Ai Adore You.
#ขอรักแค่คุณ
ตอนที่ 16
“ปวดท้องไหมครับ” คุณหมอถามเนิบๆ คนบนเตียงส่ายหน้าไปมา
“ไม่ปวดครับ แต่ปวดหลังนิดหน่อย” อัยย์พลิกตัวชี้นิ้วตรงช่วงบั้นเอวให้คุณหมอดู
พิชช์ฌานยืนกอดอกจับตามองนายแพทย์ฉัตรินตรวจร่างกายของอีกฝ่ายอย่างละเอียด จากนั้นชายหนุ่มก็ส่งสัญญาณบอกหมอให้ออกไปคุยข้างนอกแทน
“ตาคุณเป็นอะไรน่ะ ทำไมต้องทำตาขยิบยิกๆด้วย” อาคิราห์ทัก
“เมื่อกี้ตอนช่วยเธอคงแมลงเข้าตาน่ะสิ คันมากเลย” พิชช์ฌานตอบหน้าตาย “หมอตรวจเขาเสร็จแล้วก็ช่วยมาตรวจตาผมต่อด้วยนะ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆเพื่อความสมจริง
“คุณอัยย์นอนพักก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดพวกยาแก้ปวดอะไรมาให้”
“ขอบคุณครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่เคล็ดขัดยอกนิดหน่อยเอายานวดๆเดี๋ยวก็หายแล้ว ความจริงไม่เห็นจะต้องตามหมอให้เป็นเรื่องใหญ่เลย” อาคิราห์ว่า ปรายตามองเจ้าของห้องที่ยืนหน้าเคร่งอยู่ไม่ห่าง
“เอ้า...ฉันเห็นเธอตกต้นไม้ลงมานั่งหน้าเขียวก็ตกใจน่ะซิ ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว หมอบอกให้นอนพักก็นอนลงไปซะ อย่าลุกขึ้นมา”
“ผมปวดฉี่” อาคิราห์พูด ดันตัวลุกขึ้นยืน
“พอดีเลย...หมอจะให้อาคิราห์เก็บปัสสาวะใช่ไหมครับ” พิชช์ฌานได้ทีรีบพูดขึ้น หันขวับไปจ้องหน้าหมออย่างกดดันกันในที “ที่หมอบอกว่าจะเอาไปเพาะเชื้ออะไรนั่นไง ใช่ไหมครับ”
“ผมเก็บให้แล้วเมื่อเช้านี่ครับ” อาคิราห์ท้วง
“มันไม่พอ ปนเปื้อนด้วยเลยต้องเก็บใหม่...ใช่ไหมหมอ”
“ใช่ครับคุณอัยย์ รบกวนช่วยเก็บปัสสาวะให้ผมหน่อยนะครับ” ฉัตรินพูดออกมาในที่สุดด้วยน้ำเสียงจริงจังน่าเชื่อถือ เจ้าโอเมก้าพยักหน้าเชื่อตามที่หมอพูด ได้กระป๋องใบเล็กก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
“คิดจะทำอะไรนายฌาน...จะตรวจว่าคุณอัยย์ท้องงั้นเหรอ” นายแพทย์หนุ่มเปรยขึ้นเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน “ทำไมถึงไม่บอกคุณอัยย์ตามตรงล่ะ”
“ถ้าบอกแล้วเขาจะยอมตรวจดีๆหรอครับ” พิชช์ฌานตอบกลับมา จับตาดูประตูห้องน้ำเขม็ง “ผมขี้เกียจอธิบายแล้ว รำคาญคนงอแง”
“แล้วถ้าท้องขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง จะไม่บอกเจ้าตัวหรือ”
“ผมยังคิดไม่ออก” นักการเมืองหนุ่มยอมรับตามตรง “จริงๆแล้ว...เมื่อเช้าผมลองตรวจดูแล้ว เขาตั้งท้อง” พิชช์ฌานพึมพำ ทอดสายตาลงมองพรมเช็ดเท้าที่หน้าห้องน้ำแทน “แต่ผมก็ยังไม่อยากเชื่อ”
คนฟังตกใจปนโกรธ
“แล้วนายก็ยังไม่ได้บอกคุณอัยย์เนี่ยนะ”
“ก็ผมไม่มั่นใจ เลยอยากตรวจซ้ำอีกทีก่อน” พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆ “ผมยังไม่พร้อมจะให้ใครรู้ตอนนี้ แต่ผมบอกพี่เพราะพี่เป็นหมอ”
“แม้แต่คุณอัยย์ก็จะไม่ให้รู้น่ะเรอะ จะบ้าหรือเปล่า ...เขาเป็นคนอุ้มท้องนะฌาน จะไม่ให้เขารู้ได้ยังไง”
“ผมก็ไม่ได้จะปิดตลอดไปนี่ ผมจะบอกเค้า..แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่มันยัง...” เสียงของคนพูดขาดหายไปเพราะประตูห้องน้ำเปิดออกมาเสียก่อน ร่างโปร่งบางเดินกลับมานอนที่เตียงตามเดิม อาคิราห์เหลียวไปมองผู้ชายสองคนในห้องที่ยืนเงียบไปอย่างผิดสังเกต
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไร ฉันจะให้หมอตรวจตาให้เฉยๆ เธอนอนพักในห้องนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมา” พิชช์ฌานบอกเนิบๆ เดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วหยิบกระป๋องบรรจุปัสสาวะของอีกฝ่ายมาด้วยโดยไม่รังเกียจ ฉัตรินหันไปบอกคนเจ็บให้พักผ่อนก่อนจะกลับออกมาจากห้องนอน
พิชช์ฌานตามออกมาพร้อมกับเรียกหาชุดตรวจครรภ์ที่ซื้อมาครบทุกยี่ห้อเป็นอันดับแรก ชายหนุ่มถืออุปกรณ์ทั้งหมดหายเข้าไปในห้องน้ำพักใหญ่ นานจนนายแพทย์หนุ่มต้องเดินไปเคาะประตูเรียก
“นายฌาน เป็นยังไงบ้าง ทำไมเงียบไปเลย”
คนข้างในห้องน้ำเปิดประตูออก ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำลงมาถึงลำคอ พิชช์ฌานผายมือไปที่ชุดตรวจครรภ์หลายอันวางเรียงอยู่บนเคาท์เตอร์หินอ่อน ทุกอันขึ้นสองขีดตรงกันหมดไม่มีผิด
“ท้อง...เค้าท้องจริงๆด้วย” ชายหนุ่มพูดในลำคอ เอื้อมมือมาจับแขนของนายแพทย์เอาไว้แน่น “ท้องจริงๆ”
“ฉันรู้แล้ว เลิกบีบแขนสักทีมันเจ็บ” ฉัตรินดึงแขนออก “ยินดีด้วยนะ จะเป็นพ่อคนแล้วนี่”
คนฟังเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมเต็มไปด้วยความสับสน
“ผม...ไม่อยากเป็น” พิชช์ฌานพูด “มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย หรือว่าชุดตรวจพวกนี้หมดอายุหรือเปล่า แต่ก็คงไม่...อาคิราห์ท้องจริงๆ ถ้าอย่างนั้น...ความหายนะจะมาสู่ตระกูลของผม หมอ...ผมควรทำอย่างไรดี เอาออกดีมั้ย”
“เห้ย พูดอะไรออกมาน่ะฌาน ใจเย็นๆตั้งสติก่อน” ฉัตรินเตือน จับแขนของรุ่นน้องลากออกมาจากห้องน้ำ พาเดินตรงไปที่ห้องทำงาน “นายดูสติแตกมากนะ ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อน นั่งลงก่อนเถอะ”
“ผมคิดไม่ออก” พิชช์ฌานพึมพำ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากลางห้องทำงาน “ข้างในหัวผมมันตีกันไปหมดแล้ว ให้ตายเหอะทำไมต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับผมด้วย”
“เสียเวลาที่นายจะมานั่งคร่ำครวญแบบนี้นะ ในเมื่อเรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว คุณอัยย์ก็ท้องไปแล้ว”
“ทางเดียวที่จะจัดการให้เรื่องทุกอย่างเข้าที่ก็คือ...เอาเด็กออกซะ”
“ถ้านายคิดอย่างนั้นล่ะก็ ฉันอยากขอให้นายค่อยๆคิดดูใหม่อีกที” ฉัตรินพูดเสียงเข้มขึ้น ยกมือขึ้นกอดอก “ถ้านายอยากเอาออกเพราะแค่คำทำนายนั่นล่ะก็ ฉันไม่เห็นด้วย”
“ถ้าไม่ใช่แค่คำทำนายล่ะ” เสียงห้าวๆพูดแย้งทันควัน “ผมกับเค้า...เราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เค้าแต่งกับผมเพราะจำยอม ผมก็แต่งกับเค้าเพราะเกมการเมือง เพราะอยากเอาชนะพ่อของเค้าก็แค่นั้น การตั้งท้องนี่มันเป็นความผิดพลาด ก็เหมือนกับคืนนั้นที่ผมดันพลาดกัดคอเค้านั่นแหละ”
เกิดความเงียบขึ้นในห้อง
ฉัตรินทอดสายตามองผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งกุมศีรษะตัวเองด้วยความเคร่งเครียดนั้นอย่างกังวลใจ เขารู้ดีว่าพิชช์ฌานเป็นคนแบบไหน ชายหนุ่ม ‘เหี้ยม’ พอที่จะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย ลงถ้าเจ้าตัวคิดจะกำจัดเด็กในท้องของอาคิราห์ล่ะก็ ...มันก็คงจะเป็นอย่างนั้น
“...ถ้าผมปล่อยให้ท้อง คนที่ทุกข์มากที่สุดก็น่าจะเป็นเค้านะครับ คิดดูว่าจะต้องมานั่งอุ้มท้องลูกคนที่ไม่ได้รักกัน แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ไหนยังจะความฝันของเค้าที่อยากไปเที่ยวรอบโลกอะไรนั่นอีก ขืนมีลูกขึ้นมาก็คงไม่ได้ไปเที่ยวเร็วๆนี้แน่ ผมยังมองไม่เห็นเลยว่าการปล่อยให้เค้าตั้งท้องต่อไปมันจะมีข้อดีตรงไหน” พิชช์ฌานพูดต่อยืดยาว
“มันก็จริงของนาย ถ้าฟังอย่างนี้ คุณอัยย์เค้าก็คงไม่อยากเก็บเด็กเอาไว้หรอก” ฉัตรินพยักหน้าเนิบๆ
“ใช่ไหมล่ะ เค้าก็จะต้องเห็นด้วยกับผมถ้าเราจะเอาเด็กออก ส่วนผมก็จะได้ไม่ต้องมาผูกมัดอะไรกับเค้าด้วย ตอนหย่าจะได้ต่างคนต่างไปได้ง่ายๆ” ประโยคหลังคนพูดลดเสียงลงเหมือนพูดกับตัวเอง
“งั้นนายก็ไปบอกคุณอัยย์เขาสิ” คุณหมอเสนอ “รีบไปบอกเลย”
อีกฝ่ายชะงัก
“เขาไม่อยากเก็บเด็กเอาไว้หรอก ผมรู้...เค้าเองก็อยากไปจากบ้านนี้จะตายไป” พิชช์ฌานพึมพำ เหลือบมองเจ้าปลาบู่ที่ว่ายน้ำไปมาอยู่ในตู้มุมห้อง “เค้าจะต้องเป็นคนแรกที่อยากเอาเด็กออกแน่ๆ”
“ก็ยิ่งดีไง นายก็ไปบอกเค้าสิ จะได้ตกลงกันให้เรียบร้อย”
“ทำไมหมอไม่ห้ามผมแล้วล่ะ เมื่อกี้หมอยังห้ามไม่ให้ผมเอาเด็กออกอยู่เลยไม่ใช่หรือไง” นักการเมืองหนุ่มเงยหน้าขึ้นท้วง คิ้วเข้มขมวดมุ่น “ทำไมกลับคำเสียล่ะ”
“อ้าว ก็ฉันฟังเหตุผลของนายแล้วมันก็จริงตามที่นายพูด พวกนายไม่ได้รักกัน ถ้าปล่อยให้ท้องต่อไปก็เท่ากับทรมานกันเปล่าๆ”
“พูดไม่สมเป็นหมอเลยนะ หมอที่ไหนทำไมถึงเชียร์ให้แท้ง” ชายหนุ่มจุ๊ปาก
“ไอ้นี่นี่ยังไง พอบอกให้คิดดูใหม่ก็ไม่ชอบ บอกให้ทำเลยก็โกรธอีก จะเอายังไงกันแน่ ฉันงงไปหมดแล้วนะนายฌาน” ฉัตรินถอนหายใจเฮือก “ก็พูดเองว่าอยากเอาออกไม่ใช่หรอ ในฐานะที่ฉันเป็นหมอฉันก็ต้องเคารพสิทธิของคนไข้ ถ้านายกับคุณอัยย์เห็นตรงกัน..ฉันจะไปทำอะไรได้”
“แล้วไม่กลัวว่าเค้าจะเป็นอันตรายหรือไงถ้าเอาเด็กออก” พิชช์ฌานถามเสียงเข้ม “ทำแท้งมันอันตรายไม่ใช่หรือ”
“ก็ใช่...แต่จะทำไงได้” คุณหมอยักไหล่ “รีบไปบอกคุณอัยย์สิ จะได้ตัดสินใจร่วมกัน จะทำอะไรก็ต้องรีบทำนะ ตอนนี้ตัวอ่อนน่าจะยังเล็กอยู่ ยิ่งเล็กก็ยิ่งเอาออกง่าย”
“นี่พี่เป็นหมอภาษาอะไรเนี่ย” เจ้าของห้องลุกขึ้นยืนอย่างโกรธจัด “พูดออกมาได้ไง ยิ่งเล็กยิ่งเอาออกง่าย ยังมีจรรยาบรรณอยู่หรือเปล่า”
“แล้วนายโกรธอะไรเนี่ยนายฌาน นายควรจะดีใจไม่ใช่หรือไงที่รู้ว่ามันยังเอาออกได้ จะมาโกรธทำไมฉันไม่เข้าใจ”
คนฟังอึ้ง คุณหมอเลยพูดต่อ
“นายจะเอายังไงกันแน่ จะเก็บไว้ก็ไม่เอา กลัวคำทำนายบ้าๆบอๆอะไรนั่นบ้างล่ะ บอกว่าไม่รักกันบ้างล่ะ ฉันก็โอเคงั้นเอาออกสิ ยังเอาออกทัน นายก็มาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟว่าทำไมจะให้เอาออก ฉันบอกให้ไปคุยกับคุณอัยย์นายก็ยังไม่ยอมไปเลย ตกลงนายต้องการอะไรกันแน่นายฌาน”
พิชช์ฌานทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตามเดิมอย่างหมดแรง เงยหน้าขึ้นมองโคมไฟบนเพดานนิ่ง
“ผมก็ไม่รู้” ชายหนุ่มพึมพำออกมาเสียงเบา “ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด ผมตั้งตัวไม่ทัน...มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้เลย”
“ฉันไม่เคยเห็นนายเป็นแบบนี้มาก่อนนะฌาน นายคนเดิมที่พร้อมจะเปลี่ยนแผนไปได้ตลอดทุกสถานการณ์หายไปไหนแล้ว ทำไมฉันเห็นแต่นายคนที่เอาแต่นั่งบื้อคิดวนกลับไปกลับมาเรื่องเดิมอยู่นั่นแหละ เกิดอะไรขึ้นกับนาย”
“ผมรู้สึก..เหมือนคนวิ่งชนกำแพง” พิชช์ฌานพูด “มันมึนๆตื้อไปหมดทุกอย่างตั้งแต่เจอเขาเข้า ผมไม่เคยได้ทำตามแผนของตัวเองเลยสักวัน”
“แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ”
“ก็ไม่ดีน่ะสิ ผมไม่ชอบแบบนี้เลย เหมือนผมเสียศูนย์...จะทำอะไรก็ต้องมานั่งเผื่อว่าเค้าจะเป็นยังไง ผมเบื่อมากกับการที่ต้องเปลี่ยนแผนนู่นนี่นั่นทุกวันเพราะเขา”
“ฟังดูแล้ว...เหมือนคุณอัยย์จะมีอิทธิพลกับความรู้สึกของนายมากพอดูนะ” คุณหมอทักขึ้น อีกฝ่ายขยับตัวทันที
“ไม่ใช่แบบที่พี่คิดแน่” พิชช์ฌานรีบพูด “แต่ถ้าจะหมายถึงความรู้สึกรำคาญ โมโหหงุดหงิดตลอดเวลาล่ะก็ใช่...เขาทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาได้”
ฉัตรินลอบถอนหายใจยาว มองหน้านักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลที่นั่งหน้าเคร่งอยู่ตรงหน้าอย่างอ่อนใจ เขาพอจะจับความรู้สึกที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ลางๆแล้ว นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมผู้ชายที่ฉลาดเฉลียวและเต็มไปด้วยไหวพริบเล่ห์กลอย่างพิชช์ฌานถึงได้มาตกม้าตายเอาง่ายๆกับเรื่องแค่นี้
หึ...บอกไม่ดีใจที่กำลังจะเป็นพ่อคน แต่หน้าตากลับเป็นตรงกันข้าม บางทีเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเจ้าตัวถึงคิดเรื่องนี้ไม่ออก
หรือเป็นเพราะวิ่งชนกำแพงมาจริงๆ ถึงได้มึนตึ้บขนาดนี้...
“เอาอย่างนี้นะ ตอนนี้นายกำลังสับสนอยู่ ค่อยๆไปนั่งคิดเรียบเรียงดีๆก่อน หรือถ้าคิดไม่ออกก็บอกคุณอัยย์เขา จะได้ช่วยกันคิด ยังไงสองหัวก็ดีกว่าหัวเดียว”
“บอกไม่ได้ ขืนบอกก็คงเผ่นออกจากบ้านแน่ๆรายนั้น ไม่ฟังกันหรอก”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันว่าคุณอัยย์เขาน่าจะมีเหตุผลมากกว่านั้นนะ”
“ผมไม่ไว้ใจ” ชายหนุ่มตอบทันที “เขาชอบคิดอะไรแปลกๆ ไม่เป็นไปตามตระกะ แถมลูกบ้าเยอะด้วย ดีไม่ดีหาวิธีเองอีก”
“ฉันว่าคุณอัยย์ก็คงคิดเหมือนนายนั่นแหละ....อยากเอาออก” ฉัตรินแกล้งพูด “เก็บไว้ก็เป็นภาระ ยังไงก็ไม่ได้รักกันอยู่แล้ว”
“ถ้าเกิดว่าผมจะเอาออกโดยที่ไม่ให้เจ้าตัวรู้ จะเป็นไปได้ไหมครับ” พิชช์ฌานถาม
“นายกำลังละเมิดสิทธิพื้นฐานของบุคคลอยู่นะ” คุณหมอพูดเรียบๆ “ตอบตามจรรยาบรรณก็คือ...เป็นไปไม่ได้”
“แต่ก็เพื่อตัวของเขาเองนะครับ”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงไม่บอกคุณอัยย์เสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ..ฉันจะไม่คุยกับนายแล้ว นายไปคิดดูให้ดีก็แล้วกัน อย่าทำอะไรที่จะต้องเสียใจทีหลัง อย่าให้อะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นคำทำนายอะไรไม่รู้หรือทิฐิของนายมาทำให้นายต้องเสียใจไปตลอดชีวิต โอกาสของคนเราไม่ได้มาบ่อยๆหรอกนายฌาน บางครั้งมันก็มีแค่ครั้งเดียว” ฉัตรินก้มศีรษะให้นิดหนึ่งแทนคำอำลาแล้วก็หมุนตัวเดินกลับออกมาจากห้องทำงาน
ทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งมองเพดานอยู่คนเดียวอย่างนั้น
............................................................................