[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267192 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อัยย์ลูกกก นั่นเขาเรียกทำรังนะลูกนะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า สงสารน้อง ฮืออ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อัยย์ทั้งน่าเอ็นดู ทั้งน่าสงสาร ทำไมฌาณถึงใจร้ายกับน้องแบบนี้
เห็นพ่ออัยย์ทำได้ เลยจะทำบ้าง ไม่ต้องแคร์ความรู้สึกน้องเลย
สรุปอัยย์ก็ไม่รู้เรื่องทำรัง เพราะคงไม่คิดว่าจะเกิดกับตัวเอง

ฌาณ ถ้าจะร้ายก็ไปให้สุดนะ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลัง

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 13



 

 

 

 

 

 

 

            “วางยา?”  พิชช์ฌานทวนคำอย่างประหลาดใจ  “วางยาอะไร”         

            “ก็นี่ไงหลักฐาน  เนี่ยเสื้อโค้ทตัวนี้”  อัยย์โบกเสื้อโค้ทตัวยาวในมือไปมาแล้วยื่นหน้าเข้าไปดมให้ดูอีกรอบ  “คุณวางยาผมใส่เสื้อตัวนี้”  โอเมก้าพูดย้ำอย่างโกรธจัดที่อีกฝ่ายทำหน้างุนงง  “ไม่ต้องมาทำไก๋เลย  ยอบรับผิดมาซะ”

            “เดี๋ยวนะ...นั่นเสื้อฉันถูกไหม”

            “ใช่”

            “แล้วเธอไปเอามาจากไหน”

            “ก็จากตู้เสื้อผ้าคุณไง  ไม่ต้องมาปฏิเสธเลยนะว่าไม่ใช่เสื้อคุณ  หลักฐานมันคาหนังคาเขา”  อาคิราห์กระแทกเสียง

            “ใช่เลย  หลักฐานมันคาหนังคาเขา  เธอเป็นคนขโมยเสื้อฉันกับเครื่องนอนไปใช่ไหมเจ้าบู้บี้”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นเท้าเอว คิ้วเข้มขมวดฉับ  “สารภาพมาซิ”

            อาคิราห์อ้าปากค้างแล้วก็รีบเม้มปากแน่น  ส่ายหน้าหวือ

            “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง  เรื่องของเรื่องก็คือ...คุณ – วาง – ยา – ผม”

            “เรื่องของเรื่องคือเสื้อฉันที่อยู่ในมือของเธอมากกว่า”  นักการเมืองหนุ่มเน้นเสียงบ้าง  ซ่อนยิ้มอยู่ในใจที่เห็นอีกฝ่ายเริ่มเลิ่กลั่ก  มองหน้าเขาสลับกับเสื้อโค้ทในมือตัวเองอย่างงุนงง  “ว่ายังไง  ตกลงใครผิด  แล้วฉันไปวางยาเธอตอนไหน  มีหลักฐานอะไรมั้ยมาปรักปรำกันเนี่ย”

            “ก็นี่ไงหลักฐาน”  คนพูดเริ่มเสียงอ่อย ยื่นเสื้อมาให้ตรงหน้า  “คุณลองดมดูสิ”

            พิชช์ฌานจุ๊ปาก  รับเสื้อของตัวเองมาดมๆดู

            “แล้วไง  ก็ไม่เห็นมีอะไร  มีแต่กลิ่นคุกกี้ขึ้นราของเธอเต็มไปหมด”

            “คุกกี้ขึ้นรา?”  ถึงคราวอีกคนงงบ้าง  อาคิราห์ทวนคำแล้วดึงเสื้อตัวนั้นกลับมาสูดกลิ่นหอมอวลๆนั้นเข้าปอด  “คุณหมายถึงอะไร  ก็นี่ไงกลิ่นนี้อ่ะ  เต็มเสื้อไปหมดเลย   คุณวางยาใส่เสื้อก็ยอมรับมาเถอะ  ไม่ต้องมาเฉไฉ”

            “ใครกันแน่เนี่ยที่เฉไฉฮึ  โดนจับได้คามือเลยยังมาเถียงฉันอีก”  พิชช์ฌานทำเสียงหงุดหงิดทั้งที่ความเป็นจริงแล้วรู้สึกตรงข้ามกับคำว่าหงุดหงิดมากพอดู  “วางยงวางยาอะไร พูดจาเลอะเทอะ”

            “ก็คุณวางยาผมจริงๆนี่”  คราวนี้นัยน์ตากลมโตเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอ  อาคิราห์ไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้เลยให้ตายสิ  แต่ว่าเสียงเข้มๆหนักๆของอีกฝ่ายมันกดดันกันเกินไป  ตัวเองเป็นคนผิดดันมาเปลี่ยนเรื่องว่าเขาเป็นขโมย  จะเถียงกลับก็ไม่ยอมฟัง  เจ็บใจชะมัด  “เนี่ยผมนอนไม่หลับเลยต้องดมแต่เสื้อคุณ  ยังไม่เรียกวางยาอีกเหรอ”

            “อะไรนะ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  มองหน้าเด็กที่ชักตาแดงๆอย่างงุนงงระคนขบขัน

            “ไม่ต้องมาหัวเราะ  คุณใส่อะไรลงไปในเสื้อ  หมอนกับผ้าห่มของคุณก็ด้วย  โอเคผมยอมรับว่าผมเป็นคนเอาของคุณไปเอง  แต่ก็เป็นเพราะคุณไม่ใช่หรือไง  เป็นแผนของคุณแน่ๆที่ทำให้ผมติดไอ้กลิ่นบ้าๆเนี่ย”  อาคิราห์พูดเสียงเครือ  โบกเสื้อโค้ทในมืออีกครั้งเหมือนธงประจำตัว

            คนฟังอึ้งไปนาน  ตาคมกวาดมองสภาพคนตรงหน้าที่อยู่ในชุดนอนลายลูกหมี  หัวหูยุ่งเหยิงดูไม่ได้พอๆกับหน้าตาเหยเก  อยากจะหัวเราะออกมาดังๆแต่ก็กลัวว่า ‘เด็ก’ ตรงหน้าจะปล่อยโฮออกมาอีก

            แค่ทำตาแดงๆเขาก็ชักจะหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว

            “สรุป  เธอติดกลิ่นจากเสื้อผ้าที่นอนฉันน่ะเหรอ”  พิชช์ฌานพูดช้าๆ  “นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเอาของๆฉันไปใช่ไหม”

            “ใช่”  อาคิราห์พยักหน้า

            “ถ้าไม่ได้กลิ่น ...เธอจะนอนไม่หลับเหรอ”

            “ก็ใช่น่ะสิ  ผมนอนไม่หลับถึงต้องเดินลงมานี่ไง”

            “แต่วันนี้ซื้อหมอนใหม่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

            “ก็มันไม่ได้ผลไงเล่า  ผมถึงบอกไงล่ะว่าคุณน่ะวางยาผมแน่ๆ”  อาคิราห์เชิดจมูกขึ้นพลางสูดน้ำมูดดังฟืด  จ้องดวงตาคมกริบคู่นั้นที่จู่ๆก็ปรากฏแววยิ้มหัวไล่ลามลงมายังริมฝีปากสีสด  กลายเป็นรอยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋มลึกข้างแก้มและรอยตีนกาที่หางตา  “คุณยิ้มเยาะผมเหรอ”

            “เปล่า”  คนพูดส่ายหน้าแต่กลับยิ้มกว้างขึ้นอีกจนกระทั่งเปล่งเสียงหัวเราะห้าวๆออกมาดังก้อง

            “...........”  อาคิราห์หน้างอ  ยกมือขึ้นผลักอกคนที่เอาแต่ขำใส่เขาอย่างแรง  ร่างสูงใหญ่ไม่กระเทือนด้วยซ้ำ  นายพิษฌานยกมือขึ้นยึดมือของเขาเอาไว้  “ปล่อย”

            “จะไปไหน”  คนพูดมองหน้าเขาตรงๆ

            “จะไปนอน”  อาคิราห์ตอบกลับแบบไม่มองหน้า  รู้สึกสองแก้มร้อนจัดลามลงมายังลำคอ  “คุณไม่ยอมรับก็เรื่องของคุณ  คุณมันนิสัยไม่ดีอยู่แล้วคุณพิษฌาน”

            “ใครว่าฉันไม่ยอมรับ  ฉันเป็นลูกผู้ชายพอนะ  กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิ”  พิชช์ฌานหัวเราะหึๆ  อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอ ดึงร่างโปร่งบางเข้ามากอดเอาไว้แนบอก   “ไหนลองพิสูจน์หลักฐานซิ  ใช่กลิ่นนี้หรือเปล่า”

            ลมหายใจอุ่นจัดรินรดอยู่ที่ซอกหู  อาคิราห์ย่นคอหนีทว่าปลายจมูกโด่งนั้นกลับตามติดมาไม่ลดละราวกับเป็นคนพิสูจน์ ‘กลิ่น’ เสียเอง  สุดท้ายเจ้าโอเมก้าก็เลยใช้วิธีที่ง่ายที่สุดโดยการหันหน้าหนีไปซุกเข้ากับซอกไหล่ของอีกฝ่ายแทน

            กลิ่นหอมอบอวลแบบเดียวกับผ้าห่มและหมอนลอยเข้าจมูกแต่หัวใจกลับเต้นเร็วแรง  ไม่ยักสงบเหมือนตอนที่ได้กอดหมอนใบใหญ่นั้น

            “เป็นไง  ทำจมูกบานแล้วได้กลิ่นชัดไหม”  เสียงห้าวๆพึมพำกลั้วหัวเราะ  อัยย์ชะงัก  ย่นจมูกใส่แล้วดันตัวออกจากวงแขนแข็งแรง  “แน่ะ...ไม่ยอมตอบ  ตกลงยังไง  ใช่กลิ่นนี้หรือเปล่า”

            “อืม”  คนตอบตอบอุบอิบในลำคอ  พิชช์ฌานยังโอบรอบเอวนั้นเอาไว้หลวมๆ

            “ว่าไงนะ”

            “อือ  ก็บอกว่าใช่ไง”

            “ตกลงติดกลิ่นฉันเหรอ”

            “เปล่า”

            “เปล่าก็เอาจมูกออกจากเสื้อฉันสิ”

            อัยย์ดึงหน้าขึ้นจากอกเสื้อของอีกฝ่ายทันที  ...นี่เขาเผลอไปซบอีกตอนไหน  อุตส่าห์ดันตัวออกแล้วเชียว...

            “ก็เอามือออกจากเอวผมเสียทีสิ”

            “ฉันจับเอวเธอตอนไหน  ฉันจับมือตัวเอง”  นายพิษฌานยกแขนให้ดู  จริงที่ว่ามือใหญ่ทั้งสองข้างไม่ได้สัมผัสโดนเอวของเขาเลยแต่ว่าการที่โอบล้อมเขาเอาไว้เหมือนรั้วมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

            อาคิราห์จุ๊ปาก  หันหลังไปจับมือของพิษฌานเอาไว้แล้วพยายามดึงออกจากกัน  พอไม่สำเร็จก็เปลี่ยนแผนเป็นย่อตัวลงเพื่อลอดออกมาแทน  คนตัวสูงรู้ทันเลยรีบรั้งร่างในวงแขนเข้ามาหาแผ่นอกเสียก่อน  วางคางลงกับศีรษะทุยนั้นแทนการล็อคตัวกลายๆ

            “ยังคุยกันไม่จบเลย  จะรีบไปไหน  ไม่หาหลักฐานเพิ่มแล้วเหรอ”  พิชช์ฌานก้มลงกระซิบกับหลังคอนวลเนียนนั้น  รอยฟันของเขายังปรากฏให้เห็นชัดราวกับเพิ่งกัดไปเมื่อวานแม้สะเก็ดจะหลุดออกไปแล้ว  “ว่าจะสารภาพแล้วเชียว”

            “ไม่เอาแล้ว”  อัยย์ตะเบ็งเสียง  “ผมจะไปนอน  ปล่อยผม”

            “ตกลงจะบอกว่าฉันวางยาอีกไหม”

            “ฮึ”  โอเมก้าไม่ยอมตอบแถมยังหันหน้าหนีอีก  พิชช์ฌานก็เลยยิ่งแกล้งรัดวงแขนให้แน่นเข้าจนเนื้อตัวของอีกฝ่ายแทบจะจมอก

            “ว่าไง  ไม่ตอบก็ไม่ต้องนอนล่ะ”  เขาก้มลงแตะปลายจมูกเข้าที่ข้างแก้มเนียนละเอียดเบาๆ ลามเลยไปยังซอกคอหอมกรุ่นด้วยกลิ่นหวานๆของคุกกี้รสนม

            ไม่ใช่แค่อาคิราห์หรอกที่คิดว่าถูกวางยา....

            “ไม่ได้วางยา”  อาคิราห์ตอบอ้ำอึ้ง  จะปฏิเสธก็ไม่สามารถจะโกหกได้  ในเมื่อหลักฐานก็เห็นอยู่โต้งๆว่าที่เขา ‘ติด’ คือกลิ่นหอมอบอุ่นเหมือนอยู่ท่ามกลางกองหนังสือเล่มโปรดของนายพิษฌาน  ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออะไรทั้งนั้น

            รู้สึกหน้าแตกนิดหน่อย  แต่เราจะโยนความผิดให้นายพิษฌานแทน...คิดได้ดังนั้น  อาคิราห์ก็พูดเสียงแข็งขึ้น

            “หรือมันอาจจะเป็นกลิ่นน้ำหอมของคุณก็ได้”

            “เธอลองดมหมดทุกขวดแล้วไม่ใช่เหรอ”  เจ้าของน้ำหอมเกือบสิบขวดบนห้องนอนแกล้งหลอกถาม

            “ก็ใช่”  อีกคนก็พาซื่อ  พยักหน้ารับเฉย  พอนึกขึ้นได้ก็ทำหน้าหงิกกว่าเดิม  “ไม่ต้องมาหลอกผม  คุณอาจจะซ่อนน้ำหอมขวดนั้นเอาไว้”

            คิ้วเข้มเลิกสูง  แววอะไรบางอย่างผ่านแวบเข้าไปในดวงตาคมกริบแล้วผ่านออกไปอย่างรวดเร็วจนอัยย์แปลความหมายไม่ทัน

            “ฉันมีน้ำหอมเท่าที่เธอเห็นนั่นแหละ  ใครเขาจะเอาไปซ่อนกัน  ซ่อนไว้หัวเตียงงี้เหรอ  ตลกน่า” 

            แววครุ่นคิดปรากฏขึ้นในดวงตากลมใสทันที

            “คงไม่ได้คิดจะไปรื้อเตียงฉันหรอกนะ”  พิชช์ฌานรีบดักคอ  อีกฝ่ายส่ายหน้าไปมา

            “ผมไม่เหนื่อยทำงั้นหรอก  กลิ่นแค่นี้ไม่เห็นสำคัญ”  พูดจบอาคิราห์ก็กระทืบเท้าลงบนหลังเท้าของคนตัวใหญ่จนอีกฝ่ายร้องอุทานคลายวงแขนออก   หลุดจากปราการเหล็กมาได้เจ้าโอเมก้าก็คว้าเสื้อโค้ทที่ตกอยู่ที่พื้นแล้ววิ่งปรูดหายขึ้นบันไดไป

            พิชช์ฌานมองตามแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง  โคลงหัวไปมาพลางหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องทำงาน  เสียงมือขวาคนสนิทเรียกชื่อเขาโหวกเหวกอยู่ผ่านลำโพง  ชายหนุ่มเดินไปนั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่  หันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดวีดีคอลกับคนในพรรคตามเดิม

            “เกิดอะไรขึ้นครับคุณฌาน  พวกผมตกใจหมดเลย”

            “ไม่มีอะไร  เจ้าบู้บี้อาละวาดนิดหน่อย”

            “ใครหรอครับท่าน  เจ้าบู้บี้”  คนในพรรคถามขึ้น

            หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านยิ้มกว้างแต่ตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ

            “บู้บี้น่ะ  ปลาในตู้ของฉันเอง”   

            คืนนั้นกว่าพิชช์ฌานจะกลับขึ้นมานอนบนห้องก็เกือบค่อนคืน  แผนการทุกอย่างถูกปรับปรุงแล้ววางใหม่อย่างรอบคอบ  ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับศึกการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้  คงต้องงัดทุกกลเม็ดขึ้นมาฟาดฟันศัตรูให้ตายไปเสียข้างหนึ่ง

            พอเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนอัลฟ่าหนุ่มก็เกือบหัวเราะออกมา  ร่างโปร่งบางนอนคว่ำขวางอยู่กลางเตียงใหญ่ที่เละเทะยุ่งเหยิง  ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มกระจุยกระจายส่วนหมอนใบโตถูกเจ้าโอเมก้ากอดเอาไว้แน่น   รู้สึกเหมือนฟูกจะเคลื่อนออกมาด้วย  เห็นทีคงมีคนคิดการใหญ่รื้อเตียงของเขาเข้าจริงๆ

            รื้อเสร็จก็หมดแรงไปเสียก่อน  ชิงหลับเสียดื้อๆเนี่ยนะ

            มันน่า...นักนะ

            เจ้าของห้องยกมือขึ้นเตรียมฟาดลงไปบนก้นของคนที่นอนหลับไปแล้วสักตุ้บสองตุ้บ  แต่ก็ยั้งมือไว้  พิชช์ฌานก้มลงดึงผ้าปูที่นอนให้เรียบกว่าเดิมเท่าที่จะทำได้  เดินไปเก็บผ้าห่มขึ้นมาพับใหม่  ได้แต่คิดในใจอย่างฉุนๆว่าทำไมตัวเองจะต้องมาวุ่นวายกับที่หลับที่นอนทุกคืน

            ไม่ใช่เพราะไอ้เจ้าคนที่ชิงหลับไปก่อนแล้วเรอะ...  แล้วดูนอนเข้าซิ  นอนขวางเป็นจระเข้ขวางคลองแล้วคนอื่นเขาจะนอนยังไง   ตัวก็ไม่ใช่เบาๆ

            ชายหนุ่มล็อคต้นแขนของอาคิราห์แล้วดึงขึ้นไปนอนหนุนหมอนดีๆ  คนหลับปรือตาขึ้นมองเขาแล้วก็พึมพำอะไรสักอย่างฟังไม่รู้เรื่องก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนแล้วหลับไปอีก  พิชช์ฌานอยากจะเขกหัวอีกฝ่ายแรงๆซักที  อยากรู้จริงๆว่ากลิ่นของเขามันหอมมากเลยเหรอ

            หอมขนาดที่ว่าขาดไม่ได้  ไม่งั้นนอนไม่หลับเลยหรือไง

            ก็แน่ล่ะ  นี่กลิ่นของใครล่ะ...กลิ่นของนายพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์  นักการเมืองที่หล่อที่สุดในศักราชนี้เลยนะ  ชายหนุ่มคิด  เหลือบมองเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องกระแอมออกมาเบาๆ

            ทำไมเราจะต้องมานั่งภูมิใจในกลิ่นตัวของตัวเองด้วยวะ

            ชายหนุ่มห่มผ้าให้คนบนเตียงลวกๆแล้วก็เดินผละไปอาบน้ำ  จัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็กลับมาซุกตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกันอีกครั้ง  หลายคืนแล้วที่อีกฝ่ายแยกไปนอนอีกห้องหนึ่ง

            พิชช์ฌานขยับตัวเข้าไปหาคนที่นอนซุกกับหมอน  แอบดมหมอนของตัวเองที่อีกฝ่ายหนุนนอนอย่างสบายนั้นนิดหนึ่งด้วยความสงสัยว่ามันหอมอะไรนักหนา

            กลิ่นอับๆแบบหมอนที่ไม่ค่อยได้เอาไปตากแดดผสมกับกลิ่นน้ำมันใส่ผมปะทะเข้าจมูกเป็นอันดับแรกตามด้วยกลิ่นตัวที่คุ้นเคย  พิชช์ฌานไม่เห็นว่ามันจะหอมน่าดมตรงไหน

            สู้กลิ่นคุกกี้ใหม่ๆเพิ่งอบจากเตาไม่ได้

            ทั้งหอมทั้งหวานถูกใจ  รสชาติก็นุ่มละมุนลิ้นนัก

            หรือว่าอาคิราห์จะใส่น้ำหอม...แวบหนึ่งที่เขานึกสงสัยขึ้นมาบ้างและโอบกอดร่างนั้นเข้ามาแนบชิดเพื่อจะได้พิสูจน์กลิ่นจนกว่าจะพอใจ

            พิชช์ฌานหลับไปพร้อมกับความคิดมากมายในสมอง

            .....................................................................


ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk











            “คุณอัยย์ทำอะไรอยู่คะ  ป้านิ่มเตรียมของว่างมาให้ค่ะ”  นิ่มนวลเดินมาเรียกชายหนุ่มที่แทบจะสิงอยู่ในห้องหนังสือนั้นตลอดทั้งวันถ้าไม่มีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทำ “หิวหรือยังคะ”

            “ป้านิ่ม...วันนี้มีอะไรทานครับ”  อัยย์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรื่องใหม่ที่กำลังอ่านอยู่อย่างติดพัน  ลุกขึ้นก้าวยาวๆออกไปหาป้าแม่บ้านที่ดูแลเขาอย่างดีทุกวัน

            “วันนี้มีบัวลอยไข่หวานค่ะ”

            “ของโปรดผมเลย”

            “เห็นโปรดทุกอย่างเลยนะ  มีอะไรไม่โปรดบ้าง”  เสียงห้าวๆดังขึ้นที่ประตู  อัยย์หันขวับไปมองแล้วย่นหน้าใส่

            “ป้านิ่มทำอะไรก็อร่อย  จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ”  หันกลับมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับป้าแม่บ้านที่ยิ้มแก้มปริ  นิ่มนวลขอตัวกลับออกมาจากห้องสมุด  ทิ้งให้เจ้านายทั้งสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง

            “ปากหวานจังนะ  กลัวอดขนมหรอบู้บี้”

            “เมื่อไหร่จะเลิกเรียกผมว่าบู้บี้เสียที”

            “ไม่ชอบเหรอ”  คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

            “ก็ใช่น่ะสิ”

            “แต่ฉันชอบ”  อีกฝ่ายตอบหน้าตาเฉย  เดินเข้ามานั่งบนโซฟาข้างๆร่างโปร่งบางที่รีบหดขาเข้าหาตัวราวกับกลัวเชื้อโรค  “แหม ทีอย่างนี้ล่ะเขยิบตัวหนี  พอตอนนอนทำไมกอดเอาๆ”

            “ผมกอดคุณตอนไหน” อาคิราห์หน้าแดง  รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายพูดความจริงเพราะตื่นมาทีไรก็เจอว่าเขากอดนายพิษฌานเอาไว้ทุกที  แต่จะให้ยอมรับเองล่ะก็  ไม่มีทาง  “คุณนั่นแหละกอดผม”

            “งั้นก็ย้ายกลับไปนอนห้องเดิมเลยสิ”  พิชช์ฌานท้า

            “คืนนี้ผมย้ายแน่”

            “เห็นขู่มาหลายรอบแล้ว”

            “คืนนี้ย้ายแน่ๆ”

            “ห้ามเดินมาเคาะประตูนะ”

            “ไม่มีทาง”

            “ห้ามขนเอาที่นอนหมอนมุ้งของฉันไปด้วย”

            “เฮอะ...”

            “ไม่ต้องมาเฮอะ  รับปากมาสิ  ห้ามเอาเสื้อฉันไปด้วย”

            “ผมไม่ง้อหรอก”

            “งั้นฉันจะล็อคห้องเอาไว้เลยนะ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  “อย่ามากลับคำล่ะ”

            เขาซ่อนยิ้ม  หน้าหงิกๆบูดบึ้งของเจ้าโอเมก้าทำให้อารมณ์หงุดหงิดเคร่งเครียดจากที่ทำงานคลายลงเหมือนทุกครั้ง  พิชช์ฌานปลดเน็คไทออกตามด้วยกระดุมสามเม็ด

            “ร้อนก็ไปอาบน้ำสิ”  อัยย์เหลือบตามองแผงอกที่เม็ดเหงื่อเกาะพราวแล้วหลุดปากออกมา

            อีกฝ่ายเหลือบตาขึ้นมองแล้วหัวเราะหึๆ

            “อาบด้วยกันไหม”

            “ประสาท”

            “คนที่แอบดมผ้าเช็ดตัวคนอื่นประสาทกว่าหรือเปล่า”  พิชช์ฌานแหย่ยิ้มๆ  “เห็นนะเมื่อเช้า”

            “ผมจะไปช่วยป้านิ่มทำงาน”    อาคิราห์รีบเปลี่ยนเรื่อง  ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องหนังสือนั้น

            อันที่จริงตั้งแต่มาอยู่ที่บ้านของพิษฌาน  เขาก็ไม่ค่อยมีอะไรทำเท่าไหร่  ถ้าเป็นคนอื่นก็คงเบื่อตาย  แต่ว่าสำหรับคนที่เคยชินกับการอยู่บ้านมาตลอดชีวิตอย่างเขาก็สามารถปรับตัวจนหาอะไรทำแก้เบื่อได้เอง

            งานหนึ่งที่เขาชอบก็คือการให้อาหารเจ้าปลาบู่ในตู้ของนายพิษฌาน   ค่อยๆโปรยอาหารเม็ดแล้วนั่งดูมันแหวกว่ายมาฮุบอาหารทีละคำก็เพลิดเพลินดีเหมือนกัน  บางครั้งนายพิษฌานก็จะนั่งทำงานอยู่ในห้องด้วย  อาคิราห์ก็จะนั่งดูปลาเงียบๆแบบต่างคนต่างอยู่

            “บู้บี้”

            “........”

            “บู้บี้”

            “หยุดเรียกผมด้วยชื่อนี้เสียทีเถอะ”  คนที่วางอุเบิกขาอยู่นานหันขวับไปพูดเสียงห้วน  อีกฝ่ายเบิกตาโต

            “ฉันเรียกเจ้าปลาบู่  ฉันเพิ่งตั้งชื่อมันว่าบู้บี้”

            อัยย์หน้างอ

            “ทำไมต้องตั้งชื่อปลาบู่เหมือนผมด้วย”

            คนฟังหัวเราะ

            “งั้นเธอเป็นบู้บี้ที่หนึ่ง  แล้วให้มันเป็นบู้บี้ที่สองดีไหม”

            สีหน้าอีกฝ่ายดีขึ้น  แล้วก็กลับหงิกลงใหม่เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้

            “อย่ามาเรียกผมว่าบู้บี้นะ  จะที่หนึ่งหรือที่สองก็ไม่ได้ทั้งนั้น”  พูดจบก็ลุกขึ้นเดินหนีออกไปจากห้องทำงาน

            พิชช์ฌานหัวเราะตามหลังจนกระทั่งนิ่มนวลเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับถ้วยกาแฟและขนมเคียง  เธอส่งยิ้มให้เจ้านายหนุ่มรุ่นลูกอย่างเอ็นดู

            “แหย่อะไรคุณอัยย์อีกคะ  เห็นเดินงอนไปหลังบ้านนู่นแล้ว”

            “คุณอัยย์ของป้าน่ะขี้โมโหจะตายไป  นิดหน่อยก็โกรธแล้ว  ดีตรงที่หายโกรธไวนี่ล่ะ”

            “ระวังเถอะค่ะ  ไปแหย่มากๆระวังสักวันเธอโกรธเข้าจริงๆแล้วจะง้อไม่ไหวนะคะ”  นิ่มนวลเตือน

            “อาทิตย์นี้คุณอัยย์ของป้าเป็นยังไงบ้าง  ผมงานยุ่งมากเลยแทบไม่มีเวลาได้กินได้นอน”  พิชช์ฌานถามเสียงเรียบเรื่อย  “ยังร่ำร้องจะไปเที่ยวอยู่อีกไหม”

            “มีบ้างบางครั้งค่ะ  แต่ป้าก็ชวนไปว่ายน้ำ  ทำนู่นทำนี่แทนให้พอลืมๆ  เธอเหมือนเด็กๆน่ะค่ะ  พอมีอะไรมาให้สนใจแล้วก็ลืมเรื่องทุกข์  แต่ว่าเธอพูดถึงที่บ้านบ่อยนะคะ  น่าจะคิดถึงบ้านอยู่เหมือนกัน”

            “บ้านที่ไม่เคยได้ออกไปไหนน่ะหรอ”

            “ที่นี่ก็ไม่ต่างกันหรือเปล่าคะ”  นิ่มนวลย้อน  “คุณฌาน.. ป้าพูดตรงๆเลยนะว่าป้าสงสารคุณอัยย์  ป้าไม่รู้ว่ามันเป็นเกมการเมืองหรืออะไรนะคะ  แต่ป้าเห็นเธอหงอยๆแล้วมันก็ไม่สบายใจเลย”

            “ผมรู้ครับป้า  ผมก็ไม่ได้จะขังเขาเอาไว้ที่บ้านเสียหน่อย  ขอแค่ผ่านเลือกตั้งไปก่อน  เขาอยากไปไหนผมก็จะให้ไป”

            “แล้วระหว่างนี้ล่ะคะ  คุณจะปล่อยเขาทิ้งๆขว้างๆอยู่ที่บ้านแบบนี้หรอ  คุณอัยย์เธอเป็นคนนะคะ  ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์  ไม่ใช่ปลาในตู้ของคุณด้วยที่แค่มีตู้กับน้ำคอยให้อาหารก็จบ”

            “ป้าไม่เคยพูดกับผมแบบนี้มาก่อนเลยนะ”  ชายหนุ่มติง  มองหน้าอดีตพี่เลี้ยงอย่างแปลกใจ   “คุณอัยย์ของป้าทำคุณไสยใส่หรือไง”

            “คุณอัยย์ไม่ต้องทำคุณไสยใส่ป้าหรอกค่ะ  แค่เธอหน้าจ๋อยป้าก็ใจเสียแล้ว  ป้าไม่ได้ใจร้ายเหมือนคุณฌานนี่คะ  จะได้มองไม่เห็นว่าเธอเฉาจะตายอยู่แล้ว  พาเธอไปเปิดหูเปิดตาบ้าง  เธอแต่งงานออกจากบ้านมาแล้วก็ไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีก  มีแค่คุณนะคะที่จะดูแลเธอได้ดีที่สุด  ป้าเองก็ได้แค่ทำอาหาร  พูดคุยชวนแก้เหงาได้บ้างเท่านั้น”

            “ผมรู้แล้วครับป้า  ไว้พรุ่งนี้ผมจะพาเขาไปข้างนอกบ้าง”

            “คุณพูดมาสามรอบแล้ว  หวังว่าคราวนี้จะไม่ติดธุระอีกนะคะ  รู้หรือเปล่าว่ามีคนเขาแต่งตัวคอยเก้อมาสามหนแล้วนะ”   ป้านิ่มพูดเสียงเข้มก่อนจะกลับออกไปจากห้อง

            พิชช์ฌานถอนหายใจยาวเหยียด  เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ทอดสายตามองเจ้าปลาบู่ในตู้อย่างหนักใจ  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอาคิราห์รู้สึกอย่างไร  แต่จะให้มานั่งอธิบายว่าทำไมถึงพาไปไหนมาไหนไม่ได้ก็คงเหนื่อยที่จะพูด  แล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่จะมานั่งอธิบายกับใครด้วย

            เจนภพโทรเข้ามา  ชายหนุ่มกดรับ

            “ว่าไงบ้าง  ตกลงใช่ไหม”

            “ใช่ครับ  พวกกลุ่มอนุรักษ์มันกลับมาเคลื่อนไหวอีกแล้ว  คราวนี้น่าจะมีแบ็คใหญ่กว่าเดิม  ทุนหนาเลยครับดูจากที่สายเราสืบมา....”  เจนภพรายงานมาอีกยืดยาว  คนฟังเคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะทำงานเบาๆ  “...น่าจะมีคนจงใจให้ออกมาเคลื่อนไหวแน่ๆครับ”  มือขวาคนสนิทปิดท้าย

            “แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำไปทำไม  อยากขัดขาพรรคของเราแค่นั้นเหรอ  แต่นโยบายแบบนี้ก็มีมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว  จะว่าเพราะฉันแต่งงานกับอัยย์...มันก็แปลก  หรือต้องการสร้างความวุ่นวายเฉยๆ”  พิชช์ฌานพูดช้าๆ “อยากให้มีรัฐประหารเหรอ  แต่ทหารประเทศเราไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองมานานมากแล้วคงไม่ใช่  ฉันคิดว่าคนในพรรครัฐบาลอยู่เบื้องหลังแน่ๆ  อาจจะเป็นคนๆด้วยซ้ำ  เพียงแต่ว่า...ทำไมถึงใจร้ายกับลูกชายตัวเองจัง  หรือความจริงแล้ว...อาจจะมีจุดประสงค์อื่น  ยิ่งคิดก็ยิ่งเหตุผลค้านกัน”

            “นั่นสิครับ  แล้วจะให้ผมทำยังไงต่อครับคุณฌาน”

            “ฉันว่าเราคงต้องลองพิสูจน์หน่อยว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมันคืออะไรกันแน่....พรุ่งนี้ฉันจะพาอาคิราห์ไปปรากฎตัวข้างนอก”

            “แต่ว่า...มันไม่ปลอดภัยนะครับ” เจนภพค้านทันที

            “ไม่เป็นไรหรอก”

            “คราวก่อนคุณยังไม่ยอม  แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้..”

            “ไม่ลองก็ไม่รู้  ฉันอยากรู้ว่าเป้าหมายคืออะไร  หมดเวลาเล่นขายของแล้วเจนภพ  พรุ่งนี้เตรียมตัวด้วย”  พิชช์ฌานพูดด้วยเสียงเฉียบขาด  สั่งการสั้นๆอีกสองสามประโยคก็วางสาย 

            นั่งทำงานต่อจนเมื่อยขบ  พิชช์ฌานลุกขึ้นบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นกรอบ  วันนี้ตามตารางเขาจะต้องไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสด้วย  เหลือบดูนาฬิกาก็ใกล้จะถึงเวลานัดเทรนเนอร์แล้ว  พิชช์ฌานออกจากห้องทำงานตรงขึ้นบันไดไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

            ทอดสายตามองกองผ้าห่มกับหมอนที่เจ้าโอเมก้าขยันลากมากองรวมกันได้ทุกวี่ทุกวันอย่างฉุนแกมขัน  ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงชอบเอาของไปกองรวมกันนัก  ตอนแรกลากไปใส่ในซอกตู้  พอโดนดุก็เปลี่ยนมาไว้ที่พื้นข้างเตียง  ทั้งปลอบทั้งขู่อยู่นานถึงได้ย้ายมากองมันบนเตียงเสียเลย  พอไปช่วยจัดวางให้เป็นระเบียบด้วยความหวังดีก็โกรธอีก  ทำหน้าตึงไม่พูดไม่จาจนน่ารำคาญ  เขาเลยต้องปล่อยเลยตามเลย  อยากทำรกแค่ไหนก็เชิญ

            เหลือที่ว่างๆให้เขาได้นอนบ้างก็พอแล้ว

            พิชช์ฌานเปิดตู้เสื้อผ้าออก  หยิบชุดออกกำลังกายมาเตรียมเปลี่ยน  นึกบางอย่างขึ้นมาได้เลยเดินไปแหวกผ้าม่านริมหน้าต่างออกดู  สระว่ายน้ำหลังบ้านที่ตอนนี้มีร่างของใครคนหนึ่งกำลังว่ายกลับไปกลับมาอย่างแข็งขัน

            ชายหนุ่มเปลี่ยนใจ  เปิดลิ้นชักหยิบกางเกงว่ายน้ำออกมาสวมแทน

            อาคิราห์กำลังว่ายน้ำอยู่  เขาชอบว่ายน้ำพอๆกับตีเทนนิสหรือกอล์ฟ  ที่บ้านมีสระว่ายน้ำใหญ่เบ้อเริ่มให้เขาได้ฝึกว่ายตั้งแต่ยังตัวนิดเดียวจนตอนนี้สามารถว่ายได้อย่างคล่องแคล่วทุกท่า

            เสียงตูมใหญ่ทำให้โอเมก้าหนุ่มชะงัก  เงยหน้าขึ้นจากผิวน้ำ  ร่างสูงใหญ่สวมกางเกงว่ายน้ำเอาไว้ตัวเดียวกำลังว่ายตรงมาทางเขาเหมือนปลาฉลาม...

            พูดผิด  น่าจะเป็นเหาฉลามมากกว่า  เพราะนายพิษฌานดำลงไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ผุดขึ้นมากระแอมกระไอสำลักน้ำเสียแล้ว

            “ว่ายน้ำไม่แข็งยังคิดจะโชว์อีก”  อัยย์พูดลอยๆ  เหลือบมองอีกฝ่าย

            พิชช์ฌานไอจนแสบจมูก  ไม่อยากตอบกลับไปว่าเพราะเห็นอะไรใต้น้ำกันแน่ถึงได้สำลักน้ำจนน้ำพุ่งออกมาทั้งปากทั้งจมูก

            “ไหวไหมคุณ  ไม่ไหวก็ขึ้นไปพักก่อน”  อัยย์พูดต่อ   ฝ่ายนั้นโบกมือ

            “แค่นี้สบายมาก”  พิชช์ฌานพึมพำ  ลอยตัวเข้ามาใกล้กับร่างโปร่งบาง  พิศดูผิวสีน้ำผึ้งกระจ่างใสนั้นชัดๆใกล้ๆ สังเกตว่าเริ่มมีรอยแดงคล้ำแดดบ้างแล้ว  “ทำไมเธอไม่ทากันแดด”

            “ผมขี้เกียจทา”

            “นี่ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงคิดว่า ที่พูดแบบนี้เพราะอยากให้ฉันทาให้”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  “แต่พอเป็นเธอพูด  ฉันก็เข้าใจว่าเธอขี้เกียจจริงๆ”

            “อันนี้ชมหรือด่านะ”  อัยย์เอียงคอ  “ฟังดูแปลกๆชอบกล”

            “ชมสิ  ฉันชมว่าเธอพูดตรงกับใจ”

            “ตรงข้ามกับคุณใช่ไหม”

            “ใช่”  พิชช์ฌานรับหน้าตาย

            “คุณเป็นนักการเมืองนี่นะ”   อัยย์พึมพำ  ลอยตัวขึ้นนอนหงายบนผิวน้ำใสสีฟ้าจัด  “ผมไม่คาดหวังจะได้ความจริงจากปากคุณอยู่แล้ว”

            “นับว่าเธอฉลาดใช้ได้”  พิชช์ฌานดันตัวขึ้นลอยตัวบ้าง

            “ฉลาดยังไง  ผมก็ยังแคบอยู่นั่นเอง”  อัยย์พูดต่อ  “ประสบการณ์ผมแทบไม่มีเลย  ไม่แปลกถ้าจะโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก”

            คนข้างๆขยับตัว

            “หมายถึงอะไร”

            คนพูดยักไหล่  ไม่มีคำตอบ

            “ถ้าเธอหมายถึงเรื่องที่ฉัน...”  พิชช์ฌานอ้าปากพูด

            “ว่ายน้ำแข่งกันไหมครับ”  อาคิราห์กลับเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน  “ใครแพ้โดนลงโทษ”

            “ลงโทษยังไง”

            “แล้วแต่คนชนะ”

            “ก็ได้”  พิชช์ฌานตอบตกลง

            อาคิราห์ดำน้ำลงไปทันที  เป้าหมายคืออีกฝั่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล  พิชช์ฌานยิ้มกว้างว่ายตามไปบ้าง  เขาเร่งความเร็วเพื่อตีตื้นพอสูสีจากนั้นก็ยอมให้โอเมก้าว่ายแซงเข้าไปแตะที่ขอบสระก่อน

            “เมื่อกี้ฉันแค่อุ่นเครื่องเอง  ขอฉันแข่งอีกรอบ”  พิชช์ฌานรีบพูด  อีกฝ่ายหรี่ตามองแล้วก็พยักหน้า

            “ก็ได้ครับ  แต่คราวนี้เอาจริงแล้วนะ”

            “แน่นอน”

            “ผมหมายถึงคุณ  ว่ายแบบ ‘เอาจริง’ ด้วย”

            “ฉันก็ว่ายจริงจังแล้วนะ  เห็นฉันว่ายเหลาะแหละหรือไง  เมื่อกี้ก็เกือบชนะ”

            รอยยิ้มของอาคิราห์ทำให้รอบนี้พิชช์ฌานตั้งใจว่ายมากกว่าเดิม  เขาพบว่าอาคิราห์เป็นคนว่ายน้ำได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้มากทีเดียว  เล่นเอาแชมป์มหาลัยอย่างเขาหอบแฮกอยู่เหมือนกันกว่าจะเร่งเครื่องเข้าไปแตะขอบสระพร้อมกันจนได้

            “เสมอกัน”

            “ทำยังไงดีล่ะ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “ผลัดกันลงโทษดีไหม  แฟร์ๆ”

            “ไม่เอา  ยกเลิกกันไป”

            “เรื่องอะไรล่ะ  หรือเธอกลัวบทลงโทษของฉัน”

            “ผมไม่กลัวหรอก”  อาคิราห์ตีน้ำใส่หน้าของเขา  “จะลงโทษอะไรก็ว่ามาเลย”

            “งั้น...พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับฉันนะ”

            “หืม?”  คนฟังกระพริบตา  พิชช์ฌานอมยิ้ม  ยกมือขึ้นกรีดแผงขนตายาวที่มีหยดน้ำเกาะอยู่นั้นเล่นจนเจ้าของรีบยกมือขึ้นปัด

            “ไปเที่ยวกับฉันนะ”

            “ล้อเล่นอีกหรือเปล่า  คุณมีเวลาแล้วเหรอ”  อาคิราห์หลบตาลงมองหน้าท้องเป็นลอนด้วยมัดกล้ามใต้น้ำใสแจ๋วนั้นแทน  ไรขนอ่อนจากสะดือเรียงเป็นแนวหายลับไปในกางเกงว่ายน้ำรัดพอดีตัว  เจ้าโอเมก้ารีบดึงสายตาขึ้นมาแทบไม่ทัน

            “นี่คือบทลงโทษของฉัน  เธอต้องทำตาม”  พิชช์ฌานมองตามสายตาของอีกฝ่ายแล้วยิ้มขำ  พูดขึ้นเบาๆ “ไม่งั้นก็ผิดสัญญาสิ  นอกจากชอบขโมยของแล้วยังชอบเบี้ยวอีกนะ”

            “ใครกันแน่ที่ชอบเบี้ยว”

            “โกรธที่คราวก่อนฉันยกเลิกหรอ  ฉันติดงานด่วนจริงๆ”

            “ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”

            “ก็ว่าอยู่เมื่อกี้แหม่บๆ  มาบอกไม่ได้ว่าอีก  ไอ้ตัวบู้บี้เอ๊ย”  คนพูดบีบจมูกโด่งรั้นของอีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว  “จะไปไม่ไป  ไม่ไปจะอดแล้วนะ”

            “ไปสิ  ไป...โอ๊ย  ปล่อยได้แล้ว”  อัยย์ดึงมือของอีกฝ่ายออกอย่างหงุดหงิด  หันหลังว่ายน้ำไปอีกฝั่งหนึ่งแทน  รู้สึกว่าเจ้าของสระว่ายตามมาติดๆก็เร่งเครื่องขึ้นอีกนิด

            เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดบทลงโทษนายพิษฌานเลยแฮะ  ไม่เป็นไร  ค่อยๆคิด ...จะเอาให้คุ้มเลยเชียว

            ......................................................................................

            มาอัพแล้วจ้า

            ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

            #ขอรักแค่คุณ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
จะพาน้องออกไปเที่ยวเดี๋ยวก็เจอแบบเดิมอีก

ออฟไลน์ Koduck

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านไปก็ยังรู้สึกสงสารน้องอยู่ดี แต่น้องน่ารักกกกกกก อยากหยิกแก้มมาก 555  :z1: :o8:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อัยย์น่ารัก ทำให้คนรักได้ง่ายๆ

ออฟไลน์ idee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
แง อยากบอกคุณคนเขียนว่าเจ้าบู้บี้น่ารักร้อยรอบ
ตอนหน้า นายพิษฌาณพากันออกไปข้างนอกดีๆ นะ อย่าทำเจ้าอัยย์ตกใจ แม่ยกเป็นห่วงค่า
รอเรื่องนี้อยู่จริงๆ อยากอ่านวันละสองตอน ฮือออ

เป็นกำลังใจให้นะค้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ไรท์ต้องรีบมาต่อน้าาาา..  :katai4: :katai2-1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เถียงกันตลกมากแต่อยากจะให้หนังสืออ่านคนละเล่มมากเล้ย
โอ๊ยยยยยยยยยยยย  :katai1:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ทำดีเจ้าบู้บี้ วันนี้ยึดเตียงศัตรูได้แล้ว 555555
อยากขอบีบเจ้าบู้บี้สักที มันเขี้ยว

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
อาการอัยย์เริ่มน่าสงสัยแล้วว
ทำไมยังไม่มีใครสังเกตซักที
ขอย้ำหลายๆครั้งเลยว่า
หมั่น ไส้ ตา พิษ ฌาน มาก!!  :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องอัยย์มาซบอกเจ้มาลูกกก

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
บู้บี้ที่1 น่าร้ากกกก เอ็นดูนางขนหมอนขนผ้าห่มทำรัง คุณพิษก็ใจดีเนอะ ดูเข้าใจน้อง 5555

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ตั้งใจพาออกไปงวดนี้ เราว่าน้องต้องได้รับอันตรายแน่ ๆ เพราะเป็นความตั้งใจของนายพิษที่จะให้น้องเป็นเป้า
น้องน่าสงสารจริง ๆ อ่านมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นใครจะจริงจังและจริงใจกับน้องเลยมีแต่จะหลอกใช้
และถึงน้องจะรู้ตัวแต่ก็ไม่เคยทันเกมพวกเขาเลยซักครั้ง อยากให้ทุกคนที่หลอกน้องโดยเฉพาะนายพิษ
ได้รับกรรมจากผลที่ทำกับน้องเร็ว ๆ จัง ทำไมยิ่งอ่านยิ่งเกลียดนายพิษจังเลย

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
นายพิษ นิสัยไม่ดี วางแผนหลอกน้องตลอด


บู้บี้น้อยฉลาด แต่ก็ไร้เดียงสา


ตามเกมส์นายพิษกับตาพ่อไม่ใหวหรอก

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :pig4: เริ่มหลงน้องบ้างรึยังนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 สงสารน้องมากเลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อยู่ดีๆ ก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย คิดผิดแล้วที่มาอยู่กับฌาณ
สงสารอัยย์ไม่เว้นเวลาเลยค่ะ อยู่ในบ้านคนเดียวสบายใจกว่านะ
อัยย์รู้ตัวว่าโดนหลอกซ้ำๆ แต่บางทีก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่น

อัยย์ไปสารภาพแบบนั้นเฉย 55555 เอ็นดู
แต่ตอนนี้ไม่ต้องหอบไปมาแล้วเนาะ
มานอนด้วยซะเลย ง่ายดี จบ จะดมจะหอมตอนไหน ได้หมด

ฌาณ ถ้ายังคิดจะทำแบบนี้ ได้เจอความเสียใจแน่
แล้วถ้าตอนนี้อัยย์ท้องจริง ได้เศร้ากันบ้างล่ะ

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


แค่ฉากว่ายน้ำด้วยกันก็รู้สึกฟินนิดๆละนะ.


 :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:  :katai3:  :katai2-1:



ออฟไลน์ Jimin39

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากให้เค้าได้กันอีกรอบจัง อยากอ่าน NCละมุนๆคึคี :call:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 14

 



 

 

 

 

            “ทำไมยังไม่แต่งตัวอีก”  พิชช์ฌานถามคนที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนอนด้วยชุดอยู่บ้าน  “ไม่อยากไปเที่ยวเหรอ”

            อาคิราห์ละสายตาจากหนังสือในมือขึ้นมองหน้าอีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้ว

            “ก็นึกว่าไม่ไปแล้ว  ผมขี้เกียจเปลี่ยนชุดกลับไปกลับมา”  โอเมก้าหนุ่มตอบแล้วก้มลงอ่านหนังสือในมือต่อ  คนฟังขมวดคิ้ว  ก้าวยาวๆเข้ามายืนชิดเตียง

            “ใครบอกว่าไม่ไป  ฉันชวนเธอไปแล้วก็ต้องไปด้วยกันสิ”

            “ถ้าคุณไม่ว่างก็ไม่ต้องไปหรอกครับ  ผมอยู่บ้านจนชินแล้ว”

            พิชช์ฌานมองหน้าคนพูดแล้วลอบถอนหายใจยาว  แค่เขาเลื่อนเวลาออกเดินทางไปสองชั่วโมงเพราะยังกำลังคุยติดพันกับสปอนเซอร์พรรครายใหม่  เจ้าโอเมก้าก็ดูท่าจะโกรธเอาเสียแล้ว

            “อัยย์”

            “.....”

            “อัยย์ครับ”

“.....”

“ไม่อยากไปเที่ยวแน่นะ”  ชายหนุ่มพูดลอยๆ “ว่าจะพาไปทะเลเสียด้วย  เสียดายจัง”

แอบเห็นนัยน์ตากลมโตเหลือบมองมาแวบหนึ่งแล้วก็เมินกลับไปทำเหมือนไม่สนใจ  ทว่าพิชช์ฌานรู้ดีว่าอีกคนกำลังตั้งใจฟังอย่างหูผึ่งทีเดียว

“.....”

“มีสวนสนุกด้วยนะ  เขาว่าเครื่องเล่นที่นั่นเจ๋งที่สุดในประเทศเลยล่ะ  อาหารทะเลสดๆก็ดีมากเพราะเพิ่งจับขึ้นมาจากทะเล  แค่คิดฉันก็น้ำลายไหลแล้ว  เธอไม่ไปแน่นะ”  นักการเมืองหนุ่มถามย้ำอีกรอบ  “เปลี่ยนใจทีหลังไม่ทันนะ  ฉันไม่แวะกลับมารับด้วย”

พิชช์ฌานพูดแค่นั้นก็ทำท่าจะกลับออกมาจากห้อง

“เฮอะ”  มีเสียงลมพ่นออกมาจากจมูกแรงๆจากคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง  จากนั้นเจ้าตัวก็วางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นยืนก้าวฉับๆผ่านหน้าเขาไปหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมาเปิดกางออกพลางคว้าเสื้อยืดสีสันสดใสกับกางเกงขาสั้นพอดีตัวเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

พิชช์ฌานกลั้นหัวเราะ  ยกมือขึ้นเคาะประตูหน้าห้องน้ำเบาๆ

“รออยู่ที่รถนะ  ใครช้าอดไป”

ไม่ถึงสิบนาที่ร่างโปร่งบางก็มายืนหน้างออยู่ข้างรถ  เจ้าตัวอยู่ในชุดพร้อมเที่ยวทะเลเรียบร้อยแถมสวมหมวกสานเอาไว้อีกต่างหาก  พิชช์ฌานซ่อนยิ้มรับกระเป๋าเป้ของอาคิราห์มาส่งให้เจนภพเอาไปใส่ท้ายรถ  ป้านิ่มนวลแอบกระซิบบอกเขาเมื่อกี้แล้วว่าเจ้าโอเมก้าลุกขึ้นมาจัดของเตรียมตัวไปเที่ยวตั้งแต่เช้า

“เดินทางปลอดภัยนะคะ  ระวังตัวด้วยนะ  ...เที่ยวให้สนุกนะคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลพูดกับคุณนายของบ้านยิ้มๆ อาคิราห์ยิ้มตอบ

“แล้วผมจะซื้อของฝากมาฝากป้านิ่มนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ  คุณอัยย์มีความสุข ป้าก็ดีใจแล้ว”  นิ่มนวลตอบ

“เอ้า...ใครจะไปเที่ยว ขึ้นรถเร็ว  ฉันขับเองเจนภพ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นเสียงดัง

อาคิราห์เปิดประตูรถก้าวขึ้นไปนั่งกอดอกเป็นคนแรก  ได้ยินเสียงหัวเราะห้าวๆดังมาจากเจ้าของรถที่ขึ้นมานั่งคู่กันฝั่งคนขับ  นิ่มนวลย่อตัวลงกระซิบกับอะไรสักอย่างกับเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง  พิชช์ฌานหัวเราะอีกอย่างอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้ในความคิดของอัยย์

รถสปอร์ตเปิดประทุนคันนั้นขับออกมาจากบ้านหลังงามโดยมีรถตู้และรถเก๋งขับตามมาห่างๆอีกสองคัน  อาคิราห์เหลือบมองรถสองคันนั้นผ่านกระจกมองหลัง

“ไปเที่ยวแค่นี้ต้องเอาคนตามไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”  เขาถามขึ้น  คนขับเลิกคิ้ว

“เผื่อมีเด็กเป็นลมจะได้หามไปส่งโรงพยาบาลทันไง”  นายพิษฌานตอบกลั้วหัวเราะ  “แหม  ไม่ใช่เธอคนเดียวเสียหน่อยที่อยากไปเที่ยว  ใครๆก็อยากไปเที่ยวพักผ่อนกันบ้างทั้งนั้น”

อาคิราห์พยักหน้าเนิบๆหมดความสงสัย  เอนตัวลงพิงเบาะหนังอย่างสบาย  ไม่นานแอร์เย็นๆเป่าหน้าก็ทำให้หนังตาชักเริ่มหนักอย่างช่วยไม่ได้

“ห้ามหลับ”  คนขับรีบพูดดักคอ  “ใครหลับแวะทิ้งข้างทางเลย”

“ก็ดี  ผมอยากโดนทิ้งข้างทาง”  อาคิราห์ตอบงัวเงีย เปลือกตาหรี่ปรือเหมือนมีอะไรมาถ่วงเอาไว้  พิชช์ฌานจุ๊ปาก

“เอาใหม่  ใครหลับอดกินข้าวมื้อเที่ยง”

ได้ผลแฮะ...นักการเมืองหนุ่มคิดในใจแกมขันเพราะคนที่ทำท่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่นั้นรีบลืมตาโพลง  ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงแน่ว

“ไม่ได้เห็นแก่กินนะ  แต่ผมกลัวคุณหลับในเฉยๆ”  เจ้าตัวพูดแก้เก้อเมื่อหันมาเจอแววขบขันในดวงตาคมเข้ม

“ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ”  พิชช์ฌานยักไหล่  ขับรถไปได้ไม่นานก็เห็นคนนั่งลืมตาโพลงเมื่อกี้เริ่มโงนเงน  หนังตาเริ่มหรี่ปรือลงอีกจนน่าจะหลับไปในไม่ช้า

พิชช์ฌานขับแซงรถอีกคันเสร็จก็เหลือบดูคนนั่งข้างๆอีกรอบ  เขาพบว่าอีกฝ่ายกำลังใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้แหวกหนังตาของตัวเองค้างเอาไว้

“ทำอะไรน่ะ”  เขาหัวเราะออกมา

“ฮึ”  คนข้างๆไม่ตอบแต่นั่งโอนเอนเหมือนต้นไผ่ลู่ลม  ไม่นานมือที่ฝืนต้านทานหนังตาอยู่ก็สู้ความง่วงไม่ไหว  พิชช์ฌานได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามด้วยเสียงกรนคร่อกดังมาจากคนที่แหงนหน้าขึ้นพิงพนักหลับไปเสียอย่างนั้น

“หลับจนได้”  ชายหนุ่มอุทาน  ไม่คิดจะเอื้อมมือไปปลุกขึ้นมาอีกเพราะรู้ว่าเมื่อคืนเจ้าตัวยุ่งนอนไม่หลับทั้งคืน  ไม่รู้เป็นเพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวหรือเปล่า  แต่เขาคิดเข้าข้างตัวเองเอาว่าน่าจะใช่  อาคิราห์อยากไปเที่ยวจนนอนพลิกตัวกลับไปกลับมาจนเช้า

เด็กหนอเด็ก...พอได้ไปเที่ยวแล้วก็ดันมาง่วงเสียนี่

พิชช์ฌานเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟังคลอเบาๆไประหว่างขับรถตรงไปยังเมืองท่องเที่ยวชื่อดังติดชายทะเล  โชคดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดยาวหรือช่วงสิ้นเดือน  รถก็เลยไม่ติดมากอย่างที่ควรจะเป็น  ไม่นานชายหนุ่มก็มาถึงสถานที่ๆต้องการ

แสงแดดจัดจ้าส่องแรงสมกับเป็นเวลาเที่ยงวัน พิชช์ฌานหาที่จอดรถได้ก็เอื้อมมือไปเขย่าตัวคนหลับอยู่แรงๆ  อาคิราห์สะดุ้งลุกขึ้นมานั่งตาโต  วิวชายหาดกับทะเลที่เห็นอยู่เบื้องหน้าทำให้หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง

“ถึงแล้ว ทะเลๆ”  เขาพูด เอื้อมมือไปเปิดประตูแต่ว่าติดล็อค

“ใจเย็นๆสิ  ล็อครถก่อน”  เจ้าของรถพูดเนิบๆ

“ผมขอลงไปก่อนได้มั้ย”

“รอไปด้วยกัน”

อาคิราห์เดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่เข้าไปภายในร้านอาหารบรรยากาศดีที่อยู่ติดริมทะเลนั้น   อดแปลกใจไม่ได้ที่ร้านใหญ่โตออกอย่างนี้กลับว่างเปล่าไม่มีแขกเลยสักคนเดียวนอกจากพวกเขาสองคน  เจ้าของร้านเดินมาแนะนำเมนูแต่ละอย่างที่ฟังแล้วน้ำลายสอ   เขาสั่งอาหารทะเลสดๆไม่อั้นมาเต็มโต๊ะโดยที่พิชช์ฌานไม่เอ่ยปากค้านเลยสักคำเดียว  ลมทะเลพัดแรงจนเส้นผมปลิวเปะปะ  อาคิราห์หันไปมองทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตานั้นอย่างอารมณ์ดี

“ผมขอลงไปเดินเล่นได้มั้ย”   แค่นั่งถอดรองเท้า  ซุกเท้าเปล่าเปลือยลงในทรายอุ่นๆก็รู้สึกดีแล้ว  มันคงจะดีกว่านี้อีกถ้าได้ออกไปเดินย่ำชายหาด  ลุยน้ำทะเลสักหน่อย

“ได้  แต่กินให้เสร็จก่อน”  คนที่นั่งตรงข้ามตอบเนิบๆ  ร่างสูงใหญ่เอนตัวลงนั่งไขว่ห้างอย่างสบาย  อาคิราห์เพิ่งสังเกตว่าวันนี้นายพิษฌานเองก็แต่งตัวลำลองกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น  เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงยีนส์ทำให้อีกฝ่ายดูเด็กลงไปเกือบสิบปี

ต้องยอมรับว่านายพิษฌานเป็นคนดูแลตัวเองดีมาก  หุ่นก็ยังเฟิร์มอยู่ไม่เผละเหมือนนักการเมืองคนอื่นๆที่เคยเห็น

นัยน์ตาคมกริบหันมาเจอเขาเข้า  คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

“แอบดูอะไร”

“เปล่า”

            “ตอบแบบนี้แสดงว่าแอบด่าฉันอยู่ในใจล่ะสิ”  อีกฝ่ายดักคอ

            “คุณทำอะไรไว้ล่ะ  ผมถึงจะต้องด่า”  อาคิราห์ย้อน

            “ก็...เยอะอยู่เหมือนกัน”  คราวนี้ฝ่ายนั้นมาแปลกดันยอมรับเอาดื้อๆ  พิชช์ฌานมองหน้าเขาแล้วกระแอมออกมาเบาๆ  “เมื่อกี้ใครหลับในรถอดกินไม่ใช่เหรอ”

            “ผมไม่ได้หลับ  ...แค่พักสายตา”  เจ้าโอเมก้ารีบพูดหน้าตาเฉย  อีกฝ่ายหัวเราะอย่างฉุนแกมขัน

            “พักนานไปหน่อยนะ  ตั้งแต่ออกจากบ้านมาถึงนี่เลย”

            “ผมลืมตาเป็นระยะ  แต่คุณไม่เห็นเองต่างหาก”

            “เป็นระยะที่สั้นมากแบบชั่วพริบตาเลยสินะ”  พิชช์ฌานค่อน

            อาคิราห์หัวเราะออกมา  รอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบครบทุกซี่ทำให้คนมองเผลอยิ้มตาม  รู้สึกแดดร้อนๆเมื่อกี้กลับเย็นลงฉับพลันพอๆกับท้องฟ้าที่สดใสขึ้นอย่างประหลาด  พิชช์ฌานหยุดมองรอยยิ้มนั้นครู่เดียวก็มองไปทางอื่น

            “แล้วคุณเจนภพกับคนอื่นเขาไม่มากินข้าวกันเหรอ”  อาคิราห์ถามขึ้นบ้าง  มองไปรอบตัวที่โล่งๆว่างๆชอบกล

            “เขาก็แยกย้ายไปเที่ยวของเขาสิ  วันพักของเขานี่นะ”  พิชช์ฌานตอบ  เลื่อนน้ำผลไม้ไปให้อีกฝ่าย

            “อ้อ”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม  “ทำไมร้านนี้ไม่เห็นมีคนเลย  แถมจัดร้านแปลกๆด้วยๆ  แบบ...มันโล่งๆ”  ชายหนุ่มกวาดตามองรอบตัวที่แทบไม่มีจุดอับสายตาเลย  เหมือนคนนั่งอยู่กลางแจ้งงั้นแหละ

            “เศรษฐกิจไม่ค่อยดีก็แบบนี้ล่ะ  คนไม่มีเงินมาเที่ยวหรอก”

            “คุณจะบอกว่าต้องเลือกพรรคคุณสินะ”

            “ผมเชื่อมือตัวเองมากกว่า...ใคร.. ก็แล้วกัน”  คนตอบสะดุดเล็กน้อยเพราะนึกขึ้นได้ว่ากำลังคุยอยู่กับลูกชายของศัตรูทางการเมือง 

“หมายถึงพ่อผมใช่ไหม”  อาคิราห์ถามอย่างรู้ทัน  อีกฝ่ายไม่ตอบ

            อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะทำให้อาคิราห์ลืมเรื่องที่จะถามต่อ  ชายหนุ่มตักอาหารใส่จานอย่างเพลิดเพลิน  อาหารทะเลที่นี่สดจริงๆตามที่อีกฝ่ายคุยโวเอาไว้  เขาจิ้มปลาหมึกชิ้นหนาแทรกด้วยไข่มันๆจิ้มน้ำจิ้มรสเด็ดเข้าปากเคี้ยวกลืนคำแล้วคำเล่า

            “เคี้ยวให้ละเอียดนะ  เดี๋ยวไม่ย่อยหรอก”  พิชช์ฌานพูดเตือน  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจเท่าไหร่  อาคิราห์หันไปซัดอาหารจานอื่นต่อ  ซากเปลือกปูเปลือกหอยวางกองพะเนินจนคนพามาชักทึ่ง  “นี่เธอมีสี่กระเพาะหรือเปล่า  กินเยอะขนาดนี้เดี๋ยวก็ปวดท้องแน่ๆ”

            “ผมไม่เป็นไรหรอกน่า”  คนพูดกลืนเนื้อปลานิ่มๆลงคอไปคำใหญ่  “คุณก็กินเยอะๆสิ  ไม่ต้องเกรงใจ”

            “ใครเป็นคนจ่ายกันแน่ฮึบู้บี้”  พิชช์ฌานอุทาน  อีกคนหัวเราะ   “ยังมาหัวเราะอีก  กินเข้าไปเถอะ  ฉันเพิ่งโดนหมอว่ามาเรื่องไขมันสูง”  ชายหนุ่มพูดอุบอิบ

            “ผมเข้าใจ”  อาคิราห์พยักหน้าด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ  “พ่อผมก็เป็นโรคไขมันเนี่ย  เป็นความดันสูงด้วยนะ  คุณล่ะ...อายุปูนนี้แล้วดูแลสุขภาพบ้างก็ดี”

            “นี่ฉันยังไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะ”  คนฟังหน้าหงิก  “ว่าแก่บ่อยๆ  เดี๋ยวเถอะ...”

            “จะทำไมเหรอ”  คิ้วเรียวเลิกขึ้น  รอยยิ้มพราวมีแววท้าทายนิดๆอยู่ในดวงตากลมใสแจ๋วคู่นั้น  พิชช์ฌานขยับจะตอบแล้วก็เปลี่ยนใจพูดเรื่องอื่นแทน

            “สั่งของหวานไหม  กินไหวหรือเปล่า”

            อีกฝ่ายพยักหน้า  ดูท่าเจ้าโอเมก้าจะมีสี่กระเพาะจริงๆตามที่พิชช์ฌานว่าเอาไว้  อาคิราห์นั่งละเลียดกินไอศกรีมมะพร้าวคนเดียวจนหมดแก้วแล้วก็ขอเดินลงไปยืดเส้นยืดสายที่ชาดหาดข้างล่างต่อ 

            “รอฉันเข้าห้องน้ำก่อนค่อยไป”  พิชช์ฌานพูด

            “ทำไมต้องรอด้วย  กระเพาะฉี่คุณไม่ได้ติดกับผมเสียหน่อย”

            “จะรอไม่รอ  ถ้าไม่รอก็กลับเลย”  คนแก่กว่าพูดเสียงเข้มขึ้น  อาคิราห์เบ้ปากแต่ก็ยอมยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าห้องน้ำโดยดี

            พิชช์ฌานไม่ได้พาเขาลงไปเดินเล่นที่ชายหาดหน้าร้านอาหารแห่งนั้นแต่กลับพาขึ้นรถขับอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของหาดที่ดูเป็นส่วนตัวยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก  อาคิราห์กวาดตามองรอบด้านที่ไม่เห็นเงาของคนเลยสักคนเดียว  มีแค่เขากับผู้ชายตัวสูงข้างๆแค่นั้น

            “ทำไมมันโล่งขนาดนี้ล่ะ”

            “ไม่ดีหรือไง  ได้ไม่ต้องแย่งเบียดกับคนอื่น”  พิชช์ฌานว่า

            “ก็ดีอยู่หรอก  แต่มันแบบ...โล่งๆไงไม่รู้  ทะเลมันต้องคนเยอะๆสนุกๆสิ”

            “แล้วแบบนี้ไม่สนุกเหรอ”  ชายหนุ่มถาม  มองดูคนตัวเล็กกว่าที่ย่อตัวลงรูดซิปเปิดกระเป๋าเป้ที่พกมาด้วยออกพลางหยิบของข้างในนั้นออกมาวางเรียง 

            “ก็สนุก  แต่มัน...” อาคิราห์ยักไหล่  ก้มลงหยิบผ้าสีสวยขึ้นมาปูบนชายหาดใต้ร่มไม้  “ขึ้นมานั่งสิ”

            “นี่เธอขนของอะไรมาบ้างเนี่ย”

            “มาทะเลก็ต้องมาอาบแดด  เล่นน้ำทะเลไง”  คนพูดสะบัดผ้าอีกผืนลงบนชายหาดแต่ว่ามือใหญ่คว้ามือเอาไว้เสียก่อน

            “ขืนอาบแดดตอนนี้ได้สุกเป็นกุ้งเผาแน่  แดดร้อนตายชัก”

            “คุณก็นั่งหลบแดดไปสิ”

            “อาคิราห์  แดดมันแรงไป  ไม่เห็นเหรอ”

            “ก็เดี๋ยวคุณจะกลับแล้ว”

            “ฉันยังไม่กลับหรอกน่า  เราจะค้างที่นี่คืนนึงก็ได้  ฉันมีบ้านพักตากอากาศที่นี่”  พิชช์ฌานพูด  อีกฝ่ายเบิกตาโตถามเสียงดัง

            “จริงเหรอครับ  จะค้างจริงเหรอ”

            “ถ้าเธอทำตัวเป็นเด็กดี  ว่านอนสอนง่ายนะ”

            “พูดเหมือนผมเป็นเด็กสามขวบ”

            “แล้วผู้ใหญ่ที่ไหนขนกระป๋องทรายมาด้วยเล่า”  พิชช์ฌานพูดขำๆ  กวาดตามอง ‘อุปกรณ์’ เล่นทรายต่างๆที่เจ้าโอเมก้าขนมาด้วย

            “ผมเอามาใส่ของ  ไม่ได้จะเอามาเล่นทราย”  อาคิราห์แก้ตัว  หันไปรวบรวมของต่างๆมาแอบเอาไว้มุมหนึ่ง

            “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ จะใส่ของใส่น้ำทะเลกลับบ้านก็ยังได้”

            “นั่นมันเด็กประถมแล้วคุณ  เอาน้ำทะเลกลับบ้านน่ะ”

            “แสดงว่าเคยทำ”

            “ก็มันเด็กประถมไง  อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคย”

            “ก็เคยน่ะสิถึงได้รู้”  พิชช์ฌานพูดหน้าตายแล้วหัวเราะออกมา  “จะเล่นอะไรก็เล่นไปเถอะ  แต่อย่าออกไปไกลเกินโขดหินตรงนั้นนะ  ฉันจะงีบเสียหน่อย  ขับรถมาเหนื่อย”  พูดจบร่างสูงใหญ่ก็ลงนอนเหยียดยาว  ยกมือขึ้นหนุนศีรษะทั้งสองข้าง

            อาคิราห์หันไปสนใจชายหาดกับคลื่นลมทะเลตรงหน้าแทน  ชายหนุ่มเหลือบมองคนหลับแวบหนึ่งก่อนจะแกะกระดุมถอดเสื้อฮาวายออกเหลือเอาไว้แค่กางเกงขาสั้น  คว้าแว่นกันแดดมาสวมตามด้วยหมวกใบโต  หันไปค้นหยิบครีมกันแดดขึ้นมาบีบทาตามแขนขา

            พยายามเอื้อมมือไปทาที่แผ่นหลังของตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  คนที่แสร้งทำเป็นหลับอยู่แต่ความจริงนอนลืมตามองผ่านแว่นกันแดดมาตลอดซ่อนยิ้ม  ดึงตัวลุกขึ้นมานั่งซ้อนข้างหลังแล้วเอื้อมมือไปช่วยทาครีมบริเวณหลังให้

            อาคิราห์สะดุ้ง  หันกลับมามองอย่างตกใจ  มือใหญ่ลูบไล้เนื้อครีมไปบนผิวสีน้ำผึ้งเรียบเนียนนั้นอย่างเบามือและสุภาพอยู่ในทีจนเจ้าของแผ่นหลังไม่ได้ต่อต้านอีก  ยอมนั่งดีๆให้อีกฝ่ายชโลมครีมกันแดดให้

            “ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”  อัยย์หันไปถามเพราะรู้สึกว่าฝ่ามือนั้นนวดคลึงที่บริเวณเอวนานแล้ว

            “อยากผิวไหม้หรือไง”  เสียงห้าวดุตอบกลับมาพร้อมกับฝ่ามือที่ไล่ขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง

            “ผมว่าตรงนั้นทาไปแล้ว”

            “มันต้องทาหลายๆรอบ  แค่นี้ก็ไม่รู้ยังคิดจะอาบแดดอีก”  พิชช์ฌานตอบเสียงเข้ม  “เป็นมะเร็งผิวหนังขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ  เอ้า...เสร็จแล้ว”

            “ขอบคุณครับ”

            “เดี๋ยวก่อน  ....อย่าเลยโขดหินนู้นไปนะ”

            “ทำไมล่ะครับ”

            “มันเกินเขตบ้านฉันน่ะสิ  ชายหาดของฉันสิ้นสุดแค่ตรงนั้น”

            “อ้อ”  อาคิราห์พยักหน้ารับคำแล้วก็หันไปคว้ากระป๋องพลาสติกเล็กๆขึ้นมาถือเอาไว้

            “เดี๋ยว  อย่าลงไปน้ำลึกด้วย  เดี๋ยวจมน้ำขึ้นมา”

            “ผมว่ายน้ำเป็นน่า”

            “ว่ายน้ำเป็นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่จมน้ำนะ  อย่าเล่นน้ำนานด้วย  ถ้าเป็นหวัดฉันไม่พาไปโรงพยาบาลหรอก”  พิชช์ฌานพูด

            “โอย คุณบ่นเป็นคนแก่ไปได้  ผมโตแล้วนะ  ผมเดินเล่นอยู่แถวนี้ล่ะ  หรือไม่คุณก็ลงมาเล่นน้ำทะเลด้วยกันสิ”

            “ฉันไม่เล่น  เธออย่าไปไกลแล้วกัน”  อีกฝ่ายไม่วายสั่งอีกรอบ

            อาคิราห์จุ๊ปาก  หมุนตัวเดินหนีออกมาจากใต้ร่มไม้นั้น  แดดจัดจริงอย่างที่พิชช์ฌานว่าแต่ลมทะเลพัดแรงก็ทำให้อากาศกลับเย็นสบาย  ชายหนุ่มแตะปลายเท้าลงกับน้ำทะเลใสแจ๋วเพื่อวัดอุณหภูมิ  มันอุ่นพอดีเหมือนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำที่บ้าน



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk









            พิชช์ฌานนอนมองร่างโปร่งบางเดินกลับไปกลับมาอยู่ริมทะเลเงียบๆ  เจ้าโอเมก้าเดินลงไปในทะเล  ว่ายน้ำลอยตัวเล่น  สลับกับขึ้นมานั่งก่อกองทรายง่วนอยู่ริมหาดคนเดียว  จากนั้นก็เดินก้มหน้าก้มตาเก็บเปลือกหอยใส่กระป๋องที่หิ้วติดมืออยู่ตลอดเวลา

            “ทำไมเจ้านายไม่ลงไปเล่นน้ำกับคุณอัยย์ล่ะครับ”  เสียงมือขวาคนสนิทดังขึ้นจากไมโครโฟนขนาดเล็กที่สวมติดที่หู  พิชช์ฌานเหลือบมองไปทางด้านหนึ่งของโขดหินสูงชันที่น่าจะเป็นที่อยู่ของเจนภพตอนนี้

            “ถ้าฉันไปแล้วใครจะเฝ้าอยู่ที่หาดล่ะ”

            “พวกผมไงครับ  ดักรอบหาดขนาดนี้  ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นหรอก”  เจนภพพูด  “ขนาดมดสักตัวยังลอดเข้ามาไม่ได้เลย”

            “ฉันไม่อยากลงทะเลตอนนี้”  เจ้านายตอบเรียบๆ  “แล้วเป็นไง  มีความเคลื่อนไหวบ้างไหม”

            “ยังไม่เห็นอะไรเลยครับ”  เจนภพว่า  “หรือว่าเป้าหมายของมันจะไม่ใช่คุณอัยย์อย่างที่เข้าใจ”

            “รอดูไปก่อน  ยังบอกอะไรไม่ได้หรอก”

            “ตกลงคุณจะค้างที่บ้านพักหรอครับ”

            “น่าจะค้างนะ”  พิชช์ฌานตอบ  ทอดสายตามองร่างโปร่งบางที่นั่งกอดเข่าขุดทรายอยู่ริมทะเลเงียบๆ  “ฉันขี้เกียจขับรถกลับคืนนี้”

            “ผมขับให้ก็ได้นะครับ”

            “บอกว่าค้างก็ค้างเถอะน่ะ” เจ้านายจุ๊ปาก  “หาดข้างๆกันนี่คนเยอะไหมเจนภพ”

            “ก็เยอะอยู่ครับ  มีทัวร์ต่างชาติมาลงเมื่อกี้  กำลังวุ่นวายเลย  คุณฌานจะพาคุณอัยย์ไปหรอครับ”  คนสนิทพูดขึ้นราวกับรู้ใจ  “ผมเกรงว่าเราจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง  แล้วคุณอัยย์จะเป็นอันตรายนะครับ”

            “เขาบ่นเหงา”  พิชช์ฌานหลุดปากออกไป  คำว่า ‘เหงา’ เป็นคำแรกที่เขานึกออกหลังจากที่นั่งมองเด็กคนนั้นอยู่นาน

            “คุณก็ลงไปเล่นน้ำเป็นเพื่อนคุณอัยย์สิครับ  ไม่ต้องห่วง  พวกผมจะระวังให้อย่างดีเอง”  เจนภพยืนยัน

            “ฉันไม่ไว้ใจสถานการณ์”  พิชช์ฌานตอบพลางถอนหายใจระบายความเครียดจัดที่เก็บซ่อนมาทั้งวัน

            “ถ้าคุณกลัวคุณอัยย์เป็นอันตรายขนาดนี้แล้วจะพาออกมาทำไมล่ะครับ  ...อย่าบอกว่าเป็นเพราะจะรอดูพวกกลุ่มอนุรักษ์ฯนะ  ผมรู้ว่าคุณฌานมีวิธีอื่นอีกเยอะแยะที่จะหาเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมัน  แต่ว่าคุณก็เลือกพาคุณอัยย์ออกมา”

            “เพราะป้านิ่มนั่นแหละ  บังคับให้ฉันต้องพาเขาออกมาเที่ยว”  ชายหนุ่มพูดเสียงห้วน  ทำเป็นลืมๆภาพร่างโปร่งบางนั่งเท้าคางจ๋อยอยู่ในห้องสมุดไปเสีย

            “ไม่มีใครบังคับคุณได้หรอกครับคุณฌาน  นอกจาก...”

            “อย่ามาทำเป็นรู้ดี”  พิชช์ฌานพูดขัด  “ไปทำหน้าที่ของตัวเองเถอะ  ฉันจะพาอัยย์ไปเปลี่ยนชุดที่บ้านแล้วพาไปดินเนอร์ต่อ  เคลียร์ร้านให้ด้วย  ตอนเที่ยงยังมีคนขายของเดินเข้ามาได้อยู่เลย”

            “ผมพลาดเอง ขอโทษด้วยครับ”  เจนภพพูด  “ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอนครับ”

            “ดีมาก”

            พิชช์ฌานลุกขึ้นเดินไปหาคนที่นั่งมองพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าอยู่เงียบๆนั้น   เขาทิ้งตัวลงนั่งยองๆข้างๆแล้วก็เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นยืนแทน

            “ฉันปวดเข่า”  คำตอบของคนแก่กว่าทำให้คนฟังหัวเราะ

            “ผมเข้าใจ  มันเสื่อมตามวัยน่ะคุณ”

            พิชช์ฌานยื่นมือมาหา  อาคิราห์ชั่งใจแวบเดียวก็ยอมวางมือลงบนฝ่ามือใหญ่นั้น  อีกฝ่ายกระชับมือของเขาเอาไว้แน่นครู่หนึ่งก่อนจะดึงให้ลุกขึ้นยืน   

            ลมทะเลพัดมาวูบ  คนตัวเปียกยกมือขึ้นกอดอกเพราะเริ่มหนาว  พิชช์ฌานยกแขนขึ้นโอบรอบตัวแล้วดึงเข้ามาชิดอก  อัยย์ไม่ได้ขัดขืนอย่างที่ควรจะเป็น  บางทีอาจเป็นเพราะภาพดวงอาทิตย์สีส้มกำลังจะลับขอบฟ้าให้เห็นตรงหน้าก็เป็นได้

            มันสวยจนแทบหยุดหายใจ  เสียงหัวใจเต้นตึกๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอใต้แผ่นอกกว้างดังเข้าหู  อาคิราห์นิ่งฟังเสียงนั้นตอนที่แสงสีส้มจัดหายลับไปจากท้องฟ้า  กลายเป็นสีน้ำเงินเข้มเหมือนกำมะหยี่  เขากับพิชช์ฌานไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว

            เสียงสูดน้ำมูกฟึดฟัดของคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาทำให้พิชช์ฌานก้มลงมอง  อัยย์จามออกมาเสียงดังพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำมูกใสๆออกลวกๆ

            “บอกแล้วอย่าเล่นน้ำนาน  ไม่เชื่อ”  ผู้ใหญ่ได้ทีรีบพูดสำทับ  “เป็นหวัดแล้วล่ะซิ”

            “แค่จามเฉยๆ  จะเรียกเป็นหวัดได้ไง”  อาคิราห์ว่า  สูดน้ำมูกอีกฟึดใหญ่

            “แล้วที่ตัวสั่นนี่อะไร  จะจับไข้แล้วมั้งเธอน่ะ”  พิชช์ฌานยกหลังมือขึ้นมาแนบที่หน้าผากเนียน  “ตัวรุมๆแล้ว”

            “คุณมือเย็นต่างหาก  ผมไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย”  อาคิราห์เถียง  ดันตัวออกจากวงแขนล่ำสัน  “ผมอยากอาบน้ำ”

            “ไปอาบที่บ้านฉัน”

            พิชช์ฌานคว้ามือของเขามากุมเอาไว้แล้วพาเดินกลับขึ้นไปบนชายหาด  ตอนแรกอัยย์ก็อยากดึงมือกลับอยู่หรอกแต่ว่าอาการปวดหัวตุบๆเริ่มจะรังควาน  ทำให้เขาเปลี่ยนใจยอมเดินตามอีกฝ่ายไปจนกระทั่งถึงหน้าบ้านพักตากอากาศที่อีกฝ่ายชี้ให้ดูเมื่อตอนบ่าย

            ข้างในบ้านจัดเอาไว้อย่างเรียบง่ายกว่าที่คิด  อาคิราห์ผลุบเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ  จัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จถึงได้กลับออกมา   ชักรู้สึกว่าจะจับไข้จริงๆตามที่อีกฝ่ายบอกเสียแล้ว  เจ้าโอเมก้าแอบเปิดกระเป๋าหยิบยาแก้ปวดลดไข้ขึ้นมากิน

            “พร้อมหรือยัง  ฉันจะพาไปกินข้าวเย็นต่อ”

            “ตอนแรกคุณว่ามีโปรแกรมสวนสนุกด้วยไม่ใช่หรือไง”

            “อยากไปจริงๆหรือ”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว

            “อยาก”  อาคิราห์ตอบสั้นๆ  “แต่ตอนนี้คงปิดไปหมดแล้วล่ะ”

            “เธอมากับใคร...ฉันคือพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์นะ”  นักการเมืองหนุ่มยืดตัวขึ้นเล็กน้อย  “เรื่องนี้เล็กน้อยมาก  ฉันจะซื้อสวนสนุกวันนี้เลยก็ยังได้”

            “เอาเลย  แล้วผมจะส่งจดหมายไปให้เขาตรวจสอบทรัพย์สินของคุณเสียหน่อย”  อาคิราห์ว่า  “รู้สึกจะรวยผิดปกติ”

            “ถ้าจะตรวจสอบล่ะก็  พ่อเธอน่ะควรโดนคนแรกเลย”

            “พ่อผมทำงานซื่อสัตย์สุจริต  ไม่มีกินนอกกินในหรอก”  อาคิราห์เชิดหน้าขึ้น  “ไม่งั้นจะได้เป็นนายกฯต่อกันสองสมัยได้ยังไง  พ่อผมเป็นนักการเมืองมือสะอาดที่สุดในวงการแล้วมั้ง”

            คนฟังขยับจะพูดสวนแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ

            “แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน  ถ้างั้นฉันจะพาเธอไปกินข้าวในสวนสนุกดีไหม”

            “ไม่เอา  ผมอยากกินอาหารในร้านดีๆ  แล้วค่อยไปเล่นในสวนสนุก”

            “ตามนั้น”

            คนที่หมายมั่นปั้นมือจะมาจัดการอาหารมื้อใหญ่ตอนเย็นกลับกินอะไรไม่ค่อยลงจนคนพามาชักสงสัย  พิชช์ฌานหรี่ตาลงมองคนนั่งตรงข้ามตักอาหารเข้าปากเคี้ยวกลืนช้าๆเหมือนเคี้ยวเอื้องแล้วก็ยิ่งแปลกใจ  ปกติซัดเอาๆเหมือนพายุ  ทำไมวันนี้ถึงได้กินเหมือนดม

เป็นเพราะอาคิราห์เริ่มเจ็บคอแถมขมลิ้นขมปากเลยกินอะไรก็ไม่อร่อย  เจ้าโอเมก้านั่งกระพริบตาปริบๆ มองอาหารหน้าตาน่ารับประทานตรงหน้าด้วยความเซ็ง  กินเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มท้องอืดๆ กินไม่ลง  ได้แต่นั่งมองนายพิษฌานหั่นเนื้อล็อบสเตอร์เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย

ทำไมไม่บอกกันก่อนว่ามื้อเย็นจะมาร้านดีขนาดนี้  มื้อเที่ยงเขาจะได้ยั้งๆไว้บ้าง...

“ไม่อร่อยเหรอ”

“ผมอิ่มแล้ว”

            “ฝนตกหนักแน่ๆวันนี้”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “มีวันที่เธออิ่มก่อนฉันด้วยเหรอ”

            คนฟังย่นหน้า

            “เห็นผมเป็นคนยังไง  ผมไม่ได้ตะกละขนาดนั้นเสียหน่อย”

            “แต่มากกว่านั้นใช่ไหมล่ะ”  พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  “เล่นมื้อเที่ยงไปซะเยอะมันก็จุกล่ะซิ”  อีกฝ่ายหน้างอ  พิชช์ฌานแกล้งกินยั่วน้ำลายเด็กต่ออีกหลายจานจนตัวเขาเองก็ชักอิ่มเกินไปถึงได้หยุด   

            ช่วยกันจัดการของหวานตบท้ายเสร็จแล้ว  พิชช์ฌานก็พาอาคิราห์เดินกลับออกมาจากร้านอาหารชื่อดัง  เงาของใครคนหนึ่งยืนรออยู่ที่รถของชายหนุ่ม  พิชช์ฌานชะงักยกแขนขึ้นกันคนที่ก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังมา

            “ผมเองครับ  เจนภพ”

            “มีอะไร  ทำไมมาเงียบๆ”

            อาคิราห์ยืนมองดูทั้งสองคนซุบซิบกันอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่พิชช์ฌานจะหันมาหาเขาแล้วพูดเรียบๆ

            “เราคงต้องกลับบ้านกันก่อนแล้วล่ะ  สวนสนุกของเธอขอเลื่อนไปก่อนแล้วกัน”

            “ทำไมล่ะครับ”  อัยย์ถามทันที

            “มีคนเขาจองไปแล้วคืนนี้  ไว้เราค่อยไปเล่นวันหลังแล้วกันนะ”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อนกว่าปกติ  มองหน้าเขาอย่างกังวล  “กลับบ้านก่อน  อย่าเพิ่งงอแงนะอัยย์”

            “โธ่  ผมไม่ใช่เด็กๆนะคุณที่พอไม่ได้ดั่งใจแล้วจะได้ร้องไห้งอแงน่ะ”  อาคิราห์พูดพลางย่นจมูกใส่  “ผมเข้าใจเหตุผลอยู่แล้ว  กลับบ้านกันเถอะ”

            พิชช์ฌานถอนหายใจโล่งอก  นึกว่าอีกฝ่ายจะมีปัญหาที่อดไปเสียอีก  น่าแปลกที่อาคิราห์กลับว่าง่ายขึ้นมาเกินคาด  เขาพาอาคิราห์เดินไปขึ้นรถอีกคันหนึ่งที่จอดอยู่อีกด้าน

            “ทำไมถึงขึ้นคันนี้  ...อ้าว”  อาคิราห์ยังถามไม่จบ  เงาของคนอีกเกือบสิบคนก็ปรากฏรอบตัว  ความกลัวเข้าครอบงำทันที  เขาหันขวับไปหาพิชช์ฌานที่ยืนอยู่ข้างๆ

            “คนของฉันเอง  เรามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนรถนิดหน่อย คันเดิมน้ำมันหมดน่ะ”  พิชช์ฌานตอบหน้าตาย  ไม่อยากบอกว่าเพราะคันนู้นกันกระสุนรอบคันร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้เหมือนคันนี้  “ไปกันเถอะ”

            อาคิราห์เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ  เขาขึ้นไปนั่งข้างหลังรถยนต์คันใหญ่สีดำปรอดทั้งคัน  นายพิษฌานก้าวตามขึ้นมานั่งด้วยข้างๆ  ส่วนเจนภพก็ขึ้นมานั่งข้างคนขับที่เป็นผู้ชายอีกคนที่อัยย์ไม่รู้จัก

            ภายในรถเงียบกริบ  อาคิราห์ทิ้งศีรษะลงกับพนักพิงอย่างหมดแรงฝืน  ปวดหัวเหมือนจะระเบิด  สองตาร้อนผ่าวเหมือนมีไอร้อนระเหยออกมาได้  ภาพรถเคลื่อนไหวข้างนอกทำให้รู้สึกคลื่นไส้

            “คืนนี้คงต้องกลับไปที่บ้านเราก่อน  ไม่ได้ค้างที่นี่แล้ว  เธอคงไม่โกรธฉันหรอกนะ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นเรียบๆ  เข้าใจว่าที่อีกฝ่ายเงียบเป็นเพราะโกรธเขาอยู่ที่พากลับก่อน  “มันมีเรื่องจำเป็นจริงๆ  หวังว่าเธอคงเข้าใจ  เหตุผลฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้เพราะยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน”

            “.......”  เงียบกริบ  ร่างโปร่งบางนั่งห่อตัวเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆผ่านแสงไฟนอกรถที่ส่องเข้ามารางๆ

            “เอาไว้ฉันจะอธิบายให้เธอฟัง  เธอ...อย่าเพิ่งโกรธฉันเลยนะ”  มีแววร้อนใจนิดๆแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นแทบสังเกตไม่ได้  “ตอบกันบ้างสิ”

            “อือ”  อัยย์ตอบออกมาคำเดียวเพราะกำลังกลั้นอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนสุดพลัง

            “อือนี่แปลว่าอะไร  โกรธหรือไม่โกรธ”  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปแตะที่แขนของอีกฝ่าย  ความร้อนที่สัมผัสได้ทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน  “เอ๊ะ  ทำไมตัวร้อนนัก”

            “ผม..อ้วก”  พูดได้แค่นั้น  อาคิราห์ก็ยกมือขึ้นปิดปากแต่ก็กลั้นคลื่นอาเจียนที่พุ่งขึ้นมาจากคอหอยไม่ได้  เศษอาหารปนกับน้ำย่อยพุ่งใส่เสื้อของพิชช์ฌานเต็มๆ  ชายหนุ่มดึงตัวหนีอย่างตกใจ

            “เห้ย  อัยย์....ไม่สบายหรือเนี่ย”

            อาคิราห์ไม่ตอบแต่อาเจียนออกมาอีกระลอกใหญ่  กลิ่นเหม็นๆชวนคลื่นเหียนทำให้พิชช์ฌานปวดหัวขึ้นมาบ้าง

            “เปิดกระจกไหมครับท่าน”

            “ยังไม่ได้  เดี๋ยวโดนยิงเข้ามาทำไง” พิชช์ฌานตวาด  แม้จะรู้สึกว่าตัวเองอาจจะตายเพราะกลิ่นอ้วกของอีกฝ่ายก่อนก็เป็นได้  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปแตะๆลูบๆที่หลังของคนที่กำลังอ้วกออกมาอีกอย่างหมดไส้หมดพุงเบาๆ  “บอกแล้วอย่ายัดเข้าไปเยอะ  เป็นไงล่ะ  เสียของจริงๆ  ยังไม่ย่อยเลยเนี่ย  เบาะรถฉันพังหมดแล้ว”

            “ผม..ขอโทษ”  อัยย์เงยหน้าขึ้นพูดหอบๆ  รับทิชชูไปเช็ดใบหน้าและคราบอาเจียนของตัวเอง

            “ไม่ต้องพูด  เดี๋ยวอ้วกออกมาอีก  ฉันจะตายแล้วนะ”  พิชช์ฌานรีบห้าม  ใช้ทิชชูเช็ดอาเจียนทิ้งใส่ถุงขยะเท่าที่จะทำได้  อาคิราห์รู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ  พยายามจะช่วยเช็ดแต่ก็ชักเวียนหัวคลื่นไส้ทำท่าจะโก่งคอขึ้นมาอีก  สุดท้ายพิชช์ฌานเลยรีบบอกให้นั่งหลับตานิ่งๆไปซะ

            “ผมจอดปั้มข้างหน้าดีไหมครับท่าน”  คนขับถาม  “คุณนายจะได้ลงไปล้างตัวด้วย”

            “ดีเหมือนกัน  บอกคนของเราให้เข้าไปเคลียร์สถานที่ด้วย”               

            เจนภพประสานงานเสร็จก็ให้เลี้ยวเข้าไปจอดภายในปั้มแห่งหนึ่ง  พิชช์ฌานหิ้วปีกพาคนป่วยลงมาจากรถตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา  พอเข้าไปในห้องน้ำได้อาคิราห์ก็พุ่งเข้าไปหาโถส้วมแล้วอาเจียนออกมาอีกรอบ  พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือกใหญ่   วักน้ำมาล้างเสื้อตัวเองแล้วก็ล้างหน้าอีกฝ่ายไปด้วย 

            “ดีขึ้นไหม  ดีหรือยัง”  ช่วยเช็ดน้ำมูกน้ำลายให้จนเกลี้ยง  ใบหน้าเรียวหวานเหยเก  ริมฝีปากเบะออกเหมือนคนจะร้องไห้ดูน่าขันและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน  เขาอยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้ถ้าไม่ติดว่ากำลังเคร่งเครียดอยู่ล่ะก็  พิชช์ฌานบีบจมูกโด่งรั้นแรงๆ  “บอกแล้วอย่ากินเยอะ  ไม่ยอมฟัง”

“อือ”  อีกคนได้แต่ร้องอย่างหมดฤทธิ์หมดเดช

“หมดแรงแล้วสิ”   จู่ๆอาคิราห์ก็งอตัวลง

            “ผมปวดท้อง..”  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นบอกเขาแล้วก็ดันตัวผุดลุกขึ้นยืนปลดกางเกงออกมือไม้สั่น  “คุณออกไปก่อน”

            ร่างสูงใหญ่ถูกผลักออกมารอข้างนอก  ได้ยินโอดโอยสลับกับเสียงลมปู้ดป้าดอยู่พักหนึ่งกว่าจะเจ้าโอเมก้าจะเดินสะโหลสะเหลออกมาจากห้องน้ำ

            “เป็นไงบ้าง  ไหวไหม  ดื่มน้ำเกลือแร่ก่อน”  นายพิษฌานส่งน้ำเกลือแร่ขวดใหญ่มาให้  พออาคิราห์รับมาดื่มปุ้บก็พุ่งเข้าไปอาเจียนอีกทันที   “ฉันว่าน่าจะอาหารเป็นพิษแล้วล่ะ  ต้องไปโรงพยาบาล”

            “แต่ว่าถ้าคุณอัยย์ไปโรงพยาบาลล่ะก็  น่าจะเกิดอันตรายได้ครับ”  เจนภพเสนอความเห็น  “พวกมันน่าจะกำลังรอจังหวะอยู่  อาจจะมีสายข่าวด้วยถึงได้ไปดักรอที่สวนสนุกได้”

            “ใครไปดักรอที่สวนสนุกหรอ”  อัยย์เกาะประตูห้องน้ำถามหอบๆ  พิชช์ฌานส่ายหน้า

            “เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะแล้วค่อยมาถามเรื่องคนอื่น  ...งั้นตามหมอฉัตรินมาที่บ้านแล้วกัน”  ชายหนุ่มตัดสินใจ  เข้าไปพยุงคนตัวเล็กกว่าให้เดินกลับไปที่รถ  “อย่าเพิ่งอ้วกใส่ฉันนะ”  เขารีบบอก   ก้มดูคราบเศษอาหารที่เปื้อนเละเทะบนเสื้อผ้าของตัวเอง  แต่นั่นยังไม่เท่ากับรอยคราบด่างดวงบนเบาะหนังอย่างดีในรถสุดรักสุดหวง  กลิ่นเหม็นเหียนลอยฟุ้งเต็มรถแม้ว่าพิชช์ฌานจะพยายามฉีดน้ำหอมกลบแล้วก็ตาม           

            “อย่าไปมองมัน  ทำเป็นไม่เห็น  ไม่เป็นไร  คิดเสียว่าไม่ใช่รถเรา”  ชายหนุ่มปลอบใจตัวเองไปตลอดทางจนถึงบ้าน   ยกมือขึ้นซับเหงื่อให้คนที่นั่งพิงอกเขาอยู่  อาคิราห์ตัวร้อนจี๋เหมือนไฟแถมยังนั่งสั่นเป็นลูกนกอีก

            “ใกล้ถึงบ้านแล้ว”

            “ฮือ”  อาคิราห์หนาวจนฟันกระทบกัน   ห่อตัวซุกในอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเขาเอาไว้แน่น  กลิ่นของพิษฌานช่วยให้อาการคลื่นไส้ดีขึ้นบ้างเล็กน้อย  ปากขมไปหมดเพราะอาเจียนจนเหลือแต่น้ำดีขมๆ  ท้องไส้ก็ยังปั่นป่วนไม่หยุดเหมือนมีพายุไต้ฝุ่นอยู่ในท้อง  เห็นทีคราวนี้คงจะเข็ดอาหารทะเลไปอีกนาน

          ไม่น่าตะกละเลยอัยย์

            .......................................................................................

            มาอัพตอนใหม่ค่า

            วันนี้มาดึกเนอะ

            เจอกันตอนหน้านะคะ

            ล้างมือรักษาความสะอาด  กินร้อนช้อนกลางกันด้วยนะคะ อิอิ

            #ขอรักแค่คุณ

ออฟไลน์ TongRung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โถวววว ของอร่อยเป็นพิษ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ภเจ้าบู้บี้ ห้ามดื้ออีกนะคราวหลัง

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: หนูอัยย์  :katai1: เป็นไรเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด