ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ  (อ่าน 34977 ครั้ง)

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 37 ทางเดินชีวิต

มิ่งจอดรถที่หน้าสถานีตำรวจ  แผ่นดินประคองคนรักไม่ห่างกาย
กำลังจะเดินเข้าไปก็ชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคะน้า

“พี่ดินเกิดอะไรขึ้น…แล้วข้าวล่ะเป็นไง
น้องยังไม่ได้เล่าให้พี่ฟังเลยว่าเรามาที่นี่ทำไม?”

คะน้าถามรัวเร็ว

“เข้าไปฟังพร้อมๆกันด้านใน  กอหญ้าเพิ่งจะอาการดีขึ้นไม่นานนี้เอง
หาที่ให้น้องนั่งก่อนเถอะคะน้า”

พี่ดินออกปากและประคองกอหญ้าเดินนำไปก่อน
คะน้ามองปราดไปตามเนื้อตัวของน้องก็ชะงัก…เมื่อเห็นรอยถลอก
และแดงเถือกตามแขน…อีกแล้วสิ โธ่…ข้าว


เมื่อพากันนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยหน้าโต๊ะร้อยเวร  เรื่องราวต่างๆ
ก็กระจ่าง คะน้าโมโหจนเนื้อตัวสั่น วันที่เธอกลัวและเฝ้าระวังมาตลอด
ได้เกิดขึ้นจนได้  เมื่อออกมาจากห้องสอบสวนคะน้าเก็บอารมณ์ไม่อยู่อีกต่อไป

“ข้าวเอาเรื่องน้าช่อให้ถึงที่สุดเลย ปล่อยไปไม่ได้! บัดซบสิ้นดี!
พี่ไม่คิดเลยว่าเงินตัวเดียว  ทำให้คนคิดชั่วได้ถึงเพียงนี้…คิดขายกัน
ได้ลงคอ…เข้าข่ายค้ามนุษย์ชัดๆ เห็นชีวิตคนอื่นเป็นอะไรไปแล้ว”

คะน้าแค้นเคืองเอามากๆ ดูได้จากวาจาเผ็ดร้อนที่เธอกล่าวออกมา

“พี่คะน้า  ข้าวทำเธอไม่ลงหรอก  ผีพนันแท้ๆ ที่ทำให้เธอเป็นอย่างนี้
พี่ดินข้าวควรทำยังไง”

กอหญ้าหันไปขอความเห็นจากแผ่นดิน  ซึ่งยืนหน้าเครียดอยู่ไม่ห่าง

“ละเว้นโทษไม่ได้หรอกกอหญ้า  ที่เสี่ยบวรทำน่ะมันไม่ใช่คดีเล็กๆ
เป็นคดีอาญาเลยด้วย  แล้วแม่เลี้ยงของกอหญ้าก็เข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด
เสี่ยบวรให้การพาดพิงถึงเธอเองนะ  พวกเราเองยังไม่มีใครเอ่ยชื่อเธอ
ออกมาเลยด้วยซ้ำไป”

แผ่นดินพูดจบ  กอหญ้าก็พยักหน้ารับรู้อย่างเนือยๆ 

คะน้าเห็นว่าสมควรให้เธอรับโทษเพราะถ้าปล่อยไปเธอก็จะไม่สำนึก
และคงทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้กับลูกเลี้ยงอีกเป็นแน่

“พี่ว่าให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายเถอะ  คนทำผิดก็ต้องชดใช้
ข้าวอย่าไปคิดอะไรมากเลย  ที่เหลือเดี๋ยวเราให้ทนายจัดการต่อแล้วกัน
ข้าวกลับไปพักก่อนเถอะ  พี่ดินก็อีกคนเดินทางมาเหนื่อยๆ  ไปนอนพัก
ที่คอนโดข้าวนั่นแหละ”

คะน้าบอกให้แยกย้ายเมื่อเห็นสีหน้าที่อ่อนล้าของแต่ละคน

“ดีเหมือนกัน  ข้าวจะไม่ไหวแล้ว…เหนื่อยมาทั้งวัน”
กอหญ้าพูดแล้วก็ทำตาปรอยๆ

“แล้วเจอกันนะ  คะน้า”

พี่ดินบอกกับพี่คะน้าที่มาส่งพวกเขาขึ้นรถ

“พักมาก ๆนะข้าว ถ้าไม่ดีขึ้นยังไง….พี่ดินช่วยพาหาหมอให้ด้วยนะคะ”

คะน้าฝากฝังน้อง  กอหญ้าส่งยิ้มอย่างโรยแรง  แล้วมิ่งก็เคลื่อนรถออก


“มิ่งแวะซื้อโจ๊กก่อนนะ  แล้วนายสองคนค่อยไปหาอะไรกินกัน
มิ่งนอนที่เดียวกับขวัญนั่นแหละนะคืนนี้  เอ้า! เอาเงินนี่ไป”

ขวัญรับเงินจากนายไว้ปึกหนึ่ง  นอกเหนือจากเงินเดือนนายดินก็มักจะให้เพิ่ม
เมื่อเรียกใช้นอกเวลา  หากไม่รับก็เป็นเรื่อง จนสองพี่น้องไม่กล้าที่จะปฏิเสธ

เมื่อซื้อโจ๊กเสร็จมิ่งจึงส่งสองหนุ่มที่คอนโดหรูย่านใจกลางเมือง
แล้วสองแฝดก็เคลื่อนรถออกไป


“ที่นี่น่าอยู่มากเลยเนอะ ไม่ยักจะรู้ด้วยว่าเจ้ากริชมันอยู่หรูหราขนาดนี้น่ะ”

“พี่ดิน!…น้องมันไม่ใช่จะยากไร้ซะหน่อย  พี่ชายก็เป็นถึงเจ้าของไร่ส้มขนาดใหญ่
ของภาคเหนือเลยด้วยสิ  คิกคิก”

กอหญ้าแกล้งแซวคนรัก

“หืม…หัวเราะได้แล้ว…ก็หายแล้วสิเนอะ  ถ้างั้นคืนนี้…พี่…ขอ…นะ”

แผ่นดินแกล้งพูดเว้นระยะ  ทำเอาคนฟังใจสั่น  เผลอคิดไปไกล

“พี่ดินพูดอะไรน่ะ  ชักจะหน้าไม่อายใหญ่แล้วนะ”
คนพูดก้มหน้าไม่ยอมสบตา

“ฮ่ะฮ่า…พี่ล้อเล่นน่ะ  แล้วไหนล่ะห้องของกอหญ้าน่ะ”

แผ่นดินถามเมื่อก้าวออกจากลิฟต์  กอหญ้าเดินนำไปไม่เกินสิบก้าว
ก็หยุดที่ห้องๆหนึ่งแล้วแตะคีย์การ์ด

“ห้องนี้ครับ  พี่ดินจะอาบน้ำก่อนเลยมั้ย”
กอหญ้าพาเดินเข้าไป  หันมาถามคนตัวโตที่เดินตามเข้ามา
และอย่างไม่ทันตั้งตัวก็โดนดึงให้นั่งลงซ้อนตักกันที่โซฟาที่กำลังจะเดินผ่านไป

“ขอกำลังใจนิดนึงก่อนครับ”

แผ่นดินแนบริมฝีปากประกบลงบนเรียวปากบางที่เผยอขึ้นเหมือนจะประท้วง
จูบอย่างเนิบช้าอ่อนหวาน  ดูดดึงทั้งริมฝีปากบนและล่างโดยไม่ได้ล้วงล้ำ
เข้าไปภายใน  แล้วจึงถอนริมฝีปากออก

“ชื่นใจจังครับ…เราไปอาบพร้อมกันเลยเนอะ…ไม่ต้องมาทำหน้าทะลึ่งเลย
พี่ยังไม่ได้คิด…แค่จะอาบด้วยเฉยๆ ไปครับคนดี…จะได้มาทานโจ๊ก”

แผ่นดินดึงกอหญ้าให้ลุกตามกันไปโดยไม่ลืมที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวติดมือเข้าไปด้วย
ทั้งสองปลดเปลื้องเสื้อผ้าจนเนื้อตัวเปลือยเปล่าแล้วเดินเข้าไปใต้ฝักบัวใหญ่
จนตัวเปียกทั้งสองคน  กอหญ้าเทครีมอาบน้ำลงบนฝ่ามือแล้วฟอกไปตามเนื้อตัว
ของตนก่อน แผ่นดินก็เข้ามาช่วยลูบไล้ฟองครีมให้ด้วย  ต่างผลัดกันฟอกตัวให้กัน
แล้วจึงล้างฟองออก  จนสะอาดหมดจรดทั้งสองคน

“พอเถอะกอหญ้า  เดี๋ยวพี่จะไม่แค่อาบเฉยๆ ให้แล้วนะ”
แผ่นดินแกล้งเย้า  กอหญ้ารีบปิดน้ำทันที  แล้วคว้าผ้าเช็ดตัว
แต่แผ่นดินไวกว่าคว้ามาเช็ดให้จนแห้งแล้วจึงพันช่วงล่างให้เสร็จสรรพ

“พี่ดินทำอะไรก็เร็วไปหมดอย่างนี้  กอหญ้ากลายเป็นเต่าต้วมเตี้ยมไปเลย”

กอหญ้าพูด  ชายหนุ่มยิ้มรับแล้วพากันเดินออกจากห้องน้ำ  กอหญ้าไปรื้อหา
ชุดนอนได้กางเกงขาสั้นมาหนึ่งตัว

“พี่ดินใส่ของกอหญ้าได้มั้ยครับ  นี่ครับ  แล้วเสื้อคงไม่ต้องเนอะ
ไม่เห็นพี่ดินจะชอบใส่เสื้อนอน เอ…แล้วมิ่งไม่เอากระเป๋าเสื้อผ้าลง
ให้พี่ดินเลยล่ะ  ลืมไปแล้วละมั้ง”

“พี่ไม่ต้องใส่อะไรก็หลับเหมือนกันนั่นแหละ หึหึ
กระเป๋าสายๆ เจ้ามิ่งคงจะเอาเข้ามาให้”

แผ่นดินรับกางเกงมาจากคนที่ยืนหน้าแดงไม่ห่าง  ขี้เขินจริงๆ

“กอหญ้าเอาโจ๊กใส่ชามให้น ะ พี่ดินตามมานะครับ”
กอหญ้าเดินเลี่ยงออกไป  แผ่นดินตามมาที่โต๊ะซึ่งอยู่ติดกับระเบียง
มองแสงไฟที่เห็นวิบวับจากมุมสูง  กรุงเทพฯยามราตรี  บรรยากาศไม่เหมือนกับไร่ส้มเลยสักนิด

“ทานอีกสักสองคำแล้วพอเลยครับ  นั่นแหละ…เก่งจริง”
แผ่นดินพูดแค่นี้  คนตรงหน้าก็เขินอีกแล้ว 

“พี่ดินก็ทานให้หมดด้วย  เหลือไม่กี่คำเองครับ”

กอหญ้ามองชามโจ๊กของคนพี่  ซึ่งก็ตักทานจนหมดอย่างว่าง่าย

“ไปแปรงฟันไป  เดี๋ยวพี่ล้างชามเอง  นั่งพิงหลังก่อนอย่าเพิ่งลงนอน
นะกินอิ่มๆ ให้ย่อยสักหน่อยก่อน  หรือจะหากิจกรรมทำกันก่อนนอนดี
 หืม…”

พี่ดินพูดจบก็หันไปล้างชาม

“พี่ดิน…บ้า”

กอหญ้าพึมพำไม่ดังนัก  แต่แผ่นดินยกยิ้มมุมปากเมื่อหูกลับได้ยิน
เมื่อเสร็จธุระในครัวชายหนุ่มก็ตามเข้าไป  เห็นเจ้าของห้องกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
จึงเดินเข้าไปหายกหลังมืออังที่หน้าผากและลำคอ

“ปวดหัว  หรือวิงเวียนอะไรมั้ยครับ”
แผ่นดินทอดเสียงอ่อน  อย่างห่วงใย

“ไม่ครับพี่ดินแค่ง่วงๆ ก็พี่ดินสั่งไม่ให้นอน  ขอนั่งหลับได้ไหมครับ
กอหญ้าไม่ไหวแล้วตาจะปิด”

กอหญ้าพูดจบก็เอาหน้ามาซบที่พุงคนตัวโตที่ยืนค้ำหัวอยู่

“งั้นนอนพิงหัวเตียงแล้วซบที่พี่นี่  อีกสักเดี๋ยวพี่จะจัดท่านอนให้ตอนเราหลับ
…นอนนะฝันดีครับ”

แผ่นดินพูดจบก็จับคนง่วงให้นั่งกึ่งนอนซบมาที่ไหล่ของเขาที่ลงนั่งพิงที่หัวเตียงเช่นกัน

“ฝันดีครับ  พรุ่งนี้เจอกัน…รักพี่ดินนะ”

กอหญ้าพูดเสียงยานคางเพราะความง่วงงุน

“รักเหมือนกัน…เด็กดี”

แผ่นดินกดจูบที่เรือนผมนุ่มที่ยาวจนตัดแต่งทรงสวยแล้ว


แผ่นดินกดปิดไฟกลางห้องเหลือไว้แต่โคมไฟ  นั่งมองคนที่ซบหลับอยู่กับบ่า
ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ…พรุ่งนี้เช้าต้องคุยอย่างจริงจังเสียที
จะปล่อยให้ใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองใหญ่แบบนี้ไม่ได้แล้ว

ที่นี่กอหญ้าไม่มีใครเลย ไร้ญาติมิตร  หากเป็นที่ไร่ของเขาอย่างน้อยๆ
ก็ยังมีเขาคนหนึ่งแล้วยังคุณย่ากับพ่อเขตที่เหมือนญาติผู้ใหญ่อีก

กอหญ้าจะต้องเลือกหนทางชีวิตแล้ว


กอหญ้าตื่นมาอย่างมีความสุขและอิ่มเอม ที่เป็นเช่นนี้เพราะได้ลืมตาตื่น
ในอ้อมกอดอุ่นของผู้ชายที่เป็นที่รัก  และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้
แม้ในยามที่เขามีภัยอันตรายก็ได้ผู้ชายคนนี้ช่วยไว้  ชีวิตนี้เป็นหนี้ที่ต้องชดใช้ให้กับพี่ดินแล้ว

“ว่าไงครับ หืม… แอบมองพี่  คิดอะไรกับพี่รึป่าว จะลักหลับพี่หรือไงครับ”
แล้วแผ่นดินก็ได้เห็นบางคนที่แก้มแดงอย่างกับลูกมะเขือเทศสุก

“พี่ดิน  พูดน่าเกลียดอีกแล้ว  กอหญ้าแค่ดีใจที่ตื่นมาเจอคนที่รัก
…เป็นคนแรกของวัน”

พอพูดจบ  กอหญ้าก็รู้สึกหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทันทีและลามไปที่ใบหูจนวูบวาบไปหมด

“อ้าว! ไม่ได้คิดเหรอ  แต่พี่…ทำไมถึง…คิดก็ไม่รู้สิ  หึหึ”

แผ่นดินพูดจบก็โดนเล็บจิกที่สีข้าง  ทำเอาสะดุ้ง

“พี่ดินไม่เล่นนะ…แล้วจะกลับไร่กันเมื่อไหร่ครับ  กอหญ้าจะได้ไปลาเจ้านาย
…ขอกลับด้วยคน…นะ”

กอหญ้าพูดจบก็ถูกรวบตัวไปกอดและถูกหอมที่หัวและจูบตามมาอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

“อุ้ย…ดะ…เดี๋ยวครับ  พี่ดิน  แปรงฟัน ก่…อะ…อืม”

จูบอย่างดูดดื่มรับอรุณจึงเกิดขึ้น

“หุหุ…ปากเจ่อเลย…ซอกคอก็ข๊าว…ขาว…จุ๊บ”

พี่ดินพูดแล้วก็ฝังจมูกที่ซอกคอแถมขบเม้มฝากรอย
เพราะกอหญ้ารู้สึกเจ็บจี๊ดหน่อยๆตรงรอยดูด

“พี่ดิน…อย่าแกล้งสิ…ไม่ได้อยากเอารอยไปโชว์ให้ใครเห็นนะ”

กอหญ้าบ่นอุบ  แล้วหดคอหนี

“จะกลับไร่อยู่แล้ว  มีรอยไม่เห็นจะเป็นไร  ใครๆ ก็ต้องรู้ว่ารอยนี่
…พี่เป็นคนทำ  วันนี้พี่จะไปกับเราทุกที่เลยคอยดู  ทีนี้ก็ไปลาเจ้านาย
ได้เลยครับ”

พี่ดินพูดหน้าตาเฉยอย่างไม่สะทกสะท้าน

“เช้านี้…เราจะทานอะไรกันดีครับ”
คนตัวโตถาม

“ร้านข้าวใต้คอนโดมีนะพี่ดิน เราสั่งขึ้นมาทานมั้ย”

“งั้นพี่ขอเป็นผัดพริกแกงปลาดุกเผ็ดๆกับไข่ดาวสักฟอง”

“กอหญ้าสั่งอะไรดีนะ…เอ่อ…ผัดผักรวมราดข้าวก็ได้”

“กอหญ้าหันมาทานผักด้วยเหรอ  เดี๋ยวนี้”

“ครับ  ก็ฝืนๆ อยู่บ้าง  แต่ไม่ได้หรอกต้องฝึกเอาไว้
ถ้ากลับไปที่ไร่อายลูกแย่สิ  เพราะเด็กๆ ทานกันได้อย่างหน้าตาเฉยเลย”
กอหญ้าพูดให้คนพี่ฟังและมีแอบเขินด้วย  แต่ไม่พ้นสายตาคนตัวโตไปได้ที่มองกลับมายิ้มๆ


“เฮีย…นี่แฟนข้าวเอง…พี่ดินครับ”

กอหญ้าพาคนรักไปพบคุณเกริกเกียรติด้วย เพราะไหนๆ
ก็จะลาออกจากวงการแล้ว  เขาก็อยากจะเปิดตัวให้เจ้านายได้รู้จักกับคนรักของเขา

“อ่อ…ที่ว่าขี้หวง  แต่ก็ดีที่ข้าวจะได้มีคนดูแล  หน้าตาดีนี่คุณน่ะ
ตาถึงนะข้าว ได้แฟนหล่อไม่เบา”

บอสชมพี่ดิน  ทำเอาคนอวดแฟนเขินแทนคนที่ถูกชม

“เอ่อ…ข้าวจะขอกลับไปไร่กับพี่ดิน  ของดรับงานทั้งหมดได้ไหมครับ
แต่ละครพี่เมศบอกจะยกกองไปถ่ายที่ไร่เขตแผ่นดิน  จะถ่ายทำที่นั่นทั้งเรื่อง
บอสจะอนุมัติมั้ย เอ่อ…คือพี่ดินไม่ให้ข้าวอยู่ที่นี่แล้ว”

กอหญ้าอ้ำอึ้งในช่วงท้ายประโยค

“ได้สิ  กลับไปเลยเหรอ…คุณดินจะเลี้ยงมันไหวเหรอเจ้านี่นะ  ท่าจะดื้อมากด้วยนะ”

“หึหึ  ตัวแค่นี้  ดื้อยังไงก็เอาอยู่ครับ…เลี้ยงตลอดชีวิตได้สบายๆ”

แผ่นดินตอบเจ้านายของคนรัก

“เออดี…เป็นคนจริงนะเนี่ยคุณ  ดูแลกันดีๆ ข้าวก็ไม่มีใครทางนี้แล้ว
ได้คุณดูแลก็ถือว่าเป็นโชคดีของมัน  แล้วเรื่องคดีติดขัดอะไรก็บอกนะ
ผมช่วยเต็มที่  หรือคุณดินจะมาเข้าวงการก็ยินดีนะ  หน้าตาดีแบบนี้
แฟนคลับคงจะเยอะไม่แพ้ข้าวแน่ๆ ฮ่าฮ่า”

บอสฝากฝัง  และชวนให้ชายหนุ่มมาร่วมงานด้วย

“เอ่อ…ไม่ดีกว่าครับ  ผมถนัดแต่งานไร่งานสวน  ขอบคุณที่กรุณานะครับ”

“ข้าวกราบขอบคุณเฮียที่เมตตา  แล้วก็ไม่โกรธที่ข้าวทิ้งงาน
ถ้ามีงานสำคัญๆ ข้าวก็จะขอพี่ดิน  คงจะมาช่วยเฮียได้บ้าง…เนอะ
…พี่ดินใจดีจะตาย”

กอหญ้าฉวยโอกาสมัดมือชกเขาต่อหน้าเจ้านาย  แผ่นดินมีสีหน้าประดักประเดิด
แต่ก็พยักหน้ายินยอมแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

‘พลาดไปแล้วพ่อหนุ่ม  ข้าวนี่มันไม่เบาจริงๆ เจ้าหนุ่มนี่ก็ดูรักใคร่
คงตามใจกันน่าดู ไม่เคยรู้เลยว่าข้าวมันจะขี้อ้อนได้ขนาดนี้
 ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปสินะ’

คุณเกริกเกียรติมองชายหนุ่มสองคนตรงหน้าแล้วก็ให้นึกเอ็นดู

“บอสสวัสดีค่ะ  คะน้าขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ
 อยากจะฟาดไอ้เด็กแสบนี่นัก จะหนีกลับไร่ก็ไม่บอกคะน้าสักคำ
 บังเอิญผ่านมาได้ยินเข้านะเนี่ย…หึ้ย”

คะน้าหน้างอ อย่างแสนงอน

“ข้าวมันยังไม่ได้กลับตอนนี้นี่เธอ จะงอนมันทำไม ไปคุยกันดีๆ
ก่อนเลย  อย่าเพิ่งตีกันล่ะ”

คุณเกริกเกียรติแกล้งทำเป็นห้ามปราม  คู่นี้รักใคร่ดูแลกันอย่างดีตั้งแต่
เห็นร่วมงานกันมาแล้ว  อย่างเมื่อคืนคะน้าก็โทรมาร้องห่มร้องไห้สงสารน้องอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้หยุด

“งั้นคะน้าขอพาน้องไปซ้อมต่อนะเฮีย  ดื้อนัก…ลุกสิ  พี่ดินด้วย ลาก่อนนะคะเฮีย”

คะน้าก็ฉุดแขนกอหญ้าที่ยกมือไหว้ลาบอสเกือบไม่ทัน
ทำเอาบอสและพี่ดินพากันโคลงศีรษะไปตามๆ กัน

“เออ…ไปดีๆ มีอะไรก็โทรมานะ เฮียยังดูแลพวกเราเหมือนเดิม
 อย่าลืมซะล่ะ”

เฮียส่งยิ้มให้  และทั้งสามก็พากันออกมาจากบริษัท
ตรงดิ่งไปหาข้าวกลางวันที่ร้านอาหารไทยร้านเดิมที่คะน้าเคยพากอหญ้าไปนั่นเอง





ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 38 ทางที่เลือกเดิน

“พี่ดิน  ฝากน้องด้วย  เมื่อไหร่ที่พี่ไม่รักเจ้าเด็กงี่เง่านี่บอกนะ
คะน้าจะไปรับกลับมาเอง”

คะน้าฝากฝังกอหญ้ากับแผ่นดินเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะทำให้กับน้องชายได้
เด็กหนุ่มมองพี่สาวอย่างซึ้งใจ

“อย่าห่วงเลยคุณ  กอหญ้าเป็นชีวิตของพี่  อีกอย่างพี่ซะอีกที่ไม่รู้จะถูกเบื่อ
และถูกน้องคุณทิ้งเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เลย”

“พี่ดิน! กอหญ้าไม่เคยทิ้งใครก่อน  อย่ามาหมิ่นหัวใจกันนะ”

กอหญ้าพูดเสียงสะบัดๆ ใส่  คางเชิดอย่างรั้นๆ พูดผิดหูไม่ได้เลย
คุณหนูขี้วีนกำลังจะออกฤทธิ์

“โอ๋ๆ ใครจะไม่เชื่อกันล่ะหืม…อย่างอนเลยนะ”

แผ่นดินจับหัวทุยๆ โยกเยกไปมา

“แหมๆ คุณๆ คะ ดิฉันยังอยู่ตรงนี้อยู่เลยนะ  หวานออกสื่อกันแล้ว
…มดเริ่มจะไต่จนปัดออกไม่ไหวแล้วเนี่ย  ขอตัวกลับก่อนนะ
เจอกันที่ไร่พี่ดินนะ บายจ้ะ”

พี่คะน้าโบกมืออำลา  มุมปากยกยิ้มและไหวไหล่ล้อๆ สองหนุ่ม
แผ่นดินจึงพากอหญ้ากลับไปขึ้นรถ  เตรียมตัวเดินทางขึ้นเหนือในตอนบ่ายแก่ๆ ของวัน

“เสร็จจากงานละคร  พี่ว่ากอหญ้าอำลาวงการไปอยู่กับพี่เลยเนอะ
คอนโดจะขายหรือเก็บไว้ก็ตามใจ  แล้วรถนี่น่ะจะเอาไงต่อ
ถ้าจะเอาไปด้วยพี่ไม่ให้เราขับคนเดียวนะบอกไว้ก่อน ไปไหน
ต้องมีพี่นั่งไปด้วย”

แผ่นดินพูดอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อเข้ามานั่งกันในรถสปอร์ตคันหรูของกอหญ้าแล้ว

“พี่ดิน  คอนโดขอเก็บไว้ให้ลูกๆ นะครับ เด็กๆ ต้องมาเรียนที่กรุงเทพฯ
อยู่แล้วตอนโต  ส่วนรถคันนี้กอหญ้าขอเอาไปใช้ที่ไร่นะ  ได้ขับบ้างนิด
หน่อยก็ยังดี  ยังพอรู้สึกว่ามีสมบัติติดตัวไปบ้าง ไม่ใช่หนีตามพี่ดินไป
แบบตัวเปล่าๆ…แล้วจะให้มองหน้าใครติดล่ะจริงไหม”

กอหญ้าพูดไปก็กัดปากไปด้วย  อาการขี้เขินอีกตามเคย

“ใครบอกว่าเราหนีตามพี่…แบบนี้เค้าเรียกว่าไปดูแลหัวใจต่างหากล่ะ
…จะคิดเยอะทำไมเล่า ลูกๆ กว่าจะโตอีกตั้งหลายปี  ถ้าขายไปยัง
เหลือเป็นเงินเก็บติดตัวนะ  เอาอย่างนี้มั้ยพี่จะรับซื้อไว้เป็นสมบัติ
ให้ลูกแล้วกัน…ตกลงตามนี้แล้วกันนะ”

แผ่นดินหาทางออกที่ไม่เป็นการเอาเปรียบคนตรงหน้าจนเกินไป

“พี่ดิน! ทำเหมือนกอหญ้าเห็นแก่เงิน…แล้วเหมือนเราไม่ใช่ครอบครัว
เดียวกันอย่างนั้นแหละ  เสียใจนะครับ”

กอหญ้าออกอาการปากยื่นจนจะถึงจมูกอย่างไม่ชอบใจ

“เห่ย! พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น  แค่ไม่อยากเอาเปรียบเราไง
ก็มันเป็นน้ำพักน้ำแรงของกอหญ้านะ โอเคๆ ลูกพี่ก็เป็น
ลูกกอหญ้าแล้วกัน  งั้นตามใจเราเลย ไม่งอนพี่เนอะ…
พี่ขอโทษครับ”

แผ่นดินง้องอนคนแสนงอน

“พี่ดิน  กอหญ้างอนพี่ซะที่ไหนล่ะ ไม่ใช่ผู้หญิงซะหน่อย…บ้าจริง”

แก้มขึ้นสีระเรื่อเมื่อพูดจบ  น่ารักชะมัดแผ่นดินมองอย่างมันเขี้ยว
เขาอยากจะลากมาฟัดซะให้จมเขี้ยวถ้าไม่ติดว่ากำลังขับรถอยู่ละก็…

“งั้นบ่ายนี้เรานั่งเครื่องกันสองคน  แล้วให้ขวัญกับมิ่งขับรถของ
กอหญ้าตามไป”

แผ่นดินวางแผนการเดินทาง  กอหญ้ายิ้มโชว์ฟันเรียงกันสวยเมื่อถูกตามใจ

“อย่างนั้นก็ได้ครับ  พี่ดินใจดีจัง”

กอหญ้าพึมพำขอบคุณ  และยิ้มไม่หุบ  จนแผ่นดินโคลงศีรษะ

‘รักเด็ก  หลงเด็ก  ต้องตามใจกันอยู่ร่ำไปสิน่า’

“โอ้…แม่เจ้า สุดยอด!!! รถสปอร์ตในฝันของผม…คุณกอหญ้ารถสวยมากๆ
เลย  หรูจนผะ…ผม  ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ขับมัน…ครั้งนึงในชีวิตเลยนะครับ”

มิ่งพูดพร้อมกับลูบคลำรถจนจะทั่วทั้งคันอยู่แล้ว

“มิ่ง  ขับระวังๆ หน่อยนะ  เจ้าของรถไม่เคยทำให้เกิดรอย
อย่าเร็วนักรู้มั้ยล่ะ…เครื่องมันแรงมากๆด้วย  เจ้าขวัญอีกคนช่วยปรามๆ
พี่ชายเราด้วย”

แผ่นดินกำชับลูกน้องคนสนิทก่อนจะส่งกุญแจรถให้ไป

“ครับนายดิน  คุณกอหญ้าเชื่อมือผมกับขวัญเถอะ…จะดูแลส่งมอบถึงมือ
โดยไม่ให้มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียววางใจได้ครับ”

มิ่งรับปากอย่างเป็นมั่นเหมาะ  ส่วนขวัญยืนยิ้มอยู่ข้างๆ กันนั่นเอง

“มีรอยไม่ว่าหรอกเพราะรถน่ะมีประกันแก้ไขได้อยู่แล้ว…แต่นายสองคนน่ะ
อย่าซิ่งเป็นพอ  ขับกันดีๆ แล้วก็ให้ถึงที่หมายด้วยดีล่ะ…แล้วเจอกันที่ไร่นะ”

กอหญ้าบอกสองหนุ่มที่ค้อมตัวให้ว่าที่นายหญิงของไร่ที่แสนดี
ไม่หวงรถแต่ห่วงคน  แค่นี้สองพี่น้องก็ทำงานแบบถวายหัวให้แล้ว

“นายไม่ให้ผมส่งนายขึ้นเครื่องก่อนเหรอฮะ แล้วจะไปสนามบินกันยังไง”

ขวัญหันมาถามและลังเลที่จะก้าวขึ้นรถคันหรู

“เรื่องแค่นี้เองขวัญ  กรุงเทพฯรถแท็กซี่เยอะอย่างกับกองทัพมด
ฉันก็ไม่ได้จะบ้านนอกจนไม่รู้นะเว่ย  เจ้าถิ่นเขาก็อยู่นี่ทั้งคน
ไปกันได้แล้วไปยังจะมาห่วงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก”

ขวัญยิ้มแหยเมื่อได้ยินคำตอบจากนายจ้างหนุ่ม  แถมยังโบกมือไล่สองพี่น้อง
ให้ออกรถอีก  จนเมื่อมิ่งเคลื่อนรถออกไปลับตานั่นแหละกอหญ้าจึงพูดขึ้น

“พี่ดิน…ไปยอกย้อนขวัญทำไมกัน  สองคนนั้นอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยพี่
คนฟังเสียน้ำใจหมดกัน”

กอหญ้าติงด้วยไม่รู้ว่านายกับลูกน้องพูดกันแบบนี้
จนเป็นเรื่องเคยชินด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้ว

“พี่แค่พูดไปอย่างนั้น…ของมันเคยปากน่ะ
พี่อยู่กับพวกทโมนเนี่ยทั้งวันทุกวัน จนพี่ติดเป็นนิสัยเพราะอยู่แต่ป่าแต่เขา”

แผ่นดินเสียงอ่อนเมื่อเห็นคนข้างกายทำตาดุๆ

“ไม่เห็นจริง  พูดดีๆก็พูดได้ออกบ่อยไป  ดูกับกอหญ้าทำเป็นพูดเสียงอ่อน
เสียงหวานได้เลย…อุ๊บ”

ยกมือปิดปากตัวเองฉับ  แล้วเดินหนีเข้าลิฟต์ไปก่อน จนคนตัวโตตามเกือบไม่ทัน

“รึว่า…กอหญ้าอยากให้พี่พูดเสียงแบบนี้กับคนอื่นด้วย…ได้จริงๆเหรอครับ…หืม”

นี่ไง น้ำเสียงแบบนี้ไง ไม่น่าเลยที่จะหลุดปากออกไป โดนแกล้งกลับเสียเองแล้ว
พูดไม่พูดเปล่าโน้มหน้าเข้ามาเสียชิดจนจมูกจะแตะกันอยู่แล้ว

“พี่ดินครับ  อย่าแกล้ง…เตรียมตัวกลับบ้านกัน  กอหญ้าอยากไปถึงนู้นแล้ว
คิดถึงคุณย่ากับพ่อเขตแล้วก็ลูกๆด้วย”

กอหญ้าเลี่ยงออกจากสถานการณ์ตรงหน้า  พี่ดินก็ยังส่งสายตาฉ่ำหวานให้ไม่เลิก

‘จะทำให้เขินไปถึงไหนกัน  คนขี้แกล้งเนี่ย  ถึงบ้านก่อนเหอะ…จะดื้อให้ปวดหัว
เลยคอยดูฤทธิ์กันบ้าง’

พอคิดได้อย่างนั้นกอหญ้าก็จ้องกลับด้วยดวงตาดุๆ เช่นเดิม แต่พี่ดินกลับประสานตาสู้อย่างไม่ยอมแพ้

“โอเคๆ สงบศึกกันสักพักก็ได้ครับ…good boy”

พูดจบก็หอมหัวคนรักไปที  แล้วพากันเดินออกจากลิฟต์เข้าห้องไปเก็บของจำเป็น
ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า  เพราะอย่างอื่นก็มีครบแล้วที่ไร่  จึงเป็นการย้ายเข้าบ้านคนรัก
แค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่เพียงใบเดียวเท่านั้น


สองหนุ่มเดินทางมาถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ
เมื่อเดินพ้นประตูของผู้โดยสารขาเข้า  ก็เห็นกริชกับฐานทัพ
โบกมือรอรับอยู่ไหวๆ พร้อมรอยยิ้มแรกที่พบหน้ากัน

“พี่ดิน  กอหญ้า  ยินดีต้อนรับกลับบ้านเรานะ  พี่ดินรู้มั้ยพ่อกับคุณย่า
ไล่ผมกับเจ้ากริชให้ออกมาตั้งนานแล้ว  จนเราสองคนแทบจะต้องมานอนรอเลยด้วย
ไม่รู้สองคนนั้นจะเห่อสะใภ้กันไปถึงไหน เอ่อ…แหะๆ”

ฐานทัพพูดจบแล้วก็หัวเราะกลบเกลื่อน  เมื่อพี่ชายขึงตาใส่

“พี่กอหญ้า คิดถึงจังฮะ ปลอดภัยกลับมาผมก็ดีใจมากๆ
แล้วล่ะ กลับไร่แล้วไม่ต้องไปอีกนะฮะกรุงเทพฯ น่ะ
ทุกคนไม่เป็นอันทำอะไรกันเลยพากันห่วงแต่พี่นั่นแหละ
ส่วนคอนโดของพี่ผมยึดนะ”

กริชพูดขึ้น  สีหน้าทะเล้นไม่เปลี่ยน

“ได้ไงเจ้ากริช  ห้องนั้นเป็นของลูกๆ พี่แล้ว แกก็มีของตัวเองแล้วจะวุ่นวาย
เอาอะไรอีกกับของหลานน่ะ”

แผ่นดินชักสีหน้าใส่น้องชาย

“ขี้หวงไปได้น่ะพี่ดิน  กว่าสองแสบจะโตเข้าเรียนมหาลัย
ห้องพี่กอหญ้าไม่ปลวกขึ้นหรือไง”

กริชย้อนพี่ชาย

“กลับกันเถอะ  เดี๋ยวค่ำ  คุณย่าชะเง้อจนคอจะยาวมาถึงนี่แล้ว
ไปเถียงกันต่อในรถเถอะ”

ฐานทัพมาช่วยลากกระเป๋าเดินทางให้ แล้วก็เดินนำไปที่รถ

“พี่ดินแล้วพี่มิ่งกับพี่ขวัญล่ะ ไม่กลับมาด้วยกันเหรอฮะ
หรืออยู่เที่ยวกรุงเทพฯ กันต่อ”

กริชถามถึงพี่น้องฝาแฝดคนสนิทของพี่ชาย

“พี่ใช้ให้สองคนนั้นขับรถของกอหญ้ากลับมาน่ะ
รายนี้ไม่รู้ทำไมอยากจะเอารถมาใช้ซะจริงๆ
ทั้งๆ ที่พี่ก็บอกแล้วว่าจะขับไปไหนมาไหนต้องมีพี่นั่งไปด้วย
ยังจะเอามาใช้อีก…หวังว่าคงได้ใช้หรอกนะ หึหึ”

พี่ดินพูด  และหัวเราะอย่างมีเลศนัย

“ได้ขับอยู่แล้วละ  พี่ดินเถอะตามติดทุกที่ได้ก็ให้รู้ไปเหอะ”
กอหญ้าเริ่มออกอาการดื้อตาใส  และมีประกายซุกซนในหน่วยตาสีน้ำตาลคู่สวย

“บ้านเรามีรถตั้งหลายคัน  หยิบใช้ได้หมดจะเอามาอีกทำไมกันครับ
 จะไปไหนก็แค่บอกมีคนขับให้นั่งอยู่แล้ว  ถนนหนทางก็ไม่คุ้นชิน
 พี่ว่าคงยากนะที่พี่ดินจะให้ขับเองน่ะ”

ฐานทัพตอกย้ำขึ้นมาอีกคน

‘อีกไม่กี่ชั่วโมงรถก็จะมาถึงแล้ว  ถ้าจะไม่ให้ขับตั้งแต่ทีแรก…
แล้วจะย้ายรถมาเพื่ออะไรกัน  พี่ดิน…คนเจ้าเล่ห์’

กอหญ้ามีอาการขัดใจหน่อยๆ

“พี่ทัพอย่าพูดไปนะ  ลองได้เห็นรถของพี่กอหญ้าเหอะ
พี่จะไม่พูดแบบนี้หรอก หึหึ”

กริชพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น  ฐานทัพขมวดคิ้วอย่างแคลงใจ


ตลอดเส้นทางกลับบ้าน  แผ่นดินเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกอหญ้า
ให้น้องชายทั้งสองฟัง  เมื่อทั้งสองฟังจบลงก็เกิดอาการหัวร้อนไปตามๆ กัน

“ถ้าผมอยู่ตรงนั้นนะพี่ดิน  ผมจะกระทืบๆ มันให้กระอักเลือดเลย  ไอ้นรกเอ๊ย!”

ฐานทัพโกรธแค้นแทนพี่ชาย

“ดีนะที่พี่ขวัญตามไปติดๆ ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
ถ้าไม่มีคนไปช่วย…ฮึกฮือ”

กริชพูดจบ แล้วก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้ด้วยอาการใจเสีย

“พี่ปลอดภัยกลับมาแล้วเนี่ย  พี่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะตัวแสบ”

กอหญ้าเอื้อมมือไปลูบหัวน้องที่นั่งอยู่เบาะหน้า

“ต่อไปพี่ก็ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแล้วละ”

พี่ดินพูดขึ้น  แล้วยีหัวกอหญ้าบ้าง

“อ้าว! แล้วงานทางนั้น ทำไงกันต่อ ทิ้งได้เหรอไง
ไม่ถูกเขาฟ้องเรียกค่าเสียหายเหรอ สัญญายังไม่หมดนี่”

ฐานทัพถามอย่างสงสัย

“เหลือละครอีกเรื่องครับพี่ทัพ  เข้าไปคุยกับบอสแล้วเมื่อเช้า
ทางนั้นจะยกกองมาถ่ายที่ไร่ของเรา แล้วก็โลเคชั่นในจังหวัดเชียงใหม่นี่แหละ
กอหญ้าก็ไม่ต้องไปกรุงเทพฯแล้ว แต่อาจจะต้องเข้าไปบ้างบางงานแต่ก็ต้องให้พี่ดินพาไป”

กอหญ้าเล่าให้ฐานทัพฟังแบบที่ได้ตกลงกับบอสและผู้กำกับไว้ก่อนหน้านี้

“อ้าว! จริงเหรอกอหญ้า  พี่คิดว่าที่บอสของกอหญ้าพูดน่ะเป็นเรื่องล้อเล่นซะอีก
 ไหงเป็นเรื่องจริงล่ะ มาถ่านที่ไร่เราเนี่ยนะ

”แผ่นดินถามอย่างแปลกใจ

“เรื่องจริงครับพี่ดิน…กอหญ้าลืมบอกพี่ก่อนหน้านี้
พี่คะน้าคงรอผู้กำกับว่างถึงจะติดต่อขอใช้สถานที่กับทางไร่เขตแผ่นดินน่ะครับ”

กอหญ้าชี้แจงให้เจ้าของไร่ฟังอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก

“เจ๋งไปเลย! ทีนี้ไร่เราได้ดังเป็นพลุแตกแน่ๆ พี่ดินเตรียมเปิดไร่
ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม  แล้วเก็บค่าเข้าชมเป็นรายหัวได้เลย
ทีนี้ล่ะรับเงินกันไม่หวาดไม่ไหว  ทั้งขายของฝากได้เพิ่มอีก
โดยเฉพาะแฟนคลับอย่างพวกผมมากันตรึม หุหุ”

กริชพูด  พร้อมทำตาเคลิ้มฝันไปไกล  ลืมเรื่องเศร้าไปจนหมด

“เห่ย! บรรเจิดแท้น้องรัก เป็นความคิดที่ดีแล้วใครเป็นนางเอกคู่กับกอหญ้า
ล่ะเรื่องนี้น่ะ”

พี่ทัพถาม ทำเอาคนถูกถามสะดุ้งโหยง เมื่อเขาเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้คุยกับพี่ดิน ก็ตกลงรับงานไปแล้ว

“ว่าไง ได้วางตัวนักแสดงรึยัง ทำไมคิดนาน ใช่นางเอกคนเดียวกับที่เล่นคู่กันตอนนี้รึเปล่า
ที่คุณย่ากำลังดูอยู่น่ะ”

แผ่นดินถามย้ำขึ้นอีกเมื่อเห็นกอหญ้าดูลังเลที่จะบอกชอบกล

“เอ่อ…คือ มันเป็นละคร  บอยเลิฟ  มีพระเอกแต่เป็นคนอื่นไม่ใช่กอหญ้าน่ะครับ”

กอหญ้าตอบแบบเลี่ยงๆอีกตามเคย ถ้าแฟนละครตัวยงจะเข้าใจคำว่า บอยเลิฟ ว่าเป็นละครแนวไหน

“อ้าว! จริงดิ ถ้าไม่ได้เล่นเป็นพระเอก แล้วเล่นเป็นอะไรล่ะ
ตัวร้ายรึไงจะพลิกบทบาทเหรอเรา”

พี่ทัพยิงคำถามมาอีก  พาให้กอหญ้ารู้สึกกระอักกระอ่วนหายใจไม่ทั่วท้อง

“เหอะๆ เดี๋ยวก็รู้ครับพี่ๆ อย่าเพิ่งคาดคั้นให้พี่เขาบอกเสียหมดเลย
ผู้กำกับและเจ้าของละครเขาจะว่าได้นะ เพราะละครยังไม่ได้เปิดกล้อง
จะโปรโมทกันเองได้ไง  ยังคงเป็นความลับอยู่ละมั้ง”

กริชรู้แล้วว่าพี่กอหญ้าไม่ใช่พระเอก แล้วก็ไม่ได้เล่นเป็นตัวร้ายด้วย

‘ผมช่วยได้แค่นี้นะพี่ ที่เหลือไปเคลียร์กันเองสองคนเถอะ’
กริชหันมายิ้มให้กำลังใจจนที่นั่งหน้าเจื่อนอยู่เบาะหลัง


กอหญ้ามองน้องอย่างนึกขอบคุณที่ช่วยให้เรื่องจบลงได้
เขาต้องรีบคุยกับพี่ดินให้รู้เรื่องก่อน หากพี่ดินรู้เองทีหลังมีหวังบ้านแตกแน่ๆ
คืนนี้กอหญ้าตั้งใจว่าจะเล่าให้คนรักฟัง แล้วเรื่องนี้ก็เป็นอันปิดจบเมื่อกอหญ้า
ง่วงแล้วซบหลับไปกับบ่าคนตัวโตข้างๆ

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 39 ก้าวต่อไป

กอหญ้ามาถึงไร่เขตแผ่นดินเมื่อเกือบค่ำ  ทุกคนโผล่หน้ามาให้เห็นเมื่อก้าวเท้า
ลงจากรถ  เป็นที่น่ายินดีที่ได้รับการต้อนรับดีถึงเพียงนี้

“กอหญ้าไปหาคุณย่ากับคุณพ่อก่อนเถอะ  ท่านรอนานแล้ว
ทัพกับกริชก็ขอบใจมากที่ไปรับนะ  นู่นเจ้าเพชรกับแตงโมมานั่นแล้ว
ให้ช่วยขนกระเป๋าตามมาให้พี่ทีนะ”

พี่ดินจูงมือกอหญ้าพาเดินเข้าบ้านไป  กอหญ้าส่งยิ้มให้เพชรและแตงโม
ส่วนป้าสายก็มาเมียงมองให้เห็น  คุณนนท์ก็ด้วยอีกคน

“สวัสดีครับป้าสาย  คุณนนท์คิดถึงนะครับ  อยากทานอาหารฝีมือป้าสายจังเลย”

กอหญ้าเอ่ยทักทาย

“คิดถึงเช่นกันครับ  ยินดีต้อนรับกลับนะคุณกอหญ้าแล้วก็นายดินด้วย
เข้าไปด้านในกันเถอะคุณท่านรออยู่”

ชานนท์ออกมารับหน้าสองหนุ่ม

“เดี๋ยวป้าไปหาน้ำส้มเย็นๆมาให้นะคะ”

ป้าสายบอกแล้วก็หมุนตัวกลับเข้าครัว กอหญ้าเดินไปที่ห้องรับแขก
เจอเจ้าบ้านทั้งสองจึงก้มลงกราบ

“ขึ้นมานั่งข้างๆย่านี่ลูก หมดเคราะห์หมดโศกซะทีนะ
เจ้าดินมันหัวไวส่งเจ้าขวัญไปคอยเฝ้า แล้วก็ฉลาดที่ขอความช่วยเหลือ
มาที่เจ้าภพมัน ไม่งั้นนะเข้าไปช่วยไม่ทันแน่ๆเลยลูกเอ๊ย! อยู่มันเสียที่นี่
เลยแล้วกัน ย่าไม่ให้ไปไหนแล้ว เจ้าดินมันเลี้ยงเราได้อยู่หรอก
ที่นี่ญาติเยอะมีคนดูแลดีกว่าเป็นไหนๆ ที่นู่นไม่เห็นจะมีใครสักคน”

คุณย่าพูดเองเออเอง และสรุปจบในตอนเดียว

“นั่นสิ  กลับมาบ้านเรา  งานอะไรนั่นก็เลิกๆ ทำมันซะ
อยู่ช่วยเจ้าดินมันซะที่นี่ เลี้ยงเด็กก็ตั้งสองคน ว่างก็ไปตรวจไร่ดูคนงาน
เฝ้าร้านขายของฝากในตลาด ทำบัญชีช่วยเจ้านนท์คงไม่ยากเย็นเท่าไหร่
เห็นไหมงานเยอะแยะถมถืดไป ถ้ายังไม่พอหรือยังจะว่าไม่มีอะไรให้ทำก็มาบอก
เดี๋ยวพ่อหาให้จะขนขี้วัวก็ได้นะ ฮะฮ่าฮ่า”

พ่อเขตเย้าหยอกในตอนท้าย  ทำเอากอหญ้ายิ้มแหยๆ

“นายเขตก็ไปล้อคุณกอหญ้า  ดูสิครับพอพูดว่าจะให้ไปขนขี้วัว
หน้าเจื่อนเลย  คริคริ”

ชานนท์อดขำไม่ได้ที่เห็นกอหญ้าทำหน้าปุเลี่ยนแบบนั้น

“พ่อครับ  ที่รักของผมยังไม่เคยได้ก้าวเข้าไปในไร่  ก็จะให้ไปขนขี้วัวแล้วเหรอ
 ร้ายกาจเกินไปแล้วครับพ่อ”

แผ่นดินแกล้งต่อว่าบิดาอย่างไม่จริงจังนัก  เป็นการพูดเอาฮาซะมากกว่า

“เออแน่ะ! เข้าข้างกันแล้วว่ะ! ลูกชายฉันสงสัยจะหลงเมีย หึหึ”

พ่อเขตกระเซ้ากลับมาหนักกว่าเดิมอีก

“นี่ตาเขต  เดี๋ยวเหอะนะ  เย้าหยอกซะแรง  ดูหลานฉันสิ…ดูทำหน้าเข้า
มาใกล้ๆ ย่ามา ให้ย่ากอดอีกที”

คุณย่าอ้าแขนรอ

“คุณแม่ก็ด้วยท่าจะหลงหลานสะใภ้เอาจริงๆ”

พ่อเขตขยี้ซ้ำลงอีก  กอหญ้ารู้สึกว่าการต้อนรับกลับบ้านครั้งนี้พ่อเขตเล่นหนักกว่าใครเพื่อน
จนเขาวางหน้าไม่ถูกแล้ว

“อ้าว! นั่นเอาน้ำส้มมาให้เหรอ อืม…ขอบใจนะแก้ว”

เด็กสาวยิ้มรับ  แผ่นดินจึงรับถาดน้ำส้มมาวางตรงหน้า
แล้วส่งให้กอหญ้าไปแก้วหนึ่งเมื่อเจ้าตัวกอดกับคุณย่าจนพอใจแล้ว

“ไปที่โต๊ะทานข้าวกันเถอะ  เจ้าสองคนไปรอนู่นแล้ว”

คุณย่าชวนให้ไปทานมื้อเย็น  ที่โต๊ะมีกริชและพี่ทัพไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ฮึ…ผมคิดว่าจะไม่มีคนหิวซะอีกมื้อนี้”

ฐานทัพแขวะ  ตามนิสัยปากช่างว่า

“เหรอ  ถ้าไม่มีใครหิวสิ  พวกแกได้กินกันท้องแตกแน่ๆ อาหารทำพิเศษ
ให้หนูกอหญ้าเลยนะ มื้อนี้น่ะ”

คุณย่าพูดขึ้น เมื่ออาหารมาวางที่โต๊ะ ทำเอากริชยกมือลูบอย่างหวานหมูที่พลอยได้ลาภปากไปด้วย

“สุดยอดเลยคุณย่า  เด็ดๆ ทั้งนั้นเลย ดูสิ! ไปรู้มาจากไหนว่าเป็นของชอบพี่เค้าน่ะ
เป็นแฟนพันธุ์แท้แล้วสิครับ…แบบนี้”

กริชแซวคุณย่าที่ยิ้มไม่หุบ

“เจ้าเพชรน่ะสิ  มันเปิดดูในโทรศัพท์  แล้วก็จดๆออกมา  ย่าเลยให้สายลองทำ  กินเยอะๆนะกอหญ้า”

“พวกผมก็ทานเป็นนะครับ  คุณย่าคนดี…ขอพี่ทานบ้างนะกอหญ้า หวงรึป่าวเนี่ย”

ฐานทัพแกล้งหันไปขอกับเจ้าของเมนูโปรด

“พี่ทัพอ่ะ  พากันล้ออยู่ได้  ก็ทำสำหรับทุกคนนั่นแหละครับ”

กอหญ้าอายจนแทบจะม้วนลงไปใต้โต๊ะกินข้าวแล้ว

“แตงโม ไปพาน้องๆ ออกมากินข้าวไป  ตั้งแต่กลับมายังไม่เห็นลูกเลย”

แผ่นดินถามหาลูกๆ

“นั่นสิพี่ดิน ไม่ใช่เล่นกันเพลินหรือว่าพากันหลับอยู่ล่ะ”

ฐานทัพพูดขึ้นอีกคน แตงโมหายไปแป๊บก็มีเสียงวิ่งตุบตับ
เตาะแตะเข้ามา คนเล็กเดินไปหาพ่อ  คนโตเข้าหาอากอหญ้า

“ชื่นใจจังครับ  ต้นกล้า คิดถึงอากอหญ้ามั้ยครับ”

กอหญ้าหอมแก้มเด็กชายแล้วจับมานั่งเก้าอี้ข้างๆ กัน

“คิดถึงฮะ  อากอหญ้าหนีไปไม่บอกกล้าเลย แต่พ่อไม่ให้กล้าโกรธอาครับ”
เด็กชายต่อว่ากลายๆ

“อามีงานด่วนต้องไปทำ  นี่ไงครับ  อากลับมาแล้ว  ทานข้าวกันดีกว่าเนอะ
 ใบข้าวทานเยอะๆ นะคะ”

กอหญ้าชะโงกหน้าไปหาเด็กหญิงที่ยิ้มตาหยีข้างๆ พ่อดิน

ทั้งหมดลงมือทานอาหารค่ำ บรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้น

“ชานนท์เป็นอะไร เผ็ดเหรอเรา  กินได้หรือเปล่าล่ะ จานนั้นมันเผ็ดมากของเจ้าดินมัน
 รับนี่ไป”

พ่อเขตส่งจานผัดเปรี้ยวหวานให้แลกกับจานผัดฉ่า

“เผลอไปหน่อยครับนายเขต ปากแทบพัง นายดินทานเผ็ดไปแล้ว
ลำไส้ไม่พังหมดแล้วเหรอป่านนี้”

ชานนท์อดบ่นผู้เป็นนายไม่ได้

“บอกเคยเชื่อซะที่ไหน พอไม่มีเผ็ดๆให้ก็ทานนิดเดียว
เลี้ยงยากสุดๆ เลยคนนี้”

กอหญ้าเผลอผสมโรงไปด้วยอีกคน

`รู้ใจกันไปเสียหมด พี่ดินไปหาแค่คืนเดียวดูสิ…ฝากรอยที่คอขาวๆ
กลับมาด้วย คนขี้หวงนี่นะ ร้อนแรงไม่เบา`

ฐานทัพอดไม่ได้ที่จะสะกิดให้เจ้ากริชดูต้นคอของกอหญ้า
กริชเขินแทนเมื่อเห็น  แต่ก็ไม่วายเกรียน

“คอนโดพี่กอหญ้าท่าจะยุงเยอะเนาะ กัดซะคอแดงกลับมาเลย”

กริชถือคติทักทายกันตามประสาพี่น้องซะหน่อย  พูดจบช้อนในมือพี่กอหญ้าถืออยู่ก็ร่วงลงบนจาน

เคร้ง!!!

“อะไรกันลูก  มือไม้อ่อน  เจ้าดินก็อีกคนเป็นอะไรแอบขำอะไรนักนะ”

คุณย่าพูดขึ้นเพราะไม่รู้ว่าหลานชายคนโตเป็นต้นเหตุ กอหญ้ามองตาเขียวใส่สามพี่น้อง
และส่งสายตาพิฆาตให้คนก่อเรื่อง

“เจ้ากริช เอ้า! เอานี่ไปปากว่างนักนะเรา เดี๋ยวจะโดนดี”

พี่ดินตักอาหารจานเผ็ดซึ่งมีพริกลอยอยู่เต็มไปใส่จานน้อง เพราะหมั่นไส้ที่หาเหตุให้เขาโดนหมายหัว

“คุณย่าฮะ  พี่ดินเป็นอันธพาลอีกแล้ว  เอาพริกมาใส่จานกริชดูสิฮะ
ใครจะไปกินได้  แสบท้องตายกันพอดี”

กริชหันไปฟ้องคุณย่าเมื่อถูกพี่ชายเอาคืน

“เจ้าดินแกชอบเผ็ดก็กินไปคนเดียวสิ  อย่าไปยุ่งกับน้องมัน  ถ้ามันปวดท้อง
เดือดร้อนแกแน่ๆต้องพาไปหาหมอเลยนะ…เจ้าตัวดี”

คุณย่ากลายเป็นเกราะกำบังอย่างดีสำหรับน้องตัวแสบไปแล้ว ฐานทัพแอบอมยิ้มกับความแสบของน้อง


Rrrrrrr เสียงโทรศัพท์ของกอหญ้าดังขึ้น

พอหยิบดูก็เห็นเป็นเบอร์จากทนายความ  จึงหันหน้าจอให้พี่ดินดู

“กอหญ้าส่งมาให้พี่เลย  เดี๋ยวพี่คุยเอง”

กอหญ้าส่งโทรศัพท์ให้  พี่ดินรับสายและลุกออกไปคุยด้านนอก
หายไปสักครู่ก็เดินกลับเข้ามาสีหน้าเรียบนิ่ง

“แม่เลี้ยงของกอหญ้าส่งทนายมาจะขอไกล่เกลี่ย  พี่บอกไปแล้วว่า
…ถ้าเป็นเรื่องนี้เราจะไม่คุย  ไม่มีการรอมชอมอะไรทั้งนั้น”

พี่ดินพูดด้วยความเด็ดขาด  กอหญ้าจึงพยักหน้าเข้าใจ

“อย่าไปคุยให้เสียเวลาเลยดิน  เอาความให้ถึงที่สุดดีแล้วล่ะ
แกก็จัดการไปตามที่เห็นสมควร  ไม่ต้องให้กอหญ้าทำนะ
รายนี้พ่อดูตาก็รู้ว่าขี้สงสาร  เดี๋ยวก็ไปใจอ่อนยอมความเขา
ถ้าเรื่องบางเรื่องจะใจอ่อนสงสารหรืออภัยได้มันก็เป็นการดี
แต่ไม่ใช่ว่าจะทุกเรื่องนะ ว่าไหมเจ้าดิน”

แผ่นดินรู้ว่าเรื่องที่พ่อพูดคือเรื่องแม่ๆลูกๆนี่แหละ

พ่อแอบเล่าให้ฟังว่าแม่เลี้ยงข้าวทิพย์โทรมาถามไถ่ข่าวคราวลูกชายทุกวัน
เกือบสามเวลาหลังอาหาร  ชายหนุ่มได้ฟังก็อ่อนใจ…กลัวกอหญ้าจะไม่ยอม
รับแม่ตัวเองขึ้นมา  เขาจะพลอยถูกโกรธและเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดไปด้วย

น้ำท่วมปากจริงๆ แล้วตอนนี้

“บางเรื่อง  หุนหันไปก็มีแต่พังกับพังนะเจ้าดิน”

คุณย่าพูดอีกเสียง พี่ดินก็พยักหน้า  น้องชายสองคนของพี่ดินก็ไม่พูดอะไรกัน
เหมือนทุกคนรู้อยู่ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร  กอหญ้ารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก
ที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย 


มื้อค่ำผ่านไปด้วยดีอย่างอิ่มหมีพีมันกันไปตามๆกัน
กิจวัตรประจำวันหลังมื้อค่ำก็ยังคงเดิม  กอหญ้ารู้สึกเพลียอยากจะนอน
จึงสะกิดพี่ดิน

“อาบน้ำนอนได้แล้ว  มิ่งกับขวัญอีกสักสามชั่วโมงคงมาถึง
 เดี๋ยวพี่ตามไป”

พี่ดินดันหลังให้เขาขึ้นข้างบน  กอหญ้ารีบทันทีเพราะเหนียวตัวเต็มที


กอหญ้าใช้เวลาพอสมควรในห้องน้ำ  แล้วก็มีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องน้ำ

“กอหญ้าทำไมอาบนาน  ออกมาเลย  ตาพี่อาบบ้างแล้ว”

“แปรงฟันแป๊บนึงฮะ  พี่ดินเตรียมตัวได้เลย”

รีบบ้วนปากเช็ดตัว  แล้วก็พันกายช่วงล่าง  หันไปประตูห้องน้ำก็เปิดผลัวะเข้ามา

“ขอโทษที  พี่เป็นห่วงเห็นเข้ามานาน  คิดว่ามัวแช่ตัวอยู่…ไปใส่เสื้อผ้าไป”

พี่ดินพูดแล้วก็ปลดผ้าเช็ดตัวออกจากตัว  เดินโทงเทงไปที่ฝักบัว
กอหญ้าจึงรีบหนีออกจากห้องน้ำทันที ได้ยินเสียงหัวเราะดังตามหลัง


กอหญ้าแต่งตัวเสร็จก็ทาไนท์ครีมบำรุงผิวหน้าและโลชั่นทาผิวกาย
พี่คะน้าสั่งนักสั่งหนาไม่ให้ละเลยเพราะผิวพรรณและหน้าตาเป็นจุดขายที่ต้องใส่ใจ
ลูบไล้ครีมมาถึงช่วงคอให้นึกโกรธคนตัวโต  ดูทำรอยไว้จนเจ้ากริชแซวแล้วพี่ทัพ
จะไม่เห็นได้ไง

กอหญ้าก้าวเท้าขึ้นเตียงล้มตัวลงนอน  กลิ่นหมอนกับผ้าห่มกลายเป็นกลิ่นกายพี่ดิน
ไปแล้ว  คงจะมานอนห้องนี้ทุกคืนตอนที่เขาอยู่กรุงเทพฯ เป็นแน่

กอหญ้านอนรอจนง่วง  พอปิดเปลือกตาลง  ประตูห้องน้ำก็เปิดออก

“นอนแล้วเหรอ  ไม่รอกันเลย”

แผ่นดินเดินมาหยิบกางเกงที่กอหญ้าวางไว้ให้ที่ปลายเตียงมาสวม
เอาผ้าเช็ดตัวไปพาดที่ราวเล็ก  แล้วก็แทรกตัวเข้าในผ้าห่ม

“เห็นหน้าก่อนนอน  แค่นี้ก็พอแล้ว…ฝันดีนะ”

แผ่นดินกดจูบกลางหน้าผากมน  และดึงคนตัวหอมมากอดแนบอก

“ฝันดีฮะพี่ดิน”

ไออุ่นจากเรือนกายที่ต้องผิวกายของกันและกันให้ความรู้สึกอุ่นวาบไปสู่หัวใจ
จนกอหญ้าเคลิ้มและดำดิ่งสู่ห้วงนิทรา 

แผ่นดินพยายามข่มตาหลับแต่สมองของเขายังคงขาวโพลน
ใจหวนนึกไปถึงว่าจะทำยังไงให้กอหญ้ายอมรับคุณน้าทิพย์เป็นแม่
โดยที่ไม่ต้องเจ็บปวด  คิดอยู่หลายตลบก็ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน

จนกลไกร่างกายไม่ไหวแล้วนั่นแหละชายหนุ่มจึงผล็อยหลับตามไปในที่สุด

***************************************************************************************
Talk : ช่วงหวานละมุนก็เก็บเกี่ยวกันไว้นะคะ เพราะช่วงชีวิตคนเราต้องเจอกับอะไรอีกเยอะแยะมากมาย มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ  และน้ำตา เชื่อเถอะ






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หวานจัง มดในไร่มาล้อมบ้านไว้หมดแล้ว
 :catrun:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
กลับไร่มาให้นายดินประคบประหงมอย่างนี้ก็ดีแล้ว

แต่หวังว่าจะไม่มีดราม่าเรื่อง BL น๊า 55555  :hao3:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 40  ชมไร่ 1

กอหญ้าตื่นนอนมาในตอนสาย  พี่ดินคงไปตรวจความเรียบร้อยในไร่ยังไม่กลับ
กอหญ้าจึงไปเข้าห้องน้ำทำกิจธุระส่วนตัว  เสร็จแล้วจึงแต่งตัวในชุดพร้อมออก
ไปไร่ 

หวังว่าพี่ดินคงมีงานให้เขาทำอย่างที่บอกไว้  และกอหญ้าตั้งใจจะบอกพี่ดินถึงเรื่องละครที่รับเล่นไปด้วยเลย

“อาบน้ำตัวหอมเลยนะ  มาให้พี่หอมที อื้ม…จุ๊บ…แล้วนี่แต่งตัวจะไปซนที่ไหนครับ”

แผ่นดินเข้ามาในห้องนอนพบเจ้าของห้องอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วในชุดทะมัดทะแมงพร้อมลุย

“อ้าว! ก็จะไปช่วยพี่ดินทำงานในไร่ไงครับ  ส่ายหน้าทำไม…ไม่รู้ล่ะ
ถ้าพี่ดินไม่ให้งานกอหญ้าทำนะ ไปขนขี้วัวก็ได้”
กอหญ้าหน้างอเมื่อคนตัวโตทำท่าไม่ยอมให้ไปด้วย

“ช่วยน่ะพี่ให้ช่วยอยู่แล้ว  แต่ไม่ใช่วันนี้ครับเพราะยัยข้าวหอมกับคุณน้าทิพย์จะมาที่ไร่
พ่อเขตให้เราสองคนช่วยรับรองแขกแทนท่าน  ไปพร้อมกันนะพาสองคนแม่ลูกชมไร่ด้วย
นี่แหละคืองานที่ต้องทำ ห้ามงอแง”

พี่ดินเอื้อมมือมาจับปลายคางของเขาและใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงเล่น

“ก็ได้ งานแรกก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ แล้ว”
กอหญ้าพูดประชด

“ไม่ต้องมาหน้ามุ่ยใส่พี่เลย เอ่อ…เจ้าสองแฝดเอารถมาคืนให้แล้วนะ
ไปดูหน่อยมั้ย เห็นว่ากลับมาราวๆ ตีสองได้”

พี่ดินชวนไปดูรถคันหรูที่มาถึงเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เป็นไรฮะ นี่ถือว่าสองคนนั้นขับไม่เร็วมากเท่าไหร่นะเนี่ย
ดีแล้วที่กลับมาปลอดภัยทั้งสองคน พี่ดินจะไม่ไปอาบน้ำก่อนเหรอ
จะได้ลงไปทานมื้อเช้า แล้วเด็กๆ ล่ะฮะ”

“กอหญ้านี่เก้าโมงกว่าแล้วนะ  ต้นกล้าไปเรียนแล้ว  ส่วนยัยหนูเล่นของเล่น
อยู่กับแตงโม  นี่พี่ก็อาบน้ำนานแล้ว  นี่ไงครับชุดหล่อของพี่…พร้อมลุยงาน”

“หูย…ทำไมไม่มีใครปลุกเลย  น่าขายหน้าชะมัด  แล้วยังต้องนั่งกินมื้อเช้า
คนเดียวเนี่ยนะ  งั้นกาแฟถ้วยเดียวดีกว่ามื้อนี้”

“ได้ยังไง…พี่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย  รอกินพร้อมเรา…ไปกันพยาธิพี่ดิ้นแล้ว”
พี่ดินพูดเสร็จก็ลากแขนกอหญ้าให้ลงไปข้างล่าง

“โอ๊ะ…ช้าๆพี่ดิน เดี๋ยวตกบันไดครับ”

กอหญ้าถูกลากจนขาแทบพันกัน

“ใครจะปล่อยให้เจ็บตัว งั้นค่อยเดินไปก็แล้วกัน”

“หนูกอหญ้า หลับดีเลยสิลูก…เจ้าดินน่ะไม่ยอมให้ใครไปปลุกบอกให้นอนไปก่อน
 เนี่ยเลยมื้ออาหารไปนานแล้ว ถ้าปวดท้องย่าจะฟาดพี่เราให้ ดีมั้ยลูก”

“ไม่ปวดท้องหรอกฮะ…ขอโทษนะครับคุณย่า  เหนื่อยมาหลายวัน…
เผลอนอนทบยอดมากไปหน่อย”

กอหญ้าอ้อมแอ้มบอกคุณย่า  อายก็อายที่รู้กันทั้งบ้านว่าเขาตื่นสายโด่ง

“ไม่เป็นไรลูก ย่าไม่ได้ว่าอะไร นี่แม่สายไปเตรียมอุ่นข้าวต้มให้อยู่ จะได้กินร้อนๆหน่อย”

“อ้าว! ลำบากป้าสายอีกรอบเลยดูสิ แย่จัง…”
กอหญ้ารู้สึกผิดที่กลายเป็นเพิ่มงานให้ป้าสาย

“ไม่เป็นไรลูก แม่สายน่ะเค้าอยากทำให้เอง อย่าไปคิดอะไรเลย
ที่นี่ก็ทำให้กันอย่างนี้เป็นประจำอยู่แล้วอย่างเจ้าทัพไง…
เที่ยวดึกตื่นสาย…กินทีหลัง…เป็นปกติล่ะลูก”

คุณย่าพูดถึงพี่ทัพจนกอหญ้ามองเห็นภาพเลยทีเดียว

“ขอบคุณฮะคุณย่า  แล้วพ่อเขตไปไหนเหรอฮะ  ยังไม่เห็นเลย”
กอหญ้ามองหาพ่อเขตอีกคนที่ปกติต้องเจอกันทุกครั้งที่ลงมาด้านล่าง

“เห็นเอารถไปลองขับกันน่ะ  ไม่ยอมรอเจ้าของรถก่อนเลย  เจ้ามิ่งนั่นสิ!
 ตัวดีนัก คะยั้นคะยอ  ทำเอาทั้งพ่อทั้งลูกเจ้ากริชด้วยแห่ไปกันหมด”

“หึหึ  นี่เจ้าทัพเป็นไปด้วยอีกคนเหรอครับย่า”
พี่ดินถามคุณย่า สีหน้าพี่ดินออกจะขำๆ ด้วยซ้ำ

“ใช่ๆ มันตัวดีเลยด้วย  ชวนพ่อแกแทบจะลากถูลู่ถูกังเอาเลยเชียว
คงอยากจะลองเครื่องเสียเองแต่ให้พ่อมันไปเป็นหนังหน้าไฟให้อย่างนั้น”

คุณย่าว่าหลานชายตัวดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ใครว่าคุณย่าไม่ชอบพี่ทัพกัน
นี่ขนาดพี่ทัพเกเรยังทั้งรักทั้งหมั่นไส้แบบนี้  กอหญ้ามองคุณย่าแล้วยกยิ้มตาม

“โธ่ คุณย่าก็…กอหญ้าไม่หวงของเสียหน่อย  คนในครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น
ไม่เห็นจะต้องลากคุณพ่อไปด้วยเลยพี่ทัพนี่น๊า”

“ไงล่ะเจ้าดิน ยิ้มปากจะฉีกถึงใบหู…ถูกใจที่เมียแกพูดล่ะสิ”
คุณย่าแซวออกมา ทำเอากอหญ้าไปต่อไม่เป็นเลย

`เมีย ฮึ คุณย่าอ่ะ ไม่ได้เป็นซะหน่อย…แค่แฟนเองเถอะ`

“มีความสุขนี่ครับที่เลือกคนรักได้…แสนดี…แบบนี้”
แผ่นดินพูดอย่างที่ใจคิดและรู้สึก

“นี่น่ะ…ถ้าแม่ยายแกมาได้ยิน คงดีใจเอามากๆ แน่ ที่แกรักใคร่ลูกเขาถึงขนาดนี้
เอ่อ …ย่าปวดท้อง…ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

คุณย่ารีบขอตัวไปห้องน้ำจนเหมือนกับว่าต้องการเลี่ยงกันอย่างนั้น ทำเอากอหญ้ายืนตะลึง

'เอ๊ะ! แม่ยายอะไร ยังไง แล้วกับสะใภ้คนไหนล่ะ'

“พี่ดิน  ที่คุณย่าพูดคือใคร แม่ยายน่ะครับ”
กอหญ้าถามขึ้นทันทีที่คุณย่าเดินหายออกไป

“คุณย่าคงลืมไปว่ากอหญ้าไม่มีแม่  ท่านก็พูดไปเรื่อยเปื่อย
พี่ไม่ได้มีใครอีกนอกจากเรานะ  ข้าวต้มมาแล้วทานกันก่อนเถอะ
เดี๋ยวแขกมาจะพากันอดซะเปล่าๆ”

“ขอบคุณนะครับป้าสายและขอโทษที่ทำให้ยุ่งยาก”

“ไม่เป็นไรค่ะ  ทานให้อร่อยนะคะ”
ป้าสายวางชามลงบนโต๊ะ ส่งยิ้มให้แล้วกลับเข้าครัว

“พี่ดินครับ  เช้าแบบนี้อย่าเพิ่งทานเผ็ดเลย ไม่ต้องปรุงจะดีกว่า”
กอหญ้ายกชุดเครื่องปรุงหนีห่างมือคนตัวโต

“ก็ได้ๆ ไม่เติมก็ได้  อยู่ในโอวาทเสียหน่อย  แฟนจะได้รักได้หลง”

“พี่ดิน เดี๋ยวเหอะนะ”
กอหญ้าหันไปส่งสายตาวาวเอาเรื่อง


เมื่อทั้งสองทานมื้อสายกันเสร็จสิ้น ต่างก็พากันไปนั่งรอรับแขกที่จะมา
เที่ยวไร่ ซึ่งคาดว่าคงใกล้จะมาถึงแล้ว

“พี่ดินเรื่องละคร  กอหญ้า…เอ่อ…เล่นเป็นนายเอก ไม่ใช่พระเอกนะฮะ
มันเป็นละครวายกระแสนิยมใหม่… เรื่องแบบชายรักชายน่ะ  พี่คะน้าดูบทให้แล้ว
เป็นฟีลกู๊ดแบบรักใสๆ ไม่ได้หวือหวา ไม่โป๊อะไร”

“อ่อ…ที่มีกระแสจิ้นที่เขาจับคู่ดาราชายกับชายน่ะเหรอ”

“โอ้…พี่ดินรู้จักด้วย ไม่ตกเทรนด์เลยนะเนี่ย งั้นให้กอหญ้าเล่นนะ”

“หึ…รับงานเขาแล้วจะมาบอกอะไรตอนที่เขาจะยกกองมาที่นี่กันอีก
ไม่กี่วันนี้ล่ะครับ  คุณข้ามฟ้า”
น้ำเสียงพี่ดินมีแววประชดหน่อยๆ

“พี่ดินคนดี…อย่างอแงสิฮะ เรื่องสุดท้ายแล้ว อย่าโกรธเลยนะ…นะครับ”

กอหญ้าอ้อนคนตัวโตด้วยการทอดสายตาฉ่ำหวานและกัดปากเบาๆ ซึ่งเป็นท่าที่ผู้กำกับ
บอกว่าดูดีมีเสน่ห์ออกยั่วหน่อยๆ ละนะ เผื่อว่าจะได้ผล

“เดี๋ยวเหอะ  อย่ามาทำท่านี้ใส่พี่นะ  เดี๋ยวจะไม่ได้ออกจากบ้านหึ่ม…ตัวแสบ”
พี่ดินพูดแล้วทำมันเขี้ยว

‘ได้ผลเกินคาดแฮะ แต่ต้องระวังจะโดนลากเข้าห้องถ้าขืนใช้บ่อยๆ’

“พี่ดิน อื้อ…เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะครับ อย่ารุ่มร่ามสิ”
กอหญ้าตีมือพี่ดินที่พยายามลูบไล้เข้ามาในร่มผ้าของเขา

“เอ่อ…คุณแม่ เรามาผิดจังหวะรึเปล่าคะ คริคริ”
เสียงข้าวหอมดังขึ้น ทำเอากอหญ้าทะลึ่งพรวดลุกขึ้น พี่ดินก็ด้วย

“เอ่อ…สะ…หวัดดี ครับคุณน้า”

พี่ดินไหว้ทักทายแขก ส่วนกอหญ้าไหว้ตามแล้วก้มหน้าซ่อน
ความอายที่ลามแดงไปจนถึงใบหู

“จ้ะสวัสดี น้ากับลูกมารบกวนพ่อดินกับหนูกอหญ้าหรือเปล่าคะ”
คุณน้าทิพย์พูดแต่สายตากลับจับจ้องที่กอหญ้าซะงั้น

“ไม่หรอกฮะคุณน้า ขอโทษที่ไม่ได้ยินเสียงรถ”
กอหญ้าพูดขึ้น แล้วช้อนตาขึ้นมอง จังหวะนั้นแผ่นดินเห็นดวงตา
ของคุณน้าทิพย์ไหววูบ ผวาจะเข้าไปใกล้ตัวกอหญ้าซะอย่างนั้น

“คุณน้ากับน้องข้าวหอมนั่งก่อนสิครับ  ดื่มน้ำเย็นๆสักแก้วแล้วเราค่อยไปกันนะครับ”
แผ่นดินดึงสถานการณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้แล้ว  อาการตกประหม่าเขินอาย
ของกอหญ้าก็หายไปแล้วเช่นกัน

“พี่ข้าวเอ่อ…พี่กอหญ้าขอเรียกเหมือนคนบ้านนี้นะคะ  รู้ว่าพี่กลับมาที่ไร่
ก็รีบดึงคุณแม่มาเลย ข้าวหอมมองพี่ไม่ผิดจริงๆบอกแล้วว่าเป็นพี่ข้าว
ตั้งแต่ทีแรกที่เจอแล้ว”
เด็กสาวหันมองอย่างชื่นชมยินดี

“น้องข้าวหอมทำตัวตามสบายได้เลย คนคุ้นเคยของบ้านนี้
เสียด้วย…พี่ยินดีครับ นี่พี่ก็ยังไม่เคยเข้าไปในไร่เหมือนกันนะ
พี่ดินสิ  พี่ร้องตามไม่เคยให้เข้าไปสักที  อ้างนู่นนี่สารพัดอย่าง
วันนี้ถือเป็นโอกาสดี”

“แดดร้อนแล้วยังฝนตกอีกช่วงนั้น  อีกอย่างเราก็ยังไม่หายดี
ไปโดนแดดโดนลมมากๆ เดี๋ยวก็ป่วย  นี่ก็เพิ่งเจอเรื่องเลวร้ายมาหยกๆ”

แผ่นดินเผลอปากพูดออกไป  คุณน้าทิพย์ถลาไปจับต้องเนื้อตัวของ
กอหญ้าพลิกหาร่องรอยตามเนื้อตัว

“เป็นอะไร  เกิดอะไรขึ้นกัน ไม่เห็นมีใครเล่าให้น้าฟังเลยดิน”
คุณน้าหน้าตาตื่นถามกลับไปที่พี่ดิน  ซึ่งพี่ดินนั่งอ้ำอึ้งอยู่ คงไม่รู้ว่าจะเล่ายังไง
กอหญ้าจึงเล่าขึ้นเสียเอง

“เอ่อ…ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่เกือบโดนล่วงละเมิดทางเพศน่ะครับคุณน้า
แต่พี่ดินส่งคนไปช่วยไว้ได้ทันแล้วก็พากลับมาที่ไร่”
กอหญ้าเล่าแบบรวบรัด

“โถลูก…พี่ดินช่วยไว้ได้ทันเหรอ ดีจริงๆ เลย พระคุ้มครองนะลูก”

คุณน้าทิพย์ลูบตามท่อนแขนและหลังไหล่  การกระทำอันอ่อนโยนแบบนี้
ทำเอากอหญ้านึกไปว่าถ้าคนที่ทำให้อยู่นี้เป็นแม่ ความรู้สึกจะอบอุ่นขนาดไหนกัน

“ขอบคุณคุณน้าที่เป็นห่วงนะครับ”

“คุณแม่ดูเป็นห่วงพี่กอหญ้าจังเลย  แสดงว่าข้าวหอมปลื้มคนไม่ผิดใช่มั้ยคะ คิกคิก”

ข้าวหอมดูกระตือรือร้นอย่างมาก  ที่มารดาของเธอไม่เคยสักครั้งที่จะเห็นดีเห็นงาม
ที่เธอไปชื่นชอบดาราคนไหน  แต่กับพี่ข้าวคุณแม่กลับเต็มใจทั้งยังพาเธอมาให้ใกล้ชิด
ดาราขวัญใจอีกด้วย  ส่วนกอหญ้ามองว่าคุณน้าทิพย์ช่างเป็นคุณแม่ที่ดีจริงๆ

“พี่ก็จะมีถ่ายละครที่ไร่นี้ด้วยนะ  เป็นงานสุดท้ายของพี่แล้วก่อนที่จะเลิกอาชีพนี้
ถ้ายังไม่เปิดภาคเรียนคุณน้ากับน้องมาดูได้นะครับ”

กอหญ้าออกปากชวนสองแม่ลูก
คนแม่มีสีหน้ายินดีแบบสุดๆ ส่วนลูกสาวหน้าจ๋อยลงถนัดตา

“อีกไม่กี่วันข้าวหอมก็ต้องไปเรียนแล้ว  อดดูพี่กอหญ้าถ่ายละครเลย
แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวคุณแม่มาแทนข้าวหอมนะคะ”

ลูกสาวหันไปบอกแม่ ซึ่งเธอก็พยักหน้า  ตอนนี้คุณน้ากลับไปนั่ง
ในส่วนของเธอตามเดิมแล้ว  แผ่นดินลอบมองอยู่บ่อยๆ

กอหญ้ามีส่วนคล้ายกับคุณน้าทิพย์อยู่เหมือนกันเมื่อทั้งสองนั่งคู่กันอย่างนี้
คุณน้าทิพย์มักจะหลุดแสดงตัวชัดเจนจนเกินไป

“ดื่มน้ำแล้วก็เข้าไร่กันเถอะ เดี๋ยวแดดจะร้อนเกินไป กอหญ้าไปเอาหมวกปีกกว้าง
ที่แก้วมาด้วยนะ ถ้าไปแบบโล่งๆ ตัวดำขึ้นมาคะน้าเล่นงานพี่แน่ๆ อีกอย่างเดี๋ยวจะป่วยเอา”

พี่ดินเอาหลังมือมาอังที่หน้าผากไม่สนสายตาของสองคนแม่ลูกที่มองมาไม่วางตา

“พี่ดินดูแลพี่กอหญ้าดีจริงๆ เลย ถ้าข้าวหอมมีแฟนแบบนี้  รักตายเลยค่ะ”
ข้าวหอมเอ่ยขึ้น  ทำเอากอหญ้าชะงักเท้าที่จะก้าวออกไปจากห้อง 
หันมาตอบเด็กสาวอย่างไม่มีลังเล

“เป็นคนนี้….ในแบบนี้…ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพี่…พี่ก็รักมากแล้วด้วยครับ”

กอหญ้าพูดได้ลื่นไหล ไม่รู้ทำไม  เขารู้สึกอยากเปิดเผยให้สองคนแม่ลูก
คู่นี้รู้โดยไม่คิดที่จะปิดบัง  พูดแล้วก็เขินจึงรีบเดินเลี่ยงออกมา

“ป้าสาย  แก้วอยู่ไหนครับ  พี่ดินให้มาขอหมวกสักใบจะเข้าไร่  พอหาให้ได้ไหม”

“อ่อ…แก้วมันไปซื้อของให้ป้าน่ะ  แต่เอ…ป้าไปดูก่อนนะ  นั่งรอสักครู่นะคะ”
เมื่อป้าสายเดินลับตาไป  กอหญ้าก็มองผักที่ป้าสายหั่นค้างไว้บนเขียง
จึงหยิบมีดขึ้นมาหั่นต่อ  สักครู่ก็มีเสียงเดินเข้ามาในครัว  กอหญ้าคิดว่าเป็นป้าสาย

“เจอไหมฮะป้าสาย  ถ้าไม่มีขอเป็นร่มก็ได้ครับ”
แล้วกอหญ้าก็หั่นผักต่อไป

“ได้แล้วค่ะ หาแทบแย่ อ้าว! แม่เลี้ยงเดินมาถึงนี่เลย
คุณกอหญ้าไปเถอะค่ะในนี้ร้อนออก ดูสิมาหั่นผักป้าทำไมกันค่ะ น่าตี…”

กอหญ้าวางมีดแล้วหันไปรับหมวกมาถือไว้  ส่งยิ้มให้ป้าสายที่ขี้หวงไม่ยอมให้ทำ
หันไปชวนคุณน้าทิพย์ที่แอบมายืนมองเขาหั่นผักในครัว

“ไปข้างนอกกันครับคุณน้า พี่ดินรออยู่ ว่างๆ ป้าสายสอนกอหญ้าทำครัวบ้างนะฮะ”
กอหญ้าหันไปกระเซ้าป้าสายก่อนเดินออกจากครัว  รู้ว่าคงยาก
คนบ้านนี้แทบจะไม่ยอมให้เขาหยิบจับอะไรเลย

“หนูกอหญ้าทำอาหารเป็นด้วยเหรอลูก”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ถาม พลางเดินคู่กันออกจากครัว

“พอทำได้บ้างพวกทอดๆ ผัดๆน่ะครับ พอดีว่าพ่อชอบทำอาหาร
ตอนเด็กก็ได้ช่วยพ่อในครัวบ้างน่ะครับ  แค่พอให้ไม่อดเพราะพ่อติดงาน
กลับบ้านดึกๆ น่ะครับ”
กอหญ้าเล่าให้คุณน้าทิพย์ฟัง

“ชีวิตตอนเด็กคงจะลำบากมากเลยสิ”
คุณน้าพูดเสียงอ่อน

“ก็พอทนน่ะครับ  แต่เราสองคนพ่อลูกก็มีความสุขดีครับ  ถึงแม้ว่าจะไม่มีแม่ก็เถอะ”
กอหญ้าพูด ในตอนท้ายน้ำเสียงออกจะอ้างว้างจนแม่เลี้ยงข้าวทิพย์รู้สึกจุกแน่นที่อก
เหมือนหัวใจถูกบีบรัด

“ไปกันหรือยังครับ  แดดเริ่มแรงแล้วนะ”
พี่ดินเดินมาตาม  เป็นการปิดฉากสนทนาของกอหญ้าไปโดยปริยาย







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 41 เที่ยวชมไร่ 2

แผ่นดินพาแม่เลี้ยงข้าวทิพย์และลูกสาวชมไร่ในจุดที่รถจอดได้  ใช้เวลาไปกว่าชั่วโมงเศษๆ
และแปลงเกษตรอินทรีย์ที่น่าภาคภูมิใจดูจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของสองแม่ลูกเอามากๆ

แผ่นดินสั่งคนงานให้เก็บผักตะกร้าใหญ่เพื่อเป็นของฝากรวมทั้งส้มในไร่ด้วย  กอหญ้าชิมส้ม
จากต้นแบบสดๆ ใหม่ๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่ต่างกับสองแม่ลูกเลย  การเข้าไร่ครั้งนี้
ก็เป็นก้าวแรกของเจ้าตัวด้วยเช่นกัน

“พี่ดินลูกวัวตัวน้อยน่ารักจังเพิ่งคลอดเหรอฮะ  เดินเดี๋ยวล้มๆ ตลกนี่นะ”
กอหญ้ายืนลุ้นลูกวัวที่เดินล้มแผละแล้วลุกขึ้นใหม่  แววตาสนุกสนานดูมีชีวิตชีวาสดใสสมวัย

“ใช่เพิ่งเกิด  ว่าไงตัวเล็กดูดนมโชว์แล้ว  ฮ่าฮ่า”
พี่ดินชี้ให้ดูลูกวัวที่กำลังดูดนมแม่วัวจากเต้าขาวๆ น้องข้าวหอมก็ชะเง้อมองตาม

“น่ารัก ขอข้าวหอมถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยนะคะ …~ ดื่มๆ เรามาดื่มนมกันเถอะ
ดื่มแล้วอย่าทำเลอะเทอะ ดื่มนมเยอะๆ ร่างกายแข็งแรง เย้ๆ มอๆๆ~”

ข้าวหอมถ่ายรูปไปร้องเพลงไป  นี่ก็อีกคนร่าเริงเอามากๆ พี่น้องคู่นี้เหมือนกันจริงๆ
แผ่นดินและแม่เลี้ยงข้าวทิพย์สบตากัน  เธอแย้มยิ้มมีความสุขที่ได้เห็นความสดใสของลูกๆ

“ข้าวหอม ไม่ส่งเสียงดังรบกวนนะลูก”
คุณน้าปรามลูกสาวที่ร้องเพลงและบางจังหวะก็เต้นไปด้วย

“ไม่เป็นไรครับคุณน้า  ดูกอหญ้าสิ พลอยได้หัวเราะตามน้องไปด้วย”
แผ่นดินหันไปบอกกับว่าที่แม่ยายที่พยักหน้าเห็นด้วย

“เรากลับเข้าบ้านกันเถอะ  จะถึงมื้อกลางวันแล้ว ไปล้างหน้าล้างมือกันก่อนนะ
ก็อกน้ำอยู่ตรงนั้น  แล้วอยู่ทานกลางวันด้วยกันนะครับ”

แผ่นดินหันมาชวนทุกคนให้กลับเข้าบ้าน  กอหญ้ามีใบหน้าแดงระเรื่อเพราะแดดเริ่มร้อน
ดวงอาทิตย์กำลังจะตรงศีรษะบ่งบอกว่าใกล้เที่ยง

“รบกวนเปล่าๆดิน  น้าพาน้องกลับเลยดีกว่า”

“ทานหลายคนสนุกดี นะครับ”
กอหญ้าออกปากชวนอีกแรง

“เอ่อ…ก็ได้ ไว้น้าจะเลี้ยงตอบแทนเราบ้างนะ เลือกร้านในเมืองก็ได้”
คุณน้ามีสีหน้ายินดีที่จะได้อยู่ต่อ  สำหรับเธอแค่ได้ใกล้ชิดลูก
ได้เห็นทุกการเคลื่อนไหวของลูกก็มีความสุขแล้ว…แม้ว่าลูกจะไม่รู้ว่าเธอเป็นแม่ก็ตาม

กลับไปบ้านเย็นนี้ เธอตั้งใจว่าจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่ปิดบังมานานเท่าอายุของกอหญ้า
ให้คนที่บ้านฟัง แม้ว่าจะถูกโกรธเธอก็ยอม  ขอแค่ให้เธอได้แก้ไขสิ่งผิดพลาดสักครั้งก่อนตาย



มื้อกลางวันผ่านไปพร้อมเสียงพูดคุย  จวบจนเกือบจะบ่ายคล้อย  สองแม่ลูกจึงพากันกลับไป
คนตัวโตจึงลากแขนคนรักพากันขึ้นห้อง

“กอหญ้าเหนื่อยไหม  สมใจละซีอยากเข้านักไร่น่ะ  ตัวแดงไปหมดพรุ่งนี้
ตัวดำผิวลอกเป็นแผ่นๆ แน่”

“พี่ดิน กอหญ้าไม่ใช่งูไม่ลอกคราบหรอกน่ะ อีกอย่างทากันแดดแล้วด้วย คริคริ”
กอหญ้าลอยหน้าลอยตาพูด

“หน้าตามีความสุขมากๆเลยนะ แฟนคลับมาเยี่ยมนี่ ถามจริงๆเรารำคาญสองคนนั้นมั้ย”

“คุณน้าทิพย์กับน้องข้าวหอมน่ารักจะตาย จะไปรำคาญอะไรเธอล่ะ ทำพูดไปถ้าเธอมา
ได้ยินจะเสียใจเอานะฮะ”
กอหญ้าทำตาดุใส่คนตัวโตเฉยเลย

“พี่แค่ถามดู  ถ้าเรารำคาญหรือไม่ชอบใจก็ไม่ต้องฝืนไง  พี่ไม่ว่า…”
แผ่นดินบอกน้อง

“ไม่ฝืนอะไรซะหน่อย  ก็ดีนะฮะ ดูคุณน้ากับลูกจะให้ความเป็นกันเองกับกอหญ้าด้วยสิ
อีกอย่างเธอดูเป็นคุณแม่ที่ดี  คอยดูแลเอาใจใส่ลูก  ลูกชอบอะไร  อยากทำอะไร
ไปไหนเธอก็พาไป  ถ้ากอหญ้ามีแม่แบบนี้บ้างก็ดีนะฮะ…คงมีความสุขที่สุดเลยละ”

กอหญ้าพูดชื่นชมแม่เลี้ยงข้าวทิพย์  แววตาไหววูบเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตตัวเอง
แผ่นดินเห็นแล้วก็ดึงคนข้างๆ เข้ามาซบที่อก  ลูบหลังไปมา

“วันนึง  อาจเป็นวันดีๆ ที่กอหญ้าจะได้เจอแม่ก็ได้  แล้วแม่อาจจะดีอย่างคุณน้าที่เราเห็นวันนี้นะ”
แผ่นดินพูดปลอบคนรักที่ส่ายหน้ากับอกเขาไปมา

“คงไม่มีวันนั้นหรอกครับพี่ดิน  แม่ของกอหญ้า ไม่น่ารักอย่างคุณน้าทิพย์หรอก”
กอหญ้าพูดงึมงำ

“ก็ไม่แน่นะ  ง่วงแล้วใช่ไหม นอนก่อนก็ได้  เดี๋ยวค่อยตื่นไปรับลูกที่โรงเรียนกัน”
กอหญ้าพยักหน้าแล้วไถลตัวลงนอนหนุนหมอน

“พี่ดิน  ปลุกด้วยนะ  ห้ามหนีไปคนเดียว”
เงียบเสียงไปแล้ว

แผ่นดินมองดวงหน้ายามหลับแล้วก็นึกเอ็นดู  กินอิ่มนอนหลับแบบนี้
เลี้ยงง่ายดีจริงๆ ชายหนุ่มตั้งเวลาปลุกแล้วจึงหลับตามกันไป



“ไปไหนมากันล่ะ แม่ทิพย์”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านก็เจอกับด่านคุณแม่ของเธอ

“ไปที่ไร่พี่เขตมาค่ะ  พอดียัยหนูอยากไปชมไร่  ก็เลยพากันทานมื้อเที่ยงที่นั่นด้วยน่ะค่ะ”

“อ้อ! แอบไปหาหนูกอหญ้าล่ะสิ  เราก็ให้ท้ายลูกนะแม่ทิพย์  ลูกปลื้มดาราไม่มีขัดเลยจริงๆ”
คุณยายพูดไม่ได้จริงจังอะไรนัก

“คุณยายขา  พี่กอหญ้าน่ารักพาพวกเราเที่ยวชมไร่ด้วย  ดูลูกวัวดูดนมมาด้วยนะคะ”
ข้าวหอมเล่าให้คุณยายฟังพร้อมกับสไลด์จอโทรศัพท์ดูภาพที่เธอถ่ายมา

“เหอะ! ยิ้มแฉ่งขนาดนี้  สมใจละสิ  ได้ใกล้ชิดดาราน่ะ”
คุณยายเหน็บแนม

“นิดหน่อยเองคุณยาย ข้าวหอมเสียดายจัง จะเปิดเรียนแล้วอดดูพี่กอหญ้า
ถ่ายละครเลย  เขายกกองมาถ่ายที่ไร่พี่ดินเลยน ะ เสียดายสุดๆ”
เด็กสาวเล่าไปสีหน้าผิดหวังหน่อยๆ

“งั้นไร่ตาเขตก็ดังไปเลยน่ะสิ  อีกหน่อยคงต้องเปิดให้คนนอกเข้า”
คุณยายพลอยตื่นตาไปด้วยที่ได้ยินแบบนั้น

“นั่นสิคะคุณแม่  จะดังใหญ่แล้ว  ถ้าบริหารจัดการกันดีๆ นะ ยิ่งใหญ่แน่ๆ
ดีนะที่หนูกอหญ้าได้แฟนอย่างเจ้าดินที่ทั้งเก่งและเป็นคนดีแบบนั้น”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์พูดเปรยๆ

“อ้าว! เขาไปชอบพอกับลูกชายบ้านนั้นเหรอนี่ ผู้ชายนะสองคนนั้น
 แม่ฟังไม่ผิดใช่ไหมแม่ทิพย์ ตายๆอกจะแตก นี่ถ้ามีลูกมีหลานเป็นแบบนั้นจะทำยังไงกัน
 นี่ตาเขตกับแม่เขาไม่ว่าอะไรกันบ้างเลยเหรอ”
คุณยายดูตกใจเอามากๆที่ได้ยินได้ฟังแบบนั้น

“คุณยายคะ โลกเราเดี๋ยวนี้มันไปไกลแล้ว  จะรักชอบกับใครยังไง
 มันก็แค่คนสองคนรักกัน  ผู้หญิงชอบพอกันเองก็มีเยอะแยะไป ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วค่ะ”

ข้าวหอมบอกคุณยาย  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์มองว่าแม่ของเธอจะพูดอะไรต่ออีกสำหรับเรื่องนี้
แต่ก็เห็นท่านไม่ได้ใส่ใจที่จะต่อความ

“อืม…ยุคสมัยมันเปลี่ยน  ก็ช่างเถอะนะ ไม่เกี่ยวกับบ้านเรา”
คุณยายพูด  ทำเอาลูกสาวหน้าเจื่อนไปหน่อย

“ครอบครัวนั้นเขารับได้น่ะค่ะคุณแม่ พี่เขตกับคุณแม่เขาชื่นชมรักใคร่
หนูกอหญ้าอย่างกับอะไรดี  ทิพย์เห็นมาเองกับตา  หนูกอหญ้าก็วางตัวดี
เข้ากับลูกๆของเจ้าดินได้  และน้องๆ ของทางนั้นด้วย  เรื่องก็เลยง่ายไปเสียหมด”
ลูกสาวเล่าไปตามที่ได้เห็นมาให้คนเป็นแม่ฟัง

“นั่นสิคะคุณยาย  ข้าวหอมเองยังดีใจแทนพี่กอหญ้า เนี่ยลงทุนออกจากวงการ
บันเทิงเพื่อมาเป็นแม่บ้านให้พี่ดิน  คู่นี้รักกันจริงๆ คุณยายต้องไปเห็นเอง
นี่ถ้าข้าวหอมมีพี่ที่เป็นแบบนี้ข้าวหอมก็ไม่ว่า…ไม่รังเกียจนะคะ  รับได้ค่ะ”
ข้าวหอมพูดยิ้มๆ ก็ใครจะรู้นอกจากกลุ่มเพื่อนว่าเธอน่ะเป็นสาววาย

“ย่ะ แม่คุณ ก็เราไม่ได้มีพี่ชายกับเขานี่”
คุณยายทำประชดใส่หลานสาว  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์มองสองยายหลาน
แล้วก็ได้แต่นึกคิดไปต่างๆ นานา



“กอหญ้า  รถเราน่ะเฟี้ยวมากเลย  พี่แค่ไปลองเครื่องนิดหน่อยสาววิ่งมา
ขอเบอร์เฉยเลย  ระวังนะเราถ้าได้นั่งหลังพวงมาลัย หึหึ”
ฐานทัพพูดขึ้นพร้อมกับส่งกุญแจรถคืนให้  กอหญ้ากำลังจะเอื้อมมือ
ไปรับกุญแจก็มีอันถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา  ทำเอาต้องหดมือกลับ

“พี่บอกว่าไงครับ  ลืมรึเปล่า?...หืม”
พี่ดินแกว่งกุญแจผ่านหน้าไปมาอย่างท้าทาย

“ไม่ลืมซะหน่อย  พี่ดินจะว่างไปด้วยทุกที่เลยรึไง  จะคอยดูก็แล้วกัน เหอะ!”
กอหญ้าบ่นอุบอิบ

“พี่เราเขาเป็นห่วงก็ดีแล้ว ไปไหนก็เอาไปด้วยจะได้ดูแลกันได้
รถก็ออกจะล่อตามิจฉาชีพซะขนาดนั้น ไปไหนคนเดียวไม่รอดแน่ๆ”
พ่อเขตพูดขึ้นอีกคน  ทำให้การที่กอหญ้าจะขับรถไปไหนเองกลาย
เป็นเรื่องน่ากลัวไปเลยทีเดียว

“ยึดกุญแจเลยเหรอพี่  แรงไปป่าวค๊าบ  งั้นก็เอากุญแจไว้กับผม
รถมันต้องวิ่ง จอดไว้เฉยๆ เครื่องมันจะอั้นวิ่งไม่ออกเอานะ  ผมช่วย
เอาไปใช้ได้นะพี่ดิน”

ฐานทัพถือโอกาส  เขาก็แค่ลองเผื่อฟลุ๊ค…เท่านั้นเอง

“อย่าได้ให้มันเชียวนะเจ้าดิน  มือเท้ามันหนัก  คันแค่นี้ไม่พอมือมันหรอก
อีกอย่างเดี๋ยวได้ขับไปอวดสาว  บ้านฉันหัวกะไดไม่แห้งกันพอดี”
พ่อเขตสกัดกั้นทันที  ทำเอาพี่ทัพหน้าม่อยไม่โต้เถียงสักคำ

“ถ้าพี่ทัพจะใช้ก็มาขอที่พี่ดินแล้วกันนะ  กอหญ้าไม่หวง”
กอหญ้าหันไปบอกพี่ทัพที่ตาวาวขึ้นมาหน่อย  แล้วก็ทำหน้าสลดต่ออีก

“ถ้าไม่บ่อยจะใช้ก็มาขอ  เจ้าของเขาอนุญาตแล้วนี่  ไม่ต้องแกล้งตีหน้าเศร้าเลย
ไม่ใจอ่อนว่ะ  กินข้าวกันครับทุกคน  กริชวันนี้ไม่เอาปากกลับมาด้วยรึไง
เป็นอะไรหน้าเศร้าอีกคนแล้ว”

แผ่นดินหันไปหาน้องคนเล็ก

“อีกไม่กี่วันต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว  ข้าวหอมโทรมาหาเล่าเรื่องที่มาไร่วันนี้
แล้วยังเล่าว่าพี่กอหญ้าชวนให้มาดูถ่ายละคร  เสียดายอ่ะ”
กริชพูดแล้วทำสีหน้าผิดหวังจนน่าสงสาร

“ก็จะให้ทำยังไงล่ะ  รึว่าแกจะลาออกมาทำไร่ล่ะจะได้ไม่ต้องเรียน
ไม่ต้องไปกรุงเทพฯ น่ะ  เอามั้ย”
คุณย่าพูดแขวะ  ทำเอาคนต้นเรื่องนั่งตัวตรงดวงตาเป็นประกาย

“จริงดิ  งั้นผมโทรบอกพ่อนะ  ว่าย่าบอกให้ลาออก ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้ว
คุณย่าให้มาทำไร่แทน”

“ไอ้ลูกหมา  ขืนแกโทรไปพ่อแกได้ถ่อมาลากคอแกกลับบ้านวันนี้เลย
หรือจะลอง  ลุงรู้นิสัยพ่อแกดี”
ลุงเขตพูดแค่นั้น  กริชก็ให้รู้สำนึกขึ้นมา

“ย่าประชด  ลองแกไม่เรียนย่านี่แหละจะโทรฟ้องเจ้าแดน  เลี้ยงลูกปล่อยปะละเลย
ไปแล้วมั้ง  นี่ถ้าแม่มันไม่ด่วนหนีตายจากไป  ย่าจะฟ้องแม่มันอีกคน”
คุณย่าเล่นขู่กันขนาดนี้  กริชจึงเสไปตักอาหารเข้าปาก

“ไม่ต้องเฉไฉ  ยังอยากจะมาทำอีกมั้ยไร่นะ  นู่นมาโน่นแล้ว…ใครไปฟ้องมันวะ
หายไปหลายเดือนวันนี้กลับมาโผล่ที่นี่ได้”
พ่อเขตพูดแล้วบุ้ยใบ้ไปทางหน้าประตูบ้าน  กริชเห็นดังนั้นตาโตส่ายหน้า

“ทุกคนครับ  รักนะครับ  อย่าฟ้องพ่อนะ จุ๊บ จุ๊บ”
พูดจบเด็กหนุ่มก็ลุกพรวดไปรับหน้าพ่อทันที  กอหญ้าเห็นเด็กแสบสวมกอด
พ่อแล้วพากันเดินเข้าบ้านมา  พ่อของกริชตัวเตี้ยกว่าพ่อเขตและดูจะท้วม
กว่าหน่อยแต่ท่าทางใจดีไม่ต่างกัน

“สวัสดีฮะอาแดน  ทานข้าวกัน  แก้วๆ ขอข้าวเพิ่มที่นึง”
พี่ดินลุกขึ้นทักก่อนพ่อของกริช  พี่ทัพจึงทำตามและกอหญ้าก็ลุกตามพี่ดินด้วยอีกคน

“เอ้า! ไม่ได้มาบ้านนี้ซะหลายเดือน งานยุ่งมากๆ ไอ้ลูกหมานี่ก็ปิดเทอมมาขอไม่อยู่บ้าน
ทิ้งเราแก่ๆ ไว้บ้านคนเดียว  คุณแม่เป็นไงบ้างครับดูหน้าตาผ่องใสดีจัง อ้าว!
แล้วพ่อหนุ่มคนนี้น่ะ  แฟนเจ้าดินเหรอที่เป็นดาราดังน่ะ ไม่เลวนี่หล่อไม่เบา”

อาแดนนั่งลงใกล้ๆ กับคุณย่า  แล้วก็พูดไม่หยุดปากคงเพราะไม่ได้มานานอย่างที่บอกออกมา

“ครับอา  นี่กอหญ้าครับ”
พี่ดินแนะนำกอหญ้าให้รู้จักกับพ่อของกริช

“ดาราคนที่ผมปลื้มไงพ่อ ที่พ่อชอบว่าผมบ้าคลั่งไคล้ ตั้งแต่ตอนที่ลุ้นพี่เขาคราว
ที่ประกวด Mr.Perfect น่ะ”

กริชอธิบายเพิ่ม  เผื่อว่าพ่อเขาจะจำได้

“อ่อ…ที่แกต้องขอตังค์ไปซื้อหนังสือมากองเต็มที่นอนแกนะเหรอ  ดาราคนนั้นน่ะ”

“กินข้าวก่อนเถอะ  ถ้าจะคุยคืนนี้ก็ไม่จบเรื่องมันเยอะเจ้ากริชน่ะ”
พ่อเขตชวนให้ลงมือกินข้าว

“พ่อฮะ กับข้าวบ้านย่าอร่อยที่หนึ่งเลยนะ ตักข้าวมาน้อยจะเสียดายทีหลัง ผมไม่เติมให้แล้วนะ”

“เออ…งั้นก็ตักมาละกันจะให้กินแค่ไหนก็…ไอ้ลูกคนนี้”
พ่อของกริชพูดแล้วก็โยกหัวลูกไปสองที

“อาแดน ไม่หาคนข้างกายสักคนละครับ จะได้มีคนดูแลยามเจ็บไข้”
พี่ดินแนะนำอาแดนไป ทำเอาเจ้ากริชหันขวับมองหน้าพ่อ

“พ่ออ่ะ…กริชไม่เอาแม่เลี้ยงนะ พ่อก็อย่าป่วยสิ…นะครับ ลูกไม่ปลื้ม
พี่ดินเองยังไม่มีเลยแม่เลี้ยงจะมาอยากให้ผมมีทำไม หึ้ย…”
กริชเริ่มออกอาการเอาแต่ใจ

“กริช พ่อเรายังไม่แก่เท่าไหร่ อย่าไปห้ามไปหวงเลย เราอยู่ก็ตั้งไกล
หากพ่อแกป่วยล่ะ ใครจะดูแล แกจะลาเรียนมาเฝ้าหรือไง ไอ้เรื่องเจ็บไข้
มันห้ามกันได้หรือไง โตแล้วหัดมีเหตุผลนะลูก”
คุณย่าอบรมกริชบนโต๊ะอาหารเสียอย่างนั้น

“ช่างเถอะครับคุณแม่ ผมอยู่ได้ครับ”

อาแดนพูดอย่างเอาใจลูก คงจะสปอยล์ลูกน่าดูอาของพี่ดินเนี่ย
กอหญ้าทานอาหารไปด้วยดูแลหนูน้อยที่นั่งข้างกันด้วย
ใบข้าวทานไปอย่างเรียบร้อยไม่ทำหกเลอะเทอะหรือเล่นข้าวอีก

“กริชยอมพ่อก็ได้แต่พ่อต้องพามาให้รู้จักก่อนนะ”
เอาแต่ใจอย่างเด็กไม่ยอมโตเสียอย่างนั้น

“เออว่ะ ขนาดต้องให้ดูตัวกันก่อน ไม่มากไปหน่อยเหรอน้องชาย
ถ้าแกเรื่องมากพ่อแกหามาได้อย่างพี่ดินแกจะว่าไง ฮ่าฮ่า”

พี่ทัพย้อนน้องชาย  ทำเอาเจ้าตัวแสบหน้ามุ่ย

“งั้นแล้วแต่พ่อละกัน ไงก็ห้ามรักผมน้อยลง”
เด็กเอาแต่ใจไม่วายต่อลองอีก

“ตัวแสบ พ่อมีลูกอยู่คนเดียวก็ต้องรักอยู่แล้วป่าววะ”
เจ้าเด็กแสบยิ้มตาปิดเมื่อพ่อพูดถูกใจ

“เออว่ะ โอ๋กันเข้าไป…ไอ้ลูกแหง่”
พ่อเขตค่อนขอดหลานชาย  ทำเอากริชสะบัดหน้าใส่ลุงตัวเอง
คอแทบหลุด  เป็นที่ขบขันของพี่ๆ บนโต๊ะอาหารเป็นอย่างยิ่ง




ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 42 ถูกสะกดรอยตาม

เช้านี้กอหญ้าและใบข้าวตามพี่ดินออกมาส่งต้นกล้าที่โรงเรียนด้วย
โดยกอหญ้าบอกพี่ดินแค่ว่าให้เด็กหญิงได้คุ้นชินกับโรงเรียน  เพราะปีการศึกษาหน้า
นี้ใบข้าวก็ต้องเข้าเรียนแล้ว

“ใบข้าว  ชอบโรงเรียนของพี่กล้ามั้ย”
เด็กชายชี้ชวนน้องให้ดูโรงเรียนของตน  เด็กหญิงมองสนามเด็กเล่นสำหรับน้องเล็กๆ
เธอก็มีประกายตาวาวพลางพยักหน้า

“ชอบๆ ใบข้าวอยากเรียนกับพี่กล้า”
เจ้าตัวมองเครื่องเล่นสีสันสดใสที่ล่อตาอย่างเหลียวหลัง

“พี่ดินต้องพาลูกออกนอกบ้านบ่อยๆ แล้ว แกจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ
เป็นการเสริมพัฒนาการให้แกด้วยนะฮะ”

กอหญ้าเสนอ  เพราะที่ผ่านมาพี่ดินเอาแต่ทำงาน ลูกๆ ก็อยู่แต่กับบ้าน
เขาเองยังไม่เคยเห็นพ่อลูกได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเลย

“ได้สิ งั้นเราก็เอาลูกไปด้วยแล้วกันถ้าออกมาข้างนอก”
แผ่นดินเห็นด้วยกับคนรัก

“งั้นอาทิตย์นี้พาเด็กๆ ไปทานไอศกรีม แล้วเล่นเครื่องเล่นเด็กในห้างกันนะฮะ”

“อืม…ได้ๆ เดี๋ยวพาคุณย่าออกมาด้วยอีกคน”

“ครับ จัดไปตามนั้น”

กอหญ้ายิ้มดีใจที่จะได้พาทุกคนไปทำกิจกรรมวันหยุดนอกบ้าน

“อ้าว! คุณพ่อน้องต้นกล้า วันนี้มาส่งน้องเองเลยเหรอคะ อุ้ย…คุณข้ามฟ้าก็มาด้วย”

คุณครูประจำชั้นของต้นกล้าชะงักที่เห็นกอหญ้าในระยะใกล้ๆ แบบนี้

“สวัสดีครับ  คุณครูใบบัวใช่ไหมครับ”

กอหญ้าทักคุณครู เธอยังไม่หายตื่นเต้นและระงับมันไม่อยู่อีกเมื่อกอหญ้าทราบชื่อเธอ

“ใช่ค่ะ ตัวจริงคุณข้ามฟ้าน่ารักมากเลยนะคะ ตามที่เป็นข่าวไม่คิดว่า
จะเป็นคุณพ่อของน้องต้นกล้าเลยนะคะเนี่ย”

คุณครูใบบัวพูดอย่างที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะจุดไต้ตำตอว่าเป็นผู้ปกครอง
ของนักเรียนที่เธอดูแลที่ไปเป็นคู่รักกับดาราดัง

“เอ่อ…ครับ พี่ดินคนนี้แหละ ยังไงฝากคุณครูด้วยนะครับ หากน้องมีปัญหาอะไร
โทรบอกได้ตลอดเลยนะ นี่ครับเบอร์โทรของผม”

กอหญ้าทิ้งเบอร์ให้เธอ คุณครูส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้แล้วรับตัวน้องเดินเข้าห้องเรียนไป

“แหมๆ ไม่ถามพี่สักคำเลยนะ เที่ยวได้แจกเบอร์โทรคนอื่นไปทั่ว”
พี่ดินหันมาทำตาขุ่นใส่

“พี่ดินอ่ะ อ้าว! นั่นพี่ธารามาส่งลูกเหมือนกันเหรอฮะ”
กอหญ้าไม่ทันได้ต่อปากต่อคำกับพี่ดิน  ก็เห็นพี่ธาราจูงน้องสกายมาส่งที่ห้อง
ซึ่งเป็นห้องเรียนเดียวกับลูกชายพี่ดิน

“ครับ กอหญ้ากับพี่ดินจะกลับแล้วเหรอ เอ…น้องใบข้าวก็มาด้วยเหรอเนี่ย
พี่กายพูดถึงอยู่นะคนเก่ง ไว้ว่างๆ ทานข้าวกันครับพี่ดิน”
พี่ธาราชวนทานข้าวในมื้อหน้า

“ได้สิ วันอาทิตย์นี้เป็นไง  พอดีพี่ว่าจะพาลูกๆ ออกมาทานไอศกรีมที่ห้างกันน่ะ”

“ดีเลย ผมจะได้พาเด็กๆไปเจอเพื่อนๆ ด้วย งั้นสิบโมงนะครับ  แล้วผมจะโทรหาอีกที”
แล้วโทรศัพท์ของพี่ธาราก็ดังขึ้น  พี่ธาราจึงโบกมือลา  แล้วก็กดรับสายด้วยใบหน้างอง้ำ

`อะไรอีก ผมมาส่งลูกที่โรงเรียน  นี่จะอะไรกับผมนักนะ ไปทำงานทำการของคุณไป คุณศาลาวัด…..`

“พี่ดิน  กอหญ้าว่างานนี้มีลุ้นนะครับ  เพื่อนพี่น่ะ  คริคริ”

“เจ้าภพน่ะเหรอ พี่ก็ว่างั้น  พวกปากไม่ตรงกับใจ  แกล้งเขาไว้สารพัด  สุดท้ายขว้างงูไม่พ้นคอซะนี่”

“กอหญ้าให้ลูกนั่งเบาะหลังมั้ย  นั่งตักไม่เมื่อยเหรอไงกัน”

“ไม่เป็นไรพี่ดิน  น้องตัวไม่หนักครับ”

“งั้นไปดูร้านเจ้าทัพหน่อยนะ  เช้านี้”



แผ่นดินขับพาไปตลาด  ในระหว่างทางกอหญ้ารู้สึกเหมือนมีรถขับตามมา

“พี่ดิน  รถคันหลังเราที่เป็นกระบะสีดำ  กอหญ้าว่ามันแปลกๆ นะ เหมือนจะตาม
เราตั้งแต่ทางแยกออกจากโรงเรียนแล้วนะครับ”

กอหญ้าหันมองหัน  แล้วอดที่จะบอกคนขับไม่ได้

“อืม…พี่ก็รู้สึกผิดสังเกตอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้พูดเพราะกลัวว่าเราจะตกใจ
นี่เอาโทรศัพท์ไปต่อสายหาเจ้าภพให้พี่ที”
พี่ดินส่งโทรศัพท์ของตัวเองมาให้

“สายไม่ว่างเลยครับ อ่อ…ติดแล้วฮะ/// พี่ภพนี่กอหญ้าเองครับไม่ใช่พี่ดิน
พอดีว่ามาส่งลูกที่โรงเรียนกันแล้วมีรถตามเราไม่เลิกเป็นกระบะสีดำครับ
 อ่อครับ…ให้จำทะเบียนรถ ครับๆ ให้พี่ดินขับทำไม่รู้ไม่ชี้ ได้ครับพี่ภพ”

“พี่ดิน  พี่ภพให้จำทะเบียนรถไว้  เดี๋ยวพี่ภพจะตรวจสอบให้”

“งั้นพี่แวะร้านขนมข้างหน้านะ  กอหญ้าช่วยพี่จำยี่ห้อรถ จำทะเบียนรถด้วยแล้วกัน”

แผ่นดินตบไฟเลี้ยวแวะข้างทางและลงไปซื้อของ  รถอีกคันก็จอดเลยออกไปหน่อย
โชคดีที่สามารถเห็นทะเบียนได้ชัดเจน

กอหญ้ายกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายเลขทะเบียนรถพี่ดินติดฟิล์มเข้มจนคนนอกมองเข้ามา
ไม่เห็น  พี่ดินหอบหิ้วขนมกลับมาที่รถ

“กอหญ้าใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายไว้ฮะพี่ดิน  ส่งเข้าเครื่องพี่แล้วนะ”

“เอ้า! กอหญ้าเอาไปส่งต่อให้ภพมันที  แล้วก็เมมเบอร์เจ้าภพมันไว้ในเครื่องเราด้วยล่ะ”
พี่ดินยัดโทรศัพท์ใส่มือเขา  แล้วเคลื่อนรถออกมุ่งสู่ตลาดเพื่อไปร้านขายของฝาก

“พี่ดินมายังไงกันแต่เช้า  พาสองคนนี้มาเปิดโลกเหรอ”
ฐานทัพออกมารับหน้าพี่ชายที่โผล่มาที่ร้าน

“อืม…อยู่ร้านได้นะแก  เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาแล้วสิ  มีอะไรดีๆในชีวิตรึป่าว…หือ”
พี่ชายตบบ่าแซวน้องชาย  แล้วเดินเข้าข้างในร้าน  พี่ทัพทำหน้าเหรอที่ถูกทักแบบนั้น
ส่วนกอหญ้าจูงน้องใบข้าวตามเข้ามา

“อุ๊ย…นั่นไข่เจียวของใบข้าวนี่  อากริชก็อยู่ด้วย  เย้ๆ”
น้องใบข้าววิ่งไปหาแมวสีขาวตัวอ้วน  แล้วก็กระโดดดีใจที่เจออากริชที่ร้าน

“ว่าไงคะคนสวย  นั่นไม่ใช่ไข่เจียวของหนูนะ  ตัวนี้ของพี่สุดหล่อคนนู้น  ของใบข้าวขนไม่ยาวแบบนี้นะคะ”
อากริชพูดให้เด็กหญิงเข้าใจ

“เหรอ…ไข่เจียวอยู่บ้าน  เนาะๆ”
ใบข้าวพยักหน้าและเขย่าแขนอากริชพร้อมทั้งชูมือขึ้นให้อุ้ม

“ฮึ้บ…ตัวหนักแล้วนะเรา เป็นลูกหมูแล้วหรือไง พุงป่องๆ ด้วยนะเนี่ย”
กริชจับพุงหลานสาว  เจ้าตัวจักจี้ดิ้นหนี

“อากอหญ้าขาช่วยด้วย  อากริชดื้อ…แกล้งน้อง”
เด็กหญิงหาตัวช่วย

“อากริชไม่ใช่พี่ต้นกล้า  อากริชไม่ดื้อซะหน่อย”
กริชต่อปากต่อคำกับหลานตัวน้อย

“คุณพ่อขา  ช่วยด้วย  อากริชดื้อๆ”
เด็กหญิงยังคงดิ้นหนีเมื่อถูกทำให้จักจี้

“เจ้ากริช อย่าแกล้งหลาน อย่าเล่นพุงด้วย…เดี๋ยวอ้วก…งานเข้าเลยนะเว่ย”
ฐานทัพเดินมาแย่งตัวหลานสาวในชุดกางเกงเอี๊ยมสีชมพูมาอุ้มไว้แทน

“อาทัพ…บินๆ กัน”
หนูน้อยขอให้อาพาร่อนแบบเครื่องบินเหมือนที่เคยเล่นกัน

“เพิ่งกินอิ่มๆ เล่นไม่ได้ค่ะ  ค่อยไปเล่นที่บ้านคืนนี้นะ”
ฐานทัพบอกกับเด็กหญิง

“อ้าว! นายทัพนั่นลูกสาวเหรอฮะ”
อาร์มทักเมื่อหิ้วข้าวกล่องเข้ามาในร้าน  คนที่เดินตามเข้ามาพลอยชะงักเท้าไปด้วย

“ใบข้าวคนสวย  บอกพี่อาร์มสิคะว่าหนูเป็นลูกใครเอ่ย”
ฐานทัพคะยั้นคะยอให้หนูน้อยตอบ  เห็นคนที่อยู่ด้านหลังเจ้าอาร์มแล้วก็อยากแกล้ง

“คนไหนพ่อครับ”
อาร์มรอลุ้น

“ทำอะไรกันใบข้าว อย่ากวนคุณอากับพี่ๆ สิคะลูก  มาหาอากอหญ้าดีกว่า  พ่อดินซื้อขนมมาไปทานกัน”
กอหญ้าเข้ามารับตัวเด็กหญิงออกไป

“นั่นลูกสาวนายดินเหรอฮะ  ไม่เคยพาออกมาเลย  โตขนาดนี้แล้วเนอะ”
อาร์มพูดขึ้นเพราะไม่ได้เข้าไปที่ไร่หลายปีแล้ว

“อืม…แล้วนี่จะไปไหนกัน  ใบหม่อนล่ะมาหาพี่เหรอครับ  คิดถึงใช่มั้ยล่ะ?”
ฐานทัพหันไปสนใจสาวหล่อแทน

“ป่าว นัดกับกริชต่างหากล่ะ”
ใบหม่อนพูดแล้วก็เดินไปหากริชตรงมุมร้าน  กริชกำลังเขย่งจนสุดแขนเพื่อ
จัดเก็บของเข้าชั้น  ใบหม่อนเดินเข้าไปแล้วจี้เอวเพื่อน

“เห้ย!...อย่าจี้…อ้าวใบหม่อน  มาแล้วเหรอ  ขออีกห้านาทีค่อยไปนะ”
สองคนมีนัดเลือกซื้อของกัน

“กริชจะไปไหน  เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน”
ฐานทัพออกตัว  เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มจะไปข้างนอกกับเพื่อน

“ได้ไงฮะนายทัพ  นายดินมาตรวจร้านทั้งที  ขืนนายทัพทิ้งร้านนะ  นายดินเอาตายแน่ๆ”
อาร์มพูด  ฐานทัพหน้าเจื่อนเมื่อได้ฟัง  เขาลืมไปถนัดว่าพี่ชายมา

“จะไปไหนกัน  นั่นเดินมาอีกคนแล้ว”
แผ่นดินบุ้ยใบ้ไปทางกองพลที่เดินตัวลีบเข้ามา  และเมื่อเห็นหน้านายทัพ
เจ้าตัวก็มีอันหน้าจ๋อยลงไปอีก

“นัดซื้อของกันครับ  พี่ทัพน่ะสิ จู่ๆก็มาร้องตาม…วัยรุ่นเซ็งเลย”
กริชแกล้งพี่ชาย  ดูก็รู้ออกอาการขนาดนี้อยากไปล่ะสิ

“ไปกันทั้งหมดเลยไป  เดี๋ยวพี่กับกอหญ้าเฝ้าร้านให้  อาร์มไปด้วยก็ได้นะ
 วันนี้ไม่ใช่วันหยุด…ลูกค้าคงมีเรื่อยๆ แล้วเจ้าแก้มล่ะวันหยุดมันเหรอไง”
ทุกคนเงียบกริบอย่างผิดคาด ที่ได้รับความเอื้อเฟื้อ

“ใช่ๆวันนี้วันหยุดไอ้แก้ม  พี่ดินนี่บทจะใจดีก็ดีเกินคาด  สมแล้วที่พี่กอหญ้า
เลือกพี่เป็นแฟน ฮ่าฮ่า”
กริชแซวพี่ชายและพาดพิงไปถึงพี่สะใภ้

“นายดิน  เรียกผมมามีอะไรครับ  อยู่กันครบเซตเลยนะว้นนี้”
มิ่งโผล่เข้ามาในร้านอีกคน

“ให้มาอยู่ช่วยงานในร้าน อีกเดี๋ยวพวกนี้ก็ไปกันหมดแล้ว ทัพ! ไปแล้วก็อย่ากลับเย็นนักล่ะ”
แผ่นดินกำชับน้องชาย โดยไม่บอกเหตุผลเกรงว่าน้องๆ จะตื่นตูมกันไปเสียก่อน

“ฮะพี่ดิน กลับมาก่อนมื้อค่ำแน่นอน ไปกันเถอะพวกเรา เดี๋ยวลูกค้าจะเข้าร้านแล้ว
ไปครับน้องใบหม่อนนั่งรถพี่นะ กริชด้วย ส่วนอาร์มไปรถเจ้ายักษ์นั่นไป”
พี่ทัพหันไปคว้ามือเด็กสาวมาดเท่ข้างๆ ทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งและหันมาค้อมศีรษะ
ให้กอหญ้า พลางส่งยิ้มแหยๆมาให้ หน้าตาจัดว่าน่ารัก

เมื่อทุกคนออกไปกันหมดแล้วก็เหลือแต่แผ่นดินกับมิ่งและกอหญ้า ส่วนน้องใบข้าวเดินสำรวจร้านอยู่
ลูกค้ารายแรกก็ไปแล้วพร้อมกับแมวเปอร์เซียสีขาวตัวอ้วน

“พี่ดิน  เด็กสาวเมื่อกี้นี้  ใครเหรอฮะ”
กอหญ้าถามคนรัก

“ลูกสาวเจ้าของตลาดน่ะ  ชื่อใบหม่อนเพื่อนเจ้ากริช เจ้าอาร์ม
แล้วก็เด็กยักษ์เมื่อครู่ ทำไม สนใจรึไง”
พี่ดินย้อนถามแล้วก็เดินไปประจำเครื่องแคชเชียร์

“บ้าน่ะพี่ดิน  แค่เหมือนว่าพี่ทัพจะยังไงๆ กับน้องมันน่ะสิ  ดูเอาใจใส่ชอบกล  พี่ดินไม่เห็นรึไง”

“อ้าว! เหรอ  พี่ไม่ทันมอง  ว่าที่น้องสะใภ้พี่รึป่าวน่ะ  น่าคิดแฮะ”

พี่ดินทำท่าครุ่นคิดมือเกาคาง

“ดูกันต่อไปเถอะนายดิน  คนอย่างนายทัพมีหัวใจซะที่ไหน กี่ร้อยคนแล้วที่ผ่านมาในชีวิต
 ผมเห็นจนจำหน้าไม่ทันได้  นายทัพก็เปลี่ยนคนใหม่ไปเรื่อย”
มิ่งพูดพร้อมกับใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นไปด้วย

“ใบข้าวมานั่งกับพ่อตรงนี้มั้ยลูก  เดี๋ยวถ้าลูกค้ามาคิดเงินจะได้ช่วยพ่อขายของ”
เด็กหญิงเดินเข้ามาหาที่โต๊ะ  แผ่นดินจึงอุ้มขึ้นนั่งบนเก้าอี้บุนวมอีกตัว

“ทานขนมมั้ย  ที่พ่อแวะซื้อ  มีลูกชุบกับฟักทองสังขยาด้วยนะ  หรือจะทานฝอยทอง”
เด็กหญิงชี้ที่ลูกชุบที่มีสีสันน่าทาน  ชายหนุ่มจึงจิ้มส่งเข้าปากลูก  แล้วจิ้มอีกลูกให้
กอหญ้าที่อ้าปากงับเคี้ยวตุ้ยๆ พร้อมลูก

“กลางวันจะทานอะไรคิดเมนูไว้เลย  เดี๋ยวให้มิ่งวิ่งไปซื้อมาให้”

“อยากทานก๋วยเตี๋ยวเรือที่พี่ดินเคยพาไปน่ะ  แล้วพี่ดินล่ะทานอะไรดี
ของยัยหนูเป็นราดหน้าหมูสับก็ได้เนาะ”

“พี่เอากะเพราเป็ดดีกว่า ขอเผ็ดๆ นะมิ่ง”

“พี่ดินเพลาๆลงบ้างเถอะ เห็นทานแต่ของเผ็ดๆ จนปากคอสั่น
ทรมานตัวเองจริงๆ ถ้ากระเพาะพังได้นอนโรงพยาบาลแน่ๆ อย่าหาว่าไม่เตือนนะ”
กอหญ้าหันมาบ่นคนตัวโต

“งั้นเปลี่ยนเป็นผัดไทกุ้งสดแล้วกันนะมิ่ง เดี๋ยวเมียบ่นเอาอีก”
พูดหน้าตาเฉย  คนถูกพาดพิงจิกตาใส่พร้อมปากที่งึมงำไปด้วย คงจะพูดว่า
‘พี่ดินคนบ้า’อีกตามเคย แล้วตรีภพก็โทรเข้ามา

“ฮัลโหล…ว่าไงภพ พวกมันอีกแล้วเหรอว่ะ เออๆขอบใจมากเพื่อน จะระวัง
อืมๆ อยู่ที่ร้านนี่แหละ ทัพมันพาเด็กๆเข้าเมือง ใช่เฝ้าร้านแทนมัน จะมาเหรอ
ได้สิ! งั้นซื้อเข้ามาเลยไม่สะดวกออกไปว่ะ  เผื่อยัยหนูด้วยนะ อยู่กันครบแหละ
ให้มิ่งมาช่วยงานด้วย เออๆ แล้วเจอกัน”
แผ่นดินวางสายจากตรีภพ  หน้าตาเครียดแววตาเอาเรื่อง  กอหญ้ามองตั้งแต่ตอนที่คุยโทรศัพท์แล้ว

“มิ่ง  มานี่หน่อย”
ชายหนุ่มกวักมือเรียกมิ่ง  เจ้าตัวเก็บไม้ขนไก่เข้าที่แล้วเดินมาหาเจ้านาย

“ครับนายดิน  มีอะไรเหรอ ให้ผมดูรูปนี้ทำไม?”
มิ่งรับโทรศัพท์มาดูอย่างงงๆ

“เมื่อเช้ามันขับตามพวกเรามา  ภพตรวจสอบแล้วมันเป็นพวกของเสี่ยทวีป
แกดูๆ ไว้หน่อยละกัน  มันคงจะลงมืออีกไม่นานนี้”
แววตาบ่งบอกว่าเอาเรื่องน่าดู

“งั้นเย็นนี้  สลับรถกันครับนาย  นายทัพน่ะให้ขับกลับพร้อมๆกันเลย
ผมพกปืนมาด้วย ของนายล่ะติดมาด้วยรึป่าว”
แผ่นดินพยักหน้า

“กอหญ้าช่วงนี้ อยู่แต่ในไร่เถอะนะ  สถานการณ์ไม่ค่อยดี  พวกเราออกข้างนอกแบบนี้
เป็นเป้าให้มันง่ายๆ เลยละ”

“พี่ดิน  คนพวกนี้ เรารู้ตัวขนาดนี้แล้ว เอ่อ…พี่ภพยังช่วยเราไม่ได้เหรอ ต้องใช้ชีวิตแบบ
หวาดระแวงไปถึงไหนกัน  อย่างนี้ก็แย่สิฮะ”

กอหญ้ามองว่าอิสรภาพถูกลิดรอนเพราะพวกไม่ประสงค์ดีนี้

“พี่ไม่ได้จะห้ามไม่ให้เราออกจากไร่  แต่ถ้าเป็นอะไรไปพี่จะทำยังไง  พี่เป็นห่วงเรานะ”

“รู้ว่าห่วง แต่เราไม่จัดการอะไรเลย …พวกมันก็ได้ใจสิ  พี่ดินหรือน้องๆ ออกมานอกไร่
…กอหญ้าก็อดห่วงไม่ได้  เราจะอยู่ด้วยความหวาดระแวงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน”
กอหญ้าพูดด้วยสีหน้าวิตก

“ไม่นานหรอก  ภพมันบอก…แค่ช่วงนี้…เท่านั้น อดทนหน่อยนะคนดี”
แผ่นดินพูดอย่างที่คาดหวังว่าเรื่องราวคงอีกไม่นานอย่างที่เพื่อนบอก
จึงได้พูดปลอบให้กอหญ้าอดทน กอหญ้าพยักหน้าและหันไปรับลูกค้า
ที่ทยอยเข้ามากันบ้างแล้ว





ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มีหลายคู่ที่รอลุ้นเหลือเกิน แต่ไม่มีใครหวานเท่านายดินแล้ว 5555

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 43 ภัยมืด 1

ใบข้าวหิ้วตะกร้าเดินจับจ่ายของภายในร้านอย่างสนุกสนาน
เธอมีโอกาสมาสัมผัสโลกภายนอกอย่างเต็มตัวก็วันนี้เอง

“อากอหญ้าขา  ใบข้าวปวดชี้ฉี่  พาไปหน่อยค่ะ”
เด็กหญิงร้องบอกให้พาไปห้องน้ำ  มิ่งเดินไปรับลูกค้าแทนกอหญ้า

แผ่นดินมองตามหลังคนรักที่จูงลูกสาวหายเข้าไปด้านในบอกได้เพียงว่า
'รัก…และเป็นห่วง'
เป้าหมายในครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นเขาหรือเป็นกอหญ้ากันแน่



แก๊งเพื่อนรักพากันทัวร์ห้างดังของเมืองเชียงใหม่  ได้ของติดไม้ติดมือกันไม่ใช่น้อยๆ
กองพลสายเปย์เซ้าซี้ให้ใบหม่อนเลือกเสื้อผ้าแบรนด์หรูอยู่นั่นแหละ  แต่มันไม่ใช่แนว
ที่เธอใส่อยู่เจ้าตัวจึงถลึงตาออกบ่อยครั้ง

ฐานทัพเห็นแล้วให้ขวางหูขวางตาอย่างบอกไม่ถูก  จึงเดินเลี่ยงออกมาและเจอเข้ากับเมย์
หญิงสาวที่เคยเป็นคู่ควงมาก่อน  เธอยิ้มหวานแล้วตรงรี่เข้ามาควงแขนชายหนุ่มทันที

“ดีใจจังค่ะ  มาเจอทัพที่นี่  ทำไมไม่รับโทรศัพท์เมย์บ้างเลย  งานยุ่งเหรอคะ”

หญิงสาวเอื้อนเอ่ย  ปากรูปกระจับที่เคลือบด้วยลิปสติกสีพีชดูเย้ายวน
ดวงตาเรียวสวยกับสันจมูกที่โด่งและปลายพุ่ง  ทั้งชุดที่เธอสวมใส่ก็ดูดีมีระดับ
แต่ฐานทัพมองแค่ว่าเธอเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่จะพาไปไหนด้วยก็เท่านั้นเอง

“งานยุ่งมากน่ะเมย์  วันนี้พาน้องๆ มาเลือกซื้อของ ได้พี่ชายเฝ้าร้านให้ถึงปลีกตัวออกมาได้น่ะ”

ฐานทัพตอบเธอไปแล้วสอดส่ายสายตามองหากลุ่มน้องๆ ที่มาด้วยกัน  เห็นหลังอยู่ไวๆ

“งั้นอยู่ทานมื้อเที่ยงกับเมย์ก่อนนะคะทัพ นะๆ ไหนๆ เราก็เจอกันแล้ว”

หญิงสาวกกระแซะเข้ามาอีก  อกตูมๆบดเบียดที่ต้นแขนไม่ห่าง
ชายหนุ่มนึกเปรียบเทียบถ้าใบหม่อนจะช่างเจรจาฉอเลาะแบบนี้บ้างจะเป็นยังไงนะ

“ไม่ได้หรอกครับเมย์ น้องๆ รอทานมื้อเที่ยง ไว้คราวหน้านะ  ผมต้องขอตัวก่อน”
ฐานทัพพูดอย่างสุภาพและเบี่ยงตัวออกมา  หญิงสาวหน้างอแต่ก็ต้องปล่อยมือจากต้นแขนของชายหนุ่ม

“ก็ได้ค่ะ  สัญญาแล้วนะ  คราวหน้าจริงๆ นะทัพ”
ชายหนุ่มพยักหน้าและรีบเดินกลับไปหากลุ่มของกริชทันที

“พี่ทัพ  พวกเราจะไปทานกลางวันกันแล้วนะ  พี่เลือกร้านเลยสิ
เป็นเจ้ามือด้วยนะครับ  เพราะพี่ติดพวกเราไว้มื้อนึงนะฮะ”

กริชทวงพี่ชายที่ติดว่าจะเป็นเจ้ามือให้ตั้งแต่คราวก่อน

“ได้อยู่แล้ว  ร้านนั้นไง  คนยังไม่เยอะเท่าไหร่”

ฐานทัพคว้ามือสาวคนเดียวในกลุ่มลากไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่น  อย่างไม่พูดอะไรให้มากความ
มือนุ่มนิ่มชื้นเหงื่อดูจะสั่นๆ เล็กน้อย  ชายหนุ่มทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกตามเคย

“ปล่อยสิ  จะลากทำไมเนี่ย”
ใบหม่อนพูดออกมาเบาๆ

“เดี๋ยวหลง  คนเยอะแยะ  อย่าดื้อน่า”

ฐานทัพกระซิบกลับไป  จึงถูกเล็บจิกเข้าที่ต้นแขนทำเอาสะดุ้ง  เสื้อผ้าในแบบทอมบอยนี้เมื่อไหร่จะเลิกใส่เสียที

“นายทัพ  ปล่อยมือนะ  ดูสิเพื่อนๆมองกันแล้ว  นู่นผู้หญิงของนายมองตาขวางแล้วด้วย”

ใบหม่อนดึงมือกลับแล้วบุ้ยใบ้ไปทางหญิงสาวที่ตอนแรกเธอเห็นยืนเบียดแขนชายหนุ่ม
อย่างแนบชิดก่อนที่จะเข้ามาที่ร้านนี้

“ช่างปะไร  ตอนนี้พี่ต้องดูแลสาวน้อยคนนี้ที่พามา  ดูเพื่อนเถื่อนๆของเราสิ
มีใครที่จะปกป้องเราบ้า ง สนใจแต่ของกิน”

ใบหม่อนมองหน้าคนพูด  เธอฟังอะไรผิดไปรึไง  คนคนนี้มองเธอเป็นสาวตั้งแต่เมื่อไหร่
กินยามาผิดหรือไงกัน

“นายทัพนั่งดีๆ หน่อย จะเบียดทำไมนักเล่า นี่…ไม่อยากเป็นจำเลยนะ โจทย์มานู่นแล้ว”
ใบหม่อนพูดจบก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาที่โต๊ะ

“ทัพคะ น้องๆด้วย ขอเมย์นั่งด้วยคนสิ เมย์มาคนเดียวไม่มีเพื่อนทานกลางวันด้วยเลย”
สาวสวยมาขอร่วมโต๊ะ ใครจะกล้าปฏิเสธกันล่ะกริชจึงเอ่ย

“เพื่อนพี่ทัพเหรอ  นั่งสิครับ  ผมกริชน้องพี่ทัพครับ”

กริชแนะนำตัวเอง  เขาตอบรับให้เธอร่วมโต๊ะ  พี่ทัพจะไม่ค่อยพอใจนัก
กริชอยากจะดูเหมือนว่าระหว่างใบหม่อนเพื่อนของเขากับสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด
คนนี้พี่ชายจะเทคะแนนให้ใคร  แล้วคนอื่นๆ ที่ร่วมโต๊ะก็พากันแนะนำตัวเอง
บอกด้วยว่าทำอะไรที่ไหนยังไง จนถึงใบหม่อนที่บอกแค่ว่าชื่อใบหม่อนเท่านั้น

“สาวหล่อสินะ  เด็กแถวตลาดเหมือนกันเหรอ”
เธอพูดน้ำเสียงเหยียดๆ ชอบกล  จนใบหม่อนเองสัมผัสได้

“อืม ก็บ้านอยู่แถวนั้น”
ใบหม่อนพูดไปแค่นั้น เธอไม่ชอบอวดตัวอยู่แล้ว ใครจะคิดยังไงเธอไม่สน

“อาหารมาแล้ว เอ้า! นี่ของโปรดใบหม่อนเราสั่งให้เองน่ะ”
กองพลส่งกิวคัตสึกับข้าวหน้าปลาไหลมาให้

“อืม…ขอบใจนะเสี่ย”
เด็กสาวแกล้งเรียกเอาใจ  เพื่อนร่างยักษ์ยิ้มแก้มแทบแตก
แต่ไม่ทันที่จะคีบอาหารก็ถูกฐานทัพก็ยกไปวางใกล้ๆ ตัวเอง
แล้วเลื่อนอาหารในส่วนที่ตัวเองสั่งมาแทนที่

“อันนี้พี่สั่งให้เรา  ลองดูอะไรใหม่ๆ บ้าง ทานแต่เดิมๆ ไม่เบื่อรึไง”
ฐานทัพคีบข้าวหน้าปลาไหลเข้าปาก ใบหม่อนมองอย่างนึกเสียดายก็ของชอบเธอนี่นะ

“พี่ทัพอย่าแกล้งเพื่อนผม  ส่งคืนมาฮะ  ผมก็ชอบทานเหมือนกัน  ขี้หวงว่ะพี่”
ฐานทัพส่ายหน้าแล้วก็คืบเข้าปากอีก  กริชยู่ปากใส่  แล้วยกมือสั่งเพิ่มมาอีกที่ให้เพื่อน

“ทัพค่ะ  นี่ก็อร่อยนะ  ลองสิ”
เมย์คีบอาหารส่งให้ถึงปากชายหนุ่ม  แต่ฐานทัพทำเป็นเมินจนเธอต้องหดมือกลับ

“ลองนี่สิ  พี่เมย์มันฝรั่งบดชุบแป้งทอด  สักนิดมั้ย”
กองพลคีบส่งให้เธอ  เมย์รับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก  ของทอดเธอกลัวอย่างกับอะไรดี

“นี่เสี่ย  ผู้หญิงกับของทอดน่ะไม่ถูกกันนะ”
ใบหม่อนบอกเพื่อน  ทำเอากองพลหน้าเจื่อน

“ของผมมาแล้วเซตใหญ่ คุณๆ ไม่ต้องแย่งนะครับ  นี่สำหรับหนึ่งทีต่อหนึ่งคน
ไม่ได้หวงแต่ขี้เกียจหาเมนูใหม่”

อาร์มพูดขึ้น  ทำเอาเพื่อนๆ เบะปากใส่

“ใบหม่อนทานสิ  จะเขี่ยทำไมนัก  ผอมจนจะปลิวลมแล้ว เอ้านี่! เราสั่งมาให้ใหม่แล้ว”

กริชส่งคืนอาหารที่พี่ชายแย่งของเพื่อนไปคืนให้

“หูย…ขอบคุณนะเพื่อนรัก”
ดวงตาเป็นประกาย  ของชอบจริงๆ สินะ  อย่างอื่นไม่แตะเอาเลย
ฐานทัพมองดูแล้วก็จดจำไว้  เพื่อว่าคราวหน้ามีโอกาสมาทานด้วย
กันเขาจะได้ไม่แย่งของชอบเธออีก

“รีบๆ ทานกันเหอะ  พี่ดินรอแล้วป่านนี้  กำชับว่าไม่ให้กลับเย็น”
ฐานทัพกระตุ้นเตือนน้องๆให้เร่งมือทาน

“ครับพี่ชาย  แต่ก่อนกลับขอเดินดูของอีกรอบนะ”
ฐานทัพพยักหน้าให้น้อง  แล้วก็ลอบมองใบหม่อนที่ก้มหน้าก้มตากิน
เคี้ยวจนแก้มตุ่ย การกระทำดูช่างเป็นธรรมชาติจนฐานทัพมองเพลิน 
ข้างฝ่ายเมย์เธอชักจะไม่ชอบขี้หน้าเด็กกะโปโลตรงหน้าที่ดูเชยแสนเชย
ไม่มีส่วนโค้งส่วนเว้าให้น่าสนใจแต่เพื่อนๆ และผู้ชายของเธอกลับให้ความใส่ใจจนน่าโมโห

“ทัพคะ  เมย์มีธุระต้องไป  ขอตัวก่อนนะ  ลาล่ะทุกคน  ขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะทัพ”
เมย์คว้ากระเป๋าสะพายที่วางข้างๆ ตัวเดินออกไปจากร้าน

“พี่ทัพสาวสวยมานั่งด้วยทั้งทีไม่เห็นพี่จะเทคแคร์เธอเลย  ช่างไร้เสน่ห์ชะมัดเลยพี่เนี่ย”
กริชต่อว่าพี่ชาย

“ไม่ได้อยากให้มานั่งตั้งแต่ทีแรกแล้วนี่  นายนั่นแหละเอ่ยปากให้นั่งเองนะ”

ตอบน้องไปหน้าตาเฉย  ใบหม่อนเผลอเงยหน้ามอง  จังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่ม
มองมาที่เธอพอดี  เธอจึงเสไปคีบอาหารเข้าปากต่อ  คงถึงคราวถูกโละเป็นของ
น่าเบื่ออีกแล้วสิ  คนที่เท่าไหร่กันนะ  เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยใช้ผู้หญิงเปลืองสักทีนะ

“เมื่อไหร่พี่ทัพจะเลิก  ทำแบบนี้  หาตัวจริงซักทีเหอะ  แบบนี้ผมกับพี่ดินจะพลอย
เสียชื่อไปด้วยนะ พ่อคาสโนวาแห่งไร่เขตแผ่นดิน”

กริชค่อนขอดพี่ชาย  คำถามที่น้องถาม สะดุดใจชายหนุ่มอย่างจัง
'นั่นสิถึงเวลาที่จะต้องหาตัวจริงได้แล้ว'

“มองๆ อยู่ว่ะ แต่ยากจัง…คนนี้”

ฐานทัพพูดแล้วมองหน้าสาวน้อยตรงหน้า ใบหม่อนชะงักไปนิดเมื่อได้ยิน
แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมองหน้าคนพูด จึงไม่ได้เห็นแววตาที่มองมายังเธอ

กองพลหน้าเจื่อนที่เห็นแบบนั้น  แย่แล้วสิคู่แข่งเกิดขึ้นแล้ว แพ้ตั้งแต่ยังไม่
ได้ลงสนามแข่งเลยรึไง  กองพลรู้สึกเช่นนั้น

“น้องครับขอสั่งอาหารกลับบ้าน อืม…ขอชุดนี้กับนี่ด้วย”

พนักงานมารับออเดอร์และกลับไปจัดการให้  ชายหนุ่มจ่ายเงินค่าอาหารและถือส่วนที่สั่งกลับบ้านติดมือ


กริชยังคงสนุกกับการเข้าออกร้านนั้นร้านนี้  แม้ไม่ได้ซื้อหาได้จับหน่อยก็ยังดี
เจ้าแก๊งเด็กแสบ  ใบหม่อนดูมีสีหน้ายิ้มแย้มมากขึ้นเมื่อได้อยู่ท่ามกลางเพื่อน
สนิทแบบนี้  ความน่ารักสดใจเริ่มฉายประกายออกมาจนฐานทัพลอบมองบ่อยครั้ง
หลายวันมานี้ที่พบหน้ากัน  เขาไม่ก่อกวนไม่กลั่นแกล้งอะไรเธออีก ในเมื่อรู้มาว่า
เขาเคยเป็นผู้ชายที่ใบหม่อนเคยปลื้มเมื่อแรกรุ่น จะเป็นไปได้มั้ยที่เขาจะกลับไปอยู่ ณ จุดเดิมที่เคยเป็น

`พี่จะพยายามนะ ถ้ามันจะนำพาความสดใสที่หายไปของเธอคืนมา…ใบหม่อน`
 
“ตัวแสบมากันซะเกือบเย็น  ดีนะที่พี่โทรไปบอกขวัญให้ไปรับต้นกล้า
 ถ้าขืนรอแกนะทัพ  หลานได้นอนเฝ้าโรงเรียนแน่ๆ”

พี่ชายแขวะน้องชายสองคนที่เข้าร้านมาจนเกือบค่ำ

“พี่ดินก็พูดเกินไป  เตรียมตัวกลับกันเถอะ ผมเก็บร้านเอง”
ฐานทัพบอกพี่ชาย

“กลับพร้อมกันนั่นแหละ  มาพี่ช่วยเก็บ  กอหญ้าครับปลุกลูกเถอะนอนนานแล้วนะ”

“เดี๋ยวผมไปดูหลานเองครับ”

กริชอาสาแทน  เมื่อเห็นพี่กอหญ้ากำลังดูแลลูกค้าอยู่อีกราย

`อ่อ…บริการคนหล่อไม่ได้เลยสิ ขี้หวงจริงพี่ดิน แค่นี้ทำเรียก`

“อาร์ม เอานี่ไปให้ใบหม่อนที  บอกว่าฉันซื้อฝาก ตะกี้ลืมส่งให้ บอกเขาด้วยว่าทานให้อร่อย”

ฐานทัพใช้ให้อาร์มเอาของโปรดที่เขาสั่งกลับมาไปให้เป็นการชดเชยที่แย่งเธอกิน
ก็ใครใช้ให้รับของจากคนอื่นกันล่ะ  ถึงเจ้ายักษ์จะเป็นเพื่อนก็เถอะ  เขามองออกว่า
เด็กนั่นน่ะมันคิดเกินเพื่อน

“โห…นายทัพ  ซื้อมาก็น่าจะให้เขาเองกับมือนะ”

อาร์มบ่น  แต่ก็ไปจัดการให้อยู่ดี

“อาร์ม…อย่าพูดมาก  เดี๋ยวโดนเตะ”

ฐานทัพขู่ไปอย่างนั้นเอง  เจ้าคนโดนขู่ก็ไม่ได้ว่าจะกลัวเกรงอะไร  อยู่ด้วยกันจนรู้นิสัยใจคอหมดแล้ว


มิ่งแลกรถกับนายของตัวเองและขับออกไปก่อนคันแรก  ฐานทัพและกริชตามไปอีกคัน
และแผ่นดินขับปิดท้ายขบวน  เขาไม่ได้เล่าให้น้องชายรู้ว่าพวกเขาถูกตาม
ไม่อยากให้น้องเป็นกังวลเพราะเป้าหมายที่พวกมันต้องการไม่ใช่น้องชายของเขาด้วย

“พี่ดินฮะ  เราจะไม่บอกพี่ทัพหน่อยเหรอ  รู้ไว้จะได้ช่วยกันสอดส่องนะฮะ”

กอหญ้าเสนอความคิดเห็นออกไป  ดูสีหน้าพี่ดินแล้วน่าเป็นห่วง

“พี่ไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นกังวล แต่ถ้ากอหญ้าว่าอย่างนั้น งั้น…
เย็นนี้พี่บอกทุกคนก็ได้  แต่หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว  ตามนี้แล้วกันนะ”

“ดีจังที่พี่ดิน  ยอมรับความคิดเห็นของกอหญ้า”

“เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่  พี่รักเรานะกอหญ้า”
แผ่นดินหันมามองคนรัก

“ใบข้าวก็รักอากอหญ้าค่ะ”
เด็กหญิงโถมตัวขึ้นกอดคออาหนุ่ม

“ค่ะ  อาก็รักใบข้าว  รักพ่อดินด้วยเหมือนกัน”
กอหญ้าจูบที่เรือนผมนุ่มของหนูน้อยอย่างรักใคร่  พ่อลูกได้กำหัวใจของเขาไปหมดแล้วทั้งดวง

“ออกมาข้างนอกอย่างนี้  สนุกมั้ยคะ”
แผ่นดินถามลูกสาว  เด็กหญิงยิ้มแก้มแทบแตกพยักหน้าหงึกหงัก

“สนุกค่ะ แต่ใบข้าวก็คิดถึงพี่แตงโมกับไข่เจียวที่สุด”
หนูน้อยตอบพ่อ

“เอ่อ…คงเพราะออกมาทั้งวันน่ะครับ  อีกหน่อยแกคงชิน”
กอหญ้าออกความเห็น

“อืม…พี่ก็ปิดกั้นแกมานานเกินไป ถ้าเหตุการณ์ปกติดีเมื่อไหร่ ค่อยพาแกออกมาใหม่แล้วกัน”

แผ่นดินมองไปสุดทาง  สายตามุ่งมั่น ราชสีห์กางเล็บเตรียมปกป้องผองภัยแล้วสินะ
ขออย่าได้มีเหตุร้ายอะไรอีกเลย กอหญ้าได้แต่ร้องขออยู่ภายในใจ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 44 ภัยมืด 2

ขับมาได้ครึ่งทางก็มีสัญญาณเตือนว่าข้างหน้ากำลังมีเหตุ  แผ่นดินต้องเคลื่อนรถไป
อย่างช้าๆเพราะเป็นช่วงทางโค้งและเป็นจุดอันตราย  รถที่เกิดเหตุตรงจุดนี้น้อยคนนัก
ที่จะรอด อยู่ๆ แผ่นดินก็ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง  สีหน้าตื่นตกใจเมื่อนึกไปต่างๆ นานา
แล้วมาสะดุดตรง…….

“พี่ดินจอดทำไมครับ  ตรงนี้น่ากลัวนะ  พี่ดินฮะ  ปวดหัวหรือปวดท้อง…เป็นอะไร?”
กอหญ้าถามอย่างร้อนรนเมื่อสังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของคนรักจากแสงไฟที่ส่องมากระทบ

“กอหญ้าโทรหามิ่งกับทัพให้พี่ที  พี่ใจคอไม่ค่อยดีเลย  ข้างหน้ามีอุบัติเหตุด้วย  พี่กลัวว่า…”

แผ่นดินพูดค้างไว้แค่นั้น  แล้วส่งโทรศัพท์ของเขาให้คนข้างๆ ไป

“พี่ทัพ  รับสิครับ เฮ้อ…โทรหากริชดีกว่า  พี่ดินไม่มีคนรับสายเลย
ส่วนมิ่ง…ติดนะแต่ก็ไม่รับสาย  พี่ดินใจเย็นๆ ก่อนอย่าเพิ่งคิดมาก  เราจะไปต่อมั้ยครับ”

กอหญ้าส่งโทรศัพท์คืนให้พี่ดินที่นั่งนิ่ง

“พ่อดินไม่สบายเหรอคะ  อากอหญ้าขา”

หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นพ่อของเธอนั่งหลับตา
 
Rrrrrrr เสียงโทรศัพท์ที่กรีดดังในความเงียบงันมันบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของแผ่นดิน
เป็นเบอร์ของกริชที่โทรกลับมา  เขาส่งให้กอหญ้ารับแทน

“ฮัลโหลกริช ว่าไงนะ! ไม่จริง! ………กริช…แล้วพี่ทัพ …อยู่ตรงนั้นก่อนเดี๋ยวเข้าไป
ว่าไงนะ! ไม่ให้เข้า กริช! เดี๋ยวสิ”

กอหญ้ามือไม้สั่นและปากคอก็สั่น  เหงื่อผุดตามไรผมทั้งที่แอร์ในรถเย็นฉ่ำ

“พี่ดิน…ใจเย็นๆ นะ พี่ทัพกับกริชไม่เป็นไร แต่มิ่ง…”

กอหญ้าพูดได้แค่นั้นก็กอดน้องใบข้าวสะอื้นจนตัวโยน เด็กหญิงตกใจเบะปากจะร้องตาม
แผ่นดินจึงลูบหลังและโอบกอดทั้งสองคนไว้พร้อมๆ กัน

“กอหญ้านิ่งเถอะ…ลูกกลัว…ยัยหนูตกใจแล้ว ส่งลูกมาให้พี่”

กอหญ้ารู้สึกตัวจึงปล่อยเด็กหญิงออกจากอ้อมกอดส่งให้กับพี่ดิน

“โธ่…มิ่ง…ไม่น่าเลย เขามารับเคราะห์แทนพวกเรา  พี่ดิน…มิ่งจะฮึก…ฮือ”

กอหญ้าพูดไปพยายามข่มก้อนสะอื้นแต่ไม่เป็นผล

“ข้างหน้าเป็นโค้ง  มิ่งมันทำท่าไหนของมันวะ  ถ้าไม่ใช่เพราะแลกรถกัน
ถ้าไม่ใช่…เพราะพวกเลวนั่น…ไอ้มิ่งคง…”

พี่ดินกัดฟันกรอดจนกรามขึ้นเป็นสันนูน

“กริชบอกให้เรากลับเข้าไร่เลย  ทางนี้พี่ทัพจะดูเอง  พี่ทัพฝากบอกว่าไม่ให้พี่ดิน
ลงจากรถไปที่จุดเกิดเหตุ  เชื่อพี่ทัพเถอะนะ  กอหญ้ารู้ว่าพี่ดินเป็นห่วงมิ่ง…แต่
ไม่เพราะมิ่งเป็นห่วงพวกเรารึไง…ถึงทำแบบนี้…พี่ดินกลับไปคุยกันที่บ้าน…นะครับ
มากอหญ้าขับเอง”

กอหญ้าขยับจะเปลี่ยนตำแหน่งไปขับ  พี่ดินส่ายหน้าแล้วส่งยัยหนูมาไว้บนตักเขาแทน
และออกรถไปอย่างช้าๆ ยิ่งใกล้จุดที่เกิดเหตุ  มีรถจอดดูและคนออกันเป็นกลุ่มใหญ่
ทั้งรถกู้ชีพที่แซงไปสมทบอีก  ยิ่งเห็นไฟจากไซเร็นในอกของกอหญ้าก็ยิ่งสั่นระทึก

พี่ดินกำพวงมาลัยแน่นเข้าไปอีก  มองตรงไปข้างหน้าดวงตาแข็งกร้าว

“พี่ดินครับ  มีสติหน่อยนะ  ส่งลูกเข้าบ้านก่อน  ค่ำมากแล้วด้วย…ลูกหิว”

กอหญ้าพยายามเรียกสติคนตัวโตและพูดถึงลูก  ดวงตาพี่ดินไหวขึ้นมาที่ได้ยินว่าลูกหิว

“ใบข้าวไม่หิวเท่าไหร่  คุณพ่อไม่สบาย”

เด็กหญิงพูด  แล้วจ้องหน้าพ่อ

“พ่อ…เอ่อ…ปวดหัวนิดหน่อย  อีกแป๊บนะลูก  พ่อจะพาไปหาพี่ต้นกล้า  ทนหิวหน่อยนะคะ”

พี่ดินบอกลูก  ดูสติจะค่อยๆ กลับมาแล้ว  กอหญ้าคลายกังวลลงเล็กน้อย  เขารู้ว่ามิ่งเป็นยิ่งกว่าลูกน้อง
ความดูแลห่วงใยที่นายกับลูกน้องมีให้กันดูได้จากหลายๆ เรื่องที่ต่างทำให้แก่กันมา

“มิ่งจะต้องปลอดภัย  กอหญ้าเชื่ออย่างนั้น  พี่ดินก็ต้องเชื่อด้วยเหมือนกันนะฮะ
เรามาช่วยกันส่งแรงใจให้พวกนั้นหามิ่ง…เจอโดยเร็วเถอะ”

กอหญ้าพยายามให้ตัวเองมีสติที่สุด  เพื่อเป็นที่ยึดให้กับคนรักที่กำลังอ่อนแอ

“พี่จะพยายามเชื่ออย่างนั้นนะ  ทั้งๆ ที่จุดนั้นยากแก่การเข้าช่วยเหลือและยากที่มีใครร…”

“พี่ดินไม่พูดอย่างนั้น…”

กอหญ้าพูดสวนและยกมือตบที่บ่าพี่ดิน  จนแผ่นดินต้องหยุดพูดคำที่ไม่ดีต่อใจออกไป



แผ่นดินกลับถึงไร่เขาเรียกประชุมคนงานและแจ้งข่าวร้ายให้ทุกคนฟัง  ต่างตระหนกตกใจ
และเกิดเสียงดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ไม่หยุด

“เงียบหน่อยทุกคน  ที่บอกให้รู้เพราะต้องการอาสาสมัครช่วยกันออกไปค้นหามิ่ง
….ใครที่ร่างกายแข็งแกร่งมีพละกำลังก็ออกมารวมกันตรงนี้  ส่วนลูกเด็กเล็กแดง
และผู้หญิงกลับไปพักผ่อน  งานนี้ไม่บังคับนะ  ใครอยากช่วยก็มาเอารถคันใหญ่ออก”

พูดจบคนงานชายก็แยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้หญิงและเด็ก

“พวกเราไปกันหมดนี่แหละครับนายดิน  พี่มิ่งไม่เคยที่จะเอารัดเอาเปรียบพวกเรา
เราก็รักและเป็นห่วงพี่มิ่งกันทุกคน  ขอไปช่วยอีกแรงครับ”

คนงานชายคนหนึ่งพูดขึ้น

“ลุงจะอยู่ดูเวรยามท้ายไร่ให้แล้วกัน”

คนงานวัยกลางคนห้าหกคนแยกตัวออกไปอีกกลุ่ม

“ขอบใจทุกคนที่สามัคคีกัน  มิ่งมันคงจะรอดตายเพราะพวกเราก็คราวนี้
ไปกันได้แล้ว  แล้วก็ระมัดระวังกันให้มากๆ ด้วยนะ”

แผ่นดินส่งกุญแจรถคันใหญ่ที่ใช้บรรทุกพืชผลทางการเกษตรให้กับคนงานชายคนหนึ่งไป


“เจ้าดิน  มานี่ก่อนพ่อเพิ่งได้ฟังเรื่องจากกอหญ้า  พ่อว่าเอ็งอย่าเพิ่งออกไปเลย
มันจะย้อนรอยเอาได้  ถ้ามันรู้ว่าในรถคันนั้นไม่ใช่เอ็ง  อย่าเพิ่งปรากฏตัวเลยดิน
เชื่อพ่อเถอะนะ”

พ่อเขตเข้าไปรั้งตัวลูกชายไว้  ที่มีทีท่าว่าช้างก็จะฉุดไม่อยู่เสียแล้ว

“ผมห่วงไอ้มิ่งมัน  พ่อลองมาเป็นผมที่อยู่ตรงจุดนี้สิ ผม…ผม”

แผ่นดินร้อนรน  และดูจะไม่ฟังอะไรเลย

“พี่ดิน  อย่าออกไปเลยเราขอกำลังจากพี่ภพได้  พี่ธาราก็ด้วย  สองหน่วยงานนี้ก็มากพอแล้วนะฮะ
พี่ดินอยู่รอที่นี่เถอะ  กอหญ้าขอร้องละ”

กอหญ้ารั้งไว้อีกแรง  และเสนอแนวทางเลือกให้

“เอ้า! ดีเลย ถ้าคนไม่พอเดี๋ยวพ่อขอคนที่ปางไม้พ่อเลี้ยงอเนกมาช่วยอีกแรง
แกใจเย็นหน่อยนะดิน”

แผ่นดินพยักหน้า  อย่างที่กอหญ้าบอกขอความช่วยเหลือกับทั้งตรีภพและธาราก็เกินพอ ยังจะปางไม้อีก

“ครับพ่อ ผม…จะรอที่นี่”
แล้วกอหญ้าก็เป็นคนเอาโทรศัพท์ของแผ่นดินไปโทรประสานงานอย่างที่คุยกันไว้

“พี่ภพบอกว่าได้คนจากป่าไม้จังหวัดเข้าไปในพื้นที่แล้ว  พวกเขามีความชำนาญในพื้นที่มากกว่า
 พี่ดินประสานงานเรื่องอำนวยความสะดวกให้พวกเขาเถอะนะครับ”

“จริงดิ  งั้นบริการน้ำดื่มเครื่องดื่ม  ข้าวกล่อง  ชานนท์เข้ามาพอดี  อ้าว! คมกฤช คุณสองคนช่วยกันหน่อย
ต้องการอะไรก็เบิกได้ที่กอหญ้านะ”

กอหญ้าพยักหน้าและแยกตัวออกไปคุยกับชานนท์และคมกฤชพักนึงสองหนุ่มจึงแยกตัวออกไปจัดการตามที่ได้รับมอบหมาย

“พี่ดินไปทานอะไรสักหน่อยเถอะ  นิดนึงก็ยังดี อย่าดื้อครับ”

กอหญ้าฉวยมือใหญ่มาจับจูงกันไปที่โต๊ะอาหารที่มีคุณย่ากับเด็กๆ นั่งทานกัน  พ่อเขตก็นั่งลงอีกคน

“พ่อคุยกับแม่เลี้ยงข้าวทิพย์แล้ว  เธอกำลังส่งคนมาช่วย เ จ้าภพมันบอกพ่อว่ามีรอยเบรกลากยาว
เหมือนจะหักหลบด้วย  พ่อว่ามันแซงตัดหน้าให้เสียจังหวะแหละ  กะจะเอาให้ตาย”

กอหญ้านึกไปถึงคราวเหตุการณ์ของตนเองแล้วให้ขนลุกขนพอง



“พ่ออเนก  แม่ทิพย์มีอะไรกัน ได้ยินเสียงโทรสั่งงานอะไรกันป่านนี้  ข้าวปลาไม่มากิน”

คุณหญิงศจีพรรณ  ถามขึ้นเมื่อเห็นทั้งลูกเขยและลูกสาวไม่เข้ามากินข้าวสักที

“ไร่พี่เขตขอกำลังคนจากเรามาค่ะคุณแม่  ลูกน้องคนสนิทของเจ้าดินแหกโค้งตกเขา
จนป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอเลยค่ะ”

ลูกสาวตอบมารดา  สีหน้าเป็นกังวลไม่น้อย

“อืม…ส่งคนไปช่วยแล้วก็แล้วกัน  จะทำหน้าอย่างนั้นกันทำไมล่ะแม่ทิพย์  มากินข้าวกันเถอะ”

“แล้วนี่ยัยหนูไปไหน  ข้าวปลาไม่มากินล่ะคุณ”
สามีหันไปถามภรรยาเมื่อไม่เห็นลูกสาวคนเดียวมาร่วมโต๊ะ

“แกขอผลไม้ไปจานเดียว  บอกแต่ว่าจะเปิดเรียนน้ำหนักขึ้น เดี๋ยวชุดนิสิตใส่ไม่ได้ ช่างแกเถอะค่ะ”

“ดูแลใกล้ชิดแกหน่อยนะคุณ  ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ”

“ค่ะ ทิพย์ก็ตามติดแกตลอด  ยังคิดว่าควบคุมลูกมากเกินไปหรือเปล่า”

“ไม่หรอกแม่ทิพย์  ยัยหนูไม่ใช่เด็กที่จะเหลวไหล  อยู่ไหนก็วางใจได้น่ะแม่ว่า”

คุณแม่บอกลูกสาว ที่ดวงตาไหววูบ   จนแล้วจนรอดป่านนี้เธอก็ยังไม่มีความกล้าพอ
ที่จะเปิดปากเล่าเรื่องในอดีตให้แม่และสามีฟังอยู่ดี  ความกล้ามันหดหายเมื่อได้เห็น
หน้าสามีที่รักและซื่อสัตย์ต่อเธอตลอดมา  และมารดาที่เชื่อใจว่าเธอไม่เคยทำเรื่อง
ด่างพร้อยมาก่อน  รวมทั้งลูกสาวที่ชื่นชมบูชาในตัวของเธอ  เธอยังขลาดเกินกว่าจะบอก
ออกไป…กลัวทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม



ขวัญที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักดวงตาบวมช้ำ  ถูกเรียกตัวมารวมกันที่บ้านใหญ่
กอหญ้าไม่อยากให้ขวัญต้องไปอยู่ตรงจุดที่ทำให้รู้สึกแย่จึงให้คนไปตามตัวกลับมา

“ขวัญ  สงบใจก่อนเถอะ  ที่นี่ก็ใจคอไม่ดีด้วยกันทุกคน  ดูอย่างนายดินของขวัญสิ
นั่งติดที่ซะที่ไหน  ทุกคนเป็นห่วงมิ่งกันทั้งนั้น  รออยู่ที่นี่แหละรอมิ่งกลับมา…มิ่งเป็นคนดี
พระท่านย่อมคุ้มครอง”

กอหญ้าเดินเข้ามาตบบ่าขวัญที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขกอย่างคนหมดสิ้นเรี่ยวแรง

“ผมห่วงพี่มิ่ง  เรามีกันสองคนแค่นั้น  หากพี่มิ่งเป็นอะไรไป ผม…”

ขวัญสะอื้นขึ้นมาอีก  กอหญ้าจึงนั่งลงข้างๆ และรวมมือของขวัญมากุมไว้และตบเบาๆ ที่หลังมือ

“ขวัญไม่ได้มีแค่มิ่ง  อย่าคิดว่าไม่มีใคร  ผมเองเพิ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ไม่นานยังรับรู้ได้เลย
ว่านายสองคนพี่น้องไม่ได้เป็นแค่ลูกน้องของพี่ดินแต่นายสองคนเป็นเหมือนเพื่อน
เหมือนน้อง  เหมือนที่มิ่งรักและเป็นห่วงคนบ้านนี้จนเอาชีวิตเข้าแลก  รู้ทั้งรู้ว่าอันตราย
ยังเสี่ยงเพื่อเรา  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พี่ดินรักพวกนายได้ยังไง  เข้มแข็งไว้นะขวัญ”

กอหญ้าพูดไปก็เกิดตื้นตันในความมีน้ำใจของสองคนพี่น้อง  ที่เขารอดจากเหตุการณ์ที่แล้วๆมา
ก็มีหนึ่งในสองแฝดที่มีส่วนช่วยทั้งนั้น

“ครับคุณกอหญ้า  ผมจะพยายาม…เข้มแข็ง”
 กอหญ้าพยักหน้าและฝืนยิ้มเป็นกำลังใจให้ขวัญ  หันมองไปที่คนตัวโตที่เดินไปมา
 กอหญ้าจึงเดินเข้าไปหา  จังหวะนั้นมีสายโทรเข้าที่เครื่องพี่ดินพอดี

“ฮัลโหล ว่าไงทัพ! เจอแล้วเหรอ!…แล้ว…อืม เดี๋ยวตามไป  แกพาน้องกลับมาก่อน
เออน่ะ! จะระวังตัว!”

พี่ดินวางสายสีหน้าดีใจ  แต่ก็สลดลงไปอีก

“ขวัญ ไปโรงพยาบาลกัน มิ่ง…สาหัสเหมือนกัน  กอหญ้าไม่ต้องไปนะ อยู่ที่นี่…”

พี่ดินพูดไม่ทันจบ  กอหญ้าคว้าเสื้อแจ็คเก็ตมาพาดที่แขน  หน้าตาดื้อดึงเมื่อรู้ว่าต้องคอยอยู่ที่บ้าน

“ไม่ครับพี่ดิน  กอหญ้าอยากไปดูมิ่ง  ขอให้เห็นกับตาว่ามิ่งปลอดภัย…นะครับ พี่ดินก็รู้…ว่าคนรอรู้สึกยังไง”

“เอ๊ะ! ดื้อจริงเรานี่  ห้ามไม่เคยฟังงั้นก็ตามมา…เดี๋ยวพี่ไปบอกพ่อก่อน  สองคนไปรอที่รถไป”

พี่ดินผละเข้าไปรายงานพ่อเขตที่นั่งรออยู่กับคุณย่าที่ห้องนั่งเล่น  กอหญ้าจึงเดินนำขวัญ
ออกมารอที่ข้างรถกระบะสีขาวคันที่พ่อเขตใช้ประจำ  เห็นเพชรเดินอยู่ไม่ห่างจึงเรียกไว้

“เพชรฝากดูแลบ้านด้วย  แล้วก็บอกแตงโมให้พาน้องเข้านอนได้เลย  พี่ดินคงกลับมาดึกหน่อยวันนี้”

“ครับคุณกอหญ้า  เดี๋ยวนายดินออกไปผมก็จะปิดบ้านแล้วละครับ”

เพชรรับปากอย่างเป็นมั่นเหมาะ  แล้วพี่ดินก็เดินออกมา โดยมีพ่อเขตตามออกมาส่งที่หน้าบ้าน

“ขับรถดีๆ นะเจ้าดิน  ขวัญก็อย่าเพิ่งไปใช้ให้มันขับล่ะ ใจมันยังไม่เป็นปกติดี
แล้วก็ระวังหน้าระวังหลังด้วยล่ะ ไม่ได้ขับก็ช่วยๆ กันดูนะกอหญ้า”

พ่อเขตพูดแล้วก็โบกมือให้ขึ้นรถกัน  ตลอดทางที่ไปโรงพยาบาลไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย
กอหญ้ากับขวัญก็สอดส่ายสายตามองหน้ามองหลังอย่างระวังภัยช่วยอีกแรงตามที่พ่อเขตย้ำเตือนมา


***********************************************************************
Talk : ช่วยกันลุ้น ไปด้วยกันนะ อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วนะ ปมใหม่ก็กำลังจะมี ปมเก่าก็กำลังจะคลาย

ก็นี่แหละคนเขียนที่จะเพ้อๆ เพี้ยนๆ เคยเป็นนักอ่านมาก่อน บางเรื่องอ่านไปถึงกลางเรื่องแล้วคนเขียนหาย

เศร้าใจมาก ดังนั้นใครหลงมาตรงนี้สบายใจได้ เรื่องที่ลงให้อ่านคือแต่งจบแล้วค่ะ และที่ลงให้อ่านหลายตอน

ต่อวันเพราะรู้ค่ะว่าการรอ รอ ทุกวันมันเป็นยังไง นี่ก็เพราะความเพี้ยนของคนเขียนเหมือนกัน

ขอบคุณกำลังใจจากนักอ่านห้องนี้ ไม่ผิดหวังเลยที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่นี่ รักคนอ่านทุกคน :)




ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

วางใจเมื่อมีข้อความว่าคนเขียนไม่หาย  อิอิ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เป็นห่วงมิ่งจังเลย แต่คนเขียนก็น่ารักสุดๆ เลยนะงานนี้ ว่าจะไม่ทิ้งให้คิดถึง
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 45 รับเคราะห์แทน

หน้าห้องฉุกเฉินคลาคล่ำไปด้วยกลุ่มคนงาน  สารวัตรตรีภพและธาราก็อยู่ตรงนั้นด้วย

“ดิน  กลุ่มที่ไปเจอมิ่งน่ะเป็นกลุ่มคนงานของที่ไร่แกนั่นแหละ  มิ่งน่ะหมดสติห่างจากซากรถ
ไปกว่าสองกิโล  มันโคตรอึดเลยว่ะ  สภาพไม่ต่างจากกอหญ้าเลยตอนที่พามันขึ้นมาน่ะ
ดีนะที่มันใส่เสื้อสีขาวถึงจะแดงเถือกไปด้วยเลือด  ส่วนอื่นก็ยังโผล่ให้เห็นเมื่อโดนแสงไฟ
กระทบ  หัวแตกแถมแขนยังหัก  ขาอีกอีกด้วย”

“แล้วทำไมถึงหมดสติล่ะภพ”

“ต้นขามีแผลฉกรรจ์  คาดว่าโดนกระจกบาด  เสียเลือดมาก  แกต้องเห็นรถว่ะ  เละไม่มีชิ้นดี”

กอหญ้าฟังที่พี่ภพเล่าแล้วใจหายวาบ  ถ้าเขา พี่ดินและน้องใบข้าวใช้รถคันนั้น
เขานึกสภาพความสยดสยองที่เกือบจะประสพพบเจอเสียเอง  รู้สึกว่าแข้งขาเข่าอ่อน
จนเกือบทรุด  ได้พี่ธาราเข้ามาคว้าตัวไว้  พี่ดินเห็นอย่างนั้นรีบเข้ามารวบตัวพาไปนั่งเก้าอี้

“กอหญ้า  ทำใจดีๆ มิ่งจะต้องปลอดภัย”

กอหญ้าซบหน้ากับบ่าพี่ดินอย่างต้องการที่พักพิง

“พี่ดิน…ถ้ามิ่งไม่ขอเปลี่ยนรถ  เราสามคน…พี่ดินยัยหนูแล้วก็กอหญ้า
 พวกเราเป็นหนี้ชีวิตมิ่ง ฮึก…ฮือ…ฮือออ”

กอหญ้าสะอื้นไห้  แผ่นดินกอดปลอบและลูบหลัง ไม่สนใจคนรอบข้างที่ต่างพากันมองเป็นตาเดียว

“พี่ดิน  กอหญ้า  ผมขอตัวกลับก่อนนะครับเป็นห่วงลูก”

พี่ธาราเข้ามาบอกลา  กอหญ้าจึงดันตัวออกจากบ่าพี่ดิน

“ขอบคุณมากพี่ธาราแล้วก็พี่ภพที่ส่งคนมาช่วย”
พี่ธาราพยักหน้า  แล้วหันหลังกลับ

“เอ่อ…ไปก่อนนะดิน กอหญ้า”

พี่ภพกวักมือเรียกตำรวจสองนายพูดคุยกัน แล้วก็รีบตามพี่ธาราออกไป

“คุณๆ ไปพักก่อนมั้ย ผมรอพี่มิ่งเอง เดี๋ยวผมโทรบอกครับ คืนนี้จะอยู่ที่นี่”
ขวัญเอ่ยปากบอกพี่ดิน

“ไหนๆก็รอแล้ว ให้รู้ว่ามิ่งปลอดภัยก่อนค่อยกลับ”
พี่ดินพูดซึ่งกอหญ้าก็พยักหน้าเห็นด้วย  ขวัญจึงเดินไปนั่งที่เดิม

“เอ่อ…คนอื่นๆก็กลับไปพักกันก่อนเถอะไป ขอบใจที่ไม่ทิ้งกัน ถ้ามิ่งมันหายต้องเลี้ยงคืน
พวกนายชุดใหญ่เลย”

แผ่นดินหันไปบอกกับกลุ่มคนงานของเขา  ทุกคนพยักหน้า  สีหน้าเหน็ดเหนื่อยอิดโรยไปตามๆ กัน

“ไปก่อนนะครับนาย”
ต่างทยอยกันออกไป  จนตอนนี้เหลือกันอยู่สามคนที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอแทบไม่กะพริบตา

“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ”

มีคุณหมอท่านหนึ่งเดินออกมาแจ้งผลกับญาติ  แค่นั้นกอหญ้าก็กระโดดกอดคอพี่ดิน
ส่วนขวัญยืนยิ้มทั้งน้ำตา  ช่วงเวลาแห่งการรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว
ตลอดทางกลับบ้าน 

กอหญ้าและขวัญต่างหมดเรี่ยวแรง หลับคอพับคออ่อน
จะมีก็คนขับเท่านั้นที่ดูสดชื่นเหมือนยกภูเขาออกจากอก  หนี้ชีวิตครั้งนี้เขาจะไม่มีวันลืม
เลยว่าเขาและครอบครัวรอดมาได้เพราะมิ่งสละชีวิตให้โดยไม่รักตัวกลัวตาย



“อะไรวะ! พลาดอีกแล้ว  กี่ครั้งกี่หนแล้วที่มึงหน้าด้านมารายงานถึงความล้มเหลวน่ะ
มึงพูดสิ…โธ่เว้ย!”
ผู้ชายตัวใหญ่ผิวเนื้อสองสี หน้าคม แววตาดุดัน โกรธจนหน้าบูดหน้าเบี้ยว

“พี่แมนพวกผมเฝ้ามันตั้งแต่เช้าแล้ว  แต่ไม่คิดว่า…มันจะรู้ตัว…แล้วเปลี่ยนรถ”
หนึ่งในสองของชายตัวหนาผิวกร้านแดดตอบ ยิ่งเพิ่มความกรุ่นโกรธให้คนฟังมากกว่าเดิม
แล้วเสียงฝ่ามือกระทบกับเนื้อก็ดังขึ้นติดๆ กันสองครั้ง

“นี่แหน่ะ! เพราะความโง่ของพวกมึงไง แทนที่ไอ้ดินมันจะเป็นคนที่ไปนอนก้นหลุม
 กูส่งมึงไปแทนมันเลยดีมั้ยวะ”

“ไม่!!! พี่แมน!!! ให้โอกาสพวกเราอีกครั้ง จะไม่ให้พลาดอีก”

ทั้งสองตาเหลือกลาน  ก้มหัวแทบจะจรดพื้นหวังเอาชีวิตรอด  ทั้งสองรู้ดีว่าลูกพี่ตัวเอง
ทำอย่างที่พูดได้แน่  ทั้งโหดและเลวอยู่ในตัวคนผู้นี้

“ฮึ่ม…แค่อีกครั้งเดียว ถ้ามึงพลาด!!! พวกมึงรู้ใช่มั้ยว่าผลจะเป็นยังไง ไอ้เข้ม ไอ้ช้าง”
ทั้งสองสะดุ้งพยักหน้ากันหงึกหงัก

“ครับพี่แมน”
พูดจบทั้งสองก็ถอยหลังลนลานออกไปจากห้อง  แมนมองตามหลังลูกน้องสองคน
ที่ทำงานพลาดสองครั้งสองคราจนน่าปวดหัว

“ตายยากตายเย็นจริงนะมึง กูจะดูสิ! ว่ามึงจะมีถึงเก้าชีวิตเลยหรือเปล่า ไอ้ดิน!”


แมนทำงานรับใช้เสี่ยทวีปมายาวนานตั้งแต่เขาเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม เขากำจัดเสี้ยนหนามและเก็บกวาด
ถากถางทางเดินให้เสี่ยทวีป  จนวันนี้ที่เขาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ  แค่อีกงานเดียวที่จะกำจัดศัตรู
หัวใจของเขา  มันคนที่ลูกสาวเสี่ยหลงปลื้มมันมาหลายปีจนมองข้ามผู้ชายอย่างเขาที่ทำให้
พ่อของเธอทุกอย่าง  คนที่คู่ควรกับเธอมีแค่เขาเท่านั้น  หากไม่มีมันสักคนคุณหนูนิชาต้องหันมอง
ไอ้แมนคนนี้บ้าง  ดังนั้นจึงสมควรแล้วที่มันจะต้องตาย  แมนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน



ร้านลาบหน้าหมู่บ้านผู้คนหนาตากว่าทุกวัน และประเด็นที่นำมาพูดคุยกันก็ไม่พ้นเรื่องของ
เจ้าของไร่หนุ่มที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากโค้งมรณะ

“ไอ้สน  นายดินรอดมาได้ยังไงวะ  รถคันนั้นปกตินายแกใช้ประจำนี่หว่า  รึไม่ใช่”
ลุงเหมือนเจ้าของร้านออกมาซักถามพูดคุยเรื่องราวที่เป็นประเด็นร้อนของคืนนี้

“พี่มิ่งน่ะสิ รับเคราะห์แทน เขาว่ากันว่าเมื่อเช้านายดินน่ะใช้คันนั้น แต่เย็นสลับกับ
คันพี่มิ่งเฉยเลย ถ้าเป็นนายดินขับนะทั้งนายดินและลูกสาว อ่อ…แฟนนายดินอีกได้
เจ็บกันระนาวแน่ๆ”

สนเล่าไปตามที่รู้มาให้ลุงเหมือนฟัง

“ดีแล้วที่นายดินของพวกแก แคล้วคลาดปลอดภัยมาได้ เห้อ…”

ลุงเหมือนกลับไปประจำหน้าเตาเมื่อมีลูกค้าร่างใหญ่สองคนเดินเข้ามาในร้าน
และหลานชายแกเดินไปรับออเดอร์อาหารมาให้

“ไอ้นิด สองคนที่เดินเข้ามาทำไมไม่เคยเห็นหน้าวะ”
สนพูดเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ

“เออ ช่างมันเถอะ  เอ็งก็รีบๆกินดิ  เหนื่อยมาทั้งวันจะได้กลับไปพัก”
นิดพูดกับสนอย่างไม่ใส่ใจ

“เห่ย ดูมันกระดกเอากระดกเอา อย่างกะเหล้าเป็นน้ำเปล่าน่ะ ไม่รู้กลุ้มเรื่องห่าอะไรมา”
สนยังคงมองสองคนนั้นไม่วางตา

“พวกมีปมละมั้ง อย่าไปมองมันมากเดี๋ยวได้มีเรื่อง”

นิดปรามเพื่อนที่จับตามองไม่เลิก แล้วก็มีเสียงห้ามปรามจากคู่หูที่มาด้วยกัน
ดังลอดมาเข้าหูสนจนได้

“เบาหน่อยสิวะ ไอ้ช้าง เดี๋ยวได้เมาหัวทิ่มกันพอดี ถ้าพี่แมนมันเรียกใช้งานอีกคืนนี้
ถ้าเอ็งเข้าไปสภาพนี้ได้โดนตบกบาลกลับมาอีกแน่ๆ ใจเย็นดิวะ”

ชายร่างยักษ์คิ้วเข้มพูดขึ้น

“เออ! ช่างกู! กูจะแดกให้ลืม แม่งเจ็บใจว่ะ! ทำงานพลาดนิดพลาดหน่อยถูกตบ
แล้วยังขู่จะฆ่าพวกเราทิ้งอีก มึงไม่เบื่อรึไงรองมือรองตีนให้มัน พองานสำเร็จมันก็เข้าไป
เอาหน้าได้ความดีความชอบไปทุกที  เสี่ยก็หลงมันไปอีกสิ อีกหน่อยพอมันเป็นใหญ่ขึ้นมา
ที่นี้มึงกับกูก็ได้แต่คอยเศษเงินจากมันไปวันๆ มึงพอใจแค่นั้นจริงเหรอ ไอ้เข้ม”

“ชู่ววว เบาหน่อยเดี๋ยวพ่อมึงก็มาได้ยินกันพอดี รีบๆ แดกจะได้กลับไปนอน กูง่วง”

คนชื่อเข้มปรามไอ้ช้างให้เบาเสียงลง

“ไอ้เข้มกูเกลียดมันว่ะไอ้แมน กูไม่อยากทำงานให้มันแล้ว ครั้งหน้าถ้าไอ้นั่นไม่ตายกู
กับมึงไม่ตายแทนมันรึไง ไอ้เข้ม!”

ไอ้ช้างยังคงโหวกเหวกไม่เลิก มันคงอัดอั้นเอามากๆ  สนฟังจนพอจะเดาได้ว่ามันทำงาน
พลาดคนที่มันไปจัดการรอดไปได้ มันจึงโดนด่าโดนตบอย่างที่มันพล่าม
แล้วไอ้แมนนี่ใครกัน สนครุ่นคิด

“ถ้าคุณหนูนิชาได้ไอ้แมนเป็นผัวนะ มึงกับกูอยู่ยากแน่ โว๊ย! แค้นว่ะ ไอ้นั่นก็ตายยาก
ตายเย็นจริงๆสองครั้งแล้วที่มันรอด ครั้งนี้ยังมีคนรับเคราะห์แทนมันอีก”

ไอ้ช้างพล่ามไม่หยุดเมื่อเหล้าเข้าปากแบบเพียวๆอย่างนั้น ไอ้เข้มตะครุบปากเพื่อน
 ยกมือจุ๊ปากเป็นการใหญ่ให้หยุดพูด สนได้ยินอย่างนั้นจึงประติดประต่อเรื่องแล้วว่า
มันเข้าเค้าว่าจะเป็นเรื่องของนายดินเสียแล้ว

“หยุดพูดเถอะวะ กลับกัน ลุงเก็บตังค์”
ไอ้เข้มเรียกเก็บเงิน

“เห่ย! กูยังไม่ได้กินข้าว มึงจะรีบทำไม ถ้ามึงรีบนักมึงก็กลับไปก่อนเลยไป กูจะอยู่ต่อ”
ไอ้ช้างดื้อดึงไม่ยอมกลับ

“งั้นกินข้าวซะ จะได้กลับกัน”
แล้วไอ้สองคนก็ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จาอีก สนนึกเสียดาย

“กูยังสงสัยไม่หายเลยไอ้เข้ม มึงกับกูเฝ้ามันตั้งแต่เช้า มันไปเปลี่ยนรถกันตอนไหนวะ”

ไอ้ช้างพล่ามต่อ เท่านั้นเองที่สนรอฟัง และก็เป็นโอกาสสุดท้ายที่ไอ้ช้างถูกลากออกไปจากร้าน
ก่อนไปไอ้เข้มมันทิ้งเงินค่าเหล้าไว้ให้ โดยไม่รอเงินทอน แล้วก็เคลื่อนรถกระบะสีดำออกไปจากร้านอย่างเร็ว

สนไม่รอช้าเรียกเก็บเงินบ้าง และออกจากร้านไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดแอบไว้ข้างร้าน
โดยมีเจ้านิดคู่หูนั่งซ้อนท้ายกลับเข้าไร่  เมื่อสนส่งเพื่อนเข้าบ้านพักก็ย้อนรถกลับไปที่บ้านใหญ่ในทันที


“นายดินครับ นายเขต สนเองครับ มีเรื่องแล้วครับ”
สนตะโกนเรียกเจ้านายอยู่หน้ารั้วบ้าน

“ใครวะ ดึกดื่นทำไมไม่ไปหลับไปนอน เพชรไปดูทีสิ ถ้าไม่ชอบมาพากลอย่าเปิดประตูนะ”
เพชรรีบวิ่งไปที่รั้ว   แล้วก็มีรถเลี้ยวเข้าบ้านมา โดยที่เพชรพาหนุ่มคนงานเข้ามาด้วยคนหนึ่ง 

“อ้าว! มีอะไร มาตะโกนไม่หลับไม่นอน”
พ่อเขตหันไปถามคนงานหนุ่ม

“เอ่อ…สนมีอะไร นายเขาจะพักผ่อนกันแล้ว เหนื่อยมาทั้งวัน ไปกลับด้วยกันเลย
ขอซ้อนท้ายไปด้วยคน พรุ่งนี้ค่อยมาคุย”

ขวัญฉวยแขนสนให้กลับออกไป

“ไม่ได้สิพี่ขวัญ เมื่อตะกี้ผมไปกินข้าวร้านหน้าหมู่บ้านมา  ได้ยินผู้ชายสองคนมันพูดเรื่องนายดิน
 มันชื่อไอ้ช้างกับไอ้เข้ม  มันทำงานให้คนชื่อแมนลูกน้องเสี่ยอะไรนี่แหละ  แต่มันทำงานพลาดคง
ทั้งโดนด่าโดนตบมา  มันเลยมาดื่มระบาย”

“แล้วไงอีกสน ได้ยินอะไรมาอีก”
แผ่นดินถามกลับเมื่อสนหยุดเล่าไปเฉยๆ

“เอ่อ…มันบ่นว่าไอ้นั่นที่มันไปจัดการน่ะตายยากตายเย็น แล้วก็รอดตายถึงสองครั้ง
แล้ว…มันยังพูดว่ามันน่ะไปเฝ้าตั้งแต่เช้า  เอาเวลาไหนไปเปลี่ยนรถกัน  เรื่องก็มีแค่นี้
มันก็ถูกอีกคนลากไปขึ้นรถขับออกไปครับนายดิน”
สนเล่าเท่าที่ได้ยินมา  แผ่นดินตาลุกวาว

“มันขับรถกระบะสีดำใช่มั้ย สน!!!”
แผ่นดินถามกลับไป สนพยักหน้าหงึกหงัก แผ่นดินเดินรี่เข้ามาตบบ่าสนอย่างแรงจนไหล่ลู่

“ครับๆ นายดิน แหะๆ”
สนคลำหัวไหล่ป้อยๆ

“ขอบใจมากสน พรุ่งนี้มารับรางวัล”

แผ่นดินยกยิ้มมุมปาก พูดตัดบทจนพ่อเขต กอหญ้าและขวัญอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
แล้วขวัญก็ลากแขนสนพาออกไป

“เจ้าดินยิ้มได้แล้วล่ะสิ งั้นวันนี้ก็พากันไปพักผ่อนก่อนไป เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”

พ่อเขตพูด  แผ่นดินรีบคว้ามือกอหญ้าพาเดินขึ้นห้องนอน




ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 46 ก้าวไปพร้อมกัน

แผ่นดินตื่นนอนก่อนกอหญ้า  เตรียมที่จะย่องออกไปจากห้องนอนปล่อยให้คนรักนอนต่อ
แต่พอหย่อนปลายเท้าลงพื้นได้ข้างเดียวคนขี้เซากลับคว้าหมับที่ข้อมือ  แถมมองมาที่เขา
ตาแป๋ว  จ้องขนาดนั้นแล้วใครล่ะจะปฏิเสธได้  เขาจึงต้องยอมจำนนให้กอหญ้าไปกับเขาทุก
ที่ตามที่เจ้าตัวร้องขอไว้

“พี่ดินครับ  ช่วงนี้คนงานมีใครเข้าใหม่บ้างไหม  คือ…กอหญ้าขอดูแฟ้มประวัติคนงานทั้งหมดได้ไหมฮะ”
กอหญ้าเอ่ยปากขอ  เมื่อนั่งคู่กันมาในรถจี๊ปที่จะไปตรวจไร่ด้วยกัน

“อื้ม…สายๆ พี่จะบอกชานนท์ แล้วนี่เราต้องไปเยี่ยมมิ่ง  ลืมแล้วรึไง…หือ”
แผ่นดินหันมาเลิกคิ้ว

“ไม่ลืมครับ กว่าจะได้เยี่ยมก็สายโด่ง ขอเอาติดมือไปดูด้วยได้รึป่าวครับ”

“ตามใจเลย แต่ทำไมจู่ๆถึงจะดูขึ้นมาล่ะ”

“คนงานหน้าเดิมๆที่มีอยู่พี่ดินจำหน้าได้หมดไหมล่ะ ยิ่งตัวเองมีศัตรูแบบนี้ยิ่งต้องระวังตัว
อีกอย่างถ้ามีคนงานเข้าใหม่ กอหญ้าอยากให้พี่ดินให้คนเก่าๆ ของเราคอยจับตาดูไว้บ้างน่ะ
เพื่อความปลอดภัยของพวกเราเอง”

“อื้ม…พี่ก็ละเลยเรื่องนี้ไป แย่จริง! ดีนะที่มีกอหญ้าคอยเตือนพี่”
แผ่นดินยกมือข้างนึงจากพวงมาลัยรถมายีหัวคนข้างๆ

“พี่ดินขับรถดีๆ นี่จะจอดตรงนี้เหรอมันเปลี่ยวไปหน่อยนะ เกิดอะไรขึ้นจะทันป้องกันตัวเหรอ
ไปอีกนิดเถอะ ทำอะไรหละหลวมไปหมดจริงๆ”
กอหญ้าจิ๊ปากเมื่อคนตัวโตทำชะลอรถตรงที่ทั้งมืดและเปลี่ยวไร้ผู้คน ถึงจะเป็นเขตไร่ของตัวเองก็ตามที

“กลัวอะไร พอเราจอดปุ๊บก็จะมีลูกน้องเราวิ่งมาหาปั๊บ จริงๆไม่เชื่อดูนะ พี่จอดข้างหน้านี้ก็ได้”
แผ่นดินจอดรถและดับเครื่อง จนเวลาผ่านไปนานกว่าที่ควรจะเป็น ที่คุยอวดไปดูจะทำขายหน้าเอาก็คราวนี้

“โอ๊ะโอ…นี่ก็ผ่านไปสิบกว่านาทีแล้วเน้อ ใครนะที่จะวิ่งมานะ รอๆ”
กอหญ้าพยักพเยิดหน้าใส่เมื่อคำที่ใครบางคนคุยโวไว้ไม่เป็นผล

“คงมีเหตุสุดวิสัยมั้ง ไว้ตอนสายเราเรียกถามอีกที มีรถขับเข้ามาขนาดนี้แต่ไม่เห็นใครจะรู้เลย
 เฮอะ…เสียหน้าชะมัด”

แผ่นดินส่ายหน้าแล้วเปิดรถลงไป คงต้องพาคนที่มาด้วยลาดตระเวนยามกันแล้ว
คิดว่าพามาออกกำลังกายแล้วกัน

“พี่ดินขอไฟฉายหน่อย เดินก็ระวังๆด้วยนะ”
กอหญ้ารับไฟฉายมาส่องทาง ทั้งสองแต่งกายทะมัดทะแมงพากันสำรวจไปเรื่อยๆ
อย่างไม่เร่งร้อน แล้วก็พบคนงานชายคนหนึ่ง

“นายดิน ขอโทษด้วยครับวันนี้ผมเดินเวรคนเดียวอีกสามสี่คนอยู่ๆ ก็พากันท้องเสีย
ตั้งแต่กลางดึก ไม่มีเรี่ยวแรงกันเลยครับ”

“อ้าวเหรอ…บอกพวกนั้นให้พากันไปหาหมอด้วยล่ะ บัตรประกันสุขภาพก็ทำให้แล้วนี่
 ถ้าใครไม่ยอมไปบอกไปเลยว่าฉันสั่ง!”

“ครับนาย ผมจะไปบอกให้ครับ คืนนี้เหตุการณ์ปกติดีครับ ไม่มีอะไรน่าห่วง”
แผ่นดินพยักหน้ารับทราบ แล้วเดินห่างออกมาจากลูกน้องคนดังกล่าว

“พี่ดิน มันแปลกๆว่ามั้ย อยู่ๆ คนที่จะต้องออกตรวจพากันท้องเสียแบบนี้ ไม่รู้คนอื่นๆ
จะเป็นด้วยหรือเปล่าสิครับ”
กอหญ้าตั้งข้อสงสัยขึ้นมา จะว่าเขาระแวงก็ใช่ ความชะล่าใจจะเป็นช่องทางให้เกิดอันตราย

“อืม…พี่ว่ามันแปลกๆอยู่เหมือนกัน”
ชายหนุ่มพึมพำ

“พี่ดินอย่าหาว่างั้นงี้เลยนะฮะ การที่เราไม่ออกไปจากไร่ ก็ไม่ได้หมายความว่าภัย
จะไม่แฝงตัวเข้ามาใกล้เรา นี่แหละกอหญ้าถึงอยากให้พี่ตรวจสอบคนทั้งคนเข้าและคนออกน่ะครับ”

“ครับคนเก่งของพี่ กลับไปพี่จะให้ชานนท์จัดการให้เลย แล้วเจ้าทัพช่วงนี้ก็ให้มันไปๆ มาๆ
ระหว่างร้านกับไร่ ให้มันช่วยสอดส่องอีกแรงจะดีกว่า ถ้าคนที่จ้องจะทำร้ายเราคือเสี่ยทวีป
อย่างที่เราได้เบาะแสมา พี่คิดว่าเราต้องระวังอย่างหนักเลยล่ะ มันเลวยิ่งกว่าที่ใครจะคาดเดาได้เลยละ”
พี่ดินสีหน้าเป็นกังวลอย่างเด่นชัด

“พ่อของผู้หญิงปากแดงคนนั้นหรือเปล่า คนที่อาฆาตเราเอาไว้คราวก่อนนู่นน่ะ”

“อืม…พ่อยัยนิชานั่นแหละ”
แผ่นดินบอกกับคนรัก

“พี่ดินก็ยอมๆเป็นเขยเขาซะให้รู้แล้วรู้รอดไปสิ เขาจะได้ไม่ทำอะไรพี่และครอบครัว…คริคริ”
กอหญ้าแกล้งกระเซ้า แผ่นดินย่นหัวคิ้ว

“หื้ม…ลองพี่ไปปลงใจกับหล่อนเข้าจริงๆ คงมีใครบางคนร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นแน่
ทำปากกับใจไม่ตรงกันไปเถอะ”
แผ่นดินแกล้งกลับบ้างทำเอาการลองใจกันเล่นๆจะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ กันแล้ว

“ฮื้อ…ก็ลองดูสิ ลองเลยป่ะ?”
น้ำเสียงเย็นๆไม่บ่งบอกว่าจะล้อเล่น ทำเอาคนฟังเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง

“แลจะโหดนะ…ไม่เสี่ยงจะดีกว่า ว่ามั้ย…คนดี”
ตลอดทางที่ทั้งสองเดินย่างก้าวไป ทุกอิริยาบถ ไม่รอดพ้นจากสายตาสองคู่ที่จับจ้องมุ่งร้าย
 มันทั้งสองต่างแสยะยิ้มแววตาหมายมาด



เมื่อทานมื้อเช้ากันเสร็จ ฐานทัพออกปากว่าจะไปส่งหลานชายที่โรงเรียน
 แล้วจะกลับเข้ามาช่วยชานนท์ตรวจสอบประวัติคนงานอย่างละเอียดตามที่แผ่นดินบอกเอาไว้
 
“พี่ดิน พี่กอหญ้า ผมขอไปเยี่ยมพี่มิ่งด้วยคนนะฮะ”
กริชร้องตาม

“อื้อ…เอาสิ งั้นวันนี้เอารถของกอหญ้าไปแล้วกัน ใครจะขับล่ะ”
แผ่นดินพูดจบทั้งกอหญ้าและกริชพากันยกมือพรึ่บขึ้นพร้อมๆกัน

“ให้ผมขับนะพี่ดินพี่กอหญ้า ขับช้าๆ ไม่รีบเลยฮะ ระหว่างทางพี่ๆจะได้ดูไปด้วย
ว่ามีใครตามเราอีกมั้ย นะๆ”

กริชอ้อนขอเป็นคนขับซะเอง เขาวาดหวังอยากจะลองรถสปอร์ตคันหรูนี่มานานแล้ว
 วันก่อนพี่ทัพก็ไม่ปล่อยมือเลย บ้าเห่อชะมัด

“ก็ได้ๆ แต่ถ้าขับเร็ว…พี่ยึดกุญแจคืนตรงนั้นเลย บอกไว้ก่อน!”
พี่ดินขู่ กริชรีบพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย พลางยิ้มอวดฟัน

“วันนี้ให้แตงโมดูแลยัยหนูแล้วกัน อย่าเพิ่งพาออกไปไหนมาไหนเลยนะพี่ดิน
 ลูกจะพลอยไม่ปลอดภัยไปกับพวกเราด้วย”
กอหญ้าออกความเห็น

“พี่ตั้งใจแบบนั้นเหมือนกัน ช่วงสายเราคงเจอเจ้าภพที่โรงพยาบาล ค่อยเล่าเรื่องที่เจ้าสน
ไปได้ยินให้มันฟัง…เผื่อภพมันเอาข้อมูลไปรวบรวมสาวตัวการใหญ่”

“ใช่ๆ พี่ดินต้องรีบบอกพี่ภพเลย จะได้จบเรื่องจบราวกัน เราจะได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องหวาดระแวง”

“จบเรื่องที่โรงพยาบาลรีบกลับกันนะ พ่อกับย่าเป็นห่วง”

พ่อเขตกำชับ เมื่อทั้งลูกและหลานต้องก้าวเท้าออกนอกบ้าน

“โธ่พ่อ ทำเป็นว่าลูกชายหนีเที่ยวกลางดึกไปได้ ลูกกลับเมื่อไหร่ถึงได้หลับได้นอนกัน”
ฐานทัพแซวออกไป แล้วก็หน้าสลด พูดไม่คิดอีกแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าพ่อตอนนี้
ที่ผ่านมาเขาคงทำให้ท่านเหนื่อยใจมากจริงๆ

“ใช่เจ้าทัพ แกรู้เหมือนกันรึไง ว่าเมื่อก่อนแกมันทำทั้งฉันทั้งย่าแกไม่เป็นอันหลับอันนอน
 คอยฟังว่าจะมีตำรวจโทรเข้ามาว่าแกไปมีเรื่อง โดนยิงไส้แตกหรือมีมีดปักคาอกมามั้ย เฮ้อ…”

พ่อเขตพูดด้วยความอิดหนาระอาใจกับความประพฤติของลูกคนรอง

“โธ่ๆ คุณพ่อที่รัก ก็ตอนนั้นมันวัยรุ่นนี่ครับ แต่ตอนนี้มันพ้นไปแล้วครับวัยนั้นน่ะ
ผมไม่กลับไปทำอีกแล้ว…ขอโทษฮะพ่อ”

ฐานทัพงึมงำขอโทษบิดาที่หันไปทานข้าวเช้าต่อ

“ย่ารอวันนี้ที่แกจะรู้ตัว…เลิกซะทีนะทัพ”

คุณย่าพูดจากที่นั่งฟังคนนั้นคนนี้พูดกันไปมา

“ครับย่า ผมเปลี่ยนไปแล้ว อาจจะยังไม่ดีพอ แต่ผมจะดีให้ได้ครับ”

ฐานทัพพูดอย่างเป็นจริงเป็นจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ดีแล้ว แกดีได้มันก็ดีกับตัวของแกเอง”

พ่อเขตพูด กอหญ้าเห็นถึงประกายตาวาดหวังที่คนในครอบครัวมองไปที่พี่ทัพ
เขาก็พลอยหวังไปด้วยที่อยากจะเห็นพี่ทัพเปลี่ยนตัวเองให้ได้อย่างที่พูด



ทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่หน้าห้องเพื่อเยี่ยมคนเจ็บ แค่รอหมอออกมาจึงจะเข้าไปดูอาการของมิ่งได้
กอหญ้า พี่ดิน ขวัญและกริชนั่งกันที่ม้านั่งยาวด้านนอก

“อ้าว! หมอไนท์ เจ้ามิ่งเป็นคนไข้ของหมอเหรอ”

พี่ดินทักหมอหนุ่มที่เปิดประตูออกมา หน้าตาหล่อเหลา คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน
ดวงตาคมริมฝีปากแดงอย่างคนสุขภาพดี ที่สำคัญสูงโปร่งเอามากๆ เป็นคุณหมอที่ปราศจากแว่นสายตา

“ครับพี่ดิน  สบายดีเหรอครับ  ไม่เจอกันเป็นสิบปียังจำผมได้อีกนะครับ
คุณย่ากับลุงเขตล่ะครับท่านทั้งสองสบายดีไหมฮะ”

หมอไนท์ถามไถ่อย่างคนที่คุ้นเคยกันมาก่อน จนคนที่มาด้วยพากันแปลกใจ
กอหญ้าสังเกตเห็นเจ้ากริชก้มหน้ามองพื้นแล้วมุ่นหัวคิ้ว

“พี่หวุดหวิดไม่รอดตั้งหลายครั้ง เข้าออกโรงพยาบาลไม่ตัวเองก็คนรอบข้าง
 ส่วนพ่อกับคุณย่าท่านก็สบายดีแหละนะ นี่กลับมานานหรือยัง แล้วประจำที่นี่เลยรึป่าว”

“เพิ่งมาได้อาทิตย์กว่าๆ ครับ คิดว่าจะประจำที่นี่ จบนอกก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้อ
งใช้ทุนคืนนี่ครับพี่ดิน”
หมอหนุ่มพูดยกยิ้มบางๆที่มุมปาก พลอยให้ใบหน้าดูอ่อนวัยลงไปอีก

“อืม…พี่ลืมแนะนำไป…นี่กอหญ้าคนรักของพี่ ส่วนนี่เจ้ากริชน้องชายพี่
ถ้าหมอไนท์พอจำได้อ่ะนะ เจ้าเด็กปากแดงตัวแดงที่วิ่งตามไนท์ตอนนั้นก็มันนี่แหละ
 และนี่ขวัญแฝดน้องกับพี่มันที่เป็นคนไข้หมอน่ะ”

“อ่อครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ พี่ดินนี่ไม่ใช่เล่นเลยนะฮะ หึหึ…”

หมอพูดยิ้มๆ แล้วก็ส่งสายตาล้อๆ มาให้ทั้งกอหญ้าและพี่ดิน กอหญ้ายิ้มตามอย่างเขินๆ
ที่ถูกแนะนำไปว่าเป็นคนรัก

“คนไข้รู้สึกตัวดีแล้วล่ะฮะ การตอบสนองดี แขนขวาหักและกระดูกข้อเท้าแตกต้องเข้าเฝือก
 ส่วนศีรษะไม่มีอะไรน่าห่วงถือว่าโชคยังดีนะครับ  มีอะไรเรียกผมได้นะพี่ดิน  นี่ครับนามบัตรผม
 ไปละครับพี่ๆ เอ่อ…พี่ไนท์ไปก่อนนะครับ…ตัวเล็ก”

หมอขอตัวและผละออกไป ตัวเล็กงั้นเหรอ เหมือนเคยถูกใครบางคนเรียกมาก่อน
ใครคนนั้นที่หายไปไม่บอกไม่กล่าว …กริชได้แต่มองตามแผ่นหลังและไหล่กว้างจนลับตาไป

“พี่มิ่ง คุณๆ มาเยี่ยมน่ะ ปวดแผลมั้ย”

ขวัญรีบตรงดิ่งเข้าไปหาพี่ชายที่เตียงคนไข้ สภาพแย่เอามากๆ อย่างที่หมอบอกทั้งเฝือก
ที่แขนและขา สายน้ำเกลือและสายอะไรต่อมิอะไรระโยงระยางไปหมด

“อื้ม…นายดินปลอดภัยดีใช่มั้ย พี่พอทนได้ขวัญ…คงพักนานหน่อยนะรอบนี้กว่าจะกลับไป
ทำงานให้นายดินได้”
มิ่งตอบน้องและมองมาที่พี่ดิน

“มิ่ง ที่นายเป็นแบบนี้ก็เพราะช่วยพวกเรา อย่าคิดอะไรมากเลย รักษาตัวให้หายดีก่อน
เรื่องอื่นไว้ค่อยพูดกัน  ฉันกับกอหญ้าแล้วก็ยัยหนูเป็นหนี้ชีวิตนายนะมิ่ง  มีอะไรที่เราชดเชย
ให้ได้ก็บอกอย่าได้เกรงใจ  เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะมิ่ง อย่าลืม”

 พี่ดินชะโงกหน้าเข้าไปพูดกับมิ่ง

“ขอบคุณครับนายดิน แค่ไอ้มิ่งได้ปกป้องคุณๆให้ปลอดภัย ไอ้มิ่งไม่เสียดายชีวิตหรอกครับ”
มิ่งพูดช้าๆ ดูก็รู้ว่าฝืนทนข่มความเจ็บไว้

“มิ่ง ขอบใจมากนะ ขอบใจที่ยอมเจ็บแทนพวกเรา”

กอหญ้าพูดแล้วก็น้ำตาคลอ

“ถ้าแกหายดีเมื่อไหร่นะ แกโดนฉันเตะแน่ ทำคนรักฉันเสียน้ำตาซะได้”

แผ่นดินแกล้งชี้หน้าคาดโทษคนเจ็บที่นอนมองอ้าปาก ทำตาปริบๆ

“เอ๊ะ! พี่ดิน กอหญ้าร้องไห้เอง ไปเกี่ยวกับมิ่งตรงไหนกันล่ะ”
คนรักหันไปแหวเข้าให้ มิ่งเห็นแล้วก็ลอบพรูลมหายใจ นายดินทำให้เป็นเรื่องตลก
ในสถานการณ์แบบนี้ มิ่งดูก็รู้ว่านายดินเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

“ให้ผมหายดีก่อนนะนาย ค่อยเตะ”
มิ่งพูดออกไปอย่างคนที่เคยยอมๆกันมาตลอด

“ขี้หวงไปได้พี่ดิน แม้แต่คนเจ็บก็ไม่มีละเว้น”
กริชบ่นพี่ชายเข้าอีกคน

“พี่มิ่ง อยากได้อะไรมั้ย เดี๋ยวผมจะลงไปข้างล่าง”
ขวัญถามพี่ชาย ถ้าสังเกตอย่างละเอียดตามตัวพี่ชายมีแต่รอยแผลด้วยกันทั้งนั้น
 สักพักเจ้าตัวก็นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด

“ขวัญกดเรียกพยาบาลเถอะ สงสัยมิ่งจะปวดแผลแล้วน่ะ”
แผ่นดินพูดจบขวัญก็กดเรียกพยาบาล ไม่นานประตูห้องก็เปิดออกมีพยาบาลเดินเข้ามา
พวกเขาทุกคนจึงถอยออกห่างจากเตียงคนไข้

“ญาติต้องอยู่เฝ้าคนนึงนะคะ แล้วก็ต้องให้ยาแก้ปวดทุกหกชั่วโมงด้วย
ภายในวันนี้คนไข้จะปวดมากหน่อยเพราะแผลอักเสบตึง คุณหมอใส่ท่อปัสสาวะ
ไว้ให้ก่อนเพราะคนไข้ลุกช่วยตัวเองไม่ได้นะคะ”

ขวัญมายืนฟังเพราะเขาต้องเป็นคนมาเฝ้าพี่ชายด้วยตัวเอง

“ทำตามที่พยาบาลแนะนำนะขวัญ ข้าวของเครื่องใช้เอามาด้วยแล้วนี่ งั้นขาดอะไรอีกบ้าง
 เอาอย่างนี้นะลงไปหาซื้อให้ครบก่อน เดี๋ยวฉันอยู่เป็นเพื่อนมิ่งให้ก่อนแล้วกัน”

กอหญ้าบอกขวัญว่าจะอยู่เฝ้ามิ่งให้ เพื่อให้ขวัญไปเตรียมหาซื้อข้าวของที่จำเป็น
ขวัญหิ้วกระเป๋าไปเก็บและออกไปหาซื้อของที่ยังขาด

“ผมเกรงใจคุณๆที่ต้องลำบากมาเฝ้า ผมอยู่ได้ขวัญมันคงไปไม่นาน”

มิ่งเอ่ยปากอย่างเกรงใจ

“ลำบากอะไรกัน คราวฉันเจ็บมิ่งก็เฝ้าตั้งนานไม่ใช่รึไง”

กอหญ้าทักท้วงขึ้นมา

“เอ่อ…ก็นายดินสั่งนี่ครับ”

มิ่งตอบเลี่ยงๆ ไปอย่างนั้น

“เหอะ…ไม่ต้องมาอ้างว่าพี่ดินสั่งเลย เห็นพี่ดินบอกว่ามิ่งน่ะร้องจะมาดูฉันได้ไม่เว้นแต่ละวัน”

กอหญ้าพูดอย่างที่ได้รับรู้มา

“เออนั่นสินะมิ่ง เอ็งคิดอะไรกับคนรักฉันรึป่าว…รึยังไง…พูดมานะเว่ย”

พี่ดินชี้หน้ามิ่ง ที่นอนยิ้มแหยๆ อย่างไปไม่เป็นเมื่อถูกถามแบบนั้น

“โหนาย ผมไม่เคยคิดเกินเลยสักนิด นายดินก็ขี้หวงอย่างที่ใครๆ พูดกันจริงด้วยสิ
กับผมนายยังระแวง…โธ่”
มิ่งโอดครวญ

“พี่ดิน ผมไปหาอะไรเย็นๆ ดื่มแป๊บนึงนะ เดี๋ยวซื้อมาฝากครับ แล้วก็อย่าไปแกล้งพี่มิ่งนักนะ”
กริชขอตัวออกไป จนในห้องเหลือแผ่นดินกับกอหญ้าที่ถอยออกห่างเตียงมานั่งที่โซฟา
มิ่งนอนหลับตาไปแล้วและคงจะหลับไปจริงๆ เพราะฤทธิ์ของยาแก้ปวดที่พยาบาลให้ไปเมื่อสักครู่




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 45,46
«ตอบ #113 เมื่อ05-04-2019 23:43:04 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 45,46
«ตอบ #114 เมื่อ06-04-2019 15:38:49 »

นายดินโชคดีจังที่มีลูกน้องดีแบบมิ่งกะขวัญ

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 47 คนในความทรงจำ 1

กริชลงมาที่ร้านค้าสวัสดิการ  ตรงดิ่งไปที่ตู้แช่เครื่องดื่มเป็นอันดับแรก
เอาตะกร้าพลาสติกคล้องไว้ที่แขนซ้าย  เขาหยิบน้ำอัดลมสามกระป๋อง  น้ำเปล่าสองขวดเล็ก
และขนมกรุบกรอบอีกหลายถุงลงตะกร้า  และคว้าขนมปังกรอบอีกหนึ่งห่อและตามด้วย
ช็อกโกแลตแท่งโปรดอีกหลายชิ้น  เมื่อเลือกซื้อจนพอใจแล้วจึงไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์
จึงล้วงของออกจากตะกร้าวางลงบนโต๊ะและหันเอาตระกร้าไปเก็บที่  และไปยืนรอจ่ายเงิน

“ระวังอ้วนนะมีแต่ขนมที่ดูไม่มีประโยชน์ทั้เลย”
กริชได้ยินเสียงที่อยู่สูงขึ้นไปเพราะความสูงจากคนข้างหลัง  เขาเลือกทำเป็นหูทวนลมเสียอย่างนั้น

‘อยากพูดก็พูดไปคนเดียวแล้วกัน’

“เพิ่งรู้นะว่า โตมาไม่ยักจะมีปาก ตอนเด็กร้องตามไม่ห่าง…หึหึ”
พูดอย่างเดียวไม่พอยังจะหายใจรดต้นคอกันอีก  แต่กริชก็รักษาท่าทีไม่แยแสไว้อย่างเดิม
 แต่ภายในใจก็หวนไปนึกถึงตามคำพูดของอีกคน ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าลืมไปแล้ว

‘พี่ไนท์…พี่ใจดีที่อุ้มเขาทุกครั้งที่ชูมือและโอ๋ทุกทีที่สะดุดล้ม มีพลาสเตอร์ยาพก
ติดตัวไว้ตลอด พี่ไนท์ที่อยู่ๆก็หายไป…’

“อันนี้ด้วยนะครับคิดรวมกันเลย”

มีน้ำผลไม้รวมชนิดกล่องแบบร้อยเปอร์เซ็นต์กล่องใหญ่สองกล่องวางตรงหน้า
กริชยังไม่ทันจะได้ควักเงินออกจากกระเป๋าก็มีธนบัตรใบละพันผ่านหน้าเขาไปเข้ามือแคชเชียร์
ทุกการเคลื่อนไหวเร็วจนกริชตามไม่ทัน  กริชแบมือจะรับเงินทอนพร้อมใบเสร็จจะได้คืนเงิน
ให้คนด้านหลังแต่ก็อีกเหมือนกันที่แขนยาวๆ คว้าเงินทอนไปซะเอง และคว้าน้ำผลไม้ไปถือไว้หนึ่งกล่อง

“พี่เลี้ยงครับตัวเล็ก คราวหน้าเจอกันอย่าลืมเอาปากมาด้วยนะครับ…หึหึ”
พูดเสร็จคนตัวสูงก็เดินห่างออกไปแถมยังทิ้งเสียงหัวเราะเบาๆ ไว้ด้วย 
พนักงานในร้านต่างพากันมองมาที่เขาและมีบางคนอมยิ้มหน้าแดง
กริชเห็นดังนั้นจึงคว้าถุงบนเคาน์เตอร์เดินออกจากร้านไป

`คนบ้า…หายไปได้ตั้งเป็นนานสองนาน…ยังจะต้องเจอกันอีกทำไม?`

กริชกลับขึ้นไปที่อาคารพักฟื้นผู้ป่วยอีกครั้ง เขาเอาขนมและเครื่องดื่มวางไว้ให้พี่ๆ
ส่วนตัวเองก็แยกไปนั่งคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกถึงกับสะดุ้งโหยง

“เจ้ากริช!…พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า  แล้วค่อยมาเยี่ยมมิ่งอีกวันหลัง มิ่งมันจะได้พัก
แล้วจู่ๆเป็นอะไรขึ้นมาพี่เรียกก็ไม่ได้ยิน ใจลอยไปถึงไหนแล้ว”

แผ่นดินชวนกลับบ้าน ยิ่งเห็นน้องนั่งเหม่อๆ อย่างกับมีอะไรในใจก็ให้นึกสงสัย
ท่าทีที่ดูผิดไปจากปกติ  ขนมที่ขนซื้อเข้ามาก็ไม่แตะสักอย่างทั้งที่เป็นของชอบ

“เอ่อ ไม่ได้เป็นอะไรนี่พี่กลับก็ดีเหมือนกัน  พี่มิ่งหายไวๆ นะฮะ ว่างๆ ผมจะมาเยี่ยมใหม่
 อ่อ! พี่ขวัญจะเอาของใช้อะไรเพิ่มก็บอกนะฮะเดี๋ยวผมเอามาให้”
กริชหันไปบอกลามิ่งและขวัญ

“ของครบแล้วครับคุณกริช กลับกันดีๆนะ อย่าขับรถเร็วล่ะครับ”
ขวัญพูดกับเจ้านายอย่างอดที่จะห่วงเสียไม่ได้

“อื้ม…ไม่ต้องห่วงหรอกขวัญ  เราจะไม่พลาดให้พวกเลวนั่นอีกเป็นแน่”
แผ่นดินตอบ  แววตามีประกายกล้าอย่างไม่ยอมลงให้ใครกลับมาแล้ว


ทุกคนเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย  ระหว่างทางที่จะไปขึ้นลิฟต์ก็สวนเข้ากับหมอชนเทพอีกครั้ง
คนหน้าตาดีพอมายืนรวมกันจึงเป็นจุดสนใจของผู้พบเห็นและที่สำคัญหนึ่งหนุ่มในนั้นเป็นดาราดังอีกด้วย

“พี่ดินจะกลับกันแล้วเหรอครับ”

หมอเข้ามาทัก  แต่สายตากลับจับจ้องไปที่คนเด็กสุดในกลุ่ม  ในแววตาที่มองแวบหนึ่งที่กอหญ้า
เห็นมีกระแสความอ่อนโยนและเอื้อเอ็นดู  แต่แค่เพียงเสี้ยวนาทีหมอหนุ่มก็กลับไปวางท่าในแบบเดิม

“อืม…ช่วงนี้เหตุการณ์ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ เราออกมาข้างนอกแบบนี้ยิ่งเป็นเป้ากระสุนง่ายด้วย
พี่ต้องระวังตัวกันน่ะไนท์”
พี่ดินบอกกล่าวให้หมอไนท์ฟัง ดวงตาหมอไหววูบเมื่อได้ยินแบบนั้น

“ถ้าอย่างงั้นก็รีบกลับกันเถอะครับ…ระวังตัวกันด้วยนะ”
หมอไนท์พูดและส่งความห่วงใยมาให้

“ถ้าหมอว่างและไปทานมื้อค่ำที่บ้านนะครับ พ่อเขตกับคุณย่าคงดีใจมากแน่ๆ ที่จะได้เจอหมอไนท์”

“ได้ครับพี่ดิน ขอบคุณล่วงหน้า ดูแลตัวเองกันดีๆนะครับ...ตัวเล็ก”
ถ้าหูของกอหญ้าและแผ่นดินไม่ได้ฝาดหลังประโยคบอกลานั้นพวกเขาได้ยินกระแสเสียง
ห่วงใยมากเกินปกติ แม้ว่าจะแผ่วเบาก็เถอะ

‘ตัวเล็ก งั้นเหรอ…หมอพูดกับเด็กแสบข้างๆนี่แน่ๆ’

กอหญ้าชำเลืองมองเจ้ากริชที่ทำไม่รู้ไม่ชี้

“นี่เบอร์โทรของพี่ สะดวกวันไหนบอกได้เลยนะ ช่วงนี้พวกเราไม่ได้ออกจากบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินกันน่ะ”

พี่ดินยื่นนามบัตรให้หมอไนท์ที่รับไปเก็บลงกระเป๋าเสื้อกราวด์  ตลอดเวลากริชไม่ปริปากพูดอะไร
เลยแม้แต่คำเดียว คำทักทาย คำบอกลาก็ไม่มี หมอหนุ่มลอบมองแล้วก็มีสีหน้าผิดหวังหน่อยๆ

“งั้นพวกเราลาเลยนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ”
กอหญ้ากล่าวลา และยกมือไหว้ กริชเห็นอย่างนั้นก็ไหว้ลาอย่างเสียไม่ได้

“เดินทางปลอดภัยกันนะครับ คุณกอหญ้าเรียกผมว่า…พี่ไนท์…ก็ได้ครับ
ผมกับคนที่ไร่พี่ดินก็คนคุ้นเคยกันมาก่อนน่ะครับ”

หมอหนุ่มพูด สายตาทอดมองไปที่คนตัวเล็กอีกครั้ง  น้องแก้มแดง…น่ารัก
ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมสักเท่าไหร่ ดวงตายาวรีเครื่องหน้าเล็กจิ้มลิ้ม ขาวจนออร่าจับ
…เสียอย่างเดียว น้องไม่ยอมพูดกับเขาเลย

‘พี่ไนท์ขอโทษ…อภัยให้พี่นะ ตัวเล็ก’


ตลอดทางที่แผ่นดินขับรถพาทุกคนกลับบ้าน  ทั้งเขาและกอหญ้าไม่ได้พูดคุยกัน
ด้วยเห็นน้องนั่งเงียบ กอหญ้าเห็นความผิดปกติตั้งแต่หมอหนุ่มปรากฏตัวนั่นเอง
และเหมือนตัวพี่ดินเองก็จับสังเกตอาการของน้องชายออกด้วย

กอหญ้าตั้งใจว่าคืนนี้เขาจะถามความเป็นมาเป็นไปของทั้งกริชและหมอชนเทพจากคนรัก
เพราะหมอก็พูดว่าเป็นคนคุ้นเคยกับทางไร่เขตแผ่นดินมาก่อน


กริชทอดสายตามองออกไปที่สองข้างทางที่รถแล่นผ่าน  ดวงตายาวรีเหม่อมองไปไม่ได้โฟกัส
ที่จุดใดเลย ความทรงจำในวัยเด็กไหลพรั่งพรูออกมา

‘พี่ไนท์อุ้ม น้องเจ็บ’
เด็กชายแก้มแดงและตัวแดงจากการตากแดด แขนขามีรอยถลอกเลือดไหลซึมตรงหัวเข่า
 วิ่งชูแขนไปหาเด็กหนุ่มร่างผอมสูงที่ตัวโตกว่า ซึ่งสะพายกระบุงสำหรับเก็บส้มไว้บนหลัง

‘ตัวเล็ก ซนจนได้แผลอีกแล้ว ทำไมไม่ระวังพี่บอกว่าไม่ให้วิ่งไง แล้วทำไมไม่ใส่กางเกงขายาว’

พี่ตัวโตย่อตัวอุ้มน้องขึ้นมา แล้วก็อมลมจนแก้มป่องและเป่าไปที่แผลที่ฝ่ามือเมื่อเจ้าตัวเล็กแบออกให้ดู
 น้องเบะปากน้ำตาคลอเมื่อโดนพี่ดุ

รีบมาหาพี่ไนท์ พี่ใจร้าย’
ตัวเล็กต่อว่า ก็มันเป็นความผิดของพี่ที่ไม่รอเขาก่อน

‘พี่ต้องรีบทำงาน ตัวเล็กไปเล่นกับพี่ทัพก่อนไปแล้วก็ห้ามวิ่งอีกนะ
 ถ้าดื้อพี่จะไม่รักแล้วพี่ก็จะไม่มาหาอีก’

คนตัวโตขู่น้องออกไป ได้ผลเมื่อน้องชะงักและส่ายหน้าจนผมสีน้ำตาลเส้นเล็กกระจาย

‘น้องไม่ดื้อ  พี่ไนท์ต้องรัก ไม่หายไปนะ’

พี่ตัวโตลูบผมที่หยักสวยของน้องอย่างเบามือและล้วงหยิบแผ่นพลาสเตอร์ยาในกระเป๋าเสื้อออกมา
และปิดแผลที่ฝ่ามือและเข่าให้น้องด้วย

‘พี่ไนท์จะไม่หายไป ถ้าตัวเล็กเชื่อฟัง ไม่ซน ไม่ทำตัวให้เจ็บแบบนี้  ตกลงนะ’

พี่ชายพูดจบ  น้องก็พยักหน้า  เด็กชายตัวเล็กจึงเดินกลับไปหาพี่ชายอีกคนที่นั่งอ่านหนังสือ
อยู่บนเสื่อที่ปูไม่ห่างออกไปนัก

‘พี่ไนท์  เก็บส้มเสร็จมาหาน้องนะ’

เด็กตัวเล็กตะโกนบอก  พี่ชายจึงโบกมือตอบกลับไป  แล้วเจ้าตัวเล็กก็สนใจกับของเล่นที่กอง
อยู่ตรงหน้าและถุงขนมที่พี่ตัวโตเอามาฝากเช่นทุกครั้งที่เข้ามาทำงานในไร่ช่วงปิดภาคเรียน
และนั่นเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายจริงๆ

พี่ไนท์หายไปไม่มาที่ไร่เขตแผ่นดินอีกเลย  แม้ว่าจะปิดเทอมกี่ครั้งกริชก็ไม่เคยเห็นหน้า
กริชจำได้ว่าในตอนเด็กก็ไม่ดื้อและไม่ซนรวมทั้งไม่ได้ทำให้ตัวเองมีแผลแล้วแต่ทำไมพี่ไนท์ถึงหายไป
จนกระทั่งวันนี้ที่ได้พบกันอีกครั้ง พี่ชายใจดีคนนั้น…ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า


หมอชนเทพรู้สึกว้าวุ่นใจ ตลอดช่วงบ่ายมานี้เขาทำงานด้วยอาการใจลอยเพราะดวงหน้าเด็กหนุ่ม
ที่ได้พบในตอนสายคอยแต่จะวนเวียนมาให้เห็น  แววตาเศร้าและตัดพ้อที่เจ้าตัวเผลอมองมา
แม้จะพยายามสลัดออกไปก็ไม่หลุดไปง่ายๆ ตลอดสิบกว่าปีนี้มีผู้คนมากมายที่ได้พบเจอ
คนแล้วคนเล่าไม่สามารถมาแทนที่หรือทำให้ความคิดคำนึงถึงเด็กตัวเล็กห่างหายไปจากใจเลย
…รักแรกพบ และเป็นรักเดียวที่เขาซื่อสัตย์กับใจตัวเองเรื่อยมา…มันคือความจริง…ที่เขารักเด็กคนนั้น
…ตัวเล็กของพี่ไนท์


‘ไนท์  เวลาของแม่เหลือไม่มากแล้ว  แม่คงอยู่กันไนท์ได้อีกไม่นาน ไนท์ต้องอยู่ให้ได้
…เติบโตอย่างภาคภูมิ  เมื่อแม่ไปแล้วขอให้ไนท์กลับไปอยู่กับคุณพ่อนะลูก
 ยังไงท่านก็เป็นพ่อของลูก  แม่อยากให้ลูกอภัยให้พ่อนะไนท์  การที่พ่อมีภรรยาใหม่
ไม่ได้แปลว่าท่านไม่รักไนท์นะลูก…อย่าโกรธคุณพ่อ…แม่ขอนะ’
แล้วผู้หญิงตัวเล็กผอมบางก็จากเขาไป


“พี่ดินครับ กอหญ้ามีเรื่องสงสัย พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยว่า…เมื่อก่อนหมอไนท์คุ้นเคยกับไร่นี้ยังไงครับ”
กอหญ้าถามคำถามที่สงสัยมาตลอดบ่ายทันที

“ตัวยุ่งจริงๆเลยสินะเราเนี่ย ถ้าไม่เล่าคงจะไม่ยอมนอนใช่มั้ย?”
พี่ดินเดินมานั่งลงที่เตียง แล้วดึงจมูกเขาไปมาอย่างมันเขี้ยวและลากตัวไปกอดไว้แนบอก

“กอหญ้าว่าหมอไนท์กับกริชน่ะต้องมีปมอะไรในใจแน่ๆ พี่ดินไม่สังเกตเหรอน้องมันเงียบ
ไม่พูดไม่จาอีกเลยนะทั้งวันเมื่อได้เจอหมอไนท์น่ะ”
กอหญ้าพูดอู้อี้อยู่กับอกก่อนจะผงกหัวมองหน้าพี่ดินเมื่อเขาตั้งคำถามไป
 พี่ดินขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด

“นั่นสิ เจ้ากริชคงจะจำฝังใจเรื่องในตอนเด็กละมั้ง”

“ยังไงเหรอฮะ”
กอหญ้าลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าคนเล่าอย่างใคร่รู้

“ก็หมอชนเทพ เอ่อ…เจ้าไนท์น่ะ ตอนช่วงปิดเทอมเขาก็มารับจ้างเก็บส้มในไร่นี้แหละ
ตอนนั้นเจ้าแสบเราก็อายุสักประมาณเจ็ดหรือแปดขวบนี่แหละ  กริชมันตัวเล็กขี้อ้อน
พอไนท์มามันก็ติดแจ ก็ขานั้นน่ะตามใจซื้อขนมมาฝาก ทำงานเสร็จก็พาน้องเล่น
เจ้ากริชเวลาหกล้มได้แผลก็วิ่งร้องไห้ไปหาให้เจ้าไนท์มันโอ๋ พี่เห็นอุ้มกันตลอดๆนี่นะ”
แผ่นดินหยุดเล่า แล้วก็พยายามเรียบเรียงเรื่องราวในอดีตเพื่อเล่าให้คนตรงหน้าที่นั่งฟังอย่างสนอกสนใจ

“แล้วไงอีก พี่ดิน”
กอหญ้าถามทันทีเมื่อพี่ดินเงียบไปนาน

“พี่ก็จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่เหมือนว่าเจ้าไนท์จะลาออกจากโรงเรียนเพราะแม่เขาเสียนะ
 แล้วเพื่อนบ้านที่เรียนด้วยกันก็เล่าว่าไนท์ย้ายไปอยู่กับพ่อที่ต่างจังหวัด พี่ได้ข่าวอีกที
ว่าสอบชิงทุนไปเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศได้  แล้วก็กลับมาใช้ทุนที่นี่  พี่ก็พอรู้แค่นี้แหละนะ”

“แล้วพอหมอไนท์หายไป  กริชเป็นไงตอนนั้นน่ะพี่ดิน”

กอหญ้าถามอย่างลุ้นๆ ในคำตอบที่ก็คงจะเป็นไปตามที่เขาคาดคะเนแน่ๆ

“อืม…เจ้ากริชก็เหมือนจะรอ…ทุกปิดเทอมเลยล่ะนะ…แล้วไนท์ก็ไม่เคยมาอีกเลย”

“พี่ดิน…น้องคงจะผูกพันกับหมอไนท์เข้าแล้วละ วันหนึ่งคนที่ใจดีกับเราทุกอย่างดูแล
ใส่ใจเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต…อยู่ๆ ก็หายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว…แบบนี้…
พี่ดินว่ามันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอฮะ…ฮึก”

กอหญ้าพูดจบก็สะอื้นไห้ด้วยสงสารน้อง  นี่ไงเหมือนที่เขาเดาไว้ไม่ผิด  แผ่นดินตกใจ
จึงคว้าตัวคนขี้สงสารและอ่อนไหวง่ายเข้ามากอด

“กอหญ้าไม่ร้องนะ สงสารน่ะสงสารได้…แต่พี่ว่าสองคนนั้นก็ได้กลับมาพบกันแล้ว
 …ถ้ามันเป็นปมที่ผูกกันไว้ก็ต้องให้คนผูกมาคลายปมนั่นเอาเอง  ขนาดเงื่อนตายที่
ว่ายากๆถ้าไม่ใจร้อนตัดมันทิ้งเสียก่อน  ยังหาวิธีแก้กันได้เลยนะ  เราน่ะอยู่เป็นกำลังใจ
ให้เขาสองคนก็พอแล้วครับ”

แผ่นดินพูดปลอบและลูบหลังจนกอหญ้าคลายสะอื้น

“พี่ดิน กริชต้องมีใจให้พี่หมอไนท์แน่ๆ เลย รักแรกของเด็กแสบละมั้งนั่นน่ะ”
กอหญ้ายังพูดงึมงำไม่หยุด

“อืม…ก็คงเป็นอย่างนั้น มาจุ๊บๆ แล้วนอนกันดีกว่าเนอะ อย่าคิดมาก”

แผ่นดินกดจมูกที่เรือนผมและหน้าผาก คลอเคลียจมูกที่ซอกคอขาว
กอหญ้าจึงแหงนเงยให้พี่ดินได้ซุกไซ้สะดวกขึ้น ฝ่ามือของกอหญ้าก็ลูบไล้ไป
ที่ต้นคอของพี่ดินจนได้ยินเสียงหายใจสะดุดๆ จึงอดที่จะหัวเราะคิกคักเบาๆ ไม่ได้
แล้วเหมือนพี่ดินจะรู้ว่าโดนแกล้งจึงผละปากจากต้นคอมางับที่ใบหูแทน  จนกอหญ้าขนลุกชัน

“พี่ดิน คนดี ไม่แกล้งกันนะ”

กอหญ้าร้องห้ามอย่างไม่จริงจังนัก  แต่ก็ได้ผลเมื่อพี่ดินทิ้งตัวลงนอนหงายแล้วดึงตัวเขาไปเกยบนอก
งึมงำบอกรักแล้วก็ลูบหลังให้จนกอหญ้าเคลิ้มและทั้งสองก็หลับตามกันไปในที่สุด


ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
รักในวัยเด็กช่างฝังใจนัก  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ในที่สุด  ฟ้า(ผู้แต่ง)ก็ประทานคู่มาให้นุ้งกริช  อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด