Kiss the Snow
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Kiss the Snow  (อ่าน 40590 ครั้ง)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #240 เมื่อ20-06-2019 19:08:20 »

(ต่อครับ)

“ทีม นี่มันยังไงกันเนี่ย” ก็ไม่ได้ถึงกับว่าจะไม่เข้าใจที่ธนวัฒน์พูดมาว่าหมายถึงใคร แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับตนเองเยาวเรศยังไม่อยากยอมรับการกระทำของตนเอง
ธนวัฒน์พูดอย่างชัดเจน “ผม และธามด้วย เราจะไม่ยอมให้เรื่องที่เกิดกับโจต้องมาเกิดกับน้องฉันท์ครับ”
ธามันหันมามองน้องที่ยิ่งหน้าซีดหนักลงไปกว่าเดิมแล้วชวนกันออกเดินทาง ปล่อยให้ธนวัฒน์รับหน้าที่พูดคุยกับแม่ต่อไป
แต่ในตอนที่พี่เลี้ยวรถออกจากบ้าน ฉันท์ก็หันกลับไปมองรั้วบ้าน จนสุดแนวรั้วถึงได้หันกลับมามองไปด้านหน้า
“แม่พี่ทีมคงไม่ได้อยากให้พี่ทีมมาเพื่อช่วยเราแน่ๆ”
พี่หัวเราะเบาๆ ขณะที่ส่ายหน้า น้องก็เลยพยักหน้าล้อเลียน “เข้าใจแล้วว่า ทำไมพี่ถึงบอกว่า บ้านพี่มีแต่เรื่องขัดแย้งกัน”
เข้าใจแล้วว่าจุดยืนของธนวัฒน์มีเพียงทำอย่างไรก็ได้ที่มันสวนทางกับความต้องการของทุกคน
ขณะที่ธามันจะยอมรับตราบเท่าที่พูดกันดีๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่การสนทนามีคำสั่ง มีคำประชดประชันเขาจะเดินหนี
“เป็นพ่อแม่พวกพี่นี่ไม่ง่ายเลย” น้องพูดขำๆ “พวกเขาไม่ได้เกลียดเกย์ ไม่ได้เกลียดผม แต่เพราะพวกเขารักพี่มากจึงก็เลยเป็นห่วงว่าพี่จะต้องอยู่กับสายตาและการวิพากษ์วิจารณ์ไปตลอดต่างหาก”
พี่ส่ายหน้า “ตอนพี่อยู่คอลเลจพี่เคยไป...ค้างห้องเพื่อนที่เป็นเกย์ แม่ถึงกับบินไปอยู่อเมริกากับพี่เดือนหนึ่ง เพื่อที่จะชวนพี่ไปงานสมาคม แนะนำให้รู้จักกับลูกสาวของนักธุรกิจ นักการเมืองหลายคนที่เรียนอยู่อเมริกาตอนนั้น”
“ตั้งแต่คอลเลจ มัธยมน่ะนะ” น้องทำปากยื่น “ตอนเป็นเรื่องของตัวเอง คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่พอเป็นพี่ทำไมรู้สึกแปลกๆ”
“แปลกแบบไหน”
“ก็แบบ อืม...คนเขาฮอตจริง”
“ไม่หรอก พี่ไม่ได้คบกับใคร”
“โห แบบนั้นแหละที่เรียกว่าฮอต” น้องค้านเสียงดัง “ใครๆ ก็มาจีบพี่น่ะเรียกว่าฮอต แต่ถ้าพี่จีบเรื่อยเปื่อย คบทีละหลายๆคนจะเรียกอีกอย่าง”
พี่ทำตาขวาง “ไม่ใช่ทั้ง 2 ประเภทน่ะแหละ มีแต่เพื่อน”
น้องกำลังอยากรู้เรื่องต่อ “แล้วพี่โอเคกับคนที่แม่แนะนำไหมฮะ”
“ไม่”
“ไม่น่าถามเลย” น้องพูดเบาๆ เพราะพอจะเดาได้อยู่แล้ว “แล้วพี่ทำไง”
“ก็ไม่ทำไง บอกให้ไปก็ไป แต่ไม่สานต่อ”
“แบบเดียวกับคุณอลิซใช่ไหมฮะ”
“ก็มันจะมีกี่วิธีกันล่ะ ที่เราจะปฏิเสธได้โดยไม่ทำให้ผู้หญิงเขารู้สึกไม่ดี” ขออภัยดร.ธามันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้
น้องเห็นด้วย “แล้วแม่พูดออกมาตรงๆ เลยหรือเปล่าฮะ ว่าอยากให้คบผู้หญิง”
“ไม่ตรงขนาดนั้น ตอนแรกเขาก็จะแนะนำว่า ให้พาไปเที่ยว พอเห็นว่าพี่เฉยๆ เขาก็บอกว่า พ่อแม่ของแต่ละคนทำธุรกิจอะไร ถ้าแต่งงานไปแล้วมีลูกด้วยกัน ธุรกิจจะมั่นคง ถ้าจะไม่สานต่องานในก้องเกียรติกิจการก็ได้”
แต่งงานและมีลูก...เรื่องที่ผู้ชายทำไม่ได้
น้องพยักหน้า “พ่อแม่ที่รักลูกมากๆ นี่เป็นเหมือนกันหมด เขาจะไม่พูดกับเราตรงๆ”
พี่เหลือบตามองคนที่มีสีหน้าเศร้าหมองลง น้องก็เลยอธิบาย
“ไม่ถึงขนาดเกลียด แต่เขาไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์เท่านั้นแหละ” น้องเปลี่ยนมาให้กำลังใจพี่ “ถึงพ่อแม่พี่เขาจะไม่อยากยอมรับผม แต่เขาก็ไม่ได้ไล่ผมออกจากบ้าน...นั่นก็พอแล้ว”
“รู้สึกใจไม่ค่อยดีนะเนี่ย กลัวประโยคต่อไปจะเป็นการขอเลิก”
“บ้าหรือ” น้องเสียงดังทำแก้มพอง “เขารู้ว่าหลายปีมานี้ผม ครอบครัวผมเป็นไง นอกจากผมจะเป็นผู้ชาย ผมยังไม่ได้รวยร้อยล้าน รวมๆแล้ว เขาไม่ได้พูดให้ผมเลิกกับพี่เลยนะ ไม่ได้ตำหนิว่าผมไปหลอกอะไรพี่ด้วย”
“เพราะพี่บอกว่าพี่คือคนที่เข้าหาน้องก่อนต่างหากไง”
“เพราะเขารักพี่มาก” และทำให้คิดถึงพ่อกับโอกาซังมาก
พี่พูดเหมือนอ่านใจน้องได้ “พ่อกับแม่ของชิรายูกิก็มีเหตุผลของเขาเหมือนกัน”
“แต่ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่อธิบายให้ผมฟังแล้ว ว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น แต่พี่ยังสามารถรับฟังเขาได้”
“ก็ฟังมาตลอดน่ะแหละ แต่ปลายทางของคำพูดของเขามันเหมือนเดิม มันก็เลยน่าเบื่อไปหน่อย”
เพื่อไม่ให้พี่เบื่อที่จะคุยกับน้องไปอีกคน น้องก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุย “นี่ เรื่องบ้านน่ะ ที่จริงคือผมเป็นคนเสนอเงื่อนไขนะ”
“เราแลกเปลี่ยนข้อตกลงกันต่างหาก”
“ก็ใช่” น้องเสียงอ่อย
พี่ยกยิ้มมุมปากแล้วส่ายหน้า
“ตั้งแต่จำความได้พี่ก็อยู่กับเงื่อนไขมากมายมาโดยตลอด” บางอย่างมันก็คือความท้าทาย แต่หลายอย่างมันน่าเบื่อ
“ดูเผินๆ เหมือนพี่เป็นคนชอบแข่งขัน อยากเอาชนะ แต่จริงๆ แล้วต่อให้อยากชนะมากขนาดไหน แต่ถ้าเงื่อนไขเยอะแยะพี่จะเท”
“เฉพาะเรื่องในครอบครัวเท่านั้นแหละ”
“เพราะมันเป็นเรื่องที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้”
“เพราะฉะนั้น ก็ไม่ต้องไปแก้ไข เราก็ใช้ชีวิตของเราไป”
“สรุปดื้อๆ เลยหรือ” น้องหัวเราะร่วน พาให้พี่หัวเราะตาม

...จบตอนที่15...
 ใกล้จบแล้วนะจ๊ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #241 เมื่อ20-06-2019 20:37:21 »

ใจเสียหมด​ นึกว่าน้องจะเครียดดราม้าหนัก​ แต่นี้เล่นพากันเทกันแบบดื้อๆเลย​ 5555
คุณแม่เอ้ย​ คิดอะไรได้บ้างไหมหนอ

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #242 เมื่อ21-06-2019 14:04:44 »

คิดถึงเสมอนะคะ น้องน้ำชา กะ  คุณไจฟ์
ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย  ขอเวลาตามเก็บ
เดี๋ยวไล่อ่านทัน  จะเข้ามาใหม่นะคะ :3123:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #243 เมื่อ21-06-2019 17:38:05 »

ปัญหาแต่ละบ้าน โอ๊ยยยย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #244 เมื่อ23-06-2019 07:50:23 »

ปัญหาภายใน เรื้อรัง แก้ยาก ความคิดถูกตีกรอบ
ธามเลยเลือกที่จะเดินออกมา มากกว่าที่จะพาน้องเข้าไป

ฉันท์น่ารัก น้องก็ไม่อยากให้พี่มีปัญหากับคนที่รัก
แต่กลายเป็นถึงจะมีปัญหา พี่ก็จบลงแบบปล่อยผ่าน 5555

เอ็นดูฉันท์ ตอบจิโระยังไงล่ะ โดนพี่แหย่เลยคนเรา
อยากตามไปฮันนีมูนด้วยแล้วค่ะ พี่ชายรับปากแล้ว
ไม่มีน้องเพิ่มนะ จิโระสบายใจได้ กวางเพ้อไปเอง  :hao3:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #245 เมื่อ23-06-2019 09:05:04 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #246 เมื่อ24-06-2019 09:40:41 »


เป็นการพบกันที่เหมือนจะไม่เครียดแต่ก็เครียดนะเอาจริง
คุณแม่นี่คือขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้หรือยังไง  :เฮ้อ:

ว่าแต่อยากจะขอโทษคุณทีมอีกสักรอบจังมีปกป้องน้องออกหน้าด้วย กลายเป็นตัวร้ายที่น่ารักไปเลยแฮะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #247 เมื่อ28-06-2019 06:52:14 »

ติดตามจ้า ไม่เคยผิดหวัง สนุกมากๆ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #248 เมื่อ28-06-2019 08:03:00 »

คนบ้านพี่ธาม

คนบ้านพี่ทีม

ตลกอ่ะ

ดูแล้วไม่มีใครมีความสุข

ในหัวสมองมีแต่แผนการและธุรกิจ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #249 เมื่อ08-07-2019 03:25:17 »

 :katai5: มารอจ้ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
« ตอบ #249 เมื่อ: 08-07-2019 03:25:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #250 เมื่อ08-07-2019 11:19:31 »



ก๊อก ๆ ๆ คิดถึงจ้า  :mew1:  :mew1:



ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Kiss the Snow ตอนที่15 (2/6/2562)
«ตอบ #251 เมื่อ08-07-2019 14:58:46 »

พึ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้อ่านตอนที่ 15 เพราะหัวกระทู้ไม่ได้เปลี่ยนวันที่อะน้ำชา
ยังคิดเลยว่ารอบนี้นานจัง  :hao3:

แต่ก็อยากให้มาอีกเร็วๆ นะ รอๆ


ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #252 เมื่อ08-07-2019 19:02:07 »

ตอนที่16

ทั้งที่ป้าย้ำนักย้ำหนา ว่าเวลาที่อยู่กับพี่เราควรทำตัวร่าเริง แต่ฉันท์ก็มักลืมตัวไปคิดถึงคำพูดของแม่ และคำพูดที่พี่เอื้อยเคยบอกไว้
ก็บรรดาเรื่องราวที่ผ่านไปแล้วและแก้ไขอะไรไม่ได้เหล่านั้น
และก็ยังมีข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริงเหล่านั้น
พ่อตอบโต้ความเกลียดชังด้วยความเกลียดชัง แต่ฉันท์เป็นลูกแม่จึงตอบโต้ด้วยการทำความดีกับคนที่เกลียดเรา
แต่เมื่ออีกฝ่ายคือแม่ของพี่ ทุกคำพูดของแม่คือความจริง คือครอบครัว และคือธุรกิจ
หากวันหนึ่งแม่ยื่นคำขาดให้พี่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง เราจะทำอย่างไรต่อไป
จะเป็นตุ๊กตาหิมะตัวหนึ่งที่ยืนอยู่เฉย ๆ เพื่อรอวันละลายไปอีกครั้งอย่างนั้นหรือ
เมื่อยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องพักชั้น 40 ของโรงแรมหรูมองเส้นขอบฟ้าจดบรรจบของทะเลกับท้องฟ้า ฉันท์ก็พูดขึ้น
“ถึงผมจะบอกตัวเองอยู่ตลอดว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่ แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ไปชอบคนอื่น ไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น” ดวงตาคู่สวยหันมามองคนที่หยุดรื้อของออกจากกระเป๋า แล้วเดินเข้ามากอดเอวไว้หลวม ๆ
จมูกคมก้มลงหอมขมับน้อง
“นี่คือเรื่องที่คิดมาครึ่งวันหรือเปล่า”
ฉันท์ทำหน้ายู่ “หลายเรื่องฮะ แต่ลังเลว่าควรบอกกับพี่ตามตรงดีไหม จะทำให้ผมดูเป็นคนใจแคบหรือเปล่า แต่คิดไปคิดมา คำนี้มันตรงกับใจผมที่สุดแล้ว ผมคิดอย่างนี้จริง ๆ พี่รับได้ไหม”
“อย่างนั้นพี่คงใจแคบเหมือนกัน เพราะพี่ก็ไม่อยากให้ฉันท์ไปชอบคนอื่น หรือแต่งงานกับคนอื่นเหมือนกัน”
“ห๊ะ ผมน่ะนะ” ถึงขนาดนี้แล้วนายฉันท์ทัตจะไปชอบใครที่ไหนได้อีก 
“ใช่สิ” พี่ทำหน้าตาจริงจัง ดึงคางสวยให้เงยขึ้นมารับจูบ “พี่รักขนาดนี้ ไม่อยากให้น้องไปชอบคนอื่นเลย”
ฉันท์หันมาโอบกอดรอบคอพี่ ดวงตาคู่สวยยิ้มพราว
“พี่ฮะ พี่คิดว่ายังมีใครที่เขาจะชอบคนแบบผมอยู่อีกหรือฮะ”
“พี่ไง” ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว
เรื่องนี้รู้อยู่แล้วนี่นา “ผมหมายถึงคนอื่น”
“คนอื่นก็ไม่ได้ ห้ามตั้งคำถามถึงด้วย พี่น่ะทั้งใจแคบ ทั้งเห็นแก่ตัวมากเวลาที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับน้อง”
ฉันท์จูบคางสวย “ขอบคุณฮะ” แต่ถ้าทั้ง 2 คนหวงกันขนาดหนักอย่างที่พูดคงได้พากันอดตายกันทั้งคู่
“ขอผมไปอาบน้ำก่อนนะฮะ”
พี่จูบอีกครั้งแล้วปล่อยให้น้องไปอาบน้ำ พอน้องอาบน้ำเสร็จถึงได้อาบน้ำต่อ แต่พออกมาปรากฏว่าน้องหลับไปแล้ว
คนตัวใหญ่แทรกตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันเพื่อที่จะนอนมองหน้าคนที่กำลังหลับสบาย
จะว่าไปที่นอนวันนี้นุ่มสบาย แต่ฉันท์หลับไปได้สักครึ่งชั่วโมงก็ลืมตาขึ้นมามองคนที่นั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ
“ทำไมนอนแป๊บเดียว พี่เพิ่งจะเปิดโน๊ตบุ๊กทำงานได้ไม่ถึง 5 นาที”
พี่นั่งพิงหัวเตียงวางโน๊ตบุ๊กไว้บนผ้าห่ม เปิดไฟล์งานอยู่ และก็กำลังมองมา
“พี่ก็ทำงานไปสิฮะ” น้องหันไปมองนาฬิกา “รอสัก 4 โมงครึ่งเราค่อยไปเดินเล่นกันก็ได้”
“ดูหนังไหม” พี่ชวน แล้วหยิบรีโมทเปิดโทรทัศน์ให้ จากนั้นก็ทำงานต่อ
คู่รักคนอื่น ๆ เขาเป็นแบบนี้ไหม กว่าจะได้มาเที่ยวด้วยกันช่างยากเย็น แต่พอมาถึงคนหนึ่งนอนดูโทรทัศน์ อีกคนนั่งทำงาน แล้วพอสี่โมงครึ่งก็ชวนกันลงมาเดินเล่น ซึ่งเป็นการเดินที่จริงจังมาก ตั้งแต่ชายหาดไปจนถึงตลาดเพื่อกินข้าว เสร็จแล้วก็กลับมาโรงแรมเพื่อดื่มเบียร์ด้วยกันต่อ
เปิดหน้าต่างห้องพัก สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงนอนระหว่างที่นั่งดื่มเบียร์อยู่ด้วยกัน
“เพิ่งเคยเห็นว่าชิรายูกิดื่ม”
“ผมดื่มครั้งสุดท้ายคือฉลองจบการศึกษา ตื่นขึ้นมาเมาค้างปวดหัวมาก...” แล้วมันก็คือวันที่พ่อกับแม่จากไป แต่สาเหตุที่ไม่ได้ดื่มเลยก็เพราะต้องดูน้อง
“อย่างนั้นพี่ก็ไม่ควรพากลับมาดื่มอีกรอบ”
นี่รู้สึกผิดจริง ๆ นะเพราะน้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี่ดูขัดแย้งกันมากดีที่สั่งเบียร์แค่ 4 ขวด พี่เลยแย่งดื่มไป 3 เหลือให้น้องขวดเดียว
“พี่ขี้หวง” น้องพูดนิ่ง ๆ ทำให้เดาได้ยากว่าหมายถึงเบียร์หรือน้อง
แต่ ณ จุด ๆ นี้พี่โมเมว่าหมายถึงน้อง
คนตัวโตยักไหล่เก็บขวดเบียร์เปล่าออกไปวางไว้หน้าห้อง ส่วนน้องเดินตามไปห้องน้ำ พอเปิดประตูออกมาเห็นพี่ยืนรออยู่
“ทำไมพี่ยังไม่นอน”
“ต้องแปรงฟันก่อนนอนไง”
น้องหัวเราะเบา ๆ พยักหน้าให้มาแปรงฟันอยู่ด้วยกัน
ตอนที่ต่างคนต่างมองอีกฝ่ายผ่านกระจกในห้องน้ำรับรู้ได้เลยว่าอีกคนก็ประหม่าไม่แพ้กัน เพียงแต่พี่เก็บอาการได้ดีกว่า ส่วนน้องเริ่มจากแก้มขึ้นสีแดงเรื่อ จากนั้นลามขึ้นไปถึงหู และลงมาที่อก
ยิ่งบอกตัวเองว่าให้เป็นไปตามธรรมชาติ ก็ยิ่งไม่เป็นธรรมชาติ
มีแต่ความตั้งใจที่มากเกินไป ยิ่งยืนอยู่ข้างกัน ยิ่งรู้สึกว่าน้องตัวเกร็ง
ดวงตาสีสวยที่เหลือบมองพี่มีแต่ความกังวล
ตอนที่กลับมายืนอยู่หน้าเตียง น้องก็สารภาพตามตรง
“พี่ ผมเครียด” มือผอมบางเย็นเฉียบจับที่ข้อศอกตนเอง ทั้งยังรู้สึกว่าคางสั่น
พี่เดินกลับไปปิดไฟในห้องนอน แล้วเดินกลับมาหา “ดีขึ้นไหม”
“นิดหน่อย” น้องออกตัว “ผมผิดปกติไหม” ก็เราอยู่บ้านเดียวกันมาตั้งนาน จูบกันตั้งหลายครั้ง ยังเป็นแบบนี้อีก
“ไม่หรอก” แต่พอพี่จะก้มลงจูบน้องก็แตะอกพี่ไว้
น้องทำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูด ทำให้พี่สงสัย
“ถ้าไม่พร้อม พี่รอได้นะ”
น้องจับข้อมือพี่ไว้ “ผมพยายามจะไม่เครียด ก็กลับไปนึกถึงที่...เขาพูดเกี่ยวกับผมขึ้นมา ก็เลยสับสนนิดหน่อย”
“หลับตา”
น้องทำตามอย่างว่าง่าย พี่ก้มลงจูบที่หน้าผากสวย เปลือกตา แก้มอิ่ม ปลายจมูกลงมาถึงริมฝีปาก
ปลายนิ้วที่แตะคาง ลากลงมาที่ลำคอ ไหล่แล้วโอบเอวบางไว้ แล้วกลับมาดูดเม้มที่ริมฝีปาก
น้องเผยอริมฝีปากรับ
เราเคยจูบกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ที่พี่จูบในเวลานี้ทำให้จูบทุกครั้งที่ผ่านมากลายเป็นเรื่องล้อเล่น
เมื่อเอนตัวลงนอนแล้วพี่คร่อมตัวตามลงมาจูบ ดวงตาหวานเชื่อมที่มองมาทำให้น้องหลบตาไปทางอื่น
“ชิรายูกิ”
“ฮะ”
พี่จูบที่ริมฝีปากอีกครั้งแล้วเรียกชื่ออีกหนพอขานรับพี่ก็จูบแก้มทำให้น้องหัวเราะ
ทั้งดวงตาและรอยยิ้มของพี่ในเวลานี้หวานเชื่อมจนรู้สึกเขิน
“อะไรกัน”
“รักมากไง ”
น้องหลบสายตาลงมาปลายคางพี่พลางพยักหน้า ทำให้พี่แตะปลายคางให้หันมารับจูบหวาน
ไม่ว่าจะจูบกันสักกี่ครั้ง ทุกครั้งก็ไม่เคยเหมือนเดิม
ริมฝีปากพี่จูบไล่ลงมาตามแนวลำคอ มือบางที่จับไหล่พี่อยู่สั่นไหวจนพี่ต้องจับมือประสานไว้ แล้วพลิกจูบหลังมือ
ดวงตาที่เชื่อมประสานเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
“ผมรักพี่”
ความรักที่อ่อนโยน ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายรับการเป็นหนึ่งเดียวที่ไม่รีบร้อน
สัมผัสร่างกายที่ชวนให้หลงใหล ชื่นชมกับทุกสิ่งที่เป็น
มือใหญ่รั้งขาเรียวให้เหนี่ยวเอวไว้แน่นขณะที่ขยับสะโพกสอดใส่ ลมหายใจอุ่นร้อน หยาดเหงื่อผุดพราวที่หน้าผาก ประสานเสียงหอบหายใจ ปลดปล่อยความรักและความต้องการ
2 มือเรียวประคองใบหน้าพี่ ประสานดวงตาขณะที่เอ่ยถ้อยคำ
“พี่...”
“ชิรายูกิเป็นของพี่ ไม่เคยเป็นของใคร เพราะฉะนั้นอย่าสนใจคำพูดของใคร”
น้องปลดปล่อยด้วยคำพูดที่แสดงความเชื่อมั่นนั้น
ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
พี่อุ้มน้องไปล้างตัวทำความสะอาดแล้วกลับมาสวมกางเกงนอนให้ จากนั้นก็ลงนอนข้างกัน น้องขยับตัวเข้ามานอนหนุนแขน พี่ก็หันมาสวมกอดไว้
“เจ็บไหม” เพราะนี่คือครั้งแรกของน้อง
น้องซุกหน้าลงกับอกพี่ ขณะที่ส่ายหน้า
พี่ก้มลงหอมผมนิ่ม
“ขอบคุณที่กลับมาฮะ”
“หัวใจของพี่อยู่ที่นี่ พี่ต้องกลับมาสิ”
ฉันท์เงยหน้าขึ้นรับจูบหวานของพี่
“จะว่าพี่หลงตัวเองก็ได้นะ แต่พี่ก็มีความเชื่อมาตลอดว่าชิรายูกิรอพี่ แล้วก็ไม่ได้เป็นแบบที่แม่กับคนอื่นเขาพูดกัน หรือถ้าจะเป็นพี่ก็ไม่ติดใจอะไร” น้องเงยหน้าขึ้นมองทันที “นี่ไง เขาถึงบอกว่าถ้าพูดทุกอย่างที่คิดแล้วมันอาจทำให้ยุ่งยากกว่าเดิม”
“ผมน่ะ พอมาถึงจุดหนึ่งก็เริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้วว่า ทำไมถึงได้เก็บทุกอย่างมาคิดมากขนาดนี้”
พี่ก้มลงจูบอีกครั้ง
ชิรายูกิมักทำเป็นไม่สนใจใคร แต่แท้จริงเขาสนใจทุกคน
ทำเป็นไม่คิด แต่แท้จริงแล้วคิดมาก
ซึ่งเขาไม่เคยยอมรับว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นแบบนั้น
“ถึงตอนที่รู้จักกันช่วงแรกจะเป็นเวลาที่ไม่นาน แต่เมื่อได้มาอยู่ด้วยกันทุกวันก็เห็นว่าชิรายูกิไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
น้องถึงได้จำ และคิดกังวลทุกคำพูดของพ่อกับแม่อยู่ตลอดเวลา และจากนิสัย เป็นไม่ได้เลยที่น้องจะเถียงแม่กลับไปในเวลานั้น ว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่แม่พูด
และถึงจะอยู่ตามลำพังกับพี่ เขาก็ไม่มีทางที่จะพูดกับพี่อย่างตรง ๆ ว่า ‘ผมเวอร์จิ้นอยู่นะ’ และยิ่งไม่จูงมือพี่ขึ้นเตียงแล้วบอกว่า ‘ผมไม่ได้เป็นอย่างที่แม่พูด พี่พิสูจน์ได้เลย’
“ชิรายูกิ อย่าเก็บถ้อยคำที่ไม่ได้เป็นความจริงมาทำให้ตัวเราเองไม่มีความสุข” 
ฉันท์ไม่ยอมรับว่าทุกคำที่พี่พูดคือคำที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นด้วยการซุกหน้าลงกับอกกว้างแล้วหลับตา
“ชิรายูกิ”
“ฮะ”
“การที่พี่ทำงานเยอะ มีปัญหาในครอบครัวเยอะ ไม่ได้แปลว่าพี่ไม่อยากเป็นที่ชิรายูกิคิดถึงเป็นคนแรกเวลาที่มีปัญหานะ”
“ผมรู้” น้องยังไม่ยอมเงยหน้าจากอกกว้าง
“เราจะแก้ปัญหาไปด้วยกันโอเคไหม”
น้องเงยหน้าขึ้นมองพี่ “โอเคฮะ”
ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมจะไม่เลือกการหลบหนีอย่างแม่ และจะไม่ฆ่าตัวตายอย่างพ่อ
เจ้าชายหิมะที่ไหนจะฆ่าตัวตาย...
...
หลังจากที่ได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้วกลับมาบ้าน เห็นว่าทุกคนในบ้านสนใจกับขนมและของฝากก็ทำให้ฉันท์รู้สึกผิดน้อยลงที่ไปเที่ยวกันตามลำพัง 2 คน
“แล้วเสาร์หน้าวันเกิดจิโระอยากไปเที่ยวไหน” พี่ชายถามน้องขณะที่แกะห่อขนม
“Zoo” จิโระบอก
ฉันท์หันไปถามธาม “กรุงเทพฯมีสวนสัตว์ไหมฮะ”
“มีสิ” กวางตอบ “แต่ออกไปใกล้ ๆ แถวสุพรรณฯ หรือ ปทุมฯก็ดีนะพี่”
“โรงเรียนเคยพาไปใช่ไหม” ป้าทาย
“ถูกต้องละคร้าบ” กวางเสียงดัง ทำให้จิโระทำเสียงเลียนแบบ
“ค้าบ คาบ ค๊าบบบบบ”
ธามันหันมาพยักหน้ากับฉันท์ แล้วบอกให้จิโระเลือกว่าจะไปที่ไหน แต่จิโระจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ไหนน่าเที่ยว ฉันท์เลยต้องเปิดอินเทอร์เน็ตให้เลือก
ระหว่างที่ยังตกลงกันไม่ได้ ฉันท์กลับขึ้นมาที่ห้องพบว่าของใช้ส่วนตัวของฉันท์ทั้งหมด ย้ายไปอยู่ที่ห้องนอนใหญ่หมดแล้ว
“อันนี้พี่ไม่รู้เรื่องนะ” ธามันรีบออกตัว “แต่พี่เห็นด้วยกับการย้ายห้อง”
ฉันท์หน้าแดงจัด รู้สึกประหม่าทำอะไรไม่ถูก
“ผมคิดว่าไว้รอย้ายทีเดียวตอนที่ทำบ้านใหม่ ไม่คิดว่า...”
“เราก็มานอนห้องเดียวกันกับจิโระเหมือนเดิมก็ได้”
ฉันท์เหลือบตามองพี่แล้วพยักหน้า
“พยักหน้านี่แปลว่า...”
“มาถึงขั้นนี้แล้วนี่ฮะ” มายึกยักทำตัวไม่แน่นอน กลับไปกลับมา จะทำให้พี่ต้องเป็นกังวลตามไปด้วย
ระหว่างที่รื้อของออกมาจากกระเป๋าและแยกผ้าไปซัก ฉันท์ก็เรียบเรียงความคิดของตนเอง
“ผมคิดเยอะ เพราะที่ผ่านมาผมไม่ได้ต้องดูแลใคร พอมีจิโระก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าทำแบบนี้จะดีกับน้องหรือเปล่า ลุงกับป้าจะพอใจไหม จะทำให้ใครลำบากหรือเปล่า จะเกี่ยงให้พี่ตัดสินใจให้ตลอด ก็กลัวพี่รำคาญ”
ธามันก็ไม่เคยดูแลเด็ก 3 ขวบเหมือนกัน “เรื่องลุงกับป้าไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องการตัดสินใจเกี่ยวกับจิโระพี่ว่า เราช่วยกันดีไหม แต่ไม่อยากแนะนำให้อ่านคู่มือสักเท่าไหร่”
ฉันท์หันมามองหน้าพี่ “แสดงว่าเคยอ่าน”
“อ่านสิ หนังสือ บทความ เว็บบล็อก”
“แล้วทำไมสรุปว่า ไม่อยากแนะนำให้อ่านละฮะ”
“เพราะมันเป็นไม่ได้ในทางปฏิบัติน่ะสิ”
ฉันท์มีสีหน้าทึ่งจัดเมื่อพี่สวมบทนักวิชาการ
“ทุกทฤษฎี หรือกฎหมายนี่มันจะมีลักษณะเหมือนแกนกลาง แล้วมีวิธีปฏิบัติ มีปัจจัยเข้ามากระทบ เป็นเหมือนสายน้ำที่จะไหลไปตามเส้นทาง แล้วมีปัจจัยที่ทำให้ปรับเปลี่ยนสถานะไปได้ แต่การเลี้ยงเด็กนี่มันแบบ ตัวแปรมันเยอะมาก มากสุด ๆ ไม่สามารถกำหนด ควบคุม หรือคาดการณ์อะไรได้เลย”
โอ้ย! ดร.ธามัน ที่สุดของความเป็นวิชาการในสามโลก!
ฉันท์คลี่ยิ้มแล้วหัวเราะเสียงดังจนจิโระวิ่งขึ้นมาหา แล้วเปิดประตูห้องเข้ามาดู
“โอนี หัวเราะ อะ ลัย”
“ฮันซามุบอกว่า เลี้ยงจิโระยากมาก”
จิโระไม่เห็นด้วย “คัย ก็บ่อก ว่าจิโระเป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย”
...คนเรามันก็ต้องมีเรื่องที่ทำไม่ได้อยู่บ้างละนะ ดร.ธามัน
กวางที่รออยู่หน้าห้องชะโงกเข้ามาเรียก “จิโระ ลงไปข้างล่างกันเหอะ”
“ไม่” จิโระหันไปกอดคอพี่ชายไว้ทันที
ธามันตามใจ เพราะรู้ว่าจิโระติดพี่ชายมาก จึงหันไปบอกกวางว่าให้จิโระอยู่กับฉันท์ก่อน
“งั้นหนูเก็บผ้าลงไปซักนะ”
ที่จิโระตามขึ้นมาบนห้องนอนก็เพราะจะบอกพี่ชายว่าเลือกได้แล้วว่าจะไปเที่ยวไหน
จิโระเลือกไปเที่ยวสวนสนุก ซึ่งลุงกับป้ารีบบอกว่าไปเที่ยวด้วยไม่ไหว ขอเตรียมอาหารและขนมมื้อค่ำไว้ให้ทุกคนจะดีกว่า ฉันท์จึงโทรไปชวนต้อมและธนวัฒน์ แต่ธนวัฒน์ยังไม่รับปากว่าจะมาได้หรือไม่ ส่วนต้อมหอบกล่องของขวัญมาให้จิโระตั้งแต่เช้า
แต่สวนสนุกไม่ได้เปิดแต่เช้า ดังนั้นหมดจึงรออยู่ที่บ้านเพื่อรอเวลาที่สวนสนุกใกล้เปิดค่อยออกเดินทาง แต่ในขณะที่จิโระกำลังเล่นรถไฟอยู่กับกวางตรงหน้าโทรทัศน์  ฉันท์ก็สะกิดเพื่อนไปคุยกันข้างนอกบ้าน
“พี่ทีมไปไหน”
“ไปญี่ปุ่นกับเด็กใหม่”
ฉันท์ดึงมือเพื่อนไปนั่งที่แคร่ยาวใต้ต้นไม้ ท่าทีเป็นกังวลมากจนต้อมต้องเป็นฝ่ายให้กำลังใจเพื่อน
“ต้อม มึงนะ”
“กูไม่เป็นไรจริง ๆ เขาก็เป็นอย่างนี้มาตลอด”
“งั้นกูไม่ห่วงเรื่องนั้นก็ได้ แล้วมึงตรวจเลือดบ้างหรือเปล่า”
ต้อมหัวเราะเบา ๆ “ตรวจทุก 3 เดือน คุณทีมก็เหมือนกัน เขาป้องกันตัวเองตลอด”
“แล้วมึงรู้เรื่องคุณโจ หรือเปล่า”
“เพิ่งรู้หลังจากที่คุณธามย้ายมาอยู่กับมึง”
ฉันท์พยักหน้า ขณะที่ต้อมพูดต่อ “เขารักคุณโจมาก ถึงตอนนี้เขาก็ยังรักอยู่ อาจมีความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจที่ไม่สามารถปกป้องคนรักได้ เขาถึงพยายามให้กูคอยดูมึงกับน้อง” เพื่อนดวงตาเรียวใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากเพื่อน “ไม่ต้องมาคิดแทนกูเลยนะ กูอยากมาเจอมึง มาดูจิโระอยู่แล้ว อีกอย่างตั้งแต่แรกมา กูก็รู้อยู่แล้วว่ามึงไม่มีใจให้เขา มีแต่เขาที่คิดอยู่ฝ่ายเดียว”
ความเป็นเพื่อน และความเป็นเจ้าชายหิมะแบบฉันท์ทัต ทำให้ต้อมไม่คิดมาก
“พอได้ฟังเรื่องคุณโจ กูก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงใช้ชีวิตแบบนี้” ต้อมหันมาหาเพื่อน “แล้วพอนึกถึงมึง กูก็คิดว่าคนในครอบครัวใหญ่ ๆ นี่แม่งเยอะว่ะ”
เพื่อนตัวเล็กถึงกับหลุดหัวเราะ เพราะพ่อแม่ของต้อมพอเกษียณการทำงานก็ย้ายครอบครัวกลับไปอยู่เชียงใหม่ได้ 4 เดือนแล้ว ส่วนต้อมพอเรียนจบก็ย้ายออกมาอยู่คอนโดฯ ตามลำพัง
ในตอนที่เดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยกัน ฉันท์ก็พูดขึ้น “สงกรานต์ หรือตอนที่มึงกลับบ้านครั้งต่อไป กูกับจิโระตามไปเที่ยวบ้านมึงได้ไหม”
“ได้” ต้อมหันมาจิ้มหน้าผากเพื่อนอีกที “ร้านมึงจะเปิดอยู่อาทิตย์หน้า มึงคงมีเวลาไปเที่ยวบ้านกูหรอกนะ”
“มันต้องมีเวลาอยู่แล้ว”
จิโระวิ่งมาหาพี่ชายพร้อมยกแขนให้อุ้มตั้งแต่หน้าประตู “โอนี จะ ปัย ไน”
“ไปบ้านพี่ต้อม แต่ยังอีกหลายเดือนข้างหน้า จิโระไปเที่ยวด้วยกันนะ”
“ไป ๆ”
กวางรีบเสนอ “หนูไปด้วยนะ หนูไม่เคยไปเที่ยวเชียงใหม่”
เห็นคุยกันเรื่องจะไปเชียงใหม่อย่างเป็นงานเป็นการ ธามันคนที่มีงานเยอะกว่าเพื่อนก็ถามขึ้น “ต้อมจะกลับบ้านเมื่อไหร่”
“สงกรานต์ครับ”
หลังจากที่ฟังแผนการเที่ยวของคู่พี่น้อง ป้าก็บ่น “อีกตั้งหลายเดือน” แต่ลุงกับป้าไม่ได้ไปเที่ยวด้วยนะ “ไว้กุมภาฯปีหน้าค่อยคุยกันก็ยังทัน วันนี้ไปเที่ยวฉลองวันเกิดจิโระ แล้วกลับมากินเค้ก”
จิโระฟังทันแค่ไม่กี่คำ “ปัย เท่ว เค้ก”
กวางพยักหน้าเหนื่อยใจ “ป้าพูดยาว 3 กิโล จิโระเก็บก้อนกรวดข้างทางได้ 3 เม็ด”
“โอนี กวัง แก้ง” จิโระหันมากอดพี่ชายทันที
กว่าจะออกจากบ้านได้ก็ 11 โมงทำให้สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจะเข้าไปในสวนสนุกก็คือต้องแวะกินมื้อเที่ยงกันก่อน จากนั้นทั้ง 5 คนคือธามัน ฉันท์ ต้อม กวางและจิโระ เจ้าของวันเกิดจึงพากันเที่ยวสวนสนุก
เพราะนี่คือวันเกิดจิโระครบ 4 ขวบทั้งหมดจึงเริ่มต้นด้วยการไปดูสวนสัตว์ก่อน แล้วค่อยมาเล่นเครื่องเล่นสำหรับเด็กเล็ก ไล่ไปจนครบ เว้นพวกรถไฟเหาะ ไวกิ้งพวกนั้นไปได้เลยเพราะถึงกวางกับต้อมจะอยากเล่นมาก แต่จิโระก็ร้องตามตลอดเพราะอยากเล่นเหมือนกัน ทำให้ต้องข้ามไปที่เครื่องเล่นที่มี ‘ความสนุก’ ลดลงมา แล้วมาปิดท้ายที่บ้านผีสิง หลังจากที่ธามันพิจารณาแล้วเห็นว่า ‘ไม่น่ากลัวสักเท่าไหร่’ 
จิโระที่ไม่เคยดูหนังผีมาก่อน ให้ความเห็นเมื่อเห็นโครงกระดูกรอต้อนรับอยู่หน้าบ้านผีสิงว่า “แบ่บนี้ เรียก พี รือ ฮับ” แล้วก็ไม่ได้กลัวผีสักตัว อาจมีสะดุ้งเวลาที่ผีโผล่ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ร้องกลัวอะไร อีก 4 คนก็ออกอาการจิตแข็งพอกัน
พอออกมาข้างนอกกวางถึงกับบ่น “กลับบ้านไปดูพี่มากยังจะน่ากลัวกว่าเลย”
“พี่ มั่ก เปน คัย”
“พี่มากเป็นหนัง เดี๋ยวถึงบ้านจะเปิดให้ดู”
“อื้ม”
“น้องพี่ฉันท์จริง ๆ นิ่งมาก” ต้อมชื่นชม
“ก็ไม่เห็นจะน่ากลัว” ฉันท์ตอบจริงใจมาก อาจเพราะรู้อยู่แล้วถึงได้ไม่กลัว
แต่จำได้ว่าตอนที่อายุเท่า ๆกับจิโระนี่ยังกลัวจนไม่กล้าเล่นบ้านผีสิงนะ
เกือบ 5 โมงเย็นทั้งหมดพักกินของว่างก่อนกลับบ้าน จิโระร้องขอว่าอยากเล่นม้าหมุนอีกรอบ
ฉันท์ตามใจจูงมือน้องไปเล่นเครื่องเล่นกันอยู่ 2 คน
ธามันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แล้วส่งรูปนั้นให้กวางเอาไปอัดใส่กรอบรูป
...
รูปที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของดร.ธามันสร้างหัวข้อกอสซิปเรื่องใหม่
‘ดร.ธามันมีเมียมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่”
‘ลูกยังเล็กอยู่ แต่หน้าตาน่ารักมาก เหมือนคนญี่ปุ่นเลย’
‘แม่เขาก็สวยนะ’
‘สวยแปลกๆ ไม่ชายไม่หญิง’
‘แต่เขาสวยดีนะ’
‘แต่ก็ยังสงสัย ว่ามีครอบครัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่เห็นมีใครเคยพูดถึง’
‘ตอนงานเลี้ยงบริษัทก็ไม่เคยพามา’
‘ใครกันนะ’

ฐาติที่เดินเข้ามาในบริษัทยังได้ยินคำพูดเหล่านี้ มีหรือที่บรรดา ‘เจ้านาย’ คนอื่นจะไม่ได้ยิน
ชายหนุ่มเคาะประตูห้องทำงานของธามันเพียงครั้งเดียวก็เปิดประตูเข้ามาเลย
ธามันวางรูปนั้นบนโต๊ะทำงานโดยให้หันหน้าเข้าหาตนเอง พอฐาติแกล้งชะโงกหน้าไปมองรูปเจ้าของก็รีบบอก
“ที่ไปเที่ยววันเกิดจิโระเมื่อวันเสาร์ไง”
“อ้อ แล้วมึงเรียกกูมาทำไม”
ธามันเปิดลิ้นชักหยิบซองบางใส่เช็คเงินสดมาส่งให้ “ที่ลืมทวงเงินนี่เพราะงานยุ่งหรือเพราะมัวแต่เอาใจผู้หญิง”
ญาติผู้พี่มีพิรุธชัดเจนเพราะหันไปมองทางอื่นไม่ยอมตอบคำถามนี้ ธามันจึงเปลี่ยนไปที่เรื่องต่อไป
“อาทิตย์นี้น้องเปิดร้านข้าวต้มแล้ว เลี้ยงพระทำบุญเช้า เปิดขายตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่มมึงแวะไปด้วยนะ”
ก่อนที่ฐาติจะอิดออดตามนิสัย ธามันก็ย้ำอีกที “กูบอกให้มึงมา แล้วถ้าจะพาใครมาด้วย ก็ช่วยคิดด้วยว่าควรพามาไหม”
“กูรู้หรอกน่า” ฐาติตอบแล้วลุกขึ้นก็พอดีกับธนวัฒน์เปิดประตูห้องเข้ามา
ห้องทำงานแคบๆ ของดร.ธามันอยู่ในสภาพใกล้ระเบิด เมื่อคนตัวใหญ่ 3 คนอยู่ในห้องเดียวกัน
“วันอาทิตย์นี้น้องฉันท์ทำบุญเปิดร้านหรือ”
“ครับ”
ธามันตอบ แต่ธนวัฒน์หันไปถามฐาติ “ไปหรือเปล่า”
“ก็...”
“อย่าพาคนนั้นไป” คำสั่งของธนวัฒน์ชัดเจนกว่าธามัน
ฐาติรับคำสั่งของทั้ง 2 คนและไปช่วยงานทำบุญตั้งแต่เช้า
ส่วนต้อมถือตระกร้าดอกไม้มีชื่อของธนวัฒน์มาตั้งแต่เช้าเหมือนกัน
ซึ่งที่จริงแล้วการจัดงานทั้งหมด มีลุงรองกับลุงวินัยเป็นพ่องานจัดการทุกอย่าง ขณะที่ทีมงาน...เป็นทีมงานที่ใหญ่มาก
นายฉันท์ทัตวันนี้ช่างแตกต่างจากเมื่อวันงานศพของพ่อกับแม่เหมือนดำกับขาว
ส่วนสถานการณ์โดยทั่วไปก็แตกต่างจากเดิมมากเหมือนกัน
ถ้ามองว่าย่าใหญ่ กับลุงเอกมาทำบุญเช้าจะถือว่านี่คือยิ่งใหญ่แล้ว วันนี้ยังมีเกศรีป้าสะใภ้ที่คนเข้ารู้กันทั้งตลาดว่าเกลียดพ่อของฉันท์มาก
พอเธอมาก็จะมีเพื่อนของเธอตามมาด้วย พ่วงด้วยลูกน้องคนสนิทอีกกลุ่มที่มายืนอยู่หน้าร้าน
แต่วันนี้เธอแทบไม่ห่างจากธามัน
ซึ่งธามันก็แทบไม่ห่างจากฉันท์ทัต
ภาพที่ออกมามันก็เลยสะท้อนความคิดของเธอค่อนข้างชัดเจน
แต่เพราะเธอคือเกศรี วีนิตา ถึงจะรู้ทันความคิดของเธอ แต่ใครจะกล้าวิจารณ์
บรรยากาศงานวันนี้มันแปลกแบบที่ไม่รู้จะใช้คำพูดอธิบายอย่างไร คือญาติทางฝั่งของธามันเขาไม่มาอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ยอมรับ แต่คนที่มาอย่างฐาติก็ไม่ได้ร่าเริงเหมือนทุกครั้ง ขณะที่ต้อมก็ไปช่วยอยู่ในครัว
และพอหลังจากที่ทำบุญเช้าเสร็จ ลุงเอกก็บอกให้ฉันท์ตามไปหาที่สำนักงานตลาดในตอนเที่ยง
วิธีการของลุงเอกคล้ายกับตอนที่ฉันท์ไปบ้านลุงรองในวันนั้น คือลุงเดินไปจุดธูปบอกกับบรรพบุรุษที่เรียงรายอยู่เต็มฝาผนังห้องทำงาน จากนั้นก็หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลซองใหญ่ออกมา
“ที่ดินแปลงริมน้ำ”
“แต่ผมยังไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อนะครับ”
“เจ้าฉันท์รู้จักการครอบครองปรปักษ์ไหม”
หลานชายเกาหน้าผาก “ก็คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยิน”
ลุงเอกหัวเราะ “เอาเถอะ ที่ตรงนี้มันเป็นของเจ้าฉันท์มาหลายปีแล้ว ลุงมีหน้าที่แค่ถือโฉนด กับต้องไปเสียภาษีให้กทม.”
มีตัวตนเล็กๆ ที่อยู่ในสมองของฉันท์ร้องขึ้นมาว่า ลุงอย่าเพิ่งใส่ข้อมูลอะไรลงมาในสมองตอนนี้ได้ไหม แต่เจ้าตัวตนเล็กๆ ในสมองคงร้องตะโกนเสียงดังไปหน่อย เพราะลุงส่ายหน้าแล้วเดินไปเรียกธามันที่รออยู่ข้างล่างให้ขึ้นมาที่ห้องทำงาน จากนั้นก็พูดใหม่อีกรอบ
“ครับ” ธามันยิ้มแบบที่ชัดเจนว่านี่คือสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว
“กลับไปก็ช่วยอธิบายกฎหมายให้เจ้าฉันท์ฟังอีกทีแล้วกัน”
“ครับ”
“ถ้าวันจันทร์ไม่มีอะไร ปิดร้านรอบเช้าแล้วไปที่ดินกับลุงเลยก็ได้ จะได้โอนให้เรียบร้อย”
ลุงเล่าเรื่องที่มีหลายอย่างไม่ตรงกับที่ป้าแจ่มจิตเคยเล่าให้ฟัง
ทั้งปู่และย่าต่างมีความเห็นว่าที่ดินแปลงนี้คือที่ดินแปลงที่ดีที่สุดที่มีอยู่ พวกเขาเตรียมที่ดินแปลงนี้ไว้ให้ลูกชายคนเล็ก โดยให้พี่ชายคนโตดูแล และห้ามบอกกับเจ้าตัวว่ามีสมบัติอีกชิ้น จนกว่าจะแน่ใจว่าฉลองจะตัดขาดจากอบายมุขเหล่านั้น
เป็นวิธีการเก็บความลับเหมือนกับที่พ่อเก็บความลับจากฉันท์
    “ฉลองดื้อรั้น ยอมหักไม่ยอมงอ ปู่เจ้าฉันท์ถึงได้ขายที่ดินแปลงเล็กติดกับแปลงใหญ่ให้ปลูกบ้าน เงินที่ขายที่ได้ยังอยู่กับลุง จะโอนคืนให้เจ้าฉันท์พร้อมดอกเบี้ย”
ส่วนฉันท์ทัตมีนิสัยออกมาทางยูกิผู้เป็นแม่ และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ปู่จึงสั่งให้ลุงใหญ่เก็บที่ดินแปลงนี้ไว้ให้ฉันท์
เมื่อเรื่องเล่าในส่วนนี้จบลง ลุงก็ขยับตัวจะบอกให้ทั้ง 2 คนกลับไปร้านได้เพราะว่าจะบ่ายแล้ว เกศรีถึงได้มา พร้อมกับพี่เอื้อย
“อ้าว ได้ยินว่านัดหลานมาคุยตอนบ่ายไม่ใช่หรือคะ”
ธามันเป็นคนหันไปตอบ “พอดีจิโระกินมื้อเที่ยงเร็ว เราก็เลยฝากน้องไว้แล้วรีบมาก่อนน่ะครับ”
“คุยกันเรียบร้อยแล้วหรือ”
ลุงพยักหน้า “นัดไปที่ดินกันพรุ่งนี้เลย”
เกศรีพูดต่อ “พ่อของเธอน่ะเกเรจนยากที่จะเชื่อได้ว่า เขาจะไม่เอาสมบัติที่มีอยู่ไปขาย” ซึ่งในความจริงพ่อก็ไม่เคยขาย มีแต่ซื้อมาเพิ่ม พร้อมไปกับการสะสมหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ปู่เพิ่มน่ะเขามองเห็นถึงได้สั่งไว้ว่าให้ยกให้เจ้าฉันท์ ทางนี้ก็คิดจะโอนให้ตั้งแต่เรียนจบ แต่ก็ติดเรื่องนั้นเรื่องนี้มาตลอด พอเจ้าเอื้อยเขาบอกว่าซื้อห้องแถวก็เตรียมจะโอนให้แล้ว” นางพูดยิ้มๆ “แต่ก็ไม่เห็นว่าจะซ่อม จะทำอะไรสักที ก็ยังสงสัยอยู่ รอจนแน่ใจว่าเปิดร้านก็คิดว่าตอนนี้เหมาะสมที่สุด”
เธอเป็นคนที่มีลักษณะการพูดแบบ ‘หวังดีประสงค์ร้าย’ และเต็มไปด้วยการแสดงอำนาจที่เหนือกว่าทำให้ธามันรู้สึกยกย่องเธออยู่ลึกๆ
ไม่มีใครในตระกูลก้องเกียรติมนตรีที่มีวิธีการพูดแบบนี้
เมื่อเดินกลับจากตลาดมาที่ร้านเพื่อเตรียมขายของในตอนเย็น ฉันท์ก็ทักขึ้นมา
“ดูเหมือนพี่จะนับถือป้าเกศรีนะฮะ”
“ใช่” พี่ยอมรับ “คนแบบที่ทั้งรู้ว่าเขาร้าย แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะทุกอย่างที่เขาพูดมามันถูกทุกอย่างแบบนี้ ทำให้เราพัฒนาขึ้น”
ฉันท์กลอกตาล้อเลียน ทำให้พี่หัวเราะ
“เขาพูดมาตั้งเยอะ สรุปคือที่โอนให้เพราะผมเปิดร้าน ถ้าไม่เปิดร้านเขาก็ไม่โอน”
“แต่ผลลัพท์ที่ออกมามันดีกับเราใช่ไหม”
น้องยอมรับ “แต่เขาก็ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก”
“ถ้าบอกให้ทำ มันก็ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจที่แท้จริงของเราน่ะสิ”
“มันก็จริงนะ” น้องยอมรับในที่สุด ทุกอย่างคือความจริงที่ ‘เคยทำให้เจ็บปวด’ แต่วันนี้ทำให้รู้สึกว่าคือป้ายเตือนว่าอย่าทำในสิ่งเหล่านี้ เมื่อมาถึงหน้าร้าน ‘ข้าวต้มโชยุ’ จิโระก็วิ่งมาให้อุ้ม “โอนี มาแล้ว”
ฉันท์หอมแก้มน้องชายแล้วหันมาหาธามัน “วันนี้เปิดร้าน พรุ่งนี้ไปที่ดิน เดือนหน้าคอนโดฯมีงาน สงสัยต้องกลับไปจดรายการสิ่งที่ต้องทำไว้ในสมุดแบบที่คุณฐาติเคยสอนอีกรอบ”
ฐาติที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยิน ก็หันมาย้ำ “จดไว้ให้เป็นนิสัย” 
ฉันท์พยักหน้าขณะที่มองคนงานที่กำลังช่วยกันจัดโต๊ะ เก้าอี้ และหน้าร้าน
“ผมว่าช่วงเวลา 1 เดือนมานี้ เวลาผ่านไปเร็วมาก”
ต้อมอดไม่ได้ที่จะแซวขึ้นมา “เขาเรียกชีวิตคนทำงานครับเจ้าชายหิมะ”

(มีต่อ)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #253 เมื่อ08-07-2019 19:05:28 »

(ต่อครับ)
“ทำไมพี่ต้อมเรียกพี่ฉันท์ว่าเจ้าชายหิมะ” กวางถาม เรื่องเครียดเรื่องจริงจังตกไป เราเน้นเรื่องที่สามารถเอาไปหัวเราะกันได้ในภายหลัง
“ฉันท์มีรอยยิ้มแบบเย็นชาสุดๆ อยู่แบบหนึ่ง แล้วมีนิสัยที่ทุกคนเห็นว่า นิ่งมาก เฉยมาก ไม่ได้หยิ่งนะ แต่ใครจะมาใครจะไปเขาก็เฉยๆ บรรยายยากว่ะ”
กวางไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยเห็นฉันท์ในแง่มุมนั้น แต่ธามันกับฐาติเคยเห็น
คนตัวใหญ่ 2 คนหันมามองหน้ากัน ฐาติชี้หน้าธามันแล้วหัวเราะ “กูนึกออกแล้ว ยิ้มแบบที่ที่ทำให้มึงจิกใช้กูมาตลอด 5 ปี”
“เล่ามาเลย” กวางร้องโวยวาย โดยมีจิโระส่งเสียงสนับสนุน
“เล่า เลย เลย เล่า เลา”
ฐาตินั่งลงที่เก้าอี้ที่คนงานเพิ่งจัดเสร็จ บรรดาสมาชิก รวมถึงคนงานเข้ามารุมล้อม ขณะที่ฉันท์กับธามัน เดินมาหมักหมู หั่นผักที่เตรียมขาย แต่ยังได้ยินเสียงของฐาติชัดเจน
“ตอนนั้นที่บ้านกู...เอ่อ บ้านพี่มีงาน” จิโระซึ่งเล็กสุดในที่นี้เรียกฐาติว่าพี่ ดังนั้นก็เรียกแทนตัวเองว่าพี่แล้วกัน
“กำลังช่วยกันจัดโต๊ะ จัดเก้าอี้ที่สนามหญ้าบ้านบ้าน เห็นรถคันเล็กแล่นผ่านหน้าบ้าน แล้วเห็นพี่ฉันท์ลงมาจากรถ แล้วเขาก็ยิ้มให้คนไม่ดี 2 คนที่อยู่บ้านที่ติดกับบ้านพี่”
เรียกตัวเองว่าพี่กับเด็ก 4 ขวบนี่มันตะขิดตะขวงใจยังไงไม่รู้
“แน่ใจนะว่าบ้านหลังติดกัน ไม่ใช่บ้านหลังนี้” กวางแซว ทำให้ฐาติโวยกลับ
“หลังนั้นสิ ตอนนั้นยังไม่รู้จักกับคนในบ้านนี้สักคน” ก่อนที่กวางจะพาออกนอกเรื่อง ฐาติก็พูดต่อ “พี่ธามของพวกมึง เจอรอยยิ้มนั้นเข้าไปถึงกับอยู่เฉยไม่ได้ สั่งให้กู...เอ่อ พี่ไปหาชื่อที่อยู่ของน้อง แล้วก็หนีออกจากบ้านมาอยู่อพาร์ทเม้นท์ของน้องเลย”
“โห แก่แดดมั่ก” จิโระบอก
ฉันท์สะดุ้งรีบบอกให้น้องขอโทษ จิโระก็บอกขอโทษ แม้ว่าทุกคนรวมถึงตัวธามันเองจะเห็นด้วยกับคำ ๆนี้ก็ตาม
อันที่จริงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีมานี้มีอะไรหลายอย่างที่ทำให้รู้สึกปวดใจ ฐาติก็เล่าข้ามไปเหลือไว้เพียงคำสั่งต่างๆ ที่ธามันใช้ให้ฐาติทำ เน้นย้ำไปที่ภารกิจการเฝ้าจับตามองและรายงานความเคลื่อนไหวส่งไปให้
เรื่องเล่าจบลงเมื่อลุงกับป้าเอาขนมหวานมาส่ง และรับจิโระกับกวางกลับบ้าน หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ฐาติก็ขอตัวกลับเหมือนกัน
ในร้านที่เหลือกันอยู่ 5 คน กินมื้อเย็นพร้อมกันก่อนที่จะเปิดร้าน
“พี่จะกลับไปพักก่อนก็ได้นะฮะ เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทาง”
“กลับไปก็ไม่ได้พักหรอกเพราะเป็นห่วงทางนี้” ธามันพูดขณะที่ตักปลาทอดให้น้อง “กินเยอะๆ”
“ผมเลิกงานแล้วจะมาช่วยที่ร้านนะครับ” ต้อมอาสา
“อย่าเลย วันนี้ก็ใช้งานมึงตั้งแต่เช้า” ฉันท์เกรงใจ
“ไม่ขนาดนั้นหรอก ตอนกลางวันก็ยังได้หลับอยู่ข้างจิโระตั้งนาน มึงกับคุณธามต่างหากที่วันนี้ไม่ได้พักเลย”
ต่างคนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย จนเมื่อเปิดร้าน ลูกค้าทยอยเข้าร้านไม่ขาดสาย พอ 2 ทุ่มเศษก็ต้องปิดร้านเพราะขายหมด
ธามันก็มาสอนฉันท์เรื่องการจดบัญชีรายรับ-รายจ่าย และย้ำเตือนว่าให้ทำเท่าที่ทำไหว
“ไม่อย่างนั้นเงินที่หามาได้ จะกลายเป็นค่าหมอ ค่ายาไปเสียหมด”
ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำสิ่งเดียวที่ต้อมเห็นก็คือการอยู่เคียงข้างกัน ดูแลกันและกัน
มิน่า เขาถึงได้บอกว่า ถ้าเจอคนที่ใช่จงอย่าปล่อยเขาไปโดยง่าย
ร้านข้าวต้มเปิดรอบเช้าตั้งแต่ตี 5-9 โมงเช้า และรอบเย็นเปิด 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม พอฉันท์จะต้องไปที่ดินก็ฝากจิโระไว้กับป้า พอเสร็จเรื่องก็มารับ แต่ป้าบอกให้นอนพักสัก 1 ชั่วโมงแล้วค่อยไปร้านก็ยังทัน
ประมาณบ่ายสามทั้งหมดจึงกลับมาร้านเพื่อเตรียมของ
พอต้อมมาถึงร้าน ก็รีบสวมผ้ากันเปื้อนจะช่วยงาน ฉันท์จึงบอกให้ไปกินข้าวก่อนก็ได้ แต่ต้อมเกี่ยงว่า กว่าจะมาถึงก็ทุ่มกว่าแล้ว อีกไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ได้เวลาปิดร้าน 
ซึ่งก็เป็นคืนที่ 2 ติดต่อกันที่พอ 2 ทุ่มเศษของที่เตรียมไว้ก็หมดลง
ตอนที่ฉันท์นั่งลงคิดบัญชี ต้อมก็ทำไข่เจียว ต้มยำกุ้ง กับผัดผักมาวางให้ โดยมีกวางเป็นผู้ช่วยแล้วช่วยยกมาวาง จิโระก็ขยับเข้ามากินข้าวไปพลางมองพี่ชายไปพลาง
“กินก่อนก็ได้” ต้อมบอก
“แป๊บเดียว จดไว้ก่อน แล้วค่อยกลับไปทำต่อที่บ้าน”
ต้อมพยักหน้าแล้วหันมาหากวาง “เออ แล้วทำไมวันนี้มึงมา 6 โมง” ที่ตกลงกันไว้คือเมื่อเลิกเรียนกวางจะมารับจิโระกลับบ้าน
กวางเหลือบตามองฉันท์ที่เก็บสมุดบัญชีแล้วเลื่อนจานข้าวเข้ามา
“น้านัดหนูออกไปคุย หนูก็ไปรอ แล้วเขาก็บอกว่าธุระยังไม่เสร็จ หนูเห็นว่า 6 โมงแล้วก็เลยกลับมา”
ต้อมลดเสียงลง “โรงเรียนเลิกกี่โมง”
“3 โมงครึ่ง”
ฉันท์ถอนหายใจ ลูบผมทรงนักเรียนของกวางเบาๆ “กินข้าวกันเถอะ”
มันเป็นสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง และกวางก็คงรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้นถึงได้มีท่าทีแบบนี้
กวางมีเรื่องที่อยากพูด แต่เพราะตรงนี้มีจิโระ แล้วใกล้กันก็มีคนงานที่กำลังกินข้าวอยู่จึงได้แต่เก็บคำพูดทั้งหมดไว้ก่อน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน กวางพาจิโระไปอาบน้ำก่อน ขณะที่ลุงกับป้าคุยกับฉันท์เกี่ยวกับตารางเวลา และอาจต้องมีการจ้างคนงานเพิ่ม แต่ถ้ารายจ่ายเพิ่มก็ต้องหารายรับเพิ่ม
น้าโทรศัพท์มา กวางทำมือบอกฉันท์แล้วออกมาพูดโทรศัพท์ข้างนอก
“วันนี้ไปรับจิโระกี่โมง” น้าถาม
“ไปถึงก็ 6 โมงกว่าแล้ว ลูกค้ากำลังแน่นจิโระยังไม่อยากกลับ หนูก็เลยอยู่ช่วยที่ร้านจนเก็บของแล้วก็กลับบ้านมาพร้อมกัน วันนี้พี่ต้อมมาถึงร้านหลังหนูแป๊บเดียวเอง”
“กวาง...”
“น้า...จะไปแล้วใช่ไหม”
“ขอโทษ” เสียงของน้าสั่นเครือ
เวลาเกือบ 5 ปี คุยกันมานับครั้งไม่ถ้วน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงน้าเป็นแบบนี้
“ไม่ต้องขอโทษหรอก หนูรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องของน้ากับหนู ไม่มีวันเป็นเหมือนพี่ธามกับพี่ฉันท์ แล้วหนูก็ไม่อยากเป็นเหมือนคุณทีมกับพี่ต้อมด้วย”
เสียงสะอื้นเบา ๆของผู้ชายคนที่ร่าเริง ปากจัดแทรกมาให้ได้ยิน
“น้า ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่ มึงนั่นแหละ กู เป็น ห่วง” การพูดพร้อมกับกดเสียงสะอื้นทำให้คำพูดบางคำก็ไม่ชัดเจน
“ไม่ต้องห่วงหนูหรอก หนูเพิ่ง 16 ยังมีชีวิตอีกยาวไกล”
“กวาง” ฐาติหายใจเข้าลึกๆ “น้า ขอ ขอส่งเราเรียนต่อได้ไหม โทรศัพท์นั่นก็ไม่ต้องเอามาคืน” โทรศัพท์นี้เดิมเป็นชื่อของฐาติ แต่เปลี่ยนเป็นชื่อของกวางเมื่อตอนที่อายุได้ 15 ปี “แล้วถ้ามีอะไร หมายถึง ถ้าต้องการความช่วยเหลือ หรืออะไร ก็ บอก ได้”
“หนูว่า มันจะไม่ดีกับแฟนของน้า”
“ธามกับฉันท์มันมีรายจ่ายเยอะแล้ว”
“น้า หนูไม่เป็นไร หนูจะเรียนหนังสือ ไม่เล่นยา คบเพื่อนที่ดี วันหนึ่งหนูจะมีงานทำ มีอนาคตที่ดี น้าเองก็ต้องมีความสุข มีครอบครัวที่ดี”
“กวาง...”
“รักเขา ดูแลเขาให้ดีๆ นะ”
...
ฐาติกดวางโทรศัพท์ แล้วเงยหน้ามองทองฟ้าในเวลากลางคืน หญิงสาวชาวจีนเดินมาเรียก ชายหนุ่มรีบเช็ดน้ำตาแล้วเดินตามกลับเข้าไปในบ้าน
...
กวางนั่งอยู่ที่บันไดหน้าบ้าน ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านก็คิดว่าฉันท์จะตามให้กลับเข้าไปข้างใน แต่กลับเดินมานั่งลงข้าง ๆ กอดไหล่ไว้
“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่รู้จักกัน แต่ขึ้นอยู่กับว่าเขาเลือกใคร” กวางพูดขึ้น “ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเรื่องของคุณอลิซหนูก็คิดอยู่ว่าต้องมีวันนี้ ขนาดคิดเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอน้าบอกมามันก็...ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่”
กวางเอนตัวพิงไหล่บางของฉันท์ แต่พอหยดน้ำตาจะไหลลงมาเปียกเสื้อ ก็ขยับตัวตรง “หนูจะทำเสื้อพี่เลอะ”
“ไม่เป็นไร เสื้อมันเลอะ ก็เอาไปซัก”
กวางหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกว่าดึกมากแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงฉันท์ก็ต้องตื่นนอนเพื่อไปเตรียมของขาย
“หนูยังเป็นวัยรุ่น ยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะ” บอกพลางดึงมือฉันท์ให้ลุกขึ้น “เข้าบ้านกันเถอะพี่”
ธามันโทรศัพท์มาคุยกันก่อนนอน ถามไถ่เรื่องทั่วไป เน้นไปที่เรื่องร้านและบอกให้พักผ่อนเยอะ ๆ ฉันท์ตัดสินใจว่าจะยังไม่เล่าเรื่องของกวางให้ฟัง
บางทีเขาอาจรู้แล้ว 
แต่ถ้ายังไม่รู้ กลับมาก็คงรู้
ตอนที่กดวางสายจากพี่ เป็นช่วงเวลาที่ฉันท์รู้สึกว่า หลายวันมานี้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนไม่คิดย้อนกลับไปแล้วจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้นาฬิกาเริ่มเดินช้าลงจนรู้สึกถึงพายุลูกหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความรุนแรงขึ้น
...
ร้านข้าวต้มรอบเย็นเปิดร้านตรงตามเวลา และจิโระก็ยังไม่ยอมกลับบ้านพร้อมกวางเหมือนเดิม ทำให้กวางต้องกลับบ้านไปดูแลลุงกับป้าก่อน แล้วจะกลับมารับจิโระตอน 2 ทุ่มครึ่ง
วันนี้ร้านข้าวต้มคนแน่นตั้งแต่เปิดร้าน จนฉันท์ต้องเรียกกวางมาช่วยขายของ ส่วนจิโระขอไปเล่นกับจุ๊บแจงลูกสาวร้านขายยาตั้งแต่ก่อน 1 ทุ่ม พอฉันท์ตักข้าวต้มชามสุดท้ายก็บอกกับกวางว่าให้ช่วยเก็บร้าน ส่วนตนเองจะไปรับจิโระ
แต่พอมาถึงที่ร้านขายยา แม่ของจุ๊บแจงบอกว่าเมื่อสักครู่มีคนมารับจิโระไปแล้ว
ร้านข้าวต้มห่างจากร้านขายยาแต่ 3 ห้อง ตนเองก็ขายของอยู่หน้าร้านทำไมจึงไม่เห็นคนที่มารับจิโระ
ฉันท์ขมวดคิ้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
ระหว่างนั้นเองที่ฉันท์มองกลับไปทางปากซอย 72 มีรถตู้สีดำคุ้นตาเพิ่งเข้ามาจอด
ฉันท์เดินไปที่รถตู้คันนั้น และถึงจะไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ก็รู้ว่าแม่ของจุ๊บแจงกำลังเดินไปที่ร้านข้าวต้ม
เมื่อไปถึงคนขับรถตู้เลื่อนเปิดประตูที่นั่งด้านหลัง ณภัทร ก้องเกียรติมนตรี นั่งอยู่ด้านใน
“จิโระอยู่ที่ไหนครับ”
“ขึ้นรถมาสิ”
ฉันท์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำสั่ง
เมื่อก้าวเข้าไปนั่งอยู่ในรถ ประตูก็ปิดลง
“ผม...ต้องทำอะไรครับ”
ณภัทรทำเสียงขึ้นจมูกก่อนที่จะเปิดกระติกน้ำชา
กลิ่นใบชาหอม ๆ แทนที่จะทำให้ผ่อนคลาย กลับยิ่งตึงเครียดมากกว่าเดิม
ฉันท์อดทนรอให้เธอพูด ขณะที่คิดในใจว่าจิโระจะต้องไม่เป็นไร เพราะเป้าหมายของเธอคือตนเอง ไม่ใช่จิโระ
ผ่านไปหลายนาทีณภัทรจึงพูดขึ้น “เธอรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกดูหมิ่นอีกคน “คุณอาเยาวเรศพูดกับเธอหลายครั้ง ตอนที่มาคุยกับเธอที่บ้าน ก็น่าจะรู้ตัวถอยห่างออกไป แต่เธอก็ยังไปถึงบ้านของธาม ทั้งที่พูดว่าขอแค่ได้อยู่ด้วยกันเงียบๆ แต่ก็ยังมีรูปของเธออยู่บนโต๊ะทำงานของธาม ทำให้คนในบริษัทเอาไปพูดกัน”
รูปอะไร..
“ในเมื่อเธอเป็นคนดื้อด้าน และไม่รู้จักคิด ก็จะพูดกับเธออย่างตรงไปตรงมา ว่าออกไปจากชีวิตของธาม เพราะฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะรวยมาจากไหน ใครจะยอมรับ หรือไม่ยอมรับเธอยังไง จะรักจริงหรือแค่อยากเอาชนะ”
“เดี๋ยวนะครับ เอาชนะอะไร”
“ก็เอาชนะแม่ของธาม เอาชนะพวกเราน่ะสิ” ณภัทรหันกลับมามอง “เธอมีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว อยากได้คนแบบไหนก็สามารถหามาได้ แล้วทำไมถึงต้องเป็นธาม เพราะพวกเราคัดค้านใช่ไหม อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้ทันความคิดของเธอนะ”
ฉันท์ไม่เข้าใจ “ผมกับพี่ธามรักกัน”
ณภัทรถอนหายใจ “รักเขาก็ควรส่งเสริมให้เขาประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดี ไม่ใช่ดึงให้ลงต่ำมาอยู่กับเธอ ต้องอยู่กับคำคนนินทา”
หนุ่มตัวเล็กผ่อนลมหายใจ บอกกับตัวเองว่า ถ้อยคำที่แรงกว่านี้ก็เคยได้ยินมาแล้ว
“ผมอยากให้คุณคืนน้องชายของผม”
“ก็ต้องออกไปจากชีวิตของธามไง!”
“ตอนที่คุณคุยกับคุณโจ คุณก็บอกเขาแบบนี้หรือเปล่าฮะ”
ณภัทรสะบัดหน้าหันกลับไปมองข้างหน้า
คุณโจที่ยังเรียนมัธยม มีพี่ทีมเป็นรักแรก ถ้าต้องมาได้ยินประโยคแบบนี้ มันก็เป็นไปได้ที่จะตัดสินใจแบบนั้น
แต่ฉันท์เป็นคนทำงานแล้ว  รู้จักคน รู้จักชีวิตในระดับหนึ่ง ยังต้องดูแลทั้งเด็ก คนแก่ คนป่วย แถมด้วยลูกน้องอีกหลายคน ถึงจะรู้สึกเจ็บ แต่ไม่ได้ทำให้ต้องคิดทำร้ายตนเอง
“ผมไม่ทราบเรื่องรูปที่คุณพูด และผมก็อยู่ของผมแบบนี้ ที่ไปหาคุณแม่พี่ธามในวันนั้น ก็เพื่อไปยืนยันว่าผมไม่ได้ต้องการทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และเพื่อขอบคุณ” จากที่นั่งอยู่ในรถตู้ ยังมองเห็นรถมอเตอร์ไซค์หลายคันมาจอดที่หน้าร้าน คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในร้าน และอีกหลายคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป “ผมไม่เข้าใจเรื่องอยากเอาชนะอะไรที่คุณบอก ผมรู้แต่ว่า เพราะเรารักกันและอยากอยู่ด้วยกัน เราจึงอยู่ด้วยกัน ผมไม่ได้บังคับให้พี่มาอยู่ด้วย และพี่ก็ไม่ได้บังคับผมให้อยู่กับเขา”
“ที่เธอพูดมานั่นแหละที่อยากเอาชนะ”
“เรียกว่าเรารักกันและอยากอยู่ด้วยกันต่างหากครับ” ก่อนที่จะทำให้ณภัทรโกรธไปมากกว่านี้ ฉันท์ต้องกลับเข้ามาที่เรื่องของจิโระอีกครั้ง “ผมทราบดีว่าครอบครัวพี่ไม่ยอมรับ ผมจึงไม่ได้ไปหาอีก ผมไม่เข้าใจว่าคุณต้องการอะไร เอาน้องของผมไปทำไม”
ณภัทรหันมามองหน้าฉันท์ตรง ๆ “บอกเลิกกับธาม แล้วไปญี่ปุ่นสัก 1 เดือน พรุ่งนี้ 6 โมงเย็นฉันจะให้คนพาน้องของเธอไปส่งให้ที่สนามบิน”
ห่วงน้องก็ห่วง แต่ชั่ววินาทีหนึ่งฉันท์ก็รู้สึกเหนื่อยใจ เมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนี้มีความเชื่อว่าเธอสามารถกำหนดได้ทุกอย่างแม้แต่ตารางการบิน
“ผมว่าผมขอเบอร์คุณไว้ก่อนดีไหมครับ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ฉันท์รีบกดวางสายโทรศัพท์ “เผื่อว่าผมจองเที่ยวบินไม่ได้”
ณภัทรหงุดหงิดที่ฉันท์ไม่ได้มีท่าทีร้อนใจกับการที่น้องชายหายไปสักเท่าไหร่
ฉันท์เรียงลำดับความสำคัญและจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ไปตามนั้น
“อันที่จริง ทางคุณตาคุณยายที่ญี่ปุ่นก็บอกให้พาน้องกลับไปเยี่ยม แต่ก็มัวแต่ผัดผ่อนไปเรื่อย เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
ณภัทรคว้าโทรศัพท์จากมือของฉันท์ ซึ่งตอนนี้กลับไปปิดล็อกหน้าจออัตโนมัติแล้ว
“รหัสหน้าจอล่ะ” หญิงสาวถาม
ฉันท์กดรหัสเปิดหน้าจอ หญิงสาวก็บอกเบอร์ให้ฉันท์กดตาม
แต่ประตูรถตู้เปิดออกตั้งแต่ฉันท์ยังพิมพ์บันทึกชื่อไม่เสร็จ
คนที่เปิดประตูรถตู้คือนายตำรวจคนหนึ่ง
“คุณฉันท์ทัต และคุณณภัทรใช่ไหมครับ”
ฉันท์พยักหน้าว่าใช่ แต่ณภัทรปิดปากเงียบ
ด้านหลังของนายตำรวจยังมีลุงรอง กับพี่ชาย ทั้งคู่เรียกให้ฉันท์ลงจากรถ แล้วปล่อยให้นายตำรวจพูดกับณภัทร
“เจ้าเอื้อยกับเด็กที่ตลาดพาจิโระไปที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนกวางกลับบ้านไปบอกข่าวลุงกับป้า แต่เจ้าฉันท์ต้องไปโรงพักแจ้งความเรื่องที่เขาลักพาจิโระแล้วค่อยตามไปโรงพยาบาล”
“จิโระเป็นอะไรไหมฮะ”
“เจ้าเอื้อยบอกแต่ว่าตอนที่ไปรับ เขาหลับอยู่ แต่ตำรวจเขาแนะนำว่ายังไงก็ต้องไปตรวจร่างกายก่อน เห็นว่าเพราะเป็นเด็กก็จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคมอะไรไปดูด้วย”
เมื่อหันไปที่รถตู้ ณภัทรยังไม่ยอมลงจากรถขณะที่มีคนมามุงดูเหตุการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ 
ลุงรองจึงชวนให้ฉันท์ไปแจ้งความที่โรงพัก ระหว่างทางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
เพราะทั้ง 2 ร้านอยู่ใกล้กัน กวางจึงเห็นตั้งแต่ตอนที่ฉันท์เดินไปตามจิโระ จนกระทั่งเห็นว่าขึ้นรถตู้ไปจึงโทรไปหาธามัน แต่ไม่สามารถโทรหาฉันท์ได้เพราะฉันท์โทรหาเอื้อยที่บันทึกเสียงสนทนาไว้
แล้วเอื้อยก็ใช้อีกเบอร์โทรหาลุงรองให้ตามหารถอีกคันที่คาดว่าจะพาจิโระไป
การหารถคันนี้ง่ายกว่าที่คิด ด้วยสาเหตุผลเดียวนั่นคือ ‘ธารา’
ธาราอยู่ในกลุ่มลูกของลุงธนดล ซึ่งมีธนุส เป็นพี่ชายคนโต เขาคือคนที่สนับสนุนธามันอย่างเต็มที่ ส่วนตัวของเธอเองแม้จะรู้ว่าผู้ใหญ่หลายคนเกลียดเกย์ เธอเองก็ไม่ชอบ แต่เมื่อรู้ว่า ธามันมีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกัน เธอกลับเฉยๆ ทั้งไม่ไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้านฉันท์ทัต
ตอนที่มาเจอ 2 พี่น้องที่บ้านเธอไม่ค่อยชอบใจที่ธามันต้องมาอยู่ในบ้านหลังเล็ก กับครอบครัวที่มีท่าทีจะพึ่งพิงธามันเป็นหลัก
ฉันท์ทัตดูเป็นคนที่ระวังตัวเกินไป เครียดเกินไป คิดมากเกินไป
แต่จิโระไม่ใช่ เด็กน้อยน่ารัก สดใส และเมื่อมาพบอีกครั้งในวันนี้เขาก็จำเธอได้ทันที และเดินตามมาขึ้นรถแล้วถามเธอว่ากินอะไรมาหรือยัง ชักชวนให้เธอไปกินข้าวต้มฝีมือพี่ชาย เมื่อเลื่อนรถออกไปเด็กน้อยมีความเป็นกังวล เธอจึงบอกให้ย้ายรถไปที่ฝั่งตรงข้ามเพื่อให้เด็กน้อยเห็นพี่ชายในร้าน
และเธอเองก็ยังเห็นรถของณภัทร
จนกระทั่งจิโระหลับไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ให้เลื่อนรถ แต่ยังคงนั่งมองอยู่เช่นนั้น
ธารารู้เรื่องของโจ และเธอก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่ที่มาในวันนี้ก็เพราะเธอไม่อยากขัดใจณภัทร
ถ้าเธอไม่มารับจิโระเอง แล้วณภัทรให้คนอื่นมารับจิโระ คน ๆนั้นอาจไม่ได้แค่ชวนคุยกันให้กินขนมผสมยานอนหลับแบบนี้
แต่เพราะจิโระหลับสนิทเกินไป เธอจึงรู้สึกร้อนใจ 
เธอเห็นฉันท์เข้าไปในรถของณภัทรแล้ว และเห็นคนขับรถมอร์เตอร์ไซค์มาที่ร้าน รู้ตัวอีกทีก็คือมีตำรวจมาเคาะประตูรถ เมื่อเธอเปิดประตู ตำรวจก็พูดขึ้น “ขอความกรุณา อย่าเสียงดัง เพราะอีกคนที่อยู่ในรถคันนั้นอาจเป็นอันตราย ขอเชิญไปคุยกันที่โรงพักครับ”
ธารารู้จักณภัทร รู้ว่าใจร้าย แต่ก็ไม่มีอาวุธจึงไม่น่าจะทำร้ายฉันท์ได้
หญิงสาวท่าทางเข้มแข็งอีกคนก็แทรกตัวเข้ามาอุ้มจิโระออกไป  “เอ่อ เดี๋ยว จิโระน่ะ”
หญิงสาวคนนั้นหันกลับมามองเธอด้วยสายตาไม่พอใจมากจนธาราไม่กล้าพูดต่อ
เมื่อธาราก้าวลงมาจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พาเธอไปขึ้นรถอีกคันในทันที
จนเมื่ออยู่ในรถตำรวจแล้วเธอจึงนึกได้ว่า ต้องโทรหารัฐฐา พี่ชายคนที่เป็นเจ้าของสำนักงานทนายความ
แต่เมื่อเขารับสายเธอก็กลับร้องไห้อย่างเสียขวัญ
คนที่มาเห็นสภาพของเธอตอนที่เดินขึ้นโรงพักคงคิดว่าเธอคือคนที่ถูกลักพาตัว ไม่ใช่จิโระ
หลังจากที่ธาราถูกกักตัวไว้ในห้องพนักงานสอบสวน ฉันท์ก็เดินขึ้นโรงพักเพื่อแจ้งความ และให้หลักฐานเป็นไฟล์เสียงการพูดคุยกับณภัทรในรถ ที่พี่เอื้อยบันทึกไว้ แล้วเพิ่งส่งมาให้ 
จากนั้นต้อมก็มาถึง และบอกว่า กวางโทรไปหาธามัน ซึ่งอยู่กับธนวัฒน์ที่หัวหิน ธนวัฒน์จึงบอกให้ต้อมมาอยู่กับฉันท์ และให้กวางอยู่ดูแลลุงกับป้า
ส่วนลุงเอกมาพร้อมกับทนายความของตลาด ขณะที่กำลังพูดคุยกับฉันท์ที่แจ้งความเสร็จแล้วผู้กำกับ สน.ก็มาถึง ทั้ง 3 คนและลุงรองจึงแยกไปคุยในห้องทำงาน
จากนั้นก็เป็นรัฐฐาที่รับไหว้ฉันท์ แล้วเดินเข้าไปในห้องสอบสวนเพื่อคุยกับณภัทร และฐาติที่เดินเข้าไปนั่งคุยอยู่ในห้องของธารา แต่เมื่อตำรวจควบคุมตัวณภัทรมาถึงโดยที่มีเยาวเรศแม่ของธามันมาด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่สุดแล้ว 
ลูกน้องคนหนึ่งของพี่เอื้อยเดินเข้ามาอธิบายให้ฟังว่า หลังจากที่ฉันท์แยกมาที่โรงพัก ณภัทรไม่ยอมลงมาจากรถ จนตำรวจบอกว่าให้โทรศัพท์หาคนในครอบครัว หรือทนายความก็ได้ แต่เธอก็ไม่ยอมโทร จู่ ๆ ก็มีรถคันใหญ่มาจอด คนที่ลงมาจากรถคือเยาวเรศแม่ของธามัน เธอพูดไม่กี่คำ ณภัทรก็ยอมลงจากรถและมาที่โรงพัก
ณภัทรกับธาราอยู่กันคนละห้อง รัฐฐาออกมาจากห้องของธาราแล้วมาอยู่กับณภัทร
ต้อมพูดขึ้น “นี่ต้องเป็นคืนที่แต่ละคนโทรศัพท์กันเป็นไฟ”
ทั้งที่พอจะเดาเรื่องทั้งหมดได้ แต่บรรยากาศตอนนี้ตึงเครียดเกินไป พี่ชายจึงหันมาชวนต้อมคุยเพื่อฆ่าเวลา
“กวางโทรไปหาคุณธาม แต่ตอนนั้นมีคุณทีมอยู่ด้วย คุณทีมก็เลยให้ผมมาอยู่กับฉันท์ ส่วนพ่อของเขาก็คงเดาใจได้ว่า หลานสาวของเขาคนนี้จะต้องไม่กล้าโทรหาพ่อแม่หรือว่าทนายแน่ๆ ก็เลยให้เมียมาดู แต่คงคุยกันนาน กว่าที่เธอจะยอมมา”
“ถ้าลำพังหลานสาวของเขาเล่นงานเจ้าฉันท์คนเดียว เขาคงไม่ถึงขนาดให้เมียมา เพราะว่ามันเท่ากับการยอมรับกลาย ๆ แต่นี่เพราะว่าอีกคนคือจิโระ” พี่ชายพูดขึ้นแล้วถอนหายใจ “เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนชอบบงการคนอื่นขนาดนี้”
พอต้อมซักว่าทำไมพี่ถึงคิดแบบนั้น พี่ชายก็อธิบายต่อ
“คนที่ไม่ชอบเกย์นี่คือเขาไม่ชอบเลย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ชอบ แต่นี่เขาไม่ได้อะไรกับคนอื่น แต่มาบังคับให้น้องชายเลิกกับเจ้าฉันท์ แต่น้องชายไม่เชื่อฟัง ก็เลยมาบังคับที่เจ้าฉันท์”
ต้อมเหลือบตามองเพื่อนแวบหนึ่ง “ที่จริงเขาเคยทำอะไรคล้าย ๆ แบบนี้มาก่อน”
พี่ชายหันมามองหน้าฉันท์ที่นิ่งเงียบ
โทรศัพท์จากพี่เอื้อยโทรมา พอฉันท์วางสายพี่ชายก็ถาม
“จิโระไม่เป็นไรแล้วฮะ แต่ก็ยังอยากได้ชื่อยาที่เขาให้น้อง”
พี่ชายพยักหน้า ตบเข่าของฉันท์เบา ๆ แล้วลุกไปคุยกับตำรวจ
“ถ้าได้ชื่อยาแล้ว เราก็ไปดูจิโระกันเถอะ” ต้อมชวน
ฉันท์ไม่ได้หันมามองหน้าเพื่อน “มึงกลัวจะเจอคุณณภัทรหรือ”
“ไม่เจอได้น่าจะดีกว่าไม่ใช่หรือไง อีกอย่างที่นี่ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจเขาแล้ว”
หนุ่มตัวเล็กพยักหน้า แต่ไม่ขยับ “กูอยากเจอพวกเขา ทุกคน พร้อมกัน ก่อนที่จะไปหาน้อง”
พี่ชายได้ยินก็เดินไปบอกตำรวจอีกรอบ แต่ได้รับคำตอบว่า ณภัทรยังไม่ยอมพูดอะไร ส่วนธาราก็บอกว่าไม่รู้ชื่อยา เพราะพี่สาวให้มาแล้วเธอก็เอาใส่เครื่องดื่มไปจนหมด
ฉันท์พยักหน้าบอกว่าไม่เป็นไร “เดี๋ยวก็รู้ครับ รออีกครู่เดียว”
ทั้ง 2 คนที่นั่งอยู่ด้วยกันที่แถวเก้าอี้ห้องร้อยเวร ต่างก็ไม่เคยเห็นฉันท์เป็นแบบนี้ แต่เข้าใจความรู้สึกโกรธที่เกิดขึ้น
ความโกรธของฉันท์เหมือนกับการต้มน้ำแข็ง ที่จะละลายน้ำแข็งให้กลายเป็นน้ำ จากนั้นก็จะกลายเป็นน้ำเดือด

(มีต่อครับ)

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #254 เมื่อ08-07-2019 19:07:09 »

(ต่อครับ)

เกือบตี 1 ธามัน ธนวัฒน์และธนาจึงมาถึง
เยาวเรศออกมาจากห้องที่สอบปากคำณภัทร ส่งสัญญาณบอกสามีด้วยการส่ายหน้า
ฉันท์หน้าซีดมาก มือผอมสั่นจนควบคุมไม่ได้ ดวงตาแดงก่ำเมื่อลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปหา
“น้อง” ธามันจะก้าวเข้ามาหา แต่ฉันท์ชี้บอกให้หยุดอยู่ตรงนั้น
“อยู่ในกลุ่มญาติพี่น้องของพี่แบบนั้นเหมาะสมกว่าทางนี้”
ทุกคนบนโรงพักเงียบกริบ
“เรียก 2 คนนั้นออกมา” ฉันท์สั่ง “ผมจะพูดครั้งเดียว”
เมื่อทุกคนออกมาพร้อมหน้า ฉันท์ก็ถามณภัทรอย่างตรงไปตรงมา “เอายาอะไรให้น้องผมกิน”
ณภัทรเงียบทั้งหันไปมองทางอื่น ฉันท์ก็หันไปหาธามัน “ถามพี่สาวของคุณ ก่อนที่เธอจะต้องเข้าคุกในข้อหาพยายามฆ่า ถาม! เขาเอาอะไรให้น้องผมกิน!”
หลายชั่วโมงที่ณภัทรไม่ยอมพูดอะไร ทั้งแน่ใจว่ารัฐฐาจะต้องให้คำแนะนำประเภทอย่าเพิ่งพูดอะไร หรือไม่ก็ขอไปให้การในชั้นศาล แต่ฉันท์ไม่อยากให้เรื่องนี้ยืดเยื้อ
“ผมแจ้งความแล้ว คุณเงียบได้ แต่ผมไม่รอแล้ว! หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ และเราอยู่ในยุคที่ใคร ๆก็เป็นผู้สื่อข่าวได้ เชื่อว่าอีกไม่นานนักข่าวก็คงจะมา ผลกระทบที่เกิดตามมาคงเดาได้ โดยเฉพาะการที่บริษัทคุณอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ผมหวังว่าพวกเขาจะไม่ตามไปขุดคุ้ยว่า คุณเคยทำอะไรไว้ อาชญากรรมที่คุณทำ สร้างความเสียหายมากกว่าการที่มีน้องชายเป็นเกย์เสียอีก”
เยาวเรศเดินไปจับมือณภัทรไว้ “ณภัทร บอกเถอะนะ เรื่องอื่นเราค่อยพูดกันทีหลัง เด็กคนนั้นตัวนิดเดียวเอง”
ตอนที่อยู่ในห้องสอบสวนเธอไม่รู้สึกถึงแรงกดดัน แต่การที่ถูกเรียกออกมาแบบนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่คิด หญิงสาวหันไปพูดเบา ๆ กับเยาวเรศให้เป็นคนบอกทุกคน พี่ชายรีบโทรไปบอกกับพี่เอื้อยที่โรงพยาบาล
ฉันท์หันมาหาธามัน “ไหนพี่บอกว่าจะปกป้องดูแลพวกเรา ไม่ให้ใครมาทำร้ายเราได้อีก” ฉันท์รู้ว่าธามันไม่ผิดเลยสักนิด “ก่อนที่จะพูดออกมาน่ะ คิดก่อนหรือเปล่า ว่ามันเป็นไปไม่ได้! หรือว่าการพูดอะไรก็ได้เพื่อให้ตัวเองดูดี เพื่อให้ได้ผลประโยชน์แบบนี้!” มือที่สั่นไหวชี้ไปที่ณภัทร “มันอยู่ในสายเลือด! ถ้าพี่ยังเคลียร์ครอบครัวตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องตามผมมา ผมมีคนใจร้ายอยู่ในชีวิตผมมากพออยู่แล้ว ไม่ต้องหามาเพิ่มอีก” คนตัวผอมโงนเงนพร้อมที่จะล้มลงไปทุกเมื่อจนต้อมเข้ามาจับแขนไว้ หันไปหาณภัทร “ผมไม่สนว่าอะไรทำให้คุณเกลียดผม แต่หลังจากนี้ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะครับ อยู่ในห้องขัง รอพนักงานสอบสวนเขาพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ แต่บอกย้ำกับคุณตำรวจอีกครั้งนะครับ จิโระน่ะแค่ 4 ขวบ แล้วคน ๆ นี้เขาก็ไม่ได้ทำอย่างนี้เป็นครั้งแรก คุณไปค้นประวัติได้”  ฉันท์หันมาหาธนวัฒน์ “ไปดูให้ดีเถอะว่าถัดจากคุณโจแล้วยังมีคนอื่นอีกหรือเปล่า”
คำขู่ของฉันท์ได้ผล เพราะณภัทรสวนขึ้นมาทันที “ไม่นะ มีแค่โจ กับเด็กคนนี้”
ธนวัฒน์พยักหน้า “ขอบใจมากน้องฉันท์ ไปหาจิโระเถอะ ทางนี้พี่จัดการต่อเอง”
ลุงรองตบไล่ฉันท์เบา ๆ แต่พยักหน้าให้ลูกชายพาฉันท์ไปหาจิโระ
นับจำนวนคนบนโรงพักฝ่ายของฉันท์เหลือเพียง 3 คนน้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างแน่นอน แต่ฉันท์เชื่อว่าทั้ง 3 คนจะให้ความเป็นธรรมต่อคุณโจ และจิโระได้
เมื่อเข้ามาอยู่ในรถ ฉันท์เอนตัวลงพิงกระจกหน้าต่างรถด้วยความอ่อนแรง และเมื่อเขาไปในห้องผู้ป่วยพิเศษเด็ก ฉันท์ก็ตรงเข้าไปหาจิโระที่หลับสนิทแล้วจับมือน้องข้างที่ไม่ได้ให้น้ำเกลือ 
พี่เอื้อยบอกเล่าอาการทั่วไปของจิโระ ว่าหลับสนิทและคาดว่าจะหลับอย่างนี้ไปจนถึงบ่ายวันพรุ่งนี้
ต้อมขยับเก้าอี้ไปด้านหลังคนที่กำลังร้องไห้
“พูดออกมาบ้างก็ได้นะ อย่างที่มึงพูดที่โรงพักไง”
ฉันท์ส่ายหน้า แต่ต้อมก็บอกว่า การเก็บทุกอย่างไว้ในใจอาจทำให้เจ็บป่วยเอาได้
เห็นฉันท์ร้องไห้ไม่หยุด พี่ชายก็เลยช่วยผ่อนคลายบรรยากาศ “เมื่อกี้นี้ที่โรงพัก เจ้าฉันท์พูดอยู่ประโยค ผมมีคนใจร้ายอยู่ในชีวิตผมมากพออยู่แล้ว ไม่ต้องหามาเพิ่มอีก ได้ยินแล้วเหมือนทุกคนบนโรงพักโดนหมัดเข้าปลายคางกันถ้วนหน้า”
ฉันท์ปาดน้ำตา แล้วขอโทษ “ผมกำลังโกรธ พูดออกไปโดยไม่คิด”
“แต่มันคือความจริง” พี่ชายบอก “เจ้าเอื้อยนี่ก็ด้วย คนใจร้าย”
พี่เอื้อยยอมรับ “หนูมีความจำเป็นหรอก พี่ก็รู้ว่าแม่หนูน่ะ...”
“ผมเข้าใจครับ เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผมควรขอบคุณทุกคน ที่มีส่วนช่วยเหลือจนพบจิโระได้เร็วมาก แต่กลับพูดไม่คิด ขอโทษครับ”
“พี่ก็เข้าใจเจ้าฉันท์เหมือนกัน และดีใจที่พูดออกมา” พี่ชายบอก “มันคือความจริง แล้วทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรไว้ พอเกิดเรื่องกับจิโระ ทุกคนถึงได้พยายามช่วยกันเต็มที่ ขนาดลุงเอกยังมาเอง”
“พ่อเขาเป็นเจ้าของตลาด เป็นคนคุมย่านนี้ แต่มาเกิดเรื่องกับหลาน เขาก็ยอมไม่ได้อยู่แล้ว”
“ผมเป็นพี่ที่แย่จริง ๆ น้องอยู่ห่างออกไปแค่ 3 ห้องเท่านั้นยังไม่รู้เรื่องเลย” ฉันท์ร้องไห้ต่ออีกรอบ ทำให้ทั้งเพื่อนและพี่ช่วยกันปลอบ “ผมต่อว่าทุกคน แทนที่จะพูดขอบคุณ แล้วก็ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่า ผมต่างหากที่เป็นคนผิด”
พี่เอื้อยหันไปตีพี่ชาย “เพราะพี่เลย เจ้าฉันท์ร้องหนักกว่าเดิมอีก”
ต้อมแอบส่งข้อความบางอย่างไปทางโทรศัพท์ เสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาบอกเพื่อน “จะโทษตัวเอง หรือจะโทษใครตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้วทั้งนั้นแหละ มึงควรนอนพักแล้วก็ทำตัวให้สดชื่นดีกว่าไหม เพราะเวลาที่จิโระตื่นขึ้นมา มึงคือคนที่ต้องบอกเขาว่า เขากินขนมไม่สะอาดทำให้วูบไป หรือจะบอกอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่เขาถูกคนทำร้ายน่ะ แล้วก็ต้องสอนเขาว่าต่อไปจะกินอะไรต้องระวัง”
“ใช่” พี่เอื้อยเห็นด้วย “ถ้าจิโระตื่นขึ้นมา แล้วเห็นเจ้าฉันท์หน้าซีด ตาบวม บอกอะไรไปจิโระจะเชื่อไหม”
“มานอนที่เบาะยาวนี่ไหม” พี่ชายช่วยอีกแรง
“ไม่เป็นไรฮะ ผมอยู่ตรงนี้ได้”
พี่เอื้อยทวนคำพูดของหมออีกรอบ และให้กำลังใจ “แกคิดดูสิ ถ้าจิโระอาการหนักก็ต้องอยู่ไอซียูใช่ไหม แต่นี่มาอยู่ห้องพิเศษ ก็แสดงว่า ไม่ต้องถึงขนาดที่แพทย์จะต้องจับตามองตลอดเวลา”
ที่จริงพี่เอื้อยเป็นคนไปขอกับแพทย์ให้ย้ายห้องออกมาจากไอซียูได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนหน้าที่ฉันท์จะมาถึงนี่เอง ตอนแรกก็ยังกังวลอยู่ว่าจะทำให้ฝ่ายณภัทรที่ทำร้ายจิโระได้เปรียบในทางคดี แต่พอมาเห็นว่าน้องชายร้องไห้ไม่หยุดตั้งแต่มาถึง ก็คิดว่าเรื่องคดีอะไรก็ช่างเถอะ คนทางนี้อาการแย่ลงเรื่อย ๆ จนน่าเป็นห่วง
เมื่อพยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดัน ได้ยินเองว่าจิโระไม่เป็นไรฉันท์ก็หยุดร้องไห้ แต่ยังไม่ยอมห่างจากเตียงของน้อง
ฉันท์หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็คือตอนที่พยาบาลเข้ามาวัดไข้จิโระ พี่ชาย พี่เอื้อยและต้อมกลับไปแล้ว เหลือเพียงธามันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พยาบาล ที่กำลังบอกว่าให้จับน้องพลิกตัวบ้างก็ได้
พี่ดูเหนื่อย และเครียด แต่ก็ยังหล่อมากเหมือนดิม ในขณะที่ทางนี้เหมือนกำลังจะมีไข้
ยังไม่ทันจะพูดอะไร พี่ก็เดินมาแตะที่หน้าผากแล้วขอยาแก้ไข้จากพยาบาล
เพราะรู้ว่าสภาพของตัวเองเริ่มแย่ ฉันท์ลุกไปล้างหน้า เข้าห้องน้ำแล้วกลับออกมากินยา
“ร้องไห้จนตาบวม เป็นไข้” พี่จูงให้น้องมานอนที่โซฟาตัวยาว “นอนพักที่โซฟาเถอะ”
“ไม่ฮะ ผมอยากดูจิโระ”
“ชิรายูกิไม่สบาย แล้วจะดูจิโระได้ยังไง”
2 คนนั่งลงที่โซฟาตัวยาว ธามันก็ดึงให้ฉันท์เอนตัวเข้ามาพิงอก นั่งอยู่เงียบ ๆ อย่างนั้นอยู่พักใหญ่ฉันท์จึงพูดขึ้น
“พี่เอื้อยส่งข้อความมาบอกเป็นระยะว่าจิโระไม่เป็นไรแล้วผมก็เบาใจ แต่เพราะว่าผมอยู่บนโรงพัก เห็นว่าทั้งที่หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ เขาก็ยังไม่ยอมรับผิด ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาทำผิด พอเห็นพี่เดินขึ้นมา ผมก็สติแตก เสียงดังใส่พี่ ผมขอโทษ” ไม่รอให้พี่อธิบาย ฉันท์ก็พูดต่อทั้งที่เริ่มมีน้ำตา “ผมกลัวว่าจิโระจะจากไปเหมือนพ่อกับโอกาซัง กลัวว่าเขาจะจากไปโดยที่ไม่ได้บอกลากัน”
พี่เช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม
“ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่เป็นไรแล้ว แต่ก็ยังกลัว” และตอนนี้ก็ร้องไห้อีกแล้ว ฉันท์หายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ตำรวจให้ประกันตัวใช่ไหมฮะ”
ธามันพยักหน้ารับ
เรื่องที่โรงพักสำหรับคืนนี้จบลง แต่ยังมีเรื่องราวอีกมากที่รอให้ไปสะสาง
“ยังต้องมาพบพนักงานสอบสวนอีกหลายครั้ง”
“เขาไม่บอกพี่ให้มาบอกผมถอนแจ้งความหรือฮะ”
“ความผิดอาญา ลุงเอกไม่ยอม” บรรยากาศที่โรงพักหลังจากที่ฉันท์กลับมาเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะเมื่อฉันท์ทิ้งความไม่พอใจไว้ ทั้งลุงเอกและธนวัฒน์ก็ ‘เล่นงาน’ ณภัทรแบบตรงไปตรงมาชนิดที่ต่อให้มีผู้ใหญ่ฝ่ายตนเองถึง 3 คนพร้อมทนายความก็ยังช่วยอะไรไม่ได้มาก
‘ในคลิปพูดขู่เจ้าฉันท์ไม่หยุด ทีเวลาอย่างนี้จะมาทำเงียบให้มันเสียเวลาไปทำไม สงสัยคงอยากเป็นข่าวจริง ๆ’ ลุงเอกบอกไว้
“แล้วพี่คิดว่าผมควรทำไง”
ธามันหันไปจูบหน้าผากสวย “รอดูจิโระก่อน ว่าตื่นขึ้นมาแล้วเป็นอย่างไรเราค่อยตัดสินใจอีกที ถ้าชิรายูกิอยากดำเนินคดีเขาต่อ เราก็อยู่เฉย ๆ แต่ถ้าจะถอนแจ้งความก็รอจนถึงที่เขาต้องมาพบพนักงานสอบสวนครั้งหน้า เราค่อยไปถอนแจ้งความ”
ฉันท์มองจิโระที่หลับสนิทแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“ก่อนนี้เขาพูดเรื่องรูปด้วย มันยังไงกันฮะ”
ธามันบอกความจริงว่าเป็นรูปที่ถ่ายเมื่อครั้งที่ไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกันเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งใส่กรอบรูปเอาไปวางไว้ที่โต๊ะทำงาน
ฉันท์หลับตาลง ถอนหายใจยาว เมื่อมารวมกับเรื่องที่อลิซตกลงใจเลือกฐาติ ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมณภัทรถึงต้องลงมือในเวลานี้ ทั้งที่ไม่มีความพร้อม
“เพราะพี่ไม่รอบคอบ ขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นขนาดนี้”
ฉันท์ส่ายหน้าอีกครั้ง “ช่วง 1 เดือนมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นหลายอย่างเกิดขึ้น และก็มีอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไปเร็วมาก จนเมื่อนึกย้อนกลับไป ผมแทบจะจำรายละเอียดอะไรไม่ได้เลย หวังว่าหลังจากนี้ โลกของผมจะหมุนไปช้า ๆ เหมือนเดิม”
เช้ามืด กวางเคาะประตูห้องผู้ป่วยพิเศษเด็กแล้วเปิดประตูเข้ามา เห็นฉันท์นอนหลับอยู่โซฟาตัวยาว ขณะที่ธามันนั่งหลับอยู่ที่โซฟาเดี่ยว และขยับตัวตื่นทันที
“ผมมาเปลี่ยนเฝ้าจิโระ ให้พี่ 2 คนกลับบ้านไปพัก แล้วเที่ยงค่อยมาใหม่”
“แล้วเราไม่ต้องไปโรงเรียนหรือไง”
กวางส่ายหน้า
“ไปโรงเรียนเถอะ หมอบอกว่าจิโระน่าจะตื่นตอนบ่าย  กวางมาตอนนั้นดีกว่า” ธามันบอก “ชิรายูกิเพิ่งหลับ พี่ยังไม่อยากปลุก”
“งั้นผมกลับไปเปลี่ยนชุดนักเรียน แล้วเอาเสื้อพี่ 2 คนมาให้พี่เปลี่ยนดีไหมครับ”
ธามันพยักหน้าเห็นด้วยตามที่กวางบอก แต่พอดีกับที่ฉันท์ขยับตัว คนตัวใหญ่หันไปลูบผมนิ่มเบาๆ “ไม่มีอะไร หลับอีกนิดเถอะ”
แล้วฉันท์ก็หลับต่อไปอย่างง่ายดาย

...จบตอนที่16...
ตอนหน้าจบแล้วนะจ๊ะ
น้ำชา

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #255 เมื่อ08-07-2019 20:38:55 »

เป็นตอนที่พีคมากค่ะ หลังจากที่น้องต้องเจอเรื่องร้ายแรงมาเยอะแล้ว
คิดว่าจะไม่มีดราม่าอะไรที่น้องจะผ่านไปไม่ได้อีก แต่สุดท้าย ก็มีคนเริ่ม

ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงจิตใจหยาบขนาดนี้นะ ต้องขนาดไหนหรอ
ถึงเดือดร้อน และออกอาการหนักแบบนี้ ทำเด็กตัวเล็กนิดเดียว
ยาที่ให้กิน ไม่ใช่แค่ยานอนหลับใช่ไหม หรือหลับแบบไหน

ถ้าตัวเองเป็นฉันท์ จะไม่ยอมความใดๆ ไม่ใช่เพื่อความแค้น
แต่คือความเป็นจริงที่คุณต้องยอมรับว่า โลกไม่ได้อยู่ใต้น้ำมือคุณ
และคุณกำลังอาจจะฆ่าใครอีกคนเพิ่มขึ้น ทั้งทีเด็กไม่ได้รู้อะไรเลย

เปิดตอนมาก็แฮปปี้ดีมาก พี่ทำให้น้องหายเครียดได้บ้าง
ทำให้ฉันท์หัวเราะสุดเสียง แต่บนความสุขต้องมีความทุกข์หรอ
ให้ฉันท์ทัตมีความสุขอย่างจริงจังสักทีค่ะ
ธามก็ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อนนะ ทำไมถึงเดือดร้อนแทน

อึ้งเลยตอนที่ฉันท์ห้ามพี่เข้าใกล้และว่าให้พี่ด้วยความรู้สึกและอารมณ์
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจิโระเกิดเป็นอะไรร้ายแรงไป ใครจะชดใช้

ธามไม่เคือง แถมยังมาดูแล อยู่เคียงข้างให้น้องได้พักพิง น่าเอ็นดูฉันท์

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #256 เมื่อ08-07-2019 20:48:58 »

 :pig4:

ยาวสมกับการรอคอย อ้าว ! ท้ายเรื่องเครียดเลย

รอเรื่องราวตอนต่อไปครับ เป็นกำลังใจให้น้องฉันท์ครับ

 :L2: เยี่ยมจิโระด้วย ต่อไปอย่ากินของอะไรจากคนแปลกหน้านะลูก

 :m31:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #257 เมื่อ08-07-2019 20:53:34 »

คนไม่สำนึกก็ไม่สำนึกจริงๆนะ

เข็มแข้งทั้งพี่ทั้งน้องนะ จับมือกันไว้ให้แน่นๆนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #258 เมื่อ08-07-2019 23:11:20 »

รู้สึกว่าเป็นคืนที่ยาวนานมาก​ พยายามอ่านแล้วก็ทำความเข้าใจ​ในหลายๆเรื่อง​ สงสารจิโระจับใจ​ คนอะไรใจร้ายขนาดนี้แม้แต่เด็กตัวเล็ก​ๆ​ก็ยังเอามาเป็นเครื่องมือ​ได้

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #259 เมื่อ09-07-2019 00:03:45 »

พีคมาก
ลืมตัวละครสำคัญตัวแสบไปเลย โผล่มาอีกที รังแกกระทั่งเด็ก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
« ตอบ #259 เมื่อ: 09-07-2019 00:03:45 »





ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #260 เมื่อ09-07-2019 00:53:50 »

คนนิ่งอย่างชิรายูกิโมโหได้ขนาดนั้นก็เหลือเชื่อแล้ว
แต่ก็สมกับเป็นชิรายูกิ
น้องกวาง  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #261 เมื่อ09-07-2019 09:43:56 »

โอ๊ยยยยยยยยย พี่ณภัทรทำไมใจร้ายแบบนี้  :m31:  :m31:
จิโระเพิ่งจะ 4 ขวบเอง ตัวเล็กแค่นั้น ก็สมควรแล้วที่ชิรายูกิจะโกรธมากขนาดนั้นอ่ะนะ
หลังจากนี้อยากให้บ้านใหญ่ฝั่งพี่ธามคิดได้ซักที ว่าความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวมันสำคัญกว่าธุรกิจ การชิงดีชิงเด่น หน้าตา หรืออะไรๆภายนอก
หวังว่าชิรายูกิจะได้โลกที่หมุนช้าๆ สงบๆ แบบเดิมกลับคืนมาเร็วๆ

สุดท้าย อยากกอดกวางแน่นๆ :กอด1: ไม่เป็นไรนะ หนูตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่ยื้อเอาไว้ ไม่งั้นจะเจ็บกว่านี้
หนูเป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง มีน้ำใจ และเข้าใจโลกมากๆๆๆๆ ขอให้หนูมีชีวิตที่ดี ได้เจอคนดีๆ มีอนาคตที่ดีนะ

ปล. กวางคือตัวละครที่เราชอบที่สุดของเรื่องนี้เลย เกิดมาขาด แต่ใฝ่ดี ทัศนคติในการดำเนินชีวิตดี ละมีความกวน ทะลึ่ง ทะเล้นหน่อยๆ โอ๊ยยยยยย รักน้องงงงงงง เอาใจช่วยน้องให้มีอนาคตที่สดใส

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #262 เมื่อ09-07-2019 15:17:21 »


:m16: อารมณ์ตอนที่อ่านตอนนี้จบ แบบร้องเฮ้ยยยยยยยยย เลยนะ

 การกระทำของณภัทรนี่มันโคตรเห็นแก่ตัวและก็น่ารังเกียจที่สุด

คือที่บอกว่าน่ารักเกียจนี่อ่านมาแล้วรู้สึกได้อย่างเดียวว่าเก่งแต่กับเด็ก
ตั้งแต่เรื่องโจจนมาถึงเรื่องจิโระการใช้เด็กตัวเล็กๆมาเป็นเครื่องมือมันสิ้นคิดมากกกกก
อยากให้อยู่ในคุกให้เข็ดค่ะ แก่แล้วแบบนั้นดูซิว่าจะเก่งไปได้อีกนานแค่ไหน  :beat:

ส่วนอีกคนคุณธารา แค่บอกว่าไม่อยากขัดใจณภัทรเลยเป็นคนที่ไปรับจิโระมาเอง อันนี้ก็ควรโดนไปด้วยกันค่ะ
อะไรคือการที่รู้ว่าอีกคนทำผิดแต่ไม่ห้ามหรือหาทางบอกคนอื่นที่สามารถจัดการได้ในเมื่อตัวเองคิดไม่ได้ ก็ควรค่ะ
ควรไปอยู่ในคุกด้วยกัน  :m16:


และคนสุดท้าย  อิคุณฐาติค่ะ :z6:  :z6: อันนี้คือแทนความรู้สึก อะไรคือการมาทำเหมือนน้องกวางของอิป้าคนนี้เป็นของเล่น
จำไว้นะคะน้องจะต้องมีคนที่ดีที่สุดมารักน้องและดีกว่าอิน้าแก่ๆคนนี้แน่นอน



สารภาพ ตอนนี้อ่านแล้วร้องให้เลย ใจหนึ่งก็ยังไม่อยากให้จบเลย  :ling1:






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #263 เมื่อ11-07-2019 08:14:33 »

อ่านจบตอนนี้แล้วมีหลายอารมณ์มาก  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ adnrak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #264 เมื่อ11-07-2019 17:23:51 »

หาคนมาดูแลกวางด่วน  ไม่เอาฐานติ  ให้ไปนอนกอดเงินไกลไป๊

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #265 เมื่อ11-07-2019 22:46:52 »

ลักพาตัว​ กักขังหน่วงเหนี่ยว​ พยายามฆ่านี่ถึงถอนแจ้งความแล้วบอกว่าเข้าใจผิดแต่นี่เป็นคดีอาญายอมความมิได้ไม่ใช่เหรอ​  ถึงน้องจะไม่ตาย​ แต่อาจมีผลต่อสภาพจิตใจ​ทั้งยังเป็นการกระทำที่มีการไตร่ตรองไว้ก่อน​​ ยังไงก็ต้องขึ้นศาล​ เพราะมีหลักฐานและจำเลยหลุดจากปากเองว่ากระทำจริง​ ถึงจะกลับคำให้การแต่ถือว่าคดีมีมูล​ ถ้าไม่วิ่งอัยการหนักๆ​ เพื่อล้มสำนวน​ ยังไง​ตำรวจก็ต้องถือหางข้างเจ้าของตลาดอิทธิพลอยู่แล้ว​ ก็ต้องมาลุ้นกันว่าเส้นใครจะใหญ่กว่ากัน... เจอทนายเก่งๆ​ คุณพี่สาวมีสิทธิ์จำคุก​ตลอดชีวิตอ่ะเราว่า​ ติดจริงสัก​10-20ปี​น้อยไปแต่ก็สะใจ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #266 เมื่อ12-07-2019 10:07:23 »

โอ๊ย

จิโร๊ะ

ปลอดภัยนะลูก

หนูปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #267 เมื่อ12-07-2019 21:11:09 »

หลากหลายอารมณ์มากในตอนนี้ :hao5:

น้องกวางเข้มแข็งนะลูก หนูต้องได้เจอคนที่ดีแน่ๆ

จิโระน่าสงสาร เพราะไว้ใจถึงได้ขึ้นรถไปด้วย

นภัทรคนเห็นแก่ตัวต้องได้รับกรรมที่ทำไว้กับทุกคนนะ

สุดท้าย หวังให้น้องฉันท์ได้อยู่บนโลกที่หมุนช้าๆ ซักที :3123:

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #268 เมื่อ17-07-2019 23:13:47 »

ฮึบๆๆ เข้ามาปูเสื่อรอ  :katai5:  :katai5:
คิดถึงชิรายูกิแล้ววววววววว

ออฟไลน์ yunjae_yusoo_mi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: Kiss the Snow ตอนก่อนจบ(8/7/2562)
«ตอบ #269 เมื่อ18-07-2019 17:17:12 »

 :katai5:

ถ้าลงจบแล้ว จะอ่านซ้ำอีก ชอบทุกเรื่องเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด