...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ระบบอุปถัมภ์...ตอนพิเศษ คริสต์มาส...=> หน้าที่ 48 (24/12/2021)  (อ่าน 305670 ครั้ง)

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไม่ผิดจากที่พี่ทิศคิดเลย ทำไมแม่นแบบนี้
แล้วดูสิ จะดึงความสนใจได้จริงไหม

ทิศคือยังไม่รู้ตัวว่าทำไมต้องช่วยขนาดนี้
ได้หลงคุณปลัดแน่นอนจ้าแบบนี้

จิณเอ้ยย อยู่นิ่งบ้างก็ได้ คงได้ป่วนกันอีกแน่
สงสารชิต หลอนไปเลยน่ะ ทั้งที่ไม่รู้เรื่อง


ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เป็นห่วงจิณ

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ถ้าจิณณะทำแบบนี้ การให้คนอื่นมาช่วยก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยอ่ะ เพราะสุดท้ายตัวเองก็โดนเพ่งเล็งอยู่ดี น่าจะปรึกษาลุงเทียมเนาะ ว่าจะตามตัวยังไงดี เพราะพี่ทิศเองก็จะโดนลูกหลงไปด้วย

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ตายร้าว พี่จักรกับของขัวญ โดนท่านเสรี จองตัวเป็นเขยด้วย

เราจะฟ้องพี่โตกับหมูอ้วนขนม ชริ๊ๆ

เอิ่ม ปลัดหางานเพิ่มเหรอ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ปลัดจิณเอาตัวเองเป็นเป้า แทนเพื่อน แล้วพี่ทิศจะช่วยน้องยังไงหล่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ตาทองสุกไปเหยียบหางใครเขาล่ะ เขาถึงกัดไม่ปล่อยขนาดนี้ ซวยปลัดจิณจริง ๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
คุณปลัดหางานเพิ่มอีกแล้ว :katai1:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
น้องตัวแสบ พี่ทิศคงต้องปวดหัวไปอีกนาน 555
ชอบความแค่มองตาก็รู้ใจ ขนาดคุณย่ายังแอบคิดนิดนึง

ออฟไลน์ popuri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
จิณจะหาเรื่องปวดหัวให้พี่เค้าอีกแล้วเหรอลู้กกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
คุณพิทักษ์ ดูแลน้องปลัดด้วยยยยยยยย :a5: :a5:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ปลัดทำอะไรไม่ท่งไม่ถามสักคำเลย

ออฟไลน์ haramoonlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วิมลกิตติ ก็มาาาาาา 5555+ สงสารพี่ทิศต้องปวดหัวกะคุณปลัดอีกเท่าไหร่น้ออออ

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……


พี่ทิศแสนจะสุภาพบุรุษ เอ็นดูน้อง ช่วยแบบไม่คิดรับผลตอบแทน ขอความจริงใจเท่านั้น

น้องจิณณ์คิดจะทำอะไร ปรึกษาพี่ทิศหน่อยนะ  พี่เขามาตามเก็บงานให้น้องตลอด


 :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:


……


ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
คุณกอบกุลคงเห็นแล้วสินะ คู่นี้เขามองตาก็รู้ใจค่ะ (รู้ทันด้วย555+)

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รอให้ถึงวันพฤหัสไม่ไหวแล้วค่า

จิณจะตกหลุมพี่ทิศไปก่อนซะละมั้งนี่

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อันตรายเหลือเกิน  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
จิณณะซ่าอีกแล้วจ้า
พี่ทิศกุมขมับรอได้เลย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
จิณทำแบบนี้พี่ทิศจะปวดหัวเพิ่มเอานะ เป็นห่วงมากเลย

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ครอบครัว ของขวัญก็มา  โอ้ยๆ มีความสุข คุณปะล้าด สร้างปัญหา ให้พี่ทิศเป็นห่วงอีกล๊าวววว คุณย่ามีหลานจิณ หน้าเหมือนปู่ ดูต่างหน้า ด้วย อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ norimaki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
เง้อเข้าใจที่จิณทำเลยจะให้คนอื่นมาเดือดร้อนแทนคงทำใจไม่ได้แน่ๆ
พี่ทิศเหนื่อยหน่อยนะ น้องเล่นใหญ่ตลอดอยู่แล้ว
เขาเริ่มมองตากันก็เข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆแล้วค๊าท่านผู้ชม
ในความเครียดของจิณทำไมฉันฟินฟ่ะ ฮ่าๆๆ รอตอนต่อไปอย่างใจจดจ่อเลยยยย

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ระบบอุปถัมภ์
By: Dezair
……………………..
   ตอนที่ 6


เรื่องถึงหู...


หูที่ว่า...แน่นอนว่าเป็นหูของคุณเทียมผู้เคยออกปากกลางงานศพว่าจะส่งคนช่วยดูแลความปลอดภัยภรรยาม่ายของคนตาย แล้วพอถึงหูคุณเทียม เรื่องก็ย่อมถึงหูหลานชายของคุณเทียม


พิทักษ์คิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าจิณณะคิดจะทำเรื่องใหญ่ เจ้าตัวไม่สงบเสงี่ยมแต่แหวกหญ้าประกาศตัวเองว่าสนิทสนมกับบ้านของทองสุก เพื่อให้คนที่กำลังตามจ้องจะเล่นงานวรชิตเบี่ยงปากกระบอกปืนมาที่จิณณะแทน


ก่อปัญหาเสมอ!


เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มเก็บรวบรวมอารมณ์โมโหของตนเองลงกับอก ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดเข้ามาโดยเลขานุการ


   “ปลัดจิณมาแล้วค่ะ”


ข้างหลังของหล่อนคือข้าราชการหนุ่มที่วันนี้ยังคงยูนิฟอร์มอย่างเดิมคือเสื้อโปโลสกรีนชื่อที่ว่าการ


   “ให้คนยกอาหารมาเลย”


เพราะจิณณะก่อเรื่อง พิทักษ์จึงไม่คิดจะลงไปทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหาร เขาต้องการความเป็นส่วนตัวในการอบรมสั่งสอนคนที่ชอบแก้ปัญหาด้วยการก่อปัญหาซ้ำซาก


   ปลัดหนุ่มผู้มาฝากท้องที่สนามกอล์ฟแทบทุกวันเลิกคิ้วเล็กน้อย ตอนแรกก็เอะใจอยู่หรอกที่พอมาถึงแล้ว พนักงานของที่นี่บอกให้เขาขึ้นมาที่สำนักงานชั้นบน คิดเอาเองว่าพิทักษ์ยังทำงานไม่เสร็จ แต่พอกวาดตาดูก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะยุ่งจนโงหัวไม่ขึ้นเลย


   แต่ก็ยังให้เขาขึ้นมาที่นี่ แถมสั่งให้ยกอาหารมาทานข้างบนอีกต่างหาก


   เลขานุการออกไปทำตามสั่ง อึดใจเดียวพนักงานจากห้องอาหารก็ขึ้นมาพร้อมกับอาหาร 3-4 อย่าง โต๊ะประชุมเล็กๆในห้องกลายเป็นโต๊ะอาหารไปในทันที


   รอจนกระทั่งคนอื่นออกจากห้องไปหมดแล้ว และประตูปิดลงแล้ว จิณณะถึงได้หันมาทางเจ้าของห้อง


   “งานไม่เสร็จหรือพี่” เขาถาม ทั้งๆที่เห็นเต็มสองตาว่านอกจากแฟ้มเอกสารที่วางสุมอยู่ฝั่งหนึ่ง โน้ตบุ้คที่เปิดคาไว้ แต่พิทักษ์ไม่ได้ดูวุ่นวายกับงานแต่อย่างใด


   “คุณไปบ้านภรรยาของทองสุกทำไม”


ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมาคือคำถามของเจ้าของห้อง จิณณะเม้มปากเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะไปอย่างเอิกกะเหริกมากไปหน่อยจริงๆ เรื่องถึงได้ดังมาถึงพิทักษ์ด้วย


   “ก็...ไปเยี่ยม ผมกับพี่สุกรู้จักกันนะ เขาเพิ่งตายจะให้ผมตัดหางปล่อยวัดครอบครัวเขาแล้วหรือ” คนฟังพ่นลมหายใจเบา คิดเอาไว้แล้วว่าคนอย่างจิณณะไม่มีทางตอบความจริง


   “คุณไปเพราะอยากให้คนที่คิดจะทำร้ายเพื่อนของคุณ หันมาทางคุณแทนต่างหาก”


ปลัดหนุ่มเงียบ เบือนหน้าไปทางอื่น ไม่ยอมสบตาคนพูด


   “คุณรู้รึเปล่าว่ากำลังทำอะไร พวกนั้นจ้องจะเก็บคนที่อยู่กับทองสุกในคืนนั้น! และคุณกำลังทำให้พวกมันสงสัยว่าเป็นคุณ!”


   “แล้วพี่จะให้พวกมันเก็บเพื่อนผมแทนหรือ?!! ไอ้ชิตเป็นเพื่อนผม!!” จิณณะระเบิดโพล่งออกมา


ความกลัวตายก็เรื่องหนึ่ง แต่ความเป็นเพื่อน มิตรภาพ ความช่วยเหลือที่วรชิตมีให้เขาก็ยังสะท้อนอยู่ในใจทุกเมื่อเชื่อวัน ยิ่งเห็นเพื่อนวิตกกังวลและอมทุกข์ เขาก็ยิ่งอยู่เฉยไม่ได้


   เรื่องมันเกิดขึ้นที่เขา! ก็ไม่ควรต้องมีใครมารับกรรมแทนไม่ใช่หรือ!


   “ไอ้ชิตเป็นเพื่อนผม ถ้ามันเป็นอะไรเพราะพวกนั้นเข้าใจผิด ผม...ผม...” เขาไม่ได้กล้าหาญคิดจะรับกระสุนแทนใคร แต่ก็ทำใจไม่ได้เช่นกันที่จะต้องมีคนมารับกระสุนแทนเขาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่


   ทั้งสีหน้า ทั้งแววตา จากคนกวนโมโหที่มักชอบทำหน้าตาระรื่น มาบัดนี้ไม่เหลือแม้แต่ราศีสักนิด จิณณะในเวลานี้อ่อนแอเสียจนพิทักษ์ยังต้องลดความโกรธเคืองในใจลง เขาลุกจากโต๊ะเดินเข้ามาหา ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัว แต่ก็ยืนใกล้เพียงพอที่จะถามด้วยน้ำเสียงเบา


   “ทำไมพวกนั้นถึงคิดว่าเพื่อนของคุณอยู่กับทองสุกในวันเกิดเหตุ” เพราะเป็นคำถามที่ไม่ได้คาดคั้นเอาผิด ไม่ได้กดดันจนทำให้ยิ่งเคร่งเครียด จิณณะเลยพลอยพยายามปรับอารมณ์ตัวเองลงด้วยการสูดลมหายใจเข้าลึก



   “ไม่รู้ อาจจะ...อาจจะเพราะพี่สุกเป็นสายให้ฝ่ายป้องกัน ไอ้ชิตเป็นปลัดฝ่ายป้องกัน”


   “เป็นสายเรื่องอะไร”


   “ผมจะไปรู้ได้ยังไง”


   “ถ้าอย่างนั้นก็ไปถามเพื่อนคุณ” ดูเหมือนจะเป็นคำแนะนำที่สิ้นคิดสำหรับจิณณะ มันจุดความหงุดหงิดในใจพรวดขึ้นมาอีก


   “เพื่อนผมที่กำลังจะเป็นบ้าเพราะถูกจ้องเล่นงานน่ะหรือ?! พี่จะให้อยู่ดีๆผมก็ไปถามมันเรื่องนี้เนี่ยนะ?!!”


พิทักษ์ไม่ถือสาความหงุดหงิดเจ้าอารมณ์ของอีกฝ่ายในเวลานี้ เขารู้ว่าจิณณะทั้งเครียดและกังวล ไหนจะชีวิตของตนเอง ไหนจะชีวิตของเพื่อน ไม่รู้ว่าใครจะตายก่อนกัน และที่สำคัญ...ไม่มีใครอยากตายทั้งนั้น


   “ตั้งสติหน่อย” เขาปราม น้ำเสียงทุ้มขึ้นเล็กน้อย คนที่กำลังหงุดหงิดเลยได้แต่หันหน้าหนีไปทางอื่น


   “ผมไม่ได้ให้อยู่ดีๆไปถาม เพื่อนคุณตอนนี้เขาคงไม่อยากอยู่คนเดียว ชวนเขาไปค้างกับคุณ แล้วค่อยถามเขา ให้เขาเป็นคนเล่าว่าเขาคิดว่าใครกำลังเล่นงานเขา คิดว่าเกี่ยวกับเรื่องที่ทองสุกตายไหมในเมื่อทองสุกเป็นสายให้ฝ่ายที่เขาทำงานอยู่” เป็นคำแนะนำที่เป็นขั้นเป็นตอนและละเอียดยิบจนจิณณะที่แม้จะหงุดหงิดแต่ก็ต้องหันกลับมามองอย่างตั้งใจฟัง


   พิทักษ์มองตรงมาที่เขา หน้าตาเรียบเฉยเหมือนเคย แต่สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะช่วยเหลือและ...ห่วงใย


   ปลัดหนุ่มไม่รู้ว่าตนเองโชคดีหรือพิทักษ์โชคร้าย โลกถึงได้เหวี่ยงพวกเขาให้มาลงเรือลำเดียวกันทั้งๆที่พิทักษ์จะไม่ต้องลงก็ได้ แต่ถ้าไม่ลง เรือลำนี้คงอับปางเพราะความมุทะลุใจร้อนของเขา


   จากความโกรธ หงุดหงิด กดดันสะสม จิณณะรับรู้ว่าพวกมันกำลังค่อยๆคลายตัวออกมาพร้อมกับลมหายใจของเขา สติและความรู้สึกนึกคิดเริ่มกลับเข้ามา


   พิทักษ์พอจะมองออกว่าคนที่เขาเตือนสติเริ่มกลับเข้ารูปเข้ารอยแล้ว จึงหันไปทางโต๊ะประชุมเล็กที่มีอาหารวางอยู่


   “ทานข้าวเถอะ บ่ายนี้ผมต้องเข้ากรุงเทพฯ”


เจ้าของห้องหมุนตัวเดินไปที่โต๊ะแล้ว จิณณะมองแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย สายตาที่ทอดมองนั้นแปลกไปจากเดิม มันไม่ได้ยียวนกวนโมโหเหมือนทุกที ไม่ได้เคร่งเครียดและเป็นทุกข์เหมือนเมื่อครู่ ทว่าเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ แฝงด้วยความซาบซึ้ง


พิทักษ์หันกลับมามอง หมายจะเอ่ยปากเรียกให้มาทานอาหาร แต่สายตาที่มองมาทำให้เขาได้แต่ยืนนิ่ง ใบหน้าของจิณณะมีรอยยิ้มจางเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้สดใสสวยงามของคนที่อยู่ในโลกแห่งความสุข แต่เป็นรอยยิ้มจากจิตใต้สำนึกในวันที่อ่อนแอ


เป็นรอยยิ้มที่มาจากแรงใจในวันที่เรี่ยวแรงอ่อนล้ากับปัญหาที่ถาโถม


“ขอบคุณนะพี่” เสียงของจิณณะแผ่วเบา ทว่าดังพอให้ได้ยินในห้องที่มีเพียงสองคน


คำตอบของพิทักษ์ไม่ใช่คำพูด แต่เป็นรอยยิ้มจางที่ทำให้คนมองอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ


...ในวันที่มืดแปดด้าน...


...ดีเหลือเกินที่เป็นผู้ชายคนนี้อยู่ที่นี่ในวันนี้...

................................


เย็นนั้นจิณณะชวนวรชิตให้ไปค้างที่บ้านพักของตนเอง ตอนแรกคนถูกชวนทำท่าไม่อยากไป เพราะกลัวว่าจะเอาเรื่องเดือดร้อนไปให้เพื่อน แต่เมื่อถูกคะยั้นคะยอหนักเข้า ความกลัวตายก็ทำให้วรชิตยินยอม


บ้านพักราชการของจิณณะอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของเขานัก โครงสร้างและสภาพเหมือนกันทุกประการเพราะสร้างพร้อมกันเมื่อหลายสิบปีก่อน วรชิตเคยมาบ้านของเพื่อนร่วมอาชีพคนนี้หลายครั้ง และหลายๆครั้งก็มาค้างหลังจากตั้งวงกินดื่มกันจนเมา แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่มาค้างเพราะจิณณะชวนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้มาก่อน


ไม่สิ...ไม่ใช่ว่าไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่เพราะจิณณะเป็นห่วงเขาต่างหาก


วรชิตมองแผ่นหลังของเพื่อนด้วยความเป็นกังวลผสมตื้นตัน


“เอาของขึ้นไปเก็บข้างบนแล้วออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า” เจ้าของบ้านหันมาพูด ก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นแขกยืนมองเขาอยู่


“มึงไม่กลัวหรือ” คำถามแรกของวรชิตนั้นไม่ต้องเกริ่นนำก็รู้ว่าหมายถึงกลัวอะไร ดวงตาของจิณณะไหววูบไปชั่วอึดใจ ความกลัวที่อยู่ในหัวอกของเพื่อนนั้นคือความผิดของเขาต่างหาก แต่...ไม่กล้าพูด ได้แต่โบ้ยไปเรื่องอื่น


“จะกลัวอะไร คนของคุณเทียมคอยดูแลอยู่”


นับตั้งแต่เกิดเหตุกองใบไม้แห้งข้างบ้านพักของวรชิตกลายเป็นกองเพลิงขนาดย่อมๆ พิทักษ์ทำอย่างที่ปากพูดคือขอความช่วยเหลือจากคุณเทียมให้ส่งคนมาช่วยดูแล นอกจากจะดูแลวรชิตแล้ว ยังแบ่งปันมาสอดส่องบ้านพักของจิณณะด้วย


พอพูดถึงคุณเทียม ก็ดูเหมือนวรชิตจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนร่วมงานของเขาคนนี้ไม่ใช่แค่ปลัดอำเภอตัวเล็กๆที่มีนามสกุลมหาเศรษฐีห้อยท้าย แต่ยังมีดีกรีเป็นถึง ‘คนรัก’ ของหลานชายผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอีกต่างหาก


เขาถอนหายใจเบา หากจิณณะจะไม่กลัวอะไรก็ไม่ใช่เรื่องผิด ในเมื่อเจ้าตัวมีความช่วยเหลือทั้งในแง่เงินทุนและเส้นสายขนาดนี้


แต่ตัวเขานี่สิ...ตัวเขาที่เป็นปลัดอำเภอธรรมดา เงินทองไม่ได้มากมาย เส้นสายยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนแบบเขา...จะมีชีวิตรอดไปได้อีกสักกี่วัน


“ไอ้ชิต” เสียงของจิณณะทำเอาคนกำลังเป็นกังวลกับอายุขัยของตนเองต้องเงยหน้ามอง จิณณะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว และกำลังมองตรงมาด้วยสายตาที่แน่วแน่และทรงพลัง


“กูไม่ปล่อยให้มึงเป็นอะไรแน่ๆ” อาจจะเป็นแค่ลมปาก แต่เวลานี้ที่วรชิตจนปัญญา แค่คำพูดเพียงอย่างเดียวก็ช่วยกอบกู้กำลังใจของเขาได้แล้ว


“ขอบใจว่ะ”


“ไป เอาเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บ จะได้ออกไปกินข้าว กินอะไรดี ส้มตำดีไหม” เวลานี้วรชิตไม่มีปากเสียงจะเสนอความคิดเห็นเรื่องอาหารใดๆ เขาได้แต่พยักหน้าเออออไปกับเพื่อนก่อนจะหิ้วกระเป๋าเป้ขึ้นชั้นสอง ปล่อยให้จิณณะได้แต่มองตามแล้วทำได้เพียงเม้มปากแน่นด้วยความสะเทือนใจ


...กูไม่ปล่อยให้มึงเป็นอะไรแน่ๆ...


...กูสัญญา...

................................


แม้จะเป็นเพื่อนร่วมงานกันมานาน แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นจะพูดคุยกันได้ในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับงาน แม้ต่างฝ่ายต่างเป็นปลัด แต่วรชิตเป็นปลัดฝ่ายป้องกัน เรื่องในฝ่ายป้องกันบางเรื่อง ต่อให้กับเพื่อนปลัดด้วยกัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเล่าสู่กันฟัง เรื่องนี้จิณณะรู้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ซักไซ้ตั้งแต่คืนแรกที่วรชิตมาค้างด้วย


เพราะต่างคนต่างเป็นผู้ชาย การอาศัยบ้านเดียวกันหรือการร่วมห้องนอนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ หนำซ้ำยิ่งทำให้ความสนิทสนมเพิ่มพูน


“พรุ่งนี้พี่เข้ากรุงเทพฯไหม ผมอยากกินปาท่องโก๋ เลยว่าจะแวะซื้อ ถ้าพี่อยู่จะได้ซื้อเผื่อ” วรชิตออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็พบว่าจิณณะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่ ดูเหมือนเจ้าตัวจะเห็นว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังแล้ว เลยเบาเสียงลงเล็กน้อย


“งั้นเดี๋ยวผมซื้อเข้าไปให้ เอาอย่างอื่นไหม”


“ครับๆ ไม่ใช้เงินเยอะครับ แค่ปาท่องโก๋จะสักกี่บาท ผมซื้อน้ำเต้าหู้แถมพี่อีกสิบถุงยังมีเงินเหลือใช้ยันสิ้นเดือนเลย” วรชิตไม่ได้ยินว่าปลายสายพูดอะไร แต่คงดุเรื่องการใช้เงินอย่างใจกว้างของจิณณะพอสมควร เขาหัวเราะเบาๆ คิดถึงตอนที่พิทักษ์ไปห้ามทัพสองย่าหลานวงศ์กีรติที่ที่ว่าการแล้วก็ชักอยากรู้ว่าคนอย่างพิทักษ์ชาติที่แล้วทำบุญมาด้วยอะไร


ชาตินี้ถึงเอาจิณณะได้อยู่หมัดเหลือเกิน


“แค่นี้แหละพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้หิ้วปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เต้าฮวยน้ำขิงอย่างละ 10 ถุงไปฝาก” พูดจบ ปลัดอำเภอตัวแสบก็กดตัดสาย ก่อนจะหันมาส่ายหน้ากับวรชิต


“ขี้บ่นฉิบหาย”


“บ่นเรื่องมึงใช้เงินหรือ”


“เออสิ หาว่ากูใช้เงินเก่ง ใช้เงินเก่งอะไร กูซื้อของกินทั้งนั้น แล้วคนที่สนามกอล์ฟก็มีตั้งเยอะ กูซื้อฝากพี่ทิศ แล้วจะปล่อยให้คนอื่นๆมองตามน้ำลายหกรึไง” จิณณะบ่น ทว่าคนเป็นเพื่อนกลับหัวเราะ จนคนบ่นชักตาขวาง ยกเท้าถีบไปที


“หัวเราะเลือกข้างเชียวนะไอ้ชิต” แค่เสียงหัวเราะอย่างเดียวก็รู้แล้วว่าวรชิตชอบอกชอบใจแค่ไหนที่พิทักษ์เคร่งครัดเรื่องการใช้เงินของจิณณะแม้กระทั่งจะซื้อปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้


“ก็กูไม่เคยเห็นใครเอามึงอยู่ขนาดนี้นี่หว่า” ปลัดฝ่ายป้องกันว่าอย่างนั้น ก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งที่โซฟาใกล้เตียง


“กูถามหน่อยสิ มึงกับคุณพิทักษ์ ไปไงมาไงมาลงเอยกันได้วะ”


คำว่าลงเอยเล่นเอาคนถูกถามถึงกับสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะสาเหตุที่ทำให้เขาและพิทักษ์มาลงเอยกันนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้วรชิตกำลังซวยในเวลานี้ แต่ที่สะดุ้งเพราะคำว่า ‘ลงเอย’ ต่างหาก


ศัพท์แสงไอ้ชิตนี่น่ากลัวจริงๆ สมัยสอบเข้ามหาวิทยาลัย ใช้คะแนนภาษาไทยกรุยทางใช่ไหม?


“เอ่อ...ก็...ก็...มันพูดยาก”


“ทำมาเป็นพูดยากกับกู ทีกับคุณพิทักษ์ กูไม่เห็นมึงจะสงบปากสงบคำกับเขาสักที”


“มึงไปเห็นตอนไหน” จิณณะย้อน หน้าตาไม่เชื่อถือคำพูดของเพื่อนสักนิด


“ก็เห็นมึงโทร.คุยกับคุณพิทักษ์ทุกวันนี่ไง”


นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่บ้านของจิณณะ สิ่งที่วรชิตเห็นจนชินตาคือจิณณะคุยโทรศัพท์กับพิทักษ์ บางทีพิทักษ์โทร.มาหาตอนเช้าบ้าง บางทีก็เห็นจิณณะโทร.หาตอนเย็นบ้าง หรือขั้นกว่าคือพิทักษ์แวะมาหาเป็นตัวเป็นตนด้วยซ้ำ


คนฟังชะงักไปเล็กน้อย ได้แต่กะพริบตาปริบๆด้วยคิดไม่ถึงว่าหมู่นี้เขาคุยกับพิทักษ์บ่อยขนาดที่เพื่อนยังออกปาก


...คุยทุกวันจริงหรือ?...


...ทำไมไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าคุยกันทุกวัน...


“กูก็พอเข้าใจนะ แฟนกันก็มีเรื่องสัพเพเหระให้คุยกันทุกวันเป็นธรรมดา ว่าแต่...คุยอะไรกันบ้างวะ เช้านี้อยากกินอะไร เย็นนี้อยากกินที่ไหน อย่างงี้มั้ย ฮึ้ย! กูนึกหน้าคุณพิทักษ์ตอนคุยเรื่องแบบนี้กับมึงไม่ออก” วรชิตไม่คิดว่าคนเคร่งขรึมหน้าตาเรียบเฉยอย่างพิทักษ์จะพูดคุยเรื่องจิปาถะพวกนั้น ทว่าสำหรับจิณณะที่กำลังตรึกตรองกับหัวข้อที่พวกเขาพูดคุยกันในช่วงหลายวันที่ผ่านมาก็พบว่า


แม้จะเริ่มต้นคุยกันด้วยเรื่องอันตราย เรื่องคนแอบตาม เรื่องความเป็นความตายของเขาและวรชิต


แต่ลงท้ายแล้ว ก็มักจบที่ตอนเช้าอยากทานอะไร ตอนเย็นอยากกินที่ไหน อย่างที่วรชิตว่าจริงๆ


เรื่องสัพเพเหระ เรื่องจิปาถะ เรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่กลับเป็นเรื่องที่ยกเอามาคุยกันได้ทุกวัน ทั้งตอนเจอหน้า หรือแม้กระทั่งทางโทรศัพท์


จิณณะไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่เด็กน้อยไม่ประสีประสา มิตรภาพของเพื่อนไม่จำเป็นต้องถามไถ่กันด้วยเรื่องเล็กน้อยอย่างนั้น แต่สำหรับบางความสัมพันธ์...หัวข้อพวกนั้นทำให้บทสนทนายืดยาวออกไป ราวกับ...อยากพูดคุยกันให้มากขึ้นอีกนิด


ลมหายใจของปลัดหนุ่มสะดุดกึก เขาก้มลงมองโทรศัพท์ในมือตนเองแล้วเปิดดูประวัติการโทร.


เบอร์ของพิทักษ์อยู่บนสุดบอกให้รู้ว่าเป็นสายล่าสุดที่เขาพูดคุย เมื่อกดเข้าไปดูก็พบประวัติการโทรและรับสายยาวเหยียด บางวันมากกว่าหนึ่งครั้ง บางวันพูดคุยกันสั้นๆแต่มีทั้งเขาเป็นฝ่ายโทร.หาและฝ่ายพิทักษ์โทร.มา บางวันแค่ครั้งเดียวแต่เวลาสนทนายืดยาวนับชั่วโมง


นี่แค่ประวัติการโทร. ไม่ต้องถามถึงวิธีการสื่อสารทางอื่น จิณณะไม่ต้องเปิดดูก็พอรู้ตัวว่าเขาติดต่อกับพิทักษ์บ่อยกว่าใครคนไหน และไม่ต้องทายเช่นกันว่าแม้จะมีเหตุผลนำหน้าในการติดต่อไป แต่สุดท้ายบทสนทนาก็วกไปหาเรื่องคุยที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไร


ทว่า...บัดนี้ หัวข้อพูดคุยที่ไม่สำคัญเหล่านั้นกลายเป็นหลักฐานชี้ชัดถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังก่อตัว


จิณณะได้แต่กลืนน้ำลาย หัวใจโหวงเหวง ช่องท้องเย็นวาบ สันหลังสะท้าน เพราะความคาดไม่ถึง...

...........................


พิทักษ์พบว่าเช้านี้มีคนเอาปาท่องโก๋ 2 ถุงใหญ่ น้ำเต้าหู้และเต้าฮวยน้ำขิงอย่างละ 10 ถุงมาฝากไว้กับพนักงานต้อนรับของสนามกอล์ฟ พนักงานบอกว่าพอฝากแล้วเจ้าตัวก็กลับขึ้นรถขับออกไปทันที


ชายหนุ่มโคลงศีรษะเล็กน้อย ทั้งๆที่เมื่อวานกำชับแล้วว่าไม่ต้องซื้อมาเยอะเพราะเปลืองเงิน แต่คนใจกว้างมือเติบไม่ได้ฟังคำทักท้วงเลยสักนิด


เขากดโทรศัพท์หาเบอร์โทร.ล่าสุดที่เพิ่งคุยกันเมื่อคืน แต่รอจนสัญญาณรอสายกลายเป็นไม่มีสัญญาณตอบรับ สงสัยเจ้าตัวคงจะกลัวเขาบ่นจึงไม่ยอมรับสาย พิทักษ์เปลี่ยนวิธีการใหม่เป็นการส่งข้อความไปหา


‘ซื้อมาทำไมเยอะแยะ’


ทันทีที่ส่งข้อความไป โปรแกรมแชทก็ขึ้นว่าข้อความของเขาถูกอ่านในทันที ทว่ารออยู่อึดใจใหญ่ๆกลับไม่มีข้อความใดส่งกลับมา พิทักษ์เลิกคิ้วเล็กน้อย คนช่างเถียงอย่างจิณณะไม่ใช่คนนิ่งเงียบใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวแบบนี้เลย เขาส่งข้อความไปหาอีกครั้ง


‘เที่ยงนี้จะมาทานที่นี้ไหม’


คราวนี้ข้อความของเขาไม่ถูกอ่าน พอดีกับที่เลขานุการนำเอกสารเข้ามาในห้อง เขาจึงวางโทรศัพท์ลงแล้วหันไปคุยงานกับหล่อน


จนกระทั่งสิบเอ็ดโมงเศษ เมื่อพิทักษ์มาดูโทรศัพท์อีกครั้งก็พบว่ามีข้อความส่งกลับมา


‘วันนี้ผมไม่ไปนะ’


ชายหนุ่มมองข้อความแล้วเอนหลังพิงพนัก ความรู้สึกแปลกพิกลปรากฏขึ้นในใจ อะไรบางอย่างทำให้เขาตัดสินใจลุกจากโต๊ะ


วันนี้ไม่มีประชุมบ่าย ออกไปทานข้าวข้างนอกบ้างก็ไม่เลว

.........................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2019 19:26:46 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


จิณณะรู้ว่าไม่ควรให้เกิดความรู้สึกอะไรนอกเหนือจากบุญคุณที่พิทักษ์มีต่อเขา การหนีไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่บางทีมันก็เป็นทางออกเดียวที่มี เขาคิดว่าหากข้องเกี่ยวกันเฉพาะบางเรื่อง ไม่ผูกสัมพันธ์หรือสนิทสนมกันมากเกินความจำเป็น อะไรๆก็น่าจะยับยั้งทัน


แต่เพราะรับปากเอาไว้แล้วว่าจะซื้อปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เต้าฮวยน้ำขิงไปฝาก เมื่อเช้าจึงแวะไปที่สนามกอล์ฟก่อน แม้พนักงานจะบอกว่าพิทักษ์มาแล้ว แต่เขาไม่ได้แวะไปทักทาย ฝากของไว้เสร็จก็รีบเผ่น ตอนพิทักษ์โทร.มา เขาถือโทรศัพท์อยู่ในมือแต่ไม่ยอมกดรับสาย ตั้งใจว่าจะส่งข้อความไปบอกว่าเขาไม่ว่าง ไม่สะดวกคุย ก็กลายเป็นพิทักษ์ส่งข้อความมาเสียเอง โปรแกรมแชทจึงขึ้นว่าเขาอ่านข้อความของอีกฝ่ายในทันที ทำเอาจิณณะรีบกดออกแทบไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเห็นว่าอีกฝ่ายส่งข้อความมาถามเรื่องมื้อกลางวัน


ระหว่างพวกเขา แม้จะมีเหตุผลเรื่องความเป็นความตายและเรื่องอันตราย แต่เรากลับพูดคุยกันด้วยเรื่องจิปาถะมากขึ้นทุกทีๆ


จิณณะไม่ปฏิเสธว่าเขาเองก็อยากคุยกับอีกฝ่าย และเพราะไม่ปฏิเสธ ถึงได้รู้ว่าตนเองรู้สึกเช่นไร ซึ่งมันไม่ควรเลย


เขารับปากแล้วว่าเสร็จจากเรื่องนี้ จะคืนอิสระและสถานภาพโสดให้พิทักษ์ หากเขามีชีวิตรอด จะยกบุญคุณของพิทักษ์เอาไว้เหนือหัวไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ


แต่...ความรู้สึกในหัวใจเวลานี้กลับไม่ใช่แค่เรื่องบุญคุณ


แล้วแบบนี้ ถ้าหากจบเรื่องโดยสวัสดิภาพ เขาจะทำใจยกความโสดคืนให้ได้อย่างไรกัน


ทางที่ดีต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม


“วันนี้กูไปกินข้าวเที่ยงด้วยนะ” ก่อนเที่ยงเล็กน้อย จิณณะก็รีบหาเพื่อนกินข้าว ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน วรชิตนั่นเอง


“อ้าว มึงไม่ไปกินกับคุณพิทักษ์หรือ” คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้ม


“กูอยากกินข้าวแกงข้างที่ว่าการบ้างนี่หว่า”


“เฮ้ย! สนามกอล์ฟของคุณพิทักษ์จ้างเชฟโรงแรมเชียวนะเว้ย! เสือกอยากจะมากินข้าวแกง” จิณณะทำเป็นยักไหล่เหมือนไม่แคร์ความเป็นเชฟโรงแรมของพ่อครัวที่สนามกอล์ฟของพิทักษ์แต่อย่างใด


เที่ยงตรง วรชิตและเพื่อนปลัดอีก 2-3 คนรวมถึงจิณณะก็เดินลงมาจากชั้น 2 ทว่าพอก้าวเท้าลงมาที่บันไดขั้นสุดท้าย คนทั้งกลุ่มก็ต้องชะงักกึกเมื่อพบว่ามีใครบางคนยืนอยู่ที่โถงชั้น 1 ของที่ว่าการ


“อ้าว คุณพิทักษ์” วรชิตร้องทักแล้วยกมือไหว้ แม้อายุจะไล่เลี่ยกัน แต่พิทักษ์ก็ได้ชื่อว่าเป็นหลานของผู้มีอิทธิพลในจังหวัด หนำซ้ำยังเป็นตัวตั้งตัวตีช่วยหาคนมาคอยดูแลความปลอดภัยให้เขาอีก


หากเป็นก่อนหน้านี้ จิณณะคงรีบเดินเข้าไปทักทายเช่นกัน แต่เวลานี้ที่ระแคะระคายกับความรู้สึกของตนเอง เขากลับทำหน้าไม่ถูกเมื่อพบว่าคนที่เขาสู้อุตส่าห์หลบหน้ากลับไม่ให้ความร่วมมือกันเลยสักนิด


ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเคยออกจากสนามกอล์ฟ แล้ววันนี้ลมฟ้าลมฝนที่ไหนหอบเอาพิทักษ์มาถึงนี่


วรชิตเหล่มองเพื่อนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหันไปมองผู้มาเยือน


“ผมก็ว่าแล้วว่าทำไมไอ้จิณบอกว่าอยากกินข้าวแกงที่นี่ ที่แท้มันชวนคุณพิทักษ์มาสิท่า” คนฟังเลิกคิ้วเล็กน้อย เหลือบไปมองจิณณะที่ยืนเงียบ แต่พอฝ่ายนั้นเห็นสายตาเขา เจ้าตัวก็ฉีกยิ้มแบบไม่เห็นฟันมาให้


“ไปครับ ไปกัน ร้านข้าวแกงป้าสมานข้างที่ว่าการอร่อยมาก มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง!” วรชิตออกตัว จิณณะรู้ว่าเขาหมดทางรอดแน่แล้ว อย่างไรเสียมื้อนี้ก็ต้องพบหน้ากับพิทักษ์อีกหน เขาลอบถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนที่อุตส่าห์มาถึงที่ว่าการ


“ไปพี่ทิศ ไอ้ชิตไม่ได้จะเลี้ยงใครง่ายๆหรอกนะ มื้อนี้กินเยอะๆล่ะ” พูดแล้วก็ก้าวเท้าออกเดินเป็นการกระตุ้นให้ทั้งกลุ่มต้องเดินตาม พิทักษ์มองแผ่นหลังของคนที่เดินนำอยู่เบื้องหน้า รู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่างที่จิณณะแสดงออก


ทว่าเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร

..............................

พะโล้ แกงเขียวหวาน พะแนง หมูทอด ไข่เจียวใส่ต้นหอม ผัดผัก ผัดพริกขิง ห่อหมก


จิณณะเล็งพะโล้กับพะแนง แต่กับข้าวสองอย่างนี้ไม่น่าจะมาอยู่บนข้าวในจานเดียวกัน เขาไม่คิดว่าตนเองเป็นพระวัดป่าที่แกงสองอย่างสามอย่างจะมาอยู่รวมกันในบาตรเดียวได้ เพราะฉะนั้นต้องเลือก


“จะกินอะไร” คำถามดังขึ้นข้างตัว แต่ปลัดหนุ่มยังตัดสินใจไม่ได้ สายตาจับจ้องทั้งพะโล้และพะแนง


“อยากกินสองอย่างเลย พะโล้กับพะแนง”


“ก็สั่งสองอย่างสิ”


“ราดบนข้าวจานเดียวน่ะหรือ...” ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคครวญ คนข้างกายหัวเราะเบาๆทำให้จิณณะได้สติ เขาหันมองแล้วก็ถึงได้รู้ว่าคนที่ยืนพูดคุยกับเขาเมื่อครู่นี้คือพิทักษ์


...ใจหนอใจ อุตส่าห์หาทางเลี่ยง อีกฝ่ายกลับไม่เห็นใจ มายืนถามยืนคุยอยู่ข้างกายอยู่ดี...


“ถ้าอย่างนั้นก็สั่งใส่ถ้วยแยก เดี๋ยวผมทานด้วย” คนฟังตาโต แต่พิทักษ์ไม่ได้สนใจ เขาหันไปสั่งอาหารกับแม่ค้า


“เอาพะแนงถ้วยนึง พะโล้ถ้วยนึง” จากนั้นก็หันมาทางจิณณะอีกที


“อยากทานอย่างอื่นอีกไหม ผัดผัก? หรือผัดพริกขิง?”


“ไม่เอาแล้ว...” แม้จิณณะจะตอบอย่างนั้น แต่พิทักษ์ก็ยังหันไปสั่งไข่เจียวมาอีกจาน เขาไม่ได้ปล่อยให้วรชิตเป็นคนจ่ายเงิน แต่ตนเองส่งเงินให้แม่ค้าเป็นค่าอาหารของคนทั้งกลุ่ม


“ทุกทีเห็นกินเยอะ ทำไมวันนี้กินน้อย” ก่อนจะกลับไปที่โต๊ะ พิทักษ์ยังมีแก่ใจหันมาถามคนข้างกาย แน่นอนว่าจิณณะตอบตามตรงไม่ได้ เขาจึงหันไปฉีกยิ้ม


“ผมก็มีวันที่หิวกับวันที่ไม่หิวน่ะสิ” คนฟังไม่ซักไซ้อย่างอื่นอีก พวกเขากลับไปนั่งที่โต๊ะที่พวกวรชิตนั่งอยู่ อึดใจเดียว อาหารทั้งแบบจานเดียวและแบบกับข้าวก็ถูกยกมา ตอนนั้นเองที่วรชิตเพิ่งรู้ว่าอาหารของทุกคนในโต๊ะถูกพิทักษ์แย่งจ่ายไปแล้ว เขาครวญเล็กน้อย ก่อนจะชวนคุยเรื่องทั่วๆไป



ทั้งโต๊ะล้วนเป็นปลัด ยกเว้นก็แต่พิทักษ์ ทว่าเพราะต่างเป็นผู้ชายเลยมีเรื่องคุยที่พอจะเข้าทางกันอยู่บ้างอย่างเช่นเรื่องรถยนต์ เครื่องกล หรือแม้แต่พวกมุกตลกที่ค่อนไปทางทะลึ่งตึงตัง เสียงหัวเราะดังเป็นระยะตามแต่บทสนทนาจะพาไป ทว่าพิทักษ์กลับรู้สึกว่าใครบางคนที่เคยร่าเริงและสนุกสนานกลับเงียบกว่าเคย


เขาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าง


จิณณะดูจะตั้งอกตั้งใจหั่นไข่พะโล้เป็นชิ้นๆแล้วตักเข้าปาก แม้ว่าเรื่องที่ใครคนหนึ่งในโต๊ะพูดตอนนี้จะเป็นเรื่องชวนหัว แต่เสียงหัวเราะกลับไม่ดังออกมาจากปากของจิณณะเลยสักนิด


พิทักษ์รู้สึกแปลกใจ แต่เหนือกว่าอะไรคือความห่วงใย เขาจับจ้องคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนานเป็นพิเศษ จนวรชิตยังสังเกต เขารีบส่งสายตาบอกเพื่อนๆปลัดคนอื่นๆให้คุยกันต่อไป แม้ว่าจะมี 2 คนในโต๊ะที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวเวลานี้


หนึ่งคือจิณณะที่กำลังเอาแต่ตาตกมองจานข้าว


สองคือพิทักษ์ที่กำลังจับจ้องคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


วรชิตอยากถ่ายรูปเอาไว้ล้อจิณณะในภายภาคหน้าจริงๆว่าครั้งหนึ่งเจ้าตัวก็เคยถูกมองด้วยสายตาห่วงใยแบบนี้!

.............................

   หลังจากอิ่มหนำจากร้านป้าสมานข้างที่ว่าการ ก็ถึงเวลาต้องกลับไปทำงาน วรชิตเดินนำลูบท้องตนเองออกจากร้านแต่ไม่วายหันมาขอบคุณเจ้ามือมื้อนี้


   “คราวหน้าต้องเป็นตาผมจริงๆแล้วนะครับคุณพิทักษ์” พิทักษ์เพียงยิ้มจางไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ พอดีกับที่จิณณะล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเพราะมีสายเรียกเข้า


   “ครับ แม่” ปลัดหนุ่มเอ่ย เพื่อนปลัดคนอื่นๆรวมถึงวรชิตออกเดินนำไปยังที่ว่าการก่อน ทว่าพิทักษ์ยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงแม้เขาจะไม่ควรยืนฟังการคุยโทรศัพท์ของจิณณะกับครอบครัว แต่เวลานี้เขารู้ปัญหาของจิณณะมากกว่าหนึ่งอย่าง และหนึ่งอย่างในปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นในบ้านของจิณณะเอง


   อย่างเช่น...เรื่องที่ถูกคุณกอบกุลบังคับให้แต่งงาน...   


   ความห่วงใยทำให้เขาอยากรู้จนไม่ยอมก้าวเท้าไปไหน


   “แม่ว่าอะไรนะ?!” เสียงของจิณณะเคร่งเครียด จนพิทักษ์ต้องหันมอง


   ดวงตาของปลัดหนุ่มเบิกโตขึ้นทันทีที่ปลายสายตอบกลับมา เขาเผยอปากอ้าค้างวินาทีหนึ่ง ก่อนจะหุบมันลงแล้วรีบพูดรัวเร็ว


   “ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้!” จิณณะตัดสาย หันมองคนข้างกาย เวลานี้ลืมไปหมดแล้วว่าตนเองต้องเว้นระยะห่างกับพิทักษ์เอาไว้


   “พ...พ่อผมล้ม!” เขาพูดด้วยหัวใจที่เต้นถี่ด้วยความตื่นตระหนก พิทักษ์ชะงักไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตั้งสติอย่างรวดเร็ว


   “ไปรถผม ผมจะขับรถให้!”


   แล้วหลังจากนั้นไม่ถึงห้านาที รถเบนซ์ของพิทักษ์ก็พุ่งทะยานออกจากที่ว่าการกลับเข้ากรุงเทพมหานครทันที!
...........................................

   ตอนที่จิณณะไปถึงโรงพยาบาล มารดาโทรศัพท์มาบอกว่าบิดาถูกย้ายไปพักในห้องพิเศษแล้ว และอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสับขาไวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อไปยังห้องพักพิเศษของโรงพยาบาล


   ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป สายตาของจิณณะกวาดมองหาคนป่วยบนเตียงก่อนใคร แต่ไม่ทันจะก้าวเท้าเข้าไปถึงเตียง เสียงตวาดก็ดังลั่น


   “มาได้แล้วหรือ?!!” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครกันที่เห็นหน้าจิณณะแล้วอารมณ์พุ่งทะยานแม้จะยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันสักนิด


   คุณกอบกุลนั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าถมึงทึงจ้องเขม็งมาที่หลานชายนอกคอก จิณณะเหลือบตาไปมอง เขาไม่พูดอะไรแต่ยกมือไหว้แล้วหันไปหาสตรีอีกคนที่ยืนอยู่อีกข้างของเตียง คราวนี้เขายกมือไหว้แล้วเอ่ยปากถาม


   “พ่อเป็นยังไงบ้าง” สายตาของปลัดหนุ่มจับจ้องที่มารดาของตนราวกับต้องการคำตอบจากหล่อนเพียงคนเดียว ทว่าคุณกอบกุลกลับส่งเสียงขึ้นมาแทน


   “จะเป็นยังไง?! ก็ลื่นล้มในห้องน้ำ! ดีว่าหัวไม่ฟาดอะไรเข้า ไม่งั้นป่านนี้คงไม่ได้นอนที่นี่!”


จิณณะเป็นห่วงบิดาจนไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับผู้เป็นย่าเหมือนเคย เขาเดินตรงเข้าไปหาจรรยา ทำราวกับเสียงของคุณกอบกุลเป็นเพียงเสียงนกเสียงกาที่ฟังไม่รู้เรื่อง


   “หมอว่ายังไง” เขาถามย้ำกับมารดา คราวนี้จรรยาอึกอักเหลือบมองมารดาของสามี


   “แม่” จิณณะเรียกมารดาซ้ำ จรรยาเห็นคุณกอบกุลไม่พูดอะไร หล่อนจึงหันมาทางบุตรชาย


   “หมอว่าไม่มีอะไรน่าห่วง พ่อแค่ล้ม ตอนล้มก็รู้สึกตัว หัวไม่ได้ฟาดอะไรเข้า แต่ถ้าอยากสบายใจ จะทำ CT สแกนก็ได้” คนฟังพยักหน้ารับรู้


   “ถ้างั้นก็ทำเลย จะได้สบายใจ”


   “เหอะ! ทำมาเป็นห่วง! ถ้าแกไม่ดันทุรังไปทำงานที่อื่น พ่อแกก็ไม่ต้องทำงานหนัก นอนไม่พอจนถึงขั้นลื่นล้มในห้องน้ำหรอก!” เสียงของคุณกอบกุลดังขึ้นอีก คราวนี้จิณณะชักจะอดไม่ไหว เขาหันไปมองด้วยสายตาเย็นเยียบ ไม่ได้เจ้าเล่ห์ขี้เล่นอย่างเคย ทว่าผู้เป็นย่ากลับไม่ได้สนใจสายตาของหลานชาย หล่อนเชิดหน้าพูดอย่างถือดีในสิ่งที่หล่อนคิด


   “ตาไกรก็ได้ลูกมาช่วยงาน แกดูลุงแกสิ ตอนนี้มีความสุขกับการออกรอบแค่ไหน! ส่วนยัยกช ถึงตาชุนจะยังไม่กลับมา แต่ก็ช่วยงานจากอังกฤษ จะเหลือก็แต่บ้านแก! ตัวแกเลือกจะเอาแต่ความอยากของตัวเอง งานการที่บ้านไม่ทำ ปล่อยให้พ่อแกทำคนเดียว จะหวังพึ่งน้องแกก็ไม่ได้ เพราะมันยังเรียนไม่จบ คนที่ควรจะเป็นที่พึ่งให้ตาโกควรจะเป็นแก! แต่ดูสิ่งที่แกทำ! เลือกแต่จะทำอย่างที่อยากทำ! ทิ้งภาระไว้ให้พ่อแกคนเดียว!! เนรคุณ!!”


   “คุณแม่!” จรรยาร้องด้วยคิดว่าเรื่องบานปลายไปกันใหญ่ อันที่จริงสามีของหล่อนก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนัก แต่คุณกอบกุลชักเอาทุกเรื่องมารวมกัน ถึงขั้นออกปากว่าจิณณะเนรคุณ


   โชคดีไม่ทันได้เกิดสงคราม เพราะเสียงแผ่วจากบนเตียงดังขึ้นเสียก่อน ทุกสายตาจึงหันไปทางคนเจ็บ


   โกศลลืมตาขึ้นช้าๆ เขากวาดมองไปรอบตัวอย่างมึนงงเล็กน้อย แต่เมื่อพบหน้าบุตรชายคนโตก็เผยยิ้มอ่อนล้าทว่ายินดีออกมา


   “จิณ...” เสียงเรียกชื่อแผ่วเบานั้นทำให้หัวใจเจ้าของชื่อโหวงเหวง เกือบสามสิบปีที่เป็นพ่อลูกกันมา จะว่าเวลาสั้นก็สั้น ยาวก็ยาว แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่เคยสังเกตเลยว่าบิดาของตนเองกำลังถูกวันเวลาพรากสุขภาพและความแข็งแรงไป


   จิณณะก้าวเท้าเข้าไปข้างเตียง แตะมือเบาๆลงกับแขนของบิดา


   “เป็นยังไงบ้างพ่อ” คำถามของเขานั้นเบาแผ่วไม่ต่างจากคนเจ็บบนเตียง ทว่าโกศลก็ยังคงยิ้มจางให้บุตรชายพลางสั่นศีรษะไปมาเล็กน้อย


   “ไม่เป็นไร ไกลหัวใจ...แต่อีกนิดเดียว หัวก็เกือบโหม่งพื้นเหมือนกัน” ไม่วายยังพูดติดตลก จิณณะขำไม่ออก แต่ก็ยังกดมุมปากยกยิ้มให้กับอารมณ์ขันของบิดา โกศลเหลือบไปเห็นชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงของเขา พอสบตากับฝ่ายนั้น ชายหนุ่มก็ยกมือไหว้


   “ทิศก็มาด้วยหรือ” จิณณะเพิ่งรู้ตัวว่ามีพิทักษ์ติดตามมาด้วย


   “พี่ทิศขับรถให้ผม”


   “เกิดง่อยเปลี้ยเสียขาขึ้นมารึไง ถึงต้องให้คนอื่นมาขับรถให้” เสียงของคุณกอบกุลยังคงสร้างความขุ่นเคืองในใจคนฟัง จิณณะเหลือบตามอง เวลานี้เขาไม่มีอารมณ์จิกกัดให้แสบคันอีกแล้ว แต่หากอ้าปากพูดอะไรออกไป คงถูกด่ายิ่งกว่าคำว่าเนรคุณ แต่...ก็ไม่เห็นเป็นไร ไหนๆก็ถูกด่าอยู่แล้ว จะถูกด่าเพิ่มอีกสักข้อก็ไม่เสียหายไปสักเท่าไร


ทว่า...เสียงของคนที่ยืนเงียบมาตั้งแต่ต้นกลับดังขึ้นก่อนที่เขาจะได้อ้าปาก


   “จิณตกใจเรื่องที่พ่อล้ม ผมกลัวว่าเขาจะขับรถไม่ไหว ก็เลยขับรถพาเขามา” น้ำเสียงของพิทักษ์นั้นเรียบเรื่อยเหมือนพูดเรื่องทั่วๆไป แต่ดูก็รู้ว่าออกตัวปกป้องหลานนอกคอกของคุณกอบกุล


   หญิงชราตวัดสายตาไปมอง ให้อย่างไรหล่อนก็ไม่เชื่อในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายคนนี้กับหลานของหล่อน


   “แล้วคุณพิทักษ์ไม่ต้องทำการทำงานรึไง?”


   “ทำครับ แต่เรื่องของจิณสำคัญกว่า”


คุณกอบกุลเม้มปากแน่น เหลือบมามองหลานชาย จิณณะไม่ได้สนใจหล่อน เพราะเอาแต่ช่วยเทน้ำส่งให้บิดาดื่ม ในขณะที่จรรยาเองก็กำลังโทรศัพท์คุยกับลูกชายคนเล็ก เวลานี้คนอื่นๆกำลังวุ่นวายกับเรื่องของตนเอง หากหล่อนจะลับฝีปากก็คงมีแต่พิทักษ์ที่ว่าง


   แต่...การปะทะคารมกับคนนิ่งสงบอย่างพิทักษ์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สุดท้ายคุณกอบกุลจึงหันไปหาเลขานุการส่วนตัว


   “เรียกรถ! ฉันจะกลับ!”


   พายุที่แสนร้ายกาจหายออกจากห้องพักพิเศษไปแล้ว พอประตูปิดลง เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน จะมีก็แต่พิทักษ์ที่ยังคงยืนสงบนิ่งมองสามพ่อแม่ลูกเบื้องหน้า ก่อนที่จิณณะจะหันมาประสานสายตากับเขา


   “พี่ทิศกลับไปก่อนเถอะ ขอบคุณที่พามา” เสียงของคนพูดไม่ได้มีวี่แววร่าเริงเหมือนเคย สีหน้าเรียบแต่สันกรามและลำคอเกร็งขึงนับตั้งแต่ถูกด่าว่าเนรคุณ


   ชายหนุ่มไม่พูดอะไรนอกจากหันไปยกมือไหว้ลาบิดาและมารดาของจิณณะ แล้วจึงเดินออกจากห้อง ทว่าเขาไม่ได้กลับตามที่อีกฝ่ายบอก แต่เดินออกไปที่สวนลอยในชั้นเดียวกันเพื่อโทรศัพท์เรื่องงานในช่วงบ่าย ก่อนจะกลับเข้ามานั่งที่โถงลิฟต์


   พิทักษ์นั่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป จนกระทั่งคนที่เขาคุ้นตาเดินเลี้ยวมาที่โถงลิฟต์


   สายตาของเขาและจิณณะประสานกัน ปลัดหนุ่มอ้าปากเผยอราวกับจะถาม แต่พิทักษ์กลับลุกขึ้นยืน


   “จะไปไหน ผมจะขับรถให้”


   ทั้งๆที่ถูกบอกว่าให้กลับไปก่อน แต่ก็ยังนั่งรออยู่อย่างนี้


ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่จะต้องเสียเวลาที่นี่ แต่พิทักษ์ก็ยังอยู่


ความร้อนผะผ่าวซาบซ่านอยู่ในอกจนจิณณะรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังหลอมละลายจากข้างใน เขาต้องหันหน้าหนีไปอีกทางแล้วเม้มปากแน่น


ความห่วงใยที่มีต่อบิดาทำให้เครียดและเป็นกังวล ไหนจะเรื่องที่ถูกด่าว่าเนรคุณก็ยังดังก้องอยู่ในหัว อารมณ์โกรธและเสียความรู้สึกยังสะท้านในอก ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามารุมล้อมในเวลานี้ จิณณะรู้สึกเหมือนร่างตนเองโงนเงน แต่พอหันกลับมา…ก็ยังพบว่าพิทักษ์ยังคงยืนรอเขาอยู่


...พี่ทิศยังรออยู่ตรงนี้ รอเพียงเพื่อจะถามว่าอยากจะไปไหน รอเพื่อที่จะขับรถพาไปส่ง...


   ‘เรื่องของจิณสำคัญกว่า’


   ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดประโยคนั้นเพื่ออะไร แต่สำหรับจิณณะในเวลานี้ มันกลับเป็นคำพูดที่ชโลมหัวใจที่สุด


   “กลับบ้านกัน...ผมจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาค้างเป็นเพื่อนพ่อคืนนี้...”


   ไม่มีคำพูดอะไร นอกจากการพยักหน้ารับสั้นๆ ก่อนที่พวกเขาจะลงลิฟต์ไปด้วยกันอย่างเงียบๆ

………………….


   โกศลแปลกใจเล็กน้อยที่ยังคงเห็นพิทักษ์กลับเข้ามาพร้อมกับบุตรชายคนโตของตนเอง แต่ฝ่ายนั้นไม่พูดอะไรมากนัก พอมาส่งจิณณะอีกครั้งพร้อมด้วยอุปกรณ์ของใช้จำเป็นสำหรับการค้างคืนที่นี่ เขาก็ขอตัวเมื่อเห็นว่าน้องชายของจิณณะมาถึงแล้ว ครอบครัวคงอยากอยู่กันอย่างเป็นส่วนตัว


   “เดี๋ยวผมเดินไปส่ง” โกศลมองลูกชายคนโตที่ดูจะไม่ได้เคร่งเครียดโกรธขึงเหมือนเมื่อตอนก่อนจะกลับไปเก็บเสื้อผ้ามาค้าง หนำซ้ำยังมีแก่ใจจะเดินไปส่งพิทักษ์อีกต่างหาก


   คล้อยหลังบุตรชายคนโตและแขก สามพ่อแม่ลูกก็ตกอยู่ในความเงียบ


   “พี่ทิศเขาดูแลพี่จิณดีนะครับ” จารีตออกปาก สองสามีภรรยาเหลือบมองกันเล็กน้อย ด้วยเพราะรู้แต่แรกว่าสถานะของสองคนนั้นไม่ใช่อย่างที่บอกคนอื่น


   แต่...ในขณะเดียวกัน ทั้งโกศลและจรรยาก็ดูออกว่าความสัมพันธ์ของพิทักษ์และจิณณะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นมาก อีกทั้งพิทักษ์ยังสามารถ ‘จัดการ’ กับอารมณ์และปฏิกิริยาของจิณณะได้เป็นอย่างดี


   “ตอนแรกผมคิดว่าพี่จิณกับพี่ทิศแกล้งเป็นแฟนกันเฉยๆ แต่สงสัยจะผมจะดูละครมากไปเอง” จารีตพูดต่อแล้วหัวเราะ


   เป็นอันว่าแม้แต่น้องชายที่อายุน้อยกว่า 6 ปี ก็ดูออกว่าความสัมพันธ์ของพิทักษ์และจิณณะไม่ได้ประดักประเดิด


   “จะว่าไปก็เหมาะกันดี ผมนึกไม่ออกว่าถ้าพี่จิณมีแฟนเป็นผู้หญิง จะต้องเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงจะเอาพี่จิณอยู่ แต่พอเป็นพี่ทิศแบบนี้ ก็เออ! เหมาะเลย!” จารีตพูดไปไม่ได้ดูสีหน้าบิดามารดาสักนิด เขาจิ้มผลไม้เข้าปาก พอเงยหน้าขึ้นมองอีกทีก็พบว่าทั้งโกศลและจรรยาเงียบกริบไปแล้ว


   “พ่อกับแม่...เอ่อ...เป็นไรเปล่าครับ”


   จะให้บอกได้อย่างไรว่าทั้งโกศลและจรรยาก็คิดว่าทั้งพิทักษ์และจิณณะดูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่จะผิดจากความเห็นของลูกชายคนเล็กอยู่หน่อยตรงที่


   ‘เหมาะกันดี’


   ให้อย่างไร ทั้งพิทักษ์และจิณณะก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ โกศลและจรรยาอยากเห็นลูกชายคนโตแต่งงานมีครอบครัวตามธรรมเนียมนิยม ยิ่งไปกว่านั้นพิทักษ์เองก็มีสถานะเป็นลูกเลี้ยงของน้องสาวของจรรยา ทางฝั่งนั้นเองก็คงไม่อยากเห็นความ ‘เหมาะกันดี’ ของพิทักษ์และจิณณะเช่นกัน


   “จา...ลงไปซื้อกาแฟให้แม่สักแก้วสิ” จรรยาหาทางเลี่ยงที่จะตอบ จารีตลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง รับออเดอร์แล้วก็เดินออกจากห้องพักไปอีกคน คราวนี้เมื่อเหลือกันเพียงสองสามีภรรยา พวกเขาก็ได้แต่มองหน้ากัน


   ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร สามีภรรยาที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาสามสิบปีมองตาก็รู้ใจ


   ต้องดึงจิณณะกลับมาทำงานที่กรุงเทพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

พี่ทิศเป็นทุกอย่างแล้วจริงๆ ตอนนี้เป็นคนขับรถให้ด้วย ผู้ชายแบบนี้หาได้ที่ไหนคะ ฮ่าฮ่า

คุณกอบกุลเนี่ย เป็นคาร์แรกเตอร์ที่รู้สึกสนุกทุกครั้งที่เขียนถึง เพราะฉะนั้น อย่าโกรธคุณย่าเลยนะคะ แกอาจจะด่าปลัดแรงไปบ้าง แต่ปลัดใจเร็วด่วนได้แค่ไหน คุณย่าก็ต้นตระกูลปลัดนี่แหละค่ะ ใจเร็วปากไว ถอดแบบกันมา ฮ่าฮ่า

ส่วนความมาดแมนของปลัดในตอนนี้ ขอปรบมือให้กับการรู้ใจตัวเองค่ะ (ปลัดกำลังสะสมแต้มความแมนเพื่อเทิร์นโปรเป็นพระเอก แต่จะได้เป็นมั้ย อันนี้ต้องถามพี่ทิศค่ะ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตาม กำลังใจและพื้นที่บอร์ดค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
พี่ทิศคือดี จิณก็คือดี เหมาะกันดี
พี่ทิศ "เรื่องของจิณสำคัญกว่า" โอ๊ยยยย ที่สุด

รอวันเป็นตัวจริงของกันและกัน

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ดูมีความตึงเครียด  :katai5:

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เป็นผมตบปากไปแล้วครับ คนแก่ปากไม่มีหูรูด
คิดว่าตัวเองอาวุโส ใช้อำนาจจนเคยตัว
ไม่ชอบก็อยู่เฉยๆ เงียบปากเถอะ

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 คนพี่นี่ยอมคนน้องได้อบอุ่นมากเลยนะคะ ตอนแรกนึกว่าคนพี่จะระเบิดลงแล้วตอนรู้เรื่องคนน้องเอาตัวไปล่อเป้า กลายเป็นว่ายอมโอนอ่อนกับคนน้องเฉย ชอบโมเมนต์มองตาก็รู้ใจคอยซัพพอร์ทความรู้สึกกันมาก อ่านทีไร ชุ่มชื่นหัวใจทุกที

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
น่าจะได้เป็นนายเอกนะครับแต้มความแมนคงถึงได้แค่นั้น 55555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หญิงย่าเยอะไป

ออฟไลน์ ช็อคโกแลตเย็นไม่ใส่นมข้น

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แอบรู้สึกแปลกทุกทีที่เห็นคำว่าที่ว่าการ เพราะปกติเราจะเรียกอำเภอตลอด  แต่ก็เข้าใจว่าถ้าใช้อำเภอจะสับสนว่าหมายถึงที่ว่าการอำเภอรึตัวอำเภอทั้งหมด ปล.จินอยู่อำเภอไหน ทำไมดูว่าง ขอไปอยู่ด้วย555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด