...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 305110 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
จนได้นะจิณ ปากไว ใจเร็ว
แต่ทำคุณเทียมปลื้มนะที่ทำหลานชายดิ้นได้

ทิศร่วมด้วยช่วยกัน แถมใจยังมีเป๋
แบบนี้จิณไม่ต้องรอถึงจบเรื่องแล้ว
ระหว่างเรื่องนี่อาจจะได้เคลียร์กัน

สงสารชิตค่ะ คนไม่รู้เรื่อง ก็ต้องหลอนไป

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
คุณเทียมคงจะเห็นแววปวดหัว

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
พี่ทิศพกยาพาราไว้ในกระเป๋าหลายๆแผงนะ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ haramoonlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ทิศทำอะไรไม่ได้ต้องทำใจอย่างเดียวเลยนะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
จิณณะใจร้อนตลอด
งี้แหละต้องคอยมีพี่ทิศชี้แนะ คริๆ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อยากจับปลัดมาตีตูดซะจริงเชียวเลย

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อือหื้อออออ :hao3:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เนี่ยยยย ทำไมมันฟินอย่างงี้

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอย น้องรู้ใจตัวเองแล้วนะ คนพี่เมื่อไหร่จะรู้ว่ามีคนแอบชอบ ฮือๆ เขาเขินกันด้วยอ่ะแม่
เราชอยพระเอกนิยายคุณบัวทุกเรื่องเลย อบอุ่นแด๊ดดี้ แงงง

ออฟไลน์ Rhythm

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าชอบกัน พี่ทิศดูแลจิณแบบเป็นไปตามธรรมชาติมาก น่ารัก :katai2-1:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องจิณไปเป็นพิธี Findtrouble กะพี่จอน วิญญูดีไหม ขยันหาเรื่องละเกิน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เริ่มสงสัยความรู้สึกตัวเองกันแล้ว TT
แต่พ่อแม่จิณก็จะทำอะไรแล้วด้วยรึเปล่า  :z3:

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
อ่านๆ ไปก็เบื่อจิณสร้างแต่ปัญหาให้พี่ทิศตามแต่
แต่ก็ชอบความละมุนก็ทั้งสอง ปวดหัวกับตัวเอง

ออฟไลน์ Chakaimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจ้าหนูจิณจอมดื้อ!  :z13:

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
ติดตามครับ

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
รักวันพฤหัส เพราะปลัดอัพวันนี้

รอๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 8


‘คนใหญ่คนโต’ ไม่ได้พบกันได้ง่ายๆ กว่าจะหาทางติดต่อนัดหมาย ย่อมต้องใช้เวลา แต่คุณเทียมผู้เคยเป็นนักการเมืองระดับประเทศย่อมมีเส้นสายหลายทาง ภายในเย็นวันนั้น เขาก็สามารถลงนัดขอเข้าพบ ‘คนใหญ่คนโต’ ผู้เป็นเส้นสายให้กับนายไพศาลในวันรุ่งขึ้น


เช้าวันต่อมา รถแวนของคุณเทียมเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่เช้าตรู่ ในขณะที่ปลัดจิณณะเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน


วรชิตลุกจากเตียงหัวฟู เมื่อคืน เจ้าของบ้านกลับมาถึงตอนเกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ไม่ทันได้ถามเพราะง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น เช้านี้ เลยต้องรีบตื่นมากระแซะเสียหน่อย


“กูนึกว่ามึงจะไม่กลับซะอีก”


จิณณะหันมองพลางเลิกคิ้ว


“ก็มึงไปเดทกับคุณพิทักษ์ กูก็นึกว่าจะค้าง...เฮ่ย!” ขวดอะไรสักอย่างที่โต๊ะหน้ากระจกลอยหวือ หากหลบไม่ทัน ป่านนี้คงได้ลงไปนอนนับดาวบนเตียงตามเดิม


“เดทอะไร โดนบ่นจนหูชา...” พลั้งปากหลุดคำว่าโดนบ่นไปแล้ว จิณณะก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องเมื่อวานให้เพื่อนรู้ แต่เพราะโดนพิทักษ์บ่นแม้กระทั่งตอนพามาส่ง อารมณ์หงุดหงิดเมื่อคืนเลยยังค้างมาถึงตอนเช้า จนอยากระบายให้ใครสักคนฟัง


“อ้อ ที่กลับมาเพราะถูกบ่นสินะ ถ้าไม่ถูกบ่นคงค้าง...เอ้อ...”


พอพูดคำว่าค้าง จิณณะก็ตวัดสายตามาดุอีกที วรชิตเลยต้องเปลี่ยนเรื่อง


“แล้วมึงถูกบ่นเรื่องอะไร”


“ใจร้อน ปากไว พูดไม่คิด ไม่ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน มุทะลุไม่ดูสถานการณ์” มีอีกหลายคำที่ถูกพิทักษ์จำกัดความ เขาน้อมรับทั้งหมดก็ได้ แต่ช่วยพูดรอบเดียว ไม่ต้องพูดซ้ำ เมื่อยหูจะฟังแล้ว


“ถูกทุกข้อเลย” วรชิตดีดนิ้วดังเป๊าะ กำลังจะถูกขว้างอีกสักขวด เสียงรถยนต์แล่นมาจอดหน้าบ้านก็ดังขึ้นมาถึงห้องนอน เรียกความสนใจให้ชะโงกไปดูที่หน้าต่าง


รถเบนซ์สีดำคุ้นตาจอดสนิท คนขับรถร่างสูงก็เปิดประตูลงมายืนรอ ปลัดหนุ่มฝ่ายป้องกันเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้เจ้าของบ้าน


“ข่าวดีหรือข่าวร้ายวะ ไอ้จิณ คนที่มึงบอกว่าเมื่อวานเขาบ่นจนหูชา วันนี้ดันมาหาแต่เช้าเลย”


จิณณะกะพริบตาปริบๆ เดินมาส่องที่หน้าต่างแล้วก็พบว่าพิทักษ์แวะมาหาเขาทั้งๆที่เมื่อวานก็เพิ่งแยกจากกันตอนเกือบเที่ยงคืน


ชายหนุ่มในชุดเสื้อโปโลสกรีนชื่อที่ว่าการหมุนตัวก้าวไวออกจากห้องนอนลงไปยังชั้นล่างทันที วรชิตมองตามแล้วได้แต่ส่ายหัว


“หาว่าเขาบ่น แต่พอเขามาหาล่ะไวเชียวนะไอ้จิณ”
.........................

พิทักษ์ไม่ได้มาหาแต่เช้าอย่างไม่มีเหตุผล เหตุผลของเขาคือเมื่อวานเขามาส่งจิณณะตอนเกือบเที่ยงคืน และเรา...จากกันไม่ดีเท่าไร


เขาดุเรื่องที่ฝ่ายนั้นใจเร็วปากไว ครั้งแรกก็ตอนที่นายไพศาลออกจากบ้านคุณเทียม ส่วนครั้งที่สองคือตอนขากลับที่พามาส่ง เขาย้ำว่าให้คิดก่อนพูดให้มากกว่านี้ แต่กลายเป็นคนไม่คิดคือเขาเอง


ไม่คิดว่าการพูดครั้งที่สอง จะทำให้จิณณะหงุดหงิดหน้าตึงเปิดประตูลงจากรถเข้าบ้านทันทีที่รถจอดสนิท


ที่ย้ำก็เพราะ...ห่วง...


ไม่อยากให้ใจร้อนปากไวไม่ดูสถานการณ์อย่างนั้นอีก


“พี่ทิศ...” ประตูบ้านเปิดออก พร้อมด้วยหน้าเจ้าของบ้านโผล่ออกมาด้วยแววตางุนงง


พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย เหตุผลที่เขามาที่นี่ในยามเช้าทั้งๆที่ปกติไม่เคยมาย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา หนึ่งเพราะมันคงฟังดูแปลกพิกลที่เขาใส่ใจจิณณะขนาดนี้ ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ได้มีความสัมพันธ์แนบแน่นอะไรกับเขาเลย และสองก็เพราะ...ใจของเขาที่แปลก


...มันเขินประหลาด...


“มีอะไรรึเปล่า มาหาผมแต่เช้า” ยิ่งพิทักษ์ไม่ตอบ จิณณะก็ยิ่งเป็นกังวล เขาเดินออกมาจากบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อวานเพิ่งไปขอความช่วยเหลือจากคุณเทียม ไม่รู้ว่าผลจากการใช้เส้นสายของคุณเทียมจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนบ้าง


“มารับ” คำตอบของคนมาหาแต่เช้าทำเอาคนฟังชะงัก ดวงตาเหลือกโตเล็กน้อย


“หะ? มารับ? รับไปไหน? วันนี้ผมต้องไปทำงานนะ”


“ไม่ได้รับไปไหน รับไปกินข้าว แล้วจะพาไปส่งที่ว่าการ” จิณณะกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าตนเองฟังผิดหรือไม่


“ก...เกิดอะไรขึ้น...”


“ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เตรียมตัวเสร็จรึยัง จะได้ไป แล้วเช้านี้อยากกินอะไร” ปลัดหนุ่มยังงง จู่ๆพิทักษ์ก็มาหาตอนเช้า ปากว่าไม่มีอะไรแต่มารับไปกินข้าว หนำซ้ำยังถามความสมัครใจว่าอยากกินอะไรด้วย ทั้งๆที่...ทั้งๆที่เมื่อวานเพิ่งบ่นเขาเสียยกใหญ่


หรือว่า...เพราะบ่นจนเขาไม่คุยด้วย เช้านี้ก็เลย...มาง้อ


พอคิดมาถึงตรงนี้ จิณณะก็จับจ้องสีหน้าของคนมารับมากกว่าเดิม พิทักษ์เป็นคนนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า แต่เวลานี้เขากลับเห็นวี่แววของความไม่แน่ใจและความกังวล


คนที่มีพร้อมทุกอย่าง แถมไม่มีปัญหาอะไรในชีวิตสักอย่าง จะมีความกังวลอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เขาผุนผันลงจากรถเมื่อคืนนี้


หัวใจของปลัดหนุ่มอิ่มฟู นอกจากจะสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายแล้ว ยังสูบฉีดความสุขขึ้นมาบนใบหน้าอีกด้วย


“ถ้าผมอยากกินอะไร พี่จะตามใจผมทุกอย่างใช่ไหม”


แน่นอนว่าเขาไม่ถามตรงๆหรอกว่ามาง้อเขาหรือ เพราะขืนพิทักษ์พาซื่อตอบตามความจริงมาว่าง้อ คงได้พากันเขิน หรือถ้าตอบว่าไม่ได้มาง้อ คราวนี้หัวใจที่อิ่มเอิบมีหวังห่อเหี่ยวหนักกว่าเดิม


ความคลุมเครือ บางทีก็มีประโยชน์แบบนี้


“ถ้ามีขาย ก็จะพาไป” พิทักษ์ตอบ เหลือบสังเกตสีหน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า จิณณะเป็นคนมีไหวพริบ และเจ้าตัวก็ไม่ใช่คนแกล้งโง่ด้วย สายตาที่มองตรงมาที่เขาจึงโจ่งแจ้งว่าอ่านเขาออก


ชายหนุ่มเม้มปากเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะภาวนาให้จิณณะรู้ดีไหมว่าเขาไม่เคยง้อใคร และไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวขนาดนี้ แต่ถ้ารู้แล้ว จะ ‘รู้ตัว’ ด้วยหรือไม่


“ถ้างั้น...”


“แล้วก็ต้องไม่ใช่ของรสจัด เผ็ดจัด” แม้จะมาเพื่อง้อ แต่ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่แสนสำคัญ คนถูกง้อถึงกับถอนหายใจเฮือก


“สุดท้ายก็บ่นอยู่ดี...น่าไปด้วยไหมเนี่ย” ดูเหมือนคำพูดของจิณณะจะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขามาง้อ ก็ควรหย่อนยานกฎระเบียบบางข้อในชีวิตบ้าง


ทว่า...พิทักษ์ก็คือพิทักษ์


“นี่ไม่ได้เรียกว่าบ่น แต่ไม่พาไป”


“...แต่ถ้าอยากกิน...ไว้ตอนเที่ยง จะพาไปกิน” ประโยคต่อมาทำเอาจิณณะที่กำลังจะถอนหายใจใส่ถึงกับหยุดลมหายใจตัวเองอยู่เท่านั้น


เป็นครั้งที่สองของเช้านี้ ที่คนตรงหน้าทำให้ได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ


“พ...พาไป?”


“แต่เช้านี้ ไปหาโจ๊ก หาข้าวต้มทานก่อน แล้วตอนเที่ยงพี่จะพาไปทานอย่างอื่น” ไม่ว่าพิทักษ์จะรู้ตัวหรือไม่ว่าเขาแทนตัวว่าพี่ แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่ทันรู้ตัวสักนิด


“ตอนเที่ยงไม่ต้องให้ผมเข้าไปทานที่สนามกอล์ฟแล้วหรือ?”


คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อย แต่เมื่อตัดสินใจว่ามาที่นี่เพื่อง้อ ก็ย่อมต้องเดินหน้า...ง้อ


“ไม่ต้อง วันนี้จะพา...จิณไปทานอย่างอื่น” ประโยคนี้เขารู้ตัวและตั้งใจ ทว่าปลัดหนุ่มผู้งุนงงยังไม่รู้ตัว พิทักษ์เองก็ไม่ปล่อยให้รู้ตัวด้วย เขาพูดย้ำอีกครั้งก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถ


“มาเถอะ ตอนนี้ไปทานข้าวเช้ากัน”


ไม่รู้ว่าการง้อนี้จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คนถูกง้อไม่ได้โอ้เอ้ เพราะพอถูกชวนอีกครั้ง ก็ได้แต่เดินเงียบๆขึ้นรถไปแต่โดยดี


แล้วเรื่องหนึ่งที่คนทั้งคู่จะจำใส่ใจคือ จิณณะจะต้องเพลาๆเรื่องใจร้อนปากไว ส่วนพิทักษ์...บ่นได้ แต่จิณณะขอแค่รอบเดียวพอ

......................

การไปร่วมงานเลี้ยงใหญ่โตระดับจังหวัดของไพศาลนั้น อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องทำตามที่รับปากก็ได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นเพียงปลัดลูกกระจ็อก แต่เที่ยงวันนั้น มีเหตุบังเอิญให้จิณณะและพิทักษ์ที่กำลังทานอาหารด้วยกันในร้านละแวกที่ว่าการต้องพบหน้าไพศาลอีกครั้ง


“สวัสดีครับ คุณไพศาล” จิณณะจะไม่ทักก็ไม่ได้ เพราะรายนั้นเดินผ่านโต๊ะของพวกเขาพอดี ดูแล้วจงใจมากกว่าบังเอิญ


คนถูกทักยังคงยิ้มแย้มตามประสาคนหน้าใหญ่ใจกว้าง


“โอ้ ปลัดจิณณะ คราวนี้ผมจำได้แล้ว” เขาเอ่ย ก่อนจะหันไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับปลัดหนุ่ม


“สวัสดี คุณพิทักษ์” พิทักษ์ยิ้มจางยกมือไหว้ ด้วยนิสัยของเขาไม่ใช่คนช่างพูด แต่เมื่อเหลือบเห็นคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนเองแล้ว ก็เกรงว่าจิณณะจะเป็นฝ่ายปากไวขึ้นมาอีก เขาจึงดึงบทสนทนาไว้


“มาทำอะไรแถวนี้หรือครับ หรือมาติดต่อราชการ”


 “พอดีผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาทานข้าวเที่ยงเสียหน่อย ร้านนี้อร่อยที่สุดในละแวกนี้นี่ครับ” จิณณะยิ้มเป็นเชิงตอบรับ


“แล้วเสาร์นี้ อย่าลืมที่รับปากผมไว้นะครับปลัด คุณพิทักษ์ ต้องไปให้ได้ล่ะ” ไพศาลไม่คิดว่าปลัดตัวเล็กๆและนักธุรกิจวัยหนุ่มที่แทบจะไม่มีเส้นสายใดนอกจากคุณเทียมจะเป็นแขกที่น่าเชิญชวนซ้ำสอง แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อตอนสายที่เขาได้รับโทรศัพท์จาก ‘ผู้ใหญ่’ ทำให้ต้องหันกลับมามองชายหนุ่มสองคนนี้ใหม่อีกครั้ง


‘อย่าหาเหาใส่หัว หัดอยู่เงียบๆเสียบ้าง’


‘เรื่องอะไรที่มันผ่านไปแล้ว คนก็ตายไปแล้ว ไม่ต้องไปฟื้นฝอยอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน’


เรื่องที่ผ่านไปแล้ว นายไพศาลคิดออกเรื่องเดียวคือเรื่องที่บ่อนของเขาถูกทลาย ส่วนเรื่องคนที่ตายไปแล้ว ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ทองสุก เรื่องแรกนั่นพอจะทำหลงๆลืมๆได้อยู่หรอก เพราะผู้จัดการบ่อนไม่ได้ซัดทอด และสุดท้ายเรื่องเงียบหายไปกับสายลม แต่เรื่องที่สอง...คำพูดสุดท้ายของคนตายที่ฝากมากับลูกน้องของเขา ทำให้ทนอยู่เฉยไม่ได้


ไม่คิดว่าเป้าหมายที่อยากจะจัดการให้เด็ดขาด แม้ตายไปแล้วก็ยังไม่ต่างกับอยู่เป็นหอกข้างแคร่ หนำซ้ำยังเป็นหอกข้างแคร่ที่ทำให้ไม่อาจหยุดอยู่แค่ศพเดียว!


...ใช่...คนตายไปแล้ว ไม่ควรฟื้นฝอย แต่ตายไปแค่หนึ่ง ยังมีคนที่ต้องตายอีก!...


“พอดีช่วงนี้ยุ่งมาก อาจจะไปไม่ได้นะครับ” พิทักษ์เป็นฝ่ายเอ่ยปาก ชายร่างท้วมเบี่ยงสายตามาที่คนพูด ก่อนจะหันกลับไปมองข้าราชการอย่างจิณณะอีกครั้ง


ใครๆก็พูดกันว่าหลานชายของคุณเทียมสนิทสนมกับปลัดจิณณะ นั่นทำให้นายไพศาลต้องหันมามองปลัดหนุ่มจากกรุงเทพฯคนนี้ใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยมองข้าม


คนที่ทำให้ผู้ใหญ่ของเขาต้องออกปากว่าให้อยู่เฉยๆ ก็แสดงว่าต้องมีคนใหญ่คนโตที่นี่ ‘ขอ’ ไป เขาไม่เห็นว่าจะมีใครที่นี่ใหญ่โตได้เท่าคุณเทียมอีกแล้ว แล้วคุณเทียมจะขอไปเพื่ออะไร เพื่อพิทักษ์อย่างนั้นหรือ หรือเพราะพิทักษ์ขอความช่วยเหลือแทนคนของตนเอง


“น่าเสียดาย ผมอยากให้ไป เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ผมมันคนแก่ก็อยากคบค้ากับคนหนุ่มไฟแรงอย่างปลัดจิณณะและคุณพิทักษ์” คนถูกชวนได้แต่ยิ้ม มาคราวนี้ปลัดหนุ่มไม่หุนหันตอบอะไรรวดเร็วแล้ว เพราะเขาเองก็รู้สึกประหลาดกับการเข้ามาสร้างความสนิทชิดเชื้อของนายไพศาลเช่นกัน


“แต่ถ้าว่าง ก็เชิญนะครับ แล้วถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกผมได้เลย ยินดี” ไพศาลทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไป จิณณะไม่ได้หันมองตาม เขาก้มหน้าตักอาหารเข้าปากไปหนึ่งคำ แล้วเงยหน้ามองพิทักษ์ที่มองเลยผ่านไปทางด้านหลังเขาตามทิศที่นายไพศาลจากไป


“พี่ว่าแปลกไหม”


พิทักษ์เหลือบมามองคนถาม ใบหน้าเรียบเฉยทว่ามีแววกังวลในดวงตา


“วันนี้ให้เพื่อนกลับไปนอนที่บ้านเขาได้แล้ว...”


จิณณะเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ทันได้ถาม คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เป็นฝ่ายพูดเสียเอง


“นายไพศาลเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว...” ปลัดหนุ่มชะงัก หัวใจเย็นเยียบ ความกลัวตายพุ่งทะยานเข้ามากลางใจอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องระบุชื่อเลย ว่าเป้าหมายเปลี่ยนเป็นใคร


เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะละล่ำละลักถาม


“ผ...ผม...ควรทำยังไงดี”


คนถูกถามนิ่งคิดอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก


“จะมาค้างบ้านพี่ หรือจะให้พี่ไปค้างที่บ้าน”


เป็นการย้อนถามที่ทำให้ปลัดจิณณะลืมความกลัวตายภายในเสี้ยววินาทีนั้น หัวใจที่เย็นเยียบกลายเป็นอุ่นจนร้อน


แค่ประโยคเดียว…ทว่าพลิกหัวใจคนฟังจากหน้ามือเป็นหลังมือ!

………………………….

‘บ้านพักข้าราชการเก่าๆ‘


จิณณะอาศัยเหตุผลข้อนี้ แล้วเลือก ‘ไปค้างบ้านพี่ทิศ’ แทนที่จะให้พิทักษ์มาค้างบ้านพักของเขา


ส่วนเหตุผลที่บอกวรชิตย่อมไม่ใช่การบอกว่าไพศาลเบี่ยงเป้ามาที่เขาแทนแล้ว แต่โชคดีที่เพื่อนคนนี้เข้าใจอะไรง่าย พอบอกว่าจะไปค้างบ้านพิทักษ์ มันก็ทำตากรุ้มกริ่ม คาดว่าคงเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดีมาก


แต่ถึงอย่างนั้น คนจะไปค้างที่อื่นก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องกังวลกับการอยู่คนเดียวมากนัก เขาย้ำหนักแน่นก่อนจะออกจากบ้านพักราชการ


“วันนี้คนที่คุณเทียมส่งมา เป็นมือดีที่สุดที่คุณเทียมมี มึงสบายใจได้”


วรชิตหัวเราะลั่นบ้าน ใจจริงก็ซาบซึ้งความความห่วงใย แต่เวลานี้คือเวลาที่จิณณะกำลังจะออกไปค้างบ้าน ‘แฟน’ แต่ก็ยังไม่วายให้ความอุ่นใจกับเขา


...เหมือนพ่อแม่จะไปฮันนีมูนกัน แต่ก็ยังห่วงลูกที่เฝ้าบ้าน...


“ครับๆคุณแม่ คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมเชื่อมือคนของญาติคุณพ่อ”


คนฟังถึงกับกะพริบตาปริบๆ ความฉลาดมีไหวพริบจะมาจนแต้มเอาก็ตอนตีความคำพูดตรงเด่ของวรชิตก็วันนี้


ทว่าอึดใจเดียว ดวงตาของจิณณะก็เบิกโต แล้วตวัดขาเตะก้นคนพูดไปที


“แม่มึงสิ!” คนถูกเตะไม่ได้มีสีหน้าโอดโอยซ้ำยังหัวเราะแล้วเดินหนีไปที่ประตู อ้าปากอยากจะตะโกนเรียก ‘พ่อ’ ให้มาพา ‘แม่’ ไปที แต่ติดที่ว่ายังไม่สนิทกับพิทักษ์ถึงขั้นนั้น


“คุณพิทักษ์มาพาไอ้จิณไปได้แล้วครับ อยู่นานแล้วเสียงดัง”


“นี่บ้านกูโว้ย กูเสียงดังได้!” เจ้าของบ้านแต่ตัวจะไม่อยู่ที่นี่โวยวาย เดินปึงปังหน้าตาหงิกงอกระแทกไหล่วรชิตออกจากบ้านอย่างไม่สบอารมณ์ เจ้าของรถหรูที่จอดรอเพียงแค่เลิกคิ้วเล็กน้อย ดูจะชินกับอารมณ์แปรปรวนของจิณณะแล้ว พอรับกระเป๋าเป้มาใส่ท้ายรถ ก็ยังหันไปถามด้วยน้ำเสียงปกติ


“ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”


“ไม่” คำตอบสั้นเบา แม้หน้าจะหงุดหงิดคิ้วขมวด แต่น้ำเสียงก็ไม่ใส่อารมณ์กับคนถาม พิทักษ์แตะแขนเบาๆเป็นเชิงให้ขึ้นรถ ก่อนจะหันไปค้อมศีรษะลาวรชิตที่ยืนส่งอยู่หน้าบ้าน จากนั้นจึงก้าวไปยังฝั่งที่นั่งคนขับ


รถหรูเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านพักราชการของจิณณะไปแล้ว พร้อมกับความเงียบสงบกลับมา วรชิตมองตาม ก่อนจะกวาดตามองรอบตัว เมื่อเหลืออยู่เพียงลำพัง ความกลัวก็เริ่มคืบคลานเข้าสู่หัวใจ แม้ปากจะบอกจิณณะว่าไม่ต้องห่วง แต่ใจก็ยังพะวง เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง ความตายอาจเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยากเหลือเกินที่ต้องทำใจยอมรับมัน


วรชิตส่ายศีรษะไปมาเพื่อขจัดความวิตก


เขาต้องสู้ อย่างน้อยก็สู้กับใจตัวเอง กำลังใจที่มีจะลดลงไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

.............................


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2019 19:27:58 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

รถของพิทักษ์วิ่งไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร จิณณะอยากจะนั่งเงียบๆ ทำตัวเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่ดี แต่ความช่างพูดก็ทำให้เขาอดไม่ไหว


“บ้านพี่...อยู่ไกลจากสนามกอล์ฟเหมือนกันนะ”


ปากถามไปก่อน แม้ว่ารถจะยังไม่จอดก็ตาม แต่คะเนดูแล้ว จากถนนเส้นที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไปถึงสนามกอล์ฟที่พิทักษ์ดูแล ก็ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงได้


“ไม่เท่าไร เลือกที่เดินทางสะดวก จะได้เข้ากรุงเทพฯง่ายด้วย”


จิณณะชะงักเล็กน้อย ถึงแม้พวกเขาจะคบหากันมากขึ้น เจอกันแทบทุกวัน แต่เรื่องส่วนตัวของกันและกันกลับไม่รู้เลย


...อย่างเช่น พิทักษ์เลือกบ้านที่เดินทางสะดวกเข้ากรุงเทพฯง่าย เพราะ?...


...แฟนรึเปล่า...


ไม่สิ จิดาภาเคยบอกว่าลูกเลี้ยงของตนเองโสด


แต่...พ่อแม่มักไม่รู้ทุกเรื่องของลูก พิทักษ์อาจจะมีคนที่แอบคบหา หรือ...อาจมีคนที่กำลังจีบอยู่


...ผู้หญิงคนนั้นที่เคยมาหาพิทักษ์ที่สนามกอล์ฟอีกล่ะ ...


“พี่ทิศเข้ากรุงเทพฯบ่อยหรือ” จิณณะถามนำ คราวนี้ไม่ใช่แค่ความอยากรู้อยากเห็นจากนิสัยแล้ว แต่เป็นความรู้อยากเห็นจากหัวใจ


หัวใจที่กำลังสนใจใครสักคน


ก็ต้องอยากรู้ว่าใครคนนั้นมีคนที่สนใจอยู่รึเปล่า


...เพื่อจะได้ตัดใจ?...ไม่ใช่...คนอย่างจิณณะไม่เคยตัดใจเสียที ความรู้สึกที่มี เป็นเรื่องของหัวใจ ถ้าพิทักษ์มีใครอีกคนอยู่แล้ว เขาก็แค่...เก็บความรู้สึกเอาไว้กับใจตัวเองก็เท่านั้น...


“บ่อย บางทีก็เข้าแต่เช้าไปทานข้าวกับแม่ภา” คนมุ่งมั่นคิดจะหาคำตอบว่าพิทักษ์มีใครที่สนใจอยู่บ้างรึเปล่าถึงกับชะงักกึก


“น้าภาน่ะหรือ” เขาหันไปถามทันควัน พิทักษ์หันมามอง ยิ้มน้อยๆแล้วพยักหน้า


“ใช่ พ่อไม่ค่อยว่าง บางทีก็ออกแต่เช้า ส่วนน้องชายอยู่ต่างจังหวัด แม่ภาทานข้าวคนเดียวบ่อยๆ ก็เลยแวะเข้าไปทานด้วย”


“แวะ?” จิณณะทวนคำ เพราะฟังดูแล้วเหมือนพิทักษ์ขับรถอ้อมโลก เข้ากรุงเทพฯไปแวะทานข้าวเช้าแล้วค่อยออกมาที่สนามกอล์ฟ


คนถูกแย้งหัวเราะเบาๆ


“จิณพูดเหมือนแม่ภา ว่านี่ไม่เรียกแวะ แต่แม่ภาดีต่อพี่ ต่อพ่อ ต่อน้อง ตอนเราไม่มีใคร แม่ภาคอยดูแล มาวันนี้...ก็แค่อยากตอบแทนแม่ภาบ้าง” พิทักษ์นับถือจิดาภาเป็นแม่อีกคน แม้จะไม่ได้อุ้มท้องเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิด แต่สิ่งที่จิดาภาสร้างและมอบให้คือความรักและเอาใจใส่นับตั้งแต่หล่อนก้าวเข้ามาในครอบครัวของเขา มาวันนี้สิ่งที่หล่อนได้รับกลับคืนจากพิทักษ์จึงแทบไม่แตกต่างกัน


รวมไปถึง...การที่พิทักษ์ยอมช่วยจิณณะก็อยู่ในสิ่งที่เขาตั้งใจจะทดแทนบุญคุณจิดาภาด้วย


เป็นอันว่าคนที่อยู่ในความสนใจของพิทักษ์ในเวลานี้คือน้าสาวของจิณณะ


แล้ว...มีคนอื่นอีกรึเปล่า


“แล้ว...ปกติพี่ไม่ไปหาเพื่อน หา...เอ่อ...หาที่เที่ยวที่กินดื่มบ้างหรือ” คนถูกถามเลิกคิ้วเล็กน้อย เห็นจิณณะทำเป็นมองตรงไปเบื้องหน้า แต่สีหน้าครุ่นคิดราวกับมีเรื่องแอบแฝงในคำถามเหล่านั้น


“หาเพื่อนบ้าง นานๆที”


“แล้ว...แฟน...”


“ไม่มีแฟน”


“แต่...เอ่อ...ผมจำได้ว่าเคยมีผู้หญิงมาหาพี่...”


“ผู้หญิง...อ้อ อรหรือ นั่นรุ่นน้อง” เป็นสถานะครึ่งๆกลางๆในความรู้สึกของจิณณะ จะว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนยิ่งแล้วใหญ่ คือไม่ใช่ เป็นรุ่นน้อง...ที่ไม่ใช่เพื่อน แต่อนาคตอาจจะพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นก็ได้


“สวยดีนะ...” จริงๆแล้วจิณณะลืมหน้าตาหญิงสาวคนนั้นไปแล้ว แต่ก็จำต้องพูดเรื่องความสวยขึ้นมา เพราะอยากรู้ว่าพิทักษ์จะมีปฏิกิริยาอะไรบ้างไหม


แล้วสิ่งที่เขาได้คือเสียงหัวเราะเบาๆในคอ


“ชอบแบบนั้นหรือ” จิณณะสะดุ้ง ตาโต


“เฮ้ย ไม่ใช่...”


“แล้วชอบแบบไหน” คราวนี้คนพูดเก่งถึงกับอึกอัก หนึ่งคือเขาก็ไม่รู้ว่าสเป็คของตนเองเป็นแบบไหน และสอง...เขารู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังชอบ 'ใคร'


ดวงตาเหลือบมาทอดมองคนข้างกาย ก่อนจะเบี่ยงสายตาออกไปทางอื่น


“ผมมีคนตามเก็บอยู่นะพี่ ไม่กล้าคิดเรื่องอื่นหรอก”


“ฟังดูไม่เหมือนเป็นจิณที่พี่รู้จัก”


คนที่สู้อุตส่าห์เบี่ยงสายตาหนีไปมองถนนแล้วพลันต้องหันกลับมามองคนพูดอีกครั้ง


“ผมที่พี่รู้จักเป็นยังไง”


“เป็นคนที่ต่อให้มีอะไรเกิดตรงหน้า แต่ถ้าคิดจะทำก็จะทำอยู่ดี ต่อให้มีเรื่องคนตามเก็บ แต่ถ้ามีใครสักคนอยู่ในใจ ยังไงก็คือมี...จริงไหม” ถูกมองออกทะลุปรุโปร่ง จนจิณณะอ้าปากค้าง ก่อนจะถอนหายใจ


“พี่อ่านผมเก่งเกินไปแล้ว”


“แสดงว่ามี...”


ปลัดหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปดีหรือไม่ เขาไม่รู้ว่าพิทักษ์คิดอย่างไรกับเรื่องแบบนี้ ตัวเขาไม่ได้มองว่ามันผิดแปลก แต่ก็ต้องยอมรับว่าให้อย่างไร ความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดกับเพศตรงข้ามก็เป็นเรื่องที่สังคมมองด้วยสายตาดูแคลนอยู่ดี ไหนจะเรื่องที่เขามีปัญหารัดตัวอยู่นี่อีก


แต่...อย่างไรเสียความจริงก็คือความจริง ความจริงที่ว่า...เขามี...คนที่อยู่ในใจ


“ครับ” เขายอมตอบตามตรง ภายในรถเกิดเป็นความเงียบชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่จะได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจยาว


ทั้งๆที่คิดจะพูดเรื่องนี้หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น แต่ในเมื่อเวลานั้นมันยังมาไม่ถึง และไม่รู้จะมีวันนั้นไหม ในเมื่อวันนี้มีโอกาส...เขาก็จะลอง


“...ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะชอบเขา ไม่เคยคิดเลยสักนิด เราไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ถ้าเจอกันก่อนหน้านี้ ผมอาจรำคาญเขาด้วยซ้ำ แต่มันเหมือน...สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เขาเข้ามาในเวลาที่ผมมีปัญหาหลายๆอย่างพร้อมกัน...”


จิณณะเว้นวรรคเล็กน้อย ราวกับรอคอยว่าคนฟังจะมีท่าทีอะไรหรือไม่ จะรู้บ้างไหมว่าเขากำลังพูดถึงเจ้าตัว แต่พิทักษ์ไม่พูดอะไร ราวกับกำลังตั้งใจขับรถและตั้งใจฟังไปในคราวเดียวกัน


“ผมเคยคิดว่าถ้าผมจะชอบใครสักคน ใครคนนั้นต้องทำให้ผมอยู่กับเขาแล้วมีความสุข แต่พี่ก็เห็นว่าตอนนี้ชีวิตผมมีแต่ปัญหา ความสุขเป็นเรื่องเกินตัว เขาเองก็ไม่ใช่เทวดาจะมาสร้างความสุขให้ผมในเวลาแบบนี้ แต่...สิ่งที่เขาให้ผมคือความสงบ...”


จากที่เคยคิดว่าจะอยู่กับคนที่สามารถทำให้มีความสุขได้ เวลานี้จิณณะกลับพบว่ายามอยู่กับพิทักษ์ ไม่ใช่เรียกว่าความสุข แต่เป็นความสงบและอุ่นใจ


ทั้งๆที่พิทักษ์ไม่ได้มีอะไรวิเศษไปกว่าใคร ทั้งๆที่พิทักษ์ก็ไม่ได้มีอำนาจบารมีอะไร ยังต้องอาศัยพึ่งพาคุณเทียม แต่...เขากลับรู้สึกว่าถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆ ปัญหาที่กำลังรายล้อมอยู่ในเวลานี้ ให้อย่างไรก็เป็นเพียงสิ่งที่อยู่รอบนอก


...ยามมีพิทักษ์อยู่เคียงข้าง พื้นที่ของเขาปลอดภัย...


...ไม่เรียกว่าความสงบจะเรียกว่าอะไร...


...ไม่เรียกว่าความอุ่นใจจะเรียกว่าอะไร...


...ไม่ใช่แค่ที่พึ่งทางกาย แต่รวมถึงที่พึ่งทางใจ...


“ถ้าเพื่อนผมมาได้ยิน ทุกคนต้องคิดว่าผมไม่ใช่จิณณะคนเดิมแน่ๆ ไอ้จิณคนก่อนหน้านี้มันรู้จักความสงบซะที่ไหน” จิณณะหยอกตนเอง เขาเองก็ไม่คิดว่าวันนี้จะมาพูดเรื่องความสงบในขณะที่ชีวิตกำลังปั่นป่วน ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง การที่พิทักษ์อยู่กับเขาในวันนี้ ทำให้มุมมองของเขาเปลี่ยนไป


จากที่คิดจะรักชอบคนที่สร้างความสุข สร้างความสนุกสนานให้กับชีวิต จิณณะพบว่า...แค่มีชีวิตที่สงบก็เพียงพอแล้ว


...แค่เพียงมีพิทักษ์อยู่ ชีวิตก็สงบแล้ว...


“แล้วคิดว่าจิณเป็นความสงบของเขาคนนั้นไหม” คำถามของคนที่เงียบมาพักหนึ่ง ทำเอาจิณณะชะงัก


พิทักษ์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถ เหมือนไม่ได้เป็นคนตั้งคำถามเมื่อครู่นี้ แต่ในรถมีกันแค่สองคน หากไม่ใช่พิทักษ์ถาม ก็ไม่รู้ว่าผีสางที่ไหน


“ตัวก่อปัญหาอย่างผมจะไปเป็นความสงบของใครได้ล่ะ”


พูดไปแล้วก็เหมือนด่าตัวเอง แต่แค่ความสงบในชีวิตยังต้องหาจากพิทักษ์ จิณณะก็ไม่หน้าด้านจะบอกว่าตัวเองเป็นความสงบของใครได้ลง


รถยนต์เลี้ยวเข้าจอดสนิทที่หน้าประตูรั้ว แขกที่จะมาค้างในคืนนี้เพิ่งรู้ตัวว่าพวกเขามาถึงบ้านของพิทักษ์แล้ว แต่ไม่ทันจะมองรอบกาย เสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“ถ้าเขาเป็นความสงบ ก็อย่าปล่อยเขาไป แล้วถ้าเขาไม่ได้บอกให้จิณไปจากชีวิตของเขา ก็อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นตัวปัญหาอีก...”


ปลัดหนุ่มหันกลับมามอง คราวนี้พิทักษ์ไม่ต้องมองถนนอีกแล้ว จึงหันมามองเขาเต็มสองตา และเป็นการมองเต็มสองตาที่ทำให้นิ่งงัน


“อีกอย่าง...ความสงบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าวันนี้เขายังอยู่ข้างๆจิณ พี่ว่า...เขาก็มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน”

..............................

‘…มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน’


‘…มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน’


‘…มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน’


จิณณะเพิ่งรู้เอาก็ตอนนี้ว่าคนที่ตนเองอุตส่าห์ยกให้เป็น ‘ความสงบ’ ของชีวิตในช่วงที่ปัญหารุมเร้านั้น กลายร่างเป็นคนก่อความไม่สงบในใจของเขาไปแล้ว


...แล้วคืนนี้จะนอนยังไง...


...จะนอนยังไงทั้งๆที่ใจเต้นแรงขนาดนี้...


“นอนได้ไหม...” ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของบ้าน ทำเอาคนกำลังว้าวุ่นนั่งไม่ติดสะดุ้งเฮือก เขาหันไปมองพิทักษ์ที่ยืนอยู่ที่ประตู ก่อนจะกระแอมไอเพื่อเรียกสติตัวเอง


“ได้สิพี่”


บ้านของพิทักษ์เป็นบ้านสองชั้น มีห้องนอนสองห้อง ห้องที่เขาพักเป็นห้องนอนเล็ก คาดว่าน่าจะสำหรับแขก ส่วนพิทักษ์นอนอีกห้องหนึ่ง


เจ้าของบ้านพยักหน้ารับรู้ แต่ยังยืนคาที่ประตู จิณณะผู้มีไฝที่ปากก็กลายเป็นคนหัวสมองตีบตันคิดเรื่องพูดไม่ออก


“เอ่อ...พ...พรุ่งนี้ ต้องออกกี่โมง”


“เจ็ดโมงก็ทัน รถไม่ติดหรอก” แล้วทั้งห้องก็เงียบลงอีก คราวนี้คนที่ยืนอยู่หน้าประตู หมุนตัวจะเดินจากไป แต่เสียงของจิณณะดังขึ้น


“พี่ทิศ”


เจ้าของชื่อหันกลับมามอง คนเรียกขบริมฝีปากตัวเอง อะไรบางอย่างในใจผลักดันให้เขาพูดออกไป


“เรื่องที่เราคุยกันในรถ พี่รู้รึเปล่าว่าผมหมายถึงใคร”


ดวงตาสองคู่สบกัน แม้เจ้าของคำถามจะไหวหวั่นกับคำตอบ แต่ก็เข้มแข็งพอที่จะรับรู้ความจริง ส่วนคนถูกถาม...ใบหน้าเรียบเฉย ทว่าในดวงตามีแววยิ้มจาง


“แล้วรู้ไหมว่าพี่หมายถึงใคร”


ปลัดหนุ่มได้แต่กะพริบตาปริบๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พิทักษ์ก้าวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ใบหน้าไม่บ่งอารมณ์ของเจ้าของบ้านเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น ทว่าดวงตาที่จับจ้องมากลับทำให้หัวใจเต้นระส่ำจนแทบจะหลุดจากอก


ทั้งๆที่ไม่มีคำพูดอะไรเลย แต่ดวงตาของพิทักษ์มองตรงไม่วอกแวกไปไหน ราวกับเฉลยคำถามของตนเองด้วยตาคู่นี้...


“ผ...ผม...เป็นผมหรือ...” ปลัดอำเภอที่เคยพูดเก่งได้แต่ครางตะกุกตะกัก


คราวนี้ไม่เพียงเห็นแววยิ้มในดวงตา แต่ริมฝีปากยกขึ้นจางๆด้วย พิทักษ์ขยับเข้าใกล้มากขึ้นอีกนิด ดูเหมือนปลัดหนุ่มจะรู้ตัว แต่พอจะขยับถอย แขนของอีกฝ่ายกลับกวาดมารั้งเอวของเขาไว้


คนถูกโอบเอวสะดุ้งเฮือก ก้มลงมองแขนที่ฉุดเอวลากเขาเข้าใกล้ ดวงตาตื่นๆมองแขนนั้นสลับกับเงยหน้ามองเจ้าของแขน


เป็นสีหน้าเหรอหรา งุนงง ทั้งมึนทั้งเบลอจนพิทักษ์อดไม่ไหว ยื่นหน้าเข้าหาแล้วกดริมฝีปากลงกับริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างแผ่วเบา


จิณณะสะดุ้งอีกรอบ สองแขนรีบยันร่างของอีกฝ่ายพร้อมกับเบี่ยงหน้าหนี แต่พิทักษ์กลับยืนมั่นคง นอกจากจะไม่สะเทือนกับแรงดันของเขาแล้ว ยังกระชับแขนรอบเอวให้เข้าแนบชิด มืออีกข้างกดด้านหลังศีรษะของจิณณะให้อยู่นิ่งรองรับรสสัมผัสที่เน้นหนักมากขึ้นทุกที


ทั้งเบียดชิด ทั้งดูดดึงและขบเม้ม ยิ่งหนีก็ยิ่งถูกตาม ยิ่งพยายามถอยก็ยิ่งถูกบดขยี้จนแทบไม่มีช่องว่าง ไม่เปิดโอกาสแม้แต่จะให้หายใจสักนิด จิณณะไม่กล้าเปิดปากประท้วง เพราะรู้ดีว่าต่อจากการถูกบดเบียดด้วยริมฝีปากคือการถูกบุกรุกด้วยปลายลิ้น ได้แต่ครางอื้ออึง ข่มตาคิ้วขมวด อึดอัดผสมวาบหวามจนมือไม้เย็นเฉียบไปหมด


จนกว่าเจ้าของบ้านจะพอใจ จึงยอมถอนริมฝีปากออก ทว่าก็แค่ถอยห่างเล็กน้อยแต่ยังโอบเอวเอาไว้เพื่อดูสีหน้าซีดขาวที่กลายเป็นแดงก่ำ ริมฝีปากที่มีไฝเม็ดเล็กบวมช้ำและแดงเจ่อ สายตาเลื่อนลอยเหมือนยังตกอยู่ในภวังค์


...น่าจูบซ้ำอีกสักที...


ทว่าพอเขาจะยื่นหน้าเข้าหา มือที่ดันอกเขาอยู่ในตอนแรกก็ถูกยกขึ้นมาตะปบหน้า


“เดี๋ยวๆ พี่จูบซ้ำไม่ได้ ขอผมตั้งสติก่อนสิ!”


พิทักษ์ดึงมือออก


“เราใจตรงกัน”


“ก...ก็ใช่ แต่ผมไม่เคยจูบกับผู้ชาย!” เวลานี้เหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลก็ถูกยกขึ้นมาบังหน้าแล้ว จิณณะขอเวลาตั้งสติ ตั้งตัวสักหนึ่งหรือสองนาทีก็ยังดี จู่ๆให้รับรู้ว่าตัวเองสมหวังปุ๊บแล้วถูกจูบปั๊บ มันก็ปรับตัวปรับใจไม่ทันไปหน่อย


“พี่ก็ไม่เคย จิณเคยบอกว่าวินวิน...”


“ผมเคยบอกตอน...ไห...น...” พอจะย้อนถาม ภาพที่ตนเองเคยไปขอร้องให้พิทักษ์มาช่วยเหลือเป็นแฟนกำมะลอก็ย้อนกลับเข้ามาในสมอง ยามนั้นเขาอ้างเหตุผลให้กับการที่ทั้งเขาและพิทักษ์ต่างเป็นชายที่ไม่เคยมีคนรักเป็นชายมาก่อน ว่าเป็นเรื่อง ‘วินวิน’ คือได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย มาวันนี้ พิทักษ์ก็เลยยกคำนี้มาใช้ย้อนเขาแทน


“นึกออกแล้วใช่ไหม คราวนี้พี่จูบซ้ำได้หรือยัง...”


จิณณะตาค้าง ไม่ทันตอบอะไรก็ถูกจูบซ้ำอีกครั้งไปแล้ว...

…………………………

มีคนพูดกันว่าอย่าปลุกเสือหลับ


พิทักษ์คือเสือหลับที่แท้จริง เพราะหลังจาก ‘จูบซ้ำ’ ก็มี ‘จูบซ้ำๆ’ ตามมาอีก 2 ครั้ง กว่าจะยอมปล่อย ปลัดหนุ่มก็แข้งขาอ่อนยวบ ตอนแรกที่ใจว้าวุ่นจนนั่งไม่ติด พอถูกจูบติดๆกัน 4 ครั้งเลยได้แต่นั่งแปะบนเตียง ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆในคอของเสือหลับที่ถูกปลุก


“พี่กลับห้องไปเลย” แม้ไร้เรี่ยวแรงจะยืน แต่ปากยังใช้ได้อยู่ แถมดวงตายามตวัดมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็วาวโรจน์เหมือนเคืองขุ่น ทั้งๆที่เมื่อครู่คล้อยตามกับรสสัมผัสไปไม่น้อย


ตรงข้ามกับพิทักษ์ ดวงตาที่ทอดมองมายังคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงนั้นทั้งขันทั้งเอ็นดู เขาวางมือลงบนศีรษะของจิณณะ แน่นอนว่าทำเอาอีกฝ่ายก็ถึงกับสะดุ้ง แต่เมื่อเขาลูบเบาๆ ก็ดูเหมือนจิณณะจะนิ่งลง


เขาวางมืออยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่งก่อนผละออก


“กู้ดไนท์” เจ้าของบ้านเอ่ยเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังประตูห้อง แต่ไม่ทันเปิดประตู เสียงของคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงก็ดังขึ้น


“ผมเป็นความสงบของพี่จริงๆหรือ”


เป็นคำถามที่พิทักษ์ไม่คิดว่าจะถูกถาม แม้แต่เจ้าของคำถามเองก็ดูไม่แน่ใจกับคำถามของตนเองด้วยซ้ำ


เจ้าของบ้านหันกลับมามอง ดวงตาคู่นั้นทำให้หัวใจของจิณณะสั่นสะท้าน ได้ยินเสียงตอบสั้นแต่หนักแน่น


“อืม”

……………………………..

 “ไอ้จิณ! ไอ้จิณ!”


จิณณะสะดุ้งโหยง ตาเหลือกมองรอบตัวแล้วก็พบว่าตนเองนั่งอยู่ในที่ว่าการ เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน วรชิตเพื่อนปลัดฝ่ายป้องกัน


“ให้มันน้อยๆหน่อยนะมึง ไปค้างบ้านคุณพิทักษ์คืนเดียว มาวันนี้นั่งเหม่อในเวลาราชการ” วรชิตหยอก ทำเอาคนนั่งเหม่อในเวลาราชการได้แต่กลืนน้ำลายหลายๆอึก จะปฏิเสธว่าไปค้างอย่างเดียวไม่มีอะไรอย่างที่เพื่อนคิด ก็พูดไม่ออก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะเรียกว่าไปค้างอย่างเดียวไม่ได้


ต้องบอกว่า... ‘เราใจตรงกันแล้ว’


แล้วก็...โดน ‘จูบซ้ำ’ ไปหลายทีแล้ว


จิณณะไม่ใช่ชายหนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่อง จูบแรกนั้นผ่านมานานมากแล้ว แถม ‘จูบซ้ำ’ แบบเมื่อคืนก็เคยออกบ่อย แต่...หากจะบอกว่าจูบเมื่อคืนมันติดอยู่ในใจก็ไม่ผิด


“เฮ้ย! เหม่ออี๊ก!” เสียงของวรชิตดังขึ้นอีกครั้งตามด้วยเสียงหัวเราะ ดึงสติจิณณะออกมาจากเรื่องเมื่อคืนที่เขาคิดซ้ำซาก ไม่รู้ว่าอะไรติดอยู่ในใจมากกว่ากัน ระหว่างจูบซ้ำๆของพิทักษ์กับเสียงตอบคำว่า ‘อืม’ เมื่อเขาถามว่าตนเองเป็นความสงบของพิทักษ์จริงหรือ


 แล้วพอคิดถึงเรื่องเมื่อคืน...ใจก็ไม่สงบอีกแล้ว


“ไม่ไหวจริงๆแล้วมึงนี่ คุณพิทักษ์ครับ มาพาไอ้จิณไปปรับทัศนคติเถอะ” ชื่อของพิทักษ์ที่หลุดออกมาจากปากของเพื่อนทำเอาจิณณะหันมองซ้ายขวา มารู้ตัวว่าพิทักษ์จะมาอยู่ที่ที่ว่าการในเวลาทำงานอย่างนี้ได้อย่างไรก็เมื่อตอนที่หูได้ยินเสียงหัวเราะอีกรอบ


“สงสัยเรื่องเมื่อคืนจะดีมาก พูดถึงคุณพิทักษ์นิดเดียว มองหาซะคอแทบเคล็ด” ปฏิเสธไม่ได้เพราะความจริงเป็นอย่างที่วรชิตว่า จิณณะเลยตีสีหน้าหงุดหงิดกลบเกลื่อน


“ถ้ามึงไม่มีอะไรทำก็กลับไปทำงาน!”


“งานกูคือพี่จรให้มาเรียกมึงไปหา” พี่จรที่ว่าคือกำจรผู้เป็นนายอำเภอ จิณณะเหลือบมองไปยังห้องทำงานของหัวหน้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเคาะประตูแล้วจึงเปิดเข้าไป


กำจรนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พอเห็นเขาเข้าพบ ก็วางแฟ้มในมือลงทันที


“จิณ พี่มีเรื่องจะวานหน่อย”


จิณณะยืนรอฟังคำไหว้วานอย่างสงบ


“เสาร์นี้คุณไพศาลมีงานเลี้ยง เขาเชิญพี่แต่พี่ไปไม่ได้ เห็นคุณไพศาลว่าจิณรู้จักกับเขา ถ้ายังไงไปแทนพี่หน่อยได้ไหม” ความสงบของจิณณะพังครืน ตาเหลือกโตอ้าปากค้าง


“หะ?!”


“ถ้าคนของที่ว่าการไม่มีใครไปเลยก็น่าเกลียด จิณก็รู้ว่าคุณไพศาลบริจาคแอร์ตัวข้างล่างให้เรา”


ที่ว่าการเป็นอาคารเก่า เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนผูกติดมากับตัวอาคาร รวมถึงเครื่องปรับอากาศที่ชั้นล่างด้วย ฤดูร้อนปีก่อน เครื่องปรับอากาศทำได้แค่เป่าลมออกมาโดยปราศจากความเย็น นายไพศาลเลยบริจาคเครื่องปรับอากาศชุดใหญ่ แน่นอนว่าลงบัญชีของบริจาคเรียบร้อยตามหลักการ แต่เหนือหลักการคือซื้อใจนายอำเภอไปด้วย


“แล้วทำไมเป็นผมล่ะ” ปลัดอำเภอในที่ว่าการมีอีกหลายคน จิณณะไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะถูกกำจรมองเป็นตัวเลือกแรกในการไปร่วมงานเลี้ยงพรรค์นี้


“ก็คุณไพศาลบอกว่าแกรู้จักกับจิณ เอาหน่า ไปให้พี่หน่อย คุณพิทักษ์ก็น่าจะไปไม่ใช่หรือ” ทั้งๆที่ใจอยากปฏิเสธ เพราะตกลงกับพิทักษ์และคุณเทียมเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยงของนายไพศาล แต่ดูเหมือนรายนั้นจะรู้ถึงได้เข้าทางหัวหน้าของเขาอย่างนี้


แล้วแบบนี้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เสียด้วย


จิณณะออกจากห้องทำงานของนายอำเภอ ถอนฉุนทีหนึ่งก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือเดินออกไปข้างนอก กดยุกยิกแล้วรอปลายสายแค่อึดใจเดียว ก็กรอกเสียงลงทันทีที่อีกฝ่ายรับ


“พี่ทิศ เกิดเรื่องแล้ว”


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ไม่ได้ตั้งใจที่ตอนนี้จะลงวันวาเลนไทน์เลยค่ะ มันพอดีจริงๆ สมกับความเป็นกิ่งทองใบหยกของพี่ทิศและปลัดจิณ ฮ่าฮ่า 

คราวนี้เรื่องเกิดไม่ใช่เพราะปลัดแล้ว แต่เรื่องเกิดปุ๊บ ก็โทร.ฟ้องพี่ทิศปั๊บ พี่ทิศต้องดีใจนะคะที่เป็นที่พึ่งให้ปลัดได้ขนาดนี้

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจเหมือนเคย ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2019 19:28:18 โดย Dezair »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ gingivalis

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ย... ฟินนนนน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
กร๊าวใจมากตอนที่เค้าบอกว่าใจตรงกันเนี่ย

ออฟไลน์ Naeon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
พี่ทิศ!!!! ขึ้นอันดับหนึ่งพระเอกในดวงใจเลย  :mew1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
โอ๊ยยยยย ฉันเขินนนน พี่ทิศเฉลยคำตอบเร็วไป๊ อยากเห็นน้องลังเลไปอีกสักตอนสองตอน แบบว่าเข้าใจว่าตัวเองแอบรักข้างเดียวอยู่ ไรงี้  :o8:

ออฟไลน์ psyfer

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อุ๊ยตัย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ทำไมเขิล..ลลลลลลลลลล    :m3: :m3: :m3:

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 พี่ทิศน่าร้ากกกกกกกก ใจตรงกันสักที ดีที่สองคนนี้ไม่ใช่คนปากแข็ง ยอมรับกันง่ายๆ นึกว่าจะต้องรอไปอีก 2-3ตอน ดีใจจจจจจ

ส่วนนายไพศาล!!!!!! ชุ้นจะฟาดดดด อย่ามายุ่งกับปลัด

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
"เขาก็มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน".....ประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก
พอใจตรงกับปุ๊บก็สปาร์คกันปั๊บ สมกับเป็นคนหนุ่มจริง ๆ
ขอบคุณสำหรับความหวานในวันแห่งความรักนะคะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
มีสารภาพรักกันเล็ก ๆ ว่าแต่คุณไพศาลนี่ยังไง ขนาดโดนเตือนก็ยังไม่มีเกรงกลัว
ทำไมถึงต้องการฆ่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขนาดนั้น

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
ถึงขั้นโทรศัพท์หลุดมือ เขินแทนจนมือไม้อ่อน
พี่ทิศวิทยายุทธล้ำมาก จูบซ้ำๆๆๆๆ โคตรฟิน

ชอบค่ะ น่ารักทั้งคู่เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด