หาเพื่อนนอนสนใจทัก DM ครับ : ตอนพิเศษวันคริสต์มาส [25/12/2019] P.30
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หาเพื่อนนอนสนใจทัก DM ครับ : ตอนพิเศษวันคริสต์มาส [25/12/2019] P.30  (อ่าน 240272 ครั้ง)

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โหหห พี่สายฟ้าเดินเครื่องเร็วมากกกกกก  o13

เจอ!! จีบ!! จอง!! จุ๊บ!!  :sad4:

ดีนะที่ฟรองซ์กลับญี่ปุ่นก่อนไม่งั้นโดนคีสสสสแน่ๆ :hao7:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ร้ายกาจจจจจ คู่นี้เขารวดเร็วปุ๊บปั๊บ

ออฟไลน์ NaunaeZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบคู่นี้  :hao7:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
อยากให้ทำspin off เพื่อนนอนคุกจังเลย อยากอ่านต่ออ่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อุ๊ย ความหวั่นไหมไม่ขึ้นกับระยะเวลาเนอะ ว่าแล้วคงต้องไปส่องคาเฟ่แมวบ้างแล้วสิเผื่อเจอโมเม้นแบบสายฟร้องซ์

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
ตอนพิเศษ 2

พระพายคนนี้หวังดีกับเธอ




[พระพาย]


“เฟน ถ้าหนูไม่โอเคบอกพี่ได้นะ พี่อยู่ข้างหนู อย่ากลัวนะครับ”

“เอ่อ พี่…”

“หายใจเข้าลึกๆ ไม่สั่นนะ ตั้งสติ”

“พี่พระพาย…”

“ทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี พ่อพี่จะต้องชอบหนู แม่พี่กับพี่พริ้งพี่เพลิงด้วย หนูไม่ต้องกังวลเลยนะเฟน พี่…”

“พี่พระพาย พอก่อน” เฟนยกสองมือตะปบแก้มผมไว้ น้องจ้องหน้าผมยิ้มๆ ในขณะขยำขยี้แก้มผม ตอนนี้พวกเราอยู่ในรถของผมที่จอดอยู่ข้างทางก่อนถึงบ้าน ผมตั้งใจพาน้องมาพบครอบครัว แต่ดันประสาทแดกเข้าซะก่อนจนต้องจอดพักเพื่อตั้งสติ “เราว่าพี่ควรบอกตัวเองนะพี่พระพาย พี่ดูสติแตกกว่าเราอีก เรายังไม่ได้อะไรเลยเนี่ย มีแต่พี่ที่พูดไม่หยุด”

“อ้าว เหรอ…”

“พี่ติงต๊องอีกแล้ว โอ๊ย ฮ่าๆๆ” น้องหัวเราะจนตาหยี ผมเลยจัดการลงโทษเจ้าตัวดีโดยการหอมแก้มแรงๆ ซ้ายขวา “พี่พระพาย เจ็บ! ไม่โกนหนวดอีกแล้ว ขึ้นเป็นตอเลย”

“นอกจากนวดที่ขึ้นเป็นตอ อย่างอื่นก็ตั้งเป็นตอด้วยนะหนู”

“จากเรื่องหนวดพี่พูดไปเรื่องไหนอีกแล้วเนี่ย!?” เฟนฟาดไหล่ผมเต็มแรง หน้าน้องแดงแจ๋ สงสัยเด็กมันรู้ทันมุกพวกนี้แล้วเพราะเล่นบ่อยจนเดาทางได้ คราวหลังผมต้องหามุกใหม่กว่านี้ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครอยากเหมือน

“กระปุกเกียร์จ้ะหนู พี่หมายถึงกระปุกเกียร์”

“ไม่ต้องเลย”

“หนูน่ารัก พี่ชอบหยอก” ผมจิ้มไหล่น้องไปทีนึง

“หยอดแต่มุกสัปดนนะพี่อะ”

“ใครสอนคำนี้ให้เราฮึเฟน?” ผมขมวดคิ้ว ศัพท์ยากเกินไปแบบนี้น้องไม่เคยใช้

“พี่รัญสอน” เฟนตอบตาแป๋ว “เขาบอกว่าใช้คำนี้มันได้อารมณ์มากกว่า”

“งั้นเดี๋ยวพี่สอนคำที่ได้อารมณ์แบบนี้ให้อีกดีมั้ยคะ” ผมหัวเราะหึๆ มองเฟนที่เบิกตาดูมีท่าทีสนใจ แฟนผมเป็นเด็กที่ชอบเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาครับ เคยถามแล้วน้องตอบว่าจะได้รู้ทันพี่พระพาย คำตอบแสนจะน่ารักปุ๊กปิ๊ก เพราะอย่างนี้เขาเลยกระตือรือร้นทุกครั้งที่ได้เรียนศัพท์ใหม่ๆ

“เอาสิพี่ เดี๋ยวเราเตรียมจดเลย”

“อยากได้แบบมีอารมณ์ระดับไหนดีเอ่ย ธรรมดา หรือขั้นจุดสุดยอด”

“มีหลายระดับเลยเหรอพี่”

“มากค่ะ” ผมยิ้ม กลั้นหัวเราะหึๆ ในลำคอ “อย่างระดับธรรมดาเช่น ‘อ๊า ลึกๆ’ หรือถ้าระดับสุดยอดหนูลองคำนี้ค่ะ ‘จะถึงแล้ว อ๊า พี่พระพายขาแตกใ…’ โอ๊ย!!!”

ผมร้องเสียงหลงเมื่อฝ่ามือน้อยๆ ฟาดเข้าเต็มอก แสบจนน้ำตาเล็ด ผมไอค่อกแค่ก หดตัวยกมือตั้งการ์ดป้องกันตัวเองเมื่อน้องเงื้อมือทำท่าจะฟาดอีกครั้ง

“พี่พระพายหื่นกับเราอีกแล้วนะ!”

“พี่ขอโทษค่ะคนดี พี่อดไม่ได้” ผมสารภาพเสียงอ่อย เฟนมุ่ยหน้าใส่ผม

“เฮ้อ พี่อะ สติแตกทีไรชอบเล่นมุกแบบนี้ตลอด”

“พอหนูพูดคำว่าแตกพี่ก็คิดขึ้นมาได้อีกมุก…”

“พี่จะเอาทุกหยดเลยหรือไง”

“จริงๆ ต้องพูดว่า ‘จะเอาทุกเม็ดเลยหรือไง’ แต่ถ้าเอาทุกหยดนี่พี่คิดดีไม่ได้เลยค่ะ เพราะพี่เคยกินของหนูทุกหยดจริงๆ”

“พี่พระพาย!”

“พี่ขอโทษหนู พี่สติแตกจริงๆ” ผมไหล่ห่อคอตก จ้องหน้าน้อง สีหน้าหงอยๆ หวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นใจแฟนสติแตกคนนี้บ้าง ซึ่งเฟนก็ใจดีเหมือนทุกครั้ง น้องถอนหายใจ ขยับเข้ามากอดผมไว้แล้วโยกตัวโอ๋ มือผมเลื่อนกอดเอวเฟนไว้โดยอัตโนมัติ ก่อนเจ้าลูกแมวมิ้วจะเงยหน้าขึ้นจุ๊บคางจุ๊บจมูกผม ตบท้ายด้วยจูบเบาๆ ที่ริมฝีปาก

ผมจูบตอบ ไล้เล็มริมฝีปากนุ่มอย่างหลงใหล เฟนก็แสนจะเป็นเด็กดี ยอมให้ผมเอาแต่ใจจนตัวเองหอบแฮ่ก ผละใบหน้าออกมาตาปรอย

“โอ๋ๆ นะพี่พระพาย พี่ไม่สติแตกสิ ทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดี พี่อย่าคิดมาก ขนาดเรายังไม่คิดมากเลย ยิ่งพี่เป็นแบบนี้จากที่เราไม่กังวลก็จะกังวลนะ พี่อยากให้เราเป็นแบบนั้นเหรอ”

“ไม่เลยหนู”

“งั้นพี่ต้องฮึบ” น้องผละตัวออกมา เขาสบตาผม ทำสีหน้าจริงจังขึงขัง ซึ่งแม่งโคตรเป็นสีหน้าจริงจังขึงขังที่น่ารักน่าเอ็นดูชิบหาย “ฮึบ!”

“ฮึบ!” ผมพูดตามน้อง ก่อนเราสองคนจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน

“สบายใจหรือยังพี่?”

“นิดนึงครับ”

“ก็ดีกว่าเมื่อกี้เนอะ” เฟนยิ้มหวาน “เราสู้ไปกับพี่นะ เผื่อพี่ลืม”

“ขอบคุณนะหนู น่ารักที่สุดเลยแฟนพี่คนนี้”

“ปะพี่ ออกรถต่อ เราจอดอยู่ตรงนี้นานแล้วนะ”

“โอเคครับ”

ผมพยักหน้ารับ ขับรถออกจากข้างทางมุ่งหน้าไปบ้านตัวเอง ระหว่างทางก็สวดมนต์ในใจไปด้วย ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ขอให้ทุกคนเอ็นดูเฟน ขอให้พ่อเปิดใจรับเขาจริงๆ ด้วยเถอะ สาธุ


“สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า” เฟนยกมือไหว้พ่อกับแม่แล้วหันไปทางพี่เพลิงกับพี่พริ้ง “สวัสดีครับพี่เพลิงพี่พริ้ง”

“ไหว้พระนะลูก”

แม่รับไหว้และยิ้มให้อย่างใจดี ส่วนพ่อผมไม่พูดอะไร ทำแค่รับไหว้และพยักหน้ารับให้เท่านั้น บรรยากาศในห้องรับแขกไม่ถึงกับผ่อนคลายแต่ก็ไม่อึดอัดเหมือนคราวก่อนที่ผมมาสารภาพความจริง

“สวัสดีครับน้องเฟน” พี่เพลิงพยักหน้ารับน้อยๆ

“ดีจ้าน้องเฟน จำพี่ได้ใช่มั้ย” พี่พริ้งถามยิ้มๆ

“จำได้สิครับ ผมชอบพี่พริ้งมากๆ เลย” แววตาเฟนเป็นประกายวาว มือไม้ไม่อยู่สุข จับๆ บีบๆ ขาตัวเองไปมาบ่งบอกว่าเขาชอบพี่สาวผมและตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้เจอเธอ ไม่ใช่แค่พูดเอาใจ “ผมดูละครกับหนังพี่พริ้งทุกเรื่องเลยครับ”

“น่ารักจังเลยแฟนคลับตัวน้อยของพี่” พี่พริ้งยิ้มจนแก้มจะแตก เธอรีบหันไปอวดพ่อเพื่อสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลาย “พ่อดูสิคะ แฟนคลับหนูน่ารักที่สุด”

“อืม ดูชอบพริ้งจริงๆ นั่นแหละ” พ่อพยักหน้ารับเห็นด้วย ผมใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ตอนเห็นสายตาที่พ่อมองเฟน พ่อกำลังประเมินแฟนผมอยู่ ผมอ่านสายตาเขาออก แต่เฟนไม่มีท่าทีตื่นกลัวสักนิด น้องนั่งส่งยิ้มหวานให้พ่อตาแป๋ว “ไปเจอกันได้ยังไงสองคนนี้ ไหนเราเล่าให้ลุงฟังหน่อย”

เล่าดีๆ นะหนู อย่าไปบอกพ่อพี่นะว่าพี่ไปดีลหนูเพราะคิดว่าหนูหาเพื่อนนอนแบบนัดเย็บน่ะ…

“ได้ครับคุณลุง” เฟนยิ้มรับตาหยี “ผมเจอพี่พระพายตอนทวิตหารูมเมตน่ะครับ คือผมเป็นพวกนอนคนเดียวไม่ได้ แต่สอบติดมหา’ลัยไกลบ้าน พี่พระพายทักมาพอดีว่าอยากย้ายหอ ผมกับพี่เขาเลยตกลงเป็นรูมเมตกัน”

“ย้ายหอเหรอ?” พี่เพลิงแทรกขึ้นมา เขามองหน้าผม “นายก็ยังอยู่หอเดิมไม่ใช่เหรอพระพาย”

“เอ่อ พี่…จุ๊ๆ” ผมส่งซิกให้พี่เพลิงหยุดพูด ผมยังไม่ได้บอกเฟนว่าจริงๆ แล้วผมอยู่หอนั้นอยู่แล้วแต่ย้ายหนีไอ้สายฟ้าลงมาจากชั้นเจ็ด เพราะเด็กมันขาว มันน่ารัก

“ก็เลยรู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น ลุงพูดถูกมั้ย?”

“ครับคุณลุง”

“แล้วอยู่กันยังไงถึงชอบกันได้ล่ะ” พ่อผมยิงคำถามตรงประเด็น เฟนเงียบไปเล็กน้อย น้องหันมองผมแล้วยิ้มให้ก่อนหันกลับไปสบตาพ่อ

“ตอนแรกผมไม่คิดว่าเราจะชอบกันได้เลยครับคุณลุง พี่พระพายขี้แกล้งมากๆ แกล้งผมตลอดเลย”

“อ้าวหนู พูดแบบนี้ผิดแผนหมดสิ” ผมแย้ง

“พระพายเงียบเลยลูก” แม่ดุผม “ที่แท้ก็แกล้งน้องไว้เยอะนี่เอง ยังจะไม่ให้น้องพูดอีก”

“แต่แม่…”

“เล่าต่อสิ ลุงฟังอยู่” คุณพ่อพูดเสียงนิ่ง สายตาเขาจ้องหน้าเฟนไม่ละไปไหน ผมกลัวน้องจะประหม่าเลยขยับไปใกล้เขา กุมมือน้องเอาไว้ พ่อปรายตามา กระแอมเล็กน้อย “พ่อไม่ได้จะดุแฟนแกสักหน่อย”

ผมส่งยิ้มแห้งๆ ส่วนเฟนหัวเราะเบาๆ น้องเล่าต่อ

“ครับ พี่พระพายขี้แกล้ง…”

“เราควรมูฟออนจากประเด็นนี้มั้ยหนู?”

“พระพาย” พ่อเสียงเข้มใส่ผม “อย่าขัดน้อง”

“ขอโทษครับ”

“เอ่อ ถึงพี่พระพายจะขี้แกล้งแต่พี่เขาก็ดีกับผมมากๆ เลยนะครับ” เฟนเล่าต่อ น้ำเสียงน้องกระตือรือร้นอยากให้ที่บ้านรับรู้ถึงความดีของผม “ตอนนอนหอผมไม่ชินเลย กลัวด้วย คืนแรกผมเจอผีด้วยนะครับ มาลูบๆ มาจับๆ ไปทั่วตัวเลย ผมกลัวมากจนไม่กล้าลืมตาดู พอตื่นเช้าเล่าให้พี่พระพายฟังพี่พระพายก็ให้คำแนะนำผมว่าต้องสวดมนต์ทุกคืนก่อนนอน พี่พระพายใจดีแถมยังพึ่งพาได้จริงๆ นะครับ”

“สวดมนต์แล้วผีหายมั้ยล่ะลูก” คุณแม่ถามด้วยสีหน้าแปลกๆ เล็กน้อย เฟนทำท่าคิด ส่วนผมเหงื่อออกเต็มหลัง

“ตอนแรกก็ไม่หายครับคุณป้า ยังเจออยู่ทุกคืนจนพี่พระพายบอกให้เลื่อนเตียงชิดกันแล้วนอนเป็นเพื่อนใกล้ๆ ผมผีถึงหาย ตอนนั้นผมรู้สึกขอบคุณพี่เขามากเลยครับ พี่พระพายใจดีกับผมมากจริงๆ ทั้งที่ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายตาของพ่อ แม่ พี่พริ้ง พี่เพลิงมองผมเป็นตาเดียว เป็นสายตารู้ทันกึ่งตำหนิ ผมขยับตัวเล็กน้อย กระแอมเบาๆ

“อะไร มองผมทำไม”

“พระพาย” พี่เพลิงขมวดคิ้วแน่น “นายหากินกับความซื่อของน้อง”

“...”

“พาย...น้องซื่อขนาดนั้นทำไมถึงทำได้ลงคอ”

“พระพายลูก…” แม่คล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายทำได้แค่ถอนหายใจ ส่วนพ่อจ้องผมตาเขม็ง คิ้วขมวดแน่นจนเกือบผูกโบว์ได้

“ทุกคนเป็นอะไรกันเหรอครับ” เฟนหน้าเหรอหรา น้องมองซ้ายมองขวาอย่างไม่เข้าใจ “อย่าว่าพี่พระพายเลยนะครับ ตอนแรกพี่เขาคงคิดว่าแค่สวดมนต์ก็หาย ไม่งั้นคงเลื่อนเตียงมานอนกับผมตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว พี่เขาไม่ได้ตั้งใจปล่อยให้ผมโดนผีหลอกอยู่หลายวันหรอกครับ”

“หนูเฟนลูก” คุณแม่มองน้องด้วยสายตาสงสาร “ป้าจะปกป้องหนูเอง ไม่ต้องกลัวนะ”

“ครับ? อ๋อ ตอนนี้ไม่เจอผีแล้วครับคุณป้าไม่ต้องกังวลนะครับ”

“พี่เพลิง พริ้งรู้สึกอยากอุ้มน้องหนีพาย…”

“พริ้งไม่ได้รู้สึกคนเดียวหรอก พี่ก็รู้สึกเหมือนกัน”

“นอกจากเรื่องนี้มีเรื่องไหนอีกมั้ยที่พระพาย ‘ใจดี’ กับเราน่ะ” พ่อถามอีกครั้ง เขาเน้นเสียงคำว่าใจดีในขณะจ้องหน้าผมแล้วหันกลับไปมองเฟน พอโดนถามน้องก็ยืดตัวตรงดูตื่นเต้นที่จะได้เล่า ส่วนผมนั่งเหงื่อแตกเต็มหลัง นึกทบทวนความใจดีของตัวเองใน ‘สายตาน้อง’ ซึ่งก็คือความจัญไรหลอกแต๊ะอั๋งใน ‘มุมมองผม’ ดีๆ นี่เอง

“มีอีกเยอะเลยครับคุณลุง”

“เล่าให้ลุงฟังทั้งหมดเลยนะ ลุงอยากรู้”

โอ๊ย พ่อจะอยากรู้อะไร ไม่ต้องรู้แล้วววว!

“ได้ครับ” เฟนพยักหน้ารับ “อย่างช่วงนี้ร้อนมาก พี่พระพายเลยซื้อเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นให้ผมใหม่ตั้งหลายชุดเอาไว้ใส่ตอนอยู่หอ เพราะผมไม่ยอมซื้อใหม่เองสักที”

“เสื้อกล้าม…” พี่พริ้งทวนคำ

“กางเกงขาสั้น…” พี่เพลิงกุมขมับ

“ครับ เนื้อผ้าบางใส่สบายมากเลย” เฟนหน้าซื่อยิ้มรับตาใส ส่วนผมตัวพรุนไปหมดเพราะโดนพ่อกับแม่จ้องเขม็ง

“ลูกเราไปหลอกลูกบ้านอื่นเขามาแน่ๆ เลยค่ะคุณ” คุณแม่หันไปกระซิบกับพ่อที่หน้าเครียดพยักหน้ารับ แต่คือผมได้ยินนะแม่ ผมไม่ได้หลอกเฟนสักหน่อย!

“ผมรู้แล้วคุณ”

“น้องเฟนอยากย้ายหอมั้ยคะ เดี๋ยวพี่ดูหอใหม่ให้” พี่พริ้งเสนอ ส่วนเฟนกะพริบตางงๆ ว่าวกมาเรื่องย้ายหอได้ยังไง ผมรีบแทรกทันที

“พี่พริ้ง ไม่เอาน่า”

“พาย พี่รับไม่ได้ น้องซื่อขนาดนี้แต่พายกลับ…”

“พี่พริ้ง ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลยนะ”

“ใช่ครับพี่พริ้ง” เฟนพยายามช่วยผม “พี่พระพายหวังดีกับผมมากๆ พี่พริ้งอย่าดุพี่พระพายเลยนะครับ”

“สรุปเราชอบพระพายเพราะเขาใจดีกับเราใช่มั้ย” พ่อถามเฟน น้องเลยพยักหน้ารับ

“ใช่ครับคุณลุง พี่พระพายใจดี เทคแคร์เก่งแล้วก็ให้เกียรติผมมากๆ พอพี่เขาบอกว่าชอบผม ผมเลยให้โอกาสเขาครับ” น้องหันมายิ้มให้ผม ตาแป๋วๆ หยีโค้งน่ารักน่าเอ็นดู ใจผมอ่อนยวบไปหมด น่ารักที่สุดค่ะคนดี ถ้าพี่ซื้อคำว่าน่ารักได้พี่จะซื้อคำนี้ไว้ให้หนูใช้คนเดียว “พอคบกับพี่พระพายเขาก็ยิ่งดูแลผมดีมากๆ เราไม่เคยทะเลาะกันหนักเลยนะครับ เวลามีเรื่องอะไรก็จะคุยกันให้รู้เรื่อง ไม่โกรธกันนานเลย”

“แล้วเรารู้เรื่องพระพายมั้ย ที่เขา…” พ่อละคำพูดเอาไว้ อันที่จริงพ่อก็น่าจะรู้ว่าน้องรู้ ผมเคยบอกให้พ่อฟังอยู่ว่าน้องรับได้ แต่คราวนี้พ่อคงอยากฟังจากปากของเฟนเองมากกว่า

“อ่า เรื่องนั้นที่เป็นข่าวใช่มั้ยครับ?” น้องถาม พอพ่อพยักหน้ารับเฟนก็ตอบกลับ “ผมรู้ครับคุณลุง พี่พระพายไม่ได้ปิดผมเรื่องนี้ แต่ผมไม่มีปัญหานะครับ ไม่ได้คิดมากเลย เพราะตอนพี่เขาบอกจะจีบผม พี่พระพายก็เลิกทุกอย่างเลยเพื่อให้ผมสบายใจ”

“อืม” พ่อพยักหน้า “ได้ยินว่าเรารับได้ลุงก็สบายใจ เป็นเด็กใจกว้างนะรู้ตัวมั้ย”

เฟนยิ้มรับ แก้มแดงเมื่อถูกชม ส่วนผมรีบอวดแฟนทันทีที่ได้ช่อง

“เห็นเฟนตัวเท่านี้นะพ่อ แต่ใจกว้างเท่าจักรวาลเลย”

“ขนาดนั้นเลยนะลูก” แม่หัวเราะ

“ที่เรียกมาวันนี้กลัวลุงบ้างหรือเปล่าเรา?”

“ก็…” น้องหัวเราะแหะๆ “ก็กลัวครับ”

“แต่ดูพูดจาฉะฉาน ยิ้มเก่งเหมือนไม่กลัวเลยนะ”

“ก็พี่พระพายน่ะสิครับคุณลุง เขากลัวแทนผมจนผมไม่กล้ากลัวเลย” เฟนหัวเราะ น้องมองหน้าผมยิ้มๆ “ผมเลยต้องฮึบไว้พี่พระพายจะได้สบายใจ”

“ตัวแค่นี้แต่เก่งจังนะหนู” ผมขยี้หัวน้องด้วยความมันเขี้ยว ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนอื่นเบาๆ

“เป็นเด็กใจกล้านะ ลุงชื่นชมตรงนี้” ในที่สุดพ่อก็ยิ้มออก เขาทอดสายมองเฟน แววตาอ่อนลง “หนูน่าจะรู้ว่าลุงกับพระพายเคยมีปัญหากันเรื่องนี้ แนวคิดลุงกับแนวคิดลูกชายลุงคนละช่วงวัย ว่ากันตามตรงลุงรับไม่ค่อยได้ มันไม่ใช่เรื่องปกติในสมัยของลุง ลุงบังคับเขาจนเราทะเลาะกันและลุงคิดได้ว่าแบบนี้มันไม่ดีสักนิด”

“ตอนนี้ลุงกำลังพยายามเปิดใจ หนูเองก็เป็นเด็กดี สุภาพมีมารยาท เท่าที่ลุงคุยด้วยก็พอจะรู้นิสัยคร่าวๆ ของหนู ที่เรียกมาวันนี้ไม่ได้จะกดดันหรือทำให้รู้สึกไม่ดี ลุงแค่อยากพูดคุยทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เท่านั้น”

“ผมเข้าใจครับคุณลุง”

“รู้น่าแล้วพ่อ” ผมยิ้มรับ สบตาเขา “สรุปว่าไงครับ พ่อชอบเฟนมั้ย ให้ผ่านหรือเปล่า”

“ถ้าไม่ให้ผ่านก็คงจะใจร้ายกับเด็กคนนี้เกินไป” พ่อตอบผมแต่กลับหันไปยิ้มให้เฟน เลยได้รับรอยยิ้มหวานจนตาหยีของน้องกลับไปเต็มๆ

“ขอบคุณครับคุณลุงที่ให้โอกาสผม” น้องว่าเสียงใส “พี่พระพายจะได้เลิกกังวล ผมปลอบพี่เขาตั้งแต่ออกจากหอแล้ว พี่พระพายกลัวคุณลุงไม่ชอบผม”

“พ่อดูใจร้ายขนาดนั้นหรือไง” คราวนี้พ่อหันมาถามผม

“ก็...แหม” ผมเลือกไม่ตอบ แต่พ่อก็คงรู้แหละว่าผมยังฝังใจกับเรื่องเขานิดหน่อย พ่อเลยเปลี่ยนเรื่องให้บรรยากาศไม่ขุ่นมัว

“เราก็ไม่ต้องรีบกลับล่ะเดี๋ยวอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อน”

“ไม่รบกวนเหรอครับ?” น้องถาม

“ไม่หรอก” พ่อตอบ เขาพยักพเยิดไปทางกลุ่มพี่ๆ ของผม “เพลิงกับพริ้งอยากทำความรู้จักกับเราเหมือนกัน อยู่คุยเล่นกับพี่ๆ เขาก่อน วันนี้วันอาทิตย์ ไม่ติดขัดอะไรใช่มั้ย”

“ไม่ครับ ยินดีมากๆ เลยครับ”

พ่อพยักหน้าเมื่อน้องตอบรับ ก่อนจะขอตัวไปสะสางเอกสารในห้องทำงานของตัวเองต่อ ส่วนแม่มีนัดกับสมาคมคุณนายช่วงบ่ายสองเลยขอตัวไปตามๆ กัน เหลือผมกับเฟนแล้วก็พี่เพลิงพี่พริ้งเท่านั้น

สายตาพี่ๆ ทั้งสองมองผมเป็นตาเดียว

ผมรู้สึกเย็นวาบที่แผ่นหลัง แต่พยายามคิดบวก

คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง…

v
v
v

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
- ต่อ -



[พระเพลิง]

ครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าเฟนก็นึกชื่นชมสเป็คของน้องชายอยู่ในใจ แฟนของพระพายคนนี้น่ารักแถมยังยิ้มเก่ง ขนาดผมเป็นคนยิ้มยากพอเฟนส่งยิ้มตาหยีมาให้ยังอดยิ้มตอบไม่ได้ ยิ่งได้คุยก็รู้สึกว่าน้องเป็นเด็กดี ความคิดไม่ซับซ้อนและซื่อมาก ซื่อจนผมอดคิดไม่ได้ว่าพระพายมันไปล่อลวงลูกคนอื่นเขาด้วยวิธีไหนเฟนถึงดูรักดูชอบมันมากขนาดนี้

“ทานขนมกันค่ะน้องเฟน” พริ้งยกถาดขนมมาวางบนโต๊ะ เธอทิ้งตัวนั่งข้างเฟนที่ยืดตัวนั่งหลังตรงมองน้องสาวผมตาโตด้วยสายตาตื่นเต้นที่ปิดไม่มิด

“ขอบคุณครับ”

“อ้าว พอพี่มานั่งด้วยเราเกร็งเฉยเลย อึดอัดหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปนั่งที่อื่น…”

“ไม่ใช่ครับๆ” เฟนส่ายหัวจนผมกระจาย แก้มน้องแดงขึ้นจนผมสังเกตเห็นชัดจน เขาจ้องพะพริ้งด้วยดวงตาใสแป๋ว “คือผมชอบพี่พริ้งมากๆ เลย...ฮือออ ตื่นเต้นอะ อยากร้องไห้แล้ว”

“เป็นงั้นไปเจ้าตัวเล็ก เจอพี่ตั้งสองครั้งแล้วยังไม่ชินเหรอ” พะพริ้งหัวเราะลั่น เธอส่งยิ้มหวานให้จนแก้มเฟนแดงเถือกกว่าเดิม “พี่ก็ชอบหนูเหมือนกันค่ะ เจ้าคนน่ารัก”

“พี่พริ้งพอเลย” เสียงพระพายดังขึ้นพร้อมกับร่างของน้องชายผมที่ขยับลุกนั่งแทรกกลางระหว่างพะพริ้งกับเฟน สีหน้าเขาบูดบึ้ง “พี่หว่านเสน่ห์ใส่เฟน ผมดูออก ขยับเลยๆ คนนี้ของผม”

“เอ๊ะ อะไรกันพาย มาเบียดทำไม”

“พี่พระพายไม่ดื้อสิ” เฟนท้วง น้องเป็นฝ่ายขยับออกมานั่งใกล้ผมแทน

“หนูน่ะหน้าแดงกับพี่คนเดียวก็พอ”

“แต่เราก็ชอบพี่พริ้งด้วยเหมือนกันนะ” เฟนตอบ น้องทำหน้าดื้อ “ชอบพี่พริ้งมานานก่อนเจอพี่พระพายอีก ตามละครมาทุกเรื่องเลย”

“ว้าย แพ้อะ คิก” พะพริ้งแกล้งหัวเราะใส่

“อ้าวพี่ พริ้งแบบนี้ก็สวยสิ!”

“พี่สวยอยู่แล้วย่ะ!”

แล้วน้องชายกับน้องสาวผมก็เริ่มตีกันโดยมีเฟนนั่งมองอยู่ห่างๆ น้องพยายามจะหาช่องแทรกเพื่อห้าม แต่ทั้งคู่ก็ไม่เปิดช่องเลยสักนิด ผมนั่งมองอยู่สักพักถึงสะกิดแขนเฟนเบาๆ จนเขาหันมา

“ปล่อยไปก่อน เดี๋ยวก็เลิกตีกันเอง”

“แต่ว่า…” เฟนลังเล เขามองพวกนั้นอีกครั้งแล้วกลับมาสบตาผม “พี่พระพายกำลังโดนพี่พริ้งบิดนม…”

“สองคนเขาเล่นกันแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว” ผมพยายามพูดให้เฟนสบายใจ แต่คิ้วอีกฝ่ายก็ยังขมวดแน่น ผมมองซ้ายขวา เห็นจานคุกกี้วางอยู่บนโต๊ะถึงหยิบมาชิ้นนึงยื่นให้เฟน “อร่อยนะ ชิมดู”

“อ๊ะ ขอบคุณครับพี่เพลิง”

เฟนรับไปทาน ตาโตๆ เบิกกว้างก่อนยิ้มตาหยีเมื่อได้ชิมคุกกี้ฝีมือคุณแม่บ้านมือหนึ่งประจำครอบครัวเรา ไม่นานนักคุกกี้ชิ้นนั้นก็หมดลงอย่างรวดเร็ว น้องมองจานคุกกี้ก่อนหันมองผมเป็นเชิงขออนุญาต รู้ตัวอีกทีผมก็หยิบคุกกี้ให้เขาอีกชิ้น

มองเด็กตาแป๋วกินมันอย่างเอร็ดอร่อย

ผมหยิบชิ้นที่สามส่งให้เขาทันทีที่เฟนทานชิ้นที่สองหมด น้องตาวาวเป็นประกาย

เขาเหมือนสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่น่าเอ็นดู

ผมหยิบคุกกี้ให้อีกชิ้น

และอีกชิ้น

แก้มกลมๆ พองออก เศษคุกกี้เปื้อนปากจนต้องยื่นนิ้วไปเขี่ยออกให้ เฟนมองหน้าผม ตาโตเล็กน้อยอย่างตกใจก่อนยิ้มหวานจนตาหยีแล้วพูดขอบคุณครับ

เด็กมันน่ารักเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ...

ลูบหัวได้มั้ย?

อืม...ช่างเถอะ เพราะมือผมเอื้อมไปลูบหัวอีกฝ่ายตั้งแต่วินาทีแรกที่คิดแล้ว

“เฮ้ยๆ พี่เพลิง” เสียงพระพายโวยวายลั่น ก่อนที่เฟนจะถูกรวบเอวอุ้มหนี มือผมชะงักค้างกลางอากาศ สบตากับน้องชายที่มองมาตาแข็ง “ฉวยโอกาสเหรอพี่”

“แค่ลูบหัว” ผมยักไหล่ สบตาพระพายนิ่งๆ “เฟนยังไม่เดือดร้อน นายจะโวยวายทำไม”

“พี่พระพายเสียงดัง ไม่น่ารักเลยนะ” เฟนดุพระพาย แต่มองแล้วเหมือนลูกแมวตัวเล็กกำลังขู่มากกว่า ไม่ได้น่ากลัวสักนิด แต่น้องชายผมกลับหงอ ไหล่งอคอตกตาปรอย

“หนูจ๋า…”

“เมื่อกี้เราเกือบสำลักตอนพี่อุ้ม พี่จะฆาตกรรมเราเหรอ”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่หวงหนู”

“จะหวงทำไม หนูไม่ได้ไปไหน”

แทนตัวเองว่าหนูด้วย

อา น่ารัก…

ผมพยายามห้ามมือตัวเองไม่ให้ยื่นออกไปยืดแก้มเฟน หนึ่งคือกลัวน้องตกใจ และสองพระพายอาจหึงจนหน้ามืดตามัว สาบานได้ว่าผมไม่ได้คิดจะตีท้ายครัวน้องชายตัวเอง แต่เฟนน่ารัก เขาเป็นน้องชายในไทป์ที่ไม่เหมือนกับพระพายสักนิด ไม่แปลกถ้าผมจะรู้สึกเอ็นดูขนาดนี้

เชื่อแล้วว่าทำไมน้องชายผมถึงรักซะเหลือเกิน ก็น่ารักได้ขนาดนี้

“พี่รักหนูไงคะ หวงหนูกับพี่เพลิงจะตายอยู่แล้วเนี่ย” พระพายทำเสียงเล็กเสียงน้อย ลูบแก้มบีบจมูกเฟนจนอีกฝ่ายหน้าแดงแจ๋ “ถึงพี่จะหล่อกว่าพี่เพลิงมากๆ จนไม่ต้องกังวลอะไรก็เถอะ แต่พี่ก็หวงหนูอยู่ดีค่ะ”

“เอาที่นายสบายใจแล้วกัน” ผมกลอกตา

“พี่เพลิงสู้สิคะ อย่าให้พายได้ใจ” พะพริ้งพยายามหาพวก ผมหลุดหัวเราะเบาๆ

“พี่โตแล้ว จะให้ไปเล่นเป็นเด็กๆ แบบพวกเราได้ยังไง”

“พี่เพลิงยังดูหนุ่มอยู่เลย” เฟนมองผมตาโต “ดูอายุไม่น่าเกินยี่สิบห้า”

“พี่ยี่สิบแปดแล้วครับ”

“พี่ดูดีมากๆ เลยนะครับ” พอเฟนชมผม พระพายก็ออกอาการอีกครั้ง เขากอดน้องแน่น จ้องผมเขม็งจนเฟนต้องตีแขนอีกฝ่ายให้ปล่อย เห็นแล้วก็ชักหมั่นไส้ ขอแกล้งสักทีแล้วกัน

“เฟนครับ”

“ครับ?”

“เลิกกับพระพายเมื่อไหร่ รับพี่ไว้พิจารณาหน่อยนะ เราตรงสเป็คพี่เหมือนกัน”

“ไอ้พี่เพลิง!”

 ดี ตะโกนแบบนั้นแหละ ค่อยสบายใจหน่อย

ผมหัวเราะหึๆ มองน้องชายตัวเองที่ฟึดฟัดเป็นหมาบ้าหลังโดนผมแกล้งปั่นใส่ ส่วนเฟนก็มองซ้ายมองขวาทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็เลือกไปโอ๋พระพายให้ใจเย็นๆ โดยมีพริ้งหัวเราะอยู่ข้างๆ

วันนี้เป็นวันที่สนุกดี ผมคิดอย่างนั้นนะ


[พะพริ้ง]

น้องเฟนน่ารัก น่ารักมากๆ จนฉันชักไม่อยากปล่อยกลับไปกับพระพายซะแล้ว เด็กอะไรไม่รู้หน้าใส ตาแป๋ว น่าจับมาหอมหัวที่สุด พูดจาก็เพราะ นิสัยน่ารัก แถมยังเป็นแฟนคลับฉันด้วย เอ็นดูจนไม่รู้จะเอ็นดูได้มากกว่านี้อีกหรือเปล่า

“รูปนี้พี่พริ้งสวยมากเลย”

ฉันว่าฉันได้คำตอบแล้ว ปากหวานขนาดนี้คงเอ็นดูน้องได้อีกไม่มีวันสิ้นสุดแน่ๆ

ตอนนี้ฉันแอบขโมยตัวน้องพามาเดินดูบ้าน โชคดีที่พี่เพลิงกับพระพายถูกพ่อเรียกตัวไปคุยเรื่องฝึกงานของเจ้าน้องชายคนเล็ก เลยไม่มีใครมาแย่งตัวน้องไปจากฉัน

เฟนยืนมองกรอบรูปขนาดใหญ่ของฉันซึ่งติดอยู่บนผนัง มันเป็นรูปที่ฉันถ่ายแบบในธีมชุดไทย น้องทำตาโต ชมเปาะไม่หยุดจนฉันที่ชินกับคำชมมากมายยังรู้สึกเขินจนอดยิ้มกว้างไม่ได้

พระพายนี่ตาแหลม เลือกแฟนได้ถูกใจคนเป็นพี่สาวอย่างฉันจริงๆ

“ขอบใจจ้ะที่ชมพี่”

“ผมกับแม่ชอบพี่มากๆๆ” น้องบอกฉันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แต่ฉันก็ดันยิ้มกว้างรับเหมือนคนบ้าทุกครั้งเลย เฟนหันมา แววตาน้องเป็นประกาย “พี่แสดงเก่งที่สุด ถ้าแม่รู้ว่าผมรู้จักพี่ต้องกรี๊ดแน่ๆ”

“งั้นถ่ายรูปไปอวดคุณแม่มั้ยคะ?”

“เอ๋ ได้เหรอครับ?” เฟนดูตื่นเต้น ฉันพยักหน้ารับ

“ได้สิคะ มาเซลฟี่กันค่ะ”

ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดกล้องหน้า ขยับเข้าไปใกล้น้อง เฟนยิ้มแฉ่งให้กล้องจนตาหยี ฉันรีบรัวชัตเตอร์เก็บความน่ารักของเจ้าเด็กนี่จนนิ้วเกือบล็อก เข้าใจเลยว่าทำไมพระพายหวงนักหวงหนา ถ้าฉันมีแฟนน่ารักแบบนี้ก็คงหวงเหมือนกัน เผลอๆ จะจับปั้นเป็นก้อนกลืนลงท้องไม่ให้ใครเห็นแน่ๆ

“อ่า แล้วพี่พริ้งจะส่งรูปให้ผมยังไงดี” เฟนเกาแก้ม สีหน้าครุ่นคิดก่อนดีดนิ้วแล้วยิ้มกว้างมองฉัน “รู้แล้ว ผมฝากพี่พริ้งส่งเข้าไลน์พี่พระพายได้มั้ยครับ เดี๋ยวให้พี่พระพายส่งให้ผมอีกทีนึง”

“แล้วทำไมหนูไม่เอาไลน์มาให้พี่ส่งหาหนูโดยตรงเลยล่ะคะ”

“เอ๋ ได้เหรอครับพี่พริ้ง” เฟนดูไม่แน่ใจ “คือ...ไลน์พี่น่าจะ...ส่วนตัวหรือเปล่า เอามาให้คนนอกแบบผม…”

“คนนอกที่ไหนกัน” ฉันรีบค้าน แอบฉวยโอกาสนี้ลูบหัวน้องไปทีนึง “เฟนเป็นครอบครัวเดียวกับพี่แล้วนะ แฟนของพระพายก็เหมือนเป็นน้องชายพี่อีกคนนั่นแหละค่ะ”

พอฉันบอกแบบนั้นเฟนก็แก้มแดงใส่ ต้องห้ามใจตัวเองนานเชียวล่ะไม่ให้บีบแก้มเขา ฉันแบมือขอโทรศัพท์จากน้องแล้วแอดไลน์ก่อนส่งรูปที่ถ่ายเมื่อกี้ให้ถึงยื่นคืน

“ขอบคุณนะครับพี่พริ้ง”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูน่ารัก ขออะไรพี่ยอมหมดเลย”

“พี่พริ้งพูดเหมือนพี่พระพายเลย” เฟนหัวเราะ “พี่พระพายพูดแบบนี้บ่อยมาก”

“อย่างนั้นเหรอคะ” ฉันทวนคำ พาน้องเดินดูรอบๆ บ้านต่อ จุดหมายต่อไปคือสวนดอกไม้หน้าบ้าน ถ้าจับเฟนถ่ายรูปตรงนั้นต้องออกมาสวยมากแน่ๆ ฉันจะอัดกรอบไว้หลายๆ รูปเลย “ว่าแต่พระพายไม่ได้แกล้งหนูบ่อยใช่มั้ยเฟน”

“ตอนนี้ก็ไม่ค่อยบ่อยแล้วครับ พี่พระพายใจดี”

“แต่หนูตัวเท่านี้ ถ้าพระพายจะเอาเปรียบคงสู้ไม่ได้แน่ๆ เลยใช่มั้ย”

“ผมสู้นะ”

“จริงเหรอคะ?”

“ผมบอกความลับให้พี่พริ้งฟังเอามั้ย” น้องหันมาจ้องฉัน สีหน้าท่าทางอยากบอกมากๆ จนฉันต้องพยักหน้ารับ เฟนยื่นหน้ามาใกล้ ป้องปากกระซิบ “ผมน่ะอยู่บนพี่พระพายนะ”

“...”

“พี่พระพายสู้ผมไม่ได้หรอก พี่พริ้งสบายใจได้เลย” เฟนหัวเราะคิกคัก ฉันมองหน้าซื่อๆ ตาใสๆ ของน้องแล้วไม่เห็นแววว่าอีกฝ่ายโกหกเลยสักนิด

อยู่บน?

ตำแหน่งของน้องเฟนอยู่บนงั้นแสดงว่า…

พระพายเป็นรับ!?

พระเจ้า นี่สินะเขาถึงบอกว่าส่วนสูงไม่มีผลต่อแนวราบ ฉันคงต้องปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ซะแล้ว…


[เฟน]

“หนูคะ…”

“หือ ว่าไงพี่พระพาย” ผมขานรับในขณะคาดเข็มขัดนิรภัย มื้อเย็นกับครอบครัวพี่เขาผ่านไปด้วยดี คุณลุงคุณป้า พี่พริ้งพี่เพลิงน่ารักกับผมมากๆ

“หนูว่าพี่พริ้งมองพี่แปลกๆ ไปมั้ย?”

“ยังไงเหรอพี่?” ผมถามย้ำ ไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไร “เราไม่ได้สังเกตเลย แต่เราว่าทุกอย่างปกติดีนะ”

“งั้นเหรอ” เขาขานรับ “อืม สงสัยพี่คิดมากไป ว่าแต่วันนี้เป็นไงบ้างเรา ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อย”

“วันนี้เหรอ อืม…” ผมแกล้งลากเสียง เหลือบมองพี่พระพายที่ขับรถอยู่ เห็นแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างก็ดูออกว่าพี่เขากำลังตั้งใจฟัง “วันนี้ดีมากเลยพี่ ตอนแรกเรากังวลนิดหน่อย แต่เราฮึบไว้เพราะพี่สติแตกมากกว่าจนเราไม่กล้าสติแตกตาม”

“อย่าล้อพี่สิหนู”

“ไม่ได้ล้อสักหน่อย รู้ว่าที่พี่เป็นแบบนั้นเพราะห่วงเรา” ผมหัวเราะเบาๆ “ตอนเจอคุณลุงนะ โห เรานี่มือเย็นเจี๊ยบ คุณลุงหน้านิ่งอะ เราแอบเกร็งเลย กลัวพูดผิดพูดถูกด้วย พี่ก็รู้ว่าภาษาไทยเราอ่อนแอ ขืนเลือกใช้คำผิดความหมายคงแย่แน่ๆ แต่พอคุยด้วยสักพักเราก็ผ่อนคลาย คุณลุงใจดีมากๆ เลยพี่พระพาย”

“โชคดีของหนูที่เจอพ่อพี่เวอร์ชั่นนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ โห ไม่อยากจะคิด ดราม่าเป็นละครช่องเจ็ดแน่ๆ”

“เพราะเราเป็นคนถูกที่ถูกเวลาของพี่พระพายไง”

“พูดจาน่ารักอีกแล้วค่ะ ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่จะจับฟัดแก้มแล้วนะคะ” พี่พระพายยิ้มมุมปาก เขาเหลือบตามองผมเล็กน้อยแล้วตั้งใจขับรถต่อ

“ว่าแต่พี่ไปคุยเรื่องฝึกงานกับคุณลุงเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ไม่ยังไงนะ พ่อก็บอกรายละเอียดพี่ว่าจะให้ฝึกแผนกไหน ใครเป็นคนดูแล ส่วนพี่เพลิงพ่อเขาให้คอยประเมินพี่อีกขั้น ปกตินักศึกษาฝึกงานจะให้หัวหน้าแผนกนั้นๆ ประเมินแค่คนเดียวพอ แต่ของพี่พิเศษหน่อย งี้แหละ ดันพ่วงนามสกุลเจ้าของบริษัทไว้นี่หว่า”

“พี่พระพายสู้ๆ นะ เก่งอยู่แล้ว”

“สู้อยู่แล้วค่ะ มีกำลังใจดีแบบนี้” พี่พระพายหัวเราะ “ว่าแต่หนูเป็นไงบ้าง พี่ทิ้งให้อยู่กับพี่พริ้งแค่สองคน คุยอะไรกันมั่งเนี่ย ไม่ใช่มัวแต่เขินพี่พริ้งจนนั่งเงียบหน้าแดงอย่างเดียวนะ”

“ใช่ที่ไหนล่ะพี่” ผมย่นจมูกใส่เขา “มีโอกาสได้คุยกับพี่พริ้งทั้งทีเราไม่เงียบหรอก พี่พริ้งพาเราเดินดูรอบบ้านเลย ไปดูรูปพี่พริ้งที่ถ่ายแบบด้วย”

“พี่พริ้งใจดีกับหนูมั้ยเฟน”

“ใจดีมาก พี่พริ้งให้เราเซลฟี่กับพี่พริ้งด้วย” ผมรีบอวด “ได้แลกไลน์กันด้วยนะ”

“โห ดีใจใหญ่เลยนะเจ้าตัวเล็ก แค่พี่ฟังเสียงก็รู้แล้ว” พี่พระพายหัวเราะเบาๆ “แล้วพี่พริ้งนินทาพี่ให้หนูฟังมั้ยเนี่ย ไม่ค่อยไว้ใจเลยแฮะ”

“พี่พริ้งแค่ถามว่าพี่พระพายชอบเอาเปรียบเรามั้ย แล้วเราสู้ได้หรือเปล่า”

“หนูตอบว่าไงคะ”

“เราบอกว่าเราสู้พี่พระพายได้” ผมเล่าตามที่เคยตอบพี่พริ้ง “บอกด้วยว่าเราอยู่บนพี่พระพาย พี่สู้เราไม่ได้ ให้พี่พริ้งสบายใจได้ พอตอบแบบนั้นพี่พริ้งอึ้งไปเลยคงนึกไม่ถึงแน่ๆ ว่าเราสู้พี่ไหว”

“เดี๋ยวหนู อยู่บนอะไร”

“ก็อยู่บนอะ ข้างบน” ผมพยายามอธิบาย นั่งนึกคำอยู่นานก่อนคิดออก “ที่แปลว่ามีอำนาจมากกว่าพี่”

“หนู…”

“หือ?”

“คำที่ถูกต้องต้องพูดว่า ‘อยู่เหนือกว่า’ ต่างหาก…”

“อ๋อ นั่นแหละๆ” ผมตบเข่าตัวเอง “ก็ว่าตอนตอบไปเรารู้สึกว่าคำมันแปลกๆ นิดนึง แต่ก็น่าจะใช้แทนกันได้นะพี่พระพาย ความหมายมันแปลว่าข้างบนเหมือนกัน”

“ไม่หนู บริบทนี้พี่ว่าไม่ได้…”

“หือ?”

“กูว่าแล้ว ว่าแล้วว่าต้องมีอะไรภายใต้สายตานั้น” พี่พระพายบ่นอะไรบางอย่างกับตัวเอง ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา พี่พระพายมีสีหน้าแปลกๆ “ทั้งเดินมาตบไหล่แล้วบอกว่าเข้าใจ โอ๊ย เข้าใจอะไรกันล่ะ คุยกันไปคนละเรื่องแล้ว!”

“พี่เป็นอะไรอะ บ่นอะไรคนเดียว”

“...”

“พี่พระพาย”

“เปล่าจ้ะหนู พี่แค่…” ผมคล้ายได้ยินเสียงพี่พระพายสะอื้นในลำคอ เสียงเขาสั่นนิดๆ ตอนตอบผม “พี่โอเค ถึงตำแหน่งพี่จะผกผันตามคำพูดของหนูแต่พี่ก็โอเค”

“พี่...เราไม่เข้าใจ”

“หนูจะให้พี่อธิบายจริงๆ เหรอ”

“มันเป็นเรื่องที่เราไม่ควรรู้เหรอ?” ผมถาม แกล้งทำเสียงเศร้า “แต่ถ้าพี่พระพายไม่อยากบอก เราไม่รู้ก็ได้ เราแค่...อยากเข้าใจไว้ว่าเราทำผิดตรงไหนจะได้ไม่ทำอีก”

“หนู หนูน้อยใจพี่เหรอคะคนดี” เสียงพี่พระพายร้อนรน ผมแอบยิ้มเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ พี่อธิบายให้หนูฟังก็ได้ ที่หนูพูดแบบนั้นทำพี่พริ้งเข้าใจผิดนะคะ”

“เข้าใจผิดยังไงเหรอพี่?”

“ก็หนูบอกว่าหนูอยู่บนพี่ พี่พริ้งก็นึกว่าหนูเป็นฝ่ายรุกพี่น่ะสิ ไม่ใช่ในความหมายที่หนูเหนือกว่าพี่แบบที่เข้าใจนะเฟน” พี่พระพายตอบข้อข้องใจจนผมอ้าปากหวอ ไม่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะถูกตีความไปได้ไกลขนาดนั้น “มิน่าพี่พริ้งถึงมองพี่แปลกๆ คงคิดว่าพี่เป็นรับให้หนู จริงๆ ส่วนสูงกับขนาดตัวมันก็ไม่มีผลในแนวราบนะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้ามีปาปริก้า แต่แหมหนู พี่ก็รุกมาทั้งชีวิต จู่ๆ ให้สลับโพเป็นรับพี่ทำไม่ได้ พี่ฟิกโพหนูเข้าใจมั้ย”

“อ่า…”

“แต่พี่ไม่โทษหนูนะ ภาษาไทยหนูอ่อนแอพี่เข้าใจ”

“แต่พี่” ผมเรียกเขา “ที่เราพูดไป ตีความอีกทางมันก็จริงนะ”

“หมายถึงความหมายของคำว่า ‘บน’ กับคำว่า ‘เหนือ’ เหมือนกันน่ะเหรอ”

“เปล่าพี่ คือ…”

“คือ?”

“เราก็อยู่บนพี่จริงๆ”

“...”

“พี่ชอบให้เราขึ้นให้อะ…”

“หนู!” พี่พระพายคำรามฮึ่ม เขาทำปากซี้ดซ้าด เหลือบตามองผมเป็นพักๆ สลับกับแลบลิ้นเลียริมฝีปากเหมือนผีปอบอยากจกไส้คนในละคร “พูดแบบนี้ไม่รอดแน่ กลับห้องไปเจอจัดหนักแน่ ขยันยั่วอารมณ์พี่เหลือเกินนะเจ้าตัวดี!”

“อ้าว…”

“อ้าวนักใช่มั้ย เดี๋ยวพี่จับหนูถอดจนล่อนจ้อนให้หายอ้าวเลยค่ะ รอก่อน พี่จะซิ่งแล้ว”

“ซะ ซิ่งทำไม”

“จะได้ถึงห้องเร็วๆ ไงคะ ซิ่ง ซั่ม ซั่ม ผันเวิร์บประจำวันต่อจาก ฟัด ฟัค ฟัค จำให้ขึ้นใจเลยหนู”

“เราว่ามันไม่ใช่!”

ผมค้านเสียงดังลั่นรถ แต่พี่พระพายหน้ามืดตามัวไปแล้ว พอกลับถึงห้องเขาก็จัดการ ‘ผันเวิร์บ’ ผมตามที่ได้พูดเอาไว้

ผมน่ะ…

แค่อ่อนภาษาไทยเองนะ ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วย ฮึ! : (

--------------------------

ความพ่อแม่เอ็นดู ความพี่เพลิงพี่พริ้งเอ็นดู และความคุยคนละเรื่องเดียวกันกับพี่พริ้งที่ยังไม่เก็ตระดับภาษาไทยของน้อง 5555

น้องน่ารัก แต่สุดท้ายน้องก็ไม่รอดจากการผันเวิร์บของอิพี่ พพ ค่ะ 555555

เหลือตอนพิเศษบทหน้าอีกบทเดียวแล้วนะคะที่จะอัปลงเว็บให้อ่านกัน นอกนั้นจะเป็นสเปฯ เฉพาะในเล่มค่า สเปฯ ในเล่มมี 4-5 ตอนนะคะ เรายังไม่แน่ใจ แต่เดี๋ยวมาอัปเดตให้ค่ะ หวังว่าจะอ่านกันอย่างสนุกนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

#เพื่อนกล่อมนอน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เป็นคนญี่ปุ่นไม่พอเป็นคนเหนือด้วยน้องเฟนนน ขึ้นบนตลอดๆ
เอ็นดูบ้านพี่พรพายที่ละลายไปกับน้องเฟนจนอยากอุ้มน้องหนีพพ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตัวเรก..กกกก น่ารัก ใครๆก้อเอ็นดู  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :hao7: ตลกอ่ะพี่พพ

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ๊ยยยยน่ารัก ๆ ทั้งคู่พี่น้องเฟนฟรองซ์ หวีดตอนพิเศษ 1 ไปเพิ่งเห็นว่าลงตอนพิเศษ 2 กับ 3 แล้ว
ตอนพิเศษ2 พี่สายฟ้าจีบน้องฟรองซ์จนเขินลามมายันคนอ่านเลยค่า :-[
ตอนพิเศษ3 เอ็นดูน้องเฟนมากทั้งชมความใจดีของพี่พระพาย ทั้งใช้คำผิดกับพี่พริ้งจนความหมายเปลี่ยน :hao7: อยากกลืนน้องลงท้องจริง ๆ นั่นแหละ

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องโดน ล่อลวงจากพี่พระพาย :hao7: น่าสงสารน้องจัง :z1: ขนาดครอบครัวพี่ พพ ยังดูรับไม่ได้กับการกระทำพี่ พพ เลย :pigha2:

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ้ยยย น้องเฟนน่ารักมากๆ ค่ะ ชอบมากกกก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เฟนน่ารักตลอด เอ็นดู!

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ JackXy Wu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-5
ตอนพิเศษ 3

พระพาย สายฟ้า ดารัญ เพื่อนกันเพื่อนตายตลอดไป!




[ดารัญ]


ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน

คนนึงเป็นอดีตแอคเค่อกลับใจที่ชีวิตเฉียดคุกเพราะเกือบพรากผู้เยาว์

อีกคนเป็นแอคเห็บฉอดการเมือง ไม่รู้จะรอดอีกนานเท่าไหร่ก่อนโดนลากคอ

การอยู่ท่ามกลางคนบ้าๆ บอๆ สองคนทำให้ผมที่ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองปกติฉุกคิดว่าหรือแท้ที่จริงผมไม่ปกติกันแน่ เพราะคำว่าศีลเสมอกันถึงคบกันได้นั่นแท้ๆ ที่ทำให้ผมคิดมาก แต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน เพราะตอนนี้ผมใกล้จะประสาทแดกเต็มที

“กู จะ เต้น เต่า งอย!”

“ไม่! กู จะ ทำ สะ ภา โจ๊ก!”

“ส่วนกูปวดหัว!” ผมโพล่งขึ้นอย่างอดไม่ไหวอีกต่อไป พระพายกับสายฟ้าหันมองผมเป็นตาเดียว

“มึงเลือก!”

“ทีอย่างนี้สามัคคีพร้อมใจประสานเสียง” ผมกลอกตา ถอนหายใจด้วยไม่รู้จะพูดยังไงดี “กูไม่น่ารับเป็นประธานรุ่นต่อจากไอ้หนึ่งที่หนีไปบวชแก้ชงเลย ถ้ารู้ว่าต้องมารับผิดชอบงานบายเนียร์พี่ปีสี่กับพวกมึงแบบนี้”

“กูก็ช่วยมึงอยู่นี่ไง” พระพายเอื้อมมือตบบ่าผมที่นั่งพิมพ์รายละเอียดลงคอมพ์ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้อง มันมองมา แววตาจริงจัง “เพื่อนตายไม่ทิ้งกัน กูไม่ปล่อยให้มึงทำงานคนเดียวเหมือนไอ้สายฟ้าหรอก”

“ถุยเถอะ!” คนถูกกล่าวถึงนั่งอยู่ปลายเตียงผม สายฟ้ายกเท้ายันเก้าอี้ที่พระพายนั่งอยู่จนมันเกือบหงายหลัง ดีที่อีกฝ่ายตีปีกทรงตัวไว้ได้ทัน “มึงช่วยอะไรบ้างนอกจากเถียงกับกูเรื่องการแสดงในงาน สถานที่กูก็ไปช่วยดู เรื่องอาหารกูก็ช่วยรัญมันลิสต์!”

“มึงพูดแบบนี้ไม่ได้สายฟ้า ธีมงานกูก็ช่วยคิด แถมการแสดงในงานมันก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะเว้ย!”

“เต่างอยเนี่ยนะ?!”

“ดีกว่าสภาโจ๊กมึงแล้วกัน” พระพายทุบโต๊ะ ถลึงตาจ้องสายฟ้า “มึงอยากถูกรวบทั้งสาขาหรือไง”

“สีสันออกมึง”

“กูนึกออกสีเดียว”

“สีไรวะ”

“สีเสื้อนักโทษ”

“...”

“เก็ตนะมึง”

“แต่กูไม่เต้นเต่างอย” สายฟ้ายังคงยืนกราน “มึงจะเต้นอะไรก็ได้แต่ไม่ใช่เต่างอย!”

“เต่างอยไม่ดีตรงไหนวะ กูชอบทำนองมันจะตาย ท่าเต้นก็สนุก” ไม่ว่าเปล่า พระพายยกมือประกบกันเป็นจงอยแหลมทำท่าเต่างอยเด้งๆ ของมันใส่หน้าสายฟ้าที่เริ่มมีสีหน้าเหยเก ส่วนผมนั่งนวดขมับตัวเองเงียบๆ

“มึงไปเด้งไกลๆ กูเลยไป อุจาดลูกตา”

“แหมๆ หยาบคายกับกูจัง” พระพายบีบเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ “ทีตอนคอลไลน์คุยกับ ‘น้องคนนั้น’ ล่ะคุณอย่างนั้น ผมอย่างนี้ มาดนุ่มสุขุมเชียวนะไอ้ตอแหล!”

“ก่อนที่มึงจะด่ากูตอแหล กูถามก่อนว่าไอ้หนูคะ หนูขา หนูจ๋าของมึงไม่ตอแหลเลยเนอะ จะอ้วก!”

“ก็กูเป็นผู้ชายหวานๆ มึงหาเรื่องกูเหรอ จะเอาใช่ปะ!”

“มึงพร้อมก็มาดิครับบบ!”

“พอ! พอให้หมดทุกคน!” ผมม้วนชีทเรียนฟาดกับโต๊ะทำงานก่อนชี้มันใส่หน้าเพื่อนทั้งสอง “ถ้าพวกมึงยังเสียงดังโวยวายข้ามหัวกูอยู่แบบนี้กูจะแช่งให้เด็กแฝดไม่รักพวกมึง”

พอประกาศไปแบบนั้น ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบ โสตประสาทผมเหมือนได้รับการเยียวยาหลังทนฟังเสียงโวยวายของเพื่อนทั้งสองอยู่นาน ผมยิ้มอย่างพอใจมองหน้าพระพายสลับกับสายฟ้า

“อย่างแรกเลยนะ” ผมยกนิ้วชี้ขึ้น สบตากับสายฟ้า “ร้านที่มึงไปดูมาใช้ไม่ได้”

“ทำไมวะรัญ”

“เราจะไม่จัดบายเนียร์กันที่ร้านบุพเฟ่ต์ทะเลเผา” ผมตอบสั้นๆ ส่วนเพื่อนผมทำหน้าเซ็ง “มึงจะให้อาจารย์กับเพื่อนๆ ลากชุดราตรีไปย่างกุ้งหรือไง”

“โห สายฟ้า มึงคิดว่าเงินสาขามีมากขนาดจะบินไปจัดบายเนียร์ที่พม่าหรือไง” พระพายโวยวาย “มึงถามเหรัญญิกอย่างกูหรือยังว่าเก็บเงินสาขาได้เท่าไหร่”

“คนละย่างกุ้งไอ้สัส!” สายฟ้าฟาดหัวพระพายไปทีนึง

“ก็กูไม่รู้ คนไม่รู้ไม่ผิด”

“มึงก็เหมือนกันพระพาย” ผมหันมาเล่นงานมันต่อ “ธีมงานที่มึงเสนอมาไม่ผ่าน”

“มึงเอาให้อาจารย์ดูหรือยังเหอะ”

“ไม่ต้องถึงมืออาจารย์ แค่กูรู้ก็ไม่ให้ผ่านแล้ว”

“ธีมคอสเพลย์ไม่ดีตรงไหนวะ” มันพึมพำ “คาวาอี้ดีออก เฟนยังชอบเลย”

“มึงจะให้อาจารย์คอสเป็นเซเลอร์มูนหรือไง” สายฟ้าค่อนแคะ

“ย้อนวัยไงมึง” เพื่อนผมหัวเราะลั่น ไม่พอยังท่องบทยาวเหยียด “ฉันคือนักสู้สาวน้อยน่ารักในชุดกะลาสีผู้พิทักษ์ความรักและความยุติธรรม ตัวแทนแห่งดวงจันทร์...”

“จะลงทัณฑ์มึงเอง!” แล้วพระพายก็โดนสายฟ้าฟาดหัวไปอีกทีนึง “พอได้แล้ว!”

“เดี๋ยวมึงเจอท่าไม้ตาย!”

“พวกมึง…” ผมยกมือหนึ่งขึ้นห้าม ส่วนอีกมือนวดขมับตัวเอง ยิ่งคุยทำไมยิ่งออกนอกเรื่อง เดี๋ยวก็จะไปพม่า เดี๋ยวก็จะแปลงร่าง อะไรดลใจให้ผมคบกับไอ้พวกนี้ตั้งแต่มัธยมปลายโดยไม่เลิกคบไปก่อนวะ “กูจะแช่งให้เด็กแฝดไม่รักพวกมึงจริงๆ นะ”

“...”

“...”

“ขอบคุณที่ยังฟังกันอยู่บ้าง ไม่งั้นกูจะคิดว่ากะโหลกพวกมึงหนาเกินกว่าคำพูดกูจะแทรกซึมเข้าไปได้”

“ปากร้ายตลอด” พระพายบ่น

“ลูกอีช่างแซะ” สายฟ้าเหน็บ

“พวกกินเด็ก” ผมตอกกลับเสียงเรียบ มองหน้าพวกมันนิ่งๆ ดูสีหน้าเลิ่กลั่กของพระพายสายฟ้าที่หันไปมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะสายฟ้าที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกยิ่งกว่าพระพาย เพราะก่อนหน้านี้มันประนามพระพายแทบตายว่าล่อลวงเด็กแต่ตัวเองกลับเป็นซะเอง “เลิกเล่นไร้สาระแล้วช่วยกูดูสถานที่ก่อน ต้องรวบรวมเข้าประชุมสาขาศุกร์นี้แล้ว จะได้เลือกที่จัดงานแล้วคิดธีมงานต่อสักที”

“กูดูพวกโรงแรมให้แล้วกัน” สายฟ้าออกตัว

“งั้นกูดูร้านอาหาร” พระพายพึมพำ “เอาแบบติดแอร์ ไม่งั้นหน้าพวกผู้หญิงคงเยิ้มกันแหง”

ผมพยักหน้ารับ หันกลับไปพิมพ์กำหนดการงานคร่าวๆ ลงคอมพ์เรียบร้อยแล้วช่วยพวกมันเสิร์ชหาสถานที่จัดงานที่เดินทางสะดวกและอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ที่สำคัญคือราคาต้องไม่แรงมาก ไม่งั้นเงินสาขาที่เก็บกันมาคงไม่พอจ่าย ต้องเก็บเพิ่มแล้วจะดราม่าตีกันเองในสาขาอีก

เวลาผ่านไปสักพักพวกเราก็เอาสถานที่จัดงานที่เลือกไว้มารวมกันแล้วคัดห้าลำดับแรกที่น่าสนใจ ผมเคาะปากกากับกระดาษจด เงยหน้ามองเพื่อนทั้งสองคน

“ไปดูสถานที่ตอนนี้เลยแล้วกัน”

“เดี๋ยว มึงไม่โทรไปก่อนเหรอวะ” พระพายถาม

“วอร์กอินเข้าไปเลย” ผมตอบ ลังเลเล็กน้อยก่อนถาม “พวกมึงจะไปกับกูมั้ย?”

“ไปได้” สายฟ้าตอบ ก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง “บ่ายสองครึ่งแล้ว ถ้าจะไปก็รีบตั้งแต่ตอนนี้ จะได้ดูครบห้าที่วันนี้เลย”

“โอเค”

ผมพยักหน้ารับ ลุกจากเก้าอี้ คว้าเอกสารต่างๆ ยัดลงแฟ้มก่อนใส่ลงกระเป๋าเป้อีกที ตรวจเช็กความเรียบร้อยจนพร้อมก็พากันออกจากห้อง แต่ก่อนที่ผมจะได้ปิดประตูนั้น…

จุ๊ จุ๊ จุ๊

“จิ้งจกทักว่ะมึง” พระพายบอก มันเงยหน้ามองจิ้งจกตัวอ้วนบนเพดานที่จ้องหน้าเราสามคนเขม็ง “โบราณว่าจิ้งจกทักจะเป็นลาง…”

“มึง” สายฟ้าเรียก สีหน้ามันดูเอือมๆ “ไร้สาระ”

“เฮ้ย อย่าว่าไปนะ ไม่มีตูดหมาไม่ขี้”

“ไม่มีมูลหมาไม่ขี้” สายฟ้าแก้ “ช่วงนี้สำบัดสำนวนเพี้ยนบ่อยนะมึง”

“เออ กูติดเฟนมา” พระพายยักไหล่ มันเหล่ตามองสายฟ้าแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “มึงเองก็เหมือนกันน้า ช่วงนี้ติดคำว่า ‘ไร้สาระ’ จัง ใครพูดให้ฟังบ่อยๆ เหรอ?”

“ไร้สาระ”

“อะแน่ะ”

ผมกลอกตา ปิดประตูล็อกเรียบร้อยแล้วดันพวกมันสองตัวให้ออกเดิน อีกอย่างนะ ถึงจิ้งจกไม่ร้องทัก แต่ถ้ามีพวกมันสองคนแท็คทีมกัน ผมก็เห็นถึงแววหายนะมาแต่ไกลแล้ว


“สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ชื่อเก๋นะคะ” พี่ผู้หญิงในยูนิฟอร์มโรงแรมขนาดกลางที่พวกผมเลือกเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังผมแจ้งเรื่องกับรีเซฟชั่นและนั่งรออยู่ในส่วนรับรองแขกของทางโรงแรม

“สวัสดีครับ” พวกเราลุกขึ้นยืนและไหว้ทักทายตามมารยาทที่ดี “ผมดารัญ ส่วนนี่พระพายกับสายฟ้า พวกผมกำลังหาสถานที่จัดงานบายเนียร์ แล้วสนใจสถานที่ของทางโรงแรมเลยอยากขอดูห้องจัดเลี้ยงกับคุยรายละเอียดบัดเจตคร่าวๆ น่ะครับ”

“ยินดีค่ะ” เธอยิ้มหวาน ผายมือเชิญและเดินนำพวกผมไปในขณะชวนคุยต่อ “โรงแรมเรามีห้องจัดเลี้ยงอยู่ห้าห้อง สองห้องใหญ่ กับสามห้องกลางนะคะ”

“ครับ” ผมพยักหน้า พิมพ์รายละเอียดลงในโทรศัพท์

“ราคาเช่าจะค่อนข้างสูงนิดนึง พี่รบกวนถามบัดเจตที่ทางน้องๆ ตั้งไว้ได้มั้ยคะว่ามีงบกันเท่าไหร่ พี่จะได้แนะนำถูกค่ะ”

“ได้ครับ” ผมหันไปทางพระพายที่พ่วงตำแหน่งเหรัญญิก มันพยักหน้ารับอย่างรู้งานผมเลยส่งไม้ต่อไปที่มัน

“บัดเจตที่พวกผมตั้งไว้อยู่ที่…” พระพายบอกจำนวนตัวเลขที่พวกเราตั้งไว้พร้อมกับสเป็คงานคร่าวๆ “พี่ว่าพอไหวมั้ยครับ?”

“อืม…” เธอมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนหยุดเดินกะทันหัน พวกเราเลยหยุดตาม “ถ้าตามที่น้องว่ามาก็พอเช่าห้องจัดเลี้ยงขนาดกลางได้นะคะ แต่จากจำนวนคนที่น้องประมาณไว้พี่ไม่แน่ใจว่ามันจะอึดอัดมั้ยกับห้องขนาดเท่านั้น เอางี้ค่ะ ถ้าพวกน้องไม่จำกัดว่าต้องเป็นห้องแอร์ พี่เสนอเป็นจัดกลางแจ้งดีมั้ยคะ ราคาเช่าสนามจัดข้างโรงแรมจะถูกกว่านิดนึง แต่พื้นที่กว้างขวางกว่ามาก งานเริ่มช่วงเย็นอากาศไม่ร้อน และทางโรงแรมมีพัดลมไอน้ำบริการด้วยค่ะ”

“น่าสนใจนะมึง” สายฟ้าออกความเห็น “ไปดูก่อนก็ได้มั้งแล้วค่อยขึ้นไปดูแบบห้องข้างบน”

“เออ คราวนี้กูเห็นด้วยกับมึง” พระพายพยักหน้า

“งั้นไปดูสนามที่จัดก่อนแล้วกันครับพี่เก๋”

“ได้ค่ะ น้องๆ ตามพี่มาทางนี้เลย”

เธอยิ้มรับแล้วพาเดินออกไปข้างนอกโรงแรม ไม่นานก็มาถึงสนามกลางแจ้งสำหรับจัดงาน มันกว้างขวางและน่าจะพอจุคนทั้งสาขาปีหนึ่งถึงปีสี่เท่าที่ลงชื่อร่วมงานได้ พื้นหญ้าถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อย ตรงกลางประดับน้ำพุรูปหงส์สยายปีกสีขาวดูสวยงาม รอบด้านเป็นต้นไม้และพุ่มดอกไม้ขนาดเตี้ยสีสันสดใสล้อมรอบรูปปั้นกรีกโบราณซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นของทำเลียนแบบตั้งประดับ รูปปั้นนี้มีทั้งชายและหญิง วางตั้งอยู่สี่คู่ประจำสี่มุมของสนาม

สายฟ้าเริ่มต้นถ่ายรูปเก็บรายละเอียดสถานที่ ส่วนผมกับพระพายรับหน้าที่คุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับพี่เก๋ต่อ ทุกอย่างเป็นไปได้สวย ผมค่อนข้างพอใจมากทีเดียว ก่อนพี่เก๋จะขอตัวเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอเดินออกไปคุยห่างจากตรงนี้พอประมาณแถมยังหันหลังให้ เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ผมเริ่มวิ่งพล่านจับนู่นจับนี่ไปทั่ว

“มึงๆ ดูนี่สิวะ”

“อะไรของมึงอีกพระพาย” สายฟ้าบ่นแต่ก็เดินไปตามเสียงเรียก ส่วนผมรีบจ้ำเท้าตามไปติดๆ ไม่ใช่อยากรู้ว่าเพื่อนเรียกทำไม แต่ลางสังหรณ์มันร้องเตือนอยู่ในหัวให้ผมรีบเข้าไปห้ามอะไรก็ตามที่มันคิดจะทำ

“จู๋อย่างเล็กว่ะมึง ฮ่าๆๆ” มันหัวเราะร่า มือก็ลูบๆ คลำๆ จับอวัยวะเพศของรูปปั้นชายอย่างสนุกมือ

“มึง อย่าจับมั่วซั่ว” ผมเตือน แต่มันฟังมั้ย? ก็ไม่

“ของกูใหญ่กว่าเยอะเลย”

“มึงจะขิงของตัวเองกับรูปปั้นให้ได้อะไรวะ” สายฟ้าขมวดคิ้ว “อีกอย่างนะ เผื่อมึงไม่อ่านหนังสือ ผู้ชายที่ดีในสมัยนั้นต้องฉลาดมีหลักการ มีความเป็นผู้นำไม่หมกมุ่นเรื่องเซ็กส์ อวัยวะเพศเขาถึงเล็กลงเพื่อเพิ่มขนาดสมองงงง” สายฟ้าจิ้มนิ้วใส่หัวพระพายแล้วออกแรงเฉดทิ้งจนอีกฝ่ายหน้าหงาย

“อ้าว มึงด่ากูเหรอสายฟ้า!”

“ส่วนรูปปั้นที่มีอวัยเพศใหญ่ ยาว หมายถึงคนโง่ หมกมุ่นในตัณหา ใช้กับรูปปั้นปีศาจ ซาตาน พวกอนารยชน”

“อนา...อะไรนะ?”

“อนารยชน” สายฟ้าพูดซ้ำ “หมายถึงคนที่ยังไม่เจริญ พวกป่าเถื่อนอะว่าง่ายๆ เผื่อมึงไม่เก็ต”

“มึงด่ากู!”

“อะไร กูเอ่ยชื่อมึงหรือยัง ร้อนตัว”

“แหงล่ะก็ของกูใหญ่!” พระพายโต้จนเอ็นขึ้นคอ มือออกแรงกำอวัยวะเพศของรูปปั้นแล้วจับเขย่าระบายอารมณ์ที่ถูกสายฟ้าหลอกด่า “มึงเล็กเหมือนรูปปั้นนี้ใช่มั้ยถึงปกป้องมันจัง อิจฉากูเหรอไอ้เห็บ!”

ป๊อก!

เสียงปริศนาดังขึ้นพร้อมบางสิ่งที่หักติดมือพระพายออกมา

พวกเราเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ของพี่เก๋ที่อยู่ไกลออกไปและพร้อมใจกันก้มมองของกลางในมือเพื่อนตัวเอง

“เหี้ย!” ผมสบถ

“หักคามือยกพวง” สายฟ้าอ้าปากหวอ ส่วนพระพาย…

“จู๋หัก อิแม่ย้อย!”

มันอุทานดังลั่นจนสายฟ้าต้องรีบตะปบมือปิดปากมันเอาไว้ พระพายตาโต มองสิ่งที่ถือไว้ มือสั่นระริก ผมตั้งสติได้คนแรก รีบชี้ให้มันแปะชิ้นส่วนกลับเข้าที่เดิม

“มันไม่ติดเว้ยไอ้รัญ” พระพายลนลานละล่ำละลัก “มึงพกกาวตราช้างมั้ยวะ!?”

“กูจะพกกาวทำไม!?”

“พวกมึง พี่เก๋เดินกลับมาแล้ว!” สายฟ้ากระซิบ พระพายยิ่งลนหนักกว่าเดิมมันพยายามกดชิ้นส่วนของรูปปั้นให้ติดอยู่กับที่ แต่กดให้ตายมันก็ไม่ติดหรอก

“ขอโทษทีนะคะน้องๆ พี่คุยงานนานไปนิดนึง” เสียงพี่เก๋ดังจากด้านหลัง ผมหันไปเห็นเธอจ้องมาทางนี้พอดี คิ้วเรียวของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากัน “เอ่อ ทำอะไรอยู่คะ?”

ผมหันกลับมาที่เพื่อนๆ สภาพตอนนี้ทำเอาอยากตบหน้าผากตัวเองแรงๆ แล้วย้อนเวลากลับไปตอนชวนพวกมันมาด้วยกัน รู้อย่างนี้มาดีลงานคนเดียวยังจะดีซะกว่า

พระพายส่งยิ้มแหย มือกอบกุมอยู่ที่อวัยวะเพศของรูปปั้นและคาไว้อย่างนั้น เพราะถ้าเอามือออกชิ้นส่วนนั้นคงได้ร่วงลงมาต่อหน้าต่อตาพี่เก๋แน่ๆ แต่การที่มันยืนกุมเป้ารูปปั้นเต็มไม้เต็มมืออยู่แบบนี้โคตรดูโรคจิตอย่างบอกไม่ถูก ผมสบตาพระพาย อีกฝ่ายจ้องตอบ

‘เอาไงดีวะ!?’ ผมอ่านสายตามันได้อย่างนี้

‘มึงคิดจะทำอะไรก็รีบๆ ทำ!’ ผมตอบกลับทางสายตา อีกฝ่ายนิ่งไปนิดแล้วเพ่งกลับมา สีหน้าเลิ่กลั่ก

‘แต่สิ่งที่กูคิดมันประสาทแดกมากๆ นะเว้ย!’

‘พวกมึงเลิกคุยกันทางกระแสจิตแล้วทำอะไรสักอย่างเถอะ!’ ส่วนนี่คือสายตาของสายฟ้าที่เขม็งจ้องผมสลับกับพระพาย

‘เอาวะ!’ สายตาของพระพายทำผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“เอ่อ น้องๆ คะ?”

กึกๆๆๆๆ

จู่ๆ ตัวของพระพายก็สั่น เริ่มจากน้อยๆ จนสั่นแรงไปทั้งตัว ผมเห็นมันหลับตาปี๋ คิ้วขมวดแน่น เสียงถูกดัดให้แหบแห้งคล้ายเสียงคนแก่ดังจากปากมัน

“แรงมาก ข้าสัมผัสได้ พลังหยินหยางของที่นี่แรงมาก!”

“เอ่อ น้อง…” พี่เก๋ขยับถอยหลัง เธอมีสีหน้าแปลกๆ และยิ่งแปลกไปกว่าเดิมเมื่อสายฟ้ารับมุกต่ออย่างลื่นไหล

“องค์ท่านสมิงประทับ องค์ท่านสมิงประทับแล้ว!” มันทรุดตัวลง ยกมือขึ้นไหว้ น้ำเสียงสั่นไปหมด “ท่าน เอ่อ ท่าน...สมิงแขมดำ! สัมผัสได้แล้วใช่มั้ยครับ!?”

แขมดำบ้าอะไรวะ!?

“น้องดารัญ นี่มันอะไรกันคะ” พี่เก๋หันมาทางผม เธอดูสงสัยและไม่ไว้ใจ ไม่ใช่คิดว่าพวกผมเป็นแก๊งสิบแปดมงกุฏแล้วนะ? ผมหันไปมองเพื่อนๆ อีกครั้ง พระพายแอบลืมตาข้างหนึ่งมาส่งซิกให้ผม สายฟ้าเองก็เหมือนกัน ผมถอนหายใจ หันกลับมาส่งยิ้มให้พี่เก๋ราวกับไม่มีเรื่องประสาทแดกอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

“พี่เก๋ใจเย็นๆ นะครับ พอดีว่า…” ผมพยายามสะกดจิตตัวเองไม่ให้หันหน้าไปด่าเพื่อน “พระพายมันมีองค์สมิง…” ผมกัดฟัน “...แขมดำ”

“องค์...อะไรนะคะ?”

“คือมันเป็นคนมีองค์ครับ” ผมหลีกเลี่ยงจะพูดชื่อองค์นั่นกันออกเสียงผิดเพี้ยน สบตาพี่เก๋แล้วยิ้มให้เธอสบายใจ เทคนิคการคุยกับคู่สนทนา การสบตาจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ “เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ไม่เป็นอันตรายนะครับข้อนี้ผมรับรอง องค์...องค์ท่านแค่ประทับเพื่อตรวจเช็กมวลพลังหยินหยางของสถานที่ว่าเป็นมงคลเหมาะสมกับการจัดงานมั้ยเท่านั้นเองครับ ช่วงแรกที่รู้จักกันผมก็ตกใจ แต่นานๆ ไปเริ่มชิน เอาเป็นว่าเดี๋ยวปล่อยสองคนนี้ไว้สักพักนะครับ”

“เอางั้นเหรอคะ” พี่เก๋เหลือบตามองพระพายที่ยังสั่นไม่หยุด มือกุมเป้ารูปปั้นแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวมันหลุดกับสายฟ้าพนมมือไหว้ส่งเสียงรีแอคปลอมๆ ไม่หยุด “พวกเขาจะไม่เป็นอะไรแน่ๆ นะคะ”

“เอ่อ ครับ” ผมพยักหน้ารับ เหลือบมองเพื่อนแวบนึง คิดอะไรขึ้นมาได้พอดีเลยหันกลับมาทางพี่เก๋ “ก่อนเราแยกไปคุยงานกันต่อผมขอไปดูเพื่อนแป๊บนึงนะครับ พี่เก๋...เอ่อ ถอยห่างออกหน่อยก็ดีครับ องค์ท่านค่อนข้างเกรี้ยวกราด เดี๋ยวพี่จะเจออะไรแปลกๆ ติดตามไป”

“ว้าย! ได้ค่ะๆ พี่ไปรอตรงนั้นนะคะ” แล้วพี่เก๋ก็สาวเท้าวิ่งไปยืนอยู่ห่างจากพวกเราประมาณห้าเมตรได้ ผมรีบเดินเข้าไปหาเพื่อนๆ ทั้งสองคน

“มึงสั่นต่อไปอย่าหยุด” ผมสั่งพระพาย มันทำตามแต่โดยดี แต่ยังไม่วายคร่ำครวญตัดพ้อ

“องค์สมิงแขมดำเหี้ยอะไรของมึงสายฟ้า คิดชื่อดีๆ กว่านี้ไม่ออกเหรอวะ!”

“ก็กูหันไปเห็นรูปปั้นผู้หญิงตัวข้างๆ ตะไคร่ดำๆ ขึ้นตรงจิ…”

“พอๆ มึงไม่ต้องอธิบายแล้ว” ผมห้ามก่อนสายฟ้าจะพูดจบ ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบหมากฝรั่งยัดใส่มือมัน “เอาไป”

“มึง กูไม่มีอารมณ์กินหมากฝรั่งตอนนี้”

“กูหมายถึงให้มึงเคี้ยวหมากฝรั่งให้เหนียวแล้วเอาไปใช้แทนกาว!”

“อีเหี้ย!” สายฟ้าตาวาววับ “มึงแม่งจีเนียสว่ะ”

“รีบๆ นะมึง กูถ่วงเวลาให้”

“ได้มึง ขอบใจมาก”

“สัสเอ๊ย กูซาบซึ้งว่ะ” พระพายพูดออกมาทั้งที่ยังแอคหลับตาตัวสั่นหงึกๆ มือกุมเป้ารูปปั้น “แก๊งเราแม่งเพื่อนกันเพื่อนตายตลอดไปจริงๆ ว่ะรัญ”

แต่กูไม่อยากตายกับพวกมึงไอ้ประสาทแดก!

ผมหันหลังเดินจากความอุบาทตามาหาพี่เก๋ที่ชะโงกหน้ามองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เธอคล้ายอยากจะถามอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า ผมเองก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดเรื่องอื่น รีบดึงเข้างานทันที โชคดีที่พี่เก๋หันหลังให้สองคนนั้น ส่วนผมหันหน้าเข้าเลยเห็นสิ่งที่เพื่อนทั้งสองทำได้อย่างชัดเจน

ไอ้สายฟ้าแกะหมากฝรั่งจากซองได้ก็โยนเข้าปากเคี้ยวอยู่สักพักก่อนคายออกมาแปะกับชิ้นส่วนอวัยวะเพศรูปปั้นในมือพระพาย จากนั้นพวกมันก็ช่วยกันจับชิ้นส่วนนั้นประกบติดเข้าที่เดิม ผมเหลือบมองอย่างลุ้นๆ และโล่งอกที่คราวนี้พระพายเอามือออกแล้วไอ้นั่นไม่หลุดติดมาด้วย ทั้งสองหันมาสบตาผม ฉีกยิ้มกว้างยกนิ้วโป้งให้เป็นเชิงว่าเรียบร้อย ผมพยักหน้ารับน้อยๆ ไม่ให้พี่เก๋สังเกตเห็น และส่งซิกให้เพื่อนทั้งสอง

“พระพาย พระพายเพื่อนรัก!” เสียงสายฟ้าโวยวายอย่างตระหนก ส่วนพระพายแสร้งทำเป็นล้มพับไปนั่งกุมหัวกับพื้นหญ้าโดยมีสายฟ้าประคองไหล่และเขย่าตัวเรียกสติ “มึงโอเคมั้ยเพื่อนรัก ยาดมหน่อยหรือเปล่า ช่วยด้วยครับ ใครมียาดมบ้างครับ!?”

“ว้ายตายแล้ว!” พี่เก๋ได้ยินแบบนั้นก็ลนลานคุ้ยหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าสะพายใบเล็กที่สะพายติดมาด้วย ผมเห็นเธอหยิบยาดมขึ้นมาและวิ่งตรงไปหาทั้งสองคน ผมเลยรีบก้าวตามไปติดๆ “นี่ค่ะยาดม ไหวมั้ยคะ เข้าไปนั่งพักข้างในก่อนมั้ย?”

“ขอบคุณครับพี่เก๋” เสียงพระพายอ่อนระโหยโรยแรง มันรับยาดมไปสูดสองสามทีแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นโดยมีสายฟ้าคอยช่วยพยุงด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยจนผมอยากจะอ้วกออกมาตรงนั้น “ผมไม่เป็นอะไรแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ จู่ๆ ผมก็มึนหัวแล้วล้มไปเลย” สีหน้าเพื่อนผมเหรอหรา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างเสแสร้ง “พระเจ้า! ยะ อย่าบอกนะว่า…!?”

“ใช่แล้วเพื่อนรัก” สายฟ้าสบตามัน พยักหน้ารับ “องค์ท่านสมิงแขมดำประทับมึงเมื่อกี้”

“อีกแล้วเหรอวะ” พระพายกุมขมับตัวเอง ส่งเสียงครางต่ำในลำคอ “องค์ท่านนึกจะมาก็ไม่บอกกล่าว บ้าจริง! ทำขายหน้าให้พี่เก๋เห็นเข้าซะแล้วสิ”

มึงพูดให้เป็นธรรมชาติหน่อยก็ไม่มีใครว่าหน่อยนะ อย่างกับท่องบทละคร…

“ไม่เป็นไรค่ะ น้องไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” พี่เก๋ยิ้มรับ เธอดูโล่งอกอย่างที่ว่าจนผมรู้สึกผิดที่เล่นละครลิงกับพวกนี้หลอกเธอ “ถ้าอย่างนั้นมาคุยเรื่องรายการอาหารต่อดีมั้ยคะ เมื่อกี้พี่คุยกับน้องดารัญไปส่วนนึงแล้ว”

“ครับๆ คุยต่อได้เลยครับ” ผมพยักหน้ารับ อยากรีบเสร็จและรีบกลับจะแย่

ในระหว่างที่เหตุการณ์กลับมาปกติเหมือนเดิมและพี่เก๋กำลังอธิบายรายละเอียดในส่วนของคอร์สอาหาร สายตาผมก็เหลือบไปเห็นว่า ‘ไอ้นั่น’ ของรูปปั้นค่อยๆ ยืดหลุดลงมาโดยมีเส้นหมากฝรั่งสีชมพูเป็นสิ่งเชื่อมต่อมันกับฐาน ผมรีบตบไหล่พระพายให้หันมอง พอมันเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็หลุดร้องเสียงดัง

“เชี่ย ไอ้แม่ย้อย!”

แม่ไม่ย้อย แต่ไข่ย้อย!

ไข่ย้อยที่ไม่ใช่เพื่อนของดากานดาด้วย!

“คะ?” พี่เก๋เงยหน้าขึ้นจากจอไอแพดที่แสดงรายการเมนูอาหาร เธอมองตามพระพายที่พุ่งฉิวผ่านหน้าวิ่งไปตะปบมือกับอวัยวะเพศรูปปั้นอีกครั้งด้วยสายตางงงวย “น้องพระพายคะ?”

“สายฟ้าเอ็งมานี่!” เสียงแหบต่ำคล้ายคนแก่ของร่างทรงปลอมๆ ดังขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าสบถ ‘ไอ้แม่เย็*’ เบาๆ ข้างหูผมก่อนปรับสีหน้าเป็นตื่นตระหนกวิ่งเข้าไปหาพระพายอีกครั้ง

“องค์ท่านประทับอีกแล้ว มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ!?”

“แรงมาก แรงมากๆ แรงจนข้าร้อนรุ่มไปหมดไม่อาจอยู่เฉยได้!” พระพายตัวสั่นกึกๆ มือขยับบดเบียดถูไถส่วนนั้นของรูปปั้นหนักๆ มืออีกข้างโอบจับบั้นท้ายรูปปั้นเป็นหลักยึดดันให้หมากฝรั่งติดกับฐานแน่นกว่าเดิม แต่ในสายตาของพี่เก๋ ผมคิดว่าภาพที่เธอเห็นคือพระพายกำลังบีบเค้นลูบคลึงจู๋รูปปั้นอย่างมันมือพร้อมคำรามเสียงต่ำในลำคอโคฟเป็นองค์สมิงอะไรนั่น...

อืม วิตถารสุด…

“พี่เก๋ ขอโทษนะครับ” ผมรีบดึงความสนใจเธอกลับมาอีกครั้งโดยการแกล้งทำเป็นปัดเศษใบไม้ที่ติดอยู่บนศีรษะเธอเบาๆ แล้วยิ้มให้จนอีกฝ่ายหน้าแดง “เศษใบไม้ติดผมพี่น่ะครับ ผมเห็นพอดีเลยถือวิสาสะปัดออกให้ ถ้ามันดูเสียมารยาทผมขอโทษนะ”

“อะ เอ่อ มะ ไม่เลยค่ะ” พี่เก๋สั่นหัวปฏิเสธ เธอยิ้มน้อยๆ ให้ผมแล้วหลบตาหนี “พี่ไม่ถือค่ะ”

“หน้าพี่แดงจังเลยครับ” ผมทักยิ้มๆ

“เอ๊ะ อ่า คือพี่…”

“เอางี้มั้ยครับ” ผมยิ้มหวานกว่าเดิม ผายมือไปทางประตูเข้าโรงแรม “เราเข้าไปคุยกันต่อข้างในดีกว่าครับ ข้างนอกแดดร้อน เดี๋ยวพี่เป็นลมขึ้นมาจะแย่”

“แล้ว...สองคนนั้น?”

“เดี๋ยวองค์ออกสายฟ้าจะจัดการเองครับ” ผมตอบอย่างลื่นไหล “มันรับมือกับพระพายมาหลายรอบแล้ว ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่”

“อ๋อ…”

“มีแต่พี่นี่แหละครับที่ผมเป็นห่วง” เธอหน้าแดงเมื่อผมพูดแบบนั้น “พี่ตัวเล็กแค่นี้เป็นลมไปคงแย่ ถึงผมจะอุ้มพี่ไหว แต่ก็ไม่อยากเห็นพี่เป็นลมหรอกนะครับ”

“เอ่อ ค่ะ ขอบคุณนะคะน้องดารัญ” เธอก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาผม รีบเก็บแฟ้มเอกสารมาถือแนบอก “งั้นเราไปคุยกันต่อข้างในนะคะ”

“ครับผม” ผมยิ้ม เดินตามเธอไปติดๆ ระหว่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ไลน์ส่งไปในกลุ่ม


วิจัยเฮงซวย SPSS ไปตาย! (3)

Daran : พวกมึงจัดการจู๋รูปปั้นเสร็จแล้วไสหัวกลับไปทั้งคู่เลยนะ

Daran : กูจะจัดการต่อเอง

Daran : ไม่ต้องช่วยอะไรทั้งนั้น ขอบใจ

Daran : ไม่สิ

Daran : พวกมึงช่วยอยู่เฉยๆ อย่างสงบกูก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว

Daran : พวกไร้อารยะ!


หลายวันต่อมา

“มึงๆ กูรู้แล้วว่าการแสดงในงานเอาเป็นอะไรดี”

“คราวนี้กูกับพระพายปรึกษากันมาแล้ว ไม่ตีกันให้มึงปวดหัวแน่ๆ”

“พวกมึงอย่าบุกรุกห้องกู…”

“เดี๋ยวกูสาธิตให้ดูคร่าวๆ” พระพายหันไปพยักหน้ารับกับสายฟ้า “พร้อมนะมึง สาม สี่…”


“LET KILL THIS LOVE!”


มันสองคนยืนหันข้าง ทำท่ายกมือขึ้นยิงปืนใส่ผมที่นั่งทำงานอยู่บนเตียง แล้วเวฟโค้งตัวไปด้านหลังเป็นสะพานโค้ง


“แถ่ด แถ่แด๊ด แถ่ด แถ่แด๊ดดด”

“เย้ เย้ เย้ เหย่ เย่”

“รอปอภอ ปอภอ ป่อผอออ!”

“แบล็กพิงค์อินยัวะแอรียะห์!”


พระพายสายฟ้าสลับกันร้องคนละท่อน ผมสูดหายใจเข้าลึกวางโน้ตบุ๊กที่ทำงานค้างไว้ข้างตัว ลุกจากเตียงเดินไปทางประตูห้อง เปิดแล้วดันหลังเพื่อนทั้งสองคนให้ออกไปก่อนปิดประตูตามหลังดังปัง ไม่สนใจเสียงโวยวายของพวกมันทั้งนั้น ผมเดินกลับมาที่เตียง ทิ้งตัวนั่งอย่างเหนื่อยใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นต่อสายหาอาจารย์ที่ปรึกษา ไม่นานปลายสายก็รับ

“สวัสดีครับอาจารย์ ผมดารัญ ปีสาม สาขาธุรกิจระหว่างประเทศที่อาจารย์เป็นที่ปรึกษาฝึกงานให้ครับ” พอปลายสายตอบรับว่าจำผมได้ ผมก็รีบพูดธุระของตัวเองทันที “ผมอยากเลื่อนฝึกงานไปเป็นตอนปีสี่แทนครับ”

ปลายสายถามยาวเหยียดว่าผมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือไม่สะดวกตรงไหนให้บอก ผมถอนหายใจเฮือก

“เปล่าครับอาจารย์ ผมแค่…”

“...”

“ผมแค่อยากบวช”

“...”

“จิตใจผมช่วงนี้หม่นหมอง...ครับ ครับ ขอบคุณมากครับอาจารย์”

ผมกดวางสาย ทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียง เงยหน้ามองเพดานห้องเงียบๆ คนเดียว

ย้อนกลับไปคำถามแรกที่เคยถามตัวเอง

ทำไมผมถึงคบพวกมันมาได้ตั้งแต่มอปลายโดยไม่ประสาทแดกตายไปก่อนกันนะ?

-------------------------

ตอนพิเศษตอนสุดท้ายที่จะอัปลงเว็บแล้วค่ะ จบตอนนี้คงต้องบอกลากันอย่างเป็นทางการแล้ว หวังว่าจะได้รับความสุขไปไม่มากก็น้อยนะคะ

พี่ดารัญไม่ค่อยได้ออกเพราะค่าตัวแพง เลยยกตอนพิเศษนี้ให้พี่เขาทั้งตอนเป็นการชดเชยค่ะ สำหรับใครที่สงสัยว่าวันหนึ่งๆ ของพี่ดารัญต้องเจออะไรบ้าง ก็อืม...นี่แหละค่ะ วุ่นวายกันไปหมดจนอยากหนีไปบวช 5555555

ส่วนตอนพิเศษในเล่มจะแวะมาสปอยล์เมื่อเขียนครบนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

#เพื่อนกล่อมนอน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2019 22:06:38 โดย JackXy Wu »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ฮาไม่ไหวแล้วจ้า  สงสารพี่รัญเหลือเกิน ฮืออออ   ใจหายแต่รอเล่มนะคะ

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ชอบสีสันความเป็นเพื่อนของแก๊งนี้สุดดด หลุดโลกมาก555555 บทจะรักกันก็เล่นเอาซึ้งเลยนะตอนข่าวพี่พพ รู้สึกได้เห็นพวกนางหลายมุมมากๆ ตอนนี้คือขำเป็นบ้าไปเลย พี่ดารัญควรหนีไป555555. ขอบคุณนักเขียนที่แต่งเรื่องราวและคสพ.น่ารักๆแบบนี้มาให้อ่านมากๆเลยนะคะ รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อ่านเลยค่ะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
มีเพื่อนบ๊องๆ 2 คน สงสารดารัญเลย

ออฟไลน์ wetter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พระพายตลกมากกกก :laugh: คือเป็นคนที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนมาก ตั้งแต่ต้นจนจบ ชอบมาก55555555 คือคนอะไรดูโรคจิตขนาดนี้ มีความกะล่อนและกากไปในตัว
ส่วนหนูเฟนน่ารักมากกกก น่าจับปั้นเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้อง ชอบเวลาสองคนนี้เขาคุยกันสุดๆ หนูๆๆ :o8:
สายฟ้ากับฟรองซ์ก็แอบมาแรง จะมีเรื่องต่อมั้ยหรือจะติดคุกก่อน55555

สนุกมากค่ะ เป็นเรื่องสบายหัวอ่านคลายเครียดจริงๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :L2:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สงสารพี่รัญจริงๆ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารดารัญ เพื่อนไม่ปกติสักคนจนพี่เค้าต้องไปพึ่งทางธรรม  :mew5:

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 :haun4: :pighaun: :jul1: ที่สุดเลยเว้ยแกรรรโนดราม่าเอาฮาขั้นสุดถูกใจมักมักกกกกกกกกกกกกกกก อิพี่ก็หื่นกามขั้นสุดน้องก็ซื่อจนบื้อละลูกเอ้ยยยยย ทั้งเรื่องดารัญเป็นผู้น่าสงสารสุดเช่นกัน

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ meepoohyoyo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านรวดเดียวจบเลยค่าาาา
ภาษาลื่นไหลดี แล้วก็เนื้อเรื่องสนุกมากๆเลย
 o13 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด