☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]  (อ่าน 27175 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

******************************************************************************************
[เรื่องอื่นๆ]

✿[เรื่องสั้นบันทักใจฝากไว้ในอักษร]✿

:hao5: :hao5: :hao5: :sad4: :sad4: :sad4:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2020 09:55:10 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
สารบัญ
ตอน1* ตอน2* ตอน3* ตอน4* ตอน5* ตอน6* ตอน7* ตอน8* ตอน9* ตอน10* ตอน11* ตอน12* ตอน13* ตอน14* ตอน15* ตอน16* ตอน17* ตอน18* ตอน19* ตอน20* ตอน21* ตอน22* ตอน23* ตอน24* ตอน25* ตอน26* ตอน27* ตอน28* ตอน29*ตอน30*ตอน31*ตอน32*ตอน33*ตอน34*ตอน35*ตอน36*ตอน37*ตอน38*ตอน39*ตอน40*ตอน41*


เกริ่น
เนื้อเรื่องย่อ

     แดนมายาเป็นแดนลี้ลับแห่งหนึ่งในแดนสวรรค์ ได้แยกตัวออกมาไม่ยุ่งเกี่ยวกับแดนเทพและแดนปีศาจ จึงถูกใส่ร้ายว่าผู้ปกครองแดนมายาคิดก่อกบฏสร้างความปั่นป่วนแก่ทุกภพภูมิ ทำให้เง็กเซียนหวาดระแวงฐานอำนาจของแดนมายาจึงถูกกวาดล้าง ชะตาชีวิตของทายาทหนึ่งเดียวในแดนมายาคือ[นายเอก](เฉิงเฟยหยี,เสี่ยวเมา)ที่ยังเด็ก จำต้องตามมารดามาหลบซ่อนปิดบังฐานะ ที่เมฆาล้ำหยุนไหล จนทำให้เขาพบกับ[พระเอก](ติงปิง)รัชทายาทแดนสวรรค์

     เฟยหยีไม่รู้เลยว่าบัดนี้แดนมายาได้ถูกกวาดล้างไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว เพราะผู้เป็นอาจารย์ปิดบังไม่อยากให้เขา เข้าสู่วังวนแห่งการแย่งชิงอำนาจ เมื่อเฟยหยีรับรู้ความจริง ก็คิดหลีกหนีไม่คิดแก้แค้น แต่ชะตาเหมือนกลั่นแกล้ง ให้เขาต้องกลับมาสู่วังวนการช่วงชิงครั้งใหญ่ ทำให้เฟยหยีไม่สามารถหนีได้ จนทำให้เขาต้องผิดใจกับติงปิง ...ลมเปลี่ยนทิศสรรพสิ่งเปลี่ยนไป เมื่อโดนบีบให้ไร้ซึ่งหนทางเขาจะทำอย่างไรต่อไปโปรดติดตาม...

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเอง เป็นนิยายจีนโบราณเทพเซียน

ตัวละครสถานที่ในนิยายล้วนเป็นสิ่งสมมุติ เนื้อหาในนิยายเป็นแนว BL (Boy Love's) Yaoi นะขอรับ 

สำนวนไม่สละสลวยข้าน้อยต้องขออภัย ความหมายจีนผิดเพี้ยนไปขอโทษด้วยน้า

ผู้เขียนไม่ได้มีความรู้ภาษาจีนเลย เพียงแต่ชอบบรรยากาศจีนแนวโบราณจึงได้บังอาจเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา

ถ้าหากว่าขัดใจบางท่านไป กราบอภัยด้วยนะขอรับ
**

..
เริ่มเขียน 29ม.ค.62
ถ้อยคำและภาษาบางทีอาจจะติดขัดไป สำนวนไม่สละสลวย แนะนำติชมกันมาได้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2019 21:51:16 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
*บทนำ*

   
เมื่อกล่าวถึงคราวที่ผานกู่สร้างโลกนี้ขึ้นมา ได้มีสัตว์เทพทั้งสี่มาเป็นผู้พิทักษ์คอยช่วยเหลือ นั่นคือ เทพมังกร วิหคสวรรค์ (หงส์) เต่ายักษ์ และกิเลน เมื่อผานกู่สร้างโลกนี้แล้วได้ตายลงทำให้ปลายเท้าของเขากลายเป็นเขาหัวซานทางด้านทิศตะวันตก เมื่อครั้งหนึ่งเกิดภัยใหญ่ เสาค้ำฟ้าของผานกู่เกิดถล่มลงมาได้ทำให้แผ่นดินแตกแยกออกมาหลายส่วน มารปีศาจจึงได้ถือโอกาสนี้ออกอาละวาด วุ่นวายปั่นป่วนทั่วทุกดินแดน ทำให้เจ้าแม่หนี่วาต้องลงมาช่วยเหลือจัดการซ่อมแซมท้องฟ้าด้วยการหลอมหินสมานฟ้าห้าสี เพื่อให้ท้องฟ้ากลับมาเป็นดังเดิม เจ้าแม่หนี่วาเกรงว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาอีก ทำให้พญาเต่ายักษ์ยอมสละตนเองโดยนำขาทั้งสี่ของตนค้ำยันท้องฟ้าไปตลอดกาล

แต่ทุกดินแดนก็ยังไม่หยุดวุ่นวายมีการเข่นฆ่าเลือดนองแผ่นดิน เพราะสรรพสิ่งในโลกที่เกิดมาล้วนไร้กฎเกณฑ์ยึดถือ ทำให้ความวุ่นวายไม่สงบลงโดยง่าย เจ้าแม่หนี่วาจึงให้เทพมังกรรับบัญชานำหินสมานฟ้ารวบรวมเหล่าเทพเซียนขจัดภัยร้ายบนโลกและสร้างกฏเกณฑ์บนโลกขึ้นมา โดยมอบหินสมานฟ้าให้เทพมังกรถือครอง เมื่อเทพอสูรและมารร้ายถูกขับไล่ไม่กล้าเหิมเกริม ดินแดนต่างๆ จึงสงบสุขสืบมา

เมื่อเวลาผ่านไปเทพมังกรเห็นว่าการเป็นผู้นำเหล่าเทพนั้นดูจะวุ่นวาย มันมิใช่วิสัยตนเพราะขาดความอิสระ เทพมังกรเห็นว่าหกภพภูมิสงบดีแล้ว (พิภพนรก พิภพเปรต พิภพเดรัจฉาน พิภพอสูร พิภพมนุษย์ พิภพสวรรค์) จึงได้สละตำแหน่งผู้ปกครองเหล่าเทพให้กับญาติเผ่ามังกรที่ร่วมทำศึกด้วยกันมาขึ้นปกครองแทน และไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องราวใดๆ ในทำเนียบเซียนอีกนับแต่นั้น ส่วนบรรดาลูกหลานเทพเซียนและอสูรปีศาจผู้ภักดีต่อเทพมังกรก็ติดตามมาอยู่ ณ วังตะวันตก แดนมายาทางด้านทิศตะวันตก พร้อมกับปิดกั้นดินแดนด้วยอาคมโดยไม่ได้ติดต่อกับภพต่างๆ อีกเลย

1.เสี้ยวจันทรา เภทภัยหมู่ตึกหมื่นปราชญ์

‘กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน ชีวิตยาวนานอันแสนเศร้า ดวงจิตเร่าร้อนทุกข์ระทม กล้ำกลืนขื่นขมสุดห้วงใจ นึกถึงคราใดให้หวนคำนึง’







บุรุษหนุ่มรูปงามในชุดสีขาว ได้นอนทอดกายเหยียดยาวร่ำสุราบนต้นหลิว ใบหน้าที่งดงามดูกลัดกลุ้ม ทำให้จิตใจของบุรุษหนุ่มผู้นี้ว้าวุ่นไม่เป็นสุข เนื่องจากเขาได้จมอยู่กับทุกข์เมื่อได้ลิ้มรสสุราจนเป็นที่พอใจแล้วจึงโยนไหสุราออกไปได้ระยะสองวาเศษ แล้วจึงดีดพลังดัชนีผ่านปลายนิ้วไปยังไหสุราจนแตกกระจายหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง เขาจึงทะยานส่งกายลอยละลิ่ว ขึ้นไปกลางอากาศ มือข้างหนึ่งพลันคว้าหักกิ่งหลิวประมาณสองเชี๊ยะ แล้วพาร่างของเขาลงสู่พื้นดินอย่างแผ่วเบาพร้อมร่ายรำเพลงกระบี่ตามเคล็ดวิชาเพื่อแก้ความกลัดกลุ้มที่เกาะกินใจ บางทีการรำกระบี่อาจทำให้ความเจ็บปวดใจที่เขาเป็นอยู่เบาบางลง





"รำกระบี่หยกพราย ตระการกล้าแสงจันทร์ ยกมือพัดโบกสรรพสิ่งพลันพลิ้วไหว โยกกายย้ายร่างอำพรางใจ ต่อเนื่องดุจสายน้ำไหล เปิดม่านกลางใจลวงปลิดวิญญาณ"





เฉิงหลิงเซียว (ภูตจันทราแห่งวังตะวันตก) บุรุษหนุ่มร่างสูงผอมบางก้มมองพื้นดินด้วยกระบวนท่าของเพลงกระบี่ชุดสุดท้าย ก่อนยกใบหน้าที่โศกเศร้าของเขาขึ้น จนสายลมพัดปะทะวูบหนึ่ง ทำให้ปอยผมที่ปิดอยู่เผยออกเห็นใบหน้าที่แสนงดงามแต่แววตากลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด





"หานอี้ เจ้าคนใจดำ มันคงถึงเวลาที่เราสองคน จะต้องสะสางเรื่องนี้กันได้แล้ว"





**





"แย่แล้ว..แย่แล้วขอรับ นายท่าน นายน้อยฮูหยินน้อย! "





เสียงของคนรับใช้ในคฤหาสน์หลังใหญ่มีเวรยามคุ้มกันอย่างแน่นหนา จู่ๆ ก็วิ่งร้องตะโกนลนลาน เหมือนว่าภายในคฤหาสน์แห่งนี้มีเรื่องที่ผิดปรกติเกิดขึ้น ตลอดช่วงหลายพันปีสถานที่แห่งนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดร้ายแรงเกิดขึ้นมาก่อน หานเจี้ยนหลิน (ประมุขหมู่ตึกหมื่นปราชญ์) เมื่อได้ยินเสียงร้องโหวกเหวกจึงรีบรุดออกมาสอบถามเหตุการณ์





"เกิดอะไรขึ้น"





"นายท่านเรือนพิรุณวารี เกิดเพลิงไหม้ขอรับ"





"เจ้าว่าอะไรนะ!! " ใบหน้าตื่นตระหนกของหานเจี้ยนหลินแสดงออกมาทางสีหน้าในทันทีที่ได้ยินบ่าวรับใช้พูดถึงเพลิงไหม้เรือนพิรุณวารี

"เรือนพิรุณวารี เกิดเพลิงไหม้ขอรับ"

"ฮูหยิน!! .. เจ้ามัวยืนเซ่ออยู่ทำไมรีบไปตามคนมาช่วยดับไฟเร็วเข้า" เมื่อหานเจี้ยนหลินสั่งบ่าวรับใช้ก็เร่งรุดไปยังเรือนพิรุณวารีทันที

"ฮูหยิน! "

เรือนพิรุณวารีคือที่พำนักของภรรยาเอกประมุขหาน เมื่อมาถึงก็พบกับเปลวเพลิงที่โหมไหม้ลุกโชติช่วง เขาจึงรีบหาทางที่จะเข้าไปด้านในทันที"ฮูหยิน" เมื่อเข้าไปด้านในประมุขหานได้เห็นฮูหยินนอนสิ้นสติเมื่อสัมผัสจุดชีพจรพบว่าอ่อนล้าเต็มที "ฮูหยิน ฮูหยิน!! " ไม่มีเสียงตอบรับจากฮูหยินประมุขหาน เขาจึงได้อุ้มร่างฮูหยินหานออกมาจากเปลวเพลิง แต่ทว่าเบื้องหน้ากลับปรากฏกลุ่มนักฆ่าที่ปิดหน้าด้วยผ้าสีดำขวางทางอยู่





"พวกเจ้าเป็นใคร? บังอาจเข้ามาทำร้ายคนในบ้านข้า ใครส่งพวกเจ้ามา!! " หานเจี้ยนหลินตวาดไปแต่ไร้สุ้มเสียงตอบรับจากนักฆ่าปิดหน้ากลุ่มนี้กลับมีเสียงคำสั่งจากหัวหน้าของมันออกมาแทน "ฆ่า!! "

กลุ่มนักฆ่าพลันรีบพุ่งทะยานเข้าหาหานเจี้ยนหลินทันทีประมุขหานร่นถอยสองสามก้าว พอดูกำลังของอีกฝ่ายจึงพุ่งทะยานกายเข้าปะทะที่ดาหน้าเข้ามา สองมือของประมุขหานปัดป่ายด้วยวิชาฝ่ามือ ทว่านักฆ่าพวกนี้ลงมือรวดเร็ว แม่นยำคงจะถูกฝึกมาอย่างดี ทำให้หานเจี้ยนหลินรู้ว่าเขาเองคงมิอาจจะต้านทานยอดฝีมือนี้ได้นานนัก จึงคิดสู้ตายเพียงเท่านั้นในมือจึงปรากฏกระบี่อาวุธของตนออกมาปะทะสู้พลางถอยพลาง สังหารนักฆ่าได้บ้างแต่ก็ยังไม่มากพอ เมื่อเทียบกับพวกมันที่มีอยู่มากจึงไม่ทันได้ระวังตัวทำให้เขาถูกอาวุธลับที่แหวกตัดอากาศเข้ามาทำร้ายจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ





“อาวุธลับมีพิษ” อาวุธลับนี้มีพิษร้ายกาจรุนแรงประมุขหานกุมบาดแผลที่เจ็บปวดเกินทนแทบยืนทรงกายไม่ไหว





"ท่านพ่อ! " ทันใดเสียงบุรุษหนุ่มใบหน้าคมเข้มก็พุ่งกายทะยานมาหาบิดาตนด้วยความเป็นห่วง "คนพวกนี้เป็นใคร? "





"หานอี้ รีบหนีไป เจ้าสู้คนพวกนี้ไม่ได้หรอก อึกอึก”





“ท่านพ่อ”





“รับป้ายหยกนี้ไปแล้วรีบไปหาอาจารย์กับน้องของเจ้า "

มือของหานเจี้ยนหลินนอกจากจะส่งมอบป้ายหยกของผู้นำตระกูลให้กับหานอี้ยังมีอาวุธลับที่ลอบทำร้ายเขาซึ่งเป็นหลักฐานอยู่ในนั้นด้วยหานอี้จึงรับเอามาแบบไม่เต็มใจนัก เพราะการรับป้ายหยกนี้เท่ากับว่าต่อไปนี้หมู่ตึกหมื่นปราชญ์จะไม่มีประมุขที่ชื่อหานเจี้ยนหลินอีกต่อไป

"ท่านพ่อ ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" หานอี้เหลือบไปเห็นร่างของมารดาที่นอนอยู่ก็พุ่งกายเข้าไปหาในทันที

"ท่านแม่...ท่านฟื้นสิท่านแม่! " หานอี้ เข้าไปประคองร่างมารดาของตนที่ไร้ซึ่งดวงจิตพลังเซียนที่คุ้มครองกายเริ่มสูญสลาย ทำให้ร่างของฮูหยินหานค่อยๆ สลายหายไปอย่างช้าๆ “ท่านแม่!”





"เจ้ายังจะชักช้าอยู่อีกรีบไปเร็วเข้า ข้าจะต้านพวกมันไว้เอง"





สถานการณ์ในหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ย่ำแย่อย่างหนักลมพัดเปลวเพลิงให้โหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อน เพลิงที่ลุกเผาผลาญโชติช่วงอยู่ทำให้ท้องฟ้าในยามค่ำสว่างจ้าสีแดงฉานไปทั่วบริเวณ หมู่บ้านในแดนมนุษย์เบื้องล่างที่ติดกับแดนเซียนต่างตกตะลึง เมื่อมองไปบนยอดเขาที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลหาน ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาอาจเกิดอาเพศขึ้นได้ เพราะแดนเซียนด้านนี้เป็นตึกหมื่นปราชญ์ดูแลอยู่ ถ้าด่านแรกของแดนเซียนนี้ถูกทำลาย อาจจะนำพาหายนะมาสู่โลกมนุษย์ได้





"ท่านพี่ รีบไปเร็วเข้า"





"หลิงเอ๋อ"

เสียงคมอาวุธปะทะกันดังเช้ง! จนมีประกายไฟวับแว่บ ดึงสติให้หานอี้กลับคืนมา เมื่อหานอี้หันไปก็พบกับเซียวหลิงเอ๋อ ภรรยาของเขากำลังต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าจำนวนหนึ่งอยู่ หานอี้ไม่มีเวลาคิดมาก เขาจำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของบิดา มันเป็นฝีมือของใครกันแน่ที่กล้าเข้ามาสังหารคนในบ้านของเขาอย่างเปิดเผยและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ แม้จะมีคำถามนี้อยู่ในใจ ถึงร้องตะโกนถามออกไปก็ไร้ประโยชน์

"ทางนี้ ท่านพี่"

เซียวหลิงเอ๋อไม่รีรอรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ควรจะรักษาชีวิตสามีนางเป็นอันดับแรกไม่มีเวลาให้เตรียมตัวอะไรมากนัก จึงได้แต่ชักนำคว้าจับข้อมือหานอี้สามีของตนให้รีบหนีออกจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด เมื่อหานอี้และหลิงเอ๋อ หนีมาได้สักระยะ หานอี้จึงขอให้นางหยุดเพราะยังเป็นห่วงบิดาอยู่

"หลิงเอ๋อ เจ้ารีบหนีไปก่อนเถอะ พี่จะกลับไปช่วยท่านพ่อก่อน"

"ไม่ได้เด็ดขาด ท่านลืมคำสั่งของพ่อท่านแล้วรึว่าให้ท่านทำสิ่งใด ท่านพี่รีบหนีไปเถอะ ข้าจะกลับไปช่วยท่านพ่อเอง"





ทั้งสองหนีมาได้ถึงป่าใหญ่ด้านหลังคฤหาสน์บ้านหานไม่ไกลนัก เซียวหลิงเอ๋อเป็นภรรยาที่แต่งเข้าบ้านหานมาได้ไม่นานแต่นางก็รักหานอี้สุดหัวใจนางตัดสินใจดังนั้นก็ผลุนผลันออกไปแต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกไปถึงสิบก้าวร่างของนักฆ่าปิดหน้าสีดำกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น





"ใครส่งพวกเจ้ามา" หานอี้ตะเบ็งเสียงถาม

"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ พวกเจ้าทั้งสองจงรู้เพียงอย่างเดียวเถิดว่าเวลานี้เป็นเวลาตายของพวกเจ้าทั้งสอง หึหึ.."

เซียวหลิงเอ๋อ เห็นดังนั้นก็หันไปมองหน้าหานอี้ผู้เป็นสามีแล้วค่อยสืบเท้าก้าวถอยหลังไปประชิดร่างสามีอย่างช้าๆ

"คนที่สั่งพวกเจ้า คือเจ้าของเข็มพิษเล่มนี้ใช่ไหม? เป็นคนส่งพวกเจ้ามา" หานอี้ รู้ว่าผู้ใช้เข็มพิษเล่มนี้เป็นใครและอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ก็ได้ จึงได้หยิบเข็มพิษอาวุธลับที่ทำร้ายบิดาของตนที่ให้ไว้เป็นหลักฐานออกมา

"หึหึหึ รู้ตอนนี้ มันก็คงช่วยอะไรเจ้าทั้งสองไม่ได้หรอก จงเอาคอเจ้ามารับคมดาบของข้าเสียเถอะ หานอี้"





สิ้นประโยคของกลุ่มนักฆ่าปิดหน้าการปะทะกันของสองฝ่ายก็เกิดขึ้นอีกรอบสองสามีภรรยา ผลัดกันรุกรับถอยหนี แต่ก็ไม่สามารถสลัดให้นักฆ่ากลุ่มนี้หลุดไปได้ ทำเพียงแต่สู้ไปหนีไป





เมื่อหานอี้ไม่ได้ทันระวังตัวนักฆ่าที่ซ่อนตัวในเงามืดกระโดดทะยานขึ้นไปกลางอากาศข้ามเหนือศีรษะของหานอี้และภรรยา ระหว่างที่ร่างของนักฆ่ากำลังลอยข้ามก็พลันปรากฏแสงแวววับของปลายเข็มปะทะกับแสงจันทร์วูบหนึ่งก่อนมีเสียงของชิ้นเล็ก พุ่งผ่านตัดอากาศตรงมาที่หานอี้กับเซียวหลิงเอ๋อ ทั้งสองไม่สามารถปัดป้องอาวุธชนิดนี้ได้ทัน เพราะคนใช้มีพลังฝีมืออันเยี่ยมยอดเชี่ยวชาญเรื่องการใช้อาวุธลับชนิดนี้ความรู้สึกเจ็บแปลบแผ่ซ่านเข้าไปในร่างของหานอี้และภรรยา ทั้งสองชะงักไปครู่หนึ่งทั่วร่างเย็นชาวูบวาบเหมือนว่าโดนแช่แข็ง บางทีก็พลันปวดหนึบลึกร้าวสู่อวัยวะภายใน เหมือนโดนทิ่มแทงอย่างรุนแรงจากคมดาบไปทั่วร่างจนรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ บอกได้ถึงความร้ายกาจของพิษที่อาบอยู่ในอาวุธลับ





"พิษดับตะวันมันเป็นเช่นนี้เอง อึก..อึก บอกข้าได้ไหม? เหตุใดเจ้าจึงทำแบบนี้ แค้นข้านักเจ้าก็ควรจะมาลงที่ข้าเพียงคนเดียว ครอบครัวข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย"

หานอี้เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ผู้ใช้อาวุธลับผู้นี้กลับยืนหันหลังให้นิ่งเฉยเย็นชามิได้เอ่ยกล่าววาจาใด พอมองให้ชัดหานอี้ก็รู้ว่าผู้ที่ใช้เข็มพิษดับตะวันนั้นเป็นคนละคนกัน ภายในใจเขากลับดีใจอย่างประหลาด แต่อย่างไรเสียเข็มพิษดับตะวันนี้ ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเขาคนนั้นอย่างแน่นอน

หัวหน้านักฆ่าเหมือนรู้ว่าหานอี้กับเซียวหลิงเอ๋อไม่มีทางรอดแล้ว เขาจึงสั่งให้นักฆ่าล่าถอยไป ก่อนตัวเขาเองจะทะยานกายหายลับไปในเงามืด

"อึก..ท่านพี่ ท่านรู้ใช่ไหมว่าคนพวกนี้เป็นใคร? "





หลิงเอ๋อมองหน้าถามหานอี้อย่างสงสัยแต่พิษจากอาวุธลับที่ส่งผ่านความเจ็บปวดเข้ามาในร่างทำให้นางรู้ว่าคงไม่สามารถยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ได้นานนัก นางจึงสกัดชีพจรตัวเองและคิดจะยับยั้งพิษร้ายจากเข็มเล่มนี้ให้กับหานอี้สามีของตน

"ท่านพี่ อึก ข้าขอดูแขนของท่านหน่อยได้ไหม"

หลิงเอ๋อไม่รีรอจับแขนหานอี้ขึ้นมาดูบาดแผลเมื่อเห็นบาดแผลนางจึงตัดสินใจ สกัดจุดไม่ให้หานอี้เคลื่อนไหว พร้อมกับกดสกัดพิษไม่ให้แพร่กระจายแล้วถอนเข็มพิษออกจากตัวหานอี้พร้อมประกบริมฝีปากของตนไปที่บาดแผลดูดเลือดพิษสีดำดุจน้ำหมึก ให้กับหานอี้

"หลิงเอ๋อ!! นี่เจ้า"

หานอี้เองคิดจะห้ามมิให้หลิงเอ๋อกระทำเช่นนี้ นางขยับมืออีกข้างหนึ่งปิดปาก ไม่ให้หานอี้พูดสิ่งใดอีก ก่อนที่จะประกบปากของตนไปที่บาดแผลอีกครั้งเพื่อดูดพิษก่อนบ้วนออกมา ครั้งนี้เหมือนว่าบาดแผลจากดำสนิทกลายเป็นสีแดงน่าจะพอยับยั้งพิษในร่างของหานอี้ไปได้ช่วงนึง ถ้าหากหานอี้พบกับอาจารย์ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็คงจะปลอดภัยทำให้นางรู้สึกเบาใจลงได้

"ข้ารู้ว่าท่านพี่จะพูดอะไร ข้าอยากจะบอกท่านแม้ว่าท่านจะเป็นเช่นไร ข้าก็ยังรักท่านเสมอ อึก อึก..ต่อไปนี้ ข้าคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าท่านอีกแล้ว ข้าขอมองหน้าท่านชัดๆ อีกสักครั้งจะได้ไหม"





นางฟุบร่างของตนบนอกของสามี พลางทอดสายตาขึ้นมองใบหน้าของหานอี้ใบหน้าของเซียวหลิงเอ๋อดูเปื้อนยิ้มระคนปนเศร้าเป็นที่น่าเวทนา เมื่อครั้งแรกหานอี้เคยทักท้วงห้ามไม่ให้ เซียวหลิงเอ๋อแต่งเข้ามาบ้านหาน แต่นางก็ยังคงดึงดันจะแต่งเข้ามาบ้านหานอย่างเต็มใจ เซียวหลิงเอ๋อเองนางนั้นไม่เคยนึกเสียใจเลยสักนิดเพียงแค่อยู่ใกล้ชิดหานอี้ผู้นี้ แค่นี้ก็คุ้มค่าและมีความสุขเพียงพอแล้วสำหรับนาง แต่เวลาของนางมันช่างแสนสั้นนักเวลาช่างโหดร้ายเหลือเกินก่อนนางจะหลับตาลง น้ำตานางไหลรินออกมาก่อนหยดลงบนอกของสามี พร้อมกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาของเซียวหลิงเอ๋อ ร่างของหลิงเอ๋อค่อยๆ ลอยสลายไปในกลางอากาศ กลิ่นหอมอ่อนๆ ตลบอบอวลชวนให้เศร้ารันทดยิ่งนัก





"หลิงเอ๋อ! หลิงเอ๋อ! "

โศกนาฏกรรมในคืนนี้ ทำให้หานอี้ผู้เป็นสามีรู้สึกผิดยิ่งนักเพราะตั้งแต่แต่งเซียวหลิงเอ๋อมาเป็นฮูหยินบ้านหาน เขาเองก็แทบจะไม่เคยทำหน้าที่สามีที่ดี ให้กับนางเลย





"เฉิงหลิงเซียว เป็นเจ้าใช่ไหมเจ้าสั่งคนมาฆ่าล้างคนในบ้านข้า ทำให้ข้าต้องบ้านแตกเป็นเจ้าใช่ไหมที่ทำ เฉิงหลิงเซียว!!! ....เจ้าแค้นข้านักก็มาลงที่ข้าซิ!! อึก..อึก"

สุดเสียงตะเบ็งหานอี้ ก็กระอักเลือดช้ำออกมาคำใหญ่ ในใจของหานอี้ปานจะแตกสลาย ระคนปนความแค้นและแสนจะรัก เขาไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตระกูลหาน หมู่ตึกหมื่นปราชญ์ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ตระกูลหานอยู่เฝ้าด่านใกล้เขตแดนมนุษย์มีความสงบสุขมาหลายพันปี ไม่เคยมีโศกนาฏกรรม แต่คืนนี้กลับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ทำไมกัน หานอี้นอนหงายครุ่นคิด มองไปที่ดวงจันทร์ที่ทอแสงประกายท้าทายอยู่เบื้องบน ก่อนที่เขาจะหมดสติไป

"หลิงเซียว.... เจ้าทำแบบนี้ทำไม? "

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2019 21:34:46 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
2.เสี้ยวจันทรา เภทภัยหมู่ตึกหมื่นปราชญ์2


"อะไรกัน? คฤหาสน์ตระกูลหานเกิดอะไรขึ้น!?!"

      เฉิงหลิงเซียวเลิกคิ้วเรียวชันในใจสะท้านหวั่นไหวจึงเร่งฝีเท้าเดินสำรวจโดยรอบ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันเรื่องอะไรกันทำไมหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ถึงได้เหลือแต่ซากเผาไหม้แบบนี้ เกิดอะไรกับบ้านหาน ผู้ที่ทำลายคฤหาสน์ตระกูลหานเพียงค่ำคืนเดียวน่าจะไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา เฉิงหลิงเซียวครุ่นคิด ภาพหานอี้ก็ปรากฏขึ้นหวั่นใจกลัวว่าหานอี้จะตกอยู่ในอันตราย หลิงเซียวหันหน้าหันหลังนึกห่วงหานอี้อยู่ในใจไม่รู้ว่าตัวเขาเอง ควรจะทำอะไรก่อนดี ในระหว่างที่เขาเดินสำรวจนั้น ก็เห็นเงามืดของกลุ่มคนเคลื่อนไหวลับๆอยู่เบื้องหลัง เฉิงหลิงเซียวรับรู้ได้จึงเกิดความสงสัย



"ใคร!!"


      เสียงของเขาทำให้เงาคนกลุ่มนั้นเคลื่อนไหวอย่างว่องไวอีกครั้ง เมื่อ เฉิงหลิงเซียวยิ่งเข้าใกล้ตรงสถานที่ ที่คิดว่ามีปัญหากลับพบว่า มีแต่ความว่างเปล่า ประสาทสัมผัสของเขาไม่ได้ผิดแน่นอน เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาสัมผัสได้คือความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนแน่นอน คนพวกนี้มากระทำการใดในเวลาเช่นนี้กัน เฉิงหลิงเซียวจึงตัดสินใจเดินไปอีกด้านหนึงของคฤหาสน์ ก็ปรากฏกลุ่มคนชุดดำกลุ่มหนึง กระทำการบางอย่างอยู่

"พวกเจ้าเป็นใคร?"

 

     กลุ่มคนชุดดำมีผ้าปิดหน้ามิได้ตอบคำถามของหลิงเซียวเลย เมื่อเฉิงหลิงเซียวปรากฏตัว คนกลุ่มนั้นก็พลัน ถลันทะยานกายแยกย้ายกันหายหนีไป อย่างว่องไว
"หยุด พวกเจ้าเป็นใคร"

 

     เฉิงหลิงเซียว ไม่รีรอให้เหตุการณ์ตรงหน้า ผ่านไปง่ายดายนัก สำหรับเขาเมื่อมันมีสิ่งที่ต้องขจัดความสงสัย เขาจะต้องไขความกระจ่างนี้ให้ได้ คนกลุ่มนี้น่าจะมี ความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลหาน อย่างแน่นอน นักรบดำกลุ่มนี้คือตัวปัญหาเบาะแสน่าจะอยู่กับคนกลุ่มนี้ สิ่งแรกคือเขาจะต้องสืบสาวเรื่องราวให้ได้ก่อน จึงคิดเข้าจับกุมคนชุดดำกลุ่มนี้ให้ได้ เพื่อเค้นหาความจริง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตระกูลหาน เฉิงหลิงเซียวทะยานกายเร่งรุดสุดฝีเท้าเพื่อตามล่ากลุ่มคนลึกลับต้องสงสัย

"พวกเจ้าเป็นใคร?"

 

     คำพูดนี้ ถูกพูดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ กลุ่มคนชุดดำได้ยินก็ผลุนผลันเตรียมขยับ พร้อมกับจะหลบหนีครั้งนี้เฉิงหลิงเซียว โถมกายพุ่งทะยานตัวเองขึ้นไปบนอากาศ ดังพญาหงส์เหินบินสู่ท้องนภา ด้วยความสามารถและการฝึกปรือที่เหนือกว่า สามารถคุกคามการหลบหนีของอีกฝ่าย ทำให้สามารถสกัดการหลบหนี ของกลุ่มคนชุดดำได้ สองคน คนชุดทำทั้งสองไม่มีทางให้หนีอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องลงมือกับเฉิงหลิงเซียว ทั้งสองพยักหน้าส่งสัญญาณให้กัน แม้ไม่ได้พูดอะไร ก็รับรู้ได้ว่าคนกลุ่มนี้จะทำอะไร เพียงพริบตาก็พุ่งทะยานปราดเข้าโจมตีเฉิงหลิงเซียว อย่างว่องไว

 

 

     คมดาบขาวขวับ ในมือของกลุ่มคนชุดดำ ถูกตวัดเข้าใส่ต่อเนื่อง เฉิงหลิงเซียว หรี่ตามองท่วงท่าการโจมตีของอีกฝ่ายออกอย่างชัดเจน เขาก้าวเท้าถอยก่อนสองก้าวแล้วดีดปลายเท้า โอนอ่อนกายโยกย้ายร่าง ปานกิ่งไผ่ไหวเอน ยามต้องแรงลมหมุนตามกระแสการจู่โจมของคมดาบ คนชุดดำทั้งสอง เร่งรุดจู่โจมเพื่อหมายสังหาร แต่ผ่านไปสองสามกระบวนท่าแล้ว คนชุดดำทั้งสองมิสามารถทำอะไรเฉิงหลิงเซียวได้

 

      เฉิงหลิงเซียวสบโอกาส เห็นจังหวะโต้กลับ อ่านการโจมตีของอีกฝ่ายได้ว่า การจู่โจมในกระบวนท่าต่อไป ศัตรูจะโจมตีเขามาที่จุดไหน เฉิงหลิงเซียวก็เอนกายหงายหลัง ดีดปลายเท้าตีลังกา ทะยานปราดถอยกายออกห่างไป ครั้งนี้เขาไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอีกแล้ว

 

 

     กระบี่หยกน้ำแข็งอาวุธคู่กายก็ปรากฎ ส่วนด้ามกระบี่ถูกดีดออกไปพลันพุ่งตรงเข้าใส่คนชุดดำ จนทั้งสองต้องปัดป้อง หลบหนีวิถีกระบี่ชะงักการจู่โจมลง เปลี่ยนผันเป็นตั้งรับ เฉิงหลิงเซียวเห็นทั้งสอง หยุดการโจมตีเปลี่ยนเป็นตั้งรับดังที่คาดการณ์ เขาจึงกดปลายเท้ากับพื้น พร้อมสาวก้าวเท้าอีกข้างโน้มกายไปด้านหน้า คว้าจับกำชับกระบี่ ทะยานกายพุ่งปลายกระบี่หยกน้ำแข็ง เข้าใส่คนชุดดำทั้งสองทันที

 

     การโจมตีครั้งนี้เพียงพริบตากระบวนท่าเดียว เหมือนมีกระบี่ นับร้อยเล่มพุ่งถาโถมเข้าใส่คนชุดดำทั้งสองจนตั้งรับไม่เป็นกระบวน จนหนึ่งในสองคนนั้นได้รับการบาดเจ็บจากคมกระบี่ คนชุดดำอีกคนเห็นทีว่าสู้ต่อไปคงต้านรับไม่ไหว จึงพุ่งทะยานหนีไป ปล่อยให้สหายที่บาดเจ็บของเขา รั้งสู้พัวพันเฉิงหลิงเซียวไว้แต่เพียงผู้เดียวไม่ถึงครึ่งกระบวน คนชุดดำก็พลาดท่าถูกคมกระบี่อีกเป็นครั้งที่สอง ในครั้งนี้มันสาหัสเกินกว่าที่เขาจะยืนหยัดสู้ต่อจึงได้แต่ยอมจำนน

"ใครส่งพวกเจ้ามา!! พูด!?! "  ปลายกระบี่ของเฉิงหลิงเซียวคุกคามจนอีกฝ่ายไม่กล้ายกตัวเคลื่อนไหว


     คนชุดดำผู้นี้ไม่ได้ตอบโต้ใดๆ คงยังจ้องมองหลิงเซียวด้วยสายตากล้าแข็งเหมือนยิ้มเยาะทางสายตา เฉิงหลิงเซียว ได้ใช้ปลายกระบี่ตวัดผ้าปิดหน้าสีดำของเขาออกเพื่อดูให้แน่ชัด ว่าคนที่มาคือใครกันแน่ เมื่อหลิงเซียวได้เห็นนั้นเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็เป็น เบาะแสเดียวที่เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านหานที่เขาเหลืออยู่  เขาจึงตัดสินใจคิดเค้นเอาความจริงจากคนผู้นี้ออกมาให้ได้

"บอกมา ใครส่งพวกเจ้ามา!!"

 

     ยังคงไม่มีเสียงตอบรับ คนชุดดำได้แต่ก้มหน้าแล้วทำอะไรบางอย่าง "อึก" สายไปแล้วที่หลิงเซียวจะแก้สถานการณ์ เพราะนักฆ่าคนนี้ได้กินยาพิษสลายวิญญานฆ่าตัวตาย ทำให้เบาะแสที่มีหายไป

 
"นี่ เจ้า!!!" ร่างของคนชุดดำผู้นี้กำลังสลายกลายเป็นเถ้าในไม่ช้า เมื่อเบาะแสขาดไปจึงต้องครุ่นคิดหาเบาะแสใหม่

     ครั้งนี้เฉิงหลิงเซียวค่อยๆ เดินสำรวจรอบๆ บริเวณคฤหาสน์ตึกหมื่นปราชญ์อีกครั้ง ไม่ผิดดังที่คาดการณ์เขาได้ยินเสียง ของคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังคุยกันอยู่ เฉิงหลิวเซียวสัมผัสได้ แต่ครั้งนี้เขาไม่กระทำการบุ่มบ่าม เหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว ดูเหมือนคนกลุ่มนี้พูดกันและเพิ่งจะเข้ามาในคฤหาสน์ได้ไม่นาน เฉิงหลิงเซียว จึงแอบลอบเข้าไป สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ



"ท่านแม่ทัพ ดูนี่สิขอรับ"

"เจ้าพบอะไร!"

 

      เสียงของทหารสวรรค์กลุ่มหนึ่งเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ตระกูลหาน เมื่อเกิดเหตุการณ์อันไม่ปรกติขึ้นกับหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ ซึ่งเป็นแดนเซียนแดนที่เชื่อมต่อกับโลกมนุษย์ ในเวลาหลายพันปีมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรง และอาจจะมีผลกระทบกับแดนเซียนและสวรรค์อย่างแน่นอน แม่ทัพสวรรค์จางฉวน จึงนำองครักษ์สวรรค์มาที่นี่  เพราะได้รับรายงานจึงเร่งรุดมาในที่เกิดเหตุ เฉิงหลิงเซียวลอบดูอยู่อีกด้าน การทำงานของจางฉวนอย่างเงียบๆ และไม่คิดจะปรากฏตัวต่อหน้าจางฉวนจึงได้แต่ซุ่มดูอยู่เงียบๆ บางทีเขาอาจจะได้เบาะแส อะไรขึ้นมาบ้าง จากแม่ทัพผู้เถรตรงและถือดีผู้นี้

"นี่เป็นร่องรอยการต่อสู้ ขอรับ ท่านแม่ทัพ"


"เปลวอักษร ร่ายรำ เป็นวิชากระบี่ตระกูลหาน "
"ท่านแม่ทัพทางนี้ ขอรับ"


"อะไร?"


"นี่ขอรับ" ทหารองครักษ์เห็นสิ่งผิดสังเกต บริเวณเสาด้านหนึ่งของคฤหาสน์

"อย่าแตะต้องมัน" เสียงร้องทักท้วงห้ามปราม เมื่อจางฉวนเห็นทหารจะใช้มือจับของสิ่งนั้นด้วยมือเปล่า

"เข็มดับตะวัน!! อาวุธลับของวังตะวันตก ตำหนักจันทร์เสี้ยว"



     จางฉวนพูดขึ้น ทำให้ ทหารองครักษ์ ถอยกรูดออกมาไม่เป็น ขบวน เพราะทุกคนในนี้ ต่างรู้ถึงกิตติศัพท์ดีว่า อาวุธลับชนิดนี้ ร้ายกาจเพียงใด วังตะวันตกแม้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการปกครองของสวรรค์และแดนมนุษย์ หรือแดนปีศาจ แต่วังตะวันตกก็เป็นอิสระไร้กฎเกณฑ์ที่ทั้งสวรรค์และแดนมารไม่อาจจะก้าวก่ายล่วงเกิน วังตะวันตกจึงเป็นสถานที่ทรงอำนาจแห่งหนึ่งในแดนสวรรค์ ที่ทุกคนต่างไม่กล้าล่วงเกิน



[เข็มดับตะวัน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?]

 

     นี่เป็นคำถามในใจของเฉิงหลิงเซียว เมื่อด้านหน้าของจางฉวน นั้นคือเข็มดับตะวันจริงๆ ซึ่งในทุกภพภูมินี้มีไม่กี่คนนักที่จะใช้อาวุธลับประเภทนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดเฉพาะทายาทวังตะวันตก หรือว่ามีคนคิดใส่ร้าย วังตะวันตก?



     ระหว่างที่ จางฉวน กำลังสำรวจอยู่นั้นเขาก็ได้ใช้ผ้าพันมืออย่างหนาหยิบเข็มดับตะวันออกมาจากเสา จางฉวนค่อยๆระวังเป็นอย่างดี เมื่อได้เข็มดับตะวันมา ซึ่งเป็นหลักฐานในคดีฆ่าล้างหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ ขณะนี้คนในตระกูลหานไม่เหลือใครรอดสักคน เขาจึงจำเป็นต้องเก็บหลักฐานชิ้นนี้เอาไว้อย่างดี ทันใดนั้นเอง ก็มีคนลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลังของเฉิงหลิงเซียว จนทำให้เฉิงหลิงเซียวสัมผัสได้คนกลุ่มนั้นก็พลันจู่โจมอาวุธลับเข้าใส่ จนทำให้หลิงเซียวต้องปัดป้องกัน

'เพล้ง!!!' เขาปัดป้องอาวุธลับออกไป จนเกิดเสียง ทำให้ จางฉวนและทหารองครักษ์หาที่มาของเสียงในทันที


 
"ใคร? อยู่ตรงนั้น"

 

     เสียงของจางฉวนตวาดขึ้น  เฉิงหลิงเซียวรู้ว่ ถึงแม้เขาจะหลบซ่อนตัวต่อไปก็คงไม่เป็นผล ถ้าโดนจับได้ อีกประการหนึ่ง เฉิงหลิงเซียวเองก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว มันอาจจะนำพาวังตะวันตกพบกับเรื่องยุ่งยาก ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีนัก เฉิงหลิงเซียวไม่รั้งรอก่อนถอยกายรีบหนีหายไปในทันทีเพื่อไม่ให้องครักษ์ ของ จางฉวนเห็น เงาวับไหวของเฉิงหลิงเซียวนั้นไม่อาจรอดพ้นสายตาของจางฉวนได้

"ตามไป!!"

     เสียงของจางฉวน สั่งให้ องครักษ์สวรรค์ ติดตามไปในทันที เฉิงหลิงเซียวใช้ความรวดเร็วของตนในการหลบหนี อย่างว่องไว แต่ก็เหมือนว่า จะหนีไปไม่พ้น เพราะไปที่ใดๆ ก็เหมือนมีแต่ทหารองครักษ์ของจางฉวนอยู่เต็มไปหมด เขาจึงปิดหน้าด้วยผ้าสีขาว ป้องกันไม่ให้ใครจดจำใบหน้าได้ เพื่อจะได้ฝ่าวงล้อม ของทหารองครักษ์ออกไปจากที่แห่งนี้ แม้จะยากเย็นนักแต่เฉิงหลิงเซียวก็หลบหนีกลุ่มองครักษ์ ของจางฉวนไม่พ้นอยู่ดี



     การประจันหน้ากันระหว่าง เฉิงหลิงเซียว และ จางฉวน จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว เมื่อทหารองครักษ์มาล้อมไว้ ทำให้เขาไม่มีทางที่จะหนีรอดออกไปได้ในเวลานี้ นอกจากใช้ความสามารถฝ่าออกไปเพียงเท่านั้น

"เจ้าเป็นใคร? ทำไม?มาอยู่ในคฤหาสน์หมื่นปราชญ์"

     จางฉวน ถามตวาดสุ้มเสียงแข็งกร้าว เพื่อให้อีกฝ่ายตอบมา แต่เฉิงหลิงเซียวมิได้ตอบโต้ เพียงแต่ก้มหน้าไม่สบตา ไม่ปริปากคำพูดใดให้เล็ดลอดออกมา เมื่อเฉิงหลิงเซียวสบโอกาส จึงหมายหลีกหนีไปในทันที พอหลิงเซียวจะเหาะทะยานขึ้นไปกลางอากาศ ก็พบว่ามี รังสีอาคมของสายฟ้าจากตาข่ายผืนใหญ่

"ตาข่ายตรึงฟ้ารึ!!!"

     จางฉวนใช้ตาข่ายตรึงฟ้า หนึ่งในอาวุธวิเศษเป็นเวทสายฟ้า กางอาณาเขตไว้แต่ต้นแล้ว ทำให้หลิงเซียวจำเป็นต้องสู้รบกับทหารองครักษ์ของจางฉวน ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ องครักษ์สวรรค์กรูกันเข้ามาหาเฉิงหลิงเซียวไม่ขาดสาย ทั่วทุกทิศทางถูกปิดกั้นการหลบหนี ทหารองครักษ์ที่เข้ามาจู่โจมหมายจับกุมเขา แต่ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของภูตจันทราอย่างเฉิงหลิงเซียวได้  หลิงเซียวรู้ดีหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงออกไปจากตาข่ายตรึงฟ้านี้ไม่ได้แน่ๆ ครานี้คงหนีไม่พ้น ที่เขาจะต้องประมือกับจางฉวน เป็นสิ่งที่เฉิงหลิงเซียวไม่อยากให้เกิด แต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน เขาอาจจะต้องใช้กระบี่หยกน้ำแข็งและเข็มดับตะวันเพื่อเปิดทางในการช่วยให้เขาหลบหนี

"หึ เจ้าหนีไม่รอดหรอก ยอมแพ้แล้วให้จับซะดีๆ เหตุใดเจ้าจึงอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลหาน ในเวลาเช่นนี้ เจ้ามีจุดประสงค์ใด" เสียงแข็งกร้าวของจางฉวนตะเบ็งถาม

"ถ้าข้าบอกว่า ข้าไม่ใช่คนร้าย อย่างที่ท่านคิดล่ะ "

"ถ้าไม่ใช่คนร้ายแล้วเหตุใดจึงปิดบังใบหน้า ยอมจำนนแล้วไปกับข้าเสียเถอะ"


"ท่านคิดว่าจะจับข้าได้อย่างนั้นรึ?" เฉิงหลิงเซียวเลิกคิ้วชันพลันกล่าวขึ้นด้วยถ้อยคำเนิบนาบเยือกเย็น จางฉวนกระตุกคิ้วเค้มหนาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

"ถ้าเจ้าสามารถหนีจากตาข่ายตรึงฟ้า..... มีความสามารถอันใด ก็แสดงออกมาเถอะ" จางฉวนพูดท้าทาย

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2019 07:34:37 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
3.เสี้ยวจันทรา ภูติจันทราปะทะจางฉวน



     เมื่อเฉิงหลิงเซียวเผชิญหน้ากับทหารองครักษ์และจางฉวน ย่อมรู้ดีว่ามันไม่ง่ายนักที่เขาจะฝ่าวงล้อมหนีออกไป เขาเองคงต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ เฉกเช่นเดียวกันทางฝ่าย จางฉวนเอง ก็คงไม่ยอมให้นักโทษของเขาหนีการจับกุมไปได้โดยง่าย ตอนนี้ทหารองครักษ์รู้ดีว่า พวกเขานั้นไม่ใช่คู่มือของบุรุษลึกลับชุดขาวผู้นี้ ขืนดึงดันสู้ไปอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยเปล่าประโยชน์ พวกเขาดูสถานการณ์แล้ว จึงทำตามคำสั่งของจางฉวน ที่วางแผนบอกไว้นั่นคือ เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ให้คุมเชิงเพราะมีตาข่ายตรึงฟ้า ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษในแดนเซียน ต่อให้เป็นเทพชั้นสูงก็ใช่ว่าจะหนีออกไปได้โดยง่าย



     สภาพแวดล้อมบริเวณป่าไม้ ซึ่งห่างจากหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ไม่ไกลนัก แสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่เล็ดลอดต้นไม้ใหญ่ลงมาสู่ต้นหญ้าเบื้องล่างมองเห็นยอดอ่อนของต้นหญ้าพริ้วไหวเอนตามกระแสแรงย่ำของฝีเท้าผู้คนที่เดินวนคุมเชิงรายรอบตัวเฉิงหลิงเซียวบริเวณนั้นด้านหลังซึ่งไม่ได้ห่างไปไกลนักตรงป่าทึบยังคงมีกองกำลังดักซุ่มรอการจู่โจม เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มความรัดกุมป้องกันการหลบหนีของอีกฝ่ายซึ่งทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้วเป็นอย่างดี เพราะจางฉวนคือแม่ทัพคุมทหารองครักษ์แดนเซียนผู้มากประสบการณ์เมื่อเขากระทำสิ่งใดแล้ว ย่อมได้รับผลสำเร็จเสมอ



     ทางด้านเฉิงหลิงเซียวเองก็นึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย หากแม้นยอมจำนนโดนจับกุมโดยง่าย นั่นคือความเดือดร้อนหายนะ จะเข้าสู่วังตะวันตก แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้ไปอยู่ในตำหนักจันทร์เสี้ยวก็ตาม ครั้งนี้ อย่างไรเสียเฉิงหลิงเซียวคงไม่ยอมให้ตนเองถูกจับกุมได้แน่ แต่การที่เขาจะหลบหนีออกจากตาข่ายตรึงฟ้าได้ ก็จำเป็นต้องอาศัยเข็มดับตะวัน และกระบี่หยกน้ำแข็งเพราะอาวุธทั้งสองล้วนมีอานุภาพสูง ซึ่งถ้าเขาใช้อาวุธทั้งสอง ก็เท่ากับว่าได้เปิดเผยฐานะของตนเอง มันไม่เป็นผลดีกับตัวหลิงเซียวและวังตะวันตก แต่ครั้งนี้ สิ่งที่ชวนให้นึกเกรงอยู่ในใจ ก็คือเขาต้องประมือกับจางฉวน ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่ทัพสวรรค์ฝีมือดีในแดนเซียนถ้าเขาไม่ใช้อาวุธคู่กายก็คงสู้กับจางฉวนได้ลำบากยิ่งนัก



     สายตาของทั้งคู่ยังคงจับจ้องมองกันไม่กะพริบเฉิงหลิงเซียวเองไม่อาจดูแคลนในฝืมือของจางฉวนส่วนจางฉวนนั้นเขาก็ย่อมรู้ดีว่าบุคคลเบื้องหน้าผู้นี้ ย่อมไม่ใช่คนชนชั้นธรรมดาเขาไม่อาจจะประมาทได้เช่นกัน พลังเวทอาคมที่คุ้มกันกายของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าย่อมบ่งบอกให้เขารับรู้ได้ว่า ครั้งนี้ จางฉวนเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเขาจะจับกุมคนผู้นี้ได้หรือไม่


     ครานี้ร่างของทั้งสองทะยานขึ้นบนอากาศจู่โจมเข้าหากันอย่างว่องไว สายตาคนธรรมดาทั่วไป ไม่อาจ กวาดสายตามองได้เท่าทันกับความเคลื่อนไหว พริบตาเดียวเฉิงหลิงเซียวและจางฉวนสู้กันไม่ต่ำกว่า สิบกระบวนร่างของเขาทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นวูบวาบวุบวับฉับไว เสียงกรงเล็บของจางฉวนกรีดอากาศครืน ครืน อื้ออึง



     ชายเสื้อสีขาวของเฉิงหลิงเซียวพัดวูบวาบไหวตามสายลมชวนให้ผู้มอง ติดตามหลงไหลในท่วงท่าที่สวยงามระคนปะปนกับจิตใจที่ระส่ำระสาย แม้ว่ากรงเล็บวชิระของจางฉวนจะกรีดแหวกอากาศออกไปหลายกระบวนท่า ก็ได้แต่สร้างความหวาดเสียวเพียงแค่นั้นด้านเฉิงหลิงเซียวเอง ก็โอนเอนพริ้วไหวหลบหลีกกรงเล็บ ที่สามารถหยิบยื่นความสาหัสให้กับร่างกายเขาได้ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก็นึกหวาดเสียวชวนให้ วาบหวามหัวใจเช่นกัน การตั้งรับของเฉิงหลิงเซียวนี้ดูเหมือนว่าเสียเปรียบ แต่ก็ใช่ว่าจะสวนโต้กลับสู้จางฉวนไม่ได้เสียทีเดียว



      กรงเล็บวชิระรุกไล่ตะปบต่อเนื่องการโจมตีของจางฉวนนี้ ทว่าเฉิงหลิงเซียวหลบไม่พ้น แม้กระบวนท่าเดียว อาจจะหมายถึงจุดจบได้เช่นกัน เพราะมันรุกรวดเร็วว่องไวเน้นโจมตีจุดสำคัญ สร้างความกดดัน ทำให้เฉิงหลิงเซียวแทบไม่กล้าละสายตาจากกรงเล็บที่โฉบเฉี่ยวเข้ามา หรือจะโต้ตอบทำอะไรจางฉวนได้มากนัก กรงเล็บทั้งว่องไวและกล้าแข็ง บ่งบอกได้ว่าจางฉวนฝึกปรือมันมาอย่างเชี่ยวชาญ การรุกคืบของจางฉวนทำให้เฉิงหลิงเซียวแทบจะจนมุม หมดหนทางหลบหลีกตอบโต้นอกจากตั้งรับกระบวนท่าจู่โจมเพียงอย่างเดียว ก็ได้แต่พลันครุ่นคิดตรึกตรองขืนปล่อยให้เวลาเป็นไปเนิ่นนานแบบนี้ เขาเองคงถูกจางฉวนจับไปสำเร็จโทษโยนลงสู่หลุมกลืนฟ้าเทียนคังอย่างแน่นอน


"หึ เจ้าทำได้เพียงแค่หลบหลีกเช่นนั้นรึไม่เห็นเจ้าลงมือตอบโต้ข้าเลยหรือว่าเจ้าไม่กล้าที่จะเปิดเผยฝีมือที่แท้จริงของตนเอง"



     จางฉวนชันคิ้วข้างหนึ่งกระตุกมุมปากยิ้มเยาะในความได้เปรียบที่เห็นอีกฝ่ายโดนต้อนจนเกือบจะจนมุมแต่จางฉวนเองก็ไม่อาจจะประมาทได้ เพราะคนที่สามารถหลบการโจมตีของเขาได้ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ต้องอยู่ใทำเนียบของเซียนชั้นสูงหรือไม่ก็เป็นระดับแม่ทัพแดนปีศาจขึ้นไป คงมิใช่ชนชั้นไร้นาม ด้านเฉิงหลิงเซียวได้แต่ปัดป้องการโจมตี กรงเล็บวชิระของจางฉวนที่กดดันคุกคามอานุภาพร้ายกาจ เพียงตัดแหวกอากาศผ่านไป ก็สามารถตัดโค่นทำลายต้นไม้ใหญ่ได้อย่างสบาย เสียงระเบิดตูมตาม ครืนคราน อื้ออึงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ  เห็นวิชากรงเล็บวชิระของจางฉวนที่เปล่งอานุภาพออกมานี้ เฉิงหลิงเซียวจึงอยากรู้ว่าใช่อานุภาพสูงสุดแล้วหรือยังจึงคิดหยั่งเชิงว่าจางฉวนสำเร็จวิชากรงเล็บวชิระถึงขั้นไหนแล้ว
จึงเอ่ยคำหมิ่นหยันยั่วโทสะของอีกฝ่ายเป็นนัย เฉิงหลิงเซียวเห็นช่องโต้กลับไปบ้างเมื่อสบโอกาส เขาทั้งสองยืนประจันหน้า
เพื่อหาโอกาสประมือกันอีกครั้ง เฉิงหลิงเซียวหรี่ตาเลิกคิ้วเรียวชันพร้อมหันไปประจันหน้ากับจางฉวนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุจสายลมพัดเฉื่อยเย็นชา





"ดูท่ากรงเล็บวชิระของท่านแม่ทัพ คงจะเปล่งอานุภาพได้เพียงเท่านี้สินะ ถ้าท่านแม่ทัพฝึกสำเร็จละก็ ข้า...ว่าท่านนั้นคงจะจับข้าได้ตั้งนานแล้ว ตัวข้าคงไม่ได้พูดผิดไปใช่ไหม?ท่านแม่ทัพ ท่านถึงทำได้เพียงแค่กดดันการจู่โจมของข้าเพียงเท่านั้นแต่ไม่สามารถทำอะไรข้าได้.หึหึ"





     จางฉวนรู้สึกได้ว่ากำลังโดนหมิ่นเกียรติ แต่ก็เป็นจริงตามที่เฉิงหลิงเซียวเอ่ย จางฉวนนั้นสำเร็จกรงเล็บวชิระเพียงแค่ขั้นที่7 ยังไม่ถึงขั้น9ขั้นกลืนฟ้าสยบมาร จึงทำให้อานุภาพของกรงเล็บวชิระ ทำได้เพียงเท่านี้สายตาของจางฉวนเหลือบมองจ้องกลับบุรุษชุดขาวตรงหน้า ด้วยสายตาแข็งกล้าก่อนจะกล่าวขึ้นว่า



"แม้ข้าจะสำเร็จเพียงแค่ขั้น7 มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้กำราบคนเช่นเจ้ารับมือ!!"



     จางฉวนโดนหมิ่นศักดิ์ศรีเช่นนี้เขาไม่รีรออีกต่อไปแล้วจึงจำเป็นต้องตัดสินขั้นเด็ดขาด จึงได้เร่งความเร็วของการโจมตีเพิ่มขึ้นอีกร่างของทั้งสอง ทะยานขึ้นสู่กลางอากาศอีกครั้ง เสียงประมือในรอบนี้ ดูท่าว่ามันจะจบลงในไม่ช้า คงรู้ผลแพ้ชนะเร็วๆนี้





     เฉิงหลิงเซียวเองก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดัน ดังถูกคนนับสิบบีบรัดรอบทิศทาง นึกหวั่นหวาดอยู่ในใจ การเพิ่มความเร็วของกรงเล็บวชิระ นับว่าน่ากลัวนัก ไม่นานนักกรงเล็บกระบวนท่าต่อไปหมุนวนกลับมาอีกคราทั้งรุนแรงรวดเร็วกว่าก่อน เฉิงหลิงเซียวพลิกกายหลบลี้หนีได้หลายกระบวนอย่างเฉียดฉิว จางฉวนไม่รีรอ รีบทะยานกายตามติด ตวัด กรีดกรงเล็บตัดอากาศกระบวนท่าต่อไปในทันที





     เฉิงหลิงเซียว พลาดท่าโดนกรงเล็บวชิระตะปบเข้าที่ไหล่ซ้ายจางฉวนกระหยิ่มได้ใจยังโจมตีต่อเนื่องจากไหล่ซ้ายตามตะปบโฉบไปที่ใบหน้า เป็นกระบวนท่าต่อเนื่อง เฉียดฉิวใบหน้าที่งดงามไปเพียงนิดเดียว ชวนให้น่าหวาดเสียวใจ พลันกรงเล็บก็เกี่ยวผ้าปิดหน้าผืนขาวติดมือจางฉวนไป แม้นว่าถ้าหลิงเซียวหลบไม่ได้ คงอาจจะสูญเสียใบหน้าที่งดงามนี้ไปเป็นแน่



     เฉิงหลิงเซียวถูกคุกคามกดดัน พลันเห็นช่องสบโอกาส จึงคิดฟาดโจมตีจางฉวน พลิกมือเคลื่อนไหวซัดฟาดฝ่ามือไป ใส่ไหล่ซ้ายของจางฉวนเต็มกำลัง ทำให้ทั้งสองต่างกระเด็นออกมาจากแรงประทะ บาดเจ็บทั้งคู่  พลันโฉมหน้าที่งดงามของอ๋องรองแห่งวังตะวันตก ปรากฏต่อสายตาจางฉวนและเหล่าองครักษ์สวรรค์ เฉิงหลิงเซียวมิสามารถปิดบังฐานะได้อีกต่อไป จางฉวนจ้องเขม็งปานจะกลืนกินเลือดเนื้อก่อนที่จางฉวนเลิกคิ้วชันที่หางตาข้างหนึ่งพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนพูด



"หม่อมชั้น นึกว่าเทพมารแห่งใดกันที่แท้ก็เป็นท่านอ๋องแห่งตำหนักจันทร์เสี้ยวนี่เองเหตุใดท่านอ๋องจึงต้องปิดบังโฉมหน้าอันงดงามด้วยเล่า หึหึ เอ๋!!หรือว่าอ๋องเฉิงแห่งวังตะวันตกจะกระทำความผิดอันใดไว้หรือเปล่า? ถึงได้ปิดบังอำพรางใบหน้าที่งดงามเช่นนี้" จางฉวนพูดเนิบนาบนุ่มนวลปนจิกกัด



"ถ้าข้าบอกท่านว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างบ้านหานเลยท่านแม่ทัพจะเชื่อข้าไหมล่ะ "


"หม่อมชั้นจะเชื่อตามพยานหลักฐานเท่านั้น ท่านอ๋องเองก็น่าจะรู้นะพ่ะย่ะค่ะ"


"ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านก็จะต้องจับข้าให้ได้อย่างนั้นสินะ"เสียงของเฉิงหลิงเซียวกล่าวขึ้นด้วยคำพูดนุ่มเย็นสุขุม


"ใช่ พะยะค่ะ หม่อมชั้นต้องทำตามหน้าที่โปรดเข้าพระทัยด้วยเชิญพระองค์เสด็จตามหม่อมชั้นกลับไปด้วยนะ พะยะค่ะ"
จางฉวนแสร้งประสานมือน้อมกาย


"บังอาจ!! วังตะวันตกไม่เคยบาดหมางอะไรกับเผ่ากิเลนของเจ้า ข้าบอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยวกับข้า ต้องมีผู้ใดคิดใส่ร้ายวังตะวันตก" หลิงเซียวตะเบ็งเสียงแข็งกร้าวตวาดใส่จางฉวน



"หม่อมชั้นรู้ดีว่าเผ่ากิเลนของหม่อมชั้นกับวังตะวันตกของพระองค์ ไม่มีอะไรบาดหมางกัน แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความหายนะที่กำลังจะเกิดและหลักฐานมันเกี่ยวพันถึงวังตะวันตก หม่อมชั้นจะนิ่งดูดายไม่ได้ ต้องทำตามหน้าที่ที่หม่อมชั้นได้รับมอบหมายมา ขออ๋องเฉิงโปรดเข้าพระทัยเสด็จตามหม่อมชั้นกลับไปกราบทูลฝ่าบาท พร้อมกับหม่อมชั้นจะดีกว่า" สายตาคมกริบของจางฉวนจ้องเขม็งท้าทายโดยไม่เกรงกลัว



      เขาทั้งสองตอบโต้กันไปมาหลิงเซียวไม่มีทีท่าว่าจะยอมจำนนแต่โดยดี แต่จางฉวนก็ไม่ยอมลดลายอมล่าถอยกลับไปมือเปล่า ยังไงเสียวันนี้จางฉวนก็ต้องจับกุมหลิงเซียวให้ได้



"แล้วถ้าข้าไม่ยอมให้เจ้าจับล่ะ?"



"หึ ก็ต้องดูว่า ภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวนั้นมีดีแค่ชื่อหรือว่าพอจะมีฝืมืออยู่บ้าง? ท่านอ๋องอย่าลืมนะว่าถ้าท่านอ๋องไม่ยอมเสด็จตามหม่อมชั้นกลับไปแล้วเรื่องนี้ถูกกราบทูลต่อฝ่าบาทแล้วนั้นคงจะเดือดร้อนไปทั่วทั้งวังตะวันตกและแดนมายา หึหึหึ" จางฉวนยิ้มเยาะ


"จางฉวน! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คง จะไม่มีโอกาสได้กลับไปทูลฝ่าบาทแล้วล่ะ"หลิงเซียวขบกรามแน่นก่อนแค่นเสียงตอบกลับไป



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 22:28:34 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
4.เสี้ยวจันทรา ตัดสินแพ้ชนะ

     ทันใดไหล่ซ้ายของเฉิงหลิงเซียว ปวดแปลบจากของกรงเล็บวชิระ ทำให้เลือดไหลซึมผ่านผ้าคลุมกายสีขาว ไหล่ของภูตจันทราลู่ลงไป มือเรียวบางยึดกุมบาดแผล เลือดยังคงไหลซึมไม่หยุดจางฉวนเห็นแล้ว ว่า บาดแผลนี้ทำให้ เฉิงหลิงเซียวบาดเจ็บไปไม่น้อย ส่วนตัวเขาเอง ก็โดนพลังฝ่ามือหมอกมายาของเฉิงหลิงเซียวกระแทกใส่ ผลที่ได้รับก็เจ็บไม่ต่างจากภูตจันทรามากนัก การโดนฝ่ามือฟาดใส่ในครั้งนี้ทำให้เขาใช้ วิชากรงเล็บวชิระได้ไม่สะดวก



     เฉิงหลิงเซียวรู้สึกหงุดหงิดใจเมื่อสิ่งที่เขาคิดไว้ มันไม่ได้เป็นไปดั่งที่ใจคิด ซ้ำยังนำพาเรื่องร้ายแรงเข้าสู่วังตะวันตกทำให้กลายเป็นเป้าหมายโจมตีของผู้ไม่หวังดี ครานี้วังตะวันตก เห็นทีน่าเป็นห่วงคนรักก็ยังถูกฆ่าล้างตระกูล เฉินหลิงเซียว ครุ่นคิดพลางก่อเกิดเพลิงแค้นขึ้นในใจ

[มันผู้ใด เป็นคนคิดแผนร้ายนี้ขึ้นมา ข้าจะตามฆ่าล้างตระกูลมัน]

     ผู้อยู่เบื้องหลังคิดให้ร้ายตัวเขาและวังตะวันตกโดยใช้ คฤหาสน์หมื่นปราชญ์ เป็นเหยื่อ หากตัวเขาเองมิใช่ อ๋องแห่งวังตะวันตกด้วยฐานะหนึ่งในผู้นำตระกูล ที่ค้ำคออยู่ ตระกูลหานอาจจะไม่ต้องมาพบกับเหตุการณ์แบบนี้ คงไม่ถูกฆ่าล้างบ้านเขาคงเป็นผู้นำพาหายนะและเภทภัยหยิบยื่นให้ผู้ใกล้ชิด เฉิงหลิงเซียวพลันครุ่นคิดก็ยิ่งสุมเพลิงแค้นแน่นในใจ

[หานอี้ ข้าขอโทษ]

      สายตาของ เฉิงหลิงเซียวจ้องเขม็ง ไปที่ใบหน้าของจางฉวน เพียงไม่ถึงอึดใจภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวรวบนิ้วเรียวยาวเป็นระเบียบกำชับกระบี่หยกน้ำแข็งในมือ เพื่อเร่งรีบสะสางเรื่องในตอนนี้ ยกกระบี่ขึ้นด้วยท่วงท่าเชื่องช้านุ่มนวลชี้ปลายกระบี่ไปทางจางฉวน

     ครานี้เฉิงหลิงเซียวไม่รีรอ สาวเท้าดีดพุ่งปลายเท้าทะยานไปเบื้องหน้ากระบี่ในมือพุ่งจู่โจมใส่จางฉวน ด้วยกระบวนท่าหนึงพริ้วไหวรวดเร็วสับเปลี่ยนกระบวนท่าหนึงเชื่องช้าอ่อนไหวหลอกลวง เหมือนร่ายรำตามบทเพลงมีท่วงทำนอง ทุกอย่างดูสอดประสานวาบหวามใจ ชวนให้จางฉวนนึกเกรงในอานุภาพพลังของเพลงกระบี่ทั้งหลอกล่อ ลวงตา รุกรับชวนพิศวง เผลอพริบตาเดียว จางฉวนก็ถูกคมกระบี่กรีดไปหนึ่งแผล จางฉวนม้วนตัว ตีลังกา หนีวิถีสภาวะเพลงกระบี่ที่ตามติด โลหิตไหลซึมเป็นทาง ไหล่ซ้ายโดนฝ่ามือหมอกมายาฟาด ต้นแขนขวาโดนคมกระบี่ปาดบาดเจ็บ ครั้งนี้เหมือนจางฉวนถูกตัดแขนก็มิปาน เพราะมิอาจใช้วิชากรงเล็บวชิระได้ดังใจนึก กระบวนท่าเพลงกระบี่ของ เฉิงหลิงเซียวเริ่มทวีความเกรี้ยวกราด สาดกระบี่พุ่งใส่จู่โจมรวด ในพริบตาเดียวก็ผ่านไปห้าถึงหกกระบวน จนจางฉวนสั่นสะท้านหวาดเกรง เพราะเขาได้แต่เพียงตั้งรับถอยร่น หลบหลีกการจู่โจมที่ต่อเนื่องนี้ นับว่าเหนือความคาดหมายยิ่งนัก เขาไม่เคยเจอคู่ปรับใดที่มีเพลงกระบี่ร้ายกาจขนาดนี้เลย



     จางฉวนรวบรวมกำลังซัดฝ่ามือใส่ เฉิงหลิงเซียว ทั้งสองปะทะฝ่ามือกันด้วยพลังวัตรและปราณที่กล้าแข็ง จนจางฉวนต้องตีลังกาถอยปราดไปเพื่อหนีวิถีกระบี่ ออกไปไกลห่าง ด้วยความหวาดหวั่นจางฉวนรู้สึกอึดอัดบริเวณทรวงอกก่อนกระอักโลหิตออกมาคำหนึง คราวนี้ จางฉวนเห็นเฉิงหลิงเซียว วาดลวดลายท่วงท่าแปลกประหลาดพิสดาร เขานึกขึ้นได้ทันทีว่าอันตรายกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า

"ภูตรำพึงร่ายรำ"
"เข็มพิษดับตะวัน!! ระวัง!!"

     มิทันสิ้นเสียงของจางฉวนร้องเตือน ทั่วทั้งบริเวณก็อื้ออึง ดังสนั่น ตูมตาม เข็มพิษดับตะวัน นับสิบๆเล่มถูกปล่อยออกจากตัวเฉิงหลิงเซียวรอบทิศทาง

[เข็มพิษดับตะวันอานุภาพร้ายกาจจริงๆ]

     จางฉวนนึกหวั่นไหวในความร้ายกาจพริบตาเดียว องครักษ์ที่ติดตามเขาก็แตกขบวน ล้มตายนอนโอดโอยบาดเจ็บกันไปไม่เป็นท่า ครานี้จางฉวนได้เห็นกับตา ไม่นึกเลยว่าความร้ายกาจ ของเข็มพิษดับตะวันวังตะวันตก จะมีอานุภาพทำลายล้างมากมายขนาดนี้ ครานี้ จางฉวนก็ปวดแปลบที่ทรวงอกอีกครา เขากระอักโลหิตกองโตออกมา ก่อนเงยหน้ามองหาร่างของเฉิงหลิงเซียว ภายใต้หมอกควันแต่ร่างของอ๋องรองแห่งวังตะวันตก ก็พลันหายวับไปเสียแล้ว

"ตามไป"

     จางฉวนรีบสั่งองครักษ์ให้รีบออกติดตาม พอสิ้นประโยค จางฉวนก็ทรุดฮวบลงไปกับพื้น ครานี้ จัดว่า จางฉวนเจอคู่ปรับที่รับมือเกินต้านทาน จนตัวเขาสั่นสะท้านมีอาการบาดเจ็บสาหัสอาจต้องพักฟื้นอีกพักใหญ่

"ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพขอรับ" ทหารคนสนิทรีบเข้ามาประคองจางฉวนด้วยความเป็นห่วง
"เจ้ารีบกลับวัง แล้วไปกราบทูลฝ่าบาท ตามที่เจ้าเห็น อึก อึก..เร็วเข้า ไป๊!!"

"ขอรับ"

**

     แม้เฉิงหลิงเซียวจะทำลายตาข่ายตรึงฟ้าออกมาได้ แต่ครั้งนี้ทำให้เขาแทบจะสูญเสียพลังทั้งหมดซ้ำร้ายยังบาดเจ็บจากกรงเล็บของจางฉวนอีก เฉิงหลิงเซียวเดินโซเซ อยู่กลางหุบเขาโยนกายโอนเอนไปมาแทบจะฝืนเดินต่อไปไม่ไหว เพราะเขาได้ใช้พลังเซียนถึงขีดสุด ทำให้พลังวัตรและลมปราณขาดช่วงติดขัดสายตาที่มองเห็นพร่ามัว

"ท่านอ๋องน้อยนี่ ท่านบาดเจ็บได้อย่างไร? ใครมันช่างบังอาจนัก"

"อิงฮัว เจ้า! เจ้ารีบไปวังตะวันตก บอกกับท่านพี่ เร็ว!!"

"มีเรื่องใดรึ ท่านอ๋อง แล้ว...แล้วท่านล่ะ? ใครกันมันช่างบังอาจทำร้ายท่านขนาดนี้"

"ไม่ต้องห่วงข้า รีบไปเร็วเข้า บอกกับพี่หญิงว่า มีคนคิดให้ร้ายวังตะวันตกคิดจะกำจัดคนแดนมายา จงรีบปิดทางเข้าออก เร็วเข้า!!"

"ค่ะ ท่านอ๋อง ท่านรักษาตัวด้วย" หญิงสาวใส่ชุดสีดำท่วงท่าว่องไวปราดเปรียวเห็นผู้เป็นนายบาดเจ็บก็ตกใจ จึงรีบรุดไปส่งข่าวในทันที

"เจ้ารีบไปเถอะ..อึก อึก.."

เฉิงหลิงเซียวกระอักเลือดกองใหญ่ ครุ่นคิดในใจเภทภัยในครั้งนี้ต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งหยิบยื่นมา เพื่อทำให้ขุมกำลังของวังตะวันตกย่อยยับลงไปแต่คนอย่างเขาคงไม่มีวันยอมให้ความคิดนั้นสำเร็จเป็นแน่


"ก็ได้ ถ้าพวกเจ้ารวมหัวกันคิดให้ร้ายข้า ทำลายคนที่ข้ารัก ดินแดนข้า ต่อแต่นี้ทุกภพภูมิก็อย่าได้พบกับความสงบสุขอีกต่อไปเลย ค...คอยดู อึกอึก..." หลิงเสียวขบกราม พอพูดจบประโยคสายตาของเฉิงหลิงเซียวพร่ามัวก่อนที่จะสลบไป

**

ณ ท้องพระโรง

"เฉิงหลิงเซียว มันจะกำเริบมากเกินไปแล้ว"
 

เพล้ง!!!!
เสียงขององค์เง็กเซียนทรงพิโรธ ปัดถ้วยชาลงบนพื้นด้วยความโมโห

"ฝ่าบาทเพคะ วังตะวันตกคิดการเช่นนี้หรือว่าพวกเขาหมายจะก่อศึกนอกสร้างศึกใน นำความปั่นป่วนให้ทุกภพภูมิแล้วสร้างขั้วอำนาจใหม่ หม่อมชั้นคิดว่า แผนการสุดท้ายของพวกเขาคงจะเป็น.... ยึดท้องพระโรงแห่งนี้กระมัง เพคะฝ่าบาท"

เยว่อิงหวังสร้างความครุกรุ่น ขึ้นในใจ ให้กับองค์เง็กเซียนหวังสบช่องคิดทำลายขุมกำลังที่ทรงอำนาจของวังตะวันตกให้สิ้นซาก

"บังอาจ!!!"

"หม่อมชั้นผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดลงพระอาญา ที่หม่อมชั้นกล่าววาจามิบังควร"

ฮองเฮาเยว่อิงแกล้งย่อตัวลงคุกเข่าขอรับพระอาญา จากองค์เง็กเซียน หลังจากนางเทราดน้ำมันบนกองเพลิงองค์เง็กเซียนเห็นเยว่อิงกระทำดังนั้นก็พลันได้สติ จึงได้กล่าวกับเยว่อิงว่า

"เยว่อิง เจ้าอย่าไปวิตกไปเลย ข้ามิได้กล่าวว่าเจ้า ลุกขึ้นเถิด"

"ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท"

     การราดน้ำมันบนกองเพลิงของเยว่อิงถือว่าเป็นผล เพราะในใจขององค์เง็กเซียนก็นึกหวั่นพระทัย ในอำนาจวังตะวันตกเหมือนดังหอกแหลมคม ที่คอยจ่อรอการทิ่มแทงองค์เง็กเซียนไว้ตลอดเวลา เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเสีย และเป็นการดี ถ้าสามารถตัดไฟตอนนี้ ได้เสียแต่ต้นลม

"อี้เทียน เจ้านำราชโองการข้าไปตามตัวแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่วมาพบข้าเป็นการด่วน"
 
"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"

     ไม่นานนัก ใต้เท้าอี้เทียนก็นำแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว มาเข้าเฝ้าด้วยความเร่งรีบ พร้อมกับนายพลห้ากองธงแห่งแดนสวรรค์

"หม่อมชั้นหลิวฮั่วและขุนพลห้ากองธง ถวายบังคมฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี"

"พวกเจ้าลุกขึ้นได้ อี้เทียน.." เง็กเซียนหันไปหาใต้เท้าอี้เทียนให้อี้เทียนประกาศราชโองการ

"พะยะค่ะ ฝ่าบาท" อี้เทียนเตรียมอ่านราชโองการ

"แม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว รับราชโองการ" หลิวฮั่ว กับ นายพล5กองธง ก็คุกเข่าน้อมรับราชโองการ รอฟังรับสั่งอย่างใจจดจ่อ

"หลิวฮั่ว น้อมรับราชโองการ"

"ด้วยพระบารมีฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้แม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว นำทัพใหญ่แดนสวรรค์กับทหารห้ากองธงสวรรค์ไปปราบกบฏตระกูลเฉิงแห่งวังตะวันตกและจับกุมคนในแดนมายาทั้งหมดเนื่องด้วยเฉิงหลิงเซียวกระทำการคิดไม่ซื่อฆ่าล้างครอบครัวใต้เท้าหานเจี้ยนหลินที่คฤหาสน์หมื่นปราชญ์ซึ่งเป็นขุนนางในราชสำนัก การกระทำในครั้งนี้ มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อราชสำนักทำให้ภพภูมิปั่นป่วน สร้างภัยพิบัติให้แก่แดนมนุษย์และแดนสวรรค์ ผิดกฏที่เคยให้ไว้ร่วมกัน ซึ่งเป็นโทษที่มิอาจให้อภัยได้ แม่ทัพใหญ่หลิวฮั่วจงรับตราแม่ทัพไปปราบปรามจับกุมพวกกบฏและคนในตระกูลเฉิงมารับโทษทัณฑ์ จบราชโองการ"

"หลิวฮั่ว น้อมรับราชโองการ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี" หลิวฮั่วลุกขึ้น พร้อมกับรับราชโองการ

"รีบไปเถอะแม่ทัพฮั่ว ท่านระวังตัวด้วย"

"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"

"ฝ่าบาทเพค่ะ ฝ่าบาทใช้ทหารสวรรค์ ไปกวาดล้างคนวังตะวันตกชายแดนหากเกิดความวุ่นวาย จะทรงทำเช่นไร"

"ใช่ ข้าลืมไปเสียได้ อี้เทียน เจ้านำราชโองการลับข้าส่งให้แม่ทัพชายแดน เพิ่มกำลังทหาร ป้องกันแดนปีศาจฉวยโอกาสนี้โจมตีเรา"

"พ่ะย่ะค่ะ"
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 22:33:06 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
5.เสี้ยวจันทรา ปลดผนึกแส้โลหิต

     เมื่อแม่ทัพหลิวฮั่วได้รับราชโองการก็พาขุนพลห้ากองธงเร่งรีบนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับจางหวน(พ่อของจางฉวน)ซึ่งเป็นรองแม่ทัพเพื่อวางแผนที่รัดกุมในการปราบกบฏแดนมายาและวังตะวันตกเมื่อแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่วเข้ามา นำเรื่องนี้พูดคุยกับจางหวนจางหวนเองก็ดูทีท่าไม่ได้วิตกอะไร เหมือนกับรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วจึงเอ่ยลองย้อนถามความเห็นของหลิวฮั่วดูถึงแผนการ ว่าหลิวฮั่วคิดอ่านการใดไว้ก่อนหรือยัง

"แล้วท่านแม่ทัพคิดเห็นเช่นไร"
"ท่านจาง แดนมายามีพื้นที่สลับซับซ้อนข้าคิดไว้ว่าจะใช้ไฟเน้นรวดเร็วไม่ให้ทันตั้งตัว ไม่ยืดเยื้อให้เสียหายแก่ฝ่ายเรามากเกินจำเป็น"

     หลิวฮั่วมองสถานการณ์ออก เพราะถ้าเกิดการสู้รบยืดเยื้อแล้วอาจจะบานปลายได้ จางหวนเห็นดังนั้นก็พยักหน้ากล่าวขึ้นว่าเห็นด้วยกับหลิวฮั่วทันที

"ใช่ ข้าก็เห็นด้วยกับท่านแม่ทัพ" จางหวนพูดเสริมขึ้นมา ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า "แดนมายา มีทั้งหุบเขาสูงสลับซับซ้อนซ้ำยังมีสภาวะอากาศที่แตกต่างทั้งหมอกพิษและลี้ลับ ยากแก่การเข้าจู่โจมด้วยทัพใหญ่ข้าเองเห็นว่าเราไม่ควรใช้ทัพใหญ่ในการเข้าไปโดยตรง เอิกเกริกไปจะทำให้แดนมายาตั้งรับและโต้กลับทำให้เราจัดการได้ลำบาก
จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น"

     จางหวนเหมือนวางแผนล่วงหน้าเอาไว้เนิ่นนานแล้ว ในสิ่งที่กล่าวออกมาจางหวนลอบใช้สายตาแอบมองปฏิกริยาของ แม่ทัพหลิว ว่าคิดอ่านเช่นไร จางหวนคิดแล้วว่าไม่มีแผนไหนจะดีไปกว่าแผนนี้แล้ว พอหลิวฮั่วได้ฟังจางหวนพูดอธิบายแล้วประมวลเหตุการณ์เรื่องราวขึ้นในใจ ก็เห็นพ้องต้องกันกับจางหวนเพราะทุกสิ่งที่จางหวนกล่าวอธิบายมาล้วนมีเหตุผลสนับสนุน หลิวฮั่วจึงคิดว่าจางหวน น่าจะมีแผนการที่ดีไว้ในใจอยู่บ้างแล้ว จึงกล่าวถามจางหวน เพื่อดูแผนการที่จางหวนคาดการณ์

"แล้วท่านจางคิดอ่านไว้เช่นไรกันเล่า?" หลิวฮั่วกล่าวจบ จางหวนก็รู้ได้ในทันทีว่า แม่ทัพหลิวฮั่วคงเห็นดีกับแผนการของตน จึงกล่าวอธิบายแผนการ

"ฝ่ายเราจะแบ่งแผนการออกเป็น 3 ส่วนหนึ่งข้าจะใช้ยอดฝีมือของ ห้ากองธงสวรรค์เร่งรวมตัวกับคนของข้าที่แอบเข้าไปก่อนหน้านี้แล้วในวังตะวันตก เพื่อเร่งเข้าจับกุมนักโทษ อีกกลุ่มหนึ่งข้าจะนำสามกิเลนไฟไปแฝงตัวปะปน กับคนในหุบเขามายาเพื่อสังเกตการณ์เมื่อถึงเวลาก็จะให้สามกิเลนอาละวาด สร้างความโกลาหลด้วยไฟ นอกในประสานกันจะได้ง่ายต่อการบุกจู่โจม ส่วนขั้นที่สามท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านก็เตรียมเคลื่อนทัพประชิดแดนมายาให้พวกมันสับสน เพื่อสนับสนุนข้าอีกทางหนึ่ง" เมื่อจางหวนกล่าวจบทางหลิวฮั่วก็เข้าใจแผนการในทันทีจึงกล่าวสำทับ

"ดี ได้ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านจางว่า" แล้วหันไปสั่งผู้นำ ห้ากองธงทันที "พวกเจ้าทั้งห้าไปรวบรวมยอดฝีมือที่ไว้ใจได้จำนวนหนึ่งแล้วทำตามแผนที่ท่านจางวางไว้"

"ขอรับ ท่านแม่ทัพ"
"อืม ไปเถอะ"
***
ณ ตำหนักจันทร์เสี้ยวแห่งวังตะวันตก

"พระชายาเพคะ" นางกำนัลคนสนิทพระชายาเฉิงเหลียนฮวาเร่งรุดมา พระชายาเห็นทีท่าเสวี่ยเอ๋อไม่ปรกตินักจึงกล่าวถาม "มีอะไรรึ เสวี่ยเอ๋อ"


"หม่อมชั้นได้รับแจ้งข่าวจากสายของเรา ว่าที่วังสวรรค์.."

"ข่าวอะไร?" เสวี่ยเอ๋อนำข่าวจากวังสวรรค์ที่ได้รับมาแจ้งให้กับพระชายา
"ฝ่าบาทมีราชโองการให้ แม่ทัพใหญ่หลิวฮั่วนำทัพใหญ่มาปราบกบฏแดนมายาและคนวังตะวันตกเพคะ" เมื่อพระชายาทรงรู้เรื่องราวก็แสดงสีหน้ากังวลในทันที
[เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?]

"แล้วเจ้าได้ข่าวอะไรมาอีกรึไม่" เสวี่ยเอ๋อนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งได้รับจดหมายมา

"มีเพคะ หม่อมชั้นได้รับจดหมายจากเจ้าหุบเขาหมื่นพิษเพคะ"
"แล้วจดหมายจากหุบเขาหมื่นพิษล่ะ"
เสวี่ยเอ๋อจึงหยิบจดหมายที่ได้รับมาออกจากชายเสื้อยื่นส่งให้พระชายาในทันที เมื่อพระชายารับมาจึงเปิดอ่านข้อความภายใน แสดงท่าทีวิตกก่อนหันไปสั่ง เสวี่ยเอ๋อ
"เสวี่ยเอ๋อ ตอนนี้ ยวี่เอ๋อร์ อยู่ไหน?"

พระชายามองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พระนางทรงทราบดีว่าไม่นานนักวังตะวันตกคงมีเภทภัยครั้งใหญ่มากล้ำกราย คนแรกที่นางจะต้องคำนึงคือโอรสของนาง จึงถามถึงบุตรของตนในทันที

"องค์ชายน้อยทรงเล่นอยู่ในอุทยานกับฟ่งอวี้เพคะ พระชายา"

"เสวี่ยเอ๋อ""เพคะ"

"เจ้ารีบนำป้ายคำสั่งและคำพูดข้าไปแจ้งแก่เจ้าหุบทั้งห้า ให้พวกเขาร่ายอาคมมายาปิดบังทางเข้าออกหุบเขา ในแดนมายาทุกทาง แล้วเล้นกายกันไปก่อน"

"อ่..เอ่อ เสวี่ยเอ๋อขอบังอาจทูลถามพระชายา"เสวี่ยเอ๋อนางงุนงง ในการตัดสินใจของพระนางพระชายาทรงหันไปมองเสวี่ยเอ๋อแล้วกล่าวขึ้น "เจ้ามีอะไรรึ?เสวี่ยเอ๋อ" เสวี่ยเอ๋อ จึงกล่าวท้วง

"ทำไมพระชายาไม่ทรงนำทัพเปิดศึกกับวังสวรรค์เลยล่ะเพคะเผ่าเราก็เป็นเผ่านักรบ พวกเราไม่เคยนึกเกรงกลัวคนของวังสวรรค์ เพียงพระชายามีบัญชาออกมาพวกหม่อมชั้นก็พร้อมสู้ตาย"

พระชายาเดินผ่านหน้าของนางกำนัลคนสนิทด้วยท่วงท่าวิตกกังวล ก่อนจะหมุนกายหันมาพูดอธิบายให้เสวี่ยเอ๋อเข้าใจถึงเหตุผล

"เสวี่ยเอ๋อ กฏของบรรพชนข้าต้องทำตามห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองในราชสำนัก แม้แดนมายาเราจะมีดินแดนเป็นของตัวเองแต่บรรพชนสั่งห้ามไม่ให้ผู้นำตระกูล เข้าไปยุ่งเรื่องต่างๆของทุกภพภูมิถ้ามีอำนาจซ้อนจะทำให้ภพภูมิต่างๆปั่นป่วน จะนำพาภัยพิบัติสู่โลกและแดนมายา อาจทำให้แดนมายาและคนของห้าขุนเขาล่มสลาย คนในเผ่าจะถูกเข่นฆ่าล้มตาย"

     พระชายานางพูดก็พลางเดินนำหน้าเสวี่ยเอ๋อไปเสวี่ยเอ๋อนางก็เดินตามฟังพระชายาเฉิงเหลียนฮวากล่าวต่อไป


"ตอนนี้วังตะวันตกก็มีแต่แม่ม่ายอย่างข้ากับลูกน้อยยิ่งไม่มีเหตุผลอันใดที่จะคิดการใหญ่เปิดศึกกับวังสวรรค์ ข้านั้นหวังเพียงแค่เลี้ยงยวี่เอ๋อร์ ให้เติบใหญ่อยู่อย่างสงบสุขก็พอแล้วหากข้าทำการเปิดศึกรบพุ่งกับแดนสวรรค์ ทุกภพภูมิจะต้องปั่นป่วนเกิดความโกลาหลทำให้มารร้ายกำเริบจะกลายเป็นตราปาบ โดนทุกภพภูมิ ก่นด่าสาปแช่ง"

     พระชายาบอกกล่าวอย่างละเอียดกับเสวี่ยเอ๋อจนนางเข้าใจ เพราะพระชายาเฉิงเหลียนฮวานั้นเป็นเพียงอิสตรีมิได้หมายมั่นคิดการใหญ่ ถ้าพระชายาคิดทำศึกกับวังสวรรค์คงกระทำการนานแล้ว ส่วนภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวนั้น คนในตำหนักจันทร์เสี้ยวรู้ดีว่ามีอุปนิสัยเช่นไร พระชายาเฉิงเหลียนฮวา ว่าเช่นไรก็ไม่เคยคิดขัดใจตามแต่พี่สาวจะเห็นควร เพราะภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวก็ไม่ได้คิดการใหญ่ นี้เช่นกัน


"เสวี่ยเอ๋อ เจ้ารีบนำป้ายคำสั่งข้าไปแจ้งแก่เจ้าหุบทั้งห้าโดยเร็วเถอะ"

"แล้วพระชายาล่ะ เพคะ"เสวี่ยเอ๋อถามเนื่องจากกลัวนางไม่ปลอดภัย

"ข้าจะไปหา ยวี่เอ๋อร์"

พระชายาเฉิงเหลียนฮวานึกย้อนถึงเรื่องเล่าและคำสั่งเสียของบรรพชน

[วังตะวันตกในดินแดนมายา นับเป็นสถานที่สำคัญมานานนมแม้เวลานี้จะไม่ได้มีบทบาทอะไรในทุกภพภูมิ เนื่องจากกฎจากเหล่าบรรพชนตั้งไว้ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการปกครองแดนสวรรค์ตั้งแต่เมื่อแรกเริ่มจักรวาลยังคงสับสนและวุ่นวาย ตอนระหว่างผานกู่สร้างโลกนี้ ได้มีสัตว์ใหญ่4 ชนิดมาช่วย คือ เต่า กิเลน หงส์ไฟ และมังกร หลังจากผานกู่ตายก็กลายเป็นสรรพสิ่งบนโลก สัตว์เทพทั้งสี่ จึงร่วมกับเจ้าแม่หนี่วาร์ซ่อมแซมฟ้าสร้างมนุษย์ให้ทุกภพภูมิเกื้อกูลสมดุลกันเผ่าพันธุ์ต่างๆจึงเริ่มสร้างเขตแดนของตนร่วมมือกันทำศึกสู้รบกับเหล่าปีศาจและมารฟ้าที่ถือกำเนิดมาพร้อมๆกันเมื่อรวบรวมปึกแผ่นในทุกดินแดนแล้ว ตระกูลเฉิงไม่ยอมรับการแต่งตั้ง เผ่าต่างๆจึงได้เลือกผู้ปกครองแดนสวรรค์ใหม่ เพื่อสร้างควาสมดุลในภพภูมิ ดังนั้นแดนมายาแห่งทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นผู้นำสำคัญในการบุกเบิก จึงถูกบรรพชนตั้งกฎเอาไว้ว่า ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวการสืบทอดวาระ ขององค์จักรพรรดิผู้ปกครองแดนสวรรค์แต่การที่แดนมายาเป็นผู้อยู่เหนือกฎเกณฑ์จึงทำให้เป็นที่หวาดระแวง ของจักรพรรดิสวรรค์ทุกพระองค์เรื่อยมา เกิดหายนะในครั้งนี้คงถึงคราวที่วังตะวันตก จะถูกลบไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของแดนสวรรค์ ]

     คิดดังนั้นพระชายาเฉิงเหลียนฮวา นึกถึงของสิ่งหนึ่งจึงทะยานกายเหาะไปที่บึงจันทราในทันทีเมื่อพระชายาไปถึงสถานที่บึงจันทรา แม้นจะดูเงียบสงบดูจะเป็นสถานที่ไร้สภาวะหมดกังวล แต่ภายในใจของพระชายากับสับสนระคนปนกับหวาดกลัว ในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมากับวังตะวันตกและแดนมายาทำให้พระนางจำเป็นต้องปลดผนึกแส้โลหิต ชุบชีวิตอาวุธวิเศษขึ้นมาอีกครั้งพระชายากรีดเลือดของตนบนนิ้วมือเรียว ก่อนจะหยดลงไปในกลางบึง

     มินานนักก็บังเกิดเสียงดังครืน คราน สะท้านทั่วบริเวณ น้ำในบึงเคลื่อนไหวกระเพื่อมผุดเดือดเป็นฟองเกิดละอองไอหมอกควัน เหมือนกับว่าสิ่งมีชีวิต ที่หลับใหลใต้แผ่นน้ำนั้นได้ตื่นขึ้นมา ไม่นานเท่าใดในกลางบึงก็ปรากฏของล้ำค่า ส่องประกายเพลิงสีแดงเจิดจ้าโชติช่วง

     พระชายารีบคว้าแส้มากำชับอยู่ในมือก่อนลองตวัด ฟาดไปในกลางบึง แส้โลหิตดุจดั่งอสรพิษที่เกรี้ยวกราดรอการปลดปล่อยแรงฟาดของพระชายาที่ส่งไปผ่านแส้ ทำให้น้ำในบึงใหญ่แยกแตกเป็นสองส่วนเสียงดังสนั่น น่าครั่นคร้ามเกรงกลัว เจ้าหุบเขาทั้งห้าในแดนมายา บัดนี้รู้แล้วว่าแส้โลหิตได้ถูกเปิดผนึกออกมาผู้นำแห่งแดนมายาเคลื่อนไหวแต่คำสั่งพระชายานั้นสำคัญยิ่งกว่า เพื่อรอการกลับมาของผู้นำ นั่นคือ
[ยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนรวม]

 เจ้าหุบทั้งห้าจึงนำพาไพร่พลเร้นกายหายไปโดยพร้อมเพรียงเหลือทิ้งไว้เพียงวังตะวันตกสถานที่เดียวที่ตั้งกระหง่านไร้การเกรงกลัวผู้มาเยือน



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 22:39:53 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
6.เสี้ยวจันทรา วิกฤติวังตะวันตก

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:46:13 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
7. เสี้ยวจันทรา หลบหนี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:46:37 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โอ้ย ขอให้รอด ปลอดภัย น่าหดหู่ ยิ่งนัก ต้องมาบ้านแตก ตั้งแต่เจ้านั้นเยาว์วัย ขอให้ ปลอดภัย แม่ลูก ทั้งคู่ เลย

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :ling3: :ling3: รอติดตามครับ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ikou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
8. เสี้ยวจันทรา ย่างก้าวสู่หยุนไหล

     พระชายาผ่อนกำลังทะยานกายลงกลางหุบเขาใหญ่ ใกล้กับเขตแดนสำนักเมฆาล้ำหยุนไหล นางผ่อนฝีเท้าของตนค่อยๆประคองลูกน้อยเดินลัดเลาะไป จนพบกับถ้ำในหุบเขาโดยบังเอิญจึงพาเฉิงเฟยหยีเข้าไปพัก

"เสด็จแม่ทำไมคนพวกนั้นถึงตามล่าเราไม่หยุดเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ"

"ยวี่เอ๋อ ลูกยังเจ้าจำเรื่องเล่าของบรรพชนได้รึไม่"

"อื้อ ยวี่เอ๋อร์จำได้ "

"ดีมาก ยวี่เอ๋อร์ จงจำสิ่งที่แม่บอกเจ้าไว้ให้ดีคนพวกนี้ต้องการจะฆ่าล้างตระกูลเรา" ยวี่เอ๋อร์เด็กน้อยรู้สึกสงสัยจึงถามอีก

"ทำไมเขาจึงต้องฆ่าล้างคนแดนมายากับตระกูลเฉิงเราด้วยล่ะเสด็จแม่"

     พระชายาหันไปโอบกอดลูกน้อยที่ไร้เดียงสาที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวใดๆในใต้หล้ามากนักแต่ต้องมาวนเวียนจมปรักกับเรื่องเก่าเดิมๆ ในการแก่งแย่งชิงดีในอำนาจ แม้เหล่าบรรพชนจะตั้งกฎเอาไว้เด็ดขาดแล้ว ก็ยังมีผู้หวาดระแวงกลัวว่าผู้ปกครองแดนมายาจะทวงคืนอำนาจต่างๆ ในแดนสวรรค์กลับคืน

"เดี๋ยวโตขึ้นเจ้าก็จะรู้เองยวี๋เอ๋อร์ลูกรัก ถ้าไม่มีแม่แล้วเจ้าต้องระวังตัวนะรู้ไหม อย่าไว้ใจใครง่ายๆคนที่ดีกับเรามากไป บางทีนั้น ก็มิอาจจะใช่คนดี จำที่แม่บอกได้ใช่ไหม"
"อื้อ ยวี่เอ๋อร์จำได้ แล้วเสด็จ..น้า?.."

"น้าของเจ้าตอนนี้เป็นตายร้ายดี แม่ยังมิรู้ข่าวเลย ตอนนี้เหลือเพียงแค่แม่กับเจ้า ยวี่เอ๋อร์เจ้าฟังแม่ดีๆนะ"

     ยวี๋เอ๋อร์เด็กน้อยแม้จะไม่เข้าใจมากนัก ในสิ่งที่มารดาเขากำลังจะเอ่ยขึ้นเด็กน้อยก็รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ปรกติ จึงยอมรับฟังแต่โดยดีพระชายานึกบางสิ่งขึ้นได้ที่ต้องบอกกับ ยวี่เอ๋อร์จึงหยิบแส้โลหิตขึ้นมา
"ยวี่เอ๋อร์ ดูที่ด้ามของแส้โลหิตนี้ เห็นหินสีดำนี่ไหม มันคือหินดำสมานฟ้าของเจ้าแม่หนี่วาร์ ในหินศิลานี้ มีบันทึกคัมภีร์ดับตะวันเก็บซ่อนอยู่ ลูกจะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ "
"อื้อ"

     เด็กน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่ายพระชายาพลันหยิบแส้โลหิตแล้วเนรมิตกลายเป็นเพียงเชือกรัดเอวสีแดง แล้วจัดแจงผูกเข้าที่เอว น้อยของลูกตนอย่างเบามือ

"เก็บของสิ่งนี้ไว้ให้ดี นะรู้ไหม? ห้ามให้ใครแย่งชิงหรือตกอยู่ในมือผู้ใด"

"พ่ะย่ะค่ะ"

"ยวี่เอ๋อร์ จงจำไว้คัมภีร์ดับตะวันเป็นของสำคัญของตระกูลเฉิงที่สืบทอดมา ลูกต้องฝึกฝนและเรียนรู้ "
"พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ลูกจะหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้พ่ะย่ะค่ะ ...แล้วเราจะไปที่ใดกันต่อเสด็จแม่"

     พระชายายังคงกำชับเรื่องต่างๆไม่หยุดหย่อนเหมือนว่าต่อแต่นี้ นางคงจะไม่ได้มีโอกาสสั่งสอนหรือเจอลูกน้อยอีกแล้ว

"ยวี่เอ๋อร์ จำให้ดี จันทราถึงคราย่อมมีเว้า คนเรายิ่งอยู่สูงต้องระวัง พลาดพลั้งมาจะเจ็บหนัก เจ้าจงทำตัวเป็นคนธรรมดาห้ามแสดงความสามารถใดให้ใครเห็นเด็ดขาด เพราะมันจะนำพาอันตรายมาสู่ตัว รู้ไหม ยวี๋เอ๋อร์"
"อื้อ!ยวี๋เอ๋อร์ จะจำไว้"
"ดีมากลูกรัก ที่สำคัญลูกอย่าบอกใครเด็ดขาดว่าฐานะของเจ้าคือใคร รู้หรือไม่"

"อื้อ!" ยวี่เอ๋อร์พยักหน้ารับรู้
     บรรยากาศภายนอกถ้ำหนาวเย็นสะท้านผิวกาย ค่ำคืนนี้อันยาวนานลมหนาวพัดผ่านดุจใบมีดกรีดเฉือนบาดลึกถึงกระดูกพระชายานำร่างของเด็กน้อยโอบกอดเพื่อเพิ่มไอ่อุ่นหลังจากพักเอนกายได้สักพักก็อุ้มร่าง ยวี่เอ๋อร์เหาะทะยานไปที่บนยอดเขาเมฆาล้ำหยุนไหล
"ผู้มาเป็นใคร"

     ผู้บำเพ็ญเพียรปกครองยอดเขาเมฆาล้ำหยุนไหล รับรู้ได้ทุกความเคลื่อนไหวของผู้มาเยือนด้านหน้าของประตูห้อง จึงร้องทักออกไป พอหมุนตัวหันกลับไปก็พบกับหน้าผู้คุ้นเคยที่ไม่ได้พบพานเนิ่นนาน
"พระชายา" หวงหลงอุทานเบาๆเห็นหญิงตรงหน้าประคองกายเดินเข้ามา มองต่ำลงไปด้านข้างเห็นเด็กน้อย หน้าตาใสซื่อจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูส่งยิ้มให้
"นี่ท่าน!!...เรื่องทุกภพภูมิในใต้หล้า ข้ามินำพายุ่งเกี่ยว พระชายาโปรดไปสถานที่อื่นเถิด" เขาเห็นผู้มาก็รู้ทันทีจึงร้องปฏิเสธไปพูดจบประโยคก็หันหลังให้ในทันที

"ข้ามาที่นี่มิได้หมายให้ท่านออกหน้า ช่วยเหลือเพียงแต่นำลูกข้ามาฝากท่านดูแลสั่งสอน ขอเจ้าสำนักหวงเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า โปรดช่วยเหลือเราสองแม่ลูกได้หรือไม่"

"นี่ท่าน คิดดีแล้วใช่ไหม? จึงได้พาเขามาที่นี่"

"ในใต้หล้าทุกภพภูมิมิมีที่ใดเหมาะและปลอดภัยเท่าที่นี่อีกแล้ว ข้าเฉิงเหลียนฮวามิเคยอ้อนวอนขอร้องผู้ใด ครั้งนี้ข้าขอร้องท่านช่วยดูแลเขาแทนข้าด้วย" พระชายาเฉิงเหลียนฮวาคุกเข่าลงอ้อนวอน หวงหลงผู้นี้ก็รีบรุดมาคว้าไว้ก่อนพระชายาจะคุกเข่าลง

"ได้ ได้ อย่าทำเช่นนี้เลย ถ้าท่านมั่นหมายไว้เช่นนั้น ข้าก็รับปากจะขอดูแลสั่งสอนเขาเอง ข้ารับปากท่าน ลุกขึ้นเถอะลุกขึ้นเถอะอย่าทำเช่นนี้เลยพระชายา" หวงหลงรีบเข้าไปประคองพระชายา"ข้ากับท่านอ๋องเฉิง พ่อของท่านนั้นก็เป็นเหมือนเพื่อนเก่ากัน เหตุอันใดเรื่องเพียงเท่านี้ข้าจะไม่รับปาก"

"เสด็จแม่" เด็กน้อยเฉิงเฟยหยีมิได้รู้เรื่องอันใด เหตุใดพระชายามารดาของตน ต้องอ้อนวอนคนผู้นี้ ทำไมจึงต้อง พาตนมาหาผู้เฒ่าเคราขาวโพลนผู้นี้ บนยอดเขาแห่งนี้ด้วย

"ขอบคุณท่านเจ้าสำนักหวงยิ่งนัก ...ยวี่เอ๋อร์กราบท่านอาจารย์สิ"


พระชายาคลี่ยิ้มออกมาอย่างหมดกังวลก่อนบอกลูกชายตนก้มกราบคำนับอาจารย์เด็กน้อยก็ใสซื่อว่าง่าย มารดาสั่งอันใดก็กระทำตามอย่างรวดเร็ว

"ยวี่เอ๋อร์ กราบท่านอาจารย์ "ยวี่เอ๋อร์คุกเข่ากราบอาจารย์ สามครั้ง แล้วนั่งมองเขานึกว่ามารดาแค่พาตนมาเหาอาจารย์เพียงเท่านั้น จึงมิได้คิดอะไรมากนัก

"มาๆ เด็กดีลุกขึ้นๆ "

     หวงหลงก็เข้ามาประคองเด็กน้อยเฉิงเฟยหยีลุกขึ้นพระชายาเห็นดังนั้นก็ปลาบปลื้มใจที่ได้เห็นลูกของตนอยู่กับผู้ที่จะสามารถดูแลและปกป้องได้

"ขอบพระคุณท่านเจ้าสำนักมาก น้ำใจท่านครั้งนี้ข้าเฉิงเหลียนฮวาและแดนมายา ขอจดจำไว้ไม่มีวันลืม"
"แล้วพระองค์มีเรื่องอะไรจะฝากฝังอีกรึไม่"

"ค-คือ..ข้า ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาคือใคร ท่านช่วยปิดบังเรื่องนี้ได้ไหม?"

"ได้สิ ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ถ้าเช่นนั้นท่านไปเถอะไม่ต้องห่วงเขา... "

"งั้น ข้าขอลาก่อน"

"เสด็จแม่ ลูกไม่อยากให้เสด็จแม่ไป"

     ยวี่เอ๋อร์พอรู้ว่ามารดาของตนจะจากไปก็ทำให้รู้สึกใจหายยิ่งนัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามิเคยแม้จะอยู่ห่างกายจากมารดาเลย ปากก็ร้องพลางวิ่งไปโผกอดมารดาแน่นหนาจนพระชายาน้ำตาคลอค่อยคลี่มือน้อยๆที่คอยเกาะกุมตัวนางอยู่ก่อนนั่งลงคุยกับลูกน้อยอย่างอ่อนโยน

"ยวี่เอ๋อร์ ต่อไปนี้ลูกแม่ต้องอยู่คนเดียวนะรู้ไหมเจ้าไปกับแม่จะต้องลำบาก แม่จึงเอาเจ้ามาฝากไว้กับอาจารย์ เจ้าอยู่ที่นี่อย่าดื้ออย่าซนเชื่อฟังท่านอาจารย์ หมั่นฝึกฝนวิชาที่อาจารย์สอนรู้รึเปล่าแม่ขอโทษลูกด้วยที่ไม่สามารถดูแลเจ้าได้ แม่ต้องไปก่อน"

"เสด็จแม่!!"

     พระชายาน้ำตาคลอก่อนค่อยลุกขึ้นผ่อนฝีเท้าค่อยเดินจาก ออกห่างเท้าก้าวออกไปแต่ใบหน้ายังคงหันมามองหาลูกน้อยก่อนทะยานกายหายวับไปในกลางอากาศที่มืดสลัวเจ้าสำนักหวงหลงพลันถอนหายใจแล้วกล่าวว่า

"ดีหรือร้ายมิเคยยั่งยืน มิอาจฝืนยึดติดไว้ได้ ความงดงามฉาบฉวยทั่วไป จะให้ทุกข์หรือสุขสดใส ก็ได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น...." หวงหลงพูดพลางเดินไปถึงหน้าประตูพร้อมกับพาเด็กน้อยที่วิ่งตามมารดาเข้ามาในห้อง

"ต่อไปนี้อาจารย์จะเรียกเจ้าว่า เสี่ยวเมา ดีไหม"

"ท่านอาจารย์ ท่านแม่จะมาหาข้ารึเปล่า"

"แม่ของเจ้าไม่อยากให้เจ้าไปลำบากด้วยจึงเอาเจ้ามาฝากไว้ที่นี่ ถ้าแม่เจ้าไม่มาหาเจ้าโตขึ้นก็ไปหานางเองสิ กลัวอะไรเจ้าแมวน้อย เฮอะๆๆๆ" หวงหลงผู้เฒ่าเคราขาวโพลนพูดพลางก็ยกมือข้างหนึ่งลูบเคราตน
"ข้าต้องอยู่ที่นี่กับท่านอาจารย์ นานเท่าไร หรือขอรับ"

"เอ๊ะ! เจ้าเด็กนี่ ถามเซ้าซี้จัง จะอยู่นานเท่าไรก็ได้แต่เจ้าคงอยู่บนนี้กับอาจารย์ไม่ได้ ถ้าเจ้าตกลงไปคงตายแน่ๆ ฮ่าๆๆ"

     หวงหลงอาจารย์ผู้เฒ่าเห็นเสี่ยวเมาร้องถาม ก็พาศิษย์น้อยเดินสำรวจรอบๆ บริเวณที่พัก ปรากฏว่าสถานที่นี้ อยู่บนยอดเขาก็จริง ลมพัดโชยจนชายเสื้อปลิวไสวพอชะโงกหน้าลงไปทุกทิศทางกลับมิมีทางลง

"อึ๋ยยย สูงจัง ตกลงไปตายแน่ๆ"
"ใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ มาเดี๋ยวอาจารย์จะพาเจ้าไปดูที่พักเจ้า อยู่หลังเขาทางด้านโน้น เจ้าก็อย่าซนนักล่ะเวลาอาจารย์ไม่อยู่"

"ข้าต้องอยู่คนเดียวหรือขอรับ ท่านอาจารย์"

"เจ้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง ไปเร็ว"

     ชั่วครู่หวงหลงเจ้าสำนักเมฆาล้ำก็พลันหอบพาร่างของเด็กน้อยเสี่ยวเมา ทะยานลงสู่เรือนไม้ไผ่หลังเขา ในทันที บ้านไผ่นี้มีทั้งลำธารไหลริน แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ พฤกษานานาพันธุ์บรรยากาศร่มรื่นน่าชื่นใจยิ่งนัก

"เป็นไง ชอบรึเปล่า"
"ชอบขอรับ ท่านอาจารย์"
"เสี่ยวเมาเอ้ย เสี่ยวเมา!!"

     เด็กน้อยยังคงเดินดูรอบๆบริเวณอย่างตื่นเต้นและไม่คุ้นชินกับชื่อที่อาจารย์เรียกขาน กว่าจะหันไปก็ต้องเรียกแค่นเสียงเรียกเป็นครั้งที่สอง
"ขะ-ขอรับท่านอาจารย์"
"เจ้ายังจำที่แม่เจ้าบอกได้ใช่ไหม?"

"ขอรับ"

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ ทำตามอย่างเคร่งครัดล่ะรู้รึเปล่าเพราะมันจะทำให้เจ้าปลอดภัย"
"ขอรับอาจารย์ ศิษย์จะจำไว้"

"ดี ดีมาก อาจารย์ต้องไปก่อน"

"ศิษย์น้อมส่งท่านอาจารย์"

เสี่ยวเมาประสานมือโค้งคำนับตามมารยาทที่ศิษย์พึงกระทำต่ออาจารย์จนหวงหลงทะยานขึ้นไปที่พักบนยอดเขาอีกครา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 22:48:55 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
9. เสี้ยวจันทรา ตามหาภูตจันทรา

     เมื่อพระชายาเฉิงเหลียนฮวาจากลูกน้อยมา ก็คิดตามหาน้องชาย และบอกกล่าวกับผู้นำห้าขุนเขา ถึงเหตุผลต่างๆ อย่างแรกที่นางจะทำคือ ต้องตามหาภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวก่อน ร่างกายนางอ่อนล้าถึงแม้ว่าจะเป็นเทพเซียน แต่ก็ย่อมมีเหนื่อยล้าหมดแรงพลังไปบ้างเช่นกัน เนื่องจากวันเวลาที่ผ่านมา พระนางได้ใช้พลังใจการต่อสู้และเดินทางหลบหนี พระชายาผ่อนกำลังประคองร่างกาย เดินเข้าไปที่หุบเขาหมื่นพิษ ก็ได้พบกับ หยูอิงฮัว ซึ่งเป็นเจ้าหุบเขา มาต้อนรับอย่างเร็วไว

"หยูอิงฮัว ถวายบังคมพระชายา"

"ตามสบาย หลิงเซียวล่ะ เขาเป็นอย่างไรบ้าง"

"ยังไม่รู้สึกพระองค์เลยเพคะ" พระชายาดูสีหน้าเป็นกังวล ใครกันที่มันสามารถทำร้าย น้องชายของนางได้สาหัสขนาดนี้ นางจึงอยากดูอาการของเฉิงหลิงเซียว

"ไหน เจ้ารีบพาข้าไปดูอาการ"

"ทางนี้เพคะ "

     หยูอิงฮัว เจ้าหุบเขาหมื่นพิษ รีบนำทางพระชายาไปในทันที หุบเขาหมื่นพิษมีทิศทางที่สลับซับซ้อน เหมือนกับเขาวงกต ถ้าใครที่เผลอทะเล่อทะล่าเข้ามา ในหุบเขานี้ อาจหลงทางหรือโดนไอพิษร้ายกาจต้องจบชีวิตทิ้งไว้ที่นี่ได้ ฉะนั้น หยูอิงฮัวจึงนำทางพระชายา เพื่อจะได้ถึงจุดหมายได้เร็วไว พอไปถึงพระชายาเฉิงเหลียนฮวา เห็นน้องชายของตนนอนสิ้นสติ ไม่ไหวติงบนเตียงหยก ก็พลันเข้าไปตรวจดูอาการในทันที

"หลิงเซียว น้องพี่"

     พระชายามิรอช้าอาจจะไม่ทันการณ์ เมื่อตรวจดูชีพจรของเฉิงหลิงเซียวก็รู้ทันทีว่า เขานั้นบาดเจ็บสาหัสจากวิชากรงเล็บวชิระ ซ้ำร้ายยังโดนแรงสะท้อนกลับจากตาข่ายตรึงฟ้า ทำร้ายถึงอวัยวะภายในเป็นเหตุให้บาดเจ็บสาหัส พลังวัตรและลมปราณเกือบจะสูญสลาย พระชายาดูอาการแล้วถึงกับร้อง อา! อานุภาพการทำลายของตาข่ายตรึงฟ้าช่างน่ากลัวเหลือเกิน เมื่อคิดดังนั้นก็ต้องนำของสิ่งหนึ่งในตัวออกมา


"หยกน้ำแข็ง"

     เสียงอุทานของหยูอิงฮัว ร้องขึ้นเบาๆ เพราะนางเคยแต่ได้ยินคนพูดถึงกัน เพิ่งจะได้เห็นก็ครั้งนี้นั่นเอง ถ้ามีของสิ่งนี้ ไม่แน่ อ๋องรองเฉิงหลิงเซียว อาจจะมีโอกาสฟื้นขึ้นมาก็ได้ คิดดังนั้นนางก็พลันเผยยิ้มออกมาอย่างหมดกังวล

"อิงฮัว เจ้ามีเลือดจิ้งจอกพันปีรึไม่"

"มีเพคะ "

"เอามาให้ข้าหน่อย"

"เพคะ"

      หยูอิงฮวา เจ้าหุบเขาหมื่นพิษนางรีบกุลีกุจอ ไปนำเลือดจิ้งจอกพันปีมาให้ เพราะในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีตัวยาที่ไหนจะหาไม่ได้ นางจึงมีพร้อมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตัวยาหรือกษัยยา มินานนักนางก็นำขวดเลือดของจิ้งจอกพันปีเข้ามา

"เลือดจิ้งจอกพันปีเพคะ พระชายา"

     พระชายามิได้พูดกล่าววาจาอันใด เมื่อได้เลือดจิ้งจอกพันปีมา รีบประคองร่างของน้องชายขึ้นมา พลันจ่อปากขวดเลือดจิ้งจอกพันปี เข้าสู่ปากของเฉิงหลิงเซียว เพียงครู่ใบหน้าที่ซีดเผือดของอ๋องรองแห่งวังตะวันตก ก็กลับดูเป็นปรกติเพียงแต่ยังมิได้สติเท่านั้นเอง หยูอิงฮัวประหลาดใจยิ่งนัก ตนเป็นหมอแท้ๆยังรู้สึกประหลาดในใจ เหตุใดจึงมิรู้เรื่องนี้ แต่มิกล้าถาม เลือดจิ้งจอกพันปีมีฤทธิ์เย็นจัด ถ้าใช้รักษาเทพเซียนทั่วไปอาจจะทำให้ร่างกายสะสมไอหยินจนเย็นจัด ดวงจิตดับแตกสลายกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งชีสูญสลายไปได้ นางครุ่นคิดสงสัย แต่เหมือนกับพระชายา รู้ว่าหยูอิงฮัวจะเอ่ยถามอันใดนางจึงกล่าวออกไปว่า

"เลือดจิ้งจอกพันปี สำหรับหลิงเซียวแล้วนับว่ามีความสำคัญ เพราะเขาคือมังกรน้ำแข็งจำเป็นต้องใช้เลือดจิ้งจอกพันปี ที่มีฤทธิ์เย็นจัด เมื่อได้รับบาดเจ็บอวัยวะภายใน เลือดจิ้งจอกพันปีสามารถรักษาและคุ้มครองชีพจร ช่วยประคองพลังลมปราณมิให้แตกซ่านได้ จากนี้ไป ข้าจะใช้หยกน้ำแข็งเพื่อฟื้นฟูพลังวัตรและลมปราณของหลิงเซียว เจ้าจงอย่าให้ใครมารบกวน"

"เพคะ อะ-เอ่อ..แล้วองค์ชายน้อยเฟยหยีล่ะเพคะ" หยูอิงฮัวแปลกใจ ว่าเหตุใดพระชายาไม่พาโอรสติดตามมาด้วย

"ข้าส่งเขาไปซ่อนตัวที่หยุนไหลแล้ว"

"อ๋อ " หยูอิงฮัวพยักหน้ารับรู้ เมื่อเป็นดังนั้น นางก็พลันรู้สึกเบาใจ

"อิงฮัว คนของหลิวฮั่ว ออกไปจากแดนมายารึยัง"

"ยังเลยเพคะ พวกของหลิวฮั่วและคนของห้ากองธงสวรรค์ยังคงตามหาตัวของพระชายากับองค์ชายน้อยอยู่เพคะ"


"แล้วเจ้าหุบเขาคนอื่นๆล่ะ "

     พระชายารู้สึกเป็นห่วง ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับศึกในครั้งนี้ ต้องมาเดือดร้อนจึงเอ่ยถามออกไป เพราะอย่างไรเสีย นางก็ไม่อยากให้คนในแดนมายาของนาง ต้องมาบาดเจ็บล้มตายเพราะนางและครอบครัว เนื่องจากการเข่นฆ่ากันนั้นมันมิได้อะไร ถ้าทุกคนในแดนมายาหลบหนีไปจนรอดปลอดภัยได้ ก็ถือว่าเป็นการดี

"เจ้าหุบทั้งสี่ พาคนของเขาเล้นกายปิดทางเข้าออกด้วยอาคมลวงตาหมดแล้วเพคะ ถ้าหลิวฮั่วกับคนห้ากองธงสวรรค์ จะหาตัวพวกเราก็คงจะไม่ง่ายนัก" พระชายาฟังดังนั้นก็พยักหน้าเบาใจ แต่ก็นึกขึ้นได้

"แล้วคนของเจ้าล่ะ"

"หม่อมชั้นสั่งให้คนกลุ่มหนึ่งไปหลอกล่อ ปั่นหัวพวกหลิวฮั่วอยู่เพคะ เพราะว่าท่านอ๋องรองยังบาดเจ็บ เกรงว่าพวกห้ากองธงสวรรค์พบเจอจะลำบากและอ๋องรองจะไม่ปลอดภัย"

     พระชายาฟังดังนั้นก็พลันเข้าใจและพอใจในความซื่อสัตย์ของหยูอิงฮัว ที่เห็นคนของแดนมายา มิเคยทอดทิ้งกันแม้ว่านางต้องแลกชีวิตอันสูงค่าของนางเอง ให้กับบริวารเช่นนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วพระชายายิ้มออกมาบางๆ แล้วกล่าวกับหยูอิงฮัวว่า

"ข้ากับน้องขอบใจพวกเจ้ามาก หนี้บุญคุณในครั้งนี้ เป็นตระกูลเฉิงติดค้างพวกเจ้าแล้ว ถ้าข้ายังอยู่จะปกป้องพวกเจ้าเอง หากถ้าข้ามิได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ขอฝากพวกเจ้า ดูแลน้องชายและยวี่เอ๋อร์ ต่อจากข้าด้วยนะ อิงฮัว"

"พระชายา! อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย แม้พวกหม่อมชั้นจะเหลือเพียงคนสุดท้ายก็จะไม่ยอมให้มันผู้ใด มาทำร้ายพระชายากับอ๋องรองได้แม้แต่ปลายเล็บ หม่อมชั้นจะฆ่าพวกมันไม่ให้เหลือรอดแม้ซักคน"

"ขอบใจมาก"

     พระชายา ตรวจดูชีพจรของเฉิงหลิงเซียว เห็นพลังวัตรและลมปราณเริ่มรวมตัวแล้ว นางจึงเริ่มทำการรักษาทันที แล้วหันไปกล่าวกับหยูอิงฮัว


"เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาในการรักษาหลิงเซียว เวลานี้เจ้าอย่าให้ใครมารบกวนข้า รอจนกว่าข้าจะพาหลิงเซียวออกไปเอง"

"เพคะ พระชายา "

"อืม ไปได้"


หยูอิงฮัว เห็นดังนั้นก็เริ่มแผนการต่อไปในทันที เพื่อป้องกันมิให้ศัตรู เข้ามาภายในหุบเขาแห่งนี้ได้ ดีที่ว่าสภาพแวดล้อมแดนมายานี้มีทั้งภูมิอากาศผันเปลี่ยนไปตลอด ทั้งไอหมอกฝุ่นควันพิษ ทำให้การค้นหาของคนห้ากองธงสวรรค์กับทหารของแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว ต้องกระทำการอย่างยากลำบาก อิงฮัวจึงคิดแผนสร้างความลำบากในการค้นหาเพิ่มขึ้นอีก  มิยอมให้คนของวังสวรรค์กระทำการสำเร็จได้โดยง่าย จึงได้จัดเตรียมสั่งคนของตนเริ่มดำเนินแผนการในทันที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 22:50:26 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ลุ้นระทึก กัน ต่อ ไป รอๆ จ้า^^

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
10.เสี้ยวจันทรา รักษาผู้บาดเจ็บ

"ท่านอาจารย์ขอรับ"

     เสี่ยวเมาร้องทักหวงหลงเมื่อเห็นอาจารย์ผู้เฒ่าวุ่นวายกับการรักษาคนผู้นึง ที่แช่อยู่ในถังยาขนาดใหญ่ร่างกายคนผู้นี้เหมือนไม่ได้ขยับเขยื้อนมานาน เสี่ยวเมาเข้ามาเห็นครั้งแรกก็ตกใจนึกว่าในเรือนไม้ไผ่หลังเขานี้ จะมีเพียงแค่เขาคนเดียวไหนเลยมีคนป่วยพำนักตัวอยู่ด้วยแต่คนผู้นี้เหมือนกับว่าไม่ได้มีชีวิตอยู่ เหตุใดกันอาจารย์ของเขายังคงรักษา

"เจ้ามีปัญหาอะไร? หืมเสี่ยวเมา"

"คนผู้นี้ เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมขอรับอาจารย์"เสี่ยวเมาไม่ได้พูดเปล่าจึงเอามือแตะไปที่จุดชีพจร พบว่าไม่มีการตอบสนองแล้ว
"แล้วเจ้าเห็นว่าอย่างไรล่ะ"
"ท่านอาจารย์ยังรักษาเขาอยู่ก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่สิขอรับ"
"เจ้าเด็กคนนี้ เจ้านี่มันกะล่อนชัดๆ หึหึ"
     หวนหลงรู้ดีว่าเสี่ยวเมาคิดอะไรแต่เมื่อถามออกไปเสี่ยวเมากลับตอบออกมาผิดแผกออกไปจากที่ในใจเขาคิด แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้พอมีไหวพริบ
"มานี่ ตามอาจารย์มา อาจารย์จะให้เจ้าคอยเก็บสมุนไพรคอยรักษาและช่วยเขาผู้นี้ตอนที่อาจารย์ไม่อยู่ จำไว้นะ อยู่ที่บ้านไม้ไผ่อย่าออกไปเที่ยวเตร่ที่ไหนล่ะเจ้าจะต้องศึกษาตำราแพทย์และเก็บสมุนไพรไว้ให้อาจารย์ ถ้าเจ้าเก่งแล้ว อาจารย์จะพาเจ้าลงเขาไปช่วยเหลือผู้คน"
"อื้อ ขอรับอาจารย์"
"การเข่นฆ่า ล้วนแต่นำพาความพยาบาทชิงชังมิได้สร้างประโยชน์อันใด แต่การเสริมสร้างให้ชีวิตแก่สรรพสัตว์ ได้ดำเนินไปตามสัจธรรมตามวิถีโลกล้วนเป็นสิ่งสมควร จำคำที่อาจารย์พูดไว้ให้ดีล่ะ เสี่ยวเมาเอ้ย"
     หวงหลงตั้งใจถ่ายทอดวิชาแพทย์ทั้งหมดนี้ให้แก่เขา เพื่อจะได้เอาไปไว้ช่วยผู้คน มิต้องเข้าไปปะปนแปดเปื้อนกับกลิ่นคาวการฆ่าฟันหวงหลงเกรงว่าเมื่อเสี่ยวเมาโตขึ้นนั้นจะหันเหตนเข้าสู่วังวนการแห่งแย่งชิงอำนาจทั้งชีวิตของเสี่ยวเมาอาจไม่สงบสุขดังที่มารดาเขาตั้งใจ
"ศิษย์จะจำไว้ขอรับ"
"อื้ม ดีมาก อาจารย์ก็สอนเจ้าได้เพียงเท่านี้ "
"ขอรับ"เด็กน้อยใสซื่อผงกหัวหงึกๆ
"โกรธอาจารย์รึไม่ ที่อาจารย์ยังไม่สอนอาคมและวิชาการต่อสู้ให้"
"ศิษย์ไม่บังอาจโกรธอาจารย์หรอกขอรับ"
"หน็อยเจ้าเด็กคนนี้ ..กล้ายอกย้อนข้ารึ"
"ศิษย์เปล่าคิดเช่นนั้นนะขอรับอาจารย์ "

     เสี่ยวเมาทำหน้ามุ่ย การอยู่ที่นี่มันน่าเบื่อ นึกว่าจะมีอะไรให้ทำสนุกๆ ได้เรียนเพลงกระบี่มีเพื่อนเล่นฝึกวิชา หรือได้เล่นดนตรีที่มีเสียงไพเราะรื่นเริงเหมือนกับศิษย์พี่คนอื่นๆ อยู่ที่ตำหนักฝึกวิชาต่างๆ เขากลับมาเฝ้าคนป่วยและอ่านตำราแพทย์อยู่ด้านหลังหุบเขาโดยที่คนในหุบเขามิรู้เลยว่า เขามีตัวตนอยู่ในเมฆาล้ำเหมือนกัน

"หึ เจ้าตัวดี ปากเจ้าบอกว่าไม่ แต่ใจเจ้ากลับคิดต่อว่าข้าอยู่ใช่ไหมมาๆรีบตามข้ามาเก็บสมุนไพรเร็วเข้า"
"ขอรับอาจารย์"

     พลางหวงหลงก็เอามือลูบเคราขาวของเขาพลันกดปลายมือของตนข้างนึงบนหัวเด็กน้อยผลักอย่างเอ็นดู ก่อนเดินนำหน้าไป สิ่งที่หวงหลงกลัวคือเสี่ยวเมาจะมีวังวนเกี่ยวพันกับการฆ่าฟันตามแบบคนรุ่นก่อน มิได้บำเพ็ญเพียรตามที่ควรจะเป็นในเมื่อกำเหนิดเป็นบุตรเทพเซียนชั้นสูง เสี่ยวเมาก็ควรกระทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภพภูมิ สร้างความสงบสุขแก่โลก มิใช่เป็นฉนวนก่อสงครามนำพาความวุ่นวายให้เกิดขึ้นเรื่องของคนรุ่นเก่าก็ควรให้คนรุ่นเก่านั้นเป็นผู้สะสางกันไป

"อาจารย์ได้ร่ายอาคมป้องกันที่แห่งนี้ไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจพบเจอเจ้าอยู่ที่นี่ไปสักพักก่อนนะ ถือว่าช่วยอาจารย์รักษาคนป่วยช่วยชีวิตคนดีกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นไปกันเถอะเสี่ยวเมา "
"ขอรับ" เด็กน้อยพยักหน้ารับ

**
ณ หุบเขาหมื่นพิษ

     เมื่อพระชายาทำการรักษา เฉิงหลิงเซียวด้วยหยกน้ำแข็งโดยการถ่ายทอดพลังลมปราณและพลังของพระนางเองเพื่อให้หลิงเซียวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นโดยการใช้หยกน้ำแข็งเป็นตัวแปรสภาพพลัง หลังจากที่หลิงเซียวได้รับการรักษาพักใหญ่ก็เหมือนว่าเขาจะดีขึ้นตามลำดับ จนรู้สึกตัวขึ้นมา

"ท่านพี่!! แค่ก แค่ก"
"ตั้งสมาธิ ยังไม่ควรพูดเรื่องอันใดในเวลานี้"
"ขอรับ อึก อึก"

     เฉิงหลิงเซียวเมื่อได้รับการรักษาเขาตั้งสมาธิไปได้สักพักก็ดันพลันครุ่นคิดในสิ่งที่ไม่ควรจะคิด ภาพของหานอี้อดีตคนรักลอยเข้ามาในห้วงคำนึง ความเป็นห่วงความหวาดกลัวว่าคนรักจะเกิดเหตุร้ายอันตรายถึงชีวิต จึงทำให้ลมปราณภายในปั่นป่วนติดขัดจนกระอักเลือดคำโตออกมาพระชายาแสดงสีหน้ากังวลจึงพูดตะคอกใส่

"ตั้งสมาธิ ห้ามวอกแวกมิเช่นนั้นอาจจะทำให้ลมปราณแตกซ่านธาตุไฟแทรกข้าจะสูญเวลาเปล่าเราทั้งสองจะบาดเจ็บ"

     หลิงเซียวพลันตั้งสติได้จึงตั้งสมาธิอีกครั้งจนผ่านช่วงเวลาเป็นตายนี้ไปได้ไม่นานนักพระชายาจึงหย่อนปลายเท้าของนางลงจากเตียงหยก ก่อนประคองร่างน้องชายของตนนอนพักสีหน้าพระชายาเองก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากนางเสียพลังเซียนไปในการรักษามากพอดู

"ท่านพี่ อึก อึก.."
"ใครทำร้ายเจ้า"

     สิ่งแรกที่พระชายาต้องการจะถามคือเรื่องนี้ ด้วยความเป็นห่วงน้องเพราะในแดนสวรรค์ผู้ที่จะทำร้ายเฉิงหลิงเซียวได้มีไม่กี่คนและคนผู้นั้นอาจจะเกี่ยวกันกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดกับแดนมายา

"มีนักฆ่าไปฆ่าล้างคนในคฤหาสน์หมื่นปราชญ์ แล้วข้าก็พบกับแม่ทัพจางฉวนนำองครักษ์สวรรค์ไปสืบคดี ที่นั่น นักฆ่าพวกนั้นมันทิ้งหลักฐาน คือเข็มดับตะวันเพื่อใส่ร้ายวังตะวันตกข้าได้ต่อสู้กับจางฉวนบาดเจ็บ และต้องใช้พลังเซียนทั้งหมดที่มีหนี ออกจากตาข่ายตรึงฟ้าเจอแรงสะท้อนย้อนกลับของตาข่ายตรึงฟ้าจึงทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัส"
"อืม ข้ารู้แล้วเช่นนั้นเราต้องระวังคนของเผ่ากิเลนให้ดีๆ"

"อึก อึก ท่านพี่รู้รึไม่ คนตระกูลหานมีใครรอดชีวิตอยู่บ้าง"

     พระชายามิได้ตอบอันได้นอกจากส่ายหน้า เนื่องจากหลังที่เกิดเหตุการณ์พระชายาได้ข่าวเพียงว่าเฉิงหลิงเซียวบาดเจ็บ ทุกอย่างก็พุ่งเป้ามาที่วังตะวันตกทำให้วังตะวันตกโดนทหารของวังสวรรค์ เข้าปราบปราม
[อึก..หานอี้ ข้าขอโทษที่ข้าไปหาเจ้าช้าไปเป็นข้าเองที่ทำร้ายเจ้า]

     เฉิงหลิงเซียวเห็นพระชายาส่ายหน้าดังนั้นพลันเหมือนคนใจสลายอยากตกตายตามหานอี้ไปเสียแต่ตอนนั้น หลิงเซียวพลันหันหน้าตนเข้ากำแพงผนังหลั่งน้ำตาเป็นทาง ทุกอย่างมันจุกที่ทรวงอกแน่นไปหมดราวเหมือนกับว่าอวัยวะภายในปวดหนึบเหมือนมันจะแตกสลายเป็นเสี่ยง จนเฉิงหลิงเซียวกลั้นความเสียใจนี้ไว้ไม่ไหวกระอักเลือดช้ำภายในออกมาอีกครา

"หลิงเซียว เจ้าเป็นอะไร?"

     พระชายารู้สึกแปลกใจที่เห็นอาการของหลิงเซียวเป็นดังนั้น นางรักษาผิดตรงที่ใดกันแน่ พอกดตรวจชีพจรดูก็พบว่าหลิงเซียวสิ้นสติไปเสียแล้วบัดนี้ พระชายาก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นโรคทางใจ ไม่มีทางรักษานอกจากปล่อยให้วันเวลา ค่อยรักษาตัวมันเอง พระชายานางเคยเป็นมาก่อนตอนเสียสวามีพอเข้าใจดังนี้พระนางจึงเฝ้าดู อาการเฉิงหลิงเซียวและพักฟื้นกำลังของตนไปพลาง
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 22:54:08 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
11. เสี้ยวจันทรา ทะเลเพลิงในแดนมายา


     ไม่นานเท่าใดหลังจากพระชายาโคจรพลังให้เข้าที่ หลังจากที่สูญเสียไปจากการรักษน้องชาย ทำให้มีกำลังฟื้นฟูมาได้หลายส่วน ด้านเฉิงหลิงเซียวเองพลันตื่นขึ้นมาเช่นกัน แต่เขามิได้พูดวาจาใดๆ นอกจากลืมตาดวงกลมโตใส กะพริบเปลือกตาอย่างช้าๆ พลันก็มีน้ำเอ่อล้นออกมาพระชายาเหลือบเห็นก็นึกสงสาร เหตุใดหลิงเซียวจึงเป็นไปได้มากมายเช่นนี้

[เด็กโง่ นี่เจ้าเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ? หลิงเซียว]

"หากวาสนาจะได้พบพาน มินานก็คงได้พบเจอ" พระชายาพูดเตือนสติน้องชายของนางอีกครั้ง
"เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เจ้าเศร้าไป ก็มิเกิดประโยชน์อันใดเลย หลิงเซียวตอนนี้แดนมายามีภัย เจ้าในฐานะผู้นำตระกูลคนหนึ่งไม่ควรเศร้าหมอง เจ้าอย่าลืมภาระของเจ้ายังมีอยู่ เรื่องในโลกนี้มิได้มีเพียงเรื่องของหานอี้แห่งตระกูลหานเท่านั้น "

     เมื่อเฉิงหลิงเซียวได้ฟังดังนั้นก็พลันคิดได้สะอึกขึ้นมาระหว่างกลั้นน้ำตาไว้ แต่มันช่างเป็นการยากเหลือเกิน ที่จะสะกดอาการเช่นนี้ลงไป

"อึก อึก ..ทะ-ท่านพี่"

     อดทนกับความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับกลืนเลือดสดๆคำโตลงท้อง การทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันยากเย็นเสียจริงๆสำหรับเขา

"หืม เจ้ามีอะไรอีก?" พระชายาหันมาถามเฉิงหลิงเซียวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
"ยวี่เอ๋อร์ล่ะ อยู่ไหน?"

"ข้าส่งเขาไปหยุนไหล ให้ท่านเจ้าสำนักหวงหลงดูแล ตอนนี้แส้โลหิตเปลี่ยนเจ้าของแล้ว แต่ยังไม่มีใครรู้ ถ้ามีเรื่องใดเกิดขึ้นกับข้า เจ้าต้องดูแล ยวี่เอ๋อร์แทนข้าด้วย"
"อือ.. อึก แค่ก แค่ก"

"อาการ เจ้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง"

"เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ ท่านพี่ "
     สีหน้าของเฉิงหลิงเซียวดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก เขายังสามารถใช้มือท้าวพื้น ยันกายให้ลุกขึ้นมาได้พระชายาเห็นดังนั้นก็เข้าประคองเฉิงหลิงเซียว ลุกออกจากเตียง มาที่โต๊ะก่อนจะยกชากระเบื้องที่เทยาเตรียมไว้ นิ้วเรียวงามของพระชายาทรงจับช้อนคนยาแล้วใช้ปากเป่าชามยาอย่างแผ่วเบา
"อ่ะยานี่ เจ้าดื่มเสียก่อนมันจะช่วยให้ร่างกายเจ้าฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"
"แค่ก แค่ก"
     เสียงไอหอบเหมือนเหนื่อยอ่อนโรยราของเฉิงหลิงเซียว พระชายารู้ดีว่าเขานั้นยังต้องพักฟื้นอีกพอควร
"เจ้ารีบดื่มเสีย ตอนที่มันร้อนๆเถอะ"
"ขอบคุณท่านพี่"
     เฉิงหลิงเซียวรับถ้วยยามาแล้วใช้ช้อนกระเบื้องตักจิบทีละนิดๆ พระชายาเห็นดังนั้นก็พลันนึกขึ้นได้ พระนางอยากรู้ว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นเช่นไรบ้างจึงคิดออกไปหาหยูอิงฮัว คิดได้ดังนั้นพระนางจึงหันมาบอกกล่าวกับเฉิงหลิงเซียว
"เจ้าพักก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จะออกไปดูด้านนอกเสียหน่อย ว่ามีข่าวคราวใดหรือไม่"
"อืม ขอรับท่านพี่ "
"ยานี่ เจ้าจงดื่มเสียให้หมดแล้วนอนพักซะ"

"อื้อ!" เฉิงหลิงเซียวพยักหน้ารับรู้ก่อนพระชายาเฉิงเหลียนฮวาจะเดินจากออกห้องไป

**

พระชายาเห็นหยูอิงฮัว เดินกระวนกระวาย ในห้องโถงใหญ่ ดูเหมือนมีเรื่องยุ่งยาก ให้หยูอิงฮัวลำบากใจ พระชายาเฉิงเหลียนฮวากระตุกคิ้วขึ้นหรี่ตาดูเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาหยูอิงฮัว
"เกิดอะไรขึ้น?"
"จางหวน มัน ใช้ไฟโลกันต์จากกิเลนไฟ เผาหุบเขาทั้งห้าเพื่อตามหาพระชายากับองค์ชาย มันจะทำให้แดนมายาแห่งนี้เป็นกลายเป็นทะเลเพลิงเพคะ"
     พระชายาสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที นางเห็นดังนี้ก็ตระหนักดีว่า อันตรายคงเข้าใกล้ถึงตัวแล้วเมื่อเป็นเรื่องเก่า ก็ต้องให้คนรุ่นเก่า ชำระความกันเสียตัดสินใจดังนั้นพระชาจึงออกปาก สั่งหยูอิงฮัวทันใด
"อิงฮัว เจ้าจงรีบพาหลิงเซียวออกจากแดนมายาให้เร็วที่สุด"
"แล้วพระชายาล่ะเพค่ะ"
"เจ้ารีบไปเถอะ คุ้มกันหลิงเซียวหนีไป จำไว้ยวี่เอ๋อร์คือนายใหม่ที่เจ้าต้องปกป้อง ไม่ใช่ข้าเรื่องข้ากับจางหวนล้วนมีแต่ข้ากับเขาเป็นผู้ก่อ ทิ้งไว้เป็นหน้าที่ข้าให้ได้ชำระสะสางมันเอง"
"แต่พระชายาเพคะ"
"เจ้ามิต้องพูดกล่าวอันใดให้มากความ รีบทำตามที่ข้าบอก"
"เพคะ"หยูอิงฮัวแม้ว่าจะอยากขัดคำสั่งของพระชายาเฉิงเหลียนฮวาแต่ก็มิอาจทำตามได้เนื่องด้วยเหตุผลนางจึงจำเป็นต้องทำตาม
"เมื่อวังสวรรค์อยากให้แดนมายาสาปสูญไป ข้าก็จะทำให้วังสวรรค์ ได้จดจำเรื่องนี้ไป ตลอดกาล"

"พระชายา!!"

     แววตาที่แข็งกร้าวบวกกับสีหน้าของพระชายาเฉิงเหลียนฮวา ทำให้หยูอิงฮัวใจไม่สู้ดีนัก ทว่าเวลานี้นางเองก็มิได้มีเวลาอันใดให้ต้องมาคิดมากจึงต้องรีบทำตามคำสั่งที่มันสำคัญยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน หยูอิงฮัวรีบถลันกายรุดไปหาเฉิงหลิงเซียวในทันใดนางเองก็มิรู้ว่าเหตุการณ์ต่างๆต่อไปหลังจากนี้ อาจเกิดเรื่อง ที่มิอาจจะคาดเดาได้ ในใจก็นึกหวั่นไหวให้ใจเป็นกังวล

     บนยอดเขาสูงที่สุดในแดนมายาชื่อว่าผาราชันย์สูงตระหง่านค้ำฟ้า ใบหน้าที่งามสง่าของพระชายาเฉิงเหลียนฮวาทวงท่าดุจดั่งหยกน่าทะนุถนอม ร่างผอมบางสวมเสื้อคลุมยาวสีแดงเพลิงชายเสื้อพลิ้วไหวตามกระแสแรงลม แต่ทว่าพระชายาเฉิงเหลียนฮวากลับมีท่วงท่าที่แข็งกร้าวเย็นชาน่าเกรงขามดุจดั่งพญาหงส์ไฟ ที่พร้อมจะเผาไหม้โลกใต้หล้าให้แหลกสลายหายไปในพริบตา
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 22:56:25 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
12. เสี้ยวจันทรา อาละวาดวังสวรรค์

     บัดนี้แดนมายาดินแดนที่แสนสงบสุขมาเนิ่นนานตั้งแต่เมื่อจบสงครามครั้งผานกู่สร้างโลกใหม่ ตอนนี้ได้เกิดศิกใหญ่ดังครั้งเก่าทะเลเพลิงสีแดงฉาน เพลิงลุกสาดส่องโชติช่วงหลายพันลี้ทั่วแดนมายา ศึกครั้งนี้อาจจะทำให้แดนมายากลายเป็น ดินแดนที่ถูกลืมเลือนสูญหายไปตลอดกาล เสียงของลมผ่านพลิ้วไหวรุนแรง ตามแสงของเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ไม่คาดช่วง ภายใต้ท่วงท่าดั่งหยกงาม ของพระชาเฉิงเหลียนฮวา บนผาราชันย์ ครั้งนี้คงเป็นศึกตัดสินกันครั้งสุดท้าย ระหว่างพระนางกับจางหวน

     พระชายาเฉิงเหลียนฮวานั่งถอนใจบนผาราชันย์ ก่อนนำพิณมาวางตรงหน้า พร้อมกับหรี่เปลือกตาหลับลงทีละน้อยพร้อมกับค่อยบรรจง นำปลายนิ้วเรียววางบนพิณเพื่อบรรเลง เสียงพิณดังก้อง ท่วงทำนองพริ้วไหว ใจความว่า

"โลกมนุษย์มีความสุขแสนรื่นรมย์ แดนสวรรค์ชั้นเซียนกลับขื่นขมหลากหลาย ดีกลายเป็นร้าย คลับคล้ายหมอกลวงตา เห็นหญ้าเกรียมไหม้ให้เศร้าหมอง ตามครรลองหมุนเวียนเปลี่ยนฤดู ยากหยั่งรู้เภทภัยในโลกหล้า จันทราสุกส่อง เมฆล่องลอยผ่าน กล่าวขานสูญสลาย กลับกลายเป็นมายา"

     พิณที่บรรเลงนั้นทำให้ผู้ได้ฟังพลอยรู้สึกโศกเศร้าปลดปลง ท่วงทำนองเปล่งออกมาทำให้รู้ว่า ผู้ที่บรรเลงมิได้มีเรื่องใดให้ห่วงกังวลใจอีก

"ท่านรองแม่ทัพขอรับ ท่านรองแม่ทัพ!!"
"เจ้ามีอะไร?" ท่านลองฟังดูสิขอรับ"

     จางหวนมิรอช้ารู้ทันทีว่า พระชายาเฉิงเหลียนฮวา รอการพบเจอกับตน ทันทีที่รู้ดังนั้นก็พลันสั่งคนของตน ให้เตรียมพร้อม อาจเกิดศึกใหญ่ขึ้นได้ในไม่ช้า จากนั้นจางหวนก็หมุนตัวออกไปในทันที มินานนักจางหวนก็พลันปรากฏกายขึ้นบนผาราชันย์
"พระชายาทรงสำราญพระทัย ได้เช่นนี้หม่อมชั้นจางหวนเลื่อมใสยิ่งนัก" จางหวนปรากฏ ตัวประสานมือน้อมคำนับในทีแต่มิได้จริงใจ

     พระชายาขยับเปลือกตาของนางขึ้นอย่างช้าๆ เงยหน้ามองผู้มาเยือนแล้วยิ้มส่งให้จางๆลมและหมอกควันเปลวไฟยังคงพัดพาฝุ่นลอยฟุ้งกระจาย เหมือนดั่งบทเพลงที่พระชายาบรรเลงในท่อนสุดท้าย กล่าวขานสูญสลาย กลับกลายเป็นมายา เพราะสุดท้ายเมื่อทุกอย่างโดนไฟเผาไหม้สิ่งใดๆที่เคยเกิดขึ้นก็ดับสูญหายไปเหลือไว้แค่ภาพมายา พระชายาเฉิงเหลียนฮวาเห็นผู้มาเยือนก็พลางกล่าวขึ้นว่า

"คนที่กล้าคิดเหิมเกริมกับแดนมายา ทุกภพภูมิคงมีแต่ท่านเท่านั้นสินะ"

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ พระชายาก็ทรงกล่าวเกินไปกระหม่อมมิบังอาจเช่นนั้นหรอกเหตุใดพระชายาจึงกล่าวใส่ไคล้กระหม่อมเช่นนั้นเล่า"
"เหอะ"

     สีหน้าของพระชายาเฉิงเหลียนฮวาเข้มขึ้นพระนางข่มกลั้นอารมณ์อย่างสุดขีด ก่อนที่จะยกกายของตนยืนขึ้นเสื้อคลุมสีแดงปลิวพลิ้วไหวตามแรงลมดุจภาพวาด ทว่าแววตาพระชายากลับมีทีท่าไม่เป็นมิตรมองไปทาง จางหวนก่อนพูดต่ออีกว่า

"หึ ท่านจาง ข้ากลับท่านนั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ข้าคงมิได้คิดมากไปหรอก ท่านว่าใช่หรือไม่?"

     พระชายาเดินผ่านหน้าจางหวนจนพูดจบประโยค ก็พลางเหลียวไหล่มาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มหยันจางๆแล้วกล่าวขึ้นอีกว่า
"แต่ทว่า ข้าเกรงว่า ท่านจางมาหาข้าครั้งนี้คงต้องผิดหวังเสียแล้วกระมัง? หึหึ" พระชายาส่งยิ้มโปรยไปให้จางหวน จนจางหวนรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นเกินกล่าว

"นี่ท่าน!"จางหวนกระตุกคิ้วขึ้นพร้อมกับทมึงตาใส่พระชายาที่วาจากล่าวหยั่งเชิง ดูเหมือนจะเป็นดังที่พระชายาคาดการณ์ สิ่งที่จางหวนต้องการคืออะไร จางหวนท่าทีเปลี่ยนไป เริ่มกำมือแน่น จางหวนครุ่นคิดว่าครั้งนี้จะจบสิ้นปัญหาแต่กับนำพาความยุ่งยากเพิ่มขึ้นจางหวนรู้สึกหงุดหงิดกับพระชายาแต่ก็ไม่สามารถโต้วาจาอันใดกลับคืนไป จึงกล่าวออกไปอย่างไม่ยี่หร่ะ

"เป็นพระชายาเองต่างหาก ที่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้มันยุ่งยากมากขึ้นไปอีกถ้าหากพระองค์ทรงยอมมอบเปลวไฟแห่งราชันย์ให้กระหม่อมถือครองแดนมายาที่พระองค์ทรงอุตส่าห์ปกครองมายาวนาน ก็คงมิต้องมาพบจุดจบเช่นนี้"   พระชายาเห็นดังนั้นจึงพลันหันใบหน้าถลึงตาใส่จางหวนแล้วกล่าวว่า
"เหอะ ในอดีตข้านั้นเห็นเจ้าเป็นดั่งเพื่อนสนิทแต่ทว่าเจ้ามันเกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ จางหวน" พระชายาตะคอกเสียงอันดังก่อนกล่าวอีกว่า
"อย่านึกว่าข้ามิรู้เรื่องราว ว่าเจ้านั้นต้องการสิ่งใดต่อไป หลังจากได้ครอบครองเปลวไฟแห่งราชันย์"
"ในเมื่อท่านรู้แล้วว่าข้านั้นต้องการสิ่งใด เหตุใดเล่าพระองค์มิทรงยอมส่งเปลวไฟแห่งราชันย์ มาให้กระหม่อมถือครอง เพราะอย่างไรเสีย ตระกูลเฉิงก็มิได้ต้องการในสิ่งนั้นอยู่แล้ว "
"เจ้ามันช่างเหิมเกริมนัก จางหวน!!"

     เสียงตวาดของพระชายาในครั้งนี้แผดเสียงกึกก้องดังกังวาน ประสานเสียงทั้งห้าขุนเขา ช่างน่าเกรงขามยิ่ง อารมณ์ของจางหวนเองเริ่มแสดงออกมากขึ้นกว่าเดิม จนพระชายาเห็นทีท่าของคนละโมบอย่างจางหวนมิเกรงกลัวจึงสงบอารมณ์ลง จึงกล่าวขึ้นเย้ยหยันด่าจางหวนอีก

"ผิดชอบชั่วดีกลับมินำพา ดั่งฟ้าสิ้นแสงแห่งเดือนดาว ลืมสิ้นเผ่าพันธุ์ตัวตน วนเวียนอยู่ในความโง่งม"
"นี่ท่าน!!" จางหวนโดนด่าว่าเช่นนี้แต่มิอาจจะโต้คำใดกลับคืนได้ จึงได้เพียงชี้หน้าพระชายา
"เรื่องข้าปล่อยให้มันเกิดขึ้นมายาวนานเกินไปแล้ว สำหรับเรื่องของเจ้ากับข้าเช่นนั้นก็ให้มันจบลงเสียแต่วันนี้จะดีกว่า จางหวน!!!!" พระชายาแค่นเสียงขึ้นมาอย่างเหลือทน คิ้วของพระชายาชันขึ้นพร้อมกับเปรยตามองไปที่จางหวนอีกครา

"เมื่อพระชายาร้องขอ ไหนเลยข้า จะกล้าปฏิเสธ"
"ลงมือ!!"
"เมฆาสูญสลาย!!"

     พระชายาฟาดสะบัดมือของพระนางลงบนพิณล่องเมฆา อย่างรุนแรงตามพลังวัตรที่ส่งผ่านไปบนพิณวิเศษเสียงที่เปล่งอานุภาพสะท้านออกไปทั้ง สิบทิศ เปลวไฟที่ลุกไหม้พลันดับวูบในพริบตา มีเพียงฝุ่นควัน ลมโหมกระหน่ำพัดไป ตามกระแสเสียงที่ดั่งสนั่นกึกก้องกองทัพผู้ติดตามของจางหวน ล้วนนอนกองร้องโอดโอย พระชายาเห็นดังนั้นจึงพลันทะยานกายของตน หนีไปในทันที จางหวนเห็นดังนั้น ก็พลันกล่าวกับคนของตน

"พวกเจ้าจงเผาทุกสิ่งที่นี้อย่าให้เหลือจนกว่าจะหาคนในวังตะวันตกเจอ ใครขัดขืน ฆ่า!!! "
"ขอรับ"
"เจ้ารีบไปแจ้งท่านแม่ทัพใหญ่แล้วรีบตามข้าไป"
"ขอรับ
จางหวนไม่รอช้า รีบทะยานกายติดตามพระชายาไปในทันที เห็นทีว่าจะยืดเยื้อเกินกว่าที่ควรจะเป็นเสียแล้ว
**
ณ วังสวรรค์
เคว้ง!! ตูม!!!

     เสียงพิณแผดเสียงสูงเปล่งอานุภาพทำลายล้าง คนวังสวรรค์ตกใจ ก็พลันโกลาหลกันยกใหญ่ เหมือนดังวังสวรรค์เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ดุจฟ้าถล่ม พระชายาก้าวฝีเท้าวูบวับฉับไวจนผู้มองตามไปกวาดสายตาไม่ทัน บัดนี้นางได้ขึ้นมาอาละวาดบนแดนสวรรค์อันเป็นที่อยู่ขององค์จักรพรรดิสวรรค์ ไม่นาน พระชายาก็เข้าไปถึงท้องพระโรงเหล่าทหารองครักษ์ทั้งหลาย ก็พลันบาดเจ็บบ้างก็ล้มตายดวงจิตสูญสลาย ดุจดังใบไม้ร่วงบ้างที่หลงเหลือ ก็พลันเข้ามาถวายอารักขาองค์เง็กเซียน
"ถวายอารักขาฝ่าบาท"
เคว้ง ตู้ม!!!
     อานุภาพของพิณล่องเมฆาที่เกิดจากพระชายาสะบัดฟาดพลังส่งไป ได้ทำลายเสาค้ำยัน ในท้องพระโรง หักโค่นลง
"นี่เจ้า!! เจ้าจะกบฏ รึ!!"
      เสียงขององค์เง็กเซียนตวาดใส่พระชายาเฉิงเหลียนฮวา พระชายาทรงทราบดีกว่า การกระทำอันต่ำช้านี้มิบังควรเลย ในเมื่อถูกหยิบยื่นว่าเป็นผู้ผิด โดยผู้ปกครองที่มิคิดไตร่สวน นางคิดว่าควรจะสอนบทเรียนให้ประมุขวังสวรรค์ได้จดจำเสียบ้าง

"พระองค์ทรงมีราชโองการปราบปรามกบฏแดนมายา หม่อมชั้นก็คือกบฏ ไหนเลยพระองค์ทรงลืมเรื่องเช่นนี้ได้ละเพคะ ฝ่าบาท!! "  พระชายากล่าววาจานุ่มนวลเชื่องช้าเยือกเย็นหรี่ตามองไป องค์เง็กเซียนชะงักไปครู่หนึ่งกับคำพูดของพระชายาเฉิงเหลียนฮวา ก่อนชี้นิ้วเข้าใส่
"นี่เจ้า!!!"
"คุ้มครองฝ่าบาท คุ้มครองฝ่าบาท"
     อี้เทียนรีบสั่งองครักษ์สวรรค์ในทันที ทหารจากด้านนอกท้องพระโรง วิ่งกรูกันเข้ามาพระชายาก็สะบัดมือฟาดพิณ ส่งอานุภาพทำลาย จนทหารที่เข้ามาล้มตายบาดเจ็บจนจางหวนและแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว เข้ามาได้ทันเวลาพอดี หลิวฮั่วเห็นทหารองค์รักษ์ตื่นกลัวมิกล้าเข้าใกล้ จู่โจมประชิดตัวพระชายาเฉิงเหลียนฮวา จึงกล่าวร้องไปว่า

"เฉิงเหลียนฮวา เจ้ามันช่างเหิมเกริมนัก บังอาจคิดทำร้ายฝ่าบาทมาอาละวาดวังสวรรค์ เจ้าจงมอบตัวรับโทษทัณฑ์ซะดีๆ"
"หลิวฮั่ว เจ้ามันจะไปรู้อะไร เจ้ามันก็คนเลอะเลือนที่รับใช้คนผู้นี้ ในเมื่อข้าเป็นผู้คิดกบฏ ถ้าเจ้าคิดจะจับข้า ก็ต้องดูว่าเจ้า มีฝีมือแค่ไหน งั้นก็ดาหน้ากันเข้ามาได้เลย"
เม-ฆา สูญ สลายย!!
คันฉ่องส่องจันทรา!!!
เคว้ง!! ฟิ้ว- ตู้ม
     ร่างของพระชายาสะท้านถอยไปหลายสิบก้าว พิณล่องเมฆาร่วงหล่น ลงบนพื้นท้องพระโรง จู่ๆ ฮองเฮาเยว่อิงก็ปรากฏกายออกมาอารักขาองค์เง็กเซียน ในมือถือคันฉ่องส่องจันทรา ที่มีอานุภาพสะท้อนกลับ ทำให้พระชายาเฉิงเหลียนฮวาบาดเจ็บ ฮองเฮาเยว่อิงนั้นถือคันฉ่องส่องจันทรา ยืนอยู่ด้านหน้าองค์เง็กเซียน พร้อมพูดขึ้น
"อารักขาฝ่าบาท" นางยืนทะนงมิเกรงกลัวต่อพระชายาเฉิงเหลียนฮวา แม้แต่น้อย
"อึก.นางจิ้งจอก!!"

     พระชายาเฉิงเหลียนฮวาค่อยประคองกายขึ้น พร้อมกับกระอักเลือดที่ออกมาคำนึง เห็นดังนั้นก็มิได้รั้งรอเตรียมจู่โจมต่อ จางหวนเห็นก็พลันเข้าจู่โจมพระชายาเฉิงเหลียนฮวาในทันทีกรงเล็บวชิระของจางหวน พลันกรีดสะบัดตัดอากาศ ดังอื้ออึงพระชายาก็หลีกหลบพลิ้วไหว สกัดกรงเล็บพร้อมกับฟาดฝ่ามือกลับไป แต่ก็มิได้ถนัดนักเนื่องจากบาดเจ็บจากแรงสะท้อนของคันฉ่องส่องจันทรา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2019 23:02:32 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
13. เสี้ยวจันทรา  อาละวาดวังสวรรค์2

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:53:22 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด