...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 304995 ครั้ง)

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
เข้าใจจิณเลย คนที่ำอะไรก็ดูผิดดูนอกคอกจากทุกคนไปหมด เป็นกำลังใจให้จิณและพี่ทิศให้ผ่านทุกอย่างไปได้

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
สงสารจิน ดื้อนะ แต่ก็อยากจะดูแลทุกคน ห่วงไปหมด


Sent from my iPad using Tapatalk

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
สงสารจิน ยังดีที่มีพี่ทิศเคียงข้าง
พระเอกของคุณบัวมาแบบอบอุ่นใจละลายอีกแล้ว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
จิณมีทิศคอยปกป้อง และดูแล คุงย่าคงต้องยอมลดความห่วงลงได้แล้วนาจา ท่านเสรี เป็นผู้สั่งการใญ่ซิเนอะ

ออฟไลน์ mahmeow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
เรื่องนี้สนุกมาก เป็นคู่ที่น่ารักอะ

คุณพี่ทิศยังคงท๊อปฟอร์ม มาพังตรงคนที่พาไปด้วยนี้แหละ 555+

สงสารจิณ ถ้าเรียกพบวันอื่นน่าจะดีกว่านี้มาก  >.<

ออฟไลน์ fxxg0430

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สงสารน้องงง

ออฟไลน์ R.michi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ดีใจสุดๆที่เห็นชื่อคนเเต่ง และตอนนี้ก็อารมณ์ค้างสุดๆจนคิดว่าต้องขุดน้องจันทร์เจ้า น้องของขวัญขึ้นมาอ่านอีกสักรอบสองรอบ
ไม่รู้ว่าคนอื่รจิ้นเป็นใคร เเต่สำหรับเราเราเอาหน้าเจมส์จิมาใส่ทุกเรื่องเลยจ้ะ มันได้ :hao6:

ออฟไลน์ kanika_Pun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :L2:
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ชอบมากๆ ยอมรับว่าอ่านตอนแรกนึกว่าปลัดจิณเป็นพระเอกซะอีก
แต่พอเจอพี่ทิศในโหมดทำแผลให้น้องแล้วก้อเปลี่ยนความคิดทันที 555
ชอบผลงานของคุณบัวนะคะ อ่านมาตั้งแต่เรื่องแรกๆ  จนถึงเรื่องนี้

ระหว่างรอคุณบัวมาอัพก้อจะตามไปเก็บเรื่องอื่นๆที่จบแล้วก่อน ฟินทุกเรื่องเลยค่ะ

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เหนื่อยไปกับจิณเลย เราเข้าใจเลย เวลาเหนื่อยมากๆหมดพลังกับทุกอย่าง แต่พอกลับบ้านดันเจอคำพูดร้ายๆใส่แบบนี้มันยิ่งบั่นทอนพลังชีวิตลงไปอีก กอดๆนะคุณปลัด :กอด1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
มารอปลัดที่หน้าอำเภอแล้วจ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nemonoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
มารอวันพฤหัส>< ปลัดจะมาหรือยังหน้อออ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
วันนี้วันพฤหัสฯ มานั่งรอปลัดที่ท่าน้ำแล้วจ้าาาาา  :mew1:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เลามารอปลัดที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :mew3: มารอนะจ๊า​

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 10


ดวงตาเหี่ยวย่นของหญิงชราผู้เป็นใหญ่ที่สุดในตระกูลวงศ์กีรติทอดมองออกไปนอกหน้าต่างของคฤหาสน์ตระหง่าน


ห้องทำงานของหล่อนห้องนี้ มีตู้สูงจรดเพดานสำหรับเก็บเอกสารสำคัญของบริษัทต่างๆในเครือ มีโต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พร้อมใช้เพื่อธุรกิจทุกเมื่อ นอกจากนั้นยังมีระเบียงที่ผินหน้าออกสู่ถนนใหญ่และมีหน้าต่างด้านหลังที่มองเห็นคฤหาสน์อีกสามหลังซึ่งเป็นของลูกทั้งสามคน


แม้จะปลดเกษียณ แต่หล่อนก็ยังจับจ้องทุกสิ่งอย่าง ทั้งในตระกูลวงศ์กีรติและในธุรกิจที่สร้างมากับมือ


ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างขึ้นมา วันนี้เป็นปึกแผ่น ผู้คนนับหน้าถือตา เงินทองงอกเงยเกิดแล้วตายอีกกี่ภพพี่ชาติก็ใช้ไม่หมด แต่...มีใครคนหนึ่ง...ต้องการเดินจากไป


ทั้งๆที่คิดว่าตนเองผ่านโลกมามาก พบเห็นการจากลาไม่รู้กี่หน แต่การลาครั้งนี้ของหลานชายที่หล่อนตราหน้าว่าเป็นหลานนอกคอก กลับทำให้เจ็บยอกไปทั้งอก


เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ เรียกสติหญิงชราให้กลับมา คุณกอบกุลกะพริบตาถี่ๆ เพียงอึดใจเดียว หยาดน้ำที่คลอหน่วยก็หายวับ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว


“เข้ามา”


บานประตูถูกเปิดออก ทีแรก หล่อนคิดว่าเป็นเลขานุการส่วนตัว เนื่องจากอารมณ์ในเวลานี้ ลูกหลานคนไหนก็คงไม่อยากเข้าใกล้เพราะกลัวจะโดนหางเลข ในขณะที่นาตยาผู้เป็นเลขาฯที่อยู่ใกล้ชิดมาหลายสิบปี ให้อย่างไรก็ต้องเข้ามาดูดำดูดีหล่อนที่เป็นเจ้านาย


ทว่า...ผิดคาด


คนที่เปิดประตูเข้ามาคือหลานชาย วูบหนึ่งคุณกอบกุลเห็นเป็นภาพซ้อนเป็นใบหน้าของจิณณะ แต่เพียงพริบตาต่อมา ใบหน้าของหลานชายผู้มีเชื้อสายจีนครึ่งหนึ่งก็ทำให้หล่อนตั้งสติได้


จิณณะจะเข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อเขาเพิ่งออกปากว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก


“ผมยกผลไม้มาให้” ชเยนตร์เอ่ย พลางยิ้มจาง แล้วถือถาดผลไม้และน้ำชามาวางลงบนโต๊ะตรงหน้า


ในบรรดาหลานทั้งหมด ชเยนตร์มีเค้าหน้า รูปตาไม่เหมือนญาติพี่น้องฝั่งนี้กว่าใคร เขาน่าจะเป็นคนที่คุณกอบกุลเอ็นดูน้อยที่สุด แต่เพราะฉลาดและรู้จักสถานการณ์ หญิงชราก็อดไม่ได้ที่จะรักเขา แม้ว่าชายหนุ่มจะเป็นหลานยาย และหน้าตาคล้ายทางพ่อมากกว่าแม่ก็ตามที


ไม่เหมือน...หลานอีกคน...


จิณณะหน้าตาคล้ายสามีของคุณกอบกุลที่จากไป แต่อุปนิสัยของเขาช่าง...


คิดถึงหลานนอกคอกที่บัดนี้ก้าวเท้าออกไปแล้วและลั่นวาจาจะไม่กลับมาอีก หญิงชราก็ได้แต่เม้มปากแน่นสะกดกลั้นอารมณ์


ชเยนตร์เห็นสีหน้าของคุณกอบกุลแล้วก็นึกสงสาร แม้หล่อนจะเป็นคนแก่หัวแข็ง บ้าอำนาจ แต่เวลานี้ เมื่อหลานชายคนหนึ่งเอ่ยปากว่าจะออกจากที่นี่ สีหน้าของหล่อนกลับเต็มไปด้วยความทุกข์เศร้าและสะท้อนใจ


เขานั่งลงเคียงข้าง ลูบมือของผู้เป็นยายแผ่วเบา แม้จะฉลาดรู้จักพูด แต่ก็รู้ว่าเวลานี้ไม่ควรพูดอะไรเลย คุณกอบกุลเป็นคนผูกใจเจ็บ แม้กระทั่งกับลูกหลานตัวเองก็ตามที


“ถ้าจะมาบอกให้ยายใจเย็น หรือเห็นใจ ไม่ต้องพูด”


ชเยนตร์หัวเราะเบาๆ ทำเอาคนเป็นยายตวัดสายตาไปมอง หากเป็นคนอื่นหัวเราะในยามที่หล่อนกำลังโมโห คงยิ่งกระพือไฟในใจ แต่ในเมื่อคนหัวเราะคือหลานชาย ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังเห็นเขาเป็นเด็กตัวน้อยๆ แม้จะอยากโกรธ แต่ก็โกรธไม่ลง


“หัวเราะอะไร” แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ดุเขาเสียงแข็ง ทว่าชเยนตร์ยังยิ้ม


“ขอโทษครับคุณยาย ผมแค่...รู้สึกว่าคุณยายรู้ทันผมมาตลอด แต่คราวนี้...คุณยายไม่ทันผมแล้วนะ ผมไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนั้นตอนนี้หรอกครับ”


คุณกอบกุลค้อนขวับ แล้วสวนทันควัน “แสดงว่าจะเอาไว้พูดตอนอื่นน่ะสิ!”


ชายหนุ่มเชื้อสายจีนพยักหน้าทั้งๆที่ยังยิ้มจาง


“จิณเป็นน้องของผม ถ้าวันหนึ่งเขาจะไปจากการเป็นน้องของผม ผมก็ต้องรู้ว่าเขาจะไปไหนและจะไปทำไม” พอพูดถึงชื่อหลานนอกคอก หญิงชราก็นึกชังจนทำเสียงดังหึในคอ


“แล้วมันคิดว่ามันเป็นน้องของชุนรึ?! ที่มันทำอยู่นี่ไม่เห็นมันจะเห็นหัวใครสักคนในบ้านนี้!!”


“นิสัยของจิณไม่ใช่แบบนั้น” ชเยนตร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตามประสาคนช่างประนีประนอม ทำเอาคนฟังที่กำลังฉุนถึงกับชะงักไปอีกครั้ง


“แต่ถ้าเขาเปลี่ยนไปแบบนั้น ผมว่าคุณพิทักษ์คงทำของใส่แล้วล่ะครับ”


“มันน่ะสิ! ทำของใส่คนอื่น!”


“ก็อาจใช่ ผมรู้สึกว่าจู่ๆคุณพิทักษ์ก็เข้ามาในชีวิตของจิณ หรือจิณไปทำของใส่เขาแล้วลากเขาเข้ามา...”


“สองคนนั่นรวมหัวกันหลอกพวกเรา!” เรื่องนี้คุณกอบกุลมองออกแต่แรก แต่ให้อย่างไรก็เค้นคอคนนิ่งเฉยอย่างพิทักษ์ไม่ได้


“เพื่ออะไรล่ะครับ เพื่อไม่ให้คุณยายบังคับจิณแต่งงานหรือ...” ชเยนตร์เปรยตามที่เขาสอบถามจากจารีตมา รายนั้นบอกว่ารู้แค่ว่าจู่ๆจิณณะก็พาพิทักษ์มาเปิดตัวในเวลาที่คุณกอบกุลต้องการให้จิณณะแต่งงาน


ช่วงเวลาพอเหมาะพอเจาะก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่อง...ทำไมต้องเป็นพิทักษ์


“นอกจากเรื่องที่ว่าสองคนนั่นเป็นแฟนกันจริงไหม ผมสงสัยว่าทำไมแฟนของจิณถึงเป็นคนนี้ เท่าที่ผมได้ยินมาคือคุณพิทักษ์เป็นลูกเลี้ยงของน้องสาวของน้ายา แล้วก็เป็นหลานของคุณเทียมด้วย คุณเทียมคนนี้เป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดที่จิณทำงานอยู่ โลกกลมมากนะครับ...”


คำว่า ‘โลกกลม’ ราวกับดึงสติคุณกอบกุลขึ้นมาจากไฟโมโห หล่อนหันมองหลานชายที่นั่งอยู่เคียงข้าง


“ชุนหมายความว่าจิณคิดจะใช้อิทธิพลคุณเทียมอย่างนั้นหรือ” พอถามออกไปแล้ว หญิงชราก็ส่ายหน้า


“คนอย่างมันหัวแข็ง ถือว่าตัวเองเป็นข้าราชการ ต้องมีช่องว่างกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น อีกอย่างคุณพิทักษ์เองก็ไม่ได้โง่ จู่ๆจะมาใช้เขาเป็นสะพานไปถึงคุณเทียม เขาไม่มีทางยอม”


“เว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลอื่นๆ...” ชเยนตร์เอ่ย


คิดถึงความน่าจะเป็น หากไม่มีเหตุผลใด ก็คงเป็นเพราะความหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมให้คนอื่นมาใช้อำนาจเส้นสายคนในครอบครัว แล้วคนอย่างพิทักษ์ ดูแล้วก็ไม่น่าใช่คนลุ่มหลงมัวเมา ที่สำคัญคือคนอย่างจิณณะก็ไม่น่าทำให้พิทักษ์หลงหัวปักหัวปำถึงขั้นนั้นได้ด้วย


หญิงชรานิ่งเงียบ เวลานี้แม้ไฟในใจจะยังไม่มอด แต่สติและปัญญาถอยห่างจากไฟกองนั้น หล่อนเริ่มหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น


ถึงจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันก็จริง แต่จิณณะไม่ใช่คนแกว่งเท้าหาเสี้ยน ทว่าจู่ๆเขากลับหาเรื่องใส่ตัว มางานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของหล่อนในชุดข้าราชการ ทั้งที่ใครๆในครอบครัววงศ์กีรติต่างก็รู้ดีว่าหล่อนจะต้องไม่พอใจ


ดูเหมือนเขาไม่ใช่คนอินังขังขอบกับอะไร แต่เขาก็รู้หลบรู้หลีก เขารู้ว่าหล่อนไม่ชอบหน้า เขารู้ว่าหล่อนไม่ชอบเครื่องแบบของเขา นับตั้งแต่เขารับราชการ หากไม่ใช่เพราะบังเอิญ หรือสายตาของหล่อนเหลือบไปเห็น ก็แทบจะไม่เคยพบหน้าเขายามใส่ชุดสีกากีเลยสักครั้ง


แต่คืนนั้น ในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของหล่อน...เขามากรุงเทพฯกะทันหัน เขามาร่วมงานเลี้ยงทั้งๆที่ไม่เคยมาร่วมหลายปีแล้ว และ...เขามาทั้งชุดข้าราชการ


จากนั้นวันต่อมา...ก็มีข่าวใหญ่...


ชาวบ้านคนหนึ่งถูกยิงตายคาบ้าน และชาวบ้านคนนั้นเป็นคนในอำเภอที่จิณณะทำงานอยู่


คุณกอบกุลใจหายวาบ ทั้งๆที่ไม่เคยคิดถึงความเชื่อมโยงระหว่างสองเรื่องนี้ แต่เมื่อตระหนักถึงความแปลกประหลาดของหลานชายนอกคอกที่จู่ๆก็หาเรื่องมากวนประสาทหล่อนถึงในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิด แล้วลำดับเรียบเรียงเหตุการณ์ หล่อนกลับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล


“ชุนออกไปก่อน แล้วไปตามนาตยามาหายายที”


ชเยนตร์ไม่รู้ว่าหญิงชราคิดอะไร แต่สีหน้าของหล่อนในเวลานี้ไม่ได้เต็มไปด้วยความโกรธอีกแล้ว ทว่ากลับเคร่งเครียดและกังวล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ซักไซ้ ได้แต่รับคำแล้วลุกขึ้นออกจากห้องไป


อึดใจเดียว เลขานุการของคุณกอบกุลก็เข้ามาในห้องทำงานเพียงลำพัง เมื่อหล่อนเดินเข้ามาใกล้ เสียงของหญิงผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์วงศ์กีรติก็ดังขึ้นเบาๆ


“หานักสืบที่มือดีที่สุดให้ฉันที...” คุณกอบกุลนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ความกังวลทำให้หล่อนร้อนใจ หากสองเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกันกลับเชื่อมโยงกันขึ้นมาจริงๆ หล่อนก็ยิ่งไม่ควรชักช้า


“...แล้วหาทางติดต่อคุณเทียม ฉันต้องการพบเขา เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!”

………………………

ในโลกแห่งผลประโยชน์มีฝุ่นฟุ้งตลบจากการ ‘วิ่งเต้น’ ของผู้คน


บ้างวิ่งเพื่อแสวงหาประโยชน์เข้าตัว บ้างวิ่งเพื่อเชื่อมประโยชน์เข้าหากัน บ้างวิ่งเพื่อสร้างเครือข่าย นักวิ่งมือฉกาจ ไม่ใช่แค่วิ่งเก่ง แต่ต้องรู้ทิศที่จะวิ่ง และที่สำคัญต้องหูไวตาไว


ไพศาลอยู่ในวงการนี้เต็มตัว เพราะบ่อเงินบ่อทองของตนเองมาจากธุรกิจผิดกฎหมายทั้งสีเทาและสีดำ รายได้ดีความเสี่ยงย่อมสูง ยิ่งความเสี่ยงสูง ก็ยิ่งต้องหาฐานที่แข็งแรงให้เหยียบยืน โชคดี ‘ท่าน’ ของเขามีทั้งอำนาจและบารมี แต่จะโชคไม่ดีก็เพราะใครบางคนที่ไม่น่าจะเป็นเสี้ยนหนาม กลายร่างเป็นเสี้ยนแล้วทิ่มแทงทำให้แผลกลัดหนอง ทั้งเจ็บทั้งปวดจนต้องนิ่วหน้า


ปลัดอำเภอ...ดูไม่มีเขี้ยวเล็บอะไร หากเป็นคนอื่น ให้อย่างไรก็ไม่มีพิษสง แต่ไม่ใช่ปลัดอำเภออย่างจิณณะ


ลูกหลานครอบครัวนักธุรกิจที่ร่ำรวย แถมยังเป็น...คนของหลานคุณเทียมอีก


ไพศาลพ่นลมหายใจแรงอย่างหงุดหงิด


หากจะนับถึงต้นเหตุที่แท้จริงก็คือชาวบ้านอย่างทองสุก เป็นสายให้ทั้งทางการและทางเขา บางครั้งก็นำความลับทางการมาบอกเขา บางครั้งก็นำความลับของเขาไปบอกทางการ เรื่องนี้ไพศาลเข้าใจดี ธุรกิจประเภทนี้อาศัยความอะลุ้มอะล่วย ปิดหูปิดตา และการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ถึงจะไปรอด


แต่...จู่ๆวันหนึ่งทองสุกก็รู้ลึกกว่าที่ควรจะรู้


ไพศาลเสนอเงินให้ก้อนหนึ่งแลกกับการเก็บเป็นความลับ แต่ทองสุกกลับไม่รับเงินแต่รับปากว่าจะไม่พูด แน่นอน...มันดูไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ในเมื่อชาวบ้านอย่างทองสุกเป็นสายให้สองฝั่ง วันดีคืนดี นกสองหัวอาจลุกขึ้นมาเปิดโปง ไม่เพียงแต่ธุรกิจสีเทาจะสะเทือน แต่ธุรกิจสีดำของเขาก็คงกระซ่านกระเซ็น


เมื่อ ‘สาย’ ไม่น่าวางใจอีกต่อไป วาระสุดท้ายของทองสุกถึงได้ถูกกำหนดขึ้น


แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่รู้ คือวันนั้นไม่ได้มีแค่ทองสุกที่อยู่ในบ้านเพียงลำพัง แต่มีคนอื่นอยู่ด้วย!


กว่าจะรู้ว่ามีคนอื่นอยู่ที่นั่นในคืนนั้น ก็ตอนที่ทองสุกหนีตายตะโกนดังลั่น


‘แยกกัน ปลัด’ คือคำพูดที่ลูกน้องคนหนึ่งของไพศาลได้ยินตอนไล่ต้อนทองสุกเข้าไปจนมุมในบ้าน ก่อนลมหายใจสุดท้ายจะปลิดปลิว ชาวบ้านธรรมดาแต่รู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ก็ยังฝากข้อความกลับมาบอกเพื่อกรีดแผลลึกลงไปในใจไพศาล


‘กูบอกคนอื่นแล้ว...’


เรื่องที่ไม่ควรรู้ แต่กลับมีคนล่วงรู้มากกว่าคนที่กำลังจะตายทำให้ไพศาลแทบดิ้นพล่าน สั่งลูกน้องควานหาตัว ‘ปลัด’ ที่อยู่กับทองสุกในคืนนั้นทันที!


ตอนแรก เขาคิดว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์คือปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน ซึ่งทองสุกทำงานให้ แต่เมื่อส่งคนออกตามสืบ กลับพบว่าคนที่สนิทสนมกับครอบครัวทองสุกมีอีกคน คือปลัดอำเภอที่ชื่อจิณณะ!


เรื่องที่คิดว่าจะง่าย ก็เลยไม่ง่าย ในเมื่อมีคนที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ กลับกลายเป็นพยานในที่เกิดเหตุ แถมยังอาจเป็นคนที่ล่วงรู้เรื่องธุรกิจสีดำของเขาด้วย


แล้วคนที่มีทั้งเส้นสายและเงินทองอย่างจิณณะ มันน่าเข้าไปยุ่งที่ไหนกัน!


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไพศาลคว้ามากดรับสายอย่างหงุดหงิด ทว่าไม่ทันได้กรอกเสียงลงไป ปลายสายก็อธิบายอย่างเร่งร้อน เนื้อความที่มากับสัญญาณโทรศัพท์ทำให้เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


“ย่าของไอ้ปลัดนั่นไปพบไอ้เทียม?!!”


นางเสือแก่กับเสือเฒ่าไปพบกันในยามนี้ ย่อมไม่ใช่เพื่อฟาดฟันห้ำหั่น ไพศาลเหมือนเห็นเส้นทางวิบัติฉิบหายที่พุ่งตรงมาหาตนเองหากทั้งสองร่วมมือกันทำอะไรสักอย่างเพื่อจิณณะ


ก่อนที่เส้นทางนั้นจะมาถึง เขาต้องชิงลงมือก่อน


กำปั้นอูมทุบโต๊ะดังปั่ก!


ในเมื่อปลัดอำเภออย่างจิณณะมีทั้งเขี้ยวเล็บและพิษสง มันก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป!!

........................

เดิมที ที่พิทักษ์ให้จิณณะมาค้างกับเขาก็เพราะต้องการให้ไพศาลเกรงอิทธิพลของคุณเทียมบ้าง และไม่ให้จิณณะกลายเป็นเป้าเดี่ยวที่ลงมือได้ง่าย แต่เมื่อเกิดเหตุที่คฤหาสน์วงศ์กีรติ จิณณะกลายเป็นคนนิ่งขรึมลงทุกวันๆ ดูก็รู้ว่าแม้จะเป็นคนตัดสินใจขอออกจากตระกูลเอง แต่ก็คิดมากอยู่ดี พิทักษ์ทั้งหวั่นใจและเป็นห่วง ไม่อยากปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง จึงกึ่งบังคับกึ่งชักจูงให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันไปโดยปริยาย


เจ้าของบ้านเคาะประตูห้องนอนเล็ก ก่อนหน้านี้ ห้องนอนนี้มีไว้สำหรับเขาย้ายมานอน ยามบิดาและมารดาเลี้ยงแวะมาเยี่ยมและค้างที่นี่ แต่บัดนี้ ห้องนี้ตกเป็นของใครบางคนที่เขากึ่งลากกึ่งจูงให้มาค้าง


ไม่มีเสียงตอบจากภายในห้อง ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป เขากวาดตามองไปรอบๆ ก็พบเพียงความว่างเปล่า แต่ประตูระเบียงเปิดอยู่ จึงเดินออกไปดู


แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่ที่ระเบียงก็สว่างไสวเพราะแสงจากหลอดไฟ จิณณะยืนโน้มตัวค้ำกับราวระเบียง ทอดสายตามองไกล แม้บ้านหลังนี้จะอยู่ในละแวกชานเมือง เป็นรอยต่อระหว่างกรุงเทพกับจังหวัดข้างเคียง แต่ก็เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ บ้านแต่ละหลังมีพื้นที่กว้างขวาง และมีระยะห่างจึงเป็นส่วนตัวและสงบ


เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพิทักษ์ยืนอยู่ด้านหลัง จนกระทั่งเขาต้องส่งเสียงเรียก


“จิณ...” ปลัดหนุ่มหันกลับมามอง วูบแรกในดวงตาคู่นั้นหม่นหมอง แต่วินาทีต่อมา รอยหม่นก็จางลงเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มจางผุดขึ้นเบาบาง


เหมือนจะดีที่อย่างน้อยจิณณะยังยิ้มได้ แต่เมื่อต่างคนต่างรู้แก่ใจว่าเป็นรอยยิ้มที่ฝืนสร้างในวันที่ปัญหารุมเร้าและเลือกที่จะสละคนสำคัญบางส่วนออกไปจากชีวิต ใจ...ก็เจ็บหน่วงขึ้นมา


ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่ง ทำให้เจ้าของบ้านต้องเบี่ยงสายตาไปที่ต้นเหตุ


บุหรี่ในมือของจิณณะทำให้เขาชะงักเล็กน้อย ดูเหมือนคนที่จุดบุหรี่สูบก็เพิ่งรู้ตัวเช่นกัน


“เอ่อ...ผมสูบได้รึเปล่า เห็นมีบุหรี่กับที่เขี่ย...”


ทั้งบุหรี่และจานรองก้นบุหรี่ล้วนไม่ใช่ของเขา แต่เจอในตู้ จิณณะจำได้ว่าตอนไปขอความช่วยเหลือ พิทักษ์สูบบุหรี่ แต่คงไม่ติด เพราะหลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีก


เจ้าของบ้านพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้เอนใกล้ๆ แล้วตบมือลงข้างตัวเป็นเชิงให้อีกฝ่ายนั่งข้างกัน จิณณะไม่พูดอะไร แต่ทรุดตัวลงนั่งอย่างว่าง่าย


แล้วพอนั่งลงข้างกันแล้ว มีใครอีกคนอยู่ด้วยแล้ว บุหรี่ที่ถือไว้ในมือก็กลายเป็นความกระดาก จิณณะจึงกดปลายบุหรี่ลงกับจานรอง ไฟดับ ควันดับ กลิ่นบุหรี่จางหายไป


   สายลมเย็นพัดผ่าน ไม่มีการโอบกอด ไม่มีการดึงเข้ามาใกล้ชิด มีระยะห่างระหว่างกันเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิของคนข้างกาย


   “ลุงเทียมโทรมา บอกว่าคุณกอบกุลไปหา” ประโยคหลังทำให้จิณณะนิ่งขึง ก่อนจะเอ่ยเสียงแปร่งพร่า


   “ผมออกมาจากที่นั่นแล้ว” ที่นั่นที่ว่าคืออาณาเขตของผู้เป็นย่า เมื่อออกมาแล้วก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีก


   “จิณพูดแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ทุกคนที่นั่นเดือดร้อนใช่ไหม อีกอย่าง...ที่พูดเพราะน้อยใจ”


ประโยคหลังทิ่มแทงใจดำกว่าประโยคแรก แต่ถึงอย่างนั้นจิณณะก็ทำเป็นหัวเราะเย้ยหยัน


“พูดอะไร ผมเนี่ยนะน้อยใจ”


“น้อยใจเพราะคิดว่าคุณกอบกุลไม่รัก”


“ผมไม่ได้อยากให้คุณย่ารัก!” หลานนอกคอกเถียงควับ


“แต่ก็ไม่อยากให้เขาเกลียดเหมือนกัน” พิทักษ์สวน ทำเอาคนที่ตั้งท่าจะปกป้องความรู้สึกส่วนลึกของตนเองไม่ให้ใครรับรู้ถึงกับชะงักไปอีกครั้ง ปลัดหนุ่มเม้มปากแน่น แล้วหันหน้าหนี


“คุณกอบกุลไม่ได้เกลียดจิณ”


พิทักษ์อาจจะเพิ่งเข้ามารับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสองย่าหลาน แต่สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่เพียงสงครามอารมณ์ ทว่าเป็นความเหมือน...


จิณณะและคุณกอบกุลเหมือนกันมากเกินไป โดยเฉพาะนิสัยหัวแข็งและดื้อแพ่ง ผลเลยออกมาที่ต่างฝ่ายต่างแข็งข้อ คนหนึ่งบังคับเท่าไร อีกคนก็ยิ่งต่อต้านมากเท่านั้น ทั้งๆที่เหมือนกันมากขนาดนี้แท้ๆ


แต่ดูเหมือนคนเป็นหลานจะไม่ยอมรับในความเหมือน ไม่ยอมรับแม้กระทั่งความรู้สึกของต้นตระกูล เจ้าตัวยกยิ้มเย้ยหยัน


“พี่รู้ได้ยังไง?! ผมเป็นหลานเขามายี่สิบกว่าปี! แบบไหนเขารักแบบไหนเขาเกลียดทำไมผมจะไม่รู้! แบบผมนี่ไงที่เขาเกลียด! เขาไม่ชอบคนหัวแข็งดื้อด้านอย่างผม! เขาไม่ชอบคนที่ไม่ตามใจเขาแบบผม! คนแบบผมคือคนที่เขาไม่ชอบหน้า!! วันนี้ผมออกมาจากที่ของเขาแล้ว พี่ไม่ต้องมาพูดเรื่องเขาให้ผมฟังอีก!!”


น้ำเสียงแข็งกร้าวทว่าในใจนั้นเอ่อล้นไปด้วยความเจ็บหน่วง หากแต่พอลุกขึ้นจะเดินหนีกลับเข้าไปในห้อง เสียงของพิทักษ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“แต่เขาไปพบลุงเทียมด้วยเรื่องของจิณ”


วูบหนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างไหลทะลักเข้าสู่หัวใจ


หญิงชราผู้เป็นย่าที่เคยออกปากว่าเขาเป็นหลานนอกคอก อีกทั้งวันนั้นยังประกาศก้องว่าถ้าเขาไปแล้วก็อย่าคิดกลับไปเหยียบที่นั่นอีก ทว่า...หล่อนกลับเป็นฝ่ายไปพบคนอื่นด้วยเรื่องของเขา


บางที...อาจจะไปพบเพราะคิดจะใช้อำนาจบาตรใหญ่จัดการเขาลับหลังก็เป็นได้


“เขาไปบอกคุณเทียมให้มาบอกพี่เลิกยุ่งกับผมน่ะสิ”


พิทักษ์ส่ายศีรษะ ระอาใจกับความหัวแข็งยึดอคติเป็นที่ตั้งของหลานชายคุณกอบกุลเหลือเกิน


“ไม่ใช่ เขาไปเพราะเขาเป็นห่วงจิณ”


“ห่วงผม?! วันนั้น พี่ก็ได้ยิน! เขาบอกว่าถ้าผมไปก็อย่ากลับมาอีก ก่อนหน้านี้ผมเป็นหลานนอกคอก เขายังไม่สนใจใยดีอะไรผมเลย! มาวันนี้ผมไม่ใช่หลานเขาแล้ว เขาจะมาห่วงผมทำไม!”


อคติคือสิ่งที่ร้ายกาจ เมื่อมันครอบงำจิตใจแล้ว ต่อให้ใครจะทำเรื่องดีเพียงใด ก็ไม่คิดอยากรับรู้ ใจ...เลือกที่จะฟังอคติ มากกว่าความจริงที่เกิดขึ้นเสียอีก


“ต่อให้จิณจะบอกว่าเป็นหลานนอกคอก หรือตอนนี้ไม่ได้เป็นหลานเขาแล้ว แต่คุณกอบกุลไม่ได้คิดอย่างนั้น ถึงเป็นหลานนอกคอก ก็เป็นหลาน ถึงจิณจะขอออกจากตระกูลของเขา แต่จิณก็ยังเป็นหลาน แล้วหลานอย่างจิณคือคนที่ทำให้คุณกอบกุลส่งนักสืบลงมาที่นี่ ส่วนตัวเองเข้ามาพบลุงเทียม”


“นักสืบ?” จิณณะหันมองอย่างคาดไม่ถึง พิทักษ์พยักหน้า


“จิณไม่ได้บอกเรื่องคืนนั้นให้เขารู้แต่แรกใช่ไหม”


เรื่องคืนนั้นที่ว่าย่อมหายถึงคืนที่เกิดเหตุอุกอาจจนทองสุกตาย และกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ


ปลัดอำเภอส่ายหน้า ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม เริ่มเป็นกังวลที่เรื่องอันตรายรู้ถึงหูคุณกอบกุล คนอย่างย่าย่อมไม่อยู่เฉย และบางครั้ง การจัดการของหล่อนก็เป็นแบบถอนรากถอนโคน แต่ก่อนที่รากโคนจะถูกถอน เขาหวั่นว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับคุณกอบกุล


ไม่ว่าจิณณะจะรู้ตัวหรือไม่ แต่พิทักษ์ไม่ได้พูดผิดเลยแม้แต่นิด


สำหรับคุณกอบกุล ต่อให้หลานอย่างจิณณะจะนอกคอกเพียงใดก็ยังเป็นหลาน สำหรับจิณณะเอง แม้ย่าอย่างคุณกอบกุลจะบ้าอำนาจช่างเจ้ากี้เจ้าการเพียงใด แต่ก็ยังเป็นย่า ปากคนหนึ่งว่าไปแล้วอย่ากลับมา ปากอีกคนว่าจากมาแล้วจะไม่หวนกลับไปอีก แต่เมื่อถึงเวลาอย่างนี้ กลับเป็นห่วงกันยิ่งกว่าใคร


แล้วจะไม่ให้บอกว่าสองย่าหลานคู่นี้เหมือนกันมากเหลือเกินได้อย่างไร


“คุณเทียมบอกอะไรคุณย่าไหม”


“บอกแค่ว่าพี่ไปขอให้ส่งคนช่วยดูแล ก็เลยทำตามที่พี่ขอ”


หลานชายคุณกอบกุลยังขมวดคิ้วมุ่น เขาเดาได้ว่าในเมื่อผู้เป็นย่าไม่ได้อะไรจากการบุกถึงตัวและคาดคั้นคุณเทียม หล่อนต้องหาวิธีอื่นหรือคนอื่น...และคนอื่นที่ว่า ถ้าไม่ใช่พิทักษ์ ก็คงเป็นบิดามารดาของจิณณะ หรือไม่ก็...จิดาภา แม่เลี้ยงของพิทักษ์


“น้าภา...” ปลัดหนุ่มเอ่ย


“พี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคุณกอบกุลน่าจะไปหาแม่ภา ก็เลยโทรไปบอกเอาไว้แล้วว่าถ้าคุณกอบกุลมาถาม ให้บอกว่ารู้แค่ว่าเราสองคน...คบกัน”


คำหลังสุดนั้นทำเอาคนที่กำลังเป็นกังวลและเคร่งเครียดเริ่มรู้สึกตัว กะพริบตาปริบๆแล้วก็ชักรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาเมื่อครู่นี้ ชั่วเวลาหนึ่งเป็นการโต้เถียงที่มีแต่เขาใส่อารมณ์ ในขณะที่พิทักษ์สงบนิ่งเหมือนหลักยึด จนกระทั่งเขาสงบลงแล้ว ก็กลายเป็นการพูดคุยหารืออย่างเป็นจริงเป็นจัง และตอนนี้บรรยากาศรอบตัวก็กลับกลายเป็นความรู้สึกที่ชวนให้หัวใจหวิวไหว


พิทักษ์เป็นทั้งคนที่อยู่เคียงข้างในเวลาที่จิตใจไหวเอนไปตามแรงอารมณ์ และก็ยังเป็นคนที่อยู่เคียงข้างในยามสงบ แล้วพอเขาสงบ ก็มาทำให้รู้สึกหวั่นไหวอีก


“เอ่อ...ข...เข้าข้างในกันเถอะ ผมหนาวแล้ว”


ทว่าก่อนที่คนรู้ตัวจะเริ่มหนี เจ้าของบ้านก็กวาดแขนโอบมาล็อคคอแล้วดึงลงกลับมาที่เดิม ไม่มีความอ่อนโยนสักนิดจนปลัดหนุ่มร้องโอ๊ย


แต่...ร้องแล้วก็ได้แต่เงียบ เมื่อแผ่นหลังของเขาปะทะเข้ากับแผ่นอกของอีกฝ่าย


มันอุ่น มันร้อน มันแนบชิด


แขนที่ล็อคคอคลายออกกลายเป็นโอบหลวมๆ จิณณะไม่ได้ขยับตัวหนี แต่กลายเป็นปล่อยตัวลงพิงหลังกับอกกว้างราวกับนี่คือที่พักพิงที่แสนสบาย


ในวันที่อารมณ์และความรู้สึกถูกเหวี่ยงขึ้นลงเพราะความเครียด ความกังวล ความห่วงใยที่มีต่อคนรอบข้าง จิณณะกลับพบว่ามีใครอีกคนอยู่เคียงข้างเขาเช่นกัน


เขาไม่ได้ยืนเพียงลำพัง ไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ต่างๆเพียงผู้เดียว มี ‘ใคร’ อีกคนอยู่เป็นเพื่อน


...ไม่สิ...ไม่ใช่เพื่อน...กึ่งๆเพื่อน...กึ่งๆ...แบบ...คบกันแล้ว…


พอคิดถึงสถานะระหว่างเขาและพิทักษ์ จิณณะก็ขยับตัวเล็กน้อยเหมือนไม่รู้ว่าตนเองควรจะยังนั่งพิงอีกฝ่ายต่อไป หรือขยับออกห่างดี


...ใจน่ะอยากอยู่ต่อ แต่...สถานะของเราเป็นเรื่องจริงเพียงพอที่จะทำอย่างที่ใจต้องการใช่ไหม…


ตอนที่กำลังยึกยักไม่รู้ว่าจะลุกออกจากท่านี้ดี หรือนั่งต่ออย่างไม่รู้ไม่ชี้ดี เจ้าของแผ่นอกก็ก้มมองเล็กน้อย จิณณะไม่ได้เตี้ยไปกว่าเขาเสียเท่าไร แต่เพราะตอนนี้เจ้าตัวนั่งพิงอกเขาอยู่ ริมฝีปากของเขาจึงอยู่ข้างขมับของอีกฝ่ายพอดี


“นั่งไม่สบายหรือ”


“เปล่า...พี่ล่ะ”


“สบายดี”


“ตัวผมหนักนะ” คนยึกยักยังไม่กล้าพิงเต็มหลังเหมือนก่อนหน้านี้


“ไม่หนัก”


“ผมสูงร้อยแปดสิบ หนักหกสิบห้า” อ้างเหตุผลเพื่อยืนยันว่าตนเองหนัก แล้วจะได้เป็นข้ออ้างในการขยับตัวออก


“แล้วยังไง” แต่ดูเหมือนพิทักษ์จะไม่ได้สนใจกับข้ออ้างใดๆเลย หนำซ้ำยังโอบลงมาจมกับอกของเขาทั้งตัว


“ไม่ยังไงแล้วก็ได้” ไม่รู้จะยื่นเหตุผลอะไรอีกแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่หนัก เขาก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วพิงตัวลงโดยไม่คิดจะอ้างอะไรอีก


พิทักษ์หัวเราะเบาๆ แขนที่โอบร่างของอีกฝ่ายไม่ได้กระชับแนบ แต่ก็ไม่ได้ปลดแขนลง เป็นการโอบอย่างหลวมๆที่ต่างคนต่างรับรู้สัมผัสและอุณหภูมิของกันและกัน จิณณะถอนหายใจยาวแล้วหลับตาลง ความสบายทำให้เขาละทิ้งความกังวลทั้งหมดลงข้างตัวแล้วปล่อยให้จิตใจและร่างกายได้พักผ่อน


...ในอ้อมแขนนี้...


...อบอุ่น ปลอดภัย และวางใจ...


ร่างสูงรับรู้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนที่นั่งพิงอกเขา พอก้มลงมองก็พบว่าจิณณะหลับไปแล้ว ชายหนุ่มอดหัวเราะเบาๆไม่ได้ ก่อนจะเอนร่างลงพิงกับกำแพงด้านหลังอย่างช้าๆ แล้วปล่อยให้คนหลับได้พักพิงกับอกเขา


พิทักษ์ยิ้มจาง พลางเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน


เรื่องของพวกเขาและเรื่องของจิณณะ ล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่...พอมีคนคนนี้อยู่ในอ้อมแขน พอได้รับรู้ว่าตนเองเป็นที่พึ่งให้ได้ในเวลาที่เกิดปัญหามากมายขึ้นรอบตัว พิทักษ์ก็พบว่าความสุขของเขาอยู่ตรงนี้


อยู่ตรงที่...จิณณะ


อยู่ตรงที่...เป็นที่พึ่งให้จิณณะได้


ทำไมถึงอยากเป็นประโยชน์เพื่อใครสักคนขนาดนี้ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือยามจิณณะอ่อนแอและท้อแท้ เขาปล่อยไปไม่ได้ ยามจิณณะพักพิงลงข้างกายเขา ก็ยิ่งอยากยืดไหล่ขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายพักให้สบายที่สุด และยินดี...หากจิณณะจะวางทุกอย่างลงที่เขา


...วางใจลงมา วางมือลงมา...


ต่อให้จะมีแต่เรื่องยาก ต่อให้รอบตัวจะมีแต่ปัญหา...แต่เราจะฝ่าไปด้วยกัน...

…………………..

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2019 19:29:24 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


จารีตอายุห่างจากผู้เป็นพี่หกปี พอจำความได้ เขาก็เห็นจิณณะกลายร่างเป็นลิงทโมน วิ่งเล่นซุกซนอยู่นอกบ้าน ในขณะที่ญาติพี่น้องคนอื่นๆนั่งเล่นกันอย่างสงบอยู่ในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำ คุณกอบกุลผู้เป็นย่าส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่ได้ทำให้จิณณะย้ายกลับเข้ามาเล่นในบ้านได้เลย


‘นอกคอก’


ตอนยังเด็ก จารีตไม่เข้าใจคำนี้ แต่พอเริ่มโต เขาก็เริ่มรู้ว่าคำนี้ไม่ได้มีความหมายที่ดีเลย แต่ถึงอย่างนั้นจิณณะที่อายุมากกว่าเขาหกปีกลับไม่ได้อินังขังขอบกับคำนี้เสียเท่าไร นอกคอกอย่างไรก็ยังนอกคอกอย่างนั้น ถูกตราหน้าอย่างไรก็ยังถูกตราหน้าอย่างนั้น


และวันนี้ เจ้าตัวทำยิ่งกว่าที่เคยมา คือนอกจากจะไม่สนใจใยดีกับคำครหาของคุณกอบกุลแล้ว ยังก้าวเท้าออกไปอยู่นอกคอกจริงๆ


จารีตไม่รู้ว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่ แต่เวลานี้เขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แล้ว เพราะการกระทำของจิณณะไม่เพียงทำให้บ้านแตกในวันนั้น แต่วันนี้จรรยาผู้เป็นมารดาของพวกเขาก็ยังเศร้าสร้อยทุกข์ระทม


ในขณะที่คนก่อเรื่อง เมื่อออกปากว่าไปแล้วจะไม่กลับมาอีก ก็หายต๋อมไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่มีแม้แต่จะโทรศัพท์มาถามไถ่สักนิด จารีตซึ่งเคยแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนตนเองถูกดันให้มารับรู้ปัญหาของผู้ใหญ่ จากน้องชายลูกคนเล็กเลยต้องตัดสินใจลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง


ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดในชุดนิสิตทำทีเหมือนจะออกไปเรียนในตอนเช้า แต่เมื่อเลี้ยวรถยนต์ออกสู่ถนนใหญ่ เขาก็เปลี่ยนเส้นทางมุ่งสู่ต่างจังหวัด


ที่ว่าการอำเภอในเวลาก่อนทำการ นอกจากเจ้าหน้าที่ ก็ไม่มีใครอีก รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าอาคารเก่ามีสารพัดชนิด ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ มีมากสุดก็เห็นจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ แต่น่าแปลก...จารีตไม่เห็นรถหรูของผู้เป็นพี่ชายเลย เขากวาดตาอยู่อึดใจหนึ่ง รถยุโรปคันใหญ่ก็เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบข้างรถเขา ชายหนุ่มในชุดนิสิตชะงักก่อนจะเบิกตาโต ไม่ใช่เพราะรถคันนี้เป็นรถของจิณณะ แต่เพราะคนที่ลงจากรถคือชเยนตร์ลูกพี่ลูกน้องผู้กลับมาเมืองไทยได้ถูกจังหวะเหลือเกิน!


“พี่ชุน! มาได้ไง?! เอ้ย! มาทำไม”


ชเยนตร์ถอดแว่นตากันแดด ก่อนจะเงยหน้ามองอาคารที่ว่าการ สภาพภายนอกที่แม้จะได้รับการดูแลรักษา แต่รูปทรงและวัสดุก็บอกให้รู้ว่ามันถูกสร้างมานานมากแล้ว


แม้แต่ชเยนตร์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจิณณะถึงเลือกอาชีพนี้ ทำไมถึงเลือกที่จะมาทำงานในต่างจังหวัดอย่างนี้ แทนที่จะอยู่ในที่ที่สุขสบาย มีทั้งตำแหน่งและเงินเดือนที่คุ้มค่ากับการลงทุนลงแรง


“ไอ้จิณทำงานที่นี่หรือ”


“ใช่...เดี๋ยวๆ พี่ตอบผมก่อน” ชายหนุ่มผู้มีเชื้อสายจีนครึ่งหนึ่งเหลือบตามองคนถาม


“ขับรถตามแกมา แล้วก็อยากมาคุยกับไอ้จิณหน่อย”


ทั้งๆที่จุดประสงค์ในการกลับมาเมืองไทยคราวนี้ก็เพื่อมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ฝั่งบิดาที่ล้มป่วย แต่กลับประสบเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่าจากญาติฝั่งมารดา


คำถามที่เขาเคยพูดกับคุณกอบกุลยังคงตกค้างอยู่ในใจ


‘ทำไมต้องเป็นพิทักษ์’


คำถามนี้ดูเหมือนคุณกอบกุลจะเริ่มคาดเดาคำตอบได้แล้ว แต่หล่อนไม่แพร่งพรายเลยสักนิด ชเยนตร์ไม่อยากกลับไปเรียนต่อทั้งๆที่ยังคาใจ งานวิจัยยากๆ เขายังทำได้ แล้วทำไมกับแค่เรื่องของคนในครอบครัว เขาจะหาคำตอบไม่ได้กันเล่า


“พี่จะคุยอะไร”


“แล้วแกจะคุยอะไรล่ะ”


จารีตนิ่วหน้า เกาหัวแกรกๆเหมือนยังคิดไม่ออก เอาจริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าจะมาพูดอะไรกับพี่ชายของตนเอง จิณณะเป็นคนดื้อดึง คุณกอบกุลก็พอกัน แต่เขาจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็ไม่ได้


“จา?...พี่ชุน?...” เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาสองหนุ่มจากครอบครัววงศ์กีรติต้องหันมอง


คนที่พวกเขาตั้งใจมาหาเพิ่งลงจากรถเบนซ์สีดำ จารีตจำได้ว่านั่นไม่ใช่รถของพี่ชายของเขา หนำซ้ำ ตำแหน่งจิณณะยืนก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ลงจากเบาะคนขับด้วย


...ใครพาพี่ของเขามาส่ง…


คำตอบนั้นหาไม่ยากเลย เพราะอึดใจต่อมา ชายหนุ่มร่างสูงผู้นั่งอยู่ที่นั่งคนขับก็ลงจากรถหันมามองพวกเขา


ชเยนตร์ไม่รอช้า ก้าวเท้าตรงเข้าไปหาพลางฉีกยิ้มกว้างแสดงไมตรีจิต วันที่เกิดเรื่อง เขาจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ติดตามไปด้วย มารู้ทีหลังจากจารีตว่าผู้ชายคนนี้คือพิทักษ์


คนที่เขาสงสัยว่าทำไมถึงเป็นตัวเลือกของญาติผู้น้องของเขา


“มาที่นี่ทำไมหรือ” จิณณะถาม ญาติผู้พี่ชะงักไปเล็กน้อย หันกลับไปมองจารีต รายนั้นเองก็ไม่มีเหตุผลเช่นกัน แต่...สร้างข้ออ้างได้


“พี่ชุนอยากมาเที่ยวน่ะ” จารีตโยนอย่างไว ทำเอาว่าที่ดอกเตอร์ถึงกับสะดุ้งโหยง ถลึงตาใส่คนโยนเหตุผลมาให้เขาแทบไม่ทัน


ท่าทางอิหลักอิเหลื่อแบบนั้น จิณณะดูออกว่าเหตุผลของน้องชายเป็นเพียงเรื่องบังหน้า และการมาเยือนของญาติผู้พี่ก็มีเบื้องหลังแอบแฝง อาจจะเป็นเรื่อง ‘ทางบ้าน’ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำเป็นพยักหน้าเออออ


“วันนี้ผมมีประชุมเช้า ไปรอที่บ้านผมก่อนได้ไหม เสร็จงานแล้วจะไปหา พาไปเที่ยว”


ชเยนตร์นิ่วหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเที่ยว หรือมารอจิณณะที่บ้านพักราชการที่สภาพก็คงไม่ต่างจากที่ว่าการเก่าแก่นี่เท่าไร แต่เขามาที่นี่เพื่อมาหาคำตอบว่าทำไมจิณณะถึงเลือกพิทักษ์มาเกี่ยวพันด้วยต่างหาก


มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล การเลือกอะไรสักอย่างแม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่สุด ต้องมีเหตุผลหรือคุณสมบัติเฉพาะ อย่างน้อยๆ เหตุผลว่า ‘อยาก’ ก็ยังดี แต่พอมองหน้าพิทักษ์แล้วหันมามองหน้าน้องชายตนเอง ชเยนตร์ก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มอกสามศอกอย่างจิณณะจะเลือกชายหนุ่มอกสามศอกอย่างพิทักษ์เพราะความ ‘อยาก’ ได้เลย


เพราะฉะนั้น... ‘การเลือกพิทักษ์’ ย่อมต้องมีเหตุผลหรือคุณสมบัติเฉพาะอื่น และเขาต้องรู้ให้ได้ว่าคืออะไร


พิทักษ์ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เป็นญาติที่ดองกันโดยไม่มีสายเลือดเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะเคยเล่นด้วยกันตอนยังเด็ก แต่แม้แต่เขาก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วจิณณะคิดอะไรถึงไปขุดเอาญาติห่างไกลมาตบตาคุณกอบกุล ทั้งๆที่หลับตามองก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้


“ได้ยินว่า...ที่นี่มีสนามกอล์ฟ...” จารีตเคยเล่าประวัติย่อๆของญาติห่างๆผู้นี้ให้เขาฟัง ว่าที่ดอกเตอร์ก็เลยเอามาใช้ประโยชน์เสียหน่อย


ปลัดหนุ่มหันมองเจ้าของสนามกอล์ฟที่ยืนอยู่ใกล้เขาเหมือนจะถามความเห็น ชเยนตร์ไม่รอช้า รีบพูดต่อทันที


“หรือว่าสนามที่ว่าเป็นของ...” เขาทำเป็นมองตรงไปยังชายหนุ่มแปลกหน้า ตอนนั้นเองที่จิณณะเพิ่งนึกออกว่ายังไม่เคยแนะนำให้ชเยนตร์และพิทักษ์รู้จักกันอย่างเป็นทางการ


“นี่พี่ทิศ” เขาบอกกับญาติผู้พี่ ก่อนจะหันมาทางสารถีที่รับส่งเขาในช่วงนี้


“พี่ทิศ นี่พี่ชุน ลูกพี่ลูกน้องของผมเอง”


พิทักษ์ค้อมศีรษะเป็นเชิงทักทาย แต่ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ท่าทางเขาสุภาพแต่ไม่กระตือรือร้นผูกมิตร ทั้งๆที่หากเป็นคนอื่นๆ เมื่อพบหน้าชเยนตร์ ก็มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าตาไม่คล้ายญาติๆฝั่งแม่เลยสักนิด เขาก็จะมีเรื่องชวนคุยต่ออีกหน่อยว่าหน้าเหมือนทางพ่อซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีน


แต่...พิทักษ์ไม่พูดอะไรเลย ว่าที่ดอกเตอร์ชเยนตร์ชักหนักใจแต่ไม่ถอดใจ ถ้าอยากตอบคำถามที่ค้างคา ก็ต้องลงมือมากกว่านี้


“ผมน่าจะเป็นพี่...เรียกว่าพี่ชุนก็ได้ ตอนเด็กๆเราน่าจะเคยเล่นด้วยกัน เห็นว่าเป็นลูกของน้าภา จำได้ว่าแต่ก่อนน้าภาเคยมาที่บ้าน”


“ครับ” พิทักษ์ตอบพลางยิ้มจาง เกิดเป็นความเงียบชั่วอึดใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าเป็นเพราะเขาดูไม่กระตือรือร้นที่จะผูกมิตรกับชเยนตร์ ในขณะที่อีกฝ่ายดูอยากสนิทสนมด้วย เขาไม่แน่ใจนักว่าญาติผู้พี่ของจิณณะต้องการอะไร แต่ก็ไม่อยากให้จิณณะที่เวลานี้ทุกข์มากพออยู่แล้ว ต้องมากังวลกับท่าทีที่เขามีต่อญาติอีก จึงเอ่ยปากเปลี่ยนเรื่อง


“เห็นพี่ชุนถามถึงเรื่องสนามกอล์ฟ ชอบตีกอล์ฟหรือครับ จะไปรอจิณที่นั่นก็ได้ ไว้เขาเสร็จงาน ค่อยให้เขาไปหา” เพียงเท่านั้นว่าที่ดอกเตอร์ก็ถึงกับยิ้มกว้าง


“ดีๆ! พี่ชอบตีกอล์ฟมาก สมัยยังอยู่เมืองไทยก็ออกรอบกับป๊าบ่อยๆ”


เจ้าของสนามกอล์ฟยิ้มจาง ชเยนตร์พอจะเห็นลู่ทางสร้างความสนิทสนม ทว่าพอจับจ้องชายหนุ่มผู้มีสถานะเป็น ‘แฟน’ ของญาติผู้น้อง เขาก็อดยอกในอกไม่ได้


ทั้งๆที่สมัยยังเด็ก เขาสนิทกับจิณณะราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่ ณ ปัจจุบัน เขากลับไม่มีความสามารถจะเค้นความจริงจากปากของญาติตนเอง แต่ต้องใช้วิธีสืบเอาจากคนอื่น ชายหนุ่มเชื้อสายจีนลอบถอนหายใจเบา ก่อนจะหันไปแจกยิ้มชักชวนจารีตและพิทักษ์ให้ไปรอจิณณะที่สนามกอล์ฟ


หลังจากนั้นไม่กี่นาที รถยนต์ 3 คันก็ขับตามกันออกไป จิณณะหมุนตัวเดินขึ้นอาคารที่ว่าการ ทว่า...ไม่มีใครสักคนสังเกตเห็นชายฉกรรจ์สองคนบนรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่ขับเข้ามาจอดริมรั้ว ดวงตาสองคู่จับจ้องแผ่นหลังของปลัดหนุ่มจนลับสายตา

……………….

สนามกอล์ฟของพิทักษ์เป็นที่ถูกอกถูกใจของชเยนตร์ หากไม่มีเรื่องของน้องชาย เขาก็คงกระโดดตะครุบถุงไม้กอล์ฟแล้วลากลงกรีนเดี๋ยวนี้


“สงสัยกลับมาเมืองไทยคราวหน้า พี่ต้องลากป๊ามาออกรอบที่นี่แล้วล่ะ”


“ยินดีครับ” พิทักษ์ยังคงยิ้มจางสุภาพ ดูท่าแล้ว หากชเยนตร์ไม่เป็นฝ่ายสร้างความสนิมสนมเอง อยู่ที่นี่จนแก่ก็คงไม่ได้ความอะไรเพิ่มเติม ว่าที่ดอกเตอร์เลยต้องดับเครื่องชนเต็มที่


“แล้วไอ้จิณมาตีกอล์ฟบ่อยไหม”


“พี่จิณตีกอล์ฟเป็นที่ไหนล่ะพี่ชุน” จารีตโพล่งขึ้นมา ทำเอาชเยนตร์อยากจะหาผ้ามาปิดปากญาติผู้น้องของตนเองเหลือเกิน


...นี่มันรู้บ้างไหมว่าเขากำลังหลอกถามเพื่อดูระดับความสนิมสนมระหว่างจิณณะและพิทักษ์อยู่!...


พิทักษ์ยังยืนเฉย สีหน้าเรียบๆ มีเพียงรอยยิ้มจางที่ค้างเอาไว้ ทั้งๆที่เขาเองก็เพิ่งรู้เอาตอนนี้ว่าจิณณะตีกอล์ฟไม่เป็น


“เอ้อ...นั่นแหละ ก็ว่าไอ้จิณตีกอล์ฟไม่เป็น แต่มาคบกับทิศได้ ตอนแรกนึกว่ามารู้จักกันที่นี่” แม้ญาติผู้น้องจะทำให้คำถามแรกไม่เป็นผล แต่ชเยนตร์ก็ยังคงไม่ย่อท้อ โปรยทางสู่คำถามต่อไป


“แล้ว...ทำไมมาคบกันได้ล่ะ”


“จิณเป็นหลานของแม่ภาครับ” พิทักษ์รู้ตัวแล้วว่าเขากำลังถูกหลอกถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจิณณะ ชเยนตร์เป็นกันเองก็จริง ฉลาดก็จริง แต่สีหน้าปิดความอยากรู้อยากเห็นไม่มิด คำตอบที่พิทักษ์มีให้ จึงเป็นการตอบที่ใช้ความจริงที่ใครๆก็รู้กันดีว่าจิณณะเป็นหลานของแม่เลี้ยงของเขา


คนฟังกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะร่วน


“เรื่องนั้นพี่รู้แล้ว แต่พี่หมายถึงใครมาปิ๊งใครแบบนี้น่ะ” คราวนี้จารีตไม่โพล่งสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะเขาเองก็อยากรู้เช่นกัน พิทักษ์ยิ้มจาง...แต่เงียบ


ยิ้ม...แสดงว่าไม่ตอบ


เงียบ...ก็แสดงว่าไม่ตอบ


   การยิ้มและเงียบ เป็นการตอบด้วยการไม่ตอบ ทำเอาชเยนตร์ได้แต่เลียปาก ดูท่าเขาจะเดินเกมพลาดที่คิดจะสืบหาความจริงจากทางฝั่งของพิทักษ์


   “สงสัย...ไอ้จิณจีบก่อนแน่เลย เพราะทิศไม่น่าจีบน้องพี่ก่อน” ว่าที่ดอกเตอร์พูดแก้เก้อพลางหัวเราะ


   “ไม่ใช่ครับ” แต่คราวนี้ พิทักษ์ยอมตอบ เสียงหัวเราะหายวับ ชเยนตร์กับจารีตมองหน้ากัน ความอยากรู้พุ่งพรวด


   “หมายความว่าทิศจีบจิณก่อนหรือ”


   “พี่จิณมีตรงไหนให้พี่ทิศอยากจีบอ่ะ?!” ความปากไวของจารีตคราวนี้ตรงใจชเยนตร์เป๊ะ ดูเหมือนจารีตเองก็รู้ตัวว่าคำถามของเขาเหมือนดิสเครดิตพี่ชายแท้ๆของตนเองอยู่สักหน่อย เลยยิ้มแหะๆ แล้วเสริม


   “ก็...พี่จิณอินดี้จะตาย ลูกบ้าก็เยอะ ทำอะไรที่คิดไม่ถึงอยู่บ่อยๆ ผมนึกว่าพี่ทิศน่าจะชอบแบบ...แบบที่คาดเดาได้มากกว่านี้น่ะ”


รอยยิ้มจางของพิทักษ์ขยายออกกว้างแล้วกลายเป็นเสียงหัวเราะเบา ชเยนตร์เลิกคิ้ว ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะจากคนท่าทีนิ่งเฉย เพียงเพราะคำพูดของจารีตที่มีถึงจิณณะ


   “เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน จนมาเจอจิณ” เป็นประโยคสั้นๆ ทว่าน้ำเสียงและสายตาของเจ้าของสนามกอล์ฟแห่งนี้กลับแตกต่างไปจากเดิม


   อ่อนโยน นุ่มนวล และเต็มไปด้วยความรู้สึก แตกต่างจากความนิ่งเฉยเหมือนน้ำแข็งฉาบก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


    “จิณทำให้เปลี่ยนความคิดได้ยังไง” ชเยนตร์ถาม


   “ดูเผินๆ เหมือนจิณเอาแต่ใจ ทำแต่สิ่งที่ตัวเองอยากทำ คาดเดาไม่ได้ แต่จริงๆแล้ว บางครั้งเขาคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง โดยเฉพาะครอบครัว...” พิทักษ์เอ่ย ก่อนจะหันไปมองน้องชายแท้ๆของจิณณะ


   “กับคุณกอบกุล ผมไม่คิดว่าพวกเขาเพิ่งจะมาไม่ถูกชะตากันตอนนี้ คงเป็นแบบนี้มานานแล้วจริงไหม”


จารีตพยักหน้ารับ พิทักษ์จึงพูดต่อ “แต่ก็เพิ่งมาแตกหักเอาตอนนี้ จริงอยู่ว่าจิณตั้งใจพูดจากวนอารมณ์คุณกอบกุลทุกครั้งที่เจอหน้ากัน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมเห็นเขาตั้งใจหาเรื่องด้วยการเป็นฝ่ายเข้าไปหาคุณกอบกุลเอง เขาเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ามาตลอด...”   


ชเยนตร์จับจ้องคนพูด รับฟังอย่างตั้งใจ และสังเกตสีหน้าของพิทักษ์ตลอดเวลา


ชายหนุ่มเจ้าของสนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นคนนิ่งเฉยและมักมีสีหน้าไม่บ่งอารมณ์ก็จริง แม้การยิ้มจางของเขาก่อนหน้านี้ก็ดูเป็นเพียงรอยยิ้มที่ฉาบเอาไว้ ทว่า...ยามเขาพูดถึงจิณณะ สีหน้าที่เรียบกริบกลับมีร่องรอยของความเอ็นดู ดวงตาที่เคยมีกำแพงสูงหนาหยั่งความรู้สึกไม่ถึงกลับเผยความอ่อนโยน และริมฝีปากที่มีรอยยิ้มจางนั้น ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นเพียงรอยยิ้มที่ฉาบขึ้นบนหน้า แต่มันกลับทอดอารมณ์ละมุนละไม


   สีหน้าของพิทักษ์ยามพูดถึงจิณณะ แม้จะเปลี่ยนไปแค่เล็กน้อย แต่เป็นความเล็กน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่มีต่อคนที่ถูกพูดถึง


   อีกอย่างที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด...พิทักษ์อ่านจิณณะออก


   “สำหรับจิณ ครอบครัวสำคัญสำหรับเขาที่สุด ไม่ใช่แค่พ่อ แม่และจา แต่รวมถึงคุณกอบกุลและญาติพี่น้องคนอื่นๆ”


จารีตมีสีหน้าสลดลง ตอนมารดาเป็นลมเพราะจิณณะเดินออกจากบ้านโดยไม่หันมาดูดำดูดี เขาทั้งโกรธทั้งโมโห จิณณะเป็นพี่เขาตั้ง 6 ปี แต่กลับไม่รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรควรทำ แต่วันนี้...เมื่อพิทักษ์ย้ำให้เขาตระหนักถึงสิ่งที่จิณณะเลี่ยงมาตลอด คนเป็นน้องอย่างเขาก็ได้แต่รู้สึกผิด


   ทั้งๆที่เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ทั้งๆที่เขาควรจะเข้าใจพี่ชายของเขากว่าคนอื่น อีกทั้งยังรู้เห็นทุกเหตุการณ์ระหว่างจิณณะและคุณกอบกุลมาตลอด แต่เขากลับไม่เคยมองเห็นความพยายามของผู้เป็นพี่เลย


   พี่ชายของจารีตพยายามแล้ว แต่...ทุกอย่างดึงดันผลักจิณณะไปจนสุดทาง


   “พี่ทิศมีทางทำให้พี่จิณกลับไปไหม” จารีตเอ่ยปากถามเสียงแผ่ว ฝั่งหนึ่งเป็นพี่ชาย อีกฝั่งเป็นย่า ไหนจะทั้งพ่อทั้งแม่อีก เขารู้สึกเหมือนตนเองคือคนที่รู้เห็นความทุกข์เศร้าของคนรอบข้าง แต่น่าเจ็บใจตรงที่ทำอะไรไม่ได้เลย


   “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานั้น...”


เพราะมีปัญหาใหญ่ยังรอจิณณะอยู่ และถ้าปัญหานี้ยังสะสางไม่ได้ พิทักษ์เชื่อว่าจิณณะไม่มีทางกลับเข้าไปอยู่ใกล้ครอบครัวตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเวลานี้คุณกอบกุลระแคะระคายเรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัวหลานชายแล้ว และกำลังลงมือตามสืบจากทุกทาง


   “ทิศพูดเหมือนกับว่า จิณรอทำอะไรสักอย่าง” ชเยนตร์ย้อนถาม ชั่ววินาทีนั้น พิทักษ์ก็กลับไปเป็นคนที่ฉาบด้วยน้ำแข็งเช่นเดิม สายตาของเขาถูกตีทึบด้วยกำแพงหนาที่ไม่บอกความรู้สึกอะไรอีก


   “ผมหมายถึงเรื่องที่จิณขอออกจากบ้านเพิ่งเกิด คุณกอบกุลเองก็คงยังไม่อยากพบหน้าจิณตอนนี้หรอกครับ”



เป็นอีกครั้งที่เขาตอบด้วยเรื่องจริงที่ทุกคนต่างรู้กันดีอยู่แล้ว คนถามลอบถอนหายใจเบา รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจปิดบังอะไรบางอย่าง แถมไม่มีใครงัดคำตอบที่แท้จริงออกมาได้อีกต่างหาก


   “รอให้คุณยายใจเย็นลงก็ดี” ชเยนตร์ได้แต่เออออไปด้วย ประวิงเวลาคิดหาคำถามอื่นที่จะล้วงความลับออกมาจากปากของพิทักษ์ ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รอ เพราะพิทักษ์เป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง


   “คุณยาย?...คุณกอบกุลเป็นคุณยายของพี่ชุนหรือ”


   “ใช่ พี่เป็นหลานยายคนเดียวในบ้าน”


   “อ้อ...ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกับจิณ”


ชเยนตร์หัวเราะ


   “แน่นอน แถมเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ใช้นามสกุลอื่นด้วย เพราะแม่ก็กลับมาใช้นามสกุลคุณยายหลังจากหย่ากับป๊า แถมหน้าตาพี่ก็ดันเหมือนป๊ามากกว่าแม่ซะอีก ตอนเด็กๆเวลาไปเที่ยวกับญาติทางแม่ ถูกทักประจำว่าเหมือนเด็กหลงมาจากบ้านอื่น แต่เวลาไปเที่ยวกับญาติฝั่งป๊า ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเหมือนทางนั้นมากนะ แค่ทุกคนฝั่งนั้นตาตี่เป็นเส้นแบบนี้เหมือนกันหมดเฉยๆ” รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขายิ่งทำให้ตาตี่ที่ว่ากลายเป็นเส้นเดียว


   “พี่ชุนนามสกุลอะไรหรือ”


   “ตั้งกาญจนพาณิชย์ รู้จักไหม อาม่าของพี่เปิดร้านทองอยู่ที่เยาวราช ทุกวันนี้แกก็ยังขายทองนะ พี่กับญาติๆบอกให้แกเลิก แต่แกว่าแกชอบค้าขาย อยากขายไปจนแก่ ตอนนี้แก่แล้ว แกว่าแกจะขายไปจนแก่มากกว่านี้ พวกพี่เลยไม่มีใครห้ามแกอีก” พิทักษ์พยักหน้ารับรู้ ฝ่ายชเยนตร์ดูจะติดลมบนไปแล้ว จึงพูดต่อตามประสาคนอัธยาศัยดี


   “ถ้าทิศผ่านไปแถวเยาวราช เห็นผู้หญิงแก่ๆ ยิ้มตาหยีๆแบบพี่ล่ะก็ คนนั้นแหละ อาม่าพี่เอง อ้างชื่อพี่ก็ได้ อาม่าใจดี จะลดราคาให้”


   “ถ้าแวะไปแถวนั้น ผมจะลองไปหาดู จริงๆแล้ว ผมก็เคยเจอคนในตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์มาหลายคน ป๊าของพี่ชุนชื่ออะไรหรือ บางทีผมอาจจะเคยเจอ...” คำถามนี้ของพิทักษ์ ทำให้ชเยนตร์ยิ่งติดลมหนัก เขาอธิบายวงสายเครือญาติของตนเองซึ่งมีมากมาย ในขณะที่ชายหนุ่มเจ้าของสนามกอล์ฟยังคงยิ้มจาง พยักหน้ารับคำตามไปเรื่อย รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าและคำถามชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องรอบๆตัวของชเยนตร์ ทำให้ญาติผู้พี่ของจิณณะพูดเพลินจนลืมตัว


   กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียว ก็ตอนที่จิณณะโทรศัพท์มาตามให้พิทักษ์ขับรถไปรับหลังเลิกประชุม ว่าที่ดอกเตอร์เพิ่งตระหนักเอาก็ตอนนี้ว่าเขาปล่อยให้พิทักษ์ชักนำตั้งคำถามจนตนเองลืมความตั้งใจเดิมเสียแล้ว


   ชายหนุ่มมองตามหลังเจ้าของสนามกอล์ฟที่ขอตัวออกไปรับจิณณะ แล้วจึงหันมองจารีต ก่อนจะเปรยด้วยความระอาใจที่มีต่อตนเอง


   “แฟนไอ้จิณเก่งจริงๆว่ะ” ญาติผู้น้องเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


   “เขาชวนพี่คุย จนพี่ลืมถามเขาไปเลย”


   “พี่ชุนจะถามอะไร” ชเยนตร์คิดถึงคำถามที่อยากรู้ เหตุผลที่จิณณะเลือกพิทักษ์มาอยู่ข้างกาย แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร อย่างหนึ่งที่เขารับรู้จากการพูดคุยกับพิทักษ์ในตอนแรก คือความรู้สึก


   “ช่างเถอะ เรื่องไหนก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ” ว่าที่ดอกเตอร์พูด เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สิ่งที่รับรู้จากการสังเกตพิทักษ์ ถ้าไม่นำบอกคุณกอบกุล คุณยายของเขาอาจเข้าใจผิดไปอีกนาน


   “พี่คงต้องกลับไปบอกคุณยายใหม่...” ชเยนตร์เอ่ย พลางหันมองญาติผู้น้องอีกครั้ง


   “ถ้าเรื่องของสองคนนั่นเป็นเรื่องตบตา พี่ว่างานนี้มีคนเจ็บ”


   “พี่ชุนหมายความว่าไง”


“มีคนจริงจังกับเรื่องนี้จริงๆน่ะสิ”


“หมายความว่า...พี่ทิศดันรักพี่จิณจริงๆ?”


   ชเยนตร์พยักหน้า แล้วถอนหายใจยาว


ติดตามตอนต่อไป (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคือ 14 มี.ค. ค่ะ)

คนรอบข้างดูออกกันหมดแล้วววว ปลัดจิณ พี่ทิศ ความรักไม่เป็นความลับจ้า ฮ่าฮ่า

ส่วนเรื่องทองสุกตาย ปลัดโดนหมายหัวนั่น ปลัดถึงคราวซวยจริงๆค่ะ ควรไปทำบุญปล่อยปลาไหล 999 ตัว

เนื่องจากบัวเข้าสู่ช่วงสอบ(หมายถึงช่วงอ่านหนังสือไม่ทัน ฮ่าฮ่า) ก็เลยจะของดลงนิยายก่อนนะคะ แต่ในช่วง 14 วันที่หายไปนี้ จะเอาตอนพิเศษเรื่องนึงมาลงแทนค่ะ (มันแทนกันได้มั้ย ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและทุกกำลังใจเช่นเคย ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันวันที่ 14 มี.ค.สำหรับเรื่องนี้ (และ/หรือ วันไหนสักันในช่วง 14 วันนี้กับตอนพิเศษเรื่องอื่นค่ะ อิอิ)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แอบน้ำตาซีม    :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
พี่ทิศน่ารัก เข้ากับครอบครัวของแฟน?ได้ดีนะเนี่ย พี่ชุนก็น่ารักเหมือนกัน สนุกค่า รอติดตามต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
กลัวใครจะได้รับอันตรายน่ะสิ่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขำพี่ชุนที่เก็บหน้าความอยากรู้ไม่อยู่ แถมยังมองออกอีกว่าพี่ทิศรักจิณจริงๆ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มาเม้นตอนก่อนหน้าไม่ทัน อิอิ
ครอบครัวเป็นประเด็นที่อ่อนไหวสำหรับหลายๆ คน ครอบครัวเป็นที่หลายๆ คนหวังว่าจะเป็นเซฟโซนของตัวเอง
การมีปัญหาเข้าหน้ากันไม่ติดกับคนในครอบครัวมันเลยเป็นประเด็นที่บั่นทอนและหนักหนากว่าคนภายนอก
เพราะเราต้องเจอกันแทบทุกวัน หลีกเลี่ยงกันได้ยาก โดยเฉพาะกับญาติผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ
ความรู้สึกบางครั้งมันเสียแล้ว มันเสียไปเลย ถึงจะคืนดีกันได้แต่มุมมองมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

น้องจิณ 180/65 แฮะ นึกว่าจะซัก 180/72-74 นิสัยใจคอ บุคลิกทำให้นึกถึง peter parker
อิมเมจในหัวเลยเป็น spider-man ps4 มาตลอดเลย เป็นนายเอกเท่ๆ ตัวแน่นๆ น่ากอด กากๆ กวนๆ
ปล. ขอยาดแปะภาพปลากรอบ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ติดหล่มจริงๆค่ะเรื่องนี้ ต้องค่อยๆอ่านไปทีละ​น้อย​

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
อยากขุดอีตาทองสุกขึ้นมาด่าเหลือเกิน
โยนเผือกร้อนให้จิณแท้ๆ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเล้ย
แต่ก็ ถ้าไม่มีอีตานี่ พี่ทิศกับจิณก็ไม่ได้กันอีกสินะ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

ฝากบอกคุณหญิงย่า  "ก็ความรักไม่ใช่ความลับ ถ้าอยากจะรักทำไมต้องปิด" ด้วยฟิลลิ่งญาญ่า


รู้สึกว่าพี่ชุนน่ารัก น่าจะเหมาะกับวรชิต อยู่ด้วยกันคงแย่งกันคุยทั้งวัน

เป็นห่วงปลัดดดดด ต้องจัดการไพศาลล

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อยากรู้ว่าทองสุกบอกใครไว้
กรือเรื่องกำลังเดินทางรอคนรู้อยู่

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
เขาไม่ได้ยืนเพียงลำพัง ไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ต่างๆเพียงผู้เดียว มี ‘ใคร’ อีกคนอยู่เป็นเพื่อน


...ไม่สิ...ไม่ใช่เพื่อน...กึ่งๆเพื่อน...กึ่งๆ...แบบ...คบกันแล้ว…


เขิลอ่าาาาาา เราเขิลมาก อ่านไปยิ้มไป 5555
พี่ทิศโคตรอบอุ่นเลย อิจฉาจิณ !!!
 :hao7:

ออฟไลน์ popuri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่าเป็นห่วงนักกว่าเดิมอีก พี่ทิศดูแลน้องดีๆนะคะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
พี่ทิศของน้องงงงง
พี่ชุนอัธยาศัยดีเกิ๊นนน มองย้อนไปที่โจ๊ก เจ๋งแล้วได้แต่มองบน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด