ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ  (อ่าน 34980 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จะรอตอนต่อไปจ้าาา นานแค่ไหน เอ้ย... อย่าให้นานมากนะจ๊ะ คนอ่านจะลงแดงซะก่อน

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 30 เหตุวุ่นวาย 3

กองทัพนักข่าวจากหลายสำนักต่างพากันมาปักหลักอยู่ตรงทางเข้าไร่
โดยมีการส่งตัวแทนเข้ามาขอพบเจ้าของไร่  เพื่อขอสัมภาษณ์ข้ามฟ้า
ตามที่มีคนให้ข่าวว่าเจ้าตัวมาพักอยู่ที่ไร่เขตแผ่นดิน  และมีการคบหา
ดูใจกับลูกชายเจ้าของไร่อีกด้วย

ข่าวดังกล่าวยังไม่มีสื่อฉบับไหนกล้านำเสนอออกไป  เพราะกลัวต้นสังกัด
จะฟ้องร้องเอาได้  หากข่าวไม่เป็นความจริงขึ้นมา  ทั้งหมดจึงได้พยายาม
เสาะแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อไปทำข่าว

“พี่คะน้า  เราจะทำยังไงกันดี  ข้าวพูดได้ทุกเรื่องอยู่แล้วที่เป็นเรื่องจริง
ไม่ว่าจะเรื่องอุบัติเหตุหรือแม้แต่เรื่องพี่ดิน”
กอหญ้าดูร้อนรนทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ว่าปากทางเข้าไร่เกิดความวุ่นวาย

“พี่ว่ารอเฮียก่อนดีกว่า  หรือไม่เราต้องหาทางออกไปจากไร่นี้ก่อน…
ไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ ดีมั้ยล่ะ”
พี่คะน้าออกความคิดเห็น

“ข้าวยังไม่พร้อมรับงาน  ถ้าเป็นไปได้ข้าวอยากจะขออยู่ที่นี่อีกสักหน่อย
ค่อยกลับไปเคลียร์  แต่ตอนนี้พี่คะน้าช่วยข้าวก่อนเถอะ…นะครับ”
กอหญ้าอ้อนวอนผู้จัดการส่วนตัวของเขา

“เรื่องนี้คงจะเป็นน้าช่อแน่ๆ ที่ทำให้มันเป็นข่าว ร้ายกาจจริงๆ”
คะน้าปักใจว่าเป็นฝีมือของน้าช่อไปแล้วบวกกับมีปากเสียงกันก่อนไปด้วย

“น้าช่อคงจะโกรธที่ข้าวไม่ยอมกลับไปช่วยเธอ…เรื่องเงิน”
กอหญ้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันเพราะไม่น่าจะมีใครเข้าข่ายต้องสงสัยอีก

“เขากอบโกยไปจากข้าวมากมายจนเกินพอแล้ว  ไม่นึกละอายแก่ใจเลยหรือไง
พี่ละเกลียดความใจดีของข้าวจริงๆที่ยอมแม่ปลิงดูดเลือดเนี่ยมานาน
หยุดให้ความช่วยเหลือ ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างเถอะน้องพี่”
พี่คะน้าพูดอย่างไม่ถนอมน้ำใจ เพื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะหัดเป็นคนหัวแข็งขึ้นมาบ้าง

คะน้าลุกไปเมื่อมีสายโทรเข้ามา  ส่วนกอหญ้าได้แต่นั่งรออย่างกระสับกระส่าย
เมื่อเห็นผู้จัดการสาวเดินเวียนวนอยู่เป็นนานสองนานทั้งที่จะนั่งคุยกันต่อหน้าก็ได้
ทำให้ยิ่งอยากรู้ว่าปลายสายมีข้อสรุปอะไรให้ อยากจะเจอพี่ดินก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน
 
“พี่คะน้า  เฮียว่าไงบ้างฮะ  ให้พูดหรือจะให้หนีนักข่าว  ข้าวว่ากลับกรุงเทพฯเลยดีกว่า
ไม่อยากอยู่สร้างความหนักใจให้คนที่นี่แล้ว แต่ก่อนไปขอลาพี่ดินก่อนนะ”
กอหญ้าพูดอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว  แม้หนทางที่ว่านี้เขาไม่อยากจะทำเลยก็ตาม

“อืม…ตัดสินใจได้อย่างนี้ก็ดี  เฮียบอกมาว่าอยากให้เข้าไปคุยกัน  เปิดแถลงข่าวที่นั่น
หากเราให้ข่าวจากที่นี่มันจะเข้าทางคนที่ต้องการใส่สีตีข่าวที่นี้จะสนุกปากกันไปใหญ่”
พี่คะน้ามีสีหน้าที่ดีขึ้น พลันพี่ดินก็เดินเข้ามาในห้อง พี่คะน้าเห็นดังนั้นจึงขอตัวออกไป

“พี่ดิน  กอหญ้าจะกลับไปกรุงเทพฯ ไปเคลียร์ทุกเรื่องและจะกลับมา…พี่ดินจะรอ…ใช่ไหมครับ”
กอหญ้าเข้าไปกอดแผ่นดินที่กอดตอบ เจ้าตัวช้อนตาขึ้นมองหน้าคนตัวโต

“ใช่ครับ…พี่จะรอ..กลับมานะ”
พี่ดินพูดแล้วก็ลูบหลังเขาไปมา ความอ่อนโยนที่ได้รับนี้หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว

“รักพี่ดินนะ สัญญาแล้วนะ พี่ดินห้ามผิดสัญญา…ห้ามไปมีคนอื่นนะครับ”
แล้วเจ้าตัวก็จูบที่แผงคอและปลายคาง เรื่อยลงมาที่กลีบปากของคนตัวโตอย่างแผ่วเบา
โหยหาและอาลัยอาวรณ์ไปพร้อมๆ กัน

“พี่ดิน…เป็นของกอหญ้าแล้ว…สัญญาว่าจะรอก็ต้องรอ อย่าลืม!”
คนตาสวยที่ตอนนี้ตาฉ่ำไปด้วยน้ำตาที่พร้อมจะหยดออกมาได้ทุกเมื่อ

“พี่ไม่ลืมแน่นอน…ห้ามรับงานโป๊เปลือย พี่ดูคนเดียวพอครับไม่ต้องให้คนอื่นมาช่วยดู
เข้าใจนะ…ถ้าดื้อ…พี่จะไปหาถึงที่…จะทำรอยให้ทั่วตัวเลย ดูสิ! จะกล้าโชว์ใครอีกมั้ย ไม่ต้อง
มาจ้องหน้าพี่เลย พี่ทำจริงๆ ที่อยู่พี่ก็รู้แล้วด้วยจะที่คอนโดเอย ที่ทำงานเอย ตามตัวได้ไม่ยาก”

แผ่นดินคาดโทษหน้าตาไม่ได้ล้อกันเล่นสักนิด จนกอหญ้าเผลอยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

“พี่ดิน  ทำไมถึงได้ร้ายกาจแบบนี้…ไปให้ได้จริงๆอย่างปากพูดก็แล้วกันเหอะ อย่าให้เก้อล่ะ”
กอหญ้ายื่นปากไปจุ๊บที่ปากคนตัวโตกว่าไปอีกที

แผ่นดินเห็นคนตัวบางตรงหน้าอ้อนอย่างกับลูกแมวให้นึกอยากจะกักไว้ข้างกายไม่อยากปล่อย
ให้ไปไกลหูไกลตาเลยจริงๆ หากเขาจะทำได้

คะน้าโทรให้บอสใหญ่ออกข่าวว่าข้ามฟ้าอยู่ที่กรุงเทพฯ และเตรียมจะเปิดแถลงข่าวต่อเสื่อมวลชน
ทุกแขนงที่ต้องการทำข่าว  เพื่อเบี่ยงเบนนักข่าวให้กลับออกไปจากไร่เขตแผ่นดินเสียก่อน 
เธอและข้ามฟ้าจะได้เดินทางออกจากไร่ได้สะดวกขึ้น

“ข้าวเตรียมตัวเถอะ เฮียปล่อยข่าวไปแล้ว  ตอนนี้ทางสะดวกแล้วด้วย”
คะน้ารีบมาแจ้งข่าวกับกอหญ้า
“พี่ดินไปส่งกอหญ้าไหมครับ ของใช้ไม่เอาอะไรไปนะ  เสร็จงานก็กลับแล้ว”
กอหญ้าพูดทำเอาคนฟังหน้าชื่นขึ้นมาบ้าง

“ไปส่งอยู่แล้วครับ แต่กอหญ้าต้องไปลาคุณย่ากับพ่อเขตก่อนนะ  เด็กดี”
กอหญ้าพยักหน้ามันเป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว 

กอหญ้าเข้าไปกราบลาผู้ใหญ่ทั้งสองของบ้านที่ให้ความเอ็นดูเขาอย่างไม่นึกรังเกียจ
แม้จะไม่รู้ถึงหัวนอนปลายเท้าเขามาก่อนเลยก็ตาม บ้านนี้ยังทำดีกับเขามากขนาดนี้
“พ่อข้ามฟ้าของย่า รีบไปแล้วก็รีบๆ กลับมาหาย่านะลูก  กลับมาบ้านของเรา
ไหนย่าขอกอดอีกทีสิ”
คุณย่าทับทิมหอมแก้มแถมท้ายอีกฟอดสองฟอด

“คุณย่าดูแลตัวเองด้วยนะครับ เสร็จงานกอหญ้าจะรีบกลับมาครับ”
กอหญ้ากอดคุณย่าและหอมแก้มท่าน ทำเอาผู้สูงวัยยิ้มแก้มแทบปริ


มิ่งเป็นคนมาขับรถให้มีคะน้านั่งเบาะหน้า  กอหญ้าและแผ่นดินนั่งกุมมือกันไปตลอดทาง
กอหญ้านั่งซบไหล่คนรักไม่ห่าง

ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันที่ไร่ถึงจะเป็นช่วงเวลาเพียงสั้นๆ แต่มิตรภาพและความผูกพัน
ได้ก่อเกิดขึ้นแล้ว  เช่นเดียวกับสายใยแห่งรักที่ถักทอเป็นรูปเป็นร่างที่แน่นหนากว่าครั้งใดๆ
ที่เคยเกิดขึ้นมา  กลิ่นกายและลมหายใจที่รินรดกันในทุกค่ำคืนก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าจะไม่
โหยหาถึงกัน...เมื่อยามไกลห่าง

“กอหญ้า รักพี่ดิน นะครับ”
พูดทั้งน้ำตา  แผ่นดินเกลี่ยน้ำตาให้และกดจูบที่หน้าผากมนไปเบาๆ

“ครับคนดี…พี่เชื่อครับ ถ้าพี่ว่างจากงานจะไปหานะ…ห้ามดื้อล่ะ ทานข้าวให้ครบมื้อ
…แล้วก็ระวังตัวด้วย”
พี่ดินพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนใจดีไม่เปลี่ยน

“พี่ดินก็ด้วยเหมือนกันนะ  ต้องดูแลตัวเองให้ดี…ห้ามเป็นอะไรนะครับ”
กอหญ้าพูดจบก็ยกมือขวาขึ้นมาลูบไล้มือที่กรอบหน้าไม่ปล่อย  แผ่นดินพยักหน้า
แล้วจึงดึงคนตัวบางให้เอนลงมาหาและกอดกระชับแน่นเข้า  มือก็ลูบหลังไหล่ไม่หยุด

ในความโชคร้ายที่กอหญ้าได้รับ มันมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่มากมายภายใต้ชายคาของบ้านไร่เขตแผ่นดิน
กอหญ้าจะกลับมาสู่อ้อมกอดของผู้ชายที่ชื่อว่าแผ่นดิน เขาสัญญากับตัวเอง


“นายดินครับ คุณกอหญ้าจะกลับมาอีกจริงๆ ใช่ไหมครับ”
มิ่งถามนายตัวเองเมื่อส่งทั้งสองขึ้นเครื่องแล้ว

“แน่นอนสิ  กลับมาแน่และก็จะไม่ไปไหนอีก”
แผ่นดินพูดอย่างหมายมาด

“แล้วนายให้ขวัญมันไปตามดูคุณกอหญ้าเหรอครับ  เห็นมันมาเก็บกระเป๋าเดินทาง
บอกนายให้ไปทำงานไกลมาก”
มิ่งถามออกไปตรงๆ อย่างสงสัยใคร่รู้ เพราะคู่แฝดบอกให้ถามเจ้านายเอาเอง

“เออ! ให้มันไปเปิดหูเปิดตาสักพักน่ะ  ขี้คร้านพอหลงแสงสีไม่อยากจะกลับมาบ้านป่าเป็นแน่”
แผ่นดินแกล้งพูด ทำเอามิ่งหน้าตาตื่น

“นายดิน ใจดีเกินไปแล้วมั้งครับ  งานแบบนั้นทำไมไม่ให้ผมทำล่ะ โธ่ๆ เสร็จกัน ไอ้ขวัญมันก็เปรม
ไปเลยสิครับ นายอ่ะ”
แล้วมิ่งก็ทำงอนนายของมัน

“เห๊ย! ไอ้มิ่ง ข้าส่งมันไปทำงาน ไปดูแลนายหญิงของไร่ ไม่ได้ให้มันไปเที่ยวนะ  เข้าใจเสียใหม่
อย่าไปอิจฉามันเลยว่ะ งานที่มันไปทำก็ไม่ใช่ง่ายๆ นะเอ็ง  ตะกี้มันส่งข่าวว่าถึงกรุงเทพฯ แล้ว”
นายดินพูด สีหน้ามีความสุข มิ่งมองแล้วก็ได้แต่ลอบยิ้มตามไปด้วย

`นายหญิง…ก็ดีนะ ถ้าเป็นคุณกอหญ้า`
 แล้วรถก็แล่นมาจนถึงไร่เขตแผ่นดิน

“พ่อดิน  ย่าทวดบอกว่า  อากอหญ้าไม่อยู่กับเราแล้วเหรอครับ”
เด็กชายวิ่งเข้ามาถามทันทีที่เจอหน้าพ่อ

“อากอหญ้ากลับไปทำงานครับ  เสร็จงานก็จะกลับมาอยู่กับพวกเราไงล่ะลูก”
แผ่นดินบอกกับลูกชายตัวน้อย

“ทำไม  อากอหญ้าไม่บอกกล้าก่อนล่ะ  ไม่น่ารักเลย”
เด็กชายพูดใบหน้าเศร้าสร้อย

“ก็ต้นกล้าไปโรงเรียนนี่ครับ  อากอหญ้ารีบมากๆ ถึงไม่ได้อยู่รอลูก ไม่โกรธอากอหญ้านะครับ
เดี๋ยวพ่อจะบอกอากอหญ้าว่าต้นกล้าคิดถึง  ดีไหมครับ”
เด็กชายพยักหน้าแล้วจึงยิ้มออกมาได้

“อย่าลืมบอกอากอหญ้า จริงๆ นะฮะ”
คนลูกสำทับ คนพ่อพยักหน้า และขยี้ผมลูก แล้วเด็กชายก็กลับเข้าบ้านไปเล่นกับน้อง

“พี่ดิน พ่อบอกว่ากอหญ้ากลับไปกรุงเทพฯ แล้ว ทำไมไม่รอกันก่อนล่ะ”
ฐานทัพท้วงติงมากับพี่ชาย

“พี่ดิน พี่กอหญ้ากลับไปแล้วจริงเหรอฮะ ทำไมผมไม่รู้ล่ะ ทำไมกัน?”
เจ้ากริชก็ตีโพยตีพายขึ้นมาอีกคน

“ใจเย็นๆ กันก่อน กอหญ้ามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ เดี๋ยวค่ำๆ จะมีเปิดแถลงข่าวนะ
เมื่อเช้ากองทัพนักข่าวมาออกันเต็มปากทางเข้าไร่ของเราน่ะ  ต้นสังกัดเขาจึงเรียกตัวกลับไปด่วน
รอดูข่าวเย็นนี้เถอะ”
แผ่นดินบอกข่าวให้น้องๆ รับรู้

“อ่อ…แล้วพี่เค้าจะกลับมาอีกไหมล่ะ…พี่ดิน”
กริชถามพี่ชายเสียงอ่อนลง

“มาสิ! เขาบอกว่าจะกลับมา”
แผ่นดินมีแววตามุ่งหวังอย่างเห็นได้ชัด

“พี่ชายไม่ห่วงพี่สะใภ้รึไง…มีแม่เลี้ยงใจร้ายจ้องจะจับส่งให้พวกเสี่ย…ไม่ใช่เหรอพี่”
ฐานทัพกระตุ้นเตือนพี่ชาย

“ก็ลองดู! ได้เห็นดีกัน! ของๆ พี่ใครก็มาแตะต้องไม่ได้  ยิ่งเป็นของรัก! ของหวง! ด้วยแล้ว
…ไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหมพี่ก็ไม่เว้น”
แผ่นดินพูดดวงตาวาวโรจน์อย่างลืมตัว

“หูย….น่ากลัว กริชมึงก็ห้ามไปยุ่งของพี่เขานะเว่ย! เป็นได้แค่แฟนคลับ หรือจะเป็นมดแดง
แฝงพวงมะม่วงก็เลือกเอานะน้อง”
ฐานทัพทำขนพองสยองเกล้าที่เห็นพี่ชายในท่าทางแบบนั้น

“หึ หึ หึ”
แผ่นดินรู้สึกตัวจึงหัวเราะร่วนกลบเกลื่อนทันที สามพี่น้องจึงคุยกันอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน


“นายดินครับ! คุณย่าท่านให้หาครับ  บอกว่ามีข่าวของคุณกอหญ้าให้เข้าไปดูครับ”
เพชรเดินออกมาตามแผ่นดิน เพราะเห็นคุยกันไม่มีทีท่าว่าจะมีใครเข้าบ้านเลยสักคน
พอเอ่ยชื่อคุณกอหญ้าออกมาเท่านั้น  สามคนพี่น้องแทบจะวิ่งกันเลยทีเดียว  ทำเอาฃ
คนบอกข่าวแทบหลบทางให้เกือบไม่ทัน

“มาแล้วครับคุณย่า  อืม…นั่นเค้ากำลังจะพูดแล้วนี่ฮะ”
แผ่นดินรีบเข้าไปนั่งข้างๆ คุณย่า

“หูย…เจ้ากริชพี่สะใภ้แก ทำไมดูหล่อจังว่ะ! ขึ้นกล้องดีแท้”
ฐานทัพพูดขึ้น  ทำเอากริชยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย  ส่วนคุณย่าก็มองตาไม่กะพริบ

“ก็เขาหล่อมาตั้งแต่เกิดนี่พี่ทัพ  หน้าจริงด้วยนะไม่ได้ผ่านมีดหมอเลย ถามผมๆ ผมเป็นแฟนคลับ
กริชพูดอย่างภาคภูมิใจ  ฐานทัพทำปากเบะใส่น้องชายด้วยความหมั่นไส้








ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะแถลงว่าอย่างไรหว่า?

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 31 ออกสื่อ

กอหญ้าเดินเข้าไปในห้องสำหรับจัดแถลงข่าวตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะยาวซึ่งทีมงานจัดไว้ให้
ท่ามกลางสื่อมวลชนที่รายล้อมและไมโครโฟนหลายสิบอัน  สีหน้ายิ้มแย้มไม่บ่งบอกถึง
ความวิตกกังวลใดๆ วันนี้พี่คะน้าจัดเสื้อผ้าเป็นกางเกงสแล็คสีดำกับเชิ้ตเข้ารูปสีน้ำเงินลายจุด
แขนยาวแต่เขาเลือกที่จะพับแขนไว้ประมาณข้อศอก  และเมื่อนั่งลงเรียบร้อยสื่อมวลชนก็พากัน
กดชัตเตอร์แบบรัวๆ

“สวัสดีครับ  พี่ๆ สื่อมวลชน  ก่อนอื่นต้องขอกล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจในตัวผมและ
สนับสนุนกันมาตลอด  จากข่าวลือต่างๆนานา ที่ทุกคนได้ยินได้ฟังมาอาจจะมีทั้งเรื่องจริงและ
ไม่จริงปะปนกัน  ดังนั้นมาฟังจากปากของผมเองจะดีกว่านะครับ  ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันแล้ว
ก็ไม่ทำให้ทุกคนเหนื่อยวิ่งหาข่าวกันด้วย  จริงไหมฮะ”

สีหน้าและแววตาที่ฉายออกมามีทั้งความเด็ดเดี่ยว  ตรงไปตรงมาดูจริงใจอย่างยิ่ง

“ถือว่าเด็ดสิครับ  พี่สะใภ้ของผม”
กริชยักคิ้ว หน้าทะเล้นในแบบฉบับของเขา

“ก่อนหน้านี้ที่ผมหายไป  เพราะ…เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำในระหว่างเที่ยวพักผ่อน
ที่เชียงใหม่  อย่างที่ทุกคนเห็นรอยแผลเป็นที่ใบหน้าซีกขวานี้นะครับ  ผมต้องผ่า
ตัดสมองเพราะมีเลือดคั่ง  และเมื่อผ่าตัดเสร็จสิ้นผลออกมา…ผมเกิดความจำเสื่อม
แบบชั่วคราว  ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นเดือนๆ ในตอนนั้นผมได้คุณแผ่นดิน สิทธิปกรณ์กุล
ลูกชายคนโตของไร่เขตแผ่นดินให้ความช่วยเหลือ…รับเป็นเจ้าของไข้ให้ด้วย
เมื่อผมออกจากโรงพยาบาลก็ให้ไปพักฟื้นอยู่ที่ไร่เขตแผ่นดิน  ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นั่น
ทุกคนให้การดูแลเอาใจใส่  โดยไม่มีใครทราบว่าผมคือ ข้ามฟ้า เหนือเวหาด้วยซ้ำไป”

ในระหว่างที่เจ้าตัวเล่านั้นดวงตาเปล่งประกายหวานอย่างเห็นได้ชัด 
จนแผ่นดินเผลอยิ้มตามคนในจอไปด้วย

“ผมเป็นหนี้ชีวิตพี่ดิน  ชาตินี้ผมข้ามฟ้า  เหนือเวหาจะไม่มีวันลืมว่า…ที่ผมรอดชีวิต
และกลับมายืนตรงจุดนี้ได้เพราะผู้ชายคนนั้นครับ”

กอหญ้าหยุดพูดแค่นั้น  ช่วงเวลาที่ทุกคนรอก็มาถึงเมื่อมีนักข่าวคนหนึ่งถามคำถามแรกออกมา

“มีคนถ่ายรูปคุณข้ามฟ้ากับคุณแผ่นดิน…ตอนที่คุณสองคนไปเลือกซื้อแหวนเป็นความจริง
หรือไม่ครับ  แล้วสรุปคุณข้ามฟ้าเป็นเกย์หรือเปล่า”

เมื่อคำถามจบก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น  สีหน้าของข้ามฟ้าดูนิ่งเรียบในทีแรกและไม่ออกอาการ
ว่าจะสะทกสะท้านเลย  เจ้าตัวแย้มยิ้มขึ้นมานิดก่อนจะตอบคำถาม

“ผมกับพี่ดินเราคบกันครับ…การที่เราใจตรงกัน…รักกัน…จะเรียกว่าเป็นเกย์หรืออะไรก็ตาม
โดยส่วนตัวของผมมองว่าหากเราเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่…คนที่รักในความเป็นตัวเรา
ไม่ได้คิดที่จะรักชอบเพราะความโด่งดังหรือความคู่ควรในเรื่องฐานะหรือชาติกำเนิด…
ใครที่รักผมโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเพศ…เขาคนนั้นก็คือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับผมแล้วครับ
…ผมไม่แคร์หากเรื่องของผมจะทำให้คนที่ชื่นชอบในตัวของผมผิดหวังหรือรับในสิ่งที่ผม
เป็นไม่ได้…เลิกให้ความสนใจหรือลดความนิยมในตัวผม...ผมก็น้อมรับผลของมันอย่าง
เต็มใจครับ  และผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าคนที่รักผมด้วยใจจริง ๆจะยังคงรักผมไม่เปลี่ยน
จริงไหมครับ”

แผ่นดินฉีกยิ้มตามเมื่อได้ยินคนรักพูดออกสื่อแบบนั้น

“นี่สิ! แบบนี้แหละพี่ข้าวของผม  แรงได้ใจและชัดเจนพอไหม”
เป็นเสียงเจ้ากริชอีกตามเคย  จนแผ่นดินต้องยกมือขึ้นมาขยี้หัวน้องชายอย่างเอ็นดู

“ก่อนหน้านี้เราทราบมาว่าคุณข้ามฟ้าคบหาอยู่กับคุณไอริณไม่ใช่เหรอครับ
เพราะเธอไปหมั้นกับคุณตฤนลูกชายนักการเมืองหรือเปล่า  จึงทำให้คุณสร้างกระแส
เรื่องคุณแผ่นดินขึ้นมา  คุณทำเพื่อประชดคุณไอริณใช่หรือไม่ครับ”

นักข่าวอีกคนถามขึ้นมา  สร้างเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง

“กับไอริณ  ผมไม่ขอพูดพาดพิงถึงเธอจะดีกว่านะครับ  เอาเป็นว่าเราเคยเป็นเพื่อนที่ดี
ต่อกัน…แค่นั้นครับ”
กอหญ้าตอบด้วยใบหน้าที่เฉยเมยและไร้อารมณ์เอามากๆ

“ขออีกสักคำถามครับคุณข้ามฟ้า  เรื่องมารดาของคุณที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
และคุณไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร  มันเป็นเรื่องจริงหรือครับ”

นักข่าวถามเรื่องที่เจ้าตัวพยายามเลี่ยงไม่ตอบมาตลอดสามปีจนได้
ข้ามฟ้าหน้าเจื่อน  แววตาไหววูบ  จนแผ่นดินที่เป็นผู้ชมอยู่ทางบ้านยังสัมผัสได้
เขานึกอยากจะกระชากคอไอ้คนที่มันกล้าตั้งคำถามนี้ออกมาให้พ้นๆ นัก
อยากจะเอากำปั้นอัดที่หน้ามันไปสักหมัดสองหมัดที่กล้าถามคำถามที่ไม่ควร
จะถามแบบนี้ออกมา

“ไหนๆ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทุกคนอยากทราบและพยายามขุดคุ้ยกันมาตลอด
ตั้งแต่ที่ผมเข้าวงการมาแล้ว  ผมขอพูดตรงนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเลยแล้ว
กันครับว่า…ผมเป็นลูกพ่อกรณ์และแม่ของผมนั้น…ผมรู้แค่ว่าชื่อทิพย์  พ่อกับแม่
พบรักกันในช่วงวัยเรียน  ท่านทั้งสองยังไม่พร้อมที่จะมีผมเลยด้วยซ้ำในตอนนั้น
แต่คุณแม่ท่านก็เก็บผมไว้  พอคลอดผมออกมา…ด้วยความไม่พร้อมนั้นทำให้ท่าน
ตัดสินใจไปจากผมและคุณพ่อ  ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลที่ท่านได้เลือกแล้วล่ะครับ
เอาเป็นว่า…ผมได้มีวันนี้ก็เพราะท่าน…ได้ให้ชีวิตผม…ถึงได้มีนายข้ามฟ้าวันนี้”

กอหญ้าพูด  ดวงตาหม่นแสงและไหววูบลงอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่

“แล้วคุณข้ามฟ้าไม่คิดที่จะตามหาท่านเหรอครับ  หรือถ้าคุณแม่คุณดูอยู่ทางบ้านตอนนี้
คุณอยากฝากบอกอะไรกับท่านไหมครับ”

คำถามต่อมาก็ตามมาอีกจนได้  เหมือนจะขยี้และตอกย้ำตรงสะเก็ดแผลยังไงยังงั้น

แผ่นดินผุดลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด  เขาสงสารคนรักที่ต้องมานั่งปั้นหน้าตอบคำถามที่
เป็นปมในใจแบบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกบีบคั้นแค่ไหนที่ต้องเอ่ยปากพูดออกมา

“ไม่ล่ะครับผมไม่อยากตามหาท่าน  เพราะคงไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องไปตามหา
แต่ถ้าหากว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้…ผมก็ขอให้ท่านมีความสุขในชีวิตและในทุกๆ
วันก็แล้วกันนะครับ”

กอหญ้าพูด  และคงจะเป็นคำตอบสุดท้ายแล้วเพราะผู้จัดการส่วนตัวได้มาดึงตัวชายหนุ่ม
ให้ลุกขึ้นจากโต๊ะสัมภาษณ์ทั้งที่มีไมค์ตามมาจ่ออีก

“ขออีกคำถามเป็นคำถามสุดท้ายครับ  คุณแผ่นดินกับคุณข้ามฟ้าอยู่ห่างไกลกันอย่างนี้
จะไม่เป็นอุปสรรคของความรักเหรอครับ”
กอหญ้ายิ้มให้กล้องและส่ายหน้ า ก่อนจะพูดขึ้นในทันที

“ที่ผมกลับมาครั้งนี้เพื่อมาเคลียร์งานที่ยังมีสัญญากันอยู่กับทางต้นสังกัด
แล้วผมจะขอพักงานทั้งหมดครับ  ผมจะกลับไปหาพี่ดิน…ไปตามหัวใจ
พี่ดินบอกจะรอผมครับ  ผมเชื่อว่าเขารอผมจริงๆ ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชน
ที่เปิดโอกาสให้ผมได้พูดในวันนี้  และผมก็ขอขอบคุณผู้ชมและแฟนๆ
ทุกคนที่ชื่นชอบและติดตามผลงานของผมด้วยดีเสมอมาและคอยเป็น
กำลังใจให้กัน  ผมจะทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหลือเพื่อตอบแทน
ความรักที่ทุกคนให้ผมมาครับ”
แล้วกอหญ้าก็ไหว้ลาทุกคน  แล้วโบกไม้โบกมือยิ้มให้กับกล้อง

“หนูกอหญ้าของย่านี่พูดได้ดีจริงๆ เลยนะเจ้าดิน อ้าว! ซาบซึ้งจนใจลอยไป
ไกลแล้ว  พี่แกน่ะเจ้าทัพ  กริชดูมันให้ย่าที”
ฐานทัพจึงหันไปสะกิดพี่ชาย  ทำเอาแผ่นดินสะดุ้งโหยงหลุดออกจากภวังค์

“อะไร  มีอะไรวะ ทัพ”
แผ่นดินหันมาถามน้อง  เขาไม่ได้ยินที่คุณย่าพูดเลยด้วยซ้ำ

“ก็พี่ดินใจลอย  คุณย่าให้เรียกน่ะสิครับ”
กริชตอบแทนฐานทัพที่เบ้ปากใส่

“อ่อ! ผมคิดถึงเขาน่ะครับคุณย่า  อยากให้กอหญ้ากลับมาวันนี้เลยน่ะ เห้อ!”
แผ่นดินทอดถอนใจออกมาอย่างยืดยาว

“เป็นเอามากนะเจ้าดิน  เขาก็บอกอยู่ว่าจะกลับมา  แกก็บอกว่าจะรอนี่นา…ก็ต้องรอต่อไปสิ”
พ่อเขตพูดจากที่นั่งฟังมาเงียบๆ อยู่ตั้งนาน

“รอน่ะมันต้องรออยู่แล้วล่ะครับพ่อ  แต่คนมันคิดถึงนี่ครับ  เคยได้กอดนอนทุกคืน
ต้องมานอนคนเดียวเนี่ย อุ๊บ!!!”
แผ่นดินปิดปากฉับเมื่อหลุดปากพูดออกไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ทันแล้วครับพี่ชาย ได้ยินกันอย่างชัดๆเต็มสองหูเลย
แล้วยังรอยที่คอกอหญ้าเมื่อวานอีกก็เห็นๆกันอยู่ โดนเสียแล้วกอหญ้าเอ๊ย!”
ฐานทัพทำเป็นรำพึงรำพัน แต่เป็นความต้องการแฉซะมากกว่า

“เจ้าดิน นี่แก! แกไปรังแกหนูกอหญ้าของย่าแล้วเหรอ…โธ่ๆ”
คุณย่ามีสีหน้าผิดหวังหน่อยๆ

“คุณย่า  คนรักกันก็ต้องจับจองเป็นเจ้าของกันสิครับ  ขืนปล่อยไว้จะถูกหยามว่าไม่เป็น
ลูกผู้ชายนะครับ  ถูกไล่ให้ไปบวชขึ้นมาจะทำไง ฮ่าฮ่าฮ่า”
ฐานทัพกับกริชสะบัดหน้าใส่แผ่นดินพรืดเลย  แล้วก็พากันลุกขึ้นยืน

“หึ้ย!... ไปหาข้าวกินดีกว่า  ไปที่ห้องอาหารกันเถอะครับพ่อ ย่าด้วย
ไอ้สองแสบหิวตายแล้วมั้งป่านนี้”
ฐานทัพชวนให้ไปกินมื้อเย็น  ด้วยความหมั่นไส้พี่ชาย

“อ้าว! เด็กๆ กำลังทานข้าวกันเหรอครับ ไหนๆ …จะอิ่มแล้วนี่ กินกันต่อเลยลูก”
แผ่นดินเดินเข้ามาเจอหนูน้อยทั้งสองกำลังมีพี่เลี้ยงพากินข้าวอยู่ที่โต๊ะ

“น้องๆ บ่นหิวกันน่ะค่ะ  แตงโมเห็นผู้ใหญ่คุยกันนาน  ก็เลยพามาทานก่อนน่ะค่ะ”
พี่เลี้ยงเด็กตอบแทนเด็กๆ ที่เคี้ยวอาหารกันแก้มตุ่ย

“ไม่เป็นไรแตงโม ทำดีแล้วล่ะ”
แผ่นดินบอกกับพี่เลี้ยงเด็ก  เธอจึงยิ้มแป้นที่ได้รับคำชม

“พี่ดิน พี่กลายเป็นคนดังไปแล้วนะ  ทำไงกันดีล่ะ  ผมไปไหนมาไหนก็ต้องมีคนรู้จัก
มาถามไถ่เรื่องพี่กับกอหญ้าน่ะสิ ดังแน่ ๆคราวนี้”
ฐานทัพพูดพลางยกยิ้มเป็นปลื้มแทนพี่ชายไปด้วย

“อืม…ก็มีพี่สะใภ้เป็นดารานี่เนาะ”
กริชพูดอย่างภาคภูมิอีกคน

“พี่ดิน แล้วอย่างนี้สาวๆของพี่ ไม่อกหักกันหมดเลยเหรอครับ”
ฐานทัพเอ่ยถามพี่ชาย

“พี่ก็ไม่เคยให้ความหวังใครเขานะ ก็อย่างที่เห็นเบื่อแล้วจริงๆ ว่ะผู้หญิง”
แผ่นดินพูดอย่างไม่อ้อมค้อม

“นายเขตครับ นายดินครับ แม่เลี้ยงข้าวทิพย์มาครับ ท่านมาขอพบนายเขตกับนายดิน
น่ะครับ  ผมเชิญให้นั่งรอที่ห้องรับแขกแล้วนะครับตอนนี้”
เพชรเข้ามารายงาน  ทำให้สองคนพ่อลูกรีบรวบช้อน  แล้วพากันลุกขึ้นทันที

“ทานกันไปก่อนนะ  เดี๋ยวผมกับพ่อไปพบท่านก่อน  ไม่รู้ว่ามีเรื่องด่วนอะไร”
แผ่นดินหันมาบอกคุณย่า  ส่วนพ่อเขตเดินนำออกไปก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ  น้าข้าวทิพย์  มาคนเดียวเหรอครับ  ทานข้าวกันก่อนมั้ยครับ”
แผ่นดินทักหญิงกลางคนที่นั่งอยู่ที่ชุดรับแขก  เธอรีบลุกขึ้นทันทีที่เจอเจ้าบ้าน
และลูกชายออกมา

“ขอโทษที่มารบกวนค่ำมืดอย่างนี้  พอดีมีเรื่องร้อนใจมากน่ะค่ะ”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ตาแดงๆ เหมือนว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างนั้น

“ไม่เป็นไรครับ…ยินดีเสมอ  นั่งลงก่อนเถอะครับคุณน้า  แล้วค่อยเล่านะฮะ”
แผ่นดินออกปากบอกกับเธอ  เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลนั้น

“นั่นสิ! แม่ทิพย์มีเรื่องอะไรร้อนใจนัก  ช่วยได้ก็จะช่วยล่ะนะ”
พ่อเขตพูดกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่

“พอดีมาทำธุระแถวนี้แล้วบังเอิญได้ดูข่าวที่ข้ามฟ้าให้สัมภาษณ์…เอ่อ
แล้วก็มีการพูดถึงแม่ของเขาด้วยน่ะค่ะ”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์น้ำตาไหลลงมา

“ครับ  แล้วทำไมเหรอครับ  คือคุณน้ารู้จักแม่ของกอหญ้าเหรอครับ”
แผ่นดินโพล่งขึ้นมาทันที

“น้า…เอ่อคือ  น้าเห็นว่าพ่อดินกำลังคบหากับหนูกอหญ้าก็เลยอยากให้พ่อดินช่วย คือ น้า…”
เธอร้องไห้อีกแล้ว  ทำเอาแผ่นดินกับพ่อมองหน้ากันด้วยไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอดี
เพราะยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ  พอดีคุณย่าเดินออกมาจากห้องทานข้าว

“อ้าว! แม่ทิพย์เป็นอะไร  ร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต  มีเรื่องอะไร ไหนๆ เล่ามาสิ
เผื่อจะช่วยกันได้บ้าง”
คุณย่าเข้าไปลูบหลังปลอบประโลมยกใหญ่  ซึ่งยิ่งปลอบท่านก็ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก

“ทิพย์มันคนบาปค่ะคุณแม่  พี่เขต  ทิพย์ทิ้งลูก ฮือฮือฮือ”
พ่อเขตกับคุณย่า นิ่งอึ้งไป

“ยัยหนูข้าวหอมเหรอแม่ทิพย์  เลี้ยงลูกก็ต้องเข้าใจเขาหน่อยนะยิ่งกำลังเป็นช่วงวัยรุ่น
อย่าไปปิดกั้นเขาจนเกินไปนัก  ทำไมล่ะยัยหนูโกรธเอาหรือยังไงกัน หืม…”
คุณย่าคาดคะเน  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“ไม่ใช่ยัยข้าวหอมหรอกค่ะ ทิพย์มีลูกอีกคน พี่ของยัยข้าวหอม วันนี้ทิพย์เพิ่งรู้ว่าข้ามฟ้า
เอ่อ…เป็นลูกของทิพย์ …ลูกที่ทิพย์ทิ้งแกมาเมื่อตอนคลอดแกไม่กี่วัน ฮึกฮือฮือ…”
คุณย่า  พ่อเขต นั่งอ้าปากค้างไม่เว้นแม้แต่แผ่นดินเองที่ผุดลุกขึ้นทันที

“อะไรนะ!!!! คุณน้าพูดใหม่สิครับ! กอหญ้าเป็นลูกคุณน้าเหรอ”
แผ่นดินตกใจไม่แพ้กันเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ใช่จ้ะ…พ่อดิน  น้าทิ้งเขา  มันเป็นตราบาปติดตัวน้ามาจนทุกวันนี้
มันเป็นฝันร้ายที่น้าไม่เคยลืมเลย”

เธอพูดทั้งที่น้ำตานองหน้า  แผ่นดินหันมองหน้าคุณย่าและพ่อเขต
เรื่องบังเอิญที่เหลือเชื่อได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ใช่ไหม  แผ่นดินคิ้วขมวดมุ่น
เขารู้สึกหนักใจและเห็นใจคุณน้าช่อทิพย์ไปพร้อมๆ กัน นึกถึงคนที่น่าสงสาร
ของเขาด้วยที่มีแผลในใจมาตั้งแต่เกิด


*****************************
ตู้ม!!!!  เดี๋ยวมาต่อให้นะ วิ่งสิ! รอไร?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2019 13:45:16 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 31 :)
«ตอบ #68 เมื่อ01-04-2019 17:59:14 »



..ต้องกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ

เป็นกำลังใจคนเขียนค่า

 :mew1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 31 :)
«ตอบ #69 เมื่อ01-04-2019 21:54:16 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

แล้วไงต่อหล่ะ หลังจากคุณแม่ตัวจริงเผยโฉม

เดาได้ตั้งแต่ตอนเปิดตัวน้าช่อทิพย์แล้วหล่ะ  ว่าต้องเป็นแม่ข้ามฟ้าแน่

แต่...จะมีดราม่าไหมนะ?  คงไม่มีหรอก เพราะรู้สึกว่าทางสามีนางก็เป็นคนดีนี่นะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 31 :)
« ตอบ #69 เมื่อ: 01-04-2019 21:54:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 32 แม่เลี้ยงข้าวทิพย์

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เล่าเบื้องหลังชีวิตที่เธอเก็บเงียบไม่เคยแพร่งพรายให้ใคร
ได้ล่วงรู้มาก่อนให้คุณย่า พ่อเขต และแผ่นดินฟัง ชายหนุ่มคาดไม่ถึงว่าเขา
จะจุดไต้ตำตอถึงขนาดนี้

“น้าพบกับพี่กรณ์พ่อของกอหญ้า เราแอบมีความสัมพันธ์กัน จนน้าตั้งครรภ์
และไม่ได้ไปเรียน พี่กรณ์เป็นรุ่นพี่เขาเป็นคนดี แต่เพราะว่าเขาเองก็ต้อง
ทำงานไปด้วยและส่งตัวเองเรียนด้วย และฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีอะไร
จนความยากลำบากที่น้าเผชิญทำให้ตัดสินใจทิ้งลูกและพี่กรณ์กลับมาบ้าน
หลังจากนั้นไม่นานคุณแม่ก็ให้น้าแต่งงานกับพ่อเลี้ยงอเนกของปางไม้
จนมียัยข้าวหอม”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เล่าไป  สีหน้าหม่นหมองไม่น้อย

“แล้วพ่อเลี้ยงรู้เรื่องนี้ไหมครับคุณน้า”
แผ่นดินถามออกไป น้าทิพย์ส่ายหน้า


“ไม่มีใครทราบค่ะ ไม่มีใครรู้เลย  แต่มันก็เป็นแผลในใจของน้าเรื่อยมา”

“แล้วนี่จะให้ช่วยยังไงล่ะ  กอหญ้าก็พูดแล้วว่าไม่อยากตามหาแม่น่ะ”
คุณย่าพูดตามที่ได้ดูการให้สัมภาษณ์ไปเมื่อสักครู่

“ทิพย์แค่อยากเจอลูก อยากขอให้ลูกอภัยให้…เท่านั้นเอง”
เธอพูดแล้วก็ปล่อยโฮอีก

“เจ้าดินล่ะ คิดว่ายังไง แฟนเรานี่น่ะ พอจะรู้ไหมว่าเขาเป็นคนยังไงกัน”
คุณย่าถามหลานชาย

“เอ่อ…คุณน้าค่อยเป็นค่อยไปดีกว่านะครับเรื่องแบบนี้  มันเป็นเรื่อง
ละเอียดอ่อน  ผลีผลามไปไม่ดีแน่ครับ  เนื้อแท้แล้วกอหญ้าเป็นคน
จิตใจดี ไม่ได้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร  ดูอย่างแม่เลี้ยงเขามีแต่
สูบเลือดสูบเนื้อเขาก็ยังยอมให้ตลอด”

แผ่นดินเล่าตามความรู้สึกที่เขารู้สึกจากที่ได้รู้จักกอหญ้ามา

“พ่อก็ว่าค่อยๆ บอกกันจะดีกว่านะ แม่ทิพย์เองก็อย่าเพิ่งฟูมฟายไปนัก
ไปเคลียร์กับทางครอบครัวของตัวเองให้ดีเสียก่อน  ถ้าว่ากอหญ้าน่ะ
ใช่ลูกของตัวเองแน่ๆแล้ว”

พ่อเขตช่วยออกความเห็นอีกเสียงหนึ่ง

“กอหญ้าเขามีสร้อยทองคำขาวที่ห้อยด้วยจี้ไพลินล้อมเพชร
เขาบอกว่าเป็นของที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ใส่ติดตัวอยู่ตลอด
แต่ตอนที่ป่วยผมเก็บไว้ไม่ได้ให้เขาใส่  เพิ่งจะคืนให้ไปเมื่อ
สองวันนี้เอง  เป็นของคุณน้าหรือเปล่าครับ”
แผ่นดินถามไปตามที่คาใจ

“ใช่ๆ มันเป็นของคุณแม่ท่านให้น้าไว้  น้าถอดไว้ให้ลูก
ไม่คิดว่าพี่กรณ์จะยังเก็บรักษาไว้จนถึงตอนนี้”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ตอบทั้งน้ำตา

“ไว้คุณน้าเคลียร์กับทางบ้านลงตัวแล้วเราค่อยคิดหาวิธีบอก
กับกอหญ้ากันอีกทีนะครับ  คุณน้าอย่าเพิ่งเป็นกังวลเลย
เพราะถึงยังไงตอนนี้กอหญ้าก็เป็นคนรักของผม  ทุกคนที่นี่
ก็รักและเอ็นดูกอหญ้ากันทุกคนแหละครับ”

“น้าขอบคุณ  ดินมากๆ ที่ช่วยชีวิตลูกชายน้าไว้…ไม่อย่างนั้น
ชาตินี้น้าก็คงจะไม่มีโอกาสได้เจอลูกอีกเป็นแน่”

“ตอนนี้ผมส่งลูกน้องไปประกบกอหญ้าไว้แล้ว
เพราะมีแม่เลี้ยงที่หิวเงิน  คอยแต่จะหาประโยชน์
วันก่อนยังมาพูดว่าจะส่งกอหญ้าไปให้เสี่ย...
ยัยแม่เล้านี่ทำผมไม่ไว้ใจเอาซะเลย”

แผ่นดินเล่าแล้วยังนึกโมโหไม่หาย

“ตายจริงนี่มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ  น้าเป็นห่วงลูกแล้วสิ
ชื่อข้าวใช่ไหม ไม่คิดว่าพ่อเขาจะตั้งชื่อนี้  น้าเคยพูดกับ
เขาว่าอยากให้ลูกใช้ชื่อนี้   พี่กรณ์ไม่เคยรู้ว่าน้าชื่อจริง
ว่าข้าวทิพย์  เรียกแต่ทิพย์เฉยๆ บ้านน้าเป็นตระกูลเก่า
คุณแม่ก็ดุเอามากๆ นี่ขนาดว่าน้ากลัวท่าน  น้ากับพี่กรณ์
ยังกล้าทำความผิดกันเลย พูดแล้วก็ละอายใจจริงๆ”

ดวงตาของคุณน้าข้าวทิพย์ดูหม่นแสงลงเมื่อนึกถึงอดีต

“แต่ผมเรียกกอหญ้าจนชินปากไปแล้ว  เขาก็ชอบชื่อนี้ด้วยสิครับ
บ้านนี้ก็เรียกแต่กอหญ้ากัน”
แผ่นดินอวดให้ว่าที่แม่ยายฟัง

“ชื่อน่ารักดีนะ  ดินรักลูกของน้าจริงๆ หรือเปล่า
ไม่ใช่หลอกแกเล่นนะ  นี่ขนาดมีลูกมีเต้าแล้วยัง
จะมารักชอบกอหญ้าได้ยังไงกัน”
น้าข้าวทิพย์หันมาถามคำถามที่เธอคงจะค้างคาใจอยู่ก่อนที่จะมาพบเขา

“รักสิครับคุณน้า รักมากด้วย  อาจเป็นเพราะความสงสารแต่แรกและ
ด้วยความใกล้ชิด  เราสองคนจึงมีใจให้กัน  แต่กับผู้ชายคนอื่นผมก็ไม่
เคยคิดที่จะเบี่ยงเบนหรือชอบพอมาก่อน  กอหญ้าก็เหมือนกันที่เขามา
เชียงใหม่เพราะอกหักจากผู้หญิง และนี่ครับ…แหวนที่เป็นต้นเหตุทำ
ให้ผมกับเขาเป็นข่าว”

แผ่นดินชูมือที่สวมแหวนให้แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ดูเพื่อเป็นการยืนยัน
ความรักของพวกเขาสองคน

“ดีใจนะคะที่ได้ยินแบบนี้  ลูกได้รักกับคนดีๆ อย่างพ่อดินที่น้าเห็น
มาแต่เด็กๆ นี่ถ้ายัยข้าวหอมรู้ว่าพี่ข้าวที่แกคลั่งไคล้นักหนาเป็น
พี่ชายแท้ๆ คงจะดีใจน่าดูเลย”

น้าทิพย์พูดสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิม  แววตามีประกายความหวังเจิดจ้า

“ตอนนี้ก็รู้กันทั้งเมืองแล้วละครับ  ว่าผมกับกอหญ้าเป็นคนรักกัน”
แผ่นดินเสริมขึ้นอีกเป็นการย้ำให้รู้ว่าเขานี่แหละที่จะเป็นเขยของท่าน

“แล้วเมื่อไหร่กอหญ้าจะกลับมาที่ไร่ น้าอยากเจอ วันนั้นที่ไปทานข้าว
ที่บ้านก็ได้คุยกันไม่กี่คำเอง ดินก็รีบพาน้องกลับมาเสียก่อน”

สีหน้าของน้าข้าวทิพย์ดูหมองลง คงเสียดายโอกาสที่ลูกไปอยู่ใกล้
แค่มือเอื้อมแต่กลับไม่รู้ว่าเป็นลูก

“ต้องให้เขาจัดการงานที่ตกค้างให้หมดเสียก่อนน่ะครับ
ใจเย็นนิดนึงนะครับ ผมสิฮะ…คิดถึงเขาไม่น้อยไปกว่าคุณน้าหรอกครับ”

แผ่นดินพูดความในใจให้แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ฟังอย่างเปิดเผย

“แหมๆ เจ้าดิน กล้าไปพูดให้ว่าที่แม่ยายแกเขาฟังนะ ไม่ใช่เล่นๆ เลยนี่นา”
คุณย่าแซวหลานชาย

“นั่นดิ! เขากลายเป็นลูกชายแม่เลี้ยงข้าวทิพย์ไปแล้วนะ
 แกจะไปทำเล่นๆ กับเขาไม่ได้แล้วนะเจ้าดิน พ่อกับย่าไม่ยอมเหมือนกัน
 ยิ่งเป็นครอบครัวคนคุ้นเคยอย่างนี้ด้วย”

บิดาอบรมลูกชายต่อหน้าแขก

“โธ่พ่อ! ผมรักกอหญ้าตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นดาราเสียด้วยซ้ำ
ใครอยากจะให้เขาเป็นกันดาราล่ะ เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปล่าๆ
ไอ้ที่ถ่ายเซตสุดท้ายน่ะ ผมแทบอยากจะไปเผาแผงหนังสือ
ทิ้งทั้งเมืองเลยนะครับ  อีกอย่างตัวแค่นั้นจะกินสักเท่าไหร่กัน
ผมเลี้ยงของผมได้น่ะพ่อ ไม่ต้องให้ทำเลยงานแบบนั้น”

แผ่นดินพูดเป็นการใหญ่ เพราะเกรงว่าผู้ใหญ่จะไม่เชื่อใน
ความรักของเขาที่มีให้กับคนรัก

“หูย…ถือว่าเด็ด ฮ่าฮ่า พ่อขอยืมคำพูดเจ้ากริชมันหน่อย
หึหึ… ไม่เบาใช่ไหมล่ะแม่ทิพย์ลูกชายพี่น่ะ”

พ่อเขตหัวเราะร่าอย่างชอบอกชอบใจ

“ค่ะคุณพี่ ทิพย์ก็ยินดีนะคะ ที่เราสองครอบครัวจะได้มา
เกี่ยวดองกัน  ลูกรักใคร  ทิพย์ก็เห็นดีเห็นงามไปกับเขาด้วย
ไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดแบบชีวิตของทิพย์ ...ที่ได้เคย
ทอดทิ้งและทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็น”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์รำพึงรำพันในท้ายประโยค

แผ่นดินยิ้มหน้าบานที่ว่าที่แม่ยายไม่ขัดขวาง  แต่ท่านก็ยังคงติดอยู่
กับอดีตที่เหมือนแผลที่ตกสะเก็ดหากมีคนสะกิดหรือนึกถึงแววตา
หม่นหมองก็เกิดขึ้นทันตาเห็น  ชายหนุ่มนึกเห็นใจแต่เรื่องนี้เขา
กลัวผลกระทบที่จะตามมามากกว่า

“ดึกแล้วคุณน้ากลับก่อนเถอะ  ถนนหนทางก็ลำบากเพราะฝนตก
ถ้ามีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับกอหญ้าผมจะเล่าให้ฟังนะครับ”

แผ่นดินบอกไปอย่างนึกเป็นห่วง

“น้ากลับก็ได้จ้ะ ดีนะที่มาธุระแถวนี้พอดีจึงได้มาคุยกัน
ถ้าเก็บไว้อีกน้าคงอกแตกตายแน่ ยังไงน้าก็ฝากดินดูน้องด้วยนะ
จนกว่าน้าจะได้เจอเขา”
ถึงเธอจะไม่ฝากเขาก็ต้องทำอยู่แล้ว…คนรักทั้งคนนี้นะ

“ครับคุณน้า ผมมีคนไว้ใจได้คอยตามดูอยู่แล้วล่ะครับ ไม่ต้องห่วง”

“พ่อดิน ทำถึงขนาดนี้น้าก็เชื่อแล้วละว่า รักลูกของน้าจริงๆ ขอบคุณนะ”
เธอพูดพร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้ชายหนุ่ม



กริชกับฐานทัพเดินมาทันกับประโยคนี้พอดี  ทำเอาสองหนุ่มต่างมองหน้ากัน
แล้วก็พากันขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อจนคุณน้าช่อทิพย์กลับขึ้นรถไปแล้ว  สองหนุ่มจึง
รีบเดินไปหาพี่ชายในทันที

“พี่ดิน! ที่คุณน้าพูดหมายความว่ายังไง! พี่ดินไปชอบลูกสาวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
 ยัยข้าวหอมน่ะเหรอ แล้วพี่สะใภ้ผมล่ะ พี่ข้าวน่ะ…ผมไม่เข้าใจพี่ดินเลยนะเนี่ย”

กริชพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“อะไรของแกกันเจ้ากริช  พี่สะใภ้แกก็กอหญ้าเหมือนเดิมนั่นแหละ
 แล้วที่แกมาได้ยินว่าคุณน้าขอบอกขอบใจที่รักลูกเขาน่ะเหรอ หึหึ”

“นั่นสิ! จะพูดขยักขย่อนทำไม โว๊ะ! ”

ฐานทัพพลอยเดือดไปอีกคน  เมื่อพี่ชายไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไร

“พ่อครับไปทานข้าวกันต่อดีกว่าครับ”

พี่ดินจะเดินเลี่ยงไปแล้ว  แต่กริชมาขวางไว้ก่อน

“พี่ดิน! อย่ามาทำจับปลาสองมือนะ  ผมไม่ปลื้มบอกเลย  ทำแบบนี้”
กริชต่อว่าพี่ชายซ้ำอีกรอบ

“เออๆ ไปถามคุณย่านู่นไปๆ เรื่องมันยาวพี่ขอไปกินข้าวก่อนว่ะ หิว”
แผ่นดินหนีเข้าไปกินข้าว

ส่วนสองหนุ่มรีบเดินรี่ไปหาคุณย่าที่นั่งดูทีวีอยู่  เรื่องราวต่างๆ
ที่แม่เลี้ยงข้าวทิพย์มาเล่าที่นี่  ก็ได้คุณย่าเป็นผู้ถ่ายทอดเล่าสู่
กันฟังจนหมดเปลือก สองหนุ่มที่นั่งฟังได้แต่อ้าปากค้างไป
ตามๆ กัน แล้วความเงียบงันก็เกิดขึ้น จนกระทั่งกริชพูดทำลายความเงียบ

“สงสารพี่กอหญ้าของผมจังฮะคุณย่า  มารู้ตอนนี้ว่าใครเป็นแม่ก็คง
ไม่ปลื้มแล้วล่ะ ฮือฮือ สงสารจริงๆ”

แล้วกริชก็น้ำตาร่วงอย่างนึกสงสารและเห็นใจ

“โธ่! พี่สะใภ้ของผม ชีวิตยิ่งกว่านิยายอีก
และก็ยิ่งกว่าละครหลังข่าวด้วย”

ฐานทัพเป็นอีกคนที่รู้สึกเห็นใจกอหญ้า

“คุณย่า แล้วพี่ดินว่าไง จะช่วยให้แม่ลูกเขาเข้าใจกันได้ยังไง
 ผมยังมองไม่เห็นทางเลย แถมพี่กอหญ้าจะต้องไปมีคุณยายแบบนั้นอีก
เจ้ายศเจ้าอย่างยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวล เห้อ! ”

กริชปรารภน้ำตายังคลอๆ ด้วยเพราะว่ารักและยิ่งมารู้เห็นเรื่องราวที่
ถูกแม่แท้ๆ ทอดทิ้ง ยิ่งทั้งรักและสงสารเข้าไปอีกเป็นทวีคูณ

“กริช แกไม่ต้องไปกังวลมากนักหรอก กอหญ้าน่ะ พี่ไม่ปล่อยให้
เขาต้องไปเผชิญหรือไปทนรับชะตากรรมอะไรกับใครอีกแล้ว
ไม่ว่าจะพ่อเลี้ยง  หรือกับยัยแม่เลี้ยงหิวเงิน แม้แต่คุณยายที่
ถือยศถือศักดิ์นั่นด้วย  คนทั้งหมดนั้นหากไม่ต้องการกันก็อย่า
ได้มาแตะต้องเด็ดขาด พี่ไม่ไว้หน้าใครแน่ๆ แกอย่าห่วงไปเลย”

แผ่นดินเดินเข้ามาทันได้ยินที่น้องชายปรารภกันจึงย้ำคำออกไป

“ครับ ผมก็ฝากพี่ดินจัดการต่อแล้วกัน เพราะผมก็ต้องกลับไปเรียน
โอกาสเจอหน้าพี่กอหญ้าก็น้อยเต็มทีถึงจะอยู่ห้องติดกันก็เถอะ”

 กริชพูดน้ำเสียงเครือๆ

“อืม…ถ้าพี่ว่างก็จะไปเยี่ยมเขาที่นั่นด้วย”
แผ่นดินบอก  พี่น้องนั่งคุยกันอีกพักใหญ่ๆ ก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องใครห้องมัน



แผ่นดินจัดการส่งเด็กๆ เข้านอนเรียบร้อยก็เดินไปที่ห้องนอนของกอหญ้า
 อล้มตัวลงนอนก็เอาหมอนที่กอหญ้าใช้มาหนุนหัว  กลิ่นกายยังคงติดอยู่
กับหมอน ยิ่งทำให้คิดถึง จนอดใจไม่ไหวเอามากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างกับ
โรคจิตก็ไม่ปาน แล้วก็หลับตาลง  คืนนี้ฝนไม่ตกแต่ที่ปลายท้องฟ้าก็มีลำแสง
ของฟ้าแลบเป็นสายให้ได้เห็น

`คนกลัวฟ้า ป่านนี้จะนอนหรือยัง  จะคิดถึงกันบ้างไหมนะ`

และเพราะความคิดถึงห้ามกันไม่ไหว  จึงกดโทรศัพท์ไปหาทันที

“ฮัลโหล  พี่ดิน  คิดถึงจังครับ  เพิ่งอาบน้ำเสร็จ  พี่ล่ะทำอะไรอยู่”

“พี่ก็คิดถึงเรามากเลยนะ  พี่มานอนที่ห้องกอหญ้าด้วยแค่ได้กลิ่น
ที่ติดตามผ้าห่มกับหมอน  พี่ก็จะทนไม่ไหวแล้วครับ  อยากให้มา
นอนด้วยกันอยากกอด”

แผ่นดินทอดเสียงอ่อนไปให้คนปลายสาย

“พี่ดินอย่าพูด  กอหญ้าก็คิดถึงพี่นะครับ  อยากไปให้กอด...ฮืก ฮือ ฮือ”

“ไม่ร้องนะคนดี ไกลกันแบบนี้  พี่จะไปโอ๋ก็ไม่ได้ นิ่งนะ
 แล้วนี่อยู่ยังไงครับ ทานอะไรหรือยัง”

“นอนคอนโด ทานข้าวกับพี่คะน้าก่อนแล้ว พรุ่งนี้ต้องเข้าออฟฟิศ
 อยากเก็บงานให้หมด  พี่คะน้าบอกว่ามีงานโชว์ตัวอีก
 คงกลับที่พักดึกหน่อยนะ  อย่าห่วงเลย  กอหญ้าดูแลตัวเองได้”

“ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะครับ”
แผ่นดินกระซิบเสียงเบา

“ครับ พี่ดินรอนะ  อย่าดื้อ พี่ดินเป็นของกอหญ้าแล้วด้วย  อย่าลืม! ล่ะ”

“ครับ พี่รู้ว่าทำอะไรตอนนี้ก็เป็นจุดเด่นไปแล้ว  มีแฟนเป็นถึงดาราดังนี่นะ”

แผ่นดินกระเซ้าเย้าแหย่คนรัก

“พี่ดินไม่ล้อสิครับ...ก็ยังเป็นกอหญ้าของพี่คนเดิมนั่นแหละ”

ปลายสายเสียงแผ่ว

“กอหญ้า พี่ถามอะไรอย่างสิ …เราอยากเจอ…แม่ไหมครับ”
แผ่นดินลองเกริ่นๆ ออกไป  แล้วก็กลั้นใจรอคอยคำตอบ

“พี่ดิน  ถามทำไมเนี่ย ไม่ต้องมาสงสารเลย…เอ่อ ไงดีล่ะ…
ก็ไม่รู้สินะ  บางทีก็อยากเจออยากเห็นว่าหน้าตาเป็นยังไง
แต่อีกใจ…ก็ไม่อยากเจอ  คือบอกไม่ถูกอ่ะพี่ เอาเป็นว่าต่าง
คนต่างอยู่ก็ดีแล้วละครับ  กอหญ้าไม่อยากเป็นส่วนเกิน…
หรือตัวถ่วงชีวิตใคร  ยิ่งถ้ารับไม่ได้ที่กอหญ้าเป็นแบบนี้ที่มา
รักกับพี่ดิน เห้อ! ช่างเถอะครับ  เคยอยู่มาได้โดยไม่มีก็ไม่จำ
เป็นต้องมี...จะเป็นไรไปเนอะ”

“เอาเป็นว่าหากจะได้เจอกันก็เจอเองแหละนะ  นอนได้แล้วเด็กดี…ฝันดีนะ”

แผ่นดินตัดบทเพราะเห็นว่าเขาสองคนคุยกันมานานพอควร

“ฝันดีเช่นกัน  รักพี่ดินนะ จุ๊บ จุ๊บ”

แล้วกอหญ้าก็ตัดสายไปก่อน

แผ่นดินวางโทรศัพท์และทอดถอนใจก่อนจะปิดเปลือกตาลง

`อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด  เพียงแต่เราเตรียมรับมือกับมันดีพอหรือยัง
แค่นั้นจริงๆ พี่จะอยู่ข้างๆ กอหญ้านะ ไม่ต้องกลัว`







ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
«ตอบ #71 เมื่อ01-04-2019 22:45:29 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
«ตอบ #72 เมื่อ01-04-2019 22:53:28 »

 :L1: :pig4: :L1:


 o13

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
«ตอบ #73 เมื่อ02-04-2019 00:22:03 »

ผ่านมาาน้รื่องนี้โดยบังเอิญ

แต่!!!!!!! สนุกมาก อ่านเพลินมากเลยค่ะ ยังคิดกับตัวเองว่าพลาดไปได้ไง 55555

ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องสนุกๆ  :hao3:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
«ตอบ #74 เมื่อ02-04-2019 00:39:41 »

หูยยย มีโทรมาฝันดี จุ๊บๆ ด้วย อะไรจะปานนั้น สงสัยมดต้องขึ้นห้องแน่ๆ พี่ดินระวังไว้เหอะ
 :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
«ตอบ #75 เมื่อ02-04-2019 00:59:49 »

 :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 32
«ตอบ #76 เมื่อ02-04-2019 03:00:27 »

หักมุมดีอ่ะ  แม่คือคนใกล้ตัว

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 33 กลับมาเป็นข้ามฟ้า

Rrrrrr เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในยามสาย
ทำให้ร่างบางภายใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่มลืมตาและบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความเมื่อยขบ

“สวัสดีฮะ ก็ใช่…พี่ต้องมารับข้าว ก็พากันห้ามไม่ให้ข้าวขับรถนี่
 ทำเป็นลืม…ทานข้างนอกก็ได้ฮะ ขอเวลาอาบน้ำแป๊บนึงฮะ”

ข้ามฟ้าวางสาย  แล้วลุกขึ้นนั่ง  ชูมือออกไปจนสุดแขน  แล้วหย่อนปลายเท้า
ลงจากเตียง  เตรียมตัวไปอาบน้ำ  ช่วงนี้ทั้งพี่ดินและพี่คะน้าไม่ยอมให้เขาขับรถ
เองเลยสักคน  กลัวกันไปต่างๆนานาก็บอกแล้วว่าที่ผ่านมาเป็นเรื่องสุดวิสัย

‘แล้วเมื่อไหร่จะได้ขับเจ้าลูกรักล่ะ แย่จัง’

“ข้าว  เสร็จหรือยั ง อ้าว! ทำไมแต่งตัวแบบนี้  เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่นะจ้ะ
ชุดพื้นเมืองนี้น่ะไม่ใส่นะ”

คะน้าร้องท้วงเมื่อเห็นการแต่งกายของข้ามฟ้า

“พี่คะน้า  ข้าวอยากใส่แบบนี้…นะฮะ”
กอหญ้าอ้อนและทำหน้ายู่เมื่อคนพี่ส่ายหน้าไม่ยอมท่าเดียว

“ข้ามฟ้า ไปเปลี่ยนชุด!”

ถ้าลองถูกเรียกชื่อจริงแบบนี้แล้วละก็…ข้ามฟ้าเดินหน้าคว่ำ
ไปที่ตู้เสื้อผ้าใบใหญ่  เลือกชุดออกมาใหม่อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

“อื้ม…ชุดนั้นแหละ  ใส่เชิ้ตกับยีนสีดำนั้นก็ได้  เรากลับมาเป็นข้ามฟ้า
แล้วนะข้าวทิ้งคราบของกอหญ้าไว้ที่ไร่พี่ดินไปก่อน  พี่รู้ว่าน้องน่ะคิดถึงที่นั่น
แต่แค่ช่วงนี้เท่านั้นนะทำทุกอย่างให้ดีและจะกลับไปเป็นกอหญ้าพี่ก็จะไม่ห้าม
เชื่อพี่นะ…เด็กดีแค่ช่วงนี้เท่านั้น”

คะน้าพูดจบก็เดินไปลูบหลังน้อง

เธอรู้ว่าเจ้าเด็กเอาแต่ใจกลับมาแล้ว

“ฮะพี่คะน้า  ข้าวจะเป็นข้ามฟ้าให้ดีก็แล้วกัน  เฮ้อ!”
พูดอย่างจำยอมพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

คะน้าอมยิ้มแล้วเข้าไปช่วยทาครีมและลงรองพื้นปกปิดรอยแผลเป็น
บนแก้มให้ คะน้าแต่งหน้าให้ข้ามฟ้าเพียงบางๆ ทาลิปสติกสีออกเรื่อๆ
ที่ใกล้เคียงกับสีปากให้ด้วย

“ดีมากเลย  ข้าวของพี่หล่อแล้ว ป่ะ…เราไปหาอะไรทานกันก่อน
แล้วค่อยเข้าไปคุยงานกับเฮียเนอะ”


ทั้งสองพากันออกจากคอนโดของข้ามฟ้า  ตลอดทางที่นั่งอยู่ในรถ
พี่คะน้าก็ชวนคุย เล่านั่นนี่ไม่ได้หยุดจนถึงร้านกาแฟเล็กๆ ที่อยู่ไม่ห่าง
จากออฟฟิศ  กอหญ้ากับคะน้าใช้เวลาไปเกือบๆ ชั่วโมง  พอถึงเวลา
นัดหมายก็ออกจากร้านกาแฟ



“นั่งก่อนสิทั้งสองคน  เป็นยังไงข้าวอาการดีขึ้นแค่ไหนแล้วล่ะ
แล้วคะน้าน่ะแฟนเธอเป็นไงยังจะให้ลาออกไปเป็นแม่บ้านอีก
หรือเปล่า  แล้วนี่กินมื้อเช้ากันมาหรือยัง”

คุณเกริกเกียรติ  ผู้บริหารใหญ่ที่ข้ามฟ้าต้องฟังมากที่สุดนั่งหน้าเครียด
แต่ก็ไม่ลืมถามสารทุกข์สุขดิบของทั้งสองคนอย่างที่เคยเป็นมา

“ข้าวดีขึ้นมากแล้วครับเฮีย  แล้วก็แวะทานมื้อเช้าข้างล่างนี่แหละครับก่อนขึ้นมา”

“คะน้ายังทำงานให้เฮียอีกพักน่ะแหละค่ะ  ถึงค่อยไปเป็นแม่พันธุ์อยู่บ้านเลี้ยงลูก”
คะน้าตอบคำถามที่เฮียถามทิ้งไว้

“อืม ดีๆ แล้วข้าวน่ะ  เมื่อวานให้ข่าวไม่นึกถึงชื่อเสียงที่สะสมมาเลยหรือไง
กล้ามากเลยนะเราเนี่ย  ปฏิเสธไปก็ได้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน…แต่ก็เลือก
ที่จะพูดความจริง  เฮ้อ! เอาเถอะๆ คะน้าได้เช็กกระแสในโซเชียลบ้างหรือยัง
แฟนคลับว่าไงบ้าง  กระทบกับงานต่อไปมั้ยล่ะ”

ใบหน้าอูมของคุณเกริกเกียรติไม่ได้บ่งบอกว่าจะโกรธอะไรมากมายกับข่าวเมื่อวาน
มีเพียงแววตาที่ส่อความกังวลบ้างเท่านั้น

“คะน้าเช็กแล้ว  กลายเป็นตอนนี้กระแสแรงมากเลยนะคะคนที่รักๆ
ก็เข้ามาให้กำลังใจ แต่มีแฟนคลับเกิดขึ้นมาใหม่  เป็นกลุ่มสาววายค่ะเฮีย
ส่วนคนที่ต่อต้านก็มีแต่ส่วนน้อยมากๆ เอ่อ…แล้วก็มีหลายคนที่อยากให้ข้าว
ได้เจอกับแม่ตัวจริงด้วย”

คะน้ารายงานผลให้บอสใหญ่ทราบ  คุณเกริกเกียรติเลิกคิ้วอย่างใช้ความคิด

“อืม…ถ้ากระแสมันดีขนาดนั้น  ก็หาหนังวายให้ข้าวเล่นสักเรื่องก่อนลาวงการสิ
เออๆ ท่าจะดีนะ  คะน้าไปเรียกคุณราเมศเข้ามาคุยกับผมหน่อย 
บอกเลขาให้จัดคิวมาก่อนเลยนะ อะไรข้าว…นั่งส่ายหัวทำไมกัน?”

บอสใหญ่มีแววตาเจิดจ้าทันที  นี่แหละนักธุรกิจจับกระแสอะไรได้ไว
ไม่ค่อยพลาดหรือทิ้งโอกาสอะไรหลุดมือไปง่ายๆ

“ข้าวว่า เอ่อ…จะดีเหรอที่ให้เล่นหนังแนวนั้นน่ะ คือว่า…”
ข้าฟ้าเอ่ยไม่เต็มเสียงนัก

`พี่ดินห้ามไว้เยอะ ถ้าหนังแนวนั้นก็ต้องมีบทเข้าพระเข้านาง
 ตายกันพอดี  กองถ่ายระเบิดเถิดเทิงเป็นแน่…คนขี้หวงขนาดนั้น`

“ดีสิ  เชื่อผม  ดูบทก่อนก็ได้นี่”
เฮียมีสีหน้าดีขึ้นฉับพลัน

“ข้าว  เดี๋ยวพี่ดูบทให้เอง  อย่าเพิ่งเครียดจะปังสุดๆ ก็คราวนี้แหละ
คุณราเมศเป็นมือหนึ่งของเฮียเลยนะรู้มั้ย  หนังเรื่องไหนที่เขาป้อนให้
คนที่ได้เล่นนะดังอย่างกับพลุแตกทุกเรื่องจริงๆ”

คะน้าจับมือของน้องมาบีบให้คลายกังวล  แล้วเธอก็ลุกขึ้นไปจัดการตามที่เจ้านายสั่ง
ไม่นานก็เดินกลับเข้ามา  สีหน้ายิ้มแย้มกว่าตอนออกไป

“เฮียคะ  คุณราเมศอยู่ที่ตึกพอดี  เดี๋ยวจะเข้ามา  เฮียจะคุยตามลำพัง
ไหมคะเราสองคนจะได้ออกไปกันก่อน”

“อยู่คุยพร้อมกันนี่แหละ  หากข้องใจอะไรจะได้ถามให้หายสงสัยกันไปเลย”

คุณเกริกเกียรติยังคงเป็นคนคิดเร็วทำเร็วไม่เปลี่ยน  คะน้ามองชายกลางคนร่างท้วม
แต่งกายภูมิฐาน  หน้าตาแบบคนไทยเชื้อสายจีนที่ดูใจดี  มีอำนาจและน่าเชื่อถือ

“เฮีย คือ…น้องมันมีแฟน  อย่างที่ให้ข่าวไปนั่นแหละค่ะ  แฟนเขาขอร้องไม่ให้
รับงานที่เหมือนกับเซตก่อน  คือบอกตรงๆ เขาหวง  ทีนี้น้องมันกลัวเจอบทอย่างว่า
คุณดินจะบุกมาเผากองถ่ายเอาน่ะเฮีย  เขาขู่กันไว้เยอะเสียด้วย”

คะน้ามองตาน้องก็เข้าใจทุกอย่าง  จนต้องพูดให้บอสทราบก่อน
เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาในวันข้างหน้า

“ก็เลือกพระเอกเอาสิ  ถ้ามันจะเรื่องมากขนาดนั้นให้มาพบผม
เดี๋ยวส่งไปเทสหน้ากล้อง  ดูสิจะเล่นเป็นพระเอกได้มั้ย ฮ่าฮ่า
ถ้าไม่ได้ไม่กล้าก็ต้องยอมให้มืออาชีพเขาทำกันละนะ  อะไรของเธอคะน้า
อ้าปากทำไม  เฮียพูดจริงนะเว่ย”

คุณเกริกเกียรติพูดอะไรดูง่ายไปเสียหมด

“เฮีย  อย่าท้านะ  ถ้าคุณดินเขายอมมาจริงๆ เฮียห้ามมาถอนคำพูดทีหลังเชียว”
คะน้าแกล้งพูดดักไว้ก่อน

“พี่คะน้าอ่ะ  พี่ดินไม่มีทางมาหรอกงานแบบนี้
เขายิ่งจะให้ข้าวเลิกทำอยู่ด้วยงานสายนี้”

ข้ามฟ้าหน้าบูดเมื่อรู้ว่าโดนผู้จัดการสาวแกล้งเอา
ก็ตอนที่เขาพูดจบพี่คะน้าก็ปิดปากหัวเราะพร้อมกับบอส

“เออๆ ใจเย็นก่อน  แนวน่ารักใสๆก็มีเยอะแยะถมถืดไป
รอราเมศมาถึงก่อน เอ้า! เข้ามาสิ กำลังรออยู่เนี่ย”
บอสหันไปเห็นผู้ที่มาใหม่แต่ยืนรีรอไม่ยอมเข้ามาจึงกวักมือเรียก 

คุณราเมศ  ผู้กำกับมือทองของค่ายก็มาถึง  รูปลักษณ์ไม่แตกต่างจาก
พี่ภูดลตากล้องสักเท่าไหร่  จะเซอร์จะติสกันไปถึงไหน  ดูจากทรงผม
ที่รวบเป็นมวยเก็บไว้กลางศีรษะ  เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนที่ขาดๆ นั่นอีก
แต่หน้าออกจะดุๆ จนคะน้ามองว่าผู้กำกับรายนี้ไปฟัดกับใครมาก่อนหรื
อเปล่าที่จะมาถึงห้องนี้

“หวัดดีพี่เมศ”

คะน้ากับข้ามฟ้าเอ่ยทักขึ้นพร้อมกันเพราะคุ้นหน้ากันอยู่ก่อนแล้ว

“อืม…หายดีแล้วเหรอข้าว  เด็ดนี่หว่าข่าวเมื่อวาน กล้าได้อีกนะเรา”
แล้วพี่เมศก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับคุณเกริกเกียรติ

“เมศ นายช่วยหาหนังวายดีๆให้ข้าวสักเรื่องสิ  ก่อนลาวงการ  เอาแนวน่ารักๆ
ใสๆฟีลกู๊ดก็ดี”
คุณเกริกเกียรติเอ่ยปากทันทีที่ราเมศหย่อนก้นนั่ง

“เห่ย! จริงดิเฮีย  ผมอยากทำอยู่เลยแนวนี้ท้าทายดีด้วยตอนนี้
ตลาดกำลังเปิดกว้างมาก  อื้ม…เดี๋ยวผมไปคัดมาให้  แล้วพระเอกล่ะจะเอาใครดี
ถ้าระบุพระเอกมาจะได้หาเรื่องที่ตรงกับคาแรกเตอร์พระเอกของเราหน่อย”

“พระเอกผมไม่เน้ น แค่ให้ข้าวเป็นนายเอกพลิกคาแรกเตอร์กันหน่อย
ขอแค่ให้หนังเรื่องนี้เป็นที่จดจำก่อนอำลาวงการก็พอ”

“ห๋า! จริงดิ! จะไปแล้วเหรอข้าวพี่ยังไม่เคยทำหนังให้เราเลยนะ จะไปแล้วจริงสิ”
พี่เมศนั่งตัวตรงทันทีจากเดิมที่นั่งกึ่งนอนในแบบสบายๆ

“ใช่ไงพี่เมศ แฟนเค้าหวงมากด้วยเซตสุดท้ายที่พี่ดลถ่ายให้น่ะ…
คุณดินแทบจะเผาแผงหนังสือทิ้งเลยนะ  อีกอย่างน้องมันต้องกลับ
ไปช่วยแฟนทำไร่ส้มแล้วก็เลี้ยงวัวด้วยน่ะ”

พี่คะน้าพูดออกมา  ทำเอาผู้กำกับตาโตขึ้นมาทันที

“เห่ย! ดีเลย  เจ้าของไร่ส้มใช่มั้ยล่ะ นั่นแหละๆ พี่มีหนังในใจแล้ว
ถ้างั้นเราก็ขอใช้สถานที่เขาไปเลยสิ  ยกกองไปถ่ายที่นั่น  ให้แฟนข้าวมัน
ดูแลกันไปอยากหวงกันดีนัก  หึหึ  จัดไปให้สมใจ”

คุณราเมศพูดจบ  ข้ามฟ้ากับคะน้ามีสีหน้าดีขึ้นกันทั้งสองคนที่การพูดคุยออกมาในรูปนี้

“พี่เมศสัญญาแล้วนะห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด  คะน้าจะได้เที่ยวเชียงใหม่สักที
ไปทีไรก็มีแต่เรื่องงานและงาน  จนอดมองดูความสวยงามของภูมิประเทศที่นั่นเลย
ได้เที่ยวก็คราวนี้แล้ว  เฮ้อ…”

คะน้ายิ้มหน้าบานแววตาวาดหวังและพรูลมหายใจอย่างโล่งอก

“ดีเลย  ราเมศคุณไปจัดการตามนี้แหละ  เผื่อผมมีเวลาจะไปดูการทำงาน
และถือโอกาสพักผ่อนบ้าง”

เฮียเปิดไฟเขียวให้พี่เมศ  ทำเอาข้ามฟ้าดีใจไปด้วยที่ได้รับการคอนเฟิร์ม
จากปากบอสใหญ่  เวลาที่เขาจะได้เจอพี่ดินมันใกล้เข้ามาเร็วอย่างไม่คาดฝัน


`ข้าวจะได้ไปหาพี่ดินแล้วนะ`

ข้ามฟ้าหลุดเข้าไปอยู่ในห้วงฝันแล้วอีกคน

“ข้าว! ไปต่อกันเถอะ  อย่ามานั่งตาลอยเพ้ออยู่ เดี๋ยวต้องไปโชว์ตัวอีก
แต่เราจะต้องไปหาข้าวกลางวันกินกันก่อนด้วย”

คะน้าตบบ่าชวนให้ไปต่อเมื่อเห็นน้องนั่งปล่อยอารมณ์

“พี่คะน้าน่ะ ก็คนดีใจจะได้เจอพี่ดิน”
ข้ามฟ้างึมงำออกมาออกจะเขินหน่อยๆที่เผลอตัวให้ทุกคนเห็น

“อืม…พี่รู้ เหนื่อยอีกหน่อยน่าเดี๋ยวก็ได้ไปเป็นเกษตรกรแล้ว คริคริ”

พี่คะน้าหัวเราะแซว อืมฟังดูดีจัง เกษตรกร แค่ยกจอบจะทำไหวหรือเปล่ายังไม่รู้เลย
จะไปช่วยงานอะไรพี่ดินได้กันล่ะ

“เห่ย…พี่แซวเล่น  พี่ดินไม่ให้เราไปแบกจอบ  ขุดดินกลางแดดแบบนั้นหรอกน่
ะน้องรัก มีงานใช้สมองเยอะแยะที่จะให้ข้าวทำน่า…นะ”

คะน้าจับแววตาที่ข้ามฟ้าแสดงออกมาได้  จึงพูดแก้ให้ใหม่

“นั่นสิ! ข้าวไปช่วยเลี้ยงลูกให้พี่ดินก็ยังได้ เด็กตั้งสองคน”
แล้วข้ามฟ้าก็ยิ้มดีใจกับความคิดของตน

“น้อยๆหน่อยตัวแสบ  แหมๆ จะไปเลี้ยงลูกช่วยเขา
เราเป็นพ่อพันธุ์มีเป็นของตัวเองไปเลยสิ  พี่ว่าเวิร์คกว่านะ”

“พี่คะน้า  อย่าพูดไปนะ  พี่ดินมาได้ยินข้าวตายแน่ๆ
 ยิ่งขี้หวงด้วย อืม…วันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย”

แล้วข้าฟ้าก็นั่งแชทโทรศัพท์ไปไม่หยุด
มีคะน้าเป็นคนขับรถพาไปหาอาหารกลางวัน

Gorya>> : คิดถึงพี่ดิน ทานกลางวันหรือยังฮะ

Din>> :)  : กำลังจะทานครับ แล้วกอหญ้าล่ะ?

Gorya>> : เพิ่งคุยงานเสร็จ กำลังจะไปหาร้านข้าวครับ

Din>> :)  : ทานเยอะๆ นะครับ คิดถึงกันบ้างนะ…รักนะครับ

Gorya>> :  love u too.

“ข้าว  นั่งยิ้มอยู่นั่นแหละ  พี่เลือกร้านอาหารไทยนะ”

“ได้เลยครับพี่คะน้า  ข้าวอยากกินต้มยำกุ้งรสจัดๆ พอดีเลย”
ข้ามฟ้ายิ้มทำแก้มป่อง

“ตามบัญชาจ้ะ  เลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็ถึงร้านแล้วละ”


ร้านที่พี่คะน้าเลือกเป็นร้านอาหารที่อยู่ในบรรยากาศแบบสวนร่มรื่น
มีน้ำตกจำลอง  บ่อปลาคราฟ  พอเดินทอดไปตามแนวสะพานเล็กๆ
ก็เข้าสู่ตัวร้านที่ทำเป็นซุ้มๆ ให้นั่ง ดูเป็นสัดส่วน

“พี่คะน้า  ร้านนี้ดูบรรยากาศเป็นกันเองดีเนอะ  สงบดีด้วยครับ
ชอบจัง”
มีพนักงานถือเมนูมาให้  คะน้าเลือกอาหารมาสี่อย่างกำลังจะสั่งอย่างที่ห้า

“พี่คะน้าสั่งเยอะไปแล้วครับ  ข้าวทานไม่หมดนะฮะแบบนี้”
หญิงสาวหันมองหน้าเด็กหนุ่ม

“อืมๆ พอก่อนก็ได้  ของชอบนายทั้งนั้นเลยนะเนี่ยที่พี่สั่งไปน่ะ”

“พี่คะน้าก็สั่งที่ตัวเองชอบบ้างสิครับ  ข้าวเกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจอะไรพี่หรอก  เงินเราทั้งนั้นแหละ  พี่กินฟรีค่ะน้อง”

พี่คะน้าทำลอยหน้าลอยตาพูด  แล้วก็กดโทรศัพท์เล่นไม่หยุดมือ
เธอพูดแบบนี้ทุกทีแต่ในท้ายที่สุดเธอก็จะเป็นคนที่จ่ายค่าอาหารทุกทีไป
ข้ามฟ้ามองแล้วก็ส่ายหน้า พี่คะน้าเป็นผู้จัดการที่ถือได้ว่าดูแลห่วงใย
เขามากที่สุดแล้วที่ร่วมงานกันมาตลอดกว่าสามปี






ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33
«ตอบ #78 เมื่อ02-04-2019 09:46:36 »



 :mew1:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 34 คุณย่าออกโรง

เช้าที่แสนจะวุ่นวายก็มาเยือนอีกวัน  เมื่อสองสาววายร้ายมาปรากฏตัว
ที่ไร่เขตแผ่นดินเจ้าของไร่หนุ่มเห็นแต่ไกลเมื่อเขาแล่นรถเข้ามาและจอดสนิท
ตัวปัญหาทั้งสองหันขวับมามองเขาเป็นตาเดียว  แผ่นดินรู้ได้โดยอัตโนมัติ
ว่าเขาเป็นเป้าหมายของการมาครั้งนี้อีกเช่นเคย

“พี่ดินขา  ข่าวที่ข้ามฟ้าอะไรนั่นพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหม นิชาไม่เชื่อ!
คนไร้ยางอายขนาดพี่ดินอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กินให้การช่วยเหลือจนรอดตาย
ยังสร้างความเสื่อมเสียให้อีก  ตัวเองจะเป็นเกย์ก็เป็นไปจะดึงพี่ดินไปเสียชื่อ
ด้วยทำไมกัน เนรคุณชัดๆ พี่ดินฟ้องกลับเลยนะคะ  เดี๋ยวนิชาจะให้คุณพ่อช่วย”

นิชากล่าวด้วยวาจาเผ็ดร้อน แล้วยังเข้ามายื้อยุดฉุดแขนเขาไว้อีกด้วย

“ดิน! ข่าวที่ออกมาจริงใช่ไหม  เป็นอย่างนั้นรินต้องได้สิทธิ์ในการดูแลลูก
นายไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเลี้ยงลูกแล้วล่ะ  เรามาตกลงกันดีๆดีกว่า”

ระรินก็เข้ามาขวางหน้าเขาด้วยอีกคน

แผ่นดินมองความวุ่นวายของผู้หญิงสองคนด้วยสายตาเย็นชา
เขารู้สึกถึงเส้นเลือดที่ขมับจะเขม็งเกร็งเมื่อต้องอดกลั้นไม่ระเบิด
ใส่คนทั้งสอง  ชายหนุ่มยังไม่ทันจะได้โต้ตอบกลับ  คุณย่าก็ชะโงกหน้า
มามองแล้วขวักมือเรียกไว้เสียก่อน

“อ้าว! เจ้าดิน  มีอะไรกันเสียงดังเอะอะ  เข้ามากันก่อน  มาพูดกันในบ้านนี่”
พอคุณย่าเรียกให้เข้าไปด้านใน  ชายหนุ่มจำต้องเดินนำเข้าบ้านทั้งๆ ที่เขา
ไม่อยากจะต้อนรับสองสาวนี่เลยจริงๆ แผ่นดินมองไปที่มิ่งที่ทำเมียงมองอยู่ไม่ห่าง
เขาจึงชี้บอกว่าให้รออยู่แถวๆ นี้ มิ่งพยักหน้า  เขาจึงเดินนำเข้าไปและตรงดิ่งไปที่
ห้องรับแขก โดยมีคุณย่านั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“มีอะไรก็คุยมันเสียที่นี่  นั่งลง!  เจ้าดินแกมานั่งข้างๆ ย่านี่”
คุณย่าตบลงบนที่นั่งข้างๆ ตัว

“พี่ดินตอบนิชามาก่อน  ที่ไอ้ดาราเกย์นั่นมันพูดเป็นเรื่องไม่จริงใช่ไหม
ที่ว่ามันคบกับพี่น่ะ”
นิชาพูดขึ้นทันทีที่หย่อนก้นลงนั่ง

“ฟังให้ชัดๆนะนิชา  เรื่องนั้นน่ะ…เราคบกันจริง!”
แผ่นดินยอมรับหน้าตาเฉยและลงเสียงเน้นหนักที่คำว่าจริง
ทำเอานิชายกมือขึ้นทาบอก

“ไม่จริง! นิชาไม่เชื่อพี่ดินโกหก! ต้องการจะตบตานิชาใช่มั้ย…
พี่ดินต้องการจะกันนิชาออกไป…พี่ดินต้องทำถึงขนาดนี้เลยรึไง
จะลงทุนมากเกินไปแล้ว”
นิชาพูดอย่างคลางแคลงใจ  เธอจะเชื่อได้อย่างไรในเมื่อพี่ดินน่ะ
เป็นผู้ชายแท้ๆ อดีตภรรยาแม่ของลูกๆ สองคนก็นั่งอยู่ที่นี่แล้วด้วย

“พี่บอกแล้วว่าเป็นเรื่องจริง  ยังจะหาเหตุหาผลอะไรมาขัดแย้งอีกล่ะ
จบเถอะนิชา  พี่รักกับกอหญ้าหรือที่ทุกคนเรียกเขาว่าข้ามฟ้านั่นแหละ
คนเดียวกัน  รักมากด้วย”

แผ่นดินพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“นี่! แม่นิชา ที่เจ้าดินมันพูดน่ะย่ายืนยันได้ว่าเป็นเรื่องจริง
อีกอย่างนะสะใภ้คนต่อไปของบ้านนี้ก็คือหนูกอหญ้า
ย่ากับพ่อเขตก็รับรู้กันก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวอีก  ยังจะข้องใจอะไร
ต่างคนต่างอยู่ต่างใช้ชีวิตกันไปเถอะนะ  ดินมันเลือกของมันแล้ว
...ก็ตัดใจเสียเธอน่ะ! อายุยังน้อยมีผู้ชายอีกมากมายที่ต้องการเธอ
อย่ามาเสียเวลากับหลานฉันเลย”

คุณย่าพูด  ทำเอานิชาอ้าปากค้าง ไม่รู้จะหาเหตุอะไรไปโต้แย้งอีก
เธอยังไม่ได้คบหากับผู้ชายคนนี้ด้วยซ้ำ  จะทำอะไรได้ล่ะ  แต่คนอย่าง
นิชาลองอยากได้อะไรแล้วต้องได้  นิชาจึงลุกพรวดขึ้น  สะบัดหน้าเดิน
ออกไปจากบ้านโดยไม่มีการร่ำลาเจ้าของบ้านหรือใครเลย

“เด็กสมัยนี้ไม่เห็นกับหัวหงอกหัวดำเลย เฮอะ! ไปเสียได้ก็ดี
อ้าว! ทีนี้ก็ตาเธอ…มีอะไร?”
คุณย่าหันไปถามอดีตหลานสะใภ้ที่นั่งฟังเงียบๆ

“รินก็จะมาเรียกร้องสิทธิ์ที่จะได้เลี้ยงดูลูกบ้าง
ในเมื่อดินเป็นแบบนี้ลูกก็ต้องอยู่กับรินได้แล้วสิคะ คุณย่า”

“ไม่มีกฎหมายใดที่จะบอกว่าพ่อเป็นเกย์ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้นะ
อีกอย่างเธอคงจะลืมไปแล้วสินะระริน  ว่าเป็นเธอที่ทิ้งขว้างลูกตัวเอง
พอมาวันนี้จะเอาเหตุผลนี้มาอ้าง  เพื่อจะเอาลูกไปเลี้ยงดู…มันไม่เกิน
ไปหน่อยเหรอ…ก็ได้ๆ เราลองดูกันหน่อยจะเป็นไรไปว่าศาลจะฟังใคร
ระหว่างพ่อที่ทำมาหากินมีอาชีพเป็นหลักเป็นแหล่งแน่นอน  กับคนหลัก
ลอยเร่ร่อนไม่มีอาชีพ…ได้แต่แบมือขอเงินคนนี้ทีคนนั้นที  ก็เอา…ถ้าเธอจะลอง
…เรามางัดกันดูสักตั้ง  เริ่มเลยแล้วกันนะ…ก่อนอื่นแกโทรไปหาเจ้าภพให้ย่าทีดิน
บอกมันว่าย่าเรียก  เข้ามาที่บ้านด่วนเลย  ย่าเบื่อแล้วเหมือนกันกับปัญหาที่มัน
คาราคาซังแบบนี้  เสียเวลาทำมาหากินกันพอดี”

คุณย่าพูดอย่างมีเหตุมีผล  ทำเอาระรินเริ่มหน้าถอดสีเมื่อสมองคิดตามที่หญิงชรา
พูดก็เห็นเป็นจริงดังนั้น

“รินเธอจะหาทนายก็หาไว้ได้เลยนะ  ผมพร้อมเสมอแหละ  จะได้จบซะที
ยืดเยื้อมาหลายวันแล้ว”

แผ่นดินหันไปพูดกับระริน  ซึ่งนั่งหน้าเจื่อนลงไปกว่าเดิมมี่เห็นท่าทีเอาจริง
เอาจังของย่าหลานคู่นี้  ความมั่นใจที่เธอพกมาแต่แรกแทบหมดไปเมื่อได้ฟัง
คุณย่าพูด หากเธอคิดจะฟ้องร้อง 

เรื่องมันไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิดไว้ทีแรก
เพราะเธอทิ้งลูกมาก่อนจริงๆ  ตรงนี้แหละที่เธอจะแพ้  แล้วเธอก็ลืมไปเสียสนิท
ว่าอดีตสามีมีเพื่อนเป็นตำรวจที่มียศใหญ่พอตัว คงออกหน้าช่วยเพื่อนรักอย่างดีเลยคนนั้น

“คุณย่าคะ…รินแค่จะมาตามสิทธิ์ของความเป็นแม่…เท่านั้นเองนะคะ”
ระรินพูดเสียงอ่อนอย่างกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ไว้

“สิทธิ์ของความเป็นแม่น่ะเธอมีอยู่แล้วล่ะ  ถ้าลูกๆ ยอมรับเธอน่ะนะ
เธอจะมาดูมาแลกันย่าก็ไม่ได้ห้ามได้หวง  ต่างเลือกที่จะใช้ชีวิตของ
ตัวเองกันแล้วนี่นะ  แต่ย่าว่าดีเสียอีกนะที่เธอไม่ต้องเอาลูกไปหนีบติดตัว
เธอจะไปทำอะไรที่ไหนก็แสนจะสบาย  คิดถึงก็มาเยี่ยมมาหาก็ได้
เธอทำอย่างกับจะเอาเด็กๆ ไปเลี้ยงดูซะเอง  ดินมันก็ไม่ยอมน่ะสิ
เธอถามตัวเองก่อนเถอะว่าพร้อมแค่ไหนที่จะรับลูกไปดูแล
วันๆไม่ใช่จะให้ลูกอยู่แต่กับพี่เลี้ยง  เธอต้องทำอะไรๆ ให้ลูกเองกับมือด้วย
เธอทำได้ไหมล่ะระริน”

คุณย่าถือโอกาสนี้อบรมอดีตหลานสะใภ้ไปด้วยในตัว  ซึ่งท่านรู้ดีว่าคนที่
ติดความสบายและเป็นคนหยิบโหย่ง ไหนเลยจะยอมทำอะไรอย่างนั้น

“เอ่อ…ริน…ขอคิดดูก่อนก็ได้ค่ะคุณย่า”
ระรินมีสีหน้ายุ่งยากใจเมื่อฟังคุณย่าสาธยายออกมา
เธอลืมคิดไปเสียสนิทมัวจ้องแต่จะเอาชนะอดีตสามี

“อย่างวันนี้น่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว  ก็อยู่กับลูกสักวัน เย็นๆ ค่อยกลับสิ
ผมไม่ว่าหรอกข้าวปลาที่นี่ก็มีให้กิน”
แผ่นดินพูดขึ้นบ้าง  เขาทำตามที่พ่อเขตแนะนำว่า…ให้เธอมา
คลุกคลีอยู่กับลูกๆ ได้  ให้ลูกอยู่ในสายตาดีกว่าปล่อยให้ไปไกลตา

“ไว้วันอื่นแล้วกันดิน  วันนี้มีธุระต้องไปทำต่ออีก  งั้นรินลาล่ะค่ะคุณย่า”
แล้วเธอก็ไหว้ลาคุณย่า รีบก้าวเท้าออกไปจากบ้าน

“เห้อ! ไปกันเสียได้  ขอบคุณคุณย่าที่จัดการให้นะครับ  คุณย่าเก่งที่สุดเลย”
แผ่นดินกอดประจบคุณย่า

“เออๆ ไม่ต้องมาประจบเลยเจ้าดิน  พูดแล้วก็คิดถึงหนูกอหญ้าเนอะ
เคยเห็นหน้ากันทุกวัน  เมื่อไหร่จะเสร็จงานกลับมาเสียทีนะ”

คุณย่าเปรยๆ ทำเอาแผ่นดินลุกนั่งตัวตรงจ้องหน้าคุณย่า

“คุณย่า  กอหญ้าน่ะของผมนะฮะ  คุณย่าคิดอะไรกับที่รักของผมรึป่าวเนี่ย!”
แผ่นดินทำเลิกคิ้วใส่คุณย่า

“นี่แน่ะ! ทะลึ่ง”
คุณย่าซัดเพียะที่แขนหลานชาย

“โอ๊ย! คุณย่าน่ะ  ผมล้อเล่นคร๊าบบบ โธ่..เจ็บนะ  มือหนักซะด้วยสิ”
ชายหนุ่มแกล้งทำว่าเจ็บเสียเต็มประดา

`เอิ่ม…พูดถึงกอหญ้าแล้วก็  คิดถึงจริงๆด้วยสิ`

“นายดิน! คร้าบ…เจ้าขวัญมันมีเรื่องด่วนจะรายงานครับ
โทรศัพท์นายดินแบตหมดรึป่าวครับมันโทรหลายรอบแล้ว”
มิ่งวิ่งหน้าตั้งส่งโทรศัพท์ของเขาเองให้กับเจ้านายหนุ่ม

“เออ!  อยู่ในรถนู้น! เอ็งไปเอามาชาร์จไฟให้ด้วยก็แล้วกัน”
แผ่นดินรับโทรศัพท์มาแนบกับหู  ส่วนมิ่งวิ่งกลับไปที่รถตามคำสั่ง

“ว่าไงขวัญ  อืม…จับตาดูให้ดีๆ หากมันกล้าเคลื่อนไหวขนาดนั้น
อีกไม่นานคงจะออกลาย  มีอะไรโทรมาเลยนะขวัญ  อีกสักสองสามวัน
จะลงไป  คุยกับมิ่งต่อไหมล่ะ  เออๆ อย่าให้พลาดก็แล้วกันนะ”

แผ่นดินส่งโทรศัพท์คืนให้มิ่งไปเมื่อขวัญวางสาย

“นายดิน  อย่าเพิ่งเครียดเลยครับ  ขวัญมันบอกว่ามันเอาอยู่ครับ
หรือนายจะให้ผมไปช่วยอีกแรงไหมล่ะ”

มิ่งออกความเห็นเมื่อเห็นเจ้านายหน้าเครียด

“ไม่เป็นไรมิ่ง  ลองเชื่อมือขวัญมันสักครั้งแล้วกัน  ตอนนี้มันประกบยัยแม่เลี้ยง
ไม่คลาดสายตา  แต่เห็นติดต่อกับเสี่ยบวร…ไปเอาเงินเขามาเล่นหมดไปเยอะแล้ว
ขวัญบอกไอ้เสี่ยนี่แหละที่มันอยากได้กอหญ้าของฉัน  มิ่งอีกสามวันเตรียมตัว
ไปกรุงเทพฯกันนะ  กำชับให้ขวัญมันเบนเข็มไปตามไอ้เสี่ยแทนแล้ว”

แผ่นดินพูดด้วยสีหน้าเครียดไม่น้อย

“ได้ครับนายดิน  ยังไงผมก็หวังว่า…เราสองคนคงไปช่วยคุณกอหญ้าทันนะครับ”
มิ่งมีสีหน้ากังวลไม่แพ้คนเป็นนายเหมือนกัน

“อืม…เดี๋ยวต้องกำชับกอหญ้าให้ระวังตัวมากกว่าเดิม  เราอยู่ก็ตั้งห่างไกลขนาดนี้
 จะไม่ให้ห่วงได้ยังไงเนอะมิ่ง”

แผ่นดินหน้าเศร้า  มิ่งเห็นแล้วก็นึกเห็นใจ

“นายดิน  ถ้าห่วงมากขนาดนี้  ผมว่านายรีบไปหาคุณกอหญ้าเลยมั้ย”
มิ่งคะยั้นคะยอ  มิ่งเองก็กลัวว่าน้องชายจะคุมสถานการณ์ไม่อยู่เหมือนกัน

“ไม่ได้หรอกมิ่ง  ทำแบบนั้นได้ไงล่ะ  งานทางนี้ก็สำคัญไม่เป็นไรพรุ่งนี้
เราสองคนมาลุยทำมันให้เสร็จโดยเร็ว  เราจะได้เดินทางกันเร็วขึ้น
 เอาตามนี้แล้วกันนะมิ่ง”

“ครับนายดิน  ผมช่วยเต็มที่อยู่แล้วครับ”

“ขอบใจนะมิ่ง  แกก็ไปดูคนงานต่อเถอะ เอาโทรศัพท์มาเดี๋ยวชาร์จแบตเอง”

“มีอะไรนายเรียกผมได้เลยนะครับ”
มิ่งพูดแล้วก็เดินออกไปจากห้องรับแขก  ชายหนุ่มมองไปเห็นคุณย่านั่งเฝ้าหน้าจอทีวี
ที่ห้องนั่งเล่นนู่น  ได้ยินเสียงคุยเจี้ยวแจ้วของลูกสาวแว่วออกมาด้วย
คงกำลังเล่นอยู่กับพี่เลี้ยง  ชายหนุ่มจึงเลี่ยงขึ้นชั้นบน


ตกเย็นหลังมื้ออาหารสมาชิกของบ้านต่างนั่งเล่นและพูดคุยกันตามปกติ
เมื่อนั่งย่อยอาหารและเล่นกับลูกแล้ว  แผ่นดินจึงไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
ดูเวลาแล้วคิดว่าคนไกลคงกลับที่พักแล้ว  แผ่นดินจึงโทรหา  ถามไถ่ทุกข์สุขกันเสร็จ
กอหญ้าก็เล่าถึงงานที่ทำวันนี้ไม่หยุด  ก่อนวางสายแผ่นดินกำชับกอหญ้าให้ระมัดระวังตัว

(อย่าห่วงนักเลย  พี่คะน้าประกบแจอย่างกับเป็นเงาแล้วเนี่ยพี่ดิน)

“ดีแล้วล่ะ  ยังไงกอหญ้าของพี่ก็อย่าได้ประมาทแล้วกัน  ช่วยกันคนละแรงเนอะ
 แล้วนี่น่ะนอนได้แล้วมั้ง  ตื่นเช้ามาหน้าตาจะได้สดใส”

(ฮะนอนก็ได้  รักพี่ดินนะ  คิดถึงมากๆเลย)

“รักเหมือนกัน  ฝันดีนะ…เด็กดีของพี่”

(อยากกอด…แล้วก็หลับไปพร้อมๆกันจัง  พี่ดินรอหน่อยนะ  รอได้…ใช่ไหมครับ)

“รออยู่แล้ว ไม่งอแงนะ…คนดี”
แผ่นดินพูดปลอบเมื่อได้ยินเสียงที่สั่นเครือของคนรัก

(พี่ดินอ่ะ  ก็คนมันคิดถึงนี่นา  นอนแล้วก็ได้พรุ่งนี้มีงานเช้า)

“ดูแลตัวเองดีๆ นะ กอหญ้าเป็นหัวใจของพี่  ว่างจากงานก็โทรหาพี่
เป็นห่วงมากๆ…รู้ใช่ไหม”

แผ่นดินได้ยินปลายสายงึมงำเบาๆ รู้ทันทีเลยว่าตัวแสบของเขาที่บอก
จะนอนก็คงกำลังงอแงอยู่อย่างเดิมนั่นแหละ






CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34
«ตอบ #80 เมื่อ02-04-2019 11:33:43 »



จะมีเหตุร้ายเปล่า


 :hao7:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34
«ตอบ #81 เมื่อ02-04-2019 11:51:22 »

เหม็นฟามรัก
 :a14:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 35 เกิดเรื่อง

วันนี้ข้ามฟ้าตื่นนอนแต่เช้าเพราะงานที่รับอยู่นอกเมืองออกไป  จึงต้องเผื่อเวลาในการเดินทาง
งานแรกเป็นงานบวงสรวงเปิดกล้องละคร  แล้วต่อด้วยงานเปิดตัวห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
ที่ขยายออกชานกรุง  และงานสุดท้ายคืองานแฟนมีตที่ข้ามฟ้าต้องพบปะแฟนคลับ
ทั้งสามงานกินเวลาไปจนกระทั่งค่ำ

“ขอบคุณทุกคนที่ยังรักกัน  แม้ว่าข้าวจะทำให้ทุกคนผิดหวัง  ขอบคุณจริงๆ”
ข้ามฟ้ากล่าวขอบคุณเหล่าแฟนคลับ  และโบกมือส่งยิ้มอำลา

“พวกเราก็ขอบคุณพี่ข้าวมากๆ ที่มอบความสุขให้กับเรา  ถ้ามีโอกาสพวกเรา
คงได้เห็นพี่ข้าวพาพี่ดินออกงานคู่กันบ้างนะคะ”
แฟนคลับต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

“หึหึ ได้สิครับ  ถ้าพี่ดินจะยอมมาเปิดตัวนะ”
ข้ามฟ้าพูดจบก็ถูกพี่คะน้าพาตัวออกมาจากวงล้อมของเหล่าแฟนคลับ
แต่พ้นออกมาได้เพียงนิดเท่านั้นข้ามฟ้ารู้สึกมึนๆ เบลอๆ เหมือนตัวเอง
จะถูกลากออกมาด้วยพละกำลังที่มากกว่าจะเป็นแรงของพี่คะน้าด้วยซ้ำ

ข้ามฟ้าพยายามจะเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองว่าใครกันที่กำข้อมือ
ของเขาเสียแน่นจนรู้สึกเจ็บ  รู้สึกแขนขาอ่อนแรงจะล้มลงให้ได้

“ขอทางหน่อยครับ  คุณข้ามฟ้าเป็นลม  ขอให้เราพาไปปฐมพยาบาล
ก่อนนะครับ  เราเป็นทีมงานของคุณข้ามฟ้าเองครับ”
เสียงผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงห้าวๆ

`ไม่นะ …ทีมงานอะไรอีก  นอกจากพี่คะน้าก็ไม่เหลือใครแล้ว`
 ข้ามฟ้าพยายามจะลืมตาแต่เขาทำมันไม่ได้  แม้แต่ปากจะเผยอขึ้นมา
เอื้อนเอ่ยอะไรยังทำไม่ได้  สุดท้ายสติรับรู้รอบข้างก็วูบลง

 
คะน้านั่งไม่ติดเมื่อติดต่อข้ามฟ้าไม่ได้  เธอดึงน้องออกมาจากกลุ่มแฟนคลับได้แล้ว
แต่แค่ชั่วพริบตาเดียวข้าวก็ถูกดึงตัวหายไปโดยที่เธอมองหาไม่เจอแล้ว
ถามใครก็ไม่มีใครเห็นสักคน   คะน้ารู้สึกว่ามันชอบกลอยู่ และที่นี่ก็เป็นนอกเขตเมืองด้วย

“คุณคะน้าครับ  พวกเราตรวจเช็กกล้องตามที่คุณขอแล้วนะครับ
ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรเลย  อีกอย่างตรงจุดที่คุณข้ามฟ้าแยกตัวออกมา
เป็นลานโล่งนอกอาคารแบบนั้น  แถมมวลชนก็เยอะพอดูจึงยากที่เราจะตรวจสอบ”

“ยังไงก็รบกวนทางคุณช่วยอีกสักครั้งเถอะนะคะ  ดิฉันเกรงว่าจะมีเหตุร้าย
เกิดขึ้นกับข้ามฟ้า”

คะน้าร้อนใจอย่างมาก  จะให้นั่งรออยู่ได้ยังไงกัน

“ผมจะลองดูกล้องตัวที่อยู่ใกล้เคียงอีกทีแล้วกันครับ”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคที่ดูแลอาคารสถานที่พูดขึ้น

“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”

คะน้าทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องแต่งตัวที่เธอมานั่งเฝ้าน้องเมื่อตอนหัวค่ำ
เธอหาสาเหตุที่เด็กหนุ่มจะเหลวไหลไปไหนโดยไม่บอกไม่เจอเอาเลย
เพราะน้องไม่ได้เอารถมาเอง

`อย่าเกิดเรื่องอะไรอีกเลยนะข้าว`
 ฉับพลันคะน้าก็นึกไปถึงคนรักของข้ามฟ้า  จึงต่อสายไปหาทันที

“ฮัลโหลพี่ดิน  ข้าวหายตัวไปค่ะ  คะน้าให้ตรวจสอบกล้องแล้ว
แต่จนตอนนี้ยังหาไม่เจอเลย  ห๊ะ! จริงเหรอ พี่ดินอยู่กรุงเทพฯ แล้ว
ให้คะน้ารอที่นี่เหรอคะ”

(คะน้า  คุณรอดูอยู่ที่นั่นก่อน  พี่จะโทรให้ตรีภพช่วยอีกแรง)

เสียงพี่ดินก็ร้อนรนไม่แพ้กัน  แต่คะน้ารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อยที่อย่างน้อย
เธอก็ได้บอกให้แผ่นดินรับรู้  และสารวัตรตรีภพที่เป็นเพื่อนกับพี่ดินก็ออก
จะกว้างขวางคงพอช่วยกันได้บ้าง

“พี่ดิน  ช่วยข้าวให้ได้นะ  คะน้าเป็นห่วงน้องเอามากๆ”

(พี่ก็ร้อนใจไม่ต่างจากคุณหรอก  มีอะไรคืบหน้ารีบบอกพี่ด้วยล่ะ)
 ปลายสายก็ถูกตัดสัญญาณไป

 คะน้าได้แต่ทอดถอนใจและภาวนาอย่าได้มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มอีกเลย



ข้ามฟ้ารู้สึกง่วงงุน  ความเย็นของเครื่องปรับอากาศทำเอาหนาวสั่น
แค่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมองเขายังทำไม่ได้  นับประสาอะไรจะหยิบผ้าขึ้นมาคลุมกาย

“ยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอวะ  นี่ก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้วนะเว่ย”

“ก็ยามันแรง  อีกสักครึ่งชั่วโมงน่าจะรู้สึกตัว  แล้วเสี่ยล่ะจะมาถึงเมื่อไหร่”

“เห็นบอกว่าใกล้ถึงแล้วนะ  ถ้ารถไม่ติดมากนักก็คงพอๆกับนายคนนี้ตื่นนั่นแหละ
 แม่งทั้งขาวและหน้าตาดีอย่างนี้นี่เอง  เสี่ยถึงอยากได้นักหนา”

“เออ! นั่นสิ  กูก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำงานแบบนี้ไปอีกสักกี่งานเลยว่ะ
เหยื่อแต่ละคนที่เสี่ยอยากได้ออกจะดังๆ เด่นๆ กันทั้งนั้น”

“อืม…จะพลาดท่าตำรวจวันไหนก็ยังไม่รู้เลย
กูชักจะเบื่อๆ แล้วว่ะมึง  งานเสี่ยงๆ แบบนี้”

“เสร็จงานนี้กูคงกลับบ้าน  ไม่เสี่ยงด้วยแล้ว  เสี่ยก็ไม่ยอมปลงใจ
กับใครไปสักคนให้รู้แล้วรู้รอดไป  เซ็งจริงๆ”


เสียงผู้ชายสองคนที่อยู่ในห้องพูดคุยกันไม่หยุดปาก  ข้ามฟ้าได้ยินอย่างนั้น
ก็พอจะรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว  ความมีชื่อเสียงและหน้าตาที่ดึงดูดทั้งต่างเพศ
และเพศเดียวกัน  มันนำพาให้ต้องตกอยู่ในอันตรายอีกครั้งแล้ว

`พี่ดิน  ช่วยข้าวด้วย  พาข้าวกลับไปทีกลับไปเป็นกอหญ้าของพี่ดิน
กอหญ้าไม่ขออยู่แล้วกับสังคมที่มีแต่คนจับจ้อง  อันตรายทั้งร่างกาย
และชีวิต  พี่ดินช่วยด้วย`

ข้ามฟ้านอนนิ่งได้แต่หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต  เกิดมายากไร้ยังไม่พอ
แม่ก็ทอดทิ้งพ่อก็มาตายจากไปอีก  เหลือตัวคนเดียวจริงๆ แล้วตอนนี้

'พี่ดินรักกอหญ้าไม่ใช่เหรอ…มาช่วยที…กอหญ้าขอโทษ…ขอโทษที่เส้นทาง
ที่เลือกเดินของกอหญ้า…มันไม่ได้สวยหรูอย่างที่อยากให้เป็นเลยสักนิด'

“เห่ย! มึงดูทีนายคนนี้ท่าจะรู้สึกตัวแล้วว่ะ  น้ำตาไหลเป็นทางอย่างนั้น
กูก็สงสารละนะ  แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเรามันก็แค่ลูกน้องเขา  นายสั่งก็ต้องทำ
ไม่ทำก็อดตาย  เห้อ…”

ข้ามฟ้ายังคงน้ำตาไหลรินอยู่อย่างนั้น

“ห่มผ้าให้เขาหน่อยเถอะวะ  แอร์แม่งเย็นเกิน  ไม่เย็นก็ไม่ได้เสี่ยมาก็จะโดนด่าเอาอีก”

ผ้าห่มถูกโยนมาคลุมกายให้อย่างไม่ได้นุ่มนวลอะไร  ก็ยังดีกว่าที่เขาจะต้องนอนแข็งตาย
คงได้แต่นอนนิ่งๆรอเวลาให้ยามันสร่างฤทธิ์อีกหน่อย  ที่นี่คงเป็นที่ไหนสักแห่งที่ไกลหูไกลตา
ผู้คนพอสมควร คนพวกนี้ถึงกล้าทำเรื่องเลวๆ กับใครต่อใครได้อย่างนี้



“นายดินครับ  เมื่อไหร่เราจะรู้ล่ะว่าคุณกอหญ้าถูกพวกมันพาไปไว้ที่ไหน
 ผมสงสารคุณเขาจริงๆ”

“ไอ้มิ่ง! เงียบปากมึงที กูเนี่ย! แทบจะอกแตกตายแล้วนะโว๊ยยย!!!!!”

แผ่นดินแผดเสียงใส่มิ่ง  วันนี้พากันขึ้นเครื่องมากรุงเทพฯ เพราะความร้อนใจ
กังวล ห่วงใยสารพัดอย่างจนไม่เป็นอันทำงานทำการ  จนพ่อกับย่าแล้วก็เจ้าทัพ
ไล่ให้เขาเข้ากรุงเทพฯ ยิ่งคุณย่ายิ่งทั้งผลักและดันกลัวว่าที่หลานสะใภ้จะเป็นอันตราย

Rrrrrrr เสียงโทรศัพท์ของมิ่งดังขึ้น

“ไอ้ขวัญ…ยังไงกัน …จริงดิ! เออๆ ข้ากับนายดินร้อนใจจะแย่แล้ว
ไปเดี๋ยวนี้แหละส่งมาได้เลย”

“นายดิน ได้เรื่องแล้ว ขวัญมันจะส่งเส้นทางให้เรามาเตรียมตัว
กันเถอะครับ”
มิ่งกระตือรือร้นมากจนดูลุกลี้ลุกลนไปหมด

“เออ! ก็รออยู่เนี่ย! กูน่ะพร้อมจนไม่รู้จะพร้อมยังไงแล้ว
ป่านนี้กอหญ้าของกูจะเป็นยังไงบ้างวะ ไม่ร้องไห้จนตาปูด
ตาบวมแล้วรึไงไอ้มิ่ง”

“โธ่…นายดิ  อย่าเพิ่งคิดไปก่อนเลย ไอ้มิ่งสะเทือนใจไปด้วยแล้วเนี่ย”
มิ่งพูดจบก็รีบยกมือปิดปากหมับ  เมื่อเห็นนายดินมองมันตาเขียว

“ห้ามคิดเกินเลยกับกอหญ้านะมึง…ไม่งั้นมึงโดนตีนกูแน่ไอ้มิ่ง”
แผ่นดินทำหน้าตาขึงขังใส่

“โอยๆ นายดินครับ  คุณกอหญ้าน่ะนายหญิงที่รักและเคารพของผมนะ
จะคิดเป็นอื่นได้ไงล่ะครับ  สถานการณ์แบบนี้นายยังจะขี้หวงอีกเนาะ”
มิ่งโอดครวญ

“เออ…ยังดีที่มึงยังรู้ตัวว่าของใครเป็นของใคร หึหึหึ”

แผ่นดินรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างที่ได้ลับฝีปากหรือพูดง่ายๆ
ได้ด่าไอ้มิ่ง เพื่อระบายอารมณ์เป็นห่วงที่กำลังพุ่งพล่านของเขา

“เอ้า! ไอ้มิ่ง  นี่เส้นทางมึงดูไว้  แล้วก็ขับไป ด่วน! เลยนะ นครปฐมนอกเมือง
โน้นแน่ะ”
แผ่นดินส่งโทรศัพท์ให้มิ่งดูเส้นทางที่ขวัญส่งมาให้ แล้วมิ่งจึงส่งโทรศัพท์คืน
กลับมาให้เมื่อดูเข้าใจแล้ว

แผ่นดินรับโทรศัพท์คืนมาแล้วกดออกหาตัวช่วยทันทีซึ่งก็คือสารวัตรตรีภพนั่นเอง
แผ่นดินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เพื่อนรักฟัง  แล้วก็ส่งแผนที่บ้านพักที่กอหญ้าถูกจับ
ไปขังให้เพื่อนด้วย  ตรีภพบอกจะประสานงานให้เพื่อนทางนี้ช่วย

“เออๆ จะไม่วู่วาม  ไม่ถึงกับฆ่ามันหรอกน่าอย่าห่วง  ขอด่วนหน่อยนะภพ…ขอบใจว่ะ”

แผ่นดินวางสายแล้วเอนตัวพิงเบาะ  ปิดเปลือกตาลงเขาต้องทำใจเย็นอดทนเข้าไว้อย่าง
ที่เพื่อนบอกแล้วทุกอย่างจะดีเอง

“นายครับ พักสายตาหน่อยก็ดี  เดี๋ยวผมจะพาไปอย่างด่วนและปลอดภัยเลย
เพื่อนคุณภพคงจะเข้าไปถึงก่อนเราเป็นแน่”
มิ่งพูดเพื่อให้เจ้านายคลายกังวลลง

“คงงั้น…เขาอยู่ในพื้นที่แล้วนี่  ดีเลย…กูค่อยเบาใจลงหน่อย เฮ้อ…”
มิ่งมองหน้าเจ้านายแวบหนึ่งเห็นถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก็ให้นึกเห็นใจ

“อ้าว! เสี่ย คุณเขายังไม่ตื่นเลยครับ  ยาตัวนี้มันแรงไปหน่อยน่ะครับ”

ข้ามฟ้าได้ยินเสียงคนที่จับตัวเขามารายงานให้คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ฟัง

`ช่วงเวลาแห่งชะตากรรมมาถึงแล้ว สินะ`

ข้ามฟ้าได้แต่นึกหมดอาลัยตายอยาก  เปลือกตายังคงหนักอึ้งดังเดิม

“อีกนานไหมกว่าจะตื่น  หลับอย่างนี้ไม่สนุกเลยว่ะ”

เสี่ยบวรพูดกับลูกน้อง  แต่สายตาที่มองไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง
นั้นกระหายอยาก  หากใครได้มาเห็นคงหวาดหวั่นน่าดู  แต่สำหรับลูกน้อง
สองคนพวกเขากลับชินชาเสียแล้ว

“น่าจะได้เวลาแล้วละครับเสี่ย  พวกผมไปรอด้านนอกเลยแล้วกัน”
หนึ่งในสองคนพูดขึ้น  ข้ามฟ้าใจหายวาบเมื่อได้ยินดังนั้น

“อืม…ไปสิ ทำเหมือนเดิมล่ะ  ถ้ามีร้องโวยวายพวกเอ็งก็ทำหูทวนลมไปซะ”
เสี่ยบวรพูดขึ้น  ข้ามฟ้าสะดุ้งนี่เขาต้องมาถูกกระทำทั้งที่ไม่เต็มใจอย่างนั้นเหรอ
ต้องคิดหาทางเอาตัวรอดจากนี่ให้ได้  ถึงจะต้องเล่นละครตบตาก็ต้องทำกันละ
เสียงเดินที่ค่อยๆห่างออกไปกับเสียงประตูที่ปิดลงมันดังก้องในโสตประสาท

ข้ามฟ้าพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก  แล้วเขาก็ทำมันสำเร็จแสงสว่างจ้า
จนต้องหรี่ตาปิดลงไปอีก  ลองขยับแขนขาก็เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว

“ตื่นแล้วเหรอ…คนสวย  หลับสบายดีมั้ย  เสี่ยรอเราอยู่นะข้าว”
เสี่ยบวรพูดพร้อมกับส่งสายตาโลมเลียมายังเขาที่นอนมองอยู่
สายตาที่หื่นกระหาย 

ข้ามฟ้าแข็งใจทำใจดีสู้เสือ

“เอ่อ…เสี่ยบวรน่ะเอง ทำไมต้องจับกันด้วยล่ะครับ  พูดดีๆผมก็มาหาเสี่ยแล้ว
คนกันเองแท้ๆ ทำอย่างกับว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนซะอย่างนั้น”

ข้ามฟ้าเริ่มสวมบทบาทนักแสดง  ทำเอาเสี่ยบวรหน้าเหวอที่ไม่คิดว่าเขา
จะพูดดีๆ ด้วย แถมยังไม่แสดงอาการโวยวายขัดขืนให้เห็น

“โอ๊ะ…โอ…เสี่ยไม่คิดว่าข้าวจะพูดง่ายขนาดนี้นะ  ช่อแก้วน่ะสิบอกให้เสี่ยใช้วิธีนี้
เงินก็เอาของเสี่ยไปซะมากมายแล้ว  เสี่ยก็กลัวว่าข้าวจะไม่ยินยอมน่ะซี”

เสี่ยบวรพูดพร้อมกับนั่งลงที่ข้างเตียงทำเอาที่นอนยวบลงตามน้ำหนักตัว
ข้ามฟ้าผวาแต่แค่แวบเดียวเขาก็ดึงสติกลับมาได้ทันก่อนที่เสี่ยบวรจะทันเห็น

“แหม…เสี่ยก็เชื่ออะไรกับน้าช่อ…เขาไม่ชอบขี้หน้าผมที่เป็นลูกเลี้ยง
นี่ครับ…ถึงได้พูดไป”

ข้ามฟ้าพยายามพูดดีด้วย  เขาไม่คิดเลยว่าน้าช่อจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย

“ในเมื่อเราคุยกันรู้เรื่องแบบนี้ก็ดี  ถ้าอย่างงั้น…เรามาสนุกกันดีกว่า
ดีเลยเสี่ยจะได้ไม่เปลืองแรงเนอะ”
เสี่ยร่างท้วม  ลงพุงพุ้ยและใบหน้าที่หื่นกระหายกลับมาแล้วในฉับพลัน
เมื่อการพูดคุยจบลง

'เอาไงดีข้าว คิดสิ คิดๆ'

“ผมยอมเสี่ยอยู่แล้วละ ก่อนอื่นขอผม เอ่อ…ข้าวขอนั่งให้หายเวียนหัว
ก่อนนะฮะ แล้วเราค่อยเริ่ม…นะๆ เสี่ยไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆ ก่อนเถอะ
ข้าว…จะนอนรอ”

ข้ามฟ้าใช้ลูกอ้อนเข้ามาช่วย  เสี่ยบวรทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยขึ้นมาฉับพลันทันใด
โดยที่ไม่คิดระแวง

“พูดจาน่ารักมาก…เด็กดีของเสี่ย  งั้นรอเสี่ยแป๊บนะ”
เสี่ยบวรลุกจากเตียงไปเปิดตู้เสื้อผ้าบานใหญ่สีขาว 

ข้ามฟ้านอนมองทุกการเคลื่อนไหวของเสี่ยหื่นกาม
มันหยิบได้เสื้อคลุมสีน้ำเงินก็รีบผลุบเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านเดียวกับตู้เสื้อผ้า
 
ข้ามฟ้าส่งยิ้มให้และโบกมือส่งท้าย  เมื่อลับร่างนั้นไปแล้วข้ามฟ้าก็ผลุนผลันลุกขึ้นนั่ง
ความวิงเวียนกลับมาอีกครั้ง  เขาจึงได้แต่นั่งอยู่อย่างนั้นมองสำรวจจนทั่วห้อง
พบว่าเขาอยู่ในห้องที่โล่งเอามากๆ ไม่มีอะไรที่พอจะเป็นอาวุธได้เลยสักอย่าง
หน้าต่างสองบานใหญ่ๆก็ติดเหล็กดัดแน่นหนา  หลังบานประตูคงมีคนเฝ้าอยู่เป็นแน่
หนทางหนีรอดดูจะเลือนรางเต็มที  แล้วนี่ปาเข้าไปกี่โมงแล้วก็ไม่รู้ นาฬิกาก็ไม่มีให้ดู
ข้าวของติดตัวก็ให้พี่คะน้าเอาไปเก็บใส่รถให้แล้ว  โทรศัพท์ก็ดันถูกพวกมันยึดไปอีก

'พี่ดิน  พี่คะน้า จะมีใครรู้ไหมว่าข้าวกำลังตกอยู่ในอันตราย  ใครก็ได้มาช่วยที'

ข้ามฟ้าได้แต่ร่ำร้องอยู่ภายในใจ  หากยอมบำเรอกามให้มันเขาก็พอมีหนทางรอด
ออกไปหาพี่ดิน  แต่มลทินที่ติดตัวแม้แต่ตัวเองยังรับไม่ได้เลย…รู้สึกสะอิดสะเอียน

เมื่อนึกว่าร่างกายต้องถูกชายอื่นที่ไม่ใช่พี่ดินสัมผัสแตะต้อง…ทำเอาเกิดอาการสั่นกลัว
ปวดหัว…ใจสั่น ลมหายใจเริ่มติดขัดขึ้นมา  มือและปากเริ่มสั่นจนรู้สึกจะควบคุมตัวเอง
ไม่ได้  วิงเวียนคลื่นเหียน เหงื่อผุดขึ้นมาทั้งๆ ที่แอร์ในห้องนี้เย็นจัด

ข้ามฟ้าพยายามเรียกสติของตัวเอง

'สกปรก…ขยะแขยง…กลัว'

รู้สึกคลื่นไส้อยากจะอาเจียน  ยิ่งได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้องน้ำ
เสียงน้ำ…ถ้ามันหยุดและประตูห้องน้ำเปิดออก เขาจะทำยังไง…
กลัวตัวเองจะทนไม่ไหวกับสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้  ความกดดันที่เขา
จะต้องเผชิญในอีกไม่กี่นาที…พอประตูห้องน้ำเปิดผลัวะ!...ข้ามฟ้าตัวแข็ง
ตาจ้องเขม็งไปที่ร่างท้วมที่ฉีกยิ้มส่งมาให้  และมันกำลังสืบเท้าตรงมาที่เตียง
อย่างไม่มีรีรอเลยแม้แต่น้อย

“รอนานมั้ย  เสี่ยอาบสะอาดแล้วนะ  เรามาเริ่มกันดีกว่าเนอะจะได้ไม่เสียเวลา”
เสี่ยบวรนั่งลงที่ขอบเตียงและกำลังปลดสายเสื้อคลุมจากเอวออก

“อะ…เอ่อ…สะ…เสี่ย อย่าเพิ่งฮะ… ผมปวดฉี่  ขอไปห้องน้ำแป๊บนึง”

ข้ามฟ้าคลานเข่าด้วยอาการลนลาน  แม้จะวิงเวียนอยู่ก็ขอหลบไป
จากตรงนี้ก่อน  เขาเหลือบมองเห็นความหงุดหงิดชัดเจนจากเสี่ยบวร
ข้ามฟ้าไม่รอช้าหย่อนเท้าลงจากเตียงอีกด้าน  เสี่ยหื่นก้าวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงคอยท่า

“อย่านานนักนะข้าว  เสี่ยไม่มีเวลามากนัก”
ข้ามฟ้าก้าวอย่างเชื่องช้าเมื่อรู้สึกว่าเท้ามันอ่อนเปลี้ย  คงเพราะยาที่ถูกมอมนั่นเอง
พอเท้าก้าวเข้าไปในห้องน้ำได้ก็แทบเข่าทรุด  เมื่อพบว่าประตูห้องน้ำไม่มีสลัก
ไม่มีอะไรเลย  เพียงแค่งับปิดไว้เฉยๆ เท่านั้น  ที่คิดไว้ว่าจะขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ
ก็คงเป็นไปไม่ได้

ข้ามฟ้าหมดสิ้นแล้วซึ่งความหวัง

***************************************
Talk : ตอนต่อไปจากนี้มันจะหน่วงๆ จุกๆอกสักหน่อย
         ขออภัย! คนอ่านไว้ก่อนนะ เลิฟๆ





ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34,35
«ตอบ #83 เมื่อ02-04-2019 17:00:44 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

หง่ะ   มีหน่วง ๆ ด้วยเหรอ?

ขออย่าให้โดน...เป็นใช้ได้

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34,35
«ตอบ #84 เมื่อ02-04-2019 22:09:17 »

กอหญ้าของพี่แผ่นดิน หนูต้องรอดนะลูก  :hao3:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34,35
«ตอบ #85 เมื่อ02-04-2019 23:02:29 »

สงสารกอหญ้าจังเลย
 :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 33,34,35
«ตอบ #86 เมื่อ02-04-2019 23:56:01 »

 :3125:


 :3123: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 36 พลังแห่งรัก

ขวัญซุ่มอยู่ตรงข้างรั้วบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่เสี่ยบวรหายเข้าไปสักพักแล้ว
มีชายร่างใหญ่สองคนเดินไปมาอยู่ไม่ห่างจากประตูหน้าบ้านมากนัก
ภายในเงียบเสียจริง  คุณกอหญ้าอยู่ในนั้นแน่ๆ น่าเป็นห่วงเหลือเกิน

‘พี่มิ่งกับนายดินทำไมช้ากันนักนะ  ป่านนี้คุณกอหญ้าจะเป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้
โอ๊ย…ทำยังไงดี  บุกเดี่ยวเข้าไปมีหวังถูกกระทืบเละคาตีน  ตัวแม่งใหญ่อย่างกะควาย’

“นายดิน  ถึงไหนกันแล้ว ไอ้เสี่ยมันหายเข้าไปนานแล้วนะ  ผมห่วงคุณกอหญ้า
อ้าว! ตำรวจกำลังจะมาเหรอ  แต่ผมจะรอไม่ไหวแล้วน่ะสิ  นายดิน!!!
ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณกอหญ้า  เสียงน่าสงสารมาก  ผมไม่รอแล้วนะ”

ขวัญตัดสายมองซ้ายมองขวาแล้วเดินลัดเลาะข้างรั้ว  กำแพงสูงตรงหน้าไม่มีทาง
ที่เขาจะเข้าไปภายในได้เลย  ขวัญหันรีหันขวางเห็นรถตำรวจจึงรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหาทันที

“คุณตำรวจรีบเถอะครับ  ช่วยคุณกอหญ้าที  ผมได้ยินเสียงร้องด้านใน”
ขวัญละล่ำละลักบอกกับตำรวจที่ลงจากรถมาสี่นาย

“คุณมาจากไร่เขตแผ่นดินใช่มั้ย  สารวัตรตรีภพบอกเราไว้”
ตำรวจนายหนึ่งที่ดูท่าจะเป็นคนนำทีมถามขึ้น

“ใช่ๆ ผมชื่อขวัญเป็นลูกน้องของคุณแผ่นดิน  ผมสะกดรอยตามเสี่ยบวรมาครับ”

“งั้นเริ่มงานกันเลย ปกัน”
ตำรวจนายหนึ่งก็เดินไปกดกริ่งที่รั้ว  ชายคนหนึ่งรีบเดินมาดูที่ประตู
รูปร่างของมันสูงใหญ่ผิวกร้านแดด  ริมฝีปากหนา ตาดุ

“ใครวะกดกริ่ง  เห่ย!...ตะ-ตำรวจ เอ่อ…มีอะไร ค…ครับ”
เมื่อเห็นตำรวจมันก็พูดติดๆ ขัดๆ อย่างส่อพิรุธแม้ว่าตำรวจยังไม่ได้เอ่ยอะไรไป

~กรี๊ดดดดด อ๊ากกกกก

เสียงกรีดร้องจากภายในบ้านก็ดังออกมาให้คนภายนอกได้ยิน เสียงที่บาดอารมณ์
คนฟังเป็นที่สุด…ขวัญแทบพุ่งเข้าไปตามเสียงร้องนั้น

“เราได้รับแจ้งว่าที่นี่มีการจับคนมากักขังหน่วงเหนี่ยว  นี่หมายศาล
แต่เอ…ขอพบเจ้าของบ้านก่อนดีกว่า  รถจอดอยู่ที่นี่แล้วด้วย 
จะบอกว่าไม่อยู่ไม่ได้แล้วนะ…ยังเสียงร้องนั่นอีก”

พอนายตำรวจพูดจบ  สีหน้าของชายร่างยักษ์ก็มีอันเจื่อน
ยืนแทบไม่อยู่  หน้าซีดและปากคอสั่น

“เปิดประตู เดี๋ยวนี้! อย่าขัดขืนการทำงานของเจ้าหน้าที่จะดีกว่า”
เมื่อจบประโยค  ประตูบ้านก็ถูกเลื่อนออก 

ขวัญเตรียมกระโจนเข้าไปแต่ถูกตำรวจอีกสองนายขวางไว้  เขาจึงทำได้เพียงเดินรั้งท้าย
ส่วนชายที่เปิดประตูรั้วให้ก็รีบเผ่นออกไปนอกรั้ว  มันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตโดยมีนายตำรวจ
วิ่งตามไปหนึ่งนาย  แต่คงเป็นคราวเคราะห์ของมันเมื่อขวัญเห็นรถตำรวจตามมาอีกคัน
เมื่อรถจอดสนิทตำรวจก็เข้าจับกุมชายคนดังกล่าวไว้ได้อย่างทันท่วงที

“เห่ย!... ฉิบหาย…ตำรวจ อย่าครับ…อย่าทำผม”
ชายร่างยักษ์อีกคนที่ยืนเฝ้าประตูแหกปากดังลั่นเมื่อเห็นตำรวจเข้ามาประชิดตัว

“หยุด! ทิ้งอาวุธ!...ยกมือขึ้น…นั่นแหละอย่าตุกติก คุมตัวไว้ที่เหลือตามผมไปด้านใน”
ขวัญรีบตามหลังตำรวจนายนั้นไปติดๆ  เมื่อประตูห้องถูกเปิดโดยตำรวจที่นำทีม

ภาพที่เห็นทำเอาขวัญแทบเข่าทรุด  คุณกอหญ้านั่งกอดเข่าซุกอยู่ที่ด้านในสุด
ของหัวเตียงนอน  ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตาและแข็งกร้าว  ปากคอสั่น  หายใจหอบถี่

“เห่ย! ตำรวจ…เข้ามาทำไม  นี่เด็กของผม…รู้มั้ยผมเป็นใคร  ผมฟ้องพวกคุณได้นะ
ที่บุกรุกเข้ามาแบบนี้”

เสี่ยบวรสภาพร่างกายที่ดูหลุดลุ่ยเพราะสวมเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำที่สายรัดก็ปลดออกแล้ว
เห็นกางเกงชั้นในสีขาวที่วอมแวมอยู่ภายในเท่านั้น

“เราได้รับแจ้งว่าคุณลักพาตัวคุณข้ามฟ้ามากักขังไว้  แล้วก็จริงๆ…นี่ไงหลักฐาน
ผู้ชายคนนั้นที่คุณบอกว่าเป็นเด็กของคุณ”

“คุณกอหญ้า  ผมขวัญเองครับ ใจเย็นๆครับ  ผมกับตำรวจมาช่วยคุณแล้ว”
ขวัญก้าวเท้าเข้าไปหาคนที่ไม่ยอมรับรู้อะไรแม้ว่าตำรวจจะเข้ามาช่วยแล้วอย่างนี้
มีเพียงอาการสั่นกลัวและใช้แขนสองข้างถูกันไปมาจนถลอกเป็นปื้นแดงๆ

“อย่า…สกปรก…กลัว…อย่าเข้ามา  ช่วยด้วย อ๊ากกกกก!!!”

ขวัญเห็นคุณกอหญ้าตัวสั่นงันงกไปกว่าเดิมอีกเมื่อเขาขยับเข้าไปใกล้

พูดจาอย่างคนไม่มีสติ  ไม่ยอมฟังอะไร  เหมือนที่พี่มิ่งเคยเล่าให้ฟังไม่มีผิด
อาการเมื่อคราวเกิดอุบัติเหตุครั้งก่อนที่นายดินและพี่มิ่งช่วยดูแลจนหายไปแล้ว
…แล้วทำไม?

“คุณกอหญ้า  ทำใจดีๆ ไม่มีใครทำอะไรคุณแล้ว  นายดินกำลังมา…คุณกอหญ้าครับ
จำผมไม่ได้เหรอ  ขวัญเองครับ โธ่…”

ขวัญขึ้นไปบนเตียงอยากจะรวบตัวมากอดปลอบให้หาย  แต่อาการอย่างนี้
พี่มิ่งบอกว่ายิ่งถ้าไปสัมผัสจะยิ่งต่อต้านและอาการจะแย่ลง

“เจ้านั่นน่ะเหรอ  ข้ามฟ้า…ฮ่าฮ่าฮ่า  พวกคุณน่ะจำคนผิดแล้ว  ดูให้ดีๆ นี่มันเด็กของผม
เขามีอาการทางจิต  จะใช่ได้ยังไงกันล่ะคุณตำรวจ”

เสี่ยบวรพูดหลอกล่อเพื่อทำให้ตำรวจไขว้เขว  ขวัญได้ยินอย่างนั้นก็หันขวับ
ชี้หน้าเสี่ยบวรอย่างเหลืออด

“คุณตำรวจอย่าไปเชื่อไอ้เลวนี่  นี่น่ะคุณข้ามฟ้าตัวจริงผมยืนยันได้
แต่ตอนนี้กรุณาอย่าเพิ่งเข้าใกล้หรือไปถูกตัวเขานะครับ  รอคุณแผ่นดินมาถึงก่อน
อาการแบบนี้…มีนายดินที่รู้ว่าต้องทำยังไง”

ขวัญสวนขึ้นมาทันที  อีกอย่างเขากลัวใครจะไปแตะต้องคุณกอหญ้าเข้าอีก
แต่ช้าไปกับคำขอของขวัญเมื่อเสี่ยบวรกระโจนขึ้นไปบนเตียงแล้วคว้าหมับ
ล็อกต้นแขนของกอหญ้าไว้  ทำเอากอหญ้าดิ้นรนขัดขืนอย่างหนัก

“อ๊ากกกก  อย่าจับ…สกปรก! ฮืออออ”

ขวัญเห็นอาการขวัญเสียของคุณกอหญ้า  เขาจึงกระโจนเข้าใส่เสี่ยบวร
โดยพุ่งหมัดตรงไปที่ใบหน้าอูมอย่างเต็มแรงจนมันหน้าหงาย  ตำรวจนายหนึ่ง
เข้าล็อกตัวเสี่ยบวรจับใส่กุญแจมือทันที  และเมื่อคุณกอหญ้าเป็นอิสระก็ดิ้นหนี
ออกไปจนสุดมุมเตียง และถูไถตรงรอยที่ถูกสัมผัสอย่างหนักหน่วง

“คุณกอหญ้า หยุด! เถอะครับ ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้เลย…ฮือฮือ …คุณกอหญ้า
มีสติสักทีสิครับ  ผมขวัญเอง นายดินให้ผมมาช่วยคุณ  ฟังผม…ผมขอร้องล่ะ
…ฮือฮือ”
ขวัญสงสารคุณกอหญ้าอย่างจับใจ  เมื่อช่วยอะไรไม่ได้ก็ได้แต่อ้อนวอนทั้งน้ำตา
แต่ไม่มีปฏิกิริยาหรือสัญญาณตอบรับกลับมาอีกตามเคย

ขวัญต่อโทรศัพท์หาผู้เป็นนายอีกรอบ

“ฮัลโหล ฮึก..ฮือ นายดิน…รีบมาเถอะครับ ฮือฮือ”
ขวัญพูดอะไรไม่ออก  เมื่อก้อนสะอื้นมันจุกที่ลำคอจนไม่อาจเปล่งเสียง
ลอดผ่านลำคอออกมาได้  เขาได้ยินเสียงปลายสายที่ตะโกนถามอะไร
กลับมาอย่างร้อนรน

(ขวัญ…โธ่เว่ย! มึงใจเย็นก่อนได้มั้ย  ค่อยพูด  ค่อยๆ เล่า  กอหญ้าของกูเป็นอะไร
กูนี่ใจจะขาดแล้วมึงรู้มั้ย  ไอ้มิ่งมึงขับเร็วกว่านี้อีกได้มั้ยวะ  ไอ้ขวัญพูดสิ
…กอหญ้าเป็นอะไร  ไอ้เลวนั่นมันทำอะไรกอหญ้าของกู  ไอ้ขวัญพูดสิวะ!)

เสียงนายดินที่ตะโกนลั่น  ทำให้ขวัญต้องสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างหนัก
แล้วเดินเลี่ยงออกไปจากห้อง  เพื่อให้ห่างจากภาพที่เห็น 

เมื่อมายืนนอกห้องแล้ว  จึงพยายามรวบรวมสติอีกครั้ง

“ฮึก…นายดิน  คุณกอหญ้าหวาดกลัวจนไม่รับรู้อะไรแล้ว  ยังจำผมไม่ได้เลย
กลัวสัมผัส…แล้วก็เอาแต่กรีดร้อง  ถูแขนเป็นรอยแดงถลอกไปหมด  นายดิน
ผมต้องทำยังไง  เรียกก็แล้ว…คุณกอหญ้าไม่ฟังอะไรเลย”

ขวัญเล่าไปตามที่เห็น

(ขวัญกลับไปเฝ้าไว้…อย่าให้ใครแตะต้อง…อยู่ให้ห่างๆ แค่นั้นพอ
 รออีกนิดไอ้มิ่งมันบอกจะถึงแล้ว  มีอะไรรีบโทรมา  ตั้งสติด้วย…แล้วไอ้เลวนั่น)

“ถูกจับแล้วครับนาย  เพราะมันดันกระโจนเข้าไปล็อกแขนคุณกอหญ้าเข้าอีก
…จนอาการแย่ลง  มันยังไม่ทันได้ทำอะไรคุณกอหญ้านะครับนาย  พอดีพวกเรา
มาช่วยทัน…เอ่องั้น…ผมไปเฝ้าคุณกอหญ้าก่อนนะ”

ขวัญกดวางสาย  เขารู้สึกใจชื้นเมื่อได้ยินว่าเจ้านายใกล้ถึงแล้ว

เขารีบกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง  คุณกอหญ้ายังคงอยู่ในอาการเดิม
ร้องไห้จนตาช้ำแดง  ถ้านายดินมาเห็น…ขวัญก็ไม่รู้ว่า  เสี่ยบวรจะรอดตีน
นายดินไปได้มั้ย  บังอาจมาแตะต้องของรักของหวงของนายอย่างนี้

“นี่มันบ้าเหรอวะ  แม่เลี้ยงมันไม่เห็นเคยบอกไว้  เอาคนบ้าแบบนี้
มาขายให้ได้ยังไงกัน”

เสี่ยบวรยังคงหัวเสียเมื่อเห็นอาการของคนที่ตนหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้
ครอบครอง  เสียเงินไปก็ตั้งมากมาย

“หยุดพูดไปเลยไอ้ชั่ว…ปากเสีย  มึงนั่นแหละบ้า  หน้ามืดตามัว…ไอ้บ้ากาม
ชีวิตคนนะโว๊ย! ไม่ใช่ผักปลาที่จะซื้อต่อกันมาได้ง่ายๆ ไอ้นรก!”
ขวัญอดกลั้นต่อไปไม่ไหวจึงสวนกลับด้วยคำด่าทอแบบรุนแรง  เขาสุดจะทนจริงๆ
มาหาว่าคุณกอหญ้าของนายดินบ้าเสียได้

“มึงเป็นใคร? มาเสือกอะไรด้วยวะ”
เสี่ยบวรถลึงตาและจ้องเขม็งอย่างไม่กลัวเกรง โดนหมัดไปยังปากดีได้อีก

“นั่นนายหญิงของไร่เขตแผ่นดิน  อย่างนี้ถึงต้องเกี่ยวโดยตรงไงล่ะ…ไอ้บื้อ”
ขวัญพูด ข่าวก็ออกไปแล้วว่าคุณกอหญ้าคบหากับนายดินเจ้าของไร่เขตแผ่นดิน
คนรู้กันทั้งเมือง  มันมัวไปมุดหัวอยู่ไหนถึงอยากได้คนมีเจ้าของแล้วอีก
ขวัญมองมันอย่างเหยียดหยาม

“อ่อ…นายมึงใช้ให้มาเป็นหมาคอยเฝ้าสินะ  แผนกูป่นปี้เพราะมึงนี่เอง!
ที่คาบข่าวไปบอกตำรวจ”

เสี่ยบวรกัดฟันกรอดจ้องหน้าขวัญอย่างแค้นเคือง

“คนสนิทเว้ย! ไม่ใช่หมา ไอ้หมูสกปรก! นายดินเป็นคนรักของคุณข้ามฟ้า
ชัดนะมึง…ไอ้…”

ขวัญพูดยังไม่จบดี  เสี่ยบวรก็ปรี่เข้ามาจะทำร้ายทั้งที่มือก็ถูกล็อกกุญแจมือไว้
เสี่ยบวรแทบหงายหลังเมื่อตำรวจรั้งไว้และก่อนที่จะชุลมุนไปกว่านี้

ฉับพลันแผ่นดินกับมิ่งก็ถลันเข้ามาในห้อง  เมื่อเข้ามาถึงนายดินก็คว้าผ้าห่มและถลา
เข้าไปกอดคนที่นั่งกอดเข่าตัวสั่นและซุกตัวอยู่ที่มุมเตียง

“กอหญ้า  ชู่วววว…เด็กดี…ไม่ร้องแล้วครับ ไม่เป็นไร…นี่พี่ดินของกอหญ้าเองนะ
พี่ดินคนที่รักกอหญ้าที่สุดไง…นิ่งซะนะ  ชู่ววว”

ขวัญมองการปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนที่นายดินแสดงออกต่อคุณกอหญ้า
ขวัญได้แต่มองหน้าพี่ชายตาปริบๆ ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้กันนะ  ปล่อยให้คุณกอหญ้า
ถูแขนจนแดงเถือกอยู่ได้ตั้งนาน

“เอ่อ…ขอโทษนะครับคุณตำรวจ  ผมขอเวลาส่วนตัวให้คุณข้ามฟ้าและคุณแผ่นดิน
สักครู่เถอะนะครับ  เดี๋ยวคุณข้ามฟ้าก็จะดีขึ้นเอง  พวกเราออกไปรอด้านนอกกัน
ก่อนนะครับ  ผมขอร้องล่ะครับ”

มิ่งเอ่ยปากขอ และฝ่ายเจ้าหน้าตำรวจที่ยืนคุมสถานการณ์อยู่ในห้องก็ทยอยออกไป
มิ่งตบบ่าน้องชายฝาแฝดเบาๆและเดินตามกันออกไปด้านนอก  ส่วนเสี่ยบวรกับพวก
ถูกควบคุมตัวออกไปตอนที่แผ่นดินกับมิ่งมาถึง

“กอหญ้า…พี่อยู่นี่นะคนดี  ฟังพี่อยู่มั้ยครับ  เราจะกลับไร่เขตแผ่นดินกันนะไปหาคุณย่า
พ่อเขตและลูกๆ ของเรารออยู่ที่นั่น  กลับบ้านเรากันนะ”
แผ่นดินเฝ้ากอดประคองคนในอ้อมแขนที่ขืนตัวไว้อย่างไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
เขาต้องปลอบขวัญและเรียกสติของคนขี้กลัวให้กลับมา

กอหญ้าดูสงบลงเมื่อได้ยินเสียงของเขา อาจจะด้วยความคุ้นชินและน้ำเสียงที่ใช้
ในช่วงเวลาหนึ่งคนในอ้อมแขนเหมือนจะชะงักนิ่งฟังแต่ก็แค่แวบเดียวก็กลับไปดิ้นรนอีก

“สกปรก! กลัวๆ ฮือฮือ ออกไป!”

อาการขัดขืนที่กอหญ้าเป็นอยู่เรียกความเจ็บแน่นในอกของเขาขึ้นมาอย่างจัง
แผ่นดินกัดกรามแน่นอยากจะออกไปฆ่าไอ้สารเลวนั่นเป็นที่สุด  เขารวบรวมแรงใจอีกครั้ง

“กอหญ้าที่รัก พี่มารับแล้ว…คนดี…ไหนบอกว่าคิดถึงพี่ไง  เสร็จงานจะรีบกลับไปหาพี่
นี่พี่มาหาแล้วนะครับ ไม่อยากเจอพี่หรือว่าลืมหน้ากันไปแล้วครับ…สวนส้มยังอยากไป
อีกหรือเปล่า  กอหญ้ายังอยากที่จะกลับไปอยู่ด้วยกันอีกมั้ยหื้ม…”

แผ่นดินเสียงเครือโยกตัวคนที่กอดไว้ไปมาเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับ
เขาก้มลงจูบหน้าผากมน  เขาเห็นความไหววูบที่ดวงตาคู่สวย แต่เพียงแวบเดียว
ก็จางหายไปอีก

อาการต่อต้านหายไปแต่ยังมีเสียงสะอื้นไม่หาย

“พี่รักกอหญ้านะ  พี่จะไม่ให้ใครมาทำอันตรายกอหญ้าของพี่ได้อีก
กลับบ้านกันนะที่รัก”
แผ่นดินพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและคำพูดบอกรักซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
เขาเห็นเหงื่อผุดที่ใบหน้าและลำคอระหง จึงคลายผ้าห่มออกจากตัวให้ 

“พี่…ดิน…ช่วย…ด้วย”
กอหญ้าเปล่งคำพูดออกมาทีละคำอย่างแผ่วโหย  แค่เพียงเบาๆ
แต่แผ่นดินกลับได้ยินอย่างชัดเจน  เขาจึงปลดผ้าห่มออกจากกาย
แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาที่จ้องผสานกลับมา  น้ำตาที่หน่วยตาของกอหญ้า
ก็รินไหลลงมาตามร่องแก้มและแววตาที่บ่งบอกว่ากอหญ้าของเขากลับมาแล้ว

ชายหนุ่มยิ้ม และน้ำตาแห่งความยินดีก็หยดลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“พี่ดิน…ฮือ…ฮึก…พี่ดิน…กลับบ้านกัน”
แผ่นดินสวมกอดร่างบางเอาไว้แนบอก  และลูบหลังปลอบขวัญ
กอหญ้ากอดตอบและสะอื้นไม่หยุด

“คนดี  ไม่เป็นไรแล้วนะ  พี่มารับแล้ว…ทุกคนรอกอหญ้าของพี่นะครับ”
แผ่นดินพูด  คนในอ้อมอกก็พยักหน้า  ทำเอาความปิติยินดีซาบซ่านขึ้นมา
ท่วมท้นใจที่แห้งเหี่ยวเมื่อสักครู่  เขาทำสำเร็จแล้ว  เขานำพากอหญ้ากลับมาได้แล้ว

“พี่ดิน  กอหญ้าไม่อยู่ที่นี่นะ…ไม่อยู่…ไม่เอาแล้ว”
กอหญ้าพูดและเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดเพื่อมองหน้าคนรัก
ส่ายหน้าไปมาอย่างหวาดผวา  แต่อาการหวาดกลัวของกอหญ้าก็พลันหาย
มือนุ่มๆ เอื้อมมาล้อมกรอบหน้าของเขาและเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างแผ่วเบา

“รักพี่ดินนะครับ  กอหญ้าไม่เป็นไร  เราจะกลับบ้านกัน”
กอหญ้าพูดจบ  ทำเอาแผ่นดินยกยิ้มที่กลายเป็นว่าเขานั้นได้รับการปลอบกลับมาเสียเอง

“แน่นอน  เราจะไม่ห่างกันไปไหนอีกแล้ว  อยู่กับพี่นะ…ชื่นใจที่สุดเลย”
แผ่นดินกดจมูกที่แก้มนุ่มที่เปียกชื้นน้ำต า เขาสูดความหอมอ่อนๆ ของนวลแก้มเข้าเต็มปอด
แล้วก็เกลี่ยน้ำตาให้อย่างเบามือ

“คนเก่ง พร้อมหรือยัง  ข้างนอกทุกคนรอเราอยู่ครับ”
แผ่นดินกระชับมือคนรักพาลุกจากเตียงแล้วโอบบ่าพาเดินออกไปด้านนอก
เมื่อพ้นประตูห้องออกไปก็พบกับสายตาหลายสิบคู่ที่มองมาที่เขาสองคนเป็นตาเดียว
ในแววตาเหล่านั้นบ่งบอกอาการอึ้งทึ่งและเหลือเชื่อโดยเฉพาะขวัญที่รี่เข้ามาจนถึงตัว
เขาสองคนก่อนใคร

“คุณกอหญ้าหายแล้วเหรอครับ  นี่ผมขวัญเองครับ…จำผมได้มั้ยครับ”

กอหญ้ามองหน้าขวัญและมองเลยไปด้านหลังก็มิ่งยืนห่างออกไป
แล้วก็ตำรวจอีกหลายนาย  ชายร่างใหญ่สองคนและเสี่ยบวร 
ซึ่งทั้งสามถูกสวมกุญแจมือ  แล้วกอหญ้าก็สบตากับขวัญ

“อื้ม…จำได้สิขวัญ”
กอหญ้าพูดแค่นั้น  ขวัญกับมิ่งยิ้มแก้มปริและกระโดดกอดกัน

“นายดินเก่งจริงๆเลยครับ  ทำให้คุณกอหญ้าหายได้  ผมตกใจหมด
…เสียขวัญมากๆ ด้วย ไม่รู้จะช่วยยังไงดี  แต่นายดินทำได้  เก่งจังครับ”

ขวัญชมเจ้านายไม่ขาดปาก

“แน่นอนขวัญ  ฉันน่ะใคร  คนรักของกอหญ้าเลยน ะ เขาต้องจำแฟนตัวเองได้สิ
 จริงมั้ยครับคนดี”
กอหญ้าส่งยิ้มอ่อนให้คนที่คุยโวให้ลูกน้องฟัง

“เห่ย! นั่น! ไอ้บ้านั่น…มันหายบ้าแล้วเหรอวะ  แหกปากเอาซะตกอกตกใจ
…คนบ้าเอ๊ย!”
พอเสี่ยบวรพูดจบหน้าก็หันไปตามแรงหมัดที่แผ่นดินพุ่งตัวไปประเคนใส่ใ
บหน้าอูมๆ นั้นสองหมัดติด ทำเอาคนปากดีได้เลือดสดๆ กลบปาก

“ถุย! มึงต่อยกูทำไมวะ  ที่กูพูดมันเรื่องจริงหรือว่ามันจะแกล้งบ้า
เพื่อตบตากูวะ  มันเป็นดารานี่”

เสี่ยบวรไม่หยุดพูด แผ่นดินเลือดขึ้นหน้ากะจะซ้ำอีกสักสามสี่หมัด
แต่ตำรวจยกมือห้ามไว้เสียก่อน

“ไปคุยกันที่โรงพักดีเถอะครับ  เชิญครับคุณข้ามฟ้า  คุณแผ่นดินและนายด้วยนะขวัญ”
ทุกคนที่ถูกเรียกชื่อพากันพยักหน้า

“ไปกอหญ้า โทรหาคะน้าด้วยล่ะ โทรมาร้องห่มร้องไห้ไม่ได้หยุดเลยก่อนพี่จะถึงน่ะ”
แผ่นดินพูดแล้วก็ยกมือลูบผมที่เริ่มยาวของคนรักพาเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่นอกรั้ว

“ฮะพี่ดิน  ขอโทรบนรถแล้วกันนะ”
ทั้งหมดพากันเดินไปที่รถ แล้วกอหญ้าก็โทรหาคะน้า
บอกว่าปลอดภัยดี และนัดแนะให้ไปพบกันที่สถานีตำรวจ


ตลอดทางแผ่นดินโอบกอดคนรักไว้แนบอกและกุมมือไว้ข้างนึงอีกมือ
ก็ลูบหลังไหล่ให้ไม่ได้หยุด  พี่น้องฝาแฝดก็ไม่มีใครพูดคุยอะไรกัน
เพราะทั้งสองต้องการให้เจ้านายได้มีเวลาเป็นส่วนตัวและสงบจิตใจ
กันกับเรื่องเลวร้ายที่ได้เผชิญกันมา

`พลังแห่งรัก…นี่ละมั้ง…ที่นำพาให้ร้ายกลายเป็นดี…น่าอิจฉาจริง`

ขวัญมองสองหนุ่มที่ตระกองกอดกันที่เบาะหลัง  เขาพรูลมหายใจออกมาอย่าง
หมดห่วงและยิ้มให้พี่ชายที่มองสบมาพอดี  มิ่งมองขอบตาที่บวมหน่อยๆ ของขวัญแล้วส่ายหน้า

‘เอ็งมันจะอ่อนไหวไปแล้วขวัญ  งานที่นายให้ทำมันงานบอดี้การ์ดเลยนะ’

‘รักของนายดิน มีพลังมหาศาลจริงๆ ดีแล้วที่พลังรักดึงคุณกอหญ้ากลับมาได้’

***************************************

talk : แบร่ คนเขียนน้ำตาซึมๆซะเอง หน่วงมากไม่ได้
        สงสาร แค่นี้พอแล้วกันนะ




ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อยากกระโดดงับคอไอ้เสี่ยหมูตอนหื่นกาม!!!!

ซีนนี้นอกจากพี่ดิน ขวัญก็เป็นฮีโร่นะ อิ๊ อิ๊  :hao3:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด