บทที่ 13
อย่าดูถูกสีเสื้อมงคล
รีวิวครอบจักรวาล แคปทวิตคิด 500 นะครับ @Daran_Review
หายหน้าหายตาไปนานเพราะงานยุ่ง ผมกลับมาเปิดรับออเดอร์แล้วนะครับ ใครสนใจสั่งเค้กอร่อยๆ ให้ตัวเองหรือคนพิเศษ DM มาได้เลยครับ จำกัดที่ 15 ออเดอร์เหมือนเดิม แล้วเดี๋ยวภายในอาทิตย์นี้ผมมาลงรีวิวคาเฟต์แมวเจ้าใหม่ให้ ใครเป็นทาสแมวรับรองว่าฟินแน่นนอน
พพ.ไม่ได้ขายไส้กรอกแต่ให้ฟรีครับ @pp_prapai
กำลังตอบกลับถึง @Daran_Review
ขอเค้กช็อกโกแลตสามชั้นสกรีนหน้ากู เขียนข้างเค้กว่า พี่ - ชอบ - หนู! ชั้นละคำ
[พระพาย]
“ฟังไรอยู่วะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
“เพลง”
ผมตอบ ยังไม่หุบยิ้มจนสายฟ้าขมวดคิ้วสงสัย มันคว้าหูฟังผมข้างหนึ่งไปยัดหูตัวเอง ผมเลยกดย้อนเพลงไปตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้มันได้ฟังและอินไปพร้อมๆ กัน
‘เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพสันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์
คู่ใคร คู่เขา รักยังคอยเฝ้าชม คอยภิรมย์เรื่อยมา
ขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้สบพบรักกันได้
ห่างกันแค่ไหน เขาสูงบังกั้นไว้ รักยังได้บูชา…’
“ไอ้สัส!”
“ด่ากูทำไมวะ” ผมมองหน้ามัน “สุนทราภรณ์ไม่ดีตรงไหน?”
“ไม่ใช่ไม่ดี แต่…”
“แต่ไรวะ”
“ช่างเหอะ” สายฟ้าบอกปัด สีหน้าเหนื่อยหน่าย มันโยนหูฟังคืนใส่ผม ก้มหน้าก้มตากดมือถือยิกๆ “สรุปก็คือน้องยอมให้มึงจีบ?”
“มึงถามกูแบบนี้รอบที่ยี่สิบแล้ว”
“ไม่มึง กูแค่ต้องการแน่ใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่มึงคิดเพ้อไปเอง”
“น้องเขินเท่ากับน้องมีใจ” ผมยิ้มหน้าระรื่น “มีใจเท่ากับยอมให้จีบ”
“เฟนบอกมึง?”
“กูสัมผัสได้”
“แสดงว่าน้องไม่ได้ตกลงกับปากเองแน่ๆ” สายฟ้ากลอกตา ผมเห็นมันนวดขมับตัวเองแล้วมองเข้าไปในห้องพักอาจารย์ “เมื่อไหร่ไอ้รัญจะออกมา กูรับมือเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้จริงๆ ประสาทจะแดก!”
“เข้าไปตามดิ” ผมโคลงหัว เอนตัวพิงโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่หน้าห้องพักอาจารย์อย่างเกียจคร้าน “กูนั่งรออยู่ข้างนอกนี่แหละ ขี้เกียจเข้าไปเจอหน้าอาจารย์วิจัย”
“มึงคิดว่ากูอยากเจอด้วยหรือไง”
“งั้นก็รอไปอย่าบ่นสิวะ มันเข้าไปนานแล้ว เดี๋ยวก็ออกมาน่า”
ผมพูดจบประโยคไม่ทันไร ดารัญก็ผลักประตูเปิดออกมา มันมองหน้าผมสลับกับสายฟ้า เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“คนนึงหน้าระรื่น อีกคนหน้าเหมือนปวดขี้”
“ไม่มีอะไร” ผมปฏิเสธ ลุกขึ้นจากโซฟา “ปะ แดกข้าวเหอะ”
“เออ วันนี้กูอยากกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านพี่พลอย” ดารัญพยักหน้ารับ มันกำลังจะเดินนำ ผมเลยรีบรั้งไว้ก่อนมันเดินไปโรงอาหารคณะ
“ไม่มึง วันนี้ไปกินที่โรงสินกำฯ”
“เดี๋ยวนะ” สายฟ้าแทรก มันจ้องผมเขม็ง “ขอเหตุผลที่กูต้องถ่อไปโรงอาหารสินกำฯ ทั้งที่กูหิวจนท้องบิดด้วย”
“เพราะกูจะไปหาเฟน”
“โรงสินกำฯ ไม่ใช่เล็กๆ มึงจะไปงมเข็มในมหาสมุทรหรือไง” ดารัญถาม
“กูมีสาย”
“ไอ้ป้อมเจ้าเดิม?”
“เหอะ” ผมส่ายหัว ออกเดินนำในขณะที่พูดต่อ “น้องหัวชมพูที่ชื่อตั้ม เพื่อนเฟนน่ะ”
“มึงไปซื้อน้องหัวชมพูไว้ตอนไหนวะ”
“ตอนกูจับได้ว่ามันโดดรับน้องคณะแล้วมาเจอกูตรงหัวมุมตึกพอดี” ผมยิ้ม หัวเราะหึๆ “กูเลยยื่นข้อเสนอให้น้องมันคอยช่วยส่งข่าวเฟนให้กู แลกกับที่กูจะไม่บอกพี่คณะมัน”
“กูก็ว่าอยู่” ดารัญเปรยๆ ขึ้นมา มันเหลือบตามองผม ยิ้มเล็กน้อย “ว่าคนอย่างมึง คงไม่มีใครอยากช่วยเพราะเต็มใจหรอก”
“เหมือนมึงเกลียดกู”
“ไม่ กูรักพวกมึงจะตาย” ดารัญหัวเราะ “บอกแล้วไงว่าอยู่กับพวกมึงแล้วกูดูดีขึ้นกว่าเดิม”
“กูเกลียดมันว่ะ” สายฟ้าบ่น ผมพยักหน้ารับ
“ก็มีแต่มึงที่เข้าใจกู”
“ไม่ กูก็เกลียดมึงด้วย”
“...”
“กูจริงจังมาก”
“สวัสดีจริงจังมาก กู…”
“เล่นมุกเหี้ยนี่อีกทีขอให้จีบเฟนไม่ติด”
หลังจากนั้นผมก็แทบรูดซิปปากไปจนถึงโรงอาหารคณะศิลปกรรมศาสตร์เลยทีเดียว
“น้องเฟนอยู่ไหนล่ะ คนเต็มไปหมด”
“ตั้มบอกว่านั่งอยู่โต๊ะหน้าร้านไก่ทอด” ผมกวาดสายตามองโดยรอบ “นั่นไง กูเห็นล่ะ”
“เดี๋ยวมึง”
“อะไรวะ” ผมมองสายฟ้าที่คว้าคอเสื้อผมเอาไว้ มันก้มมองถุงในมือผมจนต้องก้มมองตาม
“มึงแน่ใจว่าจะเอาไอ้นี่ไปให้น้อง”
“ไม่ดีตรงไหน?”
“มันควรเป็นอย่างอื่นมั้ย อย่างดอกไม้ ขนมเค้ก ช็อกโกแลตอะไรเทือกนั้น”
“อย่าไปขัดมันเลย” ดารัญแทรก มันตบไหล่สายฟ้าเบาๆ “กูเหนื่อยแทน”
“เออ แล้วแต่มึงล่ะถ้าอย่างนั้น”
สายฟ้าโบกไม้โบกมือ ผมเลิกคิ้วมองเพื่อนทั้งสองคนสลับกับถุงในมือ อะไรวะ ออกจะเป็นของจีบที่มีความหมายลึกซึ้งเป็นมงคล ไอ้พวกนี้ชอบมาพูดให้ผมเสียความมั่นใจ ถึงจะเคยเป็นฝ่ายโดนจีบตลอดจนไม่ต้องเสียแรงลงทุนจีบใครก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะจีบใครไม่เป็นสักหน่อย
รูปก็หล่อ คารมก็เป็นต่อ
เหนื่อยใจเกิดมาเพอร์เฟกต์แบบนี้ บ้าจริง…
คิดอะไรไปเพลินๆ รู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงโต๊ะของเฟนกับเพื่อนแล้ว ตั้มเป็นคนแรกที่เห็นผม เขาสะกิดเฟนยิกๆ แล้วชี้ให้น้องหันมาทางผมกับเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“นั่งด้วยคนนะครับ”
ผมนั่งข้างน้อง ส่วนสายฟ้ากับดารัญนั่งฝั่งตรงข้ามถัดจากตั้ม
“พะ พี่?!”
“ครับผม พี่เอง พี่พระพายคนดีของหนูไง” ผมยิ้มให้น้อง แอบขยับเข้าหาเฟนจนไหล่ชนกันเบาๆ พอให้ไฟฟ้าสถิตยุบยิบหัวใจ เจ้าตัวเล็กตาโต เขารีบขยับออกห่างจากผม ทั้งแก้มทั้งหูกลายเป็นสีแดง เนี่ย น่ารัก รู้สึกอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าจนหมด อยากจับมาฟัค แค่กๆๆ ฟัดๆ ฟัดแก้มซ้ายแก้มขวา เอาให้เขินจนต้องซุกหน้าร้องงือๆ กับอกผมเหมือนเมื่อคืนเลย
แต่เอาจริง เมื่อคืนน้องแม่งน้ำตาคลอเบ้าเลยตอนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ไอ้เราก็ใจหายแวบ นึกว่าน้องโกรธ โคตรลน กำลังจะขอโทษน้องล่ะถ้าไม่ใช่ว่าเฟนชิงพูดออกมาก่อนว่าแสบตาเพราะแป้งตรางูที่ผมทาอาบไว้ทั่วตัว
พอ เปลี่ยนเลย! ต่อไปไม่ใช้แล้วแป้งตรางู ถึงจะเย็นชื่นใจเวลาเทใส่ กกน.ก่อนสวมก็เถอะ ต่อไปผมจะใช้แป้งเด็กแคร์ อ่อนโยนต่อผิวและกลิ่นหอมละมุนละไม!
“พี่มาทำไม?” เฟนหน้าเหลอหลา น้องมองผมสลับกับสายฟ้าและดารัญ
“มาหาหนูไงครับ”
“นั่นแหละจะมาหาเราทำไม”
“ก็คิดถึง” ผมหยอดไปทีนึง เฟนหน้าเหวอกว่าเดิม น้องค่อยๆ กระดึ๊บออกห่าง ผมเลยขยับเข้าหาใหม่ “อยากกินข้าวด้วยคน นี่ พี่ซื้อนี่มาฝากเราด้วยนะ”
“เอ่อ...ขนมจีบ?”
“เหมือนเวลาไหว้เจ้าเราต้องเลือกอาหารที่มีความหมายมงคล พี่จะจีบหนูก็ต้องใช้ขนมจีบจีบจะได้เป็นมงคลผลออกมาทางบวกไงครับ”
“ไหว้เจ้ากับจีบคนมันไม่เหมือนกันมึง” สายฟ้ากระแอม “ไม่เหมือนเลยสักนิด”
“อร่อยนะเจ้านี้ ลองชิมดู”
ผมเมินคำพูดของมัน ไอ้นี่แม่งขัดเก่ง ขัดได้ขัดดี
“ขะ ขอบคุณนะพี่” เฟนยื่นมือมารับ ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อน้องยอมรับน้ำใจไมตรี เนี่ย บอกแล้วว่าน้องยอมให้จีบ ถ้าไม่มีใจจะรับขนมจีบผมทำไม
“กูจะไปซื้อข้าวนะ มึงไปกับกูมั้ย” ดารัญลุกจากเก้าอี้ ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจ
“กูไป กูอยู่ตรงนี้ไม่ไหว กูเครียด!”
ผมมองตามเพื่อนสองคนที่เดินหนีไปสั่งข้าว สายฟ้าแม่งชอบเล่นใหญ่ มันจะเครียดอะไรกับเรื่องของผมนักหนา ไม่เห็นเหรอว่าแค่เริ่มต้นก็มีแนวโน้มที่ดีแล้ว ต้องขอบคุณตารางเสื้อผ้าสีมงคลด้วยอีกอย่าง ถึงชุดนักศึกษาจะเป็นสีขาว แต่ผมปรับเอาเป็นใส่กางเกงในสีมงคลตามวันแทน โคตรเสริมดวง เห็นผลทันตา
“เออนี่หนู”
“อะ อะไรอีกพี่” น้องพูดจาตะกุกตะกัก แทบไม่กล้าสบตาผม แก้มใสๆ ยังแดงระเรื่ออยู่เลย “พี่มีอะไรก็รีบพูด ไม่ต้องจ้องหน้าเราขนาดนั้นได้มั้ย”
“วันนี้เลิกกี่โมง”
“ห้าโมงครึ่ง”
“ไม่นี่” ตั้มแทรกขึ้นมา “วันนี้เลิกบ่ายสามครึ่งไม่ใช่เหรอวะ หรือกูดูตารางเรียนผิด?”
“โอ๊ยตั้ม!” เฟนส่งเสียงบ่นอุบอิบขึ้นมา ผมหัวเราะหึๆ ฉวยโอกาสที่น้องเผลอยื่นมือไปบีบแก้มน้อยๆ ทีนึงจนน้องส่งเสียงประท้วง “อย่าบีบแก้มเรา!”
“มันเขี้ยว” ผมสบตาน้อง “ริจะโกหกพี่ก็ไปเตี๊ยมกับเพื่อนก่อนจะได้ไม่โป๊ะ”
“ไม่ได้จะโกหกสักหน่อย” เฟนอุบอิบ เขาหลุบตาไม่กล้ามองหน้าผม “แล้วพี่ถามเราทำไมว่าเลิกกี่โมง”
“จะชวนไปเดต”
“แค่ก!”
เฟนสำลัก ส่วนเพื่อนหัวชมพูของน้องก็หูผึ่งตาโตจนผมสังเกตเห็นชัด เฟนมองหน้าผม น้องเบิกตากว้างเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง น่ารักน่าเอ็นดูจนเผลอยื่นนิ้วเขี่ยจมูกน้อยๆ ของน้องไปทีนึง เขาสะดุ้ง ยกมือกุมจมูกตัวเองแล้วเตะขาผมจากใต้โต๊ะ ตอนนั้นเองที่เพื่อนผมถือจานข้าวกลับมาพอดี สายฟ้าเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเฟนที่มีต่อผม
“มึงทำอะไรน้อง?”
“เปล่า”
“แล้วไมเฟนพองขนใส่มึงแบบนั้น?”
“ก็แค่ชวนไปเดต” ผมยักไหล่
“พี่พระพาย!” เฟนฟาดไหล่ผมไปทีนึง แสบจนร้องซี้ด น้องจ้องหน้าผมเขม็งทั้งที่แก้มยังแดงจัด “ไปบอกพี่สายฟ้าแบบนั้นเขาจะเสียใจนะ!”
“เดี๋ยว...ทำไมพี่ต้องเสียใจวะ” สายฟ้าเกาหัวแกร่กๆ ส่วนดารัญส่ายหัวไปมาแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวเงียบๆ
“ก็…” เฟนอึกอัก เขามองหน้าสายฟ้าแล้วพูดเสียงเบา “พี่สายฟ้ากับพี่พระพาย...กุ๊กกิ๊กกันไม่ใช่เหรอ”
“น้องมึง…”
สายฟ้ากุมขมับตัวเอง และตอนนี้ดารัญกลั้นหัวเราะไปกินข้าวไปจนไหล่สั่นไปหมด
“พี่กับมันขั้วเดียวกัน ไปกันไม่ได้” ผมบอกน้อง สายรุกไม่กินกันเอง
“แต่...เราก็ขั้วเดียวกับพี่นะ”
“เดี๋ยว พี่ว่าหนูคนละขั้วกับพี่นะ”
“ไม่ๆ เราขั้วเดียวกับพี่สิ” น้องเถียง ส่วนผมเริ่มเครียด หรือน้องจะสายรุกเหมือนกัน รุกประเภทปากแดงก็ผัวเธอ หน้าหวานก็ผัวเธอ ยังไงความสูงก็ไม่มีผลต่อแนวราบ เวร...หรือผมจะได้น้องเป็นผัว? “เนี่ย เป็นผู้ชายเหมือนกัน ขั้วเดียวกัน”
โอเค ตำแหน่งผัวน้องของผมยังไม่สั่นคลอน
เกือบแล้ว เกือบเทิร์นรับให้น้องมันแล้ว!
“นี่ไอ้หนู ฟังนะ พี่ไม่ได้ชอบมัน มันไม่ได้ชอบพี่ เราเป็นเพื่อนกัน หยุดคิดอะไรไปไกลได้แล้ว ไม่งั้นมันจะไปจีบเอ็งทำไมวะ”
“อะ อ้าว…”
“อย่างที่สายฟ้ามันบอก” ผมยิ้ม วางมือลงบนหัวน้องแล้วจับโยกเบาๆ “พี่ชอบแค่หนู แล้วก็จะจีบแค่หนูนี่แหละ”
แล้วเฟนก็เขินจนแทบม้วนตัวลงใต้โต๊ะ
น้องหน้าแดงก่ำ ก้มหน้างุดกินขนมจีบที่ผมซื้อให้ไม่พูดไม่จา ผมมองหูแดงๆ ของน้อง หลุดยิ้มออกมา อยากดึงเขาเข้ามากอดให้จมอก คงให้อารมณ์เจ้าตัวเล็กตัวน้อยในอ้อมกอดน่าดู แต่รู้ดีว่าถ้าทำแบบนั้นน้องต้องโกรธมากแน่ๆ เพราะตรงนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราสองคน
“ข้าวน่ะจะแดกมั้ย มัวแต่จ้องน้องมัน”
“สายฟ้า ถ้ามึงไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้” ผมกลอกตา ทำลายบรรยากาศฟรุ้งฟริ้งกูหมดไอ้ห่า
“มันคงอิ่มแล้วล่ะ” ดารัญเหลือบตาขึ้นมองผมสลับกับเฟน “อิ่มอกอิ่มใจ ชอบเขามากมั้ยมองไปยิ้มไป”
“มึงพอ น้องเขิน”
ผมปรามมัน หัวเราะเบาๆ เมื่อเฟนแทบจะมุดหน้าลงกับโต๊ะ
“เหมือนจะช่วยน้องแต่มึงยิ้มกว้างกว่าเดิม”
“ก็มีความสุขช่วยไม่ได้”
“พี่พระพาย พอ…” เฟนฟาดแขนสลับกับเตะขาผมใต้โต๊ะ “เราไม่อยู่แล้ว พี่แกล้งเรา!”
“ก็น่ารักเองทำไมล่ะ”
“เราผิดเหรอ?!”
“เฟน กูไปซื้อน้ำนะ” ตั้มกระแอม “มึงก็...ตามสบาย”
ว่าจบน้องหัวชมพูก็ลุกเดินหนีไปทันที ทิ้งเฟนที่นั่งตาโตอ้าปากพะงาบๆ จะรั้งเพื่อนไว้แต่ไม่ทันอยู่ข้างๆ ผม ผมขยับเข้าหาน้องอีกครั้ง ยกมือโอบไหล่อีกฝ่ายไว้แล้วยื่นหน้าไปใกล้
“สรุปเย็นนี้ไปเดตกันเนอะ”
“ไม่เอา!”
“พี่อยากซื้อของด้วย จะให้หนูช่วยพี่เลือก”
“ถ้าซื้อของพี่พระพายก็ไปกับเพื่อนพี่สิ” น้องยังคงบ่ายเบี่ยง แถมยังโยนขี้ไปทางเพื่อนๆ ผมอีกแน่ะ
“พี่ไม่ว่างครับเฟน” ดารัญปฏิเสธคนแรก “รับออเดอร์เค้กของลูกค้าไว้ต้องรีบเคลียร์น่ะ”
“พี่ก็ไม่ว่าง” สายฟ้าพูดต่อ “ต้องพาตุ๊ดตู่กับติ๊ดตี่ไปหาหมอ”
“เป็นไรอีกวะ” ผมถาม ตุ๊ดตู่กับติ๊ดตี่คือแฮมสเตอร์ที่สายฟ้ามันเลี้ยงเอาไว้ ตอนผมเป็นเมตกับมันก็คอยช่วยดูแลเจ้าสองตัวนี้บ่อยๆ “ตุ๊ดตู่แก้มเน่าอีกแล้วหรือเปล่า”
“เออ โรคเดิม นิสัยมันแก้ยาก แม่งแดกล้างแดกผลาญแดกบ้านแดกเมืองแถมยังชอบอม อมดะไปหมดเต็มแก้ม ไม่รู้จะโลภอะไรนักหนาอีตุ๊ดตู่ลูกกูเนี่ย ติ๊ดตี่ก็ไม่ได้แย่งอาหารมันด้วยซ้ำ มันต่างหากที่ไปแย่งอาหารติ๊ดตี่ ชอบนักล่ะอะไรที่ไม่ใช่ของตัวเอง”
“แล้วติ๊ดตี่เป็นอะไรถึงพาไปหาหมอด้วย”
“ไม่ได้เป็นอะไร กูแค่จะพาไปตรวจสุขภาพพร้อมกันเลย ขี้เกียจหลายรอบ”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนหันกลับไปหาเฟน
“เห็นมั้ยว่าเพื่อนพี่ไม่ว่าง”
“แต่…”
“อีกอย่างนะหนู” ผมยิ้ม บีบจมูกน้องไปทีนึงจนเฟนหลับตาปี๋ใส่ “เรื่องหาซื้อของอะแค่ข้ออ้างไง แต่พี่อยากเดตกับหนูน่ะข้อหลักเลย”
“...”
“หน้าแดงแสดงว่ามีใจ งั้นไปเดตกันเนอะ” ผมส่งยิ้มล่อลวงเต็มที่ ส่วนในใจกำลังอ้อนวอนต่อ กกน.สีมงคลที่ใส่ให้นำพาโชคดีมาให้ผม
“กะ ก็ได้…” เฟนอุบอิบ “แต่...แต่เราไม่ได้ชอบพี่นะ ที่ตกลงเพราะพี่ขี้ตื๊อ พี่อย่ามาโมเม”
“ครับๆ”
เยส! กางเกงในสีเขียวสะท้อนแสงจงเจริญ!
[เฟน]
ตอนแรกผมคิดว่าพี่พระพายคงพาไปเดตที่แปลกๆ ที่ไม่มีใครน่าจะไปกัน แต่ผิดคาด พี่เขาพาผมมานั่งกินขนมเค้กที่ร้านดังในห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัยเฉยๆ มันปกติจนผมอดขมวดคิ้วไม่ได้ อย่างพี่พระพายน่ะ นึกว่าจะพาผมไปนั่งร้านขนมจีบซะอีก เห็นชอบนักหนาว่าเป็นอาหารชื่อมงคลในการจีบคน
“พี่…” ผมรวบรวมความกล้าเรียกอีกฝ่าย เงยหน้าขึ้นจากจานเค้ก พี่พระพายมองผมอยู่ก่อนแล้ว ผมหลบสายตาเขา รอยยิ้มกับสายตาที่ส่งมาอันตรายกับอัตราการเต้นของหัวใจเกินไป ผมยังไม่อยากให้ขบวนพาเหรดมดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม “ทำไมพี่ชอบเรา...เราหมายถึง เรามีตรงไหนให้พี่ชอบ เราตีพี่ตลอดเลยนะ”
“อืม จะว่าไงดี”
“เอาตามที่พี่รู้สึกอะ” ผมเม้มริมฝีปาก ทำใจกล้าสบตาพี่เขา
“ตอนแรกก็ไม่ได้อะไร เอ็นดูเฉยๆ เราน่ารักดี”
“พี่ชอบแกล้งเรา เราจำได้”
“อย่ามาพองแก้มแถวนี้นะหนู เดี๋ยวอดใจไม่ไหวจับฟัดแก้มให้” พี่พระพายแหย่ ผมเลยเตะขาพี่เขาใต้โต๊ะ “โอเคๆ ก็เราน่ารัก พี่ก็เอ็นดู อยากแกล้งอยากเล่นด้วย ไปๆ มาๆ ก็…”
“ก็?”
“ก็เริ่มถามตัวเอง”
“ถามว่าอะไรล่ะพี่ พี่พูดมาทีเดียวสิ เราเองก็อยากรู้จะแย่แล้ว”
ผมเร่ง อยากรู้จนลืมเขินอายกับสายตาแพรวพราวที่จ้องมา พี่พระพายสบตาผม เขาอมยิ้ม มือที่วางบนโต๊ะขยับเข้ามาใกล้มือผมที่วางอยู่ไม่ไกลกัน เขาเกี่ยวนิ้วก้อยตัวเองกับนิ้วก้อยผม ขยับมือแกว่งเล่นเบาๆ
“พี่ถามตัวเองว่าเฟนก็น่ารักอยู่แล้ว แต่ทำไมพี่ถึงมองว่าหนูน่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันได้อีกนะ”
คำตอบของพี่พระพายทำผมก้มหน้างุด หมดความกล้าที่จะทำเป็นเก่งสบตากับเขาอีกต่อไป หน้าผมร้อนผ่าว ไม่ต้องส่องกระจกดูก็รู้ว่าคงแดงแน่ๆ เดาได้จากเสียงหัวเราะของพี่พระพายเลย แถมในใจก็คันยุบยิบ ขบวนพาเหรดมดกำลังยึดครองพื้นที่ในใจผม
“พอ ไม่อยากรู้แล้ว”
“ยังบอกไม่หมดเลย”
“เราไม่อยากรู้แล้วพี่” ผมจะตายอยู่แล้ว ใจรับไม่ไหวแล้ว
“แต่พี่จะบอก” พี่พระพายหัวเราะร่วน เขาดูชอบใจนักแหละที่เห็นผมเขินหนักขนาดนี้ “พอเห็นเราน่ารักขึ้นทุกวันๆ พี่ก็หวงว่ะ หวงความน่ารักของหนู กลัวว่าคนอื่นจะเห็นเหมือนกัน อยากเก็บหนูไว้กับตัวเอง จับปั้นเป็นก้อนแล้วกลืนลงท้องไปเลย”
“พี่!”
“เอ๊า ก็หวงไง”
“แล้วเป็นอะไรมีสิทธิ์มาหวงเค้าเล่า!” ผมแทบมุดหน้าลงกับโต๊ะ พี่พระพายไม่อ่อนโยนกับใจเลย ขี้แกล้งเป็นที่หนึ่งล่ะคนนี้ ฮึ!
“ตอนนี้ยังไม่เป็น เลยต้องจีบก่อน เดี๋ยวพอเป็นอะไรกันแล้วจะหวงให้หนักกว่านี้เลย”
“พี่พระพาย พอนะ” ผมส่งเสียงฮือออกมา ยกมือข้างที่ว่างปิดหน้าตัวเอง “เราไม่ไหวแล้วพี่ พี่ใจดีกับเราบ้างเถอะ”
“แล้วนี่ใจร้ายด้วยตรงไหนครับ”
“พี่แกล้งเราอะ”
“พี่แกล้งอะไร ไหนหนูบอกพี่เร็ว” ผมเหลือบตามองพี่พระพายแวบนึง อีกฝ่ายมองผมยิ้มๆ แววตาก็อ่อนโยนจนผมแทบทนมองไม่ไหว
“เราเขินพี่จนจะตายอยู่แล้ว!”
“หนูก็น่ารักจนพี่จะตายอยู่แล้วเหมือนกันเนี่ย”
พี่พระพายยิ้มกว้าง ส่วนผมรู้สึกเหมือนมีอะไรระเบิดบุ๋งอยู่ในใจ ผมหลบตาเขาอีกครั้ง พยายามสูดหายใจลึกๆ เรียกสติตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เขินพี่พระพายหนักขนาดนี้ ทั้งที่ผ่านมาพี่เขาเอาแต่ทำตัวบ้าๆ บอๆ แกล้งผมไปเรื่อย ดูแล้วไม่น่าจะเขินให้คนแบบนี้ได้สักนิด แต่พอเขาอ่อนโยนกับผมเข้าหน่อย อาการเขินอายมันก็พากันแสดงตัวจนพี่พระพายรู้หมด
“เรายังไม่ได้ชอบพี่นะ” ผมพึมพำ “เราแค่เขินพี่เฉยๆ พี่อย่าได้ใจนะ”
“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะได้ใจ”
“ก็…”
“หมายถึงได้ใจหนูน่ะ เมื่อไหร่ครับ : )”
“โอ๊ยพี่…”
“เฟน ไม่มุดโต๊ะสิหนู เงยหน้ามาเร็วเด็กดี คนอะไร เขินแล้วชอบมุด” เขาหัวเราะร่วน ดึงมือผมเบาๆ จนต้องเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ใบหน้ายังร้อนเห่อ “ถ้าอยากมุดมากนักมามุดอกพี่นี่มา”
ผมส่ายหัวแรงๆ ทันทีที่พี่พระพายพูดแบบนั้น เมื่อคืนน่ะผมเผลอซุกอกพี่เขาไป กลายเป็นว่าโดนกอดโดนหอมจนหน้าแดงตัวแดงไปหมด อ้อมกอดของพี่พระพายคือพื้นที่อันตราย ผมจะไม่หลุดเข้าไปตรงนั้นเด็ดขาด!
“งั้น…”
“อะ อะไร…”
“ถ้าหนูไม่มุดอกพี่” พี่พระพายยิ้มหวานจนตาหยีโค้ง เขาโน้มตัวมาข้างหน้า สบตากับผมที่จ้องเขาด้วยท่าทางตื่นๆ “งั้นเปลี่ยนเป็นพี่มุดอกหนูแทนดีมั้ยครับ”
“...”
“มันเขี้ยว อยากฟัดอยากกัดให้แดงทั้งตัวเลย : )”
ทั้งรอยยิ้มและสายตาคู่นั้นแพรวพราวจนผมไม่คิดว่าพี่พระพายพูดเล่น เสียงหัวเราะหึๆ ลอยมาเข้าหู ผมรู้สึกตัวเดี๋ยวนั้นว่าตัวเองอาจจะไม่ปลอดภัย
คุณตำรวจช่วยเฟนด้วย! ตรงนี้มีคนอยากจับเราฟัดอะ ฮือ! : (
บิ๊กไซซ์ปลงสังขาร @fdhjgjdll24hag
อย่าดูถูกสีเสื้อมงคล มันได้ผล อ่านปากกูว่ามันได้ผล!
บิ๊กไซซ์ปลงสังขาร @fdhjgjdll24hag
ขนาดใส่แค่ กกน.สีมงคลผลลัพธ์ยังดีขนาดนี้ ถ้ากูใส่ทั้งตัวคือน้องเป็นฝ่ายเดินมาขอกูคบแน่ๆ
บิ๊กไซซ์ปลงสังขาร @fdhjgjdll24hag
ไม่ได้คนนี้กูก็ไม่เอาใครแล้ว จั้ม!
---------------------------------
น้องแค่เขินนะ น้องยังไม่ได้ชอบพี่สักหน่อย พี่ พพ อย่ามาโมเมว่าน้องชอบ เดี๋ยวฟาดเลย 555555 อิพี่ก็แบบ เอาขนมจีบมาจีบน้องเพราะชื่อมงคลเหมือนตอนไหว้เจ้าต้องใช้อาหารชื่อมงคล อนาคตคือวางน้องไว้บนหิ้งบูชาเช้าเย็นพร้อมท่องบทสวดแน่ๆ
สุดท้ายนี้...อย่าดูถูกสีเสื้อมงคลนะคะ
#เพื่อนกล่อมนอน