ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภุชงค์เล่นแสง [ย้อนยุค,Mpreg] ตอนที่ ๒๔ (จบ) ๐๗.๐๗.๖๓ หน้า ๙  (อ่าน 48161 ครั้ง)

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เหมือนจะเดินเรื่องช้าน่ะครับภาคนี้
แต่ก็ขอบคุณมากครับที่มาต่อใ้้ห้

 :mew1: :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เจ้าแสงแรก o13 เมียที่ดี

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1


ภุชงค์เล่นแสง ๑๕



แม้เจ้าแสงแรกจักตรัสว่าจักลงห้องเครื่องทำพระกายาหารถวายพระภัสดา เจ้านายภุมริกา แลเจ้านายศศิมณฑลหากแต่เมื่อได้ลงไปจริงๆ แล้ว กลับทำได้เพียงปรุงรสพระกายาหาร แลคอยกำกับบ่าวไพร่ว่าให้ทำอย่างไร

“ข้าทำได้ แค่นี้มิเป็นกระไรดอก”เจ้าแสงแรกตรัส

“มิได้เพคะ เพลานี้กำลังทรงครรภ์ แลยิ่งครรภ์อ่อนๆ แบบนี้ยิ่งต้องระวังให้มากหนาเพคะ”ยี่สุ่นกระซิบกราบทูลข้างๆ พระกรรณขาว

“กระนั้นก็เถิดยี่สุ่น ให้ข้าได้ทำกระไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ยังดี”

“เช่นนั้น พระชายาแกะสลักผักเคียงดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ ส่วนเครื่องแกงก็ให้บ่าวมันตำเถิดพระเจ้าค่ะ”ชงโคกราบทูลอ้อนวอน องค์รัชทายาทรักเจ้าน้อยแสงแรกมากเพียงใด ใครๆ ก็รู้กันทั่วทั้งวังหลวง หากปล่อยให้พระชายาขององค์รัชทายาทเป็นกระไรไปแม้เพียงปลายก้อยองค์ภุชงค์คงมิปล่อยไว้เป็นแน่

“ก็ได้จ้ะ”พระชายาขององค์รัชทายาททอดพระเนตรสีหน้าลำบากใจของบ่าวคนสนิทแล้ว ก็พยักพักตร์ยอม

“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นเสียหน่อยที่พระชายาท่านมิดื้อดึง

“เช่นนั้นยี่สุ่นก็ยกผักเคียงมาให้ข้าทีเถิด”เจ้าแสงรับสั่งกับบ่าวคนสนิท

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับพระบัญชาแล้วยกตะกร้าผักเคียงถวายพระชายา เจ้าแสงแรกบรรจงเลือกผักเคียงมาแกะสลัก
...



   เมื่อถึงเพลารับพระกายาหารกลางวัน เจ้าแสงแรกก็เสด็จนำขบวนข้าหลวงห้องเครื่องไปที่ท้องพระโรงตำหนักหลวง มียี่สุ่น แลชงโคประกบซ้ายขวาคอยประคองมิห่าง

“มิต้องตามประกบข้าเยี่ยงนี้ดอกยี่สุ่น ชงโค”เจ้าแสงแรกตรัสสุรเสียงอ่อนพระทัย

“หม่อมฉันสองคนกลัวพระชายาจักล้มนี่พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคโอดครวญ

“ข้าจักล้มเพราะเจ้าสองคนล้อมหน้าล้อมหลังนี่แล ข้ามิเป็นกระไร พวกเจ้าวางใจเถิด”เจ้าแสงตรัส

“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”บ่าวคนสนิททั้งสองหน้าหงอย

“หึหึหึ มิเป็นกระไร”เจ้าแสงแรกสรวลน้อยๆ แลยกหัตถ์ขึ้นลูบศีรษะของบ่าวคนสนิททั้งสอง ยี่สุ่น แลชงโคฉีกยิ้มหวานประจบประแจงคนเป็นนาย
   


   เมื่อเข้ามาในท้องพระโรงแล้วเจ้าแสงแรกก็ยอบกายลงหมอบกราบเจ้านายทุกพระองค์ที่ประทับอยู่ในท้องพระโรง องค์ภุชงค์ลุกออกจากที่ประทับเข้าประคองเมียให้ค่อยๆ ลุกขึ้น

“มิต้องมากพิธีดอกเจ้าแสงแรก กำลังท้องกำลังไส้ ประเดี๋ยวจักสะดุดล้มเอาได้”เจ้าชมนาดตรัสกับสุณิสาอย่างเมตตา

“ขอบพระทัยเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส ก่อนจักดำเนินตามแรงประคองของพระภัสดาไปประทับที่ตั่งทอง

“ได้ยินเจ้าภุชงค์ว่าว่าเจ้าลงห้องเครื่องเช่นนั้นหรือเจ้าแสง”เจ้าชมนาดตรัสถาม

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสตอบ

“แม่มิห้ามหากเจ้าใคร่อยากลงห้องเครื่องทำกระไรเล็กๆ น้อยๆ หากแต่งานหนักๆ ก็ให้บ่าวมันทำเถิด”

“พระเจ้าค่ะ สำรับมื้อนี้หม่อมฉันก็มิได้ลงมือทำกระไรมาก เพียงแค่ปรุงรส แลแกะสลักผักเคียงเท่านั้นพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระสัสสุ

“ดีแล้ว เพลานี้ครรภ์ของเจ้ายังอ่อนอยู่ ต้องระวังให้มาก”เจ้าชมนาดสั่งสอน

“พระเจ้าค่ะเสด็จแม่”เจ้าแสงแรกสรวลบางๆ รับคำสอนของพระสัสสุ

“เยี่ยงนั้นก็กินข้าวกันเถิด หลานปู่หิวแล้วกระมัง”องค์ภุมรินตรัส เจ้าแสงแรกก้มพักตร์งุดซ่อนรอยแดงบนปรางนวล

“หึหึหึ”องค์ภุชงค์สรวลอย่างชอบพระทัย พลางเปิดสำรับพระกายาหารออก

“ฮึก อุ๊บ”ยามกลิ่นอาหารลอยขึ้นแตะพระนาสิก องค์รัชทายาทก็มีสีพระพักตร์ผะอืดผะอม
 
“ฝ่าบาท”เจ้าแสงครางเรียกพระภัสดาอย่างเป็นกังวล

“เหม็น”องค์ภุชงค์ตรัส พลางใช้พระหัตถ์ดันสำรับออกห่างจากพระองค์

“เหม็นหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสถาม

“พี่เหม็นแกงเจ้า กลิ่นแรงนัก”องค์ภุชงค์ตรัสพลางชี้ไปที่ถ้วยแกงที่เจ้าแสงแรกเป็นคนทำ แลปรุงรส

“ฝ่าบาทเหม็นแกงที่หม่อมฉันทำหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส แลกัดกลีบโอษฐ์ตนกลั้นก้อนสะอื้น แม้จักรู้ดีว่าพระภัสดาแพ้ท้องแทนตัวเอง หากแต่อารมณ์คนท้องก็อดน้อยพระทัยมิได้

“เจ้าแสงแรก”องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเห็นพักตร์เศร้าสร้อยของเมียก็พระทัยเสีย เจ้าตัวน้อยในครรภ์ของเจ้าแสงก็ขยันรังแกพ่อเสียเหลือเกินหนาลูก

“ยี่สุ่นยกแกงในสำรับองค์ภุชงค์มาให้ข้า”เจ้าแสงแรกมิตรัสตอบพระภัสดา หากแต่สั่งให้บ่าวคนสนิทยกถ้วยแกงที่ตนทำออกจากสำรับของพระภัสดา

“หากพระองค์เสวยมิได้ก็มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระภัสดา

“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์กลัวเหลือเกินว่าเมียจักน้อยใจ

“มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทเสวยเถิด”เจ้าแสงแรกทูล แลแย้มสรวลบางๆ ให้พระภัสดา

“...”เมื่อเห็นว่าเมียมิได้สนใจตัวแล้ว องค์ภุชงค์จึงยอมละสายพระเนตรออกจากดวงพักตร์หวาน แลเสวยสำรับของพระองค์บ้าง หากแต่ก็เหลือบเนตรมองเมียเป็นระยะๆ เจ้าแสงแรกดูจักเจริญอาหารแกงสองถ้วยทั้งในสำรับของเจ้าแสง แลถ้วยที่ยกไปจากสำรับของพระองค์เจ้าแสงกินมิมีเหลือ โอษฐ์จิ้มลิ้มเคี้ยวข้าวหงุบหงับน่าเอ็นดู ส่วนองค์ภุชงค์นั้นเสวยพระกายาหารในสำรับได้เพียงครึ่งก็ต้องยอมรามือ เพราะหากฝืนกินลงไปอีกคงจักอาเจียนออกมาหมดเป็นแน่ พระองค์จึงได้หันไปเสวยผลอัมพวาดิบสีขาวที่ดูสี แลได้กลิ่นก็เปรี้ยวเสียจนเข็ดฟันแล้ว

“ภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสเรียกโอรสองค์โตของพระองค์

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”องค์ภุชงค์วางผลอัมพวาฝานในพระหัตถ์ลง แลผินพักตร์ไปรับคำพระมารดา

“กินผลอัมพวามากๆ เช่นนี้ ประเดี๋ยวก็เสาะท้องดอกลูก”

“ทูลเสด็จแม่ ช่วงนี้ลูกแพ้ท้องแทนเจ้าแสงแรก ได้กลิ่นกระไรก็เหม็นไปเสียทุกอย่าง กับข้าวกับปลาก็หากินได้อย่างแต่ก่อนไม่ มีเพียงผลอัมพวาดิบ ผลมะดัน แลผลหมากรสเปรี้ยวเข็ดฟันเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ที่ลูกพอจักกินได้มากหน่อย”

“โถ ถูกลูกรังแกเสียแล้วไหมล่ะเจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสเย้า

“ยอมพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์ตรัสพร้อมสรวลเต็มดวงพักตร์

“...”เจ้าแสงพักตร์แดงระเรื่อ

“หึหึหึ”องค์ภุมริน แลเจ้าชมนาดสรวล แลส่ายพักตร์เบาๆ

“ดีหนาที่ตอนเจ้าท้องเจ้าพเยีย ลูกมิรังแกพี่เช่นนี้”องค์จันทร์ตรัสกระซิบข้างกรรณขาวของเมีย

“หึหึหึ ลูกคงจักสงสารพระองค์ แลหม่อมฉันกระมังพระเจ้าค่ะ เพียงแค่ต้องห่างกันยามพระองค์เสด็จไปการเวกก็แทบจักขาดใจแล้ว”เจ้าบัวงามตรัส

“เจ้าพเยียลูกพ่อเป็นเด็กดีจริงเชียว ประเดี๋ยวพ่อทำน้องให้หนาลูก”องค์จันทร์โน้มพักตร์ลงไปรัสกับเจ้าตัวน้อยที่ซบปรางกลมกับอังสะมารดา จ้องมองมาที่พระพักตร์บิดาตาแป๋ว

“ฝ่าบาท ตรัสเยี่ยงนี้กับลูกได้เช่นไรพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามเอ็ดพระภัสดาสุรเสียงแผ่ว เกรงว่าบิดา มารดาจักได้ยินเข้า

“แหะๆ”ได้ยินมารดาท่านเอ็ดบิดาแล้วเจ้าพเยียน้อยก็อ้าโอษฐ์สรวล เผยให้เห็นเหงือกสีแดงสด

“หึหึหึ ใคร่อยากได้น้องใช่หรือไม่ลูก”องค์จันทร์ตรัสเย้าลูกน้อยในอ้อมอุระเมีย เจ้าตัวน้อยก็คึกดีดตัวไปมาจนคนเป็นแม่แทบจักจับไว้มิอยู่

“เจ้าพเยียแม่จักสู้แรงเจ้ามิไหวแล้วหนาลูก”เจ้าบัวงามกอดลูกแน่นขึ้น

“หึหึหึ มาพ่ออุ้มดีกว่าหนาเจ้า”องค์จันทร์ตรัส แลช้อนเจ้าตัวน้อยมาอุ้มเอง

“แอ๊ะๆ”เจ้าพเยียส่งสุรเสียงอ้อแอ้ พ่นเขฬะใส่บิดาจนฟองฟ่อด

“เจ้าลูกวิฬาร”องค์จันทร์เย้าเจ้าตัวน้อยในอ้อมพระกรของพระองค์

“แอ๊ แอ๊ะๆ กรี๊ด แหะๆ”เจ้าพเยียคึกตอบรับพระบิดาสุรเสียงดัง จนตา แลยายต้องผินพักร์มาทอดพระเนตรเจ้าตัวน้อย

“คึกกระไรเล่านั่น”เจ้าชมนาดตรัสถาม

“ชู่ว”องค์จันทร์แตะพระดรรชนีที่โอษฐ์เล็กเยิ้มเขฬะใส

“กรี๊ด แหะๆๆ”หากแต่ยิ่งทำเจ้าพเยียน้อยก็ยิ่งสรวล แลกรีดร้องอารมณ์ดี

“ชู่ววว”

“กรี๊ด”

 “หึหึหึ”ผู้ใหญ่ในท้องพระโรงได้แต่สรวลให้เจ้าตัวน้อยอย่างเอ็นดู เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรนัดดาตัวน้อย แลแย้มสรวลกว้าง หัตถ์บางก็ลูบครรภ์ตนไปมา ใคร่อยากให้เจ้าตัวน้อยของตนเองออกมาส่งเสียงหัวเราะน่าเอ็นดูแบบนี้เสียแล้วสิ

“ใคร่อยากให้ลูกออกมาเร็วเสียแล้วสิเจ้า พี่ใคร่อยากได้ยินเสียงลูกหัวร่อเช่นนี้บ้าง”องค์ภุชงค์ผินพักตร์มาตรัสกับเมียรัก

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกแย้มโอษฐ์หวานให้พระภัสดา
...



หลายวันผ่านไป ดูท่าแค่กลั่นแกล้งให้บิดาแพ้ท้องแทนมารดาคงจักยังมิสาแก่ใจเจ้าตัวน้อย เพลานี้จึงได้แกล้งให้องค์ภุชงค์แพ้กลิ่นแก้วของเจ้าแสงแรก หากเข้าใกล้เมียคราใดเป็นได้อาเจียนเสียจนพักตร์ดำพักตร์แดง ส่วนเจ้าแสงแรกก็น้องอกน้อยใจร้องห่มร้องไห้ จนเจ้าชมนาดต้องปลอบสุณิสาจ้าละหวั่น

“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกสะอื้นกับอุระบางของพระสัสสุ เนตรงามแดงช้ำ

“ชู่ว นิ่งเสียเจ้าแสงแรก นิ่งเสียลูก”เจ้าชมนาดกอดปลอบสุณิสาอย่างอ่อนพระทัย หัตถ์บางลูบอังสะมนไปมา

“ฮึก ส เสด็จ แม่ ฮึก”

“พี่เขาก็แค่แพ้ท้องแทนเจ้า มินานก็หาย มิไห้หนาลูก”

“ฮึก องค์ ภ ภุชงค์ ท ทอดพระเนตรหน้า ม หม่อมฉัน ล แล้วก็อาเจียน ฮึก ฮือ”เจ้าแสงแรกตรัสเคล้าเสียงสะอื้น ฟ้องพระสัสสุ

“ชู่ว มิเป็นกระไรหนาลูก ประเดี๋ยวแม่จักตีพี่เขาให้ดีหรือไม่”เจ้าชมนาดลูบเกศานุ่มปลอบประโลม

“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกซุกพักตร์กับอุระบางของพระสัสสุ

“เจ้าแสงแรกหยุดไห้เถิดประเดี๋ยวเจ้าตัวน้อยในท้องเจ้าจักมิสบายเอาได้หนา”เจ้าบัวงามตรัสหลอกล่อ

“ฮึก ฮึก”เจ้าแสงแรกพยายามกลั้นสะอื้น ดวงพักตร์ขาวซีดเซียว ดวงเนตร แลปลายนาสิกโด่งรั้นแดงระเรื่อน่าสงสาร

“ฮึก”เจ้าพเยียเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเจ้าแสงแรกก็เบะโอษฐ์ น้ำตาคลอ เนตรคมกวาดมองคนนู้นที คนนี้ที

“ชู่ว พเยียไปเดินเล่นกับพ่อดีว่าหนาลูก”องค์จันทร์ยื่นพระหัตถ์ไปหาลูกน้อย เจ้าบัวงามจึงได้ส่งเจ้าตัวเล็กให้พระภัสดาอุ้มแนบพระอุระ แลพาลูกดำเนินออกจากตำหนักขององค์รัชทายาท

“ฮึก อึก อ องค์ภุชงค์ ห เห็นหน้าหม่อมฉัน ล แลอาเจียนเช่นนี้ ห เห็นทีหม่อมฉัน ค คงต้องแยก ต ตำหนักแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกลั้นสะอื้น แลตรัสกระท่อนกระแท่น

“จักแยกตำหนักเช่นนั้นหรือลูก”เจ้าชมนาดตรัสถามอย่างเป็นกังวล พลางใช้พระหัตถ์บางปาดน้ำตาให้สุณิสา เจ้าแสงแรกเพิ่งจักย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักของเจ้าภุชงค์ได้มิกี่วัน จักแยกตำหนักเสียแล้ว

“ฮึก พระเจ้าค่ะ อ องค์ภุชงค์ พ แพ้ท้องแทนหม่อมฉันเช่นนี้ ค คงอยู่ด้วยกันมิได้ อ เอาไว้องค์ภุชงค์ท่านหายแพ้ท้องเมื่อใด ม หม่อมฉัน ค ค่อยย้ายกลับมาก็ได้พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส

“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าหนา”เจ้าชมนาดตรัส แลรั้งร่างแน่งน้อยของสุณิสาเข้ามากอด

“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกกอดพระกฤษฎีบางของพระสัสสุแน่น

“...”เจ้าบัวงามยกหัตถ์ลูบเกศาของเจ้าแสงปลอบด้วยอีกคน
...



   ด้านองค์ภุชงค์ก็แย่มิแพ้คนเป็นเมีย เพลานี้องค์รัชทายาทแห่งภุมริกาหมดสภาพเสียจนดูมิได้ องค์ภุชงค์ทรงบรรทมอยู่บนพระแท่นบรรทม มีพ่อขันธ์องครักษ์ส่วนพระองค์คอยถือยาหอมจ่อที่ใต้พระนาสิกให้

“เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”พ่อขันธ์ทูลถามคนเป็นนาย

“กูจักตายแล้วไอ้ขันธ์”องค์ภุชงค์ตรัสสุรเสียงแผ่ว

“ทำพระทัยดีๆ ไว้หนาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ยังมิได้เห็นพระพักตร์องค์รัชทายาทน้อยเลยหนาพ่ะย่ะค่ะ”คนสนิทกราบทูล

“...”ลืมเนตรขึ้น แลเหลือบมองคนสนิทด้วยหางพระเนตร

“กูมิตายง่ายๆ ดอก แลนี่เจ้าแสงไปไหนเสีย”องค์ภุชงค์ตรัสหาเมียรัก แม้ว่าจักอยู่ใกล้เมีย แลอาเจียนเสียพระกรรณดับ หากแต่ก็ยังใคร่อยากเห็นเจ้าแสงแรกในคลองจักษุตลอดเพลา

“พระชายาเสด็จไปที่ตำหนักรับรองที่เคยประทับพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ส่วนพระองค์กราบทูล

“เมียกูไปทำกระไรที่นั่น”ตรัสถามองครักษ์คนสนิท

“พระชายาท่านจักกลับไปประทับที่ตำหนักรับรอง จนกว่าฝ่าบาทจักหายแพ้ท้องแทนพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”สิ้นเสียงองครักษ์คนสนิท องค์ภุชงค์ก็หันพักตร์ขวับไปหาพ่อขันธ์ทันที

“เอ็งว่ากระไรหนา”

“ทูลฝ่าบาท พระชายาท่านเก็บข้าวของย้ายไปประทับที่ตำหนักรับรองหลังเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
...



   องค์ภุชงค์หอบสังขารร่อแร่ของพระองค์ เสด็จไปหาคนเป็นเมียถึงตำหนักรับรอง พระหัตถ์ถือยาหอมจ่อที่พระนาสิกตนมิห่าง
“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์เกาะบานพระทวารตรัสเรียกเมียสุรเสียงอ่อน

“...”หากแต่ภายในตำหนักรับรองกลับเงียบกริบ มิมีเสียงกระไรตอบกลับมา

“เจ้าแสงแรก ตอบพี่หน่อยเถิดเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัสขึ้นอีกอย่างร้อนพระทัย

“ฝ่าบาทกลับไปพักผ่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสตอบกลับมา หากแต่ก็ยังมิยอมเปิดบานพระทวารให้พระภัสดา

“เจ้าแสงเปิดประตูให้พี่เข้าไปเห็นหน้าเจ้าเสียหน่อยเถิดหนา”

“มิได้พระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทเห็นหน้าหม่อมฉัน ประเดี๋ยวจักอาเจียนเอาได้อีก กลับไปพักผ่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระภัสดาสุรเสียงสั่นเครือ

“เจ้าแสง”

“กลับไปก่อนหนาพระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส

“...”องค์ภุชงค์เมื่อได้รับฟังดังนั้นก็พักตร์นิ่ง อ้าโอษฐ์ค้าง



“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”
“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”
“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”



   แลเมื่อใดเจ้าตัวน้อยในครรภ์เจ้าแสงแรกจักเมตตาหยุดรังแกพ่อกันเล่า หากพระองค์ต้องแพ้ท้องแทนเมียไปจนลูกคลอดจักทำอย่างไร มิขาดพระทัยตายกันก่อนจักได้เห็นหน้าลูกหรืออย่างไร

“เสด็จแม่”สุรเสียงทุ้มครางเครือเรียกมารดา ก่อนจักผละออกจากบานพระทวาร แลเสด็จไปยังตำหนักหลวง

“ฝ่าบาท”พ่อขันธ์วิ่งตามคนเป็นนายขาแทบขวิด ประเดี๋ยวก็วิ่งไปหาเมีย ประเดี๋ยวก็วิ่งไปหาแม่
...



   องค์ภุชงค์เสด็จไปที่ตำหนักหลวง อันเป็นที่ประทับของบิดา แลมารดา เจ้าชมนาดที่กำลังบีบนวดปรนนิบัติพระภัสดาตกพระทัยจนสะดุ้งตัวโยน

“เสด็จแม่”

“กระไรกันเจ้าภุชงค์ แม่เจ้าตกอกตกใจจนตัวโยนหมดแล้ว”บิดาท่านตรัส พลางลูบพระขนองปลอบพระทัยมารดา

“เจ้าแสงแยกตำหนักกับลูก”

“แม่รู้แล้ว”

“เสด็จแม่ทราบแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ แลเหตุใดเสด็จแม่มิห้ามเจ้าแสงให้ลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“ภุชงค์”องค์ภุมรินปรามโอรสองค์โต

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์หมอบกราบบิดา แลมารดา

“เพลานี้น้องกำลังท้องกำลังไส้ก็ตามใจน้องหน่อยเถิด แลอีกอย่างเจ้าแพ้ท้องเหม็นกลิ่นเจ้าแสงแรกเช่นนี้ เมียน้อยใจจนไห้ตาปูดตาบวม หากต้องมาอาเจียนให้เมียเห็นทุกวันเจ้าแสงแรกมิช้ำใจตายพอดีหรือลูก”เจ้าชมนาดตรัส

“...”องคภุชงค์ตรัสมิออก เป็นความจริงดังที่มารดาตรัสทุกประการ

“เอาไว้เจ้าหายแพ้ท้องแทนเจ้าแสงแรก แลค่อยให้น้องกลับไปอยู่ตำหนักเจ้าเช่นเดิมจักดีกว่าหนาลูก”

“แลเมื่อใดเจ้าตัวน้อยในครรภ์เจ้าแสงจักเลิกรังแกลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“หึหึหึ เป็นพ่อคนแล้วหนาเจ้าภุชงค์ ไยจึงงอแงเป็นเด็กเช่นนี้”องค์ภุมรินตรัสกลั้วพระสรวล



   แลหลังจากที่เจ้าแสงแรกแยกตำหนักไป เจ้าคนงามก็เลี่ยงหลบพระภัสดาของตนเอง มิยอมให้พบพักตร์ แม้แต่แขนก็ยังมิยอมให้พระภัสดาได้ทอดพระเนตร มิรู้ว่ากลัวพระองค์จักแพ้กลิ่นตนเอง หรือ เป็นเจ้าแสงแรกเองที่มิใคร่อยากเห็นพักตร์องค์ภุชงค์ ดำริ แลก็ถอนพระทัย คิดถึงเมียพระทัยจักขาดอยู่แล้ว เจ้าตัวน้อยหนาเจ้าตัวน้อย มิเห็นใจพ่อเลยหนาลูก!




ออฟไลน์ muiko

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-3
โดนลูกแกล้งซะแล้วเจ้าภุชงค์  :laugh:
จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีน้า
อดเจอเมียไปอีก 555

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
โดนลูกแกล้งง ทำไมลูกแกล้งพ่อแบบนั้นล่ะเจ้าหนู  :laugh: :laugh:
เจ้าแสงแรกงอนเลยย

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
สงสารพ่อหน่อยลูก 555

ออฟไลน์ praewypn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หนูแกล้งพ่อตะไม 55  :o8: :-[

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
สงสารภุชงค์แลเอ็นดูเจ้าแสง
รู้ทั้งรู้แต่อดน้อยใจไม่ได้
โอ๋ๆน๊าา  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
พ่อรังแกแม่ก่อนนี้

ลูกรักเลยช่วยแม่เอาคืน

5555555
 :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
คิดถึงจังเลยครับ เจ้าแสง
เมื่อไหร่ เมื่อไหรจะมาซะที
 :katai1: :katai1: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



ภุชงค์เล่นแสง ๑๖



เจ้าแสงแรกกรองมาลัยอยู่ที่ตำหนักรับรองของตนเอง โดยมีพระสัสสุ แลพระชายาบัวงามมาประทับเป็นเพื่อน พระชายาขององค์ภุชงค์กรองดอกไม้ใส่เข็มสลับกับคว้าขนมหวานใส่พระโอษฐ์เคี้ยวหยับๆ ตั้งแต่ทรงครรภ์เจ้าแสงแรกก็ยังมิเคยแพ้ท้องเลย จักมีก็เพียงแต่เสวยมากกว่าเดิมจนเพลานี้พระวรกายผอมบางนั้น มีน้ำมีนวลขึ้นจนงามผุดผาด เมียงามขึ้นขนาดนี้ หากแต่องค์ภุชงค์ทำได้เพียงแค่แอบทอดพระเนตรอยู่ห่างๆ!!! ตั้งแต่คราที่พระองค์แพ้กลิ่นแก้วของเจ้าแสงแรก เมียก็น้อยอกน้อยใจมิยอมให้พระองค์ได้เข้าใกล้ หลายวันเข้าแล้วที่องค์รัชทายาทท่านซุ่มแอบทอดพระเนตรเมียองค์เอง

แลเมื่อองค์รัชทายาทท่านทนคิดถึงเมียมิไหว จึงได้ลอบเข้าตำหนักรับรองของชายาองค์เองในยามวิกาล ฝ่าบาทท่านปีนพระบัญชรห้องบรรทมของเมียลับๆ ล่อๆ บ่าวคนสนิทของเจ้าแสงทั้งสองคนนอนกอดก่ายกัน หลับสนิทอยู่ข้างพระแท่นบรรทม องค์ภุชงค์ก้าวพระบาทย่องไปยังพระแท่นบรรทมที่เมียรักนอนตะแคงอยู่ ค่อยๆ สอดพระวรกายเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเมียนอนซ้อนหลังเมีย ท้าวพระกรกับพระยี่ภู่ ทอดพระเนตรดวงพักตร์งามของเมียด้วยความคิดถึง โน้มพักตร์ลงแตะพระนาสิกลงบนพาหุของเจ้าแสงสูดกลิ่นแก้วของเมีย แลนิ่งไป ครานี้ได้กลิ่นแล้วมิยักจักคลื่นไส้อาเจียน พระโอษฐ์บางแย้มกว้างเสียจนแทบจักถึงพระกรรณ ก่อนจักกดพระนาสิกบนพาหุนุ่มไล่มาที่ซอกคอขาวหอมกรุ่นกลิ่นแก้วที่โปรดปาน

ฟอด

ฟอด

สูดเข้าไปเต็มพระปับผาสะ แลก็แย้มสรวลอย่างดีพระทัย หายเคืองพ่อแล้วหรือลูกรัก ดำริในพระทัย แลลากพระนาสิกดอมดมกลิ่นแก้วหอมกรุ่นที่เจืออยู่บนฉวีนุ่ม พระหัตถ์อุ่นวางทาบลูบไล้อุทรของเจ้าแสงไปมา

“อ อื้อ” เจ้าแสงแรกปรือเนตรตื่นจากนิทรา ขนงบางขมวดมุ่น เมื่อสัมผัสน่ารำคาญไต่ตอมที่ฉวีตน เจ้าแสงแรกผินพักตร์กลับไปมองด้านหลังต้นเหตุความน่ารำคาญพระเนตรขวาง

“...เจ้าแสง” องค์ภุชงค์กลืนพระเขฬะ มิเคยเห็นสายตาเช่นนี้จากเมียมาก่อน

“ฝ่าบาท มาได้อย่างไรพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสถามสุรเสียงแหบ นัยน์ตางามหลับลง ง่วงเสียจนลืมเนตรมิขึ้น พลิกพระวรกายกลับมาซุกซบพระอุระอุ่น

“พี่คิดถึงเจ้า” องค์ภุชงค์กอดรัดร่างมีน้ำมีนวลของเมียแน่น กดพระโอษฐ์กับนลาฎขาวแนบแน่น

“พระองค์มิเหม็นหม่อมฉันแล้วหรือพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสอย่างน้อยพระทัย จนพระภัสดาท่านต้องลูบเกศานุ่มปลอบ

“มิเหม็นแล้วเจ้า มิเหม็นแล้ว ลูกคงเลิกแกล้งพี่แล้วกระมัง”


“...”

“พี่คิดถึงเจ้าใจจักขาดอยู่แล้วรู้หรือไม่” องค์ภุชงค์ตรัสสุรเสียงออดอ้อน

“...หม่อมฉันก็คิดถึงพระองค์พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสกับพระอุระของพระภัสดาสุรเสียงอู้อี้ กรเรียวกอดพระกฤษฎีสอบของพระภัสดาแน่น แม้จักน้อยพระทัยจนหลบหน้าหลบตาพระภัสดา หากแต่ลึกๆ แล้วก็คิดถึงพระองค์มิน้อยเลย

“คิดถึง แลไยจึงหลบหน้าหลบตาหนีพี่เยี่ยงนี้เล่า” องค์ภุชงค์ตรัสถาม พลางไล้ข้อพระองคุลีไปตามปรางนุ่มนิ่มของเมีย

“...ก็พระองค์เหม็นหม่อมฉัน...ฮึก” อารมณ์คนท้องอ่อนไหว น้อยพระทัยพระภัสดาจนกลั้นออกมาเป็นน้ำตาร้อนๆ ที่คลอจวนไหลหยด

“ชู่ว พี่ผิดเอง พี่ผิดเองเจ้า” องค์ภุชงค์กอดเมียเข้าแนบพระอุระ หัตถ์อุ่นลูบขนองบางปลอบ

“ฮึก” เจ้าแสงสะอื้น ก่อนจักทุบกำปั้นลงบนพระขนองของพระภัสดาเต็มแรง

“อั่ก พ พี่ขอโทษหนาเจ้า มิไห้หนาคนดี” องค์ภุชงค์พระขนองแอ่นไปด้านหน้าตามแรงทุบของเมีย หากแต่ก็ยังตรัสปลอบเจ้าแสงแรก แลลูบเกศานุ่มไปมาจนคนท้องเคลิ้มหลับ



.
.
.



อรุณนี้ยี่สุ่น แลชงโคตื่นขึ้นมาตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง บ่าวสองคนเก็บที่หลับที่นอน เปิดบานพระบัญชร ทำกิจวัตรตามปกติ โดยมิได้สังเกตุเลยว่าบนพระแท่นบรรทมที่คลุมพระวิสูตรโปร่งแสงนั้นมิได้มีเพียงพระชายาท่านบรรทมอยู่

"ตะวันขึ้นแล้ว ยี่สุ่นเจ้าไปปลุกพระชายาท่านเถิด ประเดี๋ยวตรงนี้ข้าทำเอง"ชงโคว่าขณะเตรียมอ่างสรงให้คนเป็นนาย มือเล็กขยุ้มกลีบดอกไม้นุ่มโปรยลงในน้ำอุ่น

"อื้ม"ยี่สุ่นละมือจากอ่างสรง แลเดินเข้าไปรวบพระวิสูตรโปร่งแสงที่คลุมพระแท่นบรรทมอยู่ ก่อนบ่าวตัวน้อยจักเบิกตาโพล่ง เมื่อบนพระแท่นบรรทมนั้นมิได้มีเพียงพระชายาแสงแรก

"ช ชงโค"ยี่สุ่นกระซิบเรียกสหาย

"..."

"ช ชงโค"

"กระไร..."ชงโคละมือมาตามเสียงเรียกของสหาย หากแต่เมื่อเห็นองค์รัชทายาทที่บรรทมกอดก่ายพระชายาท่านก็กลืนคำถาม แลความสงสัยลงคอไป

"..."

"..."บ่าวคนสนิทขของพระชายาทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างมิรู้ว่าจักทำอย่างไรดี

"จ จักทำกระไรดีชงโค"

"ปลุกท่านดีรือไม่ยี่สุ่น"

"ข้าก็มิรู้"บ่าวทั้งสองกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างพระแท่นบรรทม

"อ อือ"เจ้าแสงแรกที่ได้ยินเสียงรบกวนอยู่ข้างพระแท่นบรรทมจึงได้ลืมพระเนตรตื่นขึ้น จึงได้เห็นบ่าวคนสนิททั้งสองของตนเองกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างพระแท่นบรรทม

"พระชายาตื่นบรรทมแล้วหรือพระเจ้าค่ะ"ชงโคทูลถามคนเป็นนาย

"อ๊ะ"เจ้าแสงแรกขยับพระวรกาย หากแต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยพระกรแกร่งของพระภัสดา จึงได้รู้ตัวว่าเพลานี้ตนเองถูกองค์ภุชงค์ท่านกกกอดจากด้านหลัง ปรางขาวแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย

"..."

"..."ยี่สุ่น แลชงโคก้มหน้างุด เจ้าแสงแรกพยายามปลดพระกรขององค์ภุชงค์ที่กอดรัดกฤษฎีของพระองค์ออก หากแต่พระภัสดาหาได้ยอมปล่อยไม่ ยิ่งแกะยิ่งรัด

"พ พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด"เจ้าแสงรับสั่ง

"พ พระเจ้าค่ะ ม หม่อมฉันเตรียมอ่างสรงให้แล้วหนาพระเจ้าค่ะ"ชงโคทูล

"อ อืม ขอบน้ำใจหนา"

"ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักลงห้องเครื่องไปดูสำรับพระกายาหารเช้าให้หนาพระเจ้าค่ะ"ยี่สุ่นกราบทูล

"จ จ้ะ"เจ้าแสงแรกพยักพักตร์ให้คนสนิท



หลังจากที่คนสนิททั้งสองออกจากห้องบรรทมไปแล้ว เจ้าแสงแรกก็เขย่าพระกรของพระภัสดาไปมา หากแต่องค์ภุชงค์ท่านก็มิยอมตื่น เจ้าแสงแรกจึงได้ผินพักตร์กลับไปทอดพระเนตรคนที่กอดพระองค์จากด้านหลัง จึงได้เห็นว่าพระภัสดาท่านแย้มสรวลออกมาทั้งๆ ที่พระเนตรยังหลับสนิท

“ฝ่าบาทตื่นแล้วไยจึงมิปล่อยหม่อมฉันเล่าพระเจ้าค่ะ”

“พี่มิอยากตื่นเอาเสียเลย ได้นอนกอดเจ้าเช่นนี้ ฝันดีนัก”องค์ภุชงค์ตรัส

“ใช่ว่าจักได้กอดเพียงคืนเดียวเสียเมื่อไหร่พระเจ้าค่ะ ตื่นเถิด เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านคงรอรับพระกายาหารเช้าอยู่”เจ้าแสงแกรพลิกพระวรกายเข้าซุกพระอุระอุ่นของพระภัสดา แลตรัสสุรเสียงหวาน

“หึหึหึ”องค์ภุชงค์ลืมเนตรขึ้น สรวลออกมาสุรเสียงแผ่ว แลยกพระหัตถ์ขึ้นบีบปลายนาสิกโด่งรั้นของเจ้าแสงเบาๆ หยอกล้อ

“ลุกเถิดพระเจ้าค่ะ ชงโคเตรียมอ่างสรงให้แล้ว ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักช่วยถูพระขนองให้พระองค์เอง”เจ้าแสงแรกตรัส

“จริงหรือ”

“พระเจ้าค่ะ”

“ลำบากเจ้าแล้ว เจ้าแสง”

“หามิได้พระเจ้าค่ะ ปรนนิบัติผัวเป็นหน้าที่ของเมีย”



.
.
.



จ๋อม


เจ้าแสงแรกลงมาแช่น้ำในอ่างสรงกับพระภัสดา หัตถ์เล็กลากใยบวบไปตามขนองกว้างลงแรงเพียงหน่อยเดียว กลัวว่าหากลงแรงมากกว่านี้ฉวีขาวของพระภัสดาจักถลอกเอาได้ ก่อนจักกวักน้ำล้างคราบไคลออก

“ประเดี๋ยวหม่อมฉันนวดให้หนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงวางใยบวบลง แลออกแรงบีบนวดคลายความเกร็งขึงบนพระอังสะกว้างให้พระภัสดา

“อืม...”องค์ภุชงค์หลับเนตรพริ้มรับสัมผัส

“เป็นอย่างไรบ้างพระเจ้าค่ะ”

“สบายตัวเหลือเกินเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัสตอบ

“ฝ่าบาทปวดเมื่อยที่ตรงใดอีกหรือไม่พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักนวดให้”เจ้าแสงแรกตรัสถาม

“ตรงนี้เจ้า ปวดเหลือเกินช่วยพี่ทีหนาคนดี”องค์ภุชงค์ตรัสก่อนจักพลิกพระวรกายหันกลับมาหาเมีย แลบังคับฝ่าหัตถ์นุ่มให้ลากผ่านพระอุระอุ่น ลงมาที่พระอุทรที่อุดมไปด้วยกล้ามพระมังสา ก่อนจักมาหยุดอยู่ที่นาคยักษ์ลูกรักของพระภัสดาท่าน

“ฝ ฝ่าบาท”เจ้าแสงพักตร์ม้าน ปรางนวลแดงระเรื่อ จักก้มพักตร์หลบสายพระเนตรที่ทอดมองมาก็เจอกับนาคยัก์ มิรู้จักเอาสายตาไปวางไว้ที่ไหนดี จึงได้โขกพระนลาฏกับพระอุระของพระภัสดา ก่อนจักอ้าโอษฐ์งับพระถันขององค์ภุชงค์จนท่านสะดุ้ง

“อ โอ๊ย เจ้าแสงพี่เจ็บหนา”ร้องโอยโอย แลโน้มพักตร์ลงซุกซอกคอหอมของเมีย พระหัตถ์อีกข้างที่ว่างกอบกุมก้อนเนื้อนุ่มที่ห่อกลีบแก้วไว้ บีบเคล้นจนเป็นรอยพระองคุลี

“ฝ่าบาทรีบเข้าเถิดพระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ท่านจักรอนาน”

“จ้ะ...”องค์ภุชงค์พยักพักตร์ หัตถ์ที่กอบกุบเคล้นคลึงก้อนเนื้อนุ่มเลื่อนขึ้นมาประคองกฤษฎีบาง ก่อนจักก้มพักตร์ลงฉกชิมยอดถันสีหวานระเรื่อ พระหัตถ์อีกข้างบังคับหัตถ์เจ้าแสงให้เร่งเร้าเจ้านาคยักษ์ลูกรักให้คายพิษ

“อ๊ะ ฝ่าบาท”เจ้าแสงเชิดพักตร์ครางเครือ

“อ่า เจ้าแสง อั่ก อืม”องค์ภุชงค์ท่านพ่นพิษออกมาผสมปนเปกับน้ำในอ่าง องค์รัชทายาทหอมหายพระทัย พระนาสิกโด่งคลอเคลียปรางชื้นของคนเป็นเมีย

“ล ล้างตัวเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงตรัส ก่อนจักผละออกจากพระภัสดา



.
.
.



หลังจากที่สรงน้ำ แลแต่งองค์แล้วแล้ว องค์ภุชงค์ก็พาเมียเสด็จไปยังตำหนักหลวงเพื่อรับพระกายาหารเช้ากับองค์ภุมริน พระชายาชมนาด แลครอบครัวศศิมณฑล พระภัสดาท่านประคองเจ้าแสงมิยอมให้ห่างกายแม้แต่น้อย

“ถวายพระพรเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”

“ถวายพระพรเสด็จพ่อ เสด็จแม่ องค์จันทร์ แลพี่บัวพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกหมอบกราบ

“หายแพ้กลิ่นเจ้าแสงแล้วหรือเจ้าภุชงค์”พระชายาชมนาดท่านตรัสถามโอรสองค์โต

“ลูกหายแพ้กลิ่นแก้วของเจ้าแสงแล้วพ่ะย่ะค่ะเสด้จแม่”

“ให้มันจริงหนา มิใช่วันนี้หาย วันพรุ่งโดนลูกแกล้งกลับมาเหม็นเจ้าแสงอีกหนา”องค์ภุมรินตรัสเย้า

“เจ้าตัวน้อยเป็นเด็กดีคงมิแกล้งลูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”องค์ภุชงค์ตรัสพร้อมแย้มสรวลเต็มดวงพักตร์

“หึหึหึ เอาเถิด กินข้าวก่อนเถิด ประเดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง”เจ้าชมนาดตรัส พระองค์อื่นจึงได้เริ่มเสวยสำรับขององค์เอง เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรสำรับเช้านี้อย่างพึงพระทัย ก่อนจักผินพักตร์ไปหาพระภัสดา

“เสวยได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาท”

“พี่กินได้เจ้า”องค์ภุชงค์ตรัสตอบ

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกพยักพักตร์ก่อนจักลงมือเสวยสำรับขององค์เอง ตั้งแต่ตั้งครรภ์เจ้าแสงแรกก็เจริญอาหารมากขึ้นจนร่างผอมบางนั้นอิ่มเอิบมีน้ำมีนวล จับที่ตรงใดก็นุ่มก็นิ่มไปเสียหมด



หลังมื้อพระกายาหารเช้าแล้วแล้ว ฝ่ายผัวก็ต้องเข้าหารือกับขุนน้ำขุนนางในท้องพระโรงตำหนักทรงงาน ส่วนฝ่ายเมียก็เสด็จประทับที่ศาลาริมสระหลวง เจ้าแสงแรกประทับอิงหมอนขิด พระหัตถ์ข้างหนึ่งลูบครรภ์ที่นูนขึ้นเล็กน้อยของตนไปมา ส่วนอีกข้างก็คว้าผลอัมพวาดิบใส่โอษฐ์เคี้ยวกรวมๆ พระมารดาชมนาด แลพระชายาบัวงามประทับอิงหมอนขิดสนทนากันตามประสาแม่ลูก ส่วนเจ้าพเยียนั้นทอดกายนอนเอกเขนกหนุนพระเพลาของมารดา สายลมเย็นๆ ที่พัดมาเอื่อยๆ ทำเอาดวงเนตรคมที่ถอดแบบมาจากองค์จันทร์ปรือปรอย ยิ่งสัมผัสจากพระหัตถ์ของมารดาที่ลูบอุทรกลมไปมาก็ทำให้เจ้าตัวน้อยเคลิบเคลิ้ม

“ง่วงเสียแล้วหลานยาย”เจ้าชมนาดตรัส แลประคองเท้าเล็กของหลานขึ้นลูบเบาๆ จนกระพรวนจากกำไลข้อพระบาทกระทบเบาๆ ให้เกิดเสียง

“หึหึหึ หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน”เจ้าบัวงามตรัส หากแต่สายพระเนตรที่ทอดมองไปยังลูกน้อยกลับฉายแววอ่อนโยน ระคนเอ็นดู ก่อนที่จักออกมาประทับที่ศาลาริมสะหลวงเจ้าบัวงามก็ให้นมลูกจนอิ่มแล้วจึงได้ออกมา

“อุ้มลูกนอนดีๆ เถิดบัวงาม”เจ้าชมนาดตรัส

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามพยักพักตร์ แลช้อนลูกน้อยขึ้นแนบอุระ เจ้าพเยียลืมเนตรขึ้นมองเพียงครู่ก่อนจัก ปิดเนตรลงยามมารดาท่านตบพระหัตถ์ลงบนก้นกลมของตนขับกล่อม พักตร์จิ้มลิ้มซบลงบนพระอุระอุ่น กลิ่นหอมหวานที่คุ้นเคยจากมารดาทำเอาเจ้าพเยียเข้าสู่ห้วงนิทราในเวลามินาน

“เจ้าน้อยน่าเอ็นดูนักพระเจ้าค่ะ เสวยก็ง่าย บรรทมก็ง่าย เลี้ยงง่ายเลี้ยงดายนัก”เจ้าแสงแรกตรัส

“หึหึหึ เด็กอายุเท่านี้ก็เลี้ยงง่ายเช่นนี้แล รอโตกว่านี้ก่อนเถิด”

“หม่อมฉันใคร่อยากเจอหน้าลูกเสียแล้วสิพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส ทอดพระเนตรเจ้าน้อยพเยียแล้วก็ใคร่อยากเห็นหน้าลูกของตนบ้าง

“อีกมินานดอก เพลานี้ก็เลี้ยงเจ้าพเยียไปก่อนแล้วกันหนา”เจ้าบัวงามตรัส แลแย้มสรวลให้พี่สะใภ้

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแย้มสรวลตอบ

“อุ่น”พระชายาชมนาดตรัสเรียกคนสนิท

“เพคะ”

“ไปเอาผ้ามาปูให้เจ้าพเยียนอนทีเถิด เจ้าบัวงามอุ้มไว้เช่นนี้คงจักเมื่อยแย่แล้ว อีกอย่างอุ้มเช่นนี้เจ้าพเยียคงจักนอนได้มินาน

“เพคะ”



อุ่นรับพระบัญชาจากคนเป็นนาย แลถ่ายทอดให้ข้าหลวงอีกคราหนึ่ง มินานข้าหลวงสาวสองนางก็หอบหิ้วผ้าเนื้อนุ่มหลายผืนมาปูซ้อนกันบนตั่งข้างเจ้าบัวงาม เมื่อแล้วแล้วเจ้าบัวจึงไว้วางลูกลงนอนบนผ้านุ่มๆ เจ้าตัวน้อยผวาดิ้นก่อนจักนิ่งสงบ เมื่อคนเป็นยายลูบอกเล็กเบาๆ




















ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
มาแล้ววว น่ารักกก รออยู่ตลอดเลยค่าาา
อยากเห็นหน้าเจ้าหนูแล้ววว  :mew1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
เราก็ใคร่อยากเห็นหน้าเจ้าตัวน้อยเหมือนกัน  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แสบน่าดูเลยเจ้าตัวเล็ก

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รีบๆคลอดได้แล้ว

ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
น่ารัก น่าชัง เสียยิ่งกระไร

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



ภุชงค์เล่นแสง ๑๖ ครึ่งหลัง




อุ่นรับพระบัญชาจากคนเป็นนาย แลถ่ายทอดให้ข้าหลวงอีกคราหนึ่ง มินานข้าหลวงสาวสองนางก็หอบหิ้วผ้าเนื้อนุ่มหลายผืนมาปูซ้อนกันบนตั่งข้างเจ้าบัวงาม เมื่อแล้วแล้วเจ้าบัวจึงไว้วางลูกลงนอนบนผ้านุ่มๆ เจ้าตัวน้อยผวาดิ้นก่อนจักนิ่งสงบ เมื่อคนเป็นยายลูบอกเล็กเบาๆ กล่อม แลใช้ผ้าอ้อมห่มให้


.
.
.


หลังจากเข้าหารือรับฏีกาจากขุนนางที่ตำหนักทรงงานกับบิดาแล้วแล้ว องค์ภุชงค์ก็มีรับสั่งให้ข้าหลวงขนข้าว ขนของของเจ้าแสงแรกกลับตำหนักของพระองค์ ก่อนที่ตัวขององค์ภุชงค์เองจักเสด็จไปที่ศาลาริมสระหลวงที่องค์ภุมริน แลองค์จันทร์ท่านล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

“ภุชงค์ไปไหนมาลูก”พระชายาชมนาดตรัสถาม เมื่อองค์ภุชงค์ดำเนินเข้ามาในศาลาริมสระหลวง

“ลูกไปจัดการย้ายข้าวย้ายของของเจ้าแสงกลับตำหนักมาพ่ะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“หึหึหึ”เจ้าชมนาดสรวลสุรเสียงแผ่วในพระศอ ห่างเมียมาหลายคืนคงจักคิดถึงมากสิท่าเจ้านาคน้อย

“...”องค์ภุชงค์แย้มสรวลกว้างเต็มดวงพักตร์ให้มารดา แลดำเนินไปประทับเคียงข้างเจ้าแสงแรกเมียรัก

“ฝ่าบาท เหนื่อยหรือไม่พระเจ้าค่ะ...ยี่สุ่นนำพระธารสลอยดอกมัลลิกาถวายองค์ภุชงค์ท่านทีเถิด”เจ้าแสงแรกตรัสถามพระภัสดา หัตถ์บางหยิบซับพระพักตร์ขึ้นซับหยาดพระเสโทบนนลาฏขาว ก่อนจักตรัสรับสั่งกับคนสนิท

“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับพระบัญชา แลรินพระสุธารสลอยดอกมัลลิกาใส่ขันทองเหลืองใบเล็กถวายองค์ภุชงค์ท่าน

“แค่เห็นหน้าเจ้าพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว...ขอบน้ำใจหนายี่สุ่น”องค์ภุชงค์ตรัสกับเมีย แลรับขันพระสุธารสมาจากบ่าวรักยมขึ้นเสวย

“มิได้พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นว่าก่อนจักคลานถอยออกไปนั่งหมอบที่เดิม

“ฝ่าบาท อย่ากวนลูกสิพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามตรัสกับพระภัสดาที่เดี๋ยวก็ลูบแก้มกลมของลูก ประเดี๋ยวก็จับมือเล็กขึ้นหอม ประเดี๋ยวก็ประคองเท้าของเจ้าพเยียขึ้นจูบจนกระพรวนที่ทองที่เจ้าตัวน้อยสวมใส่ดังกังวาน

“มิตื่นดอก นอนหลับอุตุเป็นลูกหมูเช่นนี้ หึหึหึ”องค์จันทร์ตรัสก่อนจักโน้มพักตร์หอมพุงกลมๆ ของลูกฟอดใหญ่ พักตร์กลมแป้นของเจ้าน้อยพเยียบิดเบี้ยว โอษฐ์เล็กเบะคว่ำ

“หงึ ฮึก แอะ”เนตรคมปรือขึ้น หยาดพระอัสสุชลกลั้นออกมาคลอนัยน์ตา

“ฝ่าบาท...ชู่ว พเยียแม่อยู่นี่เจ้า แม่อยู่นี่”เจ้าบัวงามเอ็ดพระภัสดา หัตถ์บางตีลงบนพระอุระกว้างมิเบานัก ก่อนจักโน้มพระวรกายไปให้ลูกเห็นพักตร์ ตรัสสุรเสียงนุ่มปลอบประโลมเจ้าตัวน้อย คนเป็นแม่ปาดคราบน้ำตาบนปรางนุ่มแผ่วเบา

“พเยีย มาให้พ่ออุ้มหนาลูก”องค์จันทร์ขยับเบียดเมีย ก่อนจักตรัสกับลูกสุรเสียงอ่อนหวาน

“ฮึก”เจ้าตัวน้อยดีดแข้งดีดขาไปมาจนเสียงกระพรวนทองดังไปทั่วศาลาริมสระหลวง

“พ่ออุ้มหนาคนดี”องค์จันทร์สอดพระหัตถ์ช้อนแผ่นหลังเล็กของลูกขึ้น ยกลูกน้อยแนบพระอุระอุ่น เจ้าพเยียยัดกำปั้นเข้าโอษฐ์อมเสียจนชุ่มพระเขฬะใส เจ้าบัวงามส่ายพักตร์ แลใช้ผ้าอ้อมเช็ดคราบน้ำลายให้ลูก

“มิเอามือเข้าปากหนาลูก”

“แอะ”เจ้าพเยียส่งสุรเสียงอ้อแอ้ เป็นที่น่าเอ็นดู

“องค์จันทร์ขอหม่อมฉันอุ้มเจ้าพเยียหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์ตรัสบอกพระภัสดาของอนุชา

“ประเดี๋ยวก่อน ข้าเพิ่งจักได้อุ้มลูก ยังมิทันจักได้ชื่นใจเลย”คนเป็นพ่อตรัส มิยอมส่งเจ้าตัวน้อยให้ง่ายๆ

“โธ่ พระองค์เป็นพ่อจักอุ้มเมื่อใดก็ได้ ประเดี๋ยวพระองค์ แลเจ้าบัวกลับศศิมณฑลหม่อมฉันก็มิได้เล่นกับหลานแล้ว”องค์ภุชงค์โอดครวญ

“ใคร่อยากให้ลุงเจ้าอุ้มหรือไม่ลูก”องค์จันทร์มิตรัสตอบองค์ภุชงค์ หากแต่เอียงพักตร์ซบลงบนศีรษะทุยของเจ้าพเยีย แลตรัสถามลูกแทน

“แอะ แอ๊ะ”

“กระไรหนา มิอยากไปหรือลูก ได้เจ้าได้ พ่อมิบังคับหนา”องค์จันทร์ตรัสกับโอรสของพระองค์เป็นตุเป็นตะ

“ฝ่าบาท อย่าแกล้งภุชงค์สิพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามตีแปะลงบนพระพาหุของพระภัสดา แลตรัสสุรเสียงอ่อน

“ก็ได้ๆ”องค์จันทร์ถอนพระทัย ยอมส่งเจ้าพเยียให้องค์ภุชงค์ท่านอุ้ม

“หึหึหึ เจ้าพเยียหลานลุง”องค์ภุชงค์ประคองร่างเล็กนุ่มนิ่มของหลานมาอุ้มแนบพระอุระ พระนาสิกกดลงบนปรางกลมนิ่มหอมกลิ่นน้ำนม

“อื้อ”เจ้าพเยียครางใส่ด้วยความรำคาญ ไยพวกผู้ใหญ่จึงโปรดปรานการฟัดแก้มของข้านักหนา นัยน์ตาคมเหลือบมองเจ้าแสงแรก เจ้าตัวน้อยยกกำปั้นเล็กใส่โอษฐ์แลอมจนชุ่มน้ำลายใส นัยน์ตาคมจับจ้องที่เจ้าแสงมิวางตา

“หืม มองกระไรเจ้าพเยีย มองท่านน้าแสงแรกหรือ”องค์ภุชงค์ตรัสถามหลานรัก

“ฝ่าบาทหม่อมฉันขออุ้มเจ้าน้อยบ้างสิพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสกับพระภัสดา นัยน์ตาหวานเป็นประกาย องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเห็นจึงได้ยอมส่งเจ้าตัวน้อยให้เมียอุ้ม

“แอะ แอ๊”เจ้าพเยียน้อยส่งสุรเสียงอ้อแอ้ ดีดแข้งดีดขาจนฝ่าเท้าป้อมๆ ถีบเข้ากลางพระอุระคนเป็นลุง

“อั่ก”กลางคืนถูกเมียทุบพระขนอง กลางวันถูกหลานถีบพระอุระ น่าสงสารแท้องค์ภุชงค์

“อะ แอ๊ะ”เจ้าพเยียน้อยจ้องเจ้าแสงแรกที่โอบอุ้มตนเองเนตรใสแจ๋ว โอษฐ์จิ้มลิ้มแย้มสรวลจนเนตรปิด กลิ่นบุปผาหอมกรุ่นลอยระรวยรอบศาลาริมสระหลวง

“เจ้าพเยียแม่จักน้อยใจแล้วหนาเจ้า อยู่กับแม่มิเห็นจักดีใจจนกลิ่นบุปผาระรวยเช่นอยู่กับท่านน้าแสงแรก”เจ้าบัวงามตัดพ้อเจ้าตัวน้อยที่ตอนนี้หาได้สนพระทัยมารดาไม่ ยื่นหัตถ์กลมชุ่มพระเขฬะไปแตะปรางนวลของเจ้าแสงแรก

“จ๊ะเอ๋”เจ้าแสงแรกส่งสุรเสียงหยอกเย้าเจ้าตัวน้อย

“อ๊ะ ฮะๆๆ”เจ้าพเยียหัวเราะออกมาจนพ่อแม่ แลตายายเลิกพระขนง เด็กตัวเท่านี้หัวเราะเป็นแล้วหรืออย่างไร

“ฮะๆๆ จ๊ะเอ๋”เจ้าแสงแรกสรวลอย่างอารมณ์ดี ลูกตนเองยังอยู่ในท้อง เช่นนั้นก็เล่นกับลูกคนอื่นก่อนก็แล้วกัน

“คิกๆๆ กรี๊ดดดด”เจ้าพเยียสรวล แลดีดตัวจนเจ้าแสงแรกแทบจักเอามิอยู่ องค์ภุชงค์จึงได้ขยับเข้าซ้อนหลังคนเป็นเมีย ช่วยประคองตัวน้อยที่คึกคัก องค์ภุชงค์คอยระวังมิให้เท้าของเจ้าพเยียโดนครรภ์ของเจ้าแสงแรก

“ใจเย็นๆ เจ้าพเยีย ประเดี๋ยวก็โดนน้องเข้าให้ดอกเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัส พลางบีบปรางนิ่มของหลานจนพักตร์กลมแป้นบู้บี้อย่างหมั่นเขี้ยว

“เจ้าแสง ขอแม่อุ้มเจ้าพเยียบ้างสิเจ้า”เจ้าชมนาดตรัสกับสุณิสา

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสอย่างเสียดาย ก้มพักตร์ลงหอมปรางกลมก่อนจักส่งเจ้าตัวน้อยให้พระภัสดาท่านอุ้มไปถวายให้พระมารดาชมนาด เจ้าพเยียขมวดขนงพักตร์ยุ่ง

“แอะ แอ๊ะ”ส่งเสียงอ้อแอ้ ถูกเปลี่ยนมือบ่อยจนงุนงง

“พเยียหลานยาย ว่าอย่างไรคนดี”เจ้าชมนาดรับหลานมาหยอกเย้า พระนาสิกกดที่ฉวีนิ่มของเจ้าตัวน้อยสูดกลิ่นหอมไปทั้งตัว

“ประเดี๋ยวตาให้ข้าหลวงสานปลาตะเพียนให้เจ้าดีหรือไม่ เจ้าพเยีย”องค์ภุมรินตรัสเอาใจหลาน

“แอะ”

“ใคร่อยากได้ใช่หรือไม่ หืม...อุ่น”องค์ภุมรินตรัสกับหลาน ก่อนจักผินพักตร์ไปตรัสเรียกคนสนิทของเมีย

“เพคะ ฝ่าบาท”อุ่นหมอบกราบรอรับพระบัญชาจากคนเป็นนาย

“บอกข้าหลวงสานปลาตะเพียนให้หลานข้าทีเถิด เอาพวงใหญ่ๆ เลยหนา”

“เพคะ”

“ขอปลาตะเพียนเงิน ปลาตะเพียนทองหนาพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”องค์จันทร์ตรัสเย้าพระสัสสุระ

“หึหึหึ ได้ยินหรือไม่อุ่น ชามาดาของข้าใคร่อยากได้ตะเพียนเงิน ตะเพียนทอง”

“เอ่อ...”

“เอาด้ายเงิน ด้ายทองสานไปด้วย”องค์ภุมรินรับสั่งอย่างมิยอม เพียงแค่นี้พระองค์ให้หลานได้

“หึหึหึ ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าพเยียกราบเสด็จตาท่านหรือยังลูก”องค์จันทร์สรวลในพระศอ เจ้าชมนาด แลเจ้าบัวงามลอบสบเนตรกันก่อนจักส่ายพักตร์ไปมาอย่างอ่อนพระทัย


.
.
.


เจ็ดวันถัดมา องค์จันทร์จึงได้ฤกษ์พาเมีย แลลูกกลับศศิมณฑล เจ้าบัวงามอุ้มลูกเข้าเต้า จักต้องให้เจ้าพเยียกินนมให้อิ่มเสียก่อนจึงจักออกเดินทางได้

“อิ่มหรือยังลูก”เจ้าบัวงามตรัสถามเจ้าตัวน้อยที่หยุดออกแรงดูดดึงยอถันของมารดาแล้ว หากแต่ก็ยังมิยอมคายจุกนมออก

“...”เจ้าพเยียจ้องเนตรมารดานิ่ง

“...”เจ้าบัวงามลองเชิงด้วยการใช้พระดรรชนีดันปรางกลมของเจ้าพเยียออกจากยอดถันของพระองค์

“ฮื่อ”เจ้าพเยียเมื่อจุกนมของมารดากำลังจักหลุดออกจากโอษฐ์ก็รีบมุดพักตร์ดูดดึงยอดถันมารดาตะกรุมตะกราม น้ำนมเต็มโอษฐ์ หากแต่กลับมิยอมกลืนน้ำนมจึงไหลออกมาตามมุมโอษฐ์เหนียวเหนอะ

“เจ้าพเยีย อิ่มแล้วก็พอเถิดลูก จักได้ออกเดินทางกันสักที มิคิดถึงเสด็จย่าท่านหรือเจ้า”เจ้าบัวงามตรัสกับลูก ก่อนจักกลั้นพระทัยดันลูกออกจนจุกนมหลุดออกจากโอษฐ์จิ้มลิ้ม เจ้าพเยียเบิกเนตรกว้าง โอษฐ์จิ้มลิ้มอ้าออก น้ำนมที่อมไว้ไหลอาบหนุมนจนเปรอะทั้งแม่ แลลูก

“แงงงงง ฮึก แงงงงงง”เจ้าตัวน้อยหวีดร้องสุรเสียงดังลั่นห้องบรรทม พักตร์กลมแป้นบิดเบี้ยว แลแดงก่ำ ร้อนถึงองค์จันทร์ผู้เป็นพ่อต้องรีบรุดเข้ามาดูสงครามระหว่างแม่ แลลูก

“เกิดกระไรขึ้น”องค์จันทร์ตรัสถามเจ้าบัวงามที่นั่งเปลือยท่อนบนกอดลูกไว้แนบอก

“ก็ลูกพระองค์หนาสิพระเจ้าค่ะ กินนมอิ่มแล้วก็มิยอมปล่อยยอดถันของหม่อมฉัน เอาออกก็ร้อง แลเช่นนี้จักได้เดินทางกลับศศิมณฑลกันเมื่อใด”เจ้าบัวงามส่งเจ้าตัวน้อยให้พระภัสดา แลถือโอกาสฟ้องเสียเลย

“เอาแต่ใจใหญ่แล้วหนาเจ้าพเยีย”องค์จันทร์เอ็ดลูกอย่างมิจริงจังนัก

“ฮึก ฮึก”เจ้าพเยียบีบเนตรสะอื้นน้ำตาเม็ดโตหยดเผาะๆ

“ไปอาบน้ำใหม่เสียทั้งแม่ แลลูกเลยหนา เหนียวคราบน้ำนมไปหมดแล้ว”




   กว่าจักออกเดินทางได้แดดก็เริ่มแรงเสียแล้ว องค์ภุมริน เจ้าชมนาด องค์ภุชงค์แลเจ้าแสงแรก ออกมาส่งครอบครัวศศิมณฑลอย่างพร้อมเพรียง

“เดินทางปลอดภัยหนาลูก ประเดี๋ยวแม่ แลพ่อจักไปเยี่ยมเจ้าที่ศศิมณฑลบ้าง”เจ้าชมนาดตรัสพลางลูบเกศาของเจ้าบัวงามไปมา

“พระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ แลเสด็จแม่รักษาองค์เองด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”

“จ้ะ”

“เช่นนั้นลูกลาก่อนหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามตรัส แลขึ้นเกี้ยวตามหลังพระภัสดาที่อุ้มลูกขึ้นไปก่อนแล้ว ก่อนที่ขบวนเสด็จกลับศศิมณฑลจักเคลื่อนออกจากวังหลวงภุมริกา หากแต่มิทันที่เจ้านายทั้งสี่พระองค์จักได้เสด็จกลับเข้าตำหนัก เกี้ยวเสด็จของผู้มาใหม่ก็มาเทียบที่หน้าตำหนักหลวง

“ผู้ใดมากัน”เจ้าชมนาดตรัสพึมพำ หากแต่เมื่อผู้ที่อยู่ในเกี้ยวเสด็จออกมาก็สร้างความฉงนให้เจ้านายภุมริกายิ่งกว่าเดิม


“เจ้าน้อยธาราสลิล...มาทำกระไรที่ภุมริกากัน”

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เจ้าน้อยยย คู่ใหม่จะมาแล้วแน่ๆเลยยย
พเยียน่ารักมากเลยยย  :impress2:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thanza1970

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
หนี มาอย่างนี้ หนีว่าที่ภัสดามา แน่ๆ

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1



ภุชงค์เล่นแสง ๑๗

   


เจ้านายภุมริกาทั้งสี่ประทับอยู่ที่ท้องพระโรง พร้อมด้วยอาคันตุกะจากแคว้นชลาศัย หลังจากที่เมื่อวานขบวนเสด็จของเจ้าน้อยธาราสลิลมาเทียบที่หน้าวังหลวง ก็เกิดความสงสัยขึ้นภายในพระทัยของเจ้าบ้านอย่างภุมริกา หากแต่ก็ต้องต้อนรับอาคันตุกะเสียก่อนค่อยไต่ถามสาเหตุของการมาเยือน แลวันนี้เจ้านายทุกพระองค์จึงได้มาประทับอยู่ที่ท้องพระโรงตำหนักหลวง

“กราบถวายพระพรเจ้าหลวงภุมริน พระชายาชมนาด แลองค์รัชทายาทภุชงค์พระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยธาราสลิลหมอบกกราบเจ้านายแคว้นภุมริกาที่ประทับอยู่บนตั่งทอง ปรายเนตรมองเจ้าแสงแรก แลทำเป็นมิสนพระทัย

“อืม แลเสด็จมาถึงภุมริกาด้วยตัวคนเดียวเช่นนี้มีเรื่องกระไรหรือเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัสถาม

“...ฮึก หม่อมฉันมิมีที่ไปแล้วพระเจ้าค่ะ จึงได้บากหน้าที่ภุมริกา ฮึก ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วยหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าน้อยธาราสลิลสะอื้นไห้ออกมา

“เกิดกระไรขึ้นเจ้าน้อย พระทัยเย็นก่อนเถิด”เจ้าชมนาดตรัส

“ฮึก เสด็จพ่อจักให้หม่อมฉันตบแต่งเป็นชายาขององค์พาฬพยัคฆ์ ฮือออ หม่อมฉันมิใคร่อยากตบแต่งกับชายดุร้ายผู้นั้น”ธาราสลิลตรัสเคล้าเสียงสะอื้น

“แลเจ้าจักให้ภุมริกาช่วยอย่างไรเล่าเจ้าน้อยธาราสลิล”องค์ภุมรินตรัสถามขึ้น

“อึก อ องค์ภุชงค์ได้โปรด ฮึก รับหม่อมฉันเป็นสนมด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ”สิ้นสุรเสียงของเจ้าน้อยธาราสลิล องค์ภุมริน เจ้าชมนาด แลองค์ภุชงค์ก็เบิกเนตรกว้าง ในขณะที่เจ้าแสงแรกกำหัตถ์แน่น รู้สึกหายพระทัยมิทั่วพระอุทรขึ้นมาทันใด

“เจ้าน้อยธาราสลิลตรัสกระไรออกมารู้ตัวหรือไม่”เมื่อหาสุรเสียงขององค์เองเจอ องค์ภุชงค์ก็ตรัสถามเจ้าน้อยต่างแคว้นทันที อยู่ดีมิว่าดีโยนฟืนติดไฟใส่หลังคาบ้านข้าแล้วไหมล่ะ เจ้าน้อยสลิล

“ฮึก รู้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันถึงได้ยอมทิ้งศักดิ์ศรีบากหน้ามาขอถวายตัวเป็นสนมให้พระองค์”

“...”

“ฮึก ให้หม่อมฉันเป็นเพียงสนมของพระองค์ยังดีเสียกว่าให้หม่อมฉันตบแต่งเป็นชายาของบุรุษดุร้ายผู้นั้น!!!”

“...ทูลเสด็จพ่อ แลเสด็จแม่ หม่อมฉันรู้สึกมิค่อยจักดีขอตัวกลับตำหนักก่อนได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลขึ้นท่ามกลางสุรเสียงสะอื้นไห้ของเจ้าน้อยธาราสลิล

“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์ครางชื่อเมียในพระศอสุรเสียงแผ่ว แต่เมียหาได้สนใจไม่

“ให้แม่ตามหมอหลวงหรือไม่ลูก”เจ้าชมนาดตรัสถาม

“มิได้พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันขอกลับไปพักที่ตำหนักก็พอแล้ว”

“เช่นนั้นก็ไปเถิดลูก เอาไว้แล้วแล้วแม่จักไปหาหนา”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกหมอบกราบพระสัสสุระ แลพระสัสสุก่อนจักดำเนินออกจากท้องพระโรงโดยมีคนสนิททั้งสองคอยประคอง ส่วนองค์ภุชงค์นั้นทำได้เพียงมองตามเมียพระเนตรละห้อย




   หลังจากที่เจ้าแสงออกจากท้องพระโรงไปแล้ว องค์ภุชงค์ก็ละสายพระเนตรออกจากเจ้าแสง แลผินพักตร์กลับมาที่เจ้าน้อยสลิลที่ประทับไห้สะอึกสะอื้นอยู่

“ข้าคงจักช่วยเจ้ามิได้ดอกหนาเจ้าน้อยธาราสลิล”

“ฮึก ฮือ ฝ่าบาท”เจ้าธาราสลิลสะอื้นไห้จนตัวสั่น

“ข้ารักเจ้าแสง รักมาก รักแต่เพียงผู้เดียว ข้าคงจักทำร้ายใจเจ้าแสงด้วยการรับเจ้าเป็นสนมมิได้ดอก”

“ฮึก ฮึก ฮือออ”เจ้าธาราสลิลฟุบหมอบกับพื้นท้องพระโรงร่ำไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ความหวังสุดท้ายถูกดับลงอย่างมิเหลือเยื่อใย

“พระทัยเย็นก่อนเถิดเจ้าน้อย”องค์ภุมรินตรัส

“องค์พาฬพยัคฒ์แม้จักเลื่องชื่อความดุร้าย หากแต่พระองค์คงมิร้ายกับเจ้าผู้เป็นเมียดอก”เจ้าชมนาดตรัส แลลุกจากตั่งทองดำเนินไปหาเจ้าน้อยธาราสลิล พระชายาชมนาดประทับลงข้างร่างเล็กที่สั่นโยนด้วยแรงสะอื้น พระหัตถ์บางลูบเกศานุ่มปลอบ

“ฮึก ฮึก มิจริง อ องค์พาฬ ก เกลียดหม่อมฉันเข้าไส้ แลจักมาดีกับหม่อมฉันได้อย่างไร ฮึก ฮือ”เจ้าธาราสลิลตรัสค้าน

“หากองค์พาฬเกลียดเจ้า พระองค์คงมิยอมตบแต่งเจ้าเป็นชายาดอก”

“ฮึก ฮือออ”เจ้าธาราสลิลส่ายพักตร์ไปมา สะอึกสะอื้นแทบขาดพระทัย

“เอาเถิด แม้เจ้าภุชงค์จักรับเจ้าเป็นสนมมิได้ หากแต่เจ้าก็อยู่ที่ภุมริกานี้ไปจนกว่าจักสบายใจขึ้นก็แล้วกันหนา ข้าจักต้อนรับอย่างดี”เจ้าชมนาดตรัส

“ฮึก ฮึก ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ ล แล ม หม่อมฉันก็ ต ต้อง ข ขอประทาน อ อภัยด้วยหนา พ พระเจ้าค่ะ ท ที่มาสร้าง ค ความ ฮึก เดือดร้อน ฮือออ”เจ้าธาราสลิลตรัสเคล้าสุรเสียงสะอื้นจนฟังขาดห้วงมิเป็นคำ

“มิเป็นไรๆ หยุดไห้ แลกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักก่อนเถิด แลเย็นนี้ก็มารับสำรับที่ตำหนักหลวงด้วยกันหนา”เจ้าชมนาดตรัส

“ฮึก ข ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”เจ้าธาราสลิลหมอบกราบแทบพระเพลาของพระชายาชมนาด แลหมอบกราบเจ้าหลวง แลองค์รัชทายาท ก่อนจักกลับตำหนักรับรองที่ภุมริกาจัดเตรียมไว้ให้พร้อมกับเจ้าฝันคนสนิท

“เฮ้อ”ลับหลังเจ้าน้อยธาราสลิลสองพ่อลูกภุมริกาก็ถอนพระทัยออกมาเสียเฮือกใหญ่

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ลูกขอตัวก่อนหนาพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์ตรัสกับบิดา แลมารดา

“รีบไปง้อเจ้าแสงเถิดลูก แลประเดี๋ยวใกล้ๆ เพลารับสำรับเย็นแม่จักไปหาเจ้าแสงที่ตำหนัก”เจ้าชมนาดตรัส

“พ่ะย่ะค่ะ”



.
.
.




   ทางด้านเจ้าแสงแรกที่ออกจากตำหนักหลวงพร้อมคนสนิททั้งสอง แลพ่อขันธ์องครักษ์คนสนิทของพระภัสดาแล้วก็ดำเนินกลับตำหนักที่ประทับ หากแต่ดำเนินมาได้ครึ่งทางปลอดผู้คนแล้ว พระชายาขององค์รัชทายาทก็หยุดดำเนิน แลผินพักตร์มาหาองครักษ์คนสนิทของพระภัสดา

“พ่อขันธ์”

“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา”พ่อขันธ์คุกเข้าลงรอรับพระบัญชา

“พ่อขันธ์พอจักช่วยกระไรข้าสักอย่างจักได้หรือไม่”เจ้าแสงแรกตรัสสุรเสียงหวาน

“เอ่อ...พ่ะย่ะค่ะ”เหตุใดหางตาขวาของพ่อขันธ์จึงได้กระตุกเป็นเจ้าเข้าเยี่ยงนี้

“ส่งสาส์นไปยังศารทูลให้องค์พาฬพยัคฆ์มารับคู่หมายของพระองค์กลับไปที

“...”

“ทำให้ข้าได้ใช้หรือไม่”แม้พระชายาท่านจักใช้พระสุรเสียงหวานอ่อนโยนเสนาะหูเช่นเดิม หากแต่พ่อขันธ์กลับรู้สึกเกรงพระทัยจนต้องยอมตกปากรับคำพระชายาท่าน

“พ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบน้ำใจหนาพ่อขันธ์...แลอย่าบอกใครเล่า”

“...พ่ะย่ะค่ะ”

“เอาล่ะ ยี่สุ่น ชงโคกลับตำหนักกันเถิด ข้าอยากพักแล้ว”เจ้าแสงแรกตรัส

“พระเจ้าค่ะ”




   เมื่อกลับมาถึงตำหนักขององค์รัชทายาท พระชายาท่านก็ให้พ่อขันธ์กลับไปรับใช้องค์ภุชงค์

“พ่อขันธ์ส่งข้าเท่านี้ก็พอ”เจ้าแสงแรกตรัส พร้อมแย้มสรวลบางๆ ให้

“พ่ะย่ะค่ะ”

“แลอย่าลืมจัดการให้ข้าหนา”

“...พ่ะย่ะค่ะ”พ่อขันธ์ก้มหน้ารับพระบัญชาของพระชายา

“ไปเถิด”

“หม่อมฉันทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”




   เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรแผ่นหลังกว้างขององครักษ์คนสนิทของพระภัสดาไปจนลับสายพระเนตรจึงได้ดำเนินเข้าตำหนัก

“พระชายาพระเจ้าค่ะ”เมื่อเข้ามาในห้องบรรทมแล้ว ชงโคก็เอ่ยปากเรียกคนเป็นนายทันที

“หืม มีกระไรหรือชงโค”เจ้าแสงแรกเลิกพระขนง พลางคว้ามะเฟืองฝานเข้าโอษฐ์

“พระองค์ให้พ่อขันธ์ส่งสาส์นไปยังองค์พาฬพยัคฆ์เช่นนั้นจักมิเป็นการชักศึกเข้าบ้านให้เจ้าน้อยสลิลหรือพระเจ้าค่ะ”

“ชักศึกเข้าบ้านกระไร องค์พาฬท่านเป็นว่าที่พระภัสดาของเน้อยสลิล หาใช่ศัตรูไม่ แลอีกอย่าง...”

“...”

“...บ้านเจ้าน้อยสลิล หาใช่บ้านข้าไม่”จักมาว่าข้าร้ายมิได้ดอกหนา




   เสด็จแม่ชมนาดท่านตรัสว่าให้ข้าร้ายให้ถูกที่ ถูกเพลา แลถูกเรื่อง เช่นนั้นเรื่องที่เจ้าน้อยธาราสลิลมาเสนอขอถวายตัวเป็นสนมของพระถัสดา ในเพลาที่ข้าตั้งครรภ์ ณ วังหลวงภุมริกาที่มีข้าเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทก็ถูกต้องทั้งสามประการแล้วนี่ ข้าหาได้ทำกระไรผิดไม่ หึ! เสด็จแม่ชมนาดจักต้องภูมิพระทัยในตัวข้า



.
.
.



“ไยจึงไปนานนักเจ้าขันธ์ ข้าให้ไปส่งเจ้าแสงแรกที่ตำหนักแค่นี้”องค์ภุชงค์ตรัสถามทันทีที่องครักษ์คนสนิทกลับมา

“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”พ่อขันธ์คุกเข่าก้มพักตร์อย่างลุแก่โทษ หากแต่ในใจนั้นกลับบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ก็ไปส่งสาส์นให้ศารทูลตามพระบัญชาของเมียพระองค์อย่างไรเล่า สงสารก็แต่เจ้าน้อยธาราสลิล พระชายาแสงแรกหรือ เห็นคราแรกนึกว่าจักอ่อนแอ แลไร้พิษ ไร้สง หากแต่เพลานี้จักต้องคิดใหม่เสียแล้ว

“ช่างเถิดๆ ข้าจักกลับตำหนักไปหาเจ้าแสงแรกก่อน ค่อยไปรับฎีกากับเสด็จพ่อที่ตำหนักทรงงาน”องค์ภุชงค์ตรัสกับองครักษ์คนสนิท แลเสด็จกลับตำหนักที่ประทับ หากแต่เมื่อกลับไปถึงตำหนักแล้วเจ้าบ่าวรัก ยมกลับทูลพระองค์ว่าเจ้าแสงแรกนอนกลางวันไปแล้เสียนี่

“ทูลฝ่าบาท พระชายาท่านเพ่งจักบรรทมไปเมื่อครู่นี่เองพระเจ้าค่ะ”

“มิเป็นกระไร พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าใคร่อยากอยู่กับเจ้าแสงตามลำพัง”องค์ภุชงค์ท่านตรัส ก่อนที่คนสนิทของเจ้าแสงแรกทั้งสองจักหมอบกราบ แลคลานออกจากห้องบรรทม



   เมื่ออยู่ตามลำพังกับเมียสองคน องค์ภุชงค์จึงได้ก้าวขึ้นพระแท่นบรรทม สอดพระวรกายเข้าไปในคลุมพระองค์ผืนเดียวกับเจ้าแสง พระกรแกร่งโอบร่างหอมกรุ่นเข้ามาแนบพระอุระ

“อือ ฝ่าบาท”เจ้าแสงแรกสะดุ้งตื่น เนตรงามปรือขึ้นมองพระภัสดา

“ชู่ว พี่ทำเจ้าตื่นหรือ ขอโทษหนาคนดี”องค์ภุชงค์ตรัสสุรเสียงอ่อน

“มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ หม่อมฉันเพิ่งจักเคลิ้มหลับเท่านั้น”เจ้าแสงแรกตรัสตอบ แลขืนกายออกจากอ้อมพระกรแกร่ง

“เจ้าแสง โกรธเคืองกระไรพี่หรือเจ้า ไยจึงมิยอมให้พี่กอดเล่า”องค์ภุชงค์มิยอมปล่อย กลับรั้งเจ้าแสงแรกเข้ามาแนบชิดกว่าเดิม

“พระองค์ยังจักถามอีกหรือพระเจ้าค่ะ ว่าหม่อมฉันเคืองใจเรื่องใด ตบแต่งได้มิเท่าใด หมอข้าวยังมิทันดำ ก็มีคนมาถวายตัวให้พระองค์เสียแล้ว”เจ้าแสงแรกตัดพ้อ

“โธ่ พี่ปฏิเสธไปแล้วเจ้า รักเจ้าออกปานนี้ รักเจ้าคนเดียว แลจักรับผู้อื่นมาเป็นสนมได้อย่างไร”องค์ภุชงค์ตรัสออดอ้อน

“...”

“พี่รักเจ้าคนเดียวเจ้าแสง”

“แลมิรักลูกหรือพระเจ้าค่ะ”

“รักเจ้า รักทั้งเจ้า ทั้งลูกเลยหนา”

“...แลเจ้าน้อยสลิลเล่าพระเจ้าค่ะ”

“เสด็จแม่ท่านให้เจ้าน้อยอยู่ที่ภุมริกาจนกว่าจักสบายพระทัย”

“แลหากเจ้าน้อยอยู่ที่ภุมริกาตลอดไปเล่าพระเจ้าค่ะ เจ้าน้อยสลิลมิมีใจใคร่อยากตบแต่งกับองค์พาฬย่อมมิใคร่อยากกลับชลาศัยให้องค์ชลัลบีบบังคับให้ตบแต่งเป็นชายาองค์พาฬ แลหากจักให้กลับศารทูลยิ่งเป็นไปมิได้”

“...”องค์ภุชงค์ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตรัสมิออก

“...ช่างเถิดพระเจ้าค่ะ”หากแต่มิเป็นกระไรดอก มิเกินสิบวันองค์พาฬจักต้องเสด็จมารับเจ้าน้อยธาราสลิลกลับไปแน่

“จ้ะ เช่นนั้นเจ้านอนต่อดีหรือไม่ ประเดี๋ยวพี่ก็จักต้องไปทรงงานกับเสด็จพ่อท่านแล้ว”องค์ภุชงค์รีบปัดเรื่องของเจ้าน้อยธาราสลิลให้พ้นตัว

“พระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทกล่อมหม่อมฉันให้หลับก่อน แลค่อยไปได้หรือไม่พระเจ้าค่ะ”

“ได้สิเจ้า พี่จักกล่อมเจ้าให้หลับสนิทก่อน แลค่อยไปหนา”

“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกแย้มโอษฐ์ให้พระภัสดา แลหลับเนตรพริ้ม มินานเจ้าคนท้องก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างง่ายดาย






ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :katai3: เริ่ดมาก​ เจ้าแสง​ นอกจากเสด็จ​แม่แล้ว​ อิบ่าวคนอ่านก็ภูมิใจ​ในตัวเจ้าแสงด้วยเพคะ

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ดีมากเจ้าเเสง

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เจ้าแสงงงงงงงงงงงไม่ธรรมดาๆๆ

ออฟไลน์ Thichadad3938

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1

ภุชงค์เล่นแสง ๑๗ ครึ่งหลัง



ห้าวันถัดมา

เจ้าน้อยธาราสลิลประทับอยู่ที่ภุมริกาได้ห้าวันแล้ว โดยเจ้าน้อยธาราสลิลนั้นได้การต้อนรับจากภุมริกาเป็นอย่างดี แลวันนี้หลังจากที่รับสำรับระกายาหารเช้าแล้วแล้วเจ้าน้อยสลิลก็ดำเนินเล่นพร้อมคนสนิทอย่างเจ้าฝัน

“เจ้าน้อยธาราสลิล” ดำเนินมาจนถึงสวนพฤกษาของวังหลวงภุมริกา ก็พบเข้ากับพระชายาแสงแรก

“...พระชายาแสงแรก” เจ้าสลิลหลบเนตรมิกล้าสู้พักตร์เจ้าแสงด้วยความอับอาย

“เป็นอย่างไรบ้างหรือพระเจ้าค่ะ ประทับอยู่ที่ภุมริกาขาดเหลือกระไรหรือไม่” เจ้าแสงแรกตรัสถามสุรเสียงหวาน พลางแย้มสรวลให้เจ้าน้อยธาราสลิล

“มิได้ ภุมริกาต้อนรับข้าดีนัก” เจ้าน้อยสลิลตรัส

“เช่นนั้นหรือพระเจ้าค่ะ อืม หากข้าใคร่อยากจักเชิญเจ้าน้อยธาราสลิลประทับรับลมเล่นด้วยกันที่ศาลาริมสระหลวงนี่ เจ้าน้อยจักรังเกียจหรือไม่”

“ข ข้า...อ อืม ได้ เจ้านำไปเสียสิ”



ภายในศาลาริมสระหลวงเจ้าแสงแรก แลเจ้าน้อยธาราสลิลประทับอยู่บนตั่งมีบ่าวคนสนิทคอยถวายงานรับใช้ใกล้ชิด ชงโคถวายขนมหวาน แลน้ำขิงให้คนเป็นนายมิขาด ส่วนยี่สุ่นนั้นบีบนวดปลีน่องเรียวเอาพระทัย ผิดกับเจ้าน้อยธาราสลิลที่ประทับก้มพักตร์ด้วยความรู้สึกอึดอัด มิกล้าสู้หน้า หน้าด้านมาขอถวายตัวให้ผัวเขาถึงที่ แลจักให้มานั่งรับขนมหวานหน้าชื่นตาบานก็กระไรอยู่

“เจ้าน้อยธาราสลิลขนมรสชาติมิถูกพระทัยหรือ ไยจึงมิแตะกระไรเลยเล่า” เจ้าแสงแรกตรัสถาม

“มิได้ ข้าเพียงแต่ยังอิ่มอยู่ก็เท่านั้น” เจ้าธาราสลิลตรัส

“เช่นนั้นดอกหรือ” เจ้าแสงแรกพยักพักตร์น้อยๆ แลสรวลบางๆ ให้เจ้าธาราสลิล

“...มิโกรธเคืองข้าหรือ” เจ้าธาราสลิลเงยพักตร์ขึ้นสบเนตรกับเจ้าแสงแรกที่มีรอยสรวลระบายเต็มดวงพักตร์

“พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด” เจ้าแสงแรกตรัสให้ข้าหลวงรับใช้ออกไปก่อน เหลือเพียงคนสนิททั้งสองของเจ้าแสงแรก แลคนสนิทของเจ้าน้อยธาราสลิล

“...”

“คราแรกข้าก็เคืองหนา มิมีผู้ใดดีใจที่มีคนมาเสนอตัวให้ผัวตนเองดอก” เจ้าแสงแรกตรัส

“...” เจ้าธาราสลิลพักตร์ม้านด้วยความอับอาย

“หากแต่เพลานี้ข้ามิโกรธแล้ว เจ้าน้อยสบายพระทัยได้” ...อีกมินานภัสดาของเจ้าคงจักปรี่มารับถึงวังหลวงภุมริกา หากข้าโกรธเคืองเจ้าอีก คงน่าสงสารแย่

“ข ข้าขออภัยหนา ทั้งเรื่องที่ข้าทำกิริยามิดีใส่เจ้าในวันงานอภิเษกของเจ้า แลเรื่องที่ข้าจักถวายตัวให้องค์ภุชงค์” เจ้าธาราสลิลตรัสอัสสุชลคลอนัยน์ตางาม ก่อนจักหยดลงบนปรางนวล

“อย่าไห้เลยหนาข้ามิโกรธเคืองเจ้าน้อยแล้ว”

“ข ขอบน้ำใจหนา”

“ทูลเจ้าน้อยธาราสลิล องค์ภุมรินมีรับสั่งให้พระองค์เข้าเฝ้าเพคะ” ข้าหลวงสาวนางหนึ่งหมอบคลานเข้ามาในศาลาริมสระหลวง แลกราบทูลความแก่เจ้าน้อยต่างแคว้น

“ฝ่าบาทท่านมีเรื่องกระไรหรือ” เจ้าธาราสลิลปาดคราบอัสสุชลบนปรางของตน แตรัสถามนางข้าหลวง

“มิทราบเพคะ”

“อ อืม...ข้าขอตัวก่อนหนาเจ้าแสง”

“พระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกแย้มสรวล แลก้มพักตร์น้อยๆ ให้เจ้าธาราสลิล


.
.
.


เจ้าธาราสลิลดำเนินตามข้าหลวงสาวไปยังท้องพระโรงตำหนักหลวงภุมริกาพร้อมบ่าวคนสนิท หากแต่เมื่อก้าวเข้าไปในท้องพระโรงแล้วก็แทบจักหยุดหายพระทัย ร่างบางสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวกับสายพระเนตรคมที่ทอดมายังตน

“ธาราสลิล ข้ามารับเจ้ากลับศารทูลแล้วทูนหัว”

“อ องค์ พ พาฬ ฮึก” เจ้าธาราสลิลตรัสออกมาตะกุกตะกัก ก่อนจักซวนเซล้มลงในอ้อมแขนของบ่าวคนสนิท

“เจ้าน้อยพระเจ้าค่ะ” เจ้าฝัน

“หึ” องค์พาฬเค้นสุรเสียงในพระศอ เห็นหน้าผัวเท่านี้ถึงกับหน้ามืดเชียวหรือ ธาราสลิล

“ฮึก ม ไม่” เจ้าสลิลกอดแขนบ่าวคนสนิทแน่น

“หม่อมฉันคงต้องขออภัยองค์ภุมริน แลพระชายาชมนาด หากแต่ธาราสลิลดูท่าจักป่วยเสียแล้ว หม่อมฉันขอเสียมารยาทพาน้องกลับตำหนักไปพักก่อนหนาพ่ะย่ะค่ะ” องค์พาฬตรัสกับเจ้าแคว้นภุมริกา

“ให้ข้าตามหมอหลวงหรือไม่” พระชายาชมนาดตรัสถาม

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันจักรักษาเอง” องค์พาฬตรัส แลลุกจากตั่งที่ประทับมายังเจ้าสลิลที่นั่งกองอยู่กับพื้น

“ฮึก จ เจ้าฝัน” เจ้าสลิลครางเรียกคนสนิทสุรเสียงสั่น

“หึ สำออยนักเมียข้า” องค์พาฬกระซิบลอดไรพระทนต์ข้างกรรณขาวของเจ้าสลิล ก่อนจักกระชากร่างบางออกจากอ้อมกอดเจ้าฝันจนทั้งนายทั้งบ่าวสะดุ้งเฮือก

“ฮึก ฮือ” เจ้าสลิลสะอื้นไห้ตัวสั่นในอ้อมพระกรของเจ้าหลวงศารทูล

“นำทางข้าไปยังตำหนักของนายเจ้าประเดี๋ยวนี้” ช้อนอุ้มเจ้าสลิลขึ้น แลผินพักตร์ไปตรัสกับเจ้าฝันสุรเสียงเข้ม

“...ค ค คือ” เจ้าฝันอึกอัก หากกลับตำหนักอยู่ในที่ลับตาคนเช่นนั้นเจ้าน้อยสลิลจักต้องช้ำเป็นแน่

“ไป” กดพระสุรเสียงลอดไรพระทนต์

“ฮึก ทาง น นี้ ฮึก พ พระเจ้าค่ะ” เจ้าฝันกลืนก้อนสะอื้นด้วยความหวาดกลัว แลนำเจ้าหลวงศารทูลที่อุ้มนายตนไว้ไปยังตำหนักรับรอง


.
.
.


เมื่อถึงตำหนักรับรองของเจ้าสลิล องค์พาฬก็อุ้มเจ้าสลิลเข้าไปในห้องบรรทม เจ้าฝันรีบตามคนเป็นนายเข้าไปติดๆ หากแต่องค์พาฬกลับหยุดพระบาท แลผินไปพักตร์ไปหาองครักษ์คนสนิท เพียงแค่สบพระเนตรคนเป็นนาย พ่อขุนก็จัดการลากเจ้าฝันออกจากห้องบรรทม แลปิดประตูลงกลอนให้คนเป็นนายมิดชิด

“หึ” เมื่อได้อยู่ตามลำพังกันสองพระองค์ องค์พาฬจึงโยนเจ้าสลิลลงบนพระแท่นบรรทมโครมใหญ่ เจ้าสลิลแม้จักจุกมิน้อย หากแต่ก็ตะเกียกตะกายคลานหนีว่าที่พระภัสดา

“อ๊ะ” ข้อพระบาทขาวถูกกำรอบ แลลากกลับมาอยู่ภายใต้พระวรกายกำยำขององค์พาฬ

“หน้าด้านนัก เป็นชายาดีๆ มิเอา แต่เร่มาเสนอตัวเป็นน้อยเขา แลเป็นอย่างไรเล่า เขาเอาเจ้าหรือไม่” องค์พาฬตรัสเยาะพร้อมรอยสรวล หากแต่ในพระทัยนั้นกลับเดือดดาลจนใคร่อยากจักบีบคอเจ้าสลิลให้หักนัก

“ฮึก ฮือออ”

“ไร้ค่าเสียจริงหนาธาราสลิล”

“ฮึก แล้วอย่างไร ให้ข้าไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีมากกว่านี้ข้าก็จักทำ ขอเพียงมิต้องเป็นเมียท่านก็พอแล้ว!! ให้ข้าเป็นสนมปลายแถวขององค์ภุชงค์ยังดีเสียกว่า” เจ้าธาราสลิลโกรธเคืองจนเผลอประชดประชันออกไป หากมีสติสักน้อยคงจักตระหนักถึงผลที่จักตามมาได้

“ดี! ดียิ่ง ใคร่อยากเป็นสนมของเจ้าภุชงค์จนตัวสั่น เจ้าคงจักรักปักใจเจ้าภุชงค์มิน้อยเลยใช่หรือไม่”

“เป็นดังที่ท่านตรัส”

“เช่นนั้นข้าจักทำให้เจ้าเป็นเมียข้าที่นี่!! ที่ภุมริกาบ้านของชายที่เจ้ารักปักใจ ดีหรือไม่!!” องค์พาฬตวาดสุรเสียงดังจนเจ้าสลิลแทบจักหยุดหายพระทัย

“อ อย่าหนา ป ปล่อยข้า” เจ้าสลิลกรีดร้องดิ้นรนขัดขืนหัตถ์ใหญ่ที่กำลังฉุดกระชากปลดเปลื้องอาภรณ์ตนอยู่ พระหัตถ์ร้อนบีบจับฉวีขาวจนช้ำเป็นรอยพระหัตถ์ ทุกพื้นที่บนร่างกายของเจ้าสลิลเป็นของข้า ของข้าแต่เพียงผู้เดียว

“ร้องดังๆ สิเจ้า เอาให้ดังไปถึงตำหนักเจ้าภุชงค์ไปเลยหนา” องค์พาฬตรัส แลทิ้งพระวรกายทาบทับกายเปลือยขาวโพลนของเจ้าธาราสลิล พระพักตร์งามซุกไซร้ซอกคอหอม พระทนต์ครูดกัดจนฉวีนุ่มช้ำห้อพระโลหิต พระหัตถ์ทั้งสองข้างบีบเคล้นยอดอกสีอ่อนระเรื่อจนเจ้าสลิลอัสสุชลไหลอาบปรางขาว มิว่าองค์พาฬจักจับต้องที่ใดบนร่างกายเจ้าสลิลล้วนทิ้งรอยช้ำ แลความเจ็บปวดให้ติดตรึง

“ฮึก ฮือออ ม หม่อมฉัน จ เจ็บ” เจ้าสลิลหมดเรี่ยวแรงที่จักสู้ กรเรียวทั้งสองข้างอ่อนแรงตกลงข้างลำตัว สะอื้นไห้จนสุรเสียงแหบ

“เป็นเด็กดี แลอย่าทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้อีกจำใส่กระโหลกหนาๆ ของเจ้าเอาไว้” องค์พาฬบีบปรางขาวแน่น ก่อนจักตรัสสุรเสียงเหี้ยมชิดติดโอษฐ์ช้ำของเจ้าสลิล

“ฮึก”

“จำเอาไว้ให้ดี ว่าเจ้าเป็นเมียข้า อย่าได้เร่ทำตัวไร้ค่า ไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้อีก มิเช่นนั้นข้าจักทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย แลแม้เจ้าจักตายไปแล้ว ข้าก็จักกักขังวิญญาณเจ้าไปชั่วกัปชั่วกัลป์” เจ้าหลวงศารทูลตรัส แลกระแทกพระโอษฐ์บดเบียดกลีบโอษฐ์นุ่มจนได้เลือด

“ฮึก อื้อ” เจ้าสลิลหลับเนตรแน่นรับความเจ็บปวด


.
.
.


ทางด้านเจ้าแสงแรก หลังจากที่เจ้าน้อยธาราสลิลเสด็จไปตามคำเชิญของเจ้าหลวงภุมริน เจ้าตัวก็ยังคงประทับรับขนมหวานอยู่ที่ศาลาริมสระหลวง

“เจ้ายี่สุ่น” แสงแรกตรัสเรียกคนสนิท

“พระเจ้าค่ะ”

“ข้าใคร่อยากรู้ว่าเสด็จพ่อท่านเรียกเจ้าน้อยสลิลไปเข้าเฝ้าด้วยเรื่องอันใด”

“ยี่สุ่นจักไปสืบมาให้พระเจ้าค่ะ” คนเป็นนายตรัสเพียงเท่านั้นยี่สุ่นก็เข้าใจได้

“ดี รีบไปรีบมา แลอย่าให้ใครสงสัยเจ้าเล่า”

“พระเจ้าค่ะ พระชายาเชื่อมือยี่สุ่นได้” ยี่สุ่นยิ้มซุกซน

“ดีมาก ไปเถิด ข้าจักรออยู่ที่นี่”

“พระเจ้าค่ะ”



รอเพียงมินานเจ้ายี่สุ่นก็กลับมาที่ศาลาริมสระหลวง บ่าวตัวน้อยคลานเข่าเข้าหาคนเป็นนาย แลยืดตัวกระซิบข้างพระกรรณของเจ้าแสงแรกรายงานสิ่งที่ได้รับรู้มา

“ทูลพระชายา เจ้าหลวงศารทูลเสด็จมาถึงภุมริกาแล้ว องค์ภุมรินจึงมีรับสั่งให้เจ้าน้อยธาราสลิลเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ”

“เสด็จมาแล้วหรือ” เจ้าแสงแรกเลิกพระขนงขึ้นอย่างแปลกพระทัย

“พระเจ้าค่ะ”

“ไวแท้ นี่เพิ่งจักห้าวันเองหนา ข้านึกว่าจักนานกว่านี้เสียอีก” เจ้าแสงแรกพึมพำ หากแต่ยิ่งไวก็ยิ่งดี

“ทำกระไรอยู่หรือเจ้าแสงแรก” เจ้าแสงแรกหลุดออกจากห้วงความคิด เมื่อได้ยินสุรเสียงของผู้มาใหม่ตรัสทักขึ้น

“ฝ่าบาท”

“ว่าอย่างไร ทำกระไรอยู่เจ้า” องค์ภุชงค์ตรัสถาม หลังจากที่ดำเนินมาประทับบนตั่งตัวเดียวกับเมีย

“หม่อมฉันมานั่งจิบน้ำขิง แลรับลมเล่นพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงตรัสทูลพระภัสดา

“เยี่ยงนั้นหรือ” องค์ภุชงค์แย้มสรวล ขยับเข้าตระกองกอดเมียรักจากด้านหลัง แลแตะพระนาสิกกับขมับขาวของน้องน้อยอย่างรักใคร่

“ชงโคเอาขนมหวาน แลพระสุธารสชาถวายฝ่าบาทท่านทีเถิด” เจ้าแสงแรกทิ้งกายพิงพระอุระอุ่น แย้มสรวลตอบพระภัสดา แลตรัสให้คนสนิทนำพระกายาหารว่างถวายองค์รัชทายาท

“พระเจ้าค่ะ”

“ลูกพ่อ เป็นอย่างไรบ้างเจ้า วันนี้เจ้าเป็นเด็กดีหรือไม่” องค์ภุชงค์วางหัตถ์ลงบนครรภ์นูนเป็นลูกแตงของเจ้าแสง แลตรัสสุรเสียงอ่อนกับลูกน้อย

“ลูกเป็นเด็กดีพระเจ้าค่ะ มิงอแงให้หม่อมฉันลำบากเลย” เจ้าแสงแรกตรัส แลสรวลอย่างเอ็นดูเจ้าตัวน้อยในครรภ์

“จริงหรือ เก่งมากเด็กดี พ่อแทบจักรอวันที่เจ้าลืมตาดูโลกมิไหวแล้ว”

“อีกมินานดอกพระเจ้าค่ะ” เจ้าแสงแรกตรัส

“อีกนานหรือไม่กว่าลูกจักดิ้น” องค์ภุชงค์ตรัสถาม

“หมอหลวงท่านว่ามินานพระเจ้าค่ะ เพลานี้หม่อมฉันก็ตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว ประเดี๋ยวเดือนที่ห้าที่หก ลูกก็ดิ้นแล้วพระเจ้าค่ะ”

“หากลูกดิ้นแล้ว เจ้าต้องบอกพี่ทันทีหนารู้หรือไม่”

“พระเจ้าค่ะ หม่อมฉันจักบอกพระองค์เป็นคนแรก”

“หึหึหึ” องค์ภุชงค์บรรจงจูบที่ปรางนุ่มของเมียอย่างรักใคร่ ข้าหลวงสาวที่คอยรับใช้ต่างอายม้วนต้วนเมื่อองค์รัชทายาทท่านแสดงความรักกับพระชายา







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2019 14:48:25 โดย Thichadad3938 »

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สงสารเจ้าน้อยธาราสลิล องค์พยัคฆ์แอบซึนใช่มั้ย รักเค้าแต่ร้ายใส่เค้า
เจ้าแสงก็มิเบา เจ้าชมนาดต้องถูกใจ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
องค์พาฬดุจางงงงงง

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: เจ้าแสงก็มีพิษสงนะจ๊ะ อย่ามารังแกกัน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด