บทที่ 15
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดอกไม้บาน
เทพท้อ V.2 @TepthorM44
ใครสแปมแอคหลักกู ไอ้หัวขวด! ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นคนของใคร แต่ผมจะตามหาคุณ และจะเอารัฐธรรมนูญฟาดหน้าคุณ! อ้อ แต่ฟาดไม่ได้เพราะประเทศนี้มันไม่มีให้ฟาด เฮงซวย!
[พระพาย]
“พี่พระพาย ตื่นเร็ว”
“หนู…” ผมงึมงำ หรี่ตามองนาฬิกาตั้งโต๊ะ มันเพิ่งจะผ่านเก้าโมงเช้ามาได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ ผมตวัดผ้าห่มคลุมหัว “ยังเช้าอยู่เลยหนู...วันนี้หยุดนะ ไม่ต้องรีบตื่นหรอก”
เสียงผมอู้อี้ และผมคิดว่าเฟนคงฟังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจแต่ทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะน้องกระชากผ้าห่มออกจากตัวผมแล้วจับแขนออกแรงดึงให้ลุก
“พี่ ลุกกกกก”
“หนูครับ พี่ง่วง ให้พี่นอนนะ”
“ไม่ได้ ตื่นนน” น้องโวยวายแง้วๆ เหมือนลูกแมวโดนแย่งขวดนม ผมพยายามปรือตามอง โห ขนาดมองผ่านม่านขี้ตาน้องยังน่ารัก “ห้องรกแล้ว ทำความสะอาดกันพี่”
เวร…
เคยบอกหรือยังว่าผมเกลียดการทำความสะอาดห้องน่ะ
“โวยวายจังเลยเฟน” ผมกระตุกแขนทีเดียวน้องก็เสียหลักถลาลงมานอนทับ ผมฉวยโอกาสนี้กอดเอวเขาไว้ พาดขาก่ายเป็นหมอนข้าง แอบหอมหัวเฟนไปอีกสองสามฟอดจนโดนทุบอกอั่กๆ “พรุ่งนี้ค่อยทำไม่ได้เหรอ พรุ่งนี้ก็หยุด พี่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย หนูต้องนัดล่วงหน้าสิ”
“พี่ปล่อยเรานะ ตัวเหม็น!”
“แต่หนูตัวหอม” ผมเมินคำด่าของน้อง จุ๊บหัวเขาอีกรอบ “อาบน้ำยังเนี่ย”
“ยังไม่ได้อาบ อย่ามาหอมเรานะ”
“ยากเลยเนี่ย”
“พี่พระพาย เราจะตีพี่แรงกว่าเดิมนะถ้าไม่ปล่อยอะ!”
“โอเคๆ ปล่อยแล้วครับ” ผมหัวเราะ ปล่อยเขาออกจากอก ส่วนตัวเองก็ตื่นเต็มตา เฟนผุดลุกก้าวถอยหลังหนีผม เขาปัดๆ เสื้อตัวเองที่ยับยู่ยี่ให้เรียบร้อย ตาโตๆ ถลึงจ้องผมที่ลุกนั่งอยู่บนเตียง “โห โกรธพี่เหรอ พองขนเชียว”
“วันนี้ต้องทำความสะอาดห้อง” น้องย้ำ
“หยุดทั้งทีเราออกไปกินข้าวดูหนังกันมั้ยหนู” ผมพยายามตะล่อม อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ทำความสะอาดห้องน่ะ แต่เฟนกลับส่ายหน้า
“พี่ไม่อ่านข่าวเหรอ ฝุ่นหนาขนาดนี้จะออกไปทำไม แล้วถ้าเราขับรถไป ควันจากท่อไอเสียเราก็จะทำให้มันยิ่งหนักกว่าเดิมหรือเปล่า แล้วถ้าจู่ๆ เราโดนลูกหลงจากการฉีดน้ำไล่ฝุ่นระหว่างทางล่ะ”
“นี่หนูอยู่กับสายฟ้ามันมากเกินไปใช่มั้ย?”
“พี่สายฟ้าบอกว่าเรื่องพวกนี้เราควรรู้ไว้ มันเป็นเรื่องของเราทุกคน”
“โอเคครับๆ ไม่ออกก็ไม่ออก” ผมยกมือยอมแพ้ ทำความสะอาดก็ได้วะ ห้องแค่นี้จะยากสักเท่าไหร่กันเชียว “แล้วหนูจะให้พี่ทำอะไร พี่ขออาบน้ำก่อนได้มั้ย”
“พี่จะอาบทำไม เดี๋ยวพอทำความสะอาดห้องตัวก็สกปรกอยู่ดี” น้องเอียงคอ “แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็พอแล้ว เร็วเลยพี่อย่าถ่วงเวลา เรารู้นะ”
“รู้ทันให้มันน้อยๆ หน่อยนะเราอะ”
“ให้เรามีเรื่องได้รู้ทันพี่มั่งเถอะ” น้องบ่น ปากน้อยๆ เบะออก “เพราะเรื่องอื่นเราตามพี่ไม่เคยทันเลย พี่แย่อะ ชอบแกล้งเรา”
“อ้าว วนมาเรื่องนี้เฉยเลย” ผมหัวเราะ คุยกับเฟนแล้วมีแต่เรื่องให้ยิ้มให้หัวเราะตลอด ถึงเขาจะบ่นผมก็ตาม
“ไปล้างหน้าแปรงฟันเร็วพี่!”
“ครับๆ ไปแล้วครับ”
ผมยกสองมือยอมแพ้แล้วเดินไปล้างหน้าแปรงฟันแต่โดยดี ออกมาอีกทีก็เห็นเฟนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงบอลสีดำกับเสื้อยืดแขนสั้นสีครีมแทนชุดนอนแล้ว
เชี่ย!
พลาดมาก ทำไมกูไม่ออกมาตอนน้องกำลังเปลี่ยนเสื้อวะ?!
“เดี๋ยวเช็ดฝุ่นตามชั้นวางของก่อนนะพี่” น้องหยิบผ้าชุบน้ำให้ผม “ตรงนั้นที่พี่วางของก็จัดใหม่ด้วย เราเห็นมันรกตลอดเลย พี่ชอบโยนชีทโยนหนังสือเรียนกองๆ ไว้ ฝุ่นเกาะเต็มแล้ว”
“แค่ปัดๆ ฝุ่นเอาก็พอมั้งหนู พี่ขี้เกียจจัดใหม่”
“เราบอกให้พี่จัดใหม่ไง” น้องจ้องหน้าผม ผมสบตาน้อง สุดท้ายก็ยกสองมือยอมแพ้
“โอเค จัดใหม่ก็ได้”
“ก็แค่นี้” เฟนพยักหน้ารับ เขาเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบอะไรบางอย่างออกมา พอเห็นชัดๆ ถึงรู้ว่าเป็นหน้ากากปิดปาก น้องยื่นให้ผมซองนึง ส่วนอีกอันน้องฉีกใช้เอง “ใส่ไว้ฝุ่นจะได้ไม่เข้าจมูกนะพี่”
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้ม
น้องพยักหน้ารับ ผมมองเขาเดินไปจัดการเอาผ้าคลุมเตียงไว้ไม่ให้ฝุ่นปลิวไปตก ก่อนที่เฟนจะเริ่มต้นเช็ดทำความสะอาดจากทางฝั่งของตัวเอง ผมมองผ้าชุบน้ำในมือ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขี้เกียจว่ะ แต่น้องสั่ง ให้ทำไงได้ ถ้าไม่ทำเดี๋ยวเขางอนจนไม่ให้เข้าใกล้จะทำยังไง
ผมเริ่มลงมือทำความสะอาดในส่วนของตัวเอง กองชีทกองของทับสุมกันจนผมอยากกวาดมันลงกล่องใหญ่ๆ สักใบแล้วโยนทิ้งทีเดียวให้เสร็จไป
เฟนปิดแอร์ไปแล้ว พัดลมก็ไม่ได้เปิด มีแค่ลมจากประตูระเบียงห้องที่เลื่อนเปิดทิ้งเอาไว้เท่านั้นที่ทำให้ห้องนี้มีอากาศถ่ายเท ถึงอย่างนั้นเหงื่อผมก็เริ่มไหลท่วมตัว ห้องก็แค่นี้ แต่ทำไมของมันเยอะจังวะ ทำตั้งนานแม่งไม่หมดไม่สิ้นสักที ผมแอบอู้โดยการหันมองเฟน น้องขะมักเขม้นกับการทำงานจนไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูกจ้องอยู่ เขาตั้งใจทำงานมาก คิ้วขมวดน้อยๆ ในขณะออกแรงเช็ดข้าวของของตัวเองแล้วจัดเรียงไว้ที่เดิมอย่างเรียบร้อย
ดูเหมือนน้องก็ร้อนเหมือนกัน เพราะผมเห็นเหงื่อซึมเป็นเม็ดบริเวณไรผมเขา เจ้าตัวก็ยกแขนเช็ดเหงื่ออยู่เป็นระยะ ผมไล่สายตาลงมา เสื้อน้องเปียกเหงื่อเชียว โดยเฉพาะด้านหลังที่เปียกเป็นวงใหญ่
แล้วขอโทษเถอะ
ไอ้เสื้อสีครีมนี่มันก็บางไม่ต่างจากเสื้อขาวเลยแม่งเอ๊ย!
ผมสูดลมหายใจลึกๆ ภายใต้หน้ากากปิดจมูก หันกลับมาเพ่งสมาธิตั้งใจทำงานในส่วนของตัวเองต่อ แต่พอได้ยินน้องส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ก็เผลอเงยหน้าขึ้นมอง ตาเกือบถลนหลุดออกจากเบ้าตอนเห็นเฟนจับชายเสื้อตัวเองยกขึ้นขยี้เช็ดตา เผยให้เห็นหน้าท้องขาวๆ ที่ไม่บางเกินไป มันมีเนื้อนุ่มนิ่มล้นออกมานิดๆ จากขอบกางเกง
“โครม!”
“พี่พระพาย?” น้องส่งเสียงเรียกผมที่หน้ามืดจนหงายหลังไปกับพื้น ผมไม่ได้ขานตอบเขา ตาค้างเหม่อลอยจ้องมองเพดานห้อง มันเป็นสีขาว แต่ผมชอบสีขาวโทนเดียวกับผิวน้องมากกว่า “พี่เป็นอะไร ทำไมล้มไปแบบนั้นอะ”
“พี่…”
“พี่ลุกเร็ว ทำงานจนหน้ามืดเหรอ” น้องเข้ามาประชิดตัวผมตอนไหนไม่รู้ เขาก้มต้วลงมา คงอยากจะช่วยผมให้ลุกนั่นแหละ แต่ไอ้เสื้อสีครีมของน้องคอมันย้วยไง ก้มมาแบบนั้นก็เห็นหมดสิวะ! “พี่พระพาย พี่ได้ยินเรามั้ย? หัวพี่ฟาดเหรอ เราต้องเรียกพี่สายฟ้ามาช่วยหรือเปล่า”
ทั้งขาว ทั้งชมพู ไอ้สีชมพูนี่ตัวดีเลย
ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดอกไม้บาน…
แต่ดอกตรงหน้านี่ยังตูมอยู่เลย ต้องทำไงให้บานวะ เขี่ยๆ สะกิดเบาๆ นี่จะบานมั้ย
เวร หน้าจะมืด คิดอะไรอยู่วะเนี่ย ผมต้องท่องบทสวดด่วนๆ นาทีนี้ มีบทไหนบ้างวะ หมาตายลอยน้ำ ปลงสังขาร สงบกำหนัด แม่งเอ๊ย ใครก็ได้มิกซ์บทสวดให้กูที
“พี่ไม่เป็นไร” ผมลุกขึ้นนั่ง ขอบคุณผ้าปิดปากที่ทำให้น้องไม่เห็นสีหน้าของผมตอนนี้ “ตาฝาด นึกว่าเจอแมลงสาบน่ะหนู”
“แน่ใจนะพี่ว่าตาฝาด” น้องทำเสียงแหยงๆ
“ตาฝาดๆ ไม่มีจริงๆ” ผมยืนยันให้เขาสบายใจ เฟนเลยพยักหน้า
“โอเค ถ้าพี่ไม่เป็นอะไรแล้วงั้นเราไปทำของเราต่อนะ” ผมยกมือทำสัญลักษณ์โอเคให้เขา ทั้งที่ในใจนี่ส่งสัญญาณ SOS รัวๆ
อย่าสงสารคนตายเลยแฮร์รี่ สงสารกูที่อยากขย้ำเหยื่อแต่คำว่าผู้เยาว์ค้ำคอเถอะ!
“เออพี่พระพาย”
“ครับหนู?” ผมขานรับเสียงสั่นจนกลัวว่าน้องจะเห็นพิรุธ แต่โชคดีที่เฟนไม่สังเกตอะไร
“เราว่าใต้เตียงก็รกอะ เดี๋ยวพี่ช่วยเราหน่อยนะ”
“ชะ ช่วยอะไรครับ”
“ไม้กวาดมันเข้าไม่ถึงในสุด เดี๋ยวเราต้องก้มกวาดออกมา พี่เตรียมที่ตักขยะกับถุงดำรอเลยนะ”
ผมขานรับ ลุกไปหยิบถุงดำกับที่ตักขยะมาตามที่น้องต้องการ พอหันกลับมาเท่านั้นแหละ แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย ใครใช้ให้หนูก้มตัวโค้งก้นใส่พี่แบบนี้ กูจะบ้า สายฟ้าช่วยกูด้วยโว้ยยยย! ก้นกลมป๊อกเลยมึ้งงงง!
แล้วขาขาวๆ ตัดกับกางเกงสีดำชิบหาย!
“ลึกมากอะพี่พระพาย”
“ฮะ อะไรลึกนะ?”
“ใต้เตียงนี่ไงพี่” น้องขยับตัวดุ๊กดิ๊ก ตาผมก็จ้องแต่ก้นน้องเนี่ย ห่าเอ๊ย! “เราแหย่เข้ามาสุดแล้วยังไม่ถึงมุมเตียงเลย แล้วนี่ชีทใครเนี่ย ของพี่พระพายแน่ๆ เราไม่เคยยัดของเข้าใต้เตียงนะ”
แต่พี่อยากยัดหนูแล้วเนี่ย…
ผมลูบหน้าลูบตาตัวเอง มิกซ์บทสวดทั้งสามบทท่องอยู่ในใจพร้อมกับหายใจเข้า หายใจออก ดอกไม้บาน ภูผาใหญ่กว้าง ดุจสายน้ำฉ่ำเย็น ดั่งนภาอากาศอันบางเบา บริหารจิตเข้าไว้ตัวกู อย่าให้เฟนรู้ว่าจิตใจมึงสกปรกแบบนี้
เฟนกวาดของออกจากใต้เตียงมากองไว้ข้างๆ ผมสูดหายใจลึก ขยับไปนั่งยองๆ ข้างเขาแล้วหยิบเศษขยะชิ้นใหญ่ๆ อย่างพวกกระดาษมายัดลงถุง พยายามห้ามสายตาไม่ให้มองก้นกลมกลึงของเฟนที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือตะปบ
ใกล้แค่เอื้อมมือตะปบ
แค่เอื้อมมือตะปบ
มือตะปบ
ตะปบ
ตะปบแม่งเลย...
หมับ!
“พี่พระพายจับก้นเราทำไม!”
เฟนสะดุ้งเฮือก น้องตะโกนเสียงดังลั่น ผมเองก็เผลอสะดุ้งตาม พอได้สติถึงเห็นว่ามือตัวเองกำลังขย้ำก้นน้องไว้ ผมตาโต แม่งเอ๊ยยยยย!
นุ่มมากกกก!
“ยะ ยุง”
“ฮะ?”
“ยุงจะกัดหนู พี่เลยตบให้”
“แล้วทำไมยังไม่เอามือออก!” น้องพยายามจะขยับตัวออกจากใต้เตียง “อื้อ! ขยี้ทำไมอะพี่พระพาย!”
“พี่กลัวมันไม่ตายเลยต้องขยี้ซ้ำ เนี่ย ซากมันคาก้นหนูเลย พี่ปัดออกให้นะครับ”
เพียะๆๆ
“ปัดบ้าอะไรของพี่เนี่ย นี่มันตีก้นเราชัดๆ เลยนะ!”
“มันติดแน่นมากหนู สงสัยพี่ขยี้แรงเกินไป ต้องปัดออกแรงๆ”
“พอเลย ไม่ต้องแล้ว”
น้องบ่นเสียงดังลั่น เขาขยับออกจากใต้เตียงมานั่งประจันหน้าผม ผมเผ้าน้องยุ่งเหยิง หน้าก็แดงแปร๊ดไปหมด ไม่รู้ว่าโกรธ เขิน หรือว่าเจ็บก้นกันแน่ แต่ที่แน่ๆ น่ะน้องเหงื่อท่วมตัว เสื้อด้านหน้าเปียกโชกตามด้านหลังไปแล้ว และมันทำให้ผมเห็นจุดเล็กๆ เลือนรางที่หน้าอกเขา
เอาเลย ฆ่ากูให้ตายตรงนี้ก็ไม่เสียดายชีวิต!
“พี่มองอะไรน่ะ…”
“เอ่อ…”
ผมได้แต่ส่งเสียงโง่ๆ ออกไป สายตาถูกตรึงที่หน่มน้มน้อง เฟนเลยลากสายตามองตาม น้องตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าผมมองอะไร เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หน้าแดงก่ำกว่าเดิม ยังไม่ทันได้แก้ตัวอะไรเฟนก็พุ่งเข้าใส่ผมซะก่อน
“พี่พระพายหื่นกาม!”
“โอ๊ยหนู เจ็บๆ อย่าฟาดพี่ โอ๊ย! พี่ขอโทษๆๆ”
“ตีไปพี่ก็ไม่จำ!”
“งั้นก็เลิกตีสิหนู โอ๊ย! อย่าหยิกพี่ ที่ว่าให้เลิกตีไม่ใช่ให้เปลี่ยนมาหยิก พี่เจ็บๆๆ อย่าหยิกนมพี่ หนู!”
ผมไล่จับมือน้องเป็นพัลวัน ก่อนพวกเราจะเสียหลักล้มลงกับพื้น เฟนคร่อมหน้าท้องผมไว้ น้องทั้งฟาดทั้งหยิกไม่ยั้ง แล้วผมอยู่ท่านี้เสียเปรียบไง ขยับตัวอะไรก็ลำบาก กว่าจะเล็งรวบข้อมือเฟนไว้ได้ก็โดนฟาดจนน่วมไปแล้ว แต่บอกเลยนะ…
ถึงผมจะโดนฟาดจนช้ำทั้งตัว แต่ผมก็ยังไม่ตาย!
“ปล่อยเรา!”
“ปล่อยหนูก็ฟาดพี่สิ เรื่องอะไรจะปล่อย” ผมตอบกลับหน้าตาย เฟนฮึดฮัด น้องกระชากมือตัวเองแรงๆ จนผมต้องคลายแรงออกนิดนึงเพราะกลัวเขาเจ็บ แต่ก็ไม่ปล่อยอยู่ดีนั่นแหละ
“พี่แย่อะพี่พระพาย” เฟนหน้าบึ้ง พอสู้ไม่ได้ก็เปลี่ยนมาตัดพ้อผมแทน “ทำไมเป็นคนแบบนี้ฮะ ชอบทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนคุกคามอะ”
“โหหนู พี่ก็แค่มอง”
“แล้วไม่มองไม่ได้หรือไงเล่า!”
“คุณครับบบ ผมจะบอกอะไรให้นะ” ผมสบตาเขา ยิ้มมุมปากน้อยๆ เมื่อเฟนเอาแต่หน้าบึ้ง “คนที่ชอบอยู่ใกล้ขนาดนี้ แถมยังน่ารักน่ามอง ใครมันจะไปห้ามใจไหวล่ะ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับ”
“พี่เป็นพระพาย” น้องยู่หน้า “พระพายหื่น”
“ปากดีจังเลย จับมาจุ๊บๆ หน่อยดีมั้ยเนี่ย”
“ไม่ให้จุ๊บ!” น้องเม้มปากตัวเองทันที
“หอมยังได้เลย ทำไมจุ๊บไม่ได้ล่ะ”
“กะ ก็…” เฟนหลุบตาหนีผม แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ปากเล็กๆ มุบมิบพึมพำเสียงเบา “เป็นไรกันถึงจะมาจุ๊บล่ะ จีบก็ยังไม่ติดเลย”
“ยังไม่ติดจริงดิ” ผมเลิกคิ้ว อมยิ้มตอนเฟนก้มหน้างุด
“ไม่ติด”
“ขนาดไม่ติดนะเนี่ย แก้มแดงแจ๋เลย น่ารักน้อยกว่านี้ได้มั้ย พี่หัวใจจะวายแล้ว”
“พี่พระพายก็เลิกหยอดสักที เราก็หัวใจจะวายแล้ว!” น้องเริ่มงอแง เขากระตุกข้อมือตัวเองที่ผมจับรวบเอาไว้ “ปล่อยเราเลย เราจะไปกวาดห้องต่อ พี่ไปเตรียมไม้ม็อบมาถูหลังเรากวาดเสร็จด้วย”
“ถ้าปล่อยแล้วจะฟาดพี่อีกมั้ย”
“ไม่ฟาดแล้ว เจ็บมือ”
“จริงนะ”
“จริงสิ”
“ไม่หลอกนะ”
“เราไม่เล่นต่อเพลงนะพี่พระพาย ถ้าไม่รีบปล่อยเราจะดุพี่แล้วนะ”
ผมหัวเราะลั่นตอนน้องบอกจะดุ จริงๆ ก็อยากให้ดุนะ คนอะไรขนาดดุยังน่ารัก ผมฟังน้องดุได้ทั้งวันเลยล่ะ แต่เดี๋ยวพอจีบติดแล้วค่อยดุน้องคืน
บอกเลยผมดุมาก น้องไม่ไหวแน่ๆ หึ…
ผมยอมปล่อยข้อมือเฟนให้เป็นอิรสะในที่สุด เขาส่งเสียงฮึใส่ทีนึงแล้วลุกจากตัวผมไปคว้าไม้กวาดมากวาดห้องต่อ ส่วนผมเดินไปหยิบไม้ม็อบถูพื้นที่ตั้งพิงไว้ตรงระเบียงห้องเข้าห้องน้ำไป ออกมาอีกทีเฟนก็กวาดเศษขยะกับขี้ฝุ่นมากองไว้ที่กลางห้องเรียบร้อยและกำลังกวาดใส่ที่ตักขยะ ผมหยิบถุงดำขึ้นมาเปิดปากถุงกว้างๆ ให้น้องเทขยะพวกนั้นลงก่อนจัดการมัดปากถุงแล้วถือไม้ม็อบเช็ดห้องเป็นขั้นตอนสุดท้าย
เวลาผ่านไปสักพัก ผมยกแขนปาดเหงื่อบนหน้าผาก มองสภาพห้องที่สะอาดและเป็นระเบียบมากกว่าเดิม ความรู้สึกแรกที่พุ่งเข้ามาในใจคือ
เหนื่อย เหนื่อยชิบหาย!
โคตรเกลียดการทำความสะอาดห้องจริงๆ ให้ตายเถอะ แต่ดูเฟนจะต่างไปจากผม น้องมีสีหน้าเหนื่อยก็จริงแต่ก็ยิ้มดีใจที่จัดการกับห้องรกๆ ได้สำเร็จ ผมมองรอยยิ้มเขา
แล้วก็เผลอยิ้มตามเหมือนทุกครั้ง
“ทำความสะอาดห้องเสร็จแล้ว…” ผมหันไปหาน้อง ยิ้มกว้างให้เขา “งั้นเรามาทำความสะอาดตัวกันดีมั้ยหนู มามะ ช่วยชาติประหยัดน้ำ อาบพร้อมกันดีกว่า”
“พี่พระพาย”
“จ๋าหนู” ผมขานรับเสียงหวาน น้องเรียกผมด้วยโทนเสียงปกติแฮะ นึกว่าจะตะโกนใส่ซะอีก หรือว่ามีลุ้น…
“หื่นกาม”
“...”
“หักคะแนน ติดลบพันไปเลย” พูดจบก็หันหลังให้ผม เฟนหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่และผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนยิ้มค้างอยู่กับที่
ติดลบพันคะแนนเลยเหรอ?
หนูจ๋าอย่าทำแบบนี้กับพี่ พี่ขอโทษ ผิดไปแล้วคนดี
ผมได้แต่สำนึกผิดอยู่ในใจ ทำได้แค่ตะโกนบอกน้องว่าจะลงไปซื้อข้าวร้านข้างหอมาให้ก่อนหยิบกุญแจและคีบแตะช้างดาวลงไปข้างล่างทั้งที่ตัวยังเหม็นๆ เหงื่อท่วมหัวยุ่งเหยิงนั่นแหละ ป้าร้านอาหารตามสั่งมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ปกติผมไม่เคยสภาพเละเทะขนาดนี้ไง แต่โชคดีที่ไม่เจอรุ่นน้องเลยสักคน ไม่งั้นภาพลักษณ์พี่วินัยของผมคงพังทลาย
ผมกลับขึ้นห้องอีกครั้งพร้อมข้าวสองกล่องกับน้ำและขนมที่แวะซื้อจากเซเว่น เฟนยังไม่ออกจากห้องน้ำ ผมเลยวางกล่องข้าวกับถุงขนมไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วเดินไปนั่งรอบนพื้นข้างเตียง ไม่กล้าขึ้นไปนั่งข้างบนเพราะตัวสกปรกชิบหาย เดี๋ยวโดนน้องด่าขึ้นมาล่ะซวยอีก ผมนั่งรอเฟนอาบน้ำไปพลางเล่นเกมในโทรศัพท์รอไปพลาง ก่อนได้ยินเสียงแจ้งเตือนไลน์จากโทรศัพท์เฟนที่ชาร์จอยู่ใกล้ๆ กัน พอเหลือบตาไปดูนี่ขึ้นเลย!
P’Tin : น้องเฟน ว่างมั้ยเย็นนี้ พี่จะเลี้ยงสาย
P’Tin : กินหมูกระทะร้านข้างมอกัน
ผมจำได้ คนชื่อตินน์ที่เป็นพี่รหัสของเฟน มองตาก็รู้แล้วว่าสนใจน้อง ผมกาหัวหมอนี่ไว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้า นึกว่าจะยอมวางมือไปแล้วซะอีก วันนั้นผมก็แสดงออกมากอยู่นะว่าเฟนเป็นของผมน่ะ
แกร่ก…
คิดยังไม่ทันเสร็จ เสียงประตูห้องน้ำก็เปิดออก เฟนแต่งตัวเรียบร้อย น้องสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงินกับกางเกงบอล เจ้าตัวกำลังใช้ผ้าเช็ดตัวขยี้เส้นผมเปียกๆ ในขณะเดินมาหาผม
“มีคนไลน์มาน่ะ” ผมบอกเขา ไม่ขยับตัวลุกไปอาบน้ำต่อจนน้องเอียงคอใส่
“พี่ไม่ไปอาบน้ำเหรอ?”
“หนู”
“หือ?”
“เขาชวนหนูไปกินหมูกระทะ”
“เดี๋ยว อะไรของพี่ เขาไหน?” น้องทำหน้างง ผมเลยพยักพเยิดไปทางโทรศัพท์ของเขา เฟนมองตาม น้องขมวดคิ้วนิดนึง “พี่แอบอ่านเหรอ”
“เปล่า พี่ไม่ได้แอบอ่านนะ มันเด้งขึ้นมาแล้วพี่เหลือบไปเห็นพอดี”
“เดี๋ยวเราคิดบัญชีกับพี่แน่” น้องคาดโทษ เขาหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จอยู่แล้วนั่งบนขอบเตียง ผมจะลุกไปนั่งข้างๆ เขาแต่โดนน้องชี้หน้าใส่ก่อนเลยต้องนั่งอยู่ข้างเตียงแทบเท้าน้องเหมือนเดิม “พี่ตินน์นี่นา”
“หนู ไม่ไปได้มั้ย พี่ไม่อยากให้ไป”
“ทำไมไม่อยากให้เราไปล่ะ” น้องหลุบตามองผม “พี่เขาเลี้ยงสายเลยนะ ของฟรีพี่จะให้เราปฏิเสธเหรอ”
“แต่หนู หมูกระทะมันไม่ดีเชื่อพี่”
“ไม่ดียังไง”
“ก็เนี่ย ช่วงนี้มีข่าวเรื่องฝุ่นเรื่องควันใช่มั้ย ถ้าหนูไปกินหมูกระทะก็เท่ากับเพิ่มมลภาวะให้กับโลก ดูสิ แบบนี้มันดีที่ไหน พี่รหัสของเราน่ะคิดอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นใจสภาพบ้านเมืองช่วงนี้เลย”
“ทีตอนแรกพี่พระพายยังจะพาเราไปข้างนอกเพิ่มมลภาวะให้โลกอยู่เลย”
“ก็นั่นมันตอนนั้น นี่มันตอนนี้”
“เหรอ”
“ช่ายยย”
“เรานึกว่าที่พี่ไม่อยากให้เราไป…” น้องเบนหน้าไปทางอื่น ริมฝีปากขมุบขมิบพึมพำเสียงเบา “...เพราะว่าหวงเราซะอีก”
เชี่ย…
น็อกเลยกู เจอแบบนี้เข้าไปนี่น็อกเลย
ผมยิ้ม รู้ตัวเลยล่ะว่ายิ้มกว้างจนปากแทบฉีก ไม่นึกว่าน้องจะพูดประโยคนี้ออกมา ผมกระแซะเข้าไปใกล้คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ไม่มองกัน สะกิดขาน้องเบาๆ จนเขาหันหน้ามาหา
“หนู”
“อะไร”
“ที่พูดไปเมื่อกี้น่ะข้ออ้าง ความจริงคือหวงหนูล้วนๆ เลยครับ : )”
“ไม่ได้อยากฟังสักหน่อย บอกเราทำไม” เฟนก้มหน้างุด เฮ้อ...เอ็นดูอีกแล้วว่ะ น้องเขินทีไรชอบก้มหน้าชอบมุดไปเรื่อยทุกที “เลิกจ้องหน้าเราได้แล้ว ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้นะ เราเหม็นพี่”
“เขินล่ะสิเลยไล่”
“ไปเลยไป!”
“ครับๆ ไปแล้วก็ได้” ผมหัวเราะ ฉวยโอกาสที่น้องก้มหน้าไม่ยอมสบตา ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาแล้วจุ๊บต้นขาขาวๆ ของน้องไปทีนึงจนเฟนสะดุ้งเฮือก ยกขาขึ้นเตียงหนีผม หน้าเน่อแดงก่ำไปหมด ตาแป๋วๆ นี่ก็เบิกซะโตเชียว
“พี่พระพาย!”
“ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมาเล่นด้วยนะหนู”
“ฮึ่ย!”
“แล้วห้ามไปกับพี่รหัสเรานะ พี่หวง” ผมทิ้งท้ายแล้วคว้าเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป
V
V
V