ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนพิเศษ 3 ตอนจบ!!! รบกวนย้ายห้องให้ด้วยค่ะ  (อ่าน 34979 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 19  คืนฝนตก

ท่ามกลางความเงียบสงัดมีเพียงเสียงลมพัดหวีดหวิว  ฟ้ายังแลบแปลบปลาบ
กอหญ้าแง้มม่านตรงระเบียงมองออกไป  สายฟ้าที่พาดยาวเป็นสายทำให้มองเห็นแนวเขา
ดำทะมึนไกลออกไป  อีกไม่นานฝนคงจะตก  พยากรณ์อากาศเมื่อตอนหัวค่ำที่คุณย่าเปิดไว้
รายงานว่าจะมีฝนฟ้าคะนองทั่วทุกภาค

'ฝนแรกของฤดูนี่เอง โอ๊ะ!'

กอหญ้ารีบปิดม่านพรึ่บลงทันที  ลำแสงสว่างวาบใกล้เข้าเอามากๆ
จะมีใครสักกี่คนที่จะรู้ว่าข้ามฟ้าตัวจริงน่ะ  กลัวฟ้ามากกว่าอะไรทั้งหมด
ตอนนี้มีเหงื่อเม็ดเป้งๆ แข่งกันผุดขึ้นข้างขมับและปอยผม  กอหญ้ากระโจนพรวด
ขึ้นเตียงแล้วคว้าผ้าห่มมาคลุมโปง  ควานหาหมอนข้างมากอดไว้แน่น

ไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา  สลับกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า

ครืน...เปรี๊ยง! ดังสนั่นหวั่นไหว
เสียงมันดังก้องอยู่ในอก  กอหญ้างอตัว  ตัวสั่นเทาอยู่ภายใต้ผ้าห่ม
เขาได้แต่ภาวนาให้มันจบลงเสียที
 
“กอหญ้าๆ เป็นอะไร ทำไมคลุมโปงขนาดนี้ เดี๋ยวหายใจไม่ออก เป็นอะไร”
เสียงพี่ดิน  ผ้าห่มถูกดึงออกจากตัวของเขา  กอหญ้าผวาไปแย่งผ้าห่มจากมือพี่ดินกลับคืนมา

“ไม่นะพี่ดิน  ข้าวกลัว…อยู่ด้วยกันก่อนได้มั้ยฮะ”

แผ่นดินจับน้ำเสียงที่สั่นเครือนั้นได้  จึงคว้าตัวมากอดลูบหลังให้
พร้อมทั้งกดจมูกลงที่เรือนผมที่หอมกลิ่มแชมพูอ่อนๆ แม้จะระคายที่ถูกปลายผม
แหลมทิ่มตามปากกับจมูกอยู่บ้างก็ตาม

“ไม่เป็นไรแล้ว  นอนเถอะ  กลัวมากเลยเหรอ”
แผ่นดินดันคนกลัวฟ้าให้เอนลงบนหมอน  กอหญ้ากอดเขาไว้แน่น

กอหญ้าผวาซุกหน้ากับแผ่นอกของเขาเมื่อเสียงฟ้าฟาดเปรี๊ยงลงมาอีก
กลิ่นกายที่คุ้นเคยตลอดเกือบๆ สามเดือนทำให้แผ่นดินอดใจไม่ไหวจนต้องกดจูบ
ที่ซอกคอขาว  หอมกรุ่นกลิ่นแป้งเด็ก

“กอหญ้า  ทำไมตัวถึงได้หอมและนุ่มอย่างนี้  พี่จะอดใจไม่ไหวแล้วนะ”
พี่ดินหอบหายใจสะท้าน  ลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดลงมาที่ซอกคอของเขา
ทำให้ใจของกอหญ้าพลอยสั่นหวิวไปด้วย  เผลอป่ายมือไปที่ท้ายทอยพี่ดิน
แล้วลูบไล้ไปด้วย  พี่ดินสะดุ้งแล้วเคลื่อนตัวมาทาบทับ  พร้อมกับเคลื่อนปากลงมา
ซอกซอนไซ้ต่ำลงมาตามแนวของกระดุมเสื้อนอนที่ถูกปลดออกทีละเม็ดๆ
ตามด้วยปากอุ่นไล่งับผิวใต้ร่มผ้า  กอหญ้าแทรกนิ้วลงในกลุ่มผมนุ่มของพี่ดินอย่างเผลอไผล

“อ่ะ อ่า พี่ดินครับ ไม่นะ ข้าว เอ่อ ไม่เคยกับผู้ชาย”
ยิ่งได้ยินแบบนั้นพี่ดินยิ่งเคล้าเคลียลงน้ำหนักปากกับจมูกหนักๆ ที่หน้าท้อง

'ไม่นะ ตรงนั้นมันจุดอ่อนเลยนะ พี่ดิน'
กอหญ้ายึดใบหน้าพี่ดินไว้ได้  เอามือปิดปากพี่ดินไม่ให้รังแกเขาได้อีก  คนบนร่างหยุดนิ่งอย่างยอมจำนน

“มานอนกอดกันเฉยๆ ก็ได้ครับ…พี่ไม่รังแกเราแล้ว นอนเถอะ…มาให้พี่บอกฝันดีก่อนครับ”
แล้วพี่ดินก็เอาริมฝีปากมาสัมผัสกับกลีบปากของเขาแค่เพียงแผ่วเบา
กอหญ้าเผยอปากดันลิ้นพรวดเข้าไปในปากของพี่ดิน  ไล้ปลายลิ้นเข้าไปกวาดสำรวจภาย
ในโพรงปากของพี่ดิน  ดูดดุนไล่ต้อน  ในตอนแรกพี่ดินชะงักแต่ก็แค่เพียงแป๊บเดียวก็พลิกลิ้น
กลับมาเป็นผู้คุมเกม  เสียงแลกน้ำลายกันดังเฉาะแฉะจ๊วบจ๊าบแข่งกับเสียงฝนและเสียงฟ้า

ตอนนี้มันเพิ่มเสียงหอบหายใจของกันและกันที่ดังแข่งกับเสียงฝนด้านนอกไปด้วย

“อืมมม…อ่า ดีจังครับ…คนเก่งของพี่”
พี่ดินครางออกมาและถอนปากออกให้ได้หายใจ ริมฝีปากชื้นทาบปากลงมาอีกครั้ง
จูบครั้งนี้แทบจะกลืนกินเราสองคน  ทั้งหอมหวานและยาวนาน

“พี่ดิน…นอนลงสิครับ  ข้าวทำให้ นะ”
แผ่นดินถูกคนตัวบางดันให้นอนราบกับที่นอน  ปากนุ่มหยุ่นและจมูกเล็กนั้นก็ตามมา
จูบซุกไซ้สำรวจเนื้อตัวของเขาจนทั่วทั้งแผ่นอกไม่เว้นสักตารางนิ้วเดียวที่ไม่ถูกแตะสัมผัส

ชายหนุ่มถอดเสื้อออกจากตัวโยนลงข้างเตียง  เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วกอหญ้า
จะทำยังไงกับร่างกายเขาได้บ้าง

“พี่ดิน เนื้อแน่นจังครับ หอมด้วยนะเนี่ย”
เสียงกอหญ้าที่ดังแผ่วๆ และปากอิ่มนั่นยังไล่งับลอนกล้ามท้องของเขาเล่นอีก ทำเอาแผ่นดินสะดุ้ง

“กอหญ้า  จะแกล้งให้พี่คลั่งตายเลยหรือไง  รู้มั้ยกำลังทำอะไร  หืม…ถ้ายังดื้อ
แบบนี้พี่จะหยุดตัวเองไม่ได้นะ”
แผ่นดินเสียงพร่ากับสัมผัสที่ได้รับ  ทำเอาสุขซ่านอย่างบอกไม่ถูก

กอหญ้ายังคงใช้ลิ้นร้อนลากเลียไปที่ตุ่มไตที่ลุกชันบนหน้าอกของเขาไม่หยุด
ฟันคมขบเม้ม ดูดและดุน สลับกันไปทั้งซ้ายขวา  มือนุ่มยังบีบคลึงข้างที่ว่างไปด้วย
แผ่นดินหายใจหอบสะท้าน ร่างกายผู้ชายไม่นึกมาก่อนว่าจะสร้างความปั่นป่วนมึนเมา
ได้มากถึงเพียงนี้  แผ่นดินหลุดเสียงครางออกมาอย่างพึงพอใจ  ลิ้นร้อนยังลากลงต่ำ
สำรวจหลุมร่องสะดือ  มือของกอหญ้าเคลื่อนลงมาเกี่ยวขอบกางเกงนอนของเขา…แล้ว
ก็ร่นมันลงมาพร้อมกับปากนุ่มที่ไล่ตามมาติดๆ แผ่นดินผวา
 
“กอหญ้า อื้ม คนดี…”
แผ่นดินเรียกคนบนร่างที่ช้อนตาขึ้นมอง ประกายตาซุกซนที่ล้อกับแสงไฟทำให้หวาบไหวในอก
กอหญ้ารูดกางเกงของเขาลงต่ำ  จนชายหนุ่มต้องยกสะโพกลอยเพื่อให้เด็กซนถอดมันได้ง่ายขึ้น
เมื่อไม่มีสิ่งขวางกั้นสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ก็ดีดตัวออกมาอวดความใหญ่โต  กอหญ้าลูบไล้ทักทาย
และประคองลูกบอลของเขา กดบีบเบาๆ อย่างกับจะยั่วกันอย่างนั้น  ลมหายใจอุ่นยังรินรดต้อง
แก่นกายของเขาอีก  และอย่างไม่ทันตั้งตัวเรียวลิ้นนุ่มอุ่นจัดก็แตะลงที่ส่วนหัวที่เขาคาดว่าคงฉ่ำวาว
ไปแล้ว  ทำเอาแผ่นดินแดะสะโพกขึ้น…สุดท้ายเจ้าน้องชายของเขาก็ถูกอุ้งปากอุ่นพันธนาการไว้
ในโพรงปากร้อนที่ทั้งดูดดุนและตวัดเลีย  โดนฟันครูดบ้างในบางจังหวะเพราะความอ่อนด้อยประสบการณ์
ของคนตรงหน้า…แต่ก็พาให้แผ่นดินลุ้นระทึกตามไปด้วย
 
“อ๊ะ อืมมมม”
แผ่นดินครางแผ่วโหย  คอแห้งผากไปหมด  เขากำลังคาดหวังและรอคอย
ตรงไหนที่จะสร้างความหฤหรรษ์ได้มากกว่ากันผู้ชายด้วยกันจะรู้  กอหญ้าเร่งจังหวะเมื่อเห็นว่า
พี่ดินดีดตัวเร่ายกก้นลอยไม่ติดพื้นแล้ว  เขาจึงลงน้ำหนักเข้าไปอีก  จนกระทั่งพี่ดินเกร็งหน้าท้อง
แล้วใช้มือดันคางเขาให้ออกห่าง  คงจะเป็นจังหวะสุดท้ายแล้วแต่กอหญ้าไม่ยอมยังคงเร่งจังหวะ
หนักขึ้น  ความใหญ่โตคับแน่นถูกเขาครอบไว้หมดตลอดความยาว  ความแข็งขืนดันที่กระพุ้งแก้ม
ของเขาและชนเข้ากับแนวฟันด้วย

สุดท้ายแผ่นดินก็สวนสะโพกเข้าไปจนสุด  ฉีดพ่นลาวาร้อนเข้าไปยังโพรงปากอุ่นจัด

ภาพของเหลวที่เอ่อล้นทะลักลงมาตามมุมปากบางที่อวบอิ่ม  ภาพนี้ตรึงตาเสียเหลือเกิน
ดูช่างยั่วยวนจนน่าหลงใหลไปเสียแล้ว  มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของเขากันนะ  แผ่นดินได้แต่
ตระหนกตกใจ
'นี่เราหลงรักเด็กนี่ไปแล้วเหรอ  มันนานแค่ไหนแล้วนะ'

กอหญ้าเก็บกวาดงานจนคนตัวโตสะอาดหมดจรดไปทั้งตัว 

แผ่นดินทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง  ไม่วายลากเด็กซนขึ้นมากอดจูบอีกพักใหญ่

“อืม…เด็กดีของพี่…ขอบคุณ พี่มีความสุขมากเลย…ห้ามไปทำแบบนี้ให้ใครนะ”
แผ่นดินลูบหลังให้คนเก่งของเขาที่ซบอยู่บนอก  ไม่นานคนในอ้อมกอดก็หลับไป

แผ่นดินดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเขาสองคนแล้วปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งแล้วหลับตามกันไปในไม่ช้า



กริชตื่นในตอนรุ่งสาง  รู้สึกคอแห้งจึงลงไปหาน้ำดื่ม  แสงสว่างจากภายนอกพอให้มองเห็นทางเดิน
ที่ลงไปยังชั้นล่างโดยไม่ต้องเปิดไฟ  เด็กหนุ่มหยิบน้ำเปล่าติดมือขึ้นมาด้วยหนึ่งขวด
 
‘พี่ดินนอนห้องนู้นกับพี่ข้าว  ถ้างั้นห้องนี้ก็ว่างทำไมถึงไม่ให้น้องมานอน  เมื่อคืนพี่ทัพก็กลับมานอนบ้าน
แถมยังมาแย่งหมอนข้างเขาอีก ไหนพี่ดินบอกพี่ทัพไม่กลับมานอนไง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วเปิดดูเสียหน่อย
ห้องใคร  ทำไมถึงหวงนักหวงหนา’

เด็กแสบหมุนลูกบิด  เปิดเข้าไป  นึกฉงนที่ห้องเย็นฉ่ำเหมือนมีคนนอน  จึงเดินไปดูใกล้ๆ เตียง

‘หว๋า…พี่ข้าวกับพี่ดิน…นอนกอดกันกลมเลย เอ๊ะ! ยังไงกัน’

พี่ดินไม่สวมเสื้อด้วยเห็นแผงอกที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา  ตอนสวนกันก่อนแยกเข้านอนก็ยังเห็นใส่เสื้อ

‘เอ๊ะ! กางเกงนอนที่พื้นนั่น โอยๆ ตายแล้ว  พี่ดินนอนเปลือย!! หึ้ย!! แบบนี้นี่เอง……พี่ดินนะพี่ดิน
น้องอุตส่าห์เฝ้าพี่ข้าวมาตั้งหลายปี  ดูทำกันได้’

กริชถอยหลังออกจากห้องอย่างกับพวกย่องเบากลัวคนบนเตียงจะรู้ว่าเขาเข้ามา
กดล็อกห้องให้พี่ชายด้วยเลย

‘กั๊กไว้ซะหมดสองห้อง…นอนเองสิไม่ว่า  พี่ดินนิสัยไม่ดี! พี่ทัพก็คงรู้อะไรบ้างแหละ
มิน่าล่ะ! บอกให้ระวังจะถูกเกลียด…เพราะคนขี้หวงนี่เอง ไอ้พี่บ้าเอ๊ย!’
กริชเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  อยากจะกรีดร้องและตีอกชกลมนักถ้าทำได้



เช้านี้แผ่นดินมีสีหน้าปริ่มสุข  ไม่ได้ทันมองน้องชายคนเล็กที่นั่งหน้าตูมบอกบุญไม่รับอยู่ตรงข้ามกัน

“หลับสบายไหมกริช  ฝนตกหนักขนาดนั้นน่ะ”
แผ่นดินถามน้องที่มาค้างคืนแรกที่นี่

“ก็หลับยาวถึงสว่างแหละครับ  แล้วพี่ดินล่ะ  หน้าตามีความสุขเสียเต็มประดา
สำลักความสุขมารึไง”
เด็กแสบแขวะพี่ชาย

กอหญ้ากับแผ่นดินหันมองคนถามพร้อมกันอย่างร้อนตัว  นี่เขาสองคนทำอะไรออกไป
ให้เกิดพิรุธหรือเปล่า  กอหญ้าครุ่นคิด

“ทำไมเช้านี้น้องชายพี่เหมือนจะกินรังแตนมาเลยล่ะ  หรือว่า…ไปรู้ไปเห็นอะไรที่ไม่ควรรู้มาหรือเปล่า
หื้ม…ไอ้แสบ”
ฐานทัพถามแบบตรงๆ ทื่อๆ จนทั้งแผ่นดิน กอหญ้าและกริชพากันสะดุ้งแล้วมองหน้ากัน
เป็นกอหญ้าที่หลบตาก่อนเพื่อน

“กินข้าวกินปลากันไป  คุยอะไรกันฟังไม่เห็นรู้เรื่อง”
คุณย่าทำให้บรรยากาศอึมครึมเบาบางลง

“เอ้า! ต้นกล้า ทานดีๆ ครับลูก ดูน้องด้วยนะ”
พี่ดินหันไปสนใจเด็กๆ แทน


ฐานทัพส่งต้นกล้าไปโรงเรียน  กริชร้องตามพี่ชายไปด้วยเขาจะไปหาเจ้าอาร์มที่ร้าน

กริชและอาร์มเป็นเพื่อนกันรวมทั้งใบหม่อนด้วย แต่กับกองพลเรียนร่วมชั้นกันมาแต่ไม่ค่อย
ลงรอยกันเท่าไหร่นัก

แผ่นดินโทรเรียกมิ่งให้มาขับรถพาเขากับกอหญ้าเข้าเมืองเพื่อเลือกซื้อของใช้ตามที่เจ้าตัว
บ่นอยากจะได้  ตอนสายมิ่งก็โผล่หน้ามาให้เห็น


กอหญ้าในชุดเสื้อผ้าฝ้ายใส่สบายๆ ตามแบบคนท้องถิ่น  ซึ่งเหมาะกับอากาศเมืองไทย
ส่วนแผ่นดินอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมสวมแจ็คเก็ตยีนเข้าชุดกับกางเกงยีนขาเดปและรองเท้าหนัง
ก็ดูเท่ต่างจากเดิมที่กอหญ้าเห็นจนชินตา  แต่วันนี้แตกต่างออกไปจนดูเตะตา

“พี่ดินครับ  ทำไมต้องแต่งขนาดนี้ล่ะครับ  ปกติไม่เห็นจะเคยแต่งนี่นา”
กอหญ้าทักขึ้นก่อน  แม้ว่าเช้านี้จะมีอาการเขินๆ กันบ้าง  แต่ตื่นนอนมาก็ถูกจับฟัดไปพักนึง
จนอาการเขินของทั้งสองหายไป

“ไม่ได้สิครับ  เข้าเมืองทั้งทีเดี๋ยวไม่มีสาวมอง”
พี่ดินพูดยิ้มๆ ทำเอากอหญ้านึกหมั่นไส้และยุบยิบที่อกซ้าย

“ครับตามสบายเถอะ…เอ…ถ้างั้นนะ…กอหญ้าไปเปลี่ยนบ้างดีกว่า
เอาให้สาวเทพี่ดินเลย”
กอหญ้าพูดแล้วผละจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดชั้นบน  แต่ข้อมือถูกคว้าไว้ก่อน

“ไม่เอาครับ…ไม่ให้แต่งมากไปกว่านี้แล้ว  ที่พี่แต่งขนาดนี้น่ะ  แค่ว่า…อยากให้คนข้างๆ
มองแล้วภูมิใจในตัวพี่…แค่นั้นเอง จริงๆนะ”
พี่ดินพูดแล้วกระซิบในตอนท้ายให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เหรอครับ  แล้วพี่ดินไม่อยากภูมิใจหน่อยเหรอครับ”
กอหญ้าค่อนขอดเอาบ้าง

“คนนี้ไม่ได้ครับ ไว้มองคนเดียวพอ  ยิ่งตอน…ไม่มีเสื้อผ้ายิ่งน่ามองเป็นไหนๆ
แต่ห้ามถ่ายแบบอย่างนั้นแล้วนะ ไม่งั้นพี่นี่แหละจะไปอาละวาดให้อายเลย…คอยดูสิ”
พี่ดินพูดเป็นกระซิบ แต่สีหน้าและแววตานี่เอาเรื่องสุดๆ

“อะไรเล่า…ก็นั่นมันงานไหมล่ะ  พี่ดิน”
ชักจะเยอะขึ้นทุกวันผู้ชายคนนี้  กอหญ้าจ้องเขม็ง

“พี่เลี้ยงได้ครับ  ไม่ต้องไปทำมันแล้ว…งานแบบนั้น”
แผ่นดินพูดสีหน้าเรียบและจริงจัง  คนฟังรู้สึกใจจะพองคับอกไปแล้ว  แต่ไม่วายโต้กลับ

“พี่ดิน! จะให้กอหญ้าเกาะพี่กินรึไง  หาเงินใช้เองมันจะภูมิใจกว่าไหมล่ะ”
กอหญ้าทำหน้าเง้า

'จะมาเลี้ยงไว้ในฐานะอะไรกัน  ลืมตัวไปหรือเปล่าพี่ดิน'
กอหญ้าชำเลืองมอง

มิ่งออกรถพานายดินมุ่งหน้าสู่ตัวเมือง  กอหญ้ามองสองข้างทางแล้วก็ถามทุกอย่างที่ผ่านตา
แล้วเกิดความสงสัย  แผ่นดินก็ขยันตอบคำถามไม่มีบ่นเลยสักคำ  จนมิ่งเองลอบมองจากกระจกมองหลัง
บ่อยๆ  เมื่อมิ่งเลี้ยวรถเข้าไปในบริเวณห้างนั่นแหละกอหญ้าจึงเลิกซักถาม

“อยากดูอะไรก่อนล่ะ จะได้พาไปตรงนั้นก่อน”
พี่ดินหันมาถาม

“ดูมันไปเรื่อยๆ ได้ไหมครับ  มันต้องเห็นของก่อนถึงจะบอกได้”

“อะไรกัน นี่ซื้อเพราะสะดุดตา แล้วนึกอยากได้ หรือยังไง”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ…ไม่เสมอไปซะหน่อย  พี่ดินอ่ะ”
กอหญ้าอ้อมแอ้มพูด


พอเข้าไปในตัวห้างผู้คนไม่มากเท่าไหร่เพราะเป็นช่วงเวลาที่ห้างเพิ่งเปิดและเพราะเป็น
วันทำงานของคนส่วนใหญ่ด้วย  มิ่งเดินตามนายไม่ได้ห่าง  กอหญ้าจับแขนพี่ดินเดินคู่กันไป
อย่างไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่มองตามพวกเขา  มีกลุ่มนักศึกษาทำทีจะเข้ามาทักแล้วก็เปลี่ยนใจ

แผ่นดินรู้ว่าตอนนี้กำลังเป็นจุดสนใจของผู้พบเห็น  เขาก็ยิ่งโอบเอวบ้าง โอบบ่าบ้าง
แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ  แต่คนตัวเล็กที่เดินข้างๆ กันกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะสนใจ
มองแต่ข้าวของแบรนด์ดังๆ

“โอ๊ะ! นั่น…พี่ดินครับ  แวะร้านนั้นหน่อยสิครับ  ข้าวอยากได้แหวนใส่เล่นสักวง”
แผ่นดินชะงัก  ช่วงนี้เจ้าตัวหลุดชื่อออกมาบ่อยๆ จนเขาชักจะชินบ้างแล้วเหมือนกัน

“ได้สิ! เลือกให้พี่ด้วยนะ อยากใส่บ้างน่ะ”
กอหญ้าทำตาโตที่ได้ยินพี่ดินพูดแบบนั้น

“งั้นเอาเป็นแหวนคู่นะ  ใส่เหมือนกันไปเลย  แต่ข้าวขอออกเงินเองนะ
อย่าห้าม! เพราะข้าวอยากซื้อให้พี่ จบนะครับ"
สองหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน  พนักงานรีบออกมาต้อนรับ

“เอ่อ…คุณลูกค้าต้องการแบบไหนคะ  ลองได้นะคะ”
เธอมีสีหน้าตื่นๆ เมื่อมองมาที่กอหญ้าและแผ่นดิน สลับกัน

“ขอดูแหวนคู่  ชุดนั้นหน่อยครับ”
พนักงานสาวหยิบออกมาให้  กอหญ้าจับมือพี่ดินแล้วส่งแหวนให้ลองสวม
กอหญ้าลองวงที่เล็กลงมาเล็กน้อย  ปรากฏว่าเขาสองคนสวมได้อย่างพอดิบพอดี
แหวนเป็นแบบกลมเกลี้ยงทำจากทองคำขาวฝังเพชร  ไม่ถึงกับหรูหราจนเกินไป

กอหญ้าจึงควักบัตรเครดิตออกมาให้พนักงาน  แผ่นดินหน้าตึงเพราะเขาไม่เคยต้อง
ให้ใครมาจ่ายเงินซื้อของให้  ชีวิตที่ผ่านมาของเขามีแต่เป็นคนจ่ายให้แทบทั้งนั้น
พนักงานนำบัตรมายื่นคืนให้กอหญ้า

“กอหญ้าครับมันแพงไปนะ  ขอให้พี่ช่วยจ่ายบ้างเถอะนะ”
แผ่นดินลองพูดอีกครั้ง  เผื่อคนข้างๆ จะใจอ่อน

“พี่ดิน! อย่าดื้อ! ครับ”
คนตัวเล็กหันมาทำเสียงขู่  แล้วแผ่นดินก็เงียบไป ได้แต่เดินตามเพียงอย่างเดียวตอนนี้

กอหญ้าก็แวะดูมันไปเรื่อยๆ จริงๆ อย่างที่บอกไว้ 

จนเที่ยงจึงชวนกันเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น  แผ่นดินเรียกมิ่งมาทานด้วยกัน
เขามักจะเป็นแบบนี้ไม่ถือเนื้อถือตัว  ผิดกับกอหญ้าที่เมื่อก่อนคุ้นเคยกับคนยากมาก
แต่เมื่อมาเจอกับพี่ดิน  เขารู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน  เมื่อทานมื้อเที่ยงเสร็จ
ต่างก็เดินดูของใช้กันต่ออีกพักใหญ่ๆ จึงพากันกลับเข้าไร่









ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
บอกเขาสักทีสิพี่ดิน

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 20 แหวนคู่แทนใจ

“พี่ดินครับ  แหวนที่ซื้อคู่กัน  สัญญากับกอหญ้าได้มั้ยว่าจะใส่ติดนิ้วไม่ถอด ได้ไหมฮะ?”
กอหญ้าขอสัญญากับคนพี่
 
“ได้สิครับ  พี่จะใส่อย่างนี้  ในทุกๆ วันเลย  กอหญ้าก็เหมือนกันนะ…ห้ามถอด
หากวันนึงที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน  มองเห็นแหวนแล้วจะได้นึกถึงกัน เอาตามนี้นะ”
พี่ดินพูดอย่างคาดหวัง  และกอหญ้าก็พยักหน้า

“กอหญ้าจะเก็บความทรงจำดีๆ ที่ได้รับจากพี่ดินและทุกๆ คนที่ไร่นี้ไว้  ไม่ลืมครับ
ว่าแต่พี่ดินไม่อายใครเหรอฮะ  ถ้าใครเห็นพี่สวมแหวนที่นิ้วนี้  อดได้แฟนเลยนะครับ
เท่ากับว่าพี่ถูกจองไปแล้ว  พูดอีกอย่างคือพี่ดินมีเจ้าของแล้ว  อุ๊บ! เอ่อ…”

กอหญ้าเอาแต่พูดๆ จนมาหยุดที่ประโยคท้ายๆ จริงสิที่เขาก็ลืมว่าถ้าใครเห็นเขาสองคน
สวมแหวนคู่รัก  ก็แสดงว่าเขากับพี่ดิน…เป็นแฟนกัน  ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่

“อะไรกันหืม…จนป่านนี้ยังต้องให้พี่บอกอีกรึไง  เราน่ะหมดอิสรภาพทางหัวใจ
ไปนานแล้วกอหญ้า  คงนานพอๆ กับเวลาที่เราสองคนเจอกัน”
พี่ดินพูด แววตาสื่อความหมายเป็นนัยว่า…

‘พี่ดินชอบเรา…แล้วตัวเราเองล่ะ  ชอบเหมือนกัน…สินะ’

ปกติมิ่งขับรถไปไหนๆ เขามักจะเปิดเพลงฟังจะลูกทุ่งหรือสตริงฟังได้หมด 
แต่วันนี้ไม่อยากจะเปิดเพลง  เพราะเมื่อนายดินกับคุณกอหญ้าขึ้นนั่งบนรถ
คำพูดและพฤติกรรมของนายที่มีต่อคุณกอหญ้าทำให้มิ่งสะดุดอยู่หลายครั้ง
หลายหน  เขาไม่ได้อยากจะแอบฟัง  เพียงแค่ไม่อยากพลาดการรับข่าวสาร
ก็เท่านั้น ดูๆ ไปชักคล้ายกับว่าสองคนนี้เป็นคู่รักกันเข้าไปทุกทีแล้ว

หากเป็นอย่างนั้นก็ดี…แค่เป็นใครก็ได้…ที่เข้ามาทำให้นายดินของเจ้ามิ่ง
มีความสุข…ก็พอ  เมื่อคิดได้อย่างนั้นมิ่งจึงขับรถมุ่งหน้าพานายสองคนกลับเข้าไร่เขตแผ่นดิน



ข้างฝ่ายกริช เขาช่วยงานในร้านได้เยอะมากๆ หากเป็นเมื่อก่อนวันหยุดเขาก็มัก
จะเข้าไปช่วยพี่ชายเฝ้าร้าน  ยิ่งตอนนี้ได้อาร์มเพื่อนซี้มาทำในร้านอย่างนี้ทำให้
บรรยากาศการทำงานดูสนุกสนานเข้าไปใหญ่

“กริช  วันก่อนน่ะ  นายดินพาคุณกอหญ้ามาที่ร้านด้วยเว้ย…หน้าอย่างคุ้นเลยนะแก
…เห็นแม่เปิดทีวีดูละครตอนค่ำเท่านั้นแหละ  โป๊ะเชะ! เลยล่ะเอ็งเอ๊ย!  คุณกอหญ้า
เนี่ยหน้าโคตรเหมือนพี่ข้าวของเอ็งมากจริงๆ เลยนะกริช  เอ็งเห็นเหมือนกันมั้ยวะ!”
อาร์มเล่าไปตามที่รู้สึก  และยิงทำถามที่ทำเอากริชสะดุ้ง

“พี่เขาแค่คล้ายๆ เท่านั้นน่า…เจอตัวจริงมาแล้วพี่ข้าวน่ะ…แต่นี่แค่คนหน้าเหมือน
…ก็…แค่นั้นเองน่ะ”
กริชปฏิเสธเพื่อนออกไป  เขายังคงต้องเก็บความลับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง
 
‘ขอโทษด้วยนะเว้ย อาร์ม’

“เออๆ ถ้าเอ็งว่าไม่ใช่ก็คงจะไม่ใช่จริงๆ…เพราะตำหนิไฝ  ฝ้า  ของพี่เค้าเอ็งคงรู้หมด
แหละจริงป่ะ…เฝ้าติดตามเค้ามานานขนาดนั้นนี่หว่า…เนอะ”
อาร์มเชื่อตามคำที่กริชบอก
 
“อาร์ม  เดี๋ยวเราไปหาใบหม่อนกันหน่อยมั้ยวะ… คิดถึงมันหว่ะ ไม่เจอตั้งเทอมนึง”
กริชรู้สึกผ่อนคลายที่เพื่อนไม่ได้สงสัยอะไรในตัวพี่กอหญ้าอีก

“อืมๆ แต่ว่า…อย่าให้นายทัพตามไปนะเอ็ง  คู่นี้ไม่รู้เป็นยังไง  เจอกันได้เรื่องทุกที
ใบหม่อนเพื่อนเราก็แสนจะน่ารัก  น่าเอ็นดู ไม่รู้ทำไมนายทัพถึงชอบไปแกล้ง…ไปแหย่
…ให้โกรธนักหนาก็ไม่รู้”
อาร์มปรารภกับเพื่อน

“จริงเหรออาร์ม  แย่จัง!  พี่ทัพไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกเป็นคนขี้แกล้งสักที  สงสารแต่ใบหม่อน
มันว่ะ! รักคนที่ไม่ควรค่าแก่การจะได้ความรักดีๆ ไปเลย  พูดแล้วก็สงสารมันว่ะ เห่ย!
เป็นอะไรไปวะ! ไอ้อาร์ม! อ้าปากค้าง เอ่อ…อุ๊บ!”
กริชเอามือปิดปากตัวเองฉับที่เผลอหลุดพูดความลับของเพื่อนออกไป

“แกพูดใหม่สิกริช! นี่ๆ ใบหม่อนของเรา ปะ…ไป ชะ…ชอบ  นายทัพตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ทำไม…แกรู้  แต่ข้าไม่รู้ว่ะ  เปิดปากเล่ามาเลย  เดี๋ยวนี้!”
อาร์มพูดติดๆ ขัดๆ เพราะความตื่นเต้น  มันเซอร์ไพรส์เกินไปแล้วสำหรับข่าวนี้น่ะ

“ไม่มีอะไรหรอกน่า…อาร์ม  อย่าใส่ใจเลย  พี่ทัพน่ะ  ผู้หญิงไม่เคยจะซ้ำหน้า
สวยๆ ทั้งนั้น ไม่มาสนใจเพื่อนเราที่ทโมนไปวันๆหรอก  แกก็ลืมๆ ไปเหอะ นะๆ
เสร็จงานกองนี้แล้วเราไปหาใบหม่อนกันเลย”
กริชตัดบทอย่างไม่อยากจะพูดถึงอีก

“เออๆ ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าว่ะ  เร่งมืออีกหน่อย  จะเสร็จแล้วเนี่ย”
อาร์มก็ไม่ตื้อถามอีกเมื่อรู้ว่าเพื่อนไม่อยากจะบอก


สองหนุ่มคู่ซี้เล่าไปจัดของกันไป  โดยไม่รู้ว่าฐานทัพได้ยินทุกคำที่เจ้ากริช
กับเจ้าอาร์มคุยกัน  เด็กคนนั้นเนี่ยนะแอบชอบเขา  แล้วเขามันดูแย่ในสายตา
ของทุกคนจริงๆ นะเหรอ  แล้วในสายตาของใบหม่อนล่ะ  ต้องหาทางพิสูจน์
เสียแล้ว  ฐานทัพก้าวถอยหลังออกไปจากตรงนั้นเพื่อไปออกหลังร้านแทน

ฐานทัพเดินลัดเลาะออกมาด้านหน้า

‘อืม…ไปหาเด็กแสบนั่นดีกว่า  วันนี้จะไม่แกล้งสักวันก็ได้  จะได้ดูเป็นคนดีกับเขาบ้าง
เออ! แล้วจะทำดี  เพื่อ?’
 
“กองพล  นายจะไปไหนทำอะไรก็ไปเสียทีสิ…มาเดินตามทำไมกันนัก  เกะกะ!
แล้วที่สำคัญนะ  สาวๆ ของชั้นจะหนีกันเสียหมด  โว๊ย! พูดแล้วยังจะตามอยู่อีก รำคาญๆ”
สาวหล่อเดินหนี  เพื่อนร่างยักษ์ไม่วายเดินตามไปเสียทุกที่  ถึงจะเรียนมาด้วยกัน
ยังจะโตมาด้วยกันอีก  เธอก็ไม่อยากนับเพื่อนกับมันสักเท่าไหร่  เหตุเพราะความอันธพาล
ชอบก่อกวนคนอื่นๆ ไปทั่ว…น่าเบื่อหน่าย
 
“ใบหม่อนอ่ะ…เราแค่เดินเป็นเพื่อนคอยดูแลไง  ไม่ได้เกะกะหรือก่อกวนเลยนะ
สาวๆ พวกนั้นน่ะ…แค่เขาชอบของจริงมากกว่าของปลอม…เท่านั้นเอง…ใบหม่อน
คนสวยอย่าอารมณ์เสียไปเลยไปกินข้าวกับเสี่ยกองพลหน่อยเถอะนะๆ ไม่มีเพื่อน
เลยเนี่ย ไอ้สามตัวก็ไม่รู้หายหัวไปไหนหลายวันแล้ว  นะครับ…เพื่อนขอร้อง”

เจ้ายักษ์ไม่ลดละความพยายามที่จะตามตื้อ

“โหๆ เสี่ยกองพล…ใครตั้งฉายาให้ไม่ทราบ…แล้วไอ้ของปลอมที่ว่าน่ะใครวะ…พูดดีๆ
ไม่งั้นปากเนี่ยจะเคี้ยวข้าวไม่ได้ ไอ้กล้วยเว้ย! อยู่ไหนวะ! มาเขี่ยไอ้นี่ออกไปที”
ใบหม่อนตะโกนเรียกสมุนมือขวา

“ลูกพี่! มีอะไรครับ”

กล้วยไข่โผล่หน้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก

“นี่ไง! เขี่ยไปให้พ้นทางที  แล้วก็นู้นด้วย! มาอีกคนแล้ว  ดูท่าวันนี้ชีวิตจะไม่สงบสุขเสียแล้วว่ะ”
ใบหม่อนชี้ที่กองพล  แล้วก็บุ้ยใบ้ไปทางฐานทัพที่เดินลัดโค้งและกำลังตรงดิ่งมาตรงที่เธอยืน

“เอ่อ…คุณกองพลครับ  ช่วยออกห่างๆ ลูกพี่ผมหน่อยนะครับ  เอิ่ม!
อย่าให้ไอ้กล้วยไข่ต้องใช้กำลังเลยนะครับ  ขอร้องละ  ส่วนคนนู้นน่ะ…เอ่อ…
คุณใบหม่อนจัดการเอาเองเถอะฮะ  ข้าน้อยมิกล้ามิบังอาจ…ขอรับท่านพี่…
กล้วยน่ะงานเยอะ…งานล้นมือ  ต้องไปช่วยแม่เฝ้าแผงกระเทียมแล้วครับ
ไปก่อนนะ…บายๆ”

พูดจบเจ้ากล้วยไข่ก็เผ่นแน่วไปอย่างรวดเร็ว  ทำเอาใบหม่อนหน้าเหวอ
“ไอ้กล้วย! กลับมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย! กองพลอยู่ก่อนนะ”
ใบหม่อนหันไปดึงกองพลไว้  เพื่อนที่ไม่อยากนับว่าเป็นเพื่อน
แต่ตอนนี้ต้องอาศัยมันเป็นไม้กันหมาไปก่อนแล้ว

“หูย…ใบหม่อน  เค้าเขินนะ…ที่ตัวเองยอมให้เค้าอยู่น่ะ”
ใบหม่อนมองหน้าไอ้คนดี๋ด๋านี่  แล้วก็เบะปากอย่างระอาใจ

“โอ๊ะโอ…คนสวย  มายืนรอรับพี่ทัพเหรอครับ  เราไปทานมื้อเที่ยงกันเนอะ
แล้วนี่ตัวอะไรวะ! มายืนบังอยู่เนี่ย”
ฐานทัพเดินรี่เข้าหาสาวหล่อทันที  และอดขวางหูขวางตากับเด็กหนุ่มร่างยักษ์
ที่ยืนข้างๆ ไม่ได้

“ใครจะไปกินข้าวกับนาย  กองพลเราไปกันเถอะ…หิวแล้ว”
กองพลระริกระรี้อย่างกับหมาตัวโตที่ดีใจส่ายหางอย่างนั้น

“นี่ไอ้อ่อนกลับไปกินข้าว…กินนมที่บ้าน…แล้วนอนซะ เนี่ย!
ไม่ใช่เรื่องของนายเลย ไปๆ”
ฐานทัพออกปากขวางกั้นเจ้าหมาตัวโตออกไปให้พ้นทาง

“ก็ๆ เออครับ! ไม่ไปก็ได้”
กองพลรู้ฝีไม้ลายมือของฐานทัพดี  สมัยเรียนเผลอไปแกล้งเจ้ากริชเข้า
เช้ามาเขาก็ถูกพี่ทัพของเจ้ากริชนี่แหละ! มาเอาคืนไปสามสี่หมัด
นึกแล้วยังเสียวที่มุมปากไม่หาย ไม่แตกยับจนกินข้าวไม่ได้ก็ถือว่าถูกเอาคืน
แบบเบาๆ…ตามที่คนชกบอกไว้แบบนั้น  ถ้าโดนแบบหนัก…เขาคงไม่ได้มายืน
อยู่ตรงนี้เป็นแน่  คิดได้อย่างนั้นกองพลก็รีบถอยห่างออกมา

“ใบหม่อนเพื่อนเลิฟไปกินข้าวกัน…คิดถึงๆ”
เจ้ากริชมาถึงก็คว้าตัวใบหม่อนไปกอดเสียเต็มรัก  ทำเอาฐานทัพต้องกระโดดหลบออกมา

“เห้ย! อะไรของเอ็งว่ะ! เจ้ากริช  ดีใจอะไรขนาดนั้น  แทบจะเหยียบหัวพี่แล้วเนี่ย!
ยังจะมาทำหน้าทะเล้นใส่อีก”

“ขอโทษฮะพี่ชาย  มองไม่เห็นจริงๆ ไหนๆ วันนี้ก็อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว
ไปกินกลางวันกันครับพี่ทัพ  อาร์ม  ใบหม่อนไปกัน  หิวๆ”
กริชพูดรวบรัดแล้วก็ลากใบหม่อนที่ตามไปอย่างงงๆ


ทั้งหมดพากันมานั่งรวมตัวกันเกือบเต็มพื้นที่ของร้านอาหารตามสั่ง
หลังตลาดนั่นเอง

“ข้าวผัดรวมๆ ไม่ใส่ผัด  จานนึง”
ใบหม่อนสั่งก่อนเพื่อนเมื่อหย่อนก้นนั่งคนแรก

“ข้าวกะเพราหมูกรอบใส่พริกเยอะๆ ไม่เอาใบกะเพรา  ค๊าบ”
กริชสั่งเป็นรายต่อมา

“หอยทอด  จานนึง  ขอหอยหย่ายๆ นะฮะ”
ไอ้อาร์มตะโกนสั่งบ้าง

“สุกี้น้ำทะเล  ครับ”
สรุปโต๊ะนี้สั่งกันในแบบไม่ค่อยปกติสักคน  แม่ค้าวางตะหลิวลงกระทะเสียงดัง

เคร้ง!

หันขวับ! กะว่าจะเล่นงานลูกค้ากลุ่มนี้เสียหน่อย  แต่พอเห็นหน้าเท่านั้น…

“อ้าว! คุณใบหม่อน  นายทัพ  เชิญๆ นั่งกันก่อน  ช่วยจดให้เจ๊หน่อยก็จะเป็น
การดีนะคะ  ขอบคุณค่ะ”
เจ๊เจ้าของร้านพูดเสียงอ่อนเสียงหวานที่เห็นหน้าลูกค้ากลุ่มนี้

“เจ๊อ้อยค๊าบบบ… ความจำเจ๊น่ะเริ่ดอยู่หรอก  ไม่ต้องจดก็ได้นะฮะ”
กริชพูดจบ  เจ๊อ้อยยิ้มแก้มปริ

“อ่ะๆ ตามนั้นก็ได้  เดี๋ยวเจ๊จัดให้ค๊า”
เจ๊อ้อยก็เดินตุ้มตุ้ยไปทำตามสั่งของแก  แล้วจานด่วนก็ทำออกมาไม่มีผิดเพี้ยน
ทั้งหมดกินข้าวกันไปอย่างเงียบๆ ในตอนนี้เองที่อาร์มเห็นคุณใบหม่อนเพื่อนสาวหล่อ
ที่คอยแต่จะแอบชำเลืองมองแต่คนหนุ่มที่ตัวโตกว่าใครในกลุ่มออกบ่อยๆ

‘นี่แหละพวกปากไม่ตรงกับใจ  นายทัพก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะแกล้งให้ใบหม่อน
โมโหอะไรอีก…มาแปลกกันจริง’
อาร์มลอบมอง

“นี่ๆ เอาเงินที่พี่ไปอาร์ม  กินแค่คนละจานพี่เลี้ยงได้  กินมากกว่านี้ก็ยังเลี้ยงไหวนะ”
ฐานทัพพูดจบ  หันไปมองหน้าใบหม่อน  เจ้าตัวทำไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น

“ขอบคุณฮะ  ถ้ารู้อย่างนี้ไปนู้นซะก็ดี…อาหารญี่ปุ่น  อิ่มแปล้แน่ๆ คราวหน้านะพี่ทัพ”
กริชพูดขึ้นมา  อาร์มตาวาวหูผึ่งเมื่อได้ยินว่าเป็นอาหารญี่ปุ่น

“ได้ๆ พรุ่งนี้เลยก็ได้นะ  ทุกคนเลย…ไปนะ…ใบหม่อน”
เจ้าตัวสะดุ้งเป็นครั้งแรกที่ฐานทัพเรียกชื่อเธอ

“เอ่อ… แล้วแต่กริชกับอาร์มเลย”
ใบหม่อนโยนให้เพื่อน  สองหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกัน

“งั้นสรุปไปพรุ่งนี้นะ  เดี๋ยวพี่มารับที่นี่”


มื้อเที่ยงนี้ก็จบลงด้วยดี ไม่มีการตบตีกันระหว่างคู่ชกข้ามรุ่นอย่างใบหม่อน
กับนายทัพ  เจ้าอาร์มแย้มยิ้มหน่อยๆ อย่างพออกพอใจ  แล้วกริชก็ตามไป
ที่บ้านของใบหม่อนที่อยู่เยื้องๆ กับตลาด  บ้านคนรวยก็ใหญ่โตสมฐานะอย่าง
นี้นี่เอง  ส่วนอาร์มกับฐานทัพก็กลับไปเฝ้าร้าน


ตกเย็นกริชจึงกลับไปหาพี่ทัพที่ร้านของฝากอีกครั้ง  เพื่อกลับเข้าไร่พร้อมกัน
เมื่อไปถึงบ้านไร่  ทุกคนนั่งพร้อมกันที่โต๊ะอาหารแล้ว  แม้ว่าจะเย็นมากแล้ว
แต่สีหน้าของพี่ดินก็ยังอบอวลไปด้วยความสุข  เหมือนไปได้อะไรดีๆ มาอย่างนั้น
เห็นอย่างนั้นกริชก็มองดูพี่ข้าวของเขาบ้าง  สีหน้าไม่ได้ต่างกันเลย  แล้วตอนที่ทั้ง
สองตักอาหารก็ทำให้กริชถึงบางอ้อ…

‘ใส่แหวนคู่  แทนใจกันทั้งสองคน  แบบนี้จะให้คิดยังไง’
กริชอดรนทนไม่ไหวเขาจึงสะกิดให้พี่ทัพมองที่นิ้วนางข้างซ้ายของทั้งสองคน
แล้วก็เป็นพี่ทัพที่ทำเอาสะดุ้งไปตามๆ กันเมื่อพี่ทัพเผลอทำช้อนที่ถือหลุดลงกระทบกับจาน

เคร้ง!

“เป็นอะไรเจ้าทัพ! ทำงานมาวันเดียวมือไม้อ่อน  แค่ช้อนยังไม่มีปัญญาจะถือ 
โธ่ๆ ย่าละหน่ายแกจริงๆ”

“คุณย่าที่รักครับผม  อย่าว่าหลานที่น่ารักนักเลย  น้อยใจนะฮะ…ผมรึ…
จะเหมือนใคร…บางคน  หน้าระรื่นทั้งวัน  ยิ้มปากแทบฉีกไปจนถึงใบหูแล้ว  เฮ้อ…”

ฐานทัพอดเหน็บแนมพี่ชายไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้

“กินๆ เข้าไป  อย่าได้เที่ยวแกว่งปากไปแขวะใครเขา…เดี๋ยวพ่อฟาดเสียหรอก”
พ่อเขตแกล้งตำหนิลูกชายคนเล็ก  ที่ก็แกล้งทำหน้างอนใส่พ่อตัวเองหน่อยๆ

“ทัพเอ๊ย! ท่านั้นน่ะไว้ให้หลานๆ มันทำจะน่าเอ็นดูกว่าเยอะนะ ฮ่าฮ่า”
พี่ดินพูดใส่น้องชาย  พี่ทัพจึงหันมาทำตาคว่ำใส่  จนพากันหัวเราะไปทั้งโต๊ะอาหาร
ในค่ำนี้  กอหญ้ารู้ว่าเขาและพี่ดินเป็นจุดสนใจของทั้งกริชและพี่ทัพ  แต่แกล้งทำไม่
รู้ไม่ชี้ไปอย่างนั้นเอง  วิญญาณนักแสดงนี่นะมันอยู่ในสายเลือดแล้วล่ะ
แล้วกอหญ้าก็ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม










ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ครอบครัวสุขสันต์มาก5555

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 21 ส่วนหนึ่งของครอบครัว

แผ่นดินตื่นนอนตอนเช้ามืดอย่างเช่นทุกวันบาดแผลที่ถูกยิงหายดีแล้ว
เช้านี้เขาจึงตั้งใจจะเข้าไร่  และก่อนไปยังแอบหอมแก้มคนขี้เซาและดึงผ้าที่ร่น
ลงไปกองตรงเอวขึ้นมาห่มให้จนถึงหน้าอก  ช่วงนี้เป็นฤดูฝนมีฝนตกฟ้าคะนองทุกคืน
คนกลัวฟ้ายังไงก็กลัวอยู่อย่างนั้น  แผ่นดินจึงใช้โอกาสนี้เข้ามาขอนอนด้วยทุกคืน…
จนกลายเป็นความเคยชินที่ได้หลับไปพร้อมๆ กันภายในผ้าห่มผืนเดียวกัน


แผ่นดินขับรถไปเรื่อยๆ ลูกน้องเห็นรถของเขาต่างก็เข้ามารายงานสถานการณ์ให้ฟัง
ทุกอย่างเรียบร้อยดี  ไม่มีอะไรแปลกปลอมเข้ามาในค่ำคืนที่ผ่านมา  ชายหนุ่มรับทราบ
และกล่าวขอบใจทุกคนที่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้  จากการวางเวรยามใหม่ครั้งนี้ทำให้ภาระ
หน้าที่ของเขาเบาลง  เหนื่อยน้อยลง  มีเวลาเป็นส่วนตัวเยอะขึ้น  อย่างเช่นตอนนี้
ฟ้ายังไม่สว่างดีงานของเขาก็จบหมดแล้ว  เขาจึงขับรถกลับเข้าบ้าน

เมื่อลงจากรถก็พบว่าพ่อเขตนั่งดื่มชาอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน

“ตื่นเช้าจังครับพ่อ”

“อ้าวดิน! ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ?”

“พอดีชานนท์มันจัดตารางเวรยามให้ใหม่น่ะครับพ่อ  เพิ่มคนตามจุดอีกหลายจุด
ผมจึงได้กลับบ้านไวขึ้นน่ะครับ”
แผ่นดินตอบบิดา  และนั่งลงใกล้ๆ ท่าน

“เออเว้ย! น่าจะคิดได้นานแล้วนะเจ้านนท์เนี่ย  แกจะได้มีเวลาทำอะไรๆ มากขึ้น
ไม่ใช่ลงมือทำมันอยู่คนเดียวซะหมดทุกอย่าง”
พ่อพูดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี

“ฮะพ่อ ผมว่า…ก็ดีเหมือนกัน  ยิ่งตอนนี้ได้เจ้าทัพมันมาช่วยแบ่งงานไป
ผมก็เบาแรงลงมากทีเดียว”

“อื้ม… มีอะไรก็บอกก็สอนมันไปนะ ไอ้ที่พ่อกับย่าแกดุด่ามันไปน่ะก็อยากจะให้มัน
เป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง ไม่ใช่เมาหัวราน้ำตลอดอย่างที่ผ่านๆ มา อายุมันก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว”

“ทัพมันคงคิดได้บ้างแล้วละครับพ่อ…ตอนนี้น่ะ”
แผ่นดินพูดตามที่เห็นว่าน้องชายเริ่มลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเอง

“ถ้ามันคิดได้ก็ถือว่าดีนะ  ยังไงก็ดูๆมันด้วยแล้วกัน  ถ้าไม่ไหวบอก
พ่อจะเล่นงานมันให้เอง”

“ผมไหวอยู่ครับพ่อ  ทัพมันก็ไม่ดื้อกับผมเท่าไหร่ตั้งแต่เล็กแล้ว…ก็เห็นมัน
ทำดื้อเรียกร้องความสนใจแค่กับพ่อกับย่าซะมาก  หึหึ”

“เฮอะๆ ไอ้ลูกแหง่  ให้มันได้อย่างนี้สิ…เอ่อ! ดิน  พ่อเพิ่งนึกขึ้นได้  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์น่ะ
โทรมาเชิญบ้านเราให้ไปทานอาหารที่บ้านเขาเย็นนี้! แกกับเจ้าทัพไปแทนพ่อทีนะ
พาหนูกอหญ้าไปด้วยล่ะ  เขากำชับนักหนาว่าลูกสาวเขาอยากจะเจอตัวเต็มทีแล้ว”

“อ่อ… ได้ครับ  เดี๋ยวผมเอาของในไร่ไปฝากเขาด้วยเลย”
แผ่นดินรับปากบิดา

“อืม…ดีเลย  ขับรถก็ระวังด้วยนะ  ฝนฟ้าตกทุกวันถนนมันลื่น
เรียกเจ้ามิ่งไปเป็นเพื่อนอีกคนก็ดีนะดิน”
พ่อพูดด้วยความห่วงใย

“ครับ  ผมว่าจะไปหัววันหน่อยจะได้ไม่กลับค่ำเกินไป  ไม่รู้เจ้าทัพมันจะไปได้หรือเปล่าสิครับ
แต่เอาเจ้ากริชไปอีกคนน่าจะดี…ผมก็ลืมไปเลยพ่อ! น้องมันเป็นเพื่อนกับลูกสาวบ้านนั้นนี่”
แผ่นดินหน้าชื่นขึ้นมาทันทีที่นึกได้  มีตัวช่วยดึงความสนใจของน้องข้าวหอมไปจากกอหญ้าก็ดี
เขาเห็นความปลาบปลื้มที่เด็กสาวมีให้กอหญ้าแล้วออกจะขัดตาไม่ใช่น้อย

“ใช่ๆ มันเป็นเพื่อนเล่นกัน  เรียนมัธยมด้วยกันอีกด้วย”
พ่อเขตนึกได้เมื่อลูกชายเท้าความ

“ผมไปอาบน้ำก่อนนะพ่อ  แล้วจะได้ออกมากินมื้อเช้ากัน”
คนลูกลุกขึ้นแล้วผละไปอาบน้ำ  ส่วนคนพ่อก็นั่งทอดอารมณ์  จิบชาต้อนรับอรุณต่อไป


“อ้าว! พี่ดิน กลับมาแล้วเหรอ”
กอหญ้าโผล่ออกมาจากห้องน้ำก็เจอพี่ดินเปิดประตูห้องนอนเข้ามา
แล้วยังดึงเขาไปกอดหอมแก้มอีกด้วย

“พี่มาอาบน้ำน่ะ ว้า…แย่จัง…ว่าจะชวนอาบด้วยกัน  ซะหน่อย”

“ใครจะไปอาบกับพี่กัน  นี่พี่ดินจะอาบห้องนี้ใช่ไหม…รอแป๊บ
เดี๋ยวกอหญ้าไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้”
คนตัวหอมก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวออกมายัดใส่มือคนที่ยืนทำตาละห้อย
 
“นี่ครับ  รีบๆ เลย…อย่ามาทำตาอ้อนครับพี่ดิน”
แล้วคนตัวโตก็ถูกดุนหลังให้เข้าห้องน้ำ


ที่โต๊ะกินข้าว  ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้ากว่าทุกวัน  เพราะฐานทัพที่กลับมานอนบ้าน
ทุกคืนแล้วยังตื่นมาร่วมมื้อเช้าได้ทันเวลา  ส่วนคุณย่ากับเด็กๆ ก็ลงมือทานกันก่อนแล้ว
กับมื้อเช้าเบาๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกันออกจากบ้าน

ครอบครัวไทยอบอุ่นอย่างนี้  จนกอหญ้ารู้สึกผูกพันกับครอบครัวนี้ไปแล้ว

“เจ้าทัพ! แล้วก็กอหญ้ากับกริชด้วยนะ  เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านแม่เลี้ยงข้าวทิพย์กันนะ
เขาเชิญบ้านเราน่ะ”
พี่ดินเอ่ยชวน  ทำเอากอหญ้าสะดุ้ง

“ผมไม่ว่างแล้วสิครับ  เย็นนี้น่ะ”
ฐานทัพออกตัวปฏิเสธคนแรก

“เอ่อ…กอหญ้าขอไม่ไปได้ไหมครับ  พี่ดิน”
กอหญ้าอิดออดอีกคน

“กอหญ้าน่ะคือคนที่ต้องไปเลยล่ะรู้ไหม  เขาเชิญบ้านเราทั้งครอบครัวแต่พ่อน่ะให้พวกเรา
เป็นตัวแทนไปไ ง อีกอย่างลูกสาวเขาอยากเจอเราเอามากๆ ด้วยสิกอหญ้า”
พี่ดินบอกเหตุผลที่ต้องไปให้รู้

“ข้าวหอมน่ะเหรอพี่ดิน  อ่อ…ผมพอจะรู้แล้วว่าทำไมถึงอยากเจอพี่กอหญ้านัก
ไปหน่อยเถอะครับพี่กอหญ้าเพื่อนผมเองแหละครับข้าวหอมน่ะ  อีกอย่างพวกเรา
ก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้กันแล้ว  ต้องไปทำหน้าที่กันซะหน่อย”

“สรุปตามนี้น ะ ก็มีเจ้าทัพที่ไม่ว่างคนเดียว”
แผ่นดินสรุป

“ตกลงเย็นนี้ย่ากับพ่อแกแล้วก็เด็กๆ อยู่กินข้าวบ้านนี้นะ  ดีแล้วไปเปลี่ยนบรรยากาศ
กินข้าวนอกบ้านบ้างนะกอหญ้า”
คุณย่าพูดขึ้น  แล้วก็หันมาเห็นดีเห็นงามที่จะให้กอหญ้าออกไปเปลี่ยนบรรยากาศ
กอหญ้ายิ้มแหยให้คุณย่า  แล้วสนใจน้องใบข้าวที่ทานมื้อเช้าอยู่ข้างๆ แทน

เด็กบ้านนี้ทานผักกันด้วย  ดูอย่างผักโรยในข้าวต้มที่กอหญ้าแทบจะเขี่ยออกนอกชาม
แต่หนูน้อยกับตักเข้าปากทานเฉยเลย

 อ้าว! เห๊ย! พี่ดิน  ผมมีนัดกับเพื่อนๆ แล้วอ่ะ  กับพี่ทัพด้วยสิ…เอาไงกันดีพี่ทัพ
อาหารญี่ปุ่นที่บอกจะพาไปน่ะ  ก็อยากกินอยู่นะ  แต่ข้าวหอมไม่เจอกันก็หลายเดือน
…อยากเจอมันเหมือนกัน”
กริชสองจิตสองใจขึ้นมาทันที  หันไปขอความเห็นฐานทัพที่ลงมือทานอาหารก่อนแล้ว

“เอางี้สิกริช  อาหารญี่ปุ่นเลื่อนไปกินวันอื่น  ทีนี้แกก็โทรไปเลื่อนนัดบรรดาคนในแก๊งก็แค่นั้น
แล้วก็เอาเบอร์ใบหม่อนมาให้พี่  เดี๋ยวพี่โทรบอกเขาเอง”
ฐานทัพฉวยโอกาส  เขาอยากได้มานานแล้วเบอร์เด็กแสบนั่นน่ะ

“พี่ทัพ! ห้ามเลยนะเว่ย! กับใบหม่อนน่ะ  แม้แต่คิดก็ไม่ได้…คนนี้เพื่อนรักของน้อง”
กริชทำหน้าทำตาใส่พี่ชายเพราะรู้ว่าพี่ทัพน่ะชอบแกล้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
“อะไรเล่าเจ้ากริช  พี่ไม่ทำอะไรเขาหรอกน่ะ  รู้อยู่ว่าพวกแกน่ะหวง  ตั้งแต่ไอ้อาร์มแล้ว
กลัวกันไปได้…ไม่เข้าเรื่อง  อย่าโยกโย้เอาเบอร์มาให้พี่ซะดีๆ”
ฐานทัพกระดิกนิ้วยิกๆ

“อ่ะ! เอาไป! หาเอาเองละกัน”
แล้วกริชก็ส่งโทรศัพท์ของเขาให้พี่ชายไปอย่างกระแทกกระทั้น

“งั้นเย็นนี้ทัพก็ไปรับหลานจากโรงเรียนเหมือนเดิมได้นะ  ตอนแรกพี่ว่าจะไปรับส่งลูกเองเสียหน่อย
ไว้วันอื่นแล้วกัน  แต่พวกพี่จะไปบ้านแม่เลี้ยงกันเร็วหน่อยนะจะได้ไม่กลับมืดค่ำเกินไป”
แผ่นดินหันไปฝากเรื่องกับฐานทัพที่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์ของเจ้ากริชแต่เขาก็พยักหน้ารับ

“ไปแต่หัววัน  ดีเลยล่ะ! จะได้ไม่ดึกมาก  ทางก็ลำบาก  ดินก็ดูๆ เวลาบ้างนะลูก  ย่าเป็นห่วง”
คุณย่าเตือนมา

“ครับย่า  ผมจะไม่ให้ดึกครับ”
แผ่นดินรับปาก  ทำเอากอหญ้าค่อยคลายความกังวล

'ไปไม่นาน  อิ่มก็กลับ…แค่นั้น  ทนปั้นหน้าสักพักละกัน'
“ไอ้กริช! โทรศัพท์แกทำไมมีแต่รูปกอหญ้าวะ  นี่ไปแอบชอบเขารึไง  แกไม่กลัวโดนเตะเหรอ
เจ้าของเขาหวงนะ  อุ๊บ!!!!”
ฐานทัพปิดปากที่หลุดพูดออกไป  ทำเอาทั้งแผ่นดินและกอหญ้าหันขวับมองหน้าเขาพร้อมกัน

“เปล๊า……ไม่มีอะไร…กินข้าวกันไปเถอะทุกคน แหะ แหะ”
ฐานทัพแบมือ  ยักไหล่  หัวเราะกลบเกลื่อน

“พี่ทัพก็มั่วพูดได้เนาะ  นั่นน่ะ! รูปดาราขวัญใจของผม  ไม่ใช่พี่กอหญ้าซะหน่อย
…ผมน่ะติ่งพี่ข้ามฟ้านู่นเหมือนคุณย่านั่นแหละ”
กริชไขข้อข้องใจให้พี่ชายรู้  ทำเอากอหญ้าแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

แผ่นดินมองกริชอย่างขัดตาอีกคน  ส่วนพ่อเขตก็มองหลานชายด้วยอีกคน

“นี่เจ้ากริชก็เป็นแฟนคลับพ่อดารานั่นอีกคนแล้วเหรอ  ลุงคิดว่ามีแต่คุณย่าแกที่เป็นแฟนละครนะเนี่ย”
พ่อเขตเอ่ยแซวหลานชาย

“ลุงเขต…ผมติดตามเขามาตั้งแต่ผมเรียนมัธยมแล้วละครับ
ไปอยู่คอนโดเดียวกับเขาห้องติดกันด้วยนะครับลุง  นี่ไม่ได้โม้นะ  ตัวจริงน่ารัก
ใจดีมากเลยละครับคุณย่า”
กริชตอบลุงและหันไปเล่าให้คุณย่าฟัง  ทำเอาคุณย่าตาโตหูผึ่งขึ้นมาทันที

“ดีจริงเจ้ากริช  ได้คุยกับเขาด้วย”
คุณย่ายิ้มดีใจกับหลานด้วย

`แฟนคลับตัวยงอีกคนแล้ว มิน่าล่ะ เจอวันแรกก็รู้ว่าเป็นข้ามฟ้าและยังร้องห่มร้องไห้อีก
…อยู่คอนโดห้องติดกัน  รู้จักกันมาก่อนด้วย`

แผ่นดินคิดตามแล้วให้รู้สึกหวงขึ้นมา

“เหรอๆ รูปเยอะเลยสิเรา  เอามาให้พี่ดูบ้างสิ  ภาพลับ  รูปฮอตเยอะด้วยรึป่าว”
แผ่นดินขอดูบ้าง

“เออ! นั่นสิ  เอากลับมาดูใหม่อีกทีสิ  ทำไมเหมือนกอหญ้าจังวะ!”
พี่ทัพแบมือ  พี่ดินก็อีกคน  กริชส่ายหน้าแล้วตักอาหารเข้าปากหน้าตาเฉย

`เรื่องอะไรจะให้ดูอีกล่ะพี่ทัพ  เดี๋ยวก็พาลสงสัยนู่นนี่ไม่เลิก  ความลับจะแตกเสียเปล่าๆ`
กริชทำไม่รู้ไม่ชี้  เมื่อกริชไม่ให้  ฐานทัพก็เลิกตื้อน้อง  เขาจึงกินข้าวไปเงียบๆ แต่หัวคิ้วขมวด
เข้าหากันไม่เลิก พี่ดินก็คงอยากดูเพราะขี้หวงนั่นแหละ ฐานทัพพอจะดูพี่ชายออก

กอหญ้านั่งกินอาหารไปเงียบๆ พลางใช้ความคิด  สรุปเขาต้องไปจริงๆ ใช่ไหมมื้อค่ำบ้านน้องข้าวหอม
ถ้าไม่เพราะคำพูดเจ้ากริชที่ว่าต้องไปทำหน้าที่…เพราะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้

เขาจะหาเหตุเบี้ยวให้ได้เลย

'แฟนคลับน่ะ…น่ากลัวจะตายไป…ตบตาไม่ได้ง่ายๆ ด้วยสิ'
เขากลัวน้องข้าวหอมจะจับเท็จได้   ดูอย่างเจ้ากริชเขายังไม่สามารถปิดบังได้เลยว่าไม่ใช่ข้ามฟ้า

“ฮัลโหล…คนสวย  นี่พี่ทัพเองนะ  อ่ะๆ อย่าเพิ่งวาง  พี่จะบอกว่าที่นัดไว้น่ะขอเลื่อนไปก่อนนะ
พี่ดินจะพาเจ้ากริชไปทำธุระ  เอาไว้เราค่อยนัดกันใหม่  ตามนั้นนะครับ…น้องใบหม่อน
เที่ยงนี้พี่ทัพไม่ว่างเสียด้วย  ต้องช่วยงานในไร่  อะไรนะครับ ไม่อยากรู้  อ่อ…แต่พี่อยากจะบอก
นี่ครับ โธ่ๆ ไม่เห็นหน้าก็ต้องคิดถึงสิครับ  อ้าว! ใบหม่อน  ฟังอยู่มั้ยเนี่ย โถๆ วางไปซะแล้ว
เสียดายชะมัดเลย”
ฐานทัพวางสายหันหลังจะเดินเข้าบ้าน  มีอันต้องสะดุ้งที่เห็นพี่ชายกับน้องชายมายืนกอดอกจ้องเขม็งอย่างจับผิด

“อะไรกริช…พี่ดิน ไม่มี๊…ไม่มีอะไร  เชื่อสิ  ไม่มีจริงๆ นะเว้ย”
ฐานทัพรีบพูด

“อะไรของแกวะ  ทัพ  ร้อนตัวทำไม  พี่ยังไม่ได้ถามอะไรเลย  กริชล่ะ…สงสัยอะไรหรือเปล่า
ส่ายหน้า  อ่อๆ นี่มันพวกกินปูนร้อนท้อง  ล่ะสิ  ทัพเอ๊ย!…ฮะฮะ”
พี่ชายรีบสาวเท้าเข้ามาจับต้นแขน  แล้วหัวเราะใส่หน้า

“นั่นสิพี่ดิน  ผมแค่มองพี่ทัพเฉยๆ เองนะครับ  ฮ่าฮ่า”
น้องชายก็อีกคน  พากันหัวเราะงอหาย

“เออ! โว๊ย! สามัคคีกันให้ตลอด  อย่าให้ถึงทีผมนะพี่ดิน  พี่ไม่รอดแน่
…ไปดีกว่าไม่อยากเห็นหน้า…หึ้ยยย”
แล้วพี่ทัพก็เดินปึงปังเข้าบ้านไป  กริชมองตามอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก

`ใบหม่อนเพื่อนผม  อย่าได้คิดอะไรเล่นๆ กับมันนะเว่ย…พี่ทัพ`

“กริช  ทัพมันมีท่าทีสนใจใบหม่อนเหรอ  เด็กนั่นน่ะทอมไม่ใช่รึไง  เค้าจะชอบมั้ยผู้ชายน่ะ
…แล้วยิ่งคนแบบนี้ด้วย  ทำตัวเสเพลอย่างกับอะไรดี”
แผ่นดินถามถึงท่าทีของฐานทัพกับลูกสาวเจ้าของตลาด  ที่ดูเหมือนกริชจะเป็นกังวลห่วงใย
จนออกนอกหน้า

“โธ่…พี่ดินไม่รู้อะไร  ใบหม่อนน่ะใจมันก็ผู้หญิงนี่แหละ  ภายนอกที่เราเห็นกันน่ะมันจอมปลอม
….ใช่ตัวจริงมันที่ไหนล่ะ  เพื่อนผมมันแอบชอบพี่ทัพตั้งแต่ตอนมันเริ่มสาวแล้ว  ใบหม่อนมันเป็น
แบบทุกวันนี้ก็เพราะ  นู่นแหละ…น้องชายพี่น่ะทำมันเสียใจ  คั่วสาวไปทั่วทั้งตำบลแล้วก็ทิ้งขว้าง
ซะทุกคน  เพื่อนของใบหม่อนเองก็ยังถูกพี่ทัพทิ้งน่ะ  จนใบหม่อนน่ะมันหมดใจเลิกทำตัวเป็นหญิง
หันมาเป็นทอมแบบนี้น่ะ  เห้อ!”

กริชเล่าความลับแต่หนหลังของเพื่อนให้พี่ชายฟัง

“อืม…ฟังแล้วก็น่าสงสารจริงๆ ด้วยสิ  ชอบใครไม่ชอบ…ดันมาชอบไอ้ซาตาน
ในคราบเทพบุตรอย่างไอ้ทัพมัน  เห้อ!”
สองพี่น้องพากันถอนหายใจ  แล้วก็เป็นฐานทัพอีกคนนึงด้วยที่แอบถอนหายใจไปด้วย

`ยัยเด็กนั่นชอบเราจริงๆ นะเหรอ  เห้อ! อย่าชอบพี่เลยใบหม่อน…พี่มันคนไม่มีหัวใจ
ความรักเป็นยังไง…จนป่านนี้พี่เองยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ`


ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 22 มื้อค่ำนอกบ้าน

มิ่งมาทำหน้าที่ขับรถให้นายดิน  คุณกอหญ้าและคุณกริชน้องชายเพื่อไปที่บ้าน
ของแม่เลี้ยงข้าวทิพย์  ที่อยู่ห่างออกไปจากไร่เขตแผ่นดินร่วมๆ 30 กิโลเมตรได้

มิ่งต้องขับด้วยความระมัดระวังเพราะฝนตกตลอดทาง  แม้แต่ในเวลานี้ก็ยังตกอยู่
แต่ไม่หนักมากนัก  แต่ก็ต้องใช้ความเร็วรถไม่ให้เกินหกสิบเพราะเป็นทางลาดชัน
แล้วยังจะคดเคี้ยวอีกด้วย

“มิ่งช้าๆ นะ ไม่ต้องรีบ  ถนนลื่นด้วยสิ”
แผ่นดินคอยเตือนมิ่งให้ขับด้วยความระมัดระวัง

“ครับนายดิน  ผมก็ระวังๆ อยู่ครับ  เชื่อมือไอ้มิ่งเถอ ะ หลับตายังพาไปถึงเลยครับ”
มิ่งคุยโวตามเคย

“เออ! น้อยๆ หน่อยเถอะเอ็ง  อย่ามัวแต่คุยโม้  ดูทางดีๆ ด้วยแล้วกัน”
แผ่นดินปรามคนขับแบบไม่จริงจังนัก

“พี่กอหญ้ากับข้าวหอมเจอกันมาก่อนเหรอฮะ  เห็นพี่ดินบอกว่าพี่กอหญ้า
ต้องมาให้ได้ด้วยสิค่ำนี้น่ะ”
กริชถามไปตามที่สงสัย

“อืม… ก็เขากับแม่เลี้ยงข้าวทิพย์น่ะ  ไปทานข้าวที่บ้านเดือนก่อน  ก็เลยเจอกัน
ตอนนั้นพี่ยังไม่แข็งแรงดีเลย  เธอก็ชวนว่าให้มาบ้านเธอแล้วละ”

“พี่กอหญ้าทำใจไว้เลยนะก่อนไปถึงบ้านนั้น  ท่าจะเหนื่อยน่าดู  ยัยข้าวหอมไม่ปล่อยพี่แน่
มันคลั่งพี่ข้ามฟ้าอย่างกับอะไรดีเลยละ  ดีไม่ดีงานนี้  แก๊งเพื่อนๆ ของมันไปรอเต็มบ้านแล้ว
มั้ง  ผมว่านะ  เหอะๆ”
กริชพูดตามที่พอจะรู้นิสัยใจคอของเพื่อนอยู่บ้าง

“อูย…ขนาดนั้นเลยเหรอกริช  พี่ชักไม่อยากให้ถึงเสียแล้วสิ  เอ่อ…พี่ดินกับกริชเข้าไปสองคน
พอเนอะ…เดี๋ยวกอหญ้าให้มิ่งพาไปแอบ  แล้วค่อยกลับมารับพี่  นะๆ พี่ดิน”
กอหญ้าหาทางหนีทีไล่ เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอตัวกัน

“ไม่ได้แล้วกอหญ้า  อย่าทำอะไรเป็นเด็กไปมาแล้วก็ต้องเข้าไป  แม่เลี้ยงข้าวทิพย์
น่ะลองออกปากเองแบบนี้  อย่าไปปฏิเสธเธอเลย  เดี๋ยวเธอจะโกรธขึ้นมา
พ่อเขตเราจะพลอยแย่ไปด้วย  นั่นน่ะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมานานแล้วนะสองคนนั้นน่ะ”

“ครับๆ งั้นใกล้ถึงหรือยัง  ขอกอหญ้านั่งทำสมาธิแป๊บนึ ง ตั้งรับก่อน
 เดี๋ยวเล่นไม่สมบทบาทครับ”

“พ้นโค้งด้านหน้าก็เข้าเขตบ้านเขาแล้วล่ะ”
พี่ดินตอบแทนมิ่งที่จดจ่ออยู่กับทาง  แล้วเมื่อรถพ้นโค้งข้างหน้าไปได้
ก็พบบ้านหลังใหญ่โอ่อ่าอยู่ข้างหน้า  มีกำแพงสูงล้อมรอบ  แต่มองจาก
ตรงที่รถอยู่สูงกว่านี้ไปก็ดูสวยไม่เบา

“บ้านเขาหลังใหญ่จังครับพี่ดิน”
กอหญ้าพลอยตื่นตาไปด้วย

“ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว  เขารวยทั้งมรดกตกทอดจากพ่อแม่ที่เป็นตระกูลเก่าแก่
ของที่นี่เลยนะ  แล้วก็ยังมาแต่งงานกับพ่อเลี้ยงเอนกของปางไม้อีกด้วย
เงินต่อเงินเลยล่ะ  หลังใหญ่อย่างนี้เห็นว่าอยู่ไม่กี่คนเองนะ  มีพ่อแม่ลูกแล้วก็คุณยาย
ที่แก่มากแล้ว  นอกนั้นคงเป็นบริวารแหละ พี่ก็ลืมๆ ไปแล้ว ไม่ได้มานานเป็นปีๆ แล้วเหมือนกัน”

“แต่เท่าที่ผมพอรู้จากข้าวหอมมันว่าท่านดุมากเลย  ถ้าคุณยายพูดขึ้นมาแม่เลี้ยงข้าวทิพย์
เองยังต้องยอมฟังเงียบอย่างเดียวจริงๆ แต่ตอนนี้ความดุก็คงจะลดๆ ลงไปบ้างแหละตามวัย”
เจ้ากริชเล่าให้ฟังอย่างละเอียด  กอข้าวนั่งฟังไปเงียบๆ
“ประตูใหญ่เปิดแล้วล่ะ  เคลื่อนรถเข้าไปได้เลยมิ่ง”
พี่ดินบอกกับมิ่ง

“โอ้โห…พี่ดิน  นี่มันคุ้มของเจ้าทางเหนือหรือเปล่าฮะ ชักไม่อยากลงจากรถแล้วสิ”
กอหญ้านึกขยาดกับความโอ่อ่าของบ้าน

“ก็ประมาณนั้น  ไม่ต้องกลัวนะ  คนกันเอง…ตามพี่มาแล้วกัน
เจ้ากริชแกมาบ่อยไม่ใช่หรือ  บ้านเพื่อนแกนี่”
กริชส่ายหน้าทำคอย่นเมื่อพี่ชายลากแขนให้เดินนำหน้า

“บรื๋อ…ไม่ๆ ผมไม่เคยได้เข้ามา  ข้าวหอมมันบอกว่าคุณยายดุ  ไม่ชอบให้คนอื่นมาบ้าน
…แล้วใครจะกล้ามาล่ะ  พี่ดินผมก็ปอดแหกเป็นเหมือนกันแหละน่า”
กริชฝืนเท้าไม่ยอมเดินตามแลกฉุดของพี่

“เออๆ เงียบๆ กันได้แล้ว  เดินตามกันมา…นู่นแหน่ะ…มีคนมารอรับแล้ว”
สาวใช้สองคนมารอรับหน้าแล้วเดินนำหน้าพาไปที่ห้องรับแขก
ที่นั่นเจ้าบ้านนั่งรออยู่แล้ว

“สวัสดีครับ  คุณยาย  พ่อเลี้ยงเอนกแล้วก็แม่เลี้ยงข้างทิพย์  ผมมาแทนคุณพ่อ
น่ะครับ  นี่น้องชายครับกริชแล้วก็กอหญ้า”

“อ้อๆ ตามสบายเลยนะ  พ่อดิน  นั่งเลยคนกันเอง”

แม่เลี้ยงข้าวทิพย์เชื้อเชิญให้นั่ง  พ่อเลี้ยงก็มีท่าทีเป็นมิตรดี
ส่วนข้าวหอมลูกสาวยังไม่เห็นหน้า  แล้วหญิงสูงวัยคงจะเป็นคุณยายสินะ
ท่านมีเค้าความสวยหลงเหลืออยู่บ้าง  รูปร่างผอมบาง  ผิวหนังเหี่ยวย่น
แต่แววตาที่จ้องมองมาที่กอหญ้าไม่รู้ว่าสื่ออารมณ์อะไรออกมา
เขาดูไม่ออกเอาเสียเลย  เล่นจ้องเขม็งขนาดนั้นจนกอหญ้ารู้สึกเกร็ง
มากกว่าเดิมเข้าไปอีก

“พ่อหนุ่มคนนั้นน่ะ  ลูกเต้าเหล่าใคร  ยายว่าหน้าตาเราคุ้นๆ อยู่นะ  แม่ทิพย์ว่ายังไงล่ะ”
คุณยายหันไปถามลูกสาวแล้วชี้มาที่กอหญ้า  ทำเอากอหญ้าหน้าเจื่อนลง

“พ่อดินเขาช่วยไว้น่ะค่ะคุณแม่เห็นว่าเป็นคนเมือง  รถคว่ำ  นี่ก็เพิ่งจะแข็งแรงขึ้นบ้าง
แต่ความจำยังไม่กลับมานะคะคุณแม่”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์บอกกับคุณยายให้หายสงสัย

“อ้าว! แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ  อาการดีขึ้นหรือยังตอนนี้”
พ่อเลี้ยงเอนกถามขึ้นมาบ้าง  แล้วมองมาที่เขา  ท่าทางท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ออกจะสุขุม
ท่าทางใจดี  ผิวขาวอย่างคนเหนือทั่วไป  ออกจะท้วมหน่อยเหมือนคนจีนวัยกลางคนที่เคยพบเห็น

“ดีขึ้นมากแล้วครับ  อีกไม่นานคงจำอะไรๆ ได้หมด”
กอหญ้าตอบคำถามพ่อเลี้ยงไป  ท่านพยักหน้าเนิบนาบ

เกิดโกลาหลขึ้นเมื่อกลุ่มเพื่อนของข้าวหอมกรูกันเข้ามาที่กอหญ้า  จนเจ้าตัวตกใจ
เพราะไม่ทันตั้งตัวไว้ก่อน
“พี่ข้ามฟ้า  ตัวจริงเลยนะนี่เธอ  นุ่นจำได้  ใช่ๆ เนาะพวกเรา”
สาวๆ สี่ห้าคนพากันห้อมล้อมตัวชายหนุ่ม  แต่เด็กสาวที่ชื่อนุ่นฟันธงมาก่อนเพื่อนเลย

“ขอโทษนะน้องๆ พี่ชื่อกอหญ้าครับ ไม่ใช่ดารา  แค่หน้าไปเหมือนเขาเท่านั้นเอง
จริงๆ ครับ”
กอหญ้ารีบสวมบทบาททันทีส่งยิ้มให้สาวๆ

“พี่ข้าว  ยิ้มนี่ก็ใช่นะคะ  อย่ามาอำพวกหนูหน่อยเลย  หนูจำได้  ข้าวหอมเชื่อนุ่นนะ”
เด็กที่ชื่อนุ่นยังไม่ยอมแพ้  หันไปหาเพื่อนให้ช่วย

“ข้าวหอม  นี่พี่กอหญ้า ไม่ใช่พี่ข้าว  เชื่อกริชสิ  คอนเฟิร์มอีกเสียงเลยว่าคนนี้ไม่ใช่พี่ข้าว”
กริชพูดยืนยันอีกเสียง  ทำให้บรรดาสาวๆเริ่มลดทอนความมั่นใจลง
แต่ก็ยังไม่วายพากันจ้องหน้าและห้อมล้อมไม่เลิกรา

“อ่อๆ ยายก็ว่าหน้าคุ้นๆ หน้าเหมือนดารานี่เอง ไปๆ เราไปเตรียมตัวกินข้าวกันเถอะ  ตั้งโต๊ะกันแล้ว”
คุณยายชวนขึ้นมาทำให้วงล้อมต้องแตกออก  แล้วเริ่มแยกย้ายไปที่ห้องรับประทานอาหาร

“พี่ดิน  พี่กอหญ้า ไม่โกรธข้าวหอมนะ  ที่พาเพื่อนมาด้วย”
ข้าวหอมออกตัว  เพราะเห็นสีหน้าพี่ดินที่เรียบเฉย

“ไม่เป็นไรครับ  ดีเสียอีกอยู่ๆ ได้เป็นคนดังกับเขาด้วย”
พี่กอหญ้าแก้สถานการณ์ได้ดี  จนกริชแอบยิ้มชื่นชมในไหวพริบของพี่ข้าว
แล้วก็พากันไปที่โต๊ะทานข้าว  ที่เป็นเครื่องไม้เงาวับ  เฟอร์นิเจอร์ที่นี่ล้วนทำจากไม้
บางชิ้นดูเก่าแก่  ซึ่งเหมือนจะประเมินค่าไม่ได้ด้วยซ้ำ

กอหญ้ายังคงมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“พี่กอหญ้าทานอันนี้ดูหน่อยนะคะ  อร่อย  รับรองไม่เผ็ดเท่าไหร่ค่ะ”
ข้าวหอมคอยบริการอาหารให้  จนกอหญ้าแทบไม่ได้ตักอะไรด้วยตังเอง
ยังดีที่มีพี่ดินนั่งอยู่ข้างๆ กัน  ทำให้อุ่นใจไปได้บ้าง

“ข้าวหอม  กินไปบ้างเราน่ะ  อย่าไปกวนพี่เขานัก”
คุณยายพูดขึ้น  ข้าวหอมหน้าเจื่อนลงถนัดตา  เพื่อนๆ ของเธอก็ทานไปแต่แอบมองมา
ที่กอหญ้าตลอด  ชักจะกินไม่ค่อยลงแล้ว  จ้องกันเสียจริงๆ

“หนูกอหญ้า  อาหารเป็นยังไง  ทานได้ไหม”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์ถามสีหน้ายิ้มแย้ม  ชุดที่เธอสวมเป็นชุดพื้นเมืองเรียบแต่ดูดี
ส่วนสามีเธอก็ใส่เป็นผ้าฝ้ายสีขาวพื้นเมืองเช่นกัน  คุณยายก็อีกคน  บ้านนี้อนุรักษ์ผ้าไทย
กันทั้งบ้าน  ส่วนลูกสาวถึงจะเป็นผ้าพื้นเมืองแต่ดีไซน์ทันสมัยเหมาะสมกับวัย

“ครับ  รสชาติดี  ไม่จัดจ้าน  ผมทานได้ครับ”
กอหญ้าตอบอย่างรักษามารยาท  ซึ่งจริงๆ แล้วอาหารบ้านพี่ดินอร่อยกว่าเยอะ

“ข้าวหอม  แกปิดเทอมแล้วไม่ใช่”
กริชถามเพื่อน

“อือ…ปิดแล้ว เพิ่งกลับมาบ้านนี่แหละ  ปกติอยู่หอนู่น  แต่คุณแม่ไปดูแลตลอดไม่เหงาเลย
แล้วนายล่ะ  มากี่วันแล้วล่ะ”
เด็กสาวจับคู่พูดคุยกับกริชบ้างแล้ว

“มาได้สามสี่วันแล้ว  เอ่อ…ตอนนี้พักที่บ้านพี่ดินนะ”
กริชบอกเพื่อน

“อ่อ…งั้นเราไปหากริชที่ไร่ก็เจอเนอะ  ดีเลยจะได้ไปหาพี่กอหญ้าด้วย  พี่ดินอนุญาตไหมคะ”
ข้าวหอมถือโอกาสถามเจ้าของไร่ที่ชะงักช้อนที่จะตักอาหาร

“ได้สิ…แต่ต้องโทรบอกก่อนนะ ไม่ค่อยอยู่บ้านกัน  กอหญ้าก็ไปช่วยงานพี่ในไร่
ส่วนเจ้ากริชก็เฝ้าร้านช่วยเจ้าทัพน่ะ”
พี่ดินสาธยายให้ข้าวหอมฟัง  ร้ายไม่เบาเลยพี่ดิน  ที่บอกว่าเขาช่วยงานในไร่…
พรุ่งนี้จะร้องตามให้ได้คอยดู  กอหญ้านึกกระหยิ่มในใจ

“อ่อ…ค่ะ   ข้าวหอมจะโทรหากริชอีกทีแล้วกันนะก่อนเข้าไป”
ข้าวหอมพูดสีหน้าดีใจ  แบบว่าช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย

“ได้ข่าวว่าโดนลอบวางเพลิงที่ไร่  แล้วโดนยิงด้วยนี่  หายดีแล้วเหรอดิน”
พ่อเลี้ยงเอนกหันมาถามพี่ดิน

“อุ๊ย! ตายจริง ไม่ทราบข่าวเลยนะคะเนี่ย”
แม่เลี้ยงก็ดูตกอกตกใจไปด้วยที่เพิ่งรู้ข่าว

“พวกลอบกัดนะครับ  ดีที่ผมไปเจอพวกมันเสียก่อน  นี่แผลก็เพิ่งหายครับ”
พี่ดินเล่าไปพลางๆ เขี่ยข้าวในจานไปมา  อาหารมีแต่จืดๆ ไม่ใช่รสชาติที่พี่ดินจะชอบเลย
รายนี้น่ะชอบรสจัดๆ หนักไปทางเผ็ดเสียด้วย

“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้วล่ะ  พ่อดิน  พระคุ้มครองแท้ๆ”
คุณยายพูดเสริม

“ครับคุณยาย  ถือว่าผมยังโชคดีดวงไม่ถึงฆาตครับ”
 พี่ดินเล่ายิ้มบางๆ เพราะเรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้ว

“แล้วเนี่ยน้าเห็นเราโสดมานาน  ชอบสาวที่ไหนบ้างหรือยังล่ะ  อย่ามัวแต่ทำงานเลี้ยงแต่ลูกจน
ไม่ได้มองหาคนรู้ใจล่ะ  อายุก็เพิ่มขึ้นทุกวันนะดิน”
แม่เลี้ยงข้าวทิพย์สัพยอกลูกชายเพื่อน

“ผมก็มีดูไว้อยู่ครับคุณน้า  แต่ไม่รู้ว่าผมชอบเขาฝ่ายเดียวหรือเปล่า
ชาวไร่อย่างผมใครเขาจะสนใจจริงจังล่ะครับ”
พี่ดินพูดเสียงอ่อน  แต่กลับส่งสายตาให้คนตัวบางที่นั่งข้างกัน

“ทำพูดไปเถอะ  ใครๆ เขาก็อยากได้คนดี  คนขยันเป็นเขยกันทั้งนั้นแหละ
นี่ถ้าน้ามีลูกสาวคนโตนะ  น้ายกให้พ่อดินไปนานแล้ว  แต่นี่มีแค่คนเดียวยังเด็กด้วย  ให้ไม่ได้แน่ๆ”
แม่เลี้ยงพูดออกตัวเสียก่อน  แต่พี่ดินไม่ชอบหรอกลูกสาวของเธอน่ะ

กอหญ้าชำเลืองมองพี่ดิน ที่มองกลับมาด้วยประกายจ้าแวบนึง

`หึ  ดูๆไว้อยู่เหรอ  ใครกันล่ะ  แต่ขอโทษนะพี่ดิน  มองนิ้วตัวเองด้วยมีเจ้าของแล้ว
ยังทำเป็นพูดไป  ชิส์`

“แม่ทิพย์  อย่าทำเป็นพูดไปนะเราน่ะมีลูกสาว  มันจะฟังดูน่าเกลียด”
คุณยายพูดขัดขึ้น ทำเอาลูกสาวร้อนตัวรีบพูดแก้ตัว

“แหม…คุณแม่คะ  ทิพย์ก็แค่เย้าหลานเล่นๆ แค่นั้นเองค่ะ ไม่ถือโกรธกันนะดิน”
เธอหันมาพูดกับพี่ดิน

“ไม่หรอกครับ คุณน้า”
พี่ดินพูดจบก็รวบช้อน

`ทนฝืนจนข้าวหมดจานดูก็รู้ว่าไม่อิ่ม แต่อาหารไม่ถูกปากละสิ`

กอหญ้ามองจานข้าวพี่ดินอย่างเห็นใจ

“เติมข้าวหน่อยไหม  ดูทานน้อยจัง”
แม่เลี้ยงถาม  พี่ดินยิ้มๆส่ายหน้ า แล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

“หนูกอหญ้าล่ะ  เติมข้าวอีกไหมลูก”
แม่เลี้ยงหันมาถามเขาอีกคน
“อิ่มเหมือนกันฮะ  คุณน้า”
แล้วกอหญ้าก็รวบช้อน  คงเหลือกริชที่ยังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ เด็กกำลังโต
กินได้กินดี  ส่วนสาวๆ เพื่อนของข้าวหอมก็นั่งทานกันไป  คุยกันหงุงหงิง
แล้วยังส่งสายตาหวานๆ มาให้เขาด้วย  พี่ดินก็ดูจะตีหน้าเรียบขึ้นมาอีกแล้วเมื่อเห็นอย่างนั้น

`แหม  เป็นดาราก็ต้องมีแฟนคลับบ้างสิ`
กอหญ้าแอบขำท่าทีพี่ดิน  ถ้าเป็นแฟนกันนะ  เขาจะนึกว่าพี่ดินหวงแล้วล่ะ
…อาการแบบนี้


เมื่อทานอาหารกันเสร็จ  ต่างก็ย้ายไปรวมกันที่ห้องนั่งเล่น โ ดยมีทีวีจอใหญ่เปิดไว้อยู่ก่อนแล้ว
ภาพข่าวในทีวี  ทำเอากอหญ้านิ่งอึ้งไปเลย มันเป็นภาพที่เขากับพี่ดินไปกำลังลองแหวน
แล้วก็อีกหลายๆ ภาพที่พี่ดินทั้งจูง โอบเอว โอบบ่า  แต่ละรูปใกล้ชิดกันมากๆ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่แค่เพื่อน

โทรศัพท์ของกอหญ้าก็ดังขึ้น  เขาล้วงออกมาดูก็เห็นว่าเป็นพี่คะน้า
“ขอตัวไปคุยโทรศัพท์สักครู่นะครับ”


กอหญ้าก็เดินออกมาหน้าบ้าน  ส่วนแผ่นดินและกริชก็เลยถือโอกาสลากลับด้วยเลย
เพราะฝนตกลงมาอีกแล้วจากที่ซาเม็ดไป  เดินทางค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน
ท่านทั้งสามต่างเข้าใจจึงพยักหน้าเป็นเชิงให้กลับ

“แล้วมากันอีกนะพ่อดิน  หนุ่มน้อยนี่ด้วย โดยเฉพาะพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนั้นด้วยล่ะ
ยายชอบแล้วสิ…ถูกชะตาเลยล่ะ”
คุณยายออกปากให้พากันมาอีก

“ได้ครับคุณยาย  ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ  ลาก่อนครับ”
สองหนุ่มพี่น้องพากันเดินออกมายังหน้าบ้าน  สาวเท้าตรงไปที่กอหญ้าซึ่งกำลังยืน
คุยโทรศัพท์อยู่อีกมุมของชายคาหน้าบ้าน




ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 21,22 :)
«ตอบ #39 เมื่อ28-03-2019 15:36:17 »

 :hao3:



 :L2: :pig4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 21,22 :)
« ตอบ #39 เมื่อ: 28-03-2019 15:36:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 21,22 :)
«ตอบ #40 เมื่อ28-03-2019 21:30:58 »

งานเข้าแล้วจ้า~

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 23 กันและกัน

เมื่อแผ่นดินและกริชเดินเข้าไปใกล้กอหญ้าเพื่อชวนให้กลับบ้าน  แต่เสียงตอบโต้ทางโทรศัพท์
ทำให้เท้าของทั้งสองชะงักกึกอยู่กับที่

“ใจเย็นพี่คะน้า  อย่าเพิ่งตื่นตูม  พี่ก็เคลียร์ไปสิ  เคยช่วยน้องมาได้ตั้งมากมายหลายเรื่องแล้ว
แค่เรื่องนี้มันจิ๊บๆ สำหรับพี่น่ะ  ข้าวเชื่อว่าพี่เคลียร์ได้อย่างขาวใส"

(ข้าว  หยุดก่อนเลย  อย่าเพิ่งวางสายนะ  นี่…ข้าว…น้องหายแล้วใช่ไหม  บอกมาดีๆ ใช่มั้ย)

“ใช่ครับ  ข้าวหายแล้วแต่ข้าวยังไม่อยากให้ใครรู้ตอนนี้  ข้าวยังอยากอยู่ที่นี่ต่อ
พี่คะน้าช่วยหน่อยนะ…นะฮะ”
กอหญ้าพูดอ้อนคนปลายสาย

(ข้าว…แล้วทำไม  ภาพข่าวที่เห็น…บอกได้ไหมว่ามันคืออะไรกัน  ทั้งไปซื้อแหวนคู่
อีกทั้งยังเดินโอบกันอย่างกับคู่รักนั้นน่ะ)

“ข้าวชอบพี่ดินไม่อยากไปไหนแล้วด้วย เอ่อ…ข้าว…เป็นเกย์หรือเปล่า  ข้าวไม่ยักจะเสียใจ
ที่ถูกขิมทิ้ง  แต่ถ้าให้ไปจากพี่ดิน  ข้าว…ข้าวคงอยู่ไม่ได้”

กอหญ้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจให้ผู้จัดการส่วนตัวฟัง  ซึ่งก็ไม่ใช่แค่นั้น  เพราะตอนนี้มีคนที่ร่วมรับรู้
เพิ่มขึ้นอีกตั้งสองคน
(ใจเย็นๆ นะข้าว  พี่ว่าข้าวแค่กำลังสับสน จริงๆ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ข้าวคิดนะ)

“พี่คะน้า  ข้าวรู้ว่ามันไม่ใช่แค่สับสน  แต่ข้าวคงชอบพี่ดินไปแล้ว
อื้ม…ข้าวจะค่อยๆ คิดและทบทวนใหม่แล้วกัน”

กอหญ้าวางสายยืนนิ่งไปนาน  จนได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้จึงหันไปมอง

“กลับบ้านกันครับ  เราสองคนลาเจ้าของบ้านกันแล้ว”
พี่ดินเดินเข้าไปโอบบ่าพี่กอหญ้า  กริชมองสีหน้าพี่ดินที่ระรื่นอย่างกับปลากระดี่ได้น้ำ

‘คงสมใจแล้วล่ะ  ได้ยินเต็มสองหูว่าพี่ข้าวความจำกลับมา…แล้วได้รู้ว่าพี่ข้าวชอบอีก
เป็นใครจะไม่ปลื้มล่ะ’

“กอหญ้ายังไม่ได้ลาคนอื่นๆ เลยนะครับ  จะน่าเกลียดเอานะ”
กอหญ้ามีท่าทีเป็นกังวลจะขอกลับเข้าไปด้านใน

“ไม่หรอก  พี่ลาพวกท่านให้แล้ว  คุณยายยังออกปากให้พวกเรามากันอีกเลยนะ
ท่านชอบกอหญ้าด้วยนะ  ท่านบอกว่าถูกชะตา”
แผ่นดินพูดและพาเดินไปที่รถซึ่งมิ่งรออยู่

“จริงเหรอฮะ  ดีจังเลย”
กอหญ้าพูดแววตาสุกสกาว

“ขึ้นรถกันครับ  พี่ๆ ผมอยากกลับบ้านแล้ว”
กริชโอดครวญเบาๆ ตาปรอยแล้วด้วย  เด็กนี่กินอิ่มก็ง่วงเลย

“ไปสิ  เจ้าแสบ  หนังท้องตึงแล้วหรือไงกัน หืม…”
พี่ดินโยกหัวน้องชาย และกอหญ้าก็เอื้อมมือมาขยี้ซ้ำอีกคน

“โหๆ พี่ๆ ครับ  ผมของคนหล่อเสียทรงกันพอดี  พี่มิ่งครับกลับบ้านกันเถอะฮะ”
เด็กแสบทำทีเป็นต่อว่าแล้วผลุบขึ้นนั่งหน้าก่อนเลย  ปรับเบาะเอนลง  คงจะง่วงเต็มแก่
กอหญ้ามองน้องยิ้มๆ

“พี่ดินล่ะจะแวะหาอะไรเข้าไปทานที่บ้านไหมครับ  พี่ดินทานไปนิดเดียวเองจะหิวเอานะ
 อาหารจืดไปใช่ไหมล่ะ”
กอหญ้าถาม ทำเอาคนฟังยกยิ้มที่คนข้างๆ ใส่ใจและสังเกตเห็นว่าเขาไม่เจริญอาหาร
 
“แน่ะ  รู้ได้ไงครับ  ดีจังมีคนรู้ใจพี่ด้วย  แต่เอ…กลับเลยแล้วกัน
อาหารที่บ้านพวกแกงๆ คงมีบ้างล่ะน่ะ  ป้าสายเค้าต้องแกงไว้อยู่แล้วล่ะพี่ว่า”

“จริงด้วยสิ  วันก่อนยังทำแกงส้มเลยนี่ครับ  พูดแล้วก็อยากทานเหมือนกันนะฮะ
กับข้าวบ้านเราน่ะ  อร่อยที่สุดแล้ว”

“บ้านเรา…อาหารเด็ดสุดจริงด้วย  งั้นกลับไปทานเป็นเพื่อนพี่เนอะ”
พี่ดินพูดแล้วรวบมือเขาไปกุมแถมหมุนๆ แหวนที่นิ้วเขาเล่นไปด้วย

‘ยิ้มปากแทบจะฉีกถึงใบหู  ยิ้มอะไรนักหนา  พิลึกคนจริง’

“มีเจ้าของแล้วนะครับ  ห้ามไปมองคนอื่น  พี่หวงนะรู้รึป่าว”
พี่ดินโน้มหน้ามากระซิบข้างหู  คนฟังขนลุกเกลียว เพราะลมหายใจ
ที่รินรดต้นคอกันแบบนี้

“พี่ดินก็มีแล้วเหมือนกัน  ลองไปมองสาวคนอื่นดูดิ  หึ่ม…”
คนตัวบางกระซิบขู่บ้าง  การกระทำของสองหนุ่มที่เบาะหลังไม่รอดพ้นจากสายตาคนขับ
ไปได้  มันเป็นการฟ้องด้วยภาพไปแล้ว

สักพักสองหนุ่มที่เบาะหลังก็เอนหัวซบอิงแอบกันหลับไปแล้ว  มิ่งจึงค่อยๆ เคลื่อนรถไปเรื่อยๆ
อย่างไม่เร่งรีบอะไร  ขอแค่ให้คุณๆ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพก็เป็นแล้ว


“คุณๆ ครับ! ถึงไร่แล้วฮะ! จะนอนในรถเลยมั้ย! ไอ้มิ่งจะได้กลับไปนอนที่บ้านพักครับ!
เห็นหลับกันแล้วง่วงเลย”
มิ่งเรียกเสียงดังพอสมควรทำเอาสามหนุ่มสะดุ้งกันเลยทีเดียว

“ไอ้มิ่ง! จะแหกปากทำไมวะ! คนกำลังฝันหวานเลยไอ้นี่”
พี่ดินขึ้นเสียงใส่ลูกน้อง
 
“ก็ถึงบ้านตั้งนานแล้ว  คุณๆ ก็ไม่ตื่นกันเลยสักคน  ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละฮะ…ถ้ามีประทัดนะ
คงได้สนุกแน่ๆ”
เจ้ามิ่งทำท่าทางประกอบอย่างน่ากวนโมโห  จนคนเป็นเจ้านายอดไม่ได้

“ไอ้มิ่งเดี๋ยวโดนเตะนะมึง  วอนซะแล้ว  ก็ลองมาจุดดูสิจะจับยัดใส่รูหู ให้หูแตกไปเลย
กลับไปนอนไป  ขอบใจที่ส่งถึงบ้าน ไปสิ! ไล่แล้วเนี่ย! ยังจะมายืนมองทำไมอีกห๊ะ!”
แผ่นดินทำท่าขึงขังใส่เจ้ามิ่งที่ยืนนิ่งไม่ยอมไป  แม้ว่าจะโดนไล่แล้วก็ตาม

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน…ไอ้มิ่งโดนไล่เตะไปแล้วไม่ใช่แค่ขู่นะ…นี่แสดงว่านายดินของไอ้มิ่งน่ะ
…เปลี่ยนไป  ไปแล้วครับนาย…บาย”
มิ่งพูดจาเล่นลิ้นต่ออีก  ก่อนจะวิ่งหนีไปที่มอเตอไซค์ที่จอดแอบไว้ข้างเสา

“เออ! ขืนเอ็งยังยืนอยู่ตรงนี้  เอ็งก็ไม่วายโดนตีนแน่ ไอ้มิ่ง!!!”
พี่ดินต่อปากต่อคำไม่เลิก  กอหญ้ามองเจ้านายกับลูกน้องแล้วยิ้มขำ

“ไปอาบน้ำนอนกัน  กอหญ้านอนห้องพี่นะคืนนี้…นะครับ”
พี่ดินหันมาอ้อน  กอหญ้าพยักหน้าไม่มีอิดออด

“ขออาบน้ำก่อนนะฮะ  เดี๋ยวตามไ ป แล้วพี่ดินไม่ทานข้าวแล้วเหรอ
นั่น! กริชเดินขาปัดไปแล้วคงจะง่วงเต็มทน”
กอหญ้าเดินเข้าบ้านพร้อมกับพี่ดิน  แล้วก็คุยกันไปด้วยระหว่างเดินเข้าบ้าน

“ไม่กินแล้วล่ะ  ดึกเกินไป…เดี๋ยวอ้วน”
พี่ดินพูดหน้าตาเฉย

“กลัวอ้วน? แล้วจะไปเป็นแบบที่ไหนรึไง  ถึงกลัวหุ่นจะเสียน่ะ  คริคริ”
กอหญ้าหลุดขำจนได้แล้วหนีขึ้นชั้นบนไป

แผ่นดินมองตามแผ่นหลัง  นึกถึงถ้อยคำเมื่อชั่วโมงก่อน
‘ข้าวชอบพี่ดิน  แล้วก็ไม่อยากไปจากพี่ดิน  พี่คะน้า ข้าว…เป็นเกย์หรือเปล่า
ข้าวไม่ยักจะเสียใจที่ถูกขิมทิ้ง  แต่ถ้าให้ไปจากพี่ดิน  ข้าวคงอยู่ไม่ได้’

“พี่ก็เหมือนกัน…จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีกอหญ้า…อย่าไปไหนอยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไปเลยได้ไหม?”
แผ่นดินพึมพำออกมา  แล้วก้าวเท้าขึ้นข้างบนเพื่อไปอาบน้ำ

“เจ้าทัพ! แกมาแอบทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ มืดๆ ค่ำๆ”
พ่อเขต  เข้าไปทักเมื่อเห็นลูกชายยืนทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงมุมมืดหลังพุ่มไม้

“โธ่ๆ พ่ออย่าเสียงดังไปดิครับ  ผมจะจับพวกแมวขโมยเสียหน่อย ดูสิ! ไหวตัวไปแล้วเนี่ย”
ฐานทัพโอดครวญกับพ่อ  และยังโทษท่านอีกทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด
แต่ความที่ชอบต่อปากต่อคำกันจนติดนิสัย

“แมวขโมยอะไรของแกวะ  พ่อเห็นแต่พี่แกที่เดินไป  เดี๋ยวเถอะ!นะ
 พ่อจะฟ้องเจ้าดินที่แกหาว่ามันเป็นแมว  ฮ่าฮ่า”

“พ่ออ่ะ…อย่าพูดไปเชียว  พี่ดินมันเล่นผมตายพอดี  พ่อไม่อยากรู้เหรอว่าพี่ดิน
มันขโมยปลาย่างที่ไหนกิน”
“อยากเล่าก็เล่ามา  แกจะเกริ่นทำไมล่ะ  เดี๋ยวได้อกแตกตายหรอกถ้าไม่พูดมันออกมาเองน่ะ
ความลับมันจุกอกเอานะเว่ย  บอกไว้ก่อน”
 
“พ่อน่ะรู้ไปหมดทุกเรื่องสิน่า โว๊ะ! ไม่สนุกเลยคุยกับพ่อเนี่ย  ผมไปนอนดีกว่า”
ฐานทัพก็ทำเป็นงอนเดินสะบัดก้นหนีพ่อเข้าบ้านไป  ท่านมองตามหลังลูกชายคนเล็ก
ที่นับวันมันจะติงต๊องขึ้นเรื่อยๆ

“อ้าว! ไอ้ทัพ…กลับมาก่อนสิ  มาเล่าให้จบก่อน  อะไรของมันหว่า…เจ้าดินมันชอบกินปลาย่าง
ตั้งแต่เมื่อไหร่  แล้วทำไมมันจะต้องขโมยกิน  เหอะ”
พ่อเขตพึมพำอยู่คนเดียว  แล้วก็เดินเลี่ยงเข้าไปยังห้องนั่งเล่นที่มารดาดูละครทีวีอยู่

“คุณแม่ครับ  ร้องไห้อีกแล้วใครทำล่ะ…บอกผม”
บุตรชายรู้อยู่ว่าละครทำให้มารดาร้องไห้เป็นเผาเต่ายังอดกระเซ้าท่านไม่ได้อีกตามเคย

“ก็พ่อข้ามฟ้าของแม่น่ะสิ  เล่นเก่ง  ทำเอาสงสารใจจะขาดแล้วเนี่ยเจ้าเขต  ฮือฮือ”
มารดาฟูมฟายต่ออีกพักใหญ่

“เขาเล่นดี  สมบทบาทขนาดนั้นเลยเหรอครับ  เจ้าดาราคนนี้น่ะ
เออ! มองๆ ไปหน้าตาก็เหมือนกอหญ้าของเจ้าดินมันจริงๆ ทั้งคิ้ว ตา จมูกและปากด้วย
ไม่มีสิ่งไหนผิดเพี้ยนเลยจริงๆ ด้วยสิครับ”
ลูกชายมองไปปากก็วิจารณ์ไป  พอเพ่งพินิจหน้าตาอย่างจริงๆ จังๆ ก็เห็นตรงกับที่คนเป็นแม่บอกไว้

“ก็แม่บอกแกแล้วว่าหนูกอหญ้าน่ะคือพ่อข้ามฟ้า  แกก็ไม่เชื่อแม่  เนี่ยแม่ถึงบอกให้เขาน่ะกิน
เยอะๆ ไงจะได้อ้วนมีเนื้อมีหนังกว่านี้  ไม่ใช่ผอมบางจะปลิวลมอย่างทุกวันน่ะ”

“งั้นก็ต้องบอกแม่สาย  ให้ทำเมนูอร่อยๆ ให้เขากิน  จะได้กินเยอะๆ อ้วนๆ”

“แม่ก็บอกสายมันแล้ว  แต่หนูกอหญ้าไม่เคยร้องขออาหารสักอย่างที่ชอบ
เห็นว่าทำอะไรให้ก็กินอย่างกับแมวดม  แล้วเมื่อไหร่จะมีเนื้อมีหนังกันล่ะทีนี้”

“คุณแม่ต้องบอกเจ้าดินให้มันบังคับ  เห็นมันจัดการได้อยู่หมัด…จนเลิกดื้อได้แล้ว
ทีแรกใครเข้าใกล้ได้ซะที่ไหน  ถูซะเนื้อหนังแทบหลุด  เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้วนี่ครับ”

“อืม… จริงด้วยสิ  ดินมันจัดการได้อยู่หรอก…เดี๋ยวแม่พูดกับดินมันเอง”

“ตามใจเถอะครับ  พ่อพระเอกมาพักที่บ้านเราทำเอาคุณแม่มีความสุขเสียขนาดนี้น่ะ หึหึ”

“ไม่ต้องมาล้อแม่เลย เจ้าเขต เดี๋ยวจะโดนดีนะเรา”

“ดูไปสิครับ นั่นๆ โผล่มาแล้วครับพ่อพระเอกน่ะ”
คนเป็นแม่ก็ดูละครไม่สนใจลูกชายอีกเลย


แผ่นดินอาบน้ำเสร็จพักใหญ่ๆ จนขึ้นนอนบนเตียงแล้วคนที่รับปากว่าจะมานอนด้วย
ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมา  เขาจึงปิดแอร์ปิดไฟ  แล้วเตรียมตัวจะไปนอนที่ห้องนั้นเสียเอง
พอก้าวเข้าไปในห้อง  ก็ไม่เจอเจ้าของห้อง  จึงเดินไปดูที่ห้องน้ำ เห็นนอนแช่น้ำจะหลับ
มิหลับแหล่อยู่แล้ว

“กอหญ้าขึ้นมาเลย  พอแล้วแช่ตัวอะไรนานขนาดนี้กันล่ะ  เดี๋ยวก็จมน้ำตายกันหรอก
 ขึ้นๆ เลย  พี่ไม่ให้แช่แล้ว"
กอหญ้าผวาตัวลุกขึ้นเพราะเคลิ้มจะหลับไปเหมือนกัน

“แค่เคลิ้มๆ เอง พี่ดินออกไปก่อนเถอะ  ล้างตัวอีกเดี๋ยวจะตามออกไป”

“ห้ามเกินห้านาทีนะ”
 พี่ดินสั่งเสียงเขียว

“ครับๆ รีบแล้วครับ พี่ออกไปก่อนสิ  กอหญ้าโป๊อยู่นะ
 พี่ดินอย่าเข้ามา…ไม่เล่นนะฮะ”
พี่ดินย่างสามขุมเข้ามา  แล้วก็รวบตัวเขาไปกอดไม่กลัวว่าตัวจะเปียกตาม
ไปด้วยเลย  พาเดินออกไปจากห้องน้ำ ได้ก็คว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อให้ด้วย
แล้วปล่อยให้เขายืนอยู่หน้าเตียงโดยพี่ดินก็ซับน้ำที่ตัวให้จนแห้ง

“มานอน…เร็ว  พี่ง่วงแล้ว”
พี่ดินเร่งให้ขึ้นเตียงนอนนอน

“ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเลยครับ  พี่ดินก็ตัวเปียกเหมือนกัน  เดี๋ยวกาชุดมาให้นะ
เอาแต่กางเกงใช่ป่าว  แล้วพี่จะนอนห้องนี้เหรอฮะ”

“ไม่ต้องใส่แล้วขึ้นมาเลย  ของพี่ไม่เปียกนี่  พี่จะนอนห้องนี่แหละก็เราโอ้เอ้…พี่รอตั้งนาน”


กอหญ้าปลิวไปตามแรงฉุดของคนตัวโตกว่า  ไม่ทันระวังจึงล้มลงไปบนตัวพี่ดินเต็มๆ
ความแนบชิดทำให้เก้อเขินไม่น้อย  พี่ดินพลิกตัวกอหญ้าให้นอนราบไปบนที่นอน
แล้วเจ้าตัวก็ตามมาประกบจูบปิดปากที่พยายามจะร้องประท้วง  ปลายลิ้นอุ่นสบจังหวะแทรก
เข้าสำรวจกับลิ้นเล็กที่หลบหลีกแต่ไม่เป็นผล  เขาถูกฟันคนตัวโตกว่าไล่งับและดูดดุน

จนกอหญ้าหลุดคราง
“อ๊ะ…อื้อ…”

พี่ดินปล่อยริมฝีปาก  เคลื่อนจมูกสูดดมที่ซอกคออย่างโลมเลีย  ฝังจมูกสร้างความปั่นป่วน
วาบหวามในช่องท้องของเขาไม่น้อย  ฝ่ามือหยาบก็ลูบไล้และเค้นคลึงที่หน้าอกทั้งสองข้าง
สลับไปมา  ปากก็ขบเม้มที่หลังใบหูเบาๆ เรียกเลือดในกายให้วูบไหวกับรสสัมผัสนั้น
ฝ่ามือยังคงลูบไล้ต่ำลงทุกที  แล้วก็กอบกุมส่วนอ่อนไหวของเขาไว้เต็มกำมือและบีบทักทาย
เบาๆ กอหญ้าส่ายหน้าครางกระเส่าอีกครั้ง
“อะ…อือ…พี่  อ่ะ…อาห์”

พี่ดินลากจมูกปากมาจู่โจมที่หน้าอกเขาอีกแล้ว  ความสากของลิ้นสร้างความรัญจวนอย่างยิ่ง
กอหญ้าแอ่นหน้าอกตามปากที่ดูดดึง  และปัดป่ายมือไปตามเนื้อตัวแผ่นหลังและทึ้งเสื้อนอน
ของอีกคนออก  พี่ดินผละไปจัดการชุดนอนของตัวเองออกภายในพริบตาเดียว  แล้วเนื้อตัวที่
เปล่าเปลือยก็ทาบทับลงมาเบียดเสียดแนบชิดทั้งตัว  น้องชายของเราสัมผัสทักทายกันอย่าง
พอดิบพอดี  สร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้เกิดขึ้น  มันมีความคลางแคลงสงสัยใคร่รู้ปะปนอยู่
ด้วยในทุกการสัมผัสแตะต้อง
“ไม่ต้องกลัวนะ…แค่ภายนอกเท่านั้น”

พี่ดินกระซิบข้างใบหูเสียงสั่นพร่า  เราต่างมองสบตากัน  ในแววตาอ่อนเชื่อมที่ส่งให้คนตรงหน้า
มีแววเว้าวอน  ออดอ้อนอยู่ในที  กอหญ้าจึงใช้มือลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของพี่ดิน  คนด้านบนก็ถูไถ
ส่วนล่างที่แข็งขืนไปมา  ทำเอากอหญ้าสยิวภายในช่วงท้องจนเขม็งเกร็ง

“พี่ดิน  อ่ะ  ข้าวเสียว พี่ดิน…อือ…ช่วยข้าว”
กอหญ้าร้องขอเสียงสั่นๆ

พี่ดินประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม  มือที่ว่างก็กอบกุมส่วนอ่อนไหว
ของเราไปพร้อมๆ กันขยับรูดรั้งเป็นจังหวะ  การเสียดสีและจังหวะจะโคนที่คนตัวโตชักนำ
เหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้ลุกโหม  จนกอหญ้าต้องเด้งสะโพกตามมือพี่ดินทำให้แผ่นหลัง
ยกลอย  เขาเสียววาบตั้งแต่ไขสันหลังลงไปที่ปลายเท้า  กอหญ้าเสียวจนเผลอเล็บจิกที่สีข้าง
ของแผ่นดิน  จนชายหนุ่มพลอยสะดุ้ง หอบหายใจหนักๆ ถี่กระชั้น
 
“คนดี ทำไมถึงได้น่ารักอย่างนี้ครับ…หืม”

พี่ดินขบกัดลงมาที่ราวนมดูดดุนเข้าไว้ในปากแล้วปล่อยออก  เผลอแป๊บเดียวคนตัวโต
ก็ลงไปคลุกที่ส่วนล่างครอบครองส่วนที่แข็งขืนของเขาไว้ในอุ้งปากที่อุ่นจัดแล้ว
ละเลงเรียวลิ้นไม่หยุดจนกอหญ้าต้องยกสะโพกตามอย่างเสียวซ่านสะท้านไหว
แผ่นดินเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีกเมื่อเห็นอาการเกร็งของคนตัวบาง  กอหญ้าเห็นสวรรค์
อยู่รำไร…แล้วทุกสิ่งอย่างก็ระเบิดออกมาอย่างท่วมท้น  กอหญ้าดึงพี่ดินให้ผละออกมา
แต่เจ้าตัวก็วนเวียนอยู่กับลาวาร้อนนั้น  จนหยาดหยดสุดท้ายถูกกลืนหายไปทั้งหมด

“หอมหวานที่สุดเลยครับ…กอหญ้าของพี่”

พี่ดินพูดน้ำเสียงแหบและกระเส่าหน้าแดงลามไปยังใบหู  ตาหวานฉ่ำ  อารมณ์ก็คงขึ้นสุดอยู่
เหมือนกัน  สังเกตจากน้องชายพี่ดินที่ยังคงแข็งขืนดันโดนโคนขาของกอหญ้า
เจ้าตัวจึงดึงพี่ดินให้มานอนเคียงกัน

“พี่ดินนอนลงครับ”

พูดจบเจ้าตัวก็ทั้งขบกัด  ฝังเขี้ยวไปตามเนื้อแน่นๆ ของเขาตั้งแต่หน้าอกลงมาตามลอนกล้ามท้อง

“พี่ดิน  เจ็บไหมครับ  ข้าวอยากกัดอ่ะ  เนื้อแน่นๆ แบบนี้”
 เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงแบบมันเขี้ยว

“โอ๊ะ! ตัวแสบ  พี่เสียวนะครับ”
เจ้าตัวแสบของเขาก็ไล่ขบกัดไปทั้งตัว  แผ่นดินทั้งสุข เสียว เจ็บหน่อยๆ ปะปนกันไปสร้างความ
แปลกใหม่ตื่นเต้นตามไปด้วย  เพราะไม่เคยมีใครทำให้ขนาดนี้  แล้วปากอิ่มหยักสวยก็พันธนาการ
จนเขาหมดอิสรภาพ  ยอมแพ้อย่างราบคาบ…พ่นพิษออกมาจนหมด

“พี่ดิน  คนดี  เป็นของข้าวแล้วนะ  ห้ามไปมีคนอื่นด้วย”
กอหญ้าช้อนตาขึ้นมองคนตัวโตอย่างหยอกล้อ  เย้าแหย่

“ครับ  พี่หลงจนหัวปักหัวปำแล้วเนี่ย  จะมีใครได้อีก  เราน่ะอย่าหนีพี่ไปไหนล่ะ
เราเป็นของกันและกันแล้วนะ…คนดี”

กอหญ้ายิ้มตาหวานเมื่อได้ฟังคำพูดที่เหมือนเป็นคำมั่น  แล้วก็จูบปิดปากคนตัวโตเป็นรางวัล
และแทรกตัวเข้าไปในอ้อมกอดของกันและกัน





ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 24  น้องสกาย 1

ช่วงนี้นายอำเภอหนุ่มร่างเล็กอย่างธารา  ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนเข้ามาทักถาม
ฝากเนื้อฝากตัวกันเป็นการใหญ่  เพียงแค่ข้ามคืนจากงานเลี้ยงต้อนรับคราวก่อน
อำเภอเล็กๆนี่  ทั้งภาพและข่าวแพร่สะพัดไปเร็วเอามากๆ คนส่วนใหญ่จะรู้แค่ว่าเขา
มีลูกชายหนึ่งคนแล้ว  แต่ไม่ปรากฏว่าใครคือแม่ของเด็ก  แล้วเช้าที่วุ่นวายสำหรับ
ธาราก็เกิดขึ้นจนได้

“พี่ธาราครับ  เกิดเรื่องใหญ่แล้ว  มีผู้หญิงมาเอะอะโวยวายอยู่หน้าบ้าน
บอกว่า…เป็นเอ่อ…แม่น้องสกายครับ  พี่ธาราไปดูหน่อยเหอะ
ป้าวรรณจะต้านไม่อยู่เอาน่ะ”
ลูกพี่ลูกน้องของธาราและตอนนี้เป็นพี่เลี้ยงของน้องสกายเข้ามาแจ้งข่าวหน้าตาตื่น
“เจ้านุรีบไปดูน้องก่อนเลยไป  อย่าเพิ่งให้ออกมาจากห้องล่ะ  เดี๋ยวพี่ไปดูแม่ก่อน”
พูดจบธาราก็พุ่งตัวออกไปหน้าบ้านทันทีอย่างร้อนใจ

“ป้าวรรณ  หนูแค่จะมาหาลูก  ป้าวรรณจะขัดขวางไม่ให้แม่ลูกเจอกันได้ยังไงกัน
หนูจะไปแจ้งความว่าลูกชายหนูถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว  หนูทำจริงๆนะป้า”
หญิงกลางคนรูปร่างเล็กกับเด็กสาววัยรุ่นกำลังถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดง

“เธอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวหลานชายฉัน  เธอทิ้งไปตั้งแต่คลอดไม่ถึงห้าวันด้วยซ้ำ
แล้วจะมาอ้างสิทธิ์อะไรอีก  ออกไป! บ้านนี้ไม่ต้อนรับคนอย่างเธอ”

“แม่ครับ  ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมคุยกับฝ้ายเอง”
ธาราเข้าไปโอบแม่ไว้  ตัวก็เล็กนิดเดียวจะไปอะไรกับใครเขาได้

“พี่ธารา  หนูจะมาหาลูกแต่ป้าวรรณไม่ให้เข้าบ้าน  มันยังไงกันคะเนี่ย…จะกีดกันแม่ลูก
ไม่ให้ได้เจอะเจอกันเลยหรือไง”
หญิงสาวร่างเล็ก  สวมใส่เสื้อผ้ารัดรูปกับกางเกงขาสั้นจู๋  แต่งหน้าจัดจ้าน
ปากนิดจมูกหน่อยนั่นก็ดูสวยดี  นี่แหละแม่ของหลานชายตัวน้อย

“ฝ้ายเธอเป็นคนไปจากพวกเราเอง  เธอทิ้งน้องสกายไม่เคยกลับมาเหลียวแล
เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้  เจ้าธารินเองมันก็ช้ำใจกับเธอมาก็มาก  แล้วเธอยังจะกลับมาอีก
เพื่ออะไร  ตอนนี้สกายเป็นลูกของพี่แล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมายเสียด้วยสิ”
ธาราพูดด้วยเหตุและผลให้เด็กสาวฟัง  เด็กสาวได้ฟังก็หน้าเจื่อนลง

“พี่ธารา  หนูแค่ต้องการเห็นหน้าลูกบ้าง  อยากดูว่าเขาเติบโตมากแค่ไหนแล้ว
ที่แล้วมาหนูรู้ว่าหนูทำผิดกับพี่ธารินและลูก…แค่ตอนนี้ขอโอกาสให้หนูได้เห็นลูกบ้างได้ไหม”
ฝ้ายพูดน้ำตาคลอๆ

“ได้สิ…พี่จะให้เธอเจอกับสกายแต่บอกก่อนนะฝ้าย  เธอจะทำอะไรตามอำเภอใจที่นี่ไม่ได้
นุไปพาน้องออกมาหน่อย”
ธาราหันไปบอกนุที่เมียงมองไม่ห่างนัก  นุหายเข้าไปและกลับออกมาพร้อมเด็กชายหน้าตา
หวานที่อยู่ในชุดนักเรียนอนุบาล  เด็กน้อยมองคนแปลกหน้าแล้วก็เดินไปหลบหลังคนเป็นพ่อ

“สกาย! มาหาแม่สิครับ  แม่ฝ้ายไงล่ะ”
ฝ้ายยื่นมือออกไปข้างหน้า  เพื่อจะให้ลูกชายของเธอเข้ามาหา  แต่เด็กชายส่ายหน้า
ขนตางอนสวยนั้นไม่ต่างอะไรกับผู้ชายตัวเล็กที่เด็กชายไปยืนแอบที่ด้านหลังสักนิด

“ไม่ไป…พ่อธารา  สกายมีแม่วรรณแล้ว  สกายไม่เอาไม่ไปกับคนอื่น ฮึก…ฮือ”
หนูน้อยพูดไปสะอื้นไป  กลัวพ่อจะให้ไปกับผู้หญิงตรงหน้า

“อะไรกัน  คนอื่นที่ไหนล่ะ  นี่แม่ฝ้าย  แม่ของลูกนะครับ  คนบ้านนี้สอนอะไรผิดๆ
ให้ลูกหรือไง  ฮือ ฮือ สกายมาหาแม่”
หญิงสาวคร่ำครวญและโทษว่าเป็นความผิดของคนบ้านนี้ที่ลูกไม่เข้าหาเธอ

“ฝ้ายเธอพูดจาให้มันดีหน่อย  ใครจะไปสอนอะไรแบบนั้น  คิดไปเองคนเดียวสิ…เธอน่ะ”
ธาราชักจะหมดความอดทน

“สกายไม่เอาแม่ฝ้าย  พ่อธารา  ฮึก…แง แง แง”
หนูน้อยร้องไห้จ้าและกอดขาธาราไว้แน่น  จนชายหนุ่มต้องก้มตัวไปอุ้มลูกขึ้นมา

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะเด็กดี  ฝ้ายเธอต้องให้เวลากับลูกบ้าง  ให้เขาได้ปรับตัว
เดี๋ยวก็คุ้นเคยกันไปเอง  แต่พี่ไม่อนุญาตให้เธอพาน้องสกายไปไหนมาไหนตามลำพังนะ”
ธาราปลอบลูกและหันไปตกลงกับฝ้าย

“ก็ได้ค่ะพี่ธารา  งั้นฝ้ายค่อยมาใหม่วันหลัง  สกายแม่กลับก่อนนะครับ”
แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินออกไปขึ้นรถที่จอดรอเธออยู่

“นุช่วยดูน้องดีๆ ด้วยล่ะ  ถ้าหากเธอมาอีกก็ต้องเฝ้าอย่าได้ห่าง  เข้าใจใช่ไหม”
นุพยักหน้ารับคำ  ธาราเครียดขึ้นมา  เขาว่าเรื่องนี้มันคงจะไม่จบง่ายๆ เป็นแน่

“ธารา  แม่ละกลัวใจยัยเด็กนี่จริงๆ เลย  บทจะทิ้งก็ไป  บทอยากได้ก็กลับมา
ทำอะไรดูมักง่ายไปเสียหมด  แม่ละปวดหัว”
แม่วรรณสีหน้าทุกข์ร้อนเป็นกังวลไม่ต่างจากลูกชาย


“คุณแม่ก็ต้องคอยดูหลานดีๆ ด้วยนะฮะ  มีอะไรให้รีบบอกผม”
ธารากำชับมารดาก่อนที่จะออกจากบ้าน

ธาราขับรถกระบะ คู่ชีพกลางเก่ากลางใหม่สีดำออกจากบ้านเพื่อส่งลูกที่โรงเรียน
แล้วจึงขับไปทำงานอย่างเช่นทุกเช้า  แต่ออกจากโรงเรียนลูกมาไม่ไกลนักรถก็เกิดดับ
กระทันหัน  น้ำมันรถก็เกือบเต็มถัง  ความรู้เรื่องเครื่องยนต์เขาก็ไม่มีเอาเสียเลย
จึงกดโทรศัพท์หาตัวช่วยซึ่งก็คือพีลูกน้องคนสนิทนั่นเอง

“พี  รถผมดับตรงทางแยกออกถนนใหญ่  อ่ะใช่…ตรงโรงเรียนสกายพอดี
ไม่รู้ต้องทำยังไง  พีช่วยมารับผมทีสิ  เดี๋ยวจะเข้างานสาย  แล้วค่อยหาช่างมาดู
ทีหลัง ได้ๆ ผมจะรอ”
ธาราวางสาย  แล้วลงมายืนข้างรถ  เดินไปเดินมาจึงเปิดฝากระโปรงรถ
เผื่อว่าพีจะรู้วิธีแก้เบื้องต้นให้ก่อน  เขาจะได้ไม่ต้องทิ้งรถไว้ที่นี่  สักพักก็มีรถกระบะแบบ
ครอบครัวสีดำเงามาจอดถัดจากรถเขาไปเล็กน้อย  พอเห็นคนขับที่ก้าวลงจากรถ  ธาราก็ชะงัก
 
“โอ๊ะ…โอ น้องธารธารา  รถเสียเหรอครับ  มาครับ…เดี๋ยวพี่ภพช่วยดูให้นะ”
พูดจบผู้ชายตัวสูงก็ไปก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงเครื่อง  พักนึงก็เงยหน้ามามองและพูดขึ้น
“ลองไปสตาร์ทอีกที  พี่ว่าน่าจะติดแล้วนะ”
ธารารีบทำตามที่ตรีภพบอก  บิดกุญแจแค่ครั้งเดียว  เครื่องยนต์ก็สตาร์ทติดขึ้นมาเฉยเลย
เหมือนเป็นการแกล้งกันอย่างนั้น 

ธารารู้สึกเสียหน้า

“ขั้วแบตหลวมน่ะ  พี่ว่าเติมน้ำกลั่นบ้างก็ดีนะ  อีกอย่างหม้อน้ำนี่ด้วยอย่าละเลยหมั่นดูระดับน้ำ
 อ้าว! มองหน้าพี่…คือยังไงครับ”
ตรีภพถามออกไปเมื่อไม่มีการตอบโต้กลับมาสักคำจากคนตัวเล็ก
มีเพียงสายตาที่มองจ้องอย่างไม่รู้ว่าจะสื่ออะไร

“ทั้งหมดที่บอกมา  เข้าใจแล้วครับ  ขอบคุณที่ช่วยแล้วกันนะ…คุณศาลาวัด
…ผมต้องรีบไปทำงานแล้ว  ไปก่อนล่ะ”
แล้วธาราก็เหยียบคันเร่งหนีคนตัวโตที่กระโดดหลบแทบไม่ทัน

“แสบนักนะ  น้องธาร  หึหึ”
สารวัตรหนุ่มส่ายหน้ายิ้มพราย  เขาไม่นึกโกรธสักนิดที่ถูกคนตัวเล็กกระทำแบบนั้น


ธาราขับออกมาไกลพอควรจากจุดที่รถเสีย  เขาจึงเลี้ยวรถจอดข้างทางแล้วกดโทรศัพท์หาพี
เขาบอกไปว่ามีคนมาช่วยดูรถให้แล้ว  ตอนนี้รถใช้งานได้อย่างเดิมแล้ว  พีรับทราบและวางสายไป
 
ธาราขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงที่ว่าการอำเภอ

“อ้าว! พี  เจอตัวพอดีเลย…คุณช่วยไปดูรถให้ผมหน่อยสิ  ขั้วแบตหลวมน่ะเมื่อตะกี้
ช่วยดูเบื้องต้นให้ทีว่าต้องเติมอะไรบ้า ง ผมไม่เคยเปิดดูเลย  อีกอย่างก็ไม่ได้เข้าอู่นานมากแล้วด้วย”
ธาราอ้อมแอ้มบอกออกไป

“งั้นขอกุญแจ  เดี๋ยวผมไปดูให้ครับ”
พีรับกุญแจเดินไปทางโรงจอดรถ  พอธาราจะเดินเข้าห้องทำงานก็มีสายโทรเข้ามาอีก
เบอร์ไม่คุ้น แต่เขาก็กดรับสาย

“สวัสดีครับ  น้องธาร  อย่านะ…อย่าเพิ่งวาง  พี่แค่โทรมาชวนไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน
ก่อนเที่ยวพี่จะเข้าไปรับนะ  ห้ามปฏิเสธครับ…แล้วเจอกัน”
แล้วคนปลายสายก็วางไป

ธารายืนอึ้ง  อะไรของเขานะ  อยู่ดีๆ มาชวนทานข้าว  ท่าจะเพี้ยนเอามากๆ
แล้วธาราก็เดินไปนั่งทำงานที่โต๊ะ  มีงานมากองรอไว้กองพะเนิน  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการ
ต่อเนื่อง  เขาต้องศึกษาอย่างละเอียดและอย่างรอบคอบ  เพราะต้องตั้งงบและประมาณการให้
ดีด้วย  เรื่องเงินเรื่องทองต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ  ทำงานไปนานจนลืมเวลานัดหมาย

จนเมื่อมีคนตัวโตมายืนอยู่หน้าโต๊ะแล้วนั่นแหละ  เขาจึงนึกขึ้นมาได้

“อ้าว! ผมลืม ไปทานที่ไหนดีล่ะ ขอใกล้ๆ ก็ดีนะ”
ธาราเก็บงานบนโต๊ะ แยกกอง

“ไปรถพี่นะ  อยากทานอะไรล่ะ  ร้านใกล้ๆ ตลาดก็ได้นะ  พอทานได้อยู่”
พูดจบคนตัวโตก็เดินนำไปที่รถ  ธาราเดินตามไปห่างๆ ลูกน้องหันมามองยิ้มๆ
นายอำเภอหนุ่มน้อยน่ารักของเขา  มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หล่อคมมาพาออก
ไปต่อหน้าต่อตา

“พี่พีคะ  คุณสารวัตรเค้ามารู้จักลูกพี่ของเราได้ยังไงกัน  นายอำเภอเราเพิ่งมาเองนะคะ”
หญิงสาวสวยแย้มปากถามคนสนิทของนายอำเภอหนุ่ม

“คุณเจน  สองคนเขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนมัธยมเดียวกันมาก่อนครับ”
พีตอบข้อสงสัยให้คนสวยหุ่นอวบอั๋น  หน้าแฉล้มปากชมพูฟัง

“โอ้โห…เส้นดีไม่เบาเลยลูกพี่เรา  ดีจังเลยเนอะพี่พีเพื่อพวกเรามีปัญหา
จะได้ปรึกษาคุณสารวัตรได้  คริคริ”
แล้วสาวแจงก็หัวเราะชอบใจ  พีมองสองหนุ่มที่เดินไปขึ้นรถแล้วก็ได้แต่หวั่นใจ
คู่นี้เท่าที่รู้มาออกจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเสียมากกว่าที่จะเป็นมิตรกันได้
แต่แปลกที่วันนี้ออกไปด้วยกันได้


สารวัตรหนุ่มพาคนตัวเล็กมาจนถึงร้านกาแฟขนาดกลาง  ที่มีอาหารแนวฟิวชั่นขายด้วย
ร้านตกแต่งจนดูเก๋ไก๋  น่ารักลงตัว  มีหนุ่มสาวนั่งกันอยู่หลายโต๊ะ  พอสองหนุ่มก้าวเท้า
เข้าไปคนอื่นๆ ก็หันมองแล้วส่งยิ้มให้พวกเขา  ทั้งสองจึงยิ้มทักทายกลับไปให้บ้าง

ตรีภพเลือกโต๊ะที่อยู่มุมในสุดเพื่อความเป็นส่วนตัว

“น้องธาร  อยากทานอะไรสั่งได้เลยครับ  พี่ขอแกะย่างกระเทียมจิ้มแจ่ว
และสปาเก็ตตี้ปลาอินทรีเค็มครับ"
ตรีภพสั่งก่อนโดยไม่เปิดเมนูด้วยซ้ำ  แสดงว่าเคยมาทานแล้วเป็นแน่
ธาราเปิดเมนูดู  แล้วจึงสั่งส่วนของตัวเองออกไป

“ของผมขอเป็น  พิซซ่าหน้าเขียวหวานกับเกี๊ยวปูครีมชีส  ครับ”
ธาราเห็นรูปอาหารให้นึกอยากทานจึงเลือกสั่งมาลองทานบ้าง

“เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ”
พนักงานหนุ่มน้อยถาม

“ขอเป็นน้ำเปล่าแล้วกันครับ”
ธาราบอกไป  เมื่อได้รายการอาหารแล้วเด็กหนุ่มก็ผละไป  แล้วก็มีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง
เดินเข้ามาทักสารวัตรหนุ่ม
“สวัสดีครับพี่ภพ  อ้าว! นั่นพี่ธารา  มาทานร้านนี้เหมือนกันเหรอฮะ”
ฐานทัพถามเพื่อนพี่ชาย

“อ่อ…ทัพ  พอดีพี่ไปลากตัวน้องธารเขามาน่ะ  ดูหน้าเขาสิ  จำใจมาเสียจริงๆ”
สารวัตรหนุ่มทักทายน้องชายของเพื่อน  แถมแขวะคนที่ร่วมโต๊ะด้วยเพราะดูจะมาแบบฝืนๆ

“ใครว่าล่ะ  เต็มใจมามากๆ เลยล่ะ  ของฟรีนี่ นั่งด้วยกันไหมทัพ…น้องด้วยครับ”
ธาราพูดประชดตรีภพ และชวนทั้งคู่ให้นั่งร่วมโต๊ะด้วย

“ไม่เป็นไรฮะ พี่ๆ ผมขอไปตรงโน้นดีกว่า อ่อ…นี่เมย์ เพื่อนผมครับ
 ส่วนคนนี้นายอำเภอธารากับสารวัตรตรีภพ  เพื่อนพี่ชายผมน่ะครับเมย์”
หญิงสาวสวยเฉี่ยว  ยิ้มทักทายพร้อมยกมือไหว้  แล้วก็เดินตามฐานทัพไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง


อาหารที่นี่รสชาติดี  อร่อยถูกปากธาราอย่างมาก  เขาไม่ค่อยกล้ามองหน้าคนตรงหน้า
สักเท่าไหร่  เพราะไอ้สายตากรุ้มกริ่มที่มองมานั่นน่ะ  ทำให้พลอยใจสั่น…คิดอะไรไปไกล
เกินตัว  จนต้องดึงสติกลับมาบ่อยๆ ชอบล้อเขาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเขาเป็นตุ๊ด  แต่ก็ยังตามมา
ตอแย  กลั่นแกล้งกันไม่เลิก  แล้วตอนนี้ก็เข้ามาพัวพันชีวิตเขาอีกจนชักจะยุ่งเหยิงไปใหญ่

เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้าร้านมา  ตรงดิ่งเข้าไปทักฐานทัพ  ทำเอาฐานทัพสะดุ้งโหยง

“เห่ย! มากันยังไงเยอะแยะ  อ่อ…หนีร้านมาด้วยรึไง กลับไปโดนแน่ๆ”
ฐานทัพหันไปคาดโทษเด็กหนุ่มหัวทอง

“อะไรเล่าพี่ทัพ  กลางวันก็ต้องมีพักทานข้าวบ้างสิ  ไม่เหมือนพี่นะบอกว่ายุ่ง
 ดูดิ! หลอกได้แม้กระทั่งน้องนุ่ง  เดี๋ยวผมจะฟ้องลุงเขตกับพี่ดิน”
เด็กหนุ่มตัวขาวผอมบางเป็นคนตอบแทนเพื่อนในกลุ่ม

“อย่านะไอ้กริช  อาร์มแกพาเพื่อนแกออกไปเลย  น้องใบหม่อนมานั่งกับพี่ไหมครับ”
ฐานทัพชวนเด็กสาวห้าว

“ไม่ๆ  กล้วยไข่  กริช  อาร์ม  เราไปหาที่นั่งกันเถอะ  เกลียดขี้หน้าคนบางคน…
เดี๋ยวกินไม่ลง  ไปกันเถอะ”
เด็กสาวสวนกลับ  แล้วก็พากันไปนั่งถัดออกไปอีกสองโต๊ะ

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 25  น้องสกาย 2

หลังจากทานอาหารกลางวันกันเสร็จ  สารวัตรหนุ่มก็ขับรถไปส่งธารา
ก่อนเคลื่อนรถออกไป  ตรีภพหันไปโบกมือให้กับคนตัวเล็ก

“ไว้เจอกันนะครับ  น้องธาร”
ส่งยิ้มหล่อให้เป็นการตบท้าย  ธารามองตามไฟท้ายที่หายไปแล้ว  หมุนตัวเดินขึ้นบันได
ไปยังห้องทำงาน  เพื่อจัดการงานที่คั่งค้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว  เพราะเย็นนี้เขาต้องไปรับลูก
ที่โรงเรียนด้วยเกรงใจครูที่ต้องฝากลูกไว้เกินเวลา


“น้องสกายครับ  คุณพ่อมารับแล้ว”
ครูสาวตัวเล็กน่ารักชะโงกหน้าออกมา

“สวัสดีครับ  ครูเหมียว  ขอโทษที่มารับสกายช้าน่ะครับ  น้องกายเกเรไหมครับวันนี้”
ธาราทักทายครูประจำชั้นของลูกชาย

“ไม่สักนิดเลยค่ะคุณพ่อ  น้องเป็นเด็กดีและมีน้ำใจ  เมื่อสักครู่ก็ช่วยครูกวาดห้องเรียนด้วยนะคะ”
ครูเหมียวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ…แต่ว่าเมื่อตอนกลางวันมีคุณแม่มาหาน้องนะคะ  แต่น้องสกายร้องไห้ใหญ่
ไม่ยอมเข้าหาเลยค่ะ”
ครูเหมียวบอกกับธารา  ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจอย่างไม่เคยคาดคิดว่าฝ้ายจะมาถึงโรงเรียนลูก

“เหรอครับครู  ผมก็ลืมกำชับทางคุณครูไว้ก่อน  เอ่อ…พอดีแม่ของน้องกับพ่อแท้ๆ
ของแกเลิกกันน่ะครับ  แล้วเธอก็ไม่เคยไปมาหาสู่ลูก  ทำให้น้องยังปรับตัวไม่ได้น่ะครับ
แกจะงอแงเวลาพบหน้า  ยังไงรบกวนคุณครูช่วยดูแลเป็นพิเศษหน่อยนะครับ
คือทางเรา…ไม่อนุญาตให้เธอมาพาลูกไปไหนมาไหนน่ะครับ”
ธาราเล่าด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ

“อย่างนี้นี่เอง  ถ้าเป็นแบบนี้ทางครูจะได้เข้มงวดให้มากขึ้น  แต่ขอโทษนะคะ
…ถ้าจะแนะนำว่าให้คุณพ่อไปตกลงกันให้ดีๆ ปัญหาแบบนี้ต้องจัดการให้จบ
จะเป็นการดีกับทุกฝ่ายแล้วก็ตัวเด็กเองด้วยนะคะ”
ครูสาวพูดแนะนำ

“ครับครู  ผมเข้าใจ…ขอบคุณครูเหมียวที่แนะนำและดูแลสกายให้ครับ
น้องกายเรากลับบ้านกันเถอะลูก  แม่วรรณรอแล้วป่านนี้  สวัสดีคุณครูก่อนครับ”
สองพ่อลูกลากลับ  ธาราขับรถกลับบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เขาไม่รู้จะจัดการยังไงกับเรื่องของฝ้ายที่มาวนเวียนอยู่ใกล้ตัวลูกแบบนี้

 
“คุณพ่อครับ  น้องกายไม่อยากเจอแม่ฝ้ายเลย  น้องกายมีแม่วรรณแล้วนะ”
หนูน้อยบอกกับผู้เป็นพ่อ

“ทำไมล่ะลูก ใครๆ เขาก็อยากมีแม่กันทั้งนั้น แม่ฝ้ายก็น่าสงสารนะลูก
ถ้าน้องกายไม่คุยกับเธอ  แม่ฝ้ายของน้องกายก็จะเสียใจได้นะ”
ธาราพูดโน้มน้าวหนูน้อย

“แต่น้องกายมีแม่วรรณแล้วนี่ฮะ”
เด็กชายยังย้ำแต่คำเดิมๆ ชายหนุ่มก็จนใจที่จะอธิบายเพราะเด็กยังเล็กเกินกว่า
จะเข้าใจ  เขาก็หวังว่าฝ้ายมาครั้งหน้าคงไม่มาสร้างปัญหายุ่งยากอะไรเพิ่มอีกก็พอ


บ้านของธาราปลูกสร้างมาจากเงินที่เป็นน้ำพักน้ำแรงของเขา
ธาราซื้อที่ 2 ไร่ และจ้างช่างมาสร้างบ้านหลังนี้ขึ้น …เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมี 3 ห้องนอน
สองห้องน้ำกับหนึ่งห้องรับแขกรวมถึงห้องนั่งเล่นอีกห้องด้วย  รั้วรอบขอบชิด  หน้าบ้านจัด
เป็นสวนหย่อมขาดกลางมีทั้งไม้ดอกไม้ประดับและพืชตระกูลไม้มงคล  ด้านข้างทำเป็นที่จอดรถ
และต่อครัวไทยเล็กๆ ด้วย ส่วนพื้นที่ด้านหลังยาวไปจนสุดแนวรั้วทำสวนครัว  และปลูกไม้ผล
จำพวกฝรั่ง  มะม่วง  ชมพู่และมะนาว 

แม่ของธาราไม่ชอบอยู่เฉยต้องหางานทำกันจนได้โดยมีนุหลานชายห่างๆ มาเป็นลูกมือช่วยอีกแรง

เมื่อธาราจอดรถที่หน้าบ้านนุก็วิ่งมาเปิดรั้วให้อย่างที่รู้เวลากลับของสองพ่อลูก
 
“น้องหลับอยู่น่ะนุ  อุ้มไปนอนข้างในก่อนแล้วกัน  เดี๋ยวค่อยปลุกขึ้นมากินข้าวอาบน้ำอีกที”

“ครับพี่ธารา”
นุช้อนมืออุ้มน้องขึ้นแนบอก   นุเดินเข้าบ้านไปโดยมีธาราหิ้วสัมภาระของเด็กชายตามหลังไม่ห่าง

“อ้าว! ลูกหลับอีกแล้วเหรอธารา  ขึ้นรถทีไรหลับตลอดเลยตาหนูนี่  เป็นไงบ้างล่ะทำงานวันนี้น่ะ”
แม่วรรณถามลูก ธาราวางของบนโต๊ะกระจกข้างโซฟา

“สะสางงานเดิมๆ แหละครับแม่  เหลืออีกไม่มากแต่เป็นอะไรที่ต้องใช้ความละเอียด
รอบคอบเป็นหลักครับ”
เขาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟานุ่มสีน้ำตาลเข้มชุดใหญ่  ชายหนุ่มเลือกซื้อชุดนี้มาเพราะทดลอง
นั่งแล้วนุ่มสบายจึงตัดสินใจซื้อแล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อมันกลายเป็นมุมโปรดของทุกคนในบ้าน

“ค่อยๆ ทำไปนะลูก”
แม่วรรณพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม   รอยยิ้มที่แม่มีให้อบอุ่นเสมอมา
แม่วรรณเมื่อก่อนเป็นช่างเสริมสวย  สามีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
ทำให้เธอต้องเลี้ยงดูลูกชายสองคนมาด้วยตัวเองจนโตเป็นหนุ่ม
แล้วธารินลูกชายคนเล็กก็มาถูกยิงเสียชีวิตในงานประจำปีของวัดใกล้บ้าน
น้องสกายที่เพิ่งมีอายุได้ 1 ขวบจึงเป็นกำพร้า

จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้ายที่ยิงลูกชายเธอเลย 
เมื่อธาราเรียนจบทำงานได้  เขาจึงขอให้แม่เลิกทำร้านเสริมสวย
และอยู่บ้านเลี้ยงหลานแทน

“แม่ครับ  วันนี้ฝ้ายไปหาลูกที่โรงเรียน  ครูเหมียวบอก  น้องกายก็ร้องไห้ไม่ยอมหาเธอ
ผมจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีครับ…สงสารลูก…ขึ้นรถก็พูดแต่ว่า
น้องกายมีแม่วรรณแล้วไม่เอาแม่ฝ้าย”
ธาราเล่าไปเอามือนวดคลึงที่ขมับไปมาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

“ถ้าฝ้ายมา  แม่จะคุยให้รู้เรื่องไปเลยจะมาวนเวียนแบบนี้ทำไม
ในเมื่อลูกไม่ยอมรับเธอ…จะให้ทำยังไงได้ล่ะ  ผลก็สืบเนื่องมาจากการที่เธอทำไว้
นั่นแหละนะ  สิทธิ์ขาดอยู่ที่ธาราคนเดียวแล้วนี่ลูก…น้องกายเป็นลูกของธารา
อำนาจสิทธิ์ขาดก็ต้องอยู่ที่ธาราสิ …แม่ก็ไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกันใหญ่โต…แม่สงสารหลาน”

“ครับ  ก็เพราะสงสารสกาย  เลยทำอะไรมากไม่ได้  รอดูท่าทีฝ้ายไปก่อนแล้วกันครับ”
ธารามีสีหน้าอ่อนล้า

“แม่ว่าเราตั้งโต๊ะกินข้าวกันดีกว่าเย็นแล้ว  วันนี้แม่ตำน้ำพริกกะปิ  มีทั้งผักสดและผักต้มเลย
ไข่ทอดชะอมกับปลาทอดด้วยล่ะ  ของน้องกายก็ปีกไก่น้ำแดง”
แม่วรรณบอกเมนูอาหารเย็นให้ฟัง  ทำเอาธาราอยากอาหารขึ้นมาทันที

“ฟังแล้วหิวเลยครับแม่  นุไปปลุกน้องตื่นได้แล้วไป  พาไปล้างหน้าแล้วมากินข้าวกันนะ”
ธาราหันไปบอกนุที่นั่งดูทีวีอยู่ไม่ไกลนัก  เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นไปปลุกน้องอย่างว่าง่าย


มื้อเย็นผ่านไปด้วยเสียงพูดคุยกันของสมาชิกในบ้าน  น้องกายก็เล่าเรื่องเพื่อน
ที่โรงเรียนให้แม่วรรณฟังไม่หยุด

“แม่วรรณ น้องกายไม่เอาแม่ฝ้ายนะฮะ  น้องกายมีแม่วรรณคนเดียวพอ”
เด็กชายยังคงพูดประโยคเดิมๆ ไม่ยอมลืม

“มีแม่สองคนก็ดีนะครับน้องกาย  ดีจริงๆ นะ พ่อยังอยากมีเลยลูก ถามพี่นุดูสิ”
เด็กชายเริ่มลังเลเมื่อได้ฟังพ่อพูด จึงหันไปถามพี่เลี้ยง

“ดีจริงเหรอฮะ พี่นุ”
นุพยักหน้า  เมื่อถูกธาราส่งสัญญาณให้ทำแบบนั้น

“ดีมากๆ สุดยอดมากด้วย  น้องกายเชื่อพี่นุสิ”
เด็กชายคิ้วขมวด  แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก  ผู้ใหญ่หันมองหน้ากัน
ธาราส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“ดูรูปการณ์แล้ว  ท่าจะยากนะธารา”
แม่วรรณบอกกับลูกชายที่มองดูลูกน้อยทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย



“สวัสดีค่ะป้าวรรณ  พี่ธาราที่ฝ้ายมาวันนี้  จะมาลาค่ะ…ฝ้ายได้งานทำที่กรุงเทพฯ
คงไม่ได้มาหาลูกอีกนานเลย  ยังไงก็ฝากดูแลลูกด้วยนะคะ  ขอบคุณที่ไม่ขับไส
ไล่ส่งฝ้าย…น้องกายมาหาแม่หน่อยสิลูก”
เธออ้าแขนรอรับตัวลูกสู่อ้อมอก  แต่น้องกายกลับวิ่งไปแอบหลังแม่วรรณเสียก่อน

“ขอให้โชคดีนะฝ้าย  น้องกายอยู่นี่ก็สุขสบายดี  อยากมาเยี่ยมมาหาก็มาแล้วกัน
หากน้องกายโตกว่านี้คงจะเข้าใจ  ทางเราไม่เคยสอนให้ลูกไม่รักเธอเลยนะ
ป้าบอกตามตรง”
แม่วรรณพูดกับอดีตลูกสะใภ้

“ค่ะป้าวรรณ  หนูเข้าใจแล้วค่ะ  เพราะหนูไม่ดีเองตั้งแต่ต้น”
ฝ้ายพูดแล้วทำตาแดงๆ มองดูลูกชายที่ไม่ยอมเข้าหา  แล้วเธอก็จำต้องตัดใจ

“ไปก่อนนะคะป้าวรรณ  พี่ธารา  แม่ไปทำงานแล้วนะน้องกาย”
เธอเดินไปขึ้นรถที่จอดติดเครื่องยนต์รออยู่  เมื่อฝ้ายจากไป

ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็พากันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  น้องกายก็เดินออกมาจากหลังแม่วรรณ
ไปหาพ่อธาราและอ้าแขนให้อุ้ม  หนูน้อยหันมาโบกมือส่งยิ้มตาหวานให้แม่วรรณกับพี่นุ
เพื่อขึ้นรถพ่อธาราไปโรงเรียน


“อ้าว! ธารามาส่งลูกเหรอ  พี่ทำไมไม่เคยเห็นเราเลยล่ะ”
พี่ดินทักขึ้นเมื่อพบหน้าเด็กรุ่นน้อง

“ผมสิครับต้องถามพี่ดิน  เห็นแต่ทัพกับขวัญมารับส่งตลอด
วันนี้พี่มาส่งเองต้องเป็นเรื่องแปลกสิครับที่มาเจอผม  เนี่ยน้องกายกับน้องกล้า
ก็อยู่ห้องเดียวกันด้วยนะพี่ดิน รู้หรือเปล่า หึหึ”
ธาราบอกให้พี่ดินรู้เรื่องของลูกชายบ้าง

“เห่ย! จริงดิ เออๆ พี่ไม่เคยมาส่งลูกเองก็จริง พอกินข้าวเช้าเสร็จก็เข้าไร่ไปเลย
ตอนนี้จัดเปลี่ยนเวรยามกันใหม่ ทำให้มีเวลาเหลือจึงได้มาส่ง เห้อ! พี่นี่แย่จริงๆเลย”
แผ่นดินบอกเหตุผลให้รุ่นน้องรู้

“อะไรกันพี่ดิน  ไม่ถือว่าแย่สักหน่อยแค่ไม่ได้มาส่งลูกด้วยตัวเอง แค่นั้น ฮ่าฮ่า”
ธาราหัวเราะขำเข้าไปอีก

“เออๆ เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่กันนะ  เอาลูกไปด้วย  ไปทำความรู้จักกันหน่อย
พ่อพี่อาจจะจำธาราไม่ได้แล้ว  เดี๋ยวนี้หน้าที่การงานใหญ่โตไปแล้ว
ไปนะห้ามปฏิเสธคำชวน”
แผ่นดินชวนหนุ่มรุ่นน้องตัวเล็ก

“ได้ครับพี่ดิน  ขอบคุณที่ชวนนะครับ อืม…ดีเหมือนกัน ไม่ได้เจอกอหญ้า
เลยเขาหายดีหรือยังครับพี่”

“ดีขึ้นมากๆเลยละ  อีกไม่นานคงจะจำอะไรได้เหมือนเดิม งั้นเย็นนี้เจอกันที่บ้านนะธารา”
แผ่นดินพูดจบก็ตบไหล่ของรุ่นน้องไปที


“เห่ย! ศาลาวัด จะมาไม่บอกล่วงหน้าวะ  งั้นก็อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันเลยดิ วันนี้มีแขกด้วยสิ”
แผ่นดินร้องทักอย่างประหลาดใจที่เพื่อนรักมาหาถึงบ้าน

“บอกแล้วไงว่าถ้าว่างจะเข้ามา  นี่ไงว่างแล้ว…แล้วนี่คุณย่ากับพ่อเขตล่ะดิน”
ตรีภพมองหาผู้ใหญ่ของบ้าน

“นู่น…อยู่กันที่ห้องนั่งเล่น  เข้าไปหาสิ! เดี๋ยวข้าตามเข้าไป”

“นั่น! ใครมา รถคุ้นๆ อยู่นะ แขกที่บอกละสิ  ถ้างั้นข้าไปทักทายย่ากับพ่อเอ็งก่อน…
ข้าวค่อยมากินวันอื่น  ไม่ซีเรียสนะเว่ยดิน”
ตรีภพตบไหล่เพื่อนเตรียมผละไป

“คนกันเองน่ะแขกคนนี้น่ะ  แกก็รู้จักนี่ภพ”
แผ่นดินกล่าวจบ  ตรีภพแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถเป็นใคร

“อ่อ…คนนี้นี่เอง …ถือว่าคนคุ้นเคยจริงด้วยสิ  งั้นกินข้าวด้วยคนละกัน  หึหึ”
ตรีภพรีบฉวยโอกาสอยู่ทันที

“เห่ย…เดี๋ยวก่อนสิ…ไม่ก่อเรื่องนะแก  น้องนะคนนี้น่ะ”
แผ่นดินปรามเพื่อน

“เออน่ะ! รู้แล้ว! ถึงพูดว่าคนคุ้นเคย  แกนี่นะ…คิดเยอะ...มาแล้วว่ะ
 ข้าไปหาย่ากับพ่อก่อนแล้วกัน”
ตรีภพรีบหลบหน้าก่อนที่แขกตัวเล็กจะทันได้พบเขา

แผ่นดินมองตามแผ่นหลังของเพื่อนไปอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก
‘แค่พอหอมปากหอมคอ…พอนะเพื่อนรัก`



ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เรื่องนี้ดูอบอุ่นดีจังเลย เพิ่งเข้ามาอ่านนะเนี่ย บอกเลยว่าชอบ
 :really2: :really2:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 26 มื้อเย็นหรรษา

“นายอำเภอธาราไอ้หนูตัวขาวๆ ปากแดงๆ ที่มันหวงน้องคอยแต่กางปีกปกป้องน้องตอนเด็กๆ
น่ะเหรอที่เจ้าดินกับเจ้าทัพมันชอบชวนมาเล่นในไร่น่ะ ฮะฮ่าฮ่า ไม่น่าเชื่อจริงๆ นะเนี่ย”
พ่อเขตร้องทักทันทีเมื่อจำหน้าแขกของลูกชายได้  แถมยังหัวเราะร่วนอีกต่างหาก
ทำเอาคนที่ถูกพูดถึงได้แต่อายหน้าแดงไปแล้ว 

ตรีภพกลั้นยิ้มจนหน้าดำหน้าแดงไปด้วยอีกคน

“พ่อเขต  นี่ละก็ไปล้อเค้า  ดูสิอายจนหน้าแดงไปแล้ว มาๆ กินข้าวกัน
นี่เด็กๆ ก็เรียนห้องเดียวกันด้วยสินะ ดีๆ คนกันเองทั้งนั้น”
คุณย่าดูอารมณ์ดีที่วันนี้มีแขกมากินข้าวให้ครื้นเครงกัน

"กายเป็นเพื่อนกล้าด้วยฮะ  พ่อดิน”
ต้นกล้าบอกพ่อ จนกอหญ้านึกเอ็นดูยกมือขึ้นลูบหัวหนูน้อย

“กอหญ้าล่ะ หายดีแล้วเหรอ  แล้วจำอะไรได้บ้างหรือยังล่ะ นี่ทางพี่ก็กำลังควานหาตัว
คนที่มีรอยนิ้วมือแฝงอยู่นะ  เห็นว่าเป็นคนต่างถิ่น  ก่อคดีไว้เยอะพอสมควร
พวกชอบขับรถปาดหน้าเหยื่อ แล้วก็เข้าไปรูดทรัพย์น่ะ”
ตรีภพถามอาการโดยรวมของกอหญ้า  และพูดถึงความคืบหน้าของคดีด้วย

“ดีขึ้นแล้วครับพี่ภพ  แต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้เลยฮะ”
กอหญ้าตอบตรีภพไปแล้วก็เบือนหน้ามองไปทางอื่น  ไม่กล้าสู้ตากับตำรวจหนุ่ม
กลัวว่าจะจับเท็จได้ ใครจะบอกล่ะว่าจำได้หมดแล้วน่ะ

“ต้องใช้เวลาพอสมควรล่ะ  ไม่แข้งขาหัก  กระดูกแตกก็ดีขนาดไหนแล้วล่ะ
พ่อภพเอ๊ย! ย่าก็ลุ้นๆ ให้จำความได้สักที  เผื่อจะเป็นพ่อข้ามฟ้าของย่าจริงๆ”
คุณย่าเสริมขึ้นมา  ทำเอากอหญ้าสะดุ้งเข้าไปอีก

“ครับคุณย่า  ผมก็ลุ้นเหมือนกันนะครับเนี่ย  อยากให้หายเร็วๆ”
กริชพูดสวนขึ้นอีกคน  ทำเอากอหญ้าไม่กล้าสู้ตาใครแล้วตอนนี้

“ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน  อย่าไปเร่งร้อน  จำได้หรือไม่นั้นมันไม่สำคัญหรอก
เพราะว่าเจ้าดินมันดูแลของมันได้  ไม่มีเกี่ยงงอนเลยเห็นไหมล่ะ”
พ่อเขตพูด  ทำเอาแผ่นดินแทบสำลักอาหาร

“พ่อดิน  ใบข้าวจะเอาปลาทอดอีก”
หนูน้อยใบข้าวขออาหารเพิ่ม

“มาค่ะ  อากอหญ้าตักให้ค่ะ”
แล้วกอหญ้าก็ตักเนื้อปลาส่งให้หนูน้อย

“อากอหญ้าให้กล้าด้วยสิฮะ  เอาเยอะๆ เลย”
แล้วก็กลายเป็นหน้าที่ของกอหญ้าที่คอยดูแลลูกๆ ให้แผ่นดินแทน

“กอหญ้าพอแล้วล่ะ  เอานี่ไปต้มยำกุ้ง  กินบ้างเถอะผอมจะแย่แล้ว”
พี่ดินติงให้เขาลงมือกินบ้าง

“ผอมเกินไปก็จะมีแต่กระดูกนะครับ  กอดไปก็ไม่อุ่น”
ฐานทัพพูดเปรยๆ ทำเอาแผ่นดินหันขวับไปถลึงตาใส่น้องชายตัวดีที่แขวะมาได้

“หุ่นแบบนี้  ผมว่ากำลังดีเลย  หุ่นนายแบบเลยนะเนี่ย  ทั้งสูงทั้งดูดี”
ธาราหันมาชม

“ถ้าอ้วนอีกสักสามสี่กิโลนะ  ใช่เลย…ย่าว่าใช่เลย”
คุณย่าก็ยังเชื่อความรู้สึกเดิมว่ากอหญ้าจะเป็นข้ามฟ้า

“คุณย่าครับ  กอหญ้าจะไปเป็นพ่อข้ามฟ้าของคุณย่าได้ไงกัน  ดาราดังขนาดนั้น
เอ่อ…วันก่อนเหมือนมีภาพหลุดพี่ดินกับกอหญ้านะ  คนเขาเอาไปลงนำมาเชื่อมโยง
ว่าเป็นข้ามฟ้าแอบมาคบกับเจ้าของไร่ส้ม  เห็นเด็กๆ ในร้านมันเม้ากัน แต่แค่ไม่กี่ชั่วโมง
ต้นสังกัดก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่  และให้ข่าวว่าตอนนี้คนของเขาอยู่ระหว่างพักผ่อนที่
ต่างประเทศนู่นน่ะครับ”
ฐานทัพเล่าเรื่องให้ทุกคนได้ฟัง

“โอ้โห พี่ทัพ นี่ขนาดไม่สนใจข่าวบันเทิงนะเนี่ย ยังรู้ลึก รู้จริง ยิ่งกว่าผมอีกแฮะ”
กริชแซวพี่ชาย

“ก็ตามกระแสบ้างนิดหน่อย  ข้ามฟ้านั่นจะมาหล่อสู้พี่ได้ไง จริงไหม พี่นี่อย่างหล่อแล้ว”
พี่ทัพพูดแล้วก็ยักคิ้วหลิ่วตาใส่กริชไม่เลิก

“เหอะ  ทำพูดไป  ตัวจริงเขามาได้ยิน จะหัวเราะขำเอานะ ไปเทียบชั้นกับเขาได้ไงพี่ชาย”
กริชเบรกพี่ชาย เพราะพี่ข้าวของเขายังไงก็เป็นหนึ่งในใจตลอดอยู่แล้วละ
แถมยังนั่งฟังอยู่ด้วยตอนนี้

“เออๆ สักวันเจอตัวจริงจะถ่ายรูปคู่มาเทียบให้แกดูเลยกริช ทำเป็นแตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ เหอะ!”
ฐานทัพพูดทับถมเข้าไปอีก

“กินๆ เข้าไปข้าวน่ะ เถียงกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง สองคนนี้”
พ่อเขตหันมาดุลูกชายคนเล็กกับหลานชาย

“เอ่อ…พี่ธาราผมว่าจะถามพี่สักหน่อย แฟนพี่น่ะ…ไม่เห็นจะมีใครเคยเห็นหน้า
แล้วก็ไม่มีข่าวว่าพี่แต่งงานจนมีลูกโตขนาดนี้เลยนะพี่”
ฐานทัพหันไปถามหนุ่มแว่นที่ตักอาหารให้ลูกชายอยู่ คนถูกถามชะงักกึก

“ก็คือ…เอ่อ จะเล่ายังไงดีล่ะ คือ…”
ธาราอ้ำอึ้ง  จนแล้วจนรอดก็เงียบไป

“ถ้ามันเป็นความลับ ไม่ต้องเล่าก็ได้ครับ  ขอโทษที่ถามนะพี่”
ฐานทัพเห็นอาการอึกอักจึงตัดบท  ทำเอาตรีภพที่รอลุ้นผิดหวังไปด้วย

“กายเป็นลูกพ่อธาริน  ครับ”
เด็กชายพูดขึ้น  ทำเอาทุกคนที่ร่วมโต๊ะเงียบไปเลยเพราะธารินน่ะตายไปแล้วใครๆ ก็รู้
แถมตายอย่างไม่เป็นธรรมด้วย

แผ่นดินและฐานทัพเงียบเป็นเป่าสากเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“โธ่! ตาหนู…คนเก่ง  นี่เราต้องรักพ่อธาราให้มากๆ เลยนะรู้ไหมที่เลี้ยงมาจนโต
และรักเราขนาดนี้น่ะ  เป็นเด็กดีนะลูก”
คุณย่าพูดขึ้น  ธารายกมือลูบหัวลูกแล้วส่งยิ้มให้หนูน้อย

“น้องกายรักพ่อธารากับแม่วรรณที่สุด”
เด็กชายพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
 
“นี่ผมก็เพิ่งเจอเรื่องยุ่งยากมาไม่กี่วันนี้เองครับ เพราะแม่น้องกายน่ะกลับมา ทำเอาผมกับแม่เครียด
 จะห้าปีแล้วไม่เคยมาให้เห็น อยู่ดีๆ ก็โผล่มาตอนที่ลูกไม่ต้องการ”
 ธาราพูด แววตายังคงหม่นหมองอย่างปิดไม่มิด

“ก็น้องกายมีแม่วรรณแล้ว  น้องกายไม่เอาแม่ฝ้าย”
 เด็กชายยังคงย้ำคำพูดแบบเดิมๆ

“นี่แหละครับที่แกพูดมาตลอด จนฝ่ายนั้นต้องถอยกลับไปเอง”
ธาราเล่าเรื่องให้คนอื่นๆ รู้

“สิทธิ์ขาดอยู่ที่นายไม่ใช่เหรอ แล้วจะเครียดทำไม มีอะไรสงสัยก็ถามพี่นี่
เห็นเป็นคนอื่นหรือไงกัน”
ตรีภพหันไปพูดกับธาราสีหน้าขึงขัง

“นึกไม่ออกนี่ครับ ลืมไปว่า…รู้จักกับคนใหญ่คนโต  อีกอย่างมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
เพราะยังไงเค้าก็แม่ลูกกัน”
ธาราจิกกัดไปเบาๆ จนกอหญ้าแอบขำ มวยถูกคู่ดีจริงๆ เห็นทีคู่นี้จะมีลุ้นเสียแล้ว
ดูแววตาพี่ภพสิ พี่ธาราไม่รอดแน่ๆ เสือเตรียมขย่ำแล้ว แถมเหยื่อน่ะทั้งตัวเล็ก
ทั้งขาวๆ อีกด้วย

ตรีภพเมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กนี่ไม่ได้มีครอบครัวอย่างที่เขาเข้าใจก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ขนาดถูกเหน็บยังไม่ตอบโต้  ซึ่งปกติไม่ใช่วิสัยของเขาเลย

“ครับน้องธาร มีอะไรก็นึกถึงพี่ก่อนก็ได้  ยินดีรับใช้ประชาชนครับ”
พูดออกไปจนได้  แผ่นดินมองตามสายตาที่เพื่อนส่งไปให้อีกคน  แล้วก็เข้าใจในทันที

`หวงความโสดมายาวนาน  ที่แท้ก็…เป็นอย่างนี้เอง ภพเอ๊ย! แกกลืนน้ำลายตัวเองแล้ว
ไปว่าเขาตุ๊ด  แถมแกล้งได้แกล้งดี แล้วไงล่ะตอนนี้ หึหึ`

“เพื่อนดิน  กินข้าวไปครับ  มองหน้าหาเรื่องเหรอ”
ตรีภพนึกเขม่น ที่เห็นสายตารู้ทัน

“เห่ย! ตำรวจจะรังแกประชาชนเหรอวะ ฟ้องได้นะเว่ย  นายอำเภอก็อยู่เป็นพยานได้ด้วยสิ”
แผ่นดินแกล้งแหย่เพื่อน

“นี่ๆ ยังจะทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ไปได้ เจ้าสองคนนี่ กินๆ เข้าไปข้าวน่ะ ย่าจะอิ่มแล้วนะ
มีนัดกับพ่อข้ามฟ้า ดูสิจะมาแล้วเนี่ย”
คุณย่าเตรียมตัวจะวางช้อน

“ค่อยๆ ทานครับคุณแม่ เดี๋ยวติดคอ ทันได้ดูหรอกน่า เวลาอีกถมเถไปครับ”
พ่อเขตเบรกคุณย่า ที่เห็นรีบๆ จะไปดูละคร  กอหญ้าอยากจะบอกเหลือเกินว่า

`หันมาดูตัวจริงก็ได้ครับคุณย่า นั่งอยู่ใกล้ๆ นี่แล้ว`

“คุณย่าฮะ ถ้ามีโอกาส ผมจะพาพี่ข้าวตัวเป็นๆ มาให้คุณย่าทั้งกอดทั้งหอมเลยครับ
เอาให้หายรักหายหลงไปเลยดีไหมครับ”
พี่ดินพูดขึ้นมา ทำเอากอหญ้าเขินหน้าแดงเมื่อได้ยิน

“จริงๆ  นะเจ้าดิน อย่าหลอกย่านะ ย่าจะกอดจะหอมให้ช้ำไปเลยคอยดูเถอะ
ยังเสียดายที่ไม่มีหลานสาวย่าจะยกให้เขาไปซะเลย  แกก็ดันมาเกิดเป็นผู้ชายซะได้”
คุณย่าพูดอย่างหมายมาด  ทำเอากอหญ้าสำลักน้ำที่กำลังดื่ม  จนต้องลุกไปไอทันที

“คุณย่า  นี่นะ  ทำเอาพี่กอหญ้าสำลักน้ำ  พูดมาได้  ถ้าลองได้เขามาดองกับทางเรานี่
พวกเราแย่กันหมด  หัวเน่าแน่ๆ เลย  เนาะพี่ดินพี่ทัพ”
กริชพูดขึ้นมา  เหมือนรู้ชะตาตัวเองว่าจะหัวเน่าแน่ๆ อย่างนั้น

“ฝันของคุณย่าอาจจะเป็นจริงก็ได้นะครับ  ใครจะไปรู้  ฮ่าฮ่า”
 เป็นตรีภพที่หันไปพูดกับคุณย่า  ก็ถ้าเขาตาไม่ฝาดแน่ที่เห็นเพื่อนเขากับอีกคน
พากันใส่แหวนคู่รักกันแล้ว

`ฝันเป็นจริงแน่ๆ ครับคุณย่า`

ตรีภพมองนิ้วนางข้างซ้ายของเพื่อนที่คบกันมามันเคยใส่ไหมล่ะเครื่องประดับ
ที่นอกจากนาฬิกาเพียงเรือนเดียว

“เออๆ แค่คิดกันเล่นๆ ย่าก็มีความสุขแล้วล่ะ”
แล้วคุณย่าก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดื่มน้ำแล้วเตรียมลุก

“ย่าไปก่อนนะ  จะไปเปิดทีวีรอ  ข่าวใกล้จะจบแล้ว”

“เดี๋ยวกริชตามไปดูเป็นเพื่อนครับคุณย่า”
หลานชายรับปากคุณย่า

“อืมๆ ตามมา ใครจะดูก็ตามมาล่ะ”

“น้องธารจะกลับหรือยัง  พี่จะขับตามไปส่ง  ลูกง่วงแล้วนะนั่น”
พี่ภพหันไปถามพี่ธารา  คู่นี้เขาห่วงกันจริงๆ นะ กอหญ้าสัมผัสได้

“กลับเลยก็ดีครับ  ทางมันคดเคี้ยวตรงช่วงโค้งคอเขาด้วย”
พี่ธาราพยักพเยิดให้คนรับอาสาขับตามเป็นเพื่อนร่วมทาง

“งั้นผมกับธารา  ขอลากลับกันเลยครับพ่อเขต  ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะครับ”
แล้วสองหนุ่มกับหนูน้อยก็ไหว้ลา  แล้วหันมาโบกมือให้คนอื่นๆ ก่อนที่พี่ธาราจะเดินนำ
โดยจูงลูกชายตามออกไปด้วย

“เราไปดูละครเป็นเพื่อนคุณย่ากันเถอะครับ”
กริชหันมาชวน  ทุกคนจึงเดินเข้าไปจับจองที่นั่งหน้าทีวี โดยพี่ดินเดินรั้งท้ายมา
แล้วก็นั่งดูละครไปกว่าครึ่งรายการ กอหญ้าก็เผลอนั่งสัปหงกให้เห็น

“กอหญ้าขึ้นไปอาบน้ำนอนไป  ตาจะปิดแล้ว”
แผ่นดินบอกคนที่นั่งหลับให้เตรียมตัวไปนอน

“พี่ดินยังไม่ขึ้นเหรอฮะ  ฝนตกอีกแล้วนะครับ  ข้าวกลัวฟ้า”
กอหญ้างึมงำๆ เผลอพูดชื่อเล่นตัวเองออกมา  ทำเอาฐานทัพมองจ้อง

“กอหญ้าขึ้นไปก่อนนะ  ง่วงแล้ว บาย”
แล้วเจ้าตัวก็หันมาโบกมือให้กริชกับฐานทัพ  เดินขึ้นชั้นบนไป  แล้วแผ่นดินก็แอบเลี่ยง
ออกไปบ้างโดยไม่ได้บอกใคร  เขาต้องไปดูคนกลัวฟ้าเสียหน่อย

“กอหญ้าอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”
 แผ่นดินถามอยู่หน้าห้องน้ำ

“ครับพี่ดิน  อีกแป๊บจะเสร็จแล้วฮะ  พี่ก็ไปอาบก่อนไป  แล้วมานอนห้องนี้นะ  เดี๋ยวข้าวรอ”

“อืม…งั้นพี่ไปก่อนนะ”
แล้วแผ่นดินก็หันหลังเดินออกมาจากห้องของกอหญ้า



อาบน้ำเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่าจะคืนสร้อยกับจี้ให้เจ้าของไปเพราะไหนๆ เขาก็รู้แล้วว่า
กอหญ้าน่ะหายดีแล้ว  และความทรงจำก็กลับมาหมดแล้วด้วย  หากเจ้าตัวอยาก
จะบอกกับเขา  หรืออยากจะไปจากที่นี่  เขาก็คงต้องยอมอยู่ดี  ซึ่งจริงๆ เขาไม่อยาก
ให้วันนั้นมันมาถึงเลยด้วยซ้ำไป  แต่ไม่สามารถที่จะกักขังหน่วงเหนี่ยวใครไว้ได้

แม้ว่าจะรู้สึกลึกซึ้งกับอีกคนมากมายแค่ไหนก็ตามแต่  เขาไม่กล้าพอที่จะเห็นแก่ตัว
เอากอหญ้ามาอยู่ด้วยตลอดไป  แล้วแผ่นดินก็ก้าวเท้าออกไปจากห้องตัวเองเพื่อไป
หาอีกคนที่บอกว่าจะรอ





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 27 แค่เรารักกัน

แผ่นดินเปิดเข้าไปในห้องนอนของกอหญ้า  เห็นนั่งเช็ดผมที่ยาวขึ้นเยอะแล้ว
อีกเดือนก็ตัดแต่งทรงได้อย่างสวยแล้วละ  แผ่นดินเข้าไปดึงผ้ามาเช็ดต่อให้

“อาบน้ำตัวหอมอีกแล้ว  ขอหอมหน่อย  อื้ม…ชื่นใจจัง”
แผ่นดินฝังจมูกที่ซอกคอขาวและสูดลมหายใจเข้าจมูกอย่างยาวนาน

“แห้งแล้วล่ะพี่ดิน  พอเถอะ  นอนกันนะฮะ”
แล้วกอหญ้าก็ดึงผ้าไปพาดไว้ที่ราวเล็กนอกระเบียง
 
“เอ้า! นี่สมบัติเราที่ติดตัวมา  พี่คืนให้เก็บรักษาให้ดีนะ มาพี่สวมให้ครับ”
พี่ดินล้วงสร้อยคอกับจี้ที่พ่อเคยให้ไว้ขึ้นมาสวมให้และติดตะขอให้ด้วย

“ใส่แล้วดูเหมาะกับกอหญ้ามากๆ เลยล่ะ”
เครื่องประดับชิ้นนี้พอมาอยู่ที่ลำคอระหง  ดูดีจนแผ่นดินต้องเอ่ยปากชม

“เอ่อ…ครับ  มันเป็นของชิ้นเดียวที่แม่เหลือไว้ให้ข้าว  พ่อบอกเอาไว้อย่างนั้น
แล้วก็ให้เก็บรักษาไว้ให้ดีๆ ด้วย อุ๊บ!!!”

กอหญ้าเผลอเล่าออกมา  รู้ตัวก็รีบยกมือขึ้นปิดปาก แต่ไม่ทันแล้ว พี่ดินมองมาตาวาววับ

“มีอะไรจะบอกพี่มั้ยครับ  เด็กดื้อ…หื้ม”
พี่ดินรวบตัวไปกอดลูบหลังเขาขึ้นลงเบาๆ อยู่อย่างนั้น

กอหญ้าน้ำตาไหลเต็มตื้นกับความอ่อนโยนที่พี่ดินแสดงออกมา  พอถูกปฏิบัติอย่างนี้แล้ว
จะให้ไปจากกันได้ยังไง  พอนึกว่าจะต้องไปจากกันก็ร้องไห้ซบบ่าพี่ดิน

“ร้องไห้ทำไมครับ  พี่ไม่ได้ว่าอะไรเราเสียหน่อย…ตัวแสบ”
แผ่นดินพูดเสียงอ่อนโยนดังเดิม

“กอหญ้าเป็นเด็กดื้อไปแล้วนี่ไง  ตะกี้พี่ดินยังบอกเลย  ฮือฮือฮือ”
อารมณ์อ่อนไหวพาให้น้ำตารื้นขึ้นมาอีก

“ถึงจะดื้อยังไงพี่ก็รับมือเราไหวหรอกน่ะ ไม่ขี้แยสิ”
พี่ดินกระซิบที่ข้างหู

“ก็…เอ่อ…คือกอหญ้าอยากอยู่ที่นี่  อยู่กับพี่ดินไม่อยากไปไหน  ถ้าพี่ดินรู้ว่าหายดีแล้ว
ทุกคนรู้กันหมด  กอหญ้าก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี  ฮือฮือฮือ”
ร้องไห้ออกมาอีกยกใหญ่  อย่างเสียขวัญ

“คนดี…ใครบอกกัน  หายดีน่ะเป็นเรื่องที่ดี  ทุกคนรู้ก็พลอยดีใจ …หมดห่วง
แล้วใครบอกว่าจะให้ไปไหนกันครับ  พี่ต่างหากที่อยากเก็บเราไว้ที่นี่  ไม่อยากให้ไป
ทำงานแบบนั้นอีก  ทั้งเหนื่อย…ทั้งคนหลอกลวง…ยังต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวถ่ายแบบโป๊ๆ
สังคมแบบนั้นมันไม่เหมาะกับเราเลยนะ…กอหญ้า  ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ
อยู่กับพี่ที่นี่…ตลอดไป…ได้หรือเปล่า…ได้ไหมครับ”
แผ่นดินพูดแล้วจ้องตาคนตัวบางตรงหน้า  สองมือจับใบหน้าให้มองตรงมาที่เขา
เห็นน้ำตายังไหลลงมาอีกก็ใช้นิ้วมือเกลี่ยออกให้อย่างเบามือ

“กอหญ้า  อยากอยู่ที่นี่ฮะ  อยากอยู่กับพี่ดิน  ทุกวันนี้มีชีวิตรอดมาได้ก็เพราะพี่ดินช่วยไว้
กอหญ้าอยากอยู่ที่นี่ ฮือฮือฮึก”
พูดจบก็ร้องไห้ออกมาอีกอย่างหนัก

“อยู่ได้ครับ…เท่าที่ต้องการเลย  มันอาจจะเร็วไปถ้าพี่จะบอกว่า…พี่รักกอหญ้านะ
รักทั้งๆ ที่เราเป็นผู้ชาย  รักโดยมองข้ามความเป็น…ข้ามฟ้า เหนือเวหา…คนนั้น
รักที่เป็นเพียงกอหญ้า เด็กดื้อของพี่คนนี้”

“พี่ดิน  กอหญ้าก็…รักพี่ดิน…นะครับ  เราเป็นเกย์กันไปแล้วใช่ไหมครับ”
กอหญ้าพูดทั้งน้ำตา  ส่ายหน้าอย่างสับสน

“ไม่ครับ  เราแค่รักกัน  แค่นั้นเอง  คนดีรักพี่จริงๆ ใช่ไหม”
แผ่นดินมองเข้าไปที่นัยน์ตาคู่สวย

“ข้าวรักพี่ดิน…ครับ”
กอหญ้าพูดพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล

“ไม่ร้องแล้วครับ  เดี๋ยวจะปวดหัวเอานะ  นอนเถอะนะ  มากอดกันหน่อย”
พี่ดินก็จับจูงให้กอหญ้านอนลงบนหมอน ไออุ่นที่ส่งถึงกันและบรรยากาศมันพาไป
ทำเอาสองหนุ่มต่างพากันโอบกอดประกบปากจูบกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน

แผ่นดินแทรกปลายลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากอุ่นของกอหญ้า  จนเมื่อต่างฝ่ายต่างเพริด
ไปกับความหอมหวานที่ชักนำ  มือไม้ก็สำรวจร่างกายของกันและกันไม่หยุดหย่อน 

แผ่นดินซุกไซ้ขบเม้มใบหูขาวและจูบที่ต้นคอขาวและยังเผลอดูดดึงเข้าไปในปาก
สร้างรอยรักไปทั่วตามที่ริมฝีปากและลิ้นร้อนสำรวจผ่าน  มือของพวกเขาต่างลูบคลำ
แตะต้องส่งความสุขให้แก่กันจนเมื่อขีดความอดทนมาถึง  ทั้งสองก็ปลดปล่อยลาวาร้อน
เต็มฝ่ามือของอีกฝ่ายพร้อมๆ กัน

แผ่นดินกอดกอหญ้าไว้แนบอกลูบหลังให้

 “พี่ดิน…อย่าทิ้งข้าวนะ”
กอหญ้าพูดเสียงแผ่วเบาแล้วลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอก็เป็นเครื่องยืนยันว่าคนในอ้อมกอด
ได้หลับลงไปแล้ว  แผ่นดินกดจูบที่หน้าผากมน

“ทิ้งได้ไงกัน…คนนี้… รักนะครับ”
แผ่นดินพึมพำกับตัวเอง  แล้วนอนฟังเสียงลมหายใจของอีกคน จนผล็อยหลับไปด้วยอีกคน

 
กลางดึกแผ่นดินสะดุ้งตื่นเพราะความร้อนของร่างที่ตนกอด  ชายหนุ่มรีบไปหาผ้าชุบน้ำ
มาเช็ดตามเนื้อตัว

เขาสังเกตเห็นตั้งแต่หัวค่ำแล้วว่าเจ้าตัวออกจะเพลียๆ ง่วงๆ แล้วยังนั่งสัปหงกให้เห็น

ปกติกอหญ้าจะไม่หลับง่ายขนาดนี้  อากาศช่วงปลายฤดูฝนคงเล่นงานเอาเสียแล้ว
จะปลุกให้กินยาคงจะยาก  ขนาดว่าเขาจับถอดเสื้อเช็ดเนื้อตัวให้เจ้าตัวยังไม่รับรู้อะไรเลย
เขาเช็ดจนความร้อนในกายลดลงจึงเอนตัวลงนอนเคียงกัน

แผ่นดินหลับๆ ตื่นๆ เพราะคอยกังวลกับคนมีไข้จนรุ่งสาง  คิดว่าจะนอนต่อไม่ออกตรวจไร่

“พี่ดินครับ  ไม่ไปตรวจไร่เหรอครับ”
กอหญ้าตื่นมาเข้าห้องน้ำ  แล้วดูเวลาเห็นเลยเวลาที่คนตัวโตจะต้องตื่นจึงเรียกถาม
“หืม…งดครับ  กอหญ้ามีไข้เมื่อคืนนี้  พี่เช็ดตัวให้ตลอดเลยนะ  ไหนมาดูสิ…ตัวเย็นหรือยัง
ไม่ร้อนแล้วนี่นา  มานอนต่อเถอะ”
พี่ดินคว้าตัวมากอด  คลำหน้าผากซอกคอ  แล้วก็ดึงให้ลงไปนอนต่อ

“ขอบคุณนะ  ที่ดูแลกัน”
กอหญ้าพึมพำขอบคุณกับอกคนตัวโต

“ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว...เรามามอร์นิ่งคิส...กันหน่อยมั้ย”

กอหญ้าเม้มปากแน่น  กระดกหัวขึ้นจากอกพี่ดิน

“พี่ดิน  เรายังไม่ได้แปรงฟันกันเลย  ไม่เอาครับ”
มีหรือที่คนตัวผอมจะเอาชนะคนตัวโตไปได้  สุดท้ายต่างก็จูบกันอย่างดูดดื่มรับอรุณ

จนเกือบจะเลยเถิดไปไกล

“น่ารัก จนอดใจจะไม่ไหวแล้วเนี่ย  ทำยังไงดีครับ…หืม”
แผ่นดินทำตาหวานซึ้งใส่คนตัวขาวๆ

“พี่ดิน  ทำไมกลายเป็นคนหื่นไปได้เนี่ย วุ๊ย! ไปจัดการตัวเองเลยไป  นู่นห้องน้ำ ดูสิ หน้าไม่อาย”
มังกรที่พร้อมรบแต่เช้า ทำให้ถูกผลักให้ไปช่วยตัวเองในห้องน้ำ

“นิดนึง ไม่ได้เหรอครับ  นะๆ”
พี่ดินอ้อนอีก  กอหญ้าก็เลยฟาดมือไปที่แผงอกดังเพียะ  แล้วพี่ดินก็หายเข้าห้องน้ำไปนานพอดู
แถมยังแง้มประตูให้ได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมาอีก  เสียงนี่กระเส่าแถมยังเรียกชื่อเขาอีก

`บ้าจริงๆ เลย พี่ดินกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ`

กอหญ้าหน้าร้อนผ่าวลามไปที่ใบหู  ต้องเอาหน้าซุกกับหมอนหนีอาย


กอหญ้าไปอาบน้ำ  สำรวจตัวเองไปด้วย  แล้วก็หน้าหงิกกับรอยบนแผงอกและซอกคอที่ชัดเจน
เอามากๆ ไว้ใจไม่ได้แล้วสิพี่ดิน  ต้องหาเสื้อมีปกมาใส่ปิดบังรอยรัก ไม่ใช่หน้าหนาวด้วยจะใส่เสื้อ
มิดชิดได้ไงกันล่ะ เจ้าตัวโอดครวญในใจ

“พี่ดิน  ทำไมเป็นคนแบบนี้กันครับ  แล้วกอหญ้าจะมีหน้าออกไปไหนได้ล่ะ ทิ้งรอยไว้เนี่ย โว๊ะ!”
กอหญ้าเดินไปตี  คนที่นอนสบายอยู่บนเตียง
“หืม…อะไรล่ะครับ ที่รัก แค่แสดงความเป็นเจ้าของกันนิดๆ หน่อยๆ
นิดหน่อยเองครับ ไหนๆ มาให้พี่ดูหน่อย อืม…ตรงนี้ก็น่าจะมีอีกสักรอยนะ หึหึ”
แผ่นดินหยอกเย้ากลับไปอีก

“พี่ดิน!!! ไม่สำนึกอีกใช่มั้ย …หึ้ม อดไปเลยนะ”
กอหญ้าเสียงเขียว

“โอ๊ะๆ ล้อเล่นครับ ฆ่าพี่ดีกว่า ถ้าจะลงโทษกันถึงขนาดนั้นน่ะ”
พี่ดินไม่วายทำหน้าทะเล้นมาอีก เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด
 
“พี่อาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวลงไปข้างล่างพร้อมกัน”
พี่ดินพูดเสร็จก็ดึงหน้าเขาไปจูบที่หน้าผาก

“ไปเลยโอ้เอ้อยู่นี่แหละ”
กอหญ้าดันพี่ดินออกประตูไป  แล้วรีบปิดประตูห้องทันที

“แฮ่มๆ พี่ชายครับ ห้องนอนตัวเองไม่มีเหรอครับ ไปนอนเบียดคนอื่นเขาอย่างนี้น่ะ”
ฐานทัพแซวพี่ชายที่เห็นออกมาจากห้องของกอหญ้า

“อ้าว! พี่ชาย ไม่ไปตรวจเวรยามเหรอครับ สายแล้วนะ”
กริชเดินออกจากห้องนอนเห็นพี่ชายจึงทักขึ้นอีกคน

“ยุ่งน่าสองคนนี้  พี่จะไปอาบน้ำ  หลีกทางสิ!”
น้องสองคนมาขวางทางไว้  หน้าตานี่จ้องจับผิดกันจริงจัง

“อะไรครับ  ทำอารมณ์เสียไปได้  แววตามันซ่อนความรู้สึกไม่มิดนะครับ
สุขจนล้นแล้วละนั่น”
ฐานทัพกระเซ้ามาอีกง

“เออๆ ตามนั้นแหละ ล้อกันอยู่ได้ จะไปอาบน้ำ เบาๆ หน่อย เดี๋ยวกอหญ้ามาได้ยิน
พี่ตายกันพอดี ไปๆ แยกย้าย”
แผ่นดินปรามน้องๆ

“แหมๆ แววออกแล้วครับพี่ผม  ท่าจะกลัว…”
ฐานทัพพูดไม่ทันจบ  แผ่นดินก็เดินกระแทกไหล่หนีเข้าห้องไปแล้ว

“หึหึ  พี่ดิน  ชักจะมีเงื่อนงำแล้วสิ”
กริช  หัวเราะไล่หลังพี่ชายที่หลบฉากหนีพวกเขาไป

“พี่ทัพลงไปข้างล่างกันเถอะฮะ  เดี๋ยวว่าที่พี่สะใภ้เปิดมาเจอเข้า
เราสองคนก็อดได้ดูอะไรสนุกๆ กันพอดี…ไปครับ”

กริชหันมาดึงแขนพี่ชายพากันเดินลงไปชั้นล่าง







ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27
«ตอบ #51 เมื่อ30-03-2019 20:06:09 »



 :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27
«ตอบ #52 เมื่อ30-03-2019 20:55:29 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 28 เหตุวุ่นวาย 1

ที่โต๊ะอาหารกอหญ้าก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สบตาใครเลย 
เขารู้สึกว่าถูกพี่ทัพและเจ้ากริชจ้องอยู่ตลอด
“เจ้าดิน  เมื่อเช้าไม่ได้ไปตรวจไร่เหรอ”

พ่อเขตเอ่ยปากถามลูกชายคนโต  เมื่อได้เจอหน้ากันแต่เช้าตรู่แบบนี้
“ฮะพ่อ  พอดีว่าเมื่อคืนกอหญ้าไม่สบาย…ไข้ขึ้นทั้งคืนต้องคอยเช็ดตัวให้
กว่าผมจะได้นอนค่อนรุ่งไปแล้วน่ะ”
แผ่นดินบอกพ่อเขต

“อ้าว! เหรอ…อากาศเปลี่ยนล่ะสิ  แล้วนี่เป็นไงบ้าง  กินข้าวกินปลาแล้วก็พาน้องไป
หาหมอนะดิน โรงพยาบาลก็อยู่แค่นี้เอง”
เมื่อพ่อเขตพูดจบ  ทำเอากอหญ้าซาบซึ้งหัวใจที่มีคนใส่ใจ  เหมือนว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่ง
ของครอบครัวนี้อย่างนั้น

“ดีขึ้นแล้วครับพ่อเขต  เดี๋ยวกินยาแก้ไข้อีกที…แล้วนอนพักอีกหน่อยก็น่าจะหาย”
กอหญ้าบอกพ่อเขต

“อืม…งั้นก็ตามใจเราแล้วกัน  แต่ถ้ามันไม่ดีขึ้นก็ไปหาหมอด้วยล่ะ”
กอหญ้าพยักหน้า  และตักข้าวเข้าปาก

“พี่ดิน  เดี๋ยวผมไปส่งต้นกล้าเองครับเช้านี้”
ฐานทัพบอกพี่ชาย

“พี่ทัพ  ผมไปด้วย  จะไปที่ร้านน่ะครับ”
กริชร้องตาม

“งั้นก็รีบกิน  กอหญ้าล่ะ  อยากได้อะไรมั้ย  ขากลับพี่จะดูมาให้”
ฐานทัพหันไปถามกอหญ้า

“ไม่ครับพี่ทัพ  พอดีวันก่อนพี่ดินพาไปในเมืองมาแล้ว”

“ไปไหนมาไหนก็ระวังตัวกันบ้างนะ  ศัตรูเราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครที่คอยจ้องจะเล่นงาน
อย่ากลับให้มันมืดค่ำนักนะทัพ”
พ่อเขตเตือนลูกชายคนเล็ก

“ครับพ่อ  มาทันกินมื้อเย็นอยู่แล้ว”
ฐานทัพบอกพ่อ

“พี่ดิน  กอหญ้าขอไปดูไร่ด้วยคนสิครับ”

“นี่ๆ คนป่วยใครเขาให้ออกไปตากแดดตากลมกัน  มาอยู่เป็นเพื่อนย่าเลย”
คุณย่ารีบพูดขัดขึ้น

“นั่นสิ! คุณย่าพูดถูก  เดี๋ยวไข้ก็กลับมาอีกหรอก ไว้หายดีก่อนค่อยไป”
แผ่นดินหันไปทำตาดุใส่  กอหญ้าก็เลยตักข้าวเข้าปาก  ไม่กล้าพูดอะไรอีก

`ใครๆ เขาก็มีงานทำแล้วก็มีที่ไปกันทั้งนั้น  เราต้องเป็นคนไร้ประโยชน์
อยู่คนเดียวเลย เห้อ!`


ตอนสายของวันแผ่นดินก็เข้าไร่  ก่อนไปยังหันมากำชับกอหญ้าไม่ให้ทำ
อะไรอีกด้วย  แถมยังส่งเจ้าเพชรให้มาคอยเฝ้าด้วย  ของานคุณนนท์ก็ไม่ยอมให้ทำ
คงถูกสั่งห้ามมาละมั้ง

สุดท้ายกอหญ้าต้องดูทีวีเป็นเพื่อนคุณย่าแล้วก็เล่นกับน้องใบข้าวบ้างเท่านั้น   

คะน้าโทรบอกกอหญ้าว่าอยู่ที่สนามบินแล้ว  กำลังจะเดินทางมาที่ไร่  และที่สำคัญมี
น้าช่อแก้วตามมาอย่างกับเงาตามตัว

กอหญ้าได้ฟังก็ร้อนใจจึงรีบโทรหาแผ่นดิน

“ฮัลโหล  พี่ดินครับ  พี่คะน้ากำลังจะมาที่ไร่  มากับแม่เลี้ยงของกอหญ้าด้วยสิครับ
พี่ดินกลับมาบ้านก่อนได้ไหมครับตอนนี้ ”
กอหญ้าพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

(ได้ๆ รอพี่แป๊บนึง  จะไปเดี๋ยวนี้  ใจเย็นๆก่อนนะ)
 พี่ดินวางสายไปแล้วแต่กอหญ้าก็ยังเดินเป็นหนูติดจั่น  เขาร้อนใจเอามากๆ แล้วตอนนี้

“คุณกอหญ้าเป็นอะไรไปฮะ  ทำไมหน้าเครียดอย่างนั้น  ปวดหัวตัวร้อนอีกหรือเปล่าครับ”
ชานนท์ปรี่เข้ามาทักเมื่อเห็นความผิดปกติในสีหน้าของกอหญ้า

“เอ่อ…มีเรื่องไม่สบายใจน่ะคุณนนท์  นี่ผมรอพี่ดินอยู่ครับ
เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังพร้อมๆ กันเลยนะครับ”
กอหญ้าพูด  สีหน้าไม่ดีเอาเลย

“ถ้างั้น  คุณกอหญ้านั่งลงก่อนครับ  ทำใจเย็นๆ นะครับ  ทุกปัญหามีทางออก  นายดินเก่งออก
คงจะช่วยคุณได้ครับ  เพชรๆ ไปหาเครื่องดื่มหวานๆ เย็นๆ มาให้คุณกอหญ้าสักแก้วสิจะได้สดชื่นขึ้น”
ชานนท์พูดปลอบใจกอหญ้าที่ดูกระวนกระวาย และหันไปสั่งงานเพชร  เด็กหนุ่มรีบเร่งไปจัดการให้ทันที

“ขอบคุณครับ…ที่ดูแลกัน”
กอหญ้าฝืนยิ้มให้ชานนท์  แล้วจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้สุด

“ไม่เป็นไรมีอะไรบอกผมได้  ไม่ต้องเกรงใจนะฮะ”
ชานนท์ส่งยิ้มกลับไปให้ แล้วเพชรก็นำน้ำส้มคั้นมาวางให้ตรงหน้า

“ดื่มหน่อยเถอะครับ  จะได้สดชื่น”
กอหญ้าจึงหยิบขึ้นมาดื่ม  รสชาติเปรี้ยวอมหวาน  ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ
อย่างที่คุณนนท์บอก

“นั่น! นายดินมาแล้วครับ  เดินหน้าตาตื่นมาเลย  สงสัยจะเป็นห่วงน่าดู  อุ๊บ!!!
ขอโทษครับ  ปากไวไปหน่อย”
ชานนท์พูดไปตามที่คิด  ทำเอากอหญ้าหน้าขึ้นสีระเรื่อ

ชานนท์ดูออกแล้วว่าคู่นี้เขาห่วงกันจริงจัง  แบบพิเศษเสียด้วยสิ

“มีอะไรหืม…หน้าเครียดจัง  ยังมีไข้อีกหรือเปล่า  มาพี่ตรวจดูหน่อ ย อื้ม…ตัวไม่ร้อนแล้วนี่”
พี่ดินมาถึงก็ฉวยมือไปกุมก่อน  แล้วก็ใช้หลังมืออังที่หน้าผากและลำคอ  ไม่สนใจชานนท์
ที่ยืนมองตาใสอยู่ใกล้ๆ

“พี่ดิน  กอหญ้าจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่ปิดบังไว้ให้คุณย่ากับคุณพ่อและทุกคนฟังครับ
ก่อนที่น้าช่อและพี่คะน้าจะมาถึง …ก่อนที่ท่านจะไปรู้จากปากคนอื่น”
กอหญ้าพูดด้วยสีหน้าที่ตื่นๆ และน้ำเสียงที่ร้อนรนเอามากๆ แผ่นดินเห็นแล้วก็สงสาร
ยกมือขึ้นลูบหัวอย่างอ่อนโยนในแบบที่ชอบทำ

“ได้สิ…ถ้ากอหญ้าพร้อม  นั่น! คุณพ่อมาพอดี  เพชรๆ ไปเชิญคุณย่ามาที่ห้องนั่งเล่นที
บอกท่านว่าคุณกอหญ้ามีเรื่องสำคัญจะเรียนให้ทราบ  แล้วก็ไปตามคนอื่นๆ มาด้วย”
แผ่นดินหันไปบอกเพชร  เด็กหนุ่มเห็นสีหน้าของคุณกอหญ้าและนายดินแล้วจึงรีบ
จนเท้าแทบขวิดกัน

“อ้าว! เจ้าดิน ชานนท์  มีเรื่องอะไรกัน  หนูกอหญ้าด้วย  ใครเป็นอะไรหรือเปล่า”
พ่อเขตเดินเข้ามาเห็นสีหน้าตื่นๆ ของกอหญ้า

“เอ้อ… กอหญ้ามีเรื่องจะบอกพ่อเขตกับคุณย่าแล้วก็ทุกๆ คนน่ะครับ  เชิญที่ห้องนั่งเล่นดีกว่าครับ”
กอหญ้าเอ่ยปากบอกประมุขของบ้าน

“อื้ม… เอาสิ! คงไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายนะ  คนแก่จะหัวใจวายเสียเปล่าๆ”
พ่อเขตพูดขึ้น  สีหน้าก็ออกจะเล่นๆ เสียมากกว่าจะจริงจัง

“พ่อน่ะ  พูดเป็นเล่นไปครับ  มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก  ไปชานนท์ย้ายเข้าไปฟังพร้อมๆ กัน”
แผ่นดินอดไม่ได้ที่จะขัดพ่อ  ด้วยเห็นท่านไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร


ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว  กอหญ้าคลานเข้าไปกราบที่ตักของพ่อเขตและคุณย่า
ก่อนจะกอดเอวคุณย่าไว้

คุณย่ามีสีหน้าตกใจที่เห็นการกระทำของกอหญ้า  แล้วท่านจึงเชยคางของเขาขึ้น  สบตากับเด็กหนุ่ม

“อะไรกันลูก  มีอะไร  ใครทำอะไร  นี่ไม่สบายใจอะไรบอกย่าสิ  พี่ดินรังแกหรือเปล่า?”

คุณย่าพูดด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร  ใจดีไม่เปลี่ยน  ทำเอากอหญ้าตื้นตันน้ำตาคลอ

“กอหญ้าความทรงจำกลับมาแล้วฮะคุณย่า  จำทุกอย่างได้หมดแล้ว
และรู้ว่าตัวเองเป็นใครด้วยครับ  ขอบคุณพ่อเขตและคุณย่า  โดยเฉพาะพี่ดิน
แล้วก็ทุกๆ คนที่ให้ความช่วยเหลือดูแลด้วยใจจริง  กอหญ้าจะไม่มีวันลืมน้ำใจ
ของคนบ้านนี้เลยครับ  มีอีกเรื่องที่อยากจะบอกให้ทุกคนทราบ  คือว่าผม…เอ่อ
…ผมคือข้ามฟ้า เหนือเวหาครับ  ต้องขอโทษด้วย…ที่ปิดบังไม่บอกให้ทุกคนทราบ
อย่าโกรธเลยนะครับ”

กอหญ้าพูดไปด้วยน้ำตาที่ปริ่มๆ ดวงตาก็เริ่มหยด

“นี่ๆ พูดจริงเหรอหนูกอหญ้า ไม่ใช่ล้อย่าเล่นนะ  พ่อข้ามฟ้าของย่าจริงๆ ใช่ไหม
โธ่ๆ….ลูก….ช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ย่าไม่โกรธหรอกลูก  หายดีก็ดีแล้วล่ะ
คุณพระคุ้มครองนะลูก  มาให้ย่ากอดให้ชื่นใจอีกทีสิ  ไม่ต้องมาร้องไห้เลย
จะร้องทำไมกัน  ย่าไม่ได้ว่าอะไรเราเลยนะ  นี่ๆ…ชื่นใจคนแก่จริงๆ”
คุณย่าทั้งกอดทั้งหอม  ลูบเนื้อลูบตัวไม่หยุด

“เหอะๆ พ่อไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่ะเจ้าดิน  แถมยังเป็นพ่อดาราดัง
คนนั่นของคุณย่าแกอีกด้วย”
พ่อเขตทำหน้าตาแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“คุณกอหญ้า  ทำผมเซอร์ไพรส์หนักมากๆ ตัวเป็นๆ เลยนะครับเนี่ย
โอย…ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแล้วล่ะ”
ชานนท์ทำมือทำไม้แบบตกประหม่าเอามากๆ เห็นแล้วก็น่าตลกปนน่าเอ็นดู
จนกอหญ้าต้องส่งยิ้มไปให้ทั้งที่น้ำตายังคลอตา

“โหๆ ป้าก็โชคดีจริงๆ ได้ทำอาหารให้พ่อข้ามฟ้าทานด้วย  แกด้วยสินะยิ้มไม่หุบเลย
เจ้าเพชร! ได้ดูแลทำนู่นหยิบนี่ให้เขาน่ะ”
ป้าสายยิ้มแป้นพูดเป็นต่อยหอยเลย

“โธ่! ป้าสาย  ผมก็ปลื้มดาราเป็นเหมือนกันนี่ฮะ”
เพชรโต้กลับ  สีหน้าดูตื่นเต้นไม่ต่างจากคนอื่นๆ

“นี่เจ้ากริชกับเจ้าทัพ  เห็นทีว่ามันจะได้รู้ทีหลังอีกตามเคย  ฮ่าฮ่า ว่าเขาไว้เยอะเลยเจ้าทัพน่ะ
พ่ออยากเห็นหน้ามันจริงๆ ตอนที่ได้รู้ความจริงน่ะ ชักสนุกแล้วสิ ฮ่าฮ่าฮ่า”
พ่อเขตหัวเราะร่วนกว่าที่เคยได้ยิน

“ไม่มีใครโกรธกอหญ้าเลยเหรอครับ…เอ่อ…ขอผมใช้ชื่อที่พี่ดินตั้งให้นะครับ
ยังไงผมก็ยังเป็นกอหญ้าสำหรับทุกคนเหมือนเดิม”
กอหญ้าหันไปมองทุกคนที่ไม่มีใครโกรธเขาเลยสักคน  สีหน้าแต่ละคนมีแต่
ความปลาบปลื้มยินดีส่งมาให้

“พ่อคุณของย่า  ใครจะไปโกรธลงล่ะ  หมดเคราะห์หมดโศกกันเสียทีนะลูก”
คุณย่าพูดปลอบแล้วก็ลูบหลังเด็กหนุ่มไม่หยุดดังเดิม

“ผมมีเรื่องจะบอกคุณย่ากับพ่อด้วยครับ  คือผมกับกอหญ้า…เรารักกัน…ครับ”
แผ่นดินถือโอกาสนี้เปิดเผยเรื่องของเขาสองคนให้คนในบ้านรับรู้ไปด้วย

“ห๊ะ! เจ้าดิน! แกๆ พูดอะไรออกมาว่ะ! พวกแกก็ผู้ชายกันไม่ใช่หรือไง”
พ่อเขตตกใจ  ทำเอากอหญ้าหน้าเจื่อนลงไปทันตาที่เห็นท่าทีของพ่อเขต

“เอ้า!!! ดีสิ  ดีเลยล่ะ  เจ๋งนี่เจ้าดิน  ย่าบอกแล้วว่าถ้ามีหลานสาวจะยกให้พ่อข้ามฟ้า
เอาๆ หลานชายก็ยกให้ได้เหมือนกันแหละนะพ่อคุณ  คนกันเองแล้วนะทีนี้”
คุณย่าดีอกดีใจที่จะได้เกี่ยวดองกันอย่างที่ท่านมุ่งหวัง  สีหน้ามีความสุข

“เอ่อ! พ่อก็…ไม่ได้จะรังเกียจหรืออะไรหรอกนะ…แค่แปลกใจ…อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ
กอหญ้าเอ๊ย! พ่อไม่ได้จะห้ามหรือว่าอะไร”
พ่อเขตพูด  ปรับสีหน้าใหม่  ท่าทีตกอกตกใจเมื่อครู่ผ่อนลง  เพราะเห็นสีหน้าที่เจื่อนๆ
ของทั้งลูกชายกับคนรัก

“เซอร์ไพรส์อีกแล้วสิครับ โอย…นายดินกับคุณกอหญ้า…รัก…กัน หึ! มิน่าล่ะ!…นายดินถึงเชียร์ผม
กับนายคมกฤชเสียจริง  จะหาพวกนี่เอง หึหึ”
ชานนท์เผลอปาก แต่ไหนๆ ก็หลุดปากไปแล้วก็เลยพูดจนหมด

“เออ! แกไม่ต้องมาทำเป็นขำเลยเจ้านนท์  ถึงตาของแกบ้างเถอะ
จะขำไม่ออก! คอยดูเอาละกัน”
แผ่นดินหันไปขึงตาใส่ชานนท์ที่ทั้งขำและจิกกัดเขาเข้าด้วย

“ตกลงพวกผมเป็นแฟนกันแล้วนะ  คุณย่ากับพ่อรับทราบกันแล้วนะทีนี้”
แผ่นดินพูดแล้วก็ดึงกอหญ้าให้ขึ้นมานั่งที่โซฟา  สีหน้าระรื่นยิ้มปากจะฉีกถึงใบหูด้วยซ้ำ
ทำเอาพ่อเขตนึกหมั่นไส้ลูกชายคนโต

“ข่าวนี้ก็อย่าให้มันหลุดรอดออกไปข้างนอกกันนะ…ทุกคน  ไม่อย่างงั้นนักข่าวแห่กันมา
แน่นไร่ของเราแน่  ช่วยๆ กันปิดไว้ก่อนล่ะ”
พ่อเขตเอ่ยปากกำชับคนในบ้านไม่ให้ข่าวหลุดออกไป  เมื่อประมุขของบ้านพูดอย่างนั้น
ทุกคนจึงรับคำว่าจะไม่แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด  กอหญ้าจึงมีสีหน้าดีขึ้น


กอหญ้าบอกคุณย่าและคุณพ่อด้วยว่าแม่เลี้ยงของเขากับผู้จัดการส่วนตัวกำลังจะมาที่นี่
และเขาจำเป็นต้องแสดงออกมาว่าความจำยังไม่กลับมาไปก่อน  เพื่อตบตาแม่เลี้ยงที่จ้อง
จะหาประโยชน์กับเขาตลอดเวลา  ทุกคนเข้าใจและพากันเห็นใจเด็กหนุ่มที่มีแม่เลี้ยงแย่ๆ แบบนั้น











ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: ข้ามฟ้ามาสู่ดิน ตอนที่ 26,27
«ตอบ #54 เมื่อ30-03-2019 22:29:34 »

 o13
 :L1:
 :pig4:

ออฟไลน์ เส้นขอบฟ้า

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
ตอนที่ 29 เหตุวุ่นวาย 2

เวลาที่รอคอยก็มาถึง  เมื่อคะน้ากับช่อแก้วก้าวเท้าลงมาจากรถ
เหยียบย่างลงบนผืนไร่เขตแผ่นดิน

“โอ้โห!!! บ้านช่องใหญ่โตท่าทางข้าวคงจะไม่ลำบากสินะอยู่ที่นี่
เป็นตั้งดาราดัง  จะมาตกอับได้ยังไงกัน  จริงไหมคะน้า"
น้าช่อมาถึงก็จับหมุนสำรวจตามเนื้อตัวแขนขาของกอหญ้าเป็นการใหญ่
ดูวุ่นวายไปหมด  จนกอหญ้าชักจะวิงเวียน

“ขอโทษทีครับ…คุณเป็นใคร?”
กอหญ้าเริ่มสวมบทละครทันที  และปัดมือน้าช่อออกจากจับต้อง

“เอ่อ…คือน้าช่อแก้ว  แม่เลี้ยงใจยักษ์  เอ๊ย!! น้าช่อ…ที่เลี้ยงกอหญ้ามาจนโต
ด้วยเงินคุณพ่อที่ทำประกันชีวิตไว้ให้เราไงล่ะ อุ๊ย! พูดผิดอีกแล้ว… สรุปว่าเขา
เลี้ยงเรามาจนโต  เข้าใจนะกอหญ้า”

คะน้าอดที่จะเหน็บแนมช่อแก้วไม่ได้ด้วยความหมั่นไส้  เธอจึงจัดไปแบบเบาๆ
ซึ่งทำเอาคนโดนแขวะหน้าเชิดคอตั้งขึ้นมาทันที

“แล้วนี่เมื่อไหร่จะหายล่ะ  จะได้กลับไปทำงานทำการเสียทีหายตัวมาจะครึ่งปี
แล้วงานการจะหายหมด  อีกอย่างน้าก็จะอดตายแล้วด้วย…เจ้าหนี้ตามทวงเช้า
ทวงเย็น  จนน้าไม่เป็นอันกินอันนอน  หายสักทีเถอะนะ…ข้าว  น้ากำลังเดือดร้อน”

แผ่นดินมองผู้หญิงที่เข้าสู่วัยกลางคนแต่แต่งตัวจัดจ้าน  ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมก็ดูดีไม่เบา
แต่คำพูดที่เปล่งออกมามีแต่ความเห็นแก่ได้…กอหญ้าถูกสูบเลือดสูบเนื้อขนาดนี้…
เห็นแล้วก็สงสาร

“สรุปที่คุณน้ามาที่นี่  ด้วยเป็นห่วงลูกเลี้ยง  หรือเป็นห่วงตัวเองกันแน่”
แผ่นดินพูดเสียงแข็ง  อย่างที่ไม่ยอมใครง่ายๆ ช่อแก้วมองชายหนุ่มที่ไม่มีทีท่า
จะลงให้ใครแล้วก็ถอยไปหาคะน้า

“อ่อ…คนนี้สินะที่ช่วยข้าวไว้น่ะ  หน้าตาก็ดีแต่พูดจาไม่มีสัมมาคารวะ
ข้าวเป็นลูกเลี้ยงฉันกว่ามันจะโตมาได้ขนาดนี้  ฉันนี่หมดเงินกับมันไป
เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว  เป็นแค่คนอื่น…อย่ามาทำพูดดี  คะน้าไหนๆ
เราก็มาถึงนี่แล้ว  พาข้าวกลับกรุงเทพฯเดี๋ยวนี้เลย  ฉันเดือดร้อนต้อง
ใช้เงินให้มันไปรับงาน”

ช่อแก้วไม่มีทีท่าจะผ่อนปรนให้ใคร  แถมยังกล้าพูดจาค่อนขอดชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตลูกเลี้ยงของเธอไว้อีก

“น้าช่อ  หนี้สินนั่นน่ะ  มันเกี่ยวกับข้าวซะที่ไหน  อย่าได้ขูดรีดน้องมันนักเลย
ตอนนี้ยิ่งข้าวเป็นแบบนี้ด้วย  สมองยังเสื่อมจะไปรับงานอะไรไหว  น้าช่อก็เลิกเล่น
ซะทีการพนันน่ะ  ไม่สงสารข้าวมันบ้างหรือไง  ผอมจะตายอยู่แล้วเห็นใจบ้างไหม
ทั้งขูดทั้งรีดจนจะเหลือแต่กระดูกแล้ว  จะให้น้องมันตายๆ ไปเลยหรือไงกันถึงจะพอใจ
ไม่ใจร้ายใจดำเกินไปหรือ”

คะน้าเถียงกลับอย่างเหลืออดที่เห็นความใจดำของช่อแก้ว

เมื่อโดนตอกกลับขนาดนั้นช่อแก้วโกรธจนปากคอสั่นอ้าปากจะเถียงกลับ แต่หาจังหวะไม่ได้

“อะไรกันครับ  พี่คะน้า  ผมมีหนี้กับใครด้วยเหรอ”
กอหญ้าพูดขึ้นบ้างจากที่ฟังมานาน

“ข้าวจะไปมีหนี้ได้ยังไงกันล่ะ  ไม่เคยแม้แต่จะซื้อหาอะไรให้ตัวเองเลย
อย่าไปฟังน้าช่อแกเลย”
คะน้าพูดให้กอหญ้ารับรู้  ซึ่งเป็นการเล่นละครฉากใหญ่อีกเหมือนกันของเธอ

“แต่น้าเลี้ยงแกมานะข้าว  จะเนรคุณ! ไม่คิดช่วยเหลือกันเลยรึไง  คนกำลังเดือดร้อน
กลับกรุงเทพฯกันนะ  เดี๋ยวน้าหางานให้เอง  น้ารู้จักคนเยอะแยะไป  เสี่ยกระเป๋าหนักๆ
ก็เยอะที่เขาอยากได้เรานะ  ทั้งคุณหญิงคุณนาย  หลับหูหลับตาไปนั่งกินข้าวด้วยสัก
ชั่วโมงสองชั่วโมง…ขี้คร้านข้าวอยากจะได้อะไรพวกนั้นก็ประเคนให้แล้วละ  กลับไปกับน้านะข้าว”

แม่เลี้ยงอ้อนวอนโดยชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาพูด  จากทีแรกที่ต่อว่าต่อขาน  กลายมาเป็นวิงวอนในตอนท้าย

“นี่ยัยแม่เล้า! คิดจะขายลูกกินหรือไง  อ่อ! ไม่ใช่ลูกตัวเองนี่นะ  พูดแต่ละคำไม่มีอายปาก
ไปขายหนังเหี่ยวๆ ของตัวเองนู่นไป…คงจะมีคนหลับหูหลับตาเอาอยู่หรอก ทุเรศ! สิ้นดี
อย่าได้มายุ่งวุ่นวายกับกอหญ้าของผม! ไม่งั้นอย่าหาว่าผมโหดร้ายนะถ้าขืนไม่ฟังกัน
ชานนท์ไปตามมิ่งกับขวัญมาที…พาผู้หญิงหน้าเงินนี่ไปให้พ้นๆ ไร่เราด้วย หรือจะพาไปทิ้ง
ให้เสืองาบก็เอาไป”

แผ่นดินโมโหอย่างหนัก  หน้าดำหน้าแดงแล้ว  ใครจะทนฟังได้วาจาที่หล่อนพูดมีแต่ได้
…แถมคิดจะเอาคนรักของเขาไปบำเรอพวกเสี่ยอีก  คิดมาได้จิตใจต่ำสิ้นดี

“พี่ดินครับ ใจเย็นๆ นะฮะ  กอหญ้าไม่ไปกับเขาแน่นอน  กอหญ้าจะอยู่ที่นี่กับพี่”
กอหญ้ากอดแขนแผ่นดินไว้แน่น

“นี่แกอย่าบอกนะ! ที่ไม่อยากกลับไปกับฉันเพราะมาหลงผู้ชายอยู่ที่นี่  ใช่มั้ยคะน้า!
เธอก็รู้เห็นเป็นใจด้วยรึไง! เหอะ! ถ้าข่าวนี้หลุดออกไป ได้งามหน้ากันแน่ๆ ดาราขวัญใจ
ประชาชน ข้ามฟ้า  เหนือเวหา…เป็นเกย์”
เธอหันมาพูดจาว่าร้ายกอหญ้าต่อทันที

“อะไรกัน  ยัยแม่เลี้ยงใจยักษ์  กอหญ้านี่เป็นหลานฉัน  เขาจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับหล่อน
เก็บปากเน่าๆ ของหล่อนไว้กินข้าวเถอะ  ดินพาน้องไปพักก่อนไป  เพิ่งหายไข้ไม่ใช่เหรอ
อย่าได้ใส่ใจยัยหน้าเงินนี่เลย  แล้วนี่มิ่งกับขวัญมาหรือยัง ใครไปดูทีสิ”
คุณย่ายุติปัญหาตรงหน้าลงทันที

“ดิน  พาน้องไปสิ  ที่เหลือพ่อจัดการเอ ง นั่นมิ่งกับขวัญมาแล้ว  คุณคะน้าอยู่ก่อนนะ
พักห้องเดิมนั่นแหละ...เดินทางมาเหนื่อยๆ…ไปพักกันไป”
พ่อเขตเข้ามาจัดการอีกคน  ทำเอาน้าช่อแก้วหน้าตาตื่นที่ทุกอย่างไม่เป็นไปในทิศทาง
ที่เธอต้องการ  ลูกเลี้ยงก็ตามตัวกลับไปด้วยไม่ได้  แถมเจ้าของบ้านยังไม่ต้อนรับอีก
คะน้าก็ลอยแพเธอจนได้กลางป่ากลางเขาด้วยสิ

“นายเขต  มีอะไรให้มิ่งจัดการครับ  สั่งมาได้เลย”
มิ่งกับขวัญเดินเข้าบ้านมา  มิ่งสีหน้าเอาเรื่องกว่าขวัญที่ออกจะนิ่งๆ เสียมากกว่าพี่ชาย

“มิ่งกับขวัญ  พาแม่ผู้หญิงหิวเงินนี่ไปจากไร่ที  เขาอยากจะลงตรงไหนก็ปล่อยเขานะ
แต่ให้พ้นเขตไร่เราออกไปเยอะๆ ยิ่งดี”
พ่อเขตออกคำสั่ง  ซึ่งน้อยครั้งที่ท่านจะลงมือจัดการอะไรแบบนี้  ทำเอาแผ่นดินปลื้ม
ในอกที่ท่านดูเอาใจใส่เรื่องของกอหญ้าเสมือนเป็นลูกหลานที่ใครจะมารังแกไม่ได้

“เอ้า! ตามมาสิ  หรือต้องให้คนมาหามออกไป”
มิ่งทำหน้าโหดใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญของไร่

“พวกแก!!! คอยดูนะ  มันไม่จบง่ายๆ แบบนี้  แล้วเราจะได้เห็นดีกัน  คอยดู!!
ไม่ต้องมาจับฉัน!! ปล่อย!!”
ช่อแก้วเดินปึงปังออกไป  ทิ้งสายตาอาฆาตไว้ก่อนจะไปขึ้นรถที่ขวัญเป็นคนขับ
ส่วนมิ่งนั่งประกบคู่ไป

“หน้าตาก็จัดว่าดี  ทำตัวไร้ค่าจริงๆ พ่อเราไปคว้ามาทำเมียได้ยังไงหน้าเนื้อใจเสือแบบนี้
คนประเภทนี้ต่อให้เราดีด้วยแค่ไหนก็ไม่เป็นผลหรอกนะกอหญ้า  ระวังเนื้อระวังตัวไว้บ้าง
เข้าตาจนขึ้นมาได้ถูกจับไปบำเรอเสี่ยอย่างปากหล่อนพูดแน่ๆ”
พ่อเขตพูดพาดพิงไปถึงบิดากอหญ้าที่เลือกผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยา  จนกรรมตกอยู่ที่
กอหญ้าอย่างนี้  และเตือนกอหญ้า ด้วยความปรารถนาดี

“ย่าว่าเราก็ต้องระวังให้มากอย่างที่พ่อเขตบอกนั่นแหละ  อย่าไปข้องแวะด้วยเลยคนพรรค์นั้น
รังแต่จะเปลืองเนื้อเปลืองตัวและพลอยทำเราตกต่ำเปล่าๆ โตมาได้จนขนาดนี้และรอดปากเหยี่ยว
ปากกาได้ก็นับว่าเป็นบุญมากแล้วลูกเอ๊ย! เฮ้อ…”
คุณย่ารำพึงรำพันไม่หยุด

“น่าสงสารคุณกอหญ้าจริงๆ เลยนะ  อยู่กับเราซะที่นี่  ก็ดีแล้วล่ะครับผมว่านะ”
ชานนท์พูดขึ้นอย่างเป็นห่วงด้วยอีกคน

“ค่อยๆ คิดกันอีกทีก็แล้วกัน  เรายังมีสัญญาที่ติดค้างกับต้นสังกัดอยู่…ยังไงก็ต้องกลับไป
ทำงาน  ถ้าจะออกจากวงการค่อยว่ากันอีกที  พี่ไม่บังคับเราหรอกนะข้าว”
พี่คะน้าพูดให้เห็นว่าสุดท้ายก็ต้องกลับไปทำงานอยู่ดี

“ขอบคุณพี่คะน้ามากๆ ที่ดูแลข้าวมาตลอด  ข้าวจะคิดดูอีกทีก็แล้วกัน
อาจจะต้องกลับไปสะสางงานให้จบสิ้นจริงๆ อย่างที่พี่ว่า …ข้าวก็เหนื่อย
มาเยอะแล้วเหมือนกัน…อยากอยู่เงียบๆ เป็นคนธรรมดาๆ แค่มีที่ให้หลับให้นอน
มีข้าวให้กิน…แค่นี้ข้าวก็พอแล้ว”
กอหญ้าพูดออกมาจากใจ  สายตาที่เหนื่อยล้าปรากฏให้เห็นเด่นชัด
จนแผ่นดินต้องเข้าไปโอบบ่าให้เอนศีรษะซบที่ไหล่ของเขา  คนน่าสงสารก็ไม่มีขัดขืน
คงเหนื่อยและท้อเต็มที

“ที่นี่ยินดีต้อนรับนะลูก  มาอยู่เสียด้วยกัน…มาเป็นครอบครัวเดียวกัน  ย่ากับพ่อเขตน่ะ
เต็มใจอย่างยิ่ง  ส่วนเจ้าดินมันเต็มใจเสียยิ่งกว่าอะไรอีก  จริงมั้ยล่ะเจ้าดิน?”
คุณย่าออกปากรับเขาเข้ามาร่วมชายคาก่อนคนแรก

“ฮะคุณย่า  ยินดีและเต็มใจที่สุด”
แผ่นดินลูบหัวกอหญ้าโดยไม่แคร์สายตาทุกคู่ที่มองมา  โดยเฉพาะผู้จัดการสาว
ที่มองจ้องคนทั้งคู่จนตาแทบหลุด

“นี่…ข้าว นาย…เอ่อ…พี่ตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า  สองคนนี้เอ่อ…..”
พี่คะน้าชี้มาที่เขาสองคนอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตาเห็น

“ครับพี่คะน้า  เราสองคน…รักกัน”
กอหญ้าพูดแล้วก้มหน้าไม่กล้าสู้ตาผู้จัดการส่วนตัว

“นี่ข้าวของพี่ลืมยัยไอริณ ไปแล้วเหรอไง?”
คะน้าถามกลับทันควัน  ทีแรกที่คุยกันฟังเหมือนยังสับสนอยู่
แต่ตอนนี้เหมือนจะตกลงปลงใจกันแล้ว

“เอ่อ…ข้าวไม่เห็นจะจำได้ว่าเคยชอบขิมนะ พี่คะน้า”
กอหญ้าพูด  แววตาไม่มีลังเลสักนิด

“ช่างกล้าพูดนะเรา…มาถึงเชียงใหม่ ไม่ใช่เพราะโดนหักอกมาหรือไงกันจ้ะ”
คะน้าค่อนแคะ  อย่างมันเขี้ยว

“อ้าว! นั่นเจ้ากริชกับเจ้าทัพ  ทำไมกลับมาเร็วจั ง แตงโมน้องตื่นหรือยังไปดูทีสิ
แล้วก็แม่สายไปเตรียมทำครัวเลยไป  วันนี้กินข้าวเย็นกันเร็วหน่อยนะ  ฉันใช้พลังไปเยอะ
หิวแล้วเนี่ย”
คุณย่าบ่นหิว

“เดี๋ยวแก้วไปจัดของว่างมาก่อนดีกว่านะคุณท่าน  รอแป๊บนะคะ”
สาวใช้อาสาไปเตรียมของว่าง

“เออ ดีๆ ไส้ฉันก็จะบิดแล้วเหมือนกัน”
พ่อเขตก็บ่นหิวขึ้นมาอีกคน

“มีอะไรกันครับทุกคน  เหมือนผมกับน้องจะตกข่าวสำคัญอะไรไปอีกแล้วนะครับ
แลจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยรอบนี้”
ฐานทัพเดินเข้ามาเห็นทุกคนอยู่กันครบ  ไม่เว้นแม้แต่แม่ครัว

“พี่คะน้า  สวัสดีฮะ  มาถึงนี่เลยนะฮะ”
กริชทักทายคะน้า  แปลกใจที่พบว่าเธอรวมอยู่ในกลุ่มคนที่บ้านด้วย

“แน่นอนจ้ะ  น้องกริช  คนของพี่อยู่ที่ไหนพี่ก็ต้องตามไปดูแลสิคะน้อง”
คะน้าจีบปากตอบเด็กหนุ่ม  เธอก็เพิ่งรู้จากกอหญ้าว่ากริชบังเอิญกลายมาเป็น
เครือญาติกับคนที่ไร่นี้

“อ้อ…แล้วนี่พี่ฐานทัพน้องชายพี่ดินฮะ/// แล้วนี่ก็พี่คะน้า เป็นผู้จัดการส่วนตัวของ
คุณข้ามฟ้า เหนือเวหา  ครับพี่ทัพ”
กริชแนะนำพี่คะน้าให้พี่ทัพรู้จัก  ทำเอาพี่ทัพเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ  คุณคะน้า  แล้วนี่คุณรู้จักกับเจ้ากริชด้วยเหรอ…คุณดาราขวัญใจ
เจ้ากริชมาด้วยหรือเปล่าล่ะครับ  ถ้ามาผมจะขอถ่ายรูปคู่สักหน่อย  อีกอย่างคุณย่าของ
ผมจะได้เห็นเสียทีว่าผมก็หล่อไม่แพ้พ่อพระเอกของท่านเลยล่ะ”
กริชพูดขึ้น  ทำเอาคะน้าพอจะมองรูปการออกว่าชายหนุ่มหน้าตาคมคายคนนี้
คงไม่ได้รู้ระแคะระคายอะไรเลยเกี่ยวกับดาราในสังกัดของเธอ

คะน้ายิ้มกริ่มนึกอยากจะแกล้งหนุ่มหล่อคนนี้ขึ้นมา

“งั้นเหรอคะคุณฐานทัพ  อืม…เอายังไงดีน๊า…ข้าวถ่ายรูปกับคุณฐานทัพสักรูปสิน้อง
พี่ไม่เรียกเก็บค่าตัวจากคุณฐานทัพหรอก  ฟรีค่ะงานนี้…คนกันเองนี่นะ”
คะน้าพูดแล้วก็ยิ้มกว้าง  หันไปพูดกับกอหญ้า

“ใจดีจังฮะ  แล้วไหนล่ะคุณข้ามฟ้าน่ะ  ผมชักจะตื่นเต้นแล้วสิครับ”
ฐานทัพหันมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นวี่แววของคุณข้ามฟ้า

'แต่เอ๊ะ! คุณคะน้าหันไปบอกกับกอหญ้าทำไม  เอ….เกี่ยวอะไรกับกอหญ้าด้วยล่ะ'

“ข้าวไปแอบอยู่ด้านหลังพี่ดินทำไมกันล่ะ ออกมาสิ! มาถ่ายรูปกับน้องชายคุณดินเขา
หน่อย เร็วจ้ะ”
คะน้ากระเซ้า เพราะน้องชายคุณดินคนเดียวที่ยังไม่รู้ว่ากอหญ้าคือข้ามฟ้า น่าแกล้งสุดๆ ไปเลย

“พี่คะน้า! อย่าไปแกล้งพี่ทัพสิฮะ  เราไปทานของว่างกันดีกว่า  พ่อเขตกับคุณย่าบ่นหิวกันแล้วละ”
กอหญ้าเปลี่ยนประเด็นการสนทนา

“ได้ยังไงกันล่ะครับ  ขอผมเจอคุณข้ามฟ้าก่อนสิครับ  คุณคะน้าพูดแล้วนะครับ”
ฐานทัพยังไม่ยอมท่าเดียว

“พี่ทัพครับ…เอ่อ…กอหญ้าขอโทษนะฮะ  ที่ไม่ได้บอกว่า  จริงๆ แล้ว…เอ่อ…กอหญ้าคือ…ข้ามฟ้า
ขอโทษจริงๆ ครับ”
กอหญ้าจำต้องเฉลยออกเพราะดูฐานทัพที่ไม่ยอมจบ  เมื่อพูดไปแล้วก็อดสงสารอีกไม่ได้ที่ทุกคน
พากันกลั้นยิ้มกับท่าทางตื่นๆ อ้าปากหวอและดวงตาที่เบิกกว้างอย่างกับไข่ห่าน

“เจ้าทัพเอ๊ย! ใจเย็นๆ นะลูก  อย่าตื่นเต้นไปมากนัก  เดี๋ยวหัวใจจะวายก่อนที่จะได้ถ่ายรูป
คู่กับพ่อข้ามฟ้าของย่า”
คุณย่าเดินเข้ามาตบบ่าหลานชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม  แล้วเดินเลี่ยงออกไปหาของว่างทาน

“กอหญ้า คือ ข้ามฟ้า จริงๆ เหรอครับ ใช่จริงๆเหรอฮะพี่ดิน!!!”
แผ่นดินเดินเข้ามาตบแก้มน้องชายเบาๆ อีกคน  ฐานทัพมองกอหญ้ากับพี่ดินสลับกันไปมา
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตลอดหลายเดือนมานี้  ข้ามฟ้า เหนือเวหา  อยู่ใกล้ๆ กันเพียงแค่นี้เอง
อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน  กินข้าวหม้อด้วยกัน  แล้วที่สำคัญเขาพูดอะไรออกไปเยอะแยะ

จะให้เขาเอาหน้าไปมุดไว้ตรงไหนกัน หน้าแตกแบบไม่เหลือเศษซากดีๆสักชิ้น

“พี่ทัพฮะ…ไปทานของว่างกันเถอะ”
กอหญ้าออกปากชวนเมื่อเห็นชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะตามมา  ฐานทัพสะดุ้งโหยงเมื่อ
ถูกชักชวนจากคนต้นเรื่องที่เขาไม่รู้จะวางตัวด้วยยังไง

“เอ่อ…พี่…คือผม โว๊ะ…ยังไงดีล่ะ  ทานกันไปเหอะยังไม่ค่อยหิวน่ะ
ไว้รอทานมื้อหนักเลย”
ฐานทัพตอบด้วยอาการประหม่าหรือเรียกว่าปรกดักประเดิดเสียมากกว่า
หมดมาดหนุ่มหล่อที่เคยเชื่อมั่นนักหนา

“พี่ทัพ  พูดในแบบปกติของพี่เถอะฮะ  ผมคือกอหญ้าครับสำหรับคนบ้านนี้
ช่วยเรียกผมอย่างเดิมเถอะ…นะฮะ”
กอหญ้าพูดขอร้องให้วางตัวกับเขาเหมือนอย่างเคย

“อืม…ได้ๆ กอหญ้าก็กอหญ้า เห้อ…ดีเหมือนกันพี่จะได้ไม่เกร็งไปด้วย…นี่เจ้ากริช
อย่าบอกนะว่าแกรู้มานานแล้วใช่ไหม  รู้ก่อนแล้วสิท่า  ทำไมไม่มีบอกกล่าวกันบ้างเลย
…น้องเลว…ทำพี่ปล่อยไก่ซะแทบหมดเล้า”
ฐานทัพหันไปเล่นงานน้องชายที่รู้เห็นไปกับพี่ชายด้วย  เขาก็เลยกลายเป็นตัวตลกของบ้านไปเลย

“ผมพูดไม่ได้นี่ครับ…ก็ผู้ใหญ่ขอร้องมา  ผมเป็นเด็กก็ต้องเชื่อฟังสิครับ”
กริชพูดจบ  ฐานทัพจึงชี้หน้าคาดโทษน้องตัวแสบ

`พี่ดินก็ดันเล่นของสูงเสียด้วย  ดูดิ! นั่งแทบจะเกยตักกันอยู่แล้ว`

 ฐานทัพได้แต่มองพี่ชายที่มีสีหน้าชื่นมื่นไม่



จวบจนมื้อค่ำมาถึง  และก็ได้ชานนท์ผู้จัดการหนุ่มที่เป็นผู้เล่าเรื่องราวที่สองพี่น้อง
ตกหล่นไปให้ได้รู้  ชานนท์เริ่มเล่าตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบเรื่อง

“ขอต้อนรับว่าที่พี่สะใภ้ ครับผม”
ฐานทัพกระเซ้ากอหญ้าที่นั่งหน้าแดงระเรื่อ

“รักกันนานๆ นะฮะ…พี่ข้าว…พี่ดิน ฮือฮือ”
กริชแกล้งเช็ดน้ำตาป้อยๆ จนพี่ดินยกมือมายีหัวน้องชายจนยุ่งเหยิง

“แต่อุปสรรคที่น่ากลัวที่เราต้องตั้งรับคงไม่พ้นบรรดานักข่าว  ป่านนี้แม่เลี้ยงใจยักษ์นั่น
ไม่ไปโพนทะนาเสียทั่วแล้วเหรอ…เตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดีๆล่ะกอหญ้า แกด้วยเจ้าดิน!”
พ่อเขตพูดขึ้นมาทำเอาทุกคนพุ่งเป้าไปมองที่แผ่นดินกับกอหญ้าเป็นตาเดียว

ทั้งสองหนุ่มก็พลอยคิ้วขมวดมุ่น  เมื่อรับรู้ว่าเรื่องที่เขาทั้งสองจะต้องเผชิญคงใกล้จะมาถึงอีกไม่นานนี้เป็นแน่



*********************************************
 Talk : พรุ่งนี้ติดภารกิจน๊า คนอ่านที่รัก เจอกัน วันนู้นนะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2019 13:34:40 โดย เส้นขอบฟ้า »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


ตามทันค่าาาา

 :mew1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ขอให้เสือคาบยัยแม่เลี้ยงไปกินสักทีเถอะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด