[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267150 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เสียงใคร  :angry2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
จะกี่ตอนน้องอัยย์ก็ยังน่าสงสารตลอด เหมือนอยู่ในคุกดี ๆ นี่เอง

ออฟไลน์ Koduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากให้น้องเข้าใจผิดแล้วก็หนีไปไกลๆ แล้วก็ก็ไปเจอพระเอกจริงๆสักที
555 โกรธ  :angry2: :fire:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
งาน เข้า :hao3:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสารอัยย์

ออฟไลน์ pearlluv

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :m15: สงสารน้องงง

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ง่าาาา... ไรท์จะมาให้ค้างคา อย่างนี้ แล้วหายไปม่ายด้ายยยยย...  :katai1: :katai1: :katai1:
รีบมาาาาา ด่วนนนนน..  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ถึงจุดเปลี่ยนแปลงซะทีรอมานานแล้ว
ได้เวลาสะใจไอ้คุณพิษเสียที
อยากเห็นน้องอัยย์บทโหดใจแข็งบ้าง เบื่อไอ้คุณพิษเต็มทนแล้ววว :fire:

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ้าวๆๆ งานจะเข้ามั้ยคุณพิษ ส่วนคินทำตัวลับๆ ล่อจิงด้วย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อ้าวนายมีพิษทำไมทำงี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อีกละ อิคุณพิษ หาเรื่องให้บู้บี้คิดมากได้ทุกวัน / คิน มาสอดแนมอะไรหรือเปล่า? จะทำให้บู้บี้ลำบากอีกไหมอ่ะ สงสารนุ้งอัยย์

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เราจะทำอย่างไร ให้ไรท์มาอัพต่อเร็วๆ..
ฮือออ..
คิดถึงน้อนอัยย์ แย้วววว..

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
หนีไปอัยย์ เจ้าคนนี้มันน่ากลัว ไว้ใจไม่ได้

 :m16: :m16:

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คนเขียนอย่าเพิ่งป๊ายยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เดี๋ยวบี้บู้ชั้นคิดมากอีก

ออฟไลน์ Fonjae333

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อย่าทำร้ายจิตใจน้องนะ :hao5:

ออฟไลน์ sweetie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อคินดูมีพิรุจแปลกๆ

ออฟไลน์ Monnee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai3: :katai1: :katai1:
โอ๊ยยยย​ยยยย... สงสารน้อง...

อย่าเพิ่งเสียใจไปก่อนเน้อ....

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 สงสารน้องอัยย์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 18



 

 

 

 

 

 

            “เธอทำอะไรน่ะ”  พิชช์ฌานก้าวออกมาจากห้องน้ำ จ้องเขม็งไปที่แขกไม่ได้รับเชิญซึ่งยังไม่กลับออกไปจากห้องพักของเขา  “ฉันบอกให้ออกไปแล้วไม่ใช่หรือไง”

            หญิงสาวในชุดรัดรูปสีแดงสดหน้าเสีย  ซ่อนมือไว้ด้านหลังเพื่อแอบวางโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มคืนที่เดิมทว่ามือสั่นจนโทรศัพท์เครื่องนั้นตกลงบนพื้น  เจ้าของโทรศัพท์ขมวดคิ้วฉับ  ก้าวพรวดเดียวมาประชิดตัว

            “เธอคิดจะทำอะไร”  นักการเมืองหนุ่มถามเสียงแข็ง  มือใหญ่จับที่ข้อมือของหญิงสาวเอาไว้แน่นจนเธอนิ่วหน้า

            “โทรศัพท์ของคุณดังตอนที่ฉันกำลังจะกลับออกไป  ฉันก็เลยจะรับให้...ปล่อยนะคะ  ฉันเจ็บ”

            “คิดจะสอดแนมฉันเหรอ  เธอเป็นคนของพรรคไหน  บอกมานะ ...จะบอกดีๆหรือจะต้องให้ใช้กำลัง”  พิชช์ฌานพูดเสียงเย็นเยียบพอๆกับแววตาคมฉาบ  คนมองตัวสั่นหน้าซีดเผือด  “..ไม่บอกงั้นหรือ?”

            “ฉันไม่ได้จะสอดแนมนะคะ  มีคนโทรเข้ามาฉันก็เลยหวังดีจะรับสายให้เท่านั้นเอง”  เธอพูดตะกุกตะกัก  “ให้ฉันกลับออกไปเถอะค่ะ”

            “คิดว่าคนที่ยุ่มย่ามกับของส่วนตัวของฉันจะได้กลับออกไปง่ายๆหรือ”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสเธอกลับออกไปแล้วแท้ๆ  บอกมานะว่าเมื่อกี้เธอจะทำอะไร”  เขาบีบข้อมือของอีกฝ่ายแรงขึ้น

            “มีคนโทรเข้ามาจริงๆนะคะ  ฉันแค่กดรับสาย”

            พิชช์ฌานละสายตาไปมองหน้าจอโทรศัพท์ในมือ  มีสายโทรเข้ามาจริงๆ ...รายชื่อที่ปรากฏบนจอทำให้ความโกรธเกรี้ยวพุ่งสูงกว่าเดิมฉับพลัน

            “เธอกดรับสายงั้นเหรอ”  เขาถามเสียงต่ำในลำคอ

            “ชะ..ใช่ค่ะ  ฉันแค่รับสาย”

            “แล้วเธอบอกว่าอะไร”  เสียงของเขาแทบจะกลายเป็นเสียงคำราม  หญิงสาวร้องโอดโอยพยายามจะดึงข้อมือออกจากการบีบเค้น

            “ฉันไม่ได้บอกอะไร  แค่บอกว่าคุณ..โอ๊ย..คุณอยู่ในห้องน้ำ”

ชายหนุ่มลากข้อมืออีกฝ่ายมาที่ประตูแล้วเปิดออก  ส่งเธอให้ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก  “เธอยุ่งกับโทรศัพท์ของฉัน  ฝากจัดการด้วย”  เขาพูดเสียงเหี้ยม

            “เดี๋ยวนะคะ  ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”  หญิงสาวที่ประธานบริษัทจัดมา ‘สมนาคุณ’ ให้เขาคืนนี้ร้องโวยวาย  พิชช์ฌานปรายตามองด้วยหางตา  “ฉันบอกเจ้านายของเธอไปแล้วว่าฉันไม่ต้องการใคร  แต่เขาก็ยังไม่ฟังกัน  ที่ผ่านมาฉันคงใจดีมากเกินไป  ปล่อยให้พวกเขาถลุงเงินของฉันไปกับอะไรพวกนี้....จัดการซะ”  ประโยคหลังเขาบอกลูกน้องที่ก้มศีรษะรับคำแล้วก็ลากหญิงสาวลงไปจากชั้นสูงสุดของโรงแรม

            เสียงกรี้ดยังดังติดหูแต่พิชช์ฌานไม่ได้สนใจ  ชายหนุ่มหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องพัก  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกเบอร์ที่เพิ่งโทรเข้ามาเมื่อกี้นี้

            เดินกลับไปกลับมารอสายอยู่พักใหญ่  ฝ่ายนั้นก็ไม่รับจนกระทั่งขึ้นสัญญาณให้ฝากข้อความ  ชายหนุ่มวางสายแล้วกดโทรออกใหม่อีกรอบ  ผ่านไปเจ็ดรอบเขาก็ถอนหายใจเฮือก  อีกฝ่ายปิดเครื่องไปแล้ว

            ...ให้มันได้อย่างนี้   เขาคิดในใจอย่างหงุดหงิด  เปลี่ยนเป็นกดโทรหามือขวาคนสนิทแทน

            เจนภพกดรับสายแทบจะทันที

            “ครับคุณฌาน”

            “คุณอัยย์อยู่ไหน  นอนหรือยัง”  เขากรอกเสียงลงไป

            “น่าจะนอนแล้วนะครับ  ผมเห็นเข้าห้องนอนเงียบไปแล้วตั้งแต่เมื่อกี้  คุณอคินทร์ก็กลับไปแล้วด้วยครับ”

            “ไปเคาะเรียกเขามาคุยกับฉัน”  พิชช์ฌานสั่งห้วนๆ  “เดี๋ยวนี้เจนภพ”

            “นี่ก็ดึกแล้ว..”

            “ไปตามเขามา”  พิชช์ฌานพูดเสียงเฉียบขาดอย่างที่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก

            ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันไดตามด้วยเสียงเคาะประตูเรียกจากปลายสายอยู่หลายครั้ง  ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับมาให้ได้ยินเลย

            “คุณอัยย์น่าจะหลับไปแล้วนะครับ  ไม่เห็นตอบเลย  ล็อคห้องด้วย”

            “พังประตูเข้าไป”

            “อะไรนะครับ  พังเข้าไปเลยเหรอครับ”  เจนภพตกใจ  “ให้ผมไปหากุญแจ...”

            “กุญแจที่เหลืออยู่ที่ฉัน”  พิชช์ฌานพูดอย่างหงุดหงิด  “บอกให้พังเข้าไปไงเจนภพ  ต้องให้พูดซ้ำเหรอ”

            “ครับท่าน”  เจนภพไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก  กระแทกประตูเสียงดังปังใหญ่  พิชช์ฌานยืนถือสายรออยู่ครู่หนึ่งกว่าประตูห้องจะเปิดออกตามด้วยเสียงโครมและเสียงร้องโอย  “โอย...คุณอัยย์เป็นอะไรไหมครับ”  เสียงเจนภพพูด

            “เกิดอะไรขึ้น  อัยย์เป็นอะไร”  พิชช์ฌานหูผึ่ง

            “คุณอัยย์มาเปิดประตูพอดีครับ  ผมเลยหน้าทิ่มเข้าไปในห้อง”  เจนภพพูดหอบๆ  “คุณอัยย์ไม่เป็นอะไรครับ....คุณฌานถือสายอยู่  คุยกับคุณฌานหน่อยนะครับ”  เสียงมือขวาพูดแว่วๆ  พิชช์ฌานพยักหน้าอย่างพอใจ

            “อัยย์  ทำไมไม่รับโทรศัพท์ฉัน”  เขาพูดเสียงดัง

            “คุณอัยย์ครับ  คุณฌานจะคุยด้วยครับ  คุณอัยย์”  เจนภพร้องเรียก  “คุณฌานครับ  คุณอัยย์เดินหนีไปนอนแล้วครับ”

            พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก

            “เปิดกล้องซิเจนภพ  แล้วเอาไปให้เขา  ถ้าเขาไม่รับก็วางบนผ้าห่มหรือหมอนเขาไปเลย”

            “แต่ว่า...”  เจนภพอ้ำอึ้งอย่างเกรงใจ  พอเจ้านายขมวดคิ้วสั่งมาอีก  เขาถึงได้ย่องเข้าไปใกล้ร่างโปร่งบางที่นอนตะแคงหันหลังให้อยู่นั้น  “คุณอัยย์ครับ  ผมขอโทษนะครับ”  ชายหนุ่มพึมพำ  วางโทรศัพท์ของตัวเองลงบนหมอนใกล้ๆกับที่ศีรษะกลมหนุนอยู่  “คุยกับคุณฌานหน่อยนะครับ”

            “จับโทรศัพท์ตั้งขึ้นซิเจนภพ  ให้มันหันไปทางเขาหน่อย  ตอนนี้ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเพดานห้อง”  เสียงพิชช์ฌานโวยวายมาตามสายอีก  เจนภพลอบถอนหายใจ  เอื้อมมือไปจัดโทรศัพท์ใหม่ให้ตั้งขึ้นพิงกับหัวเตียง   

            “ขอโทษนะครับคุณอัยย์  คุณฌานเขาบังคับผม..”

            “นายออกไปจากห้องนอนฉันได้แล้วเจนภพ  ไว้ฉันจะเรียกอีกที”  คนปลายสายไล่เขาออกจากห้องดื้อๆ  เจนภพเลยจำต้องถอยออกมาจากห้องนอนนั้น  ทิ้งโทรศัพท์มือถือของตนเองเอาไว้ตรงหัวเตียงพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียดของเจ้านายที่กำลังจ้องไปที่ด้านหลังศีรษะของคนที่นอนอยู่เขม็ง

            ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่  แต่เดาเอาจากท่าทางของคุณอัยย์กับท่าทางร้อนรนกว่าปกติของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านแล้วก็คงไม่แคล้วทะเลาะกันอีก  ทะเลาะกันอยู่ได้ไม่เบื่อบ้างหรือไง บางทีเจนภพก็อยากจะถามเจ้านายเหมือนกัน...

            “อัยย์  หันมาคุยกันก่อนสิ  ฉันรู้นะว่าเธอยังไม่หลับ”  พิชช์ฌานพูดกับศีรษะทุยที่เห็นในหน้าจอโทรศัพท์  “อาคิราห์  เมื่อกี้เธอโทรมาหาฉันใช่ไหม”

            “...........”  เงียบกริบ  คนที่นอนอยู่ก็ยังนอนอยู่อย่างเดิม

            “คนที่รับสายเขาคุยกับเธอว่าอะไร”  พิชช์ฌานถามต่อมาอย่างไม่ย่อท้อ  “พอดีตอนนั้นฉันอยู่ในห้องน้ำเลยไม่ได้ออกมารับสาย  ไม่นึกด้วยว่าจะมีคนรับแทน  ฉันให้เขาออกไปจากห้องตั้งนานแล้วนะ”   ชายหนุ่มพูดกับเส้นผมสลวยที่เห็นผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือ

            “................”

            “หันมาฟังกันก่อนสิ  ฉันรู้ว่าเธอกำลังเข้าใจผิดใช่ไหมล่ะ  เขาแค่จะเข้ามาบริการฉัน...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ  แบบว่า...มาทำความสะอาดน่ะ  เขาเป็นแม่บ้านของโรงแรม”  ชายหนุ่มขยับตัวแล้วพูดเร็วขึ้น  ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากโกหกเท่าไหร่  แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นถูกส่งมาปรนนิบัติเขาโดยเฉพาะ  เกรงว่าพูดออกไปแล้วจะยิ่งไปกันใหญ่  ทั้งๆที่เขาไล่หล่อนออกไปจากห้องตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ  “อัยย์  เธอโกรธฉันเหรอ  ถ้าเธอไม่หันมาแสดงว่าเธอโกรธฉันนะ”

            อาคิราห์ไม่หันมา

            “โอเค  เธอโกรธฉัน  ฉันรู้ว่ามันก็ชวนเข้าใจผิด  แต่เธอต้องเชื่อฉันนะว่ามันไม่มีอะไรเลย  ไม่เชื่อเธอหันมาดูสิ  ในห้องฉันไม่มีใครเลย  ฉันอยู่คนเดียว”  พิชช์ฌานถือโทรศัพท์ไปรอบๆห้อง  “เห็นไหม  เธอไม่ยอมหันมาดูก็ไม่เห็นหรอกนะ”

            คราวนี้อีกฝ่ายขยับตัว  เจ้าโอเมก้าดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว

            “อัยย์  เธออย่าเพิ่งคลุมโปงสิ  ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรจริงๆนะ  ต้องทำยังไงถึงจะเชื่อเนี่ย”  พิชช์ฌานอุทานอย่างงุ่นง่าน

            อาคิราห์สูดน้ำมูกฟืดใหญ่  เอื้อมมือลอดผ้าห่มออกไปจับโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นคว่ำลงกับที่นอน  เสียงโวยวายของนายพิษฌานดังลอดออกมาอู้อี้

            “เธอเปิดกล้องนะอัยย์  เธอปิดกล้องเหรอ  เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ  อาคิราห์”  ฝ่ายนั้นพูดอะไรต่อมายาวเหยียดฟังไม่ได้ศัพท์จนสุดท้ายก็วางสายไปเอง  อาคิราห์ดึงผ้าห่มลงพลางเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นมากดปิดเครื่องแล้วลุกขึ้นเอาไปวางเอาไว้ข้างนอกประตูห้อง

            เจนภพยืนสงบนิ่งเฝ้ารออยู่ก่อนแล้ว  ชายหนุ่มถามขึ้นทันที

            “คุณอัยย์คุยกับคุณฌานเสร็จแล้วหรือครับ”

            “ใช่  โทรศัพท์ของคุณแบตหมดน่ะ”  อาคิราห์บอกเรียบๆ  “ไม่มีอะไรแล้วล่ะ  ขอบคุณมากนะ”  เจนภพรับโทรศัพท์คืนกลับไปแล้วก้มหัวให้

            อาคิราห์กลับมานอนสงบจิตสงบใจบนเตียงต่อ  เจ้าโอเมก้ากำผ้านวมผืนโปรดเอาไว้แน่น  ฝืนหลับตานับแกะตัวที่หนึ่งถึงตัวที่แปดร้อยอะไรสักอย่างไปได้สามรอบก็หมดความอดทน  ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปข้างนอกห้องนอน

            .......................................................................................

            พิชช์ฌานรู้สึกหงุดหงิดจนแทบจะทึ้งผมตัวเองให้หลุดออกมาจากหนังศีรษะอยู่ร่อมร่อ  เวลาตีสองกว่าไม่ใช่เวลาที่เขาควรจะเดินทางกลับเลยให้ตายสิ  ตอนนี้เขาควรจะนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์  ไม่ก็ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มรสเลิศให้สมกับการเจรจาทางธุรกิจที่สำเร็จลงด้วยดีไม่ใช่หรือ

            ชายหนุ่มกดโทรหามือขวาคนสนิทอีกรอบ  รอสายอยู่ครู่หนึ่งเจนภพก็กดรับ

            “ครับคุณฌาน”

            “นายปิดเครื่องทำไม  ฉันโทรไปตั้งหลายรอบทำไมไม่รับ  แล้วนี่คุณอัยย์ยังนอนอยู่หรือเปล่า”

            “อ้าว  ผมนึกว่าพวกคุณคุยกันแล้ว”  ลูกน้องอุทานงงๆ  “เมื่อกี้แบตโทรศัพท์ผมหมดน่ะครับ  เพิ่งเอามาชาร์จ  คุณอัยย์เข้านอนไปนานแล้วครับ”

            “ไปดูอีกทีซิ”

            “นั่นคุณฌานอยู่ที่ไหนครับ  ทำไมเสียงคนเยอะจัง”

            “ฉันอยู่สนามบิน”   พิชช์ฌานตอบกลับมาเสียงห้วน  “อีกชั่วโมงให้ใครส่งรถไปรับที่สนามบินด้วย”

            “คุณกลับมาแล้วเหรอครับ”  มือขวาอ้าปากค้าง  “นั่งเครื่องกลับมางั้นหรือ”

            “ใช่  ไม่ต้องถามมาก  ขึ้นไปดูคุณอัยย์ซิว่ายังอยู่หรือเปล่า”

            “ผมขออนุญาตถามได้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น  คุณมีประชุมพรุ่งนี้ต่ออีกวันไม่ใช่หรือครับ”  เจนภพท้วงอย่างงุนงง  ปกติพิชช์ฌานไม่ใช่คนที่จะทิ้งการประชุมสำคัญมาได้  โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องเงินทุนสนับสนุนพรรคด้วยแล้วล่ะก็

            “เลื่อนไปก่อน  ฉันติดธุระสำคัญ”

            “มีอะไรสำคัญกว่างบประมาณพรรคอีกเหรอครับ”   เจนภพแกล้งถาม  พอจะปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ลางๆ

            “อย่าถามเซ้าซี้   รีบขึ้นไปดูซิว่าคุณอัยย์ยังนอนอยู่มั้ย  ถ้ายังอยู่ก็เฝ้าเอาไว้ด้วย  จะนอนหน้าห้องไปเลยก็ได้  อย่าให้เขาไปไหนจนกว่าฉันจะกลับถึงบ้านเข้าใจมั้ย  เดี๋ยวฉันจะขึ้นเครื่องแล้ว  เร็วๆ”  อีกฝ่ายเร่งมา

            เจนภพเดินขึ้นบันไดไปจนถึงหน้าห้องนอนใหญ่  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปเคาะประตูหน้าห้องเบาๆ  ไม่มีเสียงตอบกลับมาเหมือนเดิม  เขาเลยถือวิสาสะหมุนลูกบิดประตูเปิดออก  อาคิราห์ไม่ได้ล็อคห้องเอาไว้เหมือนครั้งแรก

            ภายในห้องนอนว่างเปล่า  เตียงที่เต็มไปด้วยกองเสื้อผ้าพันม้วนนั้นไม่มีเงาของร่างโปร่งบางนอนขดตัวอยู่  เจนภพใจหายวาบ  รีบโทรกลับไปหาเจ้านาย

            “คุณฌานครับ  คุณอัยย์ไม่ได้อยู่ในห้องครับ”

            พิชช์ฌานเบิกตากว้าง  หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยความตกใจตามด้วยอารมณ์โกรธจัด  เขาด่าลูกน้องไปหลายคำจนเจนภพหัวหดรีบกลับลงมาข้างล่างเพื่อตามหาเจ้าโอเมก้าที่หายไป

            “...ไปดูกล้องวงจรปิดซะ  ถ้าฉันกลับไปถึงแล้วไม่เจออาคิราห์ล่ะก็  พวกนายเตรียมตัวตกงานได้เลย...”   เสียงเจ้านายดังออกมาจากโทรศัพท์อย่างกราดเกรี้ยวตามด้วยเสียงสบถหลายคำอย่างที่เจนภพไม่ค่อยจะได้ยินบ่อยนัก  ดูเหมือนฝั่งพิชช์ฌานจะต้องวางสายแล้วเพราะเครื่องบินกำลังจะขึ้น  นักการเมืองหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้ว่าให้รีบหาตัวอาคิราห์ให้เร็วที่สุดก่อนจะตัดสายไป

            เจนปวดขมับทั้งสองข้างเหมือนมีมือมาบีบแรงๆ  ชายหนุ่มหัวหมุนวิ่งวุ่นเข้าไปดูวีดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ทั่วบ้านยกเว้นห้องนอนกับห้องทำงานส่วนตัวของคุณพิชช์ฌาน   นั่งเพ่งจอมองหาร่างโปร่งบางเท่าไหร่ก็มองไม่เห็นอะไรเลย   จะสนามหญ้าข้างนอกหรือสระว่ายน้ำก็เห็นแต่เงาคนของเขาที่ออกเดินตามหากันให้วุ่น

            “เหลือที่เดียวแล้ว  ฉันจะเข้าไปดูในห้องทำงานของคุณพิชช์ฌาน”  เจนภพพูดเรียบๆ  หมุนตัวเดินออกมาจากห้องนั้นตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวของเจ้านาย  เปิดประตูเข้าไปดูข้างในห้องนั้นมืดสนิท  พอเปิดไฟก็สว่างโล่งไร้เงาของใคร

            “หายไปไหนของเค้าเนี่ย”  ชายหนุ่มอุทานอย่างร้อนใจ

            คนที่นั่งกำมือแน่นมาตลอดทางบนเครื่องบินก็กำลังคิดอยู่ในใจด้วยคำถามเดียวกัน  พิชช์ฌานรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าการเดินทางโดยเครื่องบินมันช่างชักช้าไม่ทันใจเอาเสียเลย  เขานั่งเคาะนิ้วกับที่นั่ง  ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

            อย่างแรกคือเขาจะต้องจับตัวเจ้าบู้บี้มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน  อุตส่าห์โทรไปหาดันวางสายใส่แบบนี้ใช้ไม่ได้เลย  เกิดมายังไม่เคยมีใครวางหูใส่พิชช์ฌานคนนี้เลยด้วยซ้ำ   ...ถ้าบอกว่าไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น  เจ้าตัวจะเชื่อเขาไหมนะ  หรือว่าจะนั่งร้องไห้โวยวายเพราะหึงหวงเขากัน  ...พอคิดมาถึงตรงนี้  เขาก็รู้สึกพอใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น  ..หึงหวงงั้นหรือ  เจ้าบู้บี้หึงเขาสินะ

            หึๆ  ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่  ใครต่อใครที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขาล้วนแต่มีความรู้สึกหึงหวงเกิดขึ้นทุกครั้ง  เป็นเพราะพิชช์ฌานเป็นบุคคลที่มีค่า สมควรแก่การหวงเอาไว้ในครอบครองเพียงผู้เดียว  เรื่องนี้เขาก็พาจะเข้าใจได้อยู่หรอก  เพียงแต่ไม่นึกว่าเจ้าโอเมก้าจะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาเข้าเสียแล้วนี่สิ  น่ารำคาญชะมัด 

          อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่พวกที่ชอบอธิบายแก้ไขความเข้าใจผิดของใครเสียด้วย  แต่คราวนี้เห็นว่ามันเกินไปจริงๆ  คนอย่างอาคิราห์คงไม่ยอมฟังใครง่ายๆแน่  ป่านนี้คงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งคิดว่าเขามีคนอื่นไปแล้วมั้ง   ครั้นจะปล่อยให้เข้าใจไปอย่างนั้นก็ไม่ได้อีก

            ขี้เกียจมานั่งฟังคนฟูมฟาย  เผลอๆเดี๋ยวอดข้าวประท้วงจนเศษขนมเกลื่อนห้องยิ่งแล้วใหญ่  แถมตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำผิดจริงตามที่อีกคนเข้าใจผิดด้วย

            จะว่าไปก็ประสาท...แค่ผู้หญิงรับสายเอง  ทำไมต้องทำถึงขั้นปิดเครื่องไม่ยอมคุยกับเขาด้วยฮึ  ดีนะที่เขามีเครื่องบินส่วนตัวถึงได้สามารถบินกลับมาเคลียร์ได้ทันทีแบบนี้

            “ใกล้ถึงแล้วครับคุณฌาน”  ลูกน้องกระซิบบอก  พิชช์ฌานพยักหน้ารับ  กำที่วางแขนเอาไว้แน่นพลางสวดมนต์ในใจ   เขาไม่เคยชอบตอนที่เครื่องบินกำลังลดระดับเลย  พูดให้ถูกก็คือ...เขาไม่เคยชอบตอนเครื่องบินขึ้นลง  จะเรียกว่าเกลียดก็ได้

            ถ้าเป็นไปได้  พิชช์ฌานจะยอมนั่งรถเป็นสิบๆชั่วโมงยังดีกว่านั่งเครื่องบิน  ต่อให้เป็นเครื่องบินเจ็ทสุดหรูอย่างนี้ก็เถอะ ...แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้  เพราะเขาเก็บอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนทุกครั้งที่เครื่องขึ้นลงเอาไว้มิดชิด



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






             เจนภพส่งคนมารับที่สนามบินแล้วเรียบร้อย  ข่าวแรกที่พิชช์ฌานได้รับก็คือฝ่ายนั้นยังหาตัวอาคิราห์ไม่เจอ  นักการเมืองหนุ่มกัดฟันแน่นจนสันกรามขึ้น 

            “พาฉันกลับบ้านให้เร็วที่สุด  เจนภพคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอาคิราห์หายไป”  ชายหนุ่มพูดเสียงต่ำในลำคอ

            ถ้าเขาสามารถหายตัวได้แบบผู้วิเศษในเทพนิยายก็คงจะดีไม่น้อย  พิชช์ฌานคิดในใจ  ถ้าจะให้ดีก็ควรมีตาทิพย์ด้วยเสียเลย  จะได้สามารถมองเห็นได้ว่าตอนนี้อาคิราห์ไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว

            ชายหนุ่มก้าวพรวดออกมาจากรถทันทีที่จอดเทียบหน้าบ้าน  รีบเดินจ้ำเข้าไปข้างใน  มือขวาคนสนิทยืนรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

            “เจอหรือเปล่า”

            “ไม่เจอเลยครับ  กล้องวงจรปิดก็เห็นแค่เดินลงบันไดมาชั้นล่าง  หลังจากนั้นไม่เห็น”

            “บ้านหลังแค่นี้จะไปไหนได้”  พิชช์ฌานพูด  เดินขึ้นบันไดที่ละสามขั้นไปยังชั้นบน  เปิดเข้าไปสำรวจในห้องนอนก่อนเป็นอันดับแรก  เตียงว่างเปล่าไร้เงาคน  ห้องน้ำก็โล่ง  ตู้เสื้อผ้าที่ประจำก็ไม่มีใครแอบอยู่ในนั้น

            เปิดดูห้องต่างๆก็ไม่เจอ  พิชช์ฌานเริ่มจะร้อนใจขึ้นมาจริงๆ  ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดสันจมูกไปมา

            “เดี๋ยวผมจะไปดูแถวโรงรถอีกทีนะครับ  ไม่แน่คุณอัยย์อาจจะพยายามหารถออกไป”

            “อาคิราห์ไม่ขับรถ”  ชายหนุ่มว่า  “เธอไปดูในครัวหรือยัง  เขาอาจจะลงไปหาอะไรกิน”

            “ไปดูแล้วครับ  ไม่เจอเลย  คนครัวก็บอกว่าคุณอัยย์ไม่ได้ลงมา”

            “ป้านิ่มล่ะ  ป้านิ่มเห็นอัยย์ไหม”

            “คุณป้านิ่มนวลนอนหลับไปแล้วครับ  ผมไม่ได้ปลุก”  เจนภพพูด  คนฟังเบิกตาโพลงดีดนิ้วเปาะ

            “ไปห้องป้านิ่มกัน  ฉันว่าเขาอยู่ที่นั่น”  พิชช์ฌานเดินอ้อมไปทางด้านหลังบ้านที่เป็นห้องส่วนตัวของป้าแม่บ้านเก่าแก่โดยเฉพาะ  ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องพักนึง  นิ่มนวลก็เดินออกมาเปิดรับ

            “ป้านิ่ม  ผมขอโทษที่ต้องรบกวนกลางดึกนะครับ”  พิชช์ฌานรีบออกตัวเพราะความเกรงใจแม่บ้านอาวุโส  “แต่ว่าผมมีเรื่องอยากถาม  ป้าเห็นคุณอัยย์บ้างไหมครับ”

            “คุณอัยย์หรอคะ  ป้าไม่เห็นเลยค่ะ”  นิ่มนวลปฏิเสธทันควัน  พิชช์ฌานคงจะเชื่อถ้าไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูใจเย็นมากไปจนผิดสังเกต  ทุกทีถ้าเป็นเรื่องของอาคิราห์  อีกฝ่ายจะต้องตื่นตระหนกมากกว่านี้

            “ป้าไม่เห็นแน่นะครับ”  ชายหนุ่มถามย้ำ

            “ไม่เห็นเลยค่ะ  ป้าไปนอนก่อนนะคะ”  หญิงวัยกลางคนตัดบท  ทำท่าจะดึงประตูปิดทว่าเจ้านายหนุ่มกลับรั้งเอาไว้

            “ป้านิ่มไม่เห็นเขาแน่นะครับ”  ดวงตาคมหรี่ลง  อีกฝ่ายอึกอักหลบตาเขาทันที  พิชช์ฌานซ่อนยิ้มเอื้อมมือไปจับต้นแขนของเธอเอาไว้  “ป้าไม่เห็นเลยเหรอ  ผมตามหาเขาจนทั่วบ้านแล้ว  หรือว่าจะแอบหนีออกไปข้างนอก”

            “อาจจะหนีไปข้างนอกแล้วมั้งคะ  คุณฌานลองไปดูในสวนสิ”

            “ในสวนงั้นหรอครับ”  ชายหนุ่มถาม  “ป้ามาช่วยผมหาได้ไหม  เผื่อจะได้เจอ”

            “วุ้ย...ดึกแล้วค่ะ  ป้าแก่แล้วขอนอนพักผ่อนก่อนเถอะ”  นิ่มนวลทำท่าจะกลับเข้าไปในห้องอีกรอบ  พิชช์ฌานรีบพูดต่อ

            “ก็ได้ครับ  ขอโทษที่รบกวนป้านะ  เดี๋ยวผมไปลองหาเขาในสวนแล้วกัน”  ชายหนุ่มพูดเสียงดังแล้วก้มลงกระซิบข้างหูแม่บ้านของตน  “ผมรู้นะว่าเขาอยู่ข้างใน”

            คนฟังรีบส่ายหน้าหวือ

            “คุณอัยย์ไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ”  เธอพูด  “ไม่มีจริงๆ”

            “ป้าเป็นแม่บ้านของผมหรือเปล่าเนี่ย”  ชายหนุ่มโอดครวญ  “ทำไมถึงช่วยเขามากกว่าผมล่ะ”

            “ป้าช่วยคนที่น่าช่วยค่ะ”  นิ่มนวลกระแทกเสียงเล็กน้อย

            “เป็นพวกคุณอัยย์เต็มตัวเลยสินะ”  ชายหนุ่มรุ่นลูกเคาะอย่างหมั่นไส้  “ใช่สิ  ผมมันไม่น่าเอ็นดูอย่างเขานี่”

            “แสดงว่าคุณเองก็รู้ว่าคุณอัยย์น่าเอ็นดูนี่คะ  แล้วทำไมถึงทำให้เธอเสียใจล่ะ”  นิ่มนวลพูดเนิบๆ  “ถึงจะเพิ่งเจอได้ไม่นาน  แต่ป้าก็รักคุณอัยย์เหมือนลูกนะคะ  จะมาทำให้ลูกป้าเสียใจ  ป้าไม่ยอมหรอกนะ”

            “โธ่  ให้ผมได้อธิบายกับเขาก่อนเถอะครับ  มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดเลย”

            “จะเป็นแบบไหนป้าก็ไม่สนหรอกค่ะ  รู้แต่ว่าคุณน่ะใจร้ายมากคุณฌาน”  นิ่มนวลเน้นเสียง  “ถ้าป้าไม่เคยเลี้ยงคุณมาตั้งแต่เล็กๆป่านนี้ป้าคงไล่ตีคุณไปแล้ว”

            “ป้านิ่ม...ให้ผมได้คุยกับเค้าหน่อย  นะครับ...ช่วยผมนะ”  พิชช์ฌานทอดเสียงอ่อน  ยกมือของผู้อาวุโสกว่าขึ้นมาแนบแก้มของตัวเองเหมือนสมัยเด็กๆที่เคยทำเวลาอ้อนขออะไรจากพี่เลี้ยง  “ขอแค่ครั้งเดียว”

            “ปล่อยเถอะค่ะ  ป้าเห็นว่าพวกคุณควรจะเคลียร์กันให้เรียบร้อยนะคะถึงได้ช่วย  แต่ถ้าคุณทำให้คุณอัยย์ร้องไห้อีกล่ะก็...”  เธอเว้นที่ว่างเอาไว้ให้เติมเอาเอง  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือก

            “เขา...ร้องไห้หนักหรอครับ”

            “เข้าไปดูเอาเองเถอะค่ะ”  นิ่มนวลเบี่ยงตัวหลบให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้อง  พิชช์ฌานกวาดตามองรอบห้องสี่เหลี่ยมที่กั้นเอาไว้เป็นส่วนๆด้วยฉากไม้ฉลุสวยงาม  ทุกมุมตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสะอาดไร้ฝุ่นสมกับเป็นห้องพักของแม่บ้านมือทอง

            มุมลึกสุดของห้องกั้นด้วยฉากไม้น่าจะเป็นเตียงนอน  ชายหนุ่มจรดปลายเท้าเข้าไปจนถึงฉากกั้น  ชะเง้อมองผ่านเข้าไปข้างในก็เห็นร่างโปร่งบางของคนที่ตามหาอยู่นอนคว่ำอยู่บนเตียง  มีหมอนใบใหญ่ทับอยู่บนท้ายทอย

            “เค้ากลับไปแล้วใช่ไหมครับ”  เสียงอู้อี้ดังออกมาจากใต้หมอนที่พิชช์ฌานจำได้ว่าเป็นหมอนของเขา  ชายหนุ่มไม่ตอบ  ค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง

            อาคิราห์เอะใจทันที  รีบดึงหมอนออกหันขวับกลับมามองหน้าคนมาใหม่  เป็นเวลาเดียวกับที่พิชช์ฌานคว้าข้อเท้าทั้งสองข้างของเขาเอาไว้แล้วล็อคหมับ

            “เห้ย  คุณทำอะไร  ปล่อยผมนะ  โอ๊ย...อย่า  มันจั๊กจี้”   เจ้าโอเมก้าร้องลั่นเพราะอีกฝ่ายเล่นเกาฝ่าเท้าของเขาแบบไม่เปิดโอกาสให้ดิ้นหนีไปไหน  “ปล่อยผมนะ  ไอ้พิษฌานบอกให้ปล่อยไง”

            “บอกให้คุยกันดีๆไม่ชอบก็ต้องโดนแบบนี้ล่ะ”  พิชช์ฌานจับข้อเท้าของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว  ส่วนอีกข้างก็จี้เส้นจนร่างโปร่งบางทิ้งพลิกตัวดิ้นไปมา  “จะคุยกันได้หรือยัง  หรือว่ายังไม่ยอมฟังอีก”

            “ปล่อยผม โอย  ฮ่าๆ  ปล่อยผมเถอะ”  อาคิราห์น้ำตาคลอด้วยความจั๊กจี้   ออกแรงยกหมอนใบใหญ่ขึ้นทุ่มใส่อีกคนเต็มแรง  พิษฌานร้องอุทานปล่อยมือจากเท้าของเขาโดยปริยาย  อัยย์รีบดึงตัวลุกขึ้นยืนเตรียมเผ่นออกมาจากห้องนอนเล็กๆแคบๆนั้น

              อีกฝ่ายรู้ทันคว้าเอวเอาไว้ได้  ดึงทีเดียวร่างโปร่งบางก็เซแซ่ดลงมานั่งบนตักของนักการเมืองหนุ่ม  อาคิราห์หน้าร้อนผ่าวพยายามแกะมือที่ล็อครอบเอวของเขาออก

            “ปล่อยผม”   ทั้งหยิกทั้งตีลงบนหลังมือใหญ่นั้นไม่ยั้ง  แต่อีกคนก็ดูจะไม่สะดุ้งสะเทือนเอาเลย  “ไอ้พิษฌานจะทำอะไรอีก”

            “สรุปพูดไอ้ไปกี่คำแล้วนะ  จำที่เราเคยตกลงกันได้หรือเปล่า”

            “จำไม่ได้”  อาคิราห์ดิ้นเต็มแรงทว่าคนข้างหลังกอดเขาเอาไว้ทั้งตัวจนแทบจะหมดทางหลุดรอดออกจากตัก  ลมหายใจอุ่นจัดเป่ารดอยู่ที่หลังคอและพวงแก้มชวนขนลุก

            “ให้ฉันทวนความจำไหม”  พิชช์ฌานกระซิบกับผิวเนื้อนวลเนียน  ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่เกิดเรื่องค่อยคลายไปเมื่อสัมผัสร่างที่อยู่ในอ้อมแขน  “แอบด่าในใจฉันก็นับนะ”

            “หยุดพูดแบบนี้ได้แล้ว  ปล่อยผมด้วย  คุณกลับมาทำไมไม่ทราบ  ทำไมไม่อยู่ที่นั่นกับ ‘เค้า’ ต่อล่ะ”  อัยย์เน้นเสียงโดยไม่รู้ตัว

            “ถ้าเธอหมายถึง ‘เค้า’ ที่รับโทรศัพท์แทนฉันล่ะก็  ฉันไล่ออกไปตั้งนานแล้ว  ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยสักนิด”   พิชช์ฌานพูดเสียงจริงจัง  “ฉันไม่ได้มีอะไรกับเค้านะอัยย์  เห็นฉันเป็นคนยังไง”

            “เป็นคนเลว”  อาคิราห์ตอบเต็มปากเต็มคำ

            “โธ่  ทำไมเธอคิดงั้นล่ะ  ฉันไม่ใช่คนสำส่อนนะ  ไม่เชื่อลองดมดูก็ได้  ตัวฉันไม่มีกลิ่นแปลกปลอมแน่นอน  มีแต่กลิ่นหอมๆที่เธอชอบ”

            “ผมไม่ใช่หมา”  โอเมก้าตอบเสียงห้วน

            “โอเคไม่ใช่หมา  แต่เป็นตัวบู้บี้ไง”

            คนฟังเม้มปากแน่น

            “ในสายตาของคุณ ผมคงโง่มากสินะ  คิดจะหลอกยังไงก็ได้  ไม่ต้องสนใจหรอกว่าผมจะรู้สึกยังไง  ขอแค่คุณสมหวังที่ต้องการก็พอแล้ว...แบบนี้ใช่หรือเปล่า”

          พิชช์ฌานชะงัก  ท่าทางของอีกฝ่ายแปลกไป  อันที่จริงแล้วอาคิราห์ไม่ได้ร้องโวยวายเท่าที่ควรด้วยซ้ำ

            “เธอไม่ใช่คนโง่หรอกอาคิราห์”

            “ถ้าผมฉลาดจริงก็คงไม่แต่งงานกับคุณตั้งแต่แรก”  อาคิราห์พูดเสียงเบา

            “แต่เธอก็แต่งแล้วนี่ จะมาคิดอะไรอีกล่ะ  อยู่กับฉันไม่สบายตรงไหน  อยากเจอพี่ชายฝาแฝดฉันก็จัดให้ได้สบายๆ  อยากทำอะไรก็แค่บอก  ถ้าเนรมิตได้ฉันก็ทำให้อยู่แล้ว”

            “คุณคิดจะบอกผมเมื่อไหร่”  อัยย์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน

            “เรื่องอะไร”  ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้พิชช์ฌานกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก

            “ที่ตรวจครรภ์อันนั้น”

            “เธอรู้แล้วงั้นหรือ”  นักการเมืองหนุ่มใจหายวูบ 

            “คุณไม่เคยคิดจะบอกผมสินะ”

            “ฉันแค่รอโอกาสเหมาะ”

            “โอกาสที่ว่าคือเรื่องสำคัญมากที่คุณบอกจะคุยกับผมใช่ไหม”   อาคิราห์ถามเสียงสั่น  “คุณจะบอกผมเรื่องนี้”

            “......”  พิชช์ฌานนิ่งเงียบ  ครุ่นคิดอย่างว้าวุ่น  ที่จริงเขายังไม่พร้อมจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าตัวเลย  เขายังคิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรดี  แค่หวังว่าจะใช้เวลาสองสามวันที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันคิดทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง  แต่ก็ดันเกิดเหตุให้ต้องกลับมาตอบคำถามนี้เสียก่อน

            ไม่นึกว่าอาคิราห์จะรู้ความจริงแล้ว

            “อย่าปิดอีกเลยครับ  ผมรู้แล้ว”  อาคิราห์พูดต่อเรียบๆ  “เพียงแต่ผมไม่แน่ใจว่า...คุณต้องการจะทำยังไงต่อ  คือ...ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคนนั้นเป็นใคร  ใช่คนที่อยู่กับคุณเมื่อคืนนี้มั้ย”

            คิ้วเข้มขมวดมุ่น

            “เธอหมายถึงใคร”

            “เจ้าของที่ตรวจครรภ์อันนั้น”  อาคิราห์พูด  “ถ้าคุณกับเค้าจะมีลูกด้วยกัน  ผมก็พร้อมจะหลีกทางให้  ดังนั้น ...ช่วยหย่ากับผมเถอะครับ”

            ทั้งห้องเงียบกริบ  ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจหนักๆของผู้ชายที่กอดเอวเขาเอาไว้  อาคิราห์สบตาคมกริบคู่นั้นแวบเดียวแล้วก็เสมองไปทางอื่น   โอเมก้าสูดลมหายใจเข้าลึกเรียกกำลังใจ

            “ผมลองมาคิดดูแล้ว  ผมไม่ชอบชีวิตแบบนี้เลย  ผมอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองจริงๆสักที  คุณเองก็กำลังจะมีลูก  คุณควรให้เกียรติภรรยาของคุณด้วย  เขาไม่ควรอยู่อย่างหลบซ่อน  ลูกของคุณก็เช่นกัน  ....ผมเองก็โตขึ้นมาแบบนั้น  มัน...ไม่มีความสุข  ผมรู้”  อาคิราห์ขอบตาร้อนผ่าว  พูดได้แค่นั้นก็รู้สึกริมฝีปากสั่นจนต้องกัดเอาไว้   เพียรกดภาพความทรงจำวัยเด็กที่ผุดแทรกขึ้นมาเป็นพักๆลงไป

            พิชช์ฌานมองหน้าคนพูดราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน  คำพูดของอาคิราห์เหมือนน้ำเย็นจัดที่สาดโครมใส่หน้าเขาเข้าเต็มๆโดยไม่ทันตั้งตัว  ขับไล่ความมืดมัวสับสนในใจทิ้งฉับพลันจนชายหนุ่มเองก็ตกใจกับความรู้สึกของตัวเองที่ปรากฏขึ้นชัดเจนราวกับว่ามันอยู่ตรงนั้นมาก่อนแล้ว

            หรือบางที...มันอาจจะอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก  เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยยอมรับ  ทำเป็นมองไม่เห็นความจริงที่ตั้งเด่นอยู่ทนโท่  ปกปิดความรู้สึกเหล่านั้นด้วยทิฐิและความเชื่อบ้าบอ  ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนอย่างเขาก็ไม่เคยเชื่อคำทำนายอะไรงมงายมาก่อน

            เพราะคำว่าอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์สูงส่งกับโอเมก้าที่ต่ำต้อยน่าอับอายทำให้เขามองข้ามอะไรบางอย่างไป  จนกระทั่งได้ยินคำพูดที่ออกมาจากหัวใจของคนที่เขาเคยเหยียดหยันว่าไม่คู่ควรแม้แต่จะอุ้มท้องลูกของเขา

            “เธอคงอยากไปจากที่นี่”

            “ใช่”

            “ฉันไม่ยอมให้เอาหมอนผ้าห่มหรือข้าวของของฉันติดตัวไปด้วยหรอกนะ”

            “ผมจะขอไปแค่ตามที่สัญญาระบุไว้”  คนพูดก้มหน้าลงต่ำ

            พิชช์ฌานลอบถอนหายใจยาว  อยากยกมือขึ้นเขกหัวใครสักคนไม่เขาก็อีกฝ่ายหนึ่งแรงๆสักที

            “ฉันไม่ได้รีบกลับมาคุยเรื่องหย่ากับเธอนะ”

            “ยังไงก็ต้องคุยเรื่องนี้  จะอีกหนึ่งปีหรือตอนนี้มันก็ค่าเท่ากัน”

            “เธออยากหย่ากับฉันเพราะเป็นห่วงเด็กที่ยังไม่เกิดคนนั้นงั้นหรือ”

            “ความจริงแล้วผมเป็นห่วงตัวเองมากกว่านิดหน่อย”  อาคิราห์ตอบตามจริง

            คนแก่กว่าหัวเราะเบาๆ  เสียงหัวเราะทุ้มๆสะเทือนผ่านมาถึงเขาที่นั่งพิงอกอีกฝ่ายอยู่  อาคิราห์ขยับตัว...ใจหนึ่งก็อยากดันตัวออกจากวงแขนที่โอบล้อมอยู่  แต่อีกใจก็อยากซุกตัวลงไปในอ้อมอกกว้าง  ปล่อยให้อีกฝ่ายกอดเขาเอาไว้ทั้งตัวแนบแน่นแบบนี้  ทดแทนความรู้สึกว่างเปล่าที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันโดยไม่ทราบสาเหตุ

            “ถ้าฉันจะให้เขาเอาเด็กออกล่ะ  เธอคิดว่ายังไง”

            “ไม่ได้นะ”  อัยย์รีบค้าน  “ถ้าคุณทำแบบนั้น  บาปจะติดตัวคุณไปตลอดชีวิต  คุณจะใจร้ายทำลายชีวิตบริสุทธิ์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้ลงคอเหรอ”

            “แต่ถ้าท้องไม่พร้อม..”

            “จะไม่พร้อมอะไรเล่า  คุณเองก็มีเงินตั้งเยอะแยะ  เลี้ยงลูกคนเดียวไม่ได้หรือไง  ผมก็จะหย่าแล้ว  คุณก็แต่งงานใหม่กับแม่ของลูกคุณซะแล้วก็รับเขาเป็นลูก  ไม่เห็นจะยากตรงไหน”

            “เธอคิดแบบนั้นแต่ก็ยืนยันจะหย่ากับฉันเหรอ”

            พิชช์ฌานถาม  วางคางลงกับกระหม่อมของอีกฝ่าย  ขยับมือที่โอบอยู่รอบเอวนั้นเข้าไปในชายเสื้อของอาคิราห์  ลูบลงบนหน้าท้องแบนราบนั้นเบาๆ

            “ใจคอเธอจะพรากลูกพรากพ่อเขาหรือไง”

            “ผมก็ไม่อยากพรากไง  ก็เลยคิดว่า....”   อัยย์หันกลับมาเถียงแล้วก็ชะงักกึก  มองหน้าคมเข้มนิ่งค้างเหมือนเห็นผี  ดวงตากลมโตเบิกกว้าง

            “คิดว่า?”  คิ้วเข้มเลิกสูงพร้อมกับแววตาคมกริบที่มีรอยยิ้มขันๆ

            คนเด็กกว่าอ้าปากค้าง  ความคิดหนึ่งแล่นวาบขึ้นมาฉับพลัน  มันคือความคิดเดียวกับตอนที่เห็นชุดตรวจครรภ์อันนั้นครั้งแรก

            “ไม่จริง”  อาคิราห์กระซิบ  “ผมกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว”  ชายหนุ่มพึมพำซ้ำๆเหมือนสวดมนต์  “ครั้งแรกไม่ท้องไง  ครั้งแรกไม่ท้อง...ไม่ท้องๆ”

            “สงสัยเพราะน้ำยาดี”  พิชช์ฌานพูด  พยายามบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าอย่างยากลำบากไม่ให้ยิ้มกว้างมากเกินไป

            “ไหนคุณว่าไม่ท้องไง”  อาคิราห์ร้องออกมา  ยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก  ที่แน่ๆคือไม่ใช่ความดีใจแน่ๆ  “คุณแกล้งหลอกอะไรผม  ผมไม่เชื่อหรอกนะ  ถ้าท้องผมต้องรู้สิ  ก็ผมเป็นเจ้าของร่างกายนี่”

            “นั่นสิ...แล้วรู้ยังล่ะ”  พิชช์ฌานรับหน้าตาเฉย

            “..............”  อาคิราห์พูดไม่ออก  เขาไม่ได้เตรียมตัวมารับฟังเรื่องนี้  ไม่เข้าใจด้วยว่าจากเรื่องผู้หญิงรับสายทำไมถึงกลายเป็นว่าเขาท้องได้  “นี่มันบ้าชัดๆ”

            “เธอคิดเหมือนฉันเปี๊ยบเลย  ตอนที่ฉันรู้ก็คิดแบบนี้แหละ”   นายพิษฌานพยักพเยิด

            “ผมจะเอาออก”

            “เมื่อกี้ใครพูดว่าไงนะ  บาปกรรมอะไรแว่วๆ”  อีกฝ่ายพูดกลั้วหัวเราะ  อาคิราห์เพิ่งรู้ว่าหลงกลอีกฝ่ายเข้าเต็มๆ  เขาทั้งตกใจและตื่นกลัวขึ้นมาจนน้ำตาคลอ

            “ไม่จริงใช่มั้ย  ผมไม่อยากอุ้มท้อง”  โอเมก้าพูดเสียงเครือ  ยกมือขึ้นกุมท้องตัวเองแน่น  “ผมไม่เอา  ผมไม่พร้อม”

            “ใจเย็นๆก่อน  เธอก็พูดเองนี่ว่าฉันพร้อมจะเลี้ยงลูก”

            “คุณพร้อมก็เรื่องของคุณแต่ผม-ไม่-พร้อม”  อาคิราห์ดันแขนของอีกฝ่ายออกแล้วลุกขึ้นยืนตาขวาง  “ไม่งั้นคุณก็มาอุ้มท้องเองเลย”

            “ทำได้ก็ดีสิเจ้าบู้บี้   ตั้งสติหน่อย”

            “ผมจะไปห้องน้ำ”

            “นี่...ลูกเธอไม่ได้เอาออกง่ายๆแค่นั่งชักโครกหรอกนะ”   พิชช์ฌานรีบดักคอ

            “ผมรู้หรอกน่า  ผมจะไปล้างหน้า  เผื่อว่าผมฝันอยู่จะได้รีบๆตื่นซักที”  อาคิราห์กระแทกเสียง  “คุณก็ปล่อยมือผะ...”

            พูดไม่ทันจบ  ริมฝีปากสีสดตรงหน้าก็วูบเข้ามาสัมผัสกับริมฝีปากของเขา  อาคิราห์ผงะหนีได้นิดเดียว  เรียวปากนั้นก็ตามมาแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันอีก  พอจะอ้าปากหายใจ   ปลายลิ้นของอีกฝ่ายก็ส่งเข้ามาสำรวจโพรงปากของเขาแบบไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ           

            พิชช์ฌานดูดดึงริมฝีปากอิ่มเต็มคู่นั้นจนเริ่มบวมนิดๆ  เจ้าของริมฝีปากตอนนี้ยืนโงนเงนเงยหน้าหลับตาปี๋  ผิวแก้มเนียนนุ่มยามสัมผัสขึ้นสีระเรื่อน่าเอ็นดู  ปากแก้มคิ้วคางรับกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ  ถึงเขาจะชอบบอกว่าเจ้าตัวหน้าตาบุบบิบบู้บี้  แต่ความจริงแล้วนั้นกลับเป็นตรงข้าม

ความรู้สึกบางอย่างค่อยๆแผ่กระจายผ่านเนื้อหัวใจราวกับสายน้ำเย็นฉ่ำรินไหล  ซึมลึกลงไปข้างในจนเขาเองก็ตกใจ

            เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน

            บางที  มันอาจจะถึงเวลาที่ต้องยอมรับ

            ....................................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            ขอบคุณทุกคนที่เปิดใจลองอ่านเรื่องนี้นะ  อิอิ

          #ขอรักแค่คุณ

ออฟไลน์ Yui_Panitakarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นายพิชช์ฌาน นายไม่ค่อยหลงตัวเองเท่าไรเลยนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao3: หนูอัย โดนเค้าย้อนทุกประโยคเลยนะ

พร้อม-ไม่พร้อม เด็กก็มาแล้วจ้า

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
โถ่ คุณชานขนาดบินกลับทิ้งประชุมได้ง่ายๆ ขนาดนี้แล้วนะคะ แต่เหมือนตอนท้ายจะคิดได้แล้วสินะ
ตลกตอนพาร์ทนั่งอยู่บนเครื่องแล้วจินตนาการว่าบู้บี้หึงตัวเอง หลงตัวเองจริงๆ สนุกมากกก รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ Koduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามารอทุกวันครับ  :z10: :z10:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ๊ยยยยย ดิฉันหมั่นใส้ความมั่นหน้าของคุณพิษฌาณมากค่ะคุณขา เดี๋ยวก็บอกรำคาญ เดี๋ยวก็บอกเบื่อ แต่หน้านี่ ขอโทษเถอะบานยิ่งกว่ากระด้งตากพริกหลังบ้านดิฉันอีก ดีใจที่คิดว่าเขาหึงก็พูดดด ดีใจที่คิดว่าเขางอนก็พูดดดด  นี่มาทำเป็นฟอร์ม เหม็นความเก๊กของท่านหัวหน้าพรรคมากค่ะ  55555

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไรท์รีบมานะคะ..
ชอบมาเรื่องนี้..
อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่เข้าดูทุกวัน วันละหลายรอบ
อ่านวนไป..
รักนุ้นอัยย์...  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด