พิมพ์หน้านี้ - ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Dezair ที่ 20-12-2018 21:44:48

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 20-12-2018 21:44:48
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 20-12-2018 21:48:49
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
บทนำ


   ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบราชการพลเรือนสีกากีกระชับสองมือเข้ากับพวงมาลัยรถยนต์ในขณะที่เท้าเหยียบคันเร่ง พารถหรูวิ่งฉิวบนถนนสายเปลี่ยวที่มีเสาไฟห่างเป็นช่วง


   เขากลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก หัวใจยังเต้นถี่กับสิ่งที่พบเจอในขณะที่ดวงตาคอยแต่มองกระจกส่องหลังและกระจกข้างด้วยหวาดหวั่นว่าจะมี ‘ใคร’ ตามมา


   แต่…ถนนเบื้องหลังเงียบ มืด และปราศจากผู้คน


   หัวใจยังเต้นถี่ มือที่กุมพวงมาลัยยังชื้นเหงื่อ รองเท้าหนังมันปลาบเหยียบคันเร่งจนแทบมิด พุ่งทะยานบีเอ็มคู่ใจ แล้วทิ้งความมืดมิดของถนนเส้นนี้ไว้เบื้องหลัง

……………….

   โรงแรมใจกลางกรุงเทพฯในค่ำคืนนี้ครึกครื้นด้วยแขกเหรื่อผู้มีหน้ามีตาในแวดวงธุรกิจที่มาร่วมงานครบรอบวันเกิดของคุณกอบกุล  วงศ์กีรติ วัย 72 อดีตประธานบริษัทนำเข้าที่แม้จะถอนตัวจากตำแหน่งแล้ว แต่เส้นสายและบารมีของหล่อนยังประดับอยู่ในวงการไม่ต่างอะไรกับดาวค้างฟ้า


   รถบีเอ็มเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรม ก่อนที่ชายหนุ่มในชุดราชการสีกากีจะเปิดประตูลงจากรถ ให้พนักงานนำรถไปเก็บ เขากระแอมไอควบคุมสติและอารมณ์ให้คงที่แล้วขยับเครื่องแบบเล็กน้อยก่อนจะก้าวเท้าขึ้นบันไดเตี้ยตรงเข้าไปยังห้องบอลรูมที่ใช้จัดงาน แน่นอนว่าทั้งแขกในโรงแรมและพนักงานล้วนมองเขาเป็นตาเดียว


   จิณณะรู้ดีว่าคนพวกนี้ไม่ได้มองเพราะว่าเขาหน้าตาดี หล่อเหลาสูงสง่า อกผายไหล่ผึ่ง แต่เป็นเพราะชุดข้าราชการที่สวมอยู่ต่างหาก


   ชุดราชการกับโรงแรมหรูใจกลางเมือง


   เหลือบตามองบั้งบนบ่าตนเอง ถึงจะดูไม่เข้ากับสถานที่ไปสักหน่อย แต่ก็...สุภาพเรียบร้อยเหมือนเดินอยู่ในศาลากลาง!


   ชายหนุ่มไม่ได้สนใจสายตาใครอีก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว งานเลี้ยงใกล้เลิก แต่ ‘หลานนอกคอก’ ยังย่ำเท้าไปไม่ถึงแบบนี้ เดี๋ยวได้ถูกตัดออกจากกองมรดกกันพอดี เขาก้าวเท้ายาวขึ้น ไวขึ้น พ้นหัวมุมแล้วเลี้ยวซ้าย ก่อนจะกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง


   “โอ๊ย!” ไม่เจ็บเท่าไร พอร้องออกไปแล้ว ก็เลยหันไปค้อมศีรษะหนึ่งทีแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “ขอโทษทีครับ” จากนั้นก็เบี่ยงปลายเท้าเดินตรงดิ่งไปยังบานประตูห้องบอลรูมที่อยู่เบื้องหน้า พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นมองเขาที่อยู่ในชุดราชการด้วยสายตางุนงง


   “มางานคุณกอบกุล” เขาเอ่ยปาก พนักงานดูเหมือนจะไม่ได้สตินัก จิณณะเลยย้ำอีกครั้ง


   “ผมเป็นหลานเขา” พูดอย่างเดียวไม่พอแต่ชี้ป้ายชื่อที่ติดอยู่บนอกเสื้อตนเองให้ดูด้วย 


ชื่อ ‘จิณณะ’ นั่นไม่เท่าไร แต่นามสกุลห้อยท้ายว่า ‘วงศ์กีรติ’ ต่างหากที่ทำให้พนักงานรีบดึงประตูเปิดให้อย่างรวดเร็ว


   แสงไฟในงานสว่างจ้าจนต้องหยีตา แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มในชุดสีกากีก็ก้าวเท้าเข้าไปโดยไม่ลังเล


   ...คุณย่าครับ หลานนอกคอกมาแล้ว...

..........................

   คุณกอบกุลมีลูก 3 คน หล่อนมอบหมายธุรกิจในตระกูลให้แต่ละคนดูแลและคาดหวังว่าลูกทุกคนจะฟูมฟักธุรกิจที่หล่อนล้มลุกคลุกคลานมากับมันตั้งแต่ยังสาวจนเป็นปึกแผ่นในวันนี้ แน่นอน...หล่อนหวังว่าลูกทั้ง 3 จะส่งต่อให้หลานๆผู้สืบเชื้อสายของหล่อน


   ไกรสร ลูกชายคนโตมีลูกชายหญิง 2 คนที่เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศมาช่วยงาน


   กชกร ลูกสาวคนกลางมีลูกชาย 1 คนที่กำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ต่างประเทศ เมื่อหลานคนนี้กลับมา จะมาพร้อมกับคำนำหน้าชื่อว่าดอกเตอร์เพื่อบริหารกิจการของคุณกอบกุล


   โกศล ลูกชายคนเล็กมีลูกชาย 2 คน คนที่สองกำลังเรียนบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ส่วนคนที่หนึ่ง...เรียนจบแล้ว แต่...


   ...เป็นปลัด...


   ท่ามกลางชุดราตรีระยิบระยับ ชุดผ้าไหมอร้าอร่ามและชุดสูทสากลในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ มีใครบางคนผิดแผกแตกต่างจากพวก


   เป็นใครบางคนที่มาถึงงานตอนเกือบสี่ทุ่ม และมาด้วยชุด...ข้าราชการสีกากี


   หญิงชราร่างผอมวัย 72 ผู้เป็นเจ้าของงานหุบยิ้มทันควันเมื่อหันไปเห็นผู้แปลกแยก ในขณะที่เสียงอื้ออึงเกี่ยวกับข้าราชการหนุ่มที่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงหรูซึ่งรวมพลนักธุรกิจและนักคอนเนคชั่นทั้งหลายเริ่มดังขึ้นทั่วทุกมุมในงาน


   ทว่าก่อนที่คุณกอบกุลจะทันขยับตัว ผู้เป็นเป้าสายตาของคนทั้งงานก็ก้าวเท้าเข้ามาตรงหน้าหญิงชราที่ยืนอยู่ท่ามกลางลูกหลานเสียก่อน เขายกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม


   “สวัสดีครับคุณย่า”


คุณกอบกุลยืนตะลึงค้าง อ้าปากพะงาบ กวาดตาขึ้นลงมองชุดข้าราชการพลเรือนบนกายสูงสมส่วนของหลานชายนอกคอกแล้วก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบ!


   “ผมมาช้าไปหน่อย คุณย่าคงไม่ถือนะครับ”


   “จิณ...” ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มในชุดข้าราชการจะทันได้พูดอะไรอีก จรรยาผู้เป็นมารดาของเขาก็ก้าวเท้าออกมาขวางระหว่างบุตรชายและมารดาของสามี


   จิณณะลดสายตาลงมองมารดาด้วยสายตาซื่อใสและรอยยิ้มที่ยังเจืออยู่ที่มุมปาก


   “มากับแม่...” จรรยารู้ดีว่าแม่ของสามีไม่ถูกโฉลกกับหลานชายคนนี้แค่ไหน แต่ที่แย่ยิ่งกว่าความไม่ถูกโฉลกคือจิณณะก็ช่างหาเรื่องด้วยการสวมชุดข้าราชการมางานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของคุณกอบกุลผู้ใฝ่ฝันให้ลูกหลานทุกคนรับตำแหน่งในอาณาจักรของหล่อน ไม่ใช่ก้าวเท้าออกไปเป็นข้าราชการอย่างที่หลานนอกคอกอย่างจิณณะทำ!


   มารดาไม่รอให้บุตรชายพูดอะไรมากกว่านั้นก็จับแขนดึงออกจากงานเลี้ยง ชายหนุ่มในชุดข้าราชการยอมก้าวเดินตามแต่ไม่วายหันกลับไปสบตากับคุณย่าของตนอีกครั้ง เขากระตุกยิ้มอีกทีแล้วพูดเสียงดังกลบเสียงดนตรีในงาน


   “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทู้ยูนะครับ คุณย่า”


   นี่ไม่ใช่การอวยพรอย่างจริงใจ แต่คือการประกาศสถานะ ‘ย่าหลาน’ ให้ได้รับรู้โดยทั่วกัน!

............................

   ก็ยังมองกันอยู่ดี


   จิณณะกวาดตามองไปรอบกาย พนักงานโรงแรมเอย แขกที่เดินอยู่บริเวณนี้เอย ล้วนมองมาที่เขาผู้ซึ่งสวมชุดข้าราชการมาโรงแรมหรูกลางกรุง


   ...แปลกตรงไหน?! ประชาชนยังสวมชุดธรรมดาไปศาลากลางได้ แล้วทำไมข้าราชการอย่างเขาจะสวมเครื่องแบบมางานเลี้ยงที่โรงแรมไม่ได้ล่ะ...


   “ไหนว่าวันนี้มาไม่ได้ไงล่ะ จิณ” จรรยาผู้เป็นมารดาถามหลังจากถอนหายใจไปแล้วหนึ่งเฮือก กวาดตามองเครื่องแบบบนหุ่นสูงสมส่วนของบุตรชายแล้วก็อยากจะถอนหายใจอีกเฮือก


   จิณณะหน้าตาดี หล่อเหลา มีเสน่ห์ ไหนจะอกผายไหล่ผึ่งพ่วงด้วยส่วนสูง 180 เซนติเมตร เมื่อรวมกับเครื่องแบบที่ถูกตัดเย็บมาพอดีตัว ยิ่งส่งให้เขาดูสง่าผ่าเผย แต่...ต่อให้สง่าเพียงใด ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่มีค่าในสายตาคุณกอบกุลตั้งแต่เห็นชุดเครื่องแบบแล้ว


   “ก็...พอดีมาได้แล้ว” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบว่าเพราะอะไรเขาถึงตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯกะทันหันในคืนนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้คิดจะกลับมาร่วมงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของคุณย่าตั้งแต่แรก


   “แล้วทำไมไม่แวะเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย...” มารดาถาม แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายตาของหล่อนเห็นรอยขาดที่แขนเสื้อเครื่องแบบ


   “จิณ...นี่รอยอะไร...” หล่อนดึงแขนซ้ายของบุตรชายมาดู ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อพบว่านอกจากรอยขาดยาวแล้ว ยังมีคราบแดงกรังด้วย


เสียงสูดปากดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่จิณณะจะรั้งแขนของตัวเองกลับไป


   “ไม่เป็นไรหรอกแม่ คง...โดนอะไรเกี่ยว” ประโยคหลังของชายหนุ่มเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อยราวกับกำลังปกปิดบางอย่าง ทว่ามารดาผู้เห็นรอยเลือดของลูกชายไม่ทันสังเกตอาการปกปิดเพราะความห่วงใยกำลังครอบงำ


   “เสื้อหนาขนาดนี้ โดนอะไรเกี่ยวถึงขั้นเลือดออก?!”


   “ชู่ว์ เบาสิแม่ เดี๋ยวคนก็แห่ออกจากงานมาดูหรอก คุณย่าได้ตาเขียวอีก” คราวนี้จรรยาตวัดสายตามาทำตาเขียวใส่ลูกชายบ้าง


   “รู้ด้วยหรือว่าคุณย่าตาเขียว” หล่อนย้อนถาม แต่ไม่วายเป็นห่วงแผล


“แล้วทายาทำแผลรึยัง”


   “ยัง...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดน...” จิณณะไม่ได้พูดว่าเขาโดนอะไรมา วินาทีนั้นที่ต้องเอาตัวรอดก็ลืมสิ้นไปหมดทุกอย่างแล้ว แถมพอมาถึงก็ต้องรีบเสนอหน้าเข้าไปแสดงตัวเป็นหลานอีก หากไม่ใช่เพราะมารดาสังเกตเห็น เขาก็คงไม่รู้ตัวว่าได้แผลมาอย่างนี้


   คนเป็นแม่ถอนหายใจอีกเฮือกพลางส่ายหน้า


   “เดี๋ยวแม่จะไปถามพนักงานว่ามีกล่องยามั้ย จิณนั่งก่อน”


ลูกชายไม่อยากค้านให้ถูกซักไซ้อะไรนัก เลยยอมตามใจเดินไปนั่งรอที่โซฟา ปล่อยให้จรรยาไปถามหากล่องปฐมพยาบาลจากพนักงาน เมื่อปลอดคน ชายหนุ่มจึงเอนหลังพิงเบาะนุ่ม


   โรงแรมหรูใจกลางเมืองก็ดีอย่างนี้ แอร์เย็นฉ่ำ กลิ่นอโรม่าหอมผ่อนคลาย โซฟาที่ตั้งเอาไว้อย่างไม่มีประโยชน์อื่นใดนอกจากจัดพื้นที่ให้สวยก็นุ่มเด้งรับสัดส่วนสรีระ


   ความเจริญอยู่ตรงนี้ แล้วเขาไปอยู่ทำไมในที่ที่...อันตรายวะ?!...


   จิณณะชันศอกกับที่เท้าแขนแล้วเอนศีรษะวางขมับลงกับฝ่ามือ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเหยียบมิดเข้ากรุงเทพฯ แล้วต่อด้วยการร่วมงานเลี้ยงหรูหรามันช่างเป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


   “จิณ...” เสียงเรียกทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเงยหน้ามอง มารดายืนอยู่ตรงหน้าเขา สายตาที่มองตรงมาเต็มไปด้วยความห่วงใย


   “ไหวรึเปล่า ไปโรงพยาบาลไหม”


   “ไม่เป็นไรครับ นี่กล่องยาหรือ เอามาสิ เดี๋ยวผมทำเอง”


   “ทำเองก็ได้ตาเหล่กันพอดี” จรรยายื้อกล่องพยาบาลเอาไว้เอง ทว่าพอหล่อนจะถกแขนเสื้อเครื่องแบบขึ้นก็ลำบาก แต่จะให้ถอดเสื้อตรงนี้ ก็คงเรียกสายตาคนรอบข้างมากกว่าเดิม


   “ผมว่าผมเข้าไปทำในห้องน้ำเองดีกว่า” จิณณะเห็นอาการยึกยักไม่รู้จะถกแขนเสื้อดี หรือจับเขาถอดเสื้อดีก็เสนอ ทว่าการที่เขาจะเข้าห้องน้ำไปทำเอง ผู้เป็นมารดาก็ยิ่งเป็นห่วงเพราะเกรงว่าเขาจะทำอย่างขอไปที


   หล่อนมองซ้ายมองขวา กำลังจะอ้าปากขอความช่วยเหลือจากพนักงานแถวนั้นให้หาพนักงานผู้ชายสักคนพาบุตรชายไปทำแผลในห้องน้ำ ก็พอดีกับที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเดินเลี้ยวหัวมุมมา


   “ทิศ...” จรรยาร้องเรียก ทำเอาจิณณะต้องหันมอง


   เจ้าของชื่อคือชายหนุ่มร่างสูงหนาในชุดสูทสีดำพอดีตัว ผมสีดำสนิทเซ็ตเปิดหน้าผาก ให้เห็นโครงหน้าชัด คิ้วเข้ม ตาดุ จมูกโด่ง ริมฝีปากบางที่ไม่แม้แต่จะมีจุดโค้งที่มุมปากสักนิดให้รู้ว่าอารมณ์ดี


หน้าตาแบบนี้จะว่าคุ้นก็ใช่ จะว่าไม่คุ้นก็ได้ หากเจอกันข้างนอก จิณณะก็คงเดินผ่านเพราะจำไม่ได้ แต่...ชื่อ ‘ทิศ’ นี่สิ...คุ้นหู


   ‘ชื่อทิศ? ทิศอะไร ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก?’


   ‘ชื่อทิศเฉยๆ’


   ‘งั้นเรียกทิศเฉยๆนะ ทิศเฉยๆ...’



   เสียงฝีเท้าที่ดังเข้าใกล้ทำให้ข้าราชการหนุ่มตื่นจากภวังค์ ภวังค์ที่มีแค่เสียงเก่าๆในสมอง แต่ไม่มีภาพจำหลงเหลืออยู่แล้ว


   นานมากแล้ว


   ครั้งหนึ่งเราเคยรู้จักกันเมื่อนานมากแล้ว


   ‘ทิศ’


   “จิณจำทิศได้ไหม ลูกน้าภา ตอนเด็กๆเคยเล่นด้วยกันไง”


จิณณะอยากตอบว่าจำไม่ได้ แต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วฉีกยิ้มแทนคำตอบ จรรยาไม่ได้สนใจรอยยิ้มของลูกชายนัก หล่อนหันไปทางชายหนุ่มที่เรียกมา


   “ทิศช่วยจิณทำแผลหน่อยได้ไหม ไม่รู้ไปโดนอะไรมา เข้าไปทำในห้องน้ำ จะได้ถอดเสื้อสะดวก”


ดวงตาของคนถูกไหว้วานเหลือบลงต่ำมองจิณณะที่นั่งอยู่บนโซฟา รายนั้นมองเขาก่อนแล้ว ราวกับกำลังหยั่งเชิงสถานการณ์ว่าเขาจะตอบตกลงหรือไม่


   “ครับ” ทว่าไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ จรรยาเป็นพี่สาวของมารดาเลี้ยงของเขา ถึงคนตรงหน้าจะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดหรือญาติโกโหติกาที่เกี่ยวดองกันในตระกูล แต่...ก็เคยรู้จักกันมาก่อน



   ...เมื่อนานมาแล้ว...



   ‘จิณ’



   “จิณ ลุกสิ จะได้ไปทำแผล” เมื่อถูกมารดากระตุ้น บุตรชายก็ได้แต่พยักหน้าเอื่อยๆ ก่อนจะยอมลุกจากโซฟา เขาให้คนที่มารดาไหว้วานเป็นฝ่ายเดินนำก่อน


   ห้องน้ำของโรงแรมปูด้วยแผ่นกระเบื้องลายหินอ่อน ระยิบระยับและสะอาดสะอ้าน ใหญ่โต โอ่อ่า อย่างที่ไม่ควรเป็นแค่ห้องน้ำเลย


   “ขอดูแผลหน่อย” เสียงทุ้มทำให้ข้าราชการหนุ่มต้องเหลือบตามามอง ก่อนจะเอียงตัวหันด้านซ้ายเข้าหาคนพูด รอยขาดของเครื่องแบบ และรอยกรังของเลือดทำเอาคนเห็นถึงกับคิ้วขมวด ปลายนิ้วยาวจับเนื้อผ้าเบาๆ


   “มีอะไรหรือ” จิณณะหันมาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป


   ดวงตาของชายหนุ่มในชุดสูทดำสบเข้ากับตาของเขา ก่อนจะเอ่ยปากถาม


   “ผ้าหนาขนาดนี้ โดนอะไรมาถึงขาดจนเป็นแผล”


และเป็นคำถามที่ทำเอาคนได้แผลถึงกับชะงัก ชายหนุ่มข้าราชการเบือนสายตาหนีไปทางอื่นอย่างอับจนคำพูด


   ไม่สิ เขาไม่ได้อับจนไม่มีคำตอบ เพียงแต่คำตอบที่มี...พูดออกไปไม่ได้


   “ไม่รู้เหมือนกัน นี่ผมต้องถอดเสื้อใช่ไหม” จิณณะเลี่ยงประเด็นมาพูดเรื่องถอดเครื่องแบบแทน แม้จะเจ็บแสบเพราะขยับแขนแล้วแผลเสียดสีกับเนื้อผ้า แต่เขาก็ทำเพียงข่มกรามแล้วรีบปลดกระดุมจนเหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวใน แผลที่ต้นแขนซ้ายนั้นไม่ยาวมากนัก เลือดหยุดแล้วแต่ก็ยังมีร่องรอยเกรอะกรังรอบปากแผล


   ระหว่างการทำแผลเป็นไปอย่างเงียบเชียบ จิณณะปล่อยสายตามองไปรอบๆ ไม่ได้สนใจการทำแผลสักเท่าไร แต่เพราะห้องน้ำหรูหรามีกระจกบานใหญ่ติดอยู่ที่อ่างล้างมือ สุดท้ายสายตาของเขาก็ไปตกอยู่ที่ภาพสะท้อนของตนเองและ...พิทักษ์...


   ‘ทิศ’ หรือพิทักษ์ เป็นลูกเลี้ยงของน้าสาวของเขา รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะอายุมากกว่า แต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าสมัยเด็กๆที่เคยเล่นด้วยกัน เขาเคยเรียก ‘พี่’ ไหม ถ้านับอาวุโส ก็ควรเรียก แต่...แล้วตอนนี้ล่ะ? ตอนนี้เขาควรเรียกว่าอะไร


   ‘พี่ทิศ’


   ‘คุณพิทักษ์’


   อย่างหลังนั่นลืมไปได้เลย ถึงจะไม่ใช่ญาติโดยสายโลหิต แต่ก็นับศักดิ์ว่าเป็นลูกเลี้ยงของน้องสาวของแม่ ไม่จำเป็นต้องสุภาพถึงขั้นเรียกขึ้นต้นว่า ‘คุณ’ หรอก


   “เสร็จแล้ว” ยังไม่ทันจะตัดสินใจได้ว่าจะเรียกว่า ‘พี่’ หรือ ‘คุณ’ เสียงของคนทำแผลก็ดังขึ้น


   จิณณะละสายตาจากภาพสะท้อนในกระจกมาก้มลงมองแขนของตนเองที่ติดผ้าก็อซเรียบร้อย ทว่าพอจะเอ่ยขอบคุณ คนที่หันกลับไปเก็บยาลงกล่องพยาบาลกลับพูดขึ้นมาเสียก่อน


   “ควรไปโรงพยาบาลนะ ไม่รู้โดนอะไรบาดแบบนี้ เผื่อฉีดยากันบาดทะยัก”


ข้าราชการหนุ่มยกยิ้มหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะส่ายศีรษะ


   “ไม่ต้องหรอก แผลแค่...”


ยังพูดไม่ทันจบ พิทักษ์ก็หันกลับมามอง


   “หรือรู้แล้วว่าอะไรบาด” 


เกิดเป็นความเงียบในห้องน้ำกว้าง ดวงตาสองคู่มองสบกัน ฝ่ายหนึ่งคือดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มรุ่นพี่ในชุดสูทที่จับจ้องราวกับหยั่งเชิง ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคือดวงตาของข้าราชการหนุ่มซึ่งกำลังปกปิดบางอย่าง


   ก่อนจะเป็นฝ่ายจิณณะที่เบือนสายตาหนีไปทางอื่นก่อน พลางหัวเราะเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร


   “ผมจะไปรู้ได้ไงว่าอะไรบาด เพิ่งรู้เมื่อกี้ด้วยซ้ำว่าเป็นแผล”


เรื่องหลังนั่นเขาพูดความจริง ถ้ามารดาไม่สังเกตเห็น เขาก็คงไม่รู้ แต่เรื่องแรก...ถึงจะไม่เห็นด้วยสองตา แต่เขาคิดว่าเขารู้ว่าแผลนี้เกิดจากอะไร


   “ขอบคุณมากที่ช่วยทำแผลให้ เดี๋ยวผมเอาไปคืนเอง” จิณณะสวมเสื้ออย่างรวดเร็วก่อนจะดึงกล่องพยาบาลมาถือแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว


   ชายหนุ่มในชุดข้าราชการไม่ได้หันกลับไปมองคนข้างหลังอีก ไม่ว่าสมัยก่อนจะเคยเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่’ หรือไม่ แล้วตอนนี้ควรจะเรียกว่า ‘พี่’ หรือ ‘คุณ’ ก็ไม่สำคัญอีกแล้ว


   ช่างซักช่างถามไม่พอ ยังจ้องอย่างกับจับผิดอีก


   คนแบบนี้อย่าคุยด้วยจะดีกว่า ไม่สิ...ต่อให้เป็นญาติตามศักดิ์ ก็อย่าพบอย่าเจอกันอีกเลยจะดีที่สุด!

ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

สวัสดีวันพฤหัสค่ะ

หลังจากหายไปหลายเดือน กลับมาอีกครั้งกับเรื่องยาว (ที่คิดว่าน่าจะยาวมากอยู่) แม้ตอนนี้จะสั้นเพราะเป็นบทนำ แต่ตอนอื่นๆยาวมากค่ะ ฮ่าฮ่า

ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ ตัวเอกของบัวสร้างปัญหาอีกแล้วล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนเม้นท์ และๆทุกๆกำลังใจนะคะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ryokame ที่ 20-12-2018 22:02:34
 :katai2-1: :katai2-1:
เจิมๆ เรื่องใหม่มาแล้วววว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-12-2018 22:06:23
เย้ ๆ เรื่องใหม่มาแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-12-2018 22:14:40
ท่าทางจะแสบสันต์นะเนี้ย พ่อปลัด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 20-12-2018 22:21:04
โดนอะไรมาน่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Cacao ที่ 20-12-2018 22:22:06
กรี๊ดดดดดด เรื่องใหม่ เผชๆๆ สนุกแน่ๆเลย ฮรือออออ ขนาดบทนำยังสนุกขนาดนี้
รอตอนใหม่อาทิตย์หน้าค่า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 20-12-2018 22:22:39
นี่แค่เจิมตอนแรกยังสัมผัสได้ถึงความแสบของนายเอกแล้ว เด็กดื้อมากกกกกกก
ละนี่ก็สงสัยขึ้นมาอีกว่าสรุปแล้วแขนไปโดนอะไรเข้า ดูมีลับลมคมในสุดๆ
ประเด็นคือฉากเปิดตัวพระเอกของเรื่องนี่มาแบบกรี๊ดกร๊าดหัวใจเวอร์ มีความกร้าวใจสุด5555
และคาดว่าเราคงจะได้เห็นใครบางคนเรียกพี่ทิศในอนาคตอันใกล้นี้สินะ  :hao3:
ลุ้นในลุ้นจนแบบไม่ไหวจะรอแล้ว อยากให้พรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสอีกรอบเลยทีเดียว ฮาาาาาา

ยังไงก็...ยินดีต้อนรับกับเรื่องใหม่ของคุณบัวด้วยนะคะ  :katai2-1:
เราติดตามงานเขียนของคุณบัวมาเรื่อย ๆ รักตั้งแต่ความแสบความซนของของขวัญแล้วค่ะ
ยิ่งเปิดเรื่องใหม่มาเซอร์ไพร์สกันแบบนี้ บอกเลยว่ายิ่งต้องคอยติดตามไปจนกว่าจะจบเรื่องเล้ย
เอาเป็นว่า...ตอนนี้ยังไม่อยากเดาอะไรไปไกลกว่านี้ เพราะกลัวว่าจะเดาผิด
แต่ไม่ว่าน้องจิณจะแสบจะหาเรื่องยังไง สิ่งที่อยากรู้จริงๆจากเรื่องนี้ก็คือ...*กระซิบ*
พี่ทิศเค้าจะแอบแซ่บแอบขี้แกล้งเหมือนพี่โตรึเปล่าคะ  :z1:
*วิ่งหลบ*
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-12-2018 22:27:39
นึกดีใจที่เข้ามาอ่าน ถึงได้สังเกตุเห็นว่าเป็นคุณบัว ยินดีต้อนรับการกลับมาสำหรับเรื่องใหม่ค่ะ รอดูนายเอกของคุณว่าจะมีเรื่องขวนปวดหัวแบบไหนอีก  :pig2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-12-2018 22:30:33
 :mc4: เจิมค่าาาา ดีใจจัง ได้อ่านนิยายบัวอีกแล้ว 

ชอบมาก นายเอกขาลุยจอมซนอย่างจิณณะแบบนี้ มาคราวนี้เป็นปลัดเลย เจ็บตัวไม่เว้นวันแน่ๆ ทิศจะจัดการแบบไหนนะถึงจะหยุดซน ตามค่าาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 20-12-2018 22:47:00
เป็นปลัดตงฉินหรือเปล่า ไปขัดแข้งขัดขาใครเข้าเลยโดนเล่นมา555 เอะหรือว่าโดนอะไรเหนืิธรรมชาติทำร้ายมา?  ไม่น่าา :laugh:

หวังว่าจิณจะมาลบล้างภาพลักษณ์ราชการแย่ๆที่ติดตาเรามาตั้งแต่เกิดได้ :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 20-12-2018 23:08:09
คุณบัวมาล้าวววว ดีใจ~~~

เรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำ
แต่ก็นะ ระบบอุปถัมภ์มีความซับซ้อนเสมอ~~~

รอเจอกันทุกพฤหัสต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-12-2018 00:14:20
เจิมค่าาา ทำไมอ่านแล้วคิดว่ามีผี  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-12-2018 00:22:54
สงสัยจิณคงโดนผู้มีอิทธิในแวดวงข้าราชการและพวกนักธุรกิจโฉดเล่นงาน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 21-12-2018 01:29:54
คิดถึงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 21-12-2018 04:25:06
 :really2: :really2: :really2:

ดีใจมากๆๆๆๆๆ เรื่องใหม่มาแล้วววว
สวัสดีวันพฤหัสทุกๆ สัปดาห์ค่าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 21-12-2018 08:17:23
ดีใจมากกกกก คิดถึงคุณบัววว

เรื่องราวต้องซับซ้อนไปอีกแน่เลย จะรอติดตามนะค้าาาา   o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 21-12-2018 08:56:50
เย้ ยินดีต้อนรับเรื่องใหม่ของคุณบัวค่ะ  :man1:  :pig2:  อ่านชื่อเรื่องแล้ว พี่ทิศจะเป็นคนมาช่วยเหลือดูแลจิณรึเปล่าน้า หนูซ้อมเรียกพี่ทิศแล้วนะคะ! (สรุปพระเอกอาจจะไม่ใช่พี่ทิศ  :laugh: ) จิณต้องไปก่อเรื่องกับใครไว้แน่ๆเลย ป่วนสุด ดูได้จากการปั่นคุณย่าตัวเอง 555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 21-12-2018 09:56:19
 :mc4: เรื่องใหม่มาแล้ว รออ่านงานของคุณ Dezair มาตลอดเลยค่ะ  :heaven
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-12-2018 10:01:47
รอค่ะ เรื่องใหม่มาทั้งทีจะไม่รอได้ไง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 21-12-2018 10:39:55
เย้ๆ มาเจิมเรื่องใหม่คุณบัวค่ะ เปิดเรื่องก็ซนซะแล้วคุณจิณ รอตอนหน้านะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-12-2018 11:22:07
เรื่องใหม่มาแล้ว เย้ๆ :mc4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 21-12-2018 11:44:10
ยินดีต้อนรับค่าาาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 21-12-2018 12:06:38
ฮือออ ชอบบบบบบบบ
ชอบนายเอกทุกเรื่องของคุณบัวเลยค่ะ ตกหลุมรักง่ายๆทุกครั้งเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-12-2018 12:42:08
 :mc3: :mc3: :mc3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 21-12-2018 13:02:45
เจิมมม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 21-12-2018 13:14:18
มานานจังงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: silverspoon ที่ 21-12-2018 13:43:31
เห็นชื่อคนเขียนรีบคลิกเข้ามาด้วยความไวแสง  :hao7: นายเอกกวนจังค้า :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 21-12-2018 14:37:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iiamerror_ ที่ 21-12-2018 16:42:30
ดีใจที่คุณบัวมาเปิดเรื่องใหม่นะคะ เปิดเรื่องมาก็น่าติดตามแล้ว น้องจิณเปิดตัวได้น่าสนใจ
PS. แต่ยังคิดถึงของขวัญ พี่โต และเด็กๆอยู่เสมอนะคะ แอบรอตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 21-12-2018 17:34:38
เข้ามาติดตามคุณบัวครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 21-12-2018 19:36:47
คุณปลัดหนุ่มและญาติผู้พี่ดูจะมีความหลังหรือเรื่องลับลมคมในกันบางอย่าง ซึ่งน่าติดตามมาก แต่จุดสนใจของเราคือชื่อเรื่อง "ระบบอุปถัมภ์" อื้อหือ เรียกความสนใจอย่างมากทีเดียว รู้สึกว่ากำลังจะได้อ่านเรื่องที่พล็อตเรื่องมีการขับเคี่ยวกันของฝ่ายบ้านเมืองกับฝ่ายผู้ร้ายแน่ๆ นึกถึงฉากพื้นที่ปลอดกฏหมายและคนฆ่ากันเป็นเรื่องธรรมดา หูย...รออ่านเลยนะคะเนี่ย

ขอบคุณคุณบัวสำหรับนิยายเรื่องยาวเรื่องใหม่เลยค่ะ ^____^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 21-12-2018 20:59:38
เย้ดีใจในที่สุดคุณบัวก็เปิดเรื่องใหม่แล้ว รอติดตามตอนต่อไปค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 22-12-2018 06:24:41
รอติดตามเลยค่า เปิดเรื่องมาก็น่าสนใจแล้ว คุณปลัดไปโดนอะไรมากันแน่เนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 22-12-2018 08:50:47
มารอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 22-12-2018 12:56:17
 :hao3: โผล่ขึ้นมาก็เป็นตัวป่วนเลยน้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 22-12-2018 17:48:26
มีเรื่องใหม่มาให้ติดตามแล้ว ตัวละครแสบเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 22-12-2018 19:39:45
ตามออนแอร์เรื่่องใหม่ของคุณนักเขียนสุดโปรดดด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 22-12-2018 21:05:23
น่าติดตามมากเลยค่า ใครเป็นเมะน้าาาาา น่าจะทิศ ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 23-12-2018 09:32:23
 :mc4: สำหรับเรื่องใหม่ 
 :L2: :pig4: คุณบัว
 ต่อไปคือ วันพฤหัส วันนี้ที่รอคอย :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 23-12-2018 10:07:12
สัมผัสได้ถึงความฮอต :o8:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Arayajanm ที่ 23-12-2018 10:10:51
 :hao7:  พฤหัส ที่รอคอยยย ..... ตั้งตารอเลยค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 23-12-2018 15:02:39
โอ้ จะมาแนวไหนนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 24-12-2018 06:53:35
 :mc4: :mc4:ต้อนรับเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 24-12-2018 10:27:43
ชอบความกวนของนายเอก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 24-12-2018 10:49:19
เย้ๆ คุณบัวมาแล้วววว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-12-2018 05:21:31
เรื่องชื่อเรื่องเห็นด้วยกับคห.นี้เลยค่ะ น่าติดตามค่ะ

อ่านๆ ตอนแรกเหมือนๆ จะมีผี 555 หวังว่าคงไม่ม่ามากหรอก(มั้ง)

แต่จากชื่อเรื่องเรากลัวเจ็บหนักจังค่ะ (ฮา)

คุณปลัดหนุ่มและญาติผู้พี่ดูจะมีความหลังหรือเรื่องลับลมคมในกันบางอย่าง ซึ่งน่าติดตามมาก แต่จุดสนใจของเราคือชื่อเรื่อง "ระบบอุปถัมภ์" อื้อหือ เรียกความสนใจอย่างมากทีเดียว รู้สึกว่ากำลังจะได้อ่านเรื่องที่พล็อตเรื่องมีการขับเคี่ยวกันของฝ่ายบ้านเมืองกับฝ่ายผู้ร้ายแน่ๆ นึกถึงฉากพื้นที่ปลอดกฏหมายและคนฆ่ากันเป็นเรื่องธรรมดา หูย...รออ่านเลยนะคะเนี่ย

ขอบคุณคุณบัวสำหรับนิยายเรื่องยาวเรื่องใหม่เลยค่ะ ^____^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Rubyrain ที่ 26-12-2018 09:12:21
ดีใจๆ เรื่องใหม่มาแล้ววว
คุณจิณนี่คงจะดื้อพอดูนะคะ ถึงไปได้แผลมา
ติดตามๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 26-12-2018 10:34:02
คุณปลัดทำตัวอย่างกับไปเป็นตำรวจแน่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 26-12-2018 12:02:10
นายเอกท่าจะพยศน่าดู
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 26-12-2018 20:51:48
เปิดมาก็ชอบแล้ว  :mc4:
แต่ไม่้คิดไปเองรึป่าว รู้สึกสำนวนการเขียนคุณบัวเปลี่ยนไป เหมือนอ่านนิยายแปลนิดๆ คือชอบ คือดีค่ะ ติดตามแน่นอน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทนำ (20/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-12-2018 21:10:18
 :mc4: :mc4:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 27-12-2018 20:36:37
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 1   


   จิณณะไม่ได้กลับเข้าไปในงานเลี้ยงอีก พอออกจากห้องน้ำ ก็พบว่าบิดาของเขาตามออกมาจากห้องจัดเลี้ยงแล้ว และดูเหมือนจรรยาจะเล่าเรื่องที่ลูกชายคนโตตัวดีได้แผลมาด้วย ทว่าพอเขาโบกมือว่าไม่เป็นอะไรมาก คนเป็นพ่อก็ไม่ซักไซ้นัก นอกเสียจากสั่งให้กลับบ้านโดยไม่ต้องร่ำลาคุณย่าเจ้าของงาน


อันที่จริงการที่เขาตั้งใจจะไม่มาแต่แรกก็เห็นจะเป็นเรื่องสมควรแล้ว แต่...มันจำเป็น


ชายหนุ่มลืมตามองเพดานในห้องนอน แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาให้ความสว่างจนมองเห็นเพดานฉลุลายหรูหรา


...รสนิยมของคุณย่า...


ทั้งๆที่บ้านหลังนี้บิดาสร้างขึ้นใหม่ แต่ก็สร้างในอาณาเขตเดียวกับคฤหาสน์หลังใหญ่ของคุณกอบกุล


ทุกอย่างในตระกูลวงศ์กีรติล้วนอยู่ในปกครองของคุณกอบกุลเสมอ ไม่สิ มีหนึ่งอย่างที่นอกลู่นอกทาง ก็หลานที่ชื่อจิณณะนี่อย่างไรล่ะ


แถมยังนอกลู่นอกทางจนเกือบเอาชีวิตไปทิ้งอีกต่างหาก


พอคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน เขาก็ถอนหายใจอีกเฮือก ทว่ามันไม่ได้ทำให้โล่งอกขึ้นเลย เสียงฝีเท้า เสียงปืน เสียงเอะอะเอ็ดตะโร เสียงสุดท้ายของคนที่ไปด้วยกันกับเขายังคงดังอยู่ในสมอง


‘แยกกันปลัด!’


เขาไม่รู้ว่าหลังจากนั้น เกิดอะไรขึ้นอีก ไม่มีใครติดต่อมา แม้แต่ ‘พี่สุก’ เจ้าของเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนจะมีเสียงปืนดังไล่หลัง


เขาได้แต่กลั้นหายใจ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ควรคิดถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด อย่างน้อยวันนี้ต้องลุกจากเตียงแล้วกลับไปทำงาน ทำทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อคืนเขาก็แค่ตีรถเข้ากรุงเทพเพื่อมาร่วมงานเลี้ยงของคนในครอบครัวเท่านั้น


ชายหนุ่มลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำ หากจะบอกว่าห้องน้ำในโรงแรมเมื่อคืนหรูหรา ห้องน้ำในห้องนอนส่วนตัวของเขาก็ไม่ได้แตกต่างกันเสียเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้น จิณณะก็ไม่ใช่คนหยิบหย่ง เขาเป็นคนง่ายๆ อยู่ที่ไหนก็ได้ สมัยเรียนเคยออกค่ายไปนอนกลางดินกินกลางทรายก็ทำมาแล้ว นามสกุลวงศ์กีรติที่มาจากคุณย่ากอบกุล ไม่ได้ลดทอนความเป็นตัวตนของเขาเลย


ติดดิน กินง่ายอยู่ง่าย สมบุกสมบัน


คุณย่าเรียกสิ่งเหล่านั้นของเขาว่า ‘ขบถ’


จิณณะออกจากห้องนอนอีกครั้งเมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ได้แก่เสื้อเชิ้ตรีดเรียบกริบกับกางเกงที่สุภาพที่สุดในตู้เพราะต้องแวะเข้าไปโผล่หน้าที่ที่ว่าการ


ชายหนุ่มก้าวเท้าลงบันไดที่มีราวเป็นสีทองอร่ามสะท้อนแสงไฟจากแชนเดอเลีย ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ระยิบระยับและสะอาดสะอ้าน เขาเดินเลี้ยวเข้าห้องอาหารเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนจะขับรถออกจากกรุงเทพกลับไปต่างจังหวัดเพื่อทำงาน ทว่าทันทีที่โผล่หน้าเข้าไป โกศลและจรรยาก็เงยหน้าขึ้นมองเขาทันที


“อ้าว พ่อยังไม่ไปทำงานหรือ” เขาทัก ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อพบว่านอกจากบิดาจะยังไม่เข้าบริษัทแล้ว ทั้งๆที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร แต่กลับไม่มีอาหารเช้าวางอยู่ตรงหน้า


เหมือนไม่ได้นั่งอยู่ที่นี่เพื่อทานข้าว แต่นั่งอยู่ที่นี่เพื่อรอพบ...เขา...


“พ่อรอคุยกับแก”


“คุยอะไรครับ หรือเรื่องที่ผมไปงานคุณย่าทั้งๆที่บอกว่าจะไม่ไป โธ่พ่อ ผมกะเซอร์ไพรส์ไง” จิณณะไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรเลย ถึงเขาจะเป็นหลานนอกคอก แต่ก็นับว่าเป็นหลาน


“ไม่ใช่เรื่องนั้น”


“แล้วเรื่องไหน” จิณณะย้อนถาม


“เมื่อคืนมีคนตาย”


ปลัดหนุ่มกะพริบตาปริบๆ


“แล้วยังไง ทุกๆวันก็มีคนตายนี่ครับ”


“คนที่ตายเป็นคนในอำเภอที่แกทำงานอยู่ พ่อจำได้ว่าเขารู้จักกับแกด้วย”


บุตรชายคนโตของโกศลนิ่งงัน ดวงตาเบิกค้างในขณะที่ริมฝีปากสั่นน้อยๆ ลมหายใจขาดห้วงจนแทบไม่รู้สึกถึงอากาศที่ไหลเข้าปอด


เมื่อคืนมีคนตาย


คนที่ตายเป็นคนในอำเภอ


เป็นคนที่บิดาจำได้ว่ารู้จักกับเขา


“พ่อ...หมายถึงใคร” จิณณะไม่อยากคิดว่าคนที่โกศลพูดถึงคือใคร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้เขาคิดออกเพียงคนเดียว


คนเดียวที่เขาคิดว่า...อาจจะไม่รอด


โกศลลุกขึ้นเดินมาหาแล้วส่งโทรศัพท์มือถือให้ดู ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอทำเอาข้าราชการหนุ่มแทบล้มทั้งยืน


พี่สุก!


เจ้าของเสียงสุดท้ายที่บอกว่า ‘แยกกันปลัด’


จิณณะแยกไปขึ้นรถของตนเอง ส่วน ‘ทองสุก’ เขาไม่รู้ว่าแยกไปทางไหน แต่เขารอด ส่วนทองสุก...ตาย


“เมื่อคืนแกได้แผล เครื่องแบบขาด ไหนจะเรื่องที่อยู่ๆแกก็กลับมากรุงเทพ มางานคุณย่าทั้งๆที่บอกว่าจะไม่มา จิณ แกบอกพ่อซิ ทั้งหมดมันเกี่ยวกับเรื่องที่มีคนตายใช่ไหม” โกศลถาม ทั้งเป็นห่วง ทั้งกังวล จิณณะเลือกเส้นทางของตนเองด้วยการรับราชการในต่างจังหวัด ถึงแม้เขาจะไม่ขัดขวางอย่างที่คุณกอบกุลทำ แต่เขาก็ไม่ต้องการให้บุตรชายเอาชีวิตไปเสี่ยง


“จิณ!” เสียงของบิดาเข้มงวดขึ้นกว่าเดิม จิณณะทรุดตัวลงกับเก้าอี้ เท้าศอกลงกับโต๊ะกุมขมับกับเรื่องราวที่บานปลายใหญ่โตจนมีคนตาย


“ผม...เมื่อคืน...พี่สุกชวนผมไปทานข้าวที่บ้านแก แล้วจู่ๆ...จู่ๆก็มีรถมาจอดหน้าบ้าน แล้วเสียงปืนก็ดัง ผมกับพี่สุกแยกกันหนี ผมไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร...” จิณณะพูดได้เท่านั้น แม้จะมีเรื่องที่เขารู้มากกว่านั้นก็ตาม


ทองสุกเป็น ‘สาย’


โกศลถอนหายใจอย่างหนักอก กวาดตามองไปรอบห้องอาหารที่ระยิบระยับ แต่ความระยิบระยับเหล่านั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย


“จะลาออก หรือจะทำเรื่องย้าย” ทางออกที่ดีคืออะไร โกศลไม่รู้ แต่ที่รู้คือเขาเห็นด้วยกับคุณกอบกุลที่จะให้จิณณะกลับกรุงเทพ


“พ่อ!” ทว่าคนเป็นลูกที่บิดายอมตามใจเสมอถึงกับร้องลั่น


“มีคนตายนะพ่อ! แล้วผมก็อยู่ใน...”


“แล้วต้องให้แกตายอีกคนรึไง!”


เป็นครั้งแรกที่จิณณะเถียงบิดาไม่ออก อับจนคำพูดได้แต่เม้มปาก


ใครบ้างไม่รักชีวิต ใครบ้างไม่กลัวตาย ยิ่งความตายเคยเกือบมาเยือนแต่ฉิวเฉียดอย่างเมื่อคืน ก็ยิ่งกลัว


“พ่อไม่เคยห้ามแก แกอยากทำอะไรพ่อไม่เคยว่า แต่รักษาชีวิตได้ไหม จิณ” คนเป็นลูกได้แต่กุมขมับ ทั้งๆที่กลัวตาย ทั้งๆที่รักชีวิตตัวเองไม่แพ้ใคร แต่...ไม่กล้ารับปาก ไม่กล้ารับปากบิดาว่าจะรักษาชีวิต เพราะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น กำลังพาภัยบางอย่างมาถึงตัว


ภายในห้องอาหารเหลือเพียงความเงียบ ลูกชายได้แต่นั่งกุมขมับ ส่วนคนเป็นพ่อและแม่ได้แต่รอคำสัญญา ที่ไม่รู้ว่าจะได้ฟังหรือไม่


ทว่าก่อนจะมีใครได้พูดอะไร คนรับใช้ก็เข้ามารายงาน


“คุณกอบมาค่ะ”


ผู้มาเยือนแต่เช้าทำเอาจิณณะเงยหน้าขึ้นทันควัน โกศลและจรรยาก็พลอยมองหน้ากันอย่างสงสัย อึดใจเดียวเจ้าของอาณาจักรวงศ์กีรติก็เดินเข้ามาในห้องอาหาร หญิงชราผู้เพิ่งฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ 72 ไปเมื่อวานนี้ อยู่ในชุดผ้าไหมเนื้อดี เครื่องประดับราคาแพงบนตัวของหล่อนไม่ต่างจากตู้เซฟเดินได้


“ยังไม่กลับต่างจังหวัดไปอีกรึ”


ทันทีที่เห็นหลานชายนอกคอก คุณกอบกุลก็ตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง แม้เมื่อครู่นี้บทสนทนาระหว่างพ่อแม่ลูกจะตึงเครียด แต่เรื่องแบบนั้นไม่ควรรู้ถึงหูคนอื่น แม้คนอื่นที่ว่าจะเป็นต้นตระกูลของตนเองก็ตาม


หลานชายจอมขบถเกลี่ยสีหน้าเป็นกระลิ้มกระเหลี่ย ยกยิ้มเล็กน้อยพลางมองตอบผู้เป็นย่า


“ใกล้แล้วครับ แต่รอเจอคุณย่าก่อน เมื่อวานผมได้แฮปปี้เบิร์ธเดย์คุณย่าแป๊บเดียวเอง”


คุณกอบกุลทำเสียงหึในคอ แม้จะรู้แก่ใจว่าหลานคนนี้ก็เป็นหลานในสายเลือดอย่างหลานคนอื่นๆ แต่ไม่รู้อะไรที่ทำให้หล่อนจ้องจับผิดเขามากกว่าจะเอ็นดู


อาจจะเพราะนิสัยไม่เอาถ่านเรื่องดีๆที่หล่อนมอบให้ แต่ไปเอาถ่านกับเรื่องอื่นที่หล่อนไม่เห็นว่าจะมีค่าสักกี่มากน้อย อย่างเช่นการไม่ทำงานในบริษัท แต่กระเสือกกระสนไปรับราชการ


“ฉันก็อยากเจอแกอยู่เหมือนกัน” หญิงชราตอบเรียบ ก่อนจะเดินอ้อมไปยังหัวโต๊ะ โกศลผู้เป็นบุตรชายช่วยเลื่อนเก้าอี้ให้มารดานั่ง แล้วพอนั่ง หล่อนก็แผ่รังสีความเจ้ากี้เจ้าการมาที่หลานชายทันที


“ปีนี้แกอายุเท่าไร” จิณณะกะพริบตาปริบๆ เหลือบมองบิดามารดาที่ยืนอยู่ไม่ไกล ทั้งโกศลและจรรยาก็มองมาที่เขาอย่างงุนงงเช่นกันที่จู่ๆ คุณกอบกุลให้ความสนใจอายุของหลานชายที่หล่อนแทบไม่เคยแยแส


“27 ครับ”


“ตอนฉันอายุเท่าแก ฉันมีลูกแล้ว”


“แล้ว?”


“เมื่อไรแกจะแต่งงาน”


 ข้าราชการหนุ่มถึงกับเหวอ กะพริบตาเรียกสติอยู่หลายที ก่อนจะโบกมือพลางหัวเราะอย่างไม่จริงจัง


“ยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกครับ”


“ดี! ถ้าอย่างนั้นฉันจะคิดให้แกเอง ฉันจะให้แกแต่งงานกับลูกสาวคนรู้จัก!”


“เฮ้ย!” จิณณะถึงกับร้องลั่น ในขณะที่โกศลและจรรยาถึงกับสะดุ้งโหยง


 “ในเมื่อแกบอกว่าแกไม่คิด! ฉันก็จะคิดให้! ดีกว่าปล่อยแกคิดเองแล้วออกมาทุเรศทุรังเหมือน...ตอนนี้!” วิถีชีวิตแบบใดก็ตามที่ไม่เป็นไปตามครรลองของคุณกอบกุล ล้วนดูทุเรศทุรังทั้งนั้น


“คุณย่าจะบังคับผมแบบนี้ไม่ได้!”


“ฉันเคยบังคับแกไม่ได้! แต่คราวนี้ฉันจะบังคับแกให้ได้!” ยิ่งการปรากฏตัวพร้อมชุดสีกากีในงานเลี้ยงเมื่อคืน คุณกอบกุลก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองละเลยหลานคนนี้มามากพอแล้ว ถึงเวลาที่หล่อนจะทำให้เขากลับเข้ามาอยู่ในโอวาทของหล่อนเสียที!


“ผมไม่ยอม!!”


หญิงชรากระตุกยิ้มด้วยสีหน้าจองหอง


“แกคิดว่าฉันรู้จัก ‘ใคร’ ในกระทรวงมหาดไทยบ้าง”


ไม่ต้องชี้แจงก็รู้ ว่าคำว่า ‘ใคร’ ของหล่อนย่อมไม่ใช่ระดับไก่กา คุณกอบกุลไม่ใช่คนแก่ปลดเกษียณที่อยู่บ้านเฉยๆ หล่อนคือผู้หญิงที่สู้บุกเบิกธุรกิจจากติดลบจนวันนี้ร่ำรวยมหาศาล ความร่ำรวยนั้นไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่หล่อนมีทุกอย่างที่สนับสนุนการกระทำที่แม้จะไร้เหตุผลที่สุดให้กลายเป็นเรื่องที่ควรทำที่สุดยังได้


“ให้บีบปลัดอำเภอลูกกระจ๊อกอย่างแกออกสักคน ง่ายจะตาย” คุณกอบกุลย้ำด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง ระหว่างหล่อนกับจิณณะนั้นเรียกได้ว่ากระดูกคนละเบอร์


คนเป็นหลานได้แต่กัดฟันกรอด เรื่องอันตรายเมื่อคืนกับเรื่องร้ายในเช้าวันนี้ ไม่รู้เรื่องไหนคือหายนะในชีวิตกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือมันมาพร้อมกันทีเดียว!


เมื่อเห็นว่าหลานชายผู้มักจะเถียงคำไม่ตกฟากเกิดอาการเถียงไม่ออกขึ้นมา คุณกอบกุลก็ยกยิ้มกระหยิ่ม ก่อนจะหันไปทางบุตรชายและสะใภ้


“วันพรุ่งนี้ครอบครัวผู้หญิงจะมาทานข้าวที่บ้าน แกสองคนก็ไปด้วยนะ จะได้เจอหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ ส่วน...แก จิณ ฉันให้แกเลือกว่าจะเจอว่าที่ภรรยาเมื่อไร จะเจอพรุ่งนี้เลยก็ได้ ฉันตามใจแก” หญิงชราลุกจากเก้าอี้ อำนาจและบารมีของหล่อนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งห้อง


“ฉันตื่นเต้นจริงๆ ที่จะได้หลานสะใภ้แล้ว” เป็นคำเยาะเย้ยสุดท้ายที่หล่อนทิ้งเอาไว้ให้หลานชายดูต่างหน้า


พอพ้นหลังคุณกอบกุล จิณณะก็หันมาทางบิดาทันที


“พ่อเห็นรึยังว่าผมกลับมาอยู่ที่นี่ไม่ได้”


“แต่พ่อก็ปล่อยให้แกเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นไม่ได้เหมือนกัน”


คำพูดของโกศลไม่ต่างอะไรกับกำแพงหนารอบด้านในชีวิต ปลัดหนุ่มทิ้งหลังลงพิงพนักอย่างอึดอัดและสับสน จรรยาได้แต่มองสามีและลูกชายด้วยความอับจนเช่นกัน

..................................

   พิทักษ์จอดรถที่หน้าคฤหาสน์ตระหง่านเบื้องหน้า ตอนที่ลงจากรถก็ไม่ลืมหิ้วถุงปาท่องโก๋ร้านโปรดของมารดาเลี้ยงลงจากรถด้วย


   “คุณทิศ มาแต่เช้าเชียวค่ะ” ลำดวนผู้เป็นแม่บ้านก้าวเท้าออกมาต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม


หล่อนเป็นทั้งแม่บ้านและคนที่ดูแลเขามาแต่เล็ก จนกระทั่งเขาเรียนจบและย้ายออกไปซื้อบ้านย่านชานเมืองเพื่อให้ใกล้กับธุรกิจสนามกอล์ฟของเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแวะมาที่นี่แทบทุกวัน บางวันมาเช้า บางวันมาเที่ยง บางวันมาเย็น เพราะรู้ดีว่าบ้านหลังนี้เงียบลงไปเยอะทีเดียวนับตั้งแต่เขาและน้องชายต่างไม่ได้ทำงานในกรุงเทพ 


อย่างวันนี้เขามาแต่เช้า เพราะแม่เลี้ยงบ่นอยากทานปาท่องโก๋เจ้าอร่อย ชายหนุ่มจึงแวะไปซื้อมาให้


   “แม่ภาฝากซื้อปาท่องโก๋น่ะครับ”


แม่บ้านร่างอวบยิ้มจนตาหยี


   “ถึงว่าคุณภาไม่ให้ตั้งโต๊ะสักที มาค่ะ เดี๋ยวป้าเอาไปใส่จานจัดขึ้นโต๊ะให้นะคะ”


   “ขอบคุณครับ แม่ภาอยู่ที่ห้องทานข้าวใช่ไหม” 


รอยยิ้มและการพยักหน้ารับของลำดวนเป็นคำตอบ ชายหนุ่มร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แล้วเดินเลี้ยวเข้าห้องรับประทานอาหารเป็นอย่างแรก หญิงร่างผอมนั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารเพียงลำพัง ตรงหน้าหล่อนมีถ้วยเปล่าวางอยู่ในขณะที่สายตาดูจะจดจ้องอยู่กับโทรทัศน์ที่กำลังเปิดข่าวภาคเช้า แต่พอเสียงฝีเท้าดังเข้ามาในห้อง สายตาของหล่อนก็เบี่ยงมาที่ต้นเสียง


   “ทิศ...” หล่อนทักพลางยิ้มแย้มให้คนเพิ่งมาถึง


   “ป้าลำดวนบอกว่าแม่ภารอปาท่องโก๋ของผม” 


จิดาภาหรือที่ชายหนุ่มผู้เป็นลูกเลี้ยงเรียกติดปากว่า ‘แม่ภา’ ยิ้มน้อยๆ หล่อนแต่งงานกับบิดาของพิทักษ์ตอนที่เขายังเด็ก แน่นอนว่าช่วงแรกๆเป็นความขมขื่นของแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยง แต่เพราะจิดาภานั้นเรียบง่ายและจริงใจ ท้ายที่สุดพิทักษ์จึงยินยอมมีมารดาคนที่สองในชีวิต


   “พ่อไปทำงานแล้วหรือ” ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ว่างข้างๆ คนรับใช้จึงยกถ้วยมาวางตรงหน้า


   “พ่อไปหาลุงเทียม...” 


ชื่อของลุงแท้ๆ ทำเอาพิทักษ์เลิกคิ้ว ทว่าก็รอจนคนรับใช้ตักโจ๊กใส่ถ้วยของพวกเขาแล้ว และลำดวนนำปาท่องโก๋มาวางตรงหน้า ก่อนจะให้ทุกคนออกจากห้องไปก่อน ชายหนุ่มจึงได้หันมาทางมารดาอีกครั้ง


   “ลุงเทียมเป็นอะไรหรือครับ”


   “นี่ทิศไม่รู้หรือ เมื่อคืนมีคนตาย วันนี้ออกข่าวเช้าทุกสำนักเลย”


   “เกี่ยวกับลุงเทียม?...”


   “ก็ไม่เชิง แต่ก็อยู่ในพื้นที่...” 


พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ลุงของเขาเป็นผู้กว้างขวางในจังหวัดหนึ่งใกล้กรุงเทพ ทั้งเรื่องขาว เรื่องเทา หรือแม้แต่เรื่องดำล้วนอยู่ในสายตา แต่จะเอื้อมมือลงไปยุ่งมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นกับสถานการณ์ 


   จิดาภาถอนหายใจเบา


   “เห็นพ่อว่าลุงเทียมโกรธมาก คราวนี้เล่นกันแรงถึงขั้นยิงถล่มบ้าน นี่แม่ยังไม่ได้โทร.หาป้ายา ลูกชายป้ายาก็รับราชการในพื้นที่นั้นล่ะ” 


คำว่า ‘ลูกชายป้ายารับราชการ’ ทำเอาพิทักษ์นึกถึงชายหนุ่มในชุดราชการเมื่อคืนขึ้นมาทันที


   “เมื่อคืนทิศก็น่าจะเห็น ลูกชายป้ายาที่มางานวันเกิดคุณกอบกุลไง ที่ใส่ชุดราชการมาน่ะ”  จิดาภาอธิบายเพิ่ม


ถึงหล่อนและจรรยาจะไปมาหาสู่กันตามประสาพี่น้อง แต่ลูกชายของพี่สาวกับลูกเลี้ยงของหล่อนก็ไม่ได้โตมาด้วยกันตามประสาลูกพี่ลูกน้อง เคยเล่นเคยรู้จักกันตอนเด็กๆก็จริง แต่เมื่อต่างเติบโต ต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ไม่ได้เจอกันนับสิบปีแล้ว


   “อ้อ...ครับ” ชายหนุ่มไม่ได้แจงว่านอกจากเขาจะเห็นลูกชายของป้ายาผู้รับราชการแล้ว เขายังมีโอกาสได้ทำแผลให้ด้วย


   “ตอนเด็กๆ แม่เคยพาทิศกับทิวไปเล่นที่บ้านคุณกอบกุลไง ยังจำได้รึเปล่า” จิดาภาทวนความหลังพลางยิ้ม พิทักษ์เพียงแค่ยิ้มจางตอบ ความทรงจำในวัยเยาว์นั้นลางเลือนเต็มทน แต่ที่ยังแจ่มชัดคือ ‘จิณณะ’ เป็นคนแปลกแยกจากหลานคนอื่นๆของคุณกอบกุล ชนิดที่ถ้าทุกคนพร้อมใจกันเล่นเกมส์ในบ้าน เจ้าตัวจะออกไปโลดโผนข้างนอก ต่อให้ไปเพียงลำพังก็จะไปอย่างมุ่งมั่น


   “ตอนนี้เขารับราชการใช่ไหมครับ”


   “ใช่ เป็นปลัดอำเภอ”


   “ผมนึกว่าเขาจะเข้าไปช่วยงานในบริษัทของคุณกอบกุลเสียอีก”


จิดาภาหัวเราะเบาๆยามคิดถึงหลานชายหัวแข็งอย่างจิณณะ


   “เจ้าตัวยอมที่ไหนล่ะ ป้ายากับลุงโกก็ตามใจลูกชายนะ แต่คุณกอบกุลไม่ปลื้มเท่าไร”


พิทักษ์เห็นด้วยกับคำว่าคุณกอบกุลไม่ปลื้ม มีอย่างที่ไหนไปร่วมงานเลี้ยงในชุดราชการแบบนั้น ทั้งๆที่คนอื่นใส่สูทกันเต็มยศ คนหน้าใหญ่อย่างคุณกอบกุลคงรู้สึกเหมือนถูกหลานชายหักหน้าเอากลางงาน


   พอพูดถึงหลานชายแล้ว จิดาภาก็ถอนหายใจอีกเฮือกด้วยความเป็นห่วง


   “แต่ไม่รู้จะยังยอมตามใจอยู่ไหม เรื่องยิงถล่มจนมีคนตายคราวนี้ก็ดันเกิดในอำเภอที่จิณเป็นปลัดด้วย”


คำพูดของมารดาเลี้ยงทำเอาพิทักษ์ชะงัก จู่ๆเขาก็นึกถึงรอยขาดที่เครื่องแบบและรอยแผลบนแขนซ้ายที่เขาเป็นคนทำความสะอาดใส่ยาให้จิณณะเมื่อคืน


   ตอนเขาถามว่าเกิดจากอะไร ชายหนุ่มดูออกว่าอีกฝ่ายปิดบังอะไรบางอย่าง


   ...อาจจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรืออาจจะไม่...


   “เขาเป็นข้าราชการ คงไม่น่าเป็นเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกมั้งครับ” พิทักษ์ปลอบ จิดาภายิ้มรับ


   “ทิศก็โทร.หาลุงเทียมหน่อยนะ เผื่อแกอยากให้ช่วยอะไร”


   “ครับ แม่ภา” ชายหนุ่มรับคำ ทว่าในใจของเขากลับวางใจลุงเทียมผู้กว้างขวาง มากกว่าข้าราชการอย่างจิณณะเสียอีก


..................................
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 27-12-2018 20:37:20



แม้จะรู้ว่าเสี่ยง แต่จิณณะก็จำต้องกลับไปร่วมงานศพของทองสุกในคืนนั้น 


อันที่จริง ทองสุกไม่ใช่คนใหญ่คนโตในจังหวัด เป็นแค่ชาวบ้านที่ทำงานให้กับหน่วยงานรัฐในอำเภอเล็กๆ แต่เรื่องถูกบุกยิงถล่มบ้านจนเสียชีวิตกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ลงข่าวทุกสำนักทั่วประเทศ ผู้หลักผู้ใหญ่ในสายราชการจึงพากันมาร่วมงาน ไม่เว้นแม้แต่ คุณเทียม ผู้กว้างขวางของจังหวัดที่ว่ากันว่าโกรธจัดกับเรื่องที่เกิดขึ้น


จิณณะก้าวเท้าไปในศาลาที่สว่างไสว เขายกมือรับไหว้หญิงร่างท้วมหน้าตาโศกเศร้าผู้เป็นภรรยาของทองสุก ชมพู่ตาแดงก่ำตอนพบหน้าเขา


“ผมเสียใจด้วย” เขาพูดได้เท่านั้น รู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอ พูดไม่ออกแม้แต่จะบอกว่าเขาเป็นคนอยู่กับทองสุกคนสุดท้ายในคืนเกิดเหตุ


“ถ้าเขาไปเยี่ยมแม่กับหนู เขาก็ไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้”


เมื่อคืน ภรรยาของทองสุกไปเยี่ยมมารดาที่อยู่อีกอำเภอหนึ่ง หล่อนไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุอีกคนคือจิณณะที่นอกจากแผลที่แขนซึ่งอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวแล้ว ก็ยังปกติสุขดีผิดกับทองสุกที่นอนอยู่ในโลง


“เขาบอกหนูว่ามีเรื่องต้องทำ ปลัดรู้ไหมว่าอะไร”


จิณณะรู้สึกตีบตันไปทั้งคอ หากจะมีเรื่องที่ทองสุกต้องทำและปฏิเสธที่จะไปเยี่ยมมารดาของภรรยาก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ชวนเขาไปทานข้าวที่บ้าน นอกนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ


“ไม่รู้...” เขาตอบเบา เรื่องที่คุยตอนทานข้าวกับทองสุก บางเรื่องเป็นเรื่องลับก็จริง แต่ไม่มีเรื่องไหนเร่งด่วนขนาดที่จะต้องชวนเขาไปทานข้าวเมื่อวานนี้ หนำซ้ำยังเป็นวันที่ภรรยาชวนไปเยี่ยมมารดาที่อีกอำเภอด้วย


“เขาไม่น่าจะต้องมาตายแบบนี้” ภรรยาของทองสุกคร่ำครวญ น้ำตาไหลเป็นสายจนญาติพาไปนั่งพัก จิณณะถือโอกาสปลีกตัวไปไหว้ผู้ใหญ่ ทั้งหัวหน้าในสายงานของเขาและเจ้าภาพวันนี้อย่าง คุณเทียม


คุณเทียม เป็นชายร่างใหญ่กำยำ แม้อายุหกสิบปีแล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงทะมัดทะแมง ที่สำคัญคือยังคงแผ่อำนาจและบารมีอย่างที่เคยเป็นมาตลอดสามสิบปีในเส้นทางการเมืองทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น หลังจากลามือจากวงการระดับประเทศ คุณเทียมกลับมาจังหวัดบ้านเกิด คลุกคลีกับการเมืองท้องถิ่น ว่ากันว่าภาครัฐเกรงใจ ภาคท้องถิ่นก็กริ่นเกรง จะทำอะไรสักอย่างในจังหวัดนี้ ล้วนต้องผ่านการพยักหน้าของคุณเทียมทั้งนั้น


ทว่าไม่ใช่เหตุการณ์นี้


“นั่งสิปลัด เพิ่งมาจากกรุงเทพหรือ”


แม้จะอยู่ที่นี่แต่ก็หูตากว้างไกลรับรู้เรื่องในแวดวงธุรกิจ หรืออาจจะเพราะจิณณะทำให้เรื่องงานเลี้ยงเมื่อคืนโด่งดังก็ไม่รู้ 


“ครับ...” จิณณะตอบพร้อมรอยยิ้มจาง ก่อนจะก้มลงมองเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็กดำของตัวเอง


“เลยลืมเครื่องแบบไว้ที่บ้าน...”


อันที่จริงต้องเรียกว่าจงใจลืม เพราะเครื่องแบบขาด เขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเมื่อคืนมีอีกคนที่รอดตายจากเหตุการณ์ยิงถล่มบ้านของทองสุก จนกว่าเขาจะสืบได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


ปัง!!


เสียงปืนดังก้องไปทั้งวัด เสียงหวีดร้องตกใจดังอื้ออึงพร้อมกับการก้มตัวหลบของคนทั้งศาลา เสียงก้องเพียงนัดเดียวแต่เหมือนระเบิดทำลายล้างสูงที่ดึงจิณณะกลับไปเรื่องเมื่อคืน


เมื่อคืนที่เขาอยู่ในเหตุการณ์ เมื่อคืนที่เสียงปืนดังไปทั่วไม่รู้กี่นัด เมื่อคืนที่เขารอด...แต่ทองสุกตาย 


เหงื่อเม็ดเป้งผุดพรายเต็มหน้าผาก หัวใจเต้นถี่รัว ดวงตาตื่นตระหนกของปลัดหนุ่มเหลือบไปมองรูปหน้าโลงศพราวกับเหตุการณ์เฉียดตายกำลังเกิดซ้ำ


“ปลัด เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงเรียกปลุกสติทำเอาจิณณะต้องกะพริบตาถี่ๆ เขาเงยหน้ามองคนเรียก คุณเทียมมีลูกน้อง 3-4 คนยืนประกบแล้ว พอกวาดสายตาไปทั่วศาลาก็พบว่าทุกคนอยู่ในอาการอกสั่นขวัญแขวน เสียงอื้ออึงถามหาคนเจ็บ แต่ไม่มีใครเป็นอะไร


“ก...เกิดอะไรขึ้น...” เขาถามเสียงแผ่ว รู้สึกเหมือนเหงื่อกาฬแตกเต็มหลังในเวลาแค่ไม่กี่นาที 


“มีคนเข้ามายิงปืนในวัด”


จิณณะกลืนน้ำลายเหนียวหนืด


“จ...จับได้ไหมครับ...”


“จับไม่ได้ มันขับมอเตอร์ไซค์ไม่สวมป้าย” คุณเทียมที่ได้รับรายงานจากลูกน้องซึ่งยืนรักษาความปลอดภัยอยู่รอบๆศาลาเป็นคนอธิบาย 


“ปลัดเป็นยังไงบ้าง ทำไมหน้าซีดอย่างนั้น”


“ป...เปล่าครับ ผม...ไม่ค่อยถูกโรคกับเสียงดังๆเท่าไร” จิณณะอ้าง ต้องกลืนน้ำลายหลายอึกเพื่อรวบรวมสติและขจัดภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืน


คุณเทียมหันไปทางนายอำเภอที่ยืนอยู่ด้วยกัน หน้าตาของชายผู้กว้างขวางในจังหวัดดูโกรธเคืองราวกับเกิดเรื่องกับคนในครอบครัวของตนเอง 


“คนตายไปแล้ว มันยังไม่หยุดแบบนี้ ไม่ได้เกรงใจกันเลยนะ นายอำเภอ”


“ผมจะรีบให้ตำรวจตามตัวมาให้ได้” นายอำเภอรับคำอย่างขันแข็ง แต่ดูเหมือนคุณเทียมจะไม่หยุดแค่นั้น เกิดเรื่องอุกอาจในจังหวัดจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศก็ว่าแย่แล้ว นี่ยังตามมาขู่กันถึงในงานศพ


“มันคงคิดจะขู่ครอบครัวคนตาย ผมจะให้ลูกน้องช่วยดูแลเมียกับแม่ยายนายทองสุกด้วย แล้วจะคุยกับผู้กำกับเอง ต้องจับคนทำให้ได้!”


จิณณะรู้สึกเหมือนอากาศที่หายใจเข้าไปกลายเป็นเหล็กหนักอึ้งทับปอด เขาไม่คิดว่าเสียงปืนเมื่อครู่นี้จงใจขู่ครอบครัวของทองสุก แต่พวกนั้นรู้ว่าเมื่อคืนนี้มีคนอื่นอยู่ในเหตุการณ์ และเป็นคนที่รอดตาย


ทั้งๆที่อากาศวันนี้ร้อนอบอ้าว แต่ปลัดหนุ่มกลับเย็นสะท้านไปทั้งสันหลัง


ไม่ใช่แค่เก็บทองสุก แต่พวกมันต้องการเก็บเขาด้วย


ความกลัววิ่งพล่านไปทั้งร่าง


หลังสวดศพของทองสุกในคืนนั้น จิณณะขับรถกลับเข้ากรุงเทพทันที!

..................................

สัปดาห์นี้ของพิทักษ์ค่อนข้างว่าง เขาจึงแวะมาหาบิดามารดาในตอนเช้าเป็นวันที่สองติดกัน ตอนที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องอาหาร บิดาและมารดาเลี้ยงของเขากำลังรับประทานอาหารกันอยู่โดยเปิดโทรทัศน์ดูข่าวภาคเช้าไปด้วย ช่วงนี้ไม่มีข่าวไหนได้รับความสนใจมากไปกว่าข่าวยิงถล่มบ้านชาวบ้านคนหนึ่งจนเสียชีวิตอีกแล้ว


ร่างสูงก้าวเท้าเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ยกมือไหว้บิดาและมารดาเลี้ยง สายตาเหลือบไปเห็นข่าวบนโทรทัศน์แล้วก็พลันนึกถึงลุงของเขา


“ลุงเทียมว่ายังไงบ้าง พ่อ”


เรื่องที่เกิดขึ้นจนโด่งดังไปทั่วประเทศ แม้จะไม่เกี่ยวกับลุงของเขาสักนิด แต่ใครๆก็รู้ว่า คุณเทียมคือผู้กว้างขวางในจังหวัด แม้จะไม่มีตำแหน่งทั้งในการเมืองท้องถิ่นและในแวดวงราชการ แต่นักข่าวกลับบุกไปปักหลักรอทำข่าวที่หน้าบ้านของคุณเทียมยิ่งกว่าไปทำข่าวที่บ้านผู้เสียชีวิตเสียอีก


“โกรธอย่างกับยักษ์ เมื่อวานมีคนไปก่อกวนในงานศพด้วย” ทศพรตอบ เพียงเท่านั้นจิดาภาก็ถึงกับหันมามอง


“ก่อกวนในงานศพด้วยหรือ?!”


“ใช่ เห็นว่าขับมอเตอร์ไซค์มายิงปืนขู่แล้วรีบหนีไป”


“ตายจริง” จิดาภายกมือแตะอกอย่างตกใจ พลันคิดถึงหลานชายที่รับราชการในจังหวัดที่เกิดเหตุเช่นกัน


“แล้วหลานของภาว่ายังไงบ้าง” ทศพรหันมาถามภรรยา เขาพอจะรู้จักกับครอบครัวของจรรยาและโกศลอยู่บ้าง เพราะตอนที่จิณณะไปเป็นปลัดที่นั่นใหม่ๆ สองสามีภรรยามาฝากฝังจิณณะกับเขา ให้ช่วยฝากคุณเทียมเป็นหูเป็นตาให้ด้วย


“พี่ยาไม่ได้พูดอะไร แต่ก็น่าห่วง จิณเป็นปลัดที่อำเภอนี้ด้วย” จิดาภามีแววเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะวางช้อนลงกับถ้วยข้าวต้ม


“ภาจะลองโทร.ไปถามพี่ยาดู” จากนั้นจึงรีบลุกจากโต๊ะเพื่อไปโทรศัพท์ เมื่อพ้นหลังจิดาภาแล้ว ชายหนุ่มผู้เป็นลูกจึงเอ่ยปากถาม


“พ่อว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับหลานแม่ภารึเปล่า” ทศพรเลิกคิ้วเล็กน้อย


“แกคิดว่าเกี่ยวหรือ”


พิทักษ์นึกถึงแผลที่แขนของปลัดหนุ่มคนนั้น แต่ก็เลือกที่จะเงียบ


“ก็เห็นแม่ภาว่าอยู่ในอำเภอนั้นพอดี” ทศพรโคลงศีรษะ


“พ่อก็ไม่รู้ แต่...พี่เทียมบอกว่าคนตายเป็นสาย”


เกิดเป็นความเงียบลอยเคว้งอยู่ในห้องอาหารจนกระทั่งจิดาภากลับเข้ามาอีกครั้ง สีหน้าของหล่อนดูจะเพิ่มความกังวลมากกว่าเมื่อครู่มากนัก


“มีอะไรหรือภา...” ทศพรถาม


“สงสัยจะเป็นปีชงของจิณ พี่ยาบอกว่าวันนี้คุณกอบกุลจะพาผู้หญิงมาให้พี่ยากับพี่โกดูตัว”


“หือ ดูตัว? ดูตัวให้ใคร”


“จะดูให้ใครล่ะคะ ก็ดูให้ตาจิณน่ะสิ”


“แล้วเขายอมกันหรือ”


“เกิดเรื่องแบบนี้ พี่โกก็เลยไม่ขัดแม่เขาแล้วน่ะสิ สงสารตาจิณ พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆ...” จิดาภาได้แต่ครวญ

...............................

ทว่าคนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกที่ถูกพูดถึงนั้น เพิ่งตื่นลงมาจากห้องนอนในตอนเกือบเที่ยง จิณณะก้าวเท้าลงจากบันไดทีละขั้นด้วยความรู้สึกเหมือนถูกถ่วงด้วยลูกตุ้มหนักสัก 100 กิโล เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ชีวิตชีวาของเขาหายไปเพียงเวลาไม่กี่วันนับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น


ชั่วชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะต้องมาพบเจอเรื่องแบบนี้เลย


ความกลัวตายยังคงแทรกซึมอยู่ทุกอณู ใจกลัวจะออกไปทำงานแล้วไม่ได้กลับมาอีก แต่อีกใจก็รู้ว่าจะหลบอยู่แต่ในบ้านไม่ได้


เขาควรจะทำยังไงดี ทองสุกตายไปแล้วหนึ่งคน และเขาอาจจะเป็นรายต่อไป แต่จะยอมตายทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแบบนี้ แล้วเขาจะไปพบหน้ายมบาลได้อย่างไรกัน


“จิณ” เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาปลัดหนุ่มที่ยังไปไม่ถึงที่ทำงานต้องหันมอง จรรยาเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น หน้าตาของหล่อนทั้งอัดอั้นและเต็มไปด้วยความกังวล


“มาคุยกับแม่”


จิณณะที่ไม่มีแม้แต่น้ำสักแก้วรองท้อง จำต้องเดินตามมารดาเข้าไปในห้องนั่งเล่น บิดาของเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว จรรยาปิดประตูทันทีที่เขาเข้าไป


   “เมื่อคืนมีคนเข้าไปยิงขู่ในงานศพใช่ไหม”


คำถามแรกของจรรยานั้นตรงเผง หนำซ้ำยังตรงกับความจริงด้วย


   “แม่...รู้ได้ยังไง”


   “น้าภาโทร.มาบอก” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเบาอย่างนึกขุ่น จิดาภาเป็นห่วงเขา เขาก็รู้อยู่หรอก แต่เรื่องแบบนี้มันน่าเอามาเล่าให้แม่ของเขาฟังเสียที่ไหน


   “จิณ งานต่อไปอาจจะเป็นงานของแกนะ!” จิณณะได้แต่เม้มปาก


   “แล้วแม่จะให้ผมทำยังไง ลาออก แต่งงานตามใจคุณย่าหรือ”


   “แล้วจิณมีวิธีแก้ปัญหาที่จะรักษาชีวิตของตัวเองไว้ไหม?!” จรรยาย้อนถาม หน้าตาเคร่งเครียดไม่ได้ต่างไปจากลูกชายเลย หล่อนทรุดตัวลงนั่งกุมขมับบนโซฟา


   “ผู้หญิงที่คุณย่าหาให้ ทางบ้านเขาช่วยเรื่องย้ายกลับมาที่นี่ได้...”


เดิมทีหล่อนไม่เห็นด้วยกับการที่คุณกอบกุลจะบังคับจิณณะแต่งงาน แต่เวลานี้อันตรายเกิดขึ้นรอบตัวจิณณะไม่เว้นวัน หายนะในชีวิตกำลังพรากลูกชายคนโตไปจากหล่อน ทางเลือกของจรรยาในเวลานี้จึงเบนไปทางเดียวกับคุณกอบกุล


   ให้จิณณะแต่งงาน ให้จิณณะกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ทำยังไงก็ได้ให้ห่างไกลจากอันตรายให้มากที่สุด


   “แม่จะให้คนอื่นมาคุ้มกะลาหัวผมหรือ” บุตรชายคนโตถามแทรก


   “ใช่! เพราะพ่อกับแม่คุ้มกะลาหัวแกไม่ได้ไงจิณ! แกไม่เข้าใจหรือว่าที่ที่แกอยู่ พ่อกับแม่เอื้อมไม่ถึง! สิ่งเดียวที่แม่ทำได้ตอนนี้คือหาใครก็ได้ที่จะทำให้แกปลอดภัยและไม่ตายก่อนแม่!” ความหวาดหวั่นในใจของจรรยาเวลานี้ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่ากลัวว่าจะได้จัดงานศพให้ลูกของตัวเอง


   จิณณะได้แต่กรอกตามองเพดาน ทว่าลายฉลุสวยงามพวกนั้นไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาสงบลงเลย ทั้งๆที่ไม่ใช่ลูกที่ดีที่ตามใจบิดามารดามาแต่ไหนแต่ไร แต่เขาก็ไม่เคยทำให้บุพการีเป็นกังวลขนาดนี้เช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งยองลงตรงหน้ามารดา มือใหญ่กอบกุมมือของจรรยาเอาไว้ แล้วลูบแผ่วเบา


   ดวงตาจับจ้องมือเหี่ยวย่นบอบบางในมือของเขา ก่อนจะเหลือบขึ้นสบตากับมารดา


   “ผมขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วง”


   “แต่ถ้าผมจะให้ใครมาคุ้มกะลาหัวผม ผมขอหาเอง”


   “จิณ...แกจะไม่กลับมากรุงเทพฯจริงๆใช่ไหม”


ดวงตาของบุตรชายนั้นเต็มไปด้วยประกายหลากหลาย ทั้งอัดอั้น ทั้งกังวล ทั้งเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความมุ่งมั่นในสิ่งที่คิดจะทำ


   จิณณะเป็นเช่นนี้เสมอ ลูกชายคนโตของหล่อนผู้ยึดมั่นในความคิดและการกระทำของตนเอง


   “คืนนั้นผมอยู่กับพี่สุก ผมรอด เขาตาย และตอนนี้ผมกำลังถูกหมายหัว ผมหนีไปตลอดไม่ได้ วันหนึ่งต้องมีคนรู้ว่าอีกคนที่รอดคือผม ก่อนที่จะมีคนรู้ ผมต้องรู้ให้ได้ว่าใครทำเรื่องนี้ แล้วทำไปทำไม ผมหนีไม่ได้”


เสียงถอนหายใจยาวเหยียดดังมาจากบิดาที่นั่งเงียบ จิณณะหันไปมองโกศล ดวงตาของบิดาที่มองมานั้นทั้งเจ็บปวดแต่ก็เข้มแข็ง


   “ถ้าแกคิดจะกลับไปที่นั่น ก็ต้องให้คนที่นั่นช่วยดูแล”


   “พ่อหมายถึงใคร”


   “คุณเทียม” 


ปลัดหนุ่มทำหน้าปั้นยาก เขารับราชการ ในขณะที่คุณเทียมเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น การที่จู่ๆเข้าไปพินอบพิเทาผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ไม่ใช่ภาพลักษณ์ที่ดีของข้าราชการอย่างเขาเลย


   “ทำแบบนั้นยิ่งดูมีพิรุธ ผมเคยเข้าหาคุณเทียมที่ไหน”


สามพ่อแม่ลูกคิดหนัก ทว่าไม่ทันหาวิธีอื่น เสียงโทรศัพท์ของโกศลก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูพบว่าคนโทร.มาคือเบอร์จากบ้านใหญ่ซึ่งเป็นคฤหาสน์ด้านหน้าสุดของรั้วอาณาเขตตระกูลวงศ์กีรติ ผู้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังนั้นมีเพียงคุณกอบกุล


   “แม่โทร.มา” โกศลขยับตัวเล็กน้อย พยายามขจัดความกังวลที่ลอยคว้างออกไปก่อนจะรับสาย


   ‘คุณกอบให้โทร.มาแจ้งว่าแขกมาแล้วค่ะ’ เสียงของเลขาฯส่วนตัวของคุณกอบกุลดังขึ้น ทำเอาโกศลต้องหันมองนาฬิกา วันนี้มารดาของเขานัดครอบครัวของคนรู้จักมารับประทานอาหาร โดยมีหัวข้อสำคัญในการพูดคุยคือเรื่อง ‘จิณณะ’


   “จะไปเดี๋ยวนี้” เขารับปากก่อนจะวางสาย แล้วหันมาทางภรรยาที่ยังสีหน้าไม่สู้ดี


   “มากันแล้ว”


ไม่ต้องระบุเจาะจงว่าใครที่มา ทั้งจิณณะและจรรยาก็รู้ดี สตรีเพียงคนเดียวในห้องได้แต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า กังวลเรื่องความเป็นความตายของลูกชายแล้ว ยังมีเรื่องที่ลูกชายถูกบังคับให้แต่งงานอีก


   จิณณะได้แต่เม้มปาก มองสภาพไร้เรี่ยวแรงของมารดาแล้วยิ่งใจโหวง จรรยาไม่เคยขัดเขา หากไม่มีเรื่องอันตรายเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาเชื่อว่ามารดาจะเป็นคนที่ยืนข้างเขาเพื่อต่อต้านความคิดของคุณย่า


ทว่า...คราวนี้มันมีเรื่องเป็นตายของเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง...


   ...ต้องมีคนคุ้มกะลาหัว ต้องมีคนช่วยเหลือ...


   สำหรับจรรยาแล้ว จะเป็นใครก็ได้ที่จะช่วยให้ลูกอย่างเขารอดตายและมีชีวิตไปจนกว่าหล่อนจะตายก่อน แต่การแต่งงานกับคนที่คุณกอบกุลจัดสรรให้ไม่ใช่การรับประกันว่าเขาจะมีชีวิตไปได้อีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี


   คุณเทียมต่างหากที่มีบารมีเพียงพอที่จะให้เขาซุกตัว ในขณะที่เขายังคงอยู่ในพื้นที่เพื่อตามหาความจริงว่าเรื่องคืนนั้นเกิดจากอะไร


   แต่จะทำยังไงให้เขาใช้บารมีของคุณเทียมได้


   พลันนั้น ภาพชายหนุ่มในชุดสูทดำสนิทที่เขาพบในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่าก็ปรากฏขึ้นในหัว


   ชายที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่นด้วยเมื่อนานมาแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเรียกว่าพี่หรือคุณดี หนำซ้ำยังเคยตั้งใจว่าจะไม่กลับไปเจอกันอีก


แต่...ถ้าเพื่อให้มีชีวิตรอด...


...เพื่อที่จะไม่ต้องแต่งงานตามความเอาแต่ใจของคุณกอบกุล...


และ...เพื่อตามหาความจริงของเรื่องคืนนั้น...


   “แม่...”


   “คุณเทียมเป็นพี่ชายของสามีน้าภาใช่ไหม” จรรยาหันมามอง ไม่เข้าใจว่าบุตรชายจะถามไปทำไม


   “ใช่ ทำไมหรือ...”


   “แล้วลูกเลี้ยงน้าภาที่ชื่อทิศน่ะ...โสดรึเปล่า”


   จรรยาและโกศล มองหน้ากันอย่างงุนงง


   “ผมเคยได้ยินน้าภาพูดว่าโสด”


ทั้งๆที่ไม่ใช่คนใส่ใจคนอื่น แต่เขาจำได้ว่าจิดาภาเคยเล่าอย่างเอ็นดูว่า ‘สามสิบแล้ว แต่ยังโสด’


   “จิณคิดจะทำอะไร” จรรยาถามบุตรชายอย่างงุนงง


   “ผมจะไปขอน้าภา ให้ลูกชายเขามาเป็นแฟนผม”


   สองสามีภรรยาเบิกตาโต ทว่าจิณณะผู้ตัดสินใจชั่ววูบกลับดูขึงขังและมุ่งมั่นกับการตัดสินใจครั้งนี้ของตนเอง เขาหันมามองบุพการีแล้วย้ำหนักแน่น


   “คราวนี้ผมก็มีข้ออ้างไม่แต่งงานกับคนที่คุณย่าหาให้ แล้วผมก็จะได้ใช้บารมีของคุณเทียมด้วย”


   “แต่...แต่...แต่จิณเป็นผู้ชาย...” จรรยาอ้าปากพะงาบๆ ส่วนโกศลนั้นพูดไม่ออกไปแล้ว แต่จิณณะกลับยักไหล่


   “ผมไม่ได้เป็นแฟนจริงนี่ ก็แค่ทำให้คนรู้กันว่าผมเป็นคนของหลานคุณเทียม”


   “แต่...แต่...แต่ภาไม่มีทางยอม...”


ถึงแม้จะเป็นพี่น้องคลานตามกันมา และจิณณะจะเป็นหลานแท้ๆของจิดาภา แต่จรรยาเชื่อว่าน้องสาวของหล่อนไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับลูกเลี้ยงที่เลี้ยงมาเองกับมือ


   “เพราะฉะนั้น เย็นนี้พ่อกับแม่ถึงต้องไปหาน้าภากับผมไง”


โกศลยิ่งกว่าตาเหลือก ส่วนจรรยาได้แต่อ้าปากค้าง ทว่าคนเป็นลูกกลับมีกองไฟประหลาดลุกโชนในดวงตา


เขาไม่รู้ว่าวิธีนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดไหม และไม่รู้ว่าจะเป็นทางออกไปสู่อะไร แต่ถ้ามันสามารถคุ้มกะลาหัวเขาได้ไปจนกว่าจะรู้ความจริง และไม่ต้องแต่งงานกับคนที่คุณกอบกุลหาให้ เขาก็คิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในเวลานี้


   เว้นก็แต่...จิดาภาจะยอมให้ลูกเลี้ยงเป็นแฟนกับหลานชายรึเปล่านี่สิ?


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)


บอกแล้วว่าเรื่องยาวจริงๆค่ะ ฮ่าฮ่า ตอนนี้ยาวมาก เอาเป็นว่าค่อยๆอ่านละกันนะคะ


มีคนจับได้ด้วยล่ะ ว่าสามเรื่องของบัว ‘วาระซ่อนเร้น’ ‘ผลประโยชน์ทับซ้อน’ และ ‘ระบบอุปถัมภ์’ เป็นคำที่พบบ่อยๆในสายการเมืองการปกครอง แต่ถ้าถามว่าเกี่ยวกับการบ้านการเมืองอะไรขนาดนั้นมั้ย คำตอบคือ สองเรื่องนั้นยังไม่เกี่ยว เรื่องนี้จะเกี่ยวได้ไง ฮ่าฮ่า


เนื่องจากตอนนี้ จะเป็นตอนสุดท้ายของปีนี้ (ไม่มีตอนพิเศษอื่นๆแล้ว)


บัวขอขอบคุณคนอ่าน คนติดตาม และทุกๆกำลังใจตลอดปีที่ผ่านมานะคะ ปีนี้บัวเหนื่อยมากๆ หลายๆครั้งรู้สึกว่าตัวเองดิ่งและหมดแรง แต่พอได้กลับมาพิมพ์นิยาย ได้กลับมาอ่านคอมเม้นท์ทั้งเก่าทั้งใหม่จากงานที่บัวเคยลงเอาไว้ ทุกๆคอมเม้นท์ช่วยดึงบัวกลับมาจริงๆค่ะ บัวเคยพูดเสมอว่าแค่แวะมาอ่านงาน ก็ดีใจมากแล้ว คอมเม้นท์หรือไม่เอาตามที่สะดวก วันนี้บัวยังยืนยันคำเดิมว่าแค่แวะมาอ่าน ก็ดีใจมากแล้ว จะคอมเม้นท์หรือไม่ก็เอาตามที่สะดวก แต่ถ้าสะดวกคอมเม้นท์ บัวอ่านทั้งหมด และทั้งหมดนั้นเป็นกำลังใจที่บัวใช้ฮีลตัวเองเวลาฉุกเฉิน (ปีนี้ฉุกเฉินแทบทุกเดือนเลยค่ะ ฮ่าฮ่า) ขอบคุณนะคะ


ปีหน้าที่จะถึง บัวขอฝากทั้งเรื่องใหม่ เรื่องเก่า ตัวละครต่างๆที่เขาก็วนๆมาเจอกันนี่ล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า


สวัสดีปีใหม่ 2562 นะคะ


ขอบคุณพื้นที่บอร์ดตลอดปีที่ผ่านมาด้วยค่ะ


เจอกันวันพฤหัสหน้า (พี่ทิศใจดีกับปลัดหน่อยนะคะ ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 27-12-2018 21:47:20
นรกจะแตกไหมคะ 55555555 ใครยื่นอะไรให้ไม่เอา ต้องเอาอันที่ตัวเองเลือกเองและพอใจเท่านั้น สัปดนก็ไม่เกี่ยง ดื้อมาก!!! พี่ทิศก็เริ่มได้กลิ่นตุๆแล้วใช่ไหมคะ ช่วยอ่อนโยนด้วยค่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 27-12-2018 21:48:36
แค่ตอนแรกก็เข้มข้นแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 27-12-2018 21:53:17
ปลัดน่าร้ากกกกกก  คุณทิศรู้หรือยังว่าจะโดนปลัดเล่นแผลงใส่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 27-12-2018 21:56:18
ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-12-2018 21:59:50
 :mc4: :mc4: :mc4: เป็นกำลังใจให้คุณปลัดค่ะจะไปขอผู้ชายมาเป็นแฟน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-12-2018 22:24:51
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-12-2018 22:36:23
ความคิดคุณปลัดเริ่ดมากค่า
กลัวตายก็กลัวเนาะ ไม่อยากแต่งงานก็ไม่อยากเนาะ
ไปขอผู้ชายมาเป็นแฟนไปเลยค่า เชียร์นะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 27-12-2018 22:40:00
น้องปลัดลูกกก จะยัดเยียดตัวเองให้พี่เขาดื้อๆยังงี้ก็ได้หรอ เคยมีอดีตกันมาก่อนละเซ่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-12-2018 22:57:57
คุณปลัดนี่..แก่นเซี๊ยวเปรี้ยวซ่า เอ็นดู   :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-12-2018 22:59:37
นายเอกเรื่องนี้แก่นมากกกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 27-12-2018 23:23:29
ชอบ!

ความคิดของจิณณะตอนนี้เป็นแบบช้างชนช้างมากๆ ค่ะ เอาอิทธิพลคุณเทียมมาสู้กับคุณย่าตัวเอง รอดูว่าผลจะออกมาเป็นยังไง จะแตกหักไปข้างหรือจะมีทางประนีประนอมกันได้สักทาง สองทาง สามทาง ฯลฯ แต่ที่แน่ๆ คือไม่มีการบอกฝ่ายนั้นไว้ก่อนเลยนะคะ! สนุกละทีนี้

นอกจากจะชอบเนื้อเรื่องแล้ว ก็ยังชอบบรรยากาศของ underlying plot ของเรื่องด้วยค่ะ ให้ความรู้สึกว่าเป็นท่วงทำนองงานของคุณวสิษฐ เดชกุญชร ประมาณขับเคี่ยวกันด้วยหัวใจและไกปืน ผู้ชายในชุดราชการ...แม้ว่าดูนิ่งๆ ทว่าเมื่อยามถอดชุดแล้วก็กลายเป็นเสือหนุ่มกระหาย...เลือด...แค่ก...นั่นเอง

รออ่านตอนต่อไปแทบไม่ทัน ขอบคุณคุณบัวมากๆ เลยนะคะ และขอถือโอกาสกล่าวคำว่าสวัสดีปีใหม่ด้วยนะคะ ^____^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 27-12-2018 23:26:20
จิณเอาแต่ใจแบบนี้ พี่ทิศจะไหวไหมนะ o18
 :L2: :pig4:
ติดตามทั้งเก่าทั้งใหม่ แน่นอนค่ะ  รอตอนพิเศษ พี่โต-ของขวัญ  ,เฮียเจ๋ง-ปก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 27-12-2018 23:45:29
เป็นนานเอกที่หาเรื่องยุ่งมาให้ตัวเองจริงๆ แสบเอาเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 27-12-2018 23:47:59
รอๆนะคะ hny ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 27-12-2018 23:56:55
ขบถจริงด้วยแฮะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 27-12-2018 23:57:56
นายเอกสายสุดจัด ปลัดบอก สุดจัด จนปลัดต้องกลับมาบอก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 28-12-2018 00:19:48
ชอบปลัดหนุ่มเวลาเถียงย่า 555555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-12-2018 01:33:32
ว้าววว พึ่งเห็นค่ะ ดีใจที่คุณบัวมาเขียนนิยายให้อ่าน
อินและฟินมากเสมอจ้า ขอบคุณนะคะ

โอ๊ยยยย ทำไมเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้
แล้วกล้าทำเหมือนหักหน้าลุงเทียม

จิณรอดมาได้ ถือว่าดีมากแล้ว ตอนนี้เหมือนโดนขู่
แต่นั่นแหละ ถ้ารู้ตัวคนเมื่อไหร่ งานเข้าแน่
จิณโชคดีที่พ่อแม่เข้าใจ ไม่เข้าข้างย่าไปหมด

งานเข้าพี่ทิศ หรือคุณทิศแล้วค่ะ
จะได้มาเป็นผู้พิทักษ์แล้วนะ
ไม่รู้ใครจะป่วนกว่ากัน

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 28-12-2018 02:48:07
เย้ เรื่องใหม่มาแล้วววว เปิดเรื่องมาก็น่าติดตามเหมือนเดิมเลย ตามค่าาา :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 28-12-2018 05:07:07
โอ้โห! จิณณะ หลานนอกคอกที่แท้จริง ทำยังไงก็ได้ที่ไม่ต้องมาอยู่ในลู่ทางที่คุณย่าบังคับ ขอผู้ชายมาเป็นแฟน ก็ยังคิดได้ ชอบจังเธอ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-12-2018 05:54:07
จิณแสบใช่เล่นนะนี่ :m19: :m19:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 28-12-2018 06:24:00
ทิศจะยอมง่ายๆมั้ย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-12-2018 07:58:10
ตอนนี้พระเอกแทบไม่มีบทเป็นแค่เด็กส่งปาท่องโก๋เอง 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-12-2018 09:21:15
จะไปเป็นแฟนทิศ คุณย่าไม่ปรี๊ดแตกเหรอนั่น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 28-12-2018 10:06:52
อยากให้เจอกันแล้ว :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-12-2018 12:25:30
แซ่บมากเด้อ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 28-12-2018 14:17:31
คุณปลัดนี่นิสัยถอดแบบคุณย่ามาใช่ใหม

นิสัยมัดมือชกคิดเร็วเคลมเร็ว

พี่ทิศจะรับมือใหวใหม
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 28-12-2018 14:59:46
คุณปลัดดูมุ่งมั่นกับอะไรที่ตัดสินใจเลือกมาตั้งแต่เด็กๆเลยนะคะ แต่วิธีนี้จะดีจริงๆใช่มั้ยคะ เอาใจช่วยค่าา
สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้าให้คุณบัวด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่ผ่านมาทั้งหมด คุณบัวบอกว่าคนอ่านช่วยฮีลคุณบัว แฟนนิยายอย่างเราก็ได้นิยายคุณบัวฮีลพลังชีวิตมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเหมือนกันค่ะ ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่ดีนะคะ : )
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-12-2018 15:32:42
น้าภาจะยอมหรือค่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Arayajanm ที่ 28-12-2018 15:39:22
เวลาตอนใหม่มาจะเริ่มอ่านบทนำใหม่ เพื่อความอรรถรสและความต่อเนื่อง งื้อออ พฤหัส พฤหัส พฤหัส
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณบัว พบกันปีหน้านะคะ ขอให้เป็นปีที่ดี สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-12-2018 15:42:26
คุณปลัด คิดได้ไงอ่ะ o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 28-12-2018 20:26:30
น้าภาจะยอมหรือเปล่าไม่รู้
แต่พี่ทิศนี่ซิจะยอมเป็นให้น้องไหมนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-12-2018 22:54:23
โหหก คุณปลัดคิดแผนนี้ได้ไงอะ ยอมใจในความดื้อจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 29-12-2018 08:51:32
อยากรู้จักพี่ทิศ 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Trystan ที่ 29-12-2018 21:15:55
ชอบมาก ตอนแรกก็เข้มข้นแล้ว  o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 29-12-2018 21:28:55
นั่นแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาหรือเปล่า
สงสารพี่ทิศรอพร้อมเตรียมจ่ายพาราแก้ปวดหัวด้วย
ท่าทางคุณปลัดจะป่วน กวนตัวกวนใจไม่น้อย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 29-12-2018 21:39:25
มาส่งกำลังใจค่าา สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-12-2018 06:20:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 30-12-2018 09:35:34
นายเอกของคุณบัวนี่ ไม่ธรรมดาสักคน คุณปลัดนี่ก็อยู่ๆจะไปขอผู้ชายมาเป็นแฟนเฉยๆซะงั้น 555+
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Naeon ที่ 02-01-2019 12:45:52
ชอบนิยายที่คุณบัวเขียนทุกเรื่อง หลงรักตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์กันคนละแบบ
และกำลังจะหลงรักเรื่องนี้อีกเรื่องแล้ว รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-01-2019 12:57:36
รอๆๆๆ จะติดตามตลอดไปปปปป
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mew.kani ที่ 02-01-2019 19:13:41
ความคิดดีนะคะคุณปลัด

รอติดตามนะคะ ใครจะหลงรักใครก่อนน้า... :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 1 (27/12/2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 02-01-2019 23:45:14
จิ้มๆ ไว้ก่อนน๊า
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 03-01-2019 22:14:37
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 2


   จิดาภางุนงงเมื่อคนรับใช้วิ่งมาบอกว่าครอบครัวของพี่สาวยกโขยงกันมาถึงบ้าน หล่อนรีบเดินออกมาดูด้วยความเป็นห่วง เพราะกังวลว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่หลานชายทำงานอยู่ในท้องที่เกิดเหตุ แต่พอเห็นว่าจิณณะมาด้วย ก็ยิ้มออก


   “จิณ เป็นยังไงบ้างลูก” หล่อนถามพลางจับเนื้อจับตัวหลานชาย ความห่วงใยของจิดาภาทำให้ชายหนุ่มเริ่มชั่งน้ำหนักเรื่องที่ควรทำกับไม่


   แต่ถ้าไม่ทำ...เขาจะกลับเข้าไปอยู่ในพื้นที่อย่างปลอดภัยได้อย่างไร


   ไหนจะเรื่องที่คุณกอบกุลจะจับเขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนอีกก็ไม่รู้


   เพื่อความเอาตัวรอด ชายหนุ่มจึงฉีกยิ้มอ่อนให้ดูน่าสงสาร


   “ก็หนักอยู่เหมือนกันครับ น้าภา”


   “ย้ายกลับมากรุงเทพฯดีไหม ไปอยู่ทางนั้นทุกคนเป็นห่วงกันหมด”


จิณณะเหลือบมองบิดามารดา แต่ไม่มีใครกล้าสบตาเขาสักคน อันที่จริงทั้งโกศลและจรรยาไม่อยากมาด้วยซ้ำ แต่เมื่อเขาอ้างเรื่องความเป็นความตาย พ่อแม่ถึงได้ยอมมาด้วย


   “ผมยังย้ายไม่ได้ครับ ที่มาวันนี้เลยจะมาขอความช่วยเหลือจากน้าภา”


   “ให้น้าช่วย? ให้น้าช่วยอะไร บอกมาเลย ให้น้าติดต่อคุณเทียมให้ไหม”


   “เอ่อ...น้าทศกับ...กับพี่ทิศอยู่รึเปล่าครับ” เขาถามไปอีกเรื่อง จิดาภากะพริบตาอย่างงุนงง แต่ก็ตอบตามตรง


   “คุณทศไปทำงาน ส่วนทิศ...” ยังไม่ทันพูดถึงลูกเลี้ยง ประตูอัลลอยก็เลื่อนเปิดอัตโนมัติ รถยนต์หรูวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ


   “นั่นไง ทิศมาพอดี”   


   จิณณะเม้มปากเล็กน้อย เขาจับจ้องไปที่รถเบนซ์สีดำก่อนที่ชายหนุ่มร่างสูงจะก้าวเท้าลงมา เป็นการเจอกันครั้งที่ 2 ในรอบ 2-3 วัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นับสิบปี ไม่ได้เจอกันเลย


   “จิณมีอะไรกับทิศหรือ” จิดาภาถามอย่างสงสัย หลานชายแท้ๆหันมามองหล่อน แต่เขาไม่พูดอะไรจนกระทั่งพิทักษ์ก้าวเท้าขึ้นบันไดเตี้ยหน้าบ้านมาที่หน้าประตูซึ่งพวกเขายืนอยู่


   ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่สูงกว่าจิณณะแค่เล็กน้อยอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็กพอดีตัว เขาถอดแว่นตากันแดดออกตอนที่ยกมือไหว้โกศลและจรรยา ก่อนจะหันมามองจิณณะ


   “มีอะไรกันหรือครับ”


ประโยคแรกของพิทักษ์เหมือนอากาศที่กดทับไหล่สองข้างของจิณณะ เขาไม่คิดว่าจะมาเจรจาโดยมีเจ้าตัวอยู่ด้วย แต่...ไม่รู้วันนี้ก็ต้องรู้วันพรุ่งนี้อยู่ดี เพราะไม่ว่ายังไงเขาต้อง ‘เป็นแฟนกับพิทักษ์’ ให้ได้!


   “ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือนิดหน่อย เราเข้าไปคุยกันข้างในได้ไหมครับ” แขกผู้มาเยือนเอ่ย มองพิทักษ์แล้วถึงได้หันไปมองจิดาภา


   เจ้าบ้านหันมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายจิดาภาที่เดินนำทุกคนเข้าไปด้านใน จิณณะเดินประกบน้าสาว มีบิดามารดาตามหลังราวกับเป็นผู้สนับสนุน ส่วนพิทักษ์มองส่งเป็นคนสุดท้าย


   สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปที่หลานชายของแม่เลี้ยงที่สูงที่สุดในกลุ่มข้างหน้า ความช่วยเหลือที่เจ้าตัวร้องขอ พิทักษ์รู้สึกถึงลางสังหรณ์ประหลาดที่พุ่งตรงมาหาเขา!

...................

   “น้าภาทราบเรื่องงานศพเมื่อคืนแล้วใช่ไหมครับ” จิณณะเกริ่นประโยคแรกทันทีที่นั่งลงบนโซฟาตัวยาวเคียงข้างจิดาภา น้าสาวของเขามีสีหน้าเป็นกังวล ลูบมือเขาอย่างห่วงใย



“ที่มีคนเข้าไปยิงปืนขู่ในงานศพใช่ไหม น้าไม่สบายใจเลยนะจิณ ย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพฯไม่ดีกว่าหรือ”



จิดาภาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีและมีเมตตา ดูอย่างที่รักใคร่เอ็นดูลูกเลี้ยงซึ่งติดมากับสามีก็ได้ จิณณะคาดหวังพอสมควรว่าหล่อนจะไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเขาซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆ เพียงแต่...ความช่วยเหลือที่เขาอยากได้จากน้าสาว ไม่ใช่การย้ายกลับเข้ากรุงเทพ



“ถ้าย้ายกลับเข้ามา คุณย่าจะบังคับให้ผมแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รักครับ น้าภา” เขาทำสีหน้าสลด เรื่องถูกจับแต่งงานก็เรื่องหนึ่ง เรื่องที่อยากตามสืบความจริงในพื้นที่เกิดเหตุก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องกลัวตายก็เรื่องหนึ่ง แต่สามเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันจนจิณณะแทบไม่ได้หายใจหายคอ



ทว่า...มีใครบางคนที่จะช่วยเขาแก้ปัญญาสามเรื่องนี้ในคราวเดียวกันได้



ดวงตาเหลือบไปมองลูกเลี้ยงของน้าสาวที่นั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวอีกตัว รายนั้นกำลังมองเขาอยู่ เป็นครั้งที่สองที่เจอกัน และเป็นครั้งที่สองที่สายตาของพิทักษ์มองมาที่เขาอย่างคาดคั้น



จิณณะเบี่ยงสายตากลับมามองที่จิดาภา



“น้าภาครับ ผมไม่อยากแต่งงาน” เขาย้ำ หน้าตาเศร้าสร้อยและเต็มไปด้วยความทุกข์



“แต่ถ้าจิณยังอยู่ที่นั่น ทั้งพ่อทั้งแม่ ทุกๆคนก็เป็นห่วงกันไปหมด”



“ผมทราบว่าทำให้ทุกคนเป็นห่วง แต่ว่า...ผมกลับมาอยู่ที่นี่ตอนนี้ไม่ได้ คุณย่าต้องบังคับผมแต่งงานแน่ๆ” จิดาภาถอนหายใจ


“งั้นน้าจะฝากให้คุณเทียมช่วยดูแลจิณดีไหม”



“ผมเป็นข้าราชการ ทำแบบนั้นไม่เหมาะหรอกครับ”



“แล้วน้าจะช่วยจิณแบบไหนได้บ้าง บอกมาเลย ถ้าน้าช่วยได้ น้าจะช่วยทุกอย่าง” จิดาภาผู้มีเมตตากับคนรอบข้าง ยิ่งกับหลานแท้ๆ หล่อนยิ่งพร้อมช่วยเหลือ จิณณะกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าวิธีการนี้ช่างเห็นแก่ตัว แต่ถ้ามันจะทำให้เขารอดพ้นจากทุกปัญหาที่เข้ามาในเวลานี้ มันก็น่าทำ



ปลัดหนุ่มเหลือบไปมองพิทักษ์ที่ยังจ้องมาที่เขา



“ผม...ได้ยินมาว่าพี่ทิศยังโสด”



จิดาภากะพริบตาปริบๆ หันไปมองลูกเลี้ยง พิทักษ์เองก็ชะงักเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่จิณณะพูดมาทั้งหมดจะวกเข้ามาเรื่องสถานภาพของเขาได้อย่างไร



“จิณหมายความว่ายังไง” น้าสาวหันกลับมาถาม พลางมองเลยไปยังจรรยาและโกศล ทั้งพี่สาวและพี่เขยพากันหลบตา หล่อนจึงหันกลับมามองหลานชายผู้ซึ่งยังมองตรงมาที่หล่อน



“ผม...จะมาขอ...” จิดาภาชะงักกึก



“ขอ? ขออะไร?”



“ขอพี่ทิศครับ”



“ข...ขอทิศ?...ขอทิศไปทำไม?”



“ขอให้พี่ทิศมาเป็นแฟนผมครับ”



“อะไรนะ?!!” จิดาภาร้องลั่น ส่วนพิทักษ์นั้นถึงกับหงายหลังพิงพนักไปแล้ว



“อย่างที่น้าภากับ...พี่ทิศทราบ...” จิณณะพูดต่ออย่างไว เขามองทั้งน้าสาวและมองพิทักษ์ ซึ่งบัดนี้เรียก ‘พี่’ เต็มปากเต็มคำเพื่อความสนิทสนมกลมเกลียว 



“คุณย่าบังคับให้ผมแต่งงานกับคนที่คุณย่าหาให้ ผมกลับมาอยู่กรุงเทพฯไม่ได้ แต่ถ้าจะอยู่ในพื้นที่ต่อไป พ่อแม่ก็เป็นห่วง จะฝากให้คุณเทียมช่วยดูแลผม แต่ตัวผมเป็นข้าราชการ วันดีคืนดีจะเข้าไปอยู่ใกล้ชิดคุณเทียม เรื่องจะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะฉะนั้น...ผมจำเป็นต้องมีคู่ และต้องมี...เอ่อ...มีคนที่ทำให้ผมอยู่ใกล้คุณเทียมโดยที่ไม่ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นข้าราชการแต่อาศัยอำนาจคนท้องถิ่น ถ้าหากทุกคนรับรู้ว่าผมเป็นคนของพี่ทิศ ทุกอย่างจะจบครับน้าภา ผมไม่ต้องแต่งงานกับคนที่คุณย่าหาให้ และผมอยู่ในพื้นที่อย่างปลอดภัยเพราะถือว่าเป็นคนของหลานคุณเทียม”



“แต่...แต่...ทั้งจิณทั้งทิศ เป็น...เป็นผู้ชาย...”



“ทั้งผมทั้งพี่ทิศก็ยังเป็นผู้ชายครับ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพียงแต่ทำให้คนอื่นๆเข้าใจว่าผมเป็นคนของพี่ทิศเท่านั้นเอง เรื่องนี้พี่ทิศไม่เสียหายแน่นอน” จิดาภาพูดไม่ออก หรือต้องบอกว่าหล่อนช็อกจนหัวสมองอื้ออึงไปหมด ทว่าก่อนที่จิณณะจะได้กล่อมต่อ เสียงทุ้มแต่เข้มงวดของคนที่นั่งหลังพิงพนักก็ดังขึ้น



“นี่เรียกว่าวิธีการแก้ปัญหาหรือ?!” จิณณะหันไปมองเจ้าของเสียง กำลังจะตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ‘ใช่’ แต่พิทักษ์ไวกว่า 



“ก่อปัญหาชัดๆ!” ร่างสูงลุกพรวดจากโซฟาแล้วเดินออกจากห้องนั่งเล่นทันที ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวหงุดหงิดและอารมณ์เสียขนาดไหนกับการขอความช่วยเหลือของจิณณะ ทว่าปลัดหนุ่มไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังคำปฏิเสธ เขาหันกลับมาทางน้าสาว



“ผมรู้ว่ามันดูไร้สาระ แต่ผมต้องการความช่วยเหลือจริงๆครับน้าภา ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ผมยินดีเคลียร์ทุกอย่างเพื่อพี่ทิศจะได้กลับมามีชีวิตแบบเดิม”



น้าสาวยังคงพูดไม่ออก แต่จิณณะไม่รอให้หล่อนปฏิเสธอีกคน



“ขอผมคุยกับพี่ทิศหน่อยนะครับ” เขาลุกจากโซฟา แต่ก่อนจะเดินออกจากห้องก็ไม่วายหันกลับมาส่งสายตาให้มารดาช่วยตะล่อมจิดาภาต่อ จรรยาทำหน้าปั้นยาก แต่พอคิดถึงความอยู่รอดปลอดภัยของบุตรชายแล้ว หล่อนก็ทำได้เพียงลุกมานั่งข้างน้องสาว



“ช...ช่วยพี่ ช่วยลูกพี่สักครั้งนะภา แล้วพี่จะไม่ขออะไรจากภาอีกเลย”



เป็นประโยคเดียวที่จรรยานึกออก และเป็นประโยคเดียวที่ทำให้จิดาภาพูดอะไรไม่ออกนอกจากนวดขมับตัวเองอย่างอับจนปัญญา



ใครหนอ คิดวิธีช่วยเหลือแบบนี้...


.............................


คนรับใช้บอกกับจิณณะว่าพิทักษ์อยู่ในห้องทำงานบนชั้นสองปีกซ้ายของบ้าน ปลัดหนุ่มอาศัยความเป็นญาติให้คนรับใช้พานำไปยังชั้นบน มาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้เขามาหยุดอยู่แค่นี้ก็เห็นจะใช่ที่



พอมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู เขาก็ไล่ให้คนรับใช้ไปทำอย่างอื่นเสีย ส่วนตัวเองเคาะประตูสามทีแล้วก็ถือวิสาสะเปิดเข้าไปในห้อง 



ห้องทำงานกว้างขวางมีโมเดลสนามกอล์ฟตั้งอยู่กลางห้อง กิจการที่พิทักษ์ดูแลอยู่คือสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ติดอันดับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาไม่ได้สนใจว่ามันหรูหราและสวยงามแค่ไหน ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือการหาทางคุยกับพิทักษ์



“ถึงกับต้องขึ้นมาที่นี่เลยหรือ” เสียงทุ้มดังมาจากเบื้องหลัง จิณณะหันไปมองถึงได้พบคนที่เขาต้องการพูดคุยเป็นการส่วนตัว



พิทักษ์ยืนอยู่ที่ประตูระเบียง ก่อนจะเดินกลับเข้ามาขยี้มวนบุหรี่ลงกับที่เขี่ย อารมณ์เสียขนาดไหนไม่ต้องบอก เพราะทั้งๆที่ไม่ใช่คนติดบุหรี่ แต่ก็ถึงขั้นต้องหยิบมาสูบ



ทว่าจิณณะไม่รู้เรื่องที่นี้ เขาเพียงปรายตามองว่าที่เขี่ยบุหรี่อยู่ไกลมือของลูกเลี้ยงของน้าสาวเพียงพอที่จะไม่หยิบมาขว้างใส่หัวเขา พอพิทักษ์เดินไปนั่งบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่แล้วจ้องมาทางเขา ปลัดหนุ่มถึงได้เอ่ยปาก


“ผมมาเพื่อขอร้องพี่”


เจ้าของห้องทำงานกลอกตามองเพดานเพื่อระงับอารมณ์


“วิธีของคุณมันไม่ใช่การแก้ปัญหา!”


“แล้ววิธีไหนคือการแก้ปัญหา”


“กลับมาอยู่กรุงเทพฯ!”


“ผมยังกลับไม่ได้”


“ทำไม?” จิณณะนิ่งไปอึดใจหนึ่ง เขารู้ว่าเรื่องถูกบังคับแต่งงานจะเอามาอ้างกับพิทักษ์ไม่ได้ คนอย่างนี้...ต้องใช้เหตุผลอย่างอื่น


“...คนที่มายิงขู่ในงานศพ...จงใจขู่ผม” เขาตัดสินใจพูดความจริง พิทักษ์เบิกตากว้าง


“แล้วแบบนี้ยังจะดื้ออยู่ที่นั่นต่ออีกหรือ?!”


“ต่อให้ผมหนี พวกนั้นก็ต้องตามเก็บผมอยู่ดี”


“ทำไมต้องเก็บคุณ”


“ผมบอกไม่ได้ เป็นความลับราชการ” จิณณะบอกปัด ทั้งๆที่ความจริงแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมทองสุกถึงถูกฆ่า หรืออาจจะถูกหมายหัวอยู่แล้ว ส่วนเขาเป็นคนที่อยู่ผิดที่ผิดเวลา แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็กลายเป็นคนที่จะถูกเก็บเป็นรายต่อไป ถ้า...ไม่สามารถหาคนคุ้มกะลาหัวได้


“ถ้าคุณไม่พูด ผมก็ไม่ช่วย!” เสียงของพิทักษ์แข็งกร้าว ทว่าที่แกร่งยิ่งกว่าเสียงของเขาคือสายตาของจิณณะที่ยังคงมองตรงมาราวกับจะต้องได้ในสิ่งที่ร้องขอ



“แต่ถ้าพี่ไม่ช่วย ผมก็คงไม่รอด” เป็นการยื่นข้อเสนอที่ทำเอาคนเสียงแข็งถึงกับพูดไม่ออก เพียรบอกตัวเองว่าระหว่างเขาและจิณณะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆต่อกันเลย หากจิณณะจะเป็นอะไรไปสักคน เขาก็ไม่เดือดร้อน แต่ดูเหมือนคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยจะเข้าใจเหตุผลนี้ดี เพราะเจ้าตัวพูดต่อทันที



“น้าภา...คงจะเสียใจมากทีเดียว”


ใช่! ข้อเดียวที่พิทักษ์และจิณณะเกี่ยวข้องกันคือจิณณะเป็นหลานของจิดาภา ส่วนเขาเป็นลูกเลี้ยงที่จิดาภาเลี้ยงมายี่สิบกว่าปี


“อย่าเอาแม่ภามาขู่ผม!”


   “ผมไม่ได้ขู่พี่ ผมแค่พูดความจริง ผมมีปัญหา และพี่คือคนเดียวที่จะช่วยผมได้ แต่ถ้าพี่ไม่ช่วย ผมก็ทำอะไรไม่ได้ และ...อาจจะไม่รอด” สีหน้าของคนพูดว่าจะไม่รอดนั้นเรียบเฉยราวกับเจ้าตัวตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องโน้มน้าวให้พิทักษ์ยอมช่วยเหลือ


   เจ้าของห้องทำงานเดาะลิ้นกับเพดานปากอย่างงุ่นง่าน จ้องมองหลานของแม่เลี้ยงแล้วก็อยากกระโจนเข้าไปเขย่าตัวดูสักทีว่าในสมองมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง ถึงได้สรรหาวิธีการประหลาดพิลึกแบบนี้ออกมา


   “ต้องให้ผมช่วยยังไง?!” แต่ไม่ว่าจะอยากเขย่าตัวแรงๆ หรืออยากจะปฏิเสธแค่ไหน แต่พิทักษ์ก็ทนเพิกเฉยต่อสีหน้าเศร้าหมองของมารดาเลี้ยงไม่ได้ จิดาภาดูแลและเอาใจใส่เขาและน้องชายมาแต่เล็ก หากไม่มีหล่อน ทั้งเขาและน้องคงไม่เติบโตขึ้นมาเป็นคนเต็มคนอย่างทุกวันนี้


   “ง่ายนิดเดียว พี่ทำเหมือนผมเป็นแฟนพี่”


คนฟังถึงกับหลับตานวดขมับแล้วคำรามในคอ


   “นั่นไม่เรียกว่าง่าย!” ทว่าจิณณะยักไหล่


   “พี่ไม่เคยมีแฟนหรือ” นอกจากจะอยากกระโจนเข้าไปเขย่าแล้ว พิทักษ์อยากฉีกเนื้อคนถามตาใสเป็นชิ้นๆด้วยซ้ำ


   “พี่ก็แค่ทำเหมือนผมเป็นคนของพี่ ทำให้คนอื่นรับรู้ว่าผมอยู่ใกล้คุณเทียม ผมแค่อยากได้บารมีลุงของพี่คุ้มครองผม”


   “แล้วจะทำอะไรต่อไป”


   “ผมจัดการเอง” จิณณะพูดง่ายๆ แต่สายตาของพิทักษ์ยังจ้องเขม็งราวกับจะบอกว่าการพูดด้วยท่าทางสบายๆแบบนี้ไม่มีทางได้รับความช่วยเหลือ


   “...มันเป็นความลับราชการ ผมพูดมากกว่านี้ไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าพี่ไม่เดือดร้อนหรอก ผมแค่อยากให้คุณย่าเลิกบังคับผมแต่งงาน แล้วก็แค่อยากได้ความปลอดภัยในระหว่างที่อยู่ที่นั่น ถ้าทุกอย่างเคลียร์ เรื่องของเราก็จบ” ไม่พูดอย่างเดียว แต่ปลัดหนุ่มแบมือสองข้างพลางยกไหล่ให้ยกดูว่า จบจริงๆ ไม่มีอะไรเหลือในมือสักนิด พิทักษ์ต้องเบือนสายตาหนีเพื่อสงบสติอารมณ์อยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองหลานของจิดาภาอีกครั้ง


   “ทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย เรื่องนี้ต้องจบ!”


   “แน่นอน ผมเป็นผู้ชาย ไม่คิดจะเป็นแฟนพี่ไปตลอดหรอก”


   พิทักษ์ไม่พูดอะไรอีก ความหงุดหงิดยังสุมเต็มอก แต่การที่เขายืนเงียบโดยไม่ไล่ตะเพิดจิณณะออกจากห้องทำงานก็เป็นคำตอบแล้วว่าอีกฝ่ายประสบความสำเร็จในการร้องขอความช่วยเหลือจากเขา


   “ช่วงนี้ ผมคงต้องแวะไปหาพี่บ่อยๆ ก่อนไปผมจะโทร.ไปบอกไว้ก่อน”


พิทักษ์เงียบ ไม่ตอบ แต่ก็ดูรู้ว่าฟังอยู่


   “อาจจะต้องมีออกงานด้วยกันบ้าง พี่ไม่ต้องบอกว่าเราเป็นแฟนกัน เอาให้คลุมเครือก็พอ”


   “ผมรู้! ผมไม่บ้าที่จะพูดอะไรแบบนั้นหรอก!”


คราวนี้คนหงุดหงิดหันมากระแทกเสียง ทว่าจิณณะไม่ถือสา เขายักไหล่ไม่ยี่หระกับอารมณ์ของลูกเลี้ยงของน้าสาว


   “ดีครับ ถ้างั้นไว้เจอกัน อาจจะเป็นพรุ่งนี้ที่ผมจะเข้าไปหาพี่ ปกติอยู่ที่ไหน สนามกอล์ฟ?” ปลัดหนุ่มปรายตาไปยังโมเดลสนามกอล์ฟที่ตั้งอยู่ไม่ไกล


   “อือ” เป็นคำตอบที่เจ้าตัวไม่ค่อยอยากตอบเท่าไรนัก เพราะไม่มองหน้าจิณณะเลยสักนิด แต่ก็เป็นอีกครั้งที่จิณณะไม่สนใจกับท่าทีของอีกฝ่าย


   “แล้วไว้ผมจะโทร.ไปหาก่อนไปเยี่ยม” เขาว่าอย่างนั้น แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆจากคนที่เมินสายตาหนีไม่มองเขาอีก จิณณะพอจะเข้าใจว่าพิทักษ์น่าจะต้องการเวลาเพื่อปรับอารมณ์พอดู เขาถอยไปยืนที่ประตูห้อง แต่พอหันไปเปิดประตู เสียงของเจ้าของห้องก็ดังขึ้น


   “มีเบอร์ผมหรือ”


ปลัดหนุ่มหันกลับไปมอง เขาไม่ตอบ แต่ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ทว่าดวงตาที่มองตรงมานั้น ทำให้พิทักษ์ตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่ง


   จิณณะไม่ได้มาที่นี่พร้อมกับคำขอร้อง แต่มาที่นี่พร้อมกับความมุ่งมั่นว่าจะต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ


   ไม่มีเสียงตอบจากคนถูกถาม มีเพียงเสียงปิดประตูลงแผ่วเบาเมื่อคนมาเยือนออกจากห้องไปโดยทิ้งรอยยิ้มที่มุมปากและสายตาแน่วแน่เอาไว้ ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะลุกจากโต๊ะเดินไปหยิบที่เขี่ยบุหรี่แล้วเดินออกไปนอกระเบียง


   บุหรี่มวนที่ 2 ถูกจุดไฟในวันที่ไม่ใช่แค่ลางสังหรณ์มาเยือน แต่เป็น ‘ปัญหา’ ที่มาเหยียบถึงห้องทำงานของเขา


   จิณณะ!

.............................

จิดาภาเดินวนอยู่หน้าห้องทำงานของลูกเลี้ยง หล่อนไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอย่างไรดี


มันเป็นความละอาย...


ปนเปกับความกังวล...


และห่วงใย


ละอายใจกับการขอความช่วยเหลือของครอบครัวพี่สาว แต่ก็กังวลเรื่องหลานชาย ถึงอย่างนั้นหล่อนก็เป็นห่วงความรู้สึกของลูกเลี้ยง


บานประตูถูกเปิดออก ทำเอาหญิงวัยปลายร่างผอมหันมอง หล่อนสบตากับพิทักษ์ ก่อนที่เป็นฝ่ายชายหนุ่มเอ่ยปาก


“เขากลับไปกันแล้วหรือ” เขาที่ว่า พิทักษ์หมายรวมทั้งบิดามารดาของจิณณะด้วย


จิดาภาได้แต่พยักหน้ารับ ตอนที่จิณณะลงมาบอกว่าพิทักษ์ยอมช่วยเหลือ เจ้าตัวก็ยกมือไหว้ขอตัวกลับเลย หล่อนไม่รั้งเอาไว้สักนิดเพราะห่วงความรู้สึกลูกเลี้ยง พอส่งครอบครัวพี่สาวแล้วก็ถึงได้รีบขึ้นมาเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องของพิทักษ์จนกระทั่งตอนนี้


แต่...พอพิทักษ์ออกมาพบหน้า ก็กลายเป็นจิดาภาเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก สีหน้าลำบากใจ ดูแล้วมีเรื่องอยากพูดแต่ไม่รู้จะพูดอะไรนั้น พิทักษ์ที่แม้เป็นเพียงลูกเลี้ยงแต่ก็ถูกหล่อนเลี้ยงดูมายี่สิบกว่าปี มีหรือเขาจะดูไม่ออกว่ามารดาเลี้ยงรู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น


“เขาคงบอกแม่ภาแล้ว”


คราวนี้ เขาที่ว่า จิดาภาเข้าใจว่าชายหนุ่มเจาะจงไปที่หลานชายของหล่อนเพียงคนเดียว


“จิณบอกว่าทิศจะช่วย...”


ชายหนุ่มไม่ตอบ มองเมินไปทางอื่น อารมณ์ของเขาไม่คงที่นัก แต่ไม่ใช่ความผิดของจิดาภาเลยที่เขาอารมณ์เสีย ที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ส่วนหนึ่งเพราะคนสร้างปัญหา และสองคือตัวเขาที่ยอมช่วยเหลือเพราะเหตุผลเพียงข้อเดียวคือเจ้าตัวเป็นหลานของจิดาภา


“แม่...” จิดาภาพูดไม่ออก หล่อนอยากขอบคุณเขาที่ยอมให้ความช่วยเหลือหลานชาย แต่มันก็ช่างเป็นคำขอบคุณที่เห็นแก่ตัวเกินไปที่จะพูดออกมา


“ผมช่วยเพราะเขาเป็นหลานแม่ภา” พิทักษ์พูดเรียบๆ จิดาภาได้แต่พยักหน้ารับรู้ ทว่าสีหน้าของหล่อนยังเต็มไปด้วยความกังวล ความห่วงใย และความรู้สึกผิด


ชายหนุ่มถอนหายใจเบา โอบบ่าเล็กของจิดาภาราวกับจะปลอบประโลม


“แม่ภาไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดอะไรแทนบ้านนั้น ผมช่วยเพราะเขาเป็นหลานของแม่ภาก็จริง แต่ผมช่วยเท่าที่ผมช่วยได้ อะไรที่มากกว่าที่ผมจะทำได้ ผมก็ไม่ทำ” พิทักษ์พูดอย่างตรงไปตรงมา แต่เป็นความตรงไปตรงมาที่พอจะช่วยคลายความละอายในใจของแม่เลี้ยงลงได้ หล่อนเงยหน้ามองแล้วยิ้มจาง


“แม่ไม่รู้จะขอบใจทิศยังไงดี”


“ไม่ต้องหรอกครับ ไปเถอะ ลงไปทานข้าวกัน นี่พ่อกลับมาหรือยัง”


“ยัง แต่โทร.มาบอกว่าออกจากบริษัทแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ


“ดีครับ ผมจะได้บอกพ่อเรื่องนี้ด้วย” พิทักษ์พูดอย่างนิ่งสงบ จิณณะคิดจะขอความช่วยเหลือจากเขา ก็ต้องรู้ว่าคนอย่างเขาจะช่วยก็ต่อเมื่อ ‘รู้’ ทั้งหมด ข้ออ้างเรื่องความลับราชการ ใช้กับเขาไม่ได้!


ถ้าจะเก็บเป็นความลับราชการ ก็ให้ราชการช่วยสิ ถ้าจะให้เขาช่วย เขาก็ต้องรู้ว่าความลับที่ว่าคือเรื่องอะไร!

................................

จิณณะรู้ว่าเขามีเวลาไม่มากนัก ยิ่งหาสาเหตุเรื่องที่ทองสุกถูกฆ่าได้เร็ว ก็ยิ่งจัดการคนบงการได้ไวเท่านั้น นั่นหมายความว่าชีวิตของเขาจะปลอดภัย ไหนจะเรื่องที่ต้องทำให้คุณกอบกุลผู้เป็นย่าเห็นว่าเขาเป็นหลานนอกคอกที่ไม่ควรเจ้ากี้เจ้าการแม้กระทั่งเรื่องแต่งงานอีก


เช้าวันต่อมา ชายหนุ่มขับรถจากกรุงเทพมาที่ว่าการอำเภอ ทำงานจนเกือบเที่ยงก็ดำเนินการแผนการขั้นต่อไปทันที


เขากดเบอร์ที่ได้มาจากมารดา แล้วรอสายอยู่อึดใจหนึ่ง ปลายสายรับ แต่ไม่พูดอะไร คาดว่าคงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นเบอร์เขา


“พี่ทิศให้ผมไปหาที่ไหนดี”


เที่ยงนี้เขาจะแวะไปหาพิทักษ์เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าจงใจใส่เสื้อโปโลที่มีสกรีนชื่อกิจกรรมของหน่วยงานอยู่กลางหลัง ชนิดที่ถ้าเดินไปไหนในจังหวัดนี้ ทุกคนต้องรู้ว่าเขาทำงานอะไร


‘ผมอยู่ที่สนามกอล์ฟ’ คำว่า ‘ผม’ จากปลายสายทำเอาจิณณะส่ายหัว ขยันสร้างกำแพงเหลือเกิน ทั้งๆที่ยินยอมให้ความช่วยเหลือแล้วแท้ๆ


“โอเค เดี๋ยวผมไปรับ”


‘รับไปไหน’ ปลายสายรีบถามเสียงฟังดูหงุดหงิด แต่จิณณะหมุนปากกาในมือเล่นเหมือนกำลังสบายอารมณ์


“เที่ยงแล้วก็ต้องทานข้าวไงครับพี่” ถึงอีกฝ่ายจะพูดจาสุภาพมา แต่ปลัดหนุ่มก็อาศัยลูกเนียนเรียกอย่างสนิทสนมให้สมกับที่เราจะเป็นของกันและกัน


‘ทานที่คลับนี่ล่ะ’


จิณณะเลิกคิ้วเล็กน้อย ลืมไปสนิทว่าสนามกอล์ฟของพิทักษ์นั้นนอกจากจะใหญ่โตติดอันดับในภูมิภาคนี้แล้ว ยังหรูหราไม่เป็นสองรองใคร ได้ข่าวว่าถึงขั้นจ้างเชฟมือดีทำอาหารที่คลับของสนามด้วยซ้ำ


แต่ทานที่คลับสนามกอล์ฟตอนเที่ยงของวันธรรมดา แล้วมันจะเป็นที่กล่าวขานได้ยังไงว่า จิณณะกับพิทักษ์คบหากันอยู่


‘ผมมีประชุมตอนบ่าย ถ้าไม่ทานที่นี่ คุณก็ไม่ต้องมา เพราะผมไม่ไปทานที่อื่น’ ปลายสายทำเสียงเข้ม แต่จิณณะไม่ใช่คนยอมความง่ายๆ


“ก็ได้” ไม่ใช่คนยอมง่าย แต่ถ้ายอมล่ะก็ ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน “...แต่เย็นนี้ไปงานศพกับผม”


อีกฝ่ายเงียบ คาดว่าน่าจะกำลังกัดฟันอยู่ แต่จิณณะไม่รอให้คนกัดฟันกับข้อเสนอของเขาคิดหาอะไรมาโต้แย้ง


“แล้วเจอกัน” ปลัดหนุ่มว่าอย่างนั้น ก่อนจะกดตัดสาย ลดโทรศัพท์ในมือมาอยู่ในระดับสายตาแล้วแยกเขี้ยว


ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นหลานคุณเทียม หมอนี่จะเป็นคนสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่เขาจะขอความช่วยเหลือ!

.........................



หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 03-01-2019 22:15:19

ไม่เกินครึ่งชั่วโมง รถบีเอ็มของจิณณะก็เลี้ยวเข้าจอดที่ลานจอดรถหน้าอาคารทรงโมเดิร์นกรุกระจกสีเขียวชา ตัวอาคารเป็นทรงเตี้ย หน้ากว้าง อยู่หน้าสุดของสนามกอล์ฟสีเขียวกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา


ปลัดหนุ่มลงจากรถแล้วก้าวเท้าขึ้นบันไดเตี้ยหน้าตึกเข้าไปด้านใน ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป ไอเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศก็ทำหน้าที่ต้อนรับเขาก่อนใคร ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ก่อนที่พนักงานของคลับจะเข้ามาต้อนรับ


“ผมมาพบคุณพิทักษ์”


“คุณจิณใช่ไหมครับ”


จิณณะพยักหน้ารับ พนักงานชายในชุดเสื้อเชิ้ตสวมกั๊กพาเขาเดินนำไปยังห้องอาหารซึ่งมีทั้งส่วนที่อยู่ในห้องปรับอากาศและส่วนระเบียงที่ผินสู่สนามกอล์ฟเขียวขจี ในห้องอาหารมีลูกค้าอยู่หลายกลุ่ม แม้จะไม่มีใครสนใจการมาของจิณณะ แต่เขาว่ามันก็เป็นสถานที่ที่ใช้ได้ทีเดียวในการที่เขาจะสร้างข่าวการทานข้าวเที่ยงกับ ‘คนของเขา’


ทว่า ‘คนของเขา’ นี่สิ ไม่ร่วมมือด้วยเสียเลย!


จิณณะเดินไปถึงโต๊ะที่พิทักษ์นั่งอยู่เพียงลำพัง แต่เป็นการนั่งลำพังที่ไม่เปล่าเปลี่ยวแต่อย่างใด เพราะเจ้าตัวมีจานอาหารอยู่ตรงหน้าและกำลังทานมื้อเที่ยงคนเดียว ทั้งๆที่เขาบอกแต่แรกว่าจะมาทานด้วย


“นี่พี่ทานแล้วหรือ” เขาถาม ตาจิกลงมองจานอาหารที่หมดไปมากกว่าครึ่ง พิทักษ์เหลือบตาขึ้นมอง หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากแล้วตอบอย่างไม่สนใจนัก


“นี่เที่ยงสิบห้าแล้ว ผมบอกคุณแล้วว่าผมมีประชุมบ่าย”


เป็นคำตอบที่ทำให้คนอุตส่าห์รีบบึ่งรถมารู้สึกคันไม้คันมือ แต่...เอาเถอะ เขาจะยอมก็ได้


“มีประชุมบ่ายที่นี่ใช่ไหม” จิณณะถาม


“ใช่”


“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งทานกับผมจนกว่าจะถึงเที่ยงห้าสิบห้าก็แล้วกัน” บอกแล้วว่าถ้าเขายอม นั่นหมายความว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน พิทักษ์เงยหน้ามองทันที แต่คนพูดกลับยักไหล่


“ผมเหลือเวลาให้ห้านาทีเพื่อให้พี่เตรียมตัวแล้วนะ แต่ตอนนี้เวลาของพี่ต้องเป็นของผม”


ปลัดหนุ่มว่าอย่างนั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินไปตักอาหารที่ไลน์บุฟเฟ่ต์ พิทักษ์มองตามร่างสูงสมส่วนที่อยู่ในชุดเสื้อโปโลและกางเกงสแล็ก ดูสบายๆ...ทว่าด้านหลังเสื้อโปโลที่มีสกรีนชื่อหน่วยงานประจำอำเภอนั้นแผ่หราราวกับจงใจใส่มาบอกให้คนที่นี่ได้รู้ว่าเจ้าตัวทำงานที่ไหน


จิณณะไม่ใช่คนสบายๆอย่างที่เจ้าตัวแสดงออก แต่เขี้ยวลากดินไม่แพ้ใคร!


“ตัวแสบ!...” พิทักษ์คำรามในคอ ดวงตาคมกริบจับจ้องคนที่เดินไปเดินมาอยู่ที่ไลน์บุฟเฟ่ต์


แล้วหลังจากนั้น มื้อเที่ยงของคนสองคนที่ต่างฝ่ายต่างหงุดหงิดกันและกันก็เริ่มต้นขึ้นในห้องอาหารของสนามกอล์ฟแห่งนี้เอง

...............................

เดิมที คุณกอบกุลเกิดและเติบโตในครอบครัวมีอันจะกิน แต่เมื่อแต่งงานกับสามีที่เลือกสรรด้วยตนเอง ก็เป็นเหตุให้ถูกตัดออกจากวงศ์ตระกูล แต่เมื่อเลือกแล้วก็มุ่งมั่นจะสร้างเนื้อสร้างตัวพิสูจน์ตน เสียดายสามีที่เลือกเองกลับด่วนจากไป จากคุณหนูครอบครัวร่ำรวย กลายเป็นแม่หม้ายสามีตาย ล้มลุกคลุกคลานสร้างธุรกิจด้วยน้ำมือตนเองจนวันนี้เป็นปึกแผ่น


แน่นอนว่าหล่อนติดนิสัยวางอำนาจ ใช้บารมีทั้งต่อหน้าและลับหลังกับคนอื่น เพื่อให้ได้สิ่งที่หล่อนต้องการ และเวลานี้ สิ่งที่หล่อนต้องการมากที่สุดคือการจับหลานชายนอกคอกที่ชื่อจิณณะแต่งงาน


หล่อนเกลียดหลานคนนี้หรือ


ไม่หรอก หล่อนรัก...แต่อาจจะรักน้อยกว่าหลานคนอื่นอยู่สักหน่อย เพราะหลานคนนี้ไม่ได้ดั่งใจ ไม่ตามใจ ไม่พินอบพิเทาเหมือนที่หลานคนอื่นทำกับหล่อน จิณณะทำทุกอย่างตามใจตัวเอง เลือกเรียนในคณะที่หล่อนคิดว่าไม่มีประโยชน์ จบออกมาแทนที่จะมาช่วยงานของตระกูลก็ดันออกไปทำเอกชนที่อื่นอยู่พักหนึ่ง แล้วสอบเข้ารับราชการ


เงินเดือนราชการกับตำแหน่งงานในต่างจังหวัดคือสิ่งที่จิณณะเลือก ซึ่งคุณกอบกุลมองว่าเป็นทางเลือกที่คิดสั้นสิ้นดี


แต่ตอนนี้หมดเวลาสำหรับให้จิณณะไปหลงระเริงกับสิ่งที่เจ้าตัวเลือกเองแล้ว ถึงเวลาที่หล่อนจะเลือกให้บ้าง


“คุณกอบคะ โทรศัพท์จากท่านเสรีค่ะ” เลขานุการส่วนตัวเข้ามาในห้องพักผ่อนในคฤหาสน์ของตระกูล คุณกอบกุลกำลังนั่งจิบชายามบ่ายและดูข่าวต่างประเทศบนโทรทัศน์ไปด้วยต้องรีบวางถ้วยชาลง กดหรี่เสียง แล้วหันไปรับ


ท่านเสรีเป็นที่ปรึกษาในแวดวงราชการ อำนาจบารมีพอตัวชนิดที่หากหล่อนจะไหว้วานให้เขาช่วยย้ายหลานชายเข้ามาช่วยราชการในกรุงเทพฯโดยที่ไม่ต้องรอให้จิณณะจัดการเอง เขาก็ทำให้ได้ แต่มีข้อแม้...คือจิณณะต้องแต่งงานกับลูกสาวของเขาเสียก่อน


หากเปรียบตระกุลของคุณกอบกุลเป็นบ่อทอง ทางฝั่งท่านเสรีก็เป็นคลังอำนาจนั่นล่ะ


“สวัสดีค่ะ ท่านเสรี” คุณกอบกุลรับสายด้วยน้ำเสียงแหบอย่างคนสูงอายุ แต่นุ่มนวลเพื่อหวังใช้ประโยชน์จากปลายสาย ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อคำถามแรกจากชายวัยเจ็ดสิบนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลานชายของหล่อน


“ตาจิณหรือคะ ใช่ค่ะ เขาเป็นปลัดอำเภอ...” ตำแหน่งงานของหลานชายคนไม่โปรดคนนี้ออกจะแผ่วลงเล็กน้อย


“ค่ะ ในท้องที่นั้น...ท่านเสรี...เอ่อ...อยู่ที่นั่นตอนนี้หรือคะ”


“ตีกอล์ฟ? อ้อ...ใช่ค่ะ หลานชายคุณเทียมเป็นลูกเลี้ยงของน้าสาวของตาจิณ”


ท่านเสรีบอกกับหล่อนว่าเขาไปตีกอล์ฟและบังเอิญพบจิณณะไปทานข้าวกลางวันที่นั่นกับหลานชายคุณเทียม สอบถามคนรอบข้างก็พบว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่พบ แต่เมื่อวานก็มีคนเห็นจิณณะแวะไปที่สนามกอล์ฟของพิทักษ์ และรับประทานอาหารด้วยกัน


คำบอกเล่าของปลายสายทำให้คุณกอบกุลแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าจิณณะและพิทักษ์จะไปมาหาสู่กัน แต่ถ้าคิดถึงลำดับญาติที่เหมือนจะเกี่ยวดองกันกลายๆแล้ว ก็ไม่ดูผิดแปลกอะไรนัก


แต่...ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันสองวันแล้ว?


สนิทกันขนาดนั้นเชียวหรือ?


“เอ๊ะ? ไปงานศพด้วยกันด้วยหรือคะ” คุณกอบกุลขมวดคิ้ว จิณณะมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปทานข้าวกับลูกเลี้ยงของน้าสาวถึงสองวันติดต่อกัน หนำซ้ำยังไปงานศพด้วยกันอีกต่างหาก


“เอ่อ...เขาเป็นญาติกัน ก็สนิทกันเป็นธรรมดาล่ะค่ะ ตาจิณเองอีกหน่อยก็ต้องมาช่วยงานของดิฉัน ส่วนคุณพิทักษ์หลานคุณเทียมก็เห็นว่าบริหารงานเก่ง ตาจิณคงไปศึกษางานนั่นล่ะค่ะ จริงสิ วันเสาร์นี้ จะให้ตาจิณเข้าไปกราบท่านดีไหมคะ จะได้ฝากเนื้อฝากตัวเอาไว้ ค่ะ ได้ค่ะ เดี๋ยวจะให้เลขาฯของดิฉันติดต่อกับเลขาฯของท่านนะคะ สวัสดีค่ะ” คุณกอบกุลลดโทรศัพท์ในมือลง สีหน้าครุ่นคิดด้วยไม่รู้ว่าหลานชายอย่างจิณณะคิดจะทำอะไร


สองคนนั้นอาจจะสนิทกัน นัดแนะไปทานมื้อกลางวันด้วยกันสองวันติด อาจมีเรื่องปรึกษาหารือ ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องไปงานศพทองสุกที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่โด่งดังไปทั้งประเทศ


หนำซ้ำท่านเสรียังย้ำว่า ‘ไปด้วยกัน’


คุณกอบกุลส่งโทรศัพท์คืนให้เลขาฯร่างอวบวัยห้าสิบที่ดูแลหล่อนมานาน ก่อนจะสั่งเสียงกำชับ


“โทร.บอกตาโกกับเมีย ว่าวันเสาร์นี้ฉันต้องเห็นหัวจิณที่กรุงเทพฯ!”


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ขอโทษที่มาดึก แต่ก็ยังนับว่าเป็นวันพฤหัสเนอะ ฮ่าฮ่า

ปลัดจิณสร้างปัญหา เป็นตัวแสบ(ที่ตัวไม่น้อยเลย) แต่ยังไงก็ฝากเอ็นดูปลัดด้วยนะคะ ปลัดเข้าปีชงมากๆ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดสุดๆ ฮ่าฮ่า

ตอนที่แล้วมีคนแซวว่าพี่ทิศเป็นเด็กหิ้วปาท่องโก๋ โถ..อุตส่าห์ตั้งชื่อเพื่อเอาเคล็ดว่าต้องได้รับหน้าที่สำคัญแล้วนะคะ ยังโดนแซวว่าเป็นเด็กหิ้วปาท่องโก๋อี๊กกกก ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันใหม่พฤหัสหน้า ปลัดจิณปะทะคุณย่าอีกแล้ววววว...
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 03-01-2019 22:50:12
สนุกดีค่ะ
อ่านแล้วคิดถึงจันทร์เจ้าเลยค่ะ
จะเอาเรื่องเหมือนกันไหมนิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sosobo21 ที่ 03-01-2019 22:53:29
รู้สึกสั้นจังเลยค่ะ อยากให้ถึงพฤหัสฯหน้าแล้ววว

จิณณะต้องรับมือทั้งคุณพิทักษ์และคุณกอบกุลเลยนะคะ แต่ดูความรั้นแล้วน่าจะเอาอยู่นะคะ 55

ปล. เม้นแรกของเรื่องนี้ คิดถึงนิยายคุณบัวมากเลยค่า

 :mew1:

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-01-2019 23:00:25
คุณปลัดน่าเอ็นดู คงทำให้คนพี่ปวดหัวร้อยแปด   :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 03-01-2019 23:08:37
เป็นกำลังใจให้ทุกๆเรื่องนะคะ แล้วก็สวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะ

ในส่วนของน้องจิณนั้น เลือกผู้อุปถัมภ์ได้ดีมากลูกกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-01-2019 23:39:30
จิณณะ ร้านมากๆ 555  แต่เด้ยวจะเจอ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-01-2019 23:55:19
 :katai2-1:


แล้วเจอกันนนนนน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2019 23:59:12
นี้แค่เริ่มต้นเองนะ อย่าเพิ่งปวดหัวบ่อยล่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 04-01-2019 00:12:27
เมื่อคุณบัวบอกว่า ปลัดจิณ เป็นตัวแสบ ที่ตัวไม่น้อย
ก็เชื่อได้ว่า ต้องเป็นตัวเสบ ที่แซ่บ จริงแท้แน่นอน :laugh:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 04-01-2019 00:27:20
เขินนนนนนน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-01-2019 00:39:30
จิณได้เชื้อคุณย่ามาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 04-01-2019 03:02:31
จิณมัดมือแล้วตุ้ยท้องพี่เขาชัดๆ 555
สงสารพี่ทิศ อยู่ดีๆก็มีตัวอันตรายเข้ามาป่วนเฉย
เอานะๆ เดี๋ยวค่อยเอาคืนตัวแสบทีหลัง ทบต้นทบดอกไปเลยค่ะพี่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-01-2019 04:43:02
ระทึกใจจริงๆ   :z3:  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 04-01-2019 08:14:53
ได้ยินคำว่าตัวแสบแล้ว เขินไปสิบตลบ อุแง้ จิณได้คุณย่ามาเต็มๆ!
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 04-01-2019 08:27:49
คำบ่นว่า...ตัวแสบ!!! นี่แสดงออกถึงความเอ็นดู
นะคะพี่ทิศ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-01-2019 09:06:40
เหมาะกันดีมากนานๆเข้าพี่ทิศคงไม่อยากเลิกแล้วล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 04-01-2019 11:06:42
เรื่องใหม่มาแล้ว นายเอกเรื่องนี้ท่าทางแสบไม่แพ้ นายเอกเรื่องก่อนๆ ขอบคุณคนเขียนจ้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-01-2019 12:09:16
คุณย่าลมจับแน่ ถ้าความแตก ^^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 04-01-2019 12:50:05
งานเข้าที่พี่ทิศเต็มๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 04-01-2019 13:49:29
สักวันจะยุให้พี่ทิศจัดการปลัดจิณจอมป่วนสักดอกสองดอก อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-01-2019 13:50:07
มัดมือชกแบบสุด ๆ 5555 จิณจะแก้เกมคุณย่ายังไงน้าาาาาาา แค่คิดก็สนุกแล้วซิ หึหึหึ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-01-2019 15:07:50
รอดูว่าเขาจะงัดอะไรมาสู้กัน 555555555555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 04-01-2019 15:42:46
5555 สงสารคุณพิทักษ์ ทำไมจิณณะทำร้ายพี่แบบนี้
คือแย่แน่ แต่เชื่อว่าทิศเอาอยู่ค่ะ
ถึงจิณจะร้ายยังไง ไม่น่าสู้ทิศไหว
รอทิศออกโรงค่ะ  :hao7:

แต่หนักกว่าตอนนี้ คือต้องพาไปเจอคุณย่าก่อนไหม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 04-01-2019 21:03:59
โอ๊ยยยยชอบบบบ ปลัดตัวแสบ .. คืออ่านไม่อยากให้จบตอนเลยจริงๆ แนวนายเองลุยๆ บู๊ๆ นี่เราชอบมากเลย .. พี่ทิศอ่อนโยนกับน้องบ้าง 55555 นั่นน้องจิณ แฟนคลุมเครือของพี่ทิศเอง 5555  :laugh:

“ถ้าเป็นความลับราชการ ก็ไปให้ข้าราชการช่วยสิ” 555555  :m20:  หูยยยย 10 เต็ม 10 ไปเลยจ้าาาพี่ทิศของน้องจิณ 5555

นับวันนับคืนรอเลย อยากให้ถึงทุกวันพฤหัสฯ เร็วๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sapphire_yaoi ที่ 04-01-2019 22:28:39
เขามาอ่านเรื่องใหม่ของพี่บัวคร่าส <3 เปิดเรื่องมาได้น่าติดตามมาก ลุ้นน้องปลัดว่าจะแสบได้ถึงขั้นไหน 555 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 04-01-2019 22:42:12
อยากให้ลงนิยายทุกวันเลยค่ะ ชอบมาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-01-2019 22:49:08
่นายเอกของคุณบัวตัวแสบทั้งนั้นแหละค่า แต่ท่าทางปลัดจิณจะแสบมากกว่าใคร
ขอเตือนนะคะพี่ทิศ ระวังหลงตัวแสบจนโงหัวไม่ขึ้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 04-01-2019 23:00:48
วิธีแก้ปัญหาฉบับตัวแสบมากค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-01-2019 00:36:18
เตรียมยาดมรอให้คุณย่าเลย จิณนี่แสบจริงๆ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-01-2019 07:17:28
ความมันส์กำลังมา  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 05-01-2019 15:38:32
ตาจิณนีืแสบไม่เบาแบบนี้พี่คุน้องไหวไหมน้า ตามลุ้นค่ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-01-2019 20:43:08
แสบกว่าทุกเรื่องนะ นายเอกเรื่องนี้ ยังคิดถึงของขวัญ  พี่โต  ฝังจิต ฝังใจ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 06-01-2019 01:02:01
ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ ทั้งจิณณะ ทั้งคุณย่า และพิทักษ์ คุณย่าก็คิดว่าตนเองมีอำนาจสามารถชักใยใช้ใครก็ได้ จิณณะเองก็คิดว่าวิธีที่ตัวเองเลือกนี้จะประสบผลสำเร็จ ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แต่คนที่ลั่นวาจาว่าให้เรื่องจบเมื่อทุกอย่างสมตามหวังของจิณณะแล้วนั้น คือพิทักษ์ ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าถ้าพูดแบบนี้ออกไป ร้อยทั้งร้อยก็ต้องกลืนคำพูดตัวเอง เอาเป็นว่า ทุกคนอยู่ในกำมือของจิณณะทั้งนั้น

รอดูต่อไปค่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอบคุณคุณบัวสำหรับอัปเดตนี้นะคะ ^___^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 06-01-2019 18:00:43
คุณปลัดเราแสบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-01-2019 19:32:55
น้องจิณนิสัยเหมือนคุณย่ามากๆ

พี่ทิศใจดีกับน้องจิณหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 06-01-2019 20:04:49
นิยามสั้นๆ ตามพี่ทักเลย "ตัวแสบ"
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: borntobeyours ที่ 10-01-2019 16:54:35
ถ้าคุณย่ารู้จะหัวใจวายมั้ย5555555 แต่ขำอะ อ่านแล้วได้ฟีลจอมขวัญกับพี่โต ฮื่อ คิดถึงมากๆ รอนะค้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-01-2019 18:07:22
มารอค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 2.../หน้าที่ 4 (03/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 10-01-2019 19:17:48
วิ่งตามมาอ่านนิยายคุณบัวค่ะ เรากล้าพูดได้เต็มปากเลยค่ะว่านิยายคุณบัวเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจเราเวลาที่เราเหนื่อยได้มากๆ เราอมยิ้มทุกครั้งที่ได้อ่านนิยายดีๆสวยงามของคุณบัว เป็นกำลังใจให้นะคะ :L1:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 10-01-2019 21:41:05
(*เปลี่ยนฝ่ายของวรชิต เป็น ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน)

ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 3


จิณณะวางสายจากมารดาแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ รอยยิ้มจางปรากฏที่มุมปาก


ไม่คิดมาก่อนว่าโลกจะแคบขนาดนี้ หลังจากกระเหี้ยนกระหือรือไปทานข้าวเที่ยงกับพิทักษ์ที่สนามกอล์ฟตลอดทั้งสัปดาห์ แถมลากเอาคนหน้าตาหงุดหงิดไปงานศพของทองสุกจนกระทั่งวันเผา เรื่องก็ถึงหูคุณกอบกุลจนได้


แต่พอคิดถึงเรื่องที่มารดาโทร.มาบอกให้เขาเข้ากรุงเทพฯสุดสัปดาห์นี้ เพราะคุณย่าเรียกตัว จิณณะก็ชักคิดหนัก เขาจะกลับไปพบหน้าอย่างไรดีให้ ‘ปัง’ ที่สุด


แน่นอนว่าถ้าจะเอาให้อลังการงานสร้างก็ต้องลากเอาพิทักษ์ไปด้วย แต่รายนั้นจะร่วมมือหรือ


ไม่สิ...ประเด็นไม่ใช่ว่าพิทักษ์จะร่วมมือด้วยหรือไม่ แต่ประเด็นคือเขาจะทำอย่างไรให้พิทักษ์ยอมร่วมมือ


เสียงเคาะโต๊ะและแรงสะเทือนทำเอาคนกำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองได้สติ เขาเงยหน้ามองถึงได้เห็นเพื่อนปลัดยืนยิ้มแต้


วรชิต เป็นปลัดอำเภอ แต่อยู่ฝ่ายป้องกัน วันนี้ไม่ได้ออกตรวจที่ไหนก็เลยอยู่ให้เห็นหน้า


“เที่ยงแล้วไอ้จิณ ไปกินข้าว” จิณณะเลิกคิ้วแล้วเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง


“หรือว่ามีนัดกินที่อื่น?” แม้จะไม่ค่อยอยู่ที่ว่าการ แต่เรื่องก็ถึงหูวรชิตอยู่ดี เขาทำหน้าล้อเลียนเพื่อนร่วมงาน ทว่าจิณณะกลับยิ้มขัน


“ก็...ช่วงโปรโมชั่น” คราวนี้คนฟังถึงกับทำตาโต


“เฮ้ย เอาจริงดิ! นี่กูได้ยินถูกใช่ไหม”


“ได้ยินอะไรมา” จิณณะย้อนถาม ควานหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกง


“ได้ยินว่ามึงไปแดกข้าวเที่ยงที่สนามกอล์ฟกับ...เจ้าของสนาม”


“อาฮะ ก็ได้ยินมาถูก”


“แล้วที่มึงพูดเมื่อกี้...ช่วงโปรโมชั่น...นี่...หมายความว่า...”


“หมายความว่าช่วงนี้กูจะไปกินข้าวเที่ยงด้วยไม่ได้นะ ฝากบอกคนอื่นด้วย” คนพูดตาระยิบเปล่งประกาย แต่คนฟังกลับตาโตอ้าปากค้าง


“จิณ...นี่มึง...” จิณณะยิ้ม ตีหน้าใส ก่อนจะผายมือออกสองข้างเหมือนเปิดตัวเต็มที่


“มีแฟนไง” ชัดถ้อยชัดคำ ไม่ต้องถามอะไรเพิ่ม วรชิตกะพริบตาปริบๆ


“ไปล่ะ ต้องไปกินข้าวกับแฟนก่อน แล้วไว้เจอกัน” คนมีแฟนเดินผิวปากออกจากที่ว่าการอำเภอไปขึ้นรถของตนเองแล้ว แต่วรชิตเพิ่งจะได้สติ และต้องใช้เวลาอีกหลายนาทีเพื่อหาว่าลิ้นตัวเองอยู่ตรงไหนในปาก


‘มีแฟนไง’


‘ต้องไปกินข้าวกับแฟนก่อน’


‘…ฝากบอกคนอื่นด้วย’


นี่เขาควรเริ่มบอกใครก่อนดี!!!

...........................................

รถของปลัดจิณณะเลี้ยวเข้าจอดที่หน้าอาคารทรงเตี้ยซึ่งเป็นคลับของสนามกอล์ฟ เขาพยายามโทรศัพท์มาบอกพิทักษ์ก่อนแล้วว่าจะมาทานมื้อเที่ยงด้วย แต่อีกฝ่ายไม่รับ คาดเอาเองว่ารายนั้นคงติดงาน ติดประชุม แต่อย่างไรก็คงรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมา


ชายหนุ่มในชุดเสื้อโปโลและกางเกงสแล็กก้าวเท้าเข้าไปในคลับ พนักงานที่นี่จำเขาได้แล้ว เพียงแค่ส่งยิ้มทักทายเล็กน้อย พนักงานหญิงคนหนึ่งก็เข้ามาดูแล


“คุณพิทักษ์ยังไม่ลงมาจากออฟฟิศเลยค่ะ”


“งั้นผมขึ้นไปหาเขาเอง”


จิณณะเดินเลี้ยวไปยังลิฟต์ส่วนของออฟฟิศ ชั้นบนสุดเป็นออฟฟิศของสนามกอล์ฟ ยามเที่ยงเช่นนี้ไม่มีพนักงานแล้ว เขาเดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานที่อยู่ด้านในสุด แต่ไม่มีเลขานุการนั่งอยู่หน้าห้อง แม้จะอยู่ในสถานะที่เหมือนจะสนิทสนมกลมเกลียว แต่ปลัดหนุ่มก็มีมารยาท


มารยาที่ว่าคือเคาะประตู 3 ทีแล้วเปิดเข้าไปทันที


แล้วก็...ชะงักอยู่แค่นั้น เมื่อพบว่าพิทักษ์ไม่ได้อยู่ในห้องเพียงลำพังอย่างที่คิด แต่มีหญิงสาวอยู่ด้วย


ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งนั่งคุยหัวเราะยิ้มแย้มแจ่มใสกันอยู่ที่ชุดโซฟายาว ดูท่าจะคุยสนุกทีเดียวจนกระทั่งจิณณะมา สีหน้าของเจ้าของห้องทำงานก็คลายยิ้มแล้วหันมาจ้องเขม็งเขาทันที


“โทษที ผมนึกว่าพี่ทิศอยู่คนเดียว” ปลัดหนุ่มออกตัว มารยาทสากลโลกบอกให้เขาถอยออกมา แต่มารยาทของจิณณะเวลานี้คือการไม่ถอย เขายืนคาประตูอยู่อย่างนั้นจนแขกของพิทักษ์ต้องลุกขึ้นยืน


“เอ่อ...จะกลับพอดีเลยค่ะ ไปก่อนนะคะพี่ทิศ” หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะหันไปลาชายหนุ่มเจ้าของห้อง


“ไม่ทานข้าวที่นี่หรือ” เจ้าของสถานที่ชวน ทว่าคนถูกชวนกลับรู้สึกว่าคนที่เพิ่งมาใหม่ดูจะไม่อยากให้หล่อนอยู่ร่วมมื้อมากนัก


“ไม่ดีกว่าค่ะ อรจะกลับไปทำงานด้วย”


“ขับรถดีๆ”


หญิงสาวยิ้มรับ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินมายังประตูห้อง หล่อนส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยังยืนคาอยู่ที่ประตู เขายิ้มตอบ ทว่าพอหล่อนก้าวพ้นประตู เขาก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในพร้อมเสียงพูดที่ดังลอดประตูที่กำลังปิด


“พี่ทิศ เรื่องของเราสองคนถึงหูคุณย่าของผมแล้ว...” อรพิณหันกลับไปมองทันที ทว่าบานประตูห้องทำงานของพิทักษ์ปิดลงแล้ว หล่อนไม่ได้ยินอะไรอีก ทว่าสิ่งที่ได้ยินกลับมากพอที่จะทำให้หล่อนฉุกใจ


...เรื่องของเราสองคน...


เรื่องของพิทักษ์กับผู้ชายคนนั้น


เรื่องอะไร?!

.............................

พอประตูปิดลงหลังจากทิ้งประโยคให้ลอยละล่องออกไปให้คนข้างนอกได้ยินแล้ว จิณณะก็เปลี่ยนเรื่องพูดทันที


“แฟนของพี่หรือ” เขาถาม แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเดี่ยวอีกตัว ไม่ได้แสดงความสนิทสนมเข้าไปนั่งที่เดิมของผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้แต่อย่างใด


“มาถึงนี่มีเรื่องอะไร” พิทักษ์ไม่ตอบในสิ่งที่ถูกถาม เขายังคงไว้ตัว สีหน้าเรียบเฉย และขมวดคิ้ว แตกต่างลิบลับกับภาพที่จิณณะเปิดประตูมาเจอยามอยู่กับผู้หญิงคนนั้น


...สงสัยจะแฟนจริงๆ...


ปลัดหนุ่มยักไหล่ เมื่อคำถามของเขาไม่ถูกตอบ หนำซ้ำยังถูกถามกลับ


...แฟนก็แฟน...แฟนก็ไปเคลียร์กันมาให้เรียบร้อย เพราะหลังจากนี้เรื่องของ ‘เรา’ จะโด่งดัง...


“ผมโทร.หาพี่แล้ว แต่พี่ไม่รับ ท่าทางจะคุยสนุกล่ะสิ” คุยสนุกที่ว่าหมายถึงคุยกับผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ พิทักษ์พ่นลมหายใจอย่างอึดอัด


“สรุปว่ามาที่นี่มีเรื่องอะไร”


จิณณะเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบาย


“คุณย่าตามตัวผมไปพบวันเสาร์นี้ ผมเลยจะมาชวน...เอ่อ...บอกให้พี่ไปด้วยกัน” ใช้คำว่าชวนไม่ดี เพราะโอกาสสูงมากที่จะไม่ตอบรับคำชวน


พิทักษ์ลุกจากโซฟา เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน


“ผมไม่ว่าง”


“วันเสาร์เนี่ยนะ?!”


“มีผู้ใหญ่จะเข้ามาตีกอล์ฟ ผมต้องมาดูแล”


ข้าราชการหนุ่มทำหน้าหน่าย


“แล้วไง พี่ต้องตามก๊วนท่านๆทั้งหลายไปถึงหลุมที่ 15 เหรอ ดูแลพอเป็นพิธีเสร็จก็ไปพบคุณย่ากับผมสิ” เจ้าของสนามกอล์ฟสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์


“ต้องไปพบกี่โมง”


“ผมว่าจะไปเย็นๆ...” พิทักษ์หันมามองคนพูดที่ดูท่าจะตามสบายเหลือเกิน


“แล้วคุณกอบกุลให้ไปพบกี่โมง” จิณณะเลิกคิ้วเล็กน้อย เกาขมับอีกหน่อย


“เอ?…เห็นแม่บอกว่าเที่ยง...” พิทักษ์ปวดหัวกับคำพูดวกไปวนมาหาจับใจความไม่ค่อยได้ ต้องถามจี้ถึงได้รู้ว่าคุณกอบกุลนัดเที่ยง แต่ตัวหลานชายจะไปเย็น!


ให้มันได้อย่างนี้สิ!


“คืนวันศุกร์ค้างที่ไหน” ปลัดหนุ่มเลิกคิ้วหันมองคนพูด


“ก็...ที่นี่”


“งั้นสิบโมง ผมจะไปรับ”


“รับ? รับที่ไหน?”


“ก็คุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปรับที่นั่น แล้วเข้าไปพบคุณกอบกุลที่กรุงเทพ!” จิณณะกะพริบตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดง่ายขนาดนี้


“แล้วบอกที่อยู่ผมด้วย จะได้ไปรับถูก” คนที่ตั้งใจจะมามัดมือชก กลับกลายเป็นฝ่ายถูกชกเสียเอง โดนพิทักษ์สั่งจนสมองตื้อได้แต่พยักหน้าอย่างไม่มีสติ รู้แต่ว่าเจรจาเสร็จแล้วแบบไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยอมง่ายดาย แล้วพอภารกิจที่ตั้งใจมาที่นี่เรียบร้อย ก็เลยพลอยเป็นลุกขึ้นเพื่อจะได้กลับ


“แล้วนั่นจะไปไหน” เสียงเจ้าของห้องเรียกเอาไว้อีก จิณณะหันกลับมามอง หน้าตางุนงงเหมือนไม่มีสติดี


“เอ่อ...ก็...ก็กลับ...” เป็นอีกครั้งที่พิทักษ์ถอนหายใจ มองหน้าตางุนงงเด๋อด๋าของอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิดรำคาญใจ แต่ไหนๆก็ตกปากรับคำว่าจะช่วยแล้ว ต่อให้จะบอกกับมารดาเลี้ยงว่าจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยอย่างขอไปที


“กินอะไรรึยัง”


“ย...ยัง...”


“ยังก็ไปกินข้าว” เจ้าของห้องว่าอย่างนั้นก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้ปลัดหนุ่มเดินออกจากห้อง จิณณะยังงุนงง และไม่มีสติ เขาก้าวเท้าเดิน พอพ้นประตูออกมาแล้วถึงได้รู้ว่าพิทักษ์เองก็ตามออกมาด้วย


“พี่...ก็จะไปกินข้าวกับผม?”


“นี่เที่ยงแล้ว ไม่กินตอนนี้จะกินตอนไหน” ไม่ต้องชวน ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องหลอกล่อ วันนี้พิทักษ์ไปทานข้าวเที่ยงกับเขาแถมเป็นคน ‘ตกลงปลงใจ’ ด้วย


จิณณะมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก ก็พบว่าวันนี้ก็ยังคงเป็นอีกวันที่ท้องฟ้าสว่างเจิดจ้า ไม่มีหิมะตกที่เมืองไทยแต่ประการใด แต่...คนข้างกายเขานี่สิ กินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่า?!


...อ้อ...ถ้าจะมีอะไรผิดสำแดงล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องที่มีผู้หญิงมาหาถึงนี่...


“แฟนไม่ไปกินด้วย ก็เลยมาชวนผมหรือ ฟังดูผมเป็นชู้แหะ” คนอย่างจิณณะ แม้เมื่อหนึ่งนาทีที่แล้วจะยังยืนงงทำอะไรเด๋อด๋า แต่หนึ่งนาทีต่อมา เจ้าตัวก็สามารถจิกกัดแสบๆคันๆได้ง่ายๆ


“อรไม่ใช่แฟนผม” แสดงว่าผู้หญิงคนเมื่อครู่นี้ชื่อ ‘อร’ ปลัดหนุ่มจดโน้ตไว้ในใจ


ดวงตาดุของเจ้าของสนามกอล์ฟเหลือบมามองคนข้างกาย


“แล้วคุณก็ไม่ใช่ชู้ของผมด้วย” ปลัดหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก ยิ้มแป้นตาหยี


“ดีครับ สบายใจขึ้นเยอะเลย” พิทักษ์ถอนหายใจเบา ไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ เขาก้าวเท้าเดินในขณะที่มีจิณณะก้าวเท้าตาม แต่ดูเหมือนคนตามจะขยันหาคำพูดมาทำให้เขาตาขวางอยู่ตลอด


“อีกหน่อยเรื่องผมกับพี่ดังจะไปทั่ว ผมจะได้ไม่ตกนรกหลายขุมนัก”


“นี่เพื่อนผมที่ที่ว่าการก็รู้แล้วนะ”


“คุณย่าก็รู้แล้ว”


“จะหยุดพูดได้รึยัง” พิทักษ์หันมาถาม จิณณะยิ้มแล้วชี้ที่มุมปากตัวเอง


“ผมมีไฝที่ปากด้วย พี่เห็นไหม” ราวกับจะบอกว่านี่คือโหวงเฮ้งของคนพูดเก่ง เจ้าของสนามกอล์ฟถึงกับพ่นลมหายใจแรง แต่กลับถูกโอบไหล่ดึงเข้าไปใกล้ ปลัดหนุ่มหัวเราะหน้าตาสดใสดูสนุกที่ทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่าน


“ทนหน่อยหน่า มี ‘แฟนอย่างผม’ ถึงจะหนวกหูแต่สนุกนะ จะบอกให้” พิทักษ์เอี้ยวตัวจะออกจากการโอบของคนพูด แต่มือของจิณณะจิกเหนียวหนึบจนเขาถอดใจ สุดท้ายก็ได้แต่ยอมถูกโอบเดินเข้าลิฟต์ไปทั้งอย่างนั้น


   จิณณะกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด เขากวาดมองออฟฟิศของสนามกอล์ฟที่เหมือนไร้ผู้คนอีกครั้ง เงาจางๆของหญิงสาวที่แอบอยู่ข้างโต๊ะตัวหนึ่งนั้นยังสะท้อนอยู่บนหน้าต่างกระจก


   เขาเห็นหล่อนตั้งแต่ตอนดูท้องฟ้าแล้ว


   และหวังว่าหล่อนจะได้ยินในสิ่งที่เขาพูดเช่นกัน


   ...บอกแล้วไง ว่าจากนี้ ‘เรื่องของเรา’ จะโด่งดัง!!!!...

................................

   สิบโมงเช้าตามที่นัดแนะเอาไว้เมื่อวานนี้


พิทักษ์ไม่คิดว่าหลานชายของคุณกอบกุลผู้เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โตในกรุงเทพฯจะอาศัยอยู่ที่บ้านพักข้าราชการเก่าแก่ของจังหวัด


ชายหนุ่มลงจากรถ แล้วเงยหน้ามองบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนขนาดสองชั้นอยู่อึดใจหนึ่ง เจ้าของบ้านก็เปิดประตูออกมาต้อนรับ


“เข้ามาก่อน ขอผมแต่งตัวแป๊บนึง” จิณณะยังอยู่ในชุดนอนอันได้แก่เสื้อบอลใส่สบายและกางเกงขาสั้นยางยืด หน้าตาผมเผ้าเหมือนเพิ่งลุกจากที่นอน ยิ่งดูยิ่งห่างไกลจากคำว่าหลานชายคุณกอบกุลนัก


คนมาเยือนยามสายก้าวเท้าเดินเข้าไปตามคำเชื้อเชิญ ภายในบ้านไม่ต่างจากภายนอกเท่าไรนัก เฟอร์นิเจอร์แทบทั้งหมดเก่า ดูแล้วเหมือนผูกติดมากับตัวบ้าน จะมีที่ดูใหม่หน่อยก็ไมโครเวฟ


“อยากกินอะไร หาในตู้เย็นได้เลยนะพี่ ขอเวลาเดี๋ยว”


แล้วเจ้าตัวก็วิ่งกลับขึ้นไปชั้นบน ปล่อยพิทักษ์ให้หาที่นั่งเองตามใจชอบ ชายหนุ่มนั่งที่เก้าอี้โต๊ะอาหาร เขากวาดตามองไปรอบๆ แม้จะเก่าแต่ก็สะอาดสะอ้าน ตอนแรกเขาคิดว่าบ้านของจิณณะจะหรูหราแต่สกปรกเสียอีก


...เป็นคนแปลกๆ...


แปลกยังไงไม่รู้ รู้แต่พิทักษ์รู้สึกว่าเขาคาดเดาอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย เป็นหลานชายของเจ้าของธุรกิจพันล้าน แต่กลับมารับราชการ เท่านั้นไม่พอ ยังอาศัยอยู่ในบ้านพักราชการที่สภาพแตกต่างลิบลับกับบ้านที่เติบโตมา ดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ถึงไหนถึงกัน แต่กลับไม่ใช่คนมักง่ายสกปรกเลอะเทอะ


เสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ก้าวลงบันได ทำให้ชายหนุ่มดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ ทว่าพอเขาหันไปเห็นเจ้าของบ้านก้าวเท้าลงจากบันไดมาเหยียบพื้น พิทักษ์ก็ถึงกับชะงักไปอีก


“นี่จะไปไหน”


ดวงตาคมกวาดมองตั้งแต่เสื้อแจ็กเก็ตสีแสบสัน กางเกงยีนส์ขาดวิ่น ไหนจะกระเป๋าคาดเอวแบรนด์เนมหรา อ้อ...สวมแว่นกันแดดฉาบปรอทด้วย


“ไปหาย่าผมไง” คนแต่งตัวเหมือนหลุดมาจากแคทวอล์กตอบพลางยิ้มหวานเจี๊ยบ


“ไปเปลี่ยน” พิทักษ์พูดสั้นเรียบ แต่อารมณ์ชักกรุ่น นี่คือเหตุผลสนับสนุนว่าทำไมเขาถึงคิดว่าคนอย่างจิณณะเป็นมนุษย์ที่คาดเดาไม่ได้!


“เปลี่ยนทำไม ผมไม่ได้แต่งตัวโป๊นะ”


“ไปเปลี่ยน” ให้ตายเถอะ เขาไม่เคยต้องพูดซ้ำซากกับใครเท่าจิณณะเลย!


“นี่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่นับนาฬิกาก็เกินแสนมาไกลแล้วนะ”


“บอกว่าให้ไปเปลี่ยน!” คนถูกดุทำเสียงจิ๊จ๊ะ


“เปลี่ยนก็ได้! ไม่มีรสนิยมเอาซะเลย!” แล้วคนรสนิยมดีเยี่ยมก็หมุนตัวเดินกลับขึ้นบันได พิทักษ์พ่นลมหายใจหนัก พลางส่ายศีรษะ เฝ้ารออยู่อึดใจหนึ่ง คนที่เขาสั่งให้ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็กลับลงมาอีกครั้ง


ไม่มีแว่นตากันแดดฉาบปรอท ไม่มีเสื้อแจ็กเก็ตสีแสบ กางเกงขาดวิ่นและกระเป๋าคาดเอว


มีเพียงเสื้อยืดลายมิกกี้เม้าส์กับกางเกงยีนส์สีซีด ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย เหมือนเจ้าตัวดึงเสื้อตัวเดิมออกจากหัว สวมเสื้อตัวใหม่กลับเข้าไป แล้วก็ลงมาจากห้องเลย


“ผมเหลือเสื้อยืดตัวนี้ตัวเดียว!!” คนใส่เสื้อยืดมิกกี้เม้าส์ออกปากเสียงแข็งแถมตาขวาง พิทักษ์กวาดตามองสารรูปของคนพูดอีกรอบหนึ่งแล้วก็ทำใจ


เอาเถอะ...พอไปวัดไปวา


คนมารับไม่อยากพูดอะไรให้เสียอารมณ์ไปมากกว่านี้ เพราะสีหน้าของเจ้าของบ้านที่ถูกเขาสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้าก็หงุดหงิดมากพออยู่แล้ว


ต่างคนต่างไม่พูดอะไร พิทักษ์เดินนำออกจากบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านเดินตามหน้าหงิก ปิดประตูล็อกกุญแจเรียบร้อยก็ขึ้นรถ


รถเบนซ์ของพิทักษ์เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านพักราชการเก่าๆ ตลอดทางเงียบกริบไม่มีแม้แต่เสียงกวนประสาทจากคนชอบหาเรื่อง คนขับเองก็รู้ตัวว่ากำลังถูกหงุดหงิด เขาตัดสินใจเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันที่มีร้านค้าและร้านกาแฟ


“ผมจะซื้อกาแฟ จะเอาอะไรไหม” เขาปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันไปถามคนที่นั่งข้าง


“ไม่” เป็นการตอบคำถามที่ไม่มองหน้าสักนิด พิทักษ์เองก็ไม่ใช่คนเซ้าซี้ เขาไม่ถามอะไรอีก เปิดประตูลงจากรถเดินเข้าร้านกาแฟ หายเข้าไปพักหนึ่งก็ออกมาพร้อมกาแฟดำ ช็อกโกแลตเย็น และแซนวิชหนึ่งกล่อง เขากลับขึ้นรถแล้วส่งแก้วช็อกโกแลตเย็นให้ จิณณะกะพริบตาปริบๆมองแก้วในมืออีกฝ่ายที่ยื่นมาตรงหน้าเขา


“ผมซื้อมาเผื่อ แล้วก็แซนวิช ตั้งแต่ตื่นยังไม่ทานอะไรไม่ใช่รึไง ทานซะ จะได้ไม่ปวดท้อง” นอกจากช็อกโกแลตแล้ว ยังมีแซนวิชด้วย ปลัดหนุ่มหยิบกล่องแซนวิชขึ้นมาดู ก่อนจะหันมองคนขับที่ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดแล้ว


“ผมไม่ทานทูน่า” พิทักษ์หันมามอง มีแววตกใจเล็กน้อย


“งั้นผมเอาไปเปลี่ยนให้” ทว่าพอจะดึงแซนวิชคืนมา เสียงหัวเราะของคนกวนก็ดังขึ้น คนที่เมื่อครู่นี้ยังถามคำตอบคำ หน้าตาหงุดหงิดที่ถูกเขาสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนี้ยิ้มสดใสจนตาหยี


“ล้อเล่น ผมทานได้ ขอบคุณครับ” ถึงจะอยากเขกหัว แต่พอเห็นจิณณะกลับมาหัวเราะร่าเหมือนก่อนหน้านี้ พิทักษ์ก็ไม่ถือสา


“แล้วมีอะไรที่ไม่ทานรึเปล่า” เขาถามต่อ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทั้งๆที่รับปากว่าจะช่วยแสดงตัวเป็น ‘คนรักกัน’ แต่เขากลับไม่รู้เรื่องของจิณณะเลยสักนิด


ปลัดหนุ่มหันมามอง มือแกะกล่องแซนวิชไปด้วย


“ถ้าผมไม่รู้ว่าคุณทานอะไรได้ หรือทานอะไรไม่ได้ คุณกอบกุลจะเชื่อหรือว่าเรา...นั่นล่ะ...” แม้จะยอมช่วยเหลือ แต่ให้ออกปากว่าเป็นคนรักของคนอย่างจิณณะ พิทักษ์ก็รู้สึกประดักประเดิดพอสมควร ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เพราะ...เป็นจิณณะ...


ไม่รู้ทำไม...พอเป็นจิณณะ...เขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็น ‘ข้อยกเว้น’ ในทุกๆเรื่องสำหรับเขา


อย่างน้อยๆก็เป็นข้อยกเว้นที่ทำให้เขายอมช่วยเหลือทั้งๆที่ไม่น่าจะเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิด


ปลัดหนุ่มยกยิ้มกรุมกริ่ม


“เป็นแฟนกันน่ะหรือ?” พอถูกหยอก คนขับรถก็ตีหน้าขรึมแล้วหันไปหยิบแว่นกันแดดมาสวม เห็นพิทักษ์ตีสีหน้าเข้มงวดกับเขาทีไร จิณณะยิ่งนึกสนุกอย่างประหลาด


เขาเอนหลังพิงเบาะอย่างสบายอารมณ์ กัดแซนวิชเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างอร่อย ลืมความหงุดหงิดที่ถูกสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อครู่นี้อย่างหมดสิ้น


“ไม่ยากหรอก ท่องไว้ว่าผมเป็นคนสบายๆ อะไรก็ได้ กินอะไรก็ได้ นอนที่ไหนก็ได้ ง่ายๆ”


“ไม่น่าเป็นหลานคุณกอบกุลได้เลย” พิทักษ์อดไม่ได้ เขาเข้าสู่แวดวงธุรกิจนับตั้งแต่เรียนจบ แม้กิจการของเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณกอบกุล แต่ชื่อเสียงของหล่อนก็โด่งดัง ทั้งในแง่ของความยากและความเยอะ


“ผมมันหลานนอกคอกไง” หลานนอกคอกของคุณกอบกุลเอ่ย แต่ดูเจ้าตัวจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเท่าไรนัก พอยัดแซนวิชเข้าปากหมดชิ้น ก็ดูดช็อกโกแลตเย็นต่อ ตอนนั้นเองที่จิณณะเพิ่งนึกขึ้นได้


“เฮ่ย! ผมลืมถาม แล้วพี่กินอะไรรึยัง”


กล่องแซนวิชที่เหลือเพียงผงขนมปังนั้นบอกให้รู้ว่าจิณณะหิวจนทานหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือแบ่งคนซื้อมาให้เลยสักนิด พิทักษ์หันมามองคนถาม สีหน้าเหรอหราของคนข้างกายทำเอาหลุดหัวเราะออกมา


“กินแล้ว” เขาตอบทั้งๆที่ยังยิ้ม คนถามรู้สึกเก้อเล็กน้อย เพราะต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ได้ทานอะไรมา ก็ไม่มีแซนวิชเหลือให้อยู่ดี


“อิ่มไหมล่ะ”


“ครับ” ท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมของคนที่มักทำหน้าตากวนประสาททำเอาพิทักษ์ต้องเหลือบมอง


...เป็นลูกหลานจากตระกูลร่ำรวย ที่มารับราชการเป็นปลัดอำเภอ พักอยู่ในบ้านพักข้าราชการเก่าๆ แต่สะอาดและมีระเบียบ เป็นคนกวนประสาท แต่พอไม่ได้ดั่งใจก็หงุดหงิดไม่พูดไม่จา ทว่า...พอท้องอิ่ม ทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ...


เหมือนจะเป็นคนง่ายๆ ไม่ถือสาอะไร แต่ก็มีบรรทัดฐานของตนเอง แต่พอดูเหมือนจะเป็นคนมีบรรทัดฐานของตนเอง ก็กลับเป็นคนปุบปับ รู้สึกนึกคิดทำอะไรรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ใส่ใจคนรอบข้างและดูไม่ใช่คนเหลาะแหละโลเล


คนขับรถเลิกคิ้ว เมื่อพบว่าเขากำลังประเมินนิสัยของคนข้างกายอย่างจริงจังทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็น แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้


...คนอย่างจิณณะเป็นคนแปลก คาดไม่ถึง และเป็นข้อยกเว้นจริงๆนั่นล่ะ...


ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆพลางส่ายศีรษะแต่ไม่พูดอะไร เหยียบคันเร่งพารถยนต์มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร

..............................

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 10-01-2019 21:41:25



โกศลและจรรยาแทบนอนไม่หลับทั้งคืน พวกเขาไม่รู้ว่าจิณณะจะทำอะไรต่อไป แต่ที่รู้ๆคือลูกชายคนโตรับปากว่าจะกลับมาในวันนี้


“พี่จิณต้องจัดการได้ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วง” จารีตผู้เป็นน้องชายของจิณณะซึ่งมักจะไม่ค่อยอยู่บ้านในวันสุดสัปดาห์ แต่วันนี้จำต้องอยู่ที่นี่เพราะบิดามารดาบอกว่าจิณณะจะกลับมาพบคุณย่า


โลกจะแตกหรือไม่ก็วัดกันตรงนี้ล่ะ


แล้วถ้าโลกแตก เขาก็อยากอยู่ในเหตุการณ์และรู้ตัวว่าโลกจะแตก อย่างน้อย...จะได้หายใจเฮือกสุดท้ายอย่างมีสติ


“แม่รู้ว่าจิณจัดการได้ แต่...แต่แม่ไม่รู้ว่าจิณจะจัดการยังไง...” สิ่งที่จรรยากังวลที่สุดคือความอินดี้ของลูกชายคนโต จิณณะมีวิธีแก้ปัญหาที่ทำให้หล่อนปวดขมับ ยิ่งมาเจอกับคนเคร่งครัดเข้มงวดอย่างคุณกอบกุลด้วยแล้ว หล่อนนึกไม่ออกเลยว่าจะต้องมีสักกี่หัวเพื่อรองรับการปวดขมับคราวนี้


เสียงรถดังเข้ามาในบ้าน ทำเอาทั้งโกศล จรรยาและจารีตพากันหันขวับ ทว่าคนเป็นน้องชายกลับขมวดคิ้ว


“ไม่ใช่เสียงรถพี่จิณ...” เขาครวญ อึดใจเดียวจิณณะก็เดินเลี้ยวเข้ามาในห้องนั่งเล่น แต่...ไม่ได้มาคนเดียว


“สวัสดีครับ” พิทักษ์ยกมือไหว้โกศลและจรรยา ในขณะที่จารีตทำหน้างุนงงเพราะไม่รู้จัก


“นั่นจา น้องชายผม” จิณณะเป็นคนแนะนำ ตอนที่พิทักษ์เคยตามจิดาภามาเที่ยวเล่นที่นี่ จารีตยังเด็กมากนัก ไม่น่าจะจำกันได้ เพราะจิณณะก็แทบลืมพิทักษ์ไปแล้วเช่นกัน


ชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ในชุดคอวีกับกางเกงขายาวที่ดูสุภาพแต่ไม่เป็นทางการนักส่งยิ้มจางให้ จารีตยิ้มตอบแต่สายตายังสงสัย หันมองพี่ชายตัวดีที่เอาแต่ยิ้มแต้ไม่อธิบายอะไรเพิ่ม เขากำลังจะเข้าไปกระตุกแขนให้ผู้เป็นพี่พูดอะไรมากกว่านี้ ก็พอดีกับที่คนรับใช้เข้ามาแจ้ง


“คุณกอบให้มาเรียนว่าหากคุณจิณมาแล้ว ขอเชิญที่บ้านใหญ่ค่ะ”


“อื้อ! จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” ในขณะที่โกศลและจรรยามีสีหน้าปั้นยาก ลูกชายคนโตกลับยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนจะหันไปทางพิทักษ์


“ไปพี่ เดี๋ยวผมพาไปพบคุณย่า” พวกเขากำลังจะออกเดิน แต่จารีตคว้าแขนพี่ชายเอาไว้ก่อน จิณณะหันมอง เห็นสายตาน้องชายที่มองเลยไปยังคนข้างกายเขาแล้วก็พอรู้ว่าน้องชายผู้ไม่ค่อยอยู่บ้านกำลังอยากรู้เรื่องอะไรมากที่สุด


แต่น่าเสียดาย...สิ่งที่เขาจะบอกจารีตจะเป็นเรื่องเดียวกับที่จะบอกคุณกอบกุล


“อ้อ...ลืมแนะนำไป นี่พี่ทิศ ลูกของน้าภาไง”


จารีตครางอ้อในลำคอ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าลูกของน้าสาวจะมาที่นี่ทำไม


“แล้ว...” เขากำลังจะออกปากถาม แต่ยังนึกคำถามไม่ออก ผู้เป็นพี่ก็พูดขึ้นมาก่อน


“เขาเป็นแฟนพี่เอง”


คนฟังตาเหลือกอ้าปากค้างหันขวับไปมองชายหนุ่มผู้เป็นลูกเลี้ยงของน้าสาวและบัดนี้เป็น ‘แฟนของพี่ชาย’


“ทำหน้าตกใจอะไร พี่ทิศเป็นแฟนพี่” จารีตพูดไม่ออกไปแล้ว ส่วนจิณณะเองก็ไม่คิดจะรอให้น้องชายพูดอะไรเช่นกัน เขาหันไปทางบิดามารดาที่พากันเม้มปากเหมือนกล้ำกลืนอะไรสักอย่าง


“ไปกันครับ พ่อแม่ ป่านนี้คุณย่ารอแล้ว ไปพี่ทิศ” แล้วตัวปัญหาก็ก้าวเท้าเดินนำทุกคนออกจากบ้าน มุ่งตรงไปสู่คฤหาสน์ด้านหน้าสุดของรั้วอาณาบริเวณของคุณกอบกุล


จารีตได้แต่มองตามแผ่นหลังพี่ชายผู้ทำแต่เรื่องพิลึก และเป็นเรื่องพิลึกที่พาให้โลกแตก


...โลกแตกแน่ๆ วันนี้โลกแตกแน่ๆ...


เตรียมตัวสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายได้เลย!

................................

“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ?!!!” เสียงของคุณกอบกุลผู้เป็นนายใหญ่ที่สุดของคฤหาสน์วงศ์กีรติดังก้องไปทั้งห้องพักผ่อน สีหน้าของหล่อนโกรธจัด ผิดกับเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับแวววาวที่อยู่บนตัว


วันนี้หล่อนตั้งใจจะพาหลานชายนอกคอกไปพบผู้ใหญ่ซึ่งจะเกี่ยวดองกันในอนาคต แต่หลานตัวดีกลับพาใครอีกคนมาแนะนำว่าเป็นคนรัก! หนำซ้ำใครคนนั้นยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีกต่างหาก!


ในขณะที่คุณกอบกุลมีสีหน้าเหมือนจะระเบิดโลกทั้งใบทิ้ง จิณณะกลับทำหน้าสบายอารมณ์ แถมโอบไหล่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่เคียงข้างอย่างสนิทสนม


“ผมบอกว่าพี่ทิศเป็นลูกของน้าภา น้องสาวของแม่ครับ”


“ฉันไม่ได้พูดเรื่องนั้น!!”


“อ้อ เป็นเจ้าของสนามกอล์ฟด้วย แล้วก็เป็นหลานคุณเทียม คุณย่ารู้จักคุณเทียมใช่ไหมครับ แต่ก่อนแกเล่นการเมือง”


“จิณณะ!”


“ที่สำคัญคือเขาเป็นแฟนผม”


ฝ่ายหนึ่งตะเบ็งจนคอแข็ง แต่อีกฝ่ายอธิบายด้วยสีหน้าเหมือนกำลังยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้


“แกโกหก!!” หญิงชราผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่หวั่นเกรงสังขารเลยสักนิด เป็นลูกชายอย่างโกศลเสียอีกที่รีบเข้ามาพยุงมารดา


“ผมพูดจริงครับ” ยกเว้นประโยคหลังสุด อันนั้นโกหกล้วนๆไม่มีความจริงผสมสักนิด


ร่างของหญิงชราสั่นเทิ้ม ทว่าดูเหมือนหลานนอกคอกจะไม่ได้ใส่ใจความสั่นราวกับเป็นเจ้าเข้านั่นเลย เจ้าตัวทำหน้าตาเหมือนกำลังพูดเรื่องสนุกสนาน


“พวกผมเป็นแฟนกัน แต่ที่ไม่เคยพาเขามาเจอคุณย่าเลย เพราะผมคิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตอนนี้คุณย่าจะให้ผมแต่งกับใครก็ไม่รู้ ผมก็ต้องเปิดตัว คุณย่าต้องเข้าใจนะครับ ผมมีเมี...เอ่อ...มีแฟนแล้ว จะให้ไปแต่งงานหาเมียมาเพิ่มได้ยังไงกัน” เรียกเมียก็เห็นจะยังไงอยู่ เกิดผิดหูไม่ร่วมมือด้วย ได้โป๊ะแตกกันหมด


“แกหลอกฉัน!!” คุณกอบกุลตวาด แต่จิณณะไม่ได้ใส่ใจ


“ผมยินดีพิสูจน์ให้คุณย่าดูว่าพวกผมรักกันแค่ไหน...ขึ้นอยู่กับคุณย่าเถอะ จะดูการพิสูจน์ของพวกผมได้นานรึเปล่า”


“แก!!!...”


“อ่ะ! จะได้ไม่เสียเวลา พิสูจน์แรกเลยแล้วกัน” แล้วปลัดหนุ่มก็ฉกใบหน้าเข้าไปหอมแก้มคนที่เขากำลังโอบไหล่อยู่ฟอดหนึ่ง โกศลและจรรยาตาเหลือก จารีตผู้เป็นน้องถึงกับอ้าปากค้าง ส่วนคนที่จู่ๆก็กลายมาเป็นเครื่องมือพิสูจน์อย่างพิทักษ์รีบเบี่ยงหน้าหนีแล้วตวัดสายตาดุหลังจากถูกหอมแก้มไปเต็มๆ


...แต่...ยังไงก็ไม่ทัน...เพราะโดนไปแล้วหนึ่งฟอด


จิณณะยิ้มกริ่ม สบตากับคนที่ดุเขาด้วยสายตา ก่อนจะหันไปยิ้มแจ่มใสกับคุณกอบกุลที่ดูจะช็อกไปแล้ว


“คุณย่าอยากดูพี่ทิศหอมแก้มผมด้วยไหมครับ” พิทักษ์รีบถองข้อศอกใส่คนออกตัวแทนเขา เรื่องพิสูจน์บ้าบออะไรแบบนี้มันใช่เรื่องเสียที่ไหน จิณณะอาจจะทำได้ แต่ไม่ใช่คนอย่างเขาแน่


หญิงชราผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรวงศ์กีรติไม่รู้จะสรรหาคำด่าอะไรมาลงกับหลานชายนอกคอกรายนี้ดี หล่อนอ้าปากพะงาบครั้งแล้วครั้งเล่า หน้าแดงสลับเขียวสลับซีดจนดูน่าเห็นใจ แต่ดูเหมือนจิณณะจะไม่ได้สนใจต้นตระกูลของตัวเองเลยสักนิด เจ้าตัวทำหน้ากวนประสาทราวกับรอคอยว่าถ้าคุณย่าอยากให้พิสูจน์ เจ้าตัวก็พร้อมจะพิสูจน์...เดี๋ยวนี้


“คุณกอบกุลครับ...ผมกับ...จิณ เราคบกันอยู่จริง” กลายเป็นพิทักษ์ที่ทนไม่ไหว เรื่องโกหกก็ว่าแย่พออยู่แล้ว ยังจะให้ทำท่าจงใจหาเรื่องแบบจิณณะ ยิ่งไม่ใช่วิสัยของเขาเลย


“ที่ไม่เคยบอกใคร เพราะไม่อยากถูกเพ่งเล็ง เราต้องการจะคบกันอย่างเงียบๆ แต่...จิณมาบอกผมว่าคุณกอบกุลจะให้เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ผม...เลยต้องมาพบในวันนี้” พิทักษ์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ สุภาพและอ่อนน้อม ทว่าไม่ได้อ่อนข้อ โกศลกับจรรยาเลยพอจะมองหน้ากันได้อย่างโล่งอกขึ้นบ้าง


“ได้โปรด...เห็นใจเราสองคนเถอะครับ”


ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว แต่คนที่เมื่อครู่ยอมถูกจิณณะโอบไหล่กลับกลายเป็นฝ่ายปลดแขนปลัดหนุ่มลงจากไหล่ตนเอง แล้วดึงเอามือของหลานชายคุณกอบกุลมากุมเอาไว้ให้ผู้หลักผู้ใหญ่เห็น คราวนี้กลายเป็นจิณณะที่ได้แต่กะพริบตาปริบๆ


หากจะบอกว่าเขาเล่นใหญ่ ละครเวทียังอาย ก็ต้องบอกว่าพิทักษ์เล่นเนียน สมควรแก่รางวัลนักแสดงทองคำแพลตินั่มไทเทเนียม!


“เอ้อ...จริงๆแล้ว ต่อให้คุณย่าไม่เห็นใจ ผมก็จะคบพี่อยู่ดีนะ...” แล้วคนเล่นใหญ่ที่มักจะเล่นจนก่อความหงุดหงิดให้คุณกอบกุลก็โพล่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ รู้สึกพิทักษ์จะเล่นเนียนจนจั๊กกะจี้หัวใจยังไงชอบกล ทว่าพอเขาพูดออกไปแบบนั้น มือที่ถูกอีกฝ่ายกุมไว้กลับถูกบีบเบาๆ


“เงียบ เดี๋ยวพี่พูดเอง” หนำซ้ำยังหันมาปรามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ออกตัวแสดงความเป็นผู้นำจนจิณณะตาโต


...นี่มันคนเดียวกับที่เขาไปตอแยจนได้มาแสดงเป็นแฟนเปล่าวะเนี่ย!...


“คุณกอบกุลครับ ผมผิดเองที่ไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องของผมกับจิณให้เร็วกว่านี้ ผมคิดแค่ว่าไม่อยากให้ใครมองเราอย่างแปลกประหลาดเพราะเราต่างเป็นชายทั้งคู่ แต่ผมคิดน้อยเกินไป จิณอยู่ในครอบครัวใหญ่ ผู้หลักผู้ใหญ่ยังไงก็อยากเห็นลูกหลานแต่งงาน แต่ผมอยากจะขอร้อง...อย่าให้จิณแต่งงานกับใครเลยครับ”


หญิงชราได้แต่ยืนเงียบ หล่อนเม้มปากมองชายหนุ่มที่จิณณะพามาเหยียบบ้านพร้อมสถานะที่ไม่ว่ายังไงหล่อนก็ไม่คิดว่าเป็นความจริง


แฟนอย่างนั้นหรือ คนรักอย่างนั้นหรือ! อย่าว่าแต่เป็นผู้ชายด้วยกันเลย คนอย่างจิณณะ หลานนอกคอกของหล่อน ให้อย่างไรก็ไม่มีทางมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอย่างนี้ได้!!


แต่...แต่ถ้าไม่ใช่ความจริง แล้วคนอย่าง ‘พิทักษ์’ จะมาร่วมมือด้วยทำไม?


หล่อนอยู่ในแวดวงธุรกิจ แม้ไม่ใช่วงธุรกิจประเภทเดียวกัน แต่หล่อนก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของชายหนุ่มคนนี้มาหนาหู เขาเป็นหลานผู้มีอิทธิพล ทำธุรกิจอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตากหวือหวา แต่ลอยลำ สนามกอล์ฟที่เขาดูแล ขึ้นชื่อว่าหรูหราและใหญ่โตที่สุดในภูมิภาค บางครั้งใช้เป็นสนามแข่งขันรายการสำคัญ แต่บางครั้งก็เป็นสนามเจรจาผลประโยชน์ที่สำคัญเช่นกัน


แล้วคนอย่างนี้ จะกระโดดเข้ามาร่วมมือกับคนหลักลอยแบบจิณณะได้อย่างไรกัน?


คุณกอบกุลมองเห็นช่องโหว่งของหลานชาย แต่กับชายหนุ่มอีกคน หล่อนไม่เห็นอะไรเลย พิทักษ์เป็นผู้ชายที่มีน้ำแข็งฉาบเอาไว้ทั้งตัว คำพูดของเขาเรียบเฉยไม่บอกอารมณ์ แต่บอกให้รู้ว่าต้องได้ในสิ่งที่เอื้อนเอ่ย และเขาขอไม่ให้หล่อนบังคับหลานชายแต่งงาน


เขาทำไปเพื่ออะไร


หญิงชราตวัดสายตาไปมองจิณณะที่ยังยืนอยู่ตรงหน้า แต่สายตาหลุกหลิกมองคนข้างกายตลอดเวลา ไม่ได้ยิ้มกรุ้มกริ่มกวนโทโสเหมือนในทีแรก ทว่าพอรายนั้นเห็นหล่อนจับจ้อง หลานตัวแสบก็ทำเป็นหันมายิ้มหน้าตาเหรอหราเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ในสายตาหล่อน หลานคนนี้ไม่เคยทำอะไรถูก!


“ฉันจะจับตาดูแก!!” คุณกอบกุลชี้หน้าหลานชาย แน่นอนว่าจิณณะยักไหล่เหมือนไม่แคร์


“เชิญตามไปดูที่ที่ว่าการก็ได้ครับ แต่ตอนเที่ยงผมไม่อยู่นะ เพราะแวะไปกินข้าวกับพี่ทิศ” ไม่พูดอย่างเดียว แต่ดึงมือตัวเองที่ถูกกุมเอาไว้ขึ้นมาให้หญิงชราดูเต็มสองตา เป็นฝ่ายพิทักษ์ที่ต้องกดมือดื้อด้านที่ถูกเขากุมอยู่ลงมาไว้ข้างตัวเหมือนเดิม


“ส่วนคุณ...” หญิงชราหันมาทางพิทักษ์


“ฉันไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คุณลงมาเล่นเกมประสาทนี่! แต่ถ้าฉันจับได้คาหนังคาเขาล่ะก็ คุณไม่รอดแน่! ต่อให้เป็นหลานคุณเทียม ฉันก็ไม่เอาไว้!” คนถูกขู่ยังคงยืนเงียบ และนิ่งเฉย ทว่าสายตาของเขาไม่มีหลบเลี่ยง ยังคงมองตรงไปยังหญิงชรา จนคุณกอบกุลต้องเป็นฝ่ายเบี่ยงสายตาหนีไปทางอื่นอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน


“พวกแกไปได้แล้ว!” เจ้าของบ้านออกปากไล่ โกศลและจรรยารีบดึงลูกชายตัวดีออกจากห้องทันที มีพิทักษ์และจารีตเดินตาม พอเหลือเพียงเจ้าของบ้านและเลขานุการคู่บุญ คุณกอบกุลก็ทรุดตัวลงนั่ง หล่อนเม้มปากแน่น ก่อนจะหันไปสั่ง


“โทร.ไปแจ้งเลขาฯท่านเสรีว่าฉันจะเข้าไปพบท่าน...คนเดียว”


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ออกตัวก่อนว่าปลัดจิณไม่ได้เป็นคนก้าวร้าวนะคะ (สปอยล์ตัวละครฝั่งใดฝั่งหนึ่งตลอดดดด ฮ่าฮ่า) แต่อย่างที่หลายๆคอมเม้นท์เห็นตรงกันว่า ปลัดกับคุณย่านิสัยเหมือนกันเดี๊ยะ ทั้งสองคนก็เลยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ฝั่งย่าสั่ง แต่ฝั่งหลานไม่ทำตาม แถมยังกวนกลับอีกต่างหาก ก็เลยทำให้คุณย่าหงุดหงิดอยู่เสมอ แต่จริงๆแล้วปลัดจิณไม่ได้ก้าวร้าวจริงๆนะคะ (ย้ำรอบที่สอง ฮ่าฮ่า)

ส่วนพี่ทิศ เริ่มเห็นคุณงามความดี(?)ของปลัดแล้วล่ะมั้ง แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ปลัดชอบหาเรื่อง พี่ทิศก็เลยเห็นทั้งความดีและความเลวของปลัดปนๆกันไป แต่ยังไงพี่ทิศก็ต้องอดทนค่ะ เพราะบัวสปอยล์ฝั่งปลัด ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันใหม่พฤหัสหน้า (เพราะว่าวันพฤหัสมีเรียน เลยจะมาลงดึกหน่อยนะคะ แต่จะพยายามลงให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2019 22:19:44
 :z1: :z1: :z1:  โห พี่ทิศ เอารางวัลตุ๊กตาทองไปเลย คริคริ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-01-2019 22:24:39
เอิ่ม ความร้ายของคนน้องจะไม่ขอกล่าว
แต่คุณพี่ทิศคะ คุณพี่เริ่มจะเห็นดีเห็นงามกับแฟนหลอก ๆ เร็วไปไหมคะ
ระวังคุณพี่จะถอนตัวไม่ทันเอานะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 10-01-2019 22:37:32
แบบน้องจิณนี่เรียกว่าเป็นตัวของตัวเอง มีจุดยืนที่ชัดเจน คิดเองเป็น จึงเลือกใช้ชีวิตตามแบบของตัวเอง
แทนที่จะหยวนยอมก้มหัวใช้ชีวิตตามใจผู้ใหญ่ ซึ่งขัดต่อมุมมองของคนจำนวนมากในสังคมไทย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-01-2019 22:42:48
 :laugh:


หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-01-2019 22:51:13
ใครจะเป็นเมีย ใครจะได้เมียก็ไม่รู้นะคะคุณปลัด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-01-2019 22:53:54
พี่ทิศมานิ่ง ๆ แต่เอาซะคุณย่าอึ้งเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-01-2019 23:03:35
ปลัดกวนมากกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 10-01-2019 23:04:50
น้องจิณจะต้องตกหลุมที่ตัวเองขุดไว้แน่ๆเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 10-01-2019 23:08:33
ชอบตรงนี่ "เพราะว่า ...เป็นจิณณะ..."
พี่ทิศ กลับมาอธิบายก่อน ส่วนลึกของหัวใจเหรอ
เอาใจช่วยให้รักกันเร็วๆ ค่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 10-01-2019 23:13:28
พี่ทิศตีบทแตกหรือว่าทุกคำพูดมาจากใจกันแน่คะ ??  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 10-01-2019 23:22:40
พอพี่ทิศเอาจริง เป็นจิณเองที่จะต้องเขินล่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-01-2019 23:24:04
คุณปลัดจอมแสบ...บบบบบบบบบบบบบบ พี่ทิศตงต้องปราบกันเหนื่อยน่าดู เอาใจช่วย   o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 10-01-2019 23:34:39
ลุ้นสนุกมากค่ะ555
ตามต่อๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 10-01-2019 23:46:07
พี่ทิศคือดีมาก อย่างนี้แหละถึงจะเอาจิณณะอยู่
จิณณะคือร้าย ไปห้อมแก้มพี่เค้าได้ยังไงงง  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 10-01-2019 23:49:26
เรื่องจะล่มก็เพราะจิณณะเล่นใหญ่นี่แหละ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Naeon ที่ 11-01-2019 00:00:51
สงสารพี่ทิศ5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 11-01-2019 00:31:25
พี่ทิศละมุนมากกกกกกกกก   รอวันที่พี่ทิศละมุนกัยปลัดจริงๆ
กร้าวใจสุด
คุณย่าฉลาดเหลือเกิน
จา ตลกมาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-01-2019 00:58:15
พี่ทิศเล่นดีมากนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-01-2019 09:30:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 11-01-2019 09:31:37
หมั่นเขี้ยวน้อง ยากบีบแก้ม  :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 11-01-2019 10:12:03
พี่ทิศออกตัวขนาดนี้ คุณย่าต้องคิดหล่ะ o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 11-01-2019 10:18:44
 :sad4:นายเอกเราได้ใจจริงๆแสบได้โล่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-01-2019 11:05:37
น้องจิณ ระวัง จะแพ้ทาง พี่ทิศ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 11-01-2019 11:12:16
แอบอ่านในที่ทำงาน พ่อปลัดทำเอาเราต้องก้มหน้าอมยิ้ม มีหอมแก้มโชว์ เล่นใหญ่มาก อยากบิดให้แขนเขียว แต่พี่ทิศนั้น มาขรึมมาก สงบคุณย่ามาก แต่... เหมือนต้องหาไทลินอลไว้ support พี่ทิศ สงสารนางงงงง 555555  "แฟน" นาง ป่วนเหลือเกิน 55555

อยากให้พฤหัสฯหน้าเร็วๆ ชอบมากค่ะคุณบัวเรื่องนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 11-01-2019 11:35:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-01-2019 11:52:35
พี่ทิศสุดยอดเลย มีรางวัลอะไรให้หมดเลยค่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 11-01-2019 12:01:50
เพิ่งเห็นว่าคุณบัวมาลงเรื่องใหม่ ดีใจมากๆเลย ไม่เคยผิดหวังกับนิยายคุณบัวสักครั้ง ขอบคุณนะฮะ
:pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-01-2019 15:26:26
 :z1:



 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 11-01-2019 15:40:00
เอ็นดูคุณปลัด แสบเหลือรับประทาน
นี่แหละมันต้องโดนพี่ทิศปราบ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 11-01-2019 18:58:42
สุดยอดมาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 11-01-2019 20:41:00
ไม่รู้ว่าพี่ทิศเล่นใหญ่ หรือมาจากจิตใต้สำนึกกันนะ  :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 11-01-2019 21:12:23
ตามๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 11-01-2019 22:11:17
ทำไมยิ่งอ่านยิ่งเห็นความแสบความดื้อของคุณปลัดเพิ่มขึ้นทุกวันๆๆๆ
รู้สึกปวดหัวแทนพี่ทิศในอนาคตเลย นี่ขนาดแค่เริ่มต้นพี่ทิศยังต้องอดทนแล้วอดทนอีก
ข่มใจไว้หน่อยนะพี่นะ คุณปลัดอาจจะแสบซนไปหน่อย แต่เอาจริงๆก็น่ารักออกนา ฮ่าาาาาาาาาาาา

แต่นี่จะดูบาปไหมถ้ารู้สึกว่าพี่ทิศดูกร้าวใจมากตอนยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง 5555555
แอบมีความแบดนิดๆ ยิ่งอยู่กับคุณปลัดจะยิ่งดูกร้าวใจมากเป็นพิเศษโดยยยยยยยยยยย
เราอยากเห็นเขารักกันเร็วๆล้าวววววววววววววววว อยากจะรู้ว่าถึงตอนนั้นคุณปลัดจะยังกล้าดื้ออยู่อีกไหม
เชื่อว่าต่อจากนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายล่ะ พี่ทิศคือต้องคอยเฝ้าดูแลคุณปลัดอย่างใกล้ชิดด้วย
ทั้งศึกนอกศึกใน ฝ่ายคนปองร้ายที่ยังไม่รู้ตัว กับฝ่ายคุณย่าที่จับตามองทุกฝีก้าวงี้
แต่เหนือไปกว่านั้นที่อยากรู้มากๆก็คือ ผู้หญิงที่ชื่ออรนี่แอบคิดอะไรกับพี่ทิศเปล่า (รู้สึกว่าใช่แน่ๆ)
และถ้าไม่บอกว่าคุณปลัดมีนิสัยกวนประสาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ช่วงที่เปิดประตูมาเห็นพี่ทิศอยู่กับสาวนี่
จะคิดว่านั่นไม่ใช่การแซะแต่มันคืออาการหวงขั้นแรกที่อาจจะยังไม่รู้ตัว อุวะฮะฮ่า
และคาดว่าในอนาคต ถ้าความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากกว่านี้ คิดว่าคุณปลัดต้องเป็นว่าที่แฟนที่ขี้หึงมากคนนึงแน่นอน
ก็แอบสงสารพี่ทิศอยู่อีกเช่นกัน ก็นะ.....ไม่มีอะไรจะบอก นอกจากคำว่า...สู้ๆนะพี่นะ
ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

ป.ล.ทำไมรู้สึกเอ็นดูคุณปลัด  :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-01-2019 22:38:50
ทำไมพี่คิดถึงยอมช่วยพูดกันนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 11-01-2019 23:17:01
โดนพี่ทิศรุกกลับนิดหน่อยให้อีน้องมันเอ๋อไปบ้าง
พี่ทิศต้องจับจุดนี้ของน้องมันให้ได้ไวไว เด็กมันจะได้ไม่ได้ใจนัก 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 12-01-2019 00:45:48
พี่ทิศออร่าผู้นำแลงมาก น้อนจินยังจะเรียกเมี.. แค่กๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 12-01-2019 01:07:26
เอ็นดูนายเอก ตัวแสบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 12-01-2019 02:41:38
พี่ทิศเอาทุกคนอยู่
มารอดูว่าจะเอสฝาปลัดป่วนอยู่หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 12-01-2019 08:34:44
มีความเป็นพี่โตปราบของขวัญเล็กๆ แต่ดูท่าแล้วพี่ทิศคงต้องลงแรงเยอะหน่อยกว่าจะปราบคุณปลัดให้อยู่หมัด เอ๊ะ! หรือพี่จะโดนปราบซะเองกันนะ ^^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 12-01-2019 08:45:37
โอ๊ยยยย พ่อคุณกวนประสาทเหลือเกิน
พี่ทิศต้องปวดหัวไปอีกนาน แต่ถ้าเปิดแต้มเมื่อไหร่
ดูทิศจะคะแนนนำนะ ทำจิณเอ๋อและเด๋อมากไปเลย
ชอบจัง ตอนขำน้องที่น้องกินแซนวิชหมด

คนน่าเชื่อถือนี่ทำยังไงก็กินไม่ลงเนาะ

แล้วคืออะไร จิณจะไปเรียกพี่ว่าเมีย
ดูก่อนไหม ดีนะ ยังไม่หลุดปาก

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 12-01-2019 11:48:03
พี่ทิศมีแววสปอยล์เมียมาแต่ไกล
แถมเมียยังดื้อและเอาแต่ใจด้วย

ต้องดุเยอะๆนะคะ เมียจะได้ไม่ดื้อ  o18
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rubyrain ที่ 12-01-2019 13:40:11
เนี่ยยยย พี่ทิศเล่นดีอ่ะ คุณย่าเชื่อเลยว่าคบกัน
แล้วมีการครุ่นคิดเป็นห่วงน้องนิดหน่อย น่ารักกกก
ระวังตกหลุมความแสบของจิณนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 12-01-2019 14:13:54
กรี๊ดพี่ทิศหนักมาก พี่คะแงงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-01-2019 14:41:34
พี่ทิศคนจริง  o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 12-01-2019 20:19:23
ถึงจิณจะแสบ จะดื้อ หรือเอาแต่ใจ เล่นใหญ่ไฟกะพริบ แต่คนที่มาวินของตอนนี้สุด ๆ คือพี่ทิศ คนนี้เขาพูดน้อยต่อยหนัก โยนแท่งน้ำแข็งใส่คุณกอบกุลจนต้องยอมตาม แม้แต่จิณเองมาเจอแบบนี้ยังต้องเงียบ ตอนที่บอกกับคุณกอบกุลไปด้วยเสียงเรียบ ๆ แต่มั่นคงว่าคบหากันอยู่ก็ดี หรือตอนที่จับมือเอาไว้โดยทำได้อย่างเป็นธรรมชาติก็ดี ล้วนบ่งบอกว่าพี่ทิศแกตีบทแตก ไม่แสดงพิรุธอะไรให้เห็น มีแต่จิณที่เป็นคนต้นคิดพอเจอพี่ทิศแกเล่นใหญ่บ้าง กลับเหวอเสียเอง เราเชียร์พี่ทิศนะเออ

ขอบคุณคุณบัวสำหรับอัปเดตนี้นะคะ ^____^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: psyfer ที่ 13-01-2019 11:29:47
ดูๆ ไปพี่ทิศจะเนียนกว่าละ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 13-01-2019 11:40:10
ว้าวๆ พี่ทิศเก่งมากเลย แต่จิณนี่แสบจริงๆ ทำแต่ละอย่าง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: borntobeyours ที่ 17-01-2019 21:44:34
เข้ามารอฮะ ฮี่ๆๆๆๆ คิดถึงพี่ทิศกับน้องจิณมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 17-01-2019 22:20:50
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 4


หลังจากวันนั้น จิณณะก็ยิ่งทำตัวเป็นแฟนที่ดี ไปมาหาสู่พิทักษ์อย่างสม่ำเสมอ


ไปมาหาสู่ในที่นี่หมายความว่าแวะเวียนไปที่สนามกอล์ฟของพิทักษ์ทุกๆวัน วันละหลายครั้ง ช่วงเที่ยงนั่นแน่นอนอยู่แล้วที่จะต้องโผล่หน้าไปทานข้าวด้วย แต่บางวันก็เพิ่มช่วงเช้าพร้อมด้วยของติดไม้ติดมือไปฝากทั้งเจ้าของสนามและพนักงาน


การแวะเวียนมาพร้อมกับของฝากเช่นนี้ ไม่เกิน 3 ครั้ง คนทั้งสนามกอล์ฟก็คุ้นหน้าคุ้นตาจำชื่อแซ่ ‘ปลัดจิณ’ กันได้ทุกคน


“สวัสดีค่ะ ปลัด วันนี้มาแต่เช้าเลย” เสียงทักทายดังขึ้นอย่างเป็นกันเอง เมื่อจิณณะผลักประตูเข้าไปในอาคารของสนามกอล์ฟ ปลัดหนุ่มยิ้มแล้วชูปาท่องโก๋ถุงใหญ่ในมือให้ดู


“พอดีอยากกินปาท่องโก๋ เลยซื้อมาฝากที่นี่ด้วยครับ” พูดแล้วก็กวาดตามองไปรอบๆอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ต้องพูดอะไร พนักงานที่เข้ามาทักทายเขาก็ดูจะรู้ใจ


“คุณทิศมานู่นแล้วค่ะ” พนักงานเอ่ยพลางบุ้ยหน้าไปด้านหลังของจิณณะ เขาหันมอง พอดีกับที่เจ้าของสนามกอล์ฟแห่งนี้เพิ่งจะผลักประตูกระจกเข้ามา ฝ่ายนั้นขมวดคิ้วฉับทันทีที่สบตา แต่ฝ่ายคนมาก่อนกลับยิ้มหวานหยด


“อรุณสวัสดิ์ พี่ทิศ” น้ำเสียงหวานเยิ้มไม่ต่างจากรอยยิ้มเท่าไร


นับตั้งแต่พิทักษ์ไปช่วยแสดงตัวแถมตีบทแตกต่อหน้าคุณกอบกุล จิณณะก็เริ่มได้คืบเอาศอก ไม่เพียงแวะมาทานมื้อเที่ยงที่นี่เพื่อประกาศสถานะสนิทสนม แต่ท่าทีที่มีต่อพิทักษ์ยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ช่าง ‘เล่นใหญ่’ มากขึ้นทุกที


อย่างเช่นตอนนี้


จริงอยู่ว่าแค่การยิ้ม การพูด ดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เพราะเจ้าตัวแสดงออกต่อหน้าธารกำนัล ชนิดที่ต่อให้เป็นเด็กอนุบาลมาเห็นก็คงดูความสัมพันธ์ของพวกเขาออก ซึ่งมันทำให้พิทักษ์หงุดหงิด


“มาทำไมแต่เช้า” เขาถาม น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงเรียบเฉย แน่นอนว่าจิณณะไม่ได้สนิทสนมกับพิทักษ์จริงอย่างที่อ้างกับใครๆ เขาจึงไม่ทันใส่ใจความกระด้างในน้ำเสียงของคนตรงหน้า


ปลัดหนุ่มทำหน้าตาเหรอหรา แล้วชูถุงในมือให้ดู


“ผมซื้อปาท่องโก๋มาฝากพี่ ฝากพนักงานข้างล่าง พนักงานข้างบน แล้วก็แคดดี้...” พูดแล้วก็เดินเข้าไปหา พิทักษ์ยังยืนเฉย ไม่ขยับถอยห่างแต่จ้องตาไม่กะพริบ จิณณะเลยเว้นระยะห่างเอาไว้ให้สักหน่อย ซึ่งการเว้นระยะเช่นนี้ เจ้าตัวเลยถือวิสาสะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดัง...กว่าปกติ


“อีกอย่างคือคิดถึง”


พนักงานที่อยู่แถวนั้นพากันทำตาโตวิบวับ ข่าวลือที่ว่าปลัดอำเภอคนนี้เป็นคนรักของเจ้าของสนามกอล์ฟผ่านมาจากปากใครสักคน แต่เรื่องแบบนี้เข้าหูแล้ว ย่อมไม่ทะลุไปไหน ต่อให้จะเป็นแค่ข่าวลือก็ตามที


บางคนว่าก็แค่ข่าวลือ บางคนว่าข่าวลือคือข่าวจริงที่มาก่อนเวลาอันสมควร และในกรณีนี้ เห็นทีข่าวลือที่ว่าจะเป็นอย่างหลัง


ข่าวจริงที่มาก่อน


ข่าวจริงที่ว่าคือปลัดอำเภอที่หมู่นี้แวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ เป็นคนรักของเจ้าของสนาม!


พิทักษ์รับรู้ถึงสายตาและความสนอกสนใจของพนักงานรอบตัว เห็นทีเขาควรจะต้องทำข้อตกลงกับจิณณะเสียใหม่ ก่อนที่เจ้าตัวทำเรื่องบานปลายกว่านี้


“มาคุยกับผม” เขาสั่งเสียงเฉียบ กำลังจะก้าวเท้าเดินนำ คนเล่นใหญ่ก็เลยเอ่ยปากอีกครั้ง


“คิดถึงผมเหมือนกันหรือ”


คราวนี้เกิดเป็นเสียงวี๊ดว้าย แต่ก็เงียบลงฉับพลันเมื่อพิทักษ์กวาดสายตามอง พนักงานคนไหนสบตาเขาก็พากันหลบวูบ บางคนรีบเดินหนีหรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาทำเป็นยุ่งทั้งๆที่ยังไม่เริ่มเวลาทำงาน ทว่าเมื่อสายตาของพิทักษ์มาหยุดที่เจ้าของคำพูด รายนั้นกลับทำเป็นยกไหล่ไม่สะทกสะท้าน


“ตามผมมา!” เขาสั่งเสียงเข้มกว่าเดิม ก้าวเท้าฉับๆตรงไปยังโถงลิฟต์ แน่นอนว่าจิณณะไม่ได้ก้าวตามคำสั่งในวินาทีนั้น แต่ยังทำเป็นมองซ้ายขวา พอสบตากับพนักงานคนหนึ่ง ก็กวักมือเรียก แล้วส่งถุงปาท่องโก๋ให้


“แบ่งให้ผมกับพี่ทิศ 4-5 ตัวก็พอ นอกนั้นเอาไปแบ่งกันนะ อ้อ ผมขอกาแฟดำด้วย ส่วนพี่ทิศ...”


พูดแล้วก็เหลือบไปมองคนที่ยืนรออยู่ที่หน้าลิฟต์แต่จ้องเขม็งมาที่เขา ปลัดหนุ่มไม่ได้สนใจสายตาดุดันคมกริบที่เหมือนจะตัดร่างเขาเป็นสองท่อนเลย เพราะยังมีแก่ใจหันไปพูดเล่นกับพนักงานคนเดิม แต่น้ำเสียงเบาลงกว่าเดิมมากราวกับต้องการให้ได้ยินเพียงสองคน


“นางเอกต้องกินน้ำส้มคั้นใช่ไหม ขอน้ำส้มคั้นให้พี่ทิศแล้วกัน” พูดจบก็ถึงได้ก้าวเท้าไปหาคนที่ยืนรอ จิณณะไม่ได้แสดงอาการถึงเนื้อถึงตัวในที่สาธารณะ แต่ก็ยังไม่วายเอาข้อศอกตนเองไปชนกับแขนของอีกฝ่าย


ไม่ถึงเนื้อถึงตัว แต่...ต่อหน้าธารกำนัลอีกครั้ง


พนักงานแถวนั้นโดยเฉพาะคนที่ถูกเรียกไปรับถุงปาท่องโก๋ย่อมเห็นกับตาว่าระหว่างจิณณะและพิทักษ์มีการ ‘สะกิด’ เกิดขึ้น ไหนจะคำพูดประโยคสุดท้ายเมื่อครู่นี้อีก


‘นางเอกต้องกินน้ำส้มคั้นใช่ไหม ขอน้ำส้มคั้นให้พี่ทิศแล้วกัน’


เมื่อชายหนุ่มสองคนหายเข้าไปลิฟต์แล้ว ก็เกิดเป็นเสียงอื้ออึงนินทาเจ้านายและแขกผู้มาเยือนยามเช้า


“เมื่อกี้เห็นรึเปล่า?! ปลัดเอาศอกถูคุณทิศด้วย!”


“ที่เขาว่าปลัดกับคุณทิศเป็นแฟนกันก็เรื่องจริงน่ะสิ!”


“อ้าว! นึกว่าผู้หญิงคนนั้นที่เคยมาที่นี่เป็นแฟนคุณทิศเสียอีก”


“แล้วเมื่อกี้ปลัดพูดอะไรตอนส่งปาท่องโก๋ให้น่ะ”


พนักงานหนุ่มที่ถือถุงปาท่องโก๋ซึ่งเป็นคนเดียวที่ได้ยินประโยคเด็ดของปลัดจิณณะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใช้เวลาอยู่อึดใจใหญ่ๆถึงจะหาลิ้นตัวเองเจอ แล้วพูดออกมาเป็นคำ


“ป...ปลัด...ปลัดบอกว่า...คุณทิศเป็น...เป็นนางเอกของปลัด...”


แล้วเสียงอื้ออึงก็กลายเป็นความเงียบงัน


...คุณทิศ...เป็นนางเอกของปลัดจิณ...

………………………

พิทักษ์สงบสติอารมณ์ด้วยการจับจ้องตัวเลขที่เปลี่ยนบนลิฟต์ จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็ยังก้าวเดินไปห้องทำงานของตนเองพร้อมด้วยการท่องตัวเลข เสียงทักทายดังขึ้นรอบตัว ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ แต่คนที่เดินตามหลังของเขาช่างมีอัธยาศัยเป็นเลิศ เพราะส่งเสียงตอบรับ


“อรุณสวัสดิ์ อรุณสวัสดิ์”


ไม่ต้องหันไปมอง พิทักษ์ก็เดาได้ว่าจิณณะพูดไปยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ทุกข์ร้อนใดๆไปด้วย เขาไม่ควรจะนับความอัธยาศัยดีของคนตามหลังเป็นเรื่องกวนโมโห แต่เพราะเป็นจิณณะ...การกระทำของเจ้าตัวแทบทั้งหมด กวนโมโหเขาสิ้นดี! 


ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอย่างแรงโดยพิทักษ์ แต่ก็ถูกปิดอย่างเบามือโดยจิณณะ คนหนึ่งหงุดหงิดแต่เช้า ในขณะที่อีกคน...อารมณ์ดีชนิดฮัมเพลงสบายอารมณ์


เจ้าของห้องตวัดสายตามามอง แต่สีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจของข้าราชการหนุ่มทำให้เขาต้องถอนหายใจแรงแล้วกรอกตามองไปรอบตัวเพื่อไม่ให้เคืองสายตากับใบหน้าที่นอกจากจะมีรอยยิ้มกริ่มแล้ว สายตายังระยิบระยับอีกต่างหาก


“มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิครับ” จิณณะกระตุ้นด้วยท่าทีสบายอารมณ์เหมือนเคย


“เราต้องมีข้อตกลงร่วมกัน ผมจะช่วยคุณ ถ้าคุณไม่ล้ำเส้น” เจ้าของห้องพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด


คราวนี้จิณณะเลิกคิ้วอย่างสงสัยกับคำว่าล้ำเส้นของคนพูด


พิทักษ์กระดากปากเล็กน้อย แต่ถ้าไม่พูดออกไป เขาก็คิดว่าคนอย่างจิณณะคงถือเป็นความเคยชิน


“ตั้งแต่เรื่องวันที่ผมไปพบคุณกอบกุล ที่...คุณหอมแก้มผม”


ปลัดหนุ่มทำตาโต ร้องถามเสียงหลง


“นั่นมันเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ เราเป็นแฟนกันนะ”


พิทักษ์อยากบอกว่าเป็นแฟนหลอกๆ แต่แค่สายตาที่จ้องคนพูด ก็ทำเอาจิณณะถอนหายใจเฮือกใหญ่


“ก็ได้ๆ แล้วผมทำอะไรพี่ได้มั่ง”


“ไม่ได้เลย!” นี่ไงล่ะ พิทักษ์ถึงได้ต้องรีบสร้างข้อตกลง เพราะมิเช่นนั้นแล้ว คนอย่างจิณณะจะต้องคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่อง...เคยชิน


แต่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาของคนที่อุปโลกน์มาเป็นคนรักกันอย่างพวกเขา!


คนถูกดุถอนหายใจอีกเฮือก คราวนี้เฮือกใหญ่พอดูเพราะไหล่ถึงกับลู่ลงตามไปด้วย


“แล้วมันจะเนียนหรือ”


“ผมรับผิดชอบความเนียนเอง คุณอยู่เฉยๆ”


“ผมอยู่เฉยสิยิ่งไม่เนียน ไม่เอาหน่า พี่ก็ผู้ชาย ผมก็ผู้ชาย ไม่เสียหาย แถมผมไม่เคยหอมแก้มผู้ชายคนไหนเลยนะ พี่เองก็ไม่น่าเคยถูกผู้ชายหอมแก้มใช่ไหมล่ะ วินวินซะอีก” กลายเป็นผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างได้ พิทักษ์คิดไม่ออกเลยว่าคนอย่างจิณณะถูกหล่อหลอมมาด้วยอะไร ตรรกะถึงได้ประหลาดขนาดนี้


“เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องวินวิน”


“ก็ได้ๆ แล้วผมจับมือพี่ได้ไหม กอดได้รึเปล่า ผมว่าสองอย่างนี้มันมาตรฐานมากแล้วนะ”


นี่น่าจะเป็นการเจรจาที่ยากที่สุดเท่าที่พิทักษ์เคยทำมา เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับคนอย่างจิณณะ รายนี้มีข้อต่อรองได้ในทุกๆเรื่อง ไม่ได้อย่างหนึ่งก็ต้องเอาอีกอย่างหนึ่ง


“อ้อ แต่ตอนนั้น...ต่อหน้าคุณย่า พี่จับมือผมไปแล้วนะ”


ไม่พูดอย่างเดียว แต่จิณณะชูมือตัวเองขึ้นมาข้างหนึ่ง เป็นข้างที่พิทักษ์กุมเอาไว้ให้คุณกอบกุลดู คนถูกต่อรองได้แต่ถอนหายใจอีกเฮือก


“เออ...” เขารับคำอย่างจำนน “...แต่ต้องสมเหตุสมผล”


ถ้าจิณณะคือคนที่ต่อรองได้ในทุกโอกาส พิทักษ์ก็มีข้อแม้ได้ในทุกเรื่องเช่นกัน


“ไม่ต้องห่วง ผมเป็นคนมีเหตุผลเสมออยู่แล้ว” เหตุผลแบบจิณณะสิที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด


“แล้วเรื่องที่คุณมาที่นี่ก็ด้วย” นอกจากการประกาศสถานะของพิทักษ์ต่อหน้าคุณกอบกุล ตอนนี้ใครๆในสนามกอล์ฟก็เริ่มสงสัยเหตุผลของการปรากฏตัวถี่ยิบของปลัดอำเภอที่ชื่อจิณณะ


“พี่จะห้ามไม่ให้ผมมาไม่ได้นะ ผมเป็นแฟนพี่ ผมต้องมาสิ”


“ไม่ได้ห้ามไม่ให้มา แต่จะทำอะไร จะพูดอะไร ให้คิดก่อน”


“ผมก็คิดแล้วไง”


“ที่พูดให้คนอื่นได้ยินว่าคิดถึง นั่นคือคิดแล้วหรือ? ตอนคุณมาขอให้ผมช่วยคุณ คุณพูดเองว่าสถานะของผมกับคุณจะคลุมเครือ แต่สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้ ตรงไหนที่คลุมเครือ”


จิณณะเงียบ ไม่ตอบโต้ไม่ใช่เพราะเถียงไม่ออก แต่เพราะเขา ‘เผลอ’ แกล้งยัดเยียดความชัดเจนบางประการของพิทักษ์ให้พนักงานที่นี่รับรู้ไปเสียแล้ว


‘นางเอกต้องกินน้ำส้มคั้นใช่ไหม ขอน้ำส้มคั้นให้พี่ทิศแล้วกัน’


ถ้าไม่โง่จนเกินไป และถ้ามีนิสัยแบบปุถุชนธรรมดา ป่านนี้พนักงานตั้งแต่ในคลับกอล์ฟไปจนถึงแคดดี้ในสนามก็คงรู้กันถ้วนหน้าว่าพิทักษ์เป็น ‘นางเอก’


ก็ใครใช้ให้ชอบตีหน้าเคร่งทำเป็นดุใส่เขาตลอดเวลาเล่า? เห็นแบบนี้คนอย่างจิณณะก็อดไม่ได้น่ะสิ...


“เงียบหมายความว่ายังไง เข้าหูซ้ายออกหูขวา หรือว่าเถียงไม่ออก”


ปลัดหนุ่มทำเป็นถอนหายใจเสียงดัง


“ขี้บ่นจริงๆ เอาเป็นว่าคราวนี้ผมขอโทษ” ได้แต่ขอโทษทว่าไม่กล้ารับปากว่าจะยับยั้งชั่งใจได้หรือไม่ ก็บอกแล้วว่าพิทักษ์ผิดที่น่าแกล้งเกินไป


พิทักษ์ไม่ใช่คนขุดคุ้ย แม้จะยังหงุดหงิดและดูออกว่าเจ้าตัวไม่ได้สำนึกผิดท่วมท้น แต่ก็ดูรับผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น คำขอโทษก็ไม่ได้ทำอย่างขอไปที เขาจึงไม่อยากถือสาหาความให้เสียอารมณ์ตนเอง


“เอาเถอะ คราวหน้าก็ระวังคำพูดด้วย” จบเรื่องสั่งสอน ก็หวนคิดถึงเรื่องเกิดขึ้นที่คฤหาสน์วงศ์กีรติ นับตั้งแต่วันนั้น เขาไม่ได้ยินข่าวคราวของคุณกอบกุลอีกเลย


“แล้วคุณกอบกุลว่าอย่างไรบ้าง”


“ก็ไม่เห็นว่าอะไร”


“ไม่ว่าอะไร หรือคุณไม่รับรู้ว่าคุณกอบกุลว่า”


จิณณะยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจ ทำเอาคนพูดถึงกับถอนหายใจ


“คุณควรจะกลับไปขอโทษ” คำแนะนำของพิทักษ์ ทำเอาอีกฝ่ายขมวดคิ้วฉับ ถูกดุก็กวนอารมณ์ให้ขุ่นพออยู่แล้ว ยังถูกรื้อฟื้นเรื่องคราวก่อนแถมยังถูกสั่งให้ไปขอโทษอีกต่างหาก อารมณ์ของปลัดหนุ่มก็ชักแกว่งแล้วเช่นกัน


“ขอโทษเรื่องอะไร”


“คุณคิดว่าวันนั้น คุณพูดจาดีหรือ”


“ก็ไม่เห็นร้ายตรงไหน”


“แล้วมันได้ผลไหม” เป็นคำถามที่ทำเอาจิณณะนิ่งงัน ไม่ต้องให้ใครบอก ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นต่างก็รู้กันดีว่าคนที่ทำให้คฤหาสน์วงศ์กีรติไม่พังพินาศเพราะแรงอารมณ์หญิงชราและการกวนประสาทของหลานนอกคอก ก็คือพิทักษ์


“ผมขอบคุณพี่แล้วกัน ที่ทำให้วันนั้นมันได้ผล แต่ถ้าจะให้ผมไปขอโทษคุณย่า ผมไม่ไป! พี่ก็เห็นว่าเขาไม่ได้ดีกับผมสักเท่าไร สิ่งที่ผมทำก็ถือซะว่าเจ๊ากับสิ่งที่เขาทำกับผม!” ปลัดหนุ่มพูดเสียงแข็ง ท่าทีขี้เล่นยิ้มกริ่มหายวับแตกต่างจากคนเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง


“พี่มีเรื่องจะคุยกับผมแค่นี้ใช่ไหม ผมต้องไปทำงานแล้ว แล้วไว้ค่อยเจอกัน” จิณณะพูดแล้วหมุนตัวจะเดินออกทันที แต่เสียงของคนเบื้องหลังกลับรั้งขาของเขาไว้


“แล้วเรื่องคดีของทองสุกล่ะ” จิณณะชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาอง


“ให้เป็นหน้าที่ตำรวจสิ”


“แน่ใจนะว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง”


“ปลัดตัวเล็กๆอย่างผมที่ยังต้องให้พี่คุ้มกะลาหัวจะไปยุ่งอะไรได้” พิทักษ์มองตามแผ่นหลังของคนที่เดินออกจากห้อง


ทำไมเขาถึงไม่คิดว่าคำว่าปลัดตัวเล็กๆจะเป็นคำที่แสดงถึงความสงบเสงี่ยมของเจ้าตัวเลยสักนิด


คนอย่างจิณณะ...ทำเรื่องใหญ่เสมอ

............................

‘…สิ่งที่ผมทำก็ถือซะว่าเจ๊ากับสิ่งที่เขาทำกับผม’


สิ่งที่คุณกอบกุลแสดงออกต่อหลานนอกคอกอย่างจิณณะมาตลอดหลายปี ฝังลงไปในความนึกคิดและความทรงจำ ในสมองของจิณณะ


หากคิดถึงหญิงชราผู้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังแรกสุดในพื้นที่ของตระกูลวงศ์กีรติ ย่อมมีแต่สีหน้า โกรธขึง ดวงตาจ้องเขม็งและรังเกียจเดียดฉัน ริมฝีปากบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยคำก่นด่า คุณกอบกุลอาจจะเคยใจดีกับจิณณะ แต่ก็คงนานมากแล้ว นานจนหายไปจากความทรงจำของเขาแล้ว


ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่หลานนอกคอกคนนี้ปฏิบัติต่อผู้เป็นย่า แม้จะไม่เนรคุณอกตัญญูถึงขั้นตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่ก็เป็นการตอบโต้พอให้แสบๆคันๆในฐานะย่าหลาน


แต่สำหรับพิทักษ์ สิ่งที่เขาทำคงขัดหูขัดตาน่าดู ถึงได้ออกปาก


พอคิดถึงพิทักษ์ จิณณะก็ได้แต่เลิกคิ้วกับตนเอง อีกฝ่ายดูนิ่งขรึมและเมินเฉยต่อความเป็นไปของสิ่งรอบตัว แต่เอาเข้าจริงก็ใจดีให้ความช่วยเหลือ ทั้งๆที่เขาเป็นเพียงหลานของแม่เลี้ยง หากจะละเลยหรือช่วยอย่างขอไปทีก็ทำได้ แต่...ก็ยังใส่ใจและไม่ปล่อยผ่าน หนำซ้ำยังเสนอแนะให้เขาทำตัวเป็นหลานที่ดี เข้าไปขอโทษคุณย่าเสียอีก


หากพิทักษ์เป็นผู้หญิง เขาคงออกปากว่าอีกฝ่าย ‘น่ารัก’ ได้ไม่ยาก แต่พอดีรายนั้นเป็นผู้ชายอกสามศอก การชมแม้เพียงในใจว่า ‘น่ารัก’ ก็ออกจะ...


...เอ้า! น่ารักก็น่ารัก!...


คนที่ใส่ใจคนรอบข้าง ต่อให้เป็นชายหรือหญิง ก็น่ารักจริงๆนั่นล่ะ


“สงสัยวันนี้ปลัดจิณอารมณ์ดี นอกจากจะซื้อปาท่องโก๋มาฝากแล้วยังนั่งยิ้มคนเดียวได้ด้วย” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกสติ จิณณะหันมองก็พบวรชิตยืนยิ้มแต้ มือหนึ่งถือปาท่องโก๋ราดนมข้น ปากมันแผล่บ


คนถูกทักว่านั่งยิ้มคนเดียวฉีกยิ้มกว้างทับรอยยิ้มเดิมของตนเอง ลืมฉุกใจเสียสนิทว่าสิ่งที่ทำให้เขานั่งยิ้มคนเดียว คือความคิดที่ว่า...พิทักษ์น่ารัก


“ซื้อไปฝากแฟน เลยซื้อมาฝากที่นี่ด้วย” พูดแล้วเอนหลังพิงพนักอย่างสบายๆ เพื่อนร่วมงานถึงกับทำปากเบ้


“รู้แล้วว่ามีแฟน พูดอยู่ได้ หมั่นไส้เว้ย”


“อ้าว เผื่อมีคนไม่รู้” คนอยากให้เรื่องโด่งดังทำเป็นเปรยขำๆ เรื่องนี้จะให้รู้ถึงหูคนที่สนามกอล์ฟไม่ได้เด็ดขาดว่าเขาเผลอ ‘ชัดเจน’ ในการระบุความสัมพันธ์ไปอีกแล้ว


วรชิตมองซ้ายมองขวา เห็นว่าไม่มีใครสนใจ จึงเดินวนมานั่งที่โต๊ะทำงานของเพื่อนแล้วพูดเสียงเบา


“มึงเอาจริงเหรอ จิณ เรื่องแฟนมึงน่ะ”


“มันทำให้เป็นเรื่องเอาไม่จริงได้ด้วยหรือ” จิณณะย้อนถามหน้าตาเหรอหรา


“แฟนมึงที่ว่าน่ะเป็นผู้ชายนะ...แล้ว...แล้วใครๆก็รู้กันว่าเป็นหลานคุณเทียม...”


“เรื่องนั้นกูรู้ แล้วยังไง”


“ก็...ข้าราชการอย่างเราๆ...อ่า นี่กูจะพูดยังไงดี ประเด็นมันเซนซิทีฟ...เฮ้ย!!” จู่ๆคนพูดก็ตาเหลือกร้องขึ้นมาแล้วผลุบตัวลงนั่งลงกับพื้น จิณณะมองเพื่อนอย่างงุนงง เขามองไปรอบตัวก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ นอกจาก...ที่นอกหน้าต่างกระจกซึ่งเยื้องกับโต๊ะทำงานของเขา มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับวนไปมาก่อนจะขับออกจากหน้าที่ว่าการไป


เขาหันกลับมามองวรชิตที่ยังคงนั่งหลบอยู่ข้างโต๊ะทำงาน หน้าตาซีดเผือด ปาท่องโก๋ที่เมื่อกี้ถืออยู่ในมือตกแหมะอยู่บนพื้น แต่พอรู้สึกตัวว่าถูกเขามอง มันก็กะพริบตาถี่ๆ เอื้อมมือไปคว้าปาท่องโก๋บนพื้นมาถือ แล้วค่อยๆลุกขึ้นโดยเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเวลา


“ช...ช่วงนี้กูไม่ค่อยถูกโรคกับมอ’ไซค์” วรชิตออกตัว


“มึงขี่มอ’ไซค์เป็น จะไม่ถูกโรคกับมอ’ไซค์ได้ยังไง” จิณณะย้อน เพียงเท่านั้น คนไม่ถูกโรคกับมอเตอร์ไซค์ก็ถึงกับพูดไม่ออก มองซ้ายมองขวา ก่อนจะยอมพูดเสียงเบากว่าเดิม


“ก...กูรู้สึกว่ากูกำลังถูกตาม...” คนฟังชะงักกึก


“มีมอ’ไซค์มาวนแถวหน้าบ้านกูหลายวันแล้ว บางวันกูลงพื้นที่ก็รู้สึกว่ามีคนตาม กู...กูไม่รู้ว่า...ว่ามันทำเพื่ออะไร...” จิณณะรู้สึกปากคอแห้งผาด วรชิตอาจจะไม่รู้ แต่เขาคิดว่าเขารู้


...พวกมันกำลังตามหาคนที่อยู่กับทองสุกในคืนนั้น...


“ก...กูกลัวว่ะ...” คำว่ากลัวของวรชิตทำเอาจิณณะยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ เขาได้แต่ตบบ่า


“คงไม่มีอะไร อาจมีเรื่องเข้าใจผิด เดี๋ยวก็เลิกไปเอง”


“กูก็หวังอย่างนั้น” วรชิตได้แต่ครวญเสียงแผ่ว ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่ฝ่ายของตนเอง ทิ้งให้จิณณะได้แต่มองตามหลัง หัวคิ้วขมวดชิดไตร่ตรอง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาใครบางคน เขาเม้มปาก สงบสติอารมณ์ที่กำลังกระวนกระวาย สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วปรับความรู้สึกนึกคิดให้กลับมาเป็นจิณณะคนเดิม


‘เมื่อไรพี่จะพาผมไปเปิดตัวกับลุงของพี่สักที’


ไม่ต้องรอให้คู่สนทนาอ่านข้อความใดๆ จิณณะก็ส่งข้อความเพิ่ม


‘เย็นนี้คุณเทียมว่างไหม ผมอยากชวนทานข้าว จะแนะนำตัวในฐานะแฟนพี่’


ไม่ใช่แค่พิทักษ์ต้องคุ้มกะลาหัวเขาแล้ว แต่ต้องช่วยให้เขารู้ว่าเรื่องพวกนี้เกิดจากอะไร


จะมีใครต้องลำบากเพราะเรื่องของเขาไม่ได้อีกแล้ว!

..............................


โทรศัพท์มือถือถูกโยนลงบนโต๊ะทำงาน ในขณะที่เจ้าของพ่นลมหายใจแรงๆแล้วกระแทกหลังกับพนักพิง ข้อความล่าสุดจากคนที่ ‘เช้าถึงเย็นถึง’ นั้นชวนให้หงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว


หลังจากเพิ่งทำข้อตกลงกันไป คนที่ขอโทษและรับปากว่าจะคิดก่อนพูดและทำ ก็หาเรื่องกวนประสาทเขาด้วยการส่งข้อความมาสั่ง


เสียงเคาะประตูขออนุญาต ทำให้ชายหนุ่มขยับตัวนั่งตรง เขาพยายามระงับอารมณ์ที่เกิดจากความได้คืบจะเอาศอกของเจ้าของข้อความ อึดใจเดียวบานประตูถูกเปิดเข้ามาโดยประไพ แม่บ้านที่คอยดูแลเรื่องอาหารการกินของเขา ปกติหล่อนมักจะดูแลอาหารกลางวันของเขาด้วย แต่เดี๋ยวนี้มีคนโผล่หน้ามาทุกเที่ยง เลยเบางานไปเยอะ


ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย เมื่อแม่บ้านวางถ้วยกาแฟและจานปาท่องโก๋ลงบนโต๊ะทำงานของเขา ปาท่องโก๋ชิ้นเล็กๆที่ถูกตัดพอดีคำนั้น ดูก็รู้ว่าจากไหน


“เห็นเด็กข้างล่างบอกว่าคุณจิณซื้อปาท่องโก๋มาฝาก แล้วยังสั่งน้ำส้มให้คุณทิศ แต่ป้าเห็นว่ายังเช้าอยู่ ดื่มน้ำส้มแต่เช้าจะปวดท้อง”


พนักงานซึ่งเป็น ‘เด็กข้างล่าง’ ย่อมไม่กล้าพูดว่าปลัดจิณณะสั่งน้ำส้มให้พิทักษ์เพราะพิทักษ์เป็นนางเอกของปลัด แต่เรื่องนี้กลายเป็นข่าวลือในหมู่พนักงานเรียบร้อยแล้ว ประไพเป็นแม่บ้านดูแลในส่วนของออฟฟิศชั้นบนและดูแลพิทักษ์ จึงยังไม่ได้ยินข่าวลือนี้


หล่อนมองจานปาท่องโก๋แล้วก็คิดถึงปาท่องโก๋ถุงใหญ่ที่ถูกแบ่งขึ้นมาข้างบนด้วยความเอ็นดูคนมีน้ำใจ


“คุณจิณไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ สมัยเด็กๆก็อย่างนี้” ประไพเอ่ยปากตามประสาคนเก่าแก่ที่อยู่กับครอบครัวของพิทักษ์มานาน หล่อนอยู่มาตั้งแต่ตอนที่มารดาของพิทักษ์ยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งจิดาภากลายมาเป็นมารดาเลี้ยง และเคยพาหลานชายอย่างจิณณะและจารีตมาที่บ้านให้ ‘เด็กๆ’ ได้รู้จักกัน


“สมัยเด็กๆเขาเป็นยังไง”


ประไพหัวเราะเบาๆ หน้าตาสดใสเมื่อได้คิดเรื่องเก่าๆ


“ซนอย่างหาตัวจับยากเลยค่ะ เคยกระโดดลงน้ำตามไปเอาผ้าพันคอคุณภาที่ปลิว ตอนนั้นคุณยาร้องเสียงหลง ปรากฏคุณจิณว่ายมาขึ้นฝั่งตัวเปียกมะล่อกมะแล่กพร้อมผ้าพันคอ โดนดุยกใหญ่ แต่เจ้าตัวบอกว่าเห็นคุณภาชอบผ้าพันคอผืนนี้มาก ถ้าปล่อยให้หายไปต่อหน้าคงรู้สึกแย่”


ชายหนุ่มฟังแล้วทำเสียงหึในคออย่างหมั่นไส้


“เขาคิดถึงคนอื่นขนาดนั้นเชียวหรือ”


“คุณจิณเป็นเด็กดีออกนะคะ” 


“แต่ดื้อมาก” เขาอุตส่าห์แนะนำให้ไปขอโทษคุณกอบกุล แต่เจ้าตัวกลับเสียงแข็งนอกจากจะไม่ไปแล้ว ยังบอกว่าสิ่งที่ทำเหมาะสมกับสิ่งที่คุณกอบกุลทำต่อตนเองอีกต่างหาก


“คนเราจะดื้อหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับหลายอย่าง คุณทิศบอกว่าคุณจิณดื้อมาก แสดงว่าเจอแต่เรื่องที่คุณจิณดื้อ ลองเป็นเรื่องที่แกไม่ดื้อสิคะ คุณทิศอาจจะบอกว่าคุณจิณว่าง่าย น่าเอ็นดูก็ได้นะคะ”


พิทักษ์หัวเราะในคอราวกับไม่เชื่อ


“ป้าไพเคยเจอเวลาเขาไม่ดื้อหรือครับ”


“ตอนเด็กๆ คุณจิณเคยมาช่วยคุณภาทำขนม สอนให้ปั้นแป้งแบบไหนก็ทำตามว่าง่าย หน้าตามุ่งมั่นน่ารักเชียวค่ะ”


“แต่ตอนนี้เขาโตแล้ว” พิทักษ์แย้ง ทว่าประไพยังยิ้ม ก้มลงมองจานปาท่องโก๋


“คนเราโตขึ้นก็มีทั้งเรื่องที่เปลี่ยนไปและไม่เปลี่ยนไปนี่คะ แต่ป้าว่า...คุณจิณยังเหมือนเดิม อาจจะดื้อไปบ้าง แต่แกไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอก”


แม่บ้านร่างอวบหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของเขาออกไปแล้ว แต่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้อง ยังคงนั่งมองโทรศัพท์มือถือของตนเองแล้วเหลือบไปมองปาท่องโก๋ที่วางอยู่ข้างแก้วกาแฟ


เขาเอื้อมมือไปหยิบปาท่องโก๋มาเข้าปากหนึ่งคำ


ไม่ใช่ปาท่องโก๋ดาษดื่นที่มีขายในตลาด แต่นี่คือเจ้าที่ดังที่สุดในจังหวัดนี้


...ตั้งใจซื้อ...


ชายหนุ่มเพิ่งนึกออกว่าคนที่เขาบ่นว่าดื้อแสนสาหัส ไม่ยอมแม้แต่จะไปขอโทษคุณกอบกุล แต่คนคนเดียวกันนี้ กลับขอโทษเขาอย่างง่ายดายตอนที่เขาดุเรื่องที่เจ้าตัวแสดงความชัดเจนเรื่องสถานะของพวกเขาต่อหน้าธารกำนัล


ไม่ได้ทำอย่างขอไปที เขาดูออก ปาท่องโก๋ที่ซื้อมาเผื่อแผ่พนักงานในสนามกอล์ฟก็เช่นกัน


พิทักษ์ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เขากดหาเบอร์ของคุณเทียมผู้เป็นลุง


“ลุงเทียม วันนี้ตอนเย็นว่างไหม”


“คือ...ผมจะเข้าไปพบ...แล้ว...จะพา...จิณ...ไปพบด้วย”


“ครับ ปลัดจิณณะ...” พอมาถึงตรงนี้ พิทักษ์รู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ เขาคิดว่าการอธิบายอะไรตรงนี้ผ่านทางสัญญาณโทรศัพท์เป็นเรื่องที่ไม่ควรนัก เรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และ...ควรพูดต่อหน้า


“ขอผมเข้าไปพูดต่อหน้าลุงแล้วกันครับ” เขาเอ่ยเรียบๆ รอจนคุณเทียมเช็คเวลาเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้นัดแนะเวลาที่จะเข้าไปพบ จากนั้นจึงวางสายแล้วส่งข้อความไปบอกคนที่ส่งข้อความมากระตุ้นให้เขาพาเข้าไปพบกับครอบครัว


‘เย็นนี้จะไปรับที่ที่ว่าการ’

.....................................

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 17-01-2019 22:21:43

จิณณะดูนิ่งขรึม และเอาแต่มองกระจกข้าง


ถึงแม้จะกลับมารู้จักกันได้ไม่นานนัก แต่พิทักษ์ก็พอจะบอกได้ว่าเวลานี้คนที่นั่งข้างกายเขาดูไม่เหมือนเคย


ตอนที่เลี้ยวรถเข้าไปรับ จิณณะยิ้มแย้มให้เขาเหมือนทุกที แต่พอขึ้นรถมาได้ รอยยิ้มเหล่านั้นก็หายไป เจ้าตัวนิ่งเงียบ จนเขาหันมอง แต่พอเห็นว่าเขามอง ปลัดหนุ่มก็ฉีกยิ้มเลิ่กคิ้วทำหน้าตากวนๆ


“มองหน้าผมทำไม มองถนนสิพี่”


พิทักษ์หันกลับไปมองถนนต่อ แต่ก็ยังเห็นทางหางตาว่าคนที่พูดจายียวนเมื่อครู่นี้หันหน้าออกไปทางหน้าต่างรถแล้ว เขาไม่เห็นสีหน้าของจิณณะอีก แต่รู้สึกได้ถึงความอึดอัดและกดดันลอยเคว้ง


“เป็นอะไรไป” เขาเอ่ยปากถาม เหลือบมองคนข้างกายเล็กน้อย จิณณะหันกลับมามองเขาแล้ว


“หือ?”


“วันนี้ดูเงียบๆ”


“อ้อ...” มีแค่การรับคำ แต่ไม่มีการอธิบายอะไรเพิ่มเติม


“หรือเรื่องที่จะไปพบลุงของผม?” ปลัดหนุ่มกะพริบตาปริบๆ


“ลุงเป็นคนใจกว้าง รับฟังเหตุผลเสมอ แล้วลุงก็ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของผม” จิณณะเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่พิทักษ์พูดคือเรื่องอะไร


“เดี๋ยวๆ นี่พี่คิดว่าผมเครียดเรื่องจะไปพบคุณเทียมหรือ” เขาท้วงพลางหัวเราะพรืด


“ผมไม่ใช่หนุ่มน้อยนะ ที่แฟนพาไปพบพ่อแม่ผู้ปกครองแล้วต้องเครียด”


“ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นอะไร” พิทักษ์หันมาถามตรง ตอนนั้นเองที่เสียงหัวเราะของจิณณะหยุดชะงัก ชักรู้ตัวว่าเขาถูกเจ้าของรถโยนหินถามทางเข้าให้ ที่ทำเป็นพูดเรื่องคุณเทียมขึ้นมาก่อน ก็เพื่อทำให้เขาหลุดปากพูดเรื่องที่กำลังคาใจในตอนนี้


จิณณะขบริมฝีปากที่เสียรู้ แต่คนอย่างเขาก็ไม่เคยถูกใครต้อนให้ติดกำแพงเสียด้วย


“อาหารไม่ย่อยน่ะ เมื่อกลางวันกินเยอะเกินไป” ปลัดหนุ่มพูดแล้วทำเป็นลูบท้องตัวเอง


เมื่อกลางวันเขาไม่ได้แวะไปทานข้าวกับพิทักษ์เหมือนทุกวัน โดยอ้างว่าจะต้องเคลียร์งาน แต่อันที่จริง เมื่อกลางวันเขานั่งเฝ้าอยู่ที่โต๊ะทำงาน สายตามองออกไปแต่นอกหน้าต่างเพื่อดูว่ามีใครน่าสงสัยป้วนเปี้ยนแถวนี้หรือไม่ ในท้องจึงไม่มีอะไรนอกจากกาแฟและน้ำเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็เครียดและเป็นกังวลจนไม่หิวเลยสักนิด


“แล้วกินยารึยัง” จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบเรียบๆ


“กินแล้วสิ”


พิทักษ์เลี้ยวรถเข้าจอดริมถนน เปิดไฟขอทาง


“กินเมื่อไร”


“ก็...ก่อนพี่มาถึง”


“ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะหาย หรือที่ยังไม่หายเพราะไม่ได้เป็นอย่างที่พูด” เป็นอีกครั้งที่ถูกจี้ถาม ปลัดหนุ่มกลอกตาไปมาอย่างหมดความอดทน


“เออๆ! ผมเครียดเรื่องงาน! เรื่องราชการน่ะ! พี่ไม่ต้องรู้ก็ได้มั้ง!”


“เรื่องราชการที่ว่าเกี่ยวกับที่มีคนขับรถตามมารึเปล่า” เพียงเท่านั้น ใบหน้าของคนฟังก็ถึงกับซีดเผือด ตาเหลือกรีบหันมองกระจกข้างทันที แต่ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่วิ่งเข้าสู่ตัวเมือง มีรถราสัญจรจำนวนมาก เขาไม่รู้ว่าคันไหนขับตามพวกเขามาหรือไม่...หรือ...อาจจะไม่มีคันไหนขับตามมาตั้งแต่แรก...


พอคิดได้อย่างนั้น จิณณะก็รีบหันกลับไปมองคนขับรถทันที พิทักษ์กำลังจ้องเขาอยู่ราวกับจับพิรุธเขามานานแล้ว


“จะบอกตรงนี้ หรือจะไปบอกต่อหน้าลุงผม”


ไม่มีทางเลือกไหนดีสำหรับจิณณะเลย


“พี่หลอกผมหรือ?! จริงๆแล้วไม่มีรถขับตามมาตั้งแต่แรกใช่ไหม?!” พิทักษ์ไม่ตอบ แต่จ้องมองนิ่ง นิ่งเสียจนปลัดหนุ่มหงุดหงิด


“ตอบสิวะ!! มีคนตามไหม?!” คนขับรถมองอาการกระวนกระวายของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ่งแน่ใจ เขาไม่ได้คิดไปเองว่าจิณณะเอาแต่มองกระจกข้าง เจ้าตัวมองจริงเพราะกำลังกลัว


กลัวจะมีคนสะกดรอยตาม


“ผมถามว่ามีคนตาม!...” จิณณะขึ้นเสียงตะเบ็งถาม ทว่าไม่ทันพูดจบ พิทักษ์ก็เอ่ยตอบเรียบๆ


“มี...” เขาโกหก ความจริงแล้วไม่มีใครตามมาทั้งนั้น แต่เพราะสังเกตความผิดปกติของจิณณะมาตั้งแต่ขึ้นรถ ไหนจะอากัปกิริยาหวาดหวั่นนั่นอีก ยิ่งเขาตอกย้ำว่า ‘มี’ สีหน้าของปลัดหนุ่มก็ยิ่งทั้งซีดทั้งขาว


จิณณะเลียริมฝีปากแล้วหันกลับไปนั่งพิงเบาะ จมร่างตัวเองเข้ากับพนักราวกับมันจะช่วยปกป้องเขาได้


“พ...พี่รู้เรื่องไหนแล้วบ้าง...”


“ตอบในสิ่งที่ผมถามก่อน ไม่ต้องมาย้อนถามผม” พิทักษ์ยังคงนิ่งสงบ ในขณะที่ปลัดจิณณะว้าวุ่นใจ ขยี้หัวตัวเองซ้ำๆหลายครั้ง เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี


“พี่ทองสุก...คนที่ถูกยิงตาย...เขาเป็นสาย...”


“เรื่องนั้นผมรู้แล้ว” จิณณะหันมองคนพูด แล้วได้แต่เม้มปาก เขาน่าจะรู้ดีว่าคนอย่างพิทักษ์มีหนทางสืบหาเรื่องที่เขาหมกเม็ด ข้ออ้างเรื่องความลับราชการอะไรนั่น ให้อย่างไรก็ปิดไม่ได้


“ที่ผมอยากรู้คือคุณเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องคืนนั้นได้ยังไง”


ปลัดหนุ่มอ้าปากพะงาบแต่แล้วก็หุบปากลง แล้วก็อ้าขึ้นอีกครั้ง ทำซ้ำๆราวกับไม่รู้จะพูดดีหรือไม่ ทว่าพิทักษ์ยังจ้องเขาอยู่อย่างนั้น ความเงียบระหว่างพวกเขากลายเป็นแรงกดดันชั้นดีที่ทำให้จิณณะต้องตัดสินใจ


“ผ...ผม...ผมอยู่ที่นั่น...”


คนฟังพ่นลมหายใจแรง แผลที่เขาช่วยใส่ยาติดผ้าก๊อซให้เกิดจากการที่เจ้าตัวอยู่ในที่เกิดเหตุคืนนั้นจริงๆ


“แล้วเห็นคนทำรึเปล่า”


“ไม่เห็น มันมืด...ได้ยินเสียงรถมาจอดหน้าบ้านพี่สุก แกออกไปดูแล้ววิ่งกลับมาบอกให้หนี แล้วจากนั้น...จากนั้นผมก็ได้ยินแต่เสียงปืน...” เสียงดังรัวยังคงสะท้อนก้องอยู่ในสมองของจิณณะ มันดังยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า มันรัวยิ่งกว่าเสียงกลองหนักๆ และอานุภาพของมัน...ร้ายแรงถึงขั้นปลิดชีวิตทองสุก


จิณณะซุกตัวกับเบาะรถยนต์ ทั้งหวาดหวั่น ทั้งอับจนหนทาง


“แล้วคุณไปที่นั่นคืนนั้นทำไม”


“พี่สุกชวนผมไปกินข้าวที่บ้าน...” จิณณะกระแทกศีรษะกับเบาะ นวดขมับตัวเองแรงๆ หากจะบอกว่าเขาซวยที่ไปอยู่ที่นั่นในวันที่เกิดเหตุก็คงเป็นการโยนความผิดให้คนตาย แต่...เขาเองก็ไม่เคยมีเรื่องราวบาดหมางกับใครจนถึงขั้นต้องถูกตามเก็บ เหตุผลเดียวของเรื่องในคืนนั้นคือทองสุกถูกหมายหัวแต่แรก ส่วนเขาคือคนที่ถูกลูกหลง และกำลังจะกลายเป็นรายต่อไป หากยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทองสุกถูกเก็บเพราะอะไร และใครเป็นคนบงการ


“มีใครรู้อีกบ้างว่าคืนนั้นคุณอยู่กับทองสุก”


“ไม่มีใครรู้...แต่...คนที่ยิงพี่สุกรู้ว่ามีคนอื่นอยู่กับแก เพื่อนผมที่เป็นปลัดด้วยกันมันโดนตามไปถึงบ้าน...”


พิทักษ์ฟังแล้วใจโหวง เพราะการที่มีคนในที่ว่าการถูกจับตา ก็แสดงว่าอีกไม่นาน จิณณะก็อาจะถูกตามเช่นกัน และความจริงที่ว่าเจ้าตัวอยู่ในเหตุการณ์ก็อาจถูกเปิดเผย ต่อให้จะยืนกรานหนักแน่นว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าใครเป็นคนฆ่าทองสุก พวกมันก็คงปิดปากจิณณะอยู่ดี


เขามองคนที่นั่งหน้าทุกข์ระทมอยู่ข้างกายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเปลี่ยนเกียร์พารถเคลื่อนตัวอีกครั้ง จิณณะรั้งแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ สายตายังหลุกหลิกมองออกไปนอกรถ สีหน้ายังซีดขาว และที่สำคัญคือเจ้าตัวยังพูดไม่ออก


“ไม่มีใครตามมาหรอก ไม่ต้องกังวล” สีหน้าของจิณณะเปลี่ยนเป็นเรียบตึงฉับพลัน


“หมายความว่าไง?! นี่พี่โกหกผมหรือ?!”


“ถ้าไม่ทำแบบนี้ คุณก็ไม่พูดความจริงน่ะสิ” ปลัดอ้าปากค้าง แล้วหุบลง อยากด่าอีกฝ่ายสักที แต่ก็ด่าไม่ออก...ใช่ ถ้าพิทักษ์ไม่โกหก เขาก็ไม่มีวันพูด...


“ผมจะไม่ทำอีก” คนโกหกเมื่อครู่เอ่ยปาก ทำเอาคนอยากด่าแต่ได้แค่พะงาบปากขึ้นๆลงๆถึงกับต้องหันมอง


“แต่คุณก็ต้องรับปากว่าจะไม่ปิดบังผม”


ดวงตาสองคู่สบกัน ทั้งๆที่พิทักษ์เป็นเพียงญาติห่างๆไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด หนำซ้ำยังเพิ่งกลับมาคลุกคลีเพราะปัญหาที่จิณณะหิ้วไปขอความช่วยเหลือ เขาไม่มีอะไรวิเศษวิโสที่จะทำให้จิณณะต้องรับปากว่าจะไม่ปกปิดเลย


แต่...ถึงอย่างนั้น อะไรบางอย่างในตัวคนมากปัญหาก็บอกว่าพิทักษ์คือคนที่ไว้ใจได้ วางใจได้ และไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรทั้งนั้น


“ผม...รับปาก”


พิทักษ์ตบมือตัวเองลงกับมือของจิณณะที่จับแขนของเขาอยู่


“ผมเองก็สัญญาเหมือนกัน”


“พี่สัญญาแล้วนะว่าจะไม่หลอกผมอีก” ดวงตาคมดุคู่นั้นทอดมองอย่างจริงจัง


“สัญญา...” มือที่ตบลงบนมือของจิณณะกลายเป็นบีบเบาๆ ทำเอาเจ้าของมือที่ถูกบีบต้องก้มลงมอง ในขณะที่เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง


“....และผมสัญญาว่าจะช่วยคุณ”


มือที่อยู่ในสายตาของจิณณะก็ถูกดึงกลับไปจับพวงมาลัยรถแล้ว ทว่าสายตาของปลัดยังคงอยู่บนมือของตนเอง ไอร้อนจากมือของอีกฝ่ายยังคงหลงเหลืออยู่บนหลังมือของเขา ในขณะที่มือของเขาก็ยังจับที่แขนของพิทักษ์


อะไรบางอย่างแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกาย จิณณะได้แต่เม้มปาก ก่อนจะค่อยๆปลดมือตัวเองออกมาจากแขนของคนข้างกาย


เขากลับไปนั่งพิงเบาะตัวเองอีกครั้ง ความกังวลที่เมื่อครู่ยังลอยเคว้งอยู่ในหัวใจราวกับถูกปัดเป่าจนเหลือเพียงแค่ควันจางๆ


‘ผมสัญญาว่าจะช่วยคุณ’


ประโยคนี้ของพิทักษ์มีอำนาจเหลือเกิน


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

มีการสัญญิงสัญญา (อยากจะแหมมมม...ใส่ปลัดมากๆเลยค่ะ ฮ่าฮ่า)

ตอนที่แล้วพี่ทิศออกมาทำหน้าที่หน่อยเดียว มีแต่คนอวยพี่ทิศกันยกใหญ่ บอกว่าพี่ทิศเล่นดี เล่นเนียน พี่ทิศอาจจะสุขุมนุ่มลึกน่าเชื่อถือ แต่ในสายตาปลัด พี่ทิศคือนางเอกค่ะ ฮ่าฮ่า (ตอนนี้ให้แอร์ไทม์ปลัดไปค่ะ ให้ออกตัวแรงแซงทุกโค้งไปเลย เราจะไม่เถียง เดี่ยวให้พี่ทิศเถียงแทน กร๊ากๆ)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและเป็นกำลังใจให้พี่ทิศกับปลัด ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-01-2019 22:54:09
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-01-2019 22:56:20
โอ๊ยยน พี่ทิศเท่ห์สุดๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 17-01-2019 23:01:15
เดี๋ยวจิณก็คงได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นนางเอก 55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-01-2019 23:12:06
เอ็นดูคุณปลัด    :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: borntobeyours ที่ 17-01-2019 23:13:20
เขินนนนนน พี่ทิศละมุนมากกกก อย่างที่จิณว่า พี่ทิศน่ารักมากๆ ตกหลุมรักแล้ว คนอะไรความคิดความอ่านดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ พึ่งพาได้ อบอุ่นสุดๆ หวังว่าพี่ทิศจะหลงเสน่ห์น้องจิณเร็วๆ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 17-01-2019 23:24:43
นางเอกจะปกป้องพระเอกเอง !!! :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-01-2019 23:33:56
ทำไมละมุนขนาดนี้ล่ะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-01-2019 23:42:15
 :z1:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-01-2019 00:27:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 18-01-2019 00:36:21
เอาแล้ว พี่ทิศเริ่มเอฟเฟคคุณปาหลัดแล้ว 555
จะรอดูใครกันแน่ที่เหมาะกับน้ำนางเอก
ยังไง ระวังตัวกันด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 18-01-2019 01:52:04
พี่ทิศถือว่าเป็นผู้ชายเงียบครึมแต่อบอุ่นได้มั้ยเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2019 02:23:42
 o18 นางเอก ไม่นางเอก รอดูตอนแทงจ้ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-01-2019 07:57:28
‘ผมสัญญาว่าจะช่วยคุณ’

งื้อออ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 18-01-2019 08:23:50
เขินอะไรไม่รู้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 18-01-2019 11:23:49
พี่ทิศมีความอ่อนโยน อีกไม่นานน่าจะดีกัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-01-2019 13:00:02
พีีทิศน่ารักกกกก
พระเอกนิยายคุณบัวน่ารักตลอด ยกเว้นโจ๊ก ก๊าก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 18-01-2019 13:03:12
ปลัด นี่ปลัดมั่นใจมากไปนะที่ประกาศว่าพี่ทิศเป็นนางเอกของปลัดอ่ะ ถามไถ่สุขภาพใจพี่ทิศแล้วยัง? 55555

พี่ทิศโชว์เหนือมาก หลอกปลัดจอดสนิทเลย / รักดอกจึงหลอกถามน้าาา  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-01-2019 16:12:09
ชื่อพิทักษ์ พิทักษ์สมชื่อเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-01-2019 18:14:33
นี่แค่แฟนหลอก ๆ พี่ทิศยังช่วยซะขนาดนี้ เป็นแฟนจริงสงสัยแทบจะอุ้มใส่เอว
ชอบป้าไพ ยกตำแหน่งผู้ช่วยนางเอกให้เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 18-01-2019 21:02:18
พี่ทิศนี่มาเหนือตลอด :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 18-01-2019 22:40:44
นางเอกกกกก ฮ่าๆๆๆ
ค่ะ นางเอกเรื่องนี้ดุแต่ใจดีมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-01-2019 11:29:11
 ชอบพี่ทิศมากเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-01-2019 12:12:27
ค่าาาา นางเอก ก็นางเอก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 19-01-2019 12:25:07
พี่ทิศเป็นนางเอก555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 19-01-2019 12:45:33
เขิล...
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 19-01-2019 16:53:55
ถึงขั้นตามทุกคนนี่คือร้ายแรงมากนะ
แถมยังทำผวากันทั้งคู่ไปอีก

พิทักษ์คือเป็นคนสังเกตมากเลย และถึงจะเคืองน้อง
แต่ก็มีอะไรมากลบให้คิดทางบวกไปบ้าง
แถมตอนนี้มีสัญญากันแล้ว ไม่มีคืนคำแน่นอน

จิณถึงอุ่นใจเลยหรอ ไม่ธรรมดานะ อย่าเขวซะก่อนล่ะ
สงสารจิณ ถึงต้องเรียกร้อง และพยายามช่วยตัวเองหลายอย่าง
แต่อย่าถึงขั้นเอาตัวเองไปเสี่ยงเลย เชื่อว่าทิศจะรั้งได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 19-01-2019 18:50:22
พี่ทิศแหมมมม เริ่มมองน้องจิณดีขึ้นแล้วซิ :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-01-2019 14:34:25
พี่ทิศสุดยอด  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 24-01-2019 14:31:00
รอออออออออออ
พฤหัสแล้วเด้อ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 24-01-2019 17:51:01
จิ้มไหว้ก่อน น๊า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 24-01-2019 18:11:46
เนี่ยแหละ คนที่จะมาปราบจิณได้ อิอิ

ปล. ถ้าเทียบกับของขวัญ ใครจะเร่าร้อนกว่ากันฮะ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-01-2019 19:06:26
มารอๆ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 24-01-2019 21:10:46
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
   ตอนที่ 5



บ้านของคุณเทียมเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวที่ยกพื้นเล็กน้อย ตั้งอยู่ท่ามกลางอาณาเขตกว้างขวาง ถูกตีล้อมด้วยกำแพงสูงหนา หากไม่ใช่เพราะพิทักษ์ ประตูรั้วอัลลอยก็คงไม่เปิดต้อนรับง่ายดายอย่างนี้


จิณณะกวาดตามองออกไปนอกหน้าต่างรถ ทั้งๆที่เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น มีลูกน้องมากมาย แต่นอกจากคนงานที่กำลังดูแลต้นไม้และสวนเขียวขจี ก็มองไม่เห็นคนอารักขาแต่อย่างใด


 คนที่ยืนรออยู่ที่ประตูบ้านคือชายวัยกลางคนชื่อมิตรเป็นคนสนิทของคุณเทียม ติดตามลุงของพิทักษ์มานับสิบปี จึงรู้จักมักคุ้นกับหลานชายของคุณเทียมดี พิทักษ์เดินนำจิณณะไปหาแล้วยกมือไหว้ ก่อนจะแนะนำปลัดหนุ่มและลูกน้องของลุงได้รู้จักกัน


“คุณเทียมรออยู่ทางนี้ครับ”


ความสุภาพเรียบร้อยของคนในบ้านของผู้มีอิทธิพลที่สุดในจังหวัด หนำซ้ำยังเป็นอดีตนักการเมืองระดับประเทศทำให้ปลัดอำเภอตัวเล็กๆอย่างจิณณะเกือบจะกังขาอยู่แล้ว


จนกระทั่งชายคนนั้นหมุนตัวออกเดินนำ เขาถึงได้เห็นวัตถุบางอย่างที่เหน็บอยู่ด้านหลัง


...ปืนพก...


จิณณะถอนหายใจเบา เขาน่าจะรู้ดีว่าให้อย่างไรคุณเทียมก็เป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่ของจังหวัด บ้านแสนสงบบนพื้นที่กว้างขวางที่ดูไม่มีใครคอยตรวจตรานั้น ไม่น่าจะใช่...


ดวงตากวาดมองไปรอบตัว ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งสังเกตว่าคนงานคนสวนที่เมื่อครู่นี้ดูแลต้นไม้พุ่มไม้อยู่รอบๆ กำลังจับตามองมาที่เขา


...ไม่สิ ไม่ใช่ที่นี่ไม่มีคนคอยอารักขา...


...แต่มีแบบไม่เปิดเผยต่างหาก...


“ตามมาได้แล้ว ไม่ต้องไปมอง” เสียงของพิทักษ์ดังขึ้นเบาๆ ฉุดสติของจิณณะให้ละสายตาจากคนเหล่านั้น เขาสบตากับหลานชายของคุณเทียมอึดใจหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะก้าวเท้าเข้าบ้านไปพร้อมกัน

...........................

คุณเทียมอยู่เฉลียงหลังบ้าน พร้อมด้วยสุนัข 3 ตัวที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุ แต่พอหันมาเห็นหลานชายพาแขกผู้ไม่เคยมาที่นี่ติดตามมาด้วย เขาก็หันไปสั่งคนงานแถวนั้นให้พาสุนัขทั้ง 3 ตัวไปที่อื่นเสียก่อน


บรรยากาศที่เฉลียงด้านหลังมีแต่ความเงียบ จิณณะผู้เคยออกตัวว่ามีไฝที่ปาก เกิดอาการอับจนทางคำพูดขึ้นมาดื้อๆ ทั้งๆที่เขาพบเจอคุณเทียมก็หลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็รู้สึกว่าชายวัยหกสิบคนนี้ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆเลย


เป็นอดีตนักการเมืองระดับประเทศ


เป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น


แม้ปัจจุบันจะเข้าสู่วงการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ แต่ชายผู้นี้ไม่เคยออกปากว่าล้างมือจากวงการอำนาจและผลประโยชน์แต่อย่างใด


พิทักษ์เหลือบมองคนข้างกายที่นั่งเงียบ เขาเห็นลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลงราวกับเจ้าตัวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไรออกมา


“ลุงคงรู้จักจิณอยู่แล้ว”


หลานชายของคุณเทียมกลายเป็นคนออกปากเอง เมื่อนั้นจิณณะถึงได้สติหันมอง พิทักษ์กำลังมองตรงไปยังผู้เป็นลุง ใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาสงบไม่บอกอารมณ์


“แล้วก็คงได้ยินมาบ้าง เรื่องผม...กับจิณ”


คุณเทียมเองก็นั่งเฉย สีหน้าเรียบ ทว่าดวงตาจับจ้องหลานชายที่กำลังพูด จิณณะกลืนน้ำลายอีกอึก สายตาของคุณเทียมนั้นราวกับมีดคมที่พร้อมจะผ่าร่างคนพูด


พิทักษ์ต้องโตมากับสายตาแบบนี้เวลาสารภาพอะไรสักอย่างอย่างนั้นหรือ


หากเป็นเขา คงอกแตกตายตั้งแต่สารภาพครั้งแรกแล้ว


“ที่ผมมา เพราะอยากมาบอกลุงด้วยตัวผมเอง แล้วก็อยากพาจิณมาไหว้ลุงด้วย”


ทว่าพิทักษ์คงพบเจอสายตาแบบนี้ของผู้เป็นลุงมาตั้งแต่เด็กจนโต ถึงยังคงพูดต่อได้ด้วยสีหน้าและสายตาที่เรียบสงบไม่ต่างจากคุณเทียมเสียเท่าไร

“คิดดีแล้วหรือ” ผู้อาวุโสกว่าเอ่ยปาก คราวนี้ชายหนุ่มสองคนชะงักงัน สายตาของคุณเทียมมองปลัดหนุ่มทีหนึ่ง ก่อนจะเบนไปยังหลานชาย แล้วจ้องมองพิทักษ์นิ่งนาน


“โดยเฉพาะทิศ คิดดีแล้วใช่ไหม”


จิณณะรู้สึกเหมือนคำถามนี้ของคุณเทียมไม่ได้หมายถึงเรื่องที่พวกเขาออกตัวว่าคบหากัน แต่คุณเทียมจงใจถามถึงเรื่องอื่น


 “ทิศจะเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ และถ้าถึงวันนั้น ทิศจะถอยไม่ได้อีก แน่ใจแล้วหรือ”


ว่ากันว่าบางครั้งคุณเทียมก็เป็นคนตรงไปตรงมา รวมถึงครั้งนี้ที่ถามตรงเผงต่อหน้าจิณณะผู้ที่กำลังชักจูงหลานชายของเขาเข้าสู่เส้นทางเดือดร้อน


คนถูกถามสบตากับผู้เป็นลุง เริ่มแน่ใจว่าคุณเทียมรู้อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นโดยที่เขาไม่ต้องพูด และบางทีคุณเทียมอาจจะเดาได้แล้วว่าจิณณะอยู่ในที่เกิดเหตุ คำเตือนว่าเขาจะเดือดร้อนเพราะ ‘เรื่องนี้’ จึงไม่ใช่เรื่องอื่นใดนอกเสียจากเรื่องคืนนั้น


นี่คือคำเตือนจากผู้มีอิทธิพลในจังหวัดและมีสถานะเป็นลุง


พิทักษ์รู้ดีว่าเขาเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง มนุษย์ที่แสนเปราะบาง ถ้าหากอยากมีชีวิตยืนยาว ก็ไม่ควรใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงกับภัยอันตรายหรือสถานที่อโคจร แต่...เขาก็รู้ว่ามนุษย์ไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะครั้งนี้ ที่เขาเองก็ไม่เห็นประโยชน์อะไรในการช่วยเหลือจิณณะมากไปกว่าอีกฝ่ายเป็นหลานชายของแม่เลี้ยง


บุญคุณที่จิดาภาเลี้ยงดูเขามาอย่างนั้นหรือ


ก็ใช่


ชั่วขณะหนึ่งที่เขาหันมองข้างกาย รายนั้นดูเหมือนจะลืมหายใจ ลืมพูด ลืมแม้กระทั่งกะพริบตา


จากคนกวนโมโห พูดเก่งราวกับผีเจาะปากมาพูด กลับได้แต่นั่งนิ่งทำได้แค่กลืนน้ำลายเป็นครั้งคราว


อาจจะเป็น ‘นี่’ ที่พิทักษ์เองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ทั้งหมดของจิณณะในเวลานี้ที่ทำให้เขาตัดสินใจตกปากรับคำ


“ผมตัดสินใจแล้วครับลุง” หลานชายของคุณเทียมคนนี้สมกับเป็นหลานที่คุณเทียมเอ็นดู เพราะทุกคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังและจะไม่มีวันถอยกลับ


จิณณะรู้สึกเหมือนร่างเกร็งขึงกับน้ำเสียงของคนข้างกาย ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจกำลังทำงานอย่างหนัก เขารู้ดีว่าเรื่องคราวนี้ตนเองเป็นต้นเหตุดึงคนนอกที่แทบไม่รู้จักกันเลยอย่างพิทักษ์เข้ามาพัวพัน และอย่างที่คุณเทียมว่า...หากเข้ามาแล้ว จะก้าวถอยหลังไม่ได้อีก


แต่ถึงอย่างนั้น พิทักษ์ก็ยัง... ‘ตัดสินใจแล้ว’


ถ้าเรื่องคราวนี้จบลง และเขารอดตายไปได้ บุญคุณครั้งนี้ของพิทักษ์...เขาจะไม่ลืมเลย


คุณเทียมฟังคำตอบของหลานชายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบา ก่อนจะเหลือบมองข้าราชการหนุ่ม ดวงตาของชายวัยหกสิบผู้มากประสบการณ์จับจ้องจนชายหนุ่มอายุคราวลูกแทบลืมหายใจ แต่สุดท้ายเจ้าของบ้านก็เผยยิ้มจาง


“ในเมื่อทิศตัดสินใจแล้ว ลุงก็ไม่ห้าม มีอะไรก็แวะมาหาลุงได้เสมอ” น้ำเสียงของคุณเทียมเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ใจดี แตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง จิณณะเหมือนจะหายใจได้ขึ้นมาหน่อย ก็มีอันต้องผงะเมื่อลุงของพิทักษ์ลุกจากเก้าอี้แล้วผายมือออก


“มาให้ลุงกอดต้อนรับหลานคนใหม่หน่อย”


ปลัดหนุ่มกะพริบตาปริบๆ หันมองพิทักษ์แต่ฝ่ายนั้นพยักพเยิดให้ทำตาม เขาก็เลยลุกขึ้นยืน ก่อนจะถูกคุณเทียมดึงไปกอด จิณณะยังไม่ทันตั้งสติดี เสียงของเจ้าของบ้านก็ดังขึ้นที่ข้างหู


“ฉันไม่ได้ให้หลานฉันช่วยฟรีๆหรอกนะ”


น้ำลายของคนฟังแห้งเหือดไปทั้งปากทั้งคอ ก่อนจะสะดุ้งอีกทีเมื่อฝ่ามือของคุณเทียมตบลงกลางหลังหนักๆ แล้วจึงคลายกอดออก พลางหันไปยิ้มให้พิทักษ์


“ไปทานข้าวกันเถอะ ป่านนี้ตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว”


อีกครั้งที่จิณณะรู้สึกเหมือนตนเองยังเก็บรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงไปไม่ครบ ก็ถูกเจ้าของบ้านกระทุ้งเข้าอีกรอบ


“อ้อ สัปดาห์หน้ามีงานแต่งงานลูกของเพื่อน แต่ลุงไปไม่ได้ ทิศกับจิณไปแทนหน่อยได้ไหม” ออกปากแล้วก็ทิ้งสายตาไว้ที่จิณณะราวกับจะบอกว่า นี่เป็นเงื่อนไขแรกที่คุณเทียมยื่นให้เพื่อแลกกับการที่พิทักษ์จะช่วยเหลือ


ปลัดหนุ่มรู้ดีว่านี่ไม่ใช่คำถามหาความสมัครใจ แต่เป็นคำสั่งของคนที่เขาคิดจะเข้ามาอยู่ใต้ปีก


คุณเทียมไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดีที่ยอม ‘จ่าย’ โดยไม่ได้อะไรตอบแทน


ในเมื่อคราวนี้การจ่ายของเขา คือการยินยอมให้หลานชายก้าวเท้าเข้าไปสู่เส้นทางที่ตนเองรู้ดีว่าไม่ปลอดภัย ค่าตอบแทนของมันจึงต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดา


และจิณณะ...ต้องรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ!

…………………………..

คุณกอบกุลไม่เคยนึกชิงชังลูกหลานคนไหนในสายเลือดมากเท่านี้มาก่อน


จิณณะคือหลานชายนอกคอก เลี้ยงไม่เชื่อง เป็นคนในครอบครัววงศ์กีรติที่ไม่เคยพินอบพิเทาหล่อน และที่ร้ายที่สุดคือก่อนหน้านี้เขาขบถอย่างไร วันนี้ก็เขาก็ยังขบถอย่างนั้น หนำซ้ำยังดึงคนอื่นมาร่วมขบถด้วยย่างไม่ไว้หน้าหล่อนเลยสักนิด!


“งานแต่งลูกชายท่านนพพรเมื่อคืน...คุณกอบคงทราบแล้ว ว่าหลานชายคุณกอบไปพร้อมกับหลานคุณเทียม”


หญิงชราวัย 72 ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย แต่วันนี้ก็ยังร้อนๆหนาวๆเพราะการกระทำของหลานชาย


หล่อนพยายามยืดตัวให้ตรง อย่างน้อยก็เพื่อให้ท่าทีดูสง่าผ่าเผยไม่ใช่อ่อนข้อให้คนที่เรียกตัวหล่อนมา


ท่านเสรี


คลังอำนาจที่หล่อนอยากเกี่ยวดอง


“อย่างที่ดิฉันเคยเรียนท่านไป ตาจิณ...เป็นคนแผลง เรื่องบางเรื่องที่เขาทำ จะถามหาความหมาย หรือความรู้สึกสลักสำคัญอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”


“รวมถึงเรื่องของหลานคุณเทียมด้วยหรือ” ชายชราที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ย้อนถาม


“นั่นหลานคุณเทียมเชียวนะ”


คุณกอบกุลรู้ดีว่าหล่อนกำลังถูกต้อนให้ยอมรับความจริงว่าจิณณะจะไม่สามารถเป็นเครื่องเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของหล่อนและท่านเสรีได้แล้ว แต่...หากหล่อนยอมอย่างง่ายดาย ก็คงเสียชื่อเสียงที่สั่งสมมานานหลายสิบปี


“ดิฉันคิดว่าคุณเทียมเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะดูออกว่าสองคนนั้นแค่เล่นสนุก” หญิงชรายกยิ้มเล็กน้อย พลางจ้องมองชายผู้เป็นเจ้าของห้องทำงานโอ่อ่า


“แต่เมื่อเวลาผ่านไป จิณณะต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง” โลกที่คุณกอบกุลเป็นผู้สร้างและกำหนด โลกที่คุณกอบกุลวาดหวังว่าตระกูลของหล่อนจะเติบโตและมั่งคั่งด้วยเงินทองและอำนาจบารมี


ถ้าเพียงแต่จิณณะแต่งงานกับลูกสาวของท่านเสรี


 “ท่านเองก็ทราบดีว่าโลกนี้มีแค่เงินทองไม่ได้ เหมือนที่จะมีแค่อำนาจบารมีไม่ได้ แต่ถ้าทั้งสองอย่างรวมกัน สั่งดินให้กลายเป็นฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องยาก”


ภายในห้องทำงานใหญ่โตเงียบสงัดไปชั่วอึดใจ สายตาของชายชราจับจ้องไปที่คุณกอบกุลผู้ที่เขาเรียกตัวมาพบหลังจากเรื่องของจิณณะและพิทักษ์ไปร่วมงานแต่งงานของลูกชายรัฐมนตรีคนหนึ่งเมื่อคืนนี้


เป็นครั้งที่ 2 ที่เขาขอพบคุณกอบกุลเกี่ยวกับหลานชายคนที่หล่อนคิดจะหมายมั่นให้แต่งงานกับลูกสาวของเขา


หากจะว่าลูกสาวของเขาไม่มีปัญญาหาสามีเองก็ไม่ใช่ แต่เพราะหลานชายของคุณกอบกุลนั้นเข้าตาหล่อนเช่นกันต่างหาก


...ไม่ใช่เพราะจิณณะเป็นปลัดอำเภอ แต่เป็นเพราะนามสกุลวงศ์กีรติและทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่คุณกอบกุลจัดสรรปันส่วนให้ลูกหลานทุกคนทั้งๆที่หล่อนยังมีชีวิตอยู่นี่ต่างหากล่ะ...


จิณณะคือมหาเศรษฐีในคราบข้าราชการตัวกระจ้อย หนำซ้ำยังมีถังเงินถังทองของคุณย่าหนุนหลังอีกต่างหาก


อย่างไรก็ตาม แม้จิณณะจะเข้าตา แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ฐานะเทียบเท่าหรือดีกว่า


ท่านเสรีเอนหลังพิงพนักอย่างวางเชิง แม้ใจจะอยากร่วมเกี่ยวดองกับตระกูลของหญิงชราตรงหน้า แต่เขาจะไม่หงายไพ่ทั้งหมดเพื่อให้หล่อนผยอง


“อาทิตย์ก่อน ผมเพิ่งพบคุณชัย  วิมลกิตติ คุณกอบคงพอรู้จัก ลูกชายคุณชัยเป็นพ่อหม้ายลูกสาม หลานชายคุณชัยก็ยังโสด เป็นคนหนุ่มไฟแรงตั้งใจทำงานทั้งคู่ ผมกับคุณชัยก็คนคุ้นเคยกันดี” เขาเอ่ยเป็นนัย ดวงตาจับจ้องหญิงชราแล้วย้ำหนักแน่น


“หลานคุณกอบ...ไม่ใช่ตัวเลือกเดียว เอาเป็นว่าคราวนี้ผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หวังว่าคุณกอบจะทำให้หลานชายแค่เล่นสนุกอย่างมีขอบเขต เพราะถ้ามีข่าวลือเสียๆเกี่ยวกับหลานคุณกอบและหลานคุณเทียม ผมคงต้องพิจารณาข้อตกลงของเราใหม่”


คุณกอบกุลยกยิ้มเล็กน้อยราวกับเป็นการรับปาก ก่อนจะยกมือไหว้ขอตัวลา


หญิงชราเดินออกจากห้องทำงานของท่านเสรี เลขานุการของหล่อนที่นั่งรออยู่ข้างหน้าก็รีบเข้าประคองทันที


“ไปที่ว่าการอำเภอ”


“คะ?!”


“ฉันจะไปหาไอ้หลานตัวแสบ!!”


นาตยาเป็นเลขานุการส่วนตัวของคุณกอบกุลมาหลายสิบปี หล่อนกล้าสาบานว่าตอนถูกคนอื่นโกงเงินหลายสิบล้าน คุณกอบกุลยังไม่โกรธเท่าตอนนี้เลย!

………………………..

คุณกอบกุลผู้ร่ำรวยสวมชุดผ้าไหมราคาแพงและเพ็ชรนิลจินดาบนหู คอ นิ้ว แตกต่างจากชาวบ้านในอำเภอที่แวะเวียนมาที่ที่ว่าการมากนัก ดังนั้นเมื่อหล่อนก้าวเท้าเข้ามาในอาคารราชการ ก็เกิดเป็นเสียงเซ็งแซ่จากเจ้าหน้าที่ชั้นล่างขึ้นไปถึงชั้นบน ไม่ต้องส่งนาตยาไปแจ้งใครว่ามาที่นี่เพื่ออะไร ชายหนุ่มในชุดเสื้อโปโลกางเกงสแล็กก็วิ่งลงมาจากชั้นสอง


ใครๆก็ว่า ‘จิณณะ’ เป็นหลานชายที่หน้าตาเหมือนสามีที่จากไปของคุณกอบกุลมากที่สุด สามีที่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวจากไปในวัยหนุ่ม ปล่อยให้หล่อนล้มลุกคลุกคลานเลี้ยงลูกอีกสามมาเพียงลำพัง หากเขากลับชาติมาเกิดเป็นหลานชายคนนี้จริง ก็สมควรแล้วที่หล่อนจะชิงชังเขายิ่งกว่าหลานคนไหนๆ


“สวัสดีครับ คุณย่า” จิณณะยกมือไหว้ หน้าตาดูงุนงงเล็กน้อยหลังจากกวาดตามองซ้ายมองขวาแล้วพบว่าหล่อนบุกมาที่นี่เพียงผู้เดียว


“คุณย่ามาคนเดียวหรือครับ” เขาถาม การที่คุณกอบกุลผู้ไม่ปลื้มกับอาชีพรับราชการของเขาบุกมาที่นี่ก็ว่าประหลาดแล้ว หนำซ้ำหล่อนยังมาเพียงลำพัง ไม่มีทั้งบิดามารดาของเขามาด้วย


“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแก!”


ทั้งสีหน้า ทั้งน้ำเสียงของหญิงชรา หากเป็นลูกหลานคนอื่น หรือเป็นพนักงานในอาณาจักรธุรกิจของหล่อน คงตัวสั่นหัวหดรีบจัดแจงเวลาให้ว่างเดี๋ยวนี้เพื่อจะได้พูดคุยกับคุณกอบกุล ทว่าจิณณะ...ไม่ใช่


หลานชายนอกคอกเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู นาฬิกาแบบสปอร์ตราคาหลักพันที่ใช้สมบุกสมบันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยจนวันนี้ก็ยังไม่พัง แค่รูปแบบและยี่ห้อนาฬิกาบนข้อมือของหลานชาย คุณกอบกุลก็ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้ว


“ตอนนี้ยังอยู่ในเวลาราชการครับคุณย่า” หนำซ้ำคำพูดของ ‘ข้าราชการ’ ก็ยังทำให้คนฟังที่ไม่ได้เห็นชอบกับการที่ลูกหลานจะมาประกอบอาชีพนี้ยิ่งขุ่นนัก


“จิณณะ!” คุณกอบกุลขึ้นเสียง พอดีกับที่วรชิตลงจากชั้นสองมาเห็นเหตุการณ์ เขาเพ่งสายตาอยู่อึดใจหนึ่ง ก็ถึงกับตาเหลือกเมื่อนึกออกว่าหญิงชราที่ยืนประจันหน้า ท่าทางเหมือนกำลังจะปล่อยระเบิดลงกลางที่ว่าการในเวลานี้คือคุณกอบกุล


ย่าของจิณณะ


ย่าที่จิณณะเล่าให้ฟังว่าเกลียดอาชีพของหลานชายอย่างกับอะไรดี


ในขณะที่จิณณะเองก็เคยออกปากว่าตนเองคือหลานนอกไส้ นอกคอกและขบถที่สุดในวงศ์ตระกูล


แล้วย่าคนนั้นกับหลานอย่างจิณณะ


“โทร.ไปที่สนามกอล์ฟ!” วรชิตหันไปสั่งใครสักคนที่ลงมาด้วยกัน


“ท...โทร.ทำไม”


“โทร.ตามคุณพิทักษ์!!” หากจะตาม ‘ใคร’ มาห้ามทัพ ย่อมไม่ใช่ครอบครัวที่อยู่กรุงเทพฯและต้องใช้เวลาในการเดินทางร่วมชั่วโมง แต่ควรเป็นคนใกล้...ซึ่งจิณณะก็เคยพูดเองว่า...คือคนรักของตน


“หะ? คุณพิทักษ์?”


“คุณพิทักษ์เป็นแฟนปลัดจิณ! โทร.ตามเขามา!”


วรชิตสั่งแล้วรีบพุ่งตัวลงบันไดไปเป็นคนห้ามทัพรายแรก ใจหวังให้พิทักษ์มาไวๆ เพราะคาดว่าคนห้ามทัพคนเดียวไม่น่าจะพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหลานนอกคอกอย่างจิณณะพูดประโยคเด็ดเสียงดังฟังชัดไปทั่วทั้งโถงที่ว่าการ


“ผมเป็นข้าราชการ จะให้เอาเวลาราชการมาใช้เพื่อคุยกับคุณย่า ประชาชนทั้งประเทศที่จ่ายภาษีมาเป็นเงินเดือนให้ผม จะรู้สึกยังไงล่ะครับ”


“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะทำให้แกออกจากราชการวันนี้!!!” คุณกอบกุลระเบิดโพล่งอย่างหมดความอดทน แต่หลานชายยังมีความอดทนสูงส่งเพราะยักไหล่เหมือนไม่แยแสสักนิด


“ถ้าทำได้ คนที่เซ็นให้ผมออกจากราชการ ได้เจอกันในสื่อแน่นอน”


วรชิตที่ตอนแรกอุทิศตนจะมาเป็นคนห้ามทัพได้แต่อ้าปากค้าง


อย่าว่าแต่คุณกอบกุลร้ายกาจเลย จิณณะก็สมเป็นไม้เบื่อไม้เมามาแต่อ้อนแต่ออกเช่นกัน


นี่มันมวยคู่เอกของวันนี้ชัดๆ!!

.............................

พิทักษ์กำลังประชุมงานอยู่กับพนักงานฝ่ายการตลาดของสนามกอล์ฟเพื่อเปิดตลาดรับนักกอล์ฟมือสมัครเล่นจากต่างประเทศ แต่ตอนที่ยังไม่ได้ข้อสรุปลงตัว เลขานุการก็ส่งโน้ตเข้ามาบอกว่ามีเรื่องด่วน


‘คนที่ที่ว่าการแจ้งว่าคุณกอบกุลมาค่ะ ตอนนี้คุณจิณกำลังมีปัญหา’


เป็นประโยคสั้นๆแต่พิทักษ์เห็นภาพชัดเจน อย่างน้อยก็เพราะเขาเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่จิณณะกับคุณกอบกุลปะทะกันมาแล้ว และเขากล้ายืนยันว่าคนที่กำลังมีปัญหา ไม่ใช่จิณณะ แต่รายนั้นเป็นคนก่อปัญหาต่างหาก


ชายหนุ่มสั่งให้ประชุมต่อไป ส่วนเขาขอตัวออกไปทำธุระ ไม่กี่นาทีต่อมา รถยนต์สัญชาติยุโรปของพิทักษ์ก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าอาคารที่ว่าการ เขากำลังจะก้าวขึ้นบันไดเตี้ย ก็ปรากฏว่าชายหนุ่มคนหนึ่งรีบก้าวเท้าเข้ามาหาพร้อมกับยกมือไหว้ พิทักษ์ยกมือไหว้ตอบเช่นกัน


“คุณพิทักษ์ ผมให้คนโทร.ไปตามคุณเอง ตอนนี้คุณกอบกุลอยู่ข้างบน” วรชิตแจ้ง


ย่าของจิณณะถูกพาขึ้นชั้นสองและรับรองในห้องนายอำเภอไปแล้ว ส่วนปลัดอำเภอผู้ออกตัวว่าจะไม่ใช้เวลาราชการเพื่อเรื่องส่วนตัว แยกไปทำงานที่โต๊ะตนเอง เหลือก็แต่วรชิตที่ใช้เวลาราชการเพื่อเรื่องของเพื่อนร่วมงานอยู่ตรงนี้


“แล้วจิณอยู่ที่ไหน”


“ที่โต๊ะทำงานครับ”


“คุณกอบกุลมาที่นี่ทำไม พอจะทราบไหมครับ” พิทักษ์ถาม เรื่องที่เขาได้ยินมาคือหญิงชราเกลียดอาชีพนี้ของหลานชายจับใจ แต่วันนี้กลับมาถึงที่นี่


“ผมได้ยินแต่ว่าคุณกอบกุลจะให้ไอ้จิณออกจากราชการ”


วรชิตเองก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่เรื่องที่ได้ยินโดยทั่วกันคือหญิงชราขู่จะให้หลานชายออกจากราชการ ส่วนคนหลานก็ขู่กลับมาถ้าใครเซ็นให้ออก จะได้เจอกันในสื่อ


ร้ายพอกันไหมล่ะ คู่นี้


พิทักษ์ฟังแล้วขมวดคิ้วมุ่น นอกจากเรื่องที่คุณกอบกุลจะบังคับจิณณะแต่งงานแล้ว ยังมีเรื่องบังคับจะให้ออกจากราชการอีก หรือเพราะบังคับเรื่องแต่งงานไม่ได้ เลยจะบังคับเรื่องงานแทน?


“อยู่ข้างบนใช่ไหมครับ พาผมไปพบหน่อยได้ไหม”


หากปล่อยจิณณะให้พูดคุยกับคุณกอบกุลเพียงลำพัง พิทักษ์มองเห็นแต่ความหายนะล้วนๆ อย่างน้อย เขาก็ก้าวเท้าลงเรือลำเดียวกับจิณณะแล้ว จะปล่อยไปเหมือนไม่รู้เห็นก็คงไม่ได้


“ทางนี้เลยครับ”


วรชิตเดินนำพาขึ้นไปยังห้องทำงานของนายอำเภอ พอชายหนุ่มเจ้าของสนามกอล์ฟก้าวเข้าห้องก็สบตาเข้ากับหญิงชราที่หันมามอง หล่อนถึงกับทำตาเขม็ง ทว่าพิทักษ์ก็ยังเป็นพิทักษ์ เขานิ่งสงบ ยกมือไหว้ทั้งย่าของจิณณะและนายอำเภอ


“มาก็ดี! ให้ใครไปเชิญหลานชายของฉันมาที! จะได้คุยกันทีเดียว!!” คุณกอบกุลวางอำนาจเป็นนิสัย แม้จะอยู่ในสถานที่ที่หล่อนไม่ใช่เจ้าของแต่อย่างใด นายอำเภอรีบหันไปพยักพเยิดให้วรชิตไปตามหลานชายของคุณกอบกุลมา


อึดใจเดียว วรชิตก็วิ่งกลับมา และหลังจากนั้นอีกหนึ่งนาที คนที่ถูกตามตัวก็เดินเอื่อยเฉื่อยมาถึง ก่อนจะทำตาโตเล็กน้อยที่พบว่าในห้องทำงานของนายอำเภอ มีพิทักษ์ยืนอยู่ด้วย


“อ้าว พี่ทิศ มาทำไม” พิทักษ์ไม่ตอบ แต่ส่งสายตาให้เงียบ ก่อนจะหันมาทางหญิงชรา


“ถ้าคุณกอบกุลอยากคุย ไปคุยที่สนามกอล์ฟของผมดีไหมครับ จะได้เป็นส่วนตัว”


นายอำเภอและวรชิตเห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ใครอีกคนโพล่งปฏิเสธอย่างรวดเร็ว


“ไม่ไป” แถมเจ้าตัวยังยืนเต๊ะพิงกำแพงกอดอก ราวกับจะปักหลักมั่นอยู่ที่นี่


“นี่มันเวลาราชการ เกิดผมถูกคนเอาไปโพสต์ลงเน็ตจะทำยังไง เสียชื่อเสียง โดนตั้งกรรมการสอบ ขั้นไม่ขยับกันพอดี”


พิทักษ์มองเห็นปัญหาบานปลายที่มาจากความกวนประสาทของจิณณะ เขาขยับไปยืนขวางระหว่างสองย่าหลานเอาไว้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นหน้ากันน่าจะดีกว่า


“ถ้าอย่างนั้นก็คุยกันที่นี่ก็ได้ครับ ที่นี่พอจะมีห้องประชุมว่างใช่ไหม” ท้ายประโยคเขาหันไปถามนายอำเภอ


“ใช้สถานที่ราชการ...” แต่เสียงจากข้างหลังเขายังดัง พิทักษ์หันไปมองแล้วส่งสายตาให้เงียบ ก่อนจะหันกลับมาที่คุณกอบกุลและนายอำเภออีกครั้ง


“ขอใช้ห้องประชุมหน่อยนะครับ”


นายอำเภอรีบพยักหน้ารัวๆ แล้วหันไปสั่งวรชิตที่ยังยืนตะลึง “ไอ้ชิต! ให้คนไปเปิดห้องประชุมที”



วรชิตกะพริบตาปริบๆอยู่หลายที ก่อนจะรีบพยักหน้างกๆแล้ววิ่งออกจากห้องไป ทว่าสติของเขายังคงติดอยู่ที่ภาพเมื่อครู่ที่เห็น


ภาพที่พิทักษ์หันมามองจิณณะ


แค่มอง...ไม่ต้องพูดอะไรแต่กลับทำให้คนอย่างจิณณะเงียบสนิทไม่มีหลุดออกมาสักแอะ


...เออเว้ย! คุณพิทักษ์ปราบไอ้จิณซะอยู่หมัดสมกับเป็นแฟนกันจริงๆด้วย!...


.............................


หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 24-01-2019 21:12:05

ห้องประชุมของที่ว่าการนั้นมีขนาดเล็ก สภาพเก่าแต่ก็ยังได้รับการดูแลรักษาอย่างดี คุณกอบกุลไม่ได้ให้ราคาอะไรกับสถานที่ราชการในต่างจังหวัดอยู่แล้ว พอเลขานุการหาเก้าอี้ตัวที่ดีที่สุดให้หล่อนนั่ง หล่อนก็นั่งแล้วตวัดสายตาไปจ้องหลานชายและ...คนรักของหลานชาย


“เมื่อคืนไปไหนกันมา?!”


“หะ? คุณย่ามาถึงนี่เพื่อถามผมเรื่องนี้หรือครับ” จิณณะทำตาเหลือกย้อนถามแบบไม่คิดจะตอบสักนิด


“ฉันถาม!”


“จิณ...” พิทักษ์ดึงแขนคนที่ยืนอยู่ข้างกายเอาไว้ราวกับจะบอกว่าให้เป็นหน้าที่ของเขา


“เมื่อคืนผมกับจิณไปงานแต่งงานลูกชายท่านนพพร คุณลุงของผมติดธุระไปไม่ได้ พวกผมเลยไปแทน” คุณกอบกุลขมวดคิ้วฉับ


“นี่หมายความว่าคุณเทียมรู้เรื่องนี้...”


“ครับ คุณลุงทราบเรื่องของผมกับจิณแล้ว”


หญิงชราพิงพนักเก้าอี้อย่างคาดไม่ถึง หล่อนไม่คิดว่าเรื่องจิณณะกับพิทักษ์เป็นเรื่องจริง แต่หากเป็นเรื่องโกหก เพราะอะไร สองคนนี้ถึงยอมขยายวงโกหกให้กว้างออกไป แล้วสุ่มเสี่ยงกับการคุมเรื่องราวไม่ได้?


...หรือจะเป็นเรื่องจริง?...


...ไม่มีทาง! คนอย่างจิณณะน่ะหรือมีคนรัก!!...


…ยิ่งมีในเวลาที่กำลังจะถูกจับแต่งงานอย่างนี้ ดูอย่างไรก็รู้ว่าแหกตา!!!...


“หรือคุณย่าคิดว่าเราไม่กล้าบอกใครหรือครับ?” จิณณะย้อนถาม ก่อนจะหัวเราะพรืด


“...ผมแวะไปกินข้าวเที่ยงกับพี่ทิศทุกวัน ส่วนเพื่อนผมที่นี่เขาก็รู้กันหมดแล้วว่าผมกับพี่ทิศเป็นอะไรกัน เออ...ว่าแต่พี่ทิศมาที่นี่ทำไม ไหนว่ามีประชุมบ่ายไม่ใช่หรือ” ประโยคหลัง จิณณะหันมาถามคนข้างกายที่เพิ่งเจอกันเมื่อตอนเที่ยง พิทักษ์ยังคงเน้นทานข้าวเที่ยงในคลับของสนามกอล์ฟเช่นเคยเพราะต้องประชุมงานต่อ เขาก็เลยยกเรื่องที่รู้หมาดๆเมื่อตอนเที่ยงขึ้นมาอวดอ้างสรรพคุณของการเป็น ‘แฟนที่ดี’ ที่รู้ตารางงานของ ‘แฟน’ เสียเลย


“มีคนโทร.ไปตาม...” พิทักษ์ไม่อยากบอกว่าคนที่โทร.ไปตาม ระบุด้วยว่าจิณณะกำลังมีปัญหา แต่เท่าที่เห็นคือคนอื่นในนี้ต่างหากที่มีปัญหา ไม่ใช่สองย่าหลานที่กำลังจะโยนระเบิดใส่กันอยู่รอมร่อหรอก


“นั่นไง!” ปลัดอำเภอหนุ่มดีดนิ้วดังเป๊าะ แล้วหันไปยกยิ้มให้ต้นตระกูลของตนเอง


“ถ้าคนที่นี่ไม่รู้ว่าพี่ทิศกับผมเป็นอะไรกัน แล้วเขาจะโทร.ไปตามพี่ทิศมาทำไม”


คุณกอบกุลสูดลมหายใจลึก ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดงุ่นง่านกับชายหนุ่มสองคนเบื้องหน้า


“คิดจะทำอะไรต่อไป?! จะให้คนรู้กันทั้งประเทศไหม?!”


“ก็สมควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือครับ” คำตอบยียวนอย่างนี้ มาจากใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากจิณณะ คุณกอบกุลถลึงตาอ้าปากจะตอบโต้ แต่พิทักษ์กลับเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ


“ผมเข้าใจดีว่าเราอยู่ในสังคมที่เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสนุกปาก ผมเองก็ไม่อยากให้จิณมีปัญหา แต่เรื่องที่เราไปงานด้วยกันเมื่อวาน ผมไม่คิดว่าเสียหาย ผมไปในฐานะหลานของลุงเทียม ส่วนจิณ...ไปในฐานะคนของผม” พิทักษ์ตอบ ในขณะที่จิณณะเงียบ ไม่ใช่เงียบเพราะเจ้าตัวอยากเงียบ แต่เพราะถูกดึงแขนเอาไว้


“แต่การที่หลานฉันเป็นคนของคุณกำลังจะทำให้เขามีปัญหา!”


พิทักษ์อยากบอกเหลือเกินว่าก่อนที่จิณณะจะกลายมาเป็นคนของเขา เจ้าตัวก่อปัญหามาแล้วล่วงหน้า ถึงได้ต้องมาอาศัยพึ่งพาเขาและคุณเทียมอยู่นี่อย่างไรล่ะ


“ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เขามีปัญหามากไปกว่านี้ครับ” ยังคงเป็นชายหนุ่มเจ้าของสนามกอล์ฟที่เอ่ยปากกับคุณกอบกุล ส่วนจิณณะผู้แสนพูดเก่งนั้นคันปากยิบๆ รู้สึกอยากพูดอยากคุยกับย่าของตนเองบ้าง แต่ติดที่มือของคนข้างกายยังจับแขนเขาไม่ปล่อย


แล้วก็ดันรู้สึกยุกยิกกับแขนข้างที่ถูกจับเสียด้วย จะบิดออกก็ถูกกุมหนักกว่าเดิม เพิ่งเห็นก็ตอนนี้ว่าผู้ชายที่ตัวไล่ๆกันอย่างเขาและพิทักษ์ แต่มือของอีกฝ่ายกลับจับแขนเขาได้แทบรอบ


มือใหญ่...เป็นใบลาน ตอนเด็กๆต้องแอบขโมยของใครแน่ๆเลย!


คุณกอบกุลมองชายหนุ่มสองคนตรงหน้า หากมีแค่หลานชายของหล่อน รับรองว่าวันนี้หล่อนคงได้ระเบิดลงกลางที่ว่าการ ตามด้วยการทำยังไงก็ได้ให้ราชการเฉดหัวจิณณะออกจากตำแหน่ง แล้วจากนั้นหล่อนจะลากเขากลับกรุงเทพฯไปอยู่ใต้โอวาทอย่างที่ควรจะเป็น


แต่...เรื่องที่อยากให้เกิดกลับไม่เป็นดังคาด เพราะพิทักษ์มาที่นี่ และทำให้หลานชายของหล่อนสงบปากสงบคำ ทำให้คุณกอบกุลเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร


ภายในห้องเหลือเพียงความเงียบ เมื่อต่างคนต่างหยั่งเชิงกัน ต่างคนที่ว่าคือคุณกอบกุลกับพิทักษ์ ส่วนจิณณะนั้นเอาแต่ขยับแขนยุกยิกเพื่อจะให้หลุดจากการถูกจับให้ได้


และเพราะความเงียบ เสียงเอะอะเอ็ดตะโรจากข้างนอกจึงดังลอดเข้ามาให้ได้ยิน ปลัดหนุ่มผู้ทำงานที่นี่มานานและรู้ดีว่าเสียงเอะอะที่ดังเข้ามาถึงภายในห้องประชุมนี้ไม่ใช่เรื่องปกติเลยต้องหันไปมองประตู


“มีอะไรหรือ” พิทักษ์หันมาถาม เพราะคนซนหยุดขยับแขนแล้ว แถมยังหันไปมองข้างหลังอีก


“ข้างนอกเสียงดัง” จิณณะหันมาตอบ เพียงเท่านั้นคนที่จับแขนเขาอยู่ก็ยอมปล่อยมือออก ข้าราชการหนุ่มหมุนตัวเดินไปเปิดประตูแล้วชะโงกหน้าออกไปดู เขาไม่เห็นใครส่งเสียงอะไรอีกแล้ว หนำซ้ำส่วนที่เป็นสำนักงานยังแทบร้างผู้คน ใครคนหนึ่งวิ่งออกมาจากโต๊ะทำงานเป็นคนสุดท้าย เขาเลยรีบเรียกเอาไว้


“มีอะไรหรือ”


“บ้านปลัดชิตไฟไหม้!”


คนฟังตาเหลือกโต


“มีคนโทร.มาบอก นี่ดับเพลิงกำลังไปแล้ว!”


แล้วคนแจ้งข่าวก็วิ่งลงจากชั้นสองไป จิณณะนิ่งงัน ใจโหวงเหวงประหลาด ไฟไหม้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่เลวร้ายที่สุดคือการวางเพลิง


...วางเพลิง!...


ถ้าบ้านพักของวรชิตถูกวางเพลิง ก็มีแค่กลุ่มเดียวเท่านั้นที่จะทำแบบนี้


พวกที่คิดว่าวรชิตอยู่กับทองสุกในคืนนั้น!


จิณณะหันกลับมามองหญิงชรา ดวงตาของเขาไม่ได้ร่าเริง กวนประสาทเหมือนหลานชายนอกคอกคนเมื่อครู่อีกแล้ว ทว่ากลับเป็นสายตาที่จริงจังและเต็มไปด้วยความกังวล


“ย่ากลับกรุงเทพฯไปก่อน” เป็นคำพูดเรียบๆ ที่ไม่มีวี่แววชวนทะเลาะแต่อย่างใด พิทักษ์รู้สึกถึงความผิดปกติของน้ำเสียงนี้ แต่คุณกอบกุลผู้ยังคงไม่พอใจกับหลานชายกลับคิดว่าหล่อนถูกไล่


“แต่ฉันยังคุยกับแกไม่จบ!”


“ผมบอกให้กลับกรุงเทพฯไปไง!” น่าจะเป็นครั้งแรกที่จิณณะขึ้นเสียงกับหล่อน เขาหายใจถี่จนแผ่นอกขยับขึ้นลง ความกังวลประเดประดังเข้ามาไม่หยุด และสิ่งหนึ่งที่เขารู้คือจะให้คุณกอบกุลอยู่ที่นี่ไม่ได้


ไม่ปลอดภัย


อันตรายกำลังเข้ามาใกล้ตัว


“คุณเลขาฯช่วยพาคุณย่ากลับกรุงเทพฯไปที แล้วถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก หรือถ้ามีอะไรสำคัญก็โทร.มา เดี๋ยวผมเข้าไปหาเอง!” จิณณะสั่ง ก่อนจะหันไปทางพิทักษ์ พวกเขาสบตากันอึดใจเดียว ปลัดหนุ่มก็หมุนตัวก้าวเท้าออกจากห้องประชุมไป พิทักษ์หันมาไหว้คุณกอบกุลแล้วจึงออกจากห้องตามไปอีกคน


หญิงชราได้แต่นั่งนิ่งอยู่ในห้องด้วยความตกตะลึง


ทั้งๆที่หล่อนเป็นย่าของจิณณะมา 20 กว่าปี แต่จิณณะเมื่อครู่นี้กลับไม่ใช่หลานชายจอมยียวนที่หล่อนรู้จัก และในความตกตะลึงนั้น คุณกอบกุลกลับสะท้อนใจอย่างน่าประหลาด


สายตาอย่างนั้นของจิณณะ หล่อนไม่เคยเห็น ทว่าชั่วขณะหนึ่งที่เขามองพิทักษ์โดยปราศจากคำพูด พวกเขาสื่อสารกันด้วยสายตาและความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากตัว


ไม่ใช่ความรู้สึกรักใคร่ชวนสะอิดสะเอียน แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ทำเอาหญิงชราผู้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทั้งความรู้สึกของหนุ่มสาว วัยกลางคน มาจนถึงบั้นปลายได้แต่เม้มปากแน่น


...ไม่...ไม่มีทาง...


สองคนนั่น...เป็นเเค่เรื่องตบตาหล่อนเท่านั้น!!!!!

..........................


เป็นแค่เหตุไฟไหม้กองใบไม้แห้งข้างบ้านพักข้าราชการของปลัดวรชิต


พวกคนในที่ว่าการพากันโล่งอกโล่งใจ ก่อนจะกลายเป็นหัวเราะกับความแตกตื่นแล้วจึงพากันกลับไปทำงาน ทว่าเจ้าของบ้านยังคงยืนนิ่งมองกองเถ้าถ่าน


“ไอ้ชิต...” จิณณะไม่ได้กลับไปพร้อมคนอื่นๆ เขารอจนกระทั่งทุกคนกลับออกไปหมดแล้ว จึงได้เดินเข้ามาหยุดยืนข้างเพื่อนร่วมอาชีพ


วรชิตยังมองกองเศษใบไม้อยู่อย่างนั้น


“กูไม่ได้กวาดใบไม้มากองแบบนี้...” เป็นคำพูดแสนแผ่วแต่ทำให้คนฟังหัวใจแกว่งหนักกว่าเดิม


“หมายความว่าไง”


“กูไม่รู้ว่ากองนี่มาจากไหน”


“อาจจะเป็นชาวบ้าน หรือว่า...คนอื่น มึงจ้างใครมาดูแลบ้านให้ไหมละ”


“ไม่มี...”


จิณณะอับจนคำพูดขึ้นมาทันที เขาเหลือบมองพิทักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แต่พอเห็นวรชิตทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง เขาก็รีบนั่งลงข้างเพื่อน


“พวกมันมายุ่งกับกูทำไมวะ...” เจ้าของบ้านครวญ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น


จะว่าวรชิตเป็นปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันสร้างชื่อเสียงกระฉ่อนมีเรื่องกับชาวบ้านหรือผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นก็ไม่ใช่ เรื่องบางเรื่อง ไหลตามน้ำได้ก็ไหล แต่บางเรื่องต้องแข็งขันและยืนหยันในจุดยืนและหน้าที่ความรับผิดชอบเขาก็ทำ อาจมีขัดแข้งขัดขาใครบ้างแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นต้องขู่อาฆาตกันอย่างนี้


“มึง...ลางานสักพักไหม กลับกรุงเทพฯไปก่อน หรือไม่ก็ไปเมืองนอก...” จิณณะแนะนำด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เห็นสภาพเพื่อนร่วมงานที่รู้จักกันดีมาหลายปีก็ยิ่งหดหู่ ที่แย่ยิ่งกว่าคือเขาคิดว่าคนที่คิดร้ายกับวรชิตกำลังลงมือผิดคน


มันสมควรจะเป็นเขา


ไม่ใช่วรชิตเพื่อนของเขา!


“แต่ถ้าพวกมันจะฆ่ากู อยู่ที่ไหนกูก็ไม่รอด...” วรชิตเครียดเกินกว่าจะใส่ใจว่าพิทักษ์ซึ่งไม่สนิทสนมกับเขายังยืนอยู่ด้วย เวลานี้ความกลัวตายทำให้สภาพจิตใจอ่อนแอจนแม้แต่นั่งยังโอนเอน


“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ ทำตัวเป็นปกติ แล้วผมจะขอให้คุณลุงช่วยส่งคนมาคอยดูแลอีกที” พิทักษ์เอ่ยปาก ทั้งจิณณะและวรชิตหันมอง แม้จะรู้ดีว่าลุงของคนเสนอเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่ในจังหวัด และวรชิตเองก็เป็นข้าราชการ แต่เวลานี้ความกลัวตายทำให้คนกำลังถูกปองร้ายยอมรับความช่วยเหลืออย่างไม่มีทางเลี่ยง


“ขอบคุณครับ”


“กลับที่ว่าการกันก่อนเถอะ ตรงนี้เดี๋ยวให้คนมาทำความสะอาด”


ยิ่งมองเห็นเถ้าถ่านของกองใบไม้แห้งที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่ามาจากไหน วรชิตก็จะยิ่งเครียด จิณณะดึงเพื่อนออกจากที่เกิดเหตุ พาไปที่รถของพิทักษ์ที่ขับพาเขามา ก่อนจะหันไปทางเจ้าของรถ พวกเขาสบตากัน แล้วเป็นฝ่ายจิณณะที่เบือนสายตาหนี เอ่ยปากโดยไม่ยอมมองหน้า


“พี่ทิศพาพวกผมไปส่งที่ที่ว่าการหน่อยนะ”


เป็นประโยคที่ไม่มีความหมายอะไรเลย และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอก แต่จิณณะกลับพูดขึ้นมา เวลานี้ไม่ใช่เวลายียวนกวนโมโห ไม่ใช่เวลาหาเรื่องชวนทะเลาะ เพราะฉะนั้นเลยคิดได้อย่างเดียวว่าเจ้าตัวพูดเพื่อเลี่ยงประเด็นและกลบพิรุธ


และพิรุธที่ว่าคือเรื่องที่จิณณะคิดจะทำ


พิทักษ์มองร่างสูงโปร่งของปลัดหนุ่มที่เปิดประตูขึ้นนั่งในรถของเขา


จิณณะต้องคิดจะทำอะไรสักอย่างแน่ๆ และสังหรณ์บอกเขาว่ารายนี้ไม่เคยทำเรื่องเล็กๆเสียด้วย!!

..........................

รถหรูของเจ้าของสนามกอล์ฟขับมาจอดที่ที่ว่าการเพื่อส่งปลัดอำเภอ 2 คน จากนั้นก็ขับออกไป พวกเขากลับขึ้นสำนักงาน แยกย้ายกันนั่งโต๊ะของตนเอง


จนกระทั่งเลิกงาน จิณณะก็ออกจากที่ว่าการขึ้นรถยนต์ส่วนตัวขับตรงดิ่งไปยังอีกอำเภอหนึ่ง


เพราะไม่เคยมาจึงต้องแวะถามชาวบ้านมาตลอดทาง แน่นอนว่าหน้าตาอย่างหนุ่มกรุงเทพฯไม่เป็นที่รู้จักของคนแถวนั้น แต่เพราะหมู่นี้เจ้าตัวสวมเสื้อโปโลที่สกรีนด้านหลังเป็นชื่อที่ว่าการอำเภอ พอลงจากรถแต่ละที พวกชาวบ้านจึงรู้กันหมดว่าเขาเป็นคนในราชการ ความร่วมมือในการบอกทางจึงมาในระดับที่น่าพอใจมาก


จุดหมายปลายทางของเขาคือบ้านของมารดาของภรรยาม่ายของทองสุก นับตั้งแต่ทองสุกตาย บ้านที่ถูกยิงถล่มก็ถูกปล่อยเอาไว้อย่างนั้น ส่วนภรรยาย้ายกลับมาอยู่กับมารดา


“ปลัด...” จิณณะลงจากรถ ยังไม่ทันมองหา เสียงทักก็ดังมาจากข้างหลัง


ชมพู่ภรรยาของทองสุกลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วยกมือไหว้เขา หล่อนยังอยู่ในชุดสีเข้ม หน้าตาแม้ไม่ซีดเซียวเท่าวันแรกๆที่เกิดเรื่อง แต่ก็ยังนับว่าไม่ได้ดีมากเท่าไร


“มาหาฉันหรือจ๊ะ” หล่อนถามหน้าตาสงสัย ปลัดหนุ่มจากต่างอำเภอยกยิ้มเล็กน้อย แล้วชูถุงกับข้าวในมือให้ดู เขาแวะซื้ออาหารอีสานหลายอย่างจากร้านอร่อยใกล้ที่ว่าการเพื่อมาเป็นใบเบิกทางบ้านหลังนี้


“แวะมาเยี่ยม เลยซื้อกับข้าวมาฝากด้วย”


เดิมทีก็สนิทสนมกับสองสามีภรรยาพอสมควร เพราะปลัดหนุ่มโสดอย่างจิณณะเคยถูกชวนไปทานข้าวที่บ้านเกิดเหตุหลายครั้งนับตั้งแต่ย้ายมาประจำที่จังหวัดนี้ การจะมาขอร่วมมื้อเย็นอีกสักมื้อในวันนี้ จึงไม่ประดักประเดิดนัก แต่...ก็ควรมีของติดไม้ติดมือมาด้วย


“ขอบใจจ๊ะ ปลัดเข้ามาในบ้านสิ เจอแม่ฉันรึยัง” หญิงชาวบ้านร่างอวบยิ้มจาง รับถุงอาหารมาเปิดดูก็พบว่ามีอาหารหลายอย่าง หล่อนไม่ตะขิดตะขวงใจเพราะอย่างไรเสียก็คิดจะชวนเขาทานข้าวด้วยอยู่แล้ว


ข้าราชการหนุ่มเดินตามหญิงม่ายเข้าบ้านอย่างไม่เกี่ยงงอน เสียงทักทายของเขาที่มีต่อมารดาของชมพู่นั้นดังลอดออกมาจากประตูบ้าน และเขาหวัง...


...หวังว่าการมาอย่างเอิกกะเหริก และการจอดรถถามทางแทบจะทุกๆกิโลเมตร จะทำให้การมาของเขา ดังไปถึงหูคนที่เขาอยากให้ได้ยิน และระแคะระคายว่าสิ่งที่กำลังทำนั้น ลงมือผิดคน!...


คนที่อยู่กับทองสุกในคืนเกิดเหตุ ไม่ใช่วรชิต


แต่เป็นเขาต่างหาก!

ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้า)

แก้ปัญหาด้วยการก่อปัญหาใหม่ค่ะ ฮ่าฮ่า จริงๆแล้ว การแก้ปัญหาในหลายๆเรื่อง โดยไม่สร้างปัญหาใหม่เป็นอะไรที่ยากมากๆเลยนะคะ เมื่อเราทำอะไรสักอย่าง ก็มักจะส่งผลไปถึงเรื่องอื่นๆด้วยอยู่เสมอ แต่ปลัดโชคดี คิดจะก่อปัญหาใหม่เมื่อไร ก็มีคนอ่านเกมออกตลอดเลย ฮ่าฮ่า 


ตอนนี้มีเอ็กตร้ามาแต่ชื่อ จ่ายสักสองร้อยแล้วกันนะ มาสามชื่อก็ฟาดไปหกร้อยละ ฮ่าฮ่า (อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าบัวเป็นพวกใช้ตัวละครคุ้ม เพราะฉะนั้นก็อาจเห็นชื่อเอ็กตร้ามาเรื่อยๆนะคะ)


ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจ และพื้นที่บอร์ดค่ะ


เจอกันใหม่พฤหัสหน้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 4.../หน้าที่ 7 (17/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-01-2019 21:30:27
หอมหัวลูกเอ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-01-2019 21:43:30
เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ อยากปลุกทองสุกมาถามว่าไปเหยียบเท้าใครเข้า เดือดร้อนกันไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 24-01-2019 22:03:24
โมเมนต์แค่มองตากันก็รู้ใจนี่ฟินมาก55
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 24-01-2019 22:05:41
คุณกอบกุลน่าจะเริ่มเชื่อแล้วแหละถึงแม้จะไม่อยากเชื่อก็ตาม พี่ทิศเป็นคนที่พึ่งพาได้ รัก :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 24-01-2019 22:16:47
คนพี่ก็ทำทุกวิถีทาง แต่คนน้ิงเล่นไม่ฟังเลย
ซ่าเหลือเกินนนนน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 24-01-2019 22:22:09
พี่ทิศจะปวดหัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 24-01-2019 22:22:19
สนุกค่ะ

ความจิณณะคือ ความดื้อไม่ยอม เร็ว แมนพอ แต่น่ารัก ไม่นานๆ
ความพี่ทิศคือ เท่ห์และปกป้อง ลึกๆ คงพอใจจิณมานานแล้ว ถามใจตัวเองดีๆ
ความคุณย่ากับความลุงเทียนนี่ น่าจะเรื่องฝีปากเป็นหลัก

ยังมีอะไรให้ติดตามอีกเยอะ

รอสัปดาห์หน้านะคะ นานจัง :(

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-01-2019 22:23:29
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: borntobeyours ที่ 24-01-2019 22:23:57
พี่ทิศนี่อ่านจิณออกทุกอย่างเลยอะ ผู้ชายแบบนี้หาได้ที่ไหน!
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-01-2019 22:27:11
ขยันเพิ่มปัญหาจริง ๆ เลย
ว่าแต่ครอบครัววิมลกิตตินี่มากับเขาด้วยเหรอ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 24-01-2019 22:33:22
ตายแล้ววววววว คุณปลัดเปิดประตูกวักมือเรียกแขกแล้วววว  :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 24-01-2019 23:01:03
เชื่อว่าพี่ทิศ.. หลานคุณเทียม ปกป้องคนของเขาได้แน่ :a2:
 ..ว่าแต่ ลูก-หลาน บ้านวิมลกิตติ  มีคนจอง + มีคนของเขา  แล้วนะคะ ท่านเสรี  o18 :katai3:
 
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-01-2019 23:11:30
ลุ้นทุกหยาดหยด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 24-01-2019 23:35:21
นังปลัดด นังตัวดีย์ ขยันเรียกแขก ขยันหาเรื่อง ซนจนอยากเพิ่มขิกหลังชื่อตำแหน่งมัน
คุณพี่ทิศขนาดบอกจำใจช่วยไปงั้นๆนะ ถ้าคุณเขาช่วยเพราะรักจะขนาดไหนอะ
คุณเทียมจะให้ปลัดจ่ายค่าเสียหายหลานชายเป็นอะไรถึงจะคุ้มละงานนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-01-2019 00:11:15
โอยยยย ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-01-2019 01:30:06
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-01-2019 06:46:23
เป็นห่วงคุณปลัด  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-01-2019 06:54:22
ไม่ผิดจากที่พี่ทิศคิดเลย ทำไมแม่นแบบนี้
แล้วดูสิ จะดึงความสนใจได้จริงไหม

ทิศคือยังไม่รู้ตัวว่าทำไมต้องช่วยขนาดนี้
ได้หลงคุณปลัดแน่นอนจ้าแบบนี้

จิณเอ้ยย อยู่นิ่งบ้างก็ได้ คงได้ป่วนกันอีกแน่
สงสารชิต หลอนไปเลยน่ะ ทั้งที่ไม่รู้เรื่อง

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-01-2019 06:54:54
เป็นห่วงจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 25-01-2019 08:19:17
ถ้าจิณณะทำแบบนี้ การให้คนอื่นมาช่วยก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยอ่ะ เพราะสุดท้ายตัวเองก็โดนเพ่งเล็งอยู่ดี น่าจะปรึกษาลุงเทียมเนาะ ว่าจะตามตัวยังไงดี เพราะพี่ทิศเองก็จะโดนลูกหลงไปด้วย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-01-2019 08:28:50
ตายร้าว พี่จักรกับของขัวญ โดนท่านเสรี จองตัวเป็นเขยด้วย

เราจะฟ้องพี่โตกับหมูอ้วนขนม ชริ๊ๆ

เอิ่ม ปลัดหางานเพิ่มเหรอ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-01-2019 09:33:20
ปลัดจิณเอาตัวเองเป็นเป้า แทนเพื่อน แล้วพี่ทิศจะช่วยน้องยังไงหล่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-01-2019 10:05:05
ตาทองสุกไปเหยียบหางใครเขาล่ะ เขาถึงกัดไม่ปล่อยขนาดนี้ ซวยปลัดจิณจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-01-2019 10:41:27
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 25-01-2019 10:48:31
คุณปลัดหางานเพิ่มอีกแล้ว :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 25-01-2019 12:54:43
น้องตัวแสบ พี่ทิศคงต้องปวดหัวไปอีกนาน 555
ชอบความแค่มองตาก็รู้ใจ ขนาดคุณย่ายังแอบคิดนิดนึง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=&gt; หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 25-01-2019 14:32:09
จิณจะหาเรื่องปวดหัวให้พี่เค้าอีกแล้วเหรอลู้กกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 25-01-2019 15:37:09
คุณพิทักษ์ ดูแลน้องปลัดด้วยยยยยยยย :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-01-2019 20:01:48
ปลัดทำอะไรไม่ท่งไม่ถามสักคำเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 25-01-2019 21:13:32
วิมลกิตติ ก็มาาาาาา 5555+ สงสารพี่ทิศต้องปวดหัวกะคุณปลัดอีกเท่าไหร่น้ออออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 25-01-2019 21:40:53
……


พี่ทิศแสนจะสุภาพบุรุษ เอ็นดูน้อง ช่วยแบบไม่คิดรับผลตอบแทน ขอความจริงใจเท่านั้น

น้องจิณณ์คิดจะทำอะไร ปรึกษาพี่ทิศหน่อยนะ  พี่เขามาตามเก็บงานให้น้องตลอด


 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:


……

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 25-01-2019 22:14:40
คุณกอบกุลคงเห็นแล้วสินะ คู่นี้เขามองตาก็รู้ใจค่ะ (รู้ทันด้วย555+)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 25-01-2019 22:44:52
รอให้ถึงวันพฤหัสไม่ไหวแล้วค่า

จิณจะตกหลุมพี่ทิศไปก่อนซะละมั้งนี่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-01-2019 00:14:12
อันตรายเหลือเกิน  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-01-2019 00:50:46
จิณณะซ่าอีกแล้วจ้า
พี่ทิศกุมขมับรอได้เลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-01-2019 02:05:05
จิณทำแบบนี้พี่ทิศจะปวดหัวเพิ่มเอานะ เป็นห่วงมากเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-01-2019 16:33:28
ครอบครัว ของขวัญก็มา  โอ้ยๆ มีความสุข คุณปะล้าด สร้างปัญหา ให้พี่ทิศเป็นห่วงอีกล๊าวววว คุณย่ามีหลานจิณ หน้าเหมือนปู่ ดูต่างหน้า ด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 5...=> หน้าที่ 8 (24/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 26-01-2019 23:21:43
เง้อเข้าใจที่จิณทำเลยจะให้คนอื่นมาเดือดร้อนแทนคงทำใจไม่ได้แน่ๆ
พี่ทิศเหนื่อยหน่อยนะ น้องเล่นใหญ่ตลอดอยู่แล้ว
เขาเริ่มมองตากันก็เข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วค๊าท่านผู้ชม
ในความเครียดของจิณทำไมฉันฟินฟ่ะ ฮ่าๆๆ รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลยยยย
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 31-01-2019 21:40:09
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
   ตอนที่ 6


เรื่องถึงหู...


หูที่ว่า...แน่นอนว่าเป็นหูของคุณเทียมผู้เคยออกปากกลางงานศพว่าจะส่งคนช่วยดูแลความปลอดภัยภรรยาม่ายของคนตาย แล้วพอถึงหูคุณเทียม เรื่องก็ย่อมถึงหูหลานชายของคุณเทียม


พิทักษ์คิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าจิณณะคิดจะทำเรื่องใหญ่ เจ้าตัวไม่สงบเสงี่ยมแต่แหวกหญ้าประกาศตัวเองว่าสนิทสนมกับบ้านของทองสุก เพื่อให้คนที่กำลังตามจ้องจะเล่นงานวรชิตเบี่ยงปากกระบอกปืนมาที่จิณณะแทน


ก่อปัญหาเสมอ!


เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มเก็บรวบรวมอารมณ์โมโหของตนเองลงกับอก ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการ


   “ปลัดจิณมาแล้วค่ะ”


ข้างหลังของหล่อนคือข้าราชการหนุ่มที่วันนี้ยังคงยูนิฟอร์มอย่างเดิมคือเสื้อโปโลสกรีนชื่อที่ว่าการ


   “ให้คนยกอาหารมาเลย”


เพราะจิณณะก่อเรื่อง พิทักษ์จึงไม่คิดจะลงไปทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหาร เขาต้องการความเป็นส่วนตัวในการอบรมสั่งสอนคนที่ชอบแก้ปัญหาด้วยการก่อปัญหาซ้ำซาก


   ปลัดหนุ่มผู้มาฝากท้องที่สนามกอล์ฟแทบทุกวันเลิกคิ้วเล็กน้อย ตอนแรกก็เอะใจอยู่หรอกที่พอมาถึงแล้ว พนักงานของที่นี่บอกให้เขาขึ้นมาที่สำนักงานชั้นบน คิดเอาเองว่าพิทักษ์ยังทำงานไม่เสร็จ แต่พอกวาดตาดูก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะยุ่งจนโงหัวไม่ขึ้นเลย


   แต่ก็ยังให้เขาขึ้นมาที่นี่ แถมสั่งให้ยกอาหารมาทานข้างบนอีกต่างหาก


   เลขานุการออกไปทำตามสั่ง อึดใจเดียวพนักงานจากห้องอาหารก็ขึ้นมาพร้อมกับอาหาร 3-4 อย่าง โต๊ะประชุมเล็กๆในห้องกลายเป็นโต๊ะอาหารไปในทันที


   รอจนกระทั่งคนอื่นออกจากห้องไปหมดแล้ว และประตูปิดลงแล้ว จิณณะถึงได้หันมาทางเจ้าของห้อง


   “งานไม่เสร็จหรือพี่” เขาถาม ทั้งๆที่เห็นเต็มสองตาว่านอกจากแฟ้มเอกสารที่วางสุมอยู่ฝั่งหนึ่ง โน้ตบุ้คที่เปิดคาไว้ แต่พิทักษ์ไม่ได้ดูวุ่นวายกับงานแต่อย่างใด


   “คุณไปบ้านภรรยาของทองสุกทำไม”


ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมาคือคำถามของเจ้าของห้อง จิณณะเม้มปากเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะไปอย่างเอิกกะเหริกมากไปหน่อยจริงๆ เรื่องถึงได้ดังมาถึงพิทักษ์ด้วย


   “ก็...ไปเยี่ยม ผมกับพี่สุกรู้จักกันนะ เขาเพิ่งตายจะให้ผมตัดหางปล่อยวัดครอบครัวเขาแล้วหรือ” คนฟังพ่นลมหายใจเบา คิดเอาไว้แล้วว่าคนอย่างจิณณะไม่มีทางตอบความจริง


   “คุณไปเพราะอยากให้คนที่คิดจะทำร้ายเพื่อนของคุณ หันมาทางคุณแทนต่างหาก”


ปลัดหนุ่มเงียบ เบือนหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมสบตาคนพูด


   “คุณรู้รึเปล่าว่ากำลังทำอะไร พวกนั้นจ้องจะเก็บคนที่อยู่กับทองสุกในคืนนั้น! และคุณกำลังทำให้พวกมันสงสัยว่าเป็นคุณ!”


   “แล้วพี่จะให้พวกมันเก็บเพื่อนผมแทนหรือ?!! ไอ้ชิตเป็นเพื่อนผม!!” จิณณะระเบิดโพล่งออกมา


ความกลัวตายก็เรื่องหนึ่ง แต่ความเป็นเพื่อน มิตรภาพ ความช่วยเหลือที่วรชิตมีให้เขาก็ยังสะท้อนอยู่ในใจทุกเมื่อเชื่อวัน ยิ่งเห็นเพื่อนวิตกกังวลและอมทุกข์ เขาก็ยิ่งอยู่เฉยไม่ได้


   เรื่องมันเกิดขึ้นที่เขา! ก็ไม่ควรต้องมีใครมารับกรรมแทนไม่ใช่หรือ!


   “ไอ้ชิตเป็นเพื่อนผม ถ้ามันเป็นอะไรเพราะพวกนั้นเข้าใจผิด ผม...ผม...” เขาไม่ได้กล้าหาญคิดจะรับกระสุนแทนใคร แต่ก็ทำใจไม่ได้เช่นกันที่จะต้องมีคนมารับกระสุนแทนเขาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่


   ทั้งสีหน้า ทั้งแววตา จากคนกวนโมโหที่มักชอบทำหน้าตาระรื่น มาบัดนี้ไม่เหลือแม้แต่ราศีสักนิด จิณณะในเวลานี้อ่อนแอเสียจนพิทักษ์ยังต้องลดความโกรธเคืองในใจลง เขาลุกจากโต๊ะเดินเข้ามาหา ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัว แต่ก็ยืนใกล้เพียงพอที่จะถามด้วยน้ำเสียงเบา


   “ทำไมพวกนั้นถึงคิดว่าเพื่อนของคุณอยู่กับทองสุกในวันเกิดเหตุ” เพราะเป็นคำถามที่ไม่ได้คาดคั้นเอาผิด ไม่ได้กดดันจนทำให้ยิ่งเคร่งเครียด จิณณะเลยพลอยพยายามปรับอารมณ์ตัวเองลงด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึก



   “ไม่รู้ อาจจะ...อาจจะเพราะพี่สุกเป็นสายให้ฝ่ายป้องกัน ไอ้ชิตเป็นปลัดฝ่ายป้องกัน”


   “เป็นสายเรื่องอะไร”


   “ผมจะไปรู้ได้ยังไง”


   “ถ้าอย่างนั้นก็ไปถามเพื่อนคุณ” ดูเหมือนจะเป็นคำแนะนำที่สิ้นคิดสำหรับจิณณะ มันจุดความหงุดหงิดในใจพรวดขึ้นมาอีก


   “เพื่อนผมที่กำลังจะเป็นบ้าเพราะถูกจ้องเล่นงานน่ะหรือ?! พี่จะให้อยู่ดีๆผมก็ไปถามมันเรื่องนี้เนี่ยนะ?!!”


พิทักษ์ไม่ถือสาความหงุดหงิดเจ้าอารมณ์ของอีกฝ่ายในเวลานี้ เขารู้ว่าจิณณะทั้งเครียดและกังวล ไหนจะชีวิตของตนเอง ไหนจะชีวิตของเพื่อน ไม่รู้ว่าใครจะตายก่อนกัน และที่สำคัญ...ไม่มีใครอยากตายทั้งนั้น


   “ตั้งสติหน่อย” เขาปราม น้ำเสียงทุ้มขึ้นเล็กน้อย คนที่กำลังหงุดหงิดเลยได้แต่หันหน้าหนีไปทางอื่น


   “ผมไม่ได้ให้อยู่ดีๆไปถาม เพื่อนคุณตอนนี้เขาคงไม่อยากอยู่คนเดียว ชวนเขาไปค้างกับคุณ แล้วค่อยถามเขา ให้เขาเป็นคนเล่าว่าเขาคิดว่าใครกำลังเล่นงานเขา คิดว่าเกี่ยวกับเรื่องที่ทองสุกตายไหมในเมื่อทองสุกเป็นสายให้ฝ่ายที่เขาทำงานอยู่” เป็นคำแนะนำที่เป็นขั้นเป็นตอนและละเอียดยิบจนจิณณะที่แม้จะหงุดหงิดแต่ก็ต้องหันกลับมามองอย่างตั้งใจฟัง


   พิทักษ์มองตรงมาที่เขา หน้าตาเรียบเฉยเหมือนเคย แต่สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะช่วยเหลือและ...ห่วงใย


   ปลัดหนุ่มไม่รู้ว่าตนเองโชคดีหรือพิทักษ์โชคร้าย โลกถึงได้เหวี่ยงพวกเขาให้มาลงเรือลำเดียวกันทั้งๆที่พิทักษ์จะไม่ต้องลงก็ได้ แต่ถ้าไม่ลง เรือลำนี้คงอับปางเพราะความมุทะลุใจร้อนของเขา


   จากความโกรธ หงุดหงิด กดดันสะสม จิณณะรับรู้ว่าพวกมันกำลังค่อยๆคลายตัวออกมาพร้อมกับลมหายใจของเขา สติและความรู้สึกนึกคิดเริ่มกลับเข้ามา


   พิทักษ์พอจะมองออกว่าคนที่เขาเตือนสติเริ่มกลับเข้ารูปเข้ารอยแล้ว จึงหันไปทางโต๊ะประชุมเล็กที่มีอาหารวางอยู่


   “ทานข้าวเถอะ บ่ายนี้ผมต้องเข้ากรุงเทพฯ”


เจ้าของห้องหมุนตัวเดินไปที่โต๊ะแล้ว จิณณะมองแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย สายตาที่ทอดมองนั้นแปลกไปจากเดิม มันไม่ได้ยียวนกวนโมโหเหมือนทุกที ไม่ได้เคร่งเครียดและเป็นทุกข์เหมือนเมื่อครู่ ทว่าเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ แฝงด้วยความซาบซึ้ง


พิทักษ์หันกลับมามอง หมายจะเอ่ยปากเรียกให้มาทานอาหาร แต่สายตาที่มองมาทำให้เขาได้แต่ยืนนิ่ง ใบหน้าของจิณณะมีรอยยิ้มจางเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้สดใสสวยงามของคนที่อยู่ในโลกแห่งความสุข แต่เป็นรอยยิ้มจากจิตใต้สำนึกในวันที่อ่อนแอ


เป็นรอยยิ้มที่มาจากแรงใจในวันที่เรี่ยวแรงอ่อนล้ากับปัญหาที่ถาโถม


“ขอบคุณนะพี่” เสียงของจิณณะแผ่วเบา ทว่าดังพอให้ได้ยินในห้องที่มีเพียงสองคน


คำตอบของพิทักษ์ไม่ใช่คำพูด แต่เป็นรอยยิ้มจางที่ทำให้คนมองอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ


...ในวันที่มืดแปดด้าน...


...ดีเหลือเกินที่เป็นผู้ชายคนนี้อยู่ที่นี่ในวันนี้...

................................


เย็นนั้นจิณณะชวนวรชิตให้ไปค้างที่บ้านพักของตนเอง ตอนแรกคนถูกชวนทำท่าไม่อยากไป เพราะกลัวว่าจะเอาเรื่องเดือดร้อนไปให้เพื่อน แต่เมื่อถูกคะยั้นคะยอหนักเข้า ความกลัวตายก็ทำให้วรชิตยินยอม


บ้านพักราชการของจิณณะอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของเขานัก โครงสร้างและสภาพเหมือนกันทุกประการเพราะสร้างพร้อมกันเมื่อหลายสิบปีก่อน วรชิตเคยมาบ้านของเพื่อนร่วมอาชีพคนนี้หลายครั้ง และหลายๆครั้งก็มาค้างหลังจากตั้งวงกินดื่มกันจนเมา แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มาค้างเพราะจิณณะชวนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้มาก่อน


ไม่สิ...ไม่ใช่ว่าไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่เพราะจิณณะเป็นห่วงเขาต่างหาก


วรชิตมองแผ่นหลังของเพื่อนด้วยความเป็นกังวลผสมตื้นตัน


“เอาของขึ้นไปเก็บข้างบนแล้วออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า” เจ้าของบ้านหันมาพูด ก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นแขกยืนมองเขาอยู่


“มึงไม่กลัวหรือ” คำถามแรกของวรชิตนั้นไม่ต้องเกริ่นนำก็รู้ว่าหมายถึงกลัวอะไร ดวงตาของจิณณะไหววูบไปชั่วอึดใจ ความกลัวที่อยู่ในหัวอกของเพื่อนนั้นคือความผิดของเขาต่างหาก แต่...ไม่กล้าพูด ได้แต่โบ้ยไปเรื่องอื่น


“จะกลัวอะไร คนของคุณเทียมคอยดูแลอยู่”


นับตั้งแต่เกิดเหตุกองใบไม้แห้งข้างบ้านพักของวรชิตกลายเป็นกองเพลิงขนาดย่อมๆ พิทักษ์ทำอย่างที่ปากพูดคือขอความช่วยเหลือจากคุณเทียมให้ส่งคนมาช่วยดูแล นอกจากจะดูแลวรชิตแล้ว ยังแบ่งปันมาสอดส่องบ้านพักของจิณณะด้วย


พอพูดถึงคุณเทียม ก็ดูเหมือนวรชิตจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนร่วมงานของเขาคนนี้ไม่ใช่แค่ปลัดอำเภอตัวเล็กๆที่มีนามสกุลมหาเศรษฐีห้อยท้าย แต่ยังมีดีกรีเป็นถึง ‘คนรัก’ ของหลานชายผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอีกต่างหาก


เขาถอนหายใจเบา หากจิณณะจะไม่กลัวอะไรก็ไม่ใช่เรื่องผิด ในเมื่อเจ้าตัวมีความช่วยเหลือทั้งในแง่เงินทุนและเส้นสายขนาดนี้


แต่ตัวเขานี่สิ...ตัวเขาที่เป็นปลัดอำเภอธรรมดา เงินทองไม่ได้มากมาย เส้นสายยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนแบบเขา...จะมีชีวิตรอดไปได้อีกสักกี่วัน


“ไอ้ชิต” เสียงของจิณณะทำเอาคนกำลังเป็นกังวลกับอายุขัยของตนเองต้องเงยหน้ามอง จิณณะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว และกำลังมองตรงมาด้วยสายตาที่แน่วแน่และทรงพลัง


“กูไม่ปล่อยให้มึงเป็นอะไรแน่ๆ” อาจจะเป็นแค่ลมปาก แต่เวลานี้ที่วรชิตจนปัญญา แค่คำพูดเพียงอย่างเดียวก็ช่วยกอบกู้กำลังใจของเขาได้แล้ว


“ขอบใจว่ะ”


“ไป เอาเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บ จะได้ออกไปกินข้าว กินอะไรดี ส้มตำดีไหม” เวลานี้วรชิตไม่มีปากเสียงจะเสนอความคิดเห็นเรื่องอาหารใดๆ เขาได้แต่พยักหน้าเออออไปกับเพื่อนก่อนจะหิ้วกระเป๋าเป้ขึ้นชั้นสอง ปล่อยให้จิณณะได้แต่มองตามแล้วทำได้เพียงเม้มปากแน่นด้วยความสะเทือนใจ


...กูไม่ปล่อยให้มึงเป็นอะไรแน่ๆ...


...กูสัญญา...

................................


แม้จะเป็นเพื่อนร่วมงานกันมานาน แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นจะพูดคุยกันได้ในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับงาน แม้ต่างฝ่ายต่างเป็นปลัด แต่วรชิตเป็นปลัดฝ่ายป้องกัน เรื่องในฝ่ายป้องกันบางเรื่อง ต่อให้กับเพื่อนปลัดด้วยกัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเล่าสู่กันฟัง เรื่องนี้จิณณะรู้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ซักไซ้ตั้งแต่คืนแรกที่วรชิตมาค้างด้วย


เพราะต่างคนต่างเป็นผู้ชาย การอาศัยบ้านเดียวกันหรือการร่วมห้องนอนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ หนำซ้ำยิ่งทำให้ความสนิทสนมเพิ่มพูน


“พรุ่งนี้พี่เข้ากรุงเทพฯไหม ผมอยากกินปาท่องโก๋ เลยว่าจะแวะซื้อ ถ้าพี่อยู่จะได้ซื้อเผื่อ” วรชิตออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็พบว่าจิณณะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่ ดูเหมือนเจ้าตัวจะเห็นว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังแล้ว เลยเบาเสียงลงเล็กน้อย


“งั้นเดี๋ยวผมซื้อเข้าไปให้ เอาอย่างอื่นไหม”


“ครับๆ ไม่ใช้เงินเยอะครับ แค่ปาท่องโก๋จะสักกี่บาท ผมซื้อน้ำเต้าหู้แถมพี่อีกสิบถุงยังมีเงินเหลือใช้ยันสิ้นเดือนเลย” วรชิตไม่ได้ยินว่าปลายสายพูดอะไร แต่คงดุเรื่องการใช้เงินอย่างใจกว้างของจิณณะพอสมควร เขาหัวเราะเบาๆ คิดถึงตอนที่พิทักษ์ไปห้ามทัพสองย่าหลานวงศ์กีรติที่ที่ว่าการแล้วก็ชักอยากรู้ว่าคนอย่างพิทักษ์ชาติที่แล้วทำบุญมาด้วยอะไร


ชาตินี้ถึงเอาจิณณะได้อยู่หมัดเหลือเกิน


“แค่นี้แหละพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้หิ้วปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เต้าฮวยน้ำขิงอย่างละ 10 ถุงไปฝาก” พูดจบ ปลัดอำเภอตัวแสบก็กดตัดสาย ก่อนจะหันมาส่ายหน้ากับวรชิต


“ขี้บ่นฉิบหาย”


“บ่นเรื่องมึงใช้เงินหรือ”


“เออสิ หาว่ากูใช้เงินเก่ง ใช้เงินเก่งอะไร กูซื้อของกินทั้งนั้น แล้วคนที่สนามกอล์ฟก็มีตั้งเยอะ กูซื้อฝากพี่ทิศ แล้วจะปล่อยให้คนอื่นๆมองตามน้ำลายหกรึไง” จิณณะบ่น ทว่าคนเป็นเพื่อนกลับหัวเราะ จนคนบ่นชักตาขวาง ยกเท้าถีบไปที


“หัวเราะเลือกข้างเชียวนะไอ้ชิต” แค่เสียงหัวเราะอย่างเดียวก็รู้แล้วว่าวรชิตชอบอกชอบใจแค่ไหนที่พิทักษ์เคร่งครัดเรื่องการใช้เงินของจิณณะแม้กระทั่งจะซื้อปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้


“ก็กูไม่เคยเห็นใครเอามึงอยู่ขนาดนี้นี่หว่า” ปลัดฝ่ายป้องกันว่าอย่างนั้น ก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งที่โซฟาใกล้เตียง


“กูถามหน่อยสิ มึงกับคุณพิทักษ์ ไปไงมาไงมาลงเอยกันได้วะ”


คำว่าลงเอยเล่นเอาคนถูกถามถึงกับสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะสาเหตุที่ทำให้เขาและพิทักษ์มาลงเอยกันนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้วรชิตกำลังซวยในเวลานี้ แต่ที่สะดุ้งเพราะคำว่า ‘ลงเอย’ ต่างหาก


ศัพท์แสงไอ้ชิตนี่น่ากลัวจริงๆ สมัยสอบเข้ามหาวิทยาลัย ใช้คะแนนภาษาไทยกรุยทางใช่ไหม?


“เอ่อ...ก็...ก็...มันพูดยาก”


“ทำมาเป็นพูดยากกับกู ทีกับคุณพิทักษ์ กูไม่เห็นมึงจะสงบปากสงบคำกับเขาสักที”


“มึงไปเห็นตอนไหน” จิณณะย้อน หน้าตาไม่เชื่อถือคำพูดของเพื่อนสักนิด


“ก็เห็นมึงโทร.คุยกับคุณพิทักษ์ทุกวันนี่ไง”


นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่บ้านของจิณณะ สิ่งที่วรชิตเห็นจนชินตาคือจิณณะคุยโทรศัพท์กับพิทักษ์ บางทีพิทักษ์โทร.มาหาตอนเช้าบ้าง บางทีก็เห็นจิณณะโทร.หาตอนเย็นบ้าง หรือขั้นกว่าคือพิทักษ์แวะมาหาเป็นตัวเป็นตนด้วยซ้ำ


คนฟังชะงักไปเล็กน้อย ได้แต่กะพริบตาปริบๆด้วยคิดไม่ถึงว่าหมู่นี้เขาคุยกับพิทักษ์บ่อยขนาดที่เพื่อนยังออกปาก


...คุยทุกวันจริงหรือ?...


...ทำไมไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าคุยกันทุกวัน...


“กูก็พอเข้าใจนะ แฟนกันก็มีเรื่องสัพเพเหระให้คุยกันทุกวันเป็นธรรมดา ว่าแต่...คุยอะไรกันบ้างวะ เช้านี้อยากกินอะไร เย็นนี้อยากกินที่ไหน อย่างงี้มั้ย ฮึ้ย! กูนึกหน้าคุณพิทักษ์ตอนคุยเรื่องแบบนี้กับมึงไม่ออก” วรชิตไม่คิดว่าคนเคร่งขรึมหน้าตาเรียบเฉยอย่างพิทักษ์จะพูดคุยเรื่องจิปาถะพวกนั้น ทว่าสำหรับจิณณะที่กำลังตรึกตรองกับหัวข้อที่พวกเขาพูดคุยกันในช่วงหลายวันที่ผ่านมาก็พบว่า


แม้จะเริ่มต้นคุยกันด้วยเรื่องอันตราย เรื่องคนแอบตาม เรื่องความเป็นความตายของเขาและวรชิต


แต่ลงท้ายแล้ว ก็มักจบที่ตอนเช้าอยากทานอะไร ตอนเย็นอยากกินที่ไหน อย่างที่วรชิตว่าจริงๆ


เรื่องสัพเพเหระ เรื่องจิปาถะ เรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่กลับเป็นเรื่องที่ยกเอามาคุยกันได้ทุกวัน ทั้งตอนเจอหน้า หรือแม้กระทั่งทางโทรศัพท์


จิณณะไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่เด็กน้อยไม่ประสีประสา มิตรภาพของเพื่อนไม่จำเป็นต้องถามไถ่กันด้วยเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้น แต่สำหรับบางความสัมพันธ์...หัวข้อพวกนั้นทำให้บทสนทนายืดยาวออกไป ราวกับ...อยากพูดคุยกันให้มากขึ้นอีกนิด


ลมหายใจของปลัดหนุ่มสะดุดกึก เขาก้มลงมองโทรศัพท์ในมือตนเองแล้วเปิดดูประวัติการโทร.


เบอร์ของพิทักษ์อยู่บนสุดบอกให้รู้ว่าเป็นสายล่าสุดที่เขาพูดคุย เมื่อกดเข้าไปดูก็พบประวัติการโทรและรับสายยาวเหยียด บางวันมากกว่าหนึ่งครั้ง บางวันพูดคุยกันสั้นๆแต่มีทั้งเขาเป็นฝ่ายโทร.หาและฝ่ายพิทักษ์โทร.มา บางวันแค่ครั้งเดียวแต่เวลาสนทนายืดยาวนับชั่วโมง


นี่แค่ประวัติการโทร. ไม่ต้องถามถึงวิธีการสื่อสารทางอื่น จิณณะไม่ต้องเปิดดูก็พอรู้ตัวว่าเขาติดต่อกับพิทักษ์บ่อยกว่าใครคนไหน และไม่ต้องทายเช่นกันว่าแม้จะมีเหตุผลนำหน้าในการติดต่อไป แต่สุดท้ายบทสนทนาก็วกไปหาเรื่องคุยที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไร


ทว่า...บัดนี้ หัวข้อพูดคุยที่ไม่สำคัญเหล่านั้นกลายเป็นหลักฐานชี้ชัดถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังก่อตัว


จิณณะได้แต่กลืนน้ำลาย หัวใจโหวงเหวง ช่องท้องเย็นวาบ สันหลังสะท้าน เพราะความคาดไม่ถึง...

...........................


พิทักษ์พบว่าเช้านี้มีคนเอาปาท่องโก๋ 2 ถุงใหญ่ น้ำเต้าหู้และเต้าฮวยน้ำขิงอย่างละ 10 ถุงมาฝากไว้กับพนักงานต้อนรับของสนามกอล์ฟ พนักงานบอกว่าพอฝากแล้วเจ้าตัวก็กลับขึ้นรถขับออกไปทันที


ชายหนุ่มโคลงศีรษะเล็กน้อย ทั้งๆที่เมื่อวานกำชับแล้วว่าไม่ต้องซื้อมาเยอะเพราะเปลืองเงิน แต่คนใจกว้างมือเติบไม่ได้ฟังคำทักท้วงเลยสักนิด


เขากดโทรศัพท์หาเบอร์โทร.ล่าสุดที่เพิ่งคุยกันเมื่อคืน แต่รอจนสัญญาณรอสายกลายเป็นไม่มีสัญญาณตอบรับ สงสัยเจ้าตัวคงจะกลัวเขาบ่นจึงไม่ยอมรับสาย พิทักษ์เปลี่ยนวิธีการใหม่เป็นการส่งข้อความไปหา


‘ซื้อมาทำไมเยอะแยะ’


ทันทีที่ส่งข้อความไป โปรแกรมแชทก็ขึ้นว่าข้อความของเขาถูกอ่านในทันที ทว่ารออยู่อึดใจใหญ่ๆกลับไม่มีข้อความใดส่งกลับมา พิทักษ์เลิกคิ้วเล็กน้อย คนช่างเถียงอย่างจิณณะไม่ใช่คนนิ่งเงียบใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวแบบนี้เลย เขาส่งข้อความไปหาอีกครั้ง


‘เที่ยงนี้จะมาทานที่นี้ไหม’


คราวนี้ข้อความของเขาไม่ถูกอ่าน พอดีกับที่เลขานุการนำเอกสารเข้ามาในห้อง เขาจึงวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปคุยงานกับหล่อน


จนกระทั่งสิบเอ็ดโมงเศษ เมื่อพิทักษ์มาดูโทรศัพท์อีกครั้งก็พบว่ามีข้อความส่งกลับมา


‘วันนี้ผมไม่ไปนะ’


ชายหนุ่มมองข้อความแล้วเอนหลังพิงพนัก ความรู้สึกแปลกพิกลปรากฏขึ้นในใจ อะไรบางอย่างทำให้เขาตัดสินใจลุกจากโต๊ะ


วันนี้ไม่มีประชุมบ่าย ออกไปทานข้าวข้างนอกบ้างก็ไม่เลว

.........................

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 31-01-2019 21:40:47


จิณณะรู้ว่าไม่ควรให้เกิดความรู้สึกอะไรนอกเหนือจากบุญคุณที่พิทักษ์มีต่อเขา การหนีไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่บางทีมันก็เป็นทางออกเดียวที่มี เขาคิดว่าหากข้องเกี่ยวกันเฉพาะบางเรื่อง ไม่ผูกสัมพันธ์หรือสนิทสนมกันมากเกินความจำเป็น อะไรๆก็น่าจะยับยั้งทัน


แต่เพราะรับปากเอาไว้แล้วว่าจะซื้อปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เต้าฮวยน้ำขิงไปฝาก เมื่อเช้าจึงแวะไปที่สนามกอล์ฟก่อน แม้พนักงานจะบอกว่าพิทักษ์มาแล้ว แต่เขาไม่ได้แวะไปทักทาย ฝากของไว้เสร็จก็รีบเผ่น ตอนพิทักษ์โทร.มา เขาถือโทรศัพท์อยู่ในมือแต่ไม่ยอมกดรับสาย ตั้งใจว่าจะส่งข้อความไปบอกว่าเขาไม่ว่าง ไม่สะดวกคุย ก็กลายเป็นพิทักษ์ส่งข้อความมาเสียเอง โปรแกรมแชทจึงขึ้นว่าเขาอ่านข้อความของอีกฝ่ายในทันที ทำเอาจิณณะรีบกดออกแทบไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเห็นว่าอีกฝ่ายส่งข้อความมาถามเรื่องมื้อกลางวัน


ระหว่างพวกเขา แม้จะมีเหตุผลเรื่องความเป็นความตายและเรื่องอันตราย แต่เรากลับพูดคุยกันด้วยเรื่องจิปาถะมากขึ้นทุกทีๆ


จิณณะไม่ปฏิเสธว่าเขาเองก็อยากคุยกับอีกฝ่าย และเพราะไม่ปฏิเสธ ถึงได้รู้ว่าตนเองรู้สึกเช่นไร ซึ่งมันไม่ควรเลย


เขารับปากแล้วว่าเสร็จจากเรื่องนี้ จะคืนอิสระและสถานภาพโสดให้พิทักษ์ หากเขามีชีวิตรอด จะยกบุญคุณของพิทักษ์เอาไว้เหนือหัวไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ


แต่...ความรู้สึกในหัวใจเวลานี้กลับไม่ใช่แค่เรื่องบุญคุณ


แล้วแบบนี้ ถ้าหากจบเรื่องโดยสวัสดิภาพ เขาจะทำใจยกความโสดคืนให้ได้อย่างไรกัน


ทางที่ดีต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม


“วันนี้กูไปกินข้าวเที่ยงด้วยนะ” ก่อนเที่ยงเล็กน้อย จิณณะก็รีบหาเพื่อนกินข้าว ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน วรชิตนั่นเอง


“อ้าว มึงไม่ไปกินกับคุณพิทักษ์หรือ” คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้ม


“กูอยากกินข้าวแกงข้างที่ว่าการบ้างนี่หว่า”


“เฮ้ย! สนามกอล์ฟของคุณพิทักษ์จ้างเชฟโรงแรมเชียวนะเว้ย! เสือกอยากจะมากินข้าวแกง” จิณณะทำเป็นยักไหล่เหมือนไม่แคร์ความเป็นเชฟโรงแรมของพ่อครัวที่สนามกอล์ฟของพิทักษ์แต่อย่างใด


เที่ยงตรง วรชิตและเพื่อนปลัดอีก 2-3 คนรวมถึงจิณณะก็เดินลงมาจากชั้น 2 ทว่าพอก้าวเท้าลงมาที่บันไดขั้นสุดท้าย คนทั้งกลุ่มก็ต้องชะงักกึกเมื่อพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ที่โถงชั้น 1 ของที่ว่าการ


“อ้าว คุณพิทักษ์” วรชิตร้องทักแล้วยกมือไหว้ แม้อายุจะไล่เลี่ยกัน แต่พิทักษ์ก็ได้ชื่อว่าเป็นหลานของผู้มีอิทธิพลในจังหวัด หนำซ้ำยังเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยหาคนมาคอยดูแลความปลอดภัยให้เขาอีก


หากเป็นก่อนหน้านี้ จิณณะคงรีบเดินเข้าไปทักทายเช่นกัน แต่เวลานี้ที่ระแคะระคายกับความรู้สึกของตนเอง เขากลับทำหน้าไม่ถูกเมื่อพบว่าคนที่เขาสู้อุตส่าห์หลบหน้ากลับไม่ให้ความร่วมมือกันเลยสักนิด


ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยออกจากสนามกอล์ฟ แล้ววันนี้ลมฟ้าลมฝนที่ไหนหอบเอาพิทักษ์มาถึงนี่


วรชิตเหล่มองเพื่อนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันไปมองผู้มาเยือน


“ผมก็ว่าแล้วว่าทำไมไอ้จิณบอกว่าอยากกินข้าวแกงที่นี่ ที่แท้มันชวนคุณพิทักษ์มาสิท่า” คนฟังเลิกคิ้วเล็กน้อย เหลือบไปมองจิณณะที่ยืนเงียบ แต่พอฝ่ายนั้นเห็นสายตาเขา เจ้าตัวก็ฉีกยิ้มแบบไม่เห็นฟันมาให้


“ไปครับ ไปกัน ร้านข้าวแกงป้าสมานข้างที่ว่าการอร่อยมาก มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง!” วรชิตออกตัว จิณณะรู้ว่าเขาหมดทางรอดแน่แล้ว อย่างไรเสียมื้อนี้ก็ต้องพบหน้ากับพิทักษ์อีกหน เขาลอบถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนที่อุตส่าห์มาถึงที่ว่าการ


“ไปพี่ทิศ ไอ้ชิตไม่ได้จะเลี้ยงใครง่ายๆหรอกนะ มื้อนี้กินเยอะๆล่ะ” พูดแล้วก็ก้าวเท้าออกเดินเป็นการกระตุ้นให้ทั้งกลุ่มต้องเดินตาม พิทักษ์มองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่เบื้องหน้า รู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่างที่จิณณะแสดงออก


ทว่าเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร

..............................

พะโล้ แกงเขียวหวาน พะแนง หมูทอด ไข่เจียวใส่ต้นหอม ผัดผัก ผัดพริกขิง ห่อหมก


จิณณะเล็งพะโล้กับพะแนง แต่กับข้าวสองอย่างนี้ไม่น่าจะมาอยู่บนข้าวในจานเดียวกัน เขาไม่คิดว่าตนเองเป็นพระวัดป่าที่แกงสองอย่างสามอย่างจะมาอยู่รวมกันในบาตรเดียวได้ เพราะฉะนั้นต้องเลือก


“จะกินอะไร” คำถามดังขึ้นข้างตัว แต่ปลัดหนุ่มยังตัดสินใจไม่ได้ สายตาจับจ้องทั้งพะโล้และพะแนง


“อยากกินสองอย่างเลย พะโล้กับพะแนง”


“ก็สั่งสองอย่างสิ”


“ราดบนข้าวจานเดียวน่ะหรือ...” ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคครวญ คนข้างกายหัวเราะเบาๆทำให้จิณณะได้สติ เขาหันมองแล้วก็ถึงได้รู้ว่าคนที่ยืนพูดคุยกับเขาเมื่อครู่นี้คือพิทักษ์


...ใจหนอใจ อุตส่าห์หาทางเลี่ยง อีกฝ่ายกลับไม่เห็นใจ มายืนถามยืนคุยอยู่ข้างกายอยู่ดี...


“ถ้าอย่างนั้นก็สั่งใส่ถ้วยแยก เดี๋ยวผมทานด้วย” คนฟังตาโต แต่พิทักษ์ไม่ได้สนใจ เขาหันไปสั่งอาหารกับแม่ค้า


“เอาพะแนงถ้วยนึง พะโล้ถ้วยนึง” จากนั้นก็หันมาทางจิณณะอีกที


“อยากทานอย่างอื่นอีกไหม ผัดผัก? หรือผัดพริกขิง?”


“ไม่เอาแล้ว...” แม้จิณณะจะตอบอย่างนั้น แต่พิทักษ์ก็ยังหันไปสั่งไข่เจียวมาอีกจาน เขาไม่ได้ปล่อยให้วรชิตเป็นคนจ่ายเงิน แต่ตนเองส่งเงินให้แม่ค้าเป็นค่าอาหารของคนทั้งกลุ่ม


“ทุกทีเห็นกินเยอะ ทำไมวันนี้กินน้อย” ก่อนจะกลับไปที่โต๊ะ พิทักษ์ยังมีแก่ใจหันมาถามคนข้างกาย แน่นอนว่าจิณณะตอบตามตรงไม่ได้ เขาจึงหันไปฉีกยิ้ม


“ผมก็มีวันที่หิวกับวันที่ไม่หิวน่ะสิ” คนฟังไม่ซักไซ้อย่างอื่นอีก พวกเขากลับไปนั่งที่โต๊ะที่พวกวรชิตนั่งอยู่ อึดใจเดียว อาหารทั้งแบบจานเดียวและแบบกับข้าวก็ถูกยกมา ตอนนั้นเองที่วรชิตเพิ่งรู้ว่าอาหารของทุกคนในโต๊ะถูกพิทักษ์แย่งจ่ายไปแล้ว เขาครวญเล็กน้อย ก่อนจะชวนคุยเรื่องทั่วๆไป



ทั้งโต๊ะล้วนเป็นปลัด ยกเว้นก็แต่พิทักษ์ ทว่าเพราะต่างเป็นผู้ชายเลยมีเรื่องคุยที่พอจะเข้าทางกันอยู่บ้างอย่างเช่นเรื่องรถยนต์ เครื่องกล หรือแม้แต่พวกมุกตลกที่ค่อนไปทางทะลึ่งตึงตัง เสียงหัวเราะดังเป็นระยะตามแต่บทสนทนาจะพาไป ทว่าพิทักษ์กลับรู้สึกว่าใครบางคนที่เคยร่าเริงและสนุกสนานกลับเงียบกว่าเคย


เขาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าง


จิณณะดูจะตั้งอกตั้งใจหั่นไข่พะโล้เป็นชิ้นๆแล้วตักเข้าปาก แม้ว่าเรื่องที่ใครคนหนึ่งในโต๊ะพูดตอนนี้จะเป็นเรื่องชวนหัว แต่เสียงหัวเราะกลับไม่ดังออกมาจากปากของจิณณะเลยสักนิด


พิทักษ์รู้สึกแปลกใจ แต่เหนือกว่าอะไรคือความห่วงใย เขาจับจ้องคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนานเป็นพิเศษ จนวรชิตยังสังเกต เขารีบส่งสายตาบอกเพื่อนๆปลัดคนอื่นๆให้คุยกันต่อไป แม้ว่าจะมี 2 คนในโต๊ะที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวเวลานี้


หนึ่งคือจิณณะที่กำลังเอาแต่ตาตกมองจานข้าว


สองคือพิทักษ์ที่กำลังจับจ้องคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


วรชิตอยากถ่ายรูปเอาไว้ล้อจิณณะในภายภาคหน้าจริงๆว่าครั้งหนึ่งเจ้าตัวก็เคยถูกมองด้วยสายตาห่วงใยแบบนี้!

.............................

   หลังจากอิ่มหนำจากร้านป้าสมานข้างที่ว่าการ ก็ถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน วรชิตเดินนำลูบท้องตนเองออกจากร้านแต่ไม่วายหันมาขอบคุณเจ้ามือมื้อนี้


   “คราวหน้าต้องเป็นตาผมจริงๆแล้วนะครับคุณพิทักษ์” พิทักษ์เพียงยิ้มจางไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ พอดีกับที่จิณณะล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเพราะมีสายเรียกเข้า


   “ครับ แม่” ปลัดหนุ่มเอ่ย เพื่อนปลัดคนอื่นๆรวมถึงวรชิตออกเดินนำไปยังที่ว่าการก่อน ทว่าพิทักษ์ยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้เขาจะไม่ควรยืนฟังการคุยโทรศัพท์ของจิณณะกับครอบครัว แต่เวลานี้เขารู้ปัญหาของจิณณะมากกว่าหนึ่งอย่าง และหนึ่งอย่างในปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นในบ้านของจิณณะเอง


   อย่างเช่น...เรื่องที่ถูกคุณกอบกุลบังคับให้แต่งงาน...   


   ความห่วงใยทำให้เขาอยากรู้จนไม่ยอมก้าวเท้าไปไหน


   “แม่ว่าอะไรนะ?!” เสียงของจิณณะเคร่งเครียด จนพิทักษ์ต้องหันมอง


   ดวงตาของปลัดหนุ่มเบิกโตขึ้นทันทีที่ปลายสายตอบกลับมา เขาเผยอปากอ้าค้างวินาทีหนึ่ง ก่อนจะหุบมันลงแล้วรีบพูดรัวเร็ว


   “ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้!” จิณณะตัดสาย หันมองคนข้างกาย เวลานี้ลืมไปหมดแล้วว่าตนเองต้องเว้นระยะห่างกับพิทักษ์เอาไว้


   “พ...พ่อผมล้ม!” เขาพูดด้วยหัวใจที่เต้นถี่ด้วยความตื่นตระหนก พิทักษ์ชะงักไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตั้งสติอย่างรวดเร็ว


   “ไปรถผม ผมจะขับรถให้!”


   แล้วหลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที รถเบนซ์ของพิทักษ์ก็พุ่งทะยานออกจากที่ว่าการกลับเข้ากรุงเทพมหานครทันที!
...........................................

   ตอนที่จิณณะไปถึงโรงพยาบาล มารดาโทรศัพท์มาบอกว่าบิดาถูกย้ายไปพักในห้องพิเศษแล้ว และอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสับขาไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อไปยังห้องพักพิเศษของโรงพยาบาล


   ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป สายตาของจิณณะกวาดมองหาคนป่วยบนเตียงก่อนใคร แต่ไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าไปถึงเตียง เสียงตวาดก็ดังลั่น


   “มาได้แล้วหรือ?!!” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครกันที่เห็นหน้าจิณณะแล้วอารมณ์พุ่งทะยานแม้จะยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันสักนิด


   คุณกอบกุลนั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าถมึงทึงจ้องเขม็งมาที่หลานชายนอกคอก จิณณะเหลือบตาไปมอง เขาไม่พูดอะไรแต่ยกมือไหว้แล้วหันไปหาสตรีอีกคนที่ยืนอยู่อีกข้างของเตียง คราวนี้เขายกมือไหว้แล้วเอ่ยปากถาม


   “พ่อเป็นยังไงบ้าง” สายตาของปลัดหนุ่มจับจ้องที่มารดาของตนราวกับต้องการคำตอบจากหล่อนเพียงคนเดียว ทว่าคุณกอบกุลกลับส่งเสียงขึ้นมาแทน


   “จะเป็นยังไง?! ก็ลื่นล้มในห้องน้ำ! ดีว่าหัวไม่ฟาดอะไรเข้า ไม่งั้นป่านนี้คงไม่ได้นอนที่นี่!”


จิณณะเป็นห่วงบิดาจนไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับผู้เป็นย่าเหมือนเคย เขาเดินตรงเข้าไปหาจรรยา ทำราวกับเสียงของคุณกอบกุลเป็นเพียงเสียงนกเสียงกาที่ฟังไม่รู้เรื่อง


   “หมอว่ายังไง” เขาถามย้ำกับมารดา คราวนี้จรรยาอึกอักเหลือบมองมารดาของสามี


   “แม่” จิณณะเรียกมารดาซ้ำ จรรยาเห็นคุณกอบกุลไม่พูดอะไร หล่อนจึงหันมาทางบุตรชาย


   “หมอว่าไม่มีอะไรน่าห่วง พ่อแค่ล้ม ตอนล้มก็รู้สึกตัว หัวไม่ได้ฟาดอะไรเข้า แต่ถ้าอยากสบายใจ จะทำ CT สแกนก็ได้” คนฟังพยักหน้ารับรู้


   “ถ้างั้นก็ทำเลย จะได้สบายใจ”


   “เหอะ! ทำมาเป็นห่วง! ถ้าแกไม่ดันทุรังไปทำงานที่อื่น พ่อแกก็ไม่ต้องทำงานหนัก นอนไม่พอจนถึงขั้นลื่นล้มในห้องน้ำหรอก!” เสียงของคุณกอบกุลดังขึ้นอีก คราวนี้จิณณะชักจะอดไม่ไหว เขาหันไปมองด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่ได้เจ้าเล่ห์ขี้เล่นอย่างเคย ทว่าผู้เป็นย่ากลับไม่ได้สนใจสายตาของหลานชาย หล่อนเชิดหน้าพูดอย่างถือดีในสิ่งที่หล่อนคิด


   “ตาไกรก็ได้ลูกมาช่วยงาน แกดูลุงแกสิ ตอนนี้มีความสุขกับการออกรอบแค่ไหน! ส่วนยัยกช ถึงตาชุนจะยังไม่กลับมา แต่ก็ช่วยงานจากอังกฤษ จะเหลือก็แต่บ้านแก! ตัวแกเลือกจะเอาแต่ความอยากของตัวเอง งานการที่บ้านไม่ทำ ปล่อยให้พ่อแกทำคนเดียว จะหวังพึ่งน้องแกก็ไม่ได้ เพราะมันยังเรียนไม่จบ คนที่ควรจะเป็นที่พึ่งให้ตาโกควรจะเป็นแก! แต่ดูสิ่งที่แกทำ! เลือกแต่จะทำอย่างที่อยากทำ! ทิ้งภาระไว้ให้พ่อแกคนเดียว!! เนรคุณ!!”


   “คุณแม่!” จรรยาร้องด้วยคิดว่าเรื่องบานปลายไปกันใหญ่ อันที่จริงสามีของหล่อนก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนัก แต่คุณกอบกุลชักเอาทุกเรื่องมารวมกัน ถึงขั้นออกปากว่าจิณณะเนรคุณ


   โชคดีไม่ทันได้เกิดสงคราม เพราะเสียงแผ่วจากบนเตียงดังขึ้นเสียก่อน ทุกสายตาจึงหันไปทางคนเจ็บ


   โกศลลืมตาขึ้นช้าๆ เขากวาดมองไปรอบตัวอย่างมึนงงเล็กน้อย แต่เมื่อพบหน้าบุตรชายคนโตก็เผยยิ้มอ่อนล้าทว่ายินดีออกมา


   “จิณ...” เสียงเรียกชื่อแผ่วเบานั้นทำให้หัวใจเจ้าของชื่อโหวงเหวง เกือบสามสิบปีที่เป็นพ่อลูกกันมา จะว่าเวลาสั้นก็สั้น ยาวก็ยาว แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่เคยสังเกตเลยว่าบิดาของตนเองกำลังถูกวันเวลาพรากสุขภาพและความแข็งแรงไป


   จิณณะก้าวเท้าเข้าไปข้างเตียง แตะมือเบาๆลงกับแขนของบิดา


   “เป็นยังไงบ้างพ่อ” คำถามของเขานั้นเบาแผ่วไม่ต่างจากคนเจ็บบนเตียง ทว่าโกศลก็ยังคงยิ้มจางให้บุตรชายพลางสั่นศีรษะไปมาเล็กน้อย


   “ไม่เป็นไร ไกลหัวใจ...แต่อีกนิดเดียว หัวก็เกือบโหม่งพื้นเหมือนกัน” ไม่วายยังพูดติดตลก จิณณะขำไม่ออก แต่ก็ยังกดมุมปากยกยิ้มให้กับอารมณ์ขันของบิดา โกศลเหลือบไปเห็นชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงของเขา พอสบตากับฝ่ายนั้น ชายหนุ่มก็ยกมือไหว้


   “ทิศก็มาด้วยหรือ” จิณณะเพิ่งรู้ตัวว่ามีพิทักษ์ติดตามมาด้วย


   “พี่ทิศขับรถให้ผม”


   “เกิดง่อยเปลี้ยเสียขาขึ้นมารึไง ถึงต้องให้คนอื่นมาขับรถให้” เสียงของคุณกอบกุลยังคงสร้างความขุ่นเคืองในใจคนฟัง จิณณะเหลือบตามอง เวลานี้เขาไม่มีอารมณ์จิกกัดให้แสบคันอีกแล้ว แต่หากอ้าปากพูดอะไรออกไป คงถูกด่ายิ่งกว่าคำว่าเนรคุณ แต่...ก็ไม่เห็นเป็นไร ไหนๆก็ถูกด่าอยู่แล้ว จะถูกด่าเพิ่มอีกสักข้อก็ไม่เสียหายไปสักเท่าไร


ทว่า...เสียงของคนที่ยืนเงียบมาตั้งแต่ต้นกลับดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้อ้าปาก


   “จิณตกใจเรื่องที่พ่อล้ม ผมกลัวว่าเขาจะขับรถไม่ไหว ก็เลยขับรถพาเขามา” น้ำเสียงของพิทักษ์นั้นเรียบเรื่อยเหมือนพูดเรื่องทั่วๆไป แต่ดูก็รู้ว่าออกตัวปกป้องหลานนอกคอกของคุณกอบกุล


   หญิงชราตวัดสายตาไปมอง ให้อย่างไรหล่อนก็ไม่เชื่อในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายคนนี้กับหลานของหล่อน


   “แล้วคุณพิทักษ์ไม่ต้องทำการทำงานรึไง?”


   “ทำครับ แต่เรื่องของจิณสำคัญกว่า”


คุณกอบกุลเม้มปากแน่น เหลือบมามองหลานชาย จิณณะไม่ได้สนใจหล่อน เพราะเอาแต่ช่วยเทน้ำส่งให้บิดาดื่ม ในขณะที่จรรยาเองก็กำลังโทรศัพท์คุยกับลูกชายคนเล็ก เวลานี้คนอื่นๆกำลังวุ่นวายกับเรื่องของตนเอง หากหล่อนจะลับฝีปากก็คงมีแต่พิทักษ์ที่ว่าง


   แต่...การปะทะคารมกับคนนิ่งสงบอย่างพิทักษ์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สุดท้ายคุณกอบกุลจึงหันไปหาเลขานุการส่วนตัว


   “เรียกรถ! ฉันจะกลับ!”


   พายุที่แสนร้ายกาจหายออกจากห้องพักพิเศษไปแล้ว พอประตูปิดลง เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน จะมีก็แต่พิทักษ์ที่ยังคงยืนสงบนิ่งมองสามพ่อแม่ลูกเบื้องหน้า ก่อนที่จิณณะจะหันมาประสานสายตากับเขา


   “พี่ทิศกลับไปก่อนเถอะ ขอบคุณที่พามา” เสียงของคนพูดไม่ได้มีวี่แววร่าเริงเหมือนเคย สีหน้าเรียบแต่สันกรามและลำคอเกร็งขึงนับตั้งแต่ถูกด่าว่าเนรคุณ


   ชายหนุ่มไม่พูดอะไรนอกจากหันไปยกมือไหว้ลาบิดาและมารดาของจิณณะ แล้วจึงเดินออกจากห้อง ทว่าเขาไม่ได้กลับตามที่อีกฝ่ายบอก แต่เดินออกไปที่สวนลอยในชั้นเดียวกันเพื่อโทรศัพท์เรื่องงานในช่วงบ่าย ก่อนจะกลับเข้ามานั่งที่โถงลิฟต์


   พิทักษ์นั่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป จนกระทั่งคนที่เขาคุ้นตาเดินเลี้ยวมาที่โถงลิฟต์


   สายตาของเขาและจิณณะประสานกัน ปลัดหนุ่มอ้าปากเผยอราวกับจะถาม แต่พิทักษ์กลับลุกขึ้นยืน


   “จะไปไหน ผมจะขับรถให้”


   ทั้งๆที่ถูกบอกว่าให้กลับไปก่อน แต่ก็ยังนั่งรออยู่อย่างนี้


ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องเสียเวลาที่นี่ แต่พิทักษ์ก็ยังอยู่


ความร้อนผะผ่าวซาบซ่านอยู่ในอกจนจิณณะรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังหลอมละลายจากข้างใน เขาต้องหันหน้าหนีไปอีกทางแล้วเม้มปากแน่น


ความห่วงใยที่มีต่อบิดาทำให้เครียดและเป็นกังวล ไหนจะเรื่องที่ถูกด่าว่าเนรคุณก็ยังดังก้องอยู่ในหัว อารมณ์โกรธและเสียความรู้สึกยังสะท้านในอก ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามารุมล้อมในเวลานี้ จิณณะรู้สึกเหมือนร่างตนเองโงนเงน แต่พอหันกลับมา…ก็ยังพบว่าพิทักษ์ยังคงยืนรอเขาอยู่


...พี่ทิศยังรออยู่ตรงนี้ รอเพียงเพื่อจะถามว่าอยากจะไปไหน รอเพื่อที่จะขับรถพาไปส่ง...


   ‘เรื่องของจิณสำคัญกว่า’


   ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดประโยคนั้นเพื่ออะไร แต่สำหรับจิณณะในเวลานี้ มันกลับเป็นคำพูดที่ชโลมหัวใจที่สุด


   “กลับบ้านกัน...ผมจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาค้างเป็นเพื่อนพ่อคืนนี้...”


   ไม่มีคำพูดอะไร นอกจากการพยักหน้ารับสั้นๆ ก่อนที่พวกเขาจะลงลิฟต์ไปด้วยกันอย่างเงียบๆ

………………….


   โกศลแปลกใจเล็กน้อยที่ยังคงเห็นพิทักษ์กลับเข้ามาพร้อมกับบุตรชายคนโตของตนเอง แต่ฝ่ายนั้นไม่พูดอะไรมากนัก พอมาส่งจิณณะอีกครั้งพร้อมด้วยอุปกรณ์ของใช้จำเป็นสำหรับการค้างคืนที่นี่ เขาก็ขอตัวเมื่อเห็นว่าน้องชายของจิณณะมาถึงแล้ว ครอบครัวคงอยากอยู่กันอย่างเป็นส่วนตัว


   “เดี๋ยวผมเดินไปส่ง” โกศลมองลูกชายคนโตที่ดูจะไม่ได้เคร่งเครียดโกรธขึงเหมือนเมื่อตอนก่อนจะกลับไปเก็บเสื้อผ้ามาค้าง หนำซ้ำยังมีแก่ใจจะเดินไปส่งพิทักษ์อีกต่างหาก


   คล้อยหลังบุตรชายคนโตและแขก สามพ่อแม่ลูกก็ตกอยู่ในความเงียบ


   “พี่ทิศเขาดูแลพี่จิณดีนะครับ” จารีตออกปาก สองสามีภรรยาเหลือบมองกันเล็กน้อย ด้วยเพราะรู้แต่แรกว่าสถานะของสองคนนั้นไม่ใช่อย่างที่บอกคนอื่น


   แต่...ในขณะเดียวกัน ทั้งโกศลและจรรยาก็ดูออกว่าความสัมพันธ์ของพิทักษ์และจิณณะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นมาก อีกทั้งพิทักษ์ยังสามารถ ‘จัดการ’ กับอารมณ์และปฏิกิริยาของจิณณะได้เป็นอย่างดี


   “ตอนแรกผมคิดว่าพี่จิณกับพี่ทิศแกล้งเป็นแฟนกันเฉยๆ แต่สงสัยจะผมจะดูละครมากไปเอง” จารีตพูดต่อแล้วหัวเราะ


   เป็นอันว่าแม้แต่น้องชายที่อายุน้อยกว่า 6 ปี ก็ดูออกว่าความสัมพันธ์ของพิทักษ์และจิณณะไม่ได้ประดักประเดิด


   “จะว่าไปก็เหมาะกันดี ผมนึกไม่ออกว่าถ้าพี่จิณมีแฟนเป็นผู้หญิง จะต้องเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงจะเอาพี่จิณอยู่ แต่พอเป็นพี่ทิศแบบนี้ ก็เออ! เหมาะเลย!” จารีตพูดไปไม่ได้ดูสีหน้าบิดามารดาสักนิด เขาจิ้มผลไม้เข้าปาก พอเงยหน้าขึ้นมองอีกทีก็พบว่าทั้งโกศลและจรรยาเงียบกริบไปแล้ว


   “พ่อกับแม่...เอ่อ...เป็นไรเปล่าครับ”


   จะให้บอกได้อย่างไรว่าทั้งโกศลและจรรยาก็คิดว่าทั้งพิทักษ์และจิณณะดูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่จะผิดจากความเห็นของลูกชายคนเล็กอยู่หน่อยตรงที่


   ‘เหมาะกันดี’


   ให้อย่างไร ทั้งพิทักษ์และจิณณะก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ โกศลและจรรยาอยากเห็นลูกชายคนโตแต่งงานมีครอบครัวตามธรรมเนียมนิยม ยิ่งไปกว่านั้นพิทักษ์เองก็มีสถานะเป็นลูกเลี้ยงของน้องสาวของจรรยา ทางฝั่งนั้นเองก็คงไม่อยากเห็นความ ‘เหมาะกันดี’ ของพิทักษ์และจิณณะเช่นกัน


   “จา...ลงไปซื้อกาแฟให้แม่สักแก้วสิ” จรรยาหาทางเลี่ยงที่จะตอบ จารีตลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง รับออเดอร์แล้วก็เดินออกจากห้องพักไปอีกคน คราวนี้เมื่อเหลือกันเพียงสองสามีภรรยา พวกเขาก็ได้แต่มองหน้ากัน


   ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร สามีภรรยาที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาสามสิบปีมองตาก็รู้ใจ


   ต้องดึงจิณณะกลับมาทำงานที่กรุงเทพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

พี่ทิศเป็นทุกอย่างแล้วจริงๆ ตอนนี้เป็นคนขับรถให้ด้วย ผู้ชายแบบนี้หาได้ที่ไหนคะ ฮ่าฮ่า

คุณกอบกุลเนี่ย เป็นคาร์แรกเตอร์ที่รู้สึกสนุกทุกครั้งที่เขียนถึง เพราะฉะนั้น อย่าโกรธคุณย่าเลยนะคะ แกอาจจะด่าปลัดแรงไปบ้าง แต่ปลัดใจเร็วด่วนได้แค่ไหน คุณย่าก็ต้นตระกูลปลัดนี่แหละค่ะ ใจเร็วปากไว ถอดแบบกันมา ฮ่าฮ่า

ส่วนความมาดแมนของปลัดในตอนนี้ ขอปรบมือให้กับการรู้ใจตัวเองค่ะ (ปลัดกำลังสะสมแต้มความแมนเพื่อเทิร์นโปรเป็นพระเอก แต่จะได้เป็นมั้ย อันนี้ต้องถามพี่ทิศค่ะ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจและพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 31-01-2019 22:08:35
พี่ทิศคือดี จิณก็คือดี เหมาะกันดี
พี่ทิศ "เรื่องของจิณสำคัญกว่า" โอ๊ยยยย ที่สุด

รอวันเป็นตัวจริงของกันและกัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 31-01-2019 22:15:38
ดูมีความตึงเครียด  :katai5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 31-01-2019 22:37:30
เป็นผมตบปากไปแล้วครับ คนแก่ปากไม่มีหูรูด
คิดว่าตัวเองอาวุโส ใช้อำนาจจนเคยตัว
ไม่ชอบก็อยู่เฉยๆ เงียบปากเถอะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 31-01-2019 22:56:27
 คนพี่นี่ยอมคนน้องได้อบอุ่นมากเลยนะคะ ตอนแรกนึกว่าคนพี่จะระเบิดลงแล้วตอนรู้เรื่องคนน้องเอาตัวไปล่อเป้า กลายเป็นว่ายอมโอนอ่อนกับคนน้องเฉย ชอบโมเมนต์มองตาก็รู้ใจคอยซัพพอร์ทความรู้สึกกันมาก อ่านทีไร ชุ่มชื่นหัวใจทุกที
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 31-01-2019 22:58:58
น่าจะได้เป็นนายเอกนะครับแต้มความแมนคงถึงได้แค่นั้น 55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-01-2019 23:06:05
หญิงย่าเยอะไป
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ช็อคโกแลตเย็นไม่ใส่นมข้น ที่ 31-01-2019 23:26:54
แอบรู้สึกแปลกทุกทีที่เห็นคำว่าที่ว่าการ เพราะปกติเราจะเรียกอำเภอตลอด  แต่ก็เข้าใจว่าถ้าใช้อำเภอจะสับสนว่าหมายถึงที่ว่าการอำเภอรึตัวอำเภอทั้งหมด ปล.จินอยู่อำเภอไหน ทำไมดูว่าง ขอไปอยู่ด้วย555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-01-2019 23:30:23
พี่เป็นทุกอย่างให้แล้วแบบนี้น้องจิณจะปล่อยมือได้อย่างไร
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-01-2019 23:41:47
โอ๊ยยย พี่ทิศคนดีสุดๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-01-2019 23:47:03
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-02-2019 00:00:50
อุปสรรคความรักของจิณกับพี่ทิศกำลังเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
เดี๋ยวพ่อต้องทำตัวป่วยหนัก
จะเอาจิณกลับมาอยู่กรุงเทพเพื่อแยกจิณกับพี่ทิศออกจากกันแน่ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-02-2019 00:01:28
เก่งมาจากไหนก็แพ้พี่ทิศ ทั้งย่าทั้งหลาน5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-02-2019 00:06:18
ภาพคุณย่าที่ขึ้นมาในหัวตอนนี้คือ คุณภัทรวดี มีชูธนค่ะ หญิงแก่ที่แกร่งปากสุดยอด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 01-02-2019 00:13:43
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว...แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉัยเลยยยย(เพลงนี้ต้องลอยเข้าหูอะเอาจริง555)
พี่ทิศของเราทุ่มเททั้งแรงกาย(และอาจจะแรงใจในอนาคต)ให้กับปลัดแบบสุดตัว
ไม่มีคำว่ากลัวตายแต่ประการใด พี่พร้อมลุยทุกสถานการณ์เพื่อน้องคนเดียวงี้ ชั้นรักเค้าาาา

แต่เหนือไปกว่านั้นน้องจิณมาดแมนแฮนซั่มมากค่าาาา
ไม่คิดว่าน้องจะหวั่นไหวเร็วขนาดนี้ อาการแบบนี้คือหนูชอบพี่ทิศเข้าไปเต็มๆแล้วค่ะลูกกกก
เหลือก็แค่ทำใจยอมรับได้อย่างเต็มร้อยและพร้อมลุยมากกว่าจะถอยหนี
ขนาดคุณย่าจอมบงการน้องยังแข็งข้อผ่านมาได้เลย แล้วกะอีแค่ยอมเป็นแฟนจริงๆกับพี่ทิศมันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว
เอาดีๆ พี่ทิศเองก็แอบหวั่นไหวเหมือนกันล่ะน่าาา แค่รอให้น้องเปิดก่อนเดี๋ยวหลังจากนั้นพี่ทิศเค้าตามมาเอง
เราอยากเห็นสองคนนี้เค้ารักกันแล้ววววว รีบๆรักกันเถอะแม่ขอร้องงงงงงง
กราบบบบบบ  :hao5:

ป.ล.ถ้าต่างฝ่ายต่างยอมรับว่ารู้สึกดีต่อกันแล้ว ละเลือกจะสานสัมพันธ์กันต่อไป
นอกจากด่านคุณย่าจะน่ากลัว นี่คิดว่าพ่อแม่ของน้องก็แอบห่วงเช่นกัน
พี่ทิศคงต้องฝ่าฟันอุปสรรคหนักมาก กว่าจะได้ตัวน้องมาครอง
ยังไงก็...สู้จนตัวตายแล้วกันนะพี่ทิศ ฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-02-2019 00:36:54
อบอุ่นกว่าพระอาทิตย์ ก้อผู้จัดการสนามกอล์ฟนี่แหละ  o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 01-02-2019 01:10:14
เอ็นดูปลัด ดื้อซน แต่ไม่ปฏิเสธใจตัวเอง :mew3:

พี่ทิศคนดี เป็นทุกอย่างจริง ๆ นี่คือพี่โตรวมร่างกับคุณหมอแล้วอวตารมารึเปล่าเนี่ย  :heaven

รักนี้ นอกจากคุณย่ามหาภัยแล้ว ยังต้องผ่านด่านพ่อแม่อีกด้วย ลุ้นดีแท้

ขอว้าปไปพฤหัสหน้าเลยได้ไหมคะ  :katai1:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-02-2019 03:20:42
เริ่มรำคาญย่าแล้วนะ เกินเบอร์ไปเยอะอ่ะ ส่วนพี่ทิศกับจิณก็เหมาะกันจริงๆนั่นแหล่ะ แต่ว่าพ่อแม่จิณยังเปิดใจรับไม่ได้ถ้าสองคนนี้จะคบกันจริงๆ นี่สิปัญหา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-02-2019 06:13:24
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-02-2019 07:29:59
 :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 01-02-2019 09:25:17
คุณกอบกุล คาแรกเตอร์คุณย่าเราไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ค่ะ เพราะนิสัยคนแก่แบบนี้มีเยอะ พวกปากร้ายใจดี รักนะ แต่ห้ามขัดใจ ชอบคนตามใจ ปกติ

จิณณะกับคุณย่านิสัยเหมือนกันเลย ถึงได้คุยกันได้ไม่เกิน3ประโยค 555555555555555

ส่วนพี่ทิศ พี่จะรู้ตัวมั้ยน้ออออออ ว่าเป็นห่วงเกินเบอร์ไปแล้ว อยากเห็นพี่ทิศรุกจิณณะจนเขินหน้าแดงเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-02-2019 09:45:00
คำว่า "เรื่องของจิณสำคัญกว่า" ทำให้ใจหวั่นไหวจริง ๆ เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 01-02-2019 10:01:09
รู้ใจตัวเองแล้วก็เรื่มทำตัวออกห่างแต่คนพี่ไม่รู้ด้วยนี่จะทำยังไง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-02-2019 10:25:35
พี่ทิศ น้องใจบางเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 01-02-2019 10:53:55
พี่ทิศของน้องงงงง
อยากได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-02-2019 10:55:08
เหมาะกันดีไง โอ้ยยย ดี๊ดี
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 01-02-2019 12:46:20
คุณย่าเยอะเกินจนน่าทะเลาะด้วยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 01-02-2019 13:41:46
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากครับ
+1 เป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 01-02-2019 14:44:03
น้องจิณ น่ารัก :sad4:

ไม่อยากให้กลับกรุงเทพเลย :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=&gt; หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 01-02-2019 14:51:11
คุณพ่อคุณแม่อย่านะคะะะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 02-02-2019 00:08:17
น้องจิณเริ่มรู้สึกอะไรๆกับพี่ทิศแล้ว ส่วนพี่ทิศก็ห่วงน้องจนแสดงออกชัดเบอร์นี้ แอร๊ยยย :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 02-02-2019 02:11:20
นางเอกเล่นทำคะแนนแบบนี้ พระเอกที่กะจะตัดใจแล้วจะไปไหนรอดล่ะเนี่ย
อดใจรอจนถึงตอนที่ความรู้สึกพี่ทิศเริ่มชัดเจนขึ้นไม่ไหวแล้วว
เป็นกำลังใจให้นะคะ สนุกมาก ชอบเรื่องของคุณอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 02-02-2019 04:06:27
ถ้าพ่อกับแม่ขอร้องให้กลับมาทำงานกรุงเทพ
ปลัดคงปฏิเสธได้ยากกว่าตอนย่าขอแน่ๆ
และที่กลัวใจคือ ปลัดอยากหนีห่างคนพี่นี่ซิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 02-02-2019 08:31:22
จิณณะก็คืออออ พี่อย่างนู้น พี่อย่างนี้ พี่ทิศไม่คันยุบยิบๆ ในอกบ้างเหรอคะ ทางนี้คือใจเหลวแล้ว คู่นี้อุปสรรคเยอะมากค่ะคุณแม่ พ่อแม่ก็ชักเห็นลางไม่ดี ตะพรากลูกไปกรุงเทพแล้ว แล้วมาพากันเอะใจตอนจิณณะกำลังอยากห่างอิพี่พอดีอีก พี่ทิศสู้นะคะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 02-02-2019 08:52:14
คุณย่าไม่ปล่อยปลัดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 02-02-2019 13:40:31
งานอบอุ่นของพี่ทิศมันดีมากเพราะมันอุ่นทะลุจอมาเลย
แบบนี้ไม่เผลอใจได้ไง ใครๆเขาก็ดูออกแล้วน๊าาาา
ก็เพราะน่ารักแบบนี้อยู่ข้างๆแบบนี้คนที่พยายามจะหักห้ามใจมันจะไปทำได้มั้ยเนี้ย
ขอบอกว่าทำไม่ได้และไม่ให้ทำด้วย จงหลงพี่ทิศต่อไป วะฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 02-02-2019 18:01:45
จินกับพี่ทิศเคมีเข้ากั๊นเข้ากัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-02-2019 21:16:30
ใจสั่นไหว มีความห่วงใยกันโด้ยล่ะ จริงนะ คุณย่าคือต้นตระกูล จิณได้หน้าตาจากปู่ การพูดจาได้จากย่า ผสมกันเป็นจิณณะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-02-2019 08:13:39
นั่นไง ชัดเจนขึ้น จนพ่อแม่ยังมองออก
แต่เชื่อเถอะยังไง จิณก็ไม่ยอมมา หรือถ้ายอมมา
พี่ทิศก็มาหาได้อยู่ดี ความห่างไกลไม่ใช่อุปสรรค

จิณเอ้ยย ทำพี่ทิศเป็นห่วง ทั้งที่หาเรื่องใส่ตัว
ทั้งที่ทำตัวแปลกไป ทำยังไงดีล่ะจะยอมห่างจริงหรอ

ทิศคือรู้ใจมากค่ะ เดาอารมณ์ ดูสถานการณ์ออก
แล้วแบบนี้จะไม่ใช่ห่วงยังไงไหวเนาะ แถมอยู่รอรับส่งอีก
คนเรา แค่ห่วงไม่ขนาดนี้หรอก อาจรอจังหวะดูอาการก็ได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 03-02-2019 09:46:31
พี่ทิศสู้ๆอดทนอยู่เคียงข้างน้องจิณให้ตลอดลอดฝั่งหน่อยนะ


สงสารคนดื้อหัวแข็งแบบน้องจิณด้วยน้องไม่มีใคร
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 03-02-2019 14:43:31
พี่ทิศคะ ทำแบบนี้ เป็นใครก็หวั่นไหว
ปลัดจะชอบพี่ทิศก็ไม่แปลกใจ ดีขนาดนี้ไม่มีแล้ว
แล้วพี่ทิศชอบน้องจิณตรงไหนบ้าง อยากรู้ความคิดคุณเขา
แล้วก็เบื่อครอบครัวของจิณเหลือเกิน ปัญหาเยอะ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 07-02-2019 22:30:36
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
   ตอนที่ 7


   เพราะโกศลไม่ได้เป็นอะไรมากนัก จิณณะค้างที่โรงพยาบาลหนึ่งคืน คืนต่อมาเป็นจารีต เขาจึงกลับไปทำงาน ขามาคนพามากรุงเทพคือพิทักษ์ ขากลับก็ยังเป็นพิทักษ์ที่พาเขากลับไปที่บ้านพักข้าราชการ


   “ขอบคุณครับ” ปลัดหนุ่มลงจากรถพร้อมสัมภาระ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเจ้าของรถที่เดินลงมาส่ง


   “ไม่ต้องขอบคุณบ่อยนักหรอก”


   “ไม่ขอบคุณได้ไง พี่...ช่วยผมตั้งหลายอย่าง”


ไม่ต้องให้แจกแจง ต่างคนต่างรู้ดีว่าพิทักษ์ช่วยอะไรบ้าง อย่างน้อยๆก็ช่วยอยู่เคียงข้างในเวลาที่ถูกตราหน้าว่าเนรคุณ


   “ผมรับปากแล้วก็คือรับปาก”


จิณณะชะงักไปเล็กน้อย คำว่ารับปากของอีกฝ่ายทำให้เขาสะท้อนใจ พิทักษ์เป็นคนทำตามคำพูด เมื่อรับปากว่าจะช่วยเหลือเขา ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างดี ฝ่ายเขาเองก็เคยรับปากว่าถ้าทุกอย่างสิ้นสุด จะปล่อยพิทักษ์ให้กลับไปใช้ชีวิตตามเดิม แต่...เวลานี้ที่ความรู้สึกในใจเริ่มเปลี่ยนแปลง จิณณะก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ว่าเมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างจบลง เขาจะทำใจปล่อยอีกฝ่ายไปจากมือได้หรือไม่


   เสียงประตูบ้านพักด้านหลังดังขึ้น ดึงสติปลัดหนุ่มออกมาจากภวังค์ เขาหันไปมองก็พบว่าคนที่เปิดประตูบ้านออกมาต้อนรับคือวรชิตที่ยังคงอาศัยอยู่ที่นี่


   วรชิตส่งยิ้มแย้ม แล้วเดินออกมาหา


   “พ่อมึงเป็นไงบ้างวะ” แม้ก่อนหน้านี้ จิณณะจะโทร.มาแจ้งข่าวทางโทรศัพท์แล้ว แต่วรชิตก็ยังถามย้ำด้วยความห่วงใย    

“ไม่เป็นอะไรมาก”


   พิทักษ์เห็นว่าเย็นมากแล้ว และจิณณะก็มีเพื่อนอยู่ด้วยแล้ว จึงเอ่ยปากขอตัว


   “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อน” 2 ปลัดหันมอง ก่อนจะเป็นฝ่ายเจ้าของบ้านพักท้วง


   “ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนหรือ”


   “ไม่เป็นไร ผมต้องเข้าไปเคลียร์งาน”


เพียงเท่านั้นก็ไม่มีใครรั้งพิทักษ์เอาไว้อีก จิณณะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลับมาทำงานเลยตลอด 2 วันที่เขาอยู่กรุงเทพฯ แม้จะไม่ได้อยู่กับเขาในห้องพักพิเศษของบิดา แต่พิทักษ์ก็วนเวียนอยู่แถวละแวกโรงพยาบาล เมื่อไรที่เขาจะออกไปไหน เมื่อนั้นพิทักษ์จะพร้อมขับรถให้เสมอ


   รถหรูเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านพักข้าราชการไปแล้ว จิณณะและวรชิตจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน คราวนี้กลายเป็นฝ่ายจิณณะที่ถามไถ่บ้าง


   “แล้วเมื่อคืนมึงนอนได้รึเปล่า”


   “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้”


   จิณณะไม่อยากพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะเกรงว่าจะไปเบียดเบียนศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเพื่อนเข้า วรชิตหัวเราะเบาๆ


   “มึงบอกเองนี่หว่า ว่าคนของคุณเทียมก็อยู่ จะกลัวอะไร” อันที่จริง เมื่อคืนวรชิตแทบไม่ได้นอน ถึงแม้จะรู้ว่ามีคนของคุณเทียมคอยสอดส่องรอบบ้านให้ แต่อย่างไรเขาก็ยังกลัว


   ความกลัวตาย...เมื่อมันเข้ามาในใจแล้ว จะให้ออกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย


   จิณณะวางกระเป๋าเสื้อผ้าลง ก่อนจะหันมาทางเพื่อน


   “ชิต มึงก็รู้ว่าคนของคุณเทียมดูแลไปตลอดไม่ได้...” รอยยิ้มของอีกฝ่ายหืดแห้ง เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่ทำเป็นลืม อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้สภาพจิตใจในตอนนี้ย่ำแย่กว่าที่เป็นอยู่


   “มึงบอกกูได้ไหม ว่ามึงคิดว่าเป็นใคร”


มีความเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง คนถามไม่ได้เร่งรัด แต่ก็ยังจับจ้องอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งวรชิตพ่นลมหายใจออกมา


   “ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวทลายบ่อน...พี่สุกเป็นสาย...”


ก่อนหน้านี้ ในจังหวัดมีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง คือตำรวจบุกจับบ่อนการพนันแห่งหนึ่ง แต่ก็เป็นแค่ข่าวระดับจังหวัด ในไม่ช้าก็หายไปจากกระแสสังคม ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขั้นตามเก็บ


   “จริงๆพี่สุกเป็นสายให้ทั้งทางเรา แล้วก็ทางตำรวจ”


   “แต่นั่นมันบ่อนชาวบ้านไม่ใช่หรือ”


   “นั่นไม่ใช่บ่อนชาวบ้าน...” วรชิตเปรย ทอดถอนหายใจยาว


   “บ่อนนั่นมีทุกอย่างที่ปอยเปตมี แถมยังอยู่ใกล้กรุงเทพ มึงคิดว่าลูกค้าของบ่อนเป็นใครล่ะ ไม่ใช่ชาวบ้านแถวนี้หรอก...”


   “แสดงว่าเจ้าของบ่อน...เส้นใหญ่มาก”


ถ้าพูดถึงเส้นสายในจังหวัดนี้ ชื่อเดียวที่ดังก้องหัวของจิณณะในเวลานี้คือคุณเทียม


   “ของคุณเทียมหรือ?” พอเปรยชื่อออกไป คนพูดก็ใจหายวาบ ไม่ใช่แค่เพราะคุณเทียมคือคนที่เขาเข้าไปอาศัยบารมี แต่...เพราะพิทักษ์เป็นหลานของคุณเทียม


   พิทักษ์รู้เห็นด้วยไหม? พิทักษ์มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่?


   พิทักษ์...เชื่อใจได้รึเปล่า?


   ใจ...ที่แอบวางลงไปในมือของผู้ชายคนนั้น หากต้องดึงกลับมา ก็สู้ให้บดขยี้ไปเสียดีกว่า เพราะอย่างไรก็เจ็บไม่ต่างกัน


   “ไม่ใช่คุณเทียม...” คำตอบของวรชิตทำเอาจิณณะโล่งใจจนเผลอถอนหายใจเบา


“...เจ้าของบ่อนคือนายไพศาล”


ในจังหวัดนี้นอกจากคุณเทียมที่เป็นผู้มีอิทธิพลแล้ว ยังมีคนที่กว้างขวางไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นายไพศาลคนนี้ไม่ใช่นักการเมืองระดับประเทศหรือระดับท้องถิ่น แต่วางรกรากเส้นสายในจังหวัดผ่านทางการปล่อยเงินกู้และการค้าขาย


   “มันเป็นคนสั่งเก็บพี่สุกหรือ?”


คราวนี้วรชิตส่ายหน้า


   “กูก็ไม่รู้ แต่ถ้าพี่สุกจะขัดแข้งขัดขาใครก็น่าจะเป็นเรื่องทลายบ่อคราวนั้น”


   “แต่นายไพศาลกล้าทำขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าจำไม่ผิด หมอนี่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อคุณเทียม...” 


ถ้ามีคนอยู่ใต้อาณัติ ก็ย่อมต้องมีคนที่ไม่อยากอยู่ใต้อาณัติ แต่ถึงอย่างนั้น ยามพบปะ พ่อค้าอย่างไพศาลก็ทำตัวมีสัมมาคารวะ ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ ทว่า...ก็ไม่อยู่ใต้อำนาจคุณเทียมเช่นกัน


   “มีคนบอกว่ามันมีแบ็กใหญ่” 


จิณณะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถ้ากล้าเปิดธุรกิจสีเทาสีดำในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ แถมพอมีคนขัดแข้งขัดขาก็กระทำการอุกอาจส่งคนมาตามเก็บแบบนี้ หากไม่มี ‘แบ็กใหญ่’ ก็คงไม่กล้าหาญขนาดนี้


   มาถึงตรงนี้ วรชิตก็ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างหมดแรง ยิ่งตระหนักถึงสิ่งที่เกิดกับทองสุก ก็ยิ่งหวาดหวั่น แม้จะไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมเขาถึงจะต้องกลายเป็นรายต่อไป


   “แต่เรื่องทลายบ่อนคราวนั้น กูไม่ได้เกี่ยวด้วยเลย...กูไม่รู้ว่าทำไมพวกมันถึงเล็งมาที่กู...” เขาครวญอย่างสับสน ทว่าจิณณะไม่กล้าพูดว่าต้นเหตุที่ทำให้วรชิตถูกหมายหัว เป็นเพราะพวกนั้นรู้ว่ามีใครอีกคนอยู่กับทองสุกในคืนสุดท้ายของชีวิต ได้แต่ตบไหล่หนักๆ แล้วปลอบเสียงพร่าด้วยความอัดอั้นเพราะไม่กล้าบอกเพื่อนตามตรง


   “มึงต้องไม่เป็นอะไร”


วรชิตเงยหน้ามอง สายตาเต็มไปด้วยความกังวล


   “มึงรับราชการด้วยตำแหน่งปลัดอำเภอ ก็ต้องเกษียณที่ตำแหน่งปลัดกระทรวง” จิณณะย้ำ คำพูดของเขาก็พอจะทำให้คนฟังยิ้มได้อยู่บ้าง


   “กูเป็นปลัดกระทรวง แล้วมึงเป็นอะไร ปลัดกระทรวงมีได้แค่คนเดียว”


   “กูจะออกจากราชการไปเป็นรัฐมนตรี จะได้สั่งงานมึงอีกทีไง”


   เสียงหัวเราะดังหึของวรชิตช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด


มิตรภาพ...เป็นแสงไฟดวงเล็กๆในวันที่มืดมนเต็มไปด้วยปัญหา ต่อให้ไม่อาจชี้ทางออก แต่ก็ทำให้มองเห็นว่าไม่ได้มีเพียงตนเองที่เดินอยู่เพียงลำพัง

............................

เรื่องที่รู้มาจากวรชิต ย่อมไม่หยุดอยู่แค่จิณณะ เช้าวันต่อมาปลัดหนุ่มหิ้วโจ๊กสิบห้าถุงไปถึงสนามกอล์ฟ ฝากคนอื่นๆเสียสิบสามถุง อีกสองถุงให้แม่บ้านช่วยจัดใส่ถ้วยยกเข้าไปให้ที่ห้องทำงานของพิทักษ์


“คราวนี้ซื้อมากี่ถุง” พอถ้วยโจ๊กถูกวางลงตรงหน้าเจ้าของห้อง คำถามก็ดังขึ้นทันที จิณณะทำหน้าเบ้ ทว่าประไพผู้เป็นแม่บ้านกลับหัวเราะคิก


“ป้าไพ บอกผมมา” พิทักษ์รู้ดีว่าเขาควรถามใคร เพราะคนเบ้หน้าย่อมหุบปากเงียบ ประไพเหล่มองปลัดหนุ่มอย่างสัพยอก จิณณะเห็นสายตาของหล่อนก็ได้แต่พยักหน้าเนือยๆ


“บอกไปเถอะป้า แต่ลดจำนวนให้ผมหน่อยก็ดีนะ”


“สิบห้าค่ะ” ทว่าประไพนั้นสมกับเป็นคนของพิทักษ์ แม้จะถูกบอกให้โกหกช่วยๆกันหน่อย หล่อนกลับบอกตรงเป๊ะ เจ้าของห้องสูดลมหายใจลึกแล้วหันมามองแขกเจ้าของโจ๊กสิบห้าถุง


“พนักงานของพี่ตั้งเยอะ จะให้ผมซื้อมาน้อยได้ไงล่ะ พี่ลดพนักงานลงสิ ผมจะได้ซื้อน้อยๆ” คนซื้อของฝากมือเติบออกตัวเหมือนตัวเองไม่ผิด หนำซ้ำยังแนะให้ลดจำนวนพนักงานอีกต่างหาก


“แล้วถ้าที่นี่มีพนักงานเป็นร้อย ไม่ต้องซื้อโจ๊กมาร้อยถุงรึไง” ถูกย้อนเข้าแบบนั้น จิณณะก็ได้แต่ทำปากขมุบขมิบ


“ใครที่ไหนจะซื้อโจ๊กเป็นร้อยถุง”


“แต่ก็ไม่ควรซื้อมาเป็นสิบถุงเหมือนกัน”


“ผมมีน้ำใจไง”


“น้ำใจมีแค่พอสมควร ไม่ใช่ทุกครั้ง” ต่อให้เถียงยังไง พิทักษ์ก็มีวิธีโต้กลับ จิณณะเลยเลือกจะเบี่ยงความสนใจด้วยการเลื่อนชามโจ๊กเข้าไปใกล้เจ้าของห้อง


“ผมว่าโจ๊กจะเย็นหมดแล้วนะ”


เจ้าของห้องทำงานมองคนเปลี่ยนเรื่องตาใสแล้วถอนหายใจ รู้ดีว่าบ่นอะไรไป อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง เขาหยิบช้อนขึ้นมาคนโจ๊กในชาม เพียงเท่านั้นประไพที่ยืนสังเกตการณ์ก็หัวเราะออกมาอีกยกใหญ่ ชายหนุ่มสองคนที่กำลังจะจัดการอาหารเช้าต้องพากันหันมอง


หญิงร่างอวบผู้เป็นแม่บ้าน หัวเราะหน้าตาสดใส พอเห็นสายตาของสองหนุ่มที่คนหนึ่งหล่อนใกล้ชิดมาตั้งแต่ยังเล็ก ส่วนอีกคนก็เคยเห็นผ่านตามาสมัยเด็กๆ ก็ยิ่งหยุดหัวเราะไม่ได้


“ขอโทษค่ะ ป้าเห็นแล้วคิดถึงสมัยก่อน”


“สมัยก่อน?” จิณณะทวนถาม


“สมัยเด็กๆ คุณจิณเคยมาเล่นกับคุณทิศ เล่นกันไปเถียงกันไป เถียงสู้กันได้พักนึงก็พากันเงียบ แล้วก็เล่นด้วยกันต่อ แล้วก็เถียงกันใหม่ ตอนแรก คุณยากับคุณภาก็พากันกลุ้มใจ กลัวจะเล่นแล้วทะเลาะกัน ที่ไหนได้ ไม่ทะเลาะแถมยังยอมกันอีก แต่ยอมกันได้แป๊บเดียวก็เถียงกันใหม่ แบบนี้เด๊ะเลย”


จิณณะและพิทักษ์พากันเงียบ จากที่มองประไพเมื่อครู่ก็กลายเป็นหันมามองกันเอง


ไม่ทะเลาะกัน แถมยังยอมกันอีก


จิณณะรู้สึกน้ำลายหนืดคอไปหมด เขากะพริบตาปริบๆก่อนจะเป็นฝ่ายเบี่ยงสายตาลงมองโจ๊กในถ้วยตัวเอง แล้วตักเข้าปาก อย่างน้อยก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจยอม แต่หิวจนไม่อยากเถียงแล้วต่างหาก


ทว่าจะมีใครรู้ดีกว่าหัวใจ


...ยอมจริง...


...ยอมพี่ทิศจริงๆ...


“อ้าว ตายจริง ป้าลืมยกเครื่องปรุงเข้ามา”


“ไม่ต้องครับ ตอนเช้าไม่ปรุงจะดีกว่า” พิทักษ์สั่ง แม้จิณณะจะอยากปรุงแค่ไหน แต่เขาก็ไม่คิดจะเงยหน้าจากถ้วยโจ๊กในเวลานี้ ตักกินไปแล้วหลายคำ จะมาอยากปรุงเอาตอนนี้ก็จะกลายเป็นดูไม่เนียนน่ะสิ


ประไพรับคำ ก่อนจะออกจากห้องไป ปล่อยชายหนุ่มสองคนเอาไว้กับความเงียบ


เจ้าของห้องมองคนที่ก้มหน้าก้มตาตักโจ๊กเข้าปากแล้วก็พาลรู้สึกอึดอัด เมื่อครู่นี้พวกเขายังทุ่มเถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่เลย แม้จะเป็นการทุ่มเถียงที่ไม่ค่อยมีสาระนัก แต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้ใส่อารมณ์กับมัน บรรยากาศจึงเป็นกันเองและสบาย จนกระทั่ง...ถูกทักว่าเถียงกัน แล้วก็ยอมกัน


...ไม่ทะเลาะ...เพราะก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ต่างคนต่างก็ยอมเป็นฝ่ายเงียบ


ตัวเขานั้นติดนิสัยไม่ค่อยพูดมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังทุ่มเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่องกับจิณณะ


ส่วนจิณณะ...รายนี้ช่างพูดมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังยอมเงียบให้เขา


เราต่างคนต่างยอมกัน


ความรู้สึกบางอย่างทับถมในใจของพิทักษ์ช้าๆ สายตาของเขายังเอาแต่มองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ดูเหมือนคนถูกมองจะไม่ได้รับรู้เลย เพราะเอาแต่ตักโจ๊กเข้าปาก


“แล้ววันนี้มีอะไรรึเปล่า ถึงมาทานข้าวเช้าที่นี่”


แล้วก็เป็นฝ่ายพิทักษ์ที่ยอมอีกครั้ง ทั้งๆที่ไม่ใช่คนช่างพูด แต่เขาก็ยอมเป็นฝ่ายชวนคุยขึ้นมาก่อน


จิณณะเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าวันนี้เขามีเรื่องอยากจะพูดคุยด้วย ถึงได้ซื้อโจ๊กมาเป็นใบเบิกทางหาเรื่องมาพบหน้าพิทักษ์แต่เช้า


“ผมคุยกับไอ้ชิตแล้ว เรื่องพี่สุก” ปลัดหนุ่มเอ่ยหน้าตาจริงจัง วางช้อนลงกับถ้วย ในขณะที่พิทักษ์เองก็พลอยตั้งอกตั้งใจฟังไปด้วย


“ไอ้ชิตบอกว่าพี่สุกเป็นสายตอนที่ทลายบ่อนพนันคราวก่อน มันว่าบ่อนนั่นเป็นของนายไพศาล ไม่ใช่บ่อนธรรมดาด้วย” พิทักษ์รับฟังอย่างเงียบๆ เขาเคยพบหน้านายไพศาลคนนี้หลายครั้งตามงานใหญ่ๆของจังหวัด ไพศาลเป็นพ่อค้าคนกลาง รู้จักคนนั้น พบปะคนนี้ เป็นเศรษฐีใหญ่คนหนึ่งที่นี่ แน่นอนว่าหลังฉากอาชีพค้าขายสุจริตคือการปล่อยเงินกู้ให้ทั้งคนในระบบราชการและชาวบ้านทั่วไป


ส่วนเรื่องบ่อน...เรื่องนี้พิทักษ์เองก็เพิ่งรู้เช่นกัน


“ไอ้ชิตบอกว่ามันมีแบ็กใหญ่” นั่นก็ฟังสมเหตุสมผลอยู่ การเปิดบ่อนในยามที่การพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ย่อมทำเองโดยอาศัยเม็ดเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีอำนาจด้วย


“พี่ว่า...ลุงพี่รู้เรื่องนี้ไหม” เป็นคำถามที่ทำให้พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นหลานของคุณเทียม แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ล่วงรู้ทุกเรื่องที่ลุงของเขารู้ เขาสบตากับคนถาม จิณณะเองก็มีแววไม่แน่ใจ ก่อนจะเปรยขึ้นมาอีกครั้ง


“แล้ว...เรื่องของพี่สุกจะเกี่ยวกับเรื่องทลายบ่อนอย่างเดียวจริงรึเปล่า...” เป็นคำถามที่แม้แต่คนถามก็ไม่กล้าคิดถึงคำตอบ ได้แต่เม้มปากแน่น แล้วถามอีกครั้งราวกับขอความเห็น


“ถ้ามันไม่ใช่แค่เรื่องบ่อน...เราจะทำยังไงดี” จิณณะแอบเหมารวมอีกฝ่ายไปด้วย อย่างน้อยก็รู้สึกดีว่ายังมีอีกคนที่รวมกันแล้วกลายเป็น ‘เรา’


“จะถอยหรือ” พิทักษ์ถาม


“ลุงของพี่ก็เคยบอกว่าถ้าเข้าไปยุ่ง จะถอยออกมาไม่ได้อีก...” ในแววตาของจิณณะมีแววไม่แน่ใจและเป็นกังวล หากว่าเรื่องที่ทองสุกเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว หากไม่ใช่แค่เรื่องบ่อนการพนัน หากเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่มากกว่า เขาจะรับมือไหวหรือ


“ถ้าจะถอย คุณต้องหาทางออกให้ตัวเองกับเพื่อนของคุณให้ได้”


คำแนะนำของพิทักษ์ทำให้คนที่ต้องควานหาทางออกในเวลาที่ปัญหาประเดประดังได้แต่เม้มปากแน่น การตัดสินใจนี้ ทำให้อัดอั้นเสียจนริมฝีปากยังสั่นระริก


“ผม...ออกจากราชการ กลับกรุงเทพฯดีไหม”


ไม่ใช่แค่เรื่องความเป็นความตายที่เกิดขึ้นที่นี่ แต่มีเรื่องที่ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกเนรคุณปล่อยให้บิดาทำงานหนักทั้งๆที่ควรจะเป็นกำลังสำคัญให้ครอบครัวด้วย


ราวกับชะตาชีวิตชี้ทางเดียวให้เขา คือทิ้งอาชีพที่ทำอยู่เวลานี้เอาไว้ที่นี่ แล้วกลับไปรับช่วงต่อจากบิดาที่กรุงเทพ


ปลอดภัยจากภยันตราย แบ่งเบาภาระพ่อแม่


วิถีกตัญญู


“แล้วเพื่อนของคุณล่ะ” พิทักษ์ไม่ได้คิดจะรั้ง แต่เวลานี้คนที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่จิณณะ แต่วรชิตก็ถูกเพ่งเล็งเช่นกัน


มาถึงตรงนี้ จิณณะก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก


“ผมว่าจะเข้าไปคุยกับคุณย่า คุณย่าเคยพูดว่ารู้จักคนที่จะย้ายผมเข้ากรุงเทพได้ ถ้าอย่างนั้นก็อาจจะย้ายไอ้ชิตไปไหนก็ได้ แลกกับการที่ผมจะกลับไปทำงานตามที่เขาอยากให้ทำ”


“แต่ถ้ามันคิดจะเก็บพวกคุณ ต่อให้เพื่อนคุณถูกย้ายไปอยู่บนเกาะ หรือคุณอยู่ในกรุงเทพ มันก็ส่งคนไปเก็บอยู่ดี” พิทักษ์แย้ง เรื่องนี้จิณณะเองก็พอเดาได้ เขารู้ว่าถ้าถูกหมายหัว อย่างไรก็ไม่รอด


“ฟังดูเหมือนผมถอยไม่ได้เลย...” จิณณะไม่ใช่คนคร่ำครวญกับอดีต แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ถ้า’ เขายอมตามใจคุณกอบกุล กลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ หรือแม้แต่ไม่ขวนขวายสอบปลัด ไม่ดื้อแพ่งเรียนมาทางสายนี้แต่แรก ชีวิตก็คงไม่ต้องพบเจอปัญหาแบบนี้


ผิดที่เขาเอง ผิดที่ตนเอง


“จิณ...” เจ้าของชื่อที่กำลังจมจ่อมอยู่กับภวังค์เงยหน้ามองตามเสียงเรียก พิทักษ์ยังมองตรงมาที่เขา ดวงตาคู่นี้จะว่าดุก็ดุ แต่ในเวลาที่กำลังไหวเอนเพราะปัญหารุมล้อม ดวงตาคู่นี้กลับเหมือนกำแพงแข็งแกร่งที่โอบล้อม...ให้ปลอดภัย


หนักแน่น จริงจังและเต็มไปด้วยสติ


จิณณะกะพริบตาถี่ๆ รู้สึกเหมือนจู่ๆก็ถูกดึงกลับขึ้นมาสู่โลกของความเป็นจริง โลกที่ไม่ได้สวยงาม โลกที่เขาต้องต่อสู้ โดยมีเจ้าของดวงตาคู่นี้สู้ไปด้วยกัน


“ถ้าคุณถอยแต่แรก ป่านนี้เพื่อนคุณอาจเป็นศพที่สอง...ส่วนทองสุก เขาน่าจะเกี่ยวข้องกับอะไรสักอย่าง ที่ทำให้พวกคุณโดนลูกหลง ถ้าเป็นเพราะเรื่องบ่อน ทำไมคนทำไม่เล็งไปที่ตำรวจที่อยู่ในทีมวันนั้น ทำไมถึงล็อคเป้าที่ปลัดอำเภออย่างพวกคุณ” จิณณะนิ่งคิดตามที่อีกฝ่ายพูด เลยพลอยเป็นทิ้งความรู้สึกผิดและการโทษตนเองเมื่อครู่ไปเสียสิ้น


“พี่ทิศว่า...พี่สุกจะเป็นสายให้...นายไพศาลด้วยไหม”


“ถ้าเป็นอย่างนั้น ที่เขาถูกฆ่า ก็อาจเพื่อปิดปาก” แม้จะเห็นด้วย แต่เพราะพิทักษ์รู้ว่าจิณณะกับทองสุกรู้จักคุ้นเคยกันดี เขาจึงไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกกับการถูกคนคุ้นเคยหักหลังเพราะเป็นสายให้หลายทาง แค่เมื่อครู่นี้ที่เจ้าตัวดำดิ่งกับความคิดจนส่อความรู้สึกเจ็บปวดทางสีหน้า พิทักษ์ก็ใจหายจนต้องเรียกชื่อเพื่อดึงสติจิณณะกลับมา


“หรือไพศาลอาจจะมีกิจการอย่างอื่น...ที่ไม่ใช่บ่อน และไม่ถูกกฎหมาย...” แม้เวลานี้สีหน้าของปลัดหนุ่มจะไม่มีวี่แววสนุกสนานรื่นเริงเหมือนเคย หนำซ้ำยังเคร่งเครียดคิ้วขมวดด้วยใช้ความคิดหนัก แต่ก็ยังดูดีกว่าตอนนิ่งเงียบเหมือนเมื่อครู่


ความมีชีวิตชีวา บางทีก็ไม่ใช่การยิ้มหรือหัวเราะ แต่มันคือการรับรู้และตอบสนองต่อสิ่งรอบตัว


“ถ้าเราอยากรู้ว่านายไพศาลทำอะไร เราต้องรู้ว่าแบ็คของมันคือใคร”


“ยาก...” จิณณะตอบอย่างไม่ต้องคิด ทว่าพิทักษ์กลับส่ายหน้า


“ไม่ยากหรอก”


“พี่ทิศหาได้หรือ? หาจากไหน?!” จากคนเคร่งเครียดใช้ความคิด กลายเป็นทำตาโตด้วยความอยากรู้ นี่ล่ะ...ชีวิตชีวาที่พิทักษ์อยากเห็น


มันดีกว่าตอนที่จิณณะจมอยู่กับตัวเองเยอะเลย


“ลุงของผม”


“...ที่ให้ผมช่วยมาตั้งแต่แรก ก็เพราะลุงผมไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นก็ถึงเวลาให้ลุงผมช่วยแล้ว”

.............................

ถึงแม้พิทักษ์ออกปากว่าจะเข้าไปพบคุณเทียมเพียงลำพัง แต่จิณณะยืนกรานหนักแน่นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเขาโดยตรง ดังนั้นต้องให้เขาไปด้วย แต่เพราะกว่าพิทักษ์จะเลิกงานก็เกือบหกโมงแล้ว ข้าราชการหนุ่มที่เลิกงานก่อนจึงมาคอยที่บ้านพัก หกโมงเล็กน้อย รถยุโรปคุ้นตาก็ขับมาจอดที่หน้าบ้าน


วรชิตที่ย้ายมาอยู่บ้านพักของจิณณะแทบจะเป็นการถาวรกำลังกินข้าวอยู่ก็ถึงกับต้องหันไปยิ้มแซวคนที่ลุกขึ้นยืนเตรียมตัวออกจากบ้านทันที


“ถึงว่า เมื่อกี้กูชวนไปกินส้มตำไม่ไป ที่แท้มีนัด”


จิณณะไม่อยากบอกเลยว่านัดที่ว่าคือนัดเพื่อความปลอดภัยอย่างยั่งยืนของพวกเขาสองคนนี่ล่ะ แต่เรื่องนี้จะให้วรชิตรู้ไม่ได้ คนกะล่อนเลยทำเป็นเกาศีรษะเขิน


“แฟนกันน่ะมึง” คนฟังถึงกับทำตาโต


“เต็มปากเต็มคำมาก” พอดีกับที่เจ้าของรถที่ขับเข้ามาจอดหน้าบ้านโผล่หน้ามาที่ประตูซึ่งเปิดเอาไว้ วรชิตเลยหันไปส่งยิ้มยกมือไหว้


“เข้ามาก่อนไหมครับ”


“ไม่เป็นไรครับ พอดีรีบ” ผู้มาเยือนว่าอย่างนั้นก่อนจะหันไปมองจิณณะที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนและกางเกงขายาวสีเข้ม เวลาเจ้าตัวแต่งตัวลำลองแบบนี้ก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดีอยู่หรอก แตกต่างจากคราวที่ใส่ชุดเดินแคทวอล์กหรือเสื้อยืดกางเกงยีนส์ลิบลับ


“จองโต๊ะไว้กี่โมง” วรชิตหันมาถามหยอกเพื่อนข้างกาย จิณณะชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะอาศัยไหวพริบเอาตัวรอดไปได้อีกรอบ


“ของอย่างงี้ต้องบอกมึงด้วยหรือวะ เรื่องของคนสองคนไหม” คนสองคนที่ว่า เขาทำเป็นชี้ที่ตนเองและพิทักษ์ วรชิตพยักหน้าเออออ


“คนสองคนที่เป็นแฟนกันสินะ” ถึงแม้จะเป็นคนบอกเรื่องความสัมพันธ์นี้ให้วรชิตรู้ด้วยตัวเอง แต่พอถูกล้อต่อหน้าในเวลาที่เขาและพิทักษ์อยู่ด้วยกัน ก็พาลเอานึกเก้อขึ้นมาดื้อๆ


จิณณะรู้สึกเหมือนจะเอาตัวไม่รอดยังไงไม่รู้ เลยต้องรีบเอ่ยปาก


“ไปกันเถอะพี่ทิศ ไปก่อนนะไอ้ชิต เดี๋ยวดึกๆกลับ”


“ไม่กลับก็ได้ กูเข้าใจ” จิณณะพูดไม่ออก อยากสวนแทบตายว่าไม่เข้าใจอะไรเลยต่างหากล่ะ แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่พ้นกลายมาเป็นบ่วงรัดคอตัวเอง เขารีบเดินไปดันพิทักษ์ออกจากบ้าน


อึดใจต่อมารถของพิทักษ์ก็เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านพักราชการ ภายในรถเงียบกริบ โดยเฉพาะจิณณะที่ยังเก้อกับสิ่งที่เพื่อนแซวทิ้งท้ายเอาไว้


ความรู้สึกในใจของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับรู้ แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือความรู้สึกของคนข้างกายต่างหาก


“เอ่อ...ไอ้ชิตมันคิดว่าเราเป็นแฟนกันน่ะ อย่างที่ผมเคยบอกไงว่าคนที่ที่ว่าการเขารู้กันหมดเรื่องผมกับพี่...”


“ผมรู้...” พอคนขับว่ามาอย่างนั้น จิณณะก็นึกคำพูดต่อไม่ออก


พิทักษ์รู้ ใช่ พิทักษ์ต้องรู้อยู่แล้ว แต่เขาจะบอกอีกทำไมวะ ร้อนตัวจนแสดงพิรุธออกไปหมด!


“กังวลอะไร” คราวนี้คนถูกถามกลายเป็นจิณณะเสียเอง


“เอ่อ...ก็...ก็เรื่องที่มีคนจ้องจะเก็บผมกับไอ้ชิตไง”


“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น คำพูดของเพื่อนคุณทำให้คุณกังวลใช่ไหม” จิณณะรู้สึกเหมือนวันนี้น้ำท่วมปากท่วมคอไปหมด


“ไม่ต้องกังวลหรอก ผมเข้าใจ”


เข้าใจ?


ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเคยดุเรื่องที่เขาแสดงความชัดเจนกลางที่สาธารณะอยู่เลย


เพราะอะไร ถึงเริ่มใจดีกับเขาขนาดนี้


จิณณะอยากถาม นิสัยอยากรู้อยากเห็นในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่สมควร แต่...ก็อยากรู้


ทำไมถึงไม่ว่าอะไร เพราะเป็นคนรับปากคำไหนก็คำนั้นหรือ? หรือเพราะอย่างอื่น...


หัวใจคาดหวังเหตุผลอื่น แม้จะรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม


คนขับเหลือบตามองคนข้างกายที่นิ่งเงียบไป เขาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆอีกฝ่ายถึงเงียบ แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ปกติมาตั้งแต่ก่อนจะออกจากบ้านแล้ว


วันนี้จิณณะไม่เหมือนเดิม และตัวเขาเองก็รู้สึกไม่เหมือนเดิม


เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ไม่น่าจะต้องใส่ใจ เขากลับ...อดให้ความสำคัญไม่ได้


“ตอนนี้คุณมีเรื่องต้องคิดเยอะแล้ว เรื่องของผมไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล” คำพูดของเขาทำเอาคนที่กำลังตัดสินใจอยากถามในสิ่งที่รู้ต้องหันมอง พิทักษ์ยังคงมุ่งมั่นอยู่กับถนน


ใช่...เวลานี้มีเรื่องอื่นที่จิณณะต้องจัดการ แล้วไว้หลังจากเรื่องทุกอย่างผ่านพ้น เขาจะยกเรื่องของเขาและพิทักษ์ขึ้นมาใคร่ครวญอีกครั้ง


ถ้าถึงเวลานั้น...เขาจะถามในสิ่งที่ ‘หัวใจ’ อยากรู้

.........................

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 07-02-2019 22:30:53


พิทักษ์ไม่ใช่แขกของบ้านคุณเทียมเพียงคนเดียวในวันนี้ พอเขาจอดรถภายในอาณาเขตรั้วอัลลอย สายตาก็เห็นรถยนต์อีกคันจอดรออยู่ที่หน้าบันไดเตี้ยของตัวบ้าน เดิมทีจำไม่ได้ว่าเป็นรถใคร แต่พอเห็นเจ้าของรถเดินออกมาจากบ้านพร้อมด้วยคนของคุณเทียมที่ออกมาส่ง เขาก็หันมองจิณณะทันที


ดูเหมือนปลัดหนุ่มเองก็จำชายคนนั้นได้เช่นกัน เพราะเจ้าตัวก็หันมามองเขา


...ไพศาลมาหาคุณเทียม...


...มาเรื่องอะไร?...


พวกเขาไม่พูดอะไรกัน แต่ก้าวเท้าเดินไปยังประตูบ้านทันที


“อ้าว! คุณพิทักษ์” ชายวัยห้าสิบร่างเตี้ยท้วมหันมาเห็นก็ร้องทักพร้อมด้วยรอยยิ้ม คนถูกทักกดมุมปากยกยิ้มกลับไปเล็กน้อยก่อนจะยกมือไหว้


“สวัสดีครับ คุณไพศาล”


ไพศาลยกมือรับไหว้ แย้มยิ้มอย่างมีไมตรีแล้วเหลือบตาไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายพิทักษ์ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนทบวนความทรงจำ


“นี่คือ...” แน่นอนว่าปลัดอำเภอตัวเล็กๆไม่ได้อยู่ในความทรงจำเท่าไรนัก แต่เพราะหมู่นี้จำต้องใกล้ชิดกับพวกปลัดอำเภอมากหน่อย จึงคุ้นหูคุ้นตาอีกฝ่ายเหลือเกิน


“ปลัดจิณณะครับ” พิทักษ์เป็นคนแนะนำ จิณณะยกมือไหว้ ไพศาลอาจจะจำเขาไม่ได้ แต่จิณณะจำอีกฝ่ายได้ดี เพราะนอกจากจะเป็นพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ของจังหวัดแล้ว เมื่อครั้งงานศพของทองสุก ไพศาลก็ไปร่วมตอนเผา


“อ้อ...ขอโทษทีที่จำไม่ได้นะ ผมแก่แล้ว ความจำไม่ดีเหมือนสมัยหนุ่มๆ” ไพศาลพูดแล้วหัวเราะเอิ้กอ้าก จิณณะเพียงยิ้มจาง


“คุณไพศาลพบคุณลุงเรียบร้อยแล้วหรือ” หลานชายเจ้าของบ้านพูดแทรกขึ้นมา ไพศาลจึงหันมาทางเขาแทนแล้วพยักหน้า


“มาเชิญคุณเทียมน่ะ งานวันเกิดผมวันเสาร์นี้แล้วก็ควบงานเปิดตัวปั๊มน้ำมันใหม่ของผมด้วย เชิญคุณพิทักษ์และปลัดด้วยนะครับ” เดิมทีไม่ได้คิดจะเชิญพิทักษ์หรือปลัดจิณณะ แต่ในเมื่อพบหน้ากันโดยตรง และการเชิญเเขกเพิ่มอีกสองคนก็ไม่ได้ทำให้งานเลี้ยงขาดเหลืออะไรมากนัก เขาจึงออกปากชวนด้วย


พิทักษ์ไม่ทันตอบ แต่จิณณะกลับยกยิ้มออกหน้า


“พวกเราไปแน่นอนครับ”


ไพศาลพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะขอตัวขึ้นรถ พวกเขารอจนรถยนต์ยุโรปคันใหญ่เคลื่อนตัวออกนอกรั้วไปแล้วปลัดหนุ่มก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้อง เขาหันมาเห็นสายตาของพิทักษ์เข้า ก็เริ่มรู้ชะตาชีวิตตัวเองในวินาทีถัดไปว่าจะต้องถูกดุเรื่องที่ด่วนรับปากแน่ แต่โอกาสมาตรงหน้า เขาไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ


“ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือหรือ”


เหตุผลมีแค่นี้เอง ถ้าอยากเข้าใกล้ไพศาล ก็มีแต่จะต้องตกลงไปงานเลี้ยงของไพศาลเท่านั้น


“มีอีกตั้งหลายวิธีที่จะได้ลูกเสือโดยไม่ต้องเข้าถ้ำเสือ” ทว่าสำหรับนักธุรกิจอย่างพิทักษ์นั้น เขามองเห็นทางอีกมากที่จะเข้าใกล้นายไพศาลโดยไม่ต้องไปเอาตัวเข้าไปอยู่ในพื้นที่


จิณณะทำหน้าหน่าย “แต่ผมรับนัดจะเข้าถ้ำเสือแล้วนี่”


ฝ่ายพิทักษ์ถอนหายใจ


“เข้ามือเปล่าไม่ได้” เขาดุ จิณณะยักไหล่


“ผมเข้าคนเดียวหน่า ไม่ได้จะลากพี่เข้าไปด้วยเสียหน่อย”


“ใครจะปล่อยให้เข้าคนเดียว” ปลัดเจ้าเล่ห์หัวเราะเบาๆ สุดท้ายก็มีคนยอมเข้าถ้ำเสือกับเขาอยู่ดี ดวงตามองคนพูดด้วยประกายระยิบ


“ถ้าพี่เข้าด้วย ก็ไม่เรียกว่าผมเข้ามือเปล่าแล้ว...” เขาตั้งใจหยอก แต่พอพูดออกไปแล้วก็เพิ่งประมวลผลได้ว่าคำพูดของตนนั้นสื่อชัดเจนว่าอีกฝ่ายคือ ‘สิ่งจำเป็น’ ต่อให้การเข้าถ้ำเสือจะอันตรายแค่ไหน แต่ถ้ามีพิทักษ์ไปด้วย...ก็อุ่นใจ


ดูเหมือนคนที่เข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างชัดเจนจะไม่ใช่เพียงคนพูด แต่คนฟังก็ถึงกับนิ่งไปเช่นกัน พวกเขาสบตากันชั่ววินาที แล้วก็พาลเป็นเก้อกันไปทั้งคู่ ก่อนจะพากันหันหนีไปคนละทาง ทางฝั่งจิณณะนั้นแย่หน่อย เพราะพอหันมองไปทางอื่นก็สบตาเข้ากับสายตาของคนของคุณเทียมพอดี เขากระแอมไอตั้งสติแล้วเอ่ยเรียบๆอย่างขรึม


“เอ่อ...น้ามิตร พวกผมเข้าไปพบคุณเทียมได้เลยไหม”


มิตรกะพริบตาปริบๆ หากไม่ได้ตาฝาด เขาคิดว่าเมื่อครู่นี้...เห็นคนเขินกัน แต่...เรื่องอย่างนี้พูดตรงๆไม่เหมาะ ในเมื่อฝั่งหนึ่งคือหลานชายของคุณเทียม อีกฝั่งคือข้าราชการหนุ่มประจำอำเภอ


“เชิญทางนี้ครับ” เขาว่าอย่างนั้นก่อนจะหมุนตัวเดินนำเข้าบ้าน แต่ไม่วายแอบมองเหลือบไปข้างหลัง ก็พบว่าจิณณะและพิทักษ์ยังคงเดินคู่กัน เพียงแต่ไม่มองกันแม้แต่นิดเดียว

...................................

คุณเทียมรับฟังคำพูดของจิณณะอย่างสงบ โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าตัวอ้างถึงคำพูดของเพื่อนปลัดคนหนึ่งว่าไพศาลเป็นเจ้าของบ่อนที่ถูกทลายคราวก่อน


คราวนั้นคนที่ออกมารับหน้าเสื่อคือผู้จัดการบ่อนที่แสร้งทำตัวเป็นชาวบ้านตาดำๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ซัดทอดไปยังเจ้าของตัวจริง และย่อมไม่มีทางไปถึงเส้นสายของไพศาล


“ทองสุกคือสายให้คราวนั้นสินะ” คุณเทียมถาม ดวงตาจับจ้องปลัดหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“ครับ” ชายผู้มีเส้นผมสีดำแซมขาวเอนหลังพิงพนัก ขณะที่สายตายังไม่ถอนไปจากชายหนุ่มอายุคราวลูกที่นั่งอยู่เบื้องหน้า


ก่อนหน้านี้พิทักษ์มาขอคนของเขาให้ช่วยดูแลความปลอดภัยปลัดคนหนึ่งที่ชื่อวรชิต เพราะกำลังถูกเพ่งเล็งจากคนบางกลุ่ม ยามนั้นเขาให้ความช่วยเหลือโดยไม่ถามอะไร วันนี้พิทักษ์มาพบเขาอีกครั้งพร้อมด้วยจิณณะ และพูดถึงปลัดที่ชื่อวรชิตอีกครั้ง


คนผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ย่อมประมวลเหตุการณ์อย่างถี่ถ้วน ชาวบ้านอย่างทองสุกถูกคนกลุ่มหนึ่งยิงถล่มบ้านจนตัวตาย ไหนจะเรื่องที่จู่ๆหลานชายอย่างพิทักษ์ที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใคร กลับพาจิณณะมาพบเขาพร้อมกับออกปากว่ากำลังคบหากันอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อปลัดวรชิตเดือดร้อนจากการถูกคนตามก่อกวน ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับคนที่เก็บทองสุก คนที่มาขอความช่วยเหลือจากเขาก็คือพิทักษ์


จิณณะสนิทสนมกับปลัดวรชิต จิณณะรู้จักมักจี่กับนายทองสุก


โลกไม่ได้หมุนรอบจิณณะ แต่เรื่องนี้กลับมีชื่อของปลัดจิณณะแทรกซึมวนเวียน


“ลุงครับ” เสียงเรียกของพิทักษ์ดังขึ้นเบาๆ คุณเทียมหันไปมองหลานชาย


“ลุงพอจะทราบไหม ว่าเส้นของนายไพศาลเป็นใคร”


วงการผลประโยชน์ชิ้นใหญ่ๆ มองซ้ายมองขวาก็เจอคนกันเอง สำหรับธุรกิจสีเทาสีดำอย่างบ่อนการพนันระดับ VIP นั้น แน่นอนว่าในหมู่นักเชื่อมผลประโยชน์ย่อมรู้กันดี


คุณเทียมเพียงพยักหน้าเล็กน้อย


พิทักษ์กับจิณณะมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นฝ่ายหลานชายที่ขยับตัว


“ลุงพอจะคุยกับเขาได้ไหม เราไม่รื้อฟื้นเรื่องคนที่ตายไปแล้ว แต่คนเป็น จะให้ตายอีกไม่ได้” แม้จะไม่ดีต่อศักดิ์ศรีของคนตาย แต่เวลานี้การเจรจาดูจะเป็นหนทางเดียวที่จะจัดการเรื่องให้ละม่อมที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาอันสั้นก่อนที่จะมีใครต้องเป็นศพเพิ่ม


คุณเทียมมองหน้าพิทักษ์ หลานชายที่เขาคุ้นเคยมาแต่เล็ก มักจะมีสีหน้าเรียบเฉยและนิ่งสงบเป็นน้ำแข็ง วันนี้กลับพูดเรื่องคนเป็นคนตายด้วยสีหน้าเรียบเช่นเดิม ทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยความรู้สึก


“สมแล้วที่คบกันนะ” เขาเปรย เพียงเท่านั้นพิทักษ์ก็ถึงกับชะงัก


“ครับ?”


“ทิศกับจิณ ห่วงใยกันดี” เดิมที คุณเทียมมองปราดเดียวในวันที่พิทักษ์พาจิณณะมาพบ ก็ดูออกแล้วว่าทั้งสองคนมีข้อตกลงร่วมกันในความสัมพันธ์นี้ เพียงแต่...วันนี้สิ่งที่ชัดกว่าข้อตกลงใดๆ คือความรู้สึกของหลานชาย


ชายหนุ่มอายุคราวลูกทั้งสองคนพากันเงียบกริบ พิทักษ์ได้แต่อ้าปากพะงาบ ในขณะที่ปลัดจิณณะกะพริบตาปริบๆ กลืนน้ำลายเอื้อกๆ


“คุณกอบกุลไม่ว่าอะไรเลยหรือ” ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันเรื่องนายไพศาล เส้นสาย ผลประโยชน์ และคนตาย แต่เวลานี้ คุณเทียมกลับถามเรื่องญาติผู้ใหญ่ของจิณณะแทน


หลานชายคุณกอบกุลยังทำหน้าเด๋อด๋าเหมือนจูนคลื่นสมองไม่ทัน


“คุณย่าของเราน่ะ ไม่ว่าอะไรหรือ ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เข้าหาท่านเสรีบ่อยๆ ตอนแรกนึกว่าจะจับคู่หลานสักคนกับลูกสาวท่านเสรีเสียอีก” แม้จะไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ แต่เรื่องในห้องทำงานของผู้หลักผู้ใหญ่ผู้มีบารมีทั้งหลาย ก็เข้าหูคุณเทียมเสมอ


“เอ่อ...ก็...ว่าอะไรไม่ออกเท่าไรครับ”


คุณเทียมยกยิ้มเล็กน้อย กระทั่งเรื่องในเมืองเขายังรู้ เรื่องที่คุณกอบกุลบุกไปที่ว่าการเมื่อไม่กี่วันก่อนก็เข้าหูเขาเช่นกัน


“เราก็รู้จักหาคนมาชนย่าเรานะ ทิศเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะเจอกับคุณกอบกุล”


ตัวเลือกที่ดีที่คุณเทียมว่าขยับตัวเล็กน้อย ไม่แน่ใจนักว่านี่คือคำชมหรือไม่


แม้ไม่ได้เลี้ยงดูประคบประหงม แต่คุณเทียมก็สนิทสนมกับหลานชายคนนี้ อย่างน้อยก็เพราะเป็นหลานที่ถูกชะตาที่สุด วันนี้หลานคนนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาชนกับนักธุรกิจเขี้ยวลากดินอย่างคุณกอบกุลได้อย่างสมศักดิ์ศรี กับนายไพศาล คุณเทียมก็เชื่อว่าหลานคนนี้รับมือได้ เพียงแต่คนที่นั่งอยู่ข้างพิทักษ์ต่างหาก ที่อาจขมวดปมปัญหา


เอาเถอะ เห็นแก่ว่าเป็นลุงแท้ๆของพิทักษ์ ส่วนจิณณะแม้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน แต่ก็ถือว่า ‘ตาถึง’ ที่เลือกพิทักษ์มาช่วยแก้ปัญหา หนำซ้ำยัง ‘มือถึง’ ที่ดึงพิทักษ์ลงเรือลำเดียวกันได้


คนแบบนี้มีไม่มาก หรือคุณเทียมอาจจะไม่พบอีกเลยชั่วชีวิตก็ได้


“ลุงจะไปคุยให้แล้วกัน เราสองคนช่วงนี้ก็เก็บตัว ไม่ต้องเจอหน้านายไพศาลล่ะ”


พิทักษ์กับจิณณะมองหน้ากัน ก่อนที่จะเป็นฝ่ายหลานชายของคุณเทียมถอนหายใจเบาๆแล้วหันมาเอ่ย


“จิณรับปากว่าจะไปงานวันเกิดของนายไพศาลแล้วครับ”


คุณเทียมได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก หันมองคนที่นั่งข้างพิทักษ์ที่กำลังทำหน้าเจี๋ยมเจี๊ยมเพราะถูกลุงหลานถล่มเรื่องที่ใจเร็วด่วนได้รับปากส่งเดชไปเสียแล้ว


“ลุงบอกแล้วว่าเส้นทางนี้สร้างปัญหา ทิศเชื่อลุงรึยัง”


โดยเฉพาะเจ้าของเส้นทางที่ชื่อจิณณะนั้น เป็นคนก่อปัญหาตัวเป้งเลยทีเดียว!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

อย่าถล่มปลัดแรงนะคะ แค่นี้ก็โดนทั้งคุณเทียม โดนทั้งพี่ทิศว่าแล้วววววว ปลัดใจร้อน มุทะลุ คิดแต่จะลุย เพราะฉะนั้นพี่ทิศเลยจำเป็นสำหรับปลัดนะคะ ฮ่าฮ่า

ที่สำคัญ เรามาเป็นสักขีพยานร่วมกันว่าพี่ทิศคือคนที่รั้งปลัดเอาไว้ไม่ให้หนีปัญหา ต่อจากนี้พี่ทิศไม่มีสิทธิ์ทิ้งปลัดในทุกๆกรณีค่ะ ฮ่าฮ่า

มีคนถามว่าทำไมเรียก “ที่ว่าการอำเภอ” ว่า “ที่ว่าการ” (โดยทั่วๆไปน่าจะเรียกว่า “อำเภอ”) บัวเองก็เรียกว่า “อำเภอ” ค่ะ แต่เพื่อนที่เป็นปลัดเรียกว่า “ที่ว่าการ” ก็เลยใช้คำว่า “ที่ว่าการ” (อีกอย่างนึงก็เพื่อไม่ให้ซ้ำกับคำว่า “อำเภอ” ที่หมายถึงอำเภอจริงๆด้วยค่ะ) ส่วนที่ว่าจิณณะเป็นปลัดอยู่พื้นที่ไหน ทำไมว่าง จริงๆ ไม่ว่าง ปลัดไปเต๊าะพี่ทิศเฉพาะช่วงเช้าก่อนเข้างาน ช่วงพักกลางวันกับหลังเลิกงานเท่านั้นเอง ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและทุกๆกำลังใจเช่นเคยค่ะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันใหม่พฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-02-2019 22:52:10
จับปลัดมาตีตูดซักหลายๆที แก้ปัญหาหรือสร้างปัญหาฮะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 6...=> หน้าที่ 9 (31/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-02-2019 22:57:09
ชีวิตมีสีสันดีนะคะตั้งแต่คบปลัดจิณ มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 07-02-2019 23:00:17
ปลัดสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 07-02-2019 23:01:47
ตอนนี้ประดักประเดิดมากค่ะ ชอบมาก คนสองคนค่อยๆชัดเจนกับความรู้สึกตัวเอง จิณณะก็คือดื้อมาก เอาแต่ใจ ไม่ทันได้ฟังความเห็นพี่ทิศเล้ยย พี่ทิศต้องหัดตีก้นสั่งสอนแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 07-02-2019 23:04:37
ถึงคุณปลัดจะสร้างปัญหา แต่คนพี่ก็พร้อมที่จะช่วยตลอดเลย คราวนี้ไม่ใช่แค่น้องที่รู้สึกฝ่ายเดียวแล้ว คนพี่ก็ออกอาการจนลุงเทียมทักเลย :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: meeoldly ที่ 07-02-2019 23:12:50
ทำไมอ่านแล้วรู้สึกเขิลแทน  :-[ :-[
 รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-02-2019 23:14:02
ปลัดนี่น่าตีจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-02-2019 23:24:35
 :hao7:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-02-2019 23:29:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-02-2019 23:43:39
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-02-2019 23:45:39
สติค่ะสติ

น้องจิณใช้สติหน่อยค่ะ

พี่ทิศคนดี
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 07-02-2019 23:58:20
 เส้นทางนี้สร้างปัญหา   :m20:
ลุงเทียมคะ ถึงแม้จิณจะสร้างปัญหาให้พี่ทิศไม่เว้นแต่ละวัน
แต่จิณก็เป็นตัวกระตุ้นให้หัวใจพี่ด้านชาของพี่ทิศ
ได้สูบฉีดกระชุ่มกระชวยบ้างอยู่นะคะ
/me เราจะเข้าข้างจิณให้ถึงที่สุด  :mew3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 08-02-2019 00:15:55
ปัญหาใหญ่ซะด้วยนะเส้นทางนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 08-02-2019 00:27:51
จับน้องมาฟาดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ปากเร็วใจเร็วเหลือเกินนน แต่พี่ทิศต้องรู้สึกอะไรกับจิณมาก่อนบ้างแหล่ะ ไม่งั้นสปาร์คติดแบบนี้หรอก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 08-02-2019 00:41:13
ต่างคนต่างหวั่่่่นไหว อยากจะแหม..มม ยาวให้ถึงดาวอังคาร
พี่ทิศชอบอะไรที่มันท้าทาย ชวนปั่นประสาทแบบน้องจิณสินะ
จบงานนี้ต้องคิดดอกเบี้ยให้คุ้มค่ะคุณพี่ทิศ เก็บหนักๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=&gt; หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 08-02-2019 00:42:11
เป็นความเขินเล็กๆกันไปกันมาของตัวละครที่ทำให้คนอ่านอย่างเราเขินสุดๆไปเลยค่ะ เริ่มรู้สึกกันทั้งคู่แล้ว ><
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-02-2019 00:51:19
น้ามิตร สายตาเฉียบคม เห็นเค้าเขิลกันด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 08-02-2019 01:17:55
ปลัดคนขยัน(สร้างปัญหาให้พี่ทิศ)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-02-2019 03:06:24
หันมามองหน้ากันแล้วถอนหายใจดัง เฮือก!!!!! ก่อเรื่องอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 08-02-2019 08:08:41
เส้นทางนี้สร้างปัญหา พี่ทิศเข้าใจแจ่มแจ้ง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 08-02-2019 10:27:33
ปลัดนี่น่าตีิจริงๆ แต่ก็นะ พี่ทิศเลือก(จะช่วย)น้องแล้วนี่นา พี่ทิศต้องหาวิธีปราบต่อไป
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 08-02-2019 13:06:46
ดื้อแต่น่ารัก ให้อภัยได้ค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 08-02-2019 14:24:53
ปลัดควรอยู่นิ่งๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 08-02-2019 18:07:30
ปลัดใจร้อนอยู่นิ่งไม่เป็นหาเรื่องตลอด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 08-02-2019 20:03:07
มามะคุณปลัดจิณณะมาให้หอมหัวปลอบใจสักสองที
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-02-2019 20:21:11
จนได้นะจิณ ปากไว ใจเร็ว
แต่ทำคุณเทียมปลื้มนะที่ทำหลานชายดิ้นได้

ทิศร่วมด้วยช่วยกัน แถมใจยังมีเป๋
แบบนี้จิณไม่ต้องรอถึงจบเรื่องแล้ว
ระหว่างเรื่องนี่อาจจะได้เคลียร์กัน

สงสารชิตค่ะ คนไม่รู้เรื่อง ก็ต้องหลอนไป
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 08-02-2019 20:26:20
คุณเทียมคงจะเห็นแววปวดหัว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-02-2019 21:05:28
พี่ทิศพกยาพาราไว้ในกระเป๋าหลายๆแผงนะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 08-02-2019 21:09:23
พี่ทิศทำอะไรไม่ได้ต้องทำใจอย่างเดียวเลยนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-02-2019 21:40:30
จิณณะใจร้อนตลอด
งี้แหละต้องคอยมีพี่ทิศชี้แนะ คริๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-02-2019 22:54:47
อยากจับปลัดมาตีตูดซะจริงเชียวเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-02-2019 08:03:45
อือหื้อออออ :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 09-02-2019 13:22:06
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 09-02-2019 20:56:47
เนี่ยยยย ทำไมมันฟินอย่างงี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-02-2019 22:49:30
 :mew5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: fxxg0430 ที่ 10-02-2019 12:47:54
โอย น้องรู้ใจตัวเองแล้วนะ คนพี่เมื่อไหร่จะรู้ว่ามีคนแอบชอบ ฮือๆ เขาเขินกันด้วยอ่ะแม่
เราชอยพระเอกนิยายคุณบัวทุกเรื่องเลย อบอุ่นแด๊ดดี้ แงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rhythm ที่ 10-02-2019 23:34:09
เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าชอบกัน พี่ทิศดูแลจิณแบบเป็นไปตามธรรมชาติมาก น่ารัก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 10-02-2019 23:35:22
น้องจิณไปเป็นพิธี Findtrouble กะพี่จอน วิญญูดีไหม ขยันหาเรื่องละเกิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-02-2019 00:16:08
เริ่มสงสัยความรู้สึกตัวเองกันแล้ว TT
แต่พ่อแม่จิณก็จะทำอะไรแล้วด้วยรึเปล่า  :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-02-2019 14:38:33
อ่านๆ ไปก็เบื่อจิณสร้างแต่ปัญหาให้พี่ทิศตามแต่
แต่ก็ชอบความละมุนก็ทั้งสอง ปวดหัวกับตัวเอง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chakaimook ที่ 11-02-2019 19:00:35
เจ้าหนูจิณจอมดื้อ!  :z13:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 14-02-2019 11:50:16
ติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 7...=> หน้าที่ 11 (07/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-02-2019 12:04:29
รักวันพฤหัส เพราะปลัดอัพวันนี้

รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 14-02-2019 22:46:05
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 8


‘คนใหญ่คนโต’ ไม่ได้พบกันได้ง่ายๆ กว่าจะหาทางติดต่อนัดหมาย ย่อมต้องใช้เวลา แต่คุณเทียมผู้เคยเป็นนักการเมืองระดับประเทศย่อมมีเส้นสายหลายทาง ภายในเย็นวันนั้น เขาก็สามารถลงนัดขอเข้าพบ ‘คนใหญ่คนโต’ ผู้เป็นเส้นสายให้กับนายไพศาลในวันรุ่งขึ้น


เช้าวันต่อมา รถแวนของคุณเทียมเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่เช้าตรู่ ในขณะที่ปลัดจิณณะเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน


วรชิตลุกจากเตียงหัวฟู เมื่อคืน เจ้าของบ้านกลับมาถึงตอนเกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ไม่ทันได้ถามเพราะง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น เช้านี้ เลยต้องรีบตื่นมากระแซะเสียหน่อย


“กูนึกว่ามึงจะไม่กลับซะอีก”


จิณณะหันมองพลางเลิกคิ้ว


“ก็มึงไปเดทกับคุณพิทักษ์ กูก็นึกว่าจะค้าง...เฮ่ย!” ขวดอะไรสักอย่างที่โต๊ะหน้ากระจกลอยหวือ หากหลบไม่ทัน ป่านนี้คงได้ลงไปนอนนับดาวบนเตียงตามเดิม


“เดทอะไร โดนบ่นจนหูชา...” พลั้งปากหลุดคำว่าโดนบ่นไปแล้ว จิณณะก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องเมื่อวานให้เพื่อนรู้ แต่เพราะโดนพิทักษ์บ่นแม้กระทั่งตอนพามาส่ง อารมณ์หงุดหงิดเมื่อคืนเลยยังค้างมาถึงตอนเช้า จนอยากระบายให้ใครสักคนฟัง


“อ้อ ที่กลับมาเพราะถูกบ่นสินะ ถ้าไม่ถูกบ่นคงค้าง...เอ้อ...”


พอพูดคำว่าค้าง จิณณะก็ตวัดสายตามาดุอีกที วรชิตเลยต้องเปลี่ยนเรื่อง


“แล้วมึงถูกบ่นเรื่องอะไร”


“ใจร้อน ปากไว พูดไม่คิด ไม่ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน มุทะลุไม่ดูสถานการณ์” มีอีกหลายคำที่ถูกพิทักษ์จำกัดความ เขาน้อมรับทั้งหมดก็ได้ แต่ช่วยพูดรอบเดียว ไม่ต้องพูดซ้ำ เมื่อยหูจะฟังแล้ว


“ถูกทุกข้อเลย” วรชิตดีดนิ้วดังเป๊าะ กำลังจะถูกขว้างอีกสักขวด เสียงรถยนต์แล่นมาจอดหน้าบ้านก็ดังขึ้นมาถึงห้องนอน เรียกความสนใจให้ชะโงกไปดูที่หน้าต่าง


รถเบนซ์สีดำคุ้นตาจอดสนิท คนขับรถร่างสูงก็เปิดประตูลงมายืนรอ ปลัดหนุ่มฝ่ายป้องกันเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้เจ้าของบ้าน


“ข่าวดีหรือข่าวร้ายวะ ไอ้จิณ คนที่มึงบอกว่าเมื่อวานเขาบ่นจนหูชา วันนี้ดันมาหาแต่เช้าเลย”


จิณณะกะพริบตาปริบๆ เดินมาส่องที่หน้าต่างแล้วก็พบว่าพิทักษ์แวะมาหาเขาทั้งๆที่เมื่อวานก็เพิ่งแยกจากกันตอนเกือบเที่ยงคืน


ชายหนุ่มในชุดเสื้อโปโลสกรีนชื่อที่ว่าการหมุนตัวก้าวไวออกจากห้องนอนลงไปยังชั้นล่างทันที วรชิตมองตามแล้วได้แต่ส่ายหัว


“หาว่าเขาบ่น แต่พอเขามาหาล่ะไวเชียวนะไอ้จิณ”
.........................

พิทักษ์ไม่ได้มาหาแต่เช้าอย่างไม่มีเหตุผล เหตุผลของเขาคือเมื่อวานเขามาส่งจิณณะตอนเกือบเที่ยงคืน และเรา...จากกันไม่ดีเท่าไร


เขาดุเรื่องที่ฝ่ายนั้นใจเร็วปากไว ครั้งแรกก็ตอนที่นายไพศาลออกจากบ้านคุณเทียม ส่วนครั้งที่สองคือตอนขากลับที่พามาส่ง เขาย้ำว่าให้คิดก่อนพูดให้มากกว่านี้ แต่กลายเป็นคนไม่คิดคือเขาเอง


ไม่คิดว่าการพูดครั้งที่สอง จะทำให้จิณณะหงุดหงิดหน้าตึงเปิดประตูลงจากรถเข้าบ้านทันทีที่รถจอดสนิท


ที่ย้ำก็เพราะ...ห่วง...


ไม่อยากให้ใจร้อนปากไวไม่ดูสถานการณ์อย่างนั้นอีก


“พี่ทิศ...” ประตูบ้านเปิดออก พร้อมด้วยหน้าเจ้าของบ้านโผล่ออกมาด้วยแววตางุนงง


พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย เหตุผลที่เขามาที่นี่ในยามเช้าทั้งๆที่ปกติไม่เคยมาย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา หนึ่งเพราะมันคงฟังดูแปลกพิกลที่เขาใส่ใจจิณณะขนาดนี้ ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ได้มีความสัมพันธ์แนบแน่นอะไรกับเขาเลย และสองก็เพราะ...ใจของเขาที่แปลก


...มันเขินประหลาด...


“มีอะไรรึเปล่า มาหาผมแต่เช้า” ยิ่งพิทักษ์ไม่ตอบ จิณณะก็ยิ่งเป็นกังวล เขาเดินออกมาจากบ้านด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อวานเพิ่งไปขอความช่วยเหลือจากคุณเทียม ไม่รู้ว่าผลจากการใช้เส้นสายของคุณเทียมจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนบ้าง


“มารับ” คำตอบของคนมาหาแต่เช้าทำเอาคนฟังชะงัก ดวงตาเหลือกโตเล็กน้อย


“หะ? มารับ? รับไปไหน? วันนี้ผมต้องไปทำงานนะ”


“ไม่ได้รับไปไหน รับไปกินข้าว แล้วจะพาไปส่งที่ว่าการ” จิณณะกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าตนเองฟังผิดหรือไม่


“ก...เกิดอะไรขึ้น...”


“ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น เตรียมตัวเสร็จรึยัง จะได้ไป แล้วเช้านี้อยากกินอะไร” ปลัดหนุ่มยังงง จู่ๆพิทักษ์ก็มาหาตอนเช้า ปากว่าไม่มีอะไรแต่มารับไปกินข้าว หนำซ้ำยังถามความสมัครใจว่าอยากกินอะไรด้วย ทั้งๆที่...ทั้งๆที่เมื่อวานเพิ่งบ่นเขาเสียยกใหญ่


หรือว่า...เพราะบ่นจนเขาไม่คุยด้วย เช้านี้ก็เลย...มาง้อ


พอคิดมาถึงตรงนี้ จิณณะก็จับจ้องสีหน้าของคนมารับมากกว่าเดิม พิทักษ์เป็นคนนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า แต่เวลานี้เขากลับเห็นวี่แววของความไม่แน่ใจและความกังวล


คนที่มีพร้อมทุกอย่าง แถมไม่มีปัญหาอะไรในชีวิตสักอย่าง จะมีความกังวลอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เขาผุนผันลงจากรถเมื่อคืนนี้


หัวใจของปลัดหนุ่มอิ่มฟู นอกจากจะสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกายแล้ว ยังสูบฉีดความสุขขึ้นมาบนใบหน้าอีกด้วย


“ถ้าผมอยากกินอะไร พี่จะตามใจผมทุกอย่างใช่ไหม”


แน่นอนว่าเขาไม่ถามตรงๆหรอกว่ามาง้อเขาหรือ เพราะขืนพิทักษ์พาซื่อตอบตามความจริงมาว่าง้อ คงได้พากันเขิน หรือถ้าตอบว่าไม่ได้มาง้อ คราวนี้หัวใจที่อิ่มเอิบมีหวังห่อเหี่ยวหนักกว่าเดิม


ความคลุมเครือ บางทีก็มีประโยชน์แบบนี้


“ถ้ามีขาย ก็จะพาไป” พิทักษ์ตอบ เหลือบสังเกตสีหน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า จิณณะเป็นคนมีไหวพริบ และเจ้าตัวก็ไม่ใช่คนแกล้งโง่ด้วย สายตาที่มองตรงมาที่เขาจึงโจ่งแจ้งว่าอ่านเขาออก


ชายหนุ่มเม้มปากเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะภาวนาให้จิณณะรู้ดีไหมว่าเขาไม่เคยง้อใคร และไม่เคยสนใจความรู้สึกของคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวขนาดนี้ แต่ถ้ารู้แล้ว จะ ‘รู้ตัว’ ด้วยหรือไม่


“ถ้างั้น...”


“แล้วก็ต้องไม่ใช่ของรสจัด เผ็ดจัด” แม้จะมาเพื่อง้อ แต่ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องเล็กๆน้อยๆที่แสนสำคัญ คนถูกง้อถึงกับถอนหายใจเฮือก


“สุดท้ายก็บ่นอยู่ดี...น่าไปด้วยไหมเนี่ย” ดูเหมือนคำพูดของจิณณะจะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเขามาง้อ ก็ควรหย่อนยานกฎระเบียบบางข้อในชีวิตบ้าง


ทว่า...พิทักษ์ก็คือพิทักษ์


“นี่ไม่ได้เรียกว่าบ่น แต่ไม่พาไป”


“...แต่ถ้าอยากกิน...ไว้ตอนเที่ยง จะพาไปกิน” ประโยคต่อมาทำเอาจิณณะที่กำลังจะถอนหายใจใส่ถึงกับหยุดลมหายใจตัวเองอยู่เท่านั้น


เป็นครั้งที่สองของเช้านี้ ที่คนตรงหน้าทำให้ได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ


“พ...พาไป?”


“แต่เช้านี้ ไปหาโจ๊ก หาข้าวต้มทานก่อน แล้วตอนเที่ยงพี่จะพาไปทานอย่างอื่น” ไม่ว่าพิทักษ์จะรู้ตัวหรือไม่ว่าเขาแทนตัวว่าพี่ แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่ทันรู้ตัวสักนิด


“ตอนเที่ยงไม่ต้องให้ผมเข้าไปทานที่สนามกอล์ฟแล้วหรือ?”


คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อย แต่เมื่อตัดสินใจว่ามาที่นี่เพื่อง้อ ก็ย่อมต้องเดินหน้า...ง้อ


“ไม่ต้อง วันนี้จะพา...จิณไปทานอย่างอื่น” ประโยคนี้เขารู้ตัวและตั้งใจ ทว่าปลัดหนุ่มผู้งุนงงยังไม่รู้ตัว พิทักษ์เองก็ไม่ปล่อยให้รู้ตัวด้วย เขาพูดย้ำอีกครั้งก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถ


“มาเถอะ ตอนนี้ไปทานข้าวเช้ากัน”


ไม่รู้ว่าการง้อนี้จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ คนถูกง้อไม่ได้โอ้เอ้ เพราะพอถูกชวนอีกครั้ง ก็ได้แต่เดินเงียบๆขึ้นรถไปแต่โดยดี


แล้วเรื่องหนึ่งที่คนทั้งคู่จะจำใส่ใจคือ จิณณะจะต้องเพลาๆเรื่องใจร้อนปากไว ส่วนพิทักษ์...บ่นได้ แต่จิณณะขอแค่รอบเดียวพอ

......................

การไปร่วมงานเลี้ยงใหญ่โตระดับจังหวัดของไพศาลนั้น อันที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องทำตามที่รับปากก็ได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นเพียงปลัดลูกกระจ็อก แต่เที่ยงวันนั้น มีเหตุบังเอิญให้จิณณะและพิทักษ์ที่กำลังทานอาหารด้วยกันในร้านละแวกที่ว่าการต้องพบหน้าไพศาลอีกครั้ง


“สวัสดีครับ คุณไพศาล” จิณณะจะไม่ทักก็ไม่ได้ เพราะรายนั้นเดินผ่านโต๊ะของพวกเขาพอดี ดูแล้วจงใจมากกว่าบังเอิญ


คนถูกทักยังคงยิ้มแย้มตามประสาคนหน้าใหญ่ใจกว้าง


“โอ้ ปลัดจิณณะ คราวนี้ผมจำได้แล้ว” เขาเอ่ย ก่อนจะหันไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับปลัดหนุ่ม


“สวัสดี คุณพิทักษ์” พิทักษ์ยิ้มจางยกมือไหว้ ด้วยนิสัยของเขาไม่ใช่คนช่างพูด แต่เมื่อเหลือบเห็นคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตนเองแล้ว ก็เกรงว่าจิณณะจะเป็นฝ่ายปากไวขึ้นมาอีก เขาจึงดึงบทสนทนาไว้


“มาทำอะไรแถวนี้หรือครับ หรือมาติดต่อราชการ”


 “พอดีผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมาทานข้าวเที่ยงเสียหน่อย ร้านนี้อร่อยที่สุดในละแวกนี้นี่ครับ” จิณณะยิ้มเป็นเชิงตอบรับ


“แล้วเสาร์นี้ อย่าลืมที่รับปากผมไว้นะครับปลัด คุณพิทักษ์ ต้องไปให้ได้ล่ะ” ไพศาลไม่คิดว่าปลัดตัวเล็กๆและนักธุรกิจวัยหนุ่มที่แทบจะไม่มีเส้นสายใดนอกจากคุณเทียมจะเป็นแขกที่น่าเชิญชวนซ้ำสอง แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อตอนสายที่เขาได้รับโทรศัพท์จาก ‘ผู้ใหญ่’ ทำให้ต้องหันกลับมามองชายหนุ่มสองคนนี้ใหม่อีกครั้ง


‘อย่าหาเหาใส่หัว หัดอยู่เงียบๆเสียบ้าง’


‘เรื่องอะไรที่มันผ่านไปแล้ว คนก็ตายไปแล้ว ไม่ต้องไปฟื้นฝอยอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน’


เรื่องที่ผ่านไปแล้ว นายไพศาลคิดออกเรื่องเดียวคือเรื่องที่บ่อนของเขาถูกทลาย ส่วนเรื่องคนที่ตายไปแล้ว ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ทองสุก เรื่องแรกนั่นพอจะทำหลงๆลืมๆได้อยู่หรอก เพราะผู้จัดการบ่อนไม่ได้ซัดทอด และสุดท้ายเรื่องเงียบหายไปกับสายลม แต่เรื่องที่สอง...คำพูดสุดท้ายของคนตายที่ฝากมากับลูกน้องของเขา ทำให้ทนอยู่เฉยไม่ได้


ไม่คิดว่าเป้าหมายที่อยากจะจัดการให้เด็ดขาด แม้ตายไปแล้วก็ยังไม่ต่างกับอยู่เป็นหอกข้างแคร่ หนำซ้ำยังเป็นหอกข้างแคร่ที่ทำให้ไม่อาจหยุดอยู่แค่ศพเดียว!


...ใช่...คนตายไปแล้ว ไม่ควรฟื้นฝอย แต่ตายไปแค่หนึ่ง ยังมีคนที่ต้องตายอีก!...


“พอดีช่วงนี้ยุ่งมาก อาจจะไปไม่ได้นะครับ” พิทักษ์เป็นฝ่ายเอ่ยปาก ชายร่างท้วมเบี่ยงสายตามาที่คนพูด ก่อนจะหันกลับไปมองข้าราชการอย่างจิณณะอีกครั้ง


ใครๆก็พูดกันว่าหลานชายของคุณเทียมสนิทสนมกับปลัดจิณณะ นั่นทำให้นายไพศาลต้องหันมามองปลัดหนุ่มจากกรุงเทพฯคนนี้ใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยมองข้าม


คนที่ทำให้ผู้ใหญ่ของเขาต้องออกปากว่าให้อยู่เฉยๆ ก็แสดงว่าต้องมีคนใหญ่คนโตที่นี่ ‘ขอ’ ไป เขาไม่เห็นว่าจะมีใครที่นี่ใหญ่โตได้เท่าคุณเทียมอีกแล้ว แล้วคุณเทียมจะขอไปเพื่ออะไร เพื่อพิทักษ์อย่างนั้นหรือ หรือเพราะพิทักษ์ขอความช่วยเหลือแทนคนของตนเอง


“น่าเสียดาย ผมอยากให้ไป เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ผมมันคนแก่ก็อยากคบค้ากับคนหนุ่มไฟแรงอย่างปลัดจิณณะและคุณพิทักษ์” คนถูกชวนได้แต่ยิ้ม มาคราวนี้ปลัดหนุ่มไม่หุนหันตอบอะไรรวดเร็วแล้ว เพราะเขาเองก็รู้สึกประหลาดกับการเข้ามาสร้างความสนิทชิดเชื้อของนายไพศาลเช่นกัน


“แต่ถ้าว่าง ก็เชิญนะครับ แล้วถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกผมได้เลย ยินดี” ไพศาลทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไป จิณณะไม่ได้หันมองตาม เขาก้มหน้าตักอาหารเข้าปากไปหนึ่งคำ แล้วเงยหน้ามองพิทักษ์ที่มองเลยผ่านไปทางด้านหลังเขาตามทิศที่นายไพศาลจากไป


“พี่ว่าแปลกไหม”


พิทักษ์เหลือบมามองคนถาม ใบหน้าเรียบเฉยทว่ามีแววกังวลในดวงตา


“วันนี้ให้เพื่อนกลับไปนอนที่บ้านเขาได้แล้ว...”


จิณณะเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ทันได้ถาม คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เป็นฝ่ายพูดเสียเอง


“นายไพศาลเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว...” ปลัดหนุ่มชะงัก หัวใจเย็นเยียบ ความกลัวตายพุ่งทะยานเข้ามากลางใจอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องระบุชื่อเลย ว่าเป้าหมายเปลี่ยนเป็นใคร


เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะละล่ำละลักถาม


“ผ...ผม...ควรทำยังไงดี”


คนถูกถามนิ่งคิดอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก


“จะมาค้างบ้านพี่ หรือจะให้พี่ไปค้างที่บ้าน”


เป็นการย้อนถามที่ทำให้ปลัดจิณณะลืมความกลัวตายภายในเสี้ยววินาทีนั้น หัวใจที่เย็นเยียบกลายเป็นอุ่นจนร้อน


แค่ประโยคเดียว…ทว่าพลิกหัวใจคนฟังจากหน้ามือเป็นหลังมือ!

………………………….

‘บ้านพักข้าราชการเก่าๆ‘


จิณณะอาศัยเหตุผลข้อนี้ แล้วเลือก ‘ไปค้างบ้านพี่ทิศ’ แทนที่จะให้พิทักษ์มาค้างบ้านพักของเขา


ส่วนเหตุผลที่บอกวรชิตย่อมไม่ใช่การบอกว่าไพศาลเบี่ยงเป้ามาที่เขาแทนแล้ว แต่โชคดีที่เพื่อนคนนี้เข้าใจอะไรง่าย พอบอกว่าจะไปค้างบ้านพิทักษ์ มันก็ทำตากรุ้มกริ่ม คาดว่าคงเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดีมาก


แต่ถึงอย่างนั้น คนจะไปค้างที่อื่นก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องกังวลกับการอยู่คนเดียวมากนัก เขาย้ำหนักแน่นก่อนจะออกจากบ้านพักราชการ


“วันนี้คนที่คุณเทียมส่งมา เป็นมือดีที่สุดที่คุณเทียมมี มึงสบายใจได้”


วรชิตหัวเราะลั่นบ้าน ใจจริงก็ซาบซึ้งความความห่วงใย แต่เวลานี้คือเวลาที่จิณณะกำลังจะออกไปค้างบ้าน ‘แฟน’ แต่ก็ยังไม่วายให้ความอุ่นใจกับเขา


...เหมือนพ่อแม่จะไปฮันนีมูนกัน แต่ก็ยังห่วงลูกที่เฝ้าบ้าน...


“ครับๆคุณแม่ คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมเชื่อมือคนของญาติคุณพ่อ”


คนฟังถึงกับกะพริบตาปริบๆ ความฉลาดมีไหวพริบจะมาจนแต้มเอาก็ตอนตีความคำพูดตรงเด่ของวรชิตก็วันนี้


ทว่าอึดใจเดียว ดวงตาของจิณณะก็เบิกโต แล้วตวัดขาเตะก้นคนพูดไปที


“แม่มึงสิ!” คนถูกเตะไม่ได้มีสีหน้าโอดโอยซ้ำยังหัวเราะแล้วเดินหนีไปที่ประตู อ้าปากอยากจะตะโกนเรียก ‘พ่อ’ ให้มาพา ‘แม่’ ไปที แต่ติดที่ว่ายังไม่สนิทกับพิทักษ์ถึงขั้นนั้น


“คุณพิทักษ์มาพาไอ้จิณไปได้แล้วครับ อยู่นานแล้วเสียงดัง”


“นี่บ้านกูโว้ย กูเสียงดังได้!” เจ้าของบ้านแต่ตัวจะไม่อยู่ที่นี่โวยวาย เดินปึงปังหน้าตาหงิกงอกระแทกไหล่วรชิตออกจากบ้านอย่างไม่สบอารมณ์ เจ้าของรถหรูที่จอดรอเพียงแค่เลิกคิ้วเล็กน้อย ดูจะชินกับอารมณ์แปรปรวนของจิณณะแล้ว พอรับกระเป๋าเป้มาใส่ท้ายรถ ก็ยังหันไปถามด้วยน้ำเสียงปกติ


“ไม่ลืมอะไรแล้วนะ”


“ไม่” คำตอบสั้นเบา แม้หน้าจะหงุดหงิดคิ้วขมวด แต่น้ำเสียงก็ไม่ใส่อารมณ์กับคนถาม พิทักษ์แตะแขนเบาๆเป็นเชิงให้ขึ้นรถ ก่อนจะหันไปค้อมศีรษะลาวรชิตที่ยืนส่งอยู่หน้าบ้าน จากนั้นจึงก้าวไปยังฝั่งที่นั่งคนขับ


รถหรูเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านพักราชการของจิณณะไปแล้ว พร้อมกับความเงียบสงบกลับมา วรชิตมองตาม ก่อนจะกวาดตามองรอบตัว เมื่อเหลืออยู่เพียงลำพัง ความกลัวก็เริ่มคืบคลานเข้าสู่หัวใจ แม้ปากจะบอกจิณณะว่าไม่ต้องห่วง แต่ใจก็ยังพะวง เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรลมหายใจสุดท้ายจะมาถึง ความตายอาจเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยากเหลือเกินที่ต้องทำใจยอมรับมัน


วรชิตส่ายศีรษะไปมาเพื่อขจัดความวิตก


เขาต้องสู้ อย่างน้อยก็สู้กับใจตัวเอง กำลังใจที่มีจะลดลงไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

.............................


หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 14-02-2019 22:46:41

รถของพิทักษ์วิ่งไปตามถนนที่มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร จิณณะอยากจะนั่งเงียบๆ ทำตัวเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่ดี แต่ความช่างพูดก็ทำให้เขาอดไม่ไหว


“บ้านพี่...อยู่ไกลจากสนามกอล์ฟเหมือนกันนะ”


ปากถามไปก่อน แม้ว่ารถจะยังไม่จอดก็ตาม แต่คะเนดูแล้ว จากถนนเส้นที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไปถึงสนามกอล์ฟที่พิทักษ์ดูแล ก็ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงได้


“ไม่เท่าไร เลือกที่เดินทางสะดวก จะได้เข้ากรุงเทพฯง่ายด้วย”


จิณณะชะงักเล็กน้อย ถึงแม้พวกเขาจะคบหากันมากขึ้น เจอกันแทบทุกวัน แต่เรื่องส่วนตัวของกันและกันกลับไม่รู้เลย


...อย่างเช่น พิทักษ์เลือกบ้านที่เดินทางสะดวกเข้ากรุงเทพฯง่าย เพราะ?...


...แฟนรึเปล่า...


ไม่สิ จิดาภาเคยบอกว่าลูกเลี้ยงของตนเองโสด


แต่...พ่อแม่มักไม่รู้ทุกเรื่องของลูก พิทักษ์อาจจะมีคนที่แอบคบหา หรือ...อาจมีคนที่กำลังจีบอยู่


...ผู้หญิงคนนั้นที่เคยมาหาพิทักษ์ที่สนามกอล์ฟอีกล่ะ ...


“พี่ทิศเข้ากรุงเทพฯบ่อยหรือ” จิณณะถามนำ คราวนี้ไม่ใช่แค่ความอยากรู้อยากเห็นจากนิสัยแล้ว แต่เป็นความรู้อยากเห็นจากหัวใจ


หัวใจที่กำลังสนใจใครสักคน


ก็ต้องอยากรู้ว่าใครคนนั้นมีคนที่สนใจอยู่รึเปล่า


...เพื่อจะได้ตัดใจ?...ไม่ใช่...คนอย่างจิณณะไม่เคยตัดใจเสียที ความรู้สึกที่มี เป็นเรื่องของหัวใจ ถ้าพิทักษ์มีใครอีกคนอยู่แล้ว เขาก็แค่...เก็บความรู้สึกเอาไว้กับใจตัวเองก็เท่านั้น...


“บ่อย บางทีก็เข้าแต่เช้าไปทานข้าวกับแม่ภา” คนมุ่งมั่นคิดจะหาคำตอบว่าพิทักษ์มีใครที่สนใจอยู่บ้างรึเปล่าถึงกับชะงักกึก


“น้าภาน่ะหรือ” เขาหันไปถามทันควัน พิทักษ์หันมามอง ยิ้มน้อยๆแล้วพยักหน้า


“ใช่ พ่อไม่ค่อยว่าง บางทีก็ออกแต่เช้า ส่วนน้องชายอยู่ต่างจังหวัด แม่ภาทานข้าวคนเดียวบ่อยๆ ก็เลยแวะเข้าไปทานด้วย”


“แวะ?” จิณณะทวนคำ เพราะฟังดูแล้วเหมือนพิทักษ์ขับรถอ้อมโลก เข้ากรุงเทพฯไปแวะทานข้าวเช้าแล้วค่อยออกมาที่สนามกอล์ฟ


คนถูกแย้งหัวเราะเบาๆ


“จิณพูดเหมือนแม่ภา ว่านี่ไม่เรียกแวะ แต่แม่ภาดีต่อพี่ ต่อพ่อ ต่อน้อง ตอนเราไม่มีใคร แม่ภาคอยดูแล มาวันนี้...ก็แค่อยากตอบแทนแม่ภาบ้าง” พิทักษ์นับถือจิดาภาเป็นแม่อีกคน แม้จะไม่ได้อุ้มท้องเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิด แต่สิ่งที่จิดาภาสร้างและมอบให้คือความรักและเอาใจใส่นับตั้งแต่หล่อนก้าวเข้ามาในครอบครัวของเขา มาวันนี้สิ่งที่หล่อนได้รับกลับคืนจากพิทักษ์จึงแทบไม่แตกต่างกัน


รวมไปถึง...การที่พิทักษ์ยอมช่วยจิณณะก็อยู่ในสิ่งที่เขาตั้งใจจะทดแทนบุญคุณจิดาภาด้วย


เป็นอันว่าคนที่อยู่ในความสนใจของพิทักษ์ในเวลานี้คือน้าสาวของจิณณะ


แล้ว...มีคนอื่นอีกรึเปล่า


“แล้ว...ปกติพี่ไม่ไปหาเพื่อน หา...เอ่อ...หาที่เที่ยวที่กินดื่มบ้างหรือ” คนถูกถามเลิกคิ้วเล็กน้อย เห็นจิณณะทำเป็นมองตรงไปเบื้องหน้า แต่สีหน้าครุ่นคิดราวกับมีเรื่องแอบแฝงในคำถามเหล่านั้น


“หาเพื่อนบ้าง นานๆที”


“แล้ว...แฟน...”


“ไม่มีแฟน”


“แต่...เอ่อ...ผมจำได้ว่าเคยมีผู้หญิงมาหาพี่...”


“ผู้หญิง...อ้อ อรหรือ นั่นรุ่นน้อง” เป็นสถานะครึ่งๆกลางๆในความรู้สึกของจิณณะ จะว่าเพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนยิ่งแล้วใหญ่ คือไม่ใช่ เป็นรุ่นน้อง...ที่ไม่ใช่เพื่อน แต่อนาคตอาจจะพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นก็ได้


“สวยดีนะ...” จริงๆแล้วจิณณะลืมหน้าตาหญิงสาวคนนั้นไปแล้ว แต่ก็จำต้องพูดเรื่องความสวยขึ้นมา เพราะอยากรู้ว่าพิทักษ์จะมีปฏิกิริยาอะไรบ้างไหม


แล้วสิ่งที่เขาได้คือเสียงหัวเราะเบาๆในคอ


“ชอบแบบนั้นหรือ” จิณณะสะดุ้ง ตาโต


“เฮ้ย ไม่ใช่...”


“แล้วชอบแบบไหน” คราวนี้คนพูดเก่งถึงกับอึกอัก หนึ่งคือเขาก็ไม่รู้ว่าสเป็คของตนเองเป็นแบบไหน และสอง...เขารู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังชอบ 'ใคร'


ดวงตาเหลือบมาทอดมองคนข้างกาย ก่อนจะเบี่ยงสายตาออกไปทางอื่น


“ผมมีคนตามเก็บอยู่นะพี่ ไม่กล้าคิดเรื่องอื่นหรอก”


“ฟังดูไม่เหมือนเป็นจิณที่พี่รู้จัก”


คนที่สู้อุตส่าห์เบี่ยงสายตาหนีไปมองถนนแล้วพลันต้องหันกลับมามองคนพูดอีกครั้ง


“ผมที่พี่รู้จักเป็นยังไง”


“เป็นคนที่ต่อให้มีอะไรเกิดตรงหน้า แต่ถ้าคิดจะทำก็จะทำอยู่ดี ต่อให้มีเรื่องคนตามเก็บ แต่ถ้ามีใครสักคนอยู่ในใจ ยังไงก็คือมี...จริงไหม” ถูกมองออกทะลุปรุโปร่ง จนจิณณะอ้าปากค้าง ก่อนจะถอนหายใจ


“พี่อ่านผมเก่งเกินไปแล้ว”


“แสดงว่ามี...”


ปลัดหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะพูดออกไปดีหรือไม่ เขาไม่รู้ว่าพิทักษ์คิดอย่างไรกับเรื่องแบบนี้ ตัวเขาไม่ได้มองว่ามันผิดแปลก แต่ก็ต้องยอมรับว่าให้อย่างไร ความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดกับเพศตรงข้ามก็เป็นเรื่องที่สังคมมองด้วยสายตาดูแคลนอยู่ดี ไหนจะเรื่องที่เขามีปัญหารัดตัวอยู่นี่อีก


แต่...อย่างไรเสียความจริงก็คือความจริง ความจริงที่ว่า...เขามี...คนที่อยู่ในใจ


“ครับ” เขายอมตอบตามตรง ภายในรถเกิดเป็นความเงียบชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนที่จะได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจยาว


ทั้งๆที่คิดจะพูดเรื่องนี้หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น แต่ในเมื่อเวลานั้นมันยังมาไม่ถึง และไม่รู้จะมีวันนั้นไหม ในเมื่อวันนี้มีโอกาส...เขาก็จะลอง


“...ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะชอบเขา ไม่เคยคิดเลยสักนิด เราไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ถ้าเจอกันก่อนหน้านี้ ผมอาจรำคาญเขาด้วยซ้ำ แต่มันเหมือน...สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เขาเข้ามาในเวลาที่ผมมีปัญหาหลายๆอย่างพร้อมกัน...”


จิณณะเว้นวรรคเล็กน้อย ราวกับรอคอยว่าคนฟังจะมีท่าทีอะไรหรือไม่ จะรู้บ้างไหมว่าเขากำลังพูดถึงเจ้าตัว แต่พิทักษ์ไม่พูดอะไร ราวกับกำลังตั้งใจขับรถและตั้งใจฟังไปในคราวเดียวกัน


“ผมเคยคิดว่าถ้าผมจะชอบใครสักคน ใครคนนั้นต้องทำให้ผมอยู่กับเขาแล้วมีความสุข แต่พี่ก็เห็นว่าตอนนี้ชีวิตผมมีแต่ปัญหา ความสุขเป็นเรื่องเกินตัว เขาเองก็ไม่ใช่เทวดาจะมาสร้างความสุขให้ผมในเวลาแบบนี้ แต่...สิ่งที่เขาให้ผมคือความสงบ...”


จากที่เคยคิดว่าจะอยู่กับคนที่สามารถทำให้มีความสุขได้ เวลานี้จิณณะกลับพบว่ายามอยู่กับพิทักษ์ ไม่ใช่เรียกว่าความสุข แต่เป็นความสงบและอุ่นใจ


ทั้งๆที่พิทักษ์ไม่ได้มีอะไรวิเศษไปกว่าใคร ทั้งๆที่พิทักษ์ก็ไม่ได้มีอำนาจบารมีอะไร ยังต้องอาศัยพึ่งพาคุณเทียม แต่...เขากลับรู้สึกว่าถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆ ปัญหาที่กำลังรายล้อมอยู่ในเวลานี้ ให้อย่างไรก็เป็นเพียงสิ่งที่อยู่รอบนอก


...ยามมีพิทักษ์อยู่เคียงข้าง พื้นที่ของเขาปลอดภัย...


...ไม่เรียกว่าความสงบจะเรียกว่าอะไร...


...ไม่เรียกว่าความอุ่นใจจะเรียกว่าอะไร...


...ไม่ใช่แค่ที่พึ่งทางกาย แต่รวมถึงที่พึ่งทางใจ...


“ถ้าเพื่อนผมมาได้ยิน ทุกคนต้องคิดว่าผมไม่ใช่จิณณะคนเดิมแน่ๆ ไอ้จิณคนก่อนหน้านี้มันรู้จักความสงบซะที่ไหน” จิณณะหยอกตนเอง เขาเองก็ไม่คิดว่าวันนี้จะมาพูดเรื่องความสงบในขณะที่ชีวิตกำลังปั่นป่วน ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง การที่พิทักษ์อยู่กับเขาในวันนี้ ทำให้มุมมองของเขาเปลี่ยนไป


จากที่คิดจะรักชอบคนที่สร้างความสุข สร้างความสนุกสนานให้กับชีวิต จิณณะพบว่า...แค่มีชีวิตที่สงบก็เพียงพอแล้ว


...แค่เพียงมีพิทักษ์อยู่ ชีวิตก็สงบแล้ว...


“แล้วคิดว่าจิณเป็นความสงบของเขาคนนั้นไหม” คำถามของคนที่เงียบมาพักหนึ่ง ทำเอาจิณณะชะงัก


พิทักษ์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับรถ เหมือนไม่ได้เป็นคนตั้งคำถามเมื่อครู่นี้ แต่ในรถมีกันแค่สองคน หากไม่ใช่พิทักษ์ถาม ก็ไม่รู้ว่าผีสางที่ไหน


“ตัวก่อปัญหาอย่างผมจะไปเป็นความสงบของใครได้ล่ะ”


พูดไปแล้วก็เหมือนด่าตัวเอง แต่แค่ความสงบในชีวิตยังต้องหาจากพิทักษ์ จิณณะก็ไม่หน้าด้านจะบอกว่าตัวเองเป็นความสงบของใครได้ลง


รถยนต์เลี้ยวเข้าจอดสนิทที่หน้าประตูรั้ว แขกที่จะมาค้างในคืนนี้เพิ่งรู้ตัวว่าพวกเขามาถึงบ้านของพิทักษ์แล้ว แต่ไม่ทันจะมองรอบกาย เสียงทุ้มก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“ถ้าเขาเป็นความสงบ ก็อย่าปล่อยเขาไป แล้วถ้าเขาไม่ได้บอกให้จิณไปจากชีวิตของเขา ก็อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นตัวปัญหาอีก...”


ปลัดหนุ่มหันกลับมามอง คราวนี้พิทักษ์ไม่ต้องมองถนนอีกแล้ว จึงหันมามองเขาเต็มสองตา และเป็นการมองเต็มสองตาที่ทำให้นิ่งงัน


“อีกอย่าง...ความสงบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าวันนี้เขายังอยู่ข้างๆจิณ พี่ว่า...เขาก็มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน”

..............................

‘…มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน’


‘…มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน’


‘…มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน’


จิณณะเพิ่งรู้เอาก็ตอนนี้ว่าคนที่ตนเองอุตส่าห์ยกให้เป็น ‘ความสงบ’ ของชีวิตในช่วงที่ปัญหารุมเร้านั้น กลายร่างเป็นคนก่อความไม่สงบในใจของเขาไปแล้ว


...แล้วคืนนี้จะนอนยังไง...


...จะนอนยังไงทั้งๆที่ใจเต้นแรงขนาดนี้...


“นอนได้ไหม...” ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของบ้าน ทำเอาคนกำลังว้าวุ่นนั่งไม่ติดสะดุ้งเฮือก เขาหันไปมองพิทักษ์ที่ยืนอยู่ที่ประตู ก่อนจะกระแอมไอเพื่อเรียกสติตัวเอง


“ได้สิพี่”


บ้านของพิทักษ์เป็นบ้านสองชั้น มีห้องนอนสองห้อง ห้องที่เขาพักเป็นห้องนอนเล็ก คาดว่าน่าจะสำหรับแขก ส่วนพิทักษ์นอนอีกห้องหนึ่ง


เจ้าของบ้านพยักหน้ารับรู้ แต่ยังยืนคาที่ประตู จิณณะผู้มีไฝที่ปากก็กลายเป็นคนหัวสมองตีบตันคิดเรื่องพูดไม่ออก


“เอ่อ...พ...พรุ่งนี้ ต้องออกกี่โมง”


“เจ็ดโมงก็ทัน รถไม่ติดหรอก” แล้วทั้งห้องก็เงียบลงอีก คราวนี้คนที่ยืนอยู่หน้าประตู หมุนตัวจะเดินจากไป แต่เสียงของจิณณะดังขึ้น


“พี่ทิศ”


เจ้าของชื่อหันกลับมามอง คนเรียกขบริมฝีปากตัวเอง อะไรบางอย่างในใจผลักดันให้เขาพูดออกไป


“เรื่องที่เราคุยกันในรถ พี่รู้รึเปล่าว่าผมหมายถึงใคร”


ดวงตาสองคู่สบกัน แม้เจ้าของคำถามจะไหวหวั่นกับคำตอบ แต่ก็เข้มแข็งพอที่จะรับรู้ความจริง ส่วนคนถูกถาม...ใบหน้าเรียบเฉย ทว่าในดวงตามีแววยิ้มจาง


“แล้วรู้ไหมว่าพี่หมายถึงใคร”


ปลัดหนุ่มได้แต่กะพริบตาปริบๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พิทักษ์ก้าวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ใบหน้าไม่บ่งอารมณ์ของเจ้าของบ้านเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น ทว่าดวงตาที่จับจ้องมากลับทำให้หัวใจเต้นระส่ำจนแทบจะหลุดจากอก


ทั้งๆที่ไม่มีคำพูดอะไรเลย แต่ดวงตาของพิทักษ์มองตรงไม่วอกแวกไปไหน ราวกับเฉลยคำถามของตนเองด้วยตาคู่นี้...


“ผ...ผม...เป็นผมหรือ...” ปลัดอำเภอที่เคยพูดเก่งได้แต่ครางตะกุกตะกัก


คราวนี้ไม่เพียงเห็นแววยิ้มในดวงตา แต่ริมฝีปากยกขึ้นจางๆด้วย พิทักษ์ขยับเข้าใกล้มากขึ้นอีกนิด ดูเหมือนปลัดหนุ่มจะรู้ตัว แต่พอจะขยับถอย แขนของอีกฝ่ายกลับกวาดมารั้งเอวของเขาไว้


คนถูกโอบเอวสะดุ้งเฮือก ก้มลงมองแขนที่ฉุดเอวลากเขาเข้าใกล้ ดวงตาตื่นๆมองแขนนั้นสลับกับเงยหน้ามองเจ้าของแขน


เป็นสีหน้าเหรอหรา งุนงง ทั้งมึนทั้งเบลอจนพิทักษ์อดไม่ไหว ยื่นหน้าเข้าหาแล้วกดริมฝีปากลงกับริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างแผ่วเบา


จิณณะสะดุ้งอีกรอบ สองแขนรีบยันร่างของอีกฝ่ายพร้อมกับเบี่ยงหน้าหนี แต่พิทักษ์กลับยืนมั่นคง นอกจากจะไม่สะเทือนกับแรงดันของเขาแล้ว ยังกระชับแขนรอบเอวให้เข้าแนบชิด มืออีกข้างกดด้านหลังศีรษะของจิณณะให้อยู่นิ่งรองรับรสสัมผัสที่เน้นหนักมากขึ้นทุกที


ทั้งเบียดชิด ทั้งดูดดึงและขบเม้ม ยิ่งหนีก็ยิ่งถูกตาม ยิ่งพยายามถอยก็ยิ่งถูกบดขยี้จนแทบไม่มีช่องว่าง ไม่เปิดโอกาสแม้แต่จะให้หายใจสักนิด จิณณะไม่กล้าเปิดปากประท้วง เพราะรู้ดีว่าต่อจากการถูกบดเบียดด้วยริมฝีปากคือการถูกบุกรุกด้วยปลายลิ้น ได้แต่ครางอื้ออึง ข่มตาคิ้วขมวด อึดอัดผสมวาบหวามจนมือไม้เย็นเฉียบไปหมด


จนกว่าเจ้าของบ้านจะพอใจ จึงยอมถอนริมฝีปากออก ทว่าก็แค่ถอยห่างเล็กน้อยแต่ยังโอบเอวเอาไว้เพื่อดูสีหน้าซีดขาวที่กลายเป็นแดงก่ำ ริมฝีปากที่มีไฝเม็ดเล็กบวมช้ำและแดงเจ่อ สายตาเลื่อนลอยเหมือนยังตกอยู่ในภวังค์


...น่าจูบซ้ำอีกสักที...


ทว่าพอเขาจะยื่นหน้าเข้าหา มือที่ดันอกเขาอยู่ในตอนแรกก็ถูกยกขึ้นมาตะปบหน้า


“เดี๋ยวๆ พี่จูบซ้ำไม่ได้ ขอผมตั้งสติก่อนสิ!”


พิทักษ์ดึงมือออก


“เราใจตรงกัน”


“ก...ก็ใช่ แต่ผมไม่เคยจูบกับผู้ชาย!” เวลานี้เหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลก็ถูกยกขึ้นมาบังหน้าแล้ว จิณณะขอเวลาตั้งสติ ตั้งตัวสักหนึ่งหรือสองนาทีก็ยังดี จู่ๆให้รับรู้ว่าตัวเองสมหวังปุ๊บแล้วถูกจูบปั๊บ มันก็ปรับตัวปรับใจไม่ทันไปหน่อย


“พี่ก็ไม่เคย จิณเคยบอกว่าวินวิน...”


“ผมเคยบอกตอน...ไห...น...” พอจะย้อนถาม ภาพที่ตนเองเคยไปขอร้องให้พิทักษ์มาช่วยเหลือเป็นแฟนกำมะลอก็ย้อนกลับเข้ามาในสมอง ยามนั้นเขาอ้างเหตุผลให้กับการที่ทั้งเขาและพิทักษ์ต่างเป็นชายที่ไม่เคยมีคนรักเป็นชายมาก่อน ว่าเป็นเรื่อง ‘วินวิน’ คือได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย มาวันนี้ พิทักษ์ก็เลยยกคำนี้มาใช้ย้อนเขาแทน


“นึกออกแล้วใช่ไหม คราวนี้พี่จูบซ้ำได้หรือยัง...”


จิณณะตาค้าง ไม่ทันตอบอะไรก็ถูกจูบซ้ำอีกครั้งไปแล้ว...

…………………………

มีคนพูดกันว่าอย่าปลุกเสือหลับ


พิทักษ์คือเสือหลับที่แท้จริง เพราะหลังจาก ‘จูบซ้ำ’ ก็มี ‘จูบซ้ำๆ’ ตามมาอีก 2 ครั้ง กว่าจะยอมปล่อย ปลัดหนุ่มก็แข้งขาอ่อนยวบ ตอนแรกที่ใจว้าวุ่นจนนั่งไม่ติด พอถูกจูบติดๆกัน 4 ครั้งเลยได้แต่นั่งแปะบนเตียง ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆในคอของเสือหลับที่ถูกปลุก


“พี่กลับห้องไปเลย” แม้ไร้เรี่ยวแรงจะยืน แต่ปากยังใช้ได้อยู่ แถมดวงตายามตวัดมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็วาวโรจน์เหมือนเคืองขุ่น ทั้งๆที่เมื่อครู่คล้อยตามกับรสสัมผัสไปไม่น้อย


ตรงข้ามกับพิทักษ์ ดวงตาที่ทอดมองมายังคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงนั้นทั้งขันทั้งเอ็นดู เขาวางมือลงบนศีรษะของจิณณะ แน่นอนว่าทำเอาอีกฝ่ายก็ถึงกับสะดุ้ง แต่เมื่อเขาลูบเบาๆ ก็ดูเหมือนจิณณะจะนิ่งลง


เขาวางมืออยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่งก่อนผละออก


“กู้ดไนท์” เจ้าของบ้านเอ่ยเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังประตูห้อง แต่ไม่ทันเปิดประตู เสียงของคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงก็ดังขึ้น


“ผมเป็นความสงบของพี่จริงๆหรือ”


เป็นคำถามที่พิทักษ์ไม่คิดว่าจะถูกถาม แม้แต่เจ้าของคำถามเองก็ดูไม่แน่ใจกับคำถามของตนเองด้วยซ้ำ


เจ้าของบ้านหันกลับมามอง ดวงตาคู่นั้นทำให้หัวใจของจิณณะสั่นสะท้าน ได้ยินเสียงตอบสั้นแต่หนักแน่น


“อืม”

……………………………..

 “ไอ้จิณ! ไอ้จิณ!”


จิณณะสะดุ้งโหยง ตาเหลือกมองรอบตัวแล้วก็พบว่าตนเองนั่งอยู่ในที่ว่าการ เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน วรชิตเพื่อนปลัดฝ่ายป้องกัน


“ให้มันน้อยๆหน่อยนะมึง ไปค้างบ้านคุณพิทักษ์คืนเดียว มาวันนี้นั่งเหม่อในเวลาราชการ” วรชิตหยอก ทำเอาคนนั่งเหม่อในเวลาราชการได้แต่กลืนน้ำลายหลายๆอึก จะปฏิเสธว่าไปค้างอย่างเดียวไม่มีอะไรอย่างที่เพื่อนคิด ก็พูดไม่ออก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะเรียกว่าไปค้างอย่างเดียวไม่ได้


ต้องบอกว่า... ‘เราใจตรงกันแล้ว’


แล้วก็...โดน ‘จูบซ้ำ’ ไปหลายทีแล้ว


จิณณะไม่ใช่ชายหนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่อง จูบแรกนั้นผ่านมานานมากแล้ว แถม ‘จูบซ้ำ’ แบบเมื่อคืนก็เคยออกบ่อย แต่...หากจะบอกว่าจูบเมื่อคืนมันติดอยู่ในใจก็ไม่ผิด


“เฮ้ย! เหม่ออี๊ก!” เสียงของวรชิตดังขึ้นอีกครั้งตามด้วยเสียงหัวเราะ ดึงสติจิณณะออกมาจากเรื่องเมื่อคืนที่เขาคิดซ้ำซาก ไม่รู้ว่าอะไรติดอยู่ในใจมากกว่ากัน ระหว่างจูบซ้ำๆของพิทักษ์กับเสียงตอบคำว่า ‘อืม’ เมื่อเขาถามว่าตนเองเป็นความสงบของพิทักษ์จริงหรือ


 แล้วพอคิดถึงเรื่องเมื่อคืน...ใจก็ไม่สงบอีกแล้ว


“ไม่ไหวจริงๆแล้วมึงนี่ คุณพิทักษ์ครับ มาพาไอ้จิณไปปรับทัศนคติเถอะ” ชื่อของพิทักษ์ที่หลุดออกมาจากปากของเพื่อนทำเอาจิณณะหันมองซ้ายขวา มารู้ตัวว่าพิทักษ์จะมาอยู่ที่ที่ว่าการในเวลาทำงานอย่างนี้ได้อย่างไรก็เมื่อตอนที่หูได้ยินเสียงหัวเราะอีกรอบ


“สงสัยเรื่องเมื่อคืนจะดีมาก พูดถึงคุณพิทักษ์นิดเดียว มองหาซะคอแทบเคล็ด” ปฏิเสธไม่ได้เพราะความจริงเป็นอย่างที่วรชิตว่า จิณณะเลยตีสีหน้าหงุดหงิดกลบเกลื่อน


“ถ้ามึงไม่มีอะไรทำก็กลับไปทำงาน!”


“งานกูคือพี่จรให้มาเรียกมึงไปหา” พี่จรที่ว่าคือกำจรผู้เป็นนายอำเภอ จิณณะเหลือบมองไปยังห้องทำงานของหัวหน้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเคาะประตูแล้วจึงเปิดเข้าไป


กำจรนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พอเห็นเขาเข้าพบ ก็วางแฟ้มในมือลงทันที


“จิณ พี่มีเรื่องจะวานหน่อย”


จิณณะยืนรอฟังคำไหว้วานอย่างสงบ


“เสาร์นี้คุณไพศาลมีงานเลี้ยง เขาเชิญพี่แต่พี่ไปไม่ได้ เห็นคุณไพศาลว่าจิณรู้จักกับเขา ถ้ายังไงไปแทนพี่หน่อยได้ไหม” ความสงบของจิณณะพังครืน ตาเหลือกโตอ้าปากค้าง


“หะ?!”


“ถ้าคนของที่ว่าการไม่มีใครไปเลยก็น่าเกลียด จิณก็รู้ว่าคุณไพศาลบริจาคแอร์ตัวข้างล่างให้เรา”


ที่ว่าการเป็นอาคารเก่า เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนผูกติดมากับตัวอาคาร รวมถึงเครื่องปรับอากาศที่ชั้นล่างด้วย ฤดูร้อนปีก่อน เครื่องปรับอากาศทำได้แค่เป่าลมออกมาโดยปราศจากความเย็น นายไพศาลเลยบริจาคเครื่องปรับอากาศชุดใหญ่ แน่นอนว่าลงบัญชีของบริจาคเรียบร้อยตามหลักการ แต่เหนือหลักการคือซื้อใจนายอำเภอไปด้วย


“แล้วทำไมเป็นผมล่ะ” ปลัดอำเภอในที่ว่าการมีอีกหลายคน จิณณะไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะถูกกำจรมองเป็นตัวเลือกแรกในการไปร่วมงานเลี้ยงพรรค์นี้


“ก็คุณไพศาลบอกว่าแกรู้จักกับจิณ เอาหน่า ไปให้พี่หน่อย คุณพิทักษ์ก็น่าจะไปไม่ใช่หรือ” ทั้งๆที่ใจอยากปฏิเสธ เพราะตกลงกับพิทักษ์และคุณเทียมเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยงของนายไพศาล แต่ดูเหมือนรายนั้นจะรู้ถึงได้เข้าทางหัวหน้าของเขาอย่างนี้


แล้วแบบนี้ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เสียด้วย


จิณณะออกจากห้องทำงานของนายอำเภอ ถอนฉุนทีหนึ่งก่อนจะล้วงโทรศัพท์มือถือเดินออกไปข้างนอก กดยุกยิกแล้วรอปลายสายแค่อึดใจเดียว ก็กรอกเสียงลงทันทีที่อีกฝ่ายรับ


“พี่ทิศ เกิดเรื่องแล้ว”


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ไม่ได้ตั้งใจที่ตอนนี้จะลงวันวาเลนไทน์เลยค่ะ มันพอดีจริงๆ สมกับความเป็นกิ่งทองใบหยกของพี่ทิศและปลัดจิณ ฮ่าฮ่า 

คราวนี้เรื่องเกิดไม่ใช่เพราะปลัดแล้ว แต่เรื่องเกิดปุ๊บ ก็โทร.ฟ้องพี่ทิศปั๊บ พี่ทิศต้องดีใจนะคะที่เป็นที่พึ่งให้ปลัดได้ขนาดนี้

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจเหมือนเคย ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: gingivalis ที่ 14-02-2019 23:13:15
โอ๊ย... ฟินนนนน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-02-2019 23:19:06
กร๊าวใจมากตอนที่เค้าบอกว่าใจตรงกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Naeon ที่ 14-02-2019 23:20:12
พี่ทิศ!!!! ขึ้นอันดับหนึ่งพระเอกในดวงใจเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 14-02-2019 23:21:08
โอ๊ยยยยย ฉันเขินนนน พี่ทิศเฉลยคำตอบเร็วไป๊ อยากเห็นน้องลังเลไปอีกสักตอนสองตอน แบบว่าเข้าใจว่าตัวเองแอบรักข้างเดียวอยู่ ไรงี้  :o8:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: psyfer ที่ 14-02-2019 23:26:49
อุ๊ยตัย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-02-2019 23:28:08
ทำไมเขิล..ลลลลลลลลลล    :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 14-02-2019 23:30:18
 พี่ทิศน่าร้ากกกกกกกก ใจตรงกันสักที ดีที่สองคนนี้ไม่ใช่คนปากแข็ง ยอมรับกันง่ายๆ นึกว่าจะต้องรอไปอีก 2-3ตอน ดีใจจจจจจ

ส่วนนายไพศาล!!!!!! ชุ้นจะฟาดดดด อย่ามายุ่งกับปลัด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 14-02-2019 23:34:36
"เขาก็มองจิณเป็นความสงบของเขาเหมือนกัน".....ประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก
พอใจตรงกับปุ๊บก็สปาร์คกันปั๊บ สมกับเป็นคนหนุ่มจริง ๆ
ขอบคุณสำหรับความหวานในวันแห่งความรักนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 15-02-2019 00:00:27
มีสารภาพรักกันเล็ก ๆ ว่าแต่คุณไพศาลนี่ยังไง ขนาดโดนเตือนก็ยังไม่มีเกรงกลัว
ทำไมถึงต้องการฆ่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 15-02-2019 00:07:43
ถึงขั้นโทรศัพท์หลุดมือ เขินแทนจนมือไม้อ่อน
พี่ทิศวิทยายุทธล้ำมาก จูบซ้ำๆๆๆๆ โคตรฟิน

ชอบค่ะ น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-02-2019 00:10:58
ว้าวๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 15-02-2019 00:15:55
งุย~~~ คนจริงไม่ต้องพูดเยอะ
รู้ว่าน้องสารภาพปุ๊บ จับจูบซ้ำๆ ไปเลยจ้า 555

มันดีนะ ที่เราจะเจอคนที่เป็นความสงบและวางใจไว้ด้วยได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 15-02-2019 00:19:41
เขินพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 15-02-2019 00:26:09
“จะมาค้างบ้านพี่ หรือจะให้พี่ไปค้างที่บ้าน”
คำถามนี้เป็นเหตุให้โดนจูบ เพราะตกลงไปค้างบ้านพี่เค้า
โอ้ยยยย !!! ทั้งขำ ทั้งเขิล 55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 15-02-2019 00:28:06
พี่ทิศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศศ
บ้าไปล้าววววววววววววว จะกร้าวใจแบบนี้ไม่ด้ายยยยย น้องจะตายยยยยยยยยยยยยยย
คนอะไร... พอรู้ว่าใจน้องตรงกับตัวเองแล้วก็ตะโบมจูบเอาๆ ปากน้องช้ำหมดแล้วค่าาา
ส่วนน้องจิณนี่ก็นะ...ใจนักเลงพอ รักก็บอกรัก ชอบก็บอกชอบ ตรงๆเว้ยตรงๆ *ยกมือทุบอก*
ละพี่ทิศก็แหมมมม ถ้าไม่บอกว่าพี่ทิศเป็นนักธุรกิจนี่ก็คงคิดว่าพี่แกรับจ๊อบเป็นลิเกล่ะค่าาา
คำพูดแต่ละคำที่หลุดออกมาจากปากพี่ทิศนี่คนอ่านต้องม้วนเขินไปแล้วล้านตลบ
ละถามว่าน้องจิณนี่ต้องทำหน้ายังไง ต้องทำตัวยังไงเวลาอยู่กันสองต่อสองกะพี่ทิศล่าาาา
โธ่เอ้ยยยย ไม่อยากดูเป็นคนเลวเลยถ้าจะบอกว่าอยากขอบคุณตัวโกงเหลือเกินที่เปลี่ยนเป้าหมายแล้ววว
เพราะถ้าไม่เพ่งเป้ามาที่น้องจิณ ชาวเราก็คงไม่มีวันได้เห็นเสือ(หลับ)แบบพี่ทิศตื่นมากระโจนเข้าใส่เหยื่อแบบนี้หรอกค่าา
อุแหม่ ของเค้าดีและแรงมากจริงๆ รวดเร็วปานจรวด....น้องจิณก็ย้ายไปนอนบ้านพี่ทิศกันล่ะจ้าาา
เยี่ยมบ้านครั้งแรกก็เจอปล้นจูบล่ะ ละเยี่ยมบ้านครั้งต่อไปนี่เสือจะตะครุบเหยื่อแบบไหนหว่า???:haun4: :haun4:
ละอยากบอกว่าทั้งหมดที่เห็นมาดูเหมือนพี่ทิศจะเป็นคนสุภาพ นิ่งขรึม ใจเย็น เห็นทีงานนี้ขอเปลี่ยนความคิด...
ก็ถ้าพี่ทิศตบะแตกเมื่อไรแล้วจะโซแดมฮอตแบบครั้งนี้นะ ให้ตายเถอะ ขอแอมโมเนียหน่อยจะเป็นลม :m25:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 15-02-2019 02:30:10
เกิดเรื่องแบบนี้ระวังพี่ทิศทำมากกว่าแค่จูบลงโทษน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-02-2019 03:31:56
ไฝที่ปากหยุดทำงานไปชั่วขณะ วินวินแล้วนะคะปลัด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: fxxg0430 ที่ 15-02-2019 03:43:22
Omgggggggggg  :o8:

พี่ทิศจ๋า มาเงียบๆแต่เปรี้ยงเดียวจบ ฮื้อ เขินมาก อะไรใครจะฆ่ากันตายไม่สนแล้ว ไม่ไหว เขินนนนนนน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 15-02-2019 04:31:57
อ่านแล้วก็เกร็งตัวตาม  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 15-02-2019 06:40:55
โอ้ยยย ฟินกับจูบซ้ำ และจูบซ้ำๆ 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-02-2019 07:32:47
อุตส่าห์เลี่ยงได้แล้ว ยังจะงานงอกอีก โอ้ยยย จิณเอ๊ยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-02-2019 07:52:47
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 15-02-2019 09:58:55
ไม่สงบมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Arayajanm ที่ 15-02-2019 12:42:21
บอกได้คำเดียว สำหรับตอนนี้ เขินนนนน ☺️☺️☺️☺️☺️
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 15-02-2019 12:52:09
มันดีมากๆเลยอะงื้ออออ
ดีขนาดนี้ไม่รักก็บ้าแล้ว ขอแบบพี่ทิศที่นึงค่ะะ //โดนปลัดสั่งเก็บ :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-02-2019 13:23:48
แค่หนุงจิณหางานพี่ทิศก็เหนื่อยกายเหนื่อยใจจะแย่แล้ว

นี่นายอำเภอยังมาช่วยหางานเพิ่มให้อิ๊ก

วงวารพี่ทิศจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 15-02-2019 14:50:37
สติหลุดกันไปเลนที่เดียว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 15-02-2019 15:42:00
ก็คือฉากเขาสารภาพกันนี่อ่านไปครึ่งนึงแล้วก็ไปกรี๊ดแล้วก็กลับมาอ่านต่อ เขิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 15-02-2019 16:37:18
เขิลไปหมดแล้วววววว
เป็นการบอกรักที่ไม่ต้องเอ่ยคำว่ารัก
ทำไมต้องน่ารักกันขนาดนี้
ไม่ไหวแล้วจร้าาาาา :z3:

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-02-2019 16:53:01
อย่าปลุกเสือหลับ เชื่อแล้วจ้าพ่อ
เขิน  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 15-02-2019 19:32:07
พี่ทิศ~~!!!!! คือดีต่อใจมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: SLEEPERINDY ที่ 15-02-2019 19:54:11
อยากอ่านต่อแล้วววว  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 15-02-2019 19:55:48
 :-[คนปากเก่งพอใจตรงกันไปไม่ถูกเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-02-2019 22:01:31
แงงงง เขินจนมือหงิก ไม่คิดว่าพี่ทิศจะรุกเร็วขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 15-02-2019 22:05:33
พี่ทิศ ใช้ประโยคของปลัดได้ถูกเวลา อยากจูบซ้ำๆ "วินวิน" เน้นกระทำ โอ้ยๆ ใจหวั่นไหว ยวบยวบ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Krajeeqx ที่ 15-02-2019 22:06:30
เขินพี่ทิศหนักมาก
ชอบพี่ทิศโหมดเสือตื่น  :hao3:
อิจฉาจินมากๆเลยที่ได้ครอบครองผู้ชายคนนี้อบอุ่นและตรงไปตรงมา
จิณอย่าดื้อกับพี่เค้ามากนะลูก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: borntobeyours ที่ 15-02-2019 22:20:59
ตอนนี้เป็นตอนที่เราใช้เวลาอ่านนานมากกกกกกกกก อ่านไปสักแปปก็ต้องหยุด ไม่ใช่อะไรค่ะ เขินมาก มากแบบมากๆๆๆๆ นี่เขินตั้งแต่ที่พี่ทิศมาง้อ ลากยาวไปจนที่ฉากจูบ ไม่ไหวค่ะ ไม่ใช่แค่จิณที่หัวใจทำงานหนัก เราก็เหมือนกัน ฮืออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=&gt; หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 15-02-2019 22:23:17
พี่ทิศจะเกินไปแล้วววว! ดูไม่สนใจไม่รู้สึก แต่บทจะรู้ตัวขึ้นมาก็รุกน้องซะไม่ได้ตั้งตัวเลย เขินไปหมดเลยค่ะ แง้้้้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 16-02-2019 00:51:50
พี่ทิศคนไวไฟ ทำไมปากไวกว่าจิณคะ แบบนี้บ่นน้องไม่ได้แล้วนะ
พี่เขาทำตัวเหมาะกับชื่อเขานะคะ คุณพิทักษ์
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-02-2019 01:18:08
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 16-02-2019 01:33:49
แงงง น่ารักกกกกก ชอบตอนนี้มากเลยค่ะ  :sad4: ตอนหน้าจะเหลือโมเมนต์ไหมนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-02-2019 10:31:32
โอ๊ยยยยยยยยยยย เขาใจตรงกันล่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: norimaki ที่ 16-02-2019 16:21:32
โอ๊ยยยยยยเขาใจตรงกัน ไม่พอเขาตรงต่อใจกันและกันอีก
ไม่ต้องอ้อมค้อมก็รู้ว่าหมายถึงใคร แล้วปลัดของเราจะทันพี่เขามั้ยน๊าๆ
เห็นนิ่งๆแบบนั้น พอเขาเอาแต่ใจก็ตามเข้าไม่ทันนะ เฮ้ออน่ารัก
แต่ความน่ารักก็มาพร้อมความตื่นเต้น พี่จะช่วยน้องยังไงต่อเนี้ย ลุ้นจัง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 16-02-2019 19:16:49
พี่ทิศๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-02-2019 21:44:00
ใจบางมากแล้วค่ะ ทำไมเป็นคนแบบนี้กันล่ะ
แทบล้มลงไปกองตรงหน้าแทนจิณแล้วนะ

จิณจะพาซื่อไปถึงไหน เข้าทางพี่เลย
ได้ทั้งกอดทั้งจูบ แถมไปหลายรอบ

เอ็นดูพี่ทิศ ต้องมาง้อน้องถึงที่

ชอบความรู้ทันกัน มองตาก็รู้ใจ
คนที่ใช่ จะยังไงก็ห้ามยากเนาะ
พ่อแม่จิณไม่ทันแล้วค่ะ พี่ทิศไม่ปล่อยแน่นอน

โอ๊ยยยย อยากรู้เลยว่าทองสุกฝากบอกอะไรไว้
ทำไมไพศาลถึงไม่ยอมจบสักที ขนาดโดนเตือนมาแล้ว
ลุงเทียมไม่ธรรมดาจ้า สายตรงสายด่วนขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-02-2019 23:47:20
 :katai2-1:


จะเป็นใหญ่ ใจต้องนิ่ง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 19-02-2019 01:04:59
งื้อออออ จูบซ้ำๆ  :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 19-02-2019 05:52:12
เขินมากๆ ไม่คิดว่าจะสวิงอารมณ์ไปมามากขนาดนี้ พี่ทิศน้องก่อเรื่องอีกแล้วว :z2: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 21-02-2019 12:54:24
น้องจิณโดนแน่ๆ ไปปลุกเสือหลับเข้าให้แล้ว
ตอนนี้แอบหวังว่าน้องจิณจะเป็นคนเยดุ เร่าร้อนทะลุขีด 555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 8...=> หน้าที่ 12 (14/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 21-02-2019 15:29:31
จูบกันแล้วๆ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-02-2019 23:04:04
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 9


เพราะถูกหัวหน้าคะยั้นคะยอให้ไปเป็นตัวแทนที่ว่าการ จิณณะย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ พิทักษ์เองก็ไม่ปล่อยให้เขาไปเพียงลำพังเช่นเดียวกัน เที่ยงวันเสาร์ ชายหนุ่ม 2 คนจึงปรากฏตัวขึ้นที่งานเลี้ยงวันเกิดควบกับงานเปิดตัวปั๊มน้ำมันแห่งใหม่ของนายไพศาล


“โอ้ ปลัด คุณพิทักษ์! ขอบคุณมากที่มา ขอบคุณๆ” เจ้าของงานยิ้มแย้มหน้าใหญ่ใจกว้างเหมือนเคย ทักทาย ตบบ่าตบไหล่เหมือนสนิทสนมกับพิทักษ์และจิณณะมานาน


“ยินดีด้วยนะครับ คุณไพศาล” ปลัดหนุ่มเอ่ย “นายอำเภอมาไม่ได้ เลยวานผมให้ถือดอกไม้มาแสดงความยินดี” เขาว่าอย่างนั้น พลางส่งแจกันดอกไม้ให้ลูกน้องของไพศาลที่ยืนอยู่บริเวณนั้นช่วยรับแทน


ไพศาลปรายสายตามองแจกันแวบเดียวแล้วหันมายิ้มให้จิณณะ


“ฝากขอบคุณนายอำเภอด้วยนะครับ” ว่าแล้วก็หันมาทางพิทักษ์


“เห็นคุณเทียมบอกผมว่าติดธุระ ไม่คิดว่าท่านจะส่งคุณพิทักษ์มาแทน”


หลานชายของคุณเทียมยิ้มจาง


“ผมมาเป็นตัวแทนคุณลุง และมาเป็นเพื่อนปลัดจิณณะด้วย” ไม่มีความจำเป็นต้องบอก แต่พิทักษ์อยากย้ำสถานะของเขาและจิณณะให้ไพศาลรับรู้อีกครั้ง


จิณณะเป็นคนของเขา เป็นคนของหลานชายคุณเทียม หากจะมีใครไม่ขึ้นตรงต่อคุณเทียมก็ได้ แต่จะทำอะไรโดยไม่เกรงอกเกรงใจคุณเทียมไม่ได้


   เจ้าของงานชะงักไปเล็กน้อย มองพิทักษ์สลับกับจิณณะ แล้วยิ้ม


   “คุณพิทักษ์พูดแบบนี้ สงสัยเรื่องที่ผมได้ยินมาคงไม่ผิด...” พิทักษ์เพียงยิ้ม ไม่ตอบ แต่เหลือบมองคนข้างกายราวกับจะบอกว่าถ้าเรื่องที่ไพศาลได้ยินมาเกี่ยวข้องกับเขาและจิณณะ ‘เรื่องนั้น’ ไม่ผิดแน่นอน


   “พวกผมเข้าข้างในก่อนดีกว่า คุณไพศาลจะได้รับแขกคนอื่นๆ” ปลัดจิณณะเอ่ยปาก เจ้าของงานเองก็ไม่รั้งเอาไว้ ผายมือเชื้อเชิญสองหนุ่มเข้างาน แต่ไม่วายมองส่งตามหลัง


   เขาเห็นพิทักษ์แตะแขนปลัดหนุ่มเล็กน้อยยามให้เดินเคียงกันไปพบปะแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ดูราวกับแนะนำจิณณะให้ผู้คนรู้จัก


   ไพศาลได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างคิดไม่ตก


   ...คนของหลานชายคุณเทียม...


   ...เขาจะจัดการอย่างไรดี!!...

……………………….

   ไม่ต้องรอให้งานเลี้ยงเลิก จิณณะและพิทักษ์ก็ขอตัวหลังจากเห็นแขกส่วนหนึ่งเริ่มทยอยกลับ กระทั่งตอนที่เข้าไปลาเจ้าของงาน ก็ยังรู้สึกถึงความอึดอัดลอยคลุ้ง แม้ว่าไพศาลจะยิ้มแย้มแจ่มใสให้พวกเขาตลอดเวลาก็ตามที


   ไพศาลเปลี่ยนเป้าหมายแล้วจริงๆ


   เป้าหมายกลายเป็นจิณณะแล้วจริงๆ


   ทั้งๆที่ควรจะดีใจที่อย่างน้อย คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างวรชิตจะพ้นทุกข์พ้นภัยเสียที แต่ความดีใจย่อมไม่มากเท่าความกังวล เพราะทุกข์ภัยที่ว่ากำลังวิ่งตามจิณณะในขณะนี้


ประตูรถยนต์ของพิทักษ์ปิดลง เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้น เจ้าของรถหันมอง เพียงเท่านั้นคนที่มักมีท่าทีร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอก็รู้สึกตัวว่าแสดงออกมากเกินไป จึงรีบหันไปเสยิ้ม


“โทษทีพี่ มันเหนื่อยๆ” เจ้าตัวไม่ได้บอกว่าเหนื่อยเรื่องอะไร แต่อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเข้าใจ เจ้าของรถไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นวางบนศีรษะของคนข้างกาย วินาทีแรกจิณณะสะดุ้ง แต่เมื่อมือยังวางอยู่บนศีรษะของเขาแบบนั้น กระแสอุ่นซ่านก็แผ่ลงมาสู่ขั้วหัวใจ


ไม่มีการขยับตัวหนี ไม่มีการเอียงศีรษะหลบ เขานั่งอยู่อย่างนั้นแล้วปล่อยให้ความอุ่นร้อนจากมือของพิทักษ์ผ่านลงสู่ร่างกายและหัวใจที่เหนื่อยล้าเพราะแบกรับความเครียดและกังวล


ทั้งๆที่รู้สึกว่าเหนื่อยจนแทบหายใจลึกๆไม่ไหวอีกแล้ว ทั้งๆที่คิดว่าการถูกจ้องเขม็งอย่างไม่ประสงค์ดีชวนให้หวั่นใจกลัวตายมากแล้ว แต่...ใครบางคนก็ยังอยู่ข้างๆไม่ไปไหน


“วันนี้มีธุระที่ไหนอีกรึเปล่า” เสียงทุ้มถามเบา


“ไม่มีแล้ว” คำตอบจึงแผ่วเบาพอกัน ทว่าภายในรถนั้นเงียบมากพอที่จะได้ยินเสียงพูดคุยราวกับกระซิบนี้


“ถ้าอย่างนั้นเข้ากรุงเทพฯกัน” คนถูกชวนเลิกคิ้วน้อยๆอย่างสงสัย พิทักษ์มองใบหน้าเหนื่อยล้าของคนข้างกายแล้วลูบศีรษะเบาๆราวกับให้กำลังใจ


“ไปกินข้าวบ้านพ่อแม่ของจิณกัน” 


ในวันที่ทั้งเหนื่อยทั้งล้า โกศลและจรรยาคงเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกอย่างจิณณะ

…………………….


จิณณะเคยรู้สึกว่าภายในรั้วอาณาเขตครอบครัววงศ์กีรติที่ห้อมล้อมคฤหาสน์สี่หลัง เป็นสถานที่ที่แสนเย็นชา แต่วันนี้ที่รู้สึกว่าคนข้างนอกกำลังอาฆาตมาดร้ายและหวังปลิดลมหายใจของเขา การเลี้ยวรถเข้ามาในอาณาเขตนี้กลับทำให้อุ่นใจอย่างประหลาด


รถยนต์ของพิทักษ์เคลื่อนตัวไปตามถนนที่มุ่งสู่คฤหาสน์หลังหนึ่ง จิณณะจับจ้องมันไม่วางตา ภาพความทรงจำที่มีทั้งพ่อ แม่ เขาและน้องชายไหลย้อนกลับมาไม่ขาดสาย


ต่อให้ในรั้วนี้จะเย็นเยียบสำหรับเขาแค่ไหน แต่ที่ ‘บ้าน’ หลังนี้...พ่อ แม่และจารีต กลับทำให้มันอุ่นขึ้นมาเสมอ


พิทักษ์และจิณณะลงจากรถ คฤหาสน์ทั้งหลังเงียบราวกับไม่มีคนอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเสียงรถก็ยังทำให้คนรับใช้วิ่งออกมาต้อนรับ


“พ่อกับแม่ล่ะ” ลูกชายคนโตของบ้านหันไปถาม


“คุณยาอยู่ในห้องครัวค่ะ กำลังทำกับข้าว” จิณณะเลิกคิ้วเล็กน้อย แปลกใจที่วันนี้แม่ลงครัวเองทั้งๆที่ปกติมักจะให้แม่บ้านดูแล เขาไม่พูดอะไร แต่หันไปพยักหน้าให้พิทักษ์เดินตามไปยังห้องครัว


กลิ่นหอมลอยออกมาปะทะจมูกตั้งแต่ยังก้าวเท้าไม่ถึงครัว ปลัดหนุ่มเผลอยิ้ม แค่ได้รู้ว่าเขายังได้กลับมาเหยียบที่นี่ ยังมีชีวิตอยู่และรับรู้การมีอยู่ของบิดามารดาในที่แห่งนี้...แค่นี้ก็อุ่นใจแล้ว


“แม่...” เขาส่งเสียงทัก รู้สึกเหมือนเสียงตัวเองสั่นเล็กน้อยจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่


จรรยาหันตามเสียง ก่อนจะเบิกตาโตที่เห็นลูกชาย รีบวางมือจากอาหารบนเตา


“จิณ” หล่อนทักแล้วยิ้ม


จิณณะก้าวเท้าเข้าไปหา เอื้อมมืออยากเข้าไปโอบมารดา แต่อะไรบางอย่างกลับฉุดแขนของเขาไว้


...ความกระดาก ความเขินอาย…


...ใช่...เขาไม่เคยทำ…


ลูกชายคนโตที่ก้าวเท้าเดินบนเส้นทางชีวิตของตนเอง ดื้อด้าน หัวแข็ง และมักใช้ความทะเล้นขี้เล่นบังหน้าตลอดเวลา กลับแสดงความรักอย่างเปิดเผยไม่เก่ง


เขาดึงแขนกลับ ฝีเท้าก้าวช้าลงแล้วเบี่ยงปลายเท้าไปชะโงกหน้าดูที่หม้อบนเตาแทน


“แม่ทำแกงส้มเหรอ แกงเองหรือว่าซื้อมาแล้วอุ่นอย่างเดียว” เขาหันมาถามหน้าเป็น จรรยาตีแขนลูกชายคนโตไปทีหนึ่ง


“ทำเองสิ” หล่อนตอบ ก่อนจะเหลือบไปเห็นพิทักษ์ยืนอยู่ที่ประตูครัวด้วย จรรยาทำหน้าไม่ถูกนัก แต่ก็เสยิ้มให้ชายหนุ่มผู้เป็นลูกเลี้ยงของน้องสาว


...พิทักษ์กับจิณณะมาด้วยกันอีกแล้ว...


“ไปไหนกันมา ทำไมมาด้วยกันได้”


จิณณะชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะทำเป็นง่วนหาช้อนมาลองชิมแกงส้มฝีมือมารดา


“ไปงานเลี้ยงมา”


“ไปด้วยกัน?”


“อื้อ” ลูกชายตอบ พลางตักชิมแกงส้มในหม้อที่กำลังได้ที่


“โอ๊ะ ร้อน!”


“ก็ร้อนน่ะสิ หิวรึไง จะทานก่อนไหม แม่จะตักให้ หรือจะรอทานที่บ้านใหญ่” ประโยคหลังทำให้คนเป็นลูกชะงักเล็กน้อย บ้านใหญ่ที่ว่าย่อมไม่ใช่ที่ไหน นอกเสียจากบ้านที่อยู่ข้างหน้าสุดของรั้ว...คฤหาสน์ของคุณกอบกุล


“วันนี้จะไปทานกันที่นั่น?” เขาย้อนถาม


“ตาชุนกลับมาจากอังกฤษ แม่ก็เลยทำแกงส้มไปตั้งโต๊ะด้วย ชุนบอกว่าอยากทาน”


“อ้อ...” ลูกชายคนโตรับคำ แล้วเดินไปวางช้อนที่ใช้ชิมแกงส้มเมื่อครู่ลงในอ่างล้างจาน


ชุน หรือชเยนตร์เป็นลูกชายคนเดียวของกชกรซึ่งเป็นป้าของเขา ตอนนี้เรียนปริญญาเอกอยู่ต่างประเทศ แต่อย่างที่คุณกอบกุลเคยยกมาข่ม ว่าแม้จะเรียนอยู่ต่างประเทศ ชเยนตร์ก็ช่วยเหลืองานของกชกรเสมอ ไม่เหมือน...จิณณะ


แม้พวกเขาลูกพี่ลูกน้องจะไม่มีใครเกลียดใคร หรือใครหมั่นไส้ใคร แต่วันนี้...จิณณะกลับรู้สึกไม่อยากพบหน้าญาติติโกโหติกาที่ไหนทั้งนั้น


เขาแค่อยากเจอหน้าพ่อแม่ แต่...ดูเหมือนจะเป็นวันที่พ่อแม่ไม่ว่างสำหรับเขาเสียแล้ว


“ชุนอยู่ที่บ้านเขาแหน่ะ จิณแวะไปหาสิ” จรรยาไม่เห็นสีหน้าหม่นหมองของลูกชายเพราะเขาหันหลังให้หล่อน และพอเขาหันหน้ามาหา เขากลับยกยิ้ม ทำตาใส


“เดี๋ยวไว้ว่างๆผมแวะไปขอของฝาก วันนี้แค่กลับมาเอาของน่ะ” เหตุผลที่มาคืออยากเห็นหน้าพ่อแม่ แต่ข้ออ้างที่พูดออกไปกลับเป็นเรื่องอื่น


บิดามารดารักเขาแค่ไหน จิณณะรู้ดี หากพูดออกไปว่าวันนี้ต้องทนอยู่ในสายตาของคนที่คาดว่าจะเป็นคนที่คิดร้ายกับเขา ทั้งโกศลและจรรยาจะต้องห่วงหาห่วงใยและพร้อมปลอบประโลม


แต่ในความเป็นจริง นิสัยของจิณณะไม่ใช่คนพูดเรื่องร้ายที่ตนประสบ หนำซ้ำยังแสร้งทำเป็นเข้มแข็งได้อย่างชำนาญ


“อ้าว วันนี้ไม่นอนที่นี่หรือ” คนเป็นแม่ถาม สีหน้าดูผิดหวังเล็กน้อย บุตรชายคนโตเพียงยิ้ม แล้วทำเป็นมองซ้ายขวา


“แล้วพ่อล่ะ อยู่บ้านป้ากชหรือ” คำตอบคือพยักหน้ารับ จิณณะสูดลมหายใจเล็กน้อย เขาไม่เคยเกลียดหรืออิจฉาพี่น้องคนไหน แต่ครั้งนี้...กลับรู้สึกว่าชเยนตร์ฉวยบิดาของเขาไป


และก่อนที่ความรู้สึกในใจจะยิ่งดำดิ่งไปสู่ความอิจฉาและเกลียดชังมากกว่านี้ จิณณะก็เลือกที่จะดึงตัวเองขึ้นมาแล้วพาออกห่างจากที่แห่งนี้เสีย


“แกงส้มจะไหม้แล้วแม่ ผมไปเอาของก่อนล่ะ แล้วเดี๋ยวไปเลยนะ” จรรยาได้แต่พยักหน้าอีกครั้ง จิณณะยกมือไหว้ลาก่อนจะเดินออกจากครัว ไม่ได้เดินเลี้ยวขึ้นบันไดกลับไปเอาของที่ห้องแต่อย่างใด  แต่เดินตรงออกจากบ้าน


พิทักษ์ลาจรรยาโดยไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขาเห็นปฏิกิริยาทุกอย่างของสองแม่ลูก จรรยารักลูกชายคนโตแค่ไหนเขาดูออก จิณณะเองก็รักมารดาเช่นกัน เพียงแต่...วันนี้กลับไม่ใช่วันที่ครอบครัวจะได้พร้อมหน้าพร้อมตาเลย


ทั้งๆที่เป็นวันที่จิณณะต้องการพ่อแม่มากที่สุดแท้ๆ แต่กลับไม่ใช่วันของเขา


รถของพิทักษ์เคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์วงศ์กีรติ ในขณะที่จิณณะนั่งเงียบซุกตัวอยู่กับเบาะ ผิดหวัง...แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ตีโพยตีพาย ตัวพิทักษ์เองก็ไม่ใช่คนปลอบโยนเก่ง แต่เขารู้ว่าใครบางคนทำแบบนั้นได้


อย่างน้อย ในช่วงเวลาที่เขายังเด็ก ใครคนนั้นก็เคยปลอบโยนเด็กชายที่ขาดแม่และก้าวร้าว ให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนเต็มคนในวันนี้


...จิดาภา...


พิทักษ์ไม่พูดอะไร แต่ตัดสินใจเบี่ยงรถยนต์เข้าสู่ถนนที่มุ่งสู่บ้านของเขาแทน

………………..

ตั้งแต่คราวที่ครอบครัวของพี่สาวยกโขยงกันมาขอความช่วยเหลือ จิดาภาก็ไม่ได้พบหน้าหลานชายอีก จนกระทั่งวันนี้...คนที่พาจิณณะมาที่นี่อีกครั้งกลายเป็นลูกเลี้ยงของหล่อนเอง


หนำซ้ำ วันนี้หลานชายของหล่อนยังดูไม่ปกติอย่างที่เขาเคยเป็น จิณณะดูเหน็ดเหนื่อย ดูนิ่งเฉย และดูไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรทั้งสิ้น ตอนเขาพบหน้าหล่อน เขาทำเพียงยกมือไหว้แล้วยิ้มจาง แต่ไม่พูดอะไรอีก


จิดาภาหาข้ออ้างว่าจะมาหาอาหารว่างไปให้ทานแก้หิว ลูกเลี้ยงของหล่อนจึงเดินตามเข้าครัวมาด้วย


“ไปไหนกันมา ทำไมมาด้วยกันได้”


“งานเลี้ยงของคนในจังหวัด จิณ...อาการไม่ค่อยดีเท่าไร ผมเลยพามากรุงเทพฯ”


พิทักษ์เลือกที่จะไม่บอกว่าพวกเขาเพิ่งไปร่วมง่านเลี้ยงของคนที่คาดว่าจะเป็นภัยต่อจิณณะ อีกทั้งไม่อยากบอกเรื่องที่พาจิณณะกลับไปที่บ้านวงศ์กีรติมาแล้ว ก่อนจะมาที่นี่


“อ้าว แล้วไปหาหมอรึยัง”


“รายนั้นแข็งแรง ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”


“แข็งแรงก็ใช่ว่าจะไม่เป็นไร เห็นจิณเงียบๆแบบนี้ แม่ใจไม่ค่อยดีเลย ฝากทิศดูๆหน่อยนะ” พิทักษ์มองมารดาเลี้ยงแล้วใจก็คิดถึงเรื่องเมื่อครู่


“แม่ภา บ้านคุณกอบกุล เขาไม่มีปัญหาอะไรกันใช่ไหม”


ตอนที่จรรยาพูดถึงคนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เขาเห็นจิณณะสลดลงเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามีปัญหารุ่นลูกรุ่นหลานกันหรือไม่


“เท่าที่ได้ยินก็ไม่มีนะ เห็นคุณกอบกุลแกเป็นแบบนั้น แต่แกก็ยุติธรรม แกแบ่งสมบัติให้ลูกหลานไม่มีใครน้อยหน้าใคร ขนาดจิณที่ว่าไม่ใช่หลานรัก ก็ยังได้พอๆกับพี่น้องคนอื่นๆ” พิทักษ์พยักหน้ารับรู้ จิดาภาคิดถึงเรื่องของหลานชายคนนี้แล้วก็ถอนหายใจ


“คนหนึ่งแข็ง อีกคนก็แข็ง ไม่มีใครยอมลงให้กันก็แบบนี้ แต่ยังไงเขาก็ย่าหลานกัน ถึงจะรักไม่เท่าคนอื่น แต่ขึ้นชื่อว่าสายเลือด ยังไงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก” ชายหนุ่มรับฟังเงียบๆ ทว่าความเงียบของเขาทำให้แม่เลี้ยงผู้เลี้ยงดูเขามาเป็นยี่สิบปีต้องเหลือบมอง


“ทิศมีอะไรรึเปล่า”


“ครับ?”


“อยู่ดีๆก็ถามเรื่องบ้านคุณกอบกุล”


“ผมแค่อยากรู้ว่ามีปัญหาอะไรในบ้านอีกไหม นอกจากปัญหากับย่าของเขา” จิดาภายิ้มจางอย่างนึกเอ็นดูหลานชาย ถึงแม้ว่า หล่อนจะไม่ได้ใกล้ชิดเขาเหมือนสมัยก่อน แต่เมื่อครั้งที่เขายังเด็ก หล่อนที่เป็นน้าก็คิดว่ารู้จักนิสัยหนึ่งอย่างของหลานคนนี้ดี


“ถ้าจะมีปัญหา ก็เป็นปัญหาที่ตัวจิณ” หล่อนเปรย จัดของว่างแล้วให้ให้คนรับใช้ยกไปให้จิณณะที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะหันมาทางลูกเลี้ยงคนโต


“ปากไม่ตรงกับใจ รู้สึกอย่างหนึ่ง แสดงออกอีกอย่างหนึ่ง” พิทักษ์นิ่งงัน นึกถึงภาพเมื่อครู่ที่เขาเห็นจิณณะยิ้มแย้มแจ่มใสกับจรรยา ทว่าพอพ้นบ้านออกมากลับนิ่งเงียบ


   สองแม่ลูกไม่ทันได้คุยอะไรกันอีก คนรับใช้ที่จิดาภาวานให้ยกของว่างไปให้จิณณะก็กลับเข้ามาในครัว


   “คุณจิณหลับไปแล้วค่ะ”


   ....หลับ...


   สองเจ้าของบ้านก้าวเท้าไปดูทันที ภาพที่พวกเขาเห็นคือชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่งเอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น หลับคอพับราวกับเหน็ดเหนื่อย


   จิณณะเป็นหลานแท้ๆของหล่อนก็จริง แต่การหลับกลางวันในบ้านของน้าสาวก็ดูจะเป็นการทำตัวตามสบายเกินไป แม้เขาจะเป็นคนดูไม่อินังขังขอบกับกฎระเบียบ แต่ก็ไม่ใช่คนที่จู่ๆจะมาหลับกลางวันในบ้านคนอื่นอย่างนี้


   จิดาภามองหลานชายด้วยความเป็นห่วง ทว่า...ดูเหมือนจะมีคนที่ห่วงกว่า


   พิทักษ์ไม่พูดอะไร แต่ก้าวเท้าเข้าไปหาคนที่นั่งหลับคอพับคออ่อน จากนั้นจึงช่วยจัดท่า หยิบหมอนอิงมาสอดรองใต้คอให้นอนได้สบายมากขึ้น


   ...แน่นอน...สิ่งที่เขาทำนั้น เป็นธรรมชาติและไม่รู้ตัว...


   ชายหนุ่มไม่รู้ตัว...ว่าทั้งหมดที่ทำ อยู่ในสายตาของจิดาภา

……………………….

   ชเยนตร์ หรือ ชุน เป็นหลานยายเพียงคนเดียวในบรรดาหลานทั้งหมดของคุณกอบกุล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของหล่อน ทั้งฉลาดเฉลียว ขยันขันแข็ง และในอนาคตอันใกล้ เขาจะเป็นหลานคนแรกที่มีดีกรีดอกเตอร์ หญิงชราเพ่งพินิจใบหน้าหล่อเหลาที่ผสานเชื้อสายจีน ก่อนจะหันไปทางกชกรผู้เป็นมารดาของชเยนตร์


   “ยัยกช ตักกับข้าวให้ลูกหน่อยสิ”


โต๊ะอาหารวันนี้ นอกจากกับข้าวหลากหลาย คนร่วมโต๊ะยังมีทั้งรุ่นลูกรุ่นหลาน คุณกอบกุลเป็นคนยุติธรรม แต่แขกพิเศษของวันนี้ ให้อย่างไรก็เป็นหลานชายที่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก


   ชายหนุ่มตาเรียวผู้มีสายเลือดจีนครึ่งหนึ่งยิ้มจนตาหยีแทบเป็นเส้น


   “โธ่ คุณยาย ผมไม่ใช่แขกนะครับ วิ่งในบ้านนี้มาตั้งแต่กี่ขวบแล้ว”


   “ก็เห็นไม่กลับมานาน ยายก็นึกว่าเป็นแขกไปแล้ว”


   “ตัดผมออกจากตระกูลซะแล้ว ไปเมืองนอกแค่ไม่กี่ปีเอง” คุณกอบกุลหัวเราะเบาๆ


   “แล้วนี่ว่างหรือ ไหนว่าเรียนหนักสอบหนัก จู่ๆก็กลับมา”


ชเยนตร์ชะงัก ก่อนจะยิ้มจางแล้วตอบตามตรง


   “อาม่าไม่ค่อยสบายน่ะครับ...” เหตุผลของการกลับมาประเทศไทยกะทันหันของชเยนตร์ทำให้คนฟังนิ่งไปเล็กน้อย แม้บิดามารดาจะเลิกรากันไป แต่ชเยนตร์ก็ยังไปมาหาสู่ทั้งสองตระกูลเสมอ นามสกุลที่ใช้ก็ยังคงเป็นแซ่ของฝั่งพ่อ คุณกอบกุลเองก็ไม่ได้มีเรื่องพิพาทอะไรกับอดีตลูกเขย เพียงแต่...ความคิดที่ว่าหล่อนเป็นหนึ่ง มาวันนี้หลานชายกลับมีเหตุผลในการกลับมาเมืองไทยเพราะคนอื่น ทำให้รู้สึกยอกในอก


   แต่...แม้หล่อนจะใจคอคับแคบ ก็ไม่แสดงออกมากนัก


   “แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า”


   “เห็นว่าไม่มาก ตอนค่ำๆ ผมว่าจะไปเยี่ยมสักหน่อย คุณยายไปด้วยกันไหม” ชเยนตร์มีลูกล่อลูกชน เขารู้จักนิสัยของคุณกอบกุลดี ดังนั้นจึงเลือกที่จะเอ่ยปากชวนหล่อนให้ไปด้วยกัน


   หญิงชราส่ายหน้า


   “ไว้อาม่าเขาหายดี ยายค่อยไปจะดีกว่า ชุนไปเถอะ” ชายหนุ่มยิ้มรับ ก่อนจะตักแกงส้มเข้าปากแล้วรีบชมฝีมือคนทำอย่างจรรยาทันที บรรยากาศบนโต๊ะที่เกือบจะอึมครึ้มจึงถูกเขาเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทว่า...ไม่กี่นาทีต่อมา เลขานุการของคุณกอบกุลก็เข้ามาในห้องรับประทานอาหาร


   “คุณกอบคะ โทรศัพท์จากท่านเสรีค่ะ” ชื่อของปลายสายทำเอาคนทั้งโต๊ะนิ่งงัน โดยเฉพาะจรรยาและโกศลผู้ตระหนักดีว่าชื่อนี้มีความสำคัญอย่างไรต่อคุณกอบกุล


   ท่านเสรี...บิดาของผู้หญิงที่คุณกอบกุลต้องการให้แต่งงานกับจิณณะ


   หญิงชราลุกออกจากห้องรับประทานอาหารไป ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบ ชเยนตร์ที่มาจากต่างประเทศย่อมไม่รู้เรื่องราว เขากวาดตามองลุงป้าและน้าชายน้าสาว จากนั้นจึงมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาอีกสามคน และคนที่แสดงสีหน้ามากที่สุดคือ...จารีต...ลูกชายคนเล็กของจรรยาและโกศล


   “ไอ้จา มีอะไรรึเปล่า” เขาถามข้ามฝั่งโต๊ะไปยังจารีตด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้


   จารีตกลืนน้ำลาย ไม่รู้จะตอบอย่างไรก็พอดีกับที่หญิงชราก้าวฉับๆกลับเข้ามาในห้อง สีหน้าถมึงทึง ตาปูดโปน แล้วแผดเสียงดังลั่น


   “ตามจิณณะกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้!!”

…………………..

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-02-2019 23:04:24


จิณณะสะดุ้งตื่นก็ถึงได้รู้ว่าเขาหลับบนโซฟาในห้องนั่งเล่นบ้านจิดาภาเสียแล้ว แถมเจ้าของบ้านอย่างพิทักษ์ยังนั่งอยู่ข้างๆอีกต่างหาก


   “เอ่อ...ขอโทษพี่ ผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้” เพราะเหนื่อยและล้า อีกทั้งตอนนั้นในห้องยังเงียบสงบ โซฟาเลยกลายร่างเป็นเครื่องดูดสติ ดูดวิญญาณ หลับไม่รู้ตัว


   “ไม่เป็นไร จะขึ้นไปนอนบนห้องไหม จะได้นอนสบาย”


   “ไม่...ไม่ครับ ขอบคุณ” เขาลูบหน้าลูบตา รู้สึกประดักประเดิด ทั้งๆที่อยู่กันเพียงลำพังออกบ่อยไป แต่อาจจะเพราะเป็นช่วงเวลาเพิ่งตื่น จิณณะถึงได้รู้สึกว่าระหว่างพวกเขาคือบรรยากาศชวนใจสั่นอย่างน่าประหลาด ปลัดหนุ่มคิดหาทางเลี่ยงจากสถานการณ์สองต่อสอง มองซ้ายมองขวากำลังจะอ้าปากถามถึงน้าสาว เสียงหัวเราะเบาๆก็ดังขึ้นเสียก่อน


“พี่หัวเราะอะไร” คนเพิ่งตื่นหันมาถาม เจ้าของเสียงหัวเราะที่ปกติมักจะทำหน้านิ่งเฉย แต่คราวนี้กลับมีรอยยิ้มเจือที่มุมปาก


“ถ้าเหนื่อย ก็ขึ้นไปนอน”


“ผมไม่ได้เหนื่อย...” พลั้งปากแก้ตัวอย่างไม่สมเหตุผล เพราะเมื่อครู่นอกจากช่วงเคลิ้มๆที่รู้สึกแค่ว่ามีคนช่วยขยับร่างกายให้นอนสบายก็หลับสนิทไม่ฝันอะไรอีกเลย ยิ่งพอสบตากับคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆที่อ่านใจเขาออกหลายต่อหลายครั้ง จิณณะก็ได้แต่ถอนหายใจเบา


“ก็ได้...ผมเหนื่อยก็ได้...”


ปิดบังไปก็เท่านั้น ต่อให้พิทักษ์ดูไม่ออก แต่ก็อยู่กับเขาทั้งวัน มีหรือจะไม่รู้ไม่เห็นว่าเขาพบเจออะไรบ้าง


แล้วพอสารภาพออกไปตามตรง ก็เหมือนปล่อยหินหนักๆที่ถ่วงในหัวใจออกมา จิณณะรู้สึกสบายขึ้นเล็กน้อยจนเผลอเอนกายพิงพนักตามเดิม ดวงตาเหลือบมองคนข้างกาย พิทักษ์ยังนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาอย่างเงียบๆ


เป็นความเงียบที่ทำให้ใจสงบ


เป็นความเงียบที่ทำให้ผ่อนคลาย


ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเงียบ แต่ก็รับรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง


ทว่า...ชั่วอึดใจหนึ่ง ความเงียบกลับถูกทำลายด้วยเสียงโทรศัพท์


คนกำลังนั่งเอนสบายขยับตัวล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดู จิณณะขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เห็นชื่อมารดาปรากฏบนหน้าจอ


   “ครับแม่”


คำพูดจากปลายสายทำให้เขาขมวดคิ้วฉับ แล้วทวนคำ


   “คุณย่าอยากพบผม?” แม้จะเพิ่งตื่น แต่สมองก็ถูกปลุกให้ทำงานอย่างไว


มารดาบอกเหตุผลที่คุณกอบกุลเรียกพบเขาด่วน เพียงเท่านั้นจิณณะก็ถึงกับนวดขมับ


   “ผมจะไปงานไหนกับพี่ทิศก็ไม่เห็นแปลกไม่ใช่หรือ หรือถ้าคุณย่าจำไม่ได้ แม่บอกเขาอีกรอบก็ได้ว่าผมกับพี่ทิศเป็นแฟนกัน การที่เราไปงานไหนด้วยกันเป็นเรื่องปกติ” น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้าง ในวันที่เหน็ดเหนื่อยและวิตกกับความปลอดภัยของตนเอง กลับถูกตั้งคำถามด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องว่าทำไมเขาและพิทักษ์ถึงไปงานเลี้ยงของไพศาลด้วยกัน


   “ตอนนี้ผมทำธุระกับพี่ทิศ เอาเป็นว่าถ้าเสร็จ จะไปพบคุณย่าก็แล้วกัน แค่นี้ก่อนนะแม่” ปลัดหนุ่มแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก ทั้งๆที่รู้ว่ามารดาของเขาเป็นเพียงผู้ส่งสารจากคุณกอบกุลเท่านั้น


   ชายหนุ่มกดตัดสายแล้วถอนหายใจแรง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง พิทักษ์นั่งอยู่ใกล้ๆ และคงได้ยินทุกประโยคของเขา จิณณะแค่นยิ้มหัวเราะฝืนๆ


   “ดุผมได้นะ ที่ผมพูดไม่ดีกับแม่”


   “รู้ว่าไม่ดีแล้วพูดทำไม” คนที่ตอนแรกออกตัวว่าให้ดุได้ พอถูกดุด้วยน้ำเสียงเรียบๆขึ้นมาจริงๆก็ทำเอาขมวดคิ้วมุ่นได้เหมือนกัน


   “ก็คุณย่าให้ผมไปหา เพราะมีคนไปบอกว่าผมกับพี่ทิศไปงานเลี้ยงด้วยกัน!”


แม้ว่างานเลี้ยงของไพศาลจะไม่ได้จัดในกรุงเทพ แต่ก็เป็นงานใหญ่ของจังหวัดใกล้เคียง คงมีใครสักคนคาบข่าวไปถึงหูคุณกอบกุล หล่อนถึงได้โกรธเป็นฝืนเป็นไฟเรียกพบด่วนขนาดนี้


   “ใครแม่งเสือกนักวะ!” เขาสบถ แม้ครั้งหนึ่งจะอยากให้มีคนหูตาสับปะรดเอาเรื่องของเขาและพิทักษ์ไปกระจายให้รับรู้โดยทั่วกัน แต่วันนี้ที่ในชีวิตมีเรื่องมากพอแล้ว เขากลับไม่อยากให้มันกลายมาเป็นปัญหาสร้างความเหน็ดเหนื่อยมากขึ้นไปอีก


   “พี่ว่าควรไปพบคุณกอบกุล” ในขณะที่คนหนึ่งหงุดหงิดงุ่นง่าน อีกคนกลับพูดด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ


   “ไปก็ทะเลาะกัน! ผมเหนื่อย ไม่อยากไป!”


ถ้าเป็นวันอื่น จิณณะก็คงไม่ดื้อดึงหลบหนี แต่วันนี้ที่รู้สึกว่าแต่ละชั่วโมงช่างยาวนาน เขาก็ไม่อยากเอาพลังที่เหลืออยู่น้อยนิดไปรบรากับคนที่ได้ชื่อว่าญาติตัวเองอีก


   “พี่ไปด้วย จะทะเลาะได้อีกหรือ” ทว่าประโยคของคนข้างกายทำเอาคนฟังชะงัก ปลัดหนุ่มหันมองอย่างคาดไม่ถึง


   “พี่จะไปกับผม?”


   “เคยพูดแล้วไม่ใช่หรือ ว่าถ้าเข้าถ้ำเสือ จะไม่ปล่อยให้เข้าคนเดียว”


ในเวลาที่เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส ในเวลาที่ไม่มีแรงแม้แต่จะยิ้ม แต่ถึงอย่างนั้น...สายตาที่จิณณะทอดมองคนพูดกลับมีรอยยิ้มเจือมาด้วย


   “เสืออย่างคุณย่าผม เขี้ยวเล็บแหลมกว่านายไพศาลอีกนะ”


   พิทักษ์ไม่พูดอะไร แต่ยังคงมองอย่างเงียบๆ ราวกับว่าหากอีกฝ่ายบอกว่าจะไปพบเจอเสืออีกสักกี่ตัว เขาก็พร้อมจะไปด้วยกัน


   สุดท้ายจึงกลายเป็นปลัดหนุ่มเสียเองที่ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้ากับตัวเองไปมา ก่อนจะบ่นพึมพำ


   “ทั้งๆที่ผมดึงพี่มาลงเรือลำเดียวกัน แต่ทำไมถึงรู้สึกว่าตอนนี้พี่พายแรงกว่าผมอีก”


   “พี่เต็มใจ” คำพูดนั้นสั้นง่าย แต่ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อรวมกับน้ำเสียงและสายตาของคนพูดจะช่วยเพิ่มพูนกำลังใจในอกคนอ่อนล้า


   ...มีคนเคียงข้างมันดีอย่างนี้เอง...


   ...มีคนที่พร้อมจะเดินไปข้างๆมันดีอย่างนี้เอง...


   ...มี ‘พี่ทิศ’ ...มันดีอย่างนี้เอง...


   จิณณะคิดไม่ถึงเลย ว่าตัวเลือกเพียงตัวเดียวที่คิดออกในวันนั้น มาวันนี้กลับเป็นตัวเลือกที่มีค่าที่สุดในชีวิตอย่างนี้

……………………….

หลานชายนอกคอกมาถึงคฤหาสน์ของคุณกอบกุลอีกครั้งในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ทว่าเขาไม่ได้มาเพียงลำพัง คนที่เดินตามหลังจิณณะเข้ามาทำเอาโกศลและจรรยากลืนน้ำลายคนละอึกสองอึก ในขณะที่บรรดาลุงป้าตาเหลือกมองกันราวกับเห็นระเบิดเวลานับถอยหลัง ทุกคนพากันลอบมองคุณกอบกุลที่นั่งอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ แต่ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาสักแอะ


ในห้องรับแขกของคฤหาสน์เงียบกริบ แม้กระทั่งตอนที่จิณณะและพิทักษ์ยกมือไหว้ ก็ยังไม่มีเสียงทักทายใดๆ


คุณกอบกุลที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ จ้องเขม็งสองหนุ่มที่เพิ่งมาถึง รัศมีอำนาจบารมีและความโกรธจัดของหล่อนแผ่ซ่านข่มความใหญ่โตของทุกสิ่งในห้องนี้จนหมด!


...โกรธเรื่องอะไรน่ะหรือ ก็เรื่องที่จิณณะกับพิทักษ์ออกงานด้วยกันเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้น่ะสิ!...


คราวก่อนก็งานแต่งในกรุงเทพฯ คราวนี้ก็งานเลี้ยงในต่างจังหวัด หากเป็นงานเล็กงานน้อยที่มีคนแค่หยิบมือ ไม่ต้องล่วงรู้มาถึงหูหล่อนก็คงไม่เป็นไร แต่นี่! นอกจากรู้มาถึงหู คนที่ส่งข่าวมาบอกยังเป็นท่านเสรีอีกต่างหาก!


...หมดกัน! สิ่งที่หล่อนหวังเอาไว้!!...


“ฉันต้องการพบตาจิณคนเดียว! คุณมาที่นี่ทำไม!” เสียงของคุณกอบกุลแผดลั่น


“ผมเคยเรียนท่านแล้วครั้งหนึ่ง ว่าเรื่องของจิณสำคัญสำหรับผม” เป็นคำตอบเรียบๆ พร้อมด้วยท่าทีสุขุม ไม่ก้าวร้าว พิทักษ์มีวุฒิภาวะมากพอที่จะไม่ให้ความสำคัญกับท่าทีของหญิงชราเบื้องหน้า แม้ว่าหล่อนจะโกรธเคืองจนใบหน้าบิดเบี้ยว มองเขาด้วยสายตาจิกต่ำเพียงไรก็ตาม


“แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวของฉัน! คุณไม่เกี่ยว!”


พิทักษ์เหลือบมองคนข้างกายเล็กน้อย จิณณะมองตรงไปเบื้องหน้า แต่ดูเหมือนสายตาจะเลยผ่านญาติโกโหติกาและบิดามารดาไปที่ไหนสักแห่งราวกับไม่อยากรับรู้สถานการณ์ในตอนนี้


จิณณะเหนื่อยและไม่มีแรงเหลือจะรับรู้อะไรแล้ว จึงปล่อยให้เสียงของคุณกอบกุลผ่านเข้าหูซ้ายออกหูขวาไปโดยไม่มีปากเสียงเช่นเคย


มันอาจจะเป็นเรื่องดี ที่ไม่พูดจายียวนก่อสงครามกับญาติผู้ใหญ่เหมือนที่แล้วๆมา แต่ท่าทีนิ่งเฉยเช่นนี้ไม่ได้ก่อความสบายใจให้แก่พิทักษ์เลย


เขาแตะแขนอีกฝ่ายเบาๆ ดูเหมือนจะช่วยรั้งสติของคนที่ปล่อยสายตาไปกับความเวิ้งว้างในห้วงความคิดให้หันกลับมาสบตากัน


พวกเขาสบตากันเพียงวินาทีเดียว สายตาที่เลื่อนลอยของจิณณะก็ราวกับมีสติขึ้นมาบ้าง เมื่อนั้นพิทักษ์จึงหันกลับไปมองคุณกอบกุลอีกครั้ง


“จิณเป็นคนในครอบครัวของท่าน ผมทราบดี แต่จิณก็เป็นคนสำคัญของผมเช่นกัน ท่านอยากดูแลเขา ผมเองก็อยากปกป้องเขา จะไม่ดีกว่าหรือครับ หากเราจะช่วยกัน”


“มันโตพอที่จะปกป้องตัวเองได้แล้ว! คุณจะต้องไปปกป้องมันทำไม!!”


“ถ้าอย่างนั้นเขาก็โตพอที่ท่านไม่ต้องดูแลแล้วเช่นกัน แต่ท่านก็ยังอยากดูแลเขาไม่ใช่หรือครับ”


คุณกอบกุลนิ่งงัน อ้าปากพะงาบ จะให้หล่อนพูดต่อหน้าลูกชายและลูกสะใภ้ว่าไม่ได้คิดจะดูแลจิณณะ หล่อนก็ทำไม่ลง ต่อให้ใจคอคับแคบมีลูกรักหลานชัง แต่หล่อนก็ไม่หน้าด้านขนาดที่จะบอกว่าใครเป็นหลานชังของหล่อน แม้จะเป็นที่รู้กันดีก็ตามทีว่าหลานชังของคุณกอบกุลก็มีเพียงแค่จิณณะเท่านั้น


และต่อให้จิณณะเป็นหลานชัง เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นหลาน เป็นสายเลือดของหล่อน ความคิดที่จะตัดหางปล่อยวัดแม้ว่าเขาจะทำตัวไม่เข้ารูปเข้ารอยเพียงใด กลับไม่เคยปรากฏขึ้นในหัวของคุณกอบกุลเลยสักครั้ง


ทว่ากิริยาอ้าปากพะงาบพูดไม่ออกเถียงไม่ได้นั้น จิณณะตีความได้อย่างเดียวว่าเขาเป็นหลานนอกคอกที่คุณกอบกุลไม่คิดจะรักใคร่เอ็นดู เพียงแต่พูดต่อหน้าธารกำนัลไม่ได้ก็เท่านั้น ปลัดหนุ่มหลับตาลงอึดใจหนึ่ง สายตาอาฆาตหมายหัวของนายไพศาลยังไม่สู้สายตารังเกียจเดียดฉันท์ที่คุณกอบกุลมีต่อเขามาตั้งแต่เริ่มก้าวไปในเส้นทางที่ขัดกับคตินิยมของผู้เป็นย่า


ความเลวร้ายของคนนอกยังไม่สู้ความร้ายกาจของคนใน


“พี่ทิศ พอเถอะ” จิณณะหมดแรงแล้วจริงๆ เขาไม่อยากได้ยินเสียงอาละวาดโวยวายของใครอีก โดยเฉพาะคุณกอบกุล


หลานชายนอกคอกหันไปมองผู้เป็นย่า ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความทะเล้นมากเล่ห์ ยามนี้กลับมืดมัวด้วยหมอกหนาที่อ่านความรู้สึกนึกคิดไม่ออก


“ผมกับพี่ทิศคบกัน ถ้าคุณย่าไม่พอใจความสัมพันธ์ของเราสองคน ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก”


คำว่า ‘ไม่กลับมาที่นี่อีก’ ไม่ใช่แค่การพูดลอยๆ เพราะสายตาและน้ำเสียงของจิณณะจริงจังและเยียบเย็น


“จิณ!!” จรรยาผู้เป็นมารดาถึงกับผุดลุกด้วยความตกใจ โกศลเองก็อ้าปากค้าง ในขณะที่ลุงป้าคนอื่นๆพากันนิ่งงันด้วยไม่คิดว่าจิณณะจะเอ่ยปากเช่นนี้ แม้แต่พิทักษ์เองก็ถึงกับต้องดึงแขนเอาไว้ ทว่าพอเห็นสายตาคู่นั้น ก็พลอยให้เตือนสติไม่ออกเช่นกัน


จิณณะไม่ได้พูดเล่น หรือประชดประชัน


เขาพูดจริง และคิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ


‘ไม่กลับมาที่นี่อีก’ ก็ไม่ต่างอะไรกับบอกว่าจะออกไปจากตระกูลของคุณกอบกุล


“ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อน...” จิณณะเอ่ยเสียงเบากับคนข้างกาย พิทักษ์รู้ในทันทีว่าความกังวลในเวลานี้ไม่ใช่เพียงแค่ชีวิตตัวเองอีกแล้ว แต่เจ้าตัวห่วงใยมาถึงคนที่บ้านนี้ด้วย สำหรับคนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง หลานนอกคอกย่อมกลายเป็นหลานเนรคุณ แต่สำหรับพิทักษ์ที่รู้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น และรู้ดีว่าชีวิตของจิณณะกำลังเข้าสู่เฮือกสุดท้ายเข้าไปทุกที ย่อมเข้าใจดีว่าเจ้าตัวทำเช่นนี้ก็เพื่อตัดปัญหาที่จะลุกลามมาถึงที่นี่


‘ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน’ ย่อมหมายรวมถึงคุณกอบกุลด้วย


“ถ้าแกคิดว่าแกไปรอด แกไปเลย!! แกไปแล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก!!” คุณกอบกุลตวาดก้อง


“คุณแม่!” โกศลรีบหันมาปรามมารดา แต่คำพูดที่หลุดออกไปแล้ว อย่างไรก็ไม่อาจเรียกคืน เขาจึงรีบหันกลับไปทางบุตรชายคนโต


“จิณ! มาขอโทษ...” เขาพูดได้เพียงเท่านั้น ปลัดหนุ่มก็ยกมือไหว้คุณกอบกุลพร้อมกับเอ่ยปาก


“ผมลาล่ะครับ” จากนั้นก็หันไปยกมือไหว้บิดามารดาและลุงป้า แล้วจึงหมุนตัวออกจากห้องทันที


คนทั้งห้องได้แต่เลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก แม้แต่คุณกอบกุลเองก็ยังได้แต่นิ่งงันเพราะไม่คิดว่าจิณณะจะทำจริงอย่างที่ออกปากไล่ มีเพียงพิทักษ์ที่ยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วรีบก้าวเท้าตามออกไป เขาทันเห็นทางหางตาว่าจรรยาถึงกับเป็นลมบนโซฟา แต่คนเป็นลูกเดินนำลิ่วออกจากบ้านไปแล้ว


ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ แล้วก้าวเท้าไวๆตามหลังไป


ในใจทั้งอยากดุ ทั้งสงสาร


...ก่อเรื่องแต่ละที น่าเขกหัว แล้วค่อยลูบหลังจริงๆ...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

อ่า...ปลัดจิณไม่ได้ตั้งใจก่อเรื่องนะ แต่คนเรามันก็จะมีวันที่สวรรค์ไม่รักไม่เอ็นดู ทำอะไรก็ติดขัดไปหมดจริงมั้ยคะ ซึ่งวันแบบนั้นก็คือวันนี้ของปลัดเองค่ะ เพราะฉะนั้น กอดปลัดจิณเบาๆเพื่อให้กำลังใจเนาะ หรือถ้าใครจะฝากพี่ทิศเขกหัว ก็ฝากไปแบบเบาๆนะคะ เดี๋ยวปลัดเจ็บ (สปอยปลัดสุดๆ ฮ่าฮ่า)

ส่วนใครที่รู้สึก ‘เอ๊ะ’ กับอาม่าของชเยนตร์ ก็คือไม่ต้องสงสัยแล้ว คนใช้ตัวละครคุ้มอย่างบัว จะใช้อาม่าคนไหนได้อีก ถ้าไม่ใช่อาม่าของโจ๊กและเจ๋งค่ะ ฮ่าฮ่า (เดี๋ยวถ้าว่างๆ จะทำแฟมิลี่ทรีให้ค่ะ จะได้เห็นภาพชัดว่าเขาดองกัน ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจเหมือนเคย ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

ป.ล. พฤหัสหน้า บัวจะมาลงอีกตอน แล้วก็จะขอหยุดไปสักสองสัปดาห์นะคะ เพราะว่าบัวอ่านหนังสือสอบไม่ทันอ่ะ แต่ช่วงที่หยุดไป จะมีตอนพิเศษของเรื่องเก่ามาลงคั่นเวลาแทนค่ะ (จริงแล้วมันแทนกันไม่ได้อ่ะนะ ฮ่าฮ่า)

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ 
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-02-2019 23:31:55
โอ้ยยยเนาะะะ สะเดาะห์เคราะห์หน่อยไหมลูก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-02-2019 23:32:33
จักรวาลของน้องบัว 555 ตอนนี้อ่านแล้วน้ำตาซึม สงสารคุณปลัด :L3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 21-02-2019 23:44:16
มันจริงมากอ่ะ
ในวันที่เราเหนื่อย มีแค่คนเดียวที่อยู่ข้างเรา เราก็พอใจแล้ว

คุณย่าเป็นคนบั่นทอนจิตใจได้ดีจริงๆ
พี่ทิศใจเย็นมากกกก รับมือได้เยี่ยมมากเช่นกัน
สงสารปลัด...เข้าใจอารมณ์เลย เหนื่อยจนไม่อยากพูด หายใจยังผิด ก็ตัดปัญหาดีกว่า

รอดูว่าพี่ทิศจะปลอบน้องยังไง ^^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 21-02-2019 23:53:23
...มี ‘พี่ทิศ’ ...มันดีอย่างนี้เอง...
พรี่ทิศของน้องจิณ   :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-02-2019 00:00:22
อยากจะกอดให้กำลังใจจิณมากเลย ฝากพี่ทิศให้กำลังใจจิณด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-02-2019 00:01:08
รู้สึกว่าน้องโชคดีมากที่มีพี่ทิศอยู่ข้างๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 22-02-2019 00:04:10
ช่วงปัญหารุมเร้า ปลัดจิณก็คงคิดว่าทำดีที่สุดแล้ว
แต่ก็ทำให้คนอื่นอดเป็นห่วงไม่ได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 22-02-2019 00:08:51
พี่ทิศน่ารัก :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 22-02-2019 00:11:51
สงสารจิณอ่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 22-02-2019 00:13:11
พี่ทิศปลอบน้องด้วยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 22-02-2019 00:20:03
"พี่เต็มใจ” สั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจมาก
แถมองค์ประกอบครบ ทั้งน้ำเสียงและสายตา
สร้างกำลังใจอย่างดี

สรุป
มีคนเคียงข้างมันดีอย่างนี้เอง
มีคนที่พร้อมจะเดินไปข้างๆ มันดีอย่างนี้เอง
ที่สำคัญ มี "พี่ทิศ" มันดีอย่างนี้เอง ... ยิ่งกว่าดี ดีที่สุด

เป็นกำลังใจให้คุณปลัดนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 22-02-2019 00:20:44
น่าสงสาร พี่ทิศอย่าเขกหัวน้องงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-02-2019 00:42:20
สงสารจิณ พี่ทิศกอดปลอบแรงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 22-02-2019 00:50:30
พี่ทิศปกป้องน้องได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 22-02-2019 01:03:40
จับความรู้สึกจิณได้จริงๆ อินน้ำตานองเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 22-02-2019 01:06:45
พี่ทิศนี้เข้าใกล้คำว่าโลกทั้งใบของจิณละอะ
แต่มันดีมากๆเลยนะวันที่เหนื่อยแล้วมีคนที่เข้าใจแบบเข้าใจจริงๆไม่ใช่เข้าใจผ่านๆคอยอยู่ข้างๆ

เป็นกำลังใจให้จิณนะ แค่มีพี่ทิศก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว หล่อ รวย เอาใจใส่ ดูแลได้ ใจเย็น ครบ!
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-02-2019 01:21:52
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-02-2019 01:30:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-02-2019 03:38:20
แกร็งไปทั้งตัว​เลยค่ะตอนนี้
**แลเหมือนสั้นกว่าทุกตอนที่ผ่านมานะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 22-02-2019 05:58:01
สงสารปลัด เข้าใจความเหนื่อยเบอร์ที่ ช่างแม่ง เลยอะ สงสารรรรรรร
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 22-02-2019 06:29:46
อ่านตอนที่แล้วสีชมพูลอยฟุ้งไปหมด แต่อ่านตอนนี้ ทำไมมันขมุกขมัวจังหว่า...  สงสารหนูจิณ พีทิศปลอบน้องหน่อยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-02-2019 07:00:47
น้องกำลังเครียด อย่าว่าน้องงงงง เอ็นดูจิณณะ นางกำลังจิตตกพลังงานถดถอย พี่ทิศจับมือนางแน่นๆนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-02-2019 07:17:09
น้องกำลังเครียด อย่าว่าน้องงงงง เอ็นดูจิณณะ นางกำลังจิตตกพลังงานถดถอย พี่ทิศจับมือนางแน่นๆนะ ในวันที่แย่จิณณะยังโชคดีที่มีพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 22-02-2019 08:06:57
เอ็นดูจิณจริงๆนะ  เหนื่อยมามาก
แถถมมาเจอฤทธิ์เดชคุณย่าอีก เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 22-02-2019 08:18:57
พี่ทิศโคตรจะเอ็นดูจิณอ่ะ เขกหัว แล้วลูบหลัง แงงงงง พี่คะะะะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-02-2019 08:29:38
กอดคุณปลัดเบา โอ๋ๆ  :กอด1: :กอด1:

สู้ๆๆ  :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-02-2019 09:08:50
โถ๋ นุ๋งจิณ

พี่ทิศปลอบด่วน

ห้ามดุนุ๊งจิณด้วย

สงสารน้องงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-02-2019 09:19:45
จินคงสุดทนจริงๆ ในวันที่ตัวเองอยากได้ใครที่เป็นที่พึ่งทางใจ แต่คนในครอบครัวให้ไม่ได้ ถึงตัวเองจะดื้อแค่ไหน แต่ มันมีวันที่หัวใจเหนื่อยแล้วอยากไดเรับการปลอบโยน คุณย่าเกินไปอ่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 22-02-2019 09:25:52
ตอนนี้เป็นตอนที่ทำให้รับรู้ได้เลยว่าพี่ทิศคือที่พึ่งให้จิณมากขนาดไหน รับรู้ได้ถึงความเป็นต้นไม้ใหญ่ได้เลย
ปล.รอวันรวมญาติค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-02-2019 10:59:48
สู้ไปกับน้องก่อนนะพี่ทิศ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-02-2019 12:10:27
โชคดีที่พี่ทิศอยู่กับจิณในเวลาที่เหนื่อยกายเหนื่อยใจแบบนี้
จิณได้โอกาสถอยห่างจากครอบครัวพอดีเลย จะได้กังวล
เรื่องครอบครัวจะโดนไปด้วยอีกเรื่อง

ติดใจกับปลัดวรชิต เกรงว่าจะยังบอกจิณไม่หมด
อาจเป็นเรื่องที่ทองสุกบอกกับมือปืนก่อนตาย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 22-02-2019 13:04:09
ถึงแม้น้องจิณจะช่างก่อเรื่องตลอด    แต่สิ่งหนึ่งที่ทำดีที่สุดคือการเลือกพี่จิณให้เข้ามาในชีวิต
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=&gt; หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 22-02-2019 13:09:41
คุณปลัดเจอแต่เรื่องไม่หยุดเลย พี่ทิศคะฝากดูแลคุณเค้าด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-02-2019 13:30:02
โอ๊ยยยยยย สงสารปลัดจิณจริง ๆ วันนี้ไม่ใช่วันของปลัดจริง ๆ เลย มาค่ะมา มาให้กอดให้กำลังใจหน่อยนะคะ
(พี่ทิศจะต่อยฉันไหมเนี่ยที่บังอาจไปกอดปลัดแบบนี้ 5555)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-02-2019 13:36:38
คุณย่าไม่เข้าใจจิณ วันนี้เหนื่อยไม่มีแรงทะเลาะกับคุณย่าแล้ว พี่ทิศพาไปปลอบใจหน่อย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 22-02-2019 15:38:56
พี่ทิศเป็นความสงบที่เหมาะกับจิณมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-02-2019 18:39:14
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 22-02-2019 20:31:18
สงสารปลัดจิณ โอ๋ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 22-02-2019 21:17:44
สงสารน้อง :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-02-2019 21:36:07
กอดๆ นะจิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 22-02-2019 22:31:45
สงสารปลัดจิณเด้ออออออออออออออออออออออ ครั้งนี้ปลัดดูบอบช้ำหนักมากกกก
ถ้าไม่ได้พี่ทิศคอยอยู่เคียงข้างนี่ก็ไม่อยากจะนึกว่าปลัดจะมืดหม่นขนาดไหน
พี่ทิศเกิดมาเพื่อเป็นทุกสิ่งและทุกอย่างให้น้องจิณจริงๆ ชั้นรักเค้า  :กอด1:

เหนือขั้นกว่าเรื่องศัตรูรอบทิศแล้วก็คือปัญหาของคนที่บ้านนี่ล่ะ...
คือส่วนหนึ่งก็เข้าใจคุณย่านะว่าที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับหลานทั้งนั้น
แต่ด้วยความที่ว่า...คุณย่ากับจิณนี่มวยถูกคู่มาก ชนิดที่ถอดแบบนิสัยมาเหมือนกันเปี๊ยบ
ทางเดียวที่จะทำให้คุณย่ายอมรับในสิ่งที่จิณเป็นและสิ่งที่จิณเลือกได้
ก็คงต้องเป็นตอนที่เห็นหลานถูกทำร้ายจากศัตรูอย่างเดียวเท่านั้นล่ะ
เป็นเรื่องเดียวที่พูดและตัดสินใจยากมากที่สุดเพราะเป็นปัญหาภายใน
หวังว่าคุณน่าจะยอมอ่อนให้หลานก่อนที่เรื่องมันจะแย่ไปมากกว่านี้เน้อออออ

ป.ล.ครั้งนี้พี่ทิศต้องคอยปลอบใจน้องจิณให้มั่กมากแล้วล่ะ
น้องบอบช้าทั้งใจขนาดนี้แล้ว ต้องพยายามสร้างสายใยสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากเข้าเด้อ
ครั้งก่อนได้จูบไปหลายรอบน้องจิณยังดูอารมณ์ดีและพร้อมเผชิญกับปัญหาซะขนาดนั้น
ครั้งนี้จะมาซ้ำรอยเดิมแค่จูบไม่ได้นาาาาาาา  :z1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 22-02-2019 23:48:23
พี่ทิศดูเป็นที่พึ่งได้จริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 23-02-2019 06:44:37
บีบหัวใจไปอีกค่ะ อารมณ์สวิงมากค่ะ
ด้วยอารมณ์บอบบาง และเจอปัญหาหนัก
แถมคำพูดไม่มีชื่นชมไม่จบสิ้นของย่า
ทำจิณไปต่อยากเลย และก็ตัดทุกคนออกไปให้ห่าง

พี่ทิศช่วยน้องได้เยอะเลย แต่ในเวลาแบบนี้
ก็ต้องดูแลกันหนักกว่าเดิมแน่นอน อารมณ์ดิ่งกันมาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rubyrain ที่ 23-02-2019 08:43:23
สงสารจิณมากๆ ไอ้ความรู้สึกอยากกลับบ้านแต่กลับบ้านไปแล้วบ้านไม่ใช่บ้านคือเศร้ามากๆแหละ ฝากพี่ทิศดูน้องด้วยนะคะ ฮือออ
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอย่างมีพี่ทิศเป็นของตัวเอง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 23-02-2019 11:49:46
 :กอด1: :เฮ้อ: :ped149:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=&gt; หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JANE33822 ที่ 23-02-2019 15:06:42
โชคดีที่ปลัดมีพี่ทิศจริงๆ เริ้บๆ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 23-02-2019 15:44:58
ปลัดจิณนะ โชคดีที่พี่ทิศ ดูแลอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจ
คนอ่านก็โชคดี ที่คุณบัว มีตอนพิเศษให้อ่านระหว่างรอปลัดจิณ  :L2: :pig4: :กอด1:
ขอให้โชคดีในการสอบนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 23-02-2019 16:04:45
สงสารปลัด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 23-02-2019 21:51:33
เข้าใจจิณเลย คนที่ำอะไรก็ดูผิดดูนอกคอกจากทุกคนไปหมด เป็นกำลังใจให้จิณและพี่ทิศให้ผ่านทุกอย่างไปได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=&gt; หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-02-2019 01:08:41
สงสารจิน ดื้อนะ แต่ก็อยากจะดูแลทุกคน ห่วงไปหมด


Sent from my iPad using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 24-02-2019 17:57:25
สงสารจิน ยังดีที่มีพี่ทิศเคียงข้าง
พระเอกของคุณบัวมาแบบอบอุ่นใจละลายอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 24-02-2019 18:01:39
จิณมีทิศคอยปกป้อง และดูแล คุงย่าคงต้องยอมลดความห่วงลงได้แล้วนาจา ท่านเสรี เป็นผู้สั่งการใญ่ซิเนอะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mahmeow ที่ 24-02-2019 18:10:52
เรื่องนี้สนุกมาก เป็นคู่ที่น่ารักอะ

คุณพี่ทิศยังคงท๊อปฟอร์ม มาพังตรงคนที่พาไปด้วยนี้แหละ 555+

สงสารจิณ ถ้าเรียกพบวันอื่นน่าจะดีกว่านี้มาก  >.<
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: fxxg0430 ที่ 24-02-2019 23:41:19
สงสารน้องงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: R.michi ที่ 25-02-2019 10:18:33
ดีใจสุดๆที่เห็นชื่อคนเเต่ง และตอนนี้ก็อารมณ์ค้างสุดๆจนคิดว่าต้องขุดน้องจันทร์เจ้า น้องของขวัญขึ้นมาอ่านอีกสักรอบสองรอบ
ไม่รู้ว่าคนอื่รจิ้นเป็นใคร เเต่สำหรับเราเราเอาหน้าเจมส์จิมาใส่ทุกเรื่องเลยจ้ะ มันได้ :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kanika_Pun ที่ 25-02-2019 13:22:13
 :L2:
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ชอบมากๆ ยอมรับว่าอ่านตอนแรกนึกว่าปลัดจิณเป็นพระเอกซะอีก
แต่พอเจอพี่ทิศในโหมดทำแผลให้น้องแล้วก้อเปลี่ยนความคิดทันที 555
ชอบผลงานของคุณบัวนะคะ อ่านมาตั้งแต่เรื่องแรกๆ  จนถึงเรื่องนี้

ระหว่างรอคุณบัวมาอัพก้อจะตามไปเก็บเรื่องอื่นๆที่จบแล้วก่อน ฟินทุกเรื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 25-02-2019 14:40:11
เหนื่อยไปกับจิณเลย เราเข้าใจเลย เวลาเหนื่อยมากๆหมดพลังกับทุกอย่าง แต่พอกลับบ้านดันเจอคำพูดร้ายๆใส่แบบนี้มันยิ่งบั่นทอนพลังชีวิตลงไปอีก กอดๆนะคุณปลัด :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-02-2019 23:35:02
มารอปลัดที่หน้าอำเภอแล้วจ่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 28-02-2019 15:38:18
มารอวันพฤหัส>< ปลัดจะมาหรือยังหน้อออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-02-2019 22:08:50
วันนี้วันพฤหัสฯ มานั่งรอปลัดที่ท่าน้ำแล้วจ้าาาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-02-2019 22:19:56
เลามารอปลัดที่ท่าน้ำทุกวันเลยนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 9...=> หน้าที่ 14 (21/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-02-2019 22:37:32
 :mew3: มารอนะจ๊า​
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 28-02-2019 22:50:36
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 10


ดวงตาเหี่ยวย่นของหญิงชราผู้เป็นใหญ่ที่สุดในตระกูลวงศ์กีรติทอดมองออกไปนอกหน้าต่างของคฤหาสน์ตระหง่าน


ห้องทำงานของหล่อนห้องนี้ มีตู้สูงจรดเพดานสำหรับเก็บเอกสารสำคัญของบริษัทต่างๆในเครือ มีโต๊ะทำงาน โต๊ะประชุม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่พร้อมใช้เพื่อธุรกิจทุกเมื่อ นอกจากนั้นยังมีระเบียงที่ผินหน้าออกสู่ถนนใหญ่และมีหน้าต่างด้านหลังที่มองเห็นคฤหาสน์อีกสามหลังซึ่งเป็นของลูกทั้งสามคน


แม้จะปลดเกษียณ แต่หล่อนก็ยังจับจ้องทุกสิ่งอย่าง ทั้งในตระกูลวงศ์กีรติและในธุรกิจที่สร้างมากับมือ


ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างขึ้นมา วันนี้เป็นปึกแผ่น ผู้คนนับหน้าถือตา เงินทองงอกเงยเกิดแล้วตายอีกกี่ภพพี่ชาติก็ใช้ไม่หมด แต่...มีใครคนหนึ่ง...ต้องการเดินจากไป


ทั้งๆที่คิดว่าตนเองผ่านโลกมามาก พบเห็นการจากลาไม่รู้กี่หน แต่การลาครั้งนี้ของหลานชายที่หล่อนตราหน้าว่าเป็นหลานนอกคอก กลับทำให้เจ็บยอกไปทั้งอก


เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ เรียกสติหญิงชราให้กลับมา คุณกอบกุลกะพริบตาถี่ๆ เพียงอึดใจเดียว หยาดน้ำที่คลอหน่วยก็หายวับ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว


“เข้ามา”


บานประตูถูกเปิดออก ทีแรก หล่อนคิดว่าเป็นเลขานุการส่วนตัว เนื่องจากอารมณ์ในเวลานี้ ลูกหลานคนไหนก็คงไม่อยากเข้าใกล้เพราะกลัวจะโดนหางเลข ในขณะที่นาตยาผู้เป็นเลขาฯที่อยู่ใกล้ชิดมาหลายสิบปี ให้อย่างไรก็ต้องเข้ามาดูดำดูดีหล่อนที่เป็นเจ้านาย


ทว่า...ผิดคาด


คนที่เปิดประตูเข้ามาคือหลานชาย วูบหนึ่งคุณกอบกุลเห็นเป็นภาพซ้อนเป็นใบหน้าของจิณณะ แต่เพียงพริบตาต่อมา ใบหน้าของหลานชายผู้มีเชื้อสายจีนครึ่งหนึ่งก็ทำให้หล่อนตั้งสติได้


จิณณะจะเข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อเขาเพิ่งออกปากว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก


“ผมยกผลไม้มาให้” ชเยนตร์เอ่ย พลางยิ้มจาง แล้วถือถาดผลไม้และน้ำชามาวางลงบนโต๊ะตรงหน้า


ในบรรดาหลานทั้งหมด ชเยนตร์มีเค้าหน้า รูปตาไม่เหมือนญาติพี่น้องฝั่งนี้กว่าใคร เขาน่าจะเป็นคนที่คุณกอบกุลเอ็นดูน้อยที่สุด แต่เพราะฉลาดและรู้จักสถานการณ์ หญิงชราก็อดไม่ได้ที่จะรักเขา แม้ว่าชายหนุ่มจะเป็นหลานยาย และหน้าตาคล้ายทางพ่อมากกว่าแม่ก็ตามที


ไม่เหมือน...หลานอีกคน...


จิณณะหน้าตาคล้ายสามีของคุณกอบกุลที่จากไป แต่อุปนิสัยของเขาช่าง...


คิดถึงหลานนอกคอกที่บัดนี้ก้าวเท้าออกไปแล้วและลั่นวาจาจะไม่กลับมาอีก หญิงชราก็ได้แต่เม้มปากแน่นสะกดกลั้นอารมณ์


ชเยนตร์เห็นสีหน้าของคุณกอบกุลแล้วก็นึกสงสาร แม้หล่อนจะเป็นคนแก่หัวแข็ง บ้าอำนาจ แต่เวลานี้ เมื่อหลานชายคนหนึ่งเอ่ยปากว่าจะออกจากที่นี่ สีหน้าของหล่อนกลับเต็มไปด้วยความทุกข์เศร้าและสะท้อนใจ


เขานั่งลงเคียงข้าง ลูบมือของผู้เป็นยายแผ่วเบา แม้จะฉลาดรู้จักพูด แต่ก็รู้ว่าเวลานี้ไม่ควรพูดอะไรเลย คุณกอบกุลเป็นคนผูกใจเจ็บ แม้กระทั่งกับลูกหลานตัวเองก็ตามที


“ถ้าจะมาบอกให้ยายใจเย็น หรือเห็นใจ ไม่ต้องพูด”


ชเยนตร์หัวเราะเบาๆ ทำเอาคนเป็นยายตวัดสายตาไปมอง หากเป็นคนอื่นหัวเราะในยามที่หล่อนกำลังโมโห คงยิ่งกระพือไฟในใจ แต่ในเมื่อคนหัวเราะคือหลานชาย ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังเห็นเขาเป็นเด็กตัวน้อยๆ แม้จะอยากโกรธ แต่ก็โกรธไม่ลง


“หัวเราะอะไร” แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ดุเขาเสียงแข็ง ทว่าชเยนตร์ยังยิ้ม


“ขอโทษครับคุณยาย ผมแค่...รู้สึกว่าคุณยายรู้ทันผมมาตลอด แต่คราวนี้...คุณยายไม่ทันผมแล้วนะ ผมไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนั้นตอนนี้หรอกครับ”


คุณกอบกุลค้อนขวับ แล้วสวนทันควัน “แสดงว่าจะเอาไว้พูดตอนอื่นน่ะสิ!”


ชายหนุ่มเชื้อสายจีนพยักหน้าทั้งๆที่ยังยิ้มจาง


“จิณเป็นน้องของผม ถ้าวันหนึ่งเขาจะไปจากการเป็นน้องของผม ผมก็ต้องรู้ว่าเขาจะไปไหนและจะไปทำไม” พอพูดถึงชื่อหลานนอกคอก หญิงชราก็นึกชังจนทำเสียงดังหึในคอ


“แล้วมันคิดว่ามันเป็นน้องของชุนรึ?! ที่มันทำอยู่นี่ไม่เห็นมันจะเห็นหัวใครสักคนในบ้านนี้!!”


“นิสัยของจิณไม่ใช่แบบนั้น” ชเยนตร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลตามประสาคนช่างประนีประนอม ทำเอาคนฟังที่กำลังฉุนถึงกับชะงักไปอีกครั้ง


“แต่ถ้าเขาเปลี่ยนไปแบบนั้น ผมว่าคุณพิทักษ์คงทำของใส่แล้วล่ะครับ”


“มันน่ะสิ! ทำของใส่คนอื่น!”


“ก็อาจใช่ ผมรู้สึกว่าจู่ๆคุณพิทักษ์ก็เข้ามาในชีวิตของจิณ หรือจิณไปทำของใส่เขาแล้วลากเขาเข้ามา...”


“สองคนนั่นรวมหัวกันหลอกพวกเรา!” เรื่องนี้คุณกอบกุลมองออกแต่แรก แต่ให้อย่างไรก็เค้นคอคนนิ่งเฉยอย่างพิทักษ์ไม่ได้


“เพื่ออะไรล่ะครับ เพื่อไม่ให้คุณยายบังคับจิณแต่งงานหรือ...” ชเยนตร์เปรยตามที่เขาสอบถามจากจารีตมา รายนั้นบอกว่ารู้แค่ว่าจู่ๆจิณณะก็พาพิทักษ์มาเปิดตัวในเวลาที่คุณกอบกุลต้องการให้จิณณะแต่งงาน


ช่วงเวลาพอเหมาะพอเจาะก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่อง...ทำไมต้องเป็นพิทักษ์


“นอกจากเรื่องที่ว่าสองคนนั่นเป็นแฟนกันจริงไหม ผมสงสัยว่าทำไมแฟนของจิณถึงเป็นคนนี้ เท่าที่ผมได้ยินมาคือคุณพิทักษ์เป็นลูกเลี้ยงของน้องสาวของน้ายา แล้วก็เป็นหลานของคุณเทียมด้วย คุณเทียมคนนี้เป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดที่จิณทำงานอยู่ โลกกลมมากนะครับ...”


คำว่า ‘โลกกลม’ ราวกับดึงสติคุณกอบกุลขึ้นมาจากไฟโมโห หล่อนหันมองหลานชายที่นั่งอยู่เคียงข้าง


“ชุนหมายความว่าจิณคิดจะใช้อิทธิพลคุณเทียมอย่างนั้นหรือ” พอถามออกไปแล้ว หญิงชราก็ส่ายหน้า


“คนอย่างมันหัวแข็ง ถือว่าตัวเองเป็นข้าราชการ ต้องมีช่องว่างกับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น อีกอย่างคุณพิทักษ์เองก็ไม่ได้โง่ จู่ๆจะมาใช้เขาเป็นสะพานไปถึงคุณเทียม เขาไม่มีทางยอม”


“เว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลอื่นๆ...” ชเยนตร์เอ่ย


คิดถึงความน่าจะเป็น หากไม่มีเหตุผลใด ก็คงเป็นเพราะความหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมให้คนอื่นมาใช้อำนาจเส้นสายคนในครอบครัว แล้วคนอย่างพิทักษ์ ดูแล้วก็ไม่น่าใช่คนลุ่มหลงมัวเมา ที่สำคัญคือคนอย่างจิณณะก็ไม่น่าทำให้พิทักษ์หลงหัวปักหัวปำถึงขั้นนั้นได้ด้วย


หญิงชรานิ่งเงียบ เวลานี้แม้ไฟในใจจะยังไม่มอด แต่สติและปัญญาถอยห่างจากไฟกองนั้น หล่อนเริ่มหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น


ถึงจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันก็จริง แต่จิณณะไม่ใช่คนแกว่งเท้าหาเสี้ยน ทว่าจู่ๆเขากลับหาเรื่องใส่ตัว มางานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของหล่อนในชุดข้าราชการ ทั้งที่ใครๆในครอบครัววงศ์กีรติต่างก็รู้ดีว่าหล่อนจะต้องไม่พอใจ


ดูเหมือนเขาไม่ใช่คนอินังขังขอบกับอะไร แต่เขาก็รู้หลบรู้หลีก เขารู้ว่าหล่อนไม่ชอบหน้า เขารู้ว่าหล่อนไม่ชอบเครื่องแบบของเขา นับตั้งแต่เขารับราชการ หากไม่ใช่เพราะบังเอิญ หรือสายตาของหล่อนเหลือบไปเห็น ก็แทบจะไม่เคยพบหน้าเขายามใส่ชุดสีกากีเลยสักครั้ง


แต่คืนนั้น ในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของหล่อน...เขามากรุงเทพฯกะทันหัน เขามาร่วมงานเลี้ยงทั้งๆที่ไม่เคยมาร่วมหลายปีแล้ว และ...เขามาทั้งชุดข้าราชการ


จากนั้นวันต่อมา...ก็มีข่าวใหญ่...


ชาวบ้านคนหนึ่งถูกยิงตายคาบ้าน และชาวบ้านคนนั้นเป็นคนในอำเภอที่จิณณะทำงานอยู่


คุณกอบกุลใจหายวาบ ทั้งๆที่ไม่เคยคิดถึงความเชื่อมโยงระหว่างสองเรื่องนี้ แต่เมื่อตระหนักถึงความแปลกประหลาดของหลานชายนอกคอกที่จู่ๆก็หาเรื่องมากวนประสาทหล่อนถึงในงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิด แล้วลำดับเรียบเรียงเหตุการณ์ หล่อนกลับรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล


“ชุนออกไปก่อน แล้วไปตามนาตยามาหายายที”


ชเยนตร์ไม่รู้ว่าหญิงชราคิดอะไร แต่สีหน้าของหล่อนในเวลานี้ไม่ได้เต็มไปด้วยความโกรธอีกแล้ว ทว่ากลับเคร่งเครียดและกังวล แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ซักไซ้ ได้แต่รับคำแล้วลุกขึ้นออกจากห้องไป


อึดใจเดียว เลขานุการของคุณกอบกุลก็เข้ามาในห้องทำงานเพียงลำพัง เมื่อหล่อนเดินเข้ามาใกล้ เสียงของหญิงผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์วงศ์กีรติก็ดังขึ้นเบาๆ


“หานักสืบที่มือดีที่สุดให้ฉันที...” คุณกอบกุลนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ความกังวลทำให้หล่อนร้อนใจ หากสองเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกันกลับเชื่อมโยงกันขึ้นมาจริงๆ หล่อนก็ยิ่งไม่ควรชักช้า


“...แล้วหาทางติดต่อคุณเทียม ฉันต้องการพบเขา เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!”

………………………

ในโลกแห่งผลประโยชน์มีฝุ่นฟุ้งตลบจากการ ‘วิ่งเต้น’ ของผู้คน


บ้างวิ่งเพื่อแสวงหาประโยชน์เข้าตัว บ้างวิ่งเพื่อเชื่อมประโยชน์เข้าหากัน บ้างวิ่งเพื่อสร้างเครือข่าย นักวิ่งมือฉกาจ ไม่ใช่แค่วิ่งเก่ง แต่ต้องรู้ทิศที่จะวิ่ง และที่สำคัญต้องหูไวตาไว


ไพศาลอยู่ในวงการนี้เต็มตัว เพราะบ่อเงินบ่อทองของตนเองมาจากธุรกิจผิดกฎหมายทั้งสีเทาและสีดำ รายได้ดีความเสี่ยงย่อมสูง ยิ่งความเสี่ยงสูง ก็ยิ่งต้องหาฐานที่แข็งแรงให้เหยียบยืน โชคดี ‘ท่าน’ ของเขามีทั้งอำนาจและบารมี แต่จะโชคไม่ดีก็เพราะใครบางคนที่ไม่น่าจะเป็นเสี้ยนหนาม กลายร่างเป็นเสี้ยนแล้วทิ่มแทงทำให้แผลกลัดหนอง ทั้งเจ็บทั้งปวดจนต้องนิ่วหน้า


ปลัดอำเภอ...ดูไม่มีเขี้ยวเล็บอะไร หากเป็นคนอื่น ให้อย่างไรก็ไม่มีพิษสง แต่ไม่ใช่ปลัดอำเภออย่างจิณณะ


ลูกหลานครอบครัวนักธุรกิจที่ร่ำรวย แถมยังเป็น...คนของหลานคุณเทียมอีก


ไพศาลพ่นลมหายใจแรงอย่างหงุดหงิด


หากจะนับถึงต้นเหตุที่แท้จริงก็คือชาวบ้านอย่างทองสุก เป็นสายให้ทั้งทางการและทางเขา บางครั้งก็นำความลับทางการมาบอกเขา บางครั้งก็นำความลับของเขาไปบอกทางการ เรื่องนี้ไพศาลเข้าใจดี ธุรกิจประเภทนี้อาศัยความอะลุ้มอะล่วย ปิดหูปิดตา และการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ถึงจะไปรอด


แต่...จู่ๆวันหนึ่งทองสุกก็รู้ลึกกว่าที่ควรจะรู้


ไพศาลเสนอเงินให้ก้อนหนึ่งแลกกับการเก็บเป็นความลับ แต่ทองสุกกลับไม่รับเงินแต่รับปากว่าจะไม่พูด แน่นอน...มันดูไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ในเมื่อชาวบ้านอย่างทองสุกเป็นสายให้สองฝั่ง วันดีคืนดี นกสองหัวอาจลุกขึ้นมาเปิดโปง ไม่เพียงแต่ธุรกิจสีเทาจะสะเทือน แต่ธุรกิจสีดำของเขาก็คงกระซ่านกระเซ็น


เมื่อ ‘สาย’ ไม่น่าวางใจอีกต่อไป วาระสุดท้ายของทองสุกถึงได้ถูกกำหนดขึ้น


แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่รู้ คือวันนั้นไม่ได้มีแค่ทองสุกที่อยู่ในบ้านเพียงลำพัง แต่มีคนอื่นอยู่ด้วย!


กว่าจะรู้ว่ามีคนอื่นอยู่ที่นั่นในคืนนั้น ก็ตอนที่ทองสุกหนีตายตะโกนดังลั่น


‘แยกกัน ปลัด’ คือคำพูดที่ลูกน้องคนหนึ่งของไพศาลได้ยินตอนไล่ต้อนทองสุกเข้าไปจนมุมในบ้าน ก่อนลมหายใจสุดท้ายจะปลิดปลิว ชาวบ้านธรรมดาแต่รู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ก็ยังฝากข้อความกลับมาบอกเพื่อกรีดแผลลึกลงไปในใจไพศาล


‘กูบอกคนอื่นแล้ว...’


เรื่องที่ไม่ควรรู้ แต่กลับมีคนล่วงรู้มากกว่าคนที่กำลังจะตายทำให้ไพศาลแทบดิ้นพล่าน สั่งลูกน้องควานหาตัว ‘ปลัด’ ที่อยู่กับทองสุกในคืนนั้นทันที!


ตอนแรก เขาคิดว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์คือปลัดอำเภอฝ่ายป้องกัน ซึ่งทองสุกทำงานให้ แต่เมื่อส่งคนออกตามสืบ กลับพบว่าคนที่สนิทสนมกับครอบครัวทองสุกมีอีกคน คือปลัดอำเภอที่ชื่อจิณณะ!


เรื่องที่คิดว่าจะง่าย ก็เลยไม่ง่าย ในเมื่อมีคนที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ กลับกลายเป็นพยานในที่เกิดเหตุ แถมยังอาจเป็นคนที่ล่วงรู้เรื่องธุรกิจสีดำของเขาด้วย


แล้วคนที่มีทั้งเส้นสายและเงินทองอย่างจิณณะ มันน่าเข้าไปยุ่งที่ไหนกัน!


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไพศาลคว้ามากดรับสายอย่างหงุดหงิด ทว่าไม่ทันได้กรอกเสียงลงไป ปลายสายก็อธิบายอย่างเร่งร้อน เนื้อความที่มากับสัญญาณโทรศัพท์ทำให้เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ


“ย่าของไอ้ปลัดนั่นไปพบไอ้เทียม?!!”


นางเสือแก่กับเสือเฒ่าไปพบกันในยามนี้ ย่อมไม่ใช่เพื่อฟาดฟันห้ำหั่น ไพศาลเหมือนเห็นเส้นทางวิบัติฉิบหายที่พุ่งตรงมาหาตนเองหากทั้งสองร่วมมือกันทำอะไรสักอย่างเพื่อจิณณะ


ก่อนที่เส้นทางนั้นจะมาถึง เขาต้องชิงลงมือก่อน


กำปั้นอูมทุบโต๊ะดังปั่ก!


ในเมื่อปลัดอำเภออย่างจิณณะมีทั้งเขี้ยวเล็บและพิษสง มันก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป!!

........................

เดิมที ที่พิทักษ์ให้จิณณะมาค้างกับเขาก็เพราะต้องการให้ไพศาลเกรงอิทธิพลของคุณเทียมบ้าง และไม่ให้จิณณะกลายเป็นเป้าเดี่ยวที่ลงมือได้ง่าย แต่เมื่อเกิดเหตุที่คฤหาสน์วงศ์กีรติ จิณณะกลายเป็นคนนิ่งขรึมลงทุกวันๆ ดูก็รู้ว่าแม้จะเป็นคนตัดสินใจขอออกจากตระกูลเอง แต่ก็คิดมากอยู่ดี พิทักษ์ทั้งหวั่นใจและเป็นห่วง ไม่อยากปล่อยให้อยู่เพียงลำพัง จึงกึ่งบังคับกึ่งชักจูงให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันไปโดยปริยาย


เจ้าของบ้านเคาะประตูห้องนอนเล็ก ก่อนหน้านี้ ห้องนอนนี้มีไว้สำหรับเขาย้ายมานอน ยามบิดาและมารดาเลี้ยงแวะมาเยี่ยมและค้างที่นี่ แต่บัดนี้ ห้องนี้ตกเป็นของใครบางคนที่เขากึ่งลากกึ่งจูงให้มาค้าง


ไม่มีเสียงตอบจากภายในห้อง ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป เขากวาดตามองไปรอบๆ ก็พบเพียงความว่างเปล่า แต่ประตูระเบียงเปิดอยู่ จึงเดินออกไปดู


แม้จะเป็นยามค่ำคืน แต่ที่ระเบียงก็สว่างไสวเพราะแสงจากหลอดไฟ จิณณะยืนโน้มตัวค้ำกับราวระเบียง ทอดสายตามองไกล แม้บ้านหลังนี้จะอยู่ในละแวกชานเมือง เป็นรอยต่อระหว่างกรุงเทพกับจังหวัดข้างเคียง แต่ก็เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ บ้านแต่ละหลังมีพื้นที่กว้างขวาง และมีระยะห่างจึงเป็นส่วนตัวและสงบ


เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพิทักษ์ยืนอยู่ด้านหลัง จนกระทั่งเขาต้องส่งเสียงเรียก


“จิณ...” ปลัดหนุ่มหันกลับมามอง วูบแรกในดวงตาคู่นั้นหม่นหมอง แต่วินาทีต่อมา รอยหม่นก็จางลงเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มจางผุดขึ้นเบาบาง


เหมือนจะดีที่อย่างน้อยจิณณะยังยิ้มได้ แต่เมื่อต่างคนต่างรู้แก่ใจว่าเป็นรอยยิ้มที่ฝืนสร้างในวันที่ปัญหารุมเร้าและเลือกที่จะสละคนสำคัญบางส่วนออกไปจากชีวิต ใจ...ก็เจ็บหน่วงขึ้นมา


ควันสีเทาลอยอ้อยอิ่ง ทำให้เจ้าของบ้านต้องเบี่ยงสายตาไปที่ต้นเหตุ


บุหรี่ในมือของจิณณะทำให้เขาชะงักเล็กน้อย ดูเหมือนคนที่จุดบุหรี่สูบก็เพิ่งรู้ตัวเช่นกัน


“เอ่อ...ผมสูบได้รึเปล่า เห็นมีบุหรี่กับที่เขี่ย...”


ทั้งบุหรี่และจานรองก้นบุหรี่ล้วนไม่ใช่ของเขา แต่เจอในตู้ จิณณะจำได้ว่าตอนไปขอความช่วยเหลือ พิทักษ์สูบบุหรี่ แต่คงไม่ติด เพราะหลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นอีก


เจ้าของบ้านพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ก่อนจะเดินมานั่งที่เก้าอี้เอนใกล้ๆ แล้วตบมือลงข้างตัวเป็นเชิงให้อีกฝ่ายนั่งข้างกัน จิณณะไม่พูดอะไร แต่ทรุดตัวลงนั่งอย่างว่าง่าย


แล้วพอนั่งลงข้างกันแล้ว มีใครอีกคนอยู่ด้วยแล้ว บุหรี่ที่ถือไว้ในมือก็กลายเป็นความกระดาก จิณณะจึงกดปลายบุหรี่ลงกับจานรอง ไฟดับ ควันดับ กลิ่นบุหรี่จางหายไป


   สายลมเย็นพัดผ่าน ไม่มีการโอบกอด ไม่มีการดึงเข้ามาใกล้ชิด มีระยะห่างระหว่างกันเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิของคนข้างกาย


   “ลุงเทียมโทรมา บอกว่าคุณกอบกุลไปหา” ประโยคหลังทำให้จิณณะนิ่งขึง ก่อนจะเอ่ยเสียงแปร่งพร่า


   “ผมออกมาจากที่นั่นแล้ว” ที่นั่นที่ว่าคืออาณาเขตของผู้เป็นย่า เมื่อออกมาแล้วก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีก


   “จิณพูดแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ทุกคนที่นั่นเดือดร้อนใช่ไหม อีกอย่าง...ที่พูดเพราะน้อยใจ”


ประโยคหลังทิ่มแทงใจดำกว่าประโยคแรก แต่ถึงอย่างนั้นจิณณะก็ทำเป็นหัวเราะเย้ยหยัน


“พูดอะไร ผมเนี่ยนะน้อยใจ”


“น้อยใจเพราะคิดว่าคุณกอบกุลไม่รัก”


“ผมไม่ได้อยากให้คุณย่ารัก!” หลานนอกคอกเถียงควับ


“แต่ก็ไม่อยากให้เขาเกลียดเหมือนกัน” พิทักษ์สวน ทำเอาคนที่ตั้งท่าจะปกป้องความรู้สึกส่วนลึกของตนเองไม่ให้ใครรับรู้ถึงกับชะงักไปอีกครั้ง ปลัดหนุ่มเม้มปากแน่น แล้วหันหน้าหนี


“คุณกอบกุลไม่ได้เกลียดจิณ”


พิทักษ์อาจจะเพิ่งเข้ามารับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสองย่าหลาน แต่สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่เพียงสงครามอารมณ์ ทว่าเป็นความเหมือน...


จิณณะและคุณกอบกุลเหมือนกันมากเกินไป โดยเฉพาะนิสัยหัวแข็งและดื้อแพ่ง ผลเลยออกมาที่ต่างฝ่ายต่างแข็งข้อ คนหนึ่งบังคับเท่าไร อีกคนก็ยิ่งต่อต้านมากเท่านั้น ทั้งๆที่เหมือนกันมากขนาดนี้แท้ๆ


แต่ดูเหมือนคนเป็นหลานจะไม่ยอมรับในความเหมือน ไม่ยอมรับแม้กระทั่งความรู้สึกของต้นตระกูล เจ้าตัวยกยิ้มเย้ยหยัน


“พี่รู้ได้ยังไง?! ผมเป็นหลานเขามายี่สิบกว่าปี! แบบไหนเขารักแบบไหนเขาเกลียดทำไมผมจะไม่รู้! แบบผมนี่ไงที่เขาเกลียด! เขาไม่ชอบคนหัวแข็งดื้อด้านอย่างผม! เขาไม่ชอบคนที่ไม่ตามใจเขาแบบผม! คนแบบผมคือคนที่เขาไม่ชอบหน้า!! วันนี้ผมออกมาจากที่ของเขาแล้ว พี่ไม่ต้องมาพูดเรื่องเขาให้ผมฟังอีก!!”


น้ำเสียงแข็งกร้าวทว่าในใจนั้นเอ่อล้นไปด้วยความเจ็บหน่วง หากแต่พอลุกขึ้นจะเดินหนีกลับเข้าไปในห้อง เสียงของพิทักษ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง


“แต่เขาไปพบลุงเทียมด้วยเรื่องของจิณ”


วูบหนึ่ง ความรู้สึกบางอย่างไหลทะลักเข้าสู่หัวใจ


หญิงชราผู้เป็นย่าที่เคยออกปากว่าเขาเป็นหลานนอกคอก อีกทั้งวันนั้นยังประกาศก้องว่าถ้าเขาไปแล้วก็อย่าคิดกลับไปเหยียบที่นั่นอีก ทว่า...หล่อนกลับเป็นฝ่ายไปพบคนอื่นด้วยเรื่องของเขา


บางที...อาจจะไปพบเพราะคิดจะใช้อำนาจบาตรใหญ่จัดการเขาลับหลังก็เป็นได้


“เขาไปบอกคุณเทียมให้มาบอกพี่เลิกยุ่งกับผมน่ะสิ”


พิทักษ์ส่ายศีรษะ ระอาใจกับความหัวแข็งยึดอคติเป็นที่ตั้งของหลานชายคุณกอบกุลเหลือเกิน


“ไม่ใช่ เขาไปเพราะเขาเป็นห่วงจิณ”


“ห่วงผม?! วันนั้น พี่ก็ได้ยิน! เขาบอกว่าถ้าผมไปก็อย่ากลับมาอีก ก่อนหน้านี้ผมเป็นหลานนอกคอก เขายังไม่สนใจใยดีอะไรผมเลย! มาวันนี้ผมไม่ใช่หลานเขาแล้ว เขาจะมาห่วงผมทำไม!”


อคติคือสิ่งที่ร้ายกาจ เมื่อมันครอบงำจิตใจแล้ว ต่อให้ใครจะทำเรื่องดีเพียงใด ก็ไม่คิดอยากรับรู้ ใจ...เลือกที่จะฟังอคติ มากกว่าความจริงที่เกิดขึ้นเสียอีก


“ต่อให้จิณจะบอกว่าเป็นหลานนอกคอก หรือตอนนี้ไม่ได้เป็นหลานเขาแล้ว แต่คุณกอบกุลไม่ได้คิดอย่างนั้น ถึงเป็นหลานนอกคอก ก็เป็นหลาน ถึงจิณจะขอออกจากตระกูลของเขา แต่จิณก็ยังเป็นหลาน แล้วหลานอย่างจิณคือคนที่ทำให้คุณกอบกุลส่งนักสืบลงมาที่นี่ ส่วนตัวเองเข้ามาพบลุงเทียม”


“นักสืบ?” จิณณะหันมองอย่างคาดไม่ถึง พิทักษ์พยักหน้า


“จิณไม่ได้บอกเรื่องคืนนั้นให้เขารู้แต่แรกใช่ไหม”


เรื่องคืนนั้นที่ว่าย่อมหายถึงคืนที่เกิดเหตุอุกอาจจนทองสุกตาย และกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ


ปลัดอำเภอส่ายหน้า ทรุดตัวลงนั่งที่เดิม เริ่มเป็นกังวลที่เรื่องอันตรายรู้ถึงหูคุณกอบกุล คนอย่างย่าย่อมไม่อยู่เฉย และบางครั้ง การจัดการของหล่อนก็เป็นแบบถอนรากถอนโคน แต่ก่อนที่รากโคนจะถูกถอน เขาหวั่นว่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับคุณกอบกุล


ไม่ว่าจิณณะจะรู้ตัวหรือไม่ แต่พิทักษ์ไม่ได้พูดผิดเลยแม้แต่นิด


สำหรับคุณกอบกุล ต่อให้หลานอย่างจิณณะจะนอกคอกเพียงใดก็ยังเป็นหลาน สำหรับจิณณะเอง แม้ย่าอย่างคุณกอบกุลจะบ้าอำนาจช่างเจ้ากี้เจ้าการเพียงใด แต่ก็ยังเป็นย่า ปากคนหนึ่งว่าไปแล้วอย่ากลับมา ปากอีกคนว่าจากมาแล้วจะไม่หวนกลับไปอีก แต่เมื่อถึงเวลาอย่างนี้ กลับเป็นห่วงกันยิ่งกว่าใคร


แล้วจะไม่ให้บอกว่าสองย่าหลานคู่นี้เหมือนกันมากเหลือเกินได้อย่างไร


“คุณเทียมบอกอะไรคุณย่าไหม”


“บอกแค่ว่าพี่ไปขอให้ส่งคนช่วยดูแล ก็เลยทำตามที่พี่ขอ”


หลานชายคุณกอบกุลยังขมวดคิ้วมุ่น เขาเดาได้ว่าในเมื่อผู้เป็นย่าไม่ได้อะไรจากการบุกถึงตัวและคาดคั้นคุณเทียม หล่อนต้องหาวิธีอื่นหรือคนอื่น...และคนอื่นที่ว่า ถ้าไม่ใช่พิทักษ์ ก็คงเป็นบิดามารดาของจิณณะ หรือไม่ก็...จิดาภา แม่เลี้ยงของพิทักษ์


“น้าภา...” ปลัดหนุ่มเอ่ย


“พี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคุณกอบกุลน่าจะไปหาแม่ภา ก็เลยโทรไปบอกเอาไว้แล้วว่าถ้าคุณกอบกุลมาถาม ให้บอกว่ารู้แค่ว่าเราสองคน...คบกัน”


คำหลังสุดนั้นทำเอาคนที่กำลังเป็นกังวลและเคร่งเครียดเริ่มรู้สึกตัว กะพริบตาปริบๆแล้วก็ชักรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาเมื่อครู่นี้ ชั่วเวลาหนึ่งเป็นการโต้เถียงที่มีแต่เขาใส่อารมณ์ ในขณะที่พิทักษ์สงบนิ่งเหมือนหลักยึด จนกระทั่งเขาสงบลงแล้ว ก็กลายเป็นการพูดคุยหารืออย่างเป็นจริงเป็นจัง และตอนนี้บรรยากาศรอบตัวก็กลับกลายเป็นความรู้สึกที่ชวนให้หัวใจหวิวไหว


พิทักษ์เป็นทั้งคนที่อยู่เคียงข้างในเวลาที่จิตใจไหวเอนไปตามแรงอารมณ์ และก็ยังเป็นคนที่อยู่เคียงข้างในยามสงบ แล้วพอเขาสงบ ก็มาทำให้รู้สึกหวั่นไหวอีก


“เอ่อ...ข...เข้าข้างในกันเถอะ ผมหนาวแล้ว”


ทว่าก่อนที่คนรู้ตัวจะเริ่มหนี เจ้าของบ้านก็กวาดแขนโอบมาล็อคคอแล้วดึงลงกลับมาที่เดิม ไม่มีความอ่อนโยนสักนิดจนปลัดหนุ่มร้องโอ๊ย


แต่...ร้องแล้วก็ได้แต่เงียบ เมื่อแผ่นหลังของเขาปะทะเข้ากับแผ่นอกของอีกฝ่าย


มันอุ่น มันร้อน มันแนบชิด


แขนที่ล็อคคอคลายออกกลายเป็นโอบหลวมๆ จิณณะไม่ได้ขยับตัวหนี แต่กลายเป็นปล่อยตัวลงพิงหลังกับอกกว้างราวกับนี่คือที่พักพิงที่แสนสบาย


ในวันที่อารมณ์และความรู้สึกถูกเหวี่ยงขึ้นลงเพราะความเครียด ความกังวล ความห่วงใยที่มีต่อคนรอบข้าง จิณณะกลับพบว่ามีใครอีกคนอยู่เคียงข้างเขาเช่นกัน


เขาไม่ได้ยืนเพียงลำพัง ไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ต่างๆเพียงผู้เดียว มี ‘ใคร’ อีกคนอยู่เป็นเพื่อน


...ไม่สิ...ไม่ใช่เพื่อน...กึ่งๆเพื่อน...กึ่งๆ...แบบ...คบกันแล้ว…


พอคิดถึงสถานะระหว่างเขาและพิทักษ์ จิณณะก็ขยับตัวเล็กน้อยเหมือนไม่รู้ว่าตนเองควรจะยังนั่งพิงอีกฝ่ายต่อไป หรือขยับออกห่างดี


...ใจน่ะอยากอยู่ต่อ แต่...สถานะของเราเป็นเรื่องจริงเพียงพอที่จะทำอย่างที่ใจต้องการใช่ไหม…


ตอนที่กำลังยึกยักไม่รู้ว่าจะลุกออกจากท่านี้ดี หรือนั่งต่ออย่างไม่รู้ไม่ชี้ดี เจ้าของแผ่นอกก็ก้มมองเล็กน้อย จิณณะไม่ได้เตี้ยไปกว่าเขาเสียเท่าไร แต่เพราะตอนนี้เจ้าตัวนั่งพิงอกเขาอยู่ ริมฝีปากของเขาจึงอยู่ข้างขมับของอีกฝ่ายพอดี


“นั่งไม่สบายหรือ”


“เปล่า...พี่ล่ะ”


“สบายดี”


“ตัวผมหนักนะ” คนยึกยักยังไม่กล้าพิงเต็มหลังเหมือนก่อนหน้านี้


“ไม่หนัก”


“ผมสูงร้อยแปดสิบ หนักหกสิบห้า” อ้างเหตุผลเพื่อยืนยันว่าตนเองหนัก แล้วจะได้เป็นข้ออ้างในการขยับตัวออก


“แล้วยังไง” แต่ดูเหมือนพิทักษ์จะไม่ได้สนใจกับข้ออ้างใดๆเลย หนำซ้ำยังโอบลงมาจมกับอกของเขาทั้งตัว


“ไม่ยังไงแล้วก็ได้” ไม่รู้จะยื่นเหตุผลอะไรอีกแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่หนัก เขาก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วพิงตัวลงโดยไม่คิดจะอ้างอะไรอีก


พิทักษ์หัวเราะเบาๆ แขนที่โอบร่างของอีกฝ่ายไม่ได้กระชับแนบ แต่ก็ไม่ได้ปลดแขนลง เป็นการโอบอย่างหลวมๆที่ต่างคนต่างรับรู้สัมผัสและอุณหภูมิของกันและกัน จิณณะถอนหายใจยาวแล้วหลับตาลง ความสบายทำให้เขาละทิ้งความกังวลทั้งหมดลงข้างตัวแล้วปล่อยให้จิตใจและร่างกายได้พักผ่อน


...ในอ้อมแขนนี้...


...อบอุ่น ปลอดภัย และวางใจ...


ร่างสูงรับรู้ถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนที่นั่งพิงอกเขา พอก้มลงมองก็พบว่าจิณณะหลับไปแล้ว ชายหนุ่มอดหัวเราะเบาๆไม่ได้ ก่อนจะเอนร่างลงพิงกับกำแพงด้านหลังอย่างช้าๆ แล้วปล่อยให้คนหลับได้พักพิงกับอกเขา


พิทักษ์ยิ้มจาง พลางเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน


เรื่องของพวกเขาและเรื่องของจิณณะ ล้วนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่...พอมีคนคนนี้อยู่ในอ้อมแขน พอได้รับรู้ว่าตนเองเป็นที่พึ่งให้ได้ในเวลาที่เกิดปัญหามากมายขึ้นรอบตัว พิทักษ์ก็พบว่าความสุขของเขาอยู่ตรงนี้


อยู่ตรงที่...จิณณะ


อยู่ตรงที่...เป็นที่พึ่งให้จิณณะได้


ทำไมถึงอยากเป็นประโยชน์เพื่อใครสักคนขนาดนี้ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือยามจิณณะอ่อนแอและท้อแท้ เขาปล่อยไปไม่ได้ ยามจิณณะพักพิงลงข้างกายเขา ก็ยิ่งอยากยืดไหล่ขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายพักให้สบายที่สุด และยินดี...หากจิณณะจะวางทุกอย่างลงที่เขา


...วางใจลงมา วางมือลงมา...


ต่อให้จะมีแต่เรื่องยาก ต่อให้รอบตัวจะมีแต่ปัญหา...แต่เราจะฝ่าไปด้วยกัน...

…………………..

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 28-02-2019 22:50:53


จารีตอายุห่างจากผู้เป็นพี่หกปี พอจำความได้ เขาก็เห็นจิณณะกลายร่างเป็นลิงทโมน วิ่งเล่นซุกซนอยู่นอกบ้าน ในขณะที่ญาติพี่น้องคนอื่นๆนั่งเล่นกันอย่างสงบอยู่ในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำ คุณกอบกุลผู้เป็นย่าส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่ได้ทำให้จิณณะย้ายกลับเข้ามาเล่นในบ้านได้เลย


‘นอกคอก’


ตอนยังเด็ก จารีตไม่เข้าใจคำนี้ แต่พอเริ่มโต เขาก็เริ่มรู้ว่าคำนี้ไม่ได้มีความหมายที่ดีเลย แต่ถึงอย่างนั้นจิณณะที่อายุมากกว่าเขาหกปีกลับไม่ได้อินังขังขอบกับคำนี้เสียเท่าไร นอกคอกอย่างไรก็ยังนอกคอกอย่างนั้น ถูกตราหน้าอย่างไรก็ยังถูกตราหน้าอย่างนั้น


และวันนี้ เจ้าตัวทำยิ่งกว่าที่เคยมา คือนอกจากจะไม่สนใจใยดีกับคำครหาของคุณกอบกุลแล้ว ยังก้าวเท้าออกไปอยู่นอกคอกจริงๆ


จารีตไม่รู้ว่าพี่ชายคิดอะไรอยู่ แต่เวลานี้เขาจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แล้ว เพราะการกระทำของจิณณะไม่เพียงทำให้บ้านแตกในวันนั้น แต่วันนี้จรรยาผู้เป็นมารดาของพวกเขาก็ยังเศร้าสร้อยทุกข์ระทม


ในขณะที่คนก่อเรื่อง เมื่อออกปากว่าไปแล้วจะไม่กลับมาอีก ก็หายต๋อมไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่มีแม้แต่จะโทรศัพท์มาถามไถ่สักนิด จารีตซึ่งเคยแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนตนเองถูกดันให้มารับรู้ปัญหาของผู้ใหญ่ จากน้องชายลูกคนเล็กเลยต้องตัดสินใจลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง


ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดในชุดนิสิตทำทีเหมือนจะออกไปเรียนในตอนเช้า แต่เมื่อเลี้ยวรถยนต์ออกสู่ถนนใหญ่ เขาก็เปลี่ยนเส้นทางมุ่งสู่ต่างจังหวัด


ที่ว่าการอำเภอในเวลาก่อนทำการ นอกจากเจ้าหน้าที่ ก็ไม่มีใครอีก รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าอาคารเก่ามีสารพัดชนิด ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ มีมากสุดก็เห็นจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ แต่น่าแปลก...จารีตไม่เห็นรถหรูของผู้เป็นพี่ชายเลย เขากวาดตาอยู่อึดใจหนึ่ง รถยุโรปคันใหญ่ก็เลี้ยวเข้ามาจอดเทียบข้างรถเขา ชายหนุ่มในชุดนิสิตชะงักก่อนจะเบิกตาโต ไม่ใช่เพราะรถคันนี้เป็นรถของจิณณะ แต่เพราะคนที่ลงจากรถคือชเยนตร์ลูกพี่ลูกน้องผู้กลับมาเมืองไทยได้ถูกจังหวะเหลือเกิน!


“พี่ชุน! มาได้ไง?! เอ้ย! มาทำไม”


ชเยนตร์ถอดแว่นตากันแดด ก่อนจะเงยหน้ามองอาคารที่ว่าการ สภาพภายนอกที่แม้จะได้รับการดูแลรักษา แต่รูปทรงและวัสดุก็บอกให้รู้ว่ามันถูกสร้างมานานมากแล้ว


แม้แต่ชเยนตร์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจิณณะถึงเลือกอาชีพนี้ ทำไมถึงเลือกที่จะมาทำงานในต่างจังหวัดอย่างนี้ แทนที่จะอยู่ในที่ที่สุขสบาย มีทั้งตำแหน่งและเงินเดือนที่คุ้มค่ากับการลงทุนลงแรง


“ไอ้จิณทำงานที่นี่หรือ”


“ใช่...เดี๋ยวๆ พี่ตอบผมก่อน” ชายหนุ่มผู้มีเชื้อสายจีนครึ่งหนึ่งเหลือบตามองคนถาม


“ขับรถตามแกมา แล้วก็อยากมาคุยกับไอ้จิณหน่อย”


ทั้งๆที่จุดประสงค์ในการกลับมาเมืองไทยคราวนี้ก็เพื่อมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ฝั่งบิดาที่ล้มป่วย แต่กลับประสบเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่าจากญาติฝั่งมารดา


คำถามที่เขาเคยพูดกับคุณกอบกุลยังคงตกค้างอยู่ในใจ


‘ทำไมต้องเป็นพิทักษ์’


คำถามนี้ดูเหมือนคุณกอบกุลจะเริ่มคาดเดาคำตอบได้แล้ว แต่หล่อนไม่แพร่งพรายเลยสักนิด ชเยนตร์ไม่อยากกลับไปเรียนต่อทั้งๆที่ยังคาใจ งานวิจัยยากๆ เขายังทำได้ แล้วทำไมกับแค่เรื่องของคนในครอบครัว เขาจะหาคำตอบไม่ได้กันเล่า


“พี่จะคุยอะไร”


“แล้วแกจะคุยอะไรล่ะ”


จารีตนิ่วหน้า เกาหัวแกรกๆเหมือนยังคิดไม่ออก เอาจริงๆเขาก็ไม่รู้ว่าจะมาพูดอะไรกับพี่ชายของตนเอง จิณณะเป็นคนดื้อดึง คุณกอบกุลก็พอกัน แต่เขาจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็ไม่ได้


“จา?...พี่ชุน?...” เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาสองหนุ่มจากครอบครัววงศ์กีรติต้องหันมอง


คนที่พวกเขาตั้งใจมาหาเพิ่งลงจากรถเบนซ์สีดำ จารีตจำได้ว่านั่นไม่ใช่รถของพี่ชายของเขา หนำซ้ำ ตำแหน่งจิณณะยืนก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ลงจากเบาะคนขับด้วย


...ใครพาพี่ของเขามาส่ง…


คำตอบนั้นหาไม่ยากเลย เพราะอึดใจต่อมา ชายหนุ่มร่างสูงผู้นั่งอยู่ที่นั่งคนขับก็ลงจากรถหันมามองพวกเขา


ชเยนตร์ไม่รอช้า ก้าวเท้าตรงเข้าไปหาพลางฉีกยิ้มกว้างแสดงไมตรีจิต วันที่เกิดเรื่อง เขาจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ติดตามไปด้วย มารู้ทีหลังจากจารีตว่าผู้ชายคนนี้คือพิทักษ์


คนที่เขาสงสัยว่าทำไมถึงเป็นตัวเลือกของญาติผู้น้องของเขา


“มาที่นี่ทำไมหรือ” จิณณะถาม ญาติผู้พี่ชะงักไปเล็กน้อย หันกลับไปมองจารีต รายนั้นเองก็ไม่มีเหตุผลเช่นกัน แต่...สร้างข้ออ้างได้


“พี่ชุนอยากมาเที่ยวน่ะ” จารีตโยนอย่างไว ทำเอาว่าที่ดอกเตอร์ถึงกับสะดุ้งโหยง ถลึงตาใส่คนโยนเหตุผลมาให้เขาแทบไม่ทัน


ท่าทางอิหลักอิเหลื่อแบบนั้น จิณณะดูออกว่าเหตุผลของน้องชายเป็นเพียงเรื่องบังหน้า และการมาเยือนของญาติผู้พี่ก็มีเบื้องหลังแอบแฝง อาจจะเป็นเรื่อง ‘ทางบ้าน’ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำเป็นพยักหน้าเออออ


“วันนี้ผมมีประชุมเช้า ไปรอที่บ้านผมก่อนได้ไหม เสร็จงานแล้วจะไปหา พาไปเที่ยว”


ชเยนตร์นิ่วหน้าเล็กน้อย เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเที่ยว หรือมารอจิณณะที่บ้านพักราชการที่สภาพก็คงไม่ต่างจากที่ว่าการเก่าแก่นี่เท่าไร แต่เขามาที่นี่เพื่อมาหาคำตอบว่าทำไมจิณณะถึงเลือกพิทักษ์มาเกี่ยวพันด้วยต่างหาก


มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุผล การเลือกอะไรสักอย่างแม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่สุด ต้องมีเหตุผลหรือคุณสมบัติเฉพาะ อย่างน้อยๆ เหตุผลว่า ‘อยาก’ ก็ยังดี แต่พอมองหน้าพิทักษ์แล้วหันมามองหน้าน้องชายตนเอง ชเยนตร์ก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มอกสามศอกอย่างจิณณะจะเลือกชายหนุ่มอกสามศอกอย่างพิทักษ์เพราะความ ‘อยาก’ ได้เลย


เพราะฉะนั้น... ‘การเลือกพิทักษ์’ ย่อมต้องมีเหตุผลหรือคุณสมบัติเฉพาะอื่น และเขาต้องรู้ให้ได้ว่าคืออะไร


พิทักษ์ที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน เป็นญาติที่ดองกันโดยไม่มีสายเลือดเข้ามาเกี่ยวข้อง อาจจะเคยเล่นด้วยกันตอนยังเด็ก แต่แม้แต่เขาก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วจิณณะคิดอะไรถึงไปขุดเอาญาติห่างไกลมาตบตาคุณกอบกุล ทั้งๆที่หลับตามองก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้


“ได้ยินว่า...ที่นี่มีสนามกอล์ฟ...” จารีตเคยเล่าประวัติย่อๆของญาติห่างๆผู้นี้ให้เขาฟัง ว่าที่ดอกเตอร์ก็เลยเอามาใช้ประโยชน์เสียหน่อย


ปลัดหนุ่มหันมองเจ้าของสนามกอล์ฟที่ยืนอยู่ใกล้เขาเหมือนจะถามความเห็น ชเยนตร์ไม่รอช้า รีบพูดต่อทันที


“หรือว่าสนามที่ว่าเป็นของ...” เขาทำเป็นมองตรงไปยังชายหนุ่มแปลกหน้า ตอนนั้นเองที่จิณณะเพิ่งนึกออกว่ายังไม่เคยแนะนำให้ชเยนตร์และพิทักษ์รู้จักกันอย่างเป็นทางการ


“นี่พี่ทิศ” เขาบอกกับญาติผู้พี่ ก่อนจะหันมาทางสารถีที่รับส่งเขาในช่วงนี้


“พี่ทิศ นี่พี่ชุน ลูกพี่ลูกน้องของผมเอง”


พิทักษ์ค้อมศีรษะเป็นเชิงทักทาย แต่ไม่พูดอะไรมากกว่านั้น ท่าทางเขาสุภาพแต่ไม่กระตือรือร้นผูกมิตร ทั้งๆที่หากเป็นคนอื่นๆ เมื่อพบหน้าชเยนตร์ ก็มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าตาไม่คล้ายญาติๆฝั่งแม่เลยสักนิด เขาก็จะมีเรื่องชวนคุยต่ออีกหน่อยว่าหน้าเหมือนทางพ่อซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีน


แต่...พิทักษ์ไม่พูดอะไรเลย ว่าที่ดอกเตอร์ชเยนตร์ชักหนักใจแต่ไม่ถอดใจ ถ้าอยากตอบคำถามที่ค้างคา ก็ต้องลงมือมากกว่านี้


“ผมน่าจะเป็นพี่...เรียกว่าพี่ชุนก็ได้ ตอนเด็กๆเราน่าจะเคยเล่นด้วยกัน เห็นว่าเป็นลูกของน้าภา จำได้ว่าแต่ก่อนน้าภาเคยมาที่บ้าน”


“ครับ” พิทักษ์ตอบพลางยิ้มจาง เกิดเป็นความเงียบชั่วอึดใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าเป็นเพราะเขาดูไม่กระตือรือร้นที่จะผูกมิตรกับชเยนตร์ ในขณะที่อีกฝ่ายดูอยากสนิทสนมด้วย เขาไม่แน่ใจนักว่าญาติผู้พี่ของจิณณะต้องการอะไร แต่ก็ไม่อยากให้จิณณะที่เวลานี้ทุกข์มากพออยู่แล้ว ต้องมากังวลกับท่าทีที่เขามีต่อญาติอีก จึงเอ่ยปากเปลี่ยนเรื่อง


“เห็นพี่ชุนถามถึงเรื่องสนามกอล์ฟ ชอบตีกอล์ฟหรือครับ จะไปรอจิณที่นั่นก็ได้ ไว้เขาเสร็จงาน ค่อยให้เขาไปหา” เพียงเท่านั้นว่าที่ดอกเตอร์ก็ถึงกับยิ้มกว้าง


“ดีๆ! พี่ชอบตีกอล์ฟมาก สมัยยังอยู่เมืองไทยก็ออกรอบกับป๊าบ่อยๆ”


เจ้าของสนามกอล์ฟยิ้มจาง ชเยนตร์พอจะเห็นลู่ทางสร้างความสนิทสนม ทว่าพอจับจ้องชายหนุ่มผู้มีสถานะเป็น ‘แฟน’ ของญาติผู้น้อง เขาก็อดยอกในอกไม่ได้


ทั้งๆที่สมัยยังเด็ก เขาสนิทกับจิณณะราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่ ณ ปัจจุบัน เขากลับไม่มีความสามารถจะเค้นความจริงจากปากของญาติตนเอง แต่ต้องใช้วิธีสืบเอาจากคนอื่น ชายหนุ่มเชื้อสายจีนลอบถอนหายใจเบา ก่อนจะหันไปแจกยิ้มชักชวนจารีตและพิทักษ์ให้ไปรอจิณณะที่สนามกอล์ฟ


หลังจากนั้นไม่กี่นาที รถยนต์ 3 คันก็ขับตามกันออกไป จิณณะหมุนตัวเดินขึ้นอาคารที่ว่าการ ทว่า...ไม่มีใครสักคนสังเกตเห็นชายฉกรรจ์สองคนบนรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่ขับเข้ามาจอดริมรั้ว ดวงตาสองคู่จับจ้องแผ่นหลังของปลัดหนุ่มจนลับสายตา

……………….

สนามกอล์ฟของพิทักษ์เป็นที่ถูกอกถูกใจของชเยนตร์ หากไม่มีเรื่องของน้องชาย เขาก็คงกระโดดตะครุบถุงไม้กอล์ฟแล้วลากลงกรีนเดี๋ยวนี้


“สงสัยกลับมาเมืองไทยคราวหน้า พี่ต้องลากป๊ามาออกรอบที่นี่แล้วล่ะ”


“ยินดีครับ” พิทักษ์ยังคงยิ้มจางสุภาพ ดูท่าแล้ว หากชเยนตร์ไม่เป็นฝ่ายสร้างความสนิมสนมเอง อยู่ที่นี่จนแก่ก็คงไม่ได้ความอะไรเพิ่มเติม ว่าที่ดอกเตอร์เลยต้องดับเครื่องชนเต็มที่


“แล้วไอ้จิณมาตีกอล์ฟบ่อยไหม”


“พี่จิณตีกอล์ฟเป็นที่ไหนล่ะพี่ชุน” จารีตโพล่งขึ้นมา ทำเอาชเยนตร์อยากจะหาผ้ามาปิดปากญาติผู้น้องของตนเองเหลือเกิน


...นี่มันรู้บ้างไหมว่าเขากำลังหลอกถามเพื่อดูระดับความสนิมสนมระหว่างจิณณะและพิทักษ์อยู่!...


พิทักษ์ยังยืนเฉย สีหน้าเรียบๆ มีเพียงรอยยิ้มจางที่ค้างเอาไว้ ทั้งๆที่เขาเองก็เพิ่งรู้เอาตอนนี้ว่าจิณณะตีกอล์ฟไม่เป็น


“เอ้อ...นั่นแหละ ก็ว่าไอ้จิณตีกอล์ฟไม่เป็น แต่มาคบกับทิศได้ ตอนแรกนึกว่ามารู้จักกันที่นี่” แม้ญาติผู้น้องจะทำให้คำถามแรกไม่เป็นผล แต่ชเยนตร์ก็ยังคงไม่ย่อท้อ โปรยทางสู่คำถามต่อไป


“แล้ว...ทำไมมาคบกันได้ล่ะ”


“จิณเป็นหลานของแม่ภาครับ” พิทักษ์รู้ตัวแล้วว่าเขากำลังถูกหลอกถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจิณณะ ชเยนตร์เป็นกันเองก็จริง ฉลาดก็จริง แต่สีหน้าปิดความอยากรู้อยากเห็นไม่มิด คำตอบที่พิทักษ์มีให้ จึงเป็นการตอบที่ใช้ความจริงที่ใครๆก็รู้กันดีว่าจิณณะเป็นหลานของแม่เลี้ยงของเขา


คนฟังกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะร่วน


“เรื่องนั้นพี่รู้แล้ว แต่พี่หมายถึงใครมาปิ๊งใครแบบนี้น่ะ” คราวนี้จารีตไม่โพล่งสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะเขาเองก็อยากรู้เช่นกัน พิทักษ์ยิ้มจาง...แต่เงียบ


ยิ้ม...แสดงว่าไม่ตอบ


เงียบ...ก็แสดงว่าไม่ตอบ


   การยิ้มและเงียบ เป็นการตอบด้วยการไม่ตอบ ทำเอาชเยนตร์ได้แต่เลียปาก ดูท่าเขาจะเดินเกมพลาดที่คิดจะสืบหาความจริงจากทางฝั่งของพิทักษ์


   “สงสัย...ไอ้จิณจีบก่อนแน่เลย เพราะทิศไม่น่าจีบน้องพี่ก่อน” ว่าที่ดอกเตอร์พูดแก้เก้อพลางหัวเราะ


   “ไม่ใช่ครับ” แต่คราวนี้ พิทักษ์ยอมตอบ เสียงหัวเราะหายวับ ชเยนตร์กับจารีตมองหน้ากัน ความอยากรู้พุ่งพรวด


   “หมายความว่าทิศจีบจิณก่อนหรือ”


   “พี่จิณมีตรงไหนให้พี่ทิศอยากจีบอ่ะ?!” ความปากไวของจารีตคราวนี้ตรงใจชเยนตร์เป๊ะ ดูเหมือนจารีตเองก็รู้ตัวว่าคำถามของเขาเหมือนดิสเครดิตพี่ชายแท้ๆของตนเองอยู่สักหน่อย เลยยิ้มแหะๆ แล้วเสริม


   “ก็...พี่จิณอินดี้จะตาย ลูกบ้าก็เยอะ ทำอะไรที่คิดไม่ถึงอยู่บ่อยๆ ผมนึกว่าพี่ทิศน่าจะชอบแบบ...แบบที่คาดเดาได้มากกว่านี้น่ะ”


รอยยิ้มจางของพิทักษ์ขยายออกกว้างแล้วกลายเป็นเสียงหัวเราะเบา ชเยนตร์เลิกคิ้ว ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงหัวเราะจากคนท่าทีนิ่งเฉย เพียงเพราะคำพูดของจารีตที่มีถึงจิณณะ


   “เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน จนมาเจอจิณ” เป็นประโยคสั้นๆ ทว่าน้ำเสียงและสายตาของเจ้าของสนามกอล์ฟแห่งนี้กลับแตกต่างไปจากเดิม


   อ่อนโยน นุ่มนวล และเต็มไปด้วยความรู้สึก แตกต่างจากความนิ่งเฉยเหมือนน้ำแข็งฉาบก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง


    “จิณทำให้เปลี่ยนความคิดได้ยังไง” ชเยนตร์ถาม


   “ดูเผินๆ เหมือนจิณเอาแต่ใจ ทำแต่สิ่งที่ตัวเองอยากทำ คาดเดาไม่ได้ แต่จริงๆแล้ว บางครั้งเขาคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง โดยเฉพาะครอบครัว...” พิทักษ์เอ่ย ก่อนจะหันไปมองน้องชายแท้ๆของจิณณะ


   “กับคุณกอบกุล ผมไม่คิดว่าพวกเขาเพิ่งจะมาไม่ถูกชะตากันตอนนี้ คงเป็นแบบนี้มานานแล้วจริงไหม”


จารีตพยักหน้ารับ พิทักษ์จึงพูดต่อ “แต่ก็เพิ่งมาแตกหักเอาตอนนี้ จริงอยู่ว่าจิณตั้งใจพูดจากวนอารมณ์คุณกอบกุลทุกครั้งที่เจอหน้ากัน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมเห็นเขาตั้งใจหาเรื่องด้วยการเป็นฝ่ายเข้าไปหาคุณกอบกุลเอง เขาเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ามาตลอด...”   


ชเยนตร์จับจ้องคนพูด รับฟังอย่างตั้งใจ และสังเกตสีหน้าของพิทักษ์ตลอดเวลา


ชายหนุ่มเจ้าของสนามกอล์ฟแห่งนี้เป็นคนนิ่งเฉยและมักมีสีหน้าไม่บ่งอารมณ์ก็จริง แม้การยิ้มจางของเขาก่อนหน้านี้ก็ดูเป็นเพียงรอยยิ้มที่ฉาบเอาไว้ ทว่า...ยามเขาพูดถึงจิณณะ สีหน้าที่เรียบกริบกลับมีร่องรอยของความเอ็นดู ดวงตาที่เคยมีกำแพงสูงหนาหยั่งความรู้สึกไม่ถึงกลับเผยความอ่อนโยน และริมฝีปากที่มีรอยยิ้มจางนั้น ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นเพียงรอยยิ้มที่ฉาบขึ้นบนหน้า แต่มันกลับทอดอารมณ์ละมุนละไม


   สีหน้าของพิทักษ์ยามพูดถึงจิณณะ แม้จะเปลี่ยนไปแค่เล็กน้อย แต่เป็นความเล็กน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่มีต่อคนที่ถูกพูดถึง


   อีกอย่างที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด...พิทักษ์อ่านจิณณะออก


   “สำหรับจิณ ครอบครัวสำคัญสำหรับเขาที่สุด ไม่ใช่แค่พ่อ แม่และจา แต่รวมถึงคุณกอบกุลและญาติพี่น้องคนอื่นๆ”


จารีตมีสีหน้าสลดลง ตอนมารดาเป็นลมเพราะจิณณะเดินออกจากบ้านโดยไม่หันมาดูดำดูดี เขาทั้งโกรธทั้งโมโห จิณณะเป็นพี่เขาตั้ง 6 ปี แต่กลับไม่รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรควรทำ แต่วันนี้...เมื่อพิทักษ์ย้ำให้เขาตระหนักถึงสิ่งที่จิณณะเลี่ยงมาตลอด คนเป็นน้องอย่างเขาก็ได้แต่รู้สึกผิด


   ทั้งๆที่เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ทั้งๆที่เขาควรจะเข้าใจพี่ชายของเขากว่าคนอื่น อีกทั้งยังรู้เห็นทุกเหตุการณ์ระหว่างจิณณะและคุณกอบกุลมาตลอด แต่เขากลับไม่เคยมองเห็นความพยายามของผู้เป็นพี่เลย


   พี่ชายของจารีตพยายามแล้ว แต่...ทุกอย่างดึงดันผลักจิณณะไปจนสุดทาง


   “พี่ทิศมีทางทำให้พี่จิณกลับไปไหม” จารีตเอ่ยปากถามเสียงแผ่ว ฝั่งหนึ่งเป็นพี่ชาย อีกฝั่งเป็นย่า ไหนจะทั้งพ่อทั้งแม่อีก เขารู้สึกเหมือนตนเองคือคนที่รู้เห็นความทุกข์เศร้าของคนรอบข้าง แต่น่าเจ็บใจตรงที่ทำอะไรไม่ได้เลย


   “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานั้น...”


เพราะมีปัญหาใหญ่ยังรอจิณณะอยู่ และถ้าปัญหานี้ยังสะสางไม่ได้ พิทักษ์เชื่อว่าจิณณะไม่มีทางกลับเข้าไปอยู่ใกล้ครอบครัวตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเวลานี้คุณกอบกุลระแคะระคายเรื่องที่เกิดขึ้นรอบตัวหลานชายแล้ว และกำลังลงมือตามสืบจากทุกทาง


   “ทิศพูดเหมือนกับว่า จิณรอทำอะไรสักอย่าง” ชเยนตร์ย้อนถาม ชั่ววินาทีนั้น พิทักษ์ก็กลับไปเป็นคนที่ฉาบด้วยน้ำแข็งเช่นเดิม สายตาของเขาถูกตีทึบด้วยกำแพงหนาที่ไม่บอกความรู้สึกอะไรอีก


   “ผมหมายถึงเรื่องที่จิณขอออกจากบ้านเพิ่งเกิด คุณกอบกุลเองก็คงยังไม่อยากพบหน้าจิณตอนนี้หรอกครับ”



เป็นอีกครั้งที่เขาตอบด้วยเรื่องจริงที่ทุกคนต่างรู้กันดีอยู่แล้ว คนถามลอบถอนหายใจเบา รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจปิดบังอะไรบางอย่าง แถมไม่มีใครงัดคำตอบที่แท้จริงออกมาได้อีกต่างหาก


   “รอให้คุณยายใจเย็นลงก็ดี” ชเยนตร์ได้แต่เออออไปด้วย ประวิงเวลาคิดหาคำถามอื่นที่จะล้วงความลับออกมาจากปากของพิทักษ์ ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รอ เพราะพิทักษ์เป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง


   “คุณยาย?...คุณกอบกุลเป็นคุณยายของพี่ชุนหรือ”


   “ใช่ พี่เป็นหลานยายคนเดียวในบ้าน”


   “อ้อ...ถ้าอย่างนั้น ก็แสดงว่าไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกับจิณ”


ชเยนตร์หัวเราะ


   “แน่นอน แถมเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ใช้นามสกุลอื่นด้วย เพราะแม่ก็กลับมาใช้นามสกุลคุณยายหลังจากหย่ากับป๊า แถมหน้าตาพี่ก็ดันเหมือนป๊ามากกว่าแม่ซะอีก ตอนเด็กๆเวลาไปเที่ยวกับญาติทางแม่ ถูกทักประจำว่าเหมือนเด็กหลงมาจากบ้านอื่น แต่เวลาไปเที่ยวกับญาติฝั่งป๊า ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเหมือนทางนั้นมากนะ แค่ทุกคนฝั่งนั้นตาตี่เป็นเส้นแบบนี้เหมือนกันหมดเฉยๆ” รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขายิ่งทำให้ตาตี่ที่ว่ากลายเป็นเส้นเดียว


   “พี่ชุนนามสกุลอะไรหรือ”


   “ตั้งกาญจนพาณิชย์ รู้จักไหม อาม่าของพี่เปิดร้านทองอยู่ที่เยาวราช ทุกวันนี้แกก็ยังขายทองนะ พี่กับญาติๆบอกให้แกเลิก แต่แกว่าแกชอบค้าขาย อยากขายไปจนแก่ ตอนนี้แก่แล้ว แกว่าแกจะขายไปจนแก่มากกว่านี้ พวกพี่เลยไม่มีใครห้ามแกอีก” พิทักษ์พยักหน้ารับรู้ ฝ่ายชเยนตร์ดูจะติดลมบนไปแล้ว จึงพูดต่อตามประสาคนอัธยาศัยดี


   “ถ้าทิศผ่านไปแถวเยาวราช เห็นผู้หญิงแก่ๆ ยิ้มตาหยีๆแบบพี่ล่ะก็ คนนั้นแหละ อาม่าพี่เอง อ้างชื่อพี่ก็ได้ อาม่าใจดี จะลดราคาให้”


   “ถ้าแวะไปแถวนั้น ผมจะลองไปหาดู จริงๆแล้ว ผมก็เคยเจอคนในตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์มาหลายคน ป๊าของพี่ชุนชื่ออะไรหรือ บางทีผมอาจจะเคยเจอ...” คำถามนี้ของพิทักษ์ ทำให้ชเยนตร์ยิ่งติดลมหนัก เขาอธิบายวงสายเครือญาติของตนเองซึ่งมีมากมาย ในขณะที่ชายหนุ่มเจ้าของสนามกอล์ฟยังคงยิ้มจาง พยักหน้ารับคำตามไปเรื่อย รอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าและคำถามชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องรอบๆตัวของชเยนตร์ ทำให้ญาติผู้พี่ของจิณณะพูดเพลินจนลืมตัว


   กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองเป็นคนพูดอยู่ฝ่ายเดียว ก็ตอนที่จิณณะโทรศัพท์มาตามให้พิทักษ์ขับรถไปรับหลังเลิกประชุม ว่าที่ดอกเตอร์เพิ่งตระหนักเอาก็ตอนนี้ว่าเขาปล่อยให้พิทักษ์ชักนำตั้งคำถามจนตนเองลืมความตั้งใจเดิมเสียแล้ว


   ชายหนุ่มมองตามหลังเจ้าของสนามกอล์ฟที่ขอตัวออกไปรับจิณณะ แล้วจึงหันมองจารีต ก่อนจะเปรยด้วยความระอาใจที่มีต่อตนเอง


   “แฟนไอ้จิณเก่งจริงๆว่ะ” ญาติผู้น้องเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ


   “เขาชวนพี่คุย จนพี่ลืมถามเขาไปเลย”


   “พี่ชุนจะถามอะไร” ชเยนตร์คิดถึงคำถามที่อยากรู้ เหตุผลที่จิณณะเลือกพิทักษ์มาอยู่ข้างกาย แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร อย่างหนึ่งที่เขารับรู้จากการพูดคุยกับพิทักษ์ในตอนแรก คือความรู้สึก


   “ช่างเถอะ เรื่องไหนก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ” ว่าที่ดอกเตอร์พูด เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สิ่งที่รับรู้จากการสังเกตพิทักษ์ ถ้าไม่นำบอกคุณกอบกุล คุณยายของเขาอาจเข้าใจผิดไปอีกนาน


   “พี่คงต้องกลับไปบอกคุณยายใหม่...” ชเยนตร์เอ่ย พลางหันมองญาติผู้น้องอีกครั้ง


   “ถ้าเรื่องของสองคนนั่นเป็นเรื่องตบตา พี่ว่างานนี้มีคนเจ็บ”


   “พี่ชุนหมายความว่าไง”


“มีคนจริงจังกับเรื่องนี้จริงๆน่ะสิ”


“หมายความว่า...พี่ทิศดันรักพี่จิณจริงๆ?”


   ชเยนตร์พยักหน้า แล้วถอนหายใจยาว


ติดตามตอนต่อไป (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคือ 14 มี.ค. ค่ะ)

คนรอบข้างดูออกกันหมดแล้วววว ปลัดจิณ พี่ทิศ ความรักไม่เป็นความลับจ้า ฮ่าฮ่า

ส่วนเรื่องทองสุกตาย ปลัดโดนหมายหัวนั่น ปลัดถึงคราวซวยจริงๆค่ะ ควรไปทำบุญปล่อยปลาไหล 999 ตัว

เนื่องจากบัวเข้าสู่ช่วงสอบ(หมายถึงช่วงอ่านหนังสือไม่ทัน ฮ่าฮ่า) ก็เลยจะของดลงนิยายก่อนนะคะ แต่ในช่วง 14 วันที่หายไปนี้ จะเอาตอนพิเศษเรื่องนึงมาลงแทนค่ะ (มันแทนกันได้มั้ย ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและทุกกำลังใจเช่นเคย ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันวันที่ 14 มี.ค.สำหรับเรื่องนี้ (และ/หรือ วันไหนสักันในช่วง 14 วันนี้กับตอนพิเศษเรื่องอื่นค่ะ อิอิ)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-02-2019 23:20:59
แอบน้ำตาซีม    :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 28-02-2019 23:25:33
พี่ทิศน่ารัก เข้ากับครอบครัวของแฟน?ได้ดีนะเนี่ย พี่ชุนก็น่ารักเหมือนกัน สนุกค่า รอติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-02-2019 23:40:39
 :katai2-1: :katai2- :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-02-2019 23:41:44
กลัวใครจะได้รับอันตรายน่ะสิ่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-02-2019 23:46:28
ขำพี่ชุนที่เก็บหน้าความอยากรู้ไม่อยู่ แถมยังมองออกอีกว่าพี่ทิศรักจิณจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 01-03-2019 00:09:35
มาเม้นตอนก่อนหน้าไม่ทัน อิอิ
ครอบครัวเป็นประเด็นที่อ่อนไหวสำหรับหลายๆ คน ครอบครัวเป็นที่หลายๆ คนหวังว่าจะเป็นเซฟโซนของตัวเอง
การมีปัญหาเข้าหน้ากันไม่ติดกับคนในครอบครัวมันเลยเป็นประเด็นที่บั่นทอนและหนักหนากว่าคนภายนอก
เพราะเราต้องเจอกันแทบทุกวัน หลีกเลี่ยงกันได้ยาก โดยเฉพาะกับญาติผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ
ความรู้สึกบางครั้งมันเสียแล้ว มันเสียไปเลย ถึงจะคืนดีกันได้แต่มุมมองมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

น้องจิณ 180/65 แฮะ นึกว่าจะซัก 180/72-74 นิสัยใจคอ บุคลิกทำให้นึกถึง peter parker
อิมเมจในหัวเลยเป็น spider-man ps4 มาตลอดเลย เป็นนายเอกเท่ๆ ตัวแน่นๆ น่ากอด กากๆ กวนๆ
ปล. ขอยาดแปะภาพปลากรอบ
(http://l4dclub.ru/wp-content/uploads/2018/09/1536436994_marvels-spider-man_20180903013944.jpg)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-03-2019 00:12:01
ติดหล่มจริงๆค่ะเรื่องนี้ ต้องค่อยๆอ่านไปทีละ​น้อย​
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 01-03-2019 00:14:42
อยากขุดอีตาทองสุกขึ้นมาด่าเหลือเกิน
โยนเผือกร้อนให้จิณแท้ๆ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเล้ย
แต่ก็ ถ้าไม่มีอีตานี่ พี่ทิศกับจิณก็ไม่ได้กันอีกสินะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 01-03-2019 00:19:38

ฝากบอกคุณหญิงย่า  "ก็ความรักไม่ใช่ความลับ ถ้าอยากจะรักทำไมต้องปิด" ด้วยฟิลลิ่งญาญ่า


รู้สึกว่าพี่ชุนน่ารัก น่าจะเหมาะกับวรชิต อยู่ด้วยกันคงแย่งกันคุยทั้งวัน

เป็นห่วงปลัดดดดด ต้องจัดการไพศาลล
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-03-2019 00:43:58
อยากรู้ว่าทองสุกบอกใครไว้
กรือเรื่องกำลังเดินทางรอคนรู้อยู่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-03-2019 00:48:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-03-2019 00:55:07
 เขาไม่ได้ยืนเพียงลำพัง ไม่ได้รับรู้เหตุการณ์ต่างๆเพียงผู้เดียว มี ‘ใคร’ อีกคนอยู่เป็นเพื่อน


...ไม่สิ...ไม่ใช่เพื่อน...กึ่งๆเพื่อน...กึ่งๆ...แบบ...คบกันแล้ว…

เขิลอ่าาาาาา เราเขิลมาก อ่านไปยิ้มไป 5555
พี่ทิศโคตรอบอุ่นเลย อิจฉาจิณ !!!
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=&gt; หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 01-03-2019 01:03:38
น่าเป็นห่วงนักกว่าเดิมอีก พี่ทิศดูแลน้องดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-03-2019 01:54:06
พี่ทิศของน้องงงงง
พี่ชุนอัธยาศัยดีเกิ๊นนน มองย้อนไปที่โจ๊ก เจ๋งแล้วได้แต่มองบน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 01-03-2019 04:56:52
เป็นห่วงจิณ ฝากพี่ทิศดูแลด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-03-2019 06:20:57
รักระหว่างรบ งุ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-03-2019 07:17:05
อยากบอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง พี่ทิศกล่าว เพื่อปลัด มีฟามสุข น้ำตาซึม กับความรักของคุณย่า ปกป้องดูแลจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 01-03-2019 07:34:04
เรื่องอื่นห้ามรู้ รู้ได้เรื่องเดียวคืิอเค้ารักกันนนนน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 01-03-2019 07:38:58
อยากตะโกนบอกพี่ชุนว่าไม่ต้องกลัวมีคนเจ็บบบบบบ พวกเขารักกันค่ะ!! FCคุณพิทักษ์มากตอนนี้ องครักษ์พิทักษ์จิณณะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-03-2019 07:56:44
พี่ทิศๆอิจฉาปลัด  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-03-2019 08:06:59
รักกันจริงๆ แต่ จินน่ะชอบทำซึนใส่พี่ทิศ ปากไม่ตรงกับใจ ไม่รู้กลัวอะไร
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 01-03-2019 09:21:57
 :pig4: :กอด1: รักกัน เป็นห่วงกัน ดูแลกัน เข้าใจไหม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nemonoy ที่ 01-03-2019 09:28:08
>< มีตระกูลตั้งอีกคนแล้ว คราวนี้จะมีพี่โจ๊ก พี่เจ๋ง มาแจมไหม 3เรื่องมีความเกี่ยวโยงตรงนี้เอง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 01-03-2019 09:32:07
ครอบครัวจิณเริ่มรู้ถึงปัญหาของจิณแล้ว แต่จะช่วยอะไรได้มากแค่ไหนเนี่ย

การตามล่าเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว พี่ทิศดูแลจิณดีๆน้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 01-03-2019 10:47:06
 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 01-03-2019 10:50:46
ไม่ใช่แค่พี่ทิศหรอกค่ะพี่ชุน ที่รักน้องจิณจริงๆน่ะ :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 01-03-2019 11:35:35
ไอ้เสี่ยไพศาลนี่มันเป็นตัวแทนของพวกสารเลวในชีวิตจริงมากๆ

ไอ้พวกสารเลวที่ทำเลวจนเข้ากระดูก

พอมีคนรู้ความเลวของมันแทนที่มันจะกลับตัว

เสือกไปอาฆาตรมาตรร้าย

ตามฆ่าตามราวีเขาอีก ด่าฝากไปถึงไอ้พวกรกชาติทั้งหลายคำนึ่ง

"ไอ้เหี้ย"

อยากเอาปากไปกระซิบด่าข้างๆหูเวลาแม่งมันนอน

แล้วบอก"ไอ้สัสขอให้มึงตาย"
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-03-2019 11:45:32
เรื่องนี้ไม่มีใครเจ็บแน่นอน เพราะต่างคนต่างก็รักกันนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 01-03-2019 11:48:25
เป็นห่วงปลัด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-03-2019 13:27:17
หูยยยยย ความคูลของพี่ทิศพุ่งมากกกก เป็นแผ่นอกที่พักพิงให้กับน้องจิณ(ตัวน้อยๆ) เสมอเลยยย กลัวคุณย่ากอบกุลจะโดนลูกหลงด้วยจัง จิณณะหัวร้อนหนักกว่าเดิมแน่ๆ

หลงเรื่องนี้มาก นานแค่ไหนก็รอนะคะคุณบัว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-03-2019 17:05:00
ขำพี่ชุน 5555555555555
จะพูดกับคุณกอบกุลยังไงก็อยากจะเห็น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 01-03-2019 18:17:19
โอ้ยยย เพิ่งได้อ่านสนุกมากกกก นิยายของคุณบัวสนุกอ่านแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ ปลัดจิณตัวดีตัวก่อเรื่อง มันน่าตีน่าหยิก แต่พอจ๋อยหงอย ก็อดโอ๋ปลอบไม่ได้จริงๆ พี่ทิศ ใจดี เป็นกำแพงน้ำเเข็งที่อบอุ่นที่สุดในโลก แค่พี่ทิศก็ชนะไปกว่าครึ่งแล้ว ฮือออ ผู้ชายดีๆที่ปลัดจิณได้หัวใจไปครอง ชอบความฉลาดของคู่ ตรงใจกันแมนๆ รู้ใจกันปุ๊บจูบกันซ้ำๆปั๊บ  :m25:
ตอนปะทะคารมกับคุณย่าก็แซ่บ! เหมือนดูละครหลังข่าว 55555
โอ้ยย มันถูกจริตช้านไปหมดเลยค่าาา


หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=&gt; หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-03-2019 18:50:05
หว่าาา รอบต่อไปอีกนานเลย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-03-2019 19:14:28
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 01-03-2019 20:21:46
อือหือ พี่ชุนนีญาติของเจ๋งกับโจ๊กหรอ 555 อยากรอวันรวมญาติเลยจะวุ่นขนาดไหน 5555555

หวังว่าพี่ทิศจะไปทันน้า อย่าเพิ่งมีเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-03-2019 22:29:07
55555 สงสารชุน หลงทางไปแล้วกลับไม่ถูก
ตั้งตัวไม่ทันเลย เจอพี่ทิศไป มีความสยบ
ชุนดีนะ ขนาดพึ่งเจอ ยังมองออกเลย
รีบบอกคุณยายนะ เผื่อจะเห็นใจหลานบ้าง

สงสารจิณ คิดมาก ค้างคา ไม่จบไม่สิ้นเนาะ
พี่ทิศเป็นแรงใจ เป็นขุมพลัง และความอบอุ่นของน้องจิณ

ทำไมพี่ทิศร้าย พาชุนออกอ่าวไปไกลเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 01-03-2019 23:19:43
ทำไมทองสุกต้องบอกไปแบบนั้น ทำให้คนอื่นโดนหมายหัว
แล้วเหมือนจงใจเรียกปลัดดัง ๆ เพื่อให้ฝั่งตรงข้ามรู้
และในวันที่เกิดเรื่องเหมือนจะรู้ว่าจะโดนเก็บถึงให้คนอื่นออกจากบ้านไปหมด เหลือแค่ตนเองกับจิณ
แล้วจิณจะโดนเก็บเลยไหมเนี้ยะ 2 คนที่มาดูจิณ คือมือปืนหรือนักสืบของคุณย่ากันแน่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 02-03-2019 03:47:48
ต้องซื้อเล่มเก็บอีกแล้วสินะ ติดมาก  :impress2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 02-03-2019 21:53:39
รอมาต่อนะครับ  สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 02-03-2019 22:31:29
คุณกอบกุลดูฉลาดและทันคนแทบจะทุกเรื่อง
ยกเว้นอยู่เรื่องนึง...เรื่องที่ว่าหลานชายกับพี่ทิศที่มันไม่ใช่แค่เรื่องตบตาอีกต่อปายยยย
เค้ารักกันแล้วค่ะคุณย่า รักกันแบบยิ่งนับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
รักกันชนิดที่ว่าพอสารภาพความในใจที่มีต่อกันปุ๊บพี่ทิศก็ขโมยจูบน้องจินปั๊บเลยยยยย
เหนือสิ่งอื่นใด พี่ชุนน่าจะเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ให้สองย่าหลานได้ดี(ในอนาคต)
แต่จะดีกว่านี้ถ้าพี่ชุนรู้ว่าน้องจินเองก็รักพี่ทิศเช่นกัน เวลาออกไปกระจายข่าวจะได้แจ้งสารอย่างครบถ้วนและชัดเจนเด้อ

ประเด็นคือ..ตอนนี้สิ่งที่น่าห่วงกว่าอะไรทั้งหมดก็คือความปลอดภัยของน้องจิน
ตัวร้ายนางก็ข่าวไวนะจ๊ะ ล่วงรู้ทุกสถานการณ์ ละเจตนาก็ยิ่งชั่วช้าขึ้นทุกวัน
ตอนนี้ต้องกำชับให้พี่ทิศคอยดูแลน้องจินอย่าให้ห่าง กลัวก็แต่ว่าน้องจินจะเป็นอะไรไป
นี่ก็หวังว่าพี่ทิศจะไปหาน้องจินทันก่อนจะโดนพวกมันทำร้ายก่อนเด้ออออ
คือกะมารอซุ่มหน้าอำเภอขนาดนั้น มั่นใจว่าต้องลงมือวันนั้นแน่นอน
*สวดมนต์* น้องจินจงปลอดภัยนะลูกกกกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty2554 ที่ 03-03-2019 13:07:55
อ่านรวดเดียว ติดงอมแงมค่ะ
คุณทิศ มีความคล้ายพี่โต จิณมีความคล้ายของขวัญ
คล้าย แต่ไม่คล้าย คือไม่ได้ทำให้คิดว่าเหมือนกัน
แต่อ่านแล้ว คิดถึงพี่โตขึ้นมาค่ะ

เราชอบตัวละครของคุณบัว
โดยเฉพาะคาแรกเตอร์พระเอก
มีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุม ละมุน แต่ไม่ยืดยาด
คือบทจะจริง ก็เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว

อีกหลายวันจังค่ะ กว่าจะถึงวันที่ 14
ไปหาเรื่องเดิมอ่านรอนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 03-03-2019 15:31:08
สนุกมากกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-03-2019 20:45:05
มากาปฎิทินรอน้าา :impress2: :L2:
ขอให้การสอบผ่านพ้นไปด้วยดี  :call:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 10-03-2019 16:50:49
จริงๆ ไม่อยากอ่านเรื่องที่ยังไม่จบเล้ย แต่เห็นชื่อคนแต่งแล้วอดไม่ได้ แล้วก็สนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 10-03-2019 23:30:22
นิยายของคุณบัวก็ยังคงภาษาดีและสนุกเหมือนเดิม เราแอบมองเห็นความแซ่บในตัวพี่ทิศ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-03-2019 08:48:38
รอ น้องจิณน์กับพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 16 (28/02/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 14-03-2019 20:23:30
วันนี้วันพฤหัสฯที่ 14 นะจ๊ะคุณบัว เราตั้งหน้าตั้งตารอน้าาาาา คิดถึงพี่ทิศกับปลัดมากเลยยย วันนี้มาเถอะนะ พลีสสสสส :call:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 14-03-2019 22:40:39
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 11


ผลของการระแคะระคายของคุณกอบกุล สร้างแรงกระเพื่อมไปทุกหย่อมหญ้า อย่างแรกคือการส่งนักสืบลงมาที่อำเภอ อย่างที่สองคือแม้ไม่เคยติดต่อกันมาก่อน แต่หล่อนก็หาทางเข้าพบคุณเทียมจนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน และอย่างที่สาม...เป็นผลพวงมาจากสองอย่างแรก...


เริ่มมีคนสะกดรอยตามจิณณะ


“แน่ใจว่าตามปลัดจิณณะ ไม่ได้ตามทิศ?”


เรื่องที่จิณณะย้ายไปอยู่กับพิทักษ์ก็ถึงหูคุณเทียมจากการส่งคนคอยตามดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และเพราะคนของเขาจับสังเกตได้ ถึงได้รู้เห็นการเคลื่อนไหวของคนอีกกลุ่มที่แทรกซึมเข้ามาวนเวียนอยู่รอบตัวจิณณะและพิทักษ์


“แน่ใจครับท่าน พวกมันจ้องปลัด” คุณเทียมเอนหลังพิงพนัก หากเกิดกับพิทักษ์โดยตรง เขาคงไม่ต้องไตร่ตรองมากขนาดนี้ แต่เพราะพวกนั้นเล็งไปที่ปลัดจิณณะ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวดองอะไรกับเขา การจะลงมือทำเพื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกหลาน ก็ย่อมต้องชั่งตวงกับผลได้เสียที่จะเกิดกับตน


“ดูห่างๆแล้วกัน” คำสั่งนี้ย่อมหมายถึงให้อยู่เฉยแต่ไม่ละสายตา ก่อนที่ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านจะโบกมือไล่ เมื่อเหลือเพียงคุณเทียมและมิตรซึ่งเป็นลูกน้องคู่ใจที่รู้จักคุ้นเคยกับพิทักษ์ดี คำเตือนของลูกน้องก็ดังขึ้นเบาๆ


 “ผมเกรงว่า...เรื่องคราวนี้ จะลามมาถึงคุณทิศด้วย” มิตรซึ่งติดตามเขามานับสิบปี เห็นพิทักษ์มาตั้งแต่เด็ก มาวันนี้ความห่วงใยจึงเผื่อแผ่ไม่ต่างจากเห็นลูกหลานของตนเอง


“ฉันจะหาทางส่งทิศไปต่างประเทศ ดึงเขาออกจากปลัด...”


ทว่าสิ้นคำพูดประโยคนั้น เสียงโทรศัพท์ของคุณเทียมก็ดังขึ้น


ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือ ‘ผู้หลักผู้ใหญ่’ ที่เขาเคยเข้าพบเพื่อให้ช่วยปรามการกระทำอุกอาจของไพศาล ผู้ใหญ่ท่านนี้แม้ไม่ได้สนิทสนมกับไพศาลโดยตรง แต่เป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ลงขันและแบ่งสันปันส่วนกำไรจาก ‘ธุรกิจ’ ที่ไพศาลเป็นคนบริหารจัดการ หากจะเรียกว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มแบ็กอัพที่ไพศาลต้องเกรงใจก็ว่าได้


ยามนั้น ‘ท่านนคร’ ออกปากอย่างไว้เชิง คงเพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย


‘คุณเทียมก็รู้ ฉันลงเงิน พรรคพวกของฉันก็ลงเงิน เราลงเงินไปแล้วก็ต้องการแค่กำไรกลับมา แต่เราไม่รู้หรอกว่าใครเอาเงินเราไปทำอะไรบ้าง เขาบอกว่าจะเอาไปลงทุนทำธุรกิจ ทำปั๊มน้ำมัน เราก็แค่เชื่อแล้วรอรับกำไรก็เท่านั้น’


ราวกับบอกว่า หากได้ประโยชน์ก็พร้อมปิดปาก ไม่สนว่าบ่อเกิดแห่งผลประโยชน์นั้นจะเน่าเฟะโสมมแค่ไหน


‘ฉันยกอำนาจการบริหารเงินให้เขาไปแล้ว ถ้ายังได้กำไร ฉันก็ไม่รู้จะไปกวนน้ำให้ขุ่นเพราะเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ทำไม แต่เอาเถอะ เห็นแก่ว่าเป็นคุณเทียมมาพบด้วยตัวเอง ถ้าเรื่องนี้สร้างความเดือดร้อนให้ ฉันจะลองดูแล้วกัน’


คนตายหนึ่งคนเป็นเรื่องเล็ก ใครจะตายอีกกี่คนก็เป็นเรื่องเล็ก หากว่าการตายนั้นไม่ได้มาถึงตัวหรือคนของตัว


พอคิดถึงตรงนี้ คุณเทียมก็ได้แต่พ่นลมหายใจเบา อย่าว่าแต่ใครเลย แม้กระทั่งตัวเขาก็ไม่อยากให้พิทักษ์ซึ่งเป็นหลานแท้ๆต้องเข้าไปเอี่ยวด้วยเช่นกัน ในขณะที่ปลัดจิณณะ...


หากต้องเลือกใครสักคนให้รอด ก็ควรเป็นคนของตนเองมากกว่าลูกหลานคนอื่นไม่ใช่หรือ


เสียงเรียกเข้าตัดไปแล้ว เมื่อคุณเทียมไม่รับสาย แต่แล้วก็ดังขึ้นมาใหม่ คนโทร.เข้ามายังคงเป็นคนเดิม ทำเอาต้องถอนหายใจก่อนจะยอมกดรับสาย


“สวัสดีครับ ท่านนคร”


‘พรุ่งนี้ว่างไหม อยากจะชวนมาหารือกับท่านเสรีหน่อย’ ปลายสายใช้น้ำเสียงราบเรียบราวน้ำเย็น ทว่าเนื้อความนั้นกลับทำให้คนฟังนิ่งชะงัก


“หารือกับท่านเสรี? ท่านน่าจะทราบดีว่าผมคนละขั้วกับเขามาตั้งแต่สมัยเล่นการเมืองแล้ว...”


‘เราต้องการเปลี่ยนมือ เลยอยากคุยกับคุณเทียม งานนี้ฉันจะไปด้วย’


คำว่า ‘เปลี่ยนมือ’ ย่อมหมายถึงกลุ่มทุนของท่านนครคิดจะตัดไพศาลทิ้ง แล้วหันมาทางเขา


“ผมไม่สนใจผลประโยชน์พรรค์นั้น”


ไม่ใช่ว่าคุณเทียมเป็นคนดี ผลประโยชน์พรรค์นี้ เขาล้วนผ่านมาหมดแล้ว แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งของชีวิต สิ่งที่ตักตวงได้มามากเพียงพอที่จะทำให้ชีวิตมีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือหยุด กับสองคือตักตวงต่อเพื่อผลประโยชน์ที่มากกว่า ทางเลือกนี้เมื่อเข้ามาแล้วครั้งหนึ่งอาจจะไม่เข้ามาอีกเลย คุณเทียมจึงคว้ามันเอาไว้โดยเลือกที่จะหยุดเพราะอยากให้ชีวิตบั้นปลายสงบสุข


ปลายสายหัวเราะ ราวกับจะเหยาะเย้ยอดีตซึ่งเป็นที่รู้กันดี คุณเทียมจัดว่าเป็นมือดีของการจัดสรรทรัพยากรในวงการการเมืองและธุรกิจคนหนึ่ง สิ่งที่ยังหลงเหลือในวันนี้แม้จะถอยฉากออกมาแล้ว คือเส้นสายของเขายังแทรกซึมอยู่ทุกอณู


‘ระบบอุปถัมภ์’ อย่างไรก็ฆ่าไม่ตาย ในเมื่อบุญคุณยังต้องทดแทนกันอยู่ คุณเทียมเข้าพบท่านนครคราวก่อนได้ก็เพราะเส้นสาย ท่านนครยอมนำความไปบอกต่อเพื่อให้ไพศาลหยุดมือก็เพราะหวังว่าวันหนึ่งจะได้ผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากคุณเทียมเช่นกัน วันข้างหน้าไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สร้างบุญคุณกันไว้ ถือเป็นหลักประกันได้ในทางหนึ่ง


‘ฉันรู้ ไม่ได้คิดจะให้เป็นตัวตั้งตัวตีหรอก ทีมจัดการน่ะมีอยู่แล้ว ขอแค่...บารมี…’


‘เราต่างคนต่างก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้ทำแค่เรื่องที่ตกลงกับกลุ่มของฉัน กิจการอื่นถูกซุกอยู่ข้างล่าง ทั้งบ่อนการพนัน ทั้งปั๊มน้ำมันเป็นแหล่งกระจาย ‘ของ’ คุณเทียมอยากให้พื้นที่บ้านเกิดเป็นอย่างนั้นหรือ แหล่งซ่องสุม ค้ามนุษย์ อำนาจรัฐจัดการไม่ถึง’


คุณเทียมเงียบราวกับกำลังตัดสินใจ


‘ฉันพอรู้มาว่าที่นั่นสำคัญสำหรับคุณเทียม อาจจะทำให้ขาวสะอาดไม่ได้ในชีวิตนี้ แต่ก็ดีกว่าไปดำในมือคนอื่น คนเราทำเรื่องสีเทาด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นเทาเข้มหรือเทาอ่อน คุณเทียมอยากให้บ้านเกิดตัวเองเป็นสีอะไร’


“ท่านต้องการให้ผมเข้าไปพบที่ไหน”


‘บ้านท่านเสรีแล้วกัน มาแต่เช้าเราจะได้ร่วมมื้อเช้ากันเลย ฉันจะนัดท่านเสรีให้เอง’


แล้วอีกฝ่ายก็ตัดสายไป คุณเทียมต้องปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง อายุมากดูจะมีข้อดีตรงที่ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนสมัยหนุ่มๆ หากเป็นเมื่อสักยี่สิบก่อน อีกฝ่ายจะไม่มีทางได้ยกเรื่องพื้นที่บ้านเกิดมา ‘จูงใจ’ เขาด้วยซ้ำ


ชายวัยหกสิบพ่นลมหายใจเมื่อตัดสินใจเด็ดขาด ก่อนจะหันมองลูกน้องแล้วสั่ง


“พรุ่งนี้เตรียมรถ ฉันต้องเข้ากรุงเทพฯ”


“จะให้เตรียมคนไปด้วยไหมครับ” คำว่าเตรียมคนย่อมหมายถึงการอารักขา เดิมทีคุณเทียมอยู่คนละฝักฝ่ายกับท่านเสรี เรื่องนี้มิตรที่ติดตามเขามายาวนานย่อมรู้ดี การต้องไปพบถึงในบ้านพักส่วนตัว ดูแล้วไม่น่าปลอดภัย ทว่าคุณเทียมกลับส่ายหน้า


“ไม่ต้อง เรื่องคราวนี้มีคนนำทางไว้ให้แล้ว ไม่มีใครทำอะไรหรอก”


“คนนำทาง?”


แม้ท่านนครจะมีอำนาจบารมีพอตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีสิทธิ์เด็ดขาดในการชี้ซ้ายหรือขวา ภายในกลุ่มเองมีทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง ข้าราชการพลเรือนและทหารตำรวจ มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบคุณเทียม เมื่อครั้งจะเลือกเฟ้นหาคนมาบริหารจัดการเงินทุน ผู้มีอิทธิพลหน้าใหม่อย่างไพศาลจึงเป็นตัวเลือกที่ดีไปในที่สุด


แต่เวลานี้...ท่านนครกลับโทรศัพท์มาเจรจานัดแนะ ที่สำคัญคือนัดให้ไปพบท่านเสรีซึ่งเป็นตัวแทนออกหน้าในการนำเงินไปลงทุน และเป็นหนึ่งในเสียงที่เคยต้องการให้ไพศาลเป็นคนนำเงินไปบริหารจัดการต่อ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น...ท่านเสรีเคยอยู่คนละฝ่ายกับคุณเทียม


เรื่องนี้ต้องมีคนชี้นิ้ว แนะนำและวิ่งรอก ถึงทำให้กลุ่มทุนใหญ่กลุ่มนี้เบี่ยงความสนใจมายังคุณเทียม


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้คนที่โทรเข้ามาคือ ‘กอบกุล  วงศ์กีรติ’ สตรีสูงวัยที่ค่อนชีวิตแทบไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรต่อกันเลย แต่บัดนี้…หล่อนกลับติดต่อหาเขาก่อนเป็นครั้งที่สองแล้ว


‘สวัสดี คุณเทียม คงได้รับโทรศัพท์แล้วใช่ไหม’ น้ำเสียงจากปลายสายนั้นแหบอย่างคนสูงอายุ แต่ทรงอำนาจชนิดนึกถึงสีหน้าท่าทางหยิ่งผยองของหล่อนได้


“คุณกอบเป็นคนจัดการ?”


‘ฉันแค่ชี้นำหนทางที่ดีให้ใครสักคนเท่านั้น’ หากจะพูดให้ถูก ก็ต้องเป็นใครสักหลายๆคน เพราะคุณเทียมไม่คิดว่าหญิงชราผู้นี้จะชี้นำใครแค่บางคนอย่างท่านนครหรือท่านเสรี บางที...หล่อนอาจจะวิ่งเต้นหาคนในกลุ่มทุนนั้นแทบทั้งกลุ่ม


“คุณกอบไม่ควรทำให้ผมลำบากใจ” คุณเทียมเอ่ยเสียงกระด้าง ทว่าคำขู่ของเขากลับทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเสียงเย็น


‘คุณทำให้ฉันไม่มีทางเลือก ฉันให้โอกาสคุณช่วยแนะนำวิธีแก้ปัญหาแล้ว แต่คุณไม่พูด ปล่อยให้ฉันต้องตามเรื่องด้วยตัวเอง ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าใครต้องการทำอะไร ใครก็ตามที่มันคิดร้ายกับคนของฉัน มันก็อยู่ดีมีสุขไม่ได้เหมือนกัน!’


ในวงการธุรกิจเมื่อหลายสิบปีก่อน คำสรรเสริญเบื้องหน้า ‘กอบกุล  วงศ์กีรติ’ คือ ‘ดอกไม้เหล็ก’ แต่ฉายาลับหลังของหล่อนกลับเป็นคำว่า ‘งูพิษ’ แม้คุณเทียมจะอยู่ในแวดวงการเมืองแต่ก็มีสายสัมพันธ์กับภาคธุรกิจแน่นแฟ้น ตอนนั้นเขาไม่ได้เป็นทั้งมิตรและศัตรูของคุณกอบกุล ไม่รู้ว่าสมัยหล่อนยังสาวจะร้ายกาจอย่างนี้หรือไม่ แต่เวลานี้ที่อายุล่วงเลย คำว่า ‘งูพิษ’ ก็ยังสมฉายาอยู่ดี


...ควานหาข้อมูลธุรกิจผิดกฎหมาย จากนั้นวิ่งเต้นเข้าหากลุ่มทุนใหญ่เบื้องหลังไพศาลแล้วตัดช่องทำมาหากิน...


“สิ่งที่คุณกอบทำ อาจทำให้ไพศาลยิ่งจนตรอก”


‘ดีสิ! มันจะได้ตายในตรอกนั่น!’ น้ำเสียงอาฆาตบอกให้รู้ว่าคนพูดทั้งเลือดเย็นและอำมหิต ชื่อเสียง ‘งูพิษ’ ที่สั่งสมมาหลายสิบปีคงได้แก่ตายและลงโลงไปพร้อมกับหล่อน


“เอาเป็นว่า ผมยังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะหารือเรียบร้อย”


‘คุณทำให้ฉันไม่มีทางเลือก คุณเองก็มีทางเลือกไม่มากหรอก เลือกให้ดี เพราะผลลัพธ์มันจะเกิดขึ้นบนพื้นที่ของคุณและหลานชายของคุณ’ คุณกอบกุลตัดสายไปแล้วหลังจากทิ้งประโยคเด็ดเอาไว้ให้คุณเทียมต้องสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับความหงุดหงิด เขามองโทรศัพท์ในมือราวกับอยากจะจัดการคนที่เพิ่งวางสายให้ได้รับรู้การถูกบีบต้อนบ้าง


แต่...คนอย่างกอบกุล  วงศ์กีรติยิ่งถูกต้อน ก็ยิ่งกล้า


ไม่ผิดจากหลานชายอย่างปลัดจิณณะเลยสักนิด


“บอกลูกหลานนะมิตร ถ้าเจอใครนามสกุลวงศ์กีรติล่ะก็ หนีให้ไกล”


เพราะสองรุ่นจากตระกูลนี้ สร้างความวุ่นวายให้คุณเทียมเหลือเกิน!


………………..


“ไอ้ปลัดย้ายไปอยู่กับหลานไอ้เทียม?! แล้วยังไง! มันไม่มีเวลาขี้เยี่ยวคนเดียวรึไง?! หาเวลาจัดการมันซะ!!” ไพศาลตะโกนก้องลงไปในโทรศัพท์ด้วยความอัดอั้น รู้สึกถึงภัยร้ายที่ขยับเข้าใกล้มากขึ้นทุกที ตอนนี้มีนักสืบเข้ามาอยู่ในพื้นที่หลายคน ทั้งหมดล้วนเป็นคนของกอบกุล  วงศ์กีรติ แค่นามสกุลก็รู้แล้วว่าเกี่ยวดองกับปลัดผู้ซึ่งถูกเขาหมายหัว


ไม่สิ...เขาหมายหัวมันมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้คนในตระกูลของมันเริ่มขยับตัว!


ขยับตัวไม่พอ ยังส่งคนเข้ามาวุ่นวาย จากพื้นที่เงียบสงบซึ่งเป็นบ่อเงินบ่อทองของเขา กลายเป็นพื้นที่ที่พลุ่กพล่านและต้องจับตาดูเป็นรายนาที!


เพราะไอ้ปลัดนั่นคนเดียว!!


รถตู้ของไพศาลจอดสนิทที่หน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ เขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อปรับอารมณ์ แต่พอเปิดประตูรถลงไปยืนสูดอากาศได้ไม่กี่เฮือก ชายผู้มีผมสีดำแซมขาวที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีก็เดินออกมาจากคฤหาสน์


ไพศาลกะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึงที่พบคุณเทียมที่บ้านของ ‘ท่าน’


“สวัสดี คุณไพศาล” คุณเทียมเป็นฝ่ายทักพร้อมด้วยรอยยิ้มจาง ท่าทางองอาจมากบารมีแผ่กระจายแม้จะอยู่ในบ้านของผู้อื่นก็ตามที


แม้จะไม่ขึ้นตรงต่อกัน หนำซ้ำยังตะลึงตะลาน แต่ไพศาลก็ยังมีสติยกมือไหว้อย่างรู้งาน


“ส...สวัสดีครับ คุณเทียม เอ่อ...นี่ผมนึกว่าตาฝาดที่เห็นคุณเทียมในกรุงเทพฯ”


ไม่ใช่แค่ว่าในกรุงเทพฯ แต่เพราะที่นี่คือบ้านของ ‘ท่าน’ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของไพศาลในการประกอบกิจการสีเทา แม้เขาจะไม่ได้ชิงดีชิงเด่นกับคุณเทียมอย่างชัดเจน แต่ใครๆก็รู้กันดีว่าหากต้องการเข้าไปทำอะไรสักอย่างในจังหวัดนั้น ถ้าไม่เข้าหาคุณเทียมก็ต้องเข้าหาไพศาล แต่จะเข้าหาทั้งสองคนพร้อมกันเช่นนี้ไม่ได้


“ไม่ตาฝาดหรอก พอดีมาทำธุระ” คุณเทียมเอ่ย แต่ไม่ขยายความเพิ่มเติมว่าธุระที่ว่าหมายถึงเรื่องอะไรและที่ไหน อาจจะเป็นธุระที่อื่นแต่บังเอิญแวะมาที่นี่ หรืออาจหมายถึงธุระที่นี่...


แค่คิด...ไพศาลก็กลืนน้ำลายยากเย็นขึ้นมาทันที


“ต้องขอตัวก่อน มีธุระอีกหลายที่”


“ค...ครับ สวัสดี” ไพศาลยกมือไหว้อีกหน คุณเทียมเพียงพยักหน้ารับ แล้วหันไปทางคนของคฤหาสน์ที่เดินออกมาส่ง


“แล้วไว้ผมจะตัดสินใจอีกที” จากนั้นจึงหันไปพูดกับคนติดตามของตนเองด้วยน้ำเสียงปกติ


“ไปบ้านคุณกอบกุล”


ไพศาลแทบลืมหายใจไปแล้ว ชื่อกอบกุลนั้นมีคนใช้เป็นหมื่นเป็นแสน แต่เวลานี้ในสมองของเขาย่อมมีเพียงคนเดียวที่ปรากฏ


ดูจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าคุณเทียมและตระกูลวงศ์กีรติมีเรื่องต้องร่วมมือกัน แต่...อีกเรื่องที่ไม่แน่ใจคือ เรื่องอะไรที่คุณเทียมออกปากกับคนของที่นี่ว่า ‘จะตัดสินใจอีกที’


เรื่องอะไร ...ใช่ที่เกี่ยวกับธุรกิจของไพศาลหรือไม่


ไม่ต้องรอให้รถของคุณเทียมพ้นประตูรั้ว ชายร่างท้วมก็พรวดพราดเข้าไปในคฤหาสน์ของ ‘ท่าน’ ทันที!

………………..



‘ท่าน’ ของนายไพศาล เป็นอดีตข้าราชการเก่า ต่อมาลงเล่นการเมือง เคยพบปะกับคุณเทียมอยู่พักหนึ่ง แต่ได้ข่าวว่าอยู่คนละขั้ว จึงขัดแย้งกันเรื่องอุดมการณ์และผลประโยชน์ บัดนี้แม้ไม่ได้ประกาศถอนตัวจากการเมือง แต่ก็ไม่ได้มีชื่ออยู่บนพื้นที่สื่อแต่อย่างใด เหลือเพียงฐานะที่ปรึกษาติดตัว


แต่...ใครจะรู้ว่าเบื้องหน้าที่แสนราบเรียบและสงบเงียบราวกับคนปลดเกษียณ เบื้องหลังคือกลุ่มทุนใหญ่ที่บริหารจัดการโดยใช้ ‘ท่าน’ ออกหน้า


“รู้ไหมว่าฉันเรียกเข้ามาพบทำไม”


‘ท่าน’ คือชายชราผู้นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่ สองข้างขนาบด้วยบอดี้การ์ดหน้าตานิ่งเฉย เดิมทีไพศาลไม่กล้าหืออือกับท่านมากนัก หนึ่งคือเพราะเอื้อประโยชน์กันอยู่ สองคือต่อให้ไพศาลจะมีบารมีอยู่ในท้องที่ของตน แต่ไม่ได้หมายความว่าบารมีของเขาจะแผ่ขยายมาถึงกรุงเทพฯ ทว่า...เวลานี้ไฟในใจทำให้ทั้งร่างเดือดพล่านจนอยู่สุขไม่ได้


“ท่านจะร่วมมือกับไอ้เทียมหรือ?!”


“ตอบคำถามของฉัน รู้ตัวไหมว่าถูกเรียกมาทำไม”


ไพศาลพ่นลมหายใจแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหายใจฟืดฟาด


“เรื่องมันไปกันใหญ่แล้ว ฉันได้ข่าวว่าพวกวงศ์กีรติก็เกี่ยวข้องด้วย”


“ก็ไอ้ปลัดนั่น!”


“ตอนแรก ฉันบอกให้อยู่เฉยๆ ทำไมไม่ทำ”


“อยู่เฉย?! อยู่เฉยแต่ถูกลากเข้าซังเตใครจะไปยอม!”


“แล้วตอนนี้คิดว่าจะรอดหรือ” ไพศาลเงียบกริบ พูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ


“เจอคุณเทียมแล้วใช่ไหม” พอพูดถึงชื่อคนที่แบ่งสันปันส่วนอิทธิพลในท้องที่ไป ดวงตาของนายไพศาลก็วาวโรจน์ขึ้นมาอีก


“ขอพูดตรงๆว่าทางกลุ่มของฉันไม่สบายใจที่จะลงทุนกับคนใจร้อน ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง” คนมุทะลุนั้นน่าทำงานด้วยในแง่หนึ่งคือเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน แต่พวกนี้ตายง่ายและมักตายด้วยความประมาทของตนเอง เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็จำต้องเปลี่ยนมือไปใช้กลยุทธ์อื่น ส่วนหัวหมู่ทะลวงฟันที่ว่า...หากไม่ตายในสนามรบ ก็จะถูกตัดหางปล่อยวัดในเวลาต่อมา


“หมายความว่าจะร่วมมือกับไอ้เทียม?!”


“คุณเทียมมีข้อเสนอที่ดี ที่สำคัญคือไม่มีปัญหาคาราคาซัง กิจการปิดเงียบมาพักใหญ่แล้ว กำไรไม่มี ทุนก็จะหดไปด้วย คุณไพศาลต้องเข้าใจ ลงทุนไปแต่เงินจม ใครที่ไหนจะอยากทำต่อ จริงไหม”


ไพศาลได้แต่กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกวิ่งขึ้นลง รู้สึกเหมือนถูกทุบเครื่องมือทำมาหากินต่อหน้าต่อตา หากกลุ่มทุนของท่านย้ายไปร่วมมือกับคุณเทียม กิจการสีเทาที่เขาร่วมลงทุนครึ่งหนึ่งก็ต้องปิดกิจการ ครั้นจะเปิดต่อก็ต้องแย่งตลาดกับกิจการใหม่ที่จะเปิดโดยใช้เส้นสายของคุณเทียม ดีไม่ดี...สุดท้ายเป็นเขาที่ต้องศิโรราบ ส่วนกิจการสีดำที่ซุกซ่อนอยู่ข้างล่าง ถ้าหากเขาต้องอยู่ใต้อาณัติคุณเทียม ก็เลิกพูดเรื่องธุรกิจเหล่านั้นได้เลย!


นี่มันอะไรกันวะ?!


เพราะไอ้ปลัดนั่นคนเดียว!


“ถ้าผมจัดการปัญหาได้ ท่านจะยังอยู่กับผมใช่ไหม?!” ดวงตาเหี่ยวย่นของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่หรี่ลงจับจ้องคนพูดที่ดูจะไร้สติเหลือแต่ความโมโห


“อย่าสร้างปัญหา คุณไพศาล”


“ผมจัดการปัญหาได้! ท่านรอผมแล้วกัน!” แล้วไพศาลก็หุนหันออกจากห้องไป


เจ้าของบ้านมองตามพลางส่ายศีรษะก่อนจะกดโทรศัพท์ เขารออยู่อึดใจหนึ่งจนปลายสายรับ จึงเอ่ยปาก


“ทุกอย่างเรียบร้อย ทางคุณเทียมยังมีลูกเล่น แต่ยังไงเขาก็ต้องรับข้อเสนอของเรา”


“แน่สิ...ก็เล่นให้มาเจอไพศาลที่บ้านผม ต่อให้ไม่ยอม ก็ถูกหมายหัวไปแล้วว่าจะเป็นคนมารับช่วงต่อ” พูดแล้วก็หัวเราะ วิธีแบบนี้หากไม่ได้คนลอบจัดอย่างกอบกุล  วงศ์กีรติก็คงไม่มีใครใช้


“... อีกอย่างเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ คุณเทียมอยากล้มไพศาลใจจะขาด แต่ไม่อยากไปแตะคนของผู้ใหญ่ เลยปล่อยมันอยู่ในพื้นที่มาจนทุกวันนี้”


“...ไพศาลน่ะหรือ เขาสร้างแต่ปัญหา”


“...เรื่องนั้นผมเข้าใจ นายคนนี้สนิทกับท่านนพพร แต่ถ้าพวกเราเห็นตรงกัน แค่เสียงเดียวของเขาก็ขัดไม่ได้หรอก”    


“...เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วง อะไรที่เราเคยได้ เราจะได้เหมือนเดิม เปลี่ยนแค่เจ้าของพื้นที่ก็เท่านั้นเอง”


เสียดายที่ไพศาลไม่ได้ยิน เขาย่อมไม่รู้ว่าต่อให้จะจัดการปัญหาคาราคาซังของตนเองได้ ก็ไม่อาจเรียกความเชื่อใจจาก ‘ท่าน’ ของเขาได้อีก


หัวหมู่ทะลวงฟัน เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ต้องถูกปลดเกษียณ เพียงแต่ในโลกผลประโยชน์ของ ‘ท่านเสรี’ การปลดเกษียณย่อมไม่ต่างจากการตัดเศษเนื้อทิ้ง


หมดประโยชน์ก็คือไร้ค่า


ก่อปัญหา ก็ยิ่งไร้ค่า


เวลานี้นายไพศาลจึงเป็นสิ่งที่ไร้ค่าและไร้ค่าสำหรับ ‘ท่านเสรี’

………………….
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 14-03-2019 22:41:22


คุณเทียมไม่คิดว่าจะได้พบไพศาลที่บ้านพักของท่านเสรี แต่พอพบก็รู้เข้าแล้วว่าเขาตกหลุมพราง ‘งูพิษ’ สูงวัยที่ยังอำมหิตและเยียบเย็นไม่เสื่อมคลาย


หล่อนคงเป็นตัวตั้งตัวตีให้เรียกเขาไปพบที่บ้านพักส่วนตัวของท่านเสรี และที่น่าจะเป็นความคิดของหล่อนที่สุดก็คือให้นายไพศาลมาพบเขายามอยู่ที่บ้านหลังนี้ ต่อจากนี้ หากใครพูดจาทำนองว่าคุณเทียมไม่ได้ร่วมมือหรือเป็นหุ้นส่วนกับท่านเสรี ไพศาลคงค้านหัวชนฝาเป็นคนแรก เพราะเห็นตำตาว่าเขามาพบในช่วงเวลาที่อำนาจกำลังเปลี่ยนมือ


แต่ในเมื่อคุณกอบกุลใช้เขาเป็นเบี้ย เขาก็ใช้หล่อนเป็นโล่ได้เช่นกัน บัดนี้ ถ้าไพศาลเข้าใจว่าเขาจะเป็นหุ้นส่วนรายใหม่ของกลุ่มทุนกลุ่มนี้ ก็ต้องเข้าใจไปแล้วว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว แต่มีคุณกอบกุลร่วมเอี่ยวด้วย


คราวนี้ หากไพศาลจะทำอะไรสักอย่าง นั่นหมายความว่าต้องสู้กับคนถึงสองคน หนึ่งคือคุณเทียมผู้มีบารมีในท้องที่ สองคือคุณกอบกุลเศรษฐินีที่ใครก็รู้ว่าหล่อนร่ำรวยเพียงใด


หากไม่โง่และบ้าจนเกินไป ก็ควรจะรามือก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้


แต่...ไพศาลอาจจะทั้งโง่และบ้า หรือมิเช่นนั้นก็คงหน้ามืดตาบอดไปแล้ว เพราะคนของคุณเทียมยังคงรายงานว่ามีคนติดตามปลัดจิณณะไม่ปล่อย


“เอาอย่างไรดีครับ ผมว่ามันเอาจริง” มิตรเอ่ย สีหน้าเป็นกังวลยิ่งขึ้น เขาไม่ได้ห่วงใยคนที่ตกเป็นเป้าหมาย แต่ห่วงคนที่อยู่ใกล้ตัวเป้าหมายจะโดนลูกหลงต่างหาก


คุณเทียมขมวดคิ้ว เคร่งเครียดมากกว่าเดิม ไม่เข้าใจว่าไพศาลคิดอะไร ถึงยังไม่รามือเสียที


“คนของเรารู้จักคนที่นายไพศาลส่งมาไหม”


“ผมลองถามดูแล้ว แต่ไม่มีใครคุ้นหน้าเลย น่าจะเป็นคนจากที่อื่น”


“แปลก...มีลูกน้องตั้งมาก ทำไมต้องใช้คนจากที่อื่นมาทำเรื่องแบบนี้”


ยิ่งไม่เข้าใจสถานการณ์ ก็ยิ่งจัดการได้ยาก หากเป็นสมัยก่อนที่คุณเทียมยังอยู่ในแวดวงของผลประโยชน์เต็มตัว เขาคงสั่ง ‘เก็บ’ อย่างเงียบๆไปแล้ว แต่สถานะของตนเองในเวลานี้และบารมีที่มีตอนนี้ร่อยหรอลงเรื่อยๆเพราะถอยห่างจากวงการอำนาจและผลประโยชน์มาพอสมควร หากสั่ง ‘เก็บ’ เหมือนอย่างที่เคยทำ เกรงว่าเรื่องจะไม่เงียบ หนำซ้ำข่าวของทองสุกคราวก่อนทำให้เป็นที่สนอกสนใจของคนทั้งประเทศ หากมีคนตายเพราะถูก ‘เก็บ’ ในพื้นที่เดิมอีก เรื่องคงยิ่งบานปลาย


คุณเทียมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่แรกจะถูกดึงเข้ามาเกี่ยวด้วยก็ตอนนี้ อายุปูนนี้แล้ว อีกทั้งยังถอยออกมาจากวงการผลประโยชน์เหล่านี้แล้ว เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่กระดูกกลับลอยมาแขวนคอ หากต้องติดร่างแห ถูกขุดคุ้ยอดีตที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ ความเป็นความตาย และชีวิตของผู้คนขึ้นมาในเวลานี้ ก็ไม่ต่างจากตักดินขึ้นมารอกลบหน้าตอนตาย 


แต่...จะไม่ทำอะไรก็ไม่ได้ ในเมื่อเรื่องคราวนี้มีหลานชายอย่างพิทักษ์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย


“ถ้าจะส่งคุณทิศไปต่างประเทศ ผมว่าควรรีบทำ”


“ฉันต้องหาทางพูดกับเขาก่อน อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาสบายใจว่าเรื่องทุกอย่างเงียบไปแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยอมทิ้งปลัดจิณณะไว้ สั่งคนของเรา ดูแลทิศกับปลัดให้ดี แล้วหาทางเอาตัวคนของไพศาลมา ฉันจะจัดการพวกมันเอง”


พิทักษ์ห่วงใยจิณณะแค่ไหน คุณเทียมดูออก หลานชายที่เคยสุขุมกลายเป็นถูกความรู้สึกบางอย่างปลุกปั่นให้ไม่อาจสำรวมได้อย่างเคย


เมื่อมีคนสำคัญ จากสายตาที่เคยระแวดระวังและมองรอบตัวอย่างรอบคอบก็จำต้องแบ่งสันปันส่วนมามองคนข้างกาย น่าเป็นห่วง...คนที่ปล่อยให้ความรู้สึกเป็นใหญ่เหนือกว่าอะไรทั้งหมด อาจสละทิ้งได้แม้แต่ตนเอง...


……………………


นับตั้งแต่ชเยนตร์และจารีตบุกมาหาถึงที่ว่าการ จิณณะก็ยังคงไม่กลับไปกรุงเทพฯ เขาไม่ได้ติดต่อกลับไปหาใครในวงศ์กีรติอีก แต่กลายเป็นคนของวงศ์กีรติเองที่เพียรติดต่อมาหาเขา


ญาติผู้พี่ที่ต้องเดินทางกลับไปเรียนต่อ ก็ยังสู้อุตส่าห์โทรศัพท์มาลา ไปถึงแล้วก็ยังติดต่อส่งข่าว แล้วย้ำหนักหนาว่ากลับมาคราวหน้าจะมาตีกอล์ฟที่สนามของพิทักษ์ให้ได้ ชเยนตร์ยังคงทำตัวเหมือนเดิม ส่วนน้องชายของจิณณะทำตัวสนิทยิ่งกว่า ด้วยการโทรศัพท์มาถามไถ่สารทุกข์สุขดิบและขอคำปรึกษาไม่เว้นแต่ละวัน


อย่างวันนี้...โทรมาคุยเรื่องมารดาอยากทานบัวลอย


 “แม่อยากกินบัวลอย? แกก็ไปซื้อมาให้แม่กินสิ จะโทรมาทำไมเนี่ย” จิณณะบ่นอุบใส่โทรศัพท์ แต่พอนึกถึงร้านที่จรรยาชอบ เขาก็ถอนหายใจ ไม่แน่ใจนักว่าน้องชายจะรู้จักร้านโปรดของมารดาหรือไม่


“ร้านที่แม่ชอบอยู่แถวดินแดง แต่ไปตอนนี้คงไม่ทันแล้วมั้ง แกไปพรุ่งนี้สิ” เขาบอกรายละเอียดเรื่องร้านโปรดของมารดาอีกเล็กน้อย น้องชายก็บอกเล่าเรื่องในบ้านต่อ ทั้งเรื่องที่ชเยนตร์ถึงอังกฤษแล้ว เรื่องที่ครอบครัวลุงป้าไปต่างประเทศ จิณณะได้แต่รับฟังเงียบๆ เกือบครึ่งชั่วโมง กว่าน้องชายของเขาจะหยุดเล่า จึงได้วางสาย ตอนนั้นเองที่เพิ่งรู้ตัวว่าเจ้าของบ้านยืนมองเขาอยู่


จิณณะยังคงมาพักอาศัยที่บ้านของพิทักษ์ เพราะช่วงแรกๆที่มาอยู่ เป็นช่วงที่ความรู้สึกกำลังจมดิ่ง จึงไม่ได้ใส่ใจกับความแปลกที่และการอยู่ร่วมกับคนอื่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เริ่มตั้งสติได้ เขาก็เริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตนเองมาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ หนำซ้ำเวลานี้ยังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นโดยมีเจ้าของบ้านยืนมอง


“เอ่อ...ผมเสียงดังหรือ” พิทักษ์ยิ้มจางแล้วส่ายหน้า ก่อนจะเดินเข้ามาหา


“พี่ลงมาชงกาแฟ เห็นไฟเปิดเลยเดินมาดู คุยกับจาหรือ”


พออีกฝ่ายถามถึงน้องชาย จิณณะก็ถอนหายใจเฮือก แล้วเอนหลังพิงพนัก


“มันโทรหาผมทุกวันเลย วันนี้โทรมาบ่นว่าแม่ออยากกินบัวลอย อะไรของมันก็ไม่รู้” แต่ละวันที่จารีตโทรมา ล้วนไม่มีเรื่องไหนสลักสำคัญ นอกเสียจากการบอกเล่าเรื่องราวของคนในครอบครัววงศ์กีรติให้เขารับรู้ ทั้งที่เรื่องบางเรื่องก็เป็นเรื่องจิปาถะเหลือเกิน อย่างเรื่องที่มารดาอยากทานบัวลอย


ดูเหมือน คนที่เอ่ยปากว่าจะขอออกจากครอบครัววงศ์กีรติ พอเอาเข้าจริง คนในครอบครัวกลับพากันรั้งเอาไว้มั่น


“เพราะจาไม่อยากให้พี่ของเขาไปจริงๆน่ะสิ” คำพูดของพิทักษ์ทำให้หลานนอกคอกที่ประกาศชัดเจนว่าจะไม่กลับไปอีกได้แต่ถอนหายใจ อ้าปากกำลังจะพูด คนข้างกายกลับแทรกขึ้นมาเสียก่อน


 “แต่ผมออกมาแล้ว...” เป็นประโยคที่ปลัดหนุ่มจะเอ่ย แต่กลับถูกพิทักษ์แย่งพูดไปเสียก่อน


“จิณกำลังจะพูดแบบนี้ใช่ไหม” คนถูกแย่งพูดได้แต่นิ่ง เมินสายตามองไปทางอื่น


“ทิฐิแบบนั้น มันมีค่าอะไร ถึงได้เก็บเอาไว้”


“แล้วพี่จะให้ผมกลับไปให้เขาเยาะเย้ยเหรอ ว่าผมไปไม่รอด”


ยังไม่ต้องกลับไปเหยียบคฤหาสน์วงศ์กีรติ จิณณะก็รู้ดีว่าจะได้ยินเสียงประเภทใดต้อนรับเขาเป็นประโยคแรก คุณกอบกุลคงเร่งฝีเท้ามาประจันหน้าพร้อมด้วยหน้าตาเหยียดหยามและคำพูดดูหมิ่น


“แต่ที่นั่นไม่ได้มีแค่คุณกอบกุล จิณตอบโต้คุณกอบกุลด้วยการทำร้ายตัวเองกับคนอื่นๆที่เขารักและอยากอยู่กับจิณทำไม” จิณณะเงียบ ก้มหน้านิ่ง


“ตอนนี้ชีวิตจิณยังมีปัญหาใหญ่ พี่เข้าใจถ้าจะยังไม่อยากกลับไปเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคนที่นั่น แต่สัญญากับพี่ ถ้าทุกอย่างจบ จิณจะกลับไปหาพ่อแม่และจา”


คนมีปัญหาใหญ่ในชีวิตหันมอง สบตากับคนขอคำสัญญา ในดวงตาของข้าราชการหนุ่มกลับเต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบจนคนเห็นอดสะท้อนใจไม่ได้เมื่อนึกเปรียบเทียบกับดวงตาคู่นี้ที่เคยเป็นประกาย


“...ปัญหาของผม…มันจะจบได้ใช่ไหม”


น้ำเสียงของจิณณะยังเต็มไปด้วยความกังวล คนฟังนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาเข้าไปพบคุณเทียมเพื่อสอบถามความเป็นไปเรื่องของไพศาล แต่ลุงของเขาบอกแค่ว่าทุกอย่างเป็นปกติ


...แปลก...ที่ปกติ…


“พี่เพิ่งไปพบลุงเทียม ลุงว่าทุกอย่างปกติ”


“หรือมันจะเลิกไปแล้ว” จิณณะเปรย หากเขาเป็นไพศาล และรู้ว่าต้องชนกับคนที่มีทั้งอิทธิพลและเงินทอง เขาก็คงไม่สู้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีแรงจูงใจอื่น...


“พี่ว่าจะลองหาทางสืบดู” ความเงียบ มีต้นเหตุจากสองเรื่องคือ หนึ่ง...ไพศาลยุติทุกอย่างแล้ว ซึ่งย่อมเป็นเรื่องดี กับสองคือเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบซึ่งหากเป็นเช่นนั้น อันตรายใหญ่ย่อมกำลังมาถึง


“พี่ทิศจะสืบยังไง”


“ท่านนพพร จิณจำได้รึเปล่าที่เราไปงานแต่งงานลูกของเขาแทนลุงเทียม” จิณณะพยักหน้ารับ


“พี่เคยได้ยินข่าวลือว่าเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่เป็นแบ็กอัพให้นายไพศาล ถ้าลองไปพบ บางทีอาจทำให้ได้รู้อะไรเพิ่ม”


จิณณะอ้าปากแต่อีกฝ่ายสวนทันควัน


“แต่จิณอยู่เฉยๆก่อน”


“อ้าว! ทำไมล่ะ นี่ปัญหาผมนะ”


“ให้พี่ลองไปพบดูก่อน ถ้าเขาช่วยได้จริง พี่จะพาจิณไปอีกที แล้วอีกอย่าง...” พิทักษ์จ้องมองคนข้างกาย ดวงตาดุคู่นั้นอัดแน่นด้วยความจริงจัง


“ปัญหาของจิณ ไม่ใช่ของจิณคนเดียว เป็นปัญหาของพี่ด้วย” ไม่ต้องน็อกจิณณะด้วยหมัด แต่ปลัดหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนลงไปนอนนับดาว คำพูดของพิทักษ์ทำเอาหัวใจเต้นถี่ เลือดลมสูบฉีดไปทั้งร่าง แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของอีกฝ่ายก็ตรึงเขาไว้อย่างนั้น เบี่ยงหนีไปไหนไม่ได้


พิทักษ์เป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด พูดแต่ละครั้งก็ไม่ได้สวยหรูเต็มไปด้วยคำหวาน แต่...ทำไมมีอิทธิพลต่อหัวใจของจิณณะนักก็ไม่รู้


นานนับนาทีที่ความเงียบปกคลุมระหว่างพวกเขาสองคน จิณณะเพิ่งเรียกกำลังแขนขากลับมาได้ แถมต้องใช้การตัดสินใจอย่างฉับพลันหันหน้าหนีสายตาของอีกฝ่าย


“อ...เอ่อ...ป...ปัญหาของผมจะเป็นปัญหาของพี่ได้ไงล่ะ...เอ้อ...ดึกแล้ว ผมว่าผมไปนอนดีกว่า...” ข้าราชการหนุ่มทำเป็นมองนาฬิกาหาข้ออ้างปลีกตัว เพราะขืนยังนั่งอยู่อย่างนี้ เขาคงถูกน็อกไปอีกหลายหมัด


ทว่าคนหาข้ออ้างยังไม่ทันลุกขึ้นยืน แขนก็ถูกคว้าไว้หมับ จิณณะรู้สึกเหมือนใจหล่นลงไปอยู่ที่แขนข้างที่ถูกจับ แต่ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง


“จะไปนอนทั้งๆที่ยังไม่ได้ฟังคำตอบของพี่หรือ”


“ค...คำตอบอะไร” ปากถามแต่ตามองตรงไปเบื้องหน้า ไม่กล้าหันมองคนที่ยังนั่งอยู่ข้างกัน


“ทำไมปัญหาของจิณถึงเป็นปัญหาของพี่” ตอนนั้นเองที่ปลัดหนุ่มเพิ่งรู้ตัวว่าเขาตั้งคำถามได้เปิดช่องเสียเหลือเกิน


“ดูเหมือนจูบของพี่วันนั้น จะไม่ทำให้จิณรู้ตัวใช่ไหม”


“ผ...ผม...”


“พี่จูบไปหลายครั้งนะ จิณ ไม่รู้ตัวจริงๆหรือ” คราวนี้จิณณะหันมอง คนพูดยังมองตรงมาที่เขา หน้าตาจริงจังไม่เหมือนตั้งใจจะสร้างบรรยากาศชวนหวามไหวเลยสักนิด ตอนแรกที่หัวใจตกมาอยู่ที่แขน เลยพอจะดึงกลับมาอยู่ที่เดิมได้


“ทำไมผมรู้สึกว่าผมถูกพี่ดุ”


“ไม่ได้ดุ”


“ไม่ได้ดุอะไร เมื่อกี้พี่ดุผมแหม่บๆว่าไม่รู้ตัวจริงๆหรือ? หาว่าผมโง่ชัดๆ”


“ไม่หาเรื่อง”


“ผมไม่ได้หาเรื่...อื้อ!” ไม่ทันได้เถียงจบประโยค พิทักษ์ก็พุ่งเข้าจู่โจมปิดริมฝีปากอย่างรวดเร็ว จิณณะสะดุ้งในวินาทีแรก ขัดขืนเล็กน้อยในวินาทีต่อมา แต่เมื่อถูกยึดใบหน้าไม่ให้หันหนี จากต่อต้านก็กลายเป็นตอบโต้


รสสัมผัสนั้นไม่ได้อ่อนโยน ทว่าก็ไม่รุนแรงเอาแต่ใจ ตรงกันข้ามกลับหนักแน่นและชวนให้หลงใหลคล้อยตาม ริมฝีปากของพิทักษ์ที่บดเบียดลงมาชวนให้หยัดยืนตอบสนองกลับไป เบี่ยงใบหน้าเล็กน้อยก็แนบสัมผัสกันและกันได้ถนัดถนี่


พิทักษ์จูบเก่ง เรื่องนี้จิณณะสัมผัสมาแล้วในคราวก่อนที่ถูกจูบไปหลายครั้งจนแข้งขาอ่อน คราวนี้เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าเสือหลับรายนี้มีลูกล่อลูกชนอีกมากที่จะทำให้เขายินยอมพร้อมใจ เมื่อคิดว่าจะกลายเป็นฝ่ายถูกชักจูง สัญชาติญาณเพศผู้ทำให้จิณณะฮึดสู้ ขยี้ริมฝีปากตอบโต้อีกฝ่ายมากกว่าเดิม


เสียงเครืออย่างพึงใจดังกระหึ่มในลำคอ ก่อนจะเป็นฝ่ายพิทักษ์ที่ถอนจูบแล้วขยับถอยออกมาเล็กน้อย กวาดตามองใบหน้าแดงก่ำของปลัด สายตาที่จิณณะใช้มองเขามีวี่แววดื้อดึงอยู่ในทีแม้ว่าเจ้าตัวจะกำลังหอบฮั่กอยู่ก็ตาม เขาลดสายตาลงมามองที่ริมฝีปากบวมเจ่อ ดูเหมือนเจ้าของจะรับรู้สายตาของเขา ถึงได้รีบยกหลังมือขึ้นมากึ่งถูกึ่งบัง พิทักษ์เลยเหลือบขึ้นมาสบตากับเจ้าของริมฝีปากนั้นใหม่


“ไม่ต้องมามองผมเลย” เสียงพูดอู้อี้ดังลอดออกมาจากหลังมือที่เจ้าตัวปิดปากไม่มิด


“รู้หรือยังว่าทำไมปัญหาของจิณเป็นปัญหาของพี่” ดวงตาดื้อดึงคู่นั้นมีแววไหววูบอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะเบนสายตาหลบไปอีกทาง เจ้าตัวดูไม่มั่นใจกับคำตอบที่มีจนพิทักษ์ต้องเรียก


“จิณ...”


“ผม...คาดหวังสูงนะพี่”


“แล้วคิดว่าความรู้สึกของพี่มีน้อยหรือ”


จิณณะหันกลับมามองคนพูด ไม่ว่าอย่างไร สายตาของพิทักษ์ก็ยังมุ่งมั่นและมั่นคง ยิ่งคำพูดของเขาด้วยแล้ว ทั้งจริงจังและหนักแน่นเสียจนคนคาดหวังสูงยังชาดิกไปทั้งร่าง และก่อนที่พิทักษ์จะพูดอะไรออกมา อีกฝ่ายก็ยื่นมือไปปิดปากเขาเสียก่อน


“ผมขอ...”


“...ผมขอเคลียร์ปัญหาก่อนได้ไหม แล้วถ้าทุกอย่างจบลง ผมสัญญาว่านอกจากจะกลับไปหาพ่อหาแม่หาจาแล้ว เรา...จะกลับมาคุยเรื่องนี้กัน”


จิณณะรู้ดีว่าปัญหาที่เขากำลังเผชิญนั้นอันตรายเพียงใด ในเวลาที่ทุกอย่างกำลังประเดประดัง ไม่รู้ว่าชีวิตของเขาจะยาวนานสักเพียงใด เขาไม่อยาก...ให้ความรู้สึกของพิทักษ์ต้องมาผูกกับคนที่ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย


อย่างน้อยวันนี้เขารับรู้ด้วยหัวใจแล้วว่าความรู้สึกที่พิทักษ์มีให้เขาเป็นไปในรูปแบบใด ถ้าวันหนึ่ง...เขาไม่รอด ความทรงจำสุดท้ายที่มีต่อพิทักษ์ย่อมเป็นความรู้สึกอันแรงกล้านี้ ส่วนพิทักษ์...ถ้าถึงวันนั้น และต้องเดินไปข้างหน้า ก็ทำแค่เพียงเก็บความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้ในความทรงจำ ไม่ต้องกังวลถึงคำพูดใดๆที่สัญญาสาบานต่อกัน


แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว


ไม่ต้องมีคำพูดอะไรระหว่างพวกเขา พิทักษ์รู้ดีว่าคนที่เอื้อนเอ่ยขอให้ทุกอย่างเกิดขึ้นหลังสะสางปัญหาย่อมมีความกังวลเรื่องความเป็นความตาย เขาโน้มศีรษะคนตรงหน้าลงมาซบหน้าผากลงกับไหล่ จิณณะไม่ดื้อดึง ยินยอมแต่โดยดี


ท่ามกลางความเงียบของค่ำคืนที่ดึกสงัด


 ไม่มีคำพูด


ไม่มีคำสัญญา


ไม่มีคำสาบาน


ทว่า...สัมผัสอุ่นร้อนของริมฝีปากของพิทักษ์กลับแนบลงกับใบหูของจิณณะ พร้อมกับการโอบกอดเอาไว้เพียงหลวมๆ เก็บกักความรู้สึกของกันและกันไว้ใต้อ้อมแขนนี้


ปราศจากคำพูด แล้วใช้เพียงหัวใจ เก็บเป็นความทรงจำตราบนานเท่านาน

ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

(https://blog-imgs-125.fc2.com/d/e/z/dezair/20190315004339733.jpg)

   เนื่อจากตัวละครเยอะมาก ก็เลยทำแผนผังมาด้วย ผังนี้เฉพาะฝั่งที่เขามีคอนเนคชั่นกัน (ส่วนที่ใส่หัวใจมาก็เพื่อมาดร็อปความเครียดของเรื่องค่ะ ฮ่าฮ่า)

สรุปว่า จิณกับพี่ทิศเป็นตัวประกอบเนาะ ส่วนตัวหลักๆก็พวกคุณๆท่านๆทั้งหลาย

แอบดูมีชนชั้นยังไงไม่รู้แหะ คุณกอบกุล คุณเทียม ท่านเสรี ท่านนคร ท่านนพพร แต่ไพศาลดันเรียกไพศาล ฮ่าฮ่า

จริงๆแล้วเพราะว่าชื่อคุณเทียมเป็นคำพยางค์เดียว พอพิมพ์ในประโยคแล้วบัวรู้สึกแปลกๆ ก็เลยใส่คุณนำหน้าไปด้วย ทีนี้ คุณย่าของจิณจะใส่ชื่ออย่างเดียว ก็กลัวคุณย่าด่าค่ะ ฮ่าฮ่า เลยใส่คุณให้เสมอภาคกัน ส่วนท่านๆพวกนั้นให้ความรู้สึกว่าเป็นตัวละครลับที่ถ้าเข้าฉากก็จะอยู่ในเงามืดๆงี้ จะมีแค่ชื่อก็กลัวจะดูไม่ขลัง เลยใส่ท่านนำหน้าค่ะ (ก็คือเอาความรู้สึกบัวเป็นหลัก ปราศจากหลักการใดๆเลยค่ะ ฮ่าฮ่า)


   วันนี้ค่อนข้างป่วย ไม่แน่ใจว่ามีคำผิดมากน้อยแค่ไหน เดี่ยวบัวกลับมาเช็คอีกทีนะคะ ต้องไปเคลียร์งานอื่นต่อก่อน (เรียงลำดับความสำคัญแล้วนะ คือลงนิยายก่อน ค่อยทำงานอื่น ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ กำลังใจและพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-03-2019 23:09:53
ที่มาของชื่อเรื่อง...เป็นเช่นนี้เอง  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-03-2019 23:42:43
ชื้นอกชื่นใจขึ้นนิดเห็นคนสวีทกันท่ามกลางสงครา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Arayajanm ที่ 14-03-2019 23:56:38
 :L2: ตอนที่ 11 คือแบบ ชอบที่คุณบัวนำเรื่องราวของคนมีอิทธิพล การได้รับผลโยชน์ การเมือง คือแบบนิยายแต่ละเรื่องของคุณบัว มันแฝงอะไรมากมายไปหมด ชอบเนื้อหา ชอบความใส่ใจรายละเอียด.   และยิ่งกว่า ฉากจูบอ่ะแกร้ งุ้ยย งื้อออองิ้ยยยย เขินนนนนไอเลิฟตอนนี้อ่ะทำไงดี.   :jul1: :katai4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-03-2019 00:09:11
โอ๊ยย สนุกมาก ยิ่งกว่าดูหนังมาเหียฮ่องกงอีกอะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 15-03-2019 00:11:23
อุปถัมภ์กันไปมาจนเป็นระบบ
อำนาจต่ออำนาจ เลิกยาก แพ้ไม่เป็น

เอาใจช่วยพี่ทิศและจิณณะกันต่อไป
เข้มข้นขึ้นทุกทีกับท่านๆ ทั้งหลาย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 15-03-2019 00:22:13
อย่างงี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 10...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 15-03-2019 00:36:33
พวกท่านๆ พวกนั้น...ผลประโยชน์มาก่อนจริงๆ
แต่อย่างว่าแหละ หัวหมู่ทะลวงฟันที่ไม่ฟังคำสั่งแม่ทัพนายกอง มักจบชีวิตในสนามรบโดยไม่มีใครเห็นความสำคัญ

ส่วนคุณกอบกุลและคุณเทียมนั้น...จะยังอยากแยกคนของตัวออกจากกันจริงหรือ เหอๆ

พี่ทิศชัดเจนเหลือเกิน...พระเอกคุณบัวมักดุดัน จริงจัง แต่มีความโรแมนติกซ่อนอยู่ทุกคน
ปลัดแมนมาก หวังว่าพี่ทิศจะหลอกล่อจนอยู่หมัด 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 15-03-2019 00:48:56
คุณเทียมจะจับแยกพี่ทิศออกจากน้องจิณไม่ได้นะ เราไม่ยอม !!!
 :call:  :call:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-03-2019 00:49:48
 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Trystan ที่ 15-03-2019 01:56:51
เหมือนคุณกอบกุลอยู่เหนือสุดบนห่วงโซ่อาหารเลย สมฉายาจริงๆ
คุณบัวใส่ใจมากครับ ถึงขนาดทำแผนผังมากำกับความสัมพันธ์เผื่อคนอ่านงงเลย ประทับใจครับ
ส่วนเนื้อเรื่องคือเข้มข้นจริงๆ น่าจะใกล้ Climax แล้ว เอาใจช่วยจิณณะกับพี่ทิศครับ
แล้วก็เอาใจช่วยคุณบัวด้วยครับ  :mew1:  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 15-03-2019 07:26:07
เอาใจช่วยพี่ทิศกับปลัดให้อยู่รอดปลอดภัย อย่าให้โดนจับแยกเลยเน้อออ
มีความแอบขำตอนคิดถึงคุณเทียมกับคุณกอบกุลต้องมาดองกัน 555+
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-03-2019 08:27:32
นายไพศาลน่าจะอยู่เฉยๆตั้งแต่แรก ถ้ากำจัดนายไพศาลไป น่าจะมีข้อสิ้นสุด คุณย่าปากแข็งมากเลย รักหลานก็บอกว่ารักสิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jannie ที่ 15-03-2019 09:04:11
พี่ทิศแมนนนนมากกกกกกกก ดูแลสุดๆ

ขอให้คุณบัวหายไวไวค่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 15-03-2019 09:39:10
 :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-03-2019 09:44:36
55555 ตอนแรกไม่งงหรอกค่ะ แต่พอมีท่านทั้งหลาย งงเลย
ขอบคุณคุณบัวมากนะคะที่ทำผังให้เห็นง่ายขึ้น

ในความดราม่ายังมีความหวานขมซ่อนอยู่

คุณเทียมเกือบเป็นหมาก หรือเป็นแล้วไม่รู้
ย่าจิณคือนางมารค่ะ ร้ายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า

จิณณะน่าสงสารนะ จมอยู่กับความกลัวและความเครียด
พี่ทิศก็รักน้องจริง เอ็นดูน้องจัง แล้วอะไรคือจำจูบพี่ไม่ได้หรอ
พี่ทิศยอมให้ตัวเองไปเกี่ยวพันทั้งที่ไม่จำเป็นเลยน่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-03-2019 10:02:56
ไม่อยากให้คุณเทียมต้องมาขับเคลื่อนให้นายทุนเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 15-03-2019 10:10:03
มีหวีดมาให้ลุ้นคลายเครียด  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-03-2019 10:50:39
กราบความเผ็ชชชชช

ความเด็ดขาด

ความดึงเกมส์

ความผูกเกมส์

และความเก่งเกมส์ของคุณย่ากอบกุล

กีฬา อี สปอร์ต ต้องการบุคลากรเพิ่มใหม

ป้าขอเสนอชื่อ คุณย่ากอบกุลลงแข่งขันค่ะ

คนอะไมองเกมส์ได้เด็ดขาด

แต่คุณย่าคะอิเสี่ยไพศาล น้องมีความโหดอำมหิต

นางมีอำนาจนางบ้าอำนาจ

แต่นางไม่มีสมอง นางอ่านเกมส์ที่เขาขีดให้นางเดินไม่ออก

นางมีแต่อารมณ์มุทะลุ

นางจะฆ่าน้องจิณณ์ค่ะ คุณณ์ย่าต้องระวังจุดนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 15-03-2019 12:15:52
แผนผังตอนท้ายทำให้เข้าใจเรื่องมากขึ้น เครียดตอนต้น อบอุ่นตอนท้าย รออ่านตอนต่อไปเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-03-2019 12:46:27
พอได้ดูแผนผังแล้ว อ่อออออ ที่แท้พระเอก นายเอกของเรื่่องนี้คือ คุณเทียมและไพศาล นี่เอง อืมมมมม  :laugh:

พี่ทิศกับปลัด กลับมาาาาาา ทั้งสองคนจะหายไป 2 วีคแล้วกลับมาแค่พารากราฟเดียวไม่ด๊ายยยยย ฉันไม่ยอมมมม  :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-03-2019 16:27:38
ขำคุณเทียม 55555555555
จะไม่ยุ่งกับสองย่าหลานก็ไม่ทันแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 15-03-2019 19:47:31
เชื่อว่าพี่ทิศต้องดูแลน้องได้ดีแน่นอน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-03-2019 20:53:45
อยากได้อย่างพี่ทิศสักคนมีอยู่แถวไหน  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=&gt; หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-03-2019 21:28:08
มาแล้วววว สุดยอดไปเลยค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-03-2019 00:56:27
พี่ทิศของน้องงงงง :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 16-03-2019 10:09:44
คุณเทียมเตือนแล้วนะ ถ้าเจอคนตระกูลนี้ให้หนีไปปปปปปป 55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 16-03-2019 14:40:41
ขำแผนผังตรงคุณย่า 'อย่ายุ่งกับหลานชั้น' 55555 เรื่องนี้นางเอกคือคุณย่าชัดๆ กราบบบบ คุณย่ากอบกุล ยืนหนึ่ง!

ตอนนี้สนุกมาก ชิงไหวชองพริบ เล่นเกมการเมืองผลประโยชน์กันมันส์ ชี้ชัดถึงระยยอุปถัมภ์ที่ฝังลึกได้ดีมาก ตบท้ายซีนรัก ที่ไม่มีคำว่า 'รัก' มีแค่จูบของคุณทิศ แงงงง~
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 17-03-2019 16:43:49
จูบ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 17-03-2019 20:37:36
ทำไมพี่ทิศช่างละมุนแท้//คุณย่าคือ o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 17-03-2019 23:15:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 18-03-2019 17:25:19
 :L2: :L2: :L2: :L2:
ตามอ่านอยู่นะ
 :mew1:
 :mew1:
 :mew1:
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 19-03-2019 14:52:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
ปรบมือรัววววววววว
ให้กับ
คุณย่ากอบกุล
ดีงาม
 :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 21-03-2019 08:17:55
ฝ่าด่านชีวิตก่อน แล้วค่อยฝ่าด่าน พ่อแม่อีกที
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 21-03-2019 19:02:07
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-03-2019 19:27:31
รอ
รอ
รอ
รอ
รอ
รอ
รอ
รอ
รอ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-03-2019 20:34:48
มารอจ้ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 21-03-2019 21:51:18
 :z2:  :z2:  :z2: เต้นอ้อน รอปลัดกับพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 11...=> หน้าที่ 18 (14/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-03-2019 22:17:47
รอร๊อรอจ้าา :katai5:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-03-2019 22:22:17
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 12


นับจากวันนั้น พิทักษ์ค่อนข้างวุ่นวาย ไหนจะต้องทำงาน ไหนจะต้องรับส่งจิณณะ อีกทั้งยังต้องหาทางเข้าไปพบผู้ใหญ่ที่เขาคิดว่าพอจะช่วยเหลือได้ หากไม่ได้เส้นสายของคุณเทียมส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือธุรกิจสนามกอล์ฟที่เขาทำช่วยปูทางให้พอรู้จักคนใหญ่คนโตอยู่บ้าง คงเข้าหาไม่ได้ถึงเพียงนี้


อย่างไรก็ตาม การเข้าหาได้กับการได้รับความช่วยเหลือย่อมเป็นคนละเรื่องกัน


ท่านนพพร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่แห่งหนึ่ง ครั้งหนึ่งพิทักษ์และจิณณะเคยถูกส่งไปเป็นตัวแทนร่วมงานวันแต่งงานของลูกชายของท่าน ยามนั้นเจ้าภาพจำหน้าไม่ได้ ในเมื่อมีคนนับร้อยนับพันผ่านสายตา แต่เมื่อพิทักษ์ขอพบเป็นการส่วนตัว ผ่านทางเส้นสายของคุณเทียมอีกครั้ง นอกจากจะปฏิเสธไม่ได้แล้ว ยังต้องจดจำใบหน้า ‘หลานชายคุณเทียม’ ให้ได้อีกด้วย


“เชิญๆ” เส้นสายของคุณเทียมทำให้ท่านนพพรรับรองพิทักษ์ถึงในคฤหาสน์ส่วนตัว ชายหนุ่มไม่ได้มามือเปล่าแต่หิ้วของมาด้วยอีกถุงหนึ่ง


“คุณลุงฝากของมาเยี่ยมท่านด้วยครับ”


ใครก็ดูออกว่าของฝากของคุณเทียมที่ฝากหลานชายหิ้วมาให้นั้นเป็นเพียงใบเบิกทาง เจ้าของบ้านหัวเราะแล้วยื่นมือมารับ แม้จะเป็นคนใหญ่คนโตแต่ชายวัยปลายคนนี้ดูเข้าถึงง่ายและเป็นกันเอง


“ฝากขอบคุณด้วย คุณเทียมสบายดีไหม ไม่ได้เจอกันพักใหญ่แล้ว ได้ยินว่าทางนั้นค่อนข้างวุ่นวาย ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวก่อน” เรื่องคราวก่อนที่ว่าย่อมเป็นเรื่องไหนไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ทองสุกถูกฆ่าตายจนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ


“คุณลุงสบายดีครับ เรื่องนั้นกระทบหลายอย่างก็เลยยุ่งอยู่บ้าง แต่ทางตำรวจกับฝ่ายปกครองเองก็กำลังเร่งตามคดีนี้กันอยู่” ท่านนพพรพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย


“เรื่องถึงสื่อด้วยแบบนี้ จะอยู่เฉยก็ไม่ได้ด้วยสินะ”


“ครับ แต่อีกไม่นาน คงได้เป็นข่าวใหญ่อีกรอบ ว่าใครเป็นคนทำและทำไปเพื่ออะไร” พิทักษ์เปรย


“แล้วสนามกอล์ฟของคุณพิทักษ์เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ได้รับผลกระทบบ้างไหม”


“ไม่เท่าไรครับ ส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม”


ท่านนพพรหัวเราะร่วนกำลังจะเอ่ย แต่พิทักษ์ที่ดูสุขุมกลับพูดต่อไวกว่า


“หรือต่อให้มีส่วนเกี่ยวข้อง ผมว่า...ก็คงตัดทิ้งก่อนจะสาวมาถึงตัวตั้งนานแล้ว”


เจ้าบ้านพยักหน้าเห็นด้วย


“แต่น่าแปลก...ผมได้ยินมาว่า คนที่บงการยังไม่หยุด...” คราวนี้คนที่มีท่าทีเออออกลับชะงัก


“ไม่หยุด? มีใครโง่อย่างนั้นด้วยหรือ เป็นข่าวดังขนาดนี้ แถมคุณเทียมก็ลงมาดูเองอย่างนี้” พิทักษ์เพียงยิ้มจางไม่พูดอะไรเพิ่ม ท่านนพพรเอนหลังลงพิงพนัก สีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตัดบท


“จริงสิ ผมมีนัดออกรอบกับเพื่อนๆช่วงสุดสัปดาห์นี้ ก๊วนคนแก่นะคุณพิทักษ์ ออกรอบแต่เช้าตรู่ ตีไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไป สนามของคุณพิทักษ์พอจะว่างไหม”


“ผมจะจัดการให้ครับ”


เจ้าของบ้านพยักหน้าอย่างพึงใจ “ดีๆ เผื่อผมจะได้แวะเข้าไปพบคุณเทียมเสียหน่อย”


“ผมจะแจ้งคุณลุงเอาไว้ว่าท่านจะไปที่นั่น...”


พิทักษ์ชวนคุยเรื่องบ้านเมืองและเศรษฐกิจอีกเล็กน้อย ก่อนขอตัวจากมา พ้นหลังของชายหนุ่มอายุคราวลูก เจ้าของคฤหาสน์ก็ติดต่อหาสมาชิกทันที


“วันเสาร์นี้ไปตีกอล์ฟที่สนามของหลานชายของคุณเทียมกันไหม ใช่...หลานชายคุณเทียมคนนี้สนิทกับหลานชายของคุณกอบกุล...” เขาหัวเราะในคอ เมื่อคิดถึงผลลัพธ์มหาศาลที่จะได้ ไม่ใช่แค่อิทธิพลในท้องที่แต่ยังรวมไปถึงเส้นสายของคุณกอบกุลที่ผ่านมาทางหลานชายของหล่อน


“คนเก่า? อ้อ...ไพศาลน่ะรึ? มันชอบพูดไปเรื่อยว่าสนิทกับผม ก่อนหน้านี้ต้องใช้งานก็พอจะปล่อยให้พูดได้อยู่หรอก แต่ตอนนี้สิ...ใครๆก็รู้ว่ามันกำลังรนหาที่...”


“ท่านเสรีคงเยาะเย้ยผมนิดหน่อยที่สนิทกับคนก่อปัญหา แต่ช่างเถอะ รายนั้นก็ชวดลูกเขยที่เป็นหลานคุณกอบเหมือนกันล่ะหน่า” ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ต่างคนต่างเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนไว้ของกันและกัน แต่ในเมื่อรวมตัวเป็นกลุ่มทุน ความเชื่อใจต้องมี ความเชื่อใจในที่นี่หมายถึง ‘กูจะปิด ถ้ามึงปิด แต่ถ้ามึงเปิด กูก็เปิด’


“เอาเป็นว่าวันเสาร์นี้ไปตีกอล์ฟก่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ...ถ้าต้องเปลี่ยนก็เปลี่ยน ผมไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้ว”


……………………..


แม้จะเป็นเวลาเช้าตรู่ที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นจากขอบฟ้า แต่จิณณะและพิทักษ์ก็มารอที่สนามกอล์ฟแล้ว ปลัดหนุ่มออกจะตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงจะเคยพบหน้าท่านนพพรคนนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนั้นเขายังไม่รู้ว่าชายผู้นี้จะมีความเกี่ยวข้องใดกับชีวิต จึงไม่ได้รู้สึกอะไรนัก ทว่าวันนี้...ที่รู้แล้วว่าทำไมครั้งนั้น คุณเทียมถึงส่งเขาและพิทักษ์ไปร่วมงานมงคลสมรสของลูกชายท่านนพพร ก็ทำเอาจิณณะอดสะท้านไม่ได้


คุณเทียมคงกะเกณฑ์ไว้บ้างแล้ว ว่าท้ายที่สุด พวกเขาอาจจะต้องใช้ทางลัด ไม่ต้องจัดการไพศาลด้วยวิธีอุกอาจ แต่วิ่งเต้นล็อบบี้ผู้ใหญ่และกลุ่มทุนของไพศาลแทน


ไม่ใช่เรื่องความสามารถและพรสวรรค์ แต่เป็นเรื่องของการรู้จักใคร และเป็นคนของใคร


ก่อนหกโมงเช้าเล็กน้อย ขบวนรถหรูก็มาถึงสนามกอล์ฟของพิทักษ์ นอกจากท่านนพพรแล้ว มีคนในแวดวงข้าราชการและการเมืองอีกสามคน จิณณะรู้จักชื่อและหน้าทุกคนจากข่าวสังคม แต่ไม่เคยพบปะตัวตน


“คุณพิทักษ์ เป็นเจ้าของสนามและเป็นหลานของคุณเทียม” ท่านนพพรเป็นคนแนะนำให้เพื่อนร่วมก๊วนได้รู้จัก พิทักษ์ยกมือไหว้แล้วยิ้มอย่างสุภาพ เห็นสายตาของท่านนพพรมองไปยังคนข้างกายของเขา จึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาบ้าง


“นี่จิณณะ หุ้นส่วนของผม”


“จิณณะ วงศ์กีรติครับ”


นามสกุลของคุณกอบกุลที่ห้อยท้ายนั้น ทำเอาสี่ผู้อาวุโสที่มาเยือนพากันเลิกคิ้ว ทั้งๆที่รู้แต่แรกว่าพิทักษ์สนิทสนมกับหลานชายของกอบกุล  วงศ์กีรติ แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าหลานชายคนที่ว่าจะมายืนอยู่ตรงหน้าในเวลานี้


และที่สำคัญ มีฐานะเป็น ‘หุ้นส่วน’


ไม่แน่ใจว่าหุ้นส่วนจริงหรือไม่ หรือจะเป็นอย่างที่ลือกัน แต่...อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่านามสกุล


“วงศ์กีรติ? นามสกุลนี้...”


“จิณเป็นหลานคุณกอบกุลครับ” พิทักษ์เป็นคนเอ่ย เพราะจิณณะคงจะกระอักกระอวลพอดูที่ต้องออกปากว่าตนเองเป็นหลานของหญิงชราคนที่สนับสนุนให้เขา ‘ไปแล้วอย่ากลับมา’


“จำได้ว่าคุณจิณณะก็ไปงานแต่งลูกของผม” ท่านนพพรทัก จิณณะยิ้มรับ


“ผมสนิทกับพี่ทิศ ลุงเทียมก็เลยให้ผมไปเป็นเพื่อนครับ”


นอกจากจะมีนามสกุลของคุณกอบกุลห้อยท้ายแล้ว ยังพูดถึงคุณเทียมผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนี้ได้อย่างสนิทสนม หนำซ้ำคราวงานแต่งงานของลูกของท่านนพพร เขาก็ไปกับพิทักษ์ในฐานะตัวแทนของคุณเทียม


ทั้งฐานะทางการเงิน ทั้งสายสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ต่อให้ท่านนพพรจะไม่ได้ลงทุนใดๆในจังหวัดนี้ แต่ก็ต้องตระหนักถึง แล้วยิ่ง...เมื่อเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนเบื้องหลังกิจการของไพศาล เขาก็ยิ่งควรตระหนักเรื่องนี้ให้มาก


พิทักษ์เชิญขบวนของท่านนพพรไปที่สนาม แล้วปล่อยให้เรื่องหลังจากนี้ เป็นหน้าที่ของ ‘ผลประโยชน์’


หากยังสนับสนุนคนที่คิดร้ายกับจิณณะซึ่งเป็นทั้งหลานเศรษฐินีใหญ่และเป็นทั้งคนที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น คงไม่ต้องคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา!

............................


   เรื่องที่ท่านนพพรพาพรรคพวกมาออกรอบที่สนามกอล์ฟของพิทักษ์มาถึงหูไพศาลในตอนสายวันนั้นเอง หากพิทักษ์เป็นเพียงเจ้าของคลับกอล์ฟหรูหราติดอันดับภูมิภาค ไม่ได้มีเส้นสนกลใดในท้องที่ เขาก็คงไม่เป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้ แต่เพราะพิทักษ์เป็นหลานชายของคุณเทียม และเวลานี้คุณเทียมกำลังล้ำเส้นผลประโยชน์ของเขา!


   แต่...คุณเทียมเป็นผู้มีอิทธิพลใหญ่ ต่อให้โกรธแค้นอยากจะฆ่าให้ตายเพียงใด เขาคนเดียวย่อมทำไม่ได้ หนำซ้ำ...เวลานี้จะไปหาพวกพ้องจากไหนมาร่วมมือด้วย ในเมื่อแม้กระทั่งกลุ่มทุนที่เคยหนุนหลังเขา ยังแปรพักตร์ไปใช้บริการของ ‘ไอ้เทียม’ กันจนหมด!


   ในเมื่อทำอะไรคนที่หมายหัวไม่ได้ ความแค้นจึงพุ่งตรงลงไปที่ใครอีกคนที่เขาคิดว่าคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางวิบัติฉิบหายนี้


   ปลัดจิณณะ!!


   “เก็บมัน!! เก็บไอ้ปลัดนั่น!!!” เมื่ออารมณ์มาเหนือเหตุผล แม้ลูกน้องจะอ้อมแอ้มบอกว่าปลัดจิณณะมีคนติดตามดูแล แต่ไพศาลก็ไม่ฟังอีกแล้ว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว ไร้สติและความยับยั้งช่างใจ สั่งการเด็ดขาดให้ปลิดลมหายใจของต้นตอปัญหาทั้งหมด


   “ถ้าไม่เก็บไอ้ปลัดนั่นภายในสัปดาห์นี้!!! กูจะสั่งเก็บพวกมึง!!!”


   ลูกน้องของไพศาลรีบรับคำแล้วพากันออกจากห้อง ใบสั่งตายของปลัดจิณณะถูกกำหนดขึ้นแล้ว ทันทีที่โอกาสอำนวย ลมหายใจสุดท้ายจะต้องมาถึง!

…………………..
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-03-2019 22:23:02


‘ก๊วนคนแก่’ เอาเข้าจริงแล้วไม่แก่สมกับอายุเลย กลุ่มของท่านนพพรแม้จะประกอบด้วยคนเลยวัยเกษียณมาหลายปี แต่อย่าได้ดูถูกริ้วรอยบนใบหน้า ผมสีเข้มแซมขาว ศีรษะล้านเถิก กับแว่นสายตายาวในกระเป๋าอกเสื้อ เพราะคนเหล่านี้ออกกำลังเป็นกิจวัตร เดินเก่งเดินทนมากกว่าปลัดหนุ่มอายุรุ่นลูกรุ่นหลานที่ขอตัวเข้าไปรอในคลับกอล์ฟตั้งแต่พ้นหลุมแรก


ส่วนเจ้าของสนาม…


พิทักษ์ติดตาม คอยอำนวยความสะดวก เป็นแม้กระทั่งเด็กขับรถกอล์ฟให้ บริการอย่างดีจนท่านนพพรยิ้มกว้างชอบใจ ตอนจะกลับยังไม่วายตบหลังตบไหล่ชายหนุ่มอย่างชื่นชม


“เสียดาย ถ้ามีลูกสาวโสดๆสักคน จะชวนคุณพิทักษ์มาเป็นลูกเขย”


พิทักษ์ชะงัก จิณณะที่ยืนส่งผู้ใหญ่อยู่ด้วยกันก็พลอยชะงัก แต่ต่างคนต่างไม่พูดอะไร มีเพียงพิทักษ์ที่ยกยิ้มเล็กน้อย เป็นฝ่ายคนพูดเสียเองที่เหลือบสายตาไปยังข้าราชการหนุ่มที่ยืนเคียงข้างพิทักษ์


“หรือว่า...คุณพิทักษ์ยังสนุกกับชีวิตหนุ่ม?”


“ผมสนุกกับการทำงาน แล้วก็...การมีเพื่อนที่ดีครับ”


ไม่ระบุชัดเจนว่าเพื่อนที่ดีคือใคร แต่ในเมื่อปลัดจิณณะยังยืนอยู่ข้างๆ ก็ราวกับชี้เป้าไปที่เจ้าตัวเท่านั้น


“เป็นชีวิตที่น่าสนใจ...” ท่านนพพรพยักหน้าเออออ แต่ไม่วายพูดต่อ “แต่ถ้า...อยากแต่งงานกับใครสักคนที่ทำให้ธุรกิจของคุณพิทักษ์ไปไกลกว่านี้ บอกผมได้...”


เป็นอีกครั้งที่พิทักษ์ไม่ตอบแต่เพียงยิ้มเฉย ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนเห็นความเงียบนั้นก็พอรู้


เงียบ...ไม่ใช่ไม่ตัดสินใจจึงไม่พูด


แต่เงียบ...คือตัดสินใจแล้วที่จะไม่พูด


หนำซ้ำข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของพิทักษ์กับหลานชายคุณกอบกุลก็เคยเข้าหู เพียงแต่สำหรับคนที่ใฝ่ประโยชน์ส่วนตนย่อมไม่เห็นความสำคัญอะไรกับเรื่องทำนองนี้จึงไม่เก็บมาใส่ใจ


แต่เวลานี้ที่ถูกชะตาชายหนุ่มนิ่งสงบอย่างพิทักษ์ ก็ชักเสียดายขึ้นมาตงิด


แต่เอาเถอะ...ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่มีความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ใดยืดยาว


“พวกผมถูกใจสนามของคุณพิทักษ์มากนะ ไว้โอกาสหน้าคงได้มาใช้บริการอีก”


“ยินดีครับ”


ชายหนุ่มสองคนเดินไปส่งขบวนสูงวัยที่รถ แล้วครู่ต่อมา ขบวนรถแวนก็เคลื่อนตัวออกจากหน้าอาคารคลับกอล์ฟ พอรถคันสุดท้ายพ้นประตูออกไปแล้ว ปลัดจิณณะก็หมุนตัวเดินกลับเข้าอาคารไปทันที


พิทักษ์ร้องเรียก แต่อีกฝ่ายหายลับพ้นประตูเข้าไปแล้ว ชายหนุ่มรีบก้าวเท้าตามก่อนจะไปทันตอนที่จิณณะรอลิฟต์


พวกเขารอลิฟต์เงียบๆ เข้าลิฟต์เงียบๆ จิณณะเอาแต่ก้มลงมองพื้นไม่เหมือนปลัดอำเภอคนยียวนที่ชอบทำหน้าเป็น ตาใสแจ๋วเลยแม้แต่น้อย


ตอนที่ท่านนพพรพูดเรื่องนี้ รอยยิ้มของพิทักษ์ถือเป็นการปฏิเสธชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้น จิณณะก็ยังหงุดหงิดชายสูงวัยคนนั้นอยู่ดี


...อยู่ดีไม่ว่าดี...เสนอจะหาเมียให้พี่ทิศ!...


ลิฟต์เดินทางแค่อึดใจเดียวเพราะไม่ใช่อาคารสูง จิณณะก้าวเท้าเงียบๆไปยังห้องของพิทักษ์ ตั้งใจว่าพอได้อยู่กันสองคนในที่ที่ไม่เป็นเป้าสายตาใคร เขาจะ...ให้เวลาพิทักษ์แก้ต่างแทนท่านนพพรสักหน่อย


เรื่องที่พิทักษ์มีคนอีกมากที่เหมาะสมคู่ควรและสามารถสร้างความเจริญให้ได้ ไม่ว่าใครก็รู้ แม้แต่ตัวเขาก็รู้ดีว่านอกจากตนเองจะสร้างความเจริญให้พิทักษ์ไม่ได้แล้ว ยังสามารถทำให้พิทักษ์ตกต่ำด้วยปัญหาที่พ่วงขามาอีก แต่เงื่อนไขแบบนี้ พิทักษ์ที่ไม่ใช่คนโง่ ย่อมรู้ดีแก่ใจเช่นกัน ทว่า...ก็ยังไม่ไปไหน


วันนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายยังอยู่ข้างกาย จิณณะก็ไม่รู้จะงี่เง่าเพราะคำพูดของคนอื่นที่เพิ่งจำหน้าจำชื่อได้แล้วเก็บมาสร้างความร้าวฉานทำไม


...เอ่อ...จริงๆแล้วก็เอามาใส่ใจอยู่บ้างนั่นแหละ แต่พอถูกพิทักษ์เรียกชื่อ ถูกเดินตาม แถมสีหน้าและสายตาแสนห่วงใยที่มองมา ก็กลับทำให้ปลัดหนุ่ม...พอใจ...


จะว่าเขาเป็นคนพอเพียงก็ได้ แต่คนไม่ค่อยแสดงสีหน้าอย่างพิทักษ์กลับมองเขาด้วยความเป็นห่วง แถมยังเดินตามไม่ทิ้งก้าวอย่างนี้ มันน่าดีใจมากด้วยซ้ำ


“จิณ...คุยกันก่อน”


“ผมไม่มีอะไรจะคุย” งี่เง่าแล้วก็ต้องทำตัวงอแงบ้าง ตีหน้าเศร้าพูดเสียงเบาเหมือนคนกำลังจมจ่อมกับชีวิตที่แสนตกต่ำ


...ประกาศกร้าวออกจากครอบครัวจะมาอยู่กินกับผู้ชายสักคน ผู้ชายคนนั้นก็ดันมีผู้ใหญ่ที่ไหนไม่รู้หมายตาจะหาผู้หญิงมาให้ น่ารันทดเหมาะแก่การทำหน้าตาอมทุกข์จริงๆ!...


“แต่พี่มี”


ดวงตาของคนที่เอาแต่มองตกกับพื้นเหลือบขึ้นมองคนพูด เพียงเท่านั้นอีกฝ่ายก็ชะงัก สีหน้าของจิณณะเศร้าสร้อยก็จริง แต่ลูกตานี่สิ...หลุกหลิก เจ้าเล่ห์...แต่ก็แค่วูบเดียว เพราะเจ้าตัวหลุบสายตาลงต่ำมองพื้นอีกที พิทักษ์ไม่แน่ใจว่าเขาเหนื่อยเกินไปจนตาฝาดหรือไม่ แต่ก็เริ่มชักเอะใจเพราะรายนี้ขึ้นชื่อเรื่องก่อปัญหาสร้างเรื่อง แถมยังทำอะไรโจ่งแจ้งอีกต่างหาก แม้คราวนี้สีหน้าท่าทางจะไม่โจ่งแจ้ง แต่สายตาทำให้ตะขิดตะขวง


“อย่าไปใส่ใจเรื่องที่ท่านนพพรพูด”


“ผมไม่ได้ใส่ใจ...”


“ไม่ได้ใส่ใจแล้วเดินหนีทำไม”


“ไม่ได้หนี แต่ผมจะ...เอ่อ...กะว่าจะกลับแล้ว...” พูดออกไปแล้วก็งงกับตัวเอง ปากว่าจะกลับแต่ดันขึ้นลิฟต์มาที่ห้องทำงานของพิทักษ์ ก็เพราะตอนนั้นเห็นว่าพิทักษ์เดินตามนั่นแหละ ก็เลย...อยากจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้มีเวลาง้อกันสักหน่อย


 “จะกลับยังไง เอารถมาคันเดียว” ตั้งแต่ย้ายไปอยู่ด้วยกัน รถยนต์ของจิณณะก็จอดทิ้งอยู่ที่บ้าน พิทักษ์เป็นฝ่ายขับรถของตนเองเทียวรับเทียวส่ง


“ผมเรียกรถรับจ้างก็ได้” ปลัดปลาไหล ลื่นไปได้ตลอด


“ไม่กลัวคนตามรึไง” คราวนี้ปลาไหลถูกดักอยู่ในข้องที่ชื่อพิทักษ์ ได้แต่หุบปากเงียบพูดอะไรไม่ออก


“จิณ เรื่องคำพูดของท่านนพพร พี่ไม่เคยคิดจะให้เขาช่วยเรื่องพวกนั้น พี่อยากให้ธุรกิจเจริญก็จริง แต่พี่ทำได้โดยไม่ต้องใช้ทางเลือกที่ท่านนพพรเสนอ”


“แต่พี่จะเจริญมาก เจริญไว ถ้ารับข้อเสนอของท่านพพร”


“ช้าไว มากน้อยขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน เอามาเทียบกันได้ยังไง”


“อ้าว กลายเป็นผมถูกดุ”


“ไม่ได้ดุ แต่พี่ไม่อยากให้จิณเอาตัวเองไปเทียบกับใคร ใครจะสร้างความเจริญให้ใคร จะมากจะน้อย จะช้าจะเร็ว เอามาเทียบกันไม่ได้ วันนี้พี่ตัดสินใจแล้ว ถ้าการตัดสินใจของพี่จะทำให้พี่เป็นยังไงก็ตาม พี่ยอมรับสิ่งที่จะตามมา”


ต้องเป็นคนที่ทำบุญมาด้วยอิฐปูนเสริมใยเหล็ก ชาตินี้ถึงได้เกิดมาหนักแน่นมั่นคงขนาดนี้ อ้อ...อาจจะคาบไม้เรียวออกมาจากท้องแม่ด้วย เพราะแค่พูดเรื่องจริงจัง จิณณะกลับรู้สึกเหมือนถูกดุได้อย่างง่ายดาย


“นี่ขนาดไม่ดุ หน้ายังเครียดอย่างกับจะตัดคะแนนจิตพิสัยผม”


“เราไม่ได้คิดมากแล้วใช่ไหม” แม้จะพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นแล้ว แต่พิทักษ์ก็ยังห่วงเล็กน้อย


ปลัดหนุ่มยกยิ้ม ดวงตากลับมาใสแจ๋วเหมือนเดิมแล้ว


“ผมหายตั้งแต่พี่ตามเข้าลิฟต์มาด้วยกันแล้ว”


พิทักษ์ส่ายศีรษะ เสียรู้คนอย่างจิณณะจริงๆด้วย


“แต่ตอนแรกผมก็ใจเป๋เหมือนกันนะ ท่านนพพรพูดถูก มีคนอีกมากที่ทำให้พี่เจริญ...เอ่อ...ก็ได้ๆ! ผมเองก็ทำให้พี่เจริญได้เหมือนกัน! พอใจยัง?” เพราะอ้างอิงคำพูดของชายสูงวัยคนนั้นขึ้นมาอีก พิทักษ์เลยจ้องดุจนต้องรีบเปลี่ยนคำพูด


“เลิกดุผมได้แล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ผมหิวมากเลยเนี่ย”


“หิวอะไร อยู่แต่ในคลับ”


“อ้าว ผมเป็นปลัดนะ เน้นทำงานบนโต๊ะ จะให้ออกรอบตามท่านๆทั้งหลายแบบพี่ได้ไง พี่เหอะ...หน้าแดงขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะป่วยหรือ” พิทักษ์เลิกคิ้วเล็กน้อย อันที่จริงก็รู้สึกว่าร้อนวูบตามใบหน้าและเนื้อตัว แต่คิดเอาว่าเพราะเขาติดตามคณะของท่านนพพรจนถึงหลุมสุดท้าย แม้จะไม่ได้ออกเรี่ยวออกแรงตีสักหลุม แต่กลับรู้สึกว่าวันนี้ร้อนผิดปกติ


“พี่ไม่สบายรึเปล่า” จิณณะถาม ขมวดคิ้วมุ่นอย่างเป็นกังวล


“ไม่น่า...” ยังตอบไม่เต็มคำ หลังมือของอีกฝ่ายก็ทาบลงกับหน้าผากเขา ปลัดหนุ่มแตะหลังมือของตนเองตามหน้าผากและผิวแก้ม


“ตัวร้อนๆนะ ไปหาหมอไหม พี่มองอะไร ผมวัดไข้ ไม่ต้องมองหวังผลอย่างอื่นเลย” หลังจากโดนดุมาหลายที ปลัดหนุ่มได้โอกาสดุกลับบ้าง พิทักษ์หัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวรู้ได้อย่างไรว่าเขาคาดหวังอย่างอื่น แต่ในเมื่ออยู่ใกล้กันอย่างนี้ แถมยังเป็นจิณณะที่เข้าใกล้เขาก่อนด้วย ก็เลยอดไม่ได้ที่จะตาตกลงมอง...ริมฝีปาก


“รู้อีกว่าหวัง...”


“พี่มันเสือหลับโดนปลุกชัดๆ” ปลัดหนุ่มบ่นอุบ


“แล้วคนปลุกจะรับผิดชอบไหม” ถามหาความรับผิดชอบกันดื้อๆ คนที่ถูกโยนภาระให้เลยได้แต่อ้าปากค้าง ก่อนจะกลายเป็นเม้มปาก ได้แต่มองเมินไปทางอื่น พิทักษ์ชะงักไปเล็กน้อย รู้ตัวว่าเขาปากไวเกินไปทั้งๆที่เคยตกลงกันแล้วว่าจะรอให้ทุกอย่างจบสิ้นเสียก่อน แล้วเราจึงจะมาพูดเรื่องนี้กันใหม่


“ขอโทษ พี่ไม่ได้คิดจะเร่ง...”


“ผมเข้าใจ” จิณณะเองก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาในเวลานี้เหมือนหยุดอยู่ครึ่งๆกลางๆ จะพัฒนาไปมากกว่านี้ ก็เป็นฝ่ายเขาเองที่รั้งรอ จะถอยหลังก็เป็นฝ่ายเขาอีกเช่นกันที่ไม่อยากปล่อยมืออีกฝ่ายไป


“ผมขอแค่ให้เรื่องนี้จบลง ถ้าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ผม...จะรับผิดชอบพี่ทุกอย่าง”


ทั้งๆที่พูดด้วยความตั้งใจจริง แต่พอพูดออกไปแล้วก็เกิดเป็นความเงียบลอยเคว้งอยู่รอบตัวพวกเขา ฝ่ายคนพูดนั้นประดักประเดิดหนัก ในขณะที่พิทักษ์ถึงกับต้องหันหน้าหนีไปกลั้นหัวเราะ


‘จะรับผิดชอบทุกอย่าง’


พูดอย่างกับพิทักษ์เสียตัวให้แล้วอย่างนั้นล่ะ


“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย! ก็พี่เรียกร้องให้ผมรับผิดชอบเองนะ!” ปลัดหนุ่มโวย พิทักษ์ไม่แย้งแต่หัวเราะเดินนำออกจากห้องทำงาน มีจิณณะเดินบ่นตามหลังไม่หยุด


พิทักษ์ยิ้มกว้าง จิณณะหน้าหงิก


โชคดีเหลือเกินที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ฝ่ายออฟฟิศที่ชั้นบนของสนามกอล์ฟไม่มีใครมาทำงาน ไม่อย่างนั้นภาพหาดูยากราวกับโลกตาลปัตรแบบนี้คงได้เป็นที่เล่าลือปากต่อปากไปอีกหลายวัน!

…………………..

คนป่วยเริ่มอาการไม่ค่อยดีมากขึ้น


เช้าวันอาทิตย์ เจ้าของบ้านยังคงนอนซมอยู่บนเตียง จิณณะที่นอนอีกห้องหนึ่ง พอตื่นแล้วลงมาชั้นล่างของบ้านปรากฏว่ายังปิดเงียบ ทั้งๆที่พิทักษ์ติดนิสัยตื่นเช้า เขาจึงถือวิสาสะขึ้นไปแง้มประตูห้องนอนใหญ่ดู


เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน แต่คนบนเตียงกลับซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม


ปลัดหนุ่มกลายร่างเป็นหมอ ก้าวเท้าดุ่มๆเดินไปแตะหลังมือกับหน้าผากของคนบนเตียงทันที


พิทักษ์ตื่นได้พักหนึ่งแล้ว แต่อาการปวดหัวและเป็นไข้เล่นงานจนไม่อยากลุกไปไหน พอถูกสัมผัสบนหน้าผาก เขาจึงปรือตาขึ้นมอง


“ป่วยทำไมไม่ไปเรียก” คุณหมอจำเป็นบ่นอุบ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พิทักษ์ได้เห็นสีหน้าเป็นห่วงผสมหงุดหงิดใจของอีกฝ่าย ทว่าก็น่าเสียดายที่พิษไข้ทำให้เขาไม่อาจลืมตาได้นาน จำต้องหลับตาลง


“จิณออกไปเถอะ เดี๋ยวติด”


“แล้วทิ้งพี่นอนซมอย่างนี้น่ะหรือ” จิณณะย้อนทันควัน คนป่วยลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง สายตาของพิทักษ์ดูอ่อนล้าและอ่อนเพลีย สมกับที่ต้องการการพักผ่อน แต่ก็แฝงแววซาบซึ้งใจ


ทว่าแม้จะดีใจที่จิณณะจะไม่ทิ้งไปไหน แต่ก็เป็นกังวลว่าจะแพร่เชื้อหวัดให้คนที่ยังสุขภาพแข็งแรง


“นอนพักก็หาย”


“พี่นอนมาตั้งแต่เมื่อคืน แล้วตอนนี้หายยัง?” เวลานี้ปลัดจิณณะจะย้อนอะไร พิทักษ์ก็คิดคำพูดไม่ทันแล้ว กลายเป็นความกระหยิ่มในใจคนสุขภาพแข็งแรง


อย่างแรกคือเมื่อวานออกไปด้วยกัน แต่พิทักษ์ป่วย ส่วนเขายังสบายดี แสดงว่าเขาแข็งแรงกว่า ซึ่งจิณณะข้ามเงื่อนไขที่ว่าพิทักษ์ติดตามก๊วนสูงวัยออกรอบตั้งแต่เช้าตรู่ ดูแลบริการไม่ขาดตกบกพร่อง ในขณะที่คนที่ออกตัวว่าเป็นข้าราชการทำงานในห้องแอร์ นั่งกระดิกเท้ายิกๆรอที่คลับกอล์ฟ


อย่างที่สองคือพิทักษ์ป่วย จิณณะสบายดี เพราะฉะนั้น คนป่วยไม่มีเรี่ยวแรงจะดุ แต่คนไม่ป่วยมีสิทธิ์ดุได้ทุกกรณี!


เพราะฉะนั้น…ไปให้สุด แล้วค่อยหยุดเมื่อพิทักษ์หายป่วย!


“ร่างกายไม่แข็งแรงก็แทนที่จะให้ลูกน้องที่สนามดูแลพวกท่านๆเมื่อวาน ดันหาเรื่องตามออกไปขับรถกอล์ฟให้ กลับมาแล้วแทนที่กินข้าวเสร็จจะพัก ก็ยังหยิบโน้ตบุ้คมาทำงานต่อ เมื่อคืนนอนกี่โมง”


“งานมันต้องทำ”


“ตอบไม่ตรงคำถาม ถามว่าเมื่อคืนนอนกี่โมง” พอได้ลองเป็นฝ่ายดุบ้าง จิณณะก็ชักรู้สึกฮึกเหิม ยิ่งเห็นพิทักษ์มองเขาตาปริบๆ เถียงอะไรไม่ออก ก็ยิ่งรู้สึกถึงอำนาจในกำมือ


จะดุอะไรก็ได้ จะพูดอะไรก็ได้ เพราะคนป่วยลุกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ ไม่ต้องนึกเลยว่าจะเถียงเขาทัน


“แล้วโหมงานจนป่วย ต้องนอนซมแบบนี้คุ้มไหม”


“ออกไปเถอะ เดี๋ยวติด” พิทักษ์ย้ำประโยคเดิมแล้วอาศัยแรงเฮือกสุดท้ายยกมือขึ้นโบกเป็นเชิงให้คนบ่นออกจากห้องไปเสีย รู้สึกตัวแสบจะเอาใหญ่ เห็นเขานอนซมไม่มีแรงลุก เลยเล่นงานบ่นเขาเป็นชุด


“ผมไปแน่ แต่ไปทำข้าวต้มให้ กลับมาอีกทีพี่ต้องกินข้าวกินยา ไม่ต้องมอง ผมทำข้าวต้มเป็น” คนแข็งแรงพูดอย่างมาดมั่น แต่ไม่มีทางปริปากเด็ดขาดว่า ‘ทำเป็น เพียงแต่ไม่เคยทำ’


ปลัดผู้สุขภาพดีเพราะอยู่แต่ในห้องปรับอากาศเดินอาดๆออกจากห้องไปชนิดที่คนป่วยยังมองตามอย่างหมั่นไส้จนเผลอยิ้ม ตั้งแต่เกิดมา นอกจากมารดาและมารดาเลี้ยง ก็ไม่เคยมีใครมายืนบ่นตอนเขาป่วยอยู่ข้างเตียงอย่างนี้ หลายปีที่ออกมาอยู่เพียงลำพัง พิทักษ์เคยป่วยจนต้องหยุดพักอยู่ที่บ้าน แต่ก็อาศัยดูแลตนเอง หากไม่หนักหนาสากรรจ์ ก็ไม่บอกกล่าวใครเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง แต่วันนี้...ชีวิตที่มีใครอีกคนเข้ามาด้วย ก็เลยได้รู้สึกถึงการมีใครสักคนอยู่เคียงข้างในวันที่เจ็บป่วยอ่อนล้า


...ครอบครัว...


หนวกหูอยู่บ้างตอนถูกบ่น แต่...ก็อุ่นใจที่ได้รับรู้ความห่วงใย


ชายหนุ่มหลับตาลง พิษไข้ทำให้อ่อนล้า แต่ถึงอย่างนั้นที่มุมปากของเขากลับมีรอยยกเล็กน้อย


แม้จะป่วย...แต่ก็อุ่นใจ


……………………


คนที่ออกปากว่า ‘ทำข้าวต้มเป็น’ นั้น ในความเป็นจริงคือไม่เคยทำเลยสักถ้วย รู้แค่ว่าใส่ข้าวใส่น้ำแล้วตั้งไฟ แต่อย่าถามเรื่องชั่งตวงวัด เพราะฉะนั้นเดาได้ล่วงหน้าว่ารสชาติออกมาต้องแย่มากๆ


แล้วคนอย่างจิณณะก็เป็นพวกหน้าใหญ่เสียด้วย ออกตัวแรงว่าทำเป็น แต่จะให้รสชาติออกมาเป็นข้าวที่ต้มกับน้ำเปล่าก็จะหน้าแหกต่อหน้าคนป่วยเข้าล่ะ


วินาทีแรกที่คิดถึงตัวช่วยเรื่องทำอาหาร เขาคิดถึงมารดา แต่พอคิดอีกที วาจาที่ลั่นไปแล้วว่าจะไม่กลับไปอีก และไม่อยากให้การติดต่อกลับไปครั้งนี้กลายเป็นการตั้งความหวังให้แก่จรรยา จิณณะจึงต้องหาตัวเลือกอื่น


หรือจะเปิดหาสูตรตามอินเตอร์เน็ต?


ก็รับประกันไม่ได้อีกเหมือนกันว่าทำตามสูตรแล้วรสชาติจะออกมาถูกปากคนป่วย


...เดี๋ยว! ถ้าจะเอาแบบถูกปากคนป่วยก็ต้องถามจากคนใกล้ชิดของคนป่วย ซึ่งมีอยู่คนเดียวที่นอกจากจะใกล้ชิดแล้วยังทำอาหารเป็นด้วย...


...จิดาภา!...


แม่เลี้ยงของพิทักษ์และน้าสาวของเขา!


พอคิดถึงตัวเลือกนี้ ชายหนุ่มก็กดโทรศัพท์หาทันที


“น้าภา ตอนนี้คุยได้ไหมครับ พอดี...พี่ทิศไม่ค่อยสบาย เป็นไข้ ผมจะทำข้าวต้มให้เขา แต่...เอ่อ...ไม่แน่ใจว่าพี่ทิศชอบกินข้าวต้มรสชาติแบบไหน” เรื่องอะไรจะถามอย่างตรงไปตรงมาว่าทำอย่างไร หากสุดท้ายจิดาภามาเล่าให้พิทักษ์ฟัง ก็รู้กันหมดว่าเขาถามวิธีทำจากน้าสาว


“เอ?...ใส่แค่ซุปก้อนอย่างเดียวก็พอหรือ อ้อ...ใส่น้ำมากๆหน่อย ได้ครับ ใส่ผักกาดด้วยเพราะพี่ทิศชอบกิน ต้องต้มเละมากไหม โอเค ขอบคุณครับน้าภา” จิณณะวางสายทันทีที่ได้ข้อมูล แล้วเบี่ยงปลายเท้าไปเปิดตู้เย็น


ฟังจากปากน้าสาวก็ไม่เห็นจะมีอะไรยาก วัตถุดิบไม่กี่อย่าง แถมยังมีติดตู้เย็นทุกอย่าง ส่วนฝีมือ...ปลัดหนุ่มยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ


ไม่มีอะไรที่จิณณะคนนี้ทำไม่ได้!


………………….


ข้าวต้มใส่ผักกาดที่ต้มจนเปื่อย รสชาติใช้ได้เพราะใส่ซุปก้อนกึ่งสำเร็จ ถูกตักใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นไปยังห้องนอนใหญ่ของบ้าน หน้าตาคนทำนั้นดูโอ่เสียจนพิทักษ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาทานยังต้องเลิกคิ้ว แล้วพอเขาเห็นผักกาดในข้าวต้มก็ต้องเงยหน้ามองคนทำอีกครั้ง


“ใส่ผักกาด?” จิณณะทำหน้าเป็นเชิงว่าใช่แล้ว ก็เห็นอยู่นี่


“รู้ได้ยังไงว่าพี่ชอบกินข้าวต้มใส่ผักกาด” ปลัดหนุ่มชะงัก เริ่มรู้สึกว่าตนเองพลาดมหันต์ที่ใส่ผักกาดลงในข้าวต้ม ทั้งๆที่ไม่น่าจะมีใครใส่


“โทร.หาแม่ภาใช่ไหม” แม้จะป่วย แต่พิทักษ์ก็ยังรู้ทัน


“ผม...ก็แค่โทร.บอกน้าภาว่าพี่ป่วย น้าภาเลยแนะนำว่าให้ผมใส่ผักกาดในข้าวต้มด้วย” คนป่วยพยักหน้าเออออ ก่อนจะตักข่าวต้มข้าวปาก จิณณะชำเลืองมองเห็นอีกฝ่ายตักทานเรื่อยๆก็ชักยิ้มออก


“อร่อยใช่มะ พี่ทิศมีบุญมากนะ นี่ข้าวต้มถ้วยแรก...” คนขี้โอ่หลุดปากอวดตัวไปแล้วก็แทบจะหุบปากไม่ทัน ซึ่ง...อันที่จริงก็คือไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายได้ยินเต็มสองหู


...ข้าวต้มถ้วยแรก...


พิทักษ์หัวเราะเบาๆในคอ แต่ไม่พูดอะไร ตักข้าวต้มทานจนหมดถ้วยแล้วทานยา จากนั้นจึงเอนตัวลงนอน คนพูดเก่งแต่หลุดปากไปคำใหญ่เมื่อครู่นี้สงบปากสงบคำเก็บถ้วยเก็บแก้วเพื่อออกจากห้อง หนึ่งคือเพื่อให้คนป่วยได้พัก สองคือต้องโกยหน้าแตกหมอไม่รับเย็บออกไปด้วย


“เดี๋ยวผมไปอยู่ห้องนู้น ถ้าพี่อยากได้อะไรก็เรียกนะ ผมจะเปิดประตูไว้” จิณณะหมายถึงห้องของตนเองที่อยู่ตรงข้าม ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินออกจากห้อง ทว่าเสียงคนป่วยกลับเรียกเอาไว้


“จิณ...” เจ้าของชื่อหันมอง พิทักษ์นอนอยู่บนเตียงมองมาที่เขา


“ข้าวต้มอร่อย...” คำชมสั้นๆ มาพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆของคนป่วยที่ยังเพลีย เป็นคำชมที่คนป่วยอยากบอก และเป็นคำชมที่พ่อครัวจำเป็นอยากได้ยินที่สุด


แม้ข้าวต้มจะเป็นอาหารง่ายๆ แต่ช่วงเวลาที่อยู่หน้าเตา ความกังวลประเดประดังจนตกประหม่า กังวลว่าพิทักษ์จะทานไม่ได้ กังวลว่าจะไม่ถูกปาก กังวลว่าถ้าพิทักษ์ไม่ทาน แล้วจะทานยาได้อย่างไร จะหายป่วยหรือไม่


แต่ท้ายที่สุดคำชมของพิทักษ์ปลดทุกความกังวลในใจของเขา


จิณณะไม่ได้ออกตัวคุยโวอวดฝีมือกลับไป ทำเพียงแค่ส่งยิ้มจาง


“หายไวๆนะพี่” ร่างของปลัดเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่คำพูดของเขายังคงผลิดอกเป็นความอบอุ่นจางๆอยู่ในอกของคนป่วย


พิทักษ์หลับตาลงอีกครั้ง อุ่นท้องเพราะข้าวต้มฝีมือจิณณะ อุ่นใจเพราะคำพูดของจิณณะ


ดีเหลือเกิน ที่จิณณะอยู่กับเขาในวันนี้


…………………..


แม้หลานชายจะบอกว่าพิทักษ์แค่ป่วยเป็นไข้หวัด ไม่เป็นอะไรร้ายแรง แต่จิดาภาเลี้ยงดูลูกเลี้ยงคนนี้มาตั้งแต่เขายังเด็ก พอวันนี้ได้ยินว่าเขาป่วย ก็ย่อมอดไม่ได้ที่จะชวนสามีมาเยี่ยมเยียนที่บ้าน


ตอนที่หล่อนและทศพรมาถึง พิทักษ์ก็หลับไปอีกรอบแล้ว สองสามีภรรยาไม่อยากรบกวนการพักผ่อน จึงเข้าไปดูอาการเล็กน้อย เห็นมีเจลลดไข้วางอยู่บนหน้าผาก และจิณณะแจ้งว่าคนป่วยทานข้าวทานยาแล้ว พวกเขาจึงลงมายังชั้นล่าง ทศพรแยกไปหาพี่ชายอย่างคุณเทียม และนัดแนะว่าจะกลับมารับภรรยา บ้านทั้งหลังจึงเหลือเพียงคนป่วยที่ยังนอนหลับอยู่ชั้นบน และสองน้าหลานที่ชั้นล่าง


“ดีนะที่จิณอยู่แถวนี้ ทิศป่วยแล้วชอบไม่บอกใคร บางทีก็นอนซมคนเดียว พอหายถึงได้ยอมบอกว่าป่วยจนหายแล้วนั่นแหละ” จิณณะพยักหน้ารัวๆสนับสนุนคำพูดของน้าสาว เพราะถ้าเขาไม่ฉุกใจเข้าไปดูในห้อง ก็คงไม่รู้ว่าคนที่ดูท่าไม่ดีตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้นอนซมเป็นไข้


“แล้วข้าวต้มใส่ผักกาดเป็นยังไงบ้าง ทิศทานได้ไหม”


“ทานได้ครับ หมดถ้วยเลย” ความภาคภูมิใจปิดไม่มิดจนจิดาภายังมองเห็น หล่อนหัวเราะอย่างเอ็นดู


“น้าเพิ่งรู้ว่าจิณทำอาหารเป็นด้วย ตอนเด็กๆเห็นป่วนอย่างเดียว” คนโอ่เมื่อครู่ยิ้มแห้งลงเล็กน้อย


ความจริงแล้ว ก็ยังทำไม่เป็นเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมที่ว่าฉลาด เลยโทรไปถามสูตรเด็ดจากน้าสาวนี่ไง


“แล้วจิณจะต้องไปไหนไหม ถ้าจะไปก็ไปได้นะ เดี๋ยวน้าเรียกป้าไพมาอยู่ที่นี่เอง” คำถามของจิดาภาคราวนี้ทำเอารอยยิ้มของจิณณะแห้งลงหนักกว่าเดิม


หล่อนคงไม่รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ใกล้และบังเอิญมาที่นี่ในวันที่พิทักษ์ป่วย แต่เขาอยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว และ...ตั้งใจจะดูแลคนป่วยในฐานะ...


...คนที่มีความรู้สึกดีๆต่อกัน...


แต่พอมองหน้าน้าสาว คำพูดของเขาในวันที่ไปขอให้พิทักษ์มาช่วยเหลือก็ดังย้อนกลับเข้ามาในสมอง วันนั้นเขาพูดกับจิดาภาโดยไม่ได้ทำนายอนาคตของตนเองล่วงหน้าว่าจะรู้สึกเช่นนี้กับพิทักษ์ ถึงได้เอ่ยออกไปอย่างมาดมั่น


‘...ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ผมยินดีเคลียร์ทุกอย่างเพื่อพี่ทิศจะได้กลับมามีชีวิตแบบเดิม’


แต่เวลานี้...หากทุกอย่างจบลง ชีวิตแบบเดิมของพิทักษ์ที่ไม่มีเขา อิสรภาพแบบเดิมที่พิทักษ์เคยมี ก็ย่อมอยากยึดเอาไว้ เพื่อไม่ให้พิทักษ์ไปไหนอีกแล้ว


“จิณ...” เสียงเรียกของน้าสาวดังขึ้น ทำเอาจิณณะรู้สึกตัว เขาเสยิ้มกว้าง


“ผมไม่มีธุระอะไรหรอกครับ เดี๋ยวช่วยดูพี่ทิศให้ ไม่ต้องให้ป้าไพมาหรอก วันนี้วันอาทิตย์ แกจะได้พักผ่อน”


“แล้วจิณไม่พักผ่อนหรือ” น้าสาวย้อนถาม เห็นหลานชายวัยหนุ่มที่ควรจะใช้ชีวิตเที่ยวเล่นหรือคบหากับใครสักคนที่รู้ใจแต่ต้องขลุกตัวอยู่กับคนป่วยแบบนี้ ก็ชักสงสาร


“ผมก็นั่งๆนอนๆอยู่ที่นี่ไง ผมเป็นผู้ชายด้วย เผื่อพี่ทิศจะให้ช่วยอะไร จะได้สะดวก” พอหลานว่ามาอย่างนั้น จิดาภาก็ไม่คัดค้าน หล่อนเลี้ยวเข้าครัว ออกปากว่าจะต้มโจ๊กให้ลูกเลี้ยง จิณณะแทบอยากจะบอกว่าให้ต้มเผื่อทั้งกลางวันและเย็นไปเลย เขาจะได้ไม่ต้องโชว์ฝีมือมากนัก


น้าสาวเปิดตู้นั้น ดูตู้นี้เพื่อหาอุปกรณ์และวัตถุดิบสำหรับทำอาหารให้คนป่วย แต่อะไรหลายอย่างที่ปรากฏแก่สายตากลับทำให้หล่อนไล่เปิดทีละตู้ กวาดตาดูทีละชั้น ก่อนจะหันมามองหลานชายที่ยืนให้กำลังใจอยู่ที่ประตูครัว


“จิณ”


“ครับ?”


“จิณ...ย้ายมาอยู่ที่นี่หรือ”


คำถามนั้นของจิดาภา ทำเอาคนเป็นหลานถึงกับลืมหายใจ!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ตอนหนึ่งๆก็จะมีประมาณแปดล้านอารมณ์นะคะ ฮ่าฮ่า แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ปลัดจิณพยายามกอบกู้ความเป็นพระเอก(?) ด้วยการดูแลคนป่วยแล้วนะ แต่ไม่รู้จะกู้ได้เยอะขนาดไหนนี่สิ

ของแบบนี้บางทีไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ นอนซมๆแบบพี่ทิศก็เป็นพระเอกได้นะ ปลัดเขาจะรู้มั้ยน้ออออ

พี่ทิศกับปลัดจิณเป็นคู่ที่วิบากกกรรมเยอะมากๆเลยค่ะ ไม่รู้ชาติที่แล้วทำบาปกรรมอะไรมา ชาตินี้บอกรักกันสักคำยังบอกกันไม่ได้ (แต่เขาก็มองตารู้ใจนะเออ) แถมอุปสรรคเยอะแยะไปหมด แต่เอาเป็นว่า เมื่อถึงเวลาที่หมดกรรม บัวจะหาทางคืนกำไรให้แล้วกันนะคะ ฮ่าฮ่า
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม ทุกกำลังใจ และพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 21-03-2019 22:54:44
ปลัดจิณจะทำให้พี่ทิศหลงไปถึงไหน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-03-2019 22:55:29
อื้อหือ จะมีฉากบู้ไหมเนี่ย นายไพศาลเล่นสั่งเก็บจินขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-03-2019 22:56:40
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 21-03-2019 22:56:56
ได้ยินคำถามของคุณน้าแล้วทางนี้ก็เข่าอ่อนไม่แพ้จิณณะเลยค่ะ  :ling3:  แต่ไพศาลนี่ก็คือจะไม่ยอมหยุดจริงๆ เหมือนขาดการยับยั้งชั่งใจไปเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 21-03-2019 22:57:51
หวังว่าความมั่นคงของทั้งสองคนจะช่วยให้ในที่สุดจะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ด้วยดี เพราะช่วงคืนกำไรเท่านั้นที่เราต้องการเป็นสำคัญ 555

ผู้ใหญ่ต่างหวังแยกทั้งสองอยู่แล้ว ก็ไม่รู้ทิศทางจะออกมาแบบไหน พี่ทิศคนดีคงไม่ยอมง่ายๆ นิ่งๆ แบบนี้ ร้ายไม่เบา ส่วนจิณต้องดู จะยอมแค่ไหนเพื่อพี่ทิศ

ส่วนคนที่คิดจะเก็บจิณณะ คงไม่ง่าย แต่ก็คงเป็นเหตุไม่น้อย โอ๊ยยย เป็นห่วง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-03-2019 23:01:39
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 21-03-2019 23:05:34
....แต่ในเมื่อรวมตัวเป็นกลุ่มทุน ความเชื่อใจต้องมี ความเชื่อใจในที่นี่หมายถึง ‘กูจะปิด ถ้ามึงปิด แต่ถ้ามึงเปิด กูก็เปิด’ ....
  อันนี้ชอบมาก คือใช่เลย
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-03-2019 23:24:48
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-03-2019 23:28:06
เอาแล้วจ้าาความแตกจ้าา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-03-2019 23:35:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 21-03-2019 23:40:01
โถ~~~ ความแตกจนได้เนอะปลัด ^^"

เป็นคู่แห่งความช่วยเหลือ พี่ทิศคือดาวประจำตัวปลัดจริงๆ (นี่แอบคิดถึงพี่โตกับน้องจอม...ไม่ต่างกัน ขยันมีเรื่องเหลือเกิน 555)

หวังว่าผู้ติดตามจะระแวดระวังภัยได้ดี ไม่มีเรื่องร้ายนาจา...กลัวคุณย่าอาละวาดมาก พูดเลย เหอๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 21-03-2019 23:40:43
พ่อพระเอกจิณ !!!!
วิธีการดุพี่ทิศตอนป่วยนั้น...
มันเหมือนอาการเมียบ่นผัวมากกว่านะ 555

นอนป่วยๆ อย่างพี่ทิศรัศมีพระเอกก็เปล่งได้   :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 22-03-2019 00:03:30
อะหือออ ข้าวต้มใส่อะไรลงไปนะพี่ทิศถึงได้ทานหมดถ้วยแบบนั้น อ่อออ ใส่ใจ แอร๊ยยยย  :o8:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 22-03-2019 00:19:08
นอกจากความรู้สึกของทั้งสองคนแล้ว ทุกอย่างคือยากไปหมด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-03-2019 00:24:46
หลายอารมณ์จริงตอนนี้
แต่คุณแม่จับได้ไวมาก 555555555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-03-2019 01:06:37
คิดถึงตอนที่คุณบัวจะคืนกำไรให้ทั้งคู่แล้วจักจี้หัวใจรอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 22-03-2019 02:55:08
น้าภาใจเย็นเด้ออออออ :z2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 22-03-2019 04:21:15
ปลัดจะตอบยังไงเนี่ยลุ้นลุ้นลุ้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 22-03-2019 06:58:46
อยากบอกปลัดจิณว่า "บ่นเป็นเมียเลยนะ"
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-03-2019 08:10:51
คุณปลัดเก่งทุกอย่างเวลาที่พี่ทิศป่วยไม่มีแรงสู้  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-03-2019 08:29:29
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-03-2019 08:56:40
พี่ทิศหายป่วยเร็วๆนะ

ไอ้บ้าไพศาล

มันสังเก็บน้องจิณณ์แล้ว

เมื่อไรจะมีหลักฐานเอา

ไอ้ไพศาลเข้าคุก

แต่คงไม่ได้เข้าคุกอ่ะ

คาดว่าน่าจะโดนตัดตอน

เหมือนที่มันยิงนายทองสุข

ตายคาจานข้าวนั่นแหละ

รอดูวันผลกรรมตามทันมัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-03-2019 10:56:50
หลากหลายอารมณ์เลยตอนนี้ ไพศาลก็สั่งเก็บจิณอีก แถมน้าภาก็จับได้ ขอให้พี่ทิศหายป่วยไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-03-2019 13:20:36
จิณจะรุ้ไหมความเมียหนูสูงมาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 22-03-2019 13:28:14
ปลัดตัวดี พี่เขาป่วยไม่มีแรงดุ ได้ทีบ่นกลับใหญ่ แต่ดันเหมือนเมียขี้บ่น  :hao7:

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 22-03-2019 16:34:20
ใจหายแว๊บแทนจิณเลย น้าภาโปรดเปิดใจกว้างๆด้วยนะคะ ฮืออออออ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-03-2019 18:29:42
แม่ศรีเรือน!!!!
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 22-03-2019 20:27:12
บทนี้น่ารัก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 22-03-2019 22:07:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-03-2019 23:13:04
อะไรกันคะ มาตกม้าตายตอนท้ายได้ไงจิณ
เอ็นดูจิณ ทำแน่ ทำข่มพี่ ก็นะต้องอาศัยเวลานี้แหละ
แล้วมีความอยากดูแล เค้าชมหน่อย ก็ยิ้มแก้มแตกเลย

แต่คิดว่าน้าภาพอรู้มาบ้างนะ ต้องมีมาให้ได้ยินบ้างแหละ
ลุ้นคำตอบของจิณ จะบวกจะลบ

รอพี่ทิศอาการดีขึ้น แล้วจะจัดการลูกแมวยังไงดี 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 23-03-2019 00:47:14
คุณน้าสุดยอดดูของในตู้ก็รู้ว่าจิณอยู่กับพี่ทิศ สุดยอด

ไพศาลลงมือแล้วใครจะเจ็บตัวบ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 23-03-2019 21:19:12
น้าภาเก่งงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chakaimook ที่ 24-03-2019 22:22:45
ทำเอาใจหายใจคว่ำซะทุกตอนเลย  :katai1: :serius2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 27-03-2019 15:48:16
อุปสรรคเยอะมากเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 12...=> หน้าที่ 19 (21/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PsychePie ที่ 27-03-2019 16:01:52
จิณน่ารัก น่าเอ็นดูนะ แต่เรื่องยุ่งๆ ยังรออยู่อีกเพียบ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 28-03-2019 22:05:30
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 13


จิณณะรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจมน้ำ อึกอักพูดไม่ออก หายใจก็ไม่ออก เขาได้แต่กลืนน้ำลายซ้ำๆ คิดหาคำพูดที่ฟังแล้วดีที่สุด แต่...สำหรับคำถามของจิดาภา


‘จิณ...ย้ายมาอยู่ที่นี่หรือ’


ทำให้คำตอบมีอยู่แค่สองอย่าง


‘เปล่าครับ’


กับ


‘ใช่ครับ’


ตอบอย่างแรกคือโกหก และมีสิทธิ์สูงมากที่จะถูกจับได้ไล่ต้อนในอีกห้านาทีหลังจากนี้ ส่วนอย่างที่สอง...ตอบความจริง แต่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอีกห้านาทีหลังจากนี้จะออกหัวหรือก้อย


จิดาภาอาจจะยอมรับได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้...จิณณะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกเลี้ยงที่หล่อนเลี้ยงมาเองกับมือเลย


“จิณ...” เสียงแหบดังขึ้นข้างหลัง ดึงความสนใจจากทั้งจิดาภาและจิณณะให้หันไปมอง


เจ้าของเสียงคือคนป่วยที่ยืนเกาะกำแพงอยู่ ไม่รู้ว่าตื่นเมื่อไรและลงมาทำไม แต่ก็กลายเป็นตัวช่วยเบี่ยงประเด็นจากความอิหลักอิเหลื่อเมื่อครู่นี้ได้อย่างดี


“ทิศ ลงมาทำไมน่ะ” จิดาภากุลีกุจอเดินเข้าไปหาคนป่วยที่ลงจากห้องมายังชั้นล่าง พิทักษ์เพิ่งเห็นมารดาเลี้ยง เขาเหลือบไปมองจิณณะเล็กน้อย ทว่าการมองของเขาอยู่ในสายตาของหล่อนพอดี


“แม่รู้จากจิณว่าทิศไม่สบาย เมื่อกี้ขึ้นไปดูเห็นยังหลับเลยไม่อยากกวน แล้วนี่ทิศลงมาทำไม”


“ผมหิวน้ำ...”


“โธ่ แล้วทำไมไม่เรียก”


“ผมเรียกแล้ว...” พิทักษ์เรียกหาคนที่บอกว่าจะอยู่ห้องข้างๆ แต่เรียกเท่าไรก็ไม่ตอบ อารามเป็นห่วงจึงรีบลงมายังชั้นล่าง ถึงได้พบว่าจิดาภามาด้วย


“แม่กดน้ำให้” จิดาภาพูดแล้วเดินไปยังกระติกน้ำร้อนไฟฟ้า กดใส่ครึ่งหนึ่งแล้วผสมน้ำอุณหภูมิห้องไม่ให้ร้อนเกินไป พอหันกลับมาก็พบว่าจิณณะกำลังช่วยประคองพิทักษ์ให้นั่งลงบนสตูลบาร์ ปากเขาก็บ่นไปด้วย


“ไปนั่งสบายๆที่โซฟาไม่ดีกว่าหรือ”


“นั่งนี่ก็ได้”


“พี่หิวอะไรไหม เอานมร้อนสักแก้วไหม ผมอุ่นให้”


“ไม่เป็นไร แค่น้ำก็พอ” ระหว่างชายหนุ่มสองคนคือบรรยากาศของความห่วงใย บทสนทนาถามไถ่อ่อนโยนจนจิดาภาไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงเพราะกลัวว่าหล่อนจะเข้าไปทำลายโลกของพวกเขา


‘โลกของพวกเขา’ อย่างนั้นหรือ   


ชั่วขณะหนึ่ง จิดาภารู้สึกเหมือนกำลังยืนมองคนคู่หนึ่งที่...เอื้ออาทรต่อกัน คนคู่นั้นมีโลกของพวกเขาที่หล่อนเข้าไม่ถึง เป็นโลกของคนสองคนที่...อบอุ่นและสวยงาม


แต่...คนสองคนที่ว่านั่น หนึ่งคือลูกเลี้ยงของหล่อน และสองคือหลานชายของหล่อน


พวกเขาเป็นชายทั้งคู่...


จิดาภากะพริบตาถี่ๆ สัญชาตญาณบางอย่างทำให้หล่อนก้าวเท้าไวๆเข้าไปหา


“ทิศ น้ำร้อนได้แล้ว” หล่อนเอ่ยแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะตรงหน้าคนป่วย


“ขอบคุณครับ”


เมื่อทั้งลูกเลี้ยงและหลานชายอยู่กันพร้อมหน้า แขกผู้มาเยือนจึงถามซ้ำ




“แม่เห็นจานชามแก้วน้ำเยอะเชียว จิณย้ายมาอยู่กับทิศหรือ”


นอกจากจานชามจะเยอะแล้ว ของสดของแห้งในตู้ก็มากเกินกว่าจะอยู่คนเดียว หล่อนแวะเวียนมาที่นี่อยู่เสมอ แต่ไม่เคยมาครั้งไหนแล้วพบว่ามีของมากขึ้นอย่างนี้ ที่สำคัญ...เมื่อเช้า จิณณะโทรหาหล่อนแต่เช้าเพราะพิทักษ์ป่วย เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าพิทักษ์ไม่สบาย หรือถ้าบอกว่าบังเอิญแวะมาหาในวันหยุด มันก็เช้าเกินกว่าที่คนเราจะแวะเวียนไปหากัน


ทางเดียวที่เป็นไปได้คือจิณณะอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน แต่ข้าวของในครัวบอกให้รู้ว่าที่นี่ไม่น่าจะมีคนมาอยู่เพิ่มแค่เมื่อคืนเพียงคืนเดียว แต่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้พักหนึ่งแล้ว


“ใช่ครับ ผมย้ายมาอยู่ที่นี่” จิณณะไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นภาระในใจคนป่วย เขาจึงเอ่ยปากขึ้นมาเสียเอง


ในเมื่อเขาเป็นคนย้าย เขาก็ควรเป็นคนรับผิดชอบการกระทำของตนเอง


แต่...ใครบางคนแม้จะป่วย ก็ไม่เคยปล่อยให้เขาต้องออกหน้าเพียงลำพัง


“ดีแล้วล่ะครับที่จิณอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีคนรู้ว่าผมป่วย” พิทักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและเชื่องช้า


ปลัดหนุ่มหันมองคนที่ยังหายใจติดขัดเพราะไข้หวัด แม้กระทั่งนั่งยังต้องเอนตัวพิงกับเคาท์เตอร์บาร์เพื่อช่วยพยุงตัว แต่แม้จะป่วยและอ่อนเพลีย ก็ยังช่วยเขา


“เมื่อเช้า จิณทำข้าวต้มใส่ผักกาดแบบแม่ภาด้วย แม่ภาบอกเขาหรือว่าผมชอบทานผักกาด” พิทักษ์ผู้มักมีสีหน้าเรียบเฉย แต่ยามพูดคุยกับมารดาเลี้ยง กลับมีท่าทีอ่อนโยน


“จิณโทรมาบอกว่าทิศไม่สบาย แม่ก็เลยบอกให้เขาทำข้าวต้มใส่ผักกาดด้วย” พูดแล้วก็เหลือบมองหลานชาย จิณณะไม่สบตาหล่อน เอาแต่มองเมินไปทางอื่น


“ทิศไปนอนเถอะไป จะได้หายไวๆ” หล่อนหันมาบอกคนป่วย แต่เวลานี้ ใครก็ดูออกว่าประเด็นที่จิดาภาต้องการถามถึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพวกเขาสองคน พิทักษ์ไม่แน่ใจว่าก่อนเขาจะลงมา มารดาเลี้ยงพูดคุยอะไรกับจิณณะบ้างแล้ว หล่อนล่วงรู้ความสัมพันธ์ของเขาและจิณณะมากเพียงใด อาจจะรู้ อาจจะไม่รู้ อาจจะระแคะระคาย แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเขาไม่รู้ว่าหากหล่อนรู้ หล่อนจะยอมรับเรื่องนี้ได้มากเพียงใด


จิดาภาสำคัญสำหรับเขา จิณณะเองก็เช่นกัน


“ผมนอนมาแล้ว”


“แต่ก็ยังไม่หายอยู่ดี พี่ไปนอนเถอะ” ปลัดหนุ่มเอ่ยปาก สีหน้าของเขาแน่วแน่จริงจัง “...ไปเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” จิณณะย้ำ แม้จะกังวลกับคำพูดของน้าสาว แต่เขาไม่อยากให้พิทักษ์ที่กำลังป่วยต้องมากังวลไปกับเรื่องนี้ด้วย ถึงเวลาที่เขาต้องปกป้องอีกฝ่ายบ้างแล้ว


สายตาของจิณณะบอกให้รู้ว่าขอให้เชื่อใจ แม้พิทักษ์จะเป็นห่วง แต่เขาก็รู้ว่าจิณณะไม่ใช่คนอ่อนแอ นิสัยอย่างผู้ชายย่อมมีความอยากเป็นผู้นำ ยิ่งเขาไม่สบาย เจ้าตัวคงยิ่งรู้สึกอยากเป็นที่พึ่ง


พิทักษ์ยอมพยักหน้า พอเขาขยับตัวลุกขึ้น จิณณะก็เข้าช่วยพยุงอย่างรวดเร็วก่อนจะพาออกจากห้องครัว จิดาภาได้แต่ยืนมอง ได้ยินเสียงพวกเขาคุยกันเล็กน้อย แต่เมื่อเดินตามไปดู ก็พบว่าจิณณะพาคนป่วยไปนอนที่โซฟาหน้าโทรทัศน์แล้ว


“ผมขึ้นไปเอาผ้าห่มให้ พี่นอนข้างล่างนี่ล่ะ จะได้ไม่อุดอู้” แล้วร่างสูงๆของปลัดหนุ่มก็เดินหายขึ้นไปยังชั้นบน จิดาภายังคงยืนมองเงียบๆ อึดใจเดียว จิณณะก็กลับลงมาพร้อมกับผ้าห่มผืนหนา แต่พอพิทักษ์จะลุกขึ้น กลับถูกคนสุขภาพดีดุ


“ไม่ต้องลุกขึ้นมาเลย ผมทำให้” แล้วปลัดก็สะบัดผ้าห่มออกคลุมร่างคนป่วย แม้จะอ่อนล้า แต่พิทักษ์ก็ยังมีรอยยิ้มจาง จิดาภารู้สึกราวกับเป็นคนนอกอีกครั้ง  หล่อนเข้าไม่ถึงโลกของพวกเขา แต่ถึงอย่างนั้นกลับเห็นสายสัมพันธ์บางอย่างระหว่างคนสองคน


เป็นสายสัมพันธ์ที่เบาบาง ทว่าแข็งแกร่ง เต็มไปด้วยความช่วยเหลือเกื้อกูลและพึ่งพากัน


พี่น้อง?


เพื่อน?


หรือว่า...


ความสัมพันธ์บางอย่างปรากฏขึ้นในใจของจิดาภา ทว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้หล่อนสะท้าน ยิ่งหลานชายหันมาสบตา สายตาของเขาก็ยิ่งทำให้หล่อนนิ่งงัน


จิณณะปล่อยให้คนป่วยได้พักผ่อนที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ ก่อนจะเดินมาหาน้าสาว


“น้าภาจะทำอาหารให้พี่ทิศใช่ไหม” เขาพูดเพื่อดึงจิดาภาไปยังห้องครัว ไม่อยากให้อะไรก็ตามที่หล่อนจะพูดจะถาม ต้องเข้าหูคนป่วยให้ไม่สบายใจ ผู้อาวุโสกว่าพยักหน้า ยอมเดินตาม พอพ้นรัศมีการได้ยินของคนที่นอนออยู่บนโซฟาแล้ว จิณณะจึงเอ่ยปากเรียบๆ


“ผมมีปัญหากับคุณย่า เรื่องนี้น้าภาคงได้ยินมาบ้าง พี่ทิศเป็นห่วง เลยให้ผมมาอยู่ที่นี่” จิดาภาชะงักไปเล็กน้อยที่เขาพูดเรื่องที่บ้านขึ้นมา เรื่องที่จิณณะขอออกจากตระกูล หล่อนได้ยินจากพี่สาว พอตระหนักถึงปัญหาที่หลานชายประสบ ก็รู้สึกผิดที่คิดตั้งคำถามกับการที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่


จิณณะหนีร้อนมาพึ่งเย็น การที่เขาจะมาอยู่ที่นี่ก็ไม่แปลก แต่...ทำไมหล่อนกลับรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา


“ผมเป็นพี่ มีแต่น้อง ถึงจะมีลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า แต่ก็ไม่เคยต้องดูแล” จิณณะพูดแล้วหัวเราะเบา เขาพยายามทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด อยู่กับพิทักษ์บ่อยๆ ก็ชักจะรู้จักดูสถานการณ์บ้างแล้ว เวลานี้จิดาภากำลังเคลือบแคลงสงสัยความสัมพันธ์ของพวกเขา หากจะเปิดเผยทุกอย่าง ก็คงไม่ต่างจากสร้างปัญหาเพิ่มในเวลาที่ปัญหาอื่นยังคาราคาซัง


ผลักปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นไปก่อน เอาไว้ให้มีเรี่ยวแรงและเคลียร์ปัญหาที่มีอยู่เดิมให้จบเสียก่อน แล้วจะสร้างปัญหาใหม่ก็...ค่อยว่ากันอีกที


คำพูดของเขาราวกับบอกว่า จะดูแลพิทักษ์ในฐานะพี่ชายน้องชาย แม้คนฟังจะสงสัย แต่เพราะใจหวังให้พวกเขามีสถานภาพอย่างนี้ พอหลานชายออกปาก ใจจึงคว้าหมับกับคำพูดของเขาทันที


“จริงด้วย จิณไม่มีพี่นี่นะ”


“ครับ พี่ทิศเหมือนพี่” ชายหนุ่มย้ำ เพียงแต่เขาไม่บอกอะไรมากกว่านั้นว่าคำว่า ‘พี่’ ย่อมมีความหมายลึกซึ้งกว่าความเป็นพี่น้องธรรมดา


ทว่าสำหรับจิดาภา การย้ำของหลานชายยิ่งทำให้หล่อนยึดมั่น เสี้ยวหนึ่งรู้สึกเหมือนกำลังหลอกตัวเอง แต่ส่วนอื่นๆกลับบอกว่าให้ปักใจกับสถานะ ‘น้อง’ ตามปากของจิณณะ


ความสบายใจ


ย่อมเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไขว่คว้า หากแม้เป็นการหลอกลวงก็ตาม


“ถ้าอย่างนั้นน้องจิณมาช่วยน้าภาทำโจ๊กให้พี่ทิศนะครับ” หล่อนหยอกเอิน จิณณะหัวเราะเบาๆ


“น้าภาพูดซะผมขนลุก ให้เกียรติอาชีพการงานตำแหน่งปลัดของผมด้วย น้องจิณอะไรกัน”


บรรยากาศระหว่างสองน้าหลานดีขึ้นผิดหูผิดตา ชั่ววูบหนึ่ง สายตาของคนเป็นหลานที่มองจิดาภานั้นวูบไหวด้วยความรู้สึกผิด ได้แต่สัญญาในใจว่าหากสะสางปัญหาที่พ่วงขาเขาอยู่ในเวลานี้ออกไปได้ เขาจะสารภาพกับจิดาภาด้วยตัวเอง

…………………..

ก่อนเที่ยง ทศพรกลับมารับภรรยาจากบ้านของลูกชาย พอดีพิทักษ์ตื่นขึ้นมาอีกรอบ จึงได้พูดคุยกับบิดาเล็กน้อย แต่เมื่อสองสามีภรรยาจะกลับ จิณณะเป็นคนเดินออกไปส่งเพียงลำพัง โดยกำชับให้คนป่วยอยู่แต่ในบ้าน อย่าออกไปเจอแดดลมตอนเที่ยง เพราะเกรงว่าไข้จะกลับ


“ฝากทิศด้วยนะ จิณ” ทศพรหันมาบอก จิณณะรับคำ ท่าทางของเขาดูจริงจังรับคำมั่น จนแม้แต่จิดาภาที่เลือกความสบายใจของตนเองด้วยการเชื่อคำว่า ‘พี่น้อง’ จากปากของเขายังอดใจวูบโหวงไม่ได้


บิดาของพิทักษ์ขึ้นเบาะหลังไปแล้ว น้าสาวแท้ๆจึงหันมาทางชายหนุ่มที่ออกมาส่งแทนเจ้าของบ้าน


“ถ้ามีอะไรก็โทร.ไปบอกนะ”


“ได้ครับ”


“น้าต้มโจ๊กเอาไว้เผื่อจิณด้วย ทิศกินคนเดียวไม่หมดหรอก”


“ขอบคุณครับ”


“จิณ...น้าฝากดูแลทิศด้วยนะ”


จิณณะทำหน้าไม่ถูก คำพูดของทศพรและจิดาภานั้นความหมายไม่ต่างกัน ทว่าความลึกซึ้งนั้นต่างกันอย่างชัดเจน เขาสูดหายใจลึกเพื่อตั้งสติก่อนจะเสยิ้มกลับไป ท่องไว้ในใจว่าอย่างไรก็ต้องไม่สร้างปัญหาเพิ่มให้ตนเองและพิทักษ์ในเวลานี้


“ไม่ต้องห่วงครับน้าภา ผมไม่ทำให้พี่ทิศป่วยหนักกว่าเดิมแน่นอน” จิดาภาหัวเราะเบาๆ พยายามเก็บซ่อนความกังวลในใจแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปรากฏร่องรอยในดวงตา


หล่อนไม่พูดอะไรอีก ก้าวเท้าขึ้นนั่งในรถ แต่ก่อนจะปิดประตู ก็ตัดสินใจเอ่ยปากอีกครั้ง


“จิณจำที่สัญญากับน้าได้ใช่ไหม”


ปลัดหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าน้าสาวทวงถามถึงสัญญาเรื่องใด


“ถ้าเรื่องจบ จิณจะคืนชีวิตเดิมให้ทิศ จิณยังจำได้ใช่ไหม”


น้ำลายในคอเหนียวหนืดจนกลืนไม่ลง จิณณะรู้สึกเหมือนหัวใจเย็นวาบ เขาเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งยิ้ม


“จำได้ครับ” เสียงของเขาแหบแห้งลง สบตากับจิดาภาได้แค่วูบเดียวแล้วก็ต้องเบือนสายตาหนีไปทางอื่น


“น้าจะรอ...วันที่จิณและทิศ กลับไปเป็นเหมือนเดิม” ประโยคสุดท้ายของน้าสาวควรจะเหมือนแค่สายลมพัดผ่าน แต่แม้กระทั่งรถยนต์ของทศพรและจิดาภาเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านไปแล้ว คำพูดประโยคนี้ก็ยังคงดังก้องอยู่ในสมองของจิณณะ


‘กลับไปเป็นเหมือนเดิม’


ดวงตาของปลัดหนุ่มมองบ้านที่ตั้งตระหง่านซึ่งกลายเป็นแหล่งพักพิงเดียวของเขาในเวลานี้


เหมือนเดิม...ที่เขาไม่เคยรู้จักที่นี่


เหมือนเดิม...ที่เขาไม่เคยมาที่นี่


เหมือนเดิม...ที่เขาและเจ้าของบ้านหลังนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน


จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อย่างไร ในเมื่อ ‘ใจ’ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

…………………….

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 28-03-2019 22:06:10
อาการของพิทักษ์ดีขึ้นตามลำดับ แต่ก็ยังไม่หายสนิท ไข้ไม่มีแล้วก็จริงแต่ยังไอและหายใจไม่สะดวก จิณณะเสนอให้อยู่บ้านเพื่อพักอีกวันหนึ่ง แต่ติดที่เป็นวันทำงานและพิทักษ์มีประชุมกับพนักงาน คนป่วยที่แม้จะยังไม่หายดีนักแต่เรี่ยวแรงกำลังวังชาก็กลับมาแล้ว จึงเริ่มมีสุ้มเสียงโต้แย้งขึ้นมาบ้าง


“พี่มีประชุม หยุดไม่ได้”


แน่นอนว่าบุรุษพยาบาลจำเป็นผู้ชี้ซ้ายชี้ขวามาตลอดเมื่อวานนี้ พอถูกริบอำนาจคืนก็ชักหน้าบูด


“แต่ก็ยังไม่หาย”


“แค่มีไข้นิดหน่อย วันนี้มีประชุมด้วย”


“ไม่มีสำนึกต่อสาธารณะ ประชุมทั้งๆที่เป็นหวัด เกิดคนอื่นติดหวัดขึ้นมาทำไง” คนบ่นคือคนที่ไม่ได้มีส่วนในการประชุมแต่อย่างใด พิทักษ์รู้สึกเหมือนถูกด่า แต่เอาเป็นว่าวันนี้จะยอมอีกสักวันก็แล้วกัน


“พี่จะใส่แมสก์ครับ” คนป่วยออกตัว ดูท่าแล้วต่อให้จิณณะจะกล่าวหาอะไรมากกว่านี้ ก็คงยืนกรานจะไปประชุมวันนี้อยู่ดี สุดท้ายปลัดเลยยื่นมือออกไปตรงหน้าแทน


“งั้นเอากุญแจรถมา ผมขับให้เอง” คราวนี้คนป่วยไม่คัดค้าน เพราะหากยังอยากไปประชุมทั้งๆที่ป่วย เขาก็ควรจะลงให้กับจิณณะสักเรื่องหนึ่ง


“ผมจะขับไปส่งพี่ที่สนามกอล์ฟก่อน แล้วตอนกลางวันจะแวะไปหา วันนี้ห้ามกินน้ำเย็น ห้ามดื่มกาแฟ เย็นนี้พี่ต้องกลับมาพักผ่อน” จิณณะที่ดูอิรุ่ยฉุยแฉะ กลับเป็นคนเคร่งครัดในพริบตา หน้าตาของเขาดูจะวุ่นวายใจอยู่มากที่คนป่วยทำตัวไม่สมป่วย ลุกจากเตียงอยากไปประชุมวันนี้


“ครับๆ” พิทักษ์อยากจะยิ้มกว้างๆ ทั้งๆที่ควรจะรำคาญกับการจู้จี้จุกจิกของคนข้างกาย แต่จิณณะที่เป็นแบบนี้พบเห็นได้ไม่มากนัก ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมีมุมดูแลคนอื่นอย่างเจ้ากี้เจ้าการอย่างนี้ด้วย


“พี่ยิ้มอะไร ขึ้นรถได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปประชุมสายหรอก” พิทักษ์ไม่ตอบโต้ เดินยิ้มขึ้นนั่งตำแหน่งข้างคนขับ แต่ไม่วายได้ยินเสียงบ่นตามมาอีกชุด


“ประชุมวันนี้ถ้าได้กำไรสักสามร้อยล้าน ช่วยแบ่งผมสักร้อยล้านนะ ขยันประชุมกว่าข้าราชการอีก!”


พิทักษ์สัญญา ถ้าประชุมแล้วได้เงินมากขนาดนั้น ประชุมเสร็จแล้วจะพาจิณณะไปเที่ยวรอบโลกสักสามเที่ยวเลยทีเดียว!

………………….

ถนนยามเช้าวันจันทร์ค่อนข้างเนืองแน่น แต่เมื่อหลุดเข้าสู่ถนนใหญ่ขนาดแปดเลน รถของพิทักษ์ก็เริ่มทำความเร็วได้ในระดับที่ค่อนข้างดี ทุกอย่างดูปกติเหมือนเคย แต่ในสายตาของคนติดตามที่คุณเทียมส่งมาดูแลย่อมรู้ดีว่าไม่ปกติ


ชายฉกรรจ์สองคนในรถตู้สังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามมาตั้งแต่ออกจากหมู่บ้าน คำสั่งแรกที่ได้รับมาจากเจ้านายคือตามดูแลความปลอดภัยพิทักษ์และจิณณะอย่างใกล้ชิด และ...คำสั่งที่สองคือเอาตัว ‘คนตาม’ กลับมาเป็นๆ


รถมอเตอร์ไซค์เร่งความเร็วเพื่อตามรถของพิทักษ์ ดูท่าไม่ดีจนคนของคุณเทียมต้องหันมองหน้ากันเพื่อตัดสินใจดำเนินการขั้นเด็ดขาด


ดูแลความปลอดภัย


และ


จับเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น!


รถตู้เพิ่มความเร็วจนขึ้นมาขนาบข้างรถมอเตอร์ไซค์เป้าหมายแล้วเบียดเข้าหา ครั้งแรกรถมอเตอร์ไซค์อาศัยความคล่องตัวเบี่ยงหลบ แล้วเร่งความเร็วเพื่อแซง แต่รถตู้เร่งตามแล้วเบียดอีกครั้ง เสียงตะโกนด่าทอจากคนขับรถมอเตอร์ไซค์ดังขึ้น แต่คนในรถตู้ไม่มีใครสนใจ หักพวงมาลัยเบียดรถมอเตอร์ไซค์อีกเป็นครั้งที่สาม ถนนเข้าสู่ช่วงทางโค้ง เปิดโอกาสให้รถตู้หักพวงมาลัยพุ่งขวางสุดตัว รถมอเตอร์ไซค์ที่ขับมาด้วยความเร็วเบรคเอี๊ยด เสียงล้อสีไปกับถนนแต่ก็หยุดไม่ทัน ทั้งรถทั้งคนกระแทกเข้ากับตัวรถตู้แล้วกระเด็นตกขอบถนนไป


ทุกอย่างจบลง รถหลายคันบนท้องถนนเห็นเหตุการณ์ แต่เพราะเป็นถนนเส้นใหญ่ การจอดกะทันหันย่อมเป็นอันตราย นอกจากชะลอดูและขับผ่านไปแล้ว ก็ไม่มีใครลงมาช่วยเหลือ แต่คาดว่าอีกไม่นานเกินรอคงมีเจ้าหน้าที่และกู้ภัยมาถึง คนในรถตู้รีบเปิดประตูลงมาคว้าแขนชายสองคนที่ตกถนนไปพร้อมกับมอเตอร์ไซค์


“นายไพศาลส่งพวกมึงมาใช่ไหม?!”


“ใครคือไพศาลวะ?!!” ชายคนหนึ่งตะคอกกลับ ร้องโอดโอย แขนถลอกปอกเปิกเต็มไปด้วยแผลสด ดีว่าสวมหมวกกันน็อกแน่นหนา ไม่อย่างนั้นคงโหม่งพื้นไปแล้ว


ไม่มีใครทันให้ความกระจ่าง รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็เร่งความเร็วผ่านพวกเขาไปประกบรถของพิทักษ์ คนที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์คันนั้นชักปืนออกมาแล้วจ่อยิงที่ตำแหน่งข้างคนขับ


ปัง!


เสียงปืนดังสนั่น รถของพิทักษ์เบรกกะทันหันเป็นคันแรก ตามมาด้วยเสียงเบรกและเสียงแตรของรถยนต์หลายสิบคันที่อยู่บนถนน ก่อนที่มอเตอร์ไซค์คันนั้นจะเร่งความเร็วหนีหายไป


ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่ลงมาจากรถตู้ยืนตกตะลึงแทบลืมหายใจ ปล่อยมือที่ฉุดกระชากคนที่ตนเข้าใจว่าเป็นคนของไพศาลจนอีกฝ่ายร่วงลงกับพื้น แต่ไม่มีใครส่งเสียงครวญทั้งนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าสะเทือนขวัญว่าอะไรทั้งหมด!


รถของพิทักษ์ถูกยิง!


ประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออก ชายหนุ่มในชุดข้าราชการสีกากีลงจากรถพร้อมด้วยมือชุ่มเลือด สีหน้าของเขาตื่นตระหนกและซีดขาว เสียงของเขาดังลั่น


“เรียกรถพยาบาลที! มีคนถูกยิง!!! กด 1669 มีคนถูกยิง!!!”


คนของคุณเทียมได้สติในวินาทีนั้น ผละจากมอเตอร์ไซค์ที่พวกตนเบียดจนตกถนนแล้วพุ่งตัวไปที่เบาะข้างคนขับของรถคันที่ถูกจ่อยิง


ชายหนุ่มที่ถูกยิงมีเลือดชุ่มไหล่ขวา นั่งหายใจรวยรินอยู่บนเบาะข้างคนขับ


ทุกครั้ง...เบาะนี้เป็นที่นั่งของจิณณะ เพราะคนขับคือพิทักษ์


แต่วันนี้...คนขับคือจิณณะ เพราะฉะนั้น...คนที่นั่งข้างคนขับจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก...พิทักษ์


“คุณทิศ!!!”


พิทักษ์ถูกยิง!

……………………..

………………….


   เมื่อเช้า อากาศสดใส แดดแรงเหมือนเคย


   ถนนขนาด 8 เลนมีรถยนต์ไม่ต่างไปจากเช้าวันอื่นๆ จิณณะนั่งอยู่หลังพวงมาลัย เหยียบคันเร่งทำความเร็วปกติ ตอนที่มีอุบัติเหตุรถตู้เฉี่ยวชนกับรถมอเตอร์ไซค์ เขายังเงยหน้าขึ้นมองกระจกส่องหลังเลย ตอนที่กำลังแบ่งความสนใจเป็นสองส่วนคือมองถนนช้างหน้า และมองเหตุการณ์ที่อยู่ข้างหลังผ่านทางกระจก รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็ขับแซงขึ้นมาประกบข้าง ปลัดหนุ่มหันมองฝั่งที่นั่งข้างคนขับตามสัญชาตญาณ วินาทีนั้นเห็นวัตถุสีดำเมื่อมจ่อมาที่กระจกฝั่งที่พิทักษ์นั่งอยู่ จิณณะเบิกตาโพลง แล้วร้องลั่น


   “พี่ทิศ!”


   ชั่วเสี้ยววินาทีที่พิทักษ์หันไปเห็น คนที่ยังไม่หายไข้กลับตัดสินใจอย่างไวด้วยการขยับตัวบังจิณณะเอาไว้


   ‘ปัง!’


   เสียงแรกที่แหวกอากาศดังก้อง ตามมาด้วยเสียงกระจกแตก เสียงเบรก เสียงรถข้างหลังเบรกตามๆกันและเสียงบีบแตร


   ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าผลของมันยาวนานสำหรับจิณณะเหลือเกิน...


ปลัดหนุ่มยืนนิ่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ดวงตาเลื่อนลอยราวกับไม่รับรู้อะไร ข้างกายมีมารดาคอยลูบไหล่ปลอบประโลม พร่ำบอกแต่คำว่า ‘ทิศต้องไม่เป็นอะไร’


เขาก็หวังอย่างนั้น หวังให้พิทักษ์ไม่เป็นอะไร แต่...ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชั่ววินาทีที่เห็นปืน ชั่ววินาทีที่เขาสบตากับมือปืน ชั่ววินาทีที่ปืนเบี่ยงเป้าหมายจากตำแหน่งที่นั่งฝั่งข้างคนขับมายังเขา และชั่ววินาทีที่พิทักษ์ขยับตัวบัง


‘ปัง!’


เสียงนั้นยังก้องอยู่ในสมอง เลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาจากบาดแผล พิทักษ์ที่หายใจรวยรินก่อนจะมาถึงห้องฉุกเฉินแบบไร้สติ ทำให้หัวใจของจิณณะหวาดหวั่นจนแทบหายใจไม่ออก


ทำไมต้องเป็นพี่ทิศ ทำไม...


คนที่ต้องอยู่ในห้องฉุกเฉินตอนนี้ควรเป็นเขาไม่ใช่หรือ กระสุนนัดนั้นมันสำหรับเขา ไม่ใช่สำหรับพิทักษ์


เสียงฝีเท้าดังก้องมาตามทางเดิน เรียกความสนใจจากโกศลและจรรยา สองสามีภรรยาหันมองแล้วถึงกับเบิกตาโตเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นคือชายหญิงวัยปลาย


ชาย...คือคุณเทียม


หญิง...คือคุณกอบกุล


“คุณแม่!” โกศลร้องอย่างคาดไม่ถึง ตอนที่จิณณะโทรศัพท์ไปบอก สองสามีภรรยารีบออกจากบ้านตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาลโดยไม่บอกใคร แต่เวลานี้ต่อให้ไม่บอก คุณกอบกุลก็มาถึงหน้าห้องฉุกเฉินแล้ว


“เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอกันรึไง ไม่บอกฉันสักคำ!” คุณกอบกุลขึ้นเสียงหน้าตึง ก่อนจะเหลือบตาไปมองหลานชายนอกคอก


“แล้ว...นั่นเป็นอะไรรึเปล่า” คำถามไม่ระบุชื่อคนถูกถาม แต่จรรยารีบเขย่าไหล่ลูกชายให้หันมอง


ดวงตาของจิณณะยังคงเลื่อนลอย แต่เมื่อหันมาสบตากับผู้เป็นย่าก็เหมือนจะมีสติรับรู้ขึ้นมาเล็กน้อย เขายกมือไหว้ก่อนจะตอบ


“ไม่เป็นไรครับ แล้ว...คุณย่ามาได้ยังไง” ต่อให้จะเคยเอ่ยปากว่าขอออกจากตระกูลของคุณกอบกุล แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาถือทิฐิอีกแล้ว ในเมื่อใครอีกคนกำลังครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่ในห้องผ่าตัด


หญิงชราเงียบไปอึดใจหนึ่ง คุณเทียมจึงเป็นฝ่ายพูด


“คนของผมเข้าใจว่าคนที่ตามปลัดกับทิศเป็นคนร้าย ก็เลยจับไว้ แต่จริงๆแล้วเป็นคนที่คุณกอบส่งมาดูแลปลัด”


โกศล จรรยาและจิณณะพากันชะงัก ดวงตาของหลานชายเบี่ยงไปมองญาติผู้ใหญ่ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมามาตลอด คุณกอบกุลพูดไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเชิดหน้าคอแข็ง


“คุณเทียมอย่าหาว่าฉันใช้เงินแก้ปัญหาเลย แต่ค่ารักษาของคุณพิทักษ์ครั้งนี้ ฉันจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบเอง เพราะฉัน...ทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่”


หลังจากส่งนักสืบออกตามหาข่าวและคาดเดาได้ว่าจิณณะอาจจะได้รับอันตราย หล่อนจึงว่าจ้างคนตามดูแลหลานชายโดยไม่บอกใคร และมันทำให้คนของคุณเทียมสับสน ความเข้าใจผิดใหญ่หลวงนี้ ทำให้มือปืนตัวจริงมีโอกาสลงมือ


ไม่มีใครคาดถึงว่าหญิงชราผู้นี้จะสนอกสนใจความปลอดภัยของหลานชายนอกคอกถึงเพียงนี้ ทุกคนได้แต่เงียบ โดยเฉพาะจิณณะ...เขาลูบหน้าตัวเองไปมา รู้สึกอื้ออึงไปหมดทั้งใจ วันนี้ที่รับรู้ความห่วงใยจากคนในครอบครัวที่เขาไม่เคยคาดหวัง ได้รับรู้ความรักของญาติผู้ใหญ่ที่ไม่เคยญาติดีกัน แต่กลายเป็นความห่วงใยนั้นกลับส่งผลให้พิทักษ์ต้องอยู่ในห้องฉุกเฉิน


จิณณะพูดไม่ออก หากจะกล่าวโทษว่าเป็นเพราะความห่วงใยของคุณกอบกุล เขาก็ทำไม่ลง เพราะแท้จริงแล้ว เรื่องนี้มันผิดที่เขา...ผิดที่จิณณะไม่เคยคุย ไม่เคยบอกเล่าอะไรให้คุณกอบกุลฟังเลย เมื่อวันหนึ่งหล่อนระแคะระคายและหล่อนลงมือทำอะไรบางอย่าง หล่อนก็ไม่บอกเขาเช่นกัน


แล้วคนรับเคราะห์ก็เลยกลายเป็นพิทักษ์


ปลัดหนุ่มที่เสื้อผ้าเปื้อนด้วยเลือดแห้งกรังได้แต่หันกลับไปมองบานประตูห้องฉุกเฉิน แม้มันจะทึบ มองไม่เห็นอะไรเลย แต่สายตาของเขายังจับจ้องราวกับมองเห็นภายใน ราวกับอยากสื่อสารถึงคนที่อยู่ในนั้น


อยากให้พิทักษ์ฟื้นขึ้นมารับรู้ความห่วงใยที่คุณกอบกุลมีให้เขา จิณณะสัญญาว่าจะเล่าอย่างไม่เคอะเขิน หากพิทักษ์แนะนำให้เขาเตรียมพานพุ่มธูปเทียนไปขอขมาเรื่องที่แล้วๆมา เขาก็จะทำโดยไม่เถียง


ขอแค่พิทักษ์กลับมา


อย่าเป็นอะไรไปโดยทิ้งให้เขาต้องอยู่กับความผิดบาปและความกระอักกระอวลต่อความห่วงใยของคุณกอบกุลเลย


เขาไม่อยาก...ไม่อยากเสียคนสำคัญคนใดคนหนึ่งไปอีกแล้ว


คล้อยหลังคุณเทียมและคุณกอบกุลไม่นาน ทศพรและจิดาภาก็มาถึง สีหน้าของแม่เลี้ยงของพิทักษ์นั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!” เสียงร้องถามดังขึ้นอย่างร้อนรน จิณณะหันกลับไปมอง เห็นมารดาของตนกำลังอธิบายเรื่องราวให้น้าสาวฟัง แต่สายตาของจิดาภากลับพุ่งตรงมาที่เขา ก่อนจะลดลงมองเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดบนร่างของจิณณะแล้วเบิกตาโต ชะงักงันไม่มีแม้แต่เสียง


“ตอนนี้ทิศอยู่กับหมอแล้ว...” จรรยาปลอบ แต่จิดาภาไม่ได้ฟังพี่สาวเลยสักนิด หล่อนก้าวตรงไปหาหลานชาย


“นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง?! จิณ! บอกน้า!”


“พี่ทิศ...ถูกยิง...” เขาพูดซ้ำประโยคเดิมกับที่โทรไปบอกมารดาตนเอง ราวกับสมองมีเพียงแค่ประโยคนี้ที่ไหลวนอยู่ในหัว แววตาที่หม่นหมองของจิณณะเหมือนมีประกายวูบหนึ่ง เป็นประกายของสติและการรับรู้ ทว่าการรับรู้ของเขาในเวลานี้มีเพียงเรื่องเดียว คือการที่พิทักษ์ถูกยิงเพราะเอาร่างตนเองบังเขาเอาไว้


“...เพราะผม...”


จิดาภาแทบทรุดทั้งยืน มองหลานชายด้วยความตกตะลึง จิณณะไม่กล้าสบตาผู้เป็นน้า ได้แต่หันกลับไปมองที่ประตูห้องฉุกเฉิน แต่วินาทีต่อมาแผ่นหลังของเขาก็ถูกทุบดังอั่ก


“ไหนจิณว่าจะไม่มีอะไร! ไหนจิณว่าถ้าเรื่องจบ จะให้ทิศเป็นอิสระ! แล้วมันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง!” จิณณะได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้แผ่นหลังของเขาถูกทุบครั้งแล้วครั้งเล่า มันเจ็บหรือไม่ เขาไม่รู้ เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่หัวใจรู้คือด้านชาไปหมดแล้ว


พิทักษ์ถูกยิงเพราะเขา


ถ้าพิทักษ์เป็นอะไรขึ้นมา


เขาจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย


“พอแล้วภา พอเถอะ” ทศพรดึงร่างภรรยาไปสงบสติอารมณ์ที่มุมหนึ่ง จรรยาไม่กล้าตามไปปลอบน้องสาว ได้แต่ยืนเคียงข้างบุตรชาย หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าจะปลอบฝั่งไหน หรือกล่าวโทษใคร จิณณะผิดหรือที่ตกเป็นเป้าหมาย พิทักษ์ผิดหรือที่เอาตนเองเข้าบังแทน


ไม่มีใครผิดเลย ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว และเวลานี้ทำได้แค่รอ...


รอว่าพิทักษ์จะปลอดภัยหรือไม่


เสียงสะอึกสะอื้นของจิดาภายังดังแผ่ว ในขณะที่จิณณะยืนเงียบอยู่ที่ประตู สองชั่วโมงผ่านไป จนชั่วโมงที่สาม ทิวากร น้องชายของพิทักษ์ซึ่งเป็นหมออยู่ต่างจังหวัดก็มาถึงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล พวกเขาทักทายคุณกอบกุล คุณเทียม จิดาภาและทศพร จรรยาและโกศล แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูและเห็นจิณณะ คนมาใหม่ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย พลางมองเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดที่แห้งเกรอะกรัง


ทิวากรไม่พูดอะไร แต่ตบไหล่ปลัดหนุ่มไปที ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในห้องฉุกเฉินพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล จิณณะอยากตามเข้าไปด้วย แต่ก็เกรงว่าตนเองจะก่อความวุ่นวายมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงทำได้เพียงยืนอยู่กับที่


เข้าสู่ชั่วโมงที่สี่ หมอและทิวากรก็ผลักประตูออกมา จิณณะมีคำถามเต็มหัว แต่คนที่พุ่งตัวมาถึงก่อนกลับเป็นจิดาภาและทศพร จนเขาต้องขยับถอยออกไป


“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ต้องดูอาการเพราะเสียเลือดไปมาก”


ทิวากรหันมาทางบิดาและมารดาเลี้ยง “ผมติดต่อทางกรุงเทพฯแล้ว ถ้าพรุ่งนี้พี่ทิศไปได้ ผมจะเอาเข้าเลย จะให้อาจารย์ช่วยดูให้ด้วย”


จิณณะได้แต่รับฟังเงียบๆ เขาไม่รู้ว่าทิวากรจะให้พิทักษ์เข้าโรงพยาบาลที่ไหนในกรุงเทพฯ และไม่รู้ว่าจะให้ใครช่วยดูแลต่อ แต่เวลานี้แค่ได้รับรู้ว่าพิทักษ์ปลอดภัยก็ดีแล้ว


ดีแล้ว...ที่ไม่เป็นอะไร


“ทิศไม่เป็นอะไรแล้วนะจิณ” เสียงของจรรยาดังขึ้นเบาๆราวกับอยากปลอบประโลมลูกชาย จิณณะหันมองแล้วยกมุมปากเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้


“ไปเถอะครับ”


เมื่อรู้แล้วว่าพิทักษ์จะไม่เป็นอะไร ก็ไม่กล้าเสนอหน้าอยู่ต่อ ทว่าพอชายหนุ่มจะเดินจากไปอย่างเงียบๆพร้อมโกศลและจรรยา เสียงของจิดาภาก็ดังขึ้น


“จำสัญญาที่ให้ไว้กับน้าได้ไหม ที่จะคืนชีวิตเดิมให้ทิศทันทีที่จบเรื่อง น้าขอชีวิตเดิมของทิศตอนนี้เลย!”


“...อย่ามายุ่งกับทิศอีก!”


ปลัดหนุ่มรู้สึกร้อนวาบไปทั้งอก จิดาภาเป็นคนใจดีแต่หล่อนก็เป็นคนจริงจัง และเมื่อหล่อนเอ่ยปากอย่างจริงจังเช่นนี้ เขาก็ไม่มีหน้าปฏิเสธ


ชายหนุ่มหันกลับไปมองน้าสาว ดวงหน้าของเขาทุกข์เศร้าทำเอาจิดาภาชะงักไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อคิดถึงลูกเลี้ยงที่ตนเองเลี้ยงดูมาแต่เล็กเพิ่งผ่านความเป็นความตายมา แม้ตอนนี้จะปลอดภัยแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเหมือนเดิมมากน้อยเพียงใด หล่อนก็บอกตนเองว่าจะใจอ่อนไม่ได้อีกแล้ว


จิณณะไม่ควรสร้างความเดือดร้อนให้พิทักษ์อีกแล้ว


พิทักษ์ควรจะได้กลับไปมีชีวิตเงียบสงบของเขาตามเดิมเสียที


“ผมจะไม่ทำให้พี่ทิศลำบากอีก ผมสัญญา”


เป็นคำสัญญาที่ไม่รู้ว่าออกจากปากได้อย่างไรทั้งๆที่หัวใจอยากเคียงข้างอีกฝ่ายไปจนลมหายใจสุดท้าย


แต่...ลมหายใจสุดท้ายเกือบมาเยือนพิทักษ์แล้ว เพราะการมีเขาอยู่เคียงข้าง


เพราะฉะนั้น...อย่าทำให้พิทักษ์ลำบากอีกเลย


จิณณะยกมือไหว้จิดาภาและทศพร คุณเทียมและคุณกอบกุล ก่อนที่สายตาจะมองผ่านผู้ใหญ่ทุกคนไปยังบานประตูห้องฉุกเฉินด้านหลังอีกครั้งเหมือนเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย


คนเราไม่จากเป็นก็จากตาย แต่ถ้าเลือกได้ ก็ยินดีจะจากเป็น เพื่อให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ต่อไป


ชายหนุ่มละสายตาจากบานประตูราวกับตัดใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปพร้อมบุพการี


แล้วจากนั้น...เขาก็ไม่มาเยี่ยมพิทักษ์อีกเลย


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)
(https://blog-imgs-125.fc2.com/d/e/z/dezair/20190329211224455.jpg)

เอ่อ...เรื่องยังไม่จบ ใจเย็นๆกันก่อนนะคะ พี่ทิศจำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อให้เหมาะสมกับชื่ออันแสนมงคลของพี่ค่ะ ฮ่าฮ่า

ตอนที่เขียนตอนนี้ขึ้นมาน่ะ อยากจะสื่อถึงจุดบกพร่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เกิดหายนะใหญ่ ความเข้าใจผิด ความประมาท บางทีมันแค่จุดเล็กนิดเดียวที่คาดไม่ถึง แต่สุดท้ายก็ทำให้เกิดเรื่อง

และสุดท้ายแล้ว น้าภาเลยกลายเป็นตัวแปรในความสัมพันธ์ระหว่างพี่ทิศและจิณไปซะเลย (อย่าโกรธน้าภาแกเลยนะคะ แกเลี้ยงของแกมา อยู่ดีๆหลานมาชุบมือเปิบ อยู่กินกับลูกแก ไม่บอกแกสักคำ ฮ่าฮ่า)

ส่วนแผนผังที่แปะมาในตอนนี้ เป็นผังฝั่งครอบครัว สรุปว่าตระกูลคุณกอบกุลเป็นญาติกับตั้งกาญจนพาณิชย์นะคะ (ความใช้ตัวละครคุ้มนี้ ฮ่าฮ่า) สำหรับใครยังไม่เคยอ่านอีกสองเรื่อง จิ้มโล้ด “วาระซ่อนเร้น” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58798.0) และ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63448.0) (ซึ่งเนื้อหาคนละทางกับเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิงค่ะ สองเรื่องนั้น รักใสๆในรั้วมหา’ลัย ส่วนเรื่องนี้ รักแต่ไม่พูดแถมวิบากกรรมอีกเป็นโหล วะฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนคอมเม้นท์ คนติดตาม พื้นที่บอร์ด และทุกกำลังใจเช่นเคยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LalaBam ที่ 28-03-2019 22:34:19
อ่านแล้วจุกในอกเลยอะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: @rnon ที่ 28-03-2019 22:34:37
 :katai1:

สะดูปลัดแท้น้อ

 :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 28-03-2019 22:39:21
โอ๊ยยยย ปวดหัวใจเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 28-03-2019 22:45:01
เศร้าจัง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 28-03-2019 23:05:17
แผนผัง รูปหัวใจสีชมพู พี่ทิศ กับ จิณ หว๊านหวาน
..
...
น้าภาแกห่วงของแก เพราะแกเลี้ยงมา ก็เข้าใจแกนะคะ
และก็สงสารจิณตอนนี้มาก แทนที่จะได้อยู่ดูแลพี่ทิศตอนฟื้น  :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 28-03-2019 23:06:38
แค่นี้ก็สะท้อนใจมากๆ แล้ว
ยังจะมีวิบากกรรมอีกเป็นโหล ...

จิณณะต้องอยู่รอด เอาใจช่วย
พี่ทิศ ยังก็ต้องกลับมาพิทักษ์จิณณะแน่นอน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-03-2019 23:12:31
 :a6: :a6: :a6:  สงสารปลัดจิณ งืออออ   :o12:  ปลัดมีแค่พี่ทิศที่คอยเข้าใจและอยู่ข้างๆคอยดูแลกัน อย่ามาพรากเขาจากกันแบบนี้ พลีสสสส
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 28-03-2019 23:17:50
โอย...น้ำตาจิไหล~~~
สงสารปลัดแท้...เป็นห่วงก็เป็นห่วง น้ายังหวงลูกชายอีก เฮ้อ~~~

รอดูพี่ทิศฟื้นเลยค่ะ ท่าทางจะไฟต์รอบทิศ โดยเฉพาะคุณแม่...อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 28-03-2019 23:20:20
อ่านแล้วจะร้องไห้ สงสารคุณปลัด เชื่อว่าทิศฟื้นมาได้ คงสามารถทำให้ทุกคนเข้าใจได้ แต่คุณปลัดต้องรู้สึกผิดจนไม่ยอมกลับมาหาเหมือนเดิมง่ายๆแน่เลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-03-2019 23:35:04
ครึ่งค่อนเรื่องแล้ว ราหูยังอมคุมปลัดอยู่เลย    :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshine538 ที่ 28-03-2019 23:36:21
ในที่สุด หลังจากที่ลุ้นจนรอดปลอดภัยทั้งจากคุณย่า ลุงเทียม คุณพ่อคุณแม่ กลายเป็นว่าคนที่แยกปลัดจินออกจากพี่ทิศได้ก็คือลูกปืนและน้าภานั่นเอง  :katai1:

สงสารคนน้อง ห่วงคนพี่ ฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เจอน้องคอยดูแลจะรู้สึกยังไงกันล่ะเนี่ย พี่ทิศรีบหายแล้วกลับมาตามน้องไว ๆ เถอะนะ น้องเขาลาผ่านประตูไปแล้วอ่า ไม่มีกลับมาเองแน่นอน

คุณย่าคะ สองคนนั่นเขาโดนจับแยกกันแล้วค่ะ คุณย่าช่วยด้วยสิคะ หลานคุณย่ากำลังจะเป็นม่ายขันหมากนะคะ

รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 28-03-2019 23:45:35
สงสารปลัดมากเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-03-2019 00:19:21
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-03-2019 00:45:27
แล้วยิ่งคนแบบปลัดอ่ะ จะโทษตัวเองไปอีกมากแค่ไหนอ่ะ
แค่นี้ก็โทษตัวเองจะแย่แล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-03-2019 00:54:33
 เฮ้อออออออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-03-2019 01:00:30
 :a5:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-03-2019 01:07:49
สงสารจิณ อิลุงไพศาลเป็นปุ๋ยแน่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 29-03-2019 01:26:54
เป็นกำลังใจให้ปลัดนะครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 29-03-2019 05:14:55
เชื่อเถอะว่ายังไงพี่ทิศก็ต้องตามจิณกลับมาสร้างโลกด้วยกันจนได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 29-03-2019 07:44:39
พี่ทิศฟื้นมาจะทำไงเนี่ย  :mew2: :mew2: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 29-03-2019 08:05:21
สงสารจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Nooonun ที่ 29-03-2019 08:08:06
สงสารปลัดจิณ แต่ก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ของจิดาภา นี่รอการแก้เกมส์ของคุณเทียมกับคุณกอบกุลไว้เลย อิลุงไพศาลโดนแน่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Nooonun ที่ 29-03-2019 08:09:25
สงสารปลัดจิณ แต่ก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ของจิดาภา นี่รอการแก้เกมส์ของคุณเทียมกับคุณกอบกุลไว้เลย อิลุงไพศาลโดนแน่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-03-2019 08:14:58
ตะเตือน หัวใจ สองเรื่องนั้น อ่าน แค่ตอนสองตอนแรก เราชอบวัยทำงานมากกว่า อ่านแล้วความรู้สึกจมดิ่งดี
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 29-03-2019 09:40:56
จินไปแล้วถ้าพิทักษ์ตื่นมาไม่เจอน้าภาจะทำยังไงในเมื่อเป็นคนไล่ให้เองไม่คิดถึงใจพี่ทิศเลยถ้าตื่นมาแล้วไม่เจอจินจะรู้สึกยังไงบ้าง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 29-03-2019 10:58:24
แอบน้ำตาไหลเลยค่ะ
เข้าใจจิณมาก ๆ ไปต่อก็ลำบากใจ
ถอยออกมาก็เสียใจเอง
ตอนนี้รอพี่ทิศฟื้นอย่างเดียว รีบฟื้นมาน้า
ขึ้นมาสู้ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-03-2019 11:28:32
สงสารคุณปลัดจัง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-03-2019 11:34:35
ตายล่ะคุณแม่เลี้ยง ออกตัวแรงระวังลูกไม่รักนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 29-03-2019 12:05:59
เหมือนคุณน้าภาไม่เห็นจิณณ์เป็นหลาน

เหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าคนที่เข้าไปอยู่ในicuไม่ใช่พี่ทิศ

คนที่เข้าไปอยู่ในนั้นก็คือจิณณ์นะคุณน้า

ก็รู้ว่าห่วงพี่ทิศแต่มึงไม่ห่วงจิณณ์เลยเหรอวะ

ตัดน้าตัดหลานกันไปเลยเถอะแบบนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=&gt; หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: popuri ที่ 29-03-2019 13:20:12
ไม่น่าต้องมาเจออะไรแบบนี้กันเลย พี่ทิศสู้นะคะ ปลัดก็เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-03-2019 15:25:20
 :katai1:


โอยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 29-03-2019 19:58:33
โอ้ยปวดใจ :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 29-03-2019 20:54:42
พี่ทิศมาช่วยเยียวยาน้องหน่อย
น้องกำลังแย่แล้ววว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 29-03-2019 23:10:57
ขอให้พี่ทิศหายเร็วๆ
สงสารปลัด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 29-03-2019 23:18:26
มาให้กำลังใจจ้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 29-03-2019 23:53:53
น้ำตาไหล สงสารปลัด
หลานสำคัญน้อยกว่าลูกเลี้ยงซินะ
ถ้าเปลี่ยนเป็นปลัดถูกยิงแทนพี่ทิศ
คุณน้าคงแอบคิดว่าดีแล้วที่จิณโดนยิงหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 30-03-2019 01:38:05
 ม่ายยยยยย   :sad4:

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 30-03-2019 08:05:30
ร้องไห้ ทำไมทุกอย่างประจวบเหมาะแบบนี้ได้
โอกาสคนทำผิดนี่มันง่ายจริงเลยค่ะ

เจอเรื่องฝืนมาวันก่อน ทำจิตตกไปรอบหนึ่งแล้ว
จิณณะต้องมาเจอเรื่องพรากกันอีก ไปต่อไม่เป็นเลย
แต่เชื่อว่า พี่ทิศจะรู้ว่า ทำไมน้องเลือกทำแบบนี้

เข้าใจทุกคนนะคะ ก็ลูกเค้า หลานเค้า ก็อยากดูแล
อยากให้ปลอดภัย แต่อย่ามาเสียใจกันทีหลังก็พอ

พีคมากค่ะ อารมณ์ดิ่งไปเลยจ้า เอาใจช่วยจิณณะกับพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-03-2019 08:24:45
น้าภาาาา คนใจร้ายยยยยย :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 30-03-2019 09:10:22
คุณน้าภาถ้ากลับกันคนที่โดนยิงเป็นจิณ คุณก็คงจะยังโทษจิณอยู่ดีสินะ ทำให้ลูกชายคุณมีอันตรายนี่ ถ้าลูกไม่รักขึ้นมาจะว่าใครไม่ได้นะ จิณก็มีพ่อมีแม่ มีย่าที่รักเขามากเหมือนกัน ถ้าฝั่งทางนั้นกีดกันลูกคุณบ้าง ทำลูกคุณเสียใจบ้างจะเป็นไงนะ

จะมาขอร้องทีหลังก็ไม่ได้ละนะพูดมาขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 30-03-2019 10:42:03
สงสารจิณณะ แล้วจะทำอย่างไรต่อไป จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีกไหม
แต่พี่ทิศคงไม่ยอมหรอก ออกจะรักจิณณะขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=&gt; หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 30-03-2019 20:22:00
เศร้าเลยอะ TT


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 30-03-2019 23:43:21
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 31-03-2019 00:07:35
กอดปลอบจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 31-03-2019 00:41:38
งื้อออออ สงสารจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 31-03-2019 01:46:43
โถ่คุณจิณ น่าสงสาร แต่ก็เข้าใจคุณภานะ หัวอกคนเป็นแม่ก็ไม่อยากให้ลูกมีอันตรายหรอก :mew6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 31-03-2019 13:23:37
รอไม่ไหวอยากให้ลงทุกวันเลย สงสารพี่ทิศนะตื่นมาก็หวังจะเจอน้องแต่ต้องมาเจอเรื่องแยกกันอีก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 31-03-2019 19:57:27
ปลัดสู้ๆกอดแน่นๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 31-03-2019 22:55:56
ถึงกับน้ำตาไหล ฮืออออ สงสารจิณ
น้าภาใจเย็นๆ ที่มีปฏิกิริยาแรงขนาดนี้ เพราะลึกๆน้าภารู้ว่ามันไม่ใช่การตบมือข้างเดียวใช่มั้ย เลี้ยงมากับมือทำไมจะไม่รู้ แค่ไม่ยอมรับเท่านั้น รอ...พี่ทิศฟื้นมาไฟล์ให้แม่ภาเข้าใจ เชื่อมั่นในพี่ทิศมาก ว่าจะชนะรอบทิศ!  o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 01-04-2019 00:19:34
หวังว่าจิณณะคงไม่ไปหาไพศาลนะคะ  :z3: ลาออกจากปลัดแล้วมามช้ชีวิตในกรุงเทพมั้ยจิณ กังวลแทนทั้ง2คนเลย

แต่น้าภาแกไม่ได้เป็นคนใจร้ายหรอก อารมณ์รักลูกแหล่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-04-2019 12:02:34
พี่ทิศ หายไว ๆ เด้อออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 02-04-2019 15:29:10
 :L2: :L2: :L2:
หายไวๆนะพี่ทิศ
น้องจิณท้อได้แต่อย่าถอยนะจ๊ะ
สู้ สู้
 :mew2:
 :mew2:
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 03-04-2019 10:53:05
ร้องไห้แล้วนะรู้มั้ยยย
ฮือ~~~ :o12:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 03-04-2019 23:32:26
เสียน้ำตาให้กับตอนนี้มาก สงสารจิณณะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 13...=> หน้าที่ 20 (28/03/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sentpai ที่ 04-04-2019 22:25:06
มารอครับ 5555
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 04-04-2019 22:56:09
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 14


เพราะตำแหน่งที่ถูกยิง ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ แต่โดนเส้นเลือดใหญ่และเสียเลือดมาก หลังผ่าตัดจึงต้องอยู่ดูอาการก่อนจะถูกย้ายเข้าโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ


ทิวากรผู้เป็นน้องชายเป็นหมออยู่ต่างจังหวัดก็จริง แต่ก็มีคนรู้จักมากมาย อาศัยความสนิทสนมส่วนตัว พิทักษ์จึงได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นกรณีพิเศษ ส่วนค่ารักษาพยาบาล คุณกอบกุลขอรับผิดชอบทั้งหมด แม้หล่อนไม่ออกปากขอโทษที่ทำให้เรื่องบานปลายก็ตามที


ชายหนุ่มอาการดีขึ้นตามลำดับ เมื่อออกมารักษาตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ก็เริ่มมีเพื่อนพ้องแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน


“ยัยอรโทรไปร้องห่มร้องไห้ บอกว่ามึงถูกยิง พวกกูตกใจกันใหญ่ รีบโทรหาน้องมึง แต่ทิวบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว ไว้ค่อยมาเยี่ยมตอนมึงด่าพวกกูได้ก็พอ” เพื่อนคนหนึ่งพูดพลางหันไปมองหญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่ม


อรพิณไม่ได้เรียนรุ่นเดียวกับพวกเขา แต่เป็นน้องรหัสของศตคุณเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ทั้งๆที่ไม่น่าจะมารวมกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย 4-5 คนได้ แต่ใครๆก็รู้ดีว่าหล่อนเข้ามาอย่างมีความหวัง


หวังหัวใจของพิทักษ์


เจ้าตัวเองก็รู้ว่าถูกคาดหวังเรื่องอะไร แต่เมื่อเคยปฏิเสธไปหน เขาก็ไม่พูดซ้ำอีก อรพิณเองก็ไม่ไปไหนเช่นกัน


หญิงสาวมองหนุ่มรุ่นพี่แล้วทำหน้ากระเง้ากระงอด


“ก็ข่าวในเน็ตบอกว่าโดนยิง พอโทรหาเบอร์พี่ทิศ ก็ไม่มีคนรับสาย ลองโทรไปที่สนามกอล์ฟ พนักงานบอกว่าโดนยิงจริง...” หญิงสาวอธิบาย เวลานั้นความร้อนใจทำให้หล่อนนั่งไม่ติด คิดหาวิธีที่จะเช็กข่าวทุกทาง


“แล้วเกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมมึงโดนยิง” คำถามของศตคุณ ทำเอาพิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย


“จริงๆมันไม่ได้เล็งกูหรอก”


“หมายความว่ามึงโดนลูกหลงเหรอ ลุงเทียมต้องไม่เอาไอ้เวรตะไลนั่นไว้ ยิงพลาดโดนใครไม่โดน เสือกมาโดนไอ้ทิศ” นรวิชญ์โวย


“ไม่ได้พลาด...กู...บังคนนั้นไว้” เกิดเป็นความเงียบขึ้นอึดใจหนึ่งในห้องพักคนไข้ คำถามเดียวกันดังขึ้นในใจของคนทั้งกลุ่ม แต่ทุกคนก็เลือกที่จะให้ศตคุณเป็นตัวแทนตั้งคำถาม


“มึงบังใคร”


ใครบางคนที่เขาปกป้อง ใครบางคนที่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และไม่เคยแวะมาหาเขาเลยสักครั้ง


อรพิณเองก็จับจ้องคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียง ทว่าเขากลับเงียบไม่ยอมตอบ พิทักษ์เป็นคนไม่ค่อยพูด เรื่องนี้เพื่อนพ้องต่างรู้ดีและถ้าเมื่อไรก็ตามที่ไม่พูด ให้อย่างไรก็งัดปากไม่ได้


แต่...บุคคลนิรนามที่พิทักษ์ปิดปากเงียบไม่ยอมเอ่ยชื่อ คือคนที่พิทักษ์เอาชีวิตตัวเองปกป้อง


ใครที่สำคัญขนาดนั้น ใครที่มีความหมายถึงขนาดที่ยอมทิ้งชีวิตตัวเอง เพื่อให้อีกฝ่ายปลอดภัย


เรื่องแบบนี้ ถ้าเพื่อนสนิทไม่ถาม คนบนโลกนี้ก็คงไม่มีใครกล้าถามพิทักษ์อีกแล้ว!!


“เป็นญาติมึง?” ศตคุณเปิดตัวเลือกแทนที่จะรอคำตอบแต่ฝ่ายเดียว


พิทักษ์ส่ายหน้า แต่ยังเงียบ สีหน้าดูตกอยู่ในห้วงภวังค์


“พวกกูรู้จักไหม”


พิทักษ์ส่ายหน้า และยังคงเงียบ เพื่อนทุกคนมองหน้ากัน สีหน้าของพิทักษ์เวลานี้ดูจมจ่อมกับความคิดเสียจนหากหลอกถาม...ก็อาจจะพลั้งปาก...


“ชื่ออะไร” นรวิชญ์ใจร้อนอยากรู้รีบโพล่งถาม เพียงเท่านั้นคนที่ดูเหมือนอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ก็เงยหน้ามองทันที สีหน้าของคนเจ็บยังเรียบเฉย แต่สายตามีสติครบถ้วน


“สัด! มึงถามซะมันรู้ตัว” เพื่อนคนอื่นๆออกปากด่า ผสานกับเสียงหัวเราะดังครืน


พิทักษ์ได้แต่ส่ายศีรษะระอาใจ แต่ยังไม่ยอมพูดอะไร


“ท่าทางจะสำคัญมาก...สงสัยเป็นเพื่อนสะใภ้ของพวกกูแน่” ถูกเพื่อนรอบตัวด่า นรวิชญ์เลยแก้เก้อด้วยการหยอก ยิ่งไม่มีคำตอบจากคนไข้ คนถามเลยยิ่งทำหน้ากระหยิ่ม ปีนขึ้นเตียงนั่งกระแซะหมายจะเค้นคอให้ได้


“มึงไม่คิดจะบอกพวกกูหน่อยหรือว่าเพื่อนสะใภ้พวกกูชื่ออะไร”


คำตอบเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าพิทักษ์ต้องส่ายหน้า


“อักษรย่อก็ได้อ่ะ” เพื่อนอีกคนเสนอ แต่พิทักษ์ยังส่ายหน้า


“งั้นพวกกูไม่กลับ จะอยู่รอจนกว่าจะได้เจอหน้าแฟนมึง” นรวิชญ์ประกาศกร้าว ทำเอาพิทักษ์นิ่งงัน เขาถอนหายใจเบาแล้วเอ่ยเรียบๆ


“เขาไม่มาหรอก”


“มึงโดนซะขนาดนี้ เขาไม่มาได้ไง”


พิทักษ์เงียบ ดูแล้วไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกจนน่าเอะใจ เรื่องราวดูจะโรแมนติก พิทักษ์ปกป้องคนรักด้วยชีวิต แต่มาหักมุมดราม่าตรงคนที่พิทักษ์ปกป้องกลับไม่มาเยี่ยม


“อรว่า เราให้พี่ทิศพักผ่อนดีไหมคะ” เสียงของหญิงสาวหนึ่งเดียวดังขึ้น เมื่อมีคนเสนออย่างนั้นในเวลาที่คนป่วยดูจะไม่อยากตอบคำถามใดๆ จึงไม่มีใครคัดค้านอะไรอีก ทุกคนพยักหน้าแต่ไม่วายหันไปตบไหล่ให้กำลังใจพร้อมกับนัดแนะว่าจะมาเยี่ยมใหม่


ทว่ายังไม่ทันเปิดประตูออกจากห้อง บานประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายคลึงกับคนป่วยราวกับถอดพิมพ์เดียวกันมา


ทิวากร เป็นน้องชายของพิทักษ์ นอกจากนั้นยังเป็นหมอ การที่เขาอยู่ที่นี่ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร แต่ที่แปลกคือเขาไม่ได้มาเพียงลำพังแต่เดินนำชายหนุ่มอีกคนเข้ามาในห้อง พร้อมด้วยการบ่นเสียยกใหญ่


“ทำอะไรลับๆล่อๆ อยากมาเยี่ยมก็เข้ามาสิ เดินวนไปวนมาอยู่ข้างหน้า คนอื่นได้กลัวกันหมด” พอบ่นจบชุดนั้น ก็พอดีเหลือบมาเห็นกลุ่มเพื่อนสนิทของพิทักษ์ที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูห้อง เขาจำหน้าค่าตาได้หมดทุกคน จึงยกมือไหว้ทักทายอย่างเป็นกันเอง


“มาเยี่ยมพี่ทิศหรือครับ”


“อือ แต่พวกเรากำลังจะกลับแล้ว” ทิวากรพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปบอกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา


“เข้าไปเยี่ยมพี่ทิศสิ” คนที่ยืนอยู่ข้างหลังพยักหน้ารับงกๆ แล้วรีบปลีกตัวก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปในห้องพักคนป่วยด้านในทันที เพื่อนของพิทักษ์ไม่ได้สนใจคนมาเยี่ยมรายนี้เสียเท่าไร แต่อรพิณรู้สึกคุ้นหน้าอย่างประหลาด


“นั่น...ใครหรือคะ”


ทิวากรมองตามคนที่หายลับเข้าไปเยี่ยมพิทักษ์ ก่อนจะหันมายิ้มจาง


“ญาติครับ” เขาไม่อธิบายเพิ่มเติม คนอื่นๆก็ไม่ได้สนใจนัก แต่อรพิณรู้สึกเหมือนหล่อนเคยเห็นคนหน้าตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน


คนที่หล่อนเคยเห็น...


ใช่...เคยเห็นตอนที่แวะไปหาพิทักษ์ที่สนามกอล์ฟ


ไม่สิ...คนที่หล่อนเคยเห็นคนนั้น ดูโตกว่านี้...


“ผมขอตัวไปดูพี่ทิศก่อนนะครับ” ทิวากรไม่รอให้ถูกถาม หมุนตัวเดินเข้าไปด้านในทันที ทิ้งให้อรพิณมองตามด้วยความสงสัย ทว่าสุดท้ายหล่อนก็ถูกดึงออกจากห้องไปทั้งๆที่ใจยังอยากตามเข้าไปขอดูหน้าคนมาเยี่ยมคนนั้นเหลือเกิน


…………………..


พิทักษ์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าหลังจากเพื่อนออกไป คนที่เข้ามาเยี่ยมรายต่อมาคือ...จารีต


ชายหนุ่มเผลอมองเลยไปด้านหลังของคนมาเยี่ยมรายนี้ แต่ก็พบว่าไม่มีใครติดตามมาด้วย จารีตมาคนเดียว


ใครอีกคน...ไม่คิดจะมาเยี่ยมกันจริงๆ


สายตาผิดหวังของพิทักษ์ ต่อให้เด็กอนุบาลก็ดูออก จารีตได้แต่ถอนหายใจเบา ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดที่ข้างเตียงคนเจ็บ


“เป็นยังไงบ้างพี่ทิศ”


“ดีขึ้นแล้ว ขอบใจที่มา” แล้วต่างคนก็ต่างเงียบ พิทักษ์อยากถามถึงจิณณะ จารีตเองก็อยากบอกเล่าเรื่องของพี่ชายให้อีกฝ่ายฟัง แต่...ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี


“บอกไปสิว่าหลบแม่ภาอยู่ เลยไม่ได้มาแต่แรก” เสียงของทิวากรดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวเดินตามเข้ามา จารีตยิ้มแหะๆ


“ทำไมต้องหลบ”


“ก็...พี่จิณทำให้พี่ทิศเป็นแบบนี้ ผมก็กลัวว่าน้าภาจะ....”


“จิณไม่ได้ทำ” พิทักษ์แย้ง ทว่าจารีตได้แต่ถอนหายใจ


“แต่ใครๆก็มองว่าพี่จิณทำให้พี่ทิศถูกยิง พี่จิณเองก็คิด” จารีตไม่ได้รับรู้จากปากของผู้เป็นพี่โดยตรง แต่ท่าทีนิ่งขรึมไม่สดใสเหมือนเดิม ก็บอกให้รู้ว่าจิณณะจมอยู่กับความรู้สึกผิดเพียงใด


“แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง” สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวที่จะถามถึง นับตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่เคยพบหน้ากันอีก วันนี้ข่าวที่ได้รับรู้จากคนใกล้ตัวของจิณณะคือเจ้าตัวคิดว่าตนเองเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องนี้กับเขา ยิ่งทำให้ความห่วงหาในใจทบทวี


จารีตอ้าปากอยากเล่า มีหลายอย่างที่อยากบอก อย่างเรื่องที่จิณณะกลายเป็นคนเงียบขรึม จิณณะกลายเป็นคนไม่ค่อยพูด และที่สำคัญ...จิณณะไม่เคยพูดถึงพิทักษ์อีกเลย


อะไรที่ทำให้พี่ชายของเขากลายเป็นแบบนี้


เขาอยากระบายให้พิทักษ์รับรู้


แต่...สิ่งที่เขารับรู้มาจากมารดา คือข้อตกลงระหว่างพี่ชายของเขาและน้าสาว


จิดาภาขออิสรภาพคืนให้พิทักษ์ ในขณะที่จิณณะรับปากแล้วว่าจะไม่ทำให้พิทักษ์ลำบากอีก


หากหลังจากนี้ ทั้งสองคนไม่ต้องพบเจอกันก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


“ก็...ไม่เป็นอะไรหรอก ผมเห็นพี่จิณก็ยังไปทำงานเหมือนเดิม” สุดท้าย เขาก็เลือกที่จะสงบปากสงบคำไม่สร้างความผูกพันใดๆระหว่างพี่ชายของตนเองและชายหนุ่มตรงหน้า


ทิวากรรับฟังเงียบๆ ไม่ได้เอื้อนเอ่ยว่าวันที่เกิดเรื่อง เขาเองก็พบจิณณะที่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน สภาพที่เต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรังยังไม่สู้หน้าตาซีดเผือดและดวงตาเลื่อนลอย


ร่างกายไม่เป็นอะไร แต่สภาพจิตใจ...คงแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี


 “ผม...ไม่รู้ว่าจะได้มาเยี่ยมอีกไหม แต่ขอให้หายไวๆนะพี่” อย่างวันนี้จารีตก็แอบมา เขาไม่อยากให้ตนเองกลายเป็นปัญหาสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้เป็นน้า หากหล่อนมองว่าเขาเป็นตัวแทนของจิณณะ ก็จะกลายเป็นความบาดหมางอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำใจแข็งไม่ดูดำดูดีอย่างที่จิณณะทำไม่ได้


“ขอบใจ”


หนุ่มรุ่นน้องไม่พูดอะไรอีก แต่ยกมือไหว้ทั้งพิทักษ์และทิวากร ทว่าพอเขาจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง เสียงของคนเจ็บกลับดังขึ้น


“ฝากบอกจิณ...ให้เขารักษาสุขภาพด้วย”


จารีตสะท้านไปทั้งใจ เขาเม้มปากแน่นเพื่อสะกดอารมณ์สงสาร ก่อนจะหันกลับไปยิ้มรับแทนคำพูด แล้วหมุนตัวก้าวเท้าออกจากห้อง พอบานประตูปิดลง ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก


หากการจากลาเช่นนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่ทำไม...เขากลับรู้สึกว่าไม่มีใครสักคน...ที่มีความสุขเลย


…………………….


ทั้งโกศลและจรรยารู้ดีว่านับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น จิณณะไม่เหมือนเดิม


จากคนสนุกสนานร่าเริง กลายเป็นคนนิ่งขรึม แม้จะกลับมาอยู่กรุงเทพฯทุกสุดสัปดาห์ แต่ก็มักขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่มีใครพูดเรื่องพิทักษ์ให้เขาฟัง ตัวเขาเองก็ไม่ถามความเป็นไปของพิทักษ์จากใครเช่นกัน


จนกระทั่งบ่ายวันศุกร์ของสัปดาห์หนึ่ง จิณณะปรากฏตัวที่กรุงเทพฯในอาคารสำนักงานบริษัทวงศ์กีรติ เพราะแทบไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลย จึงไม่มีพนักงานคนใดรู้จักเขา แต่ชายหนุ่มไม่เร่งรีบ จัดแจงติดต่อประชาสัมพันธ์บอกว่าจะมาพบโกศล  วงศ์กีรติ แจ้งชื่อว่าตนเองคือจิณณะ  วงศ์กีรติ ไม่เกินห้านาที ประชาสัมพันธ์ก็แทบจะปูพรมให้เขาขึ้นไปหาบิดาบนห้องทำงาน


ตอนที่โกศลเห็นลูกชายคนโตมาหาในยามบ่ายวันทำงาน เขานิ่งงันไป รู้ว่านี่ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแน่นอน


เดิมที จิณณะก็เป็นลูกชายที่บุพการีคาดเดาอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ภายหลังเหตุการณ์ถูกลอบยิง เจ้าตัวกลายเป็นคนที่ยิ่งเดาอะไรไม่ได้ไปกันใหญ่


“วันนี้ไม่ทำงานหรือ”


“ผมลางานมา พอดี...ต้องเข้าไปที่กระทรวงหน่อย แถวนั้นมีร้านขนมที่พ่อชอบ เลยแวะซื้อมาฝาก” จิณณะตอบ วางถุงกล้วยแขกลงบนโต๊ะทำงานของบิดาแล้วนั่งลงบนเก้าอี้อีกฝั่งของโต๊ะทำงานตัวใหญ่ กวาดตามองแฟ้มเอกสารที่กระจัดกระจาย แล้วก็ยกยิ้มจาง


“งานพ่อเยอะขนาดนี้เลยหรือ”


โกศลหัวเราะเบาๆ


“พูดอย่างกับจะมาช่วยงาน”


“พ่อว่าผมจะช่วยได้รึเปล่า” เสียงหัวเราะของบิดาหายวับในพริบตา โกศลขยับตัวนั่งตรง จับจ้องบุตรชายที่สายตายังไม่ละไปจากแฟ้มเอกสารกองหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ดูตกอยู่ในภวังค์ของตนเองมากกว่าจะสนใจเอกสารกองนั้น


“จิณหมายความว่ายังไง”


จิณณะเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ก่อนจะถอนหายใจเบา


“ผมลาออกจากราชการแล้ว” เกิดเป็นความเงียบชั่วอึดใจระหว่างสองพ่อลูก


“คิดว่าจะกลับมาช่วยงานพ่อ พ่อมีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม”


“ทำไมถึงลาออก” ลูกชายคนโตเงียบ แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นพ่อก็พอจะรู้ว่าคงมีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้จิณณะยอมทิ้งอาชีพ ทิ้งตำแหน่ง ทิ้งสิ่งที่ตนเองดั้นด้นไปคว้ามา


“เพราะเรื่องของทิศใช่ไหม”


เป็นอีกครั้งที่จิณณะไม่ตอบ


“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับจิณเป็นปลัดหรือไม่ แล้วตอนนี้ทิศก็...”


“ผมแค่อยากทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น การออกจากราชการเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”


“จิณคิดจะทำอะไร” เป็นอีกครั้งที่โกศลไม่ได้คำตอบเป็นคำพูด ทว่าสายตาของจิณณะที่เหลือบขึ้นจ้องมองเขานั้นแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น


“คิดให้ดี ก่อนจะทำอะไร” คนเป็นพ่อเตือนเสียงเข้ม


“ผมคิดดีแล้ว พ่อไม่ต้องห่วง ผมไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงหรอก เอาเป็นว่าถ้าเรื่องออกจากราชการของผมเรียบร้อย ผมจะมาของานพ่อทำแล้วกัน ผมต้องกลับแล้ว มีธุระต้องไปเคลียร์อีกหน่อย อย่าลืมกินกล้วยแขกล่ะ” จิณณะยกมือไหว้แล้วลุกขึ้น ทว่าพอเขาหมุนตัวจะเดินออก เสียงของบิดาก็ดังขึ้นด้านหลัง


“จิณ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโกศลหมายถึงเรื่องอะไร จิณณะเองก็ไม่คิดทำตัวเป็นศาลเตี้ยตัดสินโทษใครเช่นกัน เขาหันกลับไปมองบิดา ดวงตายังเยียบเย็น เห็นแล้ววูบหนึ่งโกศลคิดถึงมารดาของตนเองเหลือเกิน


คุณกอบกุลก็มีสายตาอย่างนี้ ยามหล่อนเคียดแค้นอาฆาต


“ผมแค่จะกระตุ้นการทำงานของกฎหมายแค่นั้นเอง”


เขาเปรยเพียงเท่านั้น ก่อนจะหมุนตัวก้าวเท้าออกจากห้องทำงานของบิดาทันที ธุระอีกเรื่องที่เขาต้องจัดการในวันนี้คือการใช้เส้นสายให้เป็นประโยชน์


...คุณเทียม...


………………………..


บ้านของคุณเทียมยังคงสงบเงียบ ตั้งอยู่อย่างสันโดษท่ามกลางอาณาเขตกว้างใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่จิณณะมาที่นี่เพียงลำพัง เขาต้องอาศัยเวลาในการเจรจากับคนเฝ้าประตูรั้วอัลลอยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นอึดใจต่อมา ชายวัยกลางคนที่เขาเคยพบหน้ายามมาพบคุณเทียมก็เดินออกมาดู จิณณะถึงได้เข้ามาในอาณาเขตได้อย่างสวัสดิภาพ เขาถูกพามารอที่ห้องรับแขก จากนั้นพักใหญ่ ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านถึงได้เดินเข้ามา


แขกผู้มาเยือนโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าลุกจากโซฟาแล้วยกมือไหว้


“ขอโทษที่ไม่ได้นัดไว้ก่อนครับ พอดีวันนี้มีเวลาก็เลยแวะมา”


คุณเทียมเพียงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง “มีอะไรหรือ”


จิณณะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ เขามองตรงไปยังเจ้าของบ้าน ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ชายชราต้องเลิกคิ้วเล็กน้อย


“ผมจะมาขอความช่วยเหลือ”


คนฟังยกยิ้มเย้ยหยัน


“คนที่ปลัดน่าจะไปขอ ควรจะเป็นหลานของฉัน ไม่ใช่ฉัน” พอพูดถึงหลานของคุณเทียม จิณณะก็ได้แต่เงียบ หลบสายตามองเมินไปทางอื่นราวกับไม่อยากพูดถึงใครคนนั้น คุณเทียมเห็นท่าทีของอีกฝ่ายที่ปฏิบัติต่อคำพูดของเขาแล้วก็ได้แต่หัวเราะในคอ


“ตั้งแต่เกิดเรื่องจนวันนี้ ได้ไปเยี่ยมทิศบ้างหรือยัง”


“ผมทราบมาว่า...เขา...หายดีแล้ว” แม้แต่ชื่อ ยังไม่มีหลุดออกจากปาก


จิดาภาขออิสรภาพคืนให้ลูกเลี้ยง และเขารับปากแล้วว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้อีก ทางเดียวที่พิทักษ์จะไม่เดือดร้อนกับเรื่องของเขา ก็คือเขาต้องลืมพิทักษ์เสีย อย่าได้คิดจะไปดึงผู้ชายคนนั้นกลับเข้ามาอยู่ในวงโคจรของเขาอีกเลย


“ตอนที่ยังไม่หาย ก็ไม่ไปหาไม่ใช่หรือ”


“ผมรับปากกับน้าภาแล้วว่าจะไม่ทำให้เขาเดือดร้อนอีก”


“แล้วที่มาขอความช่วยเหลือจากฉัน คิดว่าเรื่องนี้จะไม่ถึงทิศอย่างนั้นหรือ” จิณณะรู้ดีว่าการที่เขามาขอความช่วยเหลือจากคุณเทียม ย่อมมีความเสี่ยงสูงที่เรื่องจะถึงหูของพิทักษ์ แต่...ถ้าเขาคิดจะ ‘ทำ’ อิทธิพลของคุณเทียมคือสิ่งสำคัญที่เขาต้องมี


“แต่ถ้าผมไม่ได้ความช่วยเหลือจากคุณเทียม เรื่องที่อยากทำ ก็คงทำไม่ได้ แล้วเรื่องของนายไพศาลก็คงไม่จบ” พอพูดถึงไพศาล คุณเทียมก็เอนหลังพิงพนัก ดวงตาจับจ้องชายหนุ่มคราวหลานที่นั่งอยู่ตรงหน้า


“ปลัดคิดจะทำอะไร”


“ผมจะบีบมันเหมือนมันบีบผม ต้อนมันเหมือนที่มันต้อนผม” จิณณะไม่ใช่อิฐใช่ปูน ยิ่งผลกระทบตกสู่พิทักษ์ เขายิ่งผูกใจเจ็บ


หากจะผิด ก็ผิดที่ไพศาล


ไม่หยุด ไม่จบ และทำให้เขาจนตรอก


“ปลัดคิดให้ดี เป็นข้าราชการ...”


จิณณะยิ้มจางพลางส่ายหน้า


“ผมยื่นหนังสือลาออกแล้ว เมื่อเช้าก็เพิ่งเข้าไปหาผู้ใหญ่ที่กระทรวงให้ช่วยเร่งเรื่องนี้ให้” คุณเทียมมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ขยับตัวนั่งตรงจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า


“ลาออกจากราชการหรือ” เขาถามซ้ำ เรื่องราวระหว่างจิณณะและคุณกอบกุลที่ฝ่ายหนึ่งเป็นข้าราชการ อีกฝ่ายต้องการให้ออกจากราชการ เข้าหูเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังเห็นจิณณะดื้อแพ่งยืดอกใส่ชุดสีกากีอย่างไม่มีย่อท้อ ทว่า...วันนี้ เจ้าตัวกลับบอกกับเขาอย่างนิ่งสงบว่าลาออกแล้ว


“ครับ” คำตอบรับยืนยันนั้นหนักแน่นเพราะเจ้าตัวคิดคำนวณมาถ้วนถี่แล้ว การอยู่ในสถานะข้าราชการ ไม่เพียงแต่ทำอะไรก็ล้วนเหมือนทำในที่แจ้ง ขยับตัวไขว้เขวออกนอกกรอบเป็นต้องถูกจับตา ไหนจะตำแหน่งปลัดอำเภอซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆ เมื่อเทียบกับหน้าที่การงานในธุรกิจของตระกูลวงศ์กีรติที่เข้าหา ‘ผู้หลักผู้ใหญ่’ ได้มากกว่า ก็ยิ่งทำให้เห็นความแตกต่าง ที่สำคัญที่สุด...เวลานี้เขาจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เงินเดือนข้าราชการที่ไม่ได้อิงตามอัตราเงินเฟ้อยิ่งเทียบไม่ได้กับเงินเดือนในฐานะลูกหลานผู้ก่อตั้งกิจการ


สุดท้าย...จิณณะที่พยายามหนีออกจากระบบของผู้เป็นย่า ก็จำต้องกลับเข้าสู่วงโคจรนี้ด้วยการตัดสินใจของตนเอง


คุณเทียมมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาไม่หลุกหลิกซุกซนเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ที่มาขอพบคุณเทียมในเวลานี้ราวกับไม่ใช่ ‘ปลัดจิณณะ’ ที่พิทักษ์เคยพามา แต่เป็น ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’ หลานชายของหญิงชราผู้เคยถูกขนานนามว่า ‘งูพิษ’


เจ้าของบ้านถอนหายใจเบา มองคนตรงหน้าใหม่อีกครั้งแล้วก็ได้แต่มองเมินไปทางอื่น


จิณณะไม่เคยไปเยี่ยมพิทักษ์เลย นับตั้งแต่เกิดเรื่อง หากจะบอกว่าเป็นความใจดำอำมหิตสมกับเป็น ‘ลูกหลานงูพิษ’ ก็คงจะได้ แต่วันนี้ที่ได้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังลงมือทำอะไรบางอย่าง ถึงขั้นยอมลาออกจากอาชีพตนเอง คุณเทียมกลับรู้สึกสะท้านไปทั้งใจที่กล่าวโทษอีกฝ่ายตลอดมา


“ผมอยากให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น” จิณณะย้ำ เมื่อไม่มีอาชีพและตำแหน่งในระบบราชการแล้ว ก็ช่วยลดการเพ่งเล็งลง อย่างน้อย หากจะทำอะไรที่ ‘ร้ายแรง’ เขาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องถูกพาดหัวข่าวเรียกแขกทำนองว่า เจ้าหน้าที่ภาครัฐกระทำการอุกอาจ


“คุณกอบกุลคงดีใจพิลึก” คุณเทียมย้อนพลางหัวเราะในคออย่างไร้อารมณ์ยามพูดถึงหญิงชราผู้นั้น แต่ไม่รู้คุณกอบกุลจะดีใจได้มากน้อยแค่ไหน หากรู้ว่าการลาออกครั้งนี้ของจิณณะ มีเพียงเหตุผลเดียว


จัดการไพศาล แก้แค้นในสิ่งที่ทำกับพิทักษ์


และในเมื่อสิ่งที่จิณณะกำลังลงมือทำ ให้ประโยชน์แก่คุณเทียมถึงสองข้อ คือแก้แค้นให้หลานชายของเขา และจัดการไพศาล จึงเป็นเรื่องแน่นอนว่าคุณเทียมย่อมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายลงมือเพียงลำพัง


เจ้าของบ้านขยับตัวนั่งหลังตรง ผายไหล่แผ่บารมี


“เอาล่ะ คุณจิณณะ อยากให้ช่วยอะไรบ้าง ลองพูดมาสิ”


………………….


   
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 04-04-2019 22:56:37
เรื่องที่จิณณะลาออกจากราชการไม่ใช่ความลับ ยิ่งสำหรับคุณกอบกุลด้วยแล้ว ต่อให้ไม่ต้องสืบด้วยตัวเองก็มีคนมาพูดเข้าหู


   ‘ได้ข่าวว่าหลานชายลาออกจากราชการแล้ว’ บทสนทนาหนึ่งระหว่างการพูดคุยหารือเรื่องผลประโยชน์คือเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไร หนำซ้ำยังเป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่น่าจะออกจากปากของ ‘ท่านเสรี’ ด้วยซ้ำ


   ‘อะไรกัน คุณกอบไม่ทราบหรือ เขาทำเรื่องลาออกแล้ว วิ่งเต้นเข้าไปหาผู้ใหญ่ในกระทรวงให้ช่วยอนุมัติเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สมกับเป็นคนหนุ่มเลือดร้อนจริงๆ’


   หญิงชราผู้วางมือจากธุรกิจของตนเองแต่เพียงในนามปรากฏตัวที่อาคารสำนักงานวงศ์กีรติ แม้จะไม่ได้มาเยือนที่นี่บ่อยๆ แต่ต่อให้จะเป็นพนักงานระดับล่างสุดต่างก็จดจำผู้ก่อตั้งคนนี้ได้ดี หล่อนถูกพาขึ้นไปยังห้องทำงานของลูกชายคนเล็กอย่างโกศล พอพบหน้าโกศล หล่อนก็เอ่ยขึ้นมาทันที


   “ลูกแกไปไหนเสียล่ะ” ลูกที่ว่าย่อมไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากจิณณะผู้ลาออกจากราชการแล้ว


   “เมื่อเช้าโทรมาบอกว่ากำลังกลับเข้ากรุงเทพฯครับคุณแม่”


   “ฉันได้ยินว่ามันลาออกแล้ว”


   “ยื่นหนังสือแล้วครับ ตอนนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ”


   “อ้อ! แต่ไม่มีใครคิดจะบอกฉันสักคน!”


   “เรื่องยังไม่เรียบร้อยดี ก็เลย...” อันที่จริง เพราะความสัมพันธ์ระหว่างคุณกอบกุลและจิณณะแทบจะเรียกได้ว่าติดอยู่ที่ชะง่อนผา อีกก้าวหนึ่งคือตกเหว ไม่มีใครอยากยื่นมือเข้าไปแตะต้องความสัมพันธ์นี้ จนกลายเป็นการไม่พูดถึงคนหนึ่งให้อีกคนรับรู้ไปโดยปริยาย


หญิงชราพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด โบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องพูดอะไรอีก


   “เอาเป็นว่าถ้ามันมา เรียกมันมาพบฉันด้วย ฉันจะรอที่ห้องรับรอง” คุณกอบกุลออกจากห้องทำงานของลูกชาย แต่ก่อนจะเข้าไปพักผ่อนรอที่ห้องรับรองใกล้ๆ ก็ยังสู้อุตส่าห์เดินตรวจตราการทำงานของพนักงานที่ชั้นผู้บริหาร หล่อนไม่ได้จ้ำจี้จ้ำไชว่าสิ่งใดควรเปลี่ยนแปลง สิ่งใดยังต้องปรับปรุง แต่สายตาของหล่อนไม่ต่างอะไรกับหนามแหลมคม พนักงานเก่าแก่ยังเกร็งตัวลีบ ส่วนพวกพนักงานที่ไม่ทันอยู่ในยุครุ่งเรืองของผู้ก่อตั้งคนนี้ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าจากงานของตนเอง


   ชั้นผู้บริหารเงียบกริบราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิต จนกระทั่งคุณกอบกุลกลับเข้าไปพักผ่อนในห้องรับรอง เสียงถอนหายใจก็ดังกันคนละเฮือกสองเฮือก


   เกือบชั่วโมง ชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูง 180 เซนติเมตรในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็กก็เดินออกจากลิฟต์ที่ชั้นผู้บริหาร เลขานุการของโกศลรออยู่แล้ว และเป็นคนแจ้งว่า ‘คุณย่า’ มารอตั้งแต่เมื่อชั่วโมงที่แล้ว และต้องการพบเขา


   จิณณะ  วงศ์กีรติเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับรู้ ก้าวตรงไปยังห้องรับรอง เขายืนอยู่หน้าประตูอึดใจหนึ่ง สูดลมหายใจลึกเพราะรู้ดีว่ามีไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่คุณกอบกุลจะอยากพบหน้าหลานชายนอกคอกคนนี้


   และเรื่องที่เป็นปัจจุบันที่สุดก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องที่เขาลาออกจากราชการกลับมาช่วยงานบิดา


   หล่อนอาจจะเย้ยหยันว่าเขาไปไหนไม่รอด หล่อนอาจจะก่นด่าหาว่าเขาไม่มีความสามารถ แต่ช่างเถอะ...เขาแค่อดทน แล้วทำทุกอย่างให้ลุล่วงอย่างที่ต้องทำก็เท่านั้นเอง


   ชายหนุ่มหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปภายใน คุณกอบกุลนั่งอยู่ที่ชุดโซฟาตัวใหญ่กำลังจิบชาอย่างเงียบๆ พอเห็นประตูถูกเปิดออก หล่อนก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา


   นับตั้งแต่ที่โรงพยาบาลในวันนั้น จิณณะไม่ได้พบหน้าคุณกอบกุลอีก ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่สองที่ได้สบตาหญิงชราผู้ที่...ส่งคนติดตามดูแลความปลอดภัยเขาอย่างเงียบๆมาตั้งแต่ทราบเรื่องไพศาล แม้ว่าสิ่งที่หล่อนทำจะส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดและนำไปสู่อันตรายที่เกิดกับพิทักษ์ก็ตามที


   วูบหนึ่ง จิณณะเหมือนเห็นอีกด้านของผู้เป็นย่าที่ทั้งรักและเป็นห่วงลูกหลาน...แม้ว่าจะเป็นลูกหลานนอกคอกที่ปากดีขอออกจากตระกูลอย่างเขาก็ตาม


   “ที่นี่เริ่มงานเก้าโมง” ประโยคแรกของคุณกอบกุลทำให้จิณณะดึงตัวเองออกมาจากภวังค์นั้น ด้านดีของคุณกอบกุลก็คงมีอย่างที่เขาแอบเห็น แต่ด้านร้าย...ไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ยังจุกจิกจู้จี้ เคร่งครัดเจ้าระเบียบอยู่ดี


   “ขอโทษครับ” หากเป็นหลานนอกคอกคนก่อนหน้านี้ คงได้ปะทะคารมสักดอกสองดอก ยิ่งเห็นผู้เป็นย่าดิ้นเป็นเจ้าเข้าหรือหน้าตาเหยเกบิดเบี้ยวก็ยิ่งบันเทิง แต่เวลานี้จิณณะมีเรื่องที่ต้องคิดและจัดการมากพอแล้ว ความบันเทิงไม่ใช่เรื่องที่เขาขวนขวาย


   รีบคุยธุระให้เรียบร้อย เขาจะได้ไปทำงาน พ้นเวลางานจะได้ดูเรื่องคดีต่อ แค่นี้ก็เหลือเวลาจะกินนอนไม่เท่าไรแล้ว


   ความเยือกเย็นของหลานชายทำเอาหญิงชรานิ่งไปเล็กน้อย หล่อนหรี่ตาจับจ้องชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า จิณณะในเวลานี้ไม่ใช่คนยิ้มแย้มกวนโทโส แต่เป็นจิณณะที่นิ่งเย็นทว่ายะเยือกราวกับมีรังสีอาฆาตรายล้อม


   ...เหมือน...


   คุณกอบกุลใจหายวาบ เหมือนเห็นตนเองอยู่ในร่างของหลานชาย ตนเองที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ตนเองที่ใจดำอำมหิต ตนเองที่...ต้องการผลลัพธ์โดยไม่สนวิธีการ


   “ได้ยินว่าแกลาออกจากราชการ”


   “ครับ”


   “แกคิดจะทำอะไร”


   “ทำงานที่นี่ไงครับ” จิณณะตอบเรียบๆ ต่อให้จะไม่อยากต่อล้อต่อเถียง แต่นิสัยของเขาชอบพูดก่อความหงุดหงิดให้คุณกอบกุล แม้จะอยากรีบคุยรีบเลิก แต่ก็อดไม่ได้


   “จิณณะ!”


   “คุณย่าน่าจะดีใจที่ผมยอมทำตามที่คุณย่าต้องการแล้ว ผมลาออกจากราชการ ตอนนี้กลับมาช่วยงานคุณพ่อ คุณย่าไม่พอใจตรงไหนอีกครับ”


   “แกไม่ได้ทำอย่างที่ฉันต้องการ แต่ที่แกทำเพราะแกต้องการจะทำเพื่อผู้ชายคนนั้น!”


จิณณะชะงัก คำว่าผู้ชายคนนั้นต่อให้ไม่ระบุชื่อ ต่างคนต่างก็รู้กันดีว่าหมายถึงใคร ชายหนุ่มเม้มปากเก็บกลั้นอารมณ์ที่ยังเอ่อล้นอยู่ในใจ


   หญิงชรามองหน้าหลานชาย ต่อให้เขาจะเป็นหลานนอกคอก เป็นหลานที่ไม่เคยพินอบพิเทาหล่อน แต่...อย่างไรเขาก็เป็นหลาน หล่อนปล่อยให้เขาก้าวเท้าไปสู่เส้นทางวิบัติไม่ได้ เหมือนที่แม้ว่าเขาจะออกปากขอออกจากตระกูลแต่หล่อนก็ปล่อยให้เขาเผชิญชะตากรรมเลวร้ายไม่ได้


   “เรื่องคดีของพิทักษ์ ให้ทางนั้นเขาจัดการกันเอง คุณเทียมไม่ปล่อยให้หลานเขาโดนยิงฟรีหรอก” คุณกอบกุลเอ่ยเสียงเรียบ 


ส่วนหนึ่งก็เพื่อรั้งจิณณะไม่ให้เข้าสู่เส้นทางความเสี่ยงสูง หากไม่ชนะก็คือแพ้ราบคาบ หากเขาเข้าไปยุ่งกับคดีนี้ จิณณะจะหยุดไม่ได้อีกเลยจนกว่าทุกอย่างจะจบสิ้น และเมื่อจบ...ผลของมันจะมีเพียงแค่สองอย่าง หนึ่งชนะและสองพ่ายแพ้ ไม่มีเสมอตัว ไม่มีเท่าทุน


   “ผมเองก็ปล่อยให้เขาโดนยิงฟรีไม่ได้เหมือนกัน”


คำตอบของหลานชายทำให้คุณกอบกุลนิ่งงัน


   พิทักษ์สำคัญสำหรับจิณณะมากเพียงใด การที่หลานชายนอกคอกผู้ทำอะไรโดยคิดถึงแต่ตนเองมาตลอดยอมลาออกจากอาชีพย่อมเป็นคำตอบได้ดีที่สุด ในขณะที่ฝ่ายพิทักษ์...จิณณะสำคัญมากเพียงใดก็ดูได้จากที่เขายอมเอาตนเองบังกระสุนไว้


   คนเราจะมีเหตุผลสักกี่อย่าง จะมีความรู้สึกสักกี่รูปแบบที่ทำให้ยอมสละทิ้งซึ่งสิ่งสำคัญที่ยึดถือ


   สละอาชีพการงาน สละชีวิตและลมหายใจ


   และเวลานี้...จิณณะกำลังจะสละทุกอย่างในชีวิตเพื่อตอบแทนการสละชีวิตของพิทักษ์


   “คุณย่าสบายใจเถอะครับ เรื่องนี้ผมจัดการเอง จะไม่ให้กระทบมาถึงคุณย่าหรือธุรกิจทั้งหมดของวงศ์กีรติ”


   “แล้วแกจะทำยังไง ตัวแกมีความสามารถจัดการเรื่องนี้เองหรือ” หญิงชราย้อนถาม


นอกจากนามสกุลของหล่อนที่ติดตัวเขา จิณณะก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เส้นสายไม่มี ผลประโยชน์ไม่มี บุญุคุณต่างตอบแทนก็ไม่มี ไพศาลไม่ใช่ตัวคนเดียว เขามีเส้นสาย มีระบบการจัดการ มีลูกน้อง มีลูกพี่ ถ้าเทียบจิณณะกับไพศาลแล้ว แน่นอนว่ากระดูกคนละเบอร์ ไม่ต้องขึ้นชก จิณณะก็ไปไม่รอด


   “ผมติดต่อคุณเทียมไว้แล้ว”


ชื่อคุณเทียมทำเอาหญิงชราชะงัก ความยโสโอหังดึงให้ความรู้สึกทั้งหน่วงทั้งตึง จิณณะขอความช่วยเหลือจากคุณเทียม แต่ข้ามหัวหล่อนที่เป็นย่าอย่างนั้นหรือ


   อยากจะออกปากให้แสบๆคันๆ จิกกัดที่เขาเห็นคนอื่นมีความสามารถมากกว่าหล่อน เอาเข้าจริงแล้วคุณเทียมก็เป็นแค่ผู้มีอิทธิพลปลดเกษียณ หากเทียบกับหล่อนที่แม้จะไม่ได้ออกหน้าออกตาในฐานะเจ้าของธุรกิจพันล้าน แต่เส้นสายในวงการก็ยังเหนียวแน่นเพราะระบบพึ่งพาอาศัย ฟากธุรกิจให้อย่างไรก็แยกจากการเมืองไม่ขาด หากเทียบแล้วในยุคทุนนิยมแบบนี้ หล่อนมี ‘พลัง’ มากกว่าอดีตนักการเมืองมืออาชีพที่ทำเป็นแค่ประสานผลประโยชน์อย่างคุณเทียมเสียอีก


   แต่...จิณณะไม่ได้รอฟังคำประชดประชันใดๆ เขาหมุนตัวจะเดินออกจากห้องราวกับว่าไม่คิดจะพึ่งพาญาติโกโหติกาแท้ๆ คุณกอบกุลยิ่งฉุนจัด ประกาศโพล่ง


   “แกเห็นว่าฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึไง! จิณณะ”


   หลานชายหันกลับมามอง ก่อนจะส่ายหน้า


   “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ผมแค่ไม่อยากทำให้คุณย่าลำบาก”


   “แกเป็นหลานที่ดีของฉันตั้งแต่เมื่อไร ถึงจะมานึกถึงความลำบากของฉัน!”


จิณณะพูดไม่ออก อับจนคำพูดเพราะไม่คิดว่าผู้เป็นย่าจะย้อนกลับมาเข่นนี้ หญิงชรามองหลานชายที่ยืนเงียบ


   “มานั่ง” หล่อนสั่ง ยิ่งทำเอาจิณณะงุนงง หญิงชราถลึงตาใส่ที่เห็นเขายังยืนเฉย


   “ฉันบอกว่าให้มานั่ง!” คนเป็นหลานไม่เข้าใจ หากเป็นจิณณะคนก่อน คงทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดของหล่อน แต่เวลานี้ ผลของการใช้สมองอย่างหนักผสมกับพักผ่อนน้อยในทุกๆวัน ทำให้เขายอมเดินกลับมานั่งที่โซฟาแต่โดยดี


   “ฉันจะช่วยแก”


   “ค...คุณย่าว่าอะไรนะครับ”


   “จัดการไอ้แก่ไพศาล” จิณณะกะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง คุณกอบกุลผู้ไม่เคยเห็นดีเห็นงามอะไรกับเขา ทว่าวันนี้กลับออกปากว่าจะช่วยเขาอย่างนั้นหรือ


   ไม่สิ...ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ก่อนหน้านี้หล่อนก็พยายามช่วยเขามาแล้ว


   “แกเป็นหลานฉัน ถ้าแกลำบาก ฉันเป็นย่าก็อยู่สุขสบายไม่ได้เหมือนกัน”


   ด้านดีของคุณกอบกุล...บางที...มันก็ไม่ได้ปรากฏแค่วูบเดียวอย่างที่คิด


………………..


   การลาออกจากราชการของจิณณะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาไปทั้งที่ว่าการ วันสุดท้ายของการทำงานยังมาไม่ถึง แต่จิณณะเก็บข้าวของเตรียมย้ายออกจากบ้านพักสวัสดิการแล้ว วันลาที่เหลือก็ถูกนำมาใช้จนหมดในระหว่างที่รอให้เรื่องลาออกดำเนินการเรียบร้อย


   ชายหนุ่มเก็บของใช้ส่วนตัวบางส่วนลงกล่อง ส่วนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งใจว่าจะส่งต่อให้ชาวบ้านแถวนี้ หนึ่งในนั้นคือวรชิตที่ได้รับมรดกเป็นไมโครเวฟ


   ปลัดฝ่ายป้องกันยืนมองร่างของเพื่อนก้มๆเงยๆเก็บข้าวของแล้วก็ถอนหายใจยาว ใจหายโหวงเหวงเมื่อรับรู้ว่าอีกไม่นานจิณณะจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว


   คนกำลังเก็บของหันมองต้นเสียงก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย


   “เสียดายกูขึ้นมาสิท่า” จิณณะหยอกตามนิสัย แต่ก็ไม่ได้ดูร่าเริงแจ่มใสเหมือนแต่ก่อน เรื่องนี้ใครๆก็สังเกตเห็นนับตั้งแต่เจ้าตัวกลับมาทำงานหลังจากถูกลอบยิง แม้ไม่มีส่วนไหนของร่างกายบาดเจ็บ แต่...จิณณะก็ไม่เหมือนเดิม อันที่จริงวรชิตคิดว่าเวลาอาจจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่แล้วก็เหมือนไม่ช่วยอะไรเลย หนำซ้ำยังทำเรื่องลาออกจากราชการโดยไม่ปรึกษากันสักคำ


   “มึงไม่เห็นจำเป็นต้องลาออกเลย” วรชิตยอมรับตามตรงว่าเสียดาย ถึงจิณณะจะไม่ใช่ข้าราชการรุ่นใหม่ในอุดมคติของคนอื่น แต่ก็ทำงานคุ้มเงินเดือน มีน้ำใจ และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน หากยังอยู่ในระบบราชการ จริงอยู่ว่าอาจเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมหลายอย่างไม่ได้ แต่ก็ถูกกลืนไปกับวัฒนธรรมเหล่านั้นไม่ได้เช่นกัน


   “กูยื่นหนังสือไปแล้ว”


   “แล้วทำไมไม่มาคุยกับกูก่อนวะ” วรชิตหงุดหงิดที่สุดคือหงุดหงิดตัวเองที่ไม่อาจเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อนได้ ทว่าจิณณะกลับยิ้มแล้วส่ายศีรษะ


   “คุยกับมึง ความก็แตกน่ะสิ” เป็นอันว่าเจ้าตัวตัดสินใจมาถี่ถ้วนแล้ว และถึงขั้นประเมินว่าหากวรชิตรู้ก่อนที่จะยื่นหนังสือลาออก ก็อาจจะไม่ได้ลาออกสมความตั้งใจ คนเป็นเพื่อนได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง


   “แล้วมึงจะทำอะไรต่อ”


   “กลับไปทำงานที่บ้าน”


   “เรื่องนั้นกูรู้ แต่กูหมายถึงที่มึงลาออกน่ะ เพื่อจะจัดการคดีของไพศาลใช่ไหม” จิณณะนิ่งไปเล็กน้อยราวกับยอมรับว่าการลาออกของเขามีเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือเพื่อให้เข้าไปจัดการคดีของไพศาลได้ง่ายขึ้น หากจากนี้จะทำเรื่องที่ต้องมุดช่องโหว่ของกฎหมาย อย่างน้อยก็ลดแรงกระเพื่อมของสังคมที่จะมีต่อเครื่องแบบสีกากีได้บ้าง


   “ไอ้จิณ มึงไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง ยังไงซะ คุณเทียมก็ต้องจัดการไอ้ไพศาลอยู่แล้ว”


   “แต่กูอยากจัดการมันด้วยตัวเอง” คำตอบของเพื่อนทำเอาคนออกปากเตือนถึงกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ จิณณะก่อนหน้านี้ที่เขารู้จักคือชายหนุ่มทีเล่นทีจริง ที่ไม่รู้ว่าเคยทำอะไรจริงจังสักอย่างในชีวิตบ้างไหม เกิดมาบนกองเงินกองทอง แค่อ้าปากบอกชื่อนามสกุล ก็กลายร่างเป็นไฮโซขึ้นมาในพริบตา ไม่มีเรื่องเดือดร้อนกวนใจ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย


   ทว่าจิณณะ  วงศ์กีรติคนนั้นดูเหมือนจะล้มตายไปพร้อมกับกระสุนนัดที่ฝังเข้าไปในร่างของพิทักษ์เสียแล้ว เพราะเวลานี้คนที่อยู่ตรงหน้าวรชิตกลับเป็นชายหนุ่มที่มีอะไรบางอย่างเป็นแรงขับในชีวิต และมันผลักดันเขาให้ออกจากระบบราชการเพื่อทำบางอย่างที่น่าหวั่นใจว่าจะไม่ใช่เรื่องดี


วรชิตไม่รู้จะห้ามอย่างไร เพราะจิณณะคงตรึกตรองมาอย่างดีแล้ว เหมือนที่มันลาออกโดยไม่บอกเขาล่วงหน้านั่นล่ะ


ปลัดหนุ่มฝ่ายป้องกันได้แต่ถอนหายใจอีกเฮือกอย่างอับจนคำพูด


   “เลิกถอนหายใจได้แล้ว ตอนนี้มึงควรจะยิ้มสิ ที่กลับมามีชีวิตอย่างเดิมไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว”


 เพราะถูกลอบยิง จิณณะเลยยอมเล่าเรื่องทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่ตนเองอยู่กับทองสุกในคืนวันเกิดเหตุและเป็นเหตุให้ไพศาลเข้าใจผิดคิดว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์คือวรชิต ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีที่กลายเป็นเป้าแทนเพื่อน หนำซ้ำเพื่อนยังไม่บอกอะไรสักคำ แต่เพื่อนคนนั้นก็ไม่วางเฉย หากจะบอกว่าวรชิตยังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้เพราะคนของคุณเทียมที่มาช่วยดูแลก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนคือถ้าไม่มีจิณณะ พิทักษ์ก็คงไม่ส่งคนมาดูแลเขา พอหักลบกลบหนี้กันแล้ว แม้จะถูกหมายหัวเพราะไพศาลเข้าใจผิด แต่ที่รอดตายมาได้ก็เพราะจิณณะ


   “ทีมึงยังไม่ยิ้มเลยนี่หว่า กูจะไปยิ้มออกได้ไงล่ะ”


   “กูก็ยิ้มนี่ไง” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มเห็นฟันครบทุกซี่ให้เพื่อนดู วรชิตส่ายหน้า สายตายังจับจ้องจนริมฝีปากที่ฉีกยิ้มค่อยๆหุบลงในที่สุด พอๆกับที่ดวงตาของจิณณะหม่นหมองอับแสงลงทุกที


   “มึงได้ไปเยี่ยมคุณพิทักษ์บ้างไหม” คำถามของวรชิตยิ่งทำเอาจิณณะต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากตอบ


“เขาช่วยมึงไว้นะไอ้จิณ”


“กูรับปากน้าภาไว้แล้ว”


“แต่คุณพิทักษ์ไม่ได้รับรู้ด้วยนี่หว่า มึงกับน้ามึงตกลงกันเองทั้งๆที่เขาอยู่ในห้องผ่าตัดแบบนั้นมันไม่แฟร์”


“แล้วอะไรคือความแฟร์? ความแฟร์คือการที่กูยังหน้าด้านกลับเข้าไปในชีวิตพี่ทิศทั้งๆที่กูทำให้เขาถูกยิงน่ะเหรอ!” จิณณะพูดแล้วได้แต่เม้มปาก มันไม่ใช่ความผิดของวรชิตที่ทำให้เขาฉุนเฉียว แต่มันเป็นเพราะอารมณ์ของเขาเองที่อัดอั้นอยู่ในใจ ไม่ใช่แค่ข้อตกลงที่จิดาภาขอ แต่เพราะจิณณะเองก็ตระหนักว่าเขาคือกาลกิณีในชีวิตของพิทักษ์


และในเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นตัวซวย เป็นต้นเหตุให้พิทักษ์บาดเจ็บ จะยังมีหน้ากลับไปอยู่ข้างๆได้อย่างไรกัน


จิณณะสูดลมหายใจลึกเพื่อระงับอารมณ์และอาการปวดหนึบในอก


“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ มึงช่วยกูยกลังนั่นไปใส่รถที” เขาว่าอย่างนั้นแล้วชี้กล่องกระดาษข้างประตู ก่อนจะหมุนตัวหันไปเก็บของต่อ วรชิตได้แต่มองแผ่นหลังของเพื่อนด้วยความสงสาร ดูก็รู้ว่าจิณณะจงใจตัดบทเพราะเรื่องของพิทักษ์กระทบจิตใจมากกว่าเรื่องใดๆทั้งหมด


“คุณพิทักษ์ไม่ได้ถูกยิงเพราะมึง แต่เขาถูกยิงเพราะตั้งใจปกป้องมึง ชีวิตมึงมีค่าสำหรับเขา แต่วันนี้ที่เขารอดตาย มึงกลับพาสิ่งมีค่าไปจากเขาอีก...กูถึงได้บอก ว่ามึงไม่แฟร์”


คำพูดของเพื่อนยิ่งตอกย้ำความเจ็บในใจ จิณณะไม่กล้าหันกลับไปมอง ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าที่เดินหายออกไปจากบ้านก็พอจะรู้ว่าวรชิตปล่อยเขาไว้เพียงลำพังแล้ว


   หยดน้ำใสหล่นจากดวงตาลงสู่พื้น แม้จะตระหนักได้ว่าสิ่งใดมีค่าสำหรับพิทักษ์ แต่ก็ไม่อาจกลับไปได้อีกแล้ว


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ตอนที่แล้วก็คือน้าภาโดนเละตุ้มเป๊ะ ขอพื้นที่เป็นกระบอกเสียงให้น้าภาสักหน่อยนะคะ ฮ่าฮ่า


ในเรื่องนี้มีชุดความคิดหนึ่งที่บัวเขียนถึงบ่อยๆคือ ‘ถ้าเป็นคนของเราได้รับผลกระทบ เรื่องนั้นๆจะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาทันที’ หรือ ‘ยังไงก็ได้ ถ้าคนของเราไม่ได้รับผลกระทบ’  ระหว่างทิศกับจิณ คนหนึ่งเป็นลูกเลี้ยงที่เลี้ยงมาแต่เล็ก อีกคนเป็นหลาน ทั้งสองคนใกล้ชิดน้าภา แต่ระดับของความใกล้ชิด/ระดับความเป็นคนของน้าภา ยังไงพี่ทิศก็มากกว่า


พอพี่ทิศถูกยิง(ได้รับผลกระทบ) ก็เลยกลายเป็นปัญหา/มองหาคนผิด เป้าก็เลยพุ่งไปที่จิณ อย่างแรกคือจิณปิดบังตอนไปขอความช่วยเหลือให้พี่ทิศมาเป็นแฟน (จิณหลอกใช้พี่ทิศจริงๆค่ะ แต่พี่ทิศแกมีแหล่งข่าวอย่างคุณเทียม เลยตามทัน) อย่างที่สองคือทำให้ลูกเลี้ยงแกตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย พอรวมกับความรู้สึกแย่ๆเพราะน้าภาเป็นคนกลางระหว่างพี่ทิศกับจิณ ก็เลยยิ่งโกรธหนักเข้าไปอีก


ทีนี้ถ้าเป็นจิณถูกยิง น้าภาก็เป็นห่วงจิณเช่นกัน (แต่ไม่เท่าที่ห่วงพี่ทิศ) และจะมองหาคนผิดเช่นกันค่ะ(+รู้สึกว่าโชคดีที่พี่ทิศไม่ได้รับอันตราย) ส่วนเป้าความผิดก็จะเบี่ยงไปที่คนลงมือแทน


น้าภาแกเป็นคนกลาง น่าสงสารค่ะ แต่...เรามาเชียร์คุณย่ากอบกุลกันดีกว่า (คุณย่าเป็นคาแรกเตอร์ที่เวลาเขียนจะรู้สึกสนุกมาก ในหัวมีแต่ภาพผู้หญิงสูงวัยสายแข็ง สู้มาแล้วทั้งวงการ ประมาณนั้นเลยค่ะ ฮ่าฮ่า)


ป.ล. จากนี้เรียกปลัดจิณไม่ได้แล้วนะ เรียกพระเอกแล้วกัน เพราะจิณณะถือสโลแกนเมี...คนของข้าใครอย่าแตะ วะฮ่าฮ่า


ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจ และพื้นที่บอร์ดค่ะ


เจอกันพฤหัสหน้า (ใครไม่มีแพลนเที่ยวสงกรานต์ล่วงหน้า แวะมาให้กำลังใจคนอยากเป็นพระเอกกันนะคะ)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 04-04-2019 23:20:05
เอ้าปลัดเป็นพระเอกหรอกเหรอ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 04-04-2019 23:25:57
ถึงขั้นน้ำตาไหล
มนเรื่องร้ายๆก็ยังมีเรื่องดีๆอยู้บ้างนะจิณ
สู้ววว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 04-04-2019 23:31:19
ย่าหลานมหาภัยกำลังจะมาเยือนไพศาลสินะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 04-04-2019 23:43:08
คุณย่านางเอกมากน่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-04-2019 23:48:30
ชอบคุณย่า หลานข้าใครอย่าแตะ ขนาดจิณเป็นหลานชังยังของขึ้นซะขนาดนี้ นายไพศาลจองวัดรอเลยเหอะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 04-04-2019 23:51:41
แงงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-04-2019 23:59:17
 :katai2-1:


คุณย่า จัดการมันเลยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-04-2019 00:03:04
ขุ่นย่า!!!! หากช่วยหลานสำเร็จแล้วก็ไม่ต้องบังคับหลานให้แต่งงานกับสาวคนไหนอีกนะคะ
สงสารพี่ทิศ ผู้อุทิศชีวิตให้แก่พระเอกจิณ แต่พระเอกไม่มาเยี่ยมกันบ้างเลย  น้อยใจจุง :m15:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 05-04-2019 00:03:38
ตอนที่แล้วว่าเสียน้ำตา ตอนนี้ร้องซะหมอนชุ่ม
สงสารน้องจิณ สงสารพี่ทิศ  :mew2:  ช่างบีบคั้นหัวใจเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 05-04-2019 00:06:24
โอ๊ย...ยิ่งสงสารน้องจิณไปใหญ่ << น้องคงได้เนาะ ไม่เรียกปลัด 555

แต่นี่ยังเคืองน้าภา คือโกรธหลานได้ รักลูกเลี้ยงได้ แต่ก็ทำทุกคนเข้าหน้ากันไม่ติดเลย น้าภาไม่รู้สึกอะไรนอกจากจะปกป้องคนของตัวเองเลยเหรอ ไม่เห็นความผิดปกตินี้จริงดิ

หวังว่าการลาออกของจิณจะคุ้มค่ากับทุกความรู้สึกที่เขาเสียไป รัก ถูกรัก ภูมิใจ มีคุณค่า...เพื่อทุกคนรอบตัวเขา ทุกคนคงพอใจนะ หวังว่า...
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AutoAngels ที่ 05-04-2019 00:11:52
กรีดดดดเรื่องกำลังเข้มข้นเลยพี่ทิศและจิณณะสู้ๆนะ... ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-04-2019 00:15:19
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 05-04-2019 00:18:46
ร้องไห้ :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 05-04-2019 00:24:04
จิณณะดูน่ากลัวขึ้น แต่ไม่ใช่แบบที่จิณณะเป็น
ไม่ได้สตรอง แค่พยายามสตรอง จริงๆ เครียดสุดๆ

รอพี่ทิศมาปลดล็อค แต่จะมาเมื่อไหร่!!

จิณณะเป็นแค่พระเอกในนามค่ะ
#ทีมพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 05-04-2019 00:32:42
อ่านไปอ่านมส ร้องทั้งตอนเลยจ้า แงงงง  :mew4: คุณจิณเอาจริงแล้ว นายไพศาลไม่รอดแน่ๆ ขอบคุณนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 05-04-2019 00:47:47
อยากให้มีวันพฤหัส 7วัน

น้ำตาชุ่มหมอนเลย ฮือออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-04-2019 01:20:32
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-04-2019 01:52:10
 :a5:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-04-2019 02:04:20
ติดตามอย่างเดียวค่ะตอนนี้​ ใครจะเจ็บ​จะ​ตายรอดู
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: white_gik ที่ 05-04-2019 02:21:07
อยากอ่านตอนต่อไปเลยยย
น่าติดตามมากกก

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 05-04-2019 02:23:28
สู้ๆนะ เชื่อว่าจิณณะต้องได้กลับไปเจอพี่พิทักษ์ที่ต้องงอนแน่ๆเรื่องไปสัญญากับน้าภาไว้แล้วไม่บอก
แต่อีกสิ่งนึงที่ทางนี้สัมผัสได้นั้น ก็คือ เคมีของทิวากรและจารีต กรี๊ด เหล่าน้องชาย
ทำไมมันดีอย่างงี้ล่ะ แค่ดุๆนิดเดียวก็รู้สึกว่าจารีตน่าจะเป็นตัวแสบไม่ต่างจากพี่(แต่อาจไม่เท่า)
ส่วนทิวากรก็เป็นคุณหมอลุคเคร่งขรึมฟีลเดียวกับพี่ แง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 05-04-2019 04:13:29
สงสารรรรรรรร
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 05-04-2019 05:53:58
น้าภาใจร้ายอ่ะ จิณก็ใจแข็งสุดเลย โอ้ยยย เครียดๆ อ่านแช้วเครียดตามจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-04-2019 06:39:21
โอ๊ย

อ่านตอนนี้แล้ว

ความดันฉันพุ่งปรี๊ด

เครียดเศร้า

โมโห สงสาร

หงุดหงิด

วรชิตเห็นเพื่อนทุกข์ขนาดนี้แล้ว

ทำไมไม่บอกเพื่อนซะทีว่า

ความลับไอ้ไพศาลที่ทองสุขรู้อ่ะ

คืออะไร

ทองสุขบอกอะไรนาย วรชิต

จิณณ์ปกป้องนาย

แล้วนายจะไม่ให้ข้อมูลอะไรจิณณ์บ้างเหรอ วรชิต

 
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 05-04-2019 08:18:23
 wow wow wow จิณเป็นพระเอก เป็นหลานในคอกแล้ว   :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 05-04-2019 09:15:44
เมียข้าใครอย่าแตะ
ตายแน่ใจกล้าก็ลองดู
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Nooonun ที่ 05-04-2019 09:15:53
ไพศาลคนเลวว เตรียมตัวรับชุดใหญ่ไฟกระพริบได้เลยนะ55
นี่เข้าใจจิดาภานะ เขาเลี้ยงพี่ทิศมาแบบลูกชายแท้ๆ พอพี่ทิศถูกยิงแบบนี้ก็ย่อมโกรธจินเป็นธรรมดา เพราะจินถือเป็นสาเหตุให้ลูกเขาเจ็บอะ จิดาภาคงคิดว่าจินไม่เข้ามาในชีวิตของทิศก็คงไม่เหตุทำให้โดนยิงแบบนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 05-04-2019 10:02:55
อดีตปลัด เดินตามรอยเท้าคุณย่า พี่ทิศ ติดงานอีเว้นท์ มานิดเดว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mmblezz ที่ 05-04-2019 10:21:06
 ทำไมน้าภาไม่โทษมือปืน มาโทษน้องจินทะมายยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 05-04-2019 10:32:41
อ้าวเป็นพระเอกหรอเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-04-2019 10:41:41
เอาใจช่วยนะจิณ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-04-2019 10:56:07
เอาใจช่วยเด้อ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 05-04-2019 12:00:50
สนุกมากกก :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 05-04-2019 12:11:54
รอดูจิณณะออกโรงคู่กับคุณย่าสาย(ปาก)แข็ง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty2554 ที่ 05-04-2019 13:18:50
เกือบแล้ว... เกือบถึงจุดที้ทุกอย่างต้องลงตัว
เรื่องของคุณปลัด ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าชอบในความเด็ดเดี่ยว
กล้าเดินหน้า และเชื่อว่ามันจะคลี่คลายเร็ววัน
เพราะผู้ใหญ่เห็นถึงความตั้งใจ และยื่นมือมาช่วย

ทุกคนรุ้ ว่าคุณปลัด ทำเพื่อใคร
และรู้ว่าคุณพิทักษ์เจ็บเพื่อใคร
ตรงนี้ คงพิสูจน์ให้คนรอบข้างเห็นถึงหัวใจของทั้งสองคน

ลุ้นค่ะ อยากให้ไพศาลได้รับบทเรียนอย่างสาสมกับความเลวร้ายที่ทำในสังคม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-04-2019 14:34:19
พี่ทิศๆรีบมาหาคุณอดีตปลัดจิณเร็วๆ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 05-04-2019 20:26:23
ทำไมสะเทือนใจแบบนี้อ่ะ
ไม่น้าาาาา
แงงงงงงงง้ :o12:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 05-04-2019 21:00:52
สงสารจิณณะ ว่าแต่ย่าหลานร่วมมือกันผลจะเป็นยังไงนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 05-04-2019 21:51:39
ถถถถถ พี่จิณของแม่...  :sad4:   พี่ทิศจะรู้ไหมน้องกำลังทำอะไร? เสี่ยงแค่ไหน? อย่ามัวแต่น้อยใจน้อง ตามไปช่วยน้องเร็วพี่ทิศ  :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 05-04-2019 22:06:48
ฮืออออ พี่ทิศรีบมาหาน้องเร็วววว อย่าเพิ่งน้อยใจน้องงงงจิณ  :m15:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 05-04-2019 22:23:25
สงสารจินนนนน โอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-04-2019 22:43:22
จิณคงเป็นพระเอกได้แค่ตอนนี้อ่ะ
รอพี่ทิศมากำราบบนเตียงค่าา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=&gt; หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 06-04-2019 07:23:01
สงสารพี่ทิศเลยอะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 06-04-2019 21:49:03
คนพี่ก็คิดถึงห่วงหา คนน้องคิดถึงอยากไปหาแต่กลับไปได้ มันหน่วงใจ...

แต่ไม่ทันไรต้องมานั่งขำคุณย่า 555555555
โอ้ยยไอ้หลานบ้า มองข้ามหัวฉันไปได้ยังไง ไม่ยอมร้องขอฉันใช่ไหม ได้! มานั่งนี่!! ถึงแกไม่ขอฉันก็จะช่วย จะทำไมฉัน!!!  :angry2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 06-04-2019 22:36:13
สงสารทั้งคู่เลย แต่คราวนี้มีคุณย่ามาหนุนทัพแล้ว รอดูแผนจัดการไพศาลเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 07-04-2019 02:43:19
เราชอบความสัมพันธ์ของย่ากับหลานมากเลย ทั้งที่รักกันมากแท้ๆ ซึนกันทั้งคู่

คิดต่อว่าถ้าทำสำเร็จแล้วจิณจะเป็นไงนะ ความรัก ความฝัน ความหวัง อุดมการณ์ จิณทิ้งมันทั้งหมดเลน เพื่อสิ่งเดียว ถ้ามันสำเร็จถ้าจิณชนะ แล้วไงต่อ?
จิณน่าสงสารมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 07-04-2019 16:23:15
เพื่อพี่ทิศ จิณถึงกับทิ้งความฝัน แสดงว่าคนนี้รักจริงหวงจริง ในอนาคตถ้าพี่ทิศจะแอบมีกิ๊กคงต้องคิดหนักเลยนะเนี่ยเพราะจิณเอาตายแน่ๆ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 07-04-2019 23:06:54
จะสงสารใครก่อนดี ฮือ..... :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-04-2019 05:41:36
คราวนี้ทุกคนต้องยอมจิณแล้วล่ะ
พร้อมลุยมากบอกเลย เพื่อพี่ทิศ

คุณย่ายังยอมใจ และช่วยเหลือน่ะ
แล้วดูออกด้วยนะว่าลาออกมาทำไม

คุณย่ากับลุงเทียมคือไม้เด็ด คือกำลังหนุนที่แน่นมาก

วรชิตพูดถูกนะ พี่ทิศไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย
แต่ต้องเป็นคนมารับข้อตกลงนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 09-04-2019 19:25:48
คิดถึงๆๆๆๆ กว่าจะวัพฤหัส
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nonnn ที่ 09-04-2019 21:02:39
บอกตรงๆว่าแอบสงสารพี่ทิศ...คือพี่แกไม่ได้รับรู้สาเหตุการกระทำห่างเหินของปลัดไปด้วยไง
อารมณ์หลังผ่านเหตุการณ์เสี่ยงตายมาได้ก็คงจะประมาณว่าอยากเห็นหน้าคนที่ตัวเองรักงี้
พอไม่เห็นนานเข้าไอ้ความรู้สึกที่เคยปลอบใจตัวเองตอนแรกมันก็น่าจะแปรเปลี่ยนเป็นการเข้าใจผิดได้
ละด้วยความที่คนๆนั้นดันเป็นปลัดด้วยนี่ล่ะ ถ้าได้ให้คำสัญญาใครไปแล้วก็จะไม่คืนคำเด็ดขาด
แถมครั้งนี้ดูปลัดพยายามจะตัดความสัมพันธ์ของพี่ทิศให้ขาดด้วย
เพราะคงคิดว่าถ้าตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเรื่องคงไม่ลำบากไปกว่านี้ แต่นี่อยากจะบอกเหลือเกินว่าอยากพยายามเลยจ้า
มันตัดไม่ขาดหรอก บังเอิญว่าสายใยสัมพันธ์รัดแน่นเกิ๊นนนนน
ถึงปลัดจะหนียังไง สุดท้ายก็หนีหัวใจตัวเองไม่พ้น เหนือขั้นกว่านั้นถ้าพี่ทิศรู้ความจริงว่าทำไมปลัดถึงทำแบบนั้น
เชื่อว่าพี่ทิศก็จะไม่ปล่อยปลัดไปแน่นอน...

แต่อุปสรรคครั้งนี้แลดูยิ่งใหญ่และไม่น่าจะแก้ไขได้ง่ายๆ
เพราะนอกจากจะเจอศึกในแล้วยังต้องมาเจอกับศึกนอกอีก
นี่ก็ห่วงๆว่าปลัดจะจัดการยังไง จะเป็นอันตรายไหม แต่ก็หายห่วงไปบ้างแล้วเพราะมีคุณย่าเป็นแบ็กนี่แหละ
เอาเป็นว่าคุณย่ากับหลาน(ชัง)ขอสงบศึกกันชั่วคราวเพื่อร่วมมือกำจัดศัตรูไปให้พ้นทางก่อนก็ถือว่าโล่งใจไป
เอาจริงๆศึกนอกนี่ก็คงไม่นานหรอก เดี๋ยวก็น่าจะจัดการได้...
แต่ศึกในของฝ่ายพี่ทิศนี่แหละน่ากลัว คือเข้าใจคุณแม่นะว่าที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดี
และนี่ถึงจะไม่ชอบเวลาที่ปลัดกับพี่ทิศแลดูอึมครึมใส่กัน แต่ก็ไม่ถึงกับมองว่าฝ่ายคุณแม่ทำผิดอะ
คือเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะให้ยอมรับแบบปุบปับทันทีทันใดเลยก็คงไม่ได้
แต่ก็ยังหวังว่าอย่างน้อยที่สุดคุณแม่น่าจะมองเห็นถึงความสุขของลูกเอาไว้ก่อน
เชื่อว่าสุดท้ายยังไงคุณแม่ก็จะต้องเข้าใจและยอมเปิดทางให้พี่ทิศได้รักกับปลัดอย่างแน่นอน
กลัวก็แต่ฝ่ายคุณย่ากอบกุลนี่ล่ะ งานนี้ถึงรู้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่มาตั้งแต่แรก
แต่แลดูคุณย่าตั้งป้อมสูงละเกิ๊นนนนนน คือพร้อมขัดขวางแบบประกาศเจตนาอย่างชัดแจ้งสุด
นี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าทุกอย่างคลี่คลายหมดแล้ว
พี่ทิศกับปลัดจะเอาชนะใจคุณย่ายังไงให้ยอมเปิดทางให้ แค่คิดนี่ก็รอขำล่วงหน้าไว้เลย5555

ป.ล.หวังว่าปลัดจะไม่ไปดื้อใส่คุณย่าให้ฟิวส์ขาดอีกก็พอ
แต่แหมมมมม งานดื้องานเถียงนี่ปลัดถนัดนักแล แบบนี้คงต้องให้พี่ทิศดุหนักๆแล้วววว
(หวังว่าพี่ทิศจะไม่ทำให้เราผิดหวัง  :oo1: :haun4: :jul1:)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 10-04-2019 10:23:16
มาให้กำลังใจจ้า ตามมาอ่านด้วย o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอย ที่ 11-04-2019 12:31:08
แง้ เข้ามารอทุกวันเลยค่ะ เขียนสำนวนดีมาก เราชอบ อยากรู้ว่าปกติอัพทุกวันไหนคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 14...=> หน้าที่ 22 (04/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sentpai ที่ 11-04-2019 20:13:59
มารอเหมือนเดิมครับ 555
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 11-04-2019 20:43:31
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 15


   ในขณะที่คนหนึ่งออกจากอำเภอนี้ไปหลังจากลาออกจากราชการ อีกคนเพิ่งได้มีโอกาสกลับเข้ามาอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ต้องรักษาตัวอยู่ในกรุงเทพ


อันที่จริง พิทักษ์หายดีได้พักหนึ่งแล้ว แต่เพราะมารดาเลี้ยงเป็นห่วง จึงยื่นคำขาดไม่ให้เขากลับมาทำงานที่สนามกอล์ฟจนกว่าตำรวจจะจัดการไพศาลได้


จนกระทั่งเมื่อเช้า มือปืนที่ก่อเหตุถูกจับได้หลังจากหลบหนีไปกบดานจังหวัดอื่น พิทักษ์จึงใช้เป็นเหตุผลเพื่อกลับมาดูแลกิจการของตนเอง แน่นอนว่าจิดาภาทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใจหนึ่งหล่อนเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา แต่อีกใจก็หวั่นว่าเขาจะมาพบจิณณะ แต่เหตุผลที่สองนั้นพูดออกไปไม่ได้ เพราะข้อตกลงระหว่างหล่อนกับหลานชายเกิดขึ้นในระหว่างที่พิทักษ์ยังไม่มีสติ


และถ้าเขามีสติ เขาย่อมไม่ยอม


เวลานี้ เขามีสติครบถ้วนแล้ว ไม่แน่ใจว่าเขารับรู้ข้อตกลงระหว่างหล่อนและจิณณะหรือไม่ เขาเคยถามหาจิณณะจากหล่อนแค่ครั้งเดียว แต่เมื่อหล่อนแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่อยากพูดถึง เขาก็ไม่ถามอีก พิทักษ์เป็นเช่นนี้ ไม่ขัดใจหล่อน แต่เมื่อถึงเวลา เขาจะลงมือทำอย่างเงียบๆ อย่างเช่นตอนนี้


เขาอ้างว่ามือปืนถูกจับ และคุณเทียมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย อีกทั้งจำเป็นต้องเข้าไปดูแลกิจการที่วางมือมาพักหนึ่งแล้ว


เหตุผลของเขามีสามข้อ แต่ทั้งแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงต่างรู้ดีว่ามีเหตุผลที่สี่ที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ


พิทักษ์อยากมาพบใครบางคนที่ไม่เคยไปหาเขาเลยสักครั้งนับตั้งแต่เกิดเรื่อง


แรกๆ เขาลองถามจากคนรอบข้างว่ามีใครพบจิณณะบ้างหรือไม่ แต่ไม่มีคำตอบ ท้ายที่สุดเมื่อรอคอยนานวันเข้าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา จึงเค้นคอทิวากรผู้เป็นน้องชาย ถึงได้รู้ความจริง


‘แม่ภาขอให้จิณออกไปจากชีวิตพี่ทิศ’


‘แต่จิณไม่ได้ทำให้พี่ถูกยิง’


‘แต่ถ้าไม่มีเขา ป่านนี้พี่ก็ยังอยู่สนามกอล์ฟ ไม่ต้องมานอนบนเตียงแบบนี้’


ทิวากรย้อนมาเช่นนี้ พิทักษ์ก็พูดไม่ออก จริงอยู่ว่าจิณณะเป็นเป้าหมายของกระสุนนัดนั้น แต่เป็นตัวเขาเองที่บังจิณณะเอาไว้ การที่พิทักษ์บาดเจ็บ


เขาตั้งใจ...ไม่ใช่ถูกลูกหลงแทนใคร


‘ถ้าผมเป็นแม่ภา ผมก็ไม่ให้เขามาเจอพี่อีกหรอก ถ้าผมเป็นเขา ผมก็ไม่มีหน้ามาเจอพี่อีกเหมือนกัน แต่...ถ้าผมเป็นพี่ ผมจะเป็นฝ่ายไปหาเขา’ เมื่อน้องชายเป็นหนึ่งเสียงสนับสนุน พิทักษ์ก็ยิ่งตัดสินใจได้ง่ายขึ้น


หลังจากดื้อเงียบ ยืนกรานว่าจะต้องกลับเข้าไปดูแลงาน ไม่เกินชั่วโมงต่อมาชายหนุ่มก็มาถึงสนามกอล์ฟ ช่วงเช้า เขาหมดเวลาไปกับการสะสางงานคั่งค้างที่มีไม่มากนักเพราะได้คนของบิดามาดูแลแทน ก่อนเที่ยงเล็กน้อยถึงได้วางมือแล้วออกจากห้องทำงานไปยังที่ว่าการอำเภอซึ่งอยู่ไม่ไกล


พักเที่ยงแบบนี้ จิณณะต้องออกไปทานอาหารกลางวัน หรือถึงไม่ไปก็ไม่มีข้ออ้างที่จะต้องหมกมุ่นทำงาน อย่างไรเสีย เราก็น่าจะได้ทำความเข้าใจกัน


แต่...เขาลืมเงื่อนไขอีกข้อหนึ่งที่อาจทำให้ไม่ได้เจอคนที่ตั้งใจมาพบ


“ไอ้จิณไม่อยู่หรอกครับ” วรชิตที่กำลังจะออกไปทานมื้อกลางวันบังเอิญพบพิทักษ์เสียก่อน คนมาเยือนจึงถามหาจิณณะจากเขา และนั่นทำให้สีหน้าของปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันยุ่งยาก


“เขาออกไปทานข้าวแล้วหรือ ออกไปทานที่ไหน หรือว่าร้านข้าวแกงข้างๆ” ร้านข้าวแกงที่พิทักษ์เคยมาทานพร้อมด้วยจิณณะ วรชิต และเพื่อนปลัดคราวก่อนเป็นสถานที่เดียวที่นึกออก


วรชิตเม้มปาก ดูท่าพิทักษ์คงยังไม่ทราบเรื่องสถานะของจิณณะในเวลานี้ที่ไม่ใช่ปลัดอำเภออีกแล้ว คนหนึ่งเดินจากไปไม่บอกกล่าว อีกคนตามหาก็ย่อมไม่มีทางเจอ


“ไอ้จิณ...ลาออกจากราชการแล้วครับ”


พิทักษ์นิ่งงัน ทั้งคาดไม่ถึง ทั้งตกตะลึง


“คุณชิตว่ายังไงนะ”


“ไอ้จิณลาออกจากราชการแล้ว มันย้ายกลับกรุงเทพฯไปพักนึงแล้ว มัน...ไม่ได้บอกใช่ไหมครับ” ประโยคหลังนั้น วรชิตถามเสียงแผ่วด้วยความเกรงใจ ความรู้สึกที่พิทักษ์มีต่อจิณณะ ไม่ควรถูกทำลายด้วยการหนีหายของจิณณะแบบนี้เลย


“ผม...ไม่ได้เจอเขาเลย...” พิทักษ์ตอบเสียงแผ่วพอกัน


“เขาลาออกทำไม ได้บอกคุณชิตไหม” วรชิตเม้มปาก ไม่แน่ใจว่าควรพูดดีหรือไม่ แต่เขาไม่เห็นด้วยกับการที่จิณณะเลือกที่จะทิ้งพิทักษ์ไปอย่างนี้


“จิณบอกว่าจะออกไปจัดการคดีของไพศาล”


“ก่อเรื่อง!” คนฟังถึงกับสบถ


“แต่ตอนนี้จิณกลับไปทำงานที่บ้าน บางที...เอ่อ...คุณกอบกุลอาจจะช่วยเรื่องคดี...” จิณณะยอมเล่าให้เพื่อนฟังว่าคุณกอบกุลส่งคนติดตามดูแลความปลอดภัยให้เขาหลังจากทราบเรื่องของไพศาล ความห่วงใยของหญิงชราอาจยืดยาวมาจนถึงเรื่องคดีก็เป็นได้


ทว่าถึงวรชิตจะบอกว่าจิณณะมีหญิงชรามากประสบการณ์ที่เคี่ยวกรำอยู่ในวงการธุรกิจมาประกบข้างในการจัดการกับไพศาล แต่พิทักษ์ก็ไม่อาจสบายใจได้เลย ยิ่งรู้ว่าจิณณะยอมก้าวเท้ากลับเข้าไปอยู่ในปกครองของผู้เป็นย่าปากแข็ง เขาก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าตนเองจะเข้าถึงตัวอีกฝ่ายได้โดยง่าย


จิดาภายื่นคำขาดกับจิณณะไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับเขาอีก แล้วคิดหรือว่าทางฝั่งวงศ์กีรติจะยินยอมให้เขาเป็นฝ่ายเข้าใกล้จิณณะ คุณกอบกุลเองก็เขี้ยวลากดินไม่แพ้ใครเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนในตระกูลของตนเอง


“คุณพิทักษ์...จะปล่อยไอ้จิณไปไหมครับ”


คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อยก่อนหัวเราะขื่น


“ถึงผมไม่อยากปล่อย แต่เขาก็ไม่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ เขาเป็นฝ่ายไป” ไม่รู้ใครเจ็บกว่ากัน ระหว่างคนตัดใจต้องจากไปกับคนที่ไม่อาจรั้งเอาไว้ได้


พิทักษ์หมุนตัวเดินกลับออกจากที่ว่าการอำเภอไปยังรถยนต์หรูของตนเอง ก่อนที่ภาพสุดท้ายที่วรชิตเห็นคือรถคันนั้นหายลับออกไปจากเขตสถานที่ราชการ


ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างหนักอก หมุนตัวเดินกลับขึ้นชั้นบนอย่างหมดอารมณ์จะออกไปทานอาหารกลางวัน


ไม่ว่าคนไปก่อน หรือไปหลังจะเจ็บกว่ากัน แต่พยานผู้รู้เห็นอย่างวรชิต ก็เจ็บไม่ได้น้อยไปกว่าคนทั้งคู่เลย


.......................


   เพราะจิณณะมีทั้งความร่วมมือจากคุณเทียมและความช่วยเหลือจากคุณกอบกุล จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะได้ข้อมูลธุรกิจของไพศาล ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีขาว สีเทา หรือสีดำ


   ไพศาลประกอบธุรกิจสามส่วน ส่วนหนึ่งคือธุรกิจถูกกฎหมายอย่างอาคารพาณิชย์ปล่อยเช่า ที่ดินทำสวนทำนาปล่อยเช่า บริษัทจดทะเบียน และสถานีบริการน้ำมัน ส่วนที่สองคือธุรกิจผิดกฎหมายประเภทสีเทาที่สร้างกำไรเป็นกอบเป็นกำคือบ่อนการพนันระดับ V.I.P และส่วนสุดท้ายคือธุรกิจผิดกฎหมายประเภทสีดำซึ่งสร้างกำไรยิ่งกว่าด้วยการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการค้ามนุษย์ อาศัยสถานีบริการน้ำมันในการส่งต่อแรงงานต่างด้าวทั้งที่มีเอกสารสิทธิ์และไม่มีไปยังพื้นที่ต่างๆ อาศัยอาคารพาณิชย์ปล่อยเช่าของตนเองเป็นแหล่งพักคนต่างด้าวบางส่วนที่ต้องรอทำเอกสารเพื่อส่งออกนอกประเทศ


   “ค้ามนุษย์?! ไอ้ไพศาลมัน!...” ความจริงที่รู้ ทำเอาจิณณะยังพูดไม่ออก เดิมทีเขาก็ไม่คิดว่าไพศาลจะมีแค่ธุรกิจบ่อนการพนันที่รับเงินทุนจากกลุ่มของท่านเสรีมาบริหาร แต่ก็ไม่คิดว่าธุรกิจอีกส่วนที่ไพศาลดำเนินการจะดำมืดเช่นนี้


   พอคิดถึงกิจการที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องล่างอีกชั้น จิณณะก็หวนคิดไปถึงชาวบ้านอย่างทองสุกที่เป็นสาย บางทีทองสุกอาจไม่ได้ตายเพราะเป็นสาย อาจไม่ได้ตายเพราะบ่อนการพนันของไพศาลถูกทลายจนต้องปิดเงียบขาดรายได้ แต่อาจตายเพราะล่วงรู้ถึงกิจการนี้


   ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนัก รู้สึกตีบตันไปทั้งลำคอ พูดไม่ออก หายใจลำบาก แต่คนที่รู้สึก ‘ลำบาก’ ย่อมไม่ได้มีเพียงเขา คุณกอบกุลล่วงรู้ถึงธุรกิจนี้ของไพศาลมาพักหนึ่งแล้ว ถึงได้วิ่งเต้นกับกลุ่มทุนของท่านเสรีจนทางนั้นยอมเปลี่ยนมือมาใช้บริการคุณเทียมก็เพราะธุรกิจสีดำสุ่มเสี่ยงโทษอาญาเช่นนี้


   และเพราะหล่อนรู้ว่าการค้ามนุษย์เป็นขบวนการใหญ่ ผลประโยชน์สูง คุณกอบกุลหวั่นใจว่าหลานชายที่ ‘เหมือน’ กับหล่อน จะคิดการใหญ่ล้มกระดานและผลที่ตามมาอาจจะหมายถึงต้องสละชีวิตของเขา หล่อนเลยต้องลงมากำกับดูแลด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เขาอยู่นอกสายตาเกินไปนัก หรือจะพูดตรงๆก็คือ...หล่อนเป็นห่วง


   แต่เรื่องพูดตรงกับคุณกอบกุลดูจะเป็นเส้นขนาน ดังนั้นสิ่งที่พูดกับหลานชายนอกคอกคนนี้จึงเป็นการเตือน


   “ธุรกิจแบบนี้ทำคนเดียวไม่ได้ มันเองก็มีเส้นสายของมัน แกแค้นที่ตัวมันก็จัดการเฉพาะตัวมัน อย่าไปขุดคุ้ยเรื่องอื่น”


   “แต่นี่มันค้ามนุษย์! มันขายแม้แต่เด็ก!” จิณณะแย้ง หากเด็กที่ถูกหลอกไปขายเป็นลูกหลานพี่น้องของเขา คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานไม่ใช่แค่เด็กเหล่านั้น แต่รวมไปถึงครอบครัวที่ไม่รู้ว่าชะตากรรมลูกหลานจะเป็นเช่นไร และชาตินี้จะได้พบหน้ากันอีกหรือไม่


   “แล้วแกคิดว่าคนที่ทำธุรกิจแบบนี้จะยอมให้แกขุดคุ้ยหรือ? พวกนั้นมีเส้นสาย มีอำนาจ มีทุกอย่างมากกว่าแก แกลุกขึ้นยืนต้านก็ไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย ถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้มีคุณเทียมสิบคน มีฉันอีกยี่สิบคนก็คุ้มกะลาหัวไม่ได้” คนเป็นหลานได้แต่เม้มปากแน่น จริงอย่างที่ผู้เป็นย่าออกปาก ธุรกิจอย่างนี้ไม่ใช่ธุรกิจประเภทเจ้าของคนเดียว กว่าไพศาลจะมาถึงจุดนี้ เขาย่อมมีพวกพ้อง มีเส้นสาย มีขบวนการ


   แต่...จิณณะก็มีทั้งคุณเทียมและคุณกอบกุล...


   สายตาของหลานชายที่มองตรงมาที่หญิงชราราวกับจะบอกว่าตนเองก็มี ‘เส้นสาย’ ที่ไม่ได้เล็กบางไปกว่าไพศาล ทว่าเป็นฝ่ายคุณกอบกุลที่ส่ายหน้าแล้วเอ่ย


“เรื่องที่มันทำ ไม่ใช่ว่าแกรู้คนแรกเสียเมื่อไร แกคิดว่าคุณเทียมรู้ไหมว่ามันทำอะไร เขารู้! แต่ระดับเขายังจัดการมันไม่ได้เลย จิณณะ...แกอย่าวู่วาม วันนี้แกเล็งเฉพาะไอ้ไพศาล เส้นสายของมันก็ยังพอเข้าใจว่าที่แกทำก็เพื่อแก้แค้นเรื่องถูกยิง ยังไงก็ต้องตัดมันทิ้งเพราะไม่อยากให้กระทบกับธุรกิจ แกจะจัดการไอ้ไพศาลได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าแกขุดคุ้ยขบวนการของมันต่อ เส้นสายของไอ้ไพศาลจะเล็งเป้าแกแทน ดีไม่ดีพวกมันจะร่วมมือกัน แล้วเก็บแก”


   “หมายความว่าไม่ให้ผมยุ่งกับเรื่องค้ามนุษย์ของมันหรือ”


   “ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ให้ยุ่ง ฉันบอกให้แกยุ่งเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับไพศาล ธุรกิจแบบนี้เหมือนปลาหมึก ตัดขาหนึ่ง ก็ยังมีอีกหลายขา เราไล่ตัดทุกขาไม่ได้ ตัดหัวมันทีเดียวก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนที่จะตายคนต่อไปก็คือแก”


   แม้ชีวิตจะเคยผ่านวิกฤตกลัวตายมาแล้ว แต่จิณณะรู้ดีว่าเขายังไม่พร้อมจะตายและไม่อยากจะพบเจอวิกฤตนั้นในเร็วๆนี้ แม้ธุรกิจของไพศาลจะสมควรถอนรากถอนโคน แต่...ถ้าต้องแลกกับชีวิตตนเอง จิณณะก็พบว่าเขาเห็นแก่ตัวมากเกินกว่าที่จะทำเช่นนั้น เพราะสุดท้ายแล้วก็ยังมีเรื่องต้องทำอีกมาก และยังไม่มีลูกหลานญาติพี่น้องของเขาคนไหนตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้


   เมื่อเรื่องไม่เกิดกับตัว กับคนใกล้ตัว ก็ยากเหลือเกินที่จะทุ่มเทชีวิตลงไปกับมัน


“คนตายเป็นฮีโร่ได้แค่วันเดียว แต่ถ้าแกอยู่เงียบๆ คอยทำให้เรื่องเป็นประเด็น ทำให้คนสนใจ ให้สังคมเป็นตัวปะทะแทน นอกจากแกจะไม่ต้องถูกเล็งแล้ว ธุรกิจแบบนี้ก็ยิ่งอยู่ยาก”


   “อยู่ยากแต่ก็ยังอยู่...” แม้ใจจะไม่กล้าเสี่ยงชีวิต แต่ให้ยอมรับการเจริญเติบโตของธุรกิจประเภทนี้ เขาก็ทำไม่ลง


   “มันหายไปไม่ได้หรอก แกก็รู้ดี”


   ในเมื่อโลกนี้ไม่ใช่โลกในอุดมคติ อำนาจและผลประโยชน์ส่งกลิ่นยั่วยวนให้ผู้คนขวนขวาย อำนาจบางอย่างมาจากรากเหง้าที่ถูกกฎหมาย ผลประโยชน์บางส่วนมาจากกลุ่มก้อนที่ผิดกฎหมาย แต่คุณค่าของคนสมัยนี้อยู่ที่ใครครอบครองอะไรได้มากเท่าไร ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งมีเงินทองมาก ก็ยิ่งหาผลประโยชน์ได้มาก ยิ่งผูกพันกับอำนาจและผลประโยชน์จำนวนมากก็ยิ่งต้องเกี่ยวโยงสร้างเครือข่ายไปไกล เครือข่ายเหล่านี้ แม้ไม่บัญญัติกฎเกณฑ์ตายตัว แต่บุญคุณต่างตอบแทนก็เป็นเรื่องที่ยึดถือและปฏิบัติต่อกัน


คุณกอบกุลเองก็ยังพร้อมที่จะขวนขวายอำนาจและผลประโยชน์ ใช้เส้นสายและเครือข่ายสร้างความได้เปรียบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพียงแต่หล่อนเลือกเฟ้นแล้วที่จะไม่ทับหางใคร และเลี่ยงกฎหมายได้อย่างปลอดภัย


   แตกต่างจากไพศาล ชะตาชีวิตผสมนิสัยและทัศนคติพัดพาคนบางคนไปไกลเกินกว่าจะเห็นสิ่งอื่นนอกจากสิ่งที่ตนเองได้รับ พอสืบรู้ธุรกิจสีดำเบื้องหลังชีวิตของไพศาลแล้ว คุณกอบกุลก็พอจะยกย่องตนเองได้อยู่บ้างว่าหล่อนไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก อย่างน้อยก็มีไพศาลที่ต่ำเสียยิ่งกว่าหล่อน


   “แกเป็นไม้ซีกอย่าไปงัดไม้ซุง มันไม่คุ้มเสีย แกงัดเฉพาะบางส่วนของไม้ซุงที่แกคิดว่าทำได้ แล้วมันจะสะเทือนเอง”


   การงัดเฉพาะบางส่วนของไม้ซุงคือการมุ่งจัดการเฉพาะไพศาล


ในไม่ช้า ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติที่ไพศาลถือครองก็มาอยู่ในมือของจิณณะ รายละเอียดหุ้นจำนวนหนึ่งจากห้าบริษัท บัญชีธนาคารที่เป็นชื่อของไพศาลและชื่อของผู้อื่น บ้านพักอีกสามแห่ง อาคาร 7 ชั้นซึ่งเปิดเป็นอพาร์ทเม้นท์รายวัน และที่ดินจำนวนมากในจังหวัด


จิณณะเริ่มจัดการจากทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูงและอาจกลายเป็นแหล่งสร้างเงินทุนให้ไพศาลในอนาคตเสียก่อน


บ้านพักสามแห่ง ถูกจัดอยู่ในทรัพย์สมบัติที่มาจากรายได้ซึ่งไม่ปรากฏแหล่งที่มา อพาร์ตเม้นท์ปล่อยเช่ารายวันสูง 7 ชั้น มีบางส่วนถูกใช้เป็นห้องพักสำหรับต่างด้าวผิดกฎหมายซึ่งจะกลายเป็นหลักฐานเอาผิดไพศาลในอนาคต ส่วนที่ดินซึ่งเดิมทีเป็นของชาวบ้านถูกไพศาลกว้านซื้อมาเก็บสะสม จิณณะส่งนายหน้าไปติดต่อชาวบ้านเจ้าของที่ดินรอบๆที่ดินที่ถูกไพศาลซื้อไปก่อนหน้านี้ จากนั้นเริ่มกวาดซื้อ บางส่วนไม่ขายให้ เขาก็ไม่ใจร้อนเร่งรัด แต่สำหรับรายใดที่ยอมขาย เขาก็พร้อมจ่ายเต็มที่ เจ้าของที่ดินที่ตัดสินใจขายได้รับเงินก้อนใหญ่ ร่ำรวยผิดหูผิดตา


คนเรา ต่อให้จะมักน้อยเพียงใด แต่เมื่อเห็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เห็นกันมานาน จู่ๆก็มีลาภลอยขายที่ได้เงินก้อน ถือเงินเป็นฟ่อน พร้อมกับข่าวลือว่าที่ดินบริเวณนั้นจะถูกนำไปสร้างเป็นโรงงาน ราคาที่ดินอาจจะยิ่งตก ในไม่ช้า จากที่คิดจะเก็บพื้นดินเป็นมรดกให้ลูกหลาน ก็เริ่มตัดสินใจขาย


สุดท้าย ที่ดินแปลงใหญ่ของไพศาลถูกปิดล้อม เหลือเพียงด้านเดียวที่ติดถนนลูกรัง


เรื่องนี้ไพศาลยังไม่รู้เรื่อง เพราะที่ดินเหล่านี้กว้านซื้อมาเพื่อปล่อยให้เจ้าของที่ดินเดิมเช่าทำไร่ไถนา


ต่อมาคือเรื่องหุ้นในบริษัท และเม็ดเงินที่ลงทุนโดยไม่มีที่มาที่ไป จิณณะให้คนเก็บรวบรวมหลักฐาน แน่นอนว่าไม่ได้แตะต้องกลุ่มทุนใหญ่ซึ่งบัดนี้หันมาใช้บริการคุณเทียมแทน พวกนั้นตัดช่องน้อยแต่พอตัว ใช้อำนาจบารมีทำให้เรื่องที่เคยลงทุนกับไพศาลหายเข้ากลีบเมฆ เวลานี้เส้นสายจากฝั่งท่านเสรีตัดไพศาลออกไปแล้ว จะเหลือก็แต่เส้นสายฝั่งธุรกิจสีดำอย่างการค้ามนุษย์


แต่...สิ่งที่เหลือนั้นร่อแร่เต็มที เพราะจู่ๆกระแสสังคมก็หันมาให้ความสนใจกับเรื่องค้ามนุษย์ ไม่มีใครรู้เพราะอะไรเรื่องนี้ถึงกลายเป็นประเด็นขึ้นมา และมันทำให้เจ้าหน้าที่กวดขันเป็นพิเศษเพราะถูกสื่อและประชาชนจับตา


ทว่าเรื่องนี้จิณณะรู้ดี


โชคดีอย่างหนึ่งของการทำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย คือทำให้รู้จักคนร้อยพ่อพันแม่ บางคนคบหากันมาจนทุกวันนี้ อย่างเช่นทายาทเจ้าของสื่อยักษ์ใหญ่ ที่พอเขาไหว้วานให้ช่วยกระพือเรื่องการค้ามนุษย์ รายนั้นก็รับไปจัดการให้


ปัญหาสังคมมีเป็นร้อยเรื่องพันเรื่อง ขึ้นอยู่กับว่าวันไหน เรื่องไหนจะถูกหยิบยกขึ้นมาอยู่ในสปอตไลท์ เขาเพียงแค่ขอความช่วยเหลือให้จุดประเด็นขึ้นมา โชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีข่าวอะไรร้อนแรง ประเด็นค้ามนุษย์เลยกลายเป็นความสนใจของผู้คนไปโดยปริยาย


พอคนสนใจ สื่อสนใจ ภาครัฐเลยต้องกวดขันขึ้นเป็นลำดับ ยิ่งเมื่อมี ‘ใครสักคนที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร’ ชี้เป้าสถานีบริการน้ำมันของไพศาล กลไกของการจับตาและตรวจสอบก็เริ่มทำงานของมันเอง


บ่อนการพนันปิดเงียบ สถานีบริการน้ำมันซึ่งเปิดอย่างถูกกฎหมายถูกรบกวน ไม่ต้องพูดถึงธุรกิจสีดำที่อยู่เบื้องหลังที่ต้องหยุดชะงัก ไหนจะเรื่องที่มือปืนทำงานพลาด แทนที่เป้าหมายจะตาย กลับกลายเป็นมีเพียงคนเจ็บ หนำซ้ำคนที่เจ็บกลับไม่ใช่คนที่อยากให้ตาย!


เสียงร้องคำรามด้วยความโมโหดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในบ้านพักของไพศาล งานพลาดก็เรื่องหนึ่ง ธุรกิจหยุดชะงักก็เรื่องหนึ่ง ความเจ็บแค้นที่ทุกอย่างไม่เป็นดังหวังก็เรื่องหนึ่ง รวมแล้วทุกเรื่องเกิดขึ้นพร้อมๆกันเลยยิ่งทำให้แทบขาดสติราวกับเส้นเลือดในสมองจะแตกทุกเมื่อ


และทุกเรื่อง...เป็นเพราะไอ้ปลัดจิณณะ!!!


“กูจะฆ่ามึง!! กูจะฆ่ามึง!!!” ทั้งๆที่ใจอยากส่งลูกน้องออกไปจัดการเป้าหมายรายนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่เรื่องทองสุกถูกยิงถล่มบ้านและเรื่องพิทักษ์ถูกลูกหลง ก็ได้รับความสนใจจากสื่อมากพออยู่แล้ว ไหนจะเรื่องสถานีบริการน้ำมันที่ถูกจับตาเพราะประเด็นค้ามนุษย์อีก ทุกอย่างเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเดียวกัน เวลาใกล้เคียงกัน หากยังไม่เก็บตัวเงียบ ก็ไม่ต่างอะไรกับกระโดดออกไปยืนหน้าศาลแล้วชี้เป้ามาที่ตนเอง


แต่การอยู่เงียบๆในเวลาแบบนี้ยิ่งทำให้เครียดแทบบ้า!


“นายครับ! นาย!” เสียงลูกน้องดังโหวกเหวก ไพศาลยังหายใจฟืดฟาดเพราะความอัดอั้น ตวัดดวงตาปูดโปนไปมองอย่างเอาเรื่อง แต่ลูกน้องที่วิ่งเข้ามาในบ้านดูจะไม่ได้สนใจใบหน้าแดงก่ำและดวงตาทมึงถึงของคนเป็นนายเลยสักนิด


“นายครับ! ตำรวจกำลังมา!!”


“อะไรนะ?!! มันมาทำไม?!!”


“ไม่รู้ครับนาย สายบอกว่าตำรวจกำลังมา!!” ลูกน้องย้ำ หน้าตาตื่นตระหนก ไพศาลไม่ได้คิดอะไรอีกแล้ว คำว่าตำรวจกำลังมาสำหรับคนที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายและมีเรื่องซุกซ่อนอีกมาก หนำซ้ำยังไม่มีใครหนุนหลัง ย่อมคิดออกเพียงอย่างเดียวคือต้องหนีเท่านั้น!


ชายร่างท้วมกวาดเอาทรัพย์สินที่พอจะหยิบฉวยได้ติดตัวไปด้วย ก่อนจะถูกพาขึ้นรถแวนที่จอดรออยู่หน้าบ้าน เสียงหวอดังมาแต่ไกลยิ่งทำให้ใจคนหนีเต้นระส่ำ สั่งเสียงรัวให้ลูกน้องรีบขับ


รถแวนของไพศาลวิ่งฉิวออกจากบ้านก่อนที่รถตำรวจจะมาถึง


กฎหมายเอื้อมไม่ถึงตัวไพศาล แต่...ไม่ใช่สำหรับจิณณะ


ไพศาลที่อยู่บนรถยังไม่รู้จุดหมายปลายทาง เพราะมัวแต่ระแวงหลังเกรงว่าตำรวจจะตามมา ทว่า...กลับไม่ทันระวังลูกน้องข้างตัว กว่าจะรู้ตัว ผ้าที่มีกลิ่นยาฉุนก็ถูกโปะเข้ามาที่ครึ่งปากครึ่งจมูก ร่างท้วมดิ้นอึกอักอยู่แค่ไม่กี่วินาที ก็ร่วงผล็อยหมดสติลงกับเบาะ


รถแวนวิ่งเข้าสู่ถนนใหญ่ ปะปนไปกับรถคันอื่นๆ ก่อนจะหายลับสายตา


………………….

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 11-04-2019 20:44:10

ไพศาลรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในห้องแคบๆ ไม่มีเครื่องเรือนอะไรนอกจากฟูกนอนและผ้าห่มหนึ่งผืน มุมหนึ่งของห้องเป็นห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะมุมไหนก็ไม่มีหน้าต่าง ไม่รู้วันเดือนปี ไม่รู้กลางวันกลางคืน ทุกๆวันจะมีคนยกข้าวกล่องและขวดน้ำเข้ามาให้สามมื้อ แต่ไม่มีใครพูดอะไรกับเขาสักคน


“พ…พวกมึงเป็นใคร?! จับกูมาต้องการอะไร?!!”


ไม่มีคำตอบ คนเข้ามาแค่วางข้าวกล่องทิ้งไว้แล้วออกไป


“กูมีเงิน! ถ้ามึงปล่อยกู อยากได้เท่าไร กูจะเอามาให้!!”


ยื่นข้อเสนอก็แล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครตอบโต้กลับมา นอกจากเก็บกล่องข้าวจากมื้อก่อนหน้านี้กลับไปแล้ววางข้าวกล่องมื้อใหม่ลงแทนที่


“พวกมึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร?! กูสนิทกับท่านนพพร! กูรู้จักท่านเสรี! ถ้าพวกนั้นรู้ว่าพวกมึงเอาตัวกูมา ท่านต้องสั่งเก็บพวกมึง!!!”


ขู่ก็แล้ว แต่ทุกอย่างก็ยังเงียบกริบ ไพศาลแทบบ้า ไม่รู้จะหาหนทางช่วยเหลือตนเองอย่างไรดี ไม่รู้ว่าอนาคตของตนจะเป็นอย่างไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตนเองกำลังพบเจอปัญหาอะไร วันๆทำได้เพียงกินเพื่อประทังชีวิต และนอนเพื่อเอาแรง แต่ยิ่งนานวันเข้า การอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ไม่ได้พูดคุยอะไรกับใคร ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้สถานการณ์จะเป็นเช่นไรก็ยิ่งทำให้ความเครียดสะสม จากชายวัยห้าสิบร่างอ้วนท้วมที่ดูอิ่มเอิบ ยิ้มแย้มอย่างหน้าใหญ่ใจกว้าง กลายเป็นชายแก่ที่ดูทรุดโทรม จะเดินจะนั่งยังสะโหลสะเหล


จนกระทั่ง วันหนึ่งประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ไม่ใช่เพียงแค่ชายฉกรรจ์ที่เข้ามาพร้อมข้าวกล่องและน้ำขวดอีกแล้ว แต่มีชายหน้าตาโหดเหี้ยม 4-5 คนเดินอาดๆเข้ามา ไพศาลในสภาพอ่อนล้าถอยกรูดไปจนสุดผนังอย่างไม่วางใจ จนกระทั่งชายหนุ่มคุ้นตาคนหนึ่งเดินตามหลังเข้ามาเป็นคนสุดท้าย


สมองของไพศาลถูกใช้งานอย่างหนักภายในเวลาไม่กี่นาทีเพื่อทบทวนความคุ้นเคยที่มี


ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา อกผายไหล่ผึ่งในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงแสล็กและรองเท้าหนังมันเงาวาววับ ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เหมาะจะเดินเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมคับแคบเหม็นอับที่นี่เลย


ชายหนุ่มคนนี้ ไพศาลเคยพบมาแล้วหลายครั้ง และเป็นชายหนุ่มคนเดียวกับที่เขาเคยหมายหัว


ปลัดจิณณะ!


“ไอ้ปลัด!!”


“อ้อ ยังจำกันได้ นึกว่าได้ยานอนหลับจนสมองเบลอไปหมดแล้วเสียอีก” คนถูกเรียกว่าไอ้ปลัดตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่พูด แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความอำมหิต ไพศาลกลืนน้ำลายเหนียวหนืด เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีสีหน้าหรือให้ความรู้สึกน่าประหวั่นพรั่นพรึงขนาดนี้ แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายกลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน


“มึงต้องการอะไร! จับกูมาทำไม!” แม้ใจจะกลัว แต่ไพศาลก็ยังบ้าดีเดือดตะคอกใส่หน้า


ชายหนุ่มเลิกคิ้วกับคำถาม


“แปลก จำหน้าผมได้ แต่จำเรื่องก่อนหน้านี้ไม่ได้ว่าทำอะไรเอาไว้”


“ไอ้ปลัด!!! ตอบกู!!” ไพศาลที่ถูกความเครียดเล่นงานมานาน แม้จะหวั่นใจกับการปรากฏตัวของจิณณะ แต่ความบ้าเลือดทำให้เขาโผเข้าหาหมายจะกระชากคอ แต่กลับถูกโล่มนุษย์ซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่หลายคนขยับตัวเข้าขวาง ไพศาลจึงเหมือนกระแทกเข้ากับกำแพงหนา กระเด็นล้มคว่ำไปกับพื้น


เขาร้องโอดโอยอยู่กับพื้น พยุงตัวจะลุกอย่างยากลำบากเพราะตลอดช่วงที่ถูกจับตัวมาขังไว้ที่นี่ ไม่ได้ทำอย่างอื่นนอกจากกินและนอน ไม่พบแดดพบลม ร่างกายอ่อนล้าด้วยสภาพจิตใจที่วิตกกังวล


รองเท้าหนังมันถูกขัดจนเงาเอี่ยมก้าวมาอยู่ตรงหน้า ราวกับบีบคั้นให้ไพศาลยิ่งรู้สึกเหมือนตนเองถูกบดขยี้ พอเขาเงยหน้ามองก็เห็น ‘ไอ้ปลัด’ ยืนสง่ากดสายตาลงมองอย่างเคียดแค้น


“มึงต่างหากต้องตอบกู...”


“...มายุ่งกับกูทำไม!” เสียงของจิณณะกดต่ำราวกับต้องการสงบอารมณ์ที่พุ่งพล่านในอกด้วยเช่นกัน ผลกระทบที่เกิดกับพิทักษ์ยังคงตกผลึกอยู่ในใจของเขา วันนี้ที่ต้นเหตุอยู่ตรงหน้า ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังมีสติไม่อัดอีกฝ่ายให้น่วมเสียก่อนจะถามไถ่


“ไอ้ทองสุกมันบอกว่ามึงรู้เรื่องของกู!!” ไพศาลตะคอกกลับไปด้วยความโกรธแค้นไม่ต่างกัน ถูกจับมาขังเอาไว้ที่นี่อย่างไม่รู้วันรู้คืน ความกังวลทับถมจนผมที่เหลืออยู่น้อยนิดยังขาวโพลน ยิ่งมารู้วันนี้ว่าคนที่จับเขามาคือ ‘ไอ้ปลัด’ ที่เคยถูกเขาหมายหัว ก็ยิ่งแค้นจัด


มันไม่ตาย หนำซ้ำยังสุขสบายดีและกลายเป็นคนล่าอีกต่างหาก!


“รู้? รู้อะไร” จิณณะย้อนถามหรี่ตาจับจ้องราวกับจับผิด


“เรื่องธุรกิจของกู!” ไพศาลตอบ ทว่าใจสั่นอย่างประหลาดเมื่อเห็นความไม่เข้าใจบนสีหน้าของจิณณะ


“ธุรกิจ? ธุรกิจอะไร”


“มึงอย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง! ไอ้ทองสุกมันบอกก่อนตายว่ามันบอกคนอื่นแล้ว!!”


“บอกใครล่ะ! พี่สุกไม่ได้บอกอะไรกูเลย!” จิณณะตะคอกย้อนกลับไป


“มึงอย่ามาโกหก! ไอ้ทองสุกมันบอกว่ามันบอกเรื่องของกูกับคนอื่นไปแล้ว! คืนนั้นมึงก็อยู่กับมัน!” ทว่าสีหน้าของจิณณะยังคงไม่มีความกระจ่าง ทำเอาไพศาลใจหายวาบ ครึ่งหนึ่งของสัญชาตญาณกำลังบอกเขาว่า สิ่งที่หวาดระแวงมาตลอดอาจไม่ใช่


บางที ทองสุกอาจไม่ได้บอกใครเลย...


ธุรกิจสีดำของเขา...ไม่ได้ล่วงรู้ถึงหูใคร...


“มึงคิดว่าคืนนั้นพี่สุกชวนกูไปทำไม” จิณณะลดระดับเสียงลงจนนิ่งสงบ ทว่าดวงตาของเขายังเรืองรองด้วยแววอำมหิต


“...เขาชวนกูไปกินข้าว”


“ไม่จริง!! มันต้องบอกมึงสิ!”


“เขาไม่ได้บอกกู! ไม่มีเรื่องไหนเลยที่พี่สุกพูดถึงมึง!!”


ชายหนุ่มตะคอก แต่แล้วอึดใจต่อมากก็กลายเป็นหัวเราะเย้ยหยัน “มึงเล็งมาที่กู เพราะคิดว่ากูรู้ความลับของมึงใช่ไหม มึงคิดว่าพี่สุกบอกกู...” จิณณะส่ายหน้า ดวงตาเย็นเยียบ มุมปากยกยิ้มเยาะ


“...ไม่ใช่...พี่สุกไม่ได้บอกกู มึงโดนคนใกล้ตายหลอก”


“ไม่จริง!!! ไอ้ทองสุกมันบอก!! ถ้าไม่ใช่มึงก็เพื่อนของมึง!!”


“ไม่มีใครรู้เรื่องของมึงทั้งนั้น!! แต่คนที่ทำให้เรื่องชั่วของมึงผุดขึ้นมาก็คือตัวมึงเอง!!!”


“ม...มึงหมายความว่ายังไง” ไพศาลใจหายครั้งแล้วครั้งเล่า จิณณะพ่นลมหายใจราวกับเพื่อสงบสติอารมณ์ที่พุ่งพล่านอยู่ในอก


“มึงทำอะไรเอาไว้ล่ะ ปั๊มน้ำมันของมึง...เปิดเอาไว้ทำไม”


“ม...มึงรู้...ไอ้ทองสุกมันบอก!...”


จิณณะหัวเราะก้อง


“พูดไม่รู้เรื่อง กูบอกแล้วว่าพี่สุกไม่ได้บอกอะไรกูเลย!” จิณณะตวาดลั่นห้อง แม้จะเจ็บใจที่ทองสุกโยนเผือกร้อนมาให้เขาเดือดร้อน แต่ครั้งหนึ่งทองสุกก็ดีกับเขา เป็นชาวบ้านรุ่นพี่ที่คบหาสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจกัน


“แล้วมึงรู้ได้ยังไง! มึงรู้เรื่องปั๊มของกูได้ยังไง!”


“ตำรวจขยายผลจับกุมเรื่องค้ามนุษย์ ปั๊มน้ำมันของมึงเป็นหนึ่งในจุดแวะพักเส้นทางขนย้ายคน!” ไพศาลที่นั่งอยู่กับพื้นแทบจะทรุดลงไปกองทั้งตัว ไม่ใช่แค่เงินทองหายวับไปกับตา แต่โทษอาญายังผุดขึ้นมาตรงหน้า


สภาพของชายตรงหน้าทำให้จิณณะต้องสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ของตนเอง เขาต้องการต้อนให้ถึงที่สุดจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและคำสุภาพ ทั้งๆที่ไฟลุกท่วมหัวใจด้วยความเกลียดชัง


“คุณไพศาล ธุรกิจแบบนั้นทำเองคนเดียวไม่ได้ ถ้าคุณยอมบอกว่าคุณทำงานให้ใคร คุณอาจจะรอด...” สีหน้าซีดขาวของไพศาลมีแววหวาดหวั่น พลางส่ายหน้าระรัว ดูแล้วกลัวตายหากความจริงหลุดออกจากปาก


เส้นสายขบวนการ ยามอยู่ดีมีสุข มีไว้ก็ช่วยให้ทำงานราบลื่น ยามประสบเคราะห์กรรม ก็ยังเป็นที่พึ่งยามยาก แต่ยามเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เส้นสายที่ว่า อาจไม่ใช่ของวิเศษอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ไพศาลกำลังหวั่นไม่ใช่โทษอาญาของกฎหมาย แต่หวาดกลัววิธีการหยุดกระบวนการสืบคดีค้ามนุษย์ด้วยการตัดปลายทางอย่างเขาทิ้ง


และวิธี ‘ตัด’ ที่ทำให้ไม่อาจสาวไปถึงต้นตอได้ทรงประสิทธิภาพที่สุดก็คือการ ‘ปิดปาก’


“ไม่บอกก็ไม่บอก แต่รู้ไว้แล้วกันว่าตอนนี้ข้างนอกนั่นกำลังตามหาตัวคุณให้ขวั่ก”


“ก...กูรู้จักคนใหญ่คนโต เขาต้องช่วยกู!” แม้จะกลัวเสียจนหายใจลำบาก ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเป้ง และเสียงหัวใจเต้นถี่ดังสะท้อนในอก แต่ไพศาลก็ยังไม่วายปากกล้า


“ใครหรือ? รัฐมนตรีนพพร? ท่านที่ปรึกษาเสรี? หรือกลุ่มทุนที่ลงขันเอาเงินมาให้คุณบริหาร? คุณไพศาลคงไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มานานเท่าไรแล้ว โลกข้างนอกเปลี่ยนไปทุกวัน วันนี้คุณไม่อยู่ พวกเขาก็หาช่องทางใหม่ ขอแค่ผลประโยชน์ของเขาไม่ขาดมือก็พอ อีกอย่าง...คุณน่าจะรู้ว่าธุรกิจบางประเภทมันก็ช่วยไม่ได้ ยิ่งตอนนี้...ประเด็นนี้กำลังเป็นที่สนใจ...ค้ามนุษย์...ผู้หญิง...ผู้ชาย...เด็ก”


คำสุดท้ายทำให้ไพศาลกลืนน้ำลายยากเย็นขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า 


“มีเด็กด้วยใช่ไหม...” จิณณะถามย้ำ


ไพศาลแทบลืมหายใจ ภาพธุรกิจอันแสนอู้ฟู้ในยามที่เขากำลังประสบความสำเร็จพุ่งพล่านอยู่ในสมอง ภาพของเขาที่ยืนอยู่เหนืออาณาจักรของความร่ำรวยและบารมี ไพศาลไม่ได้เกิดมาแล้วมีทุกอย่าง ชีวิตเขาเริ่มจากติดลบ แม่ติดพนัน พ่อติดเหล้า เขาเองก็คลุกคลีกับวงการสีเทามาแต่เล็ก จากเด็กรับซื้อของให้ขาพนันในตลาด เติบโตขยับฐานะด้วยโชคและโอกาส จับผลัดจับพลูได้รู้จักผู้คนมากมาย มีทั้งคนที่ชักชวนเข้าสู่วงการสว่าง วงการสลัว และวงการดำมืด แน่นอนว่าแต่ละประเภทล้วนให้ค่าตอบแทนไม่เท่ากัน ความเสี่ยงต่ำ ผลประโยชน์ต่ำ ความเสี่ยงสูง ผลประโยชน์สูง และไพศาล...ต้องการผลประโยชน์สูง...มากกว่าผลประโยชน์ทั่วๆไป


ธุรกิจส่งต่อแรงงานข้ามชาติมอบผลประโยชน์ในระดับที่เขาพอใจ ‘สินค้าเหล่านี้’ บ้างไร้สัญชาติ บ้างมีสัญชาติ แต่ที่เหมือนกันคือพวกนี้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มีทั้งเด็ก ผู้หญิงและผู้ชาย ใช้สถานีบริการน้ำมันเป็นแหล่งขนถ่ายและกระจายผู้คนเหล่านี้จากรถคันหนึ่งไปรถอีกหลายคัน บางส่วนไปยังที่พักพิงเพื่อรอทำเอกสารส่งต่อไปยังประเทศปลายทาง บางส่วนถูกกระจายไปยังเมืองใหญ่ แรงงานเหล่านี้บ้างถูกหลอกว่าเมื่อถึงที่หมายจะมีชีวิตที่ดีกว่า บ้างก็เต็มใจไปตายเอาดาบหน้า หากแต่สุดท้าย...ถูกกักขัง ใช้แรงงานและทารุณกรรมตามแต่ยถากรรม



ผลประโยชน์ในระดับที่ไพศาลพอใจทำให้เขาร่ำรวยด้วยเงินทองและอำนาจบารมี จากเด็กในตลาดกลายเป็นหนึ่งในสองของผู้มีอิทธิพลของจังหวัด และท้ายที่สุด...ภาพทั้งหมดดิ่งวูบลงมาอยู่ที่ปัจจุบัน ไพศาลนั่งกองแทบเท้าจิณณะ


“กูถามว่ามีเด็กด้วยใช่ไหม?!!!” คำถามดังซ้ำ ทำเอาคนที่นั่งอยู่กับพื้นเบิกตาโพลงลนลานรีบตอบ


“ก...กูไม่รู้!”


“จะไม่รู้ได้ยังไง! ในเมื่อมึงเป็นคนจัดการ!”


“กูแค่เปิดเส้นทางให้! แค่ให้ใช้ปั๊มของกูเป็นที่ส่งต่อ! กูไม่รู้ว่ามีเด็ก!”


“ค่าหัวของเด็กกับผู้ใหญ่มันไม่เท่ากัน! มึงรับเงินโดยที่ไม่ได้นับหัวอย่างนั้นหรือ!”


ไพศาลหายใจยากเย็นราวกับไม่มีออกซิเจนหลงเหลืออยู่ในห้อง แค่ค้ามนุษย์ข้อหาเดียวก็ไม่รู้ต้องรับโทษในคุกสักเท่าไร หากมีข้อหาที่เกี่ยวกับเด็กอีก ชั่วชีวิตนี้คงไม่ได้ออกมาจากหลังลูกกรง


เหงื่อกาฬแตกพลั่กไปทั่วทั้งหลัง จากเดิมที่มองจิณณะเป็นศัตรู วินาทีต่อมาก็กลายเป็นเห็นชายหนุ่มเหมือนที่พึ่งหนึ่งเดียว


 “ป...ปลัด....ที่มึงจับกูมาเพราะมึงจะต่อรองกับกูใช่ไหม มึงอยากได้อะไร กูให้มึงได้ แต่...แต่เรื่องเด็ก...”


“มีเด็กด้วยจริงๆ...” จิณณะทวน มองชายแก่ตรงหน้าด้วยความรังเกียจ ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร เรื่องนี้เขารู้ แต่กับคนประเภทที่ต่ำที่สุดคือพวกที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนทุกอย่าง โดยไม่มีมนุษยธรรมใดๆหลงเหลือในจิตใจ


ไพศาลเป็นคนประเภทนั้น...ไม่มีสำนึกสักนิด


“ก...กูจำเป็นต้องทำ! พ...เพราะ...เพราะผู้ใหญ่อยากได้...” ไพศาลละล่ำละลั่ก แม้ว่าแท้จริงแล้ว เขาจะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเด็กเหล่านั้นจะผ่านทางไปไหน ถูกใครซื้อไปทำอะไร หรือถูกพาไปที่ใด


“ผู้ใหญ่ชื่ออะไร”


“ก...กูบอกไม่ได้...”


“แสดงว่าไม่จริง”


“จริง! กูไม่ได้ตั้งใจขายเด็ก...” ปากว่าไม่ตั้งใจ แต่ในยามนั้นไพศาลไม่ได้สนใจว่าใครอายุเท่าไรที่กลายเป็นสินค้าให้เขาส่งต่อไปยังปลายทาง เขารู้เพียงเม็ดเงินที่ได้


“มึงมันสารเลวจริงๆ” ยิ่งพูดก็ยิ่งแค้น ไม่เพียงแต่เรื่องที่ไพศาลทำต่อเขา ต่อพิทักษ์ ต่อทองสุก แต่ในฐานะคนหนึ่งคน ไพศาลก็ยังขายได้แม้กระทั่งเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่


“เอาเป็นว่า...เรื่องนี้ กูจะให้เป็นหน้าที่อัยการ เรื่องของพี่สุก กูจะให้เป็นที่หน้าที่ตำรวจ ส่วนระหว่างมึงกับกู มีแค่เรื่องเดียว...” ทั้งๆที่ปากว่ามีเพียงแค่เรื่องเดียว แต่รังสีอำมหิตของจิณณะกลับทำให้ไพศาลไม่รู้สึกลิงโลดเลยสักนิด หัวใจของเขาเต้นถี่ราวกับกำลังรอฟังคำตัดสิน


“...เรื่องที่มึงส่งคนมายิงกู”


“ต...แต่มึงไม่โดน!”


“แต่มันโดนคนของกู!!” ภาพพิทักษ์ที่หายใจรวยรินยังคงติดอยู่ในสมอง ภาพตอนที่เขาทำได้แค่ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินยังคงอยู่ในความทรงจำ รสชาติของการรอคอยโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรอดหรือตายยังตกค้างอยู่ในใจ


พิทักษ์ครึ่งเป็นครึ่งตาย แต่เขากลับช่วยอะไรไม่ได้เลย หนำซ้ำก็คือเขาเองที่ทำให้พิทักษ์ต้องเป็นแบบนั้น


เพราะเขา


เพราะไพศาลหมายหัวเขา


ความผิดบาปนี้ แบ่งกันคนละครึ่งระหว่างเขาและไพศาล จิณณะยอมชดใช้ด้วยการออกจากชีวิตของพิทักษ์ ส่วนไพศาลเอง...ก็ต้องชดใช้เช่นเดียวกัน!


“มึงต้องชดใช้! กูจะเอาเรื่องมึงให้ถึงที่สุด!”


ไพศาลเบิกตาโพลง ใจเต้นระส่ำแต่ไม่วายปากเก่งตะโกนกลับไป


“ก...กูไม่กลัว! กับแค่จ้างวาน! กูมีเงิน! กูจะสู้คดี!”


จิณณะกลั้วหัวเราะ ทว่าแผ่รังสีอำมหิตแข็งกร้าวจนคนที่ทำใจกล้าออกปากว่ามีเงินและจะสู้คดี รู้สึกยะเยือกขึ้นมาทั้งร่าง


“จะเอาเงินจากไหน เงินสดที่มึงเก็บไว้ในบ้าน ตอนมึงหนี ลูกน้องมึงก็หนี แล้วพวกนั้นไม่ได้หนีมือเปล่า มันเอาเงินสดในเซฟมึงไปหมดแล้ว บริษัทที่มึงเปิดเพื่อฟอกเงินกำลังถูกตรวจสอบ ที่ดินแปลงใหญ่ที่สุดที่มึงมีตอนนี้กลายเป็นที่ตาบอด บัญชีทั้งหมดของมึงโดนอายัด รวมทั้งเงินที่ฝากไว้ในบัญชีชื่อคนอื่นด้วย”


ลูกน้องของไพศาลกระซ่านกระเซ็น ชีวิตคนเราต้องกินต้องใช้ ช่วงแรกที่ลูกพี่หายตัวไป บางส่วนยังรอคอย บางส่วนหางานใหม่ แต่เมื่อนานวันเข้า ไม่มีวี่แววว่าไพศาลจะกลับมา สุดท้ายต่างก็แยกย้ายไปจนหมด


“ม...ไม่มีทาง!”


“อะไรคือไม่มีทาง?! มึงก็รู้ว่ากูเป็นใคร กูทำได้ทุกอย่าง!!” จิณณะพูดแล้วยกยิ้มเย้ยหยัน


“อ...ไอ้ปลัด!! ม...มึงรังแกประชาชน! กูจะเอามึงออกจากราชการ!!” เสียงหัวเราะของอดีตปลัดอำเภอที่ถูกขู่ว่าจะให้ออกจากราชการดังลั่นห้อง ไพศาลถูกขังเอาไว้ที่นี่นานเสียจนไม่รู้เรื่องราวข้างนอกแล้ว


จิณณะเวลานี้ไม่ใช่ปลัดอำเภอ ไม่ใช่ข้าราชการ แต่เป็นเพียงคนธรรมดาที่มีความอาฆาตแค้นอยู่ในทุกลมหายใจเข้าออก


“ก่อนจะเอาเรื่องกู มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ คดีจ้างวานน่ะ โทษสูงสุดคือประหารชีวิต...มึงต้องตาย!! ไพศาล! กูจะเอาให้ถึงประหารชีวิต!!” 


คำประกาศกร้าวของชายหนุ่มตรงหน้าดังก้องไปทั้งห้องแคบ ไพศาลตัวสั่นเทา ไม่มีแม้แต่แรงจะพูดอะไรอีกแล้ว คำว่าประหารชีวิตทำให้กลัวตายจนใบหน้าซีดเผือดราวกับไม่มีเลือด


ทว่าจิณณะไม่ได้สนใจ เขาหมุนตัวออกจากห้อง มิตรซึ่งเป็นคนของคุณเทียมยืนรออยู่แล้ว พวกเขาจึงเดินคู่กันออกจากบริเวณนั้น


“ขอเวลาให้คนของผมจัดการเอกสารให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะบอกอีกทีว่าจะให้ปล่อยมันเมื่อไร” จากคนที่ประกาศกร้าวจะเอาเรื่องไพศาลจนกว่าจะถึงโทษประหาร เพียงสูดลมหายใจข้างนอกอยู่อึดใจหนึ่งก็ปรับน้ำเสียงเป็นปกติได้แล้ว


“จะให้ส่งให้ตำรวจเลยก็ได้นะครับ”


“ผมอยากให้เรื่องดัง ไว้ถึงตอนนั้น คงต้องพึ่งคุณมิตรให้ช่วยเรื่องตำรวจกับนักข่าวในพื้นที่ด้วย”


เรื่องดังในที่นี้หมายความว่าต้องได้พื้นที่สื่อ ลำพังแค่ธุรกิจที่ไพศาลทำก็เรียกความสนใจจากสังคมมากแล้ว ไหนจะเรื่องที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีก บางสื่อตีความว่าหนีออกทางชายแดน แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าไพศาลถูกจับมากักตัวไว้ที่นี่ จิณณะเก็บตัวมันเอาไว้เพราะต้องการเวลาเพื่อเตรียมหลักฐานทุกอย่างให้เรียบร้อย


 เมื่อทุกอย่างครบถ้วน เขาจะปล่อยตัวไพศาล...ให้ตำรวจจับ ให้สื่อมาทำข่าว


คราวนี้... ‘ปลายน้ำ’ อย่างไพศาลถูกตัดหางปล่อยวัดจริงๆแน่นอน เพราะย่อมไม่มีใครกล้าช่วยเหลือแล้ว


มิตรมองอดีตข้าราชการหนุ่ม ก่อนหน้านี้หากใครบอกว่า ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’ เป็นคนจริงจังและน่ากลัว เขาคงหัวเราะแล้วส่ายหน้า เพราะปลัดจิณณะคนนั้นดูสนุกสนาน สดใสเหมือนชายหนุ่มที่มีความสุขกับชีวิตและโลกทั้งใบ ทว่า...ปลัดหนุ่มคนนั้น กับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


จิณณะที่เขาเห็นในเวลานี้คือชายหนุ่มเอาจริงเอาจัง และพร้อมจะจัดการปัญหาอย่างเลือดเย็น


เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้คนหนึ่งคนเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ


เรื่องที่เกิดขึ้น มีผลกระทบต่อคนหนึ่งคนขนาดนี้เชียวหรือ


ทั้งๆที่ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่กลับลุกขึ้นสู้ยิบตา ทำทุกวิถีทางเพื่อให้อีกฝ่ายชดใช้ให้สาสม หากไม่ใช่เพราะความรู้สึกแรงกล้าที่มีต่อคนเจ็บอย่างพิทักษ์ มิตรก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร จิณณะถึงได้กลายมาเป็นอย่างนี้


ต้องรู้สึกต่อพิทักษ์มากขนาดไหน ถึงได้เจ็บแค้นมากมายขนาดนี้


มิตรได้แต่ถอนหายใจ แม้จะคาดเดาความรู้สึกของอดีตข้าราชการหนุ่มคนนี้ที่มีต่อหลานชายของคุณเทียมได้ แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะช่วยเหลืออะไรได้มากนัก ได้แต่หวังว่าวันหนึ่ง เมื่อทุกอย่างผ่านพ้น จิณณะและพิทักษ์จะมีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกสักครั้ง


ไม่ว่าจะได้ก้าวไปด้วยกันหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ขออย่าได้แยกกันไปโดยไม่มีแม้แต่คำบอกลาอย่างวันนี้เลย


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

สรุปว่านี่พระเอก(?) หรือตัวร้าย ฮ่าฮ่า

ส่วนไพศาลนี่ตัวร้ายลูกกระจ็อก เทียบกับคุณย่าและหลานชายแล้ว ไม่ได้สักครึ่งนึงเลย

ตามรายงานเรื่องค้ามนุษย์ เท่าที่ค้นมา ไม่ได้ใช้ปั๊มน้ำมันอย่างในเรื่องนะคะ แต่บัวเห็นปั๊มน้ำมันเป็นที่ที่พลุ่กพล่านดี และเป็นที่ที่รถเข้ารถออกหลากหลายรูปแบบและตลอดเวลา ก็เลยเอามาใช้ค่ะ (นิยายเรื่องนี้ไม่ได้เขียนจากเรื่องจริง ตัวละคร สถานที่ใดๆ ไม่มีจริงทั้งนั้นนะคะ)

อีกเรื่องนึงคือประเด็นโทษประหารชีวิต ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะใส่เข้าไปดีมั้ยนะ เพราะมันละเอียดอ่อน แต่อารมณ์ของจิณในเรื่องไปสุดทางแล้วจริงๆ และด้วยนิสัยที่เหมือนคุณย่าม้ากมาก ก็เลยคิดว่าอยากให้จิณพูดเพราะแค้นสุดๆ ซึ่งนี่เป็นประเด็นหนึ่งของเรื่องโทษประหารชีวิตเหมือนกันค่ะ ว่าโทษนี้เพื่อลงโทษคนผิด หรือ ปกป้องคนในสังคมจากการกระทำผิดซ้ำ หรือ ลดความแค้นของครอบครัวเหยื่อ/ผู้ถูกกระทำ? แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เราจะไม่วิพากษ์เรื่องโทษประหารชีวิตค่ะ (ข้ามค่ะ เราจะไม่เครียด ฮ่าฮ่า)

ทีมพี่ทิศอย่าเพิ่งน้อยใจไป ตอนนี้พี่ทิศมานิดเดียวแต่ไม่ได้หมายความว่าวันหน้าจะนิดเดียวแบบวันนี้ บอกเลยว่ามีวันที่พี่ทิศยิ่งใหญ่ วะฮ่าฮ่า (พิมพ์ถึงตอนนั้นแล้ว โม้ได้)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม ทุกกำลังใจ และพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าเช่นเดิม

สุขสันต์วันสงกรานต์ล่วงหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 11-04-2019 21:11:04
ตอนนี้เรียกคุณปลัดไม่ได้แล้ว จิณณะโหดได้ใจ เ้อไม่ทิ้งแถวคุณกอบกุลเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-04-2019 21:36:29
เอาให้สุดค่ะคุณ​
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 11-04-2019 21:41:19
น้องจิณ...

ปล.คนเขียนลืมเปลี่ยนวันที่รึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-04-2019 21:43:55
เห็นด้วยกับมิตร จิณณะต้องรู้สึกกับพี่ทิศขนาดไหนถึงทำได้ขนาดนี้
เจ็บที่ใจรุนแรงกว่าที่กายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 11-04-2019 21:45:23
อ่านตอนนี้แล้วลุ้นมาก สืบสวนสอบสวนก็มานะคะจิณณะ
คิดถึงพี่ทิศจังเลยค่ะ ไม่เชื่อหรอกว่าพี่ทิศไม่แอบมาดูจิณเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-04-2019 22:10:36
มันค้ามนุษย์

มันค้าเด็ก

ไอ้ไพศาล

มึงสมควรโดนฆ่าตัดตอน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 11-04-2019 22:28:48
อยากได้เล่มแล้ววว  :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 11-04-2019 22:49:57
จิณณะโหด อยากได้จิณณะคนเดิมกลับมา สงสารพี่ทิศ พี่ทิศต้องทำอะไรสักอย่างนะ ... เอาใจช่วยทั้งคู่

คนเรา ถ้าโลภ ละโมบ อยากมีอยากได้อยากเป็น เห็นแก่ผลประโยชน์ แถมไม่เดินในเส้นทางที่ถูกที่ควร ผลประโยชน์ทับซ้อนกันไปอีก ... ชีวิตเรา เราเลือกได้จริงๆ นะ

ยังไงก็ห่วงจิณณะพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-04-2019 22:52:35
ใครก็อย่าได้มีเรื่องกับจิณ กัดไม่ปล่อยจริง ๆ กลัวแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 11-04-2019 23:02:03
ขนาดคุณมิตรที่มาช่วยยังสังเกตุเห็นว่านุ้งจิณเปลี่ยนไป
คนรอบตัวน่าจะรู้สึกบ้างแหละ ว่าเขาเสียสิ่งที่เขาเป็นไปมากแค่ไหน
จะปล่อยให้เขาเปลี่ยนไปแบบนี้จริงๆ เหรอ

คนร่าเริงดูไม่จริงจัง แต่ตั้งใจในงานที่ทำอย่างมีความสุข
กับคนวางแผนทำทุกสิ่งเพื่อแก้แค้นให้ได้ตามตั้งใจ
แบบไหนดีกว่ากันก็ไม่รู้เนาะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 11-04-2019 23:02:24
ตบมือรัวๆให้จิณณะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (1/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-04-2019 23:07:30
นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นนายเอก นึกว่าเป็นตัวร้ายนะเนี่ยจิณณ์  ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-04-2019 23:14:32
จนกว่าจะถึงวันที่เป็นสีชมพู.... :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-04-2019 23:18:36
ไม่ชินกับจิณณะลุคนี้เลย ชอบจิณณะสายเปย์มากกว่าอะ.
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-04-2019 23:28:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-04-2019 00:45:16
คุณจิณณะตอนนี้คือแบบ ร่างว่าที่พระเอกมาแรงมาก  :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 12-04-2019 01:08:38
ยิ่งอ่าน ยิ่งบีบคั้นหัวใจ สงสารจิณ สงสารพี่ทิศ
พี่ทิศ!!!!! อย่าโกรธน้องจิณนะ น้องห่างออกมาเพราะจำเป็น  :ling1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-04-2019 02:40:52
หลบทางให้ขาโหดด้วยจ้าา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 12-04-2019 03:04:14
ปัก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-04-2019 03:12:53
 :katai2-1:


สาแก่ใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 12-04-2019 04:48:00
โห ปลัดจิณคือสุดยอด เท่มากมาย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 12-04-2019 06:14:13
จิณน่าจะเป็นหลานที่เหมือนคุณย่ามากที่สุดล่ะมั้งเนี่น ดูา ทำแบบนี่ถอดแบยมาเลย อนากให้จิณไปเจอพี่พิศซักครั้ง บอกความจริงไป
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 12-04-2019 07:23:53
จิณณะตอนนี้คือร่่งอวตารของคุณหญิง​กอบกุลชัดๆ สงสารพี่ทิศ หายป่วยกาย แต่ป่วยใจทำยังไงจะหายล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-04-2019 08:04:43
ไปให้สุดๆเลยคุณอดีตปลัด  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 12-04-2019 08:56:29
น้องจิณสายโหด :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 12-04-2019 09:46:14
ตอนนี้จิณณะกลายเป็นพระเอก(ชั่วคราว)ไปแล้ว
ทั้งเท่ทั้งโหด แต่กร้าวใจมากเลย อยากให้พี่ทิศกับจิณณะได้เจอกันแล้วอ่ะ สงสารรร แง้~~  :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-04-2019 09:48:28
โหดแท้ เชื้อไม่ทิ้งแถวจริง ๆ จิณณะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 12-04-2019 11:09:59
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ จิณณะแรงจริงจริง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 12-04-2019 11:49:33
จิณณะสายดาร์ค! โอวววว ปลัดวัยใสของเราเปลี่ยนไป / คิดถึงพี่ทิศ  รอพี่ทิศมาช่วยน้องลุย!
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 12-04-2019 13:02:10
แรงแค้นของจิณมันเดือดพล่าน พี่ทิศข้าใครอย่าแตะ!

รอวันพี่ทิศกลับมายิ่งใหญ่ จับน้องจิณมาตีก้น เอาจิณณะตัวแสบแต่น่ารักกลับมาาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-04-2019 15:22:19
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 12-04-2019 15:30:35
วันก่อน เป็น พระเอก  ปกป้องพี่ทิศ
วันนี้     เป็น ผู้ร้าย      แก้แค้น เอาคืน ให้พี่ทิศ
วันพรุ่งนี้(ตอนหน้า) เป็น นางเอก ของพี่ทิศ   o18
จิณ เป็นทุกอย่าง เพื่อพี่ทิศจริงๆ  :katai2-1:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 12-04-2019 17:16:51
คุณย่สต้องเลิกพูดว่าจิณณะนอกคอกได้แล้ว เพราะเจ้าตัวแสดงให้ดูแล้วว่าเลือดคุณย่าเข้มข้นขนาดไหน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 12-04-2019 17:17:29
คุณย่สต้องเลิกพูดว่าจิณณะนอกคอกได้แล้ว เพราะเจ้าตัวแสดงให้ดูแล้วว่าเลือดคุณย่าเข้มข้นขนาดไหน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-04-2019 00:23:22
จิณณะ ตัวร้ายที่รักพี่ทิศหมดหัวใจ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 13-04-2019 02:25:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 13-04-2019 08:48:52
เด็ดขาดได้ใจเราไปเล้ยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: evilheart ที่ 13-04-2019 19:50:42
 :ling1: สนุกมาก รอตอนต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 13-04-2019 20:44:15
มันคือความรัก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 13-04-2019 21:27:24
หลังจากนี้คงเป็นพิทิศที่จะเข้าหาจิณณะเองแล้วแหละ
เพราะจิณณะให้สัญญาไว้แล้ว คงไม่กล้าผิดสัญญา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-04-2019 22:35:46
สมกับเป็นหลานคุณย่าจริงๆ โหมดโหดนี่สุดยอดไปเลย
ส่วนพี่ทิศอย่าเพิ่งงอนน้องจิณเลยนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 13-04-2019 23:06:23
เห็นโหดๆ แบบนี้
กับพี่ทิศพระเอกจิณก็จะยอมโอนอ่อนให้นะ :katai3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 14-04-2019 01:26:28
ถูกปิดกั้ทุกทาง :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 16-04-2019 16:41:13
วันนี้น้องจิณมาในมาดผู้ร้าย วันต่อไปจะมาในมาดนางเอกใช่มั้ยคะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 18-04-2019 15:35:33
ตัวละครของคุณบัวพระเอกเกือบทุกเรื่องเลยเป็นบุคลิกที่แผ่ความอบอุ่น วางใจ เป็นต้นไม้ใหญ่พักพิงได้ออกมาเสมอ  มันแผ่ออกมาจนทำให้คนอ่านอบอุ่นไปด้วยเลย  แม้ว่าจะมีเรื่องที่ต้องกังวลอะไรมาพอได้มาอ่านก็รู้สึกว่าได้ฮีล   รู้สึกดีมากไเลยค่ะขอบคุณสำหรับผลงานนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 15...=> หน้าที่ 24 (11/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 18-04-2019 16:21:02
พี่ทิศมาหรือยัง

น้องจิณณ์ชิงบทพระเอกไปแล้ว

รีบมาชิงฝ่ายรุกคืนเร็วๆนะ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 18-04-2019 22:33:06
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 16


ชีวิตของพิทักษ์กลับไปเป็นอย่างก่อนหน้านี้อย่างที่จิดาภาให้คำนิยามว่าเป็นชีวิตที่สงบสุข ชีวิตประจำวันที่วนเวียนอยู่แค่ไม่กี่ที่ และกับคนไม่กี่คน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีใครบางคนแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเขามากกว่าเคย ในขณะที่...บางคนก็หายไปจากชีวิตอย่างสิ้นเชิง


อรพิณคือคนที่เริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ


ส่วนคนที่หายไปไม่ได้ยินแม้แต่ชื่อ ไม่เห็นแม้แต่เงาคือจิณณะ


“สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้านะคะ”


เช้านี้ คฤหาสน์ของทศพรและจิดาภามีแขกมาเยี่ยมในช่วงเวลามื้อเช้าพอดี หญิงสาวรุ่นน้องของพิทักษ์ยิ้มแย้มมีมารยาทพร้อมกับโชว์ถุงของฝากจากต่างประเทศ


“พอดีอรเพิ่งกลับมาถึง ก็เลยแวะเอาของฝากมาให้ค่ะ” หล่อนสนิทสนมไปมาหาสู่กับพิทักษ์และเพื่อนๆของเขา แต่ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ไปต่างประเทศแล้วต้องหิ้วของฝากกลับมาให้ แถมยังหิ้วมาฝากทันทีที่เหยียบเมืองไทยอย่างนี้


ที่โต๊ะอาหารประกอบด้วยสี่พ่อแม่ลูก ทศพรและจิดาภา พิทักษ์และทิวากรผู้เป็นน้องชายซึ่งวันนี้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน ทิวากรไม่ค่อยได้กลับก็จริง แต่เท่าที่รู้ ไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิง หรือรุ่นน้องผู้หญิงคนไหนของพิทักษ์บุกบ้านแต่เช้าแบบนี้


อรพิณคือคนแรก


คนเป็นน้องเหลือบมองใบหน้าของพี่ชายที่เพียงยิ้มเฉย ลุกขึ้นรับของฝากแล้วเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงปกติ พิทักษ์ไม่มีทีท่าอะไรกับการมาเยือนของหญิงสาวมากนัก นอกจากมิตรไมตรีธรรมดา แต่คนที่มี...กลับเป็นจิดาภาแม่เลี้ยงของพวกเขา


“อรเพิ่งมาถึงหรือ ทานอะไรรึยัง มาทานข้าวด้วยกันสิจ๊ะ” ไม่เพียงชวนอย่างเดียว แต่ยังหันไปสั่งคนรับใช้ให้จัดถ้วยและช้อนสำหรับแขกไม่ได้รับเชิญแต่เช้าด้วย หญิงสาวเลยพลอยต้องรับความเอื้ออารีของเจ้าของบ้านด้วยการนั่งลงข้างพิทักษ์


“อรไปเที่ยวไหนมาหรือ” คนชวนคุยก็ยังคงเป็นจิดาภา อันที่จริงพิทักษ์ก็ไม่ได้เมินเฉยต่อหญิงสาวรุ่นน้องมากเกินไปหรอก เพียงแต่นับตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาล จากคนเงียบก็กลายเป็นเงียบหนักกว่าเก่า วันๆทำแต่งาน ไม่ค่อยพบปะใครเกินความจำเป็น แต่ถึงอย่างนั้นคนรอบตัวก็ดูออกว่าเขารอใครบางคน


รอ...คนที่ไม่เคยมาหาเลยสักครั้งนับตั้งแต่เขาฟื้น


จิณณะหายไปจากชีวิตเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครพูดถึง เจ้าตัวไม่เคยกลับมา ทำราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน สิ่งเดียวที่ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดคือเรื่องจริงคือแผลจากกระสุนนัดนั้นที่ยังหลงเหลือ


“เป็นอะไรไปทิศ ยังเจ็บแผลหรือ” เสียงทักของมารดาเลี้ยงดังขึ้น ทำเอาพิทักษ์ตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้สึกตัวว่าแม้จะมีแขกร่วมโต๊ะอย่างอรพิณ แต่เขาก็ยัง...คิดถึงใครอีกคน จนเผลอยกมือขึ้นแตะที่ไหล่ขวา


“เอ่อ...เปล่าครับ”


อรพิณมองชายหนุ่มข้างกายด้วยความเป็นห่วง แม้จะรู้ว่าเขามีคนอื่นในใจ แต่ใจของหล่อนก็ยังมีเขาอยู่ดี หากว่านี่เป็นโอกาส...ที่จะได้เบียดใครคนนั้นในใจของพิทักษ์ออกไปสักนิด หล่อนก็อยากลอง


“แผลยังไม่หายดีหรือคะ ไปพบหมอไหม ทำไมจู่ๆถึงเจ็บ...”


“ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ ถึงแผลจะหายแล้ว แต่มันมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจอยู่ อาจจะรู้สึกเจ็บบ้าง...เวลาคิดถึง” ทิวากรทะลุกลางปล้อง ไม่ได้พูดในฐานะหมอ แต่พูดในฐานะของน้องชายที่เห็นพี่อย่างพิทักษ์กลับมาเป็นเหมือนเดิมแค่ภายนอก แต่ภายในใจเล่า...เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง


ภาพเงาของคนที่เคยเข้ามาในชีวิต แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน ทว่ามีความหมายและสำคัญต่อความรู้สึกนึกคิด สิ่งเดียวที่เชื่อมโยงใครคนนั้นกับพิทักษ์ในเวลานี้ก็คงเป็นบาดแผลที่ไหล่ขวา


   “เห็นว่าตำรวจจับมือปืนได้แล้ว ซัดทอดคนจ้างวานด้วยไม่ใช่หรือครับ” ทิวากรพูดต่อ ทำเหมือนไม่รับรู้ความเงียบของโต๊ะอาหาร


ข่าวเรื่องพิทักษ์ถูกยิงอาการสาหัสกลายเป็นข่าวระดับประเทศ หนึ่งเพราะคนถูกยิงเป็นหลานชายผู้มีอิทธิพลในจังหวัด สองคือเรื่องเกิดในจังหวัดเดิมกับที่เคยเกิดเหตุยิงถล่มบ้านจนชาวบ้านตายคาที่จนเป็นข่าวโด่งดัง และสามคือมีข่าวลือจากปากต่อปากว่ามีทายาทนักธุรกิจหญิงแกร่งอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เรื่องที่สามนี้เป็นเรื่องลือเล่ากันสนุกปากเพราะไปคล้องกับข่าวลือก่อนหน้าที่ว่าหลานชายผู้มีอิทธิพลอดีตนักการเมืองระดับประเทศกำลังคบหาดูใจกับหลานชายเศรษฐินีใหญ่


เมื่อข่าวดัง สื่อมวลชนและประชาชนสนใจ หนำซ้ำคนที่เกี่ยวข้องยังเป็นทายาทเชื้อสายผู้มีอิทธิพลและนักธุรกิจผู้ร่ำรวย กลายเป็นเชื้อเพลิงเร่งกระบวนการทำงานอย่างดี คนลงมือถูกจับได้ในเวลาไม่นาน และต่อมาซัดทอดไปถึงผู้จ้างวาน


เรื่องนี้ควรจะเป็นเรื่องที่คนทั้งบ้านนำมาพูดคุยหารือ แต่ถ้าไม่ใช่ทิวากรพูดขึ้นมา ก็ไม่มีใครเอ่ยปากถึงเรื่องคดีความ ผู้บงการ หรือแม้แต่มูลเหตุเลยสักนิด


เพราะทุกอย่างเกี่ยวกับจิณณะ


จิดาภาโกรธเคืองที่หลานชายปิดบังหลอกลวงมาขอให้พิทักษ์สวมรอยเป็นคนรักไม่ใช่เพื่อตบตาคุณกอบกุลที่ต้องการให้เขาแต่งงานเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อใช้เป็นเกราะกำบังจากปัญหาที่พัวพันอยู่ด้วย อีกทั้งยังโกรธตนเองที่เป็นคนกลางทำให้จิณณะและพิทักษ์รู้จักกัน การที่พิทักษ์ยอมช่วยเหลือหลานชายของหล่อนก็เพราะหล่อนเป็นมารดาเลี้ยงของเขา หากไม่มีหล่อน พิทักษ์ย่อมไม่เจ็บตัว เมื่อความโกรธรวมจากสองส่วน จิดาภาจึงเลือกที่จะตัดต้นเหตุของเหตุทั้งปวง


ต้นเหตุก็คือหล่อน


ในเมื่อคนกลางระหว่างจิณณะและพิทักษ์คือจิดาภา เช่นนั้นก็ถอยออกมาจากสถานะเชื่อมสัมพันธ์นี่เสีย เมื่อไม่ต้องยืนตรงกลาง หล่อนก็เพียงแค่ต้องเลือกว่าจะยืนข้างใคร ฝั่งหนึ่งคือหลานชายและพี่สาว อีกฝั่งคือสามีและลูกเลี้ยง  หากต้องเลือกระหว่างญาติและครอบครัวแล้ว หล่อนย่อมต้องเลือกครอบครัว


เพียงเท่านี้พิทักษ์และจิณณะก็หมดสิ้นความเกี่ยวข้องใดๆ ไหนจะคำมั่นสัญญาที่หล่อนขอจากจิณณะอีก นับจากนี้ พิทักษ์ก็ไม่ต้องเอาตนเองเข้าไปวุ่นวายกับกรรมที่เขาไม่ได้ก่ออีกแล้ว


ในขณะที่ทศพร เมื่อเห็นภรรยาไม่อยากพูดถึง เขาก็ไม่อยากกวนน้ำให้ขุ่น อาศัยว่าสามารถสอบถามความคืบหน้าจากคุณเทียมได้โดยตรง ก็พอจะรับรู้ข่าวคราวความเป็นไปทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีความและเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิณณะ


ส่วนพิทักษ์...


...รายนี้ไม่พูด ไม่ถามถึง ซึ่งนั่นทำให้ทิวากรชักหงุดหงิด


...ใจคิดถึง ตัวคิดถึง อยากพบหน้า อยากไปหา แต่...พอไปพบครั้งหนึ่งแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่พยายามอีกเลย…


ทางนั้นหนีหน้า เขาก็เข้าใจ แต่ทางหนีที่จิณณะมุ่งหน้าไป ไม่ใช่ว่าพิทักษ์จะไม่รู้เสียหน่อย รู้ทั้งรู้แต่ไม่ทำอะไร แบบนี้สิหน่า...ถึงโสดมาจนสามสิบ! แล้วถ้าจะโสดต่อไปจนแก่ จะไม่แปลกใจเลย!


พอคิดว่าพี่ชายอาจจะโสดไปจนแก่ตาย ก็ดันเหลือบไปเห็นหญิงสาวนั่งเคียงข้าง จากตอนแรกที่ค่อนขอดก็เลยชักจะหวั่น


...สงสัยจะไม่ได้โสดยันแก่ แต่จะได้แต่งงานเพราะผู้หญิงรุกคืบนี่ล่ะ…


ทิวากรไม่มีปัญหาหรืออคติใดๆกับฝ่ายหญิง แต่สภาพจิตใจของพิทักษ์ในเวลานี้ไม่สมควรมีคนใหม่ ทั้งๆที่ความรู้สึกกับจิณณะยังค้างคา และคนใหม่ก็ไม่สมควรอาศัยโอกาสเข้าหา เพราะสุดท้ายแล้วคงได้เจ็บกันไปหมดทุกฝ่าย


“พี่ทิศได้ตามข่าวบ้างไหม เรื่องนี้เกี่ยวกับพี่โดยตรงเลยนี่” ทิวากรถามย้ำหน้าซื่อตาใส ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่านอกจากเรื่องนี้จะเกี่ยวกับพิทักษ์โดยตรงแล้ว ยังเกี่ยวกับจิณณะโดยตรงอีกต่างหาก


“แต่ไม่รู้จะจับคนจ้างวานได้รึเปล่า เห็นว่าหายตัวไปเลย ป่านนี้หนีออกนอกประเทศไปแล้วล่ะมั้ง” ทิวากรพูดต่อ แม้ปากจะพูดถึงคนจ้างวาน แต่กลับจุดความคิดถึงไปถึงใครอีกคนในใจของผู้เป็นพี่


พิทักษ์วางช้อน หยิบน้ำมาดื่ม อิ่มตื้อขึ้นมากะทันหัน


“ผมไปทำงานก่อนนะครับ” เขาว่าอย่างนั้น ใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อเก็บความรู้สึกลงก้นบึ้งหัวใจจนลืมที่จะสนใจหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างตัวด้วยซ้ำ ทว่าพอจะลุก ถึงได้เพิ่งหันมาเห็นว่าอรพิณเพิ่งจะตักข้าวต้มทานไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น แม้จะเป็นคนนิ่งเฉย และต่อให้ไม่ได้มีความรู้สึกในเชิงหนุ่มสาว แต่ระหว่างพวกเขาก็เป็นมิตรภาพระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง


“เอ่อ...พอดีพี่มีงานด่วน...” อันที่จริงคือไม่มีงานอะไรด่วนทั้งนั้น แต่ต้องออกปากโกหกเป็นมารยาทเพื่อรักษาน้ำใจอีกฝ่าย  ทว่าพิทักษ์จะรักษาน้ำใจอรพิณก็เป็นเรื่องของพิทักษ์ สำหรับทิวากรที่ไม่ได้รู้จักหญิงสาวเป็นการส่วนตัว แถมยังไม่ต้องหวั่นเกรงมารยาทอะไรกับหล่อนมากนัก กลับลุกขึ้นยืนทำท่าจะออกจากโต๊ะไปพร้อมพี่ชาย


“ทิวก็อิ่มแล้วหรือ” มารดาเลี้ยงหันมาถามลูกชายคนเล็ก ทิวากรยิ้มซื่อ


“ผมว่าจะติดรถพี่ทิศไปเยี่ยมลุงเทียมน่ะครับ” ทั้งโต๊ะนิ่งงันอีกครั้ง คุณหมอหนุ่มรู้ดีว่าแม้กระทั่งชื่อคุณเทียมก็เหมือนจะเกี่ยวข้องกับจิณณะไปแล้ว


แต่...ถ้าหากจิดาภายังใจแข็งอยู่แบบนี้ พิทักษ์ยังกักขังตัวเองเอาไว้แบบนี้ ต่อให้แผลหายสนิท สุดท้ายก็ยังหลงเหลือผลกระทบในจิตใจอยู่ดี


“ก็ดี เห็นลุงเทียมบ่นปวดแขนปวดขาอยู่” ทว่าจู่ๆ ทศพรก็เอ่ยปากขึ้นมา แม้จะไม่อยากให้ภรรยาขุ่นใจ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นลูกชายคนโตกลายสภาพเป็นซากศพไร้วิญญาณ อยู่ได้แค่อากาศหายใจแบบนี้


ผู้เป็นพ่อทำเป็นไม่มีอะไรแอบแฝง สนับสนุนลูกชายคนเล็กที่นานๆจะกลับมากรุงเทพฯสักทีให้ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ทิวากรพลอยยิ้มซื่อ ก่อนจะหันไปมองพี่ชายเป็นเชิงกระตุ้น


“ไปพี่ทิศ” พิทักษ์ไม่รู้ว่าน้องชายคิดอะไร แต่เมื่อถูกเร่ง เขาก็ทำได้เพียงหันไปลาบิดามารดาเลี้ยงและอรพิณ ก่อนจะเดินออกจากห้องรับประทานอาหาร โดยมีน้องชายเดินผิวปากตามหลัง


เสียงผิวปากของทิวากรเบาลงเรื่อยๆ ในที่สุดภายในห้องรับประทานอาหารก็เหลือเพียงชายหญิงเจ้าของบ้าน และหญิงสาวรุ่นน้องของพิทักษ์


อรพิณอยากขอตามพิทักษ์ไปด้วย แต่ติดที่ว่าจะขอตัวลุกจากไปทั้งๆที่เจ้าของบ้านยังทานไม่เสร็จก็เห็นจะผิดมารยาท จิดาภาเองก็รู้สึกว่าหล่อนพลาดที่ชวนหญิงสาวร่วมโต๊ะด้วย ครั้นจะออกปากให้อรพิณตามลูกเลี้ยงสองคนไป ก็จะดูเหมือนไล่แขก ต้องโทษว่าเป็นเพราะความช่างพูดไม่ดูสถานการณ์ของทิวากรแท้ๆ!


ชวนคุยเรื่องอะไรไม่ชวน ดันชวนคุยเรื่องคดี!


แล้วแทนที่จะช่วยยื้อพิทักษ์ให้นั่งเป็นเพื่อนแขก กลับกลายเป็นตัวเร่งให้เขารีบออก ถ้าทิวากรอายุสักสิบขวบ หล่อนจะเรียกเข้าห้องเย็นแล้วอบรมสักสองชั่วโมง!


จิดาภาลอบพ่นลมหายใจอย่างขุ่นเคืองลูกชายคนเล็ก แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจแล้วหันไปชวนอรพิณคุยเรื่องทั่วๆไปเพื่อไม่ให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดมากนัก ทศพรเห็นว่าภรรยากำลังให้ความสนใจกับแขกร่วมโต๊ะ จึงขยับตัวทำทีเป็นลุกออกไปโทรศัพท์เรื่องงาน ทว่าปลายสายที่เขาโทร.หาไม่ใช่เพื่อธุรกิจที่ทำ แต่เป็นการติดต่อหาพี่ชายคนโต


“พี่เทียม...ทิวกำลังพาทิศไปหา” ทศพรเปรยเสียงเบา


เขาคิดว่าคุณเทียมรู้...ว่า ‘คนเป็นพ่อ’ ต้องการอะไร


………………………

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 18-04-2019 22:33:49

แม้ปากจะบอกว่าให้พิทักษ์แวะมาส่ง แต่ตามมารยาทแล้วหลานชายแท้ๆย่อมทำแค่ส่งหน้าประตูบ้านไม่ได้ เมื่อมาถึงให้อย่างไรก็ต้องลงไปทักทายถามไถ่


สองพี่น้องลงจากรถยนต์ แล้วเดินเข้าบ้านของผู้เป็นลุง น่าแปลกอยู่สักหน่อยที่ไม่เห็นลูกน้องคู่ใจของคุณเทียมออกมาคอยต้อนรับ พวกเขายกมือไหว้เจ้าของบ้าน พิทักษ์ถึงได้เอ่ยปากถามตามประสาคนที่เห็นกันมานาน


“น้ามิตรไม่อยู่หรือครับ” คุณเทียมเอนหลังสบายอยู่ที่เก้าอี้เอนตรงเฉลียง ยกชาขึ้นจิบช้าๆ


“เดี๋ยวก็มา” เป็นคำตอบสั้นที่ไม่ให้ความกระจ่างมากนัก สองพี่น้องรู้ดีว่าบางครั้งงานของคุณเทียมก็เป็นเรื่องนอกกฎหมาย การบอกอะไรอย่างตรงไปตรงมาย่อมทำไม่ได้ ไม่มีใครซักไซ้เรื่องลูกน้องคนสนิทของผู้เป็นลุงอีก ทิวากรเลยชวนคุยเรื่องสุขภาพแทน


“เห็นพ่อบอกว่าลุงบ่นปวดแขนปวดขา เป็นยังไงบ้างครับ ได้ไปตรวจสุขภาพประจำปีบ้างรึเปล่า”


“พ่อแกพูดจาไม่ไว้หน้าลุงเลย ปวดแขนปวดขาอะไร แค่เมื่อย!” คนเป็นหมอหัวเราะ


“ผมบอกให้ลุงหาเมียตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ป่านนี้ก็มีคนช่วยบีบช่วยนวดแล้วเห็นไหมล่ะ”


“เออๆ ลุงผิดเองไม่เชื่อแก ไม่คิดว่าจะแก่เร็วอย่างนี้ แล้วกินอะไรกันมารึยัง”


“เรียบร้อยครับ แต่ถ้าจะให้กินเป็นเพื่อนลุงอีกรอบก็ได้นะ” ทิวากรพูดทีเล่นทีจริง ทว่าเข้าทางคุณเทียมพอดี


“ดีเลย ลุงยังไม่ได้ทานอะไร ทิวกับทิศทานเป็นเพื่อนลุงหน่อยแล้วกัน ทิศไม่ต้องรีบไปไหนใช่ไหม” พิทักษ์ไม่มีงานเร่งงานด่วนอะไร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มาพบคุณเทียมพักใหญ่แล้ว จึงพยักหน้ารับแทนคำตอบ


เจ้าของบ้านสั่งให้คนรับใช้ไปเตรียมอาหารเช้าเพิ่ม ในระหว่างนั้นก็พูดคุยกับทิวากรไปพลาง คุณหมอหนุ่มให้คำแนะนำเรื่องสุขภาพ โดยมีพิทักษ์นั่งเงียบๆ บางช่วงก็เหมือนจะเป็นการพูดคุยแค่สองคนคือคุณเทียมและทิวากร ส่วนพิทักษ์...จมหายไปกับความทรงจำบางอย่างที่เก็บเอาไว้ในใจ


ชายสูงวัยผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมานับไม่ถ้วนเหลือบไปมองหลานชายคนโต แล้วจึงหันมาทางหลานชายคนเล็ก ทิวากรส่งสายตาเป็นเชิงว่าต่างคนต่างรู้ว่าพิทักษ์ไม่เหมือนเดิม


แผลกายหาย แต่แผลใจกลับบาดลึกหนักขึ้นทุกที


พักหนึ่ง คนรับใช้ก็ยกอาหารออกมาตั้งที่โต๊ะริมเฉลียง มีทั้งข้าวหลากสี กับข้าว 3-4 อย่าง และผลไม้ ทว่าพอเริ่มตักข้าว เสียงพูดคุยก็ดังแว่วๆมาให้ได้ยิน


อึดใจแรก พิทักษ์คิดว่าหูแว่ว แต่เมื่อตั้งใจฟังให้ดี ก็พบว่าไม่ใช่ เสียงที่เขาไม่มีทางลืมกำลังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับ...เจ้าของเสียงกำลังเดินกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง


ชายหนุ่มแทบลืมหายใจ โทนเสียงที่ดังเข้าหู ชั่วชีวิตนี้...ให้อย่างไรก็ไม่ลืม


“มาแต่เช้าอย่างนี้ จะไม่รบกวนคุณเทียมหรือ น้ามิตร” สิ้นประโยคนั้น พิทักษ์รู้แน่แล้วว่าไม่ใช่คิดถึงจนหูแว่ว แต่เป็นเพราะเจ้าของเสียงอยู่ตรงนี้แล้วจริงๆ


เขาหันกลับไปมอง วินาทีที่สบตากับคนที่เพิ่งเดินมาถึงประตูเฉลียง ราวกับเวลาทั้งหมดหยุดชะงัก


...จิณณะ…


...เป็นจิณณะจริงๆ…


นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเรื่อง ที่พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง พิทักษ์สบตาคู่นั้นนิ่งนาน ความรู้สึกในอกพุ่งพล่าน อยากลุกไปหา อยากดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดให้สมกับความคิดถึง แต่อีกส่วนก็อยากถอยห่าง อยากตั้งคำถามว่าทำไมจิณณะถึงไม่เคยกลับไปหากันเลยสักครั้ง


ทำไม...เราถึงได้เพิ่งได้เจอกันวันนี้


ทำไมถึงไม่เคยกลับไปเลย


“อ...เอ่อ...คุณเทียมมีแขก งั้นไว้ผมมาใหม่ก็แล้วกัน” คนที่รู้ตัวก่อนคือจิณณะ เขาทำเป็นหันไปพูดกับมิตรที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่ไม่ทันจะหมุนตัวเดินจากมา เสียงของเจ้าของบ้านก็ดังขึ้น


“ไม่ใช่แขกที่ไหนสักหน่อย มานั่งทานข้าวด้วยกันก่อนสิ” คุณเทียมเป็นผู้อาวุโสที่สุด อีกทั้งยังเป็นเจ้าบ้าน ในเมื่อออกปากชวนแล้ว การปฏิเสธย่อมเป็นการเสียมารยาท


มารยาท...ไม่ต่างอะไรกับแค่คำพูดสวยหรูที่ยกมาบังหน้า


น่าขำ...คนอย่างจิณณะ วงศ์กีรติที่หาเรื่องกวนโทโสย่าแท้ๆอย่างคุณกอบกุลได้ทุกครั้งที่พบหน้า มาวันนี้กลับอ้างคำว่ามารยาทแล้วยอมเดินเข้าไปหาคุณเทียม


จะมีใครรู้ดีกว่าตนเอง บนสุดของเหตุผลที่ยอมทำตามคำพูดของคุณเทียมคือมารยาท แต่...ลึกสุดในใจก็เพราะ...อยากอยู่ใกล้พิทักษ์


ทั้งๆที่เป็นคนจากมาเองแท้ๆ ทั้งๆที่เป็นคนตัดใจไม่ไปพบเอง ทั้งๆที่รับปากแล้วว่าจะไม่ทำให้พิทักษ์ลำบากอีก แต่...ถ้าแค่ร่วมโต๊ะกันสักมื้อ...ไม่ต้องพูดอะไรกันก็ได้ แค่ได้ใช้อากาศร่วมกันในช่วงเวลาสั้นๆ ก็คง...ดี


“ทิวรู้จักคุณจิณรึยัง จิณณะ  วงศ์กีรติ แต่ก่อนเป็นปลัดอำเภอที่นี่” เพราะเป็นโต๊ะกลม และที่นั่งเดียวที่ว่างอยู่คือที่ระหว่างพิทักษ์กับคุณเทียม คนรับใช้จึงจัดให้แขกคนที่สามของเช้านี้นั่งตรงนั้น


ซึ่งมันถนัดถนี่สำหรับการหันไปมองของพิทักษ์พอดี


“แต่ก่อน?” ทิวากรทวนคำของผู้เป็นลุง “แต่ผมเคยเห็นใส่ชุดข้าราชการ...”


วันที่ทิวากรเห็นจิณณะครั้งแรกคือวันที่เกิดเรื่องพิทักษ์ถูกยิง วันนั้นจิณณะสวมชุดข้าราชการสีกากีเปื้อนเลือดเกรอะกรังยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน แต่วันนี้ผู้เป็นลุงกลับพูดคว่า ‘แต่ก่อนเป็นปลัดอำเภอ’ ชึ้นมา ก็ชวนเอาสงสัย


ทว่าสำหรับจิณณะที่ลาออกจากราชการมาพักใหญ่แล้ว กลับรู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะ ใครคนหนึ่งจ้องเขาไม่วางตา คงทั้งสงสัยทั้งอยากถามว่าเหตุใดเขาจึงลาออกจากราชการ ใจอยากหันไปบอกเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ลาออกแล้ว กลับไปทำงานให้กับธุรกิจของคุณกอบกุลแล้ว อยากพูดปนจิกกัดตัวเองว่าไปไหนไม่รอดแล้วจริงๆเลยต้องกลับไปพึ่งใบบุญคุณย่า


แต่...เราไม่ได้เป็นแบบเดิมอีกแล้ว


พวกเขา...ไม่ต่างอะไรกับคนที่ไม่รู้จักกันอีกแล้ว


จิณณะได้แต่เม้มปากแน่น บอกตัวเองว่าที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็แค่อยากใช้อากาศหายใจร่วมกับพิทักษ์ อย่าได้คิดผูกสัมพันธ์อะไรต่อกันอีกเลย


“ก็นั่นมันแต่ก่อน ตอนนี้เขาลาออกแล้ว” คุณเทียมตอบแล้วหันไปทางอดีตปลัดอำเภออีกครั้ง


“จำทิวได้ไหม วันนั้นก็เจอที่หน้าห้องฉุกเฉิน ทิวเป็นน้องของทิศ” จิณณะยิ้มจางแทนคำพูดทั้งหมด พยายามสนใจอยู่แต่ชายหนุ่มผู้เป็นน้องของพิทักษ์ แม้จะรู้ตัวก็ตามทีว่าคนที่นั่งอยู่ข้างเขากำลังมองมา แต่...แค่เจอกันวันนี้ แค่นั่งข้างกันก็มากเกินพอแล้ว แค่นี้ก็ช่วยชโลมใจแห้งผากของเขาได้แล้ว เราไม่ต้องพูดกัน ไม่ต้องก่อสายสัมพันธ์ใดๆต่อกันขึ้นมาอีก


ให้ทุกอย่างเป็นอากาศ เป็นความฝัน เป็น...เรื่องที่ไม่มีทางเป็นจริงอย่างนี้ จากเป็นย่อมเจ็บกว่าจากตาย แต่ครั้งหนึ่งที่การจากตายเกือบมาเยือน จิณณะก็ขอเลือกจากเป็นยังจะดีเสียกว่า


อย่างน้อย วันนี้ก็ยังได้เห็นพิทักษ์หายใจ ยังเห็นพิทักษ์มีชีวิต และชีวิตของพิทักษ์ควรจะไปได้ดีกว่านี้ถ้าไม่มีเขา


โต๊ะอาหารเช้าของคุณเทียมถูกครองด้วยบทสนทนาของเจ้าของบ้านและหลานชายคนเล็ก มีจิณณะคอยพูดคุยบ้างเป็นระยะ แต่ที่เงียบราวกับไม่ได้นั่งอยู่ด้วยก็คือพิทักษ์


จบมื้อเจ้าของบ้านก็ขอตัวคุยธุระกับจิณณะต่อ ตามมารยาทพิทักษ์และทิวากรควรจะขอตัวกลับ แต่ ‘ธุระ’ ของคุณเทียมกับจิณณะทำให้พิทักษ์ไม่สบายใจ ยิ่งเห็นว่ามีใครอีกคนปรากฏตัวที่บ้านของคุณเทียม เขาก็ยิ่งใจหาย


“สวัสดีครับ คุณทิศ”


ใครอีกคนที่ว่าคือทรงพล อดีตเด็กบ้านแตกสาแหรกขาด ที่ลุงของพิทักษ์รับมาส่งเสียให้เรียนหนังสือ เมื่อเติบโตจึงทดแทนบุญคุณผู้อุปถัมภ์ด้วยการวนเวียนอยู่ในแวดวงอำนาจและผลประโยชน์สีเทา พิทักษ์รู้จักอีกฝ่ายดีในระดับที่รู้ว่าทรงพลทำอาชีพค้าขาย แต่สินค้าที่ขายล้วนไม่ใช่สิ่งถูกกฎหมายทั้งสิ้น 


“พี่พล...มาพบคุณลุงหรือ” ใจของพิทักษ์อยากให้ทรงพลบอกแค่ว่าบังเอิญผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาเยี่ยมเยียนถามไถ่ ทว่าทรงพลกลับยกยิ้ม


“ท่านเรียกมาช่วยงานครับ”


“งาน?” ทรงพลทำเป็นเลิกคิ้วเหมือนสงสัย แต่นัยน์ตาพราวระยับยามมองพิทักษ์เหมือนมีลับลมคมใน


“คุณทิศไม่รู้หรือ? แปลก...ผมคิดว่าคุณทิศน่าจะรู้เป็นคนแรกๆด้วยซ้ำ...” เขาทำเป็นเปรยเปิดประเด็น แต่ไม่อธิบายอะไรเพิ่ม ก็พอดีกับที่มิตรออกมาจากห้องทำงานของคุณเทียม


“พล มาแล้วหรือ คุณเทียมรออยู่เลย” ทรงพลหันมาขอตัวจากพิทักษ์ แล้วก้าวเท้าตามมิตรเข้าไปในห้องทำงานของเจ้าของบ้านทันที คนที่อยู่ในห้องทำงานนั้นไม่เพียงแค่คุณเทียม แต่ยังมีจิณณะด้วย


...ทรงพลมาที่นี่เพื่อช่วยงานคุณเทียม เรื่องนั้นไม่น่าแปลกใจ...


...แต่งานที่ว่า กลับมีจิณณะร่วมด้วย...


“ผมไม่รีบนะ ถ้าพี่จะอยู่ต่ออีกสักพัก ผมโอเค” เห็นสีหน้าห่วงใยปิดไม่มิดของคนเป็นพี่ ทิวากรก็พอเข้าใจ เขาไม่เพียงเปรยอย่างเดียว แต่เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ทำราวกับเป็นเจ้าของบ้านก็ไม่ปาน แม้จะไม่ได้มาเยี่ยมเยียนคุณเทียมบ่อยๆ หากเทียบกับพิทักษ์แล้ว พี่ชายของเขาสนิทกับผู้เป็นลุงมากกว่า แต่ทิวากรจะขอละความสนิมสนมมากน้อยอะไรพวกนั้นทิ้งสักวัน แล้วทำตัวตามสบายถือเอาว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเองสักครั้ง อย่างน้อยก็เพื่อพี่ชายของเขา


พิทักษ์ละล้าละลังเพราะไม่รู้ว่าเขาควรจะรอพบหน้าจิณณะดีหรือไม่ ในเมื่อรายนั้นไม่เคยมาพบเขาเลยสักครั้ง พอเขาไปหาที่ที่ว่าการอำเภอก็พบว่าจิณณะลาออกไปแล้ว แม้จะรู้แก่ใจว่าเจ้าตัวกลับเข้าไปทำงานในตระกูลวงศ์กีรติ แต่...ไม่มีครั้งไหนเลยที่เราจะได้พบกัน และมีเวลาให้เราได้พูดคุยทำความเข้าใจกัน


ทำไมถึงลาออก ทำไมอยู่ๆถึงมีธุระกับคุณเทียม ทำไมถึงต้องมีทรงพลเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญเรื่องข้อตกลงของจิดาภาและจิณณะ


คนหนึ่ง...ขออิสรภาพของเขาคืน


อีกคน...รับปากที่จะไม่มาพบเขาอีก


คนเรา...พอวันหนึ่งจะไม่พบกันอีกก็ตัดใจกันได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้นเลยหรือ พิทักษ์ไม่เข้าใจและเฝ้าแต่ตั้งคำถามกับตนเองว่าทำไมจิณณะถึงยอมรับคำขอจากจิดาภา ทำไมถึงยอมทำตามที่จิดาภาต้องการ ทั้งๆที่เป็นคนดื้อดึง


หรือความรู้สึกที่พวกเขารู้สึกต่อกันมันไม่มากพอให้ยึดเหนี่ยวหรือ


มีเรื่องที่สำคัญกว่าความรู้สึกอย่างนั้นหรือ จิณณะถึงยอมจากไป แล้วให้ทุกอย่างเป็นเพียงความทรงจำอยู่แบบนี้


ครู่ใหญ่ คนที่พิทักษ์รอก็เดินออกมาจากห้องของคุณเทียม เป็นอีกครั้งที่พวกเขาสบตากัน และเป็นอีกครั้งที่เป็นฝ่ายจิณณะเมินสายตาหนีไปก่อน  ทำราวกับไม่เห็น ไม่รู้จักกันแต่อย่างใด และมันทำให้ความอดทนของพิทักษ์ขาดผึ่ง เขาก้าวเท้าไวตามไปคว้าแขนเอาไว้ แน่นอนว่าคนถูกคว้าย่อมสะดุ้งในทีแรก ยิ่งพอหันกลับมาเห็นว่าใครเป็นคนรั้งเอาไว้ก็พลอยให้ชะงักไปอีก


“มาคุยกันหน่อย” แม้ในบ้านจะเงียบสงบ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเดินไปเดินมาเมื่อไร ไหนจะคุณเทียมและทิวากรที่อยู่ในห้องทำงานและห้องนั่งเล่นอีก หลานชายของคุณเทียมผู้คุ้นเคยกับที่นี่ดี จึงกึ่งลากกึ่งจูงจิณณะออกมานอกบ้านเพื่อหามุมสงบพูดคุยกัน


หัวใจคนนั้นอ่อนไหวและเปราะบาง แม้จะทำเมินเฉย ใจแข็ง เลือดเย็นหรืออำมหิตแค่ไหน แต่กับบางสิ่ง กับบางคนที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึก แค่เพียงถูกใครบางคนจับจูง แค่เพียงถูกใครบางคนเข้าใกล้ ใจทั้งใจก็หลอมละลายจนแทบไม่เหลือแม้แต่เศษด้วยซ้ำ


จิณณะรู้ดีว่าบางคนที่มีอิทธิพลมากขนาดนั้นคือพิทักษ์ ดังนั้นห้ามปรามไปก็ไม่มีประโยชน์ ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายดึงเขาไปตามแต่ที่จะพาไป


ใจ...ที่คิดว่าเอากลับมาแล้ว มาวันนี้ ถึงได้รู้ว่าไม่เคยได้คืนเลย


ใจ...ยังอยู่ในมือของพิทักษ์


ใจ...ยังอยู่ที่พิทักษ์


ใจ...ยังเป็นของพิทักษ์


“ลาอออกจากราชการทำไม” คำถามแรกของคนตรงหน้า ดึงจิณณะขึ้นมาจากห้วงความคิด แต่พอสบตากับพิทักษ์ ก็พาลเป็นต้องหันหน้าหนีไปอีก


แต่พิทักษ์อดทนมามากพอแล้ว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เขาเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าทำไมจิณณะถึงไม่เคยกลับมา เขาเฝ้าแต่ถามตัวเองว่าความรู้สึกที่มีต่อกัน มันเล็กน้อยมากถึงขั้นหักดิบได้ในเวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยามเลยหรือ เขาเฝ้าแต่ถามตัวเอง...ถามตัวเองซ้ำๆว่าหรือเรื่องทั้งหมดคือความฝัน


แต่วันนี้ จิณณะที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า บอกให้รู้ว่าไม่ใช่ความฝัน จิณณะมีตัวตนจริง แผลบนร่างกายของเขาเองก็เป็นหลักฐานชัดแจ้งว่าครั้งหนึ่งเรื่องเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริง และวันนี้...ที่จิณณะหลบตาเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็บอกให้รู้ว่าจิณณะตั้งใจจะหายไปจากเขาจริงๆ


“ตอบพี่” สุ่มเสียงของพิทักษ์นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งไม่เข้าใจ ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ ทั้งเสียความรู้สึก คนนิ่งสงบที่จิณณะรู้จัก มาวันนี้เขากลับแสดงความรู้สึกหลากหลายผ่านทางคำพูดสั้นๆ ยิ่งทำเอาคนที่พยายามตัดใจตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าได้แต่เม้มปากแน่น


บอกตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ว่าอย่าได้คิดผูกสัมพันธ์ใดๆกับพิทักษ์อีกเลย อย่าดึงคนที่ควรได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตที่แสนวุ่นวายอีกเลย ที่ผ่านมาหากเป็นกรรมใดๆที่พิทักษ์เคยก่อต่อเขา ก็ขอให้จบสิ้นกันไปแต่เพียงเท่านี้ เราไม่ควรต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก


“ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณพิทักษ์...” จิณณะใช้เวลาอยู่อึดใจใหญ่ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำเสียงของตนเองจะราบเรียบ อารมณ์ทั้งหมดถูกเก็บลึกสุดใจ


“...ผมลาออกจากราชการทำไม เป็นการตัดสินใจของผม” ไม่ใช่แค่การเรียกพิทักษ์อย่างห่างเหิน แต่การออกปากว่าการตัดสินใจนี้เป็นของตนเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับขีดเส้นคั่นระหว่างพวกเขาสองคน


เรื่องของจิณณะไม่เกี่ยวกับพิทักษ์อีกแล้ว เรื่องของจิณณะจะไม่มีพิทักษ์เข้ามาเกี่ยวข้องอีกแล้ว เรื่องของพวกเขา...จะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว


โทษใครไม่ได้ นอกเสียจากโทษตัวเอง


จิณณะยอมรับว่าเขาทำตัวเอง เขาทำตัวเองตั้งแต่แรก ตั้งแต่ดึงพิทักษ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ปล่อยให้พิทักษ์เข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึก ยินยอมให้พิทักษ์ครอบครองหัวใจ แล้วพอวันนี้...ก็เป็นเขาอีกเช่นกันที่พยายามตัดใจไปจากพิทักษ์ ทั้งๆที่...รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย


แต่เพื่อพิทักษ์


“คิดจะทำอะไร” พิทักษ์ถามซ้ำ แม้จะไม่พอใจกับความห่างเหิน แต่เรื่องที่คาใจคือเรื่องที่จิณณะลาออกจากราชการ ซึ่งเดิมทีดื้อแพ่งจนทะเลาะกับคุณกอบกุลมาแล้ว


จิณณะเรียนมาทางสายการปกครอง การเข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอดูจะตรงสายที่เรียนมาที่สุด เจ้าตัวเองก็ดูยึดมั่นในอาชีพนี้ แม้ว่าคุณกอบกุลบจะไม่ชอบใจก็ตามที แต่คนที่ดื้อแพ่งคนนั้น กลับยอมลาออกในเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งๆที่มุ่งมั่นยืนหยัดในเส้นทางนี้มาตลอด


เพราะอะไร?


เพราะคิดจะตามใจคุณกอบกุลอย่างนั้นหรือ


หรือเพราะคิดจะทำอะไรบางอย่างที่อาชีพข้าราชการไม่สามารถอำนวยความสะดวกได้


หนำซ้ำ...ยังเป็นฝ่ายมาพบคุณเทียมอีก


“ผมคิดว่าผมพูดไปแล้วว่านี่เป็นเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณพิทักษ์” จิณณะพยายามอย่างยิ่งที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบกริบ


“จะไม่เกี่ยว...”


ก่อนที่พิทักษ์จะพูดถึงความเกี่ยวข้องขึ้นมา จิณณะก็ตัดสินใจหันขวับกลับไปมอง สายตาของเขาเยียบเย็นราวกับน้ำแข็ง ท่าทีนิ่งสงบราวกับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด แต่...ไม่มีใครรู้ยกเว้นตนเอง หัวใจตอนนี้เต้นถี่ขนาดไหน


นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้มองกันและกันใกล้ถึงเพียงนี้ อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้พูดคุยกันอย่างนี้ ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่ที่อย่างน้อยก็ยังได้มีโอกาสครั้งสุดท้าย แต่...ความเสียใจก็มากล้นไม่แพ้กันเมื่อรู้ว่านี่คือครั้งสุดท้ายของพวกเขา


“เราไม่เกี่ยวกันอีกแล้วคุณพิทักษ์”


เป็นคำพูดตรงไปตรงมา ทว่าไม่ได้สร้างความเข้าใจใดๆเลย พิทักษ์ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆทุกอย่างถึงมาลงรูปแบบนี้


“เพราะแม่ภาขออย่างนั้นหรือ”


“ผมตัดสินใจเอง” คำขอของจิดาภาอาจเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตระหนักได้ว่าไม่ควรเอาพิทักษ์เข้ามาอยู่ในวงโคจรอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ที่เขากำลังคิดจะจัดการเรื่องคาราคาซังให้เรียบร้อย ไม่รู้ผลที่ออกมาจะก่อให้เกิดอันตรายมากน้อยเพียงใด แต่จะไม่มีใครมารับเคราะห์แทนเข้าได้อีกแล้ว ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ควรเกิดที่เขาคนเดียว


“ทำไม”


จิณณะหัวเราะเสียงแปร่ง เปลี่ยนบรรยากาศเคร่งเครียดให้ยิ่งกดดันด้วยเสียงหัวเราะของตนเอง


“คุณหมดประโยชน์แล้วไง”


พิทักษ์นิ่งงัน คำว่าหมดประโยชน์เหมือนดึงเขาลงไปสู่อีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่ามีอยู่ ทั้งๆที่แต่แรกเริ่ม เขาถูกจิณณะดึงเข้ามาเกี่ยวข้องก็เพื่อประโยชน์ของเจ้าตัวเท่านั้น


“ผมอุตส่าห์ไม่พูดตรงๆ อุตส่าห์เลี่ยงที่จะพบคุณ แต่คุณคาดคั้นผมเอง ตอนนี้ผมลาออกจากราชการแล้ว จะไปซุกผู้มีอิทธิพลคนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเอาคุณมาบังหน้า แล้วพอผมออกจากราชการกลับไปทำงานที่บ้าน คุณย่าก็ไม่บังคับผมแต่งงานแล้วด้วย ดูสิ...แค่ลาออกจากราชการอย่างเดียว ทุกอย่างก็จบ”


“แล้วเรื่องของเรา...”


จิณณะหัวเราะเย็น เป็นเสียงหัวเราะที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลง จะให้เขายังคงเป็นจิณณะคนเดิมได้อย่างไรกัน


“มันไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว”


เหมือนถูกตีแสกหน้าสองทีติดๆกัน คำว่าไม่มีมาตั้งแต่แรกช่างแตกต่างกับภาพความทรงจำในใจเขา


วันที่ยิ้มให้กัน วันที่จูบกัน วันที่ปรึกษากัน วันที่กอดกันเอาไว้


ทั้งหมดนั่น มันไม่มีมาตั้งแต่แรกอย่างนั้นหรือ


“อะไรกัน อย่าทำเหมือนลืมสิว่าผมกับคุณเจอกันได้ยังไง คุณถูกผมขอให้มาช่วย ข้อหนึ่งเพราะผมต้องการบารมีคุณเทียม ข้อที่สองเพราะผมไม่ต้องการแต่งงานตามคำสั่งคุณย่า ตอนนี้ผมได้บารมีคุณเทียมมาแล้ว และคุณย่าก็ไม่จับผมแต่งงานอีกต่อไป ไหนบอกผมซิ ประโยชน์คุณอยู่ที่ตรงไหนอีก”


พิทักษ์พูดไม่ออก ไม่ใช่แค่ไม่รู้ว่าประโยชน์ของตนเองอยู่ตรงไหน แต่เพราะจิณณะที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนจิณณะคนเดิมที่เขารู้จักอีกแล้ว คนที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้คือคนที่พูดจาเลือดเย็นได้อย่างหน้าตาเฉย เป็นคนที่ยิ้มเย็น หัวเราะเสียงเย็น อำมหิตไม่มีสะทกสะท้าน แม้กระทั่งพูดเรื่องของเรา...ก็ไม่มีความรู้สึกอื่นใดหลงเหลืออีกแล้ว


“แต่ยังไงซะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณก็มีประโยชน์ต่อผมมากนะ ที่คุณโดนยิงแทนผมก็ด้วย แต่คุณย่าของผมออกค่ารักษาพยาบาลให้ก็ถือว่าตอบแทนแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือ...ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยอะไรก็บอกแล้วกัน ผมและวงศ์กีรติจะตอบแทนเท่าที่จะทำได้” พูดไปแล้วจิณณะก็แค่นยิ้มราวกับเย้ยหยันความคิดตัวเอง


ผลประโยชน์และการตอบแทนอย่างนั้นหรือ


ฟังดูแล้วแห้งแล้งเหลือเกินเมื่อทุกอย่างถูกวัดเป็นตัวเงิน ทั้งๆที่เรื่องระหว่างเขาและพิทักษ์ แม้จะเริ่มต้นด้วยผลประโยชน์ของเขาเอง แต่ลงท้ายแล้วกลับไม่อาจประเมินค่าสิ่งที่พิทักษ์มอบให้เขาได้เลย


แต่...เมื่อตัดใจแล้วก็ต้องตัดให้สุด พิทักษ์ไม่ควรสร้างสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ให้เขาอีก คนอย่างจิณณะไม่มีค่าเพียงพอสำหรับสิ่งเหล่านั้น


“ขอบคุณนะครับ สำหรับประโยชน์ที่ผ่านมา”


ยิ่งพูดก็ยิ่งแย่ ที่แย่ที่สุดคือจิตใจคนพูดเอง แม้แต่ตัวจิณณะก็ทนไม่ได้กับสิ่งที่ออกปาก เขาใช้ประโยคนั้นเป็นประโยคสุดท้าย ค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายหนึ่งทีแล้วเดินจากมาโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองข้างหลังอีก


ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง ทั้งหัวใจ ทั้งความรู้สึก


ไม่มีอะไรเหลือติดตัวจิณณะ  วงศ์กีรติอีกแล้ว


…………………….


“ผมลาออกจากราชการหลายเดือนแล้ว จะออกมาเคลียร์เรื่องไพศาล พี่ก็รู้ เป็นข้าราชการก็เหมือนอยู่กลางแจ้ง ทำอะไรนิดหน่อยก็เป็นข่าวแล้ว ผมไม่อยากขึ้นหน้าหนึ่งเรียกแขกแบบ ‘คดีค้ามนุษย์คืบ ปลัดหนุ่มวิ่งเต้นขาแทบขวิด’ ‘ฉาว ปลัดไฮโซ ใช้เส้นเร่งคดี’ ก็เลย...ลาออกดีกว่า ทำอะไรง่ายกว่าเยอะด้วย แล้วเงินเดือนที่คุณย่าให้ก็เยอะกว่าเงินเดือนปลัดตั้งเท่าไร พี่ก็เห็นว่าผมใช้เงินเก่ง ยิ่งเรื่องคดี ผมไม่กล้านับเลยว่าหมดไปเท่าไรแล้ว”


“นี่ผมเก็บข้อมูลคดีที่มันจ้างวานฆ่าเกือบครบแล้ว เดี๋ยวจะปล่อยตัวมันให้ตำรวจจับ ผมให้รุ่นน้องคนนึงช่วยเรื่องข่าวแล้ว รอดูวันไอ้ไพศาลถูกจับได้เลย รับรองเป็นเบรกกิ้งนิวส์ทุกช่อง เป็นข่าวใหญ่ทุกสำนัก”


“ส่วนเรื่องค้ามนุษย์ ผมคุยกับลุงของพี่ เขาก็ว่าจะเอาผิดมันฐานค้าน่าจะยาก เพราะดูๆแล้วหลักฐานเป็นไปในทางที่มันเป็นคนรับจ้างขนย้าย ทำเอกสารอะไรทำนองนั้น เป็นความผิดต่อรัฐ ไม่ใช่ความผิดต่อมนุษย์ คุณทรงพลเขาเลยจะช่วยเช็กดูให้ ว่าไพศาลมันเกี่ยวกับค้ามนุษย์โดยตรงไหม แต่ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ได้ค้ามนุษย์จริงๆ แค่อยู่ในระบบเฉยๆ ผมก็กะว่าจะเอาแค่คดีจ้างวาน เพราะมันก็ไม่น่าไปไหนรอดแล้ว”


“แต่เรื่องค้ามนุษย์นี่...ทำให้หนักใจเหมือนกัน ทั้งคุณย่าทั้งคุณเทียมก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่าไปยุ่ง คุณเทียมส่งลูกน้องเขามาเป็นเลขาฯให้ผมด้วย ชื่อดนัย อย่างกันในหนังเลยพี่ ฉากหน้าเป็นเลขาฯ ฉากหลังเป็นบอดี้การ์ด ชีวิตผมนี่โคตรแฟนซีเลย”


“อ้อ...ส่วนเรื่องพี่สุก สรุปว่าก่อนตาย แกน่าจะหลอกไอ้ไพศาลว่าบอกเรื่องที่มันอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์กับคนอื่นไปแล้ว ไอ้ไพศาลคิดว่าเป็นผม เพราะผมอยู่กับพี่สุกในคืนนั้น ผมก็ไม่รู้นะ ว่าพี่สุกตั้งใจใช้ผมเป็นโล่รึเปล่า หรือตั้งใจโยนบาปให้ผมไหม หรือแกอยากให้ไพศาลมันดิ้นจนเผยไต๋ออกมาเอง เพราะเห็นว่าไพศาลเสนอเงินให้แกตั้งแต่แรก แต่แกไม่เอา ผมว่าแกก็คงทำใจรับเงินไม่ลงนะพี่ นี่มันขายทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย แกอาจจะยอมปิดหูปิดตา แต่ให้รับเงินก็เหมือนเข้าร่วมไปด้วย จะว่าไงดีล่ะ...คนก็ตายไปแล้ว ไปปลุกขึ้นมาถามก็ไม่ได้ ว่าคิดอะไรบ้าง ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงกับแก อีกอย่าง แกก็ดีกับผมมาตลอดด้วย ตอนผมย้ายมาอยู่ใหม่ๆ แกก็ช่วยหาข้าวหาน้ำมาส่งเรื่อย...หรือพี่ทิศว่าไง...” อดีตปลัดอำเภอพูดแล้วก็หันมองข้างกายราวกับมีใครอีกคนนั่งรถมาด้วยกัน


ทว่า...เบาะนั่งข้างจิณณะว่างเปล่า


ไม่มีใครนั่งมากับเขา ไม่มีใครอยู่เคียงข้างเขา ไม่มีใครอยู่เพื่อรับฟังเรื่องที่เขาเล่า


จิณณะรู้ดี รู้มาตั้งแต่ขับรถออกมาจากบ้านคุณเทียมว่าเขาทิ้งผู้ชายคนนั้นเอาไว้ข้างหลังแล้ว ผู้ชายที่ชื่อพิทักษ์ ผู้ชายที่เคียงข้าง คอยให้สติ คอยเป็นหลักยึด คอยจนกระทั่งวันนี้...ที่เราได้เจอกัน


แต่...นับจากนี้...ผู้ชายคนนั้นจะไม่ต้องคอยอีกแล้ว เพราะเรื่องของเรามันจบลงไปแล้ว


   ทิ้งทุกอย่างไปแล้ว ไม่เหลืออีกแล้ว


   ยิ่งตระหนักว่าทุกอย่างจบลงแล้ว และเป็นเขาเองที่ตัดสินใจจากมา ก็ยิ่งรู้ดีว่าเขากลับไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่เพียงแค่เรื่องจบลง แต่จะไม่อาจเกิดขึ้นใหม่ได้อีก เขาและพิทักษ์...ไม่มีทางกลับมาเป็นหมือนเดิมได้อีกแล้ว


   น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อล้นจนมองแทบไม่เห็นทาง จิณณะต้องเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทางแล้วเปิดไฟกะพริบ เขาฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ ปล่อยให้ความเสียใจกลั่นตัวออกมาเป็นน้ำใส ไม่มีเสียงสะอื้น มีเพียงเสียงครวญแผ่วที่มาพร้อมน้ำตา


   “พี่ทิศ...”


   ...ผมรักพี่...


   ...ผมรักพี่จริงๆ...


น่าเสียดาย...ประโยคนี้ พิทักษ์ไม่มีทางได้ยิน เพราะแม้จะอยู่เพียงลำพัง จิณณะยังไม่กล้าเอ่ยปากออกมาเลย


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

มีตัวประกอบค่าตัวแพงด้วยล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า เป็นตัวประกอบจากเรื่องนู้น แล้วก็มาเป็นตัวประกอบเรื่องนี้ แต่ก็หวังว่าคนที่เคยอ่านเรื่องนู้นจะพอจำกันได้นะคะ ฮ่าฮ่า

รู้สึกว่าเคยเขียนถึงทรงพลในตอนพิเศษ ไม่แน่ใจว่าเป็นตอนที่ลงเน็ตมั้ย ว่าทรงพลบ้านแตกก็จริงแต่ก็มีผู้มีพระคุณอุปถัมภ์ ถึงได้รอดมาเป็นทรงพลในวันที่เจอพี่จักร วะฮ่าฮ่า ซึ่งผู้มีพระคุณคนนั้นก็คุณเทียมนี่แหละค่ะ (ตบมือให้กับความใช้ตัวละครคุ้ม)

วันนี้งานเยอะมากๆ ขอโทษที่มาดึกค่ะ กลับไปทำงานต่อแล้วววว

ป.ล.ไม่พูดถึงจิณเพราะรู้ว่าจิณจะต้องถูกคนอ่านหมั่นไส้ คนอะไร้! มีคนอยากคุยด้วย อยากฟังคำอธิบาย ก็ดันไปปากร้ายใส่เขา (เอาเป็นว่าหมั่นไส้แล้ว อย่าดุจิณแรงนะคะ จิณร้องไห้แล้ววววว)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม พื้นที่บอร์ด และทุกกำลังใจเช่นเคย

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 18-04-2019 22:58:01
้เศร้า :mew4: สงสารทั้งสองคน :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 18-04-2019 23:03:13
……


จิณณะเอ้ยยยยยย

สงสารพี่ทิศอ่ะ


 :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:  :ling3:  :ling1:



……
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 18-04-2019 23:05:32
อ่านตอนนี้แล้วสงสารพิทักษ์มาก  รู้สึกว่าจิณทำเกินไป จำเป็นต้องพูดอะไรขนาดนั้นไหม  คือตั้งแต่ต้นจิณเลือกคิดเลือกทำตลอด แต่คนรับผลกลับเป็นพิทักษ์ ไม่แฟร์เลยเหมือนที่ปลัดวรชิตพูดเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-04-2019 23:08:54
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 18-04-2019 23:12:53
จิณใจร้าย  :m15:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 18-04-2019 23:12:56
อ่านแล้วหงุดหงิดเลย
ตอนไหนจะได้กลับมาคุยกันเนี่ย

เป็นกำลังใจให้คนเขียนครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 18-04-2019 23:13:04
สงสารทั้งพิทักษ์และจิณณะเลย ขอให้พิทักษ์ปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าทำไมจิณณะถึงต้องทำแบบนี้ ไม่หลงเชื่อไปกับคำพูดเย็นชาของจิณณะ คิดว่าคงต้องมีคนกลางมาช่วยบอกให้พิทักษ์รู้ เอาใจช่วยให้ทั้งสองคนได้กลับมาคุยกันเหมือนเดิมอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-04-2019 23:14:39
 ร่างกายอ่อนล้าลงทันใด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 18-04-2019 23:15:31
โกรธจิณมากๆ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 18-04-2019 23:19:39
งื้อ วาร์ปไปเป็นวันพฤหัสเลยได้ไหม ได้แต่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-04-2019 23:23:50
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 18-04-2019 23:24:27
เศร้าจนพูดไม่ออก หม่น มึน อึน
รู้สึกทางตันไปหมด
เศร้ากว่าทุกเรื่องที่เคยอ่านมาจริงๆ
วิบากกรรมจริงๆ เขื่อแล้ว

หวังว่าคงไม่พล็อตให้พี่ทิศแต่งงานกับอรพินอะไรนั่นนะคะ ไม่เอาไม่เอา

หวังว่าพี่ทิศจะไม่ยอมแพ้ ไม่เชื่อง่ายๆ ต้องรู้ดิว่าจิณณะเสแสร้ง
ส่วนสายตาเยือกเย๋นนั่นไปหัดมาจากไหนจิณณะ
ต้องน้าภาไหมที่จะยอมเข้ามาแก้ไข หรือคุณกอบกุลดี

นี่พยายามคิดว่า อะไรจะทำให้เขากลับมาหากัน คงจะคดีนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 18-04-2019 23:25:47
คุณทรงพล~~~ ความเทาที่แท้จริง...แหะๆ

แอบน้ำตาซึมตอนนุ้งจิณคนเดิมพูดคุยกับความว่างข้างตัว
คือมัน...ไงดีล่ะ เขาฉาบหน้าด้วยความเลือดเย็น แต่คนเดิมของเขายังอยู่ คนเดิมแบบที่คนอื่นจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว
น่าเหนื่อยแทนนะ เขาพยายามเข้มแข็ง ทำทุกอย่างที่ตั้งใจไปสู่เป้าหมาย แต่โดดเดี่ยวมากเลย...สงสาร~~~

พี่ทิศจะฮึดสู้มั้ยน้า~~~
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 18-04-2019 23:39:26
น่าตีจริงๆเลยจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 18-04-2019 23:42:57
ตอนจิณคุยคนเดียวคือร้องแล้ว  :m15: ไม่ไหวแล้ว ขอบคุณมากนะคะ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 18-04-2019 23:43:21
ความปากร้ายของจิณณะทำเราร้องไห้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 18-04-2019 23:49:52
โอ๊ยยยย สงสารที่งคู่ จะร้องไห้ตามเลย
เมื่อไหร่จะได้คุยกันดีๆ เมื่อไหร่จะได้บอกรักกันดังๆ ให้สุดเสียงสักที
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 18-04-2019 23:50:41
อย่างงี้จะลงเอยกันยังไงอ่ะปวดหัวเหลือกัน อย่าทิ้งพี่เขาไปเลยสงสาร
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 18-04-2019 23:52:17
สงสารรร
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 18-04-2019 23:53:09
มันบีบหัวใจเหลือเกิน :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sutharat ที่ 19-04-2019 00:01:24
พูดเองเจ็บเอง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-04-2019 00:23:18
 :a5:



 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 19-04-2019 00:30:10
อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย ทำไมจิณปากร้ายได้ขนาดนี้

มันจะไม่จบเศร้าใช่มั้ยคะ ต้องมีวิธีที่ทำให้ทั้งคู่เข้าใจกันได้แหละ จิณสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 19-04-2019 00:37:25
ฮืออออ ละครช่องเจ็ดมาก นางเอกแห่งทุ่งรังสิต แอบน้ำตาไหลกับประโยคบอกรักพี่ทิศของน้องจิน  :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 19-04-2019 00:44:21
อยากมห้พี่ทิศจับจิณณะมาตีสัก3ทีแรงๆ แล้ใขังไว้ในห้องแบบจำเลยรัก น่าฟาดนัก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 19-04-2019 00:58:59
จิณใจแข็งกว่าที่คิด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 19-04-2019 01:03:57
คนอย่างจิณณะเนี่ย ต้องโดนฟ้าดินลงโทษหนักๆ .. ให้พี่ทิศตายเพราะจิณณะไปเลยค่ะ ไปให้สุดค่ะไรท์ฯ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-04-2019 01:21:09
อยากตีปากจิณณะ!!!!
คิดอะไรได้แบบ คิดมาได้ยังไงอ่ะ คิดอะไรอยู่
ร้องไห้ไปเลย ร้องจนไม่มีน้ำตาออกมา พูดไม่คิด
ถ้าหลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ให้รู้เอาไว้ว่าเป็นเพราะคำพูดตัวเอง
คำพูดที่พูดออกไปแล้วเป็นนายตัวเองเสมอ จัมมมมมมมมมม
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 19-04-2019 01:36:06
แงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 19-04-2019 03:23:00
สงสารพิทักษ์ เหมือนถูกถีบตกเหวอ่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 19-04-2019 03:27:43
เดี๋ยวตีปากแตกเลยจิณ ปากคอเรอะร้าย ทำร้ายจิตใจพี่ทิศ
จะสาปแช่งให้พี่ทิศหมดรักไปซะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-04-2019 03:48:41
 :hao5:


โถถถถถถๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 19-04-2019 03:54:20
อมกกกกกกกกกกกกก   เกือบลืมทรงพลเลย พึ่งจำได้ตอนที่คุณบัวพูดถึงท้ายเรื่อง โอ้ยพูดแล้วคิดถึงจักรกฤต น้องโรม เจ้าขนม ใช้ตัวละครคุ้มมาก 55555555
สงสารจิณ สงสารพิทักษ์ แงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 19-04-2019 05:19:03
เจ็บดี แต่เชื่อว่าพี่ทิศต้องเข้าใจเพราะจิณโกหกไม่เก่ง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-04-2019 06:00:13
น้ำตาไหล สงสารจิณณะอ่ะ อยากตีปากด้วย พูดจาทำร้ายจิตใจพี่ทิศได้ไง บีบหัวใจจัง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-04-2019 06:47:58
พี่ทิศคนเดิมที่สุขุมจงกลับมา
ก็รู้ว่าเนืัอแท้ของจิณณะน่ะดื้อแค่ไหน
ตอนนี้มองผ่านปากร้ายๆของจิณณะไปก่อน
ไปสืบเรืีองที่ลาออกกับมาหาคุณเทียมทำไมดีกว่า
จะได้รู้สักทีว่าจิณณะรักพี่ทิศขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 19-04-2019 06:57:57
โอยๆ ตะเตือนไต ขอกามเทพด่วนๆ จะเป็นทิวากร ก็ได้ ปักศรหัวใจที่ชอกช้ำระหว่าง คู่รักนี้ด้วย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-04-2019 07:46:57
ปวดใจทั้งสองคน  :a6: :a6:

รอวันเขากับมาอยู่ข้างกัน  :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-04-2019 09:40:56
สงสารพี่ทิศ จิณเอ้ยยยยคงกลับไปง้อยากแล้วล่ะก็พูดมาซะขนาดนี้ถ้าพี่ทิศหนีไปแต่งกับหญิงจะสมน้ำหน้าซ้ำเข้าให้ พูดมาได้ยังไงว่าหลอกใช้ประโยชน์พี่ทิศแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 19-04-2019 11:05:17
เจ็บหัวใจ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-04-2019 11:51:41
แงงงงง ปวดใจมากเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: white_gik ที่ 19-04-2019 12:01:26
เศร้า สงสารทั้งคู่
แต่สงสารจิณมากกว่า บอกเหตุผลก็ไม่ได้
เมื่อไรจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอ่ะ เศร้า
  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 19-04-2019 12:49:35
เราว่าไม่ใช่พี่ทิศแน่เลย เพราะพี่ทิศไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนี้
พี่ทิศที่เข้มแข็งและเป็นที่พึ่งของน้องจิณ..จงกลับมาาาาา
ปัญหาแค่นี้แก้ไม่ได้ ปลดจากพระเอกเน้อ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 19-04-2019 13:01:59
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=&gt; หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-04-2019 14:09:55
ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-04-2019 15:11:46
เราว่า เราสงสารจิณณะมากกว่าพิทักษ์อ่ะ จิณณะ ต้องสตรองแค่ไหนถึงยืนพูดกับพี่ทิศแบบนั้นได้ ทั้งที่ใจเต้นรัวเพราะคิดถึงและรักขนาดนั้น  :ling3:  :hao5: ที่ทิศ ถ้ารักน้องจริงต้องมีสติและไม่หูเบาเพราะคำพูดน้องนะ โอยยยยย ร้าวแทนทั้งคู่เลยยยย  :m15:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 19-04-2019 15:17:07
จิณณะเด็กดื่อทำไมทำกับพีีทิศแบบนั้นน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 19-04-2019 16:25:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
น้องจิณสู้ สู้
พี่ทิศดูแลน้องด้วยนะ
 :mew2:
 :mew2:
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 19-04-2019 17:13:06
ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย ไม่เคยทำให้ใครไม่เจ็บปวดเลย  :ling3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 19-04-2019 17:50:37
เห็นใจจิญณะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-04-2019 19:06:17
คนที่พอจะอธิบายได้ก็คงจะเป็นคุณเทียมซึ่งไม่รู้คุณเทียมจะยอมเล่าพี่ทิศไหม
แต่ถ้าไม่อยากให้หลานเสียใจมากกว่าเดิม ต้องพูดอะไรบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 19-04-2019 20:22:32
รู้ว่าพี่ทิศเสียใจ ช็อค แต่จะให้มันจบแบบนี้จริงเหรอ สู้สิ เอาจิณคนเดิมกลับมา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 19-04-2019 21:50:16
โอ้ยยยยยยย จิณณะ เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซักทีเนี่ยยยยยย :z3: คิดถึงของขวัญเลยเจอทรงพล55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 19-04-2019 22:17:27
จิณทำไมทำกับพี่ทิศแบบนี้ล่ะลูกก  :ling1: :ling3: 
พี่ทิศอย่าเพิ่งตัดใจจากไอ้ตัวแสบนะ ต้องจับตีกันให้เข็ด!
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 19-04-2019 23:01:24
 :o12: :o12: :o12: สงสารพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-04-2019 00:18:25
สงสารคนพี่สุด แง้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 20-04-2019 08:14:10
เพื่อปกป้องชีวิต แต่กลับทำร้ายหัวใจ แบบนี้มันดีีีีแล้วจริงหรอ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 20-04-2019 10:19:51
น้องจิณ ปากร้ายแบบนี้ต้องถูกลงโทษค่ะ
แต่ยังไงก็เอาใจช่วยให้งานสำเร็จนะคะ
จะได้มีแรงใจบอกตัวเองหน่อยว่าอย่างน้อยก็ได้ทำเพื่อพี่เค้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 20-04-2019 11:28:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 20-04-2019 18:38:15
โอ้โห ตัวประกอบค่าตัวแพง ทรงพลก็โผล่มาแจมในเรื่องนี้ด้วย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 20-04-2019 23:15:52
 :hao5: :hao5: สงสารทั้งคู่เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: 9008123 ที่ 20-04-2019 23:39:11
สงสารทั้งคู่เลยย เจ็บไม่แพ้กัน แต่จิณนะน่าจะเจ็บสุดเลยเพราะต้องโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายตัดใจ แต่ตัวเองดันตัดไม่ขาดเอง ฮื่อออออ ร้องไห้เวลานี้พรุ่งนี้ตาบวมแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 21-04-2019 02:18:15
จากสงสารหนึ่งคน ตอนนี้สงสารสองคนเลยค่ะ

ทิศไม่ผิดที่ยอมรับกระสุนแทน เพราะความรัก
ทิศไม่ผิดที่ยังผูกใจ และสงสัยว่า จิณหายไปไหน
หายไปทำอะไร ทำไมไม่ติดต่อมา เพราะคำขอหรอ
แต่พอได้ยินวันนี้ จากคำอธิบาย กลายเป็นตัดขาด
พี่ทิศจะทนรับไหวได้ยังไงกัน

จิณที่ทุ่มเททำมา มันคุ้มค่าไหม กับใจที่หายไป
ไม่อยากให้พี่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ ไม่อยากให้ต้องเจ็บตัวกันอีก
แต่คำตัดขาดแบบไร้เยื่อใยนี้ จากแค่เจ็บ อยากให้ชังกันเลยหรอ

ทั้งพ่อ ทั้งลุง ทั้งน้อง ลุ้นช่วยให้ดีขึ้น แต่คำของจิณ
ดับฝันพี่ทิศหมดเลยจ้า ไม่มีคำใดได้เอ่ยต่อ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 21-04-2019 02:46:59
เดี๋ยวตาจิณจะต้องโดนพี่ทิศลงโทษให้หนัก เด็กอะไรใจร้ายจัง ฮือออ ร้องไห้ตามเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 21-04-2019 06:30:03
เฮ้อ สั้นๆนะคะ งี่เง่าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 21-04-2019 23:20:20
นังจิณ นั่นปากหรือตูดยะทำไมถึงไปพูดกับพีทิศเค้าอย่างนั้นนนน
ถ้าเจอกับพี่ทิศรอบหน้าขอฝากพี่ทิศเตะสักป้าปนะ...หมั่นไส้เหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: little_def ที่ 23-04-2019 21:01:48
สงสารพี่ทิศก็สงสาร  :heaven
แต่สงสารน้องจิณมากเหมือนกัน รักก็รักมาก แต่ไม่อย่กให้เค้าลำบาก อยากได้น้องจิณคนดีคนเดิมคนดื้อตาใสกลับมาแล้วค่ะคุณบัว :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 24-04-2019 20:45:31
เอ้าาาาา รอยาว สงสารจินมากกว่าคุณทิศว่ะ
เปิดมา ไม่เจอนิยายนี่มันช่างอยากจะร้องไห้ ค้างแบบมากๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 16...=> หน้าที่ 26 (18/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 25-04-2019 21:32:42
กรี๊ดกร๊าดมากตอนเห็นทรงพลในเรื่อง  :o8: อยากให้เปิดอกคุยกันเร็วๆแล้ววว
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 25-04-2019 22:21:22
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 17


หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ก็กลายเป็นประเด็นที่คนทั้งประเทศให้ความสนใจอีกครั้ง เมื่อจับตัวไพศาลอดีตผู้มีอิทธิพลและเป็นหนึ่งในขบวนการได้ที่ชายแดนระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้าน


ไพศาลในสภาพทรุดโทรมทั้งตกตะลึงและหวาดหวั่นที่ถูกจับ แต่มีเรื่องอีกมากที่เขาต้องหวาดและหวั่น เพราะจิณณะใช้ทนายความมือดีที่สุดที่มีในการทำคดี หนำซ้ำไพศาลผู้เคยร่ำรวย หน้าใหญ่ใจกว้าง จู่ๆก็กลายเป็นคนหมดเนื้อหมดตัว เงินทองทรัพย์สมบัติที่หามาได้ หากไม่ถูกอายัดก็ถูกลูกน้องยักยอกไปแล้ว แม้จะยังมีลูกน้องที่จงรักภักดี แต่ก็ล้วนกลัวตายไม่กล้าให้ความช่วยเหลือ เพราะลูกพี่เกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ จะวิ่งเต้นหาคนที่เคยอุปถัมภ์ค้ำชู ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด มองไปทางไหนก็ไม่มีเส้นสายหลงเหลือ ทางนั้นก็สายของคุณเทียม ทางนี้ก็สายของคุณกอบกุล จะวิ่งหาสายอื่น ก็ล้วนไม่มีใครอยากเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนที่ยังพัวพันกับคดีค้ามนุษย์และคดีจ้างวานฆ่าซึ่งเกี่ยวข้องกับทายาทของคุณเทียมและคุณกอบกุลไปพร้อมๆกัน


ไพศาลในเวลานี้ไม่ต่างจากเหลือแต่กระดูก เนื้อหนังหมดประโยชน์จะเถือกินอีกแล้ว แม้แต่ศาลยังไม่ให้ประกันตัวเพราะพฤติการณ์หลบหนีก่อนหน้านี้ แม้จะเพียรบอกว่าถูกจับตัวไปกักขัง แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆ สุดท้ายชีวิตของอดีตผู้มีอิทธิพลจึงไปสิ้นสุดที่หลังลูกกรง


หมดสิ้นอันตรายที่จะรุกล้ำเข้ามาในชีวิตแล้ว แต่จิณณะยังคงใช้เวลาในแต่ละวันอยู่กับการช่วยงานบิดาและติดตามเรื่องคดีไปพร้อมๆกัน แม้เวลานี้ไพศาลจะอยู่ในเรือนจำในฐานะนักโทษฝากขัง แต่กระบวนการพิพากษายาวนาน ไม่รู้ว่าเมื่อคดีสิ้นสุด ไพศาลจะติดคุกอีกสักกี่ปี หากได้รับอภัยโทษ มันก็คงออกมาสูดอากาศข้างนอกได้เร็วขึ้น แล้วคนอย่างนั้นไม่มีทางปล่อยให้เขาหรือพิทักษ์อยู่อย่างสงบ


อย่างที่คุณกอบกุลเคยบอก เรื่องนี้หากไม่อยากแพ้ก็ต้องชนะ อีกทั้งยังเป็นชัยชนะที่ต้องแลกมาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งลมหายใจของคนแพ้อีกด้วย


“พี่จิณ...” เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาจิณณะที่กำลังใช้เวลาว่างในช่วงบ่ายวันเสาร์อยู่กับการอ่านฎีกาคดีจ้างวานฆ่าอื่นๆและประมวลกฎหมายต่างๆต้องเงยหน้ามอง


จารีตเดินเข้ามาหา เหลือบตามองเอกสารตรงหน้าพี่ชายเล็กน้อยแล้วก็นึกสงสาร จิณณะไม่ได้ปิดบังใครว่าเขาเป็นตัวตั้งตัวตีจัดการคดีจ้างวานฆ่า หนึ่งเพราะเป้าหมายที่แท้จริงของคนจ้างวานคือเขา และสอง...เพราะคนที่ถูกยิงคือพิทักษ์


ใครๆก็รู้ว่าเหตุผลข้อสองมีน้ำหนักกว่าข้อแรก เพียงแต่...ไม่มีใครพูดอะไร


“อ่านหนังสือเยอะกว่าสมัยเรียนอีกแหะ” จิณณะหัวเราะเบาๆที่ถูกหยอก แต่ก็ดูรู้ว่าเป็นการหัวเราะให้เข้ากับสถานการณ์เท่านั้นเอง


นานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะที่แท้จริงของจิณณะ


“มีอะไร วันนี้แกไม่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือ”


“อยากออกไปเที่ยวกับพี่บ้าง” คนเป็นพี่เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ จารีตเลยเอ่ยปากต่อ “จะมาชวนพี่จิณออกไปหาเหล้ากินกัน”


นับตั้งแต่เกิดเรื่อง จิณณะใช้ชีวิตอย่างตึงเครียด วันๆไม่ทำงานก็ดูเรื่องคดี การออกไปเที่ยวหรือดื่มกินถูกตัดออกจากชีวิตประจำวันอย่างสิ้นเชิง เขาบอกตัวเองว่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ สู้เอาเวลามาทำเรื่องที่เป็นประโยชน์จะดีกว่า


“เพื่อนเลิกคบแล้วรึไง มาชวนพี่”


“ก็กลัวเพื่อนเลิกคบไง เลยต้องพักชวนเพื่อน มาชวนพี่บ้าง ไปเหอะพี่จิณ ผมรู้จักร้านนึง เด็ดมาก เหล้าอร่อยอย่างงี้” ไม่พูดเปล่าแต่คนเป็นน้องยกนิ้วโป้งยืนยันด้วย จิณณะยกยิ้มมุมปาก ไม่อยากย้อนเอาเสียเลยว่าเหล้าร้านไหนก็อร่อยทั้งนั้น ถ้าใจมันอยาก เพียงแต่ตอนนี้ใจเขาไม่อยาก แต่...แขนที่ถูกเขย่าซ้ำไปซ้ำมา ไหนจะไอ้ท่าทางออดอ้อนของน้องชายตัวใหญ่พอๆกัน เห็นแล้วรำคาญตาจริงๆ


“นะพี่จิณ ไปเหอะ วันนี้ผมอยากเหล้ามากเลย แต่เพื่อนไม่ว่างสักคน”


“แล้วแกเห็นพี่ว่างรึไง”


“ก็เห็นว่าไม่ว่างเหมือนกัน แต่พี่ไม่ว่างให้ผมมานานแล้วเปล่าวะ วันนี้ยอมว่างเพื่อผมสักวันดิ” ลูกคนเล็กย่อมมีวิธีในการเอาแต่ใจได้น่าเตะ แต่ก็น่าตามใจไปพร้อมๆกัน จริงอย่างที่จารีตว่า เขาไม่ว่างมานานมากแล้ว หากจะ...ยอมวางทุกอย่างลงแล้วว่างขึ้นมาบ้างสักสองสามชั่วโมง ก็คงจะไม่เป็นไร


“เออๆ ไปก็ไป” เพียงเท่านั้น คนเป็นน้องก็ยิ้มกว้าง


“เยี่ยมเลย งั้นผมจองโต๊ะก่อน”


“หะ? ต้องจองโต๊ะด้วยเหรอ”


“จองสิ ก็ผมบอกแล้วไงว่าร้านนี้เด็ด พี่จิณแต่งตัวหล่อๆเลยนะ ร้านนี้ไม่หล่อ ไม่ให้เข้า” แล้วจารีตก็เดินกดโทรศัพท์ยิกๆจากไป คนเป็นพี่ได้แต่มองตามด้วยความสงสัย แต่จะเรียกน้องชายกลับมาถามไถ่ก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจเสียงเรียกของเขาแล้ว


ช่างเถอะ...สมัยนี้อาจจะต้องจองโต๊ะร้านเหล้าแล้วก็ได้...


พอคิดได้อย่างนั้น จิณณะก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาห่างเหินกับชีวิตสนุกสนานมานานมากแล้วจริงๆ

……………………

ร้าน ‘เตาถ่าน unoriginal’ ตั้งอยู่ในซอยแคบใจกลางเมือง ตัวร้านเป็นบ้านสีขาวขนาดสามชั้นบนพื้นที่กว้างที่ไม่น่าจะเหลือในเขตเมืองหลวงที่ที่ดินมีค่ายิ่งกว่าทอง ชั้นบนสุดมีทั้งส่วนที่เป็นห้องกระจกและเฉลียงประดับไฟ ให้บรรยากาศโรแมนติก ดูแล้วไม่น่าเป็นร้านสำหรับดื่มของจารีตเลย


“ร้านนี้หรือ” จิณณะถามหลังจากลงจากรถแล้วเงยหน้ามองร้านที่น้องชายบอกทางให้พามา ดูจากชื่อร้านและรูปทรงการออกแบบร้านที่เน้นบรรยากาศแนวครอบครัวคู่รักแล้ว ไม่น่าจะเหมาะกับการมาดื่มเลยสักนิด


“ก็ใช่ไง ร้านนี้มัสมั่นอร่อยมากนะ”


“ไหนแกว่าอยากกินเหล้า”


“ก็อยาก แต่กินข้าวก่อน แล้วค่อยกินเหล้า ร้านนี้ของคาวอร่อย เครื่องดื่มยิ่งโคตรอร่อย ขาหมูเยอรมันนี่ยังงี้”


“แกมาบ่อยหรือ”


“ไม่บ่อย แต่ถูกใจเจ้าของร้าน” จารีตพูดทำเอาคนพี่ถึงกับกะพริบตาปริบๆ น้องชายหัวเราะก๊าก “หมายถึงถูกใจฝีมือทำอาหารกับความเกรียนเจ้าของร้าน เห็นบอกว่าร้านเดิมของที่บ้าน แม่ไม่ยอมให้ขายค็อกเทล เลยมาตั้งร้านใหม่ แต่ใช้บารมีชื่อร้านเดิม เพราะกลัวขายไม่ออก” น้องชายชักออกทะเล จิณณะเลยต้องตั้งคำถามเพื่อดึงกลับมาที่เรื่องอาหาร


“แล้วสรุปอาหารอร่อยจริงไหม” จิณณะถามพลางกวาดตามองไปรอบๆบริเวณที่จอดรถ นอกจากรถของเขาแล้วก็มีรถยุโรปอีกคันหนึ่งจอดอยู่เท่านั้นเอง ทั้งๆที่หกโมงเย็นแล้ว


“จริงสิ ร้านนี้ถ้าวอล์กอินไม่ได้กินนะ” คนเป็นน้องพูดแล้วยักคิ้ว ก่อนจะก้าวเท้าเดินนำเข้าร้าน แจ้งชื่อที่โทรมาจองโต๊ะก่อนจะถูกบริกรพาเดินนำไปขึ้นไปยังชั้นสามซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นเฉลียงและห้องกระจก


โต๊ะที่จารีตจองเป็นโต๊ะในโซนเฉลียงซึ่งมีชุดโต๊ะเก้าอี้ตั้งอย่างห่างๆเพื่อความเป็นส่วนตัว มีเสาไฟประดับด้วยไฟระยิบผนวกกับลมเย็นสบายพัดผ่านแทบจะตลอดเวลา หนำซ้ำยังอยู่ในซอยแคบซึ่งแม้จะอยู่ใจกลางเมืองหลวงแต่ก็ไม่วุ่นวายโหวกเหวก ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและสบายให้กับลูกค้า


จารีตเป็นคนจัดแจงสั่งอาหาร ในขณะที่จิณณะพลิกเมนูไปมาแต่สุดท้ายก็ไม่สั่งอะไร ดูเหมือนเขาจะปล่อยวางความอยากไปนานแล้ว เพราะแม้จะมีรายชื่ออาหารและเครื่องดื่มเรียงรายแต่กลับไม่มีความอยากแม้สักนิด


“พี่จิณเอาอะไรเพิ่มไหม” เสียงของน้องชายทำให้คนพี่เงยหน้ามองก่อนจะส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนั้นเองที่จิณณะเพิ่งรู้ตัวว่าร้านที่เงียบสงบเริ่มมีลูกค้าประปรายแล้ว มีทั้งโต๊ะครอบครัวหกเจ็ดคน และโต๊ะคู่รัก


จารีตหันไปสั่งขาหมูเยอรมันเพิ่มอีกอย่าง ก่อนจะให้บริกรนำรายการอาหารไปส่งครัว จากนั้นจึงหันมาทางพี่ชายของตนเอง เห็นท่าทางนิ่งเฉยดูไม่หืออือกับอะไรเป็นพิเศษแล้ว คนน้องก็ยิ่งสงสาร เวลานี้แม้ไพศาลจะไปไหนไม่รอดแล้ว แต่จิณณะยังคงมุ่งมั่นอย่างไม่ลดราวาศอก ราวกับถ้าไม่ถึงศาลฎีกาจะไม่ยอมวางมือ


หากไพศาลติดคุก จิณณะก็ติดหล่ม ตกอยู่ในห้วงของการจัดการคดีอย่างไม่จบไม่สิ้น


“คนเริ่มเยอะแล้วเห็นไหม ผมบอกแล้วว่าถ้าวอล์กอินไม่มีทางได้กิน” ข้อเสียของการมากันแค่สองคนคือไม่รู้จะคุยอะไรดี หนำซ้ำยังเป็นสองคนที่เป็นพี่น้องผู้ชายอีกต่างหาก ทั้งๆที่เป็นคนพูดเก่งทั้งคู่ แต่เวลานี้จารีตเองก็คิดไม่ออกว่าเขาควรจะชวนคุยเรื่องอะไรดี ในเมื่อมีเรื่องหนึ่งที่เป็นปมใหญ่ในใจของคนเป็นพี่ สุดท้ายเลยอาศัยพูดเรื่องร้านที่ตนเองพามาเสียเลย


จิณณะยิ้มจาง พยักหน้าเออออยอมรับ


“แล้วแกรู้จักร้านนี้ได้ยังไง ดูแล้วไม่น่าจะเป็นร้านที่แกจะมา” ร้านอาหารแนวครอบครัวที่ดูแล้วไม่เหมาะกับวัยรุ่นอย่างจารีตสักนิด แม้ว่าจารีตจะเป็นลูกหลานตระกูลเศรษฐี แต่ราคาอาหารของที่นี่ก็นับว่าแพงอยู่ดีเมื่อเทียบกับฐานะนิสิตนักศึกษาอย่างเขา


“ก็ร้านเขาดัง พี่จิณน่ะเป็นวัยรุ่นซะเปล่า ตกข่าวไปกี่ล้านเรื่องแล้ว” จารีตไม่มีทางบอกว่าเขารู้จักร้านนี้เพราะญาติห่างๆที่ไม่สมควรจะเรียกว่าญาติเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเป็นคนลากตัวมาคุยธุระที่นี่ เอาจริงๆเขาก็รู้ว่าร้านนี้ดัง แต่ก็ไม่คิดว่าเหมาะกับวัยนิสิตนักศึกษาอย่างเขาเท่าไร แต่ญาติคนนั้นต่างหาก เห็นรีวิวแล้วอยากชิมก็เลยมัดมือชกให้เขามาพบที่นี่เพื่อคุยธุระ เขาก็เลยมัดมือชกกลับให้ ‘หมอต่างจังหวัด’ รายนั้นเป็นคนจ่ายซะเลย


“พี่เลยวัยรุ่นมาแล้ว”


“ใครบอก! ถ้าเรายังหล่อก็แสดงว่าเรายังวัยรุ่นนะพี่!”


จิณณะส่ายหัวอย่างคร้านจะเถียง


“อะไรวะ ทำไมพี่ถอดใจความวัยรุ่นซะแล้วล่ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมติวความเป็นวัยรุ่นให้พี่ใหม่”


“ไม่ต้อง”


“ไม่ได้ พี่จิณอายุเท่านี้จะมาเลิกเป็นวัยรุ่นได้ไง ความรู้แรกสุดเลย เป็นวัยรุ่นต้องรู้ว่าชานมไข่มุกร้านล่าสุดในสยามคือร้านอะไร” จิณณะอ้าปากค้าง ถ้าไม่มีโต๊ะคั่นระหว่างเขาและน้องชาย คงได้กระโดดตบหัวจารีตไปแล้ว


“ใครจะไปรู้วะ”


“เดือนที่แล้วใครมาจัดคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ”


“พี่ไม่รู้”


“ใครเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีค”


“ไม่รู้”


“บุนเดสลีกา?”


“ไม่รู้”


“วงการเทนนิสล่ะ แกรนด์สแลม ยูเอสโอเพ่น”


“ไม่รู้!”


“อ่ะ งั้นข้ามมาการเมือง ประธานาธิบดีอเมริกาคนปัจจุบันมาจากพรรคอะไร”


“เอ่อ...” จิณณะนิ่งคิด ใครๆก็รู้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบันคือใคร แต่พรรคการเมืองต้นสังกัดนี่สิ


“คิดนานไป ถือว่าไม่รู้ ข้ามมาฝั่งเอเชียก็ได้ ประธานาธิบดีจีนล่ะ”


“เอ้อ...” คุ้นๆว่า...


“ถ้าบอกว่าเจียงไคเช็ค ผมจะโทร.ไปฟ้องพี่ชุน หาว่าพี่ไม่ให้เกียรติเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติจีน”


จิณณะได้แต่ถลึงตาใส่น้องชายปากดี เขายังไม่ทันตอบก็หาเรื่องขู่กันแล้ว แต่สุดท้ายคนพี่ก็ถือโอกาสไม่ตอบนั่นล่ะ เพราะตนเองก็ไม่แน่ใจนักว่าชื่อประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบันที่คิดว่าคุ้นจะยังเป็นคนปัจจุบันอยู่หรือไม่


“โอเค ยกเลิกคำถามการเมืองก็ได้ เอาเบาๆ ดาราไทยคนไหนเพิ่งแต่งงาน”


“ไม่รู้เว้ย! ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่วัยรุ่น” น้ำเสียงติดฉุนและสีหน้าหงุดหงิดใจเล็กๆ บอกให้รู้ว่าจิณณะไม่รู้เรื่องพวกนี้จริงๆ แม้ดาราคนล่าสุดที่เพิ่งประกาศแต่งงานจะกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ก็ตามที แต่...เขาก็ยังไม่รู้


“มันไม่ใช่ที่ว่าพี่ไม่ใช่วัยรุ่น พี่ก็เลยไม่รู้ แต่เป็นเพราะพี่ไม่สนใจเรื่องอื่นๆเลย ก็เลยไม่รู้ต่างหาก” คำพูดของจารีตทำเอาคนเป็นพี่นิ่งงัน


โลกเปลี่ยนไปทุกวันโดยที่จิณณะไม่ทันได้ใส่ใจกับมันเลย เพราะเอาเวลาทั้งหมดไปทุ่มให้กับเรื่องบางเรื่อง


...หมกมุ่น จมจ่อม ราวกับไม่ได้ผุดได้เกิด...


“แกก็เห็นว่าพี่ไม่ว่าง จะมีเวลาไปสนใจเรื่องอื่นได้ยังไง” จิณณะแย้ง ถึงแม้จะรู้แก่ใจว่าที่ต่อให้มีเวลาเขาก็สนใจอยู่เพียงแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้น


“ผมเห็น แล้วผมก็รู้ว่าพี่เหนื่อย แต่ที่ผมไม่รู้คือทำไมพี่ถึงยอมเหนื่อยโดยที่ไม่มีความสุข”


“แกรู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่มีความสุข”


“พี่ยิ้มครั้งล่าสุดเมื่อไร”


“พี่ก็ยิ้มอยู่ทุกวัน”


“ผมหมายถึงยิ้มจริงๆ พี่อย่าบอกว่าทุกวันนี้ที่พี่ยิ้มมันมาจากใจพี่ ทั้งๆที่พี่ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่” คนเป็นพี่เถียงไม่ออก รู้สึกเหมือนคำพูดของน้องชายกำลังบีบหัวใจเขาอย่างช้าๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำปากแข็งย้อนถามกลับไป


“แกจะพูดอะไร”


“พี่จิณยอมเหนื่อยเพื่อพี่ทิศ แต่พี่กลับทิ้งพี่ทิศ”


“พี่ไม่ได้ยอมเหนื่อยเพื่อใคร”


“อย่าเถียงสิ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าทำไมพี่ถึงทุ่มขนาดนี้ เพราะพี่ทิศโดนหางเลขใช่ไหมล่ะ” จิณณะไม่โต้แย้ง เพราะรู้ดีว่าเถียงไม่ขึ้น ไพศาลหมายหัวเขาก็จริง แต่พลาดเป้าไปโดนพิทักษ์ ทางครอบครัวพิทักษ์น่าจะเป็นคนจัดการคดีนี้ แต่คนที่เต้นยิ่งกว่าเจ้าเข้ากลับกลายเป็นเขา


“พี่ทิศคือคนสำคัญของพี่ ทำไมไม่กลับไปหาเขา”


“แกไม่เข้าใจ เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เกี่ยวแค่เฉพาะคนสองคน...”


“ผมรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่คนอีกหลายคนที่เกี่ยวกับเรื่องของพี่และพี่ทิศก็คนที่เรารู้จักทั้งนั้น ทำไมไม่ไปหาเขา ไปพูดไปอธิบายให้คนพวกนั้นเข้าใจว่าพี่รู้สึกยังไงกับพี่ทิศ พี่พร้อมจะดูแลพี่ทิศ พี่พร้อมจะทำทุกอย่างให้พี่ทิศมีความสุข พี่ทุ่มเทให้กับคดีของไพศาลก็เพื่อพี่ทิศ เห็นๆกันอยู่ว่าพี่ทำเพื่อพี่ทิศขนาดไหน ถ้าจะมีใครมองข้ามความทุ่มเทของพี่ ผมว่าเขาอคติแล้ว แต่ตอนนี้สิ! มันไม่ใช่อคติของใครทั้งนั้นที่ทำให้พี่กับพี่ทิศแยกย้ายกันไปคนละทาง คนเดียวที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้คือพี่! อคติของพี่ทำให้พี่คิดไปเองว่าทำให้พี่ทิศเดือดร้อน พี่ปิดกั้นตัวเอง ไม่ใช่เป็นเพราะคนอื่นขัดขวางพี่กับพี่ทิศ”


จิณณะนิ่งงัน ได้แต่เอนหลังพิงพนักอย่างหมดท่า สภาพของเขาในเวลานี้ไม่ต่างจากสภาพของไพศาลตอนหมดท่าเมื่อถูกจับเลย


“พี่จิณ...กลับไปหาพี่ทิศเถอะ อย่าทิ้งความสุขของตัวเองไปเลย”


จิณณะเงยหน้าขึ้นมองน้องชาย แต่แล้วก็ต้องชะงักงันเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มลูกค้าในห้องกระจกใกล้ๆ ชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มนั้น ต่อให้จะเห็นแค่ด้านหลัง เขาก็จำไม่ลืม


จารีตหันมองตาม กำลังคิดว่าตนเองควรจะแสดงท่าทีตกใจอะไรบ้างไหมที่มีความบังเอิญเกิดขึ้นในโลกใบนี้ แต่สุดท้ายก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่เขาอุตส่าห์พาพี่ชายมา ‘บังเอิญ’ ให้เจอกันในร้าน กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งโผมาเกาะแขนอย่างสนิทสนม


...อ้าว...ไอ้พี่ทิว! พาพี่ทิศมายังไงให้มีผู้หญิงติดตัวมาด้วยวะ!...


“เอ่อ...ผมว่า...ไม่ใช่พี่ทิศหรอกมั้ง...สงสัยคนหน้าเหมือน” จารีตหันกลับมาบอกพี่ชายแล้วยิ้มแห้ง สาธุในใจสามทีให้จิณณะเห็นด้วย ทว่าคนเป็นพี่กลับส่ายหน้า ต่อให้ร้านสลัว ต่อให้เห็นแค่ข้างหลัง ต่อให้จะเห็นจากที่ไกล อย่างไรก็จำได้


...ชีวิตนี้ไม่มีทางลืม...


“เขามีชีวิตที่ดีไปแล้ว อย่าให้พี่ต้องกลับไปสร้างความเดือดร้อนให้เขาอีกเลย” จิณณะเอ่ยพร้อมด้วยรอยยิ้มจางราวกับตัดใจ แล้วเบี่ยงสายตาจากภาพที่เห็นนั้นออกไปยังนอกเฉลียงแทน จารีตเห็นท่าทางหมองเศร้าของพี่ชายแล้วก็พลอยพูดไม่ออก หันกลับไปมองยังห้องกระจกนั่นอีกครั้งก็พบว่าพิทักษ์ถูกบังจากคนอื่นๆในกลุ่มแล้ว เขาหันกลับมาที่โต๊ะ บนหน้าจอโทรศัพท์มีไฟสว่างวาบขึ้นทีหนึ่งพร้อมกับข้อความเข้า


‘เจอกันรึยัง’


...ยังจะมีหน้ามาถาม...


‘พี่ทิศอยู่ในร้านแล้ว’


...อยู่กับผู้หญิงอื่นด้วย...


‘สรุปว่าไง สองคนนั่นได้คุยกันไหม’


จารีตชำเลืองมองพี่ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังจมอยู่กับวิวนอกเฉลียงซึ่งนอกจากสวนประดับไฟระยิบที่เบื้องล่างแล้ว ก็มีแต่ตึกรามบ้านช่องขึ้นเต็มเอียดไม่เห็นแม้แต่เส้นขอบฟ้า จึงหยิบโทรศัพท์ตนเองขึ้นมากดข้อความส่งกลับไป


‘หมดหวังแล้ว พี่ทิศควงผู้หญิงมาด้วย’


‘ฉห’


...รู้เลยนะว่าย่อมาจากอะไร…


……………………..
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 25-04-2019 22:22:38

ทั้งๆที่อุตส่าห์นัดแนะกับน้องชายของพิทักษ์เป็นดิบดีที่จะสร้างสถานการณ์ให้จิณณะฮึดกลับเข้าไปหาพิทักษ์อีกครั้ง แต่ฝั่งพิทักษ์ไม่เป็นใจ พาผู้หญิงไปทานข้าวในร้านเดียวกันเสียได้ สรุปแล้วสถานการณ์ที่ตั้งใจสร้างนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว ยังทำให้จิณณะหดหัวอยู่แต่ในกระดองเข้าไปใหญ่


“โคตรแย่ว่ะพี่ชุน ผมบิ้วท์ไม่ขึ้นแล้ว” หมดหนทางจะช่วยเหลือ แถมอาการยังน่าเป็นห่วงขึ้นเรื่อยๆ น้องชายอย่างจารีตจะไม่ดูดำดูดีก็ไม่ได้ สุดท้ายเลยต้องปรึกษากับญาติทางไกลอย่างชเยนตร์แทน


‘แล้วทางทิศล่ะ’ แม้จะวุ่นวายอยู่กับการเรียน แต่ชเยนตร์ก็ยังให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับหนึ่งเสมอ เขาผละจากหนังสือและเอกสารกองใหญ่ มาสนใจการวีดีโอคอลกับญาติผู้น้องอย่างเต็มที่


“ผมคุยกับพี่ทิว น้องชายพี่ทิศ พี่ทิศก็ยุไม่ขึ้นเหมือนกัน ก็พี่จิณน่ะปากดีหาว่าเขาหมดประโยชน์ เขาจะหน้าด้านกล้ามาหาอีกได้ไง” พูดแล้วจารีตก็หงุดหงิดพี่ชายตัวเอง วิ่งเต้นเรื่องคดีงกๆก็เพื่อพิทักษ์ แต่กลับไปพูดใส่หน้าพิทักษ์ว่าหมดประโยชน์แล้ว ย้อนแย้งที่สุด


“แล้วดูพี่จิณตอนนี้เหอะ เหมือนเวรกรรมตามทัน พูดกับเขาไม่ดี สภาพตัวเองเลยเหมือนผีเข้าไปทุกวัน”


‘แล้วพ่อกับแม่แกว่ายังไง’


ข้อดีอย่างหนึ่งของการกลับมาทำงานที่บ้านคือจิณณะอยู่ในสายตาของโกศลและจรรยาตลอดเวลา แต่ไม่แน่ใจนักว่าการอยู่ในสายตาให้ผู้ใหญ่รับรู้ความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ จะเป็นเรื่องดีๆที่สร้างความสบายใจให้บุพการี


“จะว่ายังไง ก็ไม่เห็นว่าอะไรกันสักคำ” จารีตบ่นหน้าหงิก หงุดหงิดใจพ่อแม่ตนเองไม่น้อยที่แม้จะเห็นสภาพของจิณณะแบบนี้แต่กลับไม่ลงมืออะไรสักอย่าง


บิดาไม่ยุ่งเพราะเห็นเป็นเรื่องส่วนตัวของลูก ในขณะที่มารดาเป็นคนเงียบๆ ที่แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลวงศ์กีรติที่มีหัวเรือใหญ่อย่างคุณกอบกุล การออกความคิดเห็นหรือริเริ่มทำอะไรสักอย่างย่อมไม่อยู่ในกิจวัตรของจรรยานานแล้ว หนำซ้ำเรื่องของจิณณะยังสร้างความไม่พอใจให้น้องสาวอย่างจิดาภาด้วย ไหนจะเรื่องที่ทั้งจิณณะและพิทักษ์ต่างเป็นชายซึ่งขัดกับคตินิยมของสังคมอีก โดยรวมแล้วการอยู่เฉยและทำเป็นมองข้ามจึงกลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสายตาของโกศลและจรรยา


แต่...ในสายตาจารีตแล้ว การอยู่เฉยไม่ต่างกับการซ้ำเติม


“พี่ชุน ผมควรทำไงดี”


ชเยนตร์เองก็คิดหนัก ลองว่าผู้ใหญ่ในบ้านต่างพากันวางเฉยแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยจิณณะให้เผชิญกับคลื่นลมแห่งความรู้สึกเพียงลำพัง


...แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น จะเรียกว่าครอบครัวได้อย่างไร…


อาม่าสอนเสมอ เป็นพี่น้องต้องรักกัน เป็นพี่น้องต้องช่วยเหลือกัน แม้ว่าชเยนตร์และสองพี่น้องจิณณะ จารีตจะมีเลือดครึ่งหนึ่งไม่เหมือนกัน แต่เราก็เป็นพี่น้องกัน


...แต่...จะช่วยอย่างไรดี…


โกศลและจรรยาไม่ขยับตัว ญาติคนอื่นๆต่อให้อยากช่วยเหลือก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ต้องเข้าใจว่าความช่วยเหลือจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องอาศัยบารมีของคนช่วยที่มีต่อคนถูกช่วย แล้วบารมีของใครจะมีมากเพียงพอที่จะทำให้โกศลและจรรยายอมเปิดทางอย่างว่าง่าย บารมีของใครที่พอจะมีผลต่อครอบครัวของพิทักษ์ และบารมีของใคร...ที่จะก้าวพ้นกำแพงของจิณณะ


...คุณกอบกุล…


ชื่อของหญิงชราปรากฏขึ้นในใจของชเยนตร์ จริงอยู่ว่าหล่อนเป็นไม้เบื่อไม้เมาของจิณณะมาแต่ไหนแต่ไร แต่สิ่งที่เขารับรู้จากมารดาคือแม้ว่าคุณกอบกุลจะเคยประกาศกร้าวไม่ให้จิณณะกลับเข้ามาในคฤหาสน์วงศ์กีรติอีก แต่หล่อนกลับส่งคนตามดูแลหลานชายทันทีที่กังวลเรื่องความปลอดภัย วันที่เกิดเรื่อง คุณกอบกุลก็รีบบุกไปที่โรงพยาบาล แม้จะเป็นคนตระหนี่แต่ก็ออกปากรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของพิทักษ์ทั้งหมด พอจิณณะลาออกจากราชการกลับมาทำงานธุรกิจของที่บ้าน ทั้งๆที่เป็นคนปากร้ายแต่หล่อนก็ไม่เคยขุดคุ้ยวาจาโอหังที่ขอออกจากตระกูลขึ้นมาซ้ำเติมอีก


เรื่องเหล่านี้ หากไม่ใช่ว่าทำเพื่อหลานชายนอกคอกที่ชื่อจิณณะ ก็ไม่รู้ว่าคุณกอบกุลจะทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่ได้อะไรตอบแทนเป็นชิ้นเป็นอัน


แต่...ก็อย่างที่รู้กันดีว่าแม้คุณกอบกุลจะมีความปรารถนาดีต่อหลานชายที่หล่อนทำท่าชิงชังนักหนา แต่ทั้งย่าทั้งหลานก็ไม่ใช่คนพูดจาดีต่อกันเสียเท่าไร บารมีของหล่อนอาจจะก้าวพ้นกำแพงของจิณณะก็จริง แต่เกรงว่าจะยิ่งทำให้คนหดหัวอยู่แต่ในกระดองยิ่งหดหนักกว่าเดิม


‘แกเคยคุยกับคุณยายรึยัง’ ชเยนตร์ถาม เพียงเท่านั้นจารีตก็ถึงกับทำตาเหลือก


“คุยกับคุณย่าเรื่องพี่จิณอ่ะนะ?! หาเรื่องตายให้ผมเหรอพี่!”


ถ้าคุณกอบกุลเป็นตัวช่วยเพียงหนึ่งเดียวของเรื่องนี้ จารีตคิดว่าควรวางเฉยไปพร้อมพ่อแม่จะดีกว่า เพราะเกรงว่าจะยิ่งทำให้จิณณะดิ่งหนักกว่าเดิม


ชเยนตร์ถอนหายใจพลางพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม้คุณกอบกุลจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ผลกระทบอาจมาแรงแซงโค้งกว่าประโยชน์ที่จะได้รับ


“พี่ชุนไม่มีคนอื่นแล้วเหรอ อาม่าพี่ชุนได้ไหมล่ะ”


‘อาม่าจะมาช่วยพูดอะไรวะ’


จารีตได้แต่เงียบ คิดไม่ออกว่าจะมีใครที่จะพอช่วยเหลือคนสองคนให้หันกลับมาพบหน้ากันอีกสักครั้ง และต้องเป็นอีกสักครั้งที่พี่ชายของเขาจะไม่พูดจาตรงข้ามกับการกระทำ


“หรือเราจะช่วยพี่จิณไม่ได้แล้วจริงๆ...” คนเป็นน้องได้แต่ครวญหน้าเศร้า


ชเยนตร์มองผ่านจอจากอีกฝั่งซีกโลกแล้วก็ได้แต่เม้มปาก เทคโนโลยีทำให้คนห่างกันคนละเขตเวลาสามารถปรึกษาหารือและรับรู้ความทุกข์ของกันและกันได้ แต่น่าเศร้าที่เทคโนโลยีไม่อาจทำให้คนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กันสามารถทำความเข้าใจกันได้เลย


จารีตไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรต่ออีกแล้ว แม้แต่ญาติที่ดูท่าจะฉลาดที่สุดในรุ่นหลานอย่างชเยนตร์ก็ยังหมดปัญญา เขาก็ได้แต่บอกลา หน้าจอจากฝั่งประเทศไทยถูกตัดภาพไปเรียบร้อย แต่ว่าที่ดอกเตอร์ผู้ทิ้งกองเอกสารไว้เบื้องหลังยังคงนั่งที่เดิมอยู่ที่หน้าโน้ตบุ้คของตัวเองเช่นนั้น


ในตระกูลวงศ์กีรติ คนที่มีบารมีมากพอจะทำให้บิดามารดาของจิณณะยอมเปิดทางสะดวกให้ลูกชายก็คงมีแต่คุณกอบกุล


ในแวดวงธุรกิจ คนที่มีบารมีมากพอจะทำให้ตระกูลของพิทักษ์ยอมโอนอ่อนผ่อนตามมีมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคุณกอบกุล


ในเมื่อคุณกอบกุลเป็นหมากเดียวในการแก้ปัญหานี้ หนำซ้ำยังเป็นคนใกล้ตัวที่อาจจะพูดยากไปบ้าง แต่ความหวังดีของหล่อนที่มีต่อจิณณะก็ล้นเหลือ


...เอาวะ! ลองดูสักทีก็ไม่เสียหาย…


ชเยนตร์ตัดสินใจติดต่อไปหาผู้อาวุโสที่สุดในตระกูลวงศ์กีรติทันที ไม่นานเกินรอ ภาพหญิงชราก็ปรากฏบนหน้าจอด้วยแววตาฉงน หลานยายเพียงคนเดียวในบรรดาหลานทั้ง 5 ยกมือไหว้อย่างรู้มารยาท แม้จะไม่ได้เจอกันต่อหน้าก็ตาม


‘ว่างหรือชุน’


“นิดหน่อยครับ เอ้อ...อยู่ดีๆก็คิดถึงข้าวต้มมัดฝีมือคุณยาย เลยอยากคุยด้วย” ว่ากันว่ามนุษย์เราใช้เรื่องปากท้องเป็นมากกว่าเรื่องปากท้อง คิดอะไรไม่ออกก็อ้างปากท้องไว้ก่อน หาเหตุผลชวนคุยไม่ได้ก็อ้างปากท้องไว้ก่อน คราวนี้ชเยนตร์ก็เช่นกัน


คุณกอบกุลหัวเราะเบาๆ ‘ยายจะส่งไปให้ก็กลัวบูดน่ะสิ’


“คุณยายว่างเมื่อไร มาทำให้ผมทานที่นี่ได้ไหมครับ อาจจะอร่อยพอๆกับที่คุณยายทำให้ผมกินที่เมืองไทยก็ได้นะ”


‘ได้ แต่คงต้องพ้นช่วงนี้ไปก่อน นี่สัปดาห์หน้าต้องไปงานของแซ่ตั้งด้วย’ พูดถึงแซ่ตั้งขึ้นมา หลานชายของคุณกอบกุลผู้ใช้นามสกุลอื่นที่ไม่ใช่วงศ์กีรติก็ถึงกับเลิ่กคิ้ว แม้ชเยนตร์จะเป็นหนึ่งในแซ่ตั้ง แต่เขาก็ไม่ได้รับรู้ทุกเรื่องของทุกสายธุรกิจของตระกูล เป็นฝ่ายคุณกอบกุลเสียอีกที่รู้ดีกว่า


“งานอะไรหรือครับ”


‘คุณประชาเปิดโรงพยาบาลใหม่’


“อ้อ...งานของอาเจ็ด คุณยายไปเองหรือครับ” แม้ว่าเมื่ออยู่ในตระกูลตั้ง จะนับลำดับญาติด้วยภาษาจีน แต่เมื่อกลับมาทางฝั่งวงศ์กีรติ ชเยนตร์ก็พลิกเป็นคำไทยอย่างรวดเร็ว จาก ‘โซ้ยเจ็ก’ จึงกลายเป็น ‘อาเจ็ด’ ไม่ขัดหูเคืองตาคุณกอบกุลซึ่งเป็นคนไทยแท้ หนำซ้ำยังเรียกความเอ็นดูเพราะรู้ว่าเขาใช้คำไทยก็เพื่อเอาอกเอาใจหล่อน


ชเยนตร์รู้ว่าคุณกอบกุลชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เรื่องที่ไม่ชอบก็ไม่ทำ หรือถึงทำก็ทำในพื้นที่พ้นหูพ้นตาหล่อน ส่วนที่หล่อนชอบ หากทำได้ เขาจะทำเป็นอันดับแรก ไม่ใช่เพราะต้องการให้หล่อนรักใคร่มากกว่าหลานคนอื่น แต่เพราะอยากรักษาความสัมพันธ์อันดีเอาไว้


   ‘คุณกิมมาเชิญเอง ไม่ไปก็น่าเกลียด’


   “ถ้าอย่างนั้น ผมฝากคุณยายเป็นตัวแทนผมด้วยนะครับ” ชเยนตร์พูดพลางยิ้ม แม้เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของแซ่ตั้ง แต่ยามอยู่กับคุณกอบกุล เขาก็ไม่แสดงตัวว่าอยู่กับอีกฝั่งมากกว่า หนำซ้ำยังยกให้คุณกอบกุลเป็นตัวแทนตนเองด้วย 


หญิงชราหัวเราะเบาๆ ท่าทางอารมณ์ดีของหล่อนทำให้ชเยนตร์พอจะเห็นลู่ทางที่จะพาคุยเรื่องที่เขาอยากพูด


“แล้ว...ช่วงนี้คุณยายเป็นยังไงบ้าง ผมได้ยินว่า...จิณกลับมาช่วยงาน...” รอยยิ้มของคุณกอบกุลจางลงเล็กน้อย ดวงตามีประกายบางอย่างราวกับรู้ทัน ชเยนตร์ไม่ได้ว่างพอดีจึงติดต่อมาหาหล่อน แต่เขามีเรื่องอยากพูด และเวลานี้เขากำลังพาเข้าประเด็นเรื่องที่อยากพูดกับหล่อนแล้ว


หญิงชราเอนหลังพิงพนัก ดวงตายังจับจ้องผ่านหน้าจอมายังหลานชาย แม้จะอยู่กันคนละซีกโลก แต่ก็ทำเอาชเยนตร์ร้อนๆหนาวๆราวกับหล่อนมานั่งอยู่ตรงหน้า


“อ...เอ่อ...ผม...ผม...ได้ยินมาจากแม่ ว่าจิณลาออกจากราชการ กลับมาทำงานที่บริษัท...”


‘พูดเรื่องที่อยากพูดมาเถอะ ชุนจะได้ไม่เสียเวลา’ ไม่แน่ใจนักว่านี่คือการตัดรำคาญที่จะพูดถึงหลานนอกคอกอย่างจิณณะหรือไม่ แต่ชเยนตร์จะถือเอาว่าเป็นคำอนุญาตก็แล้วกัน


“จิณ...อาการไม่ค่อยดีหรือครับ”


‘เท่าที่เห็นก็สบายดี’


ชเยนตร์มีท่าทีไม่สบายใจ แม้แต่คนที่มองจากอีกฝั่งของคอมพิวเตอร์ก็ดูออก สายตาคนแก่มากประสบการณ์นั้นมองไม่พลาด หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบราวไม่ทุกข์ร้อน


‘ชุนไม่ต้องห่วงไปหรอก มันไม่ตายเพราะเรื่องแค่นี้’


คุณกอบกุลมองเห็นตัวเองในหลานชายนอกคอกรายนั้น คนประเภทนี้ จะดิ้นรนจนหยดสุดท้าย หากไม่เพราะทะเยอะทะยาน ก็เพราะแรงขับทางด้านลบที่แข็งแกร่งอย่างความอาฆาต


“แต่จิณ...รักคนนี้มากไม่ใช่หรือครับ” ชเยนตร์เองก็ไม่คิดว่าญาติผู้น้องคนนี้จะฝังความรู้สึกกับพิทักษ์มากถึงเพียงนี้ สิ่งที่เขาได้ยินมาจากมารดาและจากจารีต ล้วนบอกให้รู้ว่าจิณณะทุ่มเทเพื่อพิทักษ์แค่ไหน แม้เหตุผลบังหน้าจะเป็นการแก้แค้นให้ตัวเองก็ตาม


‘วันนี้รัก อีกไม่นานก็เลิกรัก’ 


ผู้สูงวัยผ่านช่วงเวลาแห่งหนุ่มสาว ผ่านความรักใคร่และปลดปลง ประสบการณ์สอนให้รู้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ยั่งยืน วันนี้รัก พรุ่งนี้เลิกรัก วันต่อไปพบรักใหม่ วันดีคืนดีอาจถูกทิ้งเพราะคนรักไปพบคนใหม่ที่ถูกใจกว่า หรือมิเช่นนั้นก็ถูกพลัดพรากด้วยความตาย เรื่องเหล่านี้ควบคุมไม่ได้ คุมใจตัวเองว่ายากแล้ว คุมใจคนรักของตัวเองยากยิ่งกว่า คุมโชคชะตานั้นยากที่สุด สู้เงินทองก็ไม่ได้ ควบคุมได้ หาใหม่มาทับถมให้งอกเงยก็ได้ หากมีใครมาควักออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จะตามจองล้างจองผลาญก็ยังสมเหตุสมผล


ความคิดของคุณกอบกุลนั้นเป็นความจริงในโลก ชเยนตร์เข้าใจดี แต่จะให้ยอมรับการแยกจากของจิณณะและพิทักษ์ทั้งๆที่รับรู้ความรู้สึกของทั้งสองคน ก็ทำใจได้ยากเหลือเกิน


“แต่...ก็น่าจะให้พวกเขาเลิกรักกันก่อน ไม่ใช่แยกกันทั้งๆที่รักกัน...”


หญิงชรานิ่งงัน


...แยก...ทั้งๆที่รักกัน...


ครั้งหนึ่งในชีวิตของคุณกอบกุล พานพบเหตุการณ์เช่นนี้ มันเกิดขึ้นเมื่อนานมากแล้ว นานเสียจนวันเวลากลบความรู้สึกในวันนั้นจนมิด กระทั่งวันนี้...คำพูดของชเยนตร์ทำให้หล่อนถูกดึงกลับไปวันนั้นอีกครั้ง


วันที่สามีถูกพรากไปด้วยโรคร้าย ปราศจากคำบอกลา ปราศจากระยะเวลาทำใจ


จากครอบครัวเล็กๆ สองสามีภรรยาและบุตรธิดาอีก 3 คน ที่พยายามสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งของตนเองเพราะไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของตระกูลฝั่งคุณกอบกุลและสามี แม้กระทั่งนามสกุล ‘วงศ์กีรติ’ ก็ยังเป็นนามสกุลที่สองสามีภรรยาตั้งขึ้นใหม่ ครอบครัวที่เริ่มจากศูนย์ อาชีพสุจริตที่ไม่มีแม้แต่เส้นสายสักเสี้ยวมาเกื้อหนุน อาศัยเพียงแรงมุมานะอุตสาหะ ทว่า...โลกนี้ไม่ต้องการความขยันขันแข็ง ไม่ต้องการความดีความงาม ไม่ต้องการความสุจริตยุติธรรม


ในวันที่เงินทองยังมีไม่มากพอ ในวันที่รอบตัวไม่มีใครพอจะหยิบยื่นความช่วยเหลือ โรคร้ายพรากชีวิตสามีไปจากคุณกอบกุล


...เราจากกัน...ทั้งๆที่ยังรัก...


นับจากวันนั้น กอบกุล  วงศ์กีรติฝังความรู้สึกลงลึกสุดใจแล้วฮึดสู้อุปสรรครอบตัว จากเงินต่อยอดเป็นทอง จากทองสะสมจนท่วมท้นเป็นกองทอง ไขว่คว้าทั้งชื่อเสียง บารมี และเส้นสาย แม้วันนี้ทุกอย่างจะพรั่งพร้อม แต่ก็ไม่อาจพาสามีของหล่อนกลับมาได้อีกแล้ว


หล่อนเสียเขาในไปในวันที่รัก...จนกระทั่งวันนี้ก็ยังรัก...


“คุณยาย...” ชเยนตร์เรียกเสียงแผ่ว รู้สึกเหมือนเห็นประกายวาวของหยาดน้ำในดวงตาของหญิงชรา ทว่าเมื่อคุณกอบกุลได้สติ หยาดน้ำที่คลออยู่นั้นก็ราวกับถูกดึงหายกลับลงไป


‘ชุนมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม’


“เอ่อ...ครับ...”


‘ยายต้องดูเอกสารต่ออีกหน่อย ชุนไปอ่านหนังสือได้แล้ว’ หลานชายทำได้เพียงพยักหน้า แต่เมื่อหญิงชรากำลังจะกดปิดสัญญาน ชเยนตร์ก็รีบเรียกเอาไว้ด้วยความค้างคาใจ


“คุณยายครับ...”


“...ช่วยจิณสักครั้งเถอะครับ”


คุณกอบกุลนิ่งไปเล็กน้อย หล่อนไม่ตอบอะไร จนกระทั่งสัญญานติดต่อถูกตัดไป ว่าที่ดอกเตอร์หนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง

.................................   
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 25-04-2019 22:23:53
   

สภาพของจิณณะเป็นที่รับรู้ของคนในครอบครัว แต่ก็ไม่มีใครปริปากอะไรมากนัก ส่วนใหญ่เป็นการถามไถ่แนะนำอย่างอ้อมๆ เช่น ทานข้าวให้มากหน่อย ทำงานให้น้อยลงหน่อย แต่ทั้งหมดล้วนไม่มีใครกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมาเลย


เหตุหนึ่งคือเรื่องนี้กระทบกับคนหลายฝ่ายและหลายรูปแบบความสัมพันธ์ จิณณะและจิดาภาไม่พบหน้ากันอีก จรรยาและจิดาภาที่เป็นพี่น้องกันก็ไม่ติดต่อกันเลยนับตั้งแต่เกิดเรื่อง จรรยาไม่ได้โกรธน้องสาว หนำซ้ำยังไม่กล้าสู้หน้าด้วยเพราะฝั่งตนปิดบังความจริง ซึ่งดูแล้วคล้ายหลอกใช้พิทักษ์จนเขาต้องเจ็บตัว


เหตุสองคือจิณณะเป็นหลานชายไม้เบื่อไม้เมาของคุณกอบกุล ต่อให้ทุกคนจะรู้ว่าเขากลับมาทำงานในธุรกิจของวงศ์กีรติแล้ว แต่ก็ไม่มีใครอยากใกล้ชิดเขามากนักเพราะไม่รู้ว่าจะสร้างความขุ่นเคืองให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลหรือไม่


   โดยรวมแล้ว ก็เลยไม่มีใครยุ่งกับจิณณะเกินความจำเป็น แต่โกศลและจรรยา จะให้วางเฉยกับสภาพลูกชายก็เห็นจะใจแข็งเกินไป


   “จิณ...มาทานข้าวก่อน วันนี้แม่ทำข้าวต้มกุ้ง เห็นเมื่อวานจิณบอกว่าอยากทานข้าวต้มไม่ใช่หรือ” จรรยาออกปากชวนเมื่อเห็นลูกชายลงมาจากห้องนอน จิณณะกำลังจะออกไปทำงาน แม้ตอนนี้จะเพิ่งเจ็ดโมงครึ่งก็ตาม


   นับตั้งแต่ออกจากราชการมาทำงานในธุรกิจของครอบครัว ไม่มีวันไหนเลยที่จิณณะจะเข้างานสาย เขาเริ่มงานแต่เช้า เลิกงานตรงเวลา แล้วไปทำธุระต่อ ธุระของเขาไม่ใช่เรื่องอื่นใด นอกจากคดีความ สิ่งที่พอจะบรรเทาความเป็นห่วงอยู่บ้างก็ตรงที่โกศลมาเล่าเรื่องที่จิณณะรับคนมาเป็นเลขานุการส่วนตัวควบตำแหน่งดูแลความปลอดภัย ซึ่งเป็นคนของคุณเทียม


   ในเมื่อหล่อนไม่เคยคัดค้านเขาได้แต่ไหนแต่ไรมา การที่เขารู้จักปกป้องตัวเองเช่นนี้ ก็พอจะเป็นทางเลือกเดียวที่สร้างความสบายใจ


   จิณณะเดินเข้าห้องรับประทานอาหารอย่างว่าง่าย แม้จะดูนิ่งสงบกับเรื่องรอบตัว แต่ชายหนุ่มก็รับรู้ความห่วงใยของบิดามารดา 


โกศลและจรรยาเป็นบุพการีผู้สนับสนุนเขาตลอดมา แม้หลายเรื่องจะไม่เห็นด้วย แต่ก็พยายามเกื้อหนุนเขาเท่าที่พอจะทำได้ เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการทำข้าวต้มเพราะได้ยินเขาพูดว่าอยากทานตอนดูโฆษณาเมื่อวาน สร้างความอบอุ่นใจเล็กๆให้ชายหนุ่ม


   ต่อให้โลกข้างนอกจะเป็นเช่นไร ต่อให้ชะตาชีวิตจะตกต่ำเพียงใด แต่บ้านหลังนี้คือแหล่งพลังงาน...เป็นแหล่งเดียวที่เขาเหลืออยู่ในเวลานี้


   ชายหนุ่มตักข้าวต้มเข้าปาก ก่อนจะหันไปยิ้มจางให้มารดา


   “อร่อย...” คนเราจะรับรู้ความสำคัญของอะไรสักอย่างก็ต่อเมื่อประสบปัญหา เวลานี้จิณณะดำเนินชีวิตด้วยความอาฆาต ช่วงเวลาเดียวที่ในลมหายใจมีความรู้สึกอื่นเจือปนก็มีแค่ตอนที่อยู่ในบ้านหลังนี้ อยู่กับครอบครัวนี้ มีพ่อ มีแม่ มีน้องชาย และเขาเป็นเพียงพี่ชายคนโต


   ไม่ใช่จิณณะ วงศ์กีรติซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องไพศาลในคดีจ้างวานและต้องการให้ศาลพิพากษาประหารชีวิตสถานเดียว แต่เป็น ‘จิณ’ ของบุพการี และเป็น ‘พี่จิณ’ ของน้องชาย


   “อร่อยก็ทานเยอะๆ แม่เจียวกระเทียมเองด้วยนะ” จรรยาไม่รู้จะช่วยลูกชายได้อย่างไร สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ หล่อนพอทำได้จึงไม่เกี่ยงงอน อย่างน้อยก็เพื่อให้เขารู้ โลกนี้ไม่ได้เหลือแค่เขา...แต่ยังมีหล่อน มีโกศล มีจารีต


   ...เราคือครอบครัวเดียวกัน...


   โทรทัศน์ในห้องรับประทานอาหาร จากรายการข่าวเช้าตัดเข้าสู่ช่วงโฆษณา เสียงทำนองเพลงสนุกสนานพร้อมกับฉากบ้านเรือนแบบต่างจังหวัดปรากฏขึ้นตอนที่จิณณะหันไปมองพอดี เขาชะงักอยู่อย่างนั้นเมื่อภาพตัดไปยังดาราหนุ่มสวมชุดข้าราชการก้าวเท้าลงจากรถกระบะโฟร์วีลคันโตที่หน้าบ้านพักข้าราชการเก่าๆ แล้วภาพก็ตัดสลับไปยังหน้าตัวประกอบที่สวมบทชาวบ้านทำหน้าตกใจ


   ‘ปลัดอำเภอภูผาทองคนใหม่มาจากกรุงเทพฯ!’


   ‘คนจากกรุงเทพฯจะมาเป็นปลัดที่นี่เรอะ?!’


   ‘ตายแน่ๆ ปลัดใหม่ตายแน่ๆ’


   แล้วภาพก็ตัดอีกครั้งไปยังดาราสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่มารับบทนางเอกของเรื่อง แต่ทำท่าขเม่นอย่างทโมนขัดกับหน้าตาแสนน่ารักของหล่อนอย่างสิ้นเชิง


   ‘คนจากกรุงเทพฯเรอะ?! อย่างงี้มันต้องเจอไอ้กุหลาบ ลูกกำนันหนามอย่างฉัน!’ ปิดท้ายโฆษณาละครเรื่องใหม่ของช่องด้วยการตัดภาพพระเอกปลัดอำเภอในชุดข้าราชการสีกากียืนประจัญหน้ากับนางเอกลูกสาวกำนัน พร้อมกับชื่อละครเป็นตัวอักษรโย้เย้ปรากฏข้างล่าง ‘ปลัดลาภ กับ นางสาวกุหลาบหนามแหลม’


   ก่อนจะมีเสียงนางเอกแทรกเข้ามาในภาพสุดท้ายอย่างแสนน่าหยิก


   ‘อะไรนะ?! ปลัดชื่อลาภ? ลาบหมูไม่เผ็ดไม่ใส่ผักน่ะสิ!! อาหารเด็กอนุบาลชัดๆ!!’


   ละครโรแมนติกคอมมาดี้ พล๊อตข้าราชการหนุ่มจากเมืองหลวงและสาวทโมนต่างจังหวัดที่มีดีกรีเป็นลูกสาวกำนัน ช่างเป็นสูตรสำเร็จที่ถูกอกถูกใจคอละครมายาวนาน


   จิณณะไม่ใช่คอละคร แต่ถึงอย่างนั้นโฆษณาตัวนี้กลับดึงความสนใจเขาเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด


   ทว่า...ไม่ใช่การดึงความสนใจด้วยพล๊อตละคร ดาราหนุ่มหล่อสาวสวย หรือแม้แต่เคมีระหว่างพระเอกนางเอกเลยสักนิด ความสนใจของจิณณะกลับตกอยู่ที่ชุดเครื่องแบบสีกากีบนร่างสูงใหญ่ของพระเอกหนุ่ม


ดวงตาจับจ้องเครื่องแบบที่ครั้งหนึ่งเขาเคยสวมใส่ แม้ในละครจะใช้บั้ง แถบ และเครื่องหมายผิดเนื่องจากกฎหมายไม่อนุญาตให้พลเรือนสวมเครื่องแบบราชการ แต่ถึงอย่างนั้นสีของเครื่องแบบก็ทำให้จิณณะหวนคิดถึงช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตที่เขาได้สวมชุดนี้


ยามนั้น...บ่นแล้วบ่นอีกว่าทั้งร้อน ทั้งอึดอัด แต่เวลานี้...ที่ไม่มีสิทธิ์จะใส่แล้ว กลับ...คิดถึง


คิดถึงชุดข้าราชการ คิดถึงหน้าที่การงาน คิดไปถึง...วันที่เกิดเรื่อง


วันนั้นเขาก็สวมชุดข้าราชการสีกากี


จิณณะยกยิ้มเย้ยหยันตัวเอง...พิทักษ์เป็นประชาชนแท้ๆ แต่กลับรับกระสุนแทนเจ้าหน้าที่ภาครัฐ…


“จิณ...” เสียงเรียกดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังจมอยู่กับภวังค์สะดุ้งหันมอง จรรยานั่งมองเขาอยู่ด้วยสายตาห่วงใย ลูกชายคนโตที่ไม่เคยปริปากเรื่องความยากลำบากในชีวิตให้บุพการีฟัง แม้ในเวลานี้ความเครียดและกดดันจะทับถมจนแทบหายใจไม่ออกแล้วก็ตาม แต่ก็ยังแสร้งยิ้มออกมาเหมือนไม่มีอะไร


“เรื่องนี้...น่าสนุกนะครับ”


“อายุยังไม่เกินไม่ใช่หรือ จะกลับไปสอบรับราชการอีกก็ได้นะ” ทว่าสิ่งที่มารดาพูดออกมากลับไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่จิณณะพยายามสร้างบทสนทนาเลยแม้แต่น้อย


อดีตข้าราชการที่ยอมลาออกจากตำแหน่งหน้าที่การงานเพื่อจัดการปัญหาคาราคาซังให้เรียบร้อย วันนี้ทุกอย่างกำลังเดินไปในทิศทางที่เขาต้องการแล้ว หากจะกลับไปสอบเข้ารับราชการอีกครั้งก็คงไม่มีปัญหาอะไร เสียแต่...จิณณะไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว


เมื่อออกมาแล้ว ก็ไม่คิดจะกลับไปเส้นทางเดิมอีก


เมื่อจากมาแล้ว ก็ไม่คิดจะวนกลับไปอีก


“เรื่องบางเรื่อง มันก็เลยจุดที่จะกลับไปแล้วนะแม่” ใบหน้าของลูกชายที่มักมีรอยยิ้มอยู่เสมอ ทว่านับตั้งแต่เกิดเรื่อง เขากลับยิ้มยากขึ้นเรื่อยๆ ยิ้มน้อยลงเรื่อยๆ และสีหน้าของเขา...ดูไม่มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ


“รวมทั้งเรื่องของทิศด้วยหรือ”


คำถามของมารดาทำให้จิณณะนิ่งงัน ตาตกลงมองข้าวต้มในถ้วยแล้วใช้ช้อนคนช้าๆ ราวกับพยายามควบคุมอารมณ์และกดเก็บความรู้สึกลงไปในอก เกือบนาทีเต็มๆ ก่อนจะสั่งให้ตนเองยกยิ้มเท่าที่จะทำได้แล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง


“เรื่อง…นั้น มันไม่มีอะไรตั้งแต่แรกแล้ว”


มันไม่ควรมีอะไรตั้งแต่แรก ไม่ควรรู้สึกเกินเลยตั้งแต่แรก แต่...ผิดที่เขาเอง ผิดที่เขาเลือกพิทักษ์เข้ามาในชีวิต ผิดที่เขาดึงรั้งพิทักษ์เอาไว้ ผิดที่เขา...


จากนี้ไป จะไม่ให้ตัวเองเป็นต้นเหตุความวับัติใดๆในชีวิตพิทักษ์อีกแล้ว


“ผม...อิ่มแล้ว ขอบคุณนะครับแม่ ข้าวต้มอร่อยมาก ผมไปทำงานก่อนนะ” ลูกชายคนโตเอ่ยปาก ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ ตอนที่เดินออกจากห้องรับประทานอาหารและคิดว่าพ้นจากการรับรู้ของมารดาแล้ว ต่อให้จะพยายามยิ้มแย้มแค่ไหน แต่สุดท้ายความรู้สึกในใจก็ยังแตกหน่อแห่งความทรมานอยู่ดี


ชายหนุ่มเผลอถอนหายใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นหญิงชรายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเขา จิณณะรีบปรับสีหน้าเป็นปกติอีกรอบ แต่คนหนุ่มประสบการณ์ไม่มากพอ ต่อให้จะเรียนรู้การเก็บความรู้สึกนึกคิด แต่ภายในเวลาแค่ไม่กี่นาที จะซุกซ่อนทั้งหมดให้พ้นสายตาของคนแก่มากประสบการณ์อย่างคุณกอบกุลก็เห็นจะไม่ได้


“แม่แกไม่อยู่หรือ”


“อยู่ในห้องครับ” จิณณะตอบ เพียงเท่านั้นหญิงชราก็เดินผ่านหลานชายเข้าไปในห้องรับประทานอาหารทันที ชายหนุ่มสงสัยเล็กน้อยที่จู่ๆ คุณกอบกุลก็บุกมาถึงที่นี่ แต่ก็คิดว่าดีแล้วที่หล่อนมาในเวลานี้ อย่างน้อยเบี่ยงเบนความสนใจของจรรยาไปที่เรื่องของหล่อนแทนที่จะมาที่เขา ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกจากบ้าน โดยไม่รู้แม้แต่น้อยว่าธุระอะไรที่ทำให้ผู้เป็นย่าต้องมาที่นี่แต่เช้า


“ฉันอยากจะส่งของไปให้ตาชุนที่อังกฤษ แต่ยัยกชยังไม่กลับจากฮ่องกง เลยต้องมาที่นี่” เรื่องที่เป็นเหตุให้คุณกอบกุลมาที่นี่ ทำเอาลูกสะใภ้ออกจะงุนงงเล็กน้อย แต่ฟังเหตุผลของผู้เป็นแม่สามีแล้วก็พอจะกล้อมแกล้มอยู่บ้าง ตรงที่กชกรผู้เป็นมารดาชองชเยนตร์ไปทำงานที่ฮ่องกงยังไม่กลับ เลยต้องมาวานหล่อนแทน


“ได้ค่ะคุณแม่” จรรยาเป็นลูกสะใภ้แสนว่าง่าย ธุระของผู้เป็นแม่สามีจึงหมดลงเท่านั้น แต่...คุณกอบกุลยังไม่กลับ และตั้งคำถามขึ้นมาใหม่


“แล้วลูกของเธอเป็นอย่างไรบ้าง”


จรรยามีลูกสองคน คือจิณณะ และจารีต ลูกคนเล็กอย่างจารีตกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไป มีสุขเศร้าเครียดเหนื่อยตามประสานิสิตนักศึกษา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่นับว่าทรหดอะไรมากนัก กลับกันกับจิณณะ ลูกคนนี้กำลังทำงาน แม้จะไม่จำเป็นต้องปากกัดตีนถีบสร้างเนื้อสร้างตัวหรือมีหนี้สินรุงรัง แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญคือความรู้สึกที่ตกค้างอยู่ในใจตนเอง


คนเป็นแม่...มีหรือจะดูไม่ออกว่าลูกของตนเองรู้สึกเช่นไร ในเมื่อเหตุการณ์หน้าห้องฉุกเฉินในวันนั้นหล่อนก็อยู่ด้วย จิณณะยอมรับปากกับจิดาภาว่าจะไม่สร้างความลำบากให้พิทักษ์อีก แต่นับแต่นั้น ชีวิตของเขาก็ไม่พบความสบายอกสบายใจอีกเลย


“ก็...วันหนึ่ง ทุกอย่างคงดีขึ้น...”


คุณกอบกุลขมวดคิ้วฉับ จรรยาเป็นเสียแบบนี้ ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าลงมือทำอะไรสักอย่าง เวลาเป็นยาชั้นดีในการสมานแผลอันเกิดจากความรู้สึกก็จริง แต่สำหรับคนใจร้อนมุทะลุอย่างคุณกอบกุลนั้น บางครั้ง...เวลาก็ออกฤทธิ์ช้าเหลือเกิน


...ใครจะมานั่งรอ นอนรอให้เวลาเยียวยาก็ทำเถอะ แต่ไม่ใช่คนอย่างกอบกุล  วงศ์กีรติแน่!...


“แล้วงานเย็นนี้ ตาโกไปไหม” จรรยางุนงงเล็กน้อยที่จู่ๆแม่สามีก็ถามถึงโกศลและงานเลี้ยงเย็นนี้ของคนในตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์


ครั้งหนึ่งแซ่ตั้งและวงศ์กีรติเคยเกี่ยวสัมพันธ์กันด้วยการแต่งงานระหว่างลูกสาวของคุณกอบกุลและลูกชายของคุณกิม แม้ภายหลังหย่าขาดจากกันก็ยังมีชเยนตร์เป็นตัวเชื่อม อีกทั้งคุณกอบกุลเองก็ไม่ได้เก็บเอาความแตกหักของชีวิตคู่บุตรสาวมาเป็นปัญหาในใจ จึงยังคบค้าสมาคมกับครอบครัวของอดีตลูกเขยได้อย่างดี หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือฝั่งตระกูลอดีตลูกเขยนั้นร่ำรวยด้วยเงินทองและเส้นสายคอนเนคชั่น ไม่มีเหตุผลใดฟังขึ้นไปมากกว่านั้น


“ไปค่ะ”


การที่วงศ์กีรติจะไปร่วมงานก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ ทั้งในฐานะมิตรคู่ค้าและตระกูลที่เกี่ยวดองกันผ่านทางหลานชายอย่างชเยนตร์ ทว่า...งานนี้คุณกอบกุลมีนอกมีใน


“บอกตาโกว่าไม่ต้องไป จัดการเรื่องที่จะดีลกับทางเกาหลีให้เรียบร้อย ส่วนงานเลี้ยงคืนนี้ให้จิณณะไปแทน”


“จิณหรือคะ?”


“ใช่สิ มันโตจะตายอยู่แล้ว จะให้อยู่แต่ในบริษัทรึไง!”


“แต่...จิณจะไปหรือคะ รายนั้นไม่ค่อยชอบออกงาน...” เดิมทีจิณณะเป็นคนสนุกสนาน แต่นับตั้งแต่เกิดเรื่องเขาก็หลีกเลี่ยงทุกความสนุกสนานในชีวิต งานเลี้ยงพวกนี้ หากไม่มีความจำเป็นใดๆ เขาก็ไม่โผล่หน้าไป


“ถ้าอย่างนั้นเธอก็บอกให้มันไปกับเธอแทนตาโกสิ! เรื่องแค่นี้ก็ต้องให้ฉันสอนรึ!”


“เอ่อ...ค่ะ” จรรยางุนงง แต่ในเมื่อแม่สามีสั่งมาอย่างนี้หล่อนก็ได้แต่รับคำ


หญิงชราไม่พูดเรื่องหลานชายนอกคอกรายนั้นอีก นอกจากย้ำให้จรรยาส่งคนไปเอาของฝากจากคฤหาสน์หลังแรกสุดเพื่อส่งไปให้ชเยนตร์ และกำชับให้สั่งจิณณะพาจรรยาไปงานเลี้ยงตอนเย็น ก่อนที่หล่อนจะออกจากบ้านไป


ทว่าคุณกอบกุลไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตนเอง แต่สั่งให้เตรียมรถเพื่อไปเยือนบ้านอีกหลังหนึ่ง


พื้นฐานเป็นคนใจร้อน แม้อายุอานามจะมากขึ้นและประสบการณ์สอนให้บางครั้งไตร่ตรองสถานการณ์อย่างรอบคอบ แต่สำหรับบางครั้งอย่างเช่นครั้งนี้...คุณกอบกุลไม่คิดว่าการใจเย็นจะเป็นเรื่องที่ดี เวลาอาจช่วยเยียวยาจิตใจได้ แต่มันจะได้ผลชะงัดและออกฤทธิ์ตรงจุดมากกว่า ถ้าหล่อนลงมือ


จุดหมายปลายทางต่อไปของคุณกอบกุลจึงไม่ใช่ที่ไหนอื่นไกล นอกเสียจากบ้านของทศพรและจิดาภา


………………………….


พี่สาวของจิดาภาเป็นลูกสะใภ้ของคุณกอบกุลก็จริง ทศพรเองก็อยู่ในแวดวงธุรกิจ แม้จะไม่ทันขับเคี่ยวหรือร่วมมือกับคุณกอบกุลในช่วงที่หล่อนยังไฟแรงเป็นงูพิษประดับวงการ แต่ก็รู้จักคุ้นเคย ทว่าความสัมพันธ์แบบดองกันห่างๆและความคุ้นเคยที่มี ไม่ได้มากพอให้คุณกอบกุลต้องมาเยือนที่นี่


ยกเว้นกรณีพิเศษ


จิดาภาไม่เข้าใจนักว่าทำไมจู่ๆแขกผู้มีเกียรติแต่ไม่ได้รับเชิญอย่างคุณกอบกุล  วงศ์กีรติมาหาถึงบ้าน ใจหนึ่งหล่อนคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะมาด้วยเรื่องของจิณณะ แต่...ความสัมพันธ์ระหว่างจิณณะและคุณกอบกุลมีแต่ทรงกับทรุด หล่อนจึงเผื่อใจว่าผู้มาเยือนคงจะมีเรื่องอื่น


“สวัสดีค่ะคุณกอบ”  หญิงชราพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับไหว้ ท่าทีของหล่อนยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยบารมี แม้ว่าจะอยู่ในบ้านของผู้อื่นก็ตามที


จิดาภาเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาอีกตัวหนึ่ง การรับแขกด้วยเจ้าบ้านเพียงคนเดียว ทำให้คุณกอบกุลมีโอกาสถามถึงคนอื่น


“คุณทศพรไม่อยู่หรือ”


“คุณทศออกไปทำงานค่ะ” ระหว่างสตรีต่างวัยสองคนเกิดเป็นความเงียบอึดใจหนึ่ง ดูก็รู้ว่าจิดาภาไม่แน่ใจถึงจุดประสงค์ที่คุณกอบกุลมาที่นี่ ดังนั้นคนที่ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปาก จึงเป็นหญิงชรา


คนอย่างกอบกุล  วงศ์กีรตินั้น บางครั้งก็ใช้คำพูดอ้อมค้อมเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนตน แต่บางครั้งก็ใช้คำพูดเถรตรงเพื่อผลประโยชน์ที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า


และครั้งนี้ หล่อนเลือกการพูดอย่างตรงไปตรงมา


“พิทักษ์เป็นอย่างไรบ้าง” ในฐานะคนออกเงินค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด คุณกอบกุลถือว่าตนเองย่อมมีสิทธิ์รู้ อันที่จริงหล่อนทราบดีว่าชายหนุ่มหายดีแล้ว แต่ถ้าจะถามซ้ำจากมารดาเลี้ยงของพิทักษ์ หล่อนก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดอะไร


“กลับไปทำงานได้แล้วค่ะ” จิดาภาตอบเรียบๆ หากเป็นคนอื่นถามไถ่ถึงพิทักษ์ หล่อนจะบอกเล่ามากกว่านี้ แต่คนที่ถามกลับเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับจิณณะโดยตรง แม้จะตระหนักได้ว่าคนที่เกี่ยวข้องกับจิณณะรายนี้ก็มีความสัมพันธ์ไม่สู้ดีกับจิณณะเอง แต่...ถึงอย่างไรก็เป็นย่าหลานกัน สายเลือดเดียวกันต่อให้จะโกรธเคืองชังน้ำหน้า อย่างไรก็เป็นทายาทสายตรง


“หายดีแล้วก็ดี...” หญิงชราเอ่ย จิดาภาไม่รู้ว่าแขกผู้มีเกียรติคนนี้ต้องการอะไร หล่อนอยากถามอย่างตรงไปตรงมาว่ามาที่นี่ทำไม หรือหากจะถามไถ่เรื่องของพิทักษ์ หล่อนคิดว่าคนอย่างกอบกุล  วงศ์กีรติไม่เห็นจะต้องมาถึงที่นี่เพื่อถามเรื่องแค่นี้เลย


แต่...มารยาทค้ำคอให้จิดาภาอดทน และนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้หญิงชราผู้ใจร้อนมุทะลุ


“...แต่หลานของฉันยังไม่หายดี”


คำว่าหลานของฉัน ทำเอาจิดาภาหันมองคุณกอบกุลทันที สีหน้าของหญิงชราเรียบเฉย ทว่าดวงตาทรงอำนาจยามจับจ้องมาที่หล่อน ราวกับจะบอกว่าที่หลานของคุณกอบกุลยังไม่หายดีเป็นเพราะหล่อน


“คุณกอบหมายถึงอะไรคะ” จิดาภาพยายามตั้งสติ ทำใจดีสู้เสือ


“คุณภาก็น่าจะรู้ว่าฉันหมายถึงหลานคนไหน”


“ถ้าหมายถึงจิณ...เขาไม่ได้เป็นอะไร...” เจ้าของบ้านตอบเรียบ จิณณะที่ไม่เสียเลือดสักหยด จิณณะที่ไม่ต้องประสบเคราะห์กรรมใดๆ เพราะพิทักษ์ปกป้องเขา หล่อนเองไม่ได้ต้องการให้จิณณะประสบเคราะห์กรรมเช่นกัน แต่มันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือ หากหล่อนจะโทษว่าส่วนหนึ่งก็เพราะเขา ถึงทำให้ลูกเลี้ยงของหล่อนต้องเกือบตาย


เสียงหัวเราะดังเบาๆราวกับเย้ยหยัน


“คุณภาพูดง่าย เหมือนเมื่อครู่นี้ที่บอกว่าพิทักษ์หายดีแล้ว...” สีหน้าของคุณกอบกุลเยือกเย็นราวกับขั้วโลก


“...ไม่มีใครหายดีทั้งนั้น! ทั้งพิทักษ์! ทั้งจิณณะ!”


“คุณกอบต้องการอะไร”


พอกันทีกับความอดทนเพื่อมารยาท จิดาภาไม่อยากได้ยินได้ฟังเรื่องของจิณณะอีกแล้ว เขาเป็นหลานของหล่อนก็จริง แต่หากหลานชายแท้ๆทำให้ลูกเลี้ยงที่หล่อนเลี้ยงมาแต่เล็กต้องพบเจอกับเรื่องพรรค์นี้อีก หล่อนก็จะเป็นคนขวางไม่ให้พวกเขาได้พบเจอกันเอง


“คุณภาต่างหากต้องการอะไร ปกป้องพิทักษ์ด้วยวิธีนี้คิดว่าดีที่สุดหรือ เห็นเขากลับไปทำงานได้แล้วก็บอกตัวเองว่าเขาหายแล้วอย่างนั้นหรือ คิดตื้นๆ!”


“ถ้าคุณกอบมาที่นี่เพื่อมาพูดแทนจิณ ดิฉันคงต้องขอตัว” เจ้าของบ้านตัดบท หล่อนเคยเป็นคนรักษามารยาท แต่หากเป็นเรื่องนี้แล้ว จิดาภาก็ไม่คิดจะถือครองมารยาทใดๆเอาไว้อีก


“ฉันไม่ได้พูดแทนใคร แต่พูดในฐานะคนนอก”


“คุณกอบเป็นย่าของจิณ จะเป็นคนนอกได้อย่างไร”


“คุณภาก็คนนอก”


หญิงชราพูดสวนขึ้นมาทำเอาจิดาภาชะงัก


“ฉันขอเตือน อย่าเอาความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ อย่าถือว่าตนเองเป็นคนที่หวังดีกับลูกหลานมากที่สุด อย่าคิดว่าคุณเป็นแม่ เป็นญาติ เป็นคนเลี้ยงดูเขามาแล้วจะสรรหาแต่สิ่งที่ดีให้เขา ทุกอย่างที่คุณเลือกอาจไม่ใช่สักอย่างที่เขาต้องการ แล้วถ้าถึงวันหนึ่งที่เขาทนไม่ไหว เขารับสิ่งที่คุณพยายามให้ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าวันหนึ่งเขาเลือกที่จะไปแล้วไม่กลับมาอีก วันนั้นคุณจะไม่มีทางได้แก้ตัวอะไรอีกเลย!”


คุณกอบกุลเรียนรู้ หล่อนบอกเล่าประสบการณ์ได้ แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าตนเองจะแก่เกินไปที่จะเปลี่ยนตัวเองหรือไม่ ทว่าสำหรับจิดาภานั้นยังสาว หรืออีกนัยหนึ่งคือยังไม่แก่เกินไปที่จะกลับตัวกลับใจ และเรื่องของพิทักษ์กับจิณณะยังคงพอจะเปลี่ยนแปลงได้


หากจะเป็นการสร้างบุญในบั้นปลายชีวิตสักครั้ง งูพิษอย่างกอบกุล  วงศ์กีรติก็จะถือว่านี่คือการฉุดรั้งไม่ให้มีคนเจริญรอยตามหล่อน


“เก็บไปคิดให้ดี แต่อย่าใช้เวลานานนัก เรื่องบางเรื่อง เวลายิ่งทำให้บานปลาย แต่ถ้าคุณภาคิดว่าพิทักษ์หายดีแล้ว จะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ได้ คุณภายังสาว ยังมีเวลาอยู่ดูสภาพลูกชายที่คุณภาเลี้ยงมาได้อีกนาน” หญิงชรายกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น แล้วย้ำชัดราวกับตอกหมุดลงกลางใจคนฟัง


“แต่ฉันขอถามครั้งสุดท้าย...สภาพของพิทักษ์ตอนนี้ ดีสมใจคุณภาใช่ไหม”


เจ้าของบ้านนิ่งงันอยู่ที่เดิม แม้ว่าแขกผู้มีเกียรติจะจากไปแล้ว ในสมองของหล่อนมีเพียงเสียงของคุณกอบกุลดังซ้ำ


‘...สภาพของพิทักษ์ตอนนี้ ดีสมใจคุณภาใช่ไหม’


ร่างของหล่อนสั่นระริก ภายในห้องรับแขกมีเพียงเสียงสะอื้นด้วยความสะเทือนใจของคนเป็นแม่

………………….
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 25-04-2019 22:24:58
งานเลี้ยงเย็นวันนั้นจัดในโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ แม้จะไม่ใช่งานใหญ่โตแต่ก็อุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยนักธุรกิจ นักการเมือง ข้าราชการที่รู้จักมักจี่กับตระกูลตั้งกาญจนพาณิชย์ดี คุณกอบกุลไปร่วมงานด้วยตัวเอง โดยมีจรรยาและจิณณะติดตามไปด้วย


ยามหญิงชราก้าวไปทางไหน ก็ล้วนมีแต่คนรู้จักทั้งสิ้น หล่อนแวะพูดคุยกับคนสนิท เริ่มเรื่องด้วยการทักทาย แต่มักลงท้ายด้วยการประสานประโยชน์ที่คาดหวัง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของงานเลี้ยงเช่นนี้ ข้อตกลงปากเปล่าที่ทรงอำนาจเกิดขึ้นในงานอย่างนี้มากกว่าบนโต๊ะประชุมมาโดยตลอด


จิณณะเองก็พบเจอคนที่เขารู้จักอยู่บ้าง ที่เห็นลิบๆนั่นก็รัฐมนตรีนพพรที่เขาเคยพบที่สนามกอล์ฟของพิทักษ์ และ...ใช่...คนที่ยืนคุยอยู่กับรัฐมนตรีคนนั้นคือพิทักษ์


ชายหนุ่มนิ่งงัน แม้จะรู้ดีว่าเขาและพิทักษ์มีโอกาสพบเจอกันตามงานอย่างนี้ไม่มากก็น้อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอ...เร็วอย่างนี้


เร็วหรือ...กี่เดือนมาแล้วที่เราไม่ได้เจอกันอีก กี่เดือนมาแล้วที่เหมือนตายทั้งเป็น กี่เดือนมาแล้วที่ทำได้เพียงค้นชื่อพิทักษ์จากอินเตอร์เน็ต รับรู้ข่าวสารของพิทักษ์ผ่านทางปากคนอื่น ทำทีเป็นไม่อยากรู้ แต่ตั้งใจฟัง ตั้งใจดู ตั้งใจรับรู้เรื่องของพิทักษ์ตลอดเวลา


ไม่เร็วเลย...แต่ละวันที่ผ่านไป เหมือนอยู่กับร่างกายที่ไร้วิญญาณ ผ่านไปแต่ละวันด้วยงานและคดี ใช้ชีวิตตึงเครียด ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะ ไม่มีแม้แต่คนเตือนสติ จิณณะพบว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ยังยืนได้ ยังใช้ชีวิตได้ ไม่มีพิทักษ์ใช่ว่าจะตาย เพียงแต่...ไม่มีความสุขเท่านั้นเอง


จะอยู่แบบไม่มีความสุขไปได้อีกนานไหมไม่รู้ แต่ที่รู้...พิทักษ์ไม่มีทางกลับมา ไม่มีทางได้ความสุขที่มีพิทักษ์อยู่ด้วยกลับมาอีกแล้ว


“จิณ...” เสียงเรียกจากข้างกายดึงสติจิณณะออกมาจากภวังค์แห่งความเหงาเศร้า จรรยายืนอยู่ข้างเขา สายตาของผู้เป็นแม่เต็มไปด้วยความสงสารและเวทนา จิณณะยกยิ้มเพื่อสร้างความสบายใจให้มารดา


“แม่จะเอาอะไรหรือครับ”


จรรยาพูดไม่ออก หล่อนไม่กล้าพูดว่าเห็นเขาเอาแต่มองพิทักษ์ ทว่าแค่เพียงมองอย่างเดียว ไม่แม้แต่จะเดินเข้าไปหา


จากคนที่ทำอะไรตามความต้องการของตนเอง จิณณะกลายเป็นคนสร้างกำแพงขวางเรื่องของพิทักษ์เอาไว้ แล้วได้แต่ยืนอยู่กับที่ ทำได้เพียงมองเท่านั้นเอง


“แม่จะเข้าไปคุยกับคุณสายใจสักหน่อย จิณมาด้วยกันสิ ยังจำคุณป้าสายใจได้ไหม” จรรยาไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือการดึงความสนใจลูกชายออกมาจากสิ่งที่ทำให้เขาหม่นหมอง จิณณะเพียงยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่คนเป็นแม่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย


“จำได้ครับ” สายใจ  ตั้งกาญจนพาณิชย์เป็นพี่สะใภ้เจ้าของงานเลี้ยงคืนนี้ หากจะไล่เรียงความเป็นญาติกับฝั่งวงศ์กีรติก็ต้องบอกว่าหล่อนไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดแต่อย่างใด เพราะเป็นสะใภ้แซ่ตั้ง ยิ่งหากมานับญาติกับจิณณะด้วยแล้ว เรียกว่าดองอย่างห่างๆถึงห่างมากๆ ผ่านทางชเยนตร์ที่เป็นสายเลือดครึ่งหนึ่งของตั้งกาญจนพาณิชย์เท่านั้นเอง


แต่...ไม่ว่าจะดองห่างๆมากเท่าไร การมีจุดสนใจอย่างการพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ก็ย่อมดีกว่าการยืนอยู่กับที่แล้วกวาดสายตาไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็จบลงที่มองตามแต่พิทักษ์เท่านั้นเอง


นี่ก็ไม่แฟร์…


อยากบอกวรชิตนัก ว่านอกจากเขาจะไม่แฟร์ต่อพิทักษ์แล้ว ร่างกายของเขาก็ไม่แฟร์ต่อหัวใจของเขาเช่นกัน


ไม่แฟร์เลย...สายตาทำอะไรไม่ถามหัวใจเลยสักนิด จะไปมองคนที่ใจพยายามตัดทิ้งอีกทำไม


“จิณ...จิณ...” เสียงเรียกดังขึ้นอีก จิณณะรู้ตัวอีกครั้งก็พบว่าเขายืนยิ้มแต่ปากอยู่ระหว่างมารดาและสตรีวัยกลางคนอย่างสายใจแล้ว ชายหนุ่มอยากตบหน้าตัวเองแรงๆสักที ขนาดพยายามจูงใจตัวเองด้วยการมาพบปะผู้ใหญ่ สุดท้ายก็ดึงความสนใจออกมาจากพิทักษ์ไม่ได้


“ขอโทษครับ...” เขาไม่รู้จะแก้ตัวว่าอย่างไร ดีว่าคู่สนทนาของมารดาไม่ถือสา หนำซ้ำยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแล้วยกมือเรียกบริกรที่ถือถาดเครื่องดื่ม ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ทรงสูงมาส่งให้


“ใจลอยแบบนี้ ต้องดื่มสักแก้วนะ จะได้มีสมาธิ” หล่อนพูดพลางยิ้ม จิณณะได้แต่ยิ้มเฝือพลางรับแก้วมาจิบ แต่พอยกแก้วขึ้นจ่อที่ริมฝีปาก สายตาก็พลันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งถูกเรียกเข้าไปร่วมวงคุยกับพิทักษ์และรัฐมนตรีนพพรอีก แล้วจู่ๆ คำพูดของชายวัยปลายที่เคยออกตัวว่าจะแนะนำผู้หญิงดีๆที่จะทำให้ธุรกิจของพิทักษ์เจริญเติบโตกว่านี้ก็ดังกลับเข้ามาในสมอง


ตอนนั้นจิณณะเข่นเขี้ยว อยากจะกระทุ้งคอหอยตาแก่นั่นสักทีสองที โทษฐานแก่ไม่อยู่ส่วนแก่ คิดจะหาเมียให้พิทักษ์


ส่วนตอนนี้ จิณณะก็ยังได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันที่คนแก่อย่างท่านนพพรไม่อยู่ส่วนแก่ ยังคงคิดจะหาเมียให้พิทักษ์เช่นเดิม


แต่...ตอนนี้กับตอนนั้นต่างกัน


ตอนนี้...พิทักษ์ไม่มีตัวถ่วงอย่างจิณณะ วงศ์กีรติอยู่ข้างกายอีกแล้ว ถ้าจะมีตาแก่อีกสักสิบคนช่วยหาเมียสักยี่สิบคนให้พิทักษ์ จิณณะก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแล้ว


พอคิดได้อย่างนั้น มือที่ยกแก้วขึ้นจ่อปากก็กลายเป็นกระดกแก้วเทเครื่องดื่มเข้าปากไปจนหมด


จรรยาเห็นท่าทางของลูกชายก็ยิ่งเป็นห่วง แต่หล่อนทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพยายามชวนเขาเข้ามาอยู่ในบทสนทนากับสตรีตรงหน้า ทว่าอาจจะเรียกว่าเป็นความพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกที่แท้จริง เมื่อมีคนเข้ามาร่วมวงคุยเพิ่ม ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นภรรยานักธุรกิจรุ่นราวคราวเดียวกัน จิณณะจึงไม่ต่างอะไรแกะดำท่ามกลางหงส์ขาว ชายหนุ่มเพียงคนเดียวย่อมคุยกับกลุ่ม ‘หลังบ้าน’ ไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเขาจึงกระซิบขอตัวจากมารดา โดยบอกว่าจะไปนั่งรอที่มุมห้องด้านหนึ่ง จรรยาเป็นห่วงลูกชายคนโตอยู่หรอก แต่ตรงหน้าก็ยังพูดคุยติดพัน สุดท้ายจึงได้แต่มองตามเห็นเขาหลบไปนั่งที่ชุดเก้าอี้มุมห้องได้แล้วก็พอจะเบาใจ


ทว่าคนเป็นแม่ย่อมไม่รู้...แม้จะหาที่นั่งได้แล้ว แต่สายตาของจิณณะก็ยังคงมองตามใครบางคนอยู่นั่นเอง


เมื่อครู่นี้มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกท่านนพพรเรียกเข้าไปร่วมวงคุยกับพิทักษ์ แต่ตอนนี้มีผู้หญิงอีกคนเดินเข้าไปร่วมวงคุยด้วยเป็นคนที่สอง


ชายหนุ่มหันไปยกมือเรียกบริกรแล้วหยิบเครื่องดื่มมาทีเดียวสองแก้ว ยกแก้วหนึ่งกระดกเข้าปากรวดเดียวให้สาแก่อารมณ์อัดอั้น แต่พอจะยกอีกแก้วขึ้นกระดก มือเหี่ยวย่นก็ดึงแขนเขาเอาไว้ จิณณะชะงักงัน ไล่สายตามองเลยขึ้นไปยังเจ้าของมือ


คุณกอบกุลยืนหน้าเชิดเย่อหยิ่งเหมือนเคย ก่อนจะกดสายตาลงมองหลานชายที่นั่งอยู่


จิณณะเป็นชายหนุ่มอกสามศอก สูง 180 เซนติเมตร แม้จะนั่งก็ยังดูสมส่วน ทว่าไม่สง่าผ่าเผยเพราะเมฆหมอกดำทะมึนลอยอยู่เหนือหัว ยิ่งมีคนแก่มาดนางพญาอย่างคุณกอบกุลมายืนขนาบอย่างนี้ จากชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ก็ไม่ต่างอะไรกับคนขี้โรคที่ดูอับเฉาน่าสมเพช


...ใช่ น่าสมเพช...


...จิณณะยังรู้ตัวบ้างไหมว่านามสกุลที่ห้อยท้ายคือนามสกุลของคุณกอบกุลคนนี้ ทำหน้าตาเบื่อโลกราวกับจะลาตายวันนี้พรุ่งนี้อย่างไรอย่างนั้น!...


“ดื่มรวดเดียวแบบนั้น คนอื่นเขาจะคิดเอาว่าแกอดอยากปากแห้ง”


จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย ถอนหายใจแผ่วแล้วลดมือที่ถือแก้วไวน์ลง เรื่องที่อัดอั้นในใจ ให้อย่างไรก็พูดไม่ออก เดิมทีก็ไม่ใช่คนชอบเล่าเรื่องทุกข์ยากที่ตนเองประสบอยู่แล้ว หนำซ้ำคู่สนทนาในเวลานี้ยังเป็นคุณกอบกุลผู้ซึ่งไม่น่าคุยเรื่องทุกข์ยากให้หล่อนฟังด้วย เพราะนอกจากคำปลอบใจจะไม่มีแล้ว อาจถูกด่าทอเยาะเย้ยถากถางเข้าไปอีก สุดท้ายจิณณะเลยเลือกที่จะเงียบแทน


“แกเอาแก้วมา แล้วออกไปนั่งรอข้างนอก ถ้าแม่แกจะกลับ ฉันจะบอกให้ออกไปหาแกเอง” คุณกอบกุลมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวและคนขับส่วนตัว ในขณะที่สองแม่ลูกจรรยากับจิณณะมารถคันเดียวกัน แน่นอนว่าหญิงชราไม่ได้ห่วงใยหลานชายที่ดื่มไวน์เป็นน้ำ แต่เกรงว่าหากเกิดอุบัติเหตุเพราะเขาเมา ลูกสะใภ้ที่แสนว่าง่ายของหล่อนจะรับเคราะห์ แถมด้วยลงข่าวใหญ่ว่าหลานไฮโซเมาแล้วขับ ทำนองนั้นอีก


คุณกอบกุลย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้ห่วงหลานชายนอกคอกแต่อย่างใด


จิณณะไม่อยากหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ระยะหลังมานี่เขากลายเป็นคนไม่ค่อยมีปากเสียงกับคุณกอบกุลไปแล้ว ชายหนุ่มยอมวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะข้างโซฟา ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไปแต่โดยดี แน่นอนว่าช่วงแรกที่เขาทำตัวว่าง่ายนั้นออกจะไม่ชินสำหรับคนเป็นย่า กระทั่งเวลานี้ก็ยังไม่คุ้นอยู่ดี แต่...คราวนี้หล่อนจะมองข้ามความคุ้นชินอะไรพวกนั้น เพราะการที่เขายอมออกจากห้องอย่างไม่มีปากเสียง ทำให้หล่อนทำเรื่องบางอย่างได้สะดวกขึ้น


เมื่อมองตามจนแน่ใจว่าชายหนุ่มร่างสูงออกจากห้องไปแล้ว จึงก้าวเท้าตรงดิ่งไปหาชายชราผู้หนึ่งที่กำลังหัวเราะกับบทสนทนาในกลุ่ม


แน่นอน...เป้าหมายของหล่อนไม่ใช่ชายชราที่เป็นรัฐมนตรีอย่างท่านนพพร แต่เป็นหนึ่งในกลุ่มที่กำลังยืนคุยอยู่ด้วยต่างหาก


คุณกอบกุลพูดอะไรบางอย่างกับท่านนพพร สุดท้ายก็ขอตัวพิทักษ์ออกมาได้ และเมื่อได้พิทักษ์มาอยู่ในมือ แค่หล่อนพูดไม่กี่ประโยค เขาก็มุ่งหน้าไปที่ประตูห้องจัดเลี้ยงและหายออกไปจากงาน


หญิงชรามองตามอย่างพึงใจ ก่อนจะเหลือบไปสบตากับจิดาภาที่มองตรงมาที่หล่อน


คุณกอบกุลไม่พูด ไม่เดินเข้าไปหา แต่มองตอบกลับไปอย่างท้าทาย


ใช่...นี่คือการท้าทาย...


ถ้าจิดาภาคิดว่าสภาพของพิทักษ์ตอนนี้ดีสมใจ ก็เชิญตามลูกเลี้ยงออกไปได้เลย แต่ถ้าไม่...จิดาภาก็ต้องยอมรับในสิ่งที่คุณกอบกุลกำลังทำอยู่


ทลายกำแพงระหว่างคนสองคนนั่นเสีย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!


...............................      


ข้างนอกห้องจัดเลี้ยงมีชุดโซฟาที่พอจะหาความสงบได้ ไม่มีคนเดินพลุ่กพล่าน ไม่มีสายตาใครมองมา ที่สำคัญ...ไม่ต้องมีใครให้สายตาไล่ตามอีกแล้ว


จิณณะได้แต่ชันศอกกับเข่าแล้วฟุบหน้าลงกับฝ่ามือ เพราะพักผ่อนน้อย แถมดื่มมากไปในเวลารวดเร็ว หนำซ้ำยังไม่มีอะไรตกถึงท้องก่อนเครื่องดื่มมึนเมาพวกนั้นอีก แม้ไม่เมามาย แต่ก็นับว่าทำเอามึนศีรษะได้ที่


ก็ดี...ดีแล้ว...มึนไปซะ จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องใครให้มันรกใจอีก


สัมผัสเย็นที่แขนทำเอาคนฟุบหน้าหลับตากับฝ่ามือถึงกับสะดุ้งลืมตาขึ้นมอง ต้นเหตุคือขวดน้ำเปล่าเย็นจัดที่ยื่นมาตรงหน้าเขา จิณณะกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง ก่อนจะไล่สายตามองขึ้นไปยังมือที่ถือขวดน้ำ


แค่เห็นมือ...หัวใจของชายหนุ่มก็กระตุกแล้ว


เขาจำมือได้ จำได้แม้กระทั่งสีเสื้อสูทที่พิทักษ์ใส่มาวันนี้ จำได้แม้กระทั่งนาฬิกาข้อมือที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมา ทั้งหมดคือองค์ประกอบของพิทักษ์


...พี่ทิศ…


จิณณะได้แต่กะพริบตาเพื่อเรียกสติตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมายืนถือขวดน้ำอยู่ตรงหน้าเขา และที่ไม่เข้าใจที่สุดคือเขาควรจะรับขวดน้ำขวดนี้มาไหม


ตอนที่กำลังละล้าละลังด้วยไม่รู้ว่าจะรับดีหรือไม่ มืออีกข้างของคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็ดึงมือเขาไปรับขวดน้ำแล้ว จิณณะเงยหน้ามองด้วยความตกใจ และสิ่งที่เป็นยิ่งกว่าความตกใจคือความคิดถึงที่พุ่งพล่านในวินาทีเดียว


จากที่เห็นแต่ไกลๆ ตอนนี้พิทักษ์ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เราได้สบตากัน แต่ไม่กี่อึดใจต่อมา อีกฝ่ายก็หมุนตัวเดินจากไป


ไม่...ไม่เอาแล้ว...ไม่อยากให้ไปไหนอีกแล้ว


ก่อนที่สมองจะตั้งสติได้ ใจก็สั่งให้คว้าอีกฝ่ายเอาไว้ รั้งพิทักษ์ไว้ อย่าปล่อยให้เขาจากไปไหนอีก


จิณณะเอื้อมมือไปคว้าหมับ คนจะเดินจากกลายเป็นหยุดนิ่ง คนคว้าเองก็ตกใจเช่นกันที่เขาเป็นฝ่ายฉุดรั้ง


“อ...เอ่อ...ข...ขอโทษ ผม...ผม...” ทำได้เพียงรีบปล่อยมือเหมือนจับของร้อน ทว่าหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรั้งพิทักษ์เอาไว้


ไม่มีเหตุผลจากสมองอะไรเลย นอกเสียจากเหตุผลของหัวใจ


เหตุผลของคนเห็นแก่ตัว รู้ทั้งรู้ว่าเคยก่อปัญหาให้พิทักษ์ รู้ทั้งรู้ว่ายังมีคนอีกมากที่เหมาะสมกับพิทักษ์ รู้ทั้งรู้ว่าที่เราจากกันอย่างนี้ก็เพราะการตัดสินใจของเขาเอง แต่ทั้งๆที่รู้...ก็ยัง...รัก


ร่างสูงมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาและเอาแต่มองซ้ายขวาราวกับจะหาข้ออ้างใดๆมาอธิบายการกระทำเมื่อครู่นี้ เขาเห็นจิณณะตั้งแต่เจ้าตัวเดินเข้ามาในงาน ยิ่งอยู่ในชุดสูทสีเข้มก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะผอมลงไปอีก สีหน้าเรียบเฉยและเอาแต่เหม่อลอยดูไม่เหมือนจิณณะ วงศ์กีรติที่เขารู้จัก


คนตรงหน้าไม่เหมือนคนที่เขารู้จักเลย ทำอย่างไรจึงจะได้จิณณะคนที่เขารู้จักกลับมา


‘จิณณะอยู่ข้างนอก’


‘…’


‘หึ! คงไม่บ้าและโง่เหมือนหลานนอกคอกของฉันใช่ไหม ที่คิดว่าการอยู่ห่างๆจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด’


‘จิณเป็นคนเลือกเองครับ’


‘ใจดีจริง! ปล่อยให้เจ้านั่นเลือก’


‘เขาบอกว่าผมหมดประโยชน์สำหรับเขาแล้ว’ เมื่อไม่มีประโยชน์แล้ว พิทักษ์ก็ไม่รู้ว่าตนเองจะต้องหน้าด้านหน้าทนถึงเพียงไหนถึงจะยังกล้ายืนหยัดอยู่ข้างจิณณะอีก


‘อ้อ แล้วก็เชื่อ?’


ประโยคนั้นของคุณกอบกุลทำให้พิทักษ์ชะงัก ทั้งๆที่เขาจับพิรุธจิณณะได้หลายต่อหลายครั้ง อ่านความรู้สึกนึกคิดออกก็หลายหน แต่คราวนั้น...ทำไมถึงกลับเชื่อคำพูดของจิณณะง่ายๆ


‘พิทักษ์...จิณณะเกิดมาสร้างเป็นแต่ปัญหา และเขาแก้ปัญหาด้วยวิธีธรรมดาไม่เป็น ไม่อย่างนั้นป่านนี้ สภาพของเขาคงไม่เป็นแบบนี้ ฉันคิดว่าคงไม่ต้องสาธยายว่าสภาพของเขาเป็นอย่างไร ดูด้วยตาก็น่าจะเห็น จริงไหม’


‘…ถ้าคิดว่าวิธีการแก้ปัญหาของหลานนอกคอกของฉันเป็นวิธีที่ดีที่สุด ก็อยู่อย่างนี้ต่อไป แต่ถ้าคิดว่าไม่...ก็ควรตามไปจัดการมัน ให้เลิกดันทุรังใช้วิธีประสาทนี่มาแก้ปัญหาเสียที’


พิทักษ์นิ่งตรึกตรอง จริงอย่างที่คุณกอบกุลว่า เขาไม่ควรปล่อยให้เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของจิณณะเพียงคนเดียว ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกเขาทั้งสองคน หากจิณณะจะหาว่าหน้าด้าน แต่เขาก็ควรได้รับคำอธิบายนอกเหนือจากการยกเหตุผลที่ว่าไพศาลติดคุกแล้ว เขาก็หมดประโยชน์


เราอาจจะเริ่มต้นด้วยเรื่องอันตราย แต่ในระหว่างที่เกิดเรื่องนี้ เรื่องของเราก็เกิดขึ้นด้วย หากแยกเรื่องทั้งสองออกจากกัน จะพบว่าเรื่องของพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของไพศาลเลย


ไพศาลติดคุกไปแล้ว แต่ ‘เรื่องของเรา’ ไม่เห็นจำเป็นต้องสิ้นสุดตามลงเลย


‘ขอบคุณครับ’


คุณกอบกุลมองเห็นแววของการตัดสินใจจะเดินหน้าของพิทักษ์แล้วก็เกิดเป็นรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก


‘อย่าปล่อยให้เจ้านั่นตัดสินใจบ้าๆอีกล่ะ ฉันเห็นแล้วเคืองสายตา’


หล่อนว่าอย่างนั้นด้วยท่าทางโอหังเช่นเคย พิทักษ์เพียงยิ้มจาง ก่อนจะมุ่งหน้าเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไปตามทิศที่หญิงชราบอก แล้วก็ถึงได้มาเจอจิณณะนั่งฟุบหน้าอยู่บนโซฟาแบบนี้


ถ้าไม่ถูกกระตุ้นให้ตามออกมา ก็คงไม่ได้เห็นว่าสภาพของจิณณะในเวลานี้เป็นหนักถึงเพียงนี้ เขาเห็นเจ้าตัวถือแก้วเครื่องดื่มไม่วางก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นต้องนั่งฟุบหน้ากับมืออย่างนี้ เลยต้องกลับเข้าไปขอน้ำเปล่าจากพนักงานโรงแรมอีกครั้ง แล้วถึงได้เดินเข้ามาหา


ทว่าคนที่ดูย่ำแย่ พอเห็นหน้าเขาแล้วก็ไม่ต่างจากเห็นผี ใบหน้าซีดเซียวซูบผอมดูตกตะลึงจนไม่มีสติ พิทักษ์เห็นแล้วก็นึกสงสาร ตั้งใจจะทิ้งระยะสักหน่อยให้เจ้าตัวได้ตั้งสติ แต่พอเขาจะเดินจากมา กลับถูกคว้าแขนเอาไว้แบบนี้ แล้วจะทิ้งไปไหนได้อย่างไรกัน


...ทิ้งไม่ได้ ปล่อยไปไหนไม่ได้...ไม่อย่างนั้นคงถูกคุณกอบกุลหาว่าเขาตามใจคนแก้ปัญหาผิดๆรายนี้อีก...


“มีเรื่องจะคุยกับพี่ไหม” พิทักษ์ถาม ทำเอาคนที่เอาแต่มองซ้ายมองขวาเพื่อหาข้ออ้างชะงักไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา


“ม...ไม่มี...เอ่อ...ผม...พอดีมีโทรศัพท์...เอ่อ...” เป็นคำโกหกที่ต่อให้ปิดหูข้างหนึ่งฟังก็ยังรู้ว่าโกหก พิทักษ์ถอนหายใจแรง ฉวยแขนคนบนโซฟาให้ลุกขึ้น


“เฮ้ย! จะทำอะไร”


“ไม่ต้องคุยกับใครทั้งนั้น จิณต้องไปคุยกับพี่”


“ผ...ผมไม่มีอะไรต้องคุยกับพ...กับคุณ...”


ดวงตาดุตวัดมามอง เพียงเท่านั้นคำอ้างใดๆก็เหมือนจะถูกกลืนลงคอไปหมด


“จิณไม่มี แต่พี่มี” พิทักษ์ไม่พูดพล่าม ดึงแขนจิณณะให้เดินตามทันที แม้จะอยู่ในอาการมึนศีรษะ แต่หลานชายของคุณกอบกุลก็เป็นชายหนุ่มอกสามศอกคนหนึ่งที่มือไวใช้ได้ พอถูกลาก แขนอีกข้างก็รีบคว้าโซฟาใกล้ตัวเอาไว้เป็นหลักยึด สถานการณ์ตอนนี้เลยเหมือนผู้ใหญ่ดึงเด็กดื้อสักคนที่คิดว่าโซฟาจะช่วยเหนี่ยวรั้งตัวเองได้


ซึ่ง...ในความเป็นจริงต่อให้เด็กดื้อที่ว่าจะตัวใหญ่เป็นเด็กโข่ง แต่โซฟาก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี


“ปล่อย!” ผู้ใหญ่ดุ แต่จิณณะถลึงตาใส่


“คุณสิปล่อย! ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไรต้องคุย!”


“พี่ก็บอกแล้วว่ามีเรื่องต้องคุย!”


“ผมไม่คุย! อยากคุยก็ไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นสิวะ!” พอหลุดปากตอบโต้ออกไปแล้ว จิณณะก็นึกอยากกัดลิ้นตัวเองนัก ทำไมเขาต้องผลักไสไล่ส่งอีกฝ่ายไปหาผู้หญิงคนอื่นด้วย ไม่อยากคุยก็คือไม่อยากคุย ไม่เห็นต้องยกผู้หญิงคนอื่นมาเป็นทางเลือกราวกับ...ราวกับหึง


...ใช่...หึง...หึงแต่ทำอะไรไม่ได้ หึงแต่พูดอะไรไม่ได้…


“ผู้หญิงที่ไหน”


“จะไปรู้เหรอวะ! ปล่อย!”


“พูดไม่รู้เรื่อง มีแต่อารมณ์ล้วนๆ ไม่มีสติสักนิด”


จิณณะถลึงตาใส่หนักกว่าเดิมที่จู่ๆก็ถูกดุผสมด่าแบบนี้


“ผมจะมีสติหรือไม่มี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ! ปล่อยโว้ย!”


“ไม่มีสติแล้วยังดื้อไม่เข้าเรื่องอีก คุณกอบกุลพูดถูกว่าหลานคนนี้แก้ปัญหาไม่เป็น”


“ย่าผมมาเกี่ยวอะไรด้วย?!”


“ย่าของจิณเป็นคนบอกให้พี่ตามมา”


“หะ?!”


“แล้วยังบอกด้วยว่าจิณแก้ปัญหาไม่เป็น เลยเลือกที่จะทำแบบนี้ และพี่ไม่ควรตามใจปล่อยให้จิณแก้ปัญหาด้วยวิธีที่จิณคิดคนเดียวอีก เพราะฉะนั้นเราต้องไปคุยกัน แล้วตกลงว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไง”


“ผมไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น!”


“ถ้าไม่มี แล้วทำไมจิณถึงเลิกกับพี่”


จิณณะอ้าปากค้างพูดไม่ออกแล้วไปแล้ว หน้าซีดสลับแดงทั้งฉุนทั้งเขิน อันที่จริงพวกเขามีความสัมพันธ์ที่รู้กันอยู่ในใจ แต่ไม่เคยระบุสถานะว่าคบหาในทำนองรักใครเลยสักที แต่ตอนนี้...พิทักษ์กลับเหมารวมว่าสถานะของพวกเขาตอนนี้คือ ‘เลิกกันแล้ว’


“ล..เลิก...เลิกอะไร ผม...เรา...เราไม่ได้...”


“ใช่ เราไม่ได้ตกลงคบกันตั้งแต่แรก เพราะจิณสัญญาว่าจะหลังจบเรื่องจะกลับมาคุยกัน แต่จนวันนี้ เราสองคนไม่ได้คุยกัน มีแต่ฝ่ายจิณที่พูดอยู่คนเดียว”


จิณณะเหมือนถูกย้อนศรทุกประโยค เขาได้แต่อ้าปากค้าง น้ำท่วมปากไปหมด


“พี่จะไม่ยอมให้จิณพูดคนเดียวอีกแล้ว เพราะฉะนั้น...เราต้องไปคุยกัน!”


แล้วพิทักษ์ก็ฉุดอีกทีเดียว ร่างของอดีตปลัดอำเภอก็ลอยหวือตามไปอย่างไม่อาจปฏิเสธได้อีก





ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

ตอนนี้ยาวมาก เพราะแต่ละฉากพูดเยอะ ฮ่าฮ่า (จริงๆมันคือสองตอนรวบเข้าด้วยกัน แต่บัวกลัวว่คนอ่านจะลืมพี่ทิศ เพราะพี่แกไม่ออกมาแสดงศักยภาพนานแล้ว เลยตัดสินใจรวบมาเป็นตอนเดียวกัน)

เดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ฝั่งพี่ทิศที่มีแต่ลาสต์บอส ฝั่งจิณก็มีลาสต์บอสนะคะ แถมลาสต์บอสรายนี้เป็นระดับคุณย่าด้วยค่ะ ที่สำคัญคือพี่ทิศกลับมาแล้ววววว ตบมือๆๆๆๆ ส่วนคนที่พยายามครองตำแหน่งพระเอกมานาน เราควรสะกิดเขามั้ยคะ ว่าถึงเวลากลับโพซิชั่นเดิม วะฮ่าฮ่า

ไปทำงานต่อล่ะ วันนี้ก็งานเยอะอีกแล้ววววว

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจและพื้นที่บอร์ด

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sentpai ที่ 25-04-2019 22:34:30
ปาดดดดดครับ 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-04-2019 22:56:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sentpai ที่ 25-04-2019 22:59:34
กลับมากรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=&gt; หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: YBlood ที่ 25-04-2019 23:01:18
หูยยย พีทิศกลับมาแล้ว  จัดการจิณให้อยู่หมัดเลยนะคะ คนปากแข็งแบบนี้


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: little_def ที่ 25-04-2019 23:09:54
พระเอกตัวจริงออกโรงแล้ว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 25-04-2019 23:10:22
อ่านมาตั้งต้นเลย​   แต่จำรหัสไ่ม่ได้เลย​  วันนี้ทนไม่ไหวเลยสมัครใหม่เลย​ อยากเมนท์​ให้กำลังใจมากๆๆ​  สนุกมากๆเลยรออ่านอยู่นะ​  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-04-2019 23:11:15
โอ๊ยยยย คุณย่าแสดงอภินิหารแล้ว เจ๋งกว่านี้มีอีกไหม? / หลายตอนที่แล้ว หนูไม่ว่าอะไรคุณย่าเลยนะคะ ไม่เค๊ยยย

ถถถถถถถ นี่ก็ลุ้น ว่าตอนนี้จะได้เห็นแค่หลังพี่ทิศในร้านอาหาร กับชายเสื้อสูทในงานเลี้ยงแค่นั้น พี่ทิศได้ค่าตัวแล้ว มีบทพูดแล้ว หนูตื้นตัน น้ำตาจิไหลลลล งือออออ  :z10:

นอกจากคุณย่าจะเป็นได้ตำแหน่งลาสบอสฝั่งจิณไปครองแล้ว แมนออฟเดอะแมทช์ตอนนี้ยกให้พี่ชุนคนไกล บิ๊กพ้อยมากค่ะพี่ แต้มนี้ของพี่สุดยอดเลย สามารถสะกิดให้คุณย่ากลายร่างจนเป็นลาสบอสได้ พี่ชเยนทร์สวดยอด!  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 25-04-2019 23:13:45
เย้ แต่ละคน กุมขมับแทนเลยดีนะมีคุณกอบกุล
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-04-2019 23:21:07
ยาวสะใจเลย
ต้องให้ย่าออกโรงถึงจะจบนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 25-04-2019 23:25:14
คุณย่าท็อปฟอร์มมากๆ  :katai3: มีใครจะเฟี้ยวไปกว่าคุณกอบกุลได้อีก!!!  คุณบัวบอกตอนนี้ยาว แต่สำหรับเรา เราอ่านเพลินมากๆจนคิดว่ามันยังไม่จุใจพอเลย พี่ทิศจัดการเด็กดื้อเลยค่ะ เด็กดื้อต้องถูกลงโทษ  รอติดตามอาทิตย์หน้านะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: psyfer ที่ 25-04-2019 23:25:32
ขุ่นย่านางเอกที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 25-04-2019 23:29:59
รักคุณย่า!!! บอกเลยตอนนี้คุณกอบกุลมากอบกู้เรตติ้งตัวเองมากๆ พี่ทิศเอาจริงแล้วโดนแน่ๆ จิณ

โอ๊ยย!! มีร้านเตาถ่านในตำนานมาแจมด้วย คิดถึงถ้วยฟูกับพี่ธันว์
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 25-04-2019 23:36:19
ชูป้ายไฟให้คุณย่าสิคะ เร็วๆๆๆๆๆ
และว่าที่ด๊อกเตอร์อีกคน ยาวจ้า แต่ไม่จุใจ รออีก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 25-04-2019 23:53:19
ดีใจ..วันนี้คงนอนฝันดี
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 25-04-2019 23:59:02
คุณย่านี่เป็นซุปเปอร์ฮีโร่อ่ะ
ไปเยือนให้บ้านเขาสะเทือนจริงๆ 555

เนี่ย...ชอบนิยายคุณบัวเพราะครอบครัวเป็นแหล่งพลังงานสุดท้ายที่เรามี ต่อให้รบรากับเรื่องข้างนอกแค่ไหน แต่คนในบ้านก็ยังรักและไม่ทำร้ายเราแน่ แม้จะแสดงออกต่างกันก็ตาม

ปล.ร้านเตาถ่านเจ้าของเกรียนก็มาจ้า...มีที่ยืนให้คุณเขาสักฉากมั้ยจ๊ะ มาเสิร์ฟอาหารซักนิดซักหน่อยม่ะ 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 26-04-2019 00:01:33
คุณกอบกุลยอดที่สุด ช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้เยี่ยมจริงๆ

คุณพิทักษ์ผู้ใหญ่เปิดทางให้แล้ว ปรับความเข้าใจกับจิณณะให้ได้นะ

รออ่านตอนหน้า หวังว่าทั้งคู่จะปรับความเข้าใจกันได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-04-2019 00:05:13
คุณย่ายืนหนึ่ง #ปรบมือ    o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 26-04-2019 00:13:35
กราบคุณย่า // คลานเข่าพร้อมดอกไม้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-04-2019 00:19:20
โอ้โห คุณย่า
สุดยอดจริงๆ  o13 o13 o13
แต่ก็ต้องขอบคุณความกล้าของพี่ชุนด้วย 5555555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 26-04-2019 00:21:11
คุณย่าาาาาาาาาาาาาาาาา o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอย ที่ 26-04-2019 00:27:48
อยากให้พฤหัสหน้าแล้ว เราติดเรื่องนี้มาก อยากอ่านทุกวันเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 26-04-2019 00:27:59
เฮ้อออ ดราม่ากำลังจะผ่านไปใช่ไหมคับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-04-2019 00:38:37
ขอบพระคุณคุณย่ามากเลยค่ะ ถ้าไม่ได้คุณย่าช่วยทั้งคู่ก็คงแย่กว่านี้ คราวนี้พี่ทิศอย่าปล่อยให้จิณหนีไปได้นะ จับไว้แน่นๆเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 26-04-2019 00:40:37
พ่อพระเอกจิณของฉัน !!! พอหึงพี่เค้าละออกอาการนางเองเลยนะนั่น 5555

..ลากไปเลยค่ะพี่ทิศ ลากไปลงโทษให้สาแก่ใจที่ทำให้พี่ทิศเสียใจเมื่อครั้งบอกหมดประโยชน์นั่น !!

 :katai3: :katai3: :katai3:

รอซับเลือด...เลือดที่ออกจากตะหมูกคนอ่าน คริๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 26-04-2019 00:44:57
คุณย่ายืนหนึ่ง ปรบมืออออออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 26-04-2019 00:46:14
คุณย่าคือที่สุด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 26-04-2019 00:58:08
ร้องจนเกือบถึงช่วงสุดท้าย จนตอนนี้ตาบวมเปิดไม่ขึ้นแล้วค่ะ :hao5: พี่ทิศจัดไปค่ะ ตีเจ้าจิณให้หนักๆนะคะ ปล่อยให้คิดมากคนเดียวไม่ได้จริงๆ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-04-2019 01:05:37
 :katai2-1: o13 :katai2-1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 26-04-2019 01:27:28
อยากวาร์ปไปวันพฤหัสเลย ขอใหเข้าใจกันซักที :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 26-04-2019 01:31:08
ตอนนี้ยาวสะใจมากเลย
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 26-04-2019 01:43:11
เขาจะเคลียร์กันแล้วจ้าาา
ตอนนี้ใช้เวลาอ่านนานมากกก
อ่านไปร้องไห้ไปยิ้มไป
รักคุณกอบกุลขึ้นมาทันตา อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 26-04-2019 01:59:07
หูยยย ถูกใจมากกกกก
ทุกคนเล่นดีสุดๆ ทุกคนมีบทบาทสุดๆ นิยายต่อเนื่องงดงามค่ะ

ตอนนี้ ความเป็นญาติชัดเจน ความห่วงใยชัดแจ๋ว ความทรมานของจิณณะโคตรทรมาน ความแม่จริงแม่เลี้ยงใช่เลย ความพี่ทิศสุดยอดเดอะลีดเดอร์ ที่สุดคือความย่าต้องจัดการรวดเร็วเห็นผล

สนุกมาก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-04-2019 02:24:38
 :hao5:



ทำไมมันช่างเปราะบางเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 26-04-2019 02:39:26
คุณย่าาาาาาาาา เอาไปเลย 5 ดาว
รักการที่ โกศล จรรยา จารีต ชเยนทร์ คุณย่า พยายามช่วยจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aonan5042 ที่ 26-04-2019 02:57:45
กี๊ดดดดดดดดดดก พี่ทิศมาแล้ววววววววว นังจิณต้องโดนจัดการแบบหนักๆซักที!!  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-04-2019 03:25:43
ออกโรง​สักที​นะคะ​คุณ​
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 26-04-2019 03:33:04
ทำไมพออ่านไปอ่านมา แล้วรู้สึกว่าคุณย่ากอบกุลเหมือน ผ.อ.ที่รับเลี้ยงพระเอกกัน้องชายในเรื่องเบบี้ซิสเตอร์เลย 555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 26-04-2019 03:42:07
FC คุณกอบค่ะ คุณย่าแซ่บมาก ตอกจนแม่จิดาภาซะหงายเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 26-04-2019 04:38:05
เราต้องตื่นมาอ่านเลยทีเดียว 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Toey0810 ที่ 26-04-2019 07:39:51
คุณย่ายืนหนึ่งสุดเลย ปรบมือให้คุณย่าสิค่ะรอไร......เป็นไงหล่ะ แม่จิดาภา โดนคุณย่าไป น่าจะให้พี่ทิศพูดอะไรกับแม่บ้างนะจะได้รู้บ้าง. แม่พี่ทิศ กับแม่จินนี่โดนเลี้ยงดูมาแบบไหนกัน.
 กรี๊สสสสสส เค้าจะปรับความเข้าใจกันแล้ว.  :hao3: :hao3: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 26-04-2019 07:57:12
ทีมคุณย่า ทีมพี่ทิศรวมทีมจ้า
หายคิดถึงพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-04-2019 08:32:48
จะได้เจอจิณณะกับพี่ทิศคนเดิมแล้ว เย้ๆ
ชอบทีเด็ดที่คุณย่าคุยกับจิดาภา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-04-2019 08:57:35
วาร์ปไปวันพฤหัสเลยได้มั้ย โฮฮฮ พี่ทิศมาแล้ว จับเด็กดื้อตีก้นเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 26-04-2019 09:28:20
จินต้องโดนทำโทษหนักๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 26-04-2019 11:24:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
พี่ทิศมาแล้วววววววววว
 :mew1:
 :mew1:
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 26-04-2019 11:42:20
พี่ทิศศศศ พูดน้อยแต่มาทีก็จัดกันไปหนักๆ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 26-04-2019 12:19:40
คุยดีๆ นะ :)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pavee ที่ 26-04-2019 12:39:30
คุณย่ายอดเยี่ยมมั่กๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-04-2019 13:52:00
ยกป้ายไฟให้พี่ทิศ  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 26-04-2019 15:12:48
โอ้ยสมหวังซะที
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: coraline ที่ 26-04-2019 15:14:15
 :katai4: เมื่อไรจะถึงวันพฤหัสหน้า อยากอ่านแล้วๆแล้วววววววว  ลากขึ้นเตียงเลยคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-04-2019 15:19:54
ขอบคุณคุณย่า พี่ชุน จารีต และผู้สนับสนุนให้สองคนนี้ได้คุยกันอีกครั้ง มันเยี่ยมมาก
พี่ทิศโก ๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-04-2019 15:43:47
คุณย่าค่ะหนูขอโทษนะคะที่เคยว่าคุณย่าไป แต่ตอนนี้หนูรักคุณย่าม๊ากกกกกมากเลยค่ะ
เห็นคุณย่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับจิณบ่อย ๆ คิดว่าจะไม่สนใจหลานนอกใส้คนนี้ซะแล้ว
คุณย่ายังออกหน้าไปพูดไปคุยกับแม่พี่ทิศให้ รักคุณย่าเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 26-04-2019 17:27:20
ถ้าค้างตอนแรก นะ นะนะ อึดอัดตายแน่นวน นี่ 2 ตอน รวมกัน ดีอย่างนี้เอง พี่ทิศทวงตำแหน่งคืนแล้ว ซึ้งกับคุณย่าที่สุด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: hikkie ที่ 26-04-2019 18:29:34
ยกรางวัลคุณย่าดีเด่นเลยจ้า นี่ตัวอย่างรักนะไม่แสดงออกของจริงเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-04-2019 20:03:00
 o13
มีย่าดีเป็นศรีแก่ลูกหลานค่ะ สุดยอดค่ะคุณย่าของเรา 55
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 26-04-2019 20:41:46
 "จิณณะเกิดมาสร้างเป็นแต่ปัญหา และเขาแก้ปัญหาด้วยวิธีธรรมดาไม่เป็น " แหม คุณย่าช่างพูดถึงหลานชายด้วยรัก :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 26-04-2019 20:59:43
ประทับใจตอนนี้มากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: navyB ที่ 26-04-2019 21:07:41
พี่ทิวกับน้องจานี่ไม่ได้มีซัมติงใช่ไหมคะ
รู้สึกว่าเคมีคู่นี้เข้ากันแปลกๆ ฮรี่ๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=&gt; หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-04-2019 22:23:11
ค้างมากค่ะคุณบัววววว


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-04-2019 22:48:52
คุณย่า เริศ ค่าาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 26-04-2019 23:46:00
 แรกๆ ก็อยากตีจิณกับความแสบ สรรหาเรื่อง เป็นตัวเรียกปัญหาได้เยี่ยมจริงๆ  แต่พอคุณทิศโดนยิงปุ๊บ  แหมะเป็นตัวเรียกน้ำตาเราได้จริงๆ :monkeysad: อ่านไปร้องไป  รอลุ้นตอนต่อไปว่าพี่เสือตื่นเอ้ยพี่ทิศจะจัดการเด็กดื้อ แสนรั้นยังไง :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 27-04-2019 04:44:56
พี่ทิศฟื้นแล้ว จิณณะตัวร้ายโดนจัดการแน่! ตอนต่อไปชั้นจะได้ม้วนตัวสักที
ส่วนคุณย่าก็คือพูดมาแต่ละประโยค ยิงตรง ปั้งๆ จึ้กใจ กระแนะกระแหนเก่งมาก(อันนี้ชมจริง)
อีกอย่างคือเราชอบน้องจา แง รู้สึกว่าต้องเป็นหนึ่งในตัวแสบ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 27-04-2019 04:57:19
ต้องขอบคุณลูกพี่ลูกน้องที่เป็นห่วง ทำให้คุณย่ายอมเข้าไปช่วยดำเนินเรื่องความสัมพันธ์ให้ชัดเจนขึ้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lilyleein ที่ 27-04-2019 07:54:42
กราบคุณย่า
เคลียร์กันให้รู้เรื่องไปเลยนะ คุณจิณอย่าดื้อ :impress2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 27-04-2019 10:06:57
Qโอ๊ยยยยย คุณย่ากอบกุลคือซุปเปอร์ฮีโร่ และๆๆๆ พี่ชุนก็คือผู้ช่วยที่ดี รักทั้งคู่เลยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 27-04-2019 10:56:03
ได้กลิ่นทิวกับจารีต
ปล.คุณย่าเริ่ด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: YouandMe ที่ 27-04-2019 12:47:25
คิดถึงเจ้าของร้าน ‘เตาถ่าน unoriginal’ มากกว่า  :z1:
#ผิดเรื่องมั้ย  :t2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 27-04-2019 16:43:20
ขอบคุณชเยนท์ ขอบคุณคุณย่า ในที่สุดก็เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์  :hao3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 27-04-2019 21:56:26
ก็สภาพคนอกหักอ่ะเนาะน้องจิณ พี่ทิศสู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: narongyut ที่ 27-04-2019 22:45:33
ปวดใจครับ​ เอาใจช่วยทั้งคู่​ ปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 28-04-2019 15:07:16
เรื่องนี้ต้องถึงมือคุณย่า!  ใครกล้าขวางก็ลองดู๊! โอ๊ยยย วาปไปวันพฤหัสเลยได้ไหม พี่ทิศกลับมาทวงโพ คืนแล้ว55555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 28-04-2019 15:17:09
เพิ่งเข้ามาอ่าน มันดีมาก ดีจริงๆ
ถึงกับร้องไห้ตามน้องจินเลย กับฉากที่ต้องโกหกพี่ทิศว่าหมดปะโยชน์แล้ว
สงสารมาก และขอชื่นชมคุณย่า ที่เป็นกาวผสานความรักของทั้งสองคน
หลานรักทั้งคนอ่ะเนอะ ขอให้ง้อกันสำเร็จนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 28-04-2019 20:26:41
รู้ซะบ้างนะจิณ ว่าใครเป็นใคร

ชุนทำดีมากค่ะ ชอบความกล้า อ่อนน้อม และชัดเจนของชุน
ช่วยน้องได้ดีมาก และได้ใจคุณยายไปเลยจ้า

คุณย่าออกโรงเองแบบนี้ ถึงจะอยากสู้ ก็ต้องรีบสู้รีบถอยเลยแหละ
จริงๆ อยากจะช่วยหลาน แต่บางทีก็ไม่มีอะไรมากระตุ้นพอ

จิณเอ้ย เป็นขนาดนี้แล้ว ยังคิดว่า จะทิ้งได้ลงคอหรอ
พี่ทิศใจสู้สักทีนะ พูดถูก เรื่องจบเราค่อยคุยกัน
แต่ถึงตอนนี้ยังไม่จบ ก็คุยกันก่อนได้

5555 คุณบัวถึงกับต้องออกมาเตือนว่า ให้รู้ตัวด้วยว่าอยู่ตำแหน่งไหน

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 28-04-2019 21:23:28
 o13. คุณย่าาาาาาแจ่มว๊าวววววมากเลยค้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: febusapollo ที่ 29-04-2019 22:37:45
แงงง สนุกมาก ชอบมากเลยค่ะ อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย ปวดตายาวๆ
ตอนแรกเปิดมาเราแอบกลัว บรรยากาศ horror มาก แล้วนั่งอ่านกลางคืนพอดี :katai1:
แต่ชอบมาก ทอปปิคเป็นเรื่องการเมืองที่น่ากลัว แต่คุณบัวแต่งออกมาได้ไม่หนักเกินไป
สนุกดีค่ะ จะรอติดตามจนจบเลย คาแรกเตอร์จิณณะดีมาก แสบๆใสๆแต่เวลาโกรธก็น่ากลัวจริง
ส่วนพี่ทิศก็ดี นิ่งๆแต่ใจไม่นิ่ง เข้มแข็งและพยายามทำให้ดีที่สุดมาตลอด
ฉากกุ๊กกิ๊กก็น่ารักเขินๆ ฉากดราม่าเราว่าไม่หนักก็พอจุกๆรับได้อยู่
เราชอบแนวคิดเรื่องความสงบของคนสองคนมากด้วย อย่างดีพเลย

ตอนหน้าขอให้ได้กันนะคะ 555555555555555555 :hao7: :hao7:
เป็นกำลังใจให้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pasallatel ที่ 29-04-2019 23:38:51
 :-[
รอนะคะ อ่านรวดเดียวจบเลย อ่านจนปวดตาเลยค่ะ น่ารักนะคู่นี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 01-05-2019 01:00:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 01-05-2019 04:07:54
มาเฝ้ารอเขาคุยปรับความเข้าใจกัน  :ped149:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 02-05-2019 10:47:15
 :L2: :L2: :L2:
เข้ามารอจร้า
 :z2:
 :z2:
 :z2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 02-05-2019 13:53:11
มารอ​  :z13: :z13:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-05-2019 20:01:52
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 18   


ไม่แน่ใจว่าเป็นกลยุทธ์หรือพิทักษ์ใจเย็นมาก ถึงขนาดที่ขับรถจากโรงแรมใจกลางเมืองหลวงออกมายังบ้านพักของตนซึ่งอยู่นอกชานเมืองกรุงเทพฯ แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร พอรถจอดสนิท เจ้าของบ้านก็พรวดพราดเดินมาเปิดประตูฉุดร่างคนที่เขาพามาให้เข้าบ้านแล้วโยนลงนั่งบนโซฟา


โยนไม่แรง หนำซ้ำจิณณะก็ผู้ชายวัยฉกรรจ์คนหนึ่ง ความเจ็บจากแรงกระแทกแค่วูบเดียวแล้วก็หายไปไม่ทันได้ร้องสักแอะ แต่เจ้าตัวรวบแขนรวบขาของตนนั่งชิดมุมหนึ่งเหมือนกำลังจะถูกเชือดอย่างไรอย่างนั้น


พิทักษ์มองคนที่นั่งก้มหน้าห่อตัวซุกมุมโซฟาแล้วก็นึกขัน อารมณ์ฉุนตอนแรกก็มีหรอก แถมมีเยอะเสียด้วย แต่เพราะใช้เวลาและสมาธิกับการขับรถโดยที่คนที่เขาพามาไม่มีเสียงร้องอะไรสักแอะ ก็เลยพอจะคลายอารมณ์หงุดหงิดในใจลงได้ ตอนนี้ยิ่งมาเห็นตัวแสบนั่งซุกอยู่มุมโซฟา ก็เลยกลายเป็นนึกเอ็นดูแทนเข้าไปอีก


เจ้าของบ้านทิ้งตัวลงนั่งโซฟาร่วมกัน แน่นอนว่าทำเอาคนที่ซุกมุมหนึ่งถึงกับสะดุ้งเฮือก แล้วขยับชิดโซฟาหนักกว่าเดิม แถมคราวนี้ก้มหน้าจนคางชิดอกด้วย


... ไม่มองก็ไม่มอง ถ้าถูกรวบรัดอะไร ก็อย่าหาว่าใจร้ายแล้วกัน…


“ม...มีอะไรก็พูดมาสิ” เดิมทีเป็นคนถึงไหนถึงกัน พูดจาเสียงดังฟังชัด กล้ามองหน้าคนทั้งโลก ทว่าจิณณะในเวลานี้กลับพูดจาเบาหวิวแถมติดอ่าง เอาแต่ซุกหน้ากับอกตัวเอง ตาตกมองพื้นอีกต่างหาก


“ทำไมถึงหายไป”


“ก็...ผ...ผมบอกแล้วไงว่าหมดประโยชน์...”


“ใครหมด?”


“ก็...ค...คุณ...” น้ำเสียงแผ่วพร่าเพราะเป็นเพียงข้ออ้างที่ใจไม่ได้คิดอย่างนั้นตั้งแต่แรก


พิทักษ์น่ะหรือไม่มีประโยชน์ หากไม่มีประโยชน์จริง ตอนที่เดินจากมา ทำไมถึงเหมือนตายทั้งเป็นราวกับทิ้งหัวใจไปแล้ว


เพราะพิทักษ์มีประโยชน์มากต่างหาก มีมากเสียจน...จะดึงให้เข้ามาอยู่ในวงจรอันตรายแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว


“อ้อ พี่หมดประโยชน์ จิณก็เลยเขี่ยพี่ทิ้ง?”


“ช...ใช่”


“หรือเป็นเพราะคิดว่าการเดินไปจากพี่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่?”


จิณณะนิ่งงัน ได้แต่ก้มหน้าซุกอกหนักกว่าเดิม เขาเม้มปากแน่นโต้เถียงไม่ออก เดิมทีพิทักษ์ก็ชอบรู้อกรู้ใจเขาอยู่แล้ว มาวันนี้หากจะอ่านใจเขาออกอีกสักครั้งก็ไม่แปลก


แขนของจิณณะถูกดึงแรงๆ แต่เจ้าของแขนกลับไม่กล้าหันมองเลยสักนิด เพราะรู้ว่านั่นคือการพยายามของอีกฝ่ายที่ต้องการให้หันไปมองกัน


“มองพี่”


“พี่บอกให้มอง” ไม่พูดอย่างเดียว แต่มืออีกข้างจับใบหน้าของจิณณะให้หันมาสบตา แล้วพอเขาเห็นความชุ่มชื้นคลอหน่วยและความเจ็บปวดแสนสาหัสที่อยู่ในดวงตาคู่นั้น พิทักษ์ก็ถึงกับใจหาย


เขาไม่ควรต้อนเลย ไม่ควรทำให้จิณณะที่เจ็บสาหัสอยู่แล้วต้องดำดิ่งลงไปกับความปวดร้าวนั่นอีก


เราเดินด้วยกันมาไกล วันหนึ่งจิณณะยอมแยกจากไปต่างคนต่างก็เจ็บปวด มาวันนี้ถ้าเราจะกลับเข้ามาร่วมเส้นทางเดียวกันอีกครั้ง ก็มีแต่ต้องปล่อยวางเรื่องที่ผ่านมาแล้วเริ่มต้นใหม่เท่านั้น


“พี่ขอโทษ”


“ค...ความผิดของผม...” จิณณะครางเบา ก้มหน้าหนีสายตาของอีกฝ่ายด้วยความกระดากในใจ


“มันไม่ใช่ความผิดของจิณ พี่เคยพูดแล้วว่าอะไรก็ตามที่พี่ทำ พี่ยอมรับผลของมันทุกอย่าง รวมถึงเรื่องเช้าวันนั้นด้วย”


เช้าที่สดใส เช้าที่แดดร้อนจัด เช้าที่ดูเหมือนทุกๆเช้าที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน แต่ในความเหมือนมีความแตกต่าง เช้าวันนั้น...พิทักษ์ถูกยิง


ภาพของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับมีเลือดสดสีแดงไหลชุ่มเปียกเสื้อ ภาพของชายหนุ่มที่หายใจรวยรินก่อนจะหมดสติเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ภาพในวันนั้นเล่นซ้ำอยู่ในสมองของจิณณะทุกวันๆ คนถูกยิงวันนี้ร่างกายหายเป็นปกติแล้ว แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์และตระหนักอยู่เสมอว่าตนเองเป็นต้นเหตุ กลับไม่เคยลบภาพวันนั้นให้หายไปจากความทรงจำได้เลย


จิตใจของจิณณะบอบช้ำกว่าร่างกายของพิทักษ์เสียอีก


“แต่พวกมันตั้งใจจะยิงผม...”


“พี่เองก็ตั้งใจปกป้องจิณเหมือนกัน”


จิณณะเงยหน้ามองคนพูดทันควัน พิทักษ์สบตายกมือขึ้นลูบข้างแก้มอย่างนุ่มนวลราวกับปลอบโยน


“แล้ววันนี้พี่ก็หายดีแล้ว” ทว่าต่อให้จะเพียรพยายามบอกเพียงใด จิณณะก็ยังคงติดอยู่กับห้วงเหตุการณ์ในวันนั้น ดวงตาของเขายามมองพิทักษ์ราวกับไม่ได้มองในวันนี้ แต่ย้อนกลับไปยังเช้าวันที่เกิดเรื่อง


“ต...แต่วันนั้น...วันนั้นมีแต่เลือด...” เลือดของพิทักษ์เต็มไปหมด แดงฉานและคาวฉุน สีหน้าของพิทักษ์ก็ขาวซีดและเจ็บปวด ลมหายใจรวยริน ราวกับขาข้างหนึ่งข้ามไปอยู่ในอีกโลกแล้ว


“ว...วันนั้นมีแต่เลือด...” ภาพของพิทักษ์ที่อยู่ในความทรงจำของจิณณะสร้างความเจ็บปวดให้เขาทุกวันทุกคืน เมื่อไรก็ตามที่คิดถึงความทรงจำดีๆไว้หล่อเลี้ยงหัวใจ ภาพที่จะผุดขึ้นมาเป็นอย่างสุดท้ายคือภาพของพิทักษ์ที่ถูกยิง จากความทรงจำที่สวยงามของการมีคนอยู่เคียงข้างกลายเป็นความทรงจำเลวร้ายที่ตนเองเป็นต้นเหตุของการบาดเจ็บของคนที่มีค่าคนนั้น


พิทักษ์มองคนตรงหน้าที่กำลังดำดิ่งสู่ความเจ็บปวดของความทรงจำแล้วหัวใจก็ยิ่งโหวงเหวง จิณณะที่คนรอบข้างเห็นอาจดูเหมือนปกติทุกอย่าง แต่ใครจะรู้บ้างว่าคนที่เหมือนเข้มแข็งกลับยังคงจมอยู่กับเหตุการณ์ในวันนั้นราวกับอยู่ในเขาวงกต


เขาวงกตที่พิทักษ์ครึ่งเป็นครึ่งตาย เขาวงกตที่จิณณะเป็นต้นเหตุของความเสียหาย เขาวงกตนั้น...ถ้าหากจิณณะออกมาเองไม่ได้ คนที่จะช่วยให้ออกมาก็คงมีแต่พิทักษ์เท่านั้น


เจ้าของบ้านไม่พูดอะไร แต่ลงมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองทีละเม็ด เม็ดแรกจิณณะยังไม่รู้ตัว แต่พอเม็ดที่สอง และสาม เจ้าตัวก็เริ่มกะพริบตาปริบๆ ผละออกห่างหน้าตาตื่นๆ


“ท...ทำอะไร”


“จะให้จิณดู”


“ด...ดูอะไร”


“ดูว่าพี่หายดีแล้ว”


จิณณะเบิกตาโพลงในวินาทีนั้น เขาผงะหงายหลังกำลังจะร้องขอไม่อยากดูไม่อยากเห็น แต่อีกฝ่ายปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนเองจนหมดแล้วตวัดสาบเสื้อออกเผยลาดไหล่กว้าง แผ่นอกและหน้าท้องแข็งแรงด้วยกล้ามเนื้อ ทว่าอะไรก็ไม่ดึงสายตาของจิณณะเท่ากับรอยกระสุนที่ไหล่ขวา


ดวงตาที่เบิกโตกลายเป็นหลับปี๋ สองมือยื่นออกไปดันเจ้าของรอยแผลให้ออกห่าง...ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้


“ผ...ผมไม่ดู! ผมไม่อยากดู!”


“ต้องดู ถ้าจิณไม่ดูจะรู้หรือว่าพี่หายแล้ว!”


“ไม่!...ไม่เอา!...ผ…ผมขอ...ผมไม่อยากดูอีกแล้ว ผมไม่อยากดู...” แม้จะเห็นแค่พริบตาเดียว แต่รอยแผลนั้นกลับดึงเขาย้อนกลับไปหาความทรงจำอันเลวร้ายในเช้าวันเกิดเหตุนั่นอีกแล้ว


พิทักษ์มองคนตรงหน้าด้วยความสงสาร จิณณะเวลานี้หมดสภาพอดีตปลัดอำเภอผู้สนุกสนานและสดใส ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มกระหยิ่มอย่างคนเจ้าแผนการกลับกลายเป็นสีหน้าซีดเผือดไม่มีแม้แต่สีเลือด ดวงตาที่เคยระยิบระยับเต็มไปด้วยประกายในการใช้ชีวิต กลายเป็นการเบิกโตและเห็นภาพเพียงภาพเดียว


ภาพที่พิทักษ์ถูกยิง


“ผมไม่อยากดูแล้ว ผมไม่อยากคิดถึงอีกแล้ว ผมกลัว...” เสียงของจิณณะสั่นจนกลายเป็นเครือ แต่ละวันที่ผ่านพ้นมา ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่นึกถึงเรื่องวันนั้น แต่ละคืนที่หลับตาลง ได้แต่กังวลว่าจะฝันเห็นหรือไม่


เหตุการณ์จริงเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เกิดวนเวียนในความทรงจำของเขาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง และทุกครั้ง...มันยังชัดเสมอ


เลือดของพิทักษ์ สีหน้าเจ็บปวดของพิทักษ์ ลมหายใจรวยรินของพิทักษ์ ทั้งหมดนั่น...เป็นเพราะเขา


“จิณ...เรื่องมันจบแล้ว” เสียงทุ้มดังเบาราวกับกระซิบ อ้อมแขนที่โอบกอดบอกให้รู้ว่าพิทักษ์ในความทรงจำที่ครึ่งเป็นครึ่งตาย ในความเป็นจริงยังมีชีวิตอยู่ตรงนี้


“มองพี่...” เสียงของพิทักษ์ราวกับเวทมนตร์ดึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีออกมาจากภวังค์ที่แสนดำมืดจากเหตุการณ์เช้าวันจันทร์วันนั้น คนที่ถูกยิงในวันนั้น วันนี้...ยังคงนั่งอยู่ตรงหน้าจิณณะ ไม่มีคราบเลือด ไม่มีการหายใจแผ่ว ทุกอย่างของพิทักษ์หายกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่คนที่ไม่ปกติคือจิณณะเอง


“พี่ยังอยู่ เห็นไหม พี่ไม่เป็นอะไร”


“แต่...” จิณณะพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ดึงมือของเขาไปหา ทีแรกคนถูกจับมือยังไม่เข้าใจ แต่พอพิทักษ์ดึงมือของเขาไปยังไหล่ข้างขวา จิณณะก็รีบรั้งมือของตนไว้สุดแรง


“ไม่..ไม่...” ไหล่ขวาของพิทักษ์เป็นของร้อนสำหรับเขา โดยเฉพาะตำแหน่งที่ถูกยิง แค่ร่องรอยแผลเป็น จิณณะยังไม่กล้าดู แต่อีกฝ่ายกลับใจแข็งจะให้เขาสัมผัสด้วยซ้ำ


“มันหายแล้วจิณ”


“ม...ไม่...” มือถูกบังคับให้แตะลงบนรอยแผลเป็น จิณณะสะดุ้งโหยงได้แต่ข่มตา แต่เพียงแค่นั้นก็เหมือนเขาถูกดึงกลับเข้าไปในความทรงจำที่แสนเลวร้าย วันที่เลือดของพิทักษ์พุ่งทะลักออกมาจากตำแหน่งนี้


“วันนั้นจิณช่วยพี่ห้ามเลือด...” พิทักษ์พูดต่อด้วยน้ำเสียงทุ้มเรียบ ราวกับกำลังเล่านิทาน ทว่าคนฟังนั้นตัวหดลีบเหมือนต้องการซุกตัวอยู่ใต้กำแพงแกร่งที่ภายในยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวในวันเกิดเหตุ


ของเหลวสีแดงสดที่มีกลิ่นคาว เหนอะหนะเปรอะเลอะเต็มสองมือ สติที่เหลืออยู่น้อยนิดในวันนั้นบอกเพียงแค่ว่าให้ช่วยห้ามเลือด สลับกับเรียกพิทักษ์ให้ตอบสนอง พร่ำบอกว่าให้อยู่กับเขา ทั้งหมดกลายเป็นความทรงจำที่กัดกินหัวใจจนเกิดเป็นความหวาดกลัว


“วันนี้มันหายแล้ว เห็นไหม ไม่มีเลือดอีกแล้ว”


“ต...แต่วันนั้น...วันนั้น...”


“พี่ไม่เจ็บแล้ว” จิณณะชะงัก ดวงตาเบิกโพลงทั้งๆที่น้ำตายังล้นเอ่อ ราวกับคำพูดของพิทักษ์ปลดล็อกเหตุการณ์ในวันนั้นกลับขึ้นมาอีก จิณณะที่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงเรียกซ้ำๆถามซ้ำๆ


‘พี่ทิศ เจ็บรึเปล่า?’


‘พี่ทิศ ยังอยู่กับผมไหม?!’


‘พี่ทิศ อดทนไว้!‘


‘พี่ทิศ ถึงโรงพยาบาลแล้ว!’


‘พี่ทิศ พูดกับผม!’


‘พี่ทิศอย่าหลับ พี่ทิศ! ตื่นสิ! พี่ต้องตื่น!!’


กี่ประโยคที่ถามซ้ำๆ แต่ตอนนั้นพิทักษ์ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบอะไรแล้ว ทำได้เพียงยิ้มจางๆด้วยใบหน้าซีดขาว ก่อนจะหมดสติไป โดยไม่ทันได้ตอบคำถามใดๆของจิณณะเลยสักคำเดียว


ทว่า...วันนี้ หนึ่งในคำตอบที่อยากฟัง กลับมาดังที่ข้างหูแล้ว


“พี่ยังอยู่กับจิณตรงนี้ เห็นไหม พี่ยังอยู่” พิทักษ์ที่นั่งอยู่ตรงหน้า มาพร้อมคำตอบที่อยากได้ยินที่สุด


ม่านน้ำตาทำให้มองภาพตรงหน้าพร่าเลือน แต่ถึงอย่างนั้นไม่ต้องเห็นก็รับรู้ รู้...ว่าพิทักษ์ยังมีชีวิตและลมหายใจ ไม่ใช่เพียงแค่ร่างที่หายใจรวยรินและทำได้เพียงยิ้มจางด้วยดวงตาหรี่ปรือแทบไม่มีสติคนนั้น


พิทักษ์กลับมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว


น้ำตาของจิณณะทะลักทะลาย พร้อมกับเสียงร้องโฮราวกับกำแพงที่สร้างมาห่อหุ้มความบอบช้ำในใจถูกทลาย ความรู้สึกที่เก็บกักเอาไว้มานานแสนนานพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบแตก น้ำตาคราวนี้ผสมปนเปด้วยความกดดัน เจ็บปวด และสบายใจ จนไม่รู้ว่าจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตาหรือจะร้องไห้ให้หนักกว่าเดิมดี แต่เมื่อพิทักษ์ยังนั่งอยู่ตรงหน้า และยังส่งยิ้มมาให้พร้อมกับลูบศีรษะของเขา น้ำตาก็ยิ่งไหลหนักกว่าเดิม สีหน้าเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเบะจนคนเห็นยังหัวเราะ


“ฮือ...หัวเราะผมทำไม...ฮือ...” จิณณะเวลานี้หมดมาดอดีตข้าราชการจอมยียวน หมดลุคหลานชายนักธุรกิจ หมดแม้กระทั่งออร่าความไฮโซ ตรงหน้าของพิทักษ์ในเวลานี้มีแค่ชายหนุ่มที่ร้องไห้เสียงดัง น้ำหูน้ำตาไหลเลอะไปทั้งหน้า หนำซ้ำยังเหวี่ยงซ้ายขวาอีกต่างหาก


“ผมกลัวแค่ไหน พี่รู้รึเปล่า”


“รู้ ก็เลยบังจิณเอาไว้ไง”


“ผมหมายถึงกลัวพี่ตาย! ฮือ...”


“แต่พี่ยังไม่ตาย แล้วที่พี่ไม่ตาย ส่วนหนึ่งก็เพราะจิณด้วย วันนั้นจิณห้ามเลือดให้พี่ จิณตะโกนโหวกเหวกให้คนตามรถพยาบาล บอกแม้กระทั่งเบอร์โทรฉุกเฉิน เพราะจิณ...วันนี้พี่ถึงยังนั่งอยู่ตรงนี้” ทั้งๆที่น้ำตายังไหล แต่จิณณะกลับไม่มีเสียงสะอื้นเลยสักนิด เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าวันนั้นตนเองทำอะไรลงไปบ้าง สติน้อยนิดบอกให้หยุดเลือดพิทักษ์ บอกให้ร้องขอความช่วยเหลือเพราะหาโทรศัพท์ของตนเองไม่เจอ เบอร์โทร.ฉุกเฉินที่เคยพูดเล่นกับเพื่อนกลับเป็นเบอร์ช่วยชีวิตคนสำคัญ


สติน้อยนิดที่มีในวันนั้น กลับทำให้พิทักษ์รอดจริงๆหรือ


“แต่...แต่พี่ถูกยิงเพราะผม...ฮือ...”


“พี่ถูกยิงเพราะพี่ตั้งใจปกป้องคนของพี่ ไม่ใช่ถูกยิงเพราะใคร”


“ฮือ...แต่...แต่ผมไม่ได้มีค่าขนาดนั้น...”


“มีสิ จิณมีค่าสำหรับพี่”


จิณณะได้แต่มองคนตรงหน้าผ่านความพร่ามัวของน้ำตาที่มาอีกระลอก


“เลิกรู้สึกผิดกับเรื่องวันนั้นได้แล้ว พี่หายดีแล้ว จิณเองก็ควรวางมันลงได้แล้วเหมือนกัน”


สองมือของพิทักษ์จับไหล่ของคนตรงหน้าราวกับบอกเป็นความนัยว่าให้ปล่อยวางเรื่องราวเหล่านี้เสียที


“เลิกรู้สึกผิดเรื่องของพี่ แล้วก็ปล่อยให้เรื่องของไพศาลเป็นเรื่องของกฎหมาย ปล่อยมันไปนะจิณ อย่าถลำไปกับมันอีกเลย”


จิณณะพูดไม่ออก ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเหนื่อยล้าไหลเอ่อ พิทักษ์คงรับรู้ว่าเขาถลำลึกลงไปกับการวิ่งเต้นเรื่องของไพศาลมากแค่ไหน ยิ่งวิ่งมากเท่าไร ก็ยิ่งผูกพันเป็นห่วงโซ่ของความช่วยเหลืออุปถัมภ์ไม่จบสิ้น ยิ่งขอความช่วยเหลือมากเท่าไร ก็ยิ่งต้องตอบแทนให้สมน้ำสมเนื้อ วันนี้อาจยังไม่ถึงเวลาที่ต้องตอบแทนความช่วยเหลือเหล่านั้น แต่หากวันหนึ่งข้างหน้าถูกเรียกร้องเร่งรัดให้ทำอะไรบางอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณที่ทบต้นทบดอกจากวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้อง ‘จ่าย’ อะไรอีกสักเท่าไร


“พอได้แล้ว จิณ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามทางตามเวลาของมัน ไม่ต้องไปทำอะไรอีกแล้ว”


จิณณะได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา ยอมปล่อยให้เรื่องของไพศาลกลับเข้าสู่กระบวนการและครรลองของมัน


ภายในบ้านของพิทักษ์ยังมีคงมีเสียงสะอื้นอยู่อีกพักใหญ่ แต่สุดท้ายเมื่อผ่านไปค่อนคืน บ้านทั้งหลังก็กลับมาสงบเงียบอีกครั้ง


ทว่าครั้งนี้ มันไม่ใช่ความเงียบที่น่าเศร้าและเต็มไปด้วยความเหงาอีกแล้ว


คืนนี้...ห้องนอนของเจ้าของบ้านได้ต้อนรับแขกเพิ่มอีกหนึ่งคน และเป็นอีกหนึ่ง...ที่เติมเต็มชีวิตของพิทักษ์อีกครั้ง


……………………


ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย จิดาภารู้เห็นความรู้สึกของลูกเลี้ยงตั้งแต่แรก แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำเป็นปิดหูปิดตา ทว่าวันนี้ที่ทุกอย่างปรากฏแก่สายตา พิทักษ์ออกจากงานไปอย่างรีบร้อน เพราะคุณกอบกุลพูดคุยกับเขา ดูก็รู้ว่าเขาจะออกไปพบใคร


พิทักษ์เลือกแล้ว เหมือนที่คราวนั้นเขาก็เลือกที่จะใช้ชีวิตของตนเองปกป้องชีวิตของจิณณะ แม้จะห่วงใยชายหนุ่มที่หล่อนเลี้ยงดูมาแต่เล็ก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาย่อมมีทางเลือกเป็นของตนเอง และเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกในสิ่งที่เขาต้องการ


“ทิศกลับไปแล้วหรือ” เสียงทุ้มของสามีดังขึ้นเบาๆ ทำเอาจิดาภาที่นั่งอยู่เพียงลำพังต้องหันมอง


งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ยังคงครึกครื้นด้วยผู้หลักผู้ใหญ่และคนรู้จักมักจี่ในแวดวงธุรกิจ จิดาภาเองก็ออกสังคมกับสามีบ่อยๆ แต่การออกสังคมคราวนี้ไม่จูงใจให้หล่อนเข้ากลุ่มเสวนากับใครคนไหนเลย การปลีกตัวของภรรยาทำให้ทศพรต้องออกตามหา จึงมาพบหล่อนนั่งเพียงลำพังอยู่ที่มุมเครื่องดื่ม


“ค่ะ...” หล่อนได้แต่รับเสียงแผ่ว สองจิตสองใจไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องนี้กับสามีดีหรือไม่


“ภาเป็นอะไรรึเปล่า กลับกันไหม”


“ไม่ได้เป็นอะไร...” จิดาภาพูดแล้วเม้มปาก


ใจหนึ่งของจิดาภาในฐานะน้าสาวของจิณณะย่อมดีใจที่มีใครสักคนมอบกระทั่งชีวิตเพื่อหลานชายของตนเอง


ใจหนึ่งของจิดาภาในฐานะแม่เลี้ยงของพิทักษ์ก็ดีใจเช่นกันที่คนที่ลูกเลี้ยงเลือกเป็นคนที่หล่อนเองก็รับรู้ว่าเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อพิทักษ์ไม่น้อย


แต่...อีกเสี้ยวใจ ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ไหนจะเรื่องความปลอดภัยของพิทักษ์ ไหนจะเรื่องที่พวกเขาต่างเป็นชาย


สังคมสมัยนี้ คู่รักเพศเดียวกันมีออกเกร่อ แต่ความเกร่อไม่ได้หมายถึงการยอมรับอย่างปิติยินดี จิดาภาเองก็เช่นกัน หากเลือกได้ หล่อนย่อมอยากให้พิทักษ์และจิณณะต่างมีครอบครัวลูกเมียพร้อมหน้า แล้วให้พวกเขาเป็นเพียงญาติที่เกี่ยวดองกันห่างๆเท่านั้น


แต่หล่อนเลือกไม่ได้ เรื่องคราวนี้คนเลือกคือพิทักษ์และจิณณะ


“คุณทศ...ทิศออกไปกับจิณ...” ในฐานะที่เป็นภรรยาของทศพร เป็นแม่เลี้ยงของพิทักษ์ และเป็นน้าสาวของจิณณะ จิดาภารู้สึกเหมือนตนเองเป็นสะพานให้พิทักษ์และจิณณะเข้ามาข้องเกี่ยวกัน หากไม่มีหล่อนเป็นคนกลาง สองคนนั้นอาจจะไม่แม้แต่จะรู้จักกันด้วยซ้ำ และสุดท้ายแล้วลูกของทศพรก็อาจจะไม่ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อหลานชายของหล่อน และป่านนี้อาจจะแต่งงานมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น มีหลานให้ทศพรอุ้มชู


ชายวัยปลายมองภรรยาพลางยิ้มน้อย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเคียงข้าง นับตั้งแต่เกิดเรื่อง จิดาภาทั้งโกรธทั้งเสียใจ หล่อนถือว่าตนเองมีส่วนผิดที่ทำให้พิทักษ์ต้องเจ็บตัว หล่อนกล่าวโทษจิณณะที่หลอกลวงให้พิทักษ์ไปเป็นโล่กำบัง หล่อนโทษตัวเองที่ทำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน ทั้งๆที่ไม่ว่าจะพิทักษ์หรือทศพร ต่างไม่มีใครโทษหล่อนเลย


“แล้วยังไง” คำถามที่ย้อนกลับมาทำเอาจิดาภาเม้มปาก ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องใดก่อนดี ระหว่างคนที่พิทักษ์ออกไปด้วยคือคนที่ทำให้พิทักษ์เจ็บตัว คนที่พิทักษ์ออกไปด้วยเป็นผู้ชายเหมือนกับพิทักษ์ และที่สำคัญคนที่พิทักษ์ออกไปด้วย เป็นหลานชายของหล่อนเอง 


ทศพรเห็นภรรยาพูดไม่ออก จึงเอนหลังพิงเก้าอี้ ทอดสายตามองงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ที่ยังคงอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยนักธุรกิจ นักการเมืองและข้าราชการมากหน้าหลายตา ผู้คนเหล่านี้ล้วนพบหน้าค่าตากันอยู่เนืองๆ พูดคุยกันด้วยเรื่องผลประโยชน์และธุรกิจเป็นสำคัญ มีบุญคุณเกื้อหนุนกันอย่างแน่นหนา ความสัมพันธ์เหล่านี้แน่นแฟ้นทั้งในแง่ของการรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน และผ่านทางการแต่งงานของลูกหลานเกี่ยวดอง


ทั้งพิทักษ์และทิวากร ล้วนเคยถูกทาบทามให้นับวงศาคณาญาติกับตระกูลสายธุรกิจ แน่นอนว่าคนน้องอย่างทิวากรที่มุ่งมั่นเรียนสายวิชาชีพย่อมสามารถปฏิเสธได้อย่างลอยตัว แต่พิทักษ์ที่อยู่ในแวดวงนี้ ก็ชวนให้ทศพรหวั่นใจว่าลูกชายอาจถูกอำนาจและผลประโยชน์ชักนำให้สร้างครอบครัวโดยอาศัยความก้าวหน้าของธุรกิจเป็นสำคัญ


แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่คนเป็นพ่ออย่างเขาต้องการเลย หากต้องเห็นครอบครัวของลูกก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาบนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินและมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่าคุณค่าของจิตใจ


แต่...เมื่อเกิดเรื่องขึ้น พิทักษ์ได้รับบาดเจ็บ คนเป็นพ่อที่ไม่ตีโพยตีพายไม่ได้หมายความว่าไม่ทุกข์ร้อน แต่สิ่งที่รับรู้จากคำให้การของมือปืนที่ถูกจับและคำบอกเล่าเหตุการณ์จากพิทักษ์เอง กลับทำให้ทศพรเบาใจเรื่องหนึ่ง


พิทักษ์มีคนที่เขารัก...สิ่งที่เขาให้ค่าและความสำคัญไม่ใช่ผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่เป็นความรู้สึกของหัวใจ


“ภาเลี้ยงทิศมาแต่เล็ก ภาคิดว่าอะไรเป็นเหตุผลให้ทิศยอมเอาตัวเองบังจิณเอาไว้หรือ?” คำถามของทศพรทำเอาจิดาภานิ่งงัน


คำรับสารภาพของมือปืนที่ถูกจับและคำบอกเล่าของพิทักษ์ คือคนถูกยิงไม่ได้ถูกลูกหลง แม้ว่ามือปืนจะเข้าใจผิดว่าคนที่นั่งเบาะข้างคนขับคือจิณณะ แต่วินาทีสุดท้ายก่อนเหนี่ยวไก พบว่าคนที่ตนเองล็อกเป้าดันไม่ใช่คนที่หมายหัวมาแต่แรก ปากกระบอกปืนจึงเบี่ยงไปที่คนขับ แต่เป็นฝ่ายพิทักษ์เองที่ขยับตัวบังเอาไว้ แค่วินาทีเดียว ความไขว้เขว่ของมือปืนก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือการปกป้องของพิทักษ์ กระสุนนัดนั้นจึงไม่ถูกอวัยวะสำคัญของพิทักษ์ และไม่ถูกคนสำคัญของเขา


“ทิศไม่ได้ถูกลูกหลงนะภา แต่เรื่องที่เกิดขึ้น เขาตั้งใจ เขาต้องการปกป้องคนสำคัญของเขา อย่าดูถูกความตั้งใจของเขาด้วยการบอกว่าเขาถูกลูกหลงเลย” 


“จิณเองก็เหมือนกัน ภาเป็นน้าของจิณ ภาคิดว่าหลานของภาแค้นไพศาลเพราะอะไรมากกว่ากัน ระหว่างตัวเองถูกหมายหัว หรือทิศถูกยิง”


จิดาภาได้แต่เม้มปาก เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่รู้ จิณณะทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้ไพศาลได้รับโทษ จริงอยู่ว่าหากไม่จัดการขั้นเด็ดขาด ไพศาลก็คงตามราวีไม่จบสิ้น แต่...เรื่องถูกราวีหลังจากนี้ก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าคือจิณณะเจ็บแค้นกับการที่พิทักษ์ถูกยิงปางตาย


“จิณตั้งใจจัดการไพศาลเพื่อทิศ เรื่องนี้เราก็อย่าดูถูกความตั้งใจของเขา”


“ต...แต่พวกเขาเป็นชาย...”


ทศพรหัวเราะเบาๆ


“ยังจะหัวเราะอีกหรือคะ คนอื่นๆจะพูดถึงทิศกับจิณแบบแย่ๆ พวกเขาจะมองสองคนนั่นเป็นเรื่องประหลาด...”


“อย่าว่าแต่คนอื่นเลย พี่ก็มองว่าประหลาด” จิดาภากำลังจะพูดว่า เห็นไหมล่ะ ขนาดพ่อแท้ๆยังคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายและชายหนุ่มอีกคนเป็นเรื่องประหลาดเลย ทว่าทิศพรกลับพูดขึ้นมาเสียก่อน


“...ต้องเป็นความรู้สึกที่ประหลาดมากๆ เพราะทิศยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อจิณ ส่วนจิณก็ยอมทุ่มทั้งชีวิตเพื่อจัดการคดีให้ทิศ คนเราต้องรู้สึกต่อกันมากขนาดไหน ถึงทำเพื่อกันและกันขนาดนี้ พี่เป็นพ่อของทิศ พี่ยังคิดไม่ถึงเลยว่าลูกตัวเองจะรู้สึกกับใครสักคนได้มากขนาดนี้ ภาเป็นน้าของจิณ ภาคิดไหมว่าจิณจะทำเพื่อใครสักคนได้มากขนาดนี้”


น้าสาวของจิณณะนิ่งงันอีกหน แล้วก็ได้แต่ยอมรับว่าหล่อนเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันที่หลานชายทำขนาดนี้


เรื่องของพวกเขานั้นประหลาด ความรู้สึกของพวกเขาก็ยิ่งแปลกประหลาด


มันแรงกล้า แข็งแกร่ง อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากล้น


ทศพรจับมือภรรยาแล้วบีบเบาๆ


“พวกเขาทำเพื่อกันและกันมากพอแล้วนะภา เราปล่อยให้พวกเขาได้มีความสุขสักทีดีไหม”


จิดาภาใจหาย ทั้งๆที่ยังเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกเลี้ยง และไม่ต้องการเห็นภาพอย่างนั้นซ้ำสอง พิทักษ์จะมีชีวิตที่สงบสุขหากเขากลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิม แต่ชีวิตอย่างเดิมที่ไม่มีจิณณะ จะสงบจริงไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือเขาจะไม่มีความสุข


ถึงเวลาให้พิทักษ์และจิณณะมีความสุขสักที


หล่อนถอนหายใจยาวราวปล่อยวาง เป็นสัญญานบอกให้รู้ว่ายินยอมเปิดทางให้เส้นทางของพิทักษ์และจิณณะเวียนมาบรรจบกันได้เสียที


ทศพรยิ้ม บีบมือเบาๆ


“แต่ภาแน่ใจนะ ว่าทิศออกไปกับจิณ”


“แน่ใจสิคะ เห็นจิณออกไปก่อน แล้วคุณกอบมาคุยกับทิศ แป็บนึงทิศก็ออกไปอีกคน คุณทศถามทำไมหรือ”


“จะได้สบายใจว่าทิศออกไปกับจิณ เพราะถ้าออกไปกับคนอื่น คุณกอบคงไม่เอาครอบครัวเราไว้” เขาเปรยพลางมองไปยังคุณกอบกุลที่กำลังอยู่ในวงสนทนากับกลุ่มทุน แม้จะเป็นสตรีชราร่างเล็ก แต่อำนาจและบารมีของหล่อนไม่น้อยหน้าใครทั้งสิ้น


เพื่อธุรกิจ หล่อนขับเคี่ยวไม่เกรงใคร


เพื่อครอบครัว หล่อนกล้าชนไม่สนหน้าไหน


คุณเทียมเคยย้ำกับเขา ว่าถ้าพิทักษ์ไปไหนไม่รอดต้องผูกสัมพันธ์กับวงศ์กีรติเพราะถลำลึกไปกับความรู้สึกที่มีต่อจิณณะแล้ว ก็ให้ทำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คืออย่าให้พิทักษ์สร้างความเจ็บปวดใดๆให้จิณณะเป็นพอ เพราะงูพิษที่ชื่อกอบกุลพร้อมจะแผ่แม่เบี้ยเพื่อคนในตระกูลวงศ์กีรติเสมอ!

………………….
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 02-05-2019 20:02:52

 กลางวันและกลางคืนเป็นวัฎจักรของโลก เหมือนที่ชีวิตคนมีทั้งช่วงเวลาที่ดำมืดและสว่างไสว


ตอนนี้อาจเป็นช่วงกลางคืนของชีวิต แต่อนาคต แสงสว่างของเช้าวันใหม่จะมายืน และอนาคตของอนาคตก็ย่อมต้องมีกลางคืนวนเวียนกลับเข้ามา จากนั้นก็เป็นกลางวันอีกครั้ง ราวกับมีกลางคืนก็เพื่อให้รู้เห็นความแตกต่างของกลางวัน ชีวิตมีช่วงเวลาตกต่ำก็เพื่อให้เห็นค่าเมื่อขึ้นสู่ที่สูง ชีวิตของจิณณะก็เช่นกัน


ก่อนหน้านี้ชีวิตของเขาราวกับตกอยู่ในห้วงดึกดื่น มองไปทางไหนก็ดำมืดมีแต่ความแค้นอาฆาตทุกลมหายใจเข้าออก แต่แล้วแสงสว่างของเช้าวันใหม่ก็สาดส่องเข้ามาในชีวิต แน่นอนว่าในภายภาคหน้าก็ย่อมต้องวนเวียนไปสู่ห้วงกลางคืนอีกครั้ง แต่เวลานั้นเป็นเรื่องของอนาคต ที่สำคัญไปกว่านั้น ต่อให้อนาคตจะดำมืด แต่ก็ยังมีอนาคตของอนาคตที่มีแสงสว่างรออยู่เช่นกัน


เปลือกตาของชายหนุ่มเปิดขึ้นช้าๆ มองเพดานห้องอยู่พักหนึ่งเพื่อครุ่นคิดถึงความคุ้นเคย ใช่...เขาเคยเห็นเพดานแบบนี้ ไม่ใช่เพดานฉลุลายวิจิตรหรูหราแบบคฤหาสน์วงกีรติ ไม่ใช่เพดานฝ้าเก่าๆของบ้านพักราชการที่เคยอาศัย แต่ถึงอย่างนั้นก็เคยเห็นเพดานแบบนี้


...บ้านพี่ทิศ...


จู่ๆ สมองของคนเพิ่งตื่นก็ทำงานขึ้นมากะทันหัน ทำเอาดวงตาที่หรี่ปรืออย่างง่วงงุนถึงกับเบิกโตแล้วลุกพรวดขึ้นนั่งทันควัน


...บ้านพี่ทิศ?!!...


จิณณะเอี้ยวตัวมองซ้ายขวาอย่างตะลึงตะลาน เขาพบว่าตนเองอยู่บนเตียงกลางห้องนอน ห้องนอนห้องนี้ไม่ใช่ห้องเดิมที่เขาเคยมาอาศัย เพราะห้องนั้นเล็กกว่านี้ และเครื่องเรือนไม่ใช่แบบนี้ ที่สำคัญ ห้องนอนเดิมที่เขาเคยพักไม่มีเตียงกว้างแบบนี้


พอคิดถึงเตียง ดวงตาของชายหนุ่มก็มองตกลงพื้นที่ว่างข้างกาย...ซึ่ง...ยับเล็กน้อย


...เมื่อคืน...พี่ทิศนอนตรงนี้หรือ?...


...นอนข้างกันอย่างนั้นหรือ?...


พอคิดย้อนกลับไปเมื่อคืน หลานชายนอกคอกของคุณกอบกุลก็ทำหน้าปั้นยากขึ้นมาทันที นอกจากเรื่องที่เรียบเรียงไม่ถูกว่าทำไมถึงขึ้นมานอนเตียงเดียวกับพิทักษ์ได้แล้ว ยังนึกไปถึงเรื่องที่นั่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรต่อหน้าพิทักษ์อีก


หมดกัน...ความมาดแมนที่สะสมมา


“ตื่นแล้วหรือ ว่าจะขึ้นมาปลุกพอดี” เสียงดังมาจากหน้าประตู ทำเอาคนที่กำลังขยี้หัวตัวเองให้กับความน่าอับอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต้องเงยหน้ามอง สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง และหน้าตาของคนเพิ่งตื่นนั้นดูอย่างไรก็น่าขำ จนพิทักษ์ยังอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้


“ห...หัวเราะอะไร” คนถูกหัวเราะย้อนถามหน้าตาหงุดหงิดหัวใจเล็กๆ รู้แก่ใจว่าสภาพตนเองในเวลานี้ลองว่าถ้าคนเนี้ยบทุกกระเบียดอย่างคุณกอบกุลมาเห็น เขาคงถูกด่าจนลืมชื่อตัวเองแน่


“หัวเราะแฟนตัวเองต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน”


“ห...หะ...”


“ไปล้างหน้าแปรงฟัน”


“ม...เมื่อกี้พี่เรียกผมว่าอะไรนะ”


“แฟน”


“ฟ...แฟน?...”


พิทักษ์เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าผิดตรงไหน แต่จิณณะที่เพิ่งตื่น นอกจากสมองจะคิดตามไม่ทันแล้ว คำพูดของพิทักษ์ยังชวนให้ตะลึงค้างอีกต่างหาก


“ไปล้างหน้า จะได้ลงไปกินข้าว ทุกอย่างอยู่ในห้องน้ำ แปรงสีฟันอันเก่าของจิณมันนานมากแล้ว พี่เลยเอาอันใหม่มาให้ แต่ที่เหลือนอกจากนั้น ยังอยู่”


...ยังอยู่...ทั้งๆที่จิณณะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก...


ทั้งๆที่ไม่เคยติดต่อกลับมาเลยสักครั้ง แต่ข้าวของเครื่องใช้แทบทั้งหมด พิทักษ์ยังเก็บไว้ และวันนี้เขาย้ายทุกอย่างจากห้องนอนเล็กมาไว้ที่ห้องนี้หมดแล้ว


จะไม่มีวันปล่อยให้จิณณะเดินหายไปจากชีวิตอีกเป็นครั้งที่สอง


จิณณะพูดไม่ออก ได้แต่กลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ รู้สึกเหมือนตนเองทอดทิ้งที่นี่ไป แต่แล้ววันนี้ที่วกกลับมา ก็พบว่าคนที่นี่ยังรอคอย พิทักษ์ต้องอยู่กับความเจ็บปวดจากการรอมานานแค่ไหนแล้ว พิทักษ์อยู่ได้อย่างไรกับความไม่รู้ว่าเขาหายไปทำไม และจะกลับมาอีกไหม...ในขณะที่...ข้าวของของเขายังอยู่ที่นี่เหมือนเดิม


ใจคนรอ ทรมานไม่ต่างจากคนที่เดินจากไปเลย


ฝ่ามืออุ่นวางลงบนศีรษะของจิณณะแล้วลูบเบาๆ ยิ่งทำเอาหยาดน้ำที่คลอหน่วยกลิ้งหล่นลงจากดวงตา


“ผมขอโทษ...พี่ทิศ ผมขอโทษ...” คนที่เลือกเดินจากไปอย่างจิณณะเองก็ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ทรมาน หากพิทักษ์ต้องรอคอยอยู่กับข้าวของเครื่องใช้ของเขาที่ยังหลงเหลือที่นี่ ตัวเขาเองก็ต้องทนทุกข์อยู่กับความทรงจำที่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ความทรงจำที่สวยงามแล้วปิดฉากสุดท้ายด้วยเลือดและลมหายใจรวยรินของพิทักษ์


ใครทรมานกว่ากัน ไม่อาจวัดได้ แต่ต่างคนต่างทรมานไม่ต่างกันเลย


“ไม่ต้องขอโทษแล้ว แล้วก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว จิณณะคนนี้ขี้แยไม่เหมือนจิณณะคนเดิมเลย” พิทักษ์โยกศีรษะคนบนเตียงไปมา เขาก้มลงยิ้มจางให้กับชายหนุ่มที่แม้แต่คุณเทียมหรือมิตรก็ยังออกปากว่าใจเด็ดไม่ต่างจากคุณกอบกุล แต่ผู้ชายใจเด็ดที่ลุงของเขาพูดถึงคงหนีหายไปไหนสักที่ เพราะผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าพิทักษ์ในเวลานี้คือชายหนุ่มที่ก่อนนอนก็ร้องไห้ ตื่นมาก็ร้องไห้


พอถูกทักว่าขี้แย ผู้ชายอายุใกล้สามสิบที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอเลยต้องรีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตา


“ไม่ต้องขอโทษพี่อีกแล้ว เข้าใจไหม”


“แต่ผมทิ้งพี่ไป...”


“แล้วจิณจะทิ้งพี่อีกไหม”


“ไม่แล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นก็เลิกพูดเรื่องเก่า จากนี้ไปจิณห้ามทิ้งพี่อีก ถ้ามีปัญหาอะไร ให้บอกพี่ ห้ามทำคนเดียว”


“ครับ...”


“ไปล้างหน้า จะได้กินข้าว ดูสิ เหลือแต่กระดูก กอดไปมีหวังหักคามือ” ประโยคหลังนั้นเหมือนพิทักษ์บ่นกับตัวเอง แต่ดันเข้าหูคนบนเตียงพอดี จากที่เมื่อครู่ร้องไห้ด้วยความเสียใจที่เป็นฝ่ายทิ้งพิทักษ์ไป เวลานี้จิณณะเลิกเสียใจชั่วคราว เพราะคำพูดสองแง่สามง่ามของคนตรงหน้าชวนให้ตาเหลือก


“ก...กอด?”


“ใช่”


“หักคามือ?”


“แน่นอน พี่กอดแรง” หน้าตาซีดขาวของคนเพิ่งตื่นกลายเป็นแดงวาบขึ้นมาเหมือนเปิดไฟ แถมตายิ่งเหลือกหนักกว่าเดิมเสียอีก


“...แต่จิณไม่ต้องห่วง พี่รับปากกับคุณกอบแล้ว หลานชายของแกคนนี้ จากนี้ไป...พี่จะรับผิดชอบเอง”


จิณณะหงายหลังผึ่งลงไปกับเตียง หากจะมีใครสักคนที่ถูกรับผิดชอบแล้วเป็นลมตาค้าง ก็คงเป็นผู้ชายที่ชื่อ จิณณะ วงศ์กีรติคนนี้นี่แหละ


…………………….


เรื่องของพิทักษ์และจิณณะนับว่าลงเอยด้วยดี แม้จะมีคำครหาลอยตามลมมาถึงหูคุณกอบกุลอยู่บ้างว่าหลานชายไม่ใช่ผู้ชาย แต่คนที่ฝังตัวอยู่ในระบบเศรษฐกิจที่มีทุน ผลประโยชน์และอำนาจวนเวียน ถูกนินทาว่าร้ายทั้งเรื่องจริงและไม่จริงมาร้อยแปดพันเรื่อง ย่อมไม่ใส่ใจ ทำเพียงแค่ยกยิ้มกระหยิ่มแล้วเปรยยอกย้อนกลับไปราวกับจะเปิดหูเปิดตาคนพูด


“ไม่ใช่ผู้ชายแล้วยังเป็นคนไหม ถ้ายังเป็นคนก็แสดงว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของฉันยังไม่กลายพันธุ์”


คำครหาเรื่องจิณณะรักชอบผู้ชายเลยหยุดแต่เพียงเท่านั้น แต่กลายเป็นมีคำนินทาหญิงชรามาแทนที่


‘ที่คุณกอบยอมให้หลานชายอยู่กินกับผู้ชาย ก็เพราะผู้ชายคนนั้นเป็นหลานคุณเทียมน่ะสิ!’


แน่นอนว่าคนหูตากว้างขวางอย่างคุณกอบกุลก็ย่อมได้ยินคำนินทาเช่นนี้ แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น อายุหล่อนปูนนี้แล้ว คำนินทาที่ร้ายแรงกว่านี้ ก็ล้วนผ่านหูผ่านตามาหมด กับแค่เรื่องพรรค์นี้ นอกจากจะไม่ใส่ใจ ยังยิ้มจางรับคำอย่างหน้าชื่นตาบาน


เพราะหากพิทักษ์เป็นชายหนุ่มชาวบ้าน ไม่มีเส้นสายบารมีของผู้เป็นลุงหรือแม้แต่บิดา คุณกอบกุลยอมรับว่าหล่อนคงให้คุณค่าเขาแค่ครึ่งหนึ่งของที่ให้ในเวลานี้


ในสายตาของหล่อน คนเพศใดก็ยังคงเป็นคน แต่คนที่มีผลประโยชน์เอื้อต่อกันนี่สิ จึงจะนับว่าเป็นคนที่คู่ควร


ยิ่งเวลานี้ คุณเทียมกลับมาเป็นผู้มีอิทธิพลเพียงคนเดียวในจังหวัด และกลายเป็นหัวเรือใหญ่เปิดกิจการบ่อนการพนันในพื้นที่ โดยอาศัยกลุ่มทุนที่ออกหน้าโดยท่านเสรี ส่วนไพศาล เวลานี้ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำในฐานะนักโทษฝากขัง ต่อให้คดียังไปไม่ถึงศาลฎีกา แต่กว่าเขาจะกลับออกมาสูดลมหายใจนอกลูกกรง เวลานั้นอำนาจบารมีใดๆก็มลายหายไปหมดแล้ว


การที่คุณเทียมขึ้นเป็นใหญ่ในจังหวัด เป็นผลพลอยได้ที่คุณกอบกุลบันดาลให้ แต่สิ่งที่หล่อนต้องการจากเขาคือเส้นสายของเขาที่ยังคงแวดล้อมอยู่ในวงการการเมือง แน่นอนว่าเมื่อพิทักษ์กลายร่างมาเป็นหลานเขยหรือหลานสะใภ้ก็ตามแต่ ธุรกิจของวงศ์กีรติก็ย่อมได้ประโยชน์ไปด้วย


แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกว่าพิทักษ์คู่ควรกับจิณณะได้อย่างไรกัน


อย่างไรก็ตาม การที่พิทักษ์และจิณณะคู่ควรกันในสายตาของคนใฝ่ประโยชน์ส่วนตนอย่างคุณกอบกุล ก็ยังนับเป็นข้อดีที่ทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขากลับมาสงบสุขอย่างที่ไม่คาดฝัน


ทว่า...วันหนึ่ง เรื่องไม่คาดฝันซ้ำสองก็มาถึงหูของพิทักษ์


ไพศาลฆ่าตัวตายในคุก ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะนัดอ่านคำพิพากษา


“จิณ” ประตูห้องทำงานของจิณณะถูกผลักเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทำเอาชายหนุ่มสองคนในห้องที่กำลังคุยเรื่องตารางงานในวันนี้ต้องหันมอง


หนึ่งคนคือเจ้าของห้องอย่างจิณณะ ส่วนอีกคนคือเลขานุการหนุ่มอย่างดนัย ซึ่งเดิมทีเป็นคนอารักขาความปลอดภัยที่คุณเทียมส่งมาดูแลจิณณะในช่วงวิ่งเต้นเรื่องคดีของไพศาล ไปๆมาๆ เมื่อคดีเข้ารูปเข้ารอย เขาก็รับทำงานเอกสารและเป็นเลขานุการให้จิณณะต่อ ซึ่ง...เป็นเรื่องที่รู้กันระหว่างดนัย พิทักษ์ และคุณเทียมว่างานเลขานุการนี้เป็นเพียงการบังหน้าเท่านั้น หน้าที่ดูแลความปลอดภัยจิณณะอย่างไรก็ยังเป็นหน้าที่หลัก


“พี่ทิศ...” เจ้าของห้องกะพริบตาปริบๆ ที่จู่ๆคนรักก็มาปรากฏตัวที่กรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วน แถมยังพรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานอีกต่างหาก


ดนัยเองก็พลอยเลิกคิ้วไปด้วย แต่ความสัมพันธ์ของพิทักษ์และจิณณะไม่ใช่เรื่องปิดบัง แม้จะแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายมาที่นี่ในเวลาทำงาน แต่ก็ไม่มีอะไรต้องสงสัยมากนัก


“ถ้าอย่างนั้น ผมจะลองติดต่อทางนั้นดู แล้วจะมาแจ้งคุณจิณอีกครั้ง” เขาถอยฉาก ก่อนจะหมุนตัวออกจากห้อง บานประตูปิดลง พิทักษ์กำลังจะอ้าปากพูด แต่เสียงโทรศัพท์ของเจ้าของห้องทำงานดังขึ้นเสียก่อน


“แป๊บนะพี่” แล้วเจ้าตัวก็กดรับสาย


“เรียบร้อยแล้วหรือ โอเค...เดี๋ยวผมโอนให้เลย จะให้พิเศษด้วย งานเร็ว งานไว งานเนี๊ยบ” จิณณะพูดพลางหัวเราะสดใส แล้วตัดสายภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากคุย จากนั้นจึงจัดการธุรกรรมทางการเงินต่ออีกเล็กน้อย แล้วจึงเงยหน้ามองคนมาเยือนที่ยังยืนอยู่กับที่


“โทษทีพี่ ผมสั่งขนมให้แม่น่ะ อยากกินวันนี้เลยต้องสั่งด่วน แล้วพี่มีอะไรรึเปล่า อยู่ดีๆก็มาหาผมถึงนี่”


“จิณรู้ข่าวรึยัง”


“ข่าวอะไร”


“ไพศาลฆ่าตัวตาย”


จิณณะแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ


“พี่ว่าไงนะ?! ไพศาลตาย?! มันตายได้ยังไง...ก็...ก็มัน...”


“ผูกคอตาย...ในคุก”


เกิดเป็นความเงียบภายในห้อง จิณณะนิ่งงัน คนอย่างไพศาล กลัวตายถึงขนาดอ้อนวอนขอให้เขาไม่เอาเรื่อง หุบปากไม่กล้าซัดทอดขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งๆที่อาจทำให้ถูกกันมาเป็นพยานและโทษที่ได้รับอาจถูกลดทอนลง


คนกลัวตายอย่างนั้น...กลับฆ่าตัวตาย


“ผูกคอตายหรือ...” การผูกคอตายนั้นมีหลายรูปแบบ แต่หากแยกออกเป็นประเภทใหญ่ๆก็คือ ผูกคอตายเอง กับมีคนอื่นผูกคอให้ตาย


แล้วไพศาล...เป็นการผูกคอแบบไหน


ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมองคนรัก


“พี่...คิดว่ามันฆ่าตัวตายจริงไหม”


คำตอบของพิทักษ์คือส่ายหน้า ยิ่งทำให้น้ำลายในปากในคอของจิณณะหนืดเหนียว


“แล้วพี่คิดว่าใคร...”


นอกจากจิณณะที่มีคดีความกับไพศาลอยู่ ยังมีขบวนการค้ามนุษย์ที่อาจต้องการปิดปาก และ...มีคุณกอบกุลผู้ซึ่งเจ้าคิดเจ้าแค้นและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อคนในตระกูลวงศ์กีรติ นอกจากนั้นก็มีคุณเทียมที่อาจจะอยากแก้แค้นให้พิทักษ์ที่ถูกยิง


ชายหนุ่มสองคนมองหน้ากัน ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ ต่างคนต่างเป็นห่วงว่าอาจเกี่ยวข้องกับวงศาคณาญาติ คุณกอบกุลมีทั้งเงินทองและเครือข่าย คุณเทียมเองก็มีทั้งอำนาจและเส้นสาย หากไม่ใช่การปิดปาก ก็คงเป็นไปเพื่อการแก้แค้น


ชีวิตของไพศาลสูญสิ้น ไม่ว่าจะด้วยการตัดสินใจของตนเอง หรือการตัดสินใจของผู้อื่น แต่ก็ไม่อาจมีโอกาสกลับมาวนเวียนอยู่รอบตัวจิณณะและพิทักษ์อีกแล้ว ไม่ดีต่อการจากไป แต่จิณณะกลับทอดถอนลมหายใจแล้วเอนหลังพิงพนัก พลางหัวเราะเบาอย่างไร้อารมณ์ขัน


“ผม...คงใจหยาบมากเลย อยู่ดีๆ พอคิดว่าไพศาลตาย ผมกลับเบาใจ...” ทั้งๆที่พูดคำว่าเบาใจ แต่สีหน้าของเขากลับไม่มีวี่แววจะสบายใจเลย อาจจะเบาใจว่าชีวิตนี้รอดพ้นจากการตามราวีของไพศาลแน่แล้ว แต่ก็ไม่อาจวางใจว่าการตายของไพศาลในครั้งนี้จะนำพาเรื่องใดมาสู่คนใกล้ชิดหรือไม่


ฝ่ามืออุ่นวางลงบนศีรษะของจิณณะ สีหน้าของพิทักษ์ไม่ได้แตกต่าง ต่างคนต่างหนักใจและเป็นกังวล เวลานี้ ทั้งคุณเทียมและคุณกอบกุลล้วนมีบารมีและเงินทอง แต่หากวันหนึ่งหมดสิ้นอำนาจวาสนา คนที่เป็นปรปักษ์คงขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในร้อยเรื่องพันเรื่องเพื่อโจมตี แม้ว่าทั้งสองอาจจะพัวพันหรือไม่ก็ตาม


“อาจจะไม่ใช่คนของเราก็ได้ ไพศาลมีทั้งคนเกลียด มีทั้งเรื่องค้ามนุษย์ อาจเป็นการปิดปาก...”


แม้จะให้กำลังใจแต่พิทักษ์ก็ไม่อาจรับประกัน จริงอยู่ว่าการที่ไพศาลก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลของจังหวัด ย่อมไม่ได้เดินผ่านแต่สวนดอกไม้ เขาก้าวข้ามศพใครมาบ้าง คนแค้นเคืองย่อมมี ไหนจะเรื่องที่เกี่ยวพันกับเครือข่ายค้ามนุษย์อีก เรื่องปิดปากก็มีเหตุผล แต่ความแค้นส่วนตัวที่คุณกอบกุลและคุณเทียมมีต่อไพศาลก็มองข้ามไม่ได้เช่นกัน...


แต่ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ไพศาลถูกระบุว่าฆ่าตัวตาย ก็ย่อมต้องเป็นการฆ่าตัวตายต่อไป จนกว่า...วันใดวันหนึ่ง ความจริงจะปรากฏ หรือ...อาจจะไม่มีวันนั้นเลย ก็เป็นได้


“ถือซะว่า...เขาพ้นกรรมในชีวิตนี้ไปแล้ว...”


จิณณะได้แต่รับคำ ทั้งๆที่อาฆาตแค้นไพศาลทุกลมหายใจเข้าออก วันนั้นเขาหมายมาดอยากให้ไพศาลได้รับโทษถึงชีวิต ให้สาสมกับที่พิทักษ์รับเคราะห์ปางตาย แต่วันนี้พอไพศาลหมดลมไปแล้วจริงๆ มันกลับอื้ออึงจนพูดไม่ออก ได้แต่ทอดถอนหายใจราวกับปลงตก


ชีวิตคนเราก็เท่านี้ ดิ้นรนขึ้นที่สูง วันหนึ่งพลาดพลั้งตกต่ำ บางคนดิ้นรนต่อเพื่อให้ชีวิตกลับสู่ที่สูงอีกครั้ง แต่สำหรับบางคน...การตกต่ำครั้งนั้นอาจเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต


ข่าวการตายของไพศาลไม่เพียงมาถึงหูพิทักษ์และจิณณะ แต่ก่อนที่ข่าวจะออกสู่สาธารณชน เรื่องนี้ไปถึงคฤหาสน์วงศ์กีรติและบ้านพักของคุณเทียมก่อนแล้ว


ฟากหญิงชราผู้ถูกขนานนามว่างูพิษรับฟังข่าวคราวจากเลขานุการอย่างสงบแม้จะเป็นเรื่องความตายก็ตาม สีหน้าของหล่อนไม่แปรเปลี่ยน ทว่ามุมปากมีรอยยกเล็กน้อย ในขณะที่ฝั่งคุณเทียม มีโทรศัพท์จากใครบางคนส่งข่าวในเรือนจำมาถึงหู ก็ทำเพียงรับฟังอย่างเงียบๆ แล้วเอนหลังพิงพนักอย่างผ่อนคลาย


ไม่มีความอาลัยใดๆในดวงตาของสองชรา


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสที่ 23 ค่ะ)

บางที เรามักจะพบว่าข่าวลือที่เกี่ยวกับเรื่องเดียวกัน แต่ลือกันมาคนละอย่าง ล้วนน่าเชื่อไปหมดทุกอย่างเลย ฮ่าฮ่า เรื่องของไพศาลก็เลยตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ

ส่วนตอนที่แล้วก็เป็นไปตามคาดว่าคุณย่าจะต้องได้มงและดอกไม้ แต่ก็อย่างที่บอกไว้ในตอนนี้ คุณย่าแกมีเป้าหมายสำคัญอยู่ 2 อย่าง 1.ลูกหลานของแก 2.ผลประโยชน์ของแก จริงๆแล้วแกก็เป็นคนชิลๆดีนะคะ อยากได้อยู่ไม่กี่อย่างเอง ฮ่าฮ่า

   เนื่องจากบัวมีสอบไฟนอล ก็เลยจะของดลง 2 สัปดาห์ (อ่านหนังสือไม่ทันนั่นเอง T.T) แต่นี่ก็เคลียร์ปมไปจนหมดแล้วนะ ไม่ค้างเท่าไรแล้วใช่มั้ยคะ ฮ่าฮ่า เอาเป็นว่าหลังสอบก็เตรียมผ้าเช็ดหน้าซับเลือดกันสักรอบนะ พี่ทิศจะกลับมาเป็นพระเอกเต็มตัวจริงๆแล้วค่ะ

   ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

   เจอกันวันที่ 23 ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 02-05-2019 20:38:53
ยังไม่ได้อ่านเลยเม้นก่อน​ วันนี้กดรีเฟรช​หลายรอบมากในที่สุดก็มา​ อิอิ :z1: :katai5: :3123: :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 02-05-2019 20:40:18
บอกเลยว่าอันนี้ยิ่งกว่าผลประโยชน์ทับซ้อน
เรียกว่าอำนาจทับซ้อนแล้วกัน
55555555555555555
แอบน้ำตาไหลตามจิณเลย
จิณหนักหนามาก ๆ ต้องสะกดใจตัวเองไว้  :hao5:
ที่ผ่านมาคงกลัวมากสินะ โอ๋นะ /ลูบหัว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 02-05-2019 20:43:34
คุณย่าคือนางเอกตัวจริงของเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 02-05-2019 21:15:18
ขอให้สอบผ่านนะคะ สู้สู้ค่ะ

รออีก 2 สัปดาห์ ต้องลงแดงก่อนแน่เลยค่ะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anterosz ที่ 02-05-2019 21:54:26
จินไม่ได้สั่งขนมแน่ๆ อาจเป็นการจ่ายค่าเชือกของไพศาล 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 02-05-2019 22:00:56
ในที่สุดก็เข้าใจกันซักทีนะ อยากเห็นฉากหวานๆอีกอ่ะ
อดใจรอวันที่23 ไม่ไหวแล้วค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 02-05-2019 22:28:09
 
 สามตอนก่อนหน้า  คือ :hao5: :hao5: :hao5:
 วันนี้เมื่อจิณณะเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา  :katai2-1: คือ น้องจิณ น่ารักน่าเอ็นดู :กอด1:
  :L2: ส่งกำลังใจให้คุณบัวในการสอบ ขอให้ได้คะแนนเยอะๆ เกรดดีดีนะคะ :L2:
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: angelhani ที่ 02-05-2019 22:46:10
เข้าใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 02-05-2019 22:51:08
จากปลัดจิณจอมกวน มาเป็นจิณคนโหด ตอนนี้เหมือนกลายเป็นหนูจิณขี้แยของพี่ทิศไปแล้ว  น่ารักมาก รอดูตอนหน้าพี่ทิศกลับมาเป็นพระเอกเต็มตัวแล้ว  :impress2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-05-2019 23:30:48
 :mc3: :mc3: :mc3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 02-05-2019 23:40:39
รอดูมาดพระเอกที่แท้ทรูเลยค่ะ

ที่ยังเทียวไปเทียวมาไม่ทำอะไรน้องซักที
นี่ว่าพี่ทิศกะขุนน้องให้เต็มไม้เต็มมือก่อน ด้วยเกรงว่านุ้งจิณจะหักคามือ
คือแบบ...พี่ดุนะ เกรงน้องจะไม่ไหว คิกค้ากกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: taku_kimu ที่ 02-05-2019 23:45:27
ลงโทษจิณแรงๆ เลยพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-05-2019 00:24:16
ขอให้ทำข้อสอบผ่านฉลุยไม่ติดขัดนะคะ
ไปตุนผ้ามาซับเลือดรอค่าา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: jaja-jj ที่ 03-05-2019 00:25:15
ชอบวิธีเคลียร์ปมของจิณมากค่ะ อินมาก กลัวมาดเหมือนกัน
สรุปไพศาลนี่ยังไง กลัวแล้ว คุณย่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 03-05-2019 00:50:08
นางเอกของเราร้องไห้น้ำตาท่วมจอเลย
ทำไมมันช่างอ่อนแอเหลือเกินนนนน ฮือ ฮือ ฮือ !
 o18  o18  o18
/me เพิ่งรู้ว่าพี่ทิศชอบกอดแรง แล้วดุด้วยมั้ย อยากรู้ คริๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-05-2019 01:39:02
 :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 03-05-2019 02:20:19
รอพระเอกมาทำหน้าที่ค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 03-05-2019 02:27:22
ดีใจที่น้องหายเศร้าแล้ว  :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 03-05-2019 05:34:57
นี้ร้องไห้ตามจิณทั้งตอนเลย ฮืออออ :o12:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 03-05-2019 07:42:52
นิวจิณณะเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-05-2019 09:01:07
ตอนนี้จิณถอดร่างอวตาร กลายเป็นเด็กน้อยเรียบร้อย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 03-05-2019 09:28:19
 :mc4: เข้าใจกันแล้ว น่ารัก รอดูความหวาน?ของคู่นี้ จะมีให้ดูมั้ยเนี้ย
       :L2:   :pig4:   :L1:
ปล.คุณจิณนะคือร่างแยกคุณย่าชัดๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 03-05-2019 10:31:09
คุณบัว... กลับมาก๊อนนนนน  กลับมาอัพเดตตอนที่หน้าแรกก่อน ยังเป็นตอนที่ 17 (25/4/62) อยู่เลยจ้าา  / ดีนะ ที่เรากะจะแอบเข้ามาทวงคุณบัวสักหน่อย นึกว่ายังไม่อัพ เข้ามาข้างในถึงเห็นว่าอัพแล้วแค่ยังไม่แก้หัวข้อ อิอิ

คุณบัวให้เวลาจิณณะได้เตรียมตัวเตรียมใจ 2 วีค ให้คนอ่านได้เตรียมเลือดสำรอง 55555 / พี่ทิศกดดันไหมพี่ 55555

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-05-2019 11:50:55
 กลายเป็นเจ้าจิณคนขี้แยไปซะแล้ว
เป็นกำลังใจให้คุณบัวนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-05-2019 14:34:59
รอซับเลือด :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 03-05-2019 16:47:18
 :hao5: :hao5:

รอพฤหัสหน้าเเทบไม่ไหวแล้วค่ะ   ทางส่วนของคุณกอบกุลนั้น  โอ้โห้เข้าใจว่าตอนสาวๆคงเป็นงูพิษสารพัดชนิดอยู่ในตัว  แต่ตอนนี้ก็แก่เเล้วลูกหลานเต็มบ้านเลย  อยากเห็นคุณกอบกุลเวอร์ชั่นหน้าไม่ตึงบ้าง  คุณย่าจะเมื่อยมั้ยคะเนี่ยต้องเก็กมาตลอดชีวิตเนี่ย   อยากเห็นคุณย่าเล่นมุกให้ลูกหลานหน้าเหวอบ้างจังค่ะ 
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sleepybear ที่ 03-05-2019 17:08:08
อ่านรวดเดียวจนถึงบทที่ 18
เสียน้ำตาให้ไปหลายบท
นี่เราต้องมาเสียเลือดให้กับฉากต่อไปไหมอะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: febusapollo ที่ 03-05-2019 22:02:09
แง จิณณะกลายเป็นน้องไปเลย ร้องไห้ซะหมดมาดที่สะสมมา
แต่ไม่เป็นไรนะ ยังมีพี่ทิศคอยช่วยเหลืออยู่
อาการภาพหลอนแบบนี้ควรไปหาหมอไหมอ่าเป็นห่วง

คุณบัวสู้ๆนะคะ อยู่ในช่วงสอบเหมือนกันเลย ซัฟเฟอร์มากๆ :z3: รอติดตามเสมอน้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 03-05-2019 22:11:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-05-2019 22:33:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 03-05-2019 22:48:22
เรื่องนี้สนุกมากเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-05-2019 22:53:05
รอส่งตัวเข้าหอแบบจริงจังแล้วค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 03-05-2019 22:55:42
น้องจิณเล่นตัวจุง ให้พี่ทิศรอตั้ง 2 อาทิตย์ 55
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 03-05-2019 23:14:39
เข้าใจกันแล้ววววว ถึงเวลากอดน้องของพี่ทิศแล้วว :impress2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 03-05-2019 23:30:22
ดีใจที่ปรับความเข้าใจกันได้ รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-05-2019 23:50:16
หวายๆๆๆ ซับเลือดคราวหน้า ก็ต้องถึงคิวที่น้องจิณต้องเสียเลือดบ้างแล้วแหล่ะ แต่ขอเสียเลือดแบบฟินๆนะคะ

ถ้าการตายของไพศาล จะตายเพราะงูพิษหรือคนใหญ่ในจังหวัด อิฉันรู้สึกโล่งใจ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=&gt; หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 04-05-2019 00:06:18
โดนสั่งเก็บนิเองง


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-05-2019 02:28:33
ในที่สุดดดดดด  :heaven
เป็นตอนที่สะท้อนชื่อเรื่องได้ดีมากๆ แต่จริงๆก็มีหลายตอน 5555555555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-05-2019 13:51:35
ขอให้ทั้งสองหวานชื่นกันซะที :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 04-05-2019 14:13:15
รอตอนหน้าอย่างใจจดจ่ออยากรู้ว่าพี่ทิศจะจัดการกับน้องจิณยังไง :z1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 04-05-2019 18:26:09
ตอนนี้ต้องให้มงลงที่คุณย่าแล้วค่ะ คุณย่าได้คะแนนนิยมไปเยอะมาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 04-05-2019 18:57:20
ฉายาเต็มคำ หลานนอกคอก (จิณ) คุณย่าคิดการณ์ไกล อำนาจต่ออำนาจ ส่วนพี่ทิศจะกอดจิณแรงๆ คนอ่านเชียร์สุดใจจร้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 04-05-2019 20:47:11
คุณย่าสุดยอดจริงๆ//โบกป้ายไฟ
หลังจากนี้เราจะได้เห็นโมเม้นต์หวานของพระเอกนางเอกแล้วสินะ55555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 04-05-2019 21:56:24
กว่าจะเจอพี่ทิศคนดุอีกก็เป็นเดือนเลย ฮือออออ ในที่สุดเขาก็ดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-05-2019 23:30:51
 :impress2:


ชอบคุณกอบกุล จังเลยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 05-05-2019 18:02:14
เย้ๆ เขาดีกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 06-05-2019 12:05:22
เก่งมาจากไหนก็แพ้พี่ทิศ~ ร้องไห้งอแงเป็นลูกหมาตัวโตเลยจิณเอ้ยย  :z3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 06-05-2019 20:32:03
จิณกลายเป็นเด็กน้อยของพี่ทิศไปเลยจ้า
ทิศคลายปมให้จิณได้แล้ว และก็จะผูกจิณไว้แน่นด้วย

น่ารักดีตอนที่ทิศต้อนจิณให้ตกหลุม

โอ๊ยยย อย่าบอกนะว่าที่ตาย เพราะลุงกับย่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-05-2019 15:30:32
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 07-05-2019 17:31:07
ขอบคุณฮะ คุณบัวน่ารักมากเลยคิดถึงคนอ่านเสมอ ขอให้ทำข้อสอบได้ดีๆๆๆๆๆๆ สุขภาพแข็งแรงนะฮะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-05-2019 18:20:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 08-05-2019 08:39:43
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 08-05-2019 14:15:53
กด + ให้คนเขียนเลยค่ะ อ่านเพลินมากและสนุกมากเช่นกัน (สารภาพว่าพึ่งได้อ่าน)  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 08-05-2019 22:23:35
ตอนที่พี่ทิศจี้ถามแล้วจิณตอบแบบตะกุกตะกักมาก แบบคนมันทำผิดอะเนาะ มันมีชนักติดหลังง  ตอนหน้าของหวานๆเลยนะคะ  ไฟนอลก็สู้ๆนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 09-05-2019 07:28:48
เข้ามานับถอยหลังรอวันที่ 23 ><
อยากอ่านต่อเร็วๆ แย้วววว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Keawmikami ที่ 12-05-2019 15:05:17
เพิางเข้ามาอ่าน จะตามอ่านให้ทันค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chakaimook ที่ 17-05-2019 17:37:35
โอยยย หลงคุณย่า ช่างเป็นหญิงแกร่งอะะะไรเช่นนี้  :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 21-05-2019 10:51:17
คิดถึง
 :mew1:
 :mew1:
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 18...=> หน้าที่ 31 (02/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-05-2019 10:54:02
คิดถึงพี่ทิศกับน้องจิณแล้วค่ะ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 23-05-2019 20:28:15
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนที่ 19


วาระสุดท้ายของไพศาลกลายเป็นข่าวโด่งดังชั่วข้ามคืน จากพ่อค้าผู้มีอิทธิพลในจังหวัดที่ใครหลายคนเพ่งเล็งว่าเขาจะมาโค่นผู้มีอิทธิพลรายเดิมอย่างคุณเทียม กลับกลายเป็นชีวิตตกอับ มีคดีติดตัว และลมหายใจสุดท้ายหมดลงเบื้องหลังลูกกรง


แน่นอนว่าการฆ่าตัวตายในเรือนจำเป็นประเด็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะการตั้งคำถามว่าเป็นการฆ่าตัวตายจริงหรือไม่ ข่าวลือลอยตามลมมีอยู่สองกระแส


กระแสแรกคือเป็นการฆ่าตัวตายจริง เพราะตระหนักว่าอย่างไรก็ไม่รอด พ้นคดีค้ามนุษย์ก็ไปติดที่คดีจ้างวาน พ้นคดีจ้างวาน ก็ไร้ซึ่งบุญวาสนาจะได้กลับมาเป็นใหญ่


ส่วนกระแสที่สอง...ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย กระแสนี้มีหลายมูลเหตุ เหตุหนึ่งคือแก้แค้น โดยเสือเฒ่าผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่เดียวกันที่หลานชายถูกยิง หรือมิเช่นนั้นก็เป็นงูพิษหญิงชราเจ้าของธุรกิจพันล้านที่หลานชายถูกหมายหัว อีกเหตุหนึ่งคือการปิดปากจากขบวนการค้ามนุษย์


อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อหมดวาสนาก็ไม่เหลือแม้สักกระผีก เพราะจู่ๆ สื่อก็ขุดคุ้ยคดีทุจริตโครงการก่อสร้างแห่งหนึ่ง ความสนใจของคนทั้งประเทศก็แห่แหนกันไปลงยังเรื่องนั้น การตายที่ดูจะมีเงื่อนงำแม้จะโด่งดังชั่วข้ามคืน แต่อีกไม่กี่คืนต่อมาก็จางลง ส่วนลูกน้องลูกพี่ของไพศาลก็ไม่อยากกวนน้ำให้ขุ่น เรื่องนี้จึงเงียบหาย


ชีวิตคนตายจะโด่งดังหรือไม่ก็เป็นส่วนของคนตาย ส่วนชีวิตคนเป็นก็ยังคงดำเนินต่อไป


ชีวิตของพิทักษ์และจิณณะเป็นไปในทิศทางที่สงบมากขึ้น นอกจากผู้หลักผู้ใหญ่ของครอบครัวจะรู้เห็นและไม่มีวี่แววขัดขวางแล้ว ยังไม่มีศัตรูใดๆมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก นับว่าแต่ละเช้าที่ตื่นขึ้นมาล้วนสดใสและสงบสุข ยกเว้นก็แต่...ใครบางคนกำลังก่อเรื่อง


แต่คราวนี้ไม่ใช่คนก่อเรื่องเกรดพรีเมี่ยม


“พาไปหาน้าภา? พี่บ้าเหรอ?!!” จิณณะร้องลั่นหน้าตาตกใจ ช้อนที่ถือถึงกับหล่นลงกับจานดังเคร้ง ทั้งข้าวทั้งกับที่อยู่บนช้อนกระเด็นกระดอนเลอะเทอะเสื้อเชิ้ต แต่เจ้าตัวไม่มีสติจะสนใจความสกปรกบนเสื้อตัวเองเลยสักนิด เพราะสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือคำพูดประโยคที่แล้วของพิทักษ์ต่างหาก


‘จิณว่างเมื่อไร พี่อยากพาไปหาแม่ภา’


เป็นฝ่ายพิทักษ์เสียเองที่หันไปดึงกระดาษเช็ดหน้าบนโต๊ะมาส่งให้ แต่ทว่าก็ยังนิ่งมองราวกับเป็นการย้ำว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ เขาพูดจริง และตั้งใจจริง


นับตั้งแต่เกิดเรื่องพิทักษ์ถูกยิง จนกระทั่งวันนี้ ความสัมพันธ์ของพิทักษ์และจิณณะเป็นที่รับรู้ของคนรอบข้าง แม้จะไม่มีใครชื่นชมยินดีออกหน้าออกตา แต่ก็ไม่มีใครออกตัวขัดขวางเช่นกัน ส่วนหนึ่งต้องยกให้เป็นความดีความชอบของคุณกอบกุลที่ยืนกรานหนักแน่นว่าหล่อนไม่มีปัญหากับการที่ทั้งสองจะคบหากัน คนอื่นเลยพากันเงียบและกลายเป็นยอมรับไปโดยดุษณี แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นที่รู้กันดีว่าจิดาภาและจิณณะไม่เคยพบกันในฐานะแม่ของพิทักษ์และคนรักของพิทักษ์เลยสักครั้ง


เสียดายความสัมพันธ์น้าหลานที่ครั้งหนึ่งเคยเคารพรักใคร่เอ็นดู


พิทักษ์ในฐานะคนกลางระหว่างแม่เลี้ยงและคนรัก จึงต้องหาทางช่วยเหลือ ด้วยวิธีการที่แม้แต่จิณณะเองก็ถึงกับตาโตตกตะลึงคาดไม่ถึง


“พี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ น้าภา...ไม่อยากพบผมหรอก” จะบอกว่าเกลียดก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะมันยอกอก แค่ทุกวันนี้จิดาภายอมปิดหูปิดตาให้พิทักษ์และเขาคบหากันก็นับว่าบุญมากแล้ว แล้วจะให้เขาเสนอหน้าไปพบทั้งๆที่เคยรับปากว่าจะไม่ทำให้พิทักษ์ลำบากอีกอย่างนั้นหรือ


...เดี๋ยวสิ จะว่าไป...ตอนนั้นสัญญาว่าจะไม่ทำให้ชีวิตพิทักษ์ลำบากอีก แต่ไม่ได้พูดสักคำว่าจะไม่กลับมาอยู่กับพิทักษ์อีก...


...เอ่อ...พูดเอง ตีความเอง แล้วก็เข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพ มันก็ดูหน้าด้านจริงๆนั่นล่ะ! แถมยังจะให้เอาหน้าด้านๆไปพบจิดาภาในฐานะคนรักของพิทักษ์อีก! จิดาภาไม่รักเขาก็ไม่แปลก แต่จะเกลียดขี้หน้าเป็นของแถมมาด้วยนี่สิ!...


“แล้วเราจะอยู่กันอย่างนี้หรือ” พิทักษ์ย้อนถาม ทำเอาคนฟังชะงักกึกเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ของเช้านี้


“ทำไมพี่พูดเหมือนผมกับพี่หนีตามกันมา หวังว่าพี่จะไม่ลำบากที่หนีตามผมมานะ กัดก้อนเกลือกินบ้างรึเปล่า เมื่อคืนนอนหนาวยุงไรไต่ตอมบ้างไหม” แล้วตัวแสบก็หาทางเปลี่ยนเรื่อง พลางกลั้วหัวเราะ แต่พิทักษ์ยังนั่งนิ่งราวกับไม่คิดจะพูดเล่น ทำเอาเสียงหัวเราะของจิณณะหายไปทันที หลานชายของจิดาภากลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้ตัวดีว่าคงไม่รอดแน่ๆ


“อ่า...ไม่ขำแหะ”


“ไม่ขำ” เชื่อแล้วว่าไม่ขำเพราะไม่มีรอยยิ้มสักนิด


“ดุด้วยเว้ย”


“ไม่ได้ดุ” ส่วนนี่ไม่เชื่อ เพราะจ้องกันตาเขม็ง อีกนิดคงฆ่ากันตายได้แล้ว


“เอ้อ...แล้ว...แล้วพี่...แน่ใจเหรอ...”


“มีอะไรที่ต้องไม่แน่ใจ จิณเป็นคนรักของพี่ แม่ภาเป็นแม่ของพี่ ทั้งจิณและแม่ภามีปัญหากันเพราะพี่ พี่อยู่เฉยๆจนมาถึงวันนี้ เพราะคิดว่าเวลาน่าจะช่วยได้ แต่จนตอนนี้ทั้งจิณและแม่ภาก็ยังไม่คุยกันใช่ไหม”


“ก็...ไม่รู้ว่าต้องคุยอะไร” คนเป็นหลานตอบอ้อมแอ้ม ทั้งๆที่นอกจากสถานะคนรักของพิทักษ์แล้ว จิณณะยังเป็นหลานชายแท้ๆของจิดาภา หนำซ้ำยังไม่ใช่ญาติห่างไกลเจอกันแค่ตอนบังสุกุลโกฐบรรพบุรุษปีละครั้งอะไรเทือกนั้น


จะว่าสนิทกันพอสมควรก็ว่าได้ แต่จะมาไม่สนิทก็ตอนมาอยู่กินกับพิทักษ์ทั้งๆที่คำสัญญายังแทงหลังอยู่นี่ล่ะ


“ตอนเป็นน้าหลานคุยอะไรกัน ตอนนี้ก็คุยเหมือนตอนนั้น”


“จะให้คุยเหมือนเดิมได้ไง ตอนนี้ผมกับน้าภาอย่างกับ...”


พอมาคิดถึงสถานะของตนเองกับจิดาภา ก็ทำเอาจิณณะฉุกใจ จะว่าไปแล้วระหว่างเขาและพิทักษ์ก็ไม่มีการตกลงว่าใครจะเป็นผัวเป็นเมีย พวกเขาอยู่ด้วยกัน เป็นห่วงเป็นใย พึ่งพาอาศัย ความสัมพันธ์เป็นไปในเชิงคู่รักก็จริง แต่ยังไปไม่ถึงขั้นแนบชิด เอาจริงๆก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าการนอนข้างกันทุกคืน ทำไมความสัมพันธ์ถึงไม่ขยับ พิทักษ์ไม่เร้าใจสำหรับเขาหรือ หรือเป็นเขาเองที่ไม่หวือหวาสำหรับพิทักษ์ แต่เพราะต่างคนต่างก็ยุ่ง แม้จะหมดเรื่องไพศาลแล้ว แต่หน้าที่การงานในแต่ละวันก็ล้วนผลาญพลังงานไปแทบหมด หัวถึงหมอนก็หลับสนิท เอ่อ...คนหลับก่อนก็เขานี่ล่ะ   


แต่เอาเป็นว่า จนกระทั่งวันนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเรียกว่าแฟนน่ะได้ แต่เรียกว่าผัวเมียยังไม่ถึงขั้น พอเป็นอย่างนั้นก็เลยไม่รู้ว่าจะนับตนเองเป็นลูกสะใภ้หรือลูกเขยของจิดาภาดี


...จะเรียกว่าเป็นศึกแม่ผัวลูกสะใภ้ หรือแม่ยายลูกเขยดีล่ะ…


แต่เขาเป็นผู้ชาย ก็สมควรจะเป็นลูกเขยของจิดาภา อ่า...แต่พิทักษ์ก็เป็นผู้ชาย...


เพศกำเนิดไม่ใช่เรื่องปวดหัว แต่จะมาปวดหัวก็ตอนระบุสถานะทางสังคมให้กลายเป็นคำที่เข้าใจง่าย จริงๆก็ไม่ยาก ถ้าระบุได้ชัดเจนว่าใครจะเป็น ‘ผัว’ ใคร


แล้วเรื่องแบบนี้ ควรเอามาถามเป็นคำพูดไหม ‘เฮ้! พี่ทิศ สรุปว่าเราสองคน ใครเป็นผัวหรือเมียดีล่ะพี่’ แค่คิด จิณณะก็เหมือนจะต้องไว้อาลัยให้ตัวเอง ไม่ใช่แค่จะโดนดุแต่มีหวังโดนพิทักษ์สวดแน่นอน


“มองอะไร ทำตาหลุกหลิก” พิทักษ์ย้อนถาม เมื่อเห็นดวงตาซุกซนมองเขาอย่างคลางแคลงใจ


...เห็นไหม ยังไม่ทันได้ถาม แค่มองอย่างเดียวยังถูกดุ...


...อย่างงี้สงสัยต้องใช้วิธีโยนหินถามทาง หยอดทีละนิดว่าจิดาภาเป็นแม่ยาย สุดท้ายก็จะเป็นฝ่ายจิณณะที่ได้ตำแหน่งลูกเขยมาครอง!...


“เปล่า เอ่อ...ผมแค่ไม่คิดว่าน้าภาจะอยากเจอผม”


“แต่พี่กลับคิดว่าแม่ภาอยากเจอจิณ แม่ภาเอ็นดูจิณมากนะ แต่แม่ภาเองเป็นคนยื่นข้อเสนอนั้น จะให้แกเป็นฝ่ายมาหา ก็เหมือนอะไรสักอย่างค้ำคอ” จิณณะพยักหน้าอย่างเข้าใจ กรณีแบบนี้ต้องมีใครสักคนเป็นฝ่ายยอมลงให้ก่อน ไม่เขาก็จิดาภา แต่ฝั่งจิดาภาถือตัวว่าเป็นผู้ใหญ่ เลยไม่กล้าถอยศักดิ์ศรี หากฝ่ายเขาเองมองว่าศักดิ์ศรีสำคัญไปด้วยอีกคน ก็จะต่างคนต่างอยู่เช่นนี้ไปตลอด


แล้วมันดีต่อใคร?


ฝ่ายผู้ใหญ่ไม่ถอยให้เด็ก เพราะเห็นว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ฝ่ายเด็กไม่ถอยให้ผู้ใหญ่เพราะคาดหวังว่าอีกฝ่ายต้องมีวุฒิภาวะและรู้จักปลงตกให้อภัย สุดท้ายก็เลยไม่มีใครเป็นผู้ใหญ่จริงๆสักคน


จิณณะเหลือบมองพิทักษ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม การต่างคนต่างอยู่ของเขาและจิดาภาดีต่อใครไม่รู้ แต่ที่รู้คือมันไม่ดีต่อคนกลางอย่างพิทักษ์เลย


“พี่ก็อยากให้ผมไปพบน้าภาใช่ไหม”


 คนถูกถามพยักหน้า


ศักดิ์ศรีทำให้เรากล้าผายอกอยู่ในสังคม แต่สำหรับจิณณะผู้ซึ่งเป็นหลานชายของคุณกอบกุลนั้น ได้สายเลือดของพวกประโยชน์นิยมมาแทบจะเต็มร้อย ศักดิ์ศรีทำให้มีหน้ามีตาก็จริง แต่เมื่อวันหนึ่งมีบางสิ่งที่สำคัญกว่าศักดิ์ศรี เขาก็พร้อมจะทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อประโยชน์บางอย่างที่เทียบกันแล้วมากกว่า ซึ่งในคราวนี้ ประโยชน์ที่ว่าก็คือความรู้สึกของพิทักษ์


“ก็ได้ ผมจะไปพบน้าภา” เจ้าตัวออกปาก สีหน้าหนักใจเล็กน้อย “...แต่ขอเป็นสักสัปดาห์หน้าได้ไหม ขอผมคิดก่อนว่าจะพูดกับน้าภายังไงดี” ลูกเลี้ยงของจิดาภาหัวเราะเบา ดูเบาใจไปเปราะที่คนรักยอมตกปากรับคำ


“อยากพูดอะไรกับแม่ภาก็พูด ไม่เห็นต้องคิดว่าจะพูดยังไงเลย” ทว่าคนกำลังจะต้องไปพบ ‘แม่ของแฟน’ กลับส่ายหัวดิก


“ไม่ได้สิ ผมไปพบน้าภารอบนี้ก็เหมือนไปขอพี่ ตอนนี้ผมอยู่กินกับพี่ก่อนแล้ว อย่างน้อยก็ต้องขอขมา ไหนจะเรื่องที่ผมหน้าด้านไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับน้าภาอีก สองกระทงแล้วนะ พี่ว่าผมไปตอดมรดกคุณย่ามาอีกสักหน่อยดีไหม เอาไปเป็นสินสอดวางตรงหน้าน้าภา แต่น้าภาจะเรียกเยอะไหมก็ไม่รู้ พี่เคยถูกยิงเพราะผมด้วย...อ่า ไม่ได้ถูกยิงเพราะผม แต่ถูกยิงเพราะปกป้องผม วุ้ย! ซีนนี้พูดผิดไม่ได้เลยนะ”


ประโยคหลังนั้น จิณณะจำต้องเปลี่ยนคำพูดเสียใหม่ เพราะถูกคนรักจ้องตาขวาง แต่ถ้าจะสังเกตมากกว่านั้นสักนิด พิทักษ์เริ่มหน้าตึงมาตั้งแต่ตอนที่เจ้าตัวออกปากว่าจะไปตอดมรดกคุณย่ามาสู่ขอแล้ว


มีบางคนไม่รู้ตัวจริงๆด้วย ว่าที่อยู่รอดปลอดภัยมาทุกวันนี้ เป็นเพราะอีกคนทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ‘ยอม’ ลงให้ก่อน ทว่าก็เป็นการยอมที่อยู่ในสายตามาโดยตลอด


เห็นว่าช่วงนี้งานหนัก กลับถึงบ้านก็หมดสภาพ หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย ไหนจะผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เพิ่งจะหลังจากที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันนี่เอง จิณณะถึงได้เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นบ้าง


เหยื่อถูกขุนให้อ้วนไม่รู้ตัวสักนิดว่านักล่ากำลังรอเชือดตอนที่กำลังอร่อยได้ที่


“พี่ว่าผมพูดอะไรอีกดี ผมจะรับผิดชอบพี่ทั้งตอนทุกข์ตอนสุข เรื่องที่เคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้พี่ลำบากก็จะยึดมั่นแน่วแน่ จะไม่วอกแวกนอกใจ จะไม่ทิ้งให้พี่เดียวดาย โห...คำศัพท์น้ำเน่ามากไม่น่าเชื่อถือสุดๆ แต่ผมอยากพูดประมาณนี้อ่ะ พี่ช่วยปรับคำพูดให้หน่อยสิ เอ?...พูดยังไงดี เอาแบบไม่ละคร แบบคนปกติพูดกันน่ะ...” จิณณะคิดไป ตักข้าวเข้าปากไป ดูเจ้าตัวจะจริงจังเสียเหลือเกินกับการคิดบทพูดที่จะไปสู่ขอพิทักษ์จากจิดาภา พิทักษ์ไม่ขัด เขาปล่อยให้คนช่างพูดได้พูดอย่างที่คิด แต่แน่นอนว่าสิ่งที่จิณณะคิดกับเขาคิดในเวลานี้ย่อมไม่เหมือนกัน


จิณณะคิดว่าจะไปพบจิดาภาในฐานะ ลูกเขยแม่ยาย


แต่พิทักษ์คิดว่าจะใช้วิธีไหนดีที่จะทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้ารู้ว่าสถานะที่แท้จริงของตนเองนั้น ไม่ใช่การยกสินสอดไปสู่ขอใคร แต่แค่ไปพบแม่เลี้ยงของเขาในฐานะคนรักที่ผู้ชายคนหนึ่งปกป้องด้วยชีวิต


หรือบางที...นี่อาจถึงเวลาบอกจิณณะให้รู้ตัวได้แล้ว ว่า ‘ฐานะคนรักของพิทักษ์’ เป็นเช่นไร

……………………..

จิณณะค่อนข้างเครียด ทั้งๆที่มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม และคนที่เขาจะไปพบคือน้าสาวแท้ๆของตนเองก็ตามที แต่ประเด็นที่จะไปพบไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสเลยสักนิด


จะพูดอะไรดี จะพูดยังไงดี ควรมีของขวัญของฝากติดไม้ติดมือไปด้วยไหม ถ้ามีควรจะเป็นอะไร จิดาภาชอบอะไรไม่ชอบอะไรบ้าง ก็ไม่รู้ กระเช้าผลไม้จะพอไหม สำหรับการไปพบในโอกาสขอขมาลาโทษที่หน้าหนาฮุบพิทักษ์กลับมาเป็นของตนเองทั้งๆที่รับปากเอาไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวทำให้ชีวิตของลูกเลี้ยงของจิดาภาต้องลำบากอีก จิดาภาจะยอมฟังไหม จะยอมรับหรือไม่ หรือจะไล่ตะเพิด เขวี้ยงของขวัญของฝากตามหลัง แล้วถ้าอย่างนั้นควรเอาผู้ใหญ่ไปสักคนเผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้มีคนกลางไกล่เกลี่ยไปในตัว


ทั้งๆที่ไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย แต่กับเรื่องนี้จิณณะมองให้เป็นเหตุการณ์ดีๆไม่ได้เลย บุญหัวเท่าไรแล้ว ที่พิทักษ์ยอมรับให้พอสบายใจว่าจิดาภารับนัดที่จะให้เขาเข้าไปหา


จิดาภายอมเจอเขา แต่...ไม่รู้จะยอมเจอแบบไหนนี่สิ


หลานชายผู้เคยเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ ยิ่งใกล้วันนัดพบ ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนใกล้ถึงวันประหาร ทางที่ดีเขาควรลางานล่วงหน้า เผื่อไปพบจิดาภาแล้วชอกช้ำถูกแม่ของคนรักรังเกียจเดียดฉันท์จนไปทำงานไม่ไหว


...เอ่อ...เหตุผลนี้ถ้ารู้ถึงหูคุณกอบกุล มีหวังโดนด่าเปิง โทษฐานเซนซิทีฟเกินเหตุ...


คิดแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก เกิดเป็นจิณณะ วงศ์กีรตินั้นแสนลำบาก จะมีเมียสักคนก็ยุ่งยาก ต้องฝ่าฝัน อุตส่าห์ได้รับการยอมรับจากญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองแล้ว แต่ไม่วายมามีปัญหาคาราคาซังกับญาติฝั่งคนรักอีก


...เรื่องของคนรักกันมันไม่ใช่แค่คนสองคนจริงๆด้วย...   


คิดพลาง ถอนหายใจพลาง กว่าจะติดกระดุมเสื้อเชิ้ตครบทุกเม็ดก็ถอนหายใจไปแล้วไม่ต่ำกว่าห้ารอบ จนกระทั่งพิทักษ์ที่เห็นคนรักยังไม่ลงไปทานอาหารเช้าเสียทีต้องขึ้นมาตาม


“ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกหรือ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก”


แม้จะเพิ่งเจ็ดโมง แต่เพราะย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับพิทักษ์เป็นการถาวร จากบ้านในเขตรอยต่อของกรุงเทพฯกับจังหวัดข้างเคียง แม้จะขึ้นทางด่วน แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางร่วมชั่วโมงอยู่ดี แถมก่อนหน้านี้ที่ยังไม่สมหวังในความรัก ตื่นแต่เช้าไปทำงานก่อนเวลาทุกวัน พอมาอยู่กินกับพิทักษ์แล้วทำตัวเอ้อระเหอลอยชาย เข้างานสายโด่ง เป็นได้โดนคุณกอบกุลด่าอีก


...เนี่ย...เกิดเป็นจิณณะ วงศ์กีรติมันลำบากจริงๆนะ…


“เสร็จแล้ว...” คนเพิ่งแต่งตัวเสร็จ ฉีดน้ำหอม หวีผมลวกๆ แต่หน้าตาไม่สดชื่นสักนิด


“เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า” เห็นท่าทางเคร่งเครียดของคนรัก พิทักษ์ก็ชักเป็นห่วง


“เปล่า แต่ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปพบน้าภายังไงดี วันนี้แวะไปดูกระเช้าผลไม้ดีไหม”


“กระเช้าผลไม้? เอาไปทำไม”


“อ้าว ก็...ผมไม่รู้ว่าจะต้องเอาอะไรไปบ้าง...” พิทักษ์ส่ายหน้า


“ไม่ต้องเอาอะไรไปทั้งนั้น แล้วก็เลิกคิดมากเรื่องนี้ได้แล้ว ไป ลงไปกินข้าว เดี๋ยวก็สายพอดี” เจ้าของบ้านหมุนตัวจะเดินนำออกจากห้อง แต่เสียงของจิณณะดังขึ้นเสียก่อน


“จะให้ผมเลิกคิดมากได้ไง น้าภาตอนนี้ไม่ใช่แค่น้าของผมแล้วนะ แต่พี่เป็นแฟนผม น้าภาก็เหมือนแม่ย...” คำสุดท้ายไม่ทันพ้นริมฝีปาก คนที่กำลังจะเดินนำออกจากห้องก็หันกลับมามอง สีหน้าท่าทางขึงขังจริงจังจนจิณณะชักกลืนน้ำลายลำบาก


“วันนี้มีประชุมไหม” แล้วจู่ๆ คำถามของพิทักษ์ก็เปลี่ยนเรื่อง


“ม...ไม่มี” จะมีได้ยังไง ในเมื่อสัปดาห์นี้จิณณะไม่มีสมาธิสักนิด ประชุมไปก็ฟังไม่รู้เรื่อง เขาก็เลยให้ดนัยโยกทุกนัดทุกประชุมไปไว้ภายหลังพบจิดาภา ส่วนประชุมหรือนัดไหนที่ด่วนมากก็ขอให้บิดาช่วยไปแทน ซึ่งการให้บิดาไปทำงานแทนนี่ก็โดนคุณกอบกุลค่อนขอดมาตามลมไปแล้วรอบหนึ่ง เพียงแต่ว่าจิณณะหน้าหนาเหลือทน เลยทำเมินไม่ได้ยินไปเสีย


“มีพบลูกค้าไหม”


“ม...ไม่มี...” ตอบแล้วจิณณะก็เบิกตากว้างเมื่อเห็นพิทักษ์เดินกลับเข้ามาในห้อง พร้อมกับปิดประตูเบื้องหลัง


“พ...พี่เข้ามาทำไม ร...เราต้องลงไปกินข้าว...ต...ต้องไปทำงาน...”


“จิณบอกว่าไม่มีประชุม ไม่มีนัด วันนี้น่าจะว่าง พี่เองก็ว่างเหมือนกัน และพี่คิดว่าเราควรทำความเข้าใจเรื่องของเราให้ชัดเจนไปเลยก็ดี”


“ข...เข้าใจอะไร...เฮ่ย!!” ไม่ทันได้คำตอบ ร่างของจิณณะก็ถูกรวบเอวเข้าไปกอดเรียบร้อย หลานชายตัวแสบของจิดาภาก้มลงมองแขนของพิทักษ์ที่โอบเอวเขาเอาไว้ ในขณะที่มือลูบบั้นเอวเลื้อยไปยังแผ่นหลัง


“ค่อยมีเนื้อมีหนังขึ้นมาหน่อย”


“พ...พี่ทิศทำอะไรวะ! เฮ้ย! ไม่ลูบ...”


“ไม่ทำแล้วจะรู้ตัวหรือ”


“ร...รู้อะไร”


“รู้ว่าเป็นอะไรกับพี่ และควรเรียกแม่ภาว่ายังไง” จิณณะกะพริบตาปริบๆ อย่างตามไม่ทัน ที่สำคัญคือไม่ทันย้อนถาม ริมฝีปากของเขาก็ถูกจู่โจมด้วยจูบของพิทักษ์แล้ว


ริมฝีปากของพิทักษ์บดเบียดแนบแน่นทำเอาคนถูกจูบไม่ทันตั้งตัวได้แต่ครวญอยู่ในคอ สองมือพยายามดันอีกฝ่ายออกห่าง แต่ไม่เป็นผลสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกต้อนจนเดินไปชนเตียงหงายหลังผึ่งลงไปนอนแผ่หราตาเหลือกอยู่บนเตียงอีกต่างหาก


“ทำอะไรของพี่วะ! ผมต้องไปทำงาน! เฮ้ย! ถอดเสื้อทำไม?!” พอผงกศีรษะขึ้นมาตั้งท่าจะโวยวาย จิณณะก็มีอันต้องตาเหลือกอีกรอบ เพราะพิทักษ์ถอดเสื้อเชิ้ตแล้วโยนไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว คนบนเตียงตาค้างหนักกว่าเดิม แผ่นอกกว้างของพิทักษ์นั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมส่วน ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวแข็งแรงเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ ที่ไหล่ขวามีร่องรอยของแผลที่หายสนิทดีแล้ว แม้มันจะยอกในอกอยู่บ้างยามเห็นรอยแผลเป็นนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันกลายเป็นเครื่องประดับบนผิวเนื้อของผู้ชายที่ส่งให้รัศมีความดุยิ่งกลายเป็นน่าเกรงขามมากกว่าเดิม


น่าเกรงขามเสียจน...จิณณะยังกลืนน้ำลายไม่ลงคอ


สองมือยันไปด้านหลังเพื่อกระถดตัวหนี นอกจากรัศมีความดุแล้ว รังสีบางอย่างที่พิทักษ์แผ่ออกมายามจับจ้องเขานั้น ยิ่งชวนให้หัวใจเย็นวาบ ช่องท้องโหวงเหวงไปหมด


อาการตาค้าง แต่พยายามถอยร่างออกห่างทีละน้อยนั้นย่อมไม่รอดพ้นสายตาของนักล่าที่จ้องเหยื่อคนนี้มานานนับเดือน มาวันนี้ถึงจะยังขุนให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ได้ไม่เท่าที่อยากทำ แต่ถ้าปล่อยเอาไว้ก็เกรงว่าเหยื่อจะไม่รู้ตัวเสียทีว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร


พิทักษ์สืบเท้าเข้าหาช้าๆ ดวงตายังจับจ้องร่างบนเตียง


ดวงตาของคนดุที่มองตรงมาทำเอาคนถูกจ้องกลืนน้ำลายไม่ลงคอสักอึก ในหัวมีแต่เร่งหาทางหนีทีไล่จากสถานการณ์ชวนหวั่น


...หวั่น?...นั่นสิ...หวั่นอะไร...


ผู้ชายเหมือนกัน ผู้ชายที่แข็งแรงเหมือนกัน มีอะไรให้ต้อง...


.   ..เอ่อ...แต่สมควรหวั่น ถ้าผู้ชายคนนั้นชื่อพิทักษ์ และกำลังจ้องตาไม่กะพริบแบบนี้!


จิณณะกวาดตาหลุกหลิกมองซ้ายขวา สมรภูมิของเขาในเวลานี้ดูเสียเปรียบชนิดที่ต่อให้ข้างหลังเป็นภูเขา ข้างหน้าเป็นแม่น้ำ ก็ไม่มีทางปรับฮวงจุ้ยให้ดีขึ้นมาได้ในพริบตาแน่ ในเมื่อชัยภูมิใช้ไม่ได้ ทางเดียวที่ใช้ได้ก็คือสมองเท่านั้น


ทว่าจิณณะลืมไปหนึ่งอย่าง ต่อให้สมองของเขาจะอัปเกรดให้มีไอคิวระดับเทียบเท่าอัจฉริยะ แต่ร้อยละ 99.99 พิทักษ์อ่านความคิดเขาออกเสมอ ดังนั้นเมื่อคนย่างสามขุมก้าวเข้ามาหยุดที่ข้างเตียง เห็นจิณณะพลิกตัวจะกระโดดลงจากเตียง ก็ฉวยเอาข้อเท้าคนหนีแล้วกระชากกลับมานอนแอ้งแม้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงทับปิดกั้นการหนีไปได้อีก


“โอ๊ย!” แม้หลานชายคุณกอบกุลจะเป็นชายหนุ่มอกสามศอก แต่การถูกชายหนุ่มที่อกสามศอกไม่น้อยไปกว่ากันทิ้งตัวลงทับชนิดที่ไม่มีออมแรงสักนิดก็เล่นเอาจุกแอ้กหน้าบิดเบี้ยว พิทักษ์สงสารขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ข่มใจเอาไว้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เนื่องมาจากความสงสารนี่ล่ะ จนกระทั่งวันนี้จิณณะยังคิดจะเรียกจิดาภาว่าแม่ยายอยู่เลย


“จะหนีไปไหน” คนทำตัวเป็นกำแพงหนา ทับจากข้างบน สองแขนชันศอกประกบข้าง ถามเสียงเข้ม


“ป...ไปทำงานไง...” คนกะล่อนพยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางหนีให้ตัวเอง แต่มองซ้ายก็ติดแขนของพิทักษ์ มองขวาก็ติดแขนอีกข้างของพิทักษ์ แล้วดูแขนแต่ละข้างเถอะ แอบไปยกน้ำหนักก็น่าจะบอกกันสักคำ เขาจะได้ไม่ประมาทคู่ต่อสู้


แต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะไม่ใช่คำตอบที่ช่วยสร้างความขบขันในใจคนฟังเลยสักนิด พิทักษ์ทิ้งน้ำหนักตัวเองลงทับคนข้างใต้มากขึ้นอีก ทำเอาจิณณะชักนิ่วหน้า


“ก็ได้ ถ้าพี่อยากจะตกลงเรื่องของเราก็ได้ แต่...เอ่อ...เรา...เราควรจะนั่งคุยกันดีๆ ไปคุยร้านกาแฟก็ได้ ผมรู้จักร้านกาแฟบรรยากาศดีเยอะ...อื้อ...” ปกติพิทักษ์เป็นคนชอบฟัง ในขณะที่จิณณะก็ชอบพูด แต่เวลานี้เขาไม่นึกอยากจะฟังคำพูดเลื่อนเปื้อนของคนรักอีกแล้ว ดูเอาเถอะ จะตกลงเรื่องความสัมพันธ์ของเรา ยังมีหน้าเสนอให้ไปคุยกันที่ร้านกาแฟ ถ้าจะไปคุยร้านกาแฟแต่แรก แล้วเขาจะถอดเสื้อทำไม?


ชายหนุ่มจูบปิดปากที่มีไฝเม็ดเล็กที่มุมปากนั่นไปอีกที โดนไปอีกหนึ่งจูบ ที่กินเวลายาวกว่าเดิมเล็กน้อย พอถอนจูบออกจิณณะก็ถึงกับหอบ


“อ...โอเค ไม่คุยที่ร้านกาแฟก็ได้ แต่พี่ขยับออกไปหน่อยได้ไหม ตัวพี่ไม่ใช่เบาๆ ทับลงมาแบบนี้กระดูกผมหักขึ้นมาทำ...อื้อ...” พูดจาไม่สมเหตุสมผล น้ำหนักของพิทักษ์ไม่ทำให้ชายฉกรรจ์อย่างจิณณะกระดูกหักได้ภายในชั่วโมงนี้หรอก คนที่ถูกกล่าวหาเลยจูบลงโทษโทษฐานหมิ่นประมาทไปอีกที คราวนี้ยาวนานกว่าจูบเมื่อครู่ พอถอนจูบออก นอกจากคนถูกจูบจะหอบแล้ว ริมฝีปากก็ชักบวมแดงขึ้นมาเล็กน้อย


แต่...ยัง...ยังไม่หมด


เกิดเป็นหลานเศรษฐินีนักเจรจาต่อรองเพื่อประโยชน์ส่วนตนจะให้เสียชื่อกอบกุล  วงศ์กีรติได้อย่างไรกัน


“ม...ไม่ต้องขยับแล้วก็ได้ แต่เรากลับมาคุยกันเย็นนี้ดีไหม ขอผมไปทำงานก่...!...”


พิทักษ์ก้มลงจะปิดปากคนพูดอีกครั้ง แต่ถูกกระทำครั้งแรกถือว่าไม่รู้ ถูกกระทำซ้ำเป็นครั้งที่สองถือว่าโง่ ถ้าถูกกระทำซ้ำเป็นครั้งที่สามถือว่าเต็มใจ จริงๆแล้วจิณณะก็เต็มใจ แต่สถานการณ์แบบนี้หวั่นใจว่าจะเกินเลยไปมากกว่าที่คิดเยอะ เลยต้องรีบตะปบหน้าอีกฝ่ายไว้ก่อน


“ถ...ถ้าพี่จูบอีก ผมจะถือว่าพี่ไม่ฟังคำเตือนของผมแล้วนะ!”


“คำเตือนอะไร” พิทักษ์ดึงมืออีกฝ่ายออก ทำเอาคนขู่ถึงขั้นเหวอหน้าตาเหรอหรา เหวอแรกคือพิทักษ์ดึงทีเดียว มือของเขาก็หลุดออกจากหน้าของอีกฝ่ายเหมือนนางเอกใจง่ายที่พระเอกทำอะไรก็โอนอ่อนไปหมดไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เหวอที่สองคือ...คำเตือน...อะไร...นั่นสิ! คำเตือนอะไร...


“อ...เอ่อ...เตือน...เตือนว่าอย่าจูบ”


“ถ้าจูบแล้วจะทำไม” อดีตปลาไหลแห่งตระกูลวงศ์กีรติ ระดับความกะล่อนในการต่อปากต่อคำถึงขั้นทำให้คุณกอบกุลยังเต้นเป็นเจ้าเข้า แต่พอมาเจอพิทักษ์ถามจี้เข้าแบบนี้ ปลาไหลที่ว่าก็ไม่ต่างจากปลาไหลตายแล้ว ปราศจากทักษะหลบเลี่ยงแต่อย่างใด


“ก...ก็...ผ...ผมเป็นผู้ชาย จูบมากๆก็...อึ๋ย!” จิณณะสะดุ้งเฮือกหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายทิ้งน้ำหนักตัวลงมามากกว่าเดิม หากเป็นการทิ้งน้ำหนักทั้งตัว เขาคงร้องโวยวายว่าอีกฝ่ายจงใจทับกระดูกเขาหักแน่ๆ แต่นี่...พิทักษ์กลับทิ้งน้ำหนักแค่เฉพาะจุดที่ต่ำกว่าเอวลงไป


ส่วนสูงที่ต่างกันไม่มากนัก พอนอนราบทับกันแบบนี้ อะไรๆก็เหมือนจะอยู่ตรงกันไปโดยปริยาย ใบหน้า แผ่นอก หน้าท้อง และ...ส่วนที่ต่ำลงไปกว่านั้น ซึ่งไวต่อสัมผัสเป็นพิเศษ


พิทักษ์ยิ้มจาง เห็นปฏิกิริยาของคนรักแล้วทั้งขำทั้งเอ็นดู เขายอมยกตัวขึ้นเล็กน้อย เลยได้เห็นการถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แค่วินาทีต่อมา บางอย่างก็เข้าแทนที่ ทำเอาคนที่อุตส่าห์ถอนหายใจด้วยความเบาใจเมื่อครู่นี้ถึงกับตาเหลือก ขนสันหลังตั้งชันจนต้องห่อไหล่


“พ...พี่...ม...ไม่เล่น...” มือข้างหนึ่งยังถูกพิทักษ์จับเอาไว้ เลยเหลือมือแค่ข้างเดียวลงไปยื้อยุดกับมือของคนรักที่กำลังสัมผัสส่วนกลางลำตัว เดิมทีมันสงบอยู่ใต้กางเกงสแล็ก แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งความเครียดสะสม ทั้งความเหนื่อยล้า ไหนจะงานหนัก จนจิณณะก็แทบลืมความรู้สึกแบบนี้ไปแล้ว ไหนจะเพราะมาคบหากับพิทักษ์อีก เรื่องปลดปล่อยกับคนอื่นก็ลืมไปได้เลยเช่นกัน พอมาวันนี้ ความรู้สึกเหล่านั้นกำลังถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำมือของคนรัก อารมณ์กำหนัดที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความเหนื่อยล้าเคร่งเครียดมานาน ก็เริ่มปะทุผ่านรอยแยก


“ไม่ได้เล่น...” เสียงทุ้มดังกระซิบข้างหูเมื่อพิทักษ์ก้มหน้าลงหา คลอเคลียติ่งหูและผิวแก้มลงมายังซอกคอที่มีกลิ่นน้ำหอมเย็นๆแบบผู้ชายกรุ่นอยู่บนผิว ฝ่ามือของเขาบดเบียดลงกับเนื้อผ้าอยู่แค่ครู่เดียวก็เริ่มรับรู้ความตั้งชันภายใต้กางเกง เขาหัวเราะเบาๆ แต่ก็ทำเอาคนที่หลับตาปี๋พยายามกลั้นเสียงครางสลับกับเปล่งเสียงห้ามอย่างยากลำบากต้องลืมตาขึ้นมอง


“ห...หัวเราะอะไร ซี้ด...พ...พอ...”


“ให้พอจริงหรือ มีอารมณ์แล้วนี่...” ดวงตาของจิณณะมีแววขวาง


“ก็แล้วใครไปยุ่งกับมันวะ! อื้อ!” ยอกย้อนไปหนึ่งที เลยโดนตอบโต้ด้วยการรูดซิปกางเกงลงแล้วส่งปลายนิ้วเข้าไปเย้าแหย่บนชั้นในแทน จิณณะรู้สึกเหมือนนอกจากขนแขนจะลุกเกลียวแล้ว กระแสเย็นวาบจากสันหลังยังวิ่งขึ้นมาจนถึงศีรษะ

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 23-05-2019 20:29:01


ทั้งๆที่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา จิณณะไม่ใช่ชายหนุ่มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ช่วงวัยคะนอง เขาผ่านความสัมพันธ์ฉาบฉวยมาแล้วหลายครั้ง ทว่าครั้งนี้นอกจากจะไม่ใช่ความสัมพันธ์มาไวไปไวแล้ว คนที่กำลังอยู่เหนือร่างเขาก็ยังไม่ใช่ผู้หญิงอีกต่างหาก


พอเป็นผู้ชายด้วยกัน...อะไรๆก็ดูเหมือนจะรู้ดีไปหมด


“อื้อ...ย...อย่ารูด...ซี้ด...” ไม่รู้เพราะมัวแต่ขนลุกไปทั้งตัวหรืออย่างไร มารู้ตัวอีกที กางเกงสแล็กก็ถูกปลดออกทั้งซิปทั้งตะขอ กางเกงชั้นในถูกรั้งลงให้ความต้องการถูกพาออกสู่โลกภายนอก มันเย็นวาบอยู่แค่เสี้ยววินาทีเดียว ความร้อนผ่าวก็เข้ากอบกุม รูดลูบไปตามความยาว


เสียงครางผสานเสียงร้องห้ามเบาหวิวนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้ม ยิ่งจิณณะห้ามอย่างอ่อนแรงมากเท่าไร พิทักษ์ก็ยิ่งพึงใจมากเท่านั้น เขาวนเวียนจูบซับตามผิวแก้มและเนื้อหนัง เสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุกออกทุกเม็ด ถูกปัดสาบเสื้อให้พ้นแผ่นอกราบ เปิดทางให้คนข้างบนลิ้มรสได้ทุกอณู


“อ่า...” จิณณะครางต่ำ หน้าแหงนเงยเมื่อยอดอกข้างหนึ่งถูกครอบครองด้วยริมฝีปากร้อน ในขณะที่เบื้องล่างถูกชักรูดจนชุ่มฉ่ำ อารมณ์หวามถูกตีรวนให้พุ่งพล่านจนสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก เสียงครางที่พยายามเก็บกลั้นอาไว้ อดไม่ไหวอีกแล้ว ได้แต่เปล่งออกมาตามอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นด้วยมือและปลายลิ้นของพิทักษ์


นอกจากจะจูบเก่งแล้ว ชั้นเชิงของอีกฝ่ายยังทำให้จิณณะหลงลืมไปชั่วขณะว่าเวลานี้แม้ว่าเขาจะถูกปรนเปรอด้วยสัมผัส แต่ตนเองก็ล้วนเต็มใจให้อีกฝ่ายมอบความสุขสมนั้นอย่างถนัดถนี่ ยิ่งริมฝีปากดูดดึงยอดอกมากเท่าไร มือของจิณณะก็ยิ่งขยุ้มขยำเส้นผมของพิทักษ์เพื่อระบายความรู้สึกมากเท่านั้น ยิ่งปลายนิ้วของพิทักษ์บดบี้รูดรั้งส่วนกลางลำตัวของจิณณะมากเท่าไร เขาก็ยิ่งยกสะโพกเข้าหาสัมผัสมากเท่านั้น


“อ...พอ...พอ...อื้อ...จะออก...” คนข้างใต้ครางฮือ ปากร้องห้ามแต่ยิ่งฝ่ามือของพิทักษ์เร่งความเร็ว เขาก็ยิ่งขยับสะโพกเข้าหา ก่อนจะสะดุ้งวาบตัวสั่นระริกเมื่ออารมณ์ถูกชักพาไปจนถึงฝั่ง...ครั้งที่หนึ่ง


คนปลดปล่อยนอนแผ่หอบหายใจระรัวอย่างเหนื่อยอ่อน ยังไม่ทันได้คิดอะไร ก็รู้สึกเหมือนกางเกงของเขาถูกรูดออกทางปลายเท้าไป จิณณะไม่อยากใส่ใจนักเพราะความเหน็ดเหนื่อยและสุขสม แต่อะไรบางอย่างฉุกใจให้เขาผงกศีรษะขึ้นมอง แล้วพลันนั้นดวงตาของชายหนุ่มก็เบิกกว้าง


พิทักษ์เปลือย!...ตั้งแต่เมื่อไรวะ?!


จิณณะตาค้างพูดไม่ออก รู้แน่แล้วว่าอย่างไรเสียตัวเองก็เสร็จแน่ เขาหงายหลังผึ่ง ได้แต่หลับตาท่องนะโมขมุบขมิบเพื่อทำใจ ยิ่งรับรู้สัมผัสอุ่นที่ตามลงมาทาบทับ สัมผัสจากฝ่ามือที่ลูบไล้ไปตามบั้นเอวและหน้าท้อง ก็ยิ่งทำเอาหายใจติดขัด


“จิณ...ลืมตาขึ้นมาก่อน” เสียงทุ้มดังเบาที่ข้างหู


“พ...พี่...พี่จะทำอะไรก็ทำเถอะ...ผ...ผมโอเค...” โอเคแปลว่าอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือยังไงก็ต้องโอเค มาถึงขั้นนี้แล้วจะมาบอกว่าไม่โอเคทั้งๆที่นอนแผ่อยู่ใต้ร่างอีกฝ่ายก็ดูขัดกับสถานการณ์ไปหน่อย


“ลืมตาขึ้นมาก่อน...” เสียงของพิทักษ์ดังซ้ำอีกครั้ง จิณณะยอมทำใจลืมตาขึ้นมอง แล้วก็ถึงได้เห็นว่าคนที่ทาบทับอยู่เบื้องบนของเขานั้นกำลังมองเขาอยู่ ดวงตาดุของคนช่างดุ เวลานี้กลับไม่มีความดุเลยสักนิด มันแฝงแววรักใคร่ ผสมเอ็นดู เจือความขำขันอยู่ในที


“ถ้าจิณไม่พร้อม พี่รอได้นะ”


รอ...รออีกแล้ว


เป็นพิทักษ์ที่ออกปากว่าจะรออีกแล้ว


จิณณะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว พิทักษ์เป็นฝ่ายรอเขาเสมอ ตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องถูกยิง ก็เป็นฝ่ายเขาเองที่ไม่ยอมขยับความสัมพันธ์ แต่พิทักษ์ก็ยังรอ พอหลังจากพิทักษ์ถูกยิง ก็เป็นเขาเองที่เดินจากมา ส่วนพิทักษ์ก็ยังรอ มาวันนี้ พวกเรากลับมาสานสัมพันธ์กันต่อแล้ว แต่ก็ยังเป็นฝ่ายพิทักษ์ที่รอ


พิทักษ์รอมานานเท่าไรแล้ว และต้องรอต่อไปอีกนานเท่าไร ต้องรอไปจนกว่าจะมีวิกฤตเข้ามาในชีวิตของพวกเราอีกอย่างนั้นหรือ ถึงจะเห็นคุณค่าของการรอคอยของพิทักษ์


จิณณะเม้มปาก รู้สึกหายใจลำบาก ใจหนึ่งก็กลัว...กลัวว่าความสัมพันธ์ที่จะข้ามไปยังอีกขั้น จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลง อีกใจก็กลัวว่าพิทักษ์จะต้องอยู่กับการรอคอยไปอีกนานเท่าไร ถ้าเขายังเอาแต่กลัวไปเรื่อยๆอย่างนี้


แต่จะกลัวอะไร...คนตรงหน้าก็ยังเป็น ‘พี่ทิศ’ คนเดิม ยังเป็น ‘พี่ทิศ’ ที่ดุเก่งที่หนึ่ง แต่ก็ใจดีไม่น้อยไปกว่าความดุเลย


เอ้า! เอาก็เอาวะ! กับเรื่องใหญ่กว่านี้ยังผ่านมาได้ แล้วทำไมกับเรื่องนี้จะผ่านไปไม่ได้


“ผ...เอ่อ...ผมได้ยินมาว่ามันเจ็บ...” ถึงจะใจกล้ายอม ‘เอา’ แต่ก็ยังไม่วายออกตัวเหมือนจะขอความเห็นใจ


“พี่ก็ได้ยินมาอย่างนั้นเหมือนกัน”


“ถ้าผมเจ็บ พี่จะหยุดให้ผมได้ไหม” เรียกว่าหวั่นอาจจะน้อยไป น่าจะเรียกว่ากลัวจะดีกว่า จึงได้ขอคำสัญญาที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นจริงได้ ในช่วงเวลาที่สัญชาตญานเพศผู้อยู่เหนือสมอง หากเป็นตัวเขาเองก็คงไม่มีสติสมาธิจะมาฉุกคิดฉุกฟังเสียงร้องห้ามเสียงเจ็บปวดของใคร


พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อยเหมือนกำลังถามตัวเอง ก่อนจะรับคำแน่วแน่


“คิดว่าได้”


ในเมื่อรับปาก ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องบอกปัดอีกแล้ว จิณณะพยักหน้ารับช้าๆโดยไม่พูดอะไร แต่ถึงอย่างนั้น สีหน้าของคนใต้ร่างก็ดูจะเปี่ยมไปด้วยความกังวล จนต้องเริ่มจูบปลอบขวัญกันใหม่อีกหน


จูบรอบนี้อ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่ใช่การลงโทษแต่เป็นการปลอบโยนให้วางใจ บดเบียดแทรกสอดด้วยปลายลิ้น หยอกล้อกันไปมาให้ลืมเลือนความกังวลทั้งหลาย สร้างความคุ้นเคยในความสัมพันธ์ที่แนบชิดด้วยฝ่ามือที่ลูบไล้กันและกัน จนเริ่มชุ่มฉ่ำ ในไม่ช้าความกังวลก็มลายหาย เหลือเพียงอารมณ์รักเคลิบเคลิ้มที่เริ่มผุดพรายพร้อมไอร้อนตามเนื้อตัว


เสียงครางที่ดังก้องไปทั่วห้องสะดุดไปจังหวะหนึ่งเมื่อจิณณะรับรู้ถึงการรุกล้ำ แต่เมื่อพิทักษ์วนเวียนมอบรสจูบปลอบโยนก็พอจะทำให้เขาพยายามปรับตัวกับสถานการณ์รูปแบบใหม่ที่เพิ่งเคยพบเจอ


“หายใจช้าๆ อย่าเกร็ง ชู่ว...” ปลายนิ้วชุ่มโชกด้วยเจลลื่นเบียดผ่านเข้าสู่ช่องทางเบื้องหลังอย่างยากลำบาก ความไม่คุ้นเคยทำให้ต่อต้าน แต่เมื่อพิทักษ์อดทนสร้างความเคยชินให้อย่างช้าๆ จิณณะเองก็เริ่มปรับตัวรับรู้การแทรกสอดนั้นเช่นกัน


“อ...อื้อ...อึดอัด...อ่ะ...” จากหนึ่งนิ้วเพิ่มเป็นสอง คนเบื้องบนให้เวลาปรับตัวและปรับลมหายใจอีกพักหนึ่งจึงเพิ่มเป็นสาม คราวนี้จิณณะหายใจยากลำบากจนต้องแหงนเงยใบหน้าไปด้านหลังเพื่อโกยอากาศเข้าปอด


“หายใจช้าๆ...จิณ...” ความรัดรึงต่อต้านนั้นทำให้พิทักษ์แทบอยากจะฝากฝังร่างตัวเองเข้าแทนที่ปลายนิ้ว แต่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ระทดระทวยพร้อมจะต้อนรับการบุกรุกของเขา สิ่งเดียวที่ทำได้คือเก็บกลั้นอารมณ์ที่ใกล้จะล้นปรี่แล้วสร้างความคุ้นเคยให้จิณณะเท่าที่จะทำได้


อีกพักหนึ่ง ลมหายใจของจิณณะถึงได้เริ่มคลายความกระชั้นลง ตอนนั้นเองก็เพิ่งได้เห็นว่าพิทักษ์ที่ยังฝังปลายนิ้วอยู่ในร่างกายของเขา ขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าเพื่อสร้างความเคยชิน ทว่าก็ยังมองเขาด้วยสายตารักใคร่และห่วงใย


พี่ทิศขี้โกงและโคตรร้าย


ถามด้วยความห่วงใย มองด้วยความรักมาก แต่มือขยับไม่หยุด


“ไหวไหม”


“อ...อื้อ...ว...ไหว...ซี้ด...” ไม่ใช่แค่ความอึดอัด คับแน่นและความเจ็บปวด แต่อารมณ์กำหนัดแทรกซึมอยู่ทุกการเคลื่อนไหวของปลายนิ้ว


“พี่เข้าไปนะ...” จิณณะได้แต่เม้มปากพยักหน้ารับ สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าปลายนิ้วถูกถอนออกจากร่างกายของเขาไป มันโหวงวูบอยู่แค่ชั่วเสี้ยววินาที ก่อนจะรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่เบียดลงบนปากทาง


ทั้งๆที่อีกฝ่ายสร้างความเคยชินให้แล้วส่วนหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆก็อดเกร็งไม่ได้อยู่ดี


“จิณ...ไหวแน่หรือ” ร่างกายแข็งทื่อและเอาแต่หลับตาปี๋เหมือนรอรับชะตากรรมทำเอาพิทักษ์ใจหาย


“พ...พี่ทิศ...จูบผมหน่อยได้ไหม” จิณณะไม่อยากกลายร่างเป็นตัวถ่วงของความสัมพันธ์อีกแล้ว พวกเขามาถึงขั้นนี้จะไม่ล้มเลิกแยกย้ายกันไปช่วยตัวเองเด็ดขาด แต่ถ้านอนแข็งทื่อแบบนี้ เขารู้ว่าพิทักษ์จะต้องหยุดแน่ๆ


“แต่...”


“จูบเถอะ...ถ้าพี่จูบผม พี่จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” แล้วคนกลัวแต่ใจกล้าก็ส่งสองมือขึ้นไปโน้มคออีกฝ่ายลงมาหา


“จูบผมนะ...” ไม่ใช่แค่การอ้อนขอสัมผัสของริมฝีปาก แต่พิทักษ์รู้ว่าจิณณะอยากจะก้าวไปข้างหน้ากับเขาเช่นกัน เราพร้อมสำหรับความสัมพันธ์เช่นนี้ เพียงแต่ครั้งแรกย่อมเป็นครั้งที่น่าหวาดหวั่นเสมอ


คนเบื้องบนก้มลงหา มอบรสจูบให้กับคนที่ร้องขอ ก่อนจะพาร่างกายตัวเองดำดิ่งลงสู่ความคับแน่นและร้อนผ่าว สัมผัสแรกที่แทรกสอดนั้นทำเอาร่างของจิณณะเกร็งเฮือก แต่เมื่อพิทักษ์บดเบียดริมฝีปากอย่างนุ่มนวลปลอบโยน มือลูบไล้ปลุกเร้าชวนให้เคลิบเคลิ้มก็พอจะเบี่ยงเบนความกังวลอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น จิณณะก็รับรู้ทุกวินาทีว่ากำลังมีบางอย่างเคลื่อนเข้ามาในตัวเขา


มันอึดอัดและทรมาน ปั่นป่วนไปทั้งช่องท้องจนตัวสั่นระริก แล้วเนื้อตัวของเขาอยู่ใต้ร่างพิทักษ์ แนบชิดกันทุกสัดส่วนเช่นนี้ มีหรืออีกฝ่ายจะไม่รับรู้ จูบละมุนถูกถอนออก ใบหน้าขยับถอยห่างเพื่อพินิจพิเคราะห์คนที่เอาแต่ข่มตาหลับพยายามหายใจให้เป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับทำสมาธิ


พิทักษ์หยุดร่างกายของตัวเองแต่เพียงเท่านั้น แม้ว่ามันจะเดินทางเข้าไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ส่วนหนึ่งอยู่ในโพรงร้อนที่ตอดรัดแน่น อีกส่วนบวมเป่งเฝ้ารอการฝากฝัง


อารมณ์กำหนัดนั้นทรมาน แต่ความเจ็บปวดที่จิณณะได้รับอยู่ในเวลานี้ก็ทรมานไม่ต่างกัน


“จิณ...พี่เอาออกไหม”


คนถูกถามลืมตาขึ้นมอง เม้มปากอยู่อึดใจหนึ่งแล้วสั่นศีรษะไปมา หากวันนี้หยุดแต่เพียงเท่านี้ ก็ไม่รู้วันหน้าเขาจะกล้ามาถึงขั้นนี้อีกหรือไม่ หากวันนี้ทุกอย่างจบลงที่ความเจ็บ มันคงกลายเป็นความไม่ประทับใจแรกที่ลืมไม่ลง


ยังไงก็ต้องไปต่อ!


“ไม่”


“แต่จิณไม่ไหว”


“ผมไหว! อื้อ!...” ตอบเสียงเด็ดเดี่ยวแล้วก็สั่นระริกขึ้นมาอีกเพราะคนที่แทรกสอดเข้ามาครึ่งหนึ่ง ลองขยับเข้าหาอีกนิด ทั้งคับทั้งฝืดทั้งอึดอัด ความเจ็บแปลบวิ่งพล่านขึ้นมาตามกระดูกสันหลัง


“จิณไม่ไหว” พิทักษ์ย้ำพลางส่ายศีรษะ แต่คนดื้อก็ย่อมเป็นคนดื้อ จิณณะรวบร่างอีกฝ่ายลงมากอดแน่นเหมือนไม่ยอมให้หยุดทุกอย่างแต่เพียงเท่านี้


“ถ้าพี่เอาออก ผมจะกลับไปอยู่บ้าน จะไม่อยู่กับพี่ แล้วเราก็เลิกกันไปได้เลย!” จะมีใครมาดมั่น เอาตัวเองเป็นตัวประกันได้ขนาดนี้อีกไหมก็ไม่รู้ พิทักษ์ทั้งขำทั้งฉุน เจ้าตัวเจ็บร้าวจนตัวสั่น ต่อให้เตรียมพร้อมให้แล้วแต่ร่างกายที่ไม่คุ้นเคยก็ยังต่อต้าน ทว่าฟังคำพูดเข้าเถอะ ยื่นคำขาดว่าจะเลิกกันถ้าเขาหยุดครึ่งๆกลางๆ แล้วแบบนี้พิทักษ์จะกล้าหยุดได้ยังไง


“ตัวแสบ...ถ้าหลังจากนี้ร้องไห้ก็จะไม่หยุดแล้ว...”


“ผมไม่ร้องหรอก อื้อ...” การเดินทางอันยาวนานเริ่มขึ้นอีกครั้ง แม้จะไม่คุ้นเคย แต่ต่างคนต่างพยายามเรียนรู้จังหวะของกันและกัน กอดเกี่ยวกันดำดิ่งสู่ห้วงความรู้สึกที่ถูกปลุกเร้าด้วยความรักและรสสัมผัส เนิ่นนานกว่าทุกอย่างจะอยู่ในที่ในทาง


“อ่า...ขอ...ขอหายใจเดี๋ยว...อา...แน่น...” มือที่เกาะกอดไหล่กว้างดันอีกฝ่ายออกเบาๆ พิทักษ์ยอมหยุดแต่โดยดี ใบหน้าของจิณณะแดงก่ำ เต็มไปด้วยอารมณ์ และเหงื่อผุดพราย ขณะที่พยายามสูดลมหายใจเข้าและออกให้เป็นจังหวะคงที่ แต่พอลืมตาขึ้นมองคนที่ยอมหยุดอยู่กับที่ เห็นความรู้สึกมากมายที่ทอดมากับสายตา ก็ชวนให้นึกเขินขึ้นมาอีก ทั้งๆที่...เวลานี้ไม่น่าจะต้องมีอะไรมาเขินอายกันอีกแล้ว


“ถ...ถ้าพี่พูดว่าจะหยุด จะเอาออก จะไม่ไปต่อ พี่เอาโคมไฟมาฟาดหัวผมให้สลบได้เลยนะ อ่ะ...ซี้ด...” โทษฐานปากดี เลยถูกคนที่อุตส่าห์ยอมหยุดเพื่อให้ปรับตัวกระทุ้งเบาๆเข้าไปที สะท้านไปทั้งร่างจนต้องทุบลงกับไหล่เพื่อประท้วง


พิทักษ์หัวเราะเบาๆ ก้มลงฟัดแก้มคนพูด ทั้งรักทั้งขำปนมันเขี้ยว


“ไม่หยุดแล้ว บอกแล้วว่าต่อให้ร้องไห้ก็ไม่หยุด”


แล้วคนไม่หยุดก็ทำตามอย่างที่ปากพูด เมื่อเขาเริ่มขยับด้วยการพาร่างกายของตัวเองออกห่างเล็กน้อยแล้วกดซ้ำกลับเข้าไป เริ่มแรกด้วยจังหวะเชื่องช้าเรียกเสียงครางแผ่ว ต่อมาไม่นานก็โจนทะยานไม่ต่างจากคลื่นลูกโตที่ซัดซาดเข้าสู่คนเบื้องล่าง จิณณะต้องเกาะเกี่ยวอีกฝ่ายเอาไว้แนบแน่น ได้แต่ครางเรียกชื่อ แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเสียงที่เปล่งออกไปนั้นมาจากความต้องการที่มากขึ้นหรือเพื่อร้องปรามอารมณ์ที่โหมกระหน่ำมากขึ้นทุกที


แต่...ต่อให้เป็นคำร้องปราม พิทักษ์ก็บอกแล้วว่าเขาจะไม่หยุด


ชายหนุ่มขยับเคลื่อนเข้าออก ฝากฝังความร้อนเข้าสู่ช่องทางคับแน่น จากนั้นดึงออกเสียดสีร้อนวาบ แล้วอัดกระแทกกลับเข้าซ้ำ เกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องประสานไปกับเสียงครางแห่งอารมณ์ เตียงกว้างแข็งแรงแม้ไม่ไหวโยกแต่ก็ลั่นกึกๆทุกครั้งที่คนบนเตียงขยับรุกล้ำตอบรับกันและกัน


“พ...พี่ทิศ...พี่ทิศ...ผม...อื้อ! อ่า...อีก...อีก...ผมจะไม่ไหว...ซี้ด...” แม้แต่จิณณะก็ลืมความเจ็บปวดในช่วงแรกไปแล้ว อารมณ์หฤหรรษ์ชักพาให้เวลานี้เห็นแต่ความสุขที่ลอยอยู่ข้างหน้า แค่อีกนิดเดียว เขาจะคว้ามันมาเชยชมสมอารมณ์ พิทักษ์เร่งความเร็วมากขึ้นอีก กอดรัดอีกฝ่ายจนแทบจะหลอมลวม เสือกกายร้อนจัดเข้าสู่ภายในร่างที่ร้อนผ่าวไม่ต่างกัน มันบีบรัดกระชั้นมากขึ้นทุกที


“พ...พี่...ผมไม่ไหว...อื้อ...อะ...อ๊า!...” จิณณะระเบิดความรู้สึกออกมาก่อน ไอร้อนทะลักทะลายเปรอะเลอะเต็มหน้าท้องของเขาและพิทักษ์ที่เบียดชิด ร่างกายเกร็งเฮือกกระตุกถี่ยิ่งทำให้ภายในตอดรัดสิ่งที่ฝากฝังหนักหน่วง พิทักษ์จับสะโพกอีกฝ่ายมั่นแล้วเร่งกายกระเสือกกระสนอัดกระแทกถี่ยิบ คนที่เพิ่งปลดปล่อยไม่มีโอกาสได้พักก็มีอันต้องร้องครางสะท้านไปอีกอึดใจหนึ่ง ก่อนจะถูกอัดกระแทกเฮือกสุดท้ายด้วยท่อนร้อนจนแนบสนิท ปลดปล่อยความต้องการออกมาจนหมดสิ้น


“อ่า...จิณ...”


พิทักษ์ทิ้งกายลงทาบทับคนที่ได้แต่นอนระทดระทวยหอบหายใจถี่ราวกับวิ่งมาราธอน ทุกอย่างสงบลงแล้ว นอกจากเสียงหอบหายใจก็มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินดังติ๊ก ติ๊ก...


ผ่านไปได้แล้ว...พวกเขาก้าวมาสู่ระดับความสัมพันธ์ใหม่ของคนรักแล้ว


จิณณะผ่อนลมหายใจเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ร่างของพิทักษ์ยังทับอยู่บนร่างของเขา แต่กลับไม่รู้สึกร้อนรุ่มอึดอัดเลยสักนิด อาจต้องขอบคุณเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานได้อย่างดีเยี่ยม เปิดโอกาสให้ประชาชนตาดำๆในประเทศที่อากาศร้อนจัดมีโอกาสขยับความสัมพันธ์ในเวลากลางวันอย่างนี้ได้


ตัวแสบหัวเราะเบาๆในคอ ทำเอาพิทักษ์ที่นอนทับต้องผงกศีรษะขึ้นมามอง


“หัวเราะอะไร” เขาถามด้วยความสงสัย


“กลางวันแสกๆ...” คำพูดของตัวแสบนั้นสมเป็นตัวแสบ แม้ตอนแรกจะโอดครวญหาทางเอาตัวรอด ต่อมาทั้งกลัวทั้งหวั่นตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แต่ก็ต่อมาอีกนั่นล่ะที่ประกาศกร้าวเด็ดขาดว่าถ้าไปไม่ถึงฝั่งจะไม่อยู่ด้วยกันอีก แล้วพอทุกอย่างเสร็จสมอารมณ์หมาย ‘ตัวแสบ’ ก็ยังมีหน้าหัวเราะแถมหยอกล้ออีกต่างหาก


พิทักษ์ได้แต่กะพริบตาปริบๆ นึกเก้อขึ้นมาเสียเองทั้งๆที่เขาเป็นฝ่ายเริ่มด้วยซ้ำ


แต่ก็อย่างที่จิณณะว่า ‘กลางวันแสกๆ...’ จริงๆนั่นล่ะ


คนต้นเรื่องเริ่มเก้อเขินจนต้องออกปาก


“พี่เอาออกก่อน จะได้พาจิณไปล้างตัว...”


หากจะนับว่าตอนเริ่มนั้นทั้งเจ็บทั้งกลัว ตอนจบก็ไม่ได้ต่างกันเสียเท่าไร โชคยังดีที่พิทักษ์ใช้ถุงยางอนามัย เลยไม่ต้องล้วงต้องล้างให้ลำบากใจมากไปกว่านี้อีก ทว่ากว่าจิณณะจะกลับไปมานอนบนเตียงได้อย่างเดิมก็ทุลักทุเลจนพอร่างถึงฟูก หัวถึงหมอนก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พิทักษ์ล้างคราบเหงื่อไคล แต่งตัวใหม่ แล้วโกยเอาผ้าปูที่นอนเดิมลงไปใส่เครื่องซักผ้า จากนั้นคว้าน้ำดื่มและนมกล่องกลับขึ้นมาหาคนที่ยังนอนแบบบนเตียง


“กินสักหน่อย” พิทักษ์นั่งลงบนเตียงข้างกายคนที่นอนคว่ำหลับตาพริ้ม พอเจ้าตัวลืมตาเขาก็เจาะนมกล่องส่งให้ดูดแก้หิวไปก่อน


“กลางวันแสกๆ แถมข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน...” คนดูดนมยังไม่วายปากดีล้อเลียน ดวงตาพราวระยิบยามแหงนมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย พิทักษ์ยิ่งพูดไม่ออกหนักกว่าเดิม รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นผู้ชายหัวงูที่ถูกความต้องการครอบงำลืมวัน ลืมเวลาไปหมด


ยิ่งเห็นท่าทางของคนรัก จิณณะยิ่งได้ใจ ยิ้มกระหยิ่ม กัดหลอดนมกล่องเหมือนอร่อยทั้งๆที่มันไม่มีรสชาติอะไรเลย


“โดดงานอีกต่างหาก ถ้าคุณย่ารู้เข้า ผมจะต้องถูกไล่ออกแน่ๆ” คำพูดเหมือนสลดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สีหน้ากรุ้มกริ่มหมายแกล้งให้คนเริ่มต้นได้สำนึกผิดแต่เพียงฝ่ายเดียว


ทั้งๆที่ตัวเขาเองนั่นล่ะ ที่พออีกฝ่ายจะหยุดก็ไม่ให้หยุด


“ทำยังไงดีน้า...”


พิทักษ์หลือบมอง เห็นคนพูดเคี้ยวหลอดแจ๊บๆเลยดึงกล่องนมเอาไว้


“ไม่เคี้ยวหลอด หมดแล้วก็ทิ้ง” คนดุก็ยังเป็นคนดุวันยังค่ำ นมกล่องที่หมดแล้วตกอยู่ในมือของพิทักษ์เรียบร้อย จิณณะเลยได้แต่ทำปากยื่น


“ถ้าคุณกอบเรียกไปพบ พี่ก็จะบอกตามความเป็นจริง”


หลานชายคุณกอบกุลขมวดคิ้ว มองคนพูดด้วยแววสงสัย


“บอกว่าอะไร”


“บอกว่าจิณไม่เข้าใจสถานะของตัวเองสักที พี่เลยจำเป็น...ต้องบอกให้จิณรู้ว่าจิณเป็นอะไรสำหรับพี่ จะได้ไม่ลอยตัวเข้าใจผิดแบบเดิมๆอีก”


คนฟังเบิกตาโพลง ถ้ามีเรี่ยวแรงเหลือคงได้ลุกขึ้นโวยวายแล้ว แต่เพราะช่วงเอวลงไปยังชาดิก เลยได้แต่นอนอยู่กับที่ ใช้งานแค่ปาก


“พ...พี่บ้ารึไงวะ! จะไปพูดแบบนั้นกับคุณย่าเนี่ยนะ?!”


คราวนี้คุณกอบกุลอาจด่าไม่ออก แต่ลมจับไปเลย


“พี่คิดว่าคุณกอบต้องเข้าใจ”


“แต่ผมไม่เข้าใจว่าพี่จะไปอธิบายทำไมเว้ย! พอๆ วันนี้ผมลาป่วย ไม่มีใครถาม ไม่มีใครสงสัยทั้งนั้น!” หรือต่อให้จะมีใครถาม ใครสงสัย จิณณะจะไล่ออกสถานเดียว


จากตอนแรกที่ตั้งใจล้อเลียนพิทักษ์ กลายเป็นไปๆมาๆเข้าตัวเสียเอง จิณณะเลยได้แต่หน้าบูดซุกครึ่งปากครึ่งจมูกลงกับหมอนที่นอนเกย


คนที่นั่งอยู่เคียงข้างยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไรแต่ลูบศีรษะคนรักแผ่วเบาราวกับปลอบประโลม


จิณณะเหลือบสายตาขึ้นมอง รู้สึกเหมือนตัวเองแพ้ทางอีกฝ่ายชอบกล พิทักษ์ทั้งขี้โกงและร้ายกาจ ชอบอาศัยรอยยิ้มน้อยๆและท่าทางเหมือนเอ็นดูมาทำให้เขาตายใจ


“คราวหน้าสลับกันบ้างเลย!” คนหน้าบูดประกาศโพล่ง บอกตัวเองให้ใจแข็ง คราวหน้าก็จะ ‘กลางวันแสกๆ’ แบบนี้เหมือนเดิม แล้วจะทำวันธรรมดาให้พิทักษ์ต้องลาป่วยกะทันหันเหมือนกันบ้าง จะได้เจอความลำบากใจว่าจะต้องอ้างกับคนที่ทำงานยังไงที่จู่ๆก็ต้องหยุดงานไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้!


ไม่มีเสียงโต้เถียง มีเพียงการลูบศีรษะเหมือนปลอบประโลมให้ใจเย็นลง แต่การเงียบของเขาไม่ได้หมายความว่าตกลง


คนพูดนั้นพูดง่าย


คราวนี้ก็เห็นชัดแล้วว่าชั้นเชิงใครมากกว่า ใครต้อนได้เก่งกว่า ใครจับใครได้อยู่หมัดกว่า


คราวหน้า...หรือคราวไหนๆ...


คนทำก็คือคนทำ


ส่วนคนพูด...ก็ได้แต่พูดและไม่มีโอกาสได้ทำเช่นเดิม


พิทักษ์เป็นคนขี้โกงที่อยากแต่จะเป็นฝ่ายกอด และเป็นคนร้ายกาจที่คิดแต่จะฮุบจิณณะเอาไว้เป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว


ขี้โกง...และร้ายกาจจริงๆนั่นล่ะ


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

สวัสดีปิดเทอมมมม (ถึงแม้จะเป็นปิดเทอมจอมปลอม อีกไม่นานก็ต้องเรียนอีกแล้วก็ตาม)

มีใครเตรียมผ้าเช็ดหน้ามาด้วยหวังร้อยเปอร์เซ้นว่าจะซับเลือดแต่สุดท้ายเอามาปิดปากกลั้นหัวเราะจิณบ้างคะ วะฮ่าฮ่า

สำหรับพาร์ทนี้คืนกำไรให้พี่ทิศทุกบาททุกสตางค์แล้ว (มั้ง) ขอบคุณสำหรับที่เสียเลือดปกป้องจิณในวันนั้น ส่วนหลังจากนี้...พี่ทิศต้องมาสะสมแต้มบุญใหม่ค่ะ ถ้าทั้งรักทั้งหลงจิณหัวปักหัวปำมากพอ จะคืนกำไรให้พี่ทิศอีก (สปอยจิณสุดๆ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจ และพื้นที่บอร์ด

เจอกันใหม่พฤหัสหน้าค่ะ

ป.ล.เรื่องนี้ใกล้จบแล้ว คาดว่าไม่เกินเดือนหน้าค่ะ

ป.ล.2 จบที่ว่าหมายถึงเรื่องหลักจบ ไม่นับตอนพิเศษ ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 23-05-2019 20:54:51
 :hao6: แหม่ กลางวันแสกๆไปเลยย เรื่องที่พูดว่าจะทำพี่ทิศบ้างก็คือได้แค่พูดจริงๆ55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 23-05-2019 20:56:32
มาแล้วววว  :sad4: :sad4: :sad4:

เย่ รอเล่มเลยค่ะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอย ที่ 23-05-2019 21:13:15
ครั้งหน้าพี่ทิศก็จะให้ทำจริงๆนั่นแหล่ะ 55555แต่น้องจินก็อยู่ข้างบนไง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 23-05-2019 21:21:39
กรี๊ดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-05-2019 21:31:34
ในที่สุด..โอ้ยย พี่ทิศ เลิฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-05-2019 21:46:23
 :pig4:
พี่ทิศต้องหมั่นทวนสถานะบ่อยๆนะค่ะ
เด่วจินเขาลืม  :3123:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 23-05-2019 21:55:14
จิณรู้สถานะของตัวเองแล้ว อิอิ สมใจพี่ทิศเค้าล่ะ ว่าแต่จะไปหาน้าภาวันไหนนะ ไปไหวไหมเนี่ย 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 23-05-2019 22:44:23
 :hao3:

ชอบที่นักเขียน​มาตามนัดมากๆไม่รอเก้อเลย​ สนุกมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 23-05-2019 23:01:26
อร๊ายย โดนจับกินสักที :z1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-05-2019 23:04:06
ทำไมเป็นเลิฟซีนที่อ่านไปขำไปซะได้..จิณเอ๊ย..ยยยย  :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 23-05-2019 23:10:57
ก็พกผ้าเช็ดหน้ามาจริงๆ นั่นแหละ เตรียมตัวมาอย่างดี
ตอนแรกกะซับน้ำตาเตรียมซึ้ง พี่ทิศจะพาน้องเข้าพบคุณแม่
ส่วนไอ้ที่กะจะพกมาซับกำเดา เช็ดน้ำลาย กลายเป็นโบกเชียร์พี่ทิศแทน
แถมไปๆ มาๆ ต้องยกให้นุ้งจิณเอาไปโบกไหวๆ ยอมแพ้พี่ทิศไปซะงั้น 555

เข้าใจสถานะซะทีนะ นุ้งจิณ โถๆๆ ><
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-05-2019 23:14:45
‘เฮ้! พี่ทิศ สรุปว่าเราสองคน
ใครเป็นผัวหรือเมียดีล่ะพี่’

คำถามเมื่อกลางตอน คงได้คำตอบแล้วสินะจิณ 555

...
ช่างเป็นเลิฟซีนที่อ่านไปขำไปจนงงกับอารมณ์ตัวเองเหมือนกันว่านี่ฉันควรจะรู้สึกหื่นหรือรู้สึกฮาดี..   :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 23-05-2019 23:17:24
พี่ทิศนี่ร้ายเงียบนะคะ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 23-05-2019 23:43:19
หึ หึ หึ จิณณะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 24-05-2019 00:16:13
ให้รู้ซะบ้าง ว่าใครเป็นใคร นะเจ้าจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-05-2019 01:49:40
หุหุหุ แพ้ทางมาแต่ไหนแต่ไร คิดไงว่าจะชนะได้นะ จิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 24-05-2019 02:14:46
เหยื่อที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นเหยื่อ ช่างร้ายกาจจริงๆ เจ้าของสนามกอล์ฟ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-05-2019 02:17:43
พี่ทิศร้ายยย
เข้าใจตรงกันนะจิณ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-05-2019 03:06:31
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-05-2019 03:17:20
ยังไม่เจียมอีกเนอะคนเรา​  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 24-05-2019 07:14:29
กลับมาแล้วว พร้อมความเลือดสาดกลางวันแสกๆ 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-05-2019 07:15:48
โดนพี่เขาขุนไว้จับกินก็ไม่รู้ตัวอีกนะ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 24-05-2019 08:35:55
ชัดเจนแล้วนะใครเขยใครสะใภ้  o13  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 24-05-2019 08:46:43
ชอบเรื่องนี้อ่ะ ค่อยเป็นค่อยไปดี

 :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 24-05-2019 08:55:43
จิณก็ยังเป็นจิณ :z1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-05-2019 08:59:27
ช่วงคืนกำไร ให้พี่ทิศ 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-05-2019 09:52:28
ได้กันแล้ว 555  :haun4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-05-2019 12:08:02
คุณอดีตปลัดก็ยังมโนต่อไป :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-05-2019 12:27:54
พี่ทิศก็ยอมให้น้องทำบ้างจิ (ให้ขึ้นขย่มเองเลย) กร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 24-05-2019 13:42:34
 :m20:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-05-2019 14:00:04
 :haun4: :haun4: :haun4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 24-05-2019 15:13:34
ในที่สุดก็ถึงวันนี้ และจิณก็ยังคงเป็นจิณ ปาก....ตลอด น่ารักแบบนี้พี่ทิศถึงไปไหนไม่รอด 555+
ขอบคุณคุณบัวฮะ กลับมาก็คืนความสุขให้คนอ่านเลย อิอิ  o13
 :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 24-05-2019 15:54:09
หวังว่าการกระทำของพี่ทิศจะยืนยันสถานะของจิณณะได้เสียทีนะ
พี่ทิศผู้ชัดเจนด้วยการกระทำ 555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-05-2019 16:10:02
เอ็นดูจิณ 5555555555555555
แต่พี่เขาวางแผนมานานจริงๆค่ะ มีการขุนให้อ้วนพร้อมกินทีเดียว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: febusapollo ที่ 24-05-2019 20:48:14
ในที่สุดพี่ทิศก็ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้วนะคะ
สงสารเขา รอมาตั้งนาน ตอนแรกคิดว่าจิณจะโดนเคลมช่วงคืนที่ร้องไห้หนักๆ
ปรากฏว่าตาพี่ทิศนี่ก็ทำซะกลางวันแสกๆแบบไม่ได้นัด ฮือ ไม่รู้จะขำหรือสงสารจิณ 55555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-05-2019 22:25:24
 :mc4: :man1: :mc4:


 :L1: :pig4: :L1:

 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=&gt; หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-05-2019 22:38:25
จบได้จบไป เรารอตอนพิเศษที่มากมายมหาศาล อิอิ


Sent from my iPad using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 24-05-2019 23:40:43
ในที่สุดจิณก็รู้สถานะตัวเองซักที 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-05-2019 03:32:41
 :katai3:


และในที่สุด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 25-05-2019 07:27:25
จิณ ยอมพี่ทิศ ตอนกลางวันแสกๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 25-05-2019 11:03:39
พี่ทิศคนดุ ไม่พูดเยอะจับปล้ำทำเมีย กลางวันเเสกๆ ให้รู้เเล้วรู้รอดไปเลยย 5555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 25-05-2019 11:26:14
ชีวิตคุณพิทักษ์ต่อไปนี้คงมีสีสันต์อีกมากม่ย :mew3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 26-05-2019 09:17:39
ต้องให้พี่ทิศบอกสถานะแบบนี้แหละ555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 27-05-2019 10:43:40
พี่ทิศร้ายสมการรอคอย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-05-2019 19:30:53
ร้ายมาก ร้ายกาจแบบไม่มีใครนำเลยจ้า
งานนี้ต้องยกให้พี่ทิศเลย จิณณ์ยังเหวอ ตามไม่ทัน

ทิศได้เปรียบมาก และได้สถานะชัดเจนแล้วนะ พอใจเนาะ
จิณณ์ก็ไม่ต้องคิดมากแล้วนะ สินสอดไม่ต้องแล้วด้วย
ตอนนี้แค่ตอบตัวเองให้ได้ และทำใจเหอะว่ารอบหน้า
ที่อยากให้สลับกันบ้าง จะไม่เกิดขึ้น 5555

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 28-05-2019 04:30:22
พี่ทิศช่างร้ายกาจยิ่งนัก กลางวันแสกๆเลย :m25:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 28-05-2019 07:23:51
คุณจิณ เจียมบอดี้บ้างเถอะ ฮ่าๆๆๆพูดได้พูดไป คนกระทำคือใครก็รู้ๆกันอยู่ :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 28-05-2019 22:08:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 29-05-2019 00:17:30
 :heaven
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-05-2019 07:04:16
ปากดีจริงๆเลยจิณ  o18
พี่ทักษ์  ขี้โกง...และร้ายกาจจริงๆ  :z3: :z3: :z3:
จิณ มีหน้ามาประกาศ คราวหน้า...สลับกันบ้าง...อีกนะ
แรงก็น้อย ตัวก็บาง ไม่ต้องพูดถึงชั้นเชิง จิณเอาอะไรจะไปสลับล่ะ   :a5: o22: เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 29-05-2019 08:56:31
 :mew1:
น้องจิณนางเป็นคนตลก 5555:)
พี่ทิศก็โอ๋นางมากอะ
้รักเธอทั้งคู่จร้าาาา
 :กอด1:
 :กอด1:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 19...=> หน้าที่ 33 (23/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 30-05-2019 09:21:09
พี่มารอน้องที่ท่าน้ำแต่เช้าแล้วนะคะ
มาอัพตอนใหม่สักทีเถอะค่ะ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-05-2019 20:09:01
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 20


วันนี้เป็นวันนัดพบของจิดาภาและจิณณะ


ทุกอย่างดูเหมือนทุกๆวัน แต่จะมีใครรู้ว่าในใจของคนในบ้านรู้สึกต่างกันไปคนละอย่าง ทศพรถึงกับยอมเลื่อนวันประชุมไปวันพรุ่งนี้เพื่อจะได้หยุดอยู่บ้าน โดยอ้างกับภรรยาว่าองค์ประชุมไม่ครบ ส่วนทิวากรถึงขั้นแลกเวรกับเพื่อนเพื่อจะได้กลับมาสังเกตการณ์ที่บ้าน เรื่องนี้ก็ทำเป็นเรื่องบังเอิญเช่นกัน โดยบอกกับแม่เลี้ยงว่าเพื่อนติดนัดสัปดาห์หน้าเลยขอแลกเวรกับเขา


เป็นอันว่าทั้งสามีและลูกเลี้ยงคนเล็กต่างอยู่บ้านกันทั้งคู่


จิดาภาไม่ได้สงสัยอะไร เพราะตัวหล่อนเองก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว


หล่อนตื่นแต่เช้ามาเข้าครัว วันนี้แม่ครัวใหญ่ของบ้านไม่ได้ลาพักผ่อน แต่ถูกจิดาภาแย่งงาน เลยต้องลดตำแหน่งกลายเป็นลูกมือไปโดยปริยาย


“แม่ภาท่าทางจะเอาจริง” ทิวากรเดินมาคุยกับบิดาที่แม้จะหยุดอยู่บ้านแต่จะให้อยู่เฉยก็เกรงว่าจะยิ่งตื่นเต้น เลยหาเรื่องตัดแต่งกิ่งต้นไม้ แต่ตามองประตูบ้านแทบจะทุกๆห้านาที


บอกแล้วว่าใครๆในบ้านวันนี้ก็ไม่ปกติเหมือนทุกวัน


“แกอย่าพูดให้พ่อกลัวสิ”


ทศพรอยู่กินกับจิดาภามายี่สิบปีแล้ว หล่อนดูเรียบร้อยสุภาพใจดี เนื้อแท้ก็เป็นเช่นนั้น แต่เรื่องความจริงเอาจังของหล่อนนั้น แม้แต่เขาที่เป็นผู้ชายก็ยังต้องยกให้ จิดาภาใจเด็ดแค่ไหน ดูได้จากก่อนหน้านี้หล่อนยืนขวางระหว่างจิณณะและพิทักษ์ จนพวกเขากระเจิดกระเจิงกันไปคนละทาง หากไม่ได้คุณกอบกุลเตือนสติ ป่านนี้คนทั้งคู่อาจจะแยกย้ายกันไปแน่นอนแล้ว


วันนี้ แม้ว่าหล่อนจะยอมให้พวกเขากลับมาเดินบนเส้นทางเดียวกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าในใจยอมรับความสัมพันธ์ของพวกเขามากน้อยแค่ไหน


แม้จะเป็นคู่ชีวิต แต่กับเรื่องนี้ ทศพรก็เดาใจหล่อนไม่ออกจริงๆ


“แต่ทางนั้นก็หลาน แม่ภาคงไม่ใจร้ายหรอกมั้ง” ทิวากรพูดพลางเหลือบมองบิดาที่ยังดูเป็นกังวล เขาเองก็กังวลไม่ต่างกัน เพียงแต่มีอีกเรื่องที่กังวลไม่น้อยไปกว่า


“แล้วพ่อล่ะ” ลูกชายคนเล็กย้อนถาม ทำเอาทศพรหันมอง


“...คิดยังไงกับการที่พี่ทิศมีแฟน...เป็นผู้ชาย” คำถามนี้ทำเอาคนถูกถามนิ่งไป


หากลูกจะมีคนรัก มีครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมยินดี การได้มีชีวิตอยู่เห็นบุตรหลานมีครอบครัวอบอุ่นเต็มไปด้วยความรัก เป็นความปรารถนาสูงสุดของทศพร เพียงแต่...ในกรณีของพิทักษ์ การสร้างครอบครัวของเขาไม่เหมือนกับลูกชายคนอื่นๆ


พิทักษ์เป็นผู้ชาย และคนรักของเขาก็เป็นผู้ชาย


ครอบครัวที่เขาสร้างขึ้นมามีแต่ผู้ชาย


ชายอาวุโสถอนหายใจยาว


“ก็ไม่ใช่ว่าทำใจง่ายหรอก...” อันที่จริง ทศพรคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าบุตรชายคนโตที่มุ่งมั่นทำงาน ถึงจะเป็นคนเงียบขรึมพูดน้อย แต่เขาก็เคยมีคนรัก ซึ่งล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น แต่จู่ๆ...วันหนึ่งเขาก็เอาตัวเองไปรับกระสุนแทนผู้ชายคนหนึ่ง


เหตุการณ์สำคัญขนาดนั้น สละชีวิตตัวเองเพื่อใครสักคนถึงเพียงนั้น ทศพรไม่อาจมองข้ามแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ทำความเข้าใจได้หรอก เพราะตระหนักว่าผู้ชายคนนั้นคือคนสำคัญของลูกชาย พิทักษ์สู้อุตส่าห์เอาชีวิตตัวเองปกป้องจากคนนอก แล้วจะให้ความรู้สึกของพิทักษ์มาถูกทำลายเพราะคนในครอบครัวอย่างนั้นหรือ


ต่อให้จะเป็นเรื่องทำใจยากสักเพียงใด ต่อให้สังคมจะต่อต้านแค่ไหน หรือต่อให้ทศพรจะไม่อาจทนทานต่อกระแสเชี่ยวกรากของค่านิยมและวัฒนธรรมคนหมู่มาก แต่เขาก็ไม่อาจทอดทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองเช่นกัน


ยิ่งมองเห็นคุณกอบกุลเชิดหน้ายโสโอหังไม่หือไม่อือกับเสียงติฉินนินทาเรื่องที่หลานชายมาคบหาลูกชายของเขา จริงอยู่ว่าหล่อนอาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝงตามเสียงลือ แต่ให้อย่างไรปัจจัยหลักที่ทำให้โบกปัดเสียงนินทาก็เพราะจิณณะเป็นหลานของหล่อน


ไม่ใช่เพราะเป็นลูกชายหรือลูกสาว ไม่ใช่เพราะเป็นหลานชายหรือหลานสาว แต่เพราะเป็นลูก เพราะเป็นหลาน


ทศพรสูดลมหายใจลึก มองต้นไม้เบื้องหน้าที่กำลังตัดแต่งกิ่ง ทว่าสายตาของเขาราวกับหยั่งลึกไปถึงแก่นของต้น


“สมัยก่อน มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง...แม่...เป็นคนปลูก ลงเมล็ดเองกับมือเลยนะ” คำว่า ‘แม่’ เพียงคำเดียวย่อมไม่ได้หมายถึงสตรีคู่ชีวิตนับยี่สิบปีที่ยังวุ่นอยู่ในครัว แต่หมายถึงสตรีอีกคนที่เคยเป็นคู่ชีวิตของเขาเช่นกัน และมีสถานะเป็นแม่แท้ๆของพิทักษ์และทิวากร


‘แม่’ คนนั้นตายจากไปเมื่อตอนสองพี่น้องยังเด็ก ไม่กี่ปีต่อมาทศพรพบรักครั้งใหม่กับจิดาภาและแต่งงานกัน


“แม่ภาก็รู้ และเขาก็รู้ว่าพ่อรักต้นไม้ต้นนั้นที่สุด...” ทศพรพูดพลางยิ้มจางแล้วหันมามองหน้าลูกชายคนเล็ก


“แต่เขาไม่เคยว่าเลย พ่อรู้ว่าบางทีแม่ภาก็ทำใจไม่ได้ ที่ดูเหมือนพ่อจะยังไม่ลืมแม่ แต่ของแบบนี้มันลืมกันได้ซะที่ไหน แม่เป็นเมียของพ่อ เป็นรักแรก เป็นแม่แท้ๆของพวกแกสองคน”


“...ช่วงแรกๆ ถ้ารู้ว่าพ่อลงมาตัดกิ่ง รดน้ำ เขาจะเงียบ ไม่มองหน้า แล้วจ้างคนงานคนสวนมาทำเพิ่ม เพื่อไม่ให้พ่อลงมาเอง แต่มีอยู่วันหนึ่งพายุเข้า พัดต้นไม้ล้มระเนระนาด พ่อวิ่งออกจากบ้านทั้งๆที่เขาห้ามเพื่อมามัดต้นไม้ต้นนั้น แต่สุดท้าย...มันก็ตาย วันนั้นยิ่งกว่าระเบิดลง แม่ภาทั้งร้องไห้ทั้งโกรธ พ่อได้แต่ขอโทษเขา บอกเขาว่าพ่อทิ้งไม่ได้ มันเป็นต้นไม้ของผู้หญิงคนหนึ่งที่พ่อก็รัก เป็นต้นไม้ของแม่แท้ๆของทิศกับทิว เป็นความทรงจำครั้งหนึ่ง เหมือนที่วันนี้พ่อเองก็มีความทรงจำอีกชุดที่เป็นพ่อและแม่ภา”


“แล้วแม่ภาก็เข้าใจ?” ทิวากรเดา


ทว่าทศพรส่ายหน้า ทำเอาคนเป็นลูกแทบวืด


“อ้าว!”


“มันเข้าใจง่ายเรอะ”


“มันไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจง่ายหรอกทิว ไม่มีเรื่องของใครเข้าใจง่ายทั้งนั้น มนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อน และสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดของมนุษย์ก็คือความรู้สึก คนเรา ต่อให้เป็นครอบครัวเดียวกันก็ไม่เข้าใจกันทุกอย่างหรอก แต่ถ้าเรารักจะอยู่ด้วยกัน เราจะเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง เรื่องไหนช่างมันได้ก็ช่างมันบ้าง เรื่องไหนมองข้ามได้ก็มองข้ามบ้าง พ่อเองก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจแม่ภาเขาเหมือนกัน แต่พอคิดว่า ‘อ้าว นี่อยู่กันมาจนวันนี้ ยังมีเรื่องไม่เข้าใจอีกเหรอ ยังมีเรื่องนี้ที่ไม่รู้อีกเหรอ’ ก็ทำให้รู้สึกท้าทายเหมือนกันนะ” บิดาพูดแล้วหัวเราะ ทว่าสายตาอบอุ่นลึกซึ้ง ไม่ว่าจะยามพูดถึงภรรยาเก่าที่จากไป หรือภรรยาใหม่ที่เคียงข้างกันมากว่ายี่สิบปี


“พ่อเรานี่ก็สองใจเหมือนกันแหะ”


“ไม่ได้สองใจ แต่มีความทรงจำสองชุด”


“สรุปว่าพ่อปล่อยวางเรื่องพี่ทิศ?”


“แล้วถ้าไม่ปล่อยจะให้ทำยังไง คนของเรารักเขาขนาดนั้น ขวางไปก็ไม่ต่างจากทำร้ายลูกตัวเอง แถมทางนั้นก็หลานคุณกอบ ดีไม่ดีคุณกอบเล่นกลับ เจ็บซ้ำหนักกว่าเดิมอีก” สถานะ ‘หลานคุณกอบ’ นั้นอย่างกับโลโก้ แค่พูดถึง หน้าของหญิงชราผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยบารมีก็ผุดวาบขึ้นในสมอง


พอคิดถึงคุณกอบกุลแล้ว ทศพรก็นึกไปถึงทายาทคนอื่นๆของวงศ์กีรติ รุ่นหลานของตระกูล นอกจากจิณณะแล้วก็มีหลานชายอีกสามและหลานสาวอีกหนึ่ง หลานชายคนโตซึ่งเกิดจากไกรสร ลูกชายคนโตของคุณกอบกุลเห็นว่ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว เหลือหลานอีกสามที่ยังไม่มีวี่แวว หลานคนหนึ่งเรียนดอกเตอร์อยู่อังกฤษคงไม่กลับมาในเร็วๆนี้ คราวนี้เลยเหลืออีกสอง เป็นหญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง และชายหนึ่งที่ว่าก็คือจารีต น้องชายแท้ๆของจิณณะ


วาดแผนผังตระกูลวงศ์กีรติในหัวเสร็จ ชายผู้เป็นบิดาก็เหล่มองลูกชายคนเล็ก


“ไอ้ทิว แล้วแกล่ะ มีแฟนรึยัง”


“อะไรพ่อ อยู่ดีๆมาถามผม”


“อยากรู้”


“ไม่เห็นจะน่ารู้”


“แกไม่อยากบอกเพราะแกมีหรือเพราะแกไม่มี”


“พ่อนี่ว้าวุ่นกับพี่ทิศแล้วมาลงผม” ทิวากรโวย


“ไม่ได้ลงแก แต่เตือนไว้ก่อน มีแฟนเป็นใครก็ได้ แต่เว้นนามสกุลวงศ์กีรติไว้ตระกูลหนึ่ง”


รักใครก็ได้แต่ไม่เอาคนในตระกูลนี้แล้ว ชอบใครก็ได้แต่เว้นคนในตระกูลนี้ไว้สักตระกูล


“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง นู่น...รถพี่ทิศมาแล้ว” แล้วลูกชายคนเล็กก็หาทางชิ่ง ชี้โบ้ชี้เบ้ไปที่หน้าประตูอัลลอย ทศพรหันมองตามเห็นรถหรูของลูกชายคนโตจอดอยู่ ก่อนที่ประตูบานเลื่อนจะถูกเลื่อนเปิดด้วยระบบอัตโนมัติ


พิทักษ์มาถึงแล้ว...เขามาพร้อมกับ ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’


………………………….


บ้านของครอบครัวของพิทักษ์เป็นคฤหาสน์หลังย่อม มีอาณาเขตกว้างขวาง ด้านหน้าเป็นสนามหญ้าและต้นไม้แผ่กิ่งก้าน ในตัวบ้านขนาดสองชั้นแบ่งเป็นสองปีกซ้ายขวาอย่างสมมาตร


ยามยังเล็ก จิณณะเคยติดตามมารดามาเยี่ยมเยียนน้าสาว มีโอกาสวิ่งเล่นเข้านอกออกในบ้านหลังนี้แทบปรุตามประสาเด็กซุนซน  แต่การมาคราวนี้ของเขาไม่เหมือนครั้งไหนๆ ฐานะหลานชายสตรีเจ้าของบ้านยังติดตัวเขา แต่อีกสถานะหนึ่งเพิ่มขึ้นมา


...คนรักของลูกชายเจ้าของบ้าน...


อ้อ...ระดับจิณณะ วงศ์กีรติเพิ่มอีกสถานะคือคนกลับกลอกไม่ทำตามที่รับปากด้วย


...เยี่ยมจริงๆ ถ้าแม่ผัวไม่รักจะไม่แปลกใจเลย...


พอคิดถึงคำว่า ‘แม่ผัว’ จิณณะก็ชักร้อนๆหนาวๆ หลังจากกระจ่างแจ้งในความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและพิทักษ์ ซึ่งไม่ใช่แค่ครั้งเดียว หนำซ้ำที่บอกว่าให้สลับกันบ้าง เอาเข้าจริงแล้วนับตั้งแต่ครั้งแรกก็เหมือนบทบาทนั้นตายตัว พิทักษ์เป็นฝ่ายย้ำความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยตัวเองซ้ำๆ ครั้งหลังสุดคือเมื่อคืนนี้ ตอนก่อนจะหลับยังมาพูดข้างหูให้เจ็บใจเล่นว่า


‘จำไว้นะจิณ แม่ภาเป็นแม่สามี’


จำจนตาย จิณณะก็ไม่ลืม วันนี้ที่ต้องมาพบ ‘แม่สามี’ เลยต้องทำตัวเป็นลูกสะใภ้ผู้อ่อนน้อมถ่อมตน หิ้วกระเช้ารังนกมาด้วย


“บอกแล้วว่าไม่ต้องซื้ออะไรมา” พิทักษ์บ่น อันที่จริงอยากจะบ่นตั้งแต่เมื่อวาน ตอนที่เห็นกระเช้ารังนกวางอยู่ในบ้าน ถามไปถามมาถึงได้ความว่าจิณณะไม่รู้จะซื้ออะไรติดไม้ติดมือมาฝากเนื้อฝากตัวกับจิดาภาในฐานะ...เอ่อ...คนรักของพิทักษ์ ก็เลยซื้อรังนก ฝ่ายลูกชายของจิดาภาทั้งขำทั้งฉุน ขำคนรักที่ซื้อกระเช้ารังนกอย่างกับจะมาสวัสดีปีใหม่ แต่ที่ฉุนคือตอนเจ้าตัวอึกอักราวกับยังไม่รู้สถานะว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไร ก่อนจะได้บ่นอย่างที่อยาก พิทักษ์ก็เลยต้องระบุสถานะของพวกเขาอีกรอบ ตอนตัวแสบหมดแรงจะหลับแล่ไม่หลับแหล่ เขาย้ำด้วยคำพูดว่าจิดาภาเป็นแม่ของเขาก็เท่ากับเป็นแม่สามี และถ้าจิณณะยังไม่จำ จำไม่ได้ หรืออึกอักอีกล่ะก็ เขาจะ ‘ซ้ำ’ จนกว่าจะจำฝังใจทีเดียว


“ผมจะมามือเปล่าได้ไงล่ะ...” จิณณะเถียง สินสอดทองหมั้นก็ไม่มี ผู้ใหญ่ก็ไม่มี มาแต่ตัวล้วนๆ อย่างน้อยถือกระเช้ามาด้วยก็ยังดี


ลูกชายเจ้าของบ้านได้แต่ส่ายหน้า พอดีกับที่ทศพรและทิวากรเดินมาต้อนรับ พิทักษ์เลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นน้องชายอยู่บ้านในวันนี้ แต่เป็นฝ่ายสองพ่อลูกมากกว่าที่พากันนิ่งงันเมื่อพบว่าจิณณะไม่ได้มาตัวเปล่า แต่หิ้วกระเช้ารังนกอยู่ในมือ


ทิวากรมองกระเช้ารังนกแล้วก็เหลือบขึ้นมองคนถือ จิณณะในเวลานี้ไม่เหมือน 2-3 ครั้งแรกที่เขาพบเลยสักนิด ครั้งแรกสุดที่หน้าห้องฉุกเฉิน เจ้าตัวเลอะเทอะไปด้วยเลือดของพิทักษ์ หน้าตาซีดขาวดวงตาเลื่อนลอย คราวต่อมาพบที่บ้านของคุณเทียมก็ดูนิ่งขรึมไร้อารมณ์อย่างกับหุ่นยนต์ แต่คราวนี้สิ สีหน้ามุ่งมั่น อกผายไหล่ผึ่งอย่างกับจะไปรบ


เป็นคนที่...คาดเดาไม่ได้จริงๆนั่นแหละ


เดาไม่ได้ตั้งแต่ที่เจ้าตัวหิ้วกระเช้ารังนกมาพบหน้าจิดาภาในวันนี้แล้ว


คุณหมอหนุ่มหัวเราะในคอ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงไปไหนไม่รอด


“ทิว...” คนเป็นพ่อหันมาปราม พอจะรู้ว่าลูกชายหัวเราะอะไร ในเมื่อเขาเองก็แอบกลั้นหัวเราะอยู่เหมือนกัน ก็ดูสีหน้ามั่นอกมั่นใจแต่ติดประหม่าเล็กๆของคนหิ้วกระเช้ารังนกมาด้วยเสียก่อน ถ้ามองข้ามทัศนคติชายต้องคู่กับหญิงแล้ว จิณณะก็นับว่า...น่าเอ็นดู...ทีเดียว


ชายอาวุโสที่สุดหันมาทางจิณณะ อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาลงมองกระเช้ารังนกในมือเจ้าตัว ดูท่าหนักไม่น้อย แต่จิณณะก็นับว่าเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ดูแข็งแรงสุขภาพดี แถมหน้าตามาดมั่นกับสิ่งที่ทำอยู่เป็นอย่างยิ่ง


“ภาอยู่ในบ้าน กำลังทำกับข้าว”


“น้าภาทำกับข้าวหรือครับ” จิณณะกะพริบตาปริบๆ


ระหว่างทางที่นั่งรถมา ความคิดของเขามีร้อยแปดพันเก้า สร้างภาพสถานการณ์ในหัวไปแปดล้านรูปแบบ จิดาภาอาจจะนั่งเชิดอย่างเจ้ายศเจ้าอย่างอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ให้เขาต้องคลานเข่าเข้าไปหา จิดาภาอาจจะไม่มองหน้า ยามเขายกมือไหว้ก็แค่ยกมือรับไหว้อย่างขอไปที หรือจิดาภาอาจจะตีบทเศร้าน้ำตานอง ร่ำร้องขอให้เขาออกจากชีวิตพิทักษ์ไปอีกครั้ง และร้ายที่สุด จิดาภาอาจจะหนีหน้าไม่ยอมอยู่พบด้วยซ้ำ


ทว่า...พอมาได้ยินจากทศพรว่าน้าสาวของเขากำลังทำกับข้าว ก็ทำเอาคนที่สูดลมหายใจลึกเรียกความกล้าทำหน้าตามุ่งมั่นอยู่เป็นนานเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ตัวเองถึงกับแทบเซ


“ใช่ เข้าครัวแต่เช้าแล้ว”


หรือ...นี่อาจจะเป็นกลยุทธ์อีกรูปแบบหนึ่ง ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ ซึ่งนั่นหมายถึงการเพิกเฉย มองข้าม ทำเป็นไม่รับรู้การมาเยือนของจิณณะ และอย่างร้ายที่สุดคือแอบวางยาตอนทำอาหาร


พอคิดมาถึงตรงนี้ จิณณะก็รีบส่ายศีรษะ รู้สึกว่าช่วงที่ผ่านมาเขาจะคลุกคลีกับคุณกอบกุลมากเกินไป ถึงได้มีแต่เรื่องร้ายๆในหัวเยอะแยะไปหมด จารีตเคยเตือนสติเขาครั้งหนึ่งว่าเรื่องของเขาและพิทักษ์มีแต่คนรู้จักของเขารายล้อมทั้งสิ้น การพบกันอย่างซึ่งหน้า พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา แสดงความจริงใจอย่างเปิดเผย เป็นสามวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะหันซ้ายก็ญาติ หันขวาก็คนรู้จัก และทั้งหมดรับรู้ว่าความรู้สึกของเขาและพิทักษ์แข็งแกร่งเพียงใด


“ถ้าอย่างนั้น ผมขอไปพบน้าภาในครัวได้ไหมครับ” เขาหันมาขออนุญาตเจ้าของบ้าน ทศพรพยักหน้า จิณณะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะก้าวเท้าอย่างมุ่งมั่นเข้าไปในบ้านที่เขาเคยวิ่งเล่นทุกซอกทุกมุม


ครั้งหนึ่งเขามาที่นี่ในฐานะหลานชาย


ครั้งนี้ ถึงจะมีสถานะอื่นเพิ่มเข้ามา และหล่อนอาจจะโกรธเกลียดเขาที่หลอกใช้ ปิดบัง ซ่อนเร้น แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นหลาน ตัวเขาและจิดาภาต่อให้ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงแต่พวกเขาก็มีเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกัน...สายเลือดย่อมตัดกันไม่ขาด


ขอเพียงแค่พบกันอย่างซึ่งหน้า พูดกันอย่างตรงไปตรงมา และแสดงความจริงใจอย่างเปิดเผย


เขาเชื่อว่าจะสามารถกอบกู้ความสัมพันธ์กลับมาได้ ไม่เพียงแค่สายสัมพันธ์ของน้าหลาน แต่รวมไปถึงความสัมพันธ์ในฐานะแม่ของคนรักและคนรักของลูกชายก็ด้วย


…………………


จิดาภากำลังสั่งให้แม่ครัวเทอาหารในหม้อลงบนชาม หล่อนได้ยินเสียงรถยนต์แล้ว และเดาได้ว่าลูกชายคนโตคงกลับมาถึงแล้ว การที่พิทักษ์ไม่ได้มาที่นี่เพียงลำพังแต่พาใครอีกคนมาด้วยนั้น เป็นเรื่องที่หล่อนตระหนักดี และเพราะตระหนักในเรื่องนี้ ถึงได้ลงครัวแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารเอาไว้ต้อนรับ


แกงส้มชะอมกุ้งนั่นของโปรดพิทักษ์ มีผัดเปรี้ยวหวานที่ทิวากรบ่นว่าอยากทาน กับข้าวอย่างง่ายอีก 2-3 อย่าง และหมูสับทอดใส่ตะไคร้ที่หล่อนจำได้ว่ามีใครบางคนชอบทาน
.
.
.
.
.
‘ตะไคร้เป็นผัก! จิณไม่กินผัก!’ เด็กชายจิณณะทำหน้ามุ่ย กอดอกอย่างเอาแต่ใจ เรื่องเลือกกินกับเด็กๆนั้นเป็นของคู่กัน


‘ผักทุกอย่างไม่ได้รสชาติเหมือนกันสักหน่อย’


‘เหมือนสิ! มันเป็นผัก!’


‘จิณก็เป็นเด็ก จิณคิดว่าเด็กทุกคนเหมือนกันหรือ’


‘ไม่เหมือน! จิณหล่อว่านิวยอร์ก!’ นิวยอร์กที่ว่าคือเพื่อนร่วมห้องร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์อาศัยความตัวใหญ่เลยกลายเป็นหัวโจก แต่จิณณะก็อาศัยความไม่ยอมคนเป็นหัวโจกของอีกฝั่งเช่นกัน สองฝั่งแข่งกันทุกเรื่องตั้งแต่ความหล่อ การศึกษา กีฬา รวมไปถึงฐานะทางบ้าน ซึ่งบางอย่างจิณณะชนะเฉียดฉิว บางอย่างก็ชนะหวุดหวิด แต่เรื่องฐานะทางบ้านนี้ชนะโด่ง อ้อ...แต่บางเรื่องที่หลานชายของจิดาภาสู้ไม่ได้ เจ้าตัวก็ไม่ยกมาแข่ง เช่นการเลือกกิน ฝั่งนิวยอร์กนั้นเพราะกินได้ทุกอย่างเลยตัวใหญ่หุ่นหนานุ่ม ผิดกับฝั่งจิณณะที่ติดเล่นมากกว่ากิน แถมเวลากินยังเลือกกินเฉพาะที่ชอบ ถึงแม้จะไม่แคระแกร็น แต่ขนาดตัวก็เล็กกว่านิวยอร์กเยอะ


‘ผักทุกชนิดก็ไม่เหมือนกัน’ น้าสาวย้ำด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


‘แต่มันขมเหมือนกัน!’


‘จิณไปกินผักอะไร ที่ว่าขม’


‘อะไรไม่รู้ เป็นปุ่มๆในแกงจืด หมูสับก็ขม น้ำซุปก็ขม!’


‘มะระหรือ’ เด็กชายจิณณะทำหน้าตาซื่อ เพราะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเรียกมะระหรือไม่ แต่แค่นั้นก็ทำเอาจิดาภาถอนหายใจแล้ว


‘ใครให้กิน’


‘คุณย่า คุณย่าบอกว่าถ้าไม่กิน จาต้องกินแทน’ คนฟังได้แต่อ่อนใจ คุณกอบกุลเป็นจอมบงการ แต่มาบังคับเอากับหลานๆอายุยังน้อยพวกนี้ก็เกินเหตุไปหน่อย


‘เอาล่ะ จิณเชื่อน้าภาสักครั้งได้ไหม ว่าคราวนี้หมูทอดตะไคร้ของน้าภาไม่ขม’


เด็กชายจิณณะมองหน้าน้าสาวอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ใจหนึ่งก็กลัวว่าต้องเจอผักขมๆแบบตอนที่ถูกคุณกอบกุลบังคับ แต่อีกใจก็...หมูทอดนี่หอมจริงๆ!


‘น้าภาทำเองกับมือ จิณเชื่อใจน้าภาไหม’


หลานชายเม้มปาก แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า ลองตัดหมูสับปั้นก้อนที่ทอดสุกแล้วออกเป็นชิ้นเล็กๆ ดวงตาของเด็กชายสอดส่องว่ามีผักสักเสี้ยวหรือไม่ พอเห็นตะไคร้สับเป็นเส้นเล็กๆที่แทรกอยู่ตามเนื้อหมูสับ ก็พาเอาต้องกลั้นหายใจ


....แต่จิณณะเป็นผู้ชาย! และคุณครูบอกว่าผู้ชายต้องกล้าหาญ!...


เด็กชายตัวน้อยตัดใจยัดช้อนเข้าปากแล้วหลับตาปี๋รอรับความขมที่จะมาถึง ทว่า...พอเคี้ยวไปได้ไม่กี่ครั้งจากที่หลับตากลั้นใจก็กลายเป็นลืมตาพรึ่บ เต็มไปด้วยประกายระยิบ


‘อร่อย!!’


สีหน้าของคนชมไม่สู้การตักเข้าปากเป็นคำที่สอง สาม สี่ ตบท้ายด้วยการขอเติมข้าวอีก อีกทั้งยังยกให้เป็นเมนูโปรดไปเรียบร้อย


หลังจากนั้น ไม่ว่าจิดาภาจะทำอะไรให้ทาน เจ้าตัวก็เต็มใจทานทุกอย่างไม่มีเกี่ยงงอน จากเด็กชายที่ทานผักได้แค่ไม่กี่อย่างและเลือกกินเป็นกิจวัตร กลายเป็นชายหนุ่มกินง่าย อยู่ง่าย ก็เพราะส่วนหนึ่งจากฝีมือทำอาหารของน้าสาว
.
.
.
.
.
“หมูทอดตะไคร้” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นเบื้องหลัง ทำเอาจิดาภาที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ความหลังรู้สึกตัวหันมอง วินาทีแรกที่สบตากับคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูครัว ทำให้หล่อนชะงักไปเล็กน้อย ความสัมพันธ์น้าหลานแม้จะยังอยู่ดี แต่สิ่งที่คั่นกลางคือเงื่อนไขที่หล่อนสร้างขึ้นมาเอง วันนี้การที่จิณณะหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ก้าวเข้ามาก็เพราะสิ่งที่หล่อนทำเอาไว้


จิดาภาใจหาย ตาตกลงพื้นแล้วก็พลันชะงักเมื่อเห็นบางอย่างในมือของหลานชาย


“เอ่อ...ผม...ซื้อรังนกมาฝาก”


“ซื้อรังนกมาฝาก?” จากที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดคุยกันอย่างไรดี ก็กลายเป็นร้องถามอย่างไม่ทันคิดด้วยซ้ำ


“ก็...ผมไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรมาดี”


“ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาเลย”


“ไม่ได้หรอก ผม...เอ่อ...” มันเป็นช่วงเวลาที่พูดยาก ไม่ใช่เพราะไม่กล้าพูดขอโทษ แต่เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดด้วยเรื่องไหนดี อย่างแรกคือขอโทษ อย่างที่สองคือเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและพิทักษ์


จริงอยู่ว่าจิดาภารับทราบว่าพวกเขามีความรู้สึกต่อกันเช่นไร แต่การทราบแล้วยอมรับ กับการทราบแล้ววางเฉย ย่อมให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ระหว่างสองน้าหลานเงียบกันไป ฝั่งหนึ่งคือหลานชายตัวแสบที่หิ้วรังนกมากระเช้าโตและไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไรดี อีกฝั่งคือน้าสาวผู้มีชนักปักหลัง เพราะเป็นฝ่ายออกปากกีดกันหลานชายกับลูกเลี้ยงเอง


“น้าภา/จิณ...” แล้วจู่ๆ คนที่ไม่รู้จะคุยอะไรกันดีก็เอ่ยปากขึ้นมาพร้อมกัน แล้วพอเรียกชื่อกันและกันออกมา ก็พาเอาชะงักไปทั้งคู่ และคราวนี้เป็นฝ่ายจิณณะที่ตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาก่อน


“ผมเข้าไปได้ไหม” เป็นการขออนุญาตที่มีความนัย จิดาภาเองก็รู้ดีว่าคำถามนี้ไม่ใช่แค่การขอเข้ามายืนในครัวกับหล่อน แต่เขาขอ...เพื่อกลับเข้ามาเป็นหลานชายที่หล่อนเอ็นดูอีกครั้ง


ต่อให้จะโกรธสักเท่าไร ต่อให้จะเจ็บปวดสักเท่าไร แต่คนตรงหน้าก็เป็นหลาน เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนหนึ่งที่เห็นมาตั้งแต่แรกเกิด แม้จะไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูจิณณะเหมือนที่เลี้ยงดูพิทักษ์และทิวากร แต่หล่อนก็เห็นพัฒนาการของเขาตลอดมา


จากเด็กชายตัวน้อยจอมซุกซน เติบโตเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นแสนทโมน และเวลานี้เขาคือชายหนุ่มเต็มตัวที่...อาจจะยังแสบสัน แต่...เขาก็ยังเป็นหลานชายที่หล่อนรักและเอ็นดู


สายเลือดตัดกันไม่ขาด จิดาภาเข้าใจคำนี้เป็นอย่างดี
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-05-2019 20:09:37
“เข้ามาสิ” หล่อนตอบ พลางยิ้มจาง จิณณะก้าวเท้าเข้าไปในครัว พอเห็นกระเช้ารังนกในมือหลานชายเต็มตา คนเป็นน้าก็ได้แต่ส่ายหัว


“ทิศปล่อยให้ซื้อได้ยังไง เยอะขนาดนี้”


“ก็ซื้อตอนพี่ทิศไม่เห็นสิครับ” หลานตัวแสบตอบแล้วยักไหล่ ทำหน้านิ่วเล็กน้อยตอนยกขึ้นไปวางบนโต๊ะ กระเช้ารังนกที่ใหญ่ที่สุดในร้านมันใหญ่เกินไปจริงๆนั่นล่ะ แต่ถ้าซื้อกระเช้าเล็ก มันจะสมศักดิ์ศรีการมาฝากเนื้อฝากตัวในฐานะ...เอ่อ...คนรักของพิทักษ์ได้อย่างไร


“เยอะขนาดนี้ สงสัยต้องเอาไปแจกคนบ้าง หรือน้าเอามาทำรังนกนมสดดีไหม เอากลับไปฝากพี่ยาด้วย คุณกอบอีกล่ะ แกทานได้ไหม ไม่อย่างนั้นน้าจะทำแยกไป ถ้าจะทานใส่นมสดก็ค่อยใส่...”


“น้าภายังโกรธผมอยู่ไหม” จิณณะถามโพล่ง ขัดบทพูดทั้งหมดของจิดาภา เขารู้ว่าสิ่งที่หล่อนพูดก็เพื่อให้บรรยากาศระหว่างพวกเขาสองน้าหลานดีขึ้น แต่มันไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย เขารู้ว่าหล่อนพยายาม แต่...เราเป็นน้าหลานกัน จำเป็นต้องพยายามมากถึงเพียงนั้นเพื่อให้ความสัมพันธ์ของพวกเราดีขึ้นอย่างนั้นหรือ


จิดาภาเงียบไปในทันที ก่อนจะหันมองหลานชาย แววตาของหล่อนยังเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย จะว่าโกรธก็โกรธ แต่โกรธใครหล่อนเองก็ไม่แน่ใจ โกรธตนเองเป็นคนกลางทำให้จิณณะและพิทักษ์รู้จักกัน โกรธจิณณะที่เป็นสาเหตุหนึ่งให้พิทักษ์เจ็บตัว โกรธพิทักษ์ที่รักชีวิตจิณณะมากกว่าชีวิตตนเอง แต่ถึงจะโกรธ หล่อนก็รักทั้งพิทักษ์และจิณณะ หล่อนรักพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงลูกเลี้ยงหรือเป็นเพียงหลาน หล่อนรักพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะทำให้หล่อนกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงหรือเสียใจเพราะถูกปิดบัง หล่อนรักพวกเขา...รักและหวังให้พวกเขามีแต่ความสุข


“ผมขอโทษ...” จิณณะคนมุ่งมั่นเวลานี้กลับคอตกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด


“จิณขอโทษน้าเรื่องอะไร”


“เรื่อง...ที่ผมปิดบังทั้งหมด ที่ทำให้พี่ทิศถูกยิง แล้วก็...ที่ไม่ทำตามสัญญา...” จิดาภามองหลานชายร่างสูงตรงหน้า เหมือนเห็นภาพซ้อนเป็นเด็กชายจิณณะที่สูงแค่เอวหล่อนยืนก้มหน้าสำนึกผิดเพราะแอบเด็ดดอกไม้ในสวนโดยไม่ขออนุญาต


“ตอนเด็กๆ จิณมาที่นี่บ่อยๆ จำได้ไหม” ความทรงจำยามยังเล็กนั้นเลือนรางสำหรับจิณณะ แต่สำหรับจิดาภา หล่อนจำได้ไม่ลืม ยามพูดถึงจึงปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก


“ตอนนั้น น้าเพิ่งแต่งงานกับคุณทศ มัน...ค่อนข้างกระท่อนกระแท่น...”


อันที่จริงต้องเรียกว่า ‘ร่อแร่’ ทศพรไม่ใช่ชายหนุ่มตัวเปล่า หนำซ้ำยังอายุมากกว่าหล่อนเกือบสิบปี ฝั่งครอบครัวของเขานั้นไม่เท่าไรเพราะเสียบุพการีไปนานแล้ว เหลือเพียงพี่ชายอีกสองคนที่ให้อิสระแก่กัน แต่ฝั่งครอบครัวภรรยาเก่านั้นค่อนข้างตั้งแง่กับหล่อน ลูกติดทั้งสองคนของทศพรก็ยังเด็ก เมื่อจู่ๆมีแม่ใหม่ การต่อต้านจึงเกิดขึ้น ไหนจะบิดามารดาของหล่อนเองก็ล้วนไม่พอใจที่หญิงสาวโสดอย่างจิดาภาซึ่งมีตัวเลือกมากมายแต่ดันตกลงปลงใจอยู่กินกับผู้ชายมีพันธะ


ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องของสองสามีภรรยา แต่มีปัจจัยอีกมากมายที่วนเวียนเข้ามาจุดชนวนขัดแย้ง จิดาภาในยามนั้นต้องรับมือทุกด้านจนแทบเอาตัวเอาใจไม่รอด หวุดหวิดจะเลิกกับสามีหลายครั้ง โชคยังดีที่จรรยาแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนถามไถ่อยู่เสมอ และมักพาจิณณะและจารีตมาเที่ยวเล่นที่นี่ด้วย


“ตอนนั้นจิณยังตัวเท่านี้...” จิดาภาพูดแล้ววางมือลงเทียบกับเอวของหล่อน พลางยิ้มจางราวกับเห็นเด็กชายจิณณะที่ตัวเท่านี้ยืนอยู่ข้างกายหล่อน “...วิ่งไปทั่วทั้งบ้าน มีวันหนึ่งไปเด็ดดอกไม้มาให้น้า ถามไปถามมาถึงได้รู้ว่าเด็ดมาจากต้นไม้ที่คุณทศรักมาก”


จิณณะหน้าเสีย เขาลืมเหตุการณ์เหล่านั้นไปแล้ว แต่เมื่อน้าสาวพูดขึ้นมาก็เหมือนจำได้เลาๆว่าเขาทำเช่นนั้นจริง และครั้งนั้น...จิดาภาโกรธมาก


“วันนั้น น้าภาโกรธ...” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่ว


“ใช่...แต่จิณจำได้ไหมว่าจิณเด็ดดอกไม้มาให้น้าเพราะอะไร”


จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย พยายามทบทวนหาสาเหตุว่าเพราะอะไรเขาถึงมือบอนไปเด็ดดอกไม้จากในสวนบ้านคนอื่น ชายหนุ่มจำได้ดีว่าตอนยังเด็กตนเองทั้งซนทั้งทโมน อาจจะไม่มีเหตุผลอะไรเลยก็ได้ แค่เพียงอยากทำก็เท่านั้น


“...จิณเด็ดมาให้น้า เพราะวันนั้นจิณเห็นน้าร้องไห้...”


“...น้ามีปัญหากับทิศและทิว พวกเขาไม่อยากให้พ่อมีภรรยาใหม่ น้าเจอฤทธิ์ของทิศทุกวัน ทำอะไรให้เท่าไรก็ไม่ยอมรับ เรียกน้าว่าแม่เลี้ยงใจร้ายบ้าง แกล้งเอาแมลงมาโยนบนโต๊ะอาหารบ้าง น้าไปรับที่โรงเรียนก็ไม่ยอมกลับ ร้องโวยวายว่าน้าเป็นคนขโมยเด็กขึ้นรถตู้บ้าง เดือดร้อนต้องตามคุณทศมาที่โรงเรียน ไหนจะคุณตาคุณยายอีก วันนั้น...น้าจำได้ว่าพอเจอหน้าแม่ของจิณ น้าก็ร้องไห้อย่างเดียวเลย...”


คุณตาคุณยายที่ว่าก็คือบุพการีของจรรยาและจิดาภาซึ่งมีศักดิ์เป็นตายายของจิณณะ แม้เวลานี้ทั้งสองจะไม่อยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มก็พอจะจำได้ว่าทั้งคุณตาคุณยายมักจะทำหน้าไม่สบอารมณ์ยามพูดถึงจิดาภาในทำนองว่าหล่อนแต่งงานกับพ่อหม้ายลูกติด


“จิณเห็นน้าร้องไห้ ก็เลยไปเด็ดดอกไม้มาให้ พอเห็นดอกไม้ น้าก็แทบจะร้องไห้หนักกว่าเก่า เพราะเป็นดอกไม้จากต้นที่คุณทศรักมาก” จิดาภาพูดแล้วหัวเราะเบาๆ นึกขันกับเหตุการณ์ในความทรงจำ แม้ว่าวันนั้นจะไม่มีอารมณ์ขันเลยสักนิดเดียว ไหนจะปัญหาคาราคาซังกับลูกเลี้ยง ยังมาเจอปัญหาใหม่คือหลานชายตัวแสบไปแตะต้องต้นไม้สุดที่รักของสามีอีก


“แล้ว...น้าภาทำยังไง...”


“น้าทำเรื่องที่แย่มากๆ...” จิดาภาพูด มองสบเข้าไปในดวงตาของหลานชาย “...น้าปล่อยให้แม่ของจิณตีจิณต่อหน้าน้า มือของจิณแดงเถือก แถมร้องไห้ดังลั่น แต่น้าไม่ห้ามสักคำ...”


วันนี้ มือของจิณณะไม่ได้แดงเถือกอย่างวันนั้นแล้ว ไม่มีรอยแผลใดๆ ไม่มีแม้แต่ความทรงจำว่าเขาเคยถูกตีเพราะเรื่องนั้น แต่สิ่งที่หลงเหลือกลับแย่ยิ่งกว่า


จิณณะจำได้ว่าเคยถูกจิดาภาโกรธเพราะเด็ดดอกไม้มาให้หล่อน แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าความตั้งใจแรกเริ่มที่ทำให้เขาเด็ดดอกไม้ดอกนั้นคืออะไร


ความหวังดีของเด็กชายคนหนึ่ง ความไม่รู้อิโหน่อิเหน่ของเด็กตัวน้อยๆคนหนึ่ง ถูกลบออกไปแล้วเหลือเพียงความรู้สึกผิด


“แต่ผมก็ผิดจริง...”


“แต่น้าก็ควรจะห้าม ทั้งๆที่จิณตั้งใจจะปลอบน้า จิณหวังดี จิณไม่ควรถูกตีด้วยความไม่รู้” ในดวงตาของจิดาภาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด จนชายหนุ่มยังใจหาย เขาจับมือน้าสาวเอาไว้แล้วบีบเบาๆ


“ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วน้าภา ผมเองก็จำไม่ได้แล้ว”


“แต่จิณก็ยังจำได้ว่าน้าโกรธ...”


ความโกรธเคืองที่จิดาภามีต่อเด็กชายจิณณะในวัยเด็ก กลายเป็นความทรงจำที่หลงเหลือ อานุภาพของมันรุนแรงเพียงใดก็วัดเอาจากที่จิณณะในวันนี้ลืมทั้งสาเหตุของความโกรธ ลืมทั้งเรื่องหลังจากถูกโกรธ จำได้เพียงความโกรธของจิดาภาอย่างเดียวเท่านั้น


“...แล้วอีกสิบปี อีกยี่สิบปีข้างหน้า จิณจะจำเรื่องที่น้าโกรธวันนี้เหมือนกันไหม...จำได้แต่ความโกรธของน้า” จิณณะเงียบ พูดไม่ออก


“...น้าขอโทษนะจิณ” จิณณะตะลึงงันอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดคำนี้


“ทั้งๆที่...เรื่องนี้มันมีอีกตั้งหลายอย่าง เรื่องที่จริงๆแล้วคุณกอบเป็นห่วงจิณ เรื่องที่ทิศปกป้องจิณ เรื่องที่จิณทำเพื่อทิศ ไหนจะความรู้สึกของทิศกับจิณอีก น้าไม่ควรเอาความโกรธของน้ามาทำลายความรู้สึกของทุกคน ยกโทษให้น้าได้ไหม...ยกโทษให้น้าที่น้าไม่เป็นผู้ใหญ่ ทำให้จิณต้องเสียใจ ทำให้ทิศกับจิณเกือบจะต้อง...แยกกันไป...” แววเสียใจล้นเอ่อในดวงตาของคนพูดจนแทบจะกลั่นเป็นหยดน้ำตา จิณณะสะท้อนไปทั้งใจ ได้แต่บีบมือหล่อน


“ผมจะยกโทษให้น้าภาได้ยังไง ในเมื่อผมไม่เคยโกรธน้าภาเลย”


“ถ้าอย่างนั้น...อย่าจำความโกรธของน้าเลยนะ...”


“ครับ ผมไม่จำแล้ว น้าภาอย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวผมไปเด็ดดอกไม้มาให้อีก คราวนี้จะยุ่งไปกันใหญ่” จิดาภาหัวเราะเบาๆ ตีลงกับไหล่หลานชายตัวแสบไปที


“ไม่ต้องเอาดอกไม้มาให้น้าแล้ว แค่กระเช้ารังนกก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงเลย ซื้อมาได้ยังไงเยอะขนาดนี้”


“รู้แล้วว่าพี่ทิศบ่นเก่งเหมือนใคร เอ้อ...หมูทอดตะไคร้จะเย็นหมดแล้ว ผมขอชิมสักชิ้นได้ไหม” เขาเปรยกับตัวเอง ก่อนจะรีบปลีกตัวไปยังจานหมูทอดที่วางอยู่ไม่ไกล พอเห็นจิดาภาพยักหน้าอนุญาต ก็หยิบขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวาแล้วยัดเข้าปาก หมูสับปรุงรสผสมตะไคร้แล้วปั้นเป็นก้อนก่อนลงทอดยังคงให้สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน รสกลมกล่อมหอมกลิ่นตะไคร้เหมือนที่ทานสมัยเด็กๆ ทว่าก่อนจะได้หันกลับไปชมคนทำ เสียงของน้าสาวก็ดังขึ้นมาเสียก่อน


“จิณ...จำไม่ได้ใช่ไหมว่าหลังจากถูกตีตอนนั้นแล้ว เกิดอะไรขึ้น”


จิณณะกะพริบตาปริบๆ หันมามองอย่างงุนงง


จิดาภายิ้มจางอ่อนโยน


“จิณเจอทิศครั้งแรกวันนั้น...”


“เจอพี่ทิศ?”


“ใช่ เจอกันวันแรก...ทะเลาะกันด้วย แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดีขึ้น จิณ...เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทิศยอมรับน้าในฐานะแม่อีกคนของเขา...”


หากจะบอกว่าชะตาลิขิตก็คงเป็นเช่นนั้น จิดาภาที่ใกล้จะถอดใจกับการสร้างครอบครัวร่วมกับพ่อหม้ายลูกติด กลับได้รับความช่วยเหลือจากหลานชายตัวเเสบ ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่ แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หล่อนได้รับการยอมรับ เขาสร้างกำลังใจในวันที่หล่อนอ่อนแอ วันที่หล่อนเกือบจะทอดทิ้งความรัก เขาช่วยฉุดรั้งหล่อนเอาไว้ มาวันนี้...หล่อนก็ไม่สมควรกีดกันความรักของเขาเช่นกัน


“จิณทำให้น้าได้ลูกชายมาสองคน วันนี้...น้าจะยกลูกชายหนึ่งคนของน้าให้จิณดูแลต่อ จิณจะรับไหม”


จิณณะตาค้างอย่างคาดไม่ถึง ทว่าสีหน้าอ่อนโยนของจิดาภานั้นไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้สักเสี้ยวเดียว


“ลูกชายของน้าคนนี้ เป็นคนดี จริงใจ รักใครรักจริง และพร้อมจะปกป้องคนที่เขารักด้วยทั้งหมดที่เขามี เขาอาจจะดุไปบ้าง ขี้บ่นไปหน่อย พูดน้อยไปนิด...”


“รับครับ! รับ! รับแบบจะไม่เอามารีฟันด์แน่นอนครับ!” ไม่ต้องรอให้น้าสาวพูดจบ จิณณะก็รีบละล่ำละลักรับคำทันที จิดาภาหัวเราะเบาๆ


“ถ้าอย่างนั้นต้องทำตามที่รับปากน้าเอาไว้ จะไม่ทำให้ทิศลำบาก แต่ถ้าเมื่อไรที่เผลอทำให้ลำบาก จิณต้องไม่ทิ้งเขา... อย่าทิ้งทิศไปอีกนะ”


“ครับ ผมสัญญา”


เป็นสัญญาที่จิณณะไม่มีเรื่องซ่อนเร้น ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง และไร้เงื่อนไข


เป็นสัญญาที่ยอมรับด้วยความรู้สึกของหัวใจ ด้วยร่างกาย ด้วยลมหายใจ


เขาจะรักษามัน...จนวาระสุดท้ายของชีวิต


‘จะไม่ทิ้งพี่ทิศไปไหนอีกแล้ว’

…………………….


คุณกอบกุลเป็นคนมีบุญ มีบุญในที่นี้หมายถึงหากความลับใดๆที่ใครๆไม่อยากให้หล่อนรู้ ก็มีเหตุให้หล่อนต้องได้รู้


 เรื่องจิณณะไปพบจิดาภาไม่ใช่ความลับอะไรก็จริง แต่โกศลและจรรยาก็ไม่คิดจะบอกมารดา ทว่าการที่ทั้งสองอยู่บ้านพร้อมหน้าทำให้จู่ๆคุณกอบกุลเกิดนึกอยากจะชวนมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย จรรยากำลังรอข่าวลูกชายด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ พอถูกคุณกอบกุลเรียกไปพบกะทันหัน สีหน้าจึงยิ่งปิดไม่มิด


แล้วคนมีบุญพ่วงด้วยประสบการณ์ มีหรือจะดูไม่ออก


“เป็นอะไร สีหน้าไม่ดี ถ้าไม่สบายก็รีบไปหาหมอ อย่าปล่อยไว้ จะยิ่งเป็นหนัก”


ประโยคเหมือนห่วงใย อันที่จริงก็คือห่วงใย แต่น้ำเสียงแข็งกร้าวยิ่งทำให้จรรยาหน้าเสียอึกอักหนักกว่าเดิม หล่อนเหลือบมองสามีที่นั่งอยู่ข้างกาย โกศลเองก็เป็นกังวลเรื่องบุตรชายคนโตไม่ต่างกัน หนำซ้ำยังถูกเรียกมาร่วมโต๊ะกับมารดาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างนี้อีก ก็ยิ่งพานให้เก็บสีหน้าไม่อยู่


“แล้ววันนี้แกไม่มีงานหรือ” ห่วงใยลูกสะใภ้แล้วก็หันไปถามลูกชายต่อ แม้จะวางมือจากธุรกิจแล้ว แต่เรื่องเจ้ากี้เจ้าการขอให้วางใจคุณกอบกุล วันนี้เป็นวันทำงาน แต่โกศลกลับหยุดอยู่บ้าน แต่เวลานี้โกศลได้จิณณะมาช่วยงานแล้ว หากจะปล่อยให้ลูกชายคนโตบริหารจัดการด้วยตนเองก็ไม่แปลกนัก


“แต่หยุดบ้างก็ดี จะได้ให้ลูกแกมันเรียนรู้ว่าถ้าไม่มีพ่อมันอยู่ข้างๆ มันจะทำอะไรได้บ้าง”


พอพูดคำว่า ‘ลูกแก’ ขึ้นมา ทั้งโกศลและจรรยาก็ยิ่งพลอยกินไม่ลงหนักกว่าเดิม ท่าทางของสองสามีภรรยาอยู่ในสายตาจับผิดของหญิงชราอยู่แล้ว คุณกอบกุลจึงฟันธงฉับว่าการที่โกศลหยุดอยู่บ้าน และสีหน้าไม่ดีของจรรยาย่อมต้องเกี่ยวข้องกับจิณณะแน่นอน


 “หรือลูกแกก็ไม่ไปทำงาน มันไปไหน?!” หญิงชราถามเสียงแข็ง หากเป็นหลานคนอื่น น้ำเสียงของหล่อนอาจแฝงด้วยแววห่วงใยกว่านี้ แต่ด้วยสถานะหลานนอกคอกของจิณณะ ย่อมต้องได้รับน้ำเสียงค่อนข้างพิเศษจากคุณกอบกุล


หล่อนไม่เพียงตั้งคำถามอย่างเกรี้ยวกราด แต่ยังจ้องอย่างคาดคั้น และแน่นอนว่าสองสามีภรรยาย่อมไม่อาจปิดปากเงียบได้อีกแล้ว


“จิณ...ไปบ้านของทิศครับ”


คำว่า ‘บ้านของทิศ’ ไม่ได้หมายถึงบ้านของพิทักษ์ที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่หมายถึงบ้านที่เป็นครอบครัว อันประกอบด้วยบิดาและมารดาเลี้ยง


ฝั่งบิดาของพิทักษ์นั้นไม่เท่าไร แต่ที่ทำให้คุณกอบกุลขมวดคิ้วฉับคือมารดาเลี้ยงของชายหนุ่มต่างหาก


จิดาภาแม้จะเป็นน้าสาวแท้ๆของจิณณะ แต่ก็เป็นคนขัดขวางจิณณะและพิทักษ์เช่นกัน หากไม่ใช่เพราะคุณกอบกุลบุกไปสั่งสอน วันนี้ทั้งจิณณะและพิทักษ์คงระหกระเหินแยกย้ายกันไปคนละทางสองทาง


“ไปทำไม?!” แม้เวลานี้จิดาภาจะไม่กีดกันอีกแล้ว แต่คุณกอบกุลไม่วางใจ ประสบการณ์ที่สั่งสมสอนให้มองโลกในแง่ร้ายเอาไว้ก่อน แต่หากมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นจริง ก็อย่าหวังว่า ‘บ้านของพิทักษ์’ จะอยู่กันอย่างสงบ


“เห็นจิณบอกว่าจะไปคุยกับภาค่ะ...” จรรยากล่าวเสียงแหบแห้ง ใจคอก็ฝ่อจะแย่เพราะยังไม่ได้ข่าวอะไรจากลูกชาย ไหนจะมาถูกมารดาของสามีจี้ถามอย่างนี้อีก หล่อนเป็นทั้งลูกสะใภ้ของคุณกอบกุล เป็นทั้งมารดาของจิณณะ และยังเป็นพี่สาวของจิดาภา สถานะสามขาเช่นนี้ ทำเอากลืนไม่เข้าคายไม่ออก


“แล้วทำไมไม่มีใครบอกฉันสักคน! นี่พวกแกเห็นฉันตายไปแล้วรึไง?! ทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาไม่เห็นหัวฉันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว?!”


“เอ่อ...หลานแค่ไปพบเองครับคุณแม่ แล้วทิศก็ไปด้วย อีกอย่าง...ภาก็เป็นน้า...” โกศลตะล่อมด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม ตกใจเล็กน้อยที่เห็นมารดาของขึ้นแค่เพียงเพราะจิณณะไปพบครอบครัวของพิทักษ์โดยไม่บอกกล่าว แต่หากจะไม่บอกก็ไม่น่าจะผิดมากมายจนถึงขั้นต้องทำหน้าตาทมึงทึงไม่ใช่หรือ ในเมื่อทางฝั่งครอบครัวของพิทักษ์ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล


“ไปพบแต่ตัวเปล่าๆ! แกคิดว่าตอนนี้ลูกแกมีอะไรเชิดหน้าชูตาได้ถึงจะไปพบครอบครัวของพิทักษ์! เงินทองของมันก็เอาไปลงกับเรื่องคดีหมดแล้ว นอกจากนามสกุลฉัน ก็ไม่อะไรเหลือติดตัวสักอย่าง! มีแต่เปลือกแล้วยังจะมีหน้าไปพบคนอื่น!” คุณกอบกุลบ่นหน้าตาไม่สบอารมณ์ โกศลและจรรยาลอบมองหน้ากันด้วยไม่เข้าใจในความคิดอ่านของผู้เป็นมารดานัก


หล่อนพูดราวกับเป็นห่วงหน้าตาของจิณณะ แม้เวลานี้เขาจะมีฐานะเป็นหลานไฮโซตระกูลวงศ์กีรติเช่นเดิม และมีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับผู้บริหารในธุรกิจของครอบครัว แต่คนใกล้ชิดย่อมรู้ดีว่านอกจากเงินเดือนที่ได้รับแล้ว มรดกพัสถานใดๆของเขาล้วนถูกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาใช้ในคดีของไพศาล เดือดร้อนให้คุณกอบกุลต้องวิ่งเต้นไปกวาดซื้อกลับมา


แต่...คุณกอบกุลน่ะหรือเป็นห่วงจิณณะ


จะว่าไป...คราวก่อนก็คุณกอบกุลคนนี้เช่นกันที่ส่งคนตามดูแลความปลอดภัยให้จิณณะ


บางทีหล่อนอาจจะห่วงหลานชายจริง แต่ก็อย่างที่รู้กันดี ให้หล่อนพูดว่าห่วงยังยากกว่าให้หยุดขวนขวายหาผลประโยชน์เสียอีก


“เอาเถอะ! คราวนี้มันเสนอหน้าไปคนเดียวก็เรื่องของมัน! แกสองคนไปจัดการนัดครอบครัวของพิทักษ์ให้มาพบฉันเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ต้องมีเถ้าก่งเถ้าแก่หรอกนะ! เอาแค่พอเป็นพิธี!”


“ถ...เถ้าแก่? คุณแม่หมายถึงอะไรครับ”


คุณกอบกุลถลึงตาใส่ลูกชายคนเล็ก ขัดใจหลานชายนอกคอกก็คนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็ชักขัดใจลูกชายคนเล็กเช่นเดียวกัน


“ก็หมายถึงสู่ขอน่ะสิ! แกคิดจะปล่อยให้ลูกแกไปอยู่กินกับเขาเงียบๆอย่างนั้นหรือ ลูกแกไม่ใช่คนไม่มีพ่อไม่มีแม่ จะย้ายไปอยู่กับใครก็ทำได้ตามใจชอบ วันนี้ฉันยังนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้! ถ้ามันจะไปอยู่กับใคร ทางนั้นต้องรับรู้ว่าฉันรู้เห็น!”


หรืออีกนัยหนึ่งคือทางนั้นต้องเกรงใจฉัน หากคิดจะสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ลูกหลานคนใดของคุณกอบกุลในยามที่หล่อนยังมีลมหายใจ ก็จงตระหนักให้มากว่าหญิงชราผู้นี้ยังมีพิษสงร้ายกาจ หรือต่อให้หล่อนจะจากโลกนี้ไป หากดวงวิญญาณยังอยู่ ก็อย่าได้หวังว่าจะมีใครทำร้ายตระกูลวงศ์กีรติและธุรกิจของวงศ์กีรติได้เลย


คุณกอบกุลแน่วแน่ว่าหล่อนจะสู้จนลมหายใจสุดท้าย ต่อให้ตายเป็นผีก็จะเฮี้ยนจนกว่าจะลากคนที่คิดร้ายกับวงศ์กีรติลงนรกไปพร้อมกับหล่อนได้


“แล้วเรื่องที่ลูกแกไปพบบ้านพิทักษ์วันนี้ได้ความว่ายังไงมารายงานฉันด้วย เข้าใจรึเปล่า?!” หญิงชราสั่งทิ้งท้าย นึกฉุนกับครอบครัวลูกชายคนเล็กที่ขยันสร้างเรื่องโดยไม่บอกกล่าวหล่อนล่วงหน้า จนหมดอารมณ์จะรับประทานอาหารต่อจึงหันไปเรียกคนรับใช้ให้ตามเลขานุการส่วนตัวมาพบ ไม่เกินอึดใจนาตยาก็รีบก้าวเท้าไวๆเข้ามารับคำสั่ง


“ฉันต้องการพบท่านนครเป็นการส่วนตัว ติดต่อเลขาฯท่านให้ที แล้วช่วยหาโรงแรมไว้ให้สัก 2-3 ที่มาให้ฉันเลือก จะจัดงานเลี้ยง ขั้นต่ำแขกห้าร้อยคน” พอพูดถึงการจัดงานเลี้ยงแล้ว หล่อนก็ปรายสายตามามองลูกชายและสะใภ้


“พวกแกจะเชิญแขกสักกี่ร้อยก็มาบอกนาตยาแล้วกัน”


“ม...หมายถึง...”


“หมายถึงเรื่องลูกแกกับพิทักษ์น่ะสิ! เข้าใจยากตรงไหน?!”


“เชิญแขกด้วยหรือครับ?! ไหนคุณแม่บอกว่า...แค่พอเป็นพิธี...” แม้จะไม่ขัดขวางลูกชาย แต่จะให้ถึงขั้นจัดงานเลี้ยงเชิญแขกเป็นร้อย โกศลก็ยังรู้สึกกระดาก ทว่าคนไม่กระดากคือมารดาวัย 72 ปี


“ก็พิธีน่ะสิ! ฉันคุยกับบ้านของพิทักษ์ก็พิธีหนึ่ง ส่วนนี่อีกพิธี!”


“อ...อีก...อีกพิธี? เอ่อ...คุณแม่หมายถึง...” โกศลหายใจลำบาก นึกคำพูดให้ครอบคลุมแต่ไม่ประเจิดประเจ้อไม่ออก แต่ที่คิดออกคำเดียวในสมองก็มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น


พิธีอะไรเล่าที่เกี่ยวกับคนสองคนจะผูกสมัครรักใคร่


พิธีอะไรเล่าที่จะต้องมีแขกมาร่วมงานเป็นที่รับรู้ของสังคม


...พิธีแต่งงาน...


หากพิทักษ์หรือจิณณะสักคนเป็นหญิง พิธีแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดถึง แต่นี่...


แม้โกศลจะทำใจยอมรับ แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะพูดออกมาได้ง่ายดายนัก


“หรือแกจะปล่อยให้ลูกแกอยู่กินกับเขาเงียบๆ วันไหนถูกทิ้งขึ้นมา พอดีไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน!” ประเด็นหลักคือกังวลว่าจิณณะอาจถูกทิ้งไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่อีกประเด็นที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ ‘ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน’ อย่างน้อยตอนที่น้ำต้มผักยังหวาน ก็ต้องผูกมัดสร้างพันธะ หากวันใดวันหนึ่งความรักจืดจาง หมดสิ้นแม้แต่ความเสน่หาแล้ว หลานชายของคุณกอบกุลต้องไม่เหลือเพียงตัวเปล่าๆ


“ต...แต่...แต่ทางนั้นจะยอมหรือครับ เอ่อ...แขกตั้ง 500 คน...” ให้อย่างไร ทั้งจิณณะและพิทักษ์ก็เป็นผู้ชาย ความสัมพันธ์อย่างนั้น แค่เป็นไปอย่างเงียบๆ ยังถูกพูดถึงในเชิงหยอกล้อไม่เว้นแต่ละวัน แม้จะไม่เข้าหูโกศลทุกวัน แต่เขาก็รับรู้สายตาของสังคมที่เพ่งมาอย่างกับเป็นเรื่องตลก ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย ความสัมพันธ์ของจิณณะและพิทักษ์ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของชายหญิง แต่ก็อย่างที่กล่าว...หากไม่ใช่เรื่องของคนของตนเอง ก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้ง่ายอย่างนี้


“ใครไม่ยอม ฉันจะจัดการเอง! อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีใครหน้าไหนกล้าไม่ยอมไหม!”


แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำขู่ หากมีใครไม่ยอม จะได้พบคุณกอบกุล!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

คุณกอบกุลเนี่ย เป็นคาแรกเตอร์ที่เวลาเขียนแล้วมันมือมากจริงๆค่ะ มีความบ้าอำนาจ เงินฟาดหัว เอาแต่พวกตัว ผลประโยชน์ตน ทุกอย่างของคุณกอบคือดีสำหรับพรรคพวกตัวเอง และจะชั่วร้ายทันทีถ้าเราเป็นคนอื่น (ซึ่งจริงๆเราก็เป็นคนอื่น ฮ่าฮ่า)

จิณณะถอดแบบมาจากคุณกอบกุลเกือบจะเปี๊ยบ ยังดีอยู่บ้างตรงที่ไม่ได้ชั่วกับคนอื่นซะทีเดียว แต่ก็อย่ามาทำร้ายพี่ทิศของจิณแล้วกัน มิเช่นนั้นจะได้เห็นดีกันแบบที่ไพศาลเจอ (นี่ก็ผัวข้า ใครอย่าแตะ ฮ่าฮ่า)

สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป อาจจะมาลงได้ดึกๆเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะเปิดเทอมแล้วค่ะ (บอกแล้วว่าปิดเทอมของบัวมันจอมปลอมมากจริงๆค่ะ T.T)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้า

ป.ล.พาร์ทที่แล้ว พระเอกทำหน้าที่พระเอกแล้วเนอะ พาร์ทนี้พระเอกก็เลย...ถอยไปเป็นตัวประกอบอีกแล้วค่ะ ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 30-05-2019 20:28:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 30-05-2019 20:36:45
ความรักความเข้าใจจากคนในครอบครัวนี่สำคัญต่อชีวิตมากนะครอบครัวมีความสุขชีวิตก็มีสุขตาม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 30-05-2019 20:46:29
คุณย่าใจเย็นค่าาาา กลัวล๊าวววววววว
อารมณ์คือชั้นจะจัดงานให้หลานชั้นซะอย่าง ใครจะทำไม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=&gt; หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 30-05-2019 20:55:56
5555 ตลกคุณยายอะ สุดมากกก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 30-05-2019 21:10:07
โอ้ยยยย คุณย่ากอบนี้คือสุดจัดดดด o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-05-2019 21:25:53
คุณย่าาาาา ห่วงก็พูดว่าห่วงสิ โอยยย ฮามากก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 30-05-2019 21:38:58
โอ้วว คุณกอบกุลได้ดั่งใจมาก

 :m4: :m4:  o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 30-05-2019 21:40:33
และนี้ก็คืออออ คุณย่าปากแข็งแห่งปี 55555555

พิธีเล็กๆ แขกแค่ 500 เองงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 30-05-2019 21:49:13
คุณกอบอย่างเจ๋ง 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 30-05-2019 21:55:32
ยอมคุณกอบกุลเลย เยี่ยมจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-05-2019 21:57:35
คุณกอบกุล มองเกมขาดมาก ฟันธงตำแหน่งได้อย่างไม่ลังเล รู้ด้วยว่าทางโน้นต้องเป็นคนมาสู่ขอ เอ๊ะทำไมมีแค่จิณณะที่ยังงงๆกับตำแหน่งตัวเองนะ 55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 30-05-2019 22:04:13
คุณย่าฟาดมากค่ะ  ถึงจะหลานนอกคอกแต่ก็ขึ้นชื่อว่าหลาน ตระกูลข้า  ใครห้ามแตะสินะคะ  :laugh:
ส่วนคุณน้าภากับน้องจิณไม่มีปัญหาแม่สามีลูกสะใภ้แล้วสินะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 30-05-2019 22:14:02
น้ำตาซึมเลยทีเดียว ตอนน้าหลานเขาคุยกัน
ความทรงจำที่เรามีต่อกันสำคัญเนาะ
ในตอนนั้นแม่ภาเป็นน้าที่น่ารักมากเลย คอยตะล่อม คอยสร้างความมั่นใจเรื่องกินให้หลาน

เรื่องครอบครัวไม่ใช่เรื่องของคนสองคนจริงๆ
แต่มันคือเรื่องของคนสองครอบครัวที่มาอยู่ด้วยกัน และยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งเคยสร้างครอบครัวมาแล้ว...แม่ภานี่เจอความแอดวานซ์ตลอด ^^"

คุณย่าสายซึน ปากแข็งเก่ง~~~
เป็นห่วงน่ะใช่ แต่คุณย่าเข้าใจสถานะของน้องจิณจริงๆ ใช่มั้ยคะ
จะจัดงานแต่งให้ ถามหลานนิดนึงเนาะ

นี่ว่า...ต้องมีการปะหน้ากันระหว่างคุณย่ากะพี่ทิศ ฮา~~~
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 30-05-2019 22:25:15
คุณย่านี่สุดๆไปเลย
พร้อมบวกตลอด55555
แขก500คนมันก็เยอะอยู่นาคุณย่า
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-05-2019 22:25:15
คุณย่าต้องใจเย็นนะคะ รีบกว่านี้ก็5Gแล้วจ้าา
ถ้าคุณย่ารู้ว่าจิณเสียตัวจะเรียกค่าสินสอดเท่าไรนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-05-2019 22:38:08
ย่าฮาร์ดคอร์มาก ไม่มีเกรงใจใครทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-05-2019 22:45:24
 :pig3: :pig3: :pig3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 30-05-2019 22:46:19
คุณกอบกุลนี่สุดยอดคุณย่าจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 30-05-2019 23:19:27
 o13 เด็ดมากคุณย่า  :pig2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-05-2019 23:23:28
คุณย่ายืนหนึ่ง ที่แท้ทรู
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 30-05-2019 23:42:18
‘จำไว้นะจิณ แม่ภาเป็นแม่สามี’ พี่ทิศนี่ก็ช่างย้ำเนาะ..
ย้ำชัดยิ่งกว่า HD 55555  :z10:

ลุ้นๆ แขก 500 คนนั้นจะมีชื่อเราเข้าร่วมงานด้วยมั้ย แฮ่ !!!!! ไม่อยากเป็นคนอื่นสำหรับขุ่นย่า !!
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 31-05-2019 00:22:03
ชอบคุณย่า  :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-05-2019 00:32:00
ชั้นรักคุณกอบกุล
//ชูป้าย โบกแท่งไฟรัวๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 31-05-2019 00:32:38
 :pig4:
ช่วยกันย้ำ จินจะได้เข้าใจสถานะ 555
 :katai2-1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 31-05-2019 00:44:31
เลิศมากครับคุณย่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 31-05-2019 00:47:14
คุณย่าฮาร์ดคอร์มากเลยค่ะ สมกับฉายาในวงการ พี่ทิศก็จะขยันย้ำเตือนกันบ่อยๆ :o8: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2019 03:58:57
นาทีนี้ชอบใจคุณ​กอบกุลมากๆ​ รวดเร็วสุดๆไม่สมอายุ​เลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 31-05-2019 07:25:55
คุณย่าสุดยอด เด็ดมากค่ะ!! จริงจังกว่าเจ้าของเรื่องไปอี๊กกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 31-05-2019 08:19:18
ย่ากอบกุล กับ หลานจิณ คู่นี้นี่มีเฮตลอด :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 31-05-2019 09:58:41
คุณกอบกุลเล่นใหญ่ จัดใหญ่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-05-2019 11:31:25
อยากเห็นงานแต่งเร็ว ๆ จัง อยากรู้ว่าคุณย่าจะจัดได้ยิ่งใหญ่แค่ไหน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 31-05-2019 11:33:22
จิณน่าจะขอบคุณคุณย่านะคะ ที่เตรียมการทุกอย่างไว้ดีขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 31-05-2019 11:50:48
ดีใจที่น้าหลานปรับความเข้าใจกันได้

แต่ที่สะพรึงคือ คุณย่าขา กำลังจะไปสู่ขอและจัดงานแต่งค่าาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-05-2019 11:55:53
สนุกมากกกกกกกก  :katai2-1:
 ชอบ  ไรท์บรรยายอดีตของน้า หลาน ได้สุดยอดดดดด   :mew1:
ทั้งผกผัน กระทบชิ่ง ไม่ใช่แค่อดีต ที่มีแต่ความเศร้า โกรธ เท่านั้น
ยังแปรผันความสัมพันธ์ระหว่างแม่เลี้ยง ลูกเลี้ยงได้อีก เวรี่ๆ สุดยอดดดดดดด   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
อ่านตอนคุณกอบกุล ก็มันมาก  เอิ่มมม.....มัน....ตอนไรท์ว่าตัวเองก็เป็นคนอื่น ฮาๆ
กับตอนที่ว่า ผัวข้า.......ใครอย่าแตะ กร๊ากกกกกก
อดเผือกเลย ตอนที่พี่ทิศ จัดหนักย้ำให้จิณเข้าใจสถานะ  :z3: :serius2: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 31-05-2019 12:29:00
คุณกอบกุล   :m20:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 31-05-2019 13:18:39
เดี่ยวๆ คุณย่าเดี๋ยว ใจเย็นก๊อนนนน คุณย่าก็รีบเกิ้นนน 55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-05-2019 14:08:12
 :laugh:



จบ ที่คุณย่า !!!
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-05-2019 15:27:44
ดีใจ น้าหลานคืนดีกันแล้ว
ส่วนคุณย่านั้น เปรี้ยวเสมอต้นเสมอปลาย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 31-05-2019 15:50:38
สุดยอดเลยนิยายของคุณบัว ชอบทุกเรื่องงงงงง แงงง รอพฤหน้าแทบไม่ไหว :ling2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 31-05-2019 16:26:25
คุณย่าทำอะไรได้ฉับไวมาก ลูกหลานตามไม่ทันกันเลยทีเดียว 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MM04 ที่ 31-05-2019 17:50:51
ทุกคนหลบไป คุณย่า ดีใจกับจิณณะด้วยค่ะ ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว อีกหนึ่งตอนที่มีข้อคิดดีๆ o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 31-05-2019 19:39:48
อดีตปลัดจะโดนจับแต่งานแบบไม่รู้ตัว :jul3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 31-05-2019 21:03:43
 :L2: :pig4:
 :katai2-1: คุณย่า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mamamamuay ที่ 31-05-2019 21:27:04
อ่านมันส์มากเลยค่ะ รวดเดียวเลย // คุณกอบนี่ร้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-06-2019 00:22:42
คุณย่า มาเหียแห่งวงการที่แท้ทรู อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-06-2019 01:56:16
 ชอบคุณย่ามาก แถมยังมองออกอีกว่าบ้านพี่ทิศต้องเป็นคนมาสู่ขอจิน 5555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-06-2019 03:09:16
คุณกอบกุลใจเย็นก่อนค่าาาา
มาเร็วเคลมเร็วมาก 5555555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 01-06-2019 12:25:03
คุณย่าสมัยใหม่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 01-06-2019 16:50:52
คุณย่าเป็นมนุษย์ ที่อยู่สูงสุดบนห่วงโซ่อาหาร
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PoppyPrince ที่ 02-06-2019 00:31:28
สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 03-06-2019 11:02:51
เรื่องเล่นใหญ่ไว้ใจคุณย่ากอบกุล ใครหน้าไหนมันกล้าขัด ก็ลองดู!
ถ้าจิณรู้ ว่าคุณย่าจัดงานแต่งสามีให้ นั่มตาคงไหลพราก  :sad4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 03-06-2019 17:52:48
จิณณะโชคดีมากๆๆๆๆ ที่มีญาติดีๆอยู่รอบๆตัวไปหมด
น้าภาน่ารัก ตอนแรกหวั่นใจไปกับจิณณ์ด้วยแต่แล้วก็โล่งอก
ไม่มีใครสู้คุณกอบกุลได้สักคน เรียกว่าดารานำเลย 5555+
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะฮะ
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 04-06-2019 10:22:26
ฟาดอีกค่ะคุณย่า  o13  o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-06-2019 11:45:29
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 04-06-2019 13:39:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
เป็นไปด้วยดี
 :katai2-1:
 :katai2-1:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 04-06-2019 22:48:33
คุณย่านี่ไปก่อนหลานอีกอ่ะ รีบกลัวเขาทิ้งหลานหรอคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 20...=> หน้าที่ 35 (30/05/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-06-2019 09:31:08
คุณย่าขาลุย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 06-06-2019 22:44:43
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
ตอนที่ 21   


พิธีของคุณกอบกุลมีสองส่วน


ส่วนแรกคือการเชิญครอบครัวของพิทักษ์มาพูดคุยรับประทานอาหาร แน่นอนว่าไม่เป็นกันเองตามประสาหญิงชราผู้ยโสโอหัง แต่เชิญมาเพื่อให้ทางครอบครัวของพิทักษ์รับทราบว่าหล่อนรู้เห็นความสัมพันธ์นี้เช่นกัน และแม้จะเป็นคนตระหนี่ แต่หล่อนก็มอบแหวนเพชรและสร้อยพระเส้นใหญ่เป็นการรับขวัญ โดยไม่ได้ตระหนักว่าพิทักษ์จะนับถือศาสนาใด คนอย่างคุณกอบกุลนั้นเมื่อคิดจะให้ก็ให้ ไม่ใส่ใจอย่างอื่น


พิธีแรกจบสิ้นแบบไม่มีใครเสียน้ำตา ส่วนพิธีที่สองซึ่งเชิญแขกนับพันก็ย่อมไม่ใช่พิธีเรียกน้ำตา และหาใช่พิธีแต่งงานอย่างที่โกศลคาดคิด


แต่เป็นพิธีประกาศร่วมทุนระหว่างตระกูลของวงศ์กีรติและกลุ่มทุนเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยโต้โผใหญ่คือท่านนคร ท่านนครคนนี้รู้จักสนิทสนมกับคุณเทียมในระดับที่คุณเทียมเกรงอกเกรงใจ เคยยกหูโทรศัพท์ครั้งเดียวก็สามารถทำให้คุณเทียมยอมมาพบท่านเสรีซึ่งเดิมทีอยู่คนละขั้วอำนาจได้แล้ว การร่วมทุนระหว่างวงศ์กีรติและท่านนคร คนในแวดวงธุรกิจและการเมืองย่อมมองทะลุไปถึงการร่วมมือระหว่างวงศ์กีรติและคุณเทียม


ใครๆก็ว่า นี่คือการประกาศความเป็นหุ้นส่วนของวงศ์กีรติและตระกูลของคุณเทียม โดยมีพ่อสื่อเป็นท่านนคร


หากมองให้ลึกลงไปอีกชั้น ก็กลายเป็นเสียงลือที่คนเอามาเล่าต่อราวกับเป็นเรื่องขำขัน


“จริงๆแล้วคุณกอบอยากจัดงานให้หลานชายตัวเองกับหลานชายคุณเทียม แต่เอาเรื่องร่วมทุนมาบังหน้า ดูเอาซี่! ฝั่งหนึ่งเป็นคุณกอบ อีกฝั่งเป็นกลุ่มของท่านนคร ท่านนครน่ะลงทุนกับคุณเทียมอยู่แล้ว รอบนี้ก็เอาเงินจากคุณเทียมมาลงทุนด้วยนั่นล่ะ”


“ถ้ามีตั่งรดน้ำสังข์ เชิญคุณกอบกับคุณเทียมขึ้นไปนั่ง มีท่านนครเป็นคนคล้องพวงมาลัยล่ะก็ นี่มันงานแต่งนอมินีชัดๆ!”


เรื่องเล่าลือชักเพ้อเจ้อไปกันใหญ่ โดยเฉพาะการหยอกว่างานร่วมทุนคราวนี้เป็นงานแต่ง มีนอมินีจิณณะและพิทักษ์เป็นคุณกอบกุลและคุณเทียม แก่จนอายุปูนนี้ ถูกกล่าวหานินทาว่าร้ายมาเป็นล้านเรื่อง แต่ก็เพิ่งครั้งนี้ที่ถูกหยอกว่าจะถูกจับไปนั่งบนตั่งให้รดน้ำสังข์ แน่นอนว่ามันไม่สร้างความอภิรมย์ในใจหญิงชราเท่าไร และไม่ทราบว่าเพราะอะไร จู่ๆเรื่องหยอกเย้านี้ก็เงียบไปราวกับมีใครมาปิดสวิตช์ คนที่พูดถึงการร่วมทุนระหว่างวงศ์กีรติและท่านนครก็พลอยหุบปากไปด้วย


เป็นอันว่า งานร่วมทุนผ่านพ้นไปด้วยดี ผู้คนในแวดวงการเมืองและธุรกิจรับรู้โดยทั่วกันว่าคุณกอบกุลวางเส้นสายหลายขั้วอำนาจ ขวนขวายผลประโยชน์ผ่านทางเครือข่ายที่หล่อนไขว่คว้ามาไว้ในมือ ส่วนข่าวลือที่ว่าหลานชายของหล่อนคบหากับผู้ชายด้วยกัน ต่อให้จะมีคนหวั่นเกรงบารมีของคุณกอบกุล แต่ก็ยังเป็นเรื่องสนุกปากสำหรับคนบางกลุ่ม คนเหล่านี้ไม่ได้ใกล้ชิดกับจิณณะและพิทักษ์ มองเห็นจากมุมคนนอกว่าเป็นผู้ชายสองคนอยู่บ้านเดียวกันก็เอาไปพูดกันอย่างคะนองปากบ้าง หัวเราะร่วนเป็นเรื่องตลกบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ตระกูลวงศ์กีรติและครอบครัวของพิทักษ์จะเก็บมาใส่ใจ เพราะจากมุมคนในแล้ว ชายหนุ่มสองคนนี้ผ่านเรื่องราวมามากเสียจนวันนี้ที่พวกเขาหวนกลับมาอยู่เคียงข้างกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี เสียงเล่าลือใดๆก็เป็นได้เพียงสายลมที่พัดมา แล้วเดี๋ยวก็พัดไปเท่านั้น


ทว่าสำหรับคนกำลังมีความหวังอย่างอรพิณ เสียงเล่าลือนี้ไม่ใช่สายลมพัดมาแล้วเดี๋ยวก็พัดไป


แม้เรื่องของพิทักษ์และจิณณะจะเป็นเรื่องเล่าลือของคนวงในในวงการธุรกิจ และอรพิณไม่ได้อยู่ในวงที่ว่านี้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งที่หล่อนใกล้ชิดคือเพื่อนสนิทของพิทักษ์ซึ่งเรื่องความรักของเขาไม่ใช่เรื่องปิดบัง แม้จะไม่ได้พูดกันอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ทำให้อรพิณฉุกใจ


‘ช่วงนี้ ไอ้ทิศติดบ้านจะตาย บอกให้พาคนที่บ้านมาด้วยก็ไม่เอา หวงฉิบหาย กูต้องเป็นฝ่ายไปหา’


‘ยังหวงอีกเหรอวะ กูได้ข่าวว่าคนของมันเป็นคนจัดการเรื่องคดีด้วยซ้ำ เห็นว่าลาออกจากราชการมาเคลียร์เรื่องนี้โดยตรง’


ทั้งคำว่า ‘คนที่บ้าน’ และ ‘คนของมัน’ ไม่ได้หมายถึงคนในครอบครัวหรือญาติสนิทมิตรสหาย แต่สถานะนี้ชัดเจนว่ามันหมายถึง ‘คนรัก’ ของเขา


อรพิณไม่อาจเก็บความอยากรู้เอาไว้ได้ หลังจากสะสางงานของตนเองเรียบร้อยก็รีบตรงดิ่งไปยังสนามกอล์ฟของพิทักษ์ในทันที ตอนที่หล่อนไปถึง พิทักษ์ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่ชั้นออฟฟิศ พอเลขานุการพาหล่อนเข้าพบ เขาก็เงยหน้าจากงานขึ้นมายิ้มจางให้หล่อน รอยยิ้มของเขายังคงอบอุ่นเหมือนเคย แต่ไม่อาจทำให้หัวใจของหญิงสาวนิ่งสงบได้เลย


“นั่งก่อนสิอร เอากาแฟหรือชาไหม” เจ้าของห้องทำงานลุกขึ้นเอ่ยอย่างอารี สันชาตญาณลูกผู้หญิงบอกให้รู้ว่าพิทักษ์เปลี่ยนไปจากเดิม ก่อนหน้านี้ตอนที่หล่อนไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล หรือแม้แต่ตอนแวะไปหาที่บ้านของทศพรและจิดาภา พิทักษ์ไม่ได้ดูสดใสเช่นนี้ จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้ทำตัวร่าเริงผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตรงกันข้ามเขายังคงสุภาพ นิ่งสงบ ก่อนหน้านี้เขายิ้มให้หล่อนอย่างไร วันนี้เขาก็ยิ้มให้หล่อนอย่างนั้น เพียงแต่...สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือความสุข


พิทักษ์มีความสุข


หรือพูดอีกอย่างคือเขามีความรัก


อรพิณหายใจยากขึ้นมาทันทีที่ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมคือความรู้สึกแรงกล้าที่หล่อนขวนขวายอยากได้จากเขามานานหลายปี จนกระทั่งวันนี้...มีใครบางคนได้มันไป


หญิงสาวนั่งลงบนริมฝั่งหนึ่งของโซฟาตัวยาวขนาดสามที่นั่ง หวังว่าเจ้าของห้องจะนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ทว่า...ไม่เลย พิทักษ์นั่งลงบนโซฟาเดี่ยว สร้างระยะห่างจนอรพิณสะท้อนใจ


“ไม่เป็นไรค่ะ...พอดี...อร...ผ่านมาแถวนี้ ก็เลยจะมาชวนพี่ทิศไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน” อรพิณจงใจมาหาเขาในเวลาใกล้เที่ยงเช่นนี้ก็เพื่อหาโอกาสให้ตนเองได้มีเวลาอยู่กับเขามากขึ้น หมายจะใช้เวลาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่หล่อนได้ยินมาจากกลุ่มเพื่อนของพิทักษ์


ใคร...ที่ทำให้พิทักษ์ยอมสละชีวิตตนเองเพื่อปกป้อง


ใคร...ที่ทำให้พิทักษ์ที่รักษาตัวจนหายดีแต่กลับเหมือนทิ้งหัวใจไปกับเหตุการณ์นั้นแล้ว


ใคร...ที่พาหัวใจกลับมาคืน


ใครคนนั้นจะใช่ผู้ชายคนที่หล่อนเคยพบเขาที่นี่หรือไม่ ผู้ชายคนที่หล่อนไม่เห็นความเหมาะสมใดๆกับพิทักษ์เลย ผู้ชายทีเล่นทีจริง ดูไม่อินังขังขอบกับมารยาทหรือกฎระเบียบ หนำซ้ำยังเป็น ‘ผู้ชาย’


พิทักษ์ควรได้คนรักที่ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือ พิทักษ์ควรจะได้คนที่มั่นคงและเป็นแรงเกื้อหนุนมากกว่าคนที่ดูสนใจแต่ความสนุกสนานอย่างนั้นไม่ใช่หรือ หรืออย่างน้อย...พิทักษ์ก็ควรจะได้สร้างครอบครัวกับผู้หญิง เขาควรจะได้เป็นพ่อคน มีลูกๆน่ารักน่าชังวิ่งห้อมล้อม ไม่ใช่คบหากับผู้ชายด้วยกัน และไม่อาจสร้างครอบครัวอย่างที่เชิดหน้าชูตาในสังคม


“เที่ยงนี้พี่มีนัดทานข้าวที่นี่ อรอยู่ทานด้วยกันสิ”


อรพิณไม่แน่ใจนักว่าคำชวนนี้ของอีกฝ่ายเป็นไปตามมารยาทโดยขัดกับความรู้สึกลึกๆของเขาหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะเป็นการชวนตามมารยาทหรือไม่ก็ตาม หญิงสาวไม่มีทางปล่อยโอกาสให้หลุดมือ


“อรทานด้วยได้ใช่ไหมคะ” หล่อนทำเป็นตั้งคำถามอย่างเกรงใจ ทว่าชายหนุ่มเจ้าของห้องกลับยิ้มจางเช่นเดิม


“ได้สิ” พิทักษ์รับคำ ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเคาะ แล้วถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการ


“ขออนุญาตค่ะคุณทิศ คุณจิณมาแล้วค่ะ”


ไม่ต้องให้เลขานุการเชิญ จิณณะก็โผล่หน้าเข้ามาในห้อง อันที่จริงเขารับรู้จากเลขานุการของพิทักษ์แล้วว่าอีกฝ่ายมีแขก เจ้าหล่อนแจ้งเสร็จสรรพว่าแขกที่ว่าคือรุ่นน้องสาวชื่ออรพิณ ตอนแรกที่ได้ยินว่าเจ้าของห้องทำงานมีแขก จิณณะตั้งใจว่าจะลงไปรอที่ห้องอาหาร แต่เป็นฝ่ายเลขานุการของพิทักษ์เองที่ยื้อยุดเขาเอาไว้ แถมยังย้ำเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ’ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ’


ตอนโดนย้ำว่า ‘ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ’ เล่นเอาหลานชายคุณกอบกุลถึงกับชะงักไปรอบหนึ่ง เรื่องของเขาและพิทักษ์เป็นที่รับรู้ของพนักงานทุกคนที่นี่ แต่การถูกย้ำต่อหน้าว่าพิทักษ์เป็นของของเขา ก็ทำเอาจิณณะทำหน้าไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากปฏิเสธว่าไม่มีใครเป็นของของใคร แต่อีกใจก็...นึกฮึกเหิมอย่างประหลาดกับการที่ได้พิทักษ์มาครอบครอง


...ก็แหม กว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น มันก็ต้องภาคภูมิใจเป็นธรรมดา!...


“คุณจิณเชิญค่ะ” เลขานุการสาวเชื้อเชิญ ส่งสายตาเป็นทำนองว่าให้เขาเข้าไปนั่งที่ชุดโซฟาอีกมุมหนึ่ง


การสนับสนุนของหล่อนส่วนหนึ่งก็เพราะรับรู้ถึงสิ่งที่เขาทำให้พิทักษ์ อีกส่วนอาจจะเพราะความเอื้ออารีและแสนจะมือเติบของจิณณะ ขนมของฝากไม่เคยขาดมือ ต่อให้จะไม่ได้ยกเป็นบุญคุณเหนือหัว แต่ ‘น้ำใจ’ เหล่านั้นล้วนไม่ลบเลือน วันนี้เมื่อมีผู้หญิงอีกคนทำท่าจะกลับเข้ามาในชีวิตของพิทักษ์ หล่อนจึงตั้งมั่นจะขวางให้ถึงที่สุด


“เอ้อ...พี่ทิศมีแขก ผมลงไปรอที่ห้องอาหารก็ได้นะ” จิณณะออกปาก ทำเป็นชะโงกไปมองหน้าแขกของพิทักษ์แล้วก็นึกหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาได้ทันที เขาเคยเจอผู้หญิงคนนี้แล้วครั้งหนึ่ง และพิทักษ์ก็เคยยืนยันว่าหล่อนเป็นเพียงรุ่นน้องเท่านั้น ความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องนั้นไม่รู้จะพัฒนาเมื่อไรและอย่างไร แต่...ที่แน่ๆ ‘ของของเรา เราต้องแสดงตัว’ ก็ชักจะกลายเป็นประโยคเด็ดที่จำขึ้นใจ


“ลงไปพร้อมกัน วันนี้อรจะทานข้าวด้วย” ประโยคหลังของพิทักษ์ทำเอาเลขานุการสาวที่ยืนใกล้จิณณะถึงกับอุทานออกมาเสียงเบา หน้าตาดูเป็นกังวลขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่ารุ่นน้องของพิทักษ์จะร่วมโต๊ะด้วย หล่อนรีบหันมามองจิณณะ ส่งสายตาเป็นเชิงว่าต้องสู้ หากไม่ติดว่ามีพิทักษ์และอรพิณอยู่ตรงนี้ด้วย รับรองว่าจะต้องโยนประโยคเด็ดใส่หูเขาอีกรอบแน่ๆ ‘ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ!’


เนี่ย...ขนาดหล่อนไม่พูด เสียงยังเหมือนดังอยู่ข้างหูเลย


“จิณกับอรเคยเจอกันแล้วใช่ไหม” พิทักษ์ถาม จิณณะเห็นว่าบทสนทนาถามถึงเขาโดยตรง จากตอนแรกที่ยักแย่ยักยันอยู่ที่หน้าประตูเลยก้าวเท้าเดินเข้าห้อง แน่นอนว่าในเมื่อสมองเล่นประโยคเดิมซ้ำว่า ‘ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ’ ชายหนุ่มผู้มาเยือนเลยเดินเข้าไปยืนข้างโซฟาเดี่ยวที่พิทักษ์นั่งอยู่ แล้ว...นั่งลงบนที่พักแขน


ชุดโซฟาในห้องทำงานของพิทักษ์ประกอบด้วยโซฟาตัวยาวขนาดสามที่นั่งซึ่งมีอรพิณนั่งอยู่ริมหนึ่ง ประกบข้างด้วยโซฟาเดี่ยวข้างละตัว ตัวหนึ่งพิทักษ์นั่งอยู่ ดังนั้นจึงเหลือที่นั่งอีกหลายที่ให้จิณณะได้เลือก แต่...เจ้าตัวเลือกแล้วที่จะนั่งบนที่พักแขนของโซฟาเดี่ยวตัวที่พิทักษ์นั่ง


เจ้าของห้องทำงานหันมองคนที่นั่งบนที่พักแขนของโซฟาตัวที่เขานั่ง แต่จิณณะกำลังส่งยิ้มแย้มอย่างมีไมตรีให้กับหญิงสาวอยู่ จึงไม่ได้สนใจสายตาเขา


“ผมจำได้ว่าเคยเจอคุณอรที่นี่ แต่ได้เจอกันแป็บเดียว คุณอรก็รีบกลับเสียก่อน เห็นพี่ทิศบอกว่าคุณอรเป็น...รุ่นน้อง?”


ประโยคหลังเหมือนเจ้าตัวจะหันมาถามหาความมั่นใจด้วยการก้มลงมองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา และอาจจะเพราะว่าท่านั่งของจิณณะนั้นเป็นเพียงการวางสะโพกส่วนหนึ่งลงกับที่พักแขน จึงค่อนข้างโคลงเคลง เพื่อให้สะดวกต่อการหันไปถามและไม่ให้เซไถลล้ม เจ้าตัวจึงวางแขนลงกับพนักด้านหลังพิทักษ์เพื่อความมั่นคงอีกทาง


ช่างเป็นท่านั่งที่แสดงความเป็นเจ้าของได้เต็มภาคภูมินัก จิณณะแอบชื่นชมตัวเองในใจ แต่หารู้ไม่ว่ามีอีกคนที่นึกเข่นเขี้ยวเขาในใจเช่นกัน


พิทักษ์เห็นสีหน้ายิ้มกระหยิ่มปิดไม่มิดของคนรัก และสายตายามมองต่ำลงมาที่เขาแล้วก็อยากฟัดอีกฝ่ายแรงๆสักทีแต่ติดที่มีอรพิณนั่งอยู่ด้วย ความรู้สึกของหญิงสาวไม่ใช่เรื่องที่เขาตระหนักมากนัก เพราะอย่างไรเสียเขาก็เคยปฏิเสธชัดเจนไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ที่ไม่อยากทำต่อหน้าคนอื่นก็เพราะหวั่นว่าตัวแสบอย่างจิณณะจะเขินจนหมายหัวเขาต่างหาก


หมายหัวแค่เวลาอยู่นอกบ้านน่ะไม่เท่าไร แต่หลานชายคุณกอบกุลนั้นเป็นประเภทจำฝังใจ เกิดแกล้งเจ้าตัวตอนนี้ แล้วไปออกฤทธิ์ตอนกลางคืน มีหวัง...อดกันหมด


“อรเป็นน้องรหัสของไอ้คุณ” พิทักษ์เอ่ยปาก ทำเอาอรพิณชะงักอีกครั้ง


“คุณจิณรู้จักพี่คุณด้วยหรือคะ” จิณณะสบตาหล่อนแล้วยิ้มแย้มอย่างไม่มีลับลมคมนัย


“รู้จักสิครับ เพื่อนพี่ทิศเคยมาที่บ้าน...” ถ้าไม่ใช่เด็กประถม จิณณะคิดว่าอีกฝ่ายควรเดาออกว่า ‘บ้าน’ ที่ว่าคือบ้านหลังไหน และทำไมเขาถึงพบเพื่อนของพิทักษ์ที่บ้านหลังนั้น


อรพิณตัวชาดิกไปทั้งร่าง ทั้งๆที่คาดเอาไว้แล้วว่าใครบางคนที่ทำให้พิทักษ์ไม่ออกไปไหน ใครบางคนที่พิทักษ์ห่วงหวงยิ่งกว่าชีวิตจะเป็นผู้ชายคนนี้ แต่เมื่ออีกฝ่ายมาอยู่ต่อหน้า หัวใจของหล่อนก็โหวงเหวง ในท้องเย็นวาบจนเหมือนจะขย้อนอวัยวะภายในออกมาให้หมด


“พ...พี่ทิศต้องรอใครอีกไหมคะ เราไปทานข้าวกันเลยดีไหม”


แม้ผู้ชายอีกคนจะนั่งเคียงข้างพิทักษ์ แต่อรพิณก็ทำใจแข็งอย่างยิ่งที่จะให้ความสนใจแต่พิทักษ์เพียงผู้เดียว ทว่า...ใครบางคนถูกเสี้ยมสอนมาจากเลขานุการของพิทักษ์มากเกินไป เพราะแม้จะไม่ได้อยู่ในบทสนทนาของหญิงสาว เขาก็แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่


“พี่ทิศเขารอผมอยู่คนเดียวนี่ล่ะครับ” จิณณะพูดพลางหัวเราะในคอ ฟังแล้วเหมือนเป็นแค่การหยอก แต่น้ำเสียงคล้ายจะตอกย้ำหัวใจหญิงสาว


“...คุณอรหิวแล้วหรือครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญก่อนได้เลย ผมขอคุยกับพี่ทิศสักครู่ แล้วจะตามลงไป” แล้วหลานชายคุณกอบกุลก็แสดงความเป็นเจ้าของยิ่งกว่าเก่าด้วยการอัปเปหิอรพิณให้ออกจากห้องไปก่อน แน่นอนว่าหญิงสาวปากสั่นพูดอะไรไม่ออก พอมองหน้าพิทักษ์ ฝ่ายนั้นก็เพียงยิ้มจางแต่ไม่มีปฏิเสธคำพูดของจิณณะสักนิด


“...ค่ะ...” หลังจากควานหาเสียงตนเองอยู่อึดใจหนึ่ง อรพิณก็เอ่ยปากออกมาอย่างยากลำบาก หล่อนยอมลุกจากโซฟา แต่ไม่วายมองพิทักษ์เหมือนจะขอให้เขาส่งสัญญานสักนิดให้หล่อนอยู่ที่นี่ต่อหรือเขาจะออกไปพร้อมกับหล่อน ซึ่งตามมารยาทแล้วก็ควรเป็นเช่นนั้น หล่อนเป็นแขก และเขาไม่ควรปล่อยให้หล่อนลงไปรอที่ห้องอาหารแต่เพียงลำพัง


ทว่า...อาจจะเพราะสถานะรุ่นน้องที่อรพิณอาศัยเป็นช่องทางเข้าหาพิทักษ์มาโดยตลอดกลายเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อเขามองหล่อนเป็นรุ่นน้องเช่นกัน เขาก็ย่อมไม่ต้องแสดงมารยาทอะไรมากมายนัก การปล่อยให้รุ่นน้องที่สนิทกันสักคนจะลงไปรอที่ห้องอาหารก่อนเพราะตนเองติดธุระ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่สำหรับอรพิณ...การที่ธุระของเขามีจิณณะร่วมด้วยเป็นเรื่องใหญ่เหลือเกินในสายตาของหล่อน


และสุดท้าย พิทักษ์ก็ไม่แสดงท่าทีอะไร อรพิณได้แต่เม้มปากหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างคนพ่ายแพ้ บานประตูปิดลง คนที่เต๊ะท่านั่งอยู่บนที่พักแขนก็ทำท่าจะลุกแต่ไม่รู้แขนปลาหมึกของพิทักษ์สอดอ้อมหลังเขาตั้งแต่เมื่อไร พอจิณณะจะลุกเลยกลายเป็นถูกคว้าหมับ


“เฮ้ย!” คนถูกคว้าเอวสะดุ้งโหยง ก้มลงมองพิทักษ์ที่เงยหน้ามองเขาอยู่ ดวงตาคู่นี้ไม่ว่าจะยามพบกันวันแรกหรือจนกระทั่งวันนี้ก็ยัง...ดุเสมอต้นเสมอปลาย


“คิดจะทำอะไร” แล้วดุแค่น้ำเสียงไม่พอ ตายังจ้องจับผิดเหมือนรู้เช่นเห็นชาติกันอีกต่างหาก แต่จิณณะคนปากแข็ง เรื่องอะไรจะยอมบอกว่าที่ทำๆอยู่นี่เพราะต้องแสดงความเป็นเจ้าของตามที่ถูกเลขานุการของพิทักษ์หนุนหลังมา


“ทำอะไรล่ะ? ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เจ้าตัวพูด ทำหน้าตาใสซื่อ แต่ยิ่งใสมากเท่าไรก็ยิ่งดูไม่ซื่อมากเท่านั้น คนอย่างจิณณะน่ะหรือใสซื่อ เลือดคุณกอบกุลเข้มข้นขนาดนั้น น่าจะเลิกซื่อตั้งแต่เข้าอนุบาลแล้ว


“แล้วเมื่อกี้ที่ว่ามีเรื่องจะพูดน่ะเรื่องอะไร”


หลานชายคุณกอบกุลชะงักไปเล็กน้อย แต่เรื่องแค่นี้นับว่าจิ๊บจ้อยมากนักสำหรับการแถเอาสีข้างเข้าถู


“ก็เรื่องข้าวเย็นวันนี้ไง! ผมจะบอกพี่ว่า วันนี้...เรา...ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า ชวนไอ้ชิตไปกินด้วย ผมไม่ได้เจอมันนานแล้ว”


แม้จะอาศัยอยู่กับพิทักษ์ แต่ก็ไม่ได้ทำงานในจังหวัดนี้อีกแล้ว ดังนั้นจึงแทบไม่ได้พบหน้าค่าตาเพื่อนสมัยเป็นปลัดอำเภอเลย แน่นอนว่าเรื่องเล็กน้อยอย่างข้าวเย็นนั้นไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบบอกแล้วให้อรพิณนำหน้าออกจากห้องไปก่อน พิทักษ์ดูออกแต่ไม่พูด ทว่าสายตาของเขายามมองคนรักนั้นทะลุปรุโปร่งจนคนถูกมองชักเก้อขึ้นมาเพราะรู้ว่าปิดไม่มิด


“เอ่อ...ผมหิวแล้ว เราไปทานข้าวกันดีกว่า”


“เดี๋ยว...” เอวถูกรั้งเอาไว้อีก จิณณะบิดตัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่อาจออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายได้เลย ตอนแรกที่นั่งบนที่พักแขนก็ว่าท่วงท่าตนเองดูมาดแมนแสนเท่ แต่...พอก้มลงมองแล้วเห็นมือคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอ้อมหลังมาโอบเอวเขา ก็ทำเอาคำว่ามาดแมนแสนเท่ถูกหั่นทิ้งไปทีละพยางค์


ท่านั่งแบบนี้...แปลกๆว่ะ...


“น้ำหอม...” เสียงทุ้มดังขึ้นฉุดจิณณะออกจากมโนภาพในจินตนาการ แล้วก็ต้องชะงักตาแทบถล่นเมื่อคนพูดไม่พูดอย่างเดียว แต่ยื่นหน้ามาใกล้อกเสื้อของเขาด้วย


“เฮ้ย! พี่ทำไร?!”


“น้ำหอมของพี่” พิทักษ์เงยหน้าบอก สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเมื่อครู่นี้ตนเองไม่ได้ทำอะไรถึงเนื้อถึงตัวแต่อย่างใด ทั้งๆที่...ทั้งๆที่ถ้าจิณณะไม่รู้ตัวขยับออกห่างจนแทบหงายหลัง ป่านนี้หน้าของเขาได้จมเข้าไปในอกเสื้อจิณณะแล้ว


“ผมหยิบผิดเว้ย! เมื่อเช้าง่วงจะตาย!...”


พูดเรื่องเมื่อเช้า จิณณะก็เป็นอันต้องหุบปากไปอีก ตื่นเช้าแล้วง่วงก็เพราะเมื่อคืนนอนดึก แล้วจะเพราะใครที่ทำให้เขานอนดึก? ก็ไอ้คนที่ทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวนั่งอยู่บนโซฟาเอามือโอบเอวเขาอยู่นี่ไง!


“ไปๆ ไปกินข้าวได้แล้ว ป่านนี้รุ่นน้องพี่ทิศกินอิ่มแล้วมั้ง แล้วก็ปล่อยเอวผมได้แล้ว จับทำไม...”


เป็นมนุษย์แสบที่ขี้เขินขนาดหนัก พิทักษ์หัวเราะในคอแต่ไม่ปล่อยมือ ลุกจากโซฟาก็ยังโอบเอวคนรักอยู่อย่างนั้น พอก้าวเท้าเดินไปที่ประตูก็ยังไม่ปล่อย ในขณะที่อีกคนสาละวนอยู่กับการพยายามดึงมือเหนียวหนึบนั่นออกจากเอวตัวเอง ดูแล้วเหมือนพิทักษ์กระเตงลูกซนๆสักคน


“ปล่อยก่อน เดี๋ยวคนอื่นเห็น”


มืออีกข้างของพิทักษ์เอื้อมไปจับลูกบิดประตูแล้ว ลองว่าถ้าเขาหมุนแล้วเปิด ภาพที่คนทั้งชั้นออฟฟิศของสนามกอล์ฟแห่งนี้จะได้เห็นเป็นออเดิร์ฟก่อนอาหารเที่ยงก็คือพิทักษ์โอบเอวจิณณะ


พิทักษ์ที่เคยถูกเล่าลือว่าเป็นนางเอกของอดีตปลัดอำเภอจิณณะ มาวันนี้กลายเป็นคนโอบเอวเสียแล้ว


“ก่อนหน้านี้จิณยังเคยเดินโอบไหล่พี่เลย เคยบอกคนที่นี่ว่าพี่เป็นนางเอกของจิณด้วย พี่ไม่เห็นว่าอะไรสักคำ”


จิณณะอ้าปากค้างพูดไม่ออก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอาเรื่องในอดีตมาตลบหลังเขาแบบนี้


“น...นั่นมันอดีต! อยู่กับปัจจุบันสิพี่!” สมกับฟาดฟันฝีปากกับคุณกอบกุลมานานแรมปี เพราะสามารถต่อรองกับพิทักษ์ได้ในพริบตา คนฟังพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย


“พูดได้ดี...” ดูเหมือนเป็นคำชม แต่พิทักษ์ก็ย่อมเป็นพิทักษ์ จิณณะมีวิธีในการเจรจา เขาเองก็มีวิธีต้อนเช่นกัน


“...ถ้าอย่างนั้นปัจจุบันนี้เราเป็นอะไรกัน”


“เอ้อ...ถ...ถาม...ถามทำไม”


“จิณบอกเองว่าอดีตก็ส่วนอดีต ให้อยู่กับปัจจุบัน พี่เลยอยากรู้ว่าปัจจุบันนี้เราเป็นอะไรกัน”


“จ...จะรู้ไปทำไมล่ะ”


“จิณดูออกไหมว่าอรมาที่นี่ทำไม” พอพูดถึงอรพิณ จิณณะก็ถึงกับเม้มปาก พอสบตาคนตรงหน้าก็แทบอยากจะตะกุยหน้าตานิ่งสงบแต่ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ข้างในนั่นเสียจริง บอกแล้วว่าพิทักษ์ร้ายกาจ เจ้าตัวดูไม่มีพิษสงแต่ยกเอาคนอื่นมาเป็นตัวประกันหน้าตาเฉย


“บอกพี่ก่อน ว่าปัจจุบันเราเป็นอะไรกัน พี่จะได้ไปเคลียร์กับอรให้ชัด”


“เคลียร์แน่นะ”


“แน่สิ”


“ต้องไม่มีบุกมาหา มาชวนไปกินข้าวกลางวันสองต่อสองอีกนะ” จิณณะนึกเคืองหญิงสาวคนนั้นเล็กน้อย เรื่องของเขาและพิทักษ์ออกจะโด่งดัง และหล่อนก็รู้จักกับกลุ่มเพื่อนของพิทักษ์ทุกคน มีหรือจะไม่รู้ว่าพิทักษ์มีเขาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมาหาถึงที่ ถ้าวันนี้จิณณะไม่บังเอิญนัดทานข้าวเที่ยงกับพิทักษ์ตั้งแต่แรก ก็คงไม่ทันรู้ว่ามีคนคิดจะตีท้ายครัวเขาเสียแล้ว


“พี่ไม่ได้ชวนอรมา พี่ห้ามเรื่องอรจะมาหาไม่ได้ แต่พี่เว้นระยะห่างกับอรได้”


เป็นอันชัดเจนว่าถึงอรพิณจะเข้าหาเท่าไร แต่พิทักษ์ไม่ขยับเข้าไปพบหล่อนก็เป็นอันใช้ได้ จิณณะมองคนพูด แม้จะหงุดหงิดหัวใจเล็กน้อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับปาก เขาเองก็ควรจะชัดเจนเช่นกันว่าปัจจุบันของพวกเขาคืออะไร


ไม่มีคำพูด แต่จิณณะเลือกที่จะฉกหน้าเข้าไปจูบที่ริมฝีปากของคนรักวูบหนึ่ง ปากชนปาก ไม่มีความโรแมนติกหรืออ้อล้อสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของพิทักษ์กลับอุ่นวาบ ยิ่งเห็นสีหน้าทั้งฉุนทั้งเขิน แถมด้วยใบหูแดงก่ำของคนรัก เขาก็ยิ่ง...ทั้งรักทั้งเอ็นดู


“...ของผม” เจ้าตัวไม่มองหน้า งึมงำพูดเสียงเบาราวกับไม่อยากให้พิทักษ์ได้ยิน แต่พวกเขายืนใกล้กันมากพอที่เสียงนั้นจะเข้าหู ทว่าจับใจความแล้วไม่เป็นประโยคนัก


“หือ?”


“ของผม” จิณณะเพิ่มระดับความดังขึ้นมาอีกเล็กน้อย สีหน้าหงุดหงิดมากขึ้นอีกหน่อย


“ของจิณ?”


“เออ! สถานะพี่คือของของผม ปัจจุบันของพี่ก็เป็นของผม ชัดยัง?!” ใบหน้าของคนนิ่งขรึมแย้มยิ้มกว้าง ยิ่งยิ้มกว้างมากเท่าไร จิณณะก็ยิ่งเขินจนต้องเม้มปากตนเองแน่นขึ้น แต่พอถูกอีกฝ่ายแตะปลายคางเบาๆ ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันก็คลายออกเล็กน้อย จนพิทักษ์ยื่นหน้าเข้าหา จากริมฝีปากที่ปิดสนิทก็กลายเป็นเผยอตอบรับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากของอีกฝ่าย มันแผ่วเบาและเนิ่นนาน แตกต่างจากการจูบของจิณณะเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง เมื่อถอนริมฝีปากออกแล้ว เสียงทุ้มก็ดังขึ้นเบาๆ


“จิณ...”


“...ก็เป็นของพี่เหมือนกัน”


……………………
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 06-06-2019 22:45:23

อรพิณยืนรออยู่ที่หน้าห้องอาหาร แม้จะผ่านไปเพียงห้านาทีแต่หล่อนกลับดูนาฬิกาแทบทุกวินาที จนกระทั่งชายหนุ่มสองคนเดินพ้นโถงลิฟต์ออกมา เห็นพวกเขาเคียงข้างกัน ต่อให้ไม่พูดอะไรกันเลย หล่อนก็ยังรู้สึกถึงสายสัมพันธ์เกี่ยวร้อยกันเอาไว้


กลุ่มเพื่อนของพิทักษ์ล้วนมีแต่ผู้ชาย แต่ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างพิทักษ์และเพื่อนผู้ชายคนไหนทำให้หล่อนรู้สึกร้อนวูบไปทั้งร่างอย่างนี้ หญิงสาวกำมือแน่น


...ทำไมไม่เป็นหล่อน ทำไมถึงเป็นผู้ชายคนนั้น ทำไม…


แม้จะตั้งคำถามในใจ แต่เมื่อพิทักษ์มองมา อรพิณก็ขยับยิ้มหวานซุกซ่อนความรู้สึกริษยาลงสุดใจ


“พี่นึกว่าอรจะเข้าไปทานก่อนแล้วเสียอีก ขอโทษที่ทำให้รอ พอดี...คุยกันนานไปหน่อย” พิทักษ์เอ่ยปาก แต่ประโยคท้ายนั้นหันมองคนข้างกาย จิณณะเมินสายตาหนีไปทางอื่น คำว่า ‘คุย’ ที่พูดออกไป มีความหมายคนละอย่างกับที่ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติแน่นอน เพราะ ‘การคุย’ ของพวกเขา ถึงขั้นทำเอาจิณณะได้แต่เม้มปากเพราะรู้สึกว่ามันบวมเจ่ออย่างไรชอบกล


“ไม่เป็นไรค่ะ อรรอพี่ทิศได้” ประโยคหลังของหญิงสาวทำเอาคนกำลังเก้อเขินเอาแต่เม้มปากถึงกับชะงักกึก หันกลับมามองอรพิณทันที แต่ดูเหมือนรุ่นน้องของพิทักษ์จะไม่ได้สนใจเขา หล่อนมองพิทักษ์แต่เพียงผู้เดียว


...รู้สึกเหมือน...กำลังถูกหาเรื่อง…


...เอาหน่า จิณณะ แกต้องใจเย็นๆ ผู้หญิงหาเรื่องเขาว่าผู้หญิงรัก...


แต่...รักใครนี่สิ...


เป็นคำถามที่รู้คำตอบดี ในเมื่ออรพิณเฝ้ามองแต่พิทักษ์ พิทักษ์รับรู้ จิณณะรับรู้ สถานการณ์จึงชวนให้อึดอัด พอดีกับที่พนักงานคนหนึ่งของห้องอาหารเดินเข้ามาหาเสียก่อน


“คุณทิศครับ คณะของอาจารย์อนุวัฒน์อยู่ในห้องอาหาร” ชื่อลูกค้าระดับ V.I.P. ของสนามกอล์ฟที่ออกจากปากของพนักงาน ทำให้ชายหนุ่มหันมาทางจิณณะทันที


“จิณพาอรเข้าไปทานข้าวก่อน พี่ไปพบแขกแล้วจะตามไป” พูดกับคนรักแล้วถึงหันมายิ้มให้อรพิณทีหนึ่ง จากนั้นจึงเดินตามพนักงานเข้าไปในห้องอาหารก่อน


การที่ยืนอยู่ข้างเขาสองคน แต่เขาเลือกที่จะพูดกับคนใดคนหนึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับใครคนนั้นเป็นอันดับแรก


“ไปทานข้าวเถอะครับ” จิณณะออกปาก ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าห้องอาหารไปอีกคน ท่าทางของเขายังคงสบายและเป็นกันเอง อีกนัยหนึ่งคือเขาทำตัวตามสบายราวกับเป็นที่ของเขา ยิ้มแย้มให้กับคนที่นี่อย่างเป็นกันเอง ทักทายพนักงาน พูดคุยกับเชฟที่ยืนอยู่ตามซุ้มอาหาร เผื่อแผ่รอยยิ้มทักทายให้บรรดาลูกค้าที่กำลังนั่งรับประทานอาหารหรือพบเจอระหว่างที่ไปตักอาหารด้วย


อรพิณก้าวเท้าตาม ได้แต่มองตามเขา เจ็บไปทั้งใจ ทั้งๆที่หล่อนรู้จักพิทักษ์มานานกว่า มาที่นี่ก่อนที่จิณะจะเหยียบย่างมาเสียอีก แต่หล่อนกลับคว้าหัวใจของพิทักษ์ไม่ได้ สร้างความคุ้นเคยกับที่นี่ยังไม่ได้เท่ากับที่จิณณะทำด้วยซ้ำ


ชายหนุ่มกลับมาที่โต๊ะพร้อมด้วยจานอาหาร ในขณะที่อรพิณยังยืนตัวเปล่า เอาแต่มองเขา


“คุณอรตามสบายนะครับ” จิณณะเอ่ย พลางยิ้มการค้าให้หนึ่งที แล้วนั่งลงบนโต๊ะว่าง แต่อรพิณไม่เดินไปไหน หล่อนนั่งลงมองเขาทานข้าว แน่นอนว่าต่อให้จะหน้าด้านหน้าทนเพียงใด แต่มีคนจับจ้องในระหว่างที่ตักข้าวเข้าปากก็ทำเอาจิณณะชักรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อยเหมือนทุกที


“คุณอรมีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่าครับ” แม้จะรู้สึกว่าอาหารไม่อร่อยเพราะถูกจ้อง แต่มาดเยอะทำทีเป็นไม่เดือดเนื้อร้อนใจและทุกอย่างเป็นปกติเหมือนเคยๆ


...แต่กินข้าวไป มีคนจ้องกินเลือดกินเนื้อไป เป็นเรื่องเคยๆหรือ?...


...อ้อ...เคยสิ เวลาร่วมโต๊ะกับคุณกอบกุลอย่างไรล่ะ…


ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณต้นตระกูลหรือไม่ที่สร้างความแข็งแกร่งให้จิณณะยังคงตักอาหารเข้าปากต่อไปได้แม้จะถูกจ้องก็ตาม


สายตาของอรพิณเต็มไปด้วยความโกรธเคืองและไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นเขากินข้าวเอร็ดอร่อยไม่ทุกข์ไม่ร้อนก็ยิ่งไม่พอใจ ยิ่งไม่พอใจก็ยิ่งมีคำถามดังขึ้นในใจว่าผู้ชายคนนี้มีดีอะไร พิทักษ์ถึงต้องเอาทั้งชีวิตทั้งหัวใจมาเทให้หมดหน้าตัก


“คุณจิณคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันถูกแล้วใช่ไหม”


“แล้วมีตรงไหนที่ผิด” จิณณะย้อนถาม สีหน้าเหมือนไม่อินังขังขอบแต่อย่างใด


“พี่ทิศควรได้คนที่ดีกว่าคุณ”


หากเป็นก่อนหน้านี้ที่เขามีปัญหาคาราคาซัง หนำซ้ำยังหลอกลวงปิดบังให้พิทักษ์มาช่วยเหลือจนต้องเจ็บตัว เขาก็คงได้แต่ก้มหน้าต่ำ คอตกอย่างเห็นพ้องด้วย


แต่...ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว


ตอนนี้จิณณะไม่ใช่คนมีปัญหาพัวพัน ไม่ได้หลอกลวงปิดบัง แม้วันนี้จะมีแต่ตัว เงินทองหามาใช้ไป ยังไม่มีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ แต่จิณณะผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ซึ่งเป็นธุรกิจของทางบ้าน ที่ดูท่าไม่น่าจะล้มง่ายๆ ไหนจะนามสกุลที่แค่เอ่ยปากก็ทำให้ดูเป็นไฮโซได้ในพริบตา ล้วนเป็นปัจจัยที่สามารถสร้างฐานะเศรษฐีให้เขาได้ในอีกไม่ช้า นอกจากนั้นจิณณะก็คิดว่าตนเองหน้าตาดีในระดับหนึ่ง อวดได้ไม่อายใคร และที่อวดได้มากกว่าอะไรทั้งหมดคือสิ่งที่เขาทำเพื่อพิทักษ์


“คนที่ดีกว่าผมนี่หน้าตาเป็นยังไงหรือครับ” พอถูกย้อนมาอย่างนี้ อรพิณก็ได้แต่อ้าปากค้าง จิณณะนั้นเป็นหลานนอกคอกที่เป็นลูกไม้หล่นใต้ต้นคุณกอบกุลที่แท้จริง พอเห็นอีกฝ่ายพูดไม่ออก เขาก็ยิ้มเยาะ นัยน์ตาเป็นประกายพราวเหมือนเสือจ้องเหยื่อที่กำลังดิ้นรน


“หรือคนที่ดีกว่าผมต้องเป็นคุณ?”


“ฉันหมายถึงต้องไม่สร้างความลำบากให้พี่ทิศ!” อรพิณเถียง


   “แล้วผมสร้างความลำบากตรงไหน” เป็นอีกครั้งที่ความมั่นอกมั่นใจของจิณณะสำแดงอิทธิฤทธิ์ เวลานี้เขาไม่ใช่คนพ่วงภาระอีกแล้ว หนำซ้ำยังตั้งอกตั้งใจจะเกื้อหนุนพิทักษ์ให้เจริญยิ่งขึ้นไป นี่ยังไม่รวมถึงความรัก ความเอาใจใส่ที่มี โดยรวมแล้วการที่เขาอยู่เคียงข้างพิทักษ์ในวันนี้ มีแต่ข้อดีล้วนๆ ไม่เห็นข้อเสียสักนิด!


นอกจากความมั่นใจของคนพูดแล้ว อรพิณเองก็พบว่าพิทักษ์ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรกับการที่มีจิณณะอยู่ข้างกายเลย เพื่อนๆของเขาถึงจะหยอกล้อว่าคนรักรายนี้ทำให้พิทักษ์แทบไม่ได้ไปไหนนอกจากสนามกอล์ฟกับบ้านพัก แต่ทุกคนก็ล้วนพูดถึงเรื่องนี้อย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีใครมีปัญหากับการที่พิทักษ์มีคนรักชื่อจิณณะ หรือในอีกแง่หนึ่งคือเพื่อนของพิทักษ์ต่างก็รับรู้ว่าการมีอยู่ของจิณณะในเวลานี้ไม่ใช่ตัวปัญหาแต่อย่างใด


แต่...


แต่ใจของอรพิณมีปัญหา


“แต่...แต่คุณมีลูกให้พี่ทิศไม่ได้” อรพิณยกข้ออ้างที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดในโลกเรื่องหนึ่งขึ้นมาพูด ต่อให้วิทยาการก้าวหน้าแล้ว แต่คู่รักเพศเดียวกันก็ยังมีปัญหาเรื่องทายาทสืบพันธุ์อยู่ดี


ทว่าเรื่องที่แสนจะเป็นวิทยาศาสตร์นี้กลับทำเอาคนพูดเก่งเถียงเก่งแถก็เก่งถึงกับชะงักกึกแล้ววินาทีต่อมาก็ส่งเสียงกู่ร้องในอกอย่างอัดอั้น


...วอทเดอะฟัค! ทำไมกลายเป็นเขาที่ต้องมีลูกให้พิทักษ์ล่ะ! ทำไมไม่เป็นพิทักษ์มีลูกให้เขา!!...


แม้ในใจจะโวยวายตะพึดตะพือถึงการเรียบเรียงคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า แต่จิณณะพยายามทำใจเย็นสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตีสีหน้าเย็นเยียบย้อนกลับไป


“ญาติผมไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ญาติพี่ทิศก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แล้วคุณอรเป็นญาติฝ่ายไหนของเราหรือ ถึงมีปัญหากับเรื่องนี้”


อรพิณอ้าปากค้างหนักกว่าเก่า ทั้งๆที่คิดว่าเหตุผลของหล่อนไม่มีเรื่องใดมาโต้แย้งได้แน่แล้ว แต่จิณณะนั้นสมกับที่ลับฝีปากกับคุณกอบกุลมาแต่อ้อนแต่ออก เพราะสามารถตีกรอบเรื่องของเขาและพิทักษ์แล้วกันอรพิณเอาไว้นอกกรอบหน้าตาเฉย


จิณณะวางช้อนส้อม หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากแล้วจับจ้องมาที่หล่อน สีหน้าของเขายังเย็นยะเยือก สายตาของเขาก็เยียบเย็นชนิดตัดขั้วหัวใจ อรพิณที่อ้าปากค้างอยู่แล้วถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าหล่อนในเวลานี้ไม่เหมือนผู้ชายคนที่พูดจาทีเล่นทีจริงอย่างเมื่อตอนที่อยู่กับพิทักษ์เลย


“ผมเข้าใจว่าคุณหวังดีกับพี่ทิศ แต่คุณไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจเรื่องของเขา ใครจะเป็นคนดีของเขา มันเรื่องของเขา คุณเป็นรุ่นน้องก็ให้มีขอบเขตของคนที่เป็นรุ่นน้อง เพราะถ้าคุณล้ำเส้นเรา ผมจะเป็นคนล้ำเส้นคุณบ้าง แล้วถ้าถึงตอนนั้น คุณจะไม่มีโอกาสกลับเข้ามาในชีวิตพี่ทิศอีกเลย”


“น...นี่ขู่หรือ?!”


“ไม่ได้ขู่ ผมทำจริง”


คำว่าทำจริงของจิณณะราวกับเป็นมือเหล็กที่ยื่นมาบีบคอหญิงสาวให้หายใจไม่ออก อรพิณอ้าปากค้าง ทว่าพอพิทักษ์เดินกลับมาที่โต๊ะ สีหน้าของจิณณะก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสดูเป็นชายหนุ่มขี้เล่นคนหนึ่ง


เขาไม่ใช่คนพันหน้า ไม่ได้ปลิ้นปล้อนตลบตะแลง ไม่ว่าจะอยู่กับใคร จิณณะก็ยังเป็นจิณณะ เพียงแต่ยามอยู่กับพิทักษ์ จิณณะเลือกที่จะหันด้านหนึ่งซึ่งเป็นคนสดใส สนุกสนาน และมองโลกในแง่ดี แต่ยามอยู่กับคนที่คิดจะล้ำเส้น จิณณะย่อมเลือกที่จะหันอีกด้านหนึ่งให้คนผู้นั้นได้พบเจอ อีกด้านที่เป็นจิณณะคนจริงจัง ใจแข็ง เยียบเย็น และอำมหิต


“จิณ ท่านนพพรนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านใน” พิทักษ์ก้มลงบอก เพียงเท่านั้นคนที่กำลังรับประทานอาหารก็ลุกจากโต๊ะอย่างรู้งานทันที


ต่อให้ท่านนพพรจะไม่ได้เอื้อประโยชน์โดยตรงโดยอ้อมอีกแล้วนับตั้งแต่สิ้นสุดเรื่องไพศาล แต่เมื่อครั้งหนึ่งเคยรู้จัก ครั้งนี้จะให้ทำเป็นเมินเฉยก็เห็นจะไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งก็เพราะท่านนพพรเป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ร่วมกับคุณเทียมผู้เป็นลุงของพิทักษ์ อนาคตข้างหน้าไม่แน่ไม่นอน ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาอาศัย แต่ผูกมิตรไว้ก็ดีกว่าไม่รู้จัก หรือถ้าจะไม่รู้จัก ก็ควรไม่รู้จักแต่แรกเพราะดีกว่าสร้างศัตรู


พิทักษ์หันมาขอตัวกับหญิงสาวเพียงคนเดียวของโต๊ะ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินไปยังโต๊ะอาหารที่มีชายวัยปลายนั่งรับประทานอาหารกับเพื่อนพ้องอีก 2-3 คน


ภาพชายหนุ่มสองคนเคียงข้างกันกำลังพูดคุยกับชายชรานั้นไม่ใช่ภาพจรรโลงใจสำหรับอรพิณ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวผู้มีใจอิจฉายังต้องยอมรับก็คือสายสัมพันธ์ที่พิทักษ์และจิณณะมีต่อกัน พวกเขาไม่ได้ควงคู่เหมือนคู่รักหญิงชาย ไม่ได้ออดอ้อนออเซาะกระหนุงหระหนิง แต่พวกเขายืนหยัดเคียงข้าง เคียงบ่าเคียงไหล่ สายสัมพันธ์ของพวกเขาแม้จะมองแทบไม่ออก แต่กลับให้ความรู้สึกหนักแน่นจริงจัง


หัวใจยังอิจฉาจิณณะที่ได้เคียงข้างพิทักษ์ และยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรพิทักษ์ถึงเลือกผู้ชายคนนี้มาเคียงข้าง แต่ในทางกลับกัน หล่อนก็รู้ว่าสู้จิณณะไม่ได้ พอๆกับที่รู้สึกว่าพวกเขาสมกัน


อรพิณพ่นลมหายใจแล้วหัวเราะหยันให้กับตนเอง รู้จักพิทักษ์มานานกว่า รู้จักพิทักษ์ดีกว่า ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะทำให้พิทักษ์รู้สึกกับหล่อนมากกว่าที่เป็นอยู่เลย ตัวหล่อนเองก็รู้ดีและควรจะรู้ตัวได้แล้วว่าไม่มีวันได้อะไรจากเขา เพราะเขาเก็บหัวใจเอาไว้ เก็บความรู้สึกเอาไว้...แล้วเลือกที่จะให้ใครบางคนที่เขาต้องการจะให้ต่างหาก


หญิงสาวหันไปเรียกพนักงาน เอ่ยปาก 2-3 ประโยค ก่อนจะคว้ากระเป๋าลุกออกจากโต๊ะไป


ตอนที่จิณณะและพิทักษ์กลับมาที่โต๊ะอีกครั้งจึงพบเพียงความว่างเปล่า กับจานอาหารที่วางเอาไว้ก่อนจะลุกไปพบท่านนพพร พนักงานที่อรพิณฝากข้อความไว้เดินเข้ามารายงาน


“คุณผู้หญิงแจ้งว่ามีงานด่วน ต้องขอตัวกลับก่อน แล้วคงไม่ได้มาอีกพักใหญ่เพราะช่วงนี้งานยุ่งครับ”


จู่ๆก็มีงานด่วน จู่ๆพักนี้ก็กลายเป็นงานยุ่ง พิทักษ์หันมองคนข้างกายซึ่งอยู่กับอรพิณเป็นคนสุดท้าย หลานชายคุณกอบกุลเห็นสายตาคนรักแล้วรู้สึกเหมือนตนเองเป็นวัวสันหลังหวะขึ้นมา


“ผมไม่ได้ทำอะไรนะ เขาไปของเขาเอง”


พิทักษ์เงียบ แต่ยังมองนิ่ง


“ก...ก็ได้ ผมบอกเขาว่าอย่าล้ำเส้น”


พิทักษ์เงียบ สายตายังจับจ้อง


“ผมพูดเฉยๆเองนะ ไม่ได้ขู่”


พิทักษ์เงียบ สุดท้ายจิณณะเลยถอนหายใจเฮือก


“เออๆ ผมบอกเขาว่าผมไม่ได้ขู่ แต่ผมจะทำจริง...” เพียงเท่านั้นคนมองก็ได้แต่ส่ายศีรษะ จิณณะตัวแสบอัพเกรดเป็นยิ่งกว่าตัวแสบ เจ้าตัวบ้าดีเดือดแค่ไหนก็เห็นได้จากที่เคยลาออกจากราชการเพื่อมาจัดการคดีไพศาล ฉุดอดีตผู้มีอิทธิพลจนติดคุกติดตารางได้ ต่อให้เพราะมีเส้นสายของคุณเทียมและคุณกอบกุลช่วย แต่ก็มองข้ามความเอาจริงเอาจังของเจ้าตัวไม่ได้เลย


“หรือพี่อยากให้รุ่นน้องกลับมาไหมล่ะ ผมจะโทร.บอกพี่คุณ บอกให้เขาตามน้องรหัสเขากลับมา แล้วผมจะเป็นคนไปเอง” จิณณะยื่นข้อเสนอ ทั้งๆที่ในใจถือดีว่าอย่างไรเสียพิทักษ์ก็ไม่กล้าปล่อยเขาไปเพื่อแลกกับอรพิณ


...ฐานะหลานคุณกอบกุลค้ำคอ ฐานะหลานจิดาภาก็หนุนหลัง ยิ่งไปกว่านั้นจิณณะยังสนิทสนมกับคุณเทียมแล้วด้วย…


แน่นปึ้กขนาดนี้ ถ้าพิทักษ์กล้าทิ้งเขาไป ก็ลาโลกนี้ไปได้เลย!!


“ไปเองน่ะไปไหน” พิทักษ์ย้อนถาม


“ไปไหนก็ได้ที่มีคนอยากอยู่กับผมแล้วกัน” แง่งอนน่ารักน่าชังจนคนพูดเองยังขนลุก ต้องกระแอมกระไอตั้งสติ ความรักที่มีให้พิทักษ์มากล้นแค่ไหนก็ดูได้จากมันทำให้จิณณะ  วงศ์กีรติคนที่ตอบโต้อรพิณกับจิณณะ  วงศ์กีรติคนที่อยู่กับพิทักษ์เหมือนเปลี่ยนจากฝ่าเท้าผู้ใหญ่เป็นฝ่ามือเด็กทารก ระดับความหยาบนุ่มแตกต่างกันอย่างชัดเจน


“งั้นก็ไม่ต้องไป”


“หมายความว่าที่นี่มีคนอยากอยู่กับผม?” ระดับความอ้อล้อก็ผกผัน จากกวนประสาทเย้ยหยันเมื่อยามอยู่กับอรพิณ กลายเป็นหยอกเย้าตั้งคำถามให้ตอบอย่างที่ถูกใจ


“ต้องให้แสดงให้ดูตรงนี้ไหม” ทว่าคำถามของพิทักษ์ ทำเอาคนที่คิดว่าตนเองถือแต้มต่อถึงกับชะงัก ยิ่งเห็นสายตาที่มองมายิ่งพาเอากลืนน้ำลายเอื้อก ประกายแน่วแน่จริงจังพร้อมจะทำจริงไม่มีขู่ที่ทอมากับสายตาคู่นั้นก็ทำเอาชักเข้าใจหัวอกอรพิณเมื่อครู่นี้แล้ว


หลานชายคุณกอบกุลกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะทำเป็นเลื่อนเก้าอี้แล้วทรุดตัวลงนั่งกินข้าวต่อ


“กินข้าวๆ พี่จะได้กลับไปทำงานต่อ เมื่อกี้พี่รับปากท่านนพพรว่าจะสนับสนุนสถานที่จัดกอล์ฟการกุศลให้ท่านไม่ใช่หรือ...” พูดได้เท่านั้นก็มีอันต้องชะงักกึก เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอุ่นที่แนบลงมาบนศีรษะ เดิมทีพิทักษ์มักจะชอบวางมือบนศีรษะของเขาบ่อยๆ แม้อายุจะเหยียบสามสิบแล้ว แต่จิณณะก็ไม่ถือสา เห็นว่าอีกฝ่ายเอ็นดูก็ดีใจด้วยซ้ำ แต่...คราวนี้สิ่งที่สัมผัส...ไม่ใช่มือ


มันเป็นสัมผัสอุ่นที่...พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นแค่ปลายคางของพิทักษ์ พอกะพริบตาตั้งสติก็ถึงได้เห็นว่าพิทักษ์ขยับตัวยืดตรงเหมือนเดิม


ดังนั้น เมื่อกี้พิทักษ์ไม่ได้วางมือลงบนศีรษะของเขาแน่นอน แต่ก้มลงมา...แล้ว...จูบต่างหาก


จูบหน้าผาก...กลางห้องอาหารเนี่ยนะ?!!


เอาเท้าเหยียบหัวยังไม่ชะงักเท่าจูบหัวกลางที่สาธารณะอย่างนี้เลย!!


คนถูกจูบหน้าผากกลางที่สาธารณะได้แต่เผยอปากพะงาบๆพูดไม่ออก ตาเหลือกไปแล้ว แต่คนทำกลับยิ้มจาง


“คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าที่นี่มีคนอยากให้อยู่ด้วย”


พิทักษ์เป็นคนร้ายกาจ ชอบซุกซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ใต้ท่าทีเรียบเฉย และภายใต้เขี้ยวเล็บเหล่านั้นคือความเอ็นดูคนรักอย่างสุดหัวใจ


“กินข้าวได้แล้ว แล้วตอนเย็นจะพาไปหาคุณชิต อ้อ คืนนี้กลับไปสระผมด้วย หัวเริ่มเหม็นแล้ว”


“ห...หัวผม! พี่มายุ่งอะไรวะ!! แล้วผมจะไปหาไอ้ชิตบ่ายนี้เลย!!”


“ไม่รบกวนเวลาทำงานของข้าราชการ”


คนถูกย้อนได้แต่อ้าปากพะงาบเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ สุดท้ายก็ได้แต่ฮึดฮัดตัดสินใจสงบปากสงบคำเพราะรู้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็เถียงพิทักษ์ไม่ชนะ ไหนจะที่ถูกจูบหน้าผากกลางห้องอาหารเมื่อครู่นี้อีก เขาได้แต่กวาดตามองรอบๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ที่ลูกค้าซึ่งมีอยู่ประปรายให้ความสนใจมาที่พวกเขาเป็นพิเศษ


ครั้งหนึ่งจิณณะเคยอยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาโด่งดังถึงได้ขวนขวายมาที่นี่ทุกมื้อกลางวัน แต่วันนี้ที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นจริงขึ้นมา กลับนึกเขินจนกินข้าวไม่ลงสักคำ


พอเหลือบมองคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้วก็ได้แต่เม้มปาก


จะหนีจากความสัมพันธ์นี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว คนรับรู้ไปตั้งเท่าไร ไหนจะเรื่องร่วมทุนของวงศ์กีรติกับกลุ่มทุนที่เป็นเส้นสายของคุณเทียมอีก ที่สำคัญคือพิทักษ์เป็นลูกเลี้ยงที่น้าสาวของเขาทั้งรักทั้งหวง


เงื่อนไขที่ตอนแรกคิดว่าเข้าทางตนเองเหลือเกิน เวลานี้จิณณะเพิ่งตระหนักได้ว่ามันไม่ได้เป็นไปเพื่อเขาสักนิด แต่มันเทประโยชน์ให้พิทักษ์ต่างหาก


“พี่ทิศโคตรร้าย”


มารู้ตัวเอาตอนนี้ก็หมดโอกาสจะถอยเสียแล้ว พิทักษ์ยกยิ้มมุมปาก ไม่พูดอะไรแต่ก็ไม่ปฏิเสธ


หลานชายคุณเทียมจะร้ายน้อยหน้าหลานชายคุณกอบกุลได้อย่างไรกัน


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าเป็นตอนจบค่ะ)

ไหนใครเดาว่างานแต่งคะ คิดกันไปเองทั้งนั้นนนนนน

งานแต่งได้ประโยชน์แค่นับซอง งานประกาศร่วมทุนสิของจริง คุณกอบไม่ได้กล่าว แต่คุณกอบทำเลย วะฮ่าฮ่า

บอกแล้วว่าคุณกอบแกเป็นคนแก่ที่เดาทางง่ายค่ะ 1.ผลประโยชน์แก 2.ลูกหลานแก แกอยากได้เท่านี้จริงๆ ชีวิตนี้มักน้อยมาก ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

วันนี้ขอโทษจริงๆที่มาดึกมาก รถติดสุดๆ ใครรถติดถือว่าเราเป็นเพื่อนร่วมทางกันนะคะ อิอิ

เจอกันพฤหัสหน้ากับบทสุดท้ายของเรื่อง(หลัก) แล้วจะเอาตอนพิเศษมาลงตอนนึง จากนั้นจะขอพักหน่อยเพราะว่าช่วงที่ผ่านมา ชีวิตหนักมากจริงๆ ค่ะ (พักในที่นี้หมายถึงถ้าเดือนหน้ายังไม่มีนิยายใหม่มาลง ก็คือจะมีตอนพิเศษเรื่องไหนสักเรื่องมาลง 1 ตอนนะ ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-06-2019 23:12:49
แง...จะจบแล้ว ตัวแสบของพี่   o18
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-06-2019 23:14:13
แบบว่าแสบชัดๆ กับแสบหลบใน
ใครแสบกว่ากันนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mox2224 ที่ 06-06-2019 23:30:32
เป็นตัวแสบของพี่ทิศตลอดไป!

ปูลู คิดถึงจารีตจังค่ะ แหะๆ ไม่รู้ติดใจอะไรกับคนนี้ ตัวแสบจูเนียร์
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 06-06-2019 23:40:57
ตอนนุ้งจิณแสดงตัวนั้น...ชนะเลิศ~~~

ข้ออ้างที่บางคนชอบใช้กับคู่รักเพศเดียวกันก็คือ...มีลูกไม่ได้
ซึ่งมันไม่เกี่ยวกัน...คู่ชายหญิงธรรมดาก็ไม่มีลูกได้ด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงข้อที่ว่าไม่อยากมีด้วย...สองคนก็สบายดี มีเงินใช้ อะไรแบบนี้

ชอบความยอกย้อนหน้านิ่ง แต่เจ็บแสบของน้อง...พี่ทิศก็เอ็นดูเหลือเกิน ถ้ามีพนักงานเป็นสาววายอยู่ในนั้น ชีวิตคงฟินทุกวันที่เจอเจ้านายกับแฟน 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: IaminLove ที่ 06-06-2019 23:49:49
ความแสบมีไม่แพ้กัน สมน้ำสมเนื้อ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-06-2019 23:52:13
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 07-06-2019 00:22:23
ยัยอรพิณนี่ก็ร้ายนะ พี่ทิศเคยปฏิเสธไปแล้วยังจะมาตามจีบอีก ทั้งๆ ที่รู้ว่าเค้าคบกับจิณอยู่ เจอแค่จิณขู่ว่าจะทำจริงนะ..ถ้าล้ำเส้นอีก นี่แค่หลานนะหล่อนถ้าเรื่องถึงคุณย่าละก็ หล่อนก็อาจจะเหลือแค่ชื่อประดับไว้บนโลกนะเออ!!! อย่าคิดมาแหย๋มคนตะกูลวงศ์กีรติสิคุณ ตระกูลนี้ขนาดพ่อของพี่ทิศยังบอกทิวากรเลยว่าห้ามคว้าใครในตระกูลนี้มาอีกเป็นอันขาด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 07-06-2019 00:30:47
เอาจนจบตอนนี้คุณอรก็ยังนึกเข้าข้างตัวเองว่ารู้จักพี่ทิศมานานกว่า   :katai4:
แหมมมมมมมมมมมมมมม
ต่อให้รู้จักนานกว่าจริง ๆ ก็ไม่มีผลหรอกจ้ะ   :bye2:
พี่ทิศก็เกิ๊นนนนนนนน น่ารักไปไหน ตอนจูบหน้าผากจิณนี่ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว
นุ้งบิดไปหมดแล้วจ้าพี่จ๋า  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-06-2019 00:59:53
จิณร้ายแบบเด็ก ๆ พี่ทิศสิร้ายของจริง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 07-06-2019 01:07:26
ร้ายพอกันน่ะแหล่ะ เหมาะสมกันสุดๆ
อรพินเธอมีสิทธิ์อะไรมาว่าจิณของฉันไม่เหมาะกับพี่ทิศ
ต่อให้ไม่มีจิณ(เหตุการณ์นี้ผ่านมาแล้ว) เธอก็ไม่ได้ใจพี่ทิศหรอก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-06-2019 02:11:37
ถึงจิณจะแสบยังไงก็ร้ายไม่เท่าพี่ทิศ
ความร้ายนั้นมันกร๊าวใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-06-2019 02:18:44
 o13 o13 o13​ สามนิ้วให้เลยจ้ะ​
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 07-06-2019 05:44:14
พี่ทิศไม่ร้ายจะทันจิณได้ไง 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 07-06-2019 07:19:32
จีดงานได้สมกับเป็นคุณกอบกุลจริงๆ 555 แหมๆ จิณ ถ้าพี่ทิศไม่ร้ายจะทีนเกมส์เหรอ แต่ร้ายก็รักไม๊ล่าาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-06-2019 09:10:42
จะจบแล้วหรอดูเขายังสวีทกันไม่เท่าไหร่เอง 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-06-2019 10:23:15
เปลี่ยนจากกอบกุลเป็นกอบโกยไหมคุณย่า ทุกอย่างที่ทำต้องมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องจริงๆ เลย


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 07-06-2019 10:24:37
พี่ทิศร้ายเสมอออ :hao6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 07-06-2019 10:24:43
ต่อให้จิณแสบแค่ไหน พี่ทิศก็เอ็นดูอ่ะเน้อ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 07-06-2019 10:33:09
ขอตอนพิเศษหลายๆตอนนะครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 07-06-2019 11:21:50
ร้ายพอกันจ้าคู่นี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-06-2019 11:39:47
ชอบบบบบบ  :katai2-1:
อร รุ่นน้องของเพื่อนพี่ทิศ แค่มาตามพัวพันเพื่อนของรุ่นพี่  ถามจิณ o22 :really2: :เฮ้อ:
“พี่ทิศควรได้คนที่ดีกว่าคุณ”
“.......คุณมีลูกให้พี่ทิศไม่ได้”   ก็แล้วมันเป็นธุระของเธอเรอะ   :fire: :angry2:
ชอบที่จิณ ถามกลับ
“ญาติผมไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ญาติพี่ทิศก็ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ แล้วคุณอรเป็นญาติฝ่ายไหนของเราหรือ ถึงมีปัญหากับเรื่องนี้”

ขำ ตรงที่จิณ น่าจะเลิกซื่อตั้งแต่เข้าอนุบาลแล้ว แสดงว่าร้ายกาจ แสบตั้งแต่จบอนุบาล   :laugh: :z3:  :ling1:
คนที่ร้ายกว่าจิณก็พี่ทิศแหละ  :m20:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-06-2019 12:36:19
ร้ายพอกันทั้งคู่เลยจ้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-06-2019 14:17:50
จิณแพ้ทางพี่ทิศตลอด  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 07-06-2019 14:44:37
ร้ายกว่าจิณณะก็พี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: febusapollo ที่ 07-06-2019 14:55:27
ง่าาาา จะจบแล้วรู้สึกใจหายจังเลยค่ะ
แต่ก็คิดว่าถ้าถึงเวลาอันสมควร จำนวนตอนเยอะขนาดนี้คุณนักเขียนควรได้พักผ่อนบ้าง :monkeysad:

อ่านแล้วเหมือนถูกสะกดจิตด้วยประโยค 'ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ' ฮือ 555555
ร้ายพอกันทั้งคู่เลยน้า แต่ถ้าพี่ทิศไม่อัพเลเวลขึ้นมาบ้างเจ้าจิณคงจะไหลไปเรื่อยๆนั่นแหละ

ขอบคุณมากเลยนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน รอติดตามต่อไปเลย :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-06-2019 14:58:51
มีคนจิ้นคุณกอบกับคุณเทียมเหมือนเราด้วย

งื้ออออ เขินแทน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-06-2019 15:39:44
พี่ทิศเขาร้ายเงียบ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 07-06-2019 16:34:51
ขำความเดือดเนื้อร้อนใจของจิณ ที่คนมองก็รู้ว่าจิณมีลูกให้พี่ทิศไม่ได้ ไม่ใช่พี่ทิศมีลูกให้จิณไม่ได้ 5555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-06-2019 16:53:30
คนน้องร้าย แต่ไม่เท่าคนพี่จ้าา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 07-06-2019 18:52:10
ตัวแสบเอ้ยยยยยย o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 07-06-2019 20:30:14
นุ้งจินนนน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-06-2019 22:59:39
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-06-2019 00:05:31
 :laugh:



ทำหน้าชนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: KK ก้านแก้ว ที่ 08-06-2019 00:09:29
คุณย่าน่ารักมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-06-2019 09:08:05
โอ้ยยย  ขำเจ้าตัวแสบเก่งมาจากไหน ก็แพ้พี่ทิศ  :laugh



 
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-06-2019 11:18:59
ร้ายเงียบจริงๆเลยพี่ทิศ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 08-06-2019 22:12:40
ตอนพิเศษคู่เจ้าทิวกับจามั้ย​
หรือจะเป็นพี่ทิศกับตัวแสบตอนเด็กๆดี​
​ งู้ยยยยยยย​  อยากอ่านแล้ว​ รอๆๆๆๆๆ
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 08-06-2019 23:47:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 09-06-2019 17:59:21
เหนือจิณณะ มีคุณกอบกุล และเหนือจิณณะ มีคุณพิทักษ์
5555 เอ็นดูจิณเป็นที่สุด ความแพ้ทางนี้ อย่าไปบอกใครมาก
เป็นไงล่ะ จอดสนิทเลยสินะ รู้แล้วเนาะ ใครอยากให้อยู่ด้วย

ทิศร้ายกาจมากค่ะ ชอบล่ะสิที่น้องทำหวง และชอบที่ได้ต้อนน้อง
แหมมม กลางหมู่มวล เพื่อย้ำให้จิณรู้ตัวเนาะ ไม่ได้มีอะไรเลย

เอิ่มม ผู้หญิงคนนั้น เค้ากลับไปทำงานไหวไหม หรือต้องยื่นใบลานะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 10-06-2019 10:13:16
สองอย่างที่คุณย่าอยากได้ก้คือสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในโลกแล้ว อำนาจกับความรัก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 10-06-2019 10:37:00
สนุกมากๆๆ​  ดีใจที่ใกล้จะจบแล้วไม่ยืดเยื้อดี :mew2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: WilpeR ที่ 10-06-2019 11:34:07
ทั้งตอนชอบตอนเลขาพี่ทิศที่บอกว่า ของของเรา เราต้องแสดงความเป็นเจ้าของ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 10-06-2019 13:13:17
ยิ้มทั้งตอนเลยตอนนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-06-2019 14:44:12
น้องจิณนี่ความปากร้ายได้คุณกอบกุลมาชัดๆ ทำเอายัยอรปากค้างเลย  :laugh: แต่คนที่ร้ายที่สุดก็คงไม่พ้นคุณพระเอก น้องจิณร้ายยังไงพี่ทิศมาเหนือตลอด  :laugh:

สุดท้ายคือขำประโยคนี้มาก
“ถ้ามีตั่งรดน้ำสังข์ เชิญคุณกอบกับคุณเทียมขึ้นไปนั่ง มีท่านนครเป็นคนคล้องพวงมาลัยล่ะก็ นี่มันงานแต่งนอมินีชัดๆ!”

//นึกหน้าคุณกอบกุลนั่งให้รดน้ำสังข์แบบหน้าเชิดๆ
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 21...=> หน้าที่ 37 (06/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 13-06-2019 11:22:17
จิณเอ้ยยยยเสือไม่ได้หลับนิเนาะ  :z1:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 13-06-2019 22:02:43
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………..
บทส่งท้าย


‘ลงแรงไป ต้องได้ของตอบแทน มอบความช่วยเหลือให้ ก็ต้องได้ความช่วยเหลือตอบแทน’


เส้นสายและระบบอุปถัมภ์ถูกใช้งานผ่านค่านิยมของบุญคุณต้องทดแทน อาจกล่าวว่าเป็นคุณธรรมของการตอบแทน แต่ในอีกแง่หนึ่งก็กลายเป็นการกีดกันคนที่อยู่นอกวงบุญคุณเหล่านี้ เมื่อมีคนได้ประโยชน์จากมัน ก็ย่อมมีคนเสียประโยชน์เช่นกัน


เรื่องคดีของไพศาลแม้จะไปไม่ถึงศาลฎีกาเพราะจบสิ้นที่ไพศาลตาย แต่ตลอดกระบวนการที่คุณกอบกุลและจิณณะเลือกใช้ ล้วนต้องถูกทดไว้ในใจ แล้วชดใช้บุญคุณต่อเส้นสาย พรรคพวกและระบบอุปถัมภ์ของตน


เรื่องหนึ่งที่ต้องแลกกับการโน้มน้าวกลุ่มทุนให้หันไปใช้บริการคุณเทียมแทนไพศาล ก็คือธุรกิจของคุณกอบกุลต้องเป็นแหล่งเงินทุนให้พรรคการเมือง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องเปิดเผย การเลือกข้างทางการเมืองย่อมอาจส่งผลร้ายเมื่อสนามการเมืองพลาดพลั้ง ธุรกิจที่เป็นแหล่งทุนอาจถูกเพ่งเล็งและขัดแข้งขัดขา อาจถูกกีดกันทางการค้าในรูปแบบของนโยบายที่เอื้อคู่แข่ง แต่เมื่อมองไกลไปกว่านั้นก็พบว่าพรรคการเมืองที่เป็นเส้นสายของท่านเสรี มือซ้ายและมือขวาของท่านเสรี ก็ยังครองพื้นที่ในการออกนโยบายเศรษฐกิจ การเป็นแหล่งเงินทุนให้ในวันนี้ ย่อมหมายถึงผลประโยชน์ที่จะกลับมาในรูปของนโยบายที่เอื้อต่อธุรกิจของตระกูลวงศ์กีรติ


ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็นแหล่งทุนให้กับพรรคการเมืองที่มีความสัมพันธ์กับท่านเสรี แต่ฝั่งปรปักษ์ทางการเมืองของท่านเสรีที่กลับเข้าสู่สนามผลประโยชน์อีกครั้งอย่างคุณเทียม คุณกอบกุลก็ยึดโยงผ่านทางความสัมพันธ์ของจิณณะและพิทักษ์ อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอน หากฝั่งใดอำนาจจืดจาง บารมีร่อยหรอ ก็ยังพอมีอีกฝั่งให้พึ่งพิง บั้นปลายของคุณกอบกุลและตระกูลวงศ์กีรติจะไม่มีวันจบลงเยี่ยงไพศาล นั่นคือความตั้งใจมั่นของหญิงชราผู้ถูกขนานนามว่างูพิษ


ฝั่งคุณเทียมที่ดูจะได้ประโยชน์มากกว่าใครเมื่อไพศาลถูกกำจัด พื้นที่ทั้งจังหวัดล้วนตกอยู่ใต้อิทธิพลของเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าใครจะเข้ามาทำการใดในพื้นที่ ก็ล้วนต้องแวะเวียนไปพบปะหารือที่บ้านพักของเขา แน่นอนว่ามันหมายถึงผลตอบแทนมหาศาลที่แลกกับการอำนวยความสะดวก แต่หาใช่ผลตอบแทนทุกอย่างจะเป็นความพึงใจ คนเรามีได้ ย่อมมีเสีย แม้จะไม่ต้องการให้มีบ่อนการพนันในพื้นที่ แต่คุณเทียมก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อข้อเสนอของกลุ่มทุนที่เดิมทีใช้อิทธิพลของไพศาล ผลประโยชน์บางครั้งไม่ได้ตอบสนองต่อความละโมบ แต่เพื่อให้แน่ใจว่าผลประโยชน์ก้อนนี้จะไม่ตกถึงพวกพ้องของไพศาลที่ยังหลงเหลือ การดึงกลุ่มทุนเอาไว้ที่ตนเอง แม้จะต้องแลกด้วยการใช้อิทธิพลเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ธุรกิจที่ตนไม่พึงปรารถนา แต่ก็ไม่อาจเลือกปล่อยออกจากมือเพื่อให้ไพศาลที่เป็นผีไปแล้ว จะกลับขึ้นมาหลอกหลอนได้อีก


ส่วนขบวนการค้ามนุษย์ เมื่อสิ้นไพศาลก็ไม่ได้หมายความว่าจะล่มจม บนโลกนี้มีคนอย่างนี้อีกเป็นล้าน มีพื้นที่และเส้นทางอีกมากให้ดำเนิน เมื่อไพศาลตาย ก็หาคนใหม่ เมื่อไม่ได้พื้นที่หนึ่ง ก็ย้ายไปหาที่ทางอื่น ผลประโยชน์ยังสูง ผู้คนที่อดทนต่อความหอมหวานของมันไม่ไหวก็มีแต่จะกระโดดเข้าหาเท่านั้น


แต่ถึงอย่างนั้น ก็นับว่าชีวิตของจิณณะและพิทักษ์กลับมามีความสุขดี ไม่ต้องกังวลต่อภยันตรายใดๆแล้ว


จิณณะย้ายมาอยู่กับพิทักษ์เป็นการถาวร ออกจะลำบากในการเดินทางเล็กน้อยที่ต้องตื่นแต่เช้าเข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ ตกเย็นก็ต้องรีบออกเพราะมิเช่นนั้นรถจะติด แต่พื้นฐานไม่ใช่คนใจร้อนรีบเร่ง เขาคิดว่าพอถึงจุดหนึ่งก็จะปรับตัวหรือมองหาวิธีอื่นๆที่จะทำให้ชีวิตสุขสบายขึ้นเอง


ส่วนพิทักษ์เมื่อมีอีกคนย้ายมาอยู่เพิ่ม จากที่เคยออกจากบ้านแต่เช้า กลับถึงบ้านค่ำมืดก็ออกสายขึ้นเล็กน้อยเพื่อร่วมโต๊ะกับจิณณะก่อน และกลับถึงบ้านไวขึ้นเพื่อทานข้าวเย็นกับคนรัก หรือวันไหนที่จะเข้ากรุงเทพฯไปทานข้าวกับบิดาและมารดาเลี้ยงก็จะพาคนรักไปด้วย แล้วค่อยเลยไปส่งจิณณะที่ออฟฟิศ จากนั้นก็รอรับกลับพร้อมกันในตอนเย็นเสียเลย


ต่างคนต่างลำบากขึ้นเล็กน้อย หย่อนเรื่องของตนลงอีกหน่อย ก็พบว่าการปันพื้นที่ให้ใครอีกคนก้าวเข้ามานั้น อาจสร้างความยุ่งเหยิงอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็นับว่ามีความสุขดี


จิณณะเอนหลังพิงกำแพงด้านหลัง พลางเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน จากระเบียงชั้นสองของบ้านซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมืองนั้น ไม่มีตึกสูงเกะกะลูกหูลูกตา ไม่มีเสียงรถราจอแจ ส่วนเรื่องมลพิษ...อาจจะมีอยู่บ้าง แต่มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ คนง่ายๆอย่างจิณณะ  วงศ์กีรติก็จะนับเอาว่าไม่มีก็แล้วกัน


ปล่อยสักเรื่อง ปลงสักอย่าง ชีวิตจะได้ง่ายขึ้นบ้าง


“นั่งทำอะไรเงียบๆ” เสียงทุ้มดังมาจากประตูระเบียง พอเหลือบตาไปมองถึงเห็นเจ้าของบ้านยืนเด่นเป็นสง่า ที่ระเบียงบ้านมีไฟสว่าง แม้จะสลัวกว่าภายในห้องนอน แต่ก็ไม่ทำให้ร่างสูงใหญ่ของพิทักษ์กลายเป็นเงาตะคุ่มชวนหัวใจวายนัก


“ลมเย็นดี พี่ทิศมานั่งด้วยกันสิ” พูดแล้วก็ตบปุๆลงกับที่นั่งว่างข้างตัว พิทักษ์ไม่ปฏิเสธ ก้าวเท้าเข้าไปหาอย่างเงียบๆ


เดิมทีก็เป็นคนเงียบ ยิ่งเมื่อจิณณะไม่พูดอะไร ก็กลายเป็นต่างคนต่างเงียบ จนกระทั่งพิทักษ์ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาจากคนข้างกาย เขาเหลือบมอง แต่ไม่พูดอะไร จนจิณณะเป็นฝ่ายพูดเอง


“เมื่อตอนบ่ายคุณย่ามาที่ออฟฟิศ” คนฟังเลิกคิ้วเล็กน้อย มิน่าวันนี้จิณณะกลับถึงบ้านเร็วกว่าปกติ คงรีบเผ่นกลับมา


“...พาคนมาฝาก...เป็นหลานของคนที่เคยช่วยผมเรื่องคดี”


คดีที่ว่าจะมีคดีใดถ้าไม่ใช่คดีของไพศาล


พิทักษ์ยังคงรับฟังอย่างเงียบๆ ปล่อยให้คนข้างกายพูดต่อ


“ผมก็เข้าใจนะ ไม่ว่าจะใช้ทางตรงหรือทางลัดก็มีค่าใช้จ่ายทั้งนั้น ถ้าผมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ผมก็ต้องจ่ายด้วยเวลา แต่ถ้าผมใช้ทางลัด...ผมต้องจ่ายด้วยอย่างอื่น...” และการจ่ายด้วยอย่างอื่นในครั้งนี้ มาในรูปแบบของเด็กฝาก


จิณณะหัวเราะ ทว่าไม่มีอารมณ์ขันในเสียงเลยสักนิด “...แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็จะเลือกใช้ทางลัดเหมือนเดิม เพราะผมกลัวไอ้ไพศาลหลุดคดี”


กระบวนการยุติธรรม ทว่าไม่อาจสร้างความชอบธรรมในใจจิณณะได้เลย ความเที่ยงตรงอาจมี ความเที่ยงธรรมก็อาจมี แต่เมื่อคู่กรณีคือไพศาล ซึ่งมีเส้นสายและกลวิธีเอาตัวรอดอีกมาก จิณณะไม่กล้าเสี่ยงด้วยวิธีขาวสะอาด ในเมื่อประเมินแล้วว่าไพศาลย่อมใช้วิธีสกปรก จิณณะก็พร้อมจะใช้ทางลัดจัดการเช่นกัน


มนุษย์สร้างความยุติธรรมเพื่อตัดสินสิ่งที่ไม่ยุติธรรม แต่น่าขันที่มนุษย์ก็ยังตีค่าความยุติธรรมว่าจะไม่มีทางยุติธรรมเพราะมนุษย์ด้วยกันเอง


“ทั้งๆที่อุตส่าห์เลือกเรียนปกครอง เลือกสอบปลัด ถึงจะมีคนบอกว่าระบบราชการน่ะใช้เส้นสายหนักกว่าธุรกิจเสียอีก แต่ผมโตมาแบบที่เห็นคนวิ่งเต้นหาคุณย่า เห็นชื่อคุณย่าในข่าวตลอดเวลา ผมเป็นอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณย่าสร้าง สิ่งที่คุณย่าเป็น ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น...แต่...พี่รู้ไหม ผมเจออะไร ตอนผมย้ายไปเป็นปลัดวันแรกๆ ป้าร้านขายข้าวตักหมูให้ผมสี่ชิ้น ตักให้ไอ้ชิตสองชิ้น มารู้ตอนหลังว่าที่แกตักให้ผมมากกว่า เพราะแกอยากให้ผมสนใจลูกสาวแก แกอยากได้ลูกเขยเป็นปลัดที่นามสกุลวงศ์กีรติ ตอนผมรู้ ผมหัวเราะนะพี่ แต่พอกลับมาบ้านผมหัวเราะไม่ออก ระบบที่ผมพยายามหนี แม้แต่ไปอยู่ต่างจังหวัดยังหนีไม่พ้น นามสกุลที่คุณย่าสร้าง แม้แต่กับคนต่างจังหวัด ผมก็ยังหนีไม่พ้น หลังจากนั้นเลยวานพี่สุกให้ช่วยหาข้าวหาน้ำให้แทน...”


ส่วนหนึ่งที่ทำให้จิณณะสนิทสนมกับทองสุกก็เพราะฝ่ายนั้นช่วยจัดหาอาหารมาให้แบบที่เขาไม่ต้องไปรับรู้การพยายามเสนอตัวของคนที่อยากมาผูกสัมพันธ์ สร้างความอุปถัมภ์กับตำแหน่งหน้าที่และนามสกุล


ไม่ว่าสุดท้ายแล้วทองสุกจะอาศัยระบบนี้เช่นกันหรือไม่ แต่จิณณะก็รู้ตัวว่าเขาหนีไม่พ้น หนำซ้ำยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างและคงอยู่


“โคตรตลกร้ายเลย ทั้งๆที่ผมพยายามหนี แต่สุดท้ายผมก็ต้องกลับไปหามัน ผมรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมกับคนอื่น แต่...คดีไพศาลมันเกี่ยวกับผม เกี่ยวกับพี่ ถ้าต้องเลือกระหว่างความยุติธรรมกับคนอื่น แต่สุดท้ายไพศาลวิ่งเต้นจนหลุดคดีแล้วมันกลับมาทำร้ายคนของผม ผมยอมไม่แฟร์กับคนอื่น เพื่อให้คนของผมรอด”


ในเมื่อมีทางเลือกอื่นที่คาดหวังผลลัพธ์ได้มากกว่า เหตุใดเขาจะต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่ไม่รู้ว่าจะเกิดผลกระทบต่อคนของเขามากน้อยแค่ไหน คนประเภทไพศาลย่อมใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ตนเองรอด จิณณะจึงต้องจัดการด้วยกระบวนการอยุติธรรมเพื่อกีดขวางทางรอดใดๆของไพศาล


นั่นไม่ต่างจากข้ออ้างเพื่อให้วิธีการของเขาชอบธรรม


ท้ายที่สุดแล้ว...จิณณะก็เป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวเหลือเกิน


ความเห็นแก่ตัวของเขาทำให้ไพศาลติดคุกและจบชีวิตอยู่หลังลูกกรง ทำให้ชีวิตของเขาและพิทักษ์เวียนกลับมาบรรจบกันอย่างสงบสุข แต่ผลลัพธ์ของมันก็คือการที่เขาต้องผูกพันอยู่กับสิ่งที่ถูกตราหน้าว่าอยุติธรรมที่สุดสิ่งหนึ่งบนโลกใบนี้...ระบบอุปถัมภ์และเส้นสาย และดูท่าแล้วคงไม่น่าจะหลุดพ้นในห้าปีสิบปีนี้


เขาหันมองคนข้างกาย วินาทีแรกนั้นหวั่นใจหากพิทักษ์มองมาด้วยสายตาผิดหวัง ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มจางให้เขาอย่างอบอุ่น สายตาที่มองมานั้นไม่ได้ตำหนิติเตียน ทว่ามันเต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ


“รู้ไหมว่าพี่ต้องใช้อะไรบ้างในการสร้างสนามกอล์ฟ ถ้าพี่ไม่ใช่หลานของลุงเทียม ต่อให้มีที่ดินผืนใหญ่ ทำเลดี แต่ก็สร้างไม่ได้ หรือต่อให้สร้างได้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีลูกค้ารึเปล่า ทำธุรกิจต้องรู้จักคน ต้องมีคอนเนคชั่น ถ้าไม่รู้จักใครเลย กระโดดเข้ามาพร้อมกับเงินถุงนึง ภายในสามวันก็หมดเกลี้ยง”


“พี่เองก็บอกไม่ได้ว่าสิ่งที่พี่ใช้มันผิด ถูก ดีหรือเลว มันคงจะเลวถ้าพี่เป็นคนที่มีที่ดินผืนใหญ่ อยากจะลงทุนสร้างสนามกอล์ฟ แต่พบว่าตัวเองไม่รู้จักใครเลย ทำอะไรก็ติดขัดเพราะไม่มีคนหนุน เปิดสนามกอล์ฟได้แล้วก็ไม่มีลูกค้าเพราะไม่มีคนรู้จัก เทียบกับพี่ที่เป็นหลานลุงเทียม คิดจะลงทุนสนามกอล์ฟ ลุงก็ช่วยหาคนที่มีความรู้มาให้คำปรึกษา แค่ลุงเทียมเอ่ยปากก็ไม่มีอะไรติดขัดเพราะคนรอบข้างคิดว่าต่อให้จะมีปัญหาแต่ลุงเทียมก็ช่วยรับผิดชอบได้ พอเปิดสนามกอล์ฟแล้ว เพื่อนของลุงเทียมเป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆของสนาม พอเขาว่าดี ก็บอกต่อปากต่อปาก แต่ปากที่บอกต่อมีแต่คนใหญ่คนโต แค่ไม่เกินหนึ่งเดือนสนามกอล์ฟก็มีคิวจองยาวไปครึ่งปี”


นี่คือความไม่ยุติธรรมบนโลกใบนี้ คนรู้จักเป็นทรัพยากรที่มีค่า ฐานะของคนรู้จักก็ยิ่งเป็นสิ่งมีค่า ยิ่งตำแหน่งหน้าที่ฐานะสูง ก็ยิ่งมีอิทธิพลในระบบเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองมาก


“จิณคิดว่ากอล์ฟการกุศลของท่านนพพรจะมาถึงมือพี่ไหม ถ้าท่านนพพรไม่รู้จักลุงเทียม” พิทักษ์เอ่ยต่อ ก่อนจะส่ายหน้า คำตอบของคำถามนั้นแน่นอนอยู่แล้ว


“ในประเทศมีสนามกอล์ฟตั้งกี่ร้อยกี่พันแห่ง ต่อให้สนามของพี่จะดีแค่ไหน แต่คำว่าดีมันไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพ แต่มันรวมถึงผลลัพธ์อื่นๆด้วย วันนี้ท่านนพพรเลือกใช้สนามพี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะที่นี่เหลือแค่ลุงเทียม อีกส่วนคือกรุงเทพฯมีแผนจะขยายเมือง ถ้าสร้างระบบขนส่งมาถึงที่นี่ พวกรถรับจ้าง พวกที่ถูกเวนคืนที่ดินกับชุมชนรอบที่ก่อสร้างจะต้องมีปัญหา และมันจะมีปัญหามากขึ้นถ้าลุงเทียมส่ายหน้า แต่ถ้าลุงเทียมพยักหน้า ปัญหาต่อต้านจากท้องถิ่นก็เงียบไปด้วย”


จิณณะนิ่งฟัง สายตายังจับจ้องคนเล่า พิทักษ์มีท่าทีสงบเหมือนเล่านิทานก่อนนอน ทั้งๆที่เนื้อหาของมันล้วนเต็มไปด้วยผลประโยชน์ของการเมืองและธุรกิจ


...ถ้าไม่เกรงใจกัน จะเทคโน้ต จดเลคเชอร์อาจารย์พิทักษ์แล้วนะเนี่ย...


“ในเมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของมัน เราหนีไม่พ้น ก็ขอให้เรามีกฎเกณฑ์ ขีดเส้นว่าเท่าไรที่เรารับได้ เท่าไรที่เราควบคุมมันได้ แล้วอย่าถลำไปมากกว่าเส้นที่เราขีด ลิมิตของเรากับคนอื่นอาจจะไม่เท่ากัน พี่ก็บอกไม่ได้ว่าเท่าไรมันถึงจะ...ไม่แย่ไปกว่านี้ แต่พี่คิดว่าจิณรู้ว่าสำหรับจิณแล้ว เส้นของจิณอยู่ที่ตรงไหน อยู่กับสิ่งแบบนี้ อย่าขาดสติเด็ดขาด” คนฟังตาแป๋ว ทำเอาพิทักษ์ชักเขินต้องกระแอมไอ เรียกสติคนตั้งใจฟังให้ตื่นจากภวังค์ และวินาทีแรกของการได้สติ ก็กลายเป็นเสียงตบมือแปะๆที่มาพร้อมกับสายตาเป็นประกายแห่งความชื่นชม


“พี่จบได้หล่อมาก นี่ขนาดพูดเรื่องที่เขาด่ากันทั้งเมืองนะเนี่ย”


ฝั่งหนึ่งชื่นชมออกนอกหน้า ย่อมทำให้อีกฝั่งมันเขี้ยวผสมเอ็นดู ชนิดที่อยากคว้าตัวคนมาฟัดสักที


แล้วอยู่กันสองต่อสอง ในพื้นที่ส่วนตัว แม้จะท้าฟ้าท้าดินอยู่บ้างตรงที่ไม่ใช่ห้องหับมิดชิด แต่ดึกดื่นป่านนี้ แถมยังเป็นระเบียงที่ชั้นสองที่ปลอดสายตาคน หากใจอยากคว้ามาฟัดก็ไม่เห็นจะต้องเก็บงำความรู้สึกเลยสักนิด


เสียงตบมือหยุดโดยพลันเมื่อแขนของพิทักษ์โอบร่างเข้าไปกอดซ้อนหลัง แผ่นหลังของจิณณะแนบสนิทกับแผ่นอกของพิทักษ์ ลมหายใจร้อนปะทะใบหูเป็นจังหวะ ชวนให้ใจนิ่งสงบ


นี่ไม่ใช่กอดด้วยเสน่หาแห่งความใคร่ แต่เป็นการกอดเพื่อบอกให้รู้ว่าข้างกายจิณณะยังคงมีพิทักษ์ และข้างกายพิทักษ์ยังคงมีจิณณะ


โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยผลประโยชน์ การแย่งชิง การไขว่คว้าทรัพยากรที่จำกัด ในแต่ละวันล้วนพบเจอเรื่องที่ยากลำบาก ถูกบีบคั้นด้วยเหตุและผลทั้งของตนเองและของผู้อื่น อาจจะต้องเผชิญกับมันเพียงลำพัง รับรู้และแก้ปัญหาด้วยสติปัญญาและความคาดคะเนแต่เพียงผู้เดียว


แต่...เมื่อกลับเข้ามาอยู่ที่นี่ จิณณะพบว่าต่อให้เขาจะพบเจออะไรมา ต่อให้สิ่งที่ประสบจะสร้างความอึดอัดคับใจมากเพียงใด เขาสามารถบอกเล่าได้ มีคนพร้อมจะนั่งอยู่ข้างๆ รับฟังโดยไม่ตัดสินหรือพิพากษา แต่ให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจเพื่อออกไปผจญกับโลกภายนอกในวันต่อๆไป


พิทักษ์เป็นทั้งคนที่ปกป้อง เป็นที่ปรึกษา และเป็นเป้าหมายของชีวิต


เป็นทั้ง ‘พิทักษ์’ และเป็นทั้ง ‘ทิศทาง’


“พี่ทิศ...จะโกรธผมไหม ถ้าผมบอกว่าวันนี้ผมดีใจ...ที่วันนั้นผมเลือกที่จะไปขอให้พี่มาช่วย...”


ความทรงจำเมื่อไม่นานมานี้ ทว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตของคนสองคนไปอย่างสิ้นเชิง


จิณณะบุกไปพบจิดาภาพร้อมด้วยบิดามารดา เพื่อขอความช่วยเหลือให้พิทักษ์มาคบหากัน เหตุผลบังหน้าคือตบตาคุณกอบกุลที่คิดจะจับเขาแต่งงาน แต่เหตุผลเบื้องลึกคือการใช้อิทธิพลหลานของคุณเทียมกลับเข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุอุกฉกรรจ์และจิณณะคือพยานในที่เกิดเหตุนั้น


จากญาติห่างๆที่เคยพบเคยเจอกันสมัยเด็กๆ ก่อนจะร้างลาไปเมื่อเติบโต จนความทรงจำก็ยังลบเลือนการมีตัวตนของอีกฝ่ายไปแล้ว สู่การกลับเข้ามาในชีวิตของกันและกันอีกครั้ง และเกือบทำให้พิทักษ์ไปเหยียบปรโลกมาแล้ว


ความสัมพันธ์ที่แสนห่างไกล สู่ความรู้สึกผูกพันแน่นแฟ้น ต่อให้นับจากนี้จะมีเรื่องใดเกิดขึ้น แต่ช่วงชีวิตหนึ่งที่เคียงบ่าเคียงไหล่ ต่อสู้เพื่ออีกฝ่ายก็ล้วนถูกจดจำเอาไว้ด้วยใจ


“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็จะยังเลือกให้พี่ช่วยผมอยู่ดี ต่อให้ตอนนั้นพี่จะหยิ่ง พี่จะทำหน้าดุ ผมก็จะตื้อพี่ให้ได้ แล้ว...พี่ก็ต้องเจ็บตัว ถูกยิง...” เป็นความเห็นแก่ตัวที่แม้แต่จิณณะเองก็ยังรู้สึกรังเกียจตนเอง แต่พอคิดว่าหากย้อนเวลากลับไปแล้วเลือกที่จะไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แล้วพบว่าวันนี้...ไม่มีพิทักษ์อยู่ข้างกายอย่างนี้ เขาก็คง...เป็นจิณณะที่ไม่ใช่จิณณะคนนี้อีกแล้ว


อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้นราวกับจะดึงคนพูดให้กลับมารับรู้ความจริง ความจริงที่ว่าพิทักษ์ยังอยู่ตรงนี้ และการย้อนเวลากลับไปไม่อาจเกิดขึ้นได้


ไม่ว่าอย่างไร จิณณะก็ขอให้พิทักษ์มาช่วยแล้ว และไม่ว่าวันนั้นพิทักษ์จะทั้งหยิ่ง ทั้งดุเพียงใด และจิณณะจะใช้ลูกล่อลูกชนจนไม่น่าช่วยเหลือมากแค่ไหน แต่สุดท้ายพิทักษ์ก็เลือกที่จะช่วยอยู่ดี


“พูดแต่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้” เสียงทุ้มดังข้างหู ประโยคราบเรียบ ฟังแล้วเหมือนถูกดุอยู่หน่อยๆ จนต้องเอี้ยวหน้าไปมอง


“พี่ไม่เคยโกรธจิณ แล้วเวลาก็ย้อนกลับไปไม่ได้ ไม่ว่าวันนั้นจิณจะเลือกให้พี่ช่วยเพราะอะไร แต่ถ้าวันนี้จิณบอกว่าดีใจที่ให้พี่ช่วย พี่ก็ดีใจเหมือนกันที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้...”


การให้คำนิยามคำว่า ‘แบบนี้’ ของพิทักษ์ คือการที่มือของเขาแตะปลายคางของจิณณะ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหาแล้วแนบจูบแผ่วเบาลงกับริมฝีปากของคนในอ้อมแขน


ความรู้สึกที่ท่วมท้นเต็มอกไม่จำเป็นต้องกลั่นออกมาเป็นคำพูด การกระทำที่มีต่อกันล้วนชัดเจน พวกเขาจะเคียงข้างกัน เป็นกำลังใจ เป็นสติ เป็นจุดมุ่งหมายของชีวิตให้คำนึง ต่อให้ต้องเผชิญกับกระแสของผลประโยชน์ อำนาจ และบารมี มากเพียงใดก็ตาม


พิทักษ์จะปกป้องจิณณะด้วยชีวิต เหมือนที่จิณณะจะสู้เพื่อพิทักษ์ชนิดไม่มีล่าถอย


โลกยังคงยุ่งเหยิงและบิดเบี้ยว กอบโกยผลประโยชน์ ไขว่คว้าอำนาจและบารมี เอื้ออำนวยพวกพ้อง ต่างคน ต่างเหตุผล ต่างกรรม ต่างวาระ ชีวิตมนุษย์หาใช่เวียนว่ายแค่เพียงวัฎสงสาร แต่ยังต้องดิ้นรนและไขว่คว้า การแย่งชิงและกีดกันนำไปสู่ระบบแห่งความอยุติธรรม ทว่าสิ่งหนึ่งที่ยุติธรรมที่สุดบนโลกแห่งความอยุติธรรมใบนี้ก็คือเมื่อเลือกทางใดแล้ว ย่อมต้องยอมรับผลที่จะตามมา


วิถีคนดี วิถีคนชั่ว กระบวนการที่เป็นธรรม กระบวนการที่ไร้ความยุติธรรม เส้นสาย ความเสมอภาค


และ...ไม่มีอะไรนอกเหนือจากระบบอุปถัมภ์



‘วันนี้คุณช่วยเรา วันหน้าเราก็จะช่วยคุณ


วันนี้คุณมีน้ำใจกับเรา วันหน้าเราก็จะมีน้ำใจกับคุณ


แต่ถ้าวันนี้คุณไม่มีน้ำใจกับเรา วันหน้า...เราขอคิดก่อนว่าจะมีน้ำใจกับคุณหรือไม่


และถ้าวันนี้คุณไม่ช่วยเรา วันหน้า...คุณยังกล้าหวังให้เราช่วยคุณอีกหรือ’


กอบกุล  วงศ์กีรติ
[/i]

FIN

สวัสดีค่ะ

ความตั้งใจแรกของเรื่องนี้คือการจบด้วยชื่อเรื่องและนางเอกของเรื่องค่ะ ฮ่าฮ่า

ตอนที่คิดจะหยิบเรื่องนี้กลับมาเขียน(หลังจากดองไว้นาน) ก็คิดอยู่ว่างานที่ออกมาจะกลายเป็นให้ความชอบธรรมกับระบบอุปถัมภ์รึเปล่านะ (อย่างที่เราก็รู้กันดีว่ามันค่อนข้างจะเป็นศัพท์ที่ถูกวิพากษ์เยอะมากๆ) แต่ก็ตัดสินใจว่าอยากเขียนแล้วชวนคนอ่านตั้งคำถามว่าจริงๆแล้วระบบอุปถัมภ์มันมีขอบเขตกว้างแคบแค่ไหน และตัวเราเองพ้นจากการเป็นส่วนหนึ่ง(ที่ทำให้มันคงอยู่)จริงๆหรือ

จิณเอง บางช่วงก็เต็มใจใช้ แต่มีบางช่วงถึงไม่เต็มใจแต่ก็ตัดสินใจจะใช้ อย่างตอนที่คิดจะจัดการไพศาล ในสถานการณ์ที่เราคาดว่าอีกฝ่ายจะเล่นสกปรกแน่ๆ เราจะใช้ตัวเลือกอื่นนอกจากกระบวนการตามกฎหมายหรือไม่ ไพศาลเองอาจจะไม่อยากใช้เส้นสาย แต่เพราะเห็นว่าจิณเองก็มีเส้นสาย อาจจะไว้ใจได้ว่าจิณจะไม่ใช้ แต่ญาติของจิณอย่างคุณกอบกุลก็น่าจะใช้แน่ๆ หากตัวเองไม่ใช้ ก็จะกลายเป็นเสียเปรียบ ความไม่เชื่อใจและต้องการเอาตัวรอดผลักดันให้จิณ(หรือไพศาล) ใช้ตัวเลือกอื่นนอกจากกฎหมาย

รากฐานของระบบอุปถัมภ์ในเรื่องนี้ บัวเขียนถึง 2 อย่าง คือ
1.พวกพ้อง ญาติพี่น้อง เส้นสาย(บางคนแยกคอนเนคชั่นออกจากระบบอุปถัมภ์ แต่ในเรื่องนี้ บัวเชื่อมมันเข้าด้วยกัน การที่รู้จักใคร หรือใครแนะนำใครให้กับใคร มันสร้างความได้เปรียบส่วนหนึ่ง ความได้เปรียบนี้นำไปสู่ความรู้สึกของการใกล้ชิดและบุญคุณ อย่างพี่ทิศเองก็คงไม่ช่วยวรชิต ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวรชิตเป็นเพื่อนของจิณ ส่วนวรชิตจะรู้สึกถึงบุญคุณของพี่ทิศหรือจิณมั้ย อันนี้ทิ้งไว้ เผื่อเขียนตอนพิเศษ ฮ่าฮ่า)
2.บุญคุณและการต่างตอบแทน

ตัวละครทุกตัวในเรื่องมีเหตุผลข้อใดข้อหนึ่งหรือทั้งสองข้อกำกับอยู่ในแทบจะทุกๆการกระทำเลยค่ะ
จิณเลือกให้พี่ทิศช่วยเพราะคิดว่ายังไงแม่ตนเองก็เป็นพี่สาวของแม่เลี้ยงของพี่ทิศ และพี่ทิศก็ถูกเลี้ยงมาอย่างดี ยังไงก็ต้องตอบแทนบุญคุณ พี่ทิศเองก็ช่วยเพราะเห็นแก่บุญคุณที่จิดาภามีต่อตนเองเหมือนกัน

คุณกอบกุลช่วยจิณ เพราะเห็นแก่ว่าเป็นหลาน ลองว่าจิณปากแบบนี้แล้วเป็นคนอื่น นอกจากคุณกอบจะไม่ช่วยแล้ว ยังเอาตายด้วยค่ะ ฮ่าฮ่า

พวกท่านๆทั้งหลายก็เช่นกัน ช่วยคุณเทียมปรามไพศาลก็เพราะหวังสร้างบุญคุณต่อกัน ยอมโอนอ่อนตามการชักจูงของคุณกอบกุลก็เพราะหวังเส้นสายในอนาคต

เห็นมะ...นี่คือนิยายชวนคิด ชวนตั้งคำถาม ฮ่าฮ่า

อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ได้เฉลยในเรื่องนี้คือเรื่องชื่อ

หลายๆคนที่อ่านงานของบัวมา คงพอจะจับทางได้ว่าบัวมักตั้งชื่อพระเอกนายเอกแบบที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับเรื่อง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

พี่ทิศชื่อพิทักษ์ก็เพราะแกเป็นพระเอกผู้เสียสละ พลีชีพเพื่อนายเอก ชื่อพิทักษ์ถูกต้องแล้ว

ส่วนจิณณะ...เปิดตำราตั้งชื่อเด็กแล้วพบว่าแปลว่า ประพฤติแล้ว ก็เลยเอามาใช้เลยค่ะ เพราะจิณทำทุกอย่างแล้ว(โดยที่บางทีก็คิดก่อนทำ บางทีก็คิดหลังทำ ฮ่าฮ่า)

แต่คุณกอบกุล ไม่ได้มาจากกอบโกยนะคะ ตอนเห็นคอมเม้นท์นี้ บัวขำก๊าก

มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกทุกคนมากๆ คือคำว่าขอบคุณค่ะ ช่วงที่ผ่านมาบัวกลับมาเรียนโท ซึ่งเรียนด้วย ทำงานด้วย และเขียนนิยายด้วย มีหลายครั้งที่คิดจะหยุดสักอย่างเพราะปรับตัวไม่ได้ เหนื่อยและจิตตก แต่จะหยุดเรียนก็ไม่ได้(จ่ายค่าเทอมไปแล้ว) จะหยุดทำงานก็ไม่ได้(ต้องหาค่าเทอมของเทอมต่อไป) จะหยุดเขียนนิยายก็ไม่ได้(เพราะสัญญากับคนอ่านไว้แล้วว่าจะเอาลงภายในปีที่แล้ว) สุดท้ายก็เลยทำทั้งสามอย่างพร้อมกัน

บัวเป็นคนพลังงานต่ำมากค่ะ (ขี้เกียจนั่นเอง ฮ่าฮ่า) ไม่คิดเหมือนกันว่าจะทำทั้งสามอย่างพร้อมกันมาจนถึงวันนี้ได้เลย ส่วนหนึ่งก็เพราะกำลังใจจากคนอ่าน คนคอมเม้นท์ เวลาที่เหนื่อยมากๆ จิตตกมากๆ กลับมาอ่านคอมเม้นท์แล้วก็รู้สึกว่างานเขียนของบัวสร้างความสุขให้คนอื่นได้ พอคิดแบบนั้นมันช่วยฮีลตัวเองได้เยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดที่ทำให้บัวมีที่ทางสำหรับสื่อสารกับคนอ่านด้วยค่ะ

เจอกันใหม่กับตอนพิเศษสัปดาห์หน้า (นี่คือตัวอย่างพวกจบไม่จริง ฮ่าฮ่า)

หลังจากนี้จะขอพักสักหน่อย (ส่วนใครรอเล่มเรื่องนี้ ถ้ามีรายละเอียดเพิ่มเติม บัวจะมาแจ้งอีกทีนะคะ)

เจอกันสัปดาห์หน้าสำหรับตอนพิเศษเรื่องนี้ และเดือนหน้า ถ้ายังไม่มีเรื่องใหม่มาลง ก็เจอกันตอนพิเศษอีกสักตอนของเรื่องไหนสักเรื่องละกันเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 13-06-2019 22:25:52
ชอบเรื่องนี้มากๆ เลยค่ะ ภาษาดีมาก ชอบการเล่นประเด็นของเรื่องมากๆ เลย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=&gt; หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 13-06-2019 23:15:34
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ที่ไม่ทิ้งกัน ดีใจที่ได้อ่านนิยายคุณบัวเสมอ นิขนาดคุณบัวบอกว่าขี้เกียจยังเขึนมาได้ขนาดนี้ เรานิอายเลยค่ะ 55555 นอกจากทำงานก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

รออ่านตอนพิเศษและเรื่องใหม่เสมอ ;)


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 13-06-2019 23:17:14
จบแล้ว เสียดายจัง ยังอยากอ่านเรื่องราวการใช้ชีวิตคู่ของพิทักษ์กับจิณณะอีก

ขอบคุณที่ยังจะมีตอนพิเศษมาให้หายคิดถึงนะคะ จะรออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-06-2019 23:22:26
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
รอตอนพิเศษค่าา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 13-06-2019 23:26:38
นิยายคุณบัวทำให้เราได้ฉุกใจคิดเสมอ
คนรอบตัวเราสร้าง-ตัวตน-ให้เรา และเราก็สร้างคนอื่นเช่นกัน
ทั้งครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก ฯลฯ
เราต่างเก็บเล็กผสมน้อยทั้งเรื่องดีและไม่ดีของพวกเขามาเป็นตัวเราทั้งนั้น อยู่ที่เราจะหยิบนิสัยใดมาใช้กับใคร และใครเป็นคนสำคัญของเรา
เรามองว่าทุกคนต่างมีความลำเอียง เกื้อกูลแต่ละคนไม่เท่ากันแน่นอน เพราะไม่ว่าเราจะใช้เหตุผลแค่ไหน เราก็จะมีอารมณ์มาประกอบเสมอ...ก็เราเป็นคนนี่เนอะ ^^

ปล.นี่ว่าชื่อกอบกุลของคุณย่า น่าจะมีที่มาจากการ กอบสกุลไว้ อย่างที่ย้ำอยู่บ่อยๆ ว่า...อย่างไรก็เป็นหลาน เป็นคนนามสกุลนี้ จะปล่อยให้ลำบากคงไม่ได้...เนี่ย คุณย่า~~~ ><
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-06-2019 23:36:12
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 14-06-2019 00:29:11
จิณณะ...แปลว่า ประพฤติแล้ว ....
ประพฤติแล้วค่อยคิดชื่อเหมาะแล้วกับจิณ อิอิ


ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ
จะรอตอนพิเศษน๊าาาาาาาา

/me ขอบคุณค่าาาาาา

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 14-06-2019 00:59:16
ขอบคุณคุณบัวมากๆเลยค่ะที่สร้างสรรค์นิยายดีๆให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอย ที่ 14-06-2019 01:46:00
จบแล้ว รู้สึกใจหายจัง เราชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ ขอบคุณมากๆนะคะที่เขียนให้พวกเราได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 14-06-2019 06:01:09
 รอตอนพิเศษนะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 14-06-2019 08:09:20
เฉลยนางเอกของเรื่อง คือ คุณย่า นี่เอง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 14-06-2019 09:02:34

  …. อิ่ม ….      :heaven
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 14-06-2019 11:06:36
 ขอบคุณนะคะ จะรออ่านตอนพิเศษนะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 14-06-2019 11:30:41
ตัวเอกของเรื่องคือคุณย่าาาาาาาา คุณกอบกุลผู้กอบกู่ทุกอย่างงงงงงง จิณณะของแม่มาให้แม่กอดดดดโธ่ต่อจากนี้จะมีแต่สุขแล้วนะลูกกกกพี่ทิศคือหลัวที่ดีงามมากโอ๊ยยยยยยยอมแล้ววววววววคนหลงเมีย 2019999
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 14-06-2019 13:06:23
จบที่นางเอกของเรื่อง คุณย่ากอบกุล ผู้ไม่ยอมให้ใครมากอบโกยแต่ฝ่ายเดียว 555555555555

โอ้ยยย คุณบัวเขียนสนุกมากกกก ทั้งที่มันน่าจะเป็นเรื่องเครียดๆ แต่กลับสนุกน่าติดตาม ตรงประเด็นตรงใจ ตรงกับความเป็นจริงที่เรายังคงอยู่กับมัน หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งของมันไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ภาษาสำนวนดีมากๆ
ขอบชื่อ จิณณะ ที่แปลว่า ประพฤคิแล้ว คือมันใช่มากก บางทีก็คิดก่อนทำ บางทีทำแล้วค่อยมาคิด หลานนอกคอกของคุณย่า เลยต้องมีพี่ทิศ มาปราบ คอยดุเจ้าตัวแสบให้อยู่กับร่องกับรอย ฮือออ มันดีต่อใจ
แต่ยังไงยืนหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือ คุณย่ากอบกุล รักคุณย่ามากกกกกกกกกก เป็นสีสันที่เผ็ดร้อนของเรื่องนี้ ออกมาแต่ล่ะที แทบจะขบหัวทุกคนให้สยบ อย่าได้ขัดใจตุณย่า ไม่งั้นไม่ได้ตายดี!5555555555
ขอบคุณนะคะ ชอบมากกก สนุกมากจริงๆค่ะ จะรอตอนพิเศษและเรื่องใหม่ต่อๆไปนะคะ

ปล.เวลาคุณบัวมาเขียนตอนพิเศษ ให่ได้อ่านไม่ว่าเรื่องไหน เวลาเปิดเจอจะรู้สึกดีใจเหมือนได้รับของขวัญ จากเพื่อนที่คิดถึงเลยค่ะ อยากจะขอบคุณมากๆจากใจเลยค่ะ  รัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-06-2019 14:45:11
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางเอกของเรื่องนี้คือใคร ก็คุณกอบกุลของเราไงค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 14-06-2019 19:16:39
 :mew3:  สนุกมากจบดีมาก​ เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วประทับใจ​มากๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 14-06-2019 19:18:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 14-06-2019 19:47:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-06-2019 20:54:46
โห ชอบเลย เป็นทั้ง ‘พิทักษ์’ และเป็นทั้ง ‘ทิศทาง’ สำหรับจิณณะ จริงๆ

ขอบคุณกับเรื่องราวแสนสนุก บีบคั้น เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ ชอบมากๆ
จากแรกๆที่ไม่ถูกใจชื่อ เลยไม่อ่าน คลิ๊กผิดที ติดหนึบเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: haramoonlight ที่ 14-06-2019 20:56:45
ขอบคุณค่าาาา  ขอบคุณทีทแต่งนิยายดีๆ จะรอตอนพิเศษแล้วรวมเล่ม
ปล. ยังคาดหวังให้ จินณ์มาเจอกับของขวัญอยูน๊าาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-06-2019 21:22:20
เราชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณนะคะคุณบัว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-06-2019 21:36:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 14-06-2019 22:06:25
จบแบบสวยงามมมมมมม :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 15-06-2019 00:13:40
ขอบคุณนะค่ะ ที่เขียนเรื่องนี้ให้อ่าน ชอบจริงๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-06-2019 00:21:46
พี่ทิศๆพ่อพระเอกผู้แสนดีของน้องจิณ เป็นบ้านที่จิณกลับมาแล้วมีความสุขจริงๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 15-06-2019 01:15:32
ขอบคุณคุณบัวค่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=&gt; หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 15-06-2019 01:55:31
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องอย่างเดียวคือแอบคิดในใจว่าเครียดแน่ ปวดหัวแน่ กลิ่นคาวเลือด ชิงไหวชิงพริบชวนปวดหัวตลอดทั้งเรื่องแน่ๆเลย
แต่พอเห็นชื่อคนเขียนเราก้วางใจเลยค่ะ มันจะต้องสนุกแน่ๆเลยละ
เพราะผลงานคุณบัวประทับใจเราตลอดทุกๆเรื่องเลยค่ะ เรื่องนี้ก้เช่นกันค่ะ
เรื่องนี้ทำให้เรามองคำว่า ระบบอุปถัมภ์ กว้างกว่าเดิมนิดนึงค่ะ
จากแต่ก่อนเราจะนึกถึงแต่วงการธุรกิจเส้นสาย การเมือง สัมปทานต่างๆ
แต่ตอนนี้พอมองได้กว้างขึ้นจะพบว่า มันอยู่รอบตัวเราเลยนะ
การทำบางอย่างเพื่อหวังผลบางอย่าง การจำต้องทำเพื่อประโยชน์ของฝั่งตัวเอง
เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากมากๆ และบางทีเราก้เป็นส่วนหนึ่งของมันโดยไม่รู้ตัวเลย
สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวงผลประโยชน์แน่ๆเลยว่าสิ่งนี้อะ ไม่แฟร์
แต่สำหรับคนที่ต่างก้ได้ประโยชน์ มันก้แฟร์ วินวินกันไปทั้งสองฝ่าย
เป็นเรื่องที่พูดยาก หลีกเลี่ยงยาก และค่อนข้างเป็นที่พูดถึง
แต่คุณบัวถ่ายทอดออกมาได้ดีมากเลยค่ะ สามารถแทรกมันลงไปได้ตบอดเรื่อง ทั้งส่วนที่อธิบายให้เห็นชัดๆและส่วนที่แค่รู้สึกเวลาคิดต่อเองว่า ตรงนี้ก้ต้องใช้ดัวยสินะ
มันไหลลื่นไม่มีสะดุดเลยค่ะ อ่านเพลินมากๆ ด้วยภาษของคุณบัวด้วยแล้วอะ มันเยี่ยมมาก

สำหรับตัวละครสำคญของเรื่องนี้สำหรับเรามี 3 คนค่ะ พี่ทิศ น้องจิณณ์ และคุณย่ากอบกุล
พี่ทิศสมกับเป็นพระเอกของคุณบัวมากๆ สมกับชื่อพิทักษ์และทิศมากๆด้วย
อบอุ่น อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอไหวตามใครง่ายๆ เข้มแข็งแต่ไม่แข็งกระด้าง
ค่อนข้างเข้มงวดแอบดุแต่ก้ยืดหยุ่นพอสมควรเช่นกัน
และเค้าทำหน้าที่ในการเป็นเข็มทิศให้จิณณ์ได้ดีมากๆเลยตลอดเวลาที่มีปัญหา
ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้รัก จนถึงตอนที่รักแล้ว ไปจนถึงตอนที่จิณณ์เลือกที่จะหนีหายไป ก้ยังเป็นพี่ทิศคนเดิมคนนี้ที่ไปลากน้องมาคุยและพาน้องออกมาจากวันนั้น
ฉากนี้เราแอบคิดในใจเลยนะว่าน้องป่วย ป่วยทางใจ ป่วยมากๆเลยด้วย
น้องติดอยู่ในวันนั้น แต่บุคลิกนิสัยที่ทำจนชินทำให้เค้าซ่อนมันเอาไว้ได้แนบเนียนมากๆจนไม่มีใครมองเห็น
พอพี่ทิศปลดล้อคปุ๊บ น้องเหมือนพึ่งได้ร้องไห้จริงๆครั้งแรกตอนนั้นอะ
และพี่ทิศก้ปกป้องคนของเค้าดีอย่างดีเยี่ยมจริงๆนั่นแหละค่ะ
ปกป้องจากคุณกอบกุลตอนแรก จากคนที่สะกดรอย จากคนที่จะยิง
และปกป้องน้องจากการตัดสินใจคนเดียวของตัวน้องเอง
พี่ทิศคือสุดยอดไปเลยนะ

ส่วนน้องจิณณ์ คนนี้เราแอบเดาเอาไว้แต่แรกเลยค่ะ ว่าที่ไม่ถูกกับย่าเพราะเหมือนกันเกินไป
จากเกริ่นนำที่ย่ายอมหักไม่ยอมงอ ออกจากตระกูลตัวเองมาสร้างครอบครัวแล้ว เหมือนเห็นกระจกสะท้อนออกมาจากตัวจิณณ์เลย
เอาแต่ใจ หัวรั้น ดื้อดึง อยากได้ต้องได้ คำนึงถึงพวกพ้องและผลประโยชน์
ยิ่งช่วงที่น้องวิ่งคดียิ่งชัดว่าเหมือนกันมากแค่ไหนเลยค่ะ
แต่ยังไงน้องก้ยังมีพื้นนิสัยที่น่ารักน่าเอ็นดู สดใสร่าเริง และเจ้าเล่ห์อะ
ต้องพูดว่าร้ายกาจได้น่ารักสมกับเป็นนายเอกคุณบัวจริงๆเลยค่ะ

ส่วนคุณย่ากอบกุล นางเอกของเรื่องนี้
เป็นคนที่ถ้ามองจากมุมนอกจะดูออกง่ายมากเลยว่านิสัยเป็นยังไง
แต่ถ้าเป็นคนที่โดนกระทำด้วยโดนตรงก้เข้าใจเจตนาผิดได้ไม่ยากเลยจริงๆ
ซึนมาก อีโก้จัดมาก เจ้าเล่ห์และเลือดเย็นสมฉายางูพิษ และกล้าได้กล้าเสีย
แต่ก็รักพวกพ้องของตัวเองเป็นที่สุด ชอบรองลงมาก็คือผลประโยชน์
จิณณ์เหมือนย่ามาก แต่ด้วยคุณย่าต้องผ่านประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจมาจนมีอย่างทุกวันนี้ อะไรๆก้ทำให้นิสัยคนเปลี่ยนได้เหมือนกัน
จิณณ์ถึงได้ดูสดใสร่าเริงจนเวลาที่อยู่กับย่าแล้วกลายเป็นเหมือนนอกคอก ทั้งๆที่นิสัยเหมือนกันที่สุด
เพราะประสบการณ์ที่ย่าต้องเจอ ต้องแลก แต่จิณณ์ไม่ต้อง ไม่เคยผ่าน
จนตอนหลังที่ต้อง ‘ผ่าน’ เหมือนกัน น้องถึงได้เปลี่ยนไปจนเกือบเหมือนย่าตัวเอง

จากทุกตัวละคร เราชอบคุณย่ากอบกุลมากที่สุดเลยค่ะ
ชอบความรักพวกพ้องของเค้า ที่พรั่งพร้อมไปด้วยอำนาจ เงินตรา และลูกบ้า
ที่มีมากพอจนจะยอมทำทุกอย่างเพื่อจัดการคนที่มาทำร้างคนของตัวเอง
ขอบคุณคุญบัวสำหรับนิยายดีๆแบบนี้อีกเรื่องนะคะ
เป็นกำลังใจให้ในการเรียนป.โทนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 15-06-2019 02:56:41
รักมากกกกกกกกกก รักจิณณะคนน่ารักคนดื้อ 5555 รักพี่ทิศคนดีสามีของจิณณะ 555555 สนุกมากกกกกกกก ชอบเรื่องราวที่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปรู้ตัวอีกทีก็ต่างคนต่างรู้สึกเหมือนกันไปแล้ว น่ารักสุดๆ คุณกอบกุลก็สีสันของเรื่องเลยนะ นางเอกของเรื่องจริงๆ555555 แต่ยังไงก็รักพี่ทิศกับจิณณะนะ ขอบคุณนักเขียนที่ทำให้เกิดเรื่องสนุกๆ อย่างเรื่องนี้ ขอบคุณนะครับที่ทำให้รู้สึกรักและผูกพันกับพวกเค้ามากขนาดนี้ รัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 15-06-2019 03:43:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 15-06-2019 10:15:10
 :pig4: :pig4: :pig4:   สนุกกกกกกกกกกกกกกก  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 15-06-2019 14:24:41
ครบรสเลยค่ะ ชอบ มีทั้งความ สนุก ตื่นเต้น น่ารัก และเศร้า เข้าใจเลยว่าไม่มีวงการไหนที่ไม่มีระบบอุปถัมภ์ มีได้ มีเสีย เป็นไปตามวาระและเวลา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-06-2019 17:00:04
ปิดเรื่องด้วยประโยคของคุณกอบกุล จบแบบแอบขนลุกหน่อยๆ แต่ก็สวยงามค่ะ
รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: wipor ที่ 15-06-2019 22:11:58
เขียนดีมากเลยค่ะ สนุก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 15-06-2019 22:49:06
ไม่ใช่มีแค่จิณที่เป็นนายเอก
แต่มีคุณกอบกุลที่เป็นนางเอกด้วย

ขอบคุณคนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Mamamapp ที่ 15-06-2019 23:48:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: c4jeab ที่ 16-06-2019 14:16:36
สนุกมากค่ะ ภาษดี ดำเนินเรื่องดี โครงเรื่องดี จะติดตามผลงานต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ryokame ที่ 16-06-2019 16:40:19
 :hao5: :hao5:อิ่มอกอิ่มจายยยย ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 16-06-2019 17:45:51
เป็นนิยายที่ครงรสมากๆ เลยค่ะ คือมันตื่นเต้นไปหมด แล้วไม่คิดว่าตัวเองจะอ่านแนวนี้ด้วยอ่ะ แต่มันสนุกมากจริงๆ ทุกตอนสนุกมากๆ ในคามกดดันก็รู้สึกผูกพันไปกับตัวละครทั้งสองคนค่ะ แล้วก็ยินดีมากๆ ที่ตอนจบเค้าได้อยู่ข้างกันแบบนี้ แงงงงงงง ชอบมากๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 16-06-2019 20:45:23
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆคะ...ทำให้เห็นมุมมองชีวิตเเละความรักในหลายๆมุม...สนุกมากๆจร้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 16-06-2019 21:52:47
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆอีกหนึ่งเรื่องนะคะ  ชอบทุกเรื่องที่คุณบัวเขียนเลย  รอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-06-2019 12:35:59
รอจนเรื่องจบแล้วเพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ
เอ็นดูน้องจิณจริงๆ นายเอกของพี่บัวยังคงคอนเซ็ปเป็นเอกลักษณ์เสมอ พระเอกก็เช่นกัน อยากได้แบบพี่ทิศมาไว้กับตัวสักคน 5555
เรื่องสายสัมพันธ์ของครอบครัวก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ชอบในงานพี่บัวค่ะ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นใจดี

ขอบคุณพี่บัวสำหรับเรื่องราวน่ารักๆนี้นะคะ


หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 17-06-2019 23:16:43
 o13 ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 18-06-2019 07:31:11
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-06-2019 09:05:20
นางเอกคือคุณย่าจริงๆด้วย
ทุกอย่างคือผลประโยชน์กับลูกหลาน
ชอบคุณย่ามาก คนละอย่างกับอาม่าอีกตระกูล
อันนู้นสายชิล ลูกหลานทำตามใจได้
อันนี้สายเอาแต่ใจ หลานๆลูกล่อลูกชนแพรวพราว
รออ่านตอนพิเศษอยู่นะคะ จะเกี่ยวกับวรชิตยังไง
เป็นกำลังใจให้คุณบัวสร้างผลงานดีๆออกมาให้อ่านอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ladyzakura ที่ 18-06-2019 15:21:51
คอมเม้นจากตอนที่ 10

นิยายคุณบัวสนุกมากกกก ตอนแรกว่าจะอ่านให้จบแล้วเม้นที่เดียว แต่แบบ เอ็นดูความญาติพี่น้องไม่ไหว

จะมาสืบความแต่ไม่ได้ความอะไรเลย ตลกบ้านนี้ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MM04 ที่ 18-06-2019 22:00:29
ฮือ จบแล้ว คุณบัวเทพมากค่ะ ที่ทำอะไรหลายๆอย่างได้ กำลังใจมาเต็ม สนุกมากค่ะ เป็นเรื่องที่ดูสุ่มเสี่ยง แต่ก็สื่อความหมายออกกลางๆ สุดยอกมากค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 19-06-2019 07:54:01
คุณย่ายืนหนึ่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 19-06-2019 16:45:43
 :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...บทส่งท้าย...=> หน้าที่ 38 (13/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 19-06-2019 16:48:02
รักนิยายของคุณบัวทุกเรื่องครับ

ขอบคุณครับ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 19-06-2019 21:13:10
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี


   บ่ายวันเสาร์ จิณณะหนุ่มกรุงเทพฯที่ย้ายสำมะโนครัวไปยังจังหวัดข้างเคียง มีโอกาสได้เข้าไปทบทวนความหลังครั้งวัยรุ่นกับพื้นที่ใจกลางเมือง ถึงแม้สยามจะยังคงพลุกพล่านเหมือนเดิม แต่อะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนไป ร้านตรงนั้นก็มาใหม่ ตึกตรงนี้ก็รีโนเวท หัวมุมตรงนั้นก็เพิ่งสร้าง


   อดีตวัยรุ่นสยามตื่นตาตื่นใจกับความมีชีวิตชีวา มองไปทางไหนก็เห็นผู้คนหลายวัยหลากเพศ มีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ คึกคักอย่างที่หาไม่ได้ในต่างจังหวัด   


“จิณอยากทานอะไร” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างกาย ทำเอาคนที่กำลังตาเป็นประกายกับร้านรวงรอบตัวต้องหันมองต้นเสียง


อย่าว่าแต่โลกจะเปลี่ยน สยามจะเปลี่ยน ตัวจิณณะเองก็เปลี่ยนเช่นกัน


สมัยวัยรุ่น เคยคิดไหมน้อ ว่าพออายุเข้าใกล้เลขสาม จะได้ผู้ชายมาอยู่ข้างกายคนหนึ่ง เป็นผู้ชายตาดุ หน้าดุ นิสัยก็ชอบดุ แต่พอบอกว่าจะมาเที่ยวสยามด้วยรถไฟฟ้า ผู้ชายคนนั้นก็ยอมจอดรถหรูไว้ที่บ้านแล้วโหนรถไฟฟ้ามาด้วยกันโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ


“ชานมไข่มุก!”


คนฟังส่ายหน้า ก่อนจะแย้ง


“กินข้าวก่อน แล้วค่อยไปกินอย่างอื่น”


“กินอย่างอื่นก่อนก็อิ่มพอดี...” ประโยคนี้จิณณะอยากพูด แต่คนพูดไม่ใช่จิณณะ สยามมีคนพลุกพล่าน เหตุบังเอิญคือทันทีที่พิทักษ์ปราม คนที่เพิ่งเดินผ่านไปก็ดันเอ่ยปากในสิ่งที่จิณณะคิดอยู่พอดี


ว่าแล้วก็ขอมองตาม แล้วยกนิ้วโป้งตามหลังให้ทีหนึ่งสมกับที่กล้าพูดในสิ่งที่จิณณะคิด


“กูไม่ให้มึงกินอะไรทั้งนั้นถ้าไม่กินข้าว!” พอหันมองก็ถึงได้เห็นชายหนุ่มสองคนยืนกันอยู่หน้าป้ายแผนที่ร้านอาหารของตึก คนตัวเล็กกว่าทำหน้าตานิ่งเฉย ในขณะที่หนุ่มตี๋ตัวใหญ่หน้าหงิกคิ้วขมวด


“มึงเข้าใจที่กูพูดมั้ยไอ้ปก กูบอกว่าไม่ให้กินบิงซู ถ้าไม่กินข้าว!” แลดูเหมือนจะเกิดสงคราม แต่พอคนหน้าตานิ่งเฉยหันไปมอง ไอ้หนุ่มตี๋ก็ถึงกับเม้มปาก


“ผมอยากกินอะไรเย็นๆนี่นา...”


“ก...ก็! ก็กินข้าวก่อน...อาหารญี่ปุ่นไหมล่ะ ถ้ามึงไม่อยากกินของร้อน” เสียงโวยตอนแรกลดดีกรีลงมาไม่ถึงครึ่งของเสียงเดิมเมื่อครู่นี้


ไม่มีคำตอบจากหนุ่มร่างโปร่ง สุดท้ายไอ้คนหน้าหงิกเลยถอนหายใจเฮือกแล้วฉวยแขน


“ไป...ไปนั่งเป็นเพื่อนกูก็ได้ แล้วค่อยไปกินบิงซู...” ไม่แน่ใจนักว่าไปนั่งเป็นเพื่อน หมายถึงนั่งเฉยๆหรือต้องกินด้วย แต่สุดท้ายคนที่ถูกจับแขนก็ยอมเดินตามไปอย่างไม่มีอิดออด


จิณณะมองตามจนเห็นไอ้หนุ่มตาเรียวหน้าหงิกพาเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น เขาไม่ได้อยากรู้อยากเห็นถึงขั้นตามไปดูว่าสุดท้ายแล้วสองหนุ่มนั่นได้กินบิงซูหลังกินข้าวไหม แต่ที่แน่ๆ...เขาอยากกินชานมไข่มุกก่อนกินข้าวนี่หว่า!


จารีตย้ำนักย้ำหนาว่ามาสยามต้องกินชานมไข่มุก มันให้ชื่อมา 2-3 ร้านที่เขาสั่งแล้วว่าเอาเด็ดสุด เพราะสุขภาพของผู้ชายอายุใกล้เลขสาม ไม่อาจใช้ปากและกระเพาะนำทางได้อีกแล้ว จะกินจะดื่มก็ต้องคิดถึงคอเลสเตอรอล ไขมันดี ไขมันเลวไว้บ้าง


แต่ยังไงก็เถอะ! วันนี้ก็ต้องได้กินชานมไข่มุก!!


“จิณ สรุปว่าจะกินอะไร” คำถามเหมือนเปิดกว้าง แต่แน่นอนว่าก่อนที่จิณณะจะตอบว่า ชานมไข่มุก พิทักษ์ก็พูดต่อขึ้นมาเสียก่อน


“กินข้าวก่อน ชานมไข่มุกไว้ทีหลัง”


จิณณะทำหน้าบูด รู้แน่แล้วว่าอย่างไรเสียก็ต้องกินอาหารหลักสักอย่าง ก่อนจะได้กินชานมไข่มุก ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโอ้เอ้เลย รีบๆเลือกสักร้าน รีบๆกินสักอย่าง แล้วจะได้ไปต่อชานมไข่มุก!


“งั้น...” ตอนที่กวาดตาจะดูร้านอาหาร สายตาก็ดันไปสบเข้ากับสายตาของหญิงสาวคนหนึ่งที่มองตรงมาที่เขา จิณณะชะงักไปเล็กน้อย จากตอนแรกที่กำลังตัดสินใจจะเลือกร้านอาหารสักร้าน ก็กลายเป็นทิ้งสายตามองสบกับผู้หญิงคนนั้นอยู่อึดใจใหญ่ๆ สมองประมวลผลความทรงจำอย่างรวดเร็วก่อนจะเบิกตากว้าง


“แคลร์!” เขาร้องออกมาแล้วยิ้มกว้าง หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาแล้วก้าวเร็วๆเข้ามาหา


“จิณ!”


หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวก้าวเท้าเข้าหากันโดยอัตโนมัติ พิทักษ์ได้แต่มองด้วยความสงสัย


“เราก็ว่าแล้วว่าหน้าตาคุ้นๆ มองตั้งนานนึกว่าไม่ใช่ แล้วจิณเป็นไงบ้าง เห็นมีเพื่อนบอกว่าจิณออกมาทำธุรกิจของที่บ้าน”


“อื้อ”


“แล้วนี่...จิณมากับเพื่อน?” หญิงสาวไม่ทันสังเกตว่ามีชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ใกล้ๆ จิณณะชะงักไปเล็กน้อย หันไปมองพิทักษ์ที่ยืนอยู่แล้วก็พลันมีความคิดสองชุดเกิดขึ้นในสมอง


จริงอยู่ว่าความสัมพันธ์ของเขาและพิทักษ์ไม่ใช่เรื่องปิดบัง แต่...มันเป็นเรื่องที่อวดอ้างได้อย่างหน้าชื่นตาบานไหมน้อ


ทว่าพอคิดไปถึงขั้นตอนกว่าจะได้พิทักษ์มา ความยากลำบากกว่าจะได้อยู่ด้วยกันในวันนี้ จิณณะก็ตัดสินใจได้ในวินาทีนั้น


ใช่! มันเป็นเรื่องที่อวดอ้างได้ ในเมื่อเขาและพิทักษ์รักกันจริง พยายามจนกระทั่งวันนี้ได้อยู่ด้วยกัน ไม่เห็นจะเสียหายเลย หากจะยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร


“แฟน...” เขาตอบหญิงสาวเสียงเบา แล้วบุ้ยใบ้ไปทางพิทักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังเขา แน่นอนว่าพิทักษ์ไม่ได้ยิน แต่หญิงสาวได้ยินชัดเจน หล่อนทำตาโต มองชายหนุ่มคนที่จิณณะออกปากว่าเป็นแฟนแล้วหันกลับมามองจิณณะอีกครั้ง


“จริงน่ะ?!”


“จริงสิ เราเคยโกหกแคลร์ด้วยหรือ”


“เออ ก็ไม่เคยโกหก แต่เลิกกับเราปุ๊บ มีผู้หญิงใหม่ปั๊บ” จิณณะทำหน้าปุเลี่ยน ความจริงหลายๆข้อในชีวิตของจิณณะ  วงศ์กีรติคือเป็นคนอัธยาศัยดี หน้าตาดี กีฬาพอใช้ เรียนไม่แย่ ที่สำคัญคือนามสกุลกับฐานะทางบ้านอู้ฟู่มาก เมื่อรวมความจริงเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้ว เรียกว่าเข้าตาผู้หญิงแปดในสิบยังได้ แต่ถึงจะมีคนเตะตาเตะใจมากมาย จิณณะก็ไม่เคยคบซ้อน จะมีก็แต่โสดไม่นาน มาโสดนานก็ตอนก่อนจะมาเจอพิทักษ์นี่ล่ะ ช่วงนั้นเป็นปลัดอำเภอต่างจังหวัด นอกจากทำงานก็สนุกสนานเฮฮากับเพื่อน วรชิตก็โสด เลยพลอยมีเพื่อนโสดไปด้วยอย่างไม่ทุกข์ร้อน


“แต่เราไม่เคยนอกใจแคลร์จริงๆนะ...”


“รู้จ้า แล้ว...นี่ไปไงมาไง ทำไมมีแฟนเป็นคนนี้...”


“ก็...เรื่องมันยาว” ถ้าอยากฟัง น่าจะต้องแวะร้านกาแฟสักร้าน สั่งเครื่องดื่มมานั่งจับเข่าคุยเพื่อเล่าประวัติความรักครั้งนี้ที่แสนสมบุกสมบัน


“เรื่องมันยาวหรือเขินไม่อยากเล่า” หญิงสาวทำหน้าเป็น ดวงตาเป็นประกาย


ความรักระหว่างหล่อนและเขาแม้จะเคยมีแต่ก็จบลงไปนานแล้ว แม้ตอนจบจะมองหน้าไม่ติดกันไปพักหนึ่งเพราะจิณณะมีคนรักใหม่ภายในเวลาอันรวดเร็วชนิดที่หล่อนยังทำใจไม่ได้ แต่สุดท้ายรักใหม่ครั้งนั้นก็ไปกันไม่รอด ไม่อย่างนั้นคนที่จิณณะออกปากว่าเป็นแฟนในวันนี้ คงไม่ใช่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาหรอก


“ไม่น่าเชื่อ...คาสโนว่าโดนฆ่าตายด้วยผู้ชายเหรอเนี่ย” หล่อนหยอก ทำเอาคนถูกหยอกทำหน้าปั้นยากขึ้นมาอีก


“ฟังดูไม่ดีเลยแหะ เหมือนโดนด่าแล้วแช่งซ้ำ” หญิงสาวหัวเราะกิ๊ก ก่อนที่เสียงเล็กๆจะดังขึ้น


“หม่าม้า...” จิณณะมองซ้ายมองขวา ก่อนจะชะงักไปอีกรอบเมื่อลดสายตาลงที่ข้างกายของหญิงสาว และพบว่าหล่อนไม่ได้มาเพียงลำพัง เด็กหญิงตัวน้อยคือเจ้าของเสียงนั้น พอสบตากับเขา เจ้าของเสียงเล็กๆก็โผเข้ากอดขา ‘หม่าม้า’


“หม่าม้า?” เขาทวนคำ หญิงสาวอดีตรักครั้งเก่าของเขายิ้มกว้าง หน้าตาสดใส


“ลูกสาวเราเอง” 


“จริงดิ?!” เขาร้อง ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองกับพื้น มองใบหน้าอูมของเด็กหญิงที่กอดขามารดา ดวงตากลมใสแจ๋วที่มองเขานั้น น่ารักน่าชัง


“ชื่ออะไรคะ คนสวย”


เด็กหญิงไม่ตอบ แต่เงยหน้ามองมารดาเหมือนสงสัย


“อันดาสวัสดีคุณลุงจิณสิคะ”


สถานะลุงนั้นชวนให้ยอกใจเล็กน้อย ถึงจะอายุใกล้สามสิบ แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าแก่เท่ากับการที่คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันมีทายาทพร้อมกับอัพเกรดให้เขากลายเป็น ‘ลุง’ เลย


เด็กหญิงปล่อยขามารดา ก่อนจะพนมมือไหว้แล้วก้มศีรษะให้ปลายนิ้วจรดหว่างคิ้ว ท่วงท่าถูกต้องตามหลักการ เชื่องช้าอ่อนช้อยจนจิณณะยังเอ็นดู


“สวัสดีค่ะ หนูชื่ออันดา”


ชายหนุ่มยิ้ม


“อันดาอายุเท่าไรแล้วคะ”


“สี่ขวบ” ไม่พูดอย่างเดียวยังชูนิ้วให้ดูด้วย เด็กน้อยแสนฉลาดชูสี่นิ้วตรงตามคำตอบ


“สี่ขวบ สี่นิ้วถูกต้อง อันดาเก่งมากเลยค่ะ” ชายหนุ่มยอ


เด็กหญิงแก้มแดงจัดที่ได้รับคำชม ก่อนจะกลับไปกอดขามารดาอีกรอบ ทว่าคราวนี้ดวงตากลมจับจ้อง ‘ลุงจิณ’ อย่างตื่นเต้นมากกว่าตื่นกลัว


“ต้องไปแล้ว จิณ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น จิณณะเงยหน้ามองก่อนจะลุกขึ้นยืน พวกเขาบอกลากัน เด็กหญิงยกมือไหว้เขา ทว่าก่อนที่สองแม่ลูกจะเดินจากไป คนเป็นแม่หันกลับมาอีกครั้งแล้วชะโงกหน้าไปมองพิทักษ์


“เป็นกำลังใจให้นะคะ คุณแฟนของจิณ” ไม่พูดอย่างเดียว หล่อนยังขยิบตาแล้วยกนิ้วโป้งให้ด้วย จากนั้นก็หัวเราะสดใส จูงมือเด็กหญิงจากไป จิณณะหน้าเหวอ หันไปมอง ‘คุณแฟนของจิณ’ ที่ยืนกะพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง


“เอ่อ...พี่อย่าไปฟังยัยนั่นมาก ไปกินชานมไข่มุกกันดีกว่า...” ทว่าคนโมเมจะหาเรื่องกินอย่างอื่นก่อนกินข้าวไม่อาจทำอย่างที่ใจอยาก เพราะพอจะเดินตรงดิ่งไปยังร้านที่หมายตา คอเสื้อก็ถูกดึงเอาไว้


“ไปกินข้าวก่อน”


จิณณะทำตาละห้อย ได้แต่ส่งเสียงประท้วงแผ่ว


“โธ่...” ก่อนจะถูกลากเข้าร้านอาหารไป

………………………

พิทักษ์เป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ว่าจะมีเรื่องพอใจหรือไม่พอใจก็เงียบ ในขณะที่จิณณะเป็นคนช่างพูด แม้จะอยากกินชานมไข่มุกแต่ถูกลากมาทานข้าวเที่ยงก่อน ก็ยังพูดเก่ง เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด อาหารอร่อยก็ชมเปาะว่าอันนั้นอร่อย อันนี้อร่อย อันไหนอร่อยไม่มากพอ ก็ออกปากว่ามีอีกร้านที่อยากให้พิทักษ์ได้ชิม ไว้จะพาไป


คนหนึ่งไม่พูด คนหนึ่งพูด โต๊ะอาหารจึงไม่เงียบจนเกินไปนัก แต่แม้จะเป็นคนช่างพูด จิณณะก็พอจะดูออกว่าคนรักไม่ค่อยเอนจอยกับมื้อนี้เท่าไรนัก 


ออกจากร้านอาหาร พิทักษ์ก็ยังเงียบ จิณณะกำลังจะชวนเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารก่อน แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นเด็กชายหุ่นอ้วนกลมคนหนึ่งยืนอ้าปากกว้าง เอาขนมเขียวๆเข้าปากแล้วเคี้ยวเอร็ดอร่อย มีชายหนุ่มยืนประกบข้าง แม้จะมีสีหน้าหงุดหงิด แต่สายตาที่ทอดมองเด็กชายผู้เอร็ดอร่อยกับการกินก็ดูจะเอ็นดูอยู่มาก


“โตขึ้นมาต้องอ้วนแน่ๆ คราวนี้จะหล่อแบบอาของขวัญไหม”


“หล่อซี่! ขนมหล่ออยู่แล้ว งั่ม!” เด็กอ้วนตอบแต่ไม่ละสายตาจากขนมนุ่มหนึบสีเขียวที่ถืออยู่แล้วยัดมันเข้าปากไปอีกชิ้น


“แต่ถ้ากินแบบนี้ ยังไงก็ไม่หล่อ” เด็กชายไม่ได้สนใจกับคำบ่น เคี้ยวงับๆก่อนจะเงยหน้าบอก


“พ่อ อร่อย ซื้อไปฝากคุณย่าไหม” แก้มกลมขยับเป็นจังหวะ คนถูกเรียกว่าพ่อยังอดไม่ไหวต้องหัวเราะออกมา


“งั้นเดินกลับไปซื้อ” พอคนพ่อว่าอย่างนั้น หมุนตัวจะจูงมือพาลูกชายหุ่นอ้วนกลมเดินกลับไปยังทางเดิม ก็ปรากฏว่าคนเป็นลูกกลับยื้อแขนไว้จนต้องก้มลงมอง


“พ่อจูงมือแบบนี้ ขนมจะกินยังไง” เด็กชายช้อนตาถาม มือหนึ่งถือขนมสีเขียว อีกมือถือถุงกล่องขนม


บิดากะพริบตาปริบๆ คงไม่คิดว่าจะต้องมาแก้ปัญหาของเด็กน้อยรักการกินกันกลางสยามแบบนี้


“งั้นขนมก็หยุดกินก่อน”


“มันอร่อย ขนมหยุดไม่ได้” เหตุผลของเด็ก จะวางเฉยก็ไม่ได้เสียด้วย สุดท้ายคนเป็นพ่อเลยต้องแก้ปัญหาด้วยการเอาหูหิ้วถุงพลาสติกคล้องแขนป้อมไว้ข้างหนึ่ง แล้วจูงมือข้างนั้น ปล่อยให้มืออีกข้างสามารถล้วงหยิบขนมจากถุงได้ตามสะดวก


“เอ้า! ได้รึยัง”


“ได้แล้ว! พ่อของขนมเก่งที่สุด!” เด็กชายยิ้มกว้างจนตาหยี แล้วอัดขนมเข้าปากอีกชิ้น เคี้ยวหนุบหนับ เอร็ดอร่อยอย่างที่ชม ถูกจูงพาเดินก็ไม่ได้สนใจเส้นทางแต่อย่างใด มัวแต่ล้วง มัวแต่กิน สุขสบายสมกับเป็นเด็ก


จิณณะมองตามหลังสองพ่อลูกแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ไหว


“เด็กนั่นท่าทางจะแสบ”


“อือ...” มีเสียงตอบกลับมาเพียงสั้นๆ พอหันมอง ก็พบว่าพิทักษ์มองเมินไปทางอื่นด้วยซ้ำ ดูท่าจะมีเรื่องคาใจจริงๆแล้วแบบนี้


“อ่า...กินข้าวแล้ว งั้นไปกินชานมไข่มุกได้แล้วใช่ไหม ไปกัน ร้านนี้ไอ้จารับประกันว่าเด็ด”


พิทักษ์ไม่ห้ามปรามอีก คนถูกดุจนเคยตัว พอมาถึงจุดที่ไม่ถูกดุแล้วก็ชักใจแกว่ง


ทำยังไงดีล่ะทีนี้ เรื่องง้อไม่ใช่เรื่องยาก แต่มายากตรงที่สถานที่ไม่เอื้ออำนวยสักนิด


ใจกลางสยาม ใจกลางกรุงเทพฯ


ถึงจิณณะจะไม่ใช่คนเด่นดัง แต่ความบังเอิญเกิดขึ้นได้เสมอ ดูอย่างที่จู่ๆก็พบแฟนเก่าเมื่อครู่นี้ หรือถึงจะไม่บังเอิญเจอคนรู้จัก ก็อาจจะโด่งดังมีคนรู้จักชั่วข้ามคืนตอนง้อกันใจกลางเมืองนี่ล่ะ


แต่จะไม่ง้อก็...


หลานชายคุณกอบกุลเหล่มองคนรักที่ยืนหน้านิ่ง เรื่องนี้เป็นปกติของพิทักษ์อยู่แล้ว แต่ที่ไม่ปกติคือบรรยากาศรอบตัวที่ไม่น่าเข้าใกล้สักนิดนั่นต่างหาก


ชายหนุ่มคิดไม่ตกอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งรับชานมไข่มุกจากคนขายมาถือไว้ในมือ


นี่ไงล่ะ! อุปกรณ์กระชับมิตร!!


ทายาทตระกูลวงศ์กีรติผู้มีลูกเล่นแพรวพราวไม่ต่างจากต้นตระกูลรีบดูดชานมไข่มุกเข้าไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็หันมองพิทักษ์ด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบ


“อร่อยมาก! พี่ทิศชิม” ไม่พูดอย่างเดียว แต่ยื่นแก้วในมือให้คนรักด้วย พิทักษ์สั่นหน้าปฏิเสธ แต่คนยื่นยังทำสีหน้าคะยั้นคะยอ จนคนปฏิเสธต้องตัดใจ ทว่าพอจะรับแก้วมาถือ คนคะยั้นคะยอกลับยื้อมือหนี


“ผมให้พี่ชิม ไม่ใช่ให้พี่เอาไปหมดทั้งแก้วนะ” พูดแล้วก็ยื่นแก้วเข้าไปใหม่ คราวนี้ใกล้แทบถึงปาก ต่อให้จะเป็นเด็กชายพิทักษ์อยู่อนุบาลสามก็รู้ว่าท่าทางแบบนี้หมายถึงจะให้เขาดูดอย่างเดียวไม่ต้องถือ หรือพูดง่ายๆก็คือจิณณะจะป้อนนั่นแหละ


แต่นี่...ใจกลางสยาม


กับผู้ชายสองคนและการยื่นแก้วเอาหลอดมาจ่อปาก


พิทักษ์มองคนตรงหน้าราวกับจะส่งสัญญานให้เจ้าตัวรู้สักนิดว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในที่รโหฐานสองต่อสอง แต่อยู่กันสองคนท่ามกลางลูกค้าเป็นสิบที่หน้าร้านขายชานมไข่มุก และคนเป็นร้อยที่เดินไปมาขวักไขว่


“ดูดดิพี่ อร่อยจริง” ทว่าจิณณะยังทำตาใสไม่รู้เรื่อง จ่อแก้วที่ปากเขาอยู่อย่างนั้น


สุดท้ายพิทักษ์เลยต้องยอมก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วดูดชานมไข่มุกจากแก้วในมือของคนรัก


“ดีขึ้นมั้ย...” คำถามดังเสียงเบามาจากคนถือ ทำเอาชายหนุ่มต้องเหลือบตาขึ้นมอง คำถามนี้แน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับชานมไข่มุกที่เขากำลังดูด แต่จิณณะถามถึงเรื่องอื่น ดวงตาของคนถามมองเขาอยู่ มันไม่ได้แพรวพราวหลุกหลิก หรือใสซื่อไม่รู้เรื่องราว


เจ้าตัวรู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน รู้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่กันเพียงสองคน แต่ก็เป็นตัวจิณณะ...ที่อยากป้อนเขา


...ดีขึ้นมั้ย...


เป็นคำถามสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใย


พิทักษ์เงยหน้าขึ้นมา รสหวานอมขมและกลิ่นชาละมุนผสมกับเนื้อสัมผัสของไข่มุกหนึบหนับ


อร่อยสมกับจารีตแนะนำมา


แต่ถ้าถามว่า ‘ดีขึ้นมั้ย’ อันที่จริงก็ยังมีเรื่องค้างคาในใจ แต่พอมองคนตรงหน้าที่มองมาที่เขาด้วยความเป็นห่วง และการกระทำที่เจ้าตัวพยายามสื่อก็พอจะทำให้ ‘ดีขึ้น’


“อืม...” แม้จะตอบสั้น แต่สุ้มเสียงก็ไม่แข็งกระด้าง พิทักษ์คลายความรู้สึกบางอย่างในใจลง บรรยากาศรอบตัวก็พลอยลดความทะมึนลงด้วย


จิณณะยิ้มกว้าง


“อร่อยเนอะ เอาอีกแก้วไหม” ไม่ใช่คำถาม เพราะสายเปย์กำลังจะหมุนตัวกลับไปต่อแถวใหม่ แต่ถูกดึงแขนไว้เสียก่อน


“ไม่ต้อง แก้วเดียวนี่แหละ...กินด้วยกัน” พิทักษ์เอ่ย ในดวงตาของคนรักที่มองมาที่เขานั้นยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกเช่นเคย ในเมื่อจิณณะยังรู้สึกกับเขาเหมือนเดิม ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่...เขาจะต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น...


“ก็ได้ เผื่อจะได้ลองอย่างอื่นมั่ง ผมได้ยินว่ามีขนมร้านใหม่มาเปิดด้วยนะ เราเดินย่อยแล้วค่อยไปแวะกินขนมก่อนกลับดีไหม” จิณณะเสนอพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง


ไม่มีการขัดใจห้ามปรามอีก และก็ไม่ปรากฏบรรยากาศขะมุกขะมัวแบบเมื่อครู่เช่นกัน


สองหนุ่มเดินเข้าตึกนั้นออกตึกนี้ จิณณะหมดเงินไปกับขนมร้านใหม่ๆหลายร้าน ทั้งซื้อฝากบ้านเขาและบ้านของพิทักษ์ ไหนจะซื้อกลับไปกินที่บ้านของพวกเขาอีก สุดท้ายก็เต็มสองมือ...หมายถึงสองมือของพิทักษ์ เพราะสองมือของจิณณะนั้น มือหนึ่งยังถือชานมไข่มุกแก้วที่สองจากร้านที่อยากลอง ที่ข้อมือห้อยถุงขนมครกเขียว ส่วนอีกมือ...คอยแต่จะหยิบขนมในถุงเข้าปากเคี้ยวเอร็ดอร่อย


“เด็กนั่นพูดถูกแหะ ขนมนี่อร่อยจริงๆด้วย” คนชอบกินของอร่อยออกปากอย่างเริงร่า ทว่ากลับเป็นประโยคแห่งความเอร็ดอร่อยที่ดึงทึ้งความรู้สึกในใจของพิทักษ์ให้ดิ่งวูบลงไปในหลุมลึกก้นบึ้งหัวใจ


...เด็กนั่น...


...เด็ก...


ภาพของเด็กชายร่างอ้วนกลมช่างพูด เคี้ยวขนมตุ้ยๆในขณะที่เจรจากับบิดาหวนกลับมาในความคิดอีกครั้ง ภาพนั้นหากเป็นใครเห็น ก็คงทั้งเอ็นดูทั้งมันเขี้ยวความตุ้ยนุ้ยช่างกินช่างพูดของเด็กชาย ทว่า...สำหรับพิทักษ์ เขากลับมองไกลไปกว่าการเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู


...เด็ก...


แล้วจิณณะ...จะอยากมีเด็กบ้างไหม

…………………..

คำถามนี้ค้างคาใจพิทักษ์มาตลอดนับตั้งแต่ออกจากสยามกลับมาที่บ้าน ตอนแรกจิณณะคิดว่าอีกฝ่ายดีขึ้นแล้วนับตั้งแต่ได้รับการง้อใจกลางสยามของเขา แต่แล้วก็พบว่าสิ่งที่คาดเอาไว้นั้นผิดถนัด


พิทักษ์ไม่ดีขึ้น


ชานมไข่มุกไม่ช่วยอะไร


ง้อยังไงดีล่ะทีนี้


ขอคืนคำพูดได้ไหมที่ว่าง้อไม่ยาก จริงๆแล้วต้องบอกว่าง้อพิทักษ์ยากมากกกกกก...มากที่สุดในโลก!!


“พี่ทิศ...ดูนี่ๆ เกมนี้น่าเล่นมากเลย พี่ว่าผมซื้อมาเล่นดีเปล่า” คิดอะไรไม่ออก หาเรื่องโดนด่าด้วยการใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายก็แล้วกัน บางทีอาจทำให้พิทักษ์ยอมพูดอะไรมากขึ้นก็เป็นได้


คนที่นั่งดูโทรทัศน์หันกลับมามอง เพียงแค่เหลือบมองสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของจิณณะเพียงวูบเดียวก็กลับไปจดจ้องใบหน้าของคนรักนาน


คนถูกจ้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เดาเอาไว้ก่อนหน้าว่าจะต้องถูกบ่นเรื่องราคาของเจ้าของเล่นชิ้นที่ว่านี่แน่นอน แต่...ระดับหลานชายคุณกอบกุล เมื่อคิดจะใช้วิธีใด ก็ย่อมหาทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว


“เอ่อ...ผม...ผมเอาไว้เล่นแก้เครียดเฉยๆ รู้อยู่ว่ามันแพง แต่ถ้าเล่นทุกวัน วันละชั่วโมงก็คุ้มนะพี่”


“ถ้าจิณมีลูก จิณจะได้เล่นกับลูก” ทว่า...ประโยคต่อมาของพิทักษ์กลับไม่ใช่การดุเรื่องใช้เงินจำนวนมากกับของเล่นสักชิ้น แต่เป็นเรื่องอื่น


ไม่ใช่เรื่องเกม แต่เป็นเรื่องลูก


จิณณะขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงง


“หะ? พี่ว่าอะไรนะ”


“พี่บอกว่าถ้าจิณมีลูก จิณจะได้เล่นกับลูก” คนฟังเกาหัวแกรกๆ ยังไม่เข้าใจ


“แล้วผมจะไปเอาลูกมาจากไหน”


ดวงตาของพิทักษ์ยังจับจ้องใบหน้าของคนรัก 


“อยากมีลูกไหม” ชายหนุ่มถามเรียบ คราวนี้คนทำหน้างงถึงกับกะพริบตาปริบๆ


“ม...มีลูก? ผมจะมีได้ไงก็...” เหตุผลของการมีลูกไม่ได้คือการที่พวกเขาต่างเป็นชาย เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพูดออกไป เพราะรู้กันอยู่เต็มอก


“พี่ถามว่าจิณอยากมีไหม” พิทักษ์ถามซ้ำ คราวนี้จากที่งงงันมาตั้งแต่แรก จิณณะเริ่มเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรในใจ


ตั้งแต่ที่พบคนรักเก่าของเขามาพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อย ไหนจะเด็กอ้วนกินเก่งกินอะไรก็อร่อยคนนั้น...


พิทักษ์คิดว่าเขาอยากมีลูก แต่ประเด็นคือต่อให้อยากมีหรือไม่อยาก พวกเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะมีลูกโดยเกิดจากพันธุกรรมของพวกเขาสองคนผสมกัน ลูกของเขาและพิทักษ์จะไม่มีทางหน้าเหมือนเขา ตาเหมือนพิทักษ์ หรือสมองเหมือนพิทักษ์ แต่ปากเหมือนเขา


พอเข้าใจความคิดอ่านของอีกฝ่าย จากสีหน้างุนงงก็คลายลง ประกายในดวงตาของจิณณะเปลี่ยนเป็นแววจริงจัง


“ผมไม่ปฏิเสธว่าอยากมี”


ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่คิดว่าตนเองจะมีคนรักเป็นผู้ชาย ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เคยคิดว่าหากมีแฟนที่คบหากันได้ คุยกันรู้เรื่อง วันหนึ่งจะแต่งงาน สร้างครอบครัวเล็กๆ มีลูกสักสองคนกำลังดี ตัวเขาอุ้มลูกคนเล็ก ภรรยาจูงลูกคนโต ในขณะที่ทั้งเขาและภรรยาก็ยังสามารถจับมือกันเดินได้


ภาพเหล่านี้จะไม่มีวันเป็นจริง ถ้าคนรักของเขาไม่ใช่ผู้หญิงแต่เป็นพิทักษ์


“แต่อยากมีแล้วไง ผมก็แค่มีไม่ได้” เจ้าตัวพูดแล้วยักไหล่หน้าตาไม่ยีหระเท่าไรสมกับที่ออกปากว่า ‘แค่’


จิณณะเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบาย หน้าตาดูไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่อยากมีแต่แค่มีไม่ได้นั่นเลย


“พี่คิดว่าผมถูกเลี้ยงมาแบบไหน คุณชายจิณณะ  วงศ์กีรติ อยากได้อะไรก็ได้ อยากมีอะไรก็เรียกร้อง อยากจะเอาทุกอย่างที่หวังงั้นเหรอ พี่ดูถูกตระกูลผมมากไปแล้วนะ” แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะฮ่าฮ่า ยามพูดถึงตระกูล ไม่ต้องบอกเลยว่าเจาะจงไปที่ใคร


แม้จิณณะจะเกิดมาในตอนที่วงศ์กีรติตั้งหลักมั่นในวงการธุรกิจได้แล้ว แต่เขาหรือแม้แต่รุ่นหลานคนไหนในตระกูลก็ไม่เคยถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจไร้เหตุผล ส่วนหนึ่งเพราะคุณกอบกุลเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการ ช่างบังคับ ถ้าอยากจะได้อะไรต้องมีข้อแลกเปลี่ยน เว้นเสียแต่ว่าจะสิ่งที่อยากกับสิ่งที่คุณกอบกุลบังคับจะเป็นเรื่องเดียวกัน อีกส่วนก็เพราะคุณกอบกุลเคยตกอับและแสนตระหนี่ แม้จะใจกว้างกับลูกหลานอยู่พอสมควร แต่ครั้นลูกหลานออกปากขอแล้วจะให้โดยทันทีก็เห็นจะไม่ใช่คุณกอบกุล


“ผมรู้จักความผิดหวังนะพี่ เคยอกหักด้วย ผมรู้ว่าโลกความจริงกับโลกความฝันบางทีมันก็ไกลกัน เรื่องมีลูก ผมยอมรับว่าผมฝัน เหมือนผมเคยฝันว่าอยากเป็นซุปเปอร์แมน แต่แล้วไง...ก็แค่ความฝัน โลกความจริงคือผมไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นซุปเปอร์แมน โลกความจริงคือผมมีลูกไม่ได้ ก็แค่นั้นเอง”


“แต่ถ้าจิณแต่งงานกับผู้หญิง...” 


“ใช่ ถ้าผมแต่งงานกับผู้หญิง ป่านนี้ลูกหัวปีท้ายปีล่ะ น้ำยาผมดี แต่ถ้าผมไม่มีพี่ ผมคงตายห่าไปตั้งแต่ตอนไพศาลส่งคนมายิงแล้ว ไม่ต้องพูดถึงตอนแต่งงานมีลูกหรอก” เป็นอีกครั้งที่สิ่งที่ฝันกับสิ่งที่เป็นจริงไม่ใช่ปัญหาของจิณณะ ถ้ามันไม่ทับซ้อนกันสักเรื่องสองเรื่องจะเป็นอะไรไปเล่า ในเมื่อชีวิตจริง โลกแห่งความจริงที่เขามีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้เลวร้ายเสียหน่อย


 “แต่...” ทว่าในความคิดของพิทักษ์ หากสิ่งที่คนรักของเขา ‘ขาด’ เป็นเรื่องอื่นๆที่พอจะมีสิ่งอื่นมาทดแทนได้ เขาก็คงไม่คิดมากอย่างนี้ ยิ่งเมื่อรวมกับต้นเหตุของการทำให้จิณณะมีลูกไม่ได้คือตัวเขาเอง พิทักษ์ก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเป็นอุปสรรคในชีวิตของคนรัก


“หรือพี่อยากให้ผมมีลูก? ถ้าลูกออกมาตาเหมือนพี่ จมูกเหมือนผม ปากเหมือนพี่ ผมว่าดี”


พิทักษ์ส่ายหน้าไปมาเมื่อคนข้างกายชักพูดจาเลื่อนเปื้อน


“ผมพูดจริงนะ ผมอยากให้ลูกผมหน้าเหมือนผมกับพี่”


“มันจะเป็นไปได้ยังไง” 


“ใช่ไง มันเป็นไปไม่ได้ เราก็แค่ยอมรับว่ามันเป็นไปไม่ได้ ชีวิตคนเราไม่ต้องเป็นไปได้ทุกอย่างหรอก วันนี้ผมมีกินมีใช้ มีครอบครัวที่ดี มีร่างกายแข็งแรง มีพี่อยู่ข้างๆ ถ้าจะขาดสักอย่างในชีวิต ผมว่ามันก็ไม่เป็นไรนี่นา”


พิทักษ์ได้แต่มองคนรักนิ่งนาน ถึงจิณณะจะดูเป็นคนเหลาะแหละไม่จริงจัง แต่ความไม่จริงจังบางครั้งก็ทำให้เจ้าตัวปรับตัวเข้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย การมองในสิ่งที่เป็นไปได้และไม่ดันทุรังไปกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อาจทำให้ชีวิตเสถียรจนไม่น่าสนุก ทว่าในบางครั้งมันก็ทำให้รู้จักปล่อยวางและใจสบาย


หากจิณณะมองว่าพิทักษ์คือความสงบ พิทักษ์ก็มองจิณณะเป็นความสบายเช่นเดียวกัน


เป็นความสบายอกสบายใจ ผ่อนคลายและปล่อยวาง


ผิวแก้มของพิทักษ์ถูกลูบด้วยปลายนิ้วแผ่วเบา สายตาที่ทอดมองมานั้นไม่หลุกหลิกซุกซน ทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกมากล้น


“พี่ทิศมีค่ากับผมมากนะ อย่าคิดว่าตัวเองทำให้ผมต้องเสียโอกาสกับเรื่องอื่นเลย พี่ต่างหากที่ให้โอกาสผม ทำให้ผมรู้ว่าการมีพี่ มันดียังไง”


หลังประโยคนั้น ไม่เพียงแต่ปลายนิ้วที่ไล้ไปมาบนผิวแก้ม แต่ยังยื่นหน้าเข้าหา ประกบริมฝีปากเพื่อย้ำให้คนฟังมั่นใจ ความรู้สึกที่จิณณะมีให้ไม่ใช่เรื่องฉาบฉวย และการมีอยู่ของพิทักษ์ไม่ใช่เรื่องที่จิณณะมองข้าม พิทักษ์มีค่ามากเกินกว่าจะถูกมองว่าเป็นอุปสรรคที่ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่อาจมีทายาท


สำหรับคนอื่น ทายาทอาจสำคัญ สำหรับจิณณะก็สำคัญ เพียงแต่เมื่อเทียบกับพิทักษ์แล้ว ความสำคัญของพิทักษ์มีมากกว่าหลายขุมจนเรื่องทายาทไม่ใช่ประเด็นของชีวิตอีกต่อไป


รสจูบของจิณณะไม่ได้อ้อล้อชวนหวั่นไหว ทว่าหนักแน่นจริงจังราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกฝ่ายเชื่อมั่น ช่วยสมานร่องรอยของความรู้สึกผิด เติมความชุ่มฉ่ำลงในความแห้งแล้งของหัวใจของพิทักษ์

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 19-06-2019 21:14:51


โซฟาที่ชั้นล่างของบ้านออกจะคับแคบแต่ไม่ใช่ปัญหาที่จะใช้เป็นพื้นที่เน้นย้ำความรู้สึกของพวกเขาเลย เสื้อผ้าที่สวมใส่ร่วงหล่นทีละชิ้นยามที่มือล่วงล้ำไปตามผิวเนื้อ ริมฝีปากยังบดจูบเชื่อมกระชับไม่คลาย ก่อนที่พิทักษ์จะพาร่างกายดำดิ่งสู่ความร้อนรุ่มที่คุ้นเคย


เพราะไม่ได้เตรียมตัวเหมือนคราวก่อนๆ จิณณะต้องตั้งสติ สูดลมหายใจลึกแล้วผ่อนคลายร่างกาย ทว่ามันก็ยังอึดอัดคับแน่นจนหน้าตาเหยเก แต่พออีกฝ่ายจะผละไปรื้อหาตัวช่วย เขากลับคว้าร่างคนที่ทาบทับอยู่เบื้องบนเอาไว้


“ผมไม่ชอบให้เอาออก ถ้ายังไม่เสร็จ” สั้น ตรง ได้ความหมาย และพิทักษ์ต้องทำตามสถานเดียวเท่านั้น ทว่าพอความแข็งแกร่งขยับเข้าหา จิณณะก็ข่มตาหน้าเบี้ยวสูดปาก มือจิกลาดไหล่คนรักเพื่อระบายความเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นพอลืมตาขึ้นมามอง กลับไม่มีความหวั่นไหวหรือลังเลสักนิด


ความรู้สึกของจิณณะมั่นคงเพียงใด ดวงตาคู่นี้บอกทุกอย่าง


ไม่ว่าพวกเขาจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไร ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมากแค่ไหน แต่พวกเขาจะยังมีกัน จะเป็นแรงใจให้กัน อุปสรรคบางอย่างอาจไม่มีทางข้ามพ้น ข้อจำกัดบางอย่างอาจต้องติดตัวไปจนวันตาย แต่ความรู้สึกที่มีให้กัน จะเป็นแสงสว่างชั้นดีในเส้นทางที่เลือกเดิน


ห้วงรักเป็นไปอย่างหนักแน่น ยิ่งเมื่อมีชนวนเหตุเป็นเรื่องที่ชวนให้ผิดหวังก็ยิ่งทำให้พิทักษ์อยากจะมอบความรู้สึกผ่านทางการกระทำให้มากที่สุด จิณณะไม่ใช่มนุษย์บอบบางขี้โรค เมื่ออีกฝ่ายโหมแรงโถมเข้าใส่ด้วยความรู้สึกลึกล้ำเต็มอก ก็มีแต่จะต้องหยัดร่างกายรับการตอกลึก เสียงครางอื้ออึงดังประสาน เมื่อเบื้องล่างกระแทกกระชั้นถี่ ก็ยิ่งกระพืออารมณ์ให้ลุกไหม้ จิกเล็บลงครูดไปกับลาดไหล่ บดจูบหนักให้สาแก่อารมณ์รักสลับกับเรียกชื่อกันและกัน


ท่วงท่าไม่ได้พิสดารเลย ทว่าลึกล้ำจนแทบไม่มีช่องว่าง ยิ่งเมื่อพิทักษ์จับขาข้างหนึ่งของคนรักขึ้นพาดไหล่ เขาก็ยิ่งสอบกายเข้าออกได้ถี่ยิบตามแต่อารมณ์จะนำพา ร่างกายฉ่ำชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ อารมณ์หวามถูกพัดโหมยิ่งกว่าราดน้ำมันลงบนกองไฟ จิณณะบิดเร้าไปทั้งร่างด้วยความทรมาน ไม่เพียงแค่เบื้องหลังถูกชำแรกจนร้อนฉ่า แต่เบื้องหน้าก็ถูกรูดรั้งจนแสบเสียวร้อนเห่อ ห้วงสุดท้ายของการเคลื่อนไหวที่แสนเร่าร้อนนี้ เรียกเสียงครางยาวพร้อมกับอาการเกร็งเฮือก พิทักษ์บดเบียดร่างกายตัวเองเข้าสู่ความคับแน่นจนมิด ในขณะที่จิณณะตอดรัดความแข็งขืนถี่ยิบ อารมณ์รักของพวกเขาพุ่งทะยานออกมาเป็นสาย


ร่างสูงทิ้งกายลงทาบทับแม้ว่าต่างคนต่างจะเปียกปอนไปด้วยเหงื่อและหยาดรัก เสียงหอบยังดังเป็นจังหวะถี่ เหงื่อยังผุดพรายเกาะเต็มใบหน้า แต่ถึงอย่างนั้นหยาดเหงื่อเหล่านี้ก็ไม่อาจบดบังความหน้าตาดีของจิณณะได้เลย


รูปตาสวย จมูกโด่ง ดีเสียจน...ถ้ามีลูกหน้าตาแบบจิณณะ ก็คงจะดี


“ถ้ามีลูก...พี่ก็อยากให้ลูก หน้าเหมือนจิณ...”


“ตาแบบจิณ...” ปลายนิ้วยาวเกลี่ยเบาๆที่หางตา ลากมายังดั้งจมูกโด่ง


“จมูกแบบจิณ...” จากนั้นจึงลากลงสู่ปลายจมูกลงมาที่ปาก จิณณะยิ้ม


“อย่าบอกนะว่าจะเอาปากแบบผม มีหวัง คุณย่ากระอักเลือดสามเวลา” ดวงตาของพิทักษ์จับจ้องริมฝีปากช่างพูดนั่น ก่อนจะเหลือบขึ้นสบกับดวงตาเจ้าของ


“ปากแบบจิณก็ดี...จะได้ไม่เหงา” คนฟังยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายระยิบอย่างนึกสนุก


“ไม่เหงาหรือหนวกหู”


ไม่มีคำตอบ เพราะต่างก็รู้ดีว่าสิ่งที่พิทักษ์พูดย่อมไม่มีทางเป็นจริง ในดวงตาของเขามีแววเศร้า ต่อให้ความรู้สึกอัดอั้นในใจจะถูกผ่อนคลายลงแล้ว แต่เสี้ยวหนึ่งก็ยังรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่ทำให้จิณณะไม่อาจมีลูกได้อย่างที่ต้องการ


การอิงแอบแนบชิดดูจะเป็นข้อดีก็ตรงที่ต่อให้จะรู้สึกอย่างเบาบางเพียงใด หากมันสะท้อนอยู่ในแววตา ให้อย่างไรก็ดูออก จิณณะมองเห็นความรู้สึกผิดในดวงตาคนรัก จึงโอบกอดเขาเอาไว้


“ถ้าเป็นลูกชาย หน้าเหมือนผมต้องหล่อแน่ๆ แต่ถ้าลูกสาวหน้าเหมือนพี่ ผมว่าต้องไม่มีคนกล้าจีบเพราะตาดุเกิน หน้าเหมือนผมทั้งคู่เลยมั้ย แต่สมองกับนิสัยแบบพี่ ไม่อย่างนั้นมีบ้านกี่หลังก็ไม่พอ เละทุกหลัง รับประกันดีเอ็นเอ”


“ถ้าเรามีลูกด้วยกันได้ก็คงจะดี...”


“แต่ถึงเรามีไม่ได้ ก็ไม่ได้แย่ไม่ใช่หรือ” จิณณะถาม น้ำเสียงสบาย ดวงตาที่ทอดมองคนรักเต็มไปด้วยความรู้สึก


ในเมื่อวันนี้พิทักษ์ยังมีจิณณะ และจิณณะยังมีพิทักษ์ ยังตื่นมาพบหน้ากัน ได้กินข้าวด้วยกัน ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ได้ดูแลกัน หากชีวิตจะขาดอะไรสักอย่าง จะผิดหวังสักเรื่อง แต่ชีวิตก็ไม่แย่ไม่ใช่หรือ


“อืม...ไม่แย่เลย...”


เพราะมีจิณณะอยู่ตรงนี้ อยู่เคียงข้าง อยู่เป็นความสบายอกสบายใจอย่างนี้ มันดีมากด้วยซ้ำ


สองร่างบนโซฟาที่ทาบทับเป็นเนื้อเดียว มอบสัมผัสแห่งความรัก มอบรสจูบแห่งความรู้สึก ไม่เพียงแค่เรื่องเหล่านี้ แต่ทุกการกระทำที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาล้วนบอกแน่ชัด


...ชีวิตไม่ได้แย่เลย...เพราะมีกัน มันถึงได้ดีมากขนาดนี้ด้วยซ้ำ…

……………………

โซฟาไม่ใช่จุดเดียวของค่ำคืนนี้ จิณณะรู้ว่าคนรักผิดหวังเพราะคิดว่าตนเองเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขามีลูกไม่ได้อย่างที่หวัง ดังนั้นพระเอกตัวอย่าง ย่อมไม่มีทางปล่อยให้คนรักของตนเองต้องทุกข์ใจ เสร็จสมที่โซฟาก็ตามไปง้อพิทักษ์ต่อในห้องน้ำ รอบนี้แบบเบาๆ กอดจูบลูบคลำแล้วค่อยมาเพิ่มดีกรีความง้อที่เตียงอีกรอบ เบ็ดเสร็จสองรอบถ้วน พระเอกนักง้อนามว่าจิณณะก็เกือบหมดแรงข้าวต้ม


หวังว่าจะไม่มีใครมาจุดประเด็นเรื่องลูกให้พิทักษ์อีกแล้วนะ


ตอนกำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ จู่ๆสมองแสนฉลาดของจิณณะก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้


“พี่ทิศ...แล้วพี่อยากมีลูกรึเปล่า”


จิณณะมัวแต่ง้อให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในความรู้สึกของเขา มานึกออกก็ตอนเสร็จสมกิจการทุกอย่าง ง้อแล้ว กอดแล้ว พิทักษ์หายงอนแล้ว


คำถามของพิทักษ์ที่ว่า ‘อยากมีลูกไหม’ อาจจะเป็นการโยนหินถามทางก็ได้นี่หว่า จริงๆแล้วพิทักษ์อาจจะอยากมี แต่ไม่กล้าบอกตามตรงเลยโยนคำถามมาทางฝั่งเขาก่อน


แล้ว...ถ้าจริงๆแล้ว พิทักษ์เป็นฝ่ายที่อยากมีลูกล่ะ...


...งานเข้าแล้วไงไอ้จิณ! จะไปเอาลูกจากไหนมาให้!...


คนที่นอนอยู่เคียงข้างหันมามอง ดวงตาของจิณณะมีแววเป็นกังวลไม่เล็ก แถมยังมองอย่างไม่วางใจ ดูก็รู้ว่าตัวแสบคงนึกอะไรแผลงๆแน่


พิทักษ์พลิกกายตะแคง วาดแขนโอบร่างคนรักเข้ามากอด ตามด้วยจูบหน้าผากไปทีหนึ่ง


“มีตรงนี้อยู่คน พี่ว่าพี่ได้ครบแล้วนะ ทั้งลูกทั้งเมีย” เหมือนจะเป็นคำชมว่าจิณณะช่างครบเครื่องอะไรเช่นนี้ แต่ท้ายประโยคนั่นสิ


...ทั้งลูกทั้งเมีย…


“ทั้งลูกทั้งเมียอะไรเล่า”


ฟังยังไงก็คันรูหูจนนอนเฉยไม่ได้ ดิ้นรนจะออกจากอ้อมกอดของคนรัก แต่ระดับพิทักษ์มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือ กอดอย่างไรก็กอดอย่างนั้น


“ตอนเป็นลูกก็ซนที่หนึ่ง ตอนเป็นเมียก็...” นี่ก็เหมือนจะชม ว่าทำหน้าที่ทุกอย่างได้ดีไม่มีที่ติ แต่การทิ้งท้ายแบบพูดไม่จบประโยคนั่น อย่าว่าแต่คันรูหูจนนอนเฉยไม่ได้เลย จิณณะรู้สึกเหมือนขนอ่อนตามแนวสันหลังพากันลุกชันขึ้นมาจนถึงหนังหัว


“พ...พูดอะไรของพี่วะ ฟังไม่รู้เรื่อง นอนๆ ผมง่...”


“อีกทีไม่ได้หรือ” คนที่ทำท่าจะหลับหนีปัญหาถึงกับลืมตาพรึ่บ แต่พอลืมตาขึ้นมาแล้วก็อยากจะหลับตาลงใหม่ เพราะสายตาที่พิทักษ์ใช้มองเขานั้น บอกได้เป็นอย่างดีว่าขออะไรอีกที


“แบบเมื่อกี้อีกที...” คราวนี้คนที่ทำแบบเมื่อกี้ถึงกับหน้าแดงเถือก ตาเหลือก อ้าปากค้าง เมื่อกี้ที่ทำก็ทำเพราะอยากจะง้ออยากจะทำให้พิทักษ์มั่นใจในความรู้สึกของเขาต่างหาก ไม่ได้คิดจะทำเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายติดใจซะหน่อย


“นะ จิณ...ทำแบบเมื่อกี้...” ไม่ใช่แค่คำขอแต่ริมฝีปากยังแนบจูบลงกับผิวแก้มอย่างอ้อล้อ อ้อมแขนที่คิดว่าแค่โอบกลับไม่อยู่เฉย ลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่าก่อนจะเลื่อนลงสู่สะโพกแล้วบีบขย้ำก้อนเนื้อกลม


อย่าว่าแต่จนอ่อนจะลุกชันเลย ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างของจิณณะก็ชักจะลุกแล้วเช่นกัน


“อื้อ...พี่ทิศ...แม่ง...” ได้แต่สบถเสียงอ่อนระโหย ทว่าพอถูกรั้งให้ขึ้นทาบทับ จิณณะก็ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน แต่มีเรี่ยวแรงจะขึ้นไปนั่งคร่อมอีกฝ่าย ผ้าห่มที่คลุมร่างกายเปลือยเปล่าเลื่อนลงไปกองอยู่ที่สะโพก แต่ข้างหน้าล่อนจ้อนท้าสายตาคนที่นอนให้เขาคร่อม พิทักษ์จับจ้องร่างกายสมส่วนของคนรักไม่วางตา ยิ่งตอนที่จิณณะเข้าครอบครองร่างกายของเขา ใบหน้าแดงซ่าน ครางเครือเสียงกระเส่า ก็ยิ่งอยากจะมีตาหลายคู่ จะได้มองทุกส่วนของคนรักได้อย่างถนัดถนี่มากกว่านี้


“พ...พี่ทิศ...หลับตา...อ่า...”


ดวงตาของพิทักษ์เดิมทีนั้นส่อแววดุ แต่เวลาอย่างนี้กลับเต็มไปด้วยไฟพิศวาสเสียจนคนถูกจ้องร้อนเห่อไปทั้งร่าง เบื้องล่างโดนทิ่มแทงกระแทกสวนกับการขยับร่างกายขึ้นลงของเขา ในขณะที่ร่างกายเปลือยเปล่าถูกจับจ้องโลมเลียจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จิณณะเอ๋ย จิณณะ ชีวิตนี้เคยคิดบ้างไหมว่าจะถูกผู้ชายด้วยกันมองแบบนี้ ตอนที่กำลังทำแบบนี้


“...ห...หลับตาสิ...อื้อ...อ๊ะ...” ปากร้องบอก แต่อารมณ์หวามไม่อาจทำให้หยุดร่างกายตัวเองได้เลย แรงกระทั้นจากเบื้องล่างกับการกดกระแทกจากเบื้องบนเร่าร้อนจนได้แต่ร้องเสียงหวีดหวิว การเคลื่อนไหวกระชั้นขึ้นทุกทีจนน่ากลัวว่าจะลืมหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นในสมองก็ขาวโพลนจนแทบไม่มีสตินึกคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว วินาทีนี้และวินาทีต่อจากนี้ มีเพียงการโหมกระหนำพากันไปสู่ปลายทาง


เสียงร้องห้วงสุดท้ายดังก้อง สองร่างบดขยี้เชื่อมสนิทแนบจนแทบไร้ช่องว่าง ร่างกายกระตุกเฮือกกับหยาดข้นกระฉอกเพียงเล็กน้อย เรี่ยวแรงสุดท้ายของค่ำคืนนี้หมดลงในวินาทีนี้แล้ว


พิทักษ์รั้งร่างปวกเปียกของคนที่ตัวสั่นระริกลงมาจูบ ต่างคนต่างยังหอบกระชั้น


“เอาออกให้หน่อย” คนเหนื่อยสายตัวแทบขาดเรียกร้องเสียงระโหยอย่างเอาแต่ใจ ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังอยู่ข้างหูก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าสะโพกของตนถูกยกขึ้นและบางส่วนที่ฝังแนบอยู่ภายในเคลื่อนออกไป ความอึดอัดจากไปแล้วก็ชวนให้ถอนหายใจอย่างโล่งอกขึ้นมาทีหนึ่ง ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นมาอีกแต่หมดแรงจะเงยหน้ามองได้แต่นอนนิ่งจนกระทั่งตามมาด้วยคำชมอีกหนึ่งประโยค


“เป็นเมียที่เซ็กซี่มาก” คนฟังหรี่ตาขึ้นมองข้างหนึ่งขึ้นมอง


“นี่คำชมหรือ”


“ชม”


“ผมไม่ค่อยชอบคำว่าเมียเท่าไร ยกเว้นแต่ว่าพี่เป็นผู้ชายกลัวเมีย ถ้าอย่างงั้นผมโอเคกับคำนี้” พิทักษ์หัวเราะเบาๆ แม้จะเหนื่อยจนตาจะปิด แต่จิณณะ  วงศ์กีรติก็ช่างเจรจาไม่เปลี่ยน


“พี่ไม่ได้กลัวเมีย...พี่กลัวจิณ”


“พูดจริงน่ะ” ตัวแสบเงยหน้ามองตาเป็นประกายระยิบทันที แลดูจะภาคภูมิใจที่อีกฝ่ายพูดว่ากลัวเขา


พิทักษ์ไม่ตอบ มีเพียงสายตาที่เจือรอยยิ้มมองมา จิณณะตัดใจจะได้ยินคำยืนยันเลยซุกหน้าลงกับอกอีกฝ่ายแทน


“พูดเล่นล่ะสิ”


สัมผัสอุ่นแนบลงกับศีรษะแผ่วเบา อ้อมแขนของพิทักษ์กระชับกอดคนที่นอนทับเขาอยู่


“พี่กลัวจิณจะไม่อยู่ด้วยกัน” จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะผงกศีรษะขึ้นมองอย่างจริงจัง


“ผมนอนทับอยู่นี่ จะไม่อยู่ด้วยได้ยังไง”


“...ผมไม่ได้อยากมีลูก มากกว่าอยากมีพี่หรอกนะ ถ้าวันหนึ่งเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็เป็นเพราะเราเลิกรักกันแล้ว ไม่อยากอยู่ด้วยกันแล้ว และตกลงกันแล้วว่าจะแยกกัน แต่ไม่ใช่เรื่องเราไม่มีลูก วันนี้เรายังไม่เลิกกัน เรายังอยากอยู่ด้วยกัน ก็อย่าให้เรื่องไม่มีลูกมาเป็นปัญหาของเราเลย”


ความสัมพันธ์นี้มีเงื่อนไขเรื่องทายาทมาตั้งแต่แรก พวกเขาต่างก็รู้ดี ดังนั้นหากวันหนึ่งจะแยกจากกันไปก็ต้องไม่ใช่เพราะประเด็นนี้ที่รู้อยู่แล้ว และในเมื่อรู้แต่แรกว่าความสัมพันธ์นี้จะมีเงื่อนไขนี้ เวลานี้ที่รักกัน มีความรู้สึกดีต่อกัน จะไปขุดข้อจำกัดที่รู้แต่แรกขึ้นมาสร้างเสี้ยนสากในใจทำไม


คนที่ดูเหมือนเหลาะแหละ ไม่จริงจัง ทว่ากลับซุกซ่อนความมั่นคงยิ่งกว่ากำแพงหิน พิทักษ์รู้สึกว่าตนเองโชคดีเหลือเกินที่ชีวิตนี้มีอีกฝ่ายอยู่เคียงข้างกันแบบนี้



ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าคนรักแผ่วเบา ก่อนจะรั้งปลายคางลงมาเล็กน้อยเพื่อมอบความรู้สึกลึกซึ้งผ่านทางริมฝีปาก


ชีวิตที่มีจิณณะ...ครบถ้วน เต็มอิ่มที่สุดแล้ว


FIN

สวัสดีวันพุธค่ะ พอดีวันพฤหัสไม่ว่างก็เลยมาลงวันนี้แทน

สำหรับตอนนี้ ไม่รู้ว่าคนอ่านจะเต็มอิ่มมั้ย แต่พี่ทิศอิ่มมากนะ ฮ่าฮ่า

ที่สำคัญคือตัวประกอบเยอะเชียว จ่ายค่าเอ็กตร้ารัวๆ ส่วนพระเอกนักง้อ(?) ตอนแรกก็เหมือนจะได้เป็นพระเอกนะ ไปๆมาๆ ยอมให้พี่ทิศกดเฉยเลย น่าสงสารเขานะคะ (ในความสงสารมีแต่เสียงหัวเราะ ฮ่าฮ่า)

หลังจากตอนนี้ จะขอพักหน่อย เจอกันใหม่เดือนหน้าที่ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาอะไรมาลงดี ระหว่างเรื่องใหม่กับตอนพิเศษ (สต็อกเยอะ ฮ่าฮ่า) ส่วนรวมเล่มเรื่องนี้ ถ้ามีรายละเอียดที่แน่นอน จะแจ้งทางเพจและทางทวิตเตอร์ให้ได้ทราบกันนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตามมาจนถึงตอนพิเศษนี้ ดีใจมากๆที่เรื่องนี้เป็นที่รักที่ชอบของคนอ่านค่ะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันใหม่เดือนหน้าค่ะ (ลุ้นกันดีกว่า ว่าจะได้อ่านอะไร ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 19-06-2019 21:55:00
อย่าว่าแต่พี่ทิศจะเต็มอิ่มเลย คนอ่านก็ก็อิ่มมากเช่นกันค่ะ
อะเฮือก ขออนุญาตเช็ดเลือดแปป
จิณลูกกกกร้อนแรงอะไรเบอร์นี้ :pighaun:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 19-06-2019 22:00:39
ขอบคุณ​มาก​ๆ​เลยครับ  สนุกมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 19-06-2019 22:02:39
เขางั้อกันน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 19-06-2019 22:12:59
ตอนพิเศษก้ออยากได้ เรื่องใหม่ก้ออยากอ่าน ขอสองจะโลภไปไหมน้องบัว  :impress: :impress: :impress:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 19-06-2019 22:13:41
เพิ่งอ่านจบไป ตอนพิเศษก็มาเลย

คุณบัวเขียนNC ได้เผ็ดมันเหมือนเคย

ขอบคุณมากครับ :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กล้วยจังหวะนรก ที่ 19-06-2019 22:17:39
ฉากใต้โคมไฟบรรยายได้ลื่นไหลดีจังเลยค่ะ ชอบมาก ncแบบไม่ต้องdirty talk  :o8:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=&gt; หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-06-2019 22:20:29
น้องขนมเอ็นดูมากกก แย่งซีนในใจเราสุดๆ แต่คำพูกช่วงสุดท้ายคือกินใจเรามากค่ะ ชอบมากก


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-06-2019 23:05:19
 :give2: :haun5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 19-06-2019 23:21:16
ขนมน้อยกับขนมของเขา เข้ามาทำให้พี่ทิศหวั่นไหวได้นี่ไม่ธรรมดา 555

คนพี่กังวลจนคนน้องต้องหาทางง้อ...หลายที่ซะด้วย อิอิ

เอ็กซ์ตร้าค่าตัวแพงทั้งหลายมาให้คิดถึงแล้วจากไป...น้องขนมโขมยซีนสุด น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 19-06-2019 23:53:21
ในขณะที่จิณนะบอกด้วยความเขิลอาย
“พ...พี่ทิศ...หลับตา...อ่า...”  แต่พี่ทิศกลับอยาก
จะมีตาหลายคู่ จะได้มองทุกส่วนของคนรัก
ได้อย่างถนัดถนี่มากกว่านี้...เนี่ยๆๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ทิศอะร้าย 5555555
...
ขอบคุณคุณบัวที่มอบความดุของจิณและพี่ทิศให้ในตอนพิเศษนะคะ เลือดกำเดาพุ่งปรี๊ดดดด 5555555 อ่านไปขำไป ฮาที่จิณบอกว่า..“ผมไม่ชอบให้เอาออก ถ้ายังไม่เสร็จ” สั้น ตรง ได้ความหมาย และพิทักษ์ต้องทำตามสถานเดียวเท่านั้น !!! เมียพี่ดุจริงว้อยพี่ทิศ 5555555555555

รอเรื่องใหม่ และตอนพิเศษเรื่องอื่นๆ นะคะ
ขอบคุณค่าาาาาาา :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Readingissexy ที่ 20-06-2019 00:06:51
แวะเข้ามาอ่านอีกรอบบบ คราวนี้มีตอนพิเศษด้วยๆๆๆ
เรายังรักความเป็นพี่ทิศและน้องจิณเหมือนเดิม น่ารักมากๆๆๆ
ขอบคุณนะคะ  :man1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 20-06-2019 00:24:08
เต็มอิ่มตามพี่ทิศไปจ้าา
เอ็กซ์ตร้าเราคุ้มเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 20-06-2019 00:51:03
ขนมลูกกกกกกกกเอ็นดูแรงมากกกกโผล่มาแบบน่าฟัดสุดๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 20-06-2019 00:53:00
อยากเห็นพี่ทิศหึงและง้อแฟนค่ะ
หน้านิ่ง พูดน้อย จะเปลี่ยนไปได้ขนาดไหนกันนะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 20-06-2019 00:55:06
 :o8: :o8:

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-06-2019 08:43:13
เป็นตอนพิเศษที่คุ้มค่ามากครับ ทั้งคนอ่านทั้งพี่ทิศ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 20-06-2019 08:43:23
เป็นตอนพิเศษที่น่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 20-06-2019 09:15:18
อิ่มมากจ้า ชอบจริงๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 20-06-2019 09:19:57
ขอบคุณนิยายดีๆ ที่เป็นมากกว่านิยาย
มีทุกความดีงามจริงๆเลยค่ะ ผล็อตน่าสนใจ มีเรื่องให้ติดตาม มีอะไรให้จต้องคาดเดา ทั้งเดาได้ เดาไม่ได้

จริง อิทธิผล ผลแระโยชน์ ระบบอุปถัมภ์เราเห็นได้ตลอดเลย ทั้งเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ เอื้อให้คนที่พร้อมเอื้อให้กัน พร้อมกำจัดคนขัดแข้งขัดขา กำจัดคนไม่เอื้อทางเดิน

เราชอบความสัมพันธ์ทุกรูปแบบในเรื่องเลย ทั้งเพื่อนอย่างวรชิต ครอบครัวทั้งพ่อ แม่และน้องของจิณณะ พร้อมสนับสนุนแต่ก็เป็นห่วงอยู่ตลอด ความเป็นครอบครัวของพี่เชน อีกความสัมพันธ์คือคุณน้าจิดาภาให้ความรู้สึกในหลายๆมุมเลย เราชอบน้าภานะ น้ากจิณ แต่วันหรึ่งคนในครอบครัวเราอันตราย น้าเลือกปกป้องคนในครอบบครัวด้วยความเป็นห่วงแต่น่าภาอาจจะลืมมองในมุมอื่น ลืมมองหลายมุม แต่ตอนน้าหลานกลับมาคุยกันแล้วน่ารักทั้งน้าทั้งหลานเลย

แต่นางเอกอีกคนคือคุณย่า ไม่มีคุณย่าก็ไม่น่ามีปลัดจิณณะนะ จิณนี่หลานย่าจริงๆเลย คำว่าหลายนอกคอกนี่เหมือนคุณย่าเอาไว้ปกป้งอีโก้ตัวเองอ่ะ ย่ารัก ย่าเป็นห่วงหลานคนนี้จะเป็นจะตาย คู่รบของย่าจะอันตรายไม่ได้ เดือดร้อนไม่ได้ หลานย่าทุกข์ย่าพร้อมยื่นมือไปมาช่วย พร้อมประกาศความเป็นเจ้าของพี่ทิศแทนจิณ

ส่วนพระ นายของเรื่อง เหมืนเห็นจิณเติบโตใรทุกๆเหตุการณ์ จากวู่วาม บ้าดีเดือด ล่อโจรด้วยชีวิตเพราะห่วงเพื่อน ปากไว ใจด่วน จิณมีพี่ทิศเป็นความสงบจริงๆ เตือนสติ สอน ชวนคิด มีพี่ทิศอยู่ข้างๆ

ส่วนคุณพระเอก ก็สมกับเป็น 'พิทักษ์' และ 'เข็มทิศ' จริงๆเลย อยากมีพี่ทิศเป็นของตัวเอง พ่อเสือหลับ 55 5 ชอบความเป็นผู้ใหญ่ แม้แรกๆจะหงุดหงิดที่ต้องมาช่วยน้องแต่ก็คอยดุ คอยเตือนสติน้องอยู่ข้างๆน้องในวันที่น้องเหยื่อน น้องท้อ ในวันที่จิณรู้สึกว่าไม่มีใคร ก็ยังมีพี่ทิศเคียงข้าง เนี่ยงจนหลงจิณหัวปักหัวปำอ่ะคนเรา พ่อคนหลงเมีย

ชอบทุกอย่าเลยค่ะ ชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ มันให้อะไรมากกว่าความสนุก ความบันเทิง มีข้อคิด มีเหตุการณ์ชวนคิด

ภาษาก็ดีไม่มีคำผิดเลย อ่านแแล้วไม่อยากให้จบเลยค่ะ รอผลงานเรื่องใหม่นะคะ

อยากมีพี่ทิศเป็นของตัวเองมากเลย แต่จิณณะต้องตามมาแสดงความเป็นเจ้าของตลอดเวลาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 20-06-2019 09:21:24
ไม่เคยเม้นท์นิยายเรื่องไหนยายเท่านี้เลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 20-06-2019 10:41:07
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆจากคุณบัว เรื่องนี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเรื่องระบบอุปถัมภ์และเราก็คิดว่าถ่ายทอดออกมาตามความเป็นจริงดีแล้ว ทิศกับจิณนี่เป็นอะไรที่ลงตัวต่อกันมากเลย ขอบคุณนักเขียนมากๆเลยที่สร้างนิยายดีๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 20-06-2019 11:55:49
ขอบคุณคุณบัวค่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-06-2019 12:41:28
โธ่ พี่ทิศคิดว่าจิณอยากมีเลยคิดมาก แล้วเป็นไงทำลูกกันจนหมดแรงเลย o18
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 20-06-2019 19:56:28
 o13 o13 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: febusapollo ที่ 20-06-2019 21:04:46
ดีใจค่ะ คุณนักเขียนมีเงินมาจ่ายค่าตัวพี่ทิศแล้ว เฮฮฮ :mc3:
ยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยคนคู่นี้
บรรยากาศที่สยามอบอุ่นขึ้นมาทันตา แอบสงสัยว่าคู่ที่ไปกินบิงซูนี่ใช่โจ๊กกับโซ่หรือเจ๋งกับปกหรือเปล่านะ 5555
ขอบคุณมากเลยนะคะ :m3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tuffina ที่ 20-06-2019 22:26:13
น่ารักกกกก แถมเอ็กตร้าก็ไม่ธรรมดาซะด้วย55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 20-06-2019 22:29:06
ง้อกันเสียเต็มอิ่มเลย  ชอบความความห่วงใยและความมั่นคงของทั้งคู่มาก  ขอบคุณไรท์สำหรับนิยายดีๆคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lune ที่ 20-06-2019 22:31:17
 :L2: ขอบคุณ คุณบัวนะคะ  :L2:
จะเรื่องใหม่ หรือ ตอนพิเศษ ก็ติดตามอ่านค่ะ
 แต่เห็นดารารับเชิญแต่ละตอนแล้ว
 คืออยากเห็น 4 แสบ 4 จ. อย่าง จอมขวัญ โจ๊ก เจ๋ง จิณณะ
เจอเสือซ่อนเล็บแบบ พี่โต โซ่ ปก พี่ทิศ ใน ในเรื่อง/ตอนเดียวกัน  แค่คิดก็..
:fire:  :fire: :fire: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 20-06-2019 23:14:02
อ่านมาถึงตอบจบ ขอบคุณคุณบัวนะคะที่สร้างผลงานเรื่องนี้ออกมา ภาษาดี เนื้อเรื่องดีมาก ชอบความสัมพันธ์ทุกตัวในเรื่องนี้ลงถูกเชื่อมโยงได้อย่างลงตัวมากๆ
จะคอยติดตามผลงานคุณบัวนะคะทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 21-06-2019 01:06:28
ชอบงานเขียนมากๆเลยค่ะ ภาษาสวย

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอนะคะ

แถมอยากอ่านตอนพิเศษของเรื่องนี้เรื่อยๆเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 21-06-2019 06:37:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bpyt ที่ 21-06-2019 10:51:40
อิ่มแทนพี่ทิศเลยทีเดียว 555 แขกรับเชิญ​เยอะมาก ทั้งเฮียเจ๋ง ปก เด็กชายขนมก็มา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2019 21:11:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 21-06-2019 22:33:27
สองคนแมนเค้ารักกัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 22-06-2019 07:06:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 22-06-2019 10:06:06
ชอบทุกเรื่องเลย สนุกมากๆ แอบร้องไห้ตอนอ่านด้วย

เราอ่านตอนพักแล้วร้องไห้ คนรอบตัวตกใจใหญ่ 5555

ลุ้นมากๆ สุดท้ายคุณยายจงเจริญจ้าาาา ตำแหน่งนี้ เป็นนางเอกมา2เรื่องแล้วนัาา

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 23-06-2019 14:02:29
รอเรื่องใหม่อยู่จ้า :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 24-06-2019 23:34:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 25-06-2019 08:37:31
แงงง นุ้งจิณน่ารักมากอะ เอ็นดู //ยิ่งตอนเถียงกับคุณย่า ยิ่งน่าฟัดน่าตี
ส่วนพี่ทิศคนเท่ เห็นเงียบแต่กินเรียบนะจ๊ะ 555 รักเมียต้องเกรงใจเมียเยอะๆนะ  :impress2:

ขอบคุณที่สร้างตัวละครน่ารักๆมาให้เราได้อ่านได้รู้จักนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 25-06-2019 12:16:26
ขอบคุณคุณบัวนะฮะ สำหรับนิยายดีๆ อบอุ่น สายฮีลที่แท้ทรู
ชอบ ชอบ และชอบนิยายคุณบัวทุกเรื่องเลย เป็นพลังบวกที่ดีมากๆ
อย่างน้อยเวลาอ่านก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังสดใส รื่นรมย์ ขอบคุณคร้าบบบ
 :pig4:
 :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 25-06-2019 17:01:01
 o13 :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 26-06-2019 11:50:24
ขอบคุณพี่บัวมากๆนะคะสำหรับเรื่องสนุกๆแบบนี้ ระบบอุปถัมภ์ในเรื่องดู make sense สมเป็นเด็กรัฐศาสตร์มากค่ะ 55555

อยากอ่านตอนพิเศษเพิ่มจังเลยค่ะ

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 26-06-2019 18:50:33
พี่ทิศ ทำไมดีแบบนี้คะ ฮรือออ
ส่วนจิณณะ ...ตัวยุ่งมาก 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายหมายเดือน ที่ 27-06-2019 11:54:28
 :pighaun: งื้ออออออออ ยกให้เป็นเรื่องโปรดเลชอบภาษาที่ใช้มาก เนื้อเรื่องก็ดี ชอบคุณย่าอ่ะเป็นญาติในอุดมคติเลย รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 28-06-2019 10:39:17
จิณ คิดถูกแล้ว ระหว่างมีลูกกับมีพี่ทิศ มีพี่ทิศคือที่สุดแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-06-2019 08:53:26
พี่โจ๊กคนเก่งก็ยังยอมน้องปกเหมือนเคย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 29-06-2019 12:41:56
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-06-2019 21:33:35
เป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่ายุคไหนสมัยใด เราก็บอกไม่ได้ว่าระบบนี้ไม่มี
เป็นเรื่องที่แฝงอยู่ในทุกอณู แทบทุกที่ แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ก็มีไม่ต่างกัน
ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ ที่ทำให้มีความมากน้อยแตกต่าง

เป็นความอบอุ่นที่ลงตัว เป็นความนอยด์ที่มีจริง
ความน้อยใจ ความระแวง ก่อเกิด ทำให้ชีวิตอับเฉานะคะ
ดีที่จิณเห็นความผิดปกตินั้น และไม่ได้เพิกเฉยต่อสิ่งที่พี่เป็น
ความจิณทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย ทำให้พี่ทิศรักแล้วจะทิ้งไปได้ไง
พี่ทิศก็ตอกย้ำว่า การไม่มีจิณน่ะ เป็นไปไม่ได้ เพราะแบบนี้
ก็ต้องยอมรับกับความจริงที่จับต้องได้ และอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า

ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆ ที่น่ารัก อบอุ่น ลงตัว และทำให้ลุ้นพอกัน
เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะคะ และรอติดตามต่อไปจ้า

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 30-06-2019 00:32:18
เป็นนิยายน้ำดีอีกเรื่องที่เราจะต้องได้กลับมาอ่านซ้ำๆอีกหลายรอบ  เรารักนิยายเรื่องนี้ :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-06-2019 20:17:46
‘เป็นเมียที่เซ็กซี่มาก’
เห็นด้วยกับพี่ทิศทักประการ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-06-2019 22:10:40
คิดถึงคนดื้ออย่างนุ้งจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-07-2019 21:01:33
สนุกมาก ๆ ครับ คุณย่ากับจิณ นี่เหมือนกันมากจริง



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 01-07-2019 21:55:53
สนุกมากกก แงงง เข้าใจคำว่าระบบอุปถัมภ์อย่างถ่องแท้เลย
แอบน้ำตาซึมไปกับจิณหลายตอน สงสารมาก ทุกอย่างประดังประเด แต่พี่ทิศคือพระเอกในดวงใจ อบอุ่นมากกกกก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 02-07-2019 10:00:31
ขอบคุณมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 02-07-2019 10:35:56
สนุก เข้มข้น ครบรส ตีแผ่สังคม นี่คืออีกหนึ่งเรื่องเยี่ยมที่ผมได้อ่าน

นิยามสั้นๆสำหรับเรื่องนี้เลย ชอบทั้งในด้านของงานเขียน วรรณศิลป์
และ เทคนิคการวางตัวละคร เนื้อหา ที่ผูกโยง ได้อย่างดีเยี่ยม

คุณกอบกุล ผู้ที่คล้ายๆจะไม่เป็นตัวหลักในช่วงแรก กลับทำให้เนื้องเรื่องขับเคี่ยวได้อย่างถึงแก่นมาก
เป็นอีกหนึ่งนิยาย ที่ มีครบ ทั้งความรัก และ สาระ สอดแทรกไปด้วยการตีแผ่นสังคมและแง่คิด

ที่สำคัญ คือ ความสมจริง ที่หาได้ยากยิ่ง ตัวละครมีมิติของตนเอง มีการพัฒนาการ และมีคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจน
มีเหตุผลรองรับในทุกการกระทำ พลอตหลักพลอตรอง ส่งเสริมกันได้อย่างลงตัว

ชื่นชมผู้แต่งอย่างยิ่งครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 03-07-2019 10:56:23
สนุกมากๆเลยค่ะ
ชอบเรื่องนี้มากๆ
มีความสมเหตุสมผล
พี่ทิศละมุนมาก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2019 12:31:33
มารออ่านตอนพิเศษ​ของคนอวดผัวค่ะ​ เผื่อมีอีก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 04-07-2019 11:46:36
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 06-07-2019 20:37:47
ฮื่อ สวัสดีค่ะไรท์เตอร์ คือพึ่งอ่านรวดเดียวจบ เลยขอเม้นรวบยอดทีเดียวตรงนี้เลยนะคะ
เราชอบมาก อย่างไม่คิดว่าตัวเองจะชอบขนาดนี้555

ความรักแบบที่ไม่หวือหวา รักกันแบบผู้ใหญ่มากๆๆ แ
ล้วก็เราชอบการตบตีกันของคุณย่ากับจิณด้วยแง
ตอนแรกเราอ่านแล้วน้อยใจไปกับจิณเลยนะ ถ้าโดนขยี้อีกหน่อยคือ
ต้องให้จิณร้องไห้ต่อหน้าคุณย่าแล้ว55
สงสารมากๆๆ ตอนนั้น เราเข้าใจฟิลคนที่ปกติสดใสแต่พอมีเรื่องกระทบใจจะกลายเป็นคนอีกคนมากๆ
เลยรู้สึกอินมากจริงๆ ตอนที่เค้าแยกกัน เ
รานี่น้ำตาหยดแหมะๆๆๆๆ เลยตอนได้คืนดี ;-; ฟีลแบบ ในทิสุดด เห้อ
ไรท์เตอร์แต่งได้ดีมากๆๆ เลย  เราเม้นไม่ค่อยเก่ง
แต่คิดเองว่าไรท์น่าจะอยากอ่านคอมเม้นยาวๆ55 เลยเวิ่นเว้อมากแง้

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ จะรอติดตามผลงานต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 06-07-2019 23:27:20
น่าสนใจและน่าติดตามมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=&gt; หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ampxw ที่ 07-07-2019 22:01:44
อ่านจบแล้วจัดเป็นนิยายในดวงใจอีกเรื่องเลยค่ะ
ชอบความสัมพันธ์ของพี่ทิศกับจิณมากๆ ~
ทุกครั้งที่จิณอยู่กับพี่ทิศคือรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยไปด้วย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ :)


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 08-07-2019 19:04:16
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-07-2019 22:16:09
 :กอด1: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 08-07-2019 22:30:39
คิคิคิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 08-07-2019 23:00:50
สนุกมากๆ ค่ะ ชอบบุคลิกจิณณะกับพี่ทิศมากๆ
คุณกอบกุลก็ไม่ธรรมดา สมกับฉายางูพิษ
อ่านเรื่องนี้แล้วนึกภาพออกทุกอย่างที่เขียนมาเลยค่ะ
สมกับชื่อเรื่องทีเดียว ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 08-07-2019 23:10:51
ซึนยืนหนึ่งต้องคุณกอบกุล 55555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 08-07-2019 23:55:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 09-07-2019 07:17:38
สนุกมากๆ มีความสุขเพลิดเพลินกับเรื่องราวแล้วยังได้แง่คิดอีกด้วย มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ยังไงต้องพึ่งพาอาศัยกัน เพียงแต่อย่าเอาความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนไปใช้เส้นสายพรรคพวกเพื่อเบียดบังผู้อื่นก็พอ

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ
บวกๆจ้า^^
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 11-07-2019 12:22:30
เมียพี่ทิศเซ็กซี่มากกกก ง้อเก่งงงง ง้อจนเรี่ยวหมดแรง แงงงง  :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Faiia ที่ 13-07-2019 23:51:47
สนุกมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-07-2019 11:57:16
สนุกมาเลยค่ะเรื่องนี้
จบได้น่ารักมากๆ
ตอนพิเศษน่ารักดี
ขอบคุณนิยาดีๆสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 15-07-2019 13:13:45
 o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 16-07-2019 17:20:01
ชอบเรื่องนี้มากเลยครับ รักพี่ทิศ&ปลัดจิณณะ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนำเสนอมุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ อ่านแล้วมันอุ่นที่ใจ
จะติดตามผลงานต่อๆไปนะครับ

ปล.มีช่องทางที่รวบรวมผลงานของนักเขียนมั้ยครับอยากติดตาม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Luxfern ที่ 19-07-2019 01:35:50
น้องจิณขาาา อีแม่เลือดจะหมดตัวแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 24-07-2019 18:50:34
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ ภาษาดี สนุกมากๆ
 o13 :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 27-07-2019 10:53:27
แวะกลับมาดูดีใจที่มีตอนพิเศษ​ด้วย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 27-07-2019 21:18:06
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 28-07-2019 22:49:52
เรื่องนี้ดีมาก อ่านวันเดียวจบไหลลื่น เนื้อหาก็เรียลสะท้อนสังคมได้ดี ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 21-08-2019 23:11:30
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 40 (19/06/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 29-08-2019 10:01:09
คุณพิทักษ์น่ารักมาก แบบลงตัวเวลาอยู่กับจิณณะมากๆๆ
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1 ...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 19-09-2019 23:00:40
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
………………………….
ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1


   คุณเทียมเคยบอกว่าจิณณะเป็นคนจริงจังและเด็ดเดี่ยว คนสนิทของคุณเทียมอย่างมิตรก็ย้ำอีกว่า จริงจัง เด็ดเดี่ยวและอำมหิตมาก ทนายความที่เคยทำคดีให้ก็พูดในทำนองเดียวกันว่า จิณณะ  วงศ์กีรติคือคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่...อย่าได้มีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลแล้วยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นอันขาด


   ดูเหมือนคนรอบข้างล้วนพากันบอกว่าจิณณะ  วงศ์กีรติมีอีกด้านหนึ่งที่พิทักษ์ไม่รู้จัก ตอนแรกเขาคิดว่าจิณณะที่คนรอบข้างพูดถึงว่าเป็นคนจริงจัง มุ่งมั่นและทุ่มเทคือคนเดียวกับที่เขาเคยเจอตอนที่เจ้าตัวพูดด้วยเสียงเยียบเย็นว่าเขาหมดประโยชน์ แต่เมื่อลองไตร่ตรอง ก็พบว่าจริงอยู่ว่าวันนั้นจิณณะแสดงออกอย่างเย็นชาไร้หัวใจ แต่นั่นคือ ‘เปลือก’ ที่สร้างขึ้นมาต่างหาก ไม่ใช่ ‘อีกด้าน’ ที่ใครๆพูดถึงว่า ‘อำมหิต’


   ...อำมหิต?...


   จิณณะคนที่กำลังยืนเกาะตู้กระจก ตามองพะแนงที มองพะโล้ทีเหมือนตัดสินใจไม่ได้นี่หรือ ‘อำมหิต’


   “กินไรดี พะแนงก็อยาก พะโล้ก็อยาก พี่ทิศกินอะไร” แถมยังหันมาขอความเห็นราวกับตัดสินใจเองไม่ได้อีกต่างหาก


   “ก็เอาทั้งพะแนง ทั้งพะโล้สิ สั่งแยกใส่ถ้วย พี่กินด้วย” พอเขาออกปาก คนอยากทั้งพะแนงทั้งพะโล้ก็ยิ้มกระดี๊กระด๊า หันไปสั่งกับแม่ค้าหลังตู้ทันที


   “เอาพะแนงกับพะโล้อย่างละถ้วย ไข่เจียวหมูสับหนึ่ง พี่ทิศเอาไรอีกไหม” เมื่อพิทักษ์ส่ายหน้า จิณณะก็หันไปยิ้มให้แม่ค้าอีกทีพร้อมชูสองนิ้ว “แล้วก็ข้าวสอง”


   สั่งเสร็จสรรพก็พาพิทักษ์เดินไปโต๊ะ ร้านข้าวราดแกงแห่งนี้เป็นร้านข้างที่ว่าการอำเภออันเป็นสถานที่ทำงานเก่าของจิณณะ รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าถิ่นที่กลับมาตุภูมินิดๆ ก็ตอนที่ปล่อยให้คนรักนั่งรอ ส่วนตนเองเดินไปกดน้ำเปล่าจากตู้ใกล้ๆมาเสิร์ฟอย่างรู้งาน


   “พี่ทิศเคยมากินร้านนี้ใช่ไหม ทำไมตอนนั้นถึงมาที่นี่นะ? ปกติเห็นไม่ออกไปกินข้าวที่ไหน” จิณณะถาม จำได้เลาๆว่าครั้งแรกที่มาทานข้าวกับพิทักษ์ที่ร้านนี้ มีวรชิตและเพื่อนปลัดอีก 2-3 คนติดตามมาด้วย คราวนั้นพิทักษ์เป็นฝ่ายมาหาเขา ไม่รู้นึกอย่างไรเหมือนกันทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เล่นตัวอยู่แต่ที่สนามกอล์ฟ ถ้าจะกินข้าวด้วยต้องให้เขาเป็นฝ่ายบุกไปหา


   “ก็จิณไม่ไปหา...” พิทักษ์ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆเหมือนเล่าเรื่องเก่าๆที่ไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ใครบางคนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าเรื่องคราวนั้นเป็นฝั่งเขาเองที่ซุกอะไรบางอย่างที่ใหญ่เบอเริ่มไว้ในกอไผ่


   “...ทำไมไม่ไป” น้ำเสียงทุ้มไม่คาดคั้นเอาคำตอบ แต่สายตาจับจ้องจนคนถูกถามถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอ


   ...ก็เพราะตอนนั้นรู้ตัวแล้วน่ะสิว่าคิดเกินเลย…


   เรื่องแบบนี้พูดออกไป จะกลายเป็นถูกเยาะเย้ยว่าตกหลุมรักพิทักษ์ก่อน คนมีมาดเลยตีหน้าสุขุม หยิบแก้วน้ำมาดื่ม


   “ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว” ตอบเหมือนจะเนียน แต่ดูดน้ำไปอึกใหญ่ สายตาหลุกหลิกมองทางอื่นแทนที่จะมองคนร่วมโต๊ะ พิทักษ์ยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก จิณณะช่างเป็นคนโกหกไม่เก่งเอาเสียเลย


   “โกหกไม่เนียน” คนถูกหยอกเหลือบตามามอง แก้มกระตุกเล็กน้อยที่ถูกรู้ทันว่าโกหก แต่...รู้ทันแล้วไง โกหกไม่เนียนแล้วไง ถึงจะถูกรู้ทัน ถึงจะไม่เนียนก็จะโกหกต่อไป ยังไงก็ง้างความจริงออกจากปากไม่ได้หรอก!


   จิณณะตีมึนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอดีกับที่ลูกจ้างของร้านยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เจ้าตัวเลยอาศัยความวุ่นวายของมื้ออาหารเป็นตัวปิดบังความจริงในครั้งเก่าก่อนนั่นเสียเลย


   ครั้งเก่าของเรากับมื้อแรกที่มาทานข้าวด้วยกันที่นี่


   เป็นครั้งแรกที่พิทักษ์เป็นฝ่ายบุกมาหา และเป็นช่วงแรกที่จิณณะรู้ตัวว่ามอบความรู้สึกมากเกินกว่าคนขอความช่วยเหลือและคนช่วยเหลือแล้ว


   ทว่า...ตอนที่คิดว่าการตีมึนทำเป็นสนใจกับข้าวจะใช้ได้ผลแล้ว จู่ๆ คนตรงหน้าก็เอ่ยปากอย่างตรงไปตรงมา


“ตอนนั้นที่พี่มาหา เพราะพี่คิดถึง”


คนกำลังจะกลืนข้าวลงคอถึงกับสำลัก ไอโขลกหน้าดำหน้าแดง


   “พี่ทิศ! พูดอะไรของพี่วะ?!”


คนถูกโวยกลับยักไหล่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต


   “พูดเรื่องจริง”


   จิณณะอ้าปากค้างอีกระลอก พะงาบๆจะพูดอะไรก็นึกไม่ออก จากคนพูดเก่ง เถียงคุณกอบกุลชนิดคำต่อคำ กลายเป็นคนที่ทำได้เพียงแค่อ้าปาก


   “แต่ใครบางคนไม่มองหน้ากันเลย” พิทักษ์ทวนความจำต่อ ทว่าอีกฝ่ายใบ้กินไปแล้วเรียบร้อย ได้แต่ทำปากขมุบขมิบ แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่ออย่างจำนน พิทักษ์มองคนรักด้วยแววเอ็นดู ทว่าวูบหนึ่งก็ชวนให้คิดถึงคำที่คนรอบข้างพูดถึงคนตรงหน้าให้เขาได้ยินขึ้นมาอีก


‘อำมหิต’


จิณณะที่อยู่ตรงหน้าเขา จะเป็นได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ คนที่โกหกไม่เนียน พอถูกจับได้ก็ทำหน้าตาเฉไฉบ้าง ทำปากขมุบขมิบบ้าง คนที่เมื่อครู่คิดไม่ตกว่าจะเลือกพะโล้หรือพะแนงดี คนอย่างนี้น่ะหรือ ‘อำมหิต’


พิทักษ์พินิจคนตรงหน้า ก่อนจะตัดใจเลิกคิด เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เห็นวี่แววสัญญานอำมหิตในตัวคนรักของเขาอย่างที่ใครๆว่ากันเลย


………………………


หลังอิ่มหนำกับอาหารรสชาติพื้นบ้านที่คุ้นเคย จิณณะมีโปรแกรมแวะไปป่วนอดีตเพื่อนร่วมงานอย่างวรชิตที่ที่ว่าการอำเภอ พอเห็นทองม้วนวางขายอยู่บนชั้นวางใกล้ประตูร้าน จึงแวะเลือกซื้อ พิทักษ์หันกลับไปมองคนที่หยิบถุงนั้นถุงนี้มาส่องด้วยความเอ็นดู


“ซื้อไปฝากคุณชิตหรือ”


“อื้อ ไม่มีอะไรติดมือไปเดี๋ยวมันหาว่ารวยแต่ขี้เหนี...เฮ้ย! พี่ทิศ!!” จิณณะกำลังจะตอบแต่ต้องกลายเป็นร้องลั่นเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งพุ่งเข้ามาที่พิทักษ์ เขาทิ้งถุงขนมก้าวพรวดเข้าไปกระชากร่างคนรักออกมา เฉียดฉิวหวุดหวิดก่อนจะถูกชน


“ข...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่นั่งอยู่บนอานมอเตอร์ไซค์เจ้าปัญหาพอหยุดรถได้แล้วก็ตาลีตาเหลือกรีบยกมือไหว้ด้วยความตกใจไม่แพ้กัน แต่พอเห็นสายตาของจิณณะ ก็ยิ่งชวนให้ใจหายหนักกว่าเก่า


“ทำไมไม่ดูคน!”


เจ้าของสายตาเย็นเยียบถามเสียงเข้ม สายตาเอาเรื่องไม่พอ โทนเสียงยังทุ้มต่ำเสียจนพิทักษ์หันมอง


“ผ...ผม...ผมเพิ่งหัดขับ...ข...ขอโทษครับ...” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ปะหลกๆ


“ที่นี่เป็นที่หัดขับรึไง?!”


“ผ...ผม...” เจ้าหนุ่มนั่นพูดไม่ออก อย่าว่าแต่เสียงจะหลุดออกมาเป็นคำเลย แม้กระทั่งหายใจยังยาก ราวกับเจ้าของสายตาที่จ้องมานั้นคว้าอากาศหายใจไปหมด


“จิณ” เสียงของพิทักษ์ดึงสติจิณณะให้รู้ตัว สายตาวาววับเอาเรื่องพลันเปลี่ยนเป็นสายตาของจิณณะคนเดิมเมื่อหันมองเจ้าของเสียงเรียกนั้น


“พี่ทิศไม่เป็นอะไรใช่ไหม” น้ำเสียงเมื่อครู่ที่ใช้กับเด็กหนุ่มวัยรุ่นกับน้ำเสียงตอนนี้ที่ใช้พูดคุยกับพิทักษ์แตกต่างราวฟ้ากับเหว


“ไม่เป็นไร” คนเกือบถูกมอเตอร์ไซค์ชนตอบ ก่อนจะหันไปทางคู่กรณี หนุ่มวัยรุ่นยังยืนตาเหลือกตัวลีบคร่อมมอเตอร์ไซค์ราวกับกำลังรอคำพิพากษา


“ถ้าจะหัดขับก็ไปหัดที่อื่น แถวนี้คนพลุ่กพล่านจะอันตราย แล้วก็ระวังให้มากกว่านี้ด้วย” พิทักษ์สอนเหมือนผู้ใหญ่สอนเด็ก เจ้าหนุ่มมอเตอร์ไซค์รีบยกมือไหว้


“ค...ครับ ขอโทษนะครับ”


“อือ จะไปไหนก็ไปเถอะ” มอเตอร์ไซค์คันที่เกือบจะก่อเหตุรีบสตาร์ทเครื่องแล้วขับจากไป พิทักษ์หันกลับมาที่คนข้างกายอีกครั้ง


“จิณจะซื้อของไปฝากคุณชิตรึเปล่า”


“อ่า...จริงด้วย” ว่าแล้วอดีตปลัดอำเภอก็หมุนตัวกลับไปที่ชั้นวางขนมอีกครั้ง พิทักษ์มองตามหลังคนรัก ก่อนจะหันกลับไปมองยังจุดที่เกิดเหตุเมื่อครู่นี้


สายตาและน้ำเสียงที่จิณณะใช้กับเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่เกือบก่อเรื่องชวนให้พิทักษ์อดคิดถึงคำหนึ่งคำขึ้นมาไม่ได้เลย


‘อำมหิต’


......................


หลังจากออกจากร้าน จุดหมายถัดไปของพวกเขาคือที่ว่าการอำเภอ แน่นอนว่าคนอัธยาศัยดี นามสกุลดังกลับมาทั้งที ย่อมมีแต่คนห้อมล้อมด้วยความคิดถึง จิณณะที่อยู่กับเพื่อนฝูง อย่างไรก็เป็นจิณณะ  วงศ์กีรติที่พิทักษ์รู้จัก ไม่เหมือน...คนที่เอาเรื่องเจ้าหนุ่มมอเตอร์ไซค์คันนั้นเลย


มันทำให้เขาอดหวนคิดถึงเรื่องที่ได้ยินจากลุง จากคนสนิทของลุง จากทนายความที่ทำคดีให้ หรือแม้แต่การที่อรพิณออกไปจากชีวิตเขา ถ้าทั้งหมดนั่นเกิดจากอีกด้านของจิณณะที่เขาไม่เคยพบเคยเห็น เป็นจิณณะที่จริงจัง มุ่งมั่น เลือดเย็นและ ‘อำมหิต’ เขาก็ไม่ควรอยู่เฉย


พิทักษ์รู้ว่าเขาควรจะเริ่มจากตรงไหน อย่างน้อยก็มีคนใกล้ตัวที่เคยประสบพบเจอจิณณะที่เป็นเช่นนั้น


“จะถามเรื่องคุณจิณ?”


“น้ามิตรเคยบอกว่าตอนเขาเคลียร์เรื่องไพศาล เขา...ไม่เหมือนจิณที่เคยรู้จัก”


มิตรร้องอ้อในใจ “ใช่ครับ”


“เขาเป็นยังไง”


“ก็...ไม่ใช่จิณณะคนนี้” พูดแล้ว มิตรก็ถอนหายใจยาวก่อนจะอธิบายเพิ่ม


“ถ้ามีคนบอกผมว่าเขาเป็นหลานของกอบกุล  วงศ์กีรติ ผมเชื่อแบบไม่ต้องขอดูนามสกุลของเขาเลย”


“น้ามิตรหมายความว่าเขาเหมือนคุณกอบมากอย่างนั้นหรือ?”


“มากครับ อย่างกับโขลกกันมา”


มิตรมีความกังวลใจเล็กๆเมื่อคิดถึงความเหมือนของจิณณะและคุณกอบกุล จริงอยู่ว่าเวลานี้จิณณะคนที่เหมือนคุณกอบกุลมากขนาดนั้นหายไปแล้วพร้อมกับไพศาลที่จากไป แต่ให้อย่างไรก็ไม่ใช่การหายไปตลอด คงซุกซ่อนอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่ง หากมีปัจจัยหรือเหตุการณ์ใดมากระตุ้นก็คงได้เห็นจิณณะคนนั้นอีก


“คุณทิศ...ต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก ผมไม่คิดว่าเขาจะทำร้ายคุณ แต่เมื่อไรก็ตามที่มีคนทำร้ายคุณ จิณณะคนนั้นจะกลับมา ผมกลัวว่า...มันจะทำให้ทั้งตัวคุณเองและคุณจิณเดือดร้อน”


‘เมื่อไรก็ตามที่มีคนทำร้ายคุณ จิณณะคนนั้นจะกลับมา’


เหตุการณ์ที่หน้าร้านอาหารเมื่อคราวก่อนที่พิทักษ์เกือบถูกมอเตอร์ไซค์ชนอธิบายคำพูดประโยคนี้ของมิตรได้อย่างดี สิ่งที่เขาพบไม่ใช่เพียงจิณณะที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ยังเป็นหลังมือที่...อันตราย


“ขอบคุณน้ามิตรมาก ผมจะคอยดูเขาอีกที”


คนสนิทของคุณเทียมเลิกคิ้วเล็กน้อย


“คุณทิศไม่กลัวคุณจิณหรือ”


พิทักษ์หันมอง พลางยิ้มจาง


“น้ามิตรบอกว่าเขาจะไม่ทำร้ายผม ผมก็เชื่อว่าเขาไม่มีวันทำอย่างนั้น แล้วถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรต้องกลัวอีก” คนฟังถึงกับยิ้ม แล้วพยักหน้ารับรู้


“บางที ผมก็ดีใจเหมือนกันนะ ที่ได้เห็นคุณจิณที่เหมือนคุณกอบกุลขนาดนั้น เพราะจิณณะคนนั้นไม่ได้ออกมาง่ายๆหรอก แต่เขาออกมาเพราะคนที่เขารักมากต่างหาก”


และคนที่จิณณะรักมากก็ไม่ได้หมายถึงคนอื่นไกล แต่เป็นพิทักษ์ คนที่เมื่อครู่นี้เพิ่งออกปากว่าจะคอยดูแลจิณณะ


ต่างคนต่างรักมาก


และคนที่ได้รับความรักมากนั้นก็ต่างเป็นกันและกัน


โชคดีแล้วที่พวกเขารักกัน


…………………….


พิทักษ์ไม่ใช่คนโฉ่งฉ่าง มักทำแต่ละอย่างอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากเริ่มแรกชวนคนรักออกกำลังกายบ้าง ปลูกต้นไม้บ้าง จนมาถึงหางานศิลปะมาชวนทำที่บ้าน


ในขณะที่จิณณะเป็นคนรักสนุก ออกกำลังกายจำพวกเล่นกีฬาแข่งขันย่อมสร้างความรื่นรมย์ให้กับเขา กิจกรรมปลูกต้นไม้ก็ไม่แย่เพราะเห็นว่าปลูกในบ้าน อย่างน้อยก็ได้ดอกผลไว้กิน ตอนพิทักษ์เอางานศิลปะสร้างสมาธิสำหรับผู้ใหญ่กลับมาชวนเขาทำ แรกๆก็เห็นเป็นเรื่องสนุก หลังๆมาชักเบื่อก็ไม่สนใจอีก


จนกระทั่ง...มาชวนไปเข้าค่ายธรรมะนั่งสมาธิ


คราวนี้คนรักสนุกถึงกับกะพริบตาปริบๆ


“พี่ทิศชวนผมไปไหนนะ?”


“นั่งสมาธิ”


จิณณะสะท้านเฮือก ขยับถอยหลังแทบไม่ทัน


“พ...พี่จะบวชหรือ?!” แม้จะถามเป็นประโยคสั้นๆ แต่ในสมองของจิณณะกำลังมีความคิดล้านแปด


เป็นเพราะเขารึเปล่าที่ทำให้พิทักษ์อยากละทางโลก หรือเพราะความรักของเรามาถึงทางตัน พิทักษ์ไม่กล้าบอกเขาตามตรงเลยหาทางเลี่ยงเข้าทางธรรมไปเสีย หรือพิทักษ์มีปัญหาชีวิตบอกใครไม่ได้เลยต้องใช้ธรรมะเยียวยา หรือ...หรือ...หรือเราต้องเลิกกัน...


ใช่สิ! คนหนึ่งบวช อีกคนจะอยู่รอให้พระสึกอย่างนั้นหรือ?! คนบวชจะใจสงบในผ้าเหลืองได้อย่างไรถ้าเห็นอุบาสกอย่างจิณณะไปรอใส่บาตรนิมนต์หลวงพี่ทุกเช้า!


“คิดไปถึงไหน พี่ไม่ได้จะบวช”


สีหน้าของจิณณะนั้นแสดงออกชัดแจ้งว่าคิดอะไรเกินเหตุไปหลายตลบ


“แต่...แต่พี่จะไปนั่งสมาธิ?”


“ไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ นุ่งขาวห่มขาว ไม่ต้องบวช”


“อ้อ...เหรอ...” แม้ปากจะรับคำเหมือนรับรู้ แต่จิณณะก็ไม่อาจขจัดความกังวลใจได้เลย อยู่ดีๆทำไมถึงคิดจะนั่งสมาธินุ่งขาวห่มขาวขึ้นมาล่ะ ถ้าไม่ใช่จะละทางโลกไปสู่ทางธรรม


ก่อนหน้านี้จิณณะรู้ซึ้งแค่เรื่องการจากเป็นจากตาย แต่มาบัดนี้ กลับรู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างคือมนุษย์เรามีการจากไปสู่ทางธรรมด้วย


แล้วเส้นทางอย่างนี้จะขัดขวางก็เรียกว่ามารศาสนา จะปล่อยให้ไปก็...เป็นหม้าย


...ใครล่ะหม้าย ก็จิณณะ  วงศ์กีรติคนนี้ไง!...


“จิณไปด้วยกันไหม” คำถามดังขึ้นอีก คนกำลังกังวลกับอนาคตหม้ายที่ลอยเด่นมาแต่ไกลได้แต่กลืนน้ำลายแล้วฝืนยิ้ม


“ผ...ผมขอดูตารางงานก่อนแล้วกันนะ พ...พี่จะไปเมื่อไรล่ะ”


อันที่จริงคือไม่ได้ดูตารางงาน แต่ขอระยะเวลาทำใจ เกิดพิทักษ์ไปแล้วไม่กลับมาอีก


...หม้ายจริงๆ งานนี้หม้ายจริงๆ…


“คอร์สมีหลายช่วง พี่จะส่งให้ดู แล้วจิณว่างช่วงไหน เราไปด้วยกัน”


…เราจะเข้าทางธรรมด้วยกัน แล้วเราจะออกมาสู่ทางโลกด้วยกันไหม…


นี่คือคำถามของจิณณะ  วงศ์กีรติที่ดังก้องหัวใจ

…………………


ว่าที่ดอกเตอร์ชเยนตร์ได้แต่มองผ่านจอคอมพิวเตอร์ตาปริบๆ เมื่อจู่ๆญาติผู้น้องก็ติดต่อมาด้วยสีหน้าอมทุกข์เอาแต่กุมขมับเหมือนพบปัญหาระดับชาติ


“ทิศบอกเองหรือว่าจะบวช”


หลังจากฟังการระบายอย่างคับอกคับใจ ชเยนตร์จับใจความได้ว่า พิทักษ์จะเข้าทางธรรม จะบวช และจะไม่สึก


‘ไม่บอกก็เหมือนบอก เขามาชวนผมไปนั่งสมาธิวิปัสสนา ผมถามเขาว่าเขาจะบวชหรือ เขาบอกเปล่าแค่นุ่งขาวห่มขาว แต่แค่นั้นก็รู้แล้วเปล่าวะพี่ชุน เขาบวชแน่! ผมต้องเลิกกับเขาแน่ๆ! เขาไม่สึกแน่ๆ!’


ชเยนตร์กะพริบตาปริบๆ น้ำเสียงของน้องชายนั้นเดือดเนื้อร้อนใจของแท้ แต่เนื้อหาที่พูดไม่เห็นจะคล้องจองกันตรงไหน


พิทักษ์บอกว่าจะไปนั่งสมาธิ นุ่งขาวห่มขาว แต่จิณณะตีความว่าพิทักษ์จะบวช


…อ่ะ...เอาใหม่...


...พิทักษ์บอกว่าจะไปปฏิบัติธรรม แต่จิณณะบอกว่าพิทักษ์จะบวช…


สรุปว่าสิ่งที่พิทักษ์บอกกับสิ่งที่จิณณะตีความคือเรื่องเดียวกันไหม


“สรุปว่าทิศบอกว่าอะไร”


‘บอกว่าจะไปนั่งสมาธิ นุ่งขาว...’


“ไม่ได้บอกว่าจะบวชใช่มั้ย” ชเยนตร์แทรก


‘ก็...ก็ไม่ได้บอก! แต่เดาเองก็ได้เปล่าวะพี่ชุน!’ หน้าตาหลานชายนอกคอกของคุณกอบกุลนั้นบูดบึ้งเหลือประมาณ คาดว่าเจ้าตัวตีความไปไกลแล้วว่าต้องได้เห็นผ้าเหลืองของพิทักษ์แน่ๆ


“อย่าเดาสิวะ ไปถาม”


‘ผมถามแล้ว! เขาบอกว่าไม่ได้จะบวช แต่...’


“ไอ้จิณ ทิศบอกว่าจะไปนั่งสมาธิ ไม่ได้บวช! แกนี่ท่าจะเป็นเอามาก คอร์สปฏิบัติธรรมน่ะพี่ก็เคยไป แล้วทุกวันนี้พี่บวชมั้ย” ชเยนตร์ย้อนถาม จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย เพราะเวลานี้ญาติผู้พี่ของเขาก็ยังมุ่งมั่นจะหิ้วดีกรีดอกเตอร์กลับมาเป็นขวัญตาคุณกอบกุลให้ได้ ก็เลยยังไม่มีใครได้เห็นผ้าเหลืองของหลานยายตระกูลวงศ์กีรติเลย


“แกคิดเรื่อยเปื่อยจิตไม่ว่างแบบนี้ไง ทิศเลยหาคอร์สธรรมะมาลากแกไป เขาไม่ได้คิดจะบวชหรอก เขาคิดจะชวนแกไปทำสมาธินี่ล่ะ!” ชเยนตร์รวบใจความสำคัญ ทำเอาจิณณะนิ่งงันไปอีกรอบ


‘พี่ชุนหมายความว่า…ที่พี่ทิศจะไปนั่งสมาธิ นุ่งขาวห่มขาว เป็นเพราะผมหรือ’


“ก็เออสิ!”


จิณณะที่อยู่อีกฝั่งโลกนิ่งงัน หวนคิดถึงกิจกรรมของเขาและคนรักช่วงที่ผ่านมา จะว่าแปลกก็แปลก ไม่แปลกก็ไม่แปลก เรื่องออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ อาจมองว่าเป็นกิจกรรมใช้เวลาร่วมกันของคู่รักก็ได้ แต่ศิลปะสร้างสมาธิสำหรับผู้ใหญ่ที่พิทักษ์ถือกลับบ้านโดยอ้างว่าเพื่อนเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าและให้เอามาลองนั่น...ก็ดูเข้าทางกับคำพูดของชเยนตร์


“มีเรื่องแค่นี้ใช่ไหมที่แกจะคุย ขอบอกว่าทางนี้ตีสอง กระผมขอตัวไปนอนก่อนนะขอรับ คุณชาย”


คนกำลังจมอยู่กับการไตร่ตรองไม่ได้รั้งศิรานีว่าที่ดอกเตอร์เอาไว้อีก ได้แต่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วครุ่นคิดกับเรื่องที่ผ่านมา

.....................

แม้จะเป็นคนรักกัน แต่ก็หาใช่จะพูดคุยทุกเรื่องอย่างตรงไปตรงมา จิณณะไม่รู้จะถามอย่างไรดี แต่ยิ่งเก็บงำ ก็ยิ่งปกปิดความรู้สึกไม่มิด พิทักษ์ดูออกว่าคนรักมีเรื่องคาใจ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไร


อาจจะเป็น...เรื่องที่เขาชวนไปปฏิบัติธรรม


“จิณ ไม่อยากไปหรือ”


ช่วงเวลาที่ได้พบหน้าพูดคุยของพวกเขาคือช่วงทานอาหาร วันนี้พิทักษ์ออกจากสนามกอล์ฟมาหาอีกฝ่ายถึงที่ ก่อนจะพาออกไปหาร้านผัดไทเจ้าอร่อย อย่างน้อยก็คิดเอาเองว่าอาหารรสชาติถูกปากสำหรับคนชอบกินของอร่อยนั้น น่าจะทำให้จิณณะยอมเปิดเผยอะไรไห้ได้รับรู้บ้าง


“หือ ไปไหน” จิณณะเงยหน้าจากจานผัดไทของตนเอง แต่ในช้อนมีหอยทอดตัวใหญ่จากจานหอยทอดตรงกลาง บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเอร็ดอร่อยกับอาหารถูกปากจริง แต่ไม่มีเวลาเปิดเผยอะไรทั้งนั้นเพราะเน้นกินเป็นสำคัญ


พิทักษ์มองคนรักแล้วก็อดหัวเราะเบาไม่ได้ จิณณะ  วงศ์กีรตินั้นไม่สมกับเป็นหลานชายคุณกอบกุลเลยสักนิด ยิ่งเวลามีของที่ชอบ ของที่ถูกปากอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องคาดหวังเลยว่าจะได้เห็นมาดนุ่มลึกหรือเปล่งอำนาจบารมีแบบผู้เป็นย่า


ทว่า...พอมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น เจ้าตัวก็กลับ...


คิดมาถึงตรงนี้ จากเสียงหัวเราะเบาก็กลายเป็นสีหน้าจริงจัง พิทักษ์คิดว่าเขาไม่ควรปล่อยคนรักเอาไว้เช่นนี้ มนุษย์ทุกคนล้วนมีด้านมืด และมนุษย์ทุกคนก็มีความสามารถในการจัดการด้านมืดของแต่ละคนแตกต่างกัน ทว่าจิณณะ...ดูเหมือนจะยินยอมให้ด้านมืดครอบงำโดยสิ้นเชิง แค่เพียงแต่มีคนมุ่งร้ายคนรอบข้างของเจ้าตัว


ใจเสี้ยวหนึ่งของพิทักษ์นั้นอิ่มเอิบเมื่อรู้ว่าความรู้สึกที่เขามอบให้หาใช่มีแต่เขา จิณณะเองก็มีความรู้สึกแรงกล้ามอบกลับมาเช่นกัน แต่อีกเสี้ยวใจก็เป็นห่วง ไม่อยากให้ความรู้สึกแรงกล้าของอีกฝ่ายถูกบิดจนกลายเป็นโทสะ เพราะสุดท้าย เรื่องที่ร้ายที่สุดจะกลับไปตกที่ตัวจิณณะเอง


“ที่พี่ชวนไปปฏิบัติธรรม”


คำตอบของพิทักษ์ทำเอาช้อนที่อยู่ในมือของจิณณะถึงกับวางลงกับจาน


ต่างคนต่างมองหน้ากัน แต่ต่างคนต่างไม่รู้เหตุผลในใจของกันและกัน


หากไม่พูด ให้ตายก็ย่อมไม่รู้ จิณณะอึดอัดจนสุดท้ายกลายเป็นพ่นลมหายใจ


“พี่อยากให้ผมไปหรือ ทำไม”


พิทักษ์ไม่ได้คิดจะบอกตามตรงตั้งแต่แรก แต่เมื่ออีกฝ่ายถามอย่างตรงไปตรงมาและสายตายามมองเขานั้นก็เต็มไปด้วยความอยากรู้แฝงด้วยแววกังวล หากจะโกหกหรือตอบเลี่ยงก็คงไม่ยุติธรรมสำหรับความอยากรู้ของคนรักเลย


“พี่อยากให้จิณมีสติ”


“แล้วผมไม่มีตอนไหน”


“ตอนที่เกือบมีมอเตอร์ไซค์มาชนพี่”


จิณณะกะพริบตาปริบๆอย่างงุนงง แต่แล้วความทรงจำเสี้ยวเล็กๆที่แทบจะไม่สำคัญจนเกือบลืมไปแล้วก็ฉายวาบขึ้นมาในสมองอีกครั้ง 


ตอนที่พวกเขาไปทานข้าวเที่ยงร้านข้าวแกงข้างที่ว่าการด้วยกัน พิทักษ์เกือบถูกมอเตอร์ไซค์ของเด็กวัยรุ่นหัดขับพุ่งชน ดีว่าจิณณะดึงอีกฝ่ายออกมาได้ทันเวลา


ทว่าแม้พิทักษ์จะไม่เป็นอะไร แต่จิณณะในเวลานั้น...โกรธ


...โกรธมาก...


ใครก็ตามที่ทำให้พิทักษ์ตกอยู่ในอันตราย มันคนนั้นก็ไม่อาจอยู่ดีมีสุขเช่นกัน


พอคิดย้อนกลับไปในยามนั้น จิณณะรู้สึกเหมือนขนลุกไปทั้งร่าง คล้ายเห็นภาพซ้อนตนเองกับคุณกอบกุล คนที่เขาไม่อยากเหมือนที่สุดในชีวิต


“ผม...” ยิ่งคิดว่าตนเองเหมือนผู้เป็นย่า ก็ยิ่งพูดไม่ออก ไม่อาจแก้ตัวอะไรได้สักคำ อนาคตข้างหน้า เขาอาจจะเหมือนคุณกอบกุลมากกว่านี้ก็ได้


“พี่ดีใจที่จิณเป็นห่วงพี่ ดีใจที่อยากทำเพื่อพี่ แต่พี่ไม่อยากเห็นจิณขาดสติแบบนั้น มันจะไม่ดีต่อตัวจิณเอง”


จิณณะพูดไม่ออก เขาอยากบอกว่าเขามีสติอยู่เสมอ ยามเกิดเหตุ เขาก็รู้ตัว และเพราะรู้ เขาจึงกวาดตามองหาต้นเหตุทันที หากรู้ว่าใครหรืออะไรทำให้เกิดเพศภัยต่อพิทักษ์ มันจะอยู่อย่างปกติสุขเช่นเดิมไม่ได้อีก


“ลองไปไหม ไปด้วยกัน”


ความจริงใจของพิทักษ์นั้น ต่อให้หลับตาก็รับรู้ จิณณะเม้มปากอย่างช่างใจ หันมองคนถาม


“พี่ทิศ...ไปด้วยกันใช่ไหม” พิทักษ์พยักหน้ารับ


“งั้น...ไปก็ไป ลองดูก็ได้”


……………………..


เคยกล่าวแล้วว่าคุณกอบกุลเป็นผู้มีบุญ เรื่องใดที่ใครไม่อยากให้หล่อนรับรู้ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่มีวันลับหูลับตาหล่อนได้ วันดีคืนร้ายที่คุณกอบกุลแวะมาเฉิดฉายเปล่งบารมีผู้ก่อตั้งในสำนักงานใหญ่ พอพบหน้าบุตรชายคนเล็กอย่างโกศล ถามไถ่ความเคลื่อนไหวของส่วนงานที่โกศลดูแลแล้ว ก็ถามเลยไปถึงเรื่องหลานชายทั้งสอง


จารีตเรียนจบและเริ่มงานในบริษัทในเครือวงศ์กีรติแล้ว


ส่วนจิณณะ...


“อะไรนะ?! ไปปฏิบัติธรรมสามวัน! ติดต่อไม่ได้! ลูกแกน่ะหรือปฏิบัติธรรม?!”


คุณกอบกุลตกตะลึงยิ่งกว่ารู้ว่าบริษัทจะล่มจมก็เมื่อได้รู้ว่าจิณณะลางานสามวันชนิดปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดแล้วปลีกวิเวกเข้าหาธรรมะ


...ไม่สิ จะเรียกว่าปลีกวิเวกไม่ได้ เพราะมีคนติดตามไปด้วย…


“ครับ เห็นว่าทิศชวน”


หญิงชราขมวดคิ้วมุ่น นึกหาเหตุผลแต่ก็ไม่เห็นจะมีเรื่องใดเป็นชนวนเหตุให้จิณณะและพิทักษ์ต้องจูงมือกันไปปฏิบัติธรรมเลย


กิจการของทั้งสองเป็นไปด้วยดี สุขภาพร่างกายแข็งแรงกันทั้งคู่ชนิดที่ถ้าใครสักคนเป็นหญิง คุณกอบกุลคงได้ไปชำเลืองหน้าห้องเด็กแรกคลอดเพื่อดูหน้าเหลนที่เกิดจากหลานนอกคอกแล้ว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์...เรื่องนี้แย่ แย่เพราะคุณกอบกุลไม่อาจเรียกนักสืบมาสอบถามได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร แต่ก็ยังเห็นจิณณะไม่ดิ้นรนจะย้ายออกจากบ้านพิทักษ์ ตัวพิทักษ์เองก็ไม่มีทีท่าจะมองหาใครใหม่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็คงเป็นไปด้วยดีอยู่หรอก


แล้วถ้าเช่นนั้น มีปัญหาอะไร


“ช่างเถอะ มันจะไปไหนก็เรื่องของมัน แกออกไปได้แล้ว แล้วให้ใครตามนาตยาเข้ามา”


คุณกอบกุลโบกมือไล่ลูกชาย เพราะเขาไม่อาจให้ความกระจ่างอะไรได้อีก โกศลจากไป อึดใจต่อมาเลขานุการส่วนตัวของหญิงชราก็ก้าวเข้ามาในห้องเพื่อรับคำสั่ง


“เช็คให้ฉันที ค่ายปฏิบัติธรรมอะไรนั่นเขาทำอะไรกันบ้าง”


นาตยากะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง เพราะนับตั้งแต่ติดตามดูแลคุณกอบกุลมานาน หล่อนไม่เคยเห็นหญิงผู้นี้จะเข้าใกล้ทางธรรมมากเกินกว่าการทำเอาหน้าเพื่อส่งเสริมธุรกิจของวงศ์กีรติเลย แล้วอะไรดลใจให้จู่ๆก็ถามเรื่องปฏิบัติธรรมขึ้นมาเล่า


เลขานุการผู้ใกล้ชิดคุณกอบกุลมายาวนานรู้ดีว่าต่อให้สงสัยก็ไม่ควรตั้งคำถาม หากไม่เพื่อธุรกิจและผลประโยชน์ของตระกูล ก็มีเพียงเหตุเดียวที่เหลืออยู่


...ลูกหลาน...


ว่าแต่...ลูกหลานคนใดในวงศ์กีรติสนใจค่ายปฏิบัติธรรมเล่า?


…………………….

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 19-09-2019 23:01:17


มีสติ จิตสะอาด ใจสงบ


ค่ายปฏิบัติธรรมระยะสั้นสำหรับมือใหม่อย่างจิณณะนับว่าผ่านไปด้วยดี แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้างเพราะคนจิตไม่นิ่งนั้นมักจะชอบแต่เรื่องสนุก ให้เดินจงกรมครึ่งวัน นั่งวิปัสสนาสำรวจจิตอีกครั้งวันย่อมเป็นเรื่องยาก แต่ก็นับว่าความพยายามพาให้ผ่านพ้นไปได้ อีกทั้งพอมองข้างกายแล้วพบว่าพิทักษ์ยังอยู่ข้างๆ เดินจงกรมก็เดินด้วยกัน นั่งวิปัสสนาก็นั่งข้างกัน พอมีคนทำให้ดู อีกทั้งยังเป็นคนที่จิณณะแอบยกย่องว่านอกจากจะเป็นคนรักที่พึ่งพาได้แล้วยังเป็นไอดอลในใจด้วย จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาเหตุผลให้ตนเองทำตาม


“พี่นัยบอกว่าผมนิ่งขึ้นเยอะเลยตั้งแต่กลับมา ผมก็ว่าผมนิ่งขึ้นนะ” จิณณะโอ้อวดให้คนรักฟังในเย็นวันหนึ่งระหว่างที่กำลังทานก๊วยเตี๋ยวคนละชามอยู่ในร้านริมถนนที่ทั้งร้อนและไม่หรูหรา ทว่ารสชาติดีเยี่ยม


พิทักษ์ยิ้มจาง มองคนพูดเพลิน แม้จะอยากล้ออยู่บ้างว่าแค่สามวันได้ผลถึงเพียงนั้นเชียวหรือ แต่เห็นอีกฝ่ายพูดเก่งก็ไม่อยากขัด 


“แสดงว่าไปแล้วดี” เขาสรุป จิณณะเงยหน้าจากถ้วยขึ้นมายิ้มแฉ่ง


“แค่สามวันก็เห็นผลแล้ว ปีหน้าก็ไปสามวันแบบนี้อีกก็ดีนะ”


คราวนี้พิทักษ์หัวเราะเบา


“ไม่คิดจะเพิ่มจำนวนวันเลยรึไง”


“สามวันก็พอแล้ว แค่นี้ก็มีเสียงมาถึงหูว่าลางานไปตั้งสามวัน ติดต่อก็ไม่ได้ ไม่กลัวบริษัทล่มจมรึไง”  หลานชายตัวแสบไม่ต้องทำเสียงเล็กเสียงน้อยนินทาคนพูด ก็พอจะรับรู้กันว่าเจ้าตัวพูดถึงใคร จะมีใครเสียอีกที่ค่อนแคะกระแหนะกระแหนจิณณะ  วงศ์กีรติได้ทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องลาหยุดไปปฏิบัติธรรม


พิทักษ์ไม่มีนิสัยให้ท้ายคนรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการพูดจาส่อเสียดต้นตระกูล แต่จะให้เขาพอใจกับเสียงบ่นที่ฟังก็รู้ว่าเป็นเสียงจากใครก็เห็นจะไม่ได้


“คุณกอบดุหรือ” จิณณะชะงักไปเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่านอกจากจะไม่ถูกคนรักดุ ยังถูกถามเหมือนอยากรู้ด้วย


“ก็...ดุมั้ง ผมแค่ได้ยินมา ไม่ได้ถูกเรียกไปพบ”


พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก


“ถ้าถูกเรียกพบก็บอก พี่จะไปด้วย”


“หือ? ไปทำไม”


“จิณลางานไปกับพี่ ถ้าคุณกอบจะดุเรื่องนี้ พี่จะอธิบายให้เขาฟังเอง” สีหน้าของพิทักษ์นั้นจริงจังเสียจนคนฉลาดทำตาลิ่วตาเหล่


“ฮั่นแน่ พี่ปกป้องผมหรือ” พิทักษ์ไม่ตอบ แต่จ้องเป็นเชิงดุให้หยุดแซว จิณณะหัวเราะหน้าตาสดใส กำลังจะก้มหน้าก้มตาคีบเยนตาโฟเข้าปากต่อ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น


“อุ๊ย คุณทิศ! ตายจริง โลกกลมจังเลยค่ะ”


พิทักษ์และจิณณะเงยหน้ามองโดยพร้อมเพรียง คนที่เข้ามาทักทายคือหญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัวจัดที่ดูแล้วไม่เหมือนจะมานั่งกินข้าวในร้านก๊วยเตี๋ยวข้างทางอย่างที่พิทักษ์และจิณณะกำลังทานอยู่เลย


“สวัสดีครับ คุณดาริน”


“โธ่ ดารินอะไรกัน เรียกดาสั้นๆก็ได้ค่ะ” สองประโยคของหญิงสาวและการเล่นหูเล่นตาที่มอบให้พิทักษ์แต่เพียงผู้เดียว ต้องให้จิณณะหูตามืดบอด ประสาทสัมผัสทั้งหกทำงานไม่ได้ ถึงจะบอกว่าหญิงสาวคนนี้เข้ามาทักอย่างไม่มีอะไรในกอไผ่


แต่ขอโทษที หลานชายคุณกอบกุล  วงศ์กีรติมีหรือจะหูดับตาบอด ประสาทสัมผัสหมดอายุขัย


เพราะทุกอย่างยังใช้ได้ดี สมองเลยประกาศภัยในร่างกายและหัวใจรับรู้


ผู้หญิงคนนี้หวังใกล้ชิดพิทักษ์!


ทว่าพิทักษ์ไม่เล่นหูเล่นตากลับ เพียงแค่มองและยิ้มอย่างสุภาพ หญิงสาวเลยทำทีเป็นเพิ่งหันมาเห็นว่ามีคนร่วมโต๊ะด้วย


“โอ๊ะ! คุณทิศมากับเพื่อนหรือคะ ขอโทษทีดาไม่เห็น”


จิณณะยิ้มเย็น ดวงตาจับจ้องชนิดที่หญิงสาวรู้สึกหนาวยะเยือกจนเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่


“สวัสดีครับ คุณดาสั้นๆ...” ดารินชะงักหน้าตาเหรอหรา แต่จิณณะฉีกยิ้มเหมือนขบขัน “ก็เมื่อครู่นี้คุณดาสั้นๆบอกให้พี่ทิศเรียกว่าดาสั้นๆก็ได้ไม่ใช่หรือครับ”


“อ...อ๋อ ค...ค่ะ...ใช่ค่ะ อุ๊ย! เพื่อนคุณทิศเป็นคนตลก...” หญิงสาวรู้สึกทั้งเก้อทั้งเขิน อีกทั้งยังรู้สึกแปลกๆ แม้จะออกปากว่า ‘เพื่อนคุณทิศเป็นคนตลก’ แต่ชายคนนี้กลับมีแค่รอยยิ้มที่ทำให้ดูตลก ทว่าสายตาไม่ตลกด้วยเลย


“ส...สวัสดีค่ะ เอ๊! เหมือนดาเคยเห็นคุณ เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าคะ”


“ไม่หรอกครับ เพราะผมจำคุณไม่ได้” สีหน้าของหญิงสาวซีดลงไปอีก รู้สึกเหมือนถูกด่าว่าโมเมทั้งๆที่ไม่มีคำด่าสักคำ ทว่าจิณณะยังคงยิ้มจางแล้วเอ่ยต่อ “...ผมจิณณะ  วงศ์กีรติ ยินดีที่ได้รู้จัก หลังจากนี้...ผมกับคุณอาจจะได้เจอกันอีก”


หญิงสาวรู้สึกประหลาด มันเป็นความหวั่นอย่างที่ไม่ควรหวั่นอีกทั้งยังไม่รู้สึกยินดีกับคำว่า ‘อาจจะได้เจอกันอีก’ นั่นเลย


“เอ้อ...ค่ะ ถ้า...ถ้ายังไงดาขอตัวก่อนนะคะ แล้วไว้เจอกันนะคะ” หล่อนหันไปพูดกับพิทักษ์ แต่พอปรายตามามองจิณณะก็กลับขนลุกวาบขึ้นมาอีกจนต้องรีบผละจากไป เมื่อเหลือกันเพียงสองคน เยนตาโฟแสนอร่อยในชามไม่อาจยั่วน้ำลายคนหมดอารมณ์ได้อีก จิณณะหันไปเรียกเด็กในร้านมาคิดเงินทันที พอจ่ายเงินแล้วก็ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมถามพิทักษ์เสียสนิทว่าอิ่มหรือยัง


“เอ่อ...พี่...กินต่อก็ได้นะ ผมแค่เรียกเก็บเงินไว้ก่อน”


ไม่รู้จะแก้ตัวว่ายังไง แต่ก็ไม่อยากพูดความจริงให้หงุดหงิดว่าไม่อยากนั่งต่อให้มีผู้หญิงที่ไหนมาทักทายพิทักษ์อีกแล้ว ทว่าแม้อารมณ์จะแกว่งเพราะผู้หญิงคนนั้น แต่น้ำเสียงที่ใช้คุยกับคนรักกลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว พิทักษ์รู้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ที่แสนสั้น เพียงไม่กี่นาทีที่จิณณะพูดคุยกับดาริน เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอรพิณถึงขยับตัวออกห่าง


“พี่ก็อิ่มแล้ว ไปเถอะ”


พวกเขาพากันขึ้นรถ อากาศข้างนอกค่อนข้างร้อน แต่เมื่อเครื่องปรับอากาศภายในรถทำงาน ไม่กี่อึดใจก็กลายเป็นเย็นฉ่ำ คนที่ดูท่าจะหงุดหงิดก็เลยพลอยอารมณ์เย็นลง พิทักษ์เหลือบมองคนข้างกาย พอเห็นจิณณะผ่อนคลายเอนหลังพิงพนักเริ่มสนอกสนใจนอกหน้าต่างรถ เขาจึงเอ่ย


“ไหนบอกว่านิ่งขึ้นเยอะแล้ว”


“ก็นิ่งไง” ต่อให้กำลังมองใบไม้ใบหญ้าและบ้านเรือนริมถนน แต่จิณณะก็รู้ดีว่าคนรักกำลังพาบทสนทนาไปยังเรื่องอะไร


ปฏิบัติธรรมสามวันจนโอ้อวดว่าจิตนิ่ง ใจสงบ แต่พอเจอผู้หญิงเข้ามาอ้อล้อพิทักษ์ อย่าว่าแต่ใจสงบเลย แม้กระทั่งปากก็สงบไม่ได้


“แล้วเมื่อกี้นี้อะไร”


“เมื่อกี้? ผมแนะนำตัวนะนั่น ไม่นิ่งตรงไหน” พิทักษ์ไม่ตอบแต่เหลือบมามอง เพียงเท่านั้นคนเถียงคอเป็นเอ็นทั้งๆที่รู้ตัวดีก็ได้แต่เม้มปากก่อนจะยอมโพล่งออกมา


“ก...ก็ได้...ม...เมื่อกี้ใจแกว่งไปหน่อย...ดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้บังเอิญมาเจอพี่ แต่งสวยมาขนาดนั้นแต่บังเอิญมากินก๋วยเตี๋ยวริมถนน ไม่เมคเซ้นท์เลย”


“เขาเป็นลูกค้า”


“ขาวจั๊วะขนาดนั้นเนี่ยนะ ตีกอล์ฟ?” พอย้อนถามไปแล้วจิณณะก็อยากกลับไปเคลียร์ตารางงานตนเองบ้างแล้ว สงสัยต้องโผล่หน้าไปสนามกอล์ฟของพิทักษ์ให้บ่อยกว่านี้ เพราะขนาดไปเยือนแทบทุกสัปดาห์ ลูกค้าสาวสวยทั้งขาวทั้งเซ็กซี่ยังหลุดรอดสายตาเขาไปได้เลย


แม้ความรู้สึกของพวกเขาจะวางใจได้ แต่มีของสวยๆงามๆเดินล่อตาล่อใจอยู่ใกล้มือ ต่อให้จะไว้ใจพิทักษ์แค่ไหน จิณณะก็ไม่คิดว่าตนเองควรจะวางใจแล้วปล่อยให้ใครคนอื่นเข้ามาสร้างโอกาสพัฒนาความสำคัญกับคนรักของเขา


‘ของของเรา เราต้องแสดงตัว’ เลขานุการของพิทักษ์เคยกรอกหูเอาไว้


“เขากำลังจะเอาอุปกรณ์กอล์ฟมาลงที่สนาม” พิทักษ์ย้ำ


จิณณะรู้แก่ใจว่าพวกเขาผ่านเรื่องราวด้วยกันมามาก พิทักษ์เองก็ไม่ใช่คนวอกแวกหรือมีนอกมีใน แต่ฝั่งคนอื่นต่างหาก กระทั่งเห็นว่าพิทักษ์ไม่ได้อยู่คนเดียวยังเข้ามาทักทายเล่นหูเล่นตาเลย


“สำหรับพี่ทิศ เขาเป็นลูกค้า แต่สำหรับเขาอาจจะไม่มองว่าพี่เป็นเจ้าของสนามก็ได้นี่นา”


ตบมือข้างเดียวให้อย่างไรก็ไม่ดัง จิณณะรู้ แต่โลกนี้มีคนหลายประเภท ประเภทที่พอเห็นคนอื่นไม่เล่นด้วยแล้วถอยฉากก็มี ประเภทเห็นคนอื่นไม่เล่นด้วยแต่บังคับข่มขู่จับมืออีกคนมาตบกับมือตัวเองจนได้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน


“พี่ก็ไม่ใช่เจ้าของจริงๆนั่นล่ะ” คำพูดของพิทักษ์ทำเอาคนกำลังจมอยู่กับการคิดหาวิธีกันผู้หญิงอื่นออกจากคนรักต้องหันมอง


“พี่ทิศไม่ใช่เจ้าของ? อ้าว แล้วใคร คุณเทียมหรือ”


พอถูกดึงไปเรื่องอื่น คนจิตไม่นิ่งก็พร้อมจะไหลตาม พิทักษ์เพิ่งเห็นข้อดีของการวอกแวกง่ายก็ตอนที่พยายามดึงเจ้าตัวออกมาจากเรื่องที่ชวนให้หวั่นว่าจิณณะจะทำเรื่องดำมืดอีก


“ไม่ใช่” เขาตอบสั้น ล่อหลอกให้จิณณะคิดหาคำตอบกับเรื่องนี้แทนที่จะคิดเรื่องชวนอารมณ์เสียอย่างผู้หญิงที่ชื่อดาริน และดูท่าจะได้ผลเพราะเริ่มขมวดคิ้วหนัก


“ไม่ใช่คุณเทียมด้วยหรือ? หรือพวกพี่คุณ”


ชื่อกลุ่มเพื่อนสนิทก็ถูกยกขึ้นมา แต่พิทักษ์ยังส่ายหน้า


“ไม่ใช่พี่คุณด้วย? แล้วใคร หรือจริงๆแล้วพี่ทิศแอ๊บเป็นเจ้าของ ที่จริงเป็นแคดดี้ใช่ไหม” แล้วตัวแสบก็หัวเราะลั่นรถที่ได้หยอกเย้า


หากเป็นเวลาปกติ พิทักษ์คงไม่ปล่อยให้หัวเราะเขาอย่างนี้ จับจูบสักทีสองทีให้รู้กันไปว่าเป็นเจ้าของสนามหรือแคดดี้ แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาปกติ นอกจากเขาจะกำลังขับรถแล้ว ควรปล่อยให้จิณณะอยู่กับเสียงหัวเราะเช่นนี้ไปจนกว่าจะลืมเรื่องผู้หญิงคนนั้น หรือ...ถ้าไม่อยู่กับเสียงหัวเราะ ก็...ให้อยู่กับความเขิน


“เจ้าของเป็นใครไม่รู้ อยู่ดีๆก็ขอมากินข้าวเที่ยง ใส่เสื้อโปโลที่ว่าการมาโชว์ลูกค้าทั้งสนาม บังคับให้พี่นั่งกินข้าวด้วยจนกว่าจะหมดเวลาพัก กินไปหน้าบูดไป แต่ก็มามันซะทุกเที่ยง แล้วพอเริ่มชิน จู่ๆบทจะไม่มาก็ไม่มา เล่นตัวต้องให้ไปหา”


เสียงหัวเราะหยุดกึก จิณณะอ้าปากค้างมองคนพูด ทว่าพิทักษ์ยังคงขับรถแต่ไม่วายเหลือบตามามองพร้อมรอยยิ้มจาง


“เล่น...เล่นตัวอะไร” ตอนนั้นจิณณะไม่ได้คิดจะเล่นตัวสักนิด เพียงแต่จับความรู้สึกตนเองได้และคิดเอาว่ามันไม่ควรถึงได้ถอยห่าง แต่กลายเป็นถูกกล่าวหาว่าเล่นตัว แต่...จะพูดความจริงก็ไม่ได้ เพราะหากบอกว่าแอบยกหัวใจให้พิทักษ์ไปตั้งแต่ตอนนั้น คงได้ถูกล้อเลียนอีก สรุปเป็นว่าไม่ว่าจะพูดความจริงหรือปล่อยให้พิทักษ์เข้าใจว่าเล่นตัว ก็ล้วนไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์มาดแมนแฮนด์ซัมของจิณณะ  วงศ์กีรติเลยสักนิด!


“เดี๋ยวนี้ก็มา แต่ไม่มาเป็นเวลาแล้ว คิดจะมาก็มา มาแต่ละทีก็ชอบหิ้วขนมมาฝากคนนั้นคนนี้ คนทั้งสนามลืมชื่อพี่ไปหมดแล้วมั้ง เห็นเรียกหาแต่คุณจิณ”


‘คุณจิณ’ ตัวจริงเสียงจริงได้แต่เม้มปาก ความรู้สึกวูบวาบในอกเหมือนเด็กหนุ่มวัยริรักนี่มันช่างทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยจริงๆด้วย ทว่าแม้จะดีใจเพียงใด แต่คนฟอร์มจัดก็ยังทำทีเก็กขรึมก่อนจะย้อนถาม


“ค...คนนั้นเป็นเจ้าของสนามหรือ”


“อืม...แล้วก็เป็นเจ้าของทุกอย่างในชีวิตพี่เลย”


จบกัน อารมณ์หงุดหงิดที่มีมา จิณณะทิ้งไปหมดแล้ว

……………….

เมื่อมีช่วงเวลาที่อารมณ์เสีย ก็ย่อมมีช่วงเวลาที่อารมณ์ดี คนเราจะถือความทุกข์ไปได้สักกี่น้ำ โดยเฉพาะมนุษย์ที่รักความสุขสำราญใจเป็นหนึ่งอย่างจิณณะ นับจากนั้นเขาก็ไม่เอ่ยถึงชื่อผู้หญิงคนไหนกับพิทักษ์อีก พิทักษ์เองก็คิดเอาว่าคนรักคงไม่ถือสากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนั้น


จนกระทั่ง…


วันหนึ่งพิทักษ์ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ปริศนา พอรับสายก็พบว่าปลายสายคือดารินที่โทรศัพท์มากระเง้ากระงอดที่เขาไม่เป็นผู้นำทีมไปพบหล่อนเมื่อวานด้วยตนเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดการ พิทักษ์งุนงงเล็กน้อยแต่ก็บอกปัดว่าเขาติดธุระสำคัญ พอวางสายจากหล่อนแล้วเปิดตารางงานเมื่อวานของตนเองขึ้นดู ก็พบว่าเมื่อวานตอนบ่ายเขาว่าง


และเพราะว่าว่าง จึงรับนัดจิณณะไปดูภาพยนตร์


ชายหนุ่มกดอินเตอร์โฟนเรียกเลขานุการสาวเข้าพบทันที


“เมื่อวานตอนบ่ายมีนัดกับบริษัทของคุณดารินหรือ”


เลขานุการนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว


“ใช่ค่ะ”


“ผมว่างไม่ใช่หรือ ทำไมทีมที่ไปพบคุณดารินถึงไม่มีผม” หญิงสาวอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบ


“เอ่อ...ก็...ก็เมื่อวาน คุณทิศมีนัดกับคุณจิณนี่คะ”


พิทักษ์หรี่ตามองลูกน้อง แต่หาใช่เขาไม่รู้ว่าหล่อนยืนฝั่งไหน ระหว่างเขาหรือจิณณะ


เมื่อวาน เขามีนัดกับจิณณะจริง จู่ๆรายนั้นก็อยากดูภาพยนตร์ขึ้นมา เขาเห็นว่าไม่มีงานอะไรจึงตกลง เขาไปรับคนรักหลังเที่ยงแล้วไปห้างสรรพสินค้า รอบฉายมีหลายรอบ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปบ่ายวันธรรมดา ยกเว้นแต่ว่าเป็นจิณณะเองที่ยกข้ออ้างที่ว่า ‘ตอนบ่ายวันทำงาน โรงว่างจะตาย สบายด้วย’


แต่...ถ้าเมื่อวานมีงาน เขาย่อมต้องยกเลิกนัดกับจิณณะ


หรือ...อันที่จริงแล้ว จิณณะรู้ว่าเขาจะมีงาน จึงเร่งรัดจะไปดูหนังเมื่องวาน อย่างน้อยก็เพื่อให้เขาไม่ว่าง


เลขานุการสาวยืนเงียบตัวลีบดูจากท่าทางของหล่อนแล้วก็คงกลัวเขาดุ แต่พิทักษ์รู้ว่าเรื่องคราวนี้ไม่ควรดุใครนอกจากคนรักของเขา


“คุณไปทำงานต่อได้แล้ว” เมื่อได้รับอนุญาต หญิงสาวก็รีบถอยออกจากห้องอย่างรวดเร็ว


………………….


จิณณะคิดว่าวันนี้คนรักของเขาเงียบผิดปกติ  แม้ปกติจะเงียบเป็นนิจและปล่อยให้เขาเล่าเรื่องร้อยแปดพันเก้า แต่ก็มีส่วนร่วมรับคำหรือแสดงความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งบรรยากาศรอบตัวก็ไม่ดูขึงขังเคร่งเครียดขนาดนี้ ทว่า...วันนี้พิทักษ์แปลกไป


แม้จะเป็นคนช่างพูด แต่จิณณะก็รู้จักอ่านสถานการณ์ เมื่อเห็นว่าพิทักษ์ดูอารมณ์ไม่ดี เขาก็ไม่โพล่งถามสุ่มสี่สุ่มห้า รอจนทานอาหารเย็นด้วยกันเรียบร้อยแล้ว และอีกฝ่ายยกจานชามไปล้าง เขาถึงได้เดินมาเปิดโทรทัศน์ ทำทีเหมือนดูแต่แท้จริงแล้วหางตาคอยแต่จะชำเลืองมองไปที่ครัว


เสียงน้ำในครัวเงียบไป อึดใจต่อมาร่างสูงใหญ่ของพิทักษ์ก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องครัว ตอนนั้นเองที่จิณณะรีบทำทีหันกลับไปสนใจโทรทัศน์ ตั้งใจว่าถ้าอีกฝ่ายเดินเลี่ยงขึ้นชั้นบน เขาจะร้องเรียกชวนมานั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน ใช้เวลาสบายๆร่วมกันสักสิบนาทีหรือยี่สิบนาที ตอนนั้นพิทักษ์อาจจะอยากเล่า


แต่...พิทักษ์ไม่ได้เดินขึ้นชั้นสอง


ร่างสูงก้าวเท้ามาหยุดอยู่ที่ข้างโซฟา


“เมื่อวาน...ทำไมจู่ๆอยากดูหนัง”


จิณณะที่ทำทีเป็นนั่งดูโทรทัศน์หันมองคนรักอย่างงุนงง


“เมื่อวาน?...ก็...ผมบอกพี่แล้วไงว่าหนังเพิ่งเข้า”


“เรื่องนั้นเข้ามาสองอาทิตย์แล้ว”


คนบนโซฟาชะงักไปเล็กน้อย นอกจากสายตาคาดคั้นของพิทักษ์แล้ว จู่ๆยังมาถามเรื่องดูหนังเมื่อวานทั้งๆที่ไม่น่าเป็นประเด็นอะไร เป็นสัญญานอย่างดีให้คนมีชนักปักหลังเริ่มร้อนรน 


“ก็...ก็ผมเพิ่งว่าง...” แต่จะรนแค่ไหน เรื่องตีมึนยืนหนึ่งไว้ก่อน


“เพิ่งว่างหรือเพราะรู้ว่าคุณดารินจะนัดคุยงาน”


จิณณะ  วงศ์กีรติมีเลือดคุณกอบกุล  วงศ์กีรติเต็มตัว แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อยามอยู่ต่อหน้าพิทักษ์ เขากลับโกหกไม่แนบเนียนเสียเลย


แต่...ถึงจะไม่เนียน ก็ยังหน้าด้านหน้าทนแถสีข้างเข้าถู


“คุณดารินไหน” ไม่ต้องเพ่งจับผิด พิทักษ์ก็รู้ว่าคำถามนี้เป็นการพาออกทะเลไปเรื่อย จิณณะจำได้ทั้งชื่อทั้งหน้านั่นล่ะ


“ผู้หญิงที่เราเจอที่ร้านก๋วยเตี๋ยว”


หลานชายคุณกอบกุลทำหน้าคิดก่อนจะร้องอ้อ! “นึกออกล่ะ! คนนั้นเอง! เขาจะนัดคุยงานกับพี่ทิศหรือ”


“จิณรู้แต่แรกแล้วใช่ไหม”


“ผมจะไปรู้ได้ไง” คนดื้อตาใส อย่างไรก็ยังดื้อวันยังค่ำ พิทักษ์ไม่ตอบแต่จ้องนิ่ง จิณณะรู้ตัวแล้วว่าเขาถูกจับได้แน่นอน ว่าเหตุใดเมื่อวานเขาถึงอยากดูภาพยนตร์ที่เข้าโรงฉายมาสองอาทิตย์แล้ว


ระหว่างสองหนุ่มมีเพียงความเงียบ จนสุดท้ายก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นเฮือกหนึ่ง


“ก็...ก็ได้! ผมรู้ว่าเขาจะนัด”


พิทักษ์ยังเงียบ เป็นการบอกให้รู้ว่าจิณณะต้องพูดความจริงมาให้หมด


“ผม...ผมก็เลยบอกเลขาฯของพี่ ให้ส่งทีมไปโดยไม่ต้องมีพี่ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่เห็นต้องมีพี่ไปด้วยเลย กับแค่จะโชว์อุปกรณ์กอล์ฟรุ่นใหม่ให้ดู” คุณกอบกุลคงดีใจออกนอกหน้าทีเดียว หากรู้ว่าหลานนอกคอกเดินตามเส้นทางของหล่อนขนาดนี้ จิณณะไม่เพียงแค่เข้าทางเลขานุการของพิทักษ์จนรู้ตารางงานว่าดารินจะขอนัด แต่เขารู้กระทั่งว่าดารินทำธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์กอล์ฟ


พิทักษ์ยังเงียบ แต่จิณณะอธิบายหมดเปลือกไม่เหลืออะไรแล้ว


“ผมพูดหมดแล้วนะ”


จบประโยคนั้น คนที่ยืนอยู่ข้างโซฟาก็หมุนตัวเดินหนีหายขึ้นชั้นบนทันที


เหลือเพียงจิณณะนั่งไหล่ลู่อยู่บนโซฟาอย่างเดียวดาย


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

สวัสดีค่ะ เดือนนี้ยังคงเป็นตอนพิเศษเพราะบัวยังเขียนเรื่องใหม่ได้ไม่เยอะ(เนื่องจากสถานการณ์ชีวิตตอนนี้ยังลูกผีลูกคนมากๆ เรียนหนักสุด งานเยอะสุด แถมติ่งสุดๆ ฮ่าฮ่า)

และตอนพิเศษก็ยังคง...มีคนก่อปัญหาค่ะ คุณกอบแกเคยบอกว่าหลานแกคนนี้เกิดมาสร้างเป็นแต่ปัญหา ก็สมพรปากแกจริงๆนะคะ

แต่จิณก็ไม่ได้จู่ๆคิดจะสร้างปัญหาก็สร้าง มีคนมายุ่งกับของรักของหวงนี่นา แถมเป็นของรักของหวงที่กว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น จะปล่อยให้คนอื่นมาชุบมือเปิบได้ไง (สปอยจิณหนักมากก็คือบัวเองค่ะ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม ทุกกำลังใจ และพื้นที่บอร์ด

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ (จะพยายามมาไวๆ ขอให้เลิกเรียนเร็ว รถไม่ติด ฝนไม่ตก สาธุๆ)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 19-09-2019 23:31:52
ตลกความพี่ทิศไม่เชื่อในตอนแรกว่าคนอย่างจิณจะอำมหิตได้อย่างไร เนี่ยแหละ ความรักทำให้ตาบอด ฮ่าา รอตอนหน้าว่าพี่ทิศจะจัดการคนขี้หวงยังไง  :man1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 20-09-2019 00:22:38
นี่ก็ทีมสปอยนุ้งจิณ ^^

ก็คือ...แหม~~~ ลูกค้าอะไรจะโทร.มาทวงถามว่าทำไมส่งทีมมาคุยงานแทน
อะไรมันจะสนิทสนมขนาดน้าน~~~ เพื่อนก็ไม่ใช่เหอะ ชิชะ

หรือพี่ทิศทนได้ ถ้ามีใครมาเกาะแกะน้อง เชอะๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 20-09-2019 00:26:59
พี่ทิศงอนเดินขึ้นห้องไปแล้ววววว รีบตามไปง้อเลยจิณ!!  :L2:

พี่ทิศคะ พี่ควรพาจิณไปบวชซัก 1 พรรษาค่ะ 3 วันไม่พอจริงๆ เนาะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 20-09-2019 00:27:12
แย่แล้วจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 20-09-2019 00:39:56
ค้างงงงงงงง  :a5:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 20-09-2019 00:57:01
โอ้ยยยยย เอ็นดูความจิณณ์ในทุกๆเรื่อง ยังไม่หายคิดถึงเลย รอๆพฤหัสหน้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: wipor ที่ 20-09-2019 01:43:29
ก็จิณหวง โปรดเห็นใจน้อง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 20-09-2019 05:39:36
พี่ทิศงอนแล้วววว ง้อเร็วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-09-2019 10:31:16
คุณปลัด


งอนเลย


งอนเลย


แบบนี้


พี่ทิศอาจแอบมีใจ


ให้เจ้ดารินก็เป็นได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 20-09-2019 14:27:12
ทีมจิณณะด้วยค่ะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-09-2019 18:24:50
แอบอยากอ่านเรื่องของพี่ชุณ พี่ทิศอย่าดุน้องจิณนักเลย..ยยยย    :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kiseri ที่ 20-09-2019 23:16:50
เอาแล้วววววว
โดนงอนแล้วไงงงง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-09-2019 04:43:25
จะโดนดัดแบบไหนหนอ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 21-09-2019 07:40:27
รอดูว่าจิณจะง้อพี่ยังไง  :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 21-09-2019 08:20:35
จะโดนงอนไหมเนี่ย  รออ่านตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 21-09-2019 10:00:41
รอคนมาง้อกันตอนหน้าค่ะ :o8: ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 21-09-2019 10:53:22
ของ  ๆ  เราทั้งต้องแสดงออกและต้องหวงเอาไว้  ทำแบบนี้ไม่ได้รึไงพี่ทิศ....งอนเลยหนูจิณไม่ต้องหวงไม่ต้องแสดงความเป็นเจ้าของออกไปให้ใครรู้  อยู่นิ่ง  ๆ  เงียบ  ๆ  แล้วแต่พี่ทิศตะไปไหนกับใคร เอาให้พี่ทิศสงสัยหงุดหงิดไปเลยลูก....ก็แค่เป็นทีมหนูจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 21-09-2019 10:55:17
คุณย่าออกน้อยไป คิดถึงคุณกอบ ความแซ่บระดับ 10 10 10 มาก พฤ หน้า เฝ้ารอเลยจ้า :katai1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-09-2019 12:01:14
น้องทั่งรักทั้งหวงพี่ เอ็นดูในความหวงนี้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-09-2019 12:30:08
รอพี่ทิศจัดการจิณ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 21-09-2019 12:59:16
ขี้หึงจริงๆเลยนะ จิน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=&gt; หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: srxxm ที่ 21-09-2019 18:21:24
อ่านรวดเดียว คือดีมากก ชอบภาษา ชอบทุกอย่างเลย


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Cuddlemoon ที่ 21-09-2019 19:38:03
ไหนใครนึกจิณโหมดนี้ไม่ออกนะตอนแรก555555 เอาจริงอะการก็ไม่ได้น่าห่วงขนาดนั้นนะแต่ถ้าเปิดแล้วก็นั่นแหล่ะมีคนปิดได้แค่คนเดียว เลือดคุณย่าเข้มข้นสุดอะเจาะเข้าทุกทางเลยพี่มีความซ้อนแผนแต่ยังดีที่โกหกไม่เก่งไม่งั้นปสดหัวแย่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=&gt; หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nishihimitsu ที่ 22-09-2019 16:45:28
พี่ทิศอบอุ่นมาก ส่วนจิณก็ยังเป็นจิณที่เเสบสัน ขอบคุณคนเเต่งเรื่องนี้มากๆค่ะ เนื้อเรื่องดีมากจริงๆ ใช้ภาษาได้สวยอ่านเข้าใจง่าย  เราอินกับเนื้อเรื่องมากเลยค่ะ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-09-2019 20:36:29
 ชอบๆๆอ่ะ อ่านไปยิ้มไปร้องไห้ไปก็หลายครั้ง คิดถึงจอมขวัญกับพี่โตขึ้นมาเลยอ่ะมีความร้ายยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-09-2019 11:29:51
 :mew1: มาตามเก็บขนจบแล้วจ้า ไม่ผิดหวังเลย สนุกมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: m.starlight ที่ 25-09-2019 15:29:35
เอาแล้วทำพี่ทิศโกรธ

ขอบคุณที่มาต่อตอนพิเศษให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 25-09-2019 17:46:40
จิณณะขี้หวงมาก
โถ่ คุณพิทักษ์ จิณรักขนาดนี้ยอมๆ ทำเป็นไม่รู้เรื่องไปบ้างก็ได้
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 26-09-2019 09:39:30
พฤหัสเวียนมาแล้ววว รอนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 26-09-2019 11:58:12
รอจ้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ชีวิตที่ดี...=> หน้าที่ 43 (19/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-09-2019 19:54:03
มารอจ้ะ​ วันพฤหัสบ​ดี​แล้ว
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 26-09-2019 22:34:46
=>ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69219.msg4003806#msg4003806)


ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
………………………….
ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 2


เลขานุการสาวคิดว่าตนเองน่าจะถูกโกรธที่นำตารางงานไปบอกคนอื่น แต่จิณณะเป็นคนรักของพิทักษ์ หากถูกโกรธก็ไม่น่าจะมากมายอะไร ซึ่งปรากฏว่าพิทักษ์ไม่ได้โกรธหล่อนจริง เมื่อเช้ามาถึงออฟฟิศก็ยังสั่งงานอย่างเป็นปกติ เสียแต่...หน้าตาของเขานิ่งเฉยเกินกว่าปกติ เดาว่าน่าจะทะเลาะกับจิณณะมา


เรื่องคาดเดากลายเป็นเรื่องมีเค้าจริงขึ้นมาในยามสาย เมื่อจู่ๆก็มีดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ส่งมาที่สนามกอล์ฟ


สาวน้อยสาวใหญ่พากันชะเง้อคอว่าใครเป็นผู้โชคดีได้รับกุหลาบแดงช่อมหึมา สรุปเป็นว่ามันมาถึงมือหล่อน


ทว่าก็แค่ถึงมือ...ก่อนจะผ่านมือไปเพราะคนสั่งมาส่งคือจิณณะ คนรับก็ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพิทักษ์


หล่อนหอบดอกกุหลาบช่อใหญ่เข้ามาในห้องทำงานของเจ้านาย พอพิทักษ์เห็นก็ถึงกับชะงักงัน


“นั่นคุณเอาเข้ามาทำไม”


“มีคนส่งมาให้คุณทิศค่ะ” เลขานุการสาววางลงบนโต๊ะทำงาน แอบนวดแขนเล็กน้อย เพราะกุหลาบช่อโตนั้นน้ำหนักไม่ใช่น้อยๆเลย และนี่อาจจะเป็นช่อที่โตที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเห็นด้วยซ้ำ


เล็กๆไม่ ใหญ่ๆต้องจิณณะ  วงศ์กีรติจริงๆ


“ใครส่งมา” พิทักษ์พยายามพลิกหาการ์ดหรือนามบัตร แต่ไม่พบ จึงเงยหน้ามองลูกน้อง หล่อนยิ้มแหยอย่างไม่กล้าตอบ เพียงเท่านั้นเขาก็รู้แล้วว่าจะมีใครแผลงได้เท่านี้


ส่งดอกไม้มาให้เขา แถมช่อใหญ่อย่างนี้ คนทั้งคลับกอล์ฟคงเห็นกันหมด นี่ตั้งใจจะขอโทษหรือหาเรื่องเพิ่ม


“ตัวแสบ!”


เลขานุการสาวได้แต่เงียบ ใจหนึ่งก็เห็นด้วยว่าจิณณะแสบจริงสมกับที่พิทักษ์พูด แต่อีกใจ...จิณณะแสบก็จริง แต่เขาก็แสบอย่างมีเหตุผล หากไม่ถูกคุกคาม เขาจะออกมาขวางดารินอย่างนั้นหรือ แล้วที่เขาทำก็ไม่ได้กระโตกกระตากเป็นเรื่องใหญ่ และธุรกิจก็ไม่ได้เสียหายสักนิด


“วันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหม ผมจะออกไปข้างนอก” ไม่ต้องถามว่าออกไปไหน เพราะเขาคว้าเอาดอกกุหลาบช่อโตไปด้วย เลขานุการสาวได้แต่รับคำเสียงอ่อน ถอยให้พิทักษ์เดิน ทว่าก่อนที่เขาจะออก หล่อนก็เอ่ยปากอย่างเกรงใจ


“คุณทิศ ขอโทษนะคะ” ต่อให้เรื่องนี้จะไม่ใหญ่โต แต่การที่หล่อนซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการของเขาแต่กลับให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากกว่างาน ก็นับว่าเป็นความผิดอยู่ดี


พิทักษ์หันมามอง


“ผมรู้จักคนของผมดี ต่อให้คุณไม่ทำ เขาก็จะทำให้คุณทำให้ได้”


หรือบางที จิณณะก็เริ่มทำตั้งแต่แรกแล้ว


เขาวางน้ำใจตนเองลงในมือผู้คนที่นี่ พอถึงวันที่ต้องขอความช่วยเหลือ แค่เพียงเอ่ยปาก เรื่องเล็กน้อยอย่างการทำให้พิทักษ์ไม่ว่างในวันที่ดารินนัด ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร


คนเช่นนี้ จะควรใช้นามสกุลอื่นใดได้อีก ถ้าไม่ใช่ วงศ์กีรติ ของคุณกอบกุล


…………………


ทุกอย่างเงียบฉี่


จิณณะเหลือบมองโทรศัพท์แทบจะทุกๆนาที แต่ไม่มีสัญญานใดๆจากพิทักษ์เลย


ดอกไม้ถึงแล้วไม่ใช่หรือ พิทักษ์ก็น่าจะได้รับแล้วสิ แต่ทำไมไม่ติดต่อมาสักนิด


“พี่นัยมีแฟนไหม” ไม่รู้จะปรึกษาใคร วิดีโอคอลไปหาชเยนตร์ก็คงถูกด่าที่ไม่ดูเวล่ำเวลาว่าคนละไทม์โซน จะโทร.ไปปรึกษาวรชิตก็เดี๋ยวจะถูกหาว่ารบกวนเวลาทำงานของข้าราชการ มองไปมองมาก็เหลือแค่ดนัยที่ใกล้ชิดและว่างพอจะถูกเรียกมาเป็นศิราณี


“คุณจิณว่าอะไรนะครับ”


อดีตบอดี้การ์ดผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอันตรายมานับไม่ถ้วน เมื่อถูกส่งมาเป็นเลขานุการที่วันๆทำแต่งานเอกสารดูท่าว่าชีวิตจะปลอดภัยมากขึ้นแล้ว แต่ดนัยกลับมีเรื่องชวนปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน


เจ้านายของคนอื่นเป็นอย่างไรเขาไม่ทราบ ที่ทราบคือเจ้านายของเขาหาเรื่องแผลงชนิดหัวไม่ได้วางหางไม่ได้เว้น


“ผมถามว่าพี่นัยมีแฟนไหม อ่ะ...ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร พี่นัยเคยง้อแฟนไหม” การเปลี่ยนคำถามไม่ได้ทำให้ดนัยตอบง่ายขึ้นเลย เขาทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะย้อนถามแทน


“คุณจิณทะเลาะกับคุณทิศหรือครับ”


“ก็...นิดหน่อย” คำว่านิดหน่อยนั้นเบาหวิวจนฟังแล้วไม่น่าจะนิดหน่อย


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปขอโทษคุณทิศสิครับ”


“พี่นัยรู้ได้ไงว่าผมต้องเป็นฝ่ายขอโทษ”


ดนัยไม่ตอบแต่มองนิ่ง ซึ่งเป็นคำตอบแล้วว่าระหว่างจิณณะและพิทักษ์ คนที่ก่อเรื่องให้ถูกโกรธก็ไม่น่าจะเป็นพิทักษ์หรอก


“เออๆ พี่คิดถูก ผมผิดเอง แต่นี่ผมส่งดอกไม้ไปขอโทษแล้วนะ”


“อะไรนะครับ?” ดนัยคิดว่าตนเองหูเพี้ยน แต่ก็ควรจะเป็นการหูเพี้ยน เพราะสิ่งที่ได้ยินไม่ควรจะเป็นเรื่องจริงเลย


“ผมส่งดอกไม้ไปขอโทษพี่ทิศแล้ว”


“ส่งดอกไม้?!”


“ใช่สิ ช่อใหญ่สุดในร้าน”


“ช่อใหญ่สุด!”


“กุหลาบแดงด้วย”


 ดนัยรู้สึกเหมือนหายใจยาก เขารู้ว่าจิณณะไม่ใช่คนโง่ แต่ก็ไม่มีคนฉลาดคนไหนที่ซื้อดอกกุหลาบช่อใหญ่สุดในร้านไปง้อ...คนอย่างพิทักษ์


“แต่พี่ทิศไม่ติดต่อมาเลย...หรือพี่นัยว่า พี่ทิศไม่ชอบ?”


“ผมว่าไม่น่าจะมีผู้ชายคนไหนชอบนะครับ”


เหมือนจิณณะเพิ่งตื่นรู้ เขาลืมไปได้อย่างไรว่าผู้ชายด้วยกันไม่น่าชอบดอกไม้ช่อใหญ่สุดแพงสุด เขาคิดแค่ว่าอยากจะง้อ แล้ววิธีการง้อที่คิดได้แค่อย่างเดียวก็คือดอกกุหลาบแดงเท่านั้น


เจ้าของห้องทำงานถึงกับหงายหลังผึ่งพิงพนักเก้าอี้ หน้าตาซีดขาวไปแล้ว


“ผมจะทำยังไงดีล่ะทีนี้...”


ดนัยไม่มีคำตอบ จิณณะก็ไม่รู้จะคาดคั้นอะไรได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายออกจากห้องไป ชายหนุ่มนั่งแกร่วอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่อย่างสำนึกผิด รู้ว่าผิดที่ไปวุ่นวายกับตารางงานของพิทักษ์ ที่ทำไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจคนของตนเองแต่เพราะฝ่ายหญิงที่เข้าหาอย่างคาดหวังนั่นต่างหาก เขาถึงต้องรีบกันหล่อนออกห่าง


ใช่...เขาหวงแม้กระทั่งพื้นที่รอบกายของพิทักษ์ ทั้งรักทั้งหวง แต่ถ้าถามว่าขาดสติไหม จะขาดได้อย่างไร ในเมื่อวางแผนมาแล้ว ทำให้พิทักษ์ไม่ว่างในวันที่ดารินนัด มาพลาดตรงที่พิทักษ์รู้ได้อย่างไรว่าดารินนัด อ้อ...หรือจะเป็นฝ่ายหญิงบอก


พอคิดได้แบบนั้น จิณณะก็ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึก เห็นที เขาอาจจะต้อง...


เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ทำเอาความคิดในหัวหยุดอยู่เพียงเท่านั้น ยิ่งเมื่อประตูถูกเปิดออก แล้วชายหนุ่มร่างสูงก้าวเท้าดุ่มๆเข้ามาพร้อมกับช่อกุหลาบขนาดใหญ่ จิณณะก็ลืมความคิดในสมองไปจนหมด


“พี่ทิศ!” เขาผุดลุกขึ้นอย่างตื่นๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาทำไม แต่การที่พิทักษ์มาปรากฏตัวที่นี่ถือว่าดี...มั้ง


“ส่งไปทำไม” ผู้มาเยือนวางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะทำงานของคนรัก ดวงตายังจ้องนิ่งจนจิณณะใจหาย ที่คิดว่าพิทักษ์มาที่นี่ถือเป็นสัญญานดี คงจะไม่ดีเสียแล้ว


“ก็...ส่งไปขอโทษ...พี่ทิศไม่ชอบหรือ”


“แล้วคิดว่าชอบไหม” สีหน้าคนย้อนถามไม่ต่างจากเมื่อวาน หรือเมื่อเช้าที่พวกเขาทานข้าวด้วยกันอย่างเงียบที่สุดนับตั้งแต่เริ่มคบหากัน บอกให้รู้ว่าแม้จะมีกุหลาบแดงช่อใหญ่สุดๆส่งไปให้ แต่อารมณ์ของพิทักษ์ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย


“ก็...ผมไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร”


“ไม่ต้องซื้ออะไรทั้งนั้น”


“แล้วทำยังไงพี่ถึงจะหายโกรธ ผมรู้ว่าผมผิดที่เข้าไปยุ่งกับเรื่องงานของพี่ แต่ผมไม่อยากให้พี่กับผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อใจพี่ แต่ผมไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนั้น”


“แล้วจิณจะทำยังไงต่อไป ถ้าคุณดารินเข้ามาในชีวิตพี่อีก”


จิณณะเงียบ ทว่าดวงตาของเขาที่จับจ้องพิทักษ์ก็ราวกับจะบอกความคิดอ่านได้เป็นอย่างดีแล้ว


จิณณะ  วงศ์กีรติคือหลานชายนอกคอกของคุณกอบกุลก็จริง แต่ในเวลาที่ภยันตรายถึงตัวถึงหัวใจ เขากลับเหมือนคุณกอบกุลมากกว่าใคร


ประกายกล้าและแน่วแน่แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง มีหรือพิทักษ์จะดูไม่ออก และเพราะดูออก ถึงได้ส่ายหน้าไปมาราวกับผิดหวัง


ชายหนุ่มไม่พูดอะไร แต่วางดอกไม้ลงบนโต๊ะทำงานของคนรัก ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป หัวใจของจิณณะเย็นเยียบราวกับถูกแช่แข็งภายในชั่ววินาที ไม่อาจแม้แต่จะอ้าปากร้องเรียก สิ่งเดียวที่ทำได้คือหลุบตาลงมองกุหลาบที่ไร้ค่าตรงหน้า


รู้สึกเหมือน...เขาเสียใครบางคนไปแล้ว…


…………………


ดนัยรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างจิณณะและพิทักษ์มาโดยตลอด นับตั้งแต่ถูกสั่งให้มาดูแลความปลอดภัยเขาก็เริ่มรู้ว่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเทียมแต่อย่างใด กลับเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับหลานชายของคุณเทียมที่สุด หลังจากเรื่องราวร้ายแรงผ่านพ้น ความสัมพันธ์ของจิณณะและพิทักษ์เข้ารูปเข้ารอย คนนอกอย่างเขาพบว่าแม้ทั้งสองคนจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย กลับเข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ทว่า...คราวนี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่ความไม่เหมือนกันเลย กำลังสร้างรอยร้าวนำไปสู่การแตกหัก


“คุณจิณไม่กลับบ้านหรือครับ”


เย็นมากแล้ว และเลิกงานแล้ว แต่จิณณะที่ปกติมักจะพุ่งตัวกลับบ้านทันที กลับยังนั่งหมุนเก้าอี้ไปมาอยู่ที่โต๊ะ


“ยัง...พี่นัยจะกลับแล้วหรือ”


ดนัยไม่ตอบแต่มองอีกฝ่ายนิ่ง จิณณะรู้ว่าที่อดีตบอดี้การ์ดยอมทำงานเป็นเลขานุการให้เขา ไม่ใช่เรื่องปกติ อีกฝ่ายคงถูกสั่งให้มาดูแลความปลอดภัยแม้ว่าเรื่องของไพศาลจะยุติแล้ว


และหนึ่งในการรักษาความปลอดภัย ย่อมไม่ใช่การปล่อยจิณณะเอาไว้เพียงลำพัง แม้จะเป็นในออฟฟิศของตนเองก็ตาม


หลานชายคุณกอบกุลถอนหายใจเบา แล้วเอ่ยปากอย่างหมดท่า


“ไปดื่มกันไหม”


เวลานี้เขาไม่รู้ว่าจะใช้อะไรเยียวยาจิตใจตนเองได้ดีไปกว่าการดื่ม ทว่าดนัยกลับตอบเรียบ


“นั่นไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหานะครับ”


จิณณะทำหน้าปั้นยาก เรื่องนี้เขาก็รู้ว่าการดื่มของมึนเมาเป็นเพียงการผลักปัญหาออกไป หลังสร่างเมาแล้วปัญหาเดิมก็ยังคงอยู่


เพียงแต่...ยังไม่อยากกลับบ้าน ยังไม่อยากเจอหน้าคนที่เมินหนี ยังไม่อยาก...คิดถึงปัญหาเหล่านี้อีกแล้ว


“ชานมไข่มุกล่ะ”


ในเมื่อไม่ได้อย่างหนึ่ง ได้อีกอย่างที่ไม่เหมือนกันเลยก็ได้


ดนัยมองเจ้านายของตนเอง จิณณะในเวลานี้ไม่เหมือนจิณณะคนก่อนๆที่เขาเคยรู้จักเลยสักนิด จิณณะยามสู้กับไพศาลนั้นอำมหิตและอันตราย ในขณะที่จิณณะเวลาอยู่กับพิทักษ์กลับเหมือนเด็กผู้ชายซนๆทำแต่เรื่องแผลงๆทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องถูกดุ ส่วนจิณณะในเวลานี้ที่ถูกพิทักษ์เมิน ก็หงอจนหน้าหดเหลือไม่ถึงสามนิ้ว


“ถ้าอย่างนั้นเอารถผมไปแล้วกันครับ แล้วขากลับผมจะไปส่ง”


ไม่มีเสียงคัดค้าน เจ้านายของดนัยได้แต่พยักหน้ารับเอื่อยๆแล้วลุกจากเก้าอี้เดินนำออกจากห้องทำงานอย่างหมดอาลัยตายอยาก เลขานุการหนุ่มมองตามแล้วถอนหายใจอีกเฮือก


เด็กซนที่ถูกดุจนคุ้นชิน มาวันนี้ถูกเมินเลยกลายเป็นเด็กจ๋องไปเสียแล้ว


..........................   


สยามย่อมเป็นทางเลือกลำดับต้นๆ สำหรับคนที่คิดจะเอาชานมไข่มุกและขนมหวานมาเป็นเครื่องปลอบใจ ร้านขนมชื่อดังในย่านนี้และเวลานี้ ไม่ว่าจะร้านไหนก็มีชานมไข่มุกเป็นออพชั่นเสริมกันทั้งนั้น


จิณณะยกบิงซูเมลอนและสตรอเบอร์รี่มาวางบนโต๊ะ ทำเอาชายหนุ่มที่มีแก้วชานมไข่มุกวางอยู่ตรงหน้าถึงกับเงยหน้ามองแทบไม่ทัน ทว่าดูเหมือนคนสั่งขนมหวานสองถ้วยจะไม่รู้สึกอะไร ทรุดตัวลงนั่งได้ก็ส่งช้อนให้


“อ่ะ เผื่อพี่อยาก”


ดนัยได้แต่กะพริบตาปริบๆ รับช้อนมาถือ แล้วมองคนที่เริ่มตักบิงซูเย็นฉ่ำและเนื้อผลไม้เข้าปาก ขนมหวานหน้าตาหวานๆดูจะไม่เหมาะกับการมาตั้งตรงหน้าผู้ชายวัยทำงานสองคนเลย แต่ดนัยไม่ใช่คนใส่ใจสายตาคนอื่น พอกวาดมองแล้วไม่เห็นภยันตรายนอกจากสายตาอยากรู้อยากเห็นของสาวๆโต๊ะหนึ่งที่มองมา เขาก็หันกลับมาสนใจคนที่ตักขนมหวานเย็นเข้าปากแต่หน้าตาดูจะไม่รื่นรมย์ไปกับรสชาติของมันสักนิด


“พี่นัยอยากกินอย่างอื่นรึเปล่า ผมเห็นมีแพนเค้กด้วยนะ เอาไหม ผมไปสั่งให้”


“ไม่ครับ”


“ชานมไข่มุกร้านนี้ก็อร่อยนะ ชิมรึยัง” จิณณะบุ้ยใบ้ไปทางชานมไข่มุกแก้วตรงหน้าดนัย แน่นอนว่าแก้วนี้ดนัยก็ไม่ได้เรียกร้อง แต่เป็นสายเปย์อันดับหนึ่งที่ซื้อมาวางให้ เลขานุการหนุ่มอยากบอกใจจะขาดว่าชิมแล้ว อร่อยจริงแต่หวานจนน้ำตาลจะขึ้นตา


“คุณจิณบอกคุณทิศรึยังว่ายังไม่กลับ” ดนัยเปลี่ยนเรื่อง ทำเอาช้อนที่กำลังตักสตรอเบอร์รี่เข้าปากถึงกับชะงัก


“ยัง...”


“คุณทิศจะเป็นห่วงเอานะครับ คุณไม่เคยกลับบ้านผิดเวลา”


“ก็ผิดดูมั่งสิ” จิณณะตีรวน ทีท่าเหมือนจะไม่สนใจใยดีแต่ดวงตากลับหลุบต่ำมองแต่ถ้วยขนมหวานสีสดใส


“คุณกำลังสร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่ม” ประโยคนี้ของดนัยทำเอาเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นในคอคนฟัง ดวงตาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“เขาจะได้รู้ไงว่าคบกับผมแล้วมีแต่ปัญหา” พอพูดออกไปแล้ว จิณณะก็ยังอยากกัดลิ้นตัวเองแรงๆ เขาไม่ใช่คนช่างน้อยอกน้อยใจ ไม่ใช่คนประชดประชัน แต่พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพิทักษ์ นิสัยน่ารำคาญเหล่านี้กลับผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ดนัยไม่พูดอะไรอีก ดูก็รู้ว่าต่อให้เตือนอะไร จิณณะก็มีแต่อารมณ์ขุ่นมัวบังตา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายกินขนมหวานสองถ้วยด้วยหวังว่าใจจะเย็นลง


จากหนึ่งทุ่ม เข้าสู่สองทุ่ม และสามทุ่ม


ขนมหวานสองถ้วยไม่หมดแต่ละลายกลายเป็นน้ำไปหมดแล้ว ในขณะที่จิณณะเอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกของร้าน ทว่าดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้หยุดสายตาอยู่กับแสงไฟระยิบระยับของย่านการค้าใจกลางเมืองแห่งนี้เลย


“คุณจิณคิดจะกลับกี่โมงครับ” เสียงของดนัยปลุกสติคนที่จมจ่อม จิณณะได้สติหันมองก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว ภายในร้านขนมที่ตอนแรกพลุ่กพล่านก็เหลือเพียงไม่กี่โต๊ะ พอมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก สยามที่เคยครื้นเครงก็เหลือผู้คนเดินไปมาแค่เพียงประปราย


“ถ้าพี่นัยจะกลับ ก็กลับไปก่อนเถอะ”


“แล้วคุณจิณจะกลับยังไง”


จิณณะเพิ่งมารู้ตัวเอาตอนนี้ว่าการที่เขาให้ดนัยขับรถพามาไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีเลย


“ผมเรียกแท็กซี่ได้”


“แท็กซี่ที่ไหนจะรับล่ะครับ บ้านไกลออกขนาดนั้น”


 บ้านที่ว่าคือบ้านของพิทักษ์ที่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯออกไปอีก แต่สำหรับจิณณะ เวลานี้เขาไม่คิดจะกลับบ้านหลังนั้นในขณะที่ความสัมพันธ์ของเขาและเจ้าของบ้านอยู่ในภาวะมึนตึงกันแบบนี้


บ้านหลังนั้นมีแต่ความทรงจำที่ดี ความทรงจำที่เขาและพิทักษ์มีความสุข เข้าอกเข้าใจ และเป็นที่พึ่งให้กันและกัน


“ผมจะกลับไปนอนบ้านพ่อแม่”


ดนัยนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะย้อนถาม


“บอกคุณทิศแล้วหรือ”


ชื่อของพิทักษ์กวนอารมณ์จิณณะให้ขุ่นอีกครั้ง หากเป็นปกติก็อยากจะบอกอยู่หรอก แต่เวลานี้แม้แต่หน้ายังไม่มองกัน ถ้าให้เสนอหน้าโทร.ไปบอกเกิดอีกฝ่ายตัดสายทั้งๆที่พูดไม่จบ เขาจะรู้สึกอย่างไร


“ไม่บอก”


ดนัยส่ายหน้าอย่างระอาใจ


“ถ้าอย่างนั้นก็บอกเถอะครับ” เขาเอ่ยแล้วพยักเพยิดไปทางด้านหลัง จิณณะชะงักไปอึดใจหนึ่ง เสี้ยวใจบอกว่าไม่มีทางที่พิทักษ์จะมาที่นี่ แต่สายตาของดนัยบอกให้เขาหันไปมอง ชายหนุ่มจึงต้องหัน


แล้วพอหัน เขาก็ถึงได้เห็น


พิทักษ์ยืนอยู่ข้างหลังเขา


จิณณะอ้าปากค้าง รีบหันกลับมามองลูกน้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


“พี่นัยบอกเขาหรือ?!”


นอกจากดนัยแล้วก็ไม่มีใครอีกที่จะบอกเรื่องเขาหนีมานั่งกินขนมหวานอยู่ในสยามจนพิทักษ์ตามมาถูกแบบนี้


“คุณไม่ใช่เด็กๆ ทำผิดแล้วไม่หนีสิครับ” ดนัยเอ่ยเรียบๆ ทำเอาจิณณะพูดไม่ออก ถูกดุว่าไม่ใช่เด็กก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องคือคนที่เขายังไม่อยากเจอหน้าเป็นฝ่ายเดินเข้ามาที่โต๊ะแล้ว จิณณะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะมาทำไม ทั้งๆที่เมื่อตอนกลางวันเป็นฝ่ายพิทักษ์เองที่ทิ้งเขา แล้วเดินจากไป


“คุณจิณไม่ได้เอารถมา และจะกลับไปนอนที่บ้านวงศ์กีรติ ถ้าอย่างไร ผมฝากคุณทิศช่วยพาคุณจิณกลับด้วยนะครับ” ตอนที่พิทักษ์เดินเข้ามาที่โต๊ะ จิณณะก็ยังเงียบ ต้องเป็นฝ่ายดนัยที่ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยปาก เพียงเท่านั้นคนที่นั่งเงียบเพราะมีแต่คำถามล้านแปดในหัวว่าพิทักษ์มาที่นี่ทำไมก็ถึงกับรู้สติ


“เดี๋ยวสิ! ใครบอกว่าผมจะไปกับ...” เขายังไม่ทันประท้วง ดนัยก็ก้มลงมอง สายตาของเลขานุการหนุ่มอดีตบอดี้การ์ดนั้นทั้งดุทั้งเอาเรื่อง ราวกับจะบอกว่าอย่าก่อปัญหามากไปกว่านี้


“กลับไปกับคุณทิศครับ” เป็นประโยคบอกเล่าที่น้ำเสียงสั่งชนิดไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นการบอกเล่าแต่อย่างใด จากนั้นเขาก็หันไปทางพิทักษ์   


“พรุ่งนี้คุณจิณมีประชุมตอนสิบโมงครึ่งนะครับ” ดนัยพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะหมุนตัวออกจากโต๊ะไป


…………………………


จิณณะรู้ว่าเขาไม่ควรสร้างปัญหาใดๆอีก แม้จะไม่อยากกลับไปพร้อมกับพิทักษ์ แต่เมื่ออีกฝ่ายออกปากว่าให้เดินตามมา เขาก็ยอมลุกจากโต๊ะเดินตามอย่างเว้นระยะห่าง พอขึ้นรถ เขาก็ยอมนั่งเงียบจนกระทั่งรถออกสู่ถนนใหญ่ถึงได้เอ่ยความตั้งใจของตนเองอีกครั้ง


“พาผมไปส่งที่บ้านพ่อแม่ที”


“แล้วทำไมไม่กลับบ้านเรา” คำว่า ‘บ้านเรา’ นั้นชวนให้หัวใจไหววูบจนต้องเม้มปาก จิณณะอยากบอกว่าเขาไม่อยากให้บ้านหลังนั้นมีความทรงจำแย่ๆอย่างการที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาระหองระแหง


“ผมจะกลับไปนอนบ้านพ่อแม่” เมื่อไม่คิดจะตอบคำถาม สิ่งที่พูดจึงเป็นการย้ำความตั้งใจเดิม


“นั่นไม่ใช่การตอบคำถาม พี่ถามว่าทำไมไม่กลับบ้านเรา”


“ก็ผมไม่อยากกลับ!”


“ขอเหตุผล”


ฝั่งหนึ่งตะเบ็ง ฝั่งหนึ่งเรียบเฉย ราวกับอยู่คนละโลก


“ผมไม่อยากกลับก็คือไม่อยากกลับ! ถ้าพี่ไม่ไปส่งก็จอด! ผมจะเรียกแท็กซี่!” จิณณะในเวลานี้มีแต่อารมณ์ ชวนให้หวั่นใจว่าหากพิทักษ์ยังมุ่งมั่นขับรถออกนอกกรุงเทพเพื่อกลับบ้าน เจ้าตัวอาจเปิดประตูกระโจนออกจากรถได้ทุกวินาที คนขับตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวพารถหรูเข้าสู่อาณาเขตของโรงแรมใจกลางเมืองที่อยู่ระหว่างทาง


“พี่มาที่นี่ทำไม” จิณณะตะลึงงันกว่าจะหาลิ้นเจอก็ตอนที่อีกฝ่ายเข้าสู่อาคารจอดรถแล้ว


“มาคุย” พิทักษ์ตอบเพียงเท่านั้น ก่อนจะพาคนรักออกจากรถเข้าโรงแรมทันที


………………….

หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 26-09-2019 22:35:58

โรงแรมหรูใจกลางเมืองพอจะมีห้องว่างอยู่บ้าง พิทักษ์ไม่มีปัญหากับห้องหรูหราราคาแพง ซึ่งแพงกว่าเดิมเมื่อเป็นการเข้าพักแบบวอล์กอิน เวลานี้เขาต้องการสถานที่สำหรับเคลียร์ปัญหากับคนก่อปัญหาก็เท่านั้น


จิณณะไม่ดิ้นรนให้ใครเสียหน้า ยอมเดินตามขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักแต่โดยดี ทว่าพอปิดประตูเรียบร้อยแล้ว คนไม่ดิ้นรนก็กลับนั่งเฉยอยู่ที่โซฟาราวกับจะไม่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน ถ้าพิทักษ์ไม่พูด


...ดื้อเก่ง...


...ทั้งดื้อเงียบ ทั้งดื้อมีปากเสียง…


“ทำไมไม่กลับบ้าน” พิทักษ์ยังใจเย็นตั้งคำถามเดิม


“ผมจะกลับไปนอนบ้านพ่อแม่” จิณณะไม่ใช่คนใจเย็น แต่ระดับความดื้อแพ่งนั้นสูงปรี๊ด ดังนั้นคำตอบของเขาจึงไม่ใช่การตอบ แต่เป็นการพูดประโยคเดิม


“หนีปัญหา”


อย่างที่กล่าวว่าจิณณะไม่ใช่คนใจเย็น เมื่อถูกดุว่า ‘หนีปัญหา’ เขาจึงตวัดสายตาไปมองทันที ดวงตานั้นวาวโรจน์ด้วยความโกรธผสมน้อยเนื้อต่ำใจ


หนีปัญหาหรือ?! ใครกันแน่ที่หนีก่อน! เขาส่งดอกไม้ไปขอโทษ แต่คนที่เอาดอกไม้มาคืนแล้วเดินหนีเขาไปคือพิทักษ์ไม่ใช่หรือ?!!


“แล้วพี่อยากให้ผมทำยังไง?! ผมรู้ว่าพี่โกรธผม! แต่ผมก็ขอโทษพี่แล้ว! พี่ก็ยังไม่พอใจ! พี่เอาดอกไม้มาคืนผม! แล้วพี่ก็กลับไป! แล้วยังจะให้ผมเสนอหน้ากลับบ้านอย่างนั้นหรือ!” จิณณะโพล่งอย่างอึดอัด เขารู้ว่าดอกไม้ช่อใหญ่มันทดแทนกับสิ่งที่เขาทำไม่ได้ ยุ่งกับเรื่องงานของพิทักษ์ ขัดขวางการทำธุรกิจของพิทักษ์ แต่ทั้งหมดนั่นจะไม่เกิดขึ้นถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นเชื้อไฟ


แต่กลายเป็นว่าพอเขาปะทุ พิทักษ์กลับมองว่าเป็นความผิดของเขา แล้วผู้หญิงคนนั้นเล่า หล่อนลอยตัวและพร้อมจะกลับเข้ามาในชีวิตพิทักษ์ได้ทุกเมื่ออย่างนั้นหรือ?!


พิทักษ์มองคนรักที่ระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นเสียงตะเบ็งและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขารู้ว่าถ้าเขาร้อน ไฟอย่างจิณณะจะยิ่งโหมกระพือ ชายหนุ่มพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองแล้วเตือนสติด้วยน้ำเสียงเรียบ


“จิณขอโทษทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้มันไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาอีก แล้วถ้าเป็นแบบนั้น จิณจะต้องขอโทษพี่สักกี่ครั้ง”


“แล้วผู้หญิงคนนั้นจะกลับเข้ามาในชีวิตพี่สักกี่ครั้งล่ะ!”


“พี่บอกว่าเขาเป็นลูกค้า”


“ลูกค้าประเภทไหนจุ้นจ้านวุ่นวายแม้แต่เรื่องที่พี่ไม่ไปพบเขา! ผมไม่ได้โง่จนดูไม่ออกว่าเขาหวังอะไรจากพี่! พี่เองก็รู้ว่าเขาอยากได้อะไร! แต่สุดท้ายกลายเป็นพี่มองว่าผมผิดอยู่คนเดียว!!” ทว่าจิณณะไม่ใช่แค่ไฟร้อน แต่เขากระพือไฟในใจได้ด้วยโทสะของตนเอง


“แต่ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ทำอะไร คนที่ทำคือจิณ”


“แล้วต้องรอให้เขาลากพี่ขึ้นเตียงก่อนรึไง?! มันถึงจะเรียกว่าเขาทำ!!”


“จิณ!” พิทักษ์ดุเสียงเข้ม วินาทีนั้นจิณณะถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าอารมณ์ของเขาพาให้พูดจาไปกันใหญ่


แม้จะทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่กลายเป็นคนผิดแต่เพียงผู้เดียวในเรืองนี้ แต่จิณณะก็รู้ว่าเขาไม่ควรพูดจาเช่นนี้เลย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว


“ผม...ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น...” แม้แต่ตนเองก็รู้สึกว่าประโยคเมื่อครู่จะทำให้เรื่องราวยิ่งบานปลาย ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันเป็นเพียงเรื่องที่เขาคาดคะเนไปเองฝ่ายเดียว พิทักษ์ไม่เคยมีความประพฤติอย่างนั้น เขารู้ว่าเชื่อใจพิทักษ์ได้ แต่เป็นฝ่ายผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่ไม่น่าเชื่อใจสักนิด


ร่างสูงมองคนใจร้อนที่กำลังพยายามระงับอารมณ์ คนรักของเขาไม่ใช่คนที่ทำเรื่องพวกนี้ได้ดีนัก เจ้าตัววอกแวกและไม่ค่อยมีสมาธิ พอถูกปลุกปั่นให้โกรธขึงเลยพูดจาไม่รักษาน้ำใจใคร


แต่เรื่องคำพูดยังไม่ร้ายแรงเท่าการกระทำ กระทั่งคำพูดยังควบคุมไม่ได้ เรื่องการกระทำก็ยิ่งทำให้พลอยเป็นห่วง


“จิณ พี่เป็นห่วงนะ” ประโยคนี้ของพิทักษ์เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอย่างที่พูด


“พี่อยากให้จิณมีขอบเขต”


“แล้วพี่คิดว่าผมไม่มีหรือ” คราวนี้น้ำเสียงของหลานชายคุณกอบกุลนิ่งเรียบไม่ได้เต็มไปด้วยอารมณ์แล้ว หลังจากพลั้งปากพูดจาแย่ๆออกมาก็รู้ตัวว่าปล่อยให้อารมณ์นำหน้าเหตุผล แต่พอก้มลงมองเหตุผลของตนเอง จิณณะก็พบว่า...เหตุผลของเขา มันอาจจะเลวร้ายกว่าอารมณ์เสียอีก


“...ผมมีขอบเขตของผม ผมรู้ว่าขอบเขตของผมอยู่ตรงไหน ผมถึงรู้ว่าใครคิดจะล้ำเส้น”


พิทักษ์มองคนตรงหน้าแล้วใจหาย เขารู้แล้วว่าจิณณะคนที่อำมหิตนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร ดวงตาเต็มไปด้วยประกายกล้า ไม่มีไหวติงแม้แต่น้อย ราวกับจะบอกว่าใครก็ตามที่คิดล้ำเส้นขอบเขตของจิณณะ  วงศ์กีรติ จะต้องพบเจอกับสารพัดวิธีไม่ว่าจะถูกหรือไม่


ขอแค่สร้างความพึงใจ ขอแค่ขับไล่คนล้ำเส้นออกไป ต่อให้ไร้คุณธรรม จิณณะก็ไม่ลังเล


ชายหนุ่มนั่งลงเคียงข้าง ดึงมือของคนรักมาจับเอาไว้ ประกายกล้าและโหดเหี้ยมในดวงตาของจิณณะก็พลันคลายลง ยามดวงตาคู่นี้ทอดมองพิทักษ์ มันแตกต่างลิบลับกับเมื่อครู่


“จิณเห็นว่าพี่ดูแลเขตของพวกเราไม่ได้หรือ”


ไม่ใช่การดุ แต่เป็นการตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงทุ้มที่ชวนให้ใจเย็น ราวกับช่วยปลุกสติจิณณะออกมาจากด้านมืด


“คิดว่าพี่จะให้ใครล้ำเส้นของเราอย่างนั้นหรือ”


“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”


“ถ้าอย่างนั้นให้พี่เป็นคนจัดการได้ไหม” ดวงตาของจิณณะเหลือบมองคนรัก จากประกายแกร่งกล้ากลายเป็นน้อยใจในคำพูดของอีกฝ่าย


“พี่...ไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น...” ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเข้าใจเช่นนี้ พิทักษ์ออกตัวแต่แรกว่าไม่ต้องการให้เขายุ่ง จะมีอะไรมากไปกว่าไม่อยากให้เขาแตะต้องคนอื่น


ห่วงคนอื่นทำไม


ในเมื่อเขาต่างหากที่ห่วงพิทักษ์ยิ่งกว่าใคร


“พี่ไม่อยากให้จิณยุ่งกับใครทั้งนั้น...ไม่อยากให้จิณทำเรื่องอันตรายอีกแล้ว”


พิทักษ์ไม่อยากให้คนรักกระโจนเข้าสู่เส้นทางอันตราย ภัยร้ายจากคนอื่นยังไม่สู้ด้านมืดของตนเอง จิณณะในเวลาปกตินั้นบุ่มบ่าม แต่เวลาเผชิญกับเภทภัยกลับสุขุมเลือดเย็นผิดเป็นคนละคน


ความสุขุมหากในยามปกติคงเป็นเรื่องดี แต่ในยามเข้าสู่ด้านมืดแล้วกลับน่ากลัว เพราะแม้แต่พิทักษ์เองก็ไม่แน่ใจว่าจิณณะจะทำอะไร


“พี่เป็นห่วงจิณ...”


“...เป็นห่วงอยู่คนเดียว...”


ฝ่ามือร้อนลูบไล้ผิวแก้ม จิณณะเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ทั้งจิตใจและร่างกายแข็งแกร่ง แต่สัมผัสของพิทักษ์กลับให้ความรู้สึกเหมือนหลานชายคุณกอบกุลเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่ทั้งเปราะบางและแสนมีค่า


ไม่ใช่จะไม่รับรู้ นอกจากฝ่ามือที่ลูบไล้แก้มเขาอย่างอ่อนโยนแล้ว ริมฝีปากของพิทักษ์ที่ประทับลงมาก็ให้ความรู้สึกนุ่มนวลพะเน้าพะนอเช่นกัน


“อย่าให้พี่ต้องห่วงไปมากกว่านี้เลย แค่นี้ก็ทำงานไม่รู้เรื่องแล้ว”


ประโยคหลังรสจูบหวานแผ่วนั้นชวนให้บรรยากาศดีขึ้นผิดหูผิดตา ยิ่งใกล้ชิดกันมากเท่าไร ก็เหมือนจะช่วยคลายความรู้สึกมึนตึงต่อกันได้มากเท่านั้น


“ผมก็ทำงานไม่รู้เรื่องเหมือนกัน...หายโกรธผมรึยัง”


“หายนานแล้ว”


“แล้วทำไมเพิ่งมา”


“มานานแล้ว นั่งอยู่ข้างนอกร้าน”


“จริงน่ะ”


“บ้านช่องไม่กลับ ไม่โทร.มาบอกกันสักคำ คิดว่าพี่จะรอที่บ้านไหวหรือ”


“ก็...ผมคิดว่าพี่โกรธ ผมส่งดอกไม้ไปให้ก็เอาดอกไม้มาคืน” ริมฝีปากของพิทักษ์มีรอยยกเล็กน้อยอย่างเอ็นดูคนง้อ ที่ไม่ทราบว่าคิดอะไรถึงได้ส่งกุหลาบแดงช่อใหญ่ไปให้เขาถึงสนามกอล์ฟ


“ช่อใหญ่และแพงที่สุดในร้านด้วยใช่ไหม” ดวงตาของจิณณะเบิกโตขึ้นเล็กน้อย


“พี่รู้ด้วยหรือ” พอถามออกไปแล้วก็เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่าพิทักษ์วางสายสืบไว้ข้างตัวเขา “พี่นัยบอกล่ะสิ”


“จิณมีเลขาฯของพี่คอยส่งข่าว พี่ก็มีเลขาฯของจิณคอยส่งข่าวเหมือนกัน” พิทักษ์พูดพลางยิ้มจาง ทว่าการที่เขาเอ่ยปากถึงเลขานุการก็ทำเอาคนมีชนักปักหลังนึกออกอีกเรื่องหนึ่งที่ตนสร้างไว้


ไม่ให้เลขานุการของพิทักษ์ลงนัดที่จะต้องไปพบดาริน เคลียร์ตารางวันนั้นให้ว่าง แล้วเขาแทรกนัดดูภาพยนตร์ลงไปแทน


“พี่ทิศอย่าดุเลขาฯของพี่เลยนะ เรื่องที่ผมให้เขาลงนัดพี่ไปดูหนังกับผมแทนที่จะไปคุยงานกับผู้หญิงคนนั้น เขาไม่ได้อยากทำหรอก แต่ผมบังคับเขาเอง”


แม้ในยามนั้น จิณณะจะไม่ได้บังคับเลยสักนิด เพียงขอความร่วมมือ เลขานุการของพิทักษ์ก็มอบน้ำใจกลับมาแต่โดยดี แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขา เขาไม่อยากให้เลขาฯของพิทักษ์มีความผิดไปด้วย


“พี่รู้” พิทักษ์เปรย กวาดตามองดวงหน้าของคนรักแล้วมาหยุดที่ริมฝีปากที่มีไฝเม็ดเล็กแสนช่างพูดนั่น จิณณะเคยบอกว่าไฝนี้เป็นสัญลักษณ์ของความช่างพูด แต่สำหรับพิทักษ์ ยามพินิจใกล้ๆอย่างนี้ ไฝเม็ดนี้กลับชวนให้น่าบดเบียดและลงโทษ


“...พี่รู้ว่าพี่ควรดุใคร”


ใครคนนี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากจิณณะ และในเมื่อเป็นจิณณะ การดุของพิทักษ์ก็ย่อมไม่ใช่การดุอย่างธรรมดา


คนที่ควรถูกดุ...ก็เลยถูกดุจนเกือบค่อนคืน จิณณะรู้ซึ้งแล้วว่าหากทำความผิดซ้ำสอง จะต้องถูกลงโทษด้วยวิธีแบบไหน ทว่าตอนที่คิดว่าบทลงโทษในค่ำคืนนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว คนรักของเขาก็เอ่ยปากถึงความผิดกระทงใหม่


“แล้วก็มีอีกเรื่อง...อย่าหนีออกจากบ้านแบบคราวนี้อีก”


“ผมไม่ได้หนี”


“แต่ไม่ยอมกลับ”


“ก็...ผมไม่อยากให้เราตึงใส่กันในบ้านหลังนั้น ผมอยากให้ที่นั่นมีแต่ความทรงจำดีๆ”


“บ้านนะจิณ มันเป็นที่ที่เราอยู่ เป็นที่ที่เราเรียนรู้กัน ถ้ามันจะมีเรื่องดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่มันก็เป็นความทรงจำของเราไม่ใช่หรือ”


“...อย่าหนีออกจากบ้านของเราอีก เข้าใจไหม”


“ครับๆ...พี่ไม่อยากเสียตังค์ค่าโรงแรมใช่ไหมล่ะ” เพราะรู้ว่าจะถูกลงโทษเพิ่มอีกกระทง จิณณะเลยอาศัยแรงเฮือกสุดท้ายเบี่ยงประเด็นไปเสีย แต่อาจจะเพราะเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมยามค่ำคืนจนร่างกายและสมองอ่อนล้าไปหมด การเลี่ยงไปพูดเรื่องค่าโรงแรม ก็เลยกลายเป็นการหยอกคนใช้เงินเป็นให้รู้สึกอยากกำราบตัวแสบขึ้นมาอีก


พิทักษ์พลิกร่างขึ้นทาบทับคนรัก คร่อมจิณณะเอาไว้ด้วยสองแขน


“ไหนๆก็เสียเงินค่าโรงแรมแล้ว ต้องใช้ให้คุ้มจริงไหม”


“เฮ้ย! เดี๋ยวๆ ใช้ให้คุ้มหมายความว่าไง?!” แน่นอนว่าคำตอบของคำถามนี้ย่อมไม่ใช่คำพูดแต่เป็นการกระทำ และเป็นการกระทำที่สั่งสอนจิณณะให้จำจนตายว่าอย่าได้จุดชนวนความคุ้มค่าในการใช้เงินจากคนใช้เงินเป็นอย่างพิทักษ์อีกเด็ดขาด


……………….


แม้จะร่วมงานกันไม่นาน แต่ดนัยก็คุ้นเคยและสนิทสนมกับจิณณะในระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งเพราะเจ้านายของเขาคนนี้จริงใจและมีน้ำใจ ความอาทรที่มีต่อคนรอบข้างอาจจะเพราะใฝ่ประโยชน์ส่วนหนึ่งก็จริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าตัวแสดงออกอย่างจริงใจจากเนื้อแท้ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เวลานี้ดนัยจะอดเป็นห่วงคนที่เขาฝากให้กลับไปพร้อมพิทักษ์


อดีตบอดี้การ์ดมาถึงออฟฟิศก็เฝ้าแต่มองนาฬิกาสลับกับประตู เขาหวั่นว่าจิณณะจะไม่มาทำงาน หรือมาก็มาโดยลำพังในสภาพทั้งหงอทั้งจ๋อง ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าสองคนนั้นยังไม่คืนดีกัน


จนกระทั่งเก้าโมงสี่สิบห้านาที ใครบางคนก็เดินเข้ามาในชั้นของสำนักงานพร้อมกับเสียงผิวปาก


“เฮลโล พี่นัย” ทั้งเสียงผิวปาก ทั้งเสียงทัก ทั้งสีหน้าสีตา และรอยยิ้มกว้างขวาง ทำเอาคนที่กังวลจนนั่งไม่ติดที่ถึงกับลอบถอนหายใจเบา


“สวัสดีครับ” ดนัยเห็นสีหน้าของเจ้านายก็พลอยเบาใจจนเผลอยิ้ม และแน่นอนว่าจิณณะสังเกตเห็นพอดี


“พี่นัยยิ้มอะไร”


ดนัยเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ทันรู้ตัวว่าเขาเผลอสบายใจไปเสียแล้วที่เห็นจิณณะรักใคร่กันดีกับพิทักษ์


“คุณจิณคืนดีกับคุณทิศแล้วหรือครับ”


ถือว่าตนเองเป็นคนรู้เห็นเหตุการณ์เมื่อวาน อีกทั้งยังรู้จักทั้งฝ่ายจิณณะและพิทักษ์ นอกจากนั้นการที่เจ้านายอารมณ์ดี ชีวิตรักมีความสุขก็ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานด้วย พอคิดมาถึงตรงนี้ ดนัยก็รู้สึกตัวว่าเขาอยากจะทำงานกับชายหนุ่มคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ใช่งานที่ถนัดมากอย่างการดูแลความปลอดภัยอย่างที่ทำมาตลอดก็ตามที


อย่างที่บอกว่าส่วนหนึ่งก็เพราะลักษณะนิสัยใจคอของจิณณะ ถึงทำให้เขาอยากทำงานด้วย


อีกส่วนก็เพราะ...เขาอยากรู้ว่าชีวิตของคนทั้งคู่จะเป็นเช่นไรต่อไป ความรักความสัมพันธ์รูปแบบนี้ บางคนว่าไม่ยืนยาว บางคนว่าเป็นเพียงเรื่องสนุกชั่วครั้งชั่วคราว แต่เหตุการณ์ต่างๆที่หล่อหลอมความสัมพันธ์ของจิณณะและพิทักษ์กลับไม่ทำให้เขารู้สึกถึงความประเดี๋ยวประด๋าวเลยสักนิด


สายตาของดนัยที่จับจ้องเจ้านายนั้นทำเอาจิณณะถูจมูกอย่างเขินๆ


“ก็...โกรธกันนานๆไม่ดี...”


“คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้วครับ”


“แต่ว่า...ผมมีเรื่องอยากให้พี่นัยช่วยสักเรื่อง ตามผมมาหน่อยสิ” ดนัยรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ทว่าก็ทำได้เพียงลุกขึ้นเดินตามแล้วหวังว่าจิณณะจะไม่หาเรื่องใส่หัวแบบคราวก่อนอีก


นี่เขาหวังลมๆแล้งๆหรือเปล่าหนอ...


………………….


เรื่องทุกอย่างดูจะจบสิ้นลงด้วยดี หรืออย่างน้อยๆก็เรียกว่าจางหายไปอย่างไม่ผิดสังเกต ดารินไม่ได้ติดต่อมาหาพิทักษ์อีก ยามติดต่อธุรกิจก็มีตัวแทนของบริษัทมาพบ พิทักษ์เองก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องพบเจอหญิงสาวรายนั้น เพียงแต่...พอจู่ๆหายหน้าไปก็ชวนให้สงสัย


เขาไม่ได้สงสัยดาริน และไม่ได้ต้องการให้หล่อนกลับเข้ามาในชีวิต แต่ที่น่าสงสัยก็คือคนที่กำลังคีบเส้นใหญ่เยนตาโฟเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยนี่ต่างหาก


“มองไรพี่ อยากกินเยนตาโฟเหรอ สั่งไหม เดี๋ยวผมสั่งให้”


มากับสายเปย์นามว่าจิณณะ  วงศ์กีรติทั้งที มีหรือจะได้กินแค่ถ้วยสองถ้วย อยากกินอะไรเพิ่มขอให้บอก หรือแค่เพียงส่งสายตาแบบที่พิทักษ์กำลังทำอยู่นี่ หลานชายคุณกอบกุลก็พร้อมสั่งมาสนอง


“ไม่ต้องสั่งหรอก”


จิณณะหันมามอง “หรือจะชิมของผมก่อน?”


“พี่อิ่มแล้ว”


“อ้าว แล้วก็มองผมกิน นึกว่าอยากกินผม เอ๊ย! อยากกินอย่างผม” ตัวแสบที่รู้ตัวว่าเวลานี้คือเวลากลางวัน แถมยังนั่งกันอยู่ที่ร้านก๊วยเตี๋ยวริมถนนพูดแล้วหัวเราะฮ่าฮ่า สนุกสนานที่ได้ปากดียั่วคนรักในเวลาที่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรเขาไม่ได้ จะบอกว่าจิณณะลืมคิดว่าเวลาที่พิทักษ์ทำอะไรเขาไม่ได้นั้นมีเพียงหยิบมือก็ไม่ถูกนัก เพราะเมื่อถึงเวลาที่พิทักษ์ทำอะไรเขาได้ ก็เป็นฝ่ายเขานั่นล่ะที่ยินยอมให้ทำแต่โดยดี


พิทักษ์มองคนหัวเราะแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ ก่อนจะเอ่ยปาก


“ไม่กี่วันก่อนมีคนมาที่สนามกอล์ฟ พอดีพี่อยู่เลยได้เจอ เขาบอกว่า...กำลังจะร่วมทุนกับบริษัทของคุณดาริน” ไม่ต้องเตือนความจำว่าจิณณะจำชื่อดารินได้หรือไม่ ทั้งๆที่คู่ค้าของสนามกอล์ฟของพิทักษ์มีมากมายก่ายกอง


หลานชายคุณกอบกุลนิ่งไปแค่อึดใจเดียว ก่อนจะเงยหน้าจากชามก๊วยเตี๋ยวขึ้นมามองคนรักตาใส...ซื่อ


“ผมนึกว่าคุณดารินเป็นเจ้าของบริษัทเสียอีก”


“แต่ก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”


จิณณะทำเป็นพยักหน้าเออออเหมือนเพิ่งรู้


“พี่ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร คุณดารินถึงขายหุ้นให้คนอื่น แต่...เท่าที่รู้ หุ้นส่วนคนใหม่ของคุณดารินชื่ออรรณพ จิณรู้จักไหม เห็นว่าจบจากคณะเดียวกับจิณ”


คราวนี้จิณณะไม่ได้นิ่งแค่อึดใจเดียวอีกแล้ว เขาน่าจะรู้ดีว่าคนอย่างพิทักษ์มีวิธีสืบข่าวมากมาย และหนึ่งในวิธีมากมายที่ว่าก็คือการสอบถามจากดนัย


แต่...เลือดวงศ์กีรติจะให้ใครดูแคลนไม่ได้ ปกปิดก็คือปกปิด แถก็คือแถ ไม่บอกความจริงเสียอย่าง ใครจะทำไม


“คณะผมมีตั้งสี่ภาคฯ แถมมีรุ่นอีก เขารุ่นไหนล่ะ แต่ในรุ่นผมไม่มีคนชื่อนี้นะ อีกอย่างถ้าเป็นรุ่นอื่นเราก็ไม่ค่อยรู้จักชื่อจริงกันหรอก รู้แต่ชื่อเล่น ถ้าไม่เห็นหน้าก็จำไม่ได้...”


พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นสายตาของพิทักษ์ จิณณะก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายน่าจะรู้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรุ่นน้องร่วมคณะคนที่ชื่ออรรณพคนนี้ “...เออๆ จะว่าไปก็มีอยู่คนนะ ที่ชื่ออรรณพ รายนี้ดังหน่อยผมเลยจำได้ แต่ไม่ได้เรียนภาคเดียวกันหรอก แล้วเขามาซื้อหุ้นบริษัทของคุณดารินหรือ เพิ่งรู้ว่ามันสนใจธุรกิจกอล์ฟ ไว้ผมจะลองติดต่อไปหามันให้พาพรรคพวกมาเป็นลูกค้าสนามกอล์ฟพี่ทิศบ้างดีไหม เพิ่มฐานลูกค้า”


“ไม่ใช่ว่าจิณติดต่อเขาไปก่อนหน้านี้แล้วหรือ”


ตะเกียบแทบร่วงใส่ชามก๊วยเตี๋ยว ดวงตาหลุกหลิกของคนมีชนักปักหลังเหลือบขึ้นมองเจ้าของคำถามทันที


“จิณทำอะไรบ้าง” น้ำเสียงเรียบ ตาจิกบอกให้รู้ว่าจงเล่าความจริงแต่โดยดี


“ผ...ผมไม่ได้…”


พิทักษ์ไม่พูด แต่ตาจิกเหมือนเดิม


“ก็ได้ๆ...ก็ผมพอจะรู้ว่ากิจการคุณดารินไม่ค่อยดี แล้วไอ้เวฟ...เอ่อ...อรรณพนั่นแหละ มันสนใจธุรกิจประเภทนี้พอดี ก็เลยแค่บอกมัน...”


คำว่า ‘พอจะรู้’ แน่นอนว่าไม่ใช่การที่จู่ๆก็ได้ยินมา แต่เป็นเพราะจิณณะส่งคนสืบหาข้อมูลทางธุรกิจแล้ว ส่วนคำว่า ‘แค่บอก’ นั่นก็ไม่ใช่แค่บอก แต่มีเงื่อนไขบางประการที่จูงใจให้ใครสักคนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจที่กิจการไม่ดี


แล้วแบบนี้จิณณะจะไม่คู่ควรกับนามสกุลวงศ์กีรติของคุณกอบกุลได้อย่างไรกัน


“ผมไม่ได้บังคับใครเลยนะ อีกอย่าง...นี่ผมช่วยคุณดารินด้วยซ้ำ”


คำว่า ‘ช่วย’ เป็นคำสุภาพ เพราะภายใต้คำว่าช่วยคือเงื่อนไขที่ว่าดารินจะต้องไม่โผล่หน้าไปให้พิทักษ์พบเจออีก หากเมื่อใดก็ตามที่เรื่องหนึ่งหญิงหนึ่งชายพบกันมาเข้าหูจิณณะ คนที่จะถูกจัดการเป็นรายแรกก็คือฝ่ายหญิง


ใช่...ก็ ‘หนึ่งชาย’ ที่ว่าคือคนของเขา เหตุใดเขาต้องจัดการคนของเขาก่อน ‘หนึ่งหญิง’ ซึ่งเป็นคนอื่นเล่า


“พี่...โกรธผมอีกรึเปล่า”


อาการเงียบของพิทักษ์ชวนให้หวั่นใจ แต่ถึงอย่างนั้นคราวนี้ก็ไม่ใช่ความผิดที่เห็นได้ชัดแจ้ง จะโกรธก็ไม่รู้จะโกรธด้วยเหตุผลใด หนำซ้ำสีหน้าเหมือนหวั่นว่าจะถูกโกรธนั่นก็น่าเอ็นดูสำหรับพิทักษ์อีกต่างหาก


“คราวหลังทำอะไรต้องบอก”


“ครับ” รับปากแล้วแต่จิณณะก็ยังคันปากยุบยิบ “...แต่จริงๆคราวนี้ก็ไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีนะ”


“แล้วทำเรื่องดีหรือ”


“ผมช่วย...”


“ถ้าทำเรื่องดี จิณมาอวดพี่นานแล้ว”


หมดกัน ถูกอ่านนิสัยช่างจ้อออกทะลุปรุโปร่งแบบนี้ จิณณะถึงกับหุบปากเถียงไม่ออกไปโดยปริยาย


“เอาเป็นว่าหลังจากนี้ ทั้งดีทั้งไม่ดีก็ต้องบอก เข้าใจไหม”


“ครับ”


“แล้วเดือนหน้า เคลียร์คิวให้พี่สักสามวัน จะพาไปปฏิบัติธรรมอีก”


“หา! ปฏิบัติธรรมอีกแล้ว?!”


“จนกว่าจิณจะทำอะไรแล้วมีสติ คิดก่อนแล้วค่อยทำ พี่จะพาไปปฏิบัติธรรมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้”


“แต่คราวนี้ผมก็คิดก่อนทำนะ”


“คิดอะไรก่อนทำ”


“...” จิณณะเงียบกริบ ไม่กล้าอ้าปากว่าสิ่งที่ตนเองคิดก่อนทำคือการสั่งให้ดนัยหาข้อมูลทางการเงินของดารินแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าทำก่อนแล้วค่อยคิดได้อย่างไรกัน


“แล้วถ้าคุณกอบว่าเรื่องลางานไปปฏิบัติธรรม ให้มาบอกพี่ พี่จะไปคุยให้เอง”


“คุยกับคุณย่าน่ะหรือ”


“ใช่ ถ้าเขาดุเรื่องจิณลางาน พี่จะไปคุยให้”


“ไม่ต้องหรอกหน่า ผมจัดการได้”


“แต่พี่ไม่อยากให้คุณกอบดุจิณ” อันที่จริงต้องบอกว่าพิทักษ์ไม่ต้องการให้ใครดุจิณณะทั้งนั้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเขาดุได้คนเดียว


จิณณะได้แต่กะพริบตาปริบๆอย่างตามไม่ทัน


“กินต่อได้แล้ว จะได้กลับไปทำงาน แล้วทำงานนะจิณ อย่าให้พี่รู้ว่าเอาเวลางานไปคิดเรื่องไม่ดีอีก”


“ไม่ให้คุณย่าดุผม แต่ตัวเองดุเอาดุเอา...” ได้แต่งึมงำคีบเยนตาโฟเข้าปาก แต่พอเหลือบตาขึ้นมองคนที่ดุเอาดุเอา จิณณะก็ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตากินก๊วยเตี๋ยวต่อไป แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ทันเห็นสายตาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งบัดนี้ผูกขาดการดูแลเขาทุกกรณีมาไว้ในมือแล้ว


ถ้าสำหรับจิณณะ พิทักษ์คือคนที่ใครก็ทำอันตรายไม่ได้แล้ว


สำหรับพิทักษ์ จิณณะก็คือคนที่ใครก็แตะไม่ได้เช่นกัน


…………………….


หลังจากนั้น เรื่องการลางานของจิณณะก็ยังคงมีมาเข้าหูคุณกอบกุลอยู่เนืองๆ เพียงแต่บัดนี้หล่อนไม่กระทบกระเทียบด้วยหน้าตาถมึงทึงเหมือนแต่ก่อน เพียงแต่ทำปากเบ้หน้าตึง แล้วพูดประโยคหนึ่งแทนที่จะพูดถึงหลานนอกคอก


“ก็ให้เขาจัดการกันเองแล้วกัน! คุ้มกะลาหัวกันได้ดีอยู่แล้วนี่!”


   คนรอบข้างฟังแล้ว แม้ไม่ระบุชื่อก็พอจะรู้หน้าว่าใครกันที่คุ้มกะลาหัวจิณณะ  วงศ์กีรติอยู่ เพราะเป็นคนเพียงคนเดียวที่สามารถพาหลานชายจิตไม่นิ่งของคุณกอบกุลเข้าทางธรรมได้ ทว่าพอมีเสียงบ่นจากคนถูกพาไปปฏิบัติธรรมบ่อยๆดังขึ้นมาเบาๆ ค่ายปฏิบัติธรรมก็ซาลง กลายเป็นทริปดำน้ำ ท่องเที่ยว กินดื่ม สลับกันไปจนแม้แต่จิณณะยังส่งรูปอวดคนทางบ้านแทบไม่ทัน เลยได้ยินเสียงมาจากคฤหาสน์หลังแรกจากอาณาเขตวงศ์กีรติดังขึ้นมาอีก


   “ถ้ากิจการมันเจ๊งก็อุ้มชูกันเองเถอะ!!”


   สองประโยคกระแหนะกระแหน จิณณะจะไม่ถือมาเป็นอารมณ์ถ้าจิกกัดเขาคนเดียว แต่นี่ฟังก็รู้ว่าแซะควบไปถึงพิทักษ์ด้วย แล้วคนอย่างจิณณะ  วงศ์กีรติที่ไม่เคยยอมให้พิทักษ์ตกอยู่ในอันตราย จะยอมให้อีกฝ่ายถูกต้นตระกูลของตนเองจิกกัดบ่อยๆอย่างนั้นหรือ


   “แก่แล้วก็หัดปล่อยวางบ้างนะครับ อย่าอิจฉากระทั่งลูกหลานเลย ไม่งั้นก็โทษคนของตัวเองนู่นที่ชิงไปเกิดใหม่ซะก่อน เลยไม่ได้อยู่อุ้มชูกันเหมือนพวกผม”


   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เมื่อคุณกอบกุลได้ยินประโยคนี้จะเกรี้ยวกราดหน้าตาถมึงทึงแค่ไหน จิณณะถือว่าตนเองโยนระเบิดแล้วเผ่นได้ก็ไม่สนใจ แต่หากยังมีเสียงกระแหนะกระแหนถึงพิทักษ์ลอยตามลมมาให้ได้ยินอีก เจ้าของเสียงก็ย่อมต้องได้ฟังเสียงจากเขาลอยกลับไปเช่นกัน!


   คนของข้าใครอย่าแตะ!


   คนของจิณณะ  จิณณะแตะได้คนเดียว!!


   FIN

พี่ทิศสปอยแฟนมากเลยค่ะ สปอยจนไม่รู้จะสปอยยังไง สปอยไปดุไป ถามว่าจิณกลัวมั้ย ก็คงกลัว(มั้งนะ ฮ่าฮ่า)

ส่วนจิณก็คือหลงพี่ทิศมากกกกก แต่ปล่อยให้เขาหลงเถอะเนอะ เขาได้มายากจริงๆค่ะ ฮ่าฮ่า

สำหรับ ระบบอุปถัมภ์ จะออกเป็นหนังสือในงานหนังสือครั้งนี้ ใครอยากเก็บพี่ทิศ จิณณะ และคุณกอบกุล ก็แวะเวียนไปสอยได้นะคะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกกำลังใจ ทุกการอ่าน ทุกการคอมเม้นท์ และทุกการคิดถึง ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ (ขอบคุณเอ็กตร้ามาแต่ชื่ออีกแล้วด้วยนะคะ ฮ่าฮ่า)

เจอกันใหม่เดือนหน้า (กับตอนพิเศษของเรื่องไหนสักเรื่อง อิอิ)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 26-09-2019 23:12:43
ที่สุดจริงๆ ทั้งพี่ทิศและจิณณะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-09-2019 23:19:22
ร้ายได้อีกนะจิณ ดีนะพี่ทิศเอาอยู่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-09-2019 23:24:37
ย้อนคุณย่าได้แสบสันต์ สมเป็นจิณณะจริงๆ   :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 26-09-2019 23:44:33
ชอบการมีเส้นสายนี้.
ไปวัดไหนกันคะ อยากตรมไปด้วยจัง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-09-2019 23:51:15
ยิ้มได้จนกระทั้งคำสุดท้ายเลยค่ะ​ กลั้นจนปวดแก้มแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 27-09-2019 00:27:25
ความง้องอนเล่นกุหลาบช่อใหญ่นี้~~~ เฮ้ออออ

ต่างคนต่างหวงเก่งอ่ะเนอะ
คนของเราก็คือคนของเราอ่ะ แตะได้คนเดียว อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-09-2019 03:01:31
โธ่ หลานจิณแซะคุณย่าแบบนั้นมันแรงไปนะ คุณย่าน่าสงสารออกไม่ได้อยู่กับคนรักจนแก่ตายไปพร้อมกันแล้วยังต้องดูแลกิจการและลูก ๆ ต่อคนเดียวแบบนี้อีก คุณย่าเก่งมากเลยนะ หลานควรแซะเรื่องอื่นซะมากกว่านะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 27-09-2019 04:34:49
กับคุณกอบกุล ก็คือ ใส่กันสุด 5555 สมกับเป็นหลานรัก เอ๊ะ หลานอกคอก 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 27-09-2019 05:15:57
นึกว่าจิณหวงหนักคนเดียว ปรากฎว่าพี่ทิศห่วงหนักไม่แพ้กัน :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 27-09-2019 05:19:38
พี่ทิศ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 27-09-2019 05:42:28
พิทักษ์คือ ลาสบอสสินะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 27-09-2019 07:44:29
ทำไมว่าคุณย่าอย่างนั้นละครับจิณ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 27-09-2019 09:32:00
สปอยแฟนอย่างหนักกันทั้งคู่นั้นแหละ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 27-09-2019 11:52:05
ยอมในความหลงของจินณะเลย ทั้งรักทั้งหวงพี่ทิศมาก
แอบฮาตอนจบนะคะ คุณย่ากับหลานหมัดหนักพอๆกันเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 27-09-2019 12:01:39
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-09-2019 18:07:10
เรื่องพิทักษ์ จินไม่ลดราวาศอกกับใครทั้งนั้น ย่าก็ไม่เว้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 27-09-2019 18:19:37
โอ้ยยย พี่ทิศสปอยไปดุไป ดุได้คนเดียวด้วยใครก็ห้ามแต่ะ!

ทั้งรักทั้งหลงกันหนักมากกกก ของของใครของก็หวง! ก็อกสอง จิณจัดการได้แจ่มมาก o13

ขำย่าหลาน เลือดวงศ์กีรติเข้มข้นจริงๆ แซะมาแซะกลับไม่โกง 5555555 

ขอบคุณนะคะ ชุ่มชื่นหัวใจมากกกกก  :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 27-09-2019 19:51:37
ของจิณ จิณจัดการได้คนเดียวจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-09-2019 22:29:33
ความสปอยของพระเอกในจักรวาลของคุณบัวพี่ทิศมาวินเลยไหมเนี่ย ฮ่าๆ
พี่เวฟได้ค่าตัวอีกแล้วจ้าา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: punthipha ที่ 28-09-2019 09:54:14
สปอยกันได้น่ารัก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: QXanth139 ที่ 28-09-2019 18:20:40
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากๆ พี่ทิศคือที่สุดในใจ อิจฉาเจ้าจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 28-09-2019 18:52:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 29-09-2019 23:12:18
โอ้ยยยยยย ทั้งอิจฉา ทั้งหลง ในความรักของคุณเขาจัง รักอะไรกันปานนั้น จิณก็ยังคงความจิณเสมอต้อนเสมอปลาย ส่วนพี่ทิศนี่แสนดีจริงๆ จะโกรธจะดุน้องก็น่าเอ็นดูในสายตาตลอดเวลา

คนของข้าใครอย่าแตะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ti0590 ที่ 30-09-2019 00:16:35
จิณณะ ร้ายได้คุณย่า  :katai3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-09-2019 10:13:06
แสบไม่มีใครเกินเลยจริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 02-10-2019 11:25:38
 ขอบคุณมากเลยค่ะสนุกมาก จริงๆ ชอบปลัดจิณเวลาองค์คุณกอบกุลมากมีความสามีสุดๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 02-10-2019 20:24:48
จิณเป็นตัวแสบจริงๆ  :o8: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: chandrarat ที่ 02-10-2019 22:01:21
ถึงร้ายก็รักใช่มั้ยคะพี่ทิศ555.  จิณเหมือนคุณกอบมากนะ หลานย่าที่แท้อ้ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 02-10-2019 22:42:20
แสบได้ใจมาก555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 03-10-2019 21:56:13
 :z10: สปอยหนักมาก  o13 เข้มเต็มทุกรสจริงๆ  :hao3:
ขอบคุณมากๆ ที่นำเรื่องดีๆ แบบนี้ มาให้อ่านนะ  :L2:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 05-10-2019 00:29:21
 :pig4: o13
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Pumpkin ที่ 05-10-2019 07:43:32
Perfect match อะ สองคนนี้ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-10-2019 14:36:51
พี่ทิศที่หนึ่งตลอดกาล  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 06-10-2019 18:50:45
สนุกมากกกกกก ชอบคุณทิศคนอะไรจะอบอุ่นขนาดนี้
ขอโทษที่เม้นทีเดียวตอนจบเลยนะคะ เข้ามาอ่านไม่ทัน
เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: JaikOrn ที่ 07-10-2019 21:13:32
นิยายคุณบัวไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย อ่านรวดเดียวจนมาเม้น ..​กลางวันแสกๆ นะคะ หุหุหุ งานหนังสือไปสอยเล่มแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 08-10-2019 19:29:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 09-10-2019 20:07:54
ตอนพิเศษมาเพิ่มแล้ว
มีพี่เวฟโผล่มาแว้บๆอีกครั้ง
ชอบความสปอยกันและกัน
คุณกอบกุลก็ยังน่ารักเหมือนเดิม
มีความแซะคู่ ครอบครัวสุขสันต์
รออ่านตอนพิเศษเรื่องอื่นๆอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 10-10-2019 23:20:44
จิณแสบจริงๆด้วย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-10-2019 16:42:24
คุณย่าคะ อย่าไปยอมค่ะ(เป่าหู)



จัดเลยค่ะ แข็งข้อใหญ่แล้ว(เป่าหูอีก)



แบบนี่ต้องสั่งสอนให้หราบจำค่ะ(เป่าหู)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 11-10-2019 19:05:17
จิณคือแสบจริงๆ แต่เหนืออื่นใดคือพี่ทิศที่รู้จังหวะ รู้เวลา รู้วิธีจัดการกับเด็กแสบอย่างจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 12-10-2019 14:25:31
โหวว เราพึ่งเห็นว่ามีตอนพิเศษใหม่มา ขอบคุณค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: FaX ที่ 12-10-2019 20:44:57
ขอบคุณนิยายดีๆแบบนี้มากเลยค่ะ แอบกระซิบ ตอนแรก กดผ่านไป 3 รอบ พอมาตั้งใจอ่านจริงๆ เห้ยคือดีย์ เออ มันเริ่ด เนื้อหาสมูทมาก ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร็วเกินไป ตัวละครมีความเด่น ความสำคัญในตัวเองหมด อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวละคร ยังคงความเป็นตัวเองไว้ดีมาก แต่เรื่องนี้ขอยกความชนะเลิศ มงลงให้กับ ย่ากอบกุลมากค่ะ คือที่สุดอะ ปากแข็งแต่รักลูกรักหลานมาก ทำได้ทุกอย่าง ถ้าไม่มีย่า ป่านนี้เรื่องอาจจะเป็นอีกแบบก็ได้ ชอบความพระเอกกับนายเอกรักกันมาก มันทำให้รู้สึกร่วม แบบตอนอ่านตอนที่นายเอก คุยคนเดียว แต่นึกไปถึงพี่ทิศ คือ แบบเห้ย มันต้องทุกข์ เบอร์ไหนวะ รักกันขนาดไหน คือ อินมากเลยเจ้าา สุดท้ายนี้ กราบขอบคุณงามๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-10-2019 21:38:18
รักไปดุไป กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้น
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nrbtst1997 ที่ 24-10-2019 22:40:59
ตอนพิเศษ​ก็ยังไม่พ้นเรื่องเส้นเรื่องสายเลยนะครับ55555555แต่สนุกมากๆ กลับมาอ่านตอนพิเศษ​ก็ยังไม่ลืมเรื่องหลักเลย ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: taran ที่ 14-11-2019 13:19:16
อ่านจบแล้วแบบ ครบทุกรสจริง ๆ อะ
บู๊ รัก ดราม่า ทรมานใจ มีหมดจริง ๆ

ตอนดี ๆ กันก็หวาน พอต้องห่างก็ขมหนัก กว่าจะผ่านมรสุมมาได้
คนอ่านก็เลือดตาแทบกระเด็น ลุ้นแล้วลุ้นอีก ทิฐินิไม่อยากให้มีกะใครเลย มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นจริง ๆ แหละ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนของข้าใครอย่าแตะ 1-2...=> หน้าที่ 44 (26/09/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 24-11-2019 14:15:15
 :ling1: :ling1: :katai2-1: o13 :-[ :กอด1: :impress2:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 28-11-2019 23:07:12
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………….
ตอนพิเศษ ห่วง


ภาพเบื้องหน้าขมุกขมัวราวกับเป็นกลุ่มควันหนา คุณกอบกุลพยายามเพ่งมองอยู่นานราวกับมีสังหรณ์ประหลาดว่าในกลุ่มควันนั้นจะมีใครสักคนยืนอยู่ ควันสีเทาจางลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นเป็นเงาร่างของชายผู้หนึ่ง


ทีแรก หล่อนยังขมวดคิ้วมุ่น จนกระทั่งเงาร่างนั้นชัดขึ้นทีละน้อยพร้อมๆกับที่ควันจางลง


จาง...จนเห็นว่าเจ้าของร่างนั้นคือคนที่จากหล่อนไปหลายสิบปี


คุณกอบกุลนิ่งงัน ทว่าหัวใจเต้นถี่เสียจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ชายร่างสูงผู้นั้นเคลื่อนเข้ามาหาหล่อนอย่างช้าๆ


เขาไม่ได้เดิน...


หล่อนไม่กล้ามองลงเบื้องล่างว่าเขามีขาหรือไม่ แต่การที่เขาเคลื่อนเข้ามา แทนที่จะก้าวก็พอจะบอกให้รู้ว่าเขา...ไม่ใช่คน


ใช่...เพราะโรคร้ายพรากชีวิตเขาไปจากหล่อนนานแล้ว


“กอบ...” เสียงของเขาแหบพร่า ทว่ายังเป็นเสียงเดิมที่อยู่ในความทรงจำของคุณกอบกุล หล่อนได้แต่เม้มปากแน่นกลั้นเสียงสะอื้นและความรู้สึกบางอย่างที่พวยพุ่งขึ้นมาในอก


“กอบ...” เสียงของเขาดังขึ้นอีก


“พี่มารับฉันหรือ...” คุณกอบกุลถาม หางเสียงสั่นเล็กน้อย


“กอบเหนื่อยมามากแล้ว” ชายคนนั้นตอบกลับมา ยิ่งเขาขยับเข้ามาใกล้ ก็ยิ่งพบว่าเขาไม่ได้ขยับปากเลยสักนิด ทว่าเสียงของเขากลับดังอยู่รอบตัวของหล่อน


“พี่เป็นห่วง...ไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ...”


คำชวนนั้นทำให้ใจสั่น ความว้าเหว่ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาถูกฝังลึกทว่ามันไม่เคยจางหาย คุณกอบกุลยังคิดถึงรักแรกและรักเดียวของหล่อนเสมอ แม้ว่าสุดท้ายเขาจะทิ้งให้หล่อนโดดเดี่ยวและดิ้นรนต่อสู้เพียงลำพัง


...ลำพัง...


ใช่...หล่อนสู้ตัวคนเดียว เพื่อลูกอีกสามชีวิตที่เป็นมรดกจากสามีผู้วายชนม์


จนกระทั่ง วันนี้หล่อนมีทุกอย่าง เงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง อำนาจ บารมี และลูกหลานสุขสบายบนกองเงินกองทองที่หล่อนหามาทั้งชีวิต


ในวันที่หล่อนมีทุกอย่าง ขาดเพียงแค่ ‘เขา’


แต่วันนี้... ‘เขา’ กลับมาแล้ว


กลับมา...เพื่อพาหล่อนไปอยู่ด้วยกัน


“ไปด้วยกันนะ...กอบ” ไม่เพียงแค่เสียงที่เพรียกหา แต่ฝ่ามือยังยื่นมาตรงหน้า มือที่หล่อนคิดถึง มือที่คุณกอบกุลเคยคิดว่าจะกอบกุมมือของหล่อนแล้วผ่านพ้นวัยหนุ่มสาวไปสู่ยามแก่เฒ่าด้วยกัน


แต่...ไม่เลย....


วัยหนุ่มสาวที่หล่อนและเขาได้เคียงข้างกันช่างสั้นนัก เรา...แทบไม่ได้จับมือกันก้าวข้ามอุปสรรคใดเลย


เขาทิ้งหล่อนไป แม้ไม่ตั้งใจ แม้ไม่เต็มใจ แต่ในวันที่เขาจากไป หล่อนไม่เหลืออะไรเลย


วันนี้... ชายที่หล่อนรัก...กลับมา...


กลับมาในวันที่หล่อนมีทุกอย่าง


“ฉัน...ฉันยังไปกับพี่ไม่ได้”


“ทำไม...”


“ฉันปล่อยไม่ได้” คุณกอบกุลตอบแล้วก้าวถอยหลังราวกับเป็นสัญญานว่าหล่อนไม่พร้อมจะไปไหนทั้งนั้น


“กอบ...พวกเขา...อยู่กันเองได้...อย่าห่วงอีกเลย”


“แต่ฉันห่วง! ฉันไม่อยากไป!”


“กอบ...ไม่อยากอยู่กับพี่หรือ...”


คุณกอบกุลนิ่งงัน จับจ้องใบหน้าของชายผู้เป็นที่รัก ชายผู้หล่อนเคยวาดหวังว่าจะฝากชีวิต จะฝากหัวใจเอาไว้กับเขา


“ทำไมจะไม่อยาก...”


วันนี้มีกินมีใช้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะคุณกอบกุลต้องการชดเชยความยากจนที่หล่อนประสบในอดีต ในยามที่หล่อนไม่มี วันนั้นโชคชะตาเล่นตลกพรากคนรักของหล่อนไป วันนี้หล่อนมีทุกอย่าง หากโชคชะตาจะพรากลูกพรากหลานอย่างที่เคยทำกับสามีของหล่อน คุณกอบกุลก็จะสู้ด้วยเม็ดเงินและอำนาจบารมี


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปอยู่ด้วยกัน...”


“ไม่” คุณกอบกุลตอบเรียบ ดวงตาที่เมื่อครู่ทอดแววรักและคิดถึงกลายเป็นเย็นเยียบในบัดดล หล่อนก้าวเท้าถอยหลังให้ห่างจากชายผู้เป็นที่รัก


“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันลำบากมาทั้งชีวิต วันนี้ฉันสุขสบายจะให้ฉันไปหรือ”


“...อีกอย่าง...ฉันต้องแน่ใจว่าวงศ์กีรติจะอยู่ได้ถ้าฉันไม่อยู่ ฉันถึงจะไป”


เงินทองที่สะสมไว้ แน่นอนว่ามันเพียงพอสำหรับลูกหลานทุกคน แต่อำนาจบารมีอาจตายไปพร้อมกับคุณกอบกุล หล่อนต้องการให้แน่ใจว่าวงศ์กีรติจะไม่มีอันล่มสลาย หากหล่อนจากโลกนี้ไป


ห่วง…ผลประโยชน์ทั้งหลายคือบ่วงบาศ เมื่อคล้องคอใครแล้วก็ยากจะแก้


ห่วง…ลูกหลานเชื้อสายและวงศ์ตระกูล หากหมดสิ้นหัวเรือใหญ่จะอยู่กันเช่นไร


“ได้ยินที่ฉันพูดไหม ฉันไม่ไปกับพี่” พูดได้เพียงเท่านั้น ชายเบื้องหน้าก็กลายเป็นเพียงภาพจาง ก่อนจะหายไปท่ามกลางกลุ่มควัน คุณกอบกุลกะพริบตาถี่ๆ แล้วกวาดตามองไปรอบตัว ทว่ากลับพบเพียงความมืดมิด


ไม่มีกลุ่มควันใดๆ ไม่มีร่องรอยการมีอยู่ของใคร ไม่มีแม้แต่ลางสังหรณ์ว่ามีคนอยู่ที่นี่กับหล่อน


...เขา...จากไปแล้ว…


…จากไปอีกแล้ว…


หัวใจโหวงเหวงจนได้แต่เม้มปากแน่น


หล่อน...เสียชายผู้เป็นที่รักไปอีกครั้ง


...ช่างทรมานเหลือเกิน...

………………



จิณณะสับเท้าไวจนแทบกลายเป็นวิ่ง เลี้ยวพ้นโถงลิฟต์แล้วก็ก้าวยาวๆอีกอึดใจหนึ่งจึงมาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วย แค่มองผ่านช่องกระจกเข้าไปภายในเห็นบิดานั่งอยู่ที่โซฟาในส่วนรับแขกเขาก็รีบผลักประตูเข้าไปอย่างไว


“พ่อ!” ชายหนุ่มเรียก โกศลเงยหน้ามองทันที


บุตรชายคนโตก้าวเท้าเข้าไปหา ไม่ทันได้ออกปากถามก็หันไปเห็นร่างของหญิงชราที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงในห้องพักด้านใน


หลานนอกคอกถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เขากะพริบตาช้าๆ แล้วเบี่ยงปลายเท้าเดินเข้าไปหาเตียงคนไข้แทน


คุณกอบกุลเป็นหญิงชราร่างเล็ก แผ่อำนาจบารมียามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ ทว่ายามหล่อนนอนนิ่งอยู่บนเตียง กลับดูบอบบางใกล้แตกร้าวด้วยวันเวลาที่ล่วงเลย


จิณณะพูดไม่ออกว่าเขารู้สึกเช่นไร ยามพบหน้า แทบจะไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาได้พินิจพิจารณาผู้เป็นต้นตระกูลของเขาเลย


“จิณ...” เสียงของบิดาดังขึ้นข้างหลัง ทำเอาเจ้าของชื่อหันมอง โกศลยืนอยู่ข้างหลังเขา และคล้อยหลังไปเล็กน้อยคือชายในชุดเสื้อกาวน์สีขาว


...หมอ...


จิณณะมีคำถามมากมายดังขึ้นในใจ แต่ขยับปากพูดไม่ออกสักคำ


“คุณกอบกุลหลับหรือครับ” ทว่าคำถามแรกเป็นของแพทย์สูงวัยที่เหลือบไปเห็นร่างของหญิงชรานอนบนเตียง


“ตื่นแล้ว แค่พักสายตาเท่านั้น” แล้วเสียงจากคนบนเตียงก็ดังกลับมา จิณณะกะพริบตาปริบๆ หันไปมองผู้เป็นย่าที่ลืมตาขึ้น


“จิณถอยออกมาก่อน คุณหมอจะได้คุยกับคุณย่า”


จิณณะยังเหมือนไม่มีสติ ถูกบิดาดึงออกมาหลบอยู่มุมห้อง ให้แพทย์ประจำตัวคุณกอบกุลได้เข้าไปยืนข้างเตียง


“เห็นว่าคุณกอบเพลียๆ แต่ผลตรวจร่างกายออกมาปกติดีทุกอย่าง แข็งแรงกว่าคนรุ่นเดียวกันเยอะนะครับ”


“ตรวจร่างกาย?” จิณณะทวนคำพลางหันมองบิดา


“ใช่ คุณย่ามาตรวจร่างกาย แต่บ่นว่าเพลียก็เลยให้แอดมิด”


โรงพยาบาลเอกชนแสนหรูหราที่ตอบสนองความต้องการของคนไข้ประดุจลูกค้า ยิ่งโดยเฉพาะกับลูกค้าที่ชื่อกอบกุล  วงศ์กีรตินั้น ไม่ว่าจะต้องการอะไร เป็นต้องได้เสมอ


เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ทำเอาจิณณะที่กำลังนิ่งงันได้สติหันมองตามเสียง แล้วก็ถึงได้เห็นน้องชายตัวดียืนหัวเราะอยู่ที่กรอบประตู


จารีต...คนที่โทรไปบอกเขาว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล เพียงเท่านั้นจิณณะก็ทิ้งทุกอย่างขับรถมาที่โรงพยาบาลทันที


...โดนหลอกแล้วไง!...


คนพี่ยังไม่ทันเฉ่งคนน้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จิณณะหยิบขึ้นมาเห็นเป็นชื่อของน้องชายของพิทักษ์ซึ่งเป็นหมอ เขาจึงกดรับสาย


‘พี่ทิศบอกว่าคุณกอบกุลแอดมิดหรือ’


ก่อนจะมาที่นี่เพียงลำพัง จิณณะอยู่ในกรุงเทพฯพอดี พอรู้จากจารีตว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล เขาจึงรีบทิ้งงานโทร.หาพิทักษ์แล้วตรงดิ่งมาที่โรงพยาบาล พิทักษ์คงบอกน้องชาย ทิวากรจึงโทร.มาสอบถามกับเขาเช่นนี้


จิณณะเหลือบมองน้องชายตัวแสบของตนเองที่ทำหน้าตาหยอกเย้า


“โดนหลอกน่ะ”


‘ใครหลอก’


“ไอ้จา คุณย่าแค่มาตรวจร่างกายแล้วเพลียเลยแอดมิด”


‘เล่นไม่เข้าท่า’


“ยังไงก็ขอบคุณที่โทร.มานะทิว”


‘ไม่เป็นไร ถ้ามีอะไรก็บอกผมได้’


ปลายสายตัดไปแล้ว จิณณะอยากจะเอาเรื่องน้องชายอยู่หรอก แต่ติดที่หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจจารีตก็ดูจะวุ่นวายอยู่กับการรับโทรศัพท์จนต้องหลบออกจากห้องไป เขาไม่รู้จะทำอะไร จะกลับเลยก็น่าเกลียด จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับหมอและคนไข้ก็ไม่ใช่หน้าที่หลานนอกคอกเช่นเขาเสียด้วย สุดท้ายจึงได้แต่ยืนอยู่ที่กับที่ แล้วส่งแต่สายตาเข้าไปมองแทน


แม้จะไม่มีส่วนใดบุบสลาย แต่ภาพที่คุณกอบกุลกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงคนไข้ก็ไม่ใช่ภาพที่เขาคุ้นตาเลยสักนิด ต้องเป็นภาพหญิงชราสวมชุดผ้าไหมราคาแพงและเพชรนิลจินดาที่ประโคมลงบนตัว นั่งเชิดเย่อหยิ่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่นั่นต่างหากถึงเป็นภาพจำ


วันเวลา...กำลังจะพัดพา ‘คนหัวแถว’ ในครอบครัวให้จากไปทีละคน


“แล้วนั่น...มาทำไม” เสียงจากบนเตียงคนไข้ดังขึ้น ทำเอาจิณณะได้สติ พอสบตากับผู้เป็นย่า เขาก็ทำหน้าตาเหรอหรา


“พอดีผ่านมาแถวนี้ครับ เลยแวะมา...หาพ่อ” ว่าแล้วก็โยนไปยังบิดาที่ยืนกะพริบตาปริบๆอยู่ไม่ไกลทันที โกศลเลิกคิ้วอย่างงุนงง


“พ่อ ผมขอคุยด้วยหน่อยสิ เรื่องงานน่ะ” แถสีข้างถลอกไหมไม่รู้ แต่ที่รู้คือจิณณะหน้าด้านเหลือทนสามารถตีหน้าเฉยไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ทั้งๆที่เมื่อครู่นี้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง


โกศลงุนงง แต่ก็ยอมเดินตามลูกชายออกไปยังชุดโซฟาด้านนอก คุณกอบกุลไม่ได้แสดงท่าทีอะไรนอกจากพ่นลมหายใจอย่างหมั่นไส้ ทว่าแพทย์ผู้ยืนอยู่ข้างเตียงกลับหัวเราะเบา


“คนหนุ่มๆนี่ก็นะ พูดอย่างทำอย่าง”


“คุณหมอหมายถึงใคร”


แพทย์ผู้นี้เป็นแพทย์ประจำตัวคุณกอบกุลมานาน ความบาดหมางระหว่างคุณย่าผู้บ้าอำนาจกับหลานนอกคอกผู้แตกแถว ย่อมเข้าหูเขา


“หมายถึงหลานคุณกอบคนนั้นน่ะสิครับ เมื่อกี้เขาวิ่งหน้าตั้งมาที่นี่ ยังหอบอยู่เลย”


ไม่ใช่แค่เพราะยังหอบถึงได้รู้ แต่จิณณะวิ่งผ่านหน้าเขาไปพอดี


“วิ่ง? มันวิ่งมาเยี่ยมฉันหรือ”


ชายในชุดกาวน์สีขาวไม่พูด ทว่าเพียงยิ้มจาง คำตอบนั้นแม้แต่คุณกอบกุลก็กระจ่างแก่ใจ ทว่า...ลูกไม้ที่ตกไม่ไกลต้น ต้นเป็นเช่นไร ลูกไม้ก็เป็นเช่นนั้น


“คงคิดว่าฉันใกล้ตาย จะมาขอมรดกสิท่า”


ว่าแล้วก็เลิกพูดเรื่องหลานอย่างจิณณะอีก หล่อนเป็นคนสอบถามเรื่องสุขภาพร่างกายของตนเองกับหมอ ผลการตรวจเป็นที่น่าพอใจ เพราะนอกจากจะแข็งแรงกว่าคนวัยเดียวกันแล้ว หากไม่มีใครคว้ามีดคว้าปืนจะมาเอาชีวิต โลกนี้ก็จะยังได้เห็นชื่อ ‘กอบกุล  วงศ์กีรติ’ ไปอีกนาน

.................................

จิณณะขุดปัญหาหยุมหยิมมาปรึกษาบิดาตามที่กล่าวอ้าง เช่น พนักงานหยุดต่อเนื่องนานๆ ทำให้ขาดคน พนักงานไม่ร่วมกันประหยัดน้ำไฟสิ้นเปลืองทรัพยากรและค่าใช้จ่าย หรือไม่ก็ที่จอดรถไม่พอ สารพัดปัญหาเหล่านี้ล้วนพบเจอได้ในทุกรูปแบบองค์กร และไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดผลกระทบเร่งด่วนชนิดที่ลูกชายคนโตต้องรีบถลามาขอคำปรึกษาจากบิดาในโรงพยาบาลเช่นนี้เลย


ใครดูก็รู้ว่าจิณณะมาที่นี่ในเวลานี้เพราะ...ห่วง…


โกศลได้แต่อมยิ้ม ทว่าไม่กระโตกกระตาก เขาเป็นลูกชายของคุณกอบกุลมาห้าสิบกว่าปี เป็นพ่อของจิณณะมาเกือบสามสิบปี บวกจำนวนปีดูแล้ว เขารู้จักคนอย่างมารดาและลูกชายคนโตของเขามากกว่าแปดสิบปี


ปากแข็งใจอ่อน ปากร้ายใจดี แล้วอย่าได้เอ่ยปากอย่างรู้ทันเชียว มิเช่นนั้นจะได้เห็นท่าทางถมึงทึงซึ่งทำไปเพื่อกลบเกลื่อนทั้งสิ้น


“อ้าว คุณหมอออกมาแล้ว” โกศลเหลือบไปเห็นหมอออกมาจากห้องพักด้านในของคุณกอบกุลก็ลุกขึ้นทัก จิณณะเลยพลอยหยุดปากแล้วลุกขึ้นเช่นกัน


“ปีนี้คุณโกศลได้ตรวจร่างกายบ้างหรือยังครับ”


“ยังเลยคุณหมอ”


“ถ้าอย่างนั้นหาเวลามาตรวจได้แล้วนะครับ”


“ทำไมหรือครับ หรือว่า...คุณย่า...” จิณณะถามแทรก สีหน้าห่วงใยปิดไม่มิด แต่หากมีใครถามเขาว่าห่วงใคร เจ้าตัวคงตอบเสียงห้วนว่าห่วงบิดาซึ่งเป็นสายเลือดโดยตรงของคุณกอบกุลเท่านั้น


“คุณกอบท่านสบายดี แข็งแรงมากด้วยครับ ที่ผมชวนคุณโกศลมาตรวจร่างกายก็เพราะคราวก่อนเคยวูบ ถึงตรวจแล้วจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ควรเช็คสุขภาพทุกปี คุณจิณณะก็ด้วยนะครับ” คำตอบทำเอาหลานชายคุณกอบกุลคลายสีหน้ากังวลลง


พอพ้นหลังแพทย์ จิณณะก็หมดเรื่องที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว อีกทั้งเรื่องที่นำมาอ้างเป็นปัญหาก็ไม่มีอะไรให้ขุดขึ้นมาอีก ยิ่งพอเหลือบตาไปเห็นหญิงชราที่นอนอยู่บนเตียงคนป่วยด้านในกำลังเอนกายสบาย ดูโทรทัศน์ เขาก็ยิ่งไม่เห็นความจำเป็นของตนเองที่นี่แต่อย่างใด


“เอ่อ...ถ้างั้น ผมกลับก่อนนะ พอดี...มีธุระต่อ”


โกศลพยักหน้ารับรู้ ยกมือรับไหว้จากบุตรชาย ทว่าก่อนที่ลูกชายคนโตจะออกจากห้อง อะไรบางอย่างดลใจให้ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปในห้องพักคนป่วย


“ไปก่อนนะครับ”


บิดาของจิณณะถึงกับเหลือกตาโตอย่างคาดไม่ถึง แม้จะรับรู้ว่าปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองย่าหลานไม่ได้ปะทะอารมณ์กันทุกครั้งเหมือนเก่าแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจิณณะจะเป็นฝ่ายบอกกล่าวลาไหว้ก่อนกลับ


“...หายแล้วก็ไม่ต้องอยู่นานนะครับ จะได้ให้คนป่วยหนักเขาแอดมิดต่อ”


ทว่า...ต่อให้ความสัมพันธ์ของคุณกอบกุลและจิณณะจะดีเด่นขึ้นเพียงไร นิสัยของจิณณะ  วงศ์กีรติก็ยังเป็นจิณณะ  วงศ์กีรติอยู่วันยังค่ำ


“ฉันจะอยู่นานเท่าไรมันก็เรื่องของฉัน!!!”


เสียงคุณกอบกุลดังไล่หลังก้องกังวาลสมกับที่ผลตรวจร่างกายออกมาดีเยี่ยม จิณณะทำเป็นยักไหล่หันมามองบิดา


“ถ้าเสียงดีขนาดนี้ ก็ไม่ควรอยู่ต่อให้เปลืองแรงหมอพยาบาลนะพ่อ”


ว่าแล้วหลานชายตัวแสบของคุณกอบกุลก็เผ่นแผล็ว ไม่ได้รอให้หญิงชราลุกจากเตียงมาไล่ตะเพิดเป็นคำรบสอง ปล่อยให้โกศลได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความระอาใจกับความสัมพันธ์แสนลุ่มๆดอนๆของสองย่าหลานแห่งตระกูลวงศ์กีรติ


……………………


“น้องของจิณโคตรแสบ” ทิวากรบ่นพลางโยนโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะกาแฟ


 วันนี้ชายหนุ่มมีวันหยุดก็เลยแวะไปเยี่ยมเยียนคุณเทียม ตามด้วยแวะมาดื่มกาแฟกับพี่ชายอย่างพิทักษ์ เลยได้รับรู้ว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล ตอนแรกพิทักษ์เป็นห่วงจะขับรถเข้ากรุงเทพฯโดยด่วน แต่เขารั้งเอาไว้แล้วเป็นฝ่ายรอเวลาที่คาดว่าจิณณะจะถึงโรงพยาบาลแล้วเป็นคนโทรศัพท์ไปสอบถามด้วยตนเอง ความจริงเลยมาแตกดังโพล๊ะ คุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาลจริง แต่เข้าไปเพื่อตรวจร่างกาย มีอาการอ่อนเพลียนิดหน่อยเพราะนอนไม่ค่อยหลับ ก็เลยแอดมิด แต่คนที่แจ้งข่าวจิณณะแบบเลี่ยงบาลีกลายเป็นแค่ว่า ‘คุณย่าแอดมิด’ ก็คือจารีต


...เล่นไม่เข้าท่า เรื่องแบบนี้ควรจะเอามาล้อเล่นหรือ…


ทิวากรเลยจัดการโทรศัพท์ไปดุตัวต้นเหตุ ฝ่ายนั้นได้แต่ตอบเสียงจ๋อยๆไม่กล้าเถียงเขาสักคำ แต่คาดว่าอาจจะทำหน้าตาล้อเลียนการดุของเขาอยู่ก็ได้


...ก็สองพี่น้องวงศ์กีรติร้ายน้อยหน้ากันเสียเมื่อไร…


“สรุปว่าไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม”


พิทักษ์ยังเป็นกังวล ทิวากรพบว่าหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจิณณะแล้ว พี่ชายของเขาแสดงความรู้สึกมากกว่าเคย แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องโดยตรงของคุณกอบกุล แต่พิทักษ์รู้ดีว่าหญิงชรามีความสำคัญต่อความรู้สึกของจิณณะมากเพียงใด จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากเรื่องใดเกี่ยวข้องกับหญิงชราผู้นั้น คนแรกที่เขาเป็นห่วงก็คือจิณณะ


“ไม่เป็นอะไร แค่เพลีย” คนเป็นน้องพูดเพียงเท่านั้น ก็พอดีกับที่จิณณะโทรศัพท์หาพิทักษ์


ทิวากรปล่อยให้พี่ชายคุยกับหลานชายคนที่แอดมิดเข้าโรงพยาบาล พักหนึ่ง เจ้าของบ้านถึงได้วางสายแล้วหันมาทางเขา


“จิณออกจากโรงพยาบาลแล้ว แกรอกินข้าวด้วยกันสิ จิณจะซื้อกลับมาเผื่อ”


จิณณะบอกว่าจะกลับมาบ่ายๆ และจะซื้ออาหารเข้ามาเลย พอสายเปย์รู้ว่าทิวากรก็อยู่ด้วย จึงออกปากให้พิทักษ์ชวนน้องชายอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกัน


อันที่จริง วันนี้เป็นวันหยุดที่ไม่รีบร้อน คุณหมอหนุ่มไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องไปไหน แต่เรื่องไม่เข้าท่าที่คนบางคนก่อในวันนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะไม่ว่างขึ้นมาอย่างไรชอบกล


“ไม่ดีกว่า ผมจะเข้ากรุงเทพไปจัดการคนซะหน่อย”


“จัดการใคร”


คำถามของคนเป็นพี่ ทำเอาทิวากรยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้น


“ตัวแสบน่ะ”


คำตอบของเขาไม่ให้ความกระจ่าง พิทักษ์ไม่ทันได้ถามซ้ำ คนพูดก็หมุนตัวเดินออกจากบ้านไปแล้ว


เจ้าของบ้านได้แต่มองตาม นึกทบทวนว่าจะมีใครที่เป็น ‘ตัวแสบ’ ได้บ้าง แต่คิดไปคิดมา ในชีวิตของเขาก็ไม่พบใครจะแสบได้เท่า จิณณะ  วงศ์กีรติอีกแล้ว

………………
      
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 28-11-2019 23:07:29
   

คนที่พิทักษ์คิดว่าเป็น ‘ตัวแสบ’ หอบหิ้วอาหารสารพัดอย่างเข้ามาในบ้าน แม้จะอยากบ่นอยู่บ้างที่จิณณะซื้อมาเยอะถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่เขาโทรไปบอกแล้วว่าทิวากรไม่ได้อยู่ด้วย แต่พอเห็นสีหน้าเป็นปกติ ไม่มีความกังวลใดๆ ก็พลอยอุ่นใจ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ตอนที่จิณณะโทรศัพท์มาบอกเขาว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล เสียงของเจ้าตัวฟังดูไม่ดีเลยสักนิด


   ‘พี่ทิศ...คุณย่า...คุณย่าแอดมิด...’


   ‘ผ...ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไอ้จาไม่ได้บอก มันบอกแค่แอดมิด...’


   ‘นี่...นี่ผมกำลังจะไปโรง’บาล...เอ่อ...ผม...’


   แค่ฟังจากน้ำเสียงทางโทรศัพท์ จิณณะยังดูตื่นตระหนก พิทักษ์ต้องบอกให้ใจเย็นๆ ตั้งสติ ค่อยๆขับรถ อย่ารีบร้อน และย้ำว่าจะให้ทิวากรซึ่งเป็นน้องชายและเป็นหมอติดต่อกลับไป


   แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องอำจากน้องชายของจิณณะแทน จารีตสมควรถูกดุ แต่พอเห็นสีหน้าจิณณะเป็นปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีร่องรอยของความทุกข์เศร้า พิทักษ์ก็ไม่อยากเอาเรื่องให้มากความ


   “แล้วทำไมทิวรีบกลับ ไหนว่าวันนี้เป็นวันหยุด” จิณณะถาม มือช่วยแกะกล่องอาหาร วันนี้เขาแวะร้านไก่เกาหลีเจ้าดัง ซื้อมาเยอะแยะเสียจนน่าจะกินแล้วเป็นโรคเก๊า บางส่วนถูกพิทักษ์เก็บเข้าตู้เย็นไปแล้ว เพราะดูอย่างไรก็รู้ว่าทานกันสองคนไม่หมด


   พิทักษ์คิดถึงคำพูดของน้องชาย


   ‘…จัดการคน…’.


   ‘…ตัวแสบ…’


   ต่อให้พวกเขาสองคนพี่น้องจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน แต่นิสัยบางส่วนก็คล้ายคลึง หากไม่สนใจ ต่อให้จะเป็น ‘ตัวแสบ’ ระดับไหน ก็ไม่มีวันได้รับความสนใจ แต่ถ้าสนใจ ต่อให้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆของ ‘ตัวแสบ’ ก็มีเหตุให้ต้องไปหาไปพบหน้า อาจจะอ้างว่าไปเพื่อ ‘จัดการ’ แต่ใครจะรู้ดีกว่าหัวใจตัวเองว่าที่ไปไม่ใช่เพื่อ ‘จัดการตัวแสบ’ แต่ไปเพราะ ‘ใจ’ อยากไปต่างหาก


   “เห็นมันว่ามีธุระด่วนน่ะ” อย่างไรก็ตาม พิทักษ์เองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า ‘ตัวแสบ’ ของน้องชายคือใคร และทิวากรต้องการให้เปิดเผยมากน้อยแค่ไหน เขาจึงตอบเลี่ยงไปก่อน จิณณะเองก็ดูจะไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพียงพยักหน้ารับรู้ แล้วหยิบมันฝรั่งทอดชิ้นหนาเข้าปาก


   “แล้วคุณกอบกุลเป็นยังไงบ้าง”


คนเป็นหลานเงยหน้ามอง ก่อนจะยักไหล่


   “หมอบอกอยู่ได้อีกนาน” ฝีปากไม่เป็นสองรองใครแม้แต่เป็นเรื่องของต้นตระกูล แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่พิทักษ์เห็นดีเห็นงาม เขาจ้องดุ ทำเอาคนปากดีต้องแก้คำพูดใหม่


   “ก็...ผลตรวจดี หมอบอกว่าคนรุ่นเดียวกันยังไม่แข็งแรงขนาดนี้เลย”


คนฟังพยักหน้า กำลังจะหมุนตัวไปล้างมือเพื่อมาทานอาหาร แต่เสียงของหลานชายคุณกอบกุลดังขึ้นเสียก่อน


   “พี่ทิศ....” เจ้าของชื่อหันมอง


   “ปู่ย่าตายายของพี่ เสียไปหมดแล้วใช่ไหม”


   “อืม”


   “ผม...ก็...เหลือแต่คุณย่าคนเดียวแล้วเหมือนกัน...”


จิณณะเองก็ไม่รู้ว่าตนเองคิดจะพูดอะไร เพียงแต่บางอย่างมันอัดอั้นอยู่ในใจ


นับตั้งแต่วินาทีแรกที่จารีตโทรศัพท์มาบอกว่าคุณกอบกุลเข้าโรงพยาบาล จนกระทั่งไปเห็นหญิงชรานอนอยู่บนเตียงในห้องพักคนไข้ ต่อให้สุดท้ายจะรู้ว่าการเข้าโรงพยาบาลเป็นเพียงต้องการสร้างความสบายใจจากอาการอ่อนเพลียเล็กๆน้อยๆของคนอายุมากเท่านั้น แต่...จิณณะไม่คุ้นชินเลย


   เขาไม่คุ้นกับการเห็นคุณกอบกุลผู้ที่ชอบชี้นิ้วสั่งทุกสิ่งอย่างในอาณาจักรวงศ์กีรติ นอนนิ่งหลับตาอยู่บนเตียงคนไข้


   เขาไม่คุ้นกับการเห็นคุณกอบกุลผู้สวมแต่ชุดผ้าไหมราคาแพงและเครื่องประดับหรูหรา อยู่ในชุดคนไข้


   เขาไม่คุ้น...ไม่คุ้นกับสภาพแวดล้อมที่คุณกอบกุลอยู่ในขณะนี้


   กอบกุล  วงศ์กีรติที่เขาเคยเห็น คือหญิงผู้ยืนอยู่เหนือผู้อื่นด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งจองหอง หากเมื่อไรที่หล่อนยิ้มย่อมหมายความว่าหล่อนได้รับประโยชน์ที่พึงใจ บทสนทนาที่ออกจากปากของหล่อน ไม่มีเรื่องใดมากไปกว่ากำไรและผลที่จะได้


   “...ปู่ของผมเสียไปนานแล้ว ตั้งแต่พ่อยังเด็กๆ ส่วนตากับยาย เสียไปตอนผมเรียนมหา’ลัย ตอนนั้นผมเสียใจมากนะ ตากับยายรักผมมาก ใจดีกับผม แต่ยังไม่ทันเห็นผมรับปริญญาเลย แต่หลังจากตากับยายแล้ว คนรอบตัวผม...ก็ไม่มีใคร...ไม่มีใครเสียอีก...”


พูดมาถึงตรงนี้ จิณณะก็เหมือนจมจ่อมลงไปกับความคิดบางอย่าง


   หากวัดจากความน่าจะเป็น ความตายมักมาเยือนผู้อายุมาก แล้วคนที่อายุมากที่สุดในครอบครัววงศ์กีรติก็คือคุณกอบกุล


   ทั้งๆที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่จำความได้ แต่พอถึงเวลาที่ต้องรับรู้ว่าวันเวลากำลังพรากคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของเขาไป หัวใจกลับโหวงเหวงเสียจนเย็นวาบ


   พิทักษ์เดินกลับมาหาคนรักที่นั่งอยู่ วางมือลงกับไหล่แล้วบีบเบาๆ ก่อนจะรั้งจิณณะเข้ามากอดกับเอว


   “คุณกอบยังแข็งแรง หมอก็บอกไม่ใช่หรือ”


   “ผมรู้...ผมแค่...” จิณณะก็บอกไม่ถูกว่าเขารู้สึกเช่นไร ห่วงหรือ กังวลหรือ อาจจะใช่ แต่ให้พูดกับคนที่ก่อสงครามกับเขาแทบทุกครั้งที่เจอหน้า ก็พูดไม่ออก


   “ตอนคุณย่าของพี่เสีย แกเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ปีกว่า...เราทุกคนรู้ว่าเวลาแกเหลือน้อยลงทุกที ทำใจกันมาตลอดจนวันสุดท้ายที่แกจะไป เราได้บอกลา ส่วนคุณปู่...แกไปปุบปับ ไม่ได้ลากันเลย พี่เองก็ไม่รู้ว่าแบบไหนมันดีกว่ากัน ระหว่างนับถอยหลังจนได้ลา หรือจู่ๆก็ไปไม่มีสัญญานบอกเหตุ แต่ความเสียใจมันไม่ได้ขึ้นกับการได้บอกลาหรือไม่ได้บอกลาอย่างเดียว มันขึ้นกับว่าระหว่างที่ยังอยู่ด้วยกัน เรา...ทำให้เขารับรู้มากน้อยแค่ไหนว่าเรารักเขา”


จิณณะเงยหน้ามองคนที่โอบไหล่เขาไว้ ไออุ่นที่อีกฝ่ายมอบให้ บอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง พิทักษ์อยู่ข้างๆ คอยโอบกอดและเป็นหลักยึดในวันที่ซุกซ่อนความกังวลใจเอาไว้ในส่วนลึก แต่ก็เพราะเป็นพิทักษ์ หัวใจถึงได้ปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นออกมาเป็นคำพูด


‘…ระหว่างที่ยังอยู่ด้วยกัน เรา...ทำให้เขารับรู้มากน้อยแค่ไหนว่าเรารักเขา’


ต่างคนต่างไม่ใช่คนชอบพูด แต่ต่างคนต่างชอบทำ สองแขนของจิณณะจึงขยับขึ้นโอบเอวคนที่ยืนอยู่ข้างกาย สองแขนนั้นรัดแน่น พิงศีรษะกับหน้าท้องของอีกฝ่าย รับรู้ถึงการโอบกอดที่แนบแน่นขึ้นจากพิทักษ์


ต่อให้ไม่ต้องพูด แต่พวกเขาต่างรับรู้ความรู้สึกของกันและกันผ่านทางไออุ่นของร่างกาย


การกอดไม่ใช่แค่การบอกให้รู้ว่ามีคนอยู่ข้างกาย ไม่ใช่แค่การปลอบประโลมในวันที่อ่อนล้า แต่การกอด...บอกให้รู้ว่าความรู้สึกที่เรามีต่อกันมันมากมายเพียงใด


‘รัก’


‘รักมาก’


‘ทั้งรักและห่วงมาก’


………………


คุณกอบกุลออกจากโรงพยาบาลในวันต่อมา เมื่อหล่อนกลับมาถึงคฤหาสน์วงศ์กีรติก็พบว่าลูกหลานบางส่วนที่ไม่ได้ไปรับหล่อนจากโรงพยาบาลยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว และหนึ่งในนั้นคือ...จิณณะ



...เขามาที่นี่ทำไม หรือ...มาเพราะเป็นห่วง?...


ไม่มีทาง คนอย่างจิณณะ จะห่วงหล่อนไปทำไม ในเมื่อทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นหลานที่ดีของหล่อนเสียเท่าไร


หญิงชราไม่ได้จับจ้องหลานชายคนไม่โปรด มองเพียงแว่บเดียวแล้วมองผ่าน แม้จะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล แต่สีหน้าท่าทางของหล่อนก็ยังสมกับเป็นคุณกอบกุล  วงศ์กีรติ มาดงูพิษของหล่อนเข้มข้นเช่นใดก็ยังเป็นเช่นนั้น ไม่ต้องให้ใครประคับประคอง คุณกอบกุลก็ก้าวเท้าอย่างมั่นคงมาที่บันไดเตี้ยหน้าคฤหาสน์ ใครจะเข้ามาช่วยผยุง หล่อนก็ยกมือห้าม คล้ายจะบอกว่าหล่อนนั้นยังแข็งแรงและมีชีวิตอยู่ได้อีกนาน


ทว่า...สำหรับจิณณะ เขากลับรู้สึกแตกต่าง


เขาเฝ้ามองตั้งแต่คุณกอบกุลลงจากรถ หล่อนยังดูแข็งแรง เรื่องนั้นเขารู้ แต่คนที่ใช้ชีวิตอย่างหัวเรือใหญ่มาเพียงลำพังหลายสิบปี ช่วงชีวิตของมนุษย์ไม่ได้มีแค่ความสุขและความสำเร็จ แต่ยังมียามทุกข์ใจ กังวลใจและเศร้าใจ


แล้วเวลาเช่นนั้น...หล่อนกอดใคร


จิณณะไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่เขาได้รับการปลอบโยนด้วยอ้อมแขนของคนรัก เขายังมีพิทักษ์ให้กอด มีพิทักษ์ให้พึ่งพิง แต่คุณกอบกุลไม่มีใคร


…นอกจากลูกหลาน...


แค่คิดเช่นนั้น ความรู้สึกเย็นเยียบก็เกาะกินไปทั้งหัวใจ ชายหนุ่มมองหญิงชราตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย แม้ความสัมพันธ์สองย่าหลานจะลุ่มๆดอนๆมาโดยตลอด พักหลังนี้อาจจะดีขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอ้อร้อสนิทสนมเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างคุณกอบกุลกับลูกหลานคนอื่นๆ


‘…ระหว่างที่ยังอยู่ด้วยกัน เรา...ทำให้เขารับรู้มากน้อยแค่ไหนว่าเรารักเขา’


   จิณณะไม่กล้าถามตนเองว่าความรู้สึกที่เขามีต่อหญิงชราผู้นี้เป็นความรักหรือไม่ ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา แทบไม่เคยพูดจากันด้วยดีเลย แต่ถ้าถามว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเช่นไร การตอบที่เป็นรูปธรรมที่สุดก็คือ ‘เป็นย่าหลาน’


   และเพราะเป็นย่าหลาน ต่อให้จะเคยทะเลาะกันเพียงใด อีกฝ่ายก็เป็น ‘คุณย่า’


   ชายหนุ่มไม่พูดอะไร สาวเท้าเข้าหา ความไวของคนหนุ่มนั้น สำหรับคนแก่ย่อมไม่ทันตั้งตัว กว่าที่คุณกอบกุลจะรู้ตัวก็ตอนที่ไออุ่นจากอ้อมกอดของหลานชายผู้ที่หล่อนไม่โปรดปรานที่สุดโอบล้อมรอบร่างของหล่อนแล้ว


   หญิงชรานิ่งงัน ร่างของหล่อนจมหายเข้าไปในอ้อมแขนของหลานชายผู้มีส่วนสูงถึง 180 เซนติเมตร


   ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงเด็กชายตัวเล็กจ้อยที่ชอบทำหน้าตาบูดบึ้งและดวงตาขวางยามหล่อนเจ้ากี้เจ้าการให้กินต้มมะระแท้ๆ


   ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ทำหน้าตายียวนกวนประสาทตอนที่ทะเลาะกับหล่อนเรื่องเรียนต่อมหาวิทยาลัยแท้ๆ


   ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาตัวใหญ่จนกอดหล่อนมิด มองอะไรไม่เห็นนอกจากเสื้อเชิ้ตของเขา


   ...กอด...


    …กอดหรือ…


   ...จิณณะกอดหล่อนหรือ…


   คุณกอบกุลรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุน ไม่เพียงแต่ไออุ่นที่โอบล้อมรอบตัวหล่อน แต่ฝ่ามือใหญ่อย่างผู้ชายลูบหลังหล่อนเบาๆ 2 ที สัมผัสนั้นอ่อนโยนราวกับจะบอกว่า ‘ดีแล้วที่ไม่เป็นไร’ ‘ดีแล้วที่แข็งแรง’ ‘ดีแล้วที่ยังกลับมา’ ทว่าพริบตาต่อมา อ้อมกอดนั้นก็คลายออก หญิงชรายังยืนนิ่ง แต่จิณณะถอยห่างออกไป 2-3 ก้าว ยกมือขึ้นเกาคอ เบนสายตามองไปทางอื่นเหมือนเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น


   แต่สิ่งที่เขาทำนั้นชัดแจ้งในสายตาของคนทั้งตระกูลวงศ์กีรติที่ยืนอยู่หน้าบ้าน


   จิณณะไม่หาเรื่องทะเลาะคุณกอบกุล


คุณกอบกุลไม่ด่าจิณณะ


   ที่สำคัญ...จิณณะกอดคุณกอบกุล


   ให้เป็นเรื่องฝันยังยาก แต่นี่กลับเกิดขึ้นจริง! จะจะคาตา!


   “ผม...ผมเห็นผึ้งบินอยู่ข้างหลัง ก็เลยปัดออกให้”


แต่ความหน้าด้านของหลานชายคนนี้ของคุณกอบกุลนั้นไม่เป็นสองรองใคร ต่อให้เมื่อครู่นี้จะกอดจริง และมีพยานยืนอยู่เป็นสิบ แต่ก็ยังพูดเรื่องโป้ปดมดเท็จได้หน้าตาเฉย


   หญิงชราเผยอปากคล้ายจะพูด แต่ไม่รู้จะพูดอะไร จะให้หล่อนโต้กลับไปว่าจิณณะโกหก ก็จะกลายเป็นหล่อนที่ออกตัวว่าถูกหลานคนนี้กอด แถมกอดไม่พอยังลูบหลังหล่อนอย่าง...อย่างอ่อนโยนอีกต่างหาก!


   หญิงชราผู้มักทำหน้าตาเย่อหยิ่งจองหองมาตลอด กลายเป็นทำหน้าไม่ถูก จะชักหน้าตึงก็ดูเหมือนจะลืมวิธีไปแล้ว จะพูดอะไรก็พาลเหมือนหัวสมองจะไม่แล่น จากคนที่สามารถเจรจาต่อรองผลประโยชน์จนได้ดิบได้ดีในทุกวันนี้ กลายเป็นได้แต่อ้าปากเผยอแล้วก็หุบปากลง


   ไม่พูดอะไรออกไปเห็นจะดีเป็นที่สุด!


   ผึ้งบินก็ผึ้งบิน จิณณะไม่ได้กอด เพียงแค่...เพียงแค่เดินเข้ามาปัดผึ้งออกให้โดยที่ไม่ให้หล่อนเห็นเท่านั้นเอง!


   “ผมไปล่ะ วันนี้มีธุระต่อ ลาล่ะครับ” เขาพูดลอยๆ ราวกับไม่เจาะจงว่าบอกใคร ทว่าชั่วจังหวะที่หลานชายเดินผ่านหล่อนกลับไปยังรถยนต์ของเขา เสียงของจิณณะกลับดังขึ้นเบาๆให้ได้ยินกันสองคน


“กินข้าวให้มากๆหน่อย ผอมไป...” 


คุณกอบกุลเหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็นจัดจนร่างนิ่งขึง หัวใจคล้ายจะหยุดเต้น


   ‘กินข้าวให้มากๆหน่อย ผอมไป…’


   นานเท่าไรแล้วที่ไม่มีใครมาเจ้ากี้เจ้าการหล่อนเรื่องทานอาหาร ในบ้านนี้ หล่อนเป็นใหญ่เสียจนไม่มีใครกล้าแสดงความห่วงใยอย่างจ้ำจี้จ้ำไช นอกบ้านนี้ หล่อนก็อุดมไปด้วยอำนาจจนไม่มีใครกล้ายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัว


   ‘กอบต้องทานมากๆ กำลังจะเป็นแม่คนแล้วนะ’


   ‘เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กอบต้องกินเยอะๆ จะได้มีแรง’


   อาจจะตั้งแต่สมัยที่สามียังมีชีวิตอยู่ ที่หล่อนได้รับความห่วงใยเช่นนี้ แต่คนที่ห่วงใยและกล้าจ้ำจี้จ้ำไชหล่อนเช่นนั้นกลับมีชีวิตเคียงข้างกันได้ไม่นานเลย เมื่อโชคชะตาพรากเขาไป คุณกอบกุลก็ลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่ง เคยมีคนที่กล้าพูดกับหล่อนเช่นนั้น


   จนกระทั่งวันนี้


   แม้ความสัมพันธ์ของคนที่เคยพูดในวันวาน กับคนที่พูดในวันนี้จะห่างกันหลายขุม สิ่งที่เจือมากับน้ำเสียงก็แตกต่าง คนหนึ่งรักใคร่หล่อนอย่างชายหนุ่มหญิงสาว อีกคนไม่ทราบว่ารักหรือไม่แต่อย่างน้อยก็เป็นย่าหลาน แต่กระแสความห่วงใยที่ผู้ชายสองคนนี้มีต่อหล่อนไม่ได้ทิ้งห่างกันเลย


   ความห่วงใยนี้...


   ทั้งๆที่คิดว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่มีวันได้รับ จนลืมเลือนไปแล้ว


   แต่วันนี้...ใครบางคนทำให้หล่อนรับรู้ว่ามันยังอยู่


   ...ยังมีคนเป็นห่วง...


...ห่วงไม่แพ้ผู้จากไปเลย...


........................


   เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ลูกหลานพร้อมหน้า ขาดเพียงคนที่ติดเรียนต่างประเทศอย่างชเยนตร์ และคนที่หนีหน้ากลับไปโดยอ้างว่าติดธุระอย่างจิณณะ ทว่ามื้อนั้นคุณกอบกุลกลับเจริญอาหารเป็นพิเศษ


   “คุณแม่ทานได้เยอะอย่างนี้ พวกเราก็หายห่วง”


ไกรสรผู้เป็นลูกชายคนโตของคุณกอบกุลเอ่ยปากอย่างสบายใจ คุณกอบกุลนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบเรียบ


   “ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก”


   วาจาของหล่อนให้อย่างไรก็แสบๆคันๆ แต่จะมีใครรู้ว่าแท้จริงในใจแล้ว หล่อนตั้งมั่นว่าต่อให้สามีผู้วายชนม์มาชวนไปอยู่ด้วยกันเป็นครั้งที่สอง หล่อนจะย้ำกับเขาว่าการมีชีวิตอยู่ของหล่อนจำเป็นแค่ไหนสำหรับวงศ์กีรติ และที่สำคัญหล่อนยังไม่อยากตาย


   ‘ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่’


   ‘...พี่รู้ไหมว่ามันดีแค่ไหน ที่ฉันยังมีลมหายใจ...’


   ‘...มันทำให้ฉันรู้ว่ามีคนห่วงฉัน คนที่ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะห่วงฉัน แต่จริงๆแล้ว เขาห่วงฉันไม่น้อยไปกว่าใครเลย’


   ‘เพราะฉะนั้น...ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพราะฉันเอง...ก็ห่วงเขาไม่ต่างกันเลย...’



FIN

สวัสดีวันพฤหัส ดึกๆค่ะ

ตอนพิเศษนี้คือการตอกย้ำว่าคุณกอบกุลเป็นนางเอกของเรื่องจริงๆนะคะ ฮ่าฮ่า และเป็นนางเอกสายประโยชน์นิยมด้วยค่ะ สามีมาตามไปอยู่ด้วยก็ไม่ไป จะมีชีวิตอยู่กับกองเงินกองทองและลูกหลาน ใครจะทำไม ฮ่าฮ่า

ตอนพิเศษนี้ ตั้งใจเล่นกับคำว่า “ห่วง” ค่ะ ห่วง ที่หมายถึง ห่วงใย แล้วก็ ห่วง ที่หมายถึง บ่วง
แต่คุณกอบกุลแกหมายถึง ห่วง ไหน อันนี้ให้เป้นปริศนาธรรมเนอะ

ส่วนใครที่ เอ๊ะ กับความสัมพันธ์ของทิวากรและจารีต ก็...นั่นแหละค่ะ ปลายเปิดเช่นเคย ความสัมพันธ์แบบลักปิดลักเปิดนี่มันยุกยิกในหัวใจดีนะคะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม คนคิดถึง และพื้นที่บอร์ด (ขอบคุณพี่ทิศที่มาเป็นตัวประกอบอีกแล้วด้วย)

เจอกันใหม่เดือนหน้ากับตอนพิเศษสิ้นปี และถ้าทันจะเอาเรื่องใหม่มาลงให้ได้ในปีนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ppwct ที่ 29-11-2019 00:01:13
น่ารักมากกกกกค่ะๆ ชอบบบ :hao7:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 29-11-2019 00:10:12
กอดคุณย่าแล้วยังปากแข็งอ้างไล่ผึ้งไปอี๊กกกก อ้างด้านๆ ขนาดนี้ ทำไมไม่อ้างไล่ช้างไล่เสือไปเลยละจิณ!!!

ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ เล่นอาน้ำตาซึมในช่วงแรกเลยที่สามีคุณย่ามาชวนแกไปอยู่ด้วย แล้วย้อนระลึกถึงความหลัง.. เหงาแทนคุณย่าเลย :ling3: แต่ก็นะ ถึงจะเหงากายเหงาใจแต่ก็อบอุ่นไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและอำนาจ ต่อให้สามีเอายมฑูตมาลากไป เชื่อเหอะว่าแกคงสู้สุดชีวิต :hao6:

รอเรื่องใหม่นะคะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 29-11-2019 00:46:41
เป็นตอนที่อ่านแล้วร้องไห้เลยแบบสุดท้ายแล้วๅก็คือครอบครัวเนี่ยแหละที่จะอยู่ข้างเราจนนาทีสุดท้าย มีเวลาตอนนี้ไม่รู้อนาคตจะมีเหมือนนี้ไหมดังนั้นคงต้องทำดีกับคนใกล้ตัวเราเยอะๆเลยเนอะ คุณย่าไม่ไปไหนแน่นอนเลยได้ยาดีจากหลานขนาดนี้ นานๆนะคุณกอบบบบบนางเอกของเรื่องเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 29-11-2019 05:38:17
ร้องไห้ด้วยความอิ่มเอมใจมากเลยค่ะ ครอบครัวเป็นสิ่งที่รับรู้ว่ายังมีอยู่ ยังอยู่ข้างๆเสมอ หันมาเจอเมื่อไหร่​ก็อุ่นใจ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 29-11-2019 08:20:16
เป็นย่าหลานที่เป็นห่วงกันอย่างหน้าเอ็นดู :mew4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 29-11-2019 10:04:07
ถ้าไม่รักจะไม่ห่วงแน่ๆ ... ประทับใจค่ะ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-11-2019 11:42:24
ย่าหลานหรือฝาแฝด  :m20:
คิดถึงนะเนี้ย ขอบคุณมากๆ สำหรับตอนพิเศษ  :กอด1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 29-11-2019 12:19:08
จิณน่ารักจังเลย ตอนที่กอดคุณย่า เราน้ำตาซึมเลยอ่ะ

อยากรู้คู่น้องจังเลย จะมีเรื่องแยกไหมน้า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 29-11-2019 13:07:05
โอย...ครอบครัวคนซึน
แต่คนซึนนี่แหละ น่ารัก อิอิ

คิดถึงทุกตัวละครและคุณบัว
อยากเห็นตอนต่อของคุณหมอทิวกับตัวแสบจารีตจังเลยน้า~~~ 555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-11-2019 13:44:53
ตอนนี้ทำเอาน้ำตาซึมเลย  :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 29-11-2019 13:45:34
หลานชายคุณย่าถึงจะหน้าด้าน แถเก่งไม่เคยเป็นสองรองใคร แต่ก็น่ารักนะคะคุณย่าขา
กอดดดด คุณย่าแน่นๆ อยู่บนกองเงินกองทองไปอีกนานๆนะคะ ใครจะตายก็ได้แต่ต้องไม่ใช่นางเอกของเรื่อง 5555555555

งุ้ยย มีพี่ทิศรับเชิญ มาให้จิณกอดซบพุง แค่นี้ก็สุขใจ :hao5:

คู่ทิวากรกับจารีต ปลายเปิดได้กร๊าวววใจมาก แค่คิดว่าพี่น้องจะได้ ตัวเเสบของตะกูลนี้ทั้งพี่ทั้งน้อง ก็ฮาแล้ว :laugh:

ขอบคุณมากๆนะคะ กดมาเจอตอนพิเศษ กรี๊ดดดดดเลยค่าา  :pig4: :L2:

หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 29-11-2019 20:58:43
มาแอบลุ้นคู่แสบน้อง     :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-11-2019 21:38:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 29-11-2019 21:51:45
พอกันทั้งย่าหลาน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 29-11-2019 21:53:31
คุณกอบคือนางเอกจริงๆ คือชอบที่สุดอะหญิงแกร่งที่พร้อมไฝว้เสมอหากเป็นเรื่องของลูกหลาน คือร่มโพธิ์ร่มไทรที่พร้อมกันแดดลมฝนเสมอถ้าคนๆนั้นคือครอบครัว รักคถณกอบสุดๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 29-11-2019 22:32:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 30-11-2019 00:34:00
ชอบค่ะ
ความรักความผูกพัน พอไม่คุ้นเคยก็ดูแปลกๆไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-11-2019 02:58:51
รักแต่ก็ยังวางฟอร์มอะนะ  o18
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-11-2019 03:31:08
คิดถึงความแสบของจิณ กับ คุณกอบกุลมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-11-2019 03:34:45
พอกันจริงๆย่าหลานคู่นี้
ความสัมพันธ์ของทิวกับจามันคันหัวใจจริงๆค่ะคุณบัววว ขอตอนพิเศษสักนิดจะได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-11-2019 18:06:25
จินน่ารักๆๆๆๆๆๆ พี่ทิศเนี่ยะตัวประกอบปลายแถวมาก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 01-12-2019 03:50:41
5555 ปากแข็งกันแท้ ย่าถึงกับไปต่อไม่เป็นเลย พอเจอคำหลาน

จิณณะก็ช่างคิดเนาะ แต่คนแข็งนอกก็อ่อนในเป็น
คนไม่เคยทำ อยู่ดีๆ จะมาอ่อนหวานใส่ก็ไม่ใช่
เริ่มทำได้แบบนี้ก็ดีแล้วจิณ

พิทักษ์เป็นตัวประกอบที่มาพร้อมกับความอบอุ่นเสมอ

คุณกอบก็ช่างมั่นคง ฉันจะอยู่ต่อ ใครจะทำไม
ไม่มีอะไรมาพรากไปได้หรอก

แย่แน่แล้วจา พี่ทิวจะไปหาแล้วนะ

ขอบคุณมากนะคะ เอ็นดูจิณณะหนักมาก
รอเจอตอนพิเศษสิ้นปีและเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 01-12-2019 11:09:04
 :hao3: มีคนตีเนียน ทำอ้างนู่น อ้างนี่
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 01-12-2019 16:45:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 02-12-2019 15:17:16
ดีจังที่ได้อ่านตอนพิเศษอีก ความห่วงต้องมาจากความรัก และเพราะรักจึงห่วง ..เอ๊ะวกวนนะนี่ ..555... เอาเป็นทั้งรักทั้งห่วงเนอะ...มาอีกนะตอนพิเศษษษษษษษษ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Natti ที่ 04-12-2019 10:07:46
ชอบความสัมพันธ์ย่าหลานคู่นี้

จิณณะโคตรคุณกอบกุลเลย

พี่ทิศมาเป็นตัวประกอบ แต่อบอุ่นเหมือนเดิม
อยากมีพี่ทิศเป็ของตัวเอง
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-12-2019 12:08:17
รักคุณย่า

จะมีเรื่องของพี่หมอ

กับไอ้ตัวแสบใหม

รออ่านอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 05-12-2019 03:00:08
ยังไง​สายสัมพันธ์​ก็​ตัดกันไม่ขาด

ขอบคุณ​มาก​ค่ะ​ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ชายกุมภ์ ที่ 06-12-2019 20:34:05
อิ่มใจที่ได้อ่านเหมือนเรื้องก่อนๆเลยครับคุณบัว
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 07-12-2019 20:30:30
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nookik ที่ 09-12-2019 00:21:15
งุ้ยยยยยย น่ารักมากค่ะ  สำเนาคุณย่ากับหลานชายเป๊ะมากๆ พี่ทิศก็อบอุ่น อุ่นจนทำแพนน้ำตาซึมเลย ขอบคุณที่รังสรรค์นิยายดีๆให้พวกเราได้อ่านกันนะคะ

 :mew6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tomnub ที่ 11-12-2019 22:47:31
รักๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-01-2020 06:49:25
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆ ทำไมเพิ่งได้อ่านนะคะ
เปิดเรื่องมาแปลก จนเราคิดว่ามันเครียดแน่ๆ มันก็เครียดแหละ เพราะต้องคอยเอาใจช่วยตลอดเวลา
แต่ในความเครียดนั้นมันก็มีความฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง น่ารัก ทุ้มในใจมาตลอดเลยค่ะ ลุ้นด้วย
จะให้เขาได้กันให้ได้ ปัญหาไม่ใช่ใครก็ตัวแสบทั้งเรื่องของเรานี่แหละ ทั้งปากแข็ง ทั้งใจแข็ง
แต่จิณก็เป็นนายเอกที่เราทั้งรักและเอาใจช่วยจริงๆ เพราะเรารู้ว่าใจของจิณคิดอะไรอยู่
แต่คนอื่นในเรื่องอาจไม่รู้ ตอนที่ห่างกันไป เศร้ามาก ร้องไห้เลยค่ะ สงสารจิณ สงสารพี่ทักษ์ด้วย
ทุกคนมีเหตุผลแหละ แต่เรารักจิณไง ไม่อยากให้เสียใจเลย
จิณ ทั้งดื้อ ทั้งน่ารัก เป็นตัวของตัวเองมาก ฉลาดมาก ได้ย่ามาเยอะ จะยอมคนเดียวก็คือพี่ทักษ์นี่ล่ะ
ตอนจิณออกจากราชการนี่ตกใจจริงๆ คนเราต้องรักมากขนาดไหนถึงยอมทิ้งชีวิต ทิ้งความฝัน
ทิ้งสิ่งที่มุ่งมั่นมาตลอด
พี่ทักษ์ เหมือนแสงสว่างในเรื่อง เป็นคนดีมาก ดีมากจริงๆ ดีจนจิณรักมาก เป็นคนที่ทำอะไรบนพื้นฐานเหตุผลเสมอ
และตรงไปตรงมากับหัวใจตัวเองมากกกก วันที่มาง้อมาชวนน้องกินข้าวก็คือ เรายอมแล้ว ยอมพี่ทักษ์แล้ว
ทำไมน่ารักขนาดนี้นะ ตอนพี่ทักษ์เสียใจ เราก็เสียใจมาก ลุ้นด้วยอยากให้ไปคุยกันให้รู้เรื่อง
คุณย่า ไม่พูดถึงไม่ได้เลย โดดเด่น และเด็ดเดี่ยว ซุปเปอร์ฮีโร่มาก จบทุกเรื่องเพราะคุณย่านี่ล่ะ
ขนาดสามีมาชวนไปอยู่ด้วยยังไม่ไปเลย ชอบตอนจิณกอดคุณย่ามากๆ ปลื้มเลยย่า คนนี้แหละหลานย่า
ได้ย่ามาเต็มๆ หน้าเหมือนคุณปู้อีกต่างหาก
ชอบตอนพิเศษชีวิตคู่ของเขานะ มีคสามชวนเมียไปปฏิบัติธรรม ความรักเป็รงี้ล่ะ ต้องส่งและเสริมกันให้ไปในทางที่ดี
คนน้องก็ดื้อมากพอตัว แต่เขามีเหตุผลของเขานะ ก็หวงอ่ะ ใครอย่ามายุ่ง ชองความมารับที่ร้านบิงซู
ไม่ปล่อยให้เมียหายนาน อยากเห็นมุมพี่ทักษ์หึงน้องบ้างจัง แต่คนแบบจิณใครจะกล้ามาจีบนะ ดุจะตาย 555
ความระบบอุปถัมป์ก็ดีนะคะ ทุกเรื่องมีหลายมุมเสมอ
ขอบคุณค่ะ นิยายสนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 14-01-2020 03:16:07
กลับมาอ่านอีกรอบคิดถึงพี่ทิศกับเด็กน้อยของเขา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-01-2020 11:01:20
จิณ เป็นเด็กดีจังเลยน๊าาา

อยากเห็นคู่หมอกับเด็กแสบ2
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 26-01-2020 23:02:41
สนุกมากค่ะ อยากติดตามคู่คุณหมอ 555 ลุ้นว่าคุณทศพร กับลุงเทียมจะหัวใจวายไหม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: yellowxxpeach ที่ 22-02-2020 17:04:43
คันยุบยิบๆในใจนะคะ น่ารักมากก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: yellowxxpeach ที่ 22-02-2020 17:31:41
เข้าใจพี่ทิศเลยค่ะ แง อยากโอ๋ๆน้องจิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: yellowxxpeach ที่ 22-02-2020 22:12:54
ฮือออ กอดๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 25-03-2020 00:43:31
อ่านแล้วเข้าใจเลยจริงๆเรื่องระบบอุปถัมภ์ ทุกคนก็ต่างมีเหตุผลของตัวเองที่จะปกป้องคนที่รัก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 08:56:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ห่วง...=> หน้าที่ 45 (28/11/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 22-05-2020 17:39:25
อบอุ่นละมุนใจดีแท้ ดีงามทั้งเรื่องราว ดีงามทั้งข้อคิด ดีงามไปทุกส่วน ถ้าเรื่องนี้จะมีใครนำไปสร้างต้องสร้างเป็นละครเท่านั้นไม่ใช่ซีรีส์ เพราะมันเป็นเรื่องราวของชีวิตคนจริง ๆ ไม่ได้เฟ้อฝันเกินกว่าจะเกิดขึ้นได้จริง บอกได้เลยว่า ประทับใจ ประทับใจจริง ๆ ขอบคุณที่เขียนนิยายดี ๆ มาให้อ่านนะ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-06-2020 22:40:08
ระบบอุปถัมภ์
BY: Dezair
ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ
…………………


   หนึ่งในคฤหาสน์สามหลังที่อยู่เบื้องหลังคฤหาสน์ของคุณกอบกุล กำลังประสบปัญหา ‘คนเอาแต่ใจ’


   คนเอาแต่ใจรายนี้ เดิมทีเป็นคนยังไงก็ได้ ไม่มากเรื่อง ไม่เรื่องมาก กินง่าย อยู่ง่าย สบายๆอย่างที่เจ้าตัวมักชอบทำหน้าตาไม่ทุกข์ร้อนและยักไหล่แบบไม่ยี่หระซึ่งขัดสายตาคุณกอบกุลอยู่เสมอ


   ทว่าใครคนนั้น มาบัดนี้กำลังป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดหัว เป็นไข้ ตัวร้อน เจ็บคอ ปวดตัว ปวดกระดูก อาการทั้งหมดที่ว่ามาเมื่อมันออกฤทธิ์พร้อมกันเลยทำให้คนที่เคยง่ายๆ อะไรก็ได้ กลายเป็นคนเอาแต่ใจชนิดที่แม้แต่เรื่องเล็กก็กลายเป็นเรื่องใหญ่


   “เหม็น...” ชายหนุ่มบนเตียงบ่นหน้าย่น ทำปากมู่ทู่ ยิ่งส่งให้ไฝที่มุมปากดูโดดเด่น


   “เหม็นอะไร นี่ปลาสลิดทอด จิณชอบทานไม่ใช่หรือ” จรรยารีบเข้าประกบ แต่ไม่วายเหลือบมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน


   ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จิณณะและพิทักษ์กลับมานอนที่กรุงเทพ ต่างคนต่างแยกย้ายไปนอนบ้านของพ่อแม่ตนเอง ไม่รู้จิณณะไปติดหวัดมาจากไหน วันเสาร์ยังดูปกติ อาการเริ่มไม่ดีช่วงเย็นวันอาทิตย์ แล้วพอเช้าวันจันทร์ก็ได้แต่นอนซมลุกไปทำงานไม่ไหว


   เรื่องนี้รู้ถึงหูของพิทักษ์ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา ชายหนุ่มจึงรีบมาที่นี่ และมายืนอยู่ข้างเตียงในเวลานี้


ทว่า...จรรยาเริ่มรู้สึกว่าตนเองตัดสินใจผิดที่ส่งข่าวไปบอกพิทักษ์ เพราะลูกชายคนโตที่ถูกไข้หวัดใหญ่เล่นงานกำลังอยู่ในช่วงเอาแต่ใจและงอแงอย่างที่ไม่เคยเป็นยามปกติ


   “เหม็น” คนป่วยย้ำอีกครั้ง หน้าตาบึ้งตึงมากกว่าเดิมจนจรรยาต้องรีบปะเหลาะ


   “เหม็นก็เหม็น งั้นเดี๋ยวแม่ให้คนเอาหมูหยองมาให้จิณทานกับข้าวต้มแทนนะ”


จิณณะขมวดคิ้ว แล้วแย้ง “หมูหยองมันหวาน”


   “แล้วจิณอยากทานอะไร แม่จะทำให้”


   “ไข่เจียว”


   “ได้ ใส่หมูสับด้วยดีไหม”


คนลูกเรียกร้องไข่เจียว คนแม่ก็รีบเสนอไข่เจียวหมูสับ จิณณะพยักหน้าเอื่อยๆ จรรยาก็รีบกุลีกุจอออกไปสั่งให้คนรับใช้เข้ามายกถาดข้าวต้มกับปลาสลิดออกไป ส่วนตนเองเข้าครัวทำข้าวต้มและไข่เจียวหมูสับ


พ้นหลังเจ้าของบ้านแล้ว ในห้องก็เหลือเพียงคนป่วยและคนไม่ป่วย ต่างคนต่างมองกัน ก่อนจะเป็นฝ่ายพิทักษ์เอ่ยปากขึ้นก่อน


   “ป่วยแล้วทำไมยังเลือกกิน”


ประโยคแรก ประโยคเดียว แต่สำหรับคนป่วยที่จิตใจอ่อนไหวมากกว่าปกติตีความไปเรียบร้อยว่าถูกดุ หน้าตาที่บูดบึ้งอยู่แล้วเลยกลายเป็นบูดหนัก ทิ้งตัวลงนอนตะแคงหันหลังแล้วตลบผ้าห่มคลุมมิดหัวทันที!

   
   จิณณะตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าอย่างไรก็ไม่หันไปก่อนแน่! เพราะแค่ประโยคแรกที่พิทักษ์พูดเมื่อกี้นี้ก็บอกให้รู้แล้วว่าไม่น่าคุยด้วยเลยสักนิด!


   ...นี่มันเวลาป่วยนะ! ใช่เวลาดุหรือ?!...



   พิทักษ์มองร่างที่นอนขดหันหลังให้เขาแล้วมันเขี้ยว หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายป่วยและอยู่ในบ้านของตระกูลวงศ์กีรติ เขาคงต้องดึงจากเตียงขึ้นมาดุสักทีกับพฤติกรรมแบบนี้


   ฝ่ายคนป่วยไม่กระดุกกระดิก ฝ่ายคนมาเยี่ยมก็ยังปักหลักอยู่ข้างเตียง คนหนึ่งรู้ว่าคนที่อยู่ข้างเตียงยังไม่ไปไหน อีกคนก็รู้ว่าคนบนเตียงยังไม่หลับ แต่ไม่ยอมพูดกัน


   ทว่า...ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่หันกลับไป มารดาก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมด้วยไข่เจียวหอมฉุย คนป่วยที่ชักหิว อดไม่ได้ที่จะผงกศีรษะขึ้นมอง


   ...ไม่ได้อยากจะหันกลับไปจริงๆนะ! แล้วที่หันกลับไปก็ไม่ใช่ว่าเพราะคนที่ยืนโด่อยู่ข้างเตียงด้วย!...


“จิณ ไข่เจียวเสร็จแล้ว” จรรยาพูดแค่นั้น จิณณะก็ยอมลุกขึ้นนั่ง แต่แน่นอนว่าคอแข็งไม่แม้แต่จะเหล่สายตาไปมองพิทักษ์สักนิด ฝ่ายนั้นเองก็ไม่พูดอะไร ยอมถอยออกไปยืนมุมห้องเพื่อให้คนรับใช้และจรรยาเข้ามาดูแลยกอาหารวางบนโต๊ะข้างเตียง


ข้าวต้มและไข่เจียวหมูสับดูจะถูกใจคนป่วยเอาแต่ใจ แต่...คิดหรือว่าฤทธิ์ของจิณณะ  วงศ์กีรติหมดแค่นั้น?



ตักข้าวต้มที่โปะด้วยไข่เจียวใส่หมูสับเข้าปากไปหนึ่งคำ เจ้าตัวก็เงยหน้ามองมารดา


   “แม่...อยากได้ซอสพริกศรีราชา”


จรรยารู้จักนิสัยของลูกชายคนโตดีว่าเขาไม่ใช่คนเรียกร้อง แต่ถ้าเขาออกปากขอ ก็ต้องให้


หล่อนกำลังจะลุกขึ้นไปหาซอสพริกมาให้ แต่เสียงของชายหนุ่มอีกคนในห้องดังขึ้นเสียก่อน


   “คนป่วยไม่ควรทานรสจัด”


ราวกับทุกอย่างหยุดชะงัก จรรยาที่กำลังจะลุกเลยพลอยยงโย่ยงหยก จิณณะที่กำลังหั่นไข่เจียวก็ถึงกับเงยหน้ามอง


แม้จะยังป่วย ยังปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่คนป่วยก็รู้ดีว่าถ้าเขาเจรจากับพิทักษ์ ชาตินี้ชาติหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้ซอสใดๆมากินคู่กับไข่เจียว!


จิณณะหันไปทางมารดาทันที


   “แม่...ขมคอ”


คนกลางของห้องคือจรรยา และหล่อนตกที่นั่งลำบากอย่างไม่ต้องสงสัย


   ฝั่งหนึ่งคือลูกชายที่กำลังป่วย ซึ่งยามปกติเขาไม่เคยเรียกร้องอะไร พอป่วย เขาจะเอาแต่ใจบ้าง หล่อนจึงไม่เคยห้ามปราม


   อีกฝั่งคือคนรักของลูกชาย และยังเป็นลูกเลี้ยงของน้องสาวของหล่อน อันที่จริงจรรยาควรจะถือหางลูกชายตนเองมากกว่าคนอื่น แต่พิทักษ์มีมาดสุขุมภูมิฐาน อีกทั้งยังเป็นคนมีเหตุมีผล จะไม่ทำตามก็ไม่ได้


   ผลเลยออกมาเป็นว่าจรรยาไม่รู้จะเอาใจลูกชาย หรือจะทำตามที่คนรักของลูกชายตักเตือนดี


   “ทานข้าว ทานยา แล้วนอนพัก หายป่วยเมื่อไรก็จะไม่ขมคอเอง”


ฟังเหตุผลของพิทักษ์เถอะ พูดอีกก็ถูกอีก


   จรรยาหันไปทางลูกชาย หมายจะโน้มน้าวให้เขาเห็นด้วยกับคำพูดของพิทักษ์ แต่เสียงห้วนๆติดแหบของคนป่วยดังขึ้นมาก่อน


   “แม่...อิ่มแล้ว”


   คราวนี้ จรรยาเหลือบมองพิทักษ์ราวกับจะขอความเห็นใจ หากจิณณะทานข้าวน้อยอย่างนี้ ต่อให้จะกินยา นอนพักมากเพียงใด แต่ร่างกายก็คงไม่มีสารอาหารและพลังงานเพียงพอที่จะรักษาตัว


   ทว่าพิทักษ์ยังคงเหมือนกำแพงหินสูงตระหง่านขวางจิณณะไม่ให้เอาแต่ใจเกินพอดี และกั้นไม่ให้จรรยาตามใจลูกชายจนเกินขอบเขต


“ผมจัดการเองครับ คุณป้า” เขาเอ่ยเรียบๆแล้วเดินเข้ามาหาเป็นเชิงกดดันให้จรรยาถอยห่างจากข้างเตียง


มารดาของจิณณะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็คิดเอาว่าอีกฝ่ายคงมีวิธีที่ดีพอจะทำให้ลูกชายของหล่อนยอมกินข้าว จึงถอยออกมา


   แล้วพอจรรยาถอย พิทักษ์ก็เข้าแทนที่ ประชิดตัวคนป่วยจนจิณณะแทบผงะ


   “ทานข้าว” คำพูดสั้น เรียบ ฟังดูก็รู้ว่าสั่ง คนป่วยส่งสายตาไปทางมารดาให้รู้ว่าไม่ชอบใจกับการถูกคุกคามในเวลาแบบนี้ แต่ไม่ทันที่คนเป็นแม่จะช่วยเหลือ เสียงของพิทักษ์ก็ดังขึ้นอีก


   “จะให้พี่ป้อนมั้ย”


คราวนี้ อย่าว่าแต่จิณณะจะตาเหลือกเลย กระทั่งจรรยายังตาโตด้วยความตกใจ แม้จะรู้ว่าพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร หนำซ้ำยังย้ายไปอยู่ด้วยกันมานานแล้ว แต่หล่อนก็ไม่เคยเห็นพวกเขาใกล้ชิดกันมากถึงขั้น ‘ป้อน’


   “ไม่ตอบ? งั้นพี่จะป้อนให้เอง”


คนสุขภาพดีถือวิสาสะดึงช้อนออกจากมือคนป่วยมาตักไข่เจียวใส่ในถ้วยข้าวต้ม แล้วเป่าเบาๆเพื่อไล่ความร้อน จิณณะกำลังอึ้ง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ช้อนถูกยื่นมาถึงปากเขาแล้ว


   “ผ...ผมกินเอง!”


แม้จะเอาแต่ใจเกินพอดีให้คนรอบตัวตามใจ แต่จะให้คนมาเอาใจถึงขั้นป้อนข้าวป้อนน้ำแบบนี้ จิณณะก็ทนไม่ได้


คนป่วยรีบดึงช้อนจากมือของพิทักษ์มายัดข้าวต้มเข้าปาก เคี้ยวไปเบ้หน้าไป ขมปากขมคอ รสชาติข้าวต้มและไข่เจียวหมูสับที่อยากกิน ไม่ช่วยให้เจริญอาหารขึ้นเลย


   แต่...จะคายทิ้งก็ไม่ได้ ในเมื่อพิทักษ์นั่งจ้องตาไม่กะพริบอยู่นี่!


   สุดท้าย คนป่วยเลยต้องกลืนลงคอ พอวางช้อน อีกฝ่ายก็หยิบขึ้นมาตักคำต่อไปแล้วเป่าไล่ความร้อนรอทันที


   ...ไม่เปิดโอกาสให้เรียกร้องสักนิด!...


   จิณณะหน้าหงิก ยอมกินได้ไม่กี่คำก็ส่ายหน้าหนี แต่ก็ยังถูกบังคับป้อนไปอีกสองคำ ก่อนจะเป็นฝ่ายพิทักษ์ล่าถอยไปเอง


   ...คิดแล้วมันน่าเจ็บใจ! ทั้งๆที่ป่วยอยู่แท้ๆ แต่จะเอาใจกันสักนิดก็ไม่มี!...


   คนป่วยทิ้งตัวลงนอนด้วยความหงุดหงิด แต่พอตะแคงตัวหันหลังปุ๊บ คำสั่งถัดไปก็ดังขึ้นปั๊บ


   “ลุกขึ้นมากินน้ำกินยา” 


ไม่รู้ว่าเป็นประโยคสั่งหรือดุ แต่ที่แน่ๆ จิณณะรู้สึกเหมือนถูกสั่งและดุในคราวเดียวกัน


   “จิณ ลุกขึ้นมา” 


คำพูดซ้ำเป็นครั้งที่สองด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดทำให้คนป่วยต้องยอมลุกขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เจ้าตัวหน้าหงิกกว่าเดิม แต่ก็ยอมกินยาดื่มน้ำแต่โดยดี ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง และคราวนี้ตวัดผ้าห่มคลุมโปงเสียเลย!


   พิทักษ์ยืนมองก้อนผ้าห่มที่ขดจนกลมแล้วได้แต่ถอนหายใจเบา ก่อนจะหันไปทางจรรยาที่ยืนนิ่งไปแล้ว


   “ไปเถอะครับ จิณจะได้พัก”


   คนในโปงผ้าห่มได้แต่เม้มปากเจ็บใจ ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปโดยที่ไม่มีใครคิดจะง้อเขาเลย!


   ………………….


   จรรยายังห่วงลูกชาย แต่ก็ไม่อยากขัดพิทักษ์ เมื่อครู่นี้ หล่อนเห็นกับตาว่าเขาคือคนที่กล้าบังคับจิณณะ หนำซ้ำยังบังคับได้ด้วย แต่ถึงจะบังคับได้ เขาก็ไม่ทำเกินพอดี พอเห็นว่าคนป่วยกินข้าวได้มากพอแล้ว ก็ยอมตามใจไม่บังคับต่อ ผิดกับหล่อน...ตามใจจนเกินเลย


   เจ้าของบ้านและแขกพากันเดินลงมาจากชั้นสอง ยังไม่ทันจะเลี้ยวไปไหน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น


   “พี่จิณเป็นไงบ้าง” จารีตยืนพิงกรอบประตูห้องนั่งเล่น ถือผลไม้เคี้ยวกร๊วบๆอย่างเอร็ดอร่อยแต่ไม่มีทีท่าจะขึ้นไปดูดำดูดีพี่ชายแท้ๆของตนเองเลยสักนิด


   “เป็นไข้ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” จรรยาตอบ แต่จารีตทำปากยู่


“สำหรับพี่จิณ เป็นไข้ก็คือเป็นอะไรมากแล้วแม่” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนเงียบๆ เขายกมือไหว้ไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ฝ่ายนั้นเพียงพยักหน้ารับรู้แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก เคยได้ยินจิณณะบ่นว่าพิทักษ์ชอบดุ แต่เขาไม่เคยเห็นพิทักษ์จะพูดเกินสามประโยคเลย 


…นู่นนนน...น้องพี่ทิศต่างหากที่พูดมากอย่างกับผีเจาะ...อ่า...ผีเจาะเป็นจังหวะชะชะช่าครับ...ฟังแล้วไพเราะเสนาะรูหู ถ้าพูดไป เลี้ยงข้าวไปล่ะก็นะ...


“แล้วจาไม่ออกไปไหนเหรอ” มารดาถามลูกชายคนเล็กที่วันนี้ไม่ออกไปตะลอนๆนอกบ้าน จารีตสั่นศีรษะ


“ไม่ไป อยู่ดูหน้าคนติดบั๊กดีกว่า”


   “คนติดบั๊ก?” พิทักษ์ทวนอย่างไม่เข้าใจนัก จารีตหัวเราะร่วนแล้วเฉลย


   “ก็พี่จิณไง เวลาเจ็บป่วยนี่เหมือนติดบั๊ก งอแง ป้อแป้ เอาแต่ใจ จะเอาอันนั้น อยากได้อันนี้ แล้วไม่ตามใจก็ไม่ได้ด้วยนะ งอนจ้า!” คนเป็นน้องที่รู้จักพี่ชายมาตั้งแต่เกิดเล่าไปหัวเราะไป จรรยาหน้าเจื่อน เพราะคำพูดของลูกชายคนเล็ก ฟังอย่างไรก็ขายลูกชายคนโตชัดๆ


   ...แล้วขายดีๆจะไม่ว่า นี่ขายเรื่องน่าอายทั้งสิ้น!...


   “จา...” หล่อนปราม ไม่อยากให้เขาพูดอะไรที่จะทำให้คนฟังรู้สึกไม่ดีต่อจิณณะ


   “ติดบั๊กจริงๆนะแม่ ว่าแต่รอบนี้คนติดบั๊กอยากกินอะไร”


คนเป็นแม่เหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงซึ่งอยู่ในเหตุการณ์คนป่วยเรียกร้องเรื่องอาหาร ก่อนจะยอมอ้อมแอ้มบอก


   “ไข่เจียวหมูสับ”


คนถามเลิกคิ้วเล็กน้อย


   “รอบนี้กินง่ายแหะ มีครั้งนึงพี่จิณป่วยแล้วอยากกินขนมชั้นสีชมพู ไม่เอาขนมชั้นสีเขียวเพราะพี่จิณบอกว่าเห็นแล้วเหม็นเขียว สีอื่นก็ไม่เอา บอกว่าสีอื่นดูไม่น่ารัก อยากกินแต่สีชมพูแป๊ดๆเท่านั้น แม่ต้องส่งคนไปหาตั้งหลายที่ พอเอากลับมา จิณณะติดบั๊กไม่กินขนมชั้นเป็นคำ พี่ผมลอกออกมาทีละแผ่นแล้วค่อยกิน แล้วเลือกกินด้วยนะ ขนมชั้นสีชมพู มันเป็นสีชมพูแป๊ดสลับกับสีชมพูอ่อน พี่ผมกินแต่ชมพูแป๊ด ส่วนใครล่ะกินชมพูอ่อน...ก็ผมนี่ไง!” จารีตพูดแล้วก็หัวเราะอีกยก ทั้งขำทั้งระอาใจ พิทักษ์ได้แต่รับฟังเงียบๆ เพราะคาดไม่ถึงเช่นกันว่าคนรักจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้


   “เอ? แต่รอบนี้อยากกินแค่ข้าวไข่เจียวเองเหรอ หรือว่าพี่ทิศอยู่ด้วย เลยไม่กล้าแผลงฤทธิ์มาก” หนุ่มรุ่นน้องเดาสุ่มสี่สุ่มห้า แน่นอนว่ามันทำให้ทั้งพิทักษ์และจรรยาพากันเงียบ


   คนอย่างจิณณะไม่มีคำว่าไม่กล้าอยู่ในสมอง เจ้าตัวพร้อมกล้าเสมอ เสียแต่ว่า...พิทักษ์เองก็กล้าชนกับคนกล้าอย่างจิณณะเช่นกัน


   “จา หิวอะไรไหม แม่จะให้คนทำให้ทาน”


   “ม่ายยยยย...แม่ทำให้พี่ทิศดีกว่า ไม่รู้พี่จิณจะป่วยอีกกี่วัน พี่ทิศต้องใช้พลังงานรับมือพี่จิณอีกเยอะ”


   “จา...” จรรยาปรามลูกคนเล็กเป็นรอบที่สอง เพราะเขาช่างสรรหาเรื่องมาเล่าที่ไม่ได้สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้จิณณะเลย


   “ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่ค่อยหิว” พิทักษ์เอ่ยกับน้องชายของคนรัก ก่อนจะหันมาทางหญิงเจ้าของบ้าน


   “ผมขอคุยกับจาสักครู่นะครับ”


คำพูดของเขาทำให้จรรยาโหวงเหวงไปทั้งใจ แต่ก็ไม่กล้าขัด ได้แต่ปล่อยให้สองหนุ่มเดินเข้าห้องนั่งเล่นไป


   แล้วก็ได้แต่หวัง...ว่าจารีตจะไม่ถล่มภาพลักษณ์จิณณะจนราบคาบนัก


   เพราะหล่อนไม่คิดว่าจะมีใครในโลกนี้ที่รับมือจิณณะได้ดีเท่าพิทักษ์อีกแล้ว


…………………….


   ความกังวลของจรรยาดูจะคลายตัวลง เมื่อพิทักษ์ยังคงขออยู่ดูแลคนป่วยต่อ ดูท่าแล้วคำพูดของจารีตคงไม่ได้ทำลายชื่อเสียงของพี่ชายเท่าไร คนรักของจิณณะจึงไม่เผ่นแน่บไปเสียก่อน


แต่ถึงแม้พิทักษ์จะไม่ไปไหน หล่อนก็ยังอยากถามอยู่ดีว่าจารีตและพิทักษ์คุยอะไรกัน


   เมื่อพิทักษ์ขอเป็นคนยกผลไม้และนมไปให้คนป่วยในช่วงบ่าย จรรยาจึงหาโอกาสแอบถามจากลูกชายคนเล็กทันที


   “จาเล่าอะไรให้ทิศฟังบ้าง”


จารีตกำลังเล่นเกมอย่างเมามัน ก็พลันต้องเงยหน้ามอง


   คนเป็นแม่เลยถามย้ำ “ที่คุยกับทิศน่ะ”


   “ก็เรื่องพี่จิณไงแม่”


   “เรื่องอะไรบ้าง” จรรยานั่งลงข้างลูกชายทันที เป็นเหตุให้จารีตต้องกดหยุดเกม


   “พี่ทิศถามว่าพี่จิณเป็นแบบนี้บ่อยไหม”


คนฟังใจหายวูบ กลัวว่าพิทักษ์จะระอาใจกับความเอาแต่ใจของลูกชายคนโตของหล่อนแล้วจะนำไปสู่การเลิกราในภายหลัง


   “แล้วจาบอกว่ายังไง บอกรึเปล่าว่าจิณเป็นแค่ตอนป่วยเท่านั้น พอหายป่วยก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว”


จารีตมองสีหน้าร้อนรนของมารดาแล้วก็เผลอหัวเราะออกมา


   “แม่นี่ขาเชียร์เหมือนกันนะเนี่ย จริงๆเชียร์คู่นี้มากสิท่า” ลูกชายคนเล็กยังทีเล่นทีจริง ทำตาหรี่มองเหมือนรู้ทัน


   “บอกแม่มาก่อนว่าพูดไปว่ายังไง”


   “ก็บอกแค่ว่าพี่จิณเอาแต่ใจนิดหน่อยตอนไม่สบายแค่นั้นเอง โธ่แม่ เขาผ่านอะไรมาด้วยกันตั้งเยอะ ไม่เลิกกันเพราะเรื่องแค่นี้หรอก”


จรรยามองลูกชายคนเล็กอย่างเคืองๆที่เขาทำให้หล่อนไม่สบายใจ แต่อีกใจก็เห็นด้วยกับที่จารีตพูด สองคนนั้นผ่านอะไรด้วยกันมามาก เรื่องแค่นี้...ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะกลายเป็นประเด็นได้เลย


   แต่...ก็ไม่แน่


   บางครั้ง เรื่องเล็กๆก็กลายเป็นเรื่องใหญ่มานักต่อนัก


   “เราก็ไม่ต้องพูดเรื่องไม่ดีของพี่เขานัก ทิศได้ยินซ้ำๆเขาก็จะคิดเอาว่าจิณเป็นคนเอาแต่ใจ”


   “แต่พี่จิณก็เอาแต่ใจตอนป่วยจริงๆนะ”


   “จา...”


   “ครับๆ ไม่พูดแล้วครับ” จารีตรับปาก ต่อให้จะพูดอะไรอีกก็คงจะซ้ำกับเรื่องที่เล่าให้พิทักษ์ฟัง เพราะเล่าไปหมดทุกอย่างแล้ว


   “แต่พี่ทิศก็พูดนะ...” ลูกชายคนเล็กเกริ่น เรียกความสนใจจากจรรยาทันที


   “ทิศพูดว่าอะไร”


   “พูดว่า...พี่จิณเหมือนคุณย่าเปี๊ยบเลย”


หญิงเจ้าของบ้านนิ่งไปเล็กน้อย มีแค่คนในบ้านเท่านั้นที่เห็นตรงกันในเรื่องนี้ เพราะคนภายนอก มักจะเห็นแต่ความขัดแย้งระหว่างคุณกอบกุลและจิณณะ พาลให้คิดกันว่าสองย่าหลานไม่มีตรงไหนที่เหมือนกันเลย ทั้งที่ความจริงแล้ว หากจะบอกว่าในบรรดาลูกหลานทั้งหมด จิณณะคือคนที่ถอดร่างของคุณกอบกุลมาอยู่ในร่างผู้ชายก็ไม่ผิดนัก


   “เราโชคดีนะแม่ ที่ได้พี่ทิศมา เขาไม่ใช่แค่รู้จักพี่จิณดี อ่านพี่จิณออก แต่เขายอมรับตัวในตัวพี่จิณได้ คนของเราเรื่องน้อยซะที่ไหน” จารีตเอ่ยตามที่เห็น


ตลอดเวลาที่เขาเล่าเรื่องของจิณณะ พิทักษ์รับฟังอย่างสงบและตั้งใจ บางเรื่องเป็นเรื่องตลก พิทักษ์ก็หัวเราะเบาๆดวงตาเป็นประกายเอ็นดู บางเรื่องเป็นเรื่องแผลง ก็ส่ายศีรษะทอดถอนหายใจ แต่ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ หากเป็นเรื่องของจิณณะ ก็ล้วนได้รับความสนใจจากพิทักษ์เสมอ


   “คนที่ยอมรับคนของเราได้ ผมว่าเขาก็น่าจะได้รับการตอบแทนเป็นการยอมรับจากเราเหมือนกันนะแม่”


จรรยายิ้มจาง พยักหน้าเห็นด้วย


   “แม่...ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”


   ไม่ใช่แค่การยอมรับพิทักษ์เพื่อตัวพิทักษ์เอง แต่เป็นการยอมรับพิทักษ์เพื่อความสุขของจิณณะด้วยเช่นกัน


   ....................
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 30-06-2020 22:40:46


ความสุขของจิณณะ เดิมทีคือการใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ กินอะไรก็อร่อย อยู่ที่ไหนก็สบาย ทุกๆวันมีแต่เรื่องสนุก


   แต่...ยกเว้นจิณณะตอนป่วย


   ชีวิตไม่ง่าย เพราะจะขยับแขนก็ปวดเนื้อปวดตัว จะลุกขึ้นนั่งก็ปวดหัว หายใจก็ลำบาก คอก็เจ็บ กินอะไรก็ไม่อร่อย วันป่วยๆอย่างนี้ ไม่มีเรื่องสนุกให้ทำ หนำซ้ำ...ยังมีคนหน้านิ่งยืนตระหง่านอยู่ข้างเตียงอีกต่างหาก


   ...ถามจริง...


...นี่มาเยี่ยมหรือมาเอาชีวิต?...


   “ลุกขึ้นมากินผลไม้”


   “ผลไม้อะไร” คนป่วยปรือตาขึ้นถาม


อันที่จริง เขาตื่นได้พักหนึ่งแล้ว แต่พอเห็นพิทักษ์เข้ามาในห้อง อารามยัง ‘งอน’ เลยหลับตาหนีต่อหน้าต่อตาอีกฝ่ายดื้อๆ ถ้าพิทักษ์ไม่ถามขึ้นมาก่อน เขาก็ไม่ลืมตาขึ้นมาพูดด้วยหรอก!


   “แอปเปิ้ล”


คำตอบทำเอาเบ้หน้า แล้วพลิกตัวตะแคงหันหลังให้ทันที


   “จิณ ลุกขึ้นมากิน”


   “ไม่เอา ไม่อยาก”


   “แล้วอยากอะไร”


วีรกรรมขนมชั้นสีชมพูตามคำบอกเล่าของจารีตยังคงอยู่ในสมองของพิทักษ์ คำถามนี้ดูจะเปิดกว้างก็จริง แต่ในใจของชายหนุ่มตั้งรับอย่างดีแล้ว


คนป่วยที่พลิกตัวตะแคงหันหลังยอมเอี้ยวหน้ากลับมามอง แล้วตอบ


   “ชมพู่มะเหมี่ยว พริกกะเกลือด้วย”


ฟังดูไม่ยาก แต่...พิทักษ์จะไม่ตามใจ


   “หายแล้วจะซื้อให้กิน”


จิณณะทำหน้าหงิก


   “กว่าจะหายก็พอดีหายอยาก”


   “ถ้าอยากกินก็ต้องรีบหาย ลุกมากินผลไม้ก่อน” พิทักษ์ไม่พูดอย่างเดียว แต่ช่วยพยุงคนบนเตียงให้ลุกขึ้นนั่ง


ช่วงแรกนั้นอีกฝ่ายทำตัวหนัก แต่พอเขาเพิ่มแรงขึ้นอีกหน่อย จิณณะก็ยอมขยับตัวลุกขึ้นนั่งแต่โดยดี


ตอนนี้เองที่พิทักษ์รู้สึกว่าเขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างในตัวคนรัก



จิณณะในยามปกติ ไม่มีทางเป็นแบบนี้ แต่พอไม่สบาย กลับเอาแต่ใจขนาดหนัก ตอนเขาบอกให้ลุกขึ้นมากินผลไม้ก็ทำตัวโยกโย้ ไม่ยอมลุก แต่พอเขาช่วยพยุง ก็กลับว่าง่าย พอเขายื่นจานผลไม้ให้ เจ้าตัวก็ยังหน้าบูด แต่พอเขาเอาส้อมจิ้มแอปเปิ้ลแล้วส่งให้ ก็กลับรับไปกัดแต่โดยดี



...แบบนี้น่ะ...



...เอาแต่ใจเพราะเรียกร้องการเอาใจไม่ใช่หรือ...



…เพราะอยากได้รับความเอาใจใส่ ถึงได้เรียกร้องขนาดนี้...



จิณณะคนเข้มแข็ง ใครเลยจะคิดว่าแท้จริงแล้วต้องการความเอาใจใส่ราวกับเด็กเล็กๆ จิณณะคนเข้มแข็ง ใครเลยจะคิดว่าแท้จริงแล้วเก็บกดความรู้สึกอะไรไว้ข้างในบ้าง



จิณณะคนเข้มแข็ง...แต่คนเข็มแข็งก็เป็นคนไม่ใช่หรือ เป็นคนที่เปราะบาง เป็นคนที่แตกสลายได้ แต่จิณณะคนเข้มแข็ง ไม่เคยปริปากบอกใครเลย



จนกระทั่งวันนี้ที่เจ็บป่วย ร่างกายอ่อนล้า จิตใจไม่แข็งแรงมากพอจะเก็บกดความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ข้างใน ก็เลยปะทุออกมาเป็นความเอาแต่ใจ



จิณณะคนเข้มแข็ง กลายร่างเป็นจิณณะคนเอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ เรียกร้องการเอาใจใส่



ราวกับมีโพรงขนาดใหญ่ขยายอยู่ในใจของพิทักษ์ เขามองคนตรงหน้าด้วยความสงสารอาดูร นึกโทษตัวเองที่ไม่เคยรับรู้ว่าจิณณะมีด้านมุมแบบนี้



ชายหนุ่มยื่นมือออกไปหา วางมือบนศีรษะคนป่วยแล้วลูบเบาๆ จิณณะมองตาปริบๆ ไม่เข้าใจที่จู่ๆ พิทักษ์ก็ลูบผมเขา



“พี่ทิศ?”



พิทักษ์เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



“...หัวผมยุ่งเหรอ อ่า...นอนทั้งวันนี่นา...”



“ไม่ยุ่งแล้ว” แม้จะตอบอย่างนั้น แต่เขาก็ยังลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา จิณณะไม่เข้าใจการกระทำของคนรักนัก แต่ถ้าไม่ขัดใจก็นับว่าดีแล้ว เขาจิ้มแอปเปิ้ลเข้าปากอีกหนึ่งชิ้น แล้วถามต่อ


   “พรุ่งนี้จะได้กินชมพู่มะเหมี่ยวไหม”


   “ถ้าพรุ่งนี้หาย ก็ได้กิน”



คนป่วยทำหน้าบูด อมแอปเปิ้ลในปากจนแก้มตุ่ยเมื่อคำตอบของอีกฝ่ายไม่ถูกใจ


พิทักษ์ยิ้มจาง ถึงแม้คนตรงหน้าจะทำท่าทางเหมือนเด็กอนุบาลอมข้าวเพราะถูกขัดใจทั้งๆที่อายุเกือบสามสิบ


...แต่...เขาก็รู้สึกว่าน่าเอ็นดู



...ทั้งน่าสงสาร ทั้งน่าเอ็นดู...



ตอนเด็กๆ จิณณะได้ทำท่าเอาแต่ใจแบบนี้บ้างไหม ทำแล้ว...มีใครตามเอาใจบ้างไหม ทำแล้ว...มีใครสนใจบ้างไหม เรื่องเหล่านี้พิทักษ์ไม่รู้ ไม่รู้เลย...ว่าจิณณะโตมากับความเหงาแค่ไหน


   “พรุ่งนี้ก็หาย ถ้ากินข้าว กินยา กินผลไม้ให้หมด” ชายหนุ่มเอ่ย น้ำเสียงไม่ได้เข้มงวดเหมือนก่อนหน้านี้ คล้ายจะปลอบประโลมด้วยซ้ำ


   “ข้าวเย็นกินกับอะไร” จิณณะถามอีก ยอมจิ้มแอปเปิ้ลชิ้นสุดท้ายเข้าปาก


   “ข้าวต้มกุ้ง”


   “อยากกินปลากะพง...”


คนดูแลหันไปวางจานเปล่ากับโต๊ะข้างเตียง กำลังจะหันมาบอกว่าถ้ามีปลากะพง จะให้ใส่เพิ่มมาให้ แต่คนป่วยกลับพูดเสริมขึ้นมาก่อน


   “...กะพงนึ่งมะนาว”



หากเป็นเมื่อเช้า เขาคงดุอีกฝ่ายที่เอาแต่ใจอย่างไม่ดูสภาพร่างกาย แต่เวลานี้ พิทักษ์กลับเพียงแค่ส่ายหน้า แล้วปฏิเสธอย่างอ่อนโยน


   “ไม่ได้ คนป่วยที่ไหนกินรสจัด”


   “ก็ผมบอกแล้วว่าขมปากขมคอ กินแต่ของจืดๆยิ่งไม่อร่อย”


   “ขมคอก็รีบหาย”


   “ก็เพราะมันยังไม่หาย ก็เลยขมคอไง”


“งั้นก็นอนพัก จะได้หาย”



“นอนอยู่ได้! นอนทั้งวันแล้ว! เบื่อ!”



“เบื่อก็ต้องทน”



จิณณะทำหน้ายู่ ชักหงุดหงิดที่คนเฝ้าไข้คนนี้ไม่ตามใจเหมือนคนอื่นๆ


   “ผมป่วยนะ ทำไมพี่ไม่ตามใจผมเลยวะ” เมื่อพูดดีๆแล้วไม่ได้ผล คนป่วยก็ลากเอาความอ่อนแอของตนเองขึ้นมาทันที พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงบนเตียง แล้วเอ่ยปากอย่างจริงจัง


   “จิณ ทำไมถึงเอาความเจ็บป่วยมาเรียกร้องให้คนอื่นตามใจ”


คราวนี้จิณณะนิ่งงัน กะพริบตาปริบๆ


   “เวลาสบายดี พี่ไม่เห็นจิณจะเอาแต่ใจแบบนี้ อะไรที่อยากแล้วไม่มี ถ้ามันมีเหตุผลที่จะยังไม่ได้มา จิณยอมรับเหตุผลนั้นได้เสมอ แต่พอไม่สบาย จิณเรียกร้องให้คนอื่นขวนขวายเอาทุกอย่างที่อยากได้มาให้ จะทดสอบใช่มั้ย ว่าคนอื่นรักจิณมากพอที่จะตามใจจิณทุกเรื่องรึเปล่า”


   “ผ...ผมไม่ได้...” ค้านไม่จบประโยค เพราะอีกฝ่ายมองเขานิ่งราวกับรอให้เขาพูด แต่จิณณะรู้ดีว่าพูดอะไรออกไปก็ฟังไม่ขึ้น สุดท้ายเลยได้แต่เงียบราวกับจำนน



   พอเห็นคนรักเงียบ พิทักษ์เลยลูบศีรษะเบาๆ คราวนี้คนป่วยรู้แล้วว่าสัมผัสจากฝ่ามือที่วางอยู่บนศีรษะนั้นต้องการบอกอะไร



   ไม่ใช่ว่าผมยุ่ง ก็เลยลูบศีรษะให้ แต่เพราะพิทักษ์ต้องการบอกให้รู้ต่างหาก ว่าเขาอยู่ข้างๆ...อยู่ข้างๆ ไม่ได้ไปไหน ถึงแม้ว่าจิณณะจะเอาแต่ใจขนาดนี้ และถึงแม้ว่าพิทักษ์จะไม่ตามใจสักอย่าง แต่...ก็ยังอยู่ข้างๆ



   จิณณะในเวลานี้ไม่ได้ตัวคนเดียว ไม่ได้เป็นเด็กชายจิณณะที่เติบโตมาอย่างแปลกแยก เพราะเป็นหลากนอกคอกของวงศ์กีรติ เป็นหลานที่ขวางหูขวางตาคุณกอบกุลจนญาติพี่น้องไม่กล้าเข้าข้าง ไม่กล้าให้ท้าย ไม่กล้าเปิดเผยแสดงตัวว่าอยู่ข้างเขา เพราะไม่มีใครอยากเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นไม้เบื่อไม้เมาสองย่าหลาน



สุดท้าย...เด็กชายจิณณะเลยเติบโตขึ้นมาเป็นนายจิณณะที่...ขวนขวายสิ่งที่ต้องการมาด้วยตัวเอง แต่ลึกๆแล้วก็อยากได้รับความสนอกสนใจจากคนรอบข้างเช่นกัน


   มืออุ่นยังลูบศีรษะคนป่วยเบาๆ ราวกับช่วยดึงจิณณะออกมาจากความทรงจำของเด็กชายนอกคอกผู้ถูกทิ้งเอาไว้กับความโดดเดี่ยว ให้กลับมารับรู้ปัจจุบัน


ปัจจุบันที่แม้ว่าจิณณะจะดื้อแค่ไหน เอาแต่ใจแค่ไหน ต่อให้พิทักษ์จะไม่ตามใจ แต่ก็ไม่ทิ้งเขาไปเช่นกัน


   ดวงตาฉ่ำของคนป่วยเหลือบมองคนที่ยังลูบศีรษะของเขา สัมผัสนั้นอ่อนโยน เป็นสัมผัสที่ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นปลอดภัย และไม่ได้อยู่ลำพัง


   “พี่ทิศ...”


   “...ขอโทษครับ”



พิทักษ์ยิ้มจาง ส่ายหน้าไปมา



   “ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ”



   “พี่...จะอยู่กับผมใช่มั้ย”


“อยู่สิ...จะอยู่ข้างๆจิณ ไม่ไปไหนหรอก”


   หัวใจของคนที่เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวสั่นเทิ้ม ยิ่งรับรู้ไออุ่นจากฝ่ามือที่ยังลูบศีรษะเขา ก็ยิ่งห้ามน้ำตาไม่ไหว จนต้องก้มหน้า แอบยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดหัวตา



   ยิ่งเห็นแบบนั้น พิทักษ์ก็ยิ่งสะท้อนใจ จิณณะที่เข้มแข็ง น้ำตาสักหยดยังไม่อยากให้คนอื่นเห็น แต่กลับร้องไห้เพราะเขาบอกว่าจะอยู่ข้างๆ



   ต้องเหงาขนาดไหน ต้องว้าเหว่ขนาดไหน ถึงอ่อนไหวกับคำพูดของเขาขนาดนี้



   ชายหนุ่มรู้ว่าอีกฝ่ายยังป่วย แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้จิณณะนั่งเช็ดน้ำตาเพียงลำพังทั้งๆที่เขาอยู่ตรงนี้ จึงโอบสองแขนรั้งอีกฝ่ายเข้ามากอด กดริมฝีปากลงกับกระหม่อมของคนรักราวกับต้องการให้อ้อมกอดนี้บอกให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาจะไม่ไปไหน



   ร่างในอ้อมแขนคล้ายจะนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะซุกหน้าลงกับอกของเขาแล้วพูดอู้อี้เสียงเบา พร้อมกับโอบกอดเขาเช่นกัน



   “ขอบคุณครับ พี่ทิศ ขอบคุณ”


…………………


   จิณณะเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ อีกสองวันต่อมาไข้ก็หาย จากคนป่วยเอาแต่ใจกลายมาเป็นคนสุขภาพดีที่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนก่อน กินอะไรก็อร่อย แม้แต่โจ๊กหมูธรรมดาก็ไม่เป็นปัญหา หนำซ้ำยังเจริญอาหารอีกต่างหาก


“กินเหมือนมีหลุมดำในกระเพาะแบบนี้ แสดงว่าหายแล้ว” จารีตทำเป็นเปรยเสียงเบา แต่ลูกบ้านนี้ทำอะไรเบาไม่เป็น ถึงจะนั่งตรงข้ามกัน จิณณะก็ยังได้ยิน เขาเหล่ตามองน้องชาย แต่คนเป็นพี่เป็นน้องกันมาหลายสิบปี มีหรือจะกลัวกันหัวหด จารีตทำเป็นไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป


พอคนน้องไม่พูดอะไรอีก คนพี่ก็เลยหันไปทางแขกที่มาเยี่ยมแต่เช้า


พิทักษ์มาพร้อมน้ำเต้าหู้ น้ำขิงและขนมครก ไม่ได้ซื้อโจ๊กมาด้วย เพราะจรรยาบอกตั้งแต่เมื่อวานว่าเช้านี้จะเข้าครัวทำโจ๊กหมูให้ลูกชายคนโต แถมชวนเขามากินข้าวเช้าด้วยกัน พิทักษ์ไม่ปฏิเสธ อย่างไรก็ต้องมาหาจิณณะอยู่แล้ว


“พี่ทิศ ซื้ออะไรมา” ความสดใสของจิณณะในวันนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ไม่สบายอย่างเห็นได้ชัด


“น้ำเต้าหู้กับน้ำขิง มีขนมครกด้วย”


“ฮู้!” คนหายป่วยทำตาวาว เปิดถุงขนมครกหยิบมากินอย่างเอร็ดอร่อย


“เจ้าเดิมใช่มั้ยเนี่ย อร่อย”


คนกินง่าย อยู่ง่ายที่ชื่อจิณณะคนเดิมกลับมาแล้ว พิทักษ์นั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างกายคนรัก แม้จะอยากแตะเนื้อต้องตัวดูแล แต่เพราะไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง เลยต้องสงวนท่าที


อย่างไรก็ตาม สายตาห่วงใยรักใคร่ของเขาก็ปิดไม่มิด ชนิดที่จารีตกะพริบตาปริบๆ กลืนน้ำลายเอื้อกๆ พอเหลือบมองพ่อแม่ตัวเอง เห็นโกศลกับจรรยาแอบมองพิทักษ์กับจิณณะ แล้วก็เหลือบมาสบตากับเขา ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังธรรมดาๆกับครอบครัวอยู่ดีๆแล้วจู่ๆก็มีฉากโป๊ของพระเอกนางเอกโผล่เข้ามา ทั้งๆที่พิทักษ์และจิณณะไม่ได้แตะตัวกันเลยสักนิด แต่สายตาที่พิทักษ์ใช้มองจิณณะนี่สิ...


สามคนพ่อแม่ลูกกลืนน้ำลายกันคนละอึกสองอึกแล้วก็พากันก้มหน้าตาตกลงมองโจ๊กในถ้วยตัวเอง


แต่...ก็ไม่วายยังเหลือบขึ้นมามองสองหนุ่มที่นั่งข้างกัน


จิณณะยังเอาแต่กิน ในขณะที่พิทักษ์ยังเอาแต่มองคนกิน


จิณณะไม่รู้ว่ากำลังถูกมองด้วยสายตารักใคร่แค่ไหน แต่โกศล จรรยาและจารีตรู้


คนไม่รู้ ก็เลยยังพูดเจือยแจ้วได้ต่อ ในขณะที่คนรู้ต้องตักโจ๊กเข้าปากเพราะเขินวูบๆกับสายตาของพิทักษ์ไปหมด


“ขนมครกเจ้านี้อร่อยสุดแล้วตั้งแต่ผมกินมา เดี๋ยวนี้ขนมครกนิ่มๆงี้หากินย้ากยาก ส่วนโจ๊กตรงหน้าพี่ทิศนั่นก็อร่อยสุด หากินที่ไหนไม่ได้แล้ว นอกจากที่นี่เท่านั้น เพราะแม่ผมทำ” แล้วคนหายป่วยก็หัวเราะฮ่าๆ


“หายป่วยแล้วแบบนี้” พิทักษ์หยอกพลางยิ้ม ตักโจ๊กที่แม่บ้านนำมาวางให้เข้าปาก ก่อนจะหันไปชมกับจรรยา หล่อนยิ้มจืด แล้วก็รีบก้มหน้ากินต่อ ในขณะที่โกศลและจารีตแทบจะไม่เงยหน้าจากถ้วยเลย


...อาจจะหิว...


ชายหนุ่มคิดเอาเองแบบนั้น ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าเป็นเพราะสามพ่อแม่ลูกเขินกับสายตาของเขาที่มีให้จิณณะต่างหาก


หลังมื้อเช้า พิทักษ์พาจิณณะกลับบ้านของพวกเขา ส่วนหนึ่งเพราะคนหายป่วยต้องเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท อีกส่วนก็เพราะเจ้าคนหายป่วยคนเดิมส่งสัญญานอยากกลับบ้าน


ตอนที่รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากอาณาเขตรั้ววงศ์กีรติ จิณณะมองบ้านของตัวเองตาละห้อย แต่ก็สูดลมหายใจลึกราวกับตัดใจ แม้จะอยากอยู่กับครอบครัวให้นานกว่านี้อีกนิด แต่...ไม่รบกวนจะดีกว่า


“ผมอยู่ที่นี่แล้วแม่เป็นห่วงอ่ะ...เดือดร้อนกันไปหมด...”



โดยเฉพาะเดือดร้อนเพราะความเอาแต่ใจจนเกินพอดีของเขา 


จิณณะรู้ว่าเวลาตนเองป่วยแล้วเป็นอย่างไร จารีตเคยแซวว่าเวลาเขาป่วย จะกลายร่างเป็น ‘จิณณะติดบั๊ก’


พวกลุงๆป้าๆลูกพี่ลูกน้องของเขาก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย แล้วบอกว่า ‘คาดไม่ถึงว่าจิณจะเอาแต่ใจขนาดนั้น’


ส่วน...ต้นตระกูลอย่างคุณกอบกุลบอกว่า ‘ไม่ติดดินทำตัวเป็นกุ๊ย! ก็เอาแต่ใจคิดว่าเป็นเจ้าชายมาเกิด! สะกดคำว่าพอดีเป็นมั้ย?!!’


แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร จิณณะไม่แย้งสักคำ ถึงจะป่วยแต่ไม่ใช่เขาไม่รู้ตัว แต่แม้รู้ตัวก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร


“ก็เลยจะกลับไปอยู่บ้านเรา ให้พี่เดือดร้อนคนเดียวพอใช่มั้ย” สารถีหันมาหยอก จิณณะถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนจะทำหน้าย่น



“ผมหายป่วยแล้ว ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหรอกหน่า!”



“แต่พี่เต็มใจนะ”



“เต็มใจเดือดร้อนเนี่ยนะ? พี่คิดดีแล้วเหรอ”



พิทักษ์ยักคิ้วพลางยิ้ม ท่าทางมั่นอกมั่นใจว่าสามารถรับมือกับความเดือดร้อนที่จิณณะก่อได้ ก็ทำเอาคนก่อความเดือดร้อนหมั่นไส้เล็กๆ แต่...อีกใจก็ยอมรับว่าอีกฝ่ายรับมือเขาได้จริงๆนั่นล่ะ



“แต่พี่มีเรื่องหนึ่งอยากให้จิณทำให้พี่”



“หือ? เรื่องอะไร”



“พี่อยากให้จิณบอกพี่ ว่าจิณอยากได้อะไร”


“หะ? อะไรของพี่เนี่ย สรุปอยากเดือดร้อนจริงๆเหรอ” จิณณะย้อนถาม หัวเราะร่วนเต็มปากเต็มคำสมกับเป็นคนร่าเริง


“หมายถึงเวลาจิณสบายดี อยากได้อะไร ก็บอก”


จิณณะกะพริบตาปริบๆ “ม...หมายความว่าไง”


“จิณเอาแต่ใจเวลาไม่สบาย แต่เวลาสบายดีไม่เอาแต่ใจ แสดงว่า...เวลาสบายดี อะไรที่อยากก็เก็บเอาไว้ใช่มั้ย เก็บเอาไว้เยอะด้วย เพราะไม่อยากให้เป็นภาระคนอื่น”


จิณณะอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องนี้


อันที่จริง เขาไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่าตนเองเก็บเรื่องราวมากมายเอาไว้กับตัว เวลาสบายดี แน่นอนว่าควบคุมเรื่องเหล่านั้นได้ด้วยสติสัมปัญชัญญะ แต่พอไม่สบาย อย่าว่าแต่จะมีสติเลย กระทั่งร่างกายยังเจ็บป่วย สภาพจิตใจย่ำแย่ เรื่องที่เคยควบคุมได้ ก็กลายเป็นเรื่องยาก สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เคยเก็บเอาไว้ได้ ก็เก็บไม่ได้ กลายเป็นความเอาแต่ใจสุดโต่งราวกับปลดปล่อยสิ่งที่เก็บกดเอาไว้มาตลอด


และเรื่องหนึ่งที่เก็บและกดเอาไว้มานาน คือจิณณะรู้สึกว่าตนเองตัวคนเดียว



ตั้งแต่เด็กจนโต  เขาเลือกเดินไปบนเส้นทางที่ตนเองอยากเดิน แน่นอนว่าไม่มีใครในครอบครัวเห็นด้วย แม้พ่อแม่จะไม่ขัดขวาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเส้นทางของเขาจะมีคนเคียงข้าง ยิ่งเติบโต จิณณะก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองเดินอยู่บนเส้นทางสักเส้นเพียงลำพัง ยิ่งเขาเดินด้วยตัวคนเดียวได้ ก็ยิ่งไม่มีใครก้าวเท้ามาเดินข้างเขา


แต่...คนเรา...มีใครอยากโดดเดี่ยวด้วยหรือ



คนเรา...มีใครอยากได้ความเหงาด้วยหรือ



ไม่เลย...ทุกคนล้วนอยากถูกห่อหุ้มด้วยความรัก ความทะนุถนอม อยากรับรู้ความอบอุ่น นุ่มนวลและอ่อนโยนจากคนรอบข้างด้วยกันทั้งนั้น



แต่...ยิ่งเป็นคนที่ดูแข็งแกร่งมากเท่าไร ก็ยิ่งถูกละเลยมากเท่านั้น


จิณณะขาดแคลนสิ่งเหล่านี้มาตลอด แต่ไม่เคยยกมันขึ้นมาเป็นปัญหาเพราะเก็บเอาไว้ลึกสุดใจ จนกระทั่ง...ร่างกายเจ็บป่วย


“พี่อาจจะหาให้จิณไม่ได้ทุกอย่าง อาจจะตามใจไม่ได้ทั้งหมด แต่พี่อยากฟังเรื่องของจิณ...”


“...ให้พี่ได้ฟังว่าจิณอยากได้อะไร อยากทำอะไร อยากไปที่ไหน...”


“...ให้พี่ได้รู้ว่าจิณรู้สึกอะไร หรือคิดอะไร...”



“...พี่ไม่ใช่คนอื่น และสำหรับพี่...จิณไม่ใช่ภาระ”


กระบอกตาของจิณณะร้อนผ่าว รู้สึกเหมือนภาพเบื้องหน้าพร่างพรายด้วยม่านน้ำใส


บางที คนเราก็ไม่ได้อยากได้อะไรมากไปกว่าการได้รับความสำคัญจากคนข้างกาย การที่ได้รู้ว่าเรื่องที่จะพูดออกไป มีคนรอฟัง มันมีความหมายมากเหลือเกินสำหรับคนที่เติบโตขึ้นมาโดยถูกชี้หน้าว่านอกคอกจากวงศ์ตระกูล



...แต่หลังจากนี้...จะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว...จะไม่รู้สึกว่าตัวคนเดียวอีกแล้ว...



จิณณะรู้แล้ว ว่าทุกเรื่องของเขา ไม่เคยถูกละเลยจากพิทักษ์ ทุกความต้องการของเขา ไปถึงพิทักษ์เสมอ…


‘สำหรับพี่...จิณไม่ใช่ภาระ’


ทั้งคำพูดและการกระทำของพิทักษ์ ค่อยๆขจัดปัดเป่าความรู้สึกบางอย่างที่หลบเร้นอยู่ในหัวใจของจิณณะ


‘พี่อยากฟังเรื่องของจิณ’


เขายิ้มจางกับตนเอง สูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกปลอดโปร่ง จนเอนกายลงพิงพนักเบาะ


“ผม...ก็มีเรื่องอยากเล่าให้พี่ทิศฟังเยอะแยะเลย...”



คนฟังยิ้ม เหลือบตามามอง


   “อยากเล่าอะไรก็เล่าได้เลย หรือจะเล่าเมื่อไหร่ก็ได้ พี่จะอยู่ข้างๆ คอยฟังจิณเล่า ไม่ไปไหนหรอก”


   หัวใจของคนหายป่วยพองฟูเต็มอก หยาดน้ำยังเอ่อคลอดวงตา แต่ไม่ใช่เพราะความโดดเดี่ยวอีกแล้ว


ภายในรถที่มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพ นอกจากเสียงเพลงเบาๆ ยังมีเสียงพูดคุยของคนสองคน


คนหนึ่งพูดเก่งสมกับที่เจ้าตัวเคยบอกว่าเพราะอิทธิพลของไฝที่ปาก อีกคนไม่ค่อยพูดแต่ก็ตั้งใจฟังสมกับที่บอกว่าอยากรับรู้ และจะอยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน



...ไม่ว่าอีกนานเท่าไร...



...ไม่ว่าจะมีเรื่องราวที่อยากเล่าอีกมากมายแค่ไหน …



...เสียงของจิณณะ จะมีพิทักษ์คอยรับฟังเสมอ…


FIN


หายไปเดือนกว่าๆ กลับมาอีกทีคือวันสุดท้ายของเดือน แหะๆ ขอโทษจริงๆค่ะ


สำหรับตอนพิเศษนี้ หวังว่าพี่ทิศพอจะได้เป็นพระเอกไมโครเวฟแบบพี่โตและหมอภวัตบ้างนะคะ ฮ่าฮ่า


ส่วนจิณณะ บัวว่าจิณแค่เอาแต่ใจแบบเด็กๆ ไม่ร้ายกาจท็อปฟอร์มอะไร จัดว่ายังอยู่ในระดับที่น่ารักค่ะ (เข้าข้างล้วนๆ ไม่มีอย่างอื่นผสม)


ตอนนี้เรื่องเรียนใกล้จะเรียบร้อยแล้วค่ะ แต่เรื่องใหม่ยังไม่คืบหน้าเลย เดือนหน้า น่าจะได้เจอตอนพิเศษของเรื่องไหนสักเรื่องอีกรอบนะคะ


ขอบคุณคนอ่าน คนคอมเม้นท์ คนติดตาม และทุกกำลังใจเช่นเคยค่ะ


เจอกันใหม่เดือนหน้าค่ะ (เดือนหน้าก็คือวันพรุ่งนี้แล้ว ฮ่าฮ่า)
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-07-2020 00:21:10
เห็นการเอาแต่ใจของจิณในเวลาป่วยแล้วเข้าใจเลย เพราะกินอะไรก็ขมคอ แถมอยากกินไข่เจียวอีก... อมน้ำมันใช่ย่อยนะจิณ เสียดายที่จะเอาซอสศรีราชา แต่อดเพราะพี่ทิศห้ามเราละเสียดายแทนเพราะซอสยี่ห้อนี้อร่อยจริงเราชอบ  :sad4:

เห็นว่าสายตาพี่ทิศมองจิณแบบรักใคร่บนโต๊ะอาหารก็ขำพ่อแม่และจารีต คงไม่เคยเห็นเลยเขิลไม่กล้าเงยหน้ามอง พากันก้มหัวงุดๆ ตักข้าวกินเหมือนหิวมากจนหยุดไม่ได้ 55555

ดีใจที่พี่ทิศได้รู้จักจิณเพิ่มขึ้นอีกเรื่องแล้วนะ ต่อไปจิณคงได้บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการกับพี่ทิศได้สบายใจละ ไม่ต้องเก็บอะไรไว้คนเดียวอีกแล้ว พี่ทิศจะอยู่ข้างๆ กันเสมอ.. ตลอดไป  :กอด1: :กอด1:

ปล.คนโสดอิจฉา...  :mew6:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Heroyj ที่ 01-07-2020 10:22:00
คิดถึงพี่ทิศกับจิณพอดีเลยค่ะ  ชอบคุณที่มาเพิ่มตอนพิเศษให้ได้อ่าน
รอเรื่องต่อไปของไรเตอร์นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-07-2020 23:27:23
ขอพรีออเดอร์พี่ทิศซักคนได้ไหมคะ???   :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 02-07-2020 06:04:39
อยากเห็นพี่ทิศหึงแรงๆจนหมดมาดบ้างขอซักตอนได้ไหมคะคุณบัว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-07-2020 10:32:22
พี่ทิศอุ่นจนคนอ่านใจเหลวไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-07-2020 12:51:18
มีผู้ชายแบบพี่ทิศเหลือบ้างไหม.. :man1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 04-07-2020 03:33:05
ขอบคุณ คุณบัวค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-07-2020 12:27:29
น่ารักมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 04-07-2020 18:47:43
น่ารักไม่ไหวววใจฟูมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-07-2020 23:17:51
สงสารและหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-07-2020 22:19:48
จักรวาลพระเอกของคุณบัวคือที่สุด ยกเว้นอิโจ๊ก ฮ่าา
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 06-07-2020 21:39:17
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 07-07-2020 10:30:51
อยากมีพี่ทิศเป็นของตัวเอง...
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 07-07-2020 23:36:50
ขอบคุณมากครับ เรื่องสนุกมาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 08-07-2020 09:26:47
คิดถึงมากๆเลยึ่ะ ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 08-07-2020 13:57:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 10-07-2020 15:42:21
คิดถึงค่าาา ขอบคุณนะคะ ลุ้นว่าหวยจะที่เรื่องไหนน้าาา จิณณะหลานคุณย่ากอบกุล กับพี่ทิศของเรานี่เอง  :mew1:

จิณตอนป่วยเอาแต่ใจ ก็ยังน่าเอ็นดู ก็กินอะไรก็ไม่อร่อยอ่ะ มันขมคอ ก็ป่วยอ่ะ 55555 แต่พี่ทิศดูออก เบื้องหลังการเอาแต่ใจนั้น ฮืออ ไมโครเวฟของจิณณะ ดูแลใส่ใจ รักใคร่สายตาปิดไม่มิด จนเขาเขินแทนเจ้าตัวแสบกันทั้งบ้าน  พี่ทิศศศศศ :-[

คุณย่ากอบกุลขา หลานชายตัวดี ก็สำเนาคุณย่าเป๊ะๆ รั้นสุดโต่ง ความพอดี สะกดไม่เป็นค่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-07-2020 01:18:28
อยากได้พี่ทิศเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวยุ่ง ที่ 18-07-2020 13:46:25
ดุๆ นิ่งๆ แต่อบอุ่นเหลือเกินพี่ทิศขาาาาา ตอนนี้คุณย่าไม่แวะมา คิดถึงจังเลยค่ะ 555555 // ดีจังนะที่จิณได้มาเจอคู่ชีวิตที่เข้าใจกันแบบนี้ แถมรู้วิธีปราบพยศด้วย คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้เลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-07-2020 05:41:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: ง่วงนอน ที่ 01-08-2020 03:05:46
แง เพิ่งได้เข้าเล้า แต่เขินพี่ทิศน้องจิณมาก งือออ  :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 06-10-2020 18:23:53
กลับมาอ่านอีกครั้ง คิดถึงจิณกับพี่ทิศมากๆ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สนุกและดีมากๆ อยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ ขอบคุณนีกเขียนอีกครั้งที่ทำให้มีพวกเขาขึ้นมา รักเรื่องนี้มากๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 07-10-2020 20:35:48
น้ำตาปริ่มตลอดเลย ขอบคุณที่สร้างเรื่องดี ๆ จึ้นมาเสมอนะครับ

จะติดตามตลอดไปครับ

รัก :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 09-10-2020 09:41:21
อ่านไปอ่านมาอยู่ทีมคุณย่าเฉยเลยเรา
 :-[
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Jely ที่ 12-10-2020 21:25:44
พี่ทิศ~~~หาได้ที่ไหนบ้างคะ คนแบบพี่เนี่ย ดี้ดี~~//ขอบคุณค้าบบ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 21-10-2020 11:03:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: tonpaicat ที่ 24-10-2020 11:55:37
อยากอ่านเรื่องยาวของจากับทิว มากถ้าทางคงสนุก ดูเคมีเข้ากัน
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: Vergintomza ที่ 25-10-2020 11:07:41
คุณย่า นี่คือ เจ๊เกียว ถูกมะ 5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำหูู้ปาโก๋ ที่ 02-11-2020 13:10:15
ตอนดราม่าก็ร้องไห้ไม่หยุด ตอนเข้มข้นเนื้อหาก็ดี๊ดี  :impress2: o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 3.../หน้าที่ 5 (10/01/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 07-04-2021 14:11:49

แล้วถ้าโลกแตก เขาก็อยากอยู่ในเหตุการณ์และรู้ตัวว่าโลกจะแตก อย่างน้อย...จะได้หายใจเฮือกสุดท้ายอย่างมีสติ
 
5555
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนที่ 17...=> หน้าที่ 28 (25/04/2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 08-04-2021 19:19:33
คุณกอบกุลไม่พูด ไม่เดินเข้าไปหา แต่มองตอบกลับไปอย่างท้าทาย


ใช่...นี่คือการท้าทาย...

หายเกลียดคุณย่าเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 10-04-2021 00:47:17

ชอบพระเอกที่ใจเย็นและมีเหตุผล มองนายเอกได้ทะลุถึงความในใจแบบพี่ทิศมากกกก  แต่ก็ไม่ชอบที่คอยดุและบังคับ..แม้นจะหวังดี.. แต่ยังไม่ชอบการถูกขัดใจและให้นายเอกเสียใจด้วย..

แต่ยังงัยก็รัก..อยู่ดี..
ขอขอบคุณนักเขียน.. บัว.. มากกก ให้ +1

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: myadam ที่ 10-05-2021 09:44:13
 o13
อ่านรวดเดียวจบ วางไม่ลงเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 07-06-2021 23:40:38
ไม่ได้เข้ามาอ่านนานเลย
ทุกตัวละครยังน่ารักเหมือนเดิม
อยากอ่านคู่น้องๆบ้าง ไม่รู้จะมีไหมนะ
หวังว่าจะมีตอนพิเศษเพิ่มนะคะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คนเอาแต่ใจ...=> หน้าที่ 47 (30/06/2020)
เริ่มหัวข้อโดย: hardened-boy ที่ 16-06-2021 00:16:20
สนุกมาก.   
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-08-2021 21:32:53
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………….
ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ


   วรชิตไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีสักกี่คนที่ใช้นามสกุล ‘วงศ์กีรติ’


   เขาไม่รู้ว่านามสกุลนี้มีคนใช้ซ้ำโดยที่ไม่ได้เป็นญาติโกโหติกากันหรือไม่


   แต่ถ้าพูดถึง ‘วงศ์กีรติ’ ที่เป็นญาติโกโหติกากับ ‘กอบกุล  วงศ์กีรติ’ แล้วล่ะก็ เขารู้จักอยู่ 1 คน


   ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’


   จิณณะคนนี้ไม่เคยอวดกับใครว่าเป็นทายาทเศรษฐี หนำซ้ำยังชอบทำตัวติดดิน ในเวลางานใส่เสื้อโปโลสกรีนชื่อที่ว่าการ นอกเวลางานใส่เสื้อแถมและกางเกงบอล เครื่องประดับเดียวที่มีคือนาฬิกาสปอร์ตเรือนละไม่กี่พันที่ถลอกปอกเปิกเพราะใส่มานาน


แต่...เรื่องฐานะทางบ้านนั้นปิดกันยาก


นามสกุลวงศ์กีรติติดหราตามท้ายชื่อ


แถมวันแรกที่มาทำงาน ก็ดันขับรถยุโรปหรูป้ายแดง


เจ้าตัวบอกใครต่อใครว่าเป็นแค่คนนามสกุลซ้ำ ส่วนรถคันนี้ได้มาเพราะถูกหวย


ใครจะเชื่อก็เชื่อไปเถอะ แต่วรชิตรู้ว่าไม่ใช่


จิณณะ ไม่ใช่ ‘วงศ์กีรติที่นามสกุลซ้ำ’ และไม่ได้ ‘รวยเพราะถูกหวย’ แต่เป็นหนึ่งในทายาทของ ‘กอบกุล  วงศ์กีรติ’ ซึ่งรวยมากกก...จากการทำธุรกิจ


   ต่อให้คนที่ตกข่าวสารบ้านเมืองมากที่สุด ก็ยังรู้ว่านอกจากคุณกอบกุลจะใหญ่แล้ว หล่อนยังเป็นจอมบงการด้วย ทุกสิ่งในวงศ์กีรติล้วนอยู่ในกำมือของหล่อน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินประเภทไหน ต้องผ่านสายตาและการกำกับของหล่อนเสมอ และทุกคำสั่งของหล่อนล้วนเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น


   แล้วคนอย่างนี้จะให้หนึ่งในทายาทมารับราชการตำแหน่งเล็กๆในต่างจังหวัดอย่างนั้นน่ะหรือ


   ผลประโยชน์คืออะไรเล่า?


เพื่อเส้นสายอย่างนั้นหรือ?


เส้นสายที่ได้มาจากตำแหน่งปลัดอำเภอในพื้นที่นอกกรุงเทพไม่น่าใช่ ‘เป้าหมาย’ ของคุณกอบกุลแน่นอน


   ดังนั้นการที่จิณณะรับราชการย่อมไม่ได้รับการอนุมัติจากต้นตระกูล


   แต่จิณณะก็ทำ


   คนหัวแข็งที่กล้าชนแม้กระทั่งกับย่าตัวเองที่ใครๆก็พากันขยาด บ้าบิ่นถึงขั้นก้าวเท้าออกจากความสุขสบาย มาใช้ชีวิตสมบุกสมบันในต่างจังหวัด คนแบบนี้...น่าสนใจสำหรับวรชิต แถมพอคบหาก็ชักถูกใจนิสัยใจคอ พอสนิทสนมก็เริ่มถามไถ่เรื่องส่วนตัวจนไปถึงเรื่องความรัก


   คนแบบจิณณะ...จะมีคนรักแบบไหน


แต่เรื่องแบบนี้ต่อให้จะสนิทใจกันระดับหนึ่งก็ไม่ถามกันโต้งๆ อาศัยว่าค่ำวันหนึ่ง อากาศดี ฟ้าโปร่ง วรชิตเลยชวนเพื่อนมาดื่มเหล้าที่หน้าบ้าน แล้วก็ลองเลียบๆเคียงๆถามด้วยความอยากรู้


   “มึงมาอยู่ต่างจังหวัดยังงี้ แฟนมึงไม่ว่าเหรอวะ กูเห็นเสาร์อาทิตย์ก็ไม่กลับกรุงเทพ”


   “แฟน?” จิณณะทวนคำ แล้วยกเหล้าขึ้นกระดก


   “อย่าบอกนะ ว่ามึงไม่มีแฟน?” วรชิตย้อนถาม หรี่ตาเหมือนจับผิด


คำถามเหมือนจะดูแคลนกันนิดๆ หนุ่มโสดอย่างจิณณะก็เลยโยนภาระให้เพื่อนเสียเลย   


   “กูรอมึงแนะนำให้สักคนไง ขอแบบพร้อมกัดก้อนเกลือกินร่วมหัวจมท้ายไปกับกูนะ”


   “กัดก้อนเกลือกินยังพอว่า แต่ให้ร่วมหัวจมท้ายไปกับมึงเนี่ย...”



วรชิตไม่อยากซ้ำเติมว่าคนอย่างจิณณะที่กล้างัดข้อแม้กระทั่งกับคุณกอบกุล จะมีใครบ้าดีเดือดร่วมหัวจมท้ายไปด้วย


   “เฮ้ย! ดูถูก! กูหล่อนะ!” นอกจากจะบ้าแล้ว ยังหลงตัวเองอีกต่างหาก


   วรชิตส่ายหัวไปมา


   “ส่ายหัวหมายความว่าไง กูเคยถูกชวนไปแคสต์งานด้วยนะเว้ย! เกือบได้เป็นพระเอกละ”


   “ขี้โม้ไอ้ปลัด!”


   “มึงก็ปลัด”


   “กูไม่ใช่ปลัดขี้โม้อย่างมึงนี่หว่า”


   “กูไม่ได้โม้ กูแค่จินตนาการในโลกคู่ขนานเว้ย!”


   “ส่วนโลกความจริงของมึงคือเป็นปลัดและไม่มีแฟน ใช่มะ?” วรชิตย้อน แล้วหัวเราะเย้ย ถามย้ำ


   “กูถามจริง สรุปตอนนี้มึงไม่มีแฟน แล้วก่อนหน้านี้มึงเคยมีแฟนมั้ย”


   “เคยสิวะ! กูบอกแล้วไงว่ากูหล่อ”


   “แฟนที่ไม่ได้คบเพราะมึงหล่อล่ะ มีมั้ย”


   “มีสิ! กูนิสัยดีนะ!”


   เรื่องนี้วรชิตไม่เถียง ถึงจิณณะจะบ้าบิ่น แต่ก็ใจดี ใครตกทุกข์ได้ยาก เจ้าตัวพร้อมช่วยเสมอ ขนาดเดือนก่อน วรชิตชักหน้าไม่ถึงหลัง ทั้งๆที่ปิดเงียบที่สุด แต่ไม่รู้จิณณะรู้ได้อย่างไร กลับเป็นฝ่ายเสนอเงินให้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย วรชิตเกรงใจแทบตาย แต่เรื่องเงินทอง เกรงใจมากไป ก็ยิ่งเครียด สุดท้าย เขาจึงยืมเท่าที่จำเป็น



แต่ก็นั่นล่ะ...จิณณะก็คือจิณณะ นอกจากจะให้ยืมแล้ว บางวันก็ทำทีเป็นสั่งอาหารมาเยอะๆแล้วแบ่งมาให้เขาช่วยกิน อ้างว่าสั่งตอนหิวเลยเยอะเกินกว่าจะกินหมด แต่ดูก็รู้ว่าตั้งใจเลี้ยงข้าวเขา


จิณณะนิสัยดี มีน้ำใจ ส่วนหนึ่งก็เพราะเจ้าตัวมาจากครอบครัวเศรษฐี ถึงได้แสดงความใจดีจากเนื้อแท้ออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่ก็มีเศรษฐีอีกหลายคน ที่แม้จะมีเงินมาก แต่ก็ไม่ใจดีไม่ใช่หรือ


“ว่าแต่...มึงถามเรื่องแฟนกูทำไม หรือว่า...” จิณณะทิ้งจังหวะเล็กน้อย แล้วทำเป็นยิ้มกรุ้มกริ่ม “...แอบชอบกูเรอะ” คนหลงตัวเองจะคิดอะไรได้ นอกจากเรื่องนี้


วรชิตสำลัก ไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดง เป็นฝ่ายคนถามที่หัวเราะร่วน แต่ก็หยิบน้ำส่งให้


“มึงไม่ต้องเล่นใหญ่ไอหนักขนาดนั้นก็ได้นะ เอ้า กินน้ำๆ”


วรชิตไอจนเหนื่อย หันมามองเพื่อนอย่างคาดโทษ


“คนอย่างมึงเนี่ยนะไอ้จิณ กูจะรอดูหน้าแฟนเลย”


จิณณะลอยหน้าลอยตา ยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องสนุก “รับรองว่าแฟนกูหน้าหล่อ ร่างใหญ่ อกผายไหล่ผึ่ง หน้าตึงนมตั้ง ซิกแพ็กเป็นแผง! ฮ่าฮ่า!”


“มึงพูดเองนะ!” วรชิตชี้หน้า แต่จิณณะยังคงไม่ยี่หระ


“แล้วก็ต้องกล้าชนกับย่ากูด้วย”


“โอ้โห นี่มึงกะจะโสดจนตายเหรอ จะมีใครในโลกกล้าชนกับย่ามึงนอกจากมึง”


“ก็ไม่มีไง ฮ่าฮ่า!” พูดแล้วก็หัวเราะด้วยความสะใจ แต่วรชิตหมั่นไส้จนแก้มกระตุก ยกมือไหว้ท่วมหัว


“สาธุ!! ขอให้แฟนของไอ้จิณเป็นผู้ชายหล่อๆ ร่างใหญ่ อกผายไหล่ผึ่งอะไรของมันนั่นน่ะ แล้วก็กล้าชนกับย่าไอ้จิณ และทำให้ไอ้จิณกลายเป็นลูกไก่ในกำมือได้ด้วยเถิด!”


“ลูกไก่ในกำมือ?” จิณณะทวนแล้วหัวเราะลั่น “กำมือย่ากู กูยังไม่อยู่ นับอะไรกับกำมือคนอื่น ฮ่าฮ่า”


พูดอีกก็ถูกอีก กระทั่งมือที่เต็มไปด้วยเงินทอง อำนาจ บารมีอย่างคุณกอบกุล จิณณะยังดิ้นรนจากมา แล้วจะมี ‘กำมือ’ ไหนกุมเขาได้?


“เอ้า! แต่ถือว่ามึงเป็นเพื่อนกู กูจะช่วยสาธุไปด้วยก็ได้ ธุจ้า! อยากกลายเป็นลูกไก่ จะร้องจิ๊บๆให้เพื่อนดูจ้า!” จิณณะ ยกมือไหว้ท่วมหัวไปกับวรชิต ก่อนจะหัวเราะร่วนอย่างไม่จริงจัง


...ก็ใครที่ไหนจะมาจริงจัง หาคนที่หล่อกว่านั้นไม่ยาก หาคนอกผายไหล่ผึ่งอะไรนั่นก็ไม่ยาก แต่ที่หาไม่ได้คือคนที่กล้าชนกับคุณกอบกุล และที่หายังไงก็หาไม่เจอคือคนที่จะทำให้จิณณะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือ...


กระทั่งกับหัวแถวของตระกูลวงศ์กีรติ จิณณะยังต่อกรด้วย แล้วคิดหรือว่าเขาจะยอมอยู่ในกำมือของใคร


Impossible!


...............................


อันที่จริง วรชิตก็ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่ตนเอง ‘สาธุ’ ไปนั้นจะเกิดขึ้นจริง แต่...พอรู้ตัวอีกที ก็พบว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ กลับเป็นไปได้ สิ่งที่เคยพูดออกไปดันเป็นจริงสมพรปาก!


จิณณะมีแฟนเป็นผู้ชายหล่อๆ จะหล่อมาก หล่อน้อย เรื่องนี้ขึ้นกับรสนิยมแต่ละคน แถมรูปร่างสูงใหญ่ อกผายไหล่ผึ่ง หน้าตึงแน่นอน แต่นมตั้ง ซิกแพ็กเป็นแผงมั้ย ไม่รู้ จะลองถามจิณณะดูอีกที และที่เห็นคาตาคือกล้าชนกับย่าของจิณณะด้วย ที่เห็นตำตาที่สุดก็คือ ‘คนคนนี้’ ทำให้ทายาทแตกแถวของตระกูลวงศ์กีรติกลายเป็นลูกไก่ในกำมือไปโดยปริยาย!


   นี่สิ! หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก!


   แต่...ก็ยังมีบางคนไม่ยอมรับความจริง


   วันนี้ จิณณะมีเวลาว่างแวะมารำลึกความหลังเมื่อครั้งเป็นปลัดอำเภอ กินข้าวเที่ยงกับอดีตเพื่อนร่วมงานอย่างวรชิตที่ร้านข้าวแกงข้างที่ว่าการ กินไปกินมา วรชิตก็ชวนกินเหล้าตอนเย็น


   “เย็นนี้มึงว่างมั้ย พี่อำนาจชวนกินเหล้า”


   “เย็นนี้เหรอ...” จิณณะทวน ทำหน้านึก มื้อเย็นวันธรรมดา เขาและพิทักษ์จะกินข้าวด้วยกันเสมอ


   เห็นเพื่อนทำหน้าคิด วรชิตก็ชักเกรงใจ จิณณะในเวลานี้ทำธุรกิจ เวลางานย่อมไม่ใช่ ‘เข้าแปดออกสี่’ อยู่แล้ว


“เฮ่ย แต่ถ้ามีธุระไม่เป็นไรนะเว้ย”


   จิณณะส่ายหน้า อันที่จริงก็ไม่เชิงเรียกว่า ‘ธุระ’ 


   “เปล่า แต่ปกติกูกินข้าวกับพี่ทิศ เดี๋ยวบอกพี่ทิศก่อน...” พอออกตัวว่าต้องบอกคนรัก ก็รับรู้สายตาของเพื่อนสนิททันที คนปากไวเลยตั้งคำถามทันควัน “...อะไร มองกูทำไม”


วรชิตยิ้มล้อเลียน


   “กูก็แค่...คิดว่าปากกูกับมึงนี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ”


   “ปากศักดิ์สิทธิ์?”


   “อ้าว! ก็สมัยก่อน มึงเคยท้าไง ว่าขอให้มีแฟนรูปหล่อ กล้าชนกับย่ามึง กูยังคิดอยู่เลยว่าโลกนี้จะมีได้ไง สรุปมีจริงว่ะ” จิณณะกำลังจะหัวเราะเออออไปด้วยแล้ว ถ้าเพื่อนไม่เสริมขึ้นมา


“...ที่สำคัญ เขาทำให้มึงกลายเป็นลูกไก่ในกำมือด้วย!”


   คำว่า ‘ลูกไก่ในกำมือ’ ทำเอาคนถูกตราหน้าว่า ‘ลูกไก่’ ถึงกับชะงักกึก คำว่า ‘ในกำมือ’ ทำให้เลือดยโสโอหังของวงศ์กีรติเริ่มไหลพล่าน


   “ลูกไก่ในกำมือ? หมายถึงกูเป็นลูกไก่ในกำมือพี่ทิศเรอะ?” จิณณะตั้งคำถามอย่างเอาเรื่อง แต่วรชิตทำหน้าเหรอหราย้อนถาม


   “อ้าว ไม่ใช่เหรอ”


   “ไม่ใช่สิวะ! ไม่ใช่แน่ๆ!”


วรชิตไม่พูดแต่มองราวกับไม่เชื่อ จิณณะรู้สึกเหมือนถูกท้าทาย


…วงศ์กีรตินั้นฆ่าไม่ได้ หยามก็ไม่ได้!...


“มึงไม่เชื่อกูเหรอ?! อ่ะ! เดี๋ยวมึงดู! พี่ทิศต่างหากเป็นลูกไก่ในกำมือกู!”


วรชิตทำหน้าพยักเพยิดเหมือนเชิญทำให้ดูสักทีเถอะ!


จิณณะวางช้อน แล้วหันไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากด ไม่กี่อึดใจปลายสายก็รับ


“ฮัลโล! พี่ทิศ!”


ประโยคแรก เสียงสั้น กระชับ ดุดัน


“...กินข้าวยัง”


ประโยคต่อมา...ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ


วรชิตสำลักพรวด เสียงแรกก็ว่าเคร่งขรึมจริงจัง แต่ทำไมประโยคต่อมามันถึงอ่อนยวบยาบจนน่าใจหายอย่างงี้วะ?!


เห็นเพื่อนไอโขลก จิณณะถึงรู้ตัวว่าเขาเผลอใช้น้ำเสียงปกติที่คุยกับคนรัก เลยกระแอมไอตั้งสติแล้วเริ่มใหม่


...ใช่! คนเราเริ่มใหม่ได้เสมอ!...


“เปล่า! ผมจะบอกว่าวันนี้ผมไม่กลับไปกินข้าวกับพี่นะ!”


...ไงล่ะ! ฟังน้ำเสียงคนจริงซะก่อน!...


“จะไปกินเหล้ากับไอ้ชิต! อื้อ! ตอนนี้ก็นั่งกินข้าวกับมันอยู่ เดี๋ยวกินเสร็จ มันกลับไปทำงาน ผมก็ว่าจะอยู่แถวนี้แหละ แล้วตอนเย็นจะไปกินเหล้ากับมัน พี่ทิศหาอะไรกินเองได้เลย ไม่ต้องรอ!”


น้ำเสียงจริงจัง สีหน้าก็จริงจัง เรื่องสีหน้านี้ไม่ได้บอกคนปลายสายแน่นอนเพราะพิทักษ์ย่อมไม่เห็น แต่บอกวรชิตนี่ล่ะ ว่าคนอย่างจิณณะ วงศ์กีรติ ไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือใคร!


แต่...สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพลูกไก่!


ปลายสายพูดอะไรสักอย่าง วรชิตไม่ได้ยิน แต่เห็นสีหน้าจริงจังของจิณณะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วประโยคต่อมา น้ำเสียงก็เริ่มเปลี่ยนด้วย


“ก็...เดี๋ยวนั่งรอข้างล่างไง ไม่ตามไอ้ชิตขึ้นไปถึงโต๊ะหรอก...”


จากนั้นเจ้าตัวก็เงียบเหมือนฟังปลายสาย แล้วก็ทำหน้านึกตามไปด้วย


“อ่า...ให้ผมไปรอที่คลับเฮ้าส์ของพี่เหรอ แต่ตอนเย็นก็ต้องกลับมาที่นี่อีกอยู่ดี...อื้อ นี่นั่งกินข้าวอยู่ร้านป้าข้างที่ว่าการอ่ะ”


ไม่รู้ว่าจิณณะรู้ตัวมั้ย ว่าสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงห้าวเป้งเปลี่ยนเป็นสีหน้าครุ่นคิดรับฟังปลายสาย น้ำเสียงก็อ่อนลงราวกับคนละคน


วรชิตนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เห็นสีหน้าและได้ยินเสียงของเพื่อนรัก แต่เขาไม่กระโตกกระตาก ว่าเริ่มเห็นขนสีเหลืองงอกออกมาบนตัวจิณณะแล้ว


...เดี๋ยวคอยดูว่าจะกลายเป็นลูกไก่ในกำมืออย่างสมบูรณ์แบบมั้ย...


“หือ? อยากกินพะแนงร้านป้า? คลับเฮ้าส์มีกับข้าวน้อยเหรอ ถึงมาอยากกินร้านนี้...ก็ได้ๆ เดี๋ยวผมซื้อไปให้ เอาพะแนงอย่างเดียวเหรอ แปบนึง ผมดูให้ว่ามีอะไรอีก”


แล้วเจ้าตัวก็ลุกจากโต๊ะเดินไปส่องที่ตู้กระจกกับข้าวราดแกง ก่อนจะรายงานปลายสายว่ามีเมนูอะไรบ้าง ส่วนสีหน้าจริงจังอะไรนั่นก็ลืมไปเถอะ เพราะตอนนี้เจ้าตัวกำลังยิ้มและหัวเราะระหว่างที่คุยโทรศัพท์ด้วยซ้ำ


วรชิตมองตามเพื่อนรักผู้ลืมอุดมการณ์


...ตอนแรกใครนะบอกว่าไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือ...


...ตอนแรกใครนะทำเสียงเข้มหน้าตาจริงจัง...


...แล้วดูตอนนี้สิ เดินไปสั่งกับข้าวให้งกๆ ไม่มีฉุกใจสักนิดเดียว!...


...ไอ้ลูกไก่จิณณะ! ตอนมันสาธุน่ะร้องจิ๊บๆเห็นเป็นเรื่องสนุก เป็นไงล่ะ! ได้จิ๊บสมใจ!...


จิณณะเดินวนอยู่หน้าตู้กระจก มองกับข้าวหลากหลาย ต่อรองกับปลายสายที่จะเอาแค่พะแนงอย่างเดียว


“มีไข่ลูกเขยด้วยนะพี่ ไม่อยากเหรอ”


ดูท่าปลายสายคงตามใจให้สั่งมาด้วย จิณณะถึงยิ้มกริ่มหันไปสั่งกับข้าวเพิ่ม...ไม่ได้เพิ่มแค่ไข่ลูกเขย แต่เพิ่มหมูก้อนทอดไปด้วยอีก 5 ชิ้น แล้วพอเหลือบตาไปเห็นป้ายเขียนว่า ‘วันนี้มีสละลอยแก้ว’ เลยสั่งเพิ่มไปอีก อ้อ...สั่งทองม้วนสดไปฝากลูกน้องคนรักอีก 5 กล่องตามประสาสายเปย์


จ่ายเงินรับของแล้ว ก็หิ้วกลับมาที่โต๊ะ ตอนนั้นเองที่เห็นสายตาของวรชิต แล้วก็เพิ่งนึกออกว่าก่อนจะโทรศัพท์ เขาประกาศอะไรไว้บ้าง


แต่...นึกๆดูแล้ว เขาก็ไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือของพิทักษ์ซะหน่อย! เย็นนี้เขาจะมากินเหล้ากับวรชิตไง! งดกินข้าวเย็นกับพิทักษ์ 1 วัน!


“สรุปว่า...” วรชิตเกริ่นให้


“สรุปว่าเย็นนี้กูไปกินเหล้ากับมึง”


“แล้ว...” วรชิตถามด้วยสายตาที่มองไปยังถุงกับข้าวที่จิณณะถือกลับมาที่โต๊ะ


“อันนี้มื้อเที่ยงของพี่ทิศ”


“อ้อ...สรุปว่ากินข้าวเที่ยงกับกูเสร็จ จะเอากับข้าวไปส่งคุณพิทักษ์ก่อนแล้วค่อยกลับมาที่นี่”


“เออสิ กูบอกพี่ทิศแล้วว่าเอากับข้าวไปส่งอย่างเดียว แล้วจะกลับมารอมึง”


วรชิตทำเป็นพยักหน้าเหมือนจะเชื่อลมปากอดีตเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่วายทิ้งท้าย


“แต่ถ้าคุณพิทักษ์ไม่ปล่อยมึงกลับมา ก็เจอกันที่ร้านเลยแล้วกันนะ”


“ทำไมพี่ทิศจะไม่ปล่อยกูกลับมาวะ”


วรชิตไม่ตอบ แต่ยักไหล่เหมือนไม่อยากพูด


...ลูกไก่ในกำมือ เจ้าของกำมือจะปล่อยออกมาเมื่อไร หรือจะดึงกลับไปตอนไหน คนนอกมองเห็น แต่ที่มองไม่เห็นก็ไอ้ลูกไก่ตัวนั้นแหละ!...


ขนสีเหลืองงอกขึ้นมาทั้งตัวแล้วยังไม่รู้อีก ไอ้ลูกไก่จิณณะ!


..............................


หลังมื้อเที่ยงทบทวนความหลังครั้งเป็นปลัดอำเภอ จิณณะก็แยกกับวรชิต เอากับข้าวไปส่งพิทักษ์ที่สนามกอล์ฟ ออกปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าส่งกับข้าวอย่างเดียว แล้วจะกลับมาหาเพื่อนที่ที่ว่าการ เพราะอยากรำลึกความหลังเสียหน่อย


วรชิตวางเงินร้อยนึงเลย พิทักษ์ไม่ปล่อยลูกไก่ออกมาก่อนถึงเวลานัดหรอก!


อ้อ! วรชิตขอวางอีกร้อยนึง จิณณะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าพิทักษ์จะไม่ปล่อยตัวเองออกมาจนกว่าจะถึงเวลานัด!


ลูกไก่ที่ชื่อจิณณะขับรถออกจากที่ว่าการไปยังสนามกอล์ฟของคนรัก ตอนไปถึงก็เกือบบ่ายโมงแล้ว แต่กลับพบว่าพิทักษ์ยังไม่ได้กินอะไรสักอย่าง


“ป้าไพบอกผมว่าพี่ยังไม่ได้กินข้าว ผมบอกแล้วนี่นาว่าให้กินก่อน” จิณณะเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของคนรักพร้อมกับเสียงโวย หลังจากเมื่อกี้ เจอแม่บ้านในแพนทรีบอกเขาว่าพิทักษ์รอกับข้าวจากเขา เลยไม่ยอมให้ยกอาหารเข้าไปให้


พิทักษ์ละสายตาจากงานบนโต๊ะขึ้นมามองคนรักที่ทำหน้าหงิก


“ก็จิณบอกว่าจะซื้อพะแนงมาฝาก” เขาตอบแล้วส่งยิ้มให้ แต่สีหน้าของจิณณะไม่คลายเลยสักนิด


“ผมบอกว่าจะซื้อมาฝาก แต่น่าจะมาช้า ให้พี่กินไปก่อน เดี๋ยวพะแนงตามมา”


จิณณะคนยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าเป็นเรื่องปากท้องล่ะก็ บ่นได้เป็นวรรคเป็นเวร


ส่วนพิทักษ์ เมื่อไรที่ถูกคนรักบ่นเรื่องนี้ เขาก็จะทำเพียงยิ้มจางๆ ไม่เถียงสักคำ


ไม่กี่อึดใจ แม่บ้านก็ยกอาหารตามเข้ามาในห้องทำงาน วางลงที่โต๊ะกระจกหน้าโซฟา


ตอนแรกหล่อนเตรียมข้าวผัดปูไว้เป็นอาหารกลางวันของพิทักษ์ แต่พิทักษ์บอกให้เปลี่ยนเป็นข้าวสวยและให้รอกับข้าวจากจิณณะ ซึ่ง...กับข้าวของจิณณะก็สมกับที่รอ เพราะมีทั้งพะแนง ไข่ลูกเขย หมูก้อนทอด และสละลอยแก้วอีกถ้วย


พิทักษ์ลุกจากโต๊ะทำงานมาเตรียมตัวกินมื้อกลางวันที่เลทไปร่วมชั่วโมง เห็นกับข้าวเพิ่มจากที่สั่งก็หันมาทางคนรัก


“ไหนว่ามีพะแนงกับไข่ลูกเขยไงจิณ”


ถ้าเรื่องปากท้อง จิณณะบ่น พิทักษ์ไม่เถียงน่ะใช่


แต่ถ้าเป็นเรื่องใช้เงิน พิทักษ์บ่น ส่วนจิณณะไม่เถียง...เรื่องนี้ไม่ใช่


“ก็! ผมเห็นว่าน่ากินอ่ะ สละลอยแก้วร้านป้าไม่ใช่จะได้กินง่ายๆนะ! บางทีหมดไวกว่ากับข้าวอีก!”


“แล้วหมูทอด?”


“ก็! เผื่อพี่อยากกินของแห้งๆไง ถ้ากินไม่หมดก็เก็บไว้กินมื้อเย็นก็ได้นี่นา!”


เห็นสายตาของพิทักษ์แล้ว ก็เกรงว่าจะถูกบ่นอีก คนพูดเก่งเลยต้องหาทางเบี่ยงประเด็น “กินข้าวๆ! นี่บ่ายโมงแล้ว ยังไม่กินอะไร เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะพอดี”


“นั่งกินด้วยกันสิ” พิทักษ์ชวน


“ผมกินกับไอ้ชิตมาแล้ว”


“งั้นกินผลไม้มั้ย”


จิณณะกำลังจะบอกว่าเขาอิ่มแล้ว ไม่อยากกินอะไรอีก แต่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อน “...นั่งกินเป็นเพื่อนกัน”


น้ำเสียงและสายตาไม่ได้อ้อนวอน แต่ชวนให้หัวใจอ่อนยวบอย่างไม่ทราบสาเหตุ


“ก็ได้”


แล้วคนที่อิ่มมาแล้ว ก็นั่งลงร่วมโต๊ะกับคนรักอีกรอบ


ถ้าวรชิตมาเห็นเข้า ก็คงพูดได้ประโยคเดียวเท่านั้น


...ไอ้ลูกไก่จิณณะ!...


...อิ่มท้องจะแตก แต่พอถูกชวนนิดเดียวก็ตามน้ำไปเฉยเลย!...


..............................
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 21-08-2021 21:33:25
มื้อเที่ยงวันนี้ จิณณะกินถึง 2 รอบ


รอบแรกกินข้าวกับวรชิตที่ร้านข้าวแกงข้างที่ว่าการ รอบสองถึงจะกินเล่นกับพิทักษ์แต่ก็มีทั้งหมูก้อนทอดและผลไม้ ไม่อิ่มก็ไม่รู้จะพูดยังไง


“เฮ้อ! อิ่มมาก...” เจ้าตัวนั่งแผ่อยู่ที่โซฟา พอหนังท้องตึง หนังตาก็ชักหย่อน “...ง่วงเลยเนี่ย”


พิทักษ์หันมองคนรัก พลางยิ้ม


“ล้างปากแล้วใช่มั้ย ถ้าล้างแล้ว ง่วงก็นอน”


จิณณะสลัดศีรษะไปมาเหมือนจะช่วยบรรเทาความง่วง แต่ตาปรือแล้ว


“ฮื้อ!...กะว่าจะกลับไปรอไอ้ชิตที่ที่ว่าการนะเนี่ย...”


“รอที่นี่ก็ได้ เดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปส่ง”


แม้ง่วงจนจะหลับ แต่จิณณะก็ยังมีสติ พอได้ยินว่าคนรักจะไปส่งก็เลยแย้งขึ้นมา


“ไปส่งทำไม ผมเอารถมา”


“ก็จิณจะไปดื่มไม่ใช่เหรอ พี่ไปส่งเอง แล้วพอจะกลับ จิณค่อยโทร.มา เดี๋ยวพี่ไปรับ”


ฟังดูก็เข้าท่า เพราะถ้าเอารถไปเอง ก็คงดื่มได้ไม่มาก ไหนๆก็ได้กลับไปก๊งกับคนคุ้นเคยทั้งที น่าจะเต็มที่สักหน่อย


“ถ้าจิณเมา พี่ก็ไม่อยากให้ขับรถนะ”


พิทักษ์ไม่ได้บังคับ ไม่ได้ออกคำสั่ง แต่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ได้ยินอย่างนี้ หัวใจของจิณณะผู้แข็งแกร่งก็พลอยอ่อนยวบอีกรอบ


“ก็ได้” พอรับคำแล้วก็นึกขึ้นได้ว่านัดวรชิตว่าจะกลับไปหาที่ที่ว่าการหลังจากเอากับข้าวมาส่งที่นี่ เลยพูดขึ้นมา “งั้นผมบอกไอ้ชิตไว้หน่อยดีกว่า ว่าจะกลับไปทีเดียวตอนเย็นเลย”


“พี่บอกให้เอง” พิทักษ์เสนอ


“หือ?”


เจ้าของห้องทำงานยิ้ม เหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่


“เดี๋ยวพี่บอกให้ จิณง่วงก็นอน ตาจะปิดแล้วนั่น”


จริงๆจิณณะก็ไม่ได้รู้สึกง่วงขนาดตาจะปิด แต่พอถูกอีกฝ่ายบอกว่าเขา ‘ตาจะปิด’ ก็ชักรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ


“ง่า...งั้นฝากบอกมันหน่อย ว่าผมจะหิ้วแบล็กไปด้วย”


สั่งเรียบร้อย ก็ขยับตัวอีกหน่อยให้นั่งท่าสบายที่สุดแล้วหลับตาลง พิทักษ์รออยู่พักหนึ่งจนเห็นว่าคนรักหลับไปแล้ว ถึงกดโทรศัพท์หาวรชิต


“คุณชิต จิณให้โทร.มาบอกว่าจะไปเจอที่ร้านอาหารเลย”


ปลายสายหัวเราะกลับมา


‘กะไว้แล้ว ว่ามันไม่ได้กลับมาอีกรอบหรอก’


พิทักษ์เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่เห็นว่าปลายสายไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาก็พูดต่อตามที่จิณณะฝากไว้


“แล้วจิณฝากบอกว่าจะเอาแบล็กไป”


‘โอเค’


“ถ้ายังไงฝากคุณชิตดูเขาหน่อย พรุ่งนี้ จิณมีประชุม ผมไม่อยากให้ดื่มมากไป”


ปลายสายหัวเราะกลับมาอีก เป็นเสียงหัวเราะที่พิทักษ์ไม่เข้าใจนัก เพราะเขาไม่คิดว่าคำพูดของตนติดตลกตรงไหน


แต่สำหรับวรชิต เรื่องนี้ขำมาก


...ขำมาก เพราะลูกไก่ที่ชื่อจิณณะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นลูกไก่...


...ขำมาก เพราะมือที่กำลูกไก่ดันชอบทำตัวเป็นมือที่มองไม่เห็น...


แต่มือแบบพิทักษ์อาจเหมาะกับลูกไก่แบบจิณณะล่ะมั้ง


‘ได้ๆ ผมจะดูให้ รับรองว่าจะไม่บอกไอ้จิณว่าคุณฝากมา’


“ขอบคุณครับ” พิทักษ์กำลังจะวางสาย แต่คู่สนทนาเรียกเอาไว้ก่อน


‘ผมขอถามหน่อยได้มั้ย คุณพิทักษ์คิดว่าไอ้จิณเป็นลูกไก่ในกำมือรึเปล่า’


“หือ? จิณน่ะเหรอ” พิทักษ์เหลือบไปมองคนที่นั่งหลับอยู่บนโซฟาของเขา


คนอย่างจิณณะไม่มีวันยอมเป็นลูกไก่ในกำมือใคร เขาเองก็ไม่ได้ต้องการจะเป็นกำมือที่กุมลูกไก่เอาไว้ แต่บางครั้ง จิณณะก็ทำเรื่องสุดโต่งชนิดคาดไม่ถึง ถ้าไม่คอยดูแล เขาก็เป็นห่วง


“...ผมไม่คิดจะเก็บเขาเอาไว้ในกำมือ” เขาตอบกลับไปในสาย นิ่งไปอึดใจหนึ่งแล้วพูดต่อ “...ผมแค่...อยากดูแลเขาแม้ว่าผมจะไม่อยู่ใกล้เขา”


‘ไอ้จิณน่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยเหรอครับ’


พิทักษ์ยิ้มจาง วรชิตรู้จักจิณณะไม่น้อยไปกว่าเขา คำถามนี้จึงเหมือนจะท้วงอยู่ในทีว่าคนอย่างจิณณะไม่ได้ต้องการการปกป้อง


แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะปกป้องจิณณะตลอดเวลา อย่างที่บอก...เขาแค่อยากดูแลแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้ๆ


“จิณไม่ได้น่าเป็นห่วง แต่ผมเป็นห่วง”


‘รู้มั้ย ไอ้จิณเถียงผมคอเป็นเอ็นว่าไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือ ส่วนคุณก็บอกว่าแค่อยากดูแล ไม่ได้คิดจะเก็บไอ้จิณไว้ในกำมือ  โอเค ผมเชื่อก็ได้ แต่ขอบอกไว้อย่าง ลูกไก่ในกำมือก็คือลูกไก่ในกำมือนะครับ ต่อให้มือที่ว่าจะเป็นมือที่มองไม่เห็น และลูกไก่ที่ว่าจะชอบกลายร่างเป็นไก่ปีศาจก็เถอะ’ วรชิตพูด ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะอย่างรู้ทัน ก่อนจะวางสายจากไป


พิทักษ์มองโทรศัพท์ในมือ ก่อนจะเหลือบมองคนที่ยังนั่งหลับอยู่บนโซฟา


“มือที่มองไม่เห็นกับไก่ปีศาจเหรอ” เขาพึมพำแล้วหัวเราะเบาๆ


“หวังว่าไก่จะไม่รู้ก็แล้วกันว่ามือที่มองไม่เห็นทำอะไรบ้าง”


..........................


   จิณณะตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบบ่ายสามแล้ว เห็นพิทักษ์ยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ แต่ฝ่ายนั้นรู้ตัวไว คงเห็นเขาขยับตัว เลยเงยหน้าขึ้นมอง


   “ตื่นแล้วเหรอ หิวมั้ย”


   จิณณะยังสลึมสลือนิดหน่อย แต่ก็ส่ายหน้าไปมา แล้วซุกหน้าลงกับหมอนอีกรอบ หลับตาอีกอึดใจใหญ่ๆ ถึงได้เรียกสติกลับมาครบถ้วนแล้วก็พบว่าเมื่อตอนก่อนจะหลับ เขายังนั่งเอนอยู่เลย แต่ตอนนี้นอนเหยียดเต็มความยาวโซฟา รองเท้าถอดวางอยู่บนพื้น มีหมอนหนุนคอ มีผ้าห่มคลุมเสร็จสรรพ


   ...จะมีใครทำให้ ถ้าไม่ใช่เจ้าของห้อง...


   จิณณะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เห็นพิทักษ์ก้มหน้าทำงานต่อแล้ว เขามองอีกฝ่ายเงียบๆ จนพิทักษ์เงยหน้าขึ้นมาอีกรอบ


   “มีอะไรรึเปล่า”


   คนที่ยังนอนบนโซฟาส่ายหน้าไปมา


   “ถ้าจะไปก็บอกนะ จิณ พี่จะไปส่ง” พิทักษ์พูดอย่างนั้นแต่ดูแล้วเจ้าตัวยังทำงานไม่เสร็จด้วยซ้ำ เห็นแบบนั้นแล้ว จิณณะก็ไม่อยากรบกวน


   “ไว้ค่อยไปเย็นๆก็ได้”


   พิทักษ์ยิ้มรับ ก่อนจะก้มหน้าลงทำงานต่อ จิณณะนอนเล่นโทรศัพท์เงียบๆ แล้วก็เหลือบมองคนที่ยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เขาไม่ค่อยได้เห็นอีกฝ่ายในมุมทำงานมากนัก พิทักษ์เป็นคนจริงจัง พอตอนทำงานก็ยิ่งจริงจังเข้าไปใหญ่ 


   ...เท่ชะมัด...


   จิณณะไม่รู้ว่าตนเองมองอยู่นานเพียงใด แต่มองถึงขั้นพิทักษ์รู้ตัวเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง พอสบตากัน ก็ยังไม่เลี่ยงไปมองทางอื่น เป็นฝ่ายคนทำงานที่อดไม่ไหว ลุกขึ้นเดินมาหา


   “มีอะไร หือ” เขานั่งลงเบียดบนโซฟาเดียวกัน จิณณะยังนอนอยู่ แม้พิทักษ์จะย้ายที่ สายตาของเขาก็ย้ายตาม


   “เท่”


   พิทักษ์นิ่งไปเล็กน้อย ไม่รู้อีกฝ่ายเพิ่งตื่น สติไม่ครบถ้วนหรืออย่างไรถึงได้ชมเขา มันชวนให้คนถูกชมอดใจไม่ไหวก้มลงแนบริมฝีปากบดเบียดกับริมฝีปากของคนช่างพูด พอถอนจูบออกมา ดวงตาวาววับก็มองมาอย่างเอาเรื่อง แถมยังยกมือปิดปากตัวเองอีกแล้วพูดอู้อี้ลอดฝ่ามือออกมา


   “น้ำลายผมบูด”


   พิทักษ์หัวเราะเบาๆ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วดึงคนรักให้ลุกตาม


   “งั้นก็ไปล้างปาก พี่จะได้จูบใหม่”


   เขาพูดแล้วดึงคนรักเข้าห้องน้ำด้านในห้องทำงาน แล้วก็เลยยืนรออยู่ในนั้นด้วย


   จิณณะคงสติไม่ครบถ้วนจริงๆ เพราะแม้จะมองคนรักตาขวางผ่านทางกระจก แต่ก็ยอมแปรงฟันบ้วนปากแต่โดยดี พอเงยหน้าขึ้นมาอีกหน พิทักษ์ที่ยืนประกบหลังก็หมุนตัวเขาให้หันไปหา พอแนบจูบลงมา เขาก็พร้อมหยัดริมฝีปากจูบตอบแต่โดยดี


   รสจูบคราวนี้ไม่ใช่แค่การประกบปากแล้ว แต่สอดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากด้วย


   “อื้อ...” จิณณะท้วงเบาๆ อ้อมกอดของพิทักษ์รัดแน่นขึ้นทุกที แถมฝ่ามือของอีกฝ่ายก็ลูบไปทั่วแผ่นหลังเขา ลงน้ำหนักตรงไหน ตรงนั้นก็เหมือนจะกลายเป็นกองเพลิงขนาดย่อมๆ


   แต่...ที่นี่ไม่ใช่ที่บ้าน


   แล้ว...เย็นนี้เขาก็มีนัดกินเหล้าด้วย


   “อ...อื้อ...” จิณณะดันอกอีกฝ่ายเบาๆเป็นสัญญาน พิทักษ์ก็ยอมถอยห่างแต่โดยดี


   “ที่ทำงาน” เป็นการท้วงที่น่ารักจนแทบไม่อยากปล่อยออกจากอ้อมแขน


   “ถ้าที่บ้านก็ได้ใช่มั้ย”


   ถ้าเป็นที่บ้านล่ะก็...ไม่ต้องให้ถามหรอก เพราะจิณณะก็ไม่ปล่อยอีกฝ่ายเหมือนกัน


   แต่...วันนี้ไม่เหมือนวันอื่นๆ เพราะเย็นนี้มีธุระข้างนอก


   “วันนี้ผมไม่ว่างด้วย...” เจ้าตัวพึมพำ รู้สึกผิดขึ้นมาที่ต้องปฏิเสธความต้องการของคนรัก


เขาช้อนตามอง เผลออ้อนอีกฝ่ายไม่รู้ตัว


   “...ผมรับปากทางนั้นไว้แล้ว” 


   สายตาของพิทักษ์ไม่ได้ตำหนิ กลับอ่อนโยนเสียอีก ก่อนจะแตะริมฝีปากลงกับปลายจมูกคนพูดเบาๆ


   “พี่รู้”


   ยิ่งถูกตามใจขนาดนี้ จิณณะก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผิด ทั้งๆที่เขานัดกับเพื่อนก่อนแล้ว แต่...อารมณ์รัก บทจะมาก็มา แล้วพอเวลานี้มันมา แต่เขาตอบสนองไม่ได้ ความผิดจะเป็นของใคร ถ้าไม่ใช่คนติดธุระ


   แล้วคนอย่างจิณณะ เมื่อยอมรับว่าตนผิด เขาก็พร้อมจะเสนอทางแก้


   “ผม...จะรีบกลับนะ”


นอกจากคำพูดแสนอ้อน สายตาของจิณณะก็ไม่ต่าง ในอกของพิทักษ์ร้อนรุ่มแทบอยากขย้ำคนรักอยู่แล้ว แต่...ชั้นเชิงแบบผู้ใหญ่ ทำให้เขายับยั้งชั่งใจ ใช้ริมฝีปากอ้อยอิ่งบนริมฝีปากอุ่นช่างพูดนั่น


   “แต่จิณไปกินกับเพื่อน พี่ไม่อยากกวน”


   “ไม่กวน...”


   “พรุ่งนี้ จิณมีประชุมเช้าด้วย”


   “ผมก็จะรีบกลับไง...ไม่เกินสี่ทุ่ม...” จิณณะพูด แล้วยื่นปากไปงับริมฝีปากของคนรักอย่างหยอกเย้า “...รอผมนะ”


   อ้อนกันแบบนี้ พิทักษ์จะใจแข็งเล่นตัวต่อไปได้อย่างไรกัน


   เขายิ้มจาง


“อืม พี่จะรอ...”


......................   


เรื่องในห้องน้ำไม่มีอะไรมากกว่านั้น เพราะสถานที่ไม่เอื้อ แถมจิณณะก็มีนัดเย็นนี้แล้ว แต่...เจ้าตัวรับปากแล้วว่า


‘ไปแล้ว...จะรีบกลับ’


แน่นอนว่าเรื่องรับปากนี้รู้กันแค่ 2 คน แต่อีกเรื่องที่รู้กัน 2 คนไม่ได้ เพราะเห็นตำตาวรชิตก็คือจิณณะไม่ได้กลับมาที่ที่ว่าการตามที่นัดไว้แต่แรก แต่ไปเจอที่ร้านเหล้าในตอนเย็น โดยพิทักษ์เป็นคนมาส่ง


แต่พิทักษ์ก็แค่มาส่ง ไม่ได้ลงจากรถ พอจิณณะเดินมาที่หน้าร้านซึ่งวรชิตยืนรออยู่ ปลัดหนุ่มผู้กลายเป็นพยานรักก็ทำหน้าซื่อตาใส ร้องทักเพื่อนทันที


“คุณพิทักษ์มาส่งเหรอ”


“อือ”


“แล้วขากลับ?”


“พี่ทิศมารับ”


พอพูดไปแล้ว จิณณะก็ชักรู้สึกว่าพิทักษ์เหมือนผู้ปกครองรับส่งเข้าไปทุกที เลยต้องรีบหาเหตุผลมาเสริม


“ก็!...กูมากินเหล้าไง เขาก็เลยไม่อยากให้กูขับรถ”


...ใช่! กินเหล้า เมาไม่ขับ ถ้าจะกลับก็เรียกพี่ทิศ!...


...อ้อ...ต้องไม่ลืมว่าต้องรีบกลับเร็วด้วย เพราะ ‘นัด’ เอาไว้แล้ว...


คิดมาถึงตรงนี้ จิณณะก็เลียริมฝีปากตัวเอง รู้สึก ‘โหย’ ขึ้นมาเมื่อคิดถึง ‘นัดของคนรัก’


แต่ก็อย่างที่บอก ว่าเรื่องนี้รู้กันแค่ 2 คนกับพิทักษ์ ไม่บอกใครเด็ดขาด 


วรชิตมองหน้าเพื่อน อยากขำก็อยาก เอ็นดูก็เอ็นดู ไหนใครบอกว่าไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือนะ


“อะไร มองกูอย่างงั้น กูคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองเว้ย!”


ลูกไก่ในกำมือที่ไหน ออกมากินเหล้ากับเพื่อนก็ได้! เรียกคนมารับเมื่อไรก็ได้!



...แต่...เมื่อไรที่ว่าคือไม่เกินสี่ทุ่ม เพราะต้องรีบกลับ...


“เออๆ กูเชื่อ”


“ก็ต้องเชื่อสิวะ! คนเราก็ต้องห่วงตัวเองทั้งนั้นแหละ!”


“แล้วคุณพิทักษ์มารับกี่โมง?”


“มารับเมื่อกูโทรไปเรียก!” จิณณะทำเป็นตอบขึงขัง แท้จริงแล้วนัดเวลากับพิทักษ์ไว้แล้วต่างหาก


“โอ้โห! ทรงอำนาจมากครับคุณจิณณะ อย่าให้กูรู้นะว่าสุดท้ายเขาบอกให้มึงกลับกี่โมงก็กลับตอนนั้น”


“กูกลับเมื่อกูอยากกลับเว้ย!”


“ครับๆ เชื่อแล้ว” วรชิตทำเป็นเออออไปอย่างนั้น รู้ทั้งรู้ว่าพิทักษ์ฝากฝังให้เขาช่วยดูแลไม่ให้จิณณะดื่มหนักเพราะพรุ่งนี้มีประชุมเช้า


ในเมื่อพิทักษ์ยังฝากฝังเขา แล้วพิทักษ์จะไม่ตะล่อมจิณณะเองรึไง


สุดท้ายเรื่องที่วรชิตคาดเอาไว้ ก็ไม่เกินจริง


ตอนสามทุ่มสี่สิบห้า จิณณะที่ยังไม่เมาก็ขอตัวกลับ พร้อมด้วยข้ออ้างว่าพรุ่งนี้มีประชุมด่วน


...ประชุมด่วนอะไร้! วรชิตรู้ตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายจากปากของพิทักษ์เองว่าพรุ่งนี้จิณณะมีประชุม!...


วรชิตไม่บอกว่าเขารู้อะไร แถมพอเพื่อนจะกลับ เขาก็ลุกจากโต๊ะเดินตามไปส่งด้วย


“มึงไม่ต้องเดินไปส่งกูก็ได้ เดี๋ยวพี่ทิศก็มา”


“ไม่ได้ๆ กูต้องเห็นมึงขึ้นรถคุณพิทักษ์ จะได้สบายใจว่าไม่ทะเล่อทะล่าขึ้นรถผิดคัน” วรชิตหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะขืนปล่อยให้จิณณะออกจากร้านขึ้นรถคันไหนไปก็ไม่รู้ แล้วเกิดหายตัวไป คนซวยถูกพิทักษ์สอบก็คือเขา


คนถูกกล่าวหาว่าทะเล่อทะล่าหันมาแยกเขี้ยวใส่ แต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายเดินไปส่ง


ลานจอดรถหน้าร้านมีรถจอดอยู่หลายคัน แต่มีอยู่คันหนึ่งที่จอดติดเครื่องและเปิดไฟหน้าเอาไว้


...รถของพิทักษ์...


วรชิตกะพริบตาปริบๆ


ทั้งๆที่ร้านนี้ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านของจิณณะและพิทักษ์เลยสักนิด หากเพิ่งโทร.ไปตามให้มารับก็ไม่มีทางที่พิทักษ์จะมาจอดรอได้แบบนี้


...ความจริงมีเพียงอย่างเดียว คือนัดแนะกันล่วงหน้า ให้มารับเวลานี้!...


เขาเหล่ตามองอดีตปลัดปลาไหล แต่ฉายาปลาไหลก็คงเป็นอดีตเหมือนตำแหน่งปลัดอำเภอ เพราะจิณณะหลบตา ถามอ้อมแอ้ม


“อ...อะไร มองกูทำไม”


วรชิตส่ายหัวไปมา ระอาใจ


“กูเชื่อแล้วว่ามึงเป็นลูกไก่ในกำมือเขาจริงๆ”


ได้ยินอย่างนี้ ลูกไก่ในกำมือพิทักษ์ก็กลายร่างเป็นไก่ปีศาจว้ากขึ้นมาทันที


“ลูกไก่ในกำมือพ่อง!”


คนถูกด่าไม่ถือสากลับหัวเราะ แล้วโบกมือไล่


“ไปๆ กลับไปอยู่ในกำมือได้แล้ว”


ถ้าว่าง จิณณะก็จะด่าอีกสักประโยคหรอก แต่นี่... ‘มีนัด’ กับพิทักษ์ เลยจะสงบปากสงบคำก็แล้วกัน!


เขายอมเปิดประตูขึ้นรถของคนรักโดยดี ก่อนที่รถยนต์จะเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านไป


ลูกไก่กลับไปอยู่ในกำมือโดยสวัสดิภาพ


ส่วนวรชิต...ยืนมองส่งแล้วก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆ


…คู่อื่นสมกันอย่างกิ่งทองใบหยก มีคู่นี้ล่ะ สมกันอย่างกับลูกไก่ปีศาจและกำมือที่มองไม่เห็น!...


FIN


สวัสดีเดือน 8 ค่ะ

จริงๆ ตอนพิเศษนี้เขียนไว้พักนึงแล้ว แต่ช่วงนี้งานยุ่งมากๆและหนักมากๆ จนไม่มีเวลาลง วันนี้ทนไม่ไหว เลยแว่บมาลงหน่อย หวังว่าทุกคนจะคิดถึงอดีตปลัดตัวแสบที่รอบนี้กลายร่างเป็นลูกไก่แสนน่ารักในกำมือพี่ทิศนะคะ

แล้วถ้าไว้มีตอนพิเศษอีก (ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องไหน) ก็จะหาเวลามาลงอีกค่ะ ส่วนเรื่องใหม่ บัวคงต้องรอให้พ้นช่วงงานโหลดๆแบบนี้ไปก่อน เพราะกลัวว่าจะลงได้ไม่ต่อเนื่อง ขอโทษด้วยจริงๆ ที่หายไปนานขนาดนี้ค่ะ

ขอบคุณคนอ่าน คนคิดถึง พื้นที่บอร์ด และทุกๆกำลังใจ หวังว่างานของบัวจะช่วยสร้างความสุขเล็กๆและเป็นกำลังใจให้เช่นกันนะคะ

เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 21-08-2021 23:22:41
 :jul3: :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 22-08-2021 00:01:25
ว๊าวววว!! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวันนี้เมื่อบ่ายอยู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วตกดึกจะได้เห็นคุณบัวลงตอนพิเศษให้ได้อ่านคลายคิดถึงพ่ออดีตปลัดหนุ่มผู้รักย่าสุดหัวใจ 55555

และตอนนี้..​ดูยังไงจิณก็คือลูกไก่ในกำมือพี่ทิศชัดๆ พี่ทิศพูดอะไรไปเราได้ยินจิณตอบแต่จิ๊บ ๆ ๆ  :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 23-08-2021 22:38:18
ไก่ปีศาจกับมือที่มองไม่เห็น มีแอบขำตามเลย
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-08-2021 21:04:36
น้ำลายผมบูด...555  :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 30-08-2021 09:04:37
ไม่เคยชนะพี่ทิศได้เลยแพ้ทางตลอด
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-08-2021 12:04:05
น่ารักอ่ะ อ่านไปยิ้มไปเลย พี่ทักไม่ได้กำไว้เลยเนอะ ปล่อยเดินๆ แต่เดินอยู่บนฝ่ามือเนี่ยะแหล่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 31-08-2021 01:06:41
เอ็นดูลูกไก่แล้ว1 :heaven
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: tagloveX-Mark ที่ 02-09-2021 01:29:32
ชอบเรื่องนี้มาก ครบรส อ่านแล้วอิน ได้รับครบรส ทุกอารมณ์มาหมด จะฮา หัวเราะ เครียด บีบหัวใจ เศร้า หน่วง อบอุ่นหัวใจ โรแมนติค อีโรติค
เนื้อเรื่องดี  ชวนติดตาม ลักษณะนิสัยตัวละครที่น่าจดจำแบบจิณ ที่มาเจอคู่ที่เหมาะกันแบบทิศ  และตัวละครอื่นๆ
ชอบบบบ จนต้องหาซิ้อเก็บไว้เลยครับ ประทับใจ ^_^ ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องดีๆ ให้อ่านนะครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 07-09-2021 09:51:47
 :m20:  น่ารักเหมือนเดิม   ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-09-2021 20:30:43
อ่านไปขำไป น่าเอ็นดูจริงๆเลยนะ จิณ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 10-09-2021 23:17:49
ฮืออออ ดีใจมากๆเลยค่ะเข้าเล้ามาแล้วเห็นตอนพิเศษ ขอบคุณมากๆเลยค่ะคิดถึงสุดใจค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 19-10-2021 23:16:55
ชอบลูกไก่ปีศาจจตัวนี้มากเลยเอ็นดู 555   :mew4:  ขอบคุณคุณบัวค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 23-11-2021 22:16:39
เอ็นดูลูกไก่ปีศาจ
พี่ไม่ต้องตะล่อมใดๆน้องพร้อมเสมอ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 19-12-2021 22:34:43
กลับมาอ่านอีกรอบ น่ารักจริงๆ คู่นี้
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 24-12-2021 21:26:59
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
…………………………
ตอนพิเศษ คริสต์มาส




ช่วงใกล้สิ้นปี การตั้งต้นคริสต์มาสให้เด่นเป็นสง่าย่อมเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่ในคฤหาสน์หลังหนึ่งภายในรั้ว ‘วงศ์กีรติ’


ลองจินตนาการดูสิ...



คฤหาสน์หรูหรา เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบต้นคริสต์มาสที่ประดับตกแต่งด้วยลูกตุ้มและไฟประดับตั้งอยู่กลางห้องโถงใต้แชนเดอเลียอันใหญ่ เมื่อเปิดแชนเดอเลียพร้อมกับไฟกะพริบบนต้นคริสต์มาส แสงไฟระยิบระยับชวนให้รู้สึกสนุกสนาน พร้อมต้อนรับเทศกาลที่จะมาถึง!


แต่...น่าเสียดาย ก่อนที่เทศกาลจะมา ใครบางคนกลับมาถึงคฤหาสน์หลังนี้ก่อน!


   ไม่รู้วันนี้ฤกษ์งามยามดีอย่างไร คุณกอบกุลนึกอยากจะมาหาลูกชายคนเล็กที่คฤหาสน์ของเขา แทนที่จะให้คนมาตามเขาไปพบที่คฤหาสน์ของหล่อน


   แล้วพอหล่อนเป็นฝ่ายมา ถึงได้พบว่าพื้นที่ภายใต้การปกครองของหล่อนมีบางสิ่งเคืองสายตา!


   ต้นคริสต์มาสมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!


   แม้นั่นจะเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในสมองของหญิงชราผู้อาวุโสที่สุดของวงศ์กีรติ แต่วินาทีต่อมาหล่อนก็รู้คำตอบโดยไม่ต้องถามใคร ในเมื่อ มีอยู่คนเดียวที่ทำแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง!


   จิณณะ!


   “เอาต้นคริสต์มาสมาตั้งกลางบ้าน! นับถือศาสนาอะไรกัน!” เสียงของหล่อนดังก้อง ทำเอา 2 พี่น้องที่กำลังตกแต่งต้นคริสต์มาสกันอย่างสนุกสนานพากันชะงัก


‘เด็กชายจารีต’ คนน้องหันมาเห็นผู้เป็นย่าก็หน้าซีด ส่วน ‘นายจิณณะ’ คนพี่ผู้มีประสบการณ์ลับฝีปากกับย่าบังเกิดเกล้ามาตั้งแต่จำความได้กลับเพียงแค่เลิกคิ้ว


...เลิกคิ้ว...เพราะสงสัยว่าเหตุใดน้อ ที่นี่ก็บ้านพ่อแม่เขา แต่คุณย่ากลับมาถึงที่!...


เอาเถอะ เห็นแก่ว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนที่ดินของคุณกอบกุล หล่อนก็คงถือฤกษ์สะดวก ไปไหนมาไหนตามสบายนั่นแหละ


จารีตเห็นพี่ชายกับคุณย่าจ้องหน้ากันก็เริ่มลนลาน สองจิตสองใจ ไม่รู้จะอยู่ห้ามไม่ให้ทั้งสองทะเลาะกัน หรือวิ่งไปตามคนมาช่วยดี!


แต่ก่อนที่คนน้องจะตัดสินใจ...คนพี่กลับปากไวพูดขึ้นเสียก่อน


   “คงนับถือศาสนาเดียวกับคุณย่ามั้งครับ เอ๊?! คุณย่านับถือศาสนาอะไรนะครับ คำสอนดี๊ดี มีบริจาคตู้เย็น ไมโครเวฟให้โรงพัก”


   “จิณณะ!!” คุณกอบกุลขึ้นเสียง คนไม่ได้ชื่อจิณณะอย่างจารีตถึงกับสะดุ้งเฮือก ส่วนคนที่ชื่อจิณณะ กลับเลิกคิ้วไม่สะทกสะท้านแล้วถามซ้ำ


   “หรือว่า...ทำด้วยจิตสาธารณะ?”


   สงครามของ 2 ย่าหลานเริ่มปะทุ โชคดีว่าโกศลบิดาของจิณณะกับจารีตรีบวิ่งเข้ามาเสียก่อน


   “คุณแม่...” เขาเรียกมารดา คุณกอบกุลยอมละสายตาจากหลานชายนอกคอกหันไปมองลูกชายที่ตนเองจะมาพบ


   “...มีอะไรหรือครับ มาถึงนี่ ถ้าอยากพบผม ให้เด็กมาเรียกก็ได้”


   “ถ้าฉันให้คนอื่นมา ก็คงไม่รู้ว่าบ้านแกนับถือคริสต์กันหมดบ้าน!” หล่อนพูดแล้วปรายสายตาไปที่ต้นคริสต์มาสที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถง


   “เอ้อ...เด็กๆอยากให้เข้ากับเทศกาลน่ะครับ...” โกศลแก้ต่างแทนลูกๆ ก่อนจะรีบหาทางพามารดาไปที่อื่น “...คุณแม่ เชิญทางนี้เถอะครับ จะได้นั่งคุยกัน...”


คุณกอบกุลรู้ว่าลูกชายพยายามกันหล่อนออกจากจิณณะ หญิงชราปรายสายตามองหลานนอกคอกที่ยังทำหน้าอวดดีแล้วก็ยิ่งชิงชัง


   “ให้คนเอาไอ้ต้นบ้านี่ออกไปจากบ้านฉันด้วย!” หล่อนสั่งเสียงแข็ง


โกศลทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จารีตทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และอยากจะวิ่งหนีไปฟ้องใครสักคนว่าคุณย่าไม่ให้จัดต้นคริสต์มาส ส่วนจิณณะ...ไม่เลิกลั่ก ไม่ร้องไห้


และ...ไม่รับคำสั่ง


   “ไม่”


   คุณกอบกุลตวัดสายตาฉับมามองทันที


   “ผมไม่ได้จัดในบ้านคุณย่าสักหน่อย คุณย่ามีปัญหาตรงไหนอ่ะครับ”


   “แต่ที่นี่มันที่ดินของฉัน!”


   คุณกอบกุลพูดถูก ที่ดินผืนนี้เป็นชื่อหล่อน บ้านทุกหลังในอาณาเขตรั้วนี้ก็สร้างด้วยเงินของหล่อน


   ...แต่...ยอมรับแล้วยังไร? จะให้จิณณะเก็บต้นคริสต์มาสกลับลงกล่องทั้งที่ซานต้าคลอสยังมาไม่ถึงเมืองไทยน่ะหรือ? อย่าหวัง!...


   เด็กหนุ่มทำหน้าตายย้อนถาม “ไม่คิดจะปลงสมบัติสักหน่อยเหรอครับ”


   “จิณณะ!”


   “ผมก็แค่พูดให้คิด อะไรที่ไม่ได้ใช้ทุกวัน ก็ปล่อยให้คนอื่นเอาไปบ้าง อะไรที่ไม่ต้องเห็นทุกวัน ก็ทำเป็นมองข้ามไปบ้าง อะไรที่ไม่ต้องได้ยินทุกวัน ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปบ้าง ปล่อยวางบ้าง ชีวิตบั้นปลายจะได้สงบนะครับ”


   จิณณะพูดแล้วก็ไม่รอให้คุณกอบกุลเถียงกลับ เขาหันไปทางน้องชาย


   “จา มาทำต่อ เย็นนี้จะได้เปิดไฟต้นคริสต์มาสกัน”


   ชวนแล้วคนพี่ก็หันไปจัดสายไฟให้วางอยู่ในระดับที่สวยที่สุดในสายตาตัวเอง ส่วนคนน้องมองคุณกอบกุลอย่างกล้าๆกลัวๆ จะทำตามที่พี่ชวนก็ไม่กล้า แต่ถ้าไม่ทำ...ก็กลัวพี่จะโกรธ


   จิณณะเห็นน้องชายยังยืนเลิกลั่กอยู่ที่เดิมก็เหลือบมอง จารีตอายุยังน้อย สีหน้าลำบากใจปิดไม่มิด ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าต่อให้เขาจะไม่หือไม่อือกับเสียงก่นด่าของคุณกอบกุล แต่คนอื่นๆในบ้านไม่ใช่แบบนั้น


   หลานชายนอกคอกถอนหายใจเบา สุดท้ายก็ตัดใจที่จะดื้อแพ่งซึ่งๆหน้า ทำเป็นลูบท้องตัวเอง


   “ชักหิว จา...เราไปหาขนมกินกันก่อนดีกว่า”


   พอพี่ชายออกปากอย่างนั้น สีหน้าของจารีตก็ราวกับเห็นแสงสว่างขึ้นมาทันที แล้วพอเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งออกเดิน เด็กชายตัวป้อมก็รีบเดินตาม ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ 2 พี่น้องก็ลับสายตาคุณกอบกุลไปแล้ว


   แต่ต้นคริสต์มาสยังอยู่ทนโท่!


   “อย่าให้ฉันเห็นไอ้ต้นบ้านี่ในบ้านฉันอีก!” หล่อนสั่งลูกชายเสียงเข้ม ก่อนจะหมุนตัวเดินนำเข้าห้องนั่งเล่น โดยมีโกศลเดินตัวลีบตามหลัง


   หลายวันต่อมา เมื่อคุณกอบกุลแวะมาที่บ้านของลูกชายคนเล็กอีกครั้ง ก็ไม่ปรากฏ ‘ไอ้ต้นบ้านี่’ อยู่กลางบ้านอีกแล้ว และไม่เห็นหลานชายนอกคอกเดินร่อนไปร่อนมาให้รำคาญตาด้วย


หญิงชราเชิดหน้าอย่างสาแก่ใจที่คำสั่งของหล่อนยังคงเป็น ‘เสียง’ ที่ดังที่สุดในบ้านวงศ์กีรติ


ทว่า…สิ่งหนึ่งที่หล่อนไม่ทราบ คือ ‘ไอ้ต้นบ้านี่’ ไม่ได้หายไปไหน แต่มันถูกย้ายไปไว้ในห้องรับประทานอาหารข้างๆห้องโถงนี่เอง ซึ่งนี่เป็นความเห็นของจิณณะ หลานรักสุดนอกคอกของคุณกอบกุล


‘คุณย่าบอกว่าอย่าให้เห็น ก็นี่ไงครับ เอามาตั้งในห้องกินข้าว ถ้าคุณย่าจะมาบ้านเรา ก็เชิญคุณย่าอยู่ห้องอื่น แต่ถ้าคุณย่าจะมาห้องนี้ก็...ช่วยไม่ได้ นี่ผมก็หลบสายตาให้เต็มที่แล้ว’


คนบอกว่า ‘หลบให้เต็มที่แล้ว’ ว่าอย่างนั้น ก่อนจะกดเปิดสวิตช์ไฟประดับต้นคริสต์มาส แล้วเสียงดนตรีเป็นท่วงทำนอง Santa Claus is coming to town ก็ดังไปทั่วทั้งบ้านของโกศล


โชคดีเหลือเกิน ที่เสียงดังได้เท่านี้ เพราะถ้าดังได้มากกว่านี้ เห็นทีคุณกอบกุลคงรีบตรงดิ่งมาที่นี่แล้วมาเห็นต้นคริสต์มาสด้วยตาตัวเอง!


..................


   และนั่นคือเรื่องเมื่อครั้งจิณณะยังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนที่พร้อมฉะกับคุณย่าทุกที่ทุกเวลา


บัดนี้ จิณณะ  วงศ์กีรติเป็นผู้ใหญ่แล้ว และบางครั้ง ความเป็นผู้ใหญ่ของเขา...ก็เหมือนคุณย่าของเขายิ่งกว่าลูกหลานคนไหน


   “ขอบคุณนะครับ คุณจิณณะ คนที่จับได้รางวัลของคุณคงดีใจมาก” นายอำเภอวัยกลางคนเอ่ยพลางยิ้ม แม้อายุจะมากกว่า แต่ก็สุภาพ ติดไปทางจะพินอบพิเทาด้วยซ้ำ


   ฝ่ายจิณณะยกยิ้ม ท่าทีสบายๆ


   “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ถึงผมจะออกจากราชการมานานแล้ว แต่ก็เคยทำงานที่นี่มาก่อน อยากเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ดีๆ แต่เห็นว่าไม่รับกระเช้า ก็บริจาคของจับสลากแล้วกัน เอ?...แต่ถ้าใครจับได้ของผม แล้วยังไม่อยากเปลี่ยนตู้เย็นใหม่ ก็ให้เขาเอาไปขายต่อนะครับ” เขาพูดพลางยิ้มติดตลก ก่อนจะทำเป็นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู


   “เอ...พอดีผมมีธุระต่อ คงต้องผมขอตัวก่อน”


   “ผมไปส่งที่รถครับ”


   นักธุรกิจหนุ่มยิ้มไม่ปฏิเสธ


ทว่า...หากคนที่เคยทำงานกับจิณณะสมัยรับราชการมาเห็นรอยยิ้มนี้ ก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เหมือนรอยยิ้มของปลัดจิณณะคนเก่า


   ...แหงอยู่แล้ว ‘ปลัดจิณณะ’ กับ ‘จิณณะ  วงศ์กีรติ’ จะเหมือนกันได้อย่างไร…


   แม้แต่ ‘ปลัดจิณณะ’ คนนั้นก็อาจนึกไม่ถึงด้วยซ้ำ ว่าในอีกหลายปีต่อมา ตนเองจะกลายเป็น ‘จิณณะ วงศ์กีรติ’ ที่แบ่งน้ำใจออกเป็น 2 รูปแบบ คือน้ำใจที่ให้โดยหวังสิ่งตอบแทน กับน้ำใจที่ให้โดยไม่หวังอะไรเลย


   ไม่น่าเชื่อใช่ไหม ว่าหลานชายนอกคอกที่เคยยอกย้อนย่าผู้ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ เมื่อถึงเวลาของเขา เขาก็...ไม่ต่าง


   ไม่สิ! จิณณะยังมีน้ำใจที่ให้โดยไม่หวังอะไรเลย ไม่เหมือนคุณกอบกุลที่มอบอะไรให้ใคร เป็นต้องได้ผลประโยชน์ตอบแทนเสมอ นี่ล่ะ! จุดที่ไม่เหมือนกัน! ยังไงๆก็ไม่เหมือน!


    เมื่อก้าวเท้าออกไปหน้าอาคารที่ว่าการ รถยนต์ของเขาก็เคลื่อนตัวมารับ แต่ก่อนจะขึ้นรถ ชายหนุ่มก็หันมาทางคนมาส่ง


   “แล้วถ้ามีอะไรให้ช่วย ก็บอกผมได้เสมอนะครับ ผมยินดี” เขาพูดพลางยิ้ม ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถไป


   รถยนต์หรูของนักธุรกิจชื่อดังเคลื่อนตัวพ้นเขตที่ว่าการอำเภอแล้ว รอยยิ้มการค้าที่ฉาบบนใบหน้าของจิณณะก็หายไปทันที


เขาขยับตัวเอนตามสบาย ยกนาฬิกาข้อมือเรือนหรูขึ้นมาดูอีกรอบ เพราะเมื่อกี้ทำเป็นดูไปอย่างนั้น คนใช้นาฬิกาสปอร์ตมาทั้งชีวิต ต้องมาใช้นาฬิกามีเข็มสั้นเข็มยาวแล้วเวียนหัวทุกที!



แล้วถ้าถามว่าเขาจะใส่ทำไม ก็ต้องบอกว่า เขาไม่ได้ใส่เพื่อให้ตัวเองดูเวลา แต่ใส่เพื่อให้คนอื่นดู ว่าเขาใส่นาฬิกาอะไรต่างหาก...


ชีวิตในสังคมก็อย่างนี้ มีเรื่องถูกใจ ไม่ถูกใจ เรื่องควร เรื่องไม่ควร เรื่องที่ต้องทำ เรื่องที่ไม่ต้องทำ วิธีในการเลือกก็แสนจะแตกต่าง แต่ละอย่างก็เลือกแสนจะยาก เอาเป็นว่าสมองกับใจเห็นพ้องว่าทำหรือไม่ทำ ก็เลือกอย่างนั้น


   และตอนนี้...สมองและหัวใจของจิณณะก็ตัดสินใจที่จะทำเรื่องหนึ่ง


ทว่าไม่ทันอ้าปาก เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดจังหวะ พอหยิบขึ้นมาเห็นว่าเป็นชื่อเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ จะถือว่าให้อภัยก็แล้วกัน


   “ไง ปลัดกระทรวง” กรอกเสียงรับสายลงไปแค่นั้น ก็ได้ยินเสียงวรชิตโวยกลับมา


   ‘ปากมึงเนี่ยนะ!’


   จิณณะหัวเราะร่วน ไม่สะทกสะท้านที่ถูกเพื่อนเฉ่ง


   “มีอะไรให้รับใช้ครับท่านครับ”


   ‘กูจะใช้อะไรมึงล่ะ! คราวก่อนมึงเคลียร์กับท้องถิ่นให้ กูยังไม่ได้ขอบคุณมึงเลย’


   “ช่วยได้กูก็ช่วย ไม่เห็นต้องขอบคุณ” จิณณะตอบอย่างไม่ยีหระตามประสาคนใจกว้าง


   ใช่...เขาใจกว้าง แต่อย่างที่บอก ความใจกว้างและน้ำใจของเขามี 2 แบบ


กับบางคน เขา ‘ให้’ โดยหวังสิ่งตอบแทน แต่กับบางคนเขา ‘ให้’ และไม่หวังแม้แต่จะรับคำขอบคุณด้วยซ้ำ


   ‘เออ มึงไม่อยากได้ขอบคุณ งั้นกูขอบใจแล้วกัน’


   “นี่คือโทรมาขอบคุณขอบอกขอบใจกูอย่างเดียว?” จิณณะย้อนถามยิ้มๆ


   ‘กูจะโทรมาด่ามึงด้วย ไข่ไก่ที่ส่งมาในชื่อกูนี่จากมึงใช่มั้ย?!’ ประโยคหลังเป็นการกระซิบที่เสียงแข็งมาก คาดว่าเจ้าตัวคงอยู่ที่ทำงานนั่นล่ะ


   “ก็...ของขวัญคริสต์มาสจากปลัดกระทรวงวร...ชิ...ต...”


   ‘ไอ้จิณ!’


   “โธ่! อย่าดุหน่า กูช่วยคนรู้จักซื้อ...”


‘ช่วยใครซื้อ’


“คนรู้จักไง! คนรู้จัก!”


‘ให้กูทายนะ ผู้ว่าฯสักจังหวัดที่มาบอกมึงว่าไข่ไก่ราคาตกใช่มั้ย’


“แหม รู้ใจกูจัง สมแล้วที่กูส่งให้มึงเป็นของขวัญคริสต์มาส”


   ‘ส่งมาให้กู แต่คนขับรถบอกว่าจาก วรชิต’


   “อ้าว ถ้าบอกว่าจาก จิณณะ  เดี๋ยวก็หาว่ากูติดสินบนเจ้าพนักงานน่ะสิ”


คำตอบของจิณณะ ทำเอาปลายสายถอนหายใจเฮือกใหญ่ “...เอาหน่า ไอ้ชิต ถือว่าเป็นของขวัญจากกูแล้วกัน มึงก็เอาไปแจกคนในกระทรวงน่ะ บอกเขาไปว่าช่วงนี้ไข่ไก่ราคาตก มึงเลยช่วยชาวบ้านซื้อ”


   ‘มึงทำให้กูลำบากใจนะ จิณ’


   “ลำบากใจอะไร กูซื้อมา แล้วกูก็แจกคนไปทั่ว แล้วกูก็แค่แจกมึงด้วย มึงกินไข่ไก่คนเดียวหมดคันรถมั้ยล่ะ ถ้าไม่หมดก็เอาไปให้คนอื่นต่อ การให้ไม่สิ้นสุดน่ะ รู้จักมั้ย”


   เสียงถอนหายใจดังมาอีกเฮือก คราวนี้ปลายสายคงถอดใจจะเถียงกับเขาแล้วจริงๆ


‘มึงนี่นะ มือเติบฉิบหาย คุณพิทักษ์ไม่บ่นรึไง’


   “ไม่บ่น...ถ้าไม่รู้”


   ‘กูล่ะเชื่อมึงเลย! เหมาไข่ไก่ทั้งจังหวัดแบบที่คุณพิทักษ์ไม่รู้เนี่ยนะ?!’


   “ของแบบนี้มันอยู่ที่ความสามารถเว้ย!”


   ‘อวดดีไปเหอะ คุณพิทักษ์จับได้ว่าใช้เงินแบบนี้ มึงโดนหนักแน่’


   “อวยพรกูรับปีใหม่เลยเนอะ”


   ‘เออ เมอร์รี่ คริสต์มาส แฮปปี้นิวเยียร์ล่วงหน้า ขอบใจสำหรับไข่ไก่ในนามวรชิตด้วย’ ประโยคหลังนั่นฟังยังไงวรชิตก็กัดฟันพูด คาดว่าถ้าเจอหน้ากัน จิณณะคงถูกเพื่อนไล่เตะสักรอบนึง โทษฐานส่งไข่ไก่ไปเป็นของขวัญคริสต์มาส


   “เมอร์รี่ คริสต์มาส แอนด์ แฮปปี้นิวเยียร์ ปีหน้ากูสัญญาว่าไม่ใช่ไข่ไก่ เอาเป็นไข่เป็ดมั้ย”


   ‘ไม่เอาสักไข่โว้ย!’ วรชิตโวยกลับมา แต่คนถูกโวยไม่รู้สึกรู้สา หัวเราะร่วน พวกเขาคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนจะวางสาย คราวนี้ จิณณะเลยได้กลับมาที่เรื่องเดิมที่คิดจะทำ


   ...เดือนสุดท้ายของปี ใกล้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ จะมีอะไรสำคัญไปกว่าการประดับตกแต่งและของขวัญ!...


   “พี่นัย ถ้าเข้ากรุงเทพฯตอนนี้ จะกลับมาทันหกโมงเย็นมั้ย ผมมีนัดกับพี่ทิศ”


   คนขับรถไม่ใช่ใครที่ไหน ดนัยเลขานุการและบอดี้การ์ดส่วนตัวที่วันนี้พ่วงตำแหน่งพิเศษมาขับรถให้


“คุณจิณจะเข้าไปหาคุณชิตหรือครับ”


จิณณะสั่นหน้ารัว “หึ! จะไปหาให้มันเฉ่งผมทำไมล่ะ”


ดนัยไม่อยากจะบอกว่าเป็นใครก็คงอยากเฉ่งทั้งนั้น อยู่ดีๆ มีคนส่งไข่ไก่หนึ่งคันรถไปที่กระทรวงในนามตนเองทั้งที่ตนเองไม่รู้เรื่องแบบนี้


แต่นั่นล่ะ...ดนัยทำงานกับจิณณะมานาน เขารู้ว่าเรื่องไข่ไก่คราวนี้ เจ้าตัวมีวาระซ่อนเร้นตอนช่วยซื้อ แต่ตอนส่งไปให้วรชิตกลับเป็นไปโดยบริสุทธิ์ใจ เขาดูออกว่าจิณณะหวังให้วรชิตนำไปแจกจ่ายให้คนในกระทรวงเพื่อผูกสัมพันธ์ในสายงานให้ตัววรชิตเอง ไม่ได้หวังอะไรกลับมาที่ตนเองสักนิด


เป็นหลานชายคุณกอบกุลที่ ‘เหมือน’ คุณกอบกุลมาก แต่ก็ ‘ไม่เหมือน’ คุณกอบกุลมากเช่นกัน


“แล้วคุณจิณจะไปไหนหรือครับ”


   “ผมอยากได้ต้นคริสต์มาส เมื่อกี้เห็นที่ที่ว่าการ นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านไม่มี” พูดแล้วก็เหลือบมองคนขับรถ


ดนัยไว้ใจได้ทุกเรื่อง แต่ก็ลืมไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของคุณเทียม ลุงของพิทักษ์ หากดนัยปูดเรื่องเขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย รับรองว่าเขาโดนพิทักษ์เฉ่งต้อนรับซานต้าคลอสแน่นอน


   “พี่นัยห้ามบอกพี่ทิศนะ รอจนกว่าผมจะเอาต้นคริสต์มาสมาตั้ง”


   ดนัยถอนหายใจเฮือก แล้วย้อนถาม


   “คุณจิณจะซื้อแบบคุณทิศไม่รู้อีกแล้วเหรอครับ”


เขาไม่อยากบอกเลยว่าเรื่องเหมาไข่ไก่ทั้งจังหวัด ยังรอวันเปิดเผยอยู่ แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวก็ไม่รู้จะถูกพิทักษ์บ่นกี่ชั่วโมงแล้ว


   “พี่ทิศรู้ ผมก็ไม่ได้ซื้อสิ! ไม่เอาหน่า พี่นัย คริสต์มาส 1 ปีมีครั้งเดียว จัดที่ไหนได้ก็ต้องจัด!”


   “ตอนซื้อไข่ไก่ คุณจิณก็พูดแบบนี้ว่าปีนึง ไข่ไก่จะราคาตกสักกี่ครั้ง”


   “คนละเรื่องเลยพี่”


   ดนัยได้แต่ถอนหายใจ อยากเถียงว่ามันเรื่องเดียวกันคือเรื่องการใช้เงินของจิณณะ แต่พูดไปแล้วฟังที่ไหน เนี่ย! โผล่หน้ามาตรงกลางระหว่างเบาะแล้ว!


   “แยกหน้าแล้วเลี้ยวเข้ากรุงเทพ”


   สั่งไม่พอ ยังจ้องจิกชนิดว่าถ้าดนัยไม่ทำตาม เจ้าตัวจะกระโดดมาขับแทน แต่ถ้าทำตาม ดนัยก็เดาอนาคตได้เลย


   ...ถ้าพิทักษ์ดุจิณณะ เขาก็โดนหางเลขไปด้วยอีกตามเคย...


...................


   ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองคือจุดหมายปลายทางของจิณณะ แม้ดนัยจะมาในฐานะคนขับรถ แต่เขาไม่กล้าเสี่ยงส่งคนใช้เงินมือเติบลงไปซื้อคนเดียวแน่


   เลขานุการหนุ่มทำเป็นขับรถไปจอดที่อาคารจอดรถ ไม่ได้ส่งผู้โดนสารที่หน้าประตูห้างฯ ฝ่ายจิณณะก็เอาแต่กดโทรศัพท์ยิกๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถจอดสนิทแล้ว


   2 หนุ่มลงจากรถ เดินเข้าห้างสรรพสินค้า ช่วงใกล้เทศกาล ลานกิจกรรมภายในห้างฯ เป็นจุดที่คึกคักที่สุด เพราะนอกจากจะมีการประดับประดาแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าต่างๆด้วย จิณณะเห็นต้นเขียวๆวางเรียงรายแต่ไกล เขาก็พุ่งไปที่นั่นก่อนอย่างอื่น


   กวาดตามอง 1 รอบ จากนั้นก็เรียกพนักงานขายมา ไม่ต้องให้ใครเสนอโปรโมชั่นสุดพิเศษ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจซื้อภายในเวลาไม่กี่วินาที


   “เอาต้นนั้นครับ” ชี้แล้วก็หยิบกระเป๋าสตางค์ส่งบัตรเครดิตให้ “...อ้อ เอาไฟต้นคริสต์มาสด้วย เอาแบบที่ยาวพอจะพันต้นนี้ได้นะ จัดมาให้เลย”


พนักงานขายหัวไว รับบัตรเครดิตแล้วไปจัดการให้ทันที ส่วนจิณณะได้ของตามที่ต้องการแล้วก็ยิ้มกริ่มภูมิใจ


ทว่า...คนที่มากับเขา เริ่มหน้าซีด


   “คุณจิณ...ผมว่าแบบนี้ไม่รอด...”


ดนัยรับหน้าที่บอดี้การ์ดมาตั้งแต่สมัยอยู่กับคุณเทียม พอถูกส่งมาดูแลจิณณะ เขาก็คิดว่าชีวิตคงไม่เสี่ยงอันตรายเท่าตอนอยู่กับนายเก่า ที่ไหนได้...จิณณะหาเรื่องเสี่ยงตายไม่เว้นวัน!


   ฝ่ายคนหาเรื่องเสี่ยงตาย กลับไม่ได้ทุกข์ร้อน โบกมือหย็อยๆ


   “อย่าเว่อหน่า! ผมแค่ซื้อต้นคริสต์มาสต้นเดียว ไม่ได้ซื้อเป็นสิบซะหน่อย”


   “แต่ต้นเดียวของคุณจิณน่ะ...” ดนัยพูดแล้วปรายตามองต้นคริสต์มาสที่จิณณะจับจอง “...มันใหญ่ไปหน่อยมั้ยครับ”


   “ใหญ่ที่ไหน! ผมสูง 180 ต้นนี้ก็...” คนสูง 180 เซนติเมตร เหลือบมองยอดต้นคริสต์มาสที่ตนเองซื้อ “...ก็สูงกว่าผมนิดหน่อย”


   “กะจากสายตาผม ต้นคริสต์มาสสูง 3 เมตรครับ”


   “เอาหน่าๆ 3 เมตรมองให้น่ารักก็เหมือน 3 เซน!”


   “แล้ว 3 เซนของคุณจิณ จะเอาเข้าบ้านยังไงให้คุณทิศไม่เห็นครับ”


   ดูเหมือนจิณณะจะเพิ่งนึกออกว่าหากซื้อกลับไปวันนี้ เขาน่าจะถูกพิทักษ์ดุก่อนจะได้จัดเสียอีก ยกเว้นก็แต่...เก็บไว้ที่อื่นก่อน แล้วค่อยยกเข้าไปจัดเซอร์ไพรส์พิทักษ์วันคริสต์มาส!


   “เก็บไว้ที่ออฟฟิศผมก็ได้!” เจ้าตัวตอบอย่างมุ่งมั่น มีทางออกแล้ว! ยังไงก็ต้องได้ต้นคริสต์มาสกลับไป!


   “คุณทิศจะไม่ทราบใช่มั้ยครับ?”


คำถามของดนัยทำเอาจิณณะชักไม่มั่นใจ เพราะต่อให้ขึ้นชื่อว่าเป็นออฟฟิศของเขา แต่พิทักษ์ก็แวะไปบ่อยเสียจน...ไม่แน่ใจว่าวันใดวันหนึ่ง จะมีคนหลุดปากเรื่องต้นคริสต์มาส ‘3 เมตรมองให้น่ารักก็เหมือน 3 เซนฯ’ หรือไม่


   เอาอย่างไรดี จะเอาไว้ที่ไหนที่สามารถไปเอาได้สะดวก แต่ก็ต้องเป็นที่ที่พิทักษ์จะไม่แวะไป


   ตอนนั้นเองที่จิณณะนึกออก


เขาหันมองดนัยอย่างมีความหวัง แต่คนที่เป็นความหวังของเขากลับสะดุ้งโหยง


   “คุณจิณอย่าบอกนะครับว่า...”


   จิณณะทำตาละห้อยในวินาทีนั้น เปลี่ยนสีหน้าและสายตาไวราวกับนักแสดงมืออาชีพ


“พี่นัย เป็นคนเดียวที่จะช่วยผมได้นะ พี่นัยคงไม่อยากให้ผมถูกพี่ทิศดุเพราะแค่ซื้อต้นคริสต์มาสและตั้งใจจะฉลองกับพี่ทิศเงียบๆหรอกเนอะ...”


ทั้งๆที่จะปฏิเสธก็ได้ แต่อะไรสักอย่างของคนตรงหน้าก็ทำให้ดนัยปฏิเสธไม่ลง


ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกที่เท่าไรของวันก็ไม่รู้


...อย่าว่าแต่เขาจะโดนหางเลขเลย เวลานี้ เขากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปแล้วเรียบร้อย...


   .........................


   หลังจากได้ต้นคริสต์มาสสมปรารถนา พร้อมด้วยไฟประดับตกแต่งอีก 1 กล่องใหญ่ อย่าคิดว่าจิณณะจะหยุดเท่านี้ เจ้าตัวเห็นลูกตุ้มหลากสีและสายรุ้งก็เกิดอยากจะเอามาประดับอีก ส่วนดาวประดับยอดต้นคริสต์มาส...อันนั้นไม่ซื้อ เพราะสั่งทำแบบพิเศษเอาไว้แล้ว


คริสต์มาสปีนี้ ซานต้าคลอสควรมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ‘ใช้จ่ายเก่ง’ ให้จิณณะ  วงศ์กีรติ!


   แต่...การใช้จ่ายเงินของจิณณะ ไม่ใช่เพียงเรื่องของจิณณะ


เมื่อเขาไม่สามารถเอาต้นคริสต์มาสสูง 3 เมตรกลับบ้านในวันนั้นได้ ผลกรรมเลยตกเป็นของดนัย ผู้ที่ต้องเปิดบ้านรับฝากต้นคริสต์มาส


   “ผมฝากไว้ก่อน เช้าวันที่ 24 พี่ทิศไปประชุมแล้ว พี่นัยค่อยเอาไปให้ผมที่บ้านนะ แล้วห้ามบอกพี่ทิศก่อนล่ะ ผมอยากให้พี่ทิศเซอร์ไพรส์”


   ดนัยไม่อยากพูดเลยว่าตลอดเวลาที่จิณณะกับพิทักษ์คบหากัน เขาเห็นจิณณะมีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์พิทักษ์ทั้งสิ้น และหลายครั้งมักลงท้ายด้วยการส่ายหน้าระอาใจของพิทักษ์นั่นแหละ


แต่...ความระอาของพิทักษ์ก็ไม่อาจหยุดยั้งจิณณะได้เลย ผลคือวันนี้ดนัยเลยต้องรับฝากต้นคริสต์มาสความสูง 3 เมตร เพราะคนซื้อกลัวว่าเอากลับไป แล้วจะโดนดุล่วงหน้าไม่รอเทศกาล


......................   


   ((หน้าต่อไปค่ะ))
หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 24-12-2021 21:28:45
......................   


   เรื่องต้นคริสต์มาสนี้ถูกอุบเงียบจนกระทั่งวันที่ 24 ธันวาคม


   วันนี้พิทักษ์มีประชุม ส่วนจิณณะออกตัวว่าเคลียร์งานหมดทุกอย่างตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว วันนี้เจ้าตัวจะอยู่บ้านสบายๆ พิทักษ์ออกปากว่าพอประชุมเสร็จแล้ว เขาจะรีบกลับมากินข้าวด้วย จิณณะได้แต่รับคำว่าง่ายเป็นเด็กดี


   แต่...พอรถยนต์ของพิทักษ์พ้นออกจากเขตหมู่บ้านไปแล้ว ‘เด็กดี’ ก็กดโทรศัพท์เรียกตัวเลขานุการหนุ่มให้มาที่บ้านพร้อมต้นคริสต์มาสทันที!


   ต้นคริสต์มาสสูง 3 เมตรแบบแยกส่วนประกอบ ขนย้ายไม่ยาก ประกอบก็ไม่ยาก แถมห้องรับแขกของบ้านพิทักษ์ ยังเพดานสูงพิเศษ พอตั้งต้นคริสต์มาสความสูง 3 เมตรได้แล้ว ก็พบว่าเพอร์เฟ็ค!


   “เยี่ยม! โคตรสวย! ผมนี่ตาถึง!” จิณณะไม่รู้จะชมตัวเองว่ายังไงแล้ว ยิ่งมองต้นเขียวๆตั้งตระหง่าน ก็ยิ่งประทับใจความสามารถในการเลือกสรรของตนเอง


   แต่ดนัยไม่ได้ชื่นชมไปด้วย เขามองต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่แล้วก็หันไปทางเจ้านาย


   “คุณจิณคิดว่าคุณทิศจะรู้ราคามั้ยครับ”


   จิณณะชะงัก ตอนนั้นเองถึงได้รู้ตัวว่าถ้าต้นคริสต์มาสใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้จะปกปิดราคา แต่พิทักษ์เดาได้แน่นอน


   “ต้นคริสต์มาส 3 เมตรนี่...ผมว่าน่าจะโดนดุไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงนะครับ เตรียมหูไว้ได้เลย รวมเรื่องไข่ไก่คราวก่อน ผมว่าน่าจะครึ่งวัน”


   “พี่นัยก็...ให้กำลังใจกันจัง...” หน้าจิณณะเริ่มซีด


   “ไม่ได้ให้กำลังใจครับ ให้คุณมองโลกในความเป็นจริง แค่คุณทิศเห็นก็รู้แล้วล่ะครับว่าต้นนี่ราคาเท่าไร” ดนัยพูด พอดีสายตาเหลือบไปเห็นกล่องกำมะหยีสีแดงวางรวมกับอุปกรณ์ตกแต่งต้นคริสต์มาส เขาจำได้ว่าของที่จิณณะฝากไว้กับเขา ไม่มีกล่องนี่


แต่...วันนี้ พอจะตั้งต้นคริสต์มาส กลับมีกล่องไม่น่าไว้ใจเอามารวมกับอุปกรณ์ตกแต่งที่เขาขนมาด้วย


   “...แล้วนั่นกล่องอะไรครับ”


   จิณณะหันไปหยิบกล่องมาเปิดให้ดู ข้างในคือดาวแปดแฉกสีทองอร่าม 2 อัน ตรงกลางดาวประดับด้วยเพชรระยิบระยับเม็ดใหญ่


   “ดาวติดบนยอดต้นคริสต์มาสไง!”


   “คุณ...ไม่ได้ซื้อมาพร้อมกับของอย่างอื่นใช่มั้ยครับ” ดนัยถาม พยายามบอกตัวเองว่าดาวแปดแฉกสีทองนี่คงเป็นโลหะอะไรสักอย่างชุบสี ส่วนเพชรที่ประดับบนดาวคงเป็นเพชรเก๊


...ทองชุบและเพชรเก๊เถอะ ขอให้เป็น ‘ทองชุบและเพชรเก๊’ เท่านั้น...


…ขอร้อง...


   “ใช่สิ! นี่ผมสั่งทำพิเศษเลยนะ! มี 2 อัน อันนึงจะเอามาติดบนยอดต้นคริสต์มาส อีกอันก็...ไม่บอก! ไม่บอกพี่นัยหรอก! อันนี้จะเซอร์ไพรส์พี่ทิศ!”


   เจ้าตัวพูดแล้วยิ้มร่า แต่สำหรับดนัยแล้วยิ้มไม่ออกสักนิด


   ได้ยินคำว่าสั่งทำพิเศษแล้ว คำว่า ‘ทองชุบและเพชรเก๊’ ก็กระเด็นออกจากหัวของเขาโดยสิ้นเชิง เพราะคนมือเติบอย่างจิณณะ ไม่มีทางสั่งทำพิเศษด้วยทองปลอมเพชรปลอมแน่นอน แล้วไม่ได้สั่งทำอันเดียวด้วยนะ! เจ้าตัวสั่งทำ 2 อัน!


เลขาฯหนุ่มถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับ 


   ...เหมาไข่ไก่ทั้งจังหวัดยังรอวันเปิดเผยอยู่ ส่วนต้นคริสต์มาส 3 เมตรก็ยังไม่รู้ว่าจะถูกพิทักษ์ดุสักเท่าไร แล้วยังมีดาวประดับยอดต้นคริสต์มาสสั่งทำพิเศษ 2 อันอีก ไม่ว่าอีกอันจะเอาไว้เซอร์ไพรส์อะไร แต่ก็บอกให้รู้เลยว่าราคาไม่ใช่น้อยๆ...


   ...เจ้านายของเขานี่มัน...


   ฝ่ายเจ้านายเห็นลูกน้องกุมขมับ ก็เริ่มใจแป้ว แต่มาขนาดนี้แล้ว คนอย่างจิณณะ  วงศ์กีรติถอยไม่ได้ เดินหน้าสถานเดียว!


   “เอาหน่า เรื่องนี้ผมจัดการเอง เออ! จริงด้วย ผมมีของจะให้พี่นัยล่ะ!”


ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นวิ่งขึ้นชั้น 2 หายไปอึดใจ ก็วิ่งกลับลงมา พร้อมด้วยกระดาษใบหนึ่ง แล้วส่งให้ดนัย


   “อ่ะ! เมอร์รี่ คริสต์มาส แอนด์ แฮปปี้ นิวเยียร์ นะพี่นัย นี่ของขวัญปีใหม่ ผมคิดว่าพี่น่าจะอยากไปเลือกเองมากกว่า”


   ดนัยนิ่งไปเล็กน้อย ถึงจะรู้ว่าจิณณะเป็นคนมีน้ำใจล้นเหลือ แต่เขาก็ไม่เคยคิดหวังอะไรจากอีกฝ่ายนอกจากการทำงานร่วมกันอย่างปกติสุข


ซึ่ง...แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะไม่ปกติสุขนัก เพราะเจ้าตัวชอบทำเรื่องเพี้ยนและเสี่ยงตาย แต่จิณณะก็เป็นเจ้านายที่ดีคนหนึ่งตลอดชีวิตการทำงานของเขาเลยทีเดียว


   “ขอบคุณที่ดูแลผมอย่างดีมาตลอดปีนะพี่ ปีหน้าก็อยู่ด้วยกัน อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ”


หลานชายคุณกอบกุล เรื่องเจรจาต่อรองอาจจะไม่ทรงอำนาจเทียบบารมีกับผู้เป็นย่า แต่เรื่องเจรจาแบบอาศัยความปากหวานต้องยกให้เป็นที่ 1 ในบรรดาหลานทั้งหมด


   “ขอบคุณครับ” ดนัยรับเช็กไป แต่ไม่ทันที่จิณณะจะหันไปสนใจกับต้นคริสต์มาสต่อ เสียงของเลขานุการหนุ่มก็ดังขึ้น


   “คุณจิณครับ”


   เจ้าของชื่อหันมอง ทำหน้าซื่อ แต่ดวงตาใสระยิบมีประกายแพรวพราวชนิดที่ดนัยจับได้ว่าอีกฝ่ายจงใจทำเรื่องบางเรื่อง


   “คุณยังไม่ได้กรอกตัวเลขครับ” ดนัยพูดเสียงเรียบ แล้วส่งเช็คคืน จ้องดุราวกับจะบอกว่าให้จิณณะลงตัวเลขให้เรียบร้อย


ไม่ใช่เพราะดนัยไม่คิดว่าตนเองควรจะได้ของขวัญปีใหม่มูลค่าเท่าไรจากเจ้านายที่แสนดูแลยากรายนี้ แต่...เขาเกรงว่าของขวัญประเภท ‘เช็คไม่กรอกตัวเลข’ จะรู้ถึงหูพิทักษ์ แล้วคราวนี้เขาโดนหนักรับปีใหม่แน่นอน!


   “ว้า! พี่นัยตาดีเกินไปแล้ว!”


จิณณะทำเป็นร้องอย่างเสียดาย “นี่ผมกะจะทำตัวรวยๆแบบพระเอกในละครที่ส่งเช็คเปล่าไง”


   “กรอกตัวเลขครับ” ดนัยย้ำ


   สุดท้ายจิณณะก็ทำหน้าเบื่อ พ่นหายใจเฮือกใหญ่


   “ก็ได้ๆ เขียนตัวเลขหลายหลักมันเปลืองหมึกผมนะ...”


   “ไม่ต้องเขียนหลายหลักครับ”


   “ไม่หลายหลักแล้วจะเรียกว่าของขวัญได้ไง!” เจ้านายสายเปย์ถึงกับเงยหน้ามองแล้วเถียงทันควัน


   “ถ้าหลายหลัก รบกวนฝากคุณทิศมาให้ผมแล้วกันนะครับ”


พอดนัยว่ามาอย่างนี้ อย่าว่าแต่จิณณะจะเถียงออกเลย แม้กระทั่งปากยังอ้าไม่ขึ้น


   ...ขืนฝากพี่ทิศไปให้ พี่ทิศก็รู้น่ะสิว่าเขียนเช็คให้เท่าไร!...


   “เออๆ! ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอลูกน้องคนไหนแบบพี่นัยเลยรู้มั้ย ให้ไปกรอกตัวเลขเองก็ไม่เอา ให้เยอะก็ไม่เอา งง”


   “ไม่ต้องงงครับ ผมแค่ไม่อยากโดนหางเลขไปด้วย แค่เหมาไข่ไก่ก่อนหน้านี้ก็เรื่องใหญ่แล้ว ไหนจะต้นคริสต์มาสกับดาวสั่งทำพิเศษของคุณ ผมยังไม่รู้เลยว่าชีวิตปีหน้าของผมจะเป็นยังไง”



พอดนัยพูดแล้วเหลือบไปทางต้นคริสต์มาสกับกล่องกำมะหยี จิณณะก็ถึงกับเม้มปาก


   เรื่องไข่ไก่น่ะข้ามไปเถอะ เพราะตอนนี้ไม่มีหลักฐานเหลือสักฟองในมือเขาแล้ว ก็ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ส่วนเรื่องต้นคริสต์มาสกับดาวสั่งทำพิเศษ...


   พิทักษ์เดาราคาได้แน่ถ้าฉุกใจ เพราะฉะนั้น...อย่าทำให้พิทักษ์ฉุกใจเท่านั้นก็พอ!


   “รีบเขียนเข้าเถอะครับ คุณยังไม่ได้ตกแต่งต้นคริสต์มาสเลย เดี๋ยวก็ไม่ทันคุณทิศกลับมา” ดนัยทำใจยอมรับการโดนหางเลขแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือให้พิทักษ์กลับมาเห็นต้นคริสต์มาสสวยๆ จิตใจจะได้ปลอดโปร่ง จะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบามากที่สุด


   “รู้แล้วล่ะหน่า! ถ้าโดนพี่ทิศดุจะบอกว่าพี่นัยไม่รู้เรื่อง จะไม่ให้พี่นัยโดนไปด้วย”


   “ขอบคุณครับ” ดนัยตอบ แต่เพราะทำงานด้วยกันมานาน ครั้นจะเอาแต่ความปลอดภัยตัวเอง ก็รู้สึกชอบกล จิณณะเป็นคนมีน้ำใจ เขาเองก็อยากมอบน้ำใจกลับเช่นกัน


   และน้ำใจของเขา...มาในรูปแบบคำเตือน หลังจากชะโงกหน้าเห็นจำนวนตัวเลขที่เจ้านายตัวแสบเขียนลงบนเช็ค


“...เท่านั้นพอแล้วครับ ถ้าใส่อีกหลัก คุณทิศดุแน่ๆ”


ได้ยินแต่ชื่อคนรัก จิณณะก็เกิดหมั่นไส้ขึ้นมา


   “นี่พี่นัย ปีหน้าเราทำชาเล้นจ์กันมั้ย ใครพูดชื่อพี่ทิศมากกว่ากันใน 1 วัน หักเงินวันละ 500”


   “ถ้าถูกหักขึ้นมาจริงๆ คุณจิณจะเดือดร้อนนะครับ หัก 500 คุณไม่น่าเหลือเงินพอใช้”


พอกินน่ะพอแน่ แต่คนมือเติบชอบซื้อของฝากคนนั้นคนนี้ แน่นอนว่าไม่พอใช้ แล้วถ้าจิณณะไม่พอใช้ คนเดือดร้อนจะเป็นใคร ไม่ใช่ดนัย แต่เป็นพิทักษ์น่ะสิ


   “โอเคๆ ไม่เล่นอะไรทั้งนั้นก็ได้!” จิณณะตัดใจทุกอย่าง ส่งเช็คให้อีกฝ่าย ก่อนจะสั่งให้ดนัยกลับไปได้แล้ว ตัวเขาจะเป็นคนตกแต่งต้นคริสต์มาสนี้ด้วยตัวเอง


   เมื่อเจ้านายสั่ง ดนัยก็ไม่ขัด เขาขอตัวออกมา แต่ไม่วายหันกลับไปมองบ้านของพิทักษ์อย่างห่วงใย ก่อนจะถอนหายใจยาว


   ...หวังว่าปีหน้า ผมจะได้ทำงานกับคุณเหมือนปีที่ผ่านมา อย่าถูกคุณทิศดุจนเป็นลมตายไปเสียก่อนล่ะ คุณจิณ...


........................


   พิทักษ์เคยคิดว่า...สวรรค์ค่อนข้างใจดีกับเขามาก...


นอกจากการเสียมารดาแต่เล็ก ชีวิตของเขาก็ไม่มีเรื่องให้ต้องเผชิญกับความลุ่มๆดอนๆมากนัก เรียกได้ว่าเส้นชีวิตราบเรียบ ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ชีวิตเหมือนก้าวเดินไปตามลำดับขั้นตอน


   จนกระทั่ง...ได้พบจิณณะ


   พบไม่พอ ยังคบหาเป็นคนรักด้วย!


   ประเด็นหลังนี่ล่ะ ที่ทำให้พิทักษ์รู้สึกว่าเหมือนโดนสวรรค์เอาคืน!


   ถ้าคิดว่าการที่ถูกยิงจนบาดเจ็บสาหัสจะเป็นการเอาคืนของสวรรค์แล้ว พิทักษ์ก็กล้าบอกได้เลยว่าเรื่องนั้น เขายังพอเตรียมใจล่วงหน้าได้ เพราะช่วงนั้นจิณณะตกอยู่ในอันตราย วันใดวันหนึ่งอาจถูกลอบทำร้าย ซึ่งเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะปกป้องอีกฝ่ายให้ถึงที่สุด


ส่วนตอนนี้สิ...ตอนนี้ทุกอย่างจบลงด้วยดี จิณณะไม่มีเรื่องบาดหมางกับใครอีก คนที่มีเรื่องบาดหมางกับจิณณะก็ตายไปแล้ว ชีวิตจิณณะสงบสุข ชีวิตพิทักษ์ก็ควรจะสงบสุขเช่นกัน


แต่...ชีวิตจิณณะที่สงบสุข ไม่เคยทำให้พิทักษ์สงบสุขไปด้วย!


แทบทุกวันมีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์ ถ้าช่วงไหนใกล้เทศกาลก็คือเตรียมใจไว้ได้เลยว่าเซอร์ไพรส์หนักกว่าวันธรรมดาเป็น 2 เท่า!


และนี่คือเทศกาลคริสต์มาส คิดว่าการเซอร์ไพรส์ของจิณณะจะระดับไหนล่ะ


   “จิณ...” พิทักษ์ครางเสียงแผ่วทันทีที่เหยียบเท้าเข้าบ้านแล้วพบว่าบ้านของเขาที่มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น และใช้สีคุมโทนไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด มีบางสิ่งแปลกตาและโดดเด่นออกมาจากเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมด


   ต้นคริสต์มาสสีเขียว ประดับยอดด้วยดาวสีทองแปดแฉกที่ระยิบระยับ รอบต้นตกแต่งด้วยไฟกะพริบ ลูกตุ้มสีสะท้อนแสงวิบๆ และ...ไม่ได้มีแค่ต้นเดียว


   ข้างต้นคริสต์มาส...คือต้นคริสต์มาสอีกต้นที่เป็นจิณณะใส่เสื้อกันหนาวแบบฮู้ดดี้สีเขียว กางเกงสีน้ำตาล สวมหมวกกระดาษแข็งทรงสามเหลี่ยมมีดาวแปดแฉกระยิบระยับอีกอันติดอยู่บนยอดหมวก รอบตัวมีสายรุ้งสีเงินสีทองพันไปมา อุปทานว่าตนเองเป็นต้นคริสต์มาส!


   “เซอร์ไพรส์!!” เจ้าตัวชู 2 แขนร้องอย่างร่าเริง


   ส่วนพิทักษ์ แม้จะเตรียมใจมาแต่เนิ่นๆว่าวันนี้คนรักต้องมีเรื่องเซอร์ไพรส์เขาแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเซอร์ไพรส์ด้วยการแปลงร่างเป็นต้นคริสต์มาส


   ชายหนุ่มหัวเราะ ไม่รู้ว่าเขาขำกับจิณณะ หรือขำตนเองที่มีคนรักเป็นจิณณะกันแน่


   “หัวเราะอะไรอ่ะ อยากแต่งเป็นต้นคริสต์มาสบ้างมั้ย”


คนอุตส่าห์ลงทุนทั้งซื้อต้นคริสต์มาส ทั้งยอมเป็นต้นคริสต์มาสเองเอ่ยปากเหมือนหาเรื่อง


   พิทักษ์ไม่เห็นแก่ความพยายามของเขาเอาซะเลย! ลงทั้งเงิน ลงทั้งแรงขนาดนี้ แทนที่จะประทับใจ ดันหัวเราะซะได้!


   ร่างสูงเดินหัวเราะเข้ามาหาคนที่ยืนบ่นหน้าบูด เขาจับหมวกสามเหลี่ยมบนศีรษะคนรักให้เปิดออก แล้วก็ทำเป็นเลิกคิ้ว


   “อ้าว นึกว่าในนี้จะมีเซอร์ไพรส์อีก”


   จิณณะดึงหมวกกลับมาสวมตามเดิมแล้วทำหน้าหงิก


   “นี่ยังเซอร์ไพรส์ไม่พออีกเหรอ ตรงไหนไม่เซอร์ไพรส์ เอาปากกามาวง” 


หน้าคนทำเซอร์ไพรส์ชักจะหงิกเข้าไปทุกที จนพิทักษ์ที่ยังหัวเราะต้องรีบโอ๋


   “เซอร์ไพรส์ทุกตรง”


   “แน่นะ”


   “เกิดมาไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกเซอร์ไพรส์หนักขนาดนี้” พิทักษ์พูดต่อ ทำเอาจิณณะหัวเราะร่วน


   “พี่ทิศโคตรเว่อ แต่ดีมาก ได้ยินอย่างงี้แล้วใจชื้นเลย ค่อยคุ้มกับที่ลงทุนไปหน่อย” คนพูดเก่งออกปากอย่างภาคภูมิใจ ฝ่ายคนฟัง แม้จะไม่รู้ยอดการลงทุนละเอียดยิบ แต่ฟังแล้วเข้าใจได้ว่าเซอร์ไพรส์นี้ วงเงินลงทุนสูงลิบ


   “ลงทุนไปเท่าไร”


    คำถามต่อมาของพิทักษ์ทำเอาคนที่เมื่อกี้ยังโอ่อย่างภูมิใจถึงกับชะงัก


   “เอ้อ...ก็...ไม่มาก...”


ปากว่าอย่างนั้น แต่คิดหรือว่าจะรอดสายตาพิทักษ์


เขาสูงกว่าจิณณะเล็กน้อย แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะสังเกตเห็นความวิบวับของดาวแปดแฉกที่ประดับอยู่บนหมวกกระดาษแข็ง


   ...หมวกกระดาษน่ะราคาจะสักเท่าไร แต่ดาวแปดแฉกนี่สิ...


   “นี่ราคาเท่าไร” นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของสนามกอล์ฟจับหมวกกระดาษอีกครั้ง แน่นอนว่าจิณณะเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถามถึงราคาหมวกแน่ แต่ถามถึง ‘ยอดหมวก’ ต่างหาก


   แต่...เรื่องหน้าหนา ตีเนียน ขอให้ไว้ใจ จิณณะ  วงศ์กีรติ


   “เห็นผมเป็นร้านสมใจเหรอ ถามราคากระดาษแข็งเนี่ย ฮ่าฮ่า!” ชิ่งอ้อมโลกไปพูดถึงร้านเครื่องเขียนก็ได้อีก บอกแล้วว่าเรื่องเบี่ยงประเด็นของให้ไว้ใจหลานชายคุณกอบกุล


   แต่...โปรดอย่าลืมว่าพิทักษ์ก็หลานชายคุณเทียม


   “พี่ไม่ได้ถามถึงหมวกกระดาษ พี่ถามถึงดาวที่อยู่บนหมวกกระดาษ”


   คราวนี้จิณณะเริ่มกลืนน้ำลายไม่ลง กะพริบตาปริบๆ คิดไม่ออกว่าจะหาทางลงให้ตัวเองยังไง!


   “เท่าไร” ร่างสูงถามย้ำ


   “ของเก๊พี่! เบาทั้งน้ำหนักทั้งราคา ฮ่าฮ่า!”


แถเอาสีข้างเข้าถูจนเนื้อตัวถลอก แต่ก็ยังมีหน้าหัวเราะสร้างบรรยากาศตลก ทว่า...ตลกออกแค่เสียง ในใจเริ่มร้อนรุ่มจนแม้แต่อากาศเย็นๆช่วงปลายธันวาคมก็ไม่ช่วยอะไร!


   ...เหงื่อกาฬแตกเต็มหลัง! ไอ้เสื้อกันหนาวที่ใส่นี่ก็กะให้เข้ากับบรรยากาศหน้าหนาว ที่ไหนได้! ใส่แล้วร้อนฉิบเป๋ง!...


   “จิณรู้ใช่มั้ยว่าพี่เช็คได้ ของแท้ ของปลอม น้ำหนักเท่าไร ราคาเท่าไร”


   อย่าว่าแต่กลืนน้ำลายไม่ลงเลย กระทั่งหายใจ จิณณะก็เริ่มหายใจไม่ออก


   “ดาวราคาเท่าไร” พิทักษ์ถามซ้ำ


   “คือ...”


   ดูท่าแล้วจะตอบยาก แม้ไม่เห็นสายตาหลุกหลิก แต่ร่างสูงก็รู้ว่าจิณณะกำลังหาทางลงสำหรับเรื่องนี้


   เห็นแก่เทศกาลคริสต์มาส เขาจะใจดีถามนำให้ก็ได้


   “ทองแท้มั้ย” ไม่ต้องถามว่ากี่บาท เอาแค่คำตอบว่าแท้หรือไม่


   “เอ่อ...ก็...ก็ซื้อจากร้านทอง...”


   “เพชรมีใบเซอร์ฯมั้ย” ไม่ต้องถามว่ากี่กะรัต เอาแค่มีใบ Certificate รึเปล่า


   “เอ่อ...ม...มี...”


สองคำตอบทั้งเรื่องทองเรื่องเพชรเป็นอันบอกชัดว่าจิณณะ  วงศ์กีรติทุ่มไม่อั้นจริงๆ สำหรับดาวแปดแฉกอันนี้


   พิทักษ์ไม่รู้จะพูดยังไงกับความสายเปย์ของคนรัก เขาก็รู้อยู่หรอกว่ากับบางเรื่อง จิณณะก็แทบไม่ใช้เงิน แต่กับบางเรื่องที่...ไม่ค่อยมีประโยชน์ เจ้าตัวกลับใช้ไม่อั้น


   “ผม...ช่วยคนรู้จักซื้อ แล้ว...แล้วเขาก็รับขึ้นรูปแบบที่อยากได้ด้วย แต่สร้อย แหวน พวกเราก็ไม่ใส่ ผมก็เลย...ง่า...คือ...คือคริสต์มาสก็มีทุกปีใช่มั้ยล่ะ ถ้าเอามาทำเป็นของตกแต่งก็น่าจะดี...แล้ว! แล้วตอนนอกเทศกาล เราก็เอามาประดับบ้านก็ได้ ผมมองไว้แล้ว เอาไว้ตรงหัวนอนพวกเราไง!” จิณณะสารภาพพร้อมแนวทางในการใช้ดาวประดับสั่งทำพิเศษให้คุ้มราคา


ต่อให้จะรักกันชนิดตายแทนกันได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกเรื่องของพวกเขาเหมือนกัน อย่างน้อยๆก็เรื่องใช้เงินที่แตกต่างกันอย่างสุดโต่ง


พิทักษ์จ่ายตามเหตุผล ส่วนจิณณะซื้อตามใจอยาก


   “อ่า...ผม...ผมแค่อยากให้มีต้นคริสต์มาสในบ้านพี่ทิศ เอ่อ...แล้ว...แล้วก็อยากจัดทุกปี แล้วดาว...มันก็ใช้ได้ทุกปี เลยคิดว่ามันก็คุ้ม แต่ถ้า...ถ้าพี่ทิศไม่ชอบ...ผม...จะลองหาดู เผื่อมีใครอยากซื้อต่อ...”


   ความตั้งใจจริงของจิณณะ ไม่ใช่พิทักษ์ไม่รับรู้ ดาวแปดแฉกนี่นอกจากจะราคาไม่เบาแล้ว ยังต้องสั่งทำ แสดงว่าเจ้าตัวเตรียมการมาพอสมควร พอเห็นแบบนี้แล้ว เขาจะใจร้ายดุต่อไปได้อย่างไร


   ร่างสูงถอนหายใจเบา สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนกับอีกฝ่ายทุกที


   “พี่ไม่เคยจัดต้นคริสต์มาสเลย รู้มั้ย”


   จิณณะเงยหน้ามองคนรัก น้ำเสียงของพิทักษ์ไม่ได้เคร่งเหมือนตอนถามเรื่องราคาอีกแล้ว สีหน้าก็เหมือนจะปลงอะไรสักอย่าง ซึ่ง...ไม่รู้หรอกว่าปลงเรื่องอะไร แต่ฟังจากที่อีกฝ่ายชวนคุยเรื่องต้นคริสต์มาสแล้ว เหมือนจะเห็นสัญญานที่ดีแหะ!


   “ตอนเด็กๆก็ไม่เคยเหรอ?” จิณณะถาม ทำเป็นไม่พูดถึงเรื่องดาวแปดแฉกและราคาของมันอีก


   พิทักษ์ส่ายหน้า


   “แล้ววันคริสต์มาสทำไรอ่ะ”


   “ก็ไม่ทำอะไร ใช้ชีวิตปกติ”


   “ปกติแบบที่ในบ้านไม่มีต้นคริสต์มาสน่ะนะ?!”


   พิทักษ์ชักนึกขำคนรัก ดูเจ้าตัวจะชอบเทศกาลนี้เอามากๆ


   “จิณมีต้นคริสต์มาสในบ้านทุกปี?”


   “แน่นอน!”


   “คุณกอบกุลไม่ว่าเหรอ”


คำถามของพิทักษ์นั้นคาดเดาคำตอบได้อยู่แล้ว


หากเป็นต้นคริสต์มาสที่ลูกหลานคนอื่นจัด คุณกอบกุลอาจจะขมวดคิ้ว เคืองๆตาสักหน่อย แต่ถ้าเป็นต้นคริสต์มาสที่จิณณะจัดแล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าเป็นชนวนสงครามแน่นอน!


   แต่...อากัปกิริยาที่คุณกอบกุลมีต่อต้นคริสต์มาสซึ่งจัดโดยจิณณะว่าคาดเดาได้แล้ว ท่าทีของจิณณะที่มีต่อการแอนตี้ของคุณกอบกุลก็คาดเดาได้ไม่ต่างกัน


   เจ้าตัวยักไหล่ ทำหน้าตาไม่ยี่หระ


   “แล้วไง ก็จะจัด ใครจะทำไม พี่ทิศเหอะ ไม่เคยจัดต้นคริสต์มาสจริงดิ!”


   พิทักษ์พยักหน้ารับ “ก็ไม่รู้จะจัดทำไม ไม่ได้นับถือศาสนาเขาด้วย”


   “เฮ้ย! ของยังงี้ไม่เกี่ยวกับศาสนา! มันเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกับเทศกาลต่างหาก!” จิณณะแย้ง แล้วก็เกิดไอเดียขึ้นมา


“พี่ทิศรอเดี๋ยว ผมไปเอาบันไดก่อน” แล้วเจ้าตัวก็ผลุบหายไปที่ห้องเก็บของ เอาบันไดอะลูมีเนียมแบบพับได้ออกมาตั้งข้างต้นคริสต์มาส คว้ากล่องกระดาษใบหนึ่ง กำลังจะปีนขึ้นไปปลดลูกตุ้มและของประดับจากต้นมาใส่กล่องแต่ร่างสูงคว้าแขนไว้แล้วถาม


   “ทำอะไรน่ะ”


   “ก็จะจัดต้นคริสต์มาสใหม่ไง”


   “จัดทำไม นี่ก็จัดเสร็จแล้ว”


   “จะให้พี่ทิศจัดด้วย” เจ้าตัวว่าอย่างนั้น สายตาและสีหน้าจริงจัง ทำให้คนไม่เคยจัดต้นคริสต์มาสนึกอุ่นไปทั้งหัวใจ


แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันแสดงให้เห็นว่าจิณณะใส่ใจกระทั่งกับเรื่องเล็กๆอย่างนี้


   ...สวรรค์อาจจะเอาคืนให้เขาได้ใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม เมื่อเขาพบจิณณะ...


   แต่ในการเอาคืนของสวรรค์ก็เหมือนมอบรางวัลให้เขา ด้วยการให้จิณณะใส่ใจเขาถึงเพียงนี้


   “แกะเฉพาะข้างล่างก็พอ ไม่ต้องปีนแล้ว” พิทักษ์พูดพลางยิ้มจาง


   “จะดีเหรอ”


   “ดี”


   “งั้น...ปีนี้พี่ทิศลองแต่งแค่ข้างล่างก่อนแล้วกันนะ ปีหน้าจะให้แต่งทั้งต้นเลย” ตัวต้นคิดพูดพลางยิ้ม ก่อนจะหันไปเริ่มแกะลูกตุ้ม และสายรุ้งลงจากต้น พิทักษ์จะเข้าไปช่วย แต่เจ้าตัวรีบหันมาบอก


   “ไม่ได้ๆ พี่ทิศยังไม่เคยแต่งต้นคริสต์มาส จะมาเก็บต้นคริสต์มาสก่อนไม่ได้สิ ไปรอเฉยๆเลย ผมทำเสร็จแล้วจะเรียก” แล้วก็ดันพิทักษ์ให้ออกไปยืนข้างๆ ร่างสูงยิ้มขันด้วยความเอ็นดู แต่ก็ยอมยืนเฉยมองคนรักก้มๆเงยๆอยู่ตรงต้นคริสต์มาสพักหนึ่ง ก่อนจะหันมาเรียกเขาอีกรอบ


   “อ่ะ! มาจัดต้นคริสต์มาสกัน!”


ตัวป่วนที่เข้ามาทำให้ชีวิตของพิทักษ์ไม่เหมือนเดิม ชวนพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง


   ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้หรือไม่ แต่รอยยิ้มแบบนี้ สว่างไสวยิ่งกว่าดาวแปดแฉกที่อยู่บนหมวกกระดาษแข็งเสียอีก


   จิณณะเริ่มตกแต่งต้นคริสต์มาสใหม่อีกหน พิทักษ์มองตามมือของคนรัก เห็นอีกฝ่ายหยิบตุ๊กตาซานต้าคลอสตัวเล็กๆที่ถือกล่องของขวัญมาห้อยบนกิ่งเขียวๆของต้น


สัญลักษณ์ของคริสต์มาส นอกจากต้นคริสต์มาส กวางเรนเดียร์ ก็ต้องไม่ลืมชายชราร่างท้วมมีเคราสีขาวสวมชุดสีแดง ชายชราผู้ใจดีที่มอบของขวัญสร้างความสุขให้กับผู้คน


   แต่นั่นมันนิทานปรัมปรา ใครๆก็รู้ว่าซานต้าคลอสไม่มีจริง และเพราะไม่มีจริง พิทักษ์ก็เลยไม่เคยสนใจ


   เขาไม่เคยสนใจวันคริสต์มาส เห็นเพียงว่ามันเป็นเทศกาลที่ทำให้ผู้คนออกมาจับจ่ายใช้สอย เมื่อโลกหมุนด้วยทุนนิยม คริสต์มาสก็กลายเป็นเพียงน้ำมันหล่อลื่นของกงล้อทุนนิยม


   เขาไม่ทันได้คิด...คริสต์มาสอาจจะเป็นเพียงเทศกาลหนึ่งในรอบปี อาจเป็นแค่ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงเวลาหนึ่งของปี และซานต้าคลอสก็เป็นเพียงนิทานหลอกเด็กประจำปี


ทั้งซานต้า กวางเรนเดียร์เหาะบนอากาศ หรือของขวัญที่หล่นลงมาทางปล่องไฟล้วนไม่มีจริง


แต่...คริสต์มาสก็เป็นเทศกาลแห่งความสุข และความสุข...มีอยู่จริง


   และคนคนหนึ่ง...ที่นำความสุขเข้ามาในชีวิตของพิทักษ์...ก็มีอยู่จริง


หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ ลูกไก่ในกำมือ...=> หน้าที่ 48 (21/08/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Dezair ที่ 24-12-2021 21:29:20
   ดวงตาคมทอดมองร่างสูงโปร่งที่กำลังยืดตัวเพื่อห้อยลูกตุ้มบนกิ่งที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไปอีก แต่คงจะเกี่ยวเชือกกับกิ่งไม่ดี ลูกตุ้มตกแต่งถึงหล่นลงกับพื้นดังก๊องแก๊ง เจ้าตัวก็รีบยื่นเท้าไปกันเจ้าลูกกลมๆไม่ให้กลิ้งไปไกล ก่อนจะก้มลงหยิบมาห้อยใหม่ ซึ่ง...ก็ยังยืดตัวจนสุดแขนเหมือนเดิม


   ห้อยลูกตุ้มอันนั้นเสร็จ ก็หันไปหยิบลูกตุ้มอีกอันมาห้อยจุดอื่น เดินวนแทบรอบ เดี๋ยวก้มเดี๋ยวเงย หมวกสามเหลี่ยมบนศีรษะผงกไปผงกมา ยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กซนๆ น่าเอ็นดู


   “อ้าว! ไม่จัดต้นคริสต์มาสเหรอ”


จิณณะหันมาเห็นคนรักยืนนิ่งมองเขาก็ร้องถาม ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายออกปากว่าไม่เคยจัดต้นคริสต์มาสมาก่อน บางทีอาจจะทำตัวไม่ถูก ถ้าไม่มีคนแนะนำ


หลานชายตัวแสบของคุณกอบกุลหันไปหยิบกล่องของขวัญชิ้นเล็กๆที่มีเชือกห้อยมาส่งให้


   “อ่ะ เอาอันนี้ พี่ทิศอยากห้อยตรงไหน ห้อยเลย อ้อ! แล้วก็ใส่อันนี้ จะได้เข้ากับเทศกาล” จิณณะพูดแล้วดึงหมวกสามเหลี่ยมบนศีรษะตัวเองไปวางบนศีรษะของคนรัก


ผู้ชายหน้าดุที่มักทำหน้าจริงจังเวลาอยู่กับคนอื่นๆ เวลานี้กลับสวมหมวกกระดาษที่มีดาวแปดแฉกส่องประกายระยิบระยับล้อแสงไฟ เห็นอย่างนั้นแล้วก็ทำให้จิณณะหัวเราะท้องแข็ง


   “หัวเราะเข้าไป” ร่างสูงทำเป็นดุ


   “ใส่แล้วหล่อหน่า ยังงี้ต้องถ่ายรูปส่งให้น้าภาดู” จิณณะเสนอ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องจะถ่ายคนรัก แต่พิทักษ์จับคนแนะนำหมุนให้มายืนด้วยกัน


   “แม่ภาก็อยากเห็นจิณ”


   จิณณะคนหล่อ เรื่องถ่ายรูปนั้นไม่หวั่น อีกฝ่ายให้ถ่ายด้วยกัน เขาก็พร้อมเสนอหน้าอยู่แล้ว


เขาเปิดกล้องหน้า ยืดแขนออกจนสุดเพื่อถ่ายให้ครบทั้งพิทักษ์ที่สวมหมวกสามเหลี่ยม ตัวเขา และต้นคริสต์มาสใกล้ๆ


   “เหมือนมีต้นคริสต์มาส 2 ต้นเลย” ตัวแสบดูรูปในโทรศัพท์แล้วหัวเราะ เพราะเสื้อเขียวของเขาเขียวได้ใจ แถมยังมีสายรุ้งพันรอบตัวอีกต่างหาก “พี่ทิศเอารูปเดี่ยวมั้ย เผื่ออยากส่งให้คนอื่นบ้าง”


   “พี่จะส่งให้ใคร”


   “เอ้า! ก็ส่งให้เพื่อนงี้ พวกพี่คุณไง แบบสวัสดีวันคริสต์มาสอ่ะ!”


พิทักษ์หัวเราะแล้วส่ายหน้า ก่อนจะถาม


“จิณส่งเหรอ”


   “แน่นอน! ส่งให้พ่อ แม่ ไอ้จา ลุงป้าน้าอา ไอ้ชิต แล้วก็พวกเพื่อนๆ รุ่นพี่รุ่นน้อง...” พูดแล้วก็เหมือนนึกขึ้นได้ว่าในบรรดาคนรอบตัวเขาทั้งหมด มีอยู่คนนึงที่...ควรได้รับการ ‘สวัสดีวันคริสต์มาส’ จากเขาที่สุด


   ...คุณย่า...


   หลานชายนอกคอกกระตุกยิ้มมุมปาก กดนิ้วจิ้มไม่กี่ที รูปของตน พิทักษ์และต้นคริสต์มาสก็ถูกส่งไปหาหญิงชราผู้เป็นใหญ่ที่สุดในวงศ์กีรติ พร้อมด้วยข้อความ


   ‘เมอร์รี่ คริสตัลครับ’


   “เอ้ยเชี่ย!”


ตอนนั้นเองที่จิณณะเพิ่งเห็นว่าความอัจฉริยะของเทคโนโลยีทำพิษให้เขาเสียแล้ว!


ระบบกลับเลือกคำว่า คริสตัล แทนที่จะเป็นคริสต์มาส! แต่จะกดลบก็ไม่ทันเพราะอีกฝ่ายกดอ่านไปเรียบร้อย จิณณะอยากจะกรีดร้อง!


   ...เสียหน้ากับใครไม่ว่า แต่เสียหน้ากับย่าตัวเองไม่ได้!...


   พิทักษ์เห็นคนรักทำตาเหลือกแถมสบถ จึงมองเลยไปยังโทรศัพท์ในมือ เห็นข้อความของตัวแสบที่ส่งไป และข้อความจากคู่สนทนาที่ส่งกลับมาพอดี


   ‘คริสต์มาส สะกดแบบนี้’


   แต่จิณณะคนหัวไว เรื่องอะไรจะยอมรับว่าสะกดผิด! รีบรัวนิ้วโต้ตอบกลับไป


   ‘ผมให้ดูหมวกพี่ทิศต่างหาก’


   ‘มีแต่แกที่ตาถั่ว เห็นเพชรเป็นคริสตัล’


   จิณณะทำเสียงจิ๊ปาก คนแก่หูตาฟ่าฟางมีที่ไหนบ้างไม่รู้ แต่ที่ตระกูลวงศ์กีรติ คนแก่หูตาดี แม้กระทั่งดูจากรูป คุณกอบกุลยังดูออกว่าดาวแปดแฉกบนหมวกของพิทักษ์ใช้เพชรจริง!


   “ยอมคุณกอบไปเถอะ จิณ” ร่างสูงกลั้นยิ้มขำพลางแนะนำ


ฝ่ายหลานชายคุณกอบกุลเห็นคนรักว่าอย่างนั้น ก็ได้แต่ถอนหายใจ พิมพ์ข้อความกลับไปหาคุณย่าเพื่อจบเรื่องนี้อย่างหล่อๆ


   ‘พี่ทิศบอกให้ยอม ผมยอมก็ได้’


   เขาพิมพ์ไปประโยคหนึ่ง กัดริมฝีปากช่างใจเล็กน้อย แล้วก็ตัดสินใจพิมพ์อีกประโยค คราวนี้อ่านทวนรอบหนึ่งก่อน เห็นว่าไม่พิมพ์ผิดแล้วก็ค่อยกดส่ง


   ‘เมอร์รี่ คริสต์มาสอีกทีครับ’


   คู่สนทนาอ่านทุกข้อความแล้วก็เงียบไป จิณณะกำลังจะเก็บโทรศัพท์ หันไปแต่งต้นคริสต์มาสต่อ แต่หน้าจอห้องสนทนาของเขากับคุณกอบกุล กลับมีข้อความปรากฎขึ้น


   ‘เมอร์รี่ คริสต์มาส’


   ชายหนุ่มมองข้อความนั้น ไม่มีความขุ่นมัวบนสีหน้า ไม่มีรอยย่นคิ้วบนหน้าผาก มีเพียงรอยยิ้มจางปรากฏ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ แล้วหันไปหยิบตุ๊กตาซานต้าคลอสตัวเล็กมาห้อยต้นคริสต์มาสต่อ


   พิทักษ์เห็นทุกเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ เห็นแม้กระทั่งตอนที่จิณณะยิ้ม...เมื่อได้รับข้อความจากคุณกอบกุล


   คริสต์มาสทำให้วันธรรมดากลายเป็นวันพิเศษ ทำให้คนธรรมดาสักคนมีโอกาสสร้างความสุขให้กับคนรอบข้าง และถ้าคนธรรมดาจะเป็นใครก็ได้ พิทักษ์...ก็อยากทำให้กับจิณณะมีความสุขที่สุดในวันคริสต์มาสเช่นกัน


   เขาเดินเข้าไปหา สอดสองแขนโอบเอวเข้ามากอด แล้วพูดเสียงเบาข้างหู


   “เมอร์รี่ คริสต์มาส จิณ”


   จิณณะนิ่งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่านอกจากจะได้รับข้อความจากคุณกอบกุลแล้ว เขายังได้รับอ้อมแขนอบอุ่น และน้ำเสียงทุ้มอ่อนโยนจากคนรัก หัวใจของเขาเต็มตื้นไปด้วยความสุข พูดเสียงเบาไม่ต่างกัน


   “เมอร์รี่ คริสต์มาส พี่ทิศ”


FIN

(แถม)


   


   พิทักษ์พันสายรุ้งรอบต้นคริสต์มาส แล้วก็ถอยออกมามองผลงานของตนเอง เขากวาดตามองจากช่วงล่างขึ้นไปถึงยอด แล้วตอนนั้น ก็ถึงได้สังเกตอะไรบางอย่าง


ดาวที่อยู่บนยอดต้นคริสต์มาส ทำไมมัน...คล้าย...


ชายหนุ่มถอดหมวกที่ตนเองสวมอยู่ออกมา แล้วก็เงยหน้ามองดาวแปดแฉกบนยอดต้นคริสต์มาสอีกครั้ง แล้วถึงหันไปมองคนรักที่กำลังสนุกอยู่กับการตกแต่งต้นคริสต์มาส


อะไรบางอย่าง...ทำให้เขาสังหรณ์ใจ


“ดาวแปดแฉก...สวยดีนะ” พิทักษ์พูด


“ใช่มั้ยล่ะ! ร้านของญาติพี่ชุนเอง พี่ทิศจำพี่ชุนได้ใช่มะ ฝั่งป๊าพี่ชุนทำกิจการพวกเพชรๆทองๆนี่ล่ะ ผมก็เลยให้เขาช่วย” คนพูดเก่งอวดไม่หยุด ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกตะล่อมให้เผยไต๋ ตอนแรกที่เจ้าตัวบอกว่า ‘ช่วยคนรู้จักซื้อ’ นั้นเป็นการบิดคำ เพราะซื้อกับคนรู้จักจริงๆ แต่เป็นการ ‘สั่งซื้อ’ ไม่ใช่ ‘ช่วยซื้อ’ แต่อย่างใด


พิทักษ์เริ่มจับเท็จตัวแสบได้ แต่ยังไม่ออกตัวตอนนี้ เขามีอีกเรื่องที่อยากรู้


“จิณออกแบบเองเหรอ”


“ใช่สิ! เห็นอย่างงี้ผมก็ก็เก่งศิลปะนะ” พูดไปก้มลงห้อยแคนดี้เคนกับกิ่งต้นคริสต์มาสไป


“ดีนะ เขายอมขึ้นรูปให้เป็นพิเศษ ปกติ ถ้าไม่ใช่พวกเครื่องประดับ เขาไม่น่ารับทำแค่ชิ้นเดียว” พิทักษ์เปรย


“ชิ้นเดียวที่ไหน ผมสั่งไปสอง” มัวแต่สนใจตกแต่ง คราวนี้ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม


“สอง?” พิทักษ์ทวน


   ตอนนั้นเองที่จิณณะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาหลุดปากอีกแล้ว แต่จะสงบปากสงบคำ เรียกคำพูดคืนก็ไม่ทัน ได้แต่ยิ้มแหย


   “คือ...คือ...ถ้าทำหลายอัน ก็จะได้ลดราคา...”


   “จิณ” เรียกชื่อคำเดียวแบบนี้ ก็รู้แล้วว่าความหายนะกำลังจะมาเยือน


   “ง่า...คือ...คือ เราอยู่กันสองคน อะไรๆมันก็ควรจะมีคู่ไง! ก็เนี่ย! อันนึงติดบนต้นคริสต์มาส อีกอันเอามาติดบนหมวก เท่ออก!”  จิณณะรีบแก้ตัวพัลวัน “...แล้ว! แล้ว! แล้วถ้าเราจัดต้นคริสต์มาสทุกปี จัดสัก 20 ปีก็คุ้มแล้วนะ ถ้าพี่อยากคุ้ม ก็ให้ผมจัดต้นคริสต์มาสไปอีก 20 ปีไง!”


   เจอเหตุผลนี้เข้าไป พิทักษ์ที่กำลังจะดุถึงกับดุไม่ออก จากที่กำลังจะเครียดเพราะความสุรุ่ยสุร่ายของคนรัก กลายเป็นทั้งขำทั้งอยากเขกหัวตัวแสบ


   หลานคุณกอบกุลเห็นคนรักเงียบไป ก็ตะล่อมอีกหน่อย


   “พี่ทิศ...ไม่โกรธแล้วเนอะ จัดต้นคริสต์มาส 20 ครั้ง เอาดาวมาติด 20 ทีก็คุ้มแล้ว เชื่อผมเหอะ”


   ร่างสูงระอาใจจะดุจนได้แต่เงียบ จิณณะเห็นอีกฝ่ายมองเขาแล้วไม่พูดอะไร ก็ลดแลกแจกแถมแบบใจป้ำตามประสาสายเปย์


   “เอางี้! ถ้าพี่ตกลงภายในสิบนาทีนี้ ผมแถมให้อีก 5 ปี เป็น 25 ปี แต่ถ้าพี่ตกลงเดี๋ยวนี้ ผมอยู่จัดต้นคริสต์มาสกับพี่ตลอดชีวิตเลย!”


   “พูดแล้วนะว่าจะจัดต้นคริสต์มาสกับพี่ตลอดชีวิต” พิทักษ์ย้ำ


   จิณณะตบอกปั่กๆ “คนอย่างจิณณะ  วงศ์กีรติพูดแล้วไม่คืนคำ!”


   แล้วต้นคริสต์มาสกับดาวประดับแปดแฉกสั่งทำพิเศษ...ก็กลายเป็นดีลแห่งรักของจิณณะกับพิทักษ์ไปโดยปริยาย!



FIN




รู้สึกปีนี้ ตอนพิเศษจะเป็นเรื่องซ้ำๆ ขอโทษสำหรับคนที่อยากอ่านเรื่องอื่นๆด้วยนะคะ พอเขียนตอนพิเศษเรื่องไหนสักเรื่อง โทนของเรื่องนั้นก็จะทำให้อยากเขียนเพิ่มอีกตอนไปด้วยงี้ แต่ถ้าใครคิดถึงพี่ทิศกับจิณ ก็หวังว่าจะเอาใจช่วยจิณณะต่อไปด้วยนะคะ (อย่าลืมว่าจิณยังเหลือเรื่องเหมาไข่ไก่ ที่ยังไม่ได้เคลียร์กับพี่ทิศนะคะ ฮ่าฮ่า)


ยังไม่ เมอร์รี่ คริสต์มาสเพราะเหลืออีกสองเรื่อง เดี๋ยวมาลงดึกๆหน่อยค่ะ


ขอบคุณคนอ่าน คนติดตาม คนเม้นท์ คนคิดถึงพี่ทิศกับจิณ และทุกกำลังใจ รวมถึงพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 25-12-2021 14:55:53
 :laugh: :m20: สนุกสนานเว่อ น้อนนนจิณตัวโน้ยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 25-12-2021 21:53:29
 :impress2: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-12-2021 23:02:43
เอาใจช่วยคุณดนัย.. :mc2:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: PoyPay ที่ 27-12-2021 02:01:33
รอสุขสันต์วันปีใหม่ด้วยกระเช้าไข่ไก่ใช่มัยคะ... ^0^ ...
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 27-12-2021 13:53:25
 :m20: ขอบคุณครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-12-2021 17:55:18
น่าร้ากกกก
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะคะ
น่าจะมีแถม2 ตอนคุณดนัยโดนดุ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 01-01-2022 16:58:04
พี่ทิศก็ใจอ่อนกับน้องตลอดเลย เนี่ยอยากให้ลงโทษหนักๆ ซักทีเอาให้ลุกไม่ขึ้นไปเลย 5555

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 06-01-2022 17:16:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: P_Ple ที่ 07-01-2022 09:19:33
ทั้ง 2 คนนี้ยังน่ารักเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 08-01-2022 16:05:51
ขอบคุณคุณบัวค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 17-01-2022 23:34:20
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า

สนุกมากกกกก   :laugh:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-01-2022 20:33:01
อยู่กับจิณณะไม่มีเบื่อ เพราะลูกบ้าเยอะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 23-01-2022 00:52:39
น่ารักกกกก ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษครับบบบบ รักจิณกับพี่ทิศ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 23-01-2022 10:25:53
ยังๆ เหลือเหมาไข่ไก่อีกกระทง  :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: analogue ที่ 24-01-2022 13:11:21
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: mikimj ที่ 26-01-2022 19:15:18
น่ารักอบอุ่นมากค่ะ ขอบคุณนะคะ :L1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 20-03-2022 00:36:43
น่ารักมากมาย ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 20-03-2022 17:05:08
ขอบคุณนะคะ คิดถึงค่ะฮือออ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Tonson777 ที่ 07-04-2022 21:54:09
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ อ่านแล้วก็คิดถึงจนต้องกลับไปอ่านซ้ำอีกรอบ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 15-12-2022 21:33:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 27-12-2022 19:50:31
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 03-01-2023 22:33:43
มาอ่านซ้ำๆ อีกหลายๆ รอบ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Sunset and Eeyore ที่ 15-02-2023 05:44:07
ขอบคุณค่ะ คุณบัวเขียนเรื่องนี้ดีจังค่ะ ช่วงแรกเขินตัวบิดเลย แอบชอบพระเอกสไตล์นี้มาก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 17-04-2023 17:52:27
วนมาอ่านซ้ำช่วงหยุดยาว
ขอบคุณอีกครั้งกับเรื่องราวที่อ่านไปก็ยังยิ้มไปของคุณ​นักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 19-09-2023 09:58:53
จิณ น่าร๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: ิbatatak ที่ 27-12-2023 16:06:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่านจบได้ยาวๆเลย สนุกมากค่ะ  ชอบคนเขียนค่ะ เดี๋ยวจะตามหาอ่าเรื่องอื่นอีกค่ะ ต้องสนุก ละมุนละไม ดีต่อใจแน่ๆ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
เริ่มหัวข้อโดย: Bs_sai69 ที่ 19-01-2024 23:31:36
 :ling2: :mew1: