[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267758 ครั้ง)

ออฟไลน์ sweetie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หนูอัยย์หนีไปเลยลูก  :m16:

ออฟไลน์ sweetie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยัยรินลดา!!!! ถ้าทำอะไรน้องอัยย์แกเจอดีแน่!! :angry2:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ใครจะรับเป็นมือตบ

จัดการนังรินรดาป้าจ่ายไม่อั้น

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
ปกติไม่ชอบเรื่องนางเอกอ่อนแอหวั่นไหวง่าย แต่เรื่องนี้ปูมาดีมาก
นางเอกมีที่มาที่ไป มีเหตุผล แล้วก็พระเอกก็ไม่น่าไว้ใจมาตลอดเหมือนกัน
รักน้องอัยย์อ่ะ

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
รออ่านอยู่ค่ะ นี่อ่านรวดเดียวเลยตั้งแต่ตอน 1 สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 23

 

 



 

 

 

            “ขึ้นไปดูอาคิราห์ก่อน”  พิชช์ฌานสั่งลูกน้องเสียงดังท่ามกลางความโกลาหล  เจนภพชะงักหันกลับมาหาเจ้านาย  “ปล่อยรินลดาไป  เดี๋ยวเธอจะกลับมาเอง  ตอนนี้ไปหาอาคิราห์ก่อน”  ชายหนุ่มพูดย้ำ

            กริ่งสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังไปทั่วบริเวณ  ลิฟต์ถูกปิดโดยอัตโนมัติ  พิชช์ฌานกับเจนภพและลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งวิ่งสวนทางกับบรรดาแขกขึ้นบันไดหนีไฟไป  พอไปได้ครึ่งทางชายหนุ่มก็ก้มลงหายใจหอบเกาะราวบันไดพยุงตัวเอาไว้แน่น

            “คุณฌานไหวไหมครับ  คุณลงไปรอข้างล่างดีกว่าครับ  ผมกับเด็กๆจะขึ้นไปตามหาคุณอัยย์เอง” เจนภพหันกลับมาพูดอย่างเป็นห่วง  ใบหน้าคมเข้มของเจ้านายตอนนี้ซีดเผือด

            “ฉันไหว  พวกนายรีบขึ้นไปก่อนเลย  เจอกันข้างบน..รีบไปสิ”  พิชช์ฌานสั่ง  กัดฟันเกาะราวบันไดพาตัวเองขึ้นไปจนถึงชั้นที่อาคิราห์อยู่จนได้  เจนภพก้าวลิ่วๆเดินนำไปก่อนแล้ว  น้ำดับเพลิงฉีดเป็นฝอยลงมาจากเพดานข้างบนจนเสื้อเปียกชุ่ม  กลิ่นเหม็นไหม้และควันลอยออกมาจากทางห้องพักของเขานั่นเอง  พิชช์ฌานใจหายวาบ  ลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อครู่ไปหมด  ก้าวพรวดเดียวไปหยุดยืนหน้าประตูห้อง

            สภาพข้างในห้องทำเอาชายหนุ่มเกือบเข่าอ่อน  เตียงนอนโดนไฟเผาไหม้ไปครึ่งหนึ่งเช่นเดียวกับพรมและโครงเหล็กที่เดาว่าน่าจะเคยเป็นรถเข็นบรรจุอาหาร  แรงระเบิดทำให้กระจกแตกและผ้าม่านกระจุยกระจาย  เศษคราบอะไรต่อมิอะไรเละเทะเต็มพื้น

            “ใครที่โดนแรงระเบิดนี่ต้องแหลกเป็นชิ้นแน่”  เสียงเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาช่วยดับไฟพูด  พิชช์ฌานหันขวับไปถามทันที

            “ผมเป็นแขกที่พักห้องนี้ครับ  ผมชื่อพิชช์ฌาน  ตอนที่คุณมาถึงคุณเห็นคนที่อยู่ในห้องนี้มั้ยครับ  ภรรยาของผมเอง...ผู้ชายตัวสูงประมาณนี้  คุณเห็นบ้างมั้ยครับ”

            “ครับคุณพิชช์ฌาน  ตอนที่ผมมาไม่เห็นใครในห้องเลยนะครับ”  คนพูดขมวดคิ้วมองเข้าไปด้านในห้อง  “แต่เดี๋ยวผมจะประสานงานกับคนอื่นๆให้ครับ  รบกวนรอข้างนอกนะครับ”

            “ห้องผม  ผมจะเข้าไปดูเอง  ให้ผมเข้าไปดูเถอะครับ”   พิชช์ฌานพูดพลางหันไปสั่งลูกน้องให้แยกย้ายกันลงไปหาอาคิราห์ข้างล่างด้วย  ดูจากสภาพการแล้วเจ้าตัวน่าจะออกจากห้องไปก่อนที่จะระเบิด  ไม่อย่างนั้นก็คงเหลือแต่ร่างเอาไว้ให้เห็น

            แค่คิด..พิชช์ฌานก็กัดฟันแน่นจนสันกรามขึ้นนูน

            “คุณพิชช์ฌาน”  ธีรดลปรากฏตัวขึ้น  “เกิดไฟไหม้ที่ห้องคุณ  ผมตกใจแทบแย่  คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”  เจ้าของรีสอร์ตเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าร้อนใจ  “ยังเข้าไปไม่ได้ครับ  เราควบคุมเพลิงได้แล้วก็จริงแต่ว่าต้องรอให้ตำรวจมาเก็บหลักฐานก่อนครับ  เบื้องต้นคิดว่าไฟลัดวงจรจากกระติกน้ำร้อนหรือไม่ก็อาจจะเป็นไดร์เป่าผม”

            “ไดร์เป่าผม?”  คนฟังพูดเสียงสูง  เกือบตวาดออกไปแล้วว่ามันคือการวางระเบิดชัดๆ แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ได้ทัน  ธีรดลก็คงกลัวเรื่องระเบิดถึงหูนักข่าวถึงได้พยายามบิดเบือนไปเป็นเรื่องธรรมดาเสียเพื่อไม่ให้โรงแรมเสียชื่อเสียง   พิชช์ฌานระบายลมหายใจยาว  กลืนคำพูดแรงๆลงคอแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ  “ต้นเพลิงอาจจะมาจากสาเหตุอื่น”

            “ก็ยังไม่ทราบครับ  ต้องรอกองพิสูจน์หลักฐานมาเก็บหลักฐานก่อน  ผมเพียงแต่พูดถึงแนวโน้มความเป็นไปได้ครับ  เพราะถ้าสาเหตุของเพลิงไหม้ไม่ได้เกิดจากทางโรงแรมล่ะก็  อาจจะต้องมีการชดใช้ค่าเสียหายครับ”

            คิ้วเข้มกระตุก

            “คุณธีรดลหมายความว่า  ผมจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้คุณงั้นหรือ”  ชายหนุ่มถามเสียงเย็น

            “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ”  คนฟังรีบปฏิเสธ  “ผมเพียงแต่พูดเผื่อเอาไว้ก่อนในหลายๆกรณี  เพราะที่พบมากที่สุดคือลูกค้าลืมเสียบปลั๊กไดร์เป่าผมครับ”

            “ถ้าคุณหันไปมองสักนิดก็จะเห็นว่าจุดศูนย์กลางระเบิดมันอยู่กลางห้องครับ  แล้วตรงที่ไหม้มากสุดก็คือรถเข็นที่พังไม่มีชิ้นดีนั่นแหละ  ต้องให้ผมถามไหมครับว่ารถเข็นนี่มาจากไหน”  เจนภพพูดสวนอย่างเผ็ดร้อน   เจ้านายยกมือขึ้นห้าม

            “ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้แต่คิดว่าโรงแรมของคุณจะต้องมีประกันอุบัติภัยอยู่แล้วถูกไหมครับ  ส่วนเรื่องต้นเพลิงเราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า  เรื่องสำคัญตอนนี้ก็คือภรรยาของผม...อาคิราห์หายตัวไปจากห้อง  ซึ่งตอนนี้เขาอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย  ผมคิดว่าคุณมีกล้องวงจรปิดที่ทางเดินข้างนอกนี่   ถ้าผมจะขอดูกล้องวงจรปิดหน่อยคงไม่เป็นการรบกวนมากเกินไปใช่ไหมครับ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเรียบจนน่าแปลกใจ  มีเพียงคนสนิทอย่างเจนภพเท่านั้นที่ดูออกว่าเจ้านายของเขากำลังโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว

            “ได้ครับคุณพิชช์ฌาน”  ธีรดลอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะก้มศีรษะรับ

            ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นทางเดินด้านนอกเมื่อเกือบชั่วโมงก่อนที่มีลูกน้องของเขาสองคนเดินวนเวียนอยู่  สักพักก็มีพนักงานโรงแรมเข็นรถเข็นเข้ามาหยุดที่หน้าห้อง  พิชช์ฌานสั่งให้หยุดเทปแล้วซูมหน้าเข้าไปดู

            “ช่วยเช็คให้หน่อยว่าใช่คนของโรงแรมไหม”  ชายหนุ่มพูด  เพ่งดูภาพต่อมาที่เป็นร่างของอาคิราห์เปิดออกมาพูดคุยสั้นๆ  ลูกน้องของเขาเปิดฝาครอบจานอาหารออกตรวจเช็คก่อนจะปล่อยให้เข็นเข้าไปด้านใน

            “คนของนายไม่ได้ก้มลงดูข้างใต้รถเลยเจนภพ”

            “ขอโทษครับคุณฌาน”

            วีดีโอเล่นต่อไปจนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างของเจ้าโอเมก้าที่สะพายเป้เอาไว้  หยุดคุยกับลูกน้องของเขาทั้งสองคนนิดหนึ่งก่อนที่จะเดินผ่านออกไปอย่างง่ายดาย  ไม่ถึงสิบนาทีก็เกิดระเบิดขึ้น

            “ติดต่อสองคนนี้ได้หรือยัง”

            “ได้แล้วครับ  เมื่อครู่นี่เอง  พวกเขาบอกว่าคุณอัยย์บอกว่าคุณฌานให้ลงไปเจอที่ลอบบี้ครับ”  เจนภพพูดเสียงเบา  “แล้วคนนึงปวดท้องเลยแอบไปเข้าห้องน้ำก่อน  ส่วนอีกคนไปไม่ทันลิฟต์คุณอัยย์ก็เลยต้องยืนรอลิฟต์ตอนที่ห้องระเบิด  ผมจะเรียกพวกมันมาทำโทษเองครับฐานที่ประมาทเลินเล่อ”

            “ตามหาอาคิราห์ก่อน  เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง”  พิชช์ฌานโบกมือ

            “ผมจะให้ลูกน้องช่วยกันออกตามหาคุณอาคิราห์อีกแรงหนึ่งครับ”  ธีรดลพูด

            “ขอบคุณครับคุณธีรดล  ผมคิดว่าเขาน่าจะยังไปได้ไม่ไกล”  นักการเมืองหนุ่มยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด  สะกดความร้อนใจเอาไว้ในส่วนลึก  “ผมขอดูกล้องวงจรปิดของประตูทางออกโรงแรมหน่อยครับ”

            “ได้ครับคุณพิชช์ฌาน”

            ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นอาคิราห์เดินเร็วๆออกไปด้านหลังของรีสอร์ทที่มีคนน้อยกว่า ชายหนุ่มเม้มปากหรี่ตาลง....ตอนนี้มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าเจ้าโอเมก้าไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดๆแน่  แต่ว่าจะออกไปไหน  กับใครนั้นยังเป็นปริศนาอยู่

            “ข้างหลังโรงแรมนี่ทะลุออกไปที่ไหนได้บ้างครับ”

            “ได้หลายทางเลยครับคุณพิชช์ฌาน”  ธีรดลพูด  “ลัดออกไปนิดเดียวก็ติดถนนใหญ่ขึ้นทางด่วนได้สบาย”

            “คุณสั่งปิดหาดได้มั้ย”  นักการเมืองหนุ่มถามนิ่งๆ  คนฟังชะงัก  “ผมไม่ต้องการให้ใครเข้าออกหาดและโดยรอบบริเวณนี้”

            “ไม่ได้หรอกครับ  นักท่องเที่ยวเยอะด้วย”  ธีรดลคราง  “แค่ไฟไหม้ผมก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว  ขืนไปสั่งปิดหาดอีกมันจะยิ่งดูเป็นเรื่องใหญ่โต  ผมเกรงว่าจะเสียชื่อโรงแรมของระ...”

            “คุณจะเสียชื่อมากกว่านี้อีกครับถ้าไม่ทำตามที่ผม...ขอร้อง”   พิชช์ฌานประสานมือเข้าหากัน  ดวงตาคมกริบมีแววที่ทำให้คนมองไม่กล้าเบือนหลบไปทางไหน  “ช่วยปิดหาดด้วยครับ”

            “ผมทำไม่ได้จริงๆ  มันไม่ใช่ชายหาดของผมคนเดียวนะครับ”

            “ถ้างั้นคุณก็เตรียมตัวล้มละลายได้”  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืนทันควัน  ธีรดลอ้าปากค้างรีบถามละล่ำละลัก

            “คุณจะทำอะไรผม  คุณพิชช์ฌาน ...คิดจะใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบหรอครับ”

            “ผมไม่มีอำนาจรัฐหรอกครับ  แต่ผมมีวิธีของผม”

            “คุณจะแบล็คเมล์อะไรผมสินะ  ผมรู้หรอก...ฉายาของคุณ  แต่คุณไม่มีทางทำได้  เพราะผมมือสะอาดไม่เคยมีอะไรด่างพร้อย”

            “คุณจะลองดูก็ได้  หรือไม่...ก็เตรียมตัวโดนยึดกิจการขายทอดตลาดแล้วออกไปทอดลูกชิ้นขายได้เลย”

            “นี่คุณจะทำกับหุ้นส่วนพรรคของคุณแบบนี้จริงหรือคุณพิชช์ฌาน”  ธีรดลพยายามสะกดน้ำเสียงให้ราบเรียบเหมือนอีกฝ่ายแต่ก็ดูจะไม่ค่อยสำเร็จ

            “คิดว่าผมสนมั้ยล่ะ”  พิชช์ฌานตอบกลับมา  “ผมไม่คิดจะร่วมธุรกิจกับคนที่ใจไม่ถึงพอหรอกนะครับ  คำขอเพียงเท่านี้มันง่ายมากสำหรับคุณแต่ว่าคุณก็ยังให้ผมไม่ได้  เราก็ไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีก”

            ธีรดลหน้าแดงก่ำลงมาถึงลำคอ  จ้องหน้าเขานิ่งอั้นไปครู่

            “ก็ได้ครับ  ผมจะให้คนปิดหาดเดี๋ยวนี้เลย”

            “ผมขอตัวคนที่เข็นรถรูมเซอร์วิสด้วยนะครับ”  พิชช์ฌานพูด  “ถ้าคุณเอาตัวมาให้ผมไม่ได้  ผมจะถือว่าเป็นความผิดพลาดของโรงแรมคุณที่ทำให้ผมต้องสูญเสียทรัพย์สินนะครับ”

            ชายหนุ่มพูดจบก็ผละออกมาจากห้องที่ดูกล้องวงจรปิดโดยมีมือขวาคนสนิทตามออกมาติดๆ  เจนภพเหลือบมองเจ้านายอย่างเป็นห่วงแกมกังวล

            “คิดว่าคุณธีรดลจะหาตัวคนร้ายให้เราได้เหรอครับ”

            “แค่เขายอมปิดหาดให้ฉันก็ดีมากพอแล้ว”  พิชช์ฌานพึมพำ ก้มลงดูนาฬิกา  “เราต้องทำงานแข่งกับเวลานะเจนภพ  ติดต่อไปทางผู้กำกับที่สน.เขตข้างๆนี่ด้วย  ขอให้เขามาช่วยกันตามหาอาคิราห์  ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยน่าจะยังไปได้ไม่ไกลหรอก  ลองตามหาแถวๆนี้ดู   อ้อ  อย่าลืมให้คนไปดักที่ด่านทางด่วนถัดไปด้วย”

            “แล้วคุณฌานล่ะครับ”

            “ฉันจะไปดูที่สนามบิน”

            .......................................................................

            อาคิราห์กำลังนั่งกุมมืออยู่ในสำนักงานรับจัดหางานโอเมก้า  ตากลมลอบมองสำรวจไปรอบๆห้องทำงานที่ดูสะอาดสะอ้านและน่าเชื่อถือ  รวมถึงคนที่นั่งพิมพ์เอกสารสมัครงานอยู่ตรงหน้าเขาด้วย  เค้าเป็นโอเมก้าเช่นกัน  ดูแวบเดียวก็รู้

            “คุณอยากได้งานประเภทไหนครับ”  อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นถามเขายิ้มๆ  พอเห็นอาคิราห์ทำหน้างงก็รีบขยายความต่อ  “อย่างเช่น  งานบ้าน  งานเอกสาร  งานนั่งโต๊ะ  หรือว่างานกลางแจ้ง  งานร้านอาหาร  อะไรทำนองนี้ครับ”

            “เอ่อ...มีงานในห้องสมุด หรือร้านหนังสืออะไรแบบนี้มั้ยครับ”

            “มีครับ  เกี่ยวกับหนังสือนะครับ  ผมจะลงเอาไว้ให้”  ฝ่ายนั้นพูด  ก้มหน้าลงพิมพ์ต่อจนกระทั่งเสร็จก็ปริ้นท์ออกมาส่งให้อาคิราห์ตรวจสอบรายละเอียด  “ลองอ่านดูอีกทีครับนะครับ  คุณอินตรา  ชื่อที่อยู่ถ้าไม่ประสงค์ลงรายละเอียดเอาไว้ก็ได้ครับ  ไม่ต้องห่วงเรื่องชื่อปลอมด้วย...ที่นี่เราใช้ชื่อปลอมกันทั้งนั้น”  คนพูดขยิบตาให้เขานิดหนึ่ง

            อาคิราห์เกือบอ้าปากค้าง  ดันแว่นตาอันใหญ่ขึ้นไปบนดั้งจมูก  ก้มลงอ่านเอกสารตรงหน้า

            “ทำไมถึงเป็นประเทศ...ล่ะครับ  ผมไม่ได้อยากไปที่นั่น”  เขาเอ่ยชื่อประเทศที่เป็นหมู่เกาะทางใต้ขึ้นมาอย่างงุนงง

            “เราต้องไปต่อเครื่องกันที่นั่นครับ  การจะออกนอกประเทศโดยไม่ใช้วีซ่าเป็นเรื่องยากคุณคงทราบ  แต่ว่าทางบริษัทของเราก็มีวิธีเดินทางที่ปลอดภัยและถึงที่หมายอย่างแน่นอน  รับประกันร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ  ที่นั่นเรามีคนของเราคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่างตั้งแต่ขึ้นจากท่า  รอบนี้คุณอินตรามีเพื่อนไปด้วยกันเยอะเลยด้วยครับ  ไม่ต้องกังวล”

            “ผม..ต้องจ่ายเท่าไหร่นะครับ”

            “คุยกันแล้วไงครับว่าการจ่ายเป็นแบบผ่อนชำระ  เพื่อเป็นการรับรองว่าบริษัทจะจัดหางานให้คุณได้อย่างแน่นอนครับ  พอคุณได้งานแล้วค่อยผ่อนส่งเป็นงวดๆ ประมาณหนึ่งปีก็ครบแล้วครับ  อย่างของคุณอินตราเป็นแพ็คเกจสามประเทศนะครับ  ก็จะได้อยู่ที่ราคานี้...”  ฝ่ายนั้นคิดเครื่องคิดเลขแล้วส่งมาให้เขาดู

            “ถ้าผมจ่ายทีเดียวไม่ต้องผ่อนเป็นงวดได้ไหมครับ”

            “ได้สิครับ”

            “เคยมีคนไม่จ่ายไหมครับ”  อาคิราห์ถามต่อ

            “มีครับ  ...เราก็แค่ส่งเขากลับประเทศเท่านั้นเอง”  อีกฝ่ายตอบเนิบๆ

            “แล้ว...ไม่มีวีซ่า  ผมก็กลายเป็นคนเถื่อนน่ะสิ  ผมจะโดนตำรวจจับกลับมาหรือเปล่า”

            “เราจะทำวีซ่ากันใหม่ที่นี่ครับ”   ฝ่ายนั้นชี้นิ้วลงบนชื่อประเทศหนึ่งในเอกสาร  “คุณจะมีวีซ่าครับ  แล้วถ้าจ่ายเพิ่มอาจจะได้สิทธิอื่นๆอีกด้วย  มีรายละเอียดอยู่ที่แผ่นสุดท้ายครับ  ลองอ่านดูอีกทีก็ได้”

            “ผมอ่านหมดแล้ว  แค่อยากถามให้แน่ใจ”  อาคิราห์พึมพำ  กวาดตามองตัวอักษรที่เรียงรายอยู่เป็นพรืดนั้น

            “ตอนแรกๆผมก็เคยกังวลแบบนี้เหมือนกันครับ”  อีกฝ่ายพูดขึ้นเบาๆ  “ไม่เคยออกไปเผชิญกับโลกกว้างเลย  ต้องอยู่แบบหลบๆซ่อนๆในบ้านเล็กๆ  โดนพี่น้องทุบตี  ผมหมดหนทางจนคิดอยากจะตายๆไปให้พ้นๆด้วยซ้ำ  จนกระทั่งผมได้รู้จักที่นี่  เค้าช่วยให้ผมได้รู้จักโลกใหม่...มันคุ้มค่าครับคุณอินตรา  โลกข้างนอกมีอะไรมากเกินกว่าจะคาดคิด”

            “คุณไปทำงานอะไรหรอครับ”

            “ผมไปเป็นพ่อบ้านครับ  บริษัทส่งผมไปอยู่ประจำที่บ้านเศรษฐีในเมืองหนึ่งแถบยุโรป  ที่นั่นสวยมาก...มีหิมะตกด้วยนะ  ผมได้สัมผัสหิมะครั้งแรกแทบจะร้องไห้  ทำงานไม่กี่ปีผมก็มีเงินเก็บมากพอที่จะกลับมาที่บ้านเกิด  ตอนนี้ผมไม่ใช่โอเมก้าขี้แพ้คนเดิมแล้ว  แต่ว่าเป็นหุ้นส่วนธุรกิจที่เติบโตปีละสองร้อยเปอร์เซ็นต์  ที่บ้านก็ต้องพึ่งเงินที่ได้จากผม  โอเมก้าคนนี้หาเลี้ยงอัลฟ่ากับเบต้าที่บ้านนะครับ”

            “คุณเก่งมากครับ”  อาคิราห์ประทับใจ  “แต่ผมคงไม่มีปัญญาถึงขั้นหาเลี้ยงคนที่บ้านหรอก  พวกเขาเก่งกว่าผมเยอะ  ผมขอแค่พึ่งตัวเองได้โดยไม่ต้องไปพึ่งคนอื่นก็เพียงพอแล้วครับ”

            “เป็นความคิดที่ดีมากครับ  น่ายกย่องจริงๆ  หาโอเมก้าที่มีความคิดก้าวหน้าแบบนี้ยากขึ้นทุกที  ส่วนใหญ่จะยอมตกเป็นเบี้ยล่างของอัลฟ่าอยู่ร่ำไป  โดยเฉพาะคนที่โดนกัดแล้วด้วยล่ะก็...คุณใจเด็ดนะครับ  ผมนับถือคุณ”

            “คุณ...”  อาคิราห์ยกมือขึ้นลูบที่หลังคอ

            “ผมได้กลิ่นก็ทราบแล้วครับว่าเคยโดนกัดหรือเปล่า”  อีกฝ่ายตอบยิ้มๆ  “คุณไม่ต้องปิดบังหรือตกใจหรอกครับ  อ้อ...รวมถึงลูกในท้องของคุณด้วย”

            คนฟังตกใจขึ้นมาจริงๆ

            “โอเมก้ามีกลิ่นเฉพาะตัวครับ  เช่นเดียวกับอัลฟ่า  เราได้กลิ่นแต่ว่ามีแค่คู่ของเราเท่านั้นที่จะบอกได้ว่ามันคือกลิ่นของอะไร  เวลาฮีทขึ้นมา  กลิ่นก็จะรุนแรงขึ้น  แต่ถ้าตั้งท้องล่ะก็  กลิ่นจะเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบหนึ่งที่หอมหวานมากกว่าปกติ....พอดีผมเคยเจอคนมาเยอะมากก็เลยแยกแยะกลิ่นได้ครับ”

            “ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง...”  อาคิราห์พูดเสียงอ่อน

            “ไม่แปลกหรอกครับ  ผมเคยเจอลูกค้าตั้งท้องอยู่บ่อยๆ  ท้องอ่อนๆยังดูไม่ค่อยออก  ส่วนใหญ่ก็นี่แหละครับ...ถูกอัลฟ่าคู่ครองทำร้ายบ้าง  ปล่อยทิ้งบ้าง  ก็เลยหาทางหนีออกมา  ของคุณอินตราเป็นจากสาเหตุอะไรล่ะครับ”

            “ผม..อยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆบ้างครับ”  อาคิราห์ตอบเลี่ยงไปเสีย  อีกฝ่ายก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอีก  นั่งคุยกันได้อีกพักหนึ่ง  เจ้าตัวก็แนะนำตัวว่าชื่อ  วีรัตน์

            “ผมจะพาคุณไปพักผ่อนในห้องรับรองก่อนนะครับ  ที่นั่นจะมีเพื่อนๆโอเมก้าที่จะเดินทางไปด้วยกันกับคุณอยู่ด้วย  พวกคุณจะได้ทำความรู้จักกัน”  วีรัตน์พูดยิ้มๆ  ลุกขึ้นพาเขาเดินเข้าไปข้างหลังสำนักงานที่ตกแต่งเอาไว้สวยงามคล้ายบ้านพักอาศัย   



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






          วีรัตน์ตัวเล็กกว่าเขาเยอะ  โอเมก้าเกือบสิบคนที่อยู่ในห้องพักก็เช่นกัน  ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว  อาคิราห์รู้สึกมือไม้เก้งก้างขึ้นมาฉับพลัน  เขาไม่เคยเจอคน ‘พวกเดียวกัน’ มากมายเช่นนี้มาก่อน

            ในโลกของเขา...มีแต่อัลฟ่า

            “สวัสดีครับ  เอ้อ...ผมชื่อ..อินตรา”  แนะนำตัวไปเก้อๆ  บางคนก็ผงกหัวรับ  บางคนก็เพียงแต่เหลือบมองด้วยหางตาแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก  อาคิราห์ก้าวเข้าไปในห้องแล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้นวมที่เหลือมุมหนึ่ง  ตรงข้ามกับเขาเป็นโอเมก้าตัวเล็กแค่ไหล่ของเขาแถวยังผอมจนเห็นแก้มตอบ  “สวัสดีครับ”

            “สวัสดี”  คนๆนั้นตอบกลับมาห้วนสั้นเหมือนไม่อยากพูดมาก

            “คุณชื่ออะไรครับ”

            “ถามทำไม”

            “ผมอยากทำความรู้จักเอาไว้  เดี๋ยวเราจะต้องเดินทางไปด้วยกันอีกไกลเลย”

            “แค่ประเทศหมู่เกาะทางใต้  ไม่ไกลหรอก”  ฝ่ายนั้นตอบ

            “อ้าว...คุณไม่ได้ต่อเครื่องไปยุโรปหรอครับ”

            อีกคนปรายตามองเขา  ไม่ตอบ  อาคิราห์เลยเปลี่ยนคำถาม

            “ทำไมคุณถึงอยากไปที่นู่นครับ”

            “ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่”  ฝ่ายนั้นตอบเสียงห้วนกว่าเดิม  แต่พอหันมาสบตาคนฟังเสียงก็อ่อนลงเล็กน้อย  “ฉันมีญาติอยู่ที่นั่น”

            “ดีจังครับ”

            “แล้วเธอล่ะ  ทำไมถึงอยากไปจากที่นี่”

            “ผมอยากไปเที่ยวรอบโลก”

            คำตอบของอาคิราห์ทำให้เกิดแววพิศวงในดวงตาสีเข้มแห้งผากของคนฟัง

            “ไปเที่ยว?  เธอล้อฉันเล่นงั้นหรือ”  โอเมก้าคนนั้นพูด  “เราไปทำงาน  ไม่ได้ไปเที่ยว”

            “ก็รวมๆนั่นแหละครับ  ไปเที่ยวด้วย  ทำงานด้วยไงล่ะ...ว่าแต่คุณจะไปทำงานอะไรหรอครับ  ผมลงไปว่าอยากทำงานในห้องสมุด  คุณว่าบริษัทจะหางานในห้องสมุดให้ผมได้ไหมครับ”

            “......”  คนฟังเงียบไปอีกครั้ง  “...ก็อาจจะได้นะ”  เขาพูดต่อมาในที่สุด  “โอเมก้าไม่มีงานให้เลือกมากนะหรอก”

            “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น”  อาคิราห์ถอนหายใจยาว  “เกิดเป็นโอเมก้านี่มันลำบากจังนะครับ”

            คราวนี้มีเสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอของใครอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล  เธอเป็นโอเมก้าที่หุ่นท้วมเล็กน้อยและมีผมยาวสยาย  ทว่าเสียงหัวเราะกลับฟังทุ้มๆแปลกๆไม่เหมือนผู้หญิง

            “ฉันว่าเธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความลำบากคืออะไร  เจ้าหนู”

            “ผมว่าผมรู้นะ...ผมถูกขังในบ้านมาตั้งแต่จำความได้  ไม่ได้ออกไปไหนเลย  จะทำอะไรก็ต้องหลบๆซ่อนๆ  ล่าสุดก็ต้องแต่งงานโดยที่ไม่ต้องการ”  อาคิราห์ร่ายยาวด้วยความรู้สึกขุ่นมัวขึ้น  รอยยิ้มสมเพชปรากฏในดวงตาของผู้ฟัง

            “ถ้าแค่นั้นเรียกลำบาก ...อย่างฉันก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็นมาแล้ว”  เธอหัวเราะหึๆ แต่ก็ไม่ได้ขยายความต่อ  “เธอจะไปไหนเจ้าหนู  ได้ยินว่าจะไปเที่ยวรอบโลกงั้นหรือ”

            “ใช่”

            “แล้วคิดยังไงถึงมาสมัครที่บริษัทนี้”  ฝ่ายนั้นถามต่อมา  “คิดหรือว่าเขาจะหางานในห้องสมุดให้เธอได้จริงๆน่ะโอเมก้า”

            “คุณคิดว่าเขาโม้เหรอ”  อาคิราห์เริ่มลังเล  “แต่ผมเห็นที่คนรีวิวก็ได้งานกันหมดเลยนะครับ  ...แล้วถ้าคุณไม่มั่นใจในบริษัทนี้งั้นคุณจะเข้ามานั่งตรงนี้ทำไมล่ะครับ”

            “ฉันน่ะมั่นใจอยู่แล้วว่าจะได้งานแน่ๆ”  เธอพูดแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “แต่จะเป็นงานอะไรนี่สิ”

            “อย่าไปฟังพวกนั้นพูดมากเลยอินตรา”  โอเมก้าอีกคนลุกจากเก้าอี้อีกฟากเดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  “ฉันชื่อมิริน  อยากไปทำงานยุโรปเหมือนเธอนั่นล่ะ”   มิรินเป็นโอเมก้าที่น่ารักมากทีเดียว  อาคิราห์คิดขณะที่ส่งยิ้มกลับไป  “บางคนก็ชอบมองโลกในแง่ร้าย เสียสุขภาพจิตหมด  ถ้าโลกมันโหดร้ายขนาดนั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อทำไมล่ะ”  เจ้าตัวพูดแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา  “อินตรามาจากไหน  ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆหน้าเธอจัง”

            “อ๋อ...ใครๆก็บอกว่าฉันหน้าโหลน่ะ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นลูบหน้าพลางดึงผ้าพันคอขึ้นมาบังกึ่งปากกึ่งจมูก  “มิรินก็หน้าคุ้นๆนะ”

            “ถ้าฉันบอกว่าความจริงแล้วฉันเป็นใครล่ะก็  เธอจะต้องอึ้งทึ่งตะลึงไปเลย”  มิรินหัวเราะ  “เธออยากทำงานห้องสมุดหรอ  ฉันอยากทำงานในร้านอาหารล่ะ...ฉันชอบทำอาหารมานานแล้ว”

            “จริงหรือเปล่า  ฉันอยากชิมฝีมือเธอจังมิริน”  อาคิราห์เออออตาม  รู้สึกถูกชะตากับมิรินมากกว่าคนอื่น

            สักพักก็มีคนมาเคาะห้องแล้วบอกพวกเขาว่าพร้อมแล้ว  อาคิราห์เดินตามคนอื่นๆออกไปจากห้อง  เขาประหลาดใจที่พบว่าคนของบริษัทเดินนำพวกเขามาที่ท่าเรือแทนที่จะเป็นรถโดยสาร  มิรินเอียงหน้าเข้ามาไขข้อข้องใจของเขา

            “เราจะไปทางเรือก่อนแล้วค่อยต่อเครื่องกัน  ถ้าไปสนามบินเลยมันจะลำบาก  อ้อ  เธอเอาพาสปอร์ตติดมาหรือเปล่า”

            “ฉันเอามา”

            “พกติดตัวเอาไว้  ถ้าใครถามก็บอกว่าไม่มี”  มิรินกระซิบ

            พวกเขาหยุดตรวจค้นกันก่อนจะขึ้นเรือ  อาคิราห์ปฏิเสธเรื่องพาสปอร์ตตามที่มิรินแนะนำเอาไว้  พยายามซ่อนโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในเสื้อแต่ก็ถูกจับได้  พวกนั้นบอกว่าสัญญาณโทรศัพท์จะทำให้โดนตามตัวได้  เอาไว้ไปถึงฝั่งแล้วจะคืนให้ใหม่  อาคิราห์ไม่กล้าแย้งเพราะเริ่มกลัว  นึกอยากหันหลังวิ่งกลับไปยังโรงแรมที่จากมาแต่ว่ามือหนักๆที่กดอยู่ข้างหลังเหมือนจะขู่อยู่ในทีก็ทำให้เขาจำต้องก้าวขึ้นเรือตามหลังคนอื่นๆไปด้วยความรู้สึกกังวล  เหลียวกลับไปมองทางชายหาดก็เห็นแสงสีส้มๆกับกลุ่มควันลอยออกมาจากตึกที่เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ  เขาจำได้ทันทีว่านั่นคือโรงแรมของธีรดล  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  ชี้มือให้เพื่อนในเรือดู

            “นั่นอะไรน่ะ  เหมือนไฟไหม้”

            “น่าจะไฟไหม้นะ...ชั้นบนสุดเสียด้วย”  เสียงหวอรถดับเพลิงได้ยินแว่วๆเพราะกระแสลมแรงพัดเสียงไปอีกทาง  อาคิราห์บีบมือตัวเองแน่น...ชั้นบนสุด  ชั้นนั้นมีห้องพักกี่ห้องกัน  อย่าบอกนะว่าจะเป็นห้องของเขากับพิชช์ฌาน

            “เกิดอะไรขึ้น”  เรือที่ติดเครื่องเตรียมพร้อมออกจากท่ากลับหยุดชะงัก  อาคิราห์หันไปมองอย่างตกใจก็เห็นคนหลายคนบนฝั่งเดินแกมวิ่งมาตามชายหาดและเป่านกหวีดดังก้องเป็นสัญญาณอะไรสักอย่าง         

            “ตำรวจเหรอ”  เสียงอุทานดังมาจากโอเมก้าที่นั่งกันอยู่ข้างใน

            เรือที่ดับเครื่องไปเมื่อครู่กลับสตาร์ทเครื่องขึ้นมาใหม่แล้วออกตัวพุ่งไปข้างหน้าเร็วแรงจนคนนั่งเทลงมาจากเก้าอี้ระเนระนาด  อาคิราห์ตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างตกใจ  ตอนนั้นเองที่เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด

            “หมอบที่พื้น”  เสียงใครสักคนตะโกน  มีมือเอื้อมมาฉุดอาคิราห์ให้ลงนอนแล้วกดหัวของเขาเอาไว้  เสียงปืนยังดังตามมาอีกหลายนัดและบางครั้งคนบนเรือก็ยิงตอบโต้กลับไป

            เรือแล่นฉิวตัดกระแสคลื่นออกห่างจากฝั่งมากขึ้นทุกทีแต่เสียงปืนยังได้ยินอยู่  อาคิราห์แนบหน้าอยู่กับพื้นเรือเย็นเฉียบและขรุขระ  รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ 

            ใบหน้าคมเข้มของพิษฌานปรากฏขึ้นในความคิดเป็นคนแรก  ป่านนี้เจ้าตัวคงกำลังโกรธจัดแน่ๆที่ไม่เจอเขาในห้องพัก  ภาพควันโขมงออกมาจากหน้าต่างห้องพักชั้นบนสุดของโรงแรมกลับเข้ามา...หวังว่าอีกฝ่ายคงจะไม่เป็นอะไร  แต่พิษฌานก็มีศัตรูมากมาย  ไม่แน่ว่าอาจจะมีใครอยากจัดการก็เป็นได้

            ไม่...ไม่ใช่หรอก ...อาคิราห์เม้มปากก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม  กลิ่นที่คุ้นเคยระเหยออกมาจากผ้าพันคอจางๆ  แทนที่มันจะทำให้รู้สึกสงบเหมือนทุกครั้ง  ยามนี้กลับทำให้รู้สึกโหยหาจนอยากจะร้องไห้ออกมา

            “ลุกขึ้นมาได้แล้วอินตรา”  มือแข็งๆของใครคนหนึ่งดึงต้นแขนของเขาเอาไว้แล้วดึงให้ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตามเดิม  ทุกคนห่อตัวลงด้วยความหนาวและความกลัว  ความหวาดหวั่นแฝงอยู่ในแววตาที่อาคิราห์มองสบ  คนที่ดึงเขาขึ้นมานั่งคือโอเมก้าคนแรกที่คุยด้วยในห้องนั่นเอง

            “ฉันชื่อนิล”   คนๆนั้นบอกสั้นๆ  แล้วชี้ไปที่โอเมก้าที่ท้วมกว่า  “คนนั้นชื่อแทมมี่”

            “คุณบอกชื่อผม?”

            “ไหนๆเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่”  นิลพูดแกมหัวเราะ

            มิรินเดินกลับเข้ามาในเรือ  เธอบอกเขาสั้นๆว่าไปเข้าห้องน้ำมา

            “เราต้องนั่งเรือไปถึงเมื่อไหร่”

            “กว่าจะถึงคงจะเช้า  เธอนอนหลับไปก่อนเถอะ”  มิรินตอบเรียบๆ  “ฉันถามพวกเขามาแล้ว  เขาบอกว่าเมื่อกี้นี้คือตำรวจชายฝั่ง  พอดีเกิดไฟไหม้ที่โรงแรมก็เลยมีตำรวจมาตรวจตรามากกว่าปกติ”

            “ถึงขั้นยิงกันเลยเหรอ”

            “ก็แบบนี้ล่ะ..เธอคงไม่คิดว่าเรากำลังทำถูกกฎหมายกันอยู่หรอกนะอินตรา”  มิรินพูดด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้นเล็กน้อย  “ถ้าพูดแบบหน้าข่าวก็ต้องบอกว่าเรากำลังลักลอบออกนอกประเทศกันอยู่”

            อาคิราห์อึ้งไป  หันกลับไปมองชายฝั่งที่เห็นเพียงจุดเล็กๆเท่านั้น

            “กลับไปตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว  เราออกมาไกลเกินจะย้อนกลับแล้วล่ะ”  มิรินพูดต่อราวกับอ่านใจออก  “เธอคงไม่เคยออกจากบ้านไปไหนไกลๆเลยสินะ”

            “ไม่เคย”

            “เดี๋ยวก็ชิน”  คำตอบของเธอทำให้คนฟังหัวใจถูกบีบลงเล็กนิดเดียว

โอเมก้าคนอื่นๆเริ่มนั่งหลับตาพักเอาแรงกันหมดแล้ว  ไม่มีใครสนใจใครอีก  อาคิราห์นั่งกอดเข่ามองกลับไปยังชาดหาดที่จากมา  ขอบตาร้อนผ่าวตามด้วยน้ำตาเอ่อล้นออกมา  เขาร้องไห้คนเดียวเงียบๆ เหม่อมองฟองคลื่นที่ถูกใบพัดเรือตีแหวกกระจายเป็นทาง

จะย้อนกลับก็ไม่ได้แล้ว  เขาออกมาไกลเกินกว่าจะกลับไป  ห่างจากบ้านเกิดและคนที่รักมากขึ้นทุกที  พ่อแม่กับพี่ๆจะคิดถึงเขาบ้างไหม  ตอนนี้จะรู้ข่าวแล้วหรือยัง  หรือว่าจะถึงรู้แล้วก็คงจะปล่อยเลยตามเลย  ไม่สนใจว่าเขาจะเป็นจะตายยังไง  ไหนจะพิษฌานอีก....

อาคิราห์กำผ้าพันคอเอาไว้แน่น  นึกถึงน้ำเสียงและสีหน้าของอีกฝ่ายขึ้นมาได้เพราะเขาจำได้แม่นยำ  คนๆนั้นจะต้องโวยวายแน่  อาจจะส่งเสียงปึงปังเอาจนเจนภพกับป้านิ่มนวลเครียดไปตามๆกัน  แต่แล้วไม่นาน...เค้าคนนั้นก็จะลืม  หรือไม่แน่ว่าอาจจะไม่โวยวายเลยสักคำก็เป็นได้

ในเมื่อโอเมก้า ‘ของเล่น’  หายสาบสูญไปโดยที่ไม่ต้องเสียเวลากำจัดเอง  ผู้ชายคนนั้นอาจจะดีใจก็ได้  ภาพหญิงสาวหุ่นสวยคนนั้นยังติดตา  พวกเขาลอบพบปะกันจริงตามที่มีคนส่งข้อความมาให้เขา  จะด้วยความหวังดีหรืออะไรก็แล้วแต่

คิดมาถึงเรื่องนี้  น้ำตาที่เริ่มแห้งไปแล้วก็กลับไหลออกมาอีก  เขามันช่างอ่อนแอ...อ่อนปวกเปียกไร้ประโยชน์เสียจริง  ขนาดตัดใจจะหนีออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว  ก็ยังตัดใจไม่ขาด  มองไปยังอนาคตข้างหน้ากลับเริ่มมืดมัวไม่สดใสอย่างที่คิดตอนแรก  หน้าตาท่าทางของเพื่อนร่วมเรือนับสิบคนบอกชัดว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน  ต่อให้ไม่เคยออกไปเจอโลกกว้างที่ไหนก็ย่อมจับสังเกตได้

สมน้ำหน้าแล้วที่เขามันโง่เอง  หลงมองโลกในแง่ดีว่าจะสามารถออกนอกประเทศไปได้อย่างสบายๆ  ลืมคิดไปว่าไม่มีอะไรง่ายดายอยู่แล้วโดยเฉพาะถ้ามันผิดกฎหมาย

เป็นเพราะความน้อยใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นด้วยเลยทำให้เขาไม่หยุดคิดซ้ำสองด้วยซ้ำตอนที่เก็บกระเป๋าออกมาจากห้องพักนั่น  เป็นความหุนหันพลันแล่นและคิดน้อยเกินไปจริงๆ  อาคิราห์ถอนหายใจยาว  กลิ่นของพิษฌานเริ่มจางหายไปจากเนื้อไหมพรม  อีกไม่นานก็คงจะจางหายไปหมดเช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่เขายัดใส่กระเป๋าสะพายมา

เหลือเอาไว้แต่...คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน  ยกมือขึ้นแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างไม่แน่ใจ

เขาไม่เคยรู้สึกว่ามีอีกชีวิตหนึ่งอยู่ในนั้น  มันไม่ได้โป่งนูนหรือว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรให้รู้สึก  แม้แต่อาการแพ้ท้องที่ควรจะมีก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ  เหมือนกับว่าการตั้งครรภ์อะไรนี่เป็นแค่เรื่องตลกๆหลอกให้ตกใจเล่น

ไม่หรอก  มันคือเรื่องจริง....ลูกของเขากับพิษฌาน  เสียงเล็กๆในใจบอกกับตัวเอง  ตัวแทนของพิษฌานอยู่ในท้องของเขา  มันยิ่งกว่ากลิ่นจากเสื้อผ้าหรืออะไรเสียอีก

วูบหนึ่งที่เขาสงสัยว่าตัวเองจะได้มีโอกาสกลับไปเจอหน้าผู้ชายคนนั้นอีกมั้ย  เขาจากมาทั้งที่ไม่ได้บอกลา ...คนๆนั้นจะคิดถึงเขาเหมือนที่เขาคิด...ชายหนุ่มรีบบอกตัวเองให้หยุดความคิดฟุ้งซ่านนั้นเสีย

อาคิราห์นั่งซุกหน้ากับซอกเข่านิ่งๆ  เขานอนไม่หลับแม้แต่งีบเดียว  ครุ่นคิดไปตลอดทางหาวิธีเอาตัวรอดถ้าเรื่องไม่เป็นไปอย่างที่คิด  ตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้วว่าจะได้ทำงานในห้องสมุดเหมือนที่คิดเอาไว้มั้ย  เผลอๆจะได้ต่อเครื่องจากเกาะนั่นหรือเปล่าก็ยังสงสัย

            หวังว่าพิษฌานจะไม่ใจร้ายเกินไป  หวังว่าจะคิดถึงและตามหาเขาบ้าง...นี่ไงล่ะ  อาคิราห์...เราหนีออกมาแล้วยังคาดหวังให้เขาตามหาอีกหรือ  เห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า

            ถ้าไม่เห็นแก่ตัวก็ช่วยเห็นแก่ลูกในท้องบ้างสิ  เขาไม่รักลูกแล้วหรือไง  ไหนว่าอยากได้ไม่ใช่เหรอ

            เธอคิดจะเอาลูกเป็นตัวประกันหรืออย่างไรอาคิราห์  มาจนถึงขั้นนี้แล้วยังคิดจะขอความช่วยเหลือจากเขาอีกเหรอ  เธอสร้างปัญหาให้เขาไปขนาดไหนจากความโง่เขลาของเธอ  ลองคิดทบทวนดูอีกทีดีกว่า

            มือแข็งๆเขย่าที่แขนของเขาแรงๆ  อาคิราห์สะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าคนที่ชื่อนิลส่งขนมปังก้อนหนึ่งมาให้เขารับเอาไว้

            อาคิราห์มองไปรอบๆ  ท้องฟ้าไม่ได้มืดสนิทเหมือนตอนแรกแล้วแต่เริ่มมีแสงจางๆที่ปลายขอบฟ้า  ดูเหมือนว่าใกล้จะรุ่งเช้าเต็มที  ชายหนุ่มขยับลำบากเพราะเหน็บกิน  ไม่รู้ว่าเขานั่งอยู่ในท่านี้มานานเท่าไหร่

            “ขอบคุณครับ...ใกล้ถึงแล้วเหรอ”

            “คงอีกไม่ไกลแล้ว”  นิลตอบห้วนๆแบบไม่มองหน้า  “ถ้าไม่กินก็เอามา”

            “กินสิครับ”  อาคิราห์ก้มหน้าลงกัดขนมปังก้อนแข็งๆเย็นชืดไร้รสชาตินั้นเข้าปาก  มันไม่อร่อยจนเขาเคี้ยวได้สองคำก็เบ้หน้า  “ทำไมรสมันเป็นแบบนี้ล่ะ”  คิดถึงฝีมือของป้านิ่มนวลขึ้นมาทันที

            “เรียกว่าอร่อยแล้ว...เธอคงไม่เคยกินขนมปังขึ้นราสินะ”

            “ขนมปังขึ้นรา?”  อาคิราห์อุทานอย่างแปลกใจ  “มันก็เสียแล้วสิ  คุณกินงั้นเหรอ”

            “ไม่มีอะไรจะกินก็ต้องกิน”  นิลตอบพลางยักไหล่  “โอเมก้ามีทางเลือกมากนักหรือ”

            “เห็นคุณพูดเรื่องทางเลือกของโอเมก้าหลายครั้งแล้ว”  อาคิราห์พูดเนิบๆ  “ที่บ้านคุณเป็นยังไงบ้าง  เล่าให้ผมฟังบ้างได้มั้ย”

            “บ้านฉันงั้นหรือ”  นิลเลิกคิ้ว กินขนมปังในมือจนหมดในพริบตา  “ฉันไม่มีบ้าน  มีแต่บ้านที่ไปอาศัยเขาอยู่ในฐานะคนใช้  ถูกอัลฟ่าตีตราตั้งแต่ฮีทครั้งแรกตอนอายุสิบสี่  หลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยลิ้มรสคำว่าอิสรภาพอีกเลย”  แววเจ็บปวดยอกแสยงแฝงอยู่ในดวงตาดำขลับเฉยชา  “พวกเขากดขี่โอเมก้าเหมือนทาส  มีหน้าที่บำเรอความสุขสมให้เท่านั้นก็จบไป  ไม่มีสิทธิเรียกร้อง  ไม่มีสิทธิต่อต้านขัดขืน”

            “พวกเขา...ขืนใจคุณเหรอ”  อาคิราห์กระซิบ  หน้าซีดลง

            “มันยิ่งกว่านั้นเสียอีก  ...โอเมก้าเกินครึ่งถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนทารุณ  แต่ไม่มีใครกล้าออกมาเรียกร้องอะไร  เราก้มหน้ารับชะตากรรมที่เกิดมาเป็นโอเมก้า”

            “ผมคิดว่ามีโอเมก้าที่ไม่ถูกกระทำแบบนั้น...”

            “กี่เปอร์เซ็นต์ล่ะ”  นิลย้อนถาม  อาคิราห์นิ่งไป  “ความจริงก็คือความจริง  โลกความจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิด  ถ้าเธอยังนึกไม่ออกล่ะก็...ไว้เราขึ้นฝั่งแล้วก็จะรู้เอง”

            “คุณหมายความว่ายังไง  พวกเขาจะพาเราไปไหน”

            “ฉันก็ไม่รู้”

            “อ้าว....ถ้าไม่รู้แล้วคุณกล้ามาได้ยังไงล่ะครับ”  อาคิราห์อุทาน

            “ไม่มีที่ไหนเลวร้ายไปกว่าที่ๆฉันจากมาอีกแล้ว  ฉันเลยไม่กลัวอะไรอีก  พวกเราที่อยู่บนเรือลำนี้ก็เหมือนกัน  เราตัดสินใจหนีออกมาจากนรก  ถ้าจะต้องไปเจอนรกซ้ำ  มันก็คงไม่ต่างกันมากกระมัง...โอเมก้าไม่มีทางเลือกมากนักหรอก”  นิลตอบกลับมาด้วยประโยคเดิม

            คำตอบของเขาทำให้อาคิราห์รู้สึกหดหู่แกมตื่นกลัว  ฝืนยัดขนมปังทั้งก้อนเข้าปากเคี้ยวกลืนพอให้อิ่มท้อง แสงอาทิตย์เริ่มสว่างไปทั่วบริเวณ  มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเลล้อมรอบตัว  ถ้าขืนกระโดดลงไปจากเรือก็คงตายเปล่า

            คงต้องรอให้ไปเทียบท่าก่อนเท่านั้น

            เรือลำนั้นแล่นวกวนเข้าใกล้เกาะที่เห็นอยู่ไม่ไกล  อาคิราห์กำเป้ในมือแน่น  นั่งเงียบกริบหูผึ่งแอบฟังคนข้างนอกคุยกันเสียงดัง  นัยว่าจะต้องเปลี่ยนเรือก่อนเพื่อเข้าฝั่งอีกทีหนึ่ง

            “ลงมาก่อน  เธอไหวหรือเปล่าอินตรา...หน้าของเธอซีดมาก”  มิรินถาม  มองหน้าเขาอย่างเป็นห่วง  อาคิราห์ส่ายหน้าเบาๆ

            “ฉันนอนไม่พอนิดหน่อย  เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

            “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว  เธอฝากกระเป๋าเอาไว้กับคนเรือได้นะ  เขาจะเอาไปเก็บที่ห้องเก็บของให้ก่อน”  อาคิราห์ส่ายหน้า

            “ไม่เป็นไร  กระเป๋าของฉันใบเล็กนิดเดียว”  อาคิราห์พึมพำ  รีบเดินตามหลังคนอื่นๆไปยังเรืออีกลำที่จอดเทียบกันอยู่ใกล้ชายฝั่งของเกาะ  “เกาะนี้เหรอที่เราจะมาต่อเครื่อง”

            “ยังไม่ถึงหรอก  เราแค่เปลี่ยนเรือ”  มิรินตอบกลับมา

            อาคิราห์เริ่มสังเกตได้แล้วว่ามิรินคงจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคนของบริษัทแน่ๆ  ท่าทางของเธอไม่ได้ดูหวาดวิตกหรือเฉยชาเหมือนคนอื่นๆ  แถมยังคอยช่วยเหลือสื่อสารระหว่างคนในเรือกับพวกโอเมก้าอีกด้วย

            เรือลำใหม่ที่ขึ้นมาเล็กกว่าลำเดิมมาก  คนบนเรือดึงประตูที่ท้องเรือออกเพื่อให้พวกเขาเข้าไปอัดกันอยู่ในนั้น  ข้างบนมีอวนลากปลาวางพาดอยู่เหมือนจะไว้ตบตาใครที่เห็น....ตอนแรกอาคิราห์ก็คิดว่าอย่างนั้น  จนกระทั่งคนข้างบนนั้นเทปลาสดๆลงมาใต้ท้องเรือที่พวกเขานั่งเบียดกันอยู่จริงๆ

            กลิ่นคาวปลาคละคลุ้งจนแทบอาเจียน  อาคิราห์ยกมือขึ้นอุดจมูกเอาไว้แน่น  พยายามเงยหน้าขึ้นหาอากาศบริสุทธิ์จากด้านบน

            “ไม่เหม็นเหรอ”  เขาหันไปเห็นนิลกับแทมมี่นั่งทำหน้าเฉยก็ถามขึ้น  สองคนนั้นพยักหน้า

            “เหม็น  แต่ไม่รู้จะบ่นทำไม”

            “ทำไมเค้าต้องเทปลาลงมาแบบนี้ด้วย”

            “เพื่อกลบกลิ่นพวกเรา”  แทมมี่ตอบ  “กลิ่นโอเมก้าถึงจะถูกกัดแล้วก็ยังมีกลิ่นอยู่  ยิ่งมารวมกันหลายคนมันจะเตะจมูกพวกตำรวจได้”

            อาคิราห์ไม่เคยได้กลิ่นอะไรเหม็นเน่าขนาดนี้มาก่อน  มันเหม็นคาวจนสำลัก  ยิ่งข้างบนนั้นเทปลาลงมาเพิ่มอีกเท่าไหร่  กลิ่นก็ยิ่งตลบอบอวลจนเริ่มได้ยินเสียงอาเจียนออกมาจากโอเมก้าคนอื่น

            ท้องเรือก็โคลงเคลงขึ้นทุกที   กลิ่นอาเจียนและกลิ่นปลาตีกันตลบจนอาคิราห์งอตัวลงแล้วคายเศษอาหารออกมาหมดไส้หมดพุง  ไม่มีทางเลี่ยงเพราะพื้นที่แคบนิดเดียวเท่านั้น  เขาหน้ามืดแทบจะเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้น

            “ไหวหรือเปล่า  ใกล้จะขึ้นฝั่งแล้ว”  นิลคว้าคอเสื้อของเขาทางด้านหลังกระชากขึ้นมาให้พ้นจากกองปลาและคราบอาเจียนของตัวเอง   อาคิราห์เวียนหัวหลับตานิ่ง  แสงสว่างรางๆลอดลงมาจากช่องของแผ่นไม้ที่ตีเอาไว้ “กลั้นใจเอาไว้หน่อย”

            “ทุกคนเงียบ”  มีเสียงดังขึ้นจากข้างบน  ตามด้วยเสียงฝีเท้าตึงตัง  โอเมก้านั่งตัวแข็งไม่กล้าขยับตัว

            “มีคนมาตรวจ”  นิลพึมพำเบาๆ 

            อาคิราห์กำมือแน่น  ตั้งใจฟังเสียงฝีเท้าและเสียงพูดข้างบนนั้น  ดูเหมือนจะเป็นเสียงเจ้าหน้าที่หรืออะไรสักอย่าง  เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าส่งเสียงออกไปแล้ว คนข้างบนจะช่วยเขาหรือว่าฆ่าเขากันแน่

            ห้องข้างล่างใต้ท้องเรือเงียบกริบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง  หัวใจเต้นแรงจนเกรงว่าจะมีใครได้ยินเข้า  อาคิราห์เบิกตาโพลงตอนที่ได้ยินเสียงคนพูดสั่งให้เปิดประตูไม้บนหัวเขาออก

            นึกภาวนาขอให้เจอพวกเขาเถอะ  ตอนนี้ไม่อยากหนีไปไหนอีกแล้ว  อยากกลับบ้านเต็มที

            ...........................................................................................

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            ขอบคุณทุกโหวตทุกคอมเม้นต์นะคะ

            อ่านแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง55555  เจอกันต่อตอนหน้านะคะ

          ใครเล่นทวิต #ขอรักแค่คุณ  นะคะ

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
อคิราห์ เธอตัดสินใจได้โง่มากจริงๆ ถ้าไม่ห่วงตัวเอง ก็ห่วงลูกในท้องเถอะ เธอพลาดมาก พลาดมากจริงๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ได้แต่หวังว่าจะไม่โดนจับไปขายซ่องนะอคิราห์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ciaiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ต้องปล่อยเขาไปเจอโลกแห่งความจริงบ้าง
คอยแต่จะหนีคอยแต่ตามหา
ขนาดแค่อ่านยังเหนื่อยทั้งท้อ

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ต้องให้ไปเจอโลกที่โหดร้ายของจริง อัยย์ถึงจะได้รู้ว่าที่ตัวเองเป็นถือว่าดีมากแล้ว ยังจะดิ้นรนไปหาความลำบากอีก

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
บางทีอัยย์ก็ต้องเรียนรู้บ้าง ว่าโลกภายนอกไม่ได้ดีมาก
ฝันอะไรไว้ มันก็ไม่ง่ายที่จะออกไปเผชิญ

แย่แน่เลยถ้าพาออกไปได้ ขอให้คนตรวจหาเจอด้วยค่ะ
สงสารฌาณขึ้นมาเลยเวลานี้

ผู้หญิงคนนั้นเล่นแรงมากเลยนะคะ จุดจบคงไม่สวยแล้วล่ะ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รีบๆโตนะอัยย์ แล้วก็ควรเชื่อคำพูดพิชฌานบ้าง

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ไม่ได้ใจร้ายนะ

แต่รู้สึกสะใจ

ดีจริงอัยย์จะได้รู้ว่า

โลกข้างนอกมันโหดร้าย

กับโอเมก้าขนาดใหน

ขอให้โดนจับไปทรมาณเยอะๆเลย

จะได้รู้ว่าที่ตัวเองเจอน่ะมันจิบจ้อย

กว่าโอเมก้าทั้งหลายเจอมากมายนัก

บอกตามตรงว่าไม่สงสารอัยย์เลยตอนนี้

ตอนอื่นๆอัยย์ถูกคนอื่นตรีกรอบและบงการ

ป้าก็สงสารอัยย์เพราะอัยย์ไม่ได้เลือก

แต่ถูกคนอื่นๆเลือกและบังคับตลอด

แต่ครั้งนี้อัยย์เลือกเองทั้งๆที่ท้องทำอะไรไม่คิดถึงลูก

เจอแบบนี้อ่ะดีสมเจอเจ็บๆไปเลย

สงสารแต่เด็กในท้อง

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ไม่กล้าดื้อไปอีกนานแน่ๆรอบนี้  :เฮ้อ:
ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกในท้องบ้างงงงงงงงงง  :z3:

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ง่าาาา..ไรท์รีบมาาาา.. :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
พอแล้วน้าาาา เอาแค่นี้พอ อย่าให้บู้บี้กับบู้บี้น้อยไปเจอความลำบากกว่านี้เลย สงสารนางงงง แค่นี้นางก็คงรู้แล้วหล่ะว่าโลกข้างนอกมันโหดร้ายสำหรับโอเมก้าขนาดไหน  :hao5:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ฝฝเจอแบบนี้เข้าไปหวังว่าจะเข้าใจคุณสามมีมากขึ้นนะอัย สามียังดีกว่าพ่อตัวเองเยอะเลย

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไม่สงสารเลยนะ ต้องได้เจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างถึงจะเปลี่ยนความคิดได้บ้างว่าชีวิตโอเมก้าของตัวเองดีมากแค่ไหนแล้ว
เกิดมาในครอบครัวที่ดี ที่ถึงแม้จะตกรอบแต่เพื่อความปลอดภัยของลูก
แล้วนี่อคิราห์ทำอะไรเพื่อลูก หนีทั้งที่ตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอด รู้ว่าไม่ได้รักแต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมากับตัวเองกับลูก
ตัวเองจะรู้สึกถึงตราบาปนั้นมั้ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
มีแต่คนซ้ำเติมอัยย์อ่ะ
เราว่าในมุมของอัยย์ อัยก็ไม่ผิดที่อยากจะหนี อยากออกจากกรอบที่ตัวเองอยู่นะ
ตอนนี้อัยย์แค่ตัดสินใจผิดพลาด แล้วจะได้เรียนรู้มันเองแหละ
ในฐานะคนอ่านเราก็แค่เอาใจช่วยให้ผ่านไปได้ละกันเนอะ  :mew6:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จะโทษน้องอย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะครอบครัวเลี้ยงมาแบบผิดๆ ปิดกั้นโลกภายนอกให้อยู่แต่ในบ้าน
น้องออกมาแต่งงานได้รู้จักโลกภายนอกมากขึ้นทำให้ดีกับตัวน้องเอง คราวนี้ได้รู้ลึกเลยละ :sad4:
แต่น้องดื้อไปหน่อยนะตอนนี้ :katai1: :katai4: :z3:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
บายจ้าอัยย์

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
อคิราห์เด็กน้อย ถ้ารอดจากงานนี้ไปคงรู้ได้เองว่า โชคดีขนาดไหน

ออฟไลน์ Toey0810

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :mew2:อัยย์ๆๆ เหตุการณ์ครั้งนี้มันจะสอนให้เข้มแข็งขึ้นน่ะ ขอให้มีคนมาเจอไวๆ. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก์โทษอัยย์ไม่ได้หรอก โดนเลี้ยงมาแบบปิดกั้นทุกอย่าง ไม่ได้ให้เรียนกับโลกภายนอก เพื่อนก็ไม่มี มีฝาแฝด ก็เหมือนไม่มี เอาจริงเวลาทุกข์น่ะ จะหันไปพึ่งใครได้ อัยย์เหมือนเด็กๆที่ไม่มีสังคมเลยน่ะ พอได้ออกมาโลกภายนอก ก็ออกมาเพื่อแต่งงาน แถมคู่ตัวเองตอนแรกก็คิดแต่จะหาผลประโยชน์จากตัวเองอีก เป็นใครๆ ก็เคว้ง ไม่รู้จะไปบอกใคร หรอปรึกษาใคร. เอาจริงอัยย์น่าสงสารในระดับหนึ่งเลยน่ะ. :katai1: :mew6:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


ลุ้น ลุ้นต่อว่าพิษฌานจะหาน้องเจอมั้ย

น้องมีบทเรียนแล้วนะ การเป็นโอเมก้า การหลบหนี มันไม่ง่าย

อย่าดุด่าน้องเลย น้องอยู่แต่ในกรงทอง

น้องไม่รู้ น้องอยากมีอิสระตามที่น้องแสวงหา

ให้บทเรียนน้องแต่พอประมาณนะ


  :z3:  :z10:  :z13:  :z3:  :z10:  :z13:  :z3:  :z10:  :z13:


………

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :katai1: ค้างงงง อยากรู้ว่าจะใช่พิษไหมหรือใคร อัยย์นะอัยย์

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อยากจะหาไม้เรียวมาตีอัยย์นะ แต่ก็สงสารด้วย เป็นห่วงด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด