[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 266859 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อ้อม​ปวดกับคำทำนายบ้าบอ นายเป็นคนรุ่นใหม่นะนายฌาน อย่าไปยึดติดกัคำทำนายสิเห้ยยยย

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ฮอร์โมนเจ้าบู้บี้กำลังแปรปรวน

แถมอิยาพิษยังวัยทองกำเริบอีก

ผีเข้าผีออกตลอด

รีบๆบอกเรื่องท้องให้น้องรู้ซะที

น้องจะได้ระวังตัวเว๊ย

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
รอตอนต่อไปค่าาา :katai5:

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ท้องก็ไม่ใช่ท้องตัวเอง ยังไปคิดแทนเขา ว่าจะเก็บหรือจะเอาออก ยิ่งใหญ่เหนือใครในโลกเลยมั้ง

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ปากทั้งไวแล้วก็เสียอีกแล้วนะนายคนนี้
แล้วนี่ยังจะไม่บอกเรื่องลูกอีก ร่างกายของเขาไม่มีสิทธิรับรู้เลยเหรอ
อัยย์ไม่ใช่ลูกน้องนะที่จะสั่งจะทำยังไงก็ได้  :fire: :fire:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ฉันยังรออออ รอดูคนแพ้ท้องแทนเมีย หึหึหึ

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พิษฌานแกจะเอายังไงยะ ชอบตอนที่หมอทำเป็นยุให้ทำแท้งแล้วโมโหใส่หมอเฉ๊ย
คนเราบางทีจะบื้อก็บื้อเอาดื้อๆ บอกน้องไปซักที เดี๋ยวน้องก็ทำโผดผานจนได้แท้งขึ้นมาจริงๆหรอก

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อะไรกันละพ่อคู๊ณ ถามใจตัวเองก่อนมั้ย แล้วคนอุ้มท้องก็ไม่ใช่ตัวเองจะมาปิดคนท้องไม่ให้เค้ารู้ไปอีก

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น้องน่าสงสารที่สุดดดด :hao5:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
จะสมน้ำหน้านายฌานถ้าวันนึงน้องอัยย์หนีไปไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ถ้าบอกว่าให้น้องแท้งเพราะแผนการณ์ใดแผนการณ์หนึ่งที่นายพิษมีส่วนรวมด้วยจะได้ไหม
จะได้รู้สึกตัวซักทีว่ารู้สึกยังไงกับน้องกันเอง เอาแบบไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจะดีมากเลย
แต่แบบนั้นก็สงสารน้องอีก แต่มันอาจจะดีสำหรับน้องก็ได้

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
สงสารอัยย์
ไม่แน่คนเหี้ย(ม)แบบพิษฌานอาจจะทำอะไรโดยที่ไม่บอกน้องเลยก็ได้
:serius2: :serius2:
เรื่องการเมืองโอเมก้าก็เครียด โอ๊ยย
 :ling3: :ling3:

สู้ๆนะบู้บี้ คนอ่านรอบู้บี้อินสวิตเซอร์แลนด์อยู่ ไปหาสามีใหม่ที่นั่นไปเลยยย

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อัยย์น่ารักจริงๆเลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอาไงละนายพิษชานนน

ออฟไลน์ sweetie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาอ่านกี่ที ก็มีแต่น้องอัยย์น่ารักๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เมื่อไหร่พิษฌาณจะเลิกปากแข็ง ไม่อยากให้อัยย์เสียใจ

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
อยากอ่านต่อแล้ววววว ไรท์รีบมานะคะ... :katai2-1: :katai2-1: :katai4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ขนาดหมอยังสงสัยเลยว่าทำไมฌาณแปลกไป
แล้วแบบนี้ยังบอกว่าไม่ชอบ ไม่ได้คิดอะไร
ทุกอย่างทำไป ไม่ได้ตั้งใจให้เกิด
พอจะให้เอาออกก็ไม่ยอม มีความย้อนแย้ง

สงสารอัยย์มากเลยค่ะ ที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
ชีวิตอยู่กับการตัดสินใจของคนอื่น
ถ้าอัยย์รู้จะรู้สึกแหย่ขนาดไหน
และก็เอ็นดูอัยย์มากค่ะ ไม่คิดมาก และขี้อ้อน
ทำเป็นเนียนมาให้อาหารปลาหรอ นอนไม่หลับล่ะสิ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อินายพิษ!  :z6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้สนุกมากๆๆน้องอัยย์ท้องแล้วแล้วฌานจะบอกน้องมั้ยอ่ะ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 17

 

 



 

 

 

            “เดี๋ยวป้าเอากระเป๋าไปใส่รถให้นะคะคุณฌาน”  นิ่มนวลพูดยิ้มๆ ก้มลงหิ้วกระเป๋าเดินทางของเจ้าของบ้านออกไปข้างนอก  อาคิราห์มองตามแล้วหันกลับมาหาคนที่นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะอยู่

            “คุณไปค้างข้างนอกหรอครับ”

            “ใช่  ฉันไปธุระ...เจนภพจะอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่  อย่าคิดทำอะไรแผลงๆล่ะ”  พิชช์ฌานรีบดักคอ

            “ไปกี่วันหรอครับ”

            “สองหรือสาม”  ชายหนุ่มตอบเรียบๆ พลางเลิกคิ้ว  “ทำหน้าแบบนี้แปลว่าดีใจหรือเสียใจที่ฉันไม่อยู่?”

            อาคิราห์ส่ายหน้า  ก้มลงตักอาหารเช้าเข้าปากต่อ

            นักการเมืองหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีก  เขาฝืนกินข้าวได้ไม่กี่คำก็อิ่ม  ยกกาแฟขึ้นมาดื่มแทน  รสขมจัดของกาแฟดำช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้างเล็กน้อย  พิชช์ฌานลุกขึ้นยืน

            “อยู่บ้านก็อย่าทำอะไรโลดโผนล่ะ  หมอบอกว่าเธอยังไม่หายดี  ส่วนยาฉันจะให้คนเอามาให้เย็นนี้”

            “ผมรู้แล้ว  คุณพูดย้ำรอบที่สิบแล้วมั้ง”

            “ก็เธอทำหน้าเหมือนไม่รับรู้นี่”  พิชช์ฌานพูด  เห็นคนฟังทำหน้าเบื่อหน่ายก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม  “อย่าออกไปข้างนอกคนเดียวล่ะ  จะไปไหนก็บอกเจนภพรู้ไหม”

            “ผมไม่ใช่เด็กสามขวบนะคุณ  จะไปทำงานก็ไปเถอะ”  อัยย์เบ้ปากอย่างเซ็งๆ  ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเดินฉับๆออกไปจากห้องทานข้าว  พิชช์ฌานมองตามอย่างกังวล

            “ทำไมไม่บอกคุณอัยย์ไปตามตรงเลยล่ะครับ”  เสียงนุ่มๆของเจนภพดังขึ้นข้างตัว 

            “ไว้ฉันจะบอกเองหลังจากกลับมาแล้ว”  เจ้านายพูดเรียบๆ  “ระหว่างนี้นายก็คอยจับตาดูอย่าให้เขาทำอะไรที่เสี่ยงๆก็แล้วกัน  ฉันไม่อยากปวดหัวตอนที่ตกลงเรื่องธุรกิจอยู่”

            “ครับคุณฌาน”

            “ดีมาก ทำตามแผนที่คุยกันน่ะล่ะ”  พิชช์ฌานพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป  มือขวาคนสนิทมองตามอย่างเป็นห่วงในส่วนลึก

            รถยนต์สีดำสนิทคันนั้นแล่นออกไปจากบ้านแล้วตอนที่อาคิราห์แง้มม่านชะเง้อดูจากข้างบนห้องนอน  เจ้าโอเมก้าถอนหายใจเฮือกใหญ่  มองตามจนลับสายตา  ..รู้สึกแปลกๆเมื่อรู้ว่าคืนนี้อีกคนจะไม่ได้กลับมานอนด้วยกันเหมือนทุกวัน

            พอคิดมาถึงตรงนี้   อาคิราห์ก็ส่ายหัวแรงๆ  ถอยกลับไปนั่งกอดเข่าบนเตียงตามเดิม  รอบตัวเต็มไปด้วยผ้าห่มและเสื้อคลุมตัวใหญ่ๆของพิชช์ฌานที่เขาคัดสรรมาแล้วว่ามี ‘กลิ่น’  ที่หอมอวลกำลังดี  ชายหนุ่มดึงหมอนใบใหญ่ของอีกฝ่ายมากอดเอาไว้แล้วซุกหน้าลงไป

            ...ทำไมนายพิษฌานถึงไม่บอกกันก่อนว่าจะไม่อยู่บ้านอีกหลายวัน  อยู่ดีๆเพิ่งจะมาบอก  ใครมันจะไปเตรียมตัวเตรียมใจทัน...คิดแล้วก็งงเอง  เขาจะต้องเตรียมตัวอะไรเหรอ  เอ้า  ก็เตรียมตัวเผ่นออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้านไงล่ะ  ลืมไปแล้วหรือไงอัยย์  แผนการดั้งเดิมของเขาตอนที่ตกลงแต่งงานกับเค้าก็คือออกจากกรงทองไงเล่า

            คิดได้ดังนั้น อาคิราห์ก็สปริงตัวลุกขึ้นมาจากเตียง  เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหากระเป๋าเป้คู่ใจที่เก็บของเตรียม ‘เผ่น’ เอาไว้พร้อม  คว้าหยิบมาได้แล้วก็เปิดลิ้นชักเก็บของใช้ส่วนตัวกระจุกกระจิกใส่กระเป๋าตามด้วยขนมเอาไว้กินระหว่างทาง

            “กระเป๋าสตางค์อยู่ไหนนะ”  มัวแต่เลือกขนมเลยเกือบลืมของสำคัญไปเสียสนิท  ถึงจะยังออกนอกประเทศไม่ได้ก็ไม่เป็นไร  แค่ออกไปเดินเที่ยวเล่นใกล้ๆนี่ก็คงจะไม่เป็นอะไร...ภาพเหตุการณ์จลาจลเมื่อครั้งก่อนผุดขึ้นในความคิด  อาคิราห์ชะงัก  วางกระเป๋าสะพายลงบนเตียงแล้วเปลี่ยนไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาใครบางคนแทน

            “ฮัลโหล  คินหรอ  ฉันเอง”  เขากรอกเสียงลงไปทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย  เสียงเครื่องดนตรีดังลั่นมาจากปลายสายเดาว่าเจ้าตัวคงกำลังซ้อมเพลงอยู่แน่ๆ  “ทำอะไรอยู่”

            “อัยย์เหรอ  ฉันกำลังซ้อมเต้น  แต่ว่างคุยได้  เป็นยังไงบ้าง  สบายดีหรือเปล่า  คราวก่อนขอโทษนะที่ไม่ได้โทรกลับ  ฉันเพิ่งกลับจากทัวร์ที่ต่างประเทศมา เหนื่อยมากๆเลย”   ฝาแฝดตอบกลับมาด้วยเสียงหอบๆ เหมือนเพิ่งออกกำลังมา

            “ฉันเห็นในข่าวแล้วล่ะ  น่าสนุกมากเลยนะคอนเสิร์ตของนาย  ฉันอยากไปดูอีกจัง”

            “มาสิ  คืนนี้ก็ได้นะถ้านายสนใจ  แต่ว่าไม่ใช่คอนเสิร์ตใหญ่นะ  เป็นโชว์เล็กๆในงานวันเกิดเพื่อนน่ะ”  อคินทร์ตอบกลับมา  คนฟังเบิกตาโตขึ้นด้วยความตื่นเต้น

            “เพื่อนคนไหนหรอ  ฉันไปด้วยได้ไหม  อยากไปค้างกับนายด้วย”

            “ได้สิ  นายจำเพื่อนที่ชื่อวิฑูรย์ได้ไหม  เขาเป็นลูกคุณอาน้อมจิตเพื่อนของแม่  นึกออกหรือเปล่า  เขาเคยทักนายผิดคิดว่าเป็นฉันไง   ..ยังนึกไม่ออกล่ะสิ  ไม่เป็นไรเดี๋ยวมาแนะนำตัวกันใหม่  นายมาเถอะ...ฉันเองก็คิดถึงนายมากๆเลยนะอัยย์  อยากเจอนายมากด้วย  เราไม่ได้เจอกันเลยนะ”

            “อืม”  วูบหนึ่งที่อาคิราห์ลังเล

            “หรือว่าคุณพิชช์ฌานเขาจะไม่ยอมให้นายมา”

            “ไม่หรอกๆ  เขาให้ฉันไปแน่ๆ”  อาคิราห์รีบตอบ  “งานจัดที่ไหนหรอคิน”

            ฝ่ายนั้นบอกชื่อโรงแรมห้าดาวมาให้พร้อมเวลาและธีมแต่งตัวเสร็จสรรพ  พูดคุยกันได้อีกนิดหน่อยอีกฝ่ายก็ถูกตามไปซ้อมต่อ  อาคิราห์วางสายลงอย่างหงอยๆ  อดอิจฉาชีวิตของคนที่หน้าตาเหมือนกันราวกับแกะไม่ได้

            ทำไมชีวิตของเขาถึงได้แตกต่างจากฝาแฝดที่เกิดห่างกันไม่กี่นาทีได้ถึงเพียงนี้  ขณะที่เขาต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านไปวันๆ  อคินทร์กลับมีชีวิตที่สดใส เต็มไปด้วยสีสันมากมาย  เขายังจำวันที่ตัวเองได้ไปดูคอนเสิร์ตของอีกฝ่ายได้ติดตา  ภาพคนจำนวนมหาศาลที่ชื่นชมในตัวของอคินทร์ช่างทรงพลังเหลือเกิน  หันกลับมาดูที่ตัวเขา...ต้องสวมทั้งแว่นทั้งหน้ากากเพื่อปกปิดใบหน้าเอาไว้  อยากนั่งหน้าสุดเพื่อจะได้เห็นหน้าแฝดชัดๆก็ทำไม่ได้  ได้แค่แอบดูผ่านมุมมืดๆข้างๆที่จะไม่มีใครสังเกตเห็น

            เพียงเพราะว่าเขาเป็น..โอเมก้า

            ชนชั้นต่ำสุดในห่วงโซ่อาหารของสังคมแห่งนี้เท่านั้นเองหรือ...ชายหนุ่มถอนหายใจยาว  ยกมือขึ้นเคาะบีบจมูกของตัวเองแรงๆ บังคับให้หยุดคิดเรื่องเปรียบเทียบอะไรพวกนี้เสียที  คิดไปก็เท่านั้น  ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาในชีวิตของเขา

            อาคิราห์ลุกขึ้นเดินหากระเป๋าสตางค์ต่อ  จำได้ว่าคราวที่แล้วเขาเอาติดไปเที่ยวทะเลด้วยแล้วหลังจากนั้นยังไงต่อ...กลับมาไม่สบายก็เลยลืมไปเลย

            ไล่เปิดลิ้นชักจากตู้เสื้อผ้าไล่มายังหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง  หาดูทุกซอกทุกมุมแล้วก็ย้อนกลับไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเองขึ้นมาหาใหม่อีกรอบก็ยังไม่เจอ  ...หรือว่านายพิษฌานแอบเอาเงินของเขาไปแล้ว

            รวยจะตายชักยังจะต้องมาแอบจิ๊กเงินคนอื่นอีกหรอ  ไม่น่านะ...อาคิราห์ลุกขึ้นเดินหาตามใต้หมอนใต้ผ้าห่มเผื่อว่าจะไปตกหล่นที่ตรงไหน  ก้มลงหาใต้เตียงก็ไม่มี  เหลือที่เดียวคือโต๊ะทำงานของนายพิษฌานที่ตั้งอยู่มุมห้องนั่นแหละ

            ปกติเจ้าตัวไม่ค่อยจะมานั่งทำงานบนนี้เพราะมีห้องทำงานส่วนตัวข้างล่าง  ยกเว้นบางคืนที่จะมานั่งอ่านอะไรเงียบๆก่อนนอนบางครั้งเท่านั้น

            อาคิราห์เดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานไม้สีเข้มขรึม  เงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องให้แน่ใจว่าไม่มีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่  จากนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดลิ้นชักออกดู

            ข้างในลิ้นชักอันแรกเต็มไปด้วยนามบัตรของใครต่อใครไม่รู้เป็นตั้งๆ ถ้านับดูก็คงหลายร้อยใบอัดแน่นอยู่แทบไม่มีที่ว่าง  อาคิราห์ปิดลิ้นชักแรกกลับไป  เขาเปิดลิ้นชักที่สองออกดู  เป็นกล่องนาฬิกาและสมุดบัญชีวางเรียงอยู่เป็นระเบียบ  เขาปิดลิ้นชักกลับไปแล้วเปิดลิ้นชักล่างสุด   ข้างในเป็นแฟ้มเรียงเป็นตับมีวันที่บอกวันเดือนปีด้านข้าง

            ไม่มีวี่แววของกระเป๋าสตางค์ของเขาเลย  อาคิราห์ปิดลิ้นชักเข้าที่เดิมอย่างผิดหวัง  สายตาเหลือบไปเห็นลิ้นชักตรงกลางที่เขายังไม่ได้สำรวจ  ชายหนุ่มดึงเปิดออก

            กุญแจพวงใหญ่กระทบสายตาเข้าก่อนเป็นอันดับแรก  เขาหยิบขึ้นมาสำรวจดูก็เห็นว่ามีป้ายแปะเอาไว้บนกุญแจแต่ละดอกไว้บอกห้องที่ใช้เปิดเอาไว้ด้วย  พลิกดูเล่นๆจนเจอดอกที่เขียนบอกว่าห้องนอนใหญ่ซึ่งน่าจะเป็นห้องนี้แล้วก็หยิบแยกออกมา  เผื่อไว้เอาไปปั้มกุญแจเพิ่มเอง

            ของอย่างอื่นในลิ้นชักมีแต่ของจุกจิกอย่างพวกปากกา  กล่องแว่นตา  เครื่องคิดเลข  ลำโพงตัวเล็กๆ ไปจนถึง  ...เอ่อ  อาคิราห์หยิบแถบพลาสติกสีขาวๆยาวๆขึ้นมาดูใกล้ๆ  มันเหมือนพวกชุดตรวจครรภ์ที่เคยเห็นในโทรทัศน์

            ขีดสีแดงสองขีดปรากฏบนแถบสีขาวที่โอเมก้ายกขึ้นมาเพ่งดูใกล้ๆ

            “ท้องเหรอ?”  ชายหนุ่มพึมพำแล้วขมวดคิ้ว  ใจหายวาบเมื่อเกือบคิดว่าเป็นของตนเอง  แต่ว่าเขาก็กินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไปแล้ว  แถมไม่เคยตรวจไอ้ชุดตรวจครรภ์พวกนี้เลยด้วย  ถ้าเป็นของเขาจริงๆนายพิษฌานก็ต้องโวยวายแล้วสิ  ไม่มีทางเก็บเงียบใส่ลิ้นชักแบบนี้แน่

“งั้นของใครน่ะ”  เขาวางชุดตรวจอันนั้นเอาไว้ที่เดิม แวบหนึ่งที่ภาพหญิงสาวในชุดรัดรูปสีดำระยิบระยับคืนนั้นปรากฏขึ้นในความคิด  ท่าทางสนิทสนมกับพิษฌานและคำพูดของจักรกฤตที่เคยบอกว่าอีกฝ่ายมีสาวๆไว้ควงมากมาย   บางที...อาจจะเป็นของหนึ่งในนั้นกระมัง

อาคิราห์เหลือบมองชุดตรวจครรภ์อันนั้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ  เขาปิดลิ้นชักอันนั้นแล้วกลับไปค้นหากระเป๋าสตางค์ของตัวเองต่อจนเจอ  มันอยู่ในลิ้นชักแรกของตู้เสื้อผ้าเขานั่นแหละ

เจ้าโอเมก้าคว้ากระเป๋าได้ก็เดินลงบันไดลงมาชั้นล่าง  ร่างสูงโปร่งของนายเจนภพมือขวาของพิชช์ฌานปรากฏตัวขึ้นทันทีราวกับเล่นกล  ชายหนุ่มมองกระเป๋าเป้บนไหล่ของเขาแล้วก็กลับมาจ้องหน้าเขาอีกที

“จะไปไหนหรอครับคุณอัยย์”

“ฉันว่าจะไปเยี่ยมอคินทร์เสียหน่อย”  อาคิราห์ตอบตามตรง  “แล้วก็อยากจะแวะกลับไปค้างที่บ้านด้วย”

“คุณพิชช์ฌานอยากให้คุณอัยย์อยู่ที่บ้านก่อนครับ”  เจนภพตอบกลับมาเรียบๆ  “ถ้าคุณอัยย์อยากไปกลับไปเยี่ยมที่บ้าน  ลองถามคุณฌานดูสิครับหลังจากที่คุณฌานกลับมาแล้ว”

“คิดว่าคุณฌานของคุณจะให้ผมไปไหม”  อาคิราห์ย้อนถาม  “ขนาดผมโทรหาพ่อ  เขายังแอบฟังเลย  เค้าคงไม่ไว้ใจผมมากเลยสินะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ  คุณฌานเกรงว่าคุณจะเป็นอันตราย”

“จะอันตรายยังไงในเมื่อเป็นบ้านของผมเอง  อคินทร์ก็พี่ชายฝาแฝดของผม  ผมว่าคุณพิษฌานของคุณยังน่ากลัวกว่าเลยนะ  หรือไม่จริง?”

เจนภพขยับตัวอย่างอึดอัด

“แต่ว่าคุณฌานบอกเอาไว้  ผมคงให้คุณออกไปไหนในช่วงนี้ไม่ได้หรอกครับ  กรุณาพักผ่อนอยู่ในบ้านดีกว่า  หรือคุณอัยย์อยากจะไปว่ายน้ำหรือเดินเล่นในสวนก็ได้นะครับ  ผมจะไปเป็นเพื่อน” เขาอาสา อีกฝ่ายส่ายหน้า

“ตอนนั้นผมอยากไปเที่ยวต่างประเทศ  คุณฌานของคุณไม่ยอมให้ผมไป  ผมก็อยากจะไปให้ได้  สุดท้ายวีซ่าใช้ไม่ได้ผมก็เลยยอม  ถึงจะไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าที่วีซ่าโดนระงับนี่เพราะอะไรกันแน่  แล้วคุณฌานของคุณก็บอกผมว่าไม่เป็นไรจะพาไปเที่ยวทีหลัง  หลอกให้ผมรอเก้อตั้งหลายรอบกว่าจะได้ไปจริงๆ  พอไปถึงก็เอาแต่นั่งเฝ้า  พวกคุณเองก็เฝ้าผมตลอดเวลาเพราะกลัวผมหนีใช่ไหมล่ะ  ผมรู้หรอกนะไม่ใช่ไม่รู้  ไม่งั้นชายหาดจะโล่งขนาดนั้นได้ยังไง”  อาคิราห์พูดเสียงขึ้นจมูก  “เฝ้าผมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนกระดิกกระเดี้ยไปไหนไม่ได้  ขนาดนักโทษในคุกเขายังไม่ถูกกักบริเวณขนาดนี้เลยมั้ง”

“คุณอัยย์ใจเย็นๆก่อนครับ  ที่คุณฌานทำลงไปทั้งหมดเพราะเป็นห่วงคุณนะครับ”

“เขาเป็นห่วงผมหรือเป็นห่วงอำนาจทางการเมืองของตัวเองกันแน่”  คนพูดฉีกยิ้ม  “ผมรู้ว่าเขาจะใช้ผมต่อรองกับพ่อ  ถึงผมจะยังไม่รู้ว่าวิธีไหน  แต่ก็คงไม่ผิดไปจากนี้หรอก  คุณเองก็ต้องรู้อยู่แล้วคุณเจนภพว่าเจ้านายของคุณคิดจะทำอะไร”

เจนภพนิ่งเงียบ  คนตรงหน้าเขาตอนนี้ดูไม่เหมือนอาคิราห์คนเดิมที่เคยเห็น  แววตาอ่อนใสคู่นั้นมีประกายอะไรอย่างหนึ่งซ่อนอยู่บางๆแทบมองไม่เห็นหากไม่ได้สังเกต  หรือว่าตัวจริงของอาคิราห์นั้นอาจจะไม่ใช่อย่างที่เขาหรือพิชช์ฌานคิด

“คุณอัยย์  ชักจะไปกันใหญ่แล้ว  ผมว่าคุณอาจจะเครียดเกินไป  ให้ผมพาไปสปาไหมครับ  แช่น้ำร้อน นวดหน้านวดตัวอบไอน้ำเสียหน่อย  น่าจะสบายใจขึ้น”

“คุณแค่พาผมกลับไปที่บ้านก็พอแล้วครับ”  เสียงของอาคิราห์อ่อนลงเช่นเดียวกับแววตาที่กลับมาเป็นเหมือนเดิมจนเจนภพคิดว่าเมื่อครู่ตัวเองคงตาฝาด  “ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเอาความลับอะไรไปบอกพ่อหรอก  เพราะที่ผมรู้ก็มีแค่นายพิษฌานนอนดิ้นแล้วก็กรนเสียงดังแค่นั้นแหละ”

“โธ่ คุณอัยย์”  เจนภพอุทาน

“นะครับ  นึกว่าเห็นแก่เด็กหลงทางผู้ยากไร้”  อาคิราห์พูดแกมหัวเราะ  เงยหน้าขึ้นมองเลขาฯคนสนิทของพิชช์ฌาน  “ช่วยผมสักครั้ง  ไม่ต้องบอกคุณพิษฌานก็ได้  ผมจะกลับบ้านวันนี้  ค้างที่นั่นหนึ่งคืน  แล้วพรุ่งนี้คุณก็มารับผมกลับไงครับ”

“แต่ว่าคุณฌานสั่งเอาไว้”  เจนภพลังเล  พยายามไม่สบตากลมโตคู่นั้น   “ผมผิดคำสั่งคุณฌานไม่ได้ครับ”

“ไม่ได้ก็ไม่ได้ครับ”  คราวนี้อาคิราห์กลับยอมรับเสียง่ายๆจนน่าแปลกใจ  เจนภพมองตามหลังร่างโปร่งบางที่สะพายกระเป๋าเดินขึ้นบันไดกลับไปอย่างหงอยๆด้วยความไม่สบายใจกว่าเดิม

“คุณอัยย์ครับ”

“ไม่เป็นไรครับ  ผมเข้าใจ”  อาคิราห์หยุดเดินแล้วหมุนตัวกลับมา  ใบหน้าเรียวแดงก่ำ  หน่วยตากว้างคลอด้วยหยาดน้ำตา  “คุณต้องทำตามคำสั่งคุณฌาน  ผมรู้  ไม่เป็นไรหรอก”

“โธ่ คุณอัยย์ครับ  อย่าทำแบบนี้สิครับ”  เจนภพว่า  บีบมือตัวเองไปมาอย่างกลุ้มใจ  “แต่ว่าไม่ได้จริงๆครับ”

“ผมเข้าใจแล้ว  คนที่นี่ก็ใจร้ายกันหมดนั่นล่ะ”

อาคิราห์พึมพำเสียงแหบเครือก่อนจะเดินหายลับขึ้นไปชั้นบน  เจนภพรีบเดินตามหลังไป  กลัวว่าอีกฝ่ายจะมีลูกเล่นอะไรมาหลอกให้ตายใจหรือเปล่า  ส่งสัญญาณบอกลูกน้องที่เดินเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆรอบบ้านให้เพิ่มความระมัดระวังและจับตามองห้องคุณอัยย์เป็นพิเศษ  เผื่อจะมีใครเล่นตุกติกแอบหนีออกมาตอนเผลอ

จนกระทั่งเวลาผ่านไปตอนบ่าย  นิ่มนวลก็เดินเข้ามากระซิบบอกว่าคุณอัยย์ไม่ยอมกินอะไรเลย  อุตส่าห์ทำของโปรดยกเข้าไปให้ถึงในห้องนอนก็พบว่าเจ้าตัวเอาแต่นอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มไม่หือไม่อือ  ถามอะไรก็ไม่ตอบ

“ทำยังไงดีคะคุณ  คุณอัยย์ไม่เคยอดข้าวเลยสักมื้อนะคะ  ขนาดตอนนั้นโกรธคุณฌานแทบแย่ยังยอมลุกมากินเลย  คราวนี้คุณอัยย์คงเสียใจจริงๆแน่เลยค่ะ”

“แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะครับป้า  โทรไปเมื่อกี้คุณฌานไม่รับ  สงสัยกำลังประชุมเครียดอยู่แน่ๆ”  มือขวาพูดอย่างกังวล เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา “เกือบบ่ายสองแล้ว  เดี๋ยวผมจะขึ้นไปคุยกับคุณอัยย์อีกที  ป้าก็ขึ้นมาด้วยกันเถอะ”

เจนภพกับนิ่มนวลเดินขึ้นบันไดไปเคาะเรียกหน้าประตูห้องนอนใหญ่เบาๆ  ไม่มีเสียงตอบกลับมา  เขาเลยถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้าไปข้างใน

กองผ้ายุ่งเหยิงรุงรังบนเตียงนอนขนาดใหญ่ทำให้ตอนแรกเขามองไม่เห็นร่างโปร่งบางที่นอนขดอยู่ตรงกลางนั้น  ดวงตากลมโตเหลือบมองเขาแวบเดียวแล้วก็เมินมองไปทางอื่น

“คุณกลับออกไปเถอะครับ  ผมก็ไม่ได้ไปไหนแล้วนี่ไง”  อาคิราห์พูด 

“แล้วคุณอัยย์ไม่หิวหรอครับ  นี่ก็เลยเวลาอาหารเที่ยงมานานแล้วนะ  วันนี้มีของโปรดของคุณด้วยนะครับ  ป้านิ่มทำสุดฝีมือให้คุณเลย  คุณจะไม่กินจริงๆเหรอ”

“ผมไม่หิว  คุณออกไปเถอะ”  คนตอบเม้มปากแน่น  ซุกหน้าลงกับหมอน

“คุณอัยย์จะอดข้าวจริงๆหรอคะ  โธ่  จะทรมานตัวเองทำไม  หรือว่ากับข้าวของป้ามันไม่ถูกปากคุณอัยย์แล้วก็บอกมาเถอะค่ะ  ป้าจะได้เอาไปปรับปรุง  อย่าเมินกันแบบนี้เลยนะคะ  ป้าเสียใจ”  คำพูดของนิ่มนวลทำให้เจ้าโอเมก้าขยับตัวเล็กน้อย  “คุณอัยย์โกรธป้าหรอคะ”

“ผมไม่ได้โกรธป้านะครับ”  สุดท้ายอาคิราห์ก็จำต้องลุกขึ้นมานั่งเพราะเกรงใจแม่บ้านเก่าแก่ที่ดูแลเขาอย่างดีมาตลอด  “แต่ว่าผมไม่หิวจริงๆ”

“คุณอัยย์จะอดข้าวประท้วงที่ผมไม่ยอมให้ไปข้างนอกใช่ไหมครับ”  เจนภพพูดขึ้น  “ต่อให้คุณอัยย์อดข้าวจนหิวท้องกิ่ว  ผมก็ขัดคำสั่งคุณฌานไม่ได้ครับ”

“ก็เรื่องของคุณ  ส่วนผมจะอดข้าวหรือหิวตายยังไงก็เรื่องของผม”  อาคิราห์ตอบกลับแล้วลุกขึ้นเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ

สองคนที่เหลือมองหน้ากันอย่างกลุ้มๆ  นิ่มนวลพูดอีกสองสามประโยคเห็นว่าไม่ได้ผลก็เลยถอยกลับออกมาจากห้อง  เจนภพเดินมากดโทรศัพท์หาเจ้านายอีกรอบ

 รอสายอยู่พักใหญ่  สุดท้ายพิชช์ฌานก็กดรับ

“ว่าไงเจนภพ  เพิ่งเห็นว่าปิดเสียงไว้  ขอโทษทีฉันเพิ่งเสร็จประชุม เรื่องโครงการที่จะขยายรอบหน้าผ่านแล้วนะ  เหลือแค่ไปดีลกับพวกนั้น”  เจ้านายกรอกเสียงมาตามสายอย่างอารมณ์ดี  “กว่าจะได้ก็พูดจนเสียงแห้ง  แล้วที่บ้านเป็นยังไงบ้าง  สงบดีไหม”

“คุณฌานครับ”  พูดไปแค่นั้น  เจ้านายก็จับความผิดปกติได้ทันที

“มีอะไร  อาคิราห์เป็นอะไร”  พิชช์ฌานถามรัวเร็ว

“คุณอัยย์อยากกลับไปค้างที่บ้านครับ  คืนนี้”  เจนภพตอบอย่างหวาดๆ “ผมพยายามเกลี้ยกล่อมแล้วครับ  คุณอัยย์ก็ประท้วงด้วยการอดข้าว”

“อดข้าว?  คนอย่างอาคิราห์เนี่ยนะ”  อีกฝ่ายถามอย่างแปลกใจ

“ครับท่าน  ผมกับคุณป้านิ่มอ้อนวอนก็แล้ว ปลอบใจก็แล้ว  ไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับ”

“ก็ให้เขาอดข้าวไปซิ  อดได้ไม่นานหรอก”  เจ้านายหัวเราะหึๆ  “เดี๋ยวก็ลุกมากินเอง”

“ไม่ได้สิครับ  ถ้าแม่อดข้าว ลูกในท้องก็จะพลอยอดไปด้วยนะครับ”  เจนภพท้วง  ลดเสียงลงเป็นกระซิบ  “คุณฌานไม่เป็นห่วงเหรอ”

“เหอะ...”  ปลายสายพ่นลมใส่ด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย  “ไว้แค่นี้ก่อนนะ  ฉันต้องไปดูโรงงานต่อ  คอยเฝ้าไม่ให้เขาหนีออกจากบ้านก็พอ”  พิชช์ฌานพูดแค่นั้นแล้วก็วางสายไป

เจนภพถอนหายใจยาว  ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเอาเสียเลย...




ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk








เสียงโทรศัพท์ของอาคิราห์ดังขึ้น  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดู  พอเห็นชื่อตรงหน้าก็เบ้ปากใส่ก่อนจะกดรับ

“ฮัลโหล”

“ทำไมไม่กินข้าว”  ปลายสายถามกลับมาทันที  “คิดจะอดข้าวประท้วงหรือเจ้าบู้บี้”

“ใช่ แล้วจะทำไม”

“ไม่หิวหรือไง”

“ไม่”

“รู้นะว่าท้องร้องอยู่”

“ไม่จริง”

            “ก็ได้ยินอยู่เนี่ย  โครกครากดังเข้าโทรศัพท์เลย”

            อาคิราห์เบิกตากว้าง  ยกมือขึ้นจับท้องแล้วก็ย่นจมูก

            “โม้  ไม่มีทาง”  เหลือบมองเศษห่อขนมที่วางอยู่บนเตียงข้างตัวด้วยหางตา  เขาซัดขนมเข้าไปหมดห่อแล้วจะมาหิวอะไรเล่า  ถึงจะไม่ค่อยอยู่ท้องเหมือนกินข้าวก็เถอะ

            “ต่อให้กินขนมก็ประทังอยู่ได้ไม่นานหรอก  สองมื้อก็หมดแล้ว”  ปลายสายพูดต่อมาอีกราวกับมีตาทิพย์  อาคิราห์อ้าปากค้างแล้วก็โกยห่อขนมพวกนั้นไปไว้ข้างเตียง  “อย่าให้เศษขนมหกเลอะเทอะนะ  เดี๋ยวมดขึ้นเตียง”

            “นี่คุณแอบสอดแนมผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย  ติดกล้องตรงไหนบอกมานะ”  เจ้าโอเมก้าร้อง  กวาดตามองรอบห้องอย่างระแวง  “รู้ได้ไง”

            “หึๆ  ทำไมจะไม่รู้  เธอทำอะไรอยู่ฉันก็รู้หมดนั่นล่ะ”

            “คุณเดาแน่ๆ  คุณเคยบอกเองว่าห้องนอนของคุณไม่มีกล้อง”

            “อาจจะเป็นอย่างนั้น”

            “งั้นคุณก็รอดูผมหนีออกจากห้องคุณคืนนี้ก็แล้วกันนะ”

            “เธอหนีออกไปไม่ได้ง่ายๆหรอกอาคิราห์”  พิชช์ฌานพูดอย่างมั่นใจ

            “อ๋อ  ผมทำได้แน่”  อาคิราห์ตอบกลับ  “คุณรอดูได้เลย  ที่ผ่านมาผมแค่ยังไม่เอาจริงแค่นั้น”

            “ระวังจะโดนแท็กซี่หลอกอีกล่ะ”  พิษฌานหมายถึงคราวก่อนที่เขาเรียกรถรับจ้างแล้วคนขับดันเป็นคนของพิษฌานซะงั้น  “ฉันมีเพื่อนเป็นแท็กซี่เยอะนะ”  เจ้าตัวหัวเราะหึๆ

            ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง

            “คุณมันใจร้ายใจดำจริงๆเลย  ทีตัวเองไปค้างที่อื่นทำไมทำได้  แล้วผมแค่อยากไปค้างที่บ้านบ้างทำไมทำไม่ได้”  คราวนี้คนพูดเสียงสั่นเครือจนปลายสายตกใจ  “ผมก็อยากเจอพี่น้องผมบ้าง  ไม่ได้หรือไง”

            “นั่นเธอร้องไห้หรือ”  พิชช์ฌานถามเสียงต่ำ  “เธออยากกลับบ้านฉันก็ไม่ห้าม  แต่รอให้ฉันกลับไปก่อนไม่ได้หรือไงฮึ  ฉันก็อยากไปไหว้พ่อตาบ้างเหมือนกัน”

            “ผมอยากไปดูคินโชว์คืนนี้ด้วย”   อาคิราห์หลุดปากออกไป

            “โชว์อะไร”

            “คือ....อคินทร์ ฝาแฝดของผมเค้าจะโชว์เล็กๆที่งานวันเกิดเพื่อนคืนนี้  ผมแค่อยากไปดู  อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”   อาคิราห์พูดเสียงอ่อนเครือ  “ผมไม่ได้จะหนีไปไหนเลยนะ  ให้คุณเจนภพมาด้วยกันก็ได้”

            เสียงลมหายใจดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์

            “แล้วถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นล่ะ  อย่างที่เธอเจอพวกจลาจลคืนนั้นจะทำยังไง”

            “แต่นี่มันจัดในโรงแรมห้าดาวนะครับ  คนดูแลรักษาความปลอดภัยเพียบ  อีกอย่างข่าวกลุ่มอนุรักษ์ฯอะไรนั่นก็ซาลงไปแล้วด้วย  ไม่น่ามีอะไร”

            “แล้วเธอรู้จักคนในงานเหรอ  ใครก็ไม่รู้  ไม่กลัวหรือไง”

            “ทีตอนงานเลี้ยงสโมสรคนเยอะกว่านี้ผมยังไปได้เลย”

            “ก็ตอนนั้นฉันไปด้วยไง”  อีกฝ่ายแย้ง

            “คราวนี้ผมก็มีคุณเจนภพไปด้วย  มือขวาคุณนะ”

            “ฉันไม่ไว้ใจใครเท่าตัวเอง”  นายพิษฌานตอบกลับมาห้วนๆแล้วก็อ่อนลง  “คิดถึงอคินทร์มากเหรอ”

            “คิดถึงมาก  คิดถึงบ้านด้วย”  อาคิราห์สูดน้ำมูกดังฟืด  ไม่สนใจว่ามันจะดังเข้าโทรศัพท์ยังไง “ช่างเถอะ  คุณไม่ให้ผมไปไหนใช่ไหมล่ะ  ให้ผมติดคุกอยู่ที่นี่คนเดียว  ผมรู้อยู่แล้ว”

            “เช็ดน้ำมูกซะ  อย่าให้มันไหลย้อยเข้าปาก”

            “จะบ้าเหรอคุณ  ใครมันจะไปปล่อยให้เลอะเทอะแบบนั้นกัน” อาคิราห์โวย  รีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าตัวเองลวกๆ

            “หึ...ถ้างั้นฉันจะให้คนไปรับอคินทร์มาหาเธอดีไหม”  จู่ๆ พิชช์ฌานก็เสนอขึ้นมาหลังจากเงียบไปครู่  “โอเคหรือเปล่า”

            “แต่ว่า..”

            “อัยย์  ฉันคงยอมให้เธอไปงานเลี้ยงวันเกิดของคนที่ฉันไม่รู้จักไม่ได้หรอกนะ  ต่อให้ในงานนั้นมีพี่ชายของเธออยู่ด้วยก็ตาม”  นักการเมืองหนุ่มกรอกเสียงมาตามสาย  “ที่ฉันห้ามเพราะฉันเป็นห่วงเธอนะ  ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นเลย”

            “แล้วถ้าผมไปค้างที่บ้าน”  อาคิราห์พึมพำ  กำผ้าห่มเอาไว้แน่น

            “เธออย่าให้ฉันทำงานอย่างไม่มีความสุขเลยนะ”  อีกฝ่ายพูดเหมือนปรารภกับตัวเอง  “แค่นี้ฉันก็ไม่เป็นอันทำงานแล้ว  คอยคิดแต่เรื่องเธอ...  ถือว่าเห็นแก่ฉันเถอะนะ  ช่วยอยู่ที่บ้านจนกว่าฉันจะกลับ...ได้หรือเปล่า”

            คนฟังใจอ่อนยวบโดยไม่ทันตั้งตัว  อาคิราห์กัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น

            “ถ้าเธอยังดื้อไม่ฟังกันล่ะก็  เห็นทีฉันคงต้องกลับคืนนี้”

            “คุณ...คุณพูดอะไรออกมาน่ะ”   โอเมก้าพูดตะกุกตะกัก

            “นั่นสิ  ฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าฉันพูดอะไรออกไป”  ปลายสายตอบกลับมาเบาๆ  “ฉันไม่อยากบังคับเธอหรอกนะอัยย์  แต่ว่า...ฉันอยากขอร้อง  มีเรื่องบางอย่างที่ฉันกำลังตัดสินใจแล้วมันก็สำคัญมากสำหรับเรา  ช่วยรอฉันอยู่ที่บ้านก่อนนะ  อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนเลย  ถ้าเธอไม่เห็นแก่ฉัน  ก็ช่วยเห็นแก่เจ้าบู้บี้ที่สองที่จะอดข้าวก็ได้”

            “คุณมันประสาท  คุณพิษฌาน”  อาคิราห์พูดก่อนจะกดวางสาย

            โอเมก้าหนุ่มยกมือขึ้นกุมที่หน้าอกตัวเอง  คำพูดของพิษฌานฟังดูประหลาดแต่นั่นยังไม่เท่ากับน้ำเสียงที่มีแววออดอ้อนนิดๆอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน  เล่นเอาขนลุกเกรียวเลยทีเดียว  แถมยังใจเต้นตึกๆอีกด้วย

            พูดออกมาได้ว่าให้เห็นแก่ปลาบู่  ...เหอะ

            อาคิราห์ลุกขึ้นเดินไปหยิบถาดอาหารที่ปลายเตียงยกไปนั่งกินบนโต๊ะอย่างหิวโหย  จากนั้นก็เดินลงไปที่ห้องทำงานของเจ้าของบ้าน   ยืนให้อาหารปลาไปก็คิดในใจอย่างหงุดหงิดว่าเห็นแก่ไอ้บู้บี้ที่สองจะหิวตายหรอกนะ  ไม่งั้นเขาคงเก็บกระเป๋าเผ่นแน่บไปแล้ว

            คืนนั้นมีเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าประตู  ตามด้วยร่างสูงสมส่วนของศิลปินชื่อดังที่มาเคาะประตูหน้าบ้านเขา  อาคิราห์กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวอย่างเหงาๆถึงกับเบิกตากว้างอย่างดีใจ  ไม่คิดว่าพิษฌานจะพูดจริง

            “อคินทร์  นายมาจริงๆด้วย”

            “มาจริงๆสิ  หลังจากนายโทรมาบอกว่าไปไม่ได้แล้ว  คนของคุณพิชช์ฌานก็ติดต่อมาผ่านผู้จัดการของฉันให้ฉันมาหานายคืนนี้ล่ะ”  ชายหนุ่มตอบ  ผายมือไปที่ชุดสวยงามที่สวมอยู่  “เขาซื้อโชว์ของฉันคืนนี้ให้มาแสดงให้นายดูโดยเฉพาะ”

            “จริงเหรอ”  อาคิราห์อุทาน  แค่ฝาแฝดแวะมาหาก็ดีใจแล้ว  ไม่นึกว่าจะมาแสดงให้ดูอีกด้วย

            “จริงสิ  นี่ฉันยังไม่ได้โชว์ที่งานวันเกิดเลยนะ  โดนซื้อคิวโชว์มาก่อน  แฟนนายใจป้ำมากๆ”  อคินทร์ขยิบตาให้อย่างล้อเลียน

            “โธ่”  อาคิราห์ยิ้มกว้างด้วยความปลาบปลื้ม  กุลีกุจอพาพี่ชายเข้ามาในบ้าน  อคินทร์โอบไหล่น้องที่ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่  นั่งถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันที่ห้องนั่งเล่น  ป้านิ่มนวลยกของว่างมาเสิร์ฟให้  เธอถึงกับทึ่งที่เห็นอคินทร์ตัวเป็นๆ

            “ทำไมหน้าเหมือนกันขนาดนี้คะคุณ  นี่ถ้าป้าไปเจอข้างนอกคงตกใจมากแน่ๆ”  นิ่มนวลว่า  “คุณดูดีกว่าบนเวทีอีกค่ะ”

            “ขอบคุณมากครับ”  อคินทร์ตอบพลางยิ้มกว้าง  มองตามหลังแม่บ้านที่เดินกลับเข้าไปข้างใน  “ฉันชอบป้าเค้านะ  ดูใจดี”

            “เนอะ  ฉันก็ว่าเขาใจดี”

            “แต่ฉันไม่ชอบตาคนที่บอกว่าเป็นคนสนิทแฟนนายเลย  คนที่ตัวสูงๆน่ะ”  อคินทร์ขยายความ  “เขาดูน่ากลัว”

            “คุณเจนภพน่ะเหรอ”  อาคิราห์เลิกคิ้ว  “ทำไมล่ะ  ฉันว่าเขาก็ใจดีนะ”

            “เขาดูแปลกๆนะ  ไม่รู้สิ  ฉันอาจจะคิดมากไปเอง  ถ้าเขาดีกับนายฉันก็โอเคแล้ว”  อคินทร์เอนตัวนั่งอย่างสบาย  “บ้านน่าอยู่นี่  ถึงจะไม่เหมือนที่บ้านก็เถอะ”

            “อืม”

            “นายโอเคหรือเปล่าอัยย์  อยู่ที่นี่?  ฉันนึกว่านายจะไปต่างประเทศแล้วเสียอีก”

            “วีซ่าฉันโดนระงับน่ะ”  อาคิราห์ตอบ  เล่าให้อีกคนฟังสั้นๆ  “ก็เลยต้องอยู่ที่นี่ต่อ”

            “ฉันแปลกใจมากที่นายไม่หนีออกจากที่นี่ทันทีที่มีโอกาส หรือว่าเขาเฝ้านายเข้มมาก  ตอนแรกที่ฉันเข้ามา  ฉันนึกว่าจะโดนค้นตัวด้วยเสียอีก  โชคดีที่ชุดของฉันมันซีทรูเลยไม่เป็นไร”  อคินทร์ว่าเนิบๆ  “นายอึดอัดหรือเปล่า  อยากให้ฉันช่วยอะไรไหม  ท่าทางนายแปลกไปนะ  ไม่เหมือนเดิม”

            “เหรอ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยของตัวเองอย่างเผลอตัว  “ฉัน...ก็เบื่อที่นี่จริงๆนั่นล่ะ  อยากหนีไปที่อื่นแต่ก็ไม่รู้จะไปไหน  งานก็ไม่มี  อาชีพก็ไม่มี  ออกไปก็คงอดตาย  จะอยู่ต่อก็ทำอะไรไม่ได้”

            “ก็มาอยู่กับฉันสิ  กลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้”

            “ฉันพึ่งคนอื่นตลอดไปไม่ได้หรอก”

            “นายพูดถูก  อัยย์”  อคินทร์ทอดสายตามองน้องชายนิ่งๆ  “นายต้องพึ่งตัวเองให้ได้  นั่นแหละคือหนทางที่จะไปสู่อิสระอย่างแท้จริง”

            “แต่ฉันก็ทำอะไรไม่เป็นเลย   นอกจากทำงานก๊อกแก๊ก”

            “มีอะไรที่นายทำไม่เป็นบ้างดีกว่าอัยย์  นายร้องเพลงได้  เต้นได้...อันที่จริงเต้นได้ดีกว่าฉันเสียอีก  นายพูดได้หลายภาษา  เขียนหนังสือก็ได้  ว่ายน้ำก็เก่ง  ตีเทนนิสตีกอล์ฟอะไรก็ได้หมดเลย  หรือจะทำอาหารนายก็ทำเป็น   ลิ้นของนายก็รับรสได้ดีเยี่ยม  พ่อยังเคยบอกว่านายเป็นยอดนักชิมเลยนะอัยย์  เห็นมั้ยล่ะว่านายทำอะไรได้ตั้งเยอะแยะ”

            “ความสามารถพวกนั้นมันจะไปหาเงินได้ยังไงล่ะ  ฉันไม่มีใบปริญญาหรือใบประกาศอะไรเลยนะ  จะไปสมัครงานอะไรได้”

            “ความสามารถที่คนอื่นไม่มีนี่ล่ะ  ที่จะทำให้เราแตกต่าง”  อคินทร์พูดขรึมๆ  “นายยังไม่ได้ลองเลยนะ  ใบประกาศนียบัตรหรือใบอะไรพวกนั้นมันเรื่องเล็ก  ฉันเชื่อว่าระดับคุณพิชช์ฌาน เสกให้นายพรุ่งนี้ยังได้”

            “โธ่ คิน  เพิ่งพูดอยู่หยกๆว่าไม่อยากพึ่งคนอื่น  ยังไม่ทันไรต้องพึ่งเขาอีกแล้ว”

            “ก็ก้าวแรกมันยาก  เราก็ต้องอาศัยพึ่งคนอื่นไปก่อน  นายก็รู้ว่าโอเมก้าจะไปเข้าเรียนอะไรสักอย่างมันก็ยากกว่าปกติ  นายจะไปทนเรียนจนจบได้ใบประกาศได้ยังไง  นอกจากหางานอื่น  พวกงานอิสระที่ไม่ต้องใช้ใบรับรองคุณวุฒินั่นล่ะ”

            “เห้อ”  อัยย์ถอนหายใจยาว   “วนกลับมาทางตัน  ฉันละสงสัยจริงๆว่าพวกโอเมก้าคนอื่นเขาทำงานอะไรกันบ้าง”

            คนฟังเงียบไปครู่

            “นายอยากรู้จริงๆเหรอ  ...โลกความจริงมันไม่สวยงามหรอกนะอัยย์”  อคินทร์พูดเรียบๆ  “จะหาโอเมก้าสักคนที่ได้ทำงานออฟฟิศดีๆก็คงแทบไม่มีเลย”

            “ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น”

            “มันเป็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นมานานแล้ว  แล้วก็จะอยู่ตลอดไป”  อีกฝ่ายพูดช้าๆ  “อย่าไปคิดมากเลยอัยย์  ฉันว่าคุณพิชช์ฌานก็ไม่ใช่คนเลวร้าย  ยกเว้นแค่...”   ฝาแฝดเงียบไปแล้วเปลี่ยนเรือง  “ฉันอยากไปดูห้องนอนของนายจัง  พาไปดูบ้างสิ  ฉันจะได้กลับไปบอกพ่อว่าเขาเลี้ยงดูนายดีแค่ไหน”

            อาคิราห์เลยพาอีกฝ่ายเดินขึ้นไปสำรวจห้องนอนชั้นบน  อคินทร์ค่อนข้างพอใจมากทีเดียวกับห้องของเขา  ชายหนุ่มชมไม่ขาดปากถึงการตกแต่งห้อง  แม้ว่าจะขัดใจกับกองผ้าห่มบนเตียงมากก็ตาม

            “แม่บ้านเขาไม่ทำเตียงให้หรออัยย์  ทำไมมันรกงี้ล่ะ”

            “ฉันทำเองแหละ”  คนทำสารภาพเสียงอ่อย  “เวลานอนแล้วสบายดี”

            “เดี๋ยวนะ แล้วนอนตรงไหนล่ะ”

            “ฉันก็นอนบนนี้  ส่วนนายพิษฌานก็นอนตรงนู้น”  อาคิราห์ชี้ไปที่ว่างเล็กๆสุดริมเตียงที่เหลือพอให้คนๆหนึ่งนอนนิ่งๆได้  เขาข้ามไปไม่อธิบายให้แฝดฟังว่าส่วนใหญ่แล้วนายพิษฌานก็จะนอนตรงนั้นเฉพาะตอนก่อนนอนเท่านั้นแหละ  พอตื่นมาก็คนละเรื่อง

            “โห  เขาตัวใหญ่นะ  นอนพอหรอ”  อคินทร์อุทาน  “แล้วเขากลับมานอนที่บ้านบ่อยไหม”

            “ก็ตลอดนะ  ทำไมหรอ”

            “เปล่าหรอก  ถามดูเฉยๆ  เขาก็ดูเป็นคนติดบ้านนะ  ไม่น่า...”

            “ไม่น่าอะไร”  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นถาม  “มีอะไรหรือเปล่าคิน”

            “ไม่มีอะไรหรอก”  อคินทร์รีบปฏิเสธ  “ห้องน้ำอยู่ทางไหนหรอ  ฉันขอเข้าหน่อยได้ไหม  ก่อนที่จะมาโชว์ร้องเต้นให้นายดู”

            อาคิราห์หัวเราะ

            “นายจะโชว์ให้ฉันดูจริงเหรอ”

            “จริงสิ  ก็คุณพิชช์ฌานจ้างฉันมาแล้วนี่  จ่ายค่าตัวสามเท่าด้วย”  อคินทร์พูดเสียงขึงขัง  “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

            อาคิราห์ยิ้มกว้าง  ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลิ่นที่คุ้นเคย  ถึงจะรู้สึกโหวงๆนิดหน่อยแต่การที่ฝาแฝดมาพักอยู่ด้วยก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก  พวกเขานั่งร้องเพลงด้วยกันจนดึกเหมือนวันเก่าๆสมัยที่ยังอยู่ด้วยกันที่บ้าน

            อคินทร์เต้นเพลงใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนให้เขาดูเป็นคนแรก  อาคิราห์หัวเราะจนเหนื่อย  ตบมือจนเจ็บมือไปหมด  สุดท้ายก็มาทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันอย่างหมดแรง

            “สนุกมากเลย”  อาคิราห์พึมพำ  “นายอยู่ที่นี่ต่อเลยได้ไหม”

            คนฟังหัวเราะ

            “นายอยากลองเต้นเพลงนี้บ้างมั้ย  พนันได้เลยว่าคุณพิชช์ฌานจะต้องชอบ”  อคินทร์ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ  ลูบมือไปบนแผ่นอกของตัวเองที่มีชุดซีทรูแนบเนื้ออยู่  “ฉันยกชุดนี้ให้เลย  รับรองว่าเขาจะต้องถูกใจมากแน่”

            “บ้าน่ะคิน  ฉันไม่เอาหรอก”  อาคิราห์มองตามชุดนั้นแล้วหน้าแดง  “นายใส่สวยมากคิน  แต่ถ้าฉันใส่คงตลกตายเลย”

            “จะตลกได้ยังไงอัยย์ในเมื่อเราหน้าเหมือนกัน   แถมหุ่นนายยังบางกว่าฉันด้วย  ถ้านายใส่จะต้องสวยมากแน่ๆ  ทีมงานยังบอกเลยว่าฉันดูมีกล้ามมากไปสำหรับชุดนี้เลยยังไม่เข้าเท่าไหร่   เอาไหม ฉันยกให้  เผื่อจะไว้มัดใจ...”

            “โอย”  อาคิราห์นึกภาพตามแล้วส่ายหน้า  “มัดใจอะไร  ฉันว่าเขาจะขำกลิ้งน่ะสิ  ทุกวันนี้เขาก็หาว่าฉันหน้าเหมือนบู้บี้ทุกวันแล้ว”

            “บู้บี้?  คืออะไร”

            “ไม่รู้เหมือนกัน  แต่น่าจะตลกน่าเกลียด”

            “ฉันว่ามันฟังดูน่าเอ็นดูมากๆเลยนะ”  อคินทร์ออกความเห็น  “เขาว่านายงั้นเหรอ”

            “ใช่  เขาชอบหาว่าฉันน่าเกลียด  เขาว่าฉันเหมือนฉันเป็นเด็กสามขวบเลย”  อาคิราห์พูดเสียงอู้อี้  ฟุบหน้าลงกับหมอน  “ฉันเบื่อเค้า  เขาชอบนอนดึกด้วย”

            “นอนดึกเกี่ยวอะไรด้วยน่ะ”  คนฟังงง  “เขากลับบ้านดึกเหรอ”

            “เปล่า  เขากลับเร็ว  แต่เขาทำงานดึกน่ะ  ไม่ยอมขึ้นมานอนเสียที  ฉันก็รำคาญ”  คนพูดพลิกตัวนอนหงาย  “ช่างเถอะ  ฉันก็บ่นเรื่อยเปื่อย  นายดูนาฬิการอบที่สามแล้ว  จะกลับแล้วเหรอ”

            “อืม....ฉันคงค้างที่นี่คืนนี้ไม่ได้น่ะ  ขอโทษด้วยนะอัยย์”  ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน  ก้มลงเก็บของ  อาคิราห์เลยลุกขึ้นยืนตามบ้าง

            “ไม่เป็นไร  แค่นายมาหาฉันก็ดีใจมากๆแล้ว  ขอบคุณมากนะ”  เขาเดินตามลงมาส่งฝาแฝดที่หน้าประตูบ้าน  “เอาไว้ว่างๆแวะมาอีกสิ”

            “ได้เลย  ฉันจะหาเวลาแวะมานะอัยย์”  อคินทร์พูดยิ้มๆ  ก้มลงกอดน้องชายแน่นก่อนจะกลับออกมาจากบ้านหลังนั้น

            อาคิราห์มองตามหลังพี่ชายร่วมสายเลือดที่กลับออกไปขึ้นรถ  บ้านหลังใหญ่กลับมาเงียบเหงาตามเดิม  เจ้าโอเมก้าเดินลากเท้าขึ้นบันไดไปชั้นบน  เข้าไปนอนซุกตัวบนเตียงใหญ่ที่เขาครอบครองคนเดียวในคืนนี้

            นอนมองเพดานอยู่นาน  อาคิราห์ผุดลุกขึ้นมานั่งขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด  หันรีหันขวางแล้วก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก  ...เวลานี้นายพิษฌานคงยังไม่หลับหรอกมั้ง

            น่าจะกำลังทำงานหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่แน่ๆ

            รอสายอยู่ครู่หนึ่ง  อีกฝ่ายก็กดรับ  เขากรอกเสียงลงไปทันที

            “คุณนอนหรือยัง...เมื่อกี้อคินทร์เพิ่งกลับไปล่ะ”

            “อ้อ...ขอสายคุณฌานหรอคะ  คุณฌานอยู่ในห้องน้ำค่ะ...”  เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตอบกลับมา

            ...................................................................................................

            มาต่อแล้วจร้า

            มีใครรอเรื่องนี้บ้างคะ   ขอเติมความเข้มข้นหน่อยนะ  เกียมตัวเกียมใจวรั้ยย (ขู่เล่นๆ)

            #ขอรักแค่คุณ

           

           

           

           

           

           

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ใครรับสาย!!!!!!!! หนีไปเลยเจ้าบู้บี้

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ค้างเลย ต่อเลยได้ไหมอย่าปล่อยให้น้องอัยย์งงนานว่าผญคนไหนรับสาย :serius2:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
แงงงง เดวน้องงอแงนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ทำไมฉันกลัวว่าอคินทร์​จะติดกล้องแอบฟัว

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แอบไม่ไว้ใจแฝดแต่คงคิดมากไปเอง 555555555
ผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ โอยยยย พ่อคุณณณณณณณณ  :m16:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จ๊ะ ทำร้ายกันให้สมใจ ไม่ต้องแคร์ว่าอัยย์จะรู้สึกยังไง

อัยย์น่าสงสารมากเลย อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองยังยาก
อคินทร์คงไม่ได้มาทำอะไรไว้หรอกนะ แต่ถ้ามาดี เราก็ยินดี

ฌาณใจร้ายน่าดูค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ปล่อยน้องไปเหอะ


ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อ้าว นังพิษ

ให้ชะนีที่ใหน

มารับโทรศัพห์

นู๋อัยย์อย่าเพิ่ง

คิดอะไรแผลงๆนะลูก

มันอาจไม่มีอะไรก็ได้




 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด