พิมพ์หน้านี้ - ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: PrayTime ที่ 29-01-2019 17:34:46

หัวข้อ: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 29-01-2019 17:34:46
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

******************************************************************************************
[เรื่องอื่นๆ]

✿[เรื่องสั้นบันทักใจฝากไว้ในอักษร]✿ (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60440.msg3650319#msg3650319#msg3645658)

:hao5: :hao5: :hao5: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★เกริ่น ➧ ➧ ➧ Up [29-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 29-01-2019 17:41:08
สารบัญ
ตอน1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3939483#msg3939483)* ตอน2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3939494#msg3939494)* ตอน3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3939705#msg3939705)* ตอน4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3940008#msg3940008)* ตอน5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3940479#msg3940479)* ตอน6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3941104#msg3941104)* ตอน7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3941507#msg3941507)* ตอน8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3942119#msg3942119)* ตอน9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3943340#msg3943340)* ตอน10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3943737#msg3943737)* ตอน11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3945421#msg3945421)* ตอน12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3945591#msg3945591)* ตอน13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3946778#msg3946778)* ตอน14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3947766#msg3947766)* ตอน15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3947767#msg3947767)* ตอน16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3950070#msg3950070)* ตอน17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3950071#msg3950071)* ตอน18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3950072#msg3950072)* ตอน19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3950558#msg3950558)* ตอน20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3952777#msg3952777)* ตอน21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3953070#msg3953070)* ตอน22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3962669#msg3962669)* ตอน23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3962672#msg3962672)* ตอน24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3962673#msg3962673)* ตอน25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3962674#msg3962674)* ตอน26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3962975#msg3962975)* ตอน27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3963890#msg3963890)* ตอน28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3964014#msg3964014)* ตอน29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3964388#msg3964388)*ตอน30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3967926#msg3967926)*ตอน31 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3975146#msg3975146)*ตอน32 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3975907#msg3975907)*ตอน33 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3975913#msg3975913)*ตอน34 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3977195#msg3977195)*ตอน35 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3978664#msg3978664)*ตอน36 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3981228#msg3981228)*ตอน37 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3982602#msg3982602)*ตอน38 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3984244#msg3984244)*ตอน39 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3984348#msg3984348)*ตอน40 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3984663#msg3984663)*ตอน41 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69512.msg3990751#msg3990751)*


เกริ่น
เนื้อเรื่องย่อ

     แดนมายาเป็นแดนลี้ลับแห่งหนึ่งในแดนสวรรค์ ได้แยกตัวออกมาไม่ยุ่งเกี่ยวกับแดนเทพและแดนปีศาจ จึงถูกใส่ร้ายว่าผู้ปกครองแดนมายาคิดก่อกบฏสร้างความปั่นป่วนแก่ทุกภพภูมิ ทำให้เง็กเซียนหวาดระแวงฐานอำนาจของแดนมายาจึงถูกกวาดล้าง ชะตาชีวิตของทายาทหนึ่งเดียวในแดนมายาคือ[นายเอก](เฉิงเฟยหยี,เสี่ยวเมา)ที่ยังเด็ก จำต้องตามมารดามาหลบซ่อนปิดบังฐานะ ที่เมฆาล้ำหยุนไหล จนทำให้เขาพบกับ[พระเอก](ติงปิง)รัชทายาทแดนสวรรค์

     เฟยหยีไม่รู้เลยว่าบัดนี้แดนมายาได้ถูกกวาดล้างไปจนเกือบหมดสิ้นแล้ว เพราะผู้เป็นอาจารย์ปิดบังไม่อยากให้เขา เข้าสู่วังวนแห่งการแย่งชิงอำนาจ เมื่อเฟยหยีรับรู้ความจริง ก็คิดหลีกหนีไม่คิดแก้แค้น แต่ชะตาเหมือนกลั่นแกล้ง ให้เขาต้องกลับมาสู่วังวนการช่วงชิงครั้งใหญ่ ทำให้เฟยหยีไม่สามารถหนีได้ จนทำให้เขาต้องผิดใจกับติงปิง ...ลมเปลี่ยนทิศสรรพสิ่งเปลี่ยนไป เมื่อโดนบีบให้ไร้ซึ่งหนทางเขาจะทำอย่างไรต่อไปโปรดติดตาม...

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเอง เป็นนิยายจีนโบราณเทพเซียน

ตัวละครสถานที่ในนิยายล้วนเป็นสิ่งสมมุติ เนื้อหาในนิยายเป็นแนว BL (Boy Love's) Yaoi นะขอรับ 

สำนวนไม่สละสลวยข้าน้อยต้องขออภัย ความหมายจีนผิดเพี้ยนไปขอโทษด้วยน้า

ผู้เขียนไม่ได้มีความรู้ภาษาจีนเลย เพียงแต่ชอบบรรยากาศจีนแนวโบราณจึงได้บังอาจเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา

ถ้าหากว่าขัดใจบางท่านไป กราบอภัยด้วยนะขอรับ
**

..
เริ่มเขียน 29ม.ค.62
ถ้อยคำและภาษาบางทีอาจจะติดขัดไป สำนวนไม่สละสลวย แนะนำติชมกันมาได้นะครับ
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน1 ➧ ➧ ➧ Up [29-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 29-01-2019 17:43:02
*บทนำ*

   
เมื่อกล่าวถึงคราวที่ผานกู่สร้างโลกนี้ขึ้นมา ได้มีสัตว์เทพทั้งสี่มาเป็นผู้พิทักษ์คอยช่วยเหลือ นั่นคือ เทพมังกร วิหคสวรรค์ (หงส์) เต่ายักษ์ และกิเลน เมื่อผานกู่สร้างโลกนี้แล้วได้ตายลงทำให้ปลายเท้าของเขากลายเป็นเขาหัวซานทางด้านทิศตะวันตก เมื่อครั้งหนึ่งเกิดภัยใหญ่ เสาค้ำฟ้าของผานกู่เกิดถล่มลงมาได้ทำให้แผ่นดินแตกแยกออกมาหลายส่วน มารปีศาจจึงได้ถือโอกาสนี้ออกอาละวาด วุ่นวายปั่นป่วนทั่วทุกดินแดน ทำให้เจ้าแม่หนี่วาต้องลงมาช่วยเหลือจัดการซ่อมแซมท้องฟ้าด้วยการหลอมหินสมานฟ้าห้าสี เพื่อให้ท้องฟ้ากลับมาเป็นดังเดิม เจ้าแม่หนี่วาเกรงว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาอีก ทำให้พญาเต่ายักษ์ยอมสละตนเองโดยนำขาทั้งสี่ของตนค้ำยันท้องฟ้าไปตลอดกาล

แต่ทุกดินแดนก็ยังไม่หยุดวุ่นวายมีการเข่นฆ่าเลือดนองแผ่นดิน เพราะสรรพสิ่งในโลกที่เกิดมาล้วนไร้กฎเกณฑ์ยึดถือ ทำให้ความวุ่นวายไม่สงบลงโดยง่าย เจ้าแม่หนี่วาจึงให้เทพมังกรรับบัญชานำหินสมานฟ้ารวบรวมเหล่าเทพเซียนขจัดภัยร้ายบนโลกและสร้างกฏเกณฑ์บนโลกขึ้นมา โดยมอบหินสมานฟ้าให้เทพมังกรถือครอง เมื่อเทพอสูรและมารร้ายถูกขับไล่ไม่กล้าเหิมเกริม ดินแดนต่างๆ จึงสงบสุขสืบมา

เมื่อเวลาผ่านไปเทพมังกรเห็นว่าการเป็นผู้นำเหล่าเทพนั้นดูจะวุ่นวาย มันมิใช่วิสัยตนเพราะขาดความอิสระ เทพมังกรเห็นว่าหกภพภูมิสงบดีแล้ว (พิภพนรก พิภพเปรต พิภพเดรัจฉาน พิภพอสูร พิภพมนุษย์ พิภพสวรรค์) จึงได้สละตำแหน่งผู้ปกครองเหล่าเทพให้กับญาติเผ่ามังกรที่ร่วมทำศึกด้วยกันมาขึ้นปกครองแทน และไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องราวใดๆ ในทำเนียบเซียนอีกนับแต่นั้น ส่วนบรรดาลูกหลานเทพเซียนและอสูรปีศาจผู้ภักดีต่อเทพมังกรก็ติดตามมาอยู่ ณ วังตะวันตก แดนมายาทางด้านทิศตะวันตก พร้อมกับปิดกั้นดินแดนด้วยอาคมโดยไม่ได้ติดต่อกับภพต่างๆ อีกเลย

1.เสี้ยวจันทรา เภทภัยหมู่ตึกหมื่นปราชญ์

‘กาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน ชีวิตยาวนานอันแสนเศร้า ดวงจิตเร่าร้อนทุกข์ระทม กล้ำกลืนขื่นขมสุดห้วงใจ นึกถึงคราใดให้หวนคำนึง’







บุรุษหนุ่มรูปงามในชุดสีขาว ได้นอนทอดกายเหยียดยาวร่ำสุราบนต้นหลิว ใบหน้าที่งดงามดูกลัดกลุ้ม ทำให้จิตใจของบุรุษหนุ่มผู้นี้ว้าวุ่นไม่เป็นสุข เนื่องจากเขาได้จมอยู่กับทุกข์เมื่อได้ลิ้มรสสุราจนเป็นที่พอใจแล้วจึงโยนไหสุราออกไปได้ระยะสองวาเศษ แล้วจึงดีดพลังดัชนีผ่านปลายนิ้วไปยังไหสุราจนแตกกระจายหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง เขาจึงทะยานส่งกายลอยละลิ่ว ขึ้นไปกลางอากาศ มือข้างหนึ่งพลันคว้าหักกิ่งหลิวประมาณสองเชี๊ยะ แล้วพาร่างของเขาลงสู่พื้นดินอย่างแผ่วเบาพร้อมร่ายรำเพลงกระบี่ตามเคล็ดวิชาเพื่อแก้ความกลัดกลุ้มที่เกาะกินใจ บางทีการรำกระบี่อาจทำให้ความเจ็บปวดใจที่เขาเป็นอยู่เบาบางลง





"รำกระบี่หยกพราย ตระการกล้าแสงจันทร์ ยกมือพัดโบกสรรพสิ่งพลันพลิ้วไหว โยกกายย้ายร่างอำพรางใจ ต่อเนื่องดุจสายน้ำไหล เปิดม่านกลางใจลวงปลิดวิญญาณ"





เฉิงหลิงเซียว (ภูตจันทราแห่งวังตะวันตก) บุรุษหนุ่มร่างสูงผอมบางก้มมองพื้นดินด้วยกระบวนท่าของเพลงกระบี่ชุดสุดท้าย ก่อนยกใบหน้าที่โศกเศร้าของเขาขึ้น จนสายลมพัดปะทะวูบหนึ่ง ทำให้ปอยผมที่ปิดอยู่เผยออกเห็นใบหน้าที่แสนงดงามแต่แววตากลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวด





"หานอี้ เจ้าคนใจดำ มันคงถึงเวลาที่เราสองคน จะต้องสะสางเรื่องนี้กันได้แล้ว"





**





"แย่แล้ว..แย่แล้วขอรับ นายท่าน นายน้อยฮูหยินน้อย! "





เสียงของคนรับใช้ในคฤหาสน์หลังใหญ่มีเวรยามคุ้มกันอย่างแน่นหนา จู่ๆ ก็วิ่งร้องตะโกนลนลาน เหมือนว่าภายในคฤหาสน์แห่งนี้มีเรื่องที่ผิดปรกติเกิดขึ้น ตลอดช่วงหลายพันปีสถานที่แห่งนี้ไม่เคยมีเหตุการณ์ใดร้ายแรงเกิดขึ้นมาก่อน หานเจี้ยนหลิน (ประมุขหมู่ตึกหมื่นปราชญ์) เมื่อได้ยินเสียงร้องโหวกเหวกจึงรีบรุดออกมาสอบถามเหตุการณ์





"เกิดอะไรขึ้น"





"นายท่านเรือนพิรุณวารี เกิดเพลิงไหม้ขอรับ"





"เจ้าว่าอะไรนะ!! " ใบหน้าตื่นตระหนกของหานเจี้ยนหลินแสดงออกมาทางสีหน้าในทันทีที่ได้ยินบ่าวรับใช้พูดถึงเพลิงไหม้เรือนพิรุณวารี

"เรือนพิรุณวารี เกิดเพลิงไหม้ขอรับ"

"ฮูหยิน!! .. เจ้ามัวยืนเซ่ออยู่ทำไมรีบไปตามคนมาช่วยดับไฟเร็วเข้า" เมื่อหานเจี้ยนหลินสั่งบ่าวรับใช้ก็เร่งรุดไปยังเรือนพิรุณวารีทันที

"ฮูหยิน! "

เรือนพิรุณวารีคือที่พำนักของภรรยาเอกประมุขหาน เมื่อมาถึงก็พบกับเปลวเพลิงที่โหมไหม้ลุกโชติช่วง เขาจึงรีบหาทางที่จะเข้าไปด้านในทันที"ฮูหยิน" เมื่อเข้าไปด้านในประมุขหานได้เห็นฮูหยินนอนสิ้นสติเมื่อสัมผัสจุดชีพจรพบว่าอ่อนล้าเต็มที "ฮูหยิน ฮูหยิน!! " ไม่มีเสียงตอบรับจากฮูหยินประมุขหาน เขาจึงได้อุ้มร่างฮูหยินหานออกมาจากเปลวเพลิง แต่ทว่าเบื้องหน้ากลับปรากฏกลุ่มนักฆ่าที่ปิดหน้าด้วยผ้าสีดำขวางทางอยู่





"พวกเจ้าเป็นใคร? บังอาจเข้ามาทำร้ายคนในบ้านข้า ใครส่งพวกเจ้ามา!! " หานเจี้ยนหลินตวาดไปแต่ไร้สุ้มเสียงตอบรับจากนักฆ่าปิดหน้ากลุ่มนี้กลับมีเสียงคำสั่งจากหัวหน้าของมันออกมาแทน "ฆ่า!! "

กลุ่มนักฆ่าพลันรีบพุ่งทะยานเข้าหาหานเจี้ยนหลินทันทีประมุขหานร่นถอยสองสามก้าว พอดูกำลังของอีกฝ่ายจึงพุ่งทะยานกายเข้าปะทะที่ดาหน้าเข้ามา สองมือของประมุขหานปัดป่ายด้วยวิชาฝ่ามือ ทว่านักฆ่าพวกนี้ลงมือรวดเร็ว แม่นยำคงจะถูกฝึกมาอย่างดี ทำให้หานเจี้ยนหลินรู้ว่าเขาเองคงมิอาจจะต้านทานยอดฝีมือนี้ได้นานนัก จึงคิดสู้ตายเพียงเท่านั้นในมือจึงปรากฏกระบี่อาวุธของตนออกมาปะทะสู้พลางถอยพลาง สังหารนักฆ่าได้บ้างแต่ก็ยังไม่มากพอ เมื่อเทียบกับพวกมันที่มีอยู่มากจึงไม่ทันได้ระวังตัวทำให้เขาถูกอาวุธลับที่แหวกตัดอากาศเข้ามาทำร้ายจนทำให้ได้รับบาดเจ็บ





“อาวุธลับมีพิษ” อาวุธลับนี้มีพิษร้ายกาจรุนแรงประมุขหานกุมบาดแผลที่เจ็บปวดเกินทนแทบยืนทรงกายไม่ไหว





"ท่านพ่อ! " ทันใดเสียงบุรุษหนุ่มใบหน้าคมเข้มก็พุ่งกายทะยานมาหาบิดาตนด้วยความเป็นห่วง "คนพวกนี้เป็นใคร? "





"หานอี้ รีบหนีไป เจ้าสู้คนพวกนี้ไม่ได้หรอก อึกอึก”





“ท่านพ่อ”





“รับป้ายหยกนี้ไปแล้วรีบไปหาอาจารย์กับน้องของเจ้า "

มือของหานเจี้ยนหลินนอกจากจะส่งมอบป้ายหยกของผู้นำตระกูลให้กับหานอี้ยังมีอาวุธลับที่ลอบทำร้ายเขาซึ่งเป็นหลักฐานอยู่ในนั้นด้วยหานอี้จึงรับเอามาแบบไม่เต็มใจนัก เพราะการรับป้ายหยกนี้เท่ากับว่าต่อไปนี้หมู่ตึกหมื่นปราชญ์จะไม่มีประมุขที่ชื่อหานเจี้ยนหลินอีกต่อไป

"ท่านพ่อ ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น" หานอี้เหลือบไปเห็นร่างของมารดาที่นอนอยู่ก็พุ่งกายเข้าไปหาในทันที

"ท่านแม่...ท่านฟื้นสิท่านแม่! " หานอี้ เข้าไปประคองร่างมารดาของตนที่ไร้ซึ่งดวงจิตพลังเซียนที่คุ้มครองกายเริ่มสูญสลาย ทำให้ร่างของฮูหยินหานค่อยๆ สลายหายไปอย่างช้าๆ “ท่านแม่!”





"เจ้ายังจะชักช้าอยู่อีกรีบไปเร็วเข้า ข้าจะต้านพวกมันไว้เอง"





สถานการณ์ในหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ย่ำแย่อย่างหนักลมพัดเปลวเพลิงให้โหมกระหน่ำไม่หยุดหย่อน เพลิงที่ลุกเผาผลาญโชติช่วงอยู่ทำให้ท้องฟ้าในยามค่ำสว่างจ้าสีแดงฉานไปทั่วบริเวณ หมู่บ้านในแดนมนุษย์เบื้องล่างที่ติดกับแดนเซียนต่างตกตะลึง เมื่อมองไปบนยอดเขาที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลหาน ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาอาจเกิดอาเพศขึ้นได้ เพราะแดนเซียนด้านนี้เป็นตึกหมื่นปราชญ์ดูแลอยู่ ถ้าด่านแรกของแดนเซียนนี้ถูกทำลาย อาจจะนำพาหายนะมาสู่โลกมนุษย์ได้





"ท่านพี่ รีบไปเร็วเข้า"





"หลิงเอ๋อ"

เสียงคมอาวุธปะทะกันดังเช้ง! จนมีประกายไฟวับแว่บ ดึงสติให้หานอี้กลับคืนมา เมื่อหานอี้หันไปก็พบกับเซียวหลิงเอ๋อ ภรรยาของเขากำลังต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าจำนวนหนึ่งอยู่ หานอี้ไม่มีเวลาคิดมาก เขาจำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของบิดา มันเป็นฝีมือของใครกันแน่ที่กล้าเข้ามาสังหารคนในบ้านของเขาอย่างเปิดเผยและโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ แม้จะมีคำถามนี้อยู่ในใจ ถึงร้องตะโกนถามออกไปก็ไร้ประโยชน์

"ทางนี้ ท่านพี่"

เซียวหลิงเอ๋อไม่รีรอรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ควรจะรักษาชีวิตสามีนางเป็นอันดับแรกไม่มีเวลาให้เตรียมตัวอะไรมากนัก จึงได้แต่ชักนำคว้าจับข้อมือหานอี้สามีของตนให้รีบหนีออกจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด เมื่อหานอี้และหลิงเอ๋อ หนีมาได้สักระยะ หานอี้จึงขอให้นางหยุดเพราะยังเป็นห่วงบิดาอยู่

"หลิงเอ๋อ เจ้ารีบหนีไปก่อนเถอะ พี่จะกลับไปช่วยท่านพ่อก่อน"

"ไม่ได้เด็ดขาด ท่านลืมคำสั่งของพ่อท่านแล้วรึว่าให้ท่านทำสิ่งใด ท่านพี่รีบหนีไปเถอะ ข้าจะกลับไปช่วยท่านพ่อเอง"





ทั้งสองหนีมาได้ถึงป่าใหญ่ด้านหลังคฤหาสน์บ้านหานไม่ไกลนัก เซียวหลิงเอ๋อเป็นภรรยาที่แต่งเข้าบ้านหานมาได้ไม่นานแต่นางก็รักหานอี้สุดหัวใจนางตัดสินใจดังนั้นก็ผลุนผลันออกไปแต่ยังไม่ทันจะก้าวเท้าออกไปถึงสิบก้าวร่างของนักฆ่าปิดหน้าสีดำกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น





"ใครส่งพวกเจ้ามา" หานอี้ตะเบ็งเสียงถาม

"เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ พวกเจ้าทั้งสองจงรู้เพียงอย่างเดียวเถิดว่าเวลานี้เป็นเวลาตายของพวกเจ้าทั้งสอง หึหึ.."

เซียวหลิงเอ๋อ เห็นดังนั้นก็หันไปมองหน้าหานอี้ผู้เป็นสามีแล้วค่อยสืบเท้าก้าวถอยหลังไปประชิดร่างสามีอย่างช้าๆ

"คนที่สั่งพวกเจ้า คือเจ้าของเข็มพิษเล่มนี้ใช่ไหม? เป็นคนส่งพวกเจ้ามา" หานอี้ รู้ว่าผู้ใช้เข็มพิษเล่มนี้เป็นใครและอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ก็ได้ จึงได้หยิบเข็มพิษอาวุธลับที่ทำร้ายบิดาของตนที่ให้ไว้เป็นหลักฐานออกมา

"หึหึหึ รู้ตอนนี้ มันก็คงช่วยอะไรเจ้าทั้งสองไม่ได้หรอก จงเอาคอเจ้ามารับคมดาบของข้าเสียเถอะ หานอี้"





สิ้นประโยคของกลุ่มนักฆ่าปิดหน้าการปะทะกันของสองฝ่ายก็เกิดขึ้นอีกรอบสองสามีภรรยา ผลัดกันรุกรับถอยหนี แต่ก็ไม่สามารถสลัดให้นักฆ่ากลุ่มนี้หลุดไปได้ ทำเพียงแต่สู้ไปหนีไป





เมื่อหานอี้ไม่ได้ทันระวังตัวนักฆ่าที่ซ่อนตัวในเงามืดกระโดดทะยานขึ้นไปกลางอากาศข้ามเหนือศีรษะของหานอี้และภรรยา ระหว่างที่ร่างของนักฆ่ากำลังลอยข้ามก็พลันปรากฏแสงแวววับของปลายเข็มปะทะกับแสงจันทร์วูบหนึ่งก่อนมีเสียงของชิ้นเล็ก พุ่งผ่านตัดอากาศตรงมาที่หานอี้กับเซียวหลิงเอ๋อ ทั้งสองไม่สามารถปัดป้องอาวุธชนิดนี้ได้ทัน เพราะคนใช้มีพลังฝีมืออันเยี่ยมยอดเชี่ยวชาญเรื่องการใช้อาวุธลับชนิดนี้ความรู้สึกเจ็บแปลบแผ่ซ่านเข้าไปในร่างของหานอี้และภรรยา ทั้งสองชะงักไปครู่หนึ่งทั่วร่างเย็นชาวูบวาบเหมือนว่าโดนแช่แข็ง บางทีก็พลันปวดหนึบลึกร้าวสู่อวัยวะภายใน เหมือนโดนทิ่มแทงอย่างรุนแรงจากคมดาบไปทั่วร่างจนรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ บอกได้ถึงความร้ายกาจของพิษที่อาบอยู่ในอาวุธลับ





"พิษดับตะวันมันเป็นเช่นนี้เอง อึก..อึก บอกข้าได้ไหม? เหตุใดเจ้าจึงทำแบบนี้ แค้นข้านักเจ้าก็ควรจะมาลงที่ข้าเพียงคนเดียว ครอบครัวข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย"

หานอี้เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ผู้ใช้อาวุธลับผู้นี้กลับยืนหันหลังให้นิ่งเฉยเย็นชามิได้เอ่ยกล่าววาจาใด พอมองให้ชัดหานอี้ก็รู้ว่าผู้ที่ใช้เข็มพิษดับตะวันนั้นเป็นคนละคนกัน ภายในใจเขากลับดีใจอย่างประหลาด แต่อย่างไรเสียเข็มพิษดับตะวันนี้ ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเขาคนนั้นอย่างแน่นอน

หัวหน้านักฆ่าเหมือนรู้ว่าหานอี้กับเซียวหลิงเอ๋อไม่มีทางรอดแล้ว เขาจึงสั่งให้นักฆ่าล่าถอยไป ก่อนตัวเขาเองจะทะยานกายหายลับไปในเงามืด

"อึก..ท่านพี่ ท่านรู้ใช่ไหมว่าคนพวกนี้เป็นใคร? "





หลิงเอ๋อมองหน้าถามหานอี้อย่างสงสัยแต่พิษจากอาวุธลับที่ส่งผ่านความเจ็บปวดเข้ามาในร่างทำให้นางรู้ว่าคงไม่สามารถยืนหยัดอยู่บนโลกนี้ได้นานนัก นางจึงสกัดชีพจรตัวเองและคิดจะยับยั้งพิษร้ายจากเข็มเล่มนี้ให้กับหานอี้สามีของตน

"ท่านพี่ อึก ข้าขอดูแขนของท่านหน่อยได้ไหม"

หลิงเอ๋อไม่รีรอจับแขนหานอี้ขึ้นมาดูบาดแผลเมื่อเห็นบาดแผลนางจึงตัดสินใจ สกัดจุดไม่ให้หานอี้เคลื่อนไหว พร้อมกับกดสกัดพิษไม่ให้แพร่กระจายแล้วถอนเข็มพิษออกจากตัวหานอี้พร้อมประกบริมฝีปากของตนไปที่บาดแผลดูดเลือดพิษสีดำดุจน้ำหมึก ให้กับหานอี้

"หลิงเอ๋อ!! นี่เจ้า"

หานอี้เองคิดจะห้ามมิให้หลิงเอ๋อกระทำเช่นนี้ นางขยับมืออีกข้างหนึ่งปิดปาก ไม่ให้หานอี้พูดสิ่งใดอีก ก่อนที่จะประกบปากของตนไปที่บาดแผลอีกครั้งเพื่อดูดพิษก่อนบ้วนออกมา ครั้งนี้เหมือนว่าบาดแผลจากดำสนิทกลายเป็นสีแดงน่าจะพอยับยั้งพิษในร่างของหานอี้ไปได้ช่วงนึง ถ้าหากหานอี้พบกับอาจารย์ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็คงจะปลอดภัยทำให้นางรู้สึกเบาใจลงได้

"ข้ารู้ว่าท่านพี่จะพูดอะไร ข้าอยากจะบอกท่านแม้ว่าท่านจะเป็นเช่นไร ข้าก็ยังรักท่านเสมอ อึก อึก..ต่อไปนี้ ข้าคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าท่านอีกแล้ว ข้าขอมองหน้าท่านชัดๆ อีกสักครั้งจะได้ไหม"





นางฟุบร่างของตนบนอกของสามี พลางทอดสายตาขึ้นมองใบหน้าของหานอี้ใบหน้าของเซียวหลิงเอ๋อดูเปื้อนยิ้มระคนปนเศร้าเป็นที่น่าเวทนา เมื่อครั้งแรกหานอี้เคยทักท้วงห้ามไม่ให้ เซียวหลิงเอ๋อแต่งเข้ามาบ้านหาน แต่นางก็ยังคงดึงดันจะแต่งเข้ามาบ้านหานอย่างเต็มใจ เซียวหลิงเอ๋อเองนางนั้นไม่เคยนึกเสียใจเลยสักนิดเพียงแค่อยู่ใกล้ชิดหานอี้ผู้นี้ แค่นี้ก็คุ้มค่าและมีความสุขเพียงพอแล้วสำหรับนาง แต่เวลาของนางมันช่างแสนสั้นนักเวลาช่างโหดร้ายเหลือเกินก่อนนางจะหลับตาลง น้ำตานางไหลรินออกมาก่อนหยดลงบนอกของสามี พร้อมกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาของเซียวหลิงเอ๋อ ร่างของหลิงเอ๋อค่อยๆ ลอยสลายไปในกลางอากาศ กลิ่นหอมอ่อนๆ ตลบอบอวลชวนให้เศร้ารันทดยิ่งนัก





"หลิงเอ๋อ! หลิงเอ๋อ! "

โศกนาฏกรรมในคืนนี้ ทำให้หานอี้ผู้เป็นสามีรู้สึกผิดยิ่งนักเพราะตั้งแต่แต่งเซียวหลิงเอ๋อมาเป็นฮูหยินบ้านหาน เขาเองก็แทบจะไม่เคยทำหน้าที่สามีที่ดี ให้กับนางเลย





"เฉิงหลิงเซียว เป็นเจ้าใช่ไหมเจ้าสั่งคนมาฆ่าล้างคนในบ้านข้า ทำให้ข้าต้องบ้านแตกเป็นเจ้าใช่ไหมที่ทำ เฉิงหลิงเซียว!!! ....เจ้าแค้นข้านักก็มาลงที่ข้าซิ!! อึก..อึก"

สุดเสียงตะเบ็งหานอี้ ก็กระอักเลือดช้ำออกมาคำใหญ่ ในใจของหานอี้ปานจะแตกสลาย ระคนปนความแค้นและแสนจะรัก เขาไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตระกูลหาน หมู่ตึกหมื่นปราชญ์ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ตระกูลหานอยู่เฝ้าด่านใกล้เขตแดนมนุษย์มีความสงบสุขมาหลายพันปี ไม่เคยมีโศกนาฏกรรม แต่คืนนี้กลับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ทำไมกัน หานอี้นอนหงายครุ่นคิด มองไปที่ดวงจันทร์ที่ทอแสงประกายท้าทายอยู่เบื้องบน ก่อนที่เขาจะหมดสติไป

"หลิงเซียว.... เจ้าทำแบบนี้ทำไม? "

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน2 ➧ ➧ ➧ Up [29-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 29-01-2019 18:30:24
2.เสี้ยวจันทรา เภทภัยหมู่ตึกหมื่นปราชญ์2


"อะไรกัน? คฤหาสน์ตระกูลหานเกิดอะไรขึ้น!?!"

      เฉิงหลิงเซียวเลิกคิ้วเรียวชันในใจสะท้านหวั่นไหวจึงเร่งฝีเท้าเดินสำรวจโดยรอบ สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันเรื่องอะไรกันทำไมหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ถึงได้เหลือแต่ซากเผาไหม้แบบนี้ เกิดอะไรกับบ้านหาน ผู้ที่ทำลายคฤหาสน์ตระกูลหานเพียงค่ำคืนเดียวน่าจะไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา เฉิงหลิงเซียวครุ่นคิด ภาพหานอี้ก็ปรากฏขึ้นหวั่นใจกลัวว่าหานอี้จะตกอยู่ในอันตราย หลิงเซียวหันหน้าหันหลังนึกห่วงหานอี้อยู่ในใจไม่รู้ว่าตัวเขาเอง ควรจะทำอะไรก่อนดี ในระหว่างที่เขาเดินสำรวจนั้น ก็เห็นเงามืดของกลุ่มคนเคลื่อนไหวลับๆอยู่เบื้องหลัง เฉิงหลิงเซียวรับรู้ได้จึงเกิดความสงสัย



"ใคร!!"


      เสียงของเขาทำให้เงาคนกลุ่มนั้นเคลื่อนไหวอย่างว่องไวอีกครั้ง เมื่อ เฉิงหลิงเซียวยิ่งเข้าใกล้ตรงสถานที่ ที่คิดว่ามีปัญหากลับพบว่า มีแต่ความว่างเปล่า ประสาทสัมผัสของเขาไม่ได้ผิดแน่นอน เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาสัมผัสได้คือความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนแน่นอน คนพวกนี้มากระทำการใดในเวลาเช่นนี้กัน เฉิงหลิงเซียวจึงตัดสินใจเดินไปอีกด้านหนึงของคฤหาสน์ ก็ปรากฏกลุ่มคนชุดดำกลุ่มหนึง กระทำการบางอย่างอยู่

"พวกเจ้าเป็นใคร?"

 

     กลุ่มคนชุดดำมีผ้าปิดหน้ามิได้ตอบคำถามของหลิงเซียวเลย เมื่อเฉิงหลิงเซียวปรากฏตัว คนกลุ่มนั้นก็พลัน ถลันทะยานกายแยกย้ายกันหายหนีไป อย่างว่องไว
"หยุด พวกเจ้าเป็นใคร"

 

     เฉิงหลิงเซียว ไม่รีรอให้เหตุการณ์ตรงหน้า ผ่านไปง่ายดายนัก สำหรับเขาเมื่อมันมีสิ่งที่ต้องขจัดความสงสัย เขาจะต้องไขความกระจ่างนี้ให้ได้ คนกลุ่มนี้น่าจะมี ความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลหาน อย่างแน่นอน นักรบดำกลุ่มนี้คือตัวปัญหาเบาะแสน่าจะอยู่กับคนกลุ่มนี้ สิ่งแรกคือเขาจะต้องสืบสาวเรื่องราวให้ได้ก่อน จึงคิดเข้าจับกุมคนชุดดำกลุ่มนี้ให้ได้ เพื่อเค้นหาความจริง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตระกูลหาน เฉิงหลิงเซียวทะยานกายเร่งรุดสุดฝีเท้าเพื่อตามล่ากลุ่มคนลึกลับต้องสงสัย

"พวกเจ้าเป็นใคร?"

 

     คำพูดนี้ ถูกพูดขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ กลุ่มคนชุดดำได้ยินก็ผลุนผลันเตรียมขยับ พร้อมกับจะหลบหนีครั้งนี้เฉิงหลิงเซียว โถมกายพุ่งทะยานตัวเองขึ้นไปบนอากาศ ดังพญาหงส์เหินบินสู่ท้องนภา ด้วยความสามารถและการฝึกปรือที่เหนือกว่า สามารถคุกคามการหลบหนีของอีกฝ่าย ทำให้สามารถสกัดการหลบหนี ของกลุ่มคนชุดดำได้ สองคน คนชุดทำทั้งสองไม่มีทางให้หนีอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องลงมือกับเฉิงหลิงเซียว ทั้งสองพยักหน้าส่งสัญญาณให้กัน แม้ไม่ได้พูดอะไร ก็รับรู้ได้ว่าคนกลุ่มนี้จะทำอะไร เพียงพริบตาก็พุ่งทะยานปราดเข้าโจมตีเฉิงหลิงเซียว อย่างว่องไว

 

 

     คมดาบขาวขวับ ในมือของกลุ่มคนชุดดำ ถูกตวัดเข้าใส่ต่อเนื่อง เฉิงหลิงเซียว หรี่ตามองท่วงท่าการโจมตีของอีกฝ่ายออกอย่างชัดเจน เขาก้าวเท้าถอยก่อนสองก้าวแล้วดีดปลายเท้า โอนอ่อนกายโยกย้ายร่าง ปานกิ่งไผ่ไหวเอน ยามต้องแรงลมหมุนตามกระแสการจู่โจมของคมดาบ คนชุดดำทั้งสอง เร่งรุดจู่โจมเพื่อหมายสังหาร แต่ผ่านไปสองสามกระบวนท่าแล้ว คนชุดดำทั้งสองมิสามารถทำอะไรเฉิงหลิงเซียวได้

 

      เฉิงหลิงเซียวสบโอกาส เห็นจังหวะโต้กลับ อ่านการโจมตีของอีกฝ่ายได้ว่า การจู่โจมในกระบวนท่าต่อไป ศัตรูจะโจมตีเขามาที่จุดไหน เฉิงหลิงเซียวก็เอนกายหงายหลัง ดีดปลายเท้าตีลังกา ทะยานปราดถอยกายออกห่างไป ครั้งนี้เขาไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายตั้งรับอีกแล้ว

 

 

     กระบี่หยกน้ำแข็งอาวุธคู่กายก็ปรากฎ ส่วนด้ามกระบี่ถูกดีดออกไปพลันพุ่งตรงเข้าใส่คนชุดดำ จนทั้งสองต้องปัดป้อง หลบหนีวิถีกระบี่ชะงักการจู่โจมลง เปลี่ยนผันเป็นตั้งรับ เฉิงหลิงเซียวเห็นทั้งสอง หยุดการโจมตีเปลี่ยนเป็นตั้งรับดังที่คาดการณ์ เขาจึงกดปลายเท้ากับพื้น พร้อมสาวก้าวเท้าอีกข้างโน้มกายไปด้านหน้า คว้าจับกำชับกระบี่ ทะยานกายพุ่งปลายกระบี่หยกน้ำแข็ง เข้าใส่คนชุดดำทั้งสองทันที

 

     การโจมตีครั้งนี้เพียงพริบตากระบวนท่าเดียว เหมือนมีกระบี่ นับร้อยเล่มพุ่งถาโถมเข้าใส่คนชุดดำทั้งสองจนตั้งรับไม่เป็นกระบวน จนหนึ่งในสองคนนั้นได้รับการบาดเจ็บจากคมกระบี่ คนชุดดำอีกคนเห็นทีว่าสู้ต่อไปคงต้านรับไม่ไหว จึงพุ่งทะยานหนีไป ปล่อยให้สหายที่บาดเจ็บของเขา รั้งสู้พัวพันเฉิงหลิงเซียวไว้แต่เพียงผู้เดียวไม่ถึงครึ่งกระบวน คนชุดดำก็พลาดท่าถูกคมกระบี่อีกเป็นครั้งที่สอง ในครั้งนี้มันสาหัสเกินกว่าที่เขาจะยืนหยัดสู้ต่อจึงได้แต่ยอมจำนน

"ใครส่งพวกเจ้ามา!! พูด!?! "  ปลายกระบี่ของเฉิงหลิงเซียวคุกคามจนอีกฝ่ายไม่กล้ายกตัวเคลื่อนไหว


     คนชุดดำผู้นี้ไม่ได้ตอบโต้ใดๆ คงยังจ้องมองหลิงเซียวด้วยสายตากล้าแข็งเหมือนยิ้มเยาะทางสายตา เฉิงหลิงเซียว ได้ใช้ปลายกระบี่ตวัดผ้าปิดหน้าสีดำของเขาออกเพื่อดูให้แน่ชัด ว่าคนที่มาคือใครกันแน่ เมื่อหลิงเซียวได้เห็นนั้นเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็เป็น เบาะแสเดียวที่เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านหานที่เขาเหลืออยู่  เขาจึงตัดสินใจคิดเค้นเอาความจริงจากคนผู้นี้ออกมาให้ได้

"บอกมา ใครส่งพวกเจ้ามา!!"

 

     ยังคงไม่มีเสียงตอบรับ คนชุดดำได้แต่ก้มหน้าแล้วทำอะไรบางอย่าง "อึก" สายไปแล้วที่หลิงเซียวจะแก้สถานการณ์ เพราะนักฆ่าคนนี้ได้กินยาพิษสลายวิญญานฆ่าตัวตาย ทำให้เบาะแสที่มีหายไป

 
"นี่ เจ้า!!!" ร่างของคนชุดดำผู้นี้กำลังสลายกลายเป็นเถ้าในไม่ช้า เมื่อเบาะแสขาดไปจึงต้องครุ่นคิดหาเบาะแสใหม่

     ครั้งนี้เฉิงหลิงเซียวค่อยๆ เดินสำรวจรอบๆ บริเวณคฤหาสน์ตึกหมื่นปราชญ์อีกครั้ง ไม่ผิดดังที่คาดการณ์เขาได้ยินเสียง ของคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังคุยกันอยู่ เฉิงหลิวเซียวสัมผัสได้ แต่ครั้งนี้เขาไม่กระทำการบุ่มบ่าม เหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว ดูเหมือนคนกลุ่มนี้พูดกันและเพิ่งจะเข้ามาในคฤหาสน์ได้ไม่นาน เฉิงหลิงเซียว จึงแอบลอบเข้าไป สังเกตการณ์อย่างเงียบๆ



"ท่านแม่ทัพ ดูนี่สิขอรับ"

"เจ้าพบอะไร!"

 

      เสียงของทหารสวรรค์กลุ่มหนึ่งเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ตระกูลหาน เมื่อเกิดเหตุการณ์อันไม่ปรกติขึ้นกับหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ ซึ่งเป็นแดนเซียนแดนที่เชื่อมต่อกับโลกมนุษย์ ในเวลาหลายพันปีมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรง และอาจจะมีผลกระทบกับแดนเซียนและสวรรค์อย่างแน่นอน แม่ทัพสวรรค์จางฉวน จึงนำองครักษ์สวรรค์มาที่นี่  เพราะได้รับรายงานจึงเร่งรุดมาในที่เกิดเหตุ เฉิงหลิงเซียวลอบดูอยู่อีกด้าน การทำงานของจางฉวนอย่างเงียบๆ และไม่คิดจะปรากฏตัวต่อหน้าจางฉวนจึงได้แต่ซุ่มดูอยู่เงียบๆ บางทีเขาอาจจะได้เบาะแส อะไรขึ้นมาบ้าง จากแม่ทัพผู้เถรตรงและถือดีผู้นี้

"นี่เป็นร่องรอยการต่อสู้ ขอรับ ท่านแม่ทัพ"


"เปลวอักษร ร่ายรำ เป็นวิชากระบี่ตระกูลหาน "
"ท่านแม่ทัพทางนี้ ขอรับ"


"อะไร?"


"นี่ขอรับ" ทหารองครักษ์เห็นสิ่งผิดสังเกต บริเวณเสาด้านหนึ่งของคฤหาสน์

"อย่าแตะต้องมัน" เสียงร้องทักท้วงห้ามปราม เมื่อจางฉวนเห็นทหารจะใช้มือจับของสิ่งนั้นด้วยมือเปล่า

"เข็มดับตะวัน!! อาวุธลับของวังตะวันตก ตำหนักจันทร์เสี้ยว"



     จางฉวนพูดขึ้น ทำให้ ทหารองครักษ์ ถอยกรูดออกมาไม่เป็น ขบวน เพราะทุกคนในนี้ ต่างรู้ถึงกิตติศัพท์ดีว่า อาวุธลับชนิดนี้ ร้ายกาจเพียงใด วังตะวันตกแม้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการปกครองของสวรรค์และแดนมนุษย์ หรือแดนปีศาจ แต่วังตะวันตกก็เป็นอิสระไร้กฎเกณฑ์ที่ทั้งสวรรค์และแดนมารไม่อาจจะก้าวก่ายล่วงเกิน วังตะวันตกจึงเป็นสถานที่ทรงอำนาจแห่งหนึ่งในแดนสวรรค์ ที่ทุกคนต่างไม่กล้าล่วงเกิน



[เข็มดับตะวัน มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?]

 

     นี่เป็นคำถามในใจของเฉิงหลิงเซียว เมื่อด้านหน้าของจางฉวน นั้นคือเข็มดับตะวันจริงๆ ซึ่งในทุกภพภูมินี้มีไม่กี่คนนักที่จะใช้อาวุธลับประเภทนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดเฉพาะทายาทวังตะวันตก หรือว่ามีคนคิดใส่ร้าย วังตะวันตก?



     ระหว่างที่ จางฉวน กำลังสำรวจอยู่นั้นเขาก็ได้ใช้ผ้าพันมืออย่างหนาหยิบเข็มดับตะวันออกมาจากเสา จางฉวนค่อยๆระวังเป็นอย่างดี เมื่อได้เข็มดับตะวันมา ซึ่งเป็นหลักฐานในคดีฆ่าล้างหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ ขณะนี้คนในตระกูลหานไม่เหลือใครรอดสักคน เขาจึงจำเป็นต้องเก็บหลักฐานชิ้นนี้เอาไว้อย่างดี ทันใดนั้นเอง ก็มีคนลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลังของเฉิงหลิงเซียว จนทำให้เฉิงหลิงเซียวสัมผัสได้คนกลุ่มนั้นก็พลันจู่โจมอาวุธลับเข้าใส่ จนทำให้หลิงเซียวต้องปัดป้องกัน

'เพล้ง!!!' เขาปัดป้องอาวุธลับออกไป จนเกิดเสียง ทำให้ จางฉวนและทหารองครักษ์หาที่มาของเสียงในทันที


 
"ใคร? อยู่ตรงนั้น"

 

     เสียงของจางฉวนตวาดขึ้น  เฉิงหลิงเซียวรู้ว่ ถึงแม้เขาจะหลบซ่อนตัวต่อไปก็คงไม่เป็นผล ถ้าโดนจับได้ อีกประการหนึ่ง เฉิงหลิงเซียวเองก็ไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว มันอาจจะนำพาวังตะวันตกพบกับเรื่องยุ่งยาก ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีนัก เฉิงหลิงเซียวไม่รั้งรอก่อนถอยกายรีบหนีหายไปในทันทีเพื่อไม่ให้องครักษ์ ของ จางฉวนเห็น เงาวับไหวของเฉิงหลิงเซียวนั้นไม่อาจรอดพ้นสายตาของจางฉวนได้

"ตามไป!!"

     เสียงของจางฉวน สั่งให้ องครักษ์สวรรค์ ติดตามไปในทันที เฉิงหลิงเซียวใช้ความรวดเร็วของตนในการหลบหนี อย่างว่องไว แต่ก็เหมือนว่า จะหนีไปไม่พ้น เพราะไปที่ใดๆ ก็เหมือนมีแต่ทหารองครักษ์ของจางฉวนอยู่เต็มไปหมด เขาจึงปิดหน้าด้วยผ้าสีขาว ป้องกันไม่ให้ใครจดจำใบหน้าได้ เพื่อจะได้ฝ่าวงล้อม ของทหารองครักษ์ออกไปจากที่แห่งนี้ แม้จะยากเย็นนักแต่เฉิงหลิงเซียวก็หลบหนีกลุ่มองครักษ์ ของจางฉวนไม่พ้นอยู่ดี



     การประจันหน้ากันระหว่าง เฉิงหลิงเซียว และ จางฉวน จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว เมื่อทหารองครักษ์มาล้อมไว้ ทำให้เขาไม่มีทางที่จะหนีรอดออกไปได้ในเวลานี้ นอกจากใช้ความสามารถฝ่าออกไปเพียงเท่านั้น

"เจ้าเป็นใคร? ทำไม?มาอยู่ในคฤหาสน์หมื่นปราชญ์"

     จางฉวน ถามตวาดสุ้มเสียงแข็งกร้าว เพื่อให้อีกฝ่ายตอบมา แต่เฉิงหลิงเซียวมิได้ตอบโต้ เพียงแต่ก้มหน้าไม่สบตา ไม่ปริปากคำพูดใดให้เล็ดลอดออกมา เมื่อเฉิงหลิงเซียวสบโอกาส จึงหมายหลีกหนีไปในทันที พอหลิงเซียวจะเหาะทะยานขึ้นไปกลางอากาศ ก็พบว่ามี รังสีอาคมของสายฟ้าจากตาข่ายผืนใหญ่

"ตาข่ายตรึงฟ้ารึ!!!"

     จางฉวนใช้ตาข่ายตรึงฟ้า หนึ่งในอาวุธวิเศษเป็นเวทสายฟ้า กางอาณาเขตไว้แต่ต้นแล้ว ทำให้หลิงเซียวจำเป็นต้องสู้รบกับทหารองครักษ์ของจางฉวน ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ องครักษ์สวรรค์กรูกันเข้ามาหาเฉิงหลิงเซียวไม่ขาดสาย ทั่วทุกทิศทางถูกปิดกั้นการหลบหนี ทหารองครักษ์ที่เข้ามาจู่โจมหมายจับกุมเขา แต่ก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของภูตจันทราอย่างเฉิงหลิงเซียวได้  หลิงเซียวรู้ดีหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงออกไปจากตาข่ายตรึงฟ้านี้ไม่ได้แน่ๆ ครานี้คงหนีไม่พ้น ที่เขาจะต้องประมือกับจางฉวน เป็นสิ่งที่เฉิงหลิงเซียวไม่อยากให้เกิด แต่ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน เขาอาจจะต้องใช้กระบี่หยกน้ำแข็งและเข็มดับตะวันเพื่อเปิดทางในการช่วยให้เขาหลบหนี

"หึ เจ้าหนีไม่รอดหรอก ยอมแพ้แล้วให้จับซะดีๆ เหตุใดเจ้าจึงอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลหาน ในเวลาเช่นนี้ เจ้ามีจุดประสงค์ใด" เสียงแข็งกร้าวของจางฉวนตะเบ็งถาม

"ถ้าข้าบอกว่า ข้าไม่ใช่คนร้าย อย่างที่ท่านคิดล่ะ "

"ถ้าไม่ใช่คนร้ายแล้วเหตุใดจึงปิดบังใบหน้า ยอมจำนนแล้วไปกับข้าเสียเถอะ"


"ท่านคิดว่าจะจับข้าได้อย่างนั้นรึ?" เฉิงหลิงเซียวเลิกคิ้วชันพลันกล่าวขึ้นด้วยถ้อยคำเนิบนาบเยือกเย็น จางฉวนกระตุกคิ้วเค้มหนาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น

"ถ้าเจ้าสามารถหนีจากตาข่ายตรึงฟ้า..... มีความสามารถอันใด ก็แสดงออกมาเถอะ" จางฉวนพูดท้าทาย

 
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน2 ➧ ➧ ➧ Up [29-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-01-2019 19:36:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน2 ➧ ➧ ➧ Up [29-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 30-01-2019 00:49:41
 :hao3:  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน3 ➧ ➧ ➧ Up [30-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 30-01-2019 08:10:50
3.เสี้ยวจันทรา ภูติจันทราปะทะจางฉวน



     เมื่อเฉิงหลิงเซียวเผชิญหน้ากับทหารองครักษ์และจางฉวน ย่อมรู้ดีว่ามันไม่ง่ายนักที่เขาจะฝ่าวงล้อมหนีออกไป เขาเองคงต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ เฉกเช่นเดียวกันทางฝ่าย จางฉวนเอง ก็คงไม่ยอมให้นักโทษของเขาหนีการจับกุมไปได้โดยง่าย ตอนนี้ทหารองครักษ์รู้ดีว่า พวกเขานั้นไม่ใช่คู่มือของบุรุษลึกลับชุดขาวผู้นี้ ขืนดึงดันสู้ไปอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยเปล่าประโยชน์ พวกเขาดูสถานการณ์แล้ว จึงทำตามคำสั่งของจางฉวน ที่วางแผนบอกไว้นั่นคือ เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ให้คุมเชิงเพราะมีตาข่ายตรึงฟ้า ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษในแดนเซียน ต่อให้เป็นเทพชั้นสูงก็ใช่ว่าจะหนีออกไปได้โดยง่าย



     สภาพแวดล้อมบริเวณป่าไม้ ซึ่งห่างจากหมู่ตึกหมื่นปราชญ์ไม่ไกลนัก แสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่เล็ดลอดต้นไม้ใหญ่ลงมาสู่ต้นหญ้าเบื้องล่างมองเห็นยอดอ่อนของต้นหญ้าพริ้วไหวเอนตามกระแสแรงย่ำของฝีเท้าผู้คนที่เดินวนคุมเชิงรายรอบตัวเฉิงหลิงเซียวบริเวณนั้นด้านหลังซึ่งไม่ได้ห่างไปไกลนักตรงป่าทึบยังคงมีกองกำลังดักซุ่มรอการจู่โจม เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพื่อเพิ่มความรัดกุมป้องกันการหลบหนีของอีกฝ่ายซึ่งทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้วเป็นอย่างดี เพราะจางฉวนคือแม่ทัพคุมทหารองครักษ์แดนเซียนผู้มากประสบการณ์เมื่อเขากระทำสิ่งใดแล้ว ย่อมได้รับผลสำเร็จเสมอ



     ทางด้านเฉิงหลิงเซียวเองก็นึกหวั่นใจอยู่ไม่น้อย หากแม้นยอมจำนนโดนจับกุมโดยง่าย นั่นคือความเดือดร้อนหายนะ จะเข้าสู่วังตะวันตก แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้ไปอยู่ในตำหนักจันทร์เสี้ยวก็ตาม ครั้งนี้ อย่างไรเสียเฉิงหลิงเซียวคงไม่ยอมให้ตนเองถูกจับกุมได้แน่ แต่การที่เขาจะหลบหนีออกจากตาข่ายตรึงฟ้าได้ ก็จำเป็นต้องอาศัยเข็มดับตะวัน และกระบี่หยกน้ำแข็งเพราะอาวุธทั้งสองล้วนมีอานุภาพสูง ซึ่งถ้าเขาใช้อาวุธทั้งสอง ก็เท่ากับว่าได้เปิดเผยฐานะของตนเอง มันไม่เป็นผลดีกับตัวหลิงเซียวและวังตะวันตก แต่ครั้งนี้ สิ่งที่ชวนให้นึกเกรงอยู่ในใจ ก็คือเขาต้องประมือกับจางฉวน ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่ทัพสวรรค์ฝีมือดีในแดนเซียนถ้าเขาไม่ใช้อาวุธคู่กายก็คงสู้กับจางฉวนได้ลำบากยิ่งนัก



     สายตาของทั้งคู่ยังคงจับจ้องมองกันไม่กะพริบเฉิงหลิงเซียวเองไม่อาจดูแคลนในฝืมือของจางฉวนส่วนจางฉวนนั้นเขาก็ย่อมรู้ดีว่าบุคคลเบื้องหน้าผู้นี้ ย่อมไม่ใช่คนชนชั้นธรรมดาเขาไม่อาจจะประมาทได้เช่นกัน พลังเวทอาคมที่คุ้มกันกายของผู้ที่อยู่เบื้องหน้าย่อมบ่งบอกให้เขารับรู้ได้ว่า ครั้งนี้ จางฉวนเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเขาจะจับกุมคนผู้นี้ได้หรือไม่


     ครานี้ร่างของทั้งสองทะยานขึ้นบนอากาศจู่โจมเข้าหากันอย่างว่องไว สายตาคนธรรมดาทั่วไป ไม่อาจ กวาดสายตามองได้เท่าทันกับความเคลื่อนไหว พริบตาเดียวเฉิงหลิงเซียวและจางฉวนสู้กันไม่ต่ำกว่า สิบกระบวนร่างของเขาทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นวูบวาบวุบวับฉับไว เสียงกรงเล็บของจางฉวนกรีดอากาศครืน ครืน อื้ออึง



     ชายเสื้อสีขาวของเฉิงหลิงเซียวพัดวูบวาบไหวตามสายลมชวนให้ผู้มอง ติดตามหลงไหลในท่วงท่าที่สวยงามระคนปะปนกับจิตใจที่ระส่ำระสาย แม้ว่ากรงเล็บวชิระของจางฉวนจะกรีดแหวกอากาศออกไปหลายกระบวนท่า ก็ได้แต่สร้างความหวาดเสียวเพียงแค่นั้นด้านเฉิงหลิงเซียวเอง ก็โอนเอนพริ้วไหวหลบหลีกกรงเล็บ ที่สามารถหยิบยื่นความสาหัสให้กับร่างกายเขาได้ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ก็นึกหวาดเสียวชวนให้ วาบหวามหัวใจเช่นกัน การตั้งรับของเฉิงหลิงเซียวนี้ดูเหมือนว่าเสียเปรียบ แต่ก็ใช่ว่าจะสวนโต้กลับสู้จางฉวนไม่ได้เสียทีเดียว



      กรงเล็บวชิระรุกไล่ตะปบต่อเนื่องการโจมตีของจางฉวนนี้ ทว่าเฉิงหลิงเซียวหลบไม่พ้น แม้กระบวนท่าเดียว อาจจะหมายถึงจุดจบได้เช่นกัน เพราะมันรุกรวดเร็วว่องไวเน้นโจมตีจุดสำคัญ สร้างความกดดัน ทำให้เฉิงหลิงเซียวแทบไม่กล้าละสายตาจากกรงเล็บที่โฉบเฉี่ยวเข้ามา หรือจะโต้ตอบทำอะไรจางฉวนได้มากนัก กรงเล็บทั้งว่องไวและกล้าแข็ง บ่งบอกได้ว่าจางฉวนฝึกปรือมันมาอย่างเชี่ยวชาญ การรุกคืบของจางฉวนทำให้เฉิงหลิงเซียวแทบจะจนมุม หมดหนทางหลบหลีกตอบโต้นอกจากตั้งรับกระบวนท่าจู่โจมเพียงอย่างเดียว ก็ได้แต่พลันครุ่นคิดตรึกตรองขืนปล่อยให้เวลาเป็นไปเนิ่นนานแบบนี้ เขาเองคงถูกจางฉวนจับไปสำเร็จโทษโยนลงสู่หลุมกลืนฟ้าเทียนคังอย่างแน่นอน


"หึ เจ้าทำได้เพียงแค่หลบหลีกเช่นนั้นรึไม่เห็นเจ้าลงมือตอบโต้ข้าเลยหรือว่าเจ้าไม่กล้าที่จะเปิดเผยฝีมือที่แท้จริงของตนเอง"



     จางฉวนชันคิ้วข้างหนึ่งกระตุกมุมปากยิ้มเยาะในความได้เปรียบที่เห็นอีกฝ่ายโดนต้อนจนเกือบจะจนมุมแต่จางฉวนเองก็ไม่อาจจะประมาทได้ เพราะคนที่สามารถหลบการโจมตีของเขาได้ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ต้องอยู่ใทำเนียบของเซียนชั้นสูงหรือไม่ก็เป็นระดับแม่ทัพแดนปีศาจขึ้นไป คงมิใช่ชนชั้นไร้นาม ด้านเฉิงหลิงเซียวได้แต่ปัดป้องการโจมตี กรงเล็บวชิระของจางฉวนที่กดดันคุกคามอานุภาพร้ายกาจ เพียงตัดแหวกอากาศผ่านไป ก็สามารถตัดโค่นทำลายต้นไม้ใหญ่ได้อย่างสบาย เสียงระเบิดตูมตาม ครืนคราน อื้ออึงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ  เห็นวิชากรงเล็บวชิระของจางฉวนที่เปล่งอานุภาพออกมานี้ เฉิงหลิงเซียวจึงอยากรู้ว่าใช่อานุภาพสูงสุดแล้วหรือยังจึงคิดหยั่งเชิงว่าจางฉวนสำเร็จวิชากรงเล็บวชิระถึงขั้นไหนแล้ว
จึงเอ่ยคำหมิ่นหยันยั่วโทสะของอีกฝ่ายเป็นนัย เฉิงหลิงเซียวเห็นช่องโต้กลับไปบ้างเมื่อสบโอกาส เขาทั้งสองยืนประจันหน้า
เพื่อหาโอกาสประมือกันอีกครั้ง เฉิงหลิงเซียวหรี่ตาเลิกคิ้วเรียวชันพร้อมหันไปประจันหน้ากับจางฉวนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุจสายลมพัดเฉื่อยเย็นชา





"ดูท่ากรงเล็บวชิระของท่านแม่ทัพ คงจะเปล่งอานุภาพได้เพียงเท่านี้สินะ ถ้าท่านแม่ทัพฝึกสำเร็จละก็ ข้า...ว่าท่านนั้นคงจะจับข้าได้ตั้งนานแล้ว ตัวข้าคงไม่ได้พูดผิดไปใช่ไหม?ท่านแม่ทัพ ท่านถึงทำได้เพียงแค่กดดันการจู่โจมของข้าเพียงเท่านั้นแต่ไม่สามารถทำอะไรข้าได้.หึหึ"





     จางฉวนรู้สึกได้ว่ากำลังโดนหมิ่นเกียรติ แต่ก็เป็นจริงตามที่เฉิงหลิงเซียวเอ่ย จางฉวนนั้นสำเร็จกรงเล็บวชิระเพียงแค่ขั้นที่7 ยังไม่ถึงขั้น9ขั้นกลืนฟ้าสยบมาร จึงทำให้อานุภาพของกรงเล็บวชิระ ทำได้เพียงเท่านี้สายตาของจางฉวนเหลือบมองจ้องกลับบุรุษชุดขาวตรงหน้า ด้วยสายตาแข็งกล้าก่อนจะกล่าวขึ้นว่า



"แม้ข้าจะสำเร็จเพียงแค่ขั้น7 มันก็เพียงพอแล้วที่จะใช้กำราบคนเช่นเจ้ารับมือ!!"



     จางฉวนโดนหมิ่นศักดิ์ศรีเช่นนี้เขาไม่รีรออีกต่อไปแล้วจึงจำเป็นต้องตัดสินขั้นเด็ดขาด จึงได้เร่งความเร็วของการโจมตีเพิ่มขึ้นอีกร่างของทั้งสอง ทะยานขึ้นสู่กลางอากาศอีกครั้ง เสียงประมือในรอบนี้ ดูท่าว่ามันจะจบลงในไม่ช้า คงรู้ผลแพ้ชนะเร็วๆนี้





     เฉิงหลิงเซียวเองก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดัน ดังถูกคนนับสิบบีบรัดรอบทิศทาง นึกหวั่นหวาดอยู่ในใจ การเพิ่มความเร็วของกรงเล็บวชิระ นับว่าน่ากลัวนัก ไม่นานนักกรงเล็บกระบวนท่าต่อไปหมุนวนกลับมาอีกคราทั้งรุนแรงรวดเร็วกว่าก่อน เฉิงหลิงเซียวพลิกกายหลบลี้หนีได้หลายกระบวนอย่างเฉียดฉิว จางฉวนไม่รีรอ รีบทะยานกายตามติด ตวัด กรีดกรงเล็บตัดอากาศกระบวนท่าต่อไปในทันที





     เฉิงหลิงเซียว พลาดท่าโดนกรงเล็บวชิระตะปบเข้าที่ไหล่ซ้ายจางฉวนกระหยิ่มได้ใจยังโจมตีต่อเนื่องจากไหล่ซ้ายตามตะปบโฉบไปที่ใบหน้า เป็นกระบวนท่าต่อเนื่อง เฉียดฉิวใบหน้าที่งดงามไปเพียงนิดเดียว ชวนให้น่าหวาดเสียวใจ พลันกรงเล็บก็เกี่ยวผ้าปิดหน้าผืนขาวติดมือจางฉวนไป แม้นว่าถ้าหลิงเซียวหลบไม่ได้ คงอาจจะสูญเสียใบหน้าที่งดงามนี้ไปเป็นแน่



     เฉิงหลิงเซียวถูกคุกคามกดดัน พลันเห็นช่องสบโอกาส จึงคิดฟาดโจมตีจางฉวน พลิกมือเคลื่อนไหวซัดฟาดฝ่ามือไป ใส่ไหล่ซ้ายของจางฉวนเต็มกำลัง ทำให้ทั้งสองต่างกระเด็นออกมาจากแรงประทะ บาดเจ็บทั้งคู่  พลันโฉมหน้าที่งดงามของอ๋องรองแห่งวังตะวันตก ปรากฏต่อสายตาจางฉวนและเหล่าองครักษ์สวรรค์ เฉิงหลิงเซียวมิสามารถปิดบังฐานะได้อีกต่อไป จางฉวนจ้องเขม็งปานจะกลืนกินเลือดเนื้อก่อนที่จางฉวนเลิกคิ้วชันที่หางตาข้างหนึ่งพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนพูด



"หม่อมชั้น นึกว่าเทพมารแห่งใดกันที่แท้ก็เป็นท่านอ๋องแห่งตำหนักจันทร์เสี้ยวนี่เองเหตุใดท่านอ๋องจึงต้องปิดบังโฉมหน้าอันงดงามด้วยเล่า หึหึ เอ๋!!หรือว่าอ๋องเฉิงแห่งวังตะวันตกจะกระทำความผิดอันใดไว้หรือเปล่า? ถึงได้ปิดบังอำพรางใบหน้าที่งดงามเช่นนี้" จางฉวนพูดเนิบนาบนุ่มนวลปนจิกกัด



"ถ้าข้าบอกท่านว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างบ้านหานเลยท่านแม่ทัพจะเชื่อข้าไหมล่ะ "


"หม่อมชั้นจะเชื่อตามพยานหลักฐานเท่านั้น ท่านอ๋องเองก็น่าจะรู้นะพ่ะย่ะค่ะ"


"ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านก็จะต้องจับข้าให้ได้อย่างนั้นสินะ"เสียงของเฉิงหลิงเซียวกล่าวขึ้นด้วยคำพูดนุ่มเย็นสุขุม


"ใช่ พะยะค่ะ หม่อมชั้นต้องทำตามหน้าที่โปรดเข้าพระทัยด้วยเชิญพระองค์เสด็จตามหม่อมชั้นกลับไปด้วยนะ พะยะค่ะ"
จางฉวนแสร้งประสานมือน้อมกาย


"บังอาจ!! วังตะวันตกไม่เคยบาดหมางอะไรกับเผ่ากิเลนของเจ้า ข้าบอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยวกับข้า ต้องมีผู้ใดคิดใส่ร้ายวังตะวันตก" หลิงเซียวตะเบ็งเสียงแข็งกร้าวตวาดใส่จางฉวน



"หม่อมชั้นรู้ดีว่าเผ่ากิเลนของหม่อมชั้นกับวังตะวันตกของพระองค์ ไม่มีอะไรบาดหมางกัน แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความหายนะที่กำลังจะเกิดและหลักฐานมันเกี่ยวพันถึงวังตะวันตก หม่อมชั้นจะนิ่งดูดายไม่ได้ ต้องทำตามหน้าที่ที่หม่อมชั้นได้รับมอบหมายมา ขออ๋องเฉิงโปรดเข้าพระทัยเสด็จตามหม่อมชั้นกลับไปกราบทูลฝ่าบาท พร้อมกับหม่อมชั้นจะดีกว่า" สายตาคมกริบของจางฉวนจ้องเขม็งท้าทายโดยไม่เกรงกลัว



      เขาทั้งสองตอบโต้กันไปมาหลิงเซียวไม่มีทีท่าว่าจะยอมจำนนแต่โดยดี แต่จางฉวนก็ไม่ยอมลดลายอมล่าถอยกลับไปมือเปล่า ยังไงเสียวันนี้จางฉวนก็ต้องจับกุมหลิงเซียวให้ได้



"แล้วถ้าข้าไม่ยอมให้เจ้าจับล่ะ?"



"หึ ก็ต้องดูว่า ภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวนั้นมีดีแค่ชื่อหรือว่าพอจะมีฝืมืออยู่บ้าง? ท่านอ๋องอย่าลืมนะว่าถ้าท่านอ๋องไม่ยอมเสด็จตามหม่อมชั้นกลับไปแล้วเรื่องนี้ถูกกราบทูลต่อฝ่าบาทแล้วนั้นคงจะเดือดร้อนไปทั่วทั้งวังตะวันตกและแดนมายา หึหึหึ" จางฉวนยิ้มเยาะ


"จางฉวน! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คง จะไม่มีโอกาสได้กลับไปทูลฝ่าบาทแล้วล่ะ"หลิงเซียวขบกรามแน่นก่อนแค่นเสียงตอบกลับไป



หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน3 ➧ ➧ ➧ Up [30-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-01-2019 23:15:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน4 ➧ ➧ ➧ Up [31-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 31-01-2019 08:47:03
4.เสี้ยวจันทรา ตัดสินแพ้ชนะ

     ทันใดไหล่ซ้ายของเฉิงหลิงเซียว ปวดแปลบจากของกรงเล็บวชิระ ทำให้เลือดไหลซึมผ่านผ้าคลุมกายสีขาว ไหล่ของภูตจันทราลู่ลงไป มือเรียวบางยึดกุมบาดแผล เลือดยังคงไหลซึมไม่หยุดจางฉวนเห็นแล้ว ว่า บาดแผลนี้ทำให้ เฉิงหลิงเซียวบาดเจ็บไปไม่น้อย ส่วนตัวเขาเอง ก็โดนพลังฝ่ามือหมอกมายาของเฉิงหลิงเซียวกระแทกใส่ ผลที่ได้รับก็เจ็บไม่ต่างจากภูตจันทรามากนัก การโดนฝ่ามือฟาดใส่ในครั้งนี้ทำให้เขาใช้ วิชากรงเล็บวชิระได้ไม่สะดวก



     เฉิงหลิงเซียวรู้สึกหงุดหงิดใจเมื่อสิ่งที่เขาคิดไว้ มันไม่ได้เป็นไปดั่งที่ใจคิด ซ้ำยังนำพาเรื่องร้ายแรงเข้าสู่วังตะวันตกทำให้กลายเป็นเป้าหมายโจมตีของผู้ไม่หวังดี ครานี้วังตะวันตก เห็นทีน่าเป็นห่วงคนรักก็ยังถูกฆ่าล้างตระกูล เฉินหลิงเซียว ครุ่นคิดพลางก่อเกิดเพลิงแค้นขึ้นในใจ

[มันผู้ใด เป็นคนคิดแผนร้ายนี้ขึ้นมา ข้าจะตามฆ่าล้างตระกูลมัน]

     ผู้อยู่เบื้องหลังคิดให้ร้ายตัวเขาและวังตะวันตกโดยใช้ คฤหาสน์หมื่นปราชญ์ เป็นเหยื่อ หากตัวเขาเองมิใช่ อ๋องแห่งวังตะวันตกด้วยฐานะหนึ่งในผู้นำตระกูล ที่ค้ำคออยู่ ตระกูลหานอาจจะไม่ต้องมาพบกับเหตุการณ์แบบนี้ คงไม่ถูกฆ่าล้างบ้านเขาคงเป็นผู้นำพาหายนะและเภทภัยหยิบยื่นให้ผู้ใกล้ชิด เฉิงหลิงเซียวพลันครุ่นคิดก็ยิ่งสุมเพลิงแค้นแน่นในใจ

[หานอี้ ข้าขอโทษ]

      สายตาของ เฉิงหลิงเซียวจ้องเขม็ง ไปที่ใบหน้าของจางฉวน เพียงไม่ถึงอึดใจภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวรวบนิ้วเรียวยาวเป็นระเบียบกำชับกระบี่หยกน้ำแข็งในมือ เพื่อเร่งรีบสะสางเรื่องในตอนนี้ ยกกระบี่ขึ้นด้วยท่วงท่าเชื่องช้านุ่มนวลชี้ปลายกระบี่ไปทางจางฉวน

     ครานี้เฉิงหลิงเซียวไม่รีรอ สาวเท้าดีดพุ่งปลายเท้าทะยานไปเบื้องหน้ากระบี่ในมือพุ่งจู่โจมใส่จางฉวน ด้วยกระบวนท่าหนึงพริ้วไหวรวดเร็วสับเปลี่ยนกระบวนท่าหนึงเชื่องช้าอ่อนไหวหลอกลวง เหมือนร่ายรำตามบทเพลงมีท่วงทำนอง ทุกอย่างดูสอดประสานวาบหวามใจ ชวนให้จางฉวนนึกเกรงในอานุภาพพลังของเพลงกระบี่ทั้งหลอกล่อ ลวงตา รุกรับชวนพิศวง เผลอพริบตาเดียว จางฉวนก็ถูกคมกระบี่กรีดไปหนึ่งแผล จางฉวนม้วนตัว ตีลังกา หนีวิถีสภาวะเพลงกระบี่ที่ตามติด โลหิตไหลซึมเป็นทาง ไหล่ซ้ายโดนฝ่ามือหมอกมายาฟาด ต้นแขนขวาโดนคมกระบี่ปาดบาดเจ็บ ครั้งนี้เหมือนจางฉวนถูกตัดแขนก็มิปาน เพราะมิอาจใช้วิชากรงเล็บวชิระได้ดังใจนึก กระบวนท่าเพลงกระบี่ของ เฉิงหลิงเซียวเริ่มทวีความเกรี้ยวกราด สาดกระบี่พุ่งใส่จู่โจมรวด ในพริบตาเดียวก็ผ่านไปห้าถึงหกกระบวน จนจางฉวนสั่นสะท้านหวาดเกรง เพราะเขาได้แต่เพียงตั้งรับถอยร่น หลบหลีกการจู่โจมที่ต่อเนื่องนี้ นับว่าเหนือความคาดหมายยิ่งนัก เขาไม่เคยเจอคู่ปรับใดที่มีเพลงกระบี่ร้ายกาจขนาดนี้เลย



     จางฉวนรวบรวมกำลังซัดฝ่ามือใส่ เฉิงหลิงเซียว ทั้งสองปะทะฝ่ามือกันด้วยพลังวัตรและปราณที่กล้าแข็ง จนจางฉวนต้องตีลังกาถอยปราดไปเพื่อหนีวิถีกระบี่ ออกไปไกลห่าง ด้วยความหวาดหวั่นจางฉวนรู้สึกอึดอัดบริเวณทรวงอกก่อนกระอักโลหิตออกมาคำหนึง คราวนี้ จางฉวนเห็นเฉิงหลิงเซียว วาดลวดลายท่วงท่าแปลกประหลาดพิสดาร เขานึกขึ้นได้ทันทีว่าอันตรายกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า

"ภูตรำพึงร่ายรำ"
"เข็มพิษดับตะวัน!! ระวัง!!"

     มิทันสิ้นเสียงของจางฉวนร้องเตือน ทั่วทั้งบริเวณก็อื้ออึง ดังสนั่น ตูมตาม เข็มพิษดับตะวัน นับสิบๆเล่มถูกปล่อยออกจากตัวเฉิงหลิงเซียวรอบทิศทาง

[เข็มพิษดับตะวันอานุภาพร้ายกาจจริงๆ]

     จางฉวนนึกหวั่นไหวในความร้ายกาจพริบตาเดียว องครักษ์ที่ติดตามเขาก็แตกขบวน ล้มตายนอนโอดโอยบาดเจ็บกันไปไม่เป็นท่า ครานี้จางฉวนได้เห็นกับตา ไม่นึกเลยว่าความร้ายกาจ ของเข็มพิษดับตะวันวังตะวันตก จะมีอานุภาพทำลายล้างมากมายขนาดนี้ ครานี้ จางฉวนก็ปวดแปลบที่ทรวงอกอีกครา เขากระอักโลหิตกองโตออกมา ก่อนเงยหน้ามองหาร่างของเฉิงหลิงเซียว ภายใต้หมอกควันแต่ร่างของอ๋องรองแห่งวังตะวันตก ก็พลันหายวับไปเสียแล้ว

"ตามไป"

     จางฉวนรีบสั่งองครักษ์ให้รีบออกติดตาม พอสิ้นประโยค จางฉวนก็ทรุดฮวบลงไปกับพื้น ครานี้ จัดว่า จางฉวนเจอคู่ปรับที่รับมือเกินต้านทาน จนตัวเขาสั่นสะท้านมีอาการบาดเจ็บสาหัสอาจต้องพักฟื้นอีกพักใหญ่

"ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพขอรับ" ทหารคนสนิทรีบเข้ามาประคองจางฉวนด้วยความเป็นห่วง
"เจ้ารีบกลับวัง แล้วไปกราบทูลฝ่าบาท ตามที่เจ้าเห็น อึก อึก..เร็วเข้า ไป๊!!"

"ขอรับ"

**

     แม้เฉิงหลิงเซียวจะทำลายตาข่ายตรึงฟ้าออกมาได้ แต่ครั้งนี้ทำให้เขาแทบจะสูญเสียพลังทั้งหมดซ้ำร้ายยังบาดเจ็บจากกรงเล็บของจางฉวนอีก เฉิงหลิงเซียวเดินโซเซ อยู่กลางหุบเขาโยนกายโอนเอนไปมาแทบจะฝืนเดินต่อไปไม่ไหว เพราะเขาได้ใช้พลังเซียนถึงขีดสุด ทำให้พลังวัตรและลมปราณขาดช่วงติดขัดสายตาที่มองเห็นพร่ามัว

"ท่านอ๋องน้อยนี่ ท่านบาดเจ็บได้อย่างไร? ใครมันช่างบังอาจนัก"

"อิงฮัว เจ้า! เจ้ารีบไปวังตะวันตก บอกกับท่านพี่ เร็ว!!"

"มีเรื่องใดรึ ท่านอ๋อง แล้ว...แล้วท่านล่ะ? ใครกันมันช่างบังอาจทำร้ายท่านขนาดนี้"

"ไม่ต้องห่วงข้า รีบไปเร็วเข้า บอกกับพี่หญิงว่า มีคนคิดให้ร้ายวังตะวันตกคิดจะกำจัดคนแดนมายา จงรีบปิดทางเข้าออก เร็วเข้า!!"

"ค่ะ ท่านอ๋อง ท่านรักษาตัวด้วย" หญิงสาวใส่ชุดสีดำท่วงท่าว่องไวปราดเปรียวเห็นผู้เป็นนายบาดเจ็บก็ตกใจ จึงรีบรุดไปส่งข่าวในทันที

"เจ้ารีบไปเถอะ..อึก อึก.."

เฉิงหลิงเซียวกระอักเลือดกองใหญ่ ครุ่นคิดในใจเภทภัยในครั้งนี้ต้องมีผู้ใดผู้หนึ่งหยิบยื่นมา เพื่อทำให้ขุมกำลังของวังตะวันตกย่อยยับลงไปแต่คนอย่างเขาคงไม่มีวันยอมให้ความคิดนั้นสำเร็จเป็นแน่


"ก็ได้ ถ้าพวกเจ้ารวมหัวกันคิดให้ร้ายข้า ทำลายคนที่ข้ารัก ดินแดนข้า ต่อแต่นี้ทุกภพภูมิก็อย่าได้พบกับความสงบสุขอีกต่อไปเลย ค...คอยดู อึกอึก..." หลิงเสียวขบกราม พอพูดจบประโยคสายตาของเฉิงหลิงเซียวพร่ามัวก่อนที่จะสลบไป

**

ณ ท้องพระโรง

"เฉิงหลิงเซียว มันจะกำเริบมากเกินไปแล้ว"
 

เพล้ง!!!!
เสียงขององค์เง็กเซียนทรงพิโรธ ปัดถ้วยชาลงบนพื้นด้วยความโมโห

"ฝ่าบาทเพคะ วังตะวันตกคิดการเช่นนี้หรือว่าพวกเขาหมายจะก่อศึกนอกสร้างศึกใน นำความปั่นป่วนให้ทุกภพภูมิแล้วสร้างขั้วอำนาจใหม่ หม่อมชั้นคิดว่า แผนการสุดท้ายของพวกเขาคงจะเป็น.... ยึดท้องพระโรงแห่งนี้กระมัง เพคะฝ่าบาท"

เยว่อิงหวังสร้างความครุกรุ่น ขึ้นในใจ ให้กับองค์เง็กเซียนหวังสบช่องคิดทำลายขุมกำลังที่ทรงอำนาจของวังตะวันตกให้สิ้นซาก

"บังอาจ!!!"

"หม่อมชั้นผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดลงพระอาญา ที่หม่อมชั้นกล่าววาจามิบังควร"

ฮองเฮาเยว่อิงแกล้งย่อตัวลงคุกเข่าขอรับพระอาญา จากองค์เง็กเซียน หลังจากนางเทราดน้ำมันบนกองเพลิงองค์เง็กเซียนเห็นเยว่อิงกระทำดังนั้นก็พลันได้สติ จึงได้กล่าวกับเยว่อิงว่า

"เยว่อิง เจ้าอย่าไปวิตกไปเลย ข้ามิได้กล่าวว่าเจ้า ลุกขึ้นเถิด"

"ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท"

     การราดน้ำมันบนกองเพลิงของเยว่อิงถือว่าเป็นผล เพราะในใจขององค์เง็กเซียนก็นึกหวั่นพระทัย ในอำนาจวังตะวันตกเหมือนดังหอกแหลมคม ที่คอยจ่อรอการทิ่มแทงองค์เง็กเซียนไว้ตลอดเวลา เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเสีย และเป็นการดี ถ้าสามารถตัดไฟตอนนี้ ได้เสียแต่ต้นลม

"อี้เทียน เจ้านำราชโองการข้าไปตามตัวแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่วมาพบข้าเป็นการด่วน"
 
"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"

     ไม่นานนัก ใต้เท้าอี้เทียนก็นำแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว มาเข้าเฝ้าด้วยความเร่งรีบ พร้อมกับนายพลห้ากองธงแห่งแดนสวรรค์

"หม่อมชั้นหลิวฮั่วและขุนพลห้ากองธง ถวายบังคมฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี"

"พวกเจ้าลุกขึ้นได้ อี้เทียน.." เง็กเซียนหันไปหาใต้เท้าอี้เทียนให้อี้เทียนประกาศราชโองการ

"พะยะค่ะ ฝ่าบาท" อี้เทียนเตรียมอ่านราชโองการ

"แม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว รับราชโองการ" หลิวฮั่ว กับ นายพล5กองธง ก็คุกเข่าน้อมรับราชโองการ รอฟังรับสั่งอย่างใจจดจ่อ

"หลิวฮั่ว น้อมรับราชโองการ"

"ด้วยพระบารมีฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้แม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว นำทัพใหญ่แดนสวรรค์กับทหารห้ากองธงสวรรค์ไปปราบกบฏตระกูลเฉิงแห่งวังตะวันตกและจับกุมคนในแดนมายาทั้งหมดเนื่องด้วยเฉิงหลิงเซียวกระทำการคิดไม่ซื่อฆ่าล้างครอบครัวใต้เท้าหานเจี้ยนหลินที่คฤหาสน์หมื่นปราชญ์ซึ่งเป็นขุนนางในราชสำนัก การกระทำในครั้งนี้ มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อราชสำนักทำให้ภพภูมิปั่นป่วน สร้างภัยพิบัติให้แก่แดนมนุษย์และแดนสวรรค์ ผิดกฏที่เคยให้ไว้ร่วมกัน ซึ่งเป็นโทษที่มิอาจให้อภัยได้ แม่ทัพใหญ่หลิวฮั่วจงรับตราแม่ทัพไปปราบปรามจับกุมพวกกบฏและคนในตระกูลเฉิงมารับโทษทัณฑ์ จบราชโองการ"

"หลิวฮั่ว น้อมรับราชโองการ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี" หลิวฮั่วลุกขึ้น พร้อมกับรับราชโองการ

"รีบไปเถอะแม่ทัพฮั่ว ท่านระวังตัวด้วย"

"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท"

"ฝ่าบาทเพค่ะ ฝ่าบาทใช้ทหารสวรรค์ ไปกวาดล้างคนวังตะวันตกชายแดนหากเกิดความวุ่นวาย จะทรงทำเช่นไร"

"ใช่ ข้าลืมไปเสียได้ อี้เทียน เจ้านำราชโองการลับข้าส่งให้แม่ทัพชายแดน เพิ่มกำลังทหาร ป้องกันแดนปีศาจฉวยโอกาสนี้โจมตีเรา"

"พ่ะย่ะค่ะ"
 

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★[เทพเซียน]★ตอน4 ➧ ➧ ➧ Up [31-01-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 31-01-2019 22:32:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน5 ➧ ➧ ➧ Up [01-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 01-02-2019 19:35:57
5.เสี้ยวจันทรา ปลดผนึกแส้โลหิต

     เมื่อแม่ทัพหลิวฮั่วได้รับราชโองการก็พาขุนพลห้ากองธงเร่งรีบนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับจางหวน(พ่อของจางฉวน)ซึ่งเป็นรองแม่ทัพเพื่อวางแผนที่รัดกุมในการปราบกบฏแดนมายาและวังตะวันตกเมื่อแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่วเข้ามา นำเรื่องนี้พูดคุยกับจางหวนจางหวนเองก็ดูทีท่าไม่ได้วิตกอะไร เหมือนกับรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วจึงเอ่ยลองย้อนถามความเห็นของหลิวฮั่วดูถึงแผนการ ว่าหลิวฮั่วคิดอ่านการใดไว้ก่อนหรือยัง

"แล้วท่านแม่ทัพคิดเห็นเช่นไร"
"ท่านจาง แดนมายามีพื้นที่สลับซับซ้อนข้าคิดไว้ว่าจะใช้ไฟเน้นรวดเร็วไม่ให้ทันตั้งตัว ไม่ยืดเยื้อให้เสียหายแก่ฝ่ายเรามากเกินจำเป็น"

     หลิวฮั่วมองสถานการณ์ออก เพราะถ้าเกิดการสู้รบยืดเยื้อแล้วอาจจะบานปลายได้ จางหวนเห็นดังนั้นก็พยักหน้ากล่าวขึ้นว่าเห็นด้วยกับหลิวฮั่วทันที

"ใช่ ข้าก็เห็นด้วยกับท่านแม่ทัพ" จางหวนพูดเสริมขึ้นมา ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า "แดนมายา มีทั้งหุบเขาสูงสลับซับซ้อนซ้ำยังมีสภาวะอากาศที่แตกต่างทั้งหมอกพิษและลี้ลับ ยากแก่การเข้าจู่โจมด้วยทัพใหญ่ข้าเองเห็นว่าเราไม่ควรใช้ทัพใหญ่ในการเข้าไปโดยตรง เอิกเกริกไปจะทำให้แดนมายาตั้งรับและโต้กลับทำให้เราจัดการได้ลำบาก
จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น"

     จางหวนเหมือนวางแผนล่วงหน้าเอาไว้เนิ่นนานแล้ว ในสิ่งที่กล่าวออกมาจางหวนลอบใช้สายตาแอบมองปฏิกริยาของ แม่ทัพหลิว ว่าคิดอ่านเช่นไร จางหวนคิดแล้วว่าไม่มีแผนไหนจะดีไปกว่าแผนนี้แล้ว พอหลิวฮั่วได้ฟังจางหวนพูดอธิบายแล้วประมวลเหตุการณ์เรื่องราวขึ้นในใจ ก็เห็นพ้องต้องกันกับจางหวนเพราะทุกสิ่งที่จางหวนกล่าวอธิบายมาล้วนมีเหตุผลสนับสนุน หลิวฮั่วจึงคิดว่าจางหวน น่าจะมีแผนการที่ดีไว้ในใจอยู่บ้างแล้ว จึงกล่าวถามจางหวน เพื่อดูแผนการที่จางหวนคาดการณ์

"แล้วท่านจางคิดอ่านไว้เช่นไรกันเล่า?" หลิวฮั่วกล่าวจบ จางหวนก็รู้ได้ในทันทีว่า แม่ทัพหลิวฮั่วคงเห็นดีกับแผนการของตน จึงกล่าวอธิบายแผนการ

"ฝ่ายเราจะแบ่งแผนการออกเป็น 3 ส่วนหนึ่งข้าจะใช้ยอดฝีมือของ ห้ากองธงสวรรค์เร่งรวมตัวกับคนของข้าที่แอบเข้าไปก่อนหน้านี้แล้วในวังตะวันตก เพื่อเร่งเข้าจับกุมนักโทษ อีกกลุ่มหนึ่งข้าจะนำสามกิเลนไฟไปแฝงตัวปะปน กับคนในหุบเขามายาเพื่อสังเกตการณ์เมื่อถึงเวลาก็จะให้สามกิเลนอาละวาด สร้างความโกลาหลด้วยไฟ นอกในประสานกันจะได้ง่ายต่อการบุกจู่โจม ส่วนขั้นที่สามท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านก็เตรียมเคลื่อนทัพประชิดแดนมายาให้พวกมันสับสน เพื่อสนับสนุนข้าอีกทางหนึ่ง" เมื่อจางหวนกล่าวจบทางหลิวฮั่วก็เข้าใจแผนการในทันทีจึงกล่าวสำทับ

"ดี ได้ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านจางว่า" แล้วหันไปสั่งผู้นำ ห้ากองธงทันที "พวกเจ้าทั้งห้าไปรวบรวมยอดฝีมือที่ไว้ใจได้จำนวนหนึ่งแล้วทำตามแผนที่ท่านจางวางไว้"

"ขอรับ ท่านแม่ทัพ"
"อืม ไปเถอะ"
***
ณ ตำหนักจันทร์เสี้ยวแห่งวังตะวันตก

"พระชายาเพคะ" นางกำนัลคนสนิทพระชายาเฉิงเหลียนฮวาเร่งรุดมา พระชายาเห็นทีท่าเสวี่ยเอ๋อไม่ปรกตินักจึงกล่าวถาม "มีอะไรรึ เสวี่ยเอ๋อ"


"หม่อมชั้นได้รับแจ้งข่าวจากสายของเรา ว่าที่วังสวรรค์.."

"ข่าวอะไร?" เสวี่ยเอ๋อนำข่าวจากวังสวรรค์ที่ได้รับมาแจ้งให้กับพระชายา
"ฝ่าบาทมีราชโองการให้ แม่ทัพใหญ่หลิวฮั่วนำทัพใหญ่มาปราบกบฏแดนมายาและคนวังตะวันตกเพคะ" เมื่อพระชายาทรงรู้เรื่องราวก็แสดงสีหน้ากังวลในทันที
[เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?]

"แล้วเจ้าได้ข่าวอะไรมาอีกรึไม่" เสวี่ยเอ๋อนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งได้รับจดหมายมา

"มีเพคะ หม่อมชั้นได้รับจดหมายจากเจ้าหุบเขาหมื่นพิษเพคะ"
"แล้วจดหมายจากหุบเขาหมื่นพิษล่ะ"
เสวี่ยเอ๋อจึงหยิบจดหมายที่ได้รับมาออกจากชายเสื้อยื่นส่งให้พระชายาในทันที เมื่อพระชายารับมาจึงเปิดอ่านข้อความภายใน แสดงท่าทีวิตกก่อนหันไปสั่ง เสวี่ยเอ๋อ
"เสวี่ยเอ๋อ ตอนนี้ ยวี่เอ๋อร์ อยู่ไหน?"

พระชายามองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น พระนางทรงทราบดีว่าไม่นานนักวังตะวันตกคงมีเภทภัยครั้งใหญ่มากล้ำกราย คนแรกที่นางจะต้องคำนึงคือโอรสของนาง จึงถามถึงบุตรของตนในทันที

"องค์ชายน้อยทรงเล่นอยู่ในอุทยานกับฟ่งอวี้เพคะ พระชายา"

"เสวี่ยเอ๋อ""เพคะ"

"เจ้ารีบนำป้ายคำสั่งและคำพูดข้าไปแจ้งแก่เจ้าหุบทั้งห้า ให้พวกเขาร่ายอาคมมายาปิดบังทางเข้าออกหุบเขา ในแดนมายาทุกทาง แล้วเล้นกายกันไปก่อน"

"อ่..เอ่อ เสวี่ยเอ๋อขอบังอาจทูลถามพระชายา"เสวี่ยเอ๋อนางงุนงง ในการตัดสินใจของพระนางพระชายาทรงหันไปมองเสวี่ยเอ๋อแล้วกล่าวขึ้น "เจ้ามีอะไรรึ?เสวี่ยเอ๋อ" เสวี่ยเอ๋อ จึงกล่าวท้วง

"ทำไมพระชายาไม่ทรงนำทัพเปิดศึกกับวังสวรรค์เลยล่ะเพคะเผ่าเราก็เป็นเผ่านักรบ พวกเราไม่เคยนึกเกรงกลัวคนของวังสวรรค์ เพียงพระชายามีบัญชาออกมาพวกหม่อมชั้นก็พร้อมสู้ตาย"

พระชายาเดินผ่านหน้าของนางกำนัลคนสนิทด้วยท่วงท่าวิตกกังวล ก่อนจะหมุนกายหันมาพูดอธิบายให้เสวี่ยเอ๋อเข้าใจถึงเหตุผล

"เสวี่ยเอ๋อ กฏของบรรพชนข้าต้องทำตามห้ามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองในราชสำนัก แม้แดนมายาเราจะมีดินแดนเป็นของตัวเองแต่บรรพชนสั่งห้ามไม่ให้ผู้นำตระกูล เข้าไปยุ่งเรื่องต่างๆของทุกภพภูมิถ้ามีอำนาจซ้อนจะทำให้ภพภูมิต่างๆปั่นป่วน จะนำพาภัยพิบัติสู่โลกและแดนมายา อาจทำให้แดนมายาและคนของห้าขุนเขาล่มสลาย คนในเผ่าจะถูกเข่นฆ่าล้มตาย"

     พระชายานางพูดก็พลางเดินนำหน้าเสวี่ยเอ๋อไปเสวี่ยเอ๋อนางก็เดินตามฟังพระชายาเฉิงเหลียนฮวากล่าวต่อไป


"ตอนนี้วังตะวันตกก็มีแต่แม่ม่ายอย่างข้ากับลูกน้อยยิ่งไม่มีเหตุผลอันใดที่จะคิดการใหญ่เปิดศึกกับวังสวรรค์ ข้านั้นหวังเพียงแค่เลี้ยงยวี่เอ๋อร์ ให้เติบใหญ่อยู่อย่างสงบสุขก็พอแล้วหากข้าทำการเปิดศึกรบพุ่งกับแดนสวรรค์ ทุกภพภูมิจะต้องปั่นป่วนเกิดความโกลาหลทำให้มารร้ายกำเริบจะกลายเป็นตราปาบ โดนทุกภพภูมิ ก่นด่าสาปแช่ง"

     พระชายาบอกกล่าวอย่างละเอียดกับเสวี่ยเอ๋อจนนางเข้าใจ เพราะพระชายาเฉิงเหลียนฮวานั้นเป็นเพียงอิสตรีมิได้หมายมั่นคิดการใหญ่ ถ้าพระชายาคิดทำศึกกับวังสวรรค์คงกระทำการนานแล้ว ส่วนภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวนั้น คนในตำหนักจันทร์เสี้ยวรู้ดีว่ามีอุปนิสัยเช่นไร พระชายาเฉิงเหลียนฮวา ว่าเช่นไรก็ไม่เคยคิดขัดใจตามแต่พี่สาวจะเห็นควร เพราะภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวก็ไม่ได้คิดการใหญ่ นี้เช่นกัน


"เสวี่ยเอ๋อ เจ้ารีบนำป้ายคำสั่งข้าไปแจ้งแก่เจ้าหุบทั้งห้าโดยเร็วเถอะ"

"แล้วพระชายาล่ะ เพคะ"เสวี่ยเอ๋อถามเนื่องจากกลัวนางไม่ปลอดภัย

"ข้าจะไปหา ยวี่เอ๋อร์"

พระชายาเฉิงเหลียนฮวานึกย้อนถึงเรื่องเล่าและคำสั่งเสียของบรรพชน

[วังตะวันตกในดินแดนมายา นับเป็นสถานที่สำคัญมานานนมแม้เวลานี้จะไม่ได้มีบทบาทอะไรในทุกภพภูมิ เนื่องจากกฎจากเหล่าบรรพชนตั้งไว้ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการปกครองแดนสวรรค์ตั้งแต่เมื่อแรกเริ่มจักรวาลยังคงสับสนและวุ่นวาย ตอนระหว่างผานกู่สร้างโลกนี้ ได้มีสัตว์ใหญ่4 ชนิดมาช่วย คือ เต่า กิเลน หงส์ไฟ และมังกร หลังจากผานกู่ตายก็กลายเป็นสรรพสิ่งบนโลก สัตว์เทพทั้งสี่ จึงร่วมกับเจ้าแม่หนี่วาร์ซ่อมแซมฟ้าสร้างมนุษย์ให้ทุกภพภูมิเกื้อกูลสมดุลกันเผ่าพันธุ์ต่างๆจึงเริ่มสร้างเขตแดนของตนร่วมมือกันทำศึกสู้รบกับเหล่าปีศาจและมารฟ้าที่ถือกำเนิดมาพร้อมๆกันเมื่อรวบรวมปึกแผ่นในทุกดินแดนแล้ว ตระกูลเฉิงไม่ยอมรับการแต่งตั้ง เผ่าต่างๆจึงได้เลือกผู้ปกครองแดนสวรรค์ใหม่ เพื่อสร้างควาสมดุลในภพภูมิ ดังนั้นแดนมายาแห่งทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นผู้นำสำคัญในการบุกเบิก จึงถูกบรรพชนตั้งกฎเอาไว้ว่า ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวการสืบทอดวาระ ขององค์จักรพรรดิผู้ปกครองแดนสวรรค์แต่การที่แดนมายาเป็นผู้อยู่เหนือกฎเกณฑ์จึงทำให้เป็นที่หวาดระแวง ของจักรพรรดิสวรรค์ทุกพระองค์เรื่อยมา เกิดหายนะในครั้งนี้คงถึงคราวที่วังตะวันตก จะถูกลบไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของแดนสวรรค์ ]

     คิดดังนั้นพระชายาเฉิงเหลียนฮวา นึกถึงของสิ่งหนึ่งจึงทะยานกายเหาะไปที่บึงจันทราในทันทีเมื่อพระชายาไปถึงสถานที่บึงจันทรา แม้นจะดูเงียบสงบดูจะเป็นสถานที่ไร้สภาวะหมดกังวล แต่ภายในใจของพระชายากับสับสนระคนปนกับหวาดกลัว ในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมากับวังตะวันตกและแดนมายาทำให้พระนางจำเป็นต้องปลดผนึกแส้โลหิต ชุบชีวิตอาวุธวิเศษขึ้นมาอีกครั้งพระชายากรีดเลือดของตนบนนิ้วมือเรียว ก่อนจะหยดลงไปในกลางบึง

     มินานนักก็บังเกิดเสียงดังครืน คราน สะท้านทั่วบริเวณ น้ำในบึงเคลื่อนไหวกระเพื่อมผุดเดือดเป็นฟองเกิดละอองไอหมอกควัน เหมือนกับว่าสิ่งมีชีวิต ที่หลับใหลใต้แผ่นน้ำนั้นได้ตื่นขึ้นมา ไม่นานเท่าใดในกลางบึงก็ปรากฏของล้ำค่า ส่องประกายเพลิงสีแดงเจิดจ้าโชติช่วง

     พระชายารีบคว้าแส้มากำชับอยู่ในมือก่อนลองตวัด ฟาดไปในกลางบึง แส้โลหิตดุจดั่งอสรพิษที่เกรี้ยวกราดรอการปลดปล่อยแรงฟาดของพระชายาที่ส่งไปผ่านแส้ ทำให้น้ำในบึงใหญ่แยกแตกเป็นสองส่วนเสียงดังสนั่น น่าครั่นคร้ามเกรงกลัว เจ้าหุบเขาทั้งห้าในแดนมายา บัดนี้รู้แล้วว่าแส้โลหิตได้ถูกเปิดผนึกออกมาผู้นำแห่งแดนมายาเคลื่อนไหวแต่คำสั่งพระชายานั้นสำคัญยิ่งกว่า เพื่อรอการกลับมาของผู้นำ นั่นคือ
[ยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนรวม]

 เจ้าหุบทั้งห้าจึงนำพาไพร่พลเร้นกายหายไปโดยพร้อมเพรียงเหลือทิ้งไว้เพียงวังตะวันตกสถานที่เดียวที่ตั้งกระหง่านไร้การเกรงกลัวผู้มาเยือน



หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน5 ➧ ➧ ➧ Up [01-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 02-02-2019 10:39:04
 :pig4: รอติดตาม
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน6 ➧ ➧ ➧ Up [03-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 03-02-2019 15:09:10
6.เสี้ยวจันทรา วิกฤติวังตะวันตก

   
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน7 ➧ ➧ ➧ Up [04-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 04-02-2019 18:49:36
7. เสี้ยวจันทรา หลบหนี

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน7 ➧ ➧ ➧ Up [04-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 04-02-2019 19:29:03
โอ้ย ขอให้รอด ปลอดภัย น่าหดหู่ ยิ่งนัก ต้องมาบ้านแตก ตั้งแต่เจ้านั้นเยาว์วัย ขอให้ ปลอดภัย แม่ลูก ทั้งคู่ เลย
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน7 ➧ ➧ ➧ Up [04-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 05-02-2019 12:37:40
 :ling3: :ling3: รอติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน7 ➧ ➧ ➧ Up [04-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-02-2019 19:05:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน7 ➧ ➧ ➧ Up [04-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: ikou ที่ 05-02-2019 20:42:17
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★ย่างก้าวสู่หยุนไหล★ตอน8 ➧ ➧ ➧ Up [06-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 06-02-2019 16:27:28
8. เสี้ยวจันทรา ย่างก้าวสู่หยุนไหล

     พระชายาผ่อนกำลังทะยานกายลงกลางหุบเขาใหญ่ ใกล้กับเขตแดนสำนักเมฆาล้ำหยุนไหล นางผ่อนฝีเท้าของตนค่อยๆประคองลูกน้อยเดินลัดเลาะไป จนพบกับถ้ำในหุบเขาโดยบังเอิญจึงพาเฉิงเฟยหยีเข้าไปพัก

"เสด็จแม่ทำไมคนพวกนั้นถึงตามล่าเราไม่หยุดเลยล่ะพ่ะย่ะค่ะ"

"ยวี่เอ๋อ ลูกยังเจ้าจำเรื่องเล่าของบรรพชนได้รึไม่"

"อื้อ ยวี่เอ๋อร์จำได้ "

"ดีมาก ยวี่เอ๋อร์ จงจำสิ่งที่แม่บอกเจ้าไว้ให้ดีคนพวกนี้ต้องการจะฆ่าล้างตระกูลเรา" ยวี่เอ๋อร์เด็กน้อยรู้สึกสงสัยจึงถามอีก

"ทำไมเขาจึงต้องฆ่าล้างคนแดนมายากับตระกูลเฉิงเราด้วยล่ะเสด็จแม่"

     พระชายาหันไปโอบกอดลูกน้อยที่ไร้เดียงสาที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวใดๆในใต้หล้ามากนักแต่ต้องมาวนเวียนจมปรักกับเรื่องเก่าเดิมๆ ในการแก่งแย่งชิงดีในอำนาจ แม้เหล่าบรรพชนจะตั้งกฎเอาไว้เด็ดขาดแล้ว ก็ยังมีผู้หวาดระแวงกลัวว่าผู้ปกครองแดนมายาจะทวงคืนอำนาจต่างๆ ในแดนสวรรค์กลับคืน

"เดี๋ยวโตขึ้นเจ้าก็จะรู้เองยวี๋เอ๋อร์ลูกรัก ถ้าไม่มีแม่แล้วเจ้าต้องระวังตัวนะรู้ไหม อย่าไว้ใจใครง่ายๆคนที่ดีกับเรามากไป บางทีนั้น ก็มิอาจจะใช่คนดี จำที่แม่บอกได้ใช่ไหม"
"อื้อ ยวี่เอ๋อร์จำได้ แล้วเสด็จ..น้า?.."

"น้าของเจ้าตอนนี้เป็นตายร้ายดี แม่ยังมิรู้ข่าวเลย ตอนนี้เหลือเพียงแค่แม่กับเจ้า ยวี่เอ๋อร์เจ้าฟังแม่ดีๆนะ"

     ยวี๋เอ๋อร์เด็กน้อยแม้จะไม่เข้าใจมากนัก ในสิ่งที่มารดาเขากำลังจะเอ่ยขึ้นเด็กน้อยก็รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ปรกติ จึงยอมรับฟังแต่โดยดีพระชายานึกบางสิ่งขึ้นได้ที่ต้องบอกกับ ยวี่เอ๋อร์จึงหยิบแส้โลหิตขึ้นมา
"ยวี่เอ๋อร์ ดูที่ด้ามของแส้โลหิตนี้ เห็นหินสีดำนี่ไหม มันคือหินดำสมานฟ้าของเจ้าแม่หนี่วาร์ ในหินศิลานี้ มีบันทึกคัมภีร์ดับตะวันเก็บซ่อนอยู่ ลูกจะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ "
"อื้อ"

     เด็กน้อยพยักหน้าอย่างว่าง่ายพระชายาพลันหยิบแส้โลหิตแล้วเนรมิตกลายเป็นเพียงเชือกรัดเอวสีแดง แล้วจัดแจงผูกเข้าที่เอว น้อยของลูกตนอย่างเบามือ

"เก็บของสิ่งนี้ไว้ให้ดี นะรู้ไหม? ห้ามให้ใครแย่งชิงหรือตกอยู่ในมือผู้ใด"

"พ่ะย่ะค่ะ"

"ยวี่เอ๋อร์ จงจำไว้คัมภีร์ดับตะวันเป็นของสำคัญของตระกูลเฉิงที่สืบทอดมา ลูกต้องฝึกฝนและเรียนรู้ "
"พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่ลูกจะหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้พ่ะย่ะค่ะ ...แล้วเราจะไปที่ใดกันต่อเสด็จแม่"

     พระชายายังคงกำชับเรื่องต่างๆไม่หยุดหย่อนเหมือนว่าต่อแต่นี้ นางคงจะไม่ได้มีโอกาสสั่งสอนหรือเจอลูกน้อยอีกแล้ว

"ยวี่เอ๋อร์ จำให้ดี จันทราถึงคราย่อมมีเว้า คนเรายิ่งอยู่สูงต้องระวัง พลาดพลั้งมาจะเจ็บหนัก เจ้าจงทำตัวเป็นคนธรรมดาห้ามแสดงความสามารถใดให้ใครเห็นเด็ดขาด เพราะมันจะนำพาอันตรายมาสู่ตัว รู้ไหม ยวี๋เอ๋อร์"
"อื้อ!ยวี๋เอ๋อร์ จะจำไว้"
"ดีมากลูกรัก ที่สำคัญลูกอย่าบอกใครเด็ดขาดว่าฐานะของเจ้าคือใคร รู้หรือไม่"

"อื้อ!" ยวี่เอ๋อร์พยักหน้ารับรู้
     บรรยากาศภายนอกถ้ำหนาวเย็นสะท้านผิวกาย ค่ำคืนนี้อันยาวนานลมหนาวพัดผ่านดุจใบมีดกรีดเฉือนบาดลึกถึงกระดูกพระชายานำร่างของเด็กน้อยโอบกอดเพื่อเพิ่มไอ่อุ่นหลังจากพักเอนกายได้สักพักก็อุ้มร่าง ยวี่เอ๋อร์เหาะทะยานไปที่บนยอดเขาเมฆาล้ำหยุนไหล
"ผู้มาเป็นใคร"

     ผู้บำเพ็ญเพียรปกครองยอดเขาเมฆาล้ำหยุนไหล รับรู้ได้ทุกความเคลื่อนไหวของผู้มาเยือนด้านหน้าของประตูห้อง จึงร้องทักออกไป พอหมุนตัวหันกลับไปก็พบกับหน้าผู้คุ้นเคยที่ไม่ได้พบพานเนิ่นนาน
"พระชายา" หวงหลงอุทานเบาๆเห็นหญิงตรงหน้าประคองกายเดินเข้ามา มองต่ำลงไปด้านข้างเห็นเด็กน้อย หน้าตาใสซื่อจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูส่งยิ้มให้
"นี่ท่าน!!...เรื่องทุกภพภูมิในใต้หล้า ข้ามินำพายุ่งเกี่ยว พระชายาโปรดไปสถานที่อื่นเถิด" เขาเห็นผู้มาก็รู้ทันทีจึงร้องปฏิเสธไปพูดจบประโยคก็หันหลังให้ในทันที

"ข้ามาที่นี่มิได้หมายให้ท่านออกหน้า ช่วยเหลือเพียงแต่นำลูกข้ามาฝากท่านดูแลสั่งสอน ขอเจ้าสำนักหวงเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า โปรดช่วยเหลือเราสองแม่ลูกได้หรือไม่"

"นี่ท่าน คิดดีแล้วใช่ไหม? จึงได้พาเขามาที่นี่"

"ในใต้หล้าทุกภพภูมิมิมีที่ใดเหมาะและปลอดภัยเท่าที่นี่อีกแล้ว ข้าเฉิงเหลียนฮวามิเคยอ้อนวอนขอร้องผู้ใด ครั้งนี้ข้าขอร้องท่านช่วยดูแลเขาแทนข้าด้วย" พระชายาเฉิงเหลียนฮวาคุกเข่าลงอ้อนวอน หวงหลงผู้นี้ก็รีบรุดมาคว้าไว้ก่อนพระชายาจะคุกเข่าลง

"ได้ ได้ อย่าทำเช่นนี้เลย ถ้าท่านมั่นหมายไว้เช่นนั้น ข้าก็รับปากจะขอดูแลสั่งสอนเขาเอง ข้ารับปากท่าน ลุกขึ้นเถอะลุกขึ้นเถอะอย่าทำเช่นนี้เลยพระชายา" หวงหลงรีบเข้าไปประคองพระชายา"ข้ากับท่านอ๋องเฉิง พ่อของท่านนั้นก็เป็นเหมือนเพื่อนเก่ากัน เหตุอันใดเรื่องเพียงเท่านี้ข้าจะไม่รับปาก"

"เสด็จแม่" เด็กน้อยเฉิงเฟยหยีมิได้รู้เรื่องอันใด เหตุใดพระชายามารดาของตน ต้องอ้อนวอนคนผู้นี้ ทำไมจึงต้อง พาตนมาหาผู้เฒ่าเคราขาวโพลนผู้นี้ บนยอดเขาแห่งนี้ด้วย

"ขอบคุณท่านเจ้าสำนักหวงยิ่งนัก ...ยวี่เอ๋อร์กราบท่านอาจารย์สิ"


พระชายาคลี่ยิ้มออกมาอย่างหมดกังวลก่อนบอกลูกชายตนก้มกราบคำนับอาจารย์เด็กน้อยก็ใสซื่อว่าง่าย มารดาสั่งอันใดก็กระทำตามอย่างรวดเร็ว

"ยวี่เอ๋อร์ กราบท่านอาจารย์ "ยวี่เอ๋อร์คุกเข่ากราบอาจารย์ สามครั้ง แล้วนั่งมองเขานึกว่ามารดาแค่พาตนมาเหาอาจารย์เพียงเท่านั้น จึงมิได้คิดอะไรมากนัก

"มาๆ เด็กดีลุกขึ้นๆ "

     หวงหลงก็เข้ามาประคองเด็กน้อยเฉิงเฟยหยีลุกขึ้นพระชายาเห็นดังนั้นก็ปลาบปลื้มใจที่ได้เห็นลูกของตนอยู่กับผู้ที่จะสามารถดูแลและปกป้องได้

"ขอบพระคุณท่านเจ้าสำนักมาก น้ำใจท่านครั้งนี้ข้าเฉิงเหลียนฮวาและแดนมายา ขอจดจำไว้ไม่มีวันลืม"
"แล้วพระองค์มีเรื่องอะไรจะฝากฝังอีกรึไม่"

"ค-คือ..ข้า ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาคือใคร ท่านช่วยปิดบังเรื่องนี้ได้ไหม?"

"ได้สิ ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ถ้าเช่นนั้นท่านไปเถอะไม่ต้องห่วงเขา... "

"งั้น ข้าขอลาก่อน"

"เสด็จแม่ ลูกไม่อยากให้เสด็จแม่ไป"

     ยวี่เอ๋อร์พอรู้ว่ามารดาของตนจะจากไปก็ทำให้รู้สึกใจหายยิ่งนัก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามิเคยแม้จะอยู่ห่างกายจากมารดาเลย ปากก็ร้องพลางวิ่งไปโผกอดมารดาแน่นหนาจนพระชายาน้ำตาคลอค่อยคลี่มือน้อยๆที่คอยเกาะกุมตัวนางอยู่ก่อนนั่งลงคุยกับลูกน้อยอย่างอ่อนโยน

"ยวี่เอ๋อร์ ต่อไปนี้ลูกแม่ต้องอยู่คนเดียวนะรู้ไหมเจ้าไปกับแม่จะต้องลำบาก แม่จึงเอาเจ้ามาฝากไว้กับอาจารย์ เจ้าอยู่ที่นี่อย่าดื้ออย่าซนเชื่อฟังท่านอาจารย์ หมั่นฝึกฝนวิชาที่อาจารย์สอนรู้รึเปล่าแม่ขอโทษลูกด้วยที่ไม่สามารถดูแลเจ้าได้ แม่ต้องไปก่อน"

"เสด็จแม่!!"

     พระชายาน้ำตาคลอก่อนค่อยลุกขึ้นผ่อนฝีเท้าค่อยเดินจาก ออกห่างเท้าก้าวออกไปแต่ใบหน้ายังคงหันมามองหาลูกน้อยก่อนทะยานกายหายวับไปในกลางอากาศที่มืดสลัวเจ้าสำนักหวงหลงพลันถอนหายใจแล้วกล่าวว่า

"ดีหรือร้ายมิเคยยั่งยืน มิอาจฝืนยึดติดไว้ได้ ความงดงามฉาบฉวยทั่วไป จะให้ทุกข์หรือสุขสดใส ก็ได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น...." หวงหลงพูดพลางเดินไปถึงหน้าประตูพร้อมกับพาเด็กน้อยที่วิ่งตามมารดาเข้ามาในห้อง

"ต่อไปนี้อาจารย์จะเรียกเจ้าว่า เสี่ยวเมา ดีไหม"

"ท่านอาจารย์ ท่านแม่จะมาหาข้ารึเปล่า"

"แม่ของเจ้าไม่อยากให้เจ้าไปลำบากด้วยจึงเอาเจ้ามาฝากไว้ที่นี่ ถ้าแม่เจ้าไม่มาหาเจ้าโตขึ้นก็ไปหานางเองสิ กลัวอะไรเจ้าแมวน้อย เฮอะๆๆๆ" หวงหลงผู้เฒ่าเคราขาวโพลนพูดพลางก็ยกมือข้างหนึ่งลูบเคราตน
"ข้าต้องอยู่ที่นี่กับท่านอาจารย์ นานเท่าไร หรือขอรับ"

"เอ๊ะ! เจ้าเด็กนี่ ถามเซ้าซี้จัง จะอยู่นานเท่าไรก็ได้แต่เจ้าคงอยู่บนนี้กับอาจารย์ไม่ได้ ถ้าเจ้าตกลงไปคงตายแน่ๆ ฮ่าๆๆ"

     หวงหลงอาจารย์ผู้เฒ่าเห็นเสี่ยวเมาร้องถาม ก็พาศิษย์น้อยเดินสำรวจรอบๆ บริเวณที่พัก ปรากฏว่าสถานที่นี้ อยู่บนยอดเขาก็จริง ลมพัดโชยจนชายเสื้อปลิวไสวพอชะโงกหน้าลงไปทุกทิศทางกลับมิมีทางลง

"อึ๋ยยย สูงจัง ตกลงไปตายแน่ๆ"
"ใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ มาเดี๋ยวอาจารย์จะพาเจ้าไปดูที่พักเจ้า อยู่หลังเขาทางด้านโน้น เจ้าก็อย่าซนนักล่ะเวลาอาจารย์ไม่อยู่"

"ข้าต้องอยู่คนเดียวหรือขอรับ ท่านอาจารย์"

"เจ้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง ไปเร็ว"

     ชั่วครู่หวงหลงเจ้าสำนักเมฆาล้ำก็พลันหอบพาร่างของเด็กน้อยเสี่ยวเมา ทะยานลงสู่เรือนไม้ไผ่หลังเขา ในทันที บ้านไผ่นี้มีทั้งลำธารไหลริน แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ พฤกษานานาพันธุ์บรรยากาศร่มรื่นน่าชื่นใจยิ่งนัก

"เป็นไง ชอบรึเปล่า"
"ชอบขอรับ ท่านอาจารย์"
"เสี่ยวเมาเอ้ย เสี่ยวเมา!!"

     เด็กน้อยยังคงเดินดูรอบๆบริเวณอย่างตื่นเต้นและไม่คุ้นชินกับชื่อที่อาจารย์เรียกขาน กว่าจะหันไปก็ต้องเรียกแค่นเสียงเรียกเป็นครั้งที่สอง
"ขะ-ขอรับท่านอาจารย์"
"เจ้ายังจำที่แม่เจ้าบอกได้ใช่ไหม?"

"ขอรับ"

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ ทำตามอย่างเคร่งครัดล่ะรู้รึเปล่าเพราะมันจะทำให้เจ้าปลอดภัย"
"ขอรับอาจารย์ ศิษย์จะจำไว้"

"ดี ดีมาก อาจารย์ต้องไปก่อน"

"ศิษย์น้อมส่งท่านอาจารย์"

เสี่ยวเมาประสานมือโค้งคำนับตามมารยาทที่ศิษย์พึงกระทำต่ออาจารย์จนหวงหลงทะยานขึ้นไปที่พักบนยอดเขาอีกครา

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★ย่างก้าวสู่หยุนไหล★ตอน8 ➧ ➧ ➧ Up [06-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-02-2019 00:44:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★ย่างก้าวสู่หยุนไหล★ตอน8 ➧ ➧ ➧ Up [06-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 07-02-2019 12:23:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน9 ➧ ➧ ➧ Up [09-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 09-02-2019 20:48:00
9. เสี้ยวจันทรา ตามหาภูตจันทรา

     เมื่อพระชายาเฉิงเหลียนฮวาจากลูกน้อยมา ก็คิดตามหาน้องชาย และบอกกล่าวกับผู้นำห้าขุนเขา ถึงเหตุผลต่างๆ อย่างแรกที่นางจะทำคือ ต้องตามหาภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวก่อน ร่างกายนางอ่อนล้าถึงแม้ว่าจะเป็นเทพเซียน แต่ก็ย่อมมีเหนื่อยล้าหมดแรงพลังไปบ้างเช่นกัน เนื่องจากวันเวลาที่ผ่านมา พระนางได้ใช้พลังใจการต่อสู้และเดินทางหลบหนี พระชายาผ่อนกำลังประคองร่างกาย เดินเข้าไปที่หุบเขาหมื่นพิษ ก็ได้พบกับ หยูอิงฮัว ซึ่งเป็นเจ้าหุบเขา มาต้อนรับอย่างเร็วไว

"หยูอิงฮัว ถวายบังคมพระชายา"

"ตามสบาย หลิงเซียวล่ะ เขาเป็นอย่างไรบ้าง"

"ยังไม่รู้สึกพระองค์เลยเพคะ" พระชายาดูสีหน้าเป็นกังวล ใครกันที่มันสามารถทำร้าย น้องชายของนางได้สาหัสขนาดนี้ นางจึงอยากดูอาการของเฉิงหลิงเซียว

"ไหน เจ้ารีบพาข้าไปดูอาการ"

"ทางนี้เพคะ "

     หยูอิงฮัว เจ้าหุบเขาหมื่นพิษ รีบนำทางพระชายาไปในทันที หุบเขาหมื่นพิษมีทิศทางที่สลับซับซ้อน เหมือนกับเขาวงกต ถ้าใครที่เผลอทะเล่อทะล่าเข้ามา ในหุบเขานี้ อาจหลงทางหรือโดนไอพิษร้ายกาจต้องจบชีวิตทิ้งไว้ที่นี่ได้ ฉะนั้น หยูอิงฮัวจึงนำทางพระชายา เพื่อจะได้ถึงจุดหมายได้เร็วไว พอไปถึงพระชายาเฉิงเหลียนฮวา เห็นน้องชายของตนนอนสิ้นสติ ไม่ไหวติงบนเตียงหยก ก็พลันเข้าไปตรวจดูอาการในทันที

"หลิงเซียว น้องพี่"

     พระชายามิรอช้าอาจจะไม่ทันการณ์ เมื่อตรวจดูชีพจรของเฉิงหลิงเซียวก็รู้ทันทีว่า เขานั้นบาดเจ็บสาหัสจากวิชากรงเล็บวชิระ ซ้ำร้ายยังโดนแรงสะท้อนกลับจากตาข่ายตรึงฟ้า ทำร้ายถึงอวัยวะภายในเป็นเหตุให้บาดเจ็บสาหัส พลังวัตรและลมปราณเกือบจะสูญสลาย พระชายาดูอาการแล้วถึงกับร้อง อา! อานุภาพการทำลายของตาข่ายตรึงฟ้าช่างน่ากลัวเหลือเกิน เมื่อคิดดังนั้นก็ต้องนำของสิ่งหนึ่งในตัวออกมา


"หยกน้ำแข็ง"

     เสียงอุทานของหยูอิงฮัว ร้องขึ้นเบาๆ เพราะนางเคยแต่ได้ยินคนพูดถึงกัน เพิ่งจะได้เห็นก็ครั้งนี้นั่นเอง ถ้ามีของสิ่งนี้ ไม่แน่ อ๋องรองเฉิงหลิงเซียว อาจจะมีโอกาสฟื้นขึ้นมาก็ได้ คิดดังนั้นนางก็พลันเผยยิ้มออกมาอย่างหมดกังวล

"อิงฮัว เจ้ามีเลือดจิ้งจอกพันปีรึไม่"

"มีเพคะ "

"เอามาให้ข้าหน่อย"

"เพคะ"

      หยูอิงฮวา เจ้าหุบเขาหมื่นพิษนางรีบกุลีกุจอ ไปนำเลือดจิ้งจอกพันปีมาให้ เพราะในสถานที่แห่งนี้ ไม่มีตัวยาที่ไหนจะหาไม่ได้ นางจึงมีพร้อมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตัวยาหรือกษัยยา มินานนักนางก็นำขวดเลือดของจิ้งจอกพันปีเข้ามา

"เลือดจิ้งจอกพันปีเพคะ พระชายา"

     พระชายามิได้พูดกล่าววาจาอันใด เมื่อได้เลือดจิ้งจอกพันปีมา รีบประคองร่างของน้องชายขึ้นมา พลันจ่อปากขวดเลือดจิ้งจอกพันปี เข้าสู่ปากของเฉิงหลิงเซียว เพียงครู่ใบหน้าที่ซีดเผือดของอ๋องรองแห่งวังตะวันตก ก็กลับดูเป็นปรกติเพียงแต่ยังมิได้สติเท่านั้นเอง หยูอิงฮัวประหลาดใจยิ่งนัก ตนเป็นหมอแท้ๆยังรู้สึกประหลาดในใจ เหตุใดจึงมิรู้เรื่องนี้ แต่มิกล้าถาม เลือดจิ้งจอกพันปีมีฤทธิ์เย็นจัด ถ้าใช้รักษาเทพเซียนทั่วไปอาจจะทำให้ร่างกายสะสมไอหยินจนเย็นจัด ดวงจิตดับแตกสลายกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งชีสูญสลายไปได้ นางครุ่นคิดสงสัย แต่เหมือนกับพระชายา รู้ว่าหยูอิงฮัวจะเอ่ยถามอันใดนางจึงกล่าวออกไปว่า

"เลือดจิ้งจอกพันปี สำหรับหลิงเซียวแล้วนับว่ามีความสำคัญ เพราะเขาคือมังกรน้ำแข็งจำเป็นต้องใช้เลือดจิ้งจอกพันปี ที่มีฤทธิ์เย็นจัด เมื่อได้รับบาดเจ็บอวัยวะภายใน เลือดจิ้งจอกพันปีสามารถรักษาและคุ้มครองชีพจร ช่วยประคองพลังลมปราณมิให้แตกซ่านได้ จากนี้ไป ข้าจะใช้หยกน้ำแข็งเพื่อฟื้นฟูพลังวัตรและลมปราณของหลิงเซียว เจ้าจงอย่าให้ใครมารบกวน"

"เพคะ อะ-เอ่อ..แล้วองค์ชายน้อยเฟยหยีล่ะเพคะ" หยูอิงฮัวแปลกใจ ว่าเหตุใดพระชายาไม่พาโอรสติดตามมาด้วย

"ข้าส่งเขาไปซ่อนตัวที่หยุนไหลแล้ว"

"อ๋อ " หยูอิงฮัวพยักหน้ารับรู้ เมื่อเป็นดังนั้น นางก็พลันรู้สึกเบาใจ

"อิงฮัว คนของหลิวฮั่ว ออกไปจากแดนมายารึยัง"

"ยังเลยเพคะ พวกของหลิวฮั่วและคนของห้ากองธงสวรรค์ยังคงตามหาตัวของพระชายากับองค์ชายน้อยอยู่เพคะ"


"แล้วเจ้าหุบเขาคนอื่นๆล่ะ "

     พระชายารู้สึกเป็นห่วง ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับศึกในครั้งนี้ ต้องมาเดือดร้อนจึงเอ่ยถามออกไป เพราะอย่างไรเสีย นางก็ไม่อยากให้คนในแดนมายาของนาง ต้องมาบาดเจ็บล้มตายเพราะนางและครอบครัว เนื่องจากการเข่นฆ่ากันนั้นมันมิได้อะไร ถ้าทุกคนในแดนมายาหลบหนีไปจนรอดปลอดภัยได้ ก็ถือว่าเป็นการดี

"เจ้าหุบทั้งสี่ พาคนของเขาเล้นกายปิดทางเข้าออกด้วยอาคมลวงตาหมดแล้วเพคะ ถ้าหลิวฮั่วกับคนห้ากองธงสวรรค์ จะหาตัวพวกเราก็คงจะไม่ง่ายนัก" พระชายาฟังดังนั้นก็พยักหน้าเบาใจ แต่ก็นึกขึ้นได้

"แล้วคนของเจ้าล่ะ"

"หม่อมชั้นสั่งให้คนกลุ่มหนึ่งไปหลอกล่อ ปั่นหัวพวกหลิวฮั่วอยู่เพคะ เพราะว่าท่านอ๋องรองยังบาดเจ็บ เกรงว่าพวกห้ากองธงสวรรค์พบเจอจะลำบากและอ๋องรองจะไม่ปลอดภัย"

     พระชายาฟังดังนั้นก็พลันเข้าใจและพอใจในความซื่อสัตย์ของหยูอิงฮัว ที่เห็นคนของแดนมายา มิเคยทอดทิ้งกันแม้ว่านางต้องแลกชีวิตอันสูงค่าของนางเอง ให้กับบริวารเช่นนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วพระชายายิ้มออกมาบางๆ แล้วกล่าวกับหยูอิงฮัวว่า

"ข้ากับน้องขอบใจพวกเจ้ามาก หนี้บุญคุณในครั้งนี้ เป็นตระกูลเฉิงติดค้างพวกเจ้าแล้ว ถ้าข้ายังอยู่จะปกป้องพวกเจ้าเอง หากถ้าข้ามิได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ขอฝากพวกเจ้า ดูแลน้องชายและยวี่เอ๋อร์ ต่อจากข้าด้วยนะ อิงฮัว"

"พระชายา! อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย แม้พวกหม่อมชั้นจะเหลือเพียงคนสุดท้ายก็จะไม่ยอมให้มันผู้ใด มาทำร้ายพระชายากับอ๋องรองได้แม้แต่ปลายเล็บ หม่อมชั้นจะฆ่าพวกมันไม่ให้เหลือรอดแม้ซักคน"

"ขอบใจมาก"

     พระชายา ตรวจดูชีพจรของเฉิงหลิงเซียว เห็นพลังวัตรและลมปราณเริ่มรวมตัวแล้ว นางจึงเริ่มทำการรักษาทันที แล้วหันไปกล่าวกับหยูอิงฮัว


"เจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาในการรักษาหลิงเซียว เวลานี้เจ้าอย่าให้ใครมารบกวนข้า รอจนกว่าข้าจะพาหลิงเซียวออกไปเอง"

"เพคะ พระชายา "

"อืม ไปได้"


หยูอิงฮัว เห็นดังนั้นก็เริ่มแผนการต่อไปในทันที เพื่อป้องกันมิให้ศัตรู เข้ามาภายในหุบเขาแห่งนี้ได้ ดีที่ว่าสภาพแวดล้อมแดนมายานี้มีทั้งภูมิอากาศผันเปลี่ยนไปตลอด ทั้งไอหมอกฝุ่นควันพิษ ทำให้การค้นหาของคนห้ากองธงสวรรค์กับทหารของแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว ต้องกระทำการอย่างยากลำบาก อิงฮัวจึงคิดแผนสร้างความลำบากในการค้นหาเพิ่มขึ้นอีก  มิยอมให้คนของวังสวรรค์กระทำการสำเร็จได้โดยง่าย จึงได้จัดเตรียมสั่งคนของตนเริ่มดำเนินแผนการในทันที
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน9 ➧ ➧ ➧ Up [09-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 09-02-2019 21:46:59
ลุ้นระทึก กัน ต่อ ไป รอๆ จ้า^^
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน10 ➧ ➧ ➧ Up [10-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 10-02-2019 19:51:52
10.เสี้ยวจันทรา รักษาผู้บาดเจ็บ

"ท่านอาจารย์ขอรับ"

     เสี่ยวเมาร้องทักหวงหลงเมื่อเห็นอาจารย์ผู้เฒ่าวุ่นวายกับการรักษาคนผู้นึง ที่แช่อยู่ในถังยาขนาดใหญ่ร่างกายคนผู้นี้เหมือนไม่ได้ขยับเขยื้อนมานาน เสี่ยวเมาเข้ามาเห็นครั้งแรกก็ตกใจนึกว่าในเรือนไม้ไผ่หลังเขานี้ จะมีเพียงแค่เขาคนเดียวไหนเลยมีคนป่วยพำนักตัวอยู่ด้วยแต่คนผู้นี้เหมือนกับว่าไม่ได้มีชีวิตอยู่ เหตุใดกันอาจารย์ของเขายังคงรักษา

"เจ้ามีปัญหาอะไร? หืมเสี่ยวเมา"

"คนผู้นี้ เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมขอรับอาจารย์"เสี่ยวเมาไม่ได้พูดเปล่าจึงเอามือแตะไปที่จุดชีพจร พบว่าไม่มีการตอบสนองแล้ว
"แล้วเจ้าเห็นว่าอย่างไรล่ะ"
"ท่านอาจารย์ยังรักษาเขาอยู่ก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่สิขอรับ"
"เจ้าเด็กคนนี้ เจ้านี่มันกะล่อนชัดๆ หึหึ"
     หวนหลงรู้ดีว่าเสี่ยวเมาคิดอะไรแต่เมื่อถามออกไปเสี่ยวเมากลับตอบออกมาผิดแผกออกไปจากที่ในใจเขาคิด แสดงให้เห็นว่าเด็กคนนี้พอมีไหวพริบ
"มานี่ ตามอาจารย์มา อาจารย์จะให้เจ้าคอยเก็บสมุนไพรคอยรักษาและช่วยเขาผู้นี้ตอนที่อาจารย์ไม่อยู่ จำไว้นะ อยู่ที่บ้านไม้ไผ่อย่าออกไปเที่ยวเตร่ที่ไหนล่ะเจ้าจะต้องศึกษาตำราแพทย์และเก็บสมุนไพรไว้ให้อาจารย์ ถ้าเจ้าเก่งแล้ว อาจารย์จะพาเจ้าลงเขาไปช่วยเหลือผู้คน"
"อื้อ ขอรับอาจารย์"
"การเข่นฆ่า ล้วนแต่นำพาความพยาบาทชิงชังมิได้สร้างประโยชน์อันใด แต่การเสริมสร้างให้ชีวิตแก่สรรพสัตว์ ได้ดำเนินไปตามสัจธรรมตามวิถีโลกล้วนเป็นสิ่งสมควร จำคำที่อาจารย์พูดไว้ให้ดีล่ะ เสี่ยวเมาเอ้ย"
     หวงหลงตั้งใจถ่ายทอดวิชาแพทย์ทั้งหมดนี้ให้แก่เขา เพื่อจะได้เอาไปไว้ช่วยผู้คน มิต้องเข้าไปปะปนแปดเปื้อนกับกลิ่นคาวการฆ่าฟันหวงหลงเกรงว่าเมื่อเสี่ยวเมาโตขึ้นนั้นจะหันเหตนเข้าสู่วังวนการแห่งแย่งชิงอำนาจทั้งชีวิตของเสี่ยวเมาอาจไม่สงบสุขดังที่มารดาเขาตั้งใจ
"ศิษย์จะจำไว้ขอรับ"
"อื้ม ดีมาก อาจารย์ก็สอนเจ้าได้เพียงเท่านี้ "
"ขอรับ"เด็กน้อยใสซื่อผงกหัวหงึกๆ
"โกรธอาจารย์รึไม่ ที่อาจารย์ยังไม่สอนอาคมและวิชาการต่อสู้ให้"
"ศิษย์ไม่บังอาจโกรธอาจารย์หรอกขอรับ"
"หน็อยเจ้าเด็กคนนี้ ..กล้ายอกย้อนข้ารึ"
"ศิษย์เปล่าคิดเช่นนั้นนะขอรับอาจารย์ "

     เสี่ยวเมาทำหน้ามุ่ย การอยู่ที่นี่มันน่าเบื่อ นึกว่าจะมีอะไรให้ทำสนุกๆ ได้เรียนเพลงกระบี่มีเพื่อนเล่นฝึกวิชา หรือได้เล่นดนตรีที่มีเสียงไพเราะรื่นเริงเหมือนกับศิษย์พี่คนอื่นๆ อยู่ที่ตำหนักฝึกวิชาต่างๆ เขากลับมาเฝ้าคนป่วยและอ่านตำราแพทย์อยู่ด้านหลังหุบเขาโดยที่คนในหุบเขามิรู้เลยว่า เขามีตัวตนอยู่ในเมฆาล้ำเหมือนกัน

"หึ เจ้าตัวดี ปากเจ้าบอกว่าไม่ แต่ใจเจ้ากลับคิดต่อว่าข้าอยู่ใช่ไหมมาๆรีบตามข้ามาเก็บสมุนไพรเร็วเข้า"
"ขอรับอาจารย์"

     พลางหวงหลงก็เอามือลูบเคราขาวของเขาพลันกดปลายมือของตนข้างนึงบนหัวเด็กน้อยผลักอย่างเอ็นดู ก่อนเดินนำหน้าไป สิ่งที่หวงหลงกลัวคือเสี่ยวเมาจะมีวังวนเกี่ยวพันกับการฆ่าฟันตามแบบคนรุ่นก่อน มิได้บำเพ็ญเพียรตามที่ควรจะเป็นในเมื่อกำเหนิดเป็นบุตรเทพเซียนชั้นสูง เสี่ยวเมาก็ควรกระทำตนให้เป็นประโยชน์แก่ทุกภพภูมิ สร้างความสงบสุขแก่โลก มิใช่เป็นฉนวนก่อสงครามนำพาความวุ่นวายให้เกิดขึ้นเรื่องของคนรุ่นเก่าก็ควรให้คนรุ่นเก่านั้นเป็นผู้สะสางกันไป

"อาจารย์ได้ร่ายอาคมป้องกันที่แห่งนี้ไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจพบเจอเจ้าอยู่ที่นี่ไปสักพักก่อนนะ ถือว่าช่วยอาจารย์รักษาคนป่วยช่วยชีวิตคนดีกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นไปกันเถอะเสี่ยวเมา "
"ขอรับ" เด็กน้อยพยักหน้ารับ

**
ณ หุบเขาหมื่นพิษ

     เมื่อพระชายาทำการรักษา เฉิงหลิงเซียวด้วยหยกน้ำแข็งโดยการถ่ายทอดพลังลมปราณและพลังของพระนางเองเพื่อให้หลิงเซียวฟื้นตัวได้เร็วขึ้นโดยการใช้หยกน้ำแข็งเป็นตัวแปรสภาพพลัง หลังจากที่หลิงเซียวได้รับการรักษาพักใหญ่ก็เหมือนว่าเขาจะดีขึ้นตามลำดับ จนรู้สึกตัวขึ้นมา

"ท่านพี่!! แค่ก แค่ก"
"ตั้งสมาธิ ยังไม่ควรพูดเรื่องอันใดในเวลานี้"
"ขอรับ อึก อึก"

     เฉิงหลิงเซียวเมื่อได้รับการรักษาเขาตั้งสมาธิไปได้สักพักก็ดันพลันครุ่นคิดในสิ่งที่ไม่ควรจะคิด ภาพของหานอี้อดีตคนรักลอยเข้ามาในห้วงคำนึง ความเป็นห่วงความหวาดกลัวว่าคนรักจะเกิดเหตุร้ายอันตรายถึงชีวิต จึงทำให้ลมปราณภายในปั่นป่วนติดขัดจนกระอักเลือดคำโตออกมาพระชายาแสดงสีหน้ากังวลจึงพูดตะคอกใส่

"ตั้งสมาธิ ห้ามวอกแวกมิเช่นนั้นอาจจะทำให้ลมปราณแตกซ่านธาตุไฟแทรกข้าจะสูญเวลาเปล่าเราทั้งสองจะบาดเจ็บ"

     หลิงเซียวพลันตั้งสติได้จึงตั้งสมาธิอีกครั้งจนผ่านช่วงเวลาเป็นตายนี้ไปได้ไม่นานนักพระชายาจึงหย่อนปลายเท้าของนางลงจากเตียงหยก ก่อนประคองร่างน้องชายของตนนอนพักสีหน้าพระชายาเองก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากนางเสียพลังเซียนไปในการรักษามากพอดู

"ท่านพี่ อึก อึก.."
"ใครทำร้ายเจ้า"

     สิ่งแรกที่พระชายาต้องการจะถามคือเรื่องนี้ ด้วยความเป็นห่วงน้องเพราะในแดนสวรรค์ผู้ที่จะทำร้ายเฉิงหลิงเซียวได้มีไม่กี่คนและคนผู้นั้นอาจจะเกี่ยวกันกับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดกับแดนมายา

"มีนักฆ่าไปฆ่าล้างคนในคฤหาสน์หมื่นปราชญ์ แล้วข้าก็พบกับแม่ทัพจางฉวนนำองครักษ์สวรรค์ไปสืบคดี ที่นั่น นักฆ่าพวกนั้นมันทิ้งหลักฐาน คือเข็มดับตะวันเพื่อใส่ร้ายวังตะวันตกข้าได้ต่อสู้กับจางฉวนบาดเจ็บ และต้องใช้พลังเซียนทั้งหมดที่มีหนี ออกจากตาข่ายตรึงฟ้าเจอแรงสะท้อนย้อนกลับของตาข่ายตรึงฟ้าจึงทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัส"
"อืม ข้ารู้แล้วเช่นนั้นเราต้องระวังคนของเผ่ากิเลนให้ดีๆ"

"อึก อึก ท่านพี่รู้รึไม่ คนตระกูลหานมีใครรอดชีวิตอยู่บ้าง"

     พระชายามิได้ตอบอันได้นอกจากส่ายหน้า เนื่องจากหลังที่เกิดเหตุการณ์พระชายาได้ข่าวเพียงว่าเฉิงหลิงเซียวบาดเจ็บ ทุกอย่างก็พุ่งเป้ามาที่วังตะวันตกทำให้วังตะวันตกโดนทหารของวังสวรรค์ เข้าปราบปราม
[อึก..หานอี้ ข้าขอโทษที่ข้าไปหาเจ้าช้าไปเป็นข้าเองที่ทำร้ายเจ้า]

     เฉิงหลิงเซียวเห็นพระชายาส่ายหน้าดังนั้นพลันเหมือนคนใจสลายอยากตกตายตามหานอี้ไปเสียแต่ตอนนั้น หลิงเซียวพลันหันหน้าตนเข้ากำแพงผนังหลั่งน้ำตาเป็นทาง ทุกอย่างมันจุกที่ทรวงอกแน่นไปหมดราวเหมือนกับว่าอวัยวะภายในปวดหนึบเหมือนมันจะแตกสลายเป็นเสี่ยง จนเฉิงหลิงเซียวกลั้นความเสียใจนี้ไว้ไม่ไหวกระอักเลือดช้ำภายในออกมาอีกครา

"หลิงเซียว เจ้าเป็นอะไร?"

     พระชายารู้สึกแปลกใจที่เห็นอาการของหลิงเซียวเป็นดังนั้น นางรักษาผิดตรงที่ใดกันแน่ พอกดตรวจชีพจรดูก็พบว่าหลิงเซียวสิ้นสติไปเสียแล้วบัดนี้ พระชายาก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นโรคทางใจ ไม่มีทางรักษานอกจากปล่อยให้วันเวลา ค่อยรักษาตัวมันเอง พระชายานางเคยเป็นมาก่อนตอนเสียสวามีพอเข้าใจดังนี้พระนางจึงเฝ้าดู อาการเฉิงหลิงเซียวและพักฟื้นกำลังของตนไปพลาง
 

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน10 ➧ ➧ ➧ Up [10-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-02-2019 08:02:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน11 ➧ ➧ ➧ Up [15-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 15-02-2019 22:13:34
11. เสี้ยวจันทรา ทะเลเพลิงในแดนมายา


     ไม่นานเท่าใดหลังจากพระชายาโคจรพลังให้เข้าที่ หลังจากที่สูญเสียไปจากการรักษน้องชาย ทำให้มีกำลังฟื้นฟูมาได้หลายส่วน ด้านเฉิงหลิงเซียวเองพลันตื่นขึ้นมาเช่นกัน แต่เขามิได้พูดวาจาใดๆ นอกจากลืมตาดวงกลมโตใส กะพริบเปลือกตาอย่างช้าๆ พลันก็มีน้ำเอ่อล้นออกมาพระชายาเหลือบเห็นก็นึกสงสาร เหตุใดหลิงเซียวจึงเป็นไปได้มากมายเช่นนี้

[เด็กโง่ นี่เจ้าเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ? หลิงเซียว]

"หากวาสนาจะได้พบพาน มินานก็คงได้พบเจอ" พระชายาพูดเตือนสติน้องชายของนางอีกครั้ง
"เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว เจ้าเศร้าไป ก็มิเกิดประโยชน์อันใดเลย หลิงเซียวตอนนี้แดนมายามีภัย เจ้าในฐานะผู้นำตระกูลคนหนึ่งไม่ควรเศร้าหมอง เจ้าอย่าลืมภาระของเจ้ายังมีอยู่ เรื่องในโลกนี้มิได้มีเพียงเรื่องของหานอี้แห่งตระกูลหานเท่านั้น "

     เมื่อเฉิงหลิงเซียวได้ฟังดังนั้นก็พลันคิดได้สะอึกขึ้นมาระหว่างกลั้นน้ำตาไว้ แต่มันช่างเป็นการยากเหลือเกิน ที่จะสะกดอาการเช่นนี้ลงไป

"อึก อึก ..ทะ-ท่านพี่"

     อดทนกับความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับกลืนเลือดสดๆคำโตลงท้อง การทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันยากเย็นเสียจริงๆสำหรับเขา

"หืม เจ้ามีอะไรอีก?" พระชายาหันมาถามเฉิงหลิงเซียวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
"ยวี่เอ๋อร์ล่ะ อยู่ไหน?"

"ข้าส่งเขาไปหยุนไหล ให้ท่านเจ้าสำนักหวงหลงดูแล ตอนนี้แส้โลหิตเปลี่ยนเจ้าของแล้ว แต่ยังไม่มีใครรู้ ถ้ามีเรื่องใดเกิดขึ้นกับข้า เจ้าต้องดูแล ยวี่เอ๋อร์แทนข้าด้วย"
"อือ.. อึก แค่ก แค่ก"

"อาการ เจ้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง"

"เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ ท่านพี่ "
     สีหน้าของเฉิงหลิงเซียวดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก เขายังสามารถใช้มือท้าวพื้น ยันกายให้ลุกขึ้นมาได้พระชายาเห็นดังนั้นก็เข้าประคองเฉิงหลิงเซียว ลุกออกจากเตียง มาที่โต๊ะก่อนจะยกชากระเบื้องที่เทยาเตรียมไว้ นิ้วเรียวงามของพระชายาทรงจับช้อนคนยาแล้วใช้ปากเป่าชามยาอย่างแผ่วเบา
"อ่ะยานี่ เจ้าดื่มเสียก่อนมันจะช่วยให้ร่างกายเจ้าฟื้นตัวได้เร็วขึ้น"
"แค่ก แค่ก"
     เสียงไอหอบเหมือนเหนื่อยอ่อนโรยราของเฉิงหลิงเซียว พระชายารู้ดีว่าเขานั้นยังต้องพักฟื้นอีกพอควร
"เจ้ารีบดื่มเสีย ตอนที่มันร้อนๆเถอะ"
"ขอบคุณท่านพี่"
     เฉิงหลิงเซียวรับถ้วยยามาแล้วใช้ช้อนกระเบื้องตักจิบทีละนิดๆ พระชายาเห็นดังนั้นก็พลันนึกขึ้นได้ พระนางอยากรู้ว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นเช่นไรบ้างจึงคิดออกไปหาหยูอิงฮัว คิดได้ดังนั้นพระนางจึงหันมาบอกกล่าวกับเฉิงหลิงเซียว
"เจ้าพักก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่จะออกไปดูด้านนอกเสียหน่อย ว่ามีข่าวคราวใดหรือไม่"
"อืม ขอรับท่านพี่ "
"ยานี่ เจ้าจงดื่มเสียให้หมดแล้วนอนพักซะ"

"อื้อ!" เฉิงหลิงเซียวพยักหน้ารับรู้ก่อนพระชายาเฉิงเหลียนฮวาจะเดินจากออกห้องไป

**

พระชายาเห็นหยูอิงฮัว เดินกระวนกระวาย ในห้องโถงใหญ่ ดูเหมือนมีเรื่องยุ่งยาก ให้หยูอิงฮัวลำบากใจ พระชายาเฉิงเหลียนฮวากระตุกคิ้วขึ้นหรี่ตาดูเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาหยูอิงฮัว
"เกิดอะไรขึ้น?"
"จางหวน มัน ใช้ไฟโลกันต์จากกิเลนไฟ เผาหุบเขาทั้งห้าเพื่อตามหาพระชายากับองค์ชาย มันจะทำให้แดนมายาแห่งนี้เป็นกลายเป็นทะเลเพลิงเพคะ"
     พระชายาสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที นางเห็นดังนี้ก็ตระหนักดีว่า อันตรายคงเข้าใกล้ถึงตัวแล้วเมื่อเป็นเรื่องเก่า ก็ต้องให้คนรุ่นเก่า ชำระความกันเสียตัดสินใจดังนั้นพระชาจึงออกปาก สั่งหยูอิงฮัวทันใด
"อิงฮัว เจ้าจงรีบพาหลิงเซียวออกจากแดนมายาให้เร็วที่สุด"
"แล้วพระชายาล่ะเพค่ะ"
"เจ้ารีบไปเถอะ คุ้มกันหลิงเซียวหนีไป จำไว้ยวี่เอ๋อร์คือนายใหม่ที่เจ้าต้องปกป้อง ไม่ใช่ข้าเรื่องข้ากับจางหวนล้วนมีแต่ข้ากับเขาเป็นผู้ก่อ ทิ้งไว้เป็นหน้าที่ข้าให้ได้ชำระสะสางมันเอง"
"แต่พระชายาเพคะ"
"เจ้ามิต้องพูดกล่าวอันใดให้มากความ รีบทำตามที่ข้าบอก"
"เพคะ"หยูอิงฮัวแม้ว่าจะอยากขัดคำสั่งของพระชายาเฉิงเหลียนฮวาแต่ก็มิอาจทำตามได้เนื่องด้วยเหตุผลนางจึงจำเป็นต้องทำตาม
"เมื่อวังสวรรค์อยากให้แดนมายาสาปสูญไป ข้าก็จะทำให้วังสวรรค์ ได้จดจำเรื่องนี้ไป ตลอดกาล"

"พระชายา!!"

     แววตาที่แข็งกร้าวบวกกับสีหน้าของพระชายาเฉิงเหลียนฮวา ทำให้หยูอิงฮัวใจไม่สู้ดีนัก ทว่าเวลานี้นางเองก็มิได้มีเวลาอันใดให้ต้องมาคิดมากจึงต้องรีบทำตามคำสั่งที่มันสำคัญยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน หยูอิงฮัวรีบถลันกายรุดไปหาเฉิงหลิงเซียวในทันใดนางเองก็มิรู้ว่าเหตุการณ์ต่างๆต่อไปหลังจากนี้ อาจเกิดเรื่อง ที่มิอาจจะคาดเดาได้ ในใจก็นึกหวั่นไหวให้ใจเป็นกังวล

     บนยอดเขาสูงที่สุดในแดนมายาชื่อว่าผาราชันย์สูงตระหง่านค้ำฟ้า ใบหน้าที่งามสง่าของพระชายาเฉิงเหลียนฮวาทวงท่าดุจดั่งหยกน่าทะนุถนอม ร่างผอมบางสวมเสื้อคลุมยาวสีแดงเพลิงชายเสื้อพลิ้วไหวตามกระแสแรงลม แต่ทว่าพระชายาเฉิงเหลียนฮวากลับมีท่วงท่าที่แข็งกร้าวเย็นชาน่าเกรงขามดุจดั่งพญาหงส์ไฟ ที่พร้อมจะเผาไหม้โลกใต้หล้าให้แหลกสลายหายไปในพริบตา
 

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน12 ➧ ➧ ➧ Up [16-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 16-02-2019 12:13:26
12. เสี้ยวจันทรา อาละวาดวังสวรรค์

     บัดนี้แดนมายาดินแดนที่แสนสงบสุขมาเนิ่นนานตั้งแต่เมื่อจบสงครามครั้งผานกู่สร้างโลกใหม่ ตอนนี้ได้เกิดศิกใหญ่ดังครั้งเก่าทะเลเพลิงสีแดงฉาน เพลิงลุกสาดส่องโชติช่วงหลายพันลี้ทั่วแดนมายา ศึกครั้งนี้อาจจะทำให้แดนมายากลายเป็น ดินแดนที่ถูกลืมเลือนสูญหายไปตลอดกาล เสียงของลมผ่านพลิ้วไหวรุนแรง ตามแสงของเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ไม่คาดช่วง ภายใต้ท่วงท่าดั่งหยกงาม ของพระชาเฉิงเหลียนฮวา บนผาราชันย์ ครั้งนี้คงเป็นศึกตัดสินกันครั้งสุดท้าย ระหว่างพระนางกับจางหวน

     พระชายาเฉิงเหลียนฮวานั่งถอนใจบนผาราชันย์ ก่อนนำพิณมาวางตรงหน้า พร้อมกับหรี่เปลือกตาหลับลงทีละน้อยพร้อมกับค่อยบรรจง นำปลายนิ้วเรียววางบนพิณเพื่อบรรเลง เสียงพิณดังก้อง ท่วงทำนองพริ้วไหว ใจความว่า

"โลกมนุษย์มีความสุขแสนรื่นรมย์ แดนสวรรค์ชั้นเซียนกลับขื่นขมหลากหลาย ดีกลายเป็นร้าย คลับคล้ายหมอกลวงตา เห็นหญ้าเกรียมไหม้ให้เศร้าหมอง ตามครรลองหมุนเวียนเปลี่ยนฤดู ยากหยั่งรู้เภทภัยในโลกหล้า จันทราสุกส่อง เมฆล่องลอยผ่าน กล่าวขานสูญสลาย กลับกลายเป็นมายา"

     พิณที่บรรเลงนั้นทำให้ผู้ได้ฟังพลอยรู้สึกโศกเศร้าปลดปลง ท่วงทำนองเปล่งออกมาทำให้รู้ว่า ผู้ที่บรรเลงมิได้มีเรื่องใดให้ห่วงกังวลใจอีก

"ท่านรองแม่ทัพขอรับ ท่านรองแม่ทัพ!!"
"เจ้ามีอะไร?" ท่านลองฟังดูสิขอรับ"

     จางหวนมิรอช้ารู้ทันทีว่า พระชายาเฉิงเหลียนฮวา รอการพบเจอกับตน ทันทีที่รู้ดังนั้นก็พลันสั่งคนของตน ให้เตรียมพร้อม อาจเกิดศึกใหญ่ขึ้นได้ในไม่ช้า จากนั้นจางหวนก็หมุนตัวออกไปในทันที มินานนักจางหวนก็พลันปรากฏกายขึ้นบนผาราชันย์
"พระชายาทรงสำราญพระทัย ได้เช่นนี้หม่อมชั้นจางหวนเลื่อมใสยิ่งนัก" จางหวนปรากฏ ตัวประสานมือน้อมคำนับในทีแต่มิได้จริงใจ

     พระชายาขยับเปลือกตาของนางขึ้นอย่างช้าๆ เงยหน้ามองผู้มาเยือนแล้วยิ้มส่งให้จางๆลมและหมอกควันเปลวไฟยังคงพัดพาฝุ่นลอยฟุ้งกระจาย เหมือนดั่งบทเพลงที่พระชายาบรรเลงในท่อนสุดท้าย กล่าวขานสูญสลาย กลับกลายเป็นมายา เพราะสุดท้ายเมื่อทุกอย่างโดนไฟเผาไหม้สิ่งใดๆที่เคยเกิดขึ้นก็ดับสูญหายไปเหลือไว้แค่ภาพมายา พระชายาเฉิงเหลียนฮวาเห็นผู้มาเยือนก็พลางกล่าวขึ้นว่า

"คนที่กล้าคิดเหิมเกริมกับแดนมายา ทุกภพภูมิคงมีแต่ท่านเท่านั้นสินะ"

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ พระชายาก็ทรงกล่าวเกินไปกระหม่อมมิบังอาจเช่นนั้นหรอกเหตุใดพระชายาจึงกล่าวใส่ไคล้กระหม่อมเช่นนั้นเล่า"
"เหอะ"

     สีหน้าของพระชายาเฉิงเหลียนฮวาเข้มขึ้นพระนางข่มกลั้นอารมณ์อย่างสุดขีด ก่อนที่จะยกกายของตนยืนขึ้นเสื้อคลุมสีแดงปลิวพลิ้วไหวตามแรงลมดุจภาพวาด ทว่าแววตาพระชายากลับมีทีท่าไม่เป็นมิตรมองไปทาง จางหวนก่อนพูดต่ออีกว่า

"หึ ท่านจาง ข้ากลับท่านนั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ข้าคงมิได้คิดมากไปหรอก ท่านว่าใช่หรือไม่?"

     พระชายาเดินผ่านหน้าจางหวนจนพูดจบประโยค ก็พลางเหลียวไหล่มาพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้มหยันจางๆแล้วกล่าวขึ้นอีกว่า
"แต่ทว่า ข้าเกรงว่า ท่านจางมาหาข้าครั้งนี้คงต้องผิดหวังเสียแล้วกระมัง? หึหึ" พระชายาส่งยิ้มโปรยไปให้จางหวน จนจางหวนรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นเกินกล่าว

"นี่ท่าน!"จางหวนกระตุกคิ้วขึ้นพร้อมกับทมึงตาใส่พระชายาที่วาจากล่าวหยั่งเชิง ดูเหมือนจะเป็นดังที่พระชายาคาดการณ์ สิ่งที่จางหวนต้องการคืออะไร จางหวนท่าทีเปลี่ยนไป เริ่มกำมือแน่น จางหวนครุ่นคิดว่าครั้งนี้จะจบสิ้นปัญหาแต่กับนำพาความยุ่งยากเพิ่มขึ้นจางหวนรู้สึกหงุดหงิดกับพระชายาแต่ก็ไม่สามารถโต้วาจาอันใดกลับคืนไป จึงกล่าวออกไปอย่างไม่ยี่หร่ะ

"เป็นพระชายาเองต่างหาก ที่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้มันยุ่งยากมากขึ้นไปอีกถ้าหากพระองค์ทรงยอมมอบเปลวไฟแห่งราชันย์ให้กระหม่อมถือครองแดนมายาที่พระองค์ทรงอุตส่าห์ปกครองมายาวนาน ก็คงมิต้องมาพบจุดจบเช่นนี้"   พระชายาเห็นดังนั้นจึงพลันหันใบหน้าถลึงตาใส่จางหวนแล้วกล่าวว่า
"เหอะ ในอดีตข้านั้นเห็นเจ้าเป็นดั่งเพื่อนสนิทแต่ทว่าเจ้ามันเกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ จางหวน" พระชายาตะคอกเสียงอันดังก่อนกล่าวอีกว่า
"อย่านึกว่าข้ามิรู้เรื่องราว ว่าเจ้านั้นต้องการสิ่งใดต่อไป หลังจากได้ครอบครองเปลวไฟแห่งราชันย์"
"ในเมื่อท่านรู้แล้วว่าข้านั้นต้องการสิ่งใด เหตุใดเล่าพระองค์มิทรงยอมส่งเปลวไฟแห่งราชันย์ มาให้กระหม่อมถือครอง เพราะอย่างไรเสีย ตระกูลเฉิงก็มิได้ต้องการในสิ่งนั้นอยู่แล้ว "
"เจ้ามันช่างเหิมเกริมนัก จางหวน!!"

     เสียงตวาดของพระชายาในครั้งนี้แผดเสียงกึกก้องดังกังวาน ประสานเสียงทั้งห้าขุนเขา ช่างน่าเกรงขามยิ่ง อารมณ์ของจางหวนเองเริ่มแสดงออกมากขึ้นกว่าเดิม จนพระชายาเห็นทีท่าของคนละโมบอย่างจางหวนมิเกรงกลัวจึงสงบอารมณ์ลง จึงกล่าวขึ้นเย้ยหยันด่าจางหวนอีก

"ผิดชอบชั่วดีกลับมินำพา ดั่งฟ้าสิ้นแสงแห่งเดือนดาว ลืมสิ้นเผ่าพันธุ์ตัวตน วนเวียนอยู่ในความโง่งม"
"นี่ท่าน!!" จางหวนโดนด่าว่าเช่นนี้แต่มิอาจจะโต้คำใดกลับคืนได้ จึงได้เพียงชี้หน้าพระชายา
"เรื่องข้าปล่อยให้มันเกิดขึ้นมายาวนานเกินไปแล้ว สำหรับเรื่องของเจ้ากับข้าเช่นนั้นก็ให้มันจบลงเสียแต่วันนี้จะดีกว่า จางหวน!!!!" พระชายาแค่นเสียงขึ้นมาอย่างเหลือทน คิ้วของพระชายาชันขึ้นพร้อมกับเปรยตามองไปที่จางหวนอีกครา

"เมื่อพระชายาร้องขอ ไหนเลยข้า จะกล้าปฏิเสธ"
"ลงมือ!!"
"เมฆาสูญสลาย!!"

     พระชายาฟาดสะบัดมือของพระนางลงบนพิณล่องเมฆา อย่างรุนแรงตามพลังวัตรที่ส่งผ่านไปบนพิณวิเศษเสียงที่เปล่งอานุภาพสะท้านออกไปทั้ง สิบทิศ เปลวไฟที่ลุกไหม้พลันดับวูบในพริบตา มีเพียงฝุ่นควัน ลมโหมกระหน่ำพัดไป ตามกระแสเสียงที่ดั่งสนั่นกึกก้องกองทัพผู้ติดตามของจางหวน ล้วนนอนกองร้องโอดโอย พระชายาเห็นดังนั้นจึงพลันทะยานกายของตน หนีไปในทันที จางหวนเห็นดังนั้น ก็พลันกล่าวกับคนของตน

"พวกเจ้าจงเผาทุกสิ่งที่นี้อย่าให้เหลือจนกว่าจะหาคนในวังตะวันตกเจอ ใครขัดขืน ฆ่า!!! "
"ขอรับ"
"เจ้ารีบไปแจ้งท่านแม่ทัพใหญ่แล้วรีบตามข้าไป"
"ขอรับ
จางหวนไม่รอช้า รีบทะยานกายติดตามพระชายาไปในทันที เห็นทีว่าจะยืดเยื้อเกินกว่าที่ควรจะเป็นเสียแล้ว
**
ณ วังสวรรค์
เคว้ง!! ตูม!!!

     เสียงพิณแผดเสียงสูงเปล่งอานุภาพทำลายล้าง คนวังสวรรค์ตกใจ ก็พลันโกลาหลกันยกใหญ่ เหมือนดังวังสวรรค์เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ดุจฟ้าถล่ม พระชายาก้าวฝีเท้าวูบวับฉับไวจนผู้มองตามไปกวาดสายตาไม่ทัน บัดนี้นางได้ขึ้นมาอาละวาดบนแดนสวรรค์อันเป็นที่อยู่ขององค์จักรพรรดิสวรรค์ ไม่นาน พระชายาก็เข้าไปถึงท้องพระโรงเหล่าทหารองครักษ์ทั้งหลาย ก็พลันบาดเจ็บบ้างก็ล้มตายดวงจิตสูญสลาย ดุจดังใบไม้ร่วงบ้างที่หลงเหลือ ก็พลันเข้ามาถวายอารักขาองค์เง็กเซียน
"ถวายอารักขาฝ่าบาท"
เคว้ง ตู้ม!!!
     อานุภาพของพิณล่องเมฆาที่เกิดจากพระชายาสะบัดฟาดพลังส่งไป ได้ทำลายเสาค้ำยัน ในท้องพระโรง หักโค่นลง
"นี่เจ้า!! เจ้าจะกบฏ รึ!!"
      เสียงขององค์เง็กเซียนตวาดใส่พระชายาเฉิงเหลียนฮวา พระชายาทรงทราบดีกว่า การกระทำอันต่ำช้านี้มิบังควรเลย ในเมื่อถูกหยิบยื่นว่าเป็นผู้ผิด โดยผู้ปกครองที่มิคิดไตร่สวน นางคิดว่าควรจะสอนบทเรียนให้ประมุขวังสวรรค์ได้จดจำเสียบ้าง

"พระองค์ทรงมีราชโองการปราบปรามกบฏแดนมายา หม่อมชั้นก็คือกบฏ ไหนเลยพระองค์ทรงลืมเรื่องเช่นนี้ได้ละเพคะ ฝ่าบาท!! "  พระชายากล่าววาจานุ่มนวลเชื่องช้าเยือกเย็นหรี่ตามองไป องค์เง็กเซียนชะงักไปครู่หนึ่งกับคำพูดของพระชายาเฉิงเหลียนฮวา ก่อนชี้นิ้วเข้าใส่
"นี่เจ้า!!!"
"คุ้มครองฝ่าบาท คุ้มครองฝ่าบาท"
     อี้เทียนรีบสั่งองครักษ์สวรรค์ในทันที ทหารจากด้านนอกท้องพระโรง วิ่งกรูกันเข้ามาพระชายาก็สะบัดมือฟาดพิณ ส่งอานุภาพทำลาย จนทหารที่เข้ามาล้มตายบาดเจ็บจนจางหวนและแม่ทัพใหญ่หลิวฮั่ว เข้ามาได้ทันเวลาพอดี หลิวฮั่วเห็นทหารองค์รักษ์ตื่นกลัวมิกล้าเข้าใกล้ จู่โจมประชิดตัวพระชายาเฉิงเหลียนฮวา จึงกล่าวร้องไปว่า

"เฉิงเหลียนฮวา เจ้ามันช่างเหิมเกริมนัก บังอาจคิดทำร้ายฝ่าบาทมาอาละวาดวังสวรรค์ เจ้าจงมอบตัวรับโทษทัณฑ์ซะดีๆ"
"หลิวฮั่ว เจ้ามันจะไปรู้อะไร เจ้ามันก็คนเลอะเลือนที่รับใช้คนผู้นี้ ในเมื่อข้าเป็นผู้คิดกบฏ ถ้าเจ้าคิดจะจับข้า ก็ต้องดูว่าเจ้า มีฝีมือแค่ไหน งั้นก็ดาหน้ากันเข้ามาได้เลย"
เม-ฆา สูญ สลายย!!
คันฉ่องส่องจันทรา!!!
เคว้ง!! ฟิ้ว- ตู้ม
     ร่างของพระชายาสะท้านถอยไปหลายสิบก้าว พิณล่องเมฆาร่วงหล่น ลงบนพื้นท้องพระโรง จู่ๆ ฮองเฮาเยว่อิงก็ปรากฏกายออกมาอารักขาองค์เง็กเซียน ในมือถือคันฉ่องส่องจันทรา ที่มีอานุภาพสะท้อนกลับ ทำให้พระชายาเฉิงเหลียนฮวาบาดเจ็บ ฮองเฮาเยว่อิงนั้นถือคันฉ่องส่องจันทรา ยืนอยู่ด้านหน้าองค์เง็กเซียน พร้อมพูดขึ้น
"อารักขาฝ่าบาท" นางยืนทะนงมิเกรงกลัวต่อพระชายาเฉิงเหลียนฮวา แม้แต่น้อย
"อึก.นางจิ้งจอก!!"

     พระชายาเฉิงเหลียนฮวาค่อยประคองกายขึ้น พร้อมกับกระอักเลือดที่ออกมาคำนึง เห็นดังนั้นก็มิได้รั้งรอเตรียมจู่โจมต่อ จางหวนเห็นก็พลันเข้าจู่โจมพระชายาเฉิงเหลียนฮวาในทันทีกรงเล็บวชิระของจางหวน พลันกรีดสะบัดตัดอากาศ ดังอื้ออึงพระชายาก็หลีกหลบพลิ้วไหว สกัดกรงเล็บพร้อมกับฟาดฝ่ามือกลับไป แต่ก็มิได้ถนัดนักเนื่องจากบาดเจ็บจากแรงสะท้อนของคันฉ่องส่องจันทรา

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน12 ➧ ➧ ➧ Up [16-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 19-02-2019 18:04:11
 :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน13 ➧ ➧ ➧ Up [19-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 19-02-2019 22:13:47
13. เสี้ยวจันทรา  อาละวาดวังสวรรค์2

   
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน13 ➧ ➧ ➧ Up [19-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-02-2019 00:38:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน13 ➧ ➧ ➧ Up [19-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 21-02-2019 20:22:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน14 ➧ ➧ ➧ Up [22-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 22-02-2019 20:58:53
ตอน14 อธิบายเกี่ยวกับวิชาในคัมภีร์ดับตะวัน

ลำดับพลังเวทขั้นเทพอสูรคือเหนือเทพเหนือมาร

ผู้ฝึกถึงเวทย์ขั้นเทพอสูรสามารถถือครองไฟราชันย์
สามารถเป็นผู้ปกครองทุกภพภูมิได้

พลังแต่ละขั้น

พลังเวทขั้นเทพอสูร (ขั้นสูงสุด) ขาวดำ
พลังเวทขั้น9 ม่วง
พลังเวทขั้น8 ฟ้า
พลังเวทขั้น7 แดง
พลังเวทขั้น5-6 ทอง
พลังเวทขั้น3-4 เหลือง
พลังเวทขั้น1-2 เขียว

เคล็ดวิชาจากคัมภีร์ดับตะวัน
วิชาแส้อ่อน[แส้โลหิต] 

ผู้ใช้ พระชายาเฉิงเหลียนฮวา ฝึกพลังเวทได้ถึงขั้น8 / เฉิงเฟยหยี[นายเอก]
ต้องฝึกพลังเวทถึงขั้น9 จึงจะแสดงอานุภาพรุนแรงไร้ผู้ต่อต้าน

 วิชาแส้อ่อนทั้งหมด 12 กระบวนท่า 6 เคล็ดวิชาพลิกแพลงตามสภาพ

*ชื่อแต่ละกระบวนท่า*
นภาสะบั้นฝ่าตะวันแยกฟ้าราชันย์กักจันทราสะพรึงฟ้าล่าวิญญาญมังกรทะยานแผดเผา
ว่างเปล่าโบยบินดับสิ้นสูญสลายร่ายรำชิงชีวิตฟ้าปิดผ่าตะวันปิดกั้นคืนสภาพ
กำราบเทพมารสะท้านฟ้าคลื่นเมฆาล่าวิณญาณ
**************************************************************

กระบวนท่าที่1. นภาสะบั้น 
 [โจมตีสะบัดแส้ไปด้านหน้าแล้วสะบัดฟาด4ทิศ]

กระบวนท่าที่2. ฝ่าตะวันแยกฟ้า
 [วาดแส้เป็นวงกลมสะบัดไปด้านหน้าตวัดฟาดย้อนคืนด้านหลังจู่โจม]

กระบวนท่าที่3. ราชันย์กักจันทรา 
 [หมุนแส้อ่อนเป็นวงกลมรอบตัวกระบวนท่าป้องกัน]

กระบวนท่าที่4.  สะพรึงฟ้าล่าวิญญาญ
[ลอยตัวกลางอากาศแล้วสะบัดแส้ฟาดรอบทิศจู่โจม]

กระบวนท่าที่5. มังกรทะยานแผดเผา
[พุ่งทะยานไปด้านหน้าแล้วสะบัดแส้พุ่งตรงดุจสายฟ้า]

กระบวนท่าที่6. ว่างเปล่าโบยบิน
[กระบวนท่าป้องกันขณะอยู่บนอากาศ]

กระบวนท่าที่7. ดับสิ้นสูญสลาย
[จู่โจมทำลายขณะลอยตัวสะบัดแส้อ่อนรอบทิศด้วยพลังทั้งหมด]

กระบวนท่าที่8. ร่ายรำชิงชีวิต
[กระบวนท่าหลอกล่อพร้อมกับจู่โจมด้วยความเร็ว]

กระบวนท่าที่9. ฟ้าปิดผ่าตะวัน
[สะบัดแส้ไปโดยตรงกระบวนท่านี้รุนแรงเด็ดขาดโจมตีหมายชีวิต]

กระบวนท่าที่10. ปิดกั้นคืนสภาพ
[โจมตีแล้วหลอกล่อใช้หลบหนี]

กระบวนท่าที่11. กำราบเทพมารสะท้านฟ้า
[สะบัดแส้ด้วยความเร็วและความรุนแรงรอบทิศโจมตีต่อเนื่องทั้งบนพื้นและบนอากาศ]

กระบวนท่าที่12. คลื่นเมฆาล่าวิณญาณ
[กระบวนท่าล่าสังหารเมื่อศัตรูหลบหนี]

*************************************************************

วิชาอาวุธลับ[เข็มพิษดับตะวัน]
มี4 กระบวนท่า 2 เคล็ดวิชา
ใช้พร่ำเพรื่อไม่ได้มีขีดจำกัด

ผู้ใช้พระชายาเฉิงเหลียนฮวา /เฉิงหลิงเซียว / เฉิงเฟยหยี

*ชื่อทั้ง4กระบวนท่า*
ดินฟ้ารวมหนึ่ง/ภูตรำพึงร่ายรำ/หงส์ระบำสิบทิศ/ฝนโลหิตคลั่งฟ้า

กระบวนท่าที่1 ดินฟ้ารวม1 {ฝึกเวทย์ขั้น1}
[หลอกล่อซัดเข็มพิษออกไปโดยตรงด้วยความรวดเร็วแม่นยำ]
กระบวนท่านี้พระชายาเฉิงใช้ในการลอบทำร้ายจางหวน

กระบวนท่าที่2 ภูตรำพึงร่ายรำ {ฝึกเวทขั้น 4}
[หลอกล่อเหมือนจะโจมตีด้วยกระบวนท่าฝ่ามือแต่ใช้เข็มพิษซัดออกไปรอบทิศ]
กระบวนท่านี้เฉิงหลิงเซียวใช้กับจางฉวน

กระบวนท่าที่3  หงส์ระบำ10ทิศ {ฝึกเวทย์ขั้น8}
[หมุนตัวหลอกล่อเหมือนกับป้องกันการจู่โจมแต่เปลี่ยนกลับเป็นซัดเข็มพิษรอบทิศทาง]

กระบวนท่าที่4 ฝนโลหิตคลั่งฟ้า {ฝึกเวทย์ขั้น 9}
[เป็นการจู่โจมด้วยท่าไม้ตายใช้พลังเวทขึ้นสูงในการสร้างเข็มพิษเหมือนฝนตกลงมาจากฟ้า]

*************************************************

วิชาฝ่ามือหมอกมายา 7 กระบวนท่า มี 2 เคล็ดวิชา
ชื่อทั้ง7กระบวนท่า

คืนฟ้าเปลี่ยนสภาพ/สยบปราบทิ่มสังหาร/มังกรทะยานโบยบิน/สลายสิ้นคืนพลัง
ระบำคลั่งคลุมฟ้า/จันทร์จ้านิรนาม/สามดัชนีเพลิง

**
ท่าสยบปราบทิ่มสังหารคือท่าที่พระชายาใช้โจมตีจางหวนซ่อนด้วยกระบวนท่าฟ้าดินรวมหนึ่ง
ซึ่งเป็นวิชาอาวุธลับผสมกับวิชาฝ่ามือ
**



     ผู้เขียนไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ละเอียด เอาเป็นว่าแบบคร่าวๆละกันเนอะ ส่วนวิชาอื่นๆที่ พระชายาเฉิงเหลียนฮวาใช้นั้น ก็เป็นวิชาที่เทพเซียนทั่วไปเรียนรู้กัน พิณเรียนรู้จากสำนักเซียนเมฆาล้ำ พระชายาเป็นผู้ที่เก่งด้านดนตรีมาก การต่อสู้ก็เช่นกัน แต่พระชายาเฉิงเป็นผู้นำตระกูลจึงได้สิทธิ์ฝึกวิชาประจำตระกูล จึงมีพลังเวทถึงขั้นสูง จึงมีพลังทำลายสูงค้าบ แต่ละตระกูลจะมีสายวิชาของตน แต่สามารถถึงจุดหมายสูงสุดได้เท่ากัน แต่อานุภาพเด่นด้อยต่างกัน

      ส่วนเพลงกระบี่ของเฉิงหลิงเซียวใช้นั้น ก็เป็นเพลงกระบี่ประจำตระกูลเฉิง อีกสายหนึงที่ถ่ายทอดมาเหมือนกัน ผู้ที่ใช้วิชาเพลงกระบี่มีข้อจำกัด คือต้องเป็นผู้ที่ควบคุมธาตุน้ำจึงจะฝึกได้ ซึ่งพระชายามีศักดิ์เป็นพี่เฉิงหลิงเซียว แต่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับธาตุน้ำจึงฝึกเพลงกระบี่ชุดนี้ไม่ได้ ว่างๆ ผู้เขียนจะมาอธิบายชื่อวิชาและกระบวนท่าเพลงกระบี่รวมถึงเคล็ดวิชาให้นะค้าบ  อิอิ

ขอบคุณสำหรับการติดตามค้าบ

หยกน้ำแข็ง^.^"
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน15 ➧ ➧ ➧ Up [22-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 22-02-2019 21:00:10
15. เสี้ยวจันทรา คนแปลกหน้า

500ปีต่อมา

"ลูกพ่อ แค่กแค่ก เป็นอย่างไรบ้าง"
"ขอรับท่านพ่อ จนบัดนี้ ลูกยังไม่มีข่าวคราวอันใดของเฉิงหลิงเซียวกับลูกของพระชายาเฉิงเลย ไม่รู้ว่าพวกมันไปหลบซ่อนอยู่ที่ใดกัน"

" แค่ก แค่ก แค่ก ลูกพ่อเจ้าจะต้องฝึกวิชากรงเล็บวชิระให้สำเร็จถึงขึ้นเก้าโดยไว แล้วชิงหินสมานฟ้ารวมถึงแส้โลหิตเพื่อเป็นเจ้าของไฟราชันย์ให้ได้ เหล่าบรรพชนได้บันทึกบอกไว้หินสมานฟ้าถ้าเจ้าได้ถือครองก็เหมือนเจ้าได้ครองทุกแดนดิน แค่ก แค่กอีกเรื่องเพื่อปลุกสัตว์เทพในตำนานของผานกู่ขึ้นมา เจ้าจงไปตามหาทายาทพระชายาเฉิงให้เจอโดยเร็วพ่อเชื่อว่า หินสมานฟ้าและแส้โลหิตจะต้องอยู่กับเจ้าเด็กคนนั้น"

"ขอรับท่านพ่อ "

"ทางเผ่าปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง?"
"ตอนนี้เหมือนมีความเคลื่อนไหวอย่างลับๆ อยู่ขอรับท่านพ่อ เดี๋ยวลูกจะให้คนไปสืบดู"
"อืม เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ"

"ถ้าเช่นนั้น ลูกขอตัวก่อน ท่านพ่อถนอมตัวด้วย"จางฉวนโค้งคำนับผู้เป็นบิดา ก่อนจะหันตัวถอยแล้วเดินจากไป

"อืม แค่ก แค่ก แค่ก"

**
ณ เขาเมฆาล้ำหยุนไหล

     เมื่อแสงของดวงตะวันลับขอบฟ้าไปวันแล้ววันเล่าจนเวลาผ่านล่วงเลยผ่านไป 500 กว่าปี ณเรือนไม้ไผ่ ที่ด้านหลังหุบเขาเมฆาล้ำ มันช่างเป็นเวลาที่เงียบเหงาเสียจริงสำหรับเสี่ยวเมา ที่วันๆต้องวุ่นวายกับการหาสมุนไพร เพื่อมารักษาคนที่นอนป่วยอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ทำให้เสี่ยวเมารู้สึกสงสัย เพราะคนป่วยผู้นี้ออกจากถังแช่ยา ก็นอนหลับสนิทมา500กว่าปี

"อาจารย์นี่ก็จริงๆเล้ย คนผู้นี้น่าจะตายไปได้ตั้งนานแล้ว ทำไมท่านอาจารย์ ยังยื้อดันทุรังรักษาเขาให้ได้ด้วยนะ หึ หรือว่าจะกลัวเสียชื่อหมอเทวะเทพอันดับหนึ่ง แห่งแดนสวรรค์กัน .. เฮ้อ ข้าละไม่เข้าใจจริงๆ"

     เสียวเมานอนลงบนพื้นหญ้าก่อนนำมือน้อยๆควานหากระตุกดอกหญ้าขึ้นมาหนึ่งดอก แล้วนำมาคาบไว้ที่ริมฝีปากนอนไขว่ห้างกระดิกปลายเท้า อย่างสบายใจพลางก็ครุ่นคิด บ่นไปตามประสา

     เสี่ยวเมาจากเด็กน้อยขณะนี้เขาโตขึนกว่าเดิมพอสมควร หน่วยก้านทะมัดทะแมงแม้จะดูผอมบางไปบ้างแต่ก็ถือว่ามีผิวพรรณสะอาดหมดจด ภายใต้ใบหน้าใสซื่อที่มันหลบซ่อนอยู่บนความสกปรกมอมแมมที่เต็มไปด้วยความเปอะเปื้อนของฝุ่นดิน เมื่อเสี่ยวเมานึกขึ้นมาได้ว่าขณะนี้ได้เวลากลับไปที่เรือนไม้ไผ่แล้ว มีคนป่วยรอยาจากเขาอยู่ก็พลันลุกขึ้นพลางฟาดมือ ตุบ ตับ ตุบ ตับ เพื่อปัดฝุ่นเศษหญ้าและผงดินออกเสี่ยวเมาลุกขึ้นก็กระโดดเหยงชี้นิ้วด่า ขึ้นไปทางยอดเขาหยุนไหล

"เฮ้อะ!! วิชาการต่อสู้ ก็ไม่เคยคิดจะสอนข้าเลยซักกระบวนท่าก็ไม่เคยเลย เหอะ เป็นอาจารย์ประสาอะไร วันๆให้ข้าเก็บแต่ยารักษาคนจนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย ตาเฒ่าเอ้ย!!!!วันใดข้าโดนผู้อื่นรังแกข้าจะบอกว่า ข้าเป็นศิษย์ของท่าน จะทำให้ท่านได้ขายหน้าคอยดู"

     เมื่อได้ตะโกนระบายออกมาอย่างสบายใจ ดูเวลาแล้วเสี่ยวเมา ก็จัดแจงนำตะกร้าหวายที่เต็มไปด้วยยาสมุนไพรชนิดต่างๆ สะพายขึ้นบนหลัง

"กลับบ้านดีกว่า ลัลล้าๆๆ"

     เด็กหนุ่มวิ่งเหยาะกระโดดโหยงเหยง ถือกิ่งไม้ฟาดใบหญ้าไปตลอดทาง ในขณะที่อีกทางหนึ่งก็มีกลุ่มคน พวกเขาเป็นศิษย์ของเมฆาล้ำ ได้เดินเที่ยวเล่นกันในสถานที่แห่งนี้

**

"ศิษย์พี่ใหญ่ ทีนี้ท่านเชื่อข้าหรือยังว่าด้านหลังหุบเขาเมฆาล้ำแห่งนี้ มีสถานที่สวยงามเช่นนี้อยู่ด้วย"

     ดรุณีสาวหน้าตาสะอาดหมดจดรอยยิ้มสดใสใช้มือกวักวิดน้ำ ในลำธารเล่นอย่างสบายใจ นางได้หันมาพูดคุยกับเจิ้งเทียนฉีซึ่งเป็นศิษย์พี่และศิษย์น้องอีกสองคน

"อืม จริงอย่างที่ศิษย์น้องว่า ข้าเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าด้านหลังหุบเขาของสำนักเราจะมีสถานที่สวยงามขนาดนี้ "
"ก็ใช่นะสิ พวกท่านจะไปรู้อะไรกัน วันๆ พวกท่านก็เอาแต่ฝึกวิชาไหนเลยจะมีเวลาออกมาเที่ยวเล่นได้เหมือนข้า ฮิฮิ"

     ลี่หงกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ เนื่องจากศิษย์ชายหญิง ในสำนักเมฆาล้ำหยุนไหลถูกแบ่งแยกกันชัดเจน เพราะพวกเขาล้วนฝึกวิชา ตามแขนงวิชาที่แบ่งแยกไว้บรรดาศิษย์ชายหญิงจะเจอกันได้ก็ต่อเมื่อต้องมาศึกษาวิชากันในอารามเหยียนซีเท่านั้น เพราะนั่นหมายถึงว่า พวกเขาจะต้องมาศึกษาวิชา ภาพวาด ดนตรี กวี หมากล้อม จึงทำให้ ศิษย์หญิงชายมิได้เจอกันบ่อยนัก

"เสียดาย ที่ศิษย์น้องรอง มิได้มาด้วย"
"เหอะ ท่านจะไปพูดถึงคนเย็นชาอย่างเขาทำไม" สีหน้าของลี่หงเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงศิษย์พี่คนรอง
"พี่ลี่หง แสดงว่าท่านหนีมาเที่ยวที่นี่บ่อยละสิ" ศิษย์น้องคนหนึ่งชื่อว่า จื่อชิว เอ่ยถาม
"แน่ล่ะ ข้ามาที่นี่ได้ สองสามครั้งแล้ว"
"ศิษย์น้อง พี่ว่า เราก็ออกมากันนานแล้วข้าว่าพวกเราควรจะกลับกันได้แล้วนะ ถ้าหากท่านอาจารย์รู้เข้าพวกเราอาจจะโดนทำโทษได้"
"นั่นสิ!" ศิษย์น้องอีกคนชื่อว่า อี้ปิน กล่าวขึ้นสำทับส่วนจื่อชิวที่อยู่ด้านข้าง ก็พยักหน้าเห็นด้วย
"นี่แหนะ!!"
"โอ้ยศิษย์พี่ข้าเจ็บนะ" ลี่หงเดินปรี่เข้าหาจื่อชิวและอี้ปินก่อนตบหัวศิษย์น้องทั้งสองทันที
"เจ้าบื้อสองตัวนี่ เดี๋ยวเถอะ"แล้วลี่หงก็หันไปพูดกับเจิ้งเทียนฉีต่อ
"โถ่ว ศิษย์พี่ อาจารย์รองกับอาจารย์สี่ เข้าฌานฝึกวิชาอาจารย์ข้าก็ลงเขาไปแล้ว ศิษย์พี่จะกลัวไปไย ท่านน่ะไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัวซะบ้างเจ้าบื้อสองตัวนี่ก็เหมือนกันเดี๋ยวเถอะ!"ลี่หงเท้าสะเอวชี้หน้าสองศิษย์น้องอย่างคาดโทษ
"ศิษย์น้องเงียบก่อน" " เจิ้งเทียนฉีเอ่ยขึ้นพลางยกมือให้ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวดูเหมือนว่าศิษย์น้องทั้งสามของเขา ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
"ห๊ะ มีอะไรหรือ ศิษย์พี่
"ข้าได้ยินเหมือนมีอะไรเดินมาทางนี้ หาที่หลบไปกันก่อนจะดีกว่า ถ้าเป็นปีศาจร้ายเราทั้งสี่ คงมิอาจรับมือได้"
"อื้อ" ลี่หง จื่อชิว อี้ปินพยักหน้าพร้อมกันก่อนหาที่กำบังกาย

**
"ล้า ลัลล้า ล้า ลัลล้าาาา"

     เสี่ยวเมากระโดดโหยงเหยงตามเสียงอำเพลงในลำคอ อย่างอารมณ์ดีเพราะตอนนี้อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเรือนไม้ไผ่แล้ว บัดนี้การเคลื่อนไหวของ เสี่ยวเมาถูกสายตาสี่คู่จับจ้องอยู่ โดยที่เขามิได้รู้ตัวเลยสักนิด ศิษย์เมฆาล้ำทั้งสี่รู้สึกแปลกประหลาดใจ ทำไมด้านหลังหุบเขาเมฆาล้ำแดนเซียนจึงมีผู้คนได้เป็นเทพเซียนหรือว่าเป็นปีศาจกันแน่ อายุของเด็กหนุ่มที่กระโดดโหยงเหยงอยู่นั่นดูท่าคงอายุน้อยกว่าพวกเขาทั้งสี่มิได้มากนัก ลี่หงไม่รีรอ เห็นดังนั้นก็พลันกำชับกระบี่ในมือแน่นแล้วดีดปลายเท้าพุ่งทะยานรุดไปจู่โจมทันที

"เฮ้ย!!!"
"เจ้าปีศาจ ตายซะเถอะ!!"

     เสี่ยวเมาตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าพลางก็หลบหลีกวิถีจู่โจมของกระบี่ ที่ลี่หงพุ่งตวัดเข้าหาเสี่ยวเมานั้นวันๆเอาแต่เก็บสมุนไพรในป่าไหนเลยจะมีเวลาฝึกวิชาที่ยังพอหลบหลีกได้ ก็เพราะเรียนรู้วิชาแมวสามขาที่ฝึกมาแต่วัยเยาว์ ทำให้พอสามารถเอาตัวรอดไปได้บ้างกระบวนท่าของลี่หงส์จู่โจมต่อเนื่องรวดเร็วฉับไว ทำให้เสี่ยวเมาหลบหนีวิถีกระบี่ของลี่หงได้หวุดหวิด จนสะดุดขาของตัวเอง เซถลา ล้มกลิ้งไปไม่เป็นท่าเมื่อเห็นพวกของลี่หงก่อนจะร้องท้วงขึ้นว่า

"พวกเจ้าเป็นใคร!?!"
"เจ้าสิ เป็นใคร? บังอาจมาอยู่อาศัยบนเขาเมฆาล้ำซึ่งเป็นแดนเซียน?"

**




หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน15 ➧ ➧ ➧ Up [22-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: ikou ที่ 22-02-2019 23:31:48
 :katai2-1: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน15 ➧ ➧ ➧ Up [22-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-02-2019 03:52:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน15 ➧ ➧ ➧ Up [22-02-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 23-02-2019 21:20:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน16 ➧ ➧ ➧ Up [01-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 01-03-2019 04:12:28
16. เสี้ยวจันทรา  ปรากฏตัว


      อี้ปิน และจื่อชิวเห็นลี่หงพุ่งโจมตี เขาทั้งสองก็พลันกำชับกระบี่ ในมือเตรียมพร้อมเพื่อจะช่วยลี่หงอีกแรง

"ตายซะเถอะ!! เจ้าปีศาจโสโครก"

     ยังมิทันที่เสี่ยวเมา จะทันได้ตั้งตัว กระบี่ของลี่หง ก็พุ่งตรงมาที่เสี่ยวเมาทันที เสี่ยวเมาเห็นดังนั้นก้มหน้า นึกหวาดเสียวอยู่ในใจ พลางยกแขนไปข้างหนึ่งขึ้นมา ป้องกันวิถีกระบี่ของลี่หงไว้

เช้ง!!

     วิถีกระบี่ของลี่หงถูกเปลี่ยนทิศทาง ด้วยหินก้อนหนึ่ง ที่ถูกดีดสกัดมา ทำให้ลี่หงต้องพลันพลิกตัวตีลังกา หมุนตัวไปคุมเชิง ก่อนจะหันไปมองหาที่มา ของก้อนหิน

"ศิษย์พี่รอง!!"

"ศิษย์น้องเจ้ากำลังทำอะไร หยุดได้แล้ว!"

"ติงปิง รุ่ยผิง!" เสียงของเจิ้งเทียนฉี อุทาน เบาๆเมื่อหันไป ก็ปรากฎร่างของสองหนุ่ม เหาะทะยานลงมา ขวางด้านหน้าของเสี่ยวเมา

[ใครมาอีกละทีนี้ แค่นี้ ข้าก็รับมือไม่ไหวแล้ว]

เสี่ยวเมานึกในใจ ก็พลันกล่าวเอ่ยลอยๆพูดรำพึงกับตนเอง

"ทำไม ตาเฒ่านั่นไม่รู้จักสั่งสอนลูกศิษย์ตัวเอง ให้รู้จักเป็นคนใช้เหตุผลซะบ้างนะ เอะอะ อะไรก็ใช้กำลัง เฮ้อ!"

     เสี่ยวเมายังมิทันพูดจบประโยค ก็มีสายตาของติงปิง ผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าขาวสดใส หันมาจ้องเขม็ง เหมือนจะกลืนกิน เมื่อเสี่ยวเมาเห็นดังนั้น ก็รู้ทันที จึงได้บุ้ยหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กลบเกลื่อน ส่วนเซียวลี่หง ดูทีท่าคงจะไม่พอใจ เด็กหนุ่มสองคน ที่มาขัดขวางนาง จึงทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด

"ศิษย์พี่รอง เหตุใดท่านจึงมาขวางข้า"

      แต่ทว่าติงปิง ผู้ที่เซียวลี่หงเรียกว่าศิษย์พี่รอง ทำหน้านิ่งมิได้แยแสชายตามองนาง เขากลับหันไปพูดกับเจิ้งเทียนฉีแทน

"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอาจารย์ให้ข้า มาตามพวกท่านและทุกคน ไปที่สำนัก"


พอติงปิงพูดจบเซียวลี่หง ก็พูดแย้งขึ้นทันที

     "แล้วเจ้าหนูโสโครก ตัวนี้ล่ะ ศิษย์พี่จะจัดการกับมันเช่นไร เราจับมันกลับไปให้อาจารย์ลงโทษดีไหม เพราะมันบังอาจ ย่างกายเข้ามาในแดนเซียน"

   พอเสี่ยวเมาได้ยิน ว่าจะโดนจับตัว ก็พลันประหวั่นตกใจกลัว จึงได้ร้องออกมา

"เฮ้ย!! พวกเจ้าจะจับข้าทำไม ไม่ได้นะ..ไม่ได้!" เสี่ยวเมารีบยกมือร้องห้ามขึ้นทันที ก่อนจะหันหน้าแล้ววิ่งไปเกาะแขน ติงปิงขอร้อง ทำสายตาอ้อนวอน

[ท่าทางเจ้าคนชุดฟ้าคนนี้ จะใหญ่ไม่เบานะดูท่าแล้ว น่าจะช่วยข้าได้ ถ้าข้าเข้าไปในสำนักเมฆาล้ำ คงต้องพึ่งพาคนผู้นี้ เพื่อเป็นทางรอดของตัวเองซะแล้ว]

" นี่ๆ เจ้าก็บอกพวกเขาไปทีสิ ว่าตาแก่นั่น เป็นคนให้ข้ามาอยู่ที่นี่เอง"

     ติงปิงยังคงทำหน้านิ่งเฉยเมย เห็นเสี่ยวเมาเกาะแขนของตน ก็พลันสะบัดแขนหนี เสี่ยวเมารู้ว่าคนผู้นี้ถือตัวนัก จึงยอมปล่อยมือ

[อะไรกัน?ถูกนิดถูกหน่อยก็ไม่ได้ เจ้าสูงส่งมาจากสวรรค์ชั้นฟ้าแดนไหนกัน ท่าทางที่ข้าหวังจะพึ่งพาเจ้า นั่นคงไม่ได้เสียแล้ว ชิส์]

     เมื่อเสี่ยวเมา เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มอีกผู้หนึ่ง ยืนยิ้มให้ด้วยท่าทางมีไมตรี จึงโผไปเกาะอยู่ด้านหลังรุ่ยผิงแทน เพราะกลัวว่าคนอื่นๆจะทำร้าย จับตนไปลงโทษ ติงปิง เห็นดังนั้นจึงพูดต่อ

"ท่านอาจารย์สั่งว่า ห้ามมิให้พวกเรายุ่งกับเด็กคนนี้"

"อะไรกันศิษย์พี่รอง ข้า งง ไปหมดแล้ว" เซียวลี่หงรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจก่อนจะหันหน้าไปหาเจิ้งเทียนฉี ศิษย์พี่ใหญ่แทน

"เอาเถอะน่าศิษย์น้อง ท่านอาจารย์สั่งติงปิงกับรุ่ยผิงมา แสดงว่าท่านต้องมีเหตุผล เจ้าก็อย่าสงสัยอะไรอีกเลย"

"เหอะ" เซียวลี่หง ทำสีหน้าไม่พอใจ

"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า?"

     เสียงที่ดูเป็นมิตรและอ่อนโยน ของรุ่ยผิงทำให้เสี่ยวเมา รู้สึกเบาใจจึงยิ้มให้ ก่อนจะเหล่ชำเลืองมองสายตา ไปที่ติงปิงพร้อมกับบ่นขึ้นมา

"ก็เจ็บตัวฟรีนะสิ ถามได้"

     รุ่ยผิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มให้ เสี่ยวเมาก็พรางปัดเศษฝุ่นเศษหญ้า ที่ติดตามร่างกายของตนไปพลางก็ก้มลงเก็บ สมุนไพรต่างๆที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น

"มาเดี๋ยวข้าช่วยเก็บ"

"อื้อ ขอบใจ" เสี่ยวเมา เหลือบไปมองใบหน้าเปื้อนยิ้ม ของรุ่ยผิงก็รู้สึกถูกชะตา จึงพูดคุยด้วย

" เท่าที่เห็นในกลุ่ม ของพวกเจ้า ก็คงมีแต่เจ้าสินะ ที่นิสัยเหมือนผู้เหมือนคนหน่อย "

"อิอิ เจ้าคิดอย่างนั้นหรอ" รุ่ยผิงหัวเราะคิกคัก ระหว่างช่วยเสี่ยวเมาเก็บสมุนไพร

"นี่เจ้าแมวโสโครก เจ้าด่าพวกข้าอย่างนั้นสินะ"

      ลี่หงได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเมาพูดขึ้นมา ก็พาลให้นางรู้สึกมีโทสะ ไม่ถูกชะตา ซ้ำยังโดนผู้อยู่ตรงหน้า กล่าววาจาถากถาง จึงคิดจะหาเรื่องเสี่ยวเมาต่อ ส่วนเสี่ยวเมาก็มิได้แยแสอะไร ยังคงก้มเก็บสมุนไพร พร้อมกับพูดตอบกลับไป

"ถ้าเจ้าจะคิดเช่นนั้น ข้าเองก็จนปัญญา"

"นี่เจ้า!!!!"

     ลี่หงปราดเข้ามา แต่ก็ต้องมาเจอติงปิงขวางหน้าไว้ นางจึงยอมหยุด ส่วนจื่อชิวและอี้ปิน ก็แสดงท่าทีไม่พอใจ กับคำพูดเสี่ยวเมาเมื่อครู่เช่นกัน เจิ้งเทียนฉีเห็นทีท่ามิสู้ดี จึงกล่าวร้องเรียก เซียวลี่หงและคนอื่นๆ

"ศิษย์น้อง พี่ว่าพวกเรากลับกันเถอะ ท่านอาจารย์รอพวกเราอยู่"

"ฝากไว้ก่อนเถอะ เจ้าหนูโสโครก" ลี่หงกล่าวออกมา พร้อมกับเดินเบียดกระแทกเสี่ยวเมา จนถลาล้มลง ระหว่างก้มเก็บสมุนไพร แล้วนางก็เดินตาม เจิ้งเทียนฉี อี้ปินและจื่อชิวไปในทันที

"เจ้าไม่เป็นไรนะ"

     รุ่ยผิงเห็นดังนั้น ก็พลันถามเสี่ยวเมาอย่างเป็นห่วง เสี่ยวเมามิได้กล่าววาจาใดๆ นอกจากส่ายหน้า เพราะตัวเขาเอง ก็เริ่มเบื่อระอา กับคนกลุ่มนี้แล้วเหมือนกัน

"ศิษย์น้องเล็ก เจ้าจะกลับหรือยัง?" ติงปิงกล่าวถามรุ่ยผิง ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับผู้ที่มิได้สุขหรือทุกข์ร้อน กับเรื่องอันใดในโลก

"ศิษย์พี่รอง รอข้าอีกซักครู่เถิด"

"ของเพียงเท่านี้ คนผู้นี้ก็มีมือมีเท้า เหตุใดเจ้าจึงต้องไปช่วย ไปได้แล้ว"

      ติงปิงยังคงพูดจาเรียบเฉย ตามสิ่งที่ตนเองคิด จนทำให้เสี่ยวเมารู้สึกหงุดหงิดกับคนผู้นี้ ถ้ามิใช่เพราะเขาผู้นี้ คือคนที่ช่วยตัวเขาจากคมกระบี่ของเซียวลี่หง ก็คงจะต่อว่าไปสักประโยคสองประโยค แต่ถือว่าติดหนี้บุญคุณ เสี่ยวเมาจึงมิได้เอ่ยวาจาใดๆ นอกจากทำเป็นมิสนใจ มิได้ยิน

[เหอะ ทำเป็นวางมาดคุณชายสูงส่ง ตะเภาเดียวกันทั้งนั้น]

"ถ้าเจ้ายังไม่ไป ถ้าเช่นนั้นข้าไปละนะ" ติงปิงมิรีรอ ยังเห็นรุ่ยผิงง่วนเก็บสมุนไพรช่วยเสี่ยวเมา เขาก็ไม่รอช้า สาวเท้าก้าวออกไปโดยเร็ว

"ศิษย์พี่รอง รอข้าด้วย!!!"

**

"เหอะ เจ้าพวกนี้ ฝึกแต่วิชารังแกคนอื่นที่ไม่มีทางสู้ สงสัยจะไม่ได้เรียน วิชามารยาทกันมาเป็นแน่ ตาเฒ่านี่สั่งสอนเจ้าพวกนี้ยังไงกันนะ เฮ้อ!!"


     เสี่ยวเมาเก็บของสมุนไพร ใส่ตะกร้าหวาย แล้วก็สะพายขึ้นบ่า แล้วเดินไปที่เรือนไม้ไผ่ โดยมิได้สนใจ เรื่องราวที่เกิดขึ้นอีก


"ท่านก็นะจะนอนแบบนี้ ไปอีกกี่พันปี ควรจะรีบๆฟื้นขึ้นมาได้แล้ว ท่านรู้รึไม่ โลกใบนี้มันสวยงามน่าอยู่มากขนาดไหน มัวแต่นอนอยู่ได้" เสี่ยวเมายืนบ่น ที่ขอบเตียงคนป่วย ที่นอนหลับนิทราอยู่ ก่อนจะพูดขึ้นมาอีก

" อย่างน้อยถ้าท่านฟื้นขึ้นมา ข้าก็ยังพอ จะมีเพื่อนให้คุยด้วยบ้าง ท่านเล่นนอนขี้เกียจกินแรงข้าแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกันเล่า เฮ้อ!!"


     เสี่ยวเมาพูดจบ ก็หมุนตัวกลับไปที่เตาต้มยา แล้วจัดแจงหาชามกระเบื้องเคลือบ แล้วเทยาที่ต้มเตรียมไว้ ก่อนจะยกมายังเตียงคนป่วย

"ได้เวลาท่านต้องทานยาแล้ว มาๆ ท่านรีบทานยาซะ จะได้ฟื้นขึ้นมาไวๆ จะได้ไม่ต้องมาเป็นภาระข้าอีก อึ๊บ!" เสี่ยวเมาพยุงร่าง ของคนผู้นั้นขึ้นมา ก่อนค่อยๆใช้ช้อนคนยา แล้วเป่าก่อนป้อนใส่ปากให้กับเขา



**








     


หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน17 ➧ ➧ ➧ Up [01-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 01-03-2019 04:14:40
17.เสี้ยวจันทรา เมื่อข้าต้องฝึกวิชาเอง



      ดึกสงัดภายใต้เสียงเทียน ณ เรือนไม้ไผ่ เสี่ยวเมานั่งถอนใจ อยู่บริเวณลานกว้างเพียงผู้เดียว นับๆดูแล้วเขาก็อยู่ที่นี่มาได้ 500 กว่าปีแล้ว ทำไมมารดาของเขา มิเคยมาเยี่ยมเยือนเลยสักครา ข่าวคราวพอถามถึง อาจารย์ผู้เฒ่าหวงหลง ก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบ เห็นปิ่นไม้ที่พระชายาทำให้ ก็ได้แต่พูดคุยถามไถ่กับปิ่นไม้


"เสด็จแม่ ตอนนี้ท่านอยู่ที่ใดกัน ท่านรู้หรือไม่ว่าลูกรอท่านมารับอยู่ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน"

     พอพูดกับปิ่นไม้จบ เสี่ยวเมาก็เงยขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นแต่ดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ ที่เหมือนเพื่อน คลายความเหงาให้เขายามค่ำคืน

"เสด็จแม่ ตอนนี้ ท่านอยู่ที่ใดกัน" จนเสี่ยวเมาเผลอหลับไป จนถึงเช้าวันใหม่


**

"เสี่ยวเมาเอ้ย เสี่ยวเมา อยู่รึปล่าว? เอ เจ้าเด็กคนนี้ หายหัวไปไหนกันนะ เงียบผิดปรกติ เสี่ยวเมา!!" เสียงของหวงหลง เจ้าสำนักเมฆาล้ำเดินเข้ามา ในเรือนไม้ไผ่ร้องเรียกหาเสี่ยวเมา

[เสียงตาเฒ่านี่นา]

"ขอรับท่านอาจารย์" เสี่ยวเมาขานรับ เสี่ยวเมาเองนั้น มัวง่วนอยู่กับการฝังเข็ม ให้กับบุรุษลึกลับที่นอนนิทราอยู่

"อาการเขาเป็นอย่างไรบ้าง? "

"ก็ตามที่ท่านเห็นนี่แหละ ยังคงนอนเป็นท่อนไม้อยู่เหมือนเดิม ท่านมาก็ถามหาแต่เขา มิเห็นถามถึงข้าบ้างเลย " เสี่ยวเมาบ่น จริงๆแล้วนั้น เขาก็พูดหยอก อาจารย์ผู้เฒ่าไปด้วยความเคยชิน เพราะในใจเขา ก็เพียงแต่หาเรื่องพูดคุย

"เจ้าก็อยู่ตรงนี้นี่ไง ก็เห็นแข็งแรงดี ข้าจะถามทำไมให้มากความ"

"เหอะ"

     เสี่ยวเมาฝังเข็ม ให้บุรุษผู้ที่นอนอยู่เสร็จ ก็หมุนตัวหันหลังให้อาจารย์ ทำเป็นไม่สนใจ เก็บของ อื่นๆต่อ

"เอ๊ะ! เจ้าเด็กคนนี้ เป็นอะไรของเจ้าอีก? มีเรื่องอันใด?"


     หวงหลงเห็นเสี่ยวเมา ทำท่าทางไม่ค่อยจะพอใจอยู่เล็กๆ จึงเอ่ยขึ้นถาม เสี่ยวเมาก็เดินสะบัด ไปที่โต๊ะรินน้ำชา แล้วยกมาให้อาจารย์ผู้เฒ่า


"วันๆ ท่านจะไปรู้อะไรกันเล่า ข้าหน่ะหวิดจะสังเวยชีวิตน้อยๆของข้า ให้กับศิษย์เมฆาล้ำของท่านแล้วรู้หรือเปล่า?"

     เสี่ยวเมาพูดจา สีหน้าบูดบึ้ง ปนอารมณ์น้อยใจ อยากให้อาจารย์ผู้เฒ่าเห็นใจ จึงหยั่งเชิงบ่นให้ หวงหลงฟัง ฝ่ายหวงหลงเอง ก็รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ เช่นนี้ได้

"มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?" หวงหลงเอ่ยถาม ก่อนยกถ้วยชาในมือขึ้นจิบ

"ก็มีนะสิ ถ้าไม่มี ข้าจะพูดกล่าวหาลอยๆ ได้อย่างไรกันเล่า" เสี่ยวเมาบ่นใส่ ก่อนพูดขึ้นอีกยาวเหยียด

"ดีนะที่ศิษย์ของท่านผู้หนึ่งห้ามไว้ พวกเขาจึงยอมรามือกัน มิเช่นนั้นท่านคงมิเห็นข้า มายืนบ่นท่าน อยู่เช่นนี้หรอก ศิษย์ท่านที่ให้มาตาม คนพวกนั้นนั่นแหละที่ช่วยข้าไว้ แต่ดูท่าทางแล้ว เหอะ!" เสี่ยวเมาจิ๊ปากขึ้นมา พอนึกถึงหน้า และท่าทางของติงปิง หวงหลงเอามือลูบเคราของตนอย่างเบามือ พร้อมกับทำทีท่าครุ่นคิด

"ศิษย์ที่ข้าให้มาตาม เช่นนั้นรึ?" หวงหลง เองก็งุนงง เขามิเคยใช้ใคร ให้มาตามใครเลย

"อะไรกัน ท่านอาจารย์นี่ท่านแก่ จนเลอะเลือนหรือเปล่า?"  เสี่ยวเมาโวยวาย ก่อนยกกาน้ำชา รินชาใส่ถ้วยให้อาจารย์ผู้เฒ่า

"แน่ะเจ้าเด็กคนนี้ ดูพูดเข้าปากคอเจ้า ช่างร้ายกาจนัก"

     พอเสี่ยวเมาจะยื่นถ้วยน้ำชาให้ เมื่อได้ยินผู้เป็นอาจารย์ต่อว่า ก็พลันหดมือ ยกถ้วยน้ำชา กระดกกลืนลงคอเองจนหมด แล้ววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ ด้วยท่าทีไม่พอใจ ทำให้หวงหลงงุนงง กับพฤติกรรม กวนประสาทของเด็กน้อยผู้นี้

"นี่เจ้า" หวงหลงชี้หน้า เสี่ยวเมายังคงยืนตีหน้ามึน ก่อนบ่นอีกชุดใหญ่

"ท่านว่าข้าปากคอร้ายกาจ แต่ก็คงมิอาจเทียบกับศิษย์หญิง ของท่านอาจารย์ที่ชื่อ ลี่หง ได้หรอกกระมัง ขอรับ"

     เสี่ยวเมาประสานมือโค้งคำนับ พอกล่าวจบเสี่ยวเมาก็รินน้ำชา ยื่นให้อาจารย์ผู้เฒ่าอีกครา พอหวงหลงจะหยิบถ้วยชา เสี่ยวเมาก็ชักมือยกถ้วยชาขึ้นกระดกลงคอรวดเดียว แล้วจึงบ่นต่ออีกชุด อาจารย์ผู้เฒ่าเห็นดังนั้น ก็พลันหน่ายใจจึงพลางยกมือขึ้นชี้

"เจ้านี่น้า!"

"ก็ท่าน ไม่เคยสอนวิชาต่อสู้ ให้ข้าเลย ดูสิ ข้าจะบอกว่า เป็นศิษย์ท่านก็ไม่ได้ ข้าโดนแต่คนอื่นรังแก ถ้าผู้ใดรู้เข้า ว่าข้าคือศิษย์ของท่าน ท่านคงจะได้ขายหน้าเป็นแน่" เสียวเมาทำหน้าตาน่าสงสาร ทำให้หวงหลงรู้ทันทีว่าเสแสร้ง จึงเมินหน้าหนี เสียวเมาจึงหมุนตัวเดินมา ด้านหน้าอาจารย์ผู้เฒ่าอีกครา พร้อมกับเอ่ยถาม

"นี่ท่าน ไม่คิดจะสอนอาคมกับวิชาต่อสู้ ให้ข้าจริงๆหรือ ท่านอาจารย์"

"ข้ายังสอนวิชาแพทย์ให้เจ้าไม่หมดเลย เจ้ายังฝึกพลังเวทกับวิชาต่อสู้ไม่ได้"

"โธ่ ท่านอาจารย์ ทำไมกันล่ะ ข้าเห็นคนอื่นยังฝึกกันได้ เรียนวิชาแพทย์ไป ก็ฝึกวิชาอื่นไปด้วยก็ได้ ศิษย์ที่เมฆาล้ำก็ทำกันแบบนี้นี่นา แล้วเหตุใดกันข้าจึงฝึกไม่ได้"

     เสี่ยวเมาพูดพลาง เดินหมุนตัวไปหมุนตัวกลับมา ผ่านหน้าของหวงหลงหลายครา จนหวงหลงส่ายหน้า เสี่ยวเมาเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นต่อว่า

"หรือว่าท่านไม่อยากรับข้าเป็นศิษย์กันแน่" เสี่ยวเมาถามด้วยความสงสัย พร้อมกับรินชาใส่ถ้วย ยื่นให้อาจารย์ผู้เฒ่า อีกครั้ง หวงหลงจึงหยิบถ้วยชามาไว้ในมือ ก่อนลูบเคราตัวเองแล้ว ยกถ้วยชาขึ้นจิบ

"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงรักษา คนผู้นี้ให้หายเสียก่อน แล้วข้าจะสอนให้เจ้าก็แล้วกัน"  เสี่ยวเมาได้ยินดังนั้น ก็พลันรู้สึกไม่พอใจ ในคำตอบและเหตุผล ของอาจารย์ผู้เฒ่า

"ถ้าเช่นนั้นข้ามิต้องรอ เป็นอีกพันปี หมื่นปีหรอกหรือ นี่ก็500กว่าปีแล้ว เขายังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย"

     เสี่ยวเมาอารมณ์ไม่ดี จึงแสดงออกทางสีหน้าชัดเจน เมื่อเห็นว่าอาจารย์ผู้เฒ่า กำลังจะรินชาใส่ถ้วยดื่ม เขาก็แย่งถ้วยชา ยกกาชาหนี

"ถ้าเช่นนั้น ท่านก็ไม่ต้องดื่มชาที่นี่หรอก ท่านให้ศิษย์รักของท่านพวกนั้น ชงชาให้ท่านดื่มเถิด ชานี้ข้าจะเอาไปเททิ้ง"

"แนะเจ้าเด็กคนนี้" เสี่ยวเมามิได้สนใจ สะบัดหมุนตัว ยกถ้วยชาและกาชาเดินหนี เข้าไปในเรือนไม้ไผ่ทันที หวงหลง เห็นดังนั้นก็เหนื่อยใจ แต่ก็มิได้ว่ากล่าวอันใด จึงจากออกไปจากเรือนไม้ไผ่

[ถ้าเจ้าฝึกพลังเวทได้เมื่อไหร่ ภัยก็จะมาถึงตัวเจ้าไวขึ้นเท่านั้น เสี่ยวเมาเอ้ย อาจารย์เป็นห่วงเจ้า ที่อาจจะต้องพบ กับปัญหาเช่นพระชายาเฉิง]


***

[ถ้าท่านมิสอนข้า ข้าฝึกและเรียนรู้เองก็ได้ ]

     เสี่ยวเมานอนครุ่นคิด ถึงคำพูดของมารดา ก่อนพาตนมาที่นี่ ไม่รอช้า จึงนึกถึงเชือกคาดเอวของตน ก่อนกำหนดจิต  คิดฝึกพลังเวทในคัมภีร์ดับตะวันขั้นที่หนึ่ง ที่พระชายาสอนเคล็ดวิชาขั้นที่หนึ่ง กับขั้นที่สองให้ ไม่นานนักเสี่ยวเมาก็ฝึกจนสำเร็จ จนหลายวันผ่านไปเสี่ยวเมา พอเขาว่างก็ง่วนอยู่กับการฝึกวิชา

"เราจะใช้แส้โลหิต ไม่ได้ มิเช่นนั้น พวกศัตรูของเสด็จแม่ จะต้องรู้แน่ว่าเราอยู่ที่นี่ ถ้าเช่นนั้น เราฝึกแค่เพลงฝ่ามือก่อน แล้วค่อยฝึก12กระบวนท่าการใช้แส้อ่อน โดยใช้กิ่งไผ่แทนแส้ไปก่อนก็แล้วกัน"
 
     เมื่อเสี่ยวเมาคิดได้ดังนั้น จึงหมายมั่นคิดฝึกฝนวิชา ในเวลาหลายค่ำคืน เสี่ยวเมาจึงเข้าฌานกำหนดจิต ฝึกพลังเวทในคัมร์ดับตะวัน ทำให้ฝีมือเขารุดหน้าดีกว่าแต่ก่อน เมื่อว่าง ก็ฝึกเพลงฝ่ามือหมอกมายา
     
"คืนฟ้าเปลี่ยนสภาพ"

     เสี่ยวเมายืนอยู่ ที่ลานกว้างหน้าเรือนไม้ไผ่ ตอนกลางดึก จึงวาดฝ่ามือ ออกไปเป็นวงกลม แล้วหมุนควงรอบทิศ ป้องปิดการโจมตี สืบเท้าก้าวถอย อย่างมีจังหวะ พลันหมุนกลับโบกแขน ยกขาสอดคล้อง รับกลับการเคลื่อนไหว โคจรพลังวัตร จำกัดการควบคุมพลัง ไปตามจุดต่างๆในร่าง ดูดซับไอดินไอฟ้า แปลสภาพเป็นพลัง ก่อนตามด้วยกระบวนท่า สยบปราบทิ่มสังหาร

แกร๊ก!!

"ใครหน่ะ?!?" เสี่ยวเมาได้ยินเสียงผู้มาเยือนจึงแกล้งล้มลงกับพื้นทันที "โอ๊ะ!!"

"เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?"

"เจ็บสิถามได้ ท่านมาทำให้ข้าตกใจ แล้วท่านคือ..." เสี่ยวเมาคุ้นหน้า เขาเคยเจอคนผู้นี้ ในวันที่เซียวลี่หง ทำร้ายเขา แต่เสี่ยวเมาไม่รู้ชื่อแซ่ของคนผู้นี้

"ข้าชื่อ เจิ้งเทียนฉี ไง เราเคยเจอกันแล้ว "

"อ๋อ ท่านมาที่นี่ มีธุระอันใด?"  เสี่ยวเมา ขมวดคิ้วเป็นปม เอ่ยถามผู้มาเยือน ด้วยความสงสัย ผู้มาเยือนก็มีทีท่ายิ้มแย้ม ดูท่าไม่ได้มาร้าย จึงทำให้เขายิ่งสงสัย

[นี่ตาเฒ่า คลายเวทบังตาเรือนไม้ไผ่ ออกแล้วสินะ ถึงได้มีคนค้นพบที่นี่เจอ]

"ข้ามารบกวนเจ้าหรือเปล่า?"

"เปล่าเลย เอ่อ แล้วท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร? "

"อ๋อ อ่า-เอ่อ ข้าเข้ามาโดยบังเอิญน่ะ"

"เชิญท่านนั่งก่อนสิ " เสี่ยวเมาเชิญผู้มาเยือน  นั่งลงที่โต๊ะหินตรงลานกว้าง เจิ้งเทียนฉีผู้นี้ หน้าตาดูดี ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ทำให้เสี่ยวเมารู้ว่าเขาน่าจะ เป็นคนดีอยู่บ้าง

"อ่า-เอ่อข้าเห็น เจ้าร่ายรำเมื่อครู่ เจ้าฝึกยุทธอยู่เช่นนั้นหรือ?"

     เจิ้งเทียนฉี เห็นเสี่ยวเมาร่ายรำ กระบวนท่าฝ่ามือหมอกมายา เมื่อครู่แต่มิรู้ ว่าเป็นวิชาสำนักไหน จึงได้เอ่ยถาม

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ท่านท่านเห็นเช่นนั้นเหรอ ฮ่ะฮ่ะ ข้ามีแต่วิชาแมวสามขา จะไปเอาวิชาที่ไหนมาฝึกกันเล่า ข้าก็ร่ายรำมั่วๆ สะเปะสะปะ ไปเรื่อย ท่านอย่าได้สนใจเลย ฮะ ฮ่ะ ฮ่า" เสี่ยวเมาใช้เสียงหัวเราะของตนกลบเกลื่อน

"แต่ที่ข้าดู มันไม่ได้สะเปะสะปะเลยนะ กลับดูท่วงท่าสอดคล้อง ลื่นไหลสวยงาม และมีพลัง"

"ฮ่ะ ฮ่ะ ท่านก็พูดเกินไป ข้ารู้สึกอาย ข้าทำขายหน้าแล้ว ขายหน้าแล้ว" เสี่ยวเมาทำเป็นก้มหน้าหลบตา ยิ้มก่อนเปลี่ยนเรื่องคุยในทันที


"อื้อ แล้วท่านทำไม ถึงมาที่นี่คนเดียว?" เสี่ยวเมารู้สึกสงสัย จึงเอ่ยถามเจิ้งเทียนฉี เพราะยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน

"อ่า-เอ่อ พอดี ข้าแปลกใจ วันนั้นที่เจอเจ้า ข้ามิเคยรู้ว่า มีผู้อาศัยอยู่หลังหุบเขา นึกสงสัยก็เลยลองออกมาดู"

"อ๋อ เป็นเช่นนั้น" เสี่ยวเมายิ้มให้  สงสัยว่าคนผู้นี้มาดีหรือมาร้ายกันแน่

"อื้ม เป็นเช่นนั้น วันนั้นที่ศิษย์น้องข้า ทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษแทนนางด้วย"

"อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก ข้ามิได้เก็บ เอาเรื่องนั้นมาใส่ใจแล้วล่ะ"

     เจิ้งเทียนฉี มองเห็นหน้าเสี่ยวเมาชัดแจ้ง ยามต้องสะท้อนแสงจันทร์ กับแสงเทียนยามค่ำ ช่างดูสดใสและสะอาดหมดจด กว่าวันที่เขาเจอเสี่ยวเมาในวันแรก เพราะเสี่ยวเมาในวันนั้น ดูสกปรกมอมแมม แต่เสี่ยวเมาในตอนนี้ กลับดูสดใสน่ารัก ใบหน้าที่ปนเปื้อนด้วยรอยยิ้ม หุ่นได้รูปทรงเหมือนดุรณีสาว ที่มีท่วงท่าห้าวหาญ

"นี่ ท่านมองอะไร?" เสี่ยวเมา ใช้โบกขึ้นลง ผ่านหน้าของเจิ้งเทียนฉี ที่จ้องตนอยู่จนรู้สึกประหม่า

"อ๋อ เปล่าๆ "

     เจิ้งเทียนฉี นึกขึ้นได้ จึงเอ่ยถามความสัมพันธ์ ระหว่างเสี่ยวเมา กับเจ้าสำนักเมฆาล้ำ เสี่ยวเมาจึงเล่า เรื่องที่ หวงหลงรับตนเป็นศิษย์ สอนแต่วิชาแพทย์ แต่ไม่สอนวิชาต่อสู้ให้ เจิ้งเทียนฉีจึงถือโอกาสนี้ ตีสนิทเสี่ยวเมาทันที

"เจ้าอยากฝึกวิชาหรือเปล่าล่ะ?"

"อื้อ อยากสิ ทำไมท่านจะสอนข้าหรอ"

"อื้มมม " เจิ้งเทียนฉียิ้มให้อย่างจริงใจ

"ท่านพูดจริงหรือเปล่า!!!"

     เสี่ยวเมายิ้มร่า เหมือนกับว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด ของเขาในรอบ500ปี ที่ได้มาอยู่ที่นี่  พลางลุกขึ้น โผมาเกาะแขนของเจิ้งเทียนฉี จนไหล่ของเจิ้งเทียนฉี ลู่ไปอีกทาง ก่อนที่จะกระโดดตัวลอยเนื่องจากความดีใจ "

ข้าจะได้ฝึกวิชาแล้ว ข้าจะได้ฝึกวิชาแล้ว เย้ๆ ๆ"

"แต่ต้องมีข้อแม้" เสี่ยวเมา ชะงักหยุดการเคลื่อนไหว ด้วยความสงสัย ว่าข้อแม้ ของเจิ้งเทียนฉีคืออะไรกันแน่

"ข้อแม้? ข้อแม้อะไร?"

"เอ่อ!..เจ้าต้องเรียกข้าว่า ศิษย์พี่ใหญ่"

"โถ่ นึกว่าอะไร ท่านก็ เล่นซะข้าตกใจหมด " เสี่ยวเมาถอนหายใจอย่างโล่งอก

"ถ้าเช่นนั้น เสี่ยวเมา ขอคำนับศิษย์พี่ใหญ่" เสี่ยวเมาไม่รอช้า รีบคำนับเจิ้งเทียนฉีเร็วไว ก่อนจะพูดอีกว่า

"ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ารบกวนท่านอีกข้อหนึง ถ้าท่านสอนวิชาต่อสู้ให้ข้า ข้าขอร้องท่าน อย่านำเรื่องนี้ไปบอกกับใครนะ เพราะว่า ท่านอาจารย์เจ้าสำนัก ไม่ยอมให้ข้าฝึกวิชาต่อสู้ และอาคม ถ้าอาจารย์รู้ว่าข้าแอบฝึก ข้าอาจจะโดนไล่ลงจากเขา ก็ได้"


"อื้มได้สิ งั้น เรื่องนี้ก็ เอาไว้เป็นความลับ ของเราสองคน"

"ท่านสัญญาแล้วนะ"

"อืม!! ข้าสัญญา ถ้าเช่นนั้น เราเจอกันเวลานี้ "

"เสี่ยวเมาขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่มาก" เสี่ยวเมายิ้มร่า พลางกอดซ้ายกอดขวา เจิ้งเทียนฉีไม่หยุด จนเจิ้งเทียนฉี รู้สึกตัวพองโตขึ้นอย่างแปลกประหลาด
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน18 ➧ ➧ ➧ Up [01-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 01-03-2019 04:16:25
18.เสี้ยวจันทรา หน้ากากแห่งความแค้น
 

ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง อยู่ลึกลงไปใต้บึงผาราชันย์

     หญิงสาวสวมเสื้อคลุมม่วงอ่อนทะยานเหาะลงมายังผาราชันย์ หยุดยืนบนลานหิน เบื้องหน้าคือบึงน้ำอันเงียบสงบที่มีผาราชันตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า ลมพัดหวีดหวิวผงฝุ่นเศษหญ้าถูกพัดปลิวไปตามลม นางมองซ้ายขวา มิมีผู้ใดตามมาจึงลงไปในบึงที่อยู่ลึกสุดใต้ผาราชันย์

"ท่านมีธุระอะไร?"
"ข้าหยูอิงฮัว มาขอพบท่านประมุข"

     ยามประตูสองคนเปิดประตูให้หยูอิงฮัวเข้ามาในห้องโถง ภายในดูกว้างใหญ่ แต่กลับมีแสงเล็ดลอดมาเพียงเล็กน้อยอากาศภายในดูเย็นเฉียบ เหมือนกับว่า สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะมาอาศัยอยู่ แต่มีเสียงพิณบรรเลงพลิ้วไหวท่วงทำนองเยือกเย็น ชวนให้เหงาหงอย เดินตรงตามเสียงพิณสักพัก ก็พบกับม่านลูกปัดทำจากไข่มุกห้อยร้อยเส้นสายเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้านหลังม่านลูกปัดมุกก็พบกับบุรุษลึกลับผู้หนึ่ง เจ้าของเสียงพิณที่บรรเลงอยู่

"คำนับท่านประมุข"
"อืมม"

     เสียงราบเรียบแผ่วเบาของคนผู้นี้กล่าวขึ้น พลางค่อยยกปลายนิ้วมือออกจากสายพิณบุรุษลึกลับผู้นี้จึงลุกขึ้นจากที่นั่ง ค่อยเดินอย่างแผ่วเบา แหวกม่านลูกปัดออกมาหยูอิงฮัวก้มหน้านอบน้อม จึงเห็นว่าเขาผู้นี้ ใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวสะอาด ท่วงท่างดงามทว่าการย่างเท้าแผ่วเบาราวกับสายลมกระทบแผ่นน้ำ ทว่าใบหน้าด้านหนึ่งถูกปิดซ่อนภายใต้หน้ากากสีเงินมีลวดลายประหลาดตา ดูลึกลับยิ่งนัก

"จอมอสูรเผ่าปีศาจ ว่าอย่างไรบ้าง" เขาผู้นี้เดินผ่านหน้าหยูอิงฮัวไปแล้วจึงเอ่ยถาม
"ค่ะ ท่านประมุข จอมมารให้ข้ามาบอกกับท่านประมุขว่าเผ่าปีศาจขณะนี้มิอาจทำตามท่านประมุขเสนอได้ เนื่องจากท่านจอมมาร ยังไม่สามารถควบคุมคทาอสูรฟ้าได้นอกเสียจาก..."หยูอิงฮัวไม่กล้าจะเอ่ยถึง จึงหยุดพูดเพียงเท่านั้น จนบุรุษลึกลับผู้นี้หันหมุนตัวเดินมา หยุดที่ตรงหน้าหยูอิงฮัว

"นอกเสียจากอะไร?"
"นอกเสียจาก จะได้เลือดมังกรเพลิงกับหินสมานฟ้าจึงจะสามารถทำให้ฝึกจิตอสูรสำเร็จ ควบคุมคฑาอสูรฟ้าได้ .ค่ะท่านประมุข" หยูอิงฮัวอึกอักมิกล้าพูดอะไรมานัก
"หึ มีแต่พวกไม่เอาไหนทั้งนั้น!" คนผู้นี้แสดงออกทางแววตา ว่ามิค่อยสบอารมณ์กับข่าวที่ได้ยินจึงเอ่ยถามเรื่องใหม่กับหยูอิงฮัว
"แล้วเรื่องของเฟยหยี ข้าให้เจ้าไปที่หยุนไหลได้ข่าวของเฟยหยีบ้างหรือไม่"

     เขาผู้นี้สายตามีประกายเมื่อถามถึงญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่หยูอิงฮัวมิได้พูดกล่าวอันใด นอกจากส่งสายตาแล้วก็ส่ายหน้าคนผู้นี้จึงลอบถอนหายใจ แววตาก็พลันดูเศร้าลงไปในทันที จนอยู่อิงฮัว พูดขึ้นอีกว่า

"แต่ท่านประมุขไม่ต้องกังวล ข้าได้ส่งคนแฝงตัวไว้ที่หยุนไหลแล้วถ้ามีข่าวขององค์ชาย ข้าจะรีบมารายงาน ท่านประมุขทันทีค่ะ"
บุรุษผู้สามหน้ากาก ก็พลันยกมือขึ้นข้างหนึ่งให้หยูอิงฮัวหยุดพูดก่อนหมุนตัวหันหลังให้หยูอิงฮัวแล้วกล่าวขึ้น
"ถ้ายังไม่เจอตัวเฟยหยีเราเองก็ยังทำอะไรในตอนนี้ไม่ได้เช่นกัน คงต้องยืมมือคนของเผ่าปีศาจไปก่อน" เมื่อเขาเดิน ไปถึงม่านลูกปัดมุกแล้วแหวกม่านเข้าไป ยังที่นั่งตามเดิม

"แต่ท่านประมุขคะ"
"มีอะไร?" เสียงของเขาเอ่ยถามก่อนวางปลายนิ้ว ลงบนสายพิณเพื่อบรรเลง เพลงที่แสนเศร้าของเขาต่อ
"ตอนนี้จางฉวนและคนห้ากองธงสวรรค์ มันยังคงตามล่าคนของพวกเราไม่หยุดเข่นฆ่าพี่น้องเราล้มตาย ไปไม่น้อยทำให้คนของเรา ต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง...เราควรทำเช่นไรดีเจ้าคะ"

เคว้ง!!

      บุรุษภายใต้หน้ากากได้ยินดังนั้นก็พลันฟาดฝ่ามือตบลงบนพิณ จนหยูอิงฮัวตกใจเล็กน้อย กับเสียงที่เกิดขึ้นมาครู่นางตระหนกตกใจจึงค้อมตัวก้มหน้าไม่กล้าเงย

"บนสวรรค์มีให้พวกเจ้าเดินมากมายกลับไม่เดิน แต่กลับมาหาหนทางสู่นรก"ก่อนเขาจะเงยหน้า ไปพูด กับหยูอิงฮัว
"ทางโย่วหลิน ส่งข่าวมาหรือไม่?"
"ยังเลยค่ะ"
"ท่านประมุขขอรับ! คนของหุบเขาหยกมายาส่งข่าวรายงานมาขอรับ" ทันใดนั้นก็มีเสียง ของทหารยามตะโกนแจ้งข่าวมา
"เข้ามา!"

     แล้วทหารยามเข้ามาพร้อมกับส่งจดหมายให้หยูอิงฮัวจึงแหวกม่านลูกปัดมุกส่งจดหมายให้บรุษผู้นี้เมื่อเขารับจดหมาย เปิดออกอ่านดู ก็ยิ้มออกมาจางๆ จนหยูอิงฮัวแปลกใจแต่มิกล้าถามความใด จึงได้แต่ก้าวเท้าถอยออกมา ยืนรอรับคำสั่ง

"ดีมาก ดี ดีเหลือเกิน หึหึ  ในเมื่อเป็นพวกเจ้าไม่ยอมรามือ เมื่อฟ้าบัญชาให้เจ้าตายเช่นนั้นก็คงจะมาโทษข้าไม่ได้หรอกนะ จางหวนเอ๋ยจางหวนเจ้าคงลืมไปแล้วปีศาจนั้นปลุกง่ายแต่จะทำให้สงบ นั้นคงยากนัก หึหึหึ"

     หยูอิงฮัว งุนงงกับคำพูดของประมุขตน บุรุษสวมหน้ากากนำจดหมายยื่นใส่เฟลวไฟ แล้วหย่อนลงในกระถางไฟจึงกล่าวสั่งหยูอิงฮัว
"อิงฮัว เจ้าจงไปสืบข่าวที่หยุนไหลหาตัวเฟยหยีให้พบต่อให้พลิกเขาเมฆาล้ำก็ต้องหาตัวเฟยหยีให้เจอ"
"ค่ะ ท่านประมุข"
"ไปเถอะ"
"ข้อน้อยขอตัว"
"อื้มมม"

     บุรุษผู้สวมหน้ากากกล่าวจบก็กรีดปลายนิ้วกดลงบนสายพิณบรรเลงต่อ แต่ท่วงทำนองที่ส่งผ่านปลายนิ้วของเขาปรากฏเสียง เริ่มจากท่วงทำนองแผ่วเบา เศร้าโศก แล้วพลันโยกเร่งเร้ารวดเร็ว สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ดุจคลื่นใหญ่ ถาโถมลมโบกพัด จนเร่งรัดพัดแสงเทียน ที่จุดอยู่วาบไหวแรงดีดที่ส่งผ่านปลายนิ้วพลิ้วไหวรวดเร็ว เสียงทำนอง ผิดแผกแปลกไปรับรู้ได้ถึงสภาวะจิตใจของผู้บรรเลง ที่แฝงไปด้วย เพลิงโทสะร้อนแรงดุเดือด หยูอิงฮัวได้ยินดังนั้นก็ยิ่งสงสัยก่อนลาออกไปจากผาราชันย์

     แดนมายาทั้งห้าหุบเขาบัดนี้กลายเป็นเพียงดินแดน ที่แสนจะรกร้างว่างเปล่าไร้ซึ่งเทพเซียนเข้ามาพำนักดังเช่นครั้งเก่า แม้แต่มารปีศาจยังมิกล้ำกรายเพราะอันตรายภายในนี้มีเหลือคณา ดินแดนที่อดีตเคยเกรียงไกร ทุกภพภูมิน้อยใหญ่ต่างยำเกรงตอนนี้กับมีแต่ความวังเวง ภายใต้เงาเมฆมืดดำ แต่หุบเขาทั้งห้ายังคงตั้งตระหง่านรอการมาเยือนของผู้นำคนใหม่อยู่เสมอ

**
ณ เขาเมฆาล้ำหยุนไหล

     เจิ้งเทียนฉีศิษย์พี่ใหญ่เดินมายังบรรดาศิษย์คนอื่นๆ เสื้อคลุมยาวสีฟ้า ที่เจิ้งเทียนฉีสวมใส่พัดไหวตามแรงลม ดูงามสง่า สมกับเป็นศิษย์คนโตของสำนักเมฆาล้ำหยุนไหล เทียนฉีเห็นบรรดาศิษย์น้องฝึกซ้อมวิชา รำเพลงกระบี่กันปราดเปรียวว่องไว เป็นระเบียบขบวน ก็นึกชื่นชม

"ศิษย์พี่ใหญ่ พักนี้ท่านหายไปไหนมา ข้ากับพวกศิษย์น้องหาท่าน ไปทั่วทั้งสำนัก " ลี่หง โวยวายใส่ เมื่อนางเห็น เทียนฉีพอได้ยิน ลี่หงกล่าวถามมา ก็มิรู้จะกล่าวตอบ ไปอย่างไร
"อะ-เอ่อ ศิษย์น้องเจ้ามีอะไรเหรอ พอดีข้าเรื่องต้องไปทำนิดหน่อยน่ะ"
"เหอะ ปรกติท่าน ไม่เคยหายไปนานขนาดนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ? ท่านบอกข้าได้รึไม่?"

"ไม่เอาน่า เร็วเข้านี่เจ้ายังไม่ไปสนามฝึกอีกเดี๋ยวอาจารย์หญิง ท่านก็ดุเอาหรอก"
"เหอะ ศิษย์พี่" ลี่หงงอนเจิ้งเทียนฉี ก่อนเดินสะบัดหนีไป

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน19 ➧ ➧ ➧ Up [02-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 02-03-2019 19:44:46
19.เสี้ยวจันทรา  ศิษย์คนใหม่ แห่งหยุนไหล

      เมื่อหวงหลงรู้เรื่อง ของเสี่ยวเมากับบรรดาศิษย์เอก ของตำหนักต่างๆ ที่ไปหาเรื่องเสี่ยวเมา ถึงเรือนไม้ไผ่หลังหุบเขา จึงได้เรียก สามอาวุโสซึ่งเป็นศิษย์น้องของตน รวมถึงศิษย์บรรดาเอกอย่าง เจิ้งเทียนฉี ลี่หง จื่อชิว อี้ปิน รวมถึง ติงปิง รุ่ยผิง และจิงยี่ เข้าพบ ว่าจะให้เสี่ยวเมา มาเป็นศิษย์ในสำนักเมฆาล้ำอีกคน นับแต่วันนี้ เพราะคิดว่าคงปิดบัง เรื่องต่างๆ นี้ต่อไปไม่ได้แล้ว และศิษย์ในสำนัก จะสงสัยอาจจะทำให้ เสี่ยวเมาตกอยู่ในอันตราย

"ศิษย์พี่เจ้าสำนัก เด็กคนนั้นเป็นใครกันหรือ? ทำไมพวกข้าไม่รู้จัก" เจียอินเอ่ยถาม เขาคือผู้อาวุโสอันดับ1เขาคือศิษย์น้องคนรองของหวงหลง คอยจัดการเรื่องต่างๆแทนเจ้าสำนัก เป็นอาจารย์ของเจิ้งเทียนฉี กับ จื่อชิว

"นั่นสิ ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ท่านนำเด็กคนนั้น มาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกเราจึงไม่รู้" เจียฉี นางเอ่ยถามอีกคนด้วยความสงสัย นางเป็นอาจารย์หญิง ของบรรดาศิษย์หญิง ในหยุนไหล ลี่หง กับ จิงยี่ คือศิษย์ของนาง เป็นผู้อาวุโสลำดับ2 แห่งตำหนักเหยียนซี

"ท่านอาจารย์ใหญ่ เจ้าเด็กโสโครกนั่นมันเป็นใคร ทำไมท่านต้องรับมันเป็นศิษย์ด้วยล่ะ เช่นนั้น มันก็มีฐานะ ไม่ต่างจากพวกเราหน่ะสิ"

     ลี่หงทนไม่ไหว เพราะนางรู้สึก ไม่ถูกชะตากับเสี่ยวเมา ก็พูดโพล่งออกมา ด้วยทีท่าไม่พอใจ จนหวงหลง ต้องกล่าวเตือน

"ลี่หง เจ้านะเจ้า เรื่องที่เจ้า ไปทำร้ายเสี่ยวเมา ในวันนั้น ข้ายังไม่ได้ลงโทษ เจ้าเลยนะ" หวงหลง ต่อว่าลี่หงต่อหน้าอาจารย์นาง และศิษย์คนอื่นๆ จนลี่หงนางชักสีหน้า

"หึ!! เจ้าเด็กคนนั้น มันฟ้องท่านใช่ไหม ก็...ก็ข้าจะรู้ได้อย่างไรกันว่า เจ้าเด็กคนนั้น มันเป็นศิษย์ของอาจารย์ใหญ่ เนื้อตัวก็สกปรกมอมแมม หึ ขยะแขยง!!"

"ศิษย์น้อง!"

เจิ้งเทียนฉี เอ่ยเตือนให้ ลี่หง หยุดปาก นางจึงยอมหยุด แต่ก็ยังคงแสดงแววตา ไม่พอใจอยู่มาก ก่อนขมุบขมิบปาก พูดกัดแทะเจิ้งเทียนฉีเบาๆ "ท่านก็อีกคนหึ!"


"ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้เด็กคนนี้ พักอยู่กับติงปิงนะ ศิษย์พี่" อาจารย์ผู้อาวุโสลำดับ3 ชื่อว่าซินเจิน เอ่ยขึ้น เขาคืออาจารย์ของ อี้ปิน กับรุ่ยผิง

"ไม่ต้องหรอกศิษย์น้องห้า ให้เสี่ยวเมา เขาพักอยู่ที่เรือนไม้ไผ่ตามเดิม เพราะเขายังต้องรักษาคนป่วย และศึกษาตำราแพทย์อยู่ที่นั่น "

"อ๋อ แล้วกำลังรักษาใครกัน หรือศิษย์พี่? "

"ก็ศิษย์เจ้ายังไงล่ะ "

"หือ" ก่อนที่หวงหลงจะพูดเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียง แค่บรรดาเจ้าตำหนัก 3อาวุโสเพียงเท่านั้น "หานอี้" ทุกคนได้ฟังดังนั้น ก็พลันตกใจ"เขายังไม่ตายหรือนี่"

"อืม" หวงหลงพยักหน้า เป็นการยืนยัน ก่อนจะหันไปเอ่ย กับบรรดาศิษย์เอกในสำนัก

"ข้ามีเรื่องจะสั่งพวกเจ้า เรื่องวิชาเพลงยุทธและอาคม ข้าจะเป็นคนสอนเสี่ยวเมาเอง ตอนนี้ให้เขา ศึกษาตำราแพทย์ไปก่อน อย่าไปรบกวนเขา รู้หรือไม่"

"ขอรับ ท่านเจ้าสำนัก/ท่านอาจารย์"

***

[ทำความเข้าใจ กับ ตำแหน่งในเมฆาล้ำหยุนไหล]

[หวงหลงคือเจ้าสำนัก เป็นอาจารย์ของ ติงปิง(ศิษย์เอกคนรองในสำนัก) กับ เสี่ยวเมา]

3ผู้อาวุโส

ผู้คุมกฏเจียอิน
คือรองเจ้าสำนักศิษย์ ต่อจากหวงหลงผู้อาวุโสลำดับ1
เป็นอาจารย์ของ เจิ้งเทียนฉี(ศิษย์เอกคนโตในสำนัก) กับ จื่อชิว(ศิษย์เอกลำดับ5)
นิสัยเถรตรง ถือดี
อาจารย์หญิงเจียฉี
เจ้าตำหนักเหยียนซี คือผู้อาวุโสลำดับ2 นางเป็นคนสอนวิชาให้กับศิษย์หญิง
เป็นอาจารย์ของ ลี่หง(ศิษย์เอกลำดับ3) กับ จิงยี่(ศิษย์เอกลำดับ5)
นิสัยเจ้าอารมณ์ แต่ชอบเล่นดนตรี

ผู้คุมหอตำราซินเจิน
บุคลิกเป็นคนสบายๆอรุ่มอร่วย คือผู้อาวุโสลำดับ3
เป็นอาจารย์ของ อี้ปิน(ศิษย์เอกลำดับ4) และ รุ่ยผิง(ศิษย์น้องเล็ก)
นิสัยสบายๆ ไม่มีพิธีรีตอง

**
ซินฉี
พำนักในอารามว่างเปล่า
คือผู้อาวุโสที่ไม่สนใจเรื่องราวใดๆในสำนัก
เป็นศิษย์พี่ของ เจียฉี ซินเจิน
ไม่ยอมรับศิษย์ ฉายาเซียนขี้เมา ฉะนั้นในสำนักจึงมีอาวุโสเพียงสามคนไม่นับอาวุโสซินฉี


***

หลังจากเสี่ยวเมา ได้รู้ว่าตนนั้น จะได้เข้าไปอยู่ในสำนักแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดเลยว่า จะมีวันนี้

"มันคือเรื่องจริงใช่ไหม?ศิษย์พี่ใหญ่ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ "

"อื้ม ใช่ อาจารย์ใหญ่ ท่านให้ข้ามาบอกกับเจ้า"

"อือ ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่มาก" เสี่ยวเมาดีใจ ก็กระโดดเข้าไปกอดคอ เจิ้งเทียนฉียกใหญ่

"อะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ เออนี่ เจ้าไม่ต้องย้ายของ ออกไปจากเรือนไม้ไผ่หรอกนะ อาจารย์ใหญ่ท่านบอกว่า ให้เจ้า อยู่ในเรือนไม้ไผ่เหมือนเดิม ศึกษาตำราแพทย์ของเจ้าไป "

"อื้อ อื้อ " ก่อนเจิ้งเทียนฉี จะกระซิบเบาๆกับ เสี่ยวเมาอีกว่า

"เจ้าพักที่นี่ก็ดีเหมือนกัน เวลาข้าแอบมาหาเจ้า สอนวิชาก็จะได้ง่ายขึ้น เพราะว่าอาจารย์ใหญ่ท่านสั่งมา ไม่ให้อาจารย์ทั้งสาม สอนเพลงยุทธกับอาคมให้เจ้าน่ะสิ"

"อืม ตาแก่นั่นขี้งกจริงๆ ใจดำมาก คิดจะให้ข้า เป็นศิษย์โข่งโง่เขลา ให้คนหัวเราะเยาะ ทั้งหยุนไหลกระมัง เหอะ!" มีศิษย์พี่อย่างข้าอยู่ เจ้าจะเป็นศิษย์โง่งม ได้อย่างไรล่ะ"เจิ้งเทียนฉี กับเสี่ยวเมาคุยกัน อย่างออกรสและสนิทสนม

"ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่"


**
ณ ลานฝึกยุทธ

"ศิษย์พี่!!ศิษย์พี่ลี่หง "

"มีอะไรหรือ?จื่อชิว"

"ศิษย์พี่ใหญ่ เขาไปเรือนไม้ไผ่หลังเขา ตั้งนานแล้ว ยังไม่กลับมาเลย"

     จื่อชิว รีบนำเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเจิ้งเทียนฉี ไปบอกกับ ลี่หง เพราะนางได้สั่งกำชับไว้ เมื่อลี่หงได้ยินดังนั้น ก็หน้าดำหน้าแดง แสดงสีหน้าไม่พอใจ นางหมุนตัวหันก็ผลุนผลันเร่งรุด เดินออกไปทันที ระหว่างที่เดินออกไป ก็เจอกับอี้ปินพอดี

"อี้ปิน เจ้าไปกับข้า "

"มีอะไรเหรอ ศิษย์พี่"

"เจ้าไปบอกกับศิษย์พี่ใหญ่ว่า อาจารย์หญิง ให้ศิษย์พี่ใหญ่ มาสอนเพลงกระบี่ ให้พวกศิษย์น้อง ที่ลานฝึกที่สอง เร็วเข้า"

"ก็พี่ลี่หงกับศิษย์พี่รองติงปิง อ่ะ-เอ่อ เป็นคนสอน อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?"

"เจ้าทึ่ม ยังจะถามให้มากความอีก ข้าบอกให้เจ้าไป ทำก็รีบไปสิ เร็วๆ เดี๋ยวเถอะ"

"อะ-เอ่อ ขอรับๆ" ว่าพลันอี้ปิน ก็ถลาตัววิ่งออกไป ซักพักแล้ว ก็วิ่งกลับมาใหม่ "ศิษย์พี่ลี่หง ว่าแต่ศิษย์พี่ใหญ่ เขาอยู่ที่ไหนเหรอ"

"เจ้าทึ่มเอ้ย! ศิษย์พี่ใหญ่ เขาอยู่หลังเขาโน่น เจ้าไปร้องเรียกดูสิ"

"ขอรับศิษย์พี่"

"รีบไปเร็วเข้า" ว่าแล้ว อี้ปิน ก็วิ่งไปอย่างรวดเร็ว

"เราแอบตามอี้ปินไป อย่าให้เขารู้ตัว " ว่าแล้วลี่หง ก็หันมาสั่งจื่อชิวให้ทำตามที่ตนบอก
"อื้ม "

***

ณ เรือนไม้ไผ่

"เสี่ยวเมา แล้วนี่เจ้า กินอะไรหรือยัง?" เทียนฉีเอ่ยถาม เสี่ยวเมาก็พลางส่ายหน้า แล้วก้มหน้า ดูหม้อยาที่ต้มอยู่ ก่อนพูดขึ้น

"ยังเลย ท่านก็เห็นอยู่ ว่าวันๆ ข้าก็วุ่นวาย อยู่กับการรักษาคน "เทียนฉียิ้มคนเดียวก่อนบอกกับเสี่ยวเมา

"ถ้าเช่นนั้น เจ้าอย่าเพิ่งรีบกินอะไรล่ะ เดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่คนนี้ จะไปหาของกินอร่อยๆมาให้เจ้าเอง"

     เสี่ยวเมา ละจากเตาหม้อต้มยา ก็ยืนขึ้นพลันหมุนตัว หันมายิ้ม เผยให้เห็นริมฝีปากสีชมพูสดใส แล้วก็พยักหน้าตอบรับ

"อื้อออ ขอบคุณศิษย์พี่มาก" ตอบเสร็จ เสี่ยวเมาก็หมุนตัว หันไปหยิบท่อนฟืนมา

     ภาพที่เจิ้งเทียนฉี เห็นในตอนนี้มันช่างสดใส น่าจดจำเสียจริงๆ ดวงตากลมโต แววตาภายในดูใสซื่อ ความหมดจดของใบหน้า แม้จะนุ่งห่มผ้าหยาบไร้ค่า แต่ก็ช่างน่าดูน่าชมไม่รู้เบื่อ ทว่าหนุ่มร่างบางคนนี้ กลับมีงานรัดตัว แทบไม่มีเวลา ให้ได้ร่าเริงสดใส เลยซักนิด ถ้าเขาได้เห็นรอยยิ้มนี้ตลอดเวลา ก็คงจะดีไม่น้อย เทียนฉียังคงยืนนิ่ง ไม่ไหวติง มองร่างบางของเสี่ยวเมา อยู่อย่างนั้น จนเสี่ยวเมาเห็นผิดสังเกตุ ว่าศิษย์พี่ใหญ่เหตุใด ไม่ไปสักที จึงหันมาถาม

"ศิษย์พี่ใหญ่...ศิษย์พี่! ที่ตัวข้ามีอะไรเช่นนั้นหรือ?"

"อ่ะ-เอ่อ ปล่าว ปล่าว" เทียนฉี คืนสติมาดังเดิม

"งะ-งั้น ข้าไปก่อนนะ อย่าลืมล่ะ อย่าเพิ่งกินอะไร ข้าจะรีบไปรีบกลับ"

"อื้อ รู้แล้ว ข้ากว่าจะต้มยาเสร็จ ท่านคงมาพอดี เร็วๆล่ะ"

"อื้อๆ รู้แล้วๆ "


     ทางฝ่ายอี้ปิน มาเรียกหาเจิ้งเทียนฉี พักใหญ่ ก็ไม่เห็นมีเสียงตอบรับ จากที่แห่งนี้ เรือนไม้ไผ่ ยังคงอยู่ในที่ลับตาคน จึงไม่มีใครสามารถ ที่จะเห็นได้ เมื่ออี้ปินมองไม่เห็น  เจิ้งเทียนฉี อี้ปินจึงเดินกลับไป ระหว่างทางจึงเจอกับ ลี่หง และจื่อชิว


"ศิษย์พี่ลี่หง ข้าเรียกหาศิษย์พี่ใหญ่ตั้งนาน ข้ามิเห็นมีผู้ใดอยู่เลย"

"อย่างนั้นเหรอ?"


     ลี่หง ย้อนถามอย่างสงสัย ก่อนหันไปมองจื่อชิว พวกเขากำลังหันหลังกลับ ก็เห็น เจิ้งเทียนฉี เดินมาไกลๆ ท่าทางดูอารมณ์ดีผิดปรกติ ในมือถือเถาปิ่นโตอันใหญ่ ข้างใน น่าจะเป็นของกิน จำนวนไม่น้อย

"ศิษย์พี่ลี่หง นั่นศิษย์พี่ใหญ่นี่ " อี้ปิน เห็นเจิ้งเทียนฉี ก็เตรียมจะไปหา

"อี้ปินเจ้ามานี่ก่อนอย่าเพิ่งไป" แต่ลี่หง กระชากเอาไว้เสียก่อน แล้วก็พาศิษย์น้องทั้งสอง หลบซ่อนหาที่กำบัง
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน19 ➧ ➧ ➧ Up [02-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 07-03-2019 22:17:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน19 ➧ ➧ ➧ Up [02-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: ikou ที่ 07-03-2019 22:24:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน19 ➧ ➧ ➧ Up [02-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 08-03-2019 09:19:22
สนุกค่ะเรื่องนี้ รออ่านนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน20 อดทน ➧ ➧ ➧ Up [08-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 08-03-2019 23:19:00
20.เสี้ยวจันทรา  ความอดทน


"หึ เจ้าคนโสโครก เป็นเจ้าใช่ไหม?ที่ฟ้องกับอาจารย์ใหญ่ ว่าข้าเป็นคนรังแกเจ้า?"
ผลัก!
"ศิษย์พี่ นี่ท่าน"

"ยังมาทำเป็นไขสือ?"

      ร่างของหนุ่มน้อย ค่อยพยุงกายลุกขึ้น แล้วใช้มือของตนปัดเศษผงฝุ่น ที่ติดอยู่ตามตัวออกไป แล้วพยายาม จะเดินหนีไปอีกทาง แต่ทว่า ลี่หง กลับไม่ยอมมายืนขวางไว้อีก

"หากไม่ใช่เจ้าแล้ว เหตุใดอาจารย์ใหญ่ จึงกล่าวคาดโทษข้า ต่อหน้าศิษย์คนอื่นๆ"

     ลี่หง กล่าวขึ้น พร้อมกับหันไปทางจื่อชิว และอี้ปิน ศิษย์น้องสองคน สอดรับคำพูดของลี่หง เป็นปี่เป็นขลุ่ย

"ใช่แล้ว ข้าสองคนเป็นพยานได้ เพราะว่าวันนั้น ท่านอาจารย์ใหญ่ กล่าวโทษศิษย์พี่ลี่หงจริงๆ "

"หึ อย่างไรเสีย เจ้าก็เป็นแค่เด็ก ที่อาจารย์ใหญ่ ท่านเก็บมาเลี้ยง เจ้าอย่าได้คิดบังอาจ มาเทียบกับพวกข้า ที่เป็นทายาทของตระกูลต่างๆล่ะ เรามันคนละชั้นกัน" ลี่หงกล่าวออกมา ลอยหน้าลอยตา อย่างภาคภูมิใจ ในชาติตระกูลของนาง ในแดนสวรรค์


"ศิษย์พี่จะเข้าใจเช่นนั้น ข้าเอง คงไม่มีเรื่องอันใดจะพูด โปรดหลีกทางให้ข้าเถิด ข้าจะไปหอตำรา" ลี่หง ยังคงเดินมาขวางเสี่ยวเมา อีกเช่นเคย

"หึ ข้าละเกลียดจริง คนประเภทเจ้า เจ้ามันคือตัวซวย สำหรับข้าจริงๆ"

      เสี่ยวเมา เฝ้าบอกกับตัวเองเสมอว่า เมื่อเข้ามาแล้ว ก็จงอย่าสร้างปัญหา หรือทำตัวให้เป็นภัย ต่อคนอื่น เพราะมารดาของตนเคยสั่งมา ยังจำได้ ก่อนหน้านี้ ยังคิดเสมอว่า แค่เพียงมีคนคุยกับเขาบ้าง แค่นี้ก็ดีแล้ว แต่สำหรับหญิงสาว ซึ่งมีฐานะเป็นศิษย์พี่หญิง  ของเขากลับไม่ยินดี หรือยอมรับ ในตัวของเสี่ยวเมาเลย เขาจึงได้แต่ อดกลั้นในสิ่งที่เกิดขึ้น

ตุ๊บ! 

"โอ๊ะ!"

     ลี่หง นางฟาดฝ่ามือ ด้วยพลังถึง3ส่วน ใส่ที่ไหล่เสี่ยวเมา ร่างของหนุ่มน้อยที่ผอมบางอยู่แล้ว ครานี้ถูกฝ่ามือซัดเป็นครั้งที่สอง ก็ดูเหมือนจะรุนแรง กว่าคราวที่แล้ว ร่างของเขา ก็ถอยเซไปด้านหลังจนล้มลง ก่อนที่พวกของลี่หง จะยิ้มเย้ยแล้วเดินจากไป

..

"ศิษย์พี่ เราทำเช่นนี้มันจะดีเหรอ?"

"ดีสิ เจ้าหนูสกปรกนั่นมันจะได้รู้ตัว ว่ามันควรจะอยู่ในระดับไหน อย่าบังอาจ มาเทียบกับพวกเรา"
[เจ้ามันบังอาจ แส่หาเรื่องเอง ตั้งแต่ศิษย์พี่ใหญ่รู้จักกับเจ้า เขาก็ไม่เคยสนใจข้าเลย ข้าละอยากฆ่าเจ้านัก เสี่ยวเมา เจ้าคนโสโครก]

"ถ้าเกิดเจ้านั่น มันฟ้องอาจารย์ใหญ่ล่ะ"

"อี้ปิน เจ้านี่มันใจเสาะจริงๆเลย อาจารย์ใหญ่ท่านไม่อยู่สำนัก ลงเขาไปแล้ว อีกอย่างถ้าเจ้าไม่พูดข้าไม่พูด เจ้าคนโสโครกนั่นมันกล้าพูด ก็ลองดูล่ะกันหึ" ลี่หง พูดแค่นในลำคอแล้วมีแววตาเป็นประกาย ก่อนจื่อชิวจะกล่าวเอ่ยขึ้น

"ศิษย์พี่ ข้ารู้มาว่า เจ้านั่นมันจะต้อง ออกไปเก็บสมุนไพรในป่าลึกๆ เป็นประจำ " ลี่หง ได้ยินดังนั้น ก็เผยยิ้มออกมาบางๆ อย่างมีเลศนัย

"หึ ดีเลย ทั้งหุบเขาทั้งเหวลึก ในแถบนี้ข้ารู้ทุกที่ ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็คงมีอะไรสนุกๆ ทำกันแล้วล่ะ"

"ศิษย์พี่!!" อี้ปิน อุทานออกมา เขารู้สึกกลัว ในแววตาและคำพูด ของลี่หงขึ้นทันที จนลี่หงทมึงตาใส่

"เอาเถอะ พวกเจ้าสองคน จงเชื่อมือข้าเถอะว่า เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราแน่นอน"

**

     ลมเย็นพัดโบกเข้ามา กระทบกายของหนุ่มน้อยเสี่ยวเมา กายบางๆของเขา ก็เหมือนจะปลิวไปตามลมเสียให้ได้ ในขณะที่เขายืนทอดกาย หายใจอยู่เพียงคนเดียว ที่ลานกว้าง ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนไม้ไผ่

     หน้าต่างของเรือนไม้ไผ่ ยังไม่ได้ถูกปิด เสี่ยวเมายังคง ปล่อยสายตาของตนเองมองเล็ดลอดออกไป ชวนให้ว้าเหว่ คิดถึงมารดา แม้ตอนนี้จะดีกว่าแต่เก่า แต่ก็เหมือนจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น ความเปียกชื้นบนใบหน้า ขนตาเปียกชุ่มเผยให้เห็น หยดน้ำตาเม็ดเล็กๆหล่นวาบ กระทบกับแสงไฟเป็นประกายลงสู่พื้น


     เสี่ยวเมายังคงมองขึ้น ไปบนฟ้า เพื่อมองหามารดาของเขา บนฟากฟ้านั้น ต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในหมู่ดวงดารา

[เสด็จแม่ ท่านอยู่ที่ใดกัน]

     มือเล็กๆของเขา แกะแส้อ่อน ที่บัดนี้เป็นเพียงผ้าคาดเอว ขึ้นมามองดู นี่ก็เป็นของอีกสิ่งหนึ่ง ที่มารดาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า เพื่อเอาไว้ให้เขา ได้ปกป้องตัวเอง แต่การปกป้องตัวเองที่ดีที่สุด นั้นคือ ห้ามเปิดเผยฐานะตนเองต่อผู้อื่น หรือว่าเขา จะต้องอดทนกล้ำกลืนฝืนไป อีกนานเท่าใดกัน? แส้อ่อนตอนนี้ มันเป็นเหมือนดั่งญาติสนิท ที่ใกล้ชิดกับเสี่ยวเมามากที่สุด ถึงหยิบจับขึ้นมา จะมีแต่ความเย็นชืด แต่มันก็ทำให้ เสี่ยวเมารู้สึกอุ่นเล็กๆ ในหัวใจ

"เสด็จแม่ลูกคิดถึงท่าน หากไม่เป็นเพราะลูก อึก..ลูกเข้าใจ ท่านจากไปก็หวังให้หม่อมชั้นปลอดภัย ท่านวางใจ ลูกจะฝึกวิชาในคัมภีร์ดับตะวัน ให้สำเร็จโดยไว .... แล้วลูกจะออกไปตามหาท่าน ลูกจะตามไปคิดบัญชีแค้นนี้ แทนพวกท่าน ล้างแค้นให้พี่ฟ่งอวี้และพี่เสวี่ยเอ๋อ...อึก.."


     น้ำตาของเสี่ยวเมาเม็ดเล็กๆ ไหลรินหล่นลงมา แต่กลับมีแต่ความเงียบ มิได้มีเสียงสะอื้นไห้ เพราะในใจเขานั้นเข้มแข็งขึ้น มิได้อ่อนแอเช่นดั่งแต่ครั้งก่อน ภายใต้ความเงียบสงบ ของเรือนไม้ไผ่ ยังมีสายตาอีกคู่ ที่หลบซ่อนอยู่ จับจ้องมองดูพฤติกรรม ของเสี่ยวเมา แต่ก็ต้องพบว่า ภายใต้ใบหน้าที่แสนสุขสดใส ของเด็กหนุ่มอย่างเสี่ยวเมา กับปกปิดความโศกเศร้าภายใน แม้เขาจะมิรู้ว่าเป็นเรื่องใด ก็ทำให้ผู้ที่พบเห็น พลอยนึกสลดหดหู่ใจไปด้วย

..

    รุ่งเช้าวันนี้เสี่ยวเมา ก็เหมือนกับเช่นทุกวัน บรรยากาศที่เย็นสบาย กับรอยยิ้มของเขาในวันใหม่นั้น คือวันที่สดใสที่สุด ลมยังคงพัดโชย ชวนให้ต้นไผ่ลำสูงชะลูดไหวเอน ดอกไม้พฤกษานานาพันธุ์ แบ่งบานรับแสงสุริยัน ของวันใหม่ ชวนให้เสี่ยวเมา รู้สึกสบายใจขึ้นทันที

 
    หนุ่มน้อยผ่อนลมหายใจเบาๆ ก่อนออกเดินทางเก็บสมุนไพร เขาเดินทางสู่กลางป่าอย่างเคยชิน พอเสี่ยวเมาเดินไปได้สักพัก ก็พบกับสิ่งผิดปรกติ

[เมื่อกี้เราเหยียบอะไร]  ทันใดนั้นเอง

..
[มีคนวางกับดัก คิดทำร้ายเรา]

ฟิ้ว ฟิ้ว!!

[มีคนอยู่เราจะเปิดเผยตัวไม่ได้] 

     
     ท่อนไม้ ที่ถูกผูกตรึงไว้ด้วยเชือก ก็พลันพุ่งเข้าหาเสี่ยวเมาในทันที มีท่อนไม้หลายท่อน ผลัดกันหมุนเวียนพุ่งโถมเข้ามา เสี่ยวเมาจะใช้กระบวนท่าหลบหลีก ก็กลัวว่าจะมีคนรู้ ถึงความสามารถของตน ทำได้เพียงหลบสะเปะสะปะ ทำให้ต้องยอมเจ็บตัว โดนท่อนซุงใหญ่ พุ่งตรงมาตรงทรวงอก เขาจึงใช้สองมือกันไว้ เพื่อทุเลาแรงกระแทก ที่ท่อนซุงส่งมา

ผลัก!

"โอ๊ะ!!"


     ร่างของเขา กระเด็นลอยละลิ่ว ก่อนจะหล่นลงมาสู่พื้น ตุบ! เสียงคนหัวเราะกันเบาๆ หลังพุ่มไม้

[พวกเจ้าคงจะพอใจกันแล้วสินะ ข้าจะได้ไปซักที]

     เสี่ยวเมาทำเป็นไม่สนใจ ทำได้เพียงเม้มกัดริมฝีปาก บอกตนเองให้อดทน กับความรู้สึกเจ็บ และฝืนทนผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ ก่อนใช้มือ เท้าพื้นค่อยๆ พยุงร่างของตนขึ้น แล้วจึงค่อยเก็บสมุนไพรที่หล่นกระจัดกระจายไปทั่ว เขาก้มหน้าก้มตาไม่แยแส กับสายตาสามคู่ที่มองมา แสร้งว่าที่นี้ไม่ได้มีใครอยู่

     
[เราต้องอดทน เจ็บแค่นี้เองจงทนไว้ เฉิงเฟยหยี]


     เมื่อเดินมาได้สักพัก รู้สึกเจ็บที่ทรวงอก เสี่ยวเมาจึงตัดสินใจนั่งพัก ก็พลันสังเกตรู้ได้ทันทีว่า มีคนแอบตามเขามาอีก

[ข้าคงมีความสำคัญ มากเลยสินะ พวกเจ้าถึงแอบตามข้ามา ถึงในป่านี้]

    เสี่ยวเมามองไปบริเวณโดยรอบ ในป่านี้มันช่างดูเงียบวังเวง การที่มีคนสะกดรอยตามเขามา ก็คงจะดีเหมือนกัน อย่างน้อยเขาเองนั้น ก็จะได้มีเพื่อนร่วมเดินทาง เสี่ยวเมายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนยกแขนเสื้อขึ้นมา ปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า แล้วยิ้มรับแสงแดดจ้า ที่ส่องลงมากระทบ จนรู้สึกเจ็บแสบเล็กๆที่แขนและข้อศอก จึงถลกแขนเสื้อออกดู ก็พบกับแผลถลอก จากการบาดเจ็บเมื่อครู่

..
ลำธาร

     เสี่ยวเมาใช้มือเล็กๆ กวักน้ำในลำธารขึ้นดื่ม พร้อมกับทำความสะอาดใบหน้า และบาดแผลที่แขน ทำให้รู้สึกแสบเล็กๆ แต่ไม่เป็นไร แค่นี้มันช่างห่างไกลหัวใจ ความเจ็บปวดที่มากกว่านี้ เขาก็สามารถทนรับได้ แค่นี้ มันคือเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านั้น พอได้เห็นใบหน้าของตน ในน้ำใส เสี่ยวเมาก็ยิ้มให้ตนเอง

"เสี่ยวเมา เจ้านี่มันช่างอาภัพเสียจริงๆเลยนะ หึ" เสี่ยวเมายิ้มให้กับผืนน้ำ ที่มีใบหน้าของเขายิ้มระรื่นอยู่ เหมือนกับคนที่ไร้ซึ่งความทุกข์โศก

"เจ้ายังจะยิ้มได้อีกหรอ ถ้าเจ้ายังยิ้มอีก ข้าจะตีเจ้าแล้วนะ ยิ้มทำไม? อึก อึก"  เสี่ยวเมารู้สึกถึงความน่าอนาถ ของชะตากรรมตัวเอง เหตุใดกันทำไมเขาจึงต้องมาอยู่ใน สถานการณ์แบบนี้

"หึหึ เจ้ายังจะยิ้มได้อีกเหรอ ข้าจะตีเจ้านะ ถ้ายังขืนยิ้มอีก"

     เสี่ยวเมาพูดพลาง ก็ฟาดมือลงในน้ำจนแตกกระจาย จนน้ำกระเด็นเปียกปอน ทั่วร่างกายและใบหน้า ทว่าน้ำที่แปดเปื้อนหน้านี้ มิใช่มีแต่น้ำในลำธารเพียงอย่างเดียว

"อึก.. ทำไม? ทำไมข้าจะต้องมาเจอ กับอะไรแบบนี้ด้วย ข้าต้องทน อึก ต้องทนให้ได้ อึก อึก"


     บนใบหน้าของเด็กหนุ่ม ขณะนี้ไม่รู้เลยว่าเม็ดน้ำใสๆ ที่อยู่ประปรายบนหน้านั้น มันคือน้ำในลำธารหรือน้ำในตา เสี่ยวเมาไม่ใช้เวลาตรงนี้นานมากนัก จึงเก็บของ แล้วเดินออกหาสมุนไพรต่อพร้อมกับใบหน้า ที่ยิ้มรับความสดใส แม้ภายในจะแสนรันทดก็ตาม
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน20 อดทน ➧ ➧ ➧ Up [08-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 09-03-2019 09:03:30
สงสารเสี่ยวเมา  :mew4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน21 ผู้ลึกลับเผ่าปีศาจ ➧ ➧ ➧ Up [09-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 09-03-2019 21:46:29
21. เสี้ยวจันทรา ผู้ลึกลับเผ่าปีศาจ

"ศิษย์พี่ วันนี้เราแกล้ง เจ้านั่นหนักไปหรือเปล่า"

"นี่แน่ะ!!"

"โอ๊ย! ศิษย์พี่ข้าเจ็บ" เซียวลี่หง ตบหัวศิษย์น้องของนางทันที เพราะอี้ปิน ดูท่าทางจะสงสารเสี่ยวเมาขึ้นมา ทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์

"วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้  หึ นับว่าเจ้านั้นโชคดี เจ้าเด็กโสโครก" ลี่หง ขณะนี้นางรู้สึก สาแก่ใจนางแล้ว จึงคิดรามือ

"นั่นสิ ศิษย์พี่ เราเองก็ออกกันมาตั้งนานแล้ว เดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่กับอาจารย์จะสงสัย" เสียงของจื่อชิวพูดขึ้น เพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ จึงพลางพูดเตือน ลี่หง

"อือ วันนี้ ข้ารู้สึกสะใจมากพอแล้ว เดี๋ยววันอื่นเราค่อยออกมาเล่นสนุกกันใหม่ เดี๋ยวข้ากลับไปคิดก่อน ว่าจะแกล้งเจ้าคนโสโครก ด้วยวิธีไหน ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ งั้นพวกเรากลับ"




..

ณ วังสวรรค์

     ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง โครงหน้าหล่อเหลา สวมแพรพรรณสีฟ้าอ่อน ยามย่างก้าววูบวาบฉับไว ชายเสื้อพลิ้วไสว ท่วงท่าการเดิน ดูสง่างามเหนือผู้ใด คิ้วคมเข้มแต่ทว่าใบหน้า กลับดูเรียบเฉยเย็นชา มุ่งตรงไปที่ตำหนักของฮองเฮา

"ถวายพระพร เสด็จแม่"

"เจ้ามาแล้วหรือ มาๆลุกขึ้นๆ มาให้แม่ดูหน้าชัดๆหน่อย" ฮองเฮาเยว่อิง กล่าววาจาชื่นมื่นยิ้มแย้ม รีบรุดออกจากที่นั่ง แล้วจึงค่อยหันเดินไป หาชายหนุ่ม ที่เรียกนางว่าแม่

"เป็นอย่างไรบ้าง? ไม่ได้เห็นหน้าเจ้าตั้งนาน อยู่ที่หยุนไหล ฝึกวิชาเหนื่อยรึไม่?"

"ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสบายดี "

"อืม ดีแล้ว ดีแล้ว"

     เสียงของทั้งสองคุยกัน เนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน จึงได้ซักถาม กล่าวคำทักทายกัน ชายหนุ่มผู้นี้เรียกเยว่อิงว่าแม่ แต่ทว่าแท้จริงแล้ว เขามิใช่บุตรแท้ๆของฮองเฮาเยว่อิง แต่อย่างไรนางก็รักเขาเหมือนกับบุตรของตนเอง

     เนื่องจากฮองเฮาพระองค์ก่อน ซึ่งเป็นพี่สาวต่างมารดาของเยว่อิง แต่อดีตฮองเฮาปลงประชนม์พระองค์เอง ทำให้เยว่อิง จึงต้องเลี้ยงเด็กคนนี้เสมือนบุตรในอุทร

"เสด็จแม่เรียกกระหม่อมมา มีเรื่องอันใดหรือ? พ่ะย่ะค่ะ"

"แม่เพียงแค่อยาก พบเจ้าเท่านั้น มิได้มีเรื่องใดสำคัญหรอก"

     ฮองเฮาหรี่ตามองชายหนุ่ม ระหว่างเดินสำรวจ ว่าโตขึ้นมากเพียงใดแล้ว เพราะองค์เง็กเซียนส่งเขาไปให้หวงหลงสั่งสอน ในช่วงวัยเด็ก ตอนนี้เขาดูสูงหล่อเหลาขึ้นมากทีเดียว ทันใดนางก็ฉุกคิด ขึ้นได้ ถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น จึงได้กล่าวกับชายหนุ่มผู้นี้

"ลูกแม่ แม่ได้ยินจางฉวนพูดกับเสด็จพ่อเจ้า เรื่องของพวกมัน " นางพูดออกมา ชายหนุ่มหันขวับในทันที

"ข่าวใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะ"

       ชายหนุ่มขมวดคิ้วเป็นปม พร้อมกับหมุนตัวหันรีบเดินไป ด้านหน้าของฮองเฮาเยว่อิง เขาอยากรู้เรื่องที่เยว่อิงนางกล่าวมา จึงเค้นถามหาคำตอบ พอดูสายตาของฮองเฮา จึงรู้ตัวว่ามิบังควร

"โปรดประทานอภัย ลูกอยากรู้ข่าวของพวกมัน ขอเสด็จแม่รีบบอกลูกมาเถิด"

     ฮองเฮาเยว่อิงเห็นดังนั้น ก็พลันยิ้มออกมาบางๆ ก่อนยกมือข้างหนึ่งเตะไปที่ไหล่ของเขา แล้วจึงเดินมายังที่นั่งของนางตามเดิม ชายหนุ่มค่อยเดินตามมา  นางเห็นได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ มีความแค้นกับคนตระกูลเฉิง

     เนื่องจากฟังคำบอกเล่าของนาง ว่ามารดาเขานั้นฆ่าตัวตาย ตามซ่งหยวนเฉิง ผู้ชายที่ไม่ได้รักอดีตฮองเฮาเลยสักนิด แต่กลับไปแต่งงานกับธิดาตระกูลเฉิง เฉิงเหลียนฮวา ทำให้มารดาของเขาโศกเศร้าทุกใจ พอซ่งหยวนเฉิงตาย อดีตฮองเฮาก็ตายตาม ทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ คิดแค้นแทนมารดา

"ใจเย็นๆ มา เจ้านั่งลงก่อน"

     ฮองเฮา ดูสีหน้าและแววตา ของบุตรชายคนนี้แล้ว ก็ทำให้นางภูมิใจนัก สีหน้าเขาที่ซื่อตรง แววตาที่จริงจัง ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่น เห็นดังนั้นฮองเฮาจึงพูดต่อไป

"แม่รู้ว่าเจ้า ต้องการแก้แค้น และปกป้องแดนสวรรค์จากคนแซ่เฉิง แต่แม่เกรงว่า เจ้านั้นจะเป็นอันตราย ปล่อยให้ เป็นเรื่องของจางฉวน กับคนของห้ากองธงสวรรค์จะดีกว่า"


     ฮองเฮาเยว่อิงกล่าวขึ้น พร้อมกับหันไปยิ้มกับบุตรชายตรงหน้า ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงในตัวเขา แต่เห็นปมคิ้วของชายหนุ่ม ขมวดปมเข้มหนา จึงต้องกล่าวออกไปอย่างเสียไม่ได้

"ได้ได้ แม่จะบอกเจ้าเดี๋ยวนี้"

"ว่าอย่างไร หรือพ่ะย่ะค่ะ" ชายหนุ่มแสดงทีท่าสนใจ เพื่อฟังฮองเฮากล่าวประโยคต่อไป

"จางฉวนแจ้งข่าวมาว่า มีกลุ่มกองกำลังชื่อว่า พรรคเงามายา ก่อความวุ่นวายขึ้น จางฉวนจึงนำกำลังไปกวาดล้าง ทำให้รู้ว่าพวกมันบางส่วน เป็นคนของแดนมายา แม่เลยคิดว่า เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ เฉิงหลิงเซียวกับลูกของพระชายาเฉิง"

"เสด็จแม่ ทรงทราบหรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ ว่าพวกมันอยู่ที่ใดกัน?"

"เรื่องนี้ จางฉวนกำลังสืบหาอยู่ อีกไม่นานก็คงจะรู้ ที่หลบซ่อนของพวกมัน เจ้าไม่ต้องห่วงไป แต่คนพวกนี้ไปมาไร้ร่องรอย แม่เกรงว่า หากเจ้า.."

"เสด็จแม่อย่าทรงกังวล กระหม่อมรู้ดีว่าจะทำเช่นไร "

"อือ ดีมาก ดีมาก แล้วหวงหลงถ่ายทอดวิชาคัมภีร์ประกายฟ้า ขั้นสุดท้ายให้เจ้าหรือยัง?"

"พ่ะย่ะค่ะ" ชายหนุ่มพยักหน้าตอบ ฮองเฮา

"ดีมากลูกแม่ ถ้าวันใดที่เจ้าขึ้นครองราชย์ แล้วใครกล้ากำเริบกับเจ้า ก็จงกำราบมันด้วยตัวเราเอง ดีกว่า พึ่งพาอาศัยมือผู้อื่น อย่าให้เหมือนเสด็จพ่อของเจ้า รู้ใช่ไหม?"

"กระหม่อมทราบดี ขอบพระทัยเสด็จแม่ ที่ทรงสั่งสอน"

"อืม เจ้าไปเถอะ "

"กระหม่อมทูลลา"

     ฮองเฮาเยว่อิง นั่งมองสำรวจดู แผ่นหลังชายหนุ่มผู้นี้ อยู่ครู่หนึ่ง จนเขาเดินหายลับตาไป ก็ตระหนักได้ว่า แม้เขาจะไม่ใช่ลูกของนาง แต่ก็เชื่อฟังนางเป็นอย่างดี ถ้าติงปิง เป็นลูกของนาง คงจะดีไม่น้อย เสียดายที่อดีตฮองเฮาพี่สาวของนาง มิได้อยู่ดูบุตรชายคนนี้เติบใหญ่ แล้วนางก็โคลงศีรษะตัวเอง เพื่อไปคิดเรื่องอื่นต่อ



**
คฤหาสน์ ตระกูลจาง

     บนนภาแสงจันทร์สว่างจ้า สาดส่องมาถึงพื้นเบื้องล่าง ดูช่างเป็นค่ำคืนที่สุขสบาย แต่ค่ำคืนนี้ภายใน คฤหาสน์ตระกูลจาง กลับเงียบเชียบสุขสงบ บรรยากาศเย็นสบายสายลมพัดแผ่วเบา

     จางหวน เองมีอาการป่วยเรื้อรังมานาน เนื่องจากโดนพระชายาเฉิงเหลียนฮวา ลอบทำร้าย ขณะที่นางอาละวาดวังสวรรค์ ทำให้เขาต้องพักรักษาตัว แต่ทว่าพิษของเข็มดับตะวัน นั้นยังคงอยู่ กว่าจะรู้ตัวก็เกือบจะสายไป จึงให้บุตรชายคือจางฉวน นำเรื่องนี้ไปขอร้องให้เจ้าสำนักเมฆาล้ำ

     หวงหลงมาช่วยรักษา จึงพอประคองอาการ การรักษาพิษนี้ต้องใช้ระยะเวลา จางหวนจึงพำนักอยู่แต่ในคฤหาสน์ หมอเทวะหวงหลงเองก็ เทียวไปเทียวมา คฤหาสน์จางอยู่หลายเที่ยว จนอาการของจางหวนเริ่มทุเลา ดีขึ้นมา แต่ก็ยังไม่หายดีนัก

"นายท่านเจ้าคะ ยาเจ้าค่ะ"

"แค่ก แค่ก เจ้าเอาวางไว้ตรงนั้นแหละ"

     เสียงของจางหวน กล่าวกลับสาวใช้ ที่นำยาต้มมาให้ตน ดื่มเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตน จางหวนค่อยๆ พยุงกายตนเอง แล้วลุกขึ้นมายังโต๊ะ อย่างช้าๆ พลันก็คิดได้ว่า วันรุ่งขึ้นบุตรชายจะพา หมอเทวะหวงหลง มารักษาตนตามที่นัดไว้

"แค่ก แค่ก แค่ก" เสียงไอหอบ ดูอ่อนแรง เหนื่อยล้าเหลือทน เมื่อดื่มยาเสร็จ ก็ประคองกายตนไปนอนที่เตียงตามเดิม

..

     คฤหาสน์หลังใหญ่ แต่กลับอยู่ภายใต้ความเงียบงัน จู่ๆก็พลันปรากฏเงาสีดำทะมึน เพียงไม่นานร่างนั้นก็เคลื่อนกาย วูบวาบบางเบาราวกับลมพัดผ่าน ทหารยามตระกูลจางด้านนอก ถูกปลิดชีพหายไปแบบไร้ร่องรอย ผู้ลึกลับเล้นกายไร้สุ้มเสียง


     จางหวนรู้สึกได้ถึงความผิดปรกติ จึงลุกขึ้นมานั่งอยู่ที่โต๊ะ ยกกาชา เทลงถ้วยกระเบื้อง แล้วพลางสังเกตสภาวะต่างๆ รอบทิศ อย่างผู้มีประสบการณ์ จางหวนเองมิได้มี ท่าทีตื่นตระหนก แต่เขาก็นึกหวั่นไหว อยู่ภายในใจเช่นกัน จึงพลันเอ่ยถามทหารยามด้านนอก


"ใครอยู่ข้างนอกบ้าง!?!"


     ไร้สุ้มเสียงตอบรับ จางหวนคิดได้ดังนั้น ก็พลันดับเปลวไฟจากตะเกียง ไม่นานนักประตูห้องของเขาก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ แสงจันทร์สาดส่อง จนมองเห็นเงาผู้ปรากฏกาย ตรงด้านหน้าธรณีประตูเล็ดลอดผ่านมา จางหวนหรี่ตามองไม่ถนัดนักว่าผู้มาเป็นใคร แต่คงมิได้มาดีแน่นอน จึงพลันใช้มีดสั้นซัดออกไป สามเล่ม พรุ่งตรงไปยังร่างนั้นในทันที เสียงมีดสั้นแหวกผ่านอากาศ ไปยังคนผู้นั้น

ฟิ้ว!!

     ทว่าผู้ลึกลับยังคงยืนสงบนิ่ง ไม่ไหวติงหลบวิถีมีดสั้น กลับกดเท้าด้วยท่วงท่ามั่นคง พร้อมกับยกมือขึ้น ต้านแรงมีดที่พุ่งซัดเข้ามา มีดทั้งสามเล่มก็หยุดนิ่ง ลอยอยู่ตรงหน้าเขาผู้นั้น พลันมีดทั้งสามเล่มก็ถูกหลอมละลาย กลายเป็นเปลวเพลิง มอดไหม้สลายหายไปกลางอากาศ ก่อนเถ้าถ่านจะหล่นสู่พื้นดิน

"ลาวาโลหิต คนเผ่าปีศาจอย่างนั้นรึ?"
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน21 ผู้ลึกลับเผ่าปีศาจ ➧ ➧ ➧ Up [09-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-03-2019 13:12:54
รออ่านค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน21 ผู้ลึกลับเผ่าปีศาจ ➧ ➧ ➧ Up [09-03-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 12-03-2019 01:07:50
รออ่านค่ะ :mew1:

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน22-25 (อัพ3ตอนรวด) ➧ ➧ ➧ Up [07-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 07-04-2019 18:57:20
22.เสี้ยวจันทรา สะสางบัญชีแค้น

     จางหวนกวาดตามองไปยังบุรุษลึกลับอีกครั้งในใจเขาก็นึกหวั่นอาการบาดเจ็บของตัวเขาเองนั้นยังไม่หายดีนัก หากต้องประมือกันเกรงว่าเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่า เพราะผู้มาฝึกวิชานอกรีตที่ร้ายกาจของพรรคมารในใจก็พลันครุ่นคิด ว่าจะทำการโต้กลับอย่างไรดี ฝ่ายบุรุษลึกลับก็กลับทำทีท่าใจเย็นเดินเนิบนาบเชื่องช้าเหมือนกับว่าไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก

"ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ยังสบายดีอยู่ใช่ไหมท่านจาง"

     เสียงของเขาดูนุ่มทุ้มเนิบนาบแต่ก็สามารถสร้างความหวั่นไหวให้กับจางหวนได้รู้สึกตระหนกดวงตาคู่งามส่องแววประกาย ภายใต้หน้ากากลวดลายประหลาดตาแผ่รังสีกดดันทำให้จางหวนรู้สึกอึดอัดไม่น้อย จนจางหวนต้องรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป

"เจ้าเป็นใคร?"

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ แย่จริง แย่จริง ข้าลืมไปว่าท่านจางนั้นอายุมากแล้ว ความมืดมันปกคลุมห้องนี้ท่านจำคนคุ้นเคยอย่างข้าไม่ได้ มันก็ไม่แปลก"

     จางหวนลุกขึ้นเดินดูเชิงของอีกฝ่ายอย่างไม่ประมาท เขาไม่กล้าละสายตาจากคนผู้นี้แม้กระทั่งกะพริบตายังรู้สึกทำได้ลำบาก จางหวนนึกเท่าไรก็ยังคงนึกไม่ออกว่าผู้มาเป็นใครกันแน่แต่สิ่งที่เขารับรู้ได้นั่นคือ ผู้มาไม่ประสงค์ดี

"ท่านคงลืมไปแล้วกระมังท่านจาง ว่าท่านเองนั้นเคยติดหนี้ผู้ใดไว้กี่มากน้อย?เท่าไหร่กัน"

"เจ้าพูดอะไร? ข้าไม่เข้าใจ"

     จางหวนขมวดคิ้วปมใหญ่ในคำพูดเชิงคำถามของบุรุษลึกลับผู้มาเยือนแต่บุรุษลึกลับกลับเดินเนิบนาบไปมาภายในห้อง แล้วพลางใช้ปลายนิ้วของเขากระดิก พลันดวงไฟตะเกียงในห้องนี้ ก็สว่างวาบขึ้นมาทันตาบุรุษลึกลับจึงหมุนตัวขวับไปคุยกับจางหวน ทำให้ได้เห็นใบหน้าของคนผู้นี้ชัดขึ้น ทว่ากลับมีหน้ากากสีเงินลวดลายประหลาดปกปิดอยู่จางหวนรู้สึกได้ ถึงลมหนาวเย็นสะท้านผิวกาย กล้ามเนื้อของตัวเขาเองเริ่มตอบสนองถึงภัยคุกคามตรงหน้าแต่ยังคงเก็บอาการตื่นตระหนกไว้ภายในอย่างมิดชิดแต่ก็ไม่สามารถปิดบังบุรุษลึกลับได้

"เจ้ามามีจุดประสงค์อะไร?"

"นี่ท่านกำลังกลัว อยู่ใช่ไหม? ท่านจาง"

     บุรุษภายใต้หน้ากากเงินกล่าววาจาพร้อมกับยิ้มเยาะเล็กๆ แต่กลับมีกลิ่นอายฆ่าฟันรุนแรงแพร่กระจายออกมาจากร่างของบุรุษผู้นี้คอของจางหวนรู้สึกแห้งผาก แม้แต่น้ำลายก็ยังคงกลืนยากเย็นนัก จนบุรุษลึกลับนำกระบี่หยกน้ำแข็งออกมาแล้วนำมือข้างหนึ่งลูบคมกระบี่ เดินวนไปมา

"นี่เจ้าคือ!..เฉิงหลิงเซียว!!"

"ฮ่าฮ่าฮ่า นับว่าท่านจางยังมีความจำดีอยู่บ้าง ที่ยังจำข้าได้....ใช่เป็นข้าเอง" เฉิงหลิงเซียวหันขวับ ไปทางจางหวนพร้อมกับหัวเราะขึ้นมา

"ฮึ่มมมม เจ้า" เสียงของจางหวนคำรามในคอ เขาไม่อาจจะหนีจากเหตุการณ์นี้ไปไหนได้อีกแล้วนอกจากประมือกัน ถ้าเขาไม่ตาย เฉิงหลิงเซียวก็ต้องตายแต่เขายังคงสงสัยอยู่ข้อหนึ่ง

"วิชานอกรีตที่เจ้าใช้เมื่อครู่ คือ ลาวาโลหิต"
"ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเฝ้าเพียรตั้งใจฝึกลาวาโลหิตก็เพื่อวันนี้ยังไงล่ะท่านจาง"

"นี่เจ้าเดินเข้าสู่วิถีมาร เช่นนั้นรึ?"
"มารแล้วอย่างไร? เทพแล้วอย่างไร?"

     แววตาของเฉิงหลิงเซียวฉายประกายวาบกลิ่นอายรังสีอำมหิตทวีห้อมล้อมตัวเฉิงหลิงเซียว บัดนี้เขาไม่ใช่เทพเซียนอีกต่อไปแล้วดวงตาสีแดงก่ำเป็นประกายจ้า

"ข้ามาที่นี่ก็เพื่อจัดการกับทุกชีวิตในเผ่ากิเลนของเจ้า บัญชีแค้นตระกูลข้า ต้องมีผู้ชดใช้!! "

     เพียงชั่วพริบตาเฉิงหลิงเซียวก็พุ่งกายทะยาน นำวิถีกระบี่เข้าหาจางหวนในทันทีแรงกดดันอันหนาวเหน็บ ทำให้จางหวนต้องถอยปราด ออกไปด้านนอกเฉิงหลิงเซียวยังคงตามติดความพลิ้วไหวว่องไวดุจสายลมพัด วูบเดียวเฉิงหลิงเซียว ก็ถึงตัวจางหวนในทันที

     อาคมอันกล้าแกร่งกดดันทำให้จางหวนต้องปะทะเข้าโดยตรง แววตาที่บ่งบอกถึงความชั่วร้ายของเฉิงหลิงเซียว ฉายวาบขึ้นทันทีจางหวนเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก สายตาแบบนี้เขาเคยเจอมาก่อนตอนที่พระชายาเฉิงอาละวาดวังสวรรค์ จางหวนคิดดังนั้นก็พลันยกมือสกัดถอยปราดออกไป

     จางหวนคิดจะหนีตาย จึงแยกร่างออกหมายสร้างกลลวงให้เฉิงหลิงเซียวหลงกล เพื่อจะได้หลบหนี เพราะถ้าเขาดึงดันจะสู้ต่อคงหมดโอกาสมีชีวิตรอดแน่นอนก่อนทะยานกายหลบหนี เมื่อเฉิงหลิงเซียวรู้จึงใช้เข็มพิษดับตะวันจัดการ

"หงส์ระบำสิบทิศ"เข็มพิษดับตะวันจู่โจมปิดสกัดรอบทิศ ทำให้จางหวน หนีไปไม่ได้ร่างแยกจึงถูกทำลายจึงกลับมาประจันหน้ากันเช่นเดิม
"คิดไม่ถึงสินะ จางหวน ว่าเจ้าก็มีวันนี้กับเขาเหมือนกัน หึหึ"
"สารเลว รับมือ"

     จางหวนฮึ่มในลำคอก่อนทะยานพุ่งกาย เข้าจู่โจมเฉิงหลิงเซียวด้วยกรงเล็บ เสียงกรงเล็บตัดแหวกอากาศทว่าจางหวนมีแค่มือข้างเดียวจึงทำให้ การหลบหลีกของเฉิงหลิงเซียวเป็นไปอย่างง่ายดายซ้ำร้ายจางหวน ยังมีอาการบาดเจ็บเก่ามาก่อกวนจึงทำให้การปะทะกันของเขาต้องเสียเปรียบเฉิงหลิงเซียวมากเอาการแม้จะเสียเปรียบแต่เขาไม่มีเวลาได้คิดมากเพราะถ้าเขายอมจำนนก็ต้องตายฉะนั้นจึงคิดสู้ดีกว่าเผื่อมีหนทางรอด
 
     เฉิงหลิงเซียวขณะนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารเนื่องจากเขาได้เดินเข้าสู่วิถีมารจึงทำให้การจู่โจมของเขามีแต่ความเหี้ยมโหดอำมหิต ทุกท่วงท่าการจู่โจม ถ้าแม้จางหวนหลบไม่ได้ นั่นหมายถึงชีวิตความรวดเร็วรุนแรงเฉิงหลิงเซียวแสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชาวูบหนึ่ง ก่อนทะยานข้ามหัวของจางหวนจึงซัดฝ่ามือลงไปตรงกลางหลังทำให้จางหวนถลาคะมำไปด้านหน้า

"อึก อึก" จางหวนทรุดกายลงกับพื้น จนกระอักเลือดคำโต
"หึหึ เกราะทองแดงงั้นรึ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก็อยากจะรู้นักว่าวิชาเกาะทองแดงของท่านจางกับเข็มพิษข้านั้นจะทะลุผ่านไปได้หรือไม่"

      จางหวนคิดดังนั้นก็พลันนึกหวั่นใจกลัวขึ้นมาทันที ทว่าแค่เข็มพิษดับตะวันนั้นก็น่าเกรงขามมากพอแล้วยังจะมีลาวาโลหิต ซึ่งเป็นวิชานอกรีตที่มีความร้ายกาจ เขานั้นคงไม่มีทางให้หนีได้อีกแล้วนอกจากสู้ตายเพียงเท่านั้น
..

"ไม่ต้องกลัวไป ข้ายังไม่ให้เจ้าตายในตอนนี้หรอก แต่ข้าจะให้เจ้าค่อยๆตายดีไหมล่ะ?"  รอยยิ้มเย็นชาที่ฉายออกมาของเฉิงหลิงเซียว ทำให้จางหวนรู้สึกใจหล่นวูบมันจบแล้วเขาคงไม่มีโอกาสหนีอีกต่อไปแล้ว

"สารเลว ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!"
"ได้ ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะช่วยให้เจ้าสมหวัง!!"
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
"อ๊ากกกกกกก"

"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ"

     เสียงร้องอันโหยหวนจากความเจ็บปวดของจางหวนทำให้เฉิงหลิงเซียวสาแก่ใจเขาหัวเราะออกมาอย่างสะใจ กับภารกิจของเขาที่ได้สะสางในวันนี้ เพราะจุดเดินพลังของจางหวนโดนเฉิงหลิงเซียวสกัดทำลายจนตอนนี้เขาเหมือนคนพิการ แม้จะทรงกายยังทำไม่ได้ คงแต่ทรุดกายนั่งเจ็บปวดทรมานร้องโหยหวนชวนให้เวทนา

     ค่ำคืนที่เงียบสงบคืนนี้ในคฤหาสน์ตระกูลจางกลับกลายเป็นเปลวเพลิงโชติช่วง จางหวนถูกปล่อยทิ้งไว้ในกองเพลิงก่อนที่เฉิงหลิงเซียวจะทะยานกาย หายไปในความมืดเขาได้ทิ้งเข็มดับตะวันไว้ให้เป็นที่ระลึกสำหรับตระกูลจาง

[พี่หญิง ท่านเห็นแล้วใช่ไหม? บัญชีเลือดทั้งหมดนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ข้าจะเป็นผู้ทวงคืนความอยุติธรรมจากทุกตระกูลในแดนสวรรค์แทนท่านเอง]
 

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน22-25 (อัพ3ตอนรวด) ➧ ➧ ➧ Up [07-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 07-04-2019 18:58:37
23. เสี้ยวจันทรา สัญลักษณ์จันทร์เสี้ยวปรากฏ

"
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน22-25 (อัพ4ตอนรวด) ➧ ➧ ➧ Up [07-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 07-04-2019 19:00:09
24. เสี้ยวจันทรา ส่งเทียบเชิญ

ณ ลานฝึก

"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านไปไหนมา?" ลี่หงไม่รอช้าเมื่อเห็นร่างของเจิ้งเทียนฉี นางก็รีบปรากฏกายของนาง ต่อหน้าเจิ้งเทียนฉีในทันที

"ศิษย์น้อง เจ้ามีอะไรเช่นนั้นหรือ?" เจิ้งเทียนฉี แสดงสีหน้าอึดอัด กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้

"ไม่มี! พอดีข้าเห็นศิษย์พี่ ไปที่หลังเขาบ่อยๆ ข้าเลยแอบตามท่านไปก็เท่านั้น"ลี่หง นางคลี่ยิ้มจางๆ ชวนให้น่าสงสัย จนเจิ้งเทียนฉีทนไม่ไหว จึงเอ่ยถามนางไปตรงๆ
"ศิษย์น้อง นี่เจ้าสะกดรอยตามข้า?" เจิ้งเทียนฉีถามลี่หงนางไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่กระตุกคิ้วเรียวชันของนางขึ้นสูงแววตาของนางทอประกายฉายซ่อนความนัย
"เจ้า!!"
"ศิษย์พี่ ท่านจะโมโหใส่ข้าทำไม ท่านไม่ต้องกลัว ข้าไม่พูดหรอกถ้าท่าน..."
"ศิษย์พี่ใหญ่!!"
"หืม มีอะไรเหรอ? ศิษย์น้องรอง"

       เจิ้งเทียนฉีหันขวับไปหาติงปิงที่อยู่บนระเบียงทางเดิน อีกด้านของอารามเสียงของติงปิงเอ่ยขึ้น ลี่หงเห็นนางก็ไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าใดนักนางก็ได้แต่ยืนนิ่งเพราะด้วยบุคลิกของติงปิง ที่เงียบขรึมวางมาดทำให้ไม่ถูกชะตากับนางสักเท่าไรด้วยฐานะของติงปิงสูงกว่านาง จึงต้องให้ความเคารพในฐานะศิษย์พี่คนหนึ่ง เหมือนกับเจิ้งเทียนฉี แต่นางกลับให้ความสำคัญกับเจิ้งเทียนฉีมากกว่าเพราะเจิ้งเทียนฉีมีบุคลิกที่เป็นมิตรมีน้ำใจ รักใคร่ห่วงใยผู้อื่นในใจนางจึงมีแต่เจิ้งเทียนฉีผู้เดียว

"อาจารย์ท่านฝากข้า ให้มาบอกกับศิษย์พี่ว่าให้ท่านนำเทียบเชิญไปยังตระกูลต่างๆ"

"เทียบเชิญอะไรหรือศิษย์น้องติง"

"ท่านลืมแล้วหรือว่า อีก2เดือนข้างหน้าสำนักเราจะมีการจัดประลองยุทธ เพื่อดูความสามารถศิษย์ทุกคนในสำนัก"
"นั่นสินะ ข้าลืมเสียสนิทเลย ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะเช่นนั้น ศิษย์น้องรองเจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องเทียบเชิญเดี๋ยวข้าจะจัดการเอง "

"ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่ เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน"

"อืมม"

     ติงปิงได้นำคำสั่งของอาจารย์ตนมาแจ้งยังเจิ้งเทียนฉี ก็จากลาไปในทันที เขาไม่ได้พูดอะไรให้มากความนัก ทว่าลี่หงกลับแววตาเป็นประกาย เผยยิ้มออกมาอย่างระรื่น

"มีอะไรให้น่าดีใจหรือศิษย์น้อง?"
"ศิษย์พี่ท่านจะลงเขาเมื่อไหร่?"
"คงจะเป็นวันพรุ่งนี้"
"ดีเลยเช่นนั้นข้าไปกับศิษย์พี่ด้วยได้หรือไม่?"
"ไม่ได้หรอกศิษย์น้อง ท่านอาจารย์สั่งให้ข้าไปคนเดียวเจ้าจะไปด้วยทำไมกัน เจ้าควรช่วยศิษย์น้องรอง สอนเพลงกระบี่พวกศิษย์น้อง"
"หึ ท่านคงไม่อยากให้ข้าพูดเรื่องหลังเขาใช่ไหม? ว่าศิษย์พี่ละเมิดคำสั่งของเจ้าสำนัก ท่านแอบสอนวิชาต่อสู้กับอาคมให้กับเสี่ยวเมาที่หลังเขา"

"ศิษย์น้อง นี่เจ้า!!" เจิ้งเทียนฉีแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ลี่หงมีรอยยิ้มบางๆ เหมือนมีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ

"ถ้าท่านไม่อยากให้ข้าพูด วันพรุ่งนี้ท่านต้องให้ข้าลงเขาไปกับท่านด้วย" เจิ้งเทียนฉี หยุดครุ่นคิดเพียงครู่ก็ได้ตัดสินใจในทันที
"อืม ก็ได้"
"ท่านพูดจริงนะศิษย์พี่ใหญ่!!" ลี่หง คลี่ยิ้มอย่างพอใจแต่เจิ้งเทียนฉีกับถอดสีหน้า ต่างกันโดยสิ้นเชิง
"ก็เจ้าขู่ข้าขนาดนี้ ถ้าข้าไม่ยอมให้เจ้าไป...."

"ศิษย์พี่ ท่านโกรธข้าเหรอ อย่าโกรธข้าเลยน้า ข้าแค่อยากอยู่กับท่านเท่านั้นเองก็วันๆท่านขลุกอยู่แต่ที่หลังเขานี่นา" เจิ้งเทียนฉีไม่ได้พูดอะไรเขาได้แต่เดินหันหลังให้กับลี่หงพร้อมกับเดินจากที่ตรงนั้นไป ลี่หงนางรู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้ลงเขาไปพร้อมกับ เจิ้งเทียนฉีสองต่อสอง

**
ณ เรือนไม้ไผ่หลังเขาหยุนไหล

     เรือนไม้ไผ่ใกล้ลำธารเสียงน้ำไหลรินกระทบแผ่นหินชวนฟัง สายตาของเสี่ยวเมายังคงเหม่อลอย ทอดสายตาออกไปด้านนอกเช่นเคย เหมือนทุกทุกวันหลังจากเขาดูแลป้อนยาให้หานอี้จนตอนนี้อาการของหานอี้ดีขึ้นมาก ชีพจรในร่างตอบสนอง พลังวัตรภายในเริ่มรวมตัวอีกไม่นานนักเขาคงจะฟื้นขึ้นในไม่ช้านี้ สำหรับเขาเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่น่ายินดีสำหรับชีวิตของคนผู้หนึ่ง ที่เกือบจะดับสูญหายไปจากภพภูมิ แต่สามารถมีโอกาสฟื้นรอดกลับมาได้ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีเสียจริง
 
     ทว่าตัวของเสี่ยวเมาเองเขากลับต้องมาโดดเดี่ยวหงอยเหงา ดีที่ว่ายังมีศิษย์พี่ใหญ่อย่างเจิ้งเทียนฉีมาหาสอนวิชา มาคุยด้วยทำให้ความรู้สึกเหงาเบาลงไปบ้าง แต่มันก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความอยากเป็นอิสระในชีวิตของเเสี่ยวเมาได้เขานั้นไม่ได้ต้องการใช้ชีวิตที่เงียบเหงาอยู่หลังเขาหยุนไหลแบบนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องการแต่นั่นคือคำสั่งเสียและความต้องการของมารดาเป็นสิ่งที่ต้องทำตามระหว่างที่เสี่ยวเมาครุ่นคิด เรื่องราวต่างๆของตนอยู่ก็ปรากฏกายชายผู้หนึ่งเดินตรงมา เขารู้ได้ทันทีว่าผู้มาเป็นใคร

"ศิษย์พี่ใหญ่!!" เสี่ยวเมารีบพยุงกายลุกขึ้นก่อนเร่งรุดย่างเท้าไปหา เจิ้งเทียนฉีในทันที
"เสี่ยวเมา"
"มีอะไรเหรอศิษย์พี่?"
"ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า ช่วงนี้ ข้าจะไม่อยู่สำนักประมาณ 1เดือนนะ เพราะท่านเจ้าสำนักให้ข้าไปส่งเทียบเชิญยังตระกูลต่างๆ"
"เทียบเชิญ? เทียบเชิญอะไรกันหรือศิษย์พี่?"
"2เดือนถัดจากนี้ ศิษย์หยุนไหลทุกคนจะต้องประลองฝีมือกัน เพื่อดูความสามารถ เพราะศิษย์ที่อยู่ในสำนักเรา ล้วนคือตัวแทนจากตระกูลต่างๆที่มาฝึกวิชากับเมฆาล้ำ"
"เช่นนั้นเหรอ? แล้วข้าล่ะ?"เสี่ยวเมานำมือเรียวงามของตน ชี้มาที่ตัวเองแล้วเขานั้นจะได้ประลองฝีมือกับคนอื่นด้วยหรือเปล่า?

"เจ้านั้น คงไม่ได้ประลองฝีมือกับผู้ใดหรอก เพราะว่าท่านเจ้าสำนักไม่ได้สอนเพลงยุทธให้"
"อืม เช่นนั้น ข้าขอให้ศิษย์พี่เดินทางปลอดภัย นะ"

     เจิ้งเทียนฉีได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มรับด้วยความดีใจ เมื่อเห็นรอยยิ้ม พร้อมกับคำอวยพรของเสี่ยวเมา เพียงเท่านี้เขาก็กลับรู้สึกดีอย่างประหลาดจริงๆแล้วการส่งเทียบเชิญในครั้งนี้ เจิ้งเทียนฉีไม่อยากไปเลยสักนิดแต่ด้วยหน้าที่ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักเมฆาล้ำ เขาจึงต้องทำการส่งเทียบเชิญนี้ด้วยตัวเขาเองเพื่อเป็นการให้เกียรติตระกูลต่างๆ

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน22-25 (อัพ4ตอนรวด) ➧ ➧ ➧ Up [07-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 07-04-2019 19:01:15
25. เสี้ยวจันทรา ผู้บุกรุก

   
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน22-25 (อัพ4ตอนรวด) ➧ ➧ ➧ Up [07-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: ikou ที่ 07-04-2019 20:35:56
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน26 ลวนลาม ➧ ➧ ➧ Up [08-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 08-04-2019 21:01:15
26. เสี้ยวจันทรา ถูกลวนลาม

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน26 ลวนลาม ➧ ➧ ➧ Up [08-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: ikou ที่ 09-04-2019 21:48:31
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน26 ลวนลาม ➧ ➧ ➧ Up [08-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-04-2019 08:55:44
มาต่อเร็วๆนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน26 ลวนลาม ➧ ➧ ➧ Up [08-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-04-2019 17:48:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน26 ลวนลาม ➧ ➧ ➧ Up [08-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 10-04-2019 23:01:36
 :pig4: :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน27 ➧ ➧ ➧ Up [11-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-04-2019 23:43:38
27. เสี้ยวจันทรา ออกเดินทาง

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน27 ➧ ➧ ➧ Up [11-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 12-04-2019 07:43:13
เสี่ยวเมาน่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน27 ➧ ➧ ➧ Up [11-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-04-2019 10:26:31
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน28 ➧ ➧ ➧ Up [12-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 12-04-2019 12:00:29
28. เสี้ยวจันทรา ปีศาจผู้พิทักษ์

   
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน28 ➧ ➧ ➧ Up [12-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 13-04-2019 17:52:25
 :pig4: :ruready
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน28 ➧ ➧ ➧ Up [12-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-04-2019 18:41:06
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน29 ➧ ➧ ➧ Up [13-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 13-04-2019 19:58:32
29. เสี้ยวจันทรา วังจอมมาร

ณ วังแดนปีศาจ

"เจ้าเป็นใคร?"

"ซู่ๆ เงียบๆสิ"เสี่ยวเมาใช้มือของตน ปิดปากของอีกฝ่ายไม่ให้ส่งเสียงดัง บุรุษหนุ่มงุนงงแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี จนได้ยินเสียงทหารยามผ่านพ้นไปอีกทาง

     เสี่ยวเมาย่นหน้าดมซ้ายดมขวายื่นใบหน้าพร้อมกับสันจมูกโด่งของตนสูดดมกลิ่นกายของบุรุษแปลกหน้าเสี่ยวเมาสัมผัสได้ว่ากลิ่นบุรุษที่อยู่ตรงหน้ามีกลิ่นของไอมารปะปนอยู่โดยรอบแต่มิได้เข้มข้นเท่าใดนักจนบุรุษแปลกหน้าถอยหนีทำท่าทีหน้าฉงนสงสัยในสิ่งที่เสี่ยวเมาทำจึงคิดเอ่ยถามออกไปแต่เสี่ยวเมาชิงพูดเสียก่อน

"ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้วล่ะไปก่อนนะ" ยังไม่ทันที่เสี่ยวเมาจะก้าวขาออกไป บุรุษแปลกหน้าก็ยืนขวางไว้มิให้เสี่ยวเมาออกไปไหน

"เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?" ทันใดเสียงทหารก็วิ่งกันกรูอยู่ด้านนอกอีกครา

"ซู่ๆ บอกให้เงียบๆไงข้าโดนทหารตามล่าตัวอยู่ ข้าขอหลบที่นี่แป๊บนึงนะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก"

     เสี่ยวเมาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกับทำสัญญาณมือจนบุรุษแปลกหน้ายอมทำตามเขาเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดจึงต้องทำตามที่หนุ่มน้อยคนนี้สั่งด้วย

"อือ เงียบๆ" จั่วชง ทำปากส่งสัญญาณมือตามอย่างลืมตัว "แค่ก แค่ก แค่ก"
"นี่เจ้าบาดเจ็บเหรอ"เสี่ยวเมาถาม เพราะเห็นอีกฝ่ายสีหน้าไม่สู้ดี ริมฝีปากขาวซีด เหมือนคนป่วยไข้
"มาให้ข้าดูหน่อย " แต่จั่วชงเองยังแสดงสีหน้าไม่ไว้ใจจึงมีทีท่ายึกยัก
"เอาน่า ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอกน่าข้ามาดีไงมาดี...มาดีหน่ะรู้ไหม? " เสี่ยวเมาค่อยๆพูดช้าจั่วชง จึงยอมให้เสี่ยวเมาตรวจดูอาการ
"นี่เจ้ากินยาทิพย์โอสถไปเหรอ?"
"เจ้ารู้ได้อย่างไร?" เสี่ยวเมาเห็นดังนี้ จึงจับต้นชนปลายถูกว่าคนที่ขโมยยา น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้

"เอาน่าข้ารู้ก็แล้วกัน เจ้ากินยาทิพย์โอสถเข้าไปอาจจะช่วยให้ลมปราณคงที่บางชั่วยามแต่บางชั่วยามก็จะทำให้พลังลมปราณแตกสายกระจายไปตามจุดต่างๆจนทำให้อวัยวะภายในบอบช้ำจนรู้สึกเจ็บปวดทรมาณไปทุกส่วน"จั่วชงพยักหน้า เพราะที่เสี่ยวเมาพูดมาคือความจริง

"เจ้ารู้ ? เช่นนั้นรักษาข้าได้ไหม?"
"ข้าหน่ะเหรอ? แค่นี้เรื่องเล็กน้อยพูดไปเจ้าคงไม่เชื่อ ข้าเป็นถึงเซียนอัจฉริยะในรอบพันปีนี้เชียวนะเจ้าเชื่อข้าไหมล่ะ? ว่าข้าสามารถรักษาเจ้าได้" เสี่ยวเมาพูดพลาง เอามือข้างหนึ่งตบลงบนแผ่นไหล่ของจั่วชงแล้วเดินไปเดินมาแต่สีหน้าของจั่วชง ก็ยังดูเหมือนลังเล ก่อนเอ่ยถาม

"เจ้าจะทำยังไง?" จั่วชงจึงคิดถามดู ว่าอีกฝ่ายจะรักษาเขาแบบไหน

"ฝังเข็มไง เจ้ากินยาทิพย์โอสถเม็ดนั้นไปได้ไม่กี่วันข้าจะฝังเข็มสกัดลมปราณไม่ให้แตกกระจายทำให้ยาทิพย์โอสถรักษาอาการบอบช้ำภายในเจ้าให้หายขาดเพียงแค่สามราตรีเท่านั้นยาทิพย์โอสถก็จะสลายไปไม่ทำให้ลมปราณภายในเจ้าปั่นป่วน" เสี่ยวเมายืดอกพูดจากฉะฉาน ด้วยความมั่นใจ

"ได้สิ งั้นข้าขอรบกวนท่านเซียนน้อยช่วยรักษาข้าหน่อยก็แล้วกัน" จั่วชงน้อมคำนับ

"อือ ได้สิ มาๆเช่นนั้นเจ้านั่งลงก่อน"

     เสี่ยวเมายันร่างบุรุษหนุ่มตรงหน้าให้นั่งลงบนเตียงก่อนจับชีพจรของจั่วชงดูพบว่าขณะนี้ลมปราณของเขากำลังแตกกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ อาจจะสายเกินไปจะทำให้อวัยวะภายในบอบช้ำเกินเยียวยา จั่วชงดูสีหน้าและแววตาของเสี่ยวเมามีประกายเจิดจ้า บอกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้เพราะหมอในแดนปีศาจเองนั้นก็อับจนหนทางแม้แต่หมอประจำตัวของเขายังไม่สามารถรักษาอาการของเขาได้เมื่อเด็กหนุ่มคนนี้สามารถรักษาเขาได้มันอาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่เขาคงต้องลองดูและคงไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปอย่างแน่นอน


     เมื่อจั่วชงได้มองไปที่ใบหน้าของเสี่ยวเมาที่ได้รูปผิวพรรณเนียนละเอียดของเด็กหนุ่มกลับพบเสน่ห์ดึงดูดอย่างลึกลับที่บอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ พอปลายเข็มทองของเสี่ยวเมาถูกฝังกดลงบนตัวเขาจึงทำให้รู้สึกตัว

     จั่วชงจึงข่มตาหลับปรับลมปราณที่แตกกระจายให้มารวมกันเพื่อให้ง่ายต่อการฝังเข็มเมื่อเวลาผ่านไปทำให้เขารู้สึกสบายตัวอย่างประหลาดเขาเริ่มมั่นใจในแนวทางการรักษาของเด็กหนุ่มคนนี้

***

     เขตแดนเผ่าวิหค ทางตอนเหนือของแดนเซียนเป็นที่พำนักของเผ่าวิหคสวรรค์ทิวทัศน์โดยรอบห้อมล้อมด้วยหุบเขาและผาสูงชันจึงทำให้เทพเซียนทั่วไปสัญจรไปมาลำบากยิ่ง อีกทั้งมีค่ายกลธรรมชาติโดยรอบลมพัดรุนแรงดุจใบมืดกรีดเฉือน ทว่าก็คงไม่เกินความสามารถของผู้ที่คิดจะมาเยือนในเวลานี้เท่าใดนักร่างของเขายืนตระหง่านลมพัดผ่านร่างจนชายเสื้อคลุมสีดำพลิ้วไสวแม้เขาจะสวมหน้ากากปกปิดไว้แต่ก็ไม่สามารถซ่อนความสง่างามของคนผู้นี้ได้

"คำนับท่านประมุข"
"อืม!"
"ท่านประมุขคะข้าพบองค์ชายน้อยแล้ว"
"จริงหรือ? เขาอยู่ไหน"

"ข้าเห็นเขาที่หุบเขาร้อยปีศาจ"สตรีชุดสีม่วงนางเร่งรัดรายงานในสิ่งที่นางพบเจอมาให้กับผู้เป็นนายได้ทราบทันที
"หืม เฟยหยีไปทำอะไรที่นั่น?" เฉิงหลิงเซียวขมวดคิ้วย่น ด้วยความสงสัย
"พอดีข้าจะไปเอาดอกหญ้าน้ำค้างเยือกแข็งที่มันจะออกดอกในรอบ500ปี จึงพบองค์ชายน้อยโดยบังเอิญ ข้าเห็นองค์ชายอยู่กับศิษย์หยุนไหลผู้หนึ่ง"
"แล้วเฟยหยีรู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนแดนมายา"

"น่าจะไม่รู้เจ้าค่ะข้าประมือกับองค์ชายน้อย แล้วพลั้งมือทำร้าย องค์ชายจึงใช้แส้โลหิตตอบโต้"

"อืม เจ้าแน่ใจนะว่าที่เจ้าเห็นคือแส้โลหิตจริงๆ"
"เจ้าค่ะ ไม่ผิดแน่นั่นคือแส้โลหิต"
"ดี เช่นนั้นเรื่องของเฟยหยีเรายังไม่ต้องรีบร้อนจัดการเรื่องนี้ก่อนเจ้าไปที่เชิงเขาด้านโน้นกับข้าเพื่อดูว่าทางเผ่าวิหคมีการเคลื่อนไหวอันใดหรือไม่"
"เจ้าค่ะ"

     เมื่อชายหนุ่มสวมหน้ากากกับสตรีชุดม่วงมาถึงได้ไม่นาน ร่างของบุรุษหนุ่มสวมใส่ชุดสีฟ้าเดินพยุงร่างของตนเข้ามาในโรงเตี้ยมพร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งสวมหมากกุยเล้งใบใหญ่มีชายผ้าสีขาวปิดบังใบหน้าติงปิงเอ่ยปากเรียกเถ้าแก่ประจำร้านพร้อมกับสั่งอาหาร

"เถ้าแก่ข้าขอน้ำชากับอาหารสองสามอย่าง"
"ขอรับนายท่าน"
"ท่านประมุข ดูนั่นสิเจ้าค่ะศิษย์หยุนไหลผู้นั้น."
"หรือว่าคนที่สวมหมวกนั้นคือเฟยหยี"
"ค่ะ ท่านประมุข"
"แล้วเฟยหยีกับเจ้าหนุ่มนั่นมาที่นี่ทำไมกัน?"
"หรือว่าพวกเขาคิดมาช่วยเผ่าวิหค?" สีหน้าปนวิตกกังวลของเฉิงหลิงเซียว เอ่ยถามหยูอิงฮัวแต่ในใจเขาก็คิดว่าสิ่งที่คิดนี้คงเป็นไปไม่ได้
"คงไม่ใช่หรอกค่ะ
"อืม เช่นนั้นเราก็ดำเนินการตามแผนเดิม"

"เจ้าค่ะ" หยูอิงฮัวกับเฉิงหลิงเซียวลอบดู การกระทำของติงปิงกับเด็กหนุ่มที่สวมหมวกกุยเล้ยใบใหญ่จนเด็กทั้งสองจากไป
ณ เผ่าวิหค
"ข้าน้อยติงปิง คารวะท่านอ๋องเจิ้ง"
"โอ้ นี่หรือ ศิษย์คนรองของท่านหวงหลงช่างดูสง่างามเหลือเกินมาถึงเผ่าวิหคข้ามีเรื่องใดกันรึ"อ๋องเจิ้งกล่าวชื่นชมติงปิงแต่ก็ยังสงสัยในการมาเยือนของคนทั้งสอง
"ข้ากับศิษย์น้องรับคำสั่งของอาจารย์ให้มาเอาหลินจือสายลมขอรับอาจารย์อาซินฉีบาดเจ็บ จำเป็นต้องใช้หลินจือสายลมหวังว่าท่านอ๋องจะให้การช่วยเหลือ"

"อ๋อได้สิเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะให้เทียนฉีพาเจ้าไปเอานะคืนนี้พวกเจ้าก็พักกันที่นี่ก่อนตอนนี้พวกเจ้ายังเอาหลินจือไปไม่ได้เพราะลมที่นั่นพัดรุนแรง อาจเป็นอันตรายได้ ต้องรอเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน"
"ขอรับ ท่านอ๋อง"ติงปิงกล่าววาจาอย่างนอบน้อม

"อืมตามสบายๆ เดี๋ยวข้าจะให้เด็กๆไปตามเทียนฉี มาพบพวกเจ้าก็แล้วกัน"

"ศิษย์พี่ยังอยู่ที่นี่หรือขอรับท่านอ๋อง"

"อืม...ใช่...ใครอยู่ตรงนั้นเจ้าไปตามเทียนฉี มาที่นี่หน่อยเร็ว"
"เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง"
..

     แสงดวงอาทิตย์จากด้านนอกส่องผ่านหน้าต่างมากระทบกับน้ำในถ้วยชาส่องแสงประกายติงปิงและรุ่ยผิงเขาทั้งสองยังคงนั่งรอเจิ้งเทียนฉี อยู่ในห้องรับรองที่บ่าวไพร่พามาพักส่วนอ๋องเจิ้งนั้นได้หลีกตัวออกไปสักพักแล้วจนเวลาผ่านไปไม่นานก็ปรากฏกายร่างสูงสง่าของบุรุษหนุ่มและร่างของหญิงสาววัยดรุณีเดินตามหลังมา
"ศิษย์น้องรอง ศิษย์น้องเล็ก"

"ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องลี่หง"
"ศิษย์พี่รองท่านมาทำอะไรที่นี่พรุ่งนี้ข้าก็กำลังจะเดินทางไปเผ่าเงือก"ลี่หงเห็นติงปิงกับรุ่ยผิงนางเป็นคนขี้สงสัยและปากไวอยู่แล้วจึงไม่เก็บความสงสัยเอาไว้ให้มากความจึงได้เอ่ยปากถามไปตรงๆ

"อาจารย์อาซินฉีบาดเจ็บอาจารย์ข้าเลยให้พวกเรามาเอาหลินจือสายลม แค่กๆ"
"ศิษย์น้องรองนี่เจ้าบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?
"ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอกศิษย์พี่บาดแผลนี้ไม่ได้เป็นอันตรายมากนักหรอก. แค่ก แค่ก " สีหน้าของเทียนฉีเป็นห่วงติงปิงเมื่อเห็นเขากุมบาดแผลของตนและดูจากสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
"เวลานี้เจ้าคงยังไปเอาหลินจือไม่ได้หรอกต้องรอวันพรุ่งนี้เสียก่อน"

"ข้ารู้แล้วล่ะศิษย์พี่ ท่านอ๋องเจิ้งบอกกับข้าแล้วขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่"

"เดี๋ยวข้าจะให้เด็กนำอาหารมาให้พวกเจ้ายังไงก็พักผ่อนกันตามสบายเลยนะเจ้าอยากได้อะไรก็บอกบ่าวรับใช้ได้ตลอดเวลาล่ะ"
"ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่"

     เมื่อพวกเขาทั้งสี่ได้สนทนากันครู่ใหญ่ต่างฝ่ายต่างก็แยกกันไปเมื่อท้องฟ้าค่อยๆมืดลงอย่างช้าๆติงปิงเองยังคงรักษาอาการบาดเจ็บของตนอยู่ เวลาไม่เกินครึ่งชั่วยามเจิ้งเทียนฉีก็สั่งให้เด็กรับใช้เตรียมอาหารมาให้ติงปิงและรุ่ยผิงถึงในห้อง

"ศิษย์พี่ท่านกินอะไรหน่อยไหม?" เสียงร้องเรียกของรุ่ยผิงดังขึ้น ติงปิงยังคงมีสีหน้าเรียบสงบเขายังนั่งสมาธิ เพื่อโคจรพลังรักษาอาการ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวโดยไว
"เจ้ากินก่อนเลยศิษย์น้องเล็กข้ายังไม่หิว"

     สีหน้าของรุ่ยผิงมองไปที่ติงปิงด้วยความเป็นห่วงแต่ดูแล้วอาการบาดเจ็บของติงปิงที่ได้รับมานั้นเริ่มทุเลาลงบ้างแล้วรอยแผลที่สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ฝากไว้ถูกรุ่ยผิงจัดแจงทำความสะอาดใส่ยาพันผ้าเสียใหม่ทว่าบาดแผลที่ลึกขนาดนี้ก็ยังสร้างความเป็นห่วงกังวลให้กับรุ่ยผิงอยู่ไม่น้อยแต่เขาเองนั้นไม่กล้าที่จะเอ่ยถามติงปิงการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันกลับทำให้เขาทั้งสองไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนักบรรยากาศภายในห้องรับรอง จึงเป็นไปอย่างเงียบเชียบ จนถึงกลางดึก รุ่ยผิงเผลอหลับไป

**
"มีผู้บุกรุก" เสียงของทหารยามกลุ่มหนึ่งร้องดังขึ้น พลันก็ปรากฏกายเงาทะมึนของคนกลุ่มหนึ่งในกลางดึก

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
"ท่านอ๋องเจิ้งยังสบายดีอยู่หรือไม่" เสียงของคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้น ทว่าได้ยินเพียงแค่เสียงแต่ยังไม่เห็นร่างผู้ที่เป็นเจ้าของเสียง
"เจ้าเป็นใคร?"เสียงตื่นตระหนกของอ๋องเจิ้งแห่งเผ่าวิหคเอ่ยขึ้นเขารู้ทันทีว่าผู้ที่มาย่อมมีจุดประสงค์ไม่ดีจึงออกมาพร้อมกับอาวุธคู่กาย

"ข้าเป็นใครหน่ะหรือ? ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ...ข้าก็เป็นสหายเก่าที่ไม่ได้พบเจอกันมานานแล้วนะสิท่านอ๋อง"
"ลงมือ" เสียงของผู้เป็นหัวหน้าสั่งการ พวกเขาลงมือราดเร็วเข่นฆ่าคนในบ้านเจิ้งล้มตายไปหลายคนอ๋องเจิ้งเห็นดังนั้นจึงประมือกับนักฆ่าที่กรูกันเข้ามา

     อ๋องเจิ้งคิดได้ก็พลันข่มสติที่ตื่นตระหนกของตนแล้วสังเกตการณ์ผู้ที่กำลังเข่นฆ่าคนในตำหนักของตนเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็กระทืบเท้าซ้าย ทะยานเหินกายพร้อมกับ วาดวิถีกระบี่เข้าจู่โจมใส่ผู้ที่สั่งการยืนตระหง่านอยู่ด้านบนทันที

โครม! เสียงกระบี่ฟาดไปกระทบกับกระเบื้องหลังคา

     วิถีกระบี่ของอ๋องเจิ้งไม่สามารถทำอันใดกับบุรุษผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าพวกนี้ได้เขาพลิ้วเอนกายหลบหนีไปอีกที่อ๋องเจิ้งยกขากระทืบเท้า เหินกายวาดกระบี่ตามประชิดติดพันอีกฝ่ายก็หันหมุนหลบว่องไว

ฮึ่ม!

     เสียงคำรามในลำคอของอ๋องเจิ้งเห็นว่าตนนั้นฝีมือคงห่างชั้นกับคนผู้นี้อยู่มากโขการจู่โจมพลาดถึงสองคราบอกได้ว่าชั้นเชิงกระบวนยุทธเขานั้นด้อยกว่าอยู่หลายส่วนแต่อ๋องเจิ้งก็ยังไม่ลดละจู่โจมใส่ไปอย่างต่อเนื่องเฉิงหลิงเซียวเห็นว่ามีช่องว่างจึงจู่โจมโต้กลับจนอ๋องเจิ้งตั้งรับไม่เป็นกระบวน

     เฉิงหลิงเซียวทะยานกายขึ้นไปเหนือหัวก่อนจะวาดกดฝ่าเท้ากระทืบลงมาเบื้องล่างอ๋องเจิ้งจึงวาดกระบี่กันสองมือดันยันรับแรงกระทืบนั้นจนร่างของอ๋องเจิ้งกระเด็นตกลงมายังพื้นเบื้องล่าง

อั๊ก!! "ท่านพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง "เจิ้งเทียนฉีออกมาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพอดีโลหิตสีเข้มออกมาอยู่ที่มุมปากของอ๋องเจิ้ง บ่งบอกได้ว่าแรงกระทืบเมื่อครู่มีพลังทำลายมากพอดู

"อึก..เจ้าเป็นใครบังอาจมาทำร้ายคนในจวนข้า" "ข้าเป็นใครนะหรือ ข้าก็เป็นคนที่พวกเจ้าเคยคิดจะกำจัดเมื่อหลายร้อยปีก่อนยังไงล่ะวันนี้เผ่าวิหคจะได้สาบสูญตามแดนมายาไปเสียที" ทันใดนั้นเข็มพิษดับตะวันก็พุ่งตรงลงมาตรงด้านหน้าอ๋องเจิ้งถอยปราดหลบ "แดนมายา? "

"ใช่!!บัญชีนี้ได้เวลาที่พวกเจ้าต้องชดใช้คืนกันบ้างแล้ว"
"!?!" เจิ้งเทียนฉีคิดสู้กับเฉิงหลิงเซียวแต่ก็สู้ไม่ได้เพราะเฉิงหลิงเซียวมีพลังที่เหนือชั้นกว่าสามารถกดดันการจู่โจมของเจิ้งเทียนฉีได้ทั้งหมดพร้อมกับโต้กลับมาด้วยกระบวนท่าที่รุนแรง จนเจิ้งเทียนฉีบาดเจ็บ

"ศิษย์พี่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"

     รุ่ยผิงสวมหมวกใบใหญ่เข้าไปประคองร่างของเจิ้งเทียนฉีติงปิงเห็นเหตุการณ์จึงออกมาช่วย พร้อมกับรุ่ยผิงและลี่หงหลิงเซียวเห็นรุ่ยผิงนึกว่าเป็นเฉิงเฟยหยี หลานตน จึงให้คนถอนกำลังออกไป[เฟยหยีนั่นเป็นเจ้าใช่ไหม?]

"คืนนี้ ถือว่าเผ่าวิหคของท่านโชคดีเอาเป็นว่าบัญชีนี้ ข้าจะให้ท่านชดใช้ในภายหลังก็แล้วกันนะท่านอ๋องแล้วข้าจะมาเยือนใหม่ พวกเรากลับ!!"

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน29 ➧ ➧ ➧ Up [13-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-04-2019 01:50:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน29 ➧ ➧ ➧ Up [13-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-04-2019 09:23:45
รอค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน30 ➧ ➧ ➧ Up 25-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 25-04-2019 01:42:08
30 เสี้ยวจันทรา จอมมารแดนปีศาจ

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน30 ➧ ➧ ➧ Up 25-04-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 25-04-2019 08:03:52
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน31 ➧ ➧ ➧ Up 19-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 19-05-2019 06:35:05
31 เสี้ยวจันทรา ออกท่องเที่ยว

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน31 ➧ ➧ ➧ Up 19-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-05-2019 21:53:52
มาต่อแล้วขอบคุณค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน31 ➧ ➧ ➧ Up 19-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 21-05-2019 13:06:46
มาต่อแล้วขอบคุณค่ะ  :katai2-1:
ขอโทษนะครับ ที่หายไปติดธุระขอรับ
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน32 ➧ ➧ ➧ Up 21-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 21-05-2019 13:23:03
ตอน32 ตามหาจนเจอ


     ความอ่อนโยนที่แฝงไว้บนใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูสะอาดหมดจด ทำให้ผู้ร่วมทางอย่างจั่วชงอดไม่ได้ที่จะลอบแอบมอง เสี่ยวเมาอยู่บ่อยๆไม่รู้จักเบื่อหน่าย ท่วงท่าที่ดูสดใสร่าเริงใสซื่อนี้ มิได้พบเจอโดยง่ายจากผู้คนทั่วไปที่เขาได้พบเจอ การพูดจาของเสี่ยวเมายังฉะฉานมั่นใจยิ่งแอบมองก็ยิ่งรู้สึกชื่นชม



'เจ้าจะรู้ไหมว่า ข้าอยากจะให้เจ้าอยู่กับข้าแบบนี้ตลอดไปคงจะดีไม่น้อย ไม่รู้ว่าเจ้าจะคิดเหมือนกับที่ข้าคิดหรือเปล่านะ มีเจ้าร่วมทางเดินไปตลอดแบบนี้แม้หนทางจะไกลขนาดไหน ข้าก็พร้อมจะไปกับเจ้าในทุกๆที่' จั่วชงแอบคิดอยู่คนเดียว จนเสี่ยวเมารู้สึกตัวว่า ขณะนี้เขาได้ตกเป็นเป้าสายตาของบุรุษผู้นี้ไปเสียแล้ว ก่อนจะหันมาแล้วเอ่ยถาม


"ท่านจอมมาร"


"หืม ทำไมเจ้าเรียกข้าแบบนี้ล่ะ? ถ้ามีคนอื่นได้ยินคงแตกตื่นกันพอดี เรียกข้าว่าอาชงก็แล้วกัน" จั่วชงเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับเสี่ยวเมา


"อืมก็ได้"


"เจ้าเรียกข้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ?"


"เปล่า ข้าแค่อยากจะถามว่า หิวหรือยัง?"


"ผู้บำเพ็ญเพียร อย่างพวกเราจะหิวได้อย่างไร การดื่มกินเป็นเพียงเพื่อสนองกิเลสเท่านั้น? นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือ?" เสี่ยวเมาทำท่าทางกระอักกระอ่วนอับจนในคำพูด จั่วชงเห็นดังนั้น จึงกล่าวต่อไปว่า


"เช่นนั้น ตรงด้านหน้า ข้าว่าเราไปหาอะไรกินอร่อยๆกันดูหน่อยก็แล้วกัน ดีไหม?"


"อืม ก็ดีนะ"


     ในยามที่อากาศปลอดโปร่งเขาทั้งสองได้เดินห่างออกจากเขตแดนปีศาจมาพอสมควร โดยมีเสี่ยวเมาเดินอยู่ด้านหน้า จั่วชงเดินตามมาไม่ไกลนัก ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มอย่างเสี่ยวเมาจะมีท่าทางตื่นเต้นดีใจอยู่ไม่น้อย กับการออกเดินทางในครั้งนี้


"นี่ท่านเซียนน้อย"


"หืม"


"ดูแล้วท่านคงจะไม่เคยออกมาท่องเที่ยวยังโลกภายนอกเลยใช่ไหม ดูเหมือนว่าท่านจะดูตื่นเต้นเป็นพิเศษนะ"


"อืม ใช่แล้ว จอม...."
      เสี่ยวเมาหันไปคุยด้วยกับ จั่วชงด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม จนเกือบจะเผลอหลุดปากพูดฐานะของจั่วชงออกไป จนอีกฝ่าย เขม็งสายตาจึงทำให้เด็กหนุ่ม หลุบตาก่อนจะเอ่ยถามประโยคถัดไปกับจั่วชง


"เออนี่! ท่านรู้จักแดนมายาไหม?"


"หืม ทำไมจู่ๆ ถึงได้ถามถึงแดนมายาล่ะ? มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?" จั่วชงรู้สึกสงสัยจึงเอ่ยถามเสี่ยวเมาออกไป


"อ่ะ-อ้อ ข้าเพียงแค่อยากรู้ ว่าท่านรู้จักหรือไม่?"


"รู้จักสิ ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ แล้วเซียนน้อยอย่างท่านจะถามถึงแดนมายาทำไมรึ?"


"ข้าเพียงแค่อยากรู้ และอยากไปที่แดนมายาสักครั้ง รู้เพียงแต่ว่าไปทางด้านทิศตะวันตก แต่ไม่รู้ที่ตั้งที่แน่ชัด ถ้าท่านรู้จักช่วยพาข้าไปเที่ยวที่นั่นสักครั้งจะได้หรือไม่?"


"อ่อได้สิ ถ้าเจ้าอยากไปไหนข้าก็พร้อมพาไปได้ทุกที่ ว่าแต่สถานที่แห่งนั้นไม่ได้มีอะไรให้น่าดูนักหรอกนะ ถ้าเจ้าคิดเปลี่ยนใจก็บอกข้าได้เสมอ?"


"ข้าไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอก ข้าอยากไปดูที่นั่นสักครั้ง เพราะได้ยินเรื่องเล่าว่าดินแดนที่นั่นสลับซับซ้อนและแปลกประหลาด จึงอยากไปเห็นกับตา"


"ตอนนี้แดนมายา เป็นเพียงดินแดนที่รกร้าง ยังจะอยากไปอีกอย่างนั้นหรือ?"


"ดินแดนรกร้าง? อย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้"


     เสี่ยวเมาขมวดคิ้ว พร้อมกับหันไปมองใบหน้าจั่วชงอีกครา เพื่อดูว่า อีกฝ่ายไม่ได้พูดกล่าวอะไรหลอกลวงเขา เพราะประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่เขานั้นไม่อยากจะเชื่อมากนัก


"ทำไมรึ?"


"ที่ท่านว่า แดนมายาเป็นดินแดนรกร้าง นั่นคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?"


"อืม แต่ แดนมายา ก็ยังคือแดนมายาคนภายนอกที่ไม่คุ้นเคยอาจจะเข้าออกลำบากสักหน่อย ถ้าแต่เจ้าไปกับข้าไม่ต้องห่วง แม้ว่าข้าจะเคยไปไม่กี่ครั้ง แต่ก็พอจะพาเจ้าเข้าออกดินแดนแห่งนั้นได้อย่างแน่นอน อย่ากังวลไปเลย"


     เสี่ยวเมาหันใบหน้าของตนกลับคืน พร้อมกับมองไปยังทางเดินด้านหน้า ความวิตกกังวล ภาพของมารดา และสถานที่ของวังตะวันตกลอยเข้ามาภายในห้วงความนึกคิด สิ่งที่จั่วชงพูดมาเมื่อครู่ ไม่มีทางที่เขาจะหลอกลวงได้ แล้วขณะนี้ มารดาของเขาพาผู้คนในแดนมายาไปหลบซ่อนที่ใดกัน ทุกคนในแดนมายาจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาทอดน่องเดินก้าวเท้าไปด้านหน้า


เขาทั้งสองเดินอยู่ในทางเดินของเขตค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าของเผ่าต่างๆในแดนเซียน เสียงของผู้ที่เดินวนเวียนเลือกสิ่งของอาจจะมีเสียงดังอยู่ไม่น้อยแต่ ก็ไม่อาจจะเข้าไปในโสตประสาทของเสี่ยวเมาในขณะนี้ได้


[แดนมายาจะกลายเป็นดินแดนที่รกร้างอย่างนั้นหรือ]

"เป็นไปไม่ได้!! ท่านกล่าวมาเมื่อครู่ กำลังจะหลอกข้าใช่ไหม?"


     จั่วชงรู้สึกตกใจที่จู่ๆ หนุ่มน้อยผู้นี้กลับมาย้อนถามเขาด้วยคำถามเดิม เสียงของเสี่ยวเมากล่าวเมื่อครู่ ทำให้ผู้คนในละแวกใกล้เคียงถึงกับหยุดชะงักไปชั่วครู่ จึงทำให้เขาทั้งสองเป็นจุดสนใจในทันที ทว่าไม่ได้มีเพียงแต่คนในละแวกนั้นเท่านั้นที่หยุดชะงัก ติงปิงที่อยู่ในบริเวณนั้น เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของเสี่ยวเมาก็มองหาต้นตอของเสียงในทันที


"เสี่ยวเมา"
      เสียงประสานของบุรุษอีกผู้หนึ่งนอกจากติงปิงแล้ว ยังมีศิษย์พี่ใหญ่อย่างเจิ้งเทียนฉีอีกคนเอ่ยขึ้น ติงปิงอยู่ทางด้านหลัง ทว่าเจิ้งเทียนฉีขณะนี้ได้ยืนอยู่ตรงหน้าของหนุ่มน้อยแล้ว


"ศิษย์พี่ใหญ่"


     เสี่ยวเมารู้สึกตกใจเล็กน้อยเขาไม่คาดคิดว่าจะมาเจอเจิ้งเทียนฉี ที่ขณะนี้ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ได้ยืนยิ้ม ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหาพร้อมกับนำมือทั้งสองไปเกาะกุมบ่าของเสี่ยวเมา ด้วยท่าทีที่เป็นห่วง


"เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"


"ป่ะ-เปล่าข้าไม่ได้เป็นอะไร" เสี่ยวเมาส่งยิ้มให้เจิ้งเทียนฉี ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะค่อยๆ เจื่อนไป เพราะว่าบัดนี้บุรุษอีกผู้หนึ่งได้ยืนอยู่ด้านข้างระหว่างเสี่ยวเมากับเจิ้งเทียนฉี


"ต่ะ ติงปิง เจ้าก็มาด้วยเหรอ? อาการบาดเจ็บเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"

     เสี่ยวเมาเห็นติงปิงปรากฏตัวขึ้นก็รู้สึกแปลกใจแต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นบ้างหรือยัง จึงถามด้วยความเป็นห่วงทว่าติงปิงกับแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา


"หึ ข้ายืนตรงนี้นานแล้วล่ะ เจ้ามัวแต่ยืนคุยกับศิษย์พี่ใหญ่จนมองไม่เห็นข้าน่ะสิ การบาดเจ็บของข้านั้นคงไม่ต้องให้เจ้ามาห่วงจนป็นภาระหรอก" น้ำเสียงกดต่ำของติงปิงเอ่ยขึ้น พร้อมด้วยคำพูดค่อนขอด


[เจ้าบ้านี่เป็นอะไรอีก ทำไมต้องทำตาเขียวใส่ข้าแบบนี้ด้วย ทำตัวไม่ค่อยจะถูกเลยแฮะ]


"แฮ่ะๆ งั้นเหรอ? ก็ข้าไม่เห็นเจ้านี่นา" เสี่ยวเมากล่าวออกมา ทำให้แววตาของติงปิงจ้องเสี่ยวเมา จนเด็กหนุ่มรู้สึกประหม่า


"อ่ะเอ่อ ศิษย์พี่ใหญ่ แล้วท่านมาได้อย่างไรไม่ได้ไปส่งเทียบเชิญส่งที่เผ่าต่างๆหรอกหรือ?"


"อืม ข้าได้ยินว่าเจ้าพลัดหลงกับศิษย์น้องรอง จึงออกมาตามหา ส่วนเทียบเชิญเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยังพอมีเวลา แล้วนี่เจ้าไม่ได้บาดเจ็บใช่ไหม?" เจิ้งเทียนฉีจับตัวเสี่ยวเมาหมุนดู เพื่อให้เห็นกับตาว่าเสี่ยวเมาเองนั้นไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน


"อื้อ ข้าไม่เป็นอะไรหรอกแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรด้วย?"


"หึ ยิ้มจนแก้มจะปริ ออกมาขนาดนี้ ดูท่าคงไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนหรอกศิษย์พี่ใหญ่"


     เสียงกดต่ำของติงปิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก่อนเขาจะเมินหน้าไปทางดูผู้คนด้านอื่น แต่ทีท่าที่แสดงออกมา กลับทำให้เสี่ยวเมารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีความไม่พอใจอยู่พอควร


[นี่เจ้าบ้านี่เป็นอะไรอีก?] ส่วนติงปิงนั้นก็รู้สึกได้ว่า ขณะที่เจิ้งเทียนฉีพูดคุยกับเสี่ยวเมาอยู่นั้นทำให้ตัวเขาเหมือนเป็นส่วนเกินสำหรับคนทั้งสอง

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน33 ➧ ➧ ➧ Up 21-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 21-05-2019 13:41:56
ตอน33 บุรุษทั้งสาม

     การกล่าวคำทักทายกันของชายหนุ่มทั้งสามที่ยืนโต้เถียงกัน ล้วนอยู่ในสายตาของจั่วชง เขารู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มสองคนที่ปรากฏตัวนี้ คือศิษย์เอกของเมฆาล้ำหยุนไหล ด้วยท่วงท่าที่องอาจดูมีสง่าดูเหมือนว่าความสุขของเขากับเสี่ยวเมาได้หายไปเรียบร้อย จากที่คิดไว้ว่าจะได้เดินทางกันเพียงสองคน ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ จั่วชงจึงแทรกตัวกลางบทสนทนาของพวกเขาในทันที

"เราจะเดินทางกันได้หรือยัง?"

     จั่วชงด้วยกริยาของเขาในตอนนี้ อาจจะอวดเบ่งบารมีความเป็นผู้นำแดนมารไม่ได้ แต่เขาก็ดูโดดเด่นสะดุดตาไม่แพ้ เจิ้งเทียนฉีและติงปิงเลย การที่เขาแทรกระหว่างการสนทนา ทำให้ติงปิงและเจิ้งเทียนฉีรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

[คนผู้นี้คือ?] ก่อนที่พวกเขาจะมองหน้าสบตากันไปมาอย่างงุนงง เมื่อเสี่ยวเมาเห็นสายตาของศิษย์พี่ทั้งสอง คงจะสงสัยที่มาของ อาชงผู้นี้ เขาจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น

"อ่ะ-เอ่อ นี้คือ อาชงเขาคือคนที่ช่วยข้าไว้...อาชงนี่คือ ศิษย์พี่ใหญ่ข้าเจิ้งเทียนฉี และนี่ศิษย์พี่รองข้ามีชื่อว่าติงปิง พวกเราเป็นศิษย์ของเมฆาล้ำหยุนไหล"

      เสี่ยวเมาเห็นท่าคงจะปิดบังอะไรไม่ได้มากนัก สู้บอกความจริงกับจั่วชงไปเสียดีกว่า เพราะไหนๆที่มาของตัวเขาก็เกี่ยวข้องกับหยุนไหลอยู่แล้วปิดบังไปก็คงไม่มีประโยชน์อันใด

'นี่เจ้าไม่ใช่ท่านเซียนน้อย? หลอกข้านี่..'

     เสียงของจั่วชงกระซิบกระซาบข้างหูของเสี่ยวเมาเป็นการหยอกล้อ ก่อนจะโดนเด็กหนุ่มบุ้ยหน้า ถองแขนเข้าสีข้างลำตัวเขาอย่างเบามือ เพื่อให้อีกฝ่ายหยุดล้อเลียน จั่วชงเห็นสายตาสองคู่จ้องเขม็งมองมาก็อดประหม่าไม่ได้ จึงได้ยิ้มขึ้นพร้อมกล่าวคำทักทายตามมารยาทขึ้น

"อ๋อ ที่แท้ศิษย์เอกทั้งสองของหยุนไหลที่คนกล่าวขานกัน ก็คือพวกท่านนี่เอง นับถือ นับถือ"

     การแสดงท่าทีอ่อนอ้อมของจั่วชง อาจดูเหมือนเขาไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็อยากให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปโดยเร็ว เพราะเขาหวังที่จะให้คนพวกนี้จากไปเสียที เพราะพวกศิษย์เทพเซียน เผ่าแดนสวรรค์มักมีธุระหยุมหยิมให้จัดการอยู่ตลอดเวลา เขายังหวังว่าอาจจะได้เดินทางไปกับเสี่ยวเมาเพียงแค่สองคนต่อ

'นี่เราจะเดินทางได้หรือยัง?'
'ท่านไม่เห็นหรือยังไง? เขาทั้งสองยังอยู่ที่นี่อยู่เลย'
'เช่นนั้นเจ้าจะให้ข้าไล่ พวกเขาไปไหมล่ะ'

     จั่วชงกระซิบข้างหูเสี่ยวเมาอีกครั้ง ท่าทีของจั่วชงกับเสี่ยวเมาที่ดูสนิทสนมกันมากกว่าปรกติ อยู่ในสายตาของเจิ้งเทียนฉีกับติงปิงอยู่ตลอด การพูดคุยที่มีลับลมคมใน ทำให้เทียนฉีและติงปิงทั้งสองคิดว่า จั่วชงอาจจะล่อลวงเสี่ยวเมาอยู่แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไร จึงได้แต่คอยสังเกตดูเพียงเท่านั้น

"นี่พวกท่านก็เห็นแล้ว ว่าศิษย์น้องของท่านปลอดภัยดี เช่นนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกท่านมีธุระอะไรก็ไปทำกันเถุอะ"

"ไม่ได้!!" เสียงของเจิ้งเทียนฉีกับติงปิงแทบจะเอ่ยขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกัน จนเทียนฉีกับติงปิงหันไปมองหน้ากัน จนทำให้เสี่ยวเมาได้ยินต้องตื่นตระหนก

"ธุระของข้าคือพาเจ้ากลับสำนัก" ติงปิงเอ่ยขึ้น

"ศิษย์น้อง ข้าว่าเจ้าตามศิษย์น้องติงกลับสำนักไปก่อนจะดีกว่า เพราะอาจารย์จะเป็นห่วงเอาได้" เจิ้งเทียนฉีเอ่ยสำทับ ทั้งสองยืนกรานเช่นนี้ ทำให้เสี่ยวเมารู้สึกไม่ดีเท่าไรนักติงปิงได้ยินเทียนฉีพูดก็นิ่งเงียบ ดูท่าทีของเสี่ยวเมา

"พวกท่านไม่ต้องห่วงหรอก ศิษย์น้องของท่านเดี๋ยวข้าดูแลเอง เขาอาจจะยังอยากท่องเที่ยวโลกภายนอกสักพัก พวกท่านอยากกลับสำนักก็กลับกันไปก่อนเถอะ"

     จั่วชงพูดแทรกขึ้นมาอีกครา มองไปที่ใบหน้าของเสี่ยวเมา ดูท่าเสี่ยวเมาในเวลานี้ก็ต้องการผู้ช่วยเช่นเขาอยู่เหมือนกัน เป็นไปดังคาดเสี่ยวเมามองผ่านมาทางเขาด้วยสายตาซาบซึ้ง

"เรื่องของสำนักเรา มันไม่ได้เกี่ยวกับเจ้า เสี่ยวเมาเจ้าว่าอย่างไรเจ้ายังอยากจะไปที่ไหนอีกหรือ?" เจิ้งเทียนฉีกล่าวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหันถามหาคำตอบ

"อะเอ่อ ศิษย์พี่ใหญ่"

     เสี่ยวเมาได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะเขายังไม่รู้จะพูดขอร้องคนทั้งสองนี่อย่างไร เฉพาะเจิ้งเทียนฉีคนเดียวก็ยังพอรับมือได้ ทว่ากลับมีติงปิงอยู่ด้วยทำให้เขารู้สึกประหม่าอยู่หลายส่วน จึงทำให้ความกล้าที่มีมันหายไปจนหมดสิ้น

"ว่าอย่างไรเจ้าจะกลับไปกับศิษย์น้องติงหรือเปล่า?"

     เสี่ยวเมายังคงหลุบหน้าลงยืนห่อตัวอยู่อีกด้าน ขณะนี้มีสายตาอำมหิตของติงปิงจ้องเขม็ง มองมาทางเขา เพื่อรอคำตอบจากปากของเสี่ยวเมา อย่างไม่ลดละสายตา

"อ่ะ-เอ่อ ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าอยากจะท่องเที่ยวต่ออีกสักพักได้ไหม? พวกท่านไม่ต้องห่วงข้านะ ข้าท่องเที่ยวไม่นานหรอกเดี๋ยวก็กลับ พวกท่านกลับสำนักไปก่อนเลยก็ได้"

     เสียงตะกุกตะกัก ที่กลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดของเสี่ยวเมา ได้กล่าวออกมาจนจบประโยค แม้มันจะกล่าวออกมาได้ลำบากนักแต่เมื่อกล่าวออกมากลับทำให้ หนุ่มน้อยรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

"แล้วเจ้าจะไปที่ไหนกัน?"

     พวกเขายังคืนยืนพูดคุยสนทนา หาข้อสรุปกันอยู่ทางเสี่ยวเมาเองก็มีทีท่าไม่ยอมกลับสำนักยังคงดึงดันต่อ เพื่อจะได้ท่องเที่ยว แต่จริงๆแล้วเสี่ยวเมานั้นอยากจะไปดูแดนมายาให้เห็นกับตาสักครั้ง ว่าตอนนี้ดินแดนบ้านเกิดเมืองนอนของตนและคนที่นั่น เป็นอย่างไรบ้างและที่สำคัญนั่นคือสืบข่าวคราวของมารดา เพราะเบาะแสต่างๆ เขาถามหวงหลงผู้เป็นอาจารย์ กลับไม่เคยเอ่ยบอกเขาให้คลายหายสงสัยเลยสักครั้ง
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน32-33 ➧ ➧ ➧ Up 21-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: ikou ที่ 21-05-2019 22:12:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน32-33 ➧ ➧ ➧ Up 21-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-05-2019 22:19:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน32-33 ➧ ➧ ➧ Up 21-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 22-05-2019 18:40:55
ขอบคุณจ้า รออยู่น๊า ☺
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน34 ➧ ➧ ➧ Up 26-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 26-05-2019 13:54:34
ตอน34 ป่าสนธยาและผาราชันย์
"แล้วพวกเจ้าจะไปที่ใดกัน?"

     เสียงของเจิ้งเทียนฉีหันเปรยตาไปถามจั่วชงก่อนจะทอดสายตาไปที่เสี่ยวเมาอีกครา ด้วยความสงสัยที่ปนไปกับสายตาที่จ้องมองไปแต่จั่วชงเองกลับไม่ได้ใส่ใจในสายตาของเจิ้งเทียนฉีและติงปิงเลยสักนิด เพราะตัวเขาในขณะนี้มีเพียงแค่เสี่ยวเมาเพียงเท่านั้นเป็นเสี่ยวเมาเองที่ร้อนรนรีบอธิบายกับเจิ้งเทียนฉีแทน

"ข้า เอ่อ...ข้าชวนอาชงไปเที่ยวแถบตะวันตกแดนมายาดูสักครั้ง เคยแต่ได้ยินคนเอ่ยถึงกันแต่ยังไม่เคยได้ไปเมื่อได้มีโอกาสออกจากสำนักจึงอยากท่องเที่ยวให้ทั่ว ถ้าศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่ติงไม่สะดวกไม่ต้องตามข้ากับอาชงมาก็ได้นะ ข่ะ-ข้าเอ่อสัญญาว่าไปท่องเที่ยวจนได้เห็นกับตาแล้วก็จะรีบกลับทันที"

     น้ำเสียงสีหน้าและแววตาของเสี่ยวเมาที่กล่าวออกมา แม้จะพูดจาแผ่วเบาแต่ก็แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นที่ออกมาจากใจ เจิ้งเทียนฉีและติงปิงรับรู้ได้ จึงไม่อาจปฏิเสธเพราะถ้าดึงดันห้ามไปก็คงไร้ประโยชน์ติงปิงหันมาสบตาเจิ้งเทียนฉีคราหนึ่ง เจิ้งเทียนฉีพยักหน้าการที่เขาจะเดินทางไปกับเสี่ยวเมานั้นคงมิได้เสียเวลาเท่าใดนัก เพราะแดนมายาก็เป็นดินแดนใกล้กับเผ่าเงือกอย่างไรเสีย เทียบเชิญก็ถูกส่งถึงมืออ๋องเผ่าเงือกได้แน่นอนและเขายังพอมีเวลากลับสำนักไปเตรียมตัวในงานประลองยุทธซึ่งยังพอมีเวลาทั้งสองตกลงกันทางสายตาอย่างเข้าใจ

"เช่นนั้น ข้ากับศิษย์น้องรองจะไปกับเจ้าด้วย เจ้าว่าอย่างไรศิษย์น้องรองจะไปด้วยกันไหม?"

"ไปสิ ข้าเองก็อยากจะไปเห็นกับตาเหมือนกันว่าแดนมายาที่เลื่องลือนั้นเป็นเช่นไร "

     น้ำเสียงของติงปิงกดต่ำจนทำให้ผู้ฟังรู้สึกได้ถึงความนัยที่ซ่อนอยู่แต่ทั้งชายหนุ่มทั้งสามกลับไม่ได้ใส่ใจเท่าใดนัก เมื่อทุกคนตกลงร่วมเดินทางด้วยกัน เป็นจั่วชงเสียอีกที่ดูท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ค่อยจะพึงพอใจเท่าไหร่ ทว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสี่ล้วนอยู่ในสายตาของเซียวลี่หงอยู่ตลอด เพราะนางได้แอบติดตามเจิ้งเทียนฉีมาเงียบๆ ตลอดทาง

..

     บรรยากาศในเวลาดึกสงัดภายใต้แสงของกองไฟที่ถูกก่อขึ้นมาในบริเวณป่าสนธยานี้ ทั่วบริเวณเงียบสงบอากาศที่สัมผัสผิวกายล้วนหนาวสะท้านไปทั่วทั้งกาย ความอุ่นของเปลวไฟมิได้ช่วยให้คลายความหนาวลงได้มากนักเสี่ยวเมาจึงได้นำมือทั้งสองของตนมากอดแนบระหว่างอก เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเอง หิมะก็มิได้มีทว่าอากาศรอบกายกลับทำให้รู้สึกสั่นสะท้าน

[หนาวเย็นอะไรแบบนี้ เราไม่เคยรู้เลยว่า ทางเข้าแดนมายาด่านหน้าจะเป็นหนทางที่ยากลำบากขนาดนี้]

     เสี่ยวเมาบ่นพรึมพรำอยู่ในใจขณะนี้เขาได้แต่คิดถึงเตียงใหญ่ผ้าห่มผืนหนานุ่ม ขณะนี้คงทำได้แต่เพียงแค่คิดเพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั่นคือแดนมายากำลังรอการกลับมาของเขาอยู่ อย่างไรเสียเสี่ยวเมาก็จำเป็นต้องเยือนดินแดนบ้านเกิดของตนให้จงได้ เพื่อจะได้เห็นกับตาว่าขณะนี้แดนมายาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

     ติงปิงเห็นปากเสี่ยวเมาขมุบขมิบพร้อมกับเนื้อตัวสั่นเทาเพราะเขาเองก็ข่มตานอนไม่ลงเช่นกันจึงได้นั่งอยู่อีกด้านของกองไฟและลุกขึ้นก่อนถอดเสื้อคลุมของตน คิดจะสละเสื้อคลุมนี้ให้กับเด็กหนุ่มผู้นั้นเสีย เพื่อให้ร่างอันแสนผอมบางได้เพิ่มไออุ่นคลายความเหน็บหนาว ทว่าติงปิงกลับช้ากว่าคนผู้หนึ่งไปเสียแล้ว

"เจ้าหนาวล่ะสิ" เสี่ยวเมาไม่ได้ตอบอะไรกับคนผู้นั้นนอกจากพยักหน้าให้กับจั่วชง จั่วชงจึงสบัดเสื้อคลุมสีดำผืนหนาห่อหุ้มร่างกายของหนุ่มน้อยในทันที

"ท่านไม่หนาวเหรอ?" เสี่ยวเมาเงยหน้าขึ้นมองไปที่จั่วชง

"ไม่หรอก เจ้าลืมไปแล้วหรือ? อากาศแบบนี้ข้าชินเสียแล้วล่ะ เจ้านอนให้สบายเถอะไม่ต้องห่วงข้า"

     มือใหญ่หนาของจั่วชงลูบปอยผมด้านหน้าที่ปกลงมาบนใบหน้าที่เรียวงามของเด็กหนุ่ม เพื่อเผยให้เห็นใบหน้าของเสี่ยวเมาได้ชัดเจนขึ้นก่อนจะยิ้มให้กับเสี่ยวเมาคราหนึ่ง

"อื้อ ขอบคุณท่านมากนะ"

     จั่วชงไม่ได้พูดอะไรนอกจาก พยักหน้ากับเพิ่มรอยยิ้มให้กับเสี่ยวเมานิดหน่อย ถ้าเป็นดรุณีสาวได้เห็นรอยยิ้มของจอมมารผู้นี้อาจจะทำให้ใจสั่นระรัวได้เช่นกัน เมื่อจั่วชงเดินออกมาได้สักพักเขาก็เดินเล้นกายหายไปในความมืดการพูดคุยของเสี่ยวเมากับจั่วชงที่ดูสนิทสนมกันนั้น ล้วนอยู่ในสายตาของติงปิงทุกอย่างเนื่องจากลางสังหรณ์ของติงปิงนั้นรู้สึกไม่ไว้ใจ ชายผู้ชื่ออาชงนี่แต่แรกอยู่แล้ว

      ยิ่งบุรุษผู้นี้มาอยู่ข้างกายเสี่ยวเมาแบบสนิทสนมด้วยแล้ว เขายิ่งรู้สึกได้ว่าคนผู้นี้อาจจะมีสิ่งใดแอบแฝงซ่อนเร้นไว้ก็เป็นได้ เมื่อเห็นว่าอาชงเดินคล้อยหลังจากไปในความมืด ติงปิงจึงได้ลุกเดินตามออกไปอย่างเงียบๆเพื่อสังเกตุดูว่าคนผู้นี้จะกระทำการใดต่อกันแน่ อาชงเองก็รู้ดีว่าตอนนี้เขานั้นตกอยู่เป็นเป้าสายตาของผู้ที่ติดตามมาด้านหลังจึงได้เอ่ยทักออกไป

"ในเมื่อตามข้ามาแล้ว มีอะไรก็ได้โปรดถามข้ามาตามตรงเถิดใยต้องหลบซ่อนด้วย"

"ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ"

     จั่วชงหันมองไปยังติงปิงก่อนจะยิ้มให้ ทว่าติงปิงกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของคนผู้นี้มิได้มีความจริงใจให้แก่เขาเลยสักนิด

...

แดนมายา

     โดยรอบผาราชันย์ล้วนเป็นหุบเขาสูงชันสี่ลูกง่ายต่อการป้องกันและทำให้ถูกจู่โจมยากยิ่ง ทว่าดินแดนมายาขณะนี้กลับเป็นเพียงดินแดนหนึ่งที่เทพเซียนและแดนมารต่างลืมเลือนไป เฉิงหลิงเซียวยืนอยู่บนผาราชันย์ที่สูงตระหง่านโอบรอบทุกด้านด้วยหุบเขาทั้งสี่ มองจากจุดนี้ล้วนเห็นทัศนียภาพดีเยี่ยม เงาร่างของเขาในชุดสีดำวาว ยามต้องแสงจันทรา ลมภูเขาพัดมายังชะง่อนผาเป็นระลอกชายเสื้อสีดำโบกไสว หลิงเซียวกลับจ้องมองไปเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย

'ในยามนี้เจ้าไปอยู่ที่แห่งใดกันหรือหานอี้? หากเจ้ายินยอมกลับมาข้าจะขอเป็นคนธรรมดาที่ไร้ซึ่งความแค้นความทุกข์ ยอมอยู่เคียงข้างเจ้าทุกวันคืนก็ได้ ตอนนี้เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวข้าล้วนเต็มไปด้วย กลิ่นอายไอแห่งความตายรอระบายความแค้นที่อัดแน่นทกข์ทรมาน มิได้มีปราณเทพเซียนดั่งเช่นเก่าก่อนทำไมกันหานอี้? เจ้าถึงได้ทิ้งร่องรอยความเจ็บปวดให้กับข้าได้มากมายมิได้จางหายไปจากความทรงจำของข้าเลย เจ้ารู้ไหม? ทุกคืนวันหลายพันปีที่ผ่านมาล้วนเชื่องช้าและเงียบเหงา เจ้าก็รู้ว่าข้ามิใช่ผู้ที่มีความอดทนได้มากนัก'

     เสียงลมพัดหวีดหวิวยอดไม้ปลิวไสว เหมือนกับส่งเสียงทักทายรับรู้ถึงความโศกเศร้าทุกข์ใจของผู้ที่ยืนอยู่เบื้องบนผาราชันย์ ร่างของเฉิงหลิงเซียวยังคงทอดอาลัยโดดเดี่ยวความโศกเศร้าภายใต้หน้ากากสีเงินเด่นชัด ยามแสงจันทราซัดสาดกระทบมาบนชะง่อนผาสายตาของเขา ยังคงเลื่อนลอยมองไปสุดสายตาอย่างไร้จุดหมาย

"ถ้ามิใช่เพราะความโลเลของเจ้า จุดจบของเราทั้งสองคงจะไม่เป็นดังเช่นทุกวันนี้"
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน34 ➧ ➧ ➧ Up 26-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-05-2019 14:08:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน34 ➧ ➧ ➧ Up 26-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-05-2019 22:13:04
มาแล้ว  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน35 ➧ ➧ ➧ Up 31-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 31-05-2019 22:11:46
ตอน35 ระลึกความหลัง

     เฉิงหลิงเซียวเดินทอดน่องทีละก้าวอย่างเชื่องช้าก่อนทะยานกายลงไปเบื้องหน้ายังป่าไผ่เขียวขจีแต่บัดนี้อยู่ภายใต้เสียงจันทร์ยามค่ำเขาค่อยๆก้าวเท้าย่ำเหยียบลงบนทางเดินทีละก้าว ทีละก้าว บรรยากาศโดยรอบขมุกขมัวแสงสลัวของจันทราซัดสาดลงมาไม่ถึงพาลให้รับรู้ได้ถึงความเงียบวังเวงภาพครั้งเก่าได้แจ่มชัดในห้วงคำนึงระหว่างตัวเขาและหานอี้ได้ผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน

      ทุกย่างก้าวที่เดินไปตามทางผุดความกลัดกลุ้มออกมาดั่งฟ้าลิขิตกลั่นแกล้งให้เป็นไปให้ตัวเขาต้องพบเจอความเจ็บช้ำได้ขนาดนี้จนเกินทานทนความทุกข์ทรมานเจ็บแค้นได้หล่อหลอมให้หลิงเซียวเปลี่ยนไปมากมายเหลือเกิน ภูตจันทราในอดีตที่เคยแข็งแกร่งบัดนี้ความแค้นได้ทำให้เขาได้เข้าสู่จิตมารไปโดยสมบูรณ์

"หลิงเอ๋อ เจ้าอย่าตามข้าอีกเลย"
"ทำไมกันเหตุใดข้าจะตามท่านไม่ได้" ภาพเรื่องราวในอดีตย้อนผุดขึ้นมา

"ข้าก็บอกเจ้าแล้วยังไม่เข้าใจอีกหรือ? ว่าข้าไม่ได้ชอบเจ้า"      ภาพของการโต้เถียงของบัณฑิตหนุ่มรูปงามที่มีใบหน้าที่คมคายยืนเถียงกับสตรีน้อยนางหนึ่งกลางตลาดในแดนมนุษย์ ซึ่งมีผู้คนจอแจ ภายใต้ดวงตากลโตของดรุณีสาวฉายแววตาที่มุ่งมั่นโดยมิได้แยแสกับสิ่งที่บัณฑิตหนุ่มเอ่ยพูดเลยสักนิดหลิงเซียวเองยังคงตกตะลึงในการโต้เถียงกันของทั้งสองได้แต่ยืนนิ่งเงียบดูอยู่อย่างสงบเพราะเขาเองนั้นก็เพิ่งออกมาท่องเที่ยวยังโลกมนุษย์ได้ไม่นานนักและมิเคยได้พบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนที่หญิงสาวตามตื๊อชายหนุ่มโดยมิได้สนใจคำครหาของผู้คนซึ่งผิดวิสัยของสตรีทั่วไปอยู่มาก
"ท่านไม่ชอบข้าแล้วอย่างไร? เพียงแค่ข้าชอบท่านมันก็พอแล้ว"

     น้ำเสียงก๋ากั่นของหญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความซื่อตรงของนางทำให้บัณฑิตหนุ่มยืนอ้าปากค้างอับจนหนทางโต้เถียงทำได้เพียงโคลงหัวส่ายหน้าเอื่อมระอากับดรุณีสาวผู้นี้
"ผู้คนเยอะแยะมากมาย เจ้าเป็นหญิงสาวกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา มิกลัวรึว่าจะโดนผู้คนครหาเอาได้"
     ดรุณีสาวส่ายหน้ามิได้แยแสกับสิ่งที่บัณฑิตหนุ่มเอ่ยออกมา ยิ่งทำให้บุรุษหนุ่มอับจนปัญญาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ขณะนี้เขาทำได้เพียงกวาดสายตามองไปรอบด้านเพื่อหาทางหลบนางเสียพลันสายตาของบัณฑิตหนุ่มก็บังเอิญไปสบประสานกับ หลิงเซียวที่ยืนดูอยู่พอดีสายตาวิงวอนของบัณฑิตหนุ่มร้องขอความช่วยเหลือเฉิงหลิงเซียวได้แต่สั่นหัวสงบนิ่งแล้วพลันยิ้มให้บัณฑิตหนุ่มแว่บนึงก่อนคิดจะเดินจากไปเพราะไม่อยากยุ่งกับเรื่องวุ่นวายเช่นนี้

"โอ้ในที่สุดข้าก็พบเจ้า สุดที่รักของข้า"

     หานอี้อับจนปัญญาเขาได้ก้าวเท้าของตนอย่างเร็วไวพร้อมกับคว้าชายเสื้อของหลิงเซียวไว้พร้อมกับโอบกอดเอวคอดของหลิงเซียวในทันที
"ในที่สุดข้าก็เจอเจ้า อย่าหนีข้าไปอีกเลยจะได้หรือไม่ที่รักของข้า" การจู่โจมของหานอี้ตอนนี้ทำให้หลิงเซียวมิได้ทันที่จะตั้งตัวรับมือ
"ท่านพูดอะไร?"
     น้ำเสียงตกตะลึงของหลิงเซียวพลันนึกสงสัยกับคำพูดเมื่อครู่ของหานอี้ที่เอ่ยออกมาจึงร้องถามออกไปพร้อมกับคิดสลัดมือที่กำชับกอดเอวเขาไว้แน่นให้คลายออกทว่าบัณฑิตหนุ่มกลับกอดไว้แน่นหนาเหลือเกินดรุณีสาวที่ตามมาถึงกับอ้าปากค้างตกตะลึง นางไม่รีรอตัดสินใจสาวเท้าก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบพร้อมกับใช้มือแกะแยกร่างเขาทั้งสองออกจากกัน
"นี่ท่านทำอะไร?"
     เสียงกดต่ำของนางแสดงความไม่พอใจเอ่ยถามบัณฑิตหนุ่มในทันทีแล้วนางก็เดินวนสำรวจรอบตัวของหลิงเซียวรอบหนึ่งพร้อมกับหรี่ตาเปรยมองไปยังหานอี้แล้วเหลือบมองบุรุษที่ยืนอยู่เคียงข้างหานอี้ที่มีหน้าตาละมุนละไมใบหน้าหมดจด
"ข้ามิเคยรับรู้มาก่อนว่าท่านชื่นชอบบุรุษเพศ"หลิงเอ๋อนางไม่คลายสงสัยยังคงมองหน้าบุรุษทั้งสองกลับไปกลับมาหานอี้สำทับอีกประโยคเพราะกลัวว่านางจะไม่เชื่อ

"อื้อ ข้าชอบเขา ผู้นี้คือคนที่ข้าชอบข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าอย่างไรข้าก็แต่งกลับเจ้าไม่ได้เพราะข้าไม่ได้รักเจ้า"
     เฉิงหลิงเซียวยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าชาวบ้านร้านค้าเมื่อได้ยินดังนั้นก็พลันหันมาพูดคุยโจษจันกันต่างๆนานา พร้อมกับชี้มายังพวกเขาทั้งสามอย่างสนใจ
"ใช่ไหมที่รักของข้า"
     หานอี้กะพริบตาถี่ๆ ส่งสัญญาณให้กับเฉิงหลิงเซียวซึ่งได้แต่ยืนแข็งทื่อมองตาปริบๆทว่าหลิงเอ๋อนางกลับมีทีท่าเย็นเยียบกวาดตามองมาที่ชายหนุ่มทั้งสองอีกคราผู้คนตามร้านค้ายังคงวิจารณ์กันไม่หยุด
"นี่ท่านอับจนหนทาง ถึงขนาดใช้วิธีนี้ หลอกข้าเลยหรือ?" นับว่าหลิงเอ๋อนาง วิเคราะห์สถานการณ์ได้เก่งกาจหลิงเซียวพยักหน้าตอบนางไป

"ใครว่าข้าหลอกเจ้ากันมันคือเรื่องจริง"
     หานอี้มิได้พูดเปล่าเขาจับไหล่ของหลิงเซียวหันมาด้านหน้าเขาพร้อมกับก้มหน้ากดริมฝีปากของตนบนริมฝีปากของหลิงเซียวในทันทีความรู้สึกวูบแปลกประหลาดหัวใจของภูตจันทราที่นิ่งสงบกลับกลายเป็นเต้นถี่
"นี่ท่าน!!"

      หลิงเอ๋อขณะนี้นางใบหน้าซีดเผือดเหมือนกับว่านางตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่น้อย ดวงตาที่ฉ่ำน้ำของนางไหลรินหยดน้ำตาออกมาภาพตรงหน้ายิ่งทำให้หลิงเซียวลำบากใจก่อนตัดสินใจคิดอธิบายออกมาเพราะหลิงเซียวเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวเขา
"แม่นางน้อย มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด"
"เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้วมันเป็นเรื่องของข้ากับเขา"นางเอ่ยขึ้น พร้อมกับหันใบหน้ามองหานอี้อีกครั้ง "ชายผู้นี้มีดีกว่าข้าตรงไหน?"
     นางพูดไปพร้อมกับจ้องมองมาที่หลิงเซียวอีกคราหลิงเซียวขณะนี้แม้จะคิดแก้ต่างก็คงยากไปเสียแล้ว บัดนี้ผู้คนตามร้านค้าต่างกร่นด่าชายหนุ่มทั้งสองอย่างสนุกปากดูเหมือนว่าบัณฑิตหนุ่มอย่างหานอี้จะไม่เคยสนใจเลยสักนิดหลิงเอ๋อนางยังคงร้องไห้เสียใจสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น

"ไปกันเถอะ" เสียงของบัณฑิตหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับมือใหญ่หนาฉุดรั้งร่างของหลิงเซียวทะยานลอยขึ้นไปบนอากาศโดยมิได้หันมามองอีกเลย

[นั้นคือภาพของความทรงจำที่ทำให้ท่านกับข้าได้รู้จักกัน]
ทุกก้าวย่างที่เชื่องช้าของหลิงเซียวบนป่าไผ่ มือขวาของเขายังคงเกาะกุมมาที่ทรวงอกที่เหมือนว่าเจ็บปวดเจียนตาย
'อึก อึก หานอี้ข้าไม่รู้เลยว่าตัวข้าผ่านวันเวลาที่แสนทรมานนี้มาได้อย่างไรตั้งหลายพันปีหน้าที่ของข้าที่มีต่อเผ่าและผู้คนในแดนมายาสำหรับข้าล้วนเป็นภาระที่ข้าไม่อยากรับผิดชอบ อำนาจทั้งหลายในโลกหล้าข้าล้วนไม่ต้องการข้าต้องการเพียงเจ้าคนเดียวหานอี้ ข้าอยากจะตามเจ้าไปในทุกๆที่รู้หรือเปล่าเวลาของเรามันช่างสั้นเกินไปที่เราได้เจอกัน'

     เฉิงหลิงเซียวโคลงศีรษะส่ายหน้าทอดถอนหายใจ แล้วย่างกายเดินต่อไปในเส้นทางกลางป่าไผ่อย่างโดดเดี่ยวลมโชยอ่อนพัดใบไผ่ที่หล่นร่วงปลิวตามหลังชีวิตเทพเซียนที่แม้มันจะยืนยาวแสนนานแต่การจมอยู่กับความทุกข์ทรมาน มิสู้เสพสมรสชาติความสุขบนโลกมนุษย์ที่พบเจอเพียงไม่กี่สิบปียังไม่ได้ทุกสิ่งยังตราตรึงในดวงใจเสมอมาจนบัดนี้ถ้าเป็นเช่นนี้ มิสู้หายสาบสูญไปจากวัฏสงสารเสียยังดีกว่ารับรู้เรื่องราวเจ็บปวดมากมายขนาดนี้การเดินของหลิงเซียวกลางป่าไผ่เพียงลำพังอย่างไร้จุดหมาย

"หานอี้!!"
     เฉิงหลิงเซียวเพ่งมองไปอีกด้านที่มีเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้เขาทุกขณะ ทันใดก็ปรากฏร่างของหญิงสาวในชุดสีเขียวอ่อนอยู่ไม่ไกลนัก
"คารวะท่านประมุข"
"เสี่ยวโหยว เจ้ามีอะไร?"


"เจ้าหุบหมื่นพิษแจ้งข่าวมาว่าในเดือนหน้าเมฆาล้ำหยุนไหลจะจัดงานประลองยุทธขึ้นเจ้าค่ะตอนนี้ทางหยุนไหลได้ส่งเทียบเชิญ ไปยังเผ่าต่างๆแล้วค่ะท่านประมุข"
"หึ เช่นนั้นรึ มันได้เวลาแล้วสินะเป็นเวลาที่เหมาะเจาะพอดีจริงๆ" เสียงกดต่ำแค่นในลำคอของ เฉิงหลิงเซียวเหมือนว่าขณะนี้เขาได้มีแผนการบางอย่างที่เตรียมไว้ในใจแล้ว

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน35 ➧ ➧ ➧ Up 31-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 01-06-2019 19:36:29
ใครจะครองหัวใจ ของเสี่ยวเมา น้า  ลุ้นๆ มาต่อไวๆ เน้อออ^^
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน35 ➧ ➧ ➧ Up 31-05-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 02-06-2019 19:00:05
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน36 ➧ ➧ ➧ Up 09-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 09-06-2019 19:22:55
ตอน36   ทางเข้าแดนมายา

     การปรากฏตัวของพวกเสี่ยวเมาใกล้กับเขตแดนทางเข้ามายา เขาทั้งสี่เหมือนว่าจะอยู่ในสายตาของคนกลุ่มหนึ่งโดยตลอดแววตาส่องประกายแรงกล้าจ้องมองมาแดนมายานานแล้วมิเคยมีใครกล้าบุกรุกเข้ามาเนิ่นนานผู้มาอาจมีจุดประสงค์ไม่ดีไม่นานก็พลันมีเสียงอาวุธลับตัดแหวกอากาศลงมาเบื้องหน้าห่างจากพวกเสี่ยวเมาไปวาเศษหมอกควันไอปีศาจคุกรุ่นโดยรอบบริเวณ

"ปีศาจต่ำช้าที่ไหนกัน บังอาจนัก" เทียนฉีชักกระบี่ขึ้นมาพร้อมกับเสียงคำรามในลำคอ

"พวกเจ้าเป็นใคร? ถ้าหลงทางมาก็ควรจะหันหลังกลับไปเสีย ก่อนที่พวกข้าจะจับกินดวงจิตสูบพลังปราณ"
"ต่ำช้า! ปีศาจชั้นต่ำกล้ากล่าววาจาสามหาวเช่นนี้เกรงว่าพวกเจ้าคงจะต้องมอดไหม้อยู่ภายใต้คมกระบี่ข้าเสียมากกว่า"

      เทียนฉีชี้กระบี่ไปด้านหน้ามิมีทีท่าเกรงกลัวปีศาจร้ายเพียงเลิกคิ้วมองชายหนุ่มทั้งสี่ด้วยแววตาแข็งกร้าวด้วยจิตสังหารรุนแรงเมื่อได้ฟังที่เทียนฉีกล่าวหมอกไอหยินและจิตสังหารปราณโดยรอบกลับเพิ่มขึ้นอีกทวีคูณติงปิงกวาดสายตาไปเบื้องหน้าเพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีมากเพียงไรเพราะปีศาจเบื้องหน้าอาจจะทำให้พวกเขาเสียเวลาเดินทางไปบ้างแต่ก็คงไม่เกินกำลังของตัวเขาและศิษย์พี่อย่างเจิ้งเทียนฉีแน่นอน

     จั่วชงที่ยืนอยู่ด้านหลังกลับมิได้มีสีหน้าหรือแสดงท่าที่วิตกกังวลใดๆเลยเหมือนกับว่าเขาประเมินดูแล้วคงมิใช่ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับพวกเขาเพียงแต่ถอนใจพลางดึงร่างของเสี่ยวเมาที่ยืนอยู่ข้างติงปิงมาอยู่ใกล้ตัวของเขาแทนปล่อยให้เจิ้งเทียนฉีและติงปิงสองศิษย์เอกแห่งหยุนไหลเผชิญหน้าแค่สองคนก็คงจะเพียงพอ

"เศษสวะต่ำช้า เมื่อคิดก้าวเข้ามาก็อย่าหวังว่าจะออกไปได้โดยง่ายเลยจงทิ้งชีวิตของพวกเจ้าไว้ที่นี่เสียเถอะ"

     ปีศาจที่เป็นหัวหน้ากล่าวขึ้นปราณจิตไอสังหารคุกรุ่นเพิ่มรุนแรงได้พวยพุ่งจากปีศาจที่ยืนอยู่ด้านบนของหุบเขาทางเข้าปีศาจพวกนี้มีทีท่าเดือดดาลเป็นที่สุดสีหน้าของติงปิงกลับดูราบเรียบนิ่งเฉยเยือกเย็น เสี่ยวเมาเห็นท่าไม่ดีจึงคิดออกตัวห้ามปามไกล่เกลี่ยจึงได้เขยิบกายไปด้านหน้าแต่ว่าจั่วชงได้ตบไหล่เขาเบาๆปลอบประโลมแล้วยิ้มเพื่อให้เสี่ยวเมารอดูสถานการณ์ไปก่อน

'ไม่ได้ ข้าต้องหยุดพวกเขาก่อน ข้ามาเพื่อท่องเที่ยวมิได้หมายมาเอาชีวิตปีศาจเหล่านี้'เสี่ยวเมาจับมือของจั่วชงออกจากไหล่ตนพร้อมบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนสาวเท้าก้าวไปยืนอยู่ด้านหน้าของเทียนฉีและติงปิงแทน

"เสี่ยวเมา เจ้าจะทำอะไร?!"
"ศิษย์พี่ใหญ่ ปีศาจพวกนี้มีมากกว่าทางที่ดีเราอย่าไปก่อกวนพวกเขาเลยจะดีกว่าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถิด"

     เสี่ยวเมาหันไปแจ้งบอกกับเจิ้งเทียนฉีพร้อมกับสบสายตาไปที่ติงปิงคราหนึ่งก่อนจะหันไปกล่าวกับปีศาจด้านหน้าเพราะเขาคิดอยู่แล้วว่าคนในแดนมายาไม่ว่าจะปีศาจหรือเซียนล้วนมีเหตุผลจึงเอ่ยร้องขึ้น
"พวกข้าเพียงแค่ผ่านทางมา มิได้มีเจตนาร้ายคิดรังแกบุกรุกดินแดนพวกท่านเลยได้โปรดให้อภัยเราด้วยเถิด"
"หึ ดูจากปราณคุ้มกายของพวกเจ้าแล้วคงเป็นเทพเซียนจากแดนสวรรค์เผ่าพันธุ์ที่สูงส่งพวกนั้นสินะเมื่อเจ้าหลงทางมา เจ้าก็จงกลับไปเสียจะดีกว่า ข้าไม่อยากหักหาญผลาญชีวิตใคร"
"หนอย ...ปีศาจพวกนี้ช่างโอหังนัก!"

      เทียนฉีขบกรามกรอดด้วยควมไม่พอใจอยู่หลายส่วนแต่ติงปิงกลับหันมาส่งสายตาบอกให้เจิ้งเทียนฉีอยู่นิ่งๆก่อนเสี่ยวเมากวาดสายตามองไปโดยรอบ สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอพลังปราณพวยพุ่งอยู่โดยรอบถ้าเกิดการปะทะต่อสู้กันขึ้นมาอาจจะทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บได้ทั้งสองฝ่าย ซ้ำยังทำร้ายปีศาจที่อาศัยในแดนมายาด้วยซึ่งนี่มิใช่สิ่งที่เสี่ยวเมาต้องการเลย

"พวกข้าหลงทางมาโดยมิได้มีเจตนาร้าย เช่นนั้นพวกข้าจะจากไปเอง ขออภัยด้วยๆ"
"หึ ดินแดนแห่งนี้ ในอดีตล้วนสุขสงบอิสระเสรี เทพเซียนปีศาจล้วนผ่านไปผ่านมาได้ง่ายดายแต่เป็นเพราะเผ่าสวรรค์อย่างพวกเจ้าที่ทำให้ดินแดนที่สุขสงบนี้ต้องเป็นเช่นนี้ จากไปเสียแต่ตอนนี้ก็ดีแล้วถ้าขืนพวกเจ้ายังดึงดันเข้ามาอาจจะนำชีวิตของพวกเจ้ามาทิ้งไว้ยังที่นี่เสียเปล่าๆ"

"ขออภัย ขออภัยพวกท่านด้วย ....กลับกันเถอะ"

"ยอมกลับง่ายๆอย่างนี้จะดีหรือ?" จั่วชงเดินเข้ามาใกล้ๆเสี่ยวเมาส่วนติงปิงและเทียนฉียืนดูอยู่นิ่งๆมิได้เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา
"ถอยไปก่อนเถอะน่าขืนดึงดันไปก็จะมีแต่ทำให้เรื่องราวใหญ่โตเสียเปล่าๆ"
"นับว่าเจ้าไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ ไม่ดึงดันซ้ำยังประนีประนอมจิตใจดีงามเสียจริงไม่เหมือนเทพเซียนอื่นๆที่อ้างแต่กำจัดปีศาจเหล่ามารโดยมิได้สนใจว่าพื้นฐานใครจะดีจะร้าย"
"ศิษย์น้องเจ้าคิดดีแล้วหรือ?"
"ศิษย์พี่ใหญ่เรามาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อกำจัดมารร้ายแต่มาเพื่อท่องเที่ยวถ้าเราหักหาญดึงดันบุกเข้าไปท่านคิดว่าเราจะเดินทางได้โดยสงบอย่างนั้นหรือ?เราไปหาวิธีอื่นกันก่อนจะดีกว่า ไปเถอะ"
"นี่เจ้ายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจจะเข้าไปด้านในอีกอย่างนั้นหรือ?"
..
"ใช่นะสิ ข้าอุตส่าห์มาถึงที่แล้วจะไม่ยอมกลับไปง่ายๆอย่างเด็ดขาดอย่างไรเสียก็ต้องเข้าไปด้านในให้ได้" จั่วชงยิ้มให้เสี่ยวเมา พร้อมกับเดินตามหลังต้อยๆปล่อยให้เจิ้งเทียนฉีกับติงปิงรั้งท้ายอยู่ด้านหลัง
'ไหนว่าท่านเคยมา...แล้วพอจะมีวิธีที่จะเข้าไปได้บ้างไหม? โดยที่เราไม่ต้องปะทะกับปีศาจพวกนั้น'
'มีสิ แต่ต้องรอเวลาสักหน่อย'
"ดีเลย!! มิเสียแรงที่มีท่านมาด้วย โชคดีของข้าจริงๆ "
"มันแน่อยู่แล้ว มีข้ามาด้วยย่อมดีกว่าศิษย์พี่เจ้าทั้งสองอย่างแน่นอน"

      จั่วชงยิ้มตาหยีให้กับเสี่ยวเมาอีกครั้ง เสี่ยวเมาหันไปยิ้มตอบบังเอิญไปเห็นสายตาของเทียนฉีและติงปิงมองมาด้วยแววตาเย็นเยียบของติงปิงรอยยิ้มที่มีจึงต้องหยุดค้างไว้พร้อมกับหันหน้ากลับไปมองทางเดินด้านหน้าดั่งเดิมจั่วชงวิ่งถลันกายของตนเข้าใกล้เสี่ยวเมาพร้อมกับกระซิบคุยกันถึงแผนการณ์เสี่ยวเมาเมื่อได้ฟังเขาก็พลันหันไปมองจั่วชงด้วยดวงตากลมโตสุกสดใส

"จริงหรือ? แน่นะ"
"อืม แน่นอนอยู่แล้ว"
"เช่นนั้นก็ดีถ้าหลบเลี่ยงโดยไม่ได้ทำร้ายผู้ใดในแดนมายาเลยยิ่งดี"
"นี่ข้าไม่นึกเลยนะว่าท่านเซียนน้อยจะมีจิตใจเมตตาถึงเพียงนี้"
"อืม ข้าแค่อยากมาท่องเที่ยวเฉยๆไม่ได้คิดจะมาก่อกวนสร้างความวุ่นวายให้ดินแดนแห่งนี้"

     เสี่ยวเมาหลุบตาลงนึกถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กของตนเขามิต้องการจะสูญเสียใครในหุบเขาไปอีกและยิ่งไม่อยากทำร้ายใครในแดนมายาแห่งนี้ภาพในอดีตที่ล่องลอยมาในความคิดคอยย้ำเตือนแต่มิอาจบอกกับใครได้ความเศร้าโศกจู่ๆก็บังเกิดขึ้นภายในใจของเขาอย่างเงียบๆ

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน36 ➧ ➧ ➧ Up 09-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-06-2019 19:36:24
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน37 ➧ ➧ ➧ Up 14-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 14-06-2019 21:45:12
ตอน37 ป่าไผ่ในหุบเขาม่านหมอก

"ท่านประมุขขอรับ"
"มีอะไร?"

      หลิงเซียวลืมตาขึ้นเล็กน้อยมองลอดออกไปด้านหน้าประตูที่มีแสงสว่างเข้ามาจากด้านนอกพอจะมองเห็นเงาของบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางนอบน้อมเมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงยกผ้าที่คลุมกายวางไว้ก่อนจะลุกออกจากเตียงนอนแล้วหยิบเสื้อคลุมสวมทับเดินออกมาด้านนอก
"มีอะไร?ว่ามา"
"มีผู้บุกรุกแดนมายาด้านป่าสนธยาขอรับ"
"หืม "
"ใช่ขอรับ"
     หลิงเซียวรู้สึกแปลกใจเพราะว่าทางป่าสนธยาและป่าหมอกแม้แต่เทพเซียนทั่วไปยังไม่อยากเดินทางผ่านไปทางนั้นเพราะว่าหนทางยากลำบากซ้ำป่าสนธยายังใช้เวทและปราณเซียนไม่ได้คนที่มามีจุดประสงค์ใดกัน

"แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่?คนพวกนั้นเป็นใครมาจากไหน?"
"ยังไม่รู้แน่ชัดขอรับ"
"อืมเช่นนั้นเจ้าไปบอกกับอาเสอว่าให้จับตาดูคนพวกนั้นไว้ให้ดีถ้ามีอะไรน่าสงสัยก็ให้มารายงานข้าทันที "
"ขอรับท่านประมุข"
"เดี๋ยวก่อนเจ้านำคนของเราไปตามจุดต่างๆ แจ้งเรื่องนี้ไปยังเสี่ยวโหยวให้เตรียมคนไว้คอยช่วยอาเสออีกทางด้วย"
"ขอรับ"
**
     อาชงได้นำทางให้กับพวกเสี่ยวเมาติงปิงและเจิ้งเทียนฉีเดินไปอีกด้านซึ่งเป็นทางเข้าของแดนมายา ยิ่งทำให้ติงปิงสงสัยในตัวของเขายิ่งขึ้นว่าเหตุใดอาชงจึงได้ชำนาญทางเข้าออกแดนมายาไม่เว้นแต่เสี่ยวเมาเองก็อดสงสัยไม่ได้จอมมารผู้นี้เหตุใดจึงรู้เรื่องและชำนาญเส้นทางเข้าออกแดนมายาเหมือนกับว่าเขาเข้าออกเป็นประจำเมื่อพวกเขาเดินผ่านริมป่าสนธยาออกจากข่ายอาคมแล้วก็เห็นป่าไผ่ ตรงทางเดินด้านหน้าแต่ว่ากลับมีหมอกหนาทึบมองผ่านเข้าไปด้านในไม่ได้เลยแม้จะมีแสงจันทร์สาดส่องช่วยเพิ่มแสงสว่างก็ยังทำให้พวกเขายิ่งเดินทางลำบากและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

"อาชงเจ้าเคยมาที่แห่งนี้ใช่หรือไม่"เจิ้งเทียนฉีเอ่ยถามจั่วชงในระหว่างการเดินทาง
"ใช่แล้วข้านั้นเดินทางไปทั่วทุกภพภูมิ สหายข้าจึงมีอยู่ทุกภพภูมิแดนมายาแม้จะลี้ลับถึงไม่ได้มาบ่อยนักแต่ข้าก็พอจะจดจำเส้นทางเข้าออกได้บ้าง"
"แล้วทำไมหมอกจึงหนาทึบเช่นนี้ล่ะ?"

     เสี่ยวเมาเห็นหมอกหนาจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยเพราะในตอนที่เขายังเด็กก็ไม่เคยรับรู้เลยว่าสถานที่แดนมายาเป็นอย่างไรบ้างเพราะเขาอยู่แต่ในวังตะวันตกกับเสด็จแม่เพียงเท่านั้น

"ที่นี่เรียกว่าหุบเขาม่านหมอกเป็นหนึ่งในห้าหุบเขาที่โดดเด่นของแดนมายาจึงแวดล้อมไปด้วยต้นไผ่และหมอกหนาถ้าเราเดินตรงไปอีกพักใหญ่ก็จะหลุดออกจากตรงนี้แล้ว"
"จริงเหรอ"เสี่ยวเมาตาโตพร้อมกับเอามือไปเกาะแขนจั่วชงพร้อมกับดึงชายเสื้อถามเพื่อความแน่ใจ
"อืม"
"แค่ดินแดนรกร้างจะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น"

     เสียงบ่นจากด้านหลังซึ่งเป็นเสียงของติงปิงเอ่ยขึ้น เสี่ยวเมาได้ยินจึงหันไปถลึงตาใส่ก่อนที่เสี่ยวเมาจะหันไปเกาะแขนแล้วคุยกับอาชงต่อเขาเองไม่นึกเลยว่าจอมมารผู้นี้จะรู้เรื่องแดนมายาพอสมควรจึงคิดสอบถามไว้เพื่อเป็นความรู้สักหน่อย
"อาชงท่านช่วยเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับหุบเขาทั้งห้าในแดนมายาให้ข้าฟังได้ไหม?"

     เสี่ยวเมายู้ปากจู๋เกาะแขนจั่วชงอย่างเอาใจพร้อมกับหันหน้าเบ้ปากใส่ติงปิงแล้วหันไปรั้งแขนจั่วชงกระตุกไหวๆไปมา เหมือนกับเด็กน้อยอ้อนวอนให้ผู้ใหญ่เล่านิทานให้ฟังฝ่ายติงปิงมองเห็นท่าทางของเสี่ยวเมาก็พลันหมั่นไส้จึงใช้มือกระตุกชายเสื้อของเสี่ยวเมาดึงรั้งเอาไว้จนหงายหลังเกือบล้ม

"โอ๊ะนี่เจ้า!"เสี่ยวเมาหันไปคิดจะด่าติงปิงแต่อีกฝ่ายชิงพูดขึ้นก่อน
"อย่ามัวเสียเวลารีบเดินทางเถอะถ้าคนของแดนมายามาพบเดี๋ยวจะเกิดเรื่องได้"

     ติงปิงพูดจบก่อนเดินเบียดแทรกตัวระหว่างจั่วชงกับเสี่ยวเมา โดยปล่อยให้เสี่ยวเมาไว้ด้านหลังไม่สนใจว่าเสี่ยวเมาจะทำสีหน้าอย่างไร

"เจ้าเป็นไงบ้างศิษย์น้อง"เจิ้งเทียนฉีเดินเข้ามาประครองตัวเสี่ยวเมา เพราะเทียนฉีรั้งท้ายไม่ทันได้สังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น
"ถ้าเจ้าเหนื่อยจะขี่หลังข้าไปก็ได้นะ"
"ศิษย์พี่ใหญ่ข้าว่าท่านมองศิษย์น้องคนนี้ผิดไปแล้วล่ะ...เห็นเอาแต่พูดเจื้อยๆวิ่งเกาะแข้งเกาะขาคนโน้นคนนี้ตลอดทางคงไม่มีทางเหนื่อยง่ายๆหรอก"

     ติงปิงเอ่ยขึ้นขณะเดินอยู่ด้านหลังอาชงเสี่ยวเมาได้ยินคำพูดของติงปิงก็ยิ่งไม่สบอารมณ์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่จิ๊ปากอย่างหงุดหงิดหน้าหงิกงอ

"พวกท่านนี่เป็นศิษย์พี่น้องที่ดูจะรักใคร่กันไม่น้อยทีเดียว" จั่วชงเอ่ยขึ้นพลางยิ้มออกมาจางๆ
"รักกับผีนะสิหึ"เสี่ยวเมาบุ้ยปากก่อนเดินตามหลัง
ติงปิงต้อยๆ ส่วนติงปิงก็กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
อย่างสะใจ

"เดี๋ยวเดินอีกสักพักเราคงจะต้องพักกันก่อนนะรอตอนยามเฉิน(7.00น.-9.00น.)พอหมอกบางกว่านี้แล้วค่อยเดินทางต่อก็แล้วกันถ้าขืนเดินต่อไปเราอาจจะเสียเวลาหลงอยู่ในป่าไผ่นี้ได้"
      พออาชงพูดจบเสี่ยวเมาซึ่งมีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมอยู่แล้วรู้สึกได้ถึงไอหยินเย็นวูบวาบสายหนึ่งด้านหลังกำลังพุ่งตรงมาที่พวกเขา

[มีคนสะกดรอยตามมา]
      ยังไม่ทันที่เสี่ยวเมาจะเอ่ยบอกเตือนทุกคนให้ระวังตัว ก็พลันมีสิ่งของวูบไหวแหวกตัดอากาศพุ่งตรงมายังเจิ้งเทียนฉีอย่างรวดเร็วเสี่ยวเมาจึงคิดใช้มือปัดออก แต่ก็ยังช้ากว่าติงปิงที่ย้ายกายชักกระบี่มาขวางไว้จนเสียงอาวุธปะทะกันดังเช้ง! การวาดกระบี่ของติงปิงนับว่าว่องไวและแม่นยำทำให้อาวุธลับนั้นกระเด็นออกไปติงปิงหันมองเสี่ยวเมาด้วยสายตาแข็งกร้าวทันทีทำให้เสี่ยวเมาเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย

"เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือสูงส่งหรือไงถึงได้กล้าใช้มือเปล่าปัดอาวุธลับ"น้ำเสียงกดต่ำของติงปิงเอ่ยขึ้นกับเสี่ยวเมาอาชงและเจิ้งเทียนฉีก็ยังคงตื่นตระหนกกับเหตุการณ์เมื่อครู่
"ข้าขอโทษเจ้าด้วยศิษย์น้องที่ไม่ได้ระวังตัวให้มากกว่านี้" เจิ้งเทียนฉีเอ่ยขึ้นเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าการจู่โจมเมื่อครู่จะรวดเร็วจนเขาไม่ทันระวังตัว
"มีคนสะกดรอยตามพวกเราอยู่ศิษย์พี่ใหญ่ท่านคุ้มกันเสี่ยวเมาเดี๋ยวข้าจะระวังหลังให้พวกท่านเอง"

     เสี่ยวเมาเห็นสายตาของติงปิงเมื่อครู่ก็ตกใจไม่คิดเลยว่าติงปิงจะมีทีท่าโกรธเขามากมายขนาดนั้นสายตาของติงปิงจับจ้องไปทั่วบริเวณของป่าไผ่เพราะในใจของติงปิงเองก็นึกหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่า ศัตรูเขานั้นจะมีฝีมือขนาดไหนมีมากเท่าไรเพราะการจู่โจมเมื่อครู่ แม้แต่ศิษย์เอกของหยุนไหลอย่างเจิ้งเทียนฉียังไม่รู้ตัว แสดงว่าผู้ที่มาย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดาแน่นอน
"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะทางดีมีให้เดินพวกเจ้ากลับไม่เดิน กลับมาเดินสู่หนทางตาย"

     เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกของหญิงสาวพร้อมกับประโยคเย้ยหยันเมื่อครู่ไม่นานนัก ต้นไผ่โดยรอบก็สั่นไหวเหมือนกับมีชีวิต เจิ้งเทียนฉีกำชับกระบี่ในมือพร้อมตั้งรับตลอดเวลาโดยที่พวกเขากวาดสายตาไปรอบๆบริเวณเสี่ยวเมามีแววตาลังเลเล็กน้อย แต่อาชงกลับไม่ได้แสดงท่าที่ตื่นตระหนกเลยสักนิด


*************************
คุยกันตอนท้าย
**ยังไม่ดองนะขอรับแต่ที่หายไปเนื่องจากคนเขียนติดธุระ และมีงานล้นมือมากๆๆๆๆๆๆ ทำให้ไม่มีเวลาเขียนแต่พล็อตเรื่องนี้มันจบไปแบ้ว แต่ที่เขียนลงรายละเอียดต่อไม่ได้เพราะกลัวเนื้อหามันไม่ปะติดปะต่อ เลยไม่อยากฝืน เอาเป็นว่าถ้าว่างจะมาลงเรื่อยๆ นะครับ ขอบคุณคนอ่านทุกท่านที่เข้ามา ถ้าไม่ลำบาก ขอกำลังใจด้วยนะครับ ^^ ขอบคุณครับ
 
 

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน37 ➧ ➧ ➧ Up 14-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 14-06-2019 22:02:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน37 ➧ ➧ ➧ Up 14-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 15-06-2019 00:12:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน37 ➧ ➧ ➧ Up 14-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 15-06-2019 09:17:25
มาแร้วๆ ^^
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน37 ➧ ➧ ➧ Up 14-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 21-06-2019 06:18:39
:pig4: :pig4:
:pig4:
มาแร้วๆ ^^
ขอบคุณนะครับ สำหรับการติดตาม
ผมลงแต่นิยายไม่ทักทายไม่พูดคุยอะไรกับคนอ่านเลย
ขอภัยด้วยนะครับ ยังไงก็ขอบคุณครับ ที่ติดตามนิยายที่ผมเขียน
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน38 ➧ ➧ ➧ Up 21-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 21-06-2019 06:23:53
ตอน38 สตรีชุดเขียว

"พวกเจ้าบุกรุกแดนมายา มีจุดประสงค์ใดบอกมา"

เสียงของสตรีที่เปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังปราณที่แข็งกร้าวจนเสี่ยวเมารู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งกาย ไอเย็นของพลังหยินที่แผ่ครอบคลุมบริเวณนี้ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นพลังปราณของสตรีนางนี้ที่ผสานกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี

"พวกเราแค่ผ่านทางมาเพียงเท่านั้น ขอท่านอย่าได้ถือสา ได้โปรดให้พวกข้าผ่านป่าไผ่ของท่านไปจะได้หรือไม่"

เสี่ยวเมาเอ่ยคำกล่าวขึ้นอย่างสุภาพต่ออีกฝ่ายทำให้อาชงติงปิงและเจิ้งเทียนฉีแปลกใจ เมื่อเห็นท่าทีของเสี่ยวเมาที่นอบน้อมถ่อมตนเช่นนี้ แต่พวกเขาเองก็คงทำได้เพียงรอดูสถานการณ์และเตรียมรับการจู่โจมของอีกฝ่ายโดยที่ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย โดยหมุนกายกวาดสายตาไปโดยรอบแม้ไม่เห็นร่างของสตรีที่ส่งเสียงมาก็ตาม

"เหอะ! ทางเดินในโลกนี้มีมากมาย เหตุใดจึงเลือกที่จะเดินเข้ามาที่นี่ พวกเจ้าแอบเข้าแดนมายามีจุดประสงค์ใดจงบอกข้ามา ,มิเช่นนั้นพวกเจ้าก็จงเป็นวิญญาณเฝ้าป่าไผ่นี้เสียเถอะ"

เสียงที่กล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังปราณอันกล้าแข็ง "พวกกบฏแดนสวรรค์!" ติงปิงขบกรามคำรามเบาๆกับตัวเอง มินานนักก็มีพลังปราณกดทับแผ่ไอสังหารเย็นยะเยือกจนเสี่ยวเมารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ โดยรอบกลับมีหมอกที่หนาทึบยิ่งกว่าเดิม ไอหยินที่ปกคลุมมาพร้อมกับหมอกหนานี้ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่รู้สึกสะท้านไปทั่วกาย

"พวกเจ้าจงระวังหมอกนี้ให้ดี"

เสียงของอาชงร้องเตือนขึ้น หลังจากที่เขาเงียบงันมาเป็นเวลานาน อาชงคว้าร่างที่ผอมบางของเสี่ยวเมามากอดไว้แนบลำตัวฝ่ายติงปิงและเทียนฉียิ่งระวังภัยมากขึ้น ความรู้สึกกดดันเช่นนี้พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เหตุการณ์นี้แสดงให้รับรู้ได้ว่าผู้ที่มามีฝีมือที่ดูแคลนไม่ได้

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!!

พริบตาใบที่ร่วงหล่นจากต้นไผ่กลับขยับเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศก่อนพุ่งตรงเข้าหาพวกเขาทั้งสี่อย่างว่องไว เสียงของใบไผ่แหวกตัดอากาศเป็นระยะประดุจใบมีดนับหมื่นนับพันเล่มพุ่งถาโถมเข้าใส่พวกเขาอย่างไร้ความปรานี ใบไผ่นี้รวดเร็วยิ่งนักการตวัดกระบี่ของเทียนฉีและติงปิงเกรงว่าจะไม่สามารถต้านทานใบไผ่ที่มีมากมายมหาศาลนี้ได้ ติงปิงจำต้องกางข่ายอาคมขึ้นป้องกันโดยอาศัยพลังปราณของเขากับกระบี่มังกรเย็น เพื่อสกัดกั้นการจู่โจมนี้

ตู้ม ตู้ม!!

เสียงใบไผ่ที่ปะทะกับข่ายอาคมจนกระเด็นสะท้อนลงสู่พื้นดิน จนทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณป่า

"ฆ่า!! อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้แม้แต่คนเดียว"

เสียงสั่งการด้วยน้ำเสียงของสตรีคนเดิมดังขึ้น ครั้งนี้น้ำเสียงของนางแผ่รังสีการเข่นฆ่าออกมาอย่างชัดเจน บ่งบอกว่าหลังจากนี้ไปความเป็นความตายตรงหน้าล้วนเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เสี่ยวเมาเองกลับวิตกกังวลยิ่งนัก เขาไม่คิดเลยว่าการที่เขาอยากจะมาเยือนแดนมายาแผ่นดินเกิดสักครั้ง กลับต้องมาเข่นฆ่าพี่น้องในดินแดนของตนแบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยหากย้อนเวลากลับได้เขาไม่มาคงดีกว่าแต่เหตุการณ์ตรงหน้ากำลังเกิดขึ้น มันสายไปเสียแล้วที่จะมัวทำให้เขารู้สึกผิด

"เจ้ามัวยืนนิ่งทำอะไรอยู่ ท่านดูแลเขาด้วย" ติงปิงดุเสี่ยวเมาก่อนหันไปบอกกับศิษย์พี่ใหญ่ของตน

"อืม"
"พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง เสี่ยวเมาเดี๋ยวข้าดูแลเขาเอง"

อาชงกดร่างของเสี่ยวเมาไว้แนบกับลำตัวของเขาจนแทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน ติงปิงเห็นแบบนั้นแม้จะดีแต่ในใจคิดต่อต้านก็ไม่อาจจะต่อว่าได้ จึงจำต้องปล่อยไป เพราะภัยตรงหน้ามันอาจจะนำพาให้พวกเขาพบกับเรื่องเลวร้ายเกินกว่าที่จะคิดได้

"เดี๋ยว!!"

เสี่ยวเมาสลัดออกจากอ้อมกอดของอาชงไปยืนอยู่ตรงหน้าของเทียนฉีและติงปิง จนทำให้ศิษย์พี่ทั้งสองของเขาสงสัย
"พวกท่านรับปากข้าได้ไหม อย่าฆ่าพวกเขา"

พอเสี่ยวเมาพูดจบประโยค ยิ่งทำให้ติงปิงและเทียนฉีงุนงงมากขึ้นไปอีก ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเมายังห่วงกลัวว่าพวกเขาจะเข่นฆ่าผู้ที่กำลังคิดฆ่าพวกเขา นี่มันเรื่องอะไรกัน แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของเสี่ยวเมา เพราะสีหน้าและแววตาของเสี่ยวเมาที่แสดงออกมาด้วยทีท่าแน่วแน่และอ้อนวอนเขาทั้งสอง ทำให้ศิษย์พี่ทั้งสองมิอาจปฏิเสธได้จงเอ่ยตอบตกลง

"อืม จะพยายาม อาชงท่านดูแลเขาด้วย"
"ไม่ต้องห่วง ท่านวางใจได้"

"เดี๋ยวข้าจะต้านพวกมันไว้เพื่อเปิดทาง พอสบโอกาสท่านรีบหนีไปแล้วข้ากับศิษย์พี่จะตามไป"
"ได้สิ!" อาชงพยักหน้ารับคำ

เหตุการณ์ตรงหน้าเสียงของคมอาวุธปะทะกัน เสียงระเบิดตูมตาม เสี่ยวเมาเห็นคนในแดนมายาร้องโอดโอยบนพื้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก

"อย่าฆ่าพวกเขา!!"

เสียงของเสี่ยวเมาเอ่ยขึ้น เมื่อสมุนที่เข้ามาล้วนแต่โดนเทียนฉีกับติงปิงจัดการจนเกือบหมด พริบตาเดียวก็ปรากฏผ้าแพรสีเขียวอ่อนพุ่งจู่โจมทำให้พวกเขาต้องหลบการจู่โจม อานุภาพของพลังปราณที่แข็งแกร่งทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ชายหนุ่มทั้งสี่ต้องจับจ้องที่มามองดูว่าผู้ที่ปรากฏกายตรงหน้าคือผู้ใด

"มีฝีมือไม่เลว สามารถจัดการศิษย์พรรคไผ่เขียวของข้าได้ในเวลาไม่นาน นับว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา"

เมื่อสิ้นเสียงก็มีคนทั้งสามเหาะลงมายังพื้นเบื้องล่าง ด้านหน้าปรากฏร่างของสตรีบอบบางเด่นชัดขึ้นในชุดเขียวอ่อนท่วงท่าและใบหน้านางงดงามอรชรดังสตรีบนภาพวาด พร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งหญิงหนึ่งชายเสี่ยวเมาเห็นดังนั้น ก็พลันรุดกายไปยืนด้านหน้าของติงปิงและเทียนฉีในทันที

"ข้าขออภัยแม่นาง พวกท่านอย่าได้เข่นฆ่ากันเลยถ้าไม่ให้เราผ่านเช่นนั้นพวกข้าจะกลับไปทางเดิมเองก็ได้ ขอแม่นางโปรดอภัยยกโทษให้พวกเราด้วย"

คำพูดละล่ำละลักของเสี่ยวเมาเอ่ยออกมา ด้วยทีท่านอบน้อมต่อสตรีชุดเขียวอ่อนตรงหน้า เพราะเขาไม่อยากเห็นการสูญเสียหรือเข่นฆ่ากัน

"เจ้ามาขอร้องข้าในเวลาเช่นนี้ ไม่คิดบ้างหรือว่ามันสายไปแล้ว!!" สตรีนางนี้พูดจบแต่แววตาของนางแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ จึงคิดคว้าจับตัวเสี่ยวเมาทว่าติงปิงเห็นเสียก่อนจึงตวัดปลายกระบี่เขาขัดขวางได้ทันเวลา

"ว่องไวดีนี่ เมื่อเข้ามาแล้ว ก็จงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เถอะ!"

การปะมือของติงปิงกับสตรีชุดเขียวก็เกิดขึ้น นางทะยานขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับปรากฏร่มในมือ ดุจวิหคกลางท้องนภา แต่การพุ่งลงมาโจมตีดุจพญาอินทรีร้ายทำให้ติงปิงต้องหลบหลีกการจู่โจมที่รวดเร็วนี้ เสียงปลายร่มที่แข็งดุจเหล็กกล้าและกระบี่ของติงปิงกระทบกันดังเช้ง แม้ได้ยินเสียงเพียงครั้งเดียวทว่ากระบวนท่าของพวกเขาได้ผ่านไป 10กระบวนแล้ว ติงปิงรู้ทันทีว่าสตรีนางนี้มีฝีมือไม่ธรรมดา การจู่โจมของนางล้วนพลิกแพลงร้ายกาจ ซ้ำยังมีอาวุธลับที่ลอบกัดออกมาจากปลายร่มเป็นระยะๆ ยิ่งต้องทำให้เขาตื่นตัวระวังมากขึ้น

เจิ้งเทียนฉีเองก็ทุ่มเทสมาธิในการระวังภัย ไม่นานผู้ติดตามทั้งสองก็โรมรันเข้าจู่โจมเทียนฉี การจู่โจมที่ต่อเนื่องเด็ดขาด ทำให้เทียนฉีต้องทุ่มเทพลังกายและปราณเซียนในการต่อสู้ ทว่าคู่ต่อสู้ทั้งสองนี้เหมือนไม่มีร่างจริงทิ่มแทงฟาดฟันไปก็เหมือนต่อสู้กับอากาศธาตุในจินตนาการเพียงเท่านั้น การคุกคามจู่โจมของทั้งสองเหมือนถูกฝึกฝนมาอย่างดี

"ศิษย์พี่ใหญ่ระวัง!" เจิ้งเทียนฉีได้ยินเสียงของเสี่ยวเมาจากทางด้านหลัง ก็พลันเอี้ยวตัวหลบวาดแขนถีบเท้ากระโดดถอยไปอีกด้าน แต่กลับมีอีกสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เป็นอาวุธลับที่ซัดแหวกตัดสวนมาอีกด้านใกล้ตัว เจิ้งเทียนฉีร่ำร้องในใจ จึงได้บิดกายหลบวิธีอาวุธซัด แม้ไม่โดนจุดตายแต่ก็ไม่อาจจะหลบพ้นได้ "โอ๊ะ!!" อาวุธซัดนั้นได้ปักโดนบริเวณไหล่ขวา จนทำให้เทียนฉีเซถลาไปด้านหลัง

"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ไหนข้าขอดูหน่อย" เสี่ยวเมาเห็นเทียนฉีพลาดท่าโดนอาวุธซัดจึงเข้าไปหา เมื่อเพ่งดูก็พบว่าอาวุธนี้มีพิษ "ศิษย์พี่ อาวุธมีพิษ"

"ไม่ต้องห่วงข้า อาชงรีบพาเสี่ยวเมาหนีไป"
"ไม่ได้ ศิษย์พี่ท่านอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวในเวลานี้"
"เสี่ยวเมาเจ้าระวัง!!" ในพริบตาก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเทียนฉีเห็นดังนั้นจึงโอบกอดเสี่ยวเมาหวังใช้ร่างตัวเองกำบังการจู่โจมของศัตรูให้เสี่ยวเมา

เช้ง!!

ยังไม่ทันที่คมอาวุธจะโดนร่างของเจิ้งเทียนฉีพลันมีวิถีกระบี่ของคนผู้หนึ่งมาขัดขวางเสียก่อน จึงทำให้เขาทั้งสองปลอดภัย
"ลี่หง!"

"ศิษย์พี่ใหญ่ท่านไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?"

"ศิษย์พี่ใหญ่ถูกพิษ ท่านช่วยต้านคนพวกนั้นไว้ก่อนได้ไหม ข้าขอรักษาศิษย์พี่ใหญ่ก่อน"

"อืม" ลี่หงพยักหน้า นางปรากฏตัวได้ทันเวลาพอดีในเวลาคับขันเช่นนี่ การจู่โจมของศัตรูทั้งสองจึงต้องต่อสู้กับอาชงและลี่หงแทนจึงทำให้เสี่ยวเมามีเวลาในการรักษาให้กลับเทียนฉี
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน38 ➧ ➧ ➧ Up 21-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-06-2019 08:57:06
มาต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน39 ➧ ➧ ➧ Up 21-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 21-06-2019 19:08:20
39 เสี้ยวจันทรา การต่อสู้ที่ป่าไผ่เขียว

"ศิษย์พี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?"




     ลี่หง หลังจากนางสกัดการโจมตีของอาเสอปีศาจงูสมุนของสตรีชุดเขียวจน อาเสอเข้าไปต่อสู้พัวพันกับอาชง นางก็พลันละเข้ามาดูอาการของเจิ้งเทียนฉีอย่างเป็นห่วง




"เป็นพิษที่ไม่ร้ายแรงนัก ศิษย์พี่ช่วยสกัดพวกมันอย่าให้เข้ามาระหว่างที่ข้ากำลังรักษาศิษย์พี่ใหญ่ก็พอ"




     เสี่ยวเมาบอกกับลี่หง สีหน้าของนางจึงคลายอาการวิตกลงไปพร้อมกับพยักหน้าทำตามคำสั่งของเสี่ยวเมาอย่างว่าง่าย ซึ่งไม่บ่อยนักที่คนถือดีอย่างเซียวลี่หงจะฟังคำสั่งจากคนอย่างเสี่ยวเมาที่นางนั้นเกลียดเข้ากระดูกดำ




"ศิษย์พี่ใหญ่ท่านกินยาเม็ดนี้ก่อน เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านเดินพลังขับพิษ"




"อื้อ"




     ยามนั้นสมุนของพรรคไผ่เขียวล้วนกรูกันเข้ามาโจมตีอาชงพร้อมกับเซียวลี่หง ส่วนติงปิงยังคงต่อสู้พัวพันกับสตรีชุดเขียวไม่มีทีท่าว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะจบลงโดยง่าย เสี่ยวเมาเหลือบมองเขาทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ มาดหมายต่างฝ่ายต่างคิดเข่นฆ่าล้างผลาญกันให้ตายตกไป ก็ยิ่งทำให้เสี่ยวเมารู้สึกหวั่นใจ




"ฝีมือไม่เลวนี่"




     สตรีชุดเขียวแค่นคำในลำคอ แล้วพลันซัดร่มแทงปราดเข้าหาติงปิง การต่อสู้ของพวกเขาล้วนอยู่ในสายตาของเสี่ยวเมาทำให้นึกห่วงติงปิงอยู่ไม่น้อย แต่ว่าติงปิงเบี่ยงตัวหลบหลีกจากปลายร่มอันแหลมคมได้อย่างฉิวเฉียด แทนที่จะล่าถอยกลับถลันกายเข้าหาสตรีชุดเขียวอีกครา วาดวิถีกระบี่ใส่ไหล่ขวาจุดหมายในสายตาของติงปิงคือจุดตายของนาง จนทำให้เสี่ยวเมาต้องทะยานกายออกไปหา พร้อมกับร้องตะโกน




"ระวัง!"




    สตรีชุดเขียวหักศอกกลับด้ามร่มแล้วพลันกางออกก็ปรากฏ มีดบินนับสิบพุ่งออกมาเป็นระยะ จนทำให้ติงปิงต้องเป็นฝ่ายล่าถอย




"หึ ข้าหลินเสี่ยวโหยวไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากใคร เจ้าไม่ต้องมาสอด" สตรีชุดเขียวกวาดสายตามาที่เสี่ยวเมา




"พวกกบฏแดนสวรรค์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าซะให้หมด" ติงปิงพูดขึ้นพร้อมขบกรามของตนเหมือนกับว่ามีความเคียดแค้นชิงชังอยู่เป็นทุนแล้ว




"เป็นคนแดนสวรรค์อย่างนั้นรึ? มีฝีมือก็เข้ามาเลย พวกแดนสวรรค์ที่ป่าเถื่อน 4000ปีก่อนพ่อฆ่าต้องตายก็เพราะคนแดนสวรรค์เช่นพวกเจ้า วันนี้ข้าจะขอเอาดวงจิตของพวกเจ้าเซ่นไหว้บิดาข้า ณ ป่าไผ่นี้"




     เหล่าสมุนบริวารของหลินเสี่ยวโหยวสตรีชุดเขียวก็กรูกันเข้ามาโดยมิรอช้าให้ผู้เป็นนายออกคำสั่ง ใบหน้าของเสี่ยวเมาปรากฏเม็ดเหงื่อโซมหน้า เพราะสิ่งที่สตรีชุดเขียวพูดออกมาเมื่อครู่ทำให้เขานึกถึงวันที่เขากับมารดาต้องจากกันในวันที่คนแดนสวรรค์ส่งทหารบุกเข้ามาเข่นฆ่าคนในแดนมายาล้มตาย เสี่ยวเมานึกขึ้นได้ว่าสตรีนางนี้ต้อง รู้จักมารดาของเขาแน่นอนจึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป




"แล้วตอนนี้พระชายาเฉิงผู้นำของท่าน ยังอยู่วังตะวันตกสุขสงบดีหรือไม่?"




     สตรีชุดเขียวได้ยินประโยคของเสี่ยวเมากล่าวดังนั้นก็พลันหยุดชะงักการจู่โจม พร้อมกับกางร่มพุ่งทะยานขึ้นสู่บนยอดไผ่ แล้วแค่นหัวร่อ จนทำให้ติงปิงเองก็รู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าเช่นกัน




"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ เจ้ามันเด็กรุ่นหลังจะไปรู้อะไร เมื่อสี่พันปีก่อนพระชายาเฉิงอาละวาดวังสวรรค์แล้วถูกคนในแดนสวรรค์สังหารไปนานนมแล้ว เจ้าจะมาถามไถ่ถึงพระชายาเฉิงเพื่ออะไรอีก"




"มะ-ไม่ ไม่จริง!" เสี่ยวเมาได้ฟังดังนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจเหมือนร่างจะแหลกสูญสลายหายไปจากตรงนั้น ก่อนทะยานกายเข้าไปปะทะกับสตรีชุดเขียวแล้วตั้งสติย้อนถามหลินเสี่ยวโหยวกลับไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวกว่าเดิม




"เจ้าจงบะ-บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่ามัน มะ-ไม่ ใช่เรื่องจริง"




     ดวงตาสีแดงเพลิงแข็งกร้าวของเสี่ยวเมาทำให้ หลินเสี่ยวโหยวที่มองมารู้สึกตกใจ เพราะไอสังหารรุนแรงที่นางสัมผัสตอนนี้ได้แผ่ออกจากร่างของเด็กหนุ่มด้านหน้า แต่นางก็ดึงสติของตนกลับคืนได้ก่อนจะกล่าวบอกออกไป




"ข้ามีเหตุผลอันใดต้องกล่าวเท็จ พระชายาพร้อมกับพ่อของข้าได้จบชีวิตลงตั้งแต่เกิดศึกครั้งนั้นเมื่อสี่พันปีก่อน"




"มะ-ไม่จริง ย๊ากกกกกกกกกกก" เสี่ยวเมากรีดร้องออกมาเหมือนคนบ้าคนเสียสติ [สะ-เด็จแม่ อึก อึก ลูกอตัญญูคนนี้กลับมาแล้ว อึกอึก]




     ขณะนี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงว่าเกิดเหตุอันใดกับเสี่ยวเมากันแน่ ทำไมจึงกรีดร้องเหมือนดังคนเสียสติเช่นนั้น




"ย๊ากกกกกกกก"




     สิ่งที่ไม่คาดคิดนั่นคือเสี่ยวเมาปลดที่คาดเอวของตนออกมากลายเป็นแส้อ่อนก่อนตวัดมันลงบนพื้น




"มันไม่จริงไม่ใช่ไหม!!!ที่เจ้าพูดมาถ้าโกหกข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!!"




     เสี่ยวเมาไม่พูดเพียงอย่างเดียวก่อนตวัดแส้โลหิตในมือพุ่งเข้าหาสตรีชุดเขียวในทันทีการจู่โจมในครั้งนี้ หลินเสี่ยวโหยวไม่ทันได้ตั้งรับจึงได้ใช้ร่มของตนกำบังอานุภาพของแส้อ่อน แต่ก็ถูกอานุภาพของแส้โลหิตกระแทกจนกระเด็นออกไป เสี่ยวเมาในตอนนี้เหมือนคนบ้าตวัดกวัดแกว่งแส้อ่อนไปมาไร้ทิศทาง




"ย้าาาาากกก"




     อานุภาพของแส้โลหิตสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแดนมายาและป่าไผ่หมอกหนาทึบที่มีบัดนี้ได้กระจัดกระจายไปคนละทิศทาง ติงปิงคิดเข้าหาเสี่ยวเมาก็ถูกแรงตวัดจากแส้อ่อนซัดจนถลาออกมาหลายวา เสี่ยวเมาในตอนนี้เหมือนคนบ้าไร้สติ มุ่งมั่นเข้าจู่โจมสตรีชุดเขียว หลินเสี่ยวโหยวประมุขป่าไผ่เห็นดังนั้นจึงพลันหลีกหนี เสี่ยวเมาทะยานกายตามติดไปติงปิงจึงรุดตามไปด้วยอีกคน เหลือไว้แต่อาชงลี่หงและเจิ้งเทียนฉี




ณ ผาราชันย์




     สีหน้าของเฉิงหลิงเซียวตื่นตระหนกลุกขึ้นจากเตียง แรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ที่เขารับรู้ได้นั่นคือพลังของแส้โลหิตหรือว่าขณะนี้เฟยหยีได้กลับมาแล้ว







"เกิดอะไรขึ้น?"




"ไม่ทราบขอรับท่านประมุข แต่ข้าน้อยเห็นพวกทหารคุยกันว่าธิดาไผ่เขียวนำกำลังคนไปต่อสู้กับผู้บุกรุกที่ป่าไผ่"




"เฟยหยี"




"เจ้ารีบส่งคนไปดู เร็วเข้า"




"ขอรับ"

 

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน39 ➧ ➧ ➧ Up 21-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2019 20:38:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน39 ➧ ➧ ➧ Up 21-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 22-06-2019 12:51:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน40 ➧ ➧ ➧ Up 22-06-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 22-06-2019 21:15:13
ตอน40 การต่อสู้ในป่าไผ่2

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทรา☆☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน41 ➧ ➧ ➧ Up 18-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 18-07-2019 23:19:13
41.ความแค้นก่อเกิดความรัก

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน41 ➧ ➧ ➧ Up 18-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 19-07-2019 13:10:34
 :pig4: :pig4: สงสาร
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน41 ➧ ➧ ➧ Up 18-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 19-07-2019 13:27:02
เสียวเมา มาแล้ว :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆[จีนโบราณ]♥★ตอน42 ➧ ➧ Up 19-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 19-07-2019 20:28:50
42.ลาก่อน



หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน43 ➧ ➧ ➧ Up 20-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 20-07-2019 19:26:51
ตอน43 คำสั่งเสียสุดท้าย





หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน43 ➧ ➧ ➧ Up 20-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-07-2019 21:08:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน43 ➧ ➧ ➧ Up 20-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 21-07-2019 12:17:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน44 ➧ ➧ ➧ Up 26-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 26-07-2019 21:54:58
ตอน44 ตะปูเหมันต์ชำระกระดูก

ณ เมฆาล้ำหยุนไหล

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน44 ➧ ➧ ➧ Up 26-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 27-07-2019 14:24:40
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน44 ➧ ➧ ➧ Up 26-07-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-07-2019 23:12:49
 :pig4: :pig4:

มาต่อบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน45 ➧ ➧ ➧ Up 10-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 10-08-2019 20:59:30
ตอน45 คัมภีร์หยกพิสุทธิ์

   
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน45 ➧ ➧ ➧ Up 10-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-08-2019 00:45:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน45 ➧ ➧ ➧ Up 10-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: finalfeeling ที่ 11-08-2019 01:57:19
ชอบเรื่องนี้มาก ขอบคุณผู้แต่งที่อัพเรื่อย ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน45 ➧ ➧ ➧ Up 10-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-08-2019 09:48:11
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน46 ➧ ➧ ➧ Up 11-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-08-2019 19:47:58
46.เสี้ยวจันทราฯ ฐานะที่แท้จริง

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน46 ➧ ➧ ➧ Up 11-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-08-2019 01:15:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน46 ➧ ➧ ➧ Up 11-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 15-08-2019 18:45:38
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน47 ➧ ➧ ➧ Up 16-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 16-08-2019 18:22:54
47. เสี้ยวจันทราฯ ออกจากบ่อโอบมังกร

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน47 ➧ ➧ ➧ Up 16-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-08-2019 18:46:56
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน47 ➧ ➧ ➧ Up 16-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-08-2019 10:05:39
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน48 ➧ ➧ ➧ Up 16-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 26-08-2019 00:31:58
48. เสี้ยวจันทราฯ เจ้าหุบเขาหยกมายา

     เมื่อชายชรานำเฟยหยีเข้ามายังด้านในของหุบเขาตรงใจกลางพบศาลาใหญ่หลังหนึ่งเด่นสะดุดตายิ่ง เมื่อเข้าในถ้ำหยกมายา เฟยหยีเห็นเข้าจนต้องตื่นตะลึงในความงาม ผนังถ้ำโดยรอบประกอบด้วยหยกขาวเขียวกระจ่างแจ้งแข่งรัศมีเป็นประกายงามยิ่ง

“เป็นเช่นไร ที่นี่เจ้าอยู่ได้ใช่หรือไม่?” เฟยหยีได้แต่ตะลึงกับความสวยงามภายในถ้ำ แม้จะเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง แต่กลับเย็นสบายชวนให้จิตใจสงบ ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความหงอยเหงา

“อาวุโสท่านอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียวหรือ?” ชายชราลูบเครายิ้มกรุ้มกริ่ม

“มีสิที่นี่ยังมีศิษย์ข้าอีกคนหนึ่ง เขาออกไปข้างนอกเดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ..ว่ายังไงเจ้ายังอยากเป็นศิษย์ของข้าอยู่หรือไม่?”

“ต่ะ-...แต่ข้า...”

“ช่างดื้อรั้นเสียจริง”

     ขณะที่เฟยหยีเหม่อมองดูรอบๆภายในถ้ำนี้ เห็นเงาสะท้อนของตนในผนักหยกก็ตกใจพอมองดูใกล้ๆจึงเข้าใจ พอหันไปหาอาวุโสเพื่อจะบอกว่าตนไม่ได้อยากเป็นศิษย์ของอาวุโสผู้นี้ ทว่าชายชราก็พลันหายตัวไปเสียแล้ว

‘แดนมายามีแต่สถานที่แปลกประหลาดลึกลับเช่นนี้เอง มิน่าล่ะเทพเซียนภายนอกถึงได้กล่าวขานกันนัก อาวุโสผู้นี้ก็เคลื่อนไหวว่องไวปรานเซียนของเขาก็ไม่ได้อยู่ในบริเวณนี้แล้ว อาวุโสผู้นี้มีฐานะใดในแดนมายากันนะ’เฟยหยีใช้สัมผัสก็พบเพียงความว่างและเงียบสงบเพียงเท่านั้น เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามานึกว่าเป็นอาวุโสผู้นั้น เฟยหยีจึงเดินออกไป

“เจ้าคือใคร?”

     ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาสะอาดหมดจด สวมชุดแพรไหมสีอำพันอ่อน ที่คอพันด้วยขนจิ้งจอกสีขาวเงิน เข็มขัดรัดเอวถักจากไหมเงินประดับด้วยมุก มวยผมเสียบด้วยปิ่นหยกเขียวผมยาวเป็นมันเงา จัดได้ว่าชายผู้นี้เป็นชายหนุ่มที่งามสง่าผู้หนึ่ง ในมือถือพัดสั้นจื่อทำจากผ้าไหม เครื่องประดับและพัดที่ชายผู้นี้ถือเหมือนจงใจเน้นขับรูปลักษณ์ตน เหมือนดั่งบัณทิตที่สำอางคนหนึ่ง

“ข่ะ-ข้า...” ยังมิทันที่เฟยหยีจะได้พูดอธิบาย

“นี่เจ้าบุกรุกเข้ามาเช่นนั้นรึ?”

     บุรุษหนุ่มผู้นี้ก็กระทืบก้าวเท้าสาวเข้ามาลงมือจู่โจม เฟยหยีเห็นก็หลบหลีกด้วยทีท่าคล่องแคล่ว พัดสั้นจื่อในมือของบุรุษผู้นี้ก็ปัดป้ายส่งผ่านพลังเซียนออกมา เฟยหยีเอนกายหงายหลังหลบพลังโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว ทำให้พลังเซียนที่ส่งมาจากพัดตัดผ่านร่างไป

“มีพลังฝีมือใช้ได้เหมือนกันนี่” บุรุษหนุ่มกล่าว ก่อนสาวเท้าเข้าหาเฟยหยีอีกรอบ เฟยหยีดีดเท้าถอยห่างการจู่โจม

“ท่านโปรดหยุดก่อน!”

“รับมือ!”

     คนผู้นี้มิได้ฟังคำกล่าวของเฟยหยีแม้แต่น้อย เขากระตุกยิ้มกรุ้มกริ่มเพียงเล็กน้อยก่อนโถมร่างเข้าจู่โจมอีกครา ทว่าครั้งนี้กลับลงมือรวดเร็วยิ่งกว่า เมื่อพัดสั้นจื่อพุ่งเป้ามาตรงหน้า เฟยหยีจึงเอียงตัวหลบราวกับคาดเดาได้ก่อน ผินมองคนผู้นี้ครู่หนึ่งในใจก็ครุ่นคิด ก่อนโต้ปะทะด้วยวิชาฝ่ามือหมอกมายา กระบวนท่าคืนฟ้าเปลี่ยนสภาพ ทำให้วิถีของพัดสั้นจื่อที่มุ่งโจมตีย้อนกลับเปลี่ยนทิศทาง แล้วรุกกลับด้วยกระบวนท่ามังกรทะยานโบยบิน จากบุรุษหนุ่มเป็นฝ่ายรุกบัดนี้กลายเป็นตั้งรับ จนทำให้เขาดีดเท้าถอยปราดห่างออกไปราวห้าวาเศษ ยืนมองมาทางเฟยหยีด้วยท่วงท่างามสง่า

“เจ้าคือใครกันแน่?”

“ข้าไม่ได้บุกรุกนะ.. แต่มี..อาวุโสผู้หนึ่งพาข้ามา”

“เรื่องนั้นข้าไม่สนใจ ...เจ้าจงบอกข้ามาว่าเจ้าคือใคร?”

“ข้า..อ่ะ-เอ่อ”

      เฟยหยีนิ่งงันมิรู้ว่าจะตอบคนผู้นี้ว่าอย่างไรแต่เฟยหยีลอบสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปรกติ “แต่ข้ารู้แล้ว...ว่าท่านคือใคร?” คนผู้นั้นชะงักครู่หนึ่ง เฟยหยีนึกถึงกลิ่นหอม เขาจำกลิ่นนี้ตอนประมือกับบุรุษหนุ่มผู้นี้ ลำคอของบุรุษผู้นั่นมีจุดดำแต้มอยู่จุดหนึ่งแม้มันไม่เด่นชัดแต่เขากลับจำได้ดี “ท่านคือผู้อาวุโสผู้นั้น...นี่ท่านกล้าหลอกข้าหรือนี่” บุรุษผู้นี้นิ่งงัน

“แหมๆ เจ้าเด็กคนนี้สายตาดีนักเชียว จับได้แม้กระทั่งวิชาไร้ลักษณ์ของข้า....ร้ายนักนะ” เฟยหยียิ้มอย่างดีใจ

“เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ...บ่าวต่ำต้อยภายในป่าไผ่เขียว แต่พลังเซียนกับฝีมือเจ้าเมื่อเทียบแล้วยังเหนือกว่าข้าด้วยซ้ำ ...เจ้าคือใครกันแน่? ใครเป็นคนสอนเจ้า?”

     เฟยหยีฟังดังนั้นจากที่ยิ้มอย่างใสกระจ่างก็พลันหุบยิ้มในทันที ทว่าบุรุษตรงหน้ากลับทำหน้าเคร่งขรึม

“แม่ข้าคือผู้สอนให้”

“หือ!! ฝ่ามือชุดนี้แม่เจ้าเป็นคนสอนให้เจ้าอย่างนั้นรึ?” บุรุษหนุ่มผู้นี้เงียบงันไปครู่หนึ่งเขาก็พลันนึกถึงสหายเก่า “นางมีบุตรด้วยหรือนี่ ซ้ำยังหล่อเหลาได้ขนาดนี้...ข้าออกหาข่าวให้แดนมายาอยู่หลายร้อยปี...มิเคยรู้มาก่อนเลยว่านางมีบุตร ...มารดาเจ้าคือเสวี่ยเอ๋อร์ใช่หรือไม่?..”

     เมื่อชายหนุ่มผู้นี้พูดถึงพี่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พลันจุกในอก นางคือพี่เลี้ยงของเขาในวัยเยาว์นั่นเอง ดวงตาของเขาแดงก่ำ “อึก..อึก ท่ะ-ท่านรู้จักนางด้วยเหรอ?”

“เจ้าเด็กบ้านี่!! หึรู้จักสิ ข้ารู้จักนางดีกว่าใครในแดนมายาเลยด้วยซ้ำ ข้ามีชื่อว่า เซียนหยกพันหน้าโย่วหลิน วิชาไร้ลักษณ์เปลี่ยนโฉมซ่อนปราณเซียนของข้าเป็นหนึ่งไม่มีใครเทียบได้” เขาโอ้อวดตนเองยกใหญ่ จนเขานึกขึ้นได้

“นี่เจ้าเป็นบุตรชายของเสวี่ยเอ๋อร์จริงหรือนี่?”

[อึก...พี่เสวี่ยเอ๋อร์]

“มาๆ นั่งลงก่อน เจ้าหนู”

      ชายหนุ่มผู้นี้เปลี่ยนที่ท่ากลับมีท่าทียินดียิ่ง ก่อนจะเล่าเรื่องครั้งอดีตของตนให้เฟยหยีฟัง เพราะเขาได้รับคำสั่งจากพระชายาให้แฝงตัวสืบข่าวที่คฤหาสน์ตระกูลจางเผ่ากิเลน จนแดนมายาเกิดศึกใหญ่ทำให้กลับมาช่วยแดนมายาไม่ทัน เมื่อรู้ว่าแดนมายาวังตะวันตกถูกทำลาย ภูตจันทราหายตัว จึงได้ตัดสินใจแฝงตัวต่อไปที่เผ่ากิเลน

“หึ ข้าล่ะแค้นเจ้าจางหวนนัก” เขาตบฝ่ามือลงบนพื้นโต๊ะหินอ่อนก่อนกล่าวต่อไป “เมื่อข้าแฝงตัวที่นั่นต่อไป จึงรู้ว่าจางหวนบาดเจ็บจากพิษดับตะวันในเหตุการที่พระชายาอาละวาดวังสวรรค์จนมันต้องตัดแขนทิ้ง...ฟ้าดินยังถือว่ายุติธรรมอยู่บ้าง จางหวนถูกพิษกำเริบหนัก...หึ ข้าจึงส่งข่าวมาแดนมายาอีกครั้ง ทำให้ท่านอ๋องรองบุกไปสังหารจางหวน ฆ่าล้างเผ่ากิเลนจนหมดสิ้นทั้งบ้าน”

[เสด็จแม่...อึก...ส่ะ-เสด็จน้า]

      เฟยหยีในตาแดงก่ำเมื่อฟังเรื่องราวอันแสนเศร้าใจที่ตนเองประสบเมื่อวัยเยาว์ ความปวดหนึบก็พลันแล่นผ่านไปทั่วร่างจนสั่นเทิ้ม

 “เจ้าหนู แล้วเจ้าไปอยู่ที่ไหนมาจึงได้รอดจากศึกในครั้งนั้น”

“อ่ะ-เอ่อท่านแม่ข้า ส่งข้าออกไปก่อนหน้าแล้ว ...ข้าเพิ่งกลับมาที่นี่ได้ไม่นาน”

“อย่างนั้นหรอกหรือ...หึ ตอนนี้ในแดนมายาเป็นดั่งเสือซุ่มมังกรหลับ ...”แววตาที่เหงาเศร้าของโย่วหลินฉายปรากฏก่อนกล่าว “ที่แห่งนี้เคยมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในหุบเขา  เพราะศึกครั้งนั้นญาติและพี่น้องข้าต้องล้มตายจนหมดสิ้น เจ้าดูตอนนี้สิ มีแต่ความเงียบเหงาวังเวง..อึก” บุรุษหนุ่มเอ่ยขึ้นพลันก็แปรเปลี่ยนสีหน้าที่ดูหมองเศร้าลงไปอีก เฟยหยีมองเขาอย่างเข้าใจดี “ท่านอยู่ที่นี่ผู้เดียวหรือ?”

“อืม” เขากล่าว “เจ้ามาตอนนี้ช่างเหมาะนัก” แววตาเฉียบคมฉายมาที่เฟยหยี

“ทำไมหรือ?”

“ก็ท่านอ๋องรองจะนำคนในแดนมายา บุกไปทวงพิณล่องเมฆาของพระชายาที่ผนึกไว้ใต้เขาหยุนไหลกลับคืน”

“พ่ะ-พิณล่องเมฆา” [ท่านน้า..จะบุกเขาเมฆาล้ำ]

“ใช่แล้วพิณนั้นคือสมบัติของแดนมายาเรา... ท่านอ๋องรองจะถือโอกาสล้างแค้นคนแดนสวรรค์ในคราวเดียวกันเสียเลย”

“ม่ะ-เมื่อไหร่?”

“วันงานประลองยุทธของศิษย์หยุนไหล” เฟยหยีฟังดังนั้นเหมือนหัวใจหล่นวูบ

 “ว่ะ-วันประลองยุทธ....” [ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ...]

“ใช่ มันเป็นเวลาเหมาะสมที่จะกำจัดตระกูลต่างๆ แดนมายาเราจะต้องคิดบัญชีแค้นนี้คืน ให้แดนสวรรค์จำมันไม่มีทางลืม..”

     โย่วหลินกล่าวออกมาด้วยแววตาแข็งกร้าวไอสังหารคุกรุ่น เฟยหยีพลันกำมือทั้งสองแน่นหนักอย่างลืมตัว นัยน์ตาฉายแววปวดร้าวฉ่ำด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น

“ท่านเคยบอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์ใช่ไหม?”
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน49 ➧ ➧ ➧ Up 16-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 26-08-2019 00:33:19
49. เสี้ยวจันทราฯ ผู้ตื่นจากนิทรา

     โย่วหลินมองไปที่เฟยหยีแว่บหนึ่ง “ฝีมือเช่นเจ้าไยต้องมาเป็นศิษย์ข้าอีก” โย่วหลินกล่าว ทว่ากลับเป็นเฟยหยีเองต่างหากที่อยากเรียนเวทนี้จากโย่วหลินเพื่อหลีกหนีผู้คนในหกพิภพ

“เถอะนะท่านน้าโย่วหลิน ข้าอยากเรียนเวทย์ไร้ลักษณ์จริงๆ” โย่วหลินมองไปที่เฟยหยีเขาพิจารณาลักษณะเด็กหนุ่มครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา

“เจ้าอยากเรียนจริงๆนะหรือ? วิชานี้ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้ ไม่ได้ทำให้เจ้าเหนือกว่าผู้ใด หรือว่าเจ้ามีเหตุผลอื่น.....”

“ที่ข้าเรียนก็...พ่ะ-เพื่อเอาไว้ใช้หลบหนียังไงล่ะ? แม้ข้าใช้วิชาแปลงร่างได้ แต่ไม่สามารถตบตาเทพเซียนชั้นสูงได้ เพราะไอเซียนในตัวข้าไม่สามารถกดมันได้หมด เพื่อป้องกันผู้อื่นสงสัยข้าจึงอยากเรียนเวทนี้กับท่าน นะท่านน้าสอนข้าเถอะ” เฟยหยีพยักหน้าสายตาที่มุ่งมั่นของเขาบอกมาเช่นนั้นจริงๆ

“หึ..ด้วยรูปลักษณ์เช่นเจ้า สำเร็จปราณเซียนในระดับหกถ้าจะเรียนวิชานี้ก็ไม่ยากนักหรอก ตอนข้าเห็นเจ้าครั้งแรกก็คิดรับเจ้าเป็นศิษย์อยู่แล้ว  เช่นนั้นข้าสอนเจ้าก็ได้” พอโย่วหลินรับปากนัยน์ตาของเฟยหยีก็เป็นประกาย ความคิดของเขาหากท่องเที่ยวโดยมิให้ใครพบเจอในหกพิภพ สี่สมุทร เขามีวิชาไร้ลักษณ์นี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเปิดเผยร่องรอยของตัวเองแล้ว

“ท่านจะสอนข้าจริงๆใช่ไหม?”

“อืม...ชื่อของเจ้า?”

“ฟ่ะ-ฟงหยี่ ขอรับ”

“อืม”

“ท่านน้า ปรกติท่านชื่นชอบการท่องเที่ยวใช่ไหม?”

“เจ้าเด็กคนนี้นอกจากจะสายตาดีแล้ว ยังช่างสังเกตอีก..”

“อิอิ เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านท่องเที่ยวไปทุกภพภูมิเลยใช่ไหม?”

“หึ แน่ล่ะ มีที่ไหนบ้างที่ข้าไม่เคยไป” เฟยหยีดวงตาเป็นประกาย

“ดีจัง “

“เจ้าไม่ต้องถามมากถ้าอยากฝึกก็รีบตามข้ามา”

“ขอรับท่านน้า”

     เฟยหยีตามโย่วหลินไปอย่างว่าง่าย จนเข้าไปพบกับถ้ำผลึกกระจกด้านในที่ถูกปิดซ่อนไว้ด้วยอาคมแกร่งกล้า ภายในมีแต่ความเยือกเย็นของพลังหยินแรงสะท้อนกลับรุนแรงยิ่งเหมือนกับมีเกาทัณฑ์น้ำแข็งนับหมื่นนับพันถาโถมปะทะผิวกาย ผิดกับไอเย็นในบ่อโอบมังกรจนทำให้เฟยหยีเกิดแรงต้านจนพลังเซียนในร่างปั่นป่วน โย่วหลินเห็นถึงความผิดสังเกต

“เจ้าเป็นอะไร?”

“ท่านน้าข้ารู้สึกอึดอัด เหมือนโดนบีบรัดจากเชือกนับพันดุจถูกจู่โจมจากเกาทัณฑ์นับหมื่น มันปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างเลย” โย่วหลินได้ฟังก็รีบมาจับชีพจรของเฟยหยีดูแล้วส่ายศีรษะ

“เราออกไปข้างนอกกันก่อนเถอะ”

“อืม ข้าเป็นอะไรหรือท่านน้า”

“อาหยี่ เจ้าคงเรียนเวทไร้ลักษณ์กับข้าไม่ได้แล้วล่ะ” ประโยคนี้ที่โย่วหลินกล่าวมาทำให้เฟยหยีประหลาดใจนักเหตุใดกันเพราะอะไรทำไมเขาจึงเรียนอาคมนี้ไม่ได้

“ทำไมหรือท่านน้า?”

“พลังเซียนเจ้าก่อเกิดจากพลังหยางที่รุนแรง ถึงแม้เจ้าจะคุมพลังเซียนได้แต่มันอาจเกิดผลร้ายมากกว่าดี” เฟยหยีได้ฟังก็ทำให้เขารู้สึกเสียดายนัก

“แต่ก็ใช่ว่าจะเรียนไม่ได้เลย” เฟยหยีได้ฟังเหมือนเขาได้มีความหวังอีกครั้ง “ข้ายังเรียนได้...ยังพอมีทางใช่ไหมท่านน้า”

“อืม เจ้าเรียนแปลงโฉมแปลงกายกับวิธีการกดพลังเซียนมิให้ออกมาให้ผู้อื่นพบเห็น เท่านี้ก็น่าจะพอ”

“ล่ะ-แล้ว...จะโดนผู้อื่นจับได้หรือไม่?”

 “หากเจ้าฝึกจนคล่องแม้เทพเซียนชั้นสูงก็ยากจะรู้ได้”

“เช่นนั้นข้าฝึก”

..

ณ เมฆาล้ำหยุนไหล

     ศิษย์ระดับสูงของเมฆาล้ำหยุนไหลยังคงฝึกปรือฝีมือ เพื่อประลองยุทธที่จะมีขึ้นในไม่ช้า ศิษย์ในระดับล่างก็ต่างวุ่นวายอยู่กับการจัดสถานที่เตรียมงานต่างๆ โดยมีอาจารย์หญิงเจียฉีเป็นผู้ดูแล

“พวกเจ้าเตรียมการไปถึงไหนแล้ว” เสียงของเจียฉีถามบรรดาศิษย์ชายหญิงที่เตรียมสถานที่และเตรียมงานหน่วยต่างๆ “เรียบร้อยดีค่ะอาจารย์หญิง”

“อืม ..หากพวกเจ้ามีอะไรก็ให้ไปบอกกับลี่หงล่ะ ข้าจะเข้ากรรมฐาน”

“ค่ะ อาจารย์หญิง”

ณ หอตำราหยุนไหล

“อาจารย์ อาจารย์ขอรับ” เสียงของเด็กหนุ่มร้องโหวกเหวกดังแว่วมาจากด้านนอก

“ใครร้องโวยวายอะไรกัน” ซินเจินเบิกตาออกจากกรรมฐานถามศิษย์ที่รับใช้อยู่ข้างกายเขา

“ศิษย์พี่อี้ปินขอรับอาจารย์”

“เจ้าเด็กคนนี้ สอนไม่รู้จักจำลืมกฎหอนี้ไปเสียสิ้นแล้วกระมัง”

“อาจารย์ อาจารย์ขอรับ” อี้ปินกระหืดกระหอบลนลานเข้ามา

“เจ้าร้องโวยวายมีอะไรอี้ปิน นี่มันหอตำราไม่ใช่ลานฝึกยุทธ เจ้านี่นะ!” สายตาคมกริบของซินเจินกล่าวกับศิษย์ของตน อี้ปินรู้ตัวว่าผิดจึงหลุบตาลง ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น “แต่ว่าอาจารย์ขอรับ!”

“อืม มีอะไรว่ามา..”

“คนที่นอนอยู่ที่เรือนไม้ไผ่ขอรับ ศิษย์พี่หานอี้ เขา..เขาฟื้นแล้วขอรับอาจารย์” ซินเจินฟังดังนั้นก็เบิกตาโพลงในทันที

“เขาฟื้นแล้วหรือนี่” ซินเจินมองเห็นรุ่ยผิงผ่านมาพอดี

“รุ่ยผิงเจ้าไปรายงานเจ้าสำนักว่าหานอี้ฟื้นแล้ว”

“ขอรับอาจาย์”

“อี้ปิน เจ้าไปบอกกับอาจารย์รองกับอาจารย์สาม”

“ขอรับ”

     หากกล่าวถึงบัณฑิตสวรรค์หานอี้แห่งคฤหาสน์หมื่นปราชญ์ อดีตเขาคือศิษย์หยุนไหลแห่งนี้และเป็นศิษย์เอกที่โดดเด่นของซินเจินที่เอ็นดูมากที่สุดคนหนึ่ง ครั้งที่ซินเจินทราบข่าวว่าคฤหาสน์หมื่นปราชญ์ถูกเผาทำลาย โดนฆ่าล้างไม่เหลือผู้ใดรอดชีวิตก็ทำให้รันทดใจนัก ทว่าหานอี้เขากลับยังมีชีวิตอยู่นับเป็นเรื่องที่แสนยินดีสำหรับผู้เป็นอาจารย์เช่นเขา

 

     ในอดีตแดนเทพต่างกล่าวขานถึงความสัมพันธ์อันคลุมเครือระหว่างภูตจันทราแดนมายากับบัณทิตสวรรค์หานอี้ที่มีใจรักต่อกัน แต่ว่าหานอี้กลับไปแต่งงานกับธิดาเผ่าเงือกเซียวหลิงเอ๋อแทน ทำให้ภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวผูกใจเจ็บ อันเป็นปมบ่มเพาะความแค้นเป็นเหตุให้คฤหาสน์หมื่นปราชญ์ต้องถูกฆ่าล้างจนหมดสิ้น

 

     ความรักในโลกนี้มิได้แบ่งเพศแยกระบุ ทั้งเทพสวรรค์มารปีศาจมิใช่เรื่องต้องห้าม หากมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันเรื่องอื่นๆล้วนหาได้สำคัญ แต่ทว่ากับมนุษย์นั้นมิใช่ หยินหยางสมดุลความรักกับเพศชายหญิงล้วนเป็นของคู่กันจึงถูกต้องกับจารีตตามประเพณีกำหนด ผิดถูกจึงแบ่งแยกชัดเจน ด้วยเหตุนี้บิดาของหานอี้ซึ่งเป็นมนุษย์มาก่อน ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยกับความรักของหานอี้และเฉิงหลิงเซียวจึงได้สั่งห้ามบุตรตนคบหากับภูตจันทรา เพราะตระกูลหานคือตัวแทนของมนุษย์ที่บำเพ็ญเพียรจนบรรลุมาเป็นเทพ แต่ไม่ได้ทิ้งจารีตเก่าประเพณีเดิม เป็นเหตุให้หานอี้มิอาจขัดคำสั่งของบิดาได้ จึงได้เกิดโศกนาฏกรรมกับคฤหาสน์หมื่นปราชญ์

 

     หวงหลงเดินทางผ่านไป พบว่าคฤหาสน์หมื่นปราชญ์ถูกทำลายและพบกับหานอี้จึงได้เข้าช่วยเหลือ นำพาเขามารักษายังหยุนไหลเป็นเวลานับพันปี จนบัดนี้เขาได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว เมื่อหวงหลงรู้ข่าวก็รีบมายังเรือนไม้ไผ่ในทันที

 

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก” ซินเจินใบหน้าที่มีรอยยิ้มบ่งบอกได้ถึงความดีใจกล่าวกับหวงหลง

 “เขาฟื้นแล้วศิษย์พี่” ตอนนี้หวงหลงและซินเจินอยู่ด้วยกัน “อืม เช่นนั้นเราไปดูเขากันเถอะ”

     หวงหลงเห็นหานอี้ลืมตาขึ้นมา ทว่าสติกลับไม่ได้ฟื้นมาพร้อมกับร่าง หวงหลงประหลาดใจจึงได้ตรวจชีพจรดู ท่าทางของหานอี้มีสายตาที่เหม่อลอยดุจคนหมดสิ้นซึ่งความหวัง

“ศิษย์พี่เขาเป็นอย่างไรบ้าง? ” ซินเจินเห็นสีหน้าของหวงหลงก็วิตกอยู่ในใจจึงร้อนรนถามไป หวงหลงพอฟังก็โคลงศีรษะก่อนกล่าวกับศิษย์น้องตน

“คงมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจเขามากไป...ร่างกายภายนอกอาจจะพอรักษาได้ แต่โรคทางใจ..เห้อ! อาจารย์ก็ไม่รู้จะช่วยเจ้ายังไงแล้ว.. หานอี้เอ๋ยหานอี้คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าแล้ว”

..

“เป็นเพราะเฉิงหลิงเซียวแท้ๆ” ผู้คุมกฎหยุนไหลเจียอินเข้ามาพอดีพอได้ฟังก็นึกรันทดคับแค้นใจแทนหานอี้ จึงกล่าวโทษเฉิงหลิงเซียว

“ไม่ใช่ฝีมือภูตจันทราหรอก” หวงหลงยกมือห้ามศิษย์น้องตนที่กำลังจะพูดต่อ

“หากมิใช่เขาจะเป็นใครไปได้! ทั้งหกพิภพล้วนรู้ดี ตระกูลหานมีจุดจบเช่นนี้เป็นเพราะเฉิงหลิงเซียวแท้ๆ”

“เราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะศิษย์น้อง”

“แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่เจียอินจะกล่าวต่อ หวงหลงจึงพาเจียอินและซินเจินออกไปด้านนอก

“เหตุใดศิษย์พี่เจ้าสำนักจึงคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับภูตจันทรา...” เจียอินประหลาดใจในประโยคเมื่อครู่

“จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว หากจะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว” เจียอินและซินเจินทั้งสองยิ่งฟังยิ่งประหลาดใจมากกว่าเก่า

“ศิษย์พี่เจ้าสำนักท่านกำลังจะบอกว่า เรื่องนี้มีผู้คิดร้ายหวังกำจัดแดนมายาในคราเดียว โดยอาศัยเชื้อไฟชั้นดีอย่างตระกูลหานเช่นนั้นใช่หรือไม่?” เสียงของคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาพอดี นั่นคือซินฉีผู้อยู่ในหอยาแห่งอารามว่างเปล่า

“อืม..”หวงหลงพอฟังจึงยกมือลูบเคราขาวของตนก่อนกล่าวต่อ “ศิษย์น้องสามพูดถูกต้อง มีผู้คิดหาโอกาสสร้างความปั่นป่วนให้ทุกภพภูมิ เรื่องนี้อาจนำพาเภทภัยครั้งใหญ่..มาสู่หกพิภพสี่มหาสมุทรในไม่ช้า”

“มันผู้นั้นคือใคร?” ซินเจินกล่าวด้วยความสงสัยแคลงใจ หวงหลงได้แต่ส่ายศีรษะ

“เช่นนั้นก็มิใช่เรื่องเล็กน้อยแล้วนะศิษย์พี่เจ้าสำนัก เหตุใดท่านไม่กราบทูลเง็กเซียน” เจียอินกล่าวขึ้นเน้นเสียงหนัก

“เห้อ!กว่าข้าจะรู้เรื่องราวก็สายไปแล้ว” หวงหลงพูดพลางทำสีหน้าเศร้าใจ ก่อนกล่าวกับศิษย์น้องของตนต่อไป

“ที่สำคัญหลักฐานไม่มีและทุกอย่างมันชี้ไปที่แดนมายาว่าตระกูลหานถูกฆ่าล้างเพราะต้นสายปลายเหตุมันมาจากภูตจันทรา...พูดทัดทานพระองค์ไปก็เท่านั้น บัดนี้แดนมายาก็ถูกทำลายจนสิ้นไปหมดแล้ว”

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก หรือว่าจะเป็นแผนการของแดนปีศาจ” เจียอินกล่าวขึ้น

“อืม ก็น่าคิดหากเป็นแดนปีศาจก็ดี แต่ที่อันตรายคือคนผู้นี้กำจัดแดนมายาได้ก็เท่ากับว่าทำลายแดนสวรรค์ไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว” ซินฉีกล่าวขึ้น

“ศิษย์น้องสามกล่าวได้ถูกต้อง เกรงว่าภัยใหญ่ในครั้งนี้พวกเราคงหลีกไม่ได้เสียแล้ว” หวงหลงลูบเคราขาวครุ่นคิดด้วยสีหน้าวิตก

 

     เมื่อหวงหลงเจียอินและซินเจินเดินออกจากกระท่อมไม้ไผ่ก็พบกับรุ่ยผิง อี้ปินและติงปิงพอดี“พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยอย่างงั้นรึ?...ไม่มีอะไรแล้วกลับกันไปเถอะ”

“ขอรับอาจารย์เจ้าสำนัก”

“ติงปิงอาการเจ้าหายดีแล้วใช่ไหม?” หวงหลงพูดกับติงปิงที่มีรุ่ยผิงยืนอยู่ใกล้ๆ “ขอรับ”

“อืม ดีแล้วเช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปเถอะ”

“ศิษย์ขอตัว”

 
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน50 ➧ ➧ ➧ Up 26-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 26-08-2019 00:34:53
50. เสี้ยวจันทราฯ จางฉวนกับอดีตอันขมขื่น

หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน50 ➧ ➧ ➧ Up 26-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 19-10-2019 19:37:35
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ❤☆★เสี้ยวจันทราอสูรราชันย์(ชื่อชั่วคราว)☆☆[จีนโบราณ]♥★★ตอน50 ➧ ➧ ➧ Up 26-08-62]
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 20-10-2019 09:39:55
 :pig4: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน51 ➧ ➧ ➧ Up 08-05-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 08-05-2020 20:45:36
51.สั่งการ

หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน52 ➧ ➧ ➧ Up 11-05-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-05-2020 19:49:15
สั่งการ2

ในความมืดที่เงียบสงบยามราตรีกาล เฟยหยีมองดูท้องฟ้าในยามนี้มันมีแต่ความมืดดำทว่ายังมีแสงสว่างบนขอบฟ้า เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึงบนผาราชันย์ พร้อมกับได้ยินเสียงพิณบรรเลงมาพร้อมกับสายลมพัดอ่อนๆ

“ยามทิวาห้วงนภาจันทราส่องแสง ทุกข์ทิ่มแทงหมดเรี่ยวแรงสุดหวั่นไหว

โศกโศกาในราตรีแสนปวดใจ ถึงคนไกลเคยชิดใกล้ให้คำนึง”



เมื่อเด็กหนุ่มได้ฟังก็รู้สึกหดหู่ ตอนนี้ในใจเขาก็มีความคิดถึงที่กลัดกลุ้มอยู่เช่นกัน ทั้งเรื่องของมารดา ทั้งเรื่องของศิษย์พี่น้องในสำนัก ทว่าในใจของหลิงเซียวผู้บรรเลงนั้นต่างออกไป เพราะในใจเขากลับคิดถึงหานอี้ เพราะตัวเขาเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนานแล้ว มันใกล้ถึงเวลาในการสะสางความแค้น

หลิงเซียวรู้ดีว่าศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น หากผลออกมาไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง ตัวเขาก็คงเหมือนเศษซาก ที่ไม่อยากมีอายุขัยยืนยาวเพื่ออยู่ต่อ เขาลอบถอนใจพลางบรรเลงพิณต่อไป

“ใคร?” หลิงเซียวรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวจึงวางฝ่ามือกดแนบสายพิณพร้อมกับเหลียวมองดู

“ข้าน้อยเองขอรับ” เฉิงเฟยหยี เห็นว่าอีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขาได้แอบอยู่จึงไม่คิดพรางตัวจึงเดินออกมาเผชิญหน้ากับหลิงเซียว



“เจ้าคือคนของหุบเขาไหน? เจ้าไม่รู้หรือสถานที่นี้ไม่ใช่สถานที่ให้คนเช่นเจ้ามาเดินได้”

“ข้าน้อยเป็นผู้ติดตามท่านโย่วหลินขอรับ” เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมคุกเข่าคำนับก่อนแค่นระบายยิ้มออกมาก่อนก้มหน้าของตนแล้วกล่าวต่อ “ข้ารู้สึกเบื่อจึงได้ออกมาเดินเล่น ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้าม ข้าผิดไปแล้วขอประมุขโปรดอภัย”



“แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่คอยเฝ้าปรนนิบัติโย่วหลิน มาที่นี่ทำไม?”

“ข้าน้อยเดินเล่นบังเอิญได้ยินเสียงฉินที่แฝงด้วยความเจ็บเหน็บหนาวใจ ยิ่งทำให้ใจข้าน้อยหวั่นไหวไปกับเสียงฉิน จึงได้เดินตามเสียงมา มิคิดว่าผู้บรรเลงคือท่านประมุข ข้าผิดไปแล้ว”

หลิงเซียวพอได้ฟังจึงหันมายิ้มให้เขา แม้รอยยิ้มเล็กน้อยของเขา ที่มันกลับแฝงไปด้วยความหนาวเย็นแต่กลับทำให้เฟยหยีกลับรู้สึกยินดี เพราะในตอนนี้นัยน์ตาของเด็กหนุ่มแดงก่ำ

“เจ้าก็รู้สึกโดดเดี่ยวเช่นกันอย่างนั้นรึ?”

เฟยหยีพยักหน้า [เสด็จน้า!] หลิงเซียวหันมองดูใบหน้าที่ยิ้มปนเศร้าของเฟยหยีที่เงยมา แววตาของเด็กคนนี้กลับทำให้เขารู้สึกดี “ลุกขึ้นได้”

“ขอรับ”

“นั่งลงก่อนสิ”

“เด็กหนุ่มอย่างเจ้ามีเรื่องอะไรให้กลัดกลุ้มกัน หรือว่าเจ้าไม่อยากติดตามโย่วหลินไปทำศึก หากเจ้าห่วงใยครอบครัวคนรัก ศึกที่หยุนไหลเจ้าไม่ต้องไปก็ได้ ข้าจะบอกโย่วหลินให้เอง”

หลิงเซียวรู้ดีว่าความเจ็บปวดจากการพลัดพรากเป็นเช่นไร หากเขาใจดำฝืนบังคับคนในแดนมายาทำศึก เมื่อคนไม่ได้เต็มใจ ก็สู้ให้พวกเขาได้อยู่กับครอบครัวคนที่รักอย่างสงบคงจะดีกว่า



“เปล่าขอรับ ข้ายินดีติดตามท่านประมุขทำศึก” แต่คำตอบของเด็กหนุ่มกลับทำให้เขาประหลาดใจ จนหลิงเซียวมองไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม แววตาของเด็กคนนี้ช่างดูมีประกายจนทำให้เขารู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง “อืม หากเจ้าไม่อยากไปก็ให้มาบอกข้า”

“ท่านประมุขตัดสินใจดีแล้วหรือขอรับที่จะทำศึกกับแดนสวรรค์”

“ทำไม มีอะไร? ...ข้าได้ตัดสินใจแล้ว และก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจ” เด็กหนุ่มมุ่ยหน้าแล้วกล่าวแย้ง “หากเกิดศึกนี้ขึ้น หกพิภพจะวุ่นวายปั่นป่วน เกิดเภทภัยแก่สรรพสัตว์น้อยใหญ่ทุกดินแดนจะเดือดร้อนศึกนี้อาจจะกลายเป็นตราปาบให้กับแดนมายาเรา...”

“บังอาจ! เจ้านึกว่าเจ้าเป็นใครถึงกล่าวกับข้าเช่นนี้”

หลิงเซียวนิ่งงันครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “ข้าตัดสินใจไปแล้ว ในตอนนี้แดนมายาก็เหมือนกับล่มสลายไปแล้วคำสาปแช่งดูหมิ่นเหยียดหยามพวกนี้ข้าชินเสียแล้ว คนที่นี่ไร้ซึ่งตัวตนในแดนสวรรค์หรือแดนมารไปนานแล้ว หากจะมีผู้คนสาปแช่งกร่นด่าเพิ่มอีกเรื่องก็ช่างมัน ข้าไม่คิดใส่ใจ”

หลิงเซียวรู้ดีว่าตอนนี้เขาได้เดินสู่วิถีมาร ไม่ใช่เทพเซียนดังเช่นอดีตอีกต่อไป หากเขาจะกระทำเช่นไรก็ไม่คิดแยแสใส่ใจอยู่แล้ว ตัวเขาต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดมาหลายพันปีมันช่างเหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายเต็มที

“ทำศึกกับแดนสวรรค์ครั้งนี้อาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ ทุกชีวิตจะล้มตายหกพิภพจะเสียความสมดุล คนที่ติดตามท่านเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับไป...”

“หยุด!” เฟยหยีรู้ว่าตอนนี้หลิงเซียวกำลังโกรธจึงได้นั่งลงคุกเข่า

“เจ้าคิดว่าเจ้าคือใคร เป็นประมุขของที่นี่หรือไง หรือคิดว่าตัวเจ้าเองเป็นเทียนจวิน (จักรพรรดิสวรรค์) ถึงได้มาสั่งสอนข้า ช่างบังอาจเกินไปแล้ว”

หลิงเซียวเขาได้กดบีบปลายคางของเฟยหยีเงยขึ้นแล้วเน้นหนักอย่างลืมตัว “อ่ะ-อึก”

“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว หากเจ้าไม่ต้องการที่จะทำศึก ก็ไม่ต้องไป แล้วยังจะมาพูดเรื่องพวกนี้อีกทำไม หรือว่าเจ้าอยากตาย...ใช่หรือไม่”

เฟยหยีมองแววตาที่แข็งกร้าวของหลิงเซียวที่จ้องมองเขาก็ทำให้ในใจเขาเจ็บปวดไม่ต่างจากความกลัดกลุ้มในใจของหลิงเซียว น้ำตาของเด็กหนุ่มก็พลันเอ่อล้นออกมา “ท่านฆ่า ข้าเสียเถอะ ..อึก...อึก สะ-เด็จน้า” มือที่เน้นกดปลายคางเฟยหยีนั้นกลับสั่นไหว

“จ่ะ-เจ้าว่าอะไรนะ”

“เสด็จน้า..ข่ะ-ข้าคือ เฟยหยี.. ท่านน้าจำหลานคนนี้ได้หรือไม่?” พลันเฟยหยีก็เผยร่างของตัวเอง

“นะ-นี่เจ้าคือ..ฟ่ะ-เฟยหยี.. เป็นเจ้าจริงๆ รึ? ...” หลิงเซียวมือสั่นไหวไม่นึกว่าเขาจะได้พบกับหลานชายของตนที่นี่

“ข้าตามหาเจ้าที่หยุนไหลไปทั่ว..สุดท้ายก็ได้เจอกับเจ้าเสียที หลานรักของข้า”

หลิงเซียวยกมือทั้งสองของตนลูบใบหน้าปาดน้ำตาให้กับเฟยหยี “เสด็จน้า” เฟยหยีคุกเข่าเงยหน้ามองหลิงเซียวด้วยน้ำตานองหน้า “หลานกลับมาแล้ว..” ใบหน้าที่เคยเงียบสงบนิ่งเฉยของหลิงเซียวพลันเปลี่ยนไป เขาทรุดกายลงพร้อมกับคว้าตัวเฟยหยีมากอดไว้แนบตัว ความหวังอีกอย่างของตัวเขาคือการได้พบกับเฟยหยี ตอนนี้มันเป็นความจริงแล้ว

“ในที่สุด ข้าก็ได้เจอกับเจ้าเสียที..เฟยหยี”

“เสด็จน้า ฮึก”

“ไหนขอดูเจ้าชัดๆ ทีซิ...นี่เจ้าโตมากขนาดนี้แล้ว ดี ดีจริงๆ”

เฟยหยีน้ำตาล้นปริ่มมองไปที่หลิงเซียว พร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา แม้เขาจะเพิ่งเจอกันแต่ความผูกพันต่อกันทางสายเลือดนั้นเข้มข้น เขาได้มองไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็รู้ทันทีว่า นี่คือหลานของเขาจริงๆ

“เหมือนมาก เจ้าช่างเหมือนพี่หญิงจริงๆ ข้าดีใจ ดีใจเหลือเกิน”

..

“คำนับท่านประมุข” พลันโย่วหลินกับหยูอิงฮัวก็ทะยานกายมา “เจ้าทั้งสองมีเรื่องอะไร” โย่วหลินและอิงฮัวคุกเข่าก้มคำนับ ขณะที่เฟยหยีอยู่ด้านหลังของผู้เป็นน้า

“พวกข้ามีเรื่องจะมารายงาน ตอนนี้ทางแดนสวรรค์มีการเคลื่อนไหว” อิงฮวาเอ่ยขึ้น

“ว่ามา”

“ทหารสวรรค์และขุนพลห้ากองธงมีการเคลื่อนไหวกันอย่างลับๆ โดยไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกัน?”

หลิงเซียวครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “ก็ดี ข้าจะได้จบเรื่องนี้ในทีเดียว” ทว่าการมีอยู่ของเฟยหยีกลับทำให้ โย่วหลินกับอิงฮัวประหลาดใจ จนโย่วหลินเห็นเฟยหยี “แล้วนี่เจ้า”

“ท่านน้าโย่วหลิน”

“น่ะ-นี่คือ อ่ะ-องค์ชายน้อย” อิงฮัวได้เห็นเฟยหยีก็จำได้ “ข้าน้อยหยูอิงฮัวถวายพระพรองค์ชาย” การน้อมคำนับของอิงฮัวยิ่งทำให้โย่วหลินงุนงง

“เจ้าทำอะไรอิงฮัว ..องค์ชายอะไรกัน?”

“ยังไม่คุกเข่าคำนับองค์ชายน้อยอีก”

“อ่ะ-องค์ชาย!?!”

“ใช่ องค์ชายน้อยเฉิงเฟยหยี เร็วเข้า” อิงฮัวกระชากเสื้อของโย่วหลินทรุดลงกับพื้น “ข้าน้อยโย่วหลินถวายพระพรองค์ชาย”

“พอแล้วๆ ท่านน้าทั้งสองท่านลุกขึ้นเถอะ” เด็กหนุ่มเข้าไปประคองคนทั้งสองลุกขึ้น

“ที่แท้สตรีชุดม่วงผู้นั้นก็คือท่านนั่นเอง”

“อิงฮัวได้ล่วงเกินองค์ชายแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าไม่ได้คิดโกรธท่านเลย”

โย่วหลินบุ้ยปากมองไปทางเฟยหยี “แต่ข้านะสิ หึ โดนต้มเสียเปื่อยเชียว เหอะ” เฟยหยีมองโย่วหลินก่อนยิ้มแห้งๆ

“ท่านน้าโย่วหลิน ให้อภัยข้าเถิดนะ แต่พี่เสวี่ยเอ๋อร์ถึงไม่ใช่มารดาข้าแต่นางก็เป็นพี่เลี้ยงของข้า..”

“ฮึก...องค์ชาย” โย่วหลินคุกเข่าลงอีกครั้ง แต่มือของเฟยหยีได้คว้าตัวของเขาไว้ทัน ในใจของอิงฮัวและโย่วหลินยินดียิ่งเพราะต่อไปนี้แดนมายาได้มีนายคนใหม่ ไม่นานดินแดนนี้คงกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง

“แค่ก แค่ก แค่ก” เสียงไอหอบของหลิงเซียวดังขึ้นพร้อมกระอักเลือดมาคำหนึง จนอิงฮัวและเฟยหยีต้องเข้าไปประคอง “ประมุข” สีหน้าของอิงฮัวยิ่งวิตกกังวล

“เสด็จน้าท่านเป็นอะไร”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

“ท่านประมุขค่ะ..”

“อิงฮัว...” หลิงเซียวหันไปทางอิงฮัว พร้อมเอ่ยกับเฟยหยี “แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย พวกเจ้าไม่ต้องวิตกกังวลเกินไป” อิงฮัวหลุบตาลง คิ้วและสีหน้าของนางเผยออกมาจนเฟยหยีสังเกตเห็น เฟยหยีเข้าไปประคองหลิงเซียวแล้วลอบตรวจดูอาการ

“เสด็จน้านี่ท่าน! ...”

“เอาเถอะ ข้าไม่เป็นไร หยกน้ำแข็งในกายข้ายังสามารถช่วยทำให้ ข้าอยู่มาได้ตั้งหลายร้อยปี ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”

“แต่พลังเซียนของท่านมันปั่นป่วนต่อต้านกันเองแบบนี้ หากปล่อยไว้นานเข้า ดวงจิตของท่านอาจจะ...”

“เจ้าวิตกเกินไป ... ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วเฟยหยี ข้ารู้ตัวเองดี หากข้าไม่อยู่ ต่อไปเรื่องในแดนมายานี้คงต้องพึ่งเจ้าแล้ว”

“เสด็จน้า” คำกล่าวเมื่อครู่ยิ่งทำให้เฟยหยีรู้สึกลำบากใจ “เจ้าไม่สังเกตบ้างหรือ ว่าปราณเทพเซียนบนร่างข้าตอนนี้ไม่มีแล้ว มีแต่เพียงไอมารและจิตมารที่แฝงอยู่ในกาย มันอยู่เพื่อการแก้แค้นเพียงเท่านั้น”

“แต่...แต่มันกำลังทำร้ายตัวท่านอยู่นะ” หลิงเซียวหันมายิ้มกับเฟยหยีอีกครั้ง

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วงไป ...ดาวเคลื่อนเดือนคล้อย ลิขิตชะตาฟ้า เทพเซียนอย่างเราใช่จะคำนวณได้ทุกสิ่ง มันเป็นชะตากรรมที่ข้าพร้อมจะแบกรับเอาไว้เอง...หลานรักเจ้าอย่าได้กังวลไปเลย”



หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน53-57 ➧ ➧ ➧ Up 11-05-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-05-2020 19:50:53
53.กลับหยุนไหล

หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน53-57 ➧ ➧ ➧ Up 11-05-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-05-2020 19:52:05
54.รัชทายาทเสวี่ยหยาง

หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน53-57 ➧ ➧ ➧ Up 11-05-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-05-2020 19:53:16
55.ศึกรักวังสวรรค์ …การประลองยุทธ

หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน53-57 ➧ ➧ ➧ Up 11-05-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-05-2020 19:54:22
56.เปิดศึก
หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน53-57 ➧ ➧ ➧ Up 11-05-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-05-2020 19:55:23
57.ศึกรักวังสวรรค์ …ทะเลเลือดหยุนไหล

หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 06-06-2020 09:56:48
58.ศึกรักวังสวรรค์ …เพียงความทรงจำ

บัดนี้ทหารแดนสวรรค์ที่มีแม่ทัพสวรรค์จางฉวนนำทัพ เผชิญหน้ากับเฉิงหลิงเซียวและขุนพลทหารของแดนมายา ขาดแต่เพียงเด็กหนุ่มเฉิงเฟยหยีกับหมอปีศาจหยูอิงฮัวที่ยืนดูอยู่บนหลังคาของอาราม



ทางด้านอาวุโสและศิษย์เมฆาล้ำหยุนไหลต่างก็เศร้าโศกเสียใจ ที่เจ้าสำนักหวงหลงดวงจิตดับสูญไป บรรดาเทพเซียนเผ่าต่างๆ ก็ยังคงตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



ไทจื่อเสวี่ยหยาง กับหานอี้ดูเหมือนจะเสียใจไม่น้อยที่อาจารย์อันเป็นที่เคารพรักของตนจากไป เขาทั้งสองยิ่งทวีความเจ็บแค้นต่อแดนมายาเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะหานอี้ เขาเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดจากการกระทำของเฉิงหลิงเซียวทั้งสิ้น เพราะความเจ็บปวดเมื่อครั้งพันปีก่อนที่ตำหนักอักษรหมู่ตึกหมื่นปราชญ์เกิดโศกนาฏกรรม มันเหมือนย้อนเวลาให้เขามาพบเจอเหตุการณ์เช่นเดิมในวันนี้



หานอี้เมื่อเห็นเฉิงหลิงเซียวนำทัพบุกมายังหยุนไหล เพื่อสังหารเทพเซียน เหมือนกับว่าตอนนี้เขาได้ถูกเฉิงหลิงเซียวควักเอาหัวใจตนออกมาบดขยี้ซ้ำเป็นครั้งที่สอง ความเจ็บปวดนี้เขาไม่อาจแบกรับได้ มันแทบไม่หลงเหลือความยินดีมีอยู่ในจิตใจอีกแล้ว

..

‘เจ้ารู้หรือไม่ ยามที่ข้าได้ยินเสียงพิณบรรเลง กับสุ้มเสียงอันคุ้นเคยของเจ้าที่ร่ายบทกลอน นั้นทำให้สติของข้ากลับคืนมา ในภาพความนึกคิดของข้าล้วนมีแต่ใบหน้าเจ้าผุดขึ้นมาเต็มไปหมด แต่ในตอนนี้ เจ้ามันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ บัดนี้เจ้าเก็บรูปลักษณ์ตนไว้ใต้หน้ากากสุดแสนอัปลักษณ์นั่น เพื่อที่เจ้าจะได้ทำอะไรก็ได้ตามสิ่งที่ใจต้องการสินะ’

หานอี้ก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า ด้วยแววตาและใบหน้าที่ท้อแท้สิ้นหวัง “เหตุใดเจ้าต้องทำแบบนี้ บอกข้าสิ บอกมา ว่าทำไม ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้!!”

เสียงตวาดของหานอี้ที่ตะโกนใส่เฉิงหลิงเซียวด้านหน้า เหมือนกับคนบ้าเสียสติ เฉิงหลิงเซียวได้แต่ยืนนิ่งงัน จ้องมองบุรุษตรงหน้าที่เดินเข้ามา

“หานอี้ จะ-เจ้าฟังข้าก่อน อึก! เจ้าฟังข้าก่อนได้ไหม”

“หึ ทำไม เจ้าจะแก้ตัวอะไรให้ข้าฟังอีก หา! ข้าลืมไป หึ ปรกติคนอย่างเจ้าก็มักทำอะไรตามที่ใจต้องการอยู่แล้วนี่ เจ้าเคยบอกกับข้าว่าเจ้าไม่ใช่เทพไม่ใช่เซียน แต่เจ้ามันคือปีศาจร้าย! ที่อำมหิตและเลือดเย็นที่สุด!”

“ม่ะ-มันไม่ใช่นะ หานอี้ ฟังข้าก่อน”

“ในเมื่อความจริงมันปรากฏอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว เจ้าจะให้ข้าฟังเจ้าแก้ตัวอะไรอีก หา!”

“มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”

“หึ! ไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดงั้นรึ แล้ววันนั้นที่ตำหนักอักษร มันมีเข็มดับตะวันตกอยู่ที่นั่นได้อย่างไร หากไม่ใช่คนของแดนมายา แล้วจะเป็นใครที่ทำเช่นนั้นได้..หากไม่ใช่เจ้าสั่งการแล้วใครจะกล้าลงมือ ฮึก!”

“ห่ะ-หานอี้!”

“ยิ่งข้าเห็นสภาพเจ้าในตอนนี้ ทำไมเจ้าไม่ถอดหน้ากากอันอัปลักษณ์นี้ออกซะ หรือเจ้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับข้าอย่างนั้นสินะ ..หลิงเซียวรู้ไหมเจ้าในตอนนี้ ข้ารู้สึกเกลียดและขยะแขยงเจ้าเหลือเกินรู้เอาไว้ด้วย!!”

..

บัดนี้หานอี้เดินมาหยุดตรงหน้าของเฉิงหลิงเซียว โดยมีจางฉวนเดินตามเขามาห่างๆ “ท่านทั้งสองในที่สุดก็ได้ปรับความเข้าใจกันเสียทีนะ หึหึ” จางฉวนยิ้มหยันเขาทั้งสอง

‘กวงเยว่[หรงเหยา] เจ้าดูอยู่หรือเปล่า...เห็นหรือไม่ วันที่พี่ชายเจ้าและคนที่เจ้ารักกำลังผิดใจกัน วันนี้คือวันที่พี่ชายเจ้าและเฉิงหลิงเซียวต้องตาย เจ้าคอยดูให้ดี’

“เป็นเจ้า เจ้าสินะ” เฉิงหลิงเซียวมองไปที่จางฉวนแค่นเสียงในลำคอ

“หึ หากเป็นข้าแล้วทำไม” จางฉวนพูดเบาๆ ก่อนยกยิ้มที่มุมปาก พริบตาการเคลื่อนไหวของฉางฉวนก็เปลี่ยนไป

“ระวัง!”

ฉึก!

“ฮึก!”

เฉิงหลิงเซียวเห็นการเคลื่อนไหวของจางฉวนพุ่งตรงคิดเด็ดชีวิตหานอี้ เขาจึงจับบ่าหานอี้พลิกตัวแล้วใช้ร่างของตนกำบังกรงเล็บวชิระของจางฉวนแทน เล็บทั้งห้าของจางฉวนเจาะทะลวงร่างของเฉิงหลิงเซียว

“หลิงเซียว จ่ะ-เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ท่ะ-ทีนี้เจ้าเชื่อข่ะ-ข้าได้หรือยัง ฮึก!”

“หึหึ...มันสายไปแล้วล่ะ ที่พวกเจ้ามาปรับความเข้าใจกันตอนนี้ เรื่องตำหนักอักษรคือฝีมือของข้าเอง” จางฉวนเอ่ยขึ้นเบาๆ กับเขาทั้งสอง

“จ่ะ-เจ้า” หานอี้ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของจางฉวน

“เจ้าทั้งสองทำให้กวงเยว่[หรงเหยา]ต้องตาย รวมถึงเจ้าที่ฆ่าพ่อข้า วันนี้เจ้าทั้งสองจงไปครองรักกันในนรกเถอะ”

..

“ท่านน้า ไม่ ไม่!! ย๊าก!!!”

พลันปรากฏเสียงกู่ร้องคำราม บัดนี้บนหลังคาอารามได้มีตบะเซียนกล้าแข็งสายหนึ่ง ปรากฏมีเปลวเพลิงรายล้อมรอบตัวของเฉิงเฟยหยี

“อ๊าก!!”

พริบตาก็ปรากฏมังกรเพลิงกู่คำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวพุ่งตรงมายังจางฉวนในทันที

บึ้ม!

แส้โลหิตนี้ได้กลายเป็นมังกรพิโรธ ยืดตรงมาปักลงยังกลางลานกว้างโดยที่เฟยหยียังยืนอยู่บนหลังคาอาราม พลังเมื่อครู่สร้างแรงสั่นสะท้านไปทั้งบริเวณ

“เสด็จน้า! อึก” พลันร่างของเฉิงเฟยหยีก็พุ่งกายตรงมาหาเฉิงหลิงเซียวในทันที

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” เด็กหนุ่มแค่นเสียงต่ำ พร้อมพุ่งตัวตวัดแส้อ่อนบุกตรงเข้าหมายสังหารจางฉวนในทันที บัดนี้การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง

..

“หลิงเซียว เจ้าต้องไม่เป็นไร ฮึก ฮึก”

“ฮึก!” หลิงเซียวอยู่ภายใต้อ้อมกอดของหานอี้ส่ายศีรษะ

“ข่ะ-ข้าไม่เจ็บ ไม่เป็นไรเลยสักนิด” เฉิงหลิงเซียวกระอักโลหิตออกมา ก่อนนำมือของหานอี้ยกขึ้นมาปลดหน้ากากบนใบหน้าของตนออก

“จ่ะ-เจ้าดูสิ ใบหน้าของข้ายังเหมือนเดิมหรือไม่”

“ม่ะ-เหมือนเดิม เจ้ายังเหมือนเดิมทุกอย่าง”

“จริงหรือ?” เฉิงหลิงเซียวยิ้มมองไปยังหน้าของชายหนุ่ม

“อือ!” หานอี้พยักหน้าตอบรับ เฉิงหลิงเซียวยิ้มอย่างคลายกังวล

“ข่ะ-ข้าเก็บซ่อนใบหน้านี้เพื่อรอเจ้า พ่ะ-เพื่อหวังให้เจ้า ด่ะ-ได้เห็นหน้าข้าเป็นคนแรก ฮึก ฮีก!”

“เจ้าต้องไม่เป็นไร อึก ทำใจดีๆ ไว้นะ” หานอี้ลนลานมือไม้สะเปะสะปะพยายามเอามือลูบคลำใบหน้าของเฉิงหลิงเซียวในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม

“ในท่ะ-ที่สุด ข่ะ-ข้าก็ได้เจอ เจ้าแล้ว”

“อื้ม! ฮึก.. เจ้าอดทนไว้นะ”

“ดี ดีจริงๆ ที่ ข่ะ-ข้าได้พบเจ้าอีกครั้ง ห่ะ-หานอี้ ฮึก!”

“หลิงเซียว เจ้าต้องอยู่กับข้ารู้ไหม จ่ะ-เจ้ารับปากข้าซิ ฮึกฮึก ฮือ..”

“อือ!” หลิงเซียวพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆ

ทว่าบัดนี้ร่างของภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มลอยขึ้นไปบนอากาศ

“ไม่ หลิงเซียว จ่ะ-เจ้าอย่าจากข้าไป”

พลันร่างเขาก็ค่อยๆ สูญสลายไป กลายเป็นเพียงหยกขาวรูปร่างประหลาดชิ้นหนึ่ง ก่อนตกลงสู่พื้น

เพล้ง!

บัดนี้หยกนั้นได้ตกลงมาแตกจนไม่เหลือรูปร่างเดิม หานอี้ทรุดลงกับพื้นพยายามกอบเอาเศษหยกที่แตกละเอียดมากองรวมกันไว้กับมือ ฝ่ามือของหานอี้ชุ่มเปียกไปด้วยโลหิตที่ถูกเศษหยกทิ่มตำ ตอนนี้เฉิงหลิงเซียวได้จากเขาไปแล้วตลอดกาล

“ไม่! ไม่จริง อ๊าก!!”

..

ฟิ้ว! ตึ้ง!

เพียงครู่พลันปรากฏลำแสงหนึ่งพุ่งตรงมายังหานอี้ “กระบี่หลิงอวี้” ตอนนี้กระบี่เล่มนี้ได้ปักลงตรงหน้าหานอี้ที่มีเศษหยกแตกละเอียดกองอยู่

“เจ้ามาอำลาผู้เป็นนายเจ้าสินะ”

หานอี้ลูบคลำกระบี่หลิงอวี้พลันเศษหยกที่กองอยู่ก็สูญสลายหายไปหลอมรวมเข้ากับกระบี่ หานอี้ได้เกาะกุมกระบี่ ซึ่งเป็นของชิ้นสุดท้ายของหลิงเซียวหลงเหลือไว้ พลันร่างของเขาก็ถูกกระบี่พาลอยหายลับสู่ขอบฟ้า โดยทิ้งความรักความแค้นความทรงจำต่างๆ ไว้เบื้องหลัง ปล่อยไว้ให้ผู้ที่เหลืออยู่ได้สะสางปัญหากันต่อไป

TBC..

ชอบนิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนขอกำลังใจจากคนอ่านและช่วยคอมเม้นต์กันมาเยอะๆนะครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 10-11-2021 20:05:35
 :pig4:
 :3123: