ภุชงค์เล่นแสง ๑๕แม้เจ้าแสงแรกจักตรัสว่าจักลงห้องเครื่องทำพระกายาหารถวายพระภัสดา เจ้านายภุมริกา แลเจ้านายศศิมณฑลหากแต่เมื่อได้ลงไปจริงๆ แล้ว กลับทำได้เพียงปรุงรสพระกายาหาร แลคอยกำกับบ่าวไพร่ว่าให้ทำอย่างไร
“ข้าทำได้ แค่นี้มิเป็นกระไรดอก”เจ้าแสงแรกตรัส
“มิได้เพคะ เพลานี้กำลังทรงครรภ์ แลยิ่งครรภ์อ่อนๆ แบบนี้ยิ่งต้องระวังให้มากหนาเพคะ”ยี่สุ่นกระซิบกราบทูลข้างๆ พระกรรณขาว
“กระนั้นก็เถิดยี่สุ่น ให้ข้าได้ทำกระไรเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ยังดี”
“เช่นนั้น พระชายาแกะสลักผักเคียงดีหรือไม่พระเจ้าค่ะ ส่วนเครื่องแกงก็ให้บ่าวมันตำเถิดพระเจ้าค่ะ”ชงโคกราบทูลอ้อนวอน องค์รัชทายาทรักเจ้าน้อยแสงแรกมากเพียงใด ใครๆ ก็รู้กันทั่วทั้งวังหลวง หากปล่อยให้พระชายาขององค์รัชทายาทเป็นกระไรไปแม้เพียงปลายก้อยองค์ภุชงค์คงมิปล่อยไว้เป็นแน่
“ก็ได้จ้ะ”พระชายาขององค์รัชทายาททอดพระเนตรสีหน้าลำบากใจของบ่าวคนสนิทแล้ว ก็พยักพักตร์ยอม
“ขอบพระทัยพระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคค่อยหายใจหายคอโล่งขึ้นเสียหน่อยที่พระชายาท่านมิดื้อดึง
“เช่นนั้นยี่สุ่นก็ยกผักเคียงมาให้ข้าทีเถิด”เจ้าแสงรับสั่งกับบ่าวคนสนิท
“พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่นรับพระบัญชาแล้วยกตะกร้าผักเคียงถวายพระชายา เจ้าแสงแรกบรรจงเลือกผักเคียงมาแกะสลัก
...
เมื่อถึงเพลารับพระกายาหารกลางวัน เจ้าแสงแรกก็เสด็จนำขบวนข้าหลวงห้องเครื่องไปที่ท้องพระโรงตำหนักหลวง มียี่สุ่น แลชงโคประกบซ้ายขวาคอยประคองมิห่าง
“มิต้องตามประกบข้าเยี่ยงนี้ดอกยี่สุ่น ชงโค”เจ้าแสงแรกตรัสสุรเสียงอ่อนพระทัย
“หม่อมฉันสองคนกลัวพระชายาจักล้มนี่พระเจ้าค่ะ”ยี่สุ่น แลชงโคโอดครวญ
“ข้าจักล้มเพราะเจ้าสองคนล้อมหน้าล้อมหลังนี่แล ข้ามิเป็นกระไร พวกเจ้าวางใจเถิด”เจ้าแสงตรัส
“ขอประทานอภัยพระเจ้าค่ะ”บ่าวคนสนิททั้งสองหน้าหงอย
“หึหึหึ มิเป็นกระไร”เจ้าแสงแรกสรวลน้อยๆ แลยกหัตถ์ขึ้นลูบศีรษะของบ่าวคนสนิททั้งสอง ยี่สุ่น แลชงโคฉีกยิ้มหวานประจบประแจงคนเป็นนาย
เมื่อเข้ามาในท้องพระโรงแล้วเจ้าแสงแรกก็ยอบกายลงหมอบกราบเจ้านายทุกพระองค์ที่ประทับอยู่ในท้องพระโรง องค์ภุชงค์ลุกออกจากที่ประทับเข้าประคองเมียให้ค่อยๆ ลุกขึ้น
“มิต้องมากพิธีดอกเจ้าแสงแรก กำลังท้องกำลังไส้ ประเดี๋ยวจักสะดุดล้มเอาได้”เจ้าชมนาดตรัสกับสุณิสาอย่างเมตตา
“ขอบพระทัยเสด็จแม่พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส ก่อนจักดำเนินตามแรงประคองของพระภัสดาไปประทับที่ตั่งทอง
“ได้ยินเจ้าภุชงค์ว่าว่าเจ้าลงห้องเครื่องเช่นนั้นหรือเจ้าแสง”เจ้าชมนาดตรัสถาม
“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสตอบ
“แม่มิห้ามหากเจ้าใคร่อยากลงห้องเครื่องทำกระไรเล็กๆ น้อยๆ หากแต่งานหนักๆ ก็ให้บ่าวมันทำเถิด”
“พระเจ้าค่ะ สำรับมื้อนี้หม่อมฉันก็มิได้ลงมือทำกระไรมาก เพียงแค่ปรุงรส แลแกะสลักผักเคียงเท่านั้นพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระสัสสุ
“ดีแล้ว เพลานี้ครรภ์ของเจ้ายังอ่อนอยู่ ต้องระวังให้มาก”เจ้าชมนาดสั่งสอน
“พระเจ้าค่ะเสด็จแม่”เจ้าแสงแรกสรวลบางๆ รับคำสอนของพระสัสสุ
“เยี่ยงนั้นก็กินข้าวกันเถิด หลานปู่หิวแล้วกระมัง”องค์ภุมรินตรัส เจ้าแสงแรกก้มพักตร์งุดซ่อนรอยแดงบนปรางนวล
“หึหึหึ”องค์ภุชงค์สรวลอย่างชอบพระทัย พลางเปิดสำรับพระกายาหารออก
“ฮึก อุ๊บ”ยามกลิ่นอาหารลอยขึ้นแตะพระนาสิก องค์รัชทายาทก็มีสีพระพักตร์ผะอืดผะอม
“ฝ่าบาท”เจ้าแสงครางเรียกพระภัสดาอย่างเป็นกังวล
“เหม็น”องค์ภุชงค์ตรัส พลางใช้พระหัตถ์ดันสำรับออกห่างจากพระองค์
“เหม็นหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสถาม
“พี่เหม็นแกงเจ้า กลิ่นแรงนัก”องค์ภุชงค์ตรัสพลางชี้ไปที่ถ้วยแกงที่เจ้าแสงแรกเป็นคนทำ แลปรุงรส
“ฝ่าบาทเหม็นแกงที่หม่อมฉันทำหรือพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส แลกัดกลีบโอษฐ์ตนกลั้นก้อนสะอื้น แม้จักรู้ดีว่าพระภัสดาแพ้ท้องแทนตัวเอง หากแต่อารมณ์คนท้องก็อดน้อยพระทัยมิได้
“เจ้าแสงแรก”องค์ภุชงค์ทอดพระเนตรเห็นพักตร์เศร้าสร้อยของเมียก็พระทัยเสีย เจ้าตัวน้อยในครรภ์ของเจ้าแสงก็ขยันรังแกพ่อเสียเหลือเกินหนาลูก
“ยี่สุ่นยกแกงในสำรับองค์ภุชงค์มาให้ข้า”เจ้าแสงแรกมิตรัสตอบพระภัสดา หากแต่สั่งให้บ่าวคนสนิทยกถ้วยแกงที่ตนทำออกจากสำรับของพระภัสดา
“หากพระองค์เสวยมิได้ก็มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระภัสดา
“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์กลัวเหลือเกินว่าเมียจักน้อยใจ
“มิเป็นกระไรพระเจ้าค่ะ ฝ่าบาทเสวยเถิด”เจ้าแสงแรกทูล แลแย้มสรวลบางๆ ให้พระภัสดา
“...”เมื่อเห็นว่าเมียมิได้สนใจตัวแล้ว องค์ภุชงค์จึงยอมละสายพระเนตรออกจากดวงพักตร์หวาน แลเสวยสำรับของพระองค์บ้าง หากแต่ก็เหลือบเนตรมองเมียเป็นระยะๆ เจ้าแสงแรกดูจักเจริญอาหารแกงสองถ้วยทั้งในสำรับของเจ้าแสง แลถ้วยที่ยกไปจากสำรับของพระองค์เจ้าแสงกินมิมีเหลือ โอษฐ์จิ้มลิ้มเคี้ยวข้าวหงุบหงับน่าเอ็นดู ส่วนองค์ภุชงค์นั้นเสวยพระกายาหารในสำรับได้เพียงครึ่งก็ต้องยอมรามือ เพราะหากฝืนกินลงไปอีกคงจักอาเจียนออกมาหมดเป็นแน่ พระองค์จึงได้หันไปเสวยผลอัมพวาดิบสีขาวที่ดูสี แลได้กลิ่นก็เปรี้ยวเสียจนเข็ดฟันแล้ว
“ภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสเรียกโอรสองค์โตของพระองค์
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”องค์ภุชงค์วางผลอัมพวาฝานในพระหัตถ์ลง แลผินพักตร์ไปรับคำพระมารดา
“กินผลอัมพวามากๆ เช่นนี้ ประเดี๋ยวก็เสาะท้องดอกลูก”
“ทูลเสด็จแม่ ช่วงนี้ลูกแพ้ท้องแทนเจ้าแสงแรก ได้กลิ่นกระไรก็เหม็นไปเสียทุกอย่าง กับข้าวกับปลาก็หากินได้อย่างแต่ก่อนไม่ มีเพียงผลอัมพวาดิบ ผลมะดัน แลผลหมากรสเปรี้ยวเข็ดฟันเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ที่ลูกพอจักกินได้มากหน่อย”
“โถ ถูกลูกรังแกเสียแล้วไหมล่ะเจ้าภุชงค์”เจ้าชมนาดตรัสเย้า
“ยอมพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์ตรัสพร้อมสรวลเต็มดวงพักตร์
“...”เจ้าแสงพักตร์แดงระเรื่อ
“หึหึหึ”องค์ภุมริน แลเจ้าชมนาดสรวล แลส่ายพักตร์เบาๆ
“ดีหนาที่ตอนเจ้าท้องเจ้าพเยีย ลูกมิรังแกพี่เช่นนี้”องค์จันทร์ตรัสกระซิบข้างกรรณขาวของเมีย
“หึหึหึ ลูกคงจักสงสารพระองค์ แลหม่อมฉันกระมังพระเจ้าค่ะ เพียงแค่ต้องห่างกันยามพระองค์เสด็จไปการเวกก็แทบจักขาดใจแล้ว”เจ้าบัวงามตรัส
“เจ้าพเยียลูกพ่อเป็นเด็กดีจริงเชียว ประเดี๋ยวพ่อทำน้องให้หนาลูก”องค์จันทร์โน้มพักตร์ลงไปรัสกับเจ้าตัวน้อยที่ซบปรางกลมกับอังสะมารดา จ้องมองมาที่พระพักตร์บิดาตาแป๋ว
“ฝ่าบาท ตรัสเยี่ยงนี้กับลูกได้เช่นไรพระเจ้าค่ะ”เจ้าบัวงามเอ็ดพระภัสดาสุรเสียงแผ่ว เกรงว่าบิดา มารดาจักได้ยินเข้า
“แหะๆ”ได้ยินมารดาท่านเอ็ดบิดาแล้วเจ้าพเยียน้อยก็อ้าโอษฐ์สรวล เผยให้เห็นเหงือกสีแดงสด
“หึหึหึ ใคร่อยากได้น้องใช่หรือไม่ลูก”องค์จันทร์ตรัสเย้าลูกน้อยในอ้อมอุระเมีย เจ้าตัวน้อยก็คึกดีดตัวไปมาจนคนเป็นแม่แทบจักจับไว้มิอยู่
“เจ้าพเยียแม่จักสู้แรงเจ้ามิไหวแล้วหนาลูก”เจ้าบัวงามกอดลูกแน่นขึ้น
“หึหึหึ มาพ่ออุ้มดีกว่าหนาเจ้า”องค์จันทร์ตรัส แลช้อนเจ้าตัวน้อยมาอุ้มเอง
“แอ๊ะๆ”เจ้าพเยียส่งสุรเสียงอ้อแอ้ พ่นเขฬะใส่บิดาจนฟองฟ่อด
“เจ้าลูกวิฬาร”องค์จันทร์เย้าเจ้าตัวน้อยในอ้อมพระกรของพระองค์
“แอ๊ แอ๊ะๆ กรี๊ด แหะๆ”เจ้าพเยียคึกตอบรับพระบิดาสุรเสียงดัง จนตา แลยายต้องผินพักร์มาทอดพระเนตรเจ้าตัวน้อย
“คึกกระไรเล่านั่น”เจ้าชมนาดตรัสถาม
“ชู่ว”องค์จันทร์แตะพระดรรชนีที่โอษฐ์เล็กเยิ้มเขฬะใส
“กรี๊ด แหะๆๆ”หากแต่ยิ่งทำเจ้าพเยียน้อยก็ยิ่งสรวล แลกรีดร้องอารมณ์ดี
“ชู่ววว”
“กรี๊ด”
“หึหึหึ”ผู้ใหญ่ในท้องพระโรงได้แต่สรวลให้เจ้าตัวน้อยอย่างเอ็นดู เจ้าแสงแรกทอดพระเนตรนัดดาตัวน้อย แลแย้มสรวลกว้าง หัตถ์บางก็ลูบครรภ์ตนไปมา ใคร่อยากให้เจ้าตัวน้อยของตนเองออกมาส่งเสียงหัวเราะน่าเอ็นดูแบบนี้เสียแล้วสิ
“ใคร่อยากให้ลูกออกมาเร็วเสียแล้วสิเจ้า พี่ใคร่อยากได้ยินเสียงลูกหัวร่อเช่นนี้บ้าง”องค์ภุชงค์ผินพักตร์มาตรัสกับเมียรัก
“พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกแย้มโอษฐ์หวานให้พระภัสดา
...
หลายวันผ่านไป ดูท่าแค่กลั่นแกล้งให้บิดาแพ้ท้องแทนมารดาคงจักยังมิสาแก่ใจเจ้าตัวน้อย เพลานี้จึงได้แกล้งให้องค์ภุชงค์แพ้กลิ่นแก้วของเจ้าแสงแรก หากเข้าใกล้เมียคราใดเป็นได้อาเจียนเสียจนพักตร์ดำพักตร์แดง ส่วนเจ้าแสงแรกก็น้องอกน้อยใจร้องห่มร้องไห้ จนเจ้าชมนาดต้องปลอบสุณิสาจ้าละหวั่น
“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกสะอื้นกับอุระบางของพระสัสสุ เนตรงามแดงช้ำ
“ชู่ว นิ่งเสียเจ้าแสงแรก นิ่งเสียลูก”เจ้าชมนาดกอดปลอบสุณิสาอย่างอ่อนพระทัย หัตถ์บางลูบอังสะมนไปมา
“ฮึก ส เสด็จ แม่ ฮึก”
“พี่เขาก็แค่แพ้ท้องแทนเจ้า มินานก็หาย มิไห้หนาลูก”
“ฮึก องค์ ภ ภุชงค์ ท ทอดพระเนตรหน้า ม หม่อมฉัน ล แล้วก็อาเจียน ฮึก ฮือ”เจ้าแสงแรกตรัสเคล้าเสียงสะอื้น ฟ้องพระสัสสุ
“ชู่ว มิเป็นกระไรหนาลูก ประเดี๋ยวแม่จักตีพี่เขาให้ดีหรือไม่”เจ้าชมนาดลูบเกศานุ่มปลอบประโลม
“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกซุกพักตร์กับอุระบางของพระสัสสุ
“เจ้าแสงแรกหยุดไห้เถิดประเดี๋ยวเจ้าตัวน้อยในท้องเจ้าจักมิสบายเอาได้หนา”เจ้าบัวงามตรัสหลอกล่อ
“ฮึก ฮึก”เจ้าแสงแรกพยายามกลั้นสะอื้น ดวงพักตร์ขาวซีดเซียว ดวงเนตร แลปลายนาสิกโด่งรั้นแดงระเรื่อน่าสงสาร
“ฮึก”เจ้าพเยียเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเจ้าแสงแรกก็เบะโอษฐ์ น้ำตาคลอ เนตรคมกวาดมองคนนู้นที คนนี้ที
“ชู่ว พเยียไปเดินเล่นกับพ่อดีว่าหนาลูก”องค์จันทร์ยื่นพระหัตถ์ไปหาลูกน้อย เจ้าบัวงามจึงได้ส่งเจ้าตัวเล็กให้พระภัสดาอุ้มแนบพระอุระ แลพาลูกดำเนินออกจากตำหนักขององค์รัชทายาท
“ฮึก อึก อ องค์ภุชงค์ ห เห็นหน้าหม่อมฉัน ล แลอาเจียนเช่นนี้ ห เห็นทีหม่อมฉัน ค คงต้องแยก ต ตำหนักแล้วพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกลั้นสะอื้น แลตรัสกระท่อนกระแท่น
“จักแยกตำหนักเช่นนั้นหรือลูก”เจ้าชมนาดตรัสถามอย่างเป็นกังวล พลางใช้พระหัตถ์บางปาดน้ำตาให้สุณิสา เจ้าแสงแรกเพิ่งจักย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักของเจ้าภุชงค์ได้มิกี่วัน จักแยกตำหนักเสียแล้ว
“ฮึก พระเจ้าค่ะ อ องค์ภุชงค์ พ แพ้ท้องแทนหม่อมฉันเช่นนี้ ค คงอยู่ด้วยกันมิได้ อ เอาไว้องค์ภุชงค์ท่านหายแพ้ท้องเมื่อใด ม หม่อมฉัน ค ค่อยย้ายกลับมาก็ได้พระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าหนา”เจ้าชมนาดตรัส แลรั้งร่างแน่งน้อยของสุณิสาเข้ามากอด
“ฮึก อึก”เจ้าแสงแรกกอดพระกฤษฎีบางของพระสัสสุแน่น
“...”เจ้าบัวงามยกหัตถ์ลูบเกศาของเจ้าแสงปลอบด้วยอีกคน
...
ด้านองค์ภุชงค์ก็แย่มิแพ้คนเป็นเมีย เพลานี้องค์รัชทายาทแห่งภุมริกาหมดสภาพเสียจนดูมิได้ องค์ภุชงค์ทรงบรรทมอยู่บนพระแท่นบรรทม มีพ่อขันธ์องครักษ์ส่วนพระองค์คอยถือยาหอมจ่อที่ใต้พระนาสิกให้
“เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”พ่อขันธ์ทูลถามคนเป็นนาย
“กูจักตายแล้วไอ้ขันธ์”องค์ภุชงค์ตรัสสุรเสียงแผ่ว
“ทำพระทัยดีๆ ไว้หนาพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ยังมิได้เห็นพระพักตร์องค์รัชทายาทน้อยเลยหนาพ่ะย่ะค่ะ”คนสนิทกราบทูล
“...”ลืมเนตรขึ้น แลเหลือบมองคนสนิทด้วยหางพระเนตร
“กูมิตายง่ายๆ ดอก แลนี่เจ้าแสงไปไหนเสีย”องค์ภุชงค์ตรัสหาเมียรัก แม้ว่าจักอยู่ใกล้เมีย แลอาเจียนเสียพระกรรณดับ หากแต่ก็ยังใคร่อยากเห็นเจ้าแสงแรกในคลองจักษุตลอดเพลา
“พระชายาเสด็จไปที่ตำหนักรับรองที่เคยประทับพ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ส่วนพระองค์กราบทูล
“เมียกูไปทำกระไรที่นั่น”ตรัสถามองครักษ์คนสนิท
“พระชายาท่านจักกลับไปประทับที่ตำหนักรับรอง จนกว่าฝ่าบาทจักหายแพ้ท้องแทนพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”สิ้นเสียงองครักษ์คนสนิท องค์ภุชงค์ก็หันพักตร์ขวับไปหาพ่อขันธ์ทันที
“เอ็งว่ากระไรหนา”
“ทูลฝ่าบาท พระชายาท่านเก็บข้าวของย้ายไปประทับที่ตำหนักรับรองหลังเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
...
องค์ภุชงค์หอบสังขารร่อแร่ของพระองค์ เสด็จไปหาคนเป็นเมียถึงตำหนักรับรอง พระหัตถ์ถือยาหอมจ่อที่พระนาสิกตนมิห่าง
“เจ้าแสง”องค์ภุชงค์เกาะบานพระทวารตรัสเรียกเมียสุรเสียงอ่อน
“...”หากแต่ภายในตำหนักรับรองกลับเงียบกริบ มิมีเสียงกระไรตอบกลับมา
“เจ้าแสงแรก ตอบพี่หน่อยเถิดเจ้า”องค์ภุชงค์ตรัสขึ้นอีกอย่างร้อนพระทัย
“ฝ่าบาทกลับไปพักผ่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัสตอบกลับมา หากแต่ก็ยังมิยอมเปิดบานพระทวารให้พระภัสดา
“เจ้าแสงเปิดประตูให้พี่เข้าไปเห็นหน้าเจ้าเสียหน่อยเถิดหนา”
“มิได้พระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทเห็นหน้าหม่อมฉัน ประเดี๋ยวจักอาเจียนเอาได้อีก กลับไปพักผ่อนเถิดพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกกราบทูลพระภัสดาสุรเสียงสั่นเครือ
“เจ้าแสง”
“กลับไปก่อนหนาพระเจ้าค่ะ หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”เจ้าแสงแรกตรัส
“...”องค์ภุชงค์เมื่อได้รับฟังดังนั้นก็พักตร์นิ่ง อ้าโอษฐ์ค้าง
“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”
“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”
“หากฝ่าบาทหายแพ้ท้องแทนหม่อมฉันเมื่อใด เราค่อยปะหน้ากันหนาพระเจ้าค่ะ”
แลเมื่อใดเจ้าตัวน้อยในครรภ์เจ้าแสงแรกจักเมตตาหยุดรังแกพ่อกันเล่า หากพระองค์ต้องแพ้ท้องแทนเมียไปจนลูกคลอดจักทำอย่างไร มิขาดพระทัยตายกันก่อนจักได้เห็นหน้าลูกหรืออย่างไร
“เสด็จแม่”สุรเสียงทุ้มครางเครือเรียกมารดา ก่อนจักผละออกจากบานพระทวาร แลเสด็จไปยังตำหนักหลวง
“ฝ่าบาท”พ่อขันธ์วิ่งตามคนเป็นนายขาแทบขวิด ประเดี๋ยวก็วิ่งไปหาเมีย ประเดี๋ยวก็วิ่งไปหาแม่
...
องค์ภุชงค์เสด็จไปที่ตำหนักหลวง อันเป็นที่ประทับของบิดา แลมารดา เจ้าชมนาดที่กำลังบีบนวดปรนนิบัติพระภัสดาตกพระทัยจนสะดุ้งตัวโยน
“เสด็จแม่”
“กระไรกันเจ้าภุชงค์ แม่เจ้าตกอกตกใจจนตัวโยนหมดแล้ว”บิดาท่านตรัส พลางลูบพระขนองปลอบพระทัยมารดา
“เจ้าแสงแยกตำหนักกับลูก”
“แม่รู้แล้ว”
“เสด็จแม่ทราบแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ แลเหตุใดเสด็จแม่มิห้ามเจ้าแสงให้ลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ภุชงค์”องค์ภุมรินปรามโอรสองค์โต
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ”องค์ภุชงค์หมอบกราบบิดา แลมารดา
“เพลานี้น้องกำลังท้องกำลังไส้ก็ตามใจน้องหน่อยเถิด แลอีกอย่างเจ้าแพ้ท้องเหม็นกลิ่นเจ้าแสงแรกเช่นนี้ เมียน้อยใจจนไห้ตาปูดตาบวม หากต้องมาอาเจียนให้เมียเห็นทุกวันเจ้าแสงแรกมิช้ำใจตายพอดีหรือลูก”เจ้าชมนาดตรัส
“...”องคภุชงค์ตรัสมิออก เป็นความจริงดังที่มารดาตรัสทุกประการ
“เอาไว้เจ้าหายแพ้ท้องแทนเจ้าแสงแรก แลค่อยให้น้องกลับไปอยู่ตำหนักเจ้าเช่นเดิมจักดีกว่าหนาลูก”
“แลเมื่อใดเจ้าตัวน้อยในครรภ์เจ้าแสงจักเลิกรังแกลูกเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“หึหึหึ เป็นพ่อคนแล้วหนาเจ้าภุชงค์ ไยจึงงอแงเป็นเด็กเช่นนี้”องค์ภุมรินตรัสกลั้วพระสรวล
แลหลังจากที่เจ้าแสงแรกแยกตำหนักไป เจ้าคนงามก็เลี่ยงหลบพระภัสดาของตนเอง มิยอมให้พบพักตร์ แม้แต่แขนก็ยังมิยอมให้พระภัสดาได้ทอดพระเนตร มิรู้ว่ากลัวพระองค์จักแพ้กลิ่นตนเอง หรือ เป็นเจ้าแสงแรกเองที่มิใคร่อยากเห็นพักตร์องค์ภุชงค์ ดำริ แลก็ถอนพระทัย คิดถึงเมียพระทัยจักขาดอยู่แล้ว เจ้าตัวน้อยหนาเจ้าตัวน้อย มิเห็นใจพ่อเลยหนาลูก!