[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 266862 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เอ็นดูก็เอ็นดู สงสารก็มากอยู่ อัยย์เอ้ยย
ทั้งหึงทั้งหวง ทั้งห่วง มีครบไปหมด แล้วยังคิดถึงด้วย
ถึงหับยอมโทรหาก่อน หวังได้ยินเสียง เป็นไงล่ะ
มานอนเน่า จมน้ำตาเฉยเลย

ฌาณถึงกับรีบกลับมาเลยนะ ทนไม่ไหวแล้วล่ะสิ
ความรู้สึกก็ชัดเจนมากด้วย ยอมรับสักทีนะ
แต่จะยอมทำอะไรไหม รอดูค่ะ

ตอนนี้คุณแม่สติแตกหนักแล้วจ้า

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชั้นยอมความหลงตัวเองของนายพิษฌานจริงๆ แบบ โอ๊ยพ่อ 55555555555555555
ในที่สุดก็รู้ความจริงซักทีนะ อยากรู้ว่าทำไมถึงอยากเอาออกไม่น่าใช่เพราะจะไปเที่ยวรอบโลกหรอก
T_______________________T น่าจะเพราะสถานการณ์ตอนนี้แหละมั้ง

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อิพิษหลงรักเจ้าบู้บี้แล้วล่ะซิ

ออฟไลน์ Fonjae333

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดดดดดด :oo1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ทำดีแล้วนายมีพิษ ต้องอ่อนโยนกับคนท้องให้มากขึ้น

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เอ็นดูน้องขั้นสุด

ออฟไลน์ sweetie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หลงตัวเองขั้นสุด  :m20:

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
โอ๊ยยยยน้องงงงง :hao7:
จะยังไงต่อเนี่ย อยากอ่านตอนหน้าแล้วค่าาา

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อัยรู้แล้ว ดีๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ดูแลน้องดีๆนะต่อไปนี้อะ  น้องคงต้องเครียดแน่ๆ

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ตาพิษฌานมั่นหน้า

ทำเค้าเสียใจมากๆระวังบู้บี้หอบลูกหนี  :jul3: :jul3:

ส่วนน้องอัยย์ หนูไม่ได้ฝันไปลูกก

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เจ้าบู้บี้น่ารักมากๆเลยย :o8: :-[

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
รำคาญที่น้องหึง หรือดีใจที่น้องหึงกันแน่จ๊ะพ่อคนหลงตัวเอง

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
บู้บี้น่ารัก รอเจอเจ้าตัวเล็กจ้า

ออฟไลน์ lalilali

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อิตาพิษนี่หลงตัวเองเป็นบ้า.......

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ยอมรับซักทีเถอะพ่อคุ๊ณณณณณณ

ออฟไลน์ Jimin39

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เย้ๆๆๆๆได้กันได้กัน :hao6:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เราจะเข้ามาอ่านทุกวัน วนไป ไม่ได้
ไรท์ต้องรีบมา.. ฮือออ..
อยากอ่านตอนต่อไปแร้ววว...
คิดถึงบู้บี้ แย้ววววว...  :katai4: :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
งืออออ มันดีมากเลยค่ะ

น่ารักมากเลยอะ

บู้บี้น่ารักมาก

พระเอกเราปากแข็งแต่จริงๆอ่อนโยน

คือดีอะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 19



 

 

 

 

 

 

 

            “คุณอัยย์ลงมาหรือยังเจนภพ”  พิชช์ฌานถามมือขวาคนสนิททันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน  เจนภพส่ายหน้าไปมา

            “ยังเลยครับ  ผมไปเคาะเรียกแล้วยังไม่ยอมเปิดประตูเลย”

            “ปวดหัวจริงๆ”  นักการเมืองหนุ่มพูด  ส่งโทรศัพท์มือถือไปให้มือขวารับไว้  “ถ้าคุณธีรดลโทรมาให้บอกว่าฉันติดประชุมด่วนอยู่  ไว้จะโทรกลับ”

            “ได้ครับ  แต่ว่าคุณฌานจะเลื่อนประชุมอีกคงไม่ได้แล้วนะครับ   คราวก่อนทางโน้นน่าจะไม่ค่อยพอใจ”  เจนภพอ้อมแอ้ม  มองหน้าเจ้านายอย่างเกรงใจ  “ผมกลัวจะกระทบฐานเสียง”

            “ฉันรู้แล้วน่า  ฉันก็กำลังหาทางอยู่นี่ไง”  ชายหนุ่มตอบ  ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทำงาน

            คนฟังมองตามหลังพลางแย้งอยู่ในใจว่าหลายวันมานี้ไม่เห็นเจ้านายจะหาทางทำอะไรนอกจากล่อคุณอัยย์ให้เลิกร้องไห้แล้วก็ยอมกินข้าวแค่นั้น

            เจ้าของบ้านจรดฝีเท้าขึ้นมาหยุดยืนหน้าห้องนอนของตัวเองที่จู่ๆก็โดนยึดครองไปดื้อๆ ด้วยฝีมือโจรหน้าซื่อตาใสที่เอากุญแจห้องไปเก็บเอาไว้คนเดียว

            “อาคิราห์ ...เปิดประตูนะ  เธอล็อคห้องอีกแล้วเหรอ  แล้วฉันจะเข้าไปยังไงล่ะ”  ชายหนุ่มเคาะเรียกหน้าประตูหลายครั้ง  “ฉันต้องเอาของสำคัญในห้องนะ  มาเปิดประตูก่อน”  พิชช์ฌานเคาะเรียกอยู่พักหนึ่งก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา

            “คุณฌาน  คุณอัยย์ล็อคห้องหรอคะ”  เสียงของนิ่มนวลดังขึ้นข้างหลัง  พิชช์ฌานหันไปมอง  เห็นแม่บ้านอาวุโสถือถาดอาหารมาเต็มมือ  คงจะเอามาให้คนที่ดื้อแพ่งไม่ยอมออกมาจากห้องแน่ๆ

            “เที่ยงแล้วสินะ  พอดีเลย...อาคิราห์  กับข้าววันนี้น่าอร่อยมาก  ถ้าไม่เปิดประตูฉันจะกินคนเดียวให้หมดไปเลยนะ  ไหนดูซิ...ขนมจีนน้ำยา  หมูสะเต๊ะ  นี่อะไร...หมี่กรอบ”   ชายหนุ่มบรรยายความน่ารับประทานของอาหารตรงหน้าราวกับเป็นเชฟเสียเอง

            นับหนึ่งถึงห้าในใจ  สุดท้ายก็ได้ยินเสียงปลดล็อคประตูห้องดังกริ๊ก

            พิชช์ฌานยิ้มมุมปาก  รับถาดอาหารมาถือเอาไว้แล้วพยักพเยิดให้ป้านิ่มลงไปข้างล่าง  เขาเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนอนที่เปิดม่านเอาไว้โล่งสว่าง  คนบนเตียงกำลังนอนคว่ำเหยียดยาว  มีผ้าห่มผืนโปรดคลุมเอาไว้ทั้งตัว

            “วางไว้ตรงนั้นแหละ”  เสียงอู้อี้ดังออกมาจากใต้หมอน

            “หายใจออกเหรอท่านั่นน่ะ”  พิชช์ฌานพูด  วางถาดอาหารลงที่โต๊ะข้างเตียง  ทอดสายตามองเตียงใหญ่ที่ตอนนี้ไม่มีที่ว่างให้ล้มตัวนอนเพราะเต็มไปด้วยเสื้อผ้าข้าวของของเขาวางล้อมเต็มไปหมด  “นี่เธอขยายอาณาเขตหรือไงบู้บี้  เปิดโครงการเฟสสองหรอ  ...แล้วฉันจะนอนตรงไหนล่ะคืนนี้”

            “นอนข้างนอก”

            “เรื่องอะไร  นี่ห้องฉัน”  พิชช์ฌานส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ  ขยับไปยืนใกล้ๆคนที่นอนอยู่  “จะลุกมาคุยกันดีๆมั้ย  ไม่งั้นฉันจะลงมือแล้วนะ”

            “ไม่”  คำตอบห้วนสั้น  คนฟังเม้มปากแล้วยกมือขึ้นตบลงไปบนก้นของคนที่นอนคว่ำอยู่อย่างไม่ออมมือนัก

            เจ้าของบั้นท้ายงอนสะดุ้งเฮือก  รีบลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าคนตีเขม็งตาแทบถลน

            “คุณตีผม!  คิดจะใช้กำลังกันเหรอ”

            “ก็อาจจะ...ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องล่ะก็”  พิชช์ฌานตอบหน้าตาเฉย  “ยอมลุกมานั่งแล้วสินะ  ทีนี้ก็กินก่อน  หิวแล้วเธอคิดอะไรไม่ค่อยออกไม่ใช่หรือ”  เขาพูดแกมหัวเราะ  นึกถึงวันแรกที่ลักพาตัวอีกฝ่ายขึ้นมาได้  “นับถึงสาม  ถ้าไม่กินฉันจะกินเอง”

            “ของผม”  อาคิราห์ตวัดเสียง  เอื้อมมือไปดึงถาดอาหารมาวางตรงหน้าแล้วลงมือตักเข้าปากอย่างรวดเร็ว  จริงๆก็นอนท้องร้องมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว  แต่ก็ตั้งใจมั่นว่าคราวนี้จะไม่ใจอ่อนลุกมากินเด็ดขาด  ยังไงก็จะต้องประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองให้ได้

แล้วทำไมเขาถึงมานั่งจ้วงขนมจีนเอาแบบนี้เล่า  โธ่ ...อัยย์  ไม่เข้มแข็งเอาเสียเลย  เจ้าโอเมก้าคิดในใจอย่างเซ็งๆ  พอจะอดข้าวประท้วงทีไร ไม่เคยสำเร็จซักที  พลังอาหารของป้านิ่มช่างทำลายล้างสูงจริงๆ  แม้แต่ความตั้งใจอันแน่วแน่ของเขา

“อิ่มหรือยัง”  พิชช์ฌานถามเนิบๆ  ส่งแก้วน้ำไปให้กับกระดาษเช็ดปากไปให้  “หิวมากซิท่า  ได้เคี้ยวหรือเปล่าถามจริง  เห็นตักเอาตักเอา  ถ้าท้องอืดขึ้นมานะ...”

“ผมเคี้ยวทุกคำอยู่แล้วน่า  บ่นจังเลย”  คิ้วเรียวขมวดฉับ  “คุณออกไปจากห้องผมได้แล้ว”

“ห้องผม?  มันจะมากไปแล้วเจ้าบู้บี้  ยึดเตียงฉันยังไม่พอ  ยึดห้องฉันเลยเรอะ”  พิชช์ฌานยกมือเท้าเอว  “จะหันไปไหน  หันหน้ามาคุยกันก่อน”  คนบนเตียงหันหน้ามองเขาแล้วก็ตวัดสายตาไปทางอื่นราวกับค้อน  “จะไปไหน”

“ก็มันห้องคุณไม่ใช่หรอ  ผมก็จะกลับบ้านผมสิ”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูกโดยไม่ตั้งใจ  พลิกตัวผ่านกองผ้านุ่มๆที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมๆแล้วก็ชักลุกไม่ขึ้น

พิชช์ฌานมองคนที่กลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงของเขาอย่างฉุนแกมขัน  ดูทำท่าเข้า...เหมือนจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ไม่ลุกเสียที  ทิ้งตัวลงนอนกลิ้งตามเดิม

“ถ้ากลับบ้านไป  ฉันไม่ยอมให้เอาของฉันไปหรอกนะ”

“ผมไม่เห็นอยากได้”

“งั้นก็ลุกขึ้นมาเลย  ฉันจะไปส่งที่บ้านเอง”  พิชช์ฌานแกล้งพูดขึงขัง  นัยน์ตากลมโตเหลือบมองอย่างตกใจแวบหนึ่งแล้วก็เริ่มมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก

“ไม่...คือผมยังไม่ได้เก็บของ  ผมต้องเก็บของก่อน”  อาคิราห์ตอบ

“ฉันช่วยเก็บเอ้า”

“อะไรอ่ะ  เมื่อกี้คุณยังไม่ยอมให้ผมไปไหนอยู่เลย”  คนพูดหน้างอ  “ทำไมกลับไปกลับมา  คนอย่างคุณนี่มันเชื่อไม่ได้จริงๆ”

“ใครกันแน่ที่กลับไปกลับมาฮึ  ไม่ใช่เราหรือไง”  พิชช์ฌานคีบจมูกเชิดรั้นนั้นสั่นไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว  เจ้าตัวร้องลั่นรีบปัดมือของเขาออก

“โอ๊ย.. ดั้งจะหักแล้วมั้ง  มือหนักชะมัด  เมื่อกี้ก็ทีนึงแล้วนะตีผม”  อาคิราห์ร้อง กุมจมูกของตัวเองเอาไว้  พิชช์ฌานหัวเราะหมุนตัวหันหลังให้

“จะตีคืนก็ได้นะฉันไม่ว่า  แต่ระวังเจ็บมือหน่อยแล้วกัน”  คนฟังเบ้ปาก

“ผมไม่ตีให้เสียมือหรอก”  อาคิราห์พูดอุบอิบในคอ

“ตกลงจะคุยดีๆได้หรือยัง  เบื่อมุขอดข้าวประท้วงแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเสียงจริงจังขึ้น  “ฉันรอดูทุกวันว่าวันไหนเธอจะอดข้าวสำเร็จ  ก็ไม่เห็นจะได้เรื่องสักวัน”

“ก็ใครให้มายืนพูดเมนูหน้าห้องล่ะ”  อาคิราห์พูดเสียงดัง  “ถ้าผมไม่รู้เมนูผมก็ไม่หิวหรอก  แล้วผมก็เกรงใจป้านิ่มด้วย  ถ้าไม่กินจริงๆเดี๋ยวป้านิ่มเสียใจ”

“หรอ”  คนแก่กว่าลากเสียง  “แต่ก็ดี...ไม่งั้นลูกฉันอดข้าวขึ้นมาคงแย่”

คนฟังตาเบิกโพลง  ยกมือขึ้นปิดหูทันควัน

“ลูกอะไร  ผมไม่อยากได้ยินคำนี้”  อาคิราห์หน้าซีด  ทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับที่นอนอีกรอบ  “ผมไม่อยากมีลูก  ผมจะเอาออก  คอยดูนะ  ถ้าไม่ยอมให้ผมเอาออก  ผมจะ....”  พูดแล้วก็อึกอัก  จริงๆก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี  นั่งคิดนอนคิดมาสี่วันเต็มแล้วก็ยังคิดไม่ตก

“จะอะไร  จะอดข้าวหรือไง”

“โธ่เว้ย!”  เจ้าโอเมก้าทุบกำปั้นลงกับที่นอนรัวๆ  จินตนาการเสียว่ามันเป็นใบหน้ายียวนของนายพิษฌานแทน

“นี่อัยย์...หันมาคุยกันแบบผู้ใหญ่หน่อยซิ  ไหนเธอว่าตัวเองโตแล้วไม่ใช่หรือ  ก็กลับมาคุยกันด้วยเหตุผลสิ  อย่าเอาแต่โวยวายเหมือนเด็กๆได้มั้ย”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อนกว่าปกติ  ทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง  “ฉันพร้อมรับฟังเหตุผลของเธอนะ  ถ้าเหตุผลของเธอดีกว่า  ฉันก็จะยอมรับ”

อาคิราห์ถอนหายใจเฮือก  ดึงตัวลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าอีกฝ่าย

“คุณคิดว่าการที่ผมท้องมันมีข้อดีอะไรเหรอ  ผมยังมองไม่เห็นข้อดีอะไรเลยสักอย่าง  เราไม่ได้แต่งงานกันจริงๆนะเผื่อคุณลืมเรื่องนี้ไปแล้ว  เราเซ็นสัญญากันว่าจะหย่าด้วย  แล้วถ้าผมมีลูก  แล้วเราจะแบ่งลูกกันยังไงล่ะ...ยังไม่นับตอนท้อง..”

            “ก็ไม่ต้องหย่า”  พิชช์ฌานพูดขัดก่อนที่อีกคนจะพูดจบ  “ยกเลิกสัญญาทิ้งไป”

            “คุณคิดจะหลอกผมอีกล่ะสิ  ผมรู้ทันหรอกน่ะ”  อาคิราห์พูด  ยกมือขึ้นกอดอก  สบตาคมเข้มคู่นั้นแวบหนึ่งแล้วก็เมินหลบไปมองทางอื่น  ไม่รู้ทำไมเขาถึงเริ่มรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมา  “ผมก็เป็นแค่หมากในเกมการเมืองของคุณกับพ่อแล้วก็คนอื่นๆ  แม้แต่เรื่องที่ผมท้อง ...ก็อาจจะเป็นแผนของคุณด้วยใช่มั้ย”

            “ไปกันใหญ่แล้วอาคิราห์  ฉันชอบวางแผนก็จริง  แต่เรื่องที่เธอท้องนี่อยู่นอกแผนมากที่สุดตั้งแต่ฉันเคยคิดมาเลย”  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจ

            “นั่นไง  คุณเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้ท้องใช่ไหมล่ะ  แล้วเราจะเก็บเอาไว้ทำไม”  พูดถึงตรงนี้  น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็เอ่อล้นขอบตา   อาคิราห์ยกมือขึ้นเช็ดแรงๆ  “มันไม่ทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นหรอก  เชื่อผม...คุณอยากมีลูกกับโอเมก้าเหรอ”  เขาพูดเสียงสั่นเครือ

            “โอเมก้าแล้วทำไมล่ะ”  พิชช์ฌานหลุดปากพูดออกแล้วก็ขมวดคิ้วเสียเอง  ถ้าเป็นเมื่อหลายเดือนก่อนเขาคงแทบไม่เชื่อหูตัวเองและคงคิดว่าตนเองบ้าไปแล้วแน่ๆ  “ทำไมฉันจะมีลูกกับเธอไม่ได้”

            “เพราะ...ผมไม่อยากเป็นหมากของคุณ”  อาคิราห์ตอบ  “รวมถึงลูกที่จะเกิดมา”

            “อาคิราห์  ไม่มีใครเอาเธอไปเป็นหมากอะไรทั้งนั้นล่ะ  เลิกคิดเรื่องนี้ได้แล้ว  ตอนนี้เธอก็แค่ทำตัวทำใจให้สบาย  กินอิ่มนอนหลับ  แค่นั้นก็พอ  เรื่องอื่นไม่ต้องคิดมาก”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นจับต้นแขนทั้งสองข้างบีบเบาๆ  “ฉันจะจัดการที่เหลือเอง  เอ้า...พูดแค่นี้ก็ร้องอีก  อัยย์  ถือว่าฉันขอร้อง  ใจคอเธอจะทำร้ายเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ลงคอหรอ  เธอก็พูดเองว่ามันบาปกรรม”  ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มเนียนให้  “การตั้งท้องมันไม่ได้ยากลำบากอะไรเลยนะ  ฉันรู้จักหมอที่เชี่ยวชาญอยู่  เขาจะดูแลเธออย่างดี”

            “ผม..ผมไม่พร้อม  พูดให้ถูกก็คือเราทั้งคู่ไม่พร้อม  การที่เด็กคนนึงจะโตขึ้นมาได้  แค่มีเงินมันไม่พอหรอกนะครับ  เขาต้องการอะไรมากกว่านั้น  คุณลองถามใจตัวคุณเองดูสิว่าคุณพร้อมจะเป็นพ่อคนหรอ”  อาคิราห์พูด  เงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายนิ่ง  “สำหรับผม  ผมยังไม่พร้อมจะให้กำเนิดหรือดูแลใครทั้งนั้น  แค่ดูแลตัวเองผมยังไม่รอดเลยจะไปดูแลใครได้”

            คนฟังอึ้ง  ชายหนุ่มเลยพูดต่อด้วยเสียงแหบเครือ

            “ผมไม่รู้นะว่าที่คุณอยากเก็บเด็กคนนี้ไว้จะเพื่ออะไร  จะกลัวบาปบุญคุณโทษจริงๆตามที่คุณอ้างหรือว่ามีเกมการเมืองอะไรซ่อนอยู่ข้างหลัง  ผมก็ไม่รู้หรอก...เพราะผมไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น  ผมตามคุณไม่ทันหรอกครับ  แต่ที่ผมรู้แน่ๆก็คือ  ผมไม่ได้รักคุณและคุณก็ไม่ได้รักผม  เราจะปล่อยให้เด็กเกิดมาโดยปราศจากความรักได้ยังไง  ผมยังนึกภาพไม่ออก...”

            พิชช์ฌานมองลึกเข้าไปในดวงตากลมวาวที่คลอด้วยหยาดน้ำตาคู่นั้น  มันเต็มไปด้วยความสับสนและหวั่นเกรงต่ออนาคตข้างหน้า

            “อาคิราห์...ถ้าฉันบอกว่าเธอพูดผิดล่ะ”  นักการเมืองหนุ่มพูดขึ้นช้าๆ  ประคองใบหน้าเรียวหวานเอาไว้ในอุ้งมือ  “ถ้าฉันบอกว่าฉันรัก...”  พูดยังไม่ทันจบ  คนฟังก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาลั่น  ปัดมือของเขาออกจากใบหน้าของตัวเอง

            “ฮ่าๆ  คุณจะบอกว่าคุณรักผมหรอคุณพิษฌาน  เหมือนที่คุณบอกประชาชนกว่าคุณรักพวกเขา  หรือเหมือนกับที่คุณบอกพวกโอเมก้าว่าเราจะเท่าเทียมกันทั้งๆที่ตัวคุณเองยังมองเห็นโอเมก้าเป็นชนชั้นสองที่ไร้ความสามารถอยู่เลย  โอเคผมยอมรับว่าผมก็เป็นโอเมก้าง่อยๆที่ทำไรไม่เป็นนอกจากตั้งท้องตามที่คุณคิดนั่นแหละ  ฉะนั้นคุณก็ไม่ต้องมาเสียเวลากล่อมผมหรอก  เพราะยังไงผมก็ไม่มีปัญญาเอาเด็กในท้องออก”

            “ฟังก่อนสิอาคิราห์”     

            “ผมฟังคุณมาสี่วันเต็มแล้วครับ  ผมเบื่อคำปราศรัยของคุณเต็มที  เพราะสุดท้ายแล้วโอเมก้าอย่างผมก็ไม่มีทางเลือกอื่น  นอกจากทำตามที่อัลฟ่าขีดเส้นเอาไว้”  คราวนี้ทั้งน้ำมูกน้ำตามารวมกันแน่นไปหมด  อาคิราห์เผลอพูดออกไปตามที่คิดจนหมด  “ผมควรจะชินแล้ว  ผมเจอมาตั้งแต่เด็กจนโตแล้วนี่  นึกว่าแต่งงานกับคุณแล้วจะหนีออกมาจากวงจรชีวิตเดิมๆ  ที่ไหนได้...ผมแค่ย้ายมาอยู่อีกวงจรนึงที่ผมไม่สามารถเลือกอะไรได้เองอยู่ดี”

            “ฉันไม่เคยบังคับเธอเลยนะ  ฉันตามใจเธอทุกอย่าง”  พิชช์ฌานค้าน  “ฉันไม่เหมือนพ่อของเธอแน่”

            “ถ้าคุณตามใจผมจริงๆ  ก็ยอมให้ผมเลือกทางเดินของผมเองสิครับ”

            “หมายถึงเอาเด็กออกน่ะเหรอ ...ฉัน..ไม่”  คนพูดอึกอัก  กำมือแน่น   “ทำยังไงเธอถึงจะเชื่อฉัน”  ประโยคหลังคนพูดลดเสียงลงต่ำ

            คนฟังยิ้มมุมปากทั้งที่น้ำตานองหน้า

            “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าต้องทำยังไง”  อาคิราห์ผลักอีกฝ่ายให้ถอยออกห่างแล้วล้มตัวลงนอนตามเดิม  ซุกหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ที่ไม่ยอมให้ใครเอาปลอกหมอนไปซัก

            พิชช์ฌานถอยออกมายืนกุมขมับอยู่ข้างนอกห้อง  เจนภพเดินมาบอกว่าว่าที่นายทุนพรรคคนใหม่ล่าสุดโทรกลับมาแล้ว  ชายหนุ่มเลยจำต้องวางเรื่องปวดสมองเอาไว้ก่อนเพื่อไปจัดการเรื่องที่หนักสมองพอๆกัน 

            ใช้เวลาพูดคุยตกลงนัดหมายอีกครั้งในวันพรุ่งนี้  พิชช์ฌานก็กลับมาเครียดเรื่องเดิมต่อ  เขาซดกาแฟดำเป็นแก้วที่ห้าของวัน  แม้ว่าป้านิ่มจะท้วงแล้วว่าชายหนุ่มอาจจะตาค้างนอนไม่หลับคืนนี้แต่พิชช์ฌานก็ไม่สน 

            เรื่องที่อาคิราห์พูดมาค่อนข้างกระทบใจของเขาอยู่เหมือนกัน  เจ้าโอเมก้าคงถูกบีบบังคับมาตั้งแต่เด็ก  ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบที่บิดาสร้างเอาไว้  แม้แต่เรื่องแต่งงานครั้งนี้  พิชช์ฌานก็รู้ว่ามันเป็นเกมการเมืองล้วนๆ  นายไตรคุณไม่ได้คิดถึงจิตใจของลูกชายเท่าไหร่หรอก

            ก็เหมือนกับเขาเอง...

            ความคิดที่จะกำจัดเด็กในท้องของอาคิราห์หายไปไม่เหลือซาก  พิชช์ฌานยอมรับกับตัวเองว่าเขาก็ดีใจที่รู้ว่าอาคิราห์ท้อง  อาจจะไม่ได้ดีใจมาก...แต่ก็ไม่ใช่ความเสียใจ

            ที่อีกฝ่ายถามว่าเขาพร้อมเป็นพ่อคนแล้วหรือ...เรื่องนี้พิชช์ฌานคิดว่าตัวเองพร้อม  เขามีเงินทองมากพอจะส่งให้ลูกเรียนจนจบสูงเท่าไหร่ก็ได้ที่ลูกต้องการ  มีบ้านหลังใหญ่โอ่อ่า  มีสนามเด็กเล่นพร้อมสระว่ายน้ำ  เรื่องเลี้ยงเด็กไม่เป็นปัญหาเพราะเขามีนิ่มนวลซึ่งเคยเลี้ยงเขามาแล้ว   มันจะไปยากอะไร

            ตัวเขาเองก็เป็นบิดาที่เพอร์เฟ็คได้แน่ๆ  เขาเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองของรุ่น  ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ด้วยอายุที่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์  ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็ทำสำเร็จหมด  เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึง  เอาเป็นว่าถ้าลูกเกิดมาหน้าเหมือนเขาก็คงไปเป็นพระเอกได้สบาย

            เขาพร้อมจะอบรมสั่งสอนลูกของเขาให้เจริญรอยตามเขา  ไม่มีอะไรต้องกังวลทั้งนั้น  ลูกจะต้องภูมิใจสุดๆที่มีเขาเป็นพ่อ  ขอแค่เจ้าตัวเล็กมีโอกาสได้ออกมาดูโลกเท่านั้น

            ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว  มองผ่านอาหารมื้อเที่ยงไปอย่างไม่ไยดี  จมอยู่กับตารางตัวเลขทางสถิติที่ลูกน้องรวบรวมมาให้  คิดคำนวณหาทางออกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการลงทุนในการเลือกตั้งที่ใกล้จะมาถึง

            เขาเป็นหัวหน้าพรรคที่ดี  เหมือนกับที่เป็นสามีและว่าที่คุณพ่อที่ดี....ชายหนุ่มกดกริ่งเรียกแม่บ้านมาเติมกาแฟอีกแก้ว

            ...............................................................................



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk










           “รับของหวานเพิ่มไหมคะคุณอัยย์  ป้าทำเอาไว้เยอะเลยนะ”  นิ่มนวลถามขึ้นเบาๆ  ช่วยรินน้ำส่งให้เจ้าโอเมก้าที่นั่งกินมื้อเย็นอย่างหงอยๆคนเดียว  เห็นเปลือกตาสองข้างบวมฉึ่งก็ยิ่งเอ็นดูแกมสงสาร  ดูท่าคงจะร้องไห้มาหนักแต่ก็ยังดีที่ยอมลงมากินข้าวเองโดยไม่ต้องให้ใครขึ้นไปคะยั้นคะยอแกมบังคับอีก

            “ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณมาก”  อาคิราห์พึมพำ  หลังจากระบายความอัดอั้นออกตันใจมาเขาก็หลับยาวจนสะดุ้งตื่นเองตอนเย็น

            “ป่านนี้คุณฌานยังไม่ทานข้าวเลยค่ะ”  นิ่มนวลพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย  “มื้อเที่ยงก็ไม่ทาน  ไม่รู้จะโหมงานอะไรนักหนา  วันๆดื่มแต่กาแฟ”

            “ผมขอไปห้องหนังสือก่อนนะครับ”  อาคิราห์พูดเนิบๆราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเมื่อกี้  นิ่มนวลลอบถอนหายใจยาว  เดินเข้ามาเก็บโต๊ะอาหารเงียบๆ

            พิชช์ฌานไม่รู้สึกหิว  อันที่จริงแล้วชายหนุ่มรู้สึกปวดมวนท้องตลอดเวลาเหมือนมีตัวอะไรสักอย่างมาบิดขี้เกียจอยู่ในนั้น  มันทำให้เขาแน่นท้องไปหมด  บางครั้งก็คลื่นไส้จนต้องจัดการด้วยอะไรขมๆอย่างกาแฟเข้มจัดที่เขาดื่มติดต่อกันทั้งวันจนตอนนี้เริ่มจะใจสั่นตึกๆเพราะฤทธิ์คาเฟอีน  แถมยังจุกแน่นลิ้นปี่หนักกว่าเดิมเสียอีก

            “คุณฌานเป็นอะไรหรือเปล่าครับ  ...หรือเราจะพักก่อนตรงนี้”  ลูกพรรคคนหนึ่งทักขึ้นขณะที่พวกเขากำลังนั่งปรึกษากันถึงผู้สมัครที่จะลงในเขตเลือกตั้งต่างๆ  “สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย”

            “ไม่เป็นไร  ผมขอไปห้องน้ำก่อน  พวกคุณลองตกลงกันก่อนแล้วกันว่าจะเอาใครกันแน่”  เจ้าของบ้านพูด  ลุกขึ้นยืนพลางเหลือบมองนาฬิกา ...เกือบเที่ยงคืนแล้ว  “เหลืออีกเยอะไหมศักดา”

            “เยอะเหมือนกันครับ  หรือเราจะคุยกันต่อพรุ่งนี้”

            “พรุ่งนี้คุณฌานติดประชุมทั้งวันครับ”  เจนภพแทรกขึ้น  มองเจ้านายอย่างกังวล  “คุณทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวันแล้ว  ให้ผมช่วยดูให้แทนไปก่อนไหมครับ  แล้วคุณฌานไปพัก...”

            “ยังไงฉันก็ต้องเป็นคนตัดสินใจอยู่ดี  ไม่เป็นไรแค่นี้ฉันไหวอยู่แล้ว...ขอตัวไปล้างหน้าเสียหน่อย”

            “คุณฌานจะพักทานอะไรหน่อยไหมครับ”

            “ฉันไม่หิว”  ชายหนุ่มโบกมือปฏิเสธ  ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องทำงาน  ความอืดแน่นในท้องเพิ่มขึ้นอีกจนหายใจไม่อิ่ม  มันดันขึ้นมาที่กลางอกของเขาล้นขึ้นมาที่คอหอย  พิชช์ฌานทันแค่หันหน้าไปทางชักโครกเท่านั้นตอนที่คลื่นอาเจียนพุ่งออกมาจากปาก

            ชายหนุ่มย่อตัวลงเกาะชักโครกเอาไว้  ก้มลงคายน้ำย่อยสีเข้มๆเพราะมีแต่เครื่องดื่มกับขนมปังตอนเช้าออกมาจนหมดท้อง  ข้างในปั่นป่วนเหมือนมีมรสุมดันลมออกมาอีกจนไม่เหลืออะไรให้ออกนอกจากน้ำลายเหนียวๆขมปากขมคอ

            คราบอาเจียนเปื้อนทั้งเสื้อและกางเกงของเขา  เหงื่อแตกซิกเปียกชุ่มทั้งแผ่นหลัง  หัวใจเต้นรัวแรงจนเจ็บหน้าอก  โรคกระเพาะเพื่อนเก่ากลับมาหาเขาเต็มตัวเสียแล้วกระมัง

            “คุณฌานเป็นอะไรหรือเปล่าครับ  คุณฌานครับ”  เสียงเจนภพดังขึ้นหน้าห้องน้ำ  พิชช์ฌานดันตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน

            “ฉันไม่เป็นอะไร  นายไปเอาเสื้อกับกางเกงใหม่ให้ฉันที”

            “ได้ครับ”

            ได้ยินเสียงเจนภพเดินห่างออกไป  พิชช์ฌานหันไปล้างมือล้างปากตัวเองจนสะอาด  สักพักเจนภพก็เดินมาเคาะประตูเรียกอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ

            “คุณฌาน...คุณโอเคไหม  หน้าคุณซีดมาก”

            “โรคเก่าฉันกำเริบน่ะ  ฝากโทรหาหมอฉัตรที  ให้เขามาหาหลังจากที่ฉันคุยงานเสร็จแล้ว  ไม่ต้องทำหน้างั้นเจนภพ  ฉันยังไม่ตาย”  เจ้านายพูดเสียงห้วนจัด  รับเสื้อจากมือเข้าไปเปลี่ยนข้างในห้องน้ำแล้วก็กลับออกมาด้วยสีหน้าที่อิดโรย

            “ถ้าคุณฌานไม่สบาย งานจะยิ่งชะงักนะครับ”

            “แค่นี้ก็ช้ากว่ากำหนดการไปเยอะแล้ว  แค่โรคกระเพาะฉันไม่เป็นไรหรอกน่า  ไม่งั้นให้ใครไปทำข้าวต้มมาที  เพราะฉันไม่กินข้าวเลยอาการกำเริบ  ฉันต้องรีบกินก่อนที่หมอจะว่าเอา”  พิชช์ฌานพูด  ก้าวยาวๆกลับไปยังห้องทำงาน

            พิชช์ฌานฝืนกลับไปนั่งคุยงานกับคนในพรรคต่ออีกพักใหญ่จนได้ข้อสรุปถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน  พอคนสุดท้ายออกจากห้องทำงานไป  ชายหนุ่มก็งอตัวลงกดท้องตัวเองเอาไว้แน่น

            “เป็นยังไงบ้างครับคุณฌาน  ไปโรงพยาบาลไหมครับ”

            “หมอมาหรือยัง”

            “กำลังเดินทางมาครับ”  เจนภพละเอาไว้ไม่เล่าว่ากว่าเขาจะติดต่อฉัตรินได้ก็เกือบชั่วโมง  แถมนายแพทย์คนนั้นยังโวยมาตามสายอีกว่าตามกันตอนดึกดื่นเที่ยงคืนอีกแล้วเหรอ  ทำไมไม่รู้จักไปโรงพยาบาล

            จะว่าไป...ตั้งแต่เขามาทำงานกับพิชช์ฌาน  ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายไปโรงพยาบาลเลยสักครั้ง        ยกเว้นตอนที่ไปหาเสียงหรือหาทุนให้พรรคเท่านั้น

            “ทานข้าวต้มไหวไหมครับ”

            “เลื่อนมาสิ  ฉันว่ากินแล้วน่าจะดีขึ้น”  พิชช์ฌานดึงตัวลุกขึ้นมานั่ง

            กลิ่นพริกไทยและตั้งฉ่ายลอยขึ้นจากชามข้าวต้มร้อนๆควันฉุย  ชายหนุ่มย่นคิ้วหันหน้าหนีทันที 

            “อะไรเนี่ยเจนภพ  ทำไมกลิ่นมันเป็นแบบนี้”

            “ครับ?”  มือขวาก้มลงมาดมเล็กน้อย  “กลิ่นก็ปกตินี่ครับ  หรือคุณฌานอยากเติมพริกน้ำปลา”

            “ก็ดีเหมือนกัน  จะได้เพิ่มรสชาติ  ตอนนี้ฉันขมปากไปหมดแล้ว”

            เจนภพเดินออกไปแล้วก็กลับเข้ามาพร้อมถ้วยใบเล็กบรรจุพริกสีแดงสดลอยในน้ำปลาอย่างดี  พอพิชช์ฌานรับมาถือเอาไว้เท่านั้น  กลิ่นน้ำปลาก็ทำให้คลื่นไส้ขึ้นมาทันทีจนต้องรีบวางถ้วยเอาไว้

            “ถุงๆ  ขอถุงหน่อย”  พูดไม่ทันขาดคำ  ชายหนุ่มก็อาเจียนออกมาอีกใส่ในชามข้าวต้มนั่นเอง  มือขวาคนสนิทเข้ามาแตะที่แผ่นหลังของเขาอย่างเก้ๆกังๆ  ไม่แน่ใจว่าควรจะทำอะไรกันแน่ระหว่างที่เจ้านายกำลังอาเจียนอยู่อย่างหน้าดำหน้าแดง

            “เสียงรถ...หมอฉัตรคงมาแล้ว”  เจนภพพูดอย่างโล่งใจ  ค้นหายาดมมาส่งให้เจ้านายถือเอาไว้แล้วก็รีบเดินแกมวิ่งออกไปรับคุณหมอที่หน้าบ้าน

            ฉัตรินเข้ามาเห็นสภาพของรุ่นน้องแล้วก็อุทานออกมา

            “นายฌาน  เป็นอะไรเนี่ย  ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลอีก”

            “พี่มาแล้วเหรอ  โรคเดิมนั่นล่ะ”  พิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มที่ตอนนี้เปลี่ยนสีเป็นสีเขียวเหมือนน้ำดี  รับทิชชูจากเจนภพมาเช็ดปาก  “วันนี้ผมดันไม่กินข้าวก็เลยแย่เลย”

            “คุณฌานไม่กินข้าวมาหลายวันแล้วครับ  กินแต่กาแฟกับขนมปังนิดหน่อยเอง”  เจนภพได้ทีรีบฟ้องหมอ  “ผมเตือนแล้วก็ไม่ฟัง”

            “แต่ผมกินยาของหมอนะ  ยาลดกรดอะไรน่ะ  ผมกินประจำ”

            “กินยาแต่ไม่กินข้าวคงหายหรอกนะฌาน  นอนลงฉันจะวัดความดันให้”  ฉัตรินพูดแกมบังคับให้รุ่นน้องนอนลงตามเดิม  เขาจับชีพจรแล้วก็วัดความดันโลหิตให้อย่างคล่องแคล่ว  “ตายล่ะ  ซัดกาแฟไปกี่แก้ว  ทำไมใจเต้นเร็วขนาดนี้  ความดันสูงด้วยนะ”

            “ผมไม่ได้นับ”

            นายแพทย์ถอนหายใจยาว

            “นอนพักก่อน  ฉันจะฉีดยาให้  แล้วเดี๋ยวค่อยวัดความดันอีกที”

            “ไม่ฉีดได้ไหมหมอ  ผมขอเป็นยากินเหมือนเดิม”  พิชช์ฌานพูดทันที  “ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”

            “ไม่เป็นอะไรมากงั้นก็ลุกขึ้นมาพูดกันสิ  นอนหน้าซีดหน้าเซียวทำไม”  ฉัตรินพูดกลั้วหัวเราะ   แต่คนป่วยก็ยืนยันว่าจะยังไม่ฉีดยาอยู่นั่นเอง  นายแพทย์เลยชักฉุน  “นี่ตกลงจะให้รักษาไหม  ถ้าไม่ยอมรักษาก็ไปโรงพยาบาล”  เขาขู่ด้วยอะไรที่อีกฝ่ายกลัวมากกว่า

            “โธ่...ผมต้องถึงขั้นฉีดยาเลยเหรอหมอ”

            “ไม่งั้นก็นอนคลื่นไส้ต่อไปแล้วกันนะ  ฉันกลับล่ะ”

            “เดี๋ยวสิหมอ  โอเค  ก็ได้  ยาอะไรก็ฉีดมาเลยรวมกันเข็มเดียวนะ”

            ฉัตรินอยากจะถ่ายคลิปเอาไว้จริงๆ  ภาพหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านที่แสนเก่งกล้านอนหลับตาปี๋ไม่ยอมมองปลายเข็มตอนฉีดยาคงดูน่าแปลกใจดีพิลึก

            “เจนภพ  ...เอาถ้วยน้ำปลาออกไปที  ฉันเวียนหัวจะตายแล้ว”  พิชช์ฌานพูดขึ้นขณะที่นอนหลับตานิ่ง

            “นอนพักไปก่อน เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”  ฉัตรินพูดเนิบๆ  “แล้วเมียแกเป็นยังไงบ้าง  ตกลงกันได้หรือยัง”

            “เขาไม่อยากเก็บเอาไว้”  คนที่นอนหลับตาอยู่พูดลอยๆ

            “งั้นหรือ”  คิ้วของคนฟังเลิกขึ้นสูง  “ความเห็นตรงกันแล้วนี่  รีบหาคลินิกซะสิ  ถ้าไปโรงพยาบาลคงกลายเป็นข่าวดังแน่  ฉันพอจะรู้จักคลินิกทำแท้งดีๆอยู่บ้าง”

            “พี่อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย  ผมคลื่นไส้”

            “นายคงเครียด”  ฉัตรินว่า  “ฉันเข้าใจ  แต่คุณอัยย์คงเครียดมากกว่านาย”

            “ผมรู้...ผมเพิ่งคุยกับเขามา  เขาดึงดันยังไงก็จะเอาออกให้ได้  พูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง  พอขัดใจก็จะอดข้าวบ้างล่ะ  ร้องไห้บ้างล่ะ  จะให้ผมทำยังไง  ผมเครียดจะตายอยู่แล้ว”  ประโยคหลังคนพูดหลุดปากออกมาโดยไม่ตั้งใจ

            “เดี๋ยวนะ  ฉันเข้าใจผิดหรือเปล่า  นายพูดเหมือนตัวเองอยากเก็บเด็กเอาไว้?”

            อีกฝ่ายอึ้งไปครู่แล้วก็ยอมรับ

            “ใช่  ผมอยากได้เด็กคนนี้”

            “แล้วคำทำนายอะไรนั่นล่ะ”

            “พี่รู้แต่แรกอยู่แล้วว่าผมไม่เคยแคร์คำทำนายอะไรนั่น  ทำไมถึงไม่ท้วงตั้งแต่แรก”

            “ฉันจะไปรู้นายเหรอ  วันดีคืนดีอาจจะอยากลุกขึ้นมางมงายกับคำทำนายร้อยปีก็ได้นี่”  ฉัตรินหัวเราะหึๆ  ไม่แปลกใจกับสิ่งที่ได้รู้เท่าไหร่  เขาเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าคงจะออกมาในรูปนี้  แค่ประหลาดใจตรงที่เจ้าโอเมก้ากลับเป็นฝ่ายไม่ยอมเข้าจริงๆแค่นั้น  “ฉันว่ายังไงคุณอัยย์ก็ต้องยอมนายอยู่แล้ว  นายกัดเค้าไปแล้วนี่นะ”

            “ตอนแรกผมก็คิดว่าแบบนั้น”  พิชช์ฌานพึมพำ  “แต่พอเห็นเขาร้องไห้แล้วมันแบบ...พี่ก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนชอบบังคับ  ผมรำคาญที่เห็นเขาเอาแต่ร้องไห้ฮือๆทั้งวัน”

            “อืม”

            “อืม?  พี่ไม่มีความเห็นหน่อยเหรอ”

            “จะให้ฉันว่ายังไง  ฉันเป็นคนนอกนี่นะ  ก็ต้องแล้วแต่พวกนายสองคนอยู่แล้ว  แต่จะทำอะไรก็...กระซิบบอกแม่นายหน่อยก็ดีนะ”

            “พี่ยังไม่ได้บอกแม่ใช่ไหม”

            “ยังหรอก  แต่เผลอๆอาจจะรู้เรื่องแล้ว  นายก็รู้ว่าในบ้านนี้มีสายสืบของเธออยู่”

            “หมายถึงป้านิ่มน่ะเหรอ”  พิชช์ฌานลืมตาโพลง  “จริงด้วยสิ  ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย  ป่านนี้แม่ต้องรู้เรื่องแล้วแน่”  คิดแล้วก็เริ่มร้อนใจ  “แม่ต้องเห็นด้วยเรื่องเอาเด็กออกชัวร์  ผมต้องหาทางจัดการเรื่องนี้ก่อนที่แม่จะโผล่มาที่บ้าน  พรุ่งนี้ผมต้องบินไปประชุมอีก  หมอมียาที่ฉีดให้เจ้าบู้บี้หลับป๊อกไปเลยไหมครับ  ผมจะได้แพ็คใส่กระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่องไปเลย”

            “โธ่”  คุณหมอหัวเราะ  “ทำไมนายต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วย  ก็บอกเขาให้ไปด้วยกันดีๆไม่ได้เหรอ”

            “จริงๆผมก็ไม่ค่อยอยากให้ไปด้วย  ผมประชุมทั้งวันกลัวว่าถ้าทิ้งเขาอยู่ที่โรงแรมจะเกิดเรื่องวุ่นวาย  เขายิ่งหาทางหนีผมอยู่ได้ทุกวัน”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

            “ก็ไหนว่าเขาติดกลิ่นนายไง”

            “ติด..แต่เขาก็ไล่ผมออกมาจากห้องนะครับ”  พิชช์ฌานตอบเสียงอ่อย  “ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันจะได้ผล”

            “สรุปว่านายรักคุณอัยย์?”  ฉัตรินพูดตรงเป้าเสียจนคนฟังเงียบไปพักใหญ่

            “ก็ไม่ได้เกลียด”  พิชช์ฌานพูดขึ้นช้าๆ

            “นายตอบไม่ตรงคำถามฉัน”

            “จะให้ผมพูดว่ารักเขาอีกเหรอ  ผมเพิ่งถูกเขาหัวเราะเยาะมาเองนะ”  ชายหนุ่มพูดเสียงห้วนขึ้น  “ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่ความรัก  อีกสามเดือนผมอาจจะหมดความสนใจในตัวเขา  ตอนนี้ผมก็แค่เห่อของใหม่  เหมือนเวลาได้ของเล่นใหม่ที่เราจะต้องเห่อใช่ไหมครับ”

            “นายเลิกเล่นของเล่นมาตั้งนานแล้วนี่ฌาน”  คุณหมอพูดขึ้น  หยิบที่วัดความดันโลหิตมาพันรอบแขนของชายหนุ่มอีกครั้ง  “นายจะพูดยังไงกับฉันก็ได้  เพราะฉันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนาย  แต่นายควรจะต้องพูดกับคุณอัยย์ตรงๆ”

            “เขาไม่เชื่อผมหรอก”  พิชช์ฌานพึมพำ  “เขาคิดว่าผมเห็นเขาเป็นแค่หมากบนกระดาน”

            “แล้วมันจริงไหมล่ะ”

            “......”   ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก  “มันแยกกันไม่ออก  ชีวิตคนเราก็เหมือนหมากบนกระดานไม่ใช่หรือไง”

            “ฉันว่านายต้องใช้เวลาทบทวนเรื่องนี้อีกทีนะ  คนเล่นหมากกับตัวหมากเองไม่เหมือนกันนายคงรู้  ลองไปคิดดีๆว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของนาย  บางทีอาจจะไม่ใช่ตำแหน่งนายกฯที่นายฝันนักฝันหนาก็ได้”

            “พี่ไม่เข้าใจหรอก  ผมพยายามเพื่อมันมาทั้งชีวิต..”

            “ความดันนายยังค่อนสูงอยู่นะ  พักผ่อนให้เพียงพอแล้วก็ระวังเรื่องอาหารการกินด้วย   ความเครียดก็มีส่วนสำคัญ  ไว้ฉันจะมาตรวจใหม่  รักษาสุขภาพบ้าง”  ฉัตรินเปลี่ยนเรื่อง  ลุกขึ้นยืนเก็บของต่างๆลงในกระเป๋า  “นายคงเริ่มดีขึ้นแล้ว  นอนพักซะ  ไม่ต้องไปส่งหรอก”

            “ขอบคุณมากครับ”

            ฉัตรินหิ้วกระเป๋าเดินกลับออกมาจากห้องทำงาน  คุณหมอชะงักเล็กน้อยที่เจอร่างโปร่งบางยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าห้องด้วยใบหน้าเรียบเฉย  อดนึกเอะใจไม่ได้ว่าเมื่อครู่นี้อีกฝ่ายได้ยินเรื่องที่เขาสนทนาไปบ้างหรือเปล่า

            “คุณอัยย์  สวัสดีครับ”

            “สวัสดีครับคุณหมอ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นไหว้

            “สบายดีหรือเปล่าครับ”  คุณหมอหนุ่มพูดทักทายได้ครู่เดียวก็รีบขอตัวกลับเพราะเกรงว่าจะเผลอหลุดปากอะไรออกไป  เห็นสายตาของฝ่ายนั้นตวัดมองเข้าไปทางประตูห้องทำงานก็ได้แต่หวังว่านายพิชช์ฌานจะเอาตัวรอดไปได้

            พิชช์ฌานรู้สึกถึงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง  เขาจำฝีเท้านั้นได้ทันทีเพราะมันเบากว่าเจนภพมาก  ฝีเท้านั้นเดินๆหยุดๆเหมือนเจ้าของเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเดินเข้ามาใกล้กว่านี้หรือว่าถอยออกไปดี

            “ยังไม่นอนอีกเหรอ”  พิชช์ฌานลืมตาขึ้นมองคนที่ก้าวมาหยุดที่ปลายเท้าของเขา  คนมาใหม่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อย  ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งลุกจากเตียงมา  นัยน์ตากลมโตหรี่ปรือมองหน้าเขานิ่ง

            “ยัง...ได้ข่าวว่าคุณไม่สบาย”

            คนฟังรู้สึกดีใจขึ้นมาแวบหนึ่ง

            “เป็นห่วงฉันเหรอ”

            “เปล่า”

            “แล้วลงมาทำไม”

            “ผม..”

            “..มาให้อาหารปลาหรอ”  พิชช์ฌานพูดแทรก  “ไม่เอาน่า  มุขซ้ำแล้ว”

            “ผมอยากคุยกับคุณ”  อาคิราห์พูดเสียงเรียบสนิท

            “ทำไมทำเสียงจริงจัง  ฉันไม่ชินเลยนะบู้บี้”  พิชช์ฌานฝืนหัวเราะออกมาทั้งที่ใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม  “อยากคุยอะไร”

            “เรื่องลูกในท้องของผม”  คนฟังแทบจะกลั้นหายใจ  “ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บเอาไว้...”  คนพูดเก็บคำว่า ‘ชั่วคราว’ เอาไว้ในใจ

            สีหน้าคนฟังดูน่าขัน  ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำลงมาถึงลำคอ  พิชช์ฌานลุกขึ้นจากโซฟาก้าวพรวดเดียวเข้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง...ถ้าอีกฝ่ายเล่นละครอยู่  ก็คงจะได้รางวัลตุ๊กตาทอง  สมกับเป็นนักการเมืองพันหน้าเสียจริง   

            “ฉันดีใจที่เธอตัดสินใจอย่างนั้นอาคิราห์”  มือใหญ่คว้ามือของเขาไปกุมเอาไว้แน่น   “เธอคิดถูกแล้ว  ฉันรับรองว่าจะดูแลเธอกับลูกอย่างดี”  พิชช์ฌานพูดอย่างโล่งใจ  ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้  อาคิราห์ขืนตัวอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยอมซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง   “เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวลอะไรเลย”

            “พรุ่งนี้คุณจะไปประชุมเหรอ”  อาคิราห์ถามเสียงอู้อี้

            “ใช่”  คนฟังใจแป้วไปแล้วครึ่งหนึ่งแต่ก็กัดฟันถามต่อ

            “ผมขอไปด้วยได้มั้ย”  เจ้าโอเมก้าเงยหน้าขึ้นถาม  ดวงตากลมใสแจ๋วทำเอาคนมองชะงักไปครู่  พิชช์ฌานกระแอมออกมาหลายที

            “เธออยากไปหรือ”

            “อยาก...ผมอยากไปกับคุณ”

            “แต่ฉันประชุมทั้งวัน  เธอคงต้องรออยู่ที่โรงแรมก่อนนะ  จนฉันเลิกงานเราถึงจะไปเที่ยวกันต่อได้”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  กลิ่นคุกกี้รสนมที่คุ้นเคยช่วยให้ความคลื่นเหียนจางลงแทบจะเป็นปลิดทิ้ง   ชายหนุ่มถูปลายคางบนหน้าผากเนียนเล่น  “รอได้หรือเปล่า”

            “ผมรอได้”  อาคิราห์ตอบ

            “ฉันบอกอะไรก็ต้องทำตามนะ  ห้ามดื้อ..รู้ไหม”

            “ผมจะทำตามที่คุณบอก”

            “งั้นก็ตกลง”  พิชช์ฌานมัวโล่งใจเสียจนไม่ทันสังเกตเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของคนในวงแขน

            ภาพจากผู้หวังดีรายหนึ่งยังค้างอยู่ในโทรศัพท์ของอาคิราห์  มันถูกส่งมาจากเบอร์แปลกที่เขาไม่รู้จัก  เป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันอยู่อย่างถึงพริกถึงขิง  แม้ไม่เห็นใบหน้าของฝ่ายชายทว่าเขาก็จำรูปร่างของอีกฝ่ายได้พอๆกับเสี้ยวหน้าสวยสดของฝ่ายหญิงที่เป็นคนเดียวกับสาวชุดดำคืนนั้น

            ‘พวกเขาจะนัดพบกันพรุ่งนี้’  ข้อความที่ถูกส่งมาให้เมื่อสามสิบนาทีก่อนบอกเอาไว้

            ตอนแรกอาคิราห์ก็บอกตัวเองให้ลบเรื่องไร้สาระพวกนี้ออกไปจากสมองซะ  มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีรูปพวกนี้ส่งมาแต่มันเป็นครั้งแรกที่เขาเก็บเอามาคิดซ้ำ

            คงดีถ้าเขาเอารูปพวกนี้ลงไปถามอีกฝ่ายให้เคลียร์

            อาคิราห์เดินลงมาจากชั้นบนแล้วก็เจอเจนภพเป็นคนแรก  ฝ่ายนั้นบอกว่านายพิษฌานไม่สบาย  อาเจียนยกใหญ่ก็เลยยิ่งรู้สึกสมน้ำหน้า  อยากเข้ามาเยาะเย้ยสักนิดจะได้รู้ซึ้งบ้างว่าตอนที่เขาทั้งท้องเสียทั้งอ้วกนั้นเป็นอย่างไร

            ไม่นึกเลยว่าจะดันมาได้ยินประโยคเด็ดเข้าอีก  ก็ดีเหมือนกัน  จะได้รู้ว่าคนที่ทำหน้าซาบซึ้งราวกับดีใจเสียเต็มประดาตอนนี้  แท้จริงแล้วเพียงแค่เห่อของเล่นใหม่เท่านั้น

            รู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นหมากในกระดานของเขา  แต่พอมาได้ยินกับหูเข้าจริงๆก็อดเสียใจไม่ได้  ชีวิตของอาคิราห์มีค่าแค่นี้เองจริงหรือ

            ...................................................................

            มาอัพต่อแล้วจ้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            ปรับโหมดแทบไม่ทัน5555555

            อะไรยังไง เจอกันตอนหน้าเนอะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อัยย์เตรียมหนี หรือไปจับผิดกันแน่

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :a5:  หรือจะแพ้ท้องแทนเมีย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
นายพิษน่าจะแพ้ท้องแทนเมียแน่ๆ ตอนนี้น้องอัยย์คิดไปไกลแล้ว ไม่รู้ว่าคิดจะหนีด้วยรึป่าว แล้วใครเป็นคนส่งรูปมาให้น้องล่ะ เป็นห่วงใจน้องมาก กลัวน้องจะเป็นอันตรายด้วย

ออฟไลน์ Koduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ค้างมากกกกกกกกก รีบมาต่อนะครับ  :hao5:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
พิษฌานเจอจังหวะนรกของเจ้าบู้บี้อีกแล้วว อมก. แล้วใครเป็นคนส่งรูปให้เจ้าบู้บี้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สับสนวกวนกับคำพูดกันเอง แบบนี้ยิ่งพากันเสียใจ

สงสารอัยย์ อัดอั้นมาก อยากหนีไป แต่ก็อยากอยู่ด้วย
แล้วที่จะไปด้วยคือไปตามส่องก็พอนะ อย่าถึงขั้นหนีเลย
กลัวอัยย์เจอคนไม่ดี เจอคนมาหลอก
แล้วมาได้ยินอะไรตอนที่ไม่สำคัญล่ะ ตอนสำคัญทำไมไม่ได้ยิน

ฌาณพลาดมากจ้า เจอหลักฐานมัดตัวซะแล้ว
เคลียร์ใจ เคลียร์ทุกอย่างให้จบก่อนนะ ไม่งั้นจะเสียใจ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด