญ้านึกไปถึงคราวเหตุการณ์ของตนเองแล้วให้ขนลุกขนพอง



“พ่ออเนก  แม่ทิพย์มีอะไรกัน ได้ยินเสียงโทรสั่งงานอะไรกันป่านนี้  ข้าวปลาไม่มากิน”

คุณหญิงศจีพรรณ  ถามขึ้นเมื่อเห็นทั้งลูกเขยและลูกสาวไม่เข้ามากินข้าวสักที

“ไร่พี่เขตขอกำลังคนจากเรามาค่ะคุณแม่  ลูกน้องคนสนิทของเจ้าดินแหกโค้งตกเขา
จนป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอเลยค่ะ”

ลูกสาวตอบมารดา  สีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย

“อืม…ส่งคนไปช่วยแล้วก็แล้วกัน  จะทำหน้าอย่างนั้นกันทำไมล่ะแม่ทิพย์  มากินข้าวกันเถอะ”

“แล้วนี่ยัยหนูไปไหน  ข้าวปลาไม่มากินล่ะคุณ”
สามีหันไปถามภรรยาเมื่อไม่เห็นลูกสาวคนเดียวมาร่วมโต๊ะ

“แกขอผลไม้ไปจานเดียว  บอกแต่ว่าจะเปิดเรียนน้ำหนักขึ้น เดี๋ยวชุดนิสิตใส่ไม่ได้ ช่างแกเถอะค่ะ”

“ดูแลใกล้ชิดแกหน่อยนะคุณ  ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ”

“ค่ะ ทิพย์ก็ตามติดแกตลอด  ยังคิดว่าควบคุมลูกมากเกินไปหรือเปล่า”

“ไม่หรอกแม่ทิพย์  ยัยหนูไม่ใช่เด็กที่จะเหลวไหล  อยู่ไหนก็วางใจได้น่ะแม่ว่า”

คุณแม่บอกลูกสาว ที่ดวงตาไหววูบ   จนแล้วจนรอดป่านนี้เธอก็ยังไม่มีความกล้าพอ
ที่จะเปิดปากเล่าเรื่องในอดีตให้แม่และสามีฟังอยู่ดี  ความกล้ามันหดหายเมื่อได้เห็น
หน้าสามีที่รักและซื่อสัตย์ต่อเธอตลอดมา  และมารดาที่เชื่อใจว่าเธอไม่เคยทำเรื่อง
ด่างพร้อยมาก่อน  รวมทั้งลูกสาวที่ชื่นชมบูชาในตัวของเธอ  เธอยังขลาดเกินกว่าจะบอก
ออกไป…กลัวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม



ขวัญที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักดวงตาบวมช้ำ  ถูกเรียกตัวมารวมกันที่บ้านใหญ่
กอหญ้าไม่อยากให้ขวัญต้องไปอยู่ตรงจุดที่ทำให้รู้สึกแย่จึงให้คนไปตามตัวกลับมา

“ขวัญ  สงบใจก่อนเถอะ  ที่นี่ก็ใจคอไม่ดีด้วยกันทุกคน  ดูอย่างนายดินของขวัญสิ
นั่งติดที่ซะที่ไหน  ทุกคนเป็นห่วงมิ่งกันทั้งนั้น  รออยู่ที่นี่แหละรอมิ่งกลับมา…มิ่งเป็นคนดี
พระท่านย่อมคุ้มครอง”

กอหญ้าเดินเข้ามาตบบ่าขวัญที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขกอย่างคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง

“ผมห่วงพี่มิ่ง  เรามีกันสองคนแค่นั้น  หากพี่มิ่งเป็นอะไรไป ผม…”

ขวัญสะอื้นขึ้นมาอีก  กอหญ้าจึงนั่งลงข้างๆ และรวมมือของขวัญมากุมไว้และตบเบาๆ ที่หลังมือ

“ขวัญไม่ได้มีแค่มิ่ง  อย่าคิดว่าไม่มีใคร  ผมเองเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ไม่นานยังรับรู้ได้เลย
ว่านายสองคนพี่น้องไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องของพี่ดินแต่นายสองคนเป็นเหมือนเพื่อน
เหมือนน้อง  เหมือนที่มิ่งรักและเป็นห่วงคนบ้านนี้จนเอาชีวิตเข้าแลก  รู้ทั้งรู้ว่าอันตราย
ยังเสี่ยงเพื่อเรา  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พี่ดินรักพวกนายได้ยังไง  เข้มแข็งไว้นะขวัญ”

กอหญ้าพูดไปก็เกิดตื้นตันในความมีน้ำใจของสองคนพี่น้อง  ที่เขารอดจากเหตุการณ์ที่แล้วๆมา
ก็มีหนึ่งในสองแฝดที่มีส่วนช่วยทั้งนั้น

“ครับคุณกอหญ้า  ผมจะพยายาม…เข้มแข็ง”
 กอหญ้าพยักหน้าและฝืนยิ้มเป็นกำลังใจให้ขวัญ  หันมองไปที่คนตัวโตที่เดินไปมา
 กอหญ้าจึงเดินเข้าไปหา  จังหวะนั้นมีสายโทรเข้าที่เครื่องพี่ดินพอดี

“ฮัลโหล ว่าไงทัพ! เจอแล้วเหรอ!…แล้ว…อืม เดี๋ยวตามไป  แกพาน้องกลับมาก่อน
เออน่ะ! จะระวังตัว!”

พี่ดินวางสายสีหน้าดีใจ  แต่ก็สลดลงไปอีก

“ขวัญ ไปโรงพยาบาลกัน มิ่ง…สาหัสเหมือนกัน  กอหญ้าไม่ต้องไปนะ อยู่ที่นี่…”

พี่ดินพูดไม่ทันจบ  กอหญ้าคว้าเสื้อแจ็คเก็ตมาพาดที่แขน  หน้าตาดื้อดึงเมื่อรู้ว่าต้องคอยอยู่ที่บ้าน

“ไม่ครับพี่ดิน  กอหญ้าอยากไปดูมิ่ง  ขอให้เห็นกับตาว่ามิ่งปลอดภัย…นะครับ พี่ดินก็รู้…ว่าคนรอรู้สึกยังไง”

“เอ๊ะ! ดื้อจริงเรานี่  ห้ามไม่เคยฟังงั้นก็ตามมา…เดี๋ยวพี่ไปบอกพ่อก่อน  สองคนไปรอที่รถไป”

พี่ดินผละเข้าไปรายงานพ่อเขตที่นั่งรออยู่กับคุณย่าที่ห้องนั่งเล่น  กอหญ้าจึงเดินนำขวัญ
ออกมารอที่ข้างรถกระบะสีขาวคันที่พ่อเขตใช้ประจำ  เห็นเพชรเดินอยู่ไม่ห่างจึงเรียกไว้

“เพชรฝากดูแลบ้านด้วย  แล้วก็บอกแตงโมให้พาน้องเข้านอนได้เลย  พี่ดินคงกลับมาดึกหน่อยวันนี้”

“ครับคุณกอหญ้า  เดี๋ยวนายดินออกไปผมก็จะปิดบ้านแล้วละครับ”

เพชรรับปากอย่างเป็นมั่นเหมาะ  แล้วพี่ดินก็เดินออกมา โดยมีพ่อเขตตามออกมาส่งที่หน้าบ้าน

“ขับรถดีๆ นะเจ้าดิน  ขวัญก็อย่าเพิ่งไปใช้ให้มันขับล่ะ ใจมันยังไม่เป็นปกติดี
แล้วก็ระวังหน้าระวังหลังด้วยล่ะ ไม่ได้ขับก็ช่วยๆ กันดูนะกอหญ้า”

พ่อเขตพูดแล้วก็โบกมือให้ขึ้นรถกัน  ตลอดทางที่ไปโรงพยาบาลไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย
กอหญ้ากับขวัญก็สอดส่ายสายตามองหน้ามองหลังอย่างระวังภัยช่วยอีกแรงตามที่พ่อเขตย้ำเตือนมา


***********************************************************************
Talk : ช่วยกันลุ้น ไปด้วยกันนะ อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนะ ปมใหม่ก็กำลังจะมี ปมเก่าก็กำลังจะคลาย

ก็นี่แหละคนเขียนที่จะเพ้อๆ เพี้ยนๆ เคยเป็นนักอ่านมาก่อน บางเรื่องอ่านไปถึงกลางเรื่องแล้วคนเขียนหาย

เศร้าใจมาก ดังนั้นใครหลงมาตรงนี้สบายใจได้ เรื่องที่ลงให้อ่านคือแต่งจบแล้วค่ะ และที่ลงให้อ่านหลายตอน

ต่อวันเพราะรู้ค่ะว่าการรอ รอ ทุกวันมันเป็นยังไง นี่ก็เพราะความเพี้ยนของคนเขียนเหมือนกัน

ขอบคุณกำลังใจจากนักอ่านห้องนี้ ไม่ผิดหวังเลยที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่นี่ รักคนอ่านทุกคน :)



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 40,41,42... มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-04-2019 19:40:00
 :hao7: :3125: :hao7:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 40,41,42... มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2019 13:36:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

วางใจเมื่อมีข้อความว่าคนเขียนไม่หาย  อิอิ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 40,41,42... มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 05-04-2019 20:01:50
 :L2: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 40,41,42... มาแล้ว :)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 05-04-2019 21:49:54
เป็นห่วงมิ่งจังเลย แต่คนเขียนก็น่ารักสุดๆ เลยนะงานนี้ ว่าจะไม่ทิ้งให้คิดถึง
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 45 รับเคราาะห์แทน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 05-04-2019 22:31:12
ตอนที่ 45 รับเคราะห์แทน

หน้าห้องฉุกเฉินคลาคล่ำไปด้วยกลุ่มคนงาน  สารวัตรตรีภพและธาราก็อยู่ตรงนั้นด้วย

“ดิน  กลุ่มที่ไปเจอมิ่งน่ะเป็นกลุ่มคนงานของที่ไร่แกนั่นแหละ  มิ่งน่ะหมดสติห่างจากซากรถ
ไปกว่าสองกิโล  มันโคตรอึดเลยว่ะ  สภาพไม่ต่างจากกอหญ้าเลยตอนที่พามันขึ้นมาน่ะ
ดีนะที่มันใส่เสื้อสีขาวถึงจะแดงเถือกไปด้วยเลือด  ส่วนอื่นก็ยังโผล่ให้เห็นเมื่อโดนแสงไฟ
กระทบ  หัวแตกแถมแขนยังหัก  ขาอีกอีกด้วย”

“แล้วทำไมถึงหมดสติล่ะภพ”

“ต้นขามีแผลฉกรรจ์  คาดว่าโดนกระจกบาด  เสียเลือดมาก  แกต้องเห็นรถว่ะ  เละไม่มีชิ้นดี”

กอหญ้าฟังที่พี่ภพเล่าแล้วใจหายวาบ  ถ้าเขา พี่ดินและน้องใบข้าวใช้รถคันนั้น
เขานึกสภาพความสยดสยองที่เกือบจะประสพพบเจอเสียเอง  รู้สึกว่าแข้งขาเข่าอ่อน
จนเกือบทรุด  ได้พี่ธาราเข้ามาคว้าตัวไว้  พี่ดินเห็นอย่างนั้นรีบเข้ามารวบตัวพาไปนั่งเก้าอี้

“กอหญ้า  ทำใจดีๆ มิ่งจะต้องปลอดภัย”

กอหญ้าซบหน้ากับบ่าพี่ดินอย่างต้องการที่พักพิง

“พี่ดิน…ถ้ามิ่งไม่ขอเปลี่ยนรถ  เราสามคน…พี่ดินยัยหนูแล้วก็กอหญ้า
 พวกเราเป็นหนี้ชีวิตมิ่ง ฮึก…ฮือ…ฮือออ”

กอหญ้าสะอื้นไห้  แผ่นดินกอดปลอบและลูบหลัง ไม่สนใจคนรอบข้างที่ต่างพากันมองเป็นตาเดียว

“พี่ดิน  กอหญ้า  ผมขอตัวกลับก่อนนะครับเป็นห่วงลูก”

พี่ธาราเข้ามาบอกลา  กอหญ้าจึงดันตัวออกจากบ่าพี่ดิน

“ขอบคุณมากพี่ธาราแล้วก็พี่ภพที่ส่งคนมาช่วย”
พี่ธาราพยักหน้า  แล้วหันหลังกลับ

“เอ่อ…ไปก่อนนะดิน กอหญ้า”

พี่ภพกวักมือเรียกตำรวจสองนายพูดคุยกัน แล้วก็รีบตามพี่ธาราออกไป

“คุณๆ ไปพักก่อนมั้ย ผมรอพี่มิ่งเอง เดี๋ยวผมโทรบอกครับ คืนนี้จะอยู่ที่นี่”
ขวัญเอ่ยปากบอกพี่ดิน

“ไหนๆก็รอแล้ว ให้รู้ว่ามิ่งปลอดภัยก่อนค่อยกลับ”
พี่ดินพูดซึ่งกอหญ้าก็พยักหน้าเห็นด้วย  ขวัญจึงเดินไปนั่งที่เดิม

“เอ่อ…คนอื่นๆก็กลับไปพักกันก่อนเถอะไป ขอบใจที่ไม่ทิ้งกัน ถ้ามิ่งมันหายต้องเลี้ยงคืน
พวกนายชุดใหญ่เลย”

แผ่นดินหันไปบอกกับกลุ่มคนงานของเขา  ทุกคนพยักหน้า  สีหน้าเหน็ดเหนื่อยอิดโรยไปตามๆ กัน

“ไปก่อนนะครับนาย”
ต่างทยอยกันออกไป  จนตอนนี้เหลือกันอยู่สามคนที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอแทบไม่กะพริบตา

“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ”

มีคุณหมอท่านหนึ่งเดินออกมาแจ้งผลกับญาติ  แค่นั้นกอหญ้าก็กระโดดกอดคอพี่ดิน
ส่วนขวัญยืนยิ้มทั้งน้ำตา  ช่วงเวลาแห่งการรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว
ตลอดทางกลับบ้าน 

กอหญ้าและขวัญต่างหมดเรี่ยวแรง หลับคอพับคออ่อน
จะมีก็คนขับเท่านั้นที่ดูสดชื่นเหมือนยกภูเขาออกจากอก  หนี้ชีวิตครั้งนี้เขาจะไม่มีวันลืม
เลยว่าเขาและครอบครัวรอดมาได้เพราะมิ่งสละชีวิตให้โดยไม่รักตัวกลัวตาย



“อะไรวะ! พลาดอีกแล้ว  กี่ครั้งกี่หนแล้วที่มึงหน้าด้านมารายงานถึงความล้มเหลวน่ะ
มึงพูดสิ…โธ่เว้ย!”
ผู้ชายตัวใหญ่ผิวเนื้อสองสี หน้าคม แววตาดุดัน โกรธจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว

“พี่แมนพวกผมเฝ้ามันตั้งแต่เช้าแล้ว  แต่ไม่คิดว่า…มันจะรู้ตัว…แล้วเปลี่ยนรถ”
หนึ่งในสองของชายตัวหนาผิวกร้านแดดตอบ ยิ่งเพิ่มความกรุ่นโกรธให้คนฟังมากกว่าเดิม
แล้วเสียงฝ่ามือกระทบกับเนื้อก็ดังขึ้นติดๆ กันสองครั้ง

“นี่แหน่ะ! เพราะความโง่ของพวกมึงไง แทนที่ไอ้ดินมันจะเป็นคนที่ไปนอนก้นหลุม
 กูส่งมึงไปแทนมันเลยดีมั้ยวะ”

“ไม่!!! พี่แมน!!! ให้โอกาสพวกเราอีกครั้ง จะไม่ให้พลาดอีก”

ทั้งสองตาเหลือกลาน  ก้มหัวแทบจะจรดพื้นหวังเอาชีวิตรอด  ทั้งสองรู้ดีว่าลูกพี่ตัวเอง
ทำอย่างที่พูดได้แน่  ทั้งโหดและเลวอยู่ในตัวคนผู้นี้

“ฮึ่ม…แค่อีกครั้งเดียว ถ้ามึงพลาด!!! พวกมึงรู้ใช่มั้ยว่าผลจะเป็นยังไง ไอ้เข้ม ไอ้ช้าง”
ทั้งสองสะดุ้งพยักหน้ากันหงึกหงัก

“ครับพี่แมน”
พูดจบทั้งสองก็ถอยหลังลนลานออกไปจากห้อง  แมนมองตามหลังลูกน้องสองคน
ที่ทำงานพลาดสองครั้งสองคราจนน่าปวดหัว

“ตายยากตายเย็นจริงนะมึง กูจะดูสิ! ว่ามึงจะมีถึงเก้าชีวิตเลยหรือเปล่า ไอ้ดิน!”


แมนทำงานรับใช้เสี่ยทวีปมายาวนานตั้งแต่เขาเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เขากำจัดเสี้ยนหนามและเก็บกวาด
ถากถางทางเดินให้เสี่ยทวีป  จนวันนี้ที่เขาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ  แค่อีกงานเดียวที่จะกำจัดศัตรู
หัวใจของเขา  มันคนที่ลูกสาวเสี่ยหลงปลื้มมันมาหลายปีจนมองข้ามผู้ชายอย่างเขาที่ทำให้
พ่อของเธอทุกอย่าง  คนที่คู่ควรกับเธอมีแค่เขาเท่านั้น  หากไม่มีมันสักคนคุณหนูนิชาต้องหันมอง
ไอ้แมนคนนี้บ้าง  ดังนั้นจึงสมควรแล้วที่มันจะต้องตาย  แมนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน



ร้านลาบหน้าหมู่บ้านผู้คนหนาตากว่าทุกวัน และประเด็นที่นำมาพูดคุยกันก็ไม่พ้นเรื่องของ
เจ้าของไร่หนุ่มที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากโค้งมรณะ

“ไอ้สน  นายดินรอดมาได้ยังไงวะ  รถคันนั้นปกตินายแกใช้ประจำนี่หว่า  รึไม่ใช่”
ลุงเหมือนเจ้าของร้านออกมาซักถามพูดคุยเรื่องราวที่เป็นประเด็นร้อนของคืนนี้

“พี่มิ่งน่ะสิ รับเคราะห์แทน เขาว่ากันว่าเมื่อเช้านายดินน่ะใช้คันนั้น แต่เย็นสลับกับ
คันพี่มิ่งเฉยเลย ถ้าเป็นนายดินขับนะทั้งนายดินและลูกสาว อ่อ…แฟนนายดินอีกได้
เจ็บกันระนาวแน่ๆ”

สนเล่าไปตามที่รู้มาให้ลุงเหมือนฟัง

“ดีแล้วที่นายดินของพวกแก แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้ เห้อ…”

ลุงเหมือนกลับไปประจำหน้าเตาเมื่อมีลูกค้าร่างใหญ่สองคนเดินเข้ามาในร้าน
และหลานชายแกเดินไปรับออเดอร์อาหารมาให้

“ไอ้นิด สองคนที่เดินเข้ามาทำไมไม่เคยเห็นหน้าวะ”
สนพูดเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ

“เออ ช่างมันเถอะ  เอ็งก็รีบๆกินดิ  เหนื่อยมาทั้งวันจะได้กลับไปพัก”
นิดพูดกับสนอย่างไม่ใส่ใจ

“เห่ย ดูมันกระดกเอากระดกเอา อย่างกะเหล้าเป็นน้ำเปล่าน่ะ ไม่รู้กลุ้มเรื่องห่าอะไรมา”
สนยังคงมองสองคนนั้นไม่วางตา

“พวกมีปมละมั้ง อย่าไปมองมันมากเดี๋ยวได้มีเรื่อง”

นิดปรามเพื่อนที่จับตามองไม่เลิก แล้วก็มีเสียงห้ามปรามจากคู่หูที่มาด้วยกัน
ดังลอดมาเข้าหูสนจนได้

“เบาหน่อยสิวะ ไอ้ช้าง เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มกันพอดี ถ้าพี่แมนมันเรียกใช้งานอีกคืนนี้
ถ้าเอ็งเข้าไปสภาพนี้ได้โดนตบกบาลกลับมาอีกแน่ๆ ใจเย็นดิวะ”

ชายร่างยักษ์คิ้วเข้มพูดขึ้น

“เออ! ช่างกู! กูจะแดกให้ลืม แม่งเจ็บใจว่ะ! ทำงานพลาดนิดพลาดหน่อยถูกตบ
แล้วยังขู่จะฆ่าพวกเราทิ้งอีก มึงไม่เบื่อรึไงรองมือรองตีนให้มัน พองานสำเร็จมันก็เข้าไป
เอาหน้าได้ความดีความชอบไปทุกที  เสี่ยก็หลงมันไปอีกสิ อีกหน่อยพอมันเป็นใหญ่ขึ้นมา
ที่นี้มึงกับกูก็ได้แต่คอยเศษเงินจากมันไปวันๆ มึงพอใจแค่นั้นจริงเหรอ ไอ้เข้ม”

“ชู่ววว เบาหน่อยเดี๋ยวพ่อมึงก็มาได้ยินกันพอดี รีบๆ แดกจะได้กลับไปนอน กูง่วง”

คนชื่อเข้มปรามไอ้ช้างให้เบาเสียงลง

“ไอ้เข้มกูเกลียดมันว่ะไอ้แมน กูไม่อยากทำงานให้มันแล้ว ครั้งหน้าถ้าไอ้นั่นไม่ตายกู
กับมึงไม่ตายแทนมันรึไง ไอ้เข้ม!”

ไอ้ช้างยังคงโหวกเหวกไม่เลิก มันคงอัดอั้นเอามากๆ  สนฟังจนพอจะเดาได้ว่ามันทำงาน
พลาดคนที่มันไปจัดการรอดไปได้ มันจึงโดนด่าโดนตบอย่างที่มันพล่าม
แล้วไอ้แมนนี่ใครกัน สนครุ่นคิด

“ถ้าคุณหนูนิชาได้ไอ้แมนเป็นผัวนะ มึงกับกูอยู่ยากแน่ โว๊ย! แค้นว่ะ ไอ้นั่นก็ตายยาก
ตายเย็นจริงๆสองครั้งแล้วที่มันรอด ครั้งนี้ยังมีคนรับเคราะห์แทนมันอีก”

ไอ้ช้างพล่ามไม่หยุดเมื่อเหล้าเข้าปากแบบเพียวๆอย่างนั้น ไอ้เข้มตะครุบปากเพื่อน
 ยกมือจุ๊ปากเป็นการใหญ่ให้หยุดพูด สนได้ยินอย่างนั้นจึงประติดประต่อเรื่องแล้วว่า
มันเข้าเค้าว่าจะเป็นเรื่องของนายดินเสียแล้ว

“หยุดพูดเถอะวะ กลับกัน ลุงเก็บตังค์”
ไอ้เข้มเรียกเก็บเงิน

“เห่ย! กูยังไม่ได้กินข้าว มึงจะรีบทำไม ถ้ามึงรีบนักมึงก็กลับไปก่อนเลยไป กูจะอยู่ต่อ”
ไอ้ช้างดื้อดึงไม่ยอมกลับ

“งั้นกินข้าวซะ จะได้กลับกัน”
แล้วไอ้สองคนก็ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จาอีก สนนึกเสียดาย

“กูยังสงสัยไม่หายเลยไอ้เข้ม มึงกับกูเฝ้ามันตั้งแต่เช้า มันไปเปลี่ยนรถกันตอนไหนวะ”

ไอ้ช้างพล่ามต่อ เท่านั้นเองที่สนรอฟัง และก็เป็นโอกาสสุดท้ายที่ไอ้ช้างถูกลากออกไปจากร้าน
ก่อนไปไอ้เข้มมันทิ้งเงินค่าเหล้าไว้ให้ โดยไม่รอเงินทอน แล้วก็เคลื่อนรถกระบะสีดำออกไปจากร้านอย่างเร็ว

สนไม่รอช้าเรียกเก็บเงินบ้าง และออกจากร้านไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดแอบไว้ข้างร้าน
โดยมีเจ้านิดคู่หูนั่งซ้อนท้ายกลับเข้าไร่  เมื่อสนส่งเพื่อนเข้าบ้านพักก็ย้อนรถกลับไปที่บ้านใหญ่ในทันที


“นายดินครับ นายเขต สนเองครับ มีเรื่องแล้วครับ”
สนตะโกนเรียกเจ้านายอยู่หน้ารั้วบ้าน

“ใครวะ ดึกดื่นทำไมไม่ไปหลับไปนอน เพชรไปดูทีสิ ถ้าไม่ชอบมาพากลอย่าเปิดประตูนะ”
เพชรรีบวิ่งไปที่รั้ว   แล้วก็มีรถเลี้ยวเข้าบ้านมา โดยที่เพชรพาหนุ่มคนงานเข้ามาด้วยคนหนึ่ง 

“อ้าว! มีอะไร มาตะโกนไม่หลับไม่นอน”
พ่อเขตหันไปถามคนงานหนุ่ม

“เอ่อ…สนมีอะไร นายเขาจะพักผ่อนกันแล้ว เหนื่อยมาทั้งวัน ไปกลับด้วยกันเลย
ขอซ้อนท้ายไปด้วยคน พรุ่งนี้ค่อยมาคุย”

ขวัญฉวยแขนสนให้กลับออกไป

“ไม่ได้สิพี่ขวัญ เมื่อตะกี้ผมไปกินข้าวร้านหน้าหมู่บ้านมา  ได้ยินผู้ชายสองคนมันพูดเรื่องนายดิน
 มันชื่อไอ้ช้างกับไอ้เข้ม  มันทำงานให้คนชื่อแมนลูกน้องเสี่ยอะไรนี่แหละ  แต่มันทำงานพลาดคง
ทั้งโดนด่าโดนตบมา  มันเลยมาดื่มระบาย”

“แล้วไงอีกสน ได้ยินอะไรมาอีก”
แผ่นดินถามกลับเมื่อสนหยุดเล่าไปเฉยๆ

“เอ่อ…มันบ่นว่าไอ้นั่นที่มันไปจัดการน่ะตายยากตายเย็น แล้วก็รอดตายถึงสองครั้ง
แล้ว…มันยังพูดว่ามันน่ะไปเฝ้าตั้งแต่เช้า  เอาเวลาไหนไปเปลี่ยนรถกัน  เรื่องก็มีแค่นี้
มันก็ถูกอีกคนลากไปขึ้นรถขับออกไปครับนายดิน”
สนเล่าเท่าที่ได้ยินมา  แผ่นดินตาลุกวาว

“มันขับรถกระบะสีดำใช่มั้ย สน!!!”
แผ่นดินถามกลับไป สนพยักหน้าหงึกหงัก แผ่นดินเดินรี่เข้ามาตบบ่าสนอย่างแรงจนไหล่ลู่

“ครับๆ นายดิน แหะๆ”
สนคลำหัวไหล่ป้อยๆ

“ขอบใจมากสน พรุ่งนี้มารับรางวัล”

แผ่นดินยกยิ้มมุมปาก พูดตัดบทจนพ่อเขต กอหญ้าและขวัญอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
แล้วขวัญก็ลากแขนสนพาออกไป

“เจ้าดินยิ้มได้แล้วล่ะสิ งั้นวันนี้ก็พากันไปพักผ่อนก่อนไป เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”

พ่อเขตพูด  แผ่นดินรีบคว้ามือกอหญ้าพาเดินขึ้นห้องนอน



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 46 ก้าวไปพร้อมกัน
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 05-04-2019 22:52:47
ตอนที่ 46 ก้าวไปพร้อมกัน

แผ่นดินตื่นนอนก่อนกอหญ้า  เตรียมที่จะย่องออกไปจากห้องนอนปล่อยให้คนรักนอนต่อ
แต่พอหย่อนปลายเท้าลงพื้นได้ข้างเดียวคนขี้เซากลับคว้าหมับที่ข้อมือ  แถมมองมาที่เขา
ตาแป๋ว  จ้องขนาดนั้นแล้วใครล่ะจะปฏิเสธได้  เขาจึงต้องยอมจำนนให้กอหญ้าไปกับเขาทุก
ที่ตามที่เจ้าตัวร้องขอไว้

“พี่ดินครับ  ช่วงนี้คนงานมีใครเข้าใหม่บ้างไหม  คือ…กอหญ้าขอดูแฟ้มประวัติคนงานทั้งหมดได้ไหมฮะ”
กอหญ้าเอ่ยปากขอ  เมื่อนั่งคู่กันมาในรถจี๊ปที่จะไปตรวจไร่ด้วยกัน

“อื้ม…สายๆ พี่จะบอกชานนท์ แล้วนี่เราต้องไปเยี่ยมมิ่ง  ลืมแล้วรึไง…หือ”
แผ่นดินหันมาเลิกคิ้ว

“ไม่ลืมครับ กว่าจะได้เยี่ยมก็สายโด่ง ขอเอาติดมือไปดูด้วยได้รึป่าวครับ”

“ตามใจเลย แต่ทำไมจู่ๆถึงจะดูขึ้นมาล่ะ”

“คนงานหน้าเดิมๆที่มีอยู่พี่ดินจำหน้าได้หมดไหมล่ะ ยิ่งตัวเองมีศัตรูแบบนี้ยิ่งต้องระวังตัว
อีกอย่างถ้ามีคนงานเข้าใหม่ กอหญ้าอยากให้พี่ดินให้คนเก่าๆ ของเราคอยจับตาดูไว้บ้างน่ะ
เพื่อความปลอดภัยของพวกเราเอง”

“อื้ม…พี่ก็ละเลยเรื่องนี้ไป แย่จริง! ดีนะที่มีกอหญ้าคอยเตือนพี่”
แผ่นดินยกมือข้างนึงจากพวงมาลัยรถมายีหัวคนข้างๆ

“พี่ดินขับรถดีๆ นี่จะจอดตรงนี้เหรอมันเปลี่ยวไปหน่อยนะ เกิดอะไรขึ้นจะทันป้องกันตัวเหรอ
ไปอีกนิดเถอะ ทำอะไรหละหลวมไปหมดจริงๆ”
กอหญ้าจิ๊ปากเมื่อคนตัวโตทำชะลอรถตรงที่ทั้งมืดและเปลี่ยวไร้ผู้คน ถึงจะเป็นเขตไร่ของตัวเองก็ตามที

“กลัวอะไร พอเราจอดปุ๊บก็จะมีลูกน้องเราวิ่งมาหาปั๊บ จริงๆไม่เชื่อดูนะ พี่จอดข้างหน้านี้ก็ได้”
แผ่นดินจอดรถและดับเครื่อง จนเวลาผ่านไปนานกว่าที่ควรจะเป็น ที่คุยอวดไปดูจะทำขายหน้าเอาก็คราวนี้

“โอ๊ะโอ…นี่ก็ผ่านไปสิบกว่านาทีแล้วเน้อ ใครนะที่จะวิ่งมานะ รอๆ”
กอหญ้าพยักพเยิดหน้าใส่เมื่อคำที่ใครบางคนคุยโวไว้ไม่เป็นผล

“คงมีเหตุสุดวิสัยมั้ง ไว้ตอนสายเราเรียกถามอีกที มีรถขับเข้ามาขนาดนี้แต่ไม่เห็นใครจะรู้เลย
 เฮอะ…เสียหน้าชะมัด”

แผ่นดินส่ายหน้าแล้วเปิดรถลงไป คงต้องพาคนที่มาด้วยลาดตระเวนยามกันแล้ว
คิดว่าพามาออกกำลังกายแล้วกัน

“พี่ดินขอไฟฉายหน่อย เดินก็ระวังๆด้วยนะ”
กอหญ้ารับไฟฉายมาส่องทาง ทั้งสองแต่งกายทะมัดทะแมงพากันสำรวจไปเรื่อยๆ
อย่างไม่เร่งร้อน แล้วก็พบคนงานชายคนหนึ่ง

“นายดิน ขอโทษด้วยครับวันนี้ผมเดินเวรคนเดียวอีกสามสี่คนอยู่ๆ ก็พากันท้องเสีย
ตั้งแต่กลางดึก ไม่มีเรี่ยวแรงกันเลยครับ”

“อ้าวเหรอ…บอกพวกนั้นให้พากันไปหาหมอด้วยล่ะ บัตรประกันสุขภาพก็ทำให้แล้วนี่
 ถ้าใครไม่ยอมไปบอกไปเลยว่าฉันสั่ง!”

“ครับนาย ผมจะไปบอกให้ครับ คืนนี้เหตุการณ์ปกติดีครับ ไม่มีอะไรน่าห่วง”
แผ่นดินพยักหน้ารับทราบ แล้วเดินห่างออกมาจากลูกน้องคนดังกล่าว

“พี่ดิน มันแปลกๆว่ามั้ย อยู่ๆ คนที่จะต้องออกตรวจพากันท้องเสียแบบนี้ ไม่รู้คนอื่นๆ
จะเป็นด้วยหรือเปล่าสิครับ”
กอหญ้าตั้งข้อสงสัยขึ้นมา จะว่าเขาระแวงก็ใช่ ความชะล่าใจจะเป็นช่องทางให้เกิดอันตราย

“อืม…พี่ว่ามันแปลกๆอยู่เหมือนกัน”
ชายหนุ่มพึมพำ

“พี่ดินอย่าหาว่างั้นงี้เลยนะฮะ การที่เราไม่ออกไปจากไร่ ก็ไม่ได้หมายความว่าภัย
จะไม่แฝงตัวเข้ามาใกล้เรา นี่แหละกอหญ้าถึงอยากให้พี่ตรวจสอบคนทั้งคนเข้าและคนออกน่ะครับ”

“ครับคนเก่งของพี่ กลับไปพี่จะให้ชานนท์จัดการให้เลย แล้วเจ้าทัพช่วงนี้ก็ให้มันไปๆ มาๆ
ระหว่างร้านกับไร่ ให้มันช่วยสอดส่องอีกแรงจะดีกว่า ถ้าคนที่จ้องจะทำร้ายเราคือเสี่ยทวีป
อย่างที่เราได้เบาะแสมา พี่คิดว่าเราต้องระวังอย่างหนักเลยล่ะ มันเลวยิ่งกว่าที่ใครจะคาดเดาได้เลยละ”
พี่ดินสีหน้าเป็นกังวลอย่างเด่นชัด

“พ่อของผู้หญิงปากแดงคนนั้นหรือเปล่า คนที่อาฆาตเราเอาไว้คราวก่อนนู่นน่ะ”

“อืม…พ่อยัยนิชานั่นแหละ”
แผ่นดินบอกกับคนรัก

“พี่ดินก็ยอมๆเป็นเขยเขาซะให้รู้แล้วรู้รอดไปสิ เขาจะได้ไม่ทำอะไรพี่และครอบครัว…คริคริ”
กอหญ้าแกล้งกระเซ้า แผ่นดินย่นหัวคิ้ว

“หื้ม…ลองพี่ไปปลงใจกับหล่อนเข้าจริงๆ คงมีใครบางคนร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นแน่
ทำปากกับใจไม่ตรงกันไปเถอะ”
แผ่นดินแกล้งกลับบ้างทำเอาการลองใจกันเล่นๆจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กันแล้ว

“ฮื้อ…ก็ลองดูสิ ลองเลยป่ะ?”
น้ำเสียงเย็นๆไม่บ่งบอกว่าจะล้อเล่น ทำเอาคนฟังเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง

“แลจะโหดนะ…ไม่เสี่ยงจะดีกว่า ว่ามั้ย…คนดี”
ตลอดทางที่ทั้งสองเดินย่างก้าวไป ทุกอิริยาบถ ไม่รอดพ้นจากสายตาสองคู่ที่จับจ้องมุ่งร้าย
 มันทั้งสองต่างแสยะยิ้มแววตาหมายมาด



เมื่อทานมื้อเช้ากันเสร็จ ฐานทัพออกปากว่าจะไปส่งหลานชายที่โรงเรียน
 แล้วจะกลับเข้ามาช่วยชานนท์ตรวจสอบประวัติคนงานอย่างละเอียดตามที่แผ่นดินบอกเอาไว้
 
“พี่ดิน พี่กอหญ้า ผมขอไปเยี่ยมพี่มิ่งด้วยคนนะฮะ”
กริชร้องตาม

“อื้อ…เอาสิ งั้นวันนี้เอารถของกอหญ้าไปแล้วกัน ใครจะขับล่ะ”
แผ่นดินพูดจบทั้งกอหญ้าและกริชพากันยกมือพรึ่บขึ้นพร้อมๆกัน

“ให้ผมขับนะพี่ดินพี่กอหญ้า ขับช้าๆ ไม่รีบเลยฮะ ระหว่างทางพี่ๆจะได้ดูไปด้วย
ว่ามีใครตามเราอีกมั้ย นะๆ”

กริชอ้อนขอเป็นคนขับซะเอง เขาวาดหวังอยากจะลองรถสปอร์ตคันหรูนี่มานานแล้ว
 วันก่อนพี่ทัพก็ไม่ปล่อยมือเลย บ้าเห่อชะมัด

“ก็ได้ๆ แต่ถ้าขับเร็ว…พี่ยึดกุญแจคืนตรงนั้นเลย บอกไว้ก่อน!”
พี่ดินขู่ กริชรีบพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย พลางยิ้มอวดฟัน

“วันนี้ให้แตงโมดูแลยัยหนูแล้วกัน อย่าเพิ่งพาออกไปไหนมาไหนเลยนะพี่ดิน
 ลูกจะพลอยไม่ปลอดภัยไปกับพวกเราด้วย”
กอหญ้าออกความเห็น

“พี่ตั้งใจแบบนั้นเหมือนกัน ช่วงสายเราคงเจอเจ้าภพที่โรงพยาบาล ค่อยเล่าเรื่องที่เจ้าสน
ไปได้ยินให้มันฟัง…เผื่อภพมันเอาข้อมูลไปรวบรวมสาวตัวการใหญ่”

“ใช่ๆ พี่ดินต้องรีบบอกพี่ภพเลย จะได้จบเรื่องจบราวกัน เราจะได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องหวาดระแวง”

“จบเรื่องที่โรงพยาบาลรีบกลับกันนะ พ่อกับย่าเป็นห่วง”

พ่อเขตกำชับ เมื่อทั้งลูกและหลานต้องก้าวเท้าออกนอกบ้าน

“โธ่พ่อ ทำเป็นว่าลูกชายหนีเที่ยวกลางดึกไปได้ ลูกกลับเมื่อไหร่ถึงได้หลับได้นอนกัน”
ฐานทัพแซวออกไป แล้วก็หน้าสลด พูดไม่คิดอีกแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าพ่อตอนนี้
ที่ผ่านมาเขาคงทำให้ท่านเหนื่อยใจมากจริงๆ

“ใช่เจ้าทัพ แกรู้เหมือนกันรึไง ว่าเมื่อก่อนแกมันทำทั้งฉันทั้งย่าแกไม่เป็นอันหลับอันนอน
 คอยฟังว่าจะมีตำรวจโทรเข้ามาว่าแกไปมีเรื่อง โดนยิงไส้แตกหรือมีมีดปักคาอกมามั้ย เฮ้อ…”

พ่อเขตพูดด้วยความอิดหนาระอาใจกับความประพฤติของลูกคนรอง

“โธ่ๆ คุณพ่อที่รัก ก็ตอนนั้นมันวัยรุ่นนี่ครับ แต่ตอนนี้มันพ้นไปแล้วครับวัยนั้นน่ะ
ผมไม่กลับไปทำอีกแล้ว…ขอโทษฮะพ่อ”

ฐานทัพงึมงำขอโทษบิดาที่หันไปทานข้าวเช้าต่อ

“ย่ารอวันนี้ที่แกจะรู้ตัว…เลิกซะทีนะทัพ”

คุณย่าพูดจากที่นั่งฟังคนนั้นคนนี้พูดกันไปมา

“ครับย่า ผมเปลี่ยนไปแล้ว อาจจะยังไม่ดีพอ แต่ผมจะดีให้ได้ครับ”

ฐานทัพพูดอย่างเป็นจริงเป็นจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ดีแล้ว แกดีได้มันก็ดีกับตัวของแกเอง”

พ่อเขตพูด กอหญ้าเห็นถึงประกายตาวาดหวังที่คนในครอบครัวมองไปที่พี่ทัพ
เขาก็พลอยหวังไปด้วยที่อยากจะเห็นพี่ทัพเปลี่ยนตัวเองให้ได้อย่างที่พูด



ทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่หน้าห้องเพื่อเยี่ยมคนเจ็บ แค่รอหมอออกมาจึงจะเข้าไปดูอาการของมิ่งได้
กอหญ้า พี่ดิน ขวัญและกริชนั่งกันที่ม้านั่งยาวด้านนอก

“อ้าว! หมอไนท์ เจ้ามิ่งเป็นคนไข้ของหมอเหรอ”

พี่ดินทักหมอหนุ่มที่เปิดประตูออกมา หน้าตาหล่อเหลา คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน
ดวงตาคมริมฝีปากแดงอย่างคนสุขภาพดี ที่สำคัญสูงโปร่งเอามากๆ เป็นคุณหมอที่ปราศจากแว่นสายตา

“ครับพี่ดิน  สบายดีเหรอครับ  ไม่เจอกันเป็นสิบปียังจำผมได้อีกนะครับ
คุณย่ากับลุงเขตล่ะครับท่านทั้งสองสบายดีไหมฮะ”

หมอไนท์ถามไถ่อย่างคนที่คุ้นเคยกันมาก่อน จนคนที่มาด้วยพากันแปลกใจ
กอหญ้าสังเกตเห็นเจ้ากริชก้มหน้ามองพื้นแล้วมุ่นหัวคิ้ว

“พี่หวุดหวิดไม่รอดตั้งหลายครั้ง เข้าออกโรงพยาบาลไม่ตัวเองก็คนรอบข้าง
 ส่วนพ่อกับคุณย่าท่านก็สบายดีแหละนะ นี่กลับมานานหรือยัง แล้วประจำที่นี่เลยรึป่าว”

“เพิ่งมาได้อาทิตย์กว่าๆ ครับ คิดว่าจะประจำที่นี่ จบนอกก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้อ
งใช้ทุนคืนนี่ครับพี่ดิน”
หมอหนุ่มพูดยกยิ้มบางๆที่มุมปาก พลอยให้ใบหน้าดูอ่อนวัยลงไปอีก

“อืม…พี่ลืมแนะนำไป…นี่กอหญ้าคนรักของพี่ ส่วนนี่เจ้ากริชน้องชายพี่
ถ้าหมอไนท์พอจำได้อ่ะนะ เจ้าเด็กปากแดงตัวแดงที่วิ่งตามไนท์ตอนนั้นก็มันนี่แหละ
 และนี่ขวัญแฝดน้องกับพี่มันที่เป็นคนไข้หมอน่ะ”

“อ่อครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ พี่ดินนี่ไม่ใช่เล่นเลยนะฮะ หึหึ…”

หมอพูดยิ้มๆ แล้วก็ส่งสายตาล้อๆ มาให้ทั้งกอหญ้าและพี่ดิน กอหญ้ายิ้มตามอย่างเขินๆ
ที่ถูกแนะนำไปว่าเป็นคนรัก

“คนไข้รู้สึกตัวดีแล้วล่ะฮะ การตอบสนองดี แขนขวาหักและกระดูกข้อเท้าแตกต้องเข้าเฝือก
 ส่วนศีรษะไม่มีอะไรน่าห่วงถือว่าโชคยังดีนะครับ  มีอะไรเรียกผมได้นะพี่ดิน  นี่ครับนามบัตรผม
 ไปละครับพี่ๆ เอ่อ…พี่ไนท์ไปก่อนนะครับ…ตัวเล็ก”

หมอขอตัวและผละออกไป ตัวเล็กงั้นเหรอ เหมือนเคยถูกใครบางคนเรียกมาก่อน
ใครคนนั้นที่หายไปไม่บอกไม่กล่าว …กริชได้แต่มองตามแผ่นหลังและไหล่กว้างจนลับตาไป

“พี่มิ่ง คุณๆ มาเยี่ยมน่ะ ปวดแผลมั้ย”

ขวัญรีบตรงดิ่งเข้าไปหาพี่ชายที่เตียงคนไข้ สภาพแย่เอามากๆ อย่างที่หมอบอกทั้งเฝือก
ที่แขนและขา สายน้ำเกลือและสายอะไรต่อมิอะไรระโยงระยางไปหมด

“อื้ม…นายดินปลอดภัยดีใช่มั้ย พี่พอทนได้ขวัญ…คงพักนานหน่อยนะรอบนี้กว่าจะกลับไป
ทำงานให้นายดินได้”
มิ่งตอบน้องและมองมาที่พี่ดิน

“มิ่ง ที่นายเป็นแบบนี้ก็เพราะช่วยพวกเรา อย่าคิดอะไรมากเลย รักษาตัวให้หายดีก่อน
เรื่องอื่นไว้ค่อยพูดกัน  ฉันกับกอหญ้าแล้วก็ยัยหนูเป็นหนี้ชีวิตนายนะมิ่ง  มีอะไรที่เราชดเชย
ให้ได้ก็บอกอย่าได้เกรงใจ  เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะมิ่ง อย่าลืม”

 พี่ดินชะโงกหน้าเข้าไปพูดกับมิ่ง

“ขอบคุณครับนายดิน แค่ไอ้มิ่งได้ปกป้องคุณๆให้ปลอดภัย ไอ้มิ่งไม่เสียดายชีวิตหรอกครับ”
มิ่งพูดช้าๆ ดูก็รู้ว่าฝืนทนข่มความเจ็บไว้

“มิ่ง ขอบใจมากนะ ขอบใจที่ยอมเจ็บแทนพวกเรา”

กอหญ้าพูดแล้วก็น้ำตาคลอ

“ถ้าแกหายดีเมื่อไหร่นะ แกโดนฉันเตะแน่ ทำคนรักฉันเสียน้ำตาซะได้”

แผ่นดินแกล้งชี้หน้าคาดโทษคนเจ็บที่นอนมองอ้าปาก ทำตาปริบๆ

“เอ๊ะ! พี่ดิน กอหญ้าร้องไห้เอง ไปเกี่ยวกับมิ่งตรงไหนกันล่ะ”
คนรักหันไปแหวเข้าให้ มิ่งเห็นแล้วก็ลอบพรูลมหายใจ นายดินทำให้เป็นเรื่องตลก
ในสถานการณ์แบบนี้ มิ่งดูก็รู้ว่านายดินเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

“ให้ผมหายดีก่อนนะนาย ค่อยเตะ”
มิ่งพูดออกไปอย่างคนที่เคยยอมๆกันมาตลอด

“ขี้หวงไปได้พี่ดิน แม้แต่คนเจ็บก็ไม่มีละเว้น”
กริชบ่นพี่ชายเข้าอีกคน

“พี่มิ่ง อยากได้อะไรมั้ย เดี๋ยวผมจะลงไปข้างล่าง”
ขวัญถามพี่ชาย ถ้าสังเกตอย่างละเอียดตามตัวพี่ชายมีแต่รอยแผลด้วยกันทั้งนั้น
 สักพักเจ้าตัวก็นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด

“ขวัญกดเรียกพยาบาลเถอะ สงสัยมิ่งจะปวดแผลแล้วน่ะ”
แผ่นดินพูดจบขวัญก็กดเรียกพยาบาล ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกมีพยาบาลเดินเข้ามา
พวกเขาทุกคนจึงถอยออกห่างจากเตียงคนไข้

“ญาติต้องอยู่เฝ้าคนนึงนะคะ แล้วก็ต้องให้ยาแก้ปวดทุกหกชั่วโมงด้วย
ภายในวันนี้คนไข้จะปวดมากหน่อยเพราะแผลอักเสบตึง คุณหมอใส่ท่อปัสสาวะ
ไว้ให้ก่อนเพราะคนไข้ลุกช่วยตัวเองไม่ได้นะคะ”

ขวัญมายืนฟังเพราะเขาต้องเป็นคนมาเฝ้าพี่ชายด้วยตัวเอง

“ทำตามที่พยาบาลแนะนำนะขวัญ ข้าวของเครื่องใช้เอามาด้วยแล้วนี่ งั้นขาดอะไรอีกบ้าง
 เอาอย่างนี้นะลงไปหาซื้อให้ครบก่อน เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนมิ่งให้ก่อนแล้วกัน”

กอหญ้าบอกขวัญว่าจะอยู่เฝ้ามิ่งให้ เพื่อให้ขวัญไปเตรียมหาซื้อข้าวของที่จำเป็น
ขวัญหิ้วกระเป๋าไปเก็บและออกไปหาซื้อของที่ยังขาด

“ผมเกรงใจคุณๆที่ต้องลำบากมาเฝ้า ผมอยู่ได้ขวัญมันคงไปไม่นาน”

มิ่งเอ่ยปากอย่างเกรงใจ

“ลำบากอะไรกัน คราวฉันเจ็บมิ่งก็เฝ้าตั้งนานไม่ใช่รึไง”

กอหญ้าทักท้วงขึ้นมา

“เอ่อ…ก็นายดินสั่งนี่ครับ”

มิ่งตอบเลี่ยงๆ ไปอย่างนั้น

“เหอะ…ไม่ต้องมาอ้างว่าพี่ดินสั่งเลย เห็นพี่ดินบอกว่ามิ่งน่ะร้องจะมาดูฉันได้ไม่เว้นแต่ละวัน”

กอหญ้าพูดอย่างที่ได้รับรู้มา

“เออนั่นสินะมิ่ง เอ็งคิดอะไรกับคนรักฉันรึป่าว…รึยังไง…พูดมานะเว่ย”

พี่ดินชี้หน้ามิ่ง ที่นอนยิ้มแหยๆ อย่างไปไม่เป็นเมื่อถูกถามแบบนั้น

“โหนาย ผมไม่เคยคิดเกินเลยสักนิด นายดินก็ขี้หวงอย่างที่ใครๆ พูดกันจริงด้วยสิ
กับผมนายยังระแวง…โธ่”
มิ่งโอดครวญ

“พี่ดิน ผมไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มแป๊บนึงนะ เดี๋ยวซื้อมาฝากครับ แล้วก็อย่าไปแกล้งพี่มิ่งนักนะ”
กริชขอตัวออกไป จนในห้องเหลือแผ่นดินกับกอหญ้าที่ถอยออกห่างเตียงมานั่งที่โซฟา
มิ่งนอนหลับตาไปแล้วและคงจะหลับไปจริงๆ เพราะฤทธิ์ของยาแก้ปวดที่พยาบาลให้ไปเมื่อสักครู่



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 45,46
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2019 23:43:04
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 45,46
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 06-04-2019 15:38:49
นายดินโชคดีจังที่มีลูกน้องดีแบบมิ่งกะขวัญ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 47 คนในความทรงจำ 1
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 06-04-2019 18:25:24
ตอนที่ 47 คนในความทรงจำ 1

กริชลงมาที่ร้านค้าสวัสดิการ  ตรงดิ่งไปที่ตู้แช่เครื่องดื่มเป็นอันดับแรก
เอาตะกร้าพลาสติกคล้องไว้ที่แขนซ้าย  เขาหยิบน้ำอัดลมสามกระป๋อง  น้ำเปล่าสองขวดเล็ก
และขนมกรุบกรอบอีกหลายถุงลงตะกร้า  และคว้าขนมปังกรอบอีกหนึ่งห่อและตามด้วย
ช็อกโกแลตแท่งโปรดอีกหลายชิ้น  เมื่อเลือกซื้อจนพอใจแล้วจึงไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์
จึงล้วงของออกจากตะกร้าวางลงบนโต๊ะและหันเอาตระกร้าไปเก็บที่  และไปยืนรอจ่ายเงิน

“ระวังอ้วนนะมีแต่ขนมที่ดูไม่มีประโยชน์ทั้เลย”
กริชได้ยินเสียงที่อยู่สูงขึ้นไปเพราะความสูงจากคนข้างหลัง  เขาเลือกทำเป็นหูทวนลมเสียอย่างนั้น

‘อยากพูดก็พูดไปคนเดียวแล้วกัน’

“เพิ่งรู้นะว่า โตมาไม่ยักจะมีปาก ตอนเด็กร้องตามไม่ห่าง…หึหึ”
พูดอย่างเดียวไม่พอยังจะหายใจรดต้นคอกันอีก  แต่กริชก็รักษาท่าทีไม่แยแสไว้อย่างเดิม
 แต่ภายในใจก็หวนไปนึกถึงตามคำพูดของอีกคน ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าลืมไปแล้ว

‘พี่ไนท์…พี่ใจดีที่อุ้มเขาทุกครั้งที่ชูมือและโอ๋ทุกทีที่สะดุดล้ม มีพลาสเตอร์ยาพก
ติดตัวไว้ตลอด พี่ไนท์ที่อยู่ๆก็หายไป…’

“อันนี้ด้วยนะครับคิดรวมกันเลย”

มีน้ำผลไม้รวมชนิดกล่องแบบร้อยเปอร์เซ็นต์กล่องใหญ่สองกล่องวางตรงหน้า
กริชยังไม่ทันจะได้ควักเงินออกจากกระเป๋าก็มีธนบัตรใบละพันผ่านหน้าเขาไปเข้ามือแคชเชียร์
ทุกการเคลื่อนไหวเร็วจนกริชตามไม่ทัน  กริชแบมือจะรับเงินทอนพร้อมใบเสร็จจะได้คืนเงิน
ให้คนด้านหลังแต่ก็อีกเหมือนกันที่แขนยาวๆ คว้าเงินทอนไปซะเอง และคว้าน้ำผลไม้ไปถือไว้หนึ่งกล่อง

“พี่เลี้ยงครับตัวเล็ก คราวหน้าเจอกันอย่าลืมเอาปากมาด้วยนะครับ…หึหึ”
พูดเสร็จคนตัวสูงก็เดินห่างออกไปแถมยังทิ้งเสียงหัวเราะเบาๆ ไว้ด้วย 
พนักงานในร้านต่างพากันมองมาที่เขาและมีบางคนอมยิ้มหน้าแดง
กริชเห็นดังนั้นจึงคว้าถุงบนเคาน์เตอร์เดินออกจากร้านไป

`คนบ้า…หายไปได้ตั้งเป็นนานสองนาน…ยังจะต้องเจอกันอีกทำไม?`

กริชกลับขึ้นไปที่อาคารพักฟื้นผู้ป่วยอีกครั้ง เขาเอาขนมและเครื่องดื่มวางไว้ให้พี่ๆ
ส่วนตัวเองก็แยกไปนั่งคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกถึงกับสะดุ้งโหยง

“เจ้ากริช!…พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า  แล้วค่อยมาเยี่ยมมิ่งอีกวันหลัง มิ่งมันจะได้พัก
แล้วจู่ๆเป็นอะไรขึ้นมาพี่เรียกก็ไม่ได้ยิน ใจลอยไปถึงไหนแล้ว”

แผ่นดินชวนกลับบ้าน ยิ่งเห็นน้องนั่งเหม่อๆ อย่างกับมีอะไรในใจก็ให้นึกสงสัย
ท่าทีที่ดูผิดไปจากปกติ  ขนมที่ขนซื้อเข้ามาก็ไม่แตะสักอย่างทั้งที่เป็นของชอบ

“เอ่อ ไม่ได้เป็นอะไรนี่พี่กลับก็ดีเหมือนกัน  พี่มิ่งหายไวๆ นะฮะ ว่างๆ ผมจะมาเยี่ยมใหม่
 อ่อ! พี่ขวัญจะเอาของใช้อะไรเพิ่มก็บอกนะฮะเดี๋ยวผมเอามาให้”
กริชหันไปบอกลามิ่งและขวัญ

“ของครบแล้วครับคุณกริช กลับกันดีๆนะ อย่าขับรถเร็วล่ะครับ”
ขวัญพูดกับเจ้านายอย่างอดที่จะห่วงเสียไม่ได้

“อื้ม…ไม่ต้องห่วงหรอกขวัญ  เราจะไม่พลาดให้พวกเลวนั่นอีกเป็นแน่”
แผ่นดินตอบ  แววตามีประกายกล้าอย่างไม่ยอมลงให้ใครกลับมาแล้ว


ทุกคนเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย  ระหว่างทางที่จะไปขึ้นลิฟต์ก็สวนเข้ากับหมอชนเทพอีกครั้ง
คนหน้าตาดีพอมายืนรวมกันจึงเป็นจุดสนใจของผู้พบเห็นและที่สำคัญหนึ่งหนุ่มในนั้นเป็นดาราดังอีกด้วย

“พี่ดินจะกลับกันแล้วเหรอครับ”

หมอเข้ามาทัก  แต่สายตากลับจับจ้องไปที่คนเด็กสุดในกลุ่ม  ในแววตาที่มองแวบหนึ่งที่กอหญ้า
เห็นมีกระแสความอ่อนโยนและเอื้อเอ็นดู  แต่แค่เพียงเสี้ยวนาทีหมอหนุ่มก็กลับไปวางท่าในแบบเดิม

“อืม…ช่วงนี้เหตุการณ์ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เราออกมาข้างนอกแบบนี้ยิ่งเป็นเป้ากระสุนง่ายด้วย
พี่ต้องระวังตัวกันน่ะไนท์”
พี่ดินบอกกล่าวให้หมอไนท์ฟัง ดวงตาหมอไหววูบเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ถ้าอย่างงั้นก็รีบกลับกันเถอะครับ…ระวังตัวกันด้วยนะ”
หมอไนท์พูดและส่งความห่วงใยมาให้

“ถ้าหมอว่างและไปทานมื้อค่ำที่บ้านนะครับ พ่อเขตกับคุณย่าคงดีใจมากแน่ๆ ที่จะได้เจอหมอไนท์”

“ได้ครับพี่ดิน ขอบคุณล่วงหน้า ดูแลตัวเองกันดีๆนะครับ...ตัวเล็ก”
ถ้าหูของกอหญ้าและแผ่นดินไม่ได้ฝาดหลังประโยคบอกลานั้นพวกเขาได้ยินกระแสเสียง
ห่วงใยมากเกินปกติ แม้ว่าจะแผ่วเบาก็เถอะ

‘ตัวเล็ก งั้นเหรอ…หมอพูดกับเด็กแสบข้างๆนี่แน่ๆ’

กอหญ้าชำเลืองมองเจ้ากริชที่ทำไม่รู้ไม่ชี้

“นี่เบอร์โทรของพี่ สะดวกวันไหนบอกได้เลยนะ ช่วงนี้พวกเราไม่ได้ออกจากบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินกันน่ะ”

พี่ดินยื่นนามบัตรให้หมอไนท์ที่รับไปเก็บลงกระเป๋าเสื้อกราวด์  ตลอดเวลากริชไม่ปริปากพูดอะไร
เลยแม้แต่คำเดียว คำทักทาย คำบอกลาก็ไม่มี หมอหนุ่มลอบมองแล้วก็มีสีหน้าผิดหวังหน่อยๆ

“งั้นพวกเราลาเลยนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ”
กอหญ้ากล่าวลา และยกมือไหว้ กริชเห็นอย่างนั้นก็ไหว้ลาอย่างเสียไม่ได้

“เดินทางปลอดภัยกันนะครับ คุณกอหญ้าเรียกผมว่า…พี่ไนท์…ก็ได้ครับ
ผมกับคนที่ไร่พี่ดินก็คนคุ้นเคยกันมาก่อนน่ะครับ”

หมอหนุ่มพูด สายตาทอดมองไปที่คนตัวเล็กอีกครั้ง  น้องแก้มแดง…น่ารัก
ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไหร่ ดวงตายาวรีเครื่องหน้าเล็กจิ้มลิ้ม ขาวจนออร่าจับ
…เสียอย่างเดียว น้องไม่ยอมพูดกับเขาเลย

‘พี่ไนท์ขอโทษ…อภัยให้พี่นะ ตัวเล็ก’


ตลอดทางที่แผ่นดินขับรถพาทุกคนกลับบ้าน  ทั้งเขาและกอหญ้าไม่ได้พูดคุยกัน
ด้วยเห็นน้องนั่งเงียบ กอหญ้าเห็นความผิดปกติตั้งแต่หมอหนุ่มปรากฏตัวนั่นเอง
และเหมือนตัวพี่ดินเองก็จับสังเกตอาการของน้องชายออกด้วย

กอหญ้าตั้งใจว่าคืนนี้เขาจะถามความเป็นมาเป็นไปของทั้งกริชและหมอชนเทพจากคนรัก
เพราะหมอก็พูดว่าเป็นคนคุ้นเคยกับทางไร่เขตแผ่นดินมาก่อน


กริชทอดสายตามองออกไปที่สองข้างทางที่รถแล่นผ่าน  ดวงตายาวรีเหม่อมองไปไม่ได้โฟกัส
ที่จุดใดเลย ความทรงจำในวัยเด็กไหลพรั่งพรูออกมา

‘พี่ไนท์อุ้ม น้องเจ็บ’
เด็กชายแก้มแดงและตัวแดงจากการตากแดด แขนขามีรอยถลอกเลือดไหลซึมตรงหัวเข่า
 วิ่งชูแขนไปหาเด็กหนุ่มร่างผอมสูงที่ตัวโตกว่า ซึ่งสะพายกระบุงสำหรับเก็บส้มไว้บนหลัง

‘ตัวเล็ก ซนจนได้แผลอีกแล้ว ทำไมไม่ระวังพี่บอกว่าไม่ให้วิ่งไง แล้วทำไมไม่ใส่กางเกงขายาว’

พี่ตัวโตย่อตัวอุ้มน้องขึ้นมา แล้วก็อมลมจนแก้มป่องและเป่าไปที่แผลที่ฝ่ามือเมื่อเจ้าตัวเล็กแบออกให้ดู
 น้องเบะปากน้ำตาคลอเมื่อโดนพี่ดุ

รีบมาหาพี่ไนท์ พี่ใจร้าย’
ตัวเล็กต่อว่า ก็มันเป็นความผิดของพี่ที่ไม่รอเขาก่อน

‘พี่ต้องรีบทำงาน ตัวเล็กไปเล่นกับพี่ทัพก่อนไปแล้วก็ห้ามวิ่งอีกนะ
 ถ้าดื้อพี่จะไม่รักแล้วพี่ก็จะไม่มาหาอีก’

คนตัวโตขู่น้องออกไป ได้ผลเมื่อน้องชะงักและส่ายหน้าจนผมสีน้ำตาลเส้นเล็กกระจาย

‘น้องไม่ดื้อ  พี่ไนท์ต้องรัก ไม่หายไปนะ’

พี่ตัวโตลูบผมที่หยักสวยของน้องอย่างเบามือและล้วงหยิบแผ่นพลาสเตอร์ยาในกระเป๋าเสื้อออกมา
และปิดแผลที่ฝ่ามือและเข่าให้น้องด้วย

‘พี่ไนท์จะไม่หายไป ถ้าตัวเล็กเชื่อฟัง ไม่ซน ไม่ทำตัวให้เจ็บแบบนี้  ตกลงนะ’

พี่ชายพูดจบ  น้องก็พยักหน้า  เด็กชายตัวเล็กจึงเดินกลับไปหาพี่ชายอีกคนที่นั่งอ่านหนังสือ
อยู่บนเสื่อที่ปูไม่ห่างออกไปนัก

‘พี่ไนท์  เก็บส้มเสร็จมาหาน้องนะ’

เด็กตัวเล็กตะโกนบอก  พี่ชายจึงโบกมือตอบกลับไป  แล้วเจ้าตัวเล็กก็สนใจกับของเล่นที่กอง
อยู่ตรงหน้าและถุงขนมที่พี่ตัวโตเอามาฝากเช่นทุกครั้งที่เข้ามาทำงานในไร่ช่วงปิดภาคเรียน
และนั่นเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายจริงๆ

พี่ไนท์หายไปไม่มาที่ไร่เขตแผ่นดินอีกเลย  แม้ว่าจะปิดเทอมกี่ครั้งกริชก็ไม่เคยเห็นหน้า
กริชจำได้ว่าในตอนเด็กก็ไม่ดื้อและไม่ซนรวมทั้งไม่ได้ทำให้ตัวเองมีแผลแล้วแต่ทำไมพี่ไนท์ถึงหายไป
จนกระทั่งวันนี้ที่ได้พบกันอีกครั้ง พี่ชายใจดีคนนั้น…ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า


หมอชนเทพรู้สึกว้าวุ่นใจ ตลอดช่วงบ่ายมานี้เขาทำงานด้วยอาการใจลอยเพราะดวงหน้าเด็กหนุ่ม
ที่ได้พบในตอนสายคอยแต่จะวนเวียนมาให้เห็น  แววตาเศร้าและตัดพ้อที่เจ้าตัวเผลอมองมา
แม้จะพยายามสลัดออกไปก็ไม่หลุดไปง่ายๆ ตลอดสิบกว่าปีนี้มีผู้คนมากมายที่ได้พบเจอ
คนแล้วคนเล่าไม่สามารถมาแทนที่หรือทำให้ความคิดคำนึงถึงเด็กตัวเล็กห่างหายไปจากใจเลย
…รักแรกพบ และเป็นรักเดียวที่เขาซื่อสัตย์กับใจตัวเองเรื่อยมา…มันคือความจริง…ที่เขารักเด็กคนนั้น
…ตัวเล็กของพี่ไนท์


‘ไนท์  เวลาของแม่เหลือไม่มากแล้ว  แม่คงอยู่กันไนท์ได้อีกไม่นาน ไนท์ต้องอยู่ให้ได้
…เติบโตอย่างภาคภูมิ  เมื่อแม่ไปแล้วขอให้ไนท์กลับไปอยู่กับคุณพ่อนะลูก
 ยังไงท่านก็เป็นพ่อของลูก  แม่อยากให้ลูกอภัยให้พ่อนะไนท์  การที่พ่อมีภรรยาใหม่
ไม่ได้แปลว่าท่านไม่รักไนท์นะลูก…อย่าโกรธคุณพ่อ…แม่ขอนะ’
แล้วผู้หญิงตัวเล็กผอมบางก็จากเขาไป


“พี่ดินครับ กอหญ้ามีเรื่องสงสัย พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยว่า…เมื่อก่อนหมอไนท์คุ้นเคยกับไร่นี้ยังไงครับ”
กอหญ้าถามคำถามที่สงสัยมาตลอดบ่ายทันที

“ตัวยุ่งจริงๆเลยสินะเราเนี่ย ถ้าไม่เล่าคงจะไม่ยอมนอนใช่มั้ย?”
พี่ดินเดินมานั่งลงที่เตียง แล้วดึงจมูกเขาไปมาอย่างมันเขี้ยวและลากตัวไปกอดไว้แนบอก

“กอหญ้าว่าหมอไนท์กับกริชน่ะต้องมีปมอะไรในใจแน่ๆ พี่ดินไม่สังเกตเหรอน้องมันเงียบ
ไม่พูดไม่จาอีกเลยนะทั้งวันเมื่อได้เจอหมอไนท์น่ะ”
กอหญ้าพูดอู้อี้อยู่กับอกก่อนจะผงกหัวมองหน้าพี่ดินเมื่อเขาตั้งคำถามไป
 พี่ดินขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด

“นั่นสิ เจ้ากริชคงจะจำฝังใจเรื่องในตอนเด็กละมั้ง”

“ยังไงเหรอฮะ”
กอหญ้าลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าคนเล่าอย่างใคร่รู้

“ก็หมอชนเทพ เอ่อ…เจ้าไนท์น่ะ ตอนช่วงปิดเทอมเขาก็มารับจ้างเก็บส้มในไร่นี้แหละ
ตอนนั้นเจ้าแสบเราก็อายุสักประมาณเจ็ดหรือแปดขวบนี่แหละ  กริชมันตัวเล็กขี้อ้อน
พอไนท์มามันก็ติดแจ ก็ขานั้นน่ะตามใจซื้อขนมมาฝาก ทำงานเสร็จก็พาน้องเล่น
เจ้ากริชเวลาหกล้มได้แผลก็วิ่งร้องไห้ไปหาให้เจ้าไนท์มันโอ๋ พี่เห็นอุ้มกันตลอดๆนี่นะ”
แผ่นดินหยุดเล่า แล้วก็พยายามเรียบเรียงเรื่องราวในอดีตเพื่อเล่าให้คนตรงหน้าที่นั่งฟังอย่างสนอกสนใจ

“แล้วไงอีก พี่ดิน”
กอหญ้าถามทันทีเมื่อพี่ดินเงียบไปนาน

“พี่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่เหมือนว่าเจ้าไนท์จะลาออกจากโรงเรียนเพราะแม่เขาเสียนะ
 แล้วเพื่อนบ้านที่เรียนด้วยกันก็เล่าว่าไนท์ย้ายไปอยู่กับพ่อที่ต่างจังหวัด พี่ได้ข่าวอีกที
ว่าสอบชิงทุนไปเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศได้  แล้วก็กลับมาใช้ทุนที่นี่  พี่ก็พอรู้แค่นี้แหละนะ”

“แล้วพอหมอไนท์หายไป  กริชเป็นไงตอนนั้นน่ะพี่ดิน”

กอหญ้าถามอย่างลุ้นๆ ในคำตอบที่ก็คงจะเป็นไปตามที่เขาคาดคะเนแน่ๆ

“อืม…เจ้ากริชก็เหมือนจะรอ…ทุกปิดเทอมเลยล่ะนะ…แล้วไนท์ก็ไม่เคยมาอีกเลย”

“พี่ดิน…น้องคงจะผูกพันกับหมอไนท์เข้าแล้วละ วันหนึ่งคนที่ใจดีกับเราทุกอย่างดูแล
ใส่ใจเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต…อยู่ๆ ก็หายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว…แบบนี้…
พี่ดินว่ามันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอฮะ…ฮึก”

กอหญ้าพูดจบก็สะอื้นไห้ด้วยสงสารน้อง  นี่ไงเหมือนที่เขาเดาไว้ไม่ผิด  แผ่นดินตกใจ
จึงคว้าตัวคนขี้สงสารและอ่อนไหวง่ายเข้ามากอด

“กอหญ้าไม่ร้องนะ สงสารน่ะสงสารได้…แต่พี่ว่าสองคนนั้นก็ได้กลับมาพบกันแล้ว
 …ถ้ามันเป็นปมที่ผูกกันไว้ก็ต้องให้คนผูกมาคลายปมนั่นเอาเอง  ขนาดเงื่อนตายที่
ว่ายากๆถ้าไม่ใจร้อนตัดมันทิ้งเสียก่อน  ยังหาวิธีแก้กันได้เลยนะ  เราน่ะอยู่เป็นกำลังใจ
ให้เขาสองคนก็พอแล้วครับ”

แผ่นดินพูดปลอบและลูบหลังจนกอหญ้าคลายสะอื้น

“พี่ดิน กริชต้องมีใจให้พี่หมอไนท์แน่ๆ เลย รักแรกของเด็กแสบละมั้งนั่นน่ะ”
กอหญ้ายังพูดงึมงำไม่หยุด

“อืม…ก็คงเป็นอย่างนั้น มาจุ๊บๆ แล้วนอนกันดีกว่าเนอะ อย่าคิดมาก”

แผ่นดินกดจมูกที่เรือนผมและหน้าผาก คลอเคลียจมูกที่ซอกคอขาว
กอหญ้าจึงแหงนเงยให้พี่ดินได้ซุกไซ้สะดวกขึ้น ฝ่ามือของกอหญ้าก็ลูบไล้ไป
ที่ต้นคอของพี่ดินจนได้ยินเสียงหายใจสะดุดๆ จึงอดที่จะหัวเราะคิกคักเบาๆ ไม่ได้
แล้วเหมือนพี่ดินจะรู้ว่าโดนแกล้งจึงผละปากจากต้นคอมางับที่ใบหูแทน  จนกอหญ้าขนลุกชัน

“พี่ดิน คนดี ไม่แกล้งกันนะ”

กอหญ้าร้องห้ามอย่างไม่จริงจังนัก  แต่ก็ได้ผลเมื่อพี่ดินทิ้งตัวลงนอนหงายแล้วดึงตัวเขาไปเกยบนอก
งึมงำบอกรักแล้วก็ลูบหลังให้จนกอหญ้าเคลิ้มและทั้งสองก็หลับตามกันไปในที่สุด

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 47 มาแล้วน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 06-04-2019 19:43:24
รักในวัยเด็กช่างฝังใจนัก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 47 มาแล้วน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 06-04-2019 19:47:03
 :3123: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 47 มาแล้วน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-04-2019 20:33:43
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 47 มาแล้วน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-04-2019 21:21:08
 :pig4: :pig4: :pig4:

ในที่สุด  ฟ้า(ผู้แต่ง)ก็ประทานคู่มาให้นุ้งกริช  อิอิ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 48 คนในความทรงจำ 2
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 07-04-2019 21:41:08
ตอนที่ 48 คนในความทรงจำ 2

หนึ่งสัปดาห์จากนั้น  มิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้าน  โดยขวัญได้รับหน้าที่ดูแล
พี่ชายจนกว่ามิ่งจะถอดเฝือกออก  งานในไร่ได้ฐานทัพเข้ามาช่วยมากขึ้น  ส่วนคดีทางตรีภพ
บอกว่าคืบหน้าไปมากแล้วอีกไม่นานเขาจะจับคนที่จ้างวานมาลงโทษได้แน่นอน  เมื่อเพื่อนรัก
รับปากเป็นมั่นเหมาะขนาดนั้นแผ่นดินก็เบาใจ

“เย็นนี้มีแขกมาทานข้าวนะ  ทัพกับกริชถ้าไม่มีธุระที่ไหนก็กรุณาอยู่ให้ติดบ้านกันด้วย”

แผ่นดินแจ้งข่าวให้สมาชิกในบ้านรับรู้

“ใครน่ะพี่ดิน  คนสำคัญหรือเปล่า”
กริชถามขึ้น

“สำคัญสิ  ก็มีคมกฤช  ชานนท์  ธารากับลูกและเจ้าภพ”

แผ่นดินสาธยายรายชื่อแขกให้น้องฟัง

“อืม…เดี๋ยวกลับมา  ทันอยู่หรอกน่ะ”

สองหนุ่มหันไปพยักพเยิดให้กัน

“จะไปไหนกันอีก  ร้านก็ได้ชานนท์ไปดูแทนแล้วนี่  ยังจะไปไหน  อันตรายรอบด้านออกตอนนี้น่ะ”

คุณย่าบ่นหลานชาย

“คุณย่าครับ  ผมกับน้องก็ต้องไปบริหารเสน่ห์กันบ้างสิฮะ  เดี๋ยวสาวๆของผมจะเหงาเอานะ
 หายหน้ากันไปนานๆแบบนี้”

ฐานทัพเย้าแหย่หญิงชรา  ทำเอาท่านขว้างค้อนมาให้จนรับแทนไม่ทัน

“พอเลยทัพ อย่าพาน้องไปเสียคน  น้องยังเด็ก  นี่ก็ใกล้จะเปิดเรียนแล้วไม่ใช่รึไง  อย่าพาไปตะลอนๆ นัก”

“โอ๊ะโอ…เจ้ากริชเนี่ยมันจะอายุยี่สิบไม่กี่วันนี้แล้วนะพ่อ  ยังจะเด็กอีกเหรอฮะ”

“รักใครชอบใครก็พามาให้ครอบครัวเรารู้จักล่ะ  อย่าแอบไปคบหากันไม่บอกไม่กล่าว  ย่าละกลัวใจพวกแกจริงๆ”

ฐานทัพสะดุ้งอย่างวัวสันหลังหวะ  ทำเอากริชที่นั่งอยู่ติดกับพี่ชายพลอยจับพิรุธได้ด้วย

“พี่ทัพนี่ๆ พี่ไปแอบคบใครจริงดิ  คนนี้ตัวจริงใช่ป่ะ ไม่ได้ๆ ต้องตามไปดู!!!”

กริชเผลอคาดคั้นพี่ชายออกมาต่อหน้าทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหาร

“เออน่ะ  ถ้าเขายอมเป็นแฟนพี่นะ  ตอนนี้ตามจีบอยู่ถ้าจะยอมคบ…เฮ้อ…”

ฐานทัพพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง  นึกถึงคนที่เขาตามตื้อตลอดสองเดือนมานี้  ทำไมช่างยากเย็นเสียจริง

“คงจะยากละสิ  คนนี้ เออๆ เอาใจช่วยนะเว่ย…ไอ้เสือ”

พี่ดินพูดอย่างคาดเดากับอาการของน้องที่เห็น  กอหญ้านึกไปถึงเด็กสาวหน้าหวาน
ที่แต่งกายแบบทอมบอยขึ้นมาทันที

“พี่ทัพก็ต้องเอาความจริงใจใส่เข้าไป ไม่มีอะไรยากเกินไป  ปมอะไรที่เคยผูกไว้ถ้าคลายมันออกก็จะง่ายขึ้น
แค่ว่าถ้ามีโอกาสแล้วจะยังทำโอกาสนั้นหายไปอีกไหม  คนเราถ้าเคยรักต่อให้นานแค่ไหน
มันลืมกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก  ตราบใดที่ยังรักและยังไม่มีคนที่รักมากกว่ามาแทนที่
ก็จะยังรักอยู่อย่างนั้น เชื่อเถอะ”


กอหญ้าพูดออกมา  คำพูดที่เขาพูดเหมือนไปทิ่มแทงลงกลางหว่างใจใครบางคนเข้า
เจ้าตัวนั่งเม้มปากแน่น  ดวงตาไหววูบและมีน้ำตาเอ่อคลอๆ ที่หน่วยตา  จึงเผลอเงยหน้า
ขึ้นมองเพดานโดยไม่รู้ว่าการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของทั้งกอหญ้า

แผ่นดินและฐานทัพทั้งสามมองหน้าน้อง  มีฐานทัพที่เลิกคิ้วอย่างคลางแคลงและสงสัยอยู่ภายในใจ  แต่ก็ไม่ได้
เอ่ยซักถาม  เขาก็อยากที่จะได้รับโอกาสแบบนั้นบ้าง  และเขาจะไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปอย่างแน่นอน



มื้อค่ำแขกเหรื่อที่พี่ดินบอกก็มากันพร้อมหน้า  พี่ธารามากับน้องสกายโดยมีพี่ภพเป็นคนพามา
และตามมาด้วยคุณคมกฤชที่หน้าตื่นเข้ามาโดยคิดว่าตนมาเป็นคนสุดท้าย คุณนนท์ถูกเรียกตัว
ไว้เมื่อทำท่าจะชิ่งหนีเมื่อเผชิญหน้ากับคุณปลัดอำเภอหนุ่ม  เมื่อทุกคนพร้อมกันที่โต๊ะ 
พี่ดินก็ชะเง้อคอออกไปหน้าบ้านเหมือนว่ากำลังมองหาใครอีกอย่างนั้น

“เจ้ากริชกับเจ้าทัพล่ะ  ยังไม่กลับมากันเหรอ”
คุณย่าถามหาหลานชายอีกสองคน

“เพิ่งโทรมาว่าใกล้ถึงแล้วละฮะ”
พี่ดินเป็นคนตอบคุณย่า

“อ้าว! นั่นไง  แต่ไม่ใช่นี่รถใครกันล่ะเจ้าดิน”
พ่อเขตทักขึ้น  เมื่อรถที่มาจอดหน้าบ้านไม่คุ้นเอาเสียเลย

“โห…เบนซ์สีดำ ใครกันว่ะดิน แต่คุ้นหน้าจังนะเว่ยคนนี้  แล้วนั่นสองหนุ่มกลับมาแล้ว
เจ้าทัพไปรู้จักมักคุ้นกับเขาด้วยสิ  เดินโอบไหล่กันเข้ามาเลย”

พี่ภพบรรยาย กอหญ้ามองตามก็เห็นว่าพี่ทัพเป็นคนพาหมอหนุ่มเข้ามา
 แต่เจ้ากริชที่เดินรั้งท้ายเข้ามาสีหน้าบอกบุญไม่รับ

“สวัสดีครับ  คุณย่า  พ่อเข แล้วก็พี่ภพ พี่ดินและธารา…”

หมอหนุ่มเดินเข้ามายกมือไหว้ตั้งแต่คุณย่า ไล่ลงมาจนถึงพี่ภพพี่ดินและทักพี่ธารารวมทั้งกอหญ้าด้วย
และส่งยิ้มให้คนที่เหลือที่เขาไม่รู้จัก

“ใครกันล่ะ ย่าจำไม่ได้ แต่คุ้นหน้าอยู่นะ พ่อเขตล่ะจำได้มั้ย?”
คุณย่าทำท่านึก แล้วหันไปถามลูกชาย

“เออ! พ่อว่าหน้าเหมือนไอ้เด็กตัวเปี๊ยกที่เคยมาเก็บส้มช่วงปิดเทอมนะ
คนที่เจ้ากริชมันงอแง อ้อนให้อุ้มทั้งวี่ทั้งวันรึป่าววะ พ่อก็จำไม่ค่อยจะได้แล้ว”

ความจำของพ่อเขตถือว่าดีเยี่ยมเลย  ทำเอาเจ้ากริชหน้าเจื่อนที่มีคนบ้านนี้จำได้

“เออๆ ย่าจำได้แล้ว  เจ้าไนท์ล่ะสิ  ย่าจำได้ที่เจ้ากริชมันชะเง้อหาทุกปิดเทอม ที่จู่ๆ ก็หายไปเลยน่ะ”

พอคุณย่าจำชื่อได้ก็ทวนความจำเก่าๆ แล้วก็เหมือนเป็นการไปสะกิดแผลที่เป็นสะเก็ดของคนตัวเล็ก
ที่นั่งก้มหน้าเม้มปากแน่น กอหญ้ามองน้องแล้วก็ให้นึกสงสาร

“ไนท์เหรอ งั้นก็เป็นเพื่อนกับธารามาก่อนน่ะสิ  รุ่นเดียวกันนี่เนอะ ส่วนนี่ชานนท์ผู้จัดการไร่ และข้างๆ
นั่นคมกฤชก็เป็นปลัดอำเภอที่นี่น่ะ”

พี่ภพพูดขึ้น พี่ธาราจึงพยักหน้าส่งยิ้มให้เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน หมอหนุ่มแจกจ่ายยิ้มบางๆ
ให้กับทุกคน

“หมอชนเทพหรือชื่อเล่นไนท์ ตอนนี้มาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลของเราครับ”

พี่ดินแนะนำเพิ่มเติม  ทำเอาฐานทัพเบิกตากว้าง

“โหๆ พี่ไนท์เป็นหมอเลยเหรอฮะ ดีเลยหมู่นี้  คนที่ไร่มีเหตุให้เจ็บป่วยบ่อยๆ ท้ายสุดก็เจ้ามิ่ง
และตอนนี้ก็เหมือนจะมีเพิ่มมาอีกคน  แต่คนนี้ผมว่าต้องใช้ยาใจรักษานะครับ  ต้องยาถึงๆ หน่อย
ด้วยเพราะปล่อยไว้นานไม่ได้รักษา  ท่าจะเจ็บหนักจนเรื้อรังซะด้วยสิ”

พี่ทัพพูดขึ้น ทำเอากอหญ้ากับพี่ดินมองหน้ากันและเป็นพี่ดินอีกนั่นแหละที่ถลึงตาใส่น้องชาย
ที่สักแต่พูดไม่ดูเวล่ำเวลาทำเอาคนที่ถูกพาดพิง  ถึงกับเบนหน้าหนีไม่สบตาใครเลย  หมอหนุ่ม
หน้าเจื่อนเมื่อการมาของเขาทำให้คนตัวเล็กของเขาต้องเจ็บปวด

“เอ่อ…ครับ ก็ต้องรักษาไปตามอาการน่ะ  ต้องดูว่าคนไข้ยินดีจะรับการรักษาด้วยหรือเปล่าแต่หมอ
ยินดีและเต็มใจที่จะรักษาให้นะ”

หมอหนุ่มพูด หันมองคนตัวเล็กของเขาที่ไม่ยอมสบตาด้วยเลย

“ดีเลย คนกันเองทั้งนั้น มาๆ วันนี้วันดีมากินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา”
พ่อเขตชวนให้ลงมือทานอาหาร

“เด็กๆ ทานเลยลูก เอาละ ลูกใครก็ดูแลกันเอาเองนะ ย่าหิวแล้วล่ะ”

คุณย่าพูดแล้วก็ลงมือทานอาหารก่อนใครเพื่อน  แผ่นดินกับกอหญ้าจึงช่วยกันดูลูกๆ
ทานข้าว ส่วนน้องสกายมีธาราและตรีภพคอยดูแลไม่ได้ห่าง

“เอ้อ! เจ้าไนท์ ช่วงที่หายไปน่ะไปทำอะไรที่ไหนกันล่ะ แล้วเป็นไงมาไงถึงกลับมาเป็นหมอที่นี่ได้”

พ่อเขตเอ่ยถาม  คำถามนี้ทำเอาหมอหนุ่มอึ้งไปเลยทีเดียว

“ครับ ตอนเทอมสุดท้ายที่มาทำงานที่นี่ กลับไปเรียนได้ครึ่งเทอมแม่ก็เสีย
 ที่นี่ผมไม่มีญาติเลย คุณพ่อจึงมารับไปอยู่กับครอบครัวใหม่ของท่านที่จันทบุรีน่ะครับ”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง พ่อถึงว่าจู่ๆเราน่ะหายไปเลยไม่บอกไม่กล่าวกัน”

“มันกะทันหันน่ะครับพ่อเขต ตอนนั้นไม่ทันได้เตรียมตัวหรือเตรียมใจอะไรเลยครับ เพราะยังเด็กด้วย”

“เจ้าเด็กบ้านนี้ก็ไม่รู้ไงถึงได้ชะเง้อหาเก้อทุกช่วงปิดเทอม”

คุณย่าพูดขึ้นมาอีก กริชตักข้าวเข้าปาก ดูจะมือไม้สั่นๆไป กอหญ้ามองน้องที่ทำเหมือนไม่ใส่ใจ
แต่เก็บทุกชอตทุกคำเพราะเห็นมุ่นหัวคิ้วบ้าง ชะงักบ้าง

“อยู่กับพ่อไม่นานก็ถูกย้ายไปอยู่กับลุงที่ภูเก็ตอีก หลังจากนั้นผมก็มุ่งมั่นสอบชิงทุนไปเรียน
ที่ต่างประเทศ เรียนจบก็ขอกลับมาใช้ทุนที่นี่น่ะครับ ตอนนี้พ่อก็เสียแล้วด้วย ผมก็เหมือนตัว
คนเดียวอีกครั้งแต่ผมก็ยังดีใจที่ได้กลับมาที่นี่ เพราะรู้สึกว่าเหมือนได้ครอบครัวที่หายไปคืนมาครับ”

หมอหนุ่มเล่าช่วงชีวิตของเขาที่ผ่านมาให้ทุกคนฟัง แล้วก็มีเสียงที่สะดุดๆ ในช่วงท้ายๆ

“โธ่พ่อไนท์ของย่าชีวิตระหกระเหินน่าดู คงลำบากมากสินะ กว่าจะประสบความสำเร็จและได้กลับมา”

คุณย่าพูดขึ้น คนขี้สงสารอีกเหมือนเดิม

“ไม่มีใครแล้วแบบนี้พ่อก็แบ่งที่ทางให้ได้นะไนท์มาเป็นลูกเป็นหลานอยู่ซะด้วยกันที่นี่แหละ
 สร้างบ้านเอาได้เลยชอบตรงไหนก็มาบอก”

พ่อเขตแสดงน้ำใจอย่างที่น้อยคนจะมีให้เพื่อนมนุษย์ที่ไม่ใช่สายเลือดของตัวเอง

“นั่นสิ อยากปลูกตรงไหนก็เลือกเอา  แล้วตอนนี้ล่ะอยู่ยังไง บ้านพักเหรอไนท์?”
พี่ดินแสดงน้ำใจขึ้นมาอีกคน ใจดีกันทั้งบ้านเลย กอหญ้ามองอย่างนึกชื่นชม

“ครับพี่ดินก็อยู่บ้านพักไปก่อน ค่อยๆขยับขยายเอา ขอบคุณมากครับพ่อเขตที่เมตตาไม่เคยเปลี่ยนเลย”

หมอหนุ่มพูดอย่างซาบซึ้งในน้ำใจของคนบ้านนี้  ตลอดเวลาที่หมอหนุ่มเล่าเรื่องราวของเขา
 คนตัวเล็กก็มีดวงตาไหววูบตามไปด้วย

“ต่อไปนี้มีเรื่องอะไรก็ให้นึกถึงคนบ้านนี้ก่อนเลยนะไนท์ อย่าคิดว่าไม่มีใคร ย่าขอล่ะ”

“นั่นสิพี่ไนท์อย่าหายไปแบบนั้นอีก มีอะไรก็บอก ช่วยได้ก็ช่วยกันไป”

ฐานทัพพูดเสริมอีกคน

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมเลยทำให้อาหารมื้อนี้หมดอร่อยเลย ขอโทษจริงๆครับทุกคน”

“จะเป็นไรไปล่ะ ดีเสียอีกที่เล่าให้ฟัง คนที่เข้าใจไปแบบผิดๆ จะได้รู้ว่าที่เราหายไปน่ะเกิด
จากมาสุมชีวิตต้องล้มลุกคลุกคลานเจอกับความยากลำบาก ผ่านมาถึงจุดนี้ได้ถือว่าเป็น
บททดสอบของเราเลยนะไนท์”

พี่ดินพูด เป็นการสรุปเนื้อหาที่ทำเอาน้องชายคนเล็กนิ่งอึ้งไปกว่าเดิม

‘ผมเข้าใจพี่ผิดมาตลอดเลยรึไง พี่ไนท์’

“ตอนนี้น่ะ มีคนรักหรือยังล่ะ ถ้ามีก็พามาให้รู้จักบ้างนะไนท์”

พ่อเขตถามขึ้นมา กอหญ้าหันมองหน้าเด็กแสบกับหมอหนุ่มไปพร้อมๆกัน

“เอ่อ…ผมไม่ได้คบใครครับพ่อเขต แต่มีคนที่รักมากอยู่แล้ว ไม่พบกันนาน…
ไม่รู้ว่ายังรอกันอยู่หรือเปล่าน่ะครับ”

หมอหนุ่มพูดแล้วก็จ้องหน้าเด็กหนุ่มตัวเล็กที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนพูดเมื่อฟัง
จบประโยคเจ้าตัวเลยทำหน้าไม่ถูก จนพี่ชายและแขกที่ร่วมโต๊ะต่างมองตามสายตา
ของหมอหนุ่ม แล้วก็เป็นฐานทัพที่เก็บอาการไม่อยู่อีกตามเคย

“ป๊าด!...จริงดิ…พี่ไนท์ อย่าบอกนะว่าคนที่ชอบน่ะ…เด็กเอ๋อแถวนี้ …
พี่ไนท์ครับผมขอยาฉีดกระตุ้นหัวใจหน่อยพี่…รู้สึกเหมือนหัวใจจะใกล้วาย”

พี่ทัพพูดอย่างไม่มีติดเบรกอีกตามเคย ทำเอาสายตาทุกคู่พุ่งตรงไปที่เด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้างุด
แก้มออกสีระเรื่อแถมยังเม้มปากแน่นอีก ค่ำนี้เหมือนกริชไม่ได้เอาปากมาด้วยยังไงยังงั้น

“เหอะๆ รักต้องอุ้มล่ะสิเจ้าไนท์ อุ้มกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยนู่นแล้ว”

พ่อเขตหัวเราะเมื่อมองออกแล้วว่าหมอไนท์หมายถึงใคร

“ไปรักเด็กกะโปโลเอารึไงเจ้าไนท์ ยิ่งเด็กเกินไปจะยิ่งเอาใจยากนะ”

คุณย่าพูดเสริมขึ้นมาอีกคน คราวนี้คนตัวเล็กได้แต่เอื้อมตักอาหารอย่างประหม่า
เมื่อตนกลายเป็นจุดสนใจในวงสนทนาไปเลย

“อ้าว…เจ้าไนท์น้องจะเอาจานนั้น ส่งให้น้องมันหน่อยสิ”

พี่ภพเป็นอีกคนที่เป็นตัวชงไปเสียแล้ว ธารามองคนข้างๆที่ยิ้มกริ่มไม่หุบ

“คุณกริช ไม่แกะก่อนรึไง ก้างปลาจะแทงคอเอานะ ทีนี้ต้องได้หาหมอรักษาแน่ๆ”

ชานนท์มีบทพูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นกริชกำลังจะส่งอาหารเข้าปากทั้งอย่างนั้น

“เอานี่ไปตัวเล็ก พี่แกะก้างออกให้แล้วครับ”

หมอหนุ่มยื่นเนื้อปลาใส่จานให้คนตัวเล็ก สรรพนามที่ใช้เรียกขานทำเอาคมกฤชงึมงำเบาๆ
มีเขาที่ดูจะประมวลผลได้ช้ากว่าคนอื่นๆ แต่ก็พอจะเข้าใจบ้างว่าอะไรเป็นอะไรเมื่อเห็นการ
ใส่ใจที่หมอมีให้กับหนุ่มน้อยของบ้าน

“พี่ไนท์เป็นแขก ทานไปเถอะนะฮะ ผมแกะเองได้ครับ”

กริชพูดเป็นประโยคแรกจากที่นั่งเงียบมานาน พอคนตรงหน้าได้ยินว่าน้องยอมพูดด้วย
ก็ออกอาการไปไม่เป็น หมดมาดไปเลย

“ตัวเล็ก น้องยอมพูดกับพี่แล้ว อภัยให้พี่ หายโกรธพี่แล้วใช่มั้ย…พี่ขอโทษที่หายไปไม่บอก
…ขอโทษนะ…พี่จะไม่ไปไหนอีก…ให้โอกาสพี่นะครับ”

หมอหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้น  พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา คนตัวเล็กน้ำตาคลอ พาให้กลืนอาหารไม่ลง
ช้อนตาขึ้นมองหน้าคนพูดที่เหมือนกับเป็นคำมั่นสัญญา ที่บอกว่าจะไม่หายไป…
คนเดียวในความทรงจำ  คนเดียวที่ไม่เคยลืม คนเดียวที่รักมากอย่างนี้ กริชจึงพยักหน้ารับทั้งน้ำตา

“ขอบคุณนะตัวเล็กของพี่ ขอบคุณจริงๆ…ที่ให้โอกาสพี่และยอมเชื่อใจกันอีกครั้ง”

หมอหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหาคนตัวเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้ามกัน  แล้วสวมกอดจากทางด้านหลังหอมหัว
น้องเป็นการใหญ่โดยไม่สนใจสายตาที่มองเขาทั้งสองเป็นตาเดียว และหมอไนท์ยังแนบใบหน้า
กับแก้มนุ่มของน้องอีกด้วย

“เอาล่ะๆ กินข้าวกันต่อเถอะ  ลงเอยกันไปด้วยดี  อีกคู่แล้ว หึหึ”
พ่อเขตพูดพร้อมยกยิ้ม หมอหนุ่มจึงกลับมานั่งที่ แล้วก็คอยดูแลตักอาหารให้คนตัวเล็กตรงหน้า
ไม่หยุดหย่อน บรรยากาศในโต๊ะอาหารจากสีเทาๆ หม่นๆ กลายมาเป็นสีชมพูขึ้นมาทันทีดั่งแก้มเจ้ากริชในตอนนี้

“สรุปว่าย่าจะได้หลานเขยเป็นหมอสินะงานนี้น่ะ เหอะๆ ตาถึงไม่ใช่เล่นนะเจ้ากริชของย่า”

คุณย่าหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ทำเอากริชยิ้มเขิน

“คุณย่าอ่ะ อย่าล้อสิฮะ”
กริชทำปากยื่นใส่คุณย่าเมื่อถูกล้อ

กอหญ้าพาเด็กๆไปล้างมือล้างปากเพราะมื้อนี้ผู้ใหญ่มัวสนใจแต่ว่าที่หลานเขยจนลืมสนใจพวกเขา
ไปพักหนึ่งต่างจึงกันกินเลอะเทอะ  โดยเฉพาะยัยหนูที่ข้าวติดไปถึงเส้นผม

“แกล่ะเจ้าทัพ หาสะใภ้ชายหรือหญิงให้พ่อแกล่ะทีนี้…หื้ม”
คุณย่าถามหลานชายคนรอง

“หญิงสิครับคุณย่า  ทั้งพี่ดินทั้งเจ้ากริชก็หาได้แล้ว  ของผมต้องรอเธอปลงใจก่อน
 นี่ละน ะ ตอนที่เขามารักชอบก็ไม่สนใจเขา  พอเขาตัดใจก็ตื้อจะให้กลับมารัก  สมน้ำหน้าเลยผมเนี่ย”

ฐานทัพพูดเพราะนึกสมเพชตัวเอง

“พี่ทัพ ไม่ได้นะ! นั่นเพื่อนรักของผมนะ  พี่ทัพ!!! หึ้ย…”

กริชหัวเสียเมื่อได้ฟังอย่างนั้น  เพราะคงเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากใบหม่อนเพื่อนของเขา

“โว๊ะ!!! ยุ่งน่ะ  กินข้าวไปเลยแกน่ะ  อย่ามาทำหวงไม่เข้าท่า”

ฐานทัพทำกระฟัดกระเฟียดใส่น้องที่พูดออกมาอย่างนี้  เขายังจีบไม่ติดเลย
เดี๋ยวได้โดนพ่อเขตดุเอาอีก  แล้วก็เป็นไปอย่างที่คิดเมื่อพ่อของเขาหันขวับ

“ใคร! เจ้ากริชที่พูดน่ะ ลูกสาวเจ้าของตลาดรึป่าว”

พ่อเขตถามออกมา ทำเอาทั้งกริชและฐานทัพสะดุ้งมองหน้ากัน แล้วพากันเงียบไม่ตอบคำถาม
 ความเงียบเป็นคำตอบที่ดีเลยล่ะ แผ่นดินจ้องน้องชายเขม็ง

“อย่าไปทำรุ่มร่ามใส่เขานะเจ้าทัพ พ่อเด็กนั่นเอาแกตายแน่ แล้วก็คงจะมาถอนหงอกฉันหมดหัวแน่ๆ
ลูกสาวคนเดียวเขาด้วยนะเอ็ง”

พ่อเขตเตือนลูกชายคนรอง ซึ่งตักอาหารเข้าปากไม่สู้ตากับคนเป็นพ่อเลยตลอดมื้ออาหาร


หลังจากทานข้าวเสร็จ ทุกคนจึงย้ายไปนั่งกันต่อที่ห้องรับแขก  ทีนี้จึงเกิดการจับคู่คุยที่ออกรส
ชาติอย่างเด่นชัด ตั้งแต่คู่รักหมาดๆอย่างกริชและหมอไนท์ซึ่งหมอไนท์นั่งลูบหัวลูบหลังให้
เจ้ากริชซึ่งกลายเป็นเด็กขี้อ้อนขึ้นมาทันที  พี่ภพที่คุยเย้าแหย่พี่ธาราและมีน้องสกายนั่งบนตัก
พี่ภพอย่างคุ้นเคย อีกคู่ก็คุณนนท์กับคุณกฤชที่ดูจะเป็นคุณกฤชซะมากที่พูดอยู่คนเดียว
กอหญ้ากับพี่ดินเป็นตัวแถมที่คุยได้หมดกับทุกๆ คู่ งานนี้พี่ทัพไม่ยักจะตามมาร่วมวงด้วยคงนั่ง
ที่ห้องนั่งเล่นกับคุณย่าและพ่อเขต




หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 49 ถ่ายละคร
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 07-04-2019 21:57:05
ตอนที่ 49 ถ่ายละคร

คุณเกริกเกียรติให้ตัวแทนถือหนังสือมาขอใช้ไร่เขตแผ่นดินเป็นสถานที่ถ่ายทำละคร
ตามที่กอหญ้าได้เคยพูดเกริ่นไว้กับแผ่นดิน ค่าตอบแทนเป็นเม็ดเงินที่มากพอสมควร

ทางพ่อเขตและแผ่นดินหารือได้ข้อสรุปว่าจะให้ใช้สถานที่ฟรี  แต่ส่วนที่เกิดความเสียหาย
ชำรุดให้ทางต้นสังกัดแก้ไขปรับปรุงให้ดีอย่างเดิมเพียงเท่านั้น  คะน้ามองว่าเป็นเรื่องของ
ผลประโยชน์ทางธุรกิจจึงเจรจาให้ทางนี้รับไว้ ให้คิดว่าเป็นรายได้ที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรง
ของหลายๆ ชีวิตที่นี่  และจะเป็นลู่ทางในการเปิดไร่เป็นที่ท่องเที่ยวแบบเชิงนิเวศน์ในอนาคตด้วย

คะน้ามองว่าวันข้างหน้าที่กอหญ้าออกจากวงการบันเทิงก็อาจหันมาจับงานทางด้านนี้ได้
ความคิดที่ก้าวล้ำแบบนี้ทำให้กอหญ้าเริ่มมองอนาคตของตัวเองกับพี่ดินออกบ้าง

“กอหญ้า  กองถ่ายจะมาวันนี้เลยรึป่าว”

แผ่นดินในชุดเตรียมออกไร่ หันมาถามคนรักที่ถูกสั่งให้อยู่ช่วยงานด้านเอกสารแทน
ชานนท์ที่ไปเฝ้าร้านขายของฝากในตลาดแทนฐานทัพ

“ช่วงบ่ายๆน่ะพี่ดิน เขาจะทยอยขนของเข้ามากันก่อน คงอีกสองวันถึงจะเปิดกล้อง”

“อ่อ…งั้นเที่ยงพี่มากินข้าวด้วยนะครับ”

“อืม…จะรอนะ จุ๊บ”

กอหญ้าพูดจบก็จูบที่ปลายคางพี่ดินไปที เดี๋ยวนี้การแสดงความรักต่อกัน
ทั้งสองมองว่าไม่ใช่การทำประเจิดประเจ้อกันจนเกินไป เหมือนที่พี่ดินมักจุ๊บเหม่งเขาบ้าง
และหอมหัวเขาเป็นประจำ



มิ่งอาการดีขึ้นมาก ขวัญมักจะพาออกมาเดินทั้งที่มีเฝือกดามไว้แบบนั้น  เพราะถูกพี่ชายรบเร้า
ให้พามาที่บ้านใหญ่  ทำอะไรหรือช่วยงานอะไรไม่ได้แต่มิ่งก็อยากมาเห็นหน้าคนที่บ้านนี้

“มิ่งดีขึ้นมากแล้วนี่เห็นขวัญบอกว่าอีกไม่กี่วันก็จะถอดเฝือกแล้ว ทนอีกหน่อยนะ”
กอหญ้าพูดให้กำลังใจมิ่ง

“ผมอยากจะถอดออกซะเองอยู่แล้วครับ ถ้าไม่ติดว่าจะพิการผิดรูปไป ผมเอามันออกไปซะนานแล้ว”

มิ่งพูดอย่างเอาแต่ใจ ซึ่งขวัญก็ถลึงตาใส่พี่ชายทันทีเมื่อได้ยิน

“มิ่ง…อย่าดื้อ ทนอีกนิด รู้ว่ารำคาญอยากจะทำงานแล้ว เอาอย่างนี้นะให้มิ่งคิดซะว่าช่วงนี้ได้
ลาพักร้อนแล้วกันเนอะ หายดีเมื่อไหร่ได้ลุยงานหามรุ่งหามค่ำแน่ๆ เดี๋ยวจะบอกพี่ดินให้จัดให้
ชุดใหญ่แบบหนักๆไปเลย”

กอหญ้าพูดอย่างให้เห็นเป็นเรื่องขำๆซะมาก

“ได้เลยครับ ผมจะรีบหายจะได้กลับมาช่วยงานนายดิน”
มิ่งหมายมาดอยากจะทำงานเต็มแก่โดยไม่กลัวกับคำขู่เลยแม้แต่น้อย


หมอชนเทพ กลายเป็นขาประจำของคนบ้านนี้ไปอีกคน ว่างทีไรก็เห็นมาพาน้องคนเล็ก
ของบ้านไปทำนู่นนี่ในเมืองไม่ได้หยุด ขากลับยังมีขนมจากร้านดังๆมาฝากหลานๆไม่ขาด
ตอนนี้สีหน้าของทั้งสองดูเปี่ยมสุขแม้ว่าอีกไม่กี่วันคนตัวเล็กจะต้องกลับไปเรียนแล้วก็ตาม

“พี่ไนท์ จะไปหาผม เอ่อ…กริชจริงๆใช่มั้ย แล้วอยู่ทางนี้อย่าแอบไปชอบใครล่ะ”

“ไปสิครับ ตัวเล็กไปตั้งหลายเดือน ถ้าไม่ไปหา พี่ไนท์เฉาตายแน่ๆ …รักมากขนาดนี้
จะไปมองใครได้อีก หื้ม…ตัวเล็ก”

หมอหนุ่มจับมือบางไปกุมไว้ข้างนึง อีกข้างก็จับพวงมาลัยรถ

“พี่ไนท์ ขับรถสองมือสิฮะ ขอมือคืนก่อนครับ”

หมอหนุ่มรีบปล่อยเพราะสายตาดุๆที่มองมา อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ที่คนตัวเล็กขอมือคืนทั้งๆที่เป็นมือของตัวเองอย่างนั้น

“ถึงปลายทางเมื่อไหร่ เอามาคืนพี่ด้วยนะ มือน่ะ”

หมอหนุ่มแกล้งเย้า คนตัวเล็กเบิกตาโต

“กล้าเนอะพี่ไนท์มือนี่ก็ของกริชเหอะ ต่อไปก็ขับรถสองมือ ห้ามโทรห้ามแชท …ห้ามดื้อ”

คนตัวเล็กไม่วายกำชับอีก

“ครับ พี่ไนท์จะจำไว้ครับ จะท่องทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัยเลยล่ะ”

หมอหนุ่มพูดอย่างเอาใจ ใครว่าไม่ได้ผล มันเกินคาดเพราะคนตัวเล็กยิ้มจนตายิบหยี

“วันมะรืน กริชได้ดูพี่กอหญ้าถ่ายละครแล้วนะ ได้ดูสักซีนสองซีนก่อนกลับไปเรียนก็ยังดี
 เอ่อ…พี่ไนท์ทราบรึป่าวว่าพี่กอหญ้าเป็นดาราดังเลยนะ ละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายแล้วด้วย
 พี่ดินให้เลิกรับงานแล้วมาอยู่ที่ไร่”

“โห…จิงดิ พี่ไม่รู้เลยนะ โอ๊ะ…นี่พี่ดินสอยดาราคนดังมาจากฟากฟ้าเลยรึนี่…คงรักกันมากๆ
ไม่งั้นกอหญ้าคงไม่ยอมพี่ดินอย่างนั้น”

“หึหึ คุณหมอไม่เคยดูละครละสิถึงไม่รู้ว่าพี่สะใภ้กริชน่ะดังขนาดไหน อีกอย่างพี่เค้าผ่านเรื่อง
ทั้งดีและร้านมาด้วยกันหลายต่อหลายเรื่อง คงไม่มีอะไรไปแยกเขาออกจากกันได้แล้วละฮะ”

กริชเล่า สีหน้ามีความสุขเสียเต็มประดา

“แฟนคลับตัวจริงเลยมั้ยเราน่ะ…หื้ม”
หมอไนท์แกล้งเย้า แบบขำๆ

“ฮะ กริชมีผลงานพี่กอหญ้าเก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นเลยด้วย แต่อยู่ที่คอนโด ถ้าพี่ไนท์ไปนะ
 กริชจะแบ่งให้ดู นั่นน่ะของหวงเลยนะขอบอก”

เด็กหนุ่มพูดอวดถึงของรักของหวงให้หมอหนุ่มฟัง ทำเอาคนได้ฟังนึกคันยุบยิบในใจ

“อะแฮ่ม…คิดอะไรเกินเลยกับพี่สะใภ้รึป่าวน่ะเรา พี่ดินเป็นคนหวงของไม่ใช่รึไง พี่ได้ยินคนเขาเล่าลือกันมานะ”

หมอไนท์ทำทีเป็นแซวเล่น แต่ใจคิดไปไกลแล้ว

“บ้าแล้วพี่ไนท์อ่ะ กริชรู้จักกับพี่กอหญ้าก่อนที่พี่เขาจะมาประสบอุบัติเหตุที่นี่เสียอีก
ห้องที่คอนโดของเราก็ติดกันด้วย”

กริชรีบอธิบายให้หมอไนท์ฟัง เพราะสีหน้าทำเป็นทีเล่นทีจริง แต่ถ้าคิดจริงขึ้นมานี่งานเข้าเขาเลยนะ


“นั่นไง ห้องติดกันด้วยสิ หึ้ย…”
หมอหนุ่มหน้าตึงเมื่อได้ยินแบบนั้นออกอาการฟึดฟัด ทิ้งมาดหมอไปเลย

“พี่ไนท์ อย่ามาทำขี้หวงเหมือนพี่ดินนะ กริชเป็นน้อง ไม่ได้คิดแบบนั้นกับพี่กอหญ้าซะหน่อย”

กริชหน้ามุ่ยที่ถูกเข้าใจแบบผิดๆ

“ก็ได้ๆพี่ขอโทษแล้วกัน ไม่โกรธกันเนอะ อีกไม่กี่วันก็จะต้องห่างกันแล้ว พี่เชื่อตัวเล็กครับ
 ยิ้มให้พี่หน่อย…เร็ว”

หมอหนุ่มส่งนิ้วก้อยให้คนตัวเล็ก

“ได้แต่ถ้าพี่ไนท์คิดแบบนั้นอีก หรือไม่เชื่อใจกัน กริชจะโกรธพี่ไนท์ ไม่พูดด้วยเลยคอยดูเหอะ”

กริชขู่พร้อมกับส่งก้อยเล็กๆไปเกี่ยวกับมือหนานั้น

“ไม่ๆ อย่านะตัวเล็ก…พี่รู้ว่าเราทำได้ ดูอย่างคราวก่อนสิ เพิ่งได้เจอหน้ากันจากที่ไมเจอตั้งเป็นสิบปี
แทนที่จะดีใจ กลับไม่พูดกับพี่ซะอย่างนั้น ทำเอาอัดอั้น อึดอัด หายใจไม่ทั่วท้องเลย อย่าทำแบบนั้นเลย…นะคนดี”

หมอหนุ่มทำท่าเข็ดขยาดเอาจริงๆกับความเฮี้ยวของคนตัวเล็ก

“หึ หึ หึ”
กริชหัวเราะอย่างเป็นต่อเมื่อได้รู้จุดอ่อนของอีกคน


ฐานทัพยังคงแวะเวียนไปขายขนมจีบกับใบหม่อนไม่ได้ขาด ไม่ว่าจะถูกกริชและอาร์มห้ามก็ตาม
 หรือถูกคนตัวเล็กขับไล่ซะเอง ฐานทัพก็ยังคงตื้อไม่เลิก เหมือนตอนนี้ที่แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
 เพียงแค่มาให้คนตัวเล็กไม่ลืมหน้า

“นายทัพ กลับไปทำงานทำการไป มาเกะกะอยู่ได้ น่ารำคาญ”
ใบหม่อนกระฟัดกระเฟียดใส่เหมือนทุกครั้งที่พบหน้ากัน

“ให้พี่ทัพอยู่ตรงนี้อีกสักครู่เดียวนะๆ เดี๋ยวต้องกลับไปเฝ้าไร่แล้ว อย่าเพิ่งไล่กันเลย”

ฐานทัพใช้น้ำเสียงออดอ้อนขั้นสุด ซึ่งแต่ละครั้งที่มาก็ต้องงัดเอากลเม็ดเคล็ดลับออกมา
ใช้แทบไม่ซ้ำอย่าง แต่ไม่เคยเลยว่าจะได้ผลสักครั้ง

ฐานทัพเดินคอตกกลับไปขึ้นรถ ไหล่กว้างที่งองุ้มเล็กน้อยถูกคนตัวเล็กมองตามจนไฟท้ายลับตา

`เลิกพยายามเถอะ มันยากที่จะหล่อหลอมจิตใจที่พังขึ้นมาได้ใหม่`
 ใบหม่อน น้ำตาคลอ 

`อดทนเข้าไว้ใบหม่อน อย่ากลับไปรักเขาข้างเดียวให้เจ็บอีกเลย`

`เราก็แค่ของแปลก เขาก็แค่อยากเอาชนะ…ก็แค่นั้น`


กล้วยไข่เห็นทุกการเคลื่อนไหวของลูกพี่ตัวเล็ก  อดสงสารและเห็นใจไม่ได้
เพราะโตมาด้วยกันเขาถึงรู้ว่าคุณใบหม่อนเจ็บมามากแค่ไหน กับผู้ชายฉาวๆ คนนั้น
คนที่ตอนนี้เข้ามาวอแวไม่หยุดหากมีโอกาส  เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่า
นายทัพจะมาเล่นๆ หรือว่าจริงๆ กันแน่ ถ้านายทัพรอคุณใบหม่อนได้ล่ะนะ

คะน้าวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าเมื่อวันนี้เป็นการเปิดกองวันแรก  กอหญ้าในบทบาทของหนุ่มน้อยชาวไร่
กับเสื้อผ้าหน้าผมที่แต่งออกมาได้ดูเป็นธรรมชาติมากๆ  แผ่นดินอนุญาตให้คนงานที่อยากจะ
ดูผลัดเปลี่ยนกันมาดูได้ แต่อย่าให้เสียงาน อีกอย่างกองถ่ายยังต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน

เขาเองยังมาแอบดูคนรักด้วยเหมือนกัน

“นี่เจ้ากริช ไม่ห่างกองเลยนะเรา นั่นแก๊งยัยข้าวหอมก็มากับเขาด้วยรึไง”
แผ่นดินแขวะน้อง

“พี่ดิน อย่ามาทำขี้หวงหน่อยเลย มะรืนพวกผมก็จะกลับไปเรียนแล้ว ขอดูนิดดูหน่อยจะเป็นไรไป”
กริชทำหน้าคว่ำใส่พี่
ชาย
“เอ้อ…พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มีตาก็ดูไปสิ”

แผ่นดินพูดแล้วเดินไปอีกมุมหนึ่ง เพราะจุดนี้ดูจะกลุ่มใหญ่ไปหน่อยแล้ว

“โห พระเอกหล่อม๊าก แต่ดูจะขี้เก๊กเนอะ ว่าไหมข้าวหอม”
กริชชวนเพื่อนคุย

“น่าจะเป็นไปตามคาแรคเตอร์เขาละมั้ง ดูไปก่อนสิ”
ข้าวหอมพูดดักคอ

“แต่พี่กอหญ้าของเรานี่ หน้าเด็กมาก ยิ่งถูกจับแต่งเป็นนิสิตมหาลัยแบบนี้
อย่างกับรุ่นเดียวกับพวกเราเลยนะ ว่ามั้ย กริช”

เพื่อนของข้าวหอมที่ขอตามมาดูด้วยพูดขึ้น

“อืม ก็เขาหน้าเด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รึว่าพวกเราจะหน้าแกกันฮึ”
กริชพูดออกมาลอยๆ

“แกแก่ไปคนเดียวเหอะกริช”
ข้าวหอมสะบัดหน้าใส่เพื่อน เมื่อรู้สึกว่าชักจะพูดจาไม่เข้าหูเธอแล้ว

“เออๆ แม่คนหน้าเด็ก ไม่แก่เลยจ้ะ เอ่อ…คุณน้าทิพย์ สวัสดีครับ”
กริชหันไปเจอคุณน้าที่แอบมาคุมลูกสาว

“ตามสบายเลยลูก  น้าแค่มาดูว่ายัยหนูว่าดื้อกับเพื่อนรึป่าว แค่นั้นแหละ”

สายตาที่จับจ้องไปที่พี่กอหญ้าไม่ใช่อย่างที่พูดเลยนะคุณน้าทิพย์  ดูแววตาจะชื่นชม
ลูกชายเอามากๆ กริชรู้สึกเห็นใจคุณน้าเหมือนกัน  ทำไงได้ล่ะ พี่กอหญ้าตอนนี้ชีวิตก็ดี
มีความสุขอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องมีอะไรเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตในช่วงนี้

“คุณแม่ขา พี่กอหญ้านี่เจ๋งสุดๆไปเลยนะคะ น่ารักมากๆเลย”
ข้าวหอมชมดาราในดวงใจของเธอให้ผู้เป็นมารดาฟัง

“อื้ม…นั่นสิลูก…น่ารักจริงๆด้วยสิ”

มารดารับคำลูกสาวอย่างลอยๆ แค่ได้มาเห็นลูกชายแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีตัวตนในสายตาลูกเลย
 เธอก็มีความสุขมากแล้ว

“โห ข้าวหอมพี่เขาถ่ายโคตรมืออาชีพเลยอ่ะแก เทคเดียวผ่าน สุดยอดมากๆ”
เพื่อนสาวของข้าวหอมชื่นชมจนออกนอกหน้า

“พี่ดิน ยิ้มแก้มจะแตกแล้วครับ แหมๆ”

กริชหันไปสะกิดแซวพี่ชายที่แอบหลบมุมดูคนรักห่างออกมา

“ยุ่งน่ะ ตัวดื้อ”

แผ่นดินทำท่าว่ารำคาญใส่น้องชาย ขนาดว่าเขามาแอบอีกจุดยังมาเห็นเข้าอีก

“เออนี่…พี่วานเราเอานี่ไปให้พี่สะใภ้หน่อย ไปสิ คอแห้งแล้วมั้งป่านนี้”

ชายหนุ่มส่งน้ำส้มคั้นเย็นเฉียบที่บรรจุใส่กระบอกน้ำแบบฝาล็อกให้น้องเอาไปให้คนรักที่อยู่ในช่วงเซตฉากใหม่

“โว๊ะ!! ว่าน้องแล้วยังจะมาใช้อีก อย่าเขกหัวน้องนะพี่ดิน เดี๋ยวฉี่รดที่นอน”

กริชยกมือกันเมื่อพี่ชายทำท่าจะประเคนมะเหงกให้

“ใช้นิดใช้หน่อย ทำตัวพองเดี๋ยวเหอะ จะไปไม่ไปฮึ”

แผ่นดินพูดจบทำหน้าตาเอาเรื่อง น้องชายตัวแสบรีบคว้ากระบอกน้ำวิ่งปรู๊ดไปหากอหญ้า
 แผ่นดินยังคงยืนมองจากจุดเดิมเห็นกอหญ้ารับกระบอกน้ำจากกริชที่บุ้ยใบ้มาทางที่เขายืน
 กอหญ้ามองมาส่งยิ้มให้และจรดปากดื่มน้ำส้มไปด้วย  จนกระทั่งส่งกลับคืนให้เจ้ากริชที่รับ
มาแล้ววิ่งกลับมาที่เขา

“เรียบร้อยแล้วนะคุณพี่ชาย คุณดาราเขาฝากมาขอบคุณ…แฟนคลับ…ที่น่ารัก
…ที่แอบส่งกำลังใจไปให้ ฮ่าฮ่า ไปนะ บาย”

เจ้าเด็กแสบพูดจบยัดกระบอกน้ำใส่มือให้ แล้วชิ่งหนีไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆตามเดิม

“เหอะๆ…มันน่านัก…ไอ้ดื้อ”
แผ่นดินอมยิ้มที่น้องเหมารวมว่าเขาเป็นแฟนคลับไปซะได้



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 50 จุดจบตัวร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 07-04-2019 22:31:26
ตอนที่ 50 จุดจบตัวร้าย

แมนหงุดหงิดงุ่นง่านมาเกือบตลอดทั้งวัน  เพราะเขาเฟ้นหาคนทำงานฝีมือดีๆไม่ได้เลย
ช่วงนี้ทั้งงานของเสี่ยทวีปก็ดูจะติดขัดเพราะตำรวจดมกลิ่นใกล้เข้ามาทุกที  ทั้งงานลับๆ
ที่เขาให้คนไปเก็บศัตรูหัวใจก็ดันทำพลาดอีก

“พี่แมน  เสี่ยเรียกพบครับ  เห็นว่ามีเรื่องสำคัญ”

ลูกน้องวิ่งมาตามแมนที่นั่งขัดปืนจนขึ้นเงาอยู่ที่ห้องพัก

“เออๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”

แมนรีบเก็บอาวุธคู่กายเข้าซองที่ข้างเอว  แล้วรีบเดินไปทางตึกใหญ่ทันที  เมื่อไปถึงพบว่าเสี่ยนั่งดื่มรออยู่แล้ว

“แมนคืนนี้มีส่งของล็อตใหญ่ ขอมือดีๆ ไปคุมอีกชั้นนะ พลาดไม่ได้เลยมูลค่ามันมหาศาลมากรอบนี้”

เสี่ยทวีปตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่จะไหลเข้ากระเป๋าหากผ่านคืนนี้ไป

“ครับเสี่ย  ไม่พลาดแน่”

แมนพูดอย่างทุกทีที่เข้ามารับงาน

“อืม…ฉันเชื่อฝีมือนาย  เสร็จงานนี้  เราคงต้องพักกันยาวสักหน่อย”
เสี่ยทวีปแกว่งแก้วไปมา

“เที่ยวรอบโลกหน่อยก็ดีนะครับ  พาคุณหนูไปด้วย”

แมนชี้นำ  แต่เพื่อหวังผลได้ใกล้ชิดกับคุณหนู

“ฮ่าฮ่า  เป็นความคิดที่ดี  แกก็เตรียมแพ็กกระเป๋าได้เลย”

เสี่ยพูดจบ  ก็กระดกน้ำสีเหลืองอำพันรวดเดียวหมดแก้ว  ประกายตาละโมบโลภมากเผยให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง
แมนมองจนชินตาไปเสียแล้ว



“นายดิน! นายเขตครับ! ข่าวเด่นข่าวดัง  ฮอตฮิต  ติดขอบจอ  มาบอกครับ”

เสียงเรียกที่ดังอยู่หน้าบ้านก่อนที่ฟ้าจะสางซะอีก  เรียกความสนใจของพ่อลูกที่ตื่นเช้ากันอยู่ก่อนแล้ว

“ขวัญเหรอเข้ามามีข่าวอะไรของเอ็ง ถ้าไม่เด่นไม่ดัแกโดนเตะแน่ๆ”

แผ่นดินขู่ลูกน้องที่หน้าตาตื่นอย่างกับเจ๊กตื่นไฟ  ซึ่งไม่เคยเห็นว่าแฝดผู้น้องของมิ่งจะเป็นไปได้มากขนาดนี้

“ผมไปตลาดซื้อปลาท่องโก่กับน้ำเต้าหู้  แล้วได้ยินอาแปะแกเล่าว่า  เสี่ยทวีปกับพรรคพวกน่ะ
โดนตำรวจรวบตัวได้เมื่อคืน  แต่เสี่ยแกชักปืนยิงสู้โดนตำรวจสวนกลับ  แสกหน้าเลยครับนายเขต”

ขวัญเล่าอย่างกับอยู่ในเหตุการณ์เสียเอง

“ห๊ะ! จริงเหรอเจ้าขวัญ  เจ้าดินแกโทรเช็กข่าวกับเพื่อนแกทีสิ  อะไรมันจะง่ายดายนักนะ
 พ่อไม่อยากจะเชื่อเอาซะเลย”

พ่อเขตผุดลุกขึ้นทันที  หน้าตาตื่นเหมือนอย่างเจ้าขวัญไม่มีผิด

“พ่อรอแป๊บนะครับ  อย่าเพิ่งไปเชื่อไอ้ขวัญมันมาก”

แผ่นดินบอกพ่อแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่หน้าทีวีอย่างร้อนใจ  เขาก็อยากรู้ว่าข่าวมันจริง
มั้ยแต่ทำเป็นเนือยๆไปอย่างนั้นเอง  กดโทรศัพท์หาตรีภพมือไม้สั่น

“ฮัลโหลภพ จะเช็กข่าว เออๆ ข่าวนั่นแหละ จริงเหรอว ะ ยังว่าไอ้ขวัญมันกุเรื่องนะเนี่ย
กะจะเตะมันซะหน่อย เออๆ แกคงกำลังยุ่งอยู่แค่นี้แหละขอบใจนะ”

แผ่นดินวางสายแล้วเดินมานั่งที่ม้านั่งตรงระเบียงที่ประจำที่พ่อนั่งดื่มชาทุกเช้า  พ่นลมหายใจออกมา

“จริงฮะพ่อ ตายสนิทคาที่  เมื่อคืนตำรวจบุกทลายพวกลักลอบค้าอาวุธเถื่อนลอตใหญ่
เดี๋ยวสายๆ ก็คงมีข่าว กรรมติดจรวดจริงๆ เลยนะครับ”

แผ่นดินนั่งลงข้างๆ พ่อ ท่าทางปลงๆ

“อืม…ตายง่ายตายดายเสียจริง  ก่อกรรมมาก็มาก  ขวัญแกก็อย่าเอาไปพูดเยอะนักนะ
เผื่อไปเจอพวกเดียวกันกับมันแกจะโดนแกล้งเอา  ค่อยรอดูข่าวเอาแล้วกัน”

พ่อเขตกำชับขวัญด้วยความเป็นห่วง

“ครับนายเขต  ที่ผมรีบมาบอกเพราะเขาทำกับครอบครัวเราไว้เยอะ ทีนี้พวกคุณๆ จะได้ปลอดภัย
กันเสียทีนะครับ  ถ้าพี่มิ่งรู้ข่าวคงจะดีใจกระโดดโลดเต้นจนลืมว่าตัวเองเจ็บอยู่นะผมว่า”

ขวัญดูจะพอใจกับข่าวนี้เอามากๆ

“นั่นดิ  ฝากแกไปบอกเจ้ามิ่งด้วยว่าอย่าไปแค้นเคือง คนก็ตายไปแล้วให้อโหสิกรรมกันไป
จะได้ไม่เป็นกรรมต่อกันอีกในชาติหน้า”

พ่อเขตฝากเรื่องไปบอกกับมิ่ง

“ประเสริฐแท้นายเขต  ผมจะจำไปบอกพี่มิ่งครับ  ส่วนปลาท่องโก๋เลยไม่ได้ซื้อกัน  อดแล้วกันนะพี่มิ่ง”

ขวัญพูด  แล้วทำท่าจะกลับ

“ก็ตื่นตูมซะขนาดนี้  ขี่มอไซค์กลับมาถึงนี่ได้ก็ดีแล้ว  ไปหาอย่างอื่นกินแทนไปมื้อเช้าน่ะ
ขอบใจแกนะขวัญที่ตาลีตาเหลือกมาบอก หึหึหึ”

แผ่นดินไม่วายขบขันลูกน้องในความป้ำๆ เป๋อๆ ของมัน

“โธ่ถ้านายดินมาเป็นผมหรือพี่มิ่งก็ไม่แคล้วทำยิ่งกว่านี้อีก  เชื่อเหอะ”
ขวัญย้อนเจ้านาย

“ตั้งแต่ต้องไปเฝ้าไอ้มิ่งนี่  ดูแกจะพูดมากเหมือนไอ้มิ่งไปทุกทีแล้วนะขวัญ ทำไมเพิ่งค้นพบตัวเองรึไงกัน”

แผ่นดินแขวะลูกน้องอีก  เช้านี้เขาอารมณ์ดีมาก  ยิ่งได้ลับฝีปากกับแฝดน้องแทนไอ้คนพี่
ยิ่งรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย

“วุ้ย…เบื่อนายดิน เป็นอย่างที่พี่มิ่งมันว่าไว้เลย  คงเหงาปากละสิ  เดี๋ยวสายๆผมจะพาพี่มิ่งมา
ให้นายดินลับฝีปากก็แล้วกัน ใจร่มๆ ไปก่อนนะครับนาย”

ขวัญพูดอย่างไม่กลัวเกรง

“ไอ้ขวัญ เดี๋ยวได้โดนเตะจริงๆแกนี่ กล้ามาต่อปากต่อคำ”
แผ่นดินแกล้งขู่

“นายเขต ผมลาละครับ นายดินโหดเกินอยู่ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวสายๆ จะมาฟ้องคุณกอหญ้าคอยดูเหอะ”
ขวัญเอาชื่อคุณกอหญ้ามาขู่ ได้ผลแฮะ นายดินชะงักเสียจังหวะไปหนึ่งจังหวะ ยกมือชี้หน้าเขา
 ขวัญจึงรีบเผ่นออกจากทันที

“เออ…ข่าวดีจริงๆด้วยเนาะ เจ้าดิน”

พ่อเขตยกชาที่มีควันลอยขึ้นมาเหนือปากถ้วย  สูดดมแล้วจิบ ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเช้าที่แสนจะสดชื่น

“ครับพ่อ ข่าวฮอตฮิตอย่างไอ้ขวัญว่าจริงๆ ด้วย”

แผ่นดินพูดแล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในบ้าน  อาการอย่างนี้คงไม่พ้นไปเล่าให้คนรักฟัง
คนเป็นพ่อมองตามหลังลูกชายไป


ตอนสายสมาชิกของบ้านต่างจับจ้องอยู่หน้าทีวี ไม่มีใครที่จะขยับเขยื้อนไปไหน
เมื่อข่าวที่ทุกคนรอคอยมาถึงต่างฟังอย่างสนอกสนใจ  ตำรวจขยายผลและเชื่อมโยง
ไปอีกหลายคดีที่เกิดขึ้น  ท้ายที่สุดเสี่ยทวีปเป็นผู้บ่งการอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ก็คนตายไปแล้ว
คนอยู่ก็พยายามดิ้นเพื่อให้โทษของตนที่ได้รับเบาลง

“โหพ่อ  อย่างนี้ก็ไม่เหลืออะไรสิครับ  ลูกน้องพากันปูดซะหมดเปลือกแบบนี้”

แผ่นดินพูดเมื่อข่าวจบ

“ก็คงเป็นไปตามระบอบของกฎหมาย  ลูกสาวก็คงเหลือแต่ตัวละสิงานนี้  ถูกริบเข้าเป็นทรัพย์แผ่นดิน
ถ้าตรวจสอบว่าเงินหรือทรัพย์นั้นได้มาโดยมิชอบด้วยประการทั้งปวง  เฮ้อ…กรรม”

พ่อเขตสรุปให้ลูกฟัง

“พี่ดิน  นายแมนนี่ปากหนักเนาะ  ไม่ปริปากเลยสักคำ  ไอ้คนนี้ใช่มั้ยที่มันส่งคนมาทำร้ายพี่ดินแล้วมิ่งรับเคราะห์ไปน่ะ”

กอหญ้าถามเพราะคาใจกับชื่อที่ได้ยิน

“อืม…มันนั่นแหล ะ พี่ก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับมันนะ  ทำไมกัน?”

จนป่านนี้เขายังไม่รู้ว่าไอ้แมนมันจงเกลียดจงชังเขาด้วยเรื่องอะไรถึงอยากให้เขาตาย

“มันคงไม่ได้ออกจากคุกในเร็ววันหรอก  มันเป็นมือหนึ่งของไอ้เสี่ยทวีปมันคงทำตามนายมันสั่ง
ทุกงานนั่นแหละ  มันจะรอดพ้นเงื้อมมือกฎหมายไปได้ไง”

พี่ทัพเสริมขึ้นจากที่นั่งดูข่าวมาอย่างเงียบๆ

“ย่าว่ามันก็ต้องโดนร่างแหไปด้วยแน่ๆ มันจะรอดได้ไงกัน  พวกโจรมีสังกัด
 ก็เหมือนจ่าฝูงโดนแล้วพวกฝูงจะรอดได้ไง จริงมั้ยดิน”

คุณย่าคาดคะเน

“โอ้โห คุณย่า เฉียบ”
พี่ทัพแซวคุณย่า

“ทะเล้นน่ะเจ้าทัพ นี่น้องก็กลับไปเรียนแล้ว  คนช่วยงานก็น้อยลง  อย่าเกเรนักนะเรา  ตั้งใจทำงานด้วย”
พ่อเขตหันไปบ่นลูกคนรอง

“ครับคุณพ่อ  ที่รักและเคารพ”

พี่ทัพทำทะเล้นใส่พ่อเขต  เช้านี้ทุกคนพากันอารมณ์ดีไปตามๆ กัน คงนอนหลับสนิทกันเสียที
ไม่ต้องคอยหวาดระแวงว่าจะถูกใครลอบทำร้ายอีก  เป็นข่าวดีจริงๆ ในรอบหลายวันมานี้
กอหญ้าพลอยมีความสุขไปด้วย  และยังไม่ทันจะได้แยกย้ายไปไหนกัน หน้าบ้านก็มีกลุ่ม
คนงานมาออกันเกือบสิบคน

“นายดิน  มีเรื่องด่วนครับ”
แผ่นดินชะโงกไปดูตามเสียงเรียก

“อ้าว! สน มีอะไร ใครเป็นอะไรน่ะ?”
พี่ดินเดินเข้าไปหาลูกน้อง กอหญ้าถลาตามโดยมีพี่ทัพตามไปติดๆ

“พวกเราจับคนร้ายได้ครับ ไอ้สองตัวเนี่ยนายดิน ผมก็ว่ามันทำลับๆล่อๆ ชอบแต่จะเมียงๆ
มองๆ มาที่บ้านใหญ่ ที่ไหนได้ไปเจอมันซ่อนอาวุธไว้ที่พงหญ้าใกล้ๆ เรือนนอนนู้นครับ”

สนรีบรายงานพี่ดิน  กอหญ้ามองผู้ชายร่างยักษ์สองคนที่นอนกองอยู่ที่พื้น

“ห๊ะ! มีอาวุธด้วย  มันเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือนนี่  ใช่รึป่าว”

แผ่นดินถามกลับ  สนพยักหน้า

“มันมาไม่นานนี้เองนายดิน  กลางคืนก็ไม่หลับไม่นอนเดินด้อมๆแถวๆท้ายไร่
ผมกับพวกๆสะกดรอยตามจนได้รู้ว่ามันซ่อนรถไว้นู้นท้ายไร่เรา  จึงจับมันมาเค้นมัน
ก็ปิดปากเงียบ หนักเข้าพวกผมก็จับกรอกเหล้า  พอเมานะนายดินมันพ่นออกมาหมด
นายดินถามมันเองมั้ยว่ามันทำอะไรไว้บ้าง”

สนหยุดเล่า  และกระชากร่างที่สะบักสะบอมและฟกช้ำไปทั้งตัว  โยนกองไว้แทบเท้านายของมัน
ตัวออกใหญ่แต่ไร้เรี่ยวแรง  อ้อแอ้อย่างเมาจัด

“มันจะพูดรู้เรื่องเหรอสน  เมาหนักขนาดนี้”

ฐานทัพถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะอาการของสองคนนี้หนักเอาการ

“งั้นผมถามมันเอง ไอ้เขียวรถกระบะสีดำของเอ็งเอาไว้ทำอะไร
ไม่เห็นเคยขับ  ขับเป็นแน่นะ”

สนแกล้งพูดยั่วเย้าไอ้คนที่นั่งโอนเอนไปมา  ตามแขนที่พ้นเสื้อออกมามีแต่รอยสัก

“ไอ้สนมึงโง่เหรอ กูนี่นะดริฟโชว์ยังได้ ม่เพราะฝีมือกูรึไงแฟนนายมึงยังเกือบตาย
ไอ้ดาราหน้าอ่อนน่ะ  แค่กูขับปาดหน้าหน่อย แม่งอ่อนว่ะหักหลบกูพุ่งลงข้างทาง
แล้วกูสองคนนี่แหละที่พากันรูดทรัพย์แต่แม่งทั้งเนื้อทั้งตัวแทบไม่มีอะไรเลย  ขายได้ตังค์
มานิดหน่อย  สร้อยที่มันใส่แม่งก็ของปลอม กระจอกชิบ”

คนเมาพล่ามไม่หยุด  กอหญ้าได้ฟังหน้าซีดเผือด  แข้งขาอ่อนจนคุณย่ากับฐานทัพต้องมาช่วยพยุง
สนกำลังจะถามต่อก็เป็นอันตกตะลึงเมื่อนายดินของมันพุ่งเข้าใส่ไอ้ก้อนสองก้อนที่นั่งกองกันอยู่
ทั้งหมัดทั้งเท้าประเคนจนดูกันแทบไม่ทัน

“มึงนี่เอง  ไอ้สารเลว  เดนมนุษย์  ทัพแกไปเรียกตำรวจมาสิ  แต่ขอเวลาอีกนิดยังไม่หายแค้นเลย
พูดมาหน้าตาเฉยเล่าอย่างกับมันสองตัวนี่เป็นพระเอก  กูขอกระทืบให้เต็มตีนอีกหน่อยก่อน”

แผ่นดินพูดจบก็กระทืบซ้ำๆ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องลานหน้าบ้าน

“พ่อเถอะดินส่งให้ตำรวจเถอะ ย่าจะเป็นลมเห็นเลือดไม่ได้ กอหญ้าไปๆ เข้าบ้านกับย่าไป”

กอหญ้าเดินขาอ่อนตามคุณย่าเข้าบ้าน โดยไม่พูดไม่จา แผ่นดินมองตามแล้วจึงหยุดมือ

“หึ้ย…เห็นแล้วมันแค้น โว๊ย!”

คนงานต่างมองเจ้านายหนุ่มเลือดร้อนตาปริบๆ เป็นอย่างที่ลือกันหนาหูว่า นายดินขี้หวง

“เออ ใจเย็นเถอะดิน  ทัพมันไปโทรเรียกตำรวจแล้วเดี๋ยวคงมา มันโดนขนาดนี้รักษาตัวเป็นเดือนๆแหละพ่อว่า”

พ่อปรามลูกชายที่ดูจะมันมือจนไอ้สองคนเกินจะรับไหว

“ขอบใจมากนะสน แล้วก็ทุกคนเลย  ทำดีมากที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องกันเอง ดีมากๆ”

แผ่นดินพร่ำชมลูกน้อง ก่อนที่ทุกคนจะขอตัวกลับออกไปเมื่อตำรวจมาและรวบคนร้ายที่ทางตำรวจตามหา
กันแทบพลิกแผ่นดิน  ที่แท้มันมาแอบซ่อนตัวอยู่แค่ปลายจมูกของเหยื่อที่มันเคยกระทำต่อเขาไว้เสียด้วย


เมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย  แผ่นดินจึงรีบเข้าไปในบ้านเพื่อไปปลอบขวัญคนรักที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกไม่หาย

“คนดีโอเคมั้ย  อย่ากลัวไปเลยพี่อยู่นี่แล้ว  คนชั่วก็รับผลกรรมไปแล้วไม่ต้องกลัวนะ”

พี่ดินรวบตัวคนรักมากอดแนบอก  กอหญ้ากอดตอบเขาไม่คิดเลยว่าคนร้ายมันยังกล้าที่จะมา
มองหน้ากันอยู่ทุกวัน  เขาเกือบตายกับแค่เรื่องที่พวกมันอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง

“พี่ดินกอหญ้าเกือบตาย เพราะพวกมันอยากได้เงิน แค่นี้เองจริงๆ ถ้ามันดูสร้อยเส้นนี้เป็นนะมันคงเอาไปด้วย”

กอหญ้าพูดทั้งที่ยังสั่นกลัว

“แต่กอหญ้าของพี่ก็รอดมาได้  และตอนนี้ก็มีความสุขดีด้วย ลืมมันไปซะนะ”

แผ่นดินลูบหลังและหอมที่เรือนผมสีน้ำตาลเข้มที่นุ่มขึ้นมากแต่ก่อน

“หัวหอมจัง ผมก็ยาวแล้ว ไม่ตัดแล้วได้มั้ย พี่อยากให้ไว้ยาวๆเลย”

กอหญ้ายกมือจับปลายผมตัวเอง

“พี่ดิน ผมยาวรุงรังหนักหัวนะ แล้วก็ต้องเปลืองยาสระผมด้วยสิ”
กอหญ้าติง

“เดี๋ยวพี่ออกให้เองค่าแชมพูและทรีทเม้นท์ สระให้ด้วยเลยเอ้า! แถมเช็ดจนแห้งไม่ใช้ไดร์ด้วย
 บริการทุกระดับขนาดนี้ ไว้ผมยาวเถอะ นะครับ”

แผ่นดินเปลี่ยนเรื่องคุยได้สำเร็จ

“อืมๆ ก็ได้ๆ แต่ถ้าบริการไม่ดีอย่างที่พูด ตัดทิ้งเลยนะ”

กอหญ้าแกล้งขู่ไปอย่างนั้นเอง จริงๆ แล้วเขาก็ชอบที่จะไว้ผมยาวเสียด้วย
ถ้าไม่ถูกทำร้ายคงยาวเยอะแล้วป่านนี้



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 48,49,50
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-04-2019 23:07:24
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหมือนจะคลี่คลายปมไปหลายเรื่องแล้ว
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 51 เมาเหล้าหรือเมารัก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 08-04-2019 09:54:32
ตอนที่ 51 เมาเหล้าหรือเมารัก

เหตุการณ์ต่างๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี  กอหญ้ามีความสุขกับการทำงาน  เพื่อนร่วมงานนักแสดง
ตลอดจนผู้กำกับให้ความเป็นกันเองกับเขา และเหนือสิ่งอื่นใดเขาได้รับการดูแลใส่ใจจากคนรัก 
หากวันไหนที่ต้องย้ายกองไปถ่ายนอกเขตไร่  แผ่นดินจะเป็นคนพากอหญ้าและเพื่อนร่วมงานที่
กอหญ้าสนิทๆร่วมเดินทางไปส่งถึงที่หมาย และคอยดูแลจนกระทั่งงานแล้วเสร็จเป็นเช่นนี้จนกลาย
เป็นที่ชินตาของทีมงานไปแล้ว

“พี่ข้าวโชคดีจังค่ะ ที่มีคนรักอย่างพี่ดิน หาไม่ได้แล้วนะ แป้งอิจฉาพี่ข้าวนะเนี่ย”
เด็กสาวนักแสดงที่รับบทบาทเป็นเพื่อนสนิทในเรื่องพูดขึ้น

“น้องแป้ง พี่กับพี่ดินผ่านเรื่องอะไรมาด้วยกันมากมายนับไม่ถ้วน กว่าจะฟันฝ่ามาถึงวันนี้ได้
 พี่ดินก็ต้องอดทนและเหนื่อยกับพี่มากเหมือนกัน  อย่าอิจฉาพี่เลย  ถ้าเราอยากได้แบบพี่ดินต้องไป
หาเอาเอง  คนนี้พี่หวงบอกไว้ก่อนนะ”

กอหญ้าพูดหน้าตาเฉย  โดยไม่รู้ว่าคนที่ถูกหวงนั้นมายืนอยู่ข้างหลังแล้ว  เด็กสาวเห็นอย่างนั้นกำลัง
จะส่งสัญญาณให้รู้ว่าคนที่ถูกเอ่ยถึงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว  แผ่นดินจุ๊ปากให้เงียบไว้
เธอจึงนึกสนุกขึ้นมาพูดต่ออีกหน่อย

“หวงแล้วทำอะไรได้ล่ะพี่ข้าว พี่ดินเขาก็เคยมีสาวๆ มาก่อนนี่นะ  พี่ข้าวไม่กลัวพี่ดินจะกลับไปเป็นแบบเดิมเหรอ
พี่เผื่อใจไว้บ้างหรือเปล่าล่ะคะ”

เด็กสาวถามอย่างลองใจ  แผ่นดินอ้าปากกับคำถามที่แรงพอดู

“แป้ง…สรุปเธออยากได้พี่ดินใช่มั้ย พี่ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้พี่น่ะมีดีพอที่พี่ดินจะรักแล้วก็ไม่มีวอกแวก
ออกนอกลู่นอกทางด้วย  อย่าพยายามเลย เลิกพูดเรื่องนี้เถอะพี่ชักจะไม่ชอบขี้หน้าเธอแล้วนะ…หึ้ย”

กอหญ้าหน้างอ อารมณ์บูดขึ้นมาทันที  ใครว่าเขาจะไม่กลัวล่ะ เรื่องของจิตใจ ใครจะไปคาดเดาหรือ
ล่วงรู้จิตใจใครได้ ยิ่งกอหญ้ารู้ตัวว่าเขายังทำหน้าที่ของคนรักไม่ครบถ้วน…ให้เรื่องอย่างนั้นกับพี่ดิน
ไม่ได้เต็มที่ด้วยซ้ำ…พอคิดไปถึงเรื่องนี้ก็เครียดขึ้นมาทันที…ทำใจลำบาก

“พี่ข้าวโกรธน้องเหรอขอโทษนะ แป้งจะไม่พูดแบบนี้อี แต่ก็ยังอยากรู้อีกอยู่ดีว่าที่พี่ข้าวพูดน่ะ
อะไรนะที่ว่ามีดี…ตรงไหนล่ะ…ที่พี่ดินจะทั้งรักและหลงน่ะ คิกคิก”

แป้งแกล้งเย้าแถมทำหน้าทะเล้นใส่  กอหญ้าเพิ่งรู้ตัวว่าเสียรู้เด็กแสบก็ตอนที่ถูกสวมกอดจากทางด้านหลังนี่แหละ
แถมยังถูกจูบที่เรือนผมอย่างไม่แคร์สายตาใครๆ

“งอแงอะไรครับ หืม….มีดีขนาดนี้พี่จะไปไหนรอด จริงมั้ยครับ”

พี่ดินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม  จนเด็กแป้งอายม้วนต้วน

“พี่ดินคะ แป้งไปหายาทาก่อนนะไม่ไหวเลย มดไม่รู้มาจากไหนรุมกัดอยู่ได้  ไปก่อนนะพี่ข้าว”

ก่อนไปยังทำยักคิ้วล้อเลียนอีก

“เด็กบ้า…เดี๋ยวเหอะ พี่ดินก็ด้วยมาทำรุ่มร่ามอะไรตรงนี้  ดูสิพี่เมศมองใหญ่แล้วเดี๋ยวกอหญ้าก็ต้องมุดดินหนีหรอก
เอ่อ…ไม่ใช่ดินนี่ซะหน่อย  พี่ดินบ้า”

กอหญ้าก้มหน้างุด  เมื่อโดนพี่ดินจับมุดที่แผ่นอกเอาดื้อๆ แล้วยังเอาเสื้อมาคลุมตัวเขาอีก

“เห้อ…กว่าละครจะปิดกล้อง เบาหวานขึ้นตาแน่ๆ เลยกู”

พี่เมศพูดขึ้นมาลอยๆ เมื่อกอหญ้าเดินเข้ามาในรัศมีที่ได้ยินถนัดเต็มสองหู

“พี่แป้งก็มาขอแซมบัคเนี่ย  บอกว่ามดรุมกัด  ตกลงเราต้องหายาฆ่ามดมาประจำไว้ที่กองรึไงพี่เมศ”

น้องนักศึกษาที่มาฝึกงานพูดขึ้น  ทำเอากอหญ้าสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม

“อ้าว!ข้าวขาอ่อน เป็นอะไรวะ หนักไปหน่อยรึไงเมื่อคืน”

ผู้กำกับแซวหนักขึ้นอีก

“พี่เมศที่ข้าวสะดุดเนี่ยเพราะพื้นไม่เสมอไม่เห็นรึไง…หึ้ย”

กอหญ้าย้อนผู้กำกับที่หน้าโหด แต่จริงๆ เป็นคนแบบนี้เอง ขี้แกล้งสารพัดต้องโทษพี่ดินเลยงานนี้ทำ
ประเจิดประเจ้อดีนักคนล้อกันทั้งกองแล้วจะให้เอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน  เดินไปทางไหนก็มีแต่สายตา
ล้อๆ ตามมาตลอดทั้งวัน


วันปิดกล้องมาถึงหลังจากถ่ายซ่อมในบางซีนเสร็จสิ้น  พี่เมศบอกกับทีมงานว่าจะจัดงานเลี้ยงอำลาในตอนค่ำ
ซึ่งงานนี้จัดขึ้นที่ลานโล่งที่เคยใช้สำหรับจัดงานเลี้ยงประจำปีของทางไร่

แผ่นดินขอเป็นเจ้าภาพร่วมด้วยเพราะเขาก็อยากเลี้ยงคนงานที่ร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันความลำบากมาด้วยกัน
แล้วก็เลี้ยงฉลองที่มิ่งหายดีกลับมาทำงานได้อย่างเดิมแล้ว

“นายดินเราจะจัดรวมกับทีมงานกองถ่ายจริงเหรอครับ  อย่างนี้พวกผมก็ได้กระทบไหล่ดารากันจริงๆ แล้วสิครับ”
มิ่งพูดขึ้นยิ้มๆ ดวงตาเป็นประกาย

“เออ…แกจะกระทบไหล่ดาราคนไหนก็เรื่องของแกแต่มีคนนึงห้ามเลยนะ ไม่งั้นโดนเตะกระจายแน่"

“อะ…อุ้ย…คนนั้นเป็นข้อยกเว้นครับนายต้องวางไว้นู้น ที่สูงๆ เลยละครับ”

มิ่งสะดุ้งเมื่อนึกได้ว่าคุณกอหญ้าก็เป็นหนึ่งในดาราที่ว่าด้วยเหมือนกัน

“หึ หึ หึ”
แผ่นดินมีเพียงเสียงหัวเราะที่ลอดออกมาผ่านลำคอ แค่นั้น

“ช่วยดูๆ ความเรียบร้อยด้วยนะมิ่ง เดี๋ยวเพื่อนๆ ฉันจะมาเพิ่มกันอีก คนงานก็ปล่อยๆ มันไปบ้าง
แต่ถ้าใครดูระรานก็พาออกไปได้เลยนะ”

มิ่งพยักหน้ารับทราบคำสั่ง



งานเริ่มเกือบจะพลบค่ำมีการตกแต่งไฟหลากสี มีซุ้มอาหาร เครื่องดื่ม และดนตรีให้ด้วย
ทุกคนดูจะผ่อนคลายดูได้จากสีหน้าที่แย้มยิ้ม  แผ่นดินกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นคนงานบ้าง
ทีมงานละครบ้างที่ถามไถ่คุยกันอย่างออกรสชาติ  ที่ห่วงๆ ว่าจะเกเรกันดูแล้วไม่น่าห่วงเลยเพราะส่วนใหญ่
จะมีครอบครัวลูกเมียมาคุมเองด้วย

“งานใหญ่เลยนะดินหน้าชื่นไปตามๆ กันด้วยสิ”
ตรีภพทักทายเจ้าของงาน

“อืม…เลี้ยงขอบคุณลูกน้องด้วยแหละ แล้วนี่ไม่รับธารากับลูกมาด้วยเหรอ”

“อ่อ…เขาติดงานเลี้ยงรับรองคนใหญ่คนโตน่ะ ลูกก็ไม่ค่อยสบายด้วย”

ตรีภพเล่าให้เพื่อนฟัง  เป็นการแบไต๋ที่คนฟังหูผึ่งเมื่อได้ยิน

“อ่อ…ลูกป่วย พ่อของลูกก็ติดธุระ มันน่าน้อยใจเนอะ ว่ามั้ย”

“อืม…เดี๋ยวต้องแวะเข้าไปดูซะหน่อยว่ามีอะไรพอจะช่วยได้มั้ย”

“หืม…ดูซะหน่อยเนอะ ดูลูกเค้าหรือว่าดูพ่อเค้าล่ะ หึหึ”

แผ่นดินหัวเราะในลำคอ ทำเอาตรีภพส่ายหน้าที่เขาไม่สามารถปกปิดอะไรเพื่อนรักคนนี้ได้เลยสักเรื่อง
 มองทะลุปรุโปร่งไปถึงไหนๆ

“นั่นมาอีกคู่แล้ว ชานนท์กับคมกฤช หึหึ”

แผ่นดินหัวเราะทำนองเดียวกับที่หัวเราะเพื่อนรัก

“เห่ย…แล้วหมอไนท์ล่ะ ไม่เห็นมาเลยวะ”

ตรีภพชะเง้อมองผ่านสองหนุ่มที่เดินเข้ามา

“พรุ่งนี้วันหยุด คิดเหรอว่าจะมาอยู่นี่ ป่านนี้ขึ้นเครื่องแล้วมั้ง จุดหมายปลายทางนู้น…หาเด็กแสบ”

เป็นที่รู้กัน  ถ้าแผ่นดินเรียกว่าเด็กแสบก็คือเจ้ากริชนั่นเอง

“อืม ตกลงไนท์คบกับเจ้ากริชแล้วเหรอวะดิน”

ตรีภพถาม แต่ก็พอรู้อยู่บ้าง

“อือ…วันนั้นไนท์ก็แสดงออกขนาดนั้น ดูไม่ออกก็แย่แล้วล่ะ รักต้องอุ้มแบบที่พ่อพูดเลยล่ะ ฮ่าฮ่า”

สองหนุ่มเพื่อนรักหัวเราะประสานเสียงกัน

“ไอ้ดินๆ เมียแกโดนลากแล้วเว่ย…นั่นๆ”

ตรีภพเรียกเพื่อนเสียงดัง  เมื่อเห็นว่ากอหญ้าถูกบรรดาเพื่อนๆ นักแสดงลากออกไปเต้นอยู่กลางฟลอร์

“ใช่เหรอ  เด็กดื้อนั่นขี้อายจะตาย …สงสัยจะเมา ดูออกสเต็ปสิ…กะโหลกกะลาจริงๆ”

แผ่นดินออกจะขำๆ เสียด้วยที่เห็นอย่างนั้น  แต่ก็คงต้องปล่อยไปสักวัน ไหนๆ ก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบ
เดิมๆ ที่เจ้าตัวเคยเป็นแล้ว ดูอยู่ห่างๆ แล้วกัน

“ปล่อยเหรอวะ…เออๆ ปล่อยเขาสักวันก็ดี แกล่ะไม่ดื่มสักหน่อยเหรอ”

ตรีภพชูแก้วขึ้น  แผ่นดินส่ายหน้า

“ภพมึงลืมไปหรือเปล่า ถ้ากูดื่มจะเป็นยังไง หึหึ”

แผ่นดินทิ้งคำถามไว้แค่นั้น ตรีภพเบิกตากว้าง เรื่องมันนานจนลืมไปเลย มีเรื่องสนุกๆ
ให้ทำแล้วสิ  ตรีภพยกยิ้มมุมปากซึ่งถ้าแผ่นดินเห็นจะไม่เข้าใกล้เขาเด็ดขาด

“นิดหน่อยจะเป็นไรไป เมาก็นอน ไม่ได้ออกไปกินนอกบ้านนี่ จะกลัวอะไรกันวะดิน มาๆ ชนแก้วกันหน่อย
เดี๋ยวข้าดูแกเอง ไม่ทันเมาหรอก…แค่นี้”

ตรีภพคะยั้นคะยอเพื่อน แผ่นดินได้แต่ส่ายหน้าอย่างเดียวเลย ตาก็คอยแต่มองไปทางคนรักที่ดู
จะสนุกสนานไม่เบา  ตาที่คอยจับจ้องเพลินๆจนเผลอยกแก้วเหล้าที่เพื่อนเอามาวางไว้ใกล้มือขึ้นดื่ม
ยิ่งดึกทั้งบรรยากาศและเสียงเพลงพาให้แผ่นดินเผลอปล่อยใจจนดื่มไปหลายแก้วแล้ว

ตรีภพยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ 

“ดินกลับก่อนนะเว่ย ไว้จะมาขอข้าวที่บ้านกิน คืนนี้ขอให้สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยนะเพื่อนเลิฟ”

ตรีภพตบบ่าเพื่อนรักไปสองป้าบ แล้วพยักหน้าให้มิ่งเข้ามาดูเจ้านายมันต่อ ก่อนไปมีกระซิบกระซาบกับมิ่งด้วย

“นายดินฮะ ขึ้นข้างบนเลยมั้ย เดี๋ยวผมพาไป คุณกอหญ้าก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว ผมให้ขวัญพาเข้าบ้านเลยแล้วกัน”

มิ่งมองดูเจ้านายหนุ่มที่นั่งโงนเงน ตาฉ่ำมาเป็นชั่วโมงแล้ว ยิ่งเมายิ่งเงียบแฮะ

“อืมๆ เข้าบ้านก็ดี ง่วงจังเลย แล้วเมียกูล่ะ ไปไหนวะไอ้มิ่ง”

แผ่นดินพูดโดยที่ยืนแทบจะไม่อยู่

“คุณสารวัตรนี่นะ ก็รู้ว่าเพื่อนดื่มไม่ได้ยังแกล้งอีก ขวัญๆไปพาคุณกอหญ้ากลับเข้าบ้านเถอะ
เดี๋ยวพี่ล่วงหน้าไปก่อนนะ”

มิ่งเข้าประคองนายพาเดินเป๋เข้าบ้าน บ้านใหญ่เปิดไฟไว้สว่างมิ่งจึง
พาเดินไปที่ห้องนอนจับอาบน้ำหาชุดนอนให้เสร็จแล้วจึงทิ้งให้นอนบนเตียง มีเสียงงึมงำถามหา
คุณกอหญ้าไม่หยุด  มิ่งตรวจความเรียบร้อยก่อนออกไปจากห้อง  ชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้อง
คุณกอหญ้าเห็นน้องชายกำลังจัดการกับเมียนายอย่างที่เขาเพิ่งทำให้นายดินเสร็จ

“พี่มิ่งมาช่วยกันหน่อย คุณกอหญ้านี่ดื้อจัง มือไม่อยู่เฉยเลยดูดิ”

ขวัญปัดมือคนเมาออกที่คอยแต่จะลูบไล้เขา

“เออ…แกไปเตรียมชุดนอนเลย รีบหน่อยเดี๋ยวพ่อมึงมา กูจะโดนเตะไปด้วย เร็วสิ”

มิ่งเร่งน้องชาย

“รีบอยู่เนี่ย พี่มิ่งพาไปในห้องน้ำเลย ตัวขาวๆไม่ต้องอาบนานหรอก ไม่สกปรกอะไรมาก”

ขวัญสาละวนกับการเตรียมผ้าเช็ดตัว และชุดนอน

“ขวัญแกมาช่วยที ดื้อจริงๆด้วยเนี่ย มือไม้ซุกซนจริงๆ”

คนเมาเลื้อยมือไปทั่ว จนสองพี่น้องแทบตะบะแตก กว่าจะล้างตัวแล้วเช็ดตัวให้จนแห้งก็หืดขึ้นคอ

“ใส่เสื้อนี่ก็เสร็จแล้ว เอาไงต่อพี่มิ่ง พาไปหานายดินมั้ยพี่”

“เออๆ พาไปเลย นายมึงร้องหาอยู่นู่นแหละ เดี๋ยวข้าเก็บของให้เข้าที่ก่อน เดี๋ยวออกไป
 แกก็รีบๆเข้า แล้วออกมานะ อย่าช้าล่ะ”

มิ่งบอกน้องชาย

“อืมๆ…รู้แล้วน่ะ คุณกอหญ้าครับไปนอนนะครับ นายดินรออยู่”

ขวัญบอกคนเมาที่เอาแต่ซุกซบอยู่อย่างนั้น

“หาพี่ดิน…น้องง่วง…พี่ดิน”

แล้วกอหญ้าก็ถูกขวัญพาไปปล่อยไว้บนเตียงที่มีนายดินนอนซะเกือบเต็มเตียง
ขวัญจัดท่านอนให้สองหนุ่มก่อนจะห่มผ้าให้ แล้วปิดไฟดวงใหญ่ ก่อนจะล็อกประตูแล้วเดิน
ลงมาด้านล่างที่พี่ชายฝาแฝดรออยู่

“ไปดูความเรียบร้อยในงานกันอีกหน่อย…ค่อยกลับไปนอน”

มิ่งบอกกับขวัญก่อนจะเดินนำออกไปที่บริเวณลานจัดงาน ที่ทั้งแสง สี เสียง ยังคงบรรยากาศสนุกสนานเช่นเดิม

“มิ่ง นายแกไปไหนหมดวะ”

ฐานทัพถามหาพี่ชายกับพี่สะใภ้

“ผมพาไปส่งบ้านแล้วทั้งสองคน นายดินน่ะเมาจนหลับไปแล้วละครับ นายทัพล่ะอย่าดื่มนักนะครับ
 ผมแบกกลับไม่ไหวนะ”

มิ่งพูด พร้อมทั้งมองหน้านายทัพ คนอะไรคอแข็งชะมัด ไม่มีอาการอะไรเลย

“เหอะๆ อย่างข้านี่นะจะเมา เด็กว่ะ เมื่อกี้เอ็งว่าไงนะ พี่ดินเมาเหรอวะ…ฉิบหายแล้ว…ไอ้มิ่งเอ๊ย”

ฐานทัพส่ายหน้าไปมา

`พี่ดินมันดื่มได้ไหมล่ะเหล้าน่ะ ตายๆกัน งานนี้อ่วมแน่ๆ ช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ กอหญ้า…`



แผ่นดินตื่นขึ้นมากลางดึก ด้วยรู้สึกคลื่นไส้จึงรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ โก่งคอเอาอาหารที่กินไปเมื่อตอนค่ำ
ออกมาจนหมดไส้หมดพุง ที่เหลือก็อาการขมคออย่างหนักนี่แหละ กลับมาที่เตียงนอนตอนที่จะล้มตัว
ลงนอนกลับมองเห็นดวงหน้าของคนรักที่ตะแคงมาทางนี้พอดี ดวงหน้าจิ้มลิ้มหลับพริ้มมีร่องรอยของ
ความสุขเปื้อนอยู่บนใบหน้า

แผ่นดินหักห้ามใจที่จะไม่ก้มลงจูบที่ปากอิ่มนั้นไม่ได้เลย เมื่อทาบริมฝีปากลงไปสัมผัสกับความนุ่มหยุ่น
ทำให้จิตใจกระเจิดกระเจิงร้อนรุ่มขึ้นมาตรงส่วนกลางกาย  บ้าน่า…จะมารู้สึกอะไรตอนนี้กันเล่า

แผ่นดินผละตัวออกมาได้เพียงครึ่งเพราะถูกแขนเรียวโอบรัดต้นคอดึงเขาให้ซุกซบไปที่ซอกคอ

“อ่า…คนดี…ปล่อยพี่ก่อน…นะครับ”
แผ่นดินขืนตัวไว้

“พี่ดิน  รักนะ”
เสียงน้อยๆ ที่งึมงำที่ซอกหู  รวมถึงลมหายใจที่รดต้นคอทำเอาขนอ่อนลุกเกรียว  มือนุ่มลูบไล้ช่วงบ่าของเขาไปมา
ยิ่งกระตุ้นความต้องการให้ลุกโหม

“คนดี พี่ต้องไป…ปล่อย…อื้อ…อ่ะ”

ชายหนุ่มหมดหนทางจะหลบหลีก  เมื่อช่วงขาเรียวยาวเกี่ยวกระหวัดรัดที่เอวเขาไว้แน่น
ส่วนกลางกายของเขาสองคนเต้นเร่าภายในกางเกงนอนเนื้อบาง  คนขี้เมาฉกปากลงมาดูดดึง
ริมฝีปากล่างของเขาแล้วยังแทรกปลายลิ้นเล็กในโพรงปากสำรวจแนวฟันและไล้ไปที่เพดาน
สร้างความเสียวซ่าน  แผ่นดินตื่นตัวอย่างหนัก  ความตั้งใจที่จะหลบลี้ไปชำระบาปกับตัวเอง
ไม่เป็นผลอีกต่อไป  กลิ่นแอลกอฮอล์ยิ่งเร้าให้รู้สึกมึนเมาลุ่มหลงยิ่งไปกว่าเดิม

“พี่ดิน…อย่าไป”

กอหญ้าฉุดรั้งคนตัวใหญ่ด้านบนไว้มั่น  เสียงแลกเอนไซม์ดังเป็นจังหวะ  นาทีต่อไปจากนี้ไม่มีใครถอย
ให้ใครอีกแล้ว  ร่างบางยกลำตัวช่วยเมื่อถูกมือหนาปลดเปลื้องเสื้อผ้า  ภายในพริบตาทั้งสองก็เปิดเปลือย
ตัวตนสู่สายตาของกันและกัน  คนตัวเล็กปรือตาขึ้นเล็กน้อยและยกยิ้ม  บิดกายเร่า  เมื่อเนื้อตัวของเราเสียดสีกัน
ศีรษะเล็กทุยส่ายไปมา  กลิ่นกายที่แสนคุ้นเคยทำเอาแผ่นดินอดใจที่จะดอมดมไม่ได้  จุมพิตสร้างรอยรักทุกที่
ที่ริมฝีปากลากผ่าน  คนตัวเล็กแอ่นอกตามติดเมื่อถูกดูดดึง 

แผ่นดินสะท้านเมื่อถูกขบกัดที่ต้นแขนและถูกเล็บจิกที่ลอนกล้ามหน้าท้อง  ยิ่งเป็นการปลุกเร้า
ให้เลือดในกายเดือดพล่าน เขาสำรวจเนื้อตัวคนใต้ร่างจนทั่ว ไม่มีส่วนใดที่รอดพ้นจากริมฝีปาก
หนาไปได้  ยิ่งร่องกลางกายด้วยแล้วเป็นศูนย์รวมความหฤหรรษ์ที่กอหญ้าเต้นเร่าไม่หยุด
เรียกร้อง…รอคอย…ผวาเฮือกน้ำตาคลอเมื่อถูกรุกล้ำและหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวภายใต้แสงไฟสลัวๆ
แผ่นดินลูบเนื้อตัวปลอบประโลม

“คนดีอยู่อย่างนี้ก่อน อื้ม…รัดพี่แน่นจัง อ่า…อย่าตอดแรง พี่ขยับแล้วนะ”

แผ่นดินขยับออกเพียงนิด คนตัวเล็กก็ผวาตาม เขาจึงต้องลูบไล้ขบกัดใบหูขาวไปเบาๆ เพื่อดึงความสนใจ
ก่อนที่จะถอนตัวสุดความยาวและแทรกลึกลงไปจนสุด  เสียงเนื้อที่กระทบกันเป็นจังหวะหยาบโลน
และเสียงครางอื้ออึงของคนใต้ร่างยิ่งเป็นการเร่งเร้าให้เขากระทั้นกายไม่หยุด  กลิ่นเหงื่อที่ผสมกับกลิ่น
แอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้นชั้นดี

“อื้อ อ๊ะ ขยับสิ…โอ๊ะ…อะ…เร็วอีก…อื้อ…แรงอีก…อ่ะ…อ่าห์”
แผ่นดินสอบสะโพกตามที่คนใต้ร่างร้องขอตามจังหวะรักที่พาไป

“รัก…นะ…ครับ”
แผ่นดินเดินเครื่องเต็มกำลัง  กอหญ้าก็ตามติดไม่ยอมให้คนตัวโตถอดถอนกายห่าง
เป็นไปอย่างนี้จวบจนรุ่งสางของวันใหม่  ทั้งสองต่างตระกองกอดกัน…แล้วหลับไปด้วยกัน






หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 51 มาแล้วน๊า
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-04-2019 10:39:08
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 51 มาแล้วน๊า
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-04-2019 11:21:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

เกิดฉากอัศจรรย์ที่สั้นมาก 555
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 51 มาแล้วน๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-04-2019 13:02:48
 :z1:


 :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 51 มาแล้วน๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 08-04-2019 13:33:00
Happy ทุกคู่เลย เหลือนายทัพคนเดียวสิเนี่ย  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 52 ดูแล
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 08-04-2019 17:33:48
ตอนที่ 52 ดูแล

กอหญ้ารู้สึกปวดหัวปวดตัวไปหมดเหมือนโดนสิบล้อทับมาอย่างนั้น  ขยับตัวเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ
สะดุ้งเจ็บแปลบที่สะโพกและช่วงล่าง  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ  กอหญ้าหลับตาลงและพยายาม
นึกทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืน  งานเลี้ยง…ใช่เขาดื่มหนักมาก  แล้วกลับมานอนที่เตียงพี่ดินได้
ไงกัน  ก้มลงมองตัวเองที่ลายพร้อยไปทั้งตัวแถมนอนเปลือยอีกต่างหาก  ไม่ต้องเดาแล้วว่าสิบล้อที่ไหนทับ
ก็เจ้ายักษ์ที่พาดแขนมาโอบที่เอวเขานี่ไง

“พี่ดิน! ตื่นเลย! ตื่นเดี๋ยวนี้!!!”

กอหญ้าเขย่า  เรียกคนที่นอนข้างๆ ให้ตื่น ซึ่งก็ไม่เป็นผล  เขาจึงซัดเพียะที่แขนไปอย่างแรง

“อื้ม…ที่รัก ขออีกแป๊บนึงนะ…”

แผ่นดินยกมือข้างที่รัดเอวขึ้นลูบหัวให้คนที่ตื่นมาก่อกวนเขานอนต่อ

“พี่ดิน  กอหญ้าปวดหัว  ปวดตัว ปวดฉี่ พี่ดินตื่นเลยนะ คนน่าไม่อาย…ฮึกฮือฮือ”

กอหญ้าโวยวาย  สุดท้ายก็ปล่อยโฮเมื่อไม่รู้จะช่วยตัวเองยังไง  ทำเอาแผ่นดินสะดุ้ง
ตื่นเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของคนรัก  ลุกพรวดทันที

“คนดีเป็นอะไรบอกพี่ โอ๊ะ! ตัวร้อนจี๋ พี่พาไปห้องน้ำไม่ร้องแล้วนะ ไม่ร้องครับ”

แผ่นดินตลบผ้าห่มออกจากตัวคนรัก  สภาพคนงอแงที่เห็นเต็มตาทำเอาชะงัก  ทั้งสภาพผ้าปูที่เปรอะเปื้อน
ไปด้วยคราบต่างๆนานา  ที่มองดูก็รู้ว่าคืออะไร  เนื้อตัวมีแต่รอยดูดที่ออกจะแดงช้ำ  ตายแน่ๆ  นี่เขาเมาแล้ว
ก็หื่นไม่เลิกอีกแล้ว  ช้ำไปทั้งตัว ไม่ได้การแล้วตัวร้อนอย่างกับไฟ

แผ่นดินจึงรีบช้อนมือเข้าใต้เข่าอุ้มคนรักพาไปห้องน้ำ  จัดให้นั่งลงที่ชักโครกแล้วหันไปเปิดชั้นใต้เคาน์เตอร์
หยิบกะละมังออกมาและเปิดน้ำใส่เกือบครึ่งและเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กบนชั้นออกมาสองผืน

“คนดีเสร็จแล้วหรือยัง ปวดหัวเหรอ พี่ขอโทษนะ…อย่าโกรธเลย…นะครับ”

กอหญ้าเอนหลังอย่างหมดแรง  ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ  เห็นอย่างนั้นแผ่นดินจึงบีบยาสีฟันส่งให้
เจ้าตัวรับไปแปรงอย่างลวกๆ และรับแก้วน้ำมาบ้วนปากต่อ  แผ่นดินจึงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามใบหน้าไล่
ลงมาที่ลำคอขาวเรื่อยลงมาจนถึงหน้าขา แล้วก็ใช้สายฉีดชำระล้างเนื้อตัวส่วนล่างให้

“ โอ๊ะ! พี่ดิน  เจ็บนะ”

กอหญ้าสะดุ้งหน้าตาเหยเก  เมื่อเขาสัมผัสถูกส่วนที่บวมช้ำ  แผ่นดินรีบสวนล้างให้อย่างรีบเร่ง

“พี่ดินคนบ้าคนทะลึ่งบอกไม่ฟัง ฮึกฮือฮึก…เจ็บ”
กอหญ้าตีมือคนตัวโตแล้วก็สะอื้นไห้อีก

“ต้องเอาออกครับจะได้สบายตัวนะ ทนหน่อยนะครับ ไม่ร้องแล้วตาบวมไม่สวยแล้ว”

แผ่นดินปลอบและเร่งมือไวขึ้น  เสร็จแล้วก็อุ้มคนป่วยไปวางบนโซฟายาว
“รอพี่แป๊บนะ  เปลี่ยนผ้าปูก่อน  เดี๋ยวสั่งข้าวต้มมาให้จะได้กินยานอน”

กอหญ้านั่งมองพี่ดินที่มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อช่วงล่างไว้ทำนู่นนี่ด้วยความคล่องแคล่วแถมยังหากางเกงขาสั้น
กับเสื้อยืดมาใส่ให้เขาด้วย  กอหญ้าถูกอุ้มกลับไปนอนลงที่เตียงตามเดิม  กลิ่นหอมจากผ้าปูสีขาวสะอาดทำ
ให้รู้สึกง่วงขึ้นมาอีกแล้ว  อาการมึนๆ หัวก็ตีรวนขึ้นด้วย ได้ยินเสียงโทรสั่งให้เพชรเอาข้าวต้มขึ้นมา
สักพักก็มีเสียงเคาะประตู

~ ก๊อก ก๊อก ~

เพชรเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดใส่ข้าวต้มสองชามกับน้ำดื่มขวดใหญ่  พี่ดินเดินไปรับถาดมาถือไว้

“ขอบใจนะเพชรใครถามหาบอกว่าคุณกอหญ้าไม่สบาย”
แผ่นดินถือถาดไปวางลงที่โต๊ะเล็กใกล้หน้าต่าง  แสงแดดทำให้รู้ว่าสายมากแล้ว

“ทานข้าวก่อน  จะได้ทานยาแล้วค่อยนอน”
พี่ดินยกชามข้าวต้มที่ควันลอยหอมฉุยมาให้ตรงหน้า แล้วตักพอดีคำเป่าให้พออุ่นๆ กอหญ้ามองคนตัวโต
แล้วก็เอื้อมมือจะไปจับช้อน  พี่ดินส่ายหน้าไม่ยอมเขาจึงต้องอ้าปากรับข้าวเข้าปากไป  กินไปได้ไม่ถึงห้า
คำก็รู้สึกตื้อๆ จึงส่ายหน้าหลบคำต่อไปที่ถูกยื่นมาอีก

“พอแล้วกอหญ้าปวดหัว  อยากนอน”

พี่ดินเอาชามไปวางคืนในถาด แล้วก็จัดหมอนมาให้อิง

“ยังนอนไม่ได้ครับนั่งพิงไปก่อนนะ อีกสิบห้านาทีกินยา ไม่ดื้อนะ”

กอหญ้าหน้ามุ่ยแต่ก็ทำตามโดยดี  แผ่นดินรีบเข้าไปอาบน้ำออกมาจากห้องน้ำก็เตรียมยาให้คนงอแง
ที่หลับไปแล้ว  คลำดูยังมีไข้อ่อนๆ จึงเอาผ้ามาเช็ดให้อีกรอบแล้วปลุกให้กินยา  เจ้าตัวฟาดแขนอย่างเอาแต่ใจ

“ดื้อ…กินยา ไม่งั้นพี่ลงไปตามคุณย่ามานะ”
พอถูกขู่จึงต้องอ้าปากรับยาแต่โดยดีแล้วก็คอพับหลับไปอีก

แผ่นดินจึงจัดท่านอนให้ใหม่  มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากสีระเรื่อ เขาจึงแต่งตัวในชุดอยู่บ้านสบายๆ

เดินไปนั่งกินข้าวต้มจนหมดชาม  ดูคนที่พริ้มตาหลับสบายไปแล้ว

'ฝันหวานอยู่สินะ  ตื่นมาถ้าไข้ยังไม่ลด  ต้องพาไปหาหมอไนท์แล้วละ'


แผ่นดินเดินลงมาจากห้องนอน  ภายในบ้านเงียบเชียบมองนาฬิกาที่ผนังก็ตาเหลือก
นี่เขากับกอหญ้าพากันนอนจนถึงบ่าย

“พ่อคุณ  พากันนอนอย่างจะซ้อมตายเลยนะ  ดื่มกันหนักเลยละสิ  เจ้าทัพมาบอกว่าห้ามปลุกเด็ดขาด”

“ซ้อมตายอะไรล่ะพ่อกอหญ้าน่ะสิ เอ่อ…ไม่สบายตัวร้อนจี๋  นี่ผมเพิ่งเช็ดตัวให้กินยาหลับไปอีกแล้ว”

“น้องป่วยเหรอดิน  ย่าขอขึ้นไปดูซักหน่อย”
คุณย่าลุกขึ้น  จะเดินไปชั้นบน

“ไม่ต้องดูหรอกครับย่า  เย็นๆ ถ้าไม่หาย  จะพาไปหาหมอไนท์”

“อืมๆ เอาอย่างนั้นก็ได้  แต่แกต้องหมั่นไปเช็ดตัว ไปเฝ้านะ”
คุณย่ายอมนั่งลงที่โซฟาตามเดิม

“แกทำอะไรเขารึป่าวเจ้าดิน  อย่าให้รู้นะ  พ่อจะไปฟ้องแม่ทิพย์  นี่ก็เพิ่งวางสายไป
โทรมาถามข่าวลูกได้ทุกวี่วัน”

พ่อเขตพูดขึ้น  ทำเอาแผ่นดินสะดุ้ง ไม่เพราะเขาดื่มหนักเหรอถึงทำเอาน้องป่วย…เฮ้อ

“อะไรล่ะพ่อ  ใครจะไปทำอะไรเขาได้  หลานรักคุณย่าเชียวนะ”

แผ่นดินอ้อมแอ้มปฏิเสธ

“เออ…ให้มันจริงอย่างปากแกพูดเถอะ ถ้าลองรังแกเขา แกโดนดีแน่ๆ”

พ่อเขตคาดโทษลูกชาย

“เจ้าทัพมันรู้ได้ไงที่ไม่ให้ใครไปปลุกแก แล้วยังสั่งให้ทำข้าวต้มไว้ให้อีก มีเงื่อนงำนะพวกแกสองพี่น้องน่ะ”

พ่อเขตทำท่าว่าไม่ไว้ใจลูกเอาเสียเลย

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณย่าดูพ่อสิจะหาเรื่องผมให้ได้เลยไม่รู้ทำไม”

แผ่นดินหันไปฟ้องคุณย่าที่นั่งดูทีวีอยู่

“พ่อเขต ไหนบอกจะไปข้างนอกไง รีบไปรีบกลับไปๆ แยกย้ายกัน”

คุณย่าพูดจบ  พ่อเขตยกมือชี้หน้า  แผ่นดินทำเพียงยกยิ้มที่ศึกระหว่างพ่อลูกยุติลงได้
เพราะได้แม่ทัพที่เก่งกาจอย่างคุณย่าช่วย

“คุณพ่อขา  ใบข้าวคิดถึงอากอหญ้าค่ะ”

หนูน้อยเดินตุบตับเข้ามานั่งตักผู้เป็นพ่อ

“อากอหญ้าไม่สบายค่ะ ตัวร้อนจี๋ๆ ถ้าหนูไปใกล้หนูก็จะติดไข้นะ”

แผ่นดินลูบหัวเด็กน้อย

“ถ้าใบข้าวติดไข้อากอหญ้าจะหายใช่มั้ยคะ งั้นแลกกัน”

หนูน้อยปากแดงจิ้มลิ้มพูดอย่างไร้เดียงสา  จนคนพ่ออดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วคีบ
ไปที่ปากช่างพูดนั้นของลูก

“ถ้าหนูป่วย  อากอหญ้าก็ยังไม่หายอยู่ดีอาอย่างนี้มั้ย หนูต้องแข็งแรงๆ ไม่ป่วย
จะได้ช่วยพ่อดูแลอากอหญ้าได้ไงล่ะ พ่อว่าดีกว่ากันเยอะเลย”

หนูน้อยตาลุกวาวเมื่อได้ฟัง

“ได้ค่ะคุณพ่อ หนูจะแข็งแรงๆ เราไปดูอากอหญ้ากัน หนูคิดถึง”

แผ่นดินจึงอุ้มยัยหนูพาขึ้นไปบนห้อง  เมื่อเปิดเข้าไป ยัยหนูไปยืนชะเง้อมองคนป่วยที่ข้างเตียง

“จุ๊ จุ๊ นะครับลูก ถ้าอยากให้อากอหญ้าหายไวๆ ต้องไม่กวนนะคะทำแบบพ่อนี่ เดี๋ยวตื่นมาหายเลย”

แผ่นดินกดจูบที่หน้าผากคนป่วย ไออุ่นที่สัมผัสได้ไม่ร้อนแล้ว หนูน้อยเห็นอย่างนั้นก็ซอยเท้าเหย็งอยากทำบ้าง
พ่อจึงอุ้มลูกให้ขึ้นไปบนเตียง  เด็กหญิงจึงโน้มหน้าลงไปจุ๊บที่เดียวกับพ่อ

“หายจริงๆ เหรอค คุณพ่อ”

หนูน้อยถาม แผ่นดินยิ้มให้ลูก เด็กหญิงดีใจที่ตัวเองมีส่วนช่วยทำให้อากอหญ้าหายป่วยเมื่อตื่นขึ้นมา
แผ่นดินเห็นลูกสาวหาวหวอดๆ จึงให้นอนข้างๆ กอหญ้า

“นอนนะลูก พ่อนอนตรงนี้ด้วยคน ตื่นมาอากอหญ้าจะต้องดีใจที่เรามาเป็นกำลังใจให้”

แล้วพ่อลูกก็พากันหลับบนเตียงนอนที่แคบลงถนัดตาเมื่อมีคนตัวโตลงไปนอนเพิ่มอีกคน


กอหญ้าตื่นมาอีกทีให้รู้สึกเบาศีรษะ  ไม่หนักอึ้งเหมือนเมื่อตอนแรก  กลิ่นแป้งเด็กที่โชยเข้าจมูกทำให้
ต้องก้มมองก็เห็นหัวเล็กทุยของยัยหนูที่ซุกอยู่ที่อก   ถัดไปก็เป็นคนพ่อที่นอนขดเป็นก้อนกลม  กอหญ้า
แย้มยิ้มเมื่อมองไปเห็นกะละมังใบเล็กวางไม่ห่างจากเตียงนัก  พี่ดินคงมาเฝ้าไข้ นึกๆ ก็ให้รู้สึกอยากจะทำ
ร้ายร่างกายคนฉวยโอกาส  เมื่อคืนเขาเมาไม่รู้เรื่องยังจะทำเรื่องอย่างนั้นกับเขาได้อีก  คนหื่น…ครั้งแรกที่สติ
ไม่ได้รับรู้ …บ้าที่สุด  แต่ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์อยู่ดี

‘เป็นของพี่ดินจริงๆแล้วสินะ ได้แล้วจะเบื่อกันมั้ย’
กอหญ้าคิดไปเรื่อยเปื่อย  รู้สึกแย่จึงปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง  แล้วก็มีมือน้อยๆ มาสัมผัสที่แก้ม

“คุณพ่อขา ไหนว่าจุ๊บแล้วจะหายไง”

มือน้อยยังจับมือเขาไปกุมไว้อีก สัมผัสเปียกชื้นที่หน้าผากที่หนูน้อยฝากไว้ให้
ทำให้กลั้นไม่ไหวจึงหลุดขำออกมา  เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นดวงตากลมโตสีดำของหนูน้อยตรงหน้าที่เบิกกว้าง

“คนเก่ง  อาหายแล้วเนี่ยเพราะได้นางฟ้าตัวน้อยมาช่วยเลยนะถึงได้หาย”
กอหญ้าพูดแล้วก็ดึงเด็กหญิงมาฟัดแก้มแล้วก็ปล่อยไปตามเดิม  หนูน้อยหัวเราะคิกคัก

“เย้ๆ พ่อดินเก่งที่สุดเลย  อากอหญ้าหายแล้ว”
หนูน้อยดีใจ

“พ่อไม่ใช่นางฟ้าซะหน่อยพ่อเป็นเทวดา หึหึ”

แผ่นดินฉีกยิ้มที่เห็นคนป่วยหายไข้แล้ว  แต่ยังคงไม่มองหน้ากันอยู่ดี

“ล้างหน้าแล้วลงไปทานของว่างกัน  คุณย่าเป็นห่วงจะขึ้นมาเยี่ยมแล้วนะ”

แผ่นดินพูดจบ กอหญ้าผลุนผลันลุกขึ้น  นิ่วหน้าเมื่ออาการเสียดๆ ขัดๆ กลับมาเยือนอีก เมื่อเคลื่อนไหวแรงไป
 
“พี่ดินกับลูกลงไปก่อน เดี๋ยวตามไป”

กอหญ้าค่อยๆ ก้าวลงจากเตียง  อาการเดินที่ไม่เหมือนเดิมทำให้แผ่นดินหน้าเสียรีบเข้าไปพยุง
แต่โดนถลึงตาใส่จึงปล่อยแขนลง
“ให้พี่พาไปนะเดี๋ยวล้ม อย่าโกรธเลย…พี่ขอโทษครับ”

แผ่นดินตีหน้าเศร้าอย่างสำนึกผิดจริงๆ กอหญ้าจึงยอมให้คนตัวโตพาไปเข้าห้องน้ำ
เสร็จแล้วพี่ดินก็กดชักโครกให้  พาไปที่อ่างล้างหน้า เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยยัยหนู
ก็เดินมาจับแขนอีกข้างพากันเดินลงบันไดไปชั้นล่าง

 
“อ้าว! เป็นยังไงบ้างล่ะลูกเรียกหมอไนท์มาดูมั้ย”

คุณย่าถามขึ้นเมื่อเงยหน้ามองมาเห็นพ่อลูกช่วยพยุงคนป่วยมาที่ห้องนั่งเล่น

“ไม่ต้องหรอกครับคุณย่า  ดีขึ้นมากแล้ว”

กอหญ้าตอบคุณย่าไปอย่างอายๆ ใครจะให้หมอตรวจกันล่ะ

“ไม่มีไข้แล้วครับคุณย่า”

แผ่นดินช่วยพูดเมื่อมองเห็นแก้มคนรักที่ขึ้นสีระเรื่อ  เมื่อนั่งลงก็ดูว่ากอหญ้าจะทิ้งน้ำหนักไม่ค่อย
ได้เต็มที่นัก  เห็นแล้วก็ให้นึกโมโหตัวเองที่รังแกคนรักหนักไปหน่อย  ยิ่งต่างคนต่างไม่เคยด้วยแล้ว
แถมไอ้เพื่อนเลวไม่มีจะห้ามปรามปล่อยเขาดื่มซะเมามาย  บอกแล้วว่าดื่มไม่ได้ยังจะคะยั้นคะยออีก
เจอกันคราวหน้าจะตบให้หัวทิ่มเลย

แผ่นดินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อนึกถึงตรีภพ  พอดีของว่างมาเสิร์ฟยัยหนูเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วยังจิ้มมาป้อนให้ทั้งพ่อทั้งอาอีก
กอหญ้าดูผ่อนคลายเมื่อมีหนูน้อยอยู่ข้างๆ


วันนี้ทั้งวันแผ่นดินไม่ได้ย่างกรายเข้าไปในไร่เลย  ส่วนชานนท์ก็ยุ่งอยู่กับเอกสารกองใหญ่บนโต๊ะ
จนไม่ได้ออกมาทักทายใคร  จนกระทั่งเย็นจึงถูกเรียกตัวให้มาร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน

“คุณนนท์ หน้าซีดๆ นะ ป่วยหรือเปล่า ากงานไว้ได้  เดี๋ยวกอหญ้าช่วยดูให้  พี่ดินลูกน้องป่วยเนี่ยให้หยุดงานเลย”

กอหญ้าหันไปสั่งคนตัวโต

“อื้ม…ป่วยก็หยุดสิจะมาทำไมกัน กินๆไป เดี๋ยวโทรเรียกคมกฤชให้มาพากลับบ้าน”

กอหญ้าสังเกตว่าชื่อคุณกฤชที่พี่ดินเอ่ยทำให้คุณนนท์สะดุ้งโหยง  ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“ปวดหัวนิดหน่อยฮ ไม่เป็นไรมากหรอก  คุณกอหญ้าก็ได้ข่าวว่าป่วยหายดีแล้วเหรอ”

กอหญ้าสะดุ้งที่ถูกถามกลับบ้าง

“ครับ...หายแล้ว”

กอหญ้าตอบไม่เต็มเสียงนัก  จังหวะที่คุณนนท์เอื้อมตักอาหารจานที่อยู่ตรงหน้า
เป็นเพราะนั่งตรงข้ามกันสาบเสื้อเผยอออก  กอหญ้ามีอันชะงักนั่งหน้าแดง

'อย่าบอกนะว่ารอยแดงที่โผล่ให้เห็นน่ะ…คุณนนท์…โธ่…เราจะไม่ตกที่นั่งเดียวกันหรือไง
ดีนะที่ค่ำนี้ไม่เจอพี่ทัพ นั่นน่ะตัวจ้องจับผิดเลย'

สรุปหลังมื้ออาหารก็มีหนุ่มผิวแทนส่งยิ้มฟันขาวมารับคุณนนท์กลับบ้าน  เจ้าตัวมีทีท่าอิดออดไม่พอใจ
แต่ก็ถูกพาไปขึ้นรถจนได้ก่อนไปยังหันมาขึงตาใส่พี่ดินที่เจ้ากี้เจ้าการไปตามคนมารับทั้งๆ ที่เจ้าตัวบอก
ว่าไม่เป็นไรแล้วก็ตาม





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 53 ใครเหนือกว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 08-04-2019 18:20:52
ตอนที่ 53  ใครเหนือกว่า?

หลายวันมานี้พี่น้องฝาแฝดเข้าหน้าลูกพี่ไม่ติดเอาเสียเลย  เห็นหน้าพาลจะถูกไล่ตะเพิด
แล้วก็แทบจะถูกเตะด้วยถ้าเข้าไปใกล้รัศมีเหวี่ยงวีนนั้น

“พี่มิ่งอ่ะ  เมื่อไหร่นายดินจะหายโกรธพวกเราซะที  เข้าหน้าไม่ได้เลยกลุ้มๆ
เข้าใกล้คุณกอหญ้าก็ไม่ได้ด้วย  ทำไงดีล่ะ”

ขวัญหันไปปรึกษาพี่ชาย

“ไม่รู้ว่ะ  พี่เองก็คิดจนหัวจะระเบิดแล้วเนี่ย ไม่น่าเลยเรา  น่าจะปล่อยให้นอนทั้งเหม็นๆ นั่นแหละ
ดันไปหวังดีอาบน้ำให้เมียนายซะได้ใครจะคิดว่ากับพวกเรายังหวง…เฮ้อนายนะนาย”

มิ่งโอดครวญขึ้นมา  เขาก็คิดหาวิธีง้อนายอยู่เหมือนกัน

“นายทัพบอกว่าเราสองคนไม่โดนจกลูกตาก็บุญแล้ว โธ่ๆ ไม่รู้จะหวงอะไรกันนักกันหนา
ก็แค่มองจะเอาไปได้เสียที่ไหนกันเล่า โอ๊ย!!!”

พอพูดจบประโยคขวัญก็มีอันหัวทิ่มไปข้างหน้าอย่างไม่ทันระวัง

“นายดินมาเงียบๆ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับคุณเขาเลยนะครับ  เชื่อผมสองคนเถอะ
ต่อไปจะปล่อยให้นอนเหม็นๆ ไปเลย  ไม่กล้าแล้ว นะครับบนายดินอภัยเถอะนะ”

ขวัญอ้อนวอนจนน่าสงสาร

“จริงครับนาย  ผมน่ะชอบแบบสะโพกบึ้มๆ อกตูมๆ หน้าอกแบบลูกเกดแปะน่ะ ผมไม่แลหรอกครับ”

มิ่งพูดจบก็หัวคะมำไปอีกคน

“นี่แน่ะ! ไหนบอกว่าแค่มอง ใครใช้ให้แกจำห๊ะ! ไอ้มิ่ง! แค่ลูกเกดแปะก็ไม่ได้โว้ย! ไปเลย
ไปล้างสมองพวกแกเลย  ไปให้พ้นหน้าให้หมด”

หลายวันมานี้แผ่นดินรู้สึกขัดลูกตาทุกครั้งที่เห็นแฝดนรกนี่  มันบังอาจมาจับคนรักของเขาเปลื้องผ้าอาบน้ำ
เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว  ยิ่งหนอนน้อยยิ่งไม่สมควรให้พวกมันมาเห็น  อยากจะควักลูกตามันมาต้มกินซะ
ให้หายแค้นนักถ้าเขาทำได้

กอหญ้าผิดสังเกตกับสามคนนี้มาหลายวันแล้ว  และวันนี้ก็ได้มารู้มาเห็นจนได้  สาเหตุแห่งความบาดหมาง
เกิดจากเขาเองที่เมาจนไม่เป็นผู้เป็นคน  ลำบากสองพี่น้องต้องดูแลอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้  และพาเข้านอน
…จะโกรธก็โกรธไม่ลง…คนขี้หวงนั่นสิ  อาการหนักกว่าเขาที่แค่รู้สึกว่าอาย  เขาคิดว่าต้องไปจัดการเรื่องนี้
ขืนปล่อยไว้เรื่องจะไปกันใหญ่  คิดได้ดังนั้นกอหญ้าจึงก้าวเท้าออกไปเผชิญหน้ากับสามหนุ่มที่อ้าปากค้างฃ
ทำอะไรไม่ถูกที่เห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า  เลือกสถานที่คุยกันนึกว่าจะรอดหูรอดตาเขาไปได้รึไงกัน

“มีอะไรกันครับพี่ดิน  ที่จะคุยมีตั้งเยอะตั้งแยะมายืนดมขี้วัวเนี่ยนะ ไปทางนู้นกันก่อนเลย ตามมาทั้งหมดนี่แหละ”

กอหญ้าออกคำสั่งเสียงเขียว

“กอหญ้าครับ มันไม่มีอะไรเลย  จริงๆนะ  เรากลับบ้านกันดีกว่าเนอะ”
แผ่นดินเข้าไปประกบคนรักแล้วโบกมือไล่คู่แฝดให้ออกไปไกลๆ

“ไม่กลับ! อย่าคิดว่าพี่ดินทำตัวเป็นเด็กๆ มาหลายวันจะไม่มีใครรู้นะ  มันจะอะไรกันนักหนา
สองคนนี้ไม่ได้มีความผิดอะไรขนาดต้องโกรธเคียงข้ามภพข้ามชาติแบบนี้  พี่ดินนั่นแหละไม่ยอมจบ
แค่สองคนนี้มาอาบน้ำให้แค่นั้นจะเป็นไรไปล่ะ  พี่ดินก็ถูกมิ่งจับอาบน้ำนี่นา  ถ้ากอหญ้าจะคิด
บ้าง  พี่ดินลองคิดตามสิว่ามิ่งจะปวดหัวแค่ไหนกับพวกเรา…”

กอหญ้าพูดด้วยเหตุและผลทำเอาแผ่นดินอึ้งก่อนจะเปิดปากพูด

“ก็พี่หวง…พี่ไม่อยากให้ใครมาเห็นของกอหญ้านี่นา”

แผ่นดินเสียงอ่อนลง

“เหอะ…ถ้าพี่ดินไม่ยอมจบนะกอหญ้าจะไปหาบอสจะของานถ่ายแบบนู้ดซะเลย  ดูสิพี่ดินจะตามไปโกรธ
ไปหวงกับคนทั้งประเทศได้มั้ย…ไม่ต้องมามองแบบนั้น ทำจริงๆ จะลองดูกันมั้ยล่ะ”

สามหนุ่มยืนหน้าซีด โดยเฉพาะพี่ดินที่หน้าซีดและตาเหลือกเห็นแล้วก็สงสารแต่ไม่ได้
ถ้าหากเขาไม่ขู่ไปอย่างนี้สองแฝดก็จะถูกกระทำอยู่ร่ำไป

“กอหญ้า…ไม่นะคนดี ฆ่าพี่ดีกว่าถ้าจะทำกันถึงขนาดนั้น  พี่ยอมแล้วยอมทุกอย่างเลย มิ่งกับขวัญไปทำงานไป
อย่ามาทำให้เมียกูอารมณ์เสีย ไปๆ”

พี่ดินพูดเสียงแหบโหยจนกอหญ้ารู้สึกเห็นใจและสงสารแต่ทนเก็บอาการไว้  สั่งตัวเองว่าห้ามใจอ่อน

“เดี๋ยวๆ ใครบอกให้ไป รับปากมาก่อนว่าพี่ดินจะไม่รื้อฟื้นเรื่องนั้นขึ้นมาพูดอีก  แล้วก็ห้ามไปทำท่าทำทาง
ใส่สองคนนี้ด้วย ไม่อย่างนั้น…”

กอหญ้าพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น  พี่ดินก็ผงกหัวหงึกหงักอย่างรัวเร็ว

“ครับคนดีไม่แล้วครับ เลิกแล้วต่อกัน…แค่นี้ จบจริงๆครับ”

มิ่งกับขวัญค้อมหัวให้นายแล้วก็หันมาส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้นายหญิงของไร่แล้วพากันเดินออกไป
เมื่อลับร่างสองแฝดพี่ดินก็รีบคว้าตัวเขาเข้าไปกอดซะแน่น

“พี่ดินครับ กอหญ้าอึดอัดนะ อื้ม…”

กอหญ้าประท้วง พี่ดินคลายวงแขนออกให้พอหลวมแล้วก็ครอบริมฝีปากลงมาบดขยี้ดูดดุนแทรกลิ้นเข้ามา
ในโพรงปากอย่างเร่าร้อน  ผิดไปจากที่เคยทำ  จนกอหญ้าตื่นเพริดไปกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับ
เสียงแลกน้ำลายดังให้ได้ยินและเสียงที่หอบกระเส่าของคนตัวโต  จนพี่ดินปล่อยให้เขาได้หายใจ
แล้วนั่นแหละ  น่าอายแต่เขาก็อดที่จะตื่นเต้นและเร้าใจไปด้วยพร้อมกัน  พาให้ร้อนรุ่มในช่องท้องแปลกๆ จนขาแทบยืนไม่อยู่

“พี่รักกอหญ้านะรู้มั้ย…หวงมากด้วย  อย่าเอาร่างกายนี้...ที่เป็นของพี่ไปให้ใครๆ เห็นอีก…นอกจากพี่
…วันนี้ทำพี่เสียศูนย์เสียการปกครองหมดแล้ว  พี่ถึงต้องลงโทษเรา…อย่าทำอีกนะครับ  พี่ขอร้อง”

พี่ดินพูดแล้วก็ลูบหลังเขาไปมา  กอดกระชับไปด้วย

'การลงโทษที่แสนหวามไหว ก็ดีนะ'

“ก็พี่ดินดื้อ…ก็ได้ๆ ไม่ทำแล้ว  เรากลับบ้านกันนะ”

กอหญ้าจูบที่ปลายคางคนพี่ไปทีอย่างอย่างใจแต่พี่ดินกลับส่ายหน้าแล้วชี้ที่ปากแทน  กอหญ้าทำตาโต
แต่ก็ยอมโอนอ่อนให้โดยทาบริมฝีปากลงไปแล้วบทจูบแบบเด็กๆ ที่กอหญ้าถนัดก็ถูกพี่ดินสอนให้ใหม่
จนกอหญ้ารู้สึกว่าปากของเขาคงบวมเจ่อไปแล้วแน่ๆ ไม่น่าไว้ใจเลย…คนเจ้าเล่ห์


กอหญ้าส่งลูกๆ เข้านอนเรียบร้อย  เด็กๆ ดูมีความสุขที่ได้ลุ้นว่าวันนี้จะได้ฟังเรื่องอะไรและพ่อหรืออาเป็นคนเล่า
นิทานมากมายที่พี่ดินซื้อมาทั้งภาพและสีทำให้เด็กๆ ตื่นตาตื่นใจได้ทุกครั้ง  ยิ่งถ้ามีทั้งคุณพ่อและคุณอามาส่ง
เข้านอนพร้อมๆ กันแบบนี้  หนูน้อยจะยิ้มตาหยีและเข้านอนอย่างว่าง่ายเหมือนเช่นวันนี้

“ลูกหลับแล้วเราก็ไปนอนบ้างเนอะ  คืนนี้พี่…ขอกอดนะครับ”

“กอดอยู่ทุกคืน…ยังจะต้องขออีกเหรอ…พิลึกคน”

กอหญ้าหันมาค้อนคนตัวโตที่เดินตามหลังมาไม่ห่าง

“อนุญาตแล้วนะ…ห้ามเบี้ยวนะครับ…หึหึ”

เสียงหัวเราะในลำคอที่ได้ยินทำเอากอหญ้านึกหวั่นใจ  กอดแบบไหนกันหรือว่าจะแบบนั้น
…กอหญ้าใช้เวลาอาบน้ำในห้องน้ำนานกว่าที่เคย  เมื่อเดาว่ากอดของพี่ดินต้องเป็นอย่างที่คิดแน่ๆ
เขาถ่วงเวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอดูเพื่อให้คนรอง่วงและหลับไปก่อน  แต่รู้ตัวว่าคิดผิดไปถนัดเมื่อพบว่า
คนตัวโตยังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงในห้องนอนของเขา  พี่ดินอาบน้ำมาแล้วและก็สวมเพียงกางเกง
นอนขายาวเพียงตัวเดียว

กอหญ้าทำทีไม่ใส่ใจหยิบเอาชุดนอนขาสั้นที่ปลายเตียงมาสวม  ทาครีมแล้วก็ก้าวขึ้นเตียงดึงผ้าห่ม
มาคลุมจนเกือบถึงคอ

“ฝันดีนะฮะพี่ดิน รักนะครับ”

กอหญ้าปิดเปลือกตาลง และคนที่นอนอยู่ก็กดปิดไฟแล้วแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกัน
เขาจึงลืมตาขึ้นมองจากแสงไฟสลัวจากโคมไฟดวงเล็กพอให้เห็นว่าพี่ดินโน้มใบหน้าลงมา
กดจูบที่หน้าผากเปลือกตา  และริมฝีปากของเขา  แต่มือหนาไม่ได้อยู่เฉยกลับเลื่อนผ่านลำคอ
ลากไล้ลงมาเรื่อยๆ แม้จะมีเสื้อนอนกางกั้นก็สร้างความวูบวาบสั่นไหวได้อยู่ดี  กอหญ้าดื่มด่ำไปกับรสจูบหวาน
ที่พี่ดินชักนำจากอ้อยอิ่งกลับไต่ระดับเป็นเร่าร้อนซ่าบซ่า

เสื้อนอนเนื้อบางถูกเลิกขึ้น  เขาเผลอแอ่นอกรับริมฝีปากร้อนที่ครอบลงมาดูดดึงขบเม้มเม็ดบัวที่มันชูชัน
เป็นไตเมื่อถูกสัมผัสแตะต้องและตอนนี้ถูกกลืนเข้าไปอยู่ในอุ้งปากร้อนผะผ่าว

“อ๊ะ อื้อ พี่ดิน อือออ”
กอหญ้าดึงทึ้งกลุ่มผมหนาอย่างเผลอไผลและแอ่นอกสู้กับเรียวลิ้นที่ฉ่ำน้ำนั้น

“คนดีของพี่หวานที่สุดเลยครับ  กอดกันก่อนค่อยนอน…นะครับ”

กอหญ้าเผลอพยักหน้าจะเป็นไรไปก็แค่กอด  แต่เขารู้ตัวว่าพลาดอย่างหนักเมื่อมีบางสิ่งที่ดุนดันที่หน้าขา
ของเขาเป็นลำยาว  ยิ่งรู้ว่าอีกคนไม่ได้สวมชั้นในด้วยยิ่งพาลให้นึกไปไกล  สะดุ้งที่จู่ๆ ก็ถูกมือร้อนควานเข้ามา
ในกางเกงนอนขาสั้นที่เว้าขาสูง  ก็กางเกงที่พี่ดินซื้อมาให้นั่นแหละ  สมองขาวโพลนเมื่อสะโพกถูกยกลอย
และกางเกงนอนกับชั้นในถูกรูดออกจากข้อเท้า  กอหญ้าอ้าปากจะประท้วง

'ก็ไหนบอกจะกอดไง นี่มันไม่ใช่แล้วนะ'

แต่ปากเป็นอันต้องปิดฉับเมื่อลิ้นร้อนฉกที่ส่วนปลายที่ไวสัมผัสของเขาและยังมือปลาหมึกที่ยุ่มย่ามแถวหน้าอก
และเค้นคลึงสะโพกและหน้าท้องที่แบนราบของเขาอีกด้วย  กอหญ้าห่อปากสูดอากาศเมื่อตัวตนของเขาถูกอุ้งปาก
ร้อนครอบครองจนหมด  เขาจิกเล็บที่บ่ากว้าง  โหย่งตัวขึ้นเพื่อมองใบหน้าของคนเจ้าเล่ห์ที่คิดล่อลวงเขา

“อ๊ะ อื้อ พี่ดิน ซู๊ดดดด อ่าห์”
ปากจะร้องห้ามแต่กลายเป็นเสียงที่ครางกระเส่าแทน

'ไม่นะ มันไม่ใช่เสียงของเขาเลยสักนิด'

“อื้ออออ พี่ดิน ไม่ไหว อ๊ะ”

กอหญ้าสวนสะโพกหาเมื่อรู้สึกว่าพี่ดินจะถอยตัวห่างออก  ทำให้ส่วนอ่อนไหวของเขาไปถูกแนวฟัน
ของพี่ดินเข้าจนวาบถึงไขสันหลัง  พี่ดินผละออกไปถอดกางเกงและหยิบหลอดเจลที่หัวเตียง

'เอ๊ะ เจลงั้นเหรอ ไปเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่มันห้องนอนเขานะ'

กอหญ้ายังไม่ทันได้ถามไถ่ก็สะดุ้งเมื่อเจลเย็นๆ ถูกชโลมมาที่ร่องกลางกายและความแข็งขืนใหญ่โต
ที่ดิ้นขลุกขลักทักทายกันนี่อีก

“คนดีไม่เกร็งนะ  ขอพี่เตรียมความพร้อมก่อนครับ”

มือแกร่งเค้นคลึงที่สะโพกเขาและคนตัวโตก็แทรกตัวมาตรงกลางหว่างขา  โน้มใบหน้ามาจูบซับ
มุมปากและไล่งับใบหูที่ไวสัมผัส  ทำเอาขนอ่อนลุกชัน  เสียววาบไปยังช่องท้องและสะดุ้งมือข้อนิ้ว
ของพี่ดินดันเข้ามาในโพรงอ่อนนุ่มที่เกร็งรัดสิ่งแปลกปลอมที่รุกล้ำเข้ามา  ไม่นานนักพี่ดินก็ขยับนิ้ว
เข้าออกและเพิ่มนิ้วอีกเป็นสองและสาม ควานนิ้วและดึงเข้าออกอยู่อย่างนั้น

“อ้า ตรงนั้น อ๊ะ พี่ดิน  อย่าแกล้ง”

ยิ่งเขาร้องบอกกลับถูกพี่ดินย้ำๆ ตรงจุดที่กอหญ้าไม่คิดว่าจะเป็นศูนย์รวมของความเสียวซ่านได้
เขายกก้นเมื่อพี่ดินคลึงวนๆ อยู่อย่างนั้น

'ตาย เขาต้องตายแน่ๆ แล้ว'

“ไม่แกล้งครับ ตรงนี้สินะ หื้ม พร้อมนะ”

พี่ดินถอนนิ้วออกและเอาตัวตนที่แข็งใหญ่โตที่เขาเคยจับต้องมากดเข้าที่ปากทางเข้า

“ไม่ๆ พี่ดิน มันเข้าไม่ได้ อ๊ะ อื้อออออ”
กอหญ้าจะต่อต้านแต่คนตัวโตก็ดุนดันส่วนหัวเข้ามาจนรู้สึกตึงแน่น  กอหญ้าส่ายหน้าผ่อนลมหายใจ

'ไม่เกร็งเนี่ยนะ ใครจะทำได้'

“คนดี  เจ็บบอกนะ พี่จะได้หยุด อ่า ผ่อนคลายนะครับ”
พี่ดินดูจะทรมานมากที่ต้องพยายามดันตัวเข้ามาอย่างช้าๆ แต่หนักแน่น  กอหญ้ารู้ว่ายังไงก็คงห้ามให้หยุดไม่ได้แล้ว
มาถึงขนาดนี้แล้วเขาจึงสวนสะโพกเข้าหา  ใช้ขาโอบรัดที่เอวพี่ดินทำให้เขากลืนกินตัวตนของพี่ดินไปจนหมด

"อ๊ะ โอ๊ะ อูย...พี่ดินอย่าเพิ่งขยับ"

 กอหญ้าสะท้านและแน่นตึงไปหมด

“เจ็บใช่มั้ย  อย่าใจร้อนพี่จะค่อยๆ นำไปช้าๆ แบบนี้นะ”

พี่ดินทำอย่างที่พูดจริงๆ กอหญ้าผ่อนคลายและรู้ว่าการทำอย่างนี้มันทรมาน

“ไม่เป็นไรพี่ดินกอหญ้าไม่เจ็บแล้ว  ทำเถอะฮะ
ขาดคำที่เขาบอก เหมือนกอหญ้าไปเปิดสวิตซ์ทำให้พี่ดินเดินเครื่องอย่างเต็มกำลัง จนเขาหัวสั่นหัวคลอน
เสียวทุกทีที่ผนังด้านในถูกความใหญ่โตครูดโดน

“อ๊ะ อ่า อื้อออ พี่ดิน ช้าหน่อย อ้า”
ยิ่งบอกให้ช้าพี่ดินกลับกระหน่ำตอกอัดเข้ามา  กอหญ้าลากเล็บไปที่แผ่นหลังกว้างอย่างกระสันซ่าน
กว่าพายุที่รุนแรงจะหยุดพัดโหมกอหญ้าก็เสียงแหบเสียงแห้งแล้ว

กอดที่พี่ดินได้ไปทำเอาเขาหมดเรี่ยวแรง  สูบวิญญาณกันขนาดนี้…กอดหนักมากบอกเลย

“พี่ดิน กอหญ้าง่วงแล้ว พอก่อนเถอะนะ”

กอหญ้าอ้อนขอนอน นี่จะอึดไปไหนเขาน่ะน้ำจะหมดตัวอยู่แล้ว

“รอบสุดท้ายแล้วคนดี รอบนี้จะกอดแน่นๆ เลย อืม…อ่าห์”

จังหวะที่เร่งเร้ากระแทกกระทั้น กอดแน่นๆ ของพี่ดินเป็นอย่างนี้เอง

“อ๊ะ…อ่า…พี่ดิน…เบา…อะ…แรงอีก…ตรงนั้น อื้ม…อ่าห์”
สัมผัสหนักๆ ที่ตอกอัดพาให้ใจเริงร้อนเร่าและเสียวซ่าน  คำบอกรักที่กอหญ้าได้ยินซ้ำๆ มันหอมหวาน
เสียยิ่งกว่าบอกรักกันในช่วงเวลาปกติเสียอีก  จวบจนเขาและพี่ดินต่างกระตุกเกร็งและเสียววาบจากเบื้อง
บนลงสู่ปลายเท้า

กอหญ้าเผลอขบกัดเข้าที่บ่าคนบนล่าง แล้วยังจิกเล็บลากยาวที่แผ่นหลังจนพี่ดินสะดุ้งและกระแทกตัวตนจนสุด 
แล้วทิ้งน้ำหนักลงซบที่ซอกคอขาวพร้อมกับลาวาร้อนที่ฉีดพุ่งเข้ามาจนท่วมท้นช่องทางอ่อนนุ่มของเขาที่ป่านนี้
คงจะช้ำแดงด้วยไม่รู้ว่าคนหื่นนี้เอาเรี่ยวแรงจากไหนมานัก 

“อะ อืม ง่วงจัง”

กอหญ้าป่ายมือปัดป้องเมื่อรำคาญผ้าขนหนูเปียกชื้นที่ตามเช็ดให้  และเหมือนจะถูกคว้านทำความสะอาด
เฉพาะที่ให้ด้วย

'ใจดีจัง'

แล้วเจ้าตัวก็อมยิ้มน้อยๆ หลับไปแล้ว  แผ่นดินจัดการจนคนรักสะอาดหมดจรดและสบายตัว
เขาจึงได้เอนตัวลงนอนข้างๆก่อนที่จะดึงคนตัวบางมากอดไว้แนบอก 

‘กอดตอนที่รู้ตัว…มันดีอย่างนี้นี่เองที่รัก’
เขาไม่คิดว่าการได้รักได้ครอบครอง เป็นหนึ่งเดียวของกันและกันจะสุขได้มากขนาดนี้



“ดินเย็นนี้พาน้องไปกินข้าวบ้านคุณน้าทิพย์นะลูก  พาสองแสบไปด้วยก็ได้ บ้านนั้นเขาโทรมาชวน”
พ่อเขตบอกลูกชาย  แผ่นดินมุ่นหัวคิ้วอีกแล้วเหรอ เขาอุตส่าห์ทำลืมๆ เรื่องนี้ไปแล้ว
ยังต้องให้พาคนรักของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องอีก

“พ่อไม่ไปบ้างล่ะ พาคุณย่าไปด้วย”

แผ่นดินทำอิดออด ไม่อยากไป

“ไปหน่อยเถอะเขาอยากเจอ แกก็ตามๆ น้ำไปหน่อยจะเป็นไรไป”

คุณย่าพูดเสริมขึ้นอีกเสียงหนึ่ง

“ก็ได้ๆ แต่ถ้าไม่อยู่ในขอบเขต อย่าหาว่าผมร้ายไม่ได้นะครับ”

แผ่นดินพูดอย่างที่ไม่เห็นแก่ใครหน้าไหน

“เจ้าดินเดี๋ยวเหอะ อย่าให้มันมากนักนะเรา ย่าว่าไม่มีอะไรหรอกก็แค่เขาอยากเจอ
แกอย่ากังวลอะไรไปก่อนเลย”

คุณย่าหันมาปรามหลานชายคนโต

“อ้าวทัพมาพอดี เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านน้าทิพย์เป็นเพื่อนพี่หน่อย”

แผ่นดินหาแนวร่วมในครั้งนี้

“ได้ไงล่ะพี่ดิน ผมมีนัด เอ่อ…ธุระด่วน ต้องไปเฝ้าของรักของหวง เดี๋ยวจะโดนสุนัขคาบ”

น้องชายตอบพี่ชายหน้าเครียดๆ

“อะไรของแก เขาไม่เล่นด้วยก็เปลี่ยนใจเหอะวะทัพ คนอย่างแกหาใหม่ได้ง่ายจะตายไป”

“โหพี่ดินคนนี้น่ะ ใช่เลย หาใหม่ก็ไม่เหมือนไม่เอาอ่ะ อย่ามากล่อมซะให้ยาก”

“ระวังเถอะจะน้ำตาตกใน ถ้ายังจะดื้อดึงก็ตามใจแก สรุปไม่ไปเป็นเพื่อนใช่มั้ย”

ฐานทัพพยักหน้าให้พี่ชายที่มีสีหน้าผิดหวัง

“เออๆ ไปกันเองก็ได้ แต่วันนี้ไม่รู้เป็นไ ใจคอไม่ดีไม่อยากไปเลยว่ะทัพ”

“พี่ดินอย่าคิดมากน่า ทำตัวสบายๆ เถอะ ถ้ามันอึดอัดฝืนนักก็พากันกลับง่ายจะตายไป”

ฐานทัพบอกพี่ชายที่ก็ยังคงสีหน้าเป็นกังวลไม่หาย



“คุณพ่อครับ เราจะไปไหนกันครับ”

เด็กชายในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีฟ้ากางเกงยีนมีปักลายการ์ตูนที่เข่าถามขึ้น

“ไปบ้านคุณย่าทิพย์เพื่อนของคุณปู่ไง เขาชวนพวกเราไปทานข้าว”

แผ่นดินตอบลูกชาย

“แล้วมีขนมด้วยไหมคะคุณพ่อ”

น้องใบข้าวถามหาของหวาน

“มีสิคะ คุณย่าทิพย์รู้ว่าพ่อกับอากอหญ้าพาเด็กๆ ไปด้วยก็ต้องมีขนมให้ค่ะ”

แผ่นดินหันไปตอบและยีหัวลูกสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าตามแบบการ์ตูนเจ้าหญิงในนิทาน

“กอหญ้า หิวหรือยังนั่งเงียบเลยนะวันนี้”

แผ่นดินถามคนรักที่นั่งคู่กันมา

“ยังไม่หิวครับพี่ดิน ฟังพ่อลูกคุยกันเพลินไปหน่อย บ้านคุณน้าทิพย์มีแต่อาหารแบบจืดๆ พี่ดินจะอิ่มเหรอ”

“หึหึ พี่ไปกระซิบบอกป้าสายแล้วให้ทำต้มยำรวมมิตรน้ำข้นไว้ให้ ไม่อิ่มก็กลับมาทานต่อที่บ้านไม่เห็นยากเลย”

“โห ช่างกล้าเนอะมีทำสำรองด้วย”

กอหญ้าตาโต เมื่อรู้ถึงการเตรียมตัวล่วงหน้าของคนตัวโต มีแผนสำรองนี่เอง

“ใกล้ถึงแล้วละ รอบนี้ไม่ได้ให้เจ้ามิ่งมาขับรถให้ ไม่เป็นไรไม่ใช่หน้าฝนเนอะ อีกอย่างเราก็มากันแต่หัววัน
 อิ่มก็จะได้ขอตัวกลับ เอาลูกๆ มาด้วยก็ดีจะได้มีข้ออ้างได้”

“พี่ดินนี่นะเจ้าแผนการจริง บ้านนี้มาเป็นครั้งที่สองแล้วก็ยังรู้สึกว่ามันน่ากลัว วังเวงเกินไปเนอะ พี่ดินว่ามั้ย”


กอหญ้าพูดตามที่ความรู้สึกของเขามันบอก

“คงเพราะเราชินกับการอยู่บ้านใหญ่ ครอบครัวใหญ่ ที่อยู่กันหลายๆ คนละมั้ง"

แผ่นดินพูดจบ รถก็เคลื่อนเข้าไปจอดสนิทหน้าบ้าน ชายหนุ่มเปิดประตูรับเอาลูกสาวไปอุ้ม
ส่วนลูกชายกอหญ้าจูงมือพาเดินตามหลัง มีเด็กรับใช้มานำไปที่ห้องอาหารเหมือนคราวแรก

วันนี้แผ่นดินใส่เสื้อยืดโปโลสีเหลืองอ่อนกับกางเกงยีนสีดำพอดีตัว  ต่างกับกอหญ้าที่วันนี้มาในลุคเสื้อยืด
คอวีสีขาวตัวเล็กกับแจ็กเก็ตยีนสีอ่อนเข้าชุดกับกางเกงแนบเนื้อ  ดูสูงโปร่งน่ารักมากกว่าที่จะดูว่าหล่อเสียอีก
รองเท้าผ้าใบสีอ่อนแบรนด์ดังนั่นก็ทำให้ดูดีเข้าไปอีก แผ่นดินลอบมองคนรักที่ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนก็น่ามองไปเสียหมด


*******************************************************************************
Talk : คนเขียนรีบไปเพิ่มบทอัศจรรย์มาให้แล้วนะในบทนี้ หุหุ ก็พี่ดินเมาใช่มั้ยล่ะจะบอกอะไรเราได้กัน 555

         (ไม่ถนัดเลยจริงๆเดี๋ยวต้องไปฝึกปรือกันอีกเยอะ ขออภัยน๊า)

         ตอนหน้าจะหน่วงๆ จิตกันหน่อยนะ ระวังตับไตกันด้วย


         มีคนถามถึงนายทัพ โอ้...ในนี้ไม่มีใครคู่ควรกับนางเลย

         คนเขียนก็เลยมโนให้นางถูกกระทำ แน่ะ! ท้องได้อีก
     
         กำลังแต่งอยู่ถ้าเป็นแนวที่ใครจะรับได้ก็มาปูเสื่อกันไว้เลยนะคะ เลิฟคนอ่านทุกคนค่ะ :)




หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 51,52,53 มาแล้วน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-04-2019 11:10:41
ไล่อ่านจนครบแล้วววว
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 51,52,53 มาแล้วน๊า :)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 09-04-2019 11:39:32
ลุ้นๆๆๆๆๆ ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว  :hao3:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54 ปวดใจ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 09-04-2019 13:58:07
ตอนที่ 54 ปวดใจ

คุณหญิงศจีพรรณผู้สูงวัยที่สุดของบ้านนั่งเป็นสง่าอยู่หัวโต๊ะ  ถัดมาทางซ้ายคือพ่อเลี้ยงอเนก
และขวามือของท่านคือแม่เลี้ยงข้าวทิพย์บุตรสาว 

แผ่นดินเดินนำทุกคนเข้าไปในห้องทานอาหารเขาเป็นคนแรกที่ไหว้ทำความเคารพเจ้าของบ้านทั้งสามท่าน
กอหญ้าและเด็กๆ ต่างทำตาม

“นั่นมากันแล้ว  มานั่งกันก่อนสิ  เด็กสองคนนี้ลูกพ่อดินเหรอ”

คุณยายร้องทัก  แผ่นดินยิ้มรับท่านจึงพยักหน้าให้เมื่อเมื่อไหว้ทักทายกันจนครบ
เขาเลือกที่นั่งฝั่งเดียวกับพ่อเลี้ยงอเนกและพาลูกชายมานั่งข้างๆ ด้วย  ส่วนลูกสาวกอหญ้า
จูงไปนั่งข้างๆ คุณน้าทิพย์

“ละครถ่ายเสร็จแล้วเหรอกอหญ้า  น้าได้ดูแค่วันแรกเอง ช่วงนี้ยุ่งๆ เรื่องที่ข้าวหอมเปิดเรียนน่ะ”
คุณน้าชวนคุย

“ครับ…ปิดกล้องไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว คุณน้าสบายดีนะครับ”

“ค่ะ สบายดี”

คุณน้าทิพย์ตอบ แล้วหันไปสนใจอาหารและจัดสลับที่วางอย่างเอาใจแขก

“ดินล่ะ  ตั้งแต่ที่เสี่ยทวีปตาย อะไรๆ ก็คงง่ายขึ้นจริงไหม น้าเองยังพลอยนอนหลับได้บ้าง”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดสีหน้าสบายๆเป็นกันเอง

“ครับ  ถ้าเขาอยู่ผมก็คงได้ตายก่อนเขาน่ะครับ หึหึ”

“เนี่ยแหละ ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ”

“พ่อหนุ่มล่ะ เห็นว่าออกจากวงการแล้ว มาเป็นเกษตรกรแล้วเหรอไง”

พ่อเลี้ยงอเนกถามกอหญ้า

“พี่ดินยังไม่มอบหมายอะไรให้ทำเท่าไหร่เลยครับ ไม่รู้จะถูกไล่กลับกรุงเทพฯเมื่อไหร่ คนไร้ประโยชน์นี่นะ”

กอหญ้าแสร้งพาดพิงคนรัก

“อะไรกัน ก็เพิ่งเสร็จงานละครของตัวเองไม่ใช่เหรอ ดินคงให้พักก่อนละมั้ง ก่อนที่จะอัดงานไร่ให้ทำน่ะ จริงไหมดิน”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดไปตามที่ท่านคาดเดา

“ครับ ผ่านมาสัปดาห์เดียวร้องจะทำไร่แล้ว เดี๋ยวพี่จัดให้นะครับ รับรองได้ตัวดำปี๋เห็นแต่ฟันขาวๆ แล้วอย่ามาบ่นนะว่าพี่โหดล่ะ”

แผ่นดินแกล้งเย้าคนรัก

“เหอะ ให้จริงเถอะ ถ้าหนักนักกอหญ้าก็จะฟ้องคุณย่า”

กอหญ้าเอาคุณย่ามาขู่ ซึ่งมักจะได้ผล

“ช่วยเลี้ยงลูกไปก่อน งานยากสุดแล้วล่ะนั่นน่ะ”

แผ่นดินพูดแกมหยอกและบุ้ยหน้าไปทางเด็กๆที่นั่งรอทานข้าว

“คุณพ่อครับ ต้นกล้าหิวแล้ว”

เด็กชายบ่นหิวและมองอาหารบนโต๊ะตาละห้อย

“อ้าว! ทานเลยลูก ยายก็มัวฟังเพลินๆ คู่นี้ถ้าไม่บอกว่าเป็นคู่รักกันนะ ยายว่าเป็นคู่กัดกันซะมากกว่า”

กอหญ้าหน้าเหวอไม่คิดว่าคุณยายจะเป็นคนแซวเสียเอง

“คุณแม่ เด็กสองคนนี้น่ะ อยู่บ้านเค้าหวานกันอย่างกับอะไรนะคะ ทิพย์เห็นมากับตา”

คุณน้าทิพย์แซวขึ้นมาอีกคน จนกอหญ้าเขินเมื่อนึกถึงคราวที่สองแม่ลูกมาเจอฉากเด็ด
ที่เขากับพี่ดินกำลังสวีทกัน  นึกแล้วน่าอายจริงๆ

“อืม…รักใคร่กันจริงๆจังๆก็ดี ถ้าผู้ใหญ่ไม่คัดค้านล่ะนะ”

คุณยายในชุดอยู่กับบ้านเป็นผ้าพื้นเมืองใส่สบายๆ พูดพร้อมกับเริ่มทานอาหาร
โดยมีลูกสาวคอยดูแลเรื่องอาหารให้ด้วย  บางทีคุณน้าทิพย์ก็ตักเผื่อแผ่มาถึงกอหญ้าที่นั่งข้างๆ กัน

 พ่อเลี้ยงอเนกวันนี้ใส่เป็นเสื้อปกโปโลคล้ายพี่ดินแต่เป็นสีขาว  ส่วนคุณน้าทิพย์ก็สวมชุดผ้าไทย
สีเขียวอ่อนทำใหดูขาวนวลตา  ท่านมีใบหน้ายิ้มแย้มตลอดมื้ออาหาร

กอหญ้าดูแลหนูใบข้าวจนเธอทานเสร็จก็ถึงช่วงเวลาที่รอคอย  ขนมหวานที่มาเป็นหาบเล็กๆ น่ารัก
ซึ่งล้วนเป็นขนมไทยทั้งสิ้น

“น่าทานจังค่ะ ใบข้าวทานได้มั้ยคะ”

หนูน้อยตาวาวเมื่อเห็นของหวานมาวางตรงหน้า

“ได้สิคะลูก เอานี่ก่อนมั้ยของโปรดเลยนี่”

เด็กหญิงพยักหน้าเมื่อเห็นลูกชุบ  กอหญ้าจึงจิ้มออกมาใส่จานขนมใบเล็กให้เกือบๆ สิบลูก

“อร่อยค่ะ พี่กล้าเอามั้ย น้องแบ่งให้”

เด็กหญิงถามพี่ชายที่นั่งส่ายหน้า

“ไม่เอา พี่ไม่ชอบของหวาน”

ต้นกล้าบอกน้อง

“พี่น้องคู่นี้ เลี้ยงง่ายจริง สอนลูกมายังไงกัน หืม…”

คุณยายถาม และมองเด็กๆอย่างชื่นชม

“จะเป็นลักษณะให้พี่ช่วยเลี้ยงน้องและดูแลกันน่ะครับไม่มีอะไรมาก”

แผ่นดินเล่าให้ทุกคนฟัง และดูพี่ชายที่แบ่งอาหารที่รู้ว่าน้องชอบไปให้

“มีพี่ มีน้องนี่ดีจริงๆเลย ไม่เหมือนผมที่ตัวคนเดียว”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์สะดุ้งมือป่ายไปโดนแก้วน้ำคว่ำ  น้ำในแก้วกระเซ็นโดนเสื้อของกอหญ้า

“ขอโทษจ้ะ น้านี่ซุ่มซ่ามจริงๆ ดูสิเปียกไปหมดเลย มาค่ะน้าเช็ดให้นะ”

คุณน้าคว้าผ้าไปเช็ดให้อย่างเงอะๆ งะๆ

“ไม่เป็นไรคุณน้า เดี๋ยวก็แห้งครับ”

กอหญ้านั่งหลังตรง สายตาของคุณยายจ้องเขม็งมาที่กอหญ้า  และถ้าแผ่นดินไม่ได้ตาฝาด
เขาเห็นอาการไหววูบในหน่วยตานั้นก่อนที่ท่านจะลุกพรึ่บขึ้น

“แม่ทิพย์ มาพาแม่ไปห้องด้านนอกหน่อย รู้สึกวิงเวียน”

คุณยายพูดเสียงแข็ง ลูกสาวรีบลุกเข้าไปประคองท่านอย่างว่าง่าย

“น้าขอตัวสักครู่นะ”

คุณน้าทิพย์หันมาบอกกอหญ้าและพี่ดิน ยัยหนูยังคงอร่อยกับขนมเช่นเดิม
พี่ดินก็กำลังคุยออกรสกับพ่อเลี้ยงอเนก

กอหญ้ารู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ  มองหาก็ไม่เห็นพอดีสาวใช้เอาน้ำมาเสิร์ฟแทนแก้วเดิมของคุณน้าทิพย์ เขาจึงเอ่ยถาม

“เอ่อ…ห้องน้ำไปทางไหนครับ”

เด็กสาวชี้บอกทางที่อยู่ด้านนอก กอหญ้าบอกพี่ดินว่าจะไปห้องน้ำ ชายหนุ่มพยักหน้า 



กอหญ้าทำธุระเสร็จเดินจะกลับไปที่ห้องทานข้าวตามเดิม  แต่เสียงร้องไห้ที่ได้ยินทำให้ต้องหยุดเท้า
และประโยคที่ลอดออกมาจากภายในห้องที่ประตูปิดอยู่เสียงชัดเจนเหมือนคุยกันไม่ห่างจากบานประตูนัก

“สร้อยเส้นที่เด็กกอหญ้าใส่มันเป็นของฉัน ของต้นตระกูลฉัน มันไปอยู่กับเด็กคนนั้นได้ยังไง พูดมาแม่ทิพย์”

“กอหญ้าเป็นลูกของทิพย์กับพี่กรณ์ ทิพย์ทิ้งแกมา ทิพย์เลวจนไม่น่าให้อภัย คุณแม่จะดุด่าทิพย์ก็ยอมค่ะ
 ยอมทุกอย่าง ฮือฮือ”

เสียงร้องไห้ที่ดังออกมา  มันไม่บาดอารมณ์เท่ากับคำสารภาพที่ได้ยินเองกับหู

‘กอหญ้าเป็นลูกของทิพย์กับพี่กรณ์ ทิพย์ทิ้งแกมา’

กอหญ้าไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมารับรู้อะไรแบบนี้  มันช็อกความรู้สึกจนปวดแปลบ
และจุกแน่นในอกด้านซ้าย ไม่มีความยินดีที่ได้รู้…ไม่เลยสักนิด

‘พี่ดิน ช่วยที กอหญ้าอยากไปให้พ้น…ไปจากตรงนี้’

“หยุดพูดไปเลย ฉันไม่รับรู้ใดๆ แล้วก็ลืมมันไปซะ ฉันก็จะลืมเหมือนกันว่าเคยได้ยินอะไรแบบนี้
 ฉันมีแค่ข้าวหอมที่เป็นหลานของฉัน…แค่คนเดียว”

กอหญ้ายกมือปิดหู ไม่ ทนฟังไม่ได้ ไม่ฟัง

“ความอัปยศที่เธอทำในอดีตอย่าให้ลูกและสามีของเธอแล้วก็คนแก่ที่ใกล้จะลงโลงอย่างฉันต้องมารับรู้อีก
 ฉันหวังว่าเธอคงเข้าใจที่ฉันพูดนะแม่ทิพย์”

ประกาศิตที่บีบหัวใจจนรวดร้าวไปหมด พอ พอที ไม่อยากรู้แล้ว

‘ใช่สิ! เรามันคือเนื้อร้าย เรามันเป็นความอัปยศที่ใครๆก็ไม่ต้องการ พอทีเลิกดิ้นรน เลิกร่ำร้อง
นั่นไง! ผู้หญิงคนนั้น แม่ที่แสนดีของเด็กผู้หญิงที่ชื่อข้าวหอมแค่เพียงคนเดียวแค่นั้น…มันเจ็บ ปวดมากเหลือเกิน’

ขาอ่อนล้า ไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับออกห่าง

“คุณแม่ ไม่ได้นะคะ นั่นลูกทิพย์ทั้งคน คุณแม่อย่าทำอย่างนี้เลย ทิพย์ขอร้องแกเป็นลูกของทิพย์ ฮือ ฮือ”

เสียงร้องไห้คร่ำครวญนั้นไม่มีผลกับเขาอีกแล้ว กอหญ้ารวบรวมกำลังกายพาเท้าให้ก้าวเดินห่างออกไป
และกลับไปที่ห้องทานข้าว

 เข้าไปยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“กอหญ้าหน้าซีดเชียว เป็นอะไรปวดหัวหรือไม่สบายตรงไหน บอกพี่สิครับ”

พี่ดินลุกพรวดเข้าไปประคองคนที่ยืนนิ่ง หน้าซีดแทบไม่มีสีเลือด ที่เอาแต่ส่ายหน้า น้ำตาคลอๆ
อาการแบบนี้ไม่ดีเอาเสียเลย

“ขอโทษนะครับคุณน้า กอหญ้าเพิ่งจะหายป่วยผมก็พาออกมาตะลอนนอกบ้านแล้ว นี่ไม่ค่อยดีอีกแล้ว
ผมขอพาน้องกลับก่อนนะครับ  ฝากขอโทษคุณยายและคุณน้าทิพย์ด้วยครับ เด็กๆ สวัสดีคุณปู่ก่อนลูก
เราจะกลับกันแล้วอากอหญ้าไม่สบายครับ”

แผ่นดินรีบรวดรัดขอพาคนรักกลับ เด็กๆ ก็วิ่งเข้ามาจูงมืออากอหญ้า เพราะได้ยินพ่อบอกว่าป่วย

“อากอหญ้าขา เดี๋ยวใบข้าวจุ๊บให้สองที หายเลยค่ะ”

เด็กหญิงเข้ามาดึงชายเสื้อบอก กอหญ้ายิ้มแห้งๆ ให้หนูน้อย

“อืม…ค่อยๆ ขับไปนะดิน อย่ารีบร้อน ไม่ไหวยังไงก็พากันหาหมอก่อนค่อยเข้าบ้าน
 ดูสิหน้าตาซีดเชียวเอามากๆด้วยไปเถอะ”

พ่อเลี้ยงอเนกบอกอย่างหวังดี

“ครับคุณน้า ลาแล้วครับ”

แผ่นดินบอกลาอีกครั้ง แล้วพากันออกเดิน ความผิดปกติที่เจ้าตัวเป็นแผ่นดินสัมผัสได้ตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นหน้าแล้ว

‘ไปเจออะไรมานะ หรือได้ยินอะไรที่แย่ๆมาหรือเปล่า’

“คนดี กลับบ้านเรากันนะ เด็กๆ นั่งเล่นกันเงียบๆ นะลูก”

เด็กๆ
พยักหน้าและนั่งเรียบร้อยที่เบาะหลัง เขาคาดเบลท์ให้คนรัก และกลับมานั่งประจำที่คนขับ

ก่อนออกรถยังคว้ามือที่เย็นเฉียบของคนรักมาบีบนวดถ่ายทอดความอบอุ่นให้ พรมจูบที่หน้าผากมน
และแนบหน้าผากชนกันอยู่อย่างนั้น

กอหญ้ากะพริบตาเมื่อได้รับสัมผัสอุ่น มองตามคนตัวโตที่เตรียมจะเคลื่อนรถออก 

“อดทนไว้นะกอหญ้าคนเก่ง พี่ส่งพลังให้แล้วนะครับ”

คนฟังมีดวงตาที่ไหวระริกน้ำตาคลอๆทำท่าจะหยด แต่เจ้าตัวฝืนไว้โดยเชิดหน้าขึ้นเสียก่อน
ถ้ากอหญ้าร้องไห้งอแงมันยังจะดีเสียกว่าที่เจ้าตัวจะทำเช่นนี้  แผ่นดินเคลื่อนรถออกไปจากบ้านหลังใหญ่
เขาไม่อยากจะคาดเดาเลยว่าการมาครั้งนี้มันสร้างความเจ็บปวดหรือบาดแผลอะไรเพิ่มให้คนรักของเขาไป
อีกกี่มากน้อย ไม่อยากจะเดาเลยจริงๆ

‘ไม่ว่าจะไปเจออะไรมา กอหญ้าเก่ง และจะผ่านมันไปได้…พี่เชื่ออย่างนั้นนะ`



เมื่อรถแล่นเข้าไปยังตัวบ้าน เด็กๆ หลับกันไปแล้ว มิ่งกับขวัญรีบออกมารับหน้า
ทั้งสองเข้ามาอุ้มเจ้าสองแสบเข้าไปส่งให้พี่เลี้ยง  แผ่นดินพยุงกอหญ้าที่เดินเข้าบ้าน
อย่างเลื่อนลอย ตลอดทางเจ้าตัวนั่งเงียบตามองทอดไกลออกไป ไม่มีชีวิตชีวาเหมือน
ตอนที่ออกไป

มิ่งกับขวัญพากันมองหน้าเจ้านายกับคนที่ถูกพยุงเข้ามาในบ้าน

“คุณกอหญ้าไม่สบายเหรอครับ นายดิน”

ขวัญเอ่ยปากถาม เพราะปกติคุณกอหญ้าต้องทักทายพวกเขาแล้ว ไม่ใช่ไม่มองหน้ากันอย่างนี้

“อื้ม…”
แผ่นดินตอบแค่นั้น

“อ้าว! กลับมากันแล้วเหรอดิน พาน้องไปพักผ่อนไป สองแสบเดี๋ยวให้แตงโมจัดการเอง”

พ่อเขตทัก เมื่อเห็นหน้ากอหญ้าที่ไม่เป็นปกตินัก

“ครับพ่อ”
แผ่นดินพาคนรักเดินขึ้นห้องนอน เจ้าตัวเดินไปที่เตียงแล้วฟุบหน้าลงกับหมอนเนื้อตัวสั่นเทาอย่างแรง
เพราะกลั้นสะอื้นจนตัวโยน ไม่มีเสียงร้องออกมาให้ได้ยิน  มีเพียงอาการที่บ่งบอกว่าเจ็บปวดและทรมาน
เป็นที่สุด

แผ่นดินนั่งลงที่ขอบเตียงปล่อยให้กอหญ้าปลดปล่อยเท่าที่ต้องการ  เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของเขา
อย่างที่คนชอบเปรียบเปรยว่าเวลาแห่งความสุขมันสั้น  แต่เวลาคนเราทุกข์จะรู้สึกว่านานเหมือนเขาตอนนี้ที่คนรัก
ทุกข์เขาก็ทุกข์ตามไปด้วย   ชายหนุ่มเห็นกอหญ้าหยุดสะอื้นแล้ว จึงเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังให้ ทำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
จนกอหญ้าพลิกตัวหันหน้ามามอง แล้วโผเข้ากอดคอเขาไว้แน่น 

“คนดี พี่อยู่ตรงนี้แล้ว อยากร้องไห้ก็ร้องซะให้พอ  เพราะจากนี้ไปน้ำตาที่จะไหลออกมาจากดวงตาคู่นี้
…ขอให้เป็นน้ำตาแห่งความสุข…กอหญ้าเป็นคนเก่ง  ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความเป็นผ่านความตาย
 กอหญ้าของพี่ผ่านมันมาหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายกอหญ้าของพี่ได้อีก"

"…ร่างกายนี้ หัวใจดวงนี้เป็นของพี่นะครับ…พี่ไม่อนุญาตให้เราหรือใครมาทำให้มันเจ็บปวดอีก…ได้ยินที่พี่พูดมั้ยครับ…”

แผ่นดินพูดอย่างที่ใจสั่งให้พูดให้บอก


กอหญ้านิ่งฟัง น้ำเสียงที่แสนจะคุ้นเคย  เสียงนี้ที่ฉุดรั้งเขาให้กลับมา  กี่ครั้งกี่หนกันแล้ว
น้ำเสียงที่ส่งผ่านทุกๆ ความรู้สึก ส่งผ่านพลังและกำลังใจมาให้

ผืนแผ่นดินผืนนี้ให้ที่พักพิงในยามที่เคว้งคว้างสิ้นหวัง  แผ่นดินที่โอบอุ้มทุกความเจ็บช้ำไว้…ผู้ชายคนนี้
คนที่มอบความรับ ความห่วงใย และเป็นทุกอย่าง

“รัก พี่ ดิน ขอบคุณ…ที่อยู่ ด้วยกัน…ขอบคุณ ฮึก…ฮือ…ฮึก…ฮือ”

กอหญ้าร้องไห้ออกมาเสียงดัง  คงถึงขีดสุดของความอดทนแล้ว  แผ่นดินทำได้แค่กอดปลอบอยู่อย่างนั้น
เสียงร้องไห้ที่ฟังแล้วมันบาดลึกเข้ามาในหัวใจ

เขาอยากที่จะแบ่งรับความเจ็บปวดนั้นไว้เสียเอง  ถ้ามันถ่ายทอดให้กันได้
เขายินดีที่จะรับทุกความเจ็บปวดนั้นไว้เองทั้งหมด





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 09-04-2019 16:34:55
 :3123: :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-04-2019 17:41:58
สงสารน้องง
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 09-04-2019 19:01:44
อย่าร้อง เค้าไม่รับเราเป็นหลานก็ช่าง อยู่กับพี่ดินดีกว่าเนอะๆๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 54
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-04-2019 11:10:30
 o18


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 55 ปลดพันธนาการ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 10-04-2019 15:11:19
ตอนที่ 55 ปลดพันธนาการ

จากวันนั้นก็ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้ว  กอหญ้ากลับมาให้ความสนใจกับงานเป็นอย่างมาก  เขาออกจะร่าเริง
ได้ดั่งเดิมแล้วอย่างที่โบราณว่าไว้ไม่มีอะไรที่จะร้ายเกินเจ็ดวัน  กอหญ้าสนุกกับการจัดแต่งและเลือกซื้อ
ของมาประดับสวน  สนุกกับการได้ออกแบบและวางแผนงาน  ดูตื่นเต้นทุกครั้งที่เห็นแม่วัวออกลูก 
ตลกขบขันกับการเดินขาปัดขาเป๋ของลูกวัวแรกเกิด  ร้องขอรีดนมวัวเองทั้งที่จะจับราวนมของแม่วัว
ยังกล้าๆ แหยงๆ เสียด้วยซ้ำ  ขอสะพายกระบุงเก็บส้มด้วยตัวเองและอีกหลากหลายงานที่เจ้าตัวขอ

แผ่นดินมองว่าที่กอหญ้าทำอยู่นั้น…เหมือนคนพยายามที่จะลืมมากกว่า  เขาอยากรู้เหมือนกันว่าวันนั้น
…เกิดอะไรขึ้น  แต่คงไม่เป็นการดีหากจะถามออกไป ได้แต่รอเวลาให้กอหญ้าเข้มแข็งและพร้อมที่จะเล่าด้วยตัวเอง


แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ยังคงพยายามที่จะเข้าหากอหญ้าโดยมีพ่อเขตเป็นสื่อกลางเช่นเดิมแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
แผ่นดินได้ขอร้องพ่อเขตออกไปว่ากอหญ้ายังไม่พร้อมพบหน้าและขอเวลาอีกสักหน่อย  เพื่อให้เจ้าตัว
ผ่านมันไปให้ได้ก่อน  แล้วเขาจะไม่ขัดขวางเลยหากแม่ลูกจะพบหน้ากัน

ตั้งแต่วันนั้นกอหญ้าก็ถอดสร้อยเส้นนั้นออกจากคอ  เก็บลงไว้ในกล่องนาฬิกาของแผ่นดินตามเดิม
เขาบอกกับตัวเองว่ามันไม่คู่ควรที่จะอยู่กับเขา  มันต้องกลับคืนสู่เจ้าของเดิมและเขาจะเป็นคนเอามันไปคืน
ให้ด้วยตัวเอง  เมื่อเขาเข้มแข็งและลุกขึ้นยืนได้ใหม่อย่างมั่นคงแล้ว

กอหญ้าคิดไตร่ตรองอยู่หลายวันจนได้ข้อสรุปในวันนี้  เขาจึงเดินหาพี่ดินเพื่อที่จะบอกเล่าสิ่งที่ได้ตัดสินใจ
ไปแล้วให้พี่ดินได้รับรู้  วันนี้เขาเข้มแข็งและแข็งแกร่งมากกว่าวันวานไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายเขาได้อีก
ในเมื่อใจดวงนี้ของเขาเป็นของพี่ดิน

“กอหญ้ามีอะไรครับ  เพชรบอกว่าเราถามหาพี่เหรอ”

พี่ดินถามพร้อมทั้งดึงตัวเข้ามากอด  กลิ่นเหงื่อจางๆ ที่เชยเข้าจมูก  กลิ่นที่คุ้นชิน
 
“พี่ดินไปอาบน้ำก่อนดีกว่าจะได้สดชื่น  กอหญ้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง  พี่ว่างจะฟังมั้ยครับ?”

“ว่างเสมอสำหรับคนนี้…แค่คนเดียว  จะคุยที่ไหนครับที่เตียงมั้ย? แต่…ถ้าเป็นที่เตียงต้องเสียหนึ่งกอด…นะ”
พอแผ่นดินพูดจบก็ถูกคนรักตีที่ต้นแขนดังเพียะ

“ทะลึ่งน่าพี่ดิน…หรือว่าพี่ดินอยากจะเป็นคนที่ถูกกอดบ้าง…ดีมั้ย…เรามาแลกกัน”

กอหญ้ายิ้มกริ่มใส่คนรักที่ยืนอึ้งไม่ตอบโต้  แล้วรีบผละไปชั้นบน  กอหญ้ามองตามไปแบบขำๆ


แผ่นดินอาบน้ำเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดคอปกสีขาวกับยีนสีดำขาเดรฟ  เดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น
แล้วนั่งลงข้างๆ คนรัก
 
“พี่ดินพากอหญ้าไปบ้านแม่เลี้ยงข้าวทิพย์หน่อยนะครับ”
กอหญ้าพูดสีหน้าอย่างคนตัดสินใจมาแล้ว คนฟังผวาเฮือกที่ได้ยินแบบนั้น

“ห๊ะ! ไม่อ่ะไม่เด็ดขาด พี่ไม่พาไปบ้านนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามสำหรับคุณไปแล้วครับคุณข้ามฟ้า
พี่ไม่พาไปเด็ดขาด”
แผ่นดินปฏิเสธท่าเดียว พร้อมส่ายหน้ารัวๆ

“พี่ดินคนเราต้องกล้าที่จะเผชิญกับปัญหาสิ  จะให้กอหญ้าหนีไปตลอดชีวิตได้ยังไง พลังมีเหลือเฟือแล้วตอนนี้
เพราะพี่ดินชาร์จมาให้จนแบตเต็ม”

กอหญ้ายืนยันตามที่ตั้งใจไว้แต่ทีแรก

“บอกเหตุผลที่พี่ต้องพาไปให้ฟังสักข้อสิเพื่อใช้พิจารณาว่าสมควรอนุมัติหรือเปล่า”

แผ่นดินขอเหตุผลของการไปครั้งนี้

“เหตุผลเหรอฮะ ไม่มีหรอกไปตามที่ใจสั่งล้วนๆ คุณจะกรุณาพาไปหน่อยได้มั้ยครับ…คุณแผ่นดิน  สิทธิปกรณ์กุล”

“หูย…เรียกซะเต็มยศจนขนแขนลุกเลยเนี่ย”

แผ่นดินแกล้งทำท่าทำทางไปอย่างนั้น เขามองตาเด็กดื้อนี่เห็นทีไม่แคล้วใจอ่อนจนได้สิน่ะ

“งั้นกอหญ้าจะเล่าให้ฟังแล้วกันเรื่องวันนั้นน่ะ…กอหญ้าไปห้องน้ำใช่มั้ยล่ะ  ทีนี้ขากลับบังเอิญได้ยิน
เสียงร้องไห้ดังมากๆ จากห้องที่คุณน้าทิพย์กับคุณยายเข้าไป…คุณยายคงเห็นสร้อยเส้นที่กอหญ้า
สวมอยู่ในตอนที่น้าทิพย์ทำน้ำหกใส่น่ะ  คุณยายบอกว่ามันเป็นของต้นตระกูลท่านแล้วถามคุณน้าว่า
มันมาอยู่กับกอหญ้าได้ยังไง”

กอหญ้าเล่าด้วยสีหน้าราบเรียบ

“อ่ะห่ะอย่างนี้นี่เองที่อยู่ดีๆ ท่านก็ลุกพรวดพราดออกไปทั้งที่เรายังกินข้าวกันอยู่แบบนั้น”

แผ่นดินพูดแทรกขึ้น  เมื่อนึกขึ้นมาได้

“ครับ…คุณน้าร้องไห้แล้วบอกว่ากอหญ้าเป็นลูกของท่านกับพ่อกรณ์…แล้วเอ่อ…คุณยายสั่งให้
คุณน้าลืมซะให้หมด  แล้วท่านเองก็จะลืมว่าเคยได้ฟังเรื่องอัปยศนี้  คุณยายท่านพูดว่ามีหลาน
เพียงคนเดียวคือข้าวหอมและท่านไม่ต้องการให้เรื่องนี้รู้ถึงหูลูกเขยและหลานสาวของท่าน…
เรื่องก็จบแค่นี้แหละครับ”

กอหญ้าเล่าตามที่ได้ยินมา ในขณะที่พูดไม่มีความหวั่นไหว หรืออาการใดๆ
ให้เห็นอีก นอกจาก…เฉยชา…อย่างเดียวที่แผ่นดินสัมผัสได้

“คนดีของพี่ถ้าเป็นอย่างที่เล่ามาก็ไม่ต้องเข้าไปที่นั่นแล้ว  เราก็ลืมมันไปก็จบอย่างที่คุณยายท่านต้องการ
 เนอะ ไม่เข้าไปจะดีกว่านะ”

แผ่นดินโน้มน้าวคนรักให้เปลี่ยนใจ

“เจ้าดินย่าไม่อนุญาตให้แกพาน้องไปบ้านนั้น  หัวเด็ดตีนขาดก็ห้ามไปเหยียบ…ได้ยินไหม”

คุณย่าโผล่มา และสั่งเสียงเข้ม

“คุณย่า เอ่อ…ผม…คือว่า”

แผ่นดินพูดไม่ออก ท่านคงได้ยินหมดแล้วทุกคำถึงได้โกรธขนาดนั้น

“ไม่ต้องมาเอ่อมาอ่า ย่าสั่งไม่ได้ยินหรือไง! ยัยคุณหญิงศจีพรรณ นี่ร้ายกาจตั้งแต่สาวยันแก่
ย่าอยากรู้นักไอ้ความเจ้ายศเจ้าอย่าง  ถือยศถือศักดิ์นั่นน่ะ! มันทำให้คนสูงส่งขึ้นมาได้มั้ย?
นี่ขนาดหลานในไส้แท้ๆยังใจจืดใจดำได้ลงคอ"

คุณย่าเว้นจังหวะหายใจไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ

"อย่างนี้กับคนทั่วไปอย่างเราๆ ไม่ถูกเหยียบจมดินเลยหรือไงไม่ต้องโผล่หน้าไป ไม่ต้องไปข้องแวะด้วย
 เฮ้อ! หนูกอหญ้า คนแบบนั้นไม่คู่ควรที่หลานจะต้องไปนับญาติด้วย แล้วก็ไม่ต้องเสียใจเสียน้ำตาให้กับ
คนบ้านนั้นอีก  เข้าใจที่ย่าพูดมั้ย”

คุณย่าออกอาการกางปีกกั้น  แผ่นดินมองทั้งย่าและคนรักไม่รู้จะทำยังไงต่อดี

“กอหญ้าไม่ได้อยากไปเพื่อเรียกร้องสิทธิ์อะไรครับคุณย่า แค่มีพี่ดินกับคนบ้านนี้ที่รักและต้องการกอหญ้า
แค่นี้ก็พอแล้ว…แต่ที่ไปก็เพราะกอหญ้าจะเอาสร้อยไปคืนน่ะครับ  มันควรเป็นของหลานสาวท่าน  ก็แค่นั้นเอง
ที่จะไป คุณย่าอนุญาตเถอะนะ นะครับ…”

กอหญ้าบอกเหตุผลให้คุณย่าฟัง เผื่อท่านจะยินยอม

“เจ้าดินไปเตรียมรถ  ย่าจะไปด้วย  พ่อเขตของแกไปไหนไปตามมาให้ย่าที ม่ได้ไปไหนซะนาน
 วันนี้ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาซะบ้างก็ดี อะไร…เป็นอะไรกัน ย่าพูดจริงๆ ย่าจะไปหาเพื่อนเก่าเสียหน่อย”

คุณย่าดูกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันตา อย่างกับจะไปออกรบอย่างนั้น

“เสียงดังอะไรกันครับคุณแม่”

พ่อเขตเดินเข้าบ้านมาพอดี

“มันมีเรื่องน่ะสิ กอหญ้าน่ะจะไปบ้านยัยคุณหญิงศจีพรรณนั่น คราวก่อนไปกินข้าวบ้านเขากลับมา
ไม่เป็นผู้เป็นคนร้องห่มร้องไห้เสียงดังไปเจ็ดบ้านแปดบ้าน ยังคิดจะไปอีกแกดูนะตาเขต   นี่แม่ห้าม
ไม่อยู่ก็เลยจะไปด้วย”

คุณย่าฟ้องลูกชายทันทีที่ห้ามปรามแล้วไม่เป็นผล

“อ้าว! ไปทำไมอีก ถ้าไปแล้วมันเจ็บปวด มันไม่ดีต่อใจก็อย่าไป เชื่อพ่อเถอะนะกอหญ้า”

พ่อเขตได้ฟังหันมาห้ามอีกคน

“ไปเตรียมตัวเตรียมของสิ  จะเอาอะไรไปคืนเขาก็ไปเอามา อยากไปนักก็จะพาไป  แกไปด้วยกันนะพ่อเขต
 แม่จะเล่าให้แกฟัง ดูเอาเองแล้วกัน ฉันนี่แค้นใจนัก"

แล้วมารดาก็เล่าเรื่องราวที่ได้ยินมาให้ลูกชายฟัง

“เรื่องมันก็เป็นอย่างที่เล่านี่แหละ เฮอะ! ผู้ดีแปดสาแหรกจริงๆ ทำหลานแม่เสียใจ
ลองมาพูดอะไรอีกสิ คราวนี้แหละแม่จะเล่นเอง”
มารดาเล่าไปเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปด้วยจนลูกชายกลัวว่าท่านจะเป็นลมไปซะก่อนที่จะไปถึงบ้านนั้น

“คุณแม่อยู่บ้านดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนเด็กพวกนั้นเอง”

ลูกชายออกปาก

“ที่ฉันจะไปน่ะ เพราะจะไปดูหน้าพวกใจดำ อีกอย่างหลานสะใภ้ฉันจะได้ไม่โดนดูถูกเหยียดหยาม
 ให้เจ็บช้ำน้ำใจกลับมาอีก แกอย่ามาห้ามแม่เลยตาเขต”

สุดท้ายลูกชายก็ต้องยอมตามน้ำ

“ตามใจคุณแม่เถอะ ถ้าไม่ไปเป็นลมเป็นแล้งเสียก่อนนะ นั่นเจ้าสองคนลงมากันแล้ว”

“ไหนเอาของที่จะคืนนั่นมาให้ย่าดูหน่อย มันเป็นยังไงกัน ไม่เคยสนใจจะดูแบบจริงๆ จังๆ ซะด้วยสิ”

“นี่ครับคุณย่า”

กอหญ้าส่งสร้อยเส้นที่ติดตัวเขามาตั้งแต่จำความได้ให้คุณย่าดู

“อืม…ก็งั้นๆ ย่าก็มีเยอะแยะไป เดี๋ยวกลับมาย่าจะหาให้ใส่สักเส้น”

คุณย่าดูผ่านๆ อย่างไม่อินังขังขอบเท่าไหร่

“โอ๊ะๆ คุณย่าไว้ให้ลูกหลานเถอะครับ กอหญ้าก็ไม่ใช่พวกคลั่งไคล้ของพวกนี้เสียด้วยสิ”

“นี่อย่ามาพูดจาอย่างนี้นะ เราก็หลานย่า อย่าพูดว่าไม่ใช่เชียวนะ เฮอะ!”

คุณย่าเริ่มออกอาการงอน

“โอ๋…เอ๋…คุณย่าเดี๋ยวผมหาให้กอหญ้าเอง เมียผมทั้งคนจะหาให้ได้ดีกว่าของคนบ้านนั้นเลย”

พี่ดินเข้าไปกอดง้องอนคุณย่าแทนคนรัก

“พี่ดิน…บ้า พูดไม่อายปาก”

กอหญ้าเขิน

‘คำก็เมียสองคำก็เมีย เป็นแค่แฟนเหอะ คนหล่อเสียหายนะ’



“บ้านช่องโอ่อ่า …เออ!...แล้วไง…ก็เท่านั้น”
คุณย่าไม่ปลื้มก็ท่านมีออกมากมาย ผ้าขี้ริ้วห่อทองดีๆนี่เอง แผ่นดินเห็นอาการคุณย่าก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้

“คุณย่าที่รัก ขันตินะครับ อีกอย่างเรามาแบบเหนือชั้นกว่า คุณย่าดูมะ-เอ่อ…หลานรักคุณย่าสิ
ไม่มีหวั่นไหว ผมปลูกถ่ายภูมิคุ้มกันให้ ดีมั้ยล่ะครับ หึหึ”

กอหญ้าเหลือบมองหน้าพี่ดินนิดนึง ตะกี้พี่ดินจะหลุดคำว่าเมียอยู่แล้ว…กอหญ้านึกตามคำพี่ดิน
 เขาวันนั้นที่อ่อนแอ…อ่อนไหว กับเขาในวันนี้มันต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“คุณแม่ แล้วถ้าพวกเขาอยู่กันครบล่ะ แม่ของทิพย์ท่านคงไม่ชอบใจนักถ้าลูกเขยกับหลานสาว
เขาต้องมารับรู้”

พ่อเขตหันมาหารือก่อนจะพากันลงจากรถ

“บอกแค่ว่ามีคนฝากของมาคืน…แค่นั้นพอ ย่าไม่ได้จะมาเพื่อทำให้ใครต้องเจ็บปวด
คิดว่ามาเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งที่พันธนาการทั้งเค้าและเราแล้วกันนะหลานย่า”

กอหญ้ายิ้มเมื่อได้ฟังคุณย่าบอกแบบนั้น

“ไม่ต้องมาส่งสายตาอ้อนย่าเลย แค่นี้เขาก็พากันรักพากันหลงทั้งบ้านแล้วเนี่ย”

คุณย่าพูด แล้วก็เดินตามกันไปที่ห้องนั่งเล่นเมื่อมีคนมานำทาง  พอก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็พบว่าอยู่
กันพร้อมหน้าพร้อมตา น่าแปลกใจที่ข้าวหอมก็อยู่ด้วย

“สวัสดีค่ะคุณแม่ วันนี้พี่เขตพาคุณแม่มาถึงที่นี่ได้ ดีใจจังค่ะ”

คุณน้าทิพย์เอ่ยทักทาย กอหญ้ามองดูใบหน้าสวยงามตามวัยที่แย้มยิ้มดีใจ


กอหญ้านึกสะท้อนใจ  ผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยงามแม้ล่วงเลยเข้าวัยกลางคนตอนปลายแล้วแต่
ความสวยงามนั้นก็ยังคงมีอยู่ 

นี่ยังไงล่ะกอหญ้า…ผู้ให้กำเนิดที่นายอยากพบ  จะมีเหตุผลไหนบ้างนะที่จะทำให้เขามองข้าม
ความใจร้ายที่ท่านเคยทำไว้กับเด็กชายแรกเกิดคนนั้นที่มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว

ความน้อยเนื้อต่ำใจมันตีตื้นขึ้นมาอีกจนจุก  เพียงแค่ได้เห็นหน้า  ความเสียใจมันยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
เพียงแต่เขาหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร อย่าไปคิดมาก อย่าไปสนใจ อย่าอ่อนแอ

นายต้องเข้มแข็ ง มีผู้คนมากมายหลายร้อยพันที่ไม่รู้ว่าเกิดมาได้ยังไง  ใครคือพ่อ  ใครคือแม่
แต่เขาดีแค่ไหนแล้วที่มีพ่อ  มันดีมากแล้วจริงๆ ที่อย่างน้อยไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้า

ดีแค่ไหนที่อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าใครคือแม่  แล้วก็ดีมากแล้วที่ท่านยอมให้ได้ออกมาลืมตาดูโลก
จนได้มีลมหายใจอยู่ถึงวันนี้  อย่าน้อยใจอย่าเสียใจ  มันดีมากแล้วจริงๆ ที่เราได้พบกัน…คุณแม่

“อือ…ออกมาเปิดหูเปิดตาน่ะ คุณหญิงศจีพรรณก็ดูจะยังแข็งแรงดี อยู่ได้จนร้อยปีเป็นแน่”

คุณย่าพูดจบ ทำเอาลูกหลานที่ตามมาด้วยรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กันไปตามๆ กันเพราะรู้ความนัยของประโยค

“แหมตาเขตแม่นายยังฝีปากกล้าเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เจอกันเป็นสิบปีได้ละมั้ง”

คุณยายแขวะออกมาอย่างเด่นชัด ทันกันดีจริงๆเลยสองผู้เฒ่านี้

แผ่นดินมองไปที่กอหญ้าเป็นเชิงให้รีบจัดการจะได้รีบกลับบ้านกัน  เขาพอมองเห็นประกายไหวในดวงตาคู่สวย
ที่แสดงความเศร้าเพียงแวบ  จะเล่นละครตบตาใครก็ทำได้แต่ไม่รอดพ้นจากสายตาเหยี่ยวของเขาไปได้หรอก

“เอ่อ…พอดีผมมีของจะนำมาคืนน่ะครับ มันควรที่จะกลับไปอยู่กับเจ้าของ”

กอหญ้าพูดจบก็ส่งถุงกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มให้กับมือคุณยาย ท่านรับไปอย่างงงๆ แล้วเปิดออกดูชะงัก
ไปหน่อยหนึ่งก่อนจะส่งต่อให้ลูกสาวของท่าน

“ฉันเคยให้กับลูกสาวไปนานมากแล้ว ไม่ได้ใส่ใจมันอีก ส่วนเขาจะเอาไปให้ใครต่อก็เป็นสิทธิ์ของเขา”

คุณน้าทิพย์รับไปและเปิดถุงนั้นออกดู ดวงหน้าซีดเผือดและเม้มปากแน่นมือที่ถือของไว้ก็ออกจะสั่นๆ

“มันเป็นสมบัติของต้นตระกูลเธอ เอามันกลับคืนไป เราหมดธุระกันแล้วล่ะ กลับกันเถอะตาเขต”

คุณย่าลุกขึ้นก่อนคนแรก พ่อเขตจึงลุกตามพร้อมด้วยพี่ดินและกอหญ้าที่ลุกขึ้นช้าสุดเพราะไม่คิดว่า
จะรวดเร็วถึงเพียงนี้ หมดธุระกันแล้วจริงๆ

‘เราคงไม่มีความจำเป็นต้องพบกันอีกแล้วใช่มั้ยครับ…คุณแม่’

กอหญ้าเผลอสบตากับท่านเพียงบังเอิญ ท่านตาแดงๆ

“เดี๋ยวสิคะคุณย่า ข้าวหอมยังไม่ได้คุยกับพี่กอหญ้าเลย วันนี้ไม่มีเรียนกลับบ้านได้มาเจอพี่กอหญ้าด้วย
 นี่ถือเป็นโชคดีเลยนะคะ อยู่คุยกับน้องก่อนนะ”

ข้าวหอมรีบรั้งตัวกอหญ้าไว้ด้วยไม่รู้ว่าทำไมรีบมารีบกลับกันนัก

“อยู่ทานข้าวกลางวันกันก่อน สิคะ”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ยื้อไว้อีกคน ในมือของท่านกำถุงกำมะหยี่ไว้แน่น แผ่นดินมองไม่ผิดที่ท่านมือสั่นๆ

“พี่เขตกับคุณแม่ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว อยู่คุยกันก่อนสิครับ จะรีบไปไหนกันล่ะ”

พ่อเลี้ยงอเนกเป็นอีกคนที่พูดขึ้น ด้วยมองว่าการมาเยือนโดยมีประมุขของไร่นำทีมมา
…ถือเป็นเรื่องแปลกเอามากๆ

“ไม่รบกวนดีกว่า พอดีว่าจะไปหาของอร่อยทานกันในเมืองนู้นด้วย ไม่ได้ออกจากบ้านหลายปีแล้ว
 จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย ชีวิตมันไม่แน่ไม่นอนทำวันนี้ที่เหลือให้ดีที่สุดเป็นพอ
 จริงมั้ยล่ะพ่ออเนก”

คุณย่าพูดทิ้งท้ายไว้ เผื่อคำพูดของท่านจะไปดลจิตดลใจคนที่ใจจืดใจดำให้ได้คิดอะไรดีๆ กับเขาได้บ้าง

คุณย่าพูดจบก็เดินนำออกมาก่อนคนแรก คนอื่นๆจึงตามออกมาติดๆ ข้าวหอมเดินออกมาส่งเป็นคนแรก
โดยมีแม่ของเธอเดินตามมาไม่ห่าง

“เอ่อ…กอหญ้า น้าขอคุยอะไรด้วยสักหน่อยได้มั้ย”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เดินไปขวางหน้าเมื่อกอหญ้ากำลังจะเอื้อมมือไปดึงประตูรถ
 แผ่นดินชะงักเท้าที่กำลังจะเดินอ้อมไปขึ้นอีกข้างหนึ่ง

“คุณน้าทิพย์ อย่าเพิ่งเลยครับ ไว้วันอื่นเถอะ คุณยายคงไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่เราจะคุยกันลับหลังท่าน”

แผ่นดินขวางไว้แล้วเปิดรถดันกอหญ้าให้ขึ้นรถไปก่อน

“ดินน้าขอโทษ น้าแค่อยากคืนของให้น้อง ดินรับไว้ทีสิ น้าไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ น้าขอโทษ”

คุณน้าทิพย์น้ำตาคลอ ท่านพยายามกลั้นน้ำตา ข้าวหอมมองด้วยความสงสัยใคร่รู้

“อย่าเลยครับคุณน้า แบบนี้ดีที่สุดแล้วล่ะครับ ผมขอตัวก่อนครับ”

แผ่นดินไหว้ลาท่าน แล้วรีบเปิดรถเข้าไปนั่งคู่กับกอหญ้าที่เขยิบที่ให้ พ่อเขตออกรถ
ตลอดทางกลับไร่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว จวบจนถึงบ้าน แผ่นดินเปิดประตูรถลง
ไปพยุงคุณย่าเข้าบ้านโดยมีกอหญ้าเดินตามมาแบบเงียบๆ


คุณย่านั่งลงที่โซฟา พ่อเขตก็นั่งคู่กับท่าน แผ่นดินฉุดแขนกอหญ้าให้นั่งลงข้างๆ กัน
เอามือลูบหัวให้อย่างเบามือ

“ไหวมั้ย…คนดี”

พี่ดินถามน้ำเสียงทุ้มนุ่ม กอหญ้าส่งยิ้มให้แม้เขาจะคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่น่าจะดีแล้ว
 แต่พี่ดินกลับดึงเขาเข้าไปกอด แล้วกระซิบข้างๆ หูว่า

“คนเก่งของพี่ ถ้าไม่ไหวไม่ต้องฝืนนะ ไหล่ของพี่ว่างสำหรับเราเสมอ”

แค่ได้ยิน ความอ่อนแอที่คิดว่ามันหมดไปแล้ว…ที่คิดว่าเข้มแข็ง…ที่คิดว่าไม่เป็นไรเลย
 จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย เขายังคงเจ็บปวดแม้ไม่มากอย่างคราวก่อน แต่มันก็ยังคงอยู่
…ยังทิ้งร่องรอย เศษ ซาก ของความผุพังเอาไว้มากมาย

“เวลาคงจะช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น อย่างน้อยๆ กอหญ้ายังเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวกว่าผู้ใหญ่หลายๆ
คน…แล้วมันจะหายดี เก็บมันไว้เป็นความทรงจำนะ ว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้เกิดมาจากกระบอก
ไม้ไผ่แค่นั้นพอนะลูก  อะไรที่จำแล้วมันเจ็บก็อย่าไปนึกถึงมันอีก”

คุณย่าปลอบใจ แม้ว่าท่านจะตาแดงๆในตอนที่พูดอยู่ก็ตามที

“ครับคุณย่า กอหญ้าจะไม่ให้อะไรมาทำร้ายใจดวงนี้ได้อีก ขอบคุณพ่อเขตที่พาไป
 แล้วก็ขอบคุณคุณย่าที่สุดเลยที่รักและเอ็นดูเสมอมา”

กอหญ้าส่งยิ้มให้ทั้งคุณย่าและพ่อเขต แผ่นดินทำตาเศร้าที่เขาเหมือนจะถูกลืมไปแล้ว
แต่กอหญ้ากลับชะโงกหน้าไปกระซิบที่ข้างหูให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน

“สำหรับพี่ดิน ต้องขอบคุณมากกว่าทุกๆ คนเลยครับ ต้องด้วยร่างกายและหัวใจเท่านั้น…คืนนี้…นะ”

กอหญ้าแกล้งทำเสียงกระเส่าแล้วเป่าลมใส่หูพี่ดินไปเบาๆ ได้ผลเมื่อพี่ดินรีบผละตัวออก
 หน้าตาแดงลามไปที่ใบหู

`พี่ดินเขิน เขินจริงๆใช่มั้ย หึหึ`

กอหญ้านึกสนุกขึ้นมา การกระทำของสองหนุ่มไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของผู้สูงวัยทั้งสองไปได้

“นี่เจ้าดิน แกอย่ามาทำท่าสาวน้อยต่อหน้าฉัน ขนลุกว่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนไป”

พ่อเขตว่าลูกชายที่ยังหูแดงไม่หาย

“ย่าจะเอนหลังสักหน่อย ปล่อยพลังไปเยอะ เพลียจริงๆ”

คุณย่าพูดแล้วเตรียมหาที่นอน

“กอหญ้าไปนอนเล่นกันสักชั่วโมงมั้ย เดี๋ยวค่อยตื่นไปรับลูกที่โรงเรียนกันเนาะ”

กอหญ้าพยักหน้าลุกขึ้นเดินตามพี่ดินไปที่ห้องนอน





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 56 อดีตที่ผิดพลาด
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 10-04-2019 15:25:23
ตอนที่ 56 อดีตที่ผิดพลาด

“ข้าวหอม คุณพ่ออยู่ที่ห้องทำงานมั้ยลูก”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ถามลูกสาว

“อยู่ค่ะ ยังใช้ให้ข้าวหอมย้ายงานเข้าไปไว้ที่โต๊ะเลยค่ะ คงดึกอีกตามเคยค่ะ”

ลูกสาวตอบและวางมือจากมือถือเครื่องหรู มองมารดาที่มีสีหน้าแปลกๆ ชอบกล

“แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณพ่อ ข้าวหอมจะไปฟังด้วยกันมั้ย”

“ไปๆ ค่ะคุณแม่”

น้ำเสียงกระตือรือร้น แล้วรีบเดินตามหลังมารดาเข้าไป

“อ้าว!...คุณทิพย์ มีอะไรกันครับ”

พ่อเลี้ยงอเนกปิดแฟ้มงานเมื่อภรรยาและลูกเข้ามาหา

“ทิพย์มีเรื่องจะบอกคุณพี่ และขอร้องช่วยฟังจนจบด้วยค่ะ”

เธอพูดและมองหน้าสามี กว่าจะมายืนตรงนี้ได้เธอต้องรวบรวมความมามากพอสมควร

“เรื่องร้ายแรงรึป่าว เกี่ยวกับของที่พี่กอหญ้านำมาคืนวันก่อนใช่มั้ยคะ”

ลูกสาวถาม ด้วยเธอคลางแคลงใจที่เห็นสีหน้าที่ไม่ดีของมารดาวันนั้น

“นั่นสิ ผมก็รู้สึกว่าคุณกับคุณแม่มีเรื่องปิดบังผมนะ”

คุณพ่อพูดขึ้นน้ำเสียงก็ราบเรียบ และใบหน้าก็นิ่งๆในแบบฉบับของท่าน

“เอ่อค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อยี่สิบสามปีที่แล้ว ทิพย์ทำเรื่องที่ผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยเลย คือว่าทิพย์…”

เธอเล่าเรื่องราวแต่หนหลังให้สามีและลูกฟังจนหมด ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของสองพ่อลูกเลย

"มันเป็นความเลวร้ายที่กัดกินใจเรื่อยมา ทิพย์ขอโทษคุณพี่…ขอโทษจริงๆ คุณพี่จะโกรธเกลียดทิพย์
ไปจนวันตายทิพย์ก็ยอม”

น้ำเสียงขมขื่นระคนเจ็บปวด


พ่อเลี้ยงอเนกมองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวย  ไม่เพราะความสวยในอดีต
หรือที่ทำให้เขาตกหลุมรัก และปลงใจใช้ชีวิตร่วมกันกับเธอจนมีลูกสาวด้วยกัน

ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเธอไม่เคยทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของลูกขาดตกบกพร่องเลย  จวบจนกระทั่ง
เรื่องราวที่เธอเล่ามันออกมาจากปากของเธอเอง

เมื่อได้รู้อย่างนี้เขาจะทำอะไรได้เพราะเรื่องมันก็เนิ่นนานแล้ว

“นี่พี่กอหญ้าเป็นพี่ชายของข้าวหอมจริงๆเหรอคะ”

ข้าวหอมถาม น้ำตาขังหน่วยไม่ต่างจากมารดาเลย  เธอทั้งสงสารและเห็นใจทั้งแม่และพี่ชายหมาดๆ
รวมถึงสงสารพ่อที่ไม่เคยล่วงรู้อะไรมาก่อนเลย

“ใช่จ้ะลูก หนูจะโกรธเกลียดแม่อีกคนก็ได้ แม่ทำให้ทุกคนผิดหวังตั้งแต่คุณยาย คุณพ่อของลูก”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์พูดทั้งน้ำตา ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรกันต่อประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดเข้ามา

~ครืด ครืด~

คุณยายพรวดเข้ามาหาเงื้อมมือตบฉาดเข้าที่ใบหน้าของคุณแม่ติดๆสองทีจนหน้าหัน

ข้าวหอมตกใจไม่คิดว่าจะได้เห็นคุณยายที่เกรี้ยวกราด ส่วนคุณพ่อก็ถลันเข้าไปประคองคุณแม่ที่ยืนแทบไม่อยู่

“ฉันสั่งให้เธอลืมอย่าเอาเรื่องที่เธอเคยเสเพลมาพูด เรื่องอัปยศนั่นบอกให้ลืม เธอก็ไม่ฟัง
กล้าขัดคำสั่งฉัน คิดหนีปัญหามาได้ตั้งนานทำไมยังกลับไปวนเวียนหามันอยู่อีกอดีตเลวๆ นั่น
หลานฉันมีแค่ยัยข้าวหอมก็บอกไปแล้ว เธอยังต้องการอะไรอีก บอกมา!”

คุณยายชี้หน้าด่าทอด้วยวาจาอันเผ็ดร้อนเชือดเฉือน คุณแม่ได้แต่สะอื้นไห้ ไม่โต้แย้งใดๆสักคำ

“พอเถอะครับ”

คุณพ่อพูดเป็นประโยคแรก

“คุณยายอย่าว่าคุณแม่อีกเลย เรื่องมันก็นานมากแล้วที่วันนี้คุณแม่มาบอกให้คุณพ่อกับข้าวหอมรู้ก็แค่ท่าน
รู้สึกผิดและเจ็บปวดมานาน และอยากที่จะปลดปล่อยตัวเอง  ข้าวหอมไม่โกรธคุณแม่ ยังรักและเคารพ
ท่านเหมือนเดิม”

ข้าวหอมพูดในมุมมองของลูกที่มองแม่

“เข้าอกเข้าใจกันดีเหลือเกิน จนฉันเนี่ยกลายเป็นตัวร้ายไปสินะ”

คุณยายยังมีสีหน้ากรุ่นโกรธไม่หาย

“ไม่ว่าคุณพ่อกับคุณยายจะคิดยังไงนั่นก็แล้วแต่ แต่คนที่เจ็บปวดและน่าเห็นใจที่สุดไม่ใช่พวกเรา
แต่เป็นพี่กอหญ้า  ที่ถูกทอดทิ้งและเติบโตด้วยความยากลำบาก  ถ้าเดาไม่ผิดพี่เขาคงรู้ว่าคนบ้านเรา
คิดยังไงกับเขา แบบนี้ไง แบบที่คุณยายกำลังเป็นอยู่ตอนนี้”

ข้าวหอมรู้สึกเห็นใจและสงสารพี่ชาย จึงอดปากไม่ไหวพูดออกมา

“ข้าวหอมไม่ก้าวร้าวคุณยายนะลูก ขอโทษคุณยายเลย”

มารดาปรามบุตรสาว

“ขอข้าวหอมพูดเถอะคะ วันที่พี่กอหญ้าถูกสื่อมวลชนซักเรื่องแม่ พี่เขาเจ็บปวดขนาดไหน ทุกคนรู้กันมั้ย
 เขาพูดว่าไม่คิดจะตามหา หากแม่ยังอยู่พี่เขาขอแค่ให้ท่านมีความสุข แค่นั้นเองจริงๆที่พี่กอหญ้าต้องการ
 ข้ามหอมอยากรู้ว่าวันนั้นที่คนบ้านพี่ดินมาที่นี่ เขาเหล่านั้นเป็นคนอื่นด้วยซ้ำแต่กลับปกป้องพี่กอหญ้า
แต่เราเกี่ยวข้องเป็นสายเลือดเดียวกันแต่กลับทำร้ายพี่”

ข้าวหอมพูดไปร้องไห้ไป และแม่ของเธอก็ยิ่งสะอื้นหนักเข้าไปอีก

“หยุดพล่ามได้แล้วยัยเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”

คุณยายโกรธหลานสาวที่พูดจายอกย้อนท่าน

“เชิญคุณยายอยู่กับชื่อเสียง อยู่กับศักดิ์ศรีต่อไปเถอะค่ะ ข้าวหอมจะไปหาพี่กอหญ้า”

ข้าวหอมพูดจบก็ก้าวเท้าจะออกไปแต่ต้องหยุดกึก เมื่อคุณยายใช้คำพูดที่ข้าวหอมไม่คิดว่าจะได้ยิน

“ถ้าแกกล้าที่จะก้าวเท้าออกไปวันนี้ แกกับฉันขาดกัน ถ้าเห็นไอ้เลือดชั่วก้อนนั้นมันเป็นญาติ
 แกก็ไม่ต้องมานับว่าฉันเป็นยายของแกอีก”

คุณยายเสียงกร้าว ดุดัน อย่างที่ไม่เคยใช้พูดกับหลานสาวเพียงคนเดียวมาก่อน

“คุณแม่พอเถอะครับ เรามาคุยกันดีๆ ด้วยเหตุด้วยผล เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ค่อยๆ คุยกันเถอะ
ถึงผมจะไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่แรก ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะดูดายเรื่องนี้ ข้าวหอมนั่งลงก่อนลูก”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“พ่ออเนกที่ฉันทำมันดูร้ายกาจมากใช่มั้ย ไม่เพราะฉันต้องการจะปกป้องครอบครัวที่เหลืออยู่นี่หรือไง
คิดว่าฉันจะไม่เจ็บปวดเหรอที่ลูกสาวเพียงคนเดียวแอบไปท้องไปคลอดทั้งๆที่ฉันส่งมันไปเรียน
 ฉันที่ฟูมฟักมันมาอย่างดี แล้วดูมันทำ…ฉันไม่อยากให้อะไรมันเปลี่ยนไปจากนี้…แค่ทำลืมๆกันไป
 ลืมว่าเคยได้ยินได้ฟังอะไรมา ทำกันไม่ได้เลยหรือ…แค่ให้ฉันตายไปก่อน”

คุณยายพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเจ็บช้ำ

“ถ้าคิดแบบนั้นแล้วคุณยายสบายใจก็คิดไปเถอะนะคะ แต่คุณยายไม่มีสิทธิ์มาห้ามความคิดใคร
คุณยายจะอยากตัดปัญหา หนีปัญหาก็ทำไป…แต่ไม่ใช่กับข้าวหอม คนเราเมื่อรู้ตัวว่าทำผิดก็สมควร
ที่จะแก้ไข หรือทำวันข้างหน้าให้มันดี…ข้าวหอมขอโทษที่ก้าวร้าว ยังไงคุณยายก็คือคุณยายที่ข้าวหอม
รักและเคารพไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้ข้าวหอมต้องการไปพบครอบครัวอีกคนที่พลัดพรากกันมานานก็เท่านั้น
 ข้าวหอมขอตัวนะคะ หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจ”

เธอยกมือไหว้ขอขมาคุณยายแล้วคว้ากุญแจรถออกจากห้องไป แล้วไม่นานเสียงรถก็แล่นออกไปจากบ้าน


ผู้ใหญ่ทั้งสามหันมองหน้ากันด้วยไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ทุกอย่างที่ข้าวหอมพูด บอกให้รู้ถึงแง่มุมความคิด
ที่เด็กสาวมีต่อแม่ คุณยาย และพี่ชาย โดยที่คนเป็นพ่อคิดตามแล้วจึงเพิ่งรู้วันนี้เองว่าลูกสาวที่ถูกมารดา
เลี้ยงดูอย่างประคบประหงมเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ได้เติบโตทั้งด้านความคิดและสติปัญญาซึ่งเป็นเรื่อง
น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับพ่อที่ไม่ค่อยได้มีเวลาให้ลูกมากนักอย่างพ่อเลี้ยงอเนก

พ่อเลี้ยงอเนกมองว่าเรื่องวันนี้มันแทบไม่ส่งผลกระทบอะไรเลยกับคำว่าครอบครัวที่แม่ยายของเขา
วิตกกังวลนักหนา แค่เปลี่ยนมุมมองและเปลี่ยนความคิด มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ซึ่งจากที่ลูกสาว
พูดทางฝ่ายพี่ชายของข้าวหอมก็ไม่ได้ต้องการอะไร เขาก็อยู่ในที่ในทางของเขา ดูแล้วคนที่ร้อนรนคง
จะเป็นภรรยาที่คิดมากและแม่ยายที่คิดเยอะก็เท่านั้นเอง

“คุณทิพย์พาคุณแม่ไปพักผ่อนเถอะ ผมขอสะสางงาน เสร็จแล้วจะออกไปคุยด้วย แล้วก็โทรถามคนบ้าน
นั้นให้ด้วยนะว่าลูกเราถึงเมื่อไหร่ยังไงด้วยล่ะ”

พ่อเลี้ยงอเนกบอกกับภรรยาด้วยสีหน้าไม่ได้เครียดหรือกังวลใดๆ

“ค่ะคุณพี่ ไปข้างนอกกันก่อนเถอะค่ะคุณแม่”

สองแม่ลูกพากันออกไปจากห้องแล้ว พ่อเลี้ยงอเนกจึงลงมือเปิดแฟ้มงานขึ้นมาทำต่อ


ข้าวหอมจอดรถที่หน้าบ้าน พอเธอบอกว่ามาหาพี่กอหญ้าเด็กรับใช้ดูจะมีสีหน้าตื่นๆแต่ก็พาไปรอที่ห้องรับแขก
ก่อนจะหายออกไปและมีผู้ใหญ่ของบ้านเรียงแถวกันออกมา ขาดก็แต่คนที่เธอต้องการพบ

“สวัสดีค่ะ คุณย่า คุณลุง แล้วก็พี่ดิน แต่เอ…พี่กอหญ้าไปไหนล่ะคะ”

ไหว้อย่างอ่อนน้อม แต่ก็มุ่นหัวคิ้วที่ไม่ได้พบคนที่อยากพบ

“กอหญ้าดูคนงานแต่งสวนอยู่น่ะ มีอะไรคุยกับพี่ก็ได้นะข้าวหอม”

พี่ดินเอ่ยปาก เหมือนจะกีดกันไม่ให้เจอกันอย่างนั้น

“ข้าวหอมอยากพบพี่ชาย พี่ดินกรุณาให้พบหน่อยเถอะ พี่น้องจะพบหน้ากันอย่าขี้หวงสิคะพี่เขย”

เมื่อพูดจบ ข้าวหอมเห็นพี่ดินเบิกตา อ้าปาก ทำหน้าเหวอๆ แต่คุณย่ากับคุณลุงก็แค่อมยิ้มเท่านั้น

“ดินให้เพชรไปตามกอหญ้ามาสิ บอกเขาว่าน้องสาวมาหา นี่พ่อแม่ยัยหนูก็พากันโทรมาถามไถ่ว่าลูกสาว
ถึงรึยัง แล้วยังขอกับพ่อเองเลยนะว่าให้พี่น้องเขาได้เจอกัน”

“อ้าว…นี่รู้กันก่อนแล้วเหรอ ผมก็กลัวจะมาทำให้คนรักของผมปวดหัว ถ้าแค่นั้นก็จะให้เจอแต่บอกไว้ก่อนนะ
 ถึงเป็นน้องสาว พี่ก็หวง พี่เราน่ะแฟนพี่นะยัยข้าวหอม อย่าลืม!”

ข้าวหอมกลั้นขำ แต่ก็พยักหน้า

“ไปสิดิน เดี๋ยวมืดค่ำกันพอดี ต้องหาคนขับรถไปส่งยัยหนูนี่ด้วย พ่อแม่เขาเป็นห่วง”

คุณย่าพูดจบ พี่ดินก็เดินหายไป คงจะไปตามเองเป็นแน่ สักพักก็โผล่หน้ามาโดยพี่กอหญ้าเดินตามมา
ไม่ห่าง ข้าวหอมลุกพรวดไปสวมกอดทำเอาพี่กอหญ้ายืนนิ่งค้างมองพี่ดินอย่างตื่นๆ

“ยัยหนูปล่อยพี่เขาก่อน ดูนู่น! เจ้าคนขี้หวงมันจ้องอยู่นั่น”

คุณย่าบุ้ยใบ้ไปที่พี่ดิน ข้าวหอมจึงปล่อยแล้วจูงพี่กอหญ้ามานั่งด้วยกัน พี่ดินรีบตามมาขนาบข้าง

“ข้าวหอมเพิ่งรู้จากคุณแม่ว่า พี่กอหญ้าเป็นพี่ชายของข้าวหอม ดีใจที่สุดเลยค่ะ”

ข้าวหอมยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย

“เอ่อ…รู้แล้ว…เหรอครับ”

กอหญ้าทวนคำอย่างไม่คาดคิดว่าท่านจะบอกกับลูกสาว

“ค่ะ รู้ปุ๊บก็รีบมาเลย นี่ถ้ากริชมันรู้คงอิจฉาข้าวหอมแน่ๆ ต่อไปไม่ใช่แค่แฟนคลับพี่แล้วนะ
แต่ข้าวหอมเป็นน้องสาวคริคริ”

ข้าวหอมอวดตัวแล้วหัวเราะคิกคัก

“เจ้ากริชมันไม่อิจฉาหรอกยัยหนู มันรู้เป็นเดือนๆแล้ว ที่นี่รู้กันทุกคนนั่นแหละ”

ลุงเขตเฉลย ทำเอาข้าวหอมหน้าจ๋อยที่เธอเป็นน้องแต่กลับเพิ่งได้รู้เอาวันนี้

“ใจร้าย ไม่มีใครบอกเลย พี่กอหญ้าก็ด้วยไม่อยากได้หนูเป็นน้องเหรอ น้อยใจที่สุด”

ข้าวหอมบึนปากอย่างแสนงอน

“นี่ข้าวหอม อย่ามาเรียกคะแนนกับแฟนพี่เลย พี่บอกแล้วไงว่าหวง”

พี่ดินรีบแสดงตัวคงกลัวจะไร้ตัวตน

“พี่ดิน นี่ข้าวหอมเป็นน้องของกอหญ้านะ พี่นี่หวงไม่ดูอะไรเลยจริงๆ”

กอหญ้าเหลือบตาและจิกตาใส่พี่ดิน ข้าวหอมแอบทำหน้าสะใจใส่พี่เขย

“ดีใจที่พี่กอหญ้าไม่รังเกียจที่จะมีน้องสาวแบบหนู”

ข้าวหอมยิ้มตาแทบปิดที่พี่ชายยอมรับเธอ

“พี่ก็ดีใจครับ ที่อย่างน้อยไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว”

แววตากอหญ้าสดใสร่าเริงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“พี่น้องเจอกันถือเป็นเรื่องดี เจ้าดินเลยมีญาติเพิ่มขึ้นมาอีกคนสินะ ยัยหนูน่ะเป็นน้องเมียแกแล้วนะ เหอะๆ”

คุณย่าแซวขำๆ ทำเอากอหญ้าหลุบตาลงเพราะอายน้องสาวขึ้นมาทันที

“คุณย่าอ่ะ น้องแฟนก็พอนะครับ กอหญ้าน่ะยังไม่ชินให้เรียกว่าเมีย ไว้ผมเรียกเค้าให้ชินก่อนนะค่อยพากันเรียก”

พี่ดินพูด ทีแรกพี่กอหญ้าก็ยิ้มอยู่หรอกแต่พอฟังจบประโยคก็หุบยิ้มฉับ

ข้าวหอมมองว่าเป็นความน่ารักที่ทั้งสองจะหยอกเย้ากัน

“ดินแกให้ใครตามมิ่งกับขวัญมาพายัยหนูไปส่งบ้านที ขับรถยังไม่เก่งด้วยไม่ใช่รึไง ช่างใจกล้าจริงๆที่ขับออกมา”

พ่อเขตพูด แล้วก็ส่ายหน้ากับความใจกล้าของเด็กสาว

“เดี๋ยวผมไปส่งเองครับ”

พี่ดินรับอาสา กอหญ้ากำลังจะเอ่ยปากขอตามไปส่งแต่ต้องรีบเงียบ

“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวกอหญ้าก็ร้องตาม อย่าเพิ่งไปข้องเกี่ยวกับคนบ้านนั้น ปวดหัวเปล่าๆ ที่ย่าพูดนี่ไม่เกี่ยวกับ
ยัยหนูนะ อยากมาหาพี่ชายก็มาบ้านนี้ต้อนรับเสมอ”

ข้าวหอมเข้าใจที่คุณย่าพูดจึงพยักหน้า

“ไว้คราวหน้าข้าวหอมจะชวนคุณแม่มาหาพี่ด้วยนะคะ”

กอหญ้ายิ้มแหยๆเมื่อได้ฟัง เขายังไม่พร้อมเจอคุณน้าข้าวทิพย์ในสถานะใหม่เลยจริงๆ
ผ่านไปสักครู่พี่น้องฝาแฝดก็มาถึง  ขวัญเป็นคนขับคันของข้าวหอมให้และมิ่งขับอีกคันตามไป
เพื่อรับขวัญกลับ  กอหญ้ามองตามไฟท้ายที่หายออกไปจนลับตา  แววตามีประกายเจิดจ้า

 แผ่นดินขอแค่ให้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาเท่านั้นเพราะคนของเขาเจ็บปวดมามากพอแล้ว





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 57 ช่วงเวลาที่สำคัญ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 10-04-2019 15:37:06
ตอนที่ 57 ช่วงเวลาสำคัญ

ข้าวหอมกับแม่ของเธอมาที่ไร่เขตแผ่นดิน  คนบ้านนี้ดูจะเป็นใจเสียเหลือเกิน  เมื่อเขามองหาใครก็ไม่พบ
และต้องอยู่ตามลำพังสามคน 

กอหญ้าจำต้องเผชิญหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้กับน้องสาวกอหญ้าไม่มีอะไรที่จะไม่เปิดใจรับเธอให้เข้ามาเป็นน้อง
แต่กับคุณน้าข้าวทิพย์บอกตามตรงว่าเขายังรู้สึกอึดอัด

บาดแผลในใจ หากถามว่าหายหรือยัง เขาตอบได้ทันทีเลยว่ายัง และมันก็คงจะฝังแน่นในใจเขาไปอีกนาน

จากคนที่แค่เพิ่งได้รู้จักกัน  พอมาวันนี้เมื่อรู้ว่าเธอเป็นผู้ให้กำเนิดและขณะนี้ก็มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
เขารู้สึกตะขิดตะขวงใจที่จะรับท่าน  เขาไม่อยากให้ชีวิตในช่วงนี้ที่ถือว่าลงตัวแล้วต้องมีอะไรมาทำให้เปลี่ยนไป
มีความสุขกับการได้อยู่ที่นี่  เลือกที่จะละทิ้งชีวิตที่เคยไขว่คว้าในวงการมายา ทิ้งชื่อเสียงที่กำลังโด่งดัง

เลือกที่จะได้รักพี่ดิน…ได้ทำอะไรอย่างที่อยากจะทำแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

“สบายดีนะครับ คุณน้า”

กอหญ้าทักทายท่านเป็นประโยคแรก

“จ้ะ แม่…คือ…น้ามาเยี่ยมหาน่ะ”

คุณน้ามีสีหน้าเจื่อนลงกับสรรพนามที่กอหญ้าใช้เรียกขานท่าน

“นั่งก่อนสิครับ”

กอหญ้าผายมือให้ท่านนั่ง และเมื่อท่านนั่งจึงเป็นตำแหน่งที่ตรงข้ามกัน ส่วนข้าวหอมมานั่งอยู่ข้างๆ เขาแล้ว

“พี่กอหญ้า ไปทานข้าวข้างนอกกันหน่อยมั้ยคะ มีร้านอร่อยจะนำเสนอ รับรองไม่ผิดหวัง”

กอหญ้ามองน้องสาวที่ดูก็รู้ว่ากำลังพยายามมาเป็นกาวใจ

“ไม่ได้หรอก พี่ต้องทานพร้อมๆกับคนบ้านนี้ เอาอย่างนี้สิ ข้าวหอมกับคุณน้าก็ทานที่นี่ด้วยกันเลย”

กอหญ้าออกปากชวน ด้วยเห็นสีหน้าผิดหวังของคุณน้าทิพย์แล้วนึกอยากตามใจ แค่เรื่องนี้เรื่องเดีย
วเท่านั้นแหละ เขาย้ำกับตัวเอง


“คุณแม่ขา อันนั้นมันเผ็ดมากนะคะ พี่กอหญ้าไม่ทานเผ็ดเท่าไหร่ค่ะ”

ข้าวหอมคอยบอกเมื่อแม่ของเธอจะตักอาหารจานเผ็ดซึ่งเป็นของพี่ดินให้พี่กอหญ้า
 ด้วยความอยากจะเอาใจลูก

“ยัยหนูข้าวหอมนี่ไม่ต่างกับเจ้ากริชเลย รู้ทุกเรื่องว่าพี่เค้าชอบหรือไม่ชอบอะไร หึหึ”

พ่อเขตเอ่ยแซว เมื่อเห็นคนน้องที่รู้ไปซะหมด

“แหมๆคุณลุงขา ก่อนพี่เค้าจะมาเป็นพี่ชาย ข้าวหอมก็เป็นติ่งพี่เค้ามาก่อนนะคะ คิกคิก”

ข้าวหอมพูดอย่างปลื้มปริ่ม

“ระวังนะไอ้ติ่งๆอะไรเนี่ย มันใช่ไส้ติ่งรึป่าวล่ะยัยตัวแสบ”

ฐานทัพแซวขึ้นบ้าง

“พี่ทัพ ปากร้ายนะคะ”

ข้าวหอมค้อนขวับ

“พี่ไม่กล้าแกล้งเธอหรอก เธอน่ะมีพี่เขยดุ หึหึ”

ฐานทัพพาดพิงพี่ชาย

“อะไรของแกเจ้าทัพ อย่ามาข้องแวะกับคนของฉันเชียวนะ”

แผ่นดินกางปีกป้อง

“ขี้หวงจริง เชอะ”

ฐานทัพทำเป็นสะบัดหน้าใส่พี่ชาย

“หึหึ ไปเอาท่าทางแบบนั้นมาจากหลานอีกรึไงเรา”
แผ่นดินว่าน้องอย่างขำๆ


ทานอาหารกันไปสักพัก กอหญ้าสังเกตว่าข้าวหอมสะกิดแม่ของเธอหลายต่อหลายครั้ง
 แต่เขาก็ทำเป็นไม่เห็น จนแม่เลี้ยงข้าวทิพย์เปิดกระเป๋าถือที่ท่านวางไว้บนตัก  และล้วงมือ
ไปหยิบถุงกำมะหยี่สีน้ำเงินที่กอหญ้ารู้ดีว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่

“เออ…น้าเอาของมาคืน รับมันคืนไปเถอะ ไหนๆ มันก็เป็นของหนูตั้งแต่เกิดแล้วน่ะ”

ท่านยื่นของถุงเดิมมาคืน กอหน้าส่ายหน้า และใช้มือดันออกไปเบาๆ ต่อหน้าทุกคนบนโต๊ะอาหาร

“ทานข้าวกันก่อนเถอะนะครับ มีอะไรค่อยคุยกัน หลังจากนี้”

พี่ดินเป็นคนที่พูดขึ้น และตักอาหารมาใส่จานให้เขา กอหญ้ามองพี่ดินอย่างขอบคุณ
อย่างน้อยพี่ดินก็รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาในเวลานี้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดมันออกไป
ข้าวหอมมีเรื่องมาเล่าไม่ได้หยุด จนบรรยากาศกลับมาเหมือนเดิม


เมื่อทานอาหารกันเสร็จทุกคนจึงย้ายตัวเองไปนั่งต่อที่ห้องนั่งเล่น

“ที่กอหญ้าไม่รับคืนเพราะอยากให้เก็บไว้ให้ข้าวหอมน่ะครับ วันข้างหน้าน้องมีครอบครัวก็จะ
ได้ตกเป็นของทายาทของเขาน่ะครับ อีกอย่างเป็นผู้หญิงด้วย มันเหมาะกว่าเป็นไหนๆ”

กอหญ้าพูดอย่างที่ไม่นึกเสียดายของ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้ท่าน แผ่นดินหันมองสบตาคนรัก
และยิ้มส่งกำลังใจให้

“อืม ย่าเห็นด้วยนะ อีกอย่างกอหญ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ให้น้อยหน้าใคร ฉันเตรียมไว้ว่าจะรับขวัญหลานสะใภ้อยู่แล้ว
 นี่เจ้าดินยังไม่ได้บอกเหรอ ว่าไงดินจะอมพะนำไว้ทำไมกัน?”

“คุณย่าอ่ะ ผมจะเก็บไว้ทำเซอร์ไพรส์”

แผ่นดินโอดครวญที่แผนมาแตกก่อนที่จะได้เริ่ม

“อะไรกันจนป่านนี้ ยังไม่ได้ขอแต่งงานกันอีกรึไง แกนี่ช้าจริงๆเลย”

คุณย่าขยายความอีก ทำเอากอหญ้าหูผึ่ง นี่จะขอเขาแต่งงานจริงๆหรือว่าล้อกันเล่นขำๆนะคนบ้านนี้

“พี่ดินคิดจะทำโรแมนติก แผนแตกหมดกันเลยสิ”

ฐานทัพเป็นอีกคนที่อดดูเซอร์ไพรส์ จึงบ่นออกมา

“ช่างแกสิ พ่อเขตไปดูฤกษ์ยามให้ลูกมันหรือยัง อย่าบอกนะว่ายัง นี่พ่อลูกบ้านนี้นี่ไม่ได้เรื่องเลยสักคนรึไง”

แผนที่จะขอกอหญ้าแต่งงานถูกปูดเสียเกลี้ยง แผ่นดินจึงลุกพรวดขึ้น แล้ววิ่งไปห้องชั้นบนไม่สนใจใคร
ทำเอาทุกคนอ้าปากมองตามแผ่นหลังตาปริบๆ กอหญ้าจึงนั่งหน้าซีดอยู่กับที่อย่างที่ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

“ช่างหัวมัน ปล่อยมันไป พอไม่ได้อย่างใจก็เป็นแบบนี้ เลี้ยงไม่รู้จักโต”

คุณย่าบ่นว่าพี่ดินตามหลังไป กอหญ้าอยากจะตามขึ้นไปบอกเหลือเกินว่าพิธีการอะไรไม่สำคัญ
…เท่าวันนี้ที่เรารักและเข้าใจกัน…ก็พอแล้ว


แผ่นดินรื้อหากล่องแหวนเพชรที่คุณปู่ขอหมั้นคุณย่าสมัยสาวๆ ซึ่งคุณย่าเพิ่งส่งให้เขาเมื่ออาทิตย์ก่อน
เขาตั้งใจจะขอกอหญ้าแต่งงาน ตอนนี้เสียแผนไปหมดแล้ว ไม่ต้องโรแมนติกอะไรกันแล้ว  ขอมันซะตอนนี้
ก็ได้คนเยอะดี พอหาเจอแล้วเขาก็เดินกลับลงไปที่ห้องนั่งเล่น

บรรยากาศดูหม่นๆ ชอบกลทุกสายตามองมาที่เขาเป็นตาเดียว

แผ่นดินจึงเดินไปหากอหญ้าที่นั่งตัวตรงอยู่เขาดึงมือให้ลุกขึ้นยืน  กอหญ้าทำตามอย่างงงๆ
เขาคุกเข่าลงล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อ  หยิบกล่องแหวนออกมาแล้วเปิดออกพร้อมกับยื่นไปให้คนตรงหน้า

“ชีวิตพี่ที่เหลือขอใช้กับกอหญ้านะครับ  ชีวิตพี่จะสมบูรณ์ไม่ได้เลยถ้าปราศจากกอหญ้า
 ได้โปรด…แต่งงานกับพี่จะได้ไหม”

แผ่นดินพูดถ้อยคำที่เขากลั่นมันออกมาจากใจ  รอคอยให้มือเรียวยื่นมารับแหวน

กอหญ้าอึ้งไปไม่คาดคิดว่าพี่ดินจะทำอะไรแบบนี้เป็น ไม่ต้องมีพิธีการอะไรมากมายขอแค่ประโยค
ที่มันออกมาจากใจแค่นั้นเองที่เขาต้องการ

ผู้ชายคนนี้ที่เป็นทุกอย่าง…ฉุดรั้งและพาเขาข้ามผ่านเรื่องราวเลวร้าย คนที่เป็นกำลังใจ

ผู้ชายที่เขารักที่สุดและหมดทั้งหัวใจ เขาจึงส่งมือให้พี่ดินและยิ้มทั้งน้ำตา

“ขอบคุณนะ  พี่ไม่มีวันปล่อยเราไปไหนแล้วนะครับ”

แผ่นดินบรรจงสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งกอหญ้าสวมได้อย่างพอเหมาะพอดี

พี่ดินจูบที่หลังมืออย่างแผ่วเบา และลุกขึ้นสวมกอดเขาไว้แน่น ทุกคนต่างลุกขึ้นปรบมือให้อย่างเกรียวกราว

“อู้ฮู้ สวมแหวนได้โรแมนติกโคตรๆ ยินดีด้วยครับพี่ดิน กอหญ้าด้วยนะ”

ฐานทัพเข้ามาแสดงความยินดีกับพี่ชาย

“ยินดีด้วยนะลูก น้าดีใจนะดินที่น้องเลือกดินเป็นคู่ชีวิต ฝากน้องด้วยนะ”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์น้ำตาคลอที่วันนี้เธอได้อยู่ในนาทีสำคัญ ช่วงเวลาที่มีค่าของลูก
 แม้ว่าลูกจะยังไม่ยอมรับเธอก็ตาม

“ครับคุณน้า กอหญ้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมครับ”

 แผ่นดินพูดย้ำเตือนว่าคนในอ้อมกอดตอนนี้สำคัญกับเขามากแค่ไหน

“ข้าวหอมยินดีต้อนรับนะคะพี่เขย แล้วก็…หนูเก็บชอตสำคัญไว้หมดแล้ว คริคริ”

ข้าวหอมโบกโทรศัพท์ในมือไปมา

“ส่งมาให้พี่ด้วยเลย ยัยตัวแสบ”

ฐานทัพร้องขอบ้าง

“เดี๋ยวข้าวหอมจัดให้รับรองดังกว่าละครที่ออนแอร์อยู่ตอนนี้แน่ๆค่ะ”

ข้ามหอมยักคิ้วและยักไหล่เธอหมายมาดว่าจะปล่อยให้ว่อนเน็ตไปเลย แต่ต้องให้เดอะแก๊งดูก่อน
 โดยเฉพาะเจ้ากริชที่พลาดช่วงนาทีสำคัญไปแล้วตอนนี้

“ยังไงเดี๋ยวพ่อไปหาฤกษ์ให้นะลูก”

พ่อเขตพูด คุณย่าจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง

“ย่ะ อย่าช้าอีกล่ะ ฉันจะได้เตรียมชุดใส่ในงาน”

คุณย่าพูด ออกอาการเห่อหลานสะใภ้ไม่เปลี่ยน

“คุณพ่อจะแต่งงานกับอากอหญ้าเหรอคะ”

น้องใบข้าวถาม

“แต่งงานแล้วจะมีน้องอีกมั้ยฮะ”

ต้นกล้าถามขึ้นอีกคน ทำเอาสองหนุ่มอึ้งไปตามๆกัน

“แค่แต่งงานกันครับ แต่ไม่ได้จะมีลูก อากอหญ้าบอกว่ามีแค่ใบข้าวกับต้นกล้า แค่สองคนก็พอแล้ว”

แผ่นดินพูดให้ลูกเข้าใจ หนูน้อยพยักที่จะไม่ต้องแบ่งทั้งอากอหญ้าและพ่อให้ใครอีก

“ใช่ๆ อากอหญ้าไม่เอาน้องแล้วครับ จะมีลูกแค่สองคนนี้”

กอหญ้ากอดหนูน้อยทั้งสองและโยกตัวไปมา ทั้งสองยิ้มดีใจที่จะไม่ต้องมีน้องเพิ่มอีก
ผู้ใหญ่พากันยิ้มขำ เด็กๆทำอย่างกับว่าอากอหญ้าจะท้องได้อย่างนั้นแหละ


เมื่อสองแม่ลูกกลับไปแล้วไม่นานโทรศัพท์ของกอหญ้าก็ดังระรัว เจ้าตัวเห็นว่าเป็นพี่คะน้าจึงกดรับสาย

“ครับ ว่าไงนะครับ เอ่อ…ก็ตามนั้นแหละครับ ยังไม่ได้ดูฤกษ์ รอพ่อเขตไปหาให้ก่อนน่ะครับ
 หึหึ ข้าวก็สร้างกระแสหน่อยเดียวคนจะลืมหน้าเอาได้”

(พ่อน้องชายตัวดี อย่าลืมนะ ได้ฤกษ์บอกพี่ก่อนด้วย นี่บอสก็ร่ำๆจะไปที่ไร่
คราวก่อนแกไปต่างประเทศ เลยไม่ได้ตามดูนายถ่ายละครน่ะ)

“ครับพี่คะน้า จะบอกพี่คนแรกเลยล่ะ ถ้าบอสไม่ว่าอะไรไม่กระทบกับละคร
 ก็จะให้มาทำข่าวงานแต่งของเราก็ได้ครับ”

(ปรึกษาพี่ดินก่อน ยอมรึป่าว ออกทีวีเลยนะ)

“นั่นสิ พี่ดินยิ่งไม่ชอบอะไรแบบนั้นด้วย แล้วยังไงข้าวจะบอกพี่คะน้าอีกทีนะครับ”

(อื้อพี่รอนะน้องรัก แล้วแต่เราสะดวกเลย ยังไงก็ได้เอาที่เราสบายใจ)

“ขอบคุณพี่คะน้านะฮะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ข้าวมา ขอบคุณจากใจเลย"

(ไม่ต้องมาทำซึ้ง นี่ถ้าพี่ไม่รู้จากโซเชียลนะ คงจะตกข่าวอีกนานเลยสิ)

“หูย ดีกันนะ อย่างอนน้องเลย ก็ยัยน้องตัวแสบน่ะสิ ปล่อยภาพไป เอ่อ…แค่นี้ก่อนนะครับ
 พี่ดินมายืนฟังอยู่เนี่ย บายครับ”


กอหญ้ารีบตัดสาย เขาเกือบหลุดปากบอกไปแล้วเรื่องข้าวหอม พี่คะน้ายังไม่รู้ว่าเขาเจอแม่และมีน้องเพิ่มขึ้นมา
 ถึงยังไงเขาก็ไม่เป็นที่เปิดเผยกับสังคมอยู่ดี สังคมของแม่ที่มีครอบครัวใหม่ พรั่งพร้อมทุกอย่าง

ใครจะรู้ไม่ได้ว่าแม่มีลูกอีกคน ลูกที่เกิดจากความผิดพลาด ลูกที่ท่านทิ้งไปไม่ต้องการ

เขาที่เกิดมาทำให้ท่านลำบาก เขาที่จะทำให้ท่านต้องอับอายไม่ได้ …เราต่างอยู่ในมุมของเรา
มุมที่เปิดเผยไม่ได้นี่แหละ มันจะดีกับทุกฝ่าย

“สำหรับพี่ยังไงก็ได้ ยัยน้องตัวแสบส่งไปว่อนเน็ตแล้วใช่มั้ยล่ะ ดังจนช้างฉุดไม่อยู่แล้วนะเราสองคนน่ะ”

พี่ดินพูดแล้วจับหัวเขาโยกไปมา และพากันออกไปดูคนงานที่กำลังย้ายมุมปรับเปลี่ยนองศาจัดวางข้าวของ
ที่พวกเขาและพ่อเขตสั่งเข้ามา ตกแต่งจุดพักถ่ายรูปสำหรับผู้มาเยี่ยมชมไร่





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 55,56,...
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 10-04-2019 16:53:20
สรุปเรื่องนี้คุณยายร้ายสุด  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 55,56,...
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-04-2019 18:48:33
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:

หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 58 รักยิ่งใหญ่
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 11-04-2019 22:20:02
ตอนที่ 58 รักยิ่งใหญ่

ตอนสายของวันนี้มีบุคคลที่ไม่คาดคิดมาปรากฏตัวที่ไร่เขตแผ่นดิน  ทำให้เลือดในกายของกอหญ้า
และแผ่นดินสูบฉีดพล่านเลยทีเดียว

“พี่ดินขานิชาคิดถึงนะคะไม่เจอหน้าหลายเดือนเลย  วันนี้พานิชาชมไร่หน่อยสิคะ”

นิชาสาวสวยลูกสาวของเสี่ยทวีปนั่นเอง
“พี่ข้าว ขิมขอโทษกับเรื่องที่แล้วมา พี่ข้าวอภัยให้ขิมได้มั้ยคะ”

อดีตคนรักที่สลัดรักกอหญ้าอย่างไม่มีเยื่อใยก็มาด้วย

“อ้าว! นี่คนรักเก่าของนายเหรอ มาขอคืนดีสินะ ดีๆกันไปเลยสิ รออะไรล่ะ จะได้เลิกยุ่งกับพี่ดินของฉันซะที”

นิชาพูดออกมาอย่างเผยไต๋จนได้ว่าที่มาถึงไร่วันนี้ด้วยจุดประสงค์ใด

“อะไรกันคุณปากแดง พี่ดินเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่…แล้วก็ผมเกี่ยวอะไรครับคุณ ผมจำไม่ได้ว่าเคยรักคุณนะ”

กอหญ้าพูดแล้วเดินไปเกาะแขนพี่ดิน ทำเอาสองสาวที่มาวันนี้จ้องเขาเขม็งอย่างกับไม่เคยเห็น

“พี่ข้าวเราเคยรักกันนะ พี่ข้าวเลิกประชดขิมแบบนี้เถอะ ขิมมาขอโทษแล้วเนี่ยยกโทษให้ขิมเถอะ”

เด็กสาวที่รูปร่างหน้าตาสะสวยหุ่นอวบอั๋น หน้าอกหน้าใจที่ดูมีมากเกินตัวเธอจีบปากพูดเหมือนเรื่อง
ที่เธอทำมันเป็นเรื่องเล็กๆที่จะยอมกันได้ง่ายๆอย่างนั้น แผ่นดินมองอดีตคนรักของกอหญ้าด้วยอาการนิ่งเฉย

“ยังไงเหรอครับ ผมก็ไม่ได้โกรธหรือประชดอะไรคุณนี่นะ ผมถามหน่อยเถอะไปอยู่ที่ไหนกันมาครับ
 เราสองคนจะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ได้ดูข่าวกันเลยรึไง พวกคุณมาผิดที่แล้วละครับถ้าจะมาเพื่อทวง
ถามอะไรแบบนี้”

กอหญ้าพูดมีเหน็บแนมค่อนแคะไปบ้างตามประสาคนไม่ยอมลงให้ใคร แผ่นดินแอบยกยิ้มพอใจ

“อะไรกันคะพี่ดิน จะแต่งงานกันไปได้ยังไงล่ะผู้ชายเนี่ยนะ ฟ้าผ่าตายสิ”

นิชาเริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น

“งั้นใครอีกหลายๆคู่ที่แต่งกันก็ถูกฟ้าผ่าตายไปหมดแล้วสินิชา พูดจาชุ่ยๆไปได้ นี่คนรักของผม
อย่าคิดที่จะเข้ามาแทรกกลางเลยนิชามันไม่เป็นผลหรอก ถ้ามาเพื่อเที่ยวชมไร่เดี๋ยวผมหาคนพา
ไปแต่ถ้าเข้ามาด้วยจุดประสงค์อื่น ที่นี่ไม่ต้อนรับ”

แผ่นดินพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ และเป็นการประกาศออกไปในตัวว่าห้ามยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
 นิชาฟังหน้าเครียดกำมือแน่น

“พี่ข้าวฟังขิมหน่อย ขิมถอนหมั้นกับตฤณแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะแล้วพี่ข้าวก็กลับไปรับงาน
 กลับไปอยู่กรุงเทพฯกันนะคะ”

ขิมพูดและทำท่าจะเดินเข้าไปหากอหญ้า แผ่นดินฟังแล้วหน้าตึงขึ้นมาทันทีเขา ไม่ชอบใจที่เด็กสาว
ตรงหน้ามาตอแยคนรักของเขาแถมยังจะมาพากอหญ้าไปจากเขาอีก

“คุณจะหมั้นหรือถอนหมั้นกับใครยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม คนที่ผมรักและจะแต่งงานด้วยมีเพียงพี่ดินเท่านั้น”

กอหญ้าพูดชัดถ้อยชัดคำและสรรพนามเรียกขานก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ก้าวแรกที่พบหน้ากันแล้ว

“พี่ดินทำไมเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ก็แค่ผู้ชาย มันมีอะไรดีรึก็เปล่า นิชาไม่คิดเลยว่าพี่จะหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้
 จะอะไรกันนักหนา…เป็นเพราะมีมันเข้ามา…มันทำให้พี่ดินกลายเป็นพวกวิปริตผิดเพศ ถ้าไม่มีมันสักคน…”

นิชาพูดทิ้งท้าย หน้าตาที่เคยสวยงามกลายเป็นดุดันขึ้นมาอย่างกับเป็นคนละคนกัน กอหญ้าแค่ปรายตา
มองผ่านๆอย่างไม่ใส่ใจ อยากพล่ามก็พล่ามไป เขาไม่สนเสียอย่าง

“นิชากลับไปเถอะ ผมจะเป็นยังไงจะรักใครหรือไปชอบใครมันก็เรื่องของผมนะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย
 เท่าที่ผมรู้เราไม่เคยคบกัน คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ผมไม่เคยให้ความหวังคุณด้วย
 ผมชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว ผมจะบอกอะไรให้นะนิชาต่อให้โลกนี้มีคุณเป็นผู้หญิงหรือมนุษย์คนเดียวผม
ก็ไม่มีวันชอบคุณ เข้าใจซะบ้าง”

แผ่นดินพูดอย่างเหลืออด เขาไม่คิดจะรักษาน้ำใจใครอีกในเมื่อมายืนพูดจาดูหมิ่นทั้งเขาและกอหญ้า
ได้ขนาดนี้เขาก็ไม่ไว้หน้าเช่นกัน

วาจาที่แผ่นดินพูดออกไปกระตุ้นโทสะของนิชาเข้าจนเส้นความอดทนของเธอขาดผึง
 เธอเปิดกระเป๋าสะพายแล้วล้วงวัตถุสีดำเงาออกมา แผ่นดินเบิกตากว้างและเป็นไปอย่างอัตโนมัติ
ที่มือหนาคว้าคนรักเข้ามากอดไว้แนบอกพร้อมกับกดศีรษะของกอหญ้าให้ซบลงกับบ่าของเขา

“รักมันมากสินะ นี่ขนาดนิชาจะส่งมันไปตายพี่ดินยังจะเอาตัวมาปกป้องมันอีก”

คำพูดของนิชาทำให้คนในอ้อมกอดมีการขืนตัวเพื่อจะหันมองดูเหตุการณ์ที่เจ้าตัวไม่ทันได้เห็นว่า
ตอนนี้ปลายกระบอกปืนได้หันมาที่ตนแล้ว

“เอาสิ! นิชาจะนับถึงสิบถ้าพี่ดินไม่หลบก็ตายพร้อมกับมันไปเลย”

แผ่นดินมองใบหน้าบูดบึ้งและดูเหยเก ผิดไปจากที่เคยเห็น เขาไม่ได้กลัวตายที่เห็นปืนแต่
เขากลัวว่าไอ้วัตถุชิ้นนั้นมันจะทำร้ายคนที่เขารัก…ไม่มีวัน เขาจะปกป้องกอหญ้าด้วยชีวิต

“พี่ดินปล่อยกอหญ้าเถอะนะ”

กอหญ้าร้องขอแต่แผ่นดินยิ่งรัดไว้แน่นเข้าไปอีก

“นิชาถึงคุณจะฆ่าผมหรือกอหญ้า คุณก็หนีเงื้อมมือของกฎหมายไปไม่พ้นเปลี่ยนใจยังทันนะ
 ชีวิตของคนทุกคนมีค่าไม่ว่าจะเป็นใคร เรามาคุยกันดีๆดีกว่ามั้ยอย่าใช้อารมณ์เพราะการตัดสิน
อะไรสักอย่างด้วยอารมณ์ไม่เคยให้ผลดีกับใครคุณเองก็รู้”

กอหญ้าพยายามเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดที่รัดแน่นจนเขาแทบจมเข้าไปในอก

“อย่าพูด! มันสายเกินไปแล้วในเมื่อเลือกมัน! รักกันมากนักละก็ตายไปพร้อมกับมันเลยแล้วกัน ฮ่ะฮ่าฮ่า”

นิชาพูดอย่างกราดเกรี้ยว และเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังลั่น

“พี่ดินปล่อยกอหญ้า เขาต้องการชีวิตของกอหญ้าก็ให้เขาเอาไป พี่ดินยังมีลูกมีใครอีกหลายๆคน
 รักษาชีวิตพี่ไว้ให้พวกเขาเถอะอย่ามาแลกกับคนอย่างกอหญ้าเลย แค่นี้กอหญ้าก็รู้ซึ้งดีแก่ใจแล้ว
ว่าพี่ดินรักแม้แต่ชีวิตของพี่ก็ให้กันได้ ขอบคุณที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กันมาตลอด ถึงแม้จะเป็น
ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม รักพี่ดินนะครับ…รักมาก”

กอหญ้าจูบปลายคางของคนรัก ในระหว่างที่เขาพูดกับพี่ดินเขาได้ยินเสียงนับของนิชา
 กอหญ้าพูดจบพร้อมๆกับที่นิชาก็นับครบพอดี กอหญ้าเอาแรงที่มีทั้งหมดมาเป็นพลังขับเคลื่อน
 เขาเอาหัวกระแทกปลายคางพี่ดินเต็มแรงจนพี่ดินเซถลาและอ้อมกอดก็หลุดเพราะไม่ทันได้ระวัง
 กอหญ้ายืนเป็นเป้ากระสุนอยู่ตรงนั้น เสียงปืนที่แผดก้องออกมาสองนัดซ้อน ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
ที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร

กอหญ้าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ หันมองพบว่าปืนไปอยู่ในมือของมิ่งแล้วตอนนี้
 และนิชานั่งกองลงไปกับพื้นเอามือปิดหน้ากรีดร้องตัวสั่นงันงกอย่างคนที่คุมสติตัวเองไม่ได้
 และนั่นร่างของผู้หญิงที่ฟุบอยู่กับพื้น

กอหญ้าสังหรณ์ใจจึงวิ่งเข้าไปแล้วทรุดนั่งตรงร่างนั้นที่มีเลือดสีแดงฉานไหลทะลักตรงกึ่งกลางลำตัว

“แม่! ไม่นะ! พี่ดินช่วยคุณแม่ด้วยช่วยแม่ของกอหญ้าด้วย ไม่จริงใช่มั้ย แม่ต้องไม่เป็นอะไร
 แม่ครับเราได้เจอกันแล้วอย่าเป็นแบบนี้ ไม่เอาแบบนี้สิ ฮืออออ”

กอหญ้าเข้าไปกอดร่างของมารดาไว้ร้องไห้น้ำตานองหน้าและพรั่งพรูคำพูดออกมา
 แผ่นดินรีบดึงตัวกอหญ้าออกห่างแล้วเข้าไปดูคนเจ็บแทน

“คุณน้าทิพย์อดทนนะครับ มิ่งไปเอารถออกเร็ว ขวัญแจ้งตำรวจ ไอ้สนเว้ย! คุมตัวนังบ้านั่นไว้ที
 กอหญ้าทำใจดีๆนะ คุณน้าอย่าหลับนะครับอดทนนะเราจะไปหาหมอกันแข็งใจไว้นะครับ
…รถมาแล้วไปกันกอหญ้า”

แผ่นดินอุ้มแม่เลี้ยงข้าวทิพย์ที่มีเลือดไหลออกมาเต็มเสื้อไปที่รถ
 เขาวางท่านนอนราบที่เบาะหลัง

กอหญ้ากระโดดขึ้นรถแม้จะยังเบลอๆกับเหตุการณ์ที่เกิดอย่างปัจจุบันทันด่วน แม่เลี้ยงข้าวทิพย์นอนนิ่ง
 เลือดออกมากจนกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั้งคันรถ

“พี่ดินแม่หายใจมั้ย กอหญ้าไม่ให้แม่เป็นอะไร แม่ต้องอยู่กับกอหญ้าอยู่กับน้อง ฮือฮือ”

กอหญ้าสะอื้นไห้ไม่หยุด แผ่นดินเห็นคนเจ็บที่สลึมสะลือและชีพจรเริ่มอ่อน

“มิ่งๆโยนผ้าที่แกโพกหัวมาให้ที กอหญ้ามากดปากแผลไว้ไม่ต้องแน่นมากนะ พี่จะเป่าปากท่านแล้วจะปั๊มหัวใจ
 กอหญ้าตั้งสติไว้ทำใจดีๆเราต้องช่วยกันนะ คุณน้าจะต้องปลอดภัยเมื่อถึงมือหมอ
 ไอ้มิ่งมึงขับเร็วแบบเต็มๆตีนหน่อยสิวะ!”

มิ่งเหงื่อแตกแต่เมื่อเห้นนายดินสั่งและขบกรามจนเป็นสันนูน บ่งบอกว่าเจ้านายกำลังเครียดเอามากๆ
มิ่งจึงเหยียบคันเร่งแทบมิดตามคำสั่ง ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่โรงเรียนเข้าและรถที่สัญจร
ไปทำงานก็บางตาไปกว่าครึ่ง

“กอหญ้าใจเย็นๆนะ คุณน้าท่านเสียเลือดมาก กดแผลห้ามเลือดไว้นะ มีสตินะกอหญ้า มิ่งมึงเหยียบได้อีกมั้ยวะ
 เมียกูสติจะแตกแล้วเนี่ย”

แผ่นดินเครียดอย่างหนัก เขากำลังกลัวจนมือไม้สั่นพยายามประคองสติ เขากลัวว่าคนตัวบางข้างๆนี้
จะรับการสูญเสียไม่ได้อีกแล้ว …กลัวจนจับขั้วหัวใจเลยทีเดียว

“กอหญ้าคนดี คุณแม่ท่านจะไม่เป็นไรครับทำใจดีๆไว้นะ”

แผ่นดินปลอบคนรักมือก็กดปั๊มหัวใจคนเจ็บไม่หยุด

“มิ่งมึงเห็นมั้ย! เมียกูไม่รับรู้อะไรเลย”

มิ่งมองนายดินกับคุณกอหญ้าที่เบาะหลัง คนเป็นนายเครียดจนเส้นเลือดแทบจะพุ่งออกจากดวงตาอยู่แล้ว
ส่วนอีกคนที่ดูเลื่อนลอยและดูเปราะบางอย่างกับแก้วบางๆที่หากไม่ระวังเผลอไปกระทบกับอะไรหน่อย
ก็จะแตกออกได้โดยง่าย นายดินช่างสังเกตแล้วก็แม่นยำในการคาดคะเนเสียด้วยสิ

มิ่งเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลทันที

“เตรียมตัวเถอะนายถึงโรงพยาบาลแล้ว”
 มิ่งพุ่งรถไปจอดที่ส่วนหน้าของทางเข้าแผนกฉุกเฉินและเมื่อรถจอดเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างกรูกัน
เข้ามาหาคนเจ็บและพาเข้าห้องไป แล้วก็เป็นไปตามระเบียบที่ญาติถูกกันออกมา


มิ่งไปหาที่จอดรถบนอาคารและรีบเร่งพาตัวเองไปสมทบกับคนเป็นนายทั้งสองทันที

“นายดินครับ แม่เลี้ยงท่านโดนยิงไปนัดเดียวเพราะจังหวะที่ผมพุ่งไปแย่งปืนทำให้
วิถีกระสุนเบนไปที่อื่นน่ะครับ”

มิ่งบอกกับเจ้านายที่นั่งกอดคนรักแนบกับบ่าและลูบหัวลูบหลังปลอบไม่ได้หยุด
 มิ่งไม่เห็นว่าคุณกอหญ้ามีสีหน้ายังไงในตอนนี้เพราะหันหน้าเข้าผนัง

“อืม…นัดเดียวก็เอาเรื่องเหมือนกันว่ะมิ่ง ตะกี้ข้าโทรไปบอกพ่อเลี้ยงอเนกแล้วเดี๋ยวท่านคงมา
 ดีนะที่ปั๊มหัวใจให้คุณน้าทิพย์ท่าน”

แผ่นดินถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าในตอนที่พูด

“พี่ดิน แม่เจ็บเพราะกอหญ้า เราไม่น่าเจอกันเลย ท่านต้องมาเจ็บแบบนี้ไม่ดี…ไม่ดีจริงๆ”

กอหญ้าได้แต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น

‘คุณแม่อย่าเป็นอะไรนะฮะ หากเราแม่ลูกเจอกันแล้วต้องเป็นแบบนี้ กอหญ้าขออยู่โดยไม่ต้องได้พบ
…ไม่ต้องรู้ว่าใครเป็นแม่…ดีกว่า…ไม่เอาแบบนี้’

“กอหญ้าไม่โทษตัวเองนะไม่มีใครอยากให้เกิด คุณน้าทิพย์ท่านรักกอหญ้าถึงได้ปกป้องอย่าคิดมากไปเลย
 หากคุณน้าทราบว่ากอหญ้านั่งโทษตัวเองแบบนี้ท่านคงไม่ชอบใจและท่านจะเสียใจมากที่ทำให้กอหญ้
าไม่มีความสุข ไม่ดื้อนะครับ…คนดีของพี่”

กอหญ้านิ่งฟังและดันตัวเองออกจากบ่าของคนตัวโตและจ้องมองคนรักด้วยแววตาสั่นไหว
และน้ำตาที่เอ่อท้นเปื้อนแก้มใส

“คุณแม่จะหายใช่มั้ยพี่ดิน ท่านจะไม่ทิ้งกอหญ้ากับน้องใช่มั้ย กอหญ้าไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้เลย
 ที่ท่านมาหาหลายต่อหลายครั้งกอหญ้าไม่เคยที่จะเรียกท่านว่าแม่เลยสักครั้ง
ทั้งที่ข้าวหอมก็บอกเสมอให้เปิดใจกับท่าน กอหญ้าละอายใจจริงๆที่ตอนท่านดีๆไม่คิดที่จะเรียกท่าน
 มาเรียกตอนที่ท่านเจ็บและไม่ได้ยินอย่างนี้ พี่ดินกอหญ้าปวดใจเหลือเกินแล้ว”

กอหญ้าพูดทุกสิ่งที่ค้างคาใจด้วยใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา แผ่นดินไล้ปลายนิ้วกรีดเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ

“อย่าคิดมาก ท่านต้องหายแน่นอนและท่านจะกลับมาหากอหญ้าของพี่นะครับ
 ตอนนี้ให้หมอผ่าเอากระสุนออกก่อนนะ กอหญ้าของพี่ต้องเข้มแข็งและอดทนรอ
 เรามารอฟังข่าวดีกันนะครับ คุณน้าทิพย์ท่านจะต้องกลับมาฟังคนดีของพี่เรียกท่านว่าแม่
 ท่านจะต้องกลับมาฟังแน่ๆเชื่อพี่นะ”

แผ่นดินจับปอยผมไปทัดไว้ให้ที่หลังใบหู และโน้มจมูกไปจรดที่หน้าผากมนอย่างปลุกปลอบขวัญ

“กอหญ้า…จะเชื่อพี่ดิน จะเชื่อ…เชื่ออย่างนั้น”

กอหญ้าทิ้งศีรษะลงซบบ่าของแผ่นดินอีกครั้ง บ่ากว้างและอกที่กำยำอบอุ่นนี้ให้ความรู้สึกปกป้อง
และปลอดภัยเสมอมา เจ้าตัวดันตัวออกเล็กน้อยแล้วไล้ปลาบนิ้วไปทั่วกรอบหน้าของพี่ดินและ
จูบที่ปลายคางที่ช้ำแดงจนออกสีม่วง ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ถึงกับคางแตก ขนาดว่าหัวเขาเองที่โดน
กระแทกยังปูดขึ้นมาและเจ็บเอาการอยู่เหมือนกัน

“กอหญ้าขอโทษนะที่ทำพี่ดินเจ็บและทำให้คุณแม่เจ็บไปด้วย…ไม่ดีเลยเนอะ…ขอโทษนะครับ”

กอหญ้าพูดแล้วลูบปลายคางของเขาแผ่วๆ แผ่นดินลืมไปแล้วว่าโดนคนตัวเล็กนี่ทำร้ายไว้เพราะ
เจ้าตัวเลือกที่จะเป็นเป้าของกระสุนเสียเองแบบนั้น เขาก็โกรธไม่ลงเหมือนกัน

“พี่เจ็บแค่นี้มันเทียบไม่ได้เลยกับการที่กอหญ้าปลอดภัย ขอบคุณที่ยังอยู่กับพี่…ตรงนี้”

แผ่นดินเอาคางกดคลึงที่ไหล่ของคนรักเบาๆ จนเมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกและเจ้าหน้าที่
เข็นเตียงของคนเจ็บออกมา เขาและกอหญ้าผุดลุกขึ้นพร้อมๆกัน

“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ กระสุนไม่โดนจุดสำคัญแต่เสียเลือดมากอยู่สักหน่อยแต่ก็ถือว่าโชคดี
มากที่พาคนไข้มาได้ทันเวลา และมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นกันมาดี”

คุณหมอพูดจบ ทั้งกอหญ้าและแผ่นดินหันมาสวมกอดกัน แล้วพ่อเลี้ยงอเนกก็มาถึงและเดินไป
ที่เตียงคนเจ็บที่ยังคงให้เลือดอยู่

“คุณน้าทิพย์ปลอดภัยแล้วครับ รอท่านฟื้นเพราะเพิ่งผ่าเอากระสุนออกครับ”

แผ่นดินรับหน้าและบอกเล่าอาการให้พ่อเลี้ยงอเนกทราบ

“อืม ดีมากแล้วที่ไม่โดนจุดสำคัญ ดีจริงๆ”

พ่อเลี้ยงอเนกกุมมือภรรยาไว้ ใบหน้าที่เครียดๆในก้าวแรกที่เห็น ผ่อนคลายลงมากเมื่อได้ฟังผล

“ขอโทษนะครับที่คุณแม่ เอ่อ…คุณน้าทิพย์เป็นแบบนี้เพราะผมเองครับ”

กอหญ้าเอ่ยปากขอโทษคนในครอบครัวของมารดา

“เรียกเค้าว่าแม่เถอะนะกอหญ้า ถ้าเขารู้คงดีใจมากที่รอคอยคำนี้มาตั้งนาน…ยอมเรียกเสียทีนะเรา
 ที่แม่เราเค้ายอมเจ็บครั้งนี้ก็เพราะรักเรานั่นแหละนะอย่าไปคิดวิตกอะไรให้มันมากมายปเลย
 มันไม่ใช่ความผิดอะไรของนายนะ”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองจนคนฟังมีสีหน้าที่ดีขึ้นฉับพลัน

“ผมขอเฝ้าเอ่อ…คุณแม่…นะครับ”

กอหญ้ารีบอาสาอยู่เฝ้าไข้เพราะโอกาสที่เขาจะทดแทนคุณท่านอยู่แค่เอื้อมนี้แล้ว
 เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกผิดไปมากกว่านี้

“อืม…ตามใจเรานะแต่เดี๋ยวข้าวหอมก็จะมาแล้ว ก็ดีจะได้มีเพื่อนเฝ้า”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดอย่างยินยอม

“อ้าว! น้องข้าวหอมมีเรียนไม่ใช่เหรอครับทั้งพรุ่งนี้ด้วย”

กอหญ้าพูดเพราะเขากับน้องสาวคุยโทรศัพท์กันแทบทุกวันจนพลอยรู้ตารางเรียนของน้องไปแล้ว

“แม่เค้าทั้งคนอ่ะนะ ใครจะไปห้ามอะไรได้ล่ะไว้พี่น้องคุยกันเอาเองแล้วกันนะ”

พ่อเลี้ยงอเนกพูดเพราะรู้นิสัยลูกสาวที่ติดแม่เอามากๆได้เป็นอย่างดี คู่นี้แทบจะไป
กินนอนเฝ้ากันที่หอเลยก็ว่าได้

“กอหญ้านี่เราก็เพิ่งหายป่วยเองนะ ให้ข้าวหอมเฝ้าไปก่อนเถอะวันนี้น่ะ”

แผ่นดินเห็นคนรักเพิ่งหายป่วยจึงอยากให้กลับไปพักที่บ้านสักคืนค่อยมาเปลี่ยนเวรเฝ้า

“พี่ดินกอหญ้าหายแล้วนะฮะ อีกอย่างที่คุณแม่เป็นแบบนี้กอหญ้าก็มีส่วนนะให้กอหญ้า
ได้ดูแลท่านเถอะครับ นะพี่ดิน”

แผ่นดินมองคนรักที่ออกอาการดื้อคงห้ามกันไม่ฟังแล้วลองเป็นแบบนี้ เพราะดูได้จากสายตา
ที่มุ่งมั่นขนาดนั้น
 
“ครับๆงั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ให้ขวัญเอาของใช้มาให้แล้วกัน”
กอหญ้าพยักหน้าจนผมกระจายเมื่อถูกตามใจ


“คุณแม่ครับ กอหญ้าขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้คุณแม่เจ็บ”

กอหญ้ากุมมือมารดาไว้เมื่อท่านลืมตา

“ไม่หรอกลูก แม่ทำหน้าที่ของแม่แค่นั้นเอง แค่แม่ได้ปกป้องลูกก็ดีใจที่สุดแล้วถึงจะต้องตายแม่ก็ยอม
 แม่ดีใจนะกอหญ้าที่ลูกอภัยให้แม่และยอมเรียกแม่ว่าแม่…แค่นี้ก็เกินพอแล้ว”

กอหญ้าได้ฟังอย่างนั้นจึงสวมกอดท่านไปเพียงเบาๆ ท่านยกมือขึ้นมากอดตอบแม้แค่แผ่วๆ
แต่กอหญ้าก็รู้สึกเต็มตื้นแล้ว อ้อมกอดที่เขาโหยหามาตลอด…อ้อมกอดของแม่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

‘หายเร็วๆนะครับ แล้วกอหญ้าจะกอดแม่ให้แน่นๆเลย’
กอหญ้าวาดหวังไว้ในใจ

“พระคุ้มครองนะลูก ดีที่สุดที่ลูกแม่ปลอดภัย ดีจริงๆ”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ตบหลังลูกเบาๆ

“คุณแม่ก็ปลอดภัยแล้วเหมือนกัน หายเร็วๆนะคะ”

ข้าวหอมเข้ามากอดและหอมแก้มท่านอีกคน

“พี่กอหญ้าไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย เนี่ยท่านเป็นสุดยอดคุณแม่ของพวกเรา
 แล้วก็ห้ามโทษตัวเองเลยนะคะ คุณพ่อบอกน้องแล้ว เนี่ยนะคะไม่ว่าจะเป็นพี่
กอหญ้าหรือข้าวหอมที่เกิดเรื่องคุณแม่ท่านต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่คิดมากนะคะ”

ข้าวหอมยิ้มให้พี่ชายที่ดูจากสีหน้าก็เป็นอย่างที่บิดาเล่าว่าเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุ

“วันนี้หนูจะช่วยดูแลคุณแม่แต่พรุ่งนี้อาจารย์นัดส่งงาน พี่กอหญ้าช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ก่อนนะคะ
 ถ้าเจอคุณยายพี่ต้องใจเย็นๆ ท่านจะพูดอะไรก็หนักแน่นเข้าไว้ สู้ๆนะพี่ชายของหนู”

ข้าวหอมพูด กอหญ้าฟังน้องและพยักหน้า นาทีนี้เขาทำได้หมดถ้าเพื่อแม่ที่สละะชีวิตเพื่อช่วย
ชีวิตเขาแล้ว…เขายอม

มีเรื่องน่าตกใจอีกเรื่องที่พวกเขาเพิ่งรู้คือนิชามีอาการป่วยทางจิตต้องได้รับการบำบัดรักษา
 ผลกรรมจากความริษยาเครียดแค้นและไม่ปล่อยวางของคุณหนูที่เคยใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ
บนกองเงินกองทองมาตั้งแต่เกิดพอเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้
มันเร็วเกินไปที่จะตั้งรับสำหรับนิชาที่ทรัพย์สินถูกตรวจสอบว่าได้มาโดยมิชอบทั้งสิ้น

ตลอดหนึ่งสัปดาห์แผ่นดินเทียวมาเทียวไประหว่างไร่กับโรงพยาบาลเพื่อมาคอยอยู่เป็นเพื่อนคนรัก
และเมื่อหมอให้คนเจ็บกลับบ้านได้ เขาจึงเป็นธุระพาแม่ยายไปส่งบ้าน คุณยายยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อพบเห็นคนรักของเขา ซึ่งแผ่นดินดูแล้วก็เป็นแค่การวางท่าทางไปอย่างนั้นเอง ก็คนเจ้ายศเจ้าอย่าง
และแบกชื่อเสียงเกียรติยศไว้มากก็ย่อมยากที่จะปล่อยวางอะไรง่ายๆ

กอหญ้าดูจะวางตัวได้เนียนเอามากๆก็เห็นไปลามาไหว้อย่างปกติที่ทำ เขาก็ได้แต่หวังว่าไม่นานทิฐิ
และความยึดมั่นถือมั่นของคุณยายคงจะเบาบางลงบ้างตามกาลเวลา

“พี่ดินว่างๆ พากอหญ้าไปเยี่ยมคุณแม่บ้างนะ กว่าท่านจะหายและทำอะไรได้อย่างเดิมก็เป็นเดือนๆ นู้น”

“ได้สิครับ แม่ยายป่วยนี่ไปเยี่ยมได้อยู่แล้ว เรื่องเล็กๆ”

พี่ดินพูดสีหน้าแววตากรุ้มกริ่ม

“พูดเต็มปากเต็มคำเลยเนอะ”

กอหญ้าหยิกที่แขนคนตัวโตไปที

“ทำร้ายร่างกายสามี เดี๋ยวจะโดนทำโทษหนักนะครับ…คืนนี้”

จบคำ มือนุ่มก็ทุบอึ้กที่กล้ามแขนของเขาอีกจนได้
“ที่รัก พี่ไม่ใช่กระท้อนนะครับทุบเอาๆแบบนี้ อย่าดุ…นอกห้องนอน…บอกไม่เคยจำเลยนะ”

กอหญ้าแสร้งทำหน้ามุ่ยแต่แววตาที่แผ่นดินสัมผัสได้คือเจ้าตัวผ่อนคลายตั้งแต่รู้ว่ามารดาได้กลับบ้านแล้ว

เขาสองคนผ่านเรื่องราวความเป็นความตายไปได้อีกครั้ง และครั้งนี้พิสูจน์ได้ดีเลยว่าใครรักเราจริง
กอหญ้าคิดว่าแค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว ต่อแต่นี้เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในเมื่อมีผู้ชายที่รักและเป็น
ทุกอย่างอยู่ข้างๆกันตรงนี้…สิ้นสุดแล้วกับการเดินทางอันยาวนาน…เขาข้ามฟ้ามาเพื่อได้พบกับผืนแผ่นดิน
ที่มั่นคงผืนนี้…ที่จะเป็นที่พักพิงสำหรับเขาไปจนวันตาย

                                                                                                    ***** The end *****

*********************************************************************************
กล่าวลากันตรงนี้เลยนะคะ

ขอบคุณที่ติดตาม

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์

ขอบคุณจากใจ

แล้วพบกันใหม่ในเรื่องหน้านะ

รักคนอ่านทุกคน

...เส้นขอบฟ้า... :)
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน พิเศษ 1 แฟนหมอ
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 11-04-2019 22:55:09
Special 1    แฟนหมอ

คอนโดหรูใจกลางเมือง  หมอหนุ่มเดินเข้าไปภายในลิฟต์  เอื้อมมือจะกดเลือกชั้นเห็นเป็นเลขชั้นเดียว
กันกับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ก่อนในลิฟต์  ตัวออกจะบางกว่าเขาหน่อย  หน้าตาจัดว่าดูดีพอควรในชุดนิสิต
คิ้วเข้มจมูกโด่ง  ก้มหน้าก้มตากับโทรศัพท์เครื่องบางในมือ  ปากเม้มแล้วคลายอยู่หลายครั้ง

“น้องกริชพี่มารับ มาจริงๆ ห้ามปฏิเสธแล้วนะ พี่ไม่ได้ล้อเล่นถึงแล้วเนี่ย”

หมอไนท์ว่าจะไม่สนใจแล้ว  แต่ชื่อของคนปลายสายทำให้ยุบยิบในใจไม่น้อย เขาจึงต่อสายไปหาคนที่นึกถึงทันที

“ตัวเล็กพี่จะถึงแล้วมีนัดทำงานกลุ่มเหรอ  พี่อยู่ได้รอเรากลับก็ได้ครับคิดถึงตัวเล็กมากๆ
พรุ่งนี้วันหยุดของพี่ต้องอยู่กับพี่ทั้งวันรู้มั้ย ไม่งั้นพี่ไม่ยอมด้วยแน่ใจนะที่พูด ถึงแล้วมารอได้เลย”

หมอไนท์เก็บโทรศัพท์  เด็กหนุ่มอีกคนขยับตัวเมื่อลิฟต์ถึงที่หมาย  เมื่อประตูเปิดเขาจึงก้าวออกไป
ตัวเล็กของเขากระโดดมากอดอย่างดีใจ

“คิดถึงพี่ไนท์ที่สุด ไม่เจอเป็นเดือนเลยอ่ะ  รอกริชนะจะรีบกลับแล้วเราไปหาของอร่อยทานกัน
เข้าห้องสั่งมื้อเช้ามาทานกันครับ”

ตัวเล็กพูดไม่หยุดไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดเลย

“น้องกริชครับ  พี่มารับ”

มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น  หมอหนุ่มหันขวับไปตามเสียง

“เห้ย! พี่เต้  คิดว่าล้อเล่นมาจริงๆ ด้วยอ่ะ อ้อ! พี่เต้ครับ นี่พี่หมอไนท์แฟนกริชเอง
ส่วนนี่พี่เต้เป็นพี่ชายของเพื่อนที่กริชจะไปทำงานกลุ่มด้วยครับพี่ไนท์”

คนตัวเล็กแนะนำให้สองหนุ่มรู้จักกัน  หนุ่มที่ชื่อเต้ดูสีหน้าเจื่อนๆ ไป แต่ก็ยกมือไหว้หมอหนุ่ม

“เข้าห้องก่อนครับ  เดี๋ยวกริชขอทานข้าวกับพี่ไนท์ก่อน  พี่เต้ทานมาหรือยังจะได้สั่งให้ด้วยเลย”

“พี่ทานมาแล้ว  พี่ไปรอที่ลอบบี้แล้วกันนะ”

พูดจบพี่เต้ก็เดินกลับไปที่ลิฟต์ พี่ไนท์มองตามสีหน้านิ่งเรียบ  กริชรู้สึกเหมือนงานจะเข้ายังไง
ไม่รู้รีบเดินไปที่ห้อง 3334 รูดคีย์การ์ดเข้าไป พี่ไนท์ตามมาเงียบๆ พอประตูปิดลงกริชก็ถูกกระชาก
เข้าหาตัวคนที่เดินตามหลังมา  ถูกริมฝีปากร้อนของพี่ไนท์บดขยี้จาบจ้วงรุกเร้าเอาแต่ใจ

กริชตกใจอ้าปากจะประท้วงก็ถูกคนตัวโตกว่าแทรกลิ้นพรวดเข้ามาไม่มีอ่อนโยนเสียเลย  จากดุเดือดดูดดึง
เปลี่ยนเป็นควานหาลิ้นนุ่มของเขาอย่างอ่อนโยนสร้างความวูบวาบอุ่นซ่านแปลกๆ จูบแรกถูกพี่ไนท์ช่วงชิงไปแล้ว
กริชเห็นแก่คนที่อุตส่าห์เดินทางมาไกลจึงตอบรับความคิดถึงที่พี่ไนท์มีให้และทุกความรู้สึกที่เขามีต่อคนตัวโต
ด้วยจูบที่หวานละมุน  เขาเผลอแทรกปลายนิ้วในกลุ่มผมพี่ไนท์ ได้ยินเสียงครางรับผะแผ่วอย่างพึงใจ
แล้วปากร้อนๆ ของคนพี่ก็คลายออก

กริชซบหน้าที่เห่อร้อนของเขากับแผงอกล่ำของอีกคน

“หวงนะให้หนุ่มอื่นขึ้นมารับถึงห้องพี่อยากจับเราพาดที่ตักแล้วตีๆ ที่ก้นนี่นัก”

ไม่พูดเปล่ากับใช้มือขยำที่แก้มก้นเขาอีก และยังเอาจมูกมาคลอเคลียที่หลังใบหูจนกริชสยิวขนอ่อนที่แผง
คอตั้งไปแล้ว ปลายจมูกโด่งยังตามไล้มาที่ซอกคอเรื่อยลงมา  แล้วปากที่ต่อว่าต่อขานก็งับที่ต้นคอขบเม้มจนเจ็บจี๊ด

“พี่ไนท์  น้องจะไปข้างนอกนะ”

หมอหนุ่มปล่อยตัวเด็กดื้อและยกยิ้ม

“ก็ไปสิครับ ไม่ได้ห้ามนี่นา หึหึ”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเมื่อตีตราทำรอยให้เห็นเด่นชัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“กริชสั่งข้าวผัด พี่ไนท์เอาข้าวต้มปลานะฮะ”

คนตัวโตพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา วางเป้ที่สะพายหลังมาด้วยไว้ข้างๆ ตัว กริชโทรสั่งข้าวให้มาส่งที่ห้อง

ไนท์ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีครีมออกสองเม็ด  ปลดเข็มขัดออกอีกเมื่อรู้สึกไม่สบายตัว

“พี่ไนท์เปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นนะ  กริชมีกางเกงบอลพี่คงใส่ได้”

คนตัวโตมองยิ้มๆ แล้วปลดกระดุมกางเกงยีนรอ  กริชส่งกางเกงบอลให้แล้วนั่งลงจะช่วยพี่ดึงกางเกงออกจากตัว
เพราะดูกางเกงที่ฟิตมากและเหมือนจะถอดยากด้วย

“เห่ย! พี่ทำเองได้ ไปเตรียมงานที่จะเอาไปทำเถอะ”

หมอไนท์ตกใจที่น้องมาป้วนเปี้ยนกับกางเกงเขา

“เตรียมไว้แล้ว พี่ไนท์มาเหนื่อยๆ น้องทำให้”

น้องพูดเอาใจพี่และช้อนตาขึ้นมอง นี่อ่อยกันหรือไง หมอไนท์กัดปากอย่างข่มอาการสุดฤทธิ์
จูบแรกของน้องที่ดูเงอะงะเมื่อกี้ก็ยังกรุ่นไม่หาย  รอยรักสีกลีบกุหลาบที่คอขาวนั่นอีก
อยากลากขึ้นเตียงเสียเดี๋ยวนี้  ถ้าไม่ติดว่าต้องรอเวลา…น้องยังเด็ก  เจ้าเด็กขี้อ่อยไม่วายเข้ามาช่วยจนได้
เมื่อดึงกางเกงออกจากตัวเขาได้แล้วนั่นแหละจึงยอมขึ้นมานั่งด้วยกันบนโซฟา

“ฮ่าฮ่า  พี่ไนท์ใส่กางเกงเด็กเหรอฮะ  อุ๊บ”

กริชขำที่กางเกงของเขากลายเป็นกางเกงเด็กไปเลยเมื่ออยู่บนตัวอีกคน

“กางเกงแฟนเด็กครับ  ของเขาใหญ่เลยตึงไปทุกส่วนแบบนี้  หึหึ”

เด็กตัวขาวกลายเป็นตัวแดง  ยิ่งใบหูด้วยแล้ว  สักพักก็มีเสียงกดออด  กริชเปิดจ่ายเงินแล้วหิ้วถุงอาหาร
ที่มาส่งเข้ามาในห้อง  เดินไปในส่วนที่เป็นครัวอาหารใส่จานและวางบนโต๊ะกลมใกล้ระเบียง

“พี่ไนท์ทานขาวกัน  พี่จะได้พักนะฮะมาเหนื่อยๆ”

หมอหนุ่มเดินไปนั่ง ทั้งสองทานข้าวกันไปเงียบๆ จนกริชลุกไปเอาน้ำดื่มมาสองแก้ว

“พี่ไนท์ทานไม่หมดก็ไม่เป็นไร  ปวดหัวหรือเปล่า หน้าเซียวๆ นะฮะ”

“พี่เป็นหมอนะครับตัวเล็ก ลืมไปหรือเปล่า”

“รู้ครับว่ามีแฟนเป็นหมอ  แต่หมอก็ป่วยได้นะ  อย่าลืม”

กริชพูดแล้วยกหลังมือแตะที่หน้าผากคนเป็นหมอ

“นี่ไงตัวรุมๆ กำลังจะมีไข้  เดี๋ยวทานยาแก้ไข้  น้องเช็ดตัวให้นะ  พี่ไนท์จะได้สบายตัว
แล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อกล้ามดีกว่า  อืม…ต้องซื้อชุดสำรองไว้บ้างแล้ว เราต่างไซส์กัน
เวลาพี่ไนท์มาค้างจะได้มีชุดใส่สบายๆนะครับ”

คนฟังยิ้มตามเสียงเจื้อยแจ้วที่พูดนั่นนี่

“มีแฟนเด็กดีเนอะช่างเอาใจ น่ารักครับ…ตัวเล็ก”

พี่ไนท์พูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง  เป็นยิ้มที่มาทั้งปากและตา  ดวงตายิ้มได้ด้วย  มีเสน่ห์น่ามองเข้าไป
ใหญ่จนกริชชะงักไป

“เนี่ยปากแดงๆ มีไข้แล้วนะครับ”

กริชพูด  แล้วเอาหน้าผากไปชนกัน  แนบชิดอยู่อย่างนั้น

“พี่ไม่เป็นไรครับ  อย่าห่วงไปเลย  ออกเวรก็รีบมาเลย  นอนหน่อยเดียวก็เป็นแบบนี้แหละครับ
พักสักหน่อยก็หายแล้วครับ”

พี่หมอพูดอย่างกับตัวเองเคยเป็นบ่อยๆงั้นแหละ  กริชอดเป็นกังวลไม่ได้เมื่อเขาดันมีงานกลุ่มต้อง
ไปทำในตอนที่อีกคนกำลังป่วยแบบนี้

“พี่ไนท์ทานยาแก้ไข้เลยฮะ  เช็ดตัวแล้วค่อยนอนเนอะ  เสร็จงานกริชจะรีบกลับแบบด่วนจี๋เลย”

กริชพูดแล้วรีบไปเตรียมผ้าขนหนูซับน้ำมาเช็ดให้คนตัวโต  หมอหนุ่มนั่งนิ่งให้คนตัวเล็กทำให้
จนเขารู้สึกสดชื่นผ่อนคลายและอยากหลับ  น้ำกับยาก็ยื่นมาจ่อให้ที่ปาก  เขาจึงรับไปใส่ปากอย่างว่าง่าย
ใส่เสื้อกล้ามเสร็จถูกดันให้ไปนอนลงที่เตียงนอนใหญ่  กริชห่มผ้าให้  แล้วผละจะไปหยิบแฟ้มงาน  แต่ถูกดึงไว้ก่อน

“ส่งพี่เข้านอนก่อนครับ…ตรงนี้…แล้วก็ตรงนี้ด้วยครับ”

พี่ไนท์ชี้ที่หน้าผากและแก้ม  กริชยิ้มอ่อนกับคนตัวโตที่ดูจะเพิ่มดีกรีขี้อ้อนเข้าไปซะแล้ว
เขาจึงโน้มตัวลงไปจุ๊บเหม่งและแก้มแล้วยังมีแถมให้ด้วย  ก่อนจะคว้าแฟ้มที่วางที่หัวเตียง
เดินออกไปจากห้อง

กริชเพิ่งนึกได้ว่ามีคนมารอที่ลอบบี้  ป่านนี้คงนั่งรอจนจะหลับไปแล้วมั้ง
เมื่อห้องปิดลงหมอไนท์ก็ยกยิ้มความหยุ่นๆที่สัมผัสบนริมฝีปากเมื่อครู่นี้  เป็นของแถมที่ทำ
ให้เขาหลับไปอย่างยาวนาน


“พี่เต้  ขอโทษที่ให้รอนาน  พอดีพี่ไนท์มีไข้กริชเช็ดตัวหายาให้ทานถึงได้ลงมา”

เต้บอกว่าไม่เป็นไร  แต่สายตาที่บังเอิญมองไปเห็นช่วงคอขาวของคนตัวเล็กเป็นรอยแดง
แถมรอยนั้นยังใหม่ๆ เสียด้วย  น่าเจ็บใจเขาอุตส่าห์เฝ้าเช้าเฝ้าเย็นแต่กริชกลับมีตัวจริงโผล่มา
ให้เห็นจนได้  และดูจะมีภาษีเหนือกว่าก็เจ้าตัวเล่นแนะนำว่าเป็นแฟนกัน  แล้วยังเป็นหมออีก
กับเขาแค่รุ่นพี่และเป็นแค่พี่ชายเพื่อนจะเอาอะไรไปเทียบชั้นได้

“ไปกันเถอะครับพี่เต้”

คนตัวเล็กเร่งเร้าคงเป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่ในห้องเป็นแน่  เต้ทำเป็นไม่เก็บมาใส่ใจ

“เสร็จงานเจ้าโต้บอกมั้ยว่าเรามีไปต่อกัน  ดึกนิดนึงนะเพราะปิดเทอมก็ไม่ได้เจอกันตั้งสองเดือน”

“กริชขอเลื่อนไปก่อนนะพี่เต้  ต้องรีบกลับมาดูพี่ไนท์”

“น้องกริชครับ  พี่ไนท์เป็นหมอนะ  น้องกริชลืมรึป่าว”

“ถึงพี่ไนท์จะเป็นหมอแต่เป็นแฟนกริช  แฟนป่วยอยู่เป็นใครจะมีกะจิตกะใจเที่ยวกันละครับ”

กริชฉุนที่พี่เต้ทำไม่เข้าใจว่าเขาน่ะเป็นห่วงพี่ไนท์แค่ไหนหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่

“เอ่อ…ขอโทษ พอดีพี่เห็นว่าพี่เค้าเป็นหมอ  อย่าโกรธเลยนะ”

เต้หน้าเสียรีบกล่าวคำขอโทษ

“ไม่เป็นไรครับ”

กริชตอบสั้นๆ

“เพิ่งคบกับพี่ไนท์เหรอ  ก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีแฟน”

เต้ถามคำถามที่คาใจ

“เพิ่งคบเพราะพี่เค้าเพิ่งกลับจากฝรั่งเศส  เราเพิ่งกลับมาเจอกัน”

กริชเล่าไปมือก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย

“ก็ไม่นานนี้สิ”

เต้ถามกลับอีก

“ครับ  ไม่ถึงเดือน”

กริชตอบไปตามจริง

“หืม…ไม่ถึงเดือน แล้ว…เอ่อ  ทำไมถึงมาคบกันได้ล่ะ”

เต้สงสัยหนักเข้าไปอีก  จึงเอ่ยถามออกไป

“จริงๆ เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว  พี่ไนท์เป็นรักแรกครับ”

กริชพูดโดยไม่ได้มองหน้าคนฟัง

“อ่อ…ครับ”

เต้หมดข้อสงสัยที่จะซักถาม  ทุกคำถามถูกกลืนหายไปด้วยคำๆ เดียว  รักแรก
ถ้าอย่างนั้นเขาคงเป็นได้แค่มดแดงที่แฝงตัวอยู่ในพวงมะม่วง…เป็นได้แค่นั้นจริงๆ
ตลอดทางไปที่มหาลัยกริชนั่งเงียบ  คอยแต่จับจ้องอยู่กับโทรศัพท์ในมือ

งานเสร็จก็เย็นมากแล้ว   กริชรีบเก็บข้าวของและขอตัวกลับทันที จึงเป็นที่ผิดสังเกตของเพื่อนๆ ในกลุ่ม

“รีบอะไรขนาดนั้นวะกริช  มีอะไรดีรึไงที่ห้องน่ะ”

โต้เพื่อนตัวหนาหน้าหล่อ  ผิวเข้มถามขึ้นอย่างทันทีทันใด  กริชอมยิ้มแล้วโบกมือ

“แฟนมา  นอนป่วยอยู่ไว้โอกาสหน้านะโต้  ขอบคุณนะฮะพี่เต้ที่อยู่ช่วยจนงานเสร็จ  ผมกลับแท็กซี่เองได้ครับ”

“หูย…มีของดีนี่เอง เหอะๆ น่าสงสารใครบางคนจริงๆเลย”

โต้พูดและชำเลืองมองพี่ชาย  กริชได้แต่ยิ้มบางๆ แล้วรีบวิ่งไปเรียกแท็กซี่ที่เข้ามาส่งนักศึกษาพอดี



วันนี้ทั้งวันเขาทำงานไม่เป็นสุขเอาเลยเป็นห่วงพี่ไนท์  ป่านนี้ไข้จะลงรึยัง แล้วจึงกดโทรออก
หลายสายแล้วแต่พี่ไนท์ก็ไม่รับอีกเช่นเคย

“พี่ครับขอด่วนหน่อยได้มั้ยครับ  แฟนผมป่วยจะรีบไปดูครับ”

กริชหันไปบอกกับคนขับแท็กซี่

“ได้ๆ เดี๋ยวพี่จัดให้  แฟนน้องคงดีใจนะ  ที่น้องเป็นห่วงเธอขนาดนี้”

พี่แท็กซี่มองมาที่กระจกหลัง  กริชยิ้มๆ จะให้บอกได้ไงว่าไม่ใช่เธอแต่เป็นเขา 



แท็กซี่จอดหน้าคอนโดพอดี  พอลงรถได้กริชรีบถลาไปที่ลิฟต์ทันที  กดเลือกชั้นแล้วก็ยืนเคาะเท้า
อย่างร้อนใจ  อาหารกลางวันก็ไม่ได้สั่งไว้ให้  ป่านนี้ไม่หิวจนกินช้างได้แล้วเหรอ  พอลิฟต์หยุดรีบวิ่ง
ไปรูดคีย์การ์ดเปิดห้อง  หลังบานประตูไม่มีแสงสว่างเลย  อยู่มืดๆ นี่นะทำไปได้ กริชจึงเอื้อมไปเปิดไฟ
พอห้องสว่างก็มองไปที่เตียงนอนก่อนเลย  เห็นคนตัวโตนอนขดอยู่…แถมหลับสนิท

“พี่ไนท์ตื่นเถอะไปหาข้าวทานกัน  ตัวไม่ร้อนแล้วนี่ครับ  ยังปวดหัวอีกมั้ยฮะ”

หมอหนุ่มลืมตาแล้วหรี่ตาลงไปอีกเพราะแสงไฟที่แยงตา

“ตัวเล็กกลับมาแล้วเหรอ  พี่ยังง่วงอยู่เลยครับ”

หมอหนุ่มงอแงเสียงอู้อี้

“ค่อยนอนใหม่นะฮะค่ำแล้ว  กริชหิวข้าวไม่ได้กินกลางวันมาด้วย  กินแต่ขนมปังกับนมมาเอง หิวมากๆ เลย”

กริชอ้างว่าหิว ทั้งๆ ที่เขาห่วงคนที่ไม่ตื่นมากินกลางวันต่างหากล่ะ

“โทรสั่งอาหารตามสั่งมาก็ได้  กับข้าวสักสามสี่อย่างแล้วก็ข้าวเปล่า ไปเอาเงินในกระเป๋าพี่ไป”

พี่ไนท์บอกทั้งที่ยังนอนอยู่

“งั้นพรุ่งนี้เราค่อยไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันเนอะ”

กริชพูด พี่ไนท์ผงกหัวขึ้นมา  เหมือนจะลุกแต่กลับคว้าตัวคนที่นั่งข้างเตียงเหวี่ยงลงบนเตียงแทนที่
ไม่ได้รุนแรงแต่ทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวรู้สึกวืดและเหวอไปเลย  แล้วจมูกของพี่ไนท์ก็ไล่ซุกไซ้ที่ซอกคอ
และมือไม้ก็ไล่ปลดกระดุมเสื้อนิสิตออกอย่างว่องไว

“พี่ไนท์สั่งข้าวก่อน  ไหนคนป่วยทำไมแรงเยอะแบบนี้ล่ะ  แล้วบ่นง่วงไม่ใช่เหรอ…อื้อ”

ปากที่โต้แย้งถูกปิดทับ พี่ไนท์ขบกัดเบาๆ โดยไม่รุกล้ำเข้าไปสำรวจอย่างครั้งก่อน  ความอ่อนโยนที่
ได้รับพาให้ล่องลอย  แต่เหมือนไม่ใช่ไม่อิ่ม  ไม่เร้าใจ…แบบในตอนสาย  กริชจึงแทรกปลายลิ้นเล็กเข้า
ไปในปากดูดดุนลิ้นอีกคน  อย่างที่พี่ไนท์ทำไว้กับเขา  งับลิ้นพี่ที่หลบหลีกอย่างย่ามใจ  เสียงแลกน้ำลาย
ดังกระทบโสตประสาท  กริชลูบไล้ไปตามเนื้อตัวพี่ไม่ได้เบามือและเขาก็ได้รับสัมผัสหนักๆกลับมาด้วยเหมือนกัน

`อย่างนี้สิ…ถึงจะเรียกว่าจูบ`

กริชแอบชอบใจ

“อื้ม…ตัวเล็ก…อย่าดื้อ  ถ้ายังเค้นพี่หนักมือแบบนี้ อ๊ะ…เราจะเจ็บตัวนะ…โอ๊ะ”

พี่ไนท์ไล่จับมือของกริชที่ลูบไล้  เค้นคลึงไปตามลาดไหล่และหน้าท้อง  ต่ำลงมาไปเรื่อยๆ
ตอนนี้กริชอยากที่จะเรียนรู้ร่างกายของอีกคนบ้างแล้ว

“ป่วยอยู่หรือเปล่าครับ หมอ…”

กริชคลี่ยิ้มแล้วไต่มือเข้าไปทางขากางเกง

“ป่วยสิครับ หมอ…ป่วย ร้อนไปหมด…โดยเฉพาะ…ตรงนั้น อื้ม…อย่าแกล้ง ฮื้อ…”

พี่ไนท์กัดฟันกรอดและทิ้งตัวลงนอน  เมื่อถูกสัมผัสหนักๆ แตะต้อง  คนตัวเล็กปีนมาอยู่บนตัวคนป่วยแล้ว
กระซิบเสียงแหบพร่า

“ถ้าหมอป่วย…แบบนี้  ตอนนี้กริชก็ตัวร้อน…ร้อนไปหมด  ต้องฉีดยาลดไข้  แล้วใครจะฉีดให้ล่ะ…ฮ…ฮะ”

“หมอฉีดให้ได้  แต่ต้องถอดชุดก่อนเพราะต้องเช็ด…ตัว”

สิ้นเสียงพี่ไนท์กางเกงของกริชไม่มีเหลือติดตัวเลยสักชิ้น  และถูกดึงให้นอนราบไปกับที่นอน
ลิ้นร้อนๆ ละเลงไปทั้วทั้งร่าง  ยิ่งทำให้ความร้อนขึ้นสูงเข้าไปอีก โดยเฉพาะแถวใบหู

“หมอ…อ๊ะ ตรงนั้น  ซู้ด…อ่า…”

กริชถูกช้อนก้นลอย และพี่ไนท์ก็ฝังใบหน้าลงดอมดมส่วนกลางกาย  และยังครอบปากลงมาสุดลำ
นาทีนี้ความอายบอกไม่ได้เลยว่าเคยมีมั้ยก่อนหน้านี้  เมื่อถูกหมอจับตรวจร่างกาย

“อ๊ะ  พี่ไนท์  ตรงนั้นไม่นะ  มันสกปรก อิ๊ อ่า”

กริชร้องอู้อี้ไม่เป็นภาษาเมื่อถูกพี่ไนท์ชอนไชลิ้นร้อน  ตรงร่องกลางลำตัว  และยังส่งนิ้วเข้ามาสำรวจ
คว้านเป็นวงกลม  จนกริชแทบขาดใจ

“เป็นแฟนหมอ  ต้องโดนจับตรวจเช็กร่างกายประจำปีด้วยนะ ชุดใหญ่เลยครับ แล้วก็ถูกฉีดยา…นะครับ
กลัวเข็มหมอมั้ย…หื้ม”

กริชเด้งสะโพกเมื่อหมอไนท์ควานนิ้วไปถูกจุดจีสปอตซึ่งเจ้าตัวไม่เคยรู้และพานพบมาก่อนถึงกับห่อปาก
หมอน่าจะรู้ดีเลยละถึงได้ย้ำอยู่แต่ตรงนั้น

“หมอรักษากริชที อ๊ะ…เข็มใหญ่ไปน พี่หมอ โอ๊ะ อ๊ะ”

กริชกัดที่หัวไหล่เมื่อพี่หมอใช้เข็มประจำตัวจิ้มเข้ามาไม่หนักแต่รู้สึกตั้งแต่เข็มมาจ่อและคืบเข้ามาแล้ว

“ครั้งแรกของเราพี่หมอขอ…สด…นะ ว่าจะรอให้โตอีกสักปีสองปี…แต่ไม่ได้แล้ว
เดี๋ยวโรคจะลุกลาม…เรื้อรัง  ต้องฉีดฆ่าเชื้อ  เอ่อวัคซีนรับครบยังหืม… เดี๋ยวพี่หมอดูให้นะ อ่าห์”

พี่ไนท์ทำอย่างที่พูดจริงๆ เข็มแล้วเข็มเล่าจนข้าวเย็นไม่ได้กินกันเลย
เป็นแฟนหมอก็ดีนะหมอทำให้ทุกอย่างตั้งแต่เช็ดตัวให้จนสะอาดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้

กริชได้แต่นอนมองจนหลับไป





หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 1 รีบกันหน่อยน๊าาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 12-04-2019 02:06:52
 :pighaun: หมอออออออ ออกมาท้ายๆแต่ร้ายไม่เบานะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 1 รีบกันหน่อยน๊าาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-04-2019 10:56:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าวววว  คู่นั้นจบอย่างว่อง  ไม่คิดว่าจะจบไว  นึกว่าจะรอให้ยัยคุณยายเปลี่ยนใจแล้วค่อยจบ

ส่วนตอนนุ้งกริช   เปิดมาก็เสียตัวกันเลยทีเดียว  555
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 1 รีบกันหน่อยน๊าาาาา
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-04-2019 11:25:21
 :m25:


 :กอด1: :L2: :3123: :pig4: :pig4: :pig4: :3123: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 2 ยังรักอยู่มั้ย?
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 12-04-2019 15:32:16
Special 2   ยังรักอยู่มั้ย?

เมื่อคืนกอหญ้านั่งดูละครที่ออนแอร์เป็นวันแรก  กระแสตอบรับเป็นไปอย่างเกินคาดในโลกโซเชียลตอนนี้
พี่คะน้าเป็นคนแรกที่โทรเข้ามาหา

(ข้าวน้องรัก  สปอนเซอร์วิ่งชนจนช่องรับไม่ไหวแล้ว  แฟนคลับจะถล่มไร่พี่ดินกันแล้วด้วย  เมื่อรู้ว่าสถานที่ถ่าย
ทำคือไร่เขตแผ่นดินน่ะจ้ะ)

“ห๊ะ! แล้วเราจะทำไงกันดี ตอนนี้ก็เร่งมือตกแต่งสวนและอีกหลายๆ มุมกันอยู่  แค่นี้พวกเราก็จะไม่มีเวลาสวีท
กันแล้วนะพี่คะน้า”

(โฮ๊ะๆ ที่กังวลนี่เพราะไม่มีเวลาพรอดรักกันเหรอคะ…คุณน้อง)

“ก็พี่ดินน่ะสิคงจะเบื่อน้องแล้วจะกอดจะหอมยังไม่ค่อยจะทำเลย  จนจำไม่ได้แล้วว่าถูกกอดครั้งล่าสุดวันไหน”

(กอดแบบไหนกันนะ…พี่ไปกอดให้ก็ได้ คริคริ)

“หึ ไม่เหมือนหรอก  ข้าวไม่มีทางบอกพี่ดินว่าจะมีแฟนคลับและใครต่อใครมาที่ไร่แน่ๆ แค่นี้ข้าวก็เหงาจะแย่
 พี่ดินบ้างานเกินไป หรือว่าข้าวไม่มีเสน่ห์พอ โอย…ปวดหัว ไม่คุยกับพี่แล้ว”

กอหญ้าวางสา และกลิ้งไปมาบนเตียงนอนใหญ่ที่ร้างลาคนข้างกายมาหลายคืน  พี่ดินไม่มีเวลาให้เขา
เหมือนเดิม วันๆ ก็อยู่แต่ในไร่ งานก็แย่งไปทำคนเดียวจนหมด พอแย้งก็ว่าเป็นงานกลางแดดไม่เหมาะ
กับคนตัวขาวๆ คิดแล้วก็น้อยใจ จึงลุกไปคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่อไปอาบน้ำ  มองนาฬิกาก็เกือบจะหกโมงเช้าแล้ว
เจาจึงรีบจัดการตัวเองเพื่อที่จะได้ลงไปดูเด็กๆ

กอหญ้าก้าวเข้าไปที่ห้องทานข้าว คนอื่นๆ ไม่รู้ไปไหนกันหมด  หันรีหันขวางอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเห็นแตงโม
พี่เลี้ยงของน้องใบข้าว จึงเรียกตัวไว้

“แตงโม น้องยังไม่ลงมาเหรอ แล้วคนอื่นๆ ไปไหนกันหมดล่ะ”

“นายดินมาพาออกไปน่ะค่ะ ดูรีบร้อนมากเลย ส่วนคุณท่านทั้งสองเห็นว่าไปวัดนะคะ
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณย่าค่ะ”

แตงโมพูดจบ  กอหญ้ารู้สึกวูบโหวง ทำไมเขาถึงดูเป็นส่วนเกินของคนบ้านนี้ไปแล้วนะ

“ขอบใจจ้ะแตงโมจะไปทำอะไรต่อก็ไปเถอะ”

กอหญ้าพูดแล้วนั่งลงประจำที่มองอาหารบนโต๊ะที่เคยเป็นอาหารโปร  แต่เช้านี้ไม่นึกอยากเลย
เมื่อไม่มีเพื่อนร่วมโต๊ะจึงลุกไปชงกาแฟ  เมื่อได้กาแฟแล้วก็ถือออกไปนั่งตรงระเบียงซึ่งเป็นที่นั่ง
ประจำของพ่อเขต  ในมุมนี้มองออกไปหน้าบ้านจะเห็นรถที่แล่นเข้ามาได้ก่อนใคร  เขายกกาแฟขึ้น
จิบและทอดสายตามองไกลออกไป 

การต้องมานั่งคอยใครสักคน…เพิ่งรู้ว่าเวลาที่ผ่านไปเชื่องช้าและดูยาวนานเหลือเกิน

กอหญ้านั่งอยู่จนกระทั่งสายแล้วรถของพ่อเขตก็เคลื่อนเข้ามา  คุณย่าเดินลงมาพร้อมกับเพชรที่ถือปิ่นโต
และตะกร้าตามเข้ามาในบ้าน 

กอหญ้ารีบเดินออกไปรับหน้าท่านและสวมกอดหญิงชราไว้

“สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณย่า ไม่บอกกันบ้างเลย กอหญ้าไม่ได้ไปวัดกับคุณย่าเลยนะครับเนี่ย”

กอหญ้าทำหน้าเศร้า

“เหอะๆ จะทำหน้าเศร้าซึมทำไมกันล่ะลูก พ่อเขตนี่น่ะสิมาคะยั้นคะยอให้ย่าไป ย่าก็ไม่ทันได้ตั้งตัว
ไว้ปีหน้านะ อย่าน้อยใจไปเลย”

คุณย่าพูดแล้วก็ยกมือลูบหลังเขาเบาๆ

“ไม่ได้เตรียมของขวัญให้คุณย่าเลย”

กอหญ้ายังคงพูดต่อและหน้าง้ำลงอีก  จนหญิงชราอดที่จะเอ็นดูไม่ได้

“มาๆของขวัญของย่าก็เรานี่ไงเป็นของขวัญของย่า ปีนี้ย่าได้หลานเพิ่มตั้งคนนึง ดีกว่าอะไรทั้งหมดเลยด้วย”

ท่านพูดแล้วก็กอดเขาแน่นเข้าอีก

“ยังงอนอีกเอาอย่างนี้  ย่าให้หอมสองฟอดเป็นของขวัญแล้วพอเลย”

กอหญ้าได้ยินตาเป็นประกายทันที  หอมท่านไปมากกว่าสองอีกด้วย

“แถมให้เยอะๆ เลย คุณย่าได้ของขวัญแล้วนะ ไม่เหมือนใครด้วย”

กอหญ้าพูดยิ้มๆ สีหน้าดีขึ้น

“นั่นสิ  จะไปเหมือนใครได้ไง เหอะๆ”

แล้วทั้งสองก็พากันเดินเข้าบ้าน

“มาๆ ทานข้าวเช้ากัน  วันนี้ทานสายหน่อย”

พ่อเขตนำไปที่โต๊ะอาหาร

“เจ้าดินมันยังไม่กลับอีกรึไง  จะนอนกันที่นั่นเลยเรอะ”

คุณย่าบ่นขึ้นมา  กอหญ้านั่งเงียบเพราะไม่รู้ว่าพี่ดินพาลูกไปไหน

“กินข้าวเถอะครับคุณแม่  นี่ก็สายมากแล้ว  เดี๋ยวมันเสร็จเรื่องก็กลับมาเองนั่นแหละ”

แล้วทั้งสามก็กินข้าวกันไปอย่างเงียบๆ บรรยากาศเป็นไปในแบบแปลกๆ ชอบกล

กอหญ้านั่งทำบัญชีแทนคุณนนท์  ช่วงนี้คุณนนท์ต้องไปคุมคนงานแทนพี่ดินในบางจุด
โดยสลับกับพี่ทัพและบางวันกอหญ้าก็ต้องไปเฝ้าร้านด้วย  ผลผลิตส้มปีนี้ได้รับการตอบรับ
เป็นอย่างดีกว่าทุกปีและมีแนวโน้มทำการตลาดออกสู่ต่างประเทศ  ซึ่งพี่ดินกำลังศึกษาเรียนรู้อยู่
จึงทำให้เขากับพี่ดินสวนทางกันเรื่องเวลา  จนกอหญ้ารู้สึกว่าเขาสองคนเริ่มมีระยะห่างกันมากขึ้น
อย่างเช่นวันนี้ที่บ่ายมากแล้วพี่ดินก็ยังไม่มาให้เห็นหน้า  พูดถึงก็มาเลย มีเสียงฝีเท้าน้อยๆ วิ่งไล่กันเข้ามา

“อากอหญ้าขา  ใบข้าวคิดถึงจัง”

หนูน้อยวิ่งมาหาและโผเข้ากอดเขา แล้วคนพี่ก็มาอีกคนโถมตัวมาอย่างแรง

“ต้นกล้าก็คิดถึงอากอหญ้า  ที่สุดเลยฮะ”

กอหญ้ากอดหนูน้อยทั้งสอ ง ชะงักไปนิดเมื่อมีกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงติดตัวเด็กๆ มา

“อาก็คิดถึงทั้งสองคนเลยครับ แล้วนี่ไปไหนกับคุณพ่อมาครับ”

กอหญ้าหอมแก้มซ้ายขวาของสองพี่น้อง และถามคำถามที่มันคาใจตั้งแต่เช้าออกไป

“ไปหาแม่รินครับ”

เด็กชายตอบ

“แม่เจ็บนอนโรงบาล”

เด็กหญิงเล่าบ้าง  กอหญ้าเงียบตัวชาวาบ  นาทีนี้หูอื้อไปหมดแล้ว พี่ดินพาลูกๆ
ไปเยี่ยมอดีตภรรยาที่ป่วยอยู่โรงพยาบาล  หมดข้อสงสัยแล้วจริงๆ

“ทำอะไรกันครับ  กอดกันกลมเลย  ขอกอดด้วยคนสิครับ”

พี่ดินเดินเข้ามากอดเราสามคน หอมหัวอย่างที่ชอบทำ…นานมาแล้ว…จะให้คิดยังไง
ได้อีกเมื่อกอดของพี่ดินวันนี้มีกลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดียวที่ติดตัวเด็กๆ มาด้วย

“ทานกลางวันหรือยังครับคนดี พาลูกๆ ไปกินข้าวกันนะ”

พี่ดินรั้งตัวเขาให้ลุกจากเก้าอี้

“บ่ายแล้วนะครับ  พี่ดินไม่หาข้าวให้ลูกก่อน  ทำไมหิ้วท้องกลับมาถึงนี่ แบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ”

กอหญ้าท้วงเมื่อรู้ว่าเด็กๆ ยังไม่ได้กินอะไรกันมา ทั้งๆ ที่เลยมื้ออาหารไปแล้ว

“กินผลไม้และขนมรองท้องมาบ้างแล้ว แกบอกอยากเจออากอหญ้า บ่นคิดถึง
พี่ก็ด้วยอีกคน  ถึงได้รีบพากันกลับมานี่ไง”

พี่ดินพูด  ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาบอกเลยว่าคงยิ้มแก้มแทบแตก  แต่วันนี้มันต่างออกไป

“ครับ  งั้นไปกันเลยเนอะเด็กๆ”

แล้วพ่อลูกก็เดินนำออกไป  กอหญ้าเดินตามออกมาได้แต่มองแผ่นหลังของคนที่รักมากค่อยๆ
ห่างออกไป  อาจเพราะเขาเดินช้าไป หรือว่าพี่ดินไม่คิดจะรอ…จนระยะห่างของเรา…มันมากขึ้น


“พรุ่งนี้ต้องไปเยี่ยมแม่รินกันอีกมั้ยครับ”

เด็กชายถามพ่อ พี่ดินเงียบไปนิดนึง

“ไปสิครับลูก ไปให้กำลังใจแม่หน่อยนะ”

พี่ดินพูดกับลูกๆ เด็กๆ จึงพยักหน้า

“แต่ใบข้าวขออยู่กับอากอหญ้า นะคะ”

เด็กหญิงหน้ามุ่ยไม่อยากไป

“งั้นพี่กล้าก็จะไม่ไป พี่จะไปโรงเรียน”

เด็กชายก็จะไม่ยอมไปอีกคน

“ไม่ได้ครับลูกเราบอกแม่แล้วว่าจะไป  สัญญากันแล้วก็ต้องไปสิครับ ไม่งั้นแม่จะเสียใจนะ”

พี่ดินบอกกับลูก กอหญ้านั่งฟังพ่อลูกคุยกัน  อาหารก็จะส่งเข้าปากพาลไม่อยากและกลืนไม่ลง
ทำไมไม่ไปตกลงกันก่อนที่จะมาขัดแย้งกันให้เห็นแบบนี้  กอหญ้าฟังอย่างเอือมๆ เหนือสิ่งอื่นใด
เขารู้สึกว่าตัวเองมาอยู่ผิดที่ผิดทางไปเสียแล้ว


ตลอดบ่ายพี่ดินก็ยังคงหายเข้าไปในไร่อีกตามเคย ส่วนเขาก็ก้มหน้าอยู่กับงานกองพะเนิน
สมองล้าเต็มทีไม่ใช่เกี่ยวกับงานบนโต๊ะ แต่มันล้าเพราะเรื่องส่วนตัวล้วนๆ จนรู้สึกเบลอๆ
ตาชักจะพร่าๆ มัวๆ จึงปิดเปลือกตาลงและความชื้นที่แก้มก็เป็นคำตอบให้ตัวเองได้ดีว่าที่
พร่าและมัวนั้น มันคือหยดน้ำใสๆ ที่ไหลลงมาเป็นทางนี้ต่างหาก

…ไหวไหมนะ…หัวใจ

มื้อค่ำวันนี้ลูกหลานมากันพร้อมหน้า  เจ้ากริชสายด่วนมาอวยพรวันเกิดให้คุณย่า  คุณย่าดูจะชอบใจ
กับคำอวยพรของเด็กแสบที่ให้ท่านอายุยืนถึงร้อยปี และก็เป็นหมอไนท์ว่าที่หลานเขยที่เป็นคนเอา
ของขวัญมาให้คุณย่าแทนเจ้ากริชที่ติดเรียน

พี่ดินโผล่เข้ามาในห้องทานข้าวพร้อมกับเค้กวันเกิดก้อนใหญ่  คุณย่าจึงถามว่าทำไมปีนี้ถึงได้ก้อนใหญ่กว่าทุกที

“ก็นี่เป็นของขวัญที่ครอบครัวผมจัดให้คุณย่านี่ครับ ผมกับลูกๆ แล้วก็เมียผมด้วยไง”

แผ่นดินพูดพร้อมกับดึงกอหญ้าพาไปช่วยจุดเทียนที่ปักอยู่บนเค้ก

“หนูกอหญ้า  นี่ไงล่ะของขวัญ บ่นว่าไม่ได้เตรียมให้ย่า ไม่ต้องน้อยใจแล้วเดี๋ยวเจ้าดินมันก็ต้องเรียก
เก็บจากเราอยู่ดีเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันแล้ว  ชิ้นเดียว…อย่างใหญ่…กินกันทั้งบ้าน เหอะๆ”

คุณย่าหันมาล้อ ทำเอากอหญ้าพลอยได้ยิ้มตามไปด้วย แม้จะมีเรื่องที่ติดใจอยู่บ้างก็ตาม
แล้วเสียงร้องเพลงวันเกิดก็ดังกึกก้องหลังมื้ออาหาร 

คุณย่าเป่าเค้กจนหน้าดำหน้าแดงสร้างเสียงหัวเราะกันยกใหญ่  เพราะท่านถูกแกล้งให้เป่าเทียน
ที่เป่าเท่าไหร่ก็ไม่ดับ  สุดท้ายพี่ดินสงสารจึงดึงเทียนออกจากเค้ก และนั่นทุกคนถึงได้ทานเค้กกันถ้วนทั่ว

หลังจากที่ทานเค้กกันแล้วพี่ดินก็รีบร้อนออกจากบ้านไป โดยไม่ได้บอกอะไรกับใคร
กอหญ้ามองตามแผ่นหลังที่ไกลออกไป พร้อมกับเสียงรถที่แล่นออกไป…เหมือนหัวใจ
มันได้หลุดลอยตามหลังอีกคนไปด้วยอย่างนั้น พี่ทัพชวนคุยไม่หยุด และเมื่อหมอไนท์
กลับไปเขาจึงขอตัวกลับเข้าห้องนอน โดยทีเด็กๆยังคงเล่นกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น


กอหญ้าอาบน้ำเสร็จ เดินเช็ดผมแล้วนั่งลงบนเตียง นึกไปถึงคนที่บอกว่าจะช่วยเช็ดผม
ให้ทุกทีที่สระแค่ขอให้ไว้ผมยาว….นี่ไงเริ่มประบ่าแล้ว แล้วไงล่ะ…ก็ต้องเช็ดเองอยู่ดี
จนผมแห้งจึงลงนอนเกลือกกลิ้งบนเตียง แต่ความกว้างของเตียง…ความรู้สึกที่ว่าขาดใคร
ไปคนนึงทำให้เตียงนอนดูกว้างเกินไปทั้งๆที่มันกว้างเท่าเดิมของมันตั้งแต่ทีแรกแล้ว…
ต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกกี่คืน กี่วันกันนะ และเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

กอหญ้าเอื้อมมือไปควานหา เป็นข้าวหอมที่โทรเข้ามา

(พี่กอหญ้า น้องจะชวนไปเที่ยว คุณแม่ให้มาชวนค่ะ ถ้าพี่กอหญ้าโอเคท่านถึงจะพาไป
นะคะ…ไปดูแสงเหนือกันที่สวีเดน เค้าว่าปีนี้เป็นปีครบรอบที่จะเห็นเด่นชัดและแสงสวยมากที่ซู้ดเลย
ถ้าพลาดต้องนู้นอีกสิบเอ็ดปีถึงได้เห็นเต็มท้องฟ้าแบบนี้ ไปนะคะ น้องอยากไป เขาว่ากันว่าครั้งนึง
ได้เห็นก่อนจะตายก็คุ้มแล้วชีวิตนี้)

“อืม…พี่ขอคิดดูก่อนได้มั้ย ต้องให้คำตอบเมื่อไหร่ครับ”

(สามวันเนอะ แล้วให้น้องขอพี่ดินให้มั้ยคะ)

“หึหึ ยัยตัวแสบ ไม่ต้องหรอก พี่จัดการได้ครับ”

ข้าวหอมชวนคุยอีกนิดหน่อยก็วางสาย…แสงเหนือ ณ สวีเดน ก็ดีเหมือนกัน แล้วเจ้าตัวก็กลิ้งไปมาบน
ที่นอนอีกหลายตลบกว่าจะหลับ


เช้านี้ตื่นมาเดินลงไปชั้นล่าง พบว่าคุณย่ากับพ่อเขตกำลังรอทานเมื่อเช้า พี่ดินกับลูกๆ ไม่อยู่อีกตามเคย

“กอหญ้ามาทานมื้อเช้ากันลูก เจ้าดินกับลูกๆ ไปทานข้างนอกกัน  แม่ระรินขับรถไปชนกับรถตู้
นักท่องเที่ยววันก่อน ดินมันว่าทางนั้นไม่มีใคร สามีก็ไปดูงานต่างประเทศ ญาติก็ไม่มี มาบ่นให้
ฟังว่าตัวมันเองก็งานท่วมแทบไม่มีเวลานอน ยังต้องไปดูคนเจ็บอีก เราก็เข้าใจพี่เขาหน่อยนะ
แค่ไม่กี่วันนี้แหละ เห็นว่าจะจ้างคนอื่นไปเฝ้าแล้วนี่”

คุณย่าพูดให้ฟังยืดยาว เขาก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำเบาๆ

'ครับ ผมเข้าใจ'

ตลอดมื้ออาหารกอหญ้าก็นั่งฟังคุณย่ากับพ่อเขตพูดคุยถึงผลกำไรจากนักท่องเที่ยว และผลผลิตในไร่ที่ออก
สู่ท้องตลาดแล้วเป็นที่สนใจของตลาด น่าชื่นชมกับความสำเร็จนี้จริงๆ แต่เขาที่เป็นแค่กลไกเล็กๆ ที่ช่วยบ้าง
นิดหน่อยเอง จะมีหน้าไปภาคภูมิใจอะไรกับเขากัน


วันนี้เป็นอีกวันที่ผ่านไปอย่างเงียบเหงา ดีหน่อยที่ตอนบ่ายคุณนนท์เข้ามาช่วยสะสางงาน
ที่ออฟฟิศทำให้มีเพื่อนคุยแก้เหงาไปได้ช่วงหนึ่ง

“นายดินงานยุ่งเกินไปแล้วครับ เร่งทำทุกอย่างเหมือนว่าจะไม่มีวันพรุ่งนี้ให้ทำอย่างนั้นแหละ
 คุณกอหญ้าคงเหงาแย่เลยนะฮะ แต่หลังจากนี้ก็คงเบาแล้วละครับ นายดินบอกแบบนั้น”

ชานนท์เล่าไปตามที่ได้รู้ได้เห็นมา เขาเห็นสีหน้าที่ออกจะหงอยเหงาของคุณกอหญ้าแล้วก็เห็นใจ
กับนายที่กลัวคนรักจะลำบากจึงไม่ให้ออกงานกลางแจ้ง และคุณกอหญ้าที่เหมือนถูกปล่อยทิ้งไว้คนเดียว

“อ่อ ครับ”

คุณกอหญ้าพูดน้อยลงไปมาก

`ความสดใสร่าเริงหายไปไหนนะ นายดินจะรู้บ้างหรือเปล่า`

คุณกอหญ้าก็ออกไปจากห้องเมื่อคุณย่าเรียกถามอะไรสักอย่าง ชานนท์เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่มี
ข้อความไลน์เด้งไม่หยุด จึงเหลือบตามอง

`แพ็กเกจท่องเที่ยวชมแสงเหนือ 5 คืน 7 วัน`

 ชานนท์มองภาพที่ส่งเข้ามารัวๆ และคำถามสุดท้ายที่ผ่านตาไป

`น้องโทรขอกับพี่ดินให้มั้ยคะ เหลือเวลาให้ตัดสินใจแค่สองวันนะ น้องกับคุณแม่รอคำตอบน๊า`

 ชานนท์ไม่ได้คิดจะละลาบละล้วงนะ

`คุณกอหญ้าเปิดหน้าแชททิ้งไว้เอง เครื่องก็ไม่ตั้งล็อก อย่าโทษกันเชียว`

 ชานนท์คิดว่าต้องหาเวลาคุยกับนายดินแล้ว ปล่อยแฟนเหงา แล้วยังมีแม่กับน้องชวนเที่ยวแบบนี้ จะรู้หรือเปล่า


แผ่นดินสังเกตสีหน้าของคนรักตั้งแต่ตอนที่ลูกๆ วิ่งไปกอดวันก่อนแล้ว กำลังงอนเขาอยู่แน่ๆ
หมู่นี้ต้องปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยว ทั้งผลิตผลที่เตรียมส่งออก ทำให้เวลา
ที่เขาจะนอนยังแทบไม่มี เวลาที่จะได้พบหน้าพูดคุยกับลูกเมียก็แทบหมดไปด้วย กลับเข้าบ้านก็ดึกดื่น
เที่ยงคืน ครั้นจะเข้าไปนอนกอดคนตัวเล็กก็เกรงว่าจะตื่น แต่เห็นทีคืนนี้ต้องปราบพยศคนแสนงอนหน่อยแล้ว

เขาอาบน้ำส่งลูกเข้านอนเป็นคืนแรกในรอบเดือนก็ว่าได้ เสร็จแล้วก็รีบไปที่ห้องนอนคนขี้ใจน้อยก่อนที่
จะถูกปิดตาย…ทีนี้จะยุ่งยากกันไปใหญ่

ชานนท์โทรมาว่าแม่ยายกับยัยน้องสาวตัวแสบจะพาเมียเขาเที่ยวตั้งสวีเดนรู้บ้างมั้ย
ทำเอาเขาต้องรีบกลับเข้าบ้านแทบไม่ทัน

“ที่รัก นอนหรือยัง หืม…”

คนบนเตียงสะดุ้ง เขาจึงเข้าไปกอดรัดและซุกไซ้จมูกไปที่ซอกคอขาว  ขบเม้มลงโทษที่ทำลืมกันได้

“พี่ดิน อย่าทำรอยสิ อ๊ะ”

ยิ่งถูกห้ามยิ่งต้องทำเยอะๆ จากที่ต่อต้านแข็งขืนตอนนี้ตัวอ่อนอย่างกับขี้ผึ้งถูกไฟลน
เขารู้ว่าคนรักไม่ชอบแบบนุ่มนวล จึงขบเม้มดูดดึงผิวในร่มผ้าสร้างรอยไปทั่ว ตามแต่ริมฝีปากจะลากผ่าน

“พี่ดิน อื้อ…เบา…อ๊ะ พี่…”

กอหญ้าบิดเร้าไปตามแรงที่บดเบียดเข้าหา เสื้อผ้าไม่ไม่มีเหลือติดกาย กลิ่นกายที่ห่างหายมานาน
พอได้แนบชิดเสมือนไฟที่ถูกเติมเชื้อให้ลุกโหม พี่ดินดุดัน สร้างความแปลกใหม่ได้ไม่รู้จบ  เสียงหอบกระเส่า

“คนดี  ที่รักของพี่ อ่าห์ อื้ม…”

เสียงที่แตกพร่าและมือใหญ่ที่ลูบไล้สลับกับบีบเค้นที่แก้มก้น  กอหญ้าจิกเล็บลงที่เอวเมื่อความเสียวสุดกลั้น
จู่โจมเข้ามา กอหญ้างับที่กล้ามแขน ทำเอาพี่ดินสะดุ้งและโน้มหน้าลงมาครอบดูดปากเขาจนชา

“อ่ะ พี่ดิน พี่ดิน”

กอหญ้าเผลอครางเรียกชื่อพี่ดิน ยิ่งถูกเรียกคนพี่ยิ่งเร่งจังหวะและลงน้ำหนักลงอีก เหงื่อโทรมกาย
ยิ่งเพิ่มความซ่านกระสันเข้าไปอีก กอหญ้าถูกจับให้หันหลังคู้เข่ากับที่นอนและร่างกำยำก็มาซ้อน
ที่แผ่นหลัง ปากยังไล่งับใบหูของเขาทำเอาขนลุกเกรียว

กว่าบทเพลงรักที่มีท่วงทำนองยาวนานจะจบลง  ทำพี่ดินและเขาต่างครางกันระงมไม่รู้ว่าเสียงใคร
เป็นเสียงใครและเสียงสุดท้ายเป็นเสียงครางที่ผสมกับการกัดฟัดกรอด

“รักที่สุด  นะครับเมีย”

“รักเหมือนกัน”

สักพักคนข้างๆ ก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ กลับมาพร้อมผ้าขนหนูซับน้ำ เช็ดทำความสะอาดให้ทุกซอกมุมเหมือนที่
เคยทำให้ เขาถูกอุ้มไปวางที่โซฟาพร้อมผ้าห่มที่ห่อกายให้

“คนดี พี่เปลี่ยนผ้าปูแป๊บนะ”

สักพักพี่ดินก็กลับมาช้อนมืออุ้มเขาวืดขึ้น จนเขาต้องคว้ากอดคอไว้ และถูกวางลงบนเตียงที่มีผ้าปูกลิ่น
หอมสะอาดน่านอน รู้สึกถึงสัมผัสที่ข้างขมับ และมือที่ลูบหลังให้อย่างเพลินๆจนความง่วงงุนมาเยือน


ฟ้าใกล้สางแล้ว กอหญ้ารู้สึกอ้อมกอดอุ่น ขยับกายออกนิดนึงแต่กลับถูกกอดแน่นเข้าไปอีก
เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปอย่างนั้น

“รักนะ คนดี”

พี่ดินงึมงำบอกรัก 

“รักพี่ดิน อย่า ทิ้ง กัน”

กอหญ้าพูดกับอกคนหลับ แม้พี่จะไม่ได้ยิน แต่เขาก็อยากจะพูด ทุกความรู้สึกมันประดังกันเข้ามา
จนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ จึงยกมือขึ้นกรีดน้ำตาออกทางหางตา และเผลอสูดน้ำมูก

“ชู่วว ไม่ร้องนะ พี่รักหนูนะครับ อย่ากลัว…กอหญ้าเป็นรักแรกของพี่และจะเป็นรักเดียว…ตลอดไป
พี่กับรินไม่เคยรักกันเราอยู่ด้วยกันเพราะหน้าที่และลูก  เขากับพี่ไม่มีทางที่จะหวนกลับมาเป็นเหมือน
เดิมในเมื่อพี่เจอคนที่พี่รักได้หมดทั้งหัวใจแล้ว”

กอหญ้าอึ้งที่ได้ฟังพี่ดินพูด เขาเป็นรักแรกของพี่ดินอย่างนั้นเหรอ

“ขอโทษที่พาลูกๆ ออกไปหาเขาโดยไม่ได้บอกอะไร ถ้าการที่พี่ไม่พูดไม่คุยแล้วเราต้องเสียใจ
น้อยใจแบบนี้ พี่ต้องบอกก่อนแน่ๆ ยกโทษให้พี่นะครับ ต่อไปหากจะยากลำบากพี่จะพาเราไปด้วย
เราจะสู้และฟันฝ่าความยากลำบากไปด้วยกัน ไม่ให้อยู่คนเดียวแล้วนะ ตัวดำหมดหล่อเลยด้วย”

กอหญ้าสวมกอดพี่ดินแน่นเข้า ทุกความเสียใจน้อยใจหายไปจนหมด แค่คำว่าขอโทษ…
และคำที่ว่า…เราจะฟันฝ่าความลำบากไปด้วยกัน แค่นั้นจริงๆ

“สัญญาแล้วนะ ว่าจะไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวอีก”

กอหญ้าทวงคำสัญญา แผ่นดินลูบหัวและกดจูบที่ขมับ

“ครับ พี่จะรักและดูแลไม่ปล่อยให้เหงา”

กอหญ้าเงยหน้าขึ้นจูบที่ปลายคางของเขา เป็นกิริยาน่ารักที่เจ้าตัวชอบทำเวลาที่ถูกใจพอใจอะไรสักอย่าง
เหมือนว่าได้ดั่งใจ

“เรามาทบทวนบทเรียนกันใหม่มั้ย เมื่อคืนชักจะลืมๆไปแล้ว”

พูดจบก็ถูกกำปั้นทุบอึ้กที่หน้าอกจนต้องรวบมือที่ทำร้ายมาแนบแก้มแทน

“วันนี้จะตื่นสายเหรอครับ ไม่ลุกซะทีล่ะ”

กอหญ้านึกสงสัยที่พี่ดินไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปจากเตียง

“วันนี้จะกกเมีย เดี๋ยวเมียหนีเที่ยวพี่ก็ต้องนอนแห้งและเฉาตายสิ แล้วเนี่ยพี่น่ะรุก…ตั้งนานแล้ว
 แต่เราน่ะไม่ยอม…รับเอง”

กอหญ้าเหน็บเนื้อที่เอวพี่ดินไปที ที่พูดจาสองแง่สองง่าม

“หูย…ทำร้ายสามีจังครับเช้านี้ คืนนี้ค่อยดุใส่พี่นะ…ขอแบบดุสุดๆ โอ๊ย…เดี๋ยวไม่มีใช้กันนะครับ”

แผ่นดินถูกตีที่กึ่งกลางลำตัวที่มันกำลังตื่นตัว และกำลังไปดุนดันที่สีข้างของอีกคนเพื่อทักทายยามเช้า

“หื่นๆ นี่แหน่ะ”

โดนบิดเนื้อและจิกปลายเล็บลงที่กล้ามท้อง แผ่นดินเจอแบบนี้จึงยกมือยอมแพ้
แต่เขาได้คาดโทษเอาไว้ในใจแล้วว่า

`คืนนี้เถอะ ดุนักใช่มั้ย หึ่ม`



หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 2 มาแล้วววว :)
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-04-2019 17:12:04
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 2 มาแล้วววว :)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-04-2019 20:34:31
น้องงอนแล้ว
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 2 มาแล้วววว :)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-04-2019 20:45:44
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 อยากได้ยินว่ารัก
เริ่มหัวข้อโดย: เส้นขอบฟ้า ที่ 22-04-2019 14:39:05
Special 3 อยากได้ยินว่ารัก
 
ไร่เขตแผ่นดินกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของคนเมืองที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศของสายลมหนาว
แมกไม้และถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา ยิ่งเป็นต้นฤดูหนาวบวกกับเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของครอบครัวไทยแบบนี้
ด้วยยิ่งทำให้มีผู้มาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย จากเช้าจนพลบค่ำ

“เหนื่อยมั้ย พี่คิดถูกหรือผิดกันนะที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ดูสิ! กอหญ้าของพี่ทั้งดำทั้งคล้ำยังตัวรุมๆ นี่อีก
จะไม่สบายรึป่าว ไปหาหมอกัน”

พี่ดินเข้ามาจับหันซ้ายหมุนขวาจับหน้าผากเลื่อนมือไล้ไปซอกคอ ฉุดรั้งจะพาไปหาหมอดูน่าเวียนหัวไปหมด
กอหญ้าจะขำก็ไม่กล้ากลัวคนตัวโตจะโกรธเอาได้

“พี่ดิน หยุดๆ กอหญ้าไม่ได้เป็นไรเลย นิ่ง ๆแป๊บนะ เอ๊ะ! พี่ดิน ไม่ไปหาหมอนะก็บอกว่าไม่ได้ป่วยไงล่ะ”

กอหญ้าร้องห้ามเสียงหลงที่อยู่ดีๆ ก็ถูกจับพาดบ่าพาเดินดุ่มๆไม่ฟังอะไรเลย

“กลับบ้าน! มาเดินอะไรแถวนี้จะค่ำแล้วไม่กลัวรึไง ถ้าไม่ป่วยก็ดี หึหึ”

ท้ายเสียงหัวเราะนี่ ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยจริงๆ

“ปล่อยก่อนพี่ดิน กอหญ้าเดินเองได้ นะครับ น๊า”

เพิ่มดีกรีของลูกอ้อนระดับสิบ  พี่ดินจึงหยุดเท้าแล้วปล่อยเขาลงยืนบนเนินหน้าบ้าน

แสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเย็นอาบไล้ทั่วดวงหน้าคมทำให้มีเสน่ห์น่ามองกว่าเดิม  โชคดีแค่ไหนที่เขาได้เป็นเจ้าของ
ผู้ชายคนนี้ โดยไม่รู้ตัวกอหญ้าโอบลำแขนไปรอบคอและแนบริมฝีปากไปบนกลีบปากหนาที่รู้ว่าอุ่นจนร้อนได้ใน
บรรยากาศเย็นๆ เช่นนี้

แผ่นดินชะงักตั้งแต่ถูกคนตัวบางโอบมือคล้องคอแล้ว มองการเคลื่อนไหวที่เป็นไปอย่างช้าๆ
กล้าที่จะแสดงความรักมากขึ้นอย่างนี้ต้องให้รางวัลสักหน่อย เขาจึงแทรกลิ้นเข้าไปภายในโพรงปากนุ่ม
ละเลียดชิมความหอมหวานของกลีบปากนุ่มชุ่มลิ้น ดูดดึงขบกัดเบาๆ อย่างย่ามใจจนคนเริ่มก่อนออกอาการ
สะท้านไหว  เมื่อจูบจนหนำใจแล้วจึงปล่อยคนตัวบางที่ช้อนตามอง

“ว่าไงครับ หื้ม…รางวัลสำหรับเด็กดีไง คืนนี้พี่จัดให้อีกทีชุดใหญ่เลย หึหึ”

แผ่นดินแกล้งกระเซ้าซึ่งก็ได้ของแถมกลับมาดังอึ้ก เขาอมยิ้มกลับความขี้เขินไม่เปลี่ยนของคนรัก
และโอบบ่าพาเดินเข้าสู่ตัวบ้าน


กอหญ้ากระชับเสื้อคลุมกันหนาว สายลมที่ปะทะใบหน้าทำให้สะท้านได้ไม่ยาก กลางคืนอาการยังเย็น
ลงอีกหลายองศา

“กอหญ้าเข้าบ้านเถอะยืนทำไมตรงนี้เดี๋ยวไม่สบายนะ”

พี่ดินเดินมาตาม เขามานั่งตรงระเบียงรับลมและย่อยอาหารไปในตัว กิจกรรมที่คนในบ้านทำนอกจากดูทีวี
หรือพูดคุยกันแล้วบ้านป่าบ้านดอยแบบนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่านี้แล้ว

“พี่ดิน ขอกอดหน่อย?”

แผ่นดินดึงคนที่ดูจะอ้อนๆ กว่าปกติเข้ามาซบที่อก

“กลับเข้าห้องพี่จะให้มากกว่ากอดเลยครับ”

กอหญ้าส่ายหน้ากับอกของเขา ได้ยินเสียงซู้ดจมูกเหมือนหายใจลำบาก นั่นไงเป็นหวัดเข้าแล้วจริงๆ

“นอนก็ดีมึนๆหัวยังไงไม่รู้”

กอหญ้าพูดแล้วคว้าแขนคนข้างๆพาเข้าข้างใน



วันนี้กอหญ้านอนซมเพราะพิษไข้ หมอไนท์ถูกเรียกตัวมาดูอาการในตอนสายและจ่ายยาไว้ให้หลายตัว
กอหญ้างอแงจะออกไปดูงานทั้งๆที่ตัวเองก็มีไข้จนปากแห้งแดง แผ่นดินจัดที่ให้นอนในห้องนั่งเล่นเพราะคนป่วย
ไม่ยอมที่จะขึ้นไปนอน

แตงโมโทรไปฟ้องว่านั่งไอหน้าดำหน้าแดงยังจะดื่มน้ำเย็น  ใครห้ามก็ไม่ฟังไม่ยอมนอนพัก
ป่วยรอบนี้ทำเอาป่วนกันทั้งบ้าน

 “ดินน้องป่วยเราไม่ต้องไปไหนเลยมาเฝ้าไว้ที นี่ย่าจะตีแล้วนะร้องขอแต่น้ำเย็น เสียงก็แหบแห้งยังจะดื้อ”

แผ่นดินหันไปมองหลานรักคุณย่าที่นั่งน้ำตาคลอ  ว่าก็ไม่ได้อีกเขาจึงเข้าไปหอมหัวและคลำหน้าผากไอร้อนยังมีอยู่

“คุณย่าดุเหรอครับ ดูสิน้ำตาคลอเลย คุณย่าจะดุเฉพาะเด็กดื้อเท่านั้น เราดื้อมั้ยล่ะ”

เจ้าตัวส่ายหน้าน้ำตาหยดแหมะ

“โอ๋ๆ นี่ย่ายังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ งอแงเป็นเด็กไปได้”

ยิ่งคุณย่าพูดยิ่งน้ำตาไหลพราก

“ไม่ร้องนะครับ คุณย่าท่านเป็นห่วงก็เราน่ะดื่มน้ำเย็นเมื่อไหร่จะหายล่ะ งดสักหน่อยนะหายแล้วพี่จะพาไปกินติม”

ไอจนหน้าดำหน้าแดงอย่างที่แตงโมว่าจริงๆ แผ่นดินไปกดน้ำอุ่นมาส่งให้ดื่ม

“ดื่มหน่อยจะได้ดีขึ้น”

คนน้องรับไปดื่มอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งแก้วคืนแล้วทิ้งศีรษะกับไหล่ของคนพี่


กอหญ้าปวดหัวมีไข้ตลอดทั้งวัน เจ็บและแสบคอมากแม้ขณะที่กลืนน้ำลาย เขากระหายแต่น้ำเย็นๆ
ด้วยจึงทำให้ยิ่งแย่เข้าไปกันใหญ่ คนบ้านนี้ไม่มีใครตามใจเขาเลยสักคน พี่ดินก็หายไปไม่มาดูแล

‘คงเบื่อ…ไม่รักกันแล้วล่ะสิ’

ช่วงนี้เห็นมีข้อความจากมือถือเข้ามากลางดึกบ่อยๆ ถึงพี่ดินไม่สนใจเปิดดูแต่เขาก็อดที่จะคิดไปร้อยแปดไม่ได้
 
‘ไอ้โรคกลัวถูกทิ้งเมื่อไหร่จะหายไปซะทีนะ’

หมดความสุขทุกทีที่นึกถึง คุณแม่กับน้องก็ไม่มาให้เห็นหน้าอีกทำแค่โทรมาถามไถ่ทุกข์สุขแค่นั้นไม่รู้เลยรึไง
ว่าเขาก็อยากเจอหน้า  ห่วงแต่ยัยน้องตัวแสบนั่นแหละ โตขนาดนั้นยังไม่ปล่อย ได้ยินเสียงพี่ดินหายใจยา
วอย่างสม่ำเสมออยู่ข้างๆ แม้จะถูกกอดพานอนก็ยังรู้สึกว่าชีวิตรักของเขามันยังไม่มั่นคงเอาเลย…กลัวไปหมด


กลางดึกมีเสียงพูดคุยมาให้ได้ยิน กอหญ้าจึงป่ายมือพบว่าที่นอนข้างๆ ว่างและไม่อุ่น  บ่งบอกได้ว่า
พี่ดินลุกออกไปนานแล้ว…

‘เอ๊ะ! พี่ดินคุยกับใครกันดึกดื่นป่านนี้’
 กอหญ้าหย่อนเท้าลงจากเตียง ก้าวไปตามเสียงมือจับที่ลูกบิด ชะงักเมื่อได้ยินบทสนทนา

“รินไปนอนที่ห้องพักแขกไปมันดึกมากแล้วจะไปนอนกับลูกได้ไงล่ะเด็กๆ ไม่คุ้นกับคุณ เดี๋ยวจะทำให้แกตื่นเปล่าๆ”

“งั้นรินนอนห้องเดิมของเรา รินเดือดร้อนดินจะใจดำไม่คิดช่วยเลยรึไง?”

เสียงที่พูดกันไม่ห่างจากหน้าห้องนอนของเขานัก ทำให้มือที่กำลูกบิดอยู่มีอันต้องปล่อยลงข้างลำตัว

“ผมยอมให้คุณมาพักยังว่าไม่ช่วยอีกเหรอ ห้องนอนผมคุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปแล้ว ถ้าไม่นอนห้องนอนแขก
ก็ไม่ต้องนอน ผมง่วงไม่คุยแล้วนะ”

“ดินทำไมใจร้าย รินหมดที่ไปแล้วนะถึงมานี่น่ะ”

“ก็ผมบอกให้ไปพักที่ห้องพักแขกไง คุณฟังไม่รู้เรื่องรึไงริน ตกลงจะเอายังไง”

เสียงพี่ดินเริ่มดังขึ้น

“ก็ได้ๆ ขอบคุณที่ให้ที่พักแล้วกันนะ”

“ปล่อยนะริน คุณอย่ามาทำรุ่มร่ามที่นี่ อย่ามาทำให้เรื่องระหว่างเราที่จบไปแล้วยุ่งยากขึ้นมาอีก
 ถ้าไม่อยู่ในที่ทางของตัวเอง อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”

พี่ดินเค้นเสียง กอหญ้ารีบกลับขึ้นไปบนเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมกาย และหันหลังให้ประตู เสียงเปิดประตูเข้ามา
และเสียงฝีเท้าที่เดินมาเบาๆตามด้วยที่นอนที่ยวบลงและเสียงทอดถอนใจก็ดังมาให้ได้ยิน พี่ดินโอบแขนมา
กอดเขาทั้งผ้าห่มอย่างนั้น

“รักนะครับ”

เสียงพูดงึมงำแล้วก็เงียบไป

‘กอหญ้าก็รักพี่ดิน…รักมาก’

กอหญ้าพร่ำพูดอยู่เพียงในใจจนหลับไปพร้อมน้ำตาที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ามันไหลออกมาแม้ยามหลับ



เช้าตรู่ของวันใหม่ กอหญ้าตื่นมารู้สึกเนื้อตัวเบาขึ้น พี่ดินตื่นไปนานแล้วเพราะไออุ่นไม่มีเหลืออยู่ตรงที่นอน
กอหญ้ารีบทำกิจวัตรก่อนจะลงไปด้านล่าง นึกได้ว่ามีใครบางคนมาเป็นแขกของบ้าน แล้วก็ให้นึกไม่อยากออก
ไปเผชิญหน้า 

เมื่อก้าวเข้าไปที่ห้องรับประทานอาหาร พบว่ายังขาดพี่ดินอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะ ส่วนแม่ของเด็กๆ
ก็นั่งตรงที่นั่งที่เคยเป็นของเขาไปแล้ว กอหญ้าจึงเดินไปนั่งเก้าอี้ที่ติดกับคุณย่า

“กอหญ้านั่นแม่ของเด็กๆนะ ระริน เธอมีปัญหากับสามีจึงขอมาพักอยู่ด้วยชั่วคราว”

คุณย่าแนะนำให้รู้จักกับอดีตภรรยาพี่ดิน กอหญ้ายิ้มให้บางๆ เธอมองแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้

“เคยเจอกันบ้างแล้วล่ะค่ะคุณย่าหน้าตาหล่อเหลาดีนะ มิน่าล่ะถึงได้เป็นดารา”

ระรินพูด น้ำเสียงบ่งบอกว่าไม่ได้ชื่นชมอะไร ออกจะเหยียดๆด้วยซ้ำ กอหญ้าจับความรู้สึกได้

“อ้าวเจ้าดิน มากินข้าว ทำไมวันนี้เข้ามาสายนัก”

พ่อเขตเรียกพี่ดินที่เดินเข้าบ้านมา

“พอดีว่าม้าที่สั่งไว้น่ะครับ เข้ามาส่ง”

พี่ดินบอกกับพ่อเขต กอหญ้าหูผึ่งที่ได้ยินอย่างนั้น

‘หือ ไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะ’

“เป็นไง ได้ลองรึยัง ท่วงท่าเป็นไง?”

พ่อเขตถามอย่างกระตือรือร้น จนพี่ดินยิ้มกว้าง เดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ เขา
 
“พ่อต้องไปดูเองครับ บอกไปก็ไม่ตื่นเต้นสิ”

พี่ดินพูดเล่นลิ้นทำเอาพ่อเขตเมินไปสนใจอาหารในจานตรงหน้าแทน

“หายป่วยรึยังครับ”

พี่ดินถามพร้อมกับใช้หลังมืออังลำคอของเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ

“ตัวไม่ร้อนแล้ว น้ำเย็นอย่าเพิ่งดื่มเลยไว้หายดีก่อนแล้ววันนี้ไม่ต้องเข้าไร่นะครับ ถ้าหายดีพี่จะพาไปขี่ม้า
 ชอบไม่ใช่เหรอเรื่องผาดโผนน่ะ”

พี่ดินสั่งห้ามนู่นนี่นั่นจนกอหญ้าหน้าตึงขึ้นมา แต่เมื่อได้ยินว่าจะพาไปขี่ม้าก็อมยิ้ม

“หายแล้ว กลับไปช่วยงานได้แล้วด้วยนะ”

พี่ดินส่ายหน้าแล้วขยับอาหารจานโปรดไปไว้ตรงหน้าตัวเอง

“อย่าดื้อ”

พี่ดินพูดแค่นั้นแล้วก็ตักอาหารพลางมองไปที่เด็กๆ ที่ทานกันเงียบๆ โดยมีอดีตภรรยาดูแลอยู่

“ใบข้าวจะนั่งกับอากอหญ้าค่ะ”

หนูน้อยหันมองทำตาละห้อย

“นั่งนั่นแหละครับ อากอหญ้ายังไม่หายป่วยเลยเด็กๆต้องไม่กวนอากอหญ้านะลูก”

พี่ดินพูด ต้นกล้ามองมาตาปริบๆ อีกคน

“อากอหญ้าป่วยนานจัง กล้าเหงา”

เด็กชายตัดพ้อ เมื่อไม่มีอากอหญ้ามาสอนหนังสือและอ่านนิทานให้ฟังหลายวันแล้ว

“ใบข้าวกับพี่กล้าอยากฟังนิทานก่อนนอน”เด็กหญิงทวงถามอีกคน
“เดี๋ยวคืนนี้แม่อ่านให้ฟังนะจ้ะลูก”

มนุษย์แม่รีบแสดงตน เด็กๆเงียบเสียงไม่พูดอะไรกันอีก กอหญ้าที่อ้าปากจะพูดจึงรีบหุบปาก

“ดินทานนี่สิ ของชอบนี่นา”

ระรินตักห่อหมกปลาช่อนใบยอใส่จานข้าวให้พี่ดิน เมื่อสลับที่นั่งกันทำให้กลายเป็นระรินนั่งเยื้องๆ
กับพี่ดิน กอหญ้าที่กำลังจะตักห่อหมกเข้าปากมีอันชะงักแต่ก็รีบกินรีบกลืนจนสำลักออกมา เขายกมือปิด
ปากไอโขลกๆ แผ่นดินเห็นอย่างนั้นรีบส่งน้ำให้และลูบหลังให้ด้วย

“ยังไม่หายดีทานรสจัดได้ไง เอาต้มจืดนี่ไปแทนเดี๋ยวพี่ทานเป็นเพื่อน ไม่ต้องมางอแงเลย”

กอหญ้าบึนปากใส่คนตัวโตที่ออกจะเผด็จการอยู่บ้างเช้านี้

“พี่ดิน หมู่นี้ไม่เห็นพี่ทัพเลย เค้าไปไหนเหรอ รึว่านอนที่ร้านครับ”

กอหญ้าถามเพราะไม่เห็นหน้าหลายวันเข้าไปแล้ว

“เออ! พ่อจะฟาดกบาลมันแล้วเหมือนกัน หายหัวไปไหนของมันนะ”

พ่อเขตหน้าตึงเมื่อพูดถึงลูกชายคนเล็ก

“ย่าก็ว่าหมู่นี้ทำไมเหงาปาก อ่อ…ไอ้ตัวดีไม่โผล่มาให้เห็นน่ะเอง”

คุณย่าก็พลอยผสมโรงไปด้วย กอหญ้าหน้าเจื่อนที่การถามถึงกลายมาเป็นประเด็นให้ทุกคนพูดถึงพี่ทัพกันยกใหญ่

“มันไปขลุกอยู่คอนโดเจ้ากริชนู้นครับ”

พี่ดินเฉลย ทำเอาพ่อเขตหัวคิ้วกระตุก

“ห๊ะ! ไปทำบ้าอะไรที่กรุงเทพฯ งานมันอยู่ที่นี่ แกเรียกตัวมันกลับมาเลยนะ งานในไร่ก็มากมายจนล้นมือ
 ยังจะหนีเที่ยวอีก”

พ่อเขตโวยทันทีที่รู้ว่าลูกชายคนเล็กไปอยู่กับหลานชายที่กรุงเทพฯ

“ช่างมันก่อนเถอะพ่อมันกำลังอกหักอยู่น่ะ สาวไม่แลปล่อยมันไปทำใจสักพักเถอะ”

พี่ดินพูดเหมือนรู้ว่าพี่ทัพอกหัก กอหญ้าเก็บความสงสัยไว้จะถามพี่ดินนอกรอบ

“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างทัพจะไปชอบใครหรือคิดจะรักใคร”

ระรินพูดขึ้น ทุกคนพากันเงียบกริบส่วนพี่ดินไม่ตักห่อหมกเลยปล่อยค้างเติ่งอยู่ในจานและตักต้มจืด
ทานเป็นเพื่อนเขาอย่างที่พูดไว้


วันนี้เป็นอีกวันที่กอหญ้าต้องนั่งๆนอนๆดูละครกับคุณย่า แอบช่วยงานคุณนนท์ที่นั่งหน้าเครียดกับกองงานบนโต๊ะ
 ยิ่งพอมีสายโทรเข้ายิ่งเห็นว่าผู้จัดการไร่อารมณ์เสียเข้าไปใหญ่แถมก็บ่นงึมงำคนเดียว จนกระทั่งเลิกงานมีหนุ่ม
ผิวเข้มยิ้มฟันขาวมารอรับกลับบ้าน กอหญ้าเห็นสีหน้าหงุดหงิดเมื่อตอนบ่ายของคุณนนท์หายไป แต่ยังปั้นหน้านิ่ง
เรียบเมื่อเดินออกไปรับหน้าคุณกฤช

‘นี่แหละนะ…ปากไม่ตรงกับใจ…ไม่ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองซะเลย’


ระรินประกบติดน้องใบข้าวตลอดเวลา ดูเหมือนจะแย่งงานแตงโมไปทำจนหน้าที่พี่เลี้ยงของแตงโม

“ใบข้าวจะไปหาอากอหญ้า”

กอหญ้าได้ยินเสียงร้องของเด็กหญิง

“ใบข้าวก็อยู่กับแม่แล้วนี่ไง อยากเล่นอะไรอีก ยังจะเอาอะไรก็บอกแม่สิ”

เสียงของผู้เป็นแม่ดังออกมาให้ได้ยิน

“ใบข้าวจะหาพี่แตงโม หาอากอหญ้า”

เด็กหญิงงอแงหาทั้งเขาและแตงโมพร้อมๆกัน เขาอยากเข้าไปแต่ติดที่ใบข้าวอยู่กับแม่ของเธอ
ไม่รู้จะทำยังไงให้หนูน้อยหยุดร้องจังหวะนั้นก็หันไปเจอแตงโมที่เดินออกมาจากในครัวพอดี

“แตงโมช่วยเข้าไปดูน้องหน่อย น้องคงไม่คุ้นกับแม่ของเขาน่ะ”

แตงโมพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปหาใบข้าว สักพักก็อุ้มหนูน้อยออกมา เด็กหญิงซบที่บ่าแก้มแดงๆ
ปากก็แดงมีน้ำตาคลอๆ มาด้วย และขนตาก็ยังเปียกชุ่มไม่หาย

“เป็นอะไรคะคนเก่งของอา ไหนให้อาดูหน่อยไม่สบายรึเปล่าเอ่ย”

กอหญ้าเข้าไปคลำหน้าผากและแขนขา

“ตัวรุมๆนะ แตงโมเช็ดตัวให้น้องหน่อยหายาลดไข้ให้ทานด้วย แล้วก็คอยดูอยู่ใกล้ๆ งานในครัวไม่ต้องไปทำแล้ว
เดี๋ยวต้องบอกพี่ดินอากาศเปลี่ยนไม่รู้ลูกติดไข้จากพี่ไปรึเปล่าสิ”

กอหญ้ากังวลว่าใบข้าวอาจจะติดหวัดจากเขา

“คงไม่ใช่หรอกค่ะ เดี๋ยวแตงโมเฝ้าน้องเอง คุณกอหญ้าก็พักบ้างเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเอาน้องนอนกลางวัน
ได้เวลานอนแล้วค่ะ”

“ใบข้าวอยากนอนกับอากอหญ้าค่ะ”

เด็กหญิงอ้อนอาการแบบนี้ป่วยจริงๆนั่นแหละ เห็นดังนั้นจึงพยักหน้าแล้วลูบผมนุ่มไปมา

“ได้ค่ะนอนกับอาก็ได้ แตงโมส่งน้องมาแล้วไปเตรียมยากับผ้ามาเช็ดตัวทีนะ มาค่ะไปนอนกัน”

ใบข้าวอ้าแขนให้กอหญ้าที่รอรับก่อนจะพากันขึ้นห้องไปโดยมีสายตาของระรินที่มองตามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

‘เล่นก็เล่นด้วยแล้วยังจะงอแง เลี้ยงยากเลี้ยงเย็น นี่ถ้าไม่ติดว่าโกรธกับพี่เพทาย ฉันจะไม่ทนอยู่นี่เลยจริงๆ
เบื่อๆ อยากเลี้ยงก็เลี้ยงกันไปเลย’

ระรินเหยียดริมฝีปากอย่างเบื่อหน่าย


แผ่นดินกลับเข้าบ้านมาเขาได้รับรายงานจากแตงโมว่าใบข้าวตัวร้อน จนกอหญ้าต้องนั่งเฝ้าไม่ได้พัก
ส่วนระรินลูกก็ไม่เอาจนเธอไม่เข้าใกล้ลูกอีก ยิ่งแตงโมแอบกระซิบบอกกับเขาว่าน้องป่วยมีไข้งอแงระริน
ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ จนกอหญ้ามารู้เองทำให้แผ่นดินโกรธมากและสั่งแตงโมให้ดูน้องไม่ให้คลาดสายตา

“อย่าไปทำงานอื่นที่นอกเหนือจากดูแลใบข้าวและต้นกล้า นอกจากฉันและกอหญ้าเท่านั้นที่จะเปลี่ยน
หน้าที่เธอนะแตงโม”

พี่ดินสั่งออกมาเสียงดัง จนทุกคนต้องเงียบฟังมีแตงโมที่พยักหน้ารับคำ

“ดินจะพาลูกไปหาหมอหรือจะให้หมอไนท์เข้ามาตรวจที่นี่ล่ะ”

พ่อเขตถามลูกชายที่เดินไปอุ้มลูกสาวพาดบ่า

“ผมพาไปเองเผื่อไม่ใช่ไข้หวัด หมออาจจะต้องตรวจหาเชื้ออื่นๆร่วมด้วยไปโรงพยาบาลดีที่สุดครับพ่อ”

พี่ดินพูดแล้วขยับจะไปขึ้นรถ กอหญ้าลุกพรวดอย่างเคยชิน แต่ระรินก็ชิงพูดเสียดักทางไว้ก่อน

“รินไปด้วยนะดิน รินเป็นแม่”

เมื่อระรินพูดจบ กอหญ้าหน้าจ๋อยลงอย่างฉับพลัน

‘อืม…นั่นสินะนั่นแม่ของใบข้าว’

กอหญ้ามองหน้าคนรักอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาเองก็เป็นห่วงใบข้าวจะแย่แล้วเหมือนกัน
...แม้ไม่ใช่ลูกก็เถอะ…รู้บ้างไหม

“ไม่ต้องไปเลยเธอน่ะ อย่าทำให้วุ่นวายไปมากกว่านี้ ขนาดลูกมีไข้เธอเป็นแม่ยังดูไม่ออก อย่าเอาคำว่าแม่มา
ใช้พร่ำเพรื่อ เบื่อจะฟัง กอหญ้าไปกับพี่ แตงโมด้วยนะ”

พี่ดินตวัดสายตาดูแคลนอดีตภรรยาและหันมาบอกเขาและแตงโม ทำให้เขาอึ้งด้วยไม่คิดว่าจะได้สิทธิ์นั้น

“ยังไงก็โทรมาบอกย่าบ้างนะดิน รีบไปเถอะดูสิปากเปิกแดงไปหมดแล้วนะนั่น”

“ให้เจ้ามิ่งมันขับรถให้สิดิน”

พ่อเขตร้องบอก

“ไม่เป็นไรครับพ่อแค่นี้เอง”

แผ่นดินพูด รีบอุ้มยัยหนูออกไปโดยมีกอหญ้าและแตงโมตามไปติด ๆอย่างร้อนรน ระรินมองตาม

‘ก็แค่เป็นไข้นิดๆหน่อยๆ จะตื่นตกใจอะไรกันนักหนา ไม่เข้าเรื่อง’

คิดอย่างนั้นแล้วเธอก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์เพื่อเลือกดูแฟชั่นกระเป๋าที่จะออกใหม่ในสัปดาห์นี้อย่างไม่ยี่หระ

แผ่นดินส่งใบข้าวให้กอหญ้าที่นั่งเบาะหน้าด้วยกันเพราะลูกงอแงจะไปหา เสียงเริ่มจะแหบและมีอาการไอร่วมด้วย
พอใบข้าวได้นั่งกับกอหญ้าหนูน้อยก็กอดคอไม่ยอมปล่อย

“ใบข้าวนั่งตักอากอหญ้าสิลูก กอดคอแบบนั้นเดี๋ยวอากอหญ้าจะอึดอัดแล้วก็ปวดหลังนะคะกว่าจะไปถึงอาหมอ”

แผ่นดินบอกลูกที่เอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมลูกเดียว กอหญ้าจึงปรับเอนเบาะลงอีกหน่อยและตบปุๆ
ที่หลังกล่อมให้นอน จนหนูน้อยหลับคาอก

“เมื่อยมั้ย เหนื่อยทั้งวันจนไม่ได้พัก แตงโมบอกว่าลูกกวน”

แผ่นดินมองคนรักที่ตาปรอย

“ไม่เท่าไหร่หรอกพี่ดิน ลูกป่วยเราก็ต้องเฝ้าใกล้ชิดแบบนี้แหละ”

กอหญ้าพูดไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังยิ้มกว้าง


เมื่อใบข้าวพบแพทย์ คุณหมอบอกว่าเป็นอาการของไข้หวัดและคออักเสบร่วมด้วยเท่านั้น
คุณหมอแนะนำให้หนูน้อยจิบน้ำบ่อยๆที่อุณหภูมิห้อง แต่หากมีแผลในปากให้งดทานอาหารที่อุ่นเกิน
ไปเพราะจะไปกระตุ้นให้แผลในปากอักเสบ และเด็กจะไม่ยอมทานอาหาร หลังจากนั้นคุณหมอจึงเขียน
ใบสั่งยาให้ ได้ยาน้ำกลับบ้านถุงใหญ่เลยทีเดียว


“คืนนี้แตงโมนอนกับน้องนะ”

แผ่นดินบอกพี่เลี้ยงของลูก ซึ่งพยักหน้ารับ

“ให้ลูกนอนห้องเราก็ได้พี่ดิน ดึกๆ เราจะได้ผลัดกันดู”
กอหญ้าแนะ

“กอหญ้ายังไม่หายดีเลยนะ…จะไหวเหรอ”

แผ่นดินอดเป็นห่วงไม่ได้

“กอหญ้าหายแล้วพี่ดิน พรุ่งนี้เข้าไร่ได้แล้วด้วยนะ อ้าว…นี่พูดจริงนะ”

กอหญ้าทำน้ำเสียงให้แจ่มใสทั้งๆที่ตาจะปิดอยู่แล้วทำเอาแผ่นดินอดที่จะขำไม่ได้

“หึหึ พี่ตามใจเฉพาะเรื่องลูกครับส่วนเรื่องที่จะออกไร่น่ะเอาไว้ก่อนครับคุณข้ามฟ้า อย่าเพิ่งมาทำเป็นเก่ง”

กอหญ้าหน้ามุ่ยที่ถูกสกัดอีกแล้ว เมื่อถึงบ้านแตงโมช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หนูน้อยแล้วจึงพาไปส่งให้
ที่ห้องของกอหญ้าตามที่ลงมติว่าสองคนจะดูแลลูกกันเอง

สองหนุ่มผลัดกันดูลูกทั้งคืนเพราะไข้จะกลับมาเมื่อยาลดไข้หมดฤทธิ์จึงต้องเช็ดตัวและปลุกให้กินยา
หนูน้อยงอแงแต่พอเห็นทั้งพ่อและอากอหญ้าอยู่กันครบก็ยอมกินยาแต่โดยดี
และพากันหลับยาวทั้งสามคนจนกระทั่งเช้า


เช้านี้ระรินมาบอกลาและเล่าว่าเธอกับสามีเคลียร์กันแล้วและทำทีว่าห่วงลูกที่ป่วยแต่การที่เธอเตรียม
กระเป๋าพร้อมเดินทางขนาดนั้นจึงไม่มีใครสนใจที่จะรั้งไว้ ยิ่งเป็นลูกๆที่มองตามอย่างไม่ได้ให้ความใส่ใจ
เท่าไหร่…เพราะไม่ผูกพัน

“เฮ้อ! กลับไปได้ซะที วนเวียนจริงๆแม่คนนี้ กอหญ้าก็ไม่ต้องไปใส่ใจนะลูก ดินมันไม่เอาแล้วผู้หญิง
แบบนั้นปากบอกรักลูก เหอะ! เปิดก้นไปไม่มีเหลียวหลัง”

คุณย่าพูดลับหลังอดีตหลานสะใภ้

“รักอยู่คนเดียวเนี่ยแหละครับคุณย่า ผมไม่เปลี่ยนใจแล้วก็ไม่คิดไปรักใครอีกแล้ว
นี่รักแรกและรักเดียวของผมเลยนะ”

พี่ดินพูดกับคุณย่าแล้วก็เขี่ยๆ ปอยผมที่ท้ายทอยของเขาเล่น
สัมผัสบางเบาแต่สร้างความอบอุ่นในแบบที่คุ้นเคย

นี่สินะ! สาเหตุของอาการเหงา…แค่คำว่ารักเพียงแค่นี้…เต็มตื้นไปทั้งหัวใจ



***************************************

        รักคนอ่านทุกคน

แล้วพบกันในผลงานเรื่องหน้านะ

           








หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-04-2019 15:24:31
 o13
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-04-2019 18:55:10
 :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-04-2019 19:52:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-04-2019 20:21:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-04-2019 23:10:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 28-04-2019 23:49:16
ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-04-2019 14:27:46
 :pig4: สนุกมากค่ะ สงสารข้ามฟ้ามากๆ อ่านไปร้องไปเลย :monkeysad: แต่โชคดีเจอคนดีๆ รักดีๆ อบอุ่นหัวใจ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 29-04-2019 17:57:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 29-04-2019 22:50:30
สงสารข้าวมากแต่ก็เป็นนิยายที่สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 01-05-2019 22:01:32
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 04-05-2019 22:24:10
ขอบคุณนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:13:33
 :pig4: