[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267112 ครั้ง)

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ลุ้นให้น้องท้อง

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 10



 

 

 

 

 

 

 

            เสียงกุกกักตามด้วยเสียงน้ำไหลดังซู่ทำให้อาคิราห์ลืมตาตื่นขึ้น  เขาเผลอหลับไปอีกครั้งหลังจากกินโจ๊กที่ป้านิ่มยกขึ้นมาให้เป็นอาหารเย็นจนหมดเกลี้ยง  หันไปดูนาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว  การพักผ่อนเต็มที่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากแม้ว่าจะยังปวดเมื่อยตามตัวอยู่ก็ตาม

            เสียงคนในห้องน้ำทำให้อาคิราห์เริ่มอยากย้ายกลับไปห้องนอนเดิมที่ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน  นึกเดาได้เลยว่าคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ในนั้นคงไม่ใช่ป้านิ่มแน่ๆ

            ดันตัวลุกขึ้นมานั่งเหลียวซ้ายมองขวาได้พักเดียวประตูห้องน้ำก็เปิดออก  ร่างสูงใหญ่คาดทับด้วยผ้าเช็ดตัวที่เอวเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเช็ดผมของตัวเองไปด้วย  อัยย์หันไปมองอย่างตระหนก  สายตาปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างที่มีหยดน้ำเกาะพราวนั้นโดยไม่ตั้งใจ

            “อ้อ  ตื่นแล้วเหรอ  นึกว่าจะนอนยาวไปถึงพรุ่งนี้เสียอีก”  เจ้าของห้องพูดขึ้น  เดินผ่านหน้าเขาไปยังตู้เสื้อผ้า  กระจกเงาสะท้อนให้เห็นนัยน์ตากลมแป๋วที่มองจ้องเขาอยู่จากด้านหลัง  พิชช์ฌานสบตาคนในกระจกแล้วพูดเสียงเรียบ  “แอบมองอะไร  อิจฉาซิกแพ็คฉันหรือไง”

            อัยย์พ่นลมออกจากจมูกแรงๆ

            “เหอะ...แค่นี้ไม่เห็นน่าอิจฉาตรงไหน”

            “หืม?”  คนตัวสูงหันขวับมามองแล้วเดินตรงมาหา  อาคิราห์ยกผ้าห่มขึ้นคลุมถึงอกอย่างระแวง  รีบถามออกไป

            “จะทำอะไร  ถอยออกไปนะ”

            “วันแพ็คของเธอจะมาสู้ซิกแพ็คของฉันได้ยังไงฮึ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  นึกฉุนที่อีกฝ่ายเมินรูปร่างที่เขาแสนจะภาคภูมิใจ   “เปิดเสื้อมาสู้กันตัวต่อตัวเลยดีไหม”

            ลอนหน้าท้องสวยงามด้วยมัดกล้ามนั้นขยับเข้ามาจนเกือบชิด  อัยย์เบ้ปาก  ออกแรงดันหน้าท้องแข็งๆนั้นออกไปห่างๆ

            “อย่ามาใกล้ผม   ไม่งั้นผมดึงผ้าหลุดจริงๆด้วย”  โอเมก้ารีบขู่  รู้สึกไม่ปลอดภัยเลยให้ตายสิ

            “ดึงเลย”  อีกฝ่ายนอกจากไม่กลัวแล้วยังท้าทายเสียด้วย  อัยย์ย่นจมูก  หันหน้าหนีไปทางอื่น

            “ไม่เอาหรอก  เดี๋ยวฝันร้าย ...ผมกลัวไส้เดือน”

            “พูดแบบนี้นี่วอนเสียแล้วนะ”  คนแก่กว่าจุ๊ปาก  เอื้อมมือมาดีดที่หน้าผากเนียนนั้นทีนึงจนอีกคนหดคอหนี  “นี่แน่ะ  เดี๋ยวก็จับพิสูจน์อีกสักรอบหรอก”  พิชช์ฌานพูด

            “ไอ้บ้า  ไปแต่งตัวเลยนะ  เป็นโรคจิตชอบโชว์หรือไง”

“อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้แก้ผ้าเต้นกลางห้องก็แล้วกันน่ะ”

“ผมไม่ได้เต้น  แล้วผมก็ล็อคประตูห้องแล้วด้วย  คุณนั่นแหละไม่มีมารยาท  เปิดประตูเข้ามาพรวดพราดแบบนั้นได้ยังไง”  อาคิราห์ชักโมโห  พอนึกถึงเหตุการณ์พวกนั้นก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีก   “รีบใส่เสื้อผ้าแล้วก็พาผมกลับห้องเดิมซักที  ผมไม่อยากนอนห้องนี้แล้ว”  ชายหนุ่มกระแทกเสียง

พิชช์ฌานหัวเราะหึๆ  หันกลับไปสวมชุดนอนเรียบร้อย  จากนั้นชายหนุ่มก็อ้อมเตียงนอนขนาดใหญ่ขึ้นมานั่งอยู่ข้างๆคนที่นั่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่มนั้น

“พาผมกลับห้อง...ด่วน”  อาคิราห์พูดซ้ำ

            “อยากกลับก็กลับเองสิ”

            “ห้องผมอยู่ไหนล่ะ  ใช่ห้องข้างๆนี้หรือเปล่า”  โอเมก้าเหลียวไปมองประตูห้องที่เขาเดาเอาว่าน่าจะเชื่อมห้องนี้เอาไว้กับห้องของเขา  เหมือนตอนที่พิษฌานเปิดประตูพรวดเข้ามา

            “ไม่ใช่  นี่คนล่ะตึกกัน  เธอต้องเดินลงบันไดไปสามชั้นนะแล้วข้ามสนามหญ้าไปจะเจอสนามเทนนิส  เดินเลาะไปต่อจะเจออีกตึกนึง  ขึ้นบันไดไปสองชั้นห้องเธออยู่ริมสุดระเบียง”  คนฟังขมวดคิ้วแล้วนึกตาม   สีหน้าเครียดๆนั้นทำให้คนพูดแอบกลั้นหัวเราะอยู่ในใจ  พิชช์ฌานวางหน้าขรึมจริงจัง  สำทับมาอีก  “นี่เที่ยงคืนแล้ว  ข้างนอกมืดมาก  ถ้าจะไปก็หาไฟฉายติดไปด้วยก็แล้วกันนะ  ฉันจะนอนล่ะ”  พูดจบก็ขยับตัวลงนอน  นับหนึ่ง สอง สามในใจ

            มือเล็กเอื้อมมาเขย่าแขนเขาแรงๆ

            “เดี๋ยวสิคุณ  อย่าเพิ่งนอน”

            “อะไรอีก”  พิชช์ฌานลืมตาขึ้น  “รีบไปสิ  ฝากล็อคประตูห้องฉันด้วยนะ”

            “ผม...เดินไม่ไหว”  อาคิราห์บอกเสียงอ่อย  “คุณพาผมไปไม่ได้เหรอ”

            “ฉันปวดหลัง”  อัลฟ่าหนุ่มพูด  “คิดว่าเธอปวดตัวอยู่คนเดียวหรือไง  ฉันก็ปวดไปทั้งตัวเหมือนกันนะ”

            “ฮึ  คุณเป็นคนรังแกผมแท้ๆทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”  คนฟังโกรธ  ทุบกำปั้นลงกับต้นแขนล่ำสันนั้น  พิชช์ฌานสะดุ้ง  รีบคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้แทบไม่ทัน

            “เดี๋ยวสิ  คุยกันดีๆ  เอะอะลงไม้ลงมือแบบนี้ไม่ถูกต้องเลยนะ”  ชายหนุ่มพลิกตัวเลิกเสื้อนอนขึ้นให้ดูแผ่นหลังกว้างของตัวเอง  “เห็นรอยอารยธรรมพวกนี้มั้ย  ฝีมือเธอล้วนๆเลย”

            อัยย์ขมวดคิ้ว  ก้มลงดูรอยถลอกยาวๆที่เหมือนรอยข่วนเต็มหลังของพิษฌานอย่างประหลาดใจ  อีกฝ่ายดึงคอเสื้อลงให้ดูรอยเขี้ยวที่ไหล่หนาด้วย

            “ไม่จริงอ่ะ  ไม่ใช่ฝีมือผม”  โอเมก้าไม่ยอมรับ  “คุณไปฟัดกับแมวที่ไหนมาแล้วมาโทษผมแน่ๆ”

            “ไม่ใช่แมว  แต่เป็นตัวบู้บี้  งับฉันเต็มคำแล้วมาทำไม่รู้เรื่องอีก  ทีฉันกัดเธอยังยอมรับผิดเลย”  พิชช์ฌานเอื้อมมือมาบีบจมูกเขาสั่นไปมา   “หรือต้องให้เปิดคลิปยืนยันฮึ”

            “คุณมีคลิปเหรอ”  เจ้าของจมูกโด่งรั้นตาโต  ปัดมืออีกฝ่ายออกไป  “คุณอัดคลิปผมเรอะ”

            อีกคนไม่ตอบแต่กลับอมยิ้มเจ้าเล่ห์  อาคิราห์ชักโกรธขึ้นมาจริงๆ

            “คุณลบคลิปเลยนะ  คุณมันเลว  สมชื่อพิษฌานจริงๆ”  ชายหนุ่มด่าออกมาอีกหลายคำจนพิชช์ฌานต้องรีบเบรก

            “เดี๋ยวๆ ฉันล้อเล่น  ใครจะไปมีเวลาอัดคลิปเอาไว้ได้ล่ะ  ตอนนั้นฉันไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ  เชื่อคนง่ายไปหน่อยมั้งเธอน่ะ  แล้วอีกอย่างนะ  ชื่อฉันมันยังไงไม่ทราบ  ฉันอุตส่าห์เปลี่ยนชื่อใหม่เสริมดวงยังมาว่าชื่อฉันอีก”

            “ผมไม่ได้ว่าชื่อคุณ  ผมแค่บอกว่าชื่อคุณมันสมตัวแล้วไง  คุณพิษฌาน”  อาคิราห์ยิ้มสะใจที่เห็นอีกฝ่ายตามไม่ทัน  เขารีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ฝ่ายนั้นจะคิดออก  “ตกลงคุณจะไม่พาผมกลับไปที่ห้องจริงหรอ”

            “ใช่   ฉันง่วงแล้ว  เธออยากไปก็ไปเอง”  พิชช์ฌานพูดแค่นั้นก็พลิกตัวหนีแล้วหลับตาลง

            รู้สึกได้ว่าเตียงยวบยาบจากการขยับตัวของคนข้างๆ  ชายหนุ่มแอบหรี่ตามองข้ามไหล่ไปเห็นร่างโปร่งบางนั้นกำลังดันตัวลุกขึ้นยืนโอนเอน

            พิชช์ฌานถอนหายใจเฮือกให้กับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย  เขานอนมองร่างเล็กนั้นเดินลากผ้าห่มทีละก้าวตรงไปยังประตูอย่างยากลำบาก  ใบหน้าเรียวนิ่วหน้าทุกครั้งที่ขยับตัว

            “นั่นมันประตูห้องน้ำ”   อัลฟ่าหนุ่มพูดขึ้น  “เดินลากขนาดนี้  คืนนี้จะไปถึงห้องนอนไหม”

            อาคิราห์หันมาทำปากขมุบขมิบเหมือนด่าเขาแล้วเปิดประตูห้องน้ำออก

            “ผมปวดฉี่”  เจ้าตัวพูดก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำ

            พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆให้กับคำพูดแก้เก้อนั้น   ยกแขนขึ้นรองศีรษะเอาไว้แล้วหลับตาลง  ฟังเสียงกุกกักตามด้วยเสียงเปิดน้ำของคนที่อยู่ในห้องน้ำนั้น  เดาเอาว่าคงล้างมืออยู่กระมัง

            โครม!

            เจ้าของห้องลืมตาโพลง  ลุกจากที่นอนก้าวพรวดเดียวไปถึงประตูห้องน้ำอย่างตกใจ  เสียงอะไรสักอย่างดังโครมใหญ่ตามด้วยเสียงร้องโอยจากคนข้างในทำให้เขาทุบประตูห้องน้ำแรงๆ

            “เกิดอะไรขึ้นอัยย์  เป็นอะไร”

            “ผม..ลื่น”  เสียงโอเมก้าตอบกลับมา

            “เปิดประตูสิ  เป็นอะไรมั้ย”

            “ผมลุกไม่ไหว”  คนข้างในพูดเสียงสั่นเครือ  “มันจุก”

            พิชช์ฌานยกมือขึ้นขยี้เส้นผมของตัวเองแรงๆ แล้วหมุนตัวก้าวยาวๆไปค้นหากุญแจห้องน้ำในลิ้นชักมาไขเปิดออก  คนข้างในห้องน้ำร้องลั่น  รีบพูดเสียงดัง

            “อย่าเพิ่งเปิดเข้ามา...ผมโป๊”

            สายไปแล้ว  เพราะพิชช์ฌานเปิดประตูเข้าไปในทันที  ภาพร่างโปร่งบางนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้นโดยไม่สวมกางเกงนั้นทำให้พิชช์ฌานจุ๊ปาก  กรากเข้ามาพยุงจับไหล่ทั้งสองข้างให้ลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงดึงกางเกงขึ้นมาสวมให้

            อาคิราห์หน้าร้อนจัด  ใช้มือปิดกลางตัวเอาไว้แน่นพลางเอี้ยวตัวหนี

            “อายอะไรเล่า  เห็นมาแล้วทั้งตัว”  เจ้าของบ้านพูดเสียงดุ  “อยู่เฉยๆสิ  จะผูกเชือกที่เอวให้”

            “ผมผูกเองได้  ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ” อัยย์ขู่ฟ่อ  ยึดเชือกมาผูกรอบเอวเอาไว้เองอย่างแน่นหนา  “ถอยออกไป”

            “เดี๋ยวก็ล้มอีกหรอก”

            “เมื่อกี้ผมสะดุดชายผ้าห่มเฉยๆ”  เขาชี้ผ้าห่มผืนใหญ่ที่ลากมาด้วย  “ผมเดินเองได้”

            “ฉัน – ง่วง – นอน – แล้ว”  พิชช์ฌานไม่พูดพล่ามทำเพลง  ก้มลงอุ้มเจ้าโอเมก้าขึ้นทั้งตัวแล้วพามาปล่อยที่เตียงทว่ามือเล็กกลับไม่ยอมปล่อยจากลำคอของเขา  “ปล่อยมือสิ  อะไรอีก”

            “คุณอุ้มผมได้นี่ ไหนว่าปวดหลังไง  งั้นพาผมไปส่งที่ห้อง...นะๆๆ”  อาคิราห์พูด  รัดมือรอบลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น

            “จะปล่อยไม่ปล่อย”  เสียงเข้มพูดอยู่ข้างหู

            “ไม่”

          “งั้นฉันกอดคืนบ้างอย่ามาร้องไห้งอแงนะ”  พิชช์ฌานพูดจบก็รวบเอวบางมากอดเอาไว้

            เจ้าโอเมก้าตกใจรีบปล่อยมือจากลำคอของอีกฝ่ายแทบไม่ทัน

            “ปล่อยแล้วๆ  ปล่อยผมเถอะ”

            “จะนอนไม่นอนเนี่ย  ฉันมีงานพรุ่งนี้ตอนเช้านะ”  พิชช์ฌานพึมพำกับซอกคอหอมกรุ่นนั้น  ถึงแม้จะผ่านช่วงฮีทไปแล้ว  เหตุใดกลิ่นหอมหวานของอาคิราห์ถึงยังอบอวลอยู่เลย  “เธอได้กินยาฉุกเฉินที่ฉันให้มาหรือเปล่า”

            “ผมกินแล้ว  โธ่  ผมก็ไม่อยากท้องนะ”  อัยย์ใช้มือดันแผ่นอกกว้างออกไป  “ถอยออกไปได้แล้ว  ผมปล่อยคอคุณแล้วทำไมคุณไม่ปล่อยผม”

            นักการเมืองหนุ่มเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังกอดร่างสมส่วนนั้นเอาไว้แน่น  พิชช์ฌานปล่อยมือออกแล้วเดินหน้านิ่งอ้อมกลับไปที่อีกฟากของเตียง

            “โตแล้ว  พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย  ถ้าอยากย้ายห้องก็เอาไว้ย้ายพรุ่งนี้  คืนนี้ดึกมากแล้วนอนซะ  ...เลิกทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจเสียที  คิดว่าฉันอยากนอนห้องเดียวกับเธอมากหรือไงเจ้าโอเมก้า”  เสียงห้วนดุกับท่าทางที่เปลี่ยนไปฉับพลันของเจ้าของห้องทำให้คนฟังตามอารมณ์ไม่ทัน     

            อาคิราห์เบ้ปากใส่แผ่นหลังพิษฌานแล้วค่อยๆเอนตัวลงนอนบ้าง  ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังมาจากร่างสูงใหญ่ที่หลับไปแล้ว  ส่วนตัวเองได้แต่ข่มตาให้หลับแต่กลับนอนไม่หลับเลย  สมองเอาแต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับไปกลับมา  ทุกอย่างมันผิดแผนไปหมด  ตอนนี้เขาควรจะเสวยสุขกับอิสรภาพใหม่ในต่างแดนไม่ใช่มานอนหงิกอยู่ในห้องนี้กับคนที่เกลียดโอเมก้าเข้าไส้อย่างนายพิษฌานไม่ใช่หรือไง

            ถ้าตอนนี้อยู่ที่บ้าน...จะดีกว่าตอนนี้ไหม  แค่คิดก็น้ำตาคลอ  นี่เขาตัดสินใจผิดหรือเปล่าที่เลือกแต่งงานกับผู้ชายคนนี้

            พิชช์ฌานตื่นขึ้นเองตอนเช้ามืดโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก  เขาฝึกตัวเองให้ตื่นเช้ามาตั้งแต่สมัยเรียน  แม่เคยสอนให้รีบลุกจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวอย่างกระฉับกระเฉงเพื่อเช้าวันใหม่ที่สดใส  ชายหนุ่มทำแบบนั้นมาตลอดชีวิตจนกระทั่งเช้าวันนี้ที่มีอะไรบางอย่างแปลกไป

            เขาพบว่าตัวเองกลายเป็นหมอนข้างให้เจ้าโอเมก้ากอดก่ายเสียอย่างนั้น

            ขาเรียวพาดอยู่บนเอวของเขา  ส่วนมือก็วางแปะบนอก  เสียงกรนครืดคราดดังมาจากริมฝีปากอิ่มเต็มที่อ้าออกกว้างเหมือนปลาฮุบออกซิเจน  นี่ถ้ามีน้ำหลายไหลยืดออกมาเปื้อนเสื้อนอนของเขา พิชช์ฌานก็จะไม่แปลกใจ

            ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางดันหน้าผากของคนที่เอาศีรษะเกยไหล่ของเขาอยู่ออก  อีกฝ่ายนอกจากไม่ยอมปล่อยแล้วยังกลับฝังจมูกลงกับซอกไหล่ของเขาแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่เหมือนลูกหมาสูดกลิ่น  จากนั้นก็ถอนหายใจยาวซุกตัวเข้ามาแนบชิดราวกับสบายเสียเต็มประดา

            “นี่เธอ...ตื่นๆ”  พิชช์ฌานขยับจะจิ้มนิ้วที่หน้าผากอีกฝ่ายแรงๆแต่แล้วเปลี่ยนใจ  แตะปลายนิ้วลงที่แก้มเนียนใสนั้นแทน  จากแตะด้วยปลายนิ้วเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ  เจ้าตัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาตื่น  “ขี้เซาชะมัด”

            อยากผลักออกไปแรงๆเหมือนกันแต่เดี๋ยวก็มานั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆอีก  น่ารำคาญ...พิชช์ฌานคิดในใจขณะที่ค่อยๆจับแขนอีกฝ่ายดึงออกจากตัวตามด้วยท่อนขา  คนหลับพลิกตัวนอนคว่ำหน้าลงไปกับหมอนของเขาจนชายหนุ่มชักกลัวว่าจะขาดอากาศหายใจตาย

            พิชช์ฌานจุ๊ปาก  จับตัวอีกฝ่ายพลิกหงาย  ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้ลวกๆแล้วก็เปลี่ยนเป็นจับคลุมให้ถึงคางเรียบร้อย  ถอยมายืนดูอยู่ครู่หนึ่ง  ชายหนุ่มก็ขยับเข้ามาดึงผ้าห่มออกคลุมให้ใหม่แบบลวกๆอีกรอบ  นึกอยากเขกหัวตัวเองเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไรหรือเปล่า

            ทำไมนักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลอย่างเขาต้องมาเสียเวลาทำอะไรงี่เง่าไร้เหตุผลแบบนี้ด้วย ...สายตาเหลือบไปเห็นปลายเท้าที่โผล่พ้นชายผ้าห่มออกมา  พิชช์ฌานสั่งตัวเองอย่างเฉียบขาดให้หยุดคิดที่จะดึงผ้าห่มผืนนั้นมาคลุมให้เท้าให้ใหม่

            เลิกประสาทได้แล้ว  เจ้าโอเมก้าน่ารังเกียจกำลังจะทำให้เขาประสาทกิน  ชายหนุ่มคิดในใจอย่างฉุนเฉียวตอนที่เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมให้อีกรอบ

            ..............................................................



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk









           “อร่อยไหมคะคุณอัยย์  เติมอีกจานไหม”  นิ่มนวลถามอย่างเอ็นดูที่เห็นอาคิราห์ตักข้าวเข้าปากจนหมดจาน  “เดี๋ยวป้าเตรียมยาหลังอาหารให้นะคะ  เห็นคุณอัยย์ลุกเดินไหวแล้วป้าก็ดีใจ”  ชายหนุ่มออกจากห้องลงมากินข้าวข้างล่างได้เป็นวันแรกหลังจากนอนซมอยู่สามสี่วัน

            “ดีขึ้นมากแล้วครับ”  คนตอบยิ้มกว้าง  “ขอบคุณคุณป้ามากครับ”  เขายกมือขึ้นไหว้แบบเด็กมืออ่อน

            “วุ้ย  ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอกค่ะ  เป็นหน้าที่ของป้าอยู่แล้ว  คุณฌานเขาฝากคุณอัยย์เอาไว้ให้ป้าดูแล”  ชื่อของเจ้าของบ้านทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของคนฟังคลายลง

            “ป้าครับ  ผมอยากให้ป้าช่วยพาผมกลับห้องเดิมได้ไหมครับ”  อาคิราห์พูดเสียงเครียด

            “อ้าว  ทำไมล่ะคะ  นอนห้องคุณฌานไม่สบายเหรอคะ”

            “ผมไม่อยากรบกวนเขาน่ะครับ  แล้วผมก็หายดีแล้วด้วย” 

            “จะดีเหรอคะ  ป้าว่าคุณอัยย์นอนห้องนั้นก็ดีแล้วนะ”  นิ่มนวลท้วง

            “ไม่ดีหรอกครับ  เจ้าของห้องเองเขาก็ไม่อยากนอนห้องเดียวกับผม”

            “คุณฌานไม่เห็นว่าอะไรเลยนะคะ  ป้าว่าคุณอัยย์เข้าใจผิดมากกว่าค่ะ”  คนฟังส่ายหน้า  ดวงตาใสแจ๋วมีรอยน้อยใจที่เจ้าตัวพยายามซ่อนเอาไว้ทว่าคนอาวุโสกว่าก็มองออกอยู่ดี   “เอาไว้ค่อยคุณกับคุณฌานเย็นนี้ดีไหมคะ”

            “ไม่ดีครับ  ผมอยากย้ายกลับห้องแล้ว  ตอนนี้ผมก็เดินคล่องขึ้นแล้วด้วย  ...ห้องผมอยู่อีกตึกนึงใช่ไหมครับ  สนามเทนนิสอยู่ตรงไหนผมไม่ทันสังเกต”

            “ตึกอะไรเหรอคะ   บ้านนี้ไม่มีสนามเทนนิสหรอกค่ะ”  ป้านิ่มงง  “มีแต่สระว่ายน้ำกับสวนข้างหลังเอง  คุณอัยย์อยากตีเทนนิสหรอคะ”

            “ไม่ใช่ครับ  ผมหมายถึงห้องนอนเดิมของผมที่ป้าเรียกห้องฟ้าน่ะครับ  คุณพิษฌานบอกว่าอยู่อีกตึกนึง  มันตึกไหนหรอ  ผมดูที่หน้าต่างแล้วไม่แน่ใจว่ามีตึกอื่นอีกหรือเปล่า”

            คนฟังมองหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมา

            “โธ่  คุณอัยย์  บ้านนี้กว้างก็จริงแต่ว่ามีตึกเดียวค่ะ  ห้องฟ้าก็ห้องที่อยู่ติดกับห้องที่คุณนอนนั่นแหละ  คุณฌานคงหลอกคุณเล่นกระมัง”

            “อ้าว”  อาคิราห์อ้าปากค้าง  “ผมก็นึกว่าจะมีหลายตึกเหมือนที่บ้าน”  พอตามเรื่องทันชายหนุ่มก็ได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวที่ถูกอีกคนหลอกเข้าเต็มๆ ก็ว่าตอนออกมาจากห้องมันก็ดูคุ้นๆ

            “คุณฌานคงอยากให้คุณนอนด้วยกันนั่นแหละค่ะ  อย่าคิดมากเลยนะคะ”  นิ่มนวลรีบปลอบ

            “ผมว่าเขาคงรู้สึกผิดมากกว่าที่ผิดสัญญากับผม”  อาคิราห์ว่า  “ไม่รู้ล่ะ  ยังไงผมก็จะขอย้ายกลับห้องเดิม  ป้านิ่มช่วยผมด้วยนะครับ”

            นิ่มนวลถอนหายใจเฮือก

            ...........................................................................

            “ไอ้พิชช์ฌาน  มึงทำแบบนี้ได้ยังไงวะ”  เสียงตะโกนโหวกเหวกดังออกมาจากข้างในห้องทำงานของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน   เจนภพรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องเพื่อดูแลผู้เป็นนายทันที  เขาพบว่าร่างสูงใหญ่ของพิชช์ฌานยังนั่งสงบนิ่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตามเดิม  ขณะที่ผู้บุกรุกยืนค้ำตบโต๊ะดังปัง  “ทำแบบนี้ต้องการหาเรื่องกันนี่หว่า”   

            “ฉันทำอะไรหรือ?”  พิชช์ฌานถาม  เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

            “ก็ที่มึงให้ตำรวจไปรื้อบ่อนกูเมื่อคืนไง  คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าใครบอกตำรวจ”

            คนฟังหัวเราะเบาๆ

            “เรื่องบ่อนของนายมีใครไม่รู้บ้าง  ใครๆเขาก็รู้จักบ่อนนายจักรกฤตกันทั้งนั้น  เรื่องอะไรถึงมาบอกว่าเป็นฝีมือฉันล่ะ”

            “เพราะว่ามึงแก้แค้นเรื่องม็อบอนุรักษ์ไง”

            “แสดงว่ายอมรับแล้วสิว่าล็อบบี้คนในพรรคของฉัน”  พิชช์ฌานสวน  คนพูดชะงักไปนิด

            “อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง  มึงหักหลังคนในพรรค  ระวังเอาไว้เถอะจะไม่ตายดี”  จักรกฤตพูดอย่างโกรธแค้น  “คิดว่าธุรกิจของมึงขาวสะอาดนักหรือไง  อย่าให้กูต้องแฉบ้างนะ  กูจะเอาให้จมดินเลย”

            “ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดูสิ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  “แต่ทางที่ดี  อย่าลอง...จะดีกว่า  เพราะคราวหน้าอาจจะไม่มีโอกาสได้มาชี้หน้าฉันอยู่แบบนี้ก็ได้นะ”

            “มึง....คิดว่ามีนายทุนหนุนหลังแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ”  เจนภพขยับเข้ามาล็อคตัวคนพูดเอาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่เจ้าตัวจะกระโจนเข้าใส่พิชช์ฌาน  “คอยดูเหอะ  มึงจะต้องล่มจม  ไอ้พิชช์ฌาน  ไอ้โอเมก้าเมียของมึงก็เหมือนกัน...”  จักรกฤตร้องโวยวายด่าทอออกมาตลอดทางแม้จะถูกลากตัวออกไปแล้วก็ตาม

            พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดสันจมูกของตัวเองเบาๆ

            “ผมขอโทษครับ  ผมไม่นึกว่าตำรวจจะทลายบ่อนของมันเลย  ผมตั้งใจแค่จะให้ปิดชั่วคราวเท่านั้น”  เจนภพพูดอย่างรู้สึกผิด  “คุณเลยผิดแผนไปเลย”

            “ไม่เป็นไร”  พิชช์ฌานพูด  “ช่างเถอะ  ก็ดีเหมือนกันที่ล้มมันออกจากกระดานเสียจะได้ไม่รกหูรกตา  ถึงอย่างไรมันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์แล้วตอนนี้”  ชายหนุ่มเคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะแบบที่คนสนิทรู้ดีว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ 

            “แล้วเราจะไปหาทุนสนับสนุนเพิ่มจากไหนดีล่ะครับ”

            “รินลดาติดต่อฉันมาว่ายังไงนะ”  จู่ๆชายหนุ่มก็เปลี่ยนเรื่อง  มือขวาคนสนิทรีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดเช็ค

            “เธออยากเจอคุณครับ  แต่ผมบอกปัดไปว่าคุณไม่ว่าง”  เจนภพตอบ

            “ฉันว่างคืนนี้”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ ทอดสายตามองกองเอกสารตรงหน้าอย่างใคร่ครวญ  “ลองถามเลขาฯคุณชาติชายดูหน่อยซิว่าเขาว่างหรือเปล่า  ถ้าว่างตรงกันก็จะดีมาก”

            เจนภพเริ่มตามความคิดของคนเป็นนายได้ทัน  ชาติชายเป็นนายทุนของพรรคมาตั้งแต่ยุคดั้งเดิมคือรุ่นพ่อของพิชช์ฌาน  และก็มีส่วนสนับสนุนให้ชายหนุ่มได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วยหนึ่งในเหตุผลหลักก็คือชายหนุ่มเป็นคนรักของรินลดาลูกสาวของเขาในตอนนั้น  แต่ว่าสุดท้ายรินลดาก็ไปต่างประเทศเสียเฉยๆ  ไม่มีใครรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพิชช์ฌานกับหญิงสาวผู้นั้นจบลงอย่างไรกันแน่

            ชาติชายเองก็ห่างเหินกับพิชช์ฌานมากขึ้น  โดยเฉพาะหลังจากชายหนุ่มแต่งงาน  ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้มาร่วมงานแต่งงาน แถมยังมีทีท่าจะถอนทุนสนับสนุนพรรคสำหรับการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าอีกด้วย

            บางที...ถ้าหากว่าพิชช์ฌานสามารถสานสัมพันธ์กับรินลดาได้อีกครั้งล่ะก็

            พิชช์ฌานเดินเข้าไปภายในบ้านหลังงามของเจ้าของธุรกิจนำเข้ารถยนต์อันดับหนึ่งของประเทศ  ไม่นับธุรกิจอื่นๆอีกมากมาทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย  เป็นที่มาของแหล่งเงินทุนหลายพันหลายหมื่นล้าน  นายชาติชายรอเขาอยู่ก่อนแล้วที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับลูกสาว

            รินลดาลุกขึ้นเดินมาหาเขา  ท่าทางเนิบนาบทว่าสง่าดุจนางพญาของเธอยังคงจับตาเขาเหมือนเคย  ความเป็นอัลฟ่าชั้นสูงแผ่ออกมาจนสัมผัสได้ผ่านสีหน้าแววตาสวยสดดุจกุหลาบสีแดงเข้ม  ทรวดทรงสมบูรณ์ด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งได้รูปที่เจ้าตัวเข้าใจซ่อนเอาไว้ในชุดสีม่วงอย่างมีศิลป์นั้นขยับเยื้องกรายเข้ามายืนตรงหน้า

            “พิชช์ฌาน  ...แล้วคุณก็มาหาฉันจนได้”  เธอพูดยิ้มๆ

            “ยังไงผมก็ต้องมาหาคุณอยู่แล้ว”  ชายหนุ่มตอบ   รินลดาเข้ามากอดเขา  กลิ่นน้ำหอมอย่างดีราคาแพงลอยเข้าจมูก  มันเคยเป็นกลิ่นโปรดของเขามาก่อน

            น่าแปลกที่จู่ๆชายหนุ่มกลับรู้สึกคิดถึงกลิ่นคุกกี้นมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

            “คุณผอมลง  แต่ว่าหล่อขึ้น”  หญิงสาวว่า

            “ส่วนคุณก็สวยไม่เปลี่ยน”

            เธอยิ้มอย่างพอใจ  พาเขาไปหาบิดาของเธอที่นั่งมองมาที่พวกเขาอย่างเพ่งพิศ  นายชาติชายทักทายเขาเล็กน้อยด้วยท่าทางที่ยังหมางเมินกันอยู่ในที  พิชช์ฌานยิ้มอย่างใจเย็น  เขาค่อยๆหาวิธีตะล่อมชวนอีกฝ่ายคุยจนในที่สุดฝ่ายนั้นก็เริ่มกลับมาพูดคุยได้เหมือนเดิม   

            “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้มาเยี่ยมเลย  ช่วงนี้ที่พรรคกำลังยุ่งวุ่นวายทีเดียว”

            “ฉันรู้แล้ว  ดูจากข่าวก็รู้  เมียของคุณเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”  ชาติชายถาม  “ผมไม่นึกเลยนะว่าคุณจะถึงขั้นแต่งงานกับพวกโอเมก้าได้”

            “มันเป็นแค่เกมการเมืองเท่านั้นครับ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  “ผมหวังจะได้คะแนนเสียงจากชนชั้นกลางในสมัยหน้าเพื่อเป็นนายกฯ  เด็กๆรุ่นใหม่ตื่นตัวเรื่องความเท่าเทียมกันมากครับ  การที่ผมแต่งงานกับโอเมก้าคราวนี้ทำให้คะแนนนิยมของผมเพิ่มขึ้น  ส่วนเรื่องโอเมก้านั้น...เอาไว้หลังเลือกตั้งค่อยว่ากันใหม่ครับ”

            “เห็นไหมคะคุณพ่อ   รินบอกแล้วว่ามันเป็นแค่เกมการเมือง”  รินลดาพูดยิ้มๆ   “ทำไมรินจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”

            “แล้วคุณจะหย่ากับโอเมก้านั่นเมื่อไหร่”  ชาติชายถาม

            “ผมยังตอบไม่ได้ครับ”  พิชช์ฌานเลี่ยง  “ต้องรอดูก่อนว่าการเลือกตั้งสำเร็จด้วยดีไหม  และดีแค่ไหนด้วย...ยังไงตอนนี้ผมก็ต้องเล่นเกมนี้ไปก่อน  แต่ถึงอย่างไร ...โอเมก้าก็ไม่ใช่อัลฟ่า”

            ชาติชายยิ้มอย่างพอใจ  แล้วก็ถามถึงแนวทางหาเสียงครั้งหน้าอย่างละเอียด  พิชช์ฌานตอบอย่างระมัดระวังไม่ให้ผูกมัดตัวเองมากเกินไปแต่ในขณะเดียวกันก็เอาใจอีกฝ่ายไปด้วย 

            เขาอยู่รับประทานอาหารเย็นกับเจ้าของบ้านต่อก่อนจะกลับออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกสำเร็จในใจ  ชาติชายดูโอนอ่อนผ่อนตามอย่างเห็นได้ชัด แถมยังชวนเขาไปตีกอล์ฟด้วยกันอาทิตย์หน้าอีก  เห็นทีความหวังเรื่องขอเงินทุนพรรคเพิ่มจะเป็นไปได้แน่ๆ

            “คุณพ่อหายโกรธคุณแล้ว”  หญิงสาวเปรยขึ้นยิ้มๆ ตอนที่เดินมาส่งเขาที่รถหน้าบ้าน  “จริงๆท่านโกรธคุณมากเลยนะที่จู่ๆคุณก็แต่งงาน”

            “แล้วคุณโกรธผมไหม”  พิชช์ฌานหันมาถามหญิงสาว  แสงจากไฟสนามก่อให้เกิดเงาคมฉาบบนใบหน้าของชายหนุ่ม

            “คุณคิดว่ายังไงคะ”  เธอเงยหน้าขึ้นถาม  พิชช์ฌานรวบเอวของหญิงสาวมากอดเอาไว้ 

            “ผมคิดว่า..คุณไม่มีทางโกรธผมแน่ๆ  เพราะผมยังไม่เคยโกรธคุณเลยที่คุณทิ้งผมไปเรียนเมืองนอก”  ชายหนุ่มกระซิบกับริมฝีปากอวบอิ่มนั้น

            “หึ...คุณพูดเก่งเหมือนเดิมเลยนะคะ”

            “เรื่องอื่นก็ ‘เก่ง’ เหมือนเดิมนะ”

            หญิงสาวหัวเราะ เบียดร่างเต็มตึงเข้าหาร่างสูงใหญ่

            “คุณเองต่างหากล่ะที่เป็นคนทำให้ฉันต้องไปเมืองนอก”  หญิงสาวพูดเบาๆ  เขย่งขึ้นจูบที่ริมฝีปากสีสดของชายหนุ่ม  “เพราะคุณไม่เคยรักฉัน”

            “คุณเข้าใจผิดไปเอง”  พิชช์ฌานพึมพำ

            “ฉันอาจจะพูดผิดไป ...คุณไม่เคยรักใครต่างหากล่ะฌาน”  หญิงสาวดันตัวออกจากวงแขนของพิชช์ฌานและอีกฝ่ายก็ไม่ได้รั้งเอาไว้

            “ถ้าผมรัก...คุณจะเป็นคนแรก”

            “ขอให้มันจริงเถอะค่ะ”  หญิงสาวตอบเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน

            พิชช์ฌานขับรถกลับออกมา  เขาไม่ได้กลับบ้านในทันทีแต่ว่าแวะไปที่คลับแห่งหนึ่งที่คนในพรรคมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย  เจนภพกับคนอื่นๆรอเขาอยู่ก่อนแล้วพร้อมหน้าพร้อมตา  ชายหนุ่มเล่าข่าวดีให้ฟังและเริ่มวางแผนการต่ออีกครั้ง

            พิชช์ฌานกลับมาถึงบ้านตอนเกือบตีสอง  ไฟชั้นล่างดับมืดไปแล้วเหลือแค่ไฟตรงบันไดเท่านั้น  ชายหนุ่มเดินลากขาขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างเหนื่อยอ่อน  พักนี้เขาทำงานหนักมากไปจนรู้สึกร่างกายชักจะไม่ไหว  คงต้องหาเวลาพักผ่อนบ้างแล้วอย่างที่มิตรสหายเตือนกระมัง

            ประตูห้องนอนปิดเงียบ  คนในนั้นคงจะนอนหลับไปแล้วเหมือนทุกคืน  ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไป ...ห้องเงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงของเครื่องปรับอากาศ  พิชช์ฌานกดเปิดไฟกลางห้องแล้วก็ใจหายวาบ  ...ไม่มีร่างของใครนอนอยู่บนเตียงอย่างทุกวัน

            ชายหนุ่มเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ  ...ว่างเปล่า  ..แม้แต่สบู่ก้อนและยาสระผมของเจ้าเด็กนั่นก็หายไปด้วย  หัวใจเต้นแรงอยู่พักหนึ่งก็นึกขึ้นมาได้  พิชช์ฌานเดินตรงไปเปิดประตูห้องที่เชื่อมต่อถึงกันนั้น

            “ล็อคเป็นแล้วเหรอ”

            เขาเดินออกมาจากห้องของตัวเองแล้วมาหยุดยืนที่หน้าห้องข้างๆ  แนบหูเข้ากับประตูก็ได้ยินเสียงกรนแผ่วๆออกมาจากด้านใน  เกือบจะยกมือขึ้นมาเคาะประตูแล้วแต่ว่านาฬิกาบอกเวลาข้างฝาทำให้เปลี่ยนใจ

            ....ช่างเถอะ  อยากไปนอนที่ไหนก็ตามใจ

            ชายหนุ่มกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง  จัดการธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็มาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง  ศีรษะกระทบเข้ากับฟูกโล่งๆทำให้ชายหนุ่มเด้งตัวลุกขึ้นมามองอย่างงงๆ

            “หมอนหายไปไหนวะ”  ไม่ใช่แค่ใบเดียวแต่เป็นสองใบ  แถมผ้าห่มก็หายไปด้วย  “หรือว่าป้านิ่มเอาไปซัก”  เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้หาหมอนสักใบแต่ก็ไม่มี  “ใจคอจะให้นอนกับเตียงเปล่าๆงี้เลยเรอะ”  พิชช์ฌานอุทานอย่างฉุนๆ  ค้นหาหมอนกับผ้าห่มอยู่พักใหญ่

            สุดท้ายก็เลยต้องไปเอาหมอนอิงในห้องนั่งเล่นมาหนุนนอนไปก่อน  ส่วนผ้าห่มก็ใช้ผ้าขนหนูแทน  นอนขดพลางบ่นอย่างหงุดหงิดในใจ  เห็นทีพรุ่งนี้เขาจะไปต้องไปคุยกับป้าแม่บ้านหน่อยแล้ว

            ชายหนุ่มนอนหลับๆตื่นๆทั้งคืนจนกระทั่งเช้า

            .......................................................................................

            มาอัพแล้วจร้า

            ใครคิดถึงนายพิษฌานกับน้องอัยย์กันบ้างคะ

            เจอกันตอนหน้านะ

            #ขอรักแค่คุณ

 

           

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เจ้าบู้บี้ เจ้าตัวแสบ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เหอะ หมั่นไส้พระเอกมากกกกกก

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สงสารอัยย์ต้องเป็นหมากในเกมการเมืองให้พ่อกับพิษชาน


ทุกคนเห็นแก่ตัวทำเพื่ออำนาจเชื่อเสียงของตัวเองทั้งนั้น

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เจ้าบู้บี้ตลกอ่ะ

ออฟไลน์ เข็มวินาที

  • Those who make the worst use of their time are the first to complain of its shortness
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขัดใจ นายพิษฌานเห็นแก่ตัวววววว โดนน้องอัยย์เอาคืนแน่ๆ ฮึ่ยยย :katai1:

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อย่ามาทำแบบนี้กับบู้บี้นะ  :katai1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารน้องอัยย์มากขึ้น นายพิษคนเห็นแก่ตัว

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
น้องอัยย์เอาหมอนเอาผ้าห่มพี่ไป เพราะถ้าไม่ได้กลิ่นนอนไม่หลับ แบบนั้นใช่ไหม? คริ  :-[

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รอนะคะ..  :katai2-1: :katai2-1:
รีบมาๆ...  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
นิสัยแบบนี้สมควรโดนเมียและลูกทิ้งไปซัก 4 -5 ปี เอาให้เน่าตายไปคนเดียวเลย
สงสารน้องโดนกัดแบบนั้นจะไปคู่กับคนอื่นได้ยังไงกันล่ะ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อย่ารังแก บู้บี้นักเลยยย สงสาร

นักการเมืองก็แบบนี้ หึ!

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ยังไงซิ  :katai1:

ออฟไลน์ NaunaeZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารอัยย์อ่ะะะ เหมือนอยู่ในเกมที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สงสารอัยย์ อิสระไม่มีจริง แถมถูกผูกติดแล้วด้วย

ร้ายเกินไปแล้วนะคะคุณฌาณ อย่ามารักกันทีหลังล่ะ

ที่ผ้าห่ม หมอนหาย คือถูกแกล้ง หรือนอนไม่หลับเลยโดนคนขโมยไป

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เจ้าบู้บี้

เจ้าคนขโมยหมอน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
บู้บี้ขนไปให้หมดบ้านเลย ยึดบ้านมันไปเลยก็ได้ลูก
หลอกให้หลง แล้วไล่เจ้าของบ้านออกจากบ้าน

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore you.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 11



 

 

 

 

 

 

            “คุณฌานลงมาแล้วแน่ะ  เมื่อคืนกลับดึกเหรอคะ  ป้าไม่เห็นได้ยินเสียงรถเลย”  นิ่มนวลถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มเดินลงบันไดมายังห้องรับประทานอาหาร พิชช์ฌานบิดคอดังกรอบแล้วตอบด้วยเสียงขุ่นนิดๆ

            “ดึกนิดหน่อยครับ  ป้านิ่มเอาหมอนกับผ้าห่มห้องผมไปซักเหรอ  เมื่อคืนผมนอนไม่หลับเลย  ต้องเอาหมอนห้องรับแขกมาใช้”

            “อ้าว  ...เปล่านี่คะ  ป้ายังไม่ได้เอาไปซักเลยนะ  ใครเอาไปไหนหรือเปล่า...เอ  เดี๋ยวป้าไปถามพวกเด็กๆให้นะคะ  ขอโทษด้วยค่ะคุณฌาน”

            “ไม่เป็นไรครับ  ช่างเหอะ  เดี๋ยวผมเข้าสภาก่อน วันนี้มีนัดประชุม  ตอนค่ำก็มีงานเลี้ยงอีก”  นักการเมืองหนุ่มพูดขรึมๆ  เหลือบมองคนที่นั่งกินข้าวอยู่ประจำที่เงียบๆนั้น  “อยากไปด้วยหรือเปล่า”  เขาถามลอยๆ

            แปลกใจเต็มทีที่อีกคนส่ายหน้า

            “ไม่อยากไปเปิดหูเปิดตาหรอคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลพูดขึ้นบ้าง

            “เชิญคุณตามสบายเลยครับ  ผมอยากอยู่บ้าน”  อาคิราห์ตอบสั้นๆแล้วก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร  เดินหายขึ้นบันไดไปชั้นบน  พิชช์ฌานมองตาม  หันมาถามแม่บ้านคนสนิทอย่างงงๆ

            “เขาเป็นอะไรน่ะป้า  หรือว่าจะวางแผนหนีอีก”  ปกติอยากออกจากบ้านจะตายไป  ถ้าบินได้ก็คงบินหนีไปแล้ว  คราวนี้มาแปลก  ชวนออกจากบ้านดันไม่อยากไป

            “ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณ  เดี๋ยวป้าลองถามให้นะคะ”

            “ฝากดูหน่อยนะครับ ถ้างั้นผมไปทำงานก่อน  มีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”  ชายหนุ่มย้ำก่อนจะออกจากบ้าน

            นิ่มนวลมองตามหลังไปอย่างกังวล

            เธอจัดการงานข้างล่างเรียบร้อยก็เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน  ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องของอาคิราห์ก็เลยเปิดประตูเข้าไปดู  คนในนั้นสะดุ้งหันขวับมามองเธอตาโต

            “คุณป้า”

            “ทำอะไรอยู่คะคุณอัยย์  ให้ป้านิ่มช่วยดีไหมคะ”

            “ไม่เป็นไรครับ  คือผม...จัดห้องนิดหน่อย”  อาคิราห์พูดเร็วปรื๋อ  พยายามยัดอะไรบางอย่างใส่ตู้เสื้อผ้าแล้วปิดเอาไว้อย่างรวดเร็ว  “ป้านิ่มมีอะไรหรือเปล่าครับ”

            “ป้ากลัวคุณอัยย์เบื่อเลยมาหาน่ะค่ะ  แวะไปห้องสมุดได้เลยนะคะ คุณฌานอนุญาตแล้ว”

            “ได้ครับ  ไม่ต้องห่วงผม  ปกติผมก็อยู่บ้านจนชินแล้ว  ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรหรอกครับ”

            “งั้นเดี๋ยวถึงเวลาอาหารเมื่อไหร่ ป้านิ่มจะมาเรียกนะคะ  อยากให้ช่วยอะไรก็บอกนะคุณอัยย์  ขออย่างเดียว..อย่าเพิ่งหนีกันไปก่อนนะคะ”

            ชายหนุ่มรุ่นลูกหัวเราะ  ไม่รับปากหรือปฏิเสธ

            พอแม่บ้านลับสายตาไปแล้ว  เจ้าโอเมก้าก็ถอนหายใจเฮือก  เปิดตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ออกแล้วก็มุดเข้าไปนั่งบนกองผ้าห่มที่ปูทบเอาไว้อย่างดี  คว้าหมอนนิ่มๆขึ้นมากอดแล้วฝังจมูกลงไปสูดกลิ่นเจ้าของเดิมเข้าเต็มปอด  นึกถึงสีหน้าของนายพิษฌานเมื่อเช้านี้แล้วก็ตลกดีเหมือนกัน  คงงงเป็นไก่ตาแตกที่จู่ๆเครื่องนอนหาย  ช่วยไม่ได้จริงๆ  เขาก็ไม่ได้อยากเอามาหรอกนะ  มันแค่บังเอิญติดมือมาเฉยๆ

            ยังดีที่อีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าสงสัยในตัวเขา  แถมป้านิ่มก็ไม่รู้ด้วย  เห็นทีเขาคงต้องรีบเอาของพวกนี้ไปคืนเร็วๆนี้ก่อนที่จะโดนจับได้...แต่ว่า

            โอย....ไม่สามารถต้านทานแรงดึงดูดจากของพวกนี้ได้เลย  หรือจะเป็นเพราะว่าหมอนกับผ้าห่มพวกนี้เป็นของดีราคาแพงมันก็เลยหนุนสบายกว่าปกติ...คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เหลือบดูป้ายยี่ห้อที่เย็บติดเอาไว้   

            ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปซื้อเอาใหม่  แต่ว่าตอนนี้เธอต้องเอาของพวกนี้ไปคืนเจ้าของแล้วนะอาคิราห์  ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย

            โอเมก้าหนุ่มบังคับตัวเองเต็มที่ให้ลุกขึ้นจากกองที่นอน  กอดหมอนใบใหญ่เอาไว้พร้อมกับลากผ้าห่มของนายพิษฌานมาด้วย  เดินมาจนถึงประตูห้องที่เชื่อมต่อถึงกันแล้วก็เปิดออก  เตียงใหญ่กลางห้องมีหมอนใบเล็กๆวางเอาไว้กับผ้าขนหนูที่ขมวดเป็นก้อน

            อาคิราห์เดินมาจนถึงเตียงแล้วหยิบหมอนใบเล็กขึ้นมาพิศดู  ขนาดกะทัดรัดเหมาะกับการเอาไปกอดเล่นมาก  ไหนดูผ้าขนหนูซิ...อืม  วางคลุมข้างๆก็คงนิ่มดี

            ลองเอาไปปูดูก่อนดีกว่า  คิดได้ดังนั้นอาคิราห์ก็พาเจ้าหมอนใบเล็กกับผ้าขนหนูกลับไปที่ห้องพร้อมกับหมอนใบเดิมและผ้าห่มผืนใหญ่

            พอลองปูทับกันดูแล้วก็นุ่มสบายตัวน่าดู  นี่ถ้ามีหมอนข้างด้วยคงจะดีมาก

            น่าจะมีหมอนข้างด้วยนะ 

            อาคิราห์เดินกลับมาที่ห้องของพิษฌานแล้วเริ่มสำรวจไปรอบห้อง  สุดท้ายก็มาจบลงที่ตู้เสื้อผ้าของเจ้าของห้อง  เสื้อผ้าลำลองและเสื้อผ้าทำงานของพิษฌานแน่นขนัด  ดูท่าคงเป็นพวกแฟชั่นอยู่พอตัว  เขาเลือกเสื้อคลุมบางตัวมาลองสวมเล่นหน้ากระจกคู่กับผ้าพันคอและหมวกไหมพรมก็ดูเข้ากันไม่น้อย

            หยิบนู่นเปลี่ยนนี่อย่างเพลิดเพลิน  รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงป้านิ่มมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องของตัวเอง  โอเมก้ารีบปิดตู้เสื้อผ้าของพิษฌานแล้วเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างว่องไว

            “ครับป้านิ่ม  กำลังจะออกไปครับ”

            “ป้ารอข้างล่างนะคะ”

            อาคิราห์ถอดเสื้อคลุมและข้าวของอื่นๆของพิษฌานทิ้งเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าของตัวเองก่อนเหมือนเดิม  มองของที่เผลอหยิบติดมาอย่างหนักใจ  เดี๋ยวต้องเอาไปคืนเจ้าของแล้วนะอัยย์

            ไม่เป็นไร  ไปกินข้าวก่อน  ตอนนี้หิวมากๆ  ไม่มีกะจิตกะใจจะเอาของไปคืนใครทั้งนั้น

            พิชช์ฌานกดโทรหาแม่บ้านหลังจากพักการประชุมชั่วคราว  รอสายอยู่พักหนึ่งกว่านิ่มนวลจะรับสาย  เธอดูไม่แปลกใจที่เขาโทรไปหา

            “คุณอัยย์ยังอยู่ดีค่ะ  ไม่ได้หายไปไหน”  แม่บ้านบอกมาเป็นประโยคแรก

            “ผมไม่ได้จะถามถึงเค้าเสียหน่อย”  พิชช์ฌานจุ๊ปาก  “ผมจะถามว่าเมื่อกลางวันทำอะไรกินกัน”

            เสียงแม่บ้านหัวเราะมาตามสาย

            “แหม  คุณฌานจะกลับมาทานด้วยเหรอคะ”

            ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ

            “แล้วเขาอยู่ที่ไหนตอนนี้”

            “อยู่ห้องหนังสือค่ะ  นั่งอ่านหนังสืออยู่”  นิ่มนวลว่า  “คุณฌานไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”

            “งานเลี้ยงคืนนี้ผมอยากให้เขาไปด้วย  ป้าช่วยกล่อมเขาได้ไหมครับ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  เหลือบมองไปทางพรรครัฐบาลก็เห็นท่านนายกฯกำลังมองมาทางเขาอยู่ก่อนแล้ว

            “คุณลองคุยกับคุณอัยย์ดูเองดีกว่าค่ะ”   นิ่มนวลบอก  “เดี๋ยวป้าส่งโทรศัพท์ให้คุณอัยย์นะคะ  คุณอัยย์...คุณฌานอยากคุยด้วยค่ะ”

            นักการเมืองหนุ่มกระแอมในคอ  คิดหาคำพูดเร็วรี่

            “ไง  ข้าวเที่ยงบ้านฉันอร่อยไหม”   

            “อืม  ก็ดี”  เสียงใสๆตอบลากๆมาตามสาย  “แต่ผมเริ่มเบื่อแล้ว  อยากไปทะ..”  อัยย์ยังไม่ทันพูดว่าไปเที่ยว  เสียงห้าวๆก็พูดสวนกลับมาก่อน

            “อยากไปเที่ยวใช่ไหม  มางานเลี้ยงกับฉันคืนนี้สิ  ของกินเพียบ  มีการแสดงด้วยนะ...จะได้เปิดหูเปิดตาไง”  พิชช์ฌานพูดรัวเร็ว  “พ่อของเธอก็มาด้วยนะ”

            “ผมไม่ไป”  อาคิราห์พูดทันที

            “ใครๆเขาก็ไปกันทั้งนั้น  เธอเป็นภรรยาของฉันก็ต้องไปสิ”  ชายหนุ่มพูดเสียงเข้มขึ้น  “อย่างน้อยก็ทำให้พ่อของเธอรู้ว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด”

            “ผมไม่อยากไป”

            “อาคิราห์”  อีกฝ่ายเรียกอย่างอ่อนใจ  “อย่าดื้อสิ  ฉันไม่รู้จะอ้อนวอนเธอยังไงแล้วนะ”

            “คุณแค่อยากเอาผมไปเพิ่มคะแนนนิยมของคุณ”

            “โธ่  อย่าคิดแบบนั้น”

            “แล้วมันจริงไหมล่ะครับ”

            “ก็ส่วนนึง...แต่ว่า  ฉันอยากให้เธอมาเปิดหูเปิดตาจริงๆนะ  งานเลี้ยงราตรีสโมสรไม่ได้จัดกันบ่อยๆ  เธออยู่แต่กับบ้านคงไม่เคยมาอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ”

            “ผมเคยเห็นในทีวี  ไม่เห็นมีอะไร”

            “ดูในภาพกับดูของจริงมันจะไปเหมือนกันได้ยังไงเล่า”

            “ถ้าผมไป  แล้วพรุ่งนี้ผมขอไปต่างประเทศเลย  คุณจะให้ผมไหมล่ะ”

            “ก็ได้  ฉันตกลง”

            “งั้นผมก็ตกลง”  อาคิราห์พูด  ก่อนจะกดวางสาย

            ไม่นานก็มีคนเอากล่องใบใหญ่มาส่งให้เขาถึงบ้าน  ข้างในเป็นชุดสูทสำหรับงานราตรีคืนนี้ของอาคิราห์  ชายหนุ่มลองสวมดูแล้วก็พบว่าพอดีตัวราวกับจับวัด 

            “หล่อมากๆค่ะคุณ”  นิ่มนวลเข้ามาช่วยเขาจัดโบว์ไทด์ให้เข้าที่  ถอยไปดูอย่างพอใจ

            “ไปงานเลี้ยงแค่นี้คงไม่ต้องเอาพาสปอร์ตไปมั้งคะคุณอัยย์”  นิ่มนวลดักคอเขาตอนที่ชายหนุ่มเก็บของใส่กระเป๋าสะพายเต็มเพียบ

            “มันติดมือน่ะครับ”  อาคิราห์ตอบหน้าตาย  พออีกฝ่ายเผลอก็หยิบพาสปอร์ตใส่กระเป๋าตามเดิม

            รถมารับถึงหน้าบ้าน  พิชช์ฌานนั่งรออยู่ก่อนแล้ว  ชายหนุ่มมองกระเป๋าสะพายของโอเมก้าแล้วหัวเราะหึๆในลำคอ

            “หัวเราะอะไร”

            “ไปงานเลี้ยงหรือไปออกค่าย  เอากระเป๋าไปทำไมเยอะแยะ”

            “ผมเอามาใส่ยา  ...ก็ผมยังไม่หายดี  คุณก็บังคับให้ผมมางานอีก”

            คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง

            “ฉันบังคับเธอตอนไหน  เราแลกเปลี่ยนกันไม่ใช่หรือไงเจ้าโอเมก้า   วางกระเป๋าใบนั้นลงเหอะ  ไม่ต้องเสียเวลาหนีคืนนี้เสียให้ยากเพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปส่งเธอที่สนามบินเอง”

            “ผมไม่ได้จะหนีคืนนี้”  อาคิราห์ตอบเสียงซื่อ  “ผมเอามาใส่ยา  ไม่เชื่อคุณก็เปิดดูสิ”

            “ฉันไม่เปิดดูหรอก  แต่ถ้าคิดหนีแล้วเกิดปัญหาแบบคราวก่อนล่ะก็  ฉันจะไม่เข้าไปช่วยอีกแล้ว”

            คนฟังยักไหล่ด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้จนคนมองต้องยกมือขึ้นเคาะที่ศีรษะกลมๆนั้นไปทีนึง

            “โอ๊ย!  คุณเขกหัวผมทำไม”

            “ฉันไม่ได้เขก  ฉันช่วยจัดทรงผมให้เธอต่างหาก”  พิชช์ฌานตอบ  “ทำหน้าตาให้มันดูดีเข้ากับสูทหน่อยได้มั้ย  ขี้มูกขี้ตาก็เช็ดเสียบ้าง”

            อาคิราห์เผลอยกมือขึ้นเช็ดหน้าตามแล้วก็ถลึงตาใส่คนพูด

            “ไม่มีเสียหน่อย  คุณมันชอบแกล้งผม”

            “ห้ามไปหลับในงานนะ  ฉันขายหน้าแย่”

            “ไม่ไปแล้วโว้ย  จอดรถเลยนะ”

            “พูดเล่นแค่นี้  ทำโวยวายไปได้”  มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของเขากึ่งบังคับให้หยุดนิ่ง  รถจอดที่หน้างานพอดี  ประตูรถเปิดออกกว้าง  อาคิราห์ก้าวออกมายืนเคียงข้างนายพิษฌานอย่างเสียไม่ได้

            เสียงแฟลชถ่ายรูปรัวจากทุกทิศทุกทางจนชายหนุ่มตาพร่า  มืออุ่นจัดเลื่อนมากุมมือเขาเอาไว้แล้วพาออกเดินเข้าไปด้านในงานเลี้ยงที่ตกแต่งเอาไว้หรูหราสมเป็นงานใหญ่ประจำปีที่รวมเหล่านักการเมืองและผู้ทรงอิทธิพลมากหน้าหลายตาเอาไว้   พิชช์ฌานพาหยุดแวะทักทายคนนู้นทีคนนี้ทีกว่าจะเข้ามาในงานได้ก็เล่นเอาเหนื่อย

            “คุณพ่อ”  อัยย์อุทาน  ท่านไตรคุณเหลียวมาหาเขาแล้วอ้าแขนออกกว้างรับลูกชายคนเล็กเข้าไปกอด  ลูกเขยเดินตามมาด้วยยกมือขึ้นทักทายเขาอย่างนอบน้อมแต่ก็ไว้ตัวอยู่ในที   

            “อัยย์  เป็นไงบ้างลูก  เงียบหายไปเลยจนพ่อเป็นห่วง  สบายดีไหม”

            “ผมสบายดีครับ”  อาคิราห์ตอบ  ยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกของวัน

            “อยู่คุยกับคุณพ่อไปก่อนนะ”  พิชช์ฌานกระซิบข้างหูเขาแล้วก็เดินเลี่ยงหายไปอีกทาง  อาคิราห์มองตามไม่ได้ท้วงอะไรอีก

            “เขาดูแลอัยย์ดีไหมลูก”  ท่านไตรคุณถามเบาๆ

            “ก็ดีครับ”

            “พ่อเพิ่งรู้ข่าวเรื่องผู้ชุมนุม  วันนั้นอัยย์ออกมาข้างนอกทำไม  ทำไมไม่อยู่ในบ้านล่ะ  มันอันตรายมากเลยรู้มั้ย  ตอนพ่อรู้ข่าวว่าอัยย์เกือบโดนจับตัวไปพ่อตกใจแทบแย่” ไตรคุณเอื้อมมือไปปัดปอยผมของบุตรชาย  ได้ยินเสียงรัวชัตเตอร์ของนักข่าวมาจากที่ไกลๆ  “พิชช์ฌานเขาปล่อยให้อัยย์ไปเหรอ”

            “เปล่าครับ  ผมออกมาเอง”  อาคิราห์พูดเรียบๆ

            “เขาทำร้ายอัยย์ใช่ไหมลูก  อัยย์บอกกับพ่อมาเลยนะ  ไม่ต้องกลัว”

            “เขา..”  อัยย์คิดถึงรอยฟันที่ยังค้างอยู่ที่หลังคอของเขาแล้วลอบถอนหายใจยาว

            “ไม่กล้าพูดตรงนี้ก็ไม่เป็นไร  อดทนเอาไว้ก่อนนะ  แล้วพ่อจะช่วยอัยย์ออกมาจากนายพิชช์ฌานเอง  พ่อคิดแผนได้แล้ว”  รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของท่านนายกฯ  “เลือกตั้งคราวนี้ล่ะ”

            “พ่อจะทำอะไรครับ”

            “พ่อจะเปิดโปงคนสองหน้าไงล่ะ”

            อาคิราห์ไม่ทันซักถามเพิ่มก็มีคนอื่นเข้ามาคุยกับพ่อของเขาเต็มไปหมด  ชายหนุ่มเลยถอยออกมาอยู่ห่างๆที่ริมสนามหญ้าซึ่งจัดโต๊ะเอาไว้เป็นแบบงานค็อกเทล

            “พ่อเธอว่ายังไงบ้าง”  เสียงห้าวดังขึ้นข้างตัว  อัยย์ไม่ได้หันไปมอง  เขาเอื้อมมือไปหยิบขนมชิ้นเล็กๆมาใส่จาน

            “ทำไมไม่เข้าไปคุยเอง”

            “โรคกลัวพ่อตามั้ง  แค่เห็นหน้าก็เสียวไส้”  พิษฌานตอบแกมหัวเราะ  “กินแค่นั้นอิ่มเหรอ  หรือว่ารักษาภาพลักษณ์อยู่”  ชายหนุ่มมองจานในมือของอาคิราห์  “ไม่เป็นไรหรอก  ฉันไม่โกรธถ้าจะมีใครมาบอกว่าเมียกินจุ”

            คิ้วเรียวขมวดฉับ  อาคิราห์เบ้ปากใส่เขาแล้วเดินหนี  อีกฝ่านก้าวตามมาไม่ลดละ

            “อย่าเดินเร็วนักสิ  เดี๋ยวสะดุดล้มหน้าคว่ำขึ้นมาลงข่าวหน้าหนึ่งอายเขาตาย”

            “คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ  ไม่ต้องมาตามผม”

            “ฉันไม่ได้ตามเสียหน่อย ชักหลงตัวเองมากไปแล้วมั้งเจ้าโอเมก้า”  พิชช์ฌานกระซิบ  แล้วแตะที่หลังเขาเบาๆให้เดินไปอีกทาง  “มาทางนี้ดีกว่า  ฝั่งนั้นมีแต่พวกเสือสิงห์กระทิงแรด”

            “ผมว่าไม่มีใครน่ากลัวกว่าคุณแล้วมั้ง”  อาคิราห์ว่า  “จะไปไหนอีก  ผมจะหาที่นั่งกิน”

            “มานั่งตรงนี้มา  นั่งตรงนี้ก่อนนะ  เดี๋ยวฉันมา”  นายพิษฌานกดที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาให้นั่งบนเก้าอี้ยาวใกล้กับสวนด้านหลัง  คนไม่พลุกพล่านแต่ก็ไม่เปลี่ยวจนเกินไป  อาคิราห์นั่งลงอย่างงงๆ  มองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่เดินไปอีกทาง

            “ช่างเหอะ  หิวจะตายอยู่แล้ว”

            นั่งกินได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า  ร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขา  ใบหน้าคมคายดูมีเสน่ห์น่ามองยามที่ส่งยิ้มกว้างออกมาแบบนี้  ...ผู้ชายคนนี้ยิ้มจริงใจดี

            อัยย์คิดในใจแล้วยิ้มตอบกลับไป

            “สวัสดีครับ  คุณ..อาคิราห์ใช่ไหม”

            “ครับ”

            “ผมชื่อ  ปัทมะครับ  เป็นนักเขียน”  พูดแค่นั้นคนฟังก็ตาโต



ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk









            “ผมรู้จักคุณ  ผมเคยอ่านหนังสือของคุณด้วยครับ”  อาคิราห์พูดอย่างดีใจ  ผายมือออกให้อีกฝ่ายนั่งข้างๆ  ฝ่ายนั้นก็นั่งลงโดยไม่อิดออด

            “ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะครับ”  ปัทมะพูดยิ้มๆ  “วันนี้ผมตั้งใจมาเจอคุณเลยล่ะคุณอาคิราห์  กะแล้วว่าคุณต้องมากับคุณพิชช์ฌาน”

            “มาเจอผมเหรอครับ”

            “ใช่ครับ  คุณน่ะเป็นคนดังแค่ไหนรู้ตัวหรือเปล่า  มีคนอยากเจอคุณกันเยอะแยะ”

            อัยย์หัวเราะ

            “จริงๆนะครับ  ผมเองก็อยากเจอคุณเพราะอยากจะพูดคุยกับคุณ  เผื่อคุณจะสนใจอยากให้สัมภาษณ์กับหนังสือของผม  ...ผมเป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสาร....ด้วยครับ”  เขาเอ่ยชื่อนิตยสารชื่อดังขึ้นมา  “คอลัมน์สัมภาษณ์คนดังนี่ล่ะ”

            “คุณอยากสัมภาษณ์ผมเนี่ยนะ?”  อัยย์อุทาน  “จะสัมภาษณ์ผมเรื่องอะไรกัน”

            “ก็เรื่องทั่วๆไปเกี่ยวกับคุณ”

            “ผมไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยนะครับ”

            “ใครบอกล่ะครับ  เรื่องของคุณน่ะน่าสนใจสุดๆเลยล่ะ  คุณเป็นโอเมก้าคนเดียวในงานเลี้ยงคืนนี้เลยก็ว่าได้นะครับ  ยังคิดว่าไม่น่าสนใจอีกเหรอ  คุณกำลังทำให้ประวัติศาสตร์ของเราเปลี่ยนโฉมหน้านะ”  ปัทมะพูดหนักแน่น   “คุณเป็นโอเมก้าที่น่ายกย่องครับ”

            “ผมไม่เคยทำอะไรที่น่ายกย่องเลยนะครับ”  อาคิราห์งงจัด  “ผมแค่แต่งงานกับพิษฌาน  ก็แค่นั้น”

            “แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วครับ  ตระกูลของคุณพิชช์ฌานเคร่งเรื่องสายเลือดแค่ไหนใครๆก็รู้กันดี  แต่ว่าคุณกลับเอาชนะใจของเขาได้จนเขาแต่งงานกับคุณ  มันยังไม่น่ายกย่องอีกเหรอครับ”

            “คุณยกย่องผมเพราะผมแต่งงานกับอัลฟ่าได้เนี่ยนะ”  คนฟังเริ่มโกรธ  “อ๋อใช่  มันเป็นประวัติศาสตร์เลยล่ะสิที่โอเมก้าก้นครัวสามารถแต่งงานกับอัลฟ่าชั้นสูงได้   เจ้าโอเมก้านี่ต้องมีอะไรพิเศษแน่  ไม่ใช่โอเมก้ากระจอกงอกง่อยทั่วไป  แบบนี้ใช่หรือเปล่าที่คุณคิดน่ะ”

            “เดี๋ยวสิคุณ  ใจเย็นๆ  ผมไม่ได้จะดูถูกคุณนะ”  ปัทมะรีบพูด  “ผมพูดในแง่ของความรัก  ยุคสมัยของเราไม่มีใครสนใจเรื่องความรักระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้ามานานมากแล้ว  คู่แห่งโชคชะตากลายเป็นเรื่องตลก  อัลฟ่าเลือกจับคู่กับอัลฟ่าเดียวกัน  ส่วนโอเมก้ากลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ที่ไว้บำเรอความใคร่แล้วเก็บเอาไว้หลังบ้าน  แต่ว่าคุณ...กำลังจะเปลี่ยนมันนะครับ  คุณกำลังทำให้คนมองเห็นโอเมก้ามากกว่าที่เคยเป็น”

            “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”  อาคิราห์ย้ำ

            “คุณกำลังทำ”  ปัทมะยืนยัน  “การที่คุณมาออกงานกับคุณพิชช์ฌานคืนนี้ก็ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของโอเมก้าแล้ว  คุณคงทราบว่ากระแสผู้ชุมนุมต่อต้านโอเมก้ารุนแรงมาก  เพราะอะไร...เพราะมีโอเมก้าจำนวนไม่น้อยที่เห็นคุณในโทรทัศน์แล้วมีความหวังไงล่ะครับ  คุณเป็นความหวังที่จะทำให้โอเมก้าเท่าเทียมกับอัลฟ่าและเบต้านะครับ”

            “ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้”

            “มันเป็นไปแล้วครับ”  ปัทมะพูดเรียบๆ  “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดครับที่คุณจะออกมาพูด  ลองเล่าเรื่องสมัยที่คุณอยู่ที่บ้านสิครับ  ครอบครัวของคุณดูแลคุณดีแค่ไหน  ทำไมพ่อของคุณถึงไม่เคยบอกใครเลยว่าเขามีลูกชายอีกคน”

            “ผมอยู่ที่บ้านก็มีความสุขดีครับ  พ่อของผมดูแลผมเหมือนลูกคนอื่นๆ”  อาคิราห์พูดเสียงห้วน

            “งั้นก็ยิ่งดีเลยสิครับ  นี่แหละที่ผมและทุกคนอยากรู้  แค่คุณเล่าออกมาให้ฟัง  อยู่ที่บ้านคุณทำอะไรบ้าง  ช่วยเปิดโลกของโอเมก้าให้เราได้รู้จักมากขึ้น”

            “................”

            “คุณรู้ไหมว่าตอนนี้มีโอเมก้าที่ถูกทารุณอยู่ที่บ้านมากแค่ไหน  กี่คนที่ถูกอัลฟ่ากัดคอแล้วทิ้งๆขว้างๆ  ไม่สามารถออกมาทำงานข้างนอกได้  ไปสมัครงานที่ไหนนายจ้างก็ไม่รับ  ต้องอดทนอยู่ที่บ้านถูกโขกสับราวกับไม่ใช่คน  บ้างก็เลี้ยงลูกไปจนตาย  คุณคิดว่ามันถูกต้องแล้วเหรอที่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป  ในฐานะที่คุณเป็นโอเมก้าที่เรียกได้ว่าโชคดีกว่าคนอื่นมาก  คุณจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้หรอครับ”

            “คุณปัทมะ  ผมเองก็เป็นโอเมก้าไม่ต่างจากคนอื่น  ที่คุณพูดมา...ผมไม่เห็นว่าผมจะทำอะไรได้เลย  ขอโทษด้วยครับ”  อาคิราห์พูดเรียบๆหลังจากยืนนิ่งอยู่นาน  “ขอบคุณที่คุณอุตส่าห์มาคุยกับผมนะ”

            “คุณอาคิราห์”  อีกฝ่ายเรียกเอาไว้  หยิบนามบัตรขึ้นมาส่งให้  “ถ้าคุณเปลี่ยนใจเมื่อไหร่  กรุณาโทรหาผมนะครับ”

            อาคิราห์รับมาเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ  ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก  ชายหนุ่มเดินเลี่ยงกลับออกมาทางเดิม  มองหาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำสนิท   พิษฌานยืนอยู่กลางวงล้อมของนักการเมืองคนอื่นๆในงานเลี้ยง  รูปร่างหน้าตาและบุคลิกทำให้ชายหนุ่มดูโดดเด่นสะดุดตา เขาขยับจะเดินเข้าไปหาทว่าหญิงสาวอีกคนหนึ่งในชุดสีดำระยิบระยับกลับเดินเข้ามาคล้องแขนพิษฌานเอาไว้เสียก่อน

            อัยย์ชะงัก  ถอยกลับเข้าไปยืนชิดมุมเพื่อสังเกตการณ์  เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน  ท่าทางเธอเนิบนาบมีเสนห์อย่างประหลาด  ทรวดทรงที่ซ่อนอยู่ในชุดดำนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดาเลย  เลื่อนสายตาขึ้นไปพิษดูใบหน้าที่ตกแต่งเอาไว้สวยสด  อาคิราห์กัดริมฝีปากของตัวเองอย่างครุ่นคิด

            สองคนนั้นพูดอะไรกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เจนภพ  เลขาฯคนสนิทของพิษฌานจะเข้ามากระซิบข้างหูเจ้านาย  เขาเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้าแล้วก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาวอีกที  เธอผู้นั้นอมยิ้มแล้วเดินออกไปอีกทาง

            ร่างสูงใหญ่ของพิษฌานรีรออยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงออกเดินบ้าง  อาคิราห์แทบไม่เสียเวลาคิดเลยตอนที่ออกตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในสวน  มั่นใจได้ว่าสองคนนั้นจะต้องลอบพบปะกันในที่ลับตาคนอย่างแน่นอน

            ดีล่ะ...คราวนี้เขาจะได้แอบถ่ายรูปเอาไว้เป็นหลักฐานต่อรองกับนายพิษฌานเสียเลย  ทำตัวลับๆล่อๆดีนัก

            เขาสะกดรอยมาจนถึงกลางสวน  เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆจนอาคิราห์ชักแปลกใจ  พอเลี้ยวผ่านมุมอับสายตาก็พบว่าเขากำลังยืนอยู่เกือบหน้าเวทีที่จัดแสดงดนตรีสดเอาไว้  นักดนตรีกำลังเล่นดนตรีอย่างสนุกสนานครึกครื้นพอๆกับคนข้างล่างที่จับคู่กันเต้นรำ

            เขากวาดตามองหาร่างอวบอัดในชุดดำกับนายพิษฌาน  แต่ชะเง้อมองเท่าไหร่ก็ไม่ยักเจอ  ...หรือว่าเขาเลี้ยวผิดเมื่อกี้วะ  นายพิษฌานอาจจะเลี้ยวเข้าบ้านหลังใดหลังหนึ่งระหว่างทางไปแล้วหรือเปล่า

            อะไรหนักๆวางหมับที่ไหล่ข้างซ้าย  อาคิราห์สะดุ้งหันไปมองก็เจอคนที่เขากำลังมองหายืนอยู่ก่อนแล้ว  รอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้เขาหน้าร้อนผ่าว

            “ไงบู้บี้  แอบตามฉันมาหรอ  แต่งกันไม่เท่าไหร่ ชักทำตัวเป็นเมียขี้หึงเสียแล้ว”

            “ปล่อย  ผมไม่ได้ตามคุณมานะ”  อาคิราห์รีบปฏิเสธ  ปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่เหมือนปัดแมลงวัน  “อยากกลับแล้ว  จะกลับหรือยัง”

            “กลับอะไรล่ะ  เพิ่งกี่โมงเอง  พ่อเธอยังไม่กล่าวปิดงานเลยนะ”  พิชช์ฌานพูดยิ้มๆ  “หน้าบูดขนาดนี้  อาหารไม่อร่อยล่ะสิ”

            “ใช่  เห็นหน้าคุณแล้วกินไม่ลง  บอกให้นั่งรอแล้วก็หายหัวไปเลย”

            “เอาไงแน่  สรุปเห็นหน้าฉันหรือไม่เห็นหน้ากันแน่  ที่กินไม่ลงเนี่ย”  นัยน์ตาคมเข้มเป็นประกายวิบวับ  ยิ่งเห็นคนเด็กกว่าหงุดหงิดมากเท่าไหร่  เขาก็เหมือนจะยิ่งอารมณ์ดีมากขึ้นเท่านั้น  “ขอโทษ  ฉันคุยติดพันไปหน่อย”

            “กับสาวชุดดำน่ะเหรอ”  อัยย์หลุดปาก...พอพูดออกไปแล้วก็หน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม

            พิชช์ฌานยิ้มกว้างมากขึ้นจนมองเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม  มันทำให้ชายหนุ่มดูเด็กลงไปกว่าอายุจริงสักสิบปี  อาคิราห์คิดในใจ  ถ้าไม่นับความแววตาเจ้าเล่ห์แสนกลของอีกฝ่าย  ก็ต้องยอมรับว่าพิษฌานเป็นคนหน้าตาดี...ดีมาก

            “แน่ะ  ลงรายละเอียดซะด้วย  ...หึงฉันจริงๆหรอเนี่ย”

            “ผมไม่ได้หึง”  ถ้ากระทืบเท้าได้อาคิราห์คงกระทืบเท้าไปแล้ว  ดีที่ยั้งตัวเองไว้ทัน  “ผมไม่คุยด้วยแล้ว  จะกลับเมื่อไหร่ก็บอกนะ”

            “เดี๋ยวสิเธอ  หยอกเล่นนิดหน่อยทำเป็นโกรธไปได้  คนนั้นเขาเป็นเพื่อนเก่าของฉันเอง”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อน  “ไม่มีอะไรเสียหน่อย  เอาล่ะ...เพลงนี้เพราะนะ  เต้นรำเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม”

            “ไม่”

            “นิดนึง”

            “ไม่เอา  จะกลับบ้าน”

            “อ๋อ  ฉันรู้ล่ะ  เธอคงเต้นรำไม่เป็นล่ะสิ  งั้นไม่เป็นไร...กลับก็กลับ”

            “ใครบอกผมเต้นไม่เป็น  ถึงผมจะไม่ได้ไปโรงเรียนแต่ผมก็มีครูมาสอนนะ  ไม่ได้นั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆ”  อาคิราห์กระแทกเสียง  แทบจะลากอีกฝ่ายออกไปกลางฟลอร์

            พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม  ยกมือขึ้นโอบรอบเอวบางดึงเข้ามาหาตัว  อีกมือก็กุมเอาไว้หลวมๆ พาก้าวเดินไปตามจังหวะวอลซ์เนิบๆ  เส้นผมอ่อนสลวยที่เคลียอยู่แถวปลายคางส่งกลิ่นหอมหวาน  พิชช์ฌานลอบสูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาว  ความเคร่งเครียดที่มีมาตลอดทั้งวันผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ

            เขารัดร่างโปร่งบางเข้ามาแนบชิดกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว  แม้แต่อาคิราห์เองก็ไม่รู้เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตานับก้าวอยู่ในใจอย่างขะมักเขม้น  ยังไงงานนี้เขาจะเผลอเหยียบเท้าหรือสะดุดโชว์ไม่ได้เด็ดขาด

            ไรหนวดสากๆลากผ่านหน้าผากของเขาจนเริ่มรู้สึกว่าโดนแกล้ง  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วใส่คนที่เต้นนำเขาอยู่แล้วก็รีบก้มหน้าลงแทบไม่ทันเพราะแววตาคมกริบคู่นั้น

            มันทำให้เขาใจสั่นเป็นกลองเลย...

            นี่มันแกล้งกันชัดๆ

            “เป็นอะไรไป”  พิษฌานกระซิบถามข้างหูเขากลั้วหัวเราะราวกับรู้เหตุผล  อาคิราห์เม้มปากยกเท้าขึ้นเหยียบรองเท้าเป็นมันปลาบของอีกฝ่ายอย่างจงใจแล้วดันตัวออกจากวงแขน  พูดโดยไม่มองหน้า

            “ผมหิว  ขอตัวก่อนนะ”

            พิชช์ฌานอุทานแล้วมองตามหลัง  อดยิ้มกว้างออกมาอีกไม่ได้  ชายหนุ่มเดินตามไปจนทันกันแล้วคว้ามือของเจ้าโอเมก้ามากุมเอาไว้

            “เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน”

            อาคิราห์สะบัดมือออกจากการเกาะกุมแต่ก็ยอมเดินตามหลังร่างสูงใหญ่ออกมา  พิษฌานพาเขาออกมาทางด้านหลังที่ทะลุออกถนนใหญ่  ฝ่ายนั้นโทรหาคนสนิทนัดแนะกันเรียบร้อยแล้วก็พาเขาออกเดินต่อ

            “จะไปไหนน่ะ”

            “จะพาไปกินมาม่าหม้อไฟ”   เห็นหน้าคนฟังพิชช์ฌานก็หัวเราะเบาๆ  “งงล่ะสิ  ไม่เคยกินก็งี้”

            “อยู่ตรงไหน”

            “ข้ามทางรถไฟตรงนี้ไปก็ถึงแล้ว”  พิชช์ฌานเอื้อมมือมาจูงมืออีกฝ่ายพาข้ามถนนมายังอีกฟากที่เปิดเป็นร้านอาหารสองคูหาที่เปิดไฟสว่างจ้า  คนรอกันแน่นร้านต่อคิวออกมายาวเหยียด

            พอชายหนุ่มปรากฏตัวก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเล็กน้อย  มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปและพูดคุยกันตลอดจนกระทั่งถึงคิวของเขากับอัยย์

            อัยย์นั่งเท้าคางมองรอบตัวอย่างสนใจ  เขาปล่อยให้พิษฌานเป็นคนสั่งอาหารให้

            “อึดอัดหรือเปล่า”  จู่ๆคนที่กำลังยิ้มแย้มให้กับผู้คนรอบตัวก็หันมาถามเขา  อัยย์เลิกคิ้วขึ้น

            “?”

            “ที่คนเอาแต่ถ่ายรูปแบบนี้  อึดอัดไหม”  พิษฌานถาม

            คนฟังส่ายหน้า

            “ถ้าอึดอัดเมื่อไหร่ก็บอกนะ”

            “ผมไม่อึดอัดหรอก  ผมเข้าใจว่ามันเป็นเทคนิคหาเสียงของคุณ  แต่ว่าก็อย่าถึงขั้นลุกไปเข้าครัวเองเลยนะ  ผมทำตัวไม่ถูก  ไม่รู้ว่าจะต้องไปช่วยคุณสับหมูไหม”  อาคิราห์พูด  เท้าความถึงคราวก่อนที่อีกฝ่ายลุกไปตักข้าวแกงใส่ถุงด้วยตัวเอง

            อีกฝ่ายหัวเราะห้าวๆ

            “ก็ดูน่าสนใจดีนะ”

            “อย่าแม้แต่จะคิด”  อาคิราห์รีบบอก  “คงดูไม่จืดหรอกถ้าคุณจะใส่สูทผูกโบว์เต็มยศไปอยู่หน้าเตาน่ะ  ผมว่ามันดูตลกๆ”

            “เปล่า  ฉันว่าจะส่งเธอไปสับหมูต่างหาก  น่าจะทำให้ภาพลักษณ์ฉันดูดีนะ  มีเมียทำกับข้าวเก่ง”

            “ถ้าคุณพูดคำว่าเมียอีกทีนึงนะ  ผมจะยกหม้อไฟคว่ำใส่หน้าคุณเลย”

            “เดี๋ยวลองกินดูก่อน  จะเสียดายยกคว่ำไม่ลง” พิชช์ฌานตอบกลับ  อีกคนย่นจมูกใส่

            อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ  กลิ่นหอมของเครื่องกับรสชาติจัดจ้านทำให้อาคิราห์สูดปากด้วยความอร่อย  ก้มหน้าก้มตากินจนคนที่นั่งตรงข้ามต้องหยุดมองด้วยความขบขันในใจ  ใบหน้าเรียวหวานนั้นขึ้นสีแดงจัดเพราะความร้อนและความเผ็ด  เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้าผากและปลายจมูกนั้น

            “อร่อยมั้ย”

            “อร่อยมาก”  อาคิราห์ตอบเต็มปากเต็มคำ  ลืมเรื่องที่เคยโกรธกันไปพักหนึ่ง

            “เอาอีกไหม”

            “ไม่ไหวแล้ว  กินไม่หมด  เผ็ดจนไฟลุก”  คนพูดแลบลิ้นแดงๆออกมาแล้วคว้าแก้วน้ำมาดื่ม  เพิ่งจะได้เงยหน้าขึ้นมองคนพามาที่หน้าแดงไม่แพ้กัน  “หน้าคุณเหมือนโจโฉเลย”

            “เดี๋ยวนะ  หมายถึงหน้าแดง?”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “ไม่ใช่กวนอูหรอกเหรอที่หน้าแดง  เคยอ่านสามก๊กหรือเปล่าเนี่ย”

            “ผมรู้  แต่ว่าอย่างคุณเป็นกวนอูไม่ได้หรอก  เป็นโจโฉถูกแล้ว....ผมหมายถึงว่าคุณฉลาด  เจ้าแผนการไรงี้  นี่ผมชมนะ”

            คนฟังหน้าหงิก

            “ทำไมฉันไม่รู้สึกว่าโดนชมเลย”

            “คุณไม่เก็ทมั้ง”  อาคิราห์พูดหน้าตาย

            พิชช์ฌานเรียกเก็บเงินแล้วเดินออกมาจากร้านด้วยกัน  อาคิราห์กอดเสื้อสูทที่ถอดตั้งแต่เข้าไปในร้านเอาไว้  ส่วนคนข้างๆก็พาดเอาไว้บนบ่าลวกๆ

            “แล้วจะกลับกันยังไงล่ะ  เดินกลับอีกเหรอ”  นัยน์ตากลมโตเหลือบมองรอบตัว  “คุณนัดคุณเจนภพเอาไว้หรือเปล่า  เขาจะเอารถมารับหรอครับ”

            “เดินกลับ”  พิชช์ฌานตอบเรียบๆ  “เอาไขมันจากพุงของเธอมาใช้เสียบ้าง”

            “ผมไม่มีพุงเสียหน่อย”  อาคิราห์ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเอง

            “อีกนิดก็นึกว่าท้องแล้ว”

            “อย่าพูดเรื่องท้องนะ”  โอเมก้าหันไปขู่ฟ่อ  “ไม่ท้อง  ไม่ท้องเด็ดขาด”

            พิชช์ฌานขยับจะตอบ  รถของเขาก็เข้ามาจอดเทียบพอดี  อาคิราห์เปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งบนรถก่อนคนแรก  พอศีรษะถึงพนักพิงก็หลับไปแทบจะทันทีด้วยความเพลีย

            เจ้าของรถส่ายหน้าอย่างระอา  เบื่อเด็กที่เอาแต่กินกับนอนจริงๆให้ตายสิ  เขาบอกให้เจนภพออกรถ  ขับตรงกลับบ้าน   พอถึงบ้านยังไม่ทันเอื้อมมือไปปลุก  เจ้าโอเมก้าก็ตื่นขึ้นมาเอง  เดินงัวเงียเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไรกับเขาซักคำ

            “หลับตาเดินเดี๋ยวก็ชนเสาพอดีหรอก”  พิชช์ฌานตะโกนตามหลัง  เห็นอีกฝ่ายโคลงหัวไปมาแล้วหายลับขึ้นบันไดไปชั้นบน  นักการเมืองหนุ่มหันไปหาคนสนิทที่ยืนมองอยู่เงียบๆแล้วพูดเสียงขรึม  “ท่านนายกฯว่ายังไงบ้าง”

            “ผมเตรียมเอาไว้ในห้องทำงานแล้วครับ”

            “แล้วทางนายปัทมะล่ะ”

            “คุณอัยย์ยังไม่ยอมครับ”

            .........................................................................

 

            มาอัพกันต่อนะคะ  ฉลองวันวาเลนไทน์555555555

            เจอกันตอนหน้านะคะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อัยย์ลืมคืนของที่ไปหยิบมานะลูก 555

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
แหม่ะ! หยอกน้องพลางหาเสียงพลาง แบบนี้เมื่อไหร่น้องจะเชื่อใจ อิตาพิษษษ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น้องทำรังรึเปล่า น้องต้องท้องแล้วแน่เลยยยย

อร๊ายยยยยยยยย


Happy vday ค่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องทำรังแล้วอ่ะ แต่น้องยังไม่รู้เลยว่านั่นคือการทำรังอ่ะ
อันนี้ทำรังเพราะฮีทหรือเพราะท้องกันนะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ท้องแล้วแน่เลยยย
 ท้องเถอะอย่าให้เราหน้าแตก55555
แต่นายพิษเจ้าเลห์เพทุบาย พ่อก็ด้วยยย เห้ออมีใครจริงใจมั้งไหมเนี่ย :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เอ็นดูน้องที่แอบไปจิ๊กของนังพิษมาทำรัง

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด