29. เสี้ยวจันทรา วังจอมมาร
ณ วังแดนปีศาจ
"เจ้าเป็นใคร?"
"ซู่ๆ เงียบๆสิ"เสี่ยวเมาใช้มือของตน ปิดปากของอีกฝ่ายไม่ให้ส่งเสียงดัง บุรุษหนุ่มงุนงงแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี จนได้ยินเสียงทหารยามผ่านพ้นไปอีกทาง
เสี่ยวเมาย่นหน้าดมซ้ายดมขวายื่นใบหน้าพร้อมกับสันจมูกโด่งของตนสูดดมกลิ่นกายของบุรุษแปลกหน้าเสี่ยวเมาสัมผัสได้ว่ากลิ่นบุรุษที่อยู่ตรงหน้ามีกลิ่นของไอมารปะปนอยู่โดยรอบแต่มิได้เข้มข้นเท่าใดนักจนบุรุษแปลกหน้าถอยหนีทำท่าทีหน้าฉงนสงสัยในสิ่งที่เสี่ยวเมาทำจึงคิดเอ่ยถามออกไปแต่เสี่ยวเมาชิงพูดเสียก่อน
"ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้วล่ะไปก่อนนะ" ยังไม่ทันที่เสี่ยวเมาจะก้าวขาออกไป บุรุษแปลกหน้าก็ยืนขวางไว้มิให้เสี่ยวเมาออกไปไหน
"เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?" ทันใดเสียงทหารก็วิ่งกันกรูอยู่ด้านนอกอีกครา
"ซู่ๆ บอกให้เงียบๆไงข้าโดนทหารตามล่าตัวอยู่ ข้าขอหลบที่นี่แป๊บนึงนะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก"
เสี่ยวเมาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมกับทำสัญญาณมือจนบุรุษแปลกหน้ายอมทำตามเขาเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดจึงต้องทำตามที่หนุ่มน้อยคนนี้สั่งด้วย
"อือ เงียบๆ" จั่วชง ทำปากส่งสัญญาณมือตามอย่างลืมตัว "แค่ก แค่ก แค่ก"
"นี่เจ้าบาดเจ็บเหรอ"เสี่ยวเมาถาม เพราะเห็นอีกฝ่ายสีหน้าไม่สู้ดี ริมฝีปากขาวซีด เหมือนคนป่วยไข้
"มาให้ข้าดูหน่อย " แต่จั่วชงเองยังแสดงสีหน้าไม่ไว้ใจจึงมีทีท่ายึกยัก
"เอาน่า ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอกน่าข้ามาดีไงมาดี...มาดีหน่ะรู้ไหม? " เสี่ยวเมาค่อยๆพูดช้าจั่วชง จึงยอมให้เสี่ยวเมาตรวจดูอาการ
"นี่เจ้ากินยาทิพย์โอสถไปเหรอ?"
"เจ้ารู้ได้อย่างไร?" เสี่ยวเมาเห็นดังนี้ จึงจับต้นชนปลายถูกว่าคนที่ขโมยยา น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นี้
"เอาน่าข้ารู้ก็แล้วกัน เจ้ากินยาทิพย์โอสถเข้าไปอาจจะช่วยให้ลมปราณคงที่บางชั่วยามแต่บางชั่วยามก็จะทำให้พลังลมปราณแตกสายกระจายไปตามจุดต่างๆจนทำให้อวัยวะภายในบอบช้ำจนรู้สึกเจ็บปวดทรมาณไปทุกส่วน"จั่วชงพยักหน้า เพราะที่เสี่ยวเมาพูดมาคือความจริง
"เจ้ารู้ ? เช่นนั้นรักษาข้าได้ไหม?"
"ข้าหน่ะเหรอ? แค่นี้เรื่องเล็กน้อยพูดไปเจ้าคงไม่เชื่อ ข้าเป็นถึงเซียนอัจฉริยะในรอบพันปีนี้เชียวนะเจ้าเชื่อข้าไหมล่ะ? ว่าข้าสามารถรักษาเจ้าได้" เสี่ยวเมาพูดพลาง เอามือข้างหนึ่งตบลงบนแผ่นไหล่ของจั่วชงแล้วเดินไปเดินมาแต่สีหน้าของจั่วชง ก็ยังดูเหมือนลังเล ก่อนเอ่ยถาม
"เจ้าจะทำยังไง?" จั่วชงจึงคิดถามดู ว่าอีกฝ่ายจะรักษาเขาแบบไหน
"ฝังเข็มไง เจ้ากินยาทิพย์โอสถเม็ดนั้นไปได้ไม่กี่วันข้าจะฝังเข็มสกัดลมปราณไม่ให้แตกกระจายทำให้ยาทิพย์โอสถรักษาอาการบอบช้ำภายในเจ้าให้หายขาดเพียงแค่สามราตรีเท่านั้นยาทิพย์โอสถก็จะสลายไปไม่ทำให้ลมปราณภายในเจ้าปั่นป่วน" เสี่ยวเมายืดอกพูดจากฉะฉาน ด้วยความมั่นใจ
"ได้สิ งั้นข้าขอรบกวนท่านเซียนน้อยช่วยรักษาข้าหน่อยก็แล้วกัน" จั่วชงน้อมคำนับ
"อือ ได้สิ มาๆเช่นนั้นเจ้านั่งลงก่อน"
เสี่ยวเมายันร่างบุรุษหนุ่มตรงหน้าให้นั่งลงบนเตียงก่อนจับชีพจรของจั่วชงดูพบว่าขณะนี้ลมปราณของเขากำลังแตกกระจายไปตามอวัยวะต่างๆ ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ อาจจะสายเกินไปจะทำให้อวัยวะภายในบอบช้ำเกินเยียวยา จั่วชงดูสีหน้าและแววตาของเสี่ยวเมามีประกายเจิดจ้า บอกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาได้เพราะหมอในแดนปีศาจเองนั้นก็อับจนหนทางแม้แต่หมอประจำตัวของเขายังไม่สามารถรักษาอาการของเขาได้เมื่อเด็กหนุ่มคนนี้สามารถรักษาเขาได้มันอาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่เขาคงต้องลองดูและคงไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปอย่างแน่นอน
เมื่อจั่วชงได้มองไปที่ใบหน้าของเสี่ยวเมาที่ได้รูปผิวพรรณเนียนละเอียดของเด็กหนุ่มกลับพบเสน่ห์ดึงดูดอย่างลึกลับที่บอกออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ พอปลายเข็มทองของเสี่ยวเมาถูกฝังกดลงบนตัวเขาจึงทำให้รู้สึกตัว
จั่วชงจึงข่มตาหลับปรับลมปราณที่แตกกระจายให้มารวมกันเพื่อให้ง่ายต่อการฝังเข็มเมื่อเวลาผ่านไปทำให้เขารู้สึกสบายตัวอย่างประหลาดเขาเริ่มมั่นใจในแนวทางการรักษาของเด็กหนุ่มคนนี้
***
เขตแดนเผ่าวิหค ทางตอนเหนือของแดนเซียนเป็นที่พำนักของเผ่าวิหคสวรรค์ทิวทัศน์โดยรอบห้อมล้อมด้วยหุบเขาและผาสูงชันจึงทำให้เทพเซียนทั่วไปสัญจรไปมาลำบากยิ่ง อีกทั้งมีค่ายกลธรรมชาติโดยรอบลมพัดรุนแรงดุจใบมืดกรีดเฉือน ทว่าก็คงไม่เกินความสามารถของผู้ที่คิดจะมาเยือนในเวลานี้เท่าใดนักร่างของเขายืนตระหง่านลมพัดผ่านร่างจนชายเสื้อคลุมสีดำพลิ้วไสวแม้เขาจะสวมหน้ากากปกปิดไว้แต่ก็ไม่สามารถซ่อนความสง่างามของคนผู้นี้ได้
"คำนับท่านประมุข"
"อืม!"
"ท่านประมุขคะข้าพบองค์ชายน้อยแล้ว"
"จริงหรือ? เขาอยู่ไหน"
"ข้าเห็นเขาที่หุบเขาร้อยปีศาจ"สตรีชุดสีม่วงนางเร่งรัดรายงานในสิ่งที่นางพบเจอมาให้กับผู้เป็นนายได้ทราบทันที
"หืม เฟยหยีไปทำอะไรที่นั่น?" เฉิงหลิงเซียวขมวดคิ้วย่น ด้วยความสงสัย
"พอดีข้าจะไปเอาดอกหญ้าน้ำค้างเยือกแข็งที่มันจะออกดอกในรอบ500ปี จึงพบองค์ชายน้อยโดยบังเอิญ ข้าเห็นองค์ชายอยู่กับศิษย์หยุนไหลผู้หนึ่ง"
"แล้วเฟยหยีรู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนแดนมายา"
"น่าจะไม่รู้เจ้าค่ะข้าประมือกับองค์ชายน้อย แล้วพลั้งมือทำร้าย องค์ชายจึงใช้แส้โลหิตตอบโต้"
"อืม เจ้าแน่ใจนะว่าที่เจ้าเห็นคือแส้โลหิตจริงๆ"
"เจ้าค่ะ ไม่ผิดแน่นั่นคือแส้โลหิต"
"ดี เช่นนั้นเรื่องของเฟยหยีเรายังไม่ต้องรีบร้อนจัดการเรื่องนี้ก่อนเจ้าไปที่เชิงเขาด้านโน้นกับข้าเพื่อดูว่าทางเผ่าวิหคมีการเคลื่อนไหวอันใดหรือไม่"
"เจ้าค่ะ"
เมื่อชายหนุ่มสวมหน้ากากกับสตรีชุดม่วงมาถึงได้ไม่นาน ร่างของบุรุษหนุ่มสวมใส่ชุดสีฟ้าเดินพยุงร่างของตนเข้ามาในโรงเตี้ยมพร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งสวมหมากกุยเล้งใบใหญ่มีชายผ้าสีขาวปิดบังใบหน้าติงปิงเอ่ยปากเรียกเถ้าแก่ประจำร้านพร้อมกับสั่งอาหาร
"เถ้าแก่ข้าขอน้ำชากับอาหารสองสามอย่าง"
"ขอรับนายท่าน"
"ท่านประมุข ดูนั่นสิเจ้าค่ะศิษย์หยุนไหลผู้นั้น."
"หรือว่าคนที่สวมหมวกนั้นคือเฟยหยี"
"ค่ะ ท่านประมุข"
"แล้วเฟยหยีกับเจ้าหนุ่มนั่นมาที่นี่ทำไมกัน?"
"หรือว่าพวกเขาคิดมาช่วยเผ่าวิหค?" สีหน้าปนวิตกกังวลของเฉิงหลิงเซียว เอ่ยถามหยูอิงฮัวแต่ในใจเขาก็คิดว่าสิ่งที่คิดนี้คงเป็นไปไม่ได้
"คงไม่ใช่หรอกค่ะ
"อืม เช่นนั้นเราก็ดำเนินการตามแผนเดิม"
"เจ้าค่ะ" หยูอิงฮัวกับเฉิงหลิงเซียวลอบดู การกระทำของติงปิงกับเด็กหนุ่มที่สวมหมวกกุยเล้ยใบใหญ่จนเด็กทั้งสองจากไป
ณ เผ่าวิหค
"ข้าน้อยติงปิง คารวะท่านอ๋องเจิ้ง"
"โอ้ นี่หรือ ศิษย์คนรองของท่านหวงหลงช่างดูสง่างามเหลือเกินมาถึงเผ่าวิหคข้ามีเรื่องใดกันรึ"อ๋องเจิ้งกล่าวชื่นชมติงปิงแต่ก็ยังสงสัยในการมาเยือนของคนทั้งสอง
"ข้ากับศิษย์น้องรับคำสั่งของอาจารย์ให้มาเอาหลินจือสายลมขอรับอาจารย์อาซินฉีบาดเจ็บ จำเป็นต้องใช้หลินจือสายลมหวังว่าท่านอ๋องจะให้การช่วยเหลือ"
"อ๋อได้สิเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะให้เทียนฉีพาเจ้าไปเอานะคืนนี้พวกเจ้าก็พักกันที่นี่ก่อนตอนนี้พวกเจ้ายังเอาหลินจือไปไม่ได้เพราะลมที่นั่นพัดรุนแรง อาจเป็นอันตรายได้ ต้องรอเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน"
"ขอรับ ท่านอ๋อง"ติงปิงกล่าววาจาอย่างนอบน้อม
"อืมตามสบายๆ เดี๋ยวข้าจะให้เด็กๆไปตามเทียนฉี มาพบพวกเจ้าก็แล้วกัน"
"ศิษย์พี่ยังอยู่ที่นี่หรือขอรับท่านอ๋อง"
"อืม...ใช่...ใครอยู่ตรงนั้นเจ้าไปตามเทียนฉี มาที่นี่หน่อยเร็ว"
"เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง"
..
แสงดวงอาทิตย์จากด้านนอกส่องผ่านหน้าต่างมากระทบกับน้ำในถ้วยชาส่องแสงประกายติงปิงและรุ่ยผิงเขาทั้งสองยังคงนั่งรอเจิ้งเทียนฉี อยู่ในห้องรับรองที่บ่าวไพร่พามาพักส่วนอ๋องเจิ้งนั้นได้หลีกตัวออกไปสักพักแล้วจนเวลาผ่านไปไม่นานก็ปรากฏกายร่างสูงสง่าของบุรุษหนุ่มและร่างของหญิงสาววัยดรุณีเดินตามหลังมา
"ศิษย์น้องรอง ศิษย์น้องเล็ก"
"ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์น้องลี่หง"
"ศิษย์พี่รองท่านมาทำอะไรที่นี่พรุ่งนี้ข้าก็กำลังจะเดินทางไปเผ่าเงือก"ลี่หงเห็นติงปิงกับรุ่ยผิงนางเป็นคนขี้สงสัยและปากไวอยู่แล้วจึงไม่เก็บความสงสัยเอาไว้ให้มากความจึงได้เอ่ยปากถามไปตรงๆ
"อาจารย์อาซินฉีบาดเจ็บอาจารย์ข้าเลยให้พวกเรามาเอาหลินจือสายลม แค่กๆ"
"ศิษย์น้องรองนี่เจ้าบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?
"ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอกศิษย์พี่บาดแผลนี้ไม่ได้เป็นอันตรายมากนักหรอก. แค่ก แค่ก " สีหน้าของเทียนฉีเป็นห่วงติงปิงเมื่อเห็นเขากุมบาดแผลของตนและดูจากสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
"เวลานี้เจ้าคงยังไปเอาหลินจือไม่ได้หรอกต้องรอวันพรุ่งนี้เสียก่อน"
"ข้ารู้แล้วล่ะศิษย์พี่ ท่านอ๋องเจิ้งบอกกับข้าแล้วขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่"
"เดี๋ยวข้าจะให้เด็กนำอาหารมาให้พวกเจ้ายังไงก็พักผ่อนกันตามสบายเลยนะเจ้าอยากได้อะไรก็บอกบ่าวรับใช้ได้ตลอดเวลาล่ะ"
"ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่"
เมื่อพวกเขาทั้งสี่ได้สนทนากันครู่ใหญ่ต่างฝ่ายต่างก็แยกกันไปเมื่อท้องฟ้าค่อยๆมืดลงอย่างช้าๆติงปิงเองยังคงรักษาอาการบาดเจ็บของตนอยู่ เวลาไม่เกินครึ่งชั่วยามเจิ้งเทียนฉีก็สั่งให้เด็กรับใช้เตรียมอาหารมาให้ติงปิงและรุ่ยผิงถึงในห้อง
"ศิษย์พี่ท่านกินอะไรหน่อยไหม?" เสียงร้องเรียกของรุ่ยผิงดังขึ้น ติงปิงยังคงมีสีหน้าเรียบสงบเขายังนั่งสมาธิ เพื่อโคจรพลังรักษาอาการ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวโดยไว
"เจ้ากินก่อนเลยศิษย์น้องเล็กข้ายังไม่หิว"
สีหน้าของรุ่ยผิงมองไปที่ติงปิงด้วยความเป็นห่วงแต่ดูแล้วอาการบาดเจ็บของติงปิงที่ได้รับมานั้นเริ่มทุเลาลงบ้างแล้วรอยแผลที่สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ฝากไว้ถูกรุ่ยผิงจัดแจงทำความสะอาดใส่ยาพันผ้าเสียใหม่ทว่าบาดแผลที่ลึกขนาดนี้ก็ยังสร้างความเป็นห่วงกังวลให้กับรุ่ยผิงอยู่ไม่น้อยแต่เขาเองนั้นไม่กล้าที่จะเอ่ยถามติงปิงการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันกลับทำให้เขาทั้งสองไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนักบรรยากาศภายในห้องรับรอง จึงเป็นไปอย่างเงียบเชียบ จนถึงกลางดึก รุ่ยผิงเผลอหลับไป
**
"มีผู้บุกรุก" เสียงของทหารยามกลุ่มหนึ่งร้องดังขึ้น พลันก็ปรากฏกายเงาทะมึนของคนกลุ่มหนึ่งในกลางดึก
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"
"ท่านอ๋องเจิ้งยังสบายดีอยู่หรือไม่" เสียงของคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้น ทว่าได้ยินเพียงแค่เสียงแต่ยังไม่เห็นร่างผู้ที่เป็นเจ้าของเสียง
"เจ้าเป็นใคร?"เสียงตื่นตระหนกของอ๋องเจิ้งแห่งเผ่าวิหคเอ่ยขึ้นเขารู้ทันทีว่าผู้ที่มาย่อมมีจุดประสงค์ไม่ดีจึงออกมาพร้อมกับอาวุธคู่กาย
"ข้าเป็นใครหน่ะหรือ? ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ...ข้าก็เป็นสหายเก่าที่ไม่ได้พบเจอกันมานานแล้วนะสิท่านอ๋อง"
"ลงมือ" เสียงของผู้เป็นหัวหน้าสั่งการ พวกเขาลงมือราดเร็วเข่นฆ่าคนในบ้านเจิ้งล้มตายไปหลายคนอ๋องเจิ้งเห็นดังนั้นจึงประมือกับนักฆ่าที่กรูกันเข้ามา
อ๋องเจิ้งคิดได้ก็พลันข่มสติที่ตื่นตระหนกของตนแล้วสังเกตการณ์ผู้ที่กำลังเข่นฆ่าคนในตำหนักของตนเมื่อเห็นดังนั้นเขาก็กระทืบเท้าซ้าย ทะยานเหินกายพร้อมกับ วาดวิถีกระบี่เข้าจู่โจมใส่ผู้ที่สั่งการยืนตระหง่านอยู่ด้านบนทันที
โครม! เสียงกระบี่ฟาดไปกระทบกับกระเบื้องหลังคา
วิถีกระบี่ของอ๋องเจิ้งไม่สามารถทำอันใดกับบุรุษผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มนักฆ่าพวกนี้ได้เขาพลิ้วเอนกายหลบหนีไปอีกที่อ๋องเจิ้งยกขากระทืบเท้า เหินกายวาดกระบี่ตามประชิดติดพันอีกฝ่ายก็หันหมุนหลบว่องไว
ฮึ่ม!
เสียงคำรามในลำคอของอ๋องเจิ้งเห็นว่าตนนั้นฝีมือคงห่างชั้นกับคนผู้นี้อยู่มากโขการจู่โจมพลาดถึงสองคราบอกได้ว่าชั้นเชิงกระบวนยุทธเขานั้นด้อยกว่าอยู่หลายส่วนแต่อ๋องเจิ้งก็ยังไม่ลดละจู่โจมใส่ไปอย่างต่อเนื่องเฉิงหลิงเซียวเห็นว่ามีช่องว่างจึงจู่โจมโต้กลับจนอ๋องเจิ้งตั้งรับไม่เป็นกระบวน
เฉิงหลิงเซียวทะยานกายขึ้นไปเหนือหัวก่อนจะวาดกดฝ่าเท้ากระทืบลงมาเบื้องล่างอ๋องเจิ้งจึงวาดกระบี่กันสองมือดันยันรับแรงกระทืบนั้นจนร่างของอ๋องเจิ้งกระเด็นตกลงมายังพื้นเบื้องล่าง
อั๊ก!! "ท่านพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง "เจิ้งเทียนฉีออกมาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพอดีโลหิตสีเข้มออกมาอยู่ที่มุมปากของอ๋องเจิ้ง บ่งบอกได้ว่าแรงกระทืบเมื่อครู่มีพลังทำลายมากพอดู
"อึก..เจ้าเป็นใครบังอาจมาทำร้ายคนในจวนข้า" "ข้าเป็นใครนะหรือ ข้าก็เป็นคนที่พวกเจ้าเคยคิดจะกำจัดเมื่อหลายร้อยปีก่อนยังไงล่ะวันนี้เผ่าวิหคจะได้สาบสูญตามแดนมายาไปเสียที" ทันใดนั้นเข็มพิษดับตะวันก็พุ่งตรงลงมาตรงด้านหน้าอ๋องเจิ้งถอยปราดหลบ "แดนมายา? "
"ใช่!!บัญชีนี้ได้เวลาที่พวกเจ้าต้องชดใช้คืนกันบ้างแล้ว"
"!?!" เจิ้งเทียนฉีคิดสู้กับเฉิงหลิงเซียวแต่ก็สู้ไม่ได้เพราะเฉิงหลิงเซียวมีพลังที่เหนือชั้นกว่าสามารถกดดันการจู่โจมของเจิ้งเทียนฉีได้ทั้งหมดพร้อมกับโต้กลับมาด้วยกระบวนท่าที่รุนแรง จนเจิ้งเทียนฉีบาดเจ็บ
"ศิษย์พี่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?"
รุ่ยผิงสวมหมวกใบใหญ่เข้าไปประคองร่างของเจิ้งเทียนฉีติงปิงเห็นเหตุการณ์จึงออกมาช่วย พร้อมกับรุ่ยผิงและลี่หงหลิงเซียวเห็นรุ่ยผิงนึกว่าเป็นเฉิงเฟยหยี หลานตน จึงให้คนถอนกำลังออกไป[เฟยหยีนั่นเป็นเจ้าใช่ไหม?]
"คืนนี้ ถือว่าเผ่าวิหคของท่านโชคดีเอาเป็นว่าบัญชีนี้ ข้าจะให้ท่านชดใช้ในภายหลังก็แล้วกันนะท่านอ๋องแล้วข้าจะมาเยือนใหม่ พวกเรากลับ!!"