☘ ป่าห่มรัก ☘ [26] #ป่าห่มรัก [12.08.62] P.23 [END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☘ ป่าห่มรัก ☘ [26] #ป่าห่มรัก [12.08.62] P.23 [END]  (อ่าน 194286 ครั้ง)

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
แกล้งเก่งงงงง

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ไม่ต้องเป็นแล้วผู้ช่วยฯเนี่ย ถ้าจะหยอดเก่งขนาดนี้

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :hao5: อย่าแกล้งคุณเนตรเลย สงสารรร

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไล่ช้างเสร็จก็ขายอ้อยต่อ

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
หมั่นไส้ผู้ช่วยเหลือเกิน~~~
ชอบยั่วให้น้องโมโห
น้องก็น่าแกล้ง ยั่วขึ้น 555

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เพลิงถ้าจะเป็นแบบนี้ ก็ใจเย็นนะ แกล้งคนที่ชอบบ่อย
กลัวเค้าจะเกลียดก่อนชอบล่ะสิ แต่ไม่เป็นไรหรอก
เนตรมีแววใจสั่น ใจเต้น หนทางสะดวกละ

เอ็นดูเนตรนะ โตมาแบบคนเมืองอะเนาะ
และความหวัง ความฝันสลายไปหลายอย่าง
ดีนะที่เนตรตัดใจออกมา ไม่งั้นก็คงต้องทนช้ำไปอีกนาน
ถึงตอนนี้แทบไม่เหลือใคร แต่ก็ยังมีป้าที่เปิดรับเนตร

เพลิงแอบร้ายนะคนเรา แต่ความดีก็มีเยอะไม่แพ้กัน

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
จะขอบคุณแค่เนี่ย! อ้อมโลกกกกกกก เหลือเกืนนะผู้ช่วยเพลิง  :hao7:

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ถ้ารู้ว่าเป็นพี่น้องกับแฟนเก่า อะไรจะเกิดขึ้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17

[05]



รเณศขยับตัวยุกยิกและนั่งเชิดคอตั้งก่อนจะปรายตามองทะลุกระจกออกไปนอกตัวรถ ท่าทางแบบนั้นทำให้คนขับที่ประคองพวงมาลัยอยู่ข้างๆ นึกขัน แน่นอนว่าเสียงหัวเราะสากๆ ในลำคอนั่นทำเอาคนเมืองหน้างอเป็นจวักแล้วหวนนึกถึงบทสนทนาช่วงเช้าที่ผ่านมา

เรื่องมันมีอยู่ว่าผู้ช่วยคนดีของป้าอนงค์เอ่ยปากว่ามีธุระในเมือง เจ้าบ้านเลยเห็นดีเห็นงามให้เขาติดรถมาทำธุระส่วนตัวด้วย ใจจริงเขาก็อยากรอเข้าเมืองพร้อมกับป้าแก แต่อีกใจก็กลัวว่าการหายขาดจากการติดต่อกับชินกรไปหลายวันแบบนี้จะทำให้ฝ่ายนั้นร้อนใจไปกันใหญ่

สุดท้ายเขาเลยตกกระไดพลอยโจรมานั่งปั้นหน้ายากอยู่ข้างคนขี้แกล้ง

“นั่งแบบนั้นไม่เมื่อยคอหรือไง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม

เมื่อยสิ โคตรเมื่อยเลย นั่นคือคำตอบในใจของคนเมืองที่ถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะขยับแผ่นหลังไปจนชิดพนักเก้าอี้แล้วพิงอย่างยอมจำนน เป็นโชคดีอยู่หน่อยที่วันนี้หมอนั่นเปลี่ยนพาหนะจากมอเตอร์ไซค์คลาสสิกมาเป็นกระบะกลางเก่ากลางใหม่คันหนึ่ง

พูดถึงมอ’ไซค์คลาสสิกเขาก็นึกเจ็บใจ เพราะเสื้อตัวที่ถูกโคลนดีดใส่ ซักเท่าไหร่ก็ยังมีคราบกระด่างกระดำน่าอนาถใจ เห็นสภาพเสื้อตัวเก่งนั่นแล้ว เขาจึงอดเคืองตัวต้นเหตุที่นั่งประจำอยู่ตำแหน่งคนขับนี้ไม่ได้

คนดีๆ ที่ไหนถึงชอบกลั่นแกล้งคนอื่นเขาแบบนั้น

“ด่าผมอยู่ในใจเหรอ”

รเณศสะดุ้งโหยง

“คุณอ่านใจคนออกรึไง”

เพลิงส่ายหัว

“เปล่า” ร่างสูงพึมพำ “แต่ผมเดาสีหน้าคุณออก”

“ถ้าผมบอกว่าคุณคิดผิดล่ะ”

เพลิงยักไหล่

“ไหนคุณบอกสิว่าตอนนี้ผมคิดอะไรอยู่”

เพลิงละสายตาจากถนนเบื้องหน้ามาจ้องมองคนข้างกาย

“คุณชมผมอยู่มั้ง”

“ใช่ที่ไหนกันเล่า ผมด่าคุณอยู่ในใจต่างหาก”

รเณศตอบทันควัน กว่าจะรู้ตัวว่าเสียรู้ให้อีกฝ่ายเสียแล้ว ก็ตอนที่สบตากับแววตาคู่คมที่เจือแววขบขันอยู่

แม่งงงงงงงงงงงง

โคตรเสียรู้เลย

คนเมืองนั่งหน้าตูมปิดปากเงียบกริบจนกระทั่งเครื่องยนต์สี่ล้อพาเข้าเขตตัวอำเภอ ไม่นานตึกรามบ้านช่องเริ่มปรากฏมีให้เห็นมากขึ้น

“ผมขอแวะซื้อของแห้งก่อนนะ”

คนขับตบไฟเลี้ยวซ้ายก่อนจะจอดที่หน้าร้านขายส่งคล้ายๆ ซุปเปอร์มาร์เก็ตขายปลีกขนาดใหญ่ คนเมืองพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะมองไปรอบๆ เห็นอาคารห้างสรรพสินค้าอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนพอดี

“นั่นใช่ห้างหรือเปล่า”

เพลิงมองตามสายตาคนถาม

“ผมขอแยกไปทำธุระก่อนได้มั้ย”

“เอาสิ”

คนขับพยักหน้าหงึกหงัก

“ถ้าคุณเสร็จธุระแล้วรออยู่หน้าห้างแล้วกัน เดี๋ยวผมซื้อของเสร็จจะแวะไปซื้อหนังสือในห้างต่อ”

รเณศขยับเปิดประตูรถ ตอนที่คนในชุดลายพรางเดินเข้าไปในร้านขายปลีก ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมาว่าฝ่ายนั้นจะเข้าเมืองมาซื้ออาหารแห้งสำหรับใช้เป็นอาหารยังชีพสำหรับการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ คนเมืองยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าร้านจนเพลิงหันมาเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม

“เอ่อ”

เภสัชกรหนุ่มเกาหัวแกรกๆ

“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า”

เพลิงกดยิ้มมุมปาก

“ไม่มี...ไปทำธุระคุณเถอะ”

“อ๋อ”

รเณศพึมพำเตรียมจะผละออกไป เมื่อรู้สึกว่าการสบตากับฝ่ายตรงหน้าเป็นเรื่องที่ชวนให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดยากที่จะอธิบายได้

“ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ”

ติดรถคนอื่นมา มันก็สมควรแสดงน้ำใจรึเปล่าล่ะ จะให้เดินเปิดตูดหนีไปทำธุระตัวโดยไม่ไถ่ถามเจ้าของรถมันก็กระไรอยู่

เรื่องแค่นี้เอง...ขอบคุณทำไม

ขอบคุณไม่พอ...ยิ้มทำไมวะ



.



จุดหมายแรกที่รเณศมุ่งหน้าไปคือร้านโทรศัพท์หลังจากตัดสินใจซื้อซิมใส่ใหม่ก่อนจะเปิดเครื่องโทรหาชินกร หลังจากปลายสายกดรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแล้วตามด้วยเสียงบ่นยืดยาวที่เขาขาดการติดต่อไปหลายวัน

[มึงทำกูใจหายเนตร กูคิดอยู่เลย ว่าหากมึงยังไม่ติดต่อกลับมาวันนี้ กูจะแจ้งความ]

รเณศยิ้มขำเพราะสิ่งที่ชินกรพูดไม่ผิดไปจากที่เขาคาดการณ์เอาไว้

“ใจเย็นน่า กูยังอยู่สบายดี”

[เฮ้อ]

ปลายสายถอนหายใจ

[เนตร]

“อืม”

[เมื่อวานพี่เตมาหากูที่ทำงานว่ะ]

รเณศกำโทรศัพท์ในมือจนเกร็ง

[เขามาถามหามึง]

“อืม”

รู้ตัวเลยว่าตอบเพื่อนไปเสียงสั่นเพียงใด

[เนตร...มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ยที่ทำแบบนี้]

รเณศรู้สึกว่าหัวตาร้อนผ่าว จมูกก็แสบร้อนไม่ต่างจากลำคอที่จุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

“แน่ใจ”

กัดริมฝีปากจนเจ็บ

[พี่เตเข้าใจว่ามึงงอนหนีไปเที่ยว อีกไม่นานคงกลับ]

รเณศแค่นยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเองเมื่อครั้งอดีต ครั้งนั้นเตวิชบอกว่าต้องคบหากับคนที่ครอบครัวจัดหาให้ แน่นอนว่าเขางอนจนหนีไปพักใจคนเดียวและสุดท้ายคนอ่อนแออย่างเขาก็ซมซานกลับไปตายที่รังเดิม กลับไปเป็นโง่งมเช่นที่แล้วมา

ต่างจากครั้งนี้...

“ชิน กูขอร้อง”

[อืม]

“อย่าให้เขารู้ เพราะกูจะไม่กลับไป”

ไม่กลับไปอีกแล้ว

รเณศคนนั้นตายไปแล้วพร้อมกับความรักลวงๆ

‘พี่ต้องแต่งงานกับเขา’

ในเมื่อเตวิชเลือกแล้ว เขาก็จะเลือกเหมือนกัน

รเณศเลือกเดินไปข้างหน้า...โดยไม่มี ‘เตวิช’ อีกต่อไป


☘☘☘☘



เพลิงชะงักปลายเท้าก่อนจะหยุดยืนนิ่งตอนที่เห็นแผ่นหลังงองุ้มของใครบางคนเบื้องหน้า หัวไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาบ่งบอกอารมณ์ของคนๆ นั้นได้เป็นอย่างดี แม้ไม่เห็นสีหน้า แต่เพลิงก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าคนที่ยืนจ้องมองนิตยสารมีชื่อซึ่งมุมด้านหนึ่งของปกนั่นมีรูปของพี่ชายต่างมารดาในชุดแต่งงานกับเจ้าสาวของเขา

เหอะ งานวิวาห์ของไฮโซหนุ่มตระกูลผู้ดีเก่า มันจะแปลกอะไรที่จะเป็นข่าว

ไม่แปลกหรอก หากเป็นคนอื่นไกล

ไม่แปลกเลย หากใครบางคนไม่มีใจให้เจ้าบ่าว

แวบหนึ่งเพลิงนึกเวทนาเจ้าของไหล่งองุ้มตรงหน้า เพราะเข้าใจถึงได้เห็นใจ สถานะตัวสำรองที่รอคอยอยู่เบื้องหลังมันเจ็บไม่น้อย เพราะคุณค่าของมันเป็นแค่คนคั่นเวลา เพลิงกับรเณศอยู่ในสถานะที่ใกล้เคียงกัน ตั้งแต่เล็กจนโตเขารับรู้มาตลอดว่าเขาและแม่คือบ้านที่สอง เป็นอับดับที่รองลงมาจากความสำคัญอื่นๆ ในชีวิตของบิดา

แม่ของเพลิงเฝ้ารอ ตั้งใจรอ อยู่ในมุมเงียบๆ เพื่อรอเศษความรักความห่วงใยจากบิดา ตั้งแต่จำความได้ การที่เพลิงเห็นแม่ร่ำไห้อย่างทุกข์มรมานเป็นภาพติดตาเขามาตลอด จนกลายเป็นความชินชาและสุดท้ายเพลิงชิงชังในสถานะที่เป็นอยู่ เพราะต่อให้ดิ้นรนหนีไปไกลเท่าไหร่ แต่ความจริงก็ซัดใส่หน้าอยู่ดีว่าเขาคือ ‘ลูกเมียน้อย’

เพลิงขยับไปใกล้จนเห็นสายตาของรเณศที่แสดงออกอย่างเจ็บปวดไม่ต่างจากสายตาของแม่ มันคือสายตาของผู้พ่ายแพ้ที่ยอมจำนนต่อความรักอย่างขมขื่น เพราะเขาอยู่กับความรู้สึกนี้มาตั้งแต่เกิด เพลิงจะเข้าใจและเห็นใจผู้พ่ายแพ้เบื้องหน้า คงไม่แปลกหากเขาจะนึกเวทนาและเห็นใจคนเป็นรองอย่างรเณศ

เขาไม่รู้ว่าเรื่องของเตวิชและรเณศจบลงแบบใด แต่การที่รเณศดั้นด้นมาที่นี่และเตวิชตัดสินใจแต่งงานนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบทุกอย่าง เรื่องความรักของคนสองคน เขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าใครถูกหรือผิด เพลิงคือคนอื่นจึงได้แต่มองอยู่ในฐานะคนนอกและเป็นคนนอกที่ปรารถนาให้แววตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตานั้นดีขึ้นในเร็ววัน

เพลิงเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง และถึงจะมีพี่ชายต่างมารดา แต่ความสัมพันธ์ก็ห่างเหินกัน ซ้ำความรู้สึกยังห่างไกลจากคำว่าครอบครัว เมื่อได้รู้ว่าอดีตคนของพี่ชายนั่นคือหลานแท้ๆ ของป้าอนงค์ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตาเขาตั้งแต่มาประจำอยู่ที่นี่ใหม่ๆ เขาจึงอดเอ็นดูในฐานะน้องนุ่งไม่ได้ เพราะฝ่ายนั้นตัวคนเดียวซ้ำยังช้ำรักมาหมาดๆ แบบนี้ ถึงแม้การเจอกันไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ก็ตาม

“เช็ดน้ำตาหน่อยเถอะ”

รเณศยืนตะลึงตอนที่ผ้าเช็ดหน้าสีเข้มยื่นมาตรงหน้า และยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย

“คุณ...”

“เช็ดน้ำตาซะ”

แววตาคู่คมที่จ้องมองกันนิ่งนั่นทำเอาคนช้ำรักนึกกระดากอาย

อีกแล้ว...รเณศทำให้คนตรงหน้าเห็นสภาพตัวดูไม่ได้ของตัวเองอีกแล้ว เขาส่ายหน้าแรงๆ ก่อนจะเดินผละหนีออกไป

“ผมจะไปล้างหน้า”

รเณศปฏิเสธผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น

“กว่าจะเดินไปถึงห้องน้ำ น้ำตาคุณคงไหลกลบดวงตาจนมองไม่เห็นทางแล้วมั้ง”

“ไม่ต้องมายุ่ง”

รเณศพูดเสียงสั่น ขณะที่เพลิงถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะสบตากับคนเมือง แววตาที่เจือไปด้วยความปวดนั่นชวนเวทนาไม่น้อย ความรักทำให้คนเราพังภินท์ได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ

ไม่ต้องมีใครตอบคำถามนี้ให้เขาหรอก ในเมื่อเพลิงรู้อยู่เต็มอก รเณศเหมือนแม่ที่เจ็บเพราะคำว่ารัก และช้ำใจเพราะการรอคอย รเณศยังโชคดีที่พาตัวเองรอดพ้นจากความทุกข์ทรมานนั้นได้ ขณะที่แม่ของเขาหลงอยู่ในวังวนนั้นจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

“เอาสิ อยากจะเยาะเย้ยอะไรผมก็เชิญเลย”

“...”

“ผมมันอ่อนแอ”

รเณศทุบอกตัวเองแรงๆ

“ผมนี่แหละที่หน้าด้านขอนอนกับคุณ เพราะความคิดโง่ๆ”

“...”

“ผมเองที่กินเหล้าจนขาดสติเพราะถูกทิ้ง”

“...”

“ผมมันโง่ ทั้งโง่ทั้งเซ่อที่หลงเชื่อคำว่ารักของคนๆ หนึ่ง หน้าโง่ไม่มีใครเกิน โง่ที่สุด”

“หยุด”

เพลิงตวัดตามองคนตรงหน้านิ่ง

“ผมแม่งโคตรน่าสมเพช”

“หยุดพูด”

รเณศเหยียดยิ้มทั้งที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา

“หัวเราะเยาะผมสิ”

สภาพคนช้ำรักคล้ายแก้วที่ถูกทำให้แตกสลายไม่มีชิ้นดี เหมือนในความต่าง ต่างด้วยช่วงเวลา และเหมือนที่ว่าคือเหมือนภาพมารดากล่าวโทษตัวเองก่อนสิ้นใจที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพแบบนี้ แม่ขอโทษที่ทำให้เกิดมาและถูกตราหน้าจากคนอื่นว่าเป็นลูกเมียน้อย แม่โทษตัวเองที่โง่งมและทำให้เขาต้องทนทุกข์มาตั้งแต่เกิด

‘แม่ขอโทษที่เป็นเมียน้อยเขา แม่ขอโทษที่ทำให้เพลิงต้องแปดเปื้อนด้วยคำสกปรก’

‘แม่ขอโทษ ที่แม่ เป็นแม่ที่ไม่น่าภาคภูมิใจสำหรับลูกเลย’

เพลิงกำหมัดแน่น

“จากคนรักกลายเป็นชู้ คุณได้ยินมั้ยว่า สถานะผมมันน่าสมเพช เป็นชู้ เป็นคนในที่มืด เป็นความลับที่ไม่น่าเปิดเผยเลยในชีวิตเขา”

เพลิงกัดฟันกรอดก่อนจะกระชากแขนรเณศจนตัวปลิว

“ปล่อยผม”

“เงียบแล้วหุบปากคุณซะ”

รเณศพยายามยื้อแขนตัวเองไว้ แต่สุดท้ายก็สู้แรงของเพลิงไม่ไหวเซแถ่ดๆ ตามแรงลากของคนบ้าพลัง เพลิงฉุดแขนรเณศไปจนถึงห้องน้ำก่อนจะเปิดน้ำที่อ่างแล้วผลักให้เจ้าของใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาเข้าไป

“ล้างหน้าล้างตาซะ”

“ปล่อยผม”

“อย่าให้ผมต้องจับคุณกดน้ำ” เพลิงกระซิบเสียงลอดไรฟัน “คุณรเนศ”

คนเมืองทำหน้าขัดใจก่อนจะจำใจวักน้ำใส่หน้าเมื่อหน้าใบหน้าดุดันยืนจ้องเขม็ง

“ล้างน้ำตาออกไปให้หมด แล้วคุณจะมองอะไรได้ชัดขึ้น”

รเณศเม้มปากแน่นแล้วจ้องใบหน้าตัวเองในกระจก สภาพที่เห็นคือผู้ชายที่มีใบหน้าขาวดวงตาและจมูกแดงก่ำ เส้นผมที่เปียกน้ำ สภาพใบหน้าบิดเบี้ยวไม่น่าดูเลยสักนิด

“พูดให้ร้ายตัวเอง แต่สุดท้ายคนที่เจ็บที่สุดคือตัวคุณเอง ขณะที่คุณกำลังร้องไห้จะเป็นจะตาย คนที่ทำให้คุณเจ็บปางตายอาจจะกำลังยิ้มอย่างมีความสุข”

คำพูดนั้นเสียดแทงกลางใจเขาเต็มๆ แค่คิดตามก็นึกถึงภาพอดีตคนรักกับเจ้าสาวของเขาในนิตยสารนั่นไม่ได้

ถูกแล้ว ขณะที่รเณศเจ็บเหมือนจะตาย อดีตคนรักรุ่นพี่คงกำลังมีความสุขที่สุดในชีวิต

“คุณสิ้นคิดมากรู้มั้ยที่พูดจาดูถูกตัวเอง”

‘ไม่มีใครดูถูกหรือตีค่าราคาของคุณได้หรอก หากคุณไม่ยอมให้เขาประเมินราคาตัวเอง’

“เวลารักน่ะมันใช้หัวใจมากกว่าสมอง แต่เวลาเลิกคุณควรใช้สมองมากกว่าหัวใจ”

รเณศหน้าชา

“คุณไม่เป็นผม คุณไม่มีวันเข้าใจ”

“งั้นเหรอ”

เพลิงกอดอกมองหน้าเขานิ่ง

“คุณไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เดียวกับผม คุณไม่เข้าใจ”

เพลิงกดยิ้มมุมปากแต่แววตากลับแข็งกร้าว

“มีแต่คนไม่มีสมองเท่านั้นแหละ ที่ใช้ความรู้สึกและสถานการณ์ที่ตัวเองเผชิญเพียงอย่างเดียวไปตัดสินทุกอย่างบนโลก คนเราเกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน ยังมีอะไรหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน แล้วคุณรู้ได้ไงสิ่งที่คุณเผชิญอยู่มีแค่คุณคนเดียวที่รู้สึกได้”

รเณศเม้มปากแน่น

“เผื่อคุณยังไม่รู้...”

“...”

“ว่าผมเป็นลูกเมียน้อย”

รเณศยืนตะลึง

“ลูกเมียน้อย คำเรียกที่ได้ยินตั้งแต่เกิด”

เพลิงกำหมัดแน่นใบหน้าคมคายดูเย็นชามากขึ้นจนคนมองนึกใจหาย รเณศเหมือนคนหายใจไม่ออกเมื่อสบตากับดวงตาสีเข้มที่ดำมืดเหมือนจิตใจที่โดนคำบางคำทำร้ายจนชินชา

“คุณยังโชคดีที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวจริง...” เพลิงพูดเสียงแผ่ว “ขณะที่แม่ผมไม่เคยเป็นตัวจริงเลยสักครั้งในชีวิต”

รเณศเผลอกลั้นหายใจเมื่อได้ยินแบบนั้น

ผู้ชายตรงหน้าดูเข้มแข็งที่พูดเรื่องเจ็บปวดได้อย่างหน้าตาเฉย แต่แววตาเขากลับดูอ้างว้างจนอยากแตะที่บ่าทั้งสองข้างนั่นเบาๆ

“คุณ...”


...Rrrrrr...

ตอนที่ขยับไปใกล้คนตัวโตนั่น เสียงเครื่องมือสื่อสารของเพลิงก็ดังขึ้น ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้วก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมา มันคงเป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดและไม่ควรอย่างยิ่งหากรเณศจะเผลอยิ้มออกมาเมื่อจ้องไปที่มือถือแอนดรอยตกรุ่นซึ่งฝาโทรศัพท์แนบไม่สนิทกับตัวเครื่องจนเจ้าของต้องใช้หนังยางรัดเพื่อให้ใช้งานได้ รเณศเผลอมองตามแผ่นหลังกว้างที่ผละออกไปโทรศัพท์ น่าแปลกที่ความรู้สึกหนักหนาซึ่งแบกมาจากเมืองหลวงมันค่อยบางเบาจางลงอย่างไม่เชื่อ

เพลิงเป็นผู้ชายที่ประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าเหมือนเด็กหนุ่มที่มีปมเรื่องครอบครัว แต่บัดนี้หลังจากรับโทรศัพท์เสร็จ ภาพหน้าเรียบเฉยตามปกติของผู้ช่วยคนดีของใครต่อใครก็กลับมาอีกครั้ง

“ธุระคุณเสร็จแล้วใช่มั้ย พอดีผมมีงานด่วน”

รเณศพยักหน้าหงึกหงัก อดที่จะวนสายตาไปยังโทรศัพท์แฮนด์เมดในมือของคนตรงหน้าไม่ได้

“อันนี้น่ะเหรอ”

เพลิงชูโทรศัพท์เจ้าปัญหาขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบายราวกับว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องราวที่หนักหนาในชีวิต

“อย่าได้ดูถูกมันเชียว เห็นแบบนี้มันอึดมากนะ”

“...”

“คงอึดเหมือนเจ้าของมัน”

รเณศเบะปากก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างไป

สภาพโทรศัพท์นั่นคงตกพื้นบ่อยไม่ต้องสงสัย น่ากลัวว่ามันน่าจะทั้งอึดทั้งทนเหมือนเจ้าของตามที่ใครบางคนพูด แต่รเณศแอบเพิ่มข้อดีอย่างว่าโทรศัพท์นั่นคงแข็งแรงและเข้มแรงเหมือนเจ้าของมัน

ต้องเข้มแข็งมากแค่ไหนที่พูดเรื่องปมด้อยของตัวเองให้คนฟังด้วยท่าทางแบบนั้น

เข้มแข็งจนอดที่จะชื่นชมไม่ได้

แวบหนึ่งรเณศเผลอยิ้มและกว่าจะรู้ตัวเขาก็มองตามแผ่นหลังกว้างนั่นไปจนลับตา

☘☘☘☘



ธุระของคนในชุดลายพรางคงจะสำคัญน่าดู เพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาเพลิงไม่พูดไม่จาอะไรนอกจากสายตาที่จับจองไปยังถนนเบื้องหน้า ไม่นานเครื่องยนต์สี่ล้อก็พาเลี้ยวเข้าเขตอุทยาน ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้เขียวครึ้มดูอุดมสมบูรณ์

‘อุทยานแห่งชาติดอยห่มรัก’

รเณศอ่านป้ายบอกทางแล้วเริ่มขยับตัวเพราะไม่นานเพลิงก็บังคับรถไปจอดหน้าอุทยานก่อนจะกระโจนออกจากรถอย่างว่องไว ระหว่างนั้นคนเมืองจึงเพิ่งสังเกตว่านอกจากรถของเพลิงแล้วยังมีรถกระบะจอดอยู่บริเวณนั้นอีกสามสี่คัน ซ้ำหนึ่งในนั้นยังเป็นรถตำรวจ พอได้ตามเจ้าถิ่นไปสักระยะรเณศจึงเห็นว่ามีกลุ่มคนมากมายกระจายกันอยู่แถวๆ ที่ทำการอุทยานไม่ต่ำกว่าสิบคน

“ผู้ช่วย”

เพลิงถอนหายใจแรงๆ ตอนที่กวาดสายตามองบรรดาลูกน้องพร้อมกับสำรวจร่างกายแต่ละคน

“ไม่มีใครเป็นอะไรใช่มั้ย”

“พี่พลไหล่หลุด ส่วนพี่เกิ้งโดนกระสุนถากๆ ครับ”

เพลิงเม้มปากแน่นหวนนึกถึงสายโทรศัพท์ก่อนหน้าที่ลูกน้องโทรรายงานว่าวันนี้กลุ่มเจ้าหน้าที่ป่าไม้ส่วนหนึ่งบังเอิญไปตรวจและจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ลักลอบตัดและขนไม้พะยูง แน่นอนว่าการจับกุมที่มีสายข่าวจากชาวบ้านที่มาแจ้งนั่น มีการประทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้กระทำผิด โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ลูกน้องเขาไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส

เจ้าเต็งหลานพรานป่าธีปอพยักพเยิดไปทางคนเจ็บทั้งสองที่เดินมาทางนี้พอดี ‘พล’ เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้รุ่นน้องที่คณะ ส่วน ‘เกิ้ง’ คือรุ่นพี่ที่รุ่นจักมักคุ้นกันมานาน

“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นพี่เพลิง ผมแค่ไหล่หลุดเมื่อกี้ลุงแสวงแกเอาเข้าให้แล้ว”

เพลิงส่ายหัว

“ไปให้หมอเขาดูอาการหน่อยเถอะ เผื่อมันอักเสบไปพร้อมกับพี่เกิ้งนั่นแหละ”

“ไม่เอาหรอกผู้ช่วย ผมกลัวโรงพยาบาล”

เกิ้งส่ายหัวแรงๆ

“ได้ข่าวว่ามีพยาบาลสาวจบใหม่มาประจำนะพี่ ข่าวว่าสวยน่าดู”

เปลวชี้โพรงเพราะรู้ดีว่าเกิ้งมีข่าวกิ๊กกับพยาบาลสาวที่โรงพยาบาลนั่น ซ้ำยังเคยมีเหตุการณ์รถไฟชนกันจนทำให้เจ้าตัวเข็ดขยาดกับสาวพยาบาล

“ถ้าพี่เกิ้งแกขืนไปโรง’บาล คงโดนแหกอกตาย”

เต็งหันไปยักคิ้วให้เปลวสมกับเป็นคู่หูกันจริงๆ

“สู่รู้จริงๆ ไอ้พวกห่านี่ แค่โรง’บาล กูไม่กลัวหรอกเว้ย”

“งั้นตกลงพี่ไปโรง’บาลนะพี่เกิ้ง”

“ไปให้พยาบาลฉีดฟอร์มาลีนแทนยาแก้อักเสบเหรอ มึงนี่ก็พูดไม่คิด”

พลขำไหล่สั่นขณะที่เพลิงได้แต่ส่ายหัวก่อนจะชะงักกึกเมื่อมองเลยไหล่คนเจ็บไปเห็นกองไม้จำนวนมาก ที่เหลือเมื่อเห็นสายตาของเพลิงก็พากับหุบปากฉับ

“เท่าไหร่”

เพลิงถามเสียงเรียบ

“ประมาณ30-40ท่อนครับผู้ช่วย”

“แบกกันจนหลังแอ่นเลย พอเจอพวกเรานี่ทิ้งไม้วิ่งกันไม่คิดชีวิตเลย ดีว่าพวกมันมีอาวุธแค่คนเดียว ไม่พวกเราคงหนัก”

เพลิงพยักหน้าหงึกหงัก

“จับได้แต่ลูกหาบที่รับจ้างขนครับ ส่วนใหญ่ก็พวกต่างด้าว คนนำทางก็คนไทยเองนี่แหละ เหอะ มันนำทางให้คนชาติอื่นเข้ามาตัดโค่นต้นไม้ป่าตัวเอง โคตรเลวบัดซบ”

ไม้พะยูงเป็นไม้มีราคา แผ่นหนึ่งเทียบเท่ากับทองเส้นหนึ่งได้มั้ง ไม่แปลกหรอกที่เม็ดเงินนั่นจะทำให้ความรู้ผิดชอบชั่วดีถดถอย

“ที่สำคัญ” พลกับเกิ้งลอบสบตากัน “เราพบซากสัตว์บริเวณนั้นด้วย”

“ระยำ”

รเณศสะดุ้งโหยงตอนที่เดินเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงเพลิงสบถ แน่นอนว่าคนแปลกหน้าอย่างเขาโผล่เข้าไปย่อมทำให้เจ้าหน้าที่ในชุดลายพรางคนอื่นๆ หันมามองอย่างสนใจ

“ตามมาทำไม”

รเณศยิ้มแหย

“ก็เผื่อคุณมีอะไรให้ช่วย”

เพลิงส่ายหน้า “ขอผมคุยกับเจ้าหน้าที่สักครู่ เดี๋ยวจะไปส่งคุณที่บ้าน”

รเณศกำลังจะผละออกไป พอดีกับที่เพลิงถูกลูกน้องกระตุกแขนเสื้อเบาๆ

“ใครอ่ะพี่เพลิง”

พลถามยิ้มๆ เพลิงถอนหายใจเพราะรู้ว่ารุ่นน้องสมัยเรียนนี่มันชอบของสวยๆ งามๆ ถึงแม้ว่าของสวยงามที่ว่าจะเพศเดียวกับมันก็ตาม

“รเณศ”

เสียงเรียกชื่อตัวเองทำให้คนเมืองต้องหันมามอง “หลานป้าอนงค์”

“อ๋อ”

พวกนั้นพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะยิ้มกว้างตอนที่รเณศผงกศีรษะเป็นเชิงทักทาย เพลิงเหลือบตามองคนที่ตามติดมาด้วย ชายหนุ่มขยับไปนั่งยองๆ อยู่ใกล้กับกองไม้พะยูงซึ่งถูกตัดเป็นท่อนพร้อมส่งขายราวๆ สามถึงสี่สิบต้นตามที่ลูกน้องบอกกล่าว ชายหนุ่มมองภาพนั้นแล้วความรู้สึกบางอย่างก็ประทุขึ้นมา ถ้าเดาไม่ผิดไม้พะยูงเหล่านี้คงมาจากป่าทึบในเขตรอยต่ออุทยานซึ่งไม้เหล่านั้นอายุไม่ต่ำกว่าห้าสิบปี แต่บัดนี้ต้นไม้ที่ควรมีอายุยืนให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากลับกลายเป็นแค่ท่อนไม้ที่ถูกเลื่อยเพื่อส่งขายให้กับนายทุน

เพลิงกำหมัดแน่น

‘เราพบซากสัตว์บริเวณนั้นด้วย’

ทั้งตัดไม้ทั้งฆ่าสัตว์

เลวบัดซบที่สุด

“คุณ”

เพลิงถอนหายใจแรงๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกตัวเอง ก่อนจะหันไปเห็นรเณศที่ยืนยิ้มแหยอยู่เบื้องหลัง

“ผมไม่ได้จะรบกวนคุณนะ แต่พอดีผมอยากเข้าห้องน้ำ”

รเณศยืนเก้ๆ กังๆ

“ขอโทษที่รบกวน”

“เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย”

“อ๋อ”

รเณศพ่นลมหายใจทางปากดังฟู่ก่อนจะเหลียวหลังกลับไปดูคนในชุดลายพรางคุยกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจเข้าไปทักหรอก เห็นกำหมัดแน่นราวกับโกรธแค้นใครมาก็ไม่ปาน ขืนปล่อยให้กำอยู่อย่างนั้นกลัวมือจะเจ็บจนได้เลือดไปซะก่อน

‘คุณอาจเรียกสิ่งนั้นว่าอุดมการณ์ แต่ผมขอเรียกมันว่าความรัก’

คนที่ก้าวร้าวดุดันแต่การกระทำชัดเจนยิ่งกว่าอะไร


.

.


เกือบค่อนคืนแล้วรเณศก็ยังไม่หลับอาจจะเพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เขานอนไม่หลับ ทั้งที่ถูกป้าอนงค์ไล่ให้เข้านอนแต่หัววัน แต่พอจะหลับตาลงนอนภาพความทรงจำเมื่อหัวค่ำก็ผุดขึ้นมา หลังจากเสร็จธุระที่อุทยาน คนหน้าดุก็พาเขามาส่งที่บ้าน

รเณศเห็นเพลิงเข้าไปอุ้มแก้มใสซึ่งกำลังนอนกินนมอยู่ นอกจากนี้เขายังเห็นถุงอะไรสักอย่างที่เพลิงหอบหิ้วมาตั้งแต่ที่ห้าง นั่นแหละถึงรู้ว่ามันคือตุ๊กตาหมีซึ่งน่ารักไม่น้อย ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปแอบไปซื้อตอนไหน และเขาเห็นแววตาที่เพลิงมองหนูน้อยเต็มไปด้วยความรัก ผู้ชายตัวสูงใหญ่อย่างกะตึกกลับโอบกอดหนูน้อยอย่างทะนุถนอม

ภาพนั้นดูขัดแย้ง แก้มใสในอ้อมกอดของเพลิงเหมือนของจิ๋วในมือยักษ์ใหญ่ แต่มันกลับให้ความอบอุ่นจนบอกไม่ถูก

เป็นภาพที่มีความต่าง แต่ทุกอย่างมันลงตัว

ผู้ชายที่มีปมเรื่องครอบครัวแต่แสดงออกกลับเด็กน้อยได้อย่างอบอุ่น

ผู้ชายที่ดุดันแข็งกร้าว มือใหญ่กระชากแขนเขาแทบปลิว แต่มือคู่นั้นลูบท่อนไม้พะยูงที่ถูกเลื่อยอย่างแผ่วเบา

ผู้ชายที่พูดจาห้วนห้าวไม่ไพเราะ แต่เนื้อความเต็มไปด้วยความจริงใจ

“อย่าดูถูกตัวเองเพราะความรักปลอมๆ นั่น เพราะคุณมีค่ามากกว่าคำร้ายๆ ที่คุณพูดให้ร้ายตัวเองคุณรเนศ”

น่าแปลกที่รเณศเผลอใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงประโยคนั้น

สงสัยจะกินอิ่มเกินไปซะละมั้ง

นอนๆ รเณศบอกตัวเองให้หลับตาก่อนที่เขาจะสะดุ้งโหยงเมื่อเผลอไปนึกถึงภาพผู้ช่วยปากเจ็บกำลังยิ้มมุมปากมองกัน

คิดอะไรบ้าๆ เขานอนกัดริมฝีปากตัวเองทั้งที่รู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว


☘☘☘☘


หายไปหนึ่งอาทิตย์จ้า สัปดาห์ที่แล้วเราเป็นหวัด ตอนนี้หายดีแล้วจ้า
หวีดในทวิตรบกวนติดแท็ค #ป่าห่มรัก ให้ด้วยเด้อ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เนี่ยชมกันแล้ว ถึงจะชมกันในใจกะเถอะนะ :katai2-1:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ที่เขาดูเข้มแข็งมันอาจเป็นเพราะเขาเจ็บปวดมาก มากๆจนไม่อาจเจ็บได้มากกว่านั้นอีกแล้วก็ได้  คุณเพลิงเก่งมากเลยค่ะ ส่งต่อความเข้มแข็งให่น้องเนตรด้วยนะคะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดีจัง เห็นสถานการณ์และประวัติชีวิตของเพลิงแล้ว เนตรจะได้เห็นคุณค่าตัวเองมากขึ้น ไม่ฟูมฟายกับรักที่เสียไป

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หายไวไวนะ นี้มานั่งรอนะ

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชนกันไปชมกันมา เดี่ยวก็ได้กัน  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
กลับมารักตัวเองและเข้มแข็งได้เร็วๆนะเนตร

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ดุดัน ดิบเถื่อน แต่อ่อนโยน คุณผู้ช่วยค่อยแทรกซึมเข้ามาในใจกันที่ล่ะนิดๆ   :-[

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ประทับใจกันแล้ว  ต่อไปก็.....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เป็นกำลังใจให้งานของคุณผู้ช่วยนะ  :hao5:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ตอนนี้ไม่มีแกล้งเริ่มไปได้สวย  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เนตรเข้มแข็งเร็วๆ​   

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อยากให้โลกนี้มีคนแบบ


ผู้ชวยเพลิงเยอะๆ


คนที่รักในอาชีพที่ทำ


คนที่รักในทุกๆอย่าง


ที่เกี่ยวข้องในอาชีพ


คนที่พร้อมจะแลก


คนที่พร้อมจะเหนื่อย



เพื่ออาชีพที่ตัวเองรัก



เรารักคุณนะผู้ช่วง เพลิง

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เรื่องนี้สะท้อนอารมณ์ ความเป็นจริงในปัจจุบัน มันเรียลมากค่ะ.

แทรกความขี้แกล้งของพี่เพลิงมาอีกกรุบกริบๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอยยยย ชีวิตอยู่ยนเส้นด้ายมากค่ะ
ไม่ใช่อุดมการณ์แต่มันคือความรัก
ก็นะ มันคือสิ่งที่เพลิงจะทุ่มเทให้ได้มากที่สุดแล้ว
เพลิงน่าสงสาร แต่ก็เข้มแข็งและเข้าใจคนอื่น

เนตรน่าสงสารนะ คนแพ้มักจะพูดแบบนี้ตอนเสียใจ
แต่อย่างน้อยตอนนี้ ก็มีโมเมนท์ที่ดีแล้วเนาะ
อย่าไปเผลอหลงคุณผู้ช่วยเค้าซะก่อนล่ะ


ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
ชอบเรื่องนี้มากกกกก สนุกกกกก รอเล่มนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
เพลิงเป็นพระเอกที่โคตรเท่ห์เลย โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย รัก

ออฟไลน์ [Karnsaii]

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +523/-17
[06]




“พลทางนี้”

“...”

“ยิงสิวะ”

“ซัดเลย”

“นั่นพยาบาลที่อำเภอป่ะ”

“โอ๊ย ผู้ช่วยแม่ง”

เกิ้งหัวเสียก่อนจะขยี้ศีรษะตัวเองแรงๆ เพราะเผลอมองเหลียวหลังไปตามเสียงที่เพลิงแกล้งเรียกเมื่อกี้ แม่งเอ้ย พยาบาลที่ไหนจะมาโผล่ที่อุทยานหลังเวลาทำการกันเล่า คนถูกแย่งบอลฮึดฮัดขณะที่เพลิงแค่ยิ้มมุมปากตอนการเลี้ยงบอลไปจนถึงหน้าประตูแล้วซัดบอลเต็มข้อเข้าประตูที่เจ้าเต็งยืนผู้รักษาประตูอยู่

เปลววิ่งมากอดคอกับพลแล้วโห่ร้องดีใจก่อนที่ทั้งคู่จะวิ่งมาคารวะเพลิงที่ทำประตูให้ทีมได้ ขณะที่เต็งและเกิ้งส่ายหัวไปมาอย่างเซ็งๆ ส่วนผู้รักษาประตูอย่างลุงแสวงถึงกับยิ้มขำสภาพลูกทีมตัวเอง

“พี่เพลิงแม่งโกง”

เต็งมันบ่น

“เล่นแซวพี่เกิ้งแบบนั้น แกก็หน้าตื่นสิ ยิ่งกลัวพยาบาลขี้ขึ้นสมองขนาดนั้น”

ผัวะ!

เต็งคลำหัวตัวเองป้อยๆ

“โอ๊ย ตบขนาดนี้หัวผมยุบหมดแล้ว”

“ปากมากไอ้ห่า”

เกิ้งล็อกคอเจ้าเต็งแล้วดีดหน้าผากมันอีกทีจนคนถูกแกล้งร้องโอดโอยเสียงดัง

“ที่มึงพูดมา มันก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอกไอ้เต็ง”

พลพูดขำๆ แน่นอนว่าประโยคนั้นทำให้คู่หูเปลวและเต็งลอบสบตากันก่อนจะหรี่ตามองคนมีชนักที่ยืนฮึดฮัดอยู่เบื้องหน้าเพลิง

“อะไรยังไงวะพี่”

เปลวร้องถาม

“แน่ใจเหรอว่าไอ้พี่เกิ้งแม่งกลัวพยาบาล”

เกิ้งอ้าปากพะงาบๆ

“ไอ้ห่าพล”

“พยาบาลหรือบุรุษพยาบาลเอาดีๆ”

“ไอ้สัด!”

พลพูดจบก็โกยอ้าวโดยมีเกิ้งวิ่งไล่เตะ ปล่อยให้เต็งและเปลวอ้าปากค้างมองตากันปริบๆ

“พี่เพลิงได้ยินเหมือนพวกผมมั้ย”

“อือ”

“บุรุษพยาบาล?”

เพลิงพยักหน้าหงึกๆ

“ถึงว่าคราวนั้นปากแตกมา ไอ้ผมก็ยังสงสัยว่าพยาบาลอะไรวะมือโคตรหนัก ทำพี่เกิ้งหน้าเยินมาเชียว” เปลวงึมงำ

“ที่ไหนได้ พี่เรานี่มันเราไม่เบาจริงๆ วุ้ย”

ว่าแล้วไอ้สองคนตรงหน้าก็พากันหัวเราะจนไหล่สั่น ขณะที่เพลิงแค่ส่ายหัวก่อนจะเกี่ยวคอเสื้อกล้ามขยับไปมาให้คลายความร้อน ระหว่างนั้นลุงธีปอซึ่งถือกระติกน้ำมาแต่ไกลก็มาทรุดตัวนั่งยืดกล้ามเนื้ออยู่ใกล้ๆ พอเห็นน้ำดื่มในกระติกแล้วแต่ละคนก็เฮโลกันเอารุมตักดื่มแก้กระหาย ช่วงเวลาห้าโมงกว่าๆ เป็นช่วงที่ตะวันกำลังจะชิงพลบ แสงแดดจากพระอาทิตย์คล้อยต่ำกระทบสายตาพอดีทำให้บรรยากาศเย็นขึ้น

ช่วงเวลาเลิกงาน อุทยานจะปิดทำการ หากไม่มีงานด่วนอะไรจะเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้บางส่วนมารวมตัวกันเตะบอลหรือไม่ก็หากิจกรรมทำร่วมกัน มีบางคนที่ตรงดิ่งไปพักผ่อนที่บ้านพักเลย แต่ส่วนใหญ่ก็จะจับกลุ่มรวมกันจนกว่าฟ้าจะมืดตามประสาผู้ชายทั่วไปนั่นแหละ เนื่องจากบ้านพักเจ้าหน้าที่นั้นมีแต่เจ้าหน้าที่ผู้ชายที่อาศัยอยู่

เพลิงพ่นลมหายใจแรงๆ เพราะวิ่งจนหอบ เหงื่อที่ออกตามขมับบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนขี้ร้อนเอาเรื่อง แม้จะใช้หลังมือปาดตามใบหน้าแล้วแต่ก็ยังเหนียวเหนอะหนะเหมือนเดิม เขาจึงตัดสินใจถอดเสื้อกล้ามออกมาแล้วเช็ดหน้าตัวเองซะเลย

“โหพี่เพลิง”

เต็งอุทานขณะที่ดวงตาจับจ้องกล้ามเนื้อของเขาตาไม่กระพริบ

“ผมต้องใช้เวลากี่ปีเนี่ย ถึงจะได้หกลอนแบบพี่บ้าง”

“ตายแล้วเกิดใหม่ยังจะง่ายกว่า”

“ไอ้ห่าเปลว”

เต็งทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ขณะที่เปลวทำทะเล้นเอียงหน้าหลบก้อนหินที่ถูกปามา

“ชมอะไรแต่ผู้ช่วยวะ ข้าก็มีนะโว้ย”

ลุงแสวงถอดเสื้อโชว์พุงกลมๆ จนบรรดาเด็กหนุ่มพากันหัวเราะครืน

“ไม่แก่ลงพุงแบบข้าบ้าง ให้มันรู้ไป”

“เอาน่าไอ้แสวง ลงพุงแบบนี้แหละที่สาวเดือนเสี้ยวชอบนักแล”

พรานธีปอปลอบใจเกลอรัก เพลิงส่ายหัวไปมาเพราะ ‘สาวเดือนเสี้ยว’ ที่ว่านั่น คือสถานบันเทิงขึ้นชื่อของจังหวัด

“เขาว่าวีไอพีนี่งามหยดย้อยยิ่งกว่านางงามสงกรานต์ จริงรึเปล่าลุง”

เจ้าเต็งทำท่าสนใจ

“สวย”

พรานป่าพึมพำ

“สิบนางงามสงกรานต์ยังไม่เท่า ไม่เชื่อถามผู้ช่วยสิ”

เพลิงหันขวับเพราะนั่งอยู่ดีๆ ก็เหมือนถูกใครโยนเอาของร้อนใส่มือ ท่าทางอิหลักอิเหลื่อนั่นเรียกเสียงหัวเราะจากพลและเกิ้งเสียงดังลั่น

“ไอ้สวยน่ะก็สวยอยู่หรอก แต่แม่นางฟ้านั่นดันหยิ่งสมเป็นวีไอพี จะให้มาพูดจากับคนทั่วไปนี่ฝันเอาเถอะ” พลยิ้มเผล่ “แต่เว้นไว้สักคนเถอะที่นางฟ้าจะโน้มลงมาหา ไม่ได้โน้มธรรมดานะ ทั้งโน้มทั้งก้มลงต่ำเชียวล่ะ”

“ไอ้ห่าพลมึงก็พูดเกินไป เขาไม่ได้ก้มต่ำเว้ยก็แค่สะดุดให้ผู้ช่วยรับเอาไว้”

“จริงหรือพี่เพลิง”

เพลิงส่ายหัวไปมาก่อนจะโบกมือไหวๆ

“พูดแบบนั้นผู้หญิงเขาเสียหาย”

ชายหนุ่มปรามบรรดาลูกน้องที่กำลังทำหน้าล้อเลียน ถึงจะพยายามเกร็งใบหน้าให้ดุขนาดไหน พวกมันก็ยังยิ้มแซวไม่เลิก สุดท้ายเขาเลยยกมือยอมแพ้ก่อนจะคลึงขมับเมื่อเจอกับลูกตาวิบวับหลายคู่ เพลิงเกือบจะลืมเลือนเรื่องนี้ไปแล้วถ้าหากพรานป่าไม่พูดถึง ก่อนหน้านี้ที่มาประจำที่นี่ใหม่ๆ เขาถูกบรรดาลูกน้องชวนไปเปิดหูเปิดตาที่ “เดือนเสี้ยว” แน่นอนว่าทุกคนต่างลงความเห็นกันว่าสาวเดือนเสี้ยวที่งามหยดย้อยกันทุกคน โดยเฉพาะวีไอพีอย่างลูกสาวบุญธรรมเจ้าของร้าน คงไม่แปลกถ้าคนสวยจะหยิ่ง และเพลิงเองก็ไม่ได้สนใจความเป็นไปที่นั่น หากไม่ถูกลูกน้องรวมหัวกันพาไปเที่ยวจนพบเจอกับวีไอพีที่สวยราคา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสาวเจ้าถึงแสดงออกชัดว่าสนใจเขา แต่ตอนนั้นเพลิงนิ่งเฉยในไมตรีที่อีกฝ่ายมีให้กัน

แน่นอนว่าเหตุการณ์นั่นทำให้บรรดาลูกน้องนำมาแซวจนถึงทุกวันนี้  ทั้งๆ ที่ช่วงหลังมาเพลิงไม่เคยเหยียบย่างไปยังที่อโคจรอีก แต่เจ้าพวกนี้ที่แอบไปเที่ยวบ้างก็ยังอุตส่าห์ฝากสาสน์จากคนงามมาบอกเขาว่าวีไอพียังรอเจอเขาอยู่เสมอ

“พี่เพลิงนี่ก็แปลก เขาให้ท่าขนาดนั้นดันไม่ยักกะชอบเขา สาวเดือนเสี้ยวนี่เจนสนามกันทั้งนั้นนะพี่”

“พูดอะไรระวังหน่อย”

เพลิงปราม

“ถึงจะเป็นแค่สาวเสิร์ฟ แต่เขาก็ทำมาหากินเลี้ยงปากท้องตัวเองโดยสุจริตไม่ได้ลักขโมยหรือปล้นฆ่าใคร แล้วหากเขาพึงพอใจจะทำ ‘อย่างอื่น’ ก็เรื่องของเขา คนเรามีความเป็นคนเหมือนๆ กัน ถ้าเลือกได้ ใครจะทำอาชีพที่ถูกดูถูกและเหยียดหยามกันเล่า”

“จริง” พรานธีปอสำทับ “ของสวยๆ งามๆ น่ะใครก็ชอบ”

“แหงสิ เอ็งชวนข้าไปแทบทุกเดือน”

ลุงแสวงพูดขึ้น

“วันหลังลุงชวนผมบ้างสิ”

เจ้าเต็งทำท่านึกสนุก เพราะช่วงนี้รู้สึกชอบพอกับสาวรุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้าน แต่เขามันขี้อายไร้ประสบการณ์เรื่องความรักเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ

“มึงยังเด็กไอ้เต็ง”

“ผมเกินสิบแปดแล้วเหอะลุง”

“เอาน่า เด็กวัยกำลังอยากรู้อยากลอง อย่าไปปิดกั้น อย่างน้อยถ้าไปกับพวกเรา มันทำอะไรพลาดไป จะได้เตือนได้สอนกันทัน”

“ลูกผู้ชายมันก็ต้องมีกันบ้าง” เกิ้งตบบ่าเด็กหนุ่ม “ เดี๋ยวพี่พาไปเปิดโลกเองไอ้น้อง”

“ไปเคลียร์กับบุรุษพยาบาลก่อนเถ๊อะ”

พลพูดขำๆ หลังจากปลายเท้านั้นเกิ้งก็ลอยไปที่กลางหลังของคนเอ่ยแซวทันที เพลิงมองความวุ่นวายตรงหน้าแล้วได้แต่ส่ายหัว จังหวะที่ละสายตาจากสองคนนั้นก็เผลอสบเข้าสายตาอยากรู้อยากเห็นของเจ้าเต็งเข้าจนได้

“พี่เพลิง ผมถามอะไรหน่อยสิ”

“อือ”

“พี่ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอที่ผู้หญิงสวยๆ อยากเชื่อมสะพานด้วยน่ะ”

สำนวนอะไรของมันวะ

“ทอดสะพานไอ้ห่า”

เปลวแก้ให้

“เออน่าสะพานเหมือนกัน”

“พี่คนนะไม่ใช่เสาอิฐ” เพลิงพูดขำๆ “ไม่รู้สึกก็แปลกแล้ว”

“เอ้า”

ผู้ช่วยหนุ่มโบกมือไหวๆ

“ตอนนั้นมีแฟนอยู่เลยไม่ได้คิดอะไร”

เรื่องนั้นเกิดมาตั้งหลายปี ช่วงนั้นเพลิงมีคนรักเป็นตัวเป็นตน แน่นอนว่าสำหรับเพลิงลองได้รักปักใจใครแล้ว เขาจะให้เกียรติคนรักทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไอ้เรื่องที่จะให้วอกแวก นอกลู่นอกทางนั่นไม่มีอยู่ในสมองหรอก อีกอย่างเขายอมรับตรงๆ เลยว่าเคยได้ทดลองใช้ชีวิตกับคนรักหลังจากที่ทั้งคู่หมั้นกัน เรื่องความต้องการทางเพศมันเลยถูกเติมเต็ม จนกระทั่งวางแพลนว่าจะแต่งงานแล้วถูกบอกเลิกในเวลาต่อมานั่นแหละจะไปว่าก็เกือบปีแล้วมั้งที่เขาไม่ได้มีเรื่องอย่างว่ากับใคร

นานเหมือนกันที่ไม่มีเรื่องนี้ในหัวสมอง ไม่ใช่ว่าเพราะยังช้ำรักหรอก แต่เขาไม่อยากสร้างพันธะขณะที่ตัวเองยังไม่มีความพร้อมอะไร เพลิงยังจำได้ดีว่าวันนั้นอดีตคนรักขอเลิกราด้วยสาเหตุอะไร

‘เพลิงเป็นคนดีนะ แต่คนดีที่มีแต่ตัวมันไม่พอสำหรับเราหรอก’

เพลิงแค่นยิ้ม เพราะที่เธอพูดวันนั้นมันจริงทุกอย่าง

ใครที่ไหนอยากทนลำบากกับเขากัน

“พี่ก็เลิกกับแฟนมานานแล้วนี่ มันแบบว่า...” เต็งเกาหัวแกรกๆ “ไม่เอ่อ ไม่อยากบ้างเหรอวะพี่”

“พี่เพลิงเขาไม่ได้ขี้หื่นเหมือนไอ้พลนะเว้ย”

เกิ้งที่ไล่เตะพลจนพอใจแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งข้างๆ กัน

“เขาไม่เรียกหื่น แบบผมนี่เรียกว่าคนที่มีทัศนะวิสัยการมองของสวยๆ งามๆ”

พลแก้ตัว

“แบบคลำไม่มีทางก็เอาน่ะเหรอ”

เกิ้งแกล้งเหน็บ

“ก็เกินไป” พลยักไหล่ “ผมแค่ไม่ซีเรียสเท่านั้นเองว่าจะเพศอะไร”

จริงอย่างว่า เพลิงได้ยินตั้งแต่สมัยเรียนแล้วว่า เจ้านี่มันเป็นทั้งเสือผู้หญิงและเสือผู้ชาย ถึงนิสัยส่วนตัวจะกระล่อนทำตัวลอยไปลอยมา แต่พลเป็นคนที่จริงจังเรื่องงานคนหนึ่ง

“พี่พลเคยมีแฟนเป็นผู้ชายหรือวะ”

พลไม่ตอบแค่ยิ้มๆ

“แล้วมันต่างกับผู้หญิงมากมั้ยพี่ กอดไปแล้วไม่ขนลุกเหรอพี่ ขนตามตัวก็มีเหมือนกัน ตัวก็พอๆ กัน เสียงก็คงไม่ต่าง มากระซิบข้างหูที พี่ไม่หมดอารมณ์เหรอวะ”

“ผู้ชายมันก็ไม่ได้เหมือนกันหมดหรอกเว้ย ตัวเล็กๆ น่ารักน่ากอด ผิวเนียน หน้าใสกิ๊ก ยิ้มทีโคตรน่าฟัดแบบหลานป้าอนงค์ก็มีไม่น้อย”

เพลิงมุ่นหัวคิ้วเมื่อบทสนทนานั่นโยงไปถึง ‘ใครบางคน’ อะไรไม่รู้ดลใจให้เขาคิดภาพตามคำบอกเล่าของรุ่นน้อง จนเผลอจินตนาการถึงเจ้าของใบหน้าเนียนใส รูปร่างสูงโปร่งแต่ดูสันทัดจนไม่อาจปฏิเสธได้ว่าดูดี

‘ตัวเล็กๆ น่ารักน่ากอด’

ตัวไม่เล็ก ไม่ถึงกับน่ากอด แต่เคยกอดตอนที่ฝ่ายนั้นเมาไม่ได้สติ เนื้อตัวก็นุ่มนิ่มและหอมกรุ่นไม่น้อย

คิดอะไรบ้าๆ วะ!

‘ผิวเนียน หน้าใสกิ๊ก ยิ้มทีโคตรน่าฟัด’

ผิวเนียนใสตามแบบฉบับคนเมือง จับทีก็กลัวจะช้ำเป็นรอย ตอนที่เผลอกระชากวันนั้นยังเห็นรอยแดงช้ำขึ้นเป็นปื้น

ส่วนรอยยิ้ม...บังเอิญเห็นฝ่ายนั้นแอบยิ้มตอนเห็นโทรศัพท์มือถือเขา

‘โคตรน่าฟัด’

ใช่ น่าฟัด

เพลิงเม้มปากแน่นก่อนจะสะบัดศีรษะตัวแรงๆ แล้วสูดหายใจเข้าออกแรงๆ

‘สงสัยจะขาดเรื่องอย่างว่าไปนาน ถึงได้มีความคิดไร้สาระแบบนี้’

เพลิงถอนหายใจ

☘☘☘☘



รเณศประคองพวงมาลัยอย่างระมัดระวังตอนที่ถนนลาดยางถูกบีบให้เหลือสองเลนพอสวนกันได้ ตอนที่ขับเข้ามาในเขตอุทยาน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบพลบค่ำที่รับอาสาจากป้าอนงค์ให้มาส่งปิ่นโตให้กับคนตัวโตที่ผูกขาดเรื่องปากท้อง เมื่อเช้านี้พี่สาวแม่พารเณศไปเดินดูตึกซึ่งเป็นสมบัติของตาเพื่อดูสถานที่สำหรับเปิดร้านขายยา ดูเหมือนว่าความฝันเล็กๆ ของเขาจะถูกเติมเต็มในไม่ช้า เพราะป้าอนงค์แกเห็นดีเห็นงามสนับสนุนเรื่องสถานที่และค่าใช้จ่ายในการทำร้าน พอตกบ่ายแกก็พาเขาไปดูตลาดผลไม้และแนะนำเรื่องกิจการอีกนิดหน่อย จากการที่ป้าแกพาไปตระเวนทั้งวัน เขาเลยนึกเห็นใจรับอาสาเจ้าบ้านที่เอ่ยปากว่าจะมาส่งข้าวผู้ช่วยคนดีของแก

จริงๆ หน้าที่รับส่งปิ่นโตเป็นของเจ้าเปลว แต่รอจนตะวันจะชิงพลบเด็กหนุ่มก็ยังไม่โผล่ ป้าอนงค์ที่เอ่ยปากว่าเอ็นดูคนตัวโตเหมือนลูกเหมือนหลานก็นึกห่วงว่าคนร่างยักษ์ที่โตจนสุนัขเลียตูดไม่ถึงจะไม่มีอะไรตกถึงท้อง

ห่วงอย่างกับเป็นเด็กสิบขวบไปได้

‘ผู้ช่วยเป็นคนดี’

รเณศยังจำได้ถึงน้ำเสียงของพี่สาวที่พูดถึงคนๆ นั้น

‘แกเป็นคนไม่ค่อยพูดหรอก แต่แกทำจริง ตั้งแต่มาประจำที่นี่ ไม่เห็นจะสุงสิงกับใคร วันหนึ่งเห็นมาชวนไอ้เปลวไปทำงานด้วย สภาพแกนะอย่าให้ป้าพูดเลย ชุดลายพรางนั่นเลอะเทอะมอมแมม หน้ามีแต่โคลนเลยถามไปว่ากินข้าวกินปลาไปรึยัง แกก็ตอบว่าเพิ่งกลับจากลาดตระเวน ของยังชีพหมดไปตั้งกะวันก่อน ก็พวกอาหารกระป๋องที่เตรียมไปกินตอนลาดตระเวนนั่นแหละ ข่าวว่ารับบริจาคจากประชาชนทั่วไป แต่ก็ไม่พอกันหรอก เจ้าหน้าที่น่ะเวลาไปลาดตระเวนทีก็ไปหลายวัน บางทีไม่มีกำหนดกลับด้วยซ้ำ พอออกจากป่าลูกน้องไปเล่าให้ฟังว่าไอ้เปลวมันไปลาออกจากโรงเรียน ผู้ช่วยเลยรีบมา ข้าวปลายังไม่ทันกิน แกคงเอ็นดูเพราะไอ้เปลวมันเคยไปช่วยงานอุทยานมาก่อน แกว่าจะส่งไอ้เปลวมันเรียนให้จบ แต่เปลวมันเกรงใจเลยขอทำงานกับผู้ช่วยอย่างเดียว’

รเณศอึ้งไปเหมือนกันที่ได้ยินแบบนั้น

‘ป้าได้ยินก็สงสารแก มาอยู่ห่างพี่ห่างน้อง ญาติก็ไม่มี ตัวคนเดียว แต่ขยันขันแข็งจนชาวบ้านต่างก็รักแก ไปถามดูเถอะว่ามีลูกน้องคนไหนไม่รักผู้ช่วยแกบ้าง คิดดูสิว่าหากเป็นลูกเป็นหลานป้าคงอดภูมิใจไม่ได้ มีลูกดีแบบนี้น่าอิจฉาพ่อแม่ผู้ช่วยนะ คนหนุ่มมันน้อยนะเจ้าเนตรที่จะเสียสละตัวเองแบบนี้ บ้านเราน่ะมันชนบทห่างไกลความเจริญ ไม่มีใครเขาอยากมาลำบากหรอก’

รเณศฟังป้าอนงค์เล่าภูมิหลังของหมอนั่นอยู่นานจึงตัดสินใจรับอาสามาส่งข้าวให้

เกือบครึ่งชั่วโมงที่บังคับเครื่องยนต์สี่ล้อจากบ้านมาถึงที่ทำการอุทยาน เขามาหยุดรถตอนที่ความมืดเริ่มโรยตัว แสงไฟหน้ารถของป้าอนงค์ทำให้เด็กหนุ่มสังเกตเห็นจึงเดินมาหยุดที่รถกระบะคุ้นตา

“อ้าวพี่เนตร”

เปลวร้องทักขณะที่คนขับเอี้ยวไปคว้าปิ่นโตมาหิ้ว

“มาส่งข้าวผู้ช่วยน่ะ”

“อ๋อ” เปลวทำหน้าแหย “ผมมัวแต่เตะบอล ลืมไปเลยว่าจะไปเอาปิ่นโต ขอโทษนะพี่ คราวนี้ลำบากพี่เลย”

เด็กหนุ่มยกมือไหว้ปลกๆ

“ไม่เป็นไร อยากมาขับรถเล่นพอดี”

ดูเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าหรอก ใครจะอยากขับรถเล่นตอนใกล้ค่ำแบบนี้ แต่เปลวไม่ทันคิดมันจึงรีบมาคว้าปิ่นโตไปช่วยถือ จังหวะนั้นเสียงน้ำไหลในระยะใกล้เรียกความสนใจจากคนเมือง

“เสียงน้ำตก?”

“มีน้ำตกตรงชายป่าใกล้กระท่อมท้ายป่าครับ”

“หือ?”

รเณศทำหน้าสนใจ

“ขอพี่ไปดูได้มั้ย”

“เอาสิครับ”

“งั้นขอแวะไปล้างไม้ล้างมือที่น้ำตกแป๊บนึง เดี๋ยวพี่กลับมา ฝากเปลวเอาข้าวไปให้ผู้ช่วยที เสร็จแล้วมารอที่รถนะ แก้มใสรอเปลวแย่แล้ว”

เปลวหยักหงึกหงักก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าน้ำตกที่ว่านั่นมันอยู่ใกล้ที่พักของเพลิง ตอนที่ขยับปากจะบอกร่างสูงโปร่งก็เดินไปโน่นแล้ว เด็กหนุ่มเกาหัวแกรกๆ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ปกติพี่เพลิงไม่ได้แก้ผ้าอาบน้ำที่น้ำตกสักหน่อย

อย่างน้อยก็ใส่กางเกงลิงล่ะวะ พี่เนตรคงไม่ตกใจหรอก...มั้งนะ


.

.

เสียงน้ำกระทบกับพื้นดังขึ้นในความเงียบเป็นจังหวะคล้ายดนตรีขับกล่อม บวกกับอาการเย็นๆ บริเวณโดยรอบนั่นทำให้คนเมืองอมยิ้มแล้วสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด ปลายเท้าเล็กขยับซอยไปตามทิศทางของธารน้ำกระจ่างใส

ภาพน้ำตกเล็กๆ เบื้องหน้านั่นถูกใจเขาไม่น้อย รเณศนั่งยองๆ จุ่มมือลงไปในลำธารเล็กๆ เขาขยับมือเลื้อยไปมาเพื่อสัมผัสพื้นน้ำอย่างนึกสนุก จังหวะนั่นเสียงซ่าของอะไรบางอย่างดังขึ้น รเณศผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะเอี้ยวมองไปเบื้องหลัง

รเณศอ้าปากค้างเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ใบหน้าคมสันเปียกไปด้วยน้ำ ปลายเส้นผมมีน้ำไหลย้อยลงมาเป็นทาง ร่างกายส่วนบนเปล่าเปลือย ลายกล้ามเนื้อชัดเจน ยิ่งมีน้ำเกาะอยู่ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูชัดเจน แผ่นอกบึกบึน หัวไหล่กว้าง รเณศเผลอจ้องร่างกายเขาจนสายตาวนไปถึงหัวนมอ่อนนั่น

นี่คือร่างกายที่สมบูรณ์แบบชัดๆ

“คุณ...”

เสียงทุ้มนั่นเอ่ยขึ้นทำเอาคนมองตัวสั่น

“พวกถ้ำมอง”

“ผมเปล่า”

รเณศปฏิเสธเสียงสั่น หัวใจสั่นไหวกับสภาพคนตรงหน้า

เพลิงกดยิ้มมุมปากก่อนจะโคลงศีรษะ

“เพิ่งรู้ว่าคุณชอบแอบดูคนอื่นอาบน้ำ”

“จะบ้าเหรอ”

รเณศส่ายหัวรัวๆ “ผมก็แค่ แค่มาส่งข้าวคุณ”

“เหรอ”

“จริงๆ”

สายตาคู่คมที่จ้องมองกันมีแววขบขัน รเณศหน้างอก่อนจะสะบัดตัวหันหลังหนี เพราะไม่ทันระวังข้อเท้าจึงไปเกี่ยวเครือหญ้าจนสะดุดหินเบื้องหน้าพาให้หงายลงน้ำ

“เฮ้ย”

...ตู้มมม...

รเณศทะลึ่งตัวขึ้นจากน้ำก่อนจะไอหน้าดำหน้าแดง สภาพนั้นเรียกให้คนตัวโตว่ายมาใกล้แล้วช่วยประคองแผ่นหลังแล้วดันรเณศให้ขึ้นฝั่ง

“แค่กๆ”

รเณศไอจนแสบจมูกเพราะตกน้ำไม่ทันตั้งตัว จึงตกใจจนเผลอหายใจเอาน้ำเข้าจมูกเต็มที่

“เป็นยังไงบ้าง”

เพลิงลูบแผ่นหลังให้

“ไหวมั้ย”

รเณศพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีตอนที่เพลิงกำลังจะก้าวขึ้นฝั่ง แค่เห็นแผ่นอกกว้างเขายังทำตัวไม่ถูก หากได้เห็นอะไรต่อมิอะไรมากกว่านี้ รเณศคงหายใจไม่ทั่วท้องเป็นแน่ ดีว่าเพลิงมีบ๊อกเซอร์ติดกาย

ไม่อย่างนั้น...เขาไม่อยากจะคิด

ผู้ชายตัวใหญ่โตก็คงมี ‘อะไรๆ’ ที่ใหญ่ตามตัวแน่ๆ

บ้าจริง! ทำไมถึงมีความคิดน่าเกลียดขนาดนี้ได้

รเณศเผลอกัดริมฝีปากที่คิดอะไรไม่เข้าท่า

.

.

สภาพที่เปียกโชกไปทั้งตัวแบบนั้นของแขกไม่ได้รับเชิญนั่น เพลิงเลยต้องเดินนำหน้าพาร่างโปร่งเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ายังบ้านพักของตัวเอง เพลิงยื่นเสื้อตัวโคร่งและกางเกงไซส์ใหญ่ของตัวเองให้รเณศไปเปลี่ยน พอจะเดาได้ว่ารเณศใส่แล้วคงเหมือนกันเด็กที่ซื้อเสื้อผ้าเผื่อโต แต่ก็จนใจเพราะเขาไม่มีเสื้อผ้าไซส์ของรเณศเลย

ตอนที่เพลิงเปลี่ยนชุดลำลองเสร็จเรียบร้อย หางตาบังเอิญไปเห็นเสื้อและกางบอลบอลของเจ้าเต็งที่ลืมเอาไว้ตั้งแต่พาน้องสาวมานอนที่นี่คราวนั้น  รูปร่างเต็งคงพอๆ กับรเณศ เขาจึงคว้าชุดนั้นหมายจะเอาไปให้หลานป้าอนงค์เปลี่ยน

จังหวะที่จะยื่นมือไปเคาะประตูห้องน้ำนั่น ทำเอาเขาชะงักกึกเพราะคนข้างในไม่ล็อกประตู เพลิงจึงมองลอดข้างว่างระหว่างประตูนั่นเข้าไปเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนหันหลังกำลังถอดเสื้อผ้า จนเหลือแต่ชั้นในที่ขาวเกาะอยู่ตรงเอวกึ่งกลางลำตัว

เพลิงยืนอึ้ง

เขาเผลอกลืนน้ำลายเมื่อสายตาคู่คมเผลอมองเลยไปตามแผ่นหลังเนียนใส สะโพกกลมมนขาวกระจ่างไม่แพ้แผ่นหลังนั่น เอวคอดพอเหมาะพอเจอะกับรูปร่าง แขนยาวและขาเรียวสมส่วน ทุกอย่างเนียนไร้ที่ติติดตาคนมองจนเผลอกำเสื้อผ้าในมือแน่น

เพลิงเบือนหน้าหนีก่อนจะผละถอยหลังออกมาเมื่อรู้สึกกว่ากึ่งกลางร่างกายของตัวเองร้อนผ่าว

‘ตัวเล็กๆ น่ารักน่ากอด’

ชายหนุ่มขบครามแน่น

“ระยำ”

เพลิงกระซิบเสียงแผ่วเมื่อรู้สึกว่าตัวเองอยากปลดปล่อย

เพราะดันเผลอไปคิดตามคำพูดบ้าๆ ของเจ้าพล ถึงได้อุตริอยากทำเรื่องสัปดนแบบนี้ในขณะที่แขกไม่ได้รับเชิญยังอยู่ในบ้านพักเขา

“อ้าวคุณ”

รเณศที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วทำหน้ามึนงงตอนที่เปิดประตูห้องน้ำมาเจอเจ้าของใบหน้าคมคายกำลังทำหน้าบูดบึ้งกัดฟันกรอด

“ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าคุณนะ ถึงจะตัวใหญ่ไปหน่อย แต่ใส่สบายมาก”

“...”

“คุณ..”

รเณศกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย นั่นทำให้เจ้าบ้านกัดฟันแน่น รเณศในชุดของเพลิงเหมือนที่เขาคาดการณ์ไว้จริงๆ เสื้อไหล่ตก กระดุมเม็ดแรกร่นเกือบถึงกลางอก เวลาที่เจ้าตัวขยับยุกยิกยิ่งเปิดรอยแยกระหว่างกระดุมแต่ละเม็ดของเสื้อให้กว้างจนมองเห็นผิวสว่าง

‘ผิวเนียน หน้าใสกิ๊ก โคตรน่าฟัด’

“แม่งเอ้ย”

สงสัยคงต้องอาบน้ำใหม่อีกรอบแล้ว เพลิงขยี้ศีรษะตัวเองแรงๆ ก่อนจะเดินปึงปังหายลับไปที่น้ำตกด้านท้ายที่พัก ทิ้งให้รเณศยืนงงสงสัยในพฤติกรรมแปลกประหลาดของเจ้าบ้าน

☘☘☘☘


มีคนถามว่ามีฉากเอ้าท์ดอร์มั้ย ขอตอบว่า "มี" (แต่ไม่รู้ตอนไหน) 55555555
ทิ้งระเบิดไว้แล้วรีบเผ่นก่อน คิกคิก
หวีดในทวิตติดแท็ค #ป่าห่มรัก ด้วยเด้อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด