อู่ซ่อมรัก. 5
“มันมีลูกมีเมียตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เด็กสมัยนี้มันไว”
“ขนาดหงิม ๆ เรียบร้อยอย่างไอ้มิ่งยังเอาเมียเข้าบ้าน หาลูกมาให้แม่มันเลี้ยงได้เลย”
“ลูกมันจะเข้าโรงเรียนแล้ว พ่อมันยังเด็กอยู่เลย”
“ไอ้มิ่งไปติดทหารไม่กี่เดือน เมียมันก็หนีตามชู้ไปแล้ว”
“มิ่ง วันนี้เมียเอ็งมันจะอุ้มลูกมันกลับ ดีว่าเห็นทัน แม่ไม่ให้มันเอาไปนะ มันว่าถ้าไม่ให้มันจะฟ้องเอาเลย เอ็งมาคุยกับมันให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไงกัน หลานข้า ข้าไม่ให้นะ”
มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่นาน มิ่งไม่รู้ว่าทำไมชีวิตถึงได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากมายขนาดนี้
ไม่ได้เรียนต่ออย่างที่ตั้งใจ เพราะต้องออกจากวิทยาลัยเพื่อมาหางานทำ หาเงินค่านมให้ลูกและส่งเมียเรียน ความรักในวัยรุ่นไม่ยั่งยืน ถึงจะมีลูกด้วยกันก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป
มิ่งมีความรู้เรื่องช่างยนต์มาบ้างจากการที่ได้เรียน สามารถทำงานที่อู่ซ่อมรถแถวบ้านได้และเริ่มจากช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเป็นช่างประจำอู่ ไม่นานหลังจากส่งเมียเรียนจบมัธยมปลายและเข้ามหาวิทยาลัยทุกอย่างก็เปลี่ยนไปและเมื่อติดทหารเรื่องที่เคยกลัวมาตลอดก็เป็นจริง
“มันไปได้หลายเดือนแล้ว แม่ไม่ได้บอกเพราะไม่อยากให้เอ็งเสียใจ”
...กูผิดอะไร...
ที่ผ่านมาที่ทำทุกอย่างให้มาโดยตลอด ...กูทำเพื่ออะไร...
“พรุ่งนี้มันจะให้ตำรวจมาคุยที่บ้าน เอ็งจะให้แม่ทำยังไง เอ็งมาจัดการเอา”
สองทุ่มครึ่งแล้ว รถสองแถวในซอยเลิกวิ่งไปตั้งแต่ห้าโมงเย็น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีแค่นั่งรอเพราะคุณทัศนัยจะเข้ามาเอาเอกสาร เฮียเลยฝากซองไว้ให้ บอกเฮียแล้วว่าต้องกลับบ้าน และเฮียก็สั่งให้รอเต๋ออยู่ที่อู่เพราะเต๋อจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมาส่ง แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็น
มิ่งรู้สึกกระวนกระวายร้อนใจจนไม่อยากรออีก ใจมันกลับไปถึงบ้านแล้วทั้งที่ตัวยังอยู่ที่อู่ เวลาทุกวินาทีที่ผ่านไปมีค่าและรู้สึกเหมือนจะทนรอไม่ไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ มองนาฬิกาที่ฝาผนังก็ทำให้ยิ่งร้อนใจ
ทั้งเต๋อทั้งคุณทัศนัยยังไม่มา ถ้าส่งเอกสารให้แล้ว มิ่งคงไม่รอเต๋อไปส่ง ตัดสินใจว่าจะเดินออกไปที่ถนนใหญ่เอง หลังจากนั้นก็คงพอหารถไปที่สถานีขนส่งได้ ขืนต้องรออยู่อย่างนี้ต่อไป คงร้อนใจจนอกแตกตาย
+++
“เฮียบัสบอกว่าตอนออกจากอู่ให้พาช่างมิ่งออกมาด้วยเพราะช่างมิ่งจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ขึ้นรถสิ เดี๋ยวผมไปส่ง”
ครั้งก่อนที่คุณทัศนัยมาส่งที่อู่ก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังจะพาไปส่งที่สถานีขนส่งอีก แต่มิ่งก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยจำใจขึ้นมาอยู่บนรถ คิดว่าคุณทัศนัยจะมาส่งแค่ถนนใหญ่ แต่คุณทัศนัยขับรถมุ่งหน้าไปที่สถานีขนส่ง และแทนที่จะจอดให้ลงกลายเป็นขับรถเบี่ยงออกไปอีกทาง และมิ่งก็รีบถามทันทีเพราะเส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางเข้าสถานีขนส่ง
“คุณทัศมาผิดทางแล้ว จอดข้างหน้าก็ได้เดี๋ยวผมเดินย้อนกลับไปขึ้นรถเอง”
เราไม่เคยพูดคุยกันแบบจริงจัง แม้จะเห็นหน้ากันอยู่บ่อย ๆ แต่น้อยครั้งมากที่มิ่งจะพูดกับคุณทัศนัยแบบนี้
“ไม่นี่ ถูกแล้ว เฮียบัส บอกให้ผมไปส่งช่างมิ่ง”
เฮียบอกให้ไปส่งอาจจะแค่ถนนใหญ่ หรืออาจจะที่สถานีขนส่ง บางทีคุณทัศนัยอาจจะกำลังเข้าใจผิด
“แต่นี่คุณทัศมาผิดทางแล้ว”
“ไม่นะ ทางนี้ไปบ้านช่างมิ่งได้ไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ครับ แต่ว่า...”
ใช่ที่เป็นถนนเพื่อไปบ้าน แต่ไม่ใช่ที่คุณทัศนัยจะไปส่ง
“เฮียบัสไม่ได้บอกให้คุณทัศนัยไปส่งผมที่บ้านหรอกใช่มั้ยครับ”
“เขาบอกให้ผมพาช่างมิ่งไปส่งกลับบ้าน”
นั่นมันอาจจะหมายถึง ให้พาไปที่สถานีขนส่งเพื่อให้ขึ้นรถกลับบ้านเอง ไม่ใช่การขับรถไปส่งที่บ้านแบบนี้
“นี่ผมก็ไม่รู้ยังไงนะ แต่ช่างมิ่งจะกลับบ้านใช่มั้ย ผมไปส่งช่างมิ่งที่บ้านก็ถูกแล้ว มีตรงไหนผิดพลาดเหรอ”
ที่ผิดพลาดไม่มี แต่ที่มีคือ มิ่งกำลังนั่งตัวเกร็งหลังแข็ง และพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะอธิบายยังไงคุณทัศนัยถึงจะเข้าใจ
“คุณทัศครับ คือว่า...”
พูดออกไปเสียงเบาและคุณทัศนัยก็หันมามองหน้ามิ่งที่กำลังทำหน้าไม่ถูก คิดว่าคงจะอึดอัดใจมาก
“ให้ผมไปส่งที่บ้านนะ”
คุณทัศนัยทำให้มิ่งพูดอะไรไม่ออก
“คือว่า ผม...”
“เฮียฝากให้ผมไปส่งช่างมิ่งที่บ้าน ส่งเสร็จผมก็กลับ ไม่มีอะไรต้องคิดมากหรอก สบายใจได้”
แบบนี้แหละที่ยิ่งทำให้ไม่สบายใจ มิ่งลอบถอนหายใจและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นและไม่รู้จะพูดอะไรดี
พูดก็ไม่ดี ยิ่งพูดออกไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่ดี ไม่พูดก็ไม่ได้ ถ้าไม่พูดอะไรเลยก็จะกลายเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะและไม่มีความเกรงใจ
มิ่งกำลังครุ่นคิดว่าจะพูดกับคุณทัศนัยยังไง และคุณทัศนัยก็ไม่พูดหรือซักถามให้มิ่งไม่สบายใจ ภายในรถมีเพียงเสียงจากวิทยุที่พอช่วยให้บรรยากาศที่แสนอึดอัดใจระหว่างคนสองคนเบาบางลงบ้าง
“เพลงนี้เพราะดีนะ”
คุณทัศนัยชวนคุยและมิ่งก็ตอบรับเสียงเบา
“ครับ”
“อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง”
เสียงร้องเพลงคลอเบา ๆ ไปพร้อมกับเพลงในวิทยุทำให้มิ่งต้องหันมามองคุณทัศนัยที่ร้องเพลงให้ฟังอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าช่างมิ่งมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ผมพอช่วยได้ผมจะช่วย”
อยู่ดี ๆ คุณทัศนัยก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาและมิ่งก็รีบยกมือไหว้ขอบคุณคนที่ขับรถมาส่งที่บ้านทั้งที่มืดค่ำแล้ว
“ขอบคุณที่มาส่งผมครับ”
คุณทัศนัยพยักหน้ารับและส่งยิ้มบาง ๆ ให้คนที่นั่งอยู่ข้างกัน
“ไม่เป็นไรหรอก ผมยินดี”
+++
รถเข้ามาจอดหน้าบ้านสวนที่เป็นบ้านไม้สองชั้นหลังเล็ก ๆ และพ่อแม่ของมิ่งก็มายืนรอเปิดประตูให้ที่หน้าบ้าน
“พ่อแม่ นี่คุณทัศ”
แนะนำให้พ่อแม่รู้จักและคุณทัศนัยก็ยกมือไหว้พ่อแม่ของมิ่งและแนะนำตัว
“ผมเป็นเพื่อนเจ้าของอู่ที่ช่างมิ่งทำงานอยู่ครับ”
พ่อแม่ของมิ่งรับไหว้และชวนให้เข้ามาในบ้าน ถามว่ากินข้าวมาหรือยังและชวนให้ค้างด้วยกัน
“มาถึงก็ดึกดื่นแล้ว ถ้าขับรถกลับไปตอนนี้ก็จะอันตราย ถ้าไม่รังเกียจบ้านคนจนก็พักค้างสักคืนพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับเถอะคุณ”
“จะดีเหรอครับ”
คุณทัศนัยหันมามองมิ่งที่นั่งอยู่เพื่อขอความคิดเห็น คุณทัศนัยอุตส่าห์มาส่งถึงบ้านถ้าให้กลับไปตอนนี้ก็คงจะน่าเกลียดเกินไป
“ถ้าคุณทัศไม่รังเกียจ ก็ค้างสักคืนเถอะครับ”
ชวนให้อยู่ค้างและคุณทัศนัยก็ยอมพยักหน้ารับ
“งั้นวันนี้ผมขอรบกวนสักหนึ่งคืนนะครับ”
สิ่งที่น่าอึดอัดใจที่สุดสำหรับมิ่งตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดกับคุณทัศนัยแต่เป็นการต้องนอนมุ้งเดียวกันกับคุณทัศนัยมากกว่า
“คุณทัศจะอาบน้ำหน่อยมั้ยครับ ถ้าอาบเดี๋ยวผม....”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมล้างหน้าล้างตาก็พอนอนได้แล้ว นอนแป๊บเดียวก็เช้า พอเช้าแล้วเดี๋ยวผมก็จะกลับแต่เช้าเลย”
มันเป็นบรรยากาศที่ชวนอึดอัดใจอย่างถึงที่สุด มิ่งไม่ใช่คนเรื่องมาก สมัยตอนฝึกทหารทำอะไรก็ทำได้ไม่เคยมีปัญหา จะกินอยู่หลับนอนตรงไหนก็อยู่ได้ แต่การที่ต้องมานอนร่วมมุ้งเดียวกับคุณทัศนัยมิ่งรู้สึกว่าเป็นปัญหาใหญ่ คุณทัศนัยเป็นลูกค้าของเฮีย ส่งงานให้ที่อู่อยู่ตลอด ไม่ใช่คนที่มิ่งจะสนิทสนมด้วยได้ และที่ทำให้เข้าหน้าคุณทัศนัยไม่ติดก็เป็นเพราะไอ้เต๋อพูดเรื่องแปลก ๆ กรอกหูอยู่ทุกวัน
มิ่งพาคุณทัศนัยไปล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยและก็ส่งผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับเช็ดหน้าให้
“เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ คุณทัศนอนก่อนก็ได้”
หยุดสถานการณ์ที่ชวนอึดอัดใจด้วยการหนีไปอาบน้ำและคุณทัศนัยก็เรียกมิ่งเอาไว้
“ช่างมิ่ง”
“ครับ”
“การที่ผมค้างด้วยทำให้ช่างมิ่งไม่สบายใจหรือเปล่า ถ้ายังไงผมกลับตอนนี้เลยก็ได้นะ”
คุณทัศนัยมีใจเอื้อเฟื้อขับรถมาไกลเพื่อมาส่งที่บ้าน ถึงจะอึดอัดใจที่ต้องนอนมุ้งเดียวกันแต่ถ้าให้กลับไปตอนนี้ก็คงเกินไป
“ถ้าคุณทัศกลับ นั่นจะทำให้ผมยิ่งไม่สบายใจครับ”
บอกให้คนที่อยู่ตรงหน้ารับรู้และคุณทัศนัยก็พยักหน้ารับและส่งยิ้มให้
“ขอบคุณที่ให้ผมค้างด้วยนะ”
“ผมก็ขอบคุณที่คุณทัศพาผมมาส่งที่บ้านเหมือนกันครับ”
ยกมือไหว้ขอบคุณและคุณทัศนัยก็รีบยกมือรับไหว้
“ผมบอกช่างมิ่งแล้วไง ว่าอะไรที่พอช่วยได้ผมก็ยินดีจะช่วยช่างมิ่งทุกเรื่องเลย”
+++
คืนนั้นนอกจากเรื่องน่าอึดอัดใจที่ต้องนอนมุ้งเดียวกับคุณทัศนัยแล้วก็ยังมีเรื่องที่ทำให้มิ่งต้องครุ่นคิดและกระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับด้วย
“มันขอห้าหมื่น แล้วจะไม่มายุ่งด้วย”
มันคือเรื่องน่าอายของครอบครัวและถึงแม้ไม่อยากให้ใครรู้ แต่ในเมื่อคุณทัศนัยนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยตอนที่คุยกับพ่อแม่ก็ไม่รู้จะปิดบังยังไง
“ห้าหมื่นเลยเหรอ”
“สงสัยมันจะเอาไปตั้งตัวกับผัวใหม่”
มิ่งได้แต่ฟังสิ่งที่แม่พูดแล้วก็ถอนใจยาว เรื่องราวความหลังครั้งเก่าย้อนกลับมาในความคิดอีกแล้ว และมันก็ทำร้ายจิตใจทุกครั้งที่นึกถึง
“พิมพานอนแล้วเหรอแม่”
ถามถึงลูกสาวและแม่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“หลับแล้ว ร้องไห้จนหลับ มันคงตกใจกลัวที่แม่มันจะเอาไปให้ได้ ข้าไม่ให้นะ ยังไงก็ไม่ให้ จะฟ้องกันจะเอายังไงก็เอาแต่ข้าไม่ให้นะ หลานข้าไม่ยกให้ใคร”
“ถ้าหาได้ห้าหมื่นแล้วจะไม่มายุ่งจริง ๆ ใช่มั้ย”
ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจและแม่ของมิ่งก็ถอนใจ
“ข้าว่ามันไม่จบหรอก อีนี่มันร้าย ไปตกลงกันที่โรงพักเถอะมีอะไรไปคุยกันตรงนั้น ให้ตำรวจเขาช่วยคุย”
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การพูดคุย แต่ปัญหาอยู่ที่เงิน
“ตอนนี้ผมมีอยู่แค่สองหมื่น ขอต่อรองไปก่อนได้มั้ย หาได้อีกเมื่อไหร่จะให้เพิ่ม”
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ทุกอย่างมันดูยุ่งยากมากขึ้นทุกที อยากให้เรื่องที่ค้างคาแบบนี้จบลงได้แล้ว
“เอ็งลองคุยกับมันดู ยังไงก็เคยเป็นผัวเมียกัน คุยกับมันดี ๆ เผื่อมันจะยอม”
ฟังสิ่งที่แม่บอกและมิ่งก็พยักหน้ารับ
“เอ็งไปนอนเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้มีอะไรค่อยมาคิดกันต่อ ขอโทษทีนะคุณ เลยต้องมาฟังเรื่องอะไรก็ไม่รู้”
แล้วแม่ก็รีบขอโทษคุณทัศนัยที่นั่งฟังอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
“ลำบากหน่อยนะคุณ อาจจะนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ บ้านคนจนข้าวของก็มีแค่นี้”
“ไม่เป็นไรครับ สบายมาก อยู่ที่ไหนผมก็นอนได้ครับ ไม่มีปัญหาเลย”
ไม่คิดว่าคุณทัศนัยจะต้องมารับรู้เรื่องส่วนตัวของตัวเองแบบนี้และมิ่งก็หันมาบอกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน
“ผมไปดูลูกก่อนนะครับ คุณทัศนอนไปก่อนก็ได้”
ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปหาลูกที่ร้องไห้จนหลับ แล้วคุณทัศนัยก็มองตาม ไม่นึกจริง ๆ ว่าจะได้รู้เรื่องครอบครัวของมิ่งมากมายขนาดนี้ และถ้ามีตรงไหนที่พอจะช่วยได้ก็คิดว่าจะช่วยให้ผ่านไปให้ได้ แค่รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน เรื่องเงินทองเป็นปัญหาใหญ่ของมิ่งแต่ไม่เคยเป็นปัญหาของคุณทัศนัย
+++
ดึกมากแล้ว และเมื่อมิ่งกลับออกมาจากไปหาลูกสาวก็เห็นคุณทัศนัยนั่งรออยู่นอกมุ้งยังไม่ได้เข้าไปนอน
“คุณทัศยังไม่นอนเหรอครับ”
“ยัง ผมรอนอนด้วยกัน”
คำพูดที่บางทีอาจไม่มีความหมายอะไรเลย แต่ทำให้คนฟังชะงักนิ่งและก้มหน้าลงไม่กล้ามองหน้าคนที่นั่งรอ
มิ่งเปิดมุ้งเข้าไปนอนและคุณทัศนัยก็ตามเข้ามาในมุ้งด้วย มิ่งนอนหันไปอีกทางและคุณทัศนัยก็นอนอยู่ข้าง ๆ มิ่งนอนไม่หลับเพราะกังวลใจกับเรื่องวันพรุ่งนี้และคุณทัศนัยก็ได้ยินเสียงถอนใจของคนที่นอนอยู่ข้างกัน
ความใกล้ชิดเพียงเล็กน้อย แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ก้าวกระโดดไปข้างหน้าหลายขั้นและทำให้รู้สึกดีที่ได้เข้าใกล้กันอีกนิด คุณทัศนัยรู้สึกดีแต่มิ่งรู้สึกอายที่มีคนต้องมารับรู้เรื่องไม่ดีในครอบครัวของตัวเอง
“นอนไม่หลับเหรอ”
ถามคนที่นอนหันหลังให้และมิ่งที่ยังลืมตาอยู่ในความมืดก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรดี
“เรื่องของพรุ่งนี้ยังมาไม่ถึงเลยนะอย่าเพิ่งกังวลใจเลย”
มิ่งยังคงนิ่งเงียบและไม่ได้ตอบอะไรออกมา และคุณทัศนัยก็ถามเรื่องความกังวลใจของมิ่งอย่างตรงไปตรงมา
“กำลังคิดเรื่องเงินที่ทางนั้นเรียกมาอยู่ใช่มั้ย”
ยอมรับว่าใช่ และมิ่งก็หันหน้ามามองคนที่นอนอยู่ข้างกัน
“เรื่องนั้น ผม...”
“เอาน่า อย่ากังวลใจไปเลย มีอะไรที่ผมช่วยได้เดี๋ยวผมจะช่วยเองไม่ต้องกังวลหรอก นอนได้แล้ว มีอะไรค่อยไปคิดต่อพรุ่งนี้นะ”
“..........”
“นะ”
ถึงจะบอกว่าไม่ให้เครียด ถึงจะบอกว่าไม่ให้คิดแต่จะห้ามยังไงได้
“นะช่างมิ่ง”
“ครับ”
ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อ แต่น้ำเสียงอ่อนโยนที่ได้ยินก็ทำให้สามารถคลายความกังวลลงได้ น่าแปลก ทั้งที่เราอยู่ในสถานะที่ต่างกันและแทบไม่เคยพูดคุยกันเลยแต่ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเชื่อที่คุณทัศนัยพูดได้ง่าย ๆ
“นอนได้แล้วช่างมิ่ง”
“ครับ”
ตอบรับและหลับตาลงแล้ว และคุณทัศนัยก็มองแผ่นหลังของคนที่นอนอยู่ข้างกันและยิ้มออกมา
ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากเพราะแม้จะพูดคุยกันยังแทบไม่มีโอกาส แต่วันนี้กลายเป็นเข้ามานอนในมุ้งเดียวกัน อยู่ดี ๆ ความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาไปไกลอย่างไม่น่าเชื่อ
“เชื่อผมสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีเอง”
เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีเองงั้นเหรอ...แค่เพียงคำพูด แต่ทำให้ความกังวลใจของมิ่งคลายลงได้อย่างน่าประหลาด ในความมืดและเงียบงัน มีความรู้สึกบางอย่างเพิ่มขึ้นในใจของมิ่งทีละนิด ไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อที่คุณทัศนัยพูด แต่มิ่งก็เชื่อและรู้สึกว่าจะเป็นอย่างที่คุณทัศนัยพูดจริง ๆ
“ผมก็หวังว่าพรุ่งนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี”
TBC.