ตอน38 สตรีชุดเขียว
"พวกเจ้าบุกรุกแดนมายา มีจุดประสงค์ใดบอกมา"
เสียงของสตรีที่เปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังปราณที่แข็งกร้าวจนเสี่ยวเมารู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งกาย ไอเย็นของพลังหยินที่แผ่ครอบคลุมบริเวณนี้ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นพลังปราณของสตรีนางนี้ที่ผสานกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี
"พวกเราแค่ผ่านทางมาเพียงเท่านั้น ขอท่านอย่าได้ถือสา ได้โปรดให้พวกข้าผ่านป่าไผ่ของท่านไปจะได้หรือไม่"
เสี่ยวเมาเอ่ยคำกล่าวขึ้นอย่างสุภาพต่ออีกฝ่ายทำให้อาชงติงปิงและเจิ้งเทียนฉีแปลกใจ เมื่อเห็นท่าทีของเสี่ยวเมาที่นอบน้อมถ่อมตนเช่นนี้ แต่พวกเขาเองก็คงทำได้เพียงรอดูสถานการณ์และเตรียมรับการจู่โจมของอีกฝ่ายโดยที่ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย โดยหมุนกายกวาดสายตาไปโดยรอบแม้ไม่เห็นร่างของสตรีที่ส่งเสียงมาก็ตาม
"เหอะ! ทางเดินในโลกนี้มีมากมาย เหตุใดจึงเลือกที่จะเดินเข้ามาที่นี่ พวกเจ้าแอบเข้าแดนมายามีจุดประสงค์ใดจงบอกข้ามา ,มิเช่นนั้นพวกเจ้าก็จงเป็นวิญญาณเฝ้าป่าไผ่นี้เสียเถอะ"
เสียงที่กล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังปราณอันกล้าแข็ง "พวกกบฏแดนสวรรค์!" ติงปิงขบกรามคำรามเบาๆกับตัวเอง มินานนักก็มีพลังปราณกดทับแผ่ไอสังหารเย็นยะเยือกจนเสี่ยวเมารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ โดยรอบกลับมีหมอกที่หนาทึบยิ่งกว่าเดิม ไอหยินที่ปกคลุมมาพร้อมกับหมอกหนานี้ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่รู้สึกสะท้านไปทั่วกาย
"พวกเจ้าจงระวังหมอกนี้ให้ดี"
เสียงของอาชงร้องเตือนขึ้น หลังจากที่เขาเงียบงันมาเป็นเวลานาน อาชงคว้าร่างที่ผอมบางของเสี่ยวเมามากอดไว้แนบลำตัวฝ่ายติงปิงและเทียนฉียิ่งระวังภัยมากขึ้น ความรู้สึกกดดันเช่นนี้พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เหตุการณ์นี้แสดงให้รับรู้ได้ว่าผู้ที่มามีฝีมือที่ดูแคลนไม่ได้
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!!
พริบตาใบที่ร่วงหล่นจากต้นไผ่กลับขยับเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศก่อนพุ่งตรงเข้าหาพวกเขาทั้งสี่อย่างว่องไว เสียงของใบไผ่แหวกตัดอากาศเป็นระยะประดุจใบมีดนับหมื่นนับพันเล่มพุ่งถาโถมเข้าใส่พวกเขาอย่างไร้ความปรานี ใบไผ่นี้รวดเร็วยิ่งนักการตวัดกระบี่ของเทียนฉีและติงปิงเกรงว่าจะไม่สามารถต้านทานใบไผ่ที่มีมากมายมหาศาลนี้ได้ ติงปิงจำต้องกางข่ายอาคมขึ้นป้องกันโดยอาศัยพลังปราณของเขากับกระบี่มังกรเย็น เพื่อสกัดกั้นการจู่โจมนี้
ตู้ม ตู้ม!!
เสียงใบไผ่ที่ปะทะกับข่ายอาคมจนกระเด็นสะท้อนลงสู่พื้นดิน จนทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณป่า
"ฆ่า!! อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้แม้แต่คนเดียว"
เสียงสั่งการด้วยน้ำเสียงของสตรีคนเดิมดังขึ้น ครั้งนี้น้ำเสียงของนางแผ่รังสีการเข่นฆ่าออกมาอย่างชัดเจน บ่งบอกว่าหลังจากนี้ไปความเป็นความตายตรงหน้าล้วนเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เสี่ยวเมาเองกลับวิตกกังวลยิ่งนัก เขาไม่คิดเลยว่าการที่เขาอยากจะมาเยือนแดนมายาแผ่นดินเกิดสักครั้ง กลับต้องมาเข่นฆ่าพี่น้องในดินแดนของตนแบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยหากย้อนเวลากลับได้เขาไม่มาคงดีกว่าแต่เหตุการณ์ตรงหน้ากำลังเกิดขึ้น มันสายไปเสียแล้วที่จะมัวทำให้เขารู้สึกผิด
"เจ้ามัวยืนนิ่งทำอะไรอยู่ ท่านดูแลเขาด้วย" ติงปิงดุเสี่ยวเมาก่อนหันไปบอกกับศิษย์พี่ใหญ่ของตน
"อืม"
"พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง เสี่ยวเมาเดี๋ยวข้าดูแลเขาเอง"
อาชงกดร่างของเสี่ยวเมาไว้แนบกับลำตัวของเขาจนแทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน ติงปิงเห็นแบบนั้นแม้จะดีแต่ในใจคิดต่อต้านก็ไม่อาจจะต่อว่าได้ จึงจำต้องปล่อยไป เพราะภัยตรงหน้ามันอาจจะนำพาให้พวกเขาพบกับเรื่องเลวร้ายเกินกว่าที่จะคิดได้
"เดี๋ยว!!"
เสี่ยวเมาสลัดออกจากอ้อมกอดของอาชงไปยืนอยู่ตรงหน้าของเทียนฉีและติงปิง จนทำให้ศิษย์พี่ทั้งสองของเขาสงสัย
"พวกท่านรับปากข้าได้ไหม อย่าฆ่าพวกเขา"
พอเสี่ยวเมาพูดจบประโยค ยิ่งทำให้ติงปิงและเทียนฉีงุนงงมากขึ้นไปอีก ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเมายังห่วงกลัวว่าพวกเขาจะเข่นฆ่าผู้ที่กำลังคิดฆ่าพวกเขา นี่มันเรื่องอะไรกัน แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของเสี่ยวเมา เพราะสีหน้าและแววตาของเสี่ยวเมาที่แสดงออกมาด้วยทีท่าแน่วแน่และอ้อนวอนเขาทั้งสอง ทำให้ศิษย์พี่ทั้งสองมิอาจปฏิเสธได้จงเอ่ยตอบตกลง
"อืม จะพยายาม อาชงท่านดูแลเขาด้วย"
"ไม่ต้องห่วง ท่านวางใจได้"
"เดี๋ยวข้าจะต้านพวกมันไว้เพื่อเปิดทาง พอสบโอกาสท่านรีบหนีไปแล้วข้ากับศิษย์พี่จะตามไป"
"ได้สิ!" อาชงพยักหน้ารับคำ
เหตุการณ์ตรงหน้าเสียงของคมอาวุธปะทะกัน เสียงระเบิดตูมตาม เสี่ยวเมาเห็นคนในแดนมายาร้องโอดโอยบนพื้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก
"อย่าฆ่าพวกเขา!!"
เสียงของเสี่ยวเมาเอ่ยขึ้น เมื่อสมุนที่เข้ามาล้วนแต่โดนเทียนฉีกับติงปิงจัดการจนเกือบหมด พริบตาเดียวก็ปรากฏผ้าแพรสีเขียวอ่อนพุ่งจู่โจมทำให้พวกเขาต้องหลบการจู่โจม อานุภาพของพลังปราณที่แข็งแกร่งทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ชายหนุ่มทั้งสี่ต้องจับจ้องที่มามองดูว่าผู้ที่ปรากฏกายตรงหน้าคือผู้ใด
"มีฝีมือไม่เลว สามารถจัดการศิษย์พรรคไผ่เขียวของข้าได้ในเวลาไม่นาน นับว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา"
เมื่อสิ้นเสียงก็มีคนทั้งสามเหาะลงมายังพื้นเบื้องล่าง ด้านหน้าปรากฏร่างของสตรีบอบบางเด่นชัดขึ้นในชุดเขียวอ่อนท่วงท่าและใบหน้านางงดงามอรชรดังสตรีบนภาพวาด พร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งหญิงหนึ่งชายเสี่ยวเมาเห็นดังนั้น ก็พลันรุดกายไปยืนด้านหน้าของติงปิงและเทียนฉีในทันที
"ข้าขออภัยแม่นาง พวกท่านอย่าได้เข่นฆ่ากันเลยถ้าไม่ให้เราผ่านเช่นนั้นพวกข้าจะกลับไปทางเดิมเองก็ได้ ขอแม่นางโปรดอภัยยกโทษให้พวกเราด้วย"
คำพูดละล่ำละลักของเสี่ยวเมาเอ่ยออกมา ด้วยทีท่านอบน้อมต่อสตรีชุดเขียวอ่อนตรงหน้า เพราะเขาไม่อยากเห็นการสูญเสียหรือเข่นฆ่ากัน
"เจ้ามาขอร้องข้าในเวลาเช่นนี้ ไม่คิดบ้างหรือว่ามันสายไปแล้ว!!" สตรีนางนี้พูดจบแต่แววตาของนางแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ จึงคิดคว้าจับตัวเสี่ยวเมาทว่าติงปิงเห็นเสียก่อนจึงตวัดปลายกระบี่เขาขัดขวางได้ทันเวลา
"ว่องไวดีนี่ เมื่อเข้ามาแล้ว ก็จงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เถอะ!"
การปะมือของติงปิงกับสตรีชุดเขียวก็เกิดขึ้น นางทะยานขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับปรากฏร่มในมือ ดุจวิหคกลางท้องนภา แต่การพุ่งลงมาโจมตีดุจพญาอินทรีร้ายทำให้ติงปิงต้องหลบหลีกการจู่โจมที่รวดเร็วนี้ เสียงปลายร่มที่แข็งดุจเหล็กกล้าและกระบี่ของติงปิงกระทบกันดังเช้ง แม้ได้ยินเสียงเพียงครั้งเดียวทว่ากระบวนท่าของพวกเขาได้ผ่านไป 10กระบวนแล้ว ติงปิงรู้ทันทีว่าสตรีนางนี้มีฝีมือไม่ธรรมดา การจู่โจมของนางล้วนพลิกแพลงร้ายกาจ ซ้ำยังมีอาวุธลับที่ลอบกัดออกมาจากปลายร่มเป็นระยะๆ ยิ่งต้องทำให้เขาตื่นตัวระวังมากขึ้น
เจิ้งเทียนฉีเองก็ทุ่มเทสมาธิในการระวังภัย ไม่นานผู้ติดตามทั้งสองก็โรมรันเข้าจู่โจมเทียนฉี การจู่โจมที่ต่อเนื่องเด็ดขาด ทำให้เทียนฉีต้องทุ่มเทพลังกายและปราณเซียนในการต่อสู้ ทว่าคู่ต่อสู้ทั้งสองนี้เหมือนไม่มีร่างจริงทิ่มแทงฟาดฟันไปก็เหมือนต่อสู้กับอากาศธาตุในจินตนาการเพียงเท่านั้น การคุกคามจู่โจมของทั้งสองเหมือนถูกฝึกฝนมาอย่างดี
"ศิษย์พี่ใหญ่ระวัง!" เจิ้งเทียนฉีได้ยินเสียงของเสี่ยวเมาจากทางด้านหลัง ก็พลันเอี้ยวตัวหลบวาดแขนถีบเท้ากระโดดถอยไปอีกด้าน แต่กลับมีอีกสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เป็นอาวุธลับที่ซัดแหวกตัดสวนมาอีกด้านใกล้ตัว เจิ้งเทียนฉีร่ำร้องในใจ จึงได้บิดกายหลบวิธีอาวุธซัด แม้ไม่โดนจุดตายแต่ก็ไม่อาจจะหลบพ้นได้ "โอ๊ะ!!" อาวุธซัดนั้นได้ปักโดนบริเวณไหล่ขวา จนทำให้เทียนฉีเซถลาไปด้านหลัง
"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ไหนข้าขอดูหน่อย" เสี่ยวเมาเห็นเทียนฉีพลาดท่าโดนอาวุธซัดจึงเข้าไปหา เมื่อเพ่งดูก็พบว่าอาวุธนี้มีพิษ "ศิษย์พี่ อาวุธมีพิษ"
"ไม่ต้องห่วงข้า อาชงรีบพาเสี่ยวเมาหนีไป"
"ไม่ได้ ศิษย์พี่ท่านอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวในเวลานี้"
"เสี่ยวเมาเจ้าระวัง!!" ในพริบตาก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเทียนฉีเห็นดังนั้นจึงโอบกอดเสี่ยวเมาหวังใช้ร่างตัวเองกำบังการจู่โจมของศัตรูให้เสี่ยวเมา
เช้ง!!
ยังไม่ทันที่คมอาวุธจะโดนร่างของเจิ้งเทียนฉีพลันมีวิถีกระบี่ของคนผู้หนึ่งมาขัดขวางเสียก่อน จึงทำให้เขาทั้งสองปลอดภัย
"ลี่หง!"
"ศิษย์พี่ใหญ่ท่านไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?"
"ศิษย์พี่ใหญ่ถูกพิษ ท่านช่วยต้านคนพวกนั้นไว้ก่อนได้ไหม ข้าขอรักษาศิษย์พี่ใหญ่ก่อน"
"อืม" ลี่หงพยักหน้า นางปรากฏตัวได้ทันเวลาพอดีในเวลาคับขันเช่นนี่ การจู่โจมของศัตรูทั้งสองจึงต้องต่อสู้กับอาชงและลี่หงแทนจึงทำให้เสี่ยวเมามีเวลาในการรักษาให้กลับเทียนฉี