บทที่ 1 เสน่ห์แรง"ไปกินข้าวกัน"
"ไปดิ" มันช์บอกขิง
แม้จะใช้เวลาไม่นานนักที่ได้รู้จักกัน แต่เพราะการเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง ที่ต้องโดนทำโทษรวมถึงร่วมทุกข์ ร่วมสุขด้วยกัน จึงเกิดความกลมเกลียวกลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และนั่นก็ทำให้มันช์และขิงสนิทกันเร็วกว่าที่คิดไว้ ที่สำคัญ มันช์ยังได้เพื่อนใหม่เพิ่มเข้ามาในกลุ่มด้วย อย่าง แก้ว ดาว และภุชงค์
ถึงแม้ว่า ในตอนแรก มันช์ไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องเพราะมันทำให้เขาทั้งเครียด ทั้งกลับบ้านดึก ไหนจะโดนกดดันอีกมากมาย แต่พอเห็นผลลัพธ์ว่าได้พบเพื่อนใหม่และซี้กันอย่างง่ายดาย มันช์ก็ลบความคิดร้าย ๆ เหล่านั้นทิ้ง
หลังเรียนเสร็จ มันช์เดินคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน กระทั่ง มาถึงที่โรงอาหาร เพียงแค่พวกมันช์เดินเข้ามาด้านใน ทุกสายตาของนักศึกษามากมาย ต่างก็จ้องมองกลุ่มมันช์เป็นสายตาเดียว ซึ่งแน่นอนล่ะว่า เปอร์เซ็นต์ในการถูกมองมากที่สุดคงจะเป็นคนใกล้ตัวของมันช์นั่นเอง
"มีแต่คนมองขิงทั้งนั้นเลย"
"ไม่ใช่หรอก เขาก็มองทุกคนแหละ อ้ะ เจอโต๊ะว่างแล้ว" ขิงยิ้ม ก่อนจะสะกิดเพื่อน ๆ เมื่อได้เจอที่นั่งว่าง
ทุกคนเดินเข้าไปจับจองที่นั่ง แต่ขิงบอกเพื่อน ๆ ให้ไปหาซื้อข้าวกันก่อน ส่วนตัวเองจะเป็นฝ่ายนั่งจองโต๊ะให้ ไม่นานที่เพื่อน ๆ ทะยอยกลับมานั่ง ก็เห็นเด็กนักศึกษาหนุ่มสวมเนคไทแต่งตัวถูกระเบียบนั่งคุยกับขิง
"นี่อยู่ศิลปกรรมหรอ?" ขิงพยักหน้า
"อื้ม แล้วพุช"
"เราเอกออกแบบฯ อุตน่ะ เราไปก่อนนะ ไว้โทรหา" นักศึกษาต่างคณะ เห็นเพื่อนของชิวมานั่งกันจนเต็มโต๊ะ
"ใครหรอ?" มันช์ถามขิงอย่างสงสัย เพราะเห็นตอนแรกขิงบอกกับมันช์ว่าไม่มีเพื่อนมาเรียนที่นี่ด้วย
"อ้อ เขามาขอเบอร์เราน่ะ"
"อื้ออออหืม นี่เปิดเทอมไม่เท่าไหร่ เสน่ห์แรงขนาดนี้" แก้วถามตาโต
"ไม่หรอก เดี๋ยวเราขอไปซื้อข้าวบ้างนะ" คนที่เฝ้าโต๊ะบอกอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะลุกไปหาอะไรกินของตัวเองบ้าง
ในระหว่างที่ขิงเดินกลับมา มันช์เงยหน้ามองขิงที่มีคนเดินตามหลังพร้อมถือถาดเสิร์ฟน้ำ
"ขอบคุณนะครับ" ขิงหันไปบอกหนุ่มนิรนาม ที่ดูทรงแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่ เพราะไม่ผูกเนกไท
"ได้ครับ ไว้พี่โทรไปนะ" ชายหนุ่มส่งยิ้มแล้วเดินไป
เพื่อน ๆ ต่างอึ้ง ที่ภายในวันเดียว มีหนุ่มมาเกี้ยวถึงสองคน
ขิงตั้งใจซื้อน้ำมาฝากเพื่อนทุกคน เขาจึงยืนแจกจ่ายให้เพื่อนครบทั้งโต๊ะ
"โห..อิจฉาขิงว่ะ" ดาวแซวพลางสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก
"อิจฉาทำไม? ดาวก็สวยนะ เดี๋ยวก็มีคนมาจีบ"
"สมพรปาก สาธุ" ดาวว่าอย่างนั้น และในขณะเดียวกันนั้น
"น้องขิงคร้าบบบ" ทุกคนบนโต๊ะอาหารหันไปตามเสียงสูงก็พบพี่อุ้ย รุ่นพี่ปีสองที่แวะมาทักทายกลุ่มของขิง
ขิงตักมะกะโรนีเข้าปากก็ชะงัก เงยหน้ามองพี่อุ้ย
"ครับพี่"
"พี่ซื้อช็อคโกแลตมาฝาก เย็นนี้ รับน้องน่าจะหนักเก็บไว้กินรองท้องนะ"
"ขอบคุณครับ"
"นั่งกันทั้งกลุ่ม ซื้อมาคนเดียว" มันช์บ่นขมุบขมิบ แต่ไม่วาย รุ่นพี่ยังได้ยิน
"ไอ้มันช์ อย่าเผลอปากไวในเอก รู้ตัวไหมว่าเอ็งโดนหมายหัวอยู่" มันช์หุบปากฉับ แต่เพราะมันช์รู้ดีว่าพวกพี่ปีสองใจดีและเข้าขากันมากกว่าพวกพี่ปีสาม มันช์ถึงกล้าแซวอะไรได้
"หมายหัว? ผมทำอะไรผิด" มันช์ถามอย่างงงๆ
"คิดเอาเอง" ตอนหันมาตอบมันช์นี่ทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่พอหันไปตอบขิง มันช์ล่ะแทบอยากอ้วกใส่ ส่งสายตาพราวระยับ จนขิงยังต้องหลบตา แต่ก็อย่างว่า ขิงก็ดูเป็นผู้ชายที่คล้ายผู้หญิงมากเกินไป ใครเห็นก็คงอยากจะแซว อยากจะอยู่ใกล้
"พี่ไปก่อนนะคร้าบ เจอกันเย็นนี้"
"ครับพี่อุ้ย" ขิงยิ้มหวาน ก่อนจะตักมะกะโรนีกินต่อ
มันช์ที่ยังทำหน้าสงสัยเหมือนมีอะไรคาใจกับคำถามที่พี่อุ้ยทิ้งไว้ให้คิด จึงทำให้ดาวที่เห็นหน้าเพื่อนฉงน งงงวย จึงช่วยหาคำตอบให้
"มึงไม่ต้องงงหรอกมันช์ ที่พี่เขาพูดแบบนั้น สงสัยคงเพราะความเป็นสุภาพบุรุษปกป้องขิงไงคะ มึง" พอแก้วบอกอย่างนั้น มันช์เหล่มองหน้าขิง ที่ขิงก็ทำได้แต่ยิ้มมุมปาก ก้มหน้ากินข้าวไปอย่างเรื่อย ๆ
.
.
.
.
"ทำไมจำนวนไม่เท่าเมื่อวาน?" พี่ว้ากตะโกนถามเสียงดังลั่น
"......"
"เฮ้ย! ผมถาม เงียบทำไมวะ" พี่ว้ากตวาดทั้งยังเดินวนเวียนไปมาตรงหน้าแถว ส่วนรุ่นพี่ปีสองได้แค่ยืนกระจายกันมองรุ่นน้องอยู่ห่าง ๆ
"เพื่อนคุณหายไปไหน?"
"......"
"ลุกขึ้น เร็ว ๆ สิวะ"
"นั่งม้า ปฏิบัติ"
เด็กปีหนึ่งลุกพรวดจนฝุ่นคลุ้ง กอดคอ ย่อตัวกันพลางก้มหน้า พวกพี่ว้ากยังเดินผ่านไปผ่านมา กอดอกมองรุ่นน้องที่ตอนนี้ หน้าดำ หน้าแดง เคร่งเครียด
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ การนั่งม้ายังคงดำเนินต่อไป จนน้องปีหนึ่งบางคนก็เริ่มขาสั่นคล้ายจะทนไม่ไหว และทันใดนั้นเอง
"ขอโทษครับ" มันช์รีบเดินกึ่งวิ่งเข้ามายืนก้มหัวตรงหน้าแถว
"ปีหนึ่ง พอ" พี่ว้ากหน้าโหดตัดทรงสกินเฮดตะโกนบอก เด็กปีหนึ่งทุกคนจึงหยุดและกลับมายืนยืดตัวตรงตามเดิม
"ไปไหนมา?" มันช์เงียบ เมื่อเป็นพี่ว้ากอีกคนหันมาถาม เพราะยามนี้ เขาต้องประจันหน้ากับรุ่นพี่ปีสามที่ยืนทำหน้าถมึงทึง จนได้แต่เอ่ยเสียงแผ่ว
"ผมไปเข้าห้องน้ำมาครับ" มันช์ตอบตามจริง เขารีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสีย ไม่แน่ใจว่าใช่ส้มตำครกเมื่อกลางวันหรือเปล่า และเพราะปวดหนักมากจึงบอกใครไม่ทัน แต่ไม่คิดว่า พอจัดการธุระเสร็จ วิ่งมาหน้าลานศิลปกรรมจะพบว่าเพื่อนมันช์ทั้งชั้นปีจะถูกโดนลงโทษเพราะเขาเป็นต้นเหตุ
"แล้วตั้งนานทำไมไม่เข้า"
"พี่จะลงโทษอะไรก็บอกมาเลยดีกว่าครับ" มันช์สวนกลับ ยามนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจจะยืนอยู่กับพี่ว้ากตรงนี้นาน ๆ
"ทำไมไม่ตอบคำถาม"
"ขอโทษครับ ผมแค่คิดว่า เพื่อนไม่ผิดยังโดนทำโทษ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ผิดเต็มประตูอย่างผมจะไม่โดนล่ะครับ"
"ยอกย้อนหรอก ห้ะ!"
"เปล่าครับ"
"ไปเลย ลุก-นั่ง หนึ่งร้อยปฏิบัติ"
มันช์พยักหน้า ก่อนจะย่อตัวลงและยืดตัวขึ้นไปตามจังหวะการนับของตัวเองอย่างเสียงดัง ฟังชัด
"หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก"
"ดัง ดัง" พี่ว้ากตะโกนใส่
"เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม"
ฟึ่บ
ทันใดนั้น มันช์ทรุดตัวลงกุมท้องตัวเองและทำตามที่รุ่นพี่บอกไม่ไหว
"ทำไมอ่อนแอจังวะ ห้ะ!!"
มันช์ตัวงอเป็นกุ้ง กุมท้องด้วยความจุก เสียด ทั้งยังปวดบิด หน่วงหนึบ ก่อนจะพยายามฝืนลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วมองหน้าพี่ว้ากคนที่ด่าอย่างเสียความรู้สึก มันช์ไม่พูดพร่ำ ทำเพลง หมุนตัวเดินไป จนกระทั่งเด็กปีหนึ่งทุกคนตกใจ ที่เห็นแผ่นหลังเพื่อนค่อย ๆ ไกลตาออกไปเรื่อย ๆ
รุ่นพี่ผู้หญิงปีสองรีบวิ่งตามมันช์ และทันใดนั้น ขิงก็วิ่งออกมาจากแถว
"ผมขอไปดูเพื่อนครับ" ขิงไม่ได้รอคำตอบ เขาวิ่งไปหามันช์ทันที จากนั้น ดาว แก้ว ภุชงค์วิ่งตามไป จนกลายเป็นอุปาทานหมู่ เพื่อนปีหนึ่งทั้งระดับชั้นก็วิ่งกรูกันไปตามมันช์ทั้งหมด
"ใครสั่งให้พวกคุณไป!"
ไม่มีใครตอบคำพี่ว้าก จนกระทั่งเด็กปีหนึ่งหายไปจากลานสายตา
"น้องมันช์คะ กินยาธาตุน้ำขาวหน่อยนะ เผื่อช่วยได้"
มันช์ที่มานั่งหลบมุมกุมท้องตัวเองตรงตีนบันไดขึ้นตึกอีกฝั่ง เงยหน้าขึ้นมาตกใจที่นอกจากจะเห็นพี่ปีสอง เขายังเห็นกลุ่มเขารวมไปถึงปีหนึ่งทั้งชั้นมายืนล้อมบริเวณที่เขานั่ง
"ไหวไหม?"
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า?"
"มึงโอเคนะ"
ทุกคนถามไถ่อย่างจริงใจ แถมไม่มีใครคิดว่าเขาสำออยหรืออ่อนแอเหมือนพี่ว้ากคนนั้น
มันช์รับยาน้ำสีขาวขวดเล็กเท่าฝ่ามือมากระดกกิน
"ขอบคุณครับพี่"
"ไหวไหม ไม่ไหวกลับบ้านนะ"
มันช์อยากตอบว่าไม่ไหว แต่เพราะเห็นถึงความห่วงใยของเพื่อนทั้งชั้นปีมายืนกันอยู่ตรงนี้ เขาจึงต้องลุกไปโดยมีขิงและภุงชงค์คอยพยุง ประกบข้าง
จนกระทั่งกลับไปยังลานรับน้อง รุ่นพี่ปีสองก็กรูเข้ามาหา โดยการกระทำทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้สายตาดุดันจากรุ่นพี่ปีสามนับสามสิบชีวิต
"ยังไม่มีใครตอบผม ว่าใครสั่งให้ไป ห้ะ!"
เป็นดาวที่ยกมือ ก่อนตอบ
"ไม่มีใครสั่งค่ะ แต่เพราะพี่สอนให้เรารักกัน สามัคคีและช่วยเหลือกัน ถ้างั้น การที่พวกหนูเห็นเพื่อนไม่สบาย และอยากจะไปช่วยเพื่อน หนูสามารถทำได้ใช่ไหมคะ"
"......"
พี่ว้ากเงียบ ก่อนจะมีเสียงแทรกขึ้นอีกครั้ง
"แต่พวกคุณคงลืมไปว่า ควรเคารพรุ่นพี่คุณด้วย ใช่ไหม?" พี่ว้ากที่มันช์มองว่าหน้าตาโหดน้อยที่สุดกำลังจ้องมันช์สลับกับมองดาว
"......" เด็กปีหนึ่งเงียบกริบ เถียงไม่ออก
"ปีหนึ่งปีนี้ แม่งไม่ได้เรื่อง ห่วย!!"
"ห่วย!!"
"ไอ้ห่วย!!" พี่ว้ากทั้งหมดตะโกนกรอกหูน้องปีหนึ่ง จนน้องผู้หญิงถึงกับสะดุ้งและร้องไห้ และในขณะเดียวกัน เด็กปีสองร่วมห้าสิบชีวิตที่อยู่ตรงลานศิลปกรรม กำลังรวมตัวกัน และทันใดนั้น เด็กปีสองกอดคอ ลุก-นั่ง โดยที่พี่ว้ากไม่ได้สั่งแต่อย่างใด
"ใครสั่งให้พวกมึงทำ ห้ะ!!" พี่ว้ากหันไปด่าน้องปีสองที่กล้าขัดคำสั่ง
"สิบสี่ สิบห้า สิบหก" เด็กปีสองไม่มีใครตอบ เขายังคงทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ
"ได้ ถ้าอยากทำก็ทำไปจนกว่ากูจะบอกให้มึงพอ"
เมื่อพี่ว้ากยืนกอดอกมองรุ่นน้องปีสองลุกนั่งและนับตัวเลขกันเสียงดังฟังชัด ยามนี้ น้องปีหนึ่งหันไปมองรุ่นพี่ปีสองที่ยังคงลุก-นั่งอย่างรู้สึกผิด และเป็นขิงที่ทำก่อน จากนั้น น้องใหม่ทุกคน ยกเว้นมันช์ก็ทำตามกันอย่างพร้อมเพรียง
ไม่นานนัก
"พอ ๆ กลับบ้านไปซะ ผมไม่อยากเห็นหน้าพวกคุณ กลับไป้!!'
น้องเฟรชชี่และพี่ปีสองหยุด เมื่อพี่ว้ากสั่ง จากนั้น ทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน
มันช์มีขิงคอยพยุง ส่วนดาว ภุชงค์และแก้วก็ตามประกบไม่ห่าง เขาเดินได้เชื่องช้ากว่าเดิม เพราะยังปวดท้องไม่หาย
หมับ
มันช์ตกใจ เมื่อหันไปเห็นรุ่นพี่ปีสูง เหลือบมองผ่านไหล่ก็เห็นรถยนต์ของรุ่นพี่จอดเทียบฟุตบาท เปิดไฟกระพริบ
"พี่ไปส่ง"
"ไม่เป็นไรครับ" มันช์ยิ้มและจ้องหน้าพี่เขาอยู่นาน อาจเป็นเพราะพี่เขาไม่ได้มีบทบาทรับน้องมากนัก จึงไม่ค่อยคุ้นตา มันช์พยายามดึงแขนออกจากการจับของรุ่นพี่
"เลยเวลารับน้องแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะถืออภิสิทธิ์"
"ให้พี่เขาไปส่งเถอะ เดินกว่าจะถึงห้องมึง" ดาวแนะนำ
"ขิงเห็นด้วยนะมันช์"
"อืมจริง กูก็เห็นด้วย" เมื่อเพื่อน ๆ คะยั้น คะยอ มันช์จึงพยักหน้าและเดินไปขึ้นรถของพี่ปีสูง
"ขอโทษนะครับ พี่ชื่อ..?"
"เต็น ปีสี่ เอ่อขอโทษทีมีรุ่นน้องติดมาด้วย"
"ครับ" เมื่อพี่เต็นเปิดประตูรถข้างหลัง มันช์ตกใจ เมื่อคนที่เห็นเป็นพี่ว้ากคนที่เพิ่งตะคอกใส่เขาเมื่อกี้นี้ และนอกจากคนขับ คนที่อยู่ในรถ คือ กลุ่มพี่ว้ากทั้งหมด
"พี่เต็นครับ ผมกลับบ้านเองดีกว่า"
"ขึ้นรถเถอะมันช์ แปปเดียว"
มันช์กัดปากก่อนจะสอดตัวไปนั่งหน้ารถที่มีรุ่นพี่สองคนนั่งอยู่ก่อน
มันช์นั่งตัวแทบติดประตู และไม่ได้คุยกับใคร เขารู้สึกอึดอัดและกดดันที่หางตารู้สึกเหมือนว่าพี่ว้ากคนนั้นจ้องมองเขาอยู่
"พี่จอดตรงนี้ครับ"
กว่าจะถึงปลายทาง มันช่างทรมานเหลือเกิน และมันช์รู้สึกโล่งใจยามที่ได้เอ่ยปากบอกว่าถึงแล้ว
"ทำไมไม่ไปป้ายรถเมล์?" เต็นถามอย่างสงสัยเมื่อรุ่นน้องให้จอดแค่ซอยที่ทะลุถนนใหญ่
"ผมอยู่หอข้างซอยนี่"
"อืมเหรอ มันช์เดินไหวนะ"
"ไหวอยู่ครับ"
"โอเคครับ"
มันช์พยักหน้า ก่อนจะยกมือไหว้พี่ทุกคน รวมถึงพี่ว้ากที่ไม่แม้แต่จะรับไหว้ กระทั่ง มันช์ลงรถไปแล้ว เสียงจากคนหลังรถก็ดังขึ้น
"มึง คิดจะจีบน้องมันเหรอ?"
"แล้วมึงจะทำไม?"
เต็นหันไปถาม
เติร์ก รุ่นน้องปีสาม
"ก็ไม่ทำไม แค่ถามดู" สิ้นเสียงนั้น สายตาทุกคู่กำลังมองอย่างลุ้น ๆ ว่าเด็กปีหนึ่งคนนั้นมันจะเดินกลับถึงห้องหรือไม่
.
.
.
.
การรับน้องยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ความสนิทสนมระหว่างเพื่อนก็มีมากขึ้นทุกที ยามนี้ มันช์ ดาว แด้ว ภุชงค์และขิง กำลังเดินออกมาจากห้องเรียน ที่วันนี้เรียกวิชานอกสาขา ขณะที่เขาเดินลงบันไดออกมาจากอาคาร
"ขิง"
"อ้าว พุช เรียนตึกนี่เหรอ?" ขิงยิ้มกว้างให้พุชที่เดินมากับเพื่อน ๆ
"ใช่ ๆ" พุชหันไปบอกเพื่อนให้เดินไปก่อนจากนั้นเขาถึงหันมาคุยกับขิงต่อ
"ขิงไปไหน?"
"กำลังจะไปเดินตลาดนัดน่ะ"
"อื้มขอไปด้วยได้ไหม?" พุชถามเพราะเขาอยากมีโอกาสได้อยู่กับขิงตัวเป็น ๆ เพราะตั้งแต่ได้เบอร์โทร ก็ได้แต่คุยกันทางโทรศัพท์ ไม่มีโอกาสได้เจอกันสักที
"มันช์ว่าไง" ขิงถามแล้วยกมือไปเกาะแขน ฟากพุชเอียงคอมองการกระทำของคนที่เขากำลังจีบ
"แล้วแต่สิ เพื่อนขิงไม่ใช่เพื่อนเราสักหน่อย" มันช์ว่าตามที่เห็น ส่วนเพื่อน ๆ คนอื่นเริ่มรอไม่ไหวจึงบอกขิงว่าจะเดินไปตลาดนัดก่อน ส่วนมันช์ที่พอจะเดินตาม ขิงก็จับไม่ปล่อย
"พุชไปด้วยก็ได้ แต่เมื่อกี้ พุชบอกว่ามีเรียน"
"เรามารอก่อนเวลา พอเดินได้ยี่สิบนาที"
"อื้ม" ขิงว่า ก่อนจะดึงแขนมันช์ให้เดินตาม ส่วนพุชก็ทำได้แค่มอง ฟากมันช์ไม่ได้สนิทกับเพื่อนต่างคณะของขิง จึงรู้สึกอึดอัดที่จะเดินร่วมด้วย
"ขิงเดินกับเพื่อนเถอะ เราขอแยกไปซื้อเฉาก๊วยก่อน อยากกิน"
"งั้นไปเจอกันตรงที่นัดพวกดาวเลยนะมันช์"
"อื้อ"
มันช์ว่าอย่างนั้น ก่อนจะแยกไปซื้อเฉาก๊วยที่อยู่ต้นทางตลาดนัด
"เฉาก๊วยแก้วนึงและก็ลอดช่องแก้วนึงครับ" จากตอนแรกอยากกินแค่เฉาก๊วย แต่พอเห็นลอดช่องก็น้ำลายสอ จึงโลภมากสั่งกินสองอย่างคนเดียวซะเลย
เมื่อแม่ค้าทำให้และกำลังยื่นให้มันช์
"ของผมได้หรือยังครับ?" แม่ค้าชะงักพลางยิ้มแหย ๆ ถ้ามันช์เดาไม่ผิดลูกค้าที่เพิ่งเดินกลับมาคงสั่งเอาไว้ก่อนและเดินไปดูของร้านอื่น
"ให้เขาก่อนก็ได้ครับ" มันช์บอก เพราะเขาไม่ได้รีบร้อนจะไปไหนอยู่แล้ว
"ขอบคุณครับ"
"ไม่เป็นไรค..." ในขณะที่มันช์จะหันไปยิ้มให้คนข้าง ๆ ที่ตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพก็ชะงักเมื่อคนที่เห็นนั้นเป็นใคร
"ของกูได้ยัง ไอ้เติร์ก" พี่ว้ากอีกคนผ่านเข้ามาถาม มันช์หันหน้ากลับมามองแม่ค้าดังเดิม
เมื่อหางตาเห็นพี่เขาเดินไป มันช์ก็ลอบถอนหายใจ ยืนรอลอดช่องกับเฉาก๊วย จนกระทั่งได้แล้วเขากำลังเดินไปหาเพื่อน
มันช์ไม่ได้แวะร้านไหนอีก เขาเดินไปเรื่อยๆ แต่ก็เดินได้ยากลำบาก เมื่อเด็กนักศึกษาชาย-หญิงต่างมาช็อปปิ้งกันจนมีพื้นที่ว่างระหว่างทางเดินช่างน้อยนิด
ปึก!
มันช์ถลาไปข้างหน้า จนน้ำกะทิลอดช่องกระฉอกออกมา แต่ดีที่ไม่เปรอะเสื้อของเขา
"ขอโทษครับ" มันช์ได้ยินเสียงคนข้างหลังเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะได้ยินเขาด่าเพื่อน "ไอ้สัดป๋อ มึงจะดันหาห่าอะไร เห็นไหมว่าข้างหน้าแม่งเดินไม่ได้"
มันก็จริงอย่างที่คนข้างหลังบอกเพราะคนข้างหน้ามันช์กระดื้บได้ทีละนิดอย่างกับหนอน มันช์หันไปหาเพื่อจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่แล้วก็ชะงักอีกรอบ เมื่อเจอพี่ว้ากคนเดิม
'จะซวยอะไรขนาดนี้วะไอ้มันช์เอ้ย'
กว่าจะเดินเบียดออกมาได้ มันช์ต้องใช้เวลาใกล้ชิดกับพี่ว้ากอยู่นาน จนมาเจอะพวกกลุ่มเพื่อนเขาพอดี
"ได้มาแค่นี้" ดาวชี้แก้วลอดช่องและเฉาก๊วย แต่เมื่อมองในมือของดาวก็แทบชะงัก มีถุงขนมเต็มไม้ เต็มมือ ส่วนของในมือขิงมีแค่ขนมแพนเค้กลายการ์ตูน
"อร่อยไหมอะ เฉาก๊วย"
"ก็อร่อยดีนะ"
"ขอลองได้ไหม?"
"อื้อ"
มันช์ยื่นแก้วให้ขิงดูด ก่อนจะยกยิ้มหน้าบาน
"สดชื่นจัง" ขิงยิ้ม มันช์ยิ้ม ก่อนจะโดนขัด
"นี่เพื่อนหรือแฟนคะ แหมดูแลกันดี"
"ดาวมึงอย่าเพ้อ" มันช์บอกอย่างนั้น ก่อนจะเดินกลับเข้าเอกศิลปกรรม เพื่อว่าจะไปหาที่นั่งกินขนม นมเนย ที่ซื้อมา
.
.
.
.
"ปีหนึ่งรวม"
ยังไม่ทันได้กินขนมที่ซื้อมา พวกมันช์และเด็กปีหนึ่งก็ต้องทิ้งข้าวของทั้งหมดไปกองไว้รวมกันที่พื้นข้างทางเดิน ก่อนจะวิ่งกระหืดกระหอบไปลานศิลปกรรมหน้าตาตื่น
ตอนนี้ พี่ว้ากมองปีหนึ่งด้วยสายตาวาวโรจน์ ก่อนจะเอ่ยให้เด็กปีหนึ่งนับจำนวนอีกครั้ง
เมื่อตัวเลขตรงกับเมื่อวาน พี่ว้ากที่นั่งอยู่บนโต๊ะในซุ้ม ก็ถามเสียงนิ่ง
"พวกคุณปีอะไร"
"ปีหนึ่งครับ"
"แล้วพวกผมปีอะไร?"
"ปีสามครับ"
"มีคนไม่ไหว้พวกผม"
มันช์ชะงักกึก เหมือนคนมีความผิดติดตัว การที่พี่ว้ากพูดแบบนั้น เหมือนจงใจจะหาเรื่องกัน เพราะตอนที่เจอกันที่ตลาดนัด มันช์ก็ไม่ได้ยกมือไหว้
"ใครรู้ตัว" มันช์ชะงักอีกรอบเมื่อพี่ว้ากคนนั้นหันมาประสานสายตากัน
มันช์ยกมือยอมรับผิด
"ลุกขึ้น"
มันช์ลุกขึ้นยืนพลางก้มหน้า
"คุณคิดว่าผมควรลงโทษอะไรดี?"
"ก็แล้วแต่พี่ครับ"
"แน่ใจ?" พี่ว้ากถาม มันช์พยักหน้า
"ถ้าผมให้กินฉี่ คุณก็จะกิน?"
"ก็ถ้าผมเถียงว่าไม่กิน พี่ก็จะใช้คำถามเดิมอีกว่า พวกผมปีอะไร พวกพี่ปีอะไร?" พี่ว้ากที่นั่งอยู่กระโดดลงมาจากซุ้ม เดินแทรกเด็กคนอื่นที่นั่งอยู่เข้ามาในแถว และกระชากข้อมือมันช์สุดแรงเพื่อลากออกมานอกแถว
"โอเค งั้นรอ ผมลงโทษคุณแน่ แค่ให้คุณยืนทำใจตรงนี้ก่อน" หลังจากนั้น มันช์ก็ยืนตามที่พี่สั่ง แต่น่าแปลกที่พี่ว้ากคนนั้นกลับไม่ได้ทำโทษอะไร นอกไปจากการให้มันช์ยืนหัวโด่มองเพื่อนที่นั่งโดนด่าอยู่เท่านั้น...
...........................
เสน่ห์แรงไม่แพ้กันเลย ฮ่าๆ