『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8  (อ่าน 58715 ครั้ง)

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░


#สามหกสิบแปด

เรื่องราวของผู้ชายที่อายุสามสิบหก
กับเด็กที่มันไม่ควรอายุสิบแปด


ผม 'จูบ' เด็กที่ใส่ชุดครุย
ใครมันจะไปคิดว่าจะเป็นครุยของพี่มันวะ...



สารบัญ


ตอนที่ 1
ตอนที่ 2
ตอนที่ 3
ตอนที่ 4
ตอนที่ 5
ตอนที่ 6
ตอนที่ 7
ตอนที่ 8
ตอนที่ 9
ตอนที่ 10
ตอนที่ 11
ตอนที่ 12
ตอนที่ 13
ตอนที่ 14
ตอนที่ 15
ตอนที่ 16
ตอนที่ 17
ตอนที่ 18-20
ตอนที่ 21
ตอนที่ 22-23
ตอนที่ 24


intro





‘วิธีรับมือกับแฟนที่เด็กกว่า’
ผมไล่สายตามองหัวข้อบทความบนนิตยสารวัยรุ่นที่เขียนด้วยตัวหนังสือขนาดใหญ่เน้นด้วยสีแดง เด่นชัดเสียจนเกือบจะเด่นกว่าหน้านางแบบบนปก

แฟนที่เด็กกว่างั้นหรอ...
ในความคิดของผู้ชายวัยทำงานอย่างผมคงได้แต่หัวเราะเบาๆ โอเค ย้อนกลับไปเมื่อสมัยมหาลัย หาแฟนที่เด็กกว่านี่แทบจะเป็นกฏตายตัวของผมเลยก็ว่าได้ ไม่เด็กกว่าไม่เดทด้วย ยิ่งเวลาเปิดเทอมแล้วเห็นเด็กปีหนึ่งเดินกันหน้าใสๆ ผิวสวยๆ ขาขาวๆ พวกรุ่นพี่อย่างผมนี่คร้านจะยกศอกตีปีกกระแทกเพื่อนให้ส่องกันแทบไม่ทัน

เวลาผ่านไปแบบไม่รู้ตัว จากไอ้รุ่นพี่ที่ไล่ขอเบอร์รุ่นน้องไปทั่วอย่างผมกลับกลายมาเป็นผู้ชายวัยสามสิบหกที่เตะคำว่าแฟนเด็กทิ้งไปจากพจนานุกรมมาได้หลายปีแล้ว แค่ทำงานทุกวันก็เหนื่อยจะแย่ถ้าจะต้องมาคอยทนความง้องแง้งเอาแต่ใจของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้อีกคงปวดหัวตาย

ถ้าได้รวมตัวเพื่อนเก่ามาเห็นว่าผมทำตัวเป็นไอ้ลุงที่แก่กว่าอายุแบบนี้คงโดนเอาไปล้อจนเกษียณแหง ผมแค่นหัวเราะในลำคอให้กับตัวหนังสือสีแดงนั่นแล้ววางนิตยสารลงที่เดิมก่อนจะย้ายโซนเพื่อไปหาคู่มือเที่ยวญี่ปุ่นแทน

แฟนเด็ก



หึ คนอย่างผมไม่มีทางมีแฟนที่อายุน้อยกว่าหรอก

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-03-2020 20:46:16 โดย Oiimaps »

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
กุ๊งกุ๊งที่ 1
 ญี่ปุ่น







 
สนามบินนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มักทำให้ผมหงุดหงิดเป็นอันดับต้นๆ
ไม่สิ...
ต้องพูดให้ถูกว่าหมายถึง ‘คน’ ในสนามบิน
 
“พี่แนน! พี่แบงค์! เนหาพาสปอร์ตไม่เจอออออออ”
“มึงหาในกระเป๋ารึยังเน”
“เนหาแล้ว เนแทบจะเทกระเป๋าแล้วเนี่ย ทำไงดี เนจะร้องไห้”
“อย่าเพิ่งร้องไห้ มึงเป็นคนไทย”
“ทำไมเป็นคนไทยแล้วร้องไม่ได้”
“เพราะร้องไฮ่!! ต้องเป็นคนญี่ปุ่น”
“พี่แบงค์ เนเครียดอยู่ยังจะเล่นมุกอีกอ่อ!!”
ผมใช้นิ้วนวดขมับเล็กน้อยกับเสียงโวยวายที่ดังมาจากโต๊ะข้างๆ นี่ขนาดลี้ภัยมานั่งในมุมมืดของสตาร์บั๊คก็ยังจะมีกลุ่มคนเสียงดังมาอยู่ข้างๆ อีก สนามบินก็ตั้งกว้างแต่คนข้างๆ ผมมักจะน่ารำคาญเสมอ
“โอ๊ยยยย กาแฟลวกลิ้นนนน  ร้อนนน ไอ้ไม้ช่วยกูด้วยลิ้นกูสุกแล้ววว” ผมชายตามองไอ้เวรที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม ตัวน่ารำคาญติดอันดับท็อปในชีวิต สะบัดไม่หลุดตั้งแต่มหาลัยยันทำงาน
“อย่าเสียงดังสิวะ”
“ไอ้ห่า ลิ้นกูสุกไม่ให้กูโวยวายได้ไง ลิ้นคนไม่ใช่ลิ้นหมูนะมึง”
“มันไม่สุกหรอก”
“เป็นลิ้นกูอ่อ สาระแนรู้ดีกว่าลิ้นกูได้ไง” ผมถอนหายใจยาวเหยียด อายุขึ้นเลขสามแต่ความปัญญาอ่อนดันเหมือนสมัยเรียนไม่เปลี่ยนแปลง ผมส่ายหัวรัวก่อนจะเมินเสียงโวยวายของไอ้เก่งแล้วก้มลงอ่านหนังสือคู่มือเที่ยวญี่ปุ่นในมือต่อ   
 
กึ้ก
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เก้าอี้ถูกโต๊ะข้างหลังกระทบ
“มึงจะไปไหนวะเน”
“เนว่าเนลืมไว้ในห้องน้ำชาย!!!” สิ้นเสียงโวยวาย เด็กที่กระแทกเก้าอี้ผมก็รีบวิ่งหน้าตั้งออกไปจากร้าน
 
                อา...
ในที่สุดความเงียบสงบก็กลับมา...
 
“เชี่ย ไอ้ไม้ กูหามือถือตัวเองไม่เจอ!! โอมายก็อดดดดด!! แวร์อีสมายโฟน!! ”
 
... อ่อ ยังมีมันอยู่อีกตัว
 
คร้านจะขยับปากบอกว่ามันเสียบไว้กับกระเป๋าเสื้อตอนกระดกกาแฟแล้วลวกลิ้น ผมก้มมองนาฬิกาบนข้อมือก็ค้นพบว่าควรจะเข้าเกตพอดีเลยตัดสินใจรวบของลงกระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านกาแฟมา ทิ้งให้ไอ้เก่งโวยวายตามหามือถือลูกรักลั่นร้าน
               
ผมเดินทางออกนอกประเทศบ่อยแต่ส่วนใหญ่ประเทศปลายทางมักจะเป็นฝั่งยุโรปไม่ก็อเมริกาเสียส่วนใหญ่ สำหรับญี่ปุ่นนี่เป็นครั้งแรกของผมเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะเปิดทริปด้วยการต้องเดินทางไปกับไอ้ตัวน่ารำคาญระดับโลกอย่างไอ้เก่งแต่ก็แอบคาดหวังกับประเทศนี้อยู่ไม่น้อย อ้อ ยังรวมไปถึงภารกิจตามล่าหาเครื่องรางให้น้องสาวผมอีก หวังว่าทริปนี้จะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วกันนะ ผมหยุดเดินเพื่อพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นหลังจากที่มันม้วนตัวตกลงมาเกะกะแขน
ปั้ก!!
“โอะ ซอรี่” ผมมองตามหลังของคนที่เพิ่งวิ่งชนไหล่ผมไป
ซอรี่?
ผมหรี่ตามองเสื้อกันหนาวสีเหลืองที่คุ้นตาเพราะเหมือนจะคุ้นตามาจากไหนสักที่
เด็กที่โวยวายในร้านเมื่อกี้สินะ
เหลือบตามองลงที่มือเห็นถือพาสปอร์ตเล่มเล็กไว้แน่นคงเพิ่งไปหาพาสปอร์ตตัวเองจากห้องน้ำเจอสินะ
 
“ยืนยิ้มไรสัดไอ้ไม้ ทิ้งกูมายืนยิ้มคนเดียวนี่มึงโรคจิตเรอะ กูเกือบร้องไห้แล้วนะ” แล้วก็ถูกดึงกลับมาข้างตัว ผมหันไปทำหน้าเซ็งใส่ไอ้เก่ง บางทีเวรกรรมก็มาในรูปแบบเพื่อนที่น่ารำคาญจริงๆ นะครับ สุดใจจะด่าเพราะด่ามันมาตั้งแต่ปีหนึ่งก็ไม่เคยสำนึก ผมเลยเลือกที่จะเมินมันแล้วเดินต่อเพื่อไปขึ้นเครื่องแทน
 


จากกรุงเทพมาญี่ปุ่นใช้เวลาประมาณหกชั่วโมง นึกขอบคุณที่เลือกจองตั๋วแบบธุรกิจเลยได้ตัดขาดความน่ารำคาญจากไอ้เก่งที่พยายามจะโชว์ภูมิความรู้ประหนึ่งตัวเองเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น มันบอกทริปนี้จะเปลี่ยนชื่อเพื่อความตื่นเต้นและได้บรรยากาศ ให้เรียกมันว่ายามะพี
...แหม ตั้งชื่อแบบลืมไปเลยว่าชื่อจริงมึงชื่อสมชาย
               
 “ไปไงที่พักยังไงดีวะ” นายยามะพีถามผมทันทีที่ลุกขึ้นจากเบาะ ยังไม่ทันออกจากสนามบินมึงก็งงแล้วหรอ ไหนหล่ะที่อวดรู้มาตลอดทาง
“แท็กซี่” ดูจะปลอดภัยที่สุดแล้ว
“เค”
ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนโดนแรงกระแทกเล็กๆ เบียดมาจากด้านหลัง แต่มองผ่านไหล่ไปแล้วไม่เห็นหัวใครเลยเดาเอาว่าคงเป็นเด็กที่มากับผู้ปกครองสักคนหนึ่ง
 


ที่พักของเราวันนี้เป็นโรงแรมห้าดาวใจกลางย่านชื่ออิเคบุคุโระ แน่นอนครับว่าแยกห้องนอน ผมไม่คิดจะใช้ช่วงเวลาในการท่องเที่ยวกับการนอนร่วมห้องกับไอ้เก่งอย่างเด็ดขาด เอาของเก็บเรียบร้อยก็พร้อมเดินทางไปสถานที่เที่ยวแรก นั่นก็คือ...
 


 
วัดอาซากุสะ

 มันคือวัดที่น้องสาวผมฝากซื้อเครื่องรางอะไรสักอย่างที่เหมือนจะฮิตมากในโซเชี่ยล โคตรจะไสยศาสตร์ อยากจะไลน์ไปด่าว่าเพ้อเจ้อแต่ติดที่ว่ามันมางอแงให้ผมซื้อด้วยท่าทางอ้อนๆ เนี่ยแหล่ะครับภาระของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าพี่ชาย ลูกอ้อนน้องสาาวก็แพ้มันตลอด

....ว่าแต่มันเป็นวัดไม่ใช่หรอทำไมคนมันเยอะขนาดนี้วะ
           
“คนโคตรเยอะ”
“ไปทำสาขาที่ไทยจะคนมาเยอะขนาดนี้ไหมวะ”
“นี่วัดไม่ใช่เคเอฟซี มึงจะทำสาขาทำบ้าอะไร” ผมหันไปตบหัวไอ้เก่งหนึ่งที ข้อหาพูดจาโง่ๆ
วัดของญี่ปุ่นดูจะมีกิจกรรมที่ให้ทำเยอะพอๆกับที่ไทยแต่ก็มีหลายอย่างที่น่าแปลกใจ เอาเป็นอย่างแรกเลย ทำไมคนเราถึงต้องยืนปัดควันใส่ตัวเองกันหน้าวัดด้วยวะ
 “เขายืนปัดควันทำไมวะ” ผมหันไปข้างๆ “คุณยามะพี มึงตอบกูหน่อย”
“เขาแดกหมูย่างมาแต่กลัวเมียรู้”
 “...”
 “ย้อเย่น กูเหมือนจำได้ว่ามันไม่ใช่ควันธรรมดาอ่ะมึง”
 “แล้วมันเป็นควันอะไร”
 “ควันเอ๊ยควันมา”
“...” ผมส่งสายตาเดี๋ยวมึงจะหัวปักถังควันใส่มันเลยหัวเราะแห้งออกมา
“ล้อเล่นๆ กูรู้สึกว่ามันเป็นควันดีอ่ะ เหมือนปัดควันดีๆเข้าตัว มั้งนะ” ทำเป็นว่าเข้าใจ ผมเบนสายตาต่อไปที่บ่อน้ำข้างๆที่มีคนเดินเข้าไปตักกลั้วปาก บ้างก็ล้างหน้าล้างมือ
 “แล้วนี่?”
“โฮลี่วอเตอร์โว้ย แบบเอามาล้างบาป”
 “มึงตักกลับไปไทยสิ น่าจะต้องล้างทั้งปี”
“รุนแรงมาก กูเพื่อนมึงไง”
 “หึ” มาถึงแหล่งทั้งทีก็ทำตามที่เขาทำหน่อย  พอมือจับกระบวยปุ๊ป ไอ้เก่งก็หันหน้ามาหาผม
“ไม้ กูจะเชื่อได้ไงว่าน้ำมันสะอาดวะ”
“ล้างๆไปเถอะ”
“แต่...”
 มันมองไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นคุณลุงไม่รู้สัญชาติใช้ปากสูดน้ำเข้าไปพร้อมกับตักอีกรอบลงไปราดเท้า เรียกได้ว่าทั้งปากทั้งเท้าในกระบวยเดียว ผมหันไปสบตากับไอ้เก่งแล้ววางกระบวยลงพร้อมกัน ไว้วัดหน้าแล้วกัน เอาที่คนน้อยๆ หน่อย นับเป็นการเปิดโลกใหม่ได้น่าตกใจพอสมควร ผมตัดสินใจหันตัวเดินเข้าไปที่วัดหลักที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเพื่อเข้าไปดูว่ากิจกรรมของวัดมีอะไรบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับที่ไทยมากนักไม่ว่าจะเซียมซีหรือการโยนเหรียญที่ผมตัดสินใจโยนเหรียญสิบบาทไปแทนเพราะหาเหรียญเยนไม่เจอ 
             

   ภารกิจสุดท้ายคือไปซื้อเครื่องอะไรสักอย่างที่น้องสาวฝากซื้อมาจากประเทศไทย ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แค่โชว์รูปให้คนขายดู เห็นสาวน้อยยืนซื้อกันคนละหลายอัน เห็นแล้วอยากจะไลน์กลับไปถามน้องสาวว่าไอ้เครื่องรางกุ๊งกิ๊งที่ญี่ปุ่นนี่มันดูศักดิ์สิทธิ์กว่าพระที่ไทยได้ยังไง แต่นั่นแหล่ะ ผมเลิกจะทำความเข้าใจกับวัยรุ่นสมัยนี้แล้ว เอาตั้งแต่น้องสาวผมเริ่มเอาไอ้ตุ๊กตาอะไรบี้ๆมาเต้นโชว์แล้วเรียกน้องแล้ว หน้าเหมือนหนูผี มันเรียกน้องลงได้ยังไงวะ
               
จบท้ายวันด้วยการมาหาเบียร์กินที่ร้านคราฟต์เบียร์มาร์เก็นย่านโคเอ็นจิที่ไอ้ยามะพีเวอร์สาขาบางนาแนะนำประหนึ่งเป็นหุ้นส่วนร้าน
อากาศที่ญี่ปุ่นช่วงเดือนพฤษภาเย็นกำลังดีช่างเข้ากันได้ดีกับคราฟต์เบียร์รสขมปลายลิ้นกับลมอุ่นจากบุหรี่ ไม่รวมเสียงน่ารำคาญจากไอ้เวรที่นั่งตรงข้ามผม ทุกอย่างในเวลานี้มันช่างลงตัวจนเหมาะที่จะใช้คำว่าพักผ่อนเสียจริง
“ไอ้ไม้ๆ มึงดูนั่นดิ”
“...”
“เอ้า เบียร์ญี่ปุ่นแดกแล้วเป็นใบ้หรอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง กูคงให้เขาไปเปิดสาขาที่บ้านมึง จะได้เลิกพูดมาก” มันส่งสีหน้ากวนตีนกลับมาก่อนจะเปลี่ยนประเด็นด้วยการโบ้ยปากไปที่โต๊ะข้างๆ ผมมองตามองศาปากมันไปตกอยู่ที่เด็กผู้ชายที่นอนฟุบกับโต๊ะโดยเอาชุดครุยคลุมทับ
“คนไทยนี่หว่า”
“แล้วมึงจะไปยุ่งอะไรกับเขา” ส่ายหัวให้กับความขี้เสือกมันหนึ่งทีแล้วกลับมาสนใจวิถีชีวิตคนนอกร้านต่อ
“ไอ้ไม้ๆ มึงว่าน้องเขาจบคณะไรวะ”
“เสือก”
“เห้ยบ้า มันมีคณะเสือกตั้งแต่เมื่อไหร่”
“...”
“ใจร้ายจังวะ กูชงมุกให้ตั้งแต่ปีหนึ่งมึงไม่เคยตบให้กูสักรอบเลย”
“...” ไม่พูดต่อหล่ะว่าแต่หัวมึงหน่ะตบไม่หยุดมาตั้งแต่ปีหนึ่งยันทำงานยังไม่เคยหยุดตบเลย
“บุหรี่หมดว่ะ เดี๋ยวกูมา” ไอ้เก่งตบๆกระเป๋าตัวเองก่อนจะเบะปากวิ่งออกนอกร้านไป
ถึงปากจะบอกว่าไม่สนใจแต่ผมก็อดหันไปมองไอ้เด็กนั่นไม่ได้ ก็เป็นห่วงในฐานะคนร่วมประเทศเท่านั้นแหล่ะ เพิ่งจบใหม่แท้ๆ ใช้ชีวิตไม่ระวังตัวเลยวะ ที่นี่ไม่ใช่ข้าวสารเหมือนบ้านเรานะ แล้วฉลองรับปริญญายังไงมานั่งดื่มคนเดียวเศร้าๆแบบนี้กันนะ
 
 
ช่างเถอะ ไม่ใช่ธุระอะไรของผมอยู่ดี
 
 
ใช่ มันไม่ใช่ธุระอะไรของผมเสียหน่อย
 
 


... แล้วทำไมมีไอ้ลุงแก่ๆ ไปป้วนเปี้ยนไอ้เด็กนั้นวะ
... แล้วทำไมพนักงานเสิร์พถึงไปนั่งคุยกับน้องมันขนาดนั้นวะ
... แล้วทำไมไอ้เวรเก่งไปซื้อบุหรี่นานขนาดนี้วะ
... แล้วทำไมผมย้ายตัวมานั่งโต๊ะน้องมันได้วะ!!!!
 




“เห้ย ไอ้หนู” ผมเคาะหัวเด็กตรงหน้าจึ้กๆ
“ฮื่อ” แหน่ะ มีปัดออก
“ไอ้หนู ดึกแล้ว เมาก็กลับบ้านไปนอน” พูดไปก็นึกขึ้นได้ว่าพอใช้คำว่าไอ้หนูแล้วเราดูแก่จังวะ
“ฮื่อ ยุ่งหน่ะลุง”
 

ห๊ะ...
 
ใครลุง!!!
อายุแค่สามสิบหกห่างใกลจากคำว่าลุงไปอีกเยอะโว้ย!!!
 
“เด็กเวร”
“ไมได้ชื่อเวร เนชื่อเน” เสียงดื้อเถียงกลับพร้อมเงยหน้าขึ้น ปรากฏให้เห็นใบหน้าทั้งหมดของเจ้าเด็กขี้เมา โอเค ผมไม่ค่อยได้ติดตามโลกปัจจุบันมากนัก
 
แต่เด็กจบใหม่นี่หน้าเหมือนเด็กมัธยมได้ขนาดนี้เลยหรอวะ!!!
 
ไอ้แก้มใสๆ เจือสีแดง ตาปรือกึ่งหลับนั้นพยายามหาโฟกัสกับหน้าผม ปากเล็กที่เคลือบไปด้วยน้ำสีใสที่เดาเอาน่าจะเป็นน้ำลายจากการนอนฟุบ เวรเอ๊ย คนเมามันไม่ควรน่ารักขนาดนี้

ไม่สิ!!

เด็กผู้ชายที่เมามันไม่ควรน่ารักหรือเปล่าวะ!!   

ตัดภาพไปตอนมหาลัยที่ไอ้เก่งเมา ทุเรศลูกตาจนผมปล่อยให้มันนอนจมกองอ้วกอยู่หน้าร้านไม่แม้แต่จะพากลับห้อง
“...”
“พี่แบงค์หรอ” เสียงเมาอ้อแอ้มาพร้อมกับตาปรือที่ปิดแล้วปิดอีก
“แบงค์ไหน” ผมย้อนถาม
“วงมายด์”
“...”
“แฮ่ๆ พี่แบงค์วงแคลชตะหากกก วงมายด์นั่นพี่ปู เอ้ย พี่เป๊ก เอ้ย พี่เป้ เอ้ย ถูกแล้ววว”
 
เวรแล้ว ยิ้มแล้วแม่งน่ารักกว่าเดิมอีก ผมเมินไอ้มุกสามช่าที่น้องเล่นแล้วหายใจเข้าลึกๆ เด็กจบใหม่นี่อายุมันประมาณเท่าไหร่วะ ยี่สิบสามได้ไหม แล้วเด็กอายุยี่สิบสามมันเมาอ้อนแบบได้ยังไง บ้านเลี้ยงมายังไง แล้วยู่รอดในรั้วมหาลัยยังไงวะ
“นี่ มากับใคร เมาแล้วรู้ตัวไหม”
“หึ่ย ไม่เมา ไม่อ่อน”
“มาคนเดียวหรอ”
“หึ เนมากับพี่ อย่ายุ่ง”
“จบมหาลัยแล้วยังแทนชื่อตัวเองด้วยชื่อเล่นอีกหรอวะ” มันควรจะตลก แต่ทำไมมันดูน่ารักจังวะ
“ยุ่งไรอ่ะลุง”
“เห้ย ไม่ลุง”
“แก่กว่าก็เป็นลุงหมดแหล่ะ”
“ที่บ้านสอนเรื่องลำดับญาติมายังไง” ผมดีดหัวมันไปหนึ่งป๊อก “แล้วมากับใคร โทรมารับได้แล้ว”
“มากับพี่”
“แล้วพี่ไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ พี่โตแล้ว”
 




คิดว่าน่ารักแล้วกวนตีนยังไงก็ได้หรอวะ
เออ ก็ได้แหล่ะ น่ารักดี เหมือนลูกแมวเลย
 

“โตแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้สิวะ ไม่ใช่มาเมานอนอยู่คนเดียวแบบนี้ พ่อแม่รู้เป็นห่วงแย่แน่”
“อื้อ” มาองมาอื้ออะไรวะ เขี่ยแก้มแม่งเลย
“เอาไลน์หรืออะไรสักอย่างของพี่มาสิ เดี๋ยวโทรตามให้” เด็กตรงหน้ายู่หน้าไม่พอใจแต่ก็รับมือถือผมไปจิ้มๆ ลบๆ อยู่หลายนาทีก่อนจะส่งคืนมาให้ผม ดูท่าทางจะแอตไลน์ใครไปเสร็จศัพท์พร้อมกดคอลออกไปให้แล้วเรียบร้อย ผมยกมือถือขึ้นแนบหู ทันใดนั้นมือถือบนโต๊ะก็สั่นรัว เด็กขี้เมาเอื้อมมือไปรับก่อนจะยิ้มเผล่ใส่ผม
 
“หวัดดีลุง เนเองงงง”
 

... ให้ไลน์กันง่ายๆแบบนี้เลยหรอวะ
แล้วลุงอะไรวะ สามสิบหกไม่เรียกลุงโว้ย


 
“บอกให้เอาไลน์พี่มาไม่ใช่ไลน์มึ... ไลน์นาย ไม่ หมายถึงไลน์เธอ เออ ไลน์อะไรนั่นแหล่ะ จะโทรตามให้มารับกลับที่พัก เด็กเวร” ปากพูดไป มือก็กดปักหมุดไว้ กันลืมว่าเป็นไลน์คนตรงหน้า
“ไม่มีใครสนใจหรอก”
“...”
“ขนาดคบกันมาตั้งนานยังไม่ใส่ใจเลย” มันงึมงำแล้วก็ฟุบลงโต๊ะไปอีกรอบ
 




อ้อ... มีแฟนแล้วนี่เอง
ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรเสียดาย แต่มันก็แอบนึกเสียดายขึ้นมาเล็กๆ
 
“ไอ้หนู รักตัวเองให้เป็นก่อนค่อยคิดจะไปรักคนอื่น” ผมลูบหัวฟูๆของมัน “... ขนาดชีวิตตัวเองยังดูแลไม่ได้ มาเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้ สาวที่ไหนเขาจะมั่นใจให้ดูแล”
“...” หน้าดื้องัดขึ้นมองหน้าผม
“รอแป๊ปนึง” ผมเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อค้นหาซองขาวๆ ที่เพิ่งได้มาจากที่วัดแล้วเดินกลับไปหาเจ้าขี้เมาที่มองตามผมทุกย่างก้าวเหมือนอยากรู้ว่าผมจะลุกไปไหน
“ซองขาว? ลุงไล่ผมออกหรอ...”
“เพ้อเจ้อ นี่เครื่องรางความรัก ซื้อมาจากวัดอะไรสะๆ คิดว่านายน่าจะต้องการ” เอาซองขาวฟาดหัวเจ้าเด็กนี่ไปเบาๆ
“ใจดีจัง”
“หึ”
“งั้นแลกกัน อ่ะผมให้” เจ้าเด็กขี้เมาหันไปรื้อกระเป๋าตัวเองครู่หนึ่งก็ยื่นซองขาวแบบเดียวกับที่ผมให้กลับมา
“อะไร?”
“เครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัย แหะๆ พอดีอ่านอังกฤษก็ไม่ออก ญี่ปุ่นก็ไม่ออก ผมจิ้มมั่วอ่ะ ไม่ว่ากันน” คนบ้าอะไรซื้อเครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัยวะ ผมมองไอ้หน้าจิ้มลิ้มที่หัวเราะจนตาปิด
“ขอบคุณ” ผมเอื้อมมือไปยีหัวฟู
“ลุง”
“หือ?”
“เคยจูบใครไหม” เจ้าเด็กเด๋อก้มกลิ้งหน้าตัวเองไปกับโต๊ะ
“เคยสิ”
“อิจฉาจัง อยากลองจูบบ้าง” อารมณ์ไหนของมันวะ
“มหาลัยสี่ปียังไม่เสียจูบไปอีกหรอ” เหลือเชื่อโคตรๆ ผมนี่จูบแรกนอกจากแมวที่บ้านนี่ยังจำไม่ได้เลยว่าเสียไปให้ใคร 
“หือ?” หน้าเด๋อขมวดคิ้วงง
“ช่างเถอะ”
“แต่อยากจูบ”
“อยากจูบอะไร”
“จูบอะไรก็ได้ อยากจูบเป็น จูบอ่ะ”
“...” อะไรของมัน ผมจ้องตากลมนั่นตอบอย่างไม่เข้าใจความหมายที่มันจะสื่อ แก้มกลมพยักหน้าหหงึกๆ ผมยิ่งขมวดคิ้วงงเข้าไปใหญ่ พนักหน้าอะไรวะ พยักหน้าทำไม
“ลุงดีลป่ะ”
“ดีลอะไร”
“ดีลอ่ะ”
“ห๊ะ?”
 
ไม่ทันได้ตั้งแต่ ข้อมือขาวเล็กๆ นั่นก็พุ่งมากระชากเนคไทด์ผมอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งตัวดั้งจมูกผมจึงเกือบฟาดเข้ากับจมูกมัน ดีที่ผมโค้งหลบเล็กน้อยจึงทำให้ส่วนที่สัมผัสกันระหว่างเรามีแค่เพียงริมฝีปาก ผมถลึงตาโตจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า
 


ให้ตาย นี่ผมโดนขโมยจูบ....


 
โจรขโมยจูบอ่อนหัดได้แต่เม้มปากยุกๆยิกๆ ดูทรงแล้วเหมือนพวกเด็กที่โดนแม่ปิดตาเวลามีฉากจูบในละครหลังข่าว


 
ทั้งๆ ที่ควรผลักเด็กตรงหน้าออกไปให้ใกล้ แต่มือผมกลับยื่นออกไปแถบชุดครุยตรงคอน้องพร้อมกับไล่ขบเม้มริมฝีปากเล็กของโจรอ่อนหัดตรงหน้า สัมผัสแปลกใหม่ทำเอาตากลมนั่นปิดแน่นจนขึ้นรอยยับ เสียงอืออาร้องขัดขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ดังพอให้ผมผละตัวออก โต๊ะเล็กที่คั่นกลางดูใหญ่จนเกะกะขึ้นมาทันที่เมื่อผมไม่สามารถขยับองศาได้อย่างที่ต้องการ
 


“ไอ้ไม้ ไอ้เหี้ย”




 
เสียงดังมาจากข้างหูทำให้ผมรีบผละตัวออกจากเด็กตรงหน้า คราบน้ำลายสีใสโยงแยกออกจากปากผมและน้อง ผมหันไปมองหน้าไอ้เก่งที่ยืนช็อคโลกอยู่หน้าร้าน ส่วนโจรขโมยจูบแข้งขาอ่อนพับนั่งหัวกระแทกโต๊ะดังลั่นร้าน
“...”
“...”
“กูอธิบายได้”
“มึงได้อธิบายแน่ๆ” ผมยกมือขึ้นขยับจัดองศาเนคไทด์  ลูบหน้าลูบตาเรียกสติพร้อมกับหันไปเชคสภาพคนเมาที่ตอนนี้หัวกลมแน่นิ่งไปแล้ว ผมเอามือจิ้มๆ หัวน้องสองสามทีไม่พบปฏิกิริยาตอบกลับ เดาว่าคงหลับไปแล้วเรียบร้อย เวร หลับได้จังหวะจริงๆนะไอ้เด็กนี่
“อ้าว ไอ้เน” เสียงตะโกนดังมาจากหน้าร้าน ฟังแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเสียงคนไทย ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือผู้ชายร่างสูงที่ขมวดคิ้วเดินตรงเข้ามาหาโจรขโมยจูบผมที่สลบคาโต๊ะแน่นิ่งไปแล้วเรียบร้อย
 
หึ
บอกว่ามากับพี่
ทำไมไม่บอกว่าพี่ที่หมายถึงคือแฟนวะ
 
ผมถอยหลังเดินไปหาไอ้เก่งเมื่อเจ้าของตัวจริงของเด็กคนนี้เดินมาถึงตัว ดูทรงแล้วไม่แม้แต่จะชายตามองผม แสดงว่าคงไม่ทันได้เห็นฉากกระชากไทด์จูบสินะ ผมล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงพลางยกอีกข้างขึ้นคีบบุหรี่ ปลายตามองแฟนเจ้าเด็กขี้เมาที่พยายามแบกร่างนั้นขึ้นอย่างยากลำบาก แก้มใสย้วยของเจ้าเด็กนั่นไหลกันไปกองบนไหล่แฟนมัน เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แผ่นหลังเล็กๆนั่นถูกหิ้วออกห่างไปเรื่อยๆ จนสุดสายตา
 
 
 
เห็นว่าเพิ่งรับปริญญามาหรอกนะ
จะไม่คิดค่าเสียหายที่ขโมยจูบก็ได้
               
ว่าแต่
... คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะนะ           


ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
 :laugh: :laugh: :laugh: ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้แต่ขอมาแบบถี่ถี่ก็พอ  :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
งุ้ยยยยยยย น้องเน :L2: :impress2:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ตาม

ตาม

ตาม

ตามน้องเนกับลุงหื่น

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใครนะว่า..........ผมจะไม่มีแฟนเด็กกว่า   :hao3:
ตอนแรกว่าเด็กนี่น่ารำคาญ.... 
ไหงต่อมาว่าน่ารักซะและ  :m20:
แล้วยังโดนเด็กขโมยจูบอีก  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ร้อนแรงจริง เอาสิๆ

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารักกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ porjj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
5555 น่ารักเชียว
ลุงได้มีแฟนเด็กแน่งานนี้

ออฟไลน์ MimoreQ

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องงงงง น้องแซ่บมากกก ชอบบบ เลี้ยงต้อยใช่ม้ายยยย กรี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รอ

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
                           2
                        ชุดนักเรียน



   “ถามจริงพี่ไม้ น้ำฝากซื้อเครื่องรางความรักได้เครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัย พี่บ้าป่ะเนี่ย” ผมจ้องเครื่องรางสีแดงที่น้องสาวชูขึ้นใส่หน้าผม

   อย่าว่าแต่น้องสาวผมจะอยากรู้เลย
   ตอนไอ้เด็กบ้านั่นบอกว่าเป็นเครื่องรางคลอดลูกผมยังร้องห๊ะในใจดังมาก

   “หยิบผิด”
   “ส่งรูปไปให้เป็นสีชมพู”
   “แม่ชีเขาหยิบให้ผิด”
   “เขาเรียกมิโกะไม่ใช่แม่ชี โว้ยยยยยย พี่ไม้!! เสียเวลาน้ำต้องฝากเพื่อนซื้อมาอีกป่ะเนี่ย!!” ถอนหายใจยาวเหยียดกับความน้องสาว ด้วยความที่ผมกับสีน้ำห่างกันสิบกว่าปี ทำให้บางทีก็เข้าไม่ถึงความคิดของเด็กสมัยนี้
   “อย่าพูดโว้ยสิน้ำ”
   “ซื้อมาผิดยังจะมาดุน้องอีกอ่อ”
   “เดี๋ยวเช่าพระให้แทน ที่พึ่งทางใจเหมือนกัน”
   “ไม่เอา พี่ไม้ไม่อินอ่ะพี่ไม้ไม่เข้าใจหรอก”
   
   เออ
   เถียงไม่ออก
   ใครมันจะไปอินกับถุงผ้าเล็กๆ อันละสี่ห้าร้อยวะ 
 
   “รู้อยู่แล้วว่าต้องโกรธ เลยซื้ออย่างอื่นมาแทน” ผมยื่นถุงกระดาษซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องประดับที่ไอ้ยามะพีสาขาบางนาบอกว่าวัยรุ่นฮิตมาก สาวในสต๊อกของมันอยากได้กันเกือบทุกคน สีน้ำตาโตก่อนจะรีบคว้าถุงไปเปิด
   “พี่ม้ายยยยยยยยยยยยย น่าร้ากกกกกก”
โอ้โห ได้ผลจริงว่ะ เสียงสองมาเลย   
   “ให้เพื่อนเลือกให้ ไม่รู้จะชอบไหม ถือเป็นของขวัญรับปริญญาไปด้วยเลยแล้วกัน”
   “ชอบบบ โอ๊ยยย คอลเลคชั่นใหม่ด้วย พี่ไม้สุดยอด รักพี่ไม้เลยอ่ะ เครื่องรางเดี๋ยวน้ำฝากเพื่อนน้ำซื้อก็ได้เพิ่งเห็นว่ามันไปเที่ยวญี่ปุ่นกับที่บ้านพอดี โอ๊ยยยยยยยยยยย ดีใจอ่ะ กอดทีดิพี่ไม้ รักน้า” ได้ทีก็อ้อนใหญ่ ผมลูบหัวสีน้ำที่พุ่งตัวเข้ามากอดอย่างรุนแรง ดูท่าทางจะดีใจจริงสมที่ยามะพีมันบอกไว้ เดี๋ยวคงต้องโทรไปขอบคุณมันสักหน่อยแล้ว
   “เรียนจบก็โตขึ้นอีกสเตปแล้วน้ำ โวยวายให้น้อยลงหน่อย” เขกหัวไปหนึ่งที แต่เจ้าตัวก็หาได้รู้สึกผิดไม่ ยังจะเงยหน้ามาหัวเราะแห้งอีก
   “พี่ไม้ก็สามหกแล้วนะ หาเมียได้แล้ว น้องรอรับช่อดอกไม้อยู่”
   “ก่อนรอรับช่อดอกไม้ หาแฟนให้ได้ก่อนเถอะ”
   “โห พี่ไม้ร้ายมาก ก็เนี่ย น้องรอเครื่องรางอยู่นี่ไง จะได้มีแฟนสักที”
   “น้ำ ถ้ายังชอบเรอดังๆ ในที่สาธารณะแบบนี้ ต่อให้ซื้อเครื่องรางมาร้อยอันก็หาไม่ได้หรอกแฟน”
   “พี่ไม้ ทำตัวปากร้ายเหมือนพระเอกหนังเลย”
   “หือ”
   “เรื่องมะหมาสี่ขาครับอ่ะ”
   “มันมีพระเอกด้วยหรอ คิดว่าตัวเอกเป็นหมาซะอีก”
   “ปิ๊งป่อง!!!”

   อ๋อ มันด่าว่าปากหมา
   ผมชี้หน้าดุสีน้ำ เดี๋ยวนี้แข็งข้อเริ่มมีแอบด่าแล้วนะ ร้ายนักเด็กสมัยนี้

   “เดี๋ยวก็ยึดสร้อยคอคืนเลย”
   “ไม่ใช่สร้อยคอมันเป็นกำไลจ้ะคุณลุง โวะ ไม่ซื้อเครื่องรางมาให้ยังจะมาปากร้ายกับน้องอีก”
   “ก็นั่นไง เครื่องราง” ผมชี้เครื่องรางสีแดงในมือสีน้ำ
   “พี่ไม้เก็บไว้เถอะ น้ำรออันความรักจากเพื่อนดีกว่า” พูดจบก็เอาไปแขวนกระเป๋าผมเสร็จสรรพแบบที่ไม่มีการถวามความสมัครใจ
   
   สีน้ำขอตัวเอาของขวัญไปถ่ายรูปอวดเพื่อนลงแอพไอจีหลังจากที่แขวนเครื่องรางกับกระเป๋าหนังของผม ถุงผ้าสีแดงดูขัดกับหนังสีดำสุดๆ สมควรแกะเอาไปทิ้ง แต่พอเห็นมันแกว่งไปแกว่งมาแล้วก็พานทำให้นึกไปถึงเจ้าของที่แท้จริงของมัน
   ไอ้โจรขโมยจูบผมนั่นวัยมันคงกำลังพอๆ กับสีน้ำเพราะเพิ่งจบใหม่เหมือนกัน เผลอๆ ไม่แน่อาจจะจบมหาลัยเดียวกับสีน้ำผมก็เป็นไปได้ เสียดายที่ไม่ได้จำลักษณะครุยมันกลับมาให้ชัดไม่งั้นคงแอบพอจะเดาๆ มหาลัยได้หน่อย
   
   ... แต่ช่างเถอะ
   
      
   “พี่ไม้ เพื่อนน้ำจะกลับมาจากญี่ปุ่นพรุ่งนี้ พี่ไม้แวะไปเอาเครื่องรางแทนน้ำหน่อยดิ”
   “พี่หรอ? ทำไมน้ำไม่ไปเอาเอง”
   “ก็พรุ่งนี้เพื่อนจะแวะไปรับน้องมันแถวบริษัทพี่ไม้อ่ะ ว่าจะนัดให้มันไปรอสตาร์บั๊คใต้ตึกพี่ไม้ ตอนประมาณสี่ห้าโมงว่างป่ะ” พูดมาก็นึกได้เลยว่าหมายถึงโรงเรียนชายล้วนชื่อดังที่ตั้งอยู่ติดบริษัทผม พวกเด็กกางเกงน้ำเงินที่ชอบกระโดดรั้วโรงเรียนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำบริษัทผมนี่แทบจะเป็นภาพที่ชินตาแล้ว
จริงๆ บริษัทผมเคยจับเด็กได้คนหนึ่งกะเอาให้หายซ่าเชือดไก่ให้ลิงดู หวยดันออกที่เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทแม่ ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครอยากจะจับไอ้เด็กพวกนี้อีกเลย ปล่อยเป็นปัญหาของโรงเรียนที่ไม่ทำระบบความปลอดภัยต่างๆ ให้รอบคอบเอาเอง
    “งั้นก็ได้”
   “ใจดีอ่ะ รักพี่ไม้จังโว้ย”
   “อย่าพูดโว้ย เป็นผู้หญิงนะเราหน่ะ” ต้องดุหน่อยเมื่อได้ยินคำระคายหู แล้วคิดว่าวัยรุ่นสมัยนี้จะฟังไหมหล่ะครับ นู่น แล่บลิ้นปลิ้นตาเดินกลับเข้าห้องไปแล้ว ผมส่ายหัวให้กับความดื้อของสีน้ำ โตจนอายุยี่สิบสามยังทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบแปดไปได้ คิดว่ามันเข้ามหาลัยแล้วจะโตขึ้น ที่ไหนได้นิสัยไม่ได้ต่างไปจากตอนมัธยมเลยสักนิด ผมหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาเพื่อดูเครื่องรางโง่ๆ ที่แกว่งตัวอย่างไร้ประโยชน์


      ไว้ค่อยถอดพรุ่งนี้แล้วกัน...


.
.
.
.
.


   
   วันธรรมดาสำหรับนักธุรกิจอย่างผมก็จะวนๆ อยู่แค่การนั่งเซ็นเอกสารและออกไปคุยกับลูกค้าพันธมิตร ดูเหมือนจะง่ายเหมือนในละคร แต่เชื่อเถอะครับ เจรจาธุรกิจเนี่ย เผาผลาญพลังชีวิตพอๆ กับวิ่งลู่วิ่งสิบกิโลเลยเถอะ เหนื่อยจิตใจจนพาลไปเหนื่อยร่างกายด้วย ผมยกมือขึ้นคลายเทคไทด์ที่คอพรางมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ

   ดูแก่ขึ้นิดหนึ่งรึเปล่าวะ

   เนี่ย เพราะทำงานหนักเกินไปแน่เลย กลับบ้านไปต้องยืมไอ้น้ำตบๆ ของสีน้ำมาใช้บ้างแล้ว อุตส่าห์ดึงหน้ามาทั้งวันกลัวยิ้มแล้วตีนกาขึ้น
   ระหว่างที่ผมกำลังนวดคลายตีนกาก็มีกลุ่มเด็กนักเรียนกางเกงน้ำเงินสองสามคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องน้ำ คนหนึ่งที่ใส่ชุดธรรมดารีบวิ่งจุ๊ดเข้าห้องน้ำไป ส่วนอีกสองคนในชุดนักเรียนยืนหอบแฮ่กๆเหมือนวิ่งกันมาสิบเมตร ว่าแต่ใครปล่อยให้คนนอกเข้ามาใช้ห้องน้ำพนักงานชั้นนี้ได้เนี่ย
   “เชี่ย เราขึ้นมาชั้นนี้ไม่โดนด่าแน่นะโว้ยไอ้กัน”
   “เออน่า อากูเป็นรองประธานบริษัทเลยนะโว้ย ไม่โดนด่าหรอก”

   หรอวะ
   ก็นี่ไงรองประธานยืนหัวโด่อยู่นี่ ไม่เห็นจำได้ว่าเป็นญาติกัน
   
   “ใช่คนที่มารับมึงที่โรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วป่ะ”
   “เออ อาเก่งนั่นแหล่ะ”



   ผมขมวดคิ้วทันทีทันใดที่ได้ยินชื่อปริศนานั่น
   อาเก่ง ?
   พิจารณาหน้าไอ้เด็กคนนี้แล้ว ตั้งแต่ ปากที่ดูกวนส้นตีนเล็กน้อย จมูกก็ดูกวนส้นตีนเล็กน้อย ดวงตาก็ดูกวนส้นตีนเล็กน้อย รวมๆกันแล้ว



    เออ ดูกวนตีนไปทั้งตัว
   สงสัยจะเป็นหลานไอ้เก่งจริงๆ มันน่าจับเข้าห้องปกครองไหมวะ เพิ่งจะบ่ายโมง เด็กนักเรียนพวกนี้มาทำอะไรนอกโรงเรียนกัน 



   “ไอ้เน ให้ไวเลยมึง ได้เวลาที่นัดไอ้นาถมาเปิดรั้วหลังแล้ว”
   “ฮึ้ยย อย่าเร่งดิ เห้ย! กูใส่เสื้อนักเรียนแทนกางเกงเฉยเลยยยย” เสียงตอบมาจากในห้องน้ำดูคุ้นจนต้องขมวดคิ้ว
   “ไวเลยมึง แล้วพี่แนนมาทำอะไรแถวนี้เวลานี้วะ ปกติมารับมึงสายตลอดไม่ใช่หรอ”
   “ถามกูจะให้กูถามใคร กูยิ่งล่กๆ อยู่ อย่าพูดถึงพี่แนนดิวะ”
   “ถ้าไอ้นาถไม่มาเปิดรั้วหลังให้นี่มึงซวยแน่ๆ ไอ้เน”
   “มึงอย่ามาขู่กูนะไอ้กัน” เสียงตะโกนดุดังตอบกลับ
   “มึงจะทำไมไอ้เน”
   “กูจะ... ร้องไห้ แงงงงงงงงง กูติดกระดุมผิดเม็ดดดดดด”
   
    พิจารณาผ่านบทสนทนาแล้ว เดาเอาว่าพี่ของไอ้เด็กในห้องน้ำคงอยู่แถวนี้ กลัวโดนจับได้เลยต้องใส่เครื่องแบบปีนกลับเข้าโรงเรียนเพื่อจะทำเนียนๆ ว่าไม่ได้โดดเรียนออกไปไหน หึ พานเอาทำให้นึกถึงชีวิตตัวเองตอนมัธยมเลย ที่บอแม่ว่าไปเรียนพิเศษแต่โดดไปเดินเล่นแล้วค่อยกลับมาที่โรงเรียนสอนพิเศษสิบนาทีก่อนเลิก เพื่อที่ตอนแม่มารับจะได้ดูเนียนๆเหมือนเพิ่งเรียนมา แต่ก็ทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหล่ะครับ แม่ผมรู้ทัน มารอก่อนสามสิบนาที ตอนเดินกลับไปเจอนี่ผมก็มีหน้าแห้งไปเลยเหมือนกัน 
   ว่าแต่

   ชื่อเน...

   เสียงงอแงจนเกือบอ้อน...

   ถ้าไม่ติดว่าเด็กพวกนี้เป็นเด็กมัธยม ผมคงคิดว่าไอ้ตัวในห้องน้ำนั่นต้องเป็นไอ้โจรขโมยจูบผมแน่ๆ แอบส่ายหัวให้ความคิดตัวเองแล้วรีบเดินออกมาจากห้องน้ำ ไม่ลืมหยิบมือถือขึ้นมาไลน์ไปบอกไอ้เก่งเรื่องหลานมันโดดเรียนด้วย เผื่อมีการลงโทษนอกรอบ 


   เดินออกมาได้สักพักถึงเริ่มรู้สึกว่าทำไมมือโล่งๆ ละลึกชาติว่าขาดอะไรไปในชีวิตถึงค่อยนึกออกมาลืมกระเป๋าเอกสารไว้ในห้องน้ำ ผมถอนหายใจยาวเหยียดให้กับความขี้ลืมของตัวเองก่อนจะหันตัวเดินกลับไปที่ห้องน้ำซึ่งตอนนี้เงียบกริบไร้เงาความวุ่นวายของไอ้เดอะแก็งโดดเรียน
   กระเป๋าหนังของผมที่ควรจะตั้งอยู่ตรงที่ล้างมือตอนนี้กลับโดนทับด้วยกระเป๋านักเรียนเน่าๆ ขาดๆ ผมหนีบไอ้กระเป๋าเหี่ยวขึ้นชู ใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อหรอวะ มันถึงเหี่ยวแล้วก็ขาดได้ขนาดนี้ ผมยกคิ้วแปลกใจเล็กๆ ที่ตรงซิปมีเครื่องรางแบบที่สีน้ำฝากซื้อห้อยอยู่แถมยังมีหมึกเขียนตัวเบ้อเร่อว่า ‘ ของเน!! ’ เออ ก็ดูน่ารักสมวัยนักเรียน  สอดส่องสายตาหาเจ้าของกระเป๋าก็เหมือนจะวิ่งกลับรั้วโรงเรียนไปแล้ว


   
   คนชื่อเนนี่มันวุ่นวายแบบนี้ทุกคนไหมวะ

   สุดท้ายก็จำใจต้องหนีบไอ้กระเป๋าเน่าออกมาด้วย เดี๋ยวคงต้องเอาไปฝากไว้ที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์หน้าตึกหลังจากเอาเครื่องรางให้สีน้ำเสร็จเพราะใกล้เวลาที่นัดแล้ว ผมรีบเดินไปที่สตาร์บั๊ค สถานที่ที่นัดไว้ สอดส่องสายตาหาผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวตามที่สีน้ำบอก
   “พี่ไม้!!!” ผมหันขวับไปข้างซ้าย
   “อ้าว เราเพื่อนสีน้ำใช่ไหม”
   “ใช่ค่า สวัสดีค่ะพี่ หนูแนนเอง” ผมยิ้มตอบ พอจะจำได้ เพราะเห็นอยู่ในรูปกับสีน้ำอยู่บ่อยๆ
   “เป็นไงบ้างชีวิตหลังจบมหาลัย”
   “ว่างมากกกกกกก ยังหางานไม่ได้เลย” เพื่อนสีน้ำเดินนำไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งมีแก้วกาแฟวางไว้ เหมือนมานั่งได้สักพักแล้ว
   “อ้าว มานานแล้วหรอ”
   “สักพักแล้วค่ะพี่ พอดีแนนติดรถแฟนออกมาแล้วมันไปทำธุระต่อ” ผมพยักหน้ารับรู้
   “แล้ว... ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาเป็นไงบ้าง”
   “คือจริงๆ แนนไปถ่ายรูปรับปริญญาอ่ะพี่ มัวแต่หามุมถ่าย ส้นสูงก็กัดเท้าเลยไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไหร่ แต่กินเยอะมาก”
   “ไปคนเดียวหรอ”
   “อ๋อ ไปกับแฟนกับน้องชายค่ะ พอดีน้องชายมันถ่ายรูปสวย แถมยังคอยรับหน้าที่เป็นลูกสมุนถือชุดครุยให้แนนด้วย เนี่ย น้องชายแนนเรียนอยู่โรงเรียนตรงข้างๆ นี่เอง วันนี้เลยมารอรับมันกลับบ้านด้วยเลย” แนนชี้นิ้วไปตรงรั้วโรงเรียนข้างๆ
   พานให้นึกถึงไอ้กระเป๋าเน่าที่ผมหนีบไว้กับกระเป๋าเอกสาร  หวังว่าน้องของแนนจะไม่ได้เป็นพวกเด็กชอบโดดเรียนจำพวกนั้นแล้วกัน
   
   “อ้อ”
   “จริงสิ นี่เครื่องรางค่ะพี่ ฝากให้น้ำมันด้วยนะ บอกมันด้วยว่าให้จ่ายคืนเป็นเลี้ยงชาไข่มุก” แนนยื่นถุงเครื่องรางสีขาวปั๊มตราภาษาญี่ปุ่นสีแดง แบบเดียวกับที่ผมได้มาตอนซื้อ
   “รบกวนแย่เลย  ขอโทษทีนะ”
   “ไม่เลยพี่ไม้ ที่พักแนนใกล้วัดอาซากุสะอยู่แล้ว แล้วนี่พี่ไม้ทำงานอะไรคะเนี่ย”
   “อ๋อ พี่หรอ...”

    จากเครื่องรางก็ลามไปคุยต่อยันหน้าที่การงาน งี้แหล่ะครับเด็กจบใหม่ สงสัยในทุกอย่าง ผมคุยต่ออยู่กับแนนสักพักใหญ่ก็เริ่มเห็นเด็กกางเกงนักเรียนเดินกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแสดงว่าโรงเรียนเลิกแล้ว   
   “โรงเรียนเลิกแล้ว แนนนัดน้องไว้ที่ไหน”
   “ที่นี่นี่แหล่ะค่ะ เหมือนจะกำลังเดินมา”
   “โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ พอดีมีไปทำธุระต่อ” ผมลุกขึ้นติดกระดุมสูท หยิบกระเป๋าเอกสารตัวเองขึ้นถือ เลยแผลอทำกระเป๋าเน่าของไอ้เด็กโดดเรียนตก ผมย่อตัวลงไปเก็บพอลุกขึ้นมาก็เห็นว่าแนนเองก็ลุกขึ้น แต่สายตาแนนดูจะมองเลยไหล่ผมไป
   “อ้าว!! พี่ไม้ น้องชายแนนมาพอดีเลยค่ะ”
   “อ้อ” ผมค่อยๆ หันหลังไปเตรียมจะรับไหว้น้องชายแนน

   เหมือนกับภาพสโลว์โมชั่นที่ผมเคยเห็นตามหนัง ใบหน้าดื้อๆ ที่ติดอยู่ในความจำผมตั้งแต่วันที่กลับมาญี่ปุ่น ปอยผมเปียกเหงื่อที่ลู่แนบไปกับหน้าผาก ดวงตากลมจ้องหน้าผมอย่างสงสัยไม่ยิ้มจนตาปิดเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน และอีกอย่างหนึ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงคงหนีไม่พ้น


   ชุดนักเรียนมัธยมปลาย?

   ...

   ชุด


   นัก

   เรียน



“พี่ไม้ นี่เน น้องชายแนนค่ะ เนไหว้พี่ไม้สิ”


   ทันใดนั้นบทสนทนาที่ญี่ปุ่นวันนั้นก็ดังขึ้นในหัวผม

   “นี่ มากับใคร เมาแล้วรู้ตัวไหม”
   “หึ่ย ไม่เมา ไม่อ่อน”
   “มาคนเดียวหรอ”
   “หึ เนมากับพี่ อย่ายุ่ง”

   ประกอบกับบทสนทนาวันนี้ของแนน....
   

   “คือจริงๆ แนนไปถ่ายรูปรับปริญญาอ่ะพี่ มัวแต่หามุมถ่าย ส้นสูงก็กัดเท้าเลยไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไหร่ แต่กินเยอะมาก”
   “ไปคนเดียวหรอ”
   “อ๋อ ไปกับแฟนกับน้องชายค่ะ พอดีน้องชายมันถ่ายรูปสวย แถมยังคอยรับหน้าที่เป็นลูกสมุนถือชุดครุยให้แนนด้วย เนี่ย น้องชายแนนเรียนอยู่โรงเรียนตรงข้างๆ นี่เอง วันนี้เลยมารอรับมันกลับบ้านด้วยเลย”


   ไม่หน่ะ ....
   นั่นหมายว่า ...


   “สวัสดีครับพี่”



นี่ผมจูบกับเด็กที่ห่างกับผมเกือบสองรอบเลยหรอวะ!!!!!!!




---つづく

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ว้ายยยยยย ลุงเจอเนื้อคู่แล้ว เจอกันสามครั้งเรียกพรหมลิขิตค่ะลุง น้องเนน่าจะจำอะไรไม่ได้เลย  :z3: ลุงไม้ต้องใจเย็นๆนะคะ

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ขำอ่ะ 5555555555 คุกมั้ยนั่น  :z6:

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คุกคุกคุกคุกคุก /กระแอมไอ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :hao7:

55

กินเด็กจะเป็นอมตะไหม

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 975
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
กรี้ดกินเด็กกว่า2รอบนี้ไหวหรอ

ออฟไลน์ อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เทียบกับความเป็นอมตะแล้วนั้นติดคุกคงไม่กี่ปีหรอกลุงชิลๆอ่ะเชื่อสิ :katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jaaswp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำมาเป็นตกใจเดี๋ยวลุงก็หลงน้องเน

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เป็นอมตะกับติดคุกอะไรจะเกิดขึ้นกับลุงไม้ก่อนกัน คุกๆๆเลยนะลุง :pig4:

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
อายุห่างกันขนาดนี้ สมควรที่น้องเขาจะเรียกลุงอ่ะนะ 5555
ลุ้นคนอยากเป็นอมตะต่อค่ะ น้องจะจำพี่ได้มั้ยนะ

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
3

 



 

               ยิ่งโตขึ้นเรามักยิ่งทำหลายอย่างในชีวิตหายไป
               ในส่วนของชีวิตสามสิบหกของผมตอนนี้ สามารถพูดได้อย่างเต็มคำว่า

 

 

 

               ฉิบหาย...

 

 

               ฉิบหายเน้นๆ เลยกู

 

 

               “พี่ไม้ นี่เนน้องชายแนนเองค่ะ” กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินตอกย้ำอายุจริงของน้องมันได้อย่างดี แล้วไอ้ความสั้นกางเกงที่เห็นช่องวางขาขาวๆ ที่เล็กกว่าขนาดขาตัวเองเกือบครึ่ง เห็นแล้วเข่าจะทรุด แม่งเอ๊ย เด็กมัธยมที่แท้จริงแบบที่ไม่ใช่คอสเพลย์

               “ใครอ่ะพี่แนน”

               “พี่ชายสีน้ำชื่อพี่ไม้”

               “อ่อ สวัสดีครับ เนครับ” ผมไล่สายตามองชื่อไอ้เด็กขโมยจูบตรงหน้า ดีที่ชื่อมันยังนำด้วยคำว่านาย ถ้าเป็นเด็กชายคงได้มีลมจับกันบ้างแหล่ะ

               “อืม”

 

 

               มันจำไม่ได้?

 

               หรือจำได้แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้?

 

               ผมมองไอ้ตากลมๆ ที่จ้องมาที่ผมอย่างสงสัย คิ้วสีอ่อนขมวดเป็นปม หน้าตายังดื้อเหมือนตอนเจอที่ญี่ปุ่นไม่มีเปลี่ยนแปลง

               “อ้าว นั่นกระเป๋าเนนี่นา ไปอยู่กับพี่ไม้ได้ไง” แนนชี้มาที่กระเป๋าเน่าในมือผม ผมเลยก้มลงไปมองพร้อมกับชูขึ้น เจ้าเครื่องรางสีชมพูเลยแกว่งไปมากางอากาศ

 

               ของเน

 

 

 

               ของเน..

 

 

 

               ของเน!!!!

 

 

 

               เวรเอ๊ย!!!!

                นี่ไอ้เด็กเวรที่งอแงในห้องน้ำยังจะหวยออกเป็นมันไปอีกหรอ!!

 

 

 

               “เห้ย...” ไอ้เด็กดื้อถึงกับน้ำท่วมปาก ตากลมมองกระเป๋าในมือผมแบบที่ตาดำก็สามารถสื่อมาได้ว่าฉิบหายแล้วกู อย่าว่าแต่เด็กมันเลย ผมก็พูดไม่ออกเหมืนมีความผิดมาติดอยู่บนบ่า

               “นี่พี่ไม้รู้จักกับเนมาก่อนอยู่แล้วหรอคะ” เวร เวร เวร ตอบแล้วจะโดนแนนสาดกาแฟใส่หน้าไหมวะ

               “อ่า” ผมยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้นเกาจมูก “พอดีเจอกันที่ญ...”

               “รู้จัก!!! พี่ไม้!!! รู้จักดีเลยด้วยยยยย!!!” ผมกับแนนสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ไอ้น้องเนก็ตะโกนขึ้นมาลั่นร้าน พร้อมกับวิ่งมากอดแขนผม

 

               ถึงหน้าผมจะนิ่งแต่ในใจนี่ทบทวนกฎหมายผู้เยาว์รัวๆ

               คุกไหมวะ คุกไหม ไม่ใช่ไหม ไม่สิ มัธยมปลายนี่อายุเท่าไหร่วะ

 

               “เนกับพี่ไม้เนี่ยนะ? ไปรู้จักกันได้ไง ตอนไหน ทำไมพี่ไม่รู้”

               “อ่า คือ... โอ๊ย” ผมเตรียมจะอธิบายแต่ไอ้เด็กเวรนี่ก็กระทืบป้าปเข้ามาเต็มตีน

               “พี่ไม้เป็น เป็น เป็นครูสอนพิเศษของเน!!!!”

 

               ห๊ะ...

 

               จากรองประธานบริษัทตกไปเป็นครูสอนพิเศษ ไม่ได้เกรงใจตำแหน่งกันเลย แนนทำหน้างงสุดชีวิตไม่ต่างจากผมที่จู่ๆ ก็โดนเปลี่ยนอาชีพไปโดยไม่รู้ตัว หน้าดื้อของไอ้เด็กที่กอดแขนผมฉีกยิ้มกว้างแบบที่มองจากญี่ปุ่นมากยังรู้ว่ามีพิรุธ

 

               ผมลอบถอนหายใจยาวเหยียด

 

 

               นอกเหนือจากโกหกคำโตแล้วยังแสดงให้ผมได้รู้ด้วยว่า

 

 

               ... ไอ้เด็กนี่จำผมไม่ได้

 


                ควรจะดีใจที่ขาได้ก้าวออกจากคุกแต่ไหงในใจมันแอบเสียดายจนโหวงขนาดนี้นะ

 

                “พี่ไม้เนี่ยนะครูสอนพิเศษ”

                “ใช่!! พี่ไม้เป็นครูสอนพิเศษเน”

                “พี่ไม้สอนวิชาอะไรหรอคะ” แนนเงยหน้าขึ้นถามผม

                “พะ พี่ไม้สอนวิชา วิชา วิชาอังกฤษ!! โห พูดอย่างกับเจ้าของภาษาเลยนะพี่แนน เนประทับใจมาก”

                “อ๋อ พี่ไม้จบโทที่อังกฤษนี่เนาะ แต่... ทำไมถึงมาสอนเนได้หล่ะ” ผมเหลือบตามองตากลมที่ขมวดจ้องผม ไม่ต้องมาทำหน้าขู่เลย คิดว่าได้ผลหรือไง นอกจากจะไม่ได้ดูเกรงขามแล้วยังติดเหมือนลูกแมวไปอีก

                “นั่นสิ” อยากรู้อยู่เหมือนกัน

                “พี่แนน พี่แบงค์โทรมาอ่ะ” เสียงเล็กโวยขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่มือถือบนโต๊ะ แนนรีบหันตัวไปรับ จังหวะนั้นหน้าดื้อก็รีบเชิดขึ้นมองหน้าผม อะไร จ้องแบบนี้จะเอาอะไร หรือนี่คือทำหน้าขู่อยู่

               

               หึ พยายามทำให้น่ากลัวสุดชีวิตแล้วก็ยังได้แค่นี้หรอวะ

 

 

                “ฉันเป็นครูสอนพิเศษนายตอนไหน” ผมยิงคำถามไปก่อนทำไอ้เจ้าเด็กตรงหน้าทำหน้าตาเลิ่กลั่ก

                “ไร้นาว!! ตอนนี้!! “ มีทำเสียงดุจริงจังแต่พอเห็นผมไม่สะทกสะท้านก็เปลี่ยนมาเป็นเขย่าแขนทำเสียงเล็กเสียงน้อยแทน “ขอร้องแหล่ะพี่ ช่วยผมหน่อยนะ”

                “ที้งี้หล่ะเรียกพี่” ตอนนั้นทำไมเป็นยศลุงวะ ได้แต่คิดแล้วก็ยกมือขึ้นนวดตีนกา 

                “ห๊ะ?”

                “หมายถึงทำไมฉันต้องช่วย”

                “โห่พี่ คนไทยด้วยกัน นะๆ ช่วยผมเถอะ นะๆ “ คลาสสิคสุดๆ คนไทยด้วยกัน ใช้มาตั้งแต่ไอ้เก่งขอลอกข้อสอบสมัยมหาลัย ผมเอื้อมมือไปดีดเหม่งใสๆ ตรงหน้าด้วยความหมันเขี้ยว

                “เสียใจที่ต้องบอกว่าฉันเป็นลูกครึ่ง”

                “เห้ยยยยยยยย แต่เลือดจิ้ดหนึ่งก็ยังไทยนะพี่ นะๆ ช่วยผมหน่อยน้าพี่ ไม่งั้นผมซวยจริงๆ นะพี่” ผมขมวดคิ้วกับคำว่าจิ้ดหนึ่ง แปลกดี ไม่เคยได้ยิน แต่ดูจากบริบทคงหมายถึงอะไรเล็กๆ น้อยๆ สินะ

                “เวลาทำผิดก็หัดรับผิด ทีหลังก็อย่าโดดเรียน”

                “ผมเปล่าโดด”

                “หือ...”

                “ผมไม่ได้โดดเรียน”

                “โกหก”

                “ผมไม่ได้โดดจริงๆ “

               “โกหก”

               “เปล่าโกหก!! เพื่อนผมมันเผลอหยิบกระเป๋าผมติดมือไปด้วยเมื่อวาน วันนี้มันก็เลยไปลืมไว้สักที่หนึ่ง”

                “ฉันอยู่ในห้องน้ำตอนที่เธอ... นาย... เออ นายเปลี่ยนเสื้อ” ผมเปลี่ยนสรรพนามให้น้องมันเล็กน้อยเมื่อค้นพบว่าไม่น่าใช่ แต่จะว่าไปใช้นายก็ยังไม่เหมาะ จะได้ใช้น้องก็กลัวดูเด็กไป เอาเป็นว่านายไว้ก่อนแล้วกัน

                “ฉิบหาย ทำไมพี่ไปอยู่ในห้องน้ำนั้นได้อ่ะ เพื่อนผมบอกว่าห้องน้ำนั้นมีแต่เจ้าของตึกใช้นะพี่ เนี่ยๆ นิสัยไม่ดี ถ้าพี่ไม่ช่วยผมนะ ผมจะไปบอกเจ้านายพี่ว่าพี่ใช้ห้องน้ำเจ้านาย เอาให้โดนไล่ออกไปเล้ย!!!”

                ตบท้ายประโยคด้วยการกอดอกมั่นใจว่าตัวเองขู่สำเร็จใส่ผมไปอีก ผมมองไอ้ความมั่นใจบนในหน้าดื้อนั่นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ความคิดโคตรจะเด็ก แต่ก็ไม่แปลกเพราะมันก็เด็กจริงๆ

 

                “ขู่?”

                “ช่ายยยยยย กลัวอ่ะดิ !! ”

                “มากเลย” ผมยกมือขึ้นชูว่ายอมแพ้ เจ้าเด็กตรงหน้าเลยยิ้มแป้นออกมา

                “ผมไม่อยากจะขู่หรอกนะ แต่เพื่อนผมอ่ะ ลูกเจ้าของบริษัทนี้นะพี่” ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีเมื่อเจอคำขู่จากเด็กตรงหน้า

 

                ผมเนี่ยอยู่ตำแหน่งรองประธานบริษัทนี้เพราะพ่อไม่อยากให้ขึ้นตำแหน่งเร็วเกินไปจนถูกตกเป็นประเด็นนินทาจากคนในบริษัท พูดง่ายๆ ก็คือลูกเจ้าของบริษัทที่เด็กจมูกรั้นตรงหน้ากำลังพูดถึง

 

               ... ก็ผมนี่แหล่ะ

               

                “โห เส้นใหญ่นะเนี่ย กลัวสุดๆ ”

                “ดีมาก ผมไม่อยากทำตัวใจร้าย เพราะงั้นความร่วมมือผมดีๆ เถอะพี่ จะได้ทำงานที่นี่นานๆ เนาะๆ “

                “หึ” เจ้าเด็กเนยกยิ้มเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ ยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้ง ผมยืดตัวกลับหลังจากย่อตัวลงฟังเจ้าเด็กนี่กระซิบขู่จังหวะเดียวกับที่แนนวางสายแล้วหันกลับมาทางผม

                “โทษทีค่ะพี่ไม้ พอดีแฟนแนนโทรมา”

                “ไม่เป็นไร”

                “ว่าแต่ ตกลง พี่ไม้มาสนิทกับเนได้ยังไงนะ ขออีกที”

                “เรื่องมันมีแบบนี้พี่แนน”

                “...”

                “คือเนอ่ะเจอกับพี่ไม้ประมาณสามเดือนที่แล้ว” ผมกระดกคิ้ว สามเดือนเลยหรอ

                “อาฮะ”

                “แล้วเห็นพี่ไม้อ่ะนั่งว่างไม่ทำงานทำการ เนเห็นงั้นเลยขอให้พี่ไม้ช่วยสอนภาษาอังกฤษ ชีวิตจะได้มีอะไรทำ เนี่ย สอนมาสามเดือนแล้ว เนาะ” ก็เลยกลายเป็นพนักงานสันหลังยาวไปเลย อยากจะหัวเราะดังๆ ให้กับนิยายที่แถสีข้างถลอกของมันเหลือเกิน

                 “พี่ไม้เนี่ยนะนั่งว่างๆ ” แนนกอดอกทำหน้าตาไม่เชื่อ

                “จริงๆ นะพี่แนน เนี่ย ถามพี่ไม้เลยก็ได้”

                “จริงหรอคะพี่ไม้”

                ผมกระตุกยิ้มตอบแนนไปหนึ่งที เจ้าเด็กเนเลยถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ผมยอมช่วย

 

               

                แต่ผมหน่ะ

 



                ไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดีอะไรขนาดนั้นหรอก

 

 

                “ไม่จริง พี่เพิ่งเจอเนกับแก็งเพื่อนในห้องน้ำก่อนมาเจอแนน เห็นใส่ชุดไปรเวทวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียน ดูท่าทางเหมือนโดดเรียนแล้วกลัวโดนจับได้ แล้วก็คงรีบมากกลัวแนนเห็น ถึงได้ทิ้งกระเป๋าไว้ในห้องน้ำ อ่ะ เอาคืนไปได้แล้ว” ผมยื่นกระเป๋ากลับใส่มือเจ้าของที่ตอนนี้เบะปากทำหน้าจะร้องไห้แต่ก็ยังส่งสายตาโกรธมาให้ผม หลังจากที่เล่าเรื่องจบ แนนก็หันขวับไปทางน้องชายตัวดีทันที

                “ไอ้เน!!!!”

                “แงงงงงง พี่แนน ฟังเนก่อนนนน”

                “โดดเรียนไม่พอ ยังจะโกหกอีกหรอ นิสัยเสียมากนะเน พี่จะฟ้องพ่อ”

                “พี่แนนอย่า!! พี่แนน เนขอโทษ โอ๊ยๆ ไม่บิดหู เนเจ็บ โอ๊ย” เหมือนฉากในซิทคอมที่เด็กแสบโดนพี่บิดหู เจ้าเด็กเนถึงกับม้วนตัวตามมือพี่สาวตัวเองเพื่อลดความเจ็บปวด เห็นแล้วก็ตลกปนสงสารไม่ได้

                “ร้ายมากนะเน กล้าโกหกหน้าด้านๆ เลยนะไอ้แสบ”

                “เนขอโทษค้าบพี่แนน โอ๊ยยยยย เจ็บค้าบ เจ็บค้าบพี่แนน เปลี่ยนข้างได้ไหม”

                “แนนขอโทษที่รบกวนด้วยนะคะพี่ไม้ แล้วก็ขอโทษแทนน้องเวรของแนนด้วย”

                “ไม่เป็นไร” ผมยิ้มตอบ

                “ขอโทษพี่ไม้เดี๋ยวนี้เลยนะเน”

                “ไม่ขอโทษ ทำไมเนต้องขอโท- โอ๊ยๆๆ ขอโทษครับบบบ” พอโดนบิดหูเพิ่มถึงได้ยอมยกมือขึ้นขอโทษ แม้แววตาจะไม่ได้มีความรู้สึกผิดสักนิดเลยก็ตาม

                “แฟนแนนมารับพอดี เดี๋ยวขอตัวก่อนเลยละกันค่ะ” แนนก้มตัวขอโทษผมอีกครั้งก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายเตรียมตัวดึงหูน้องชายตัวเองออกจากร้าน

                “เดี๋ยว”

 

                ผมคว้าเอื้อมไปแขนของเนไว้ มั่นใจว่าไม่ได้ออกแรงอะไรมาก แต่ร่างของเด็กตรงหน้ากลับหลุดออกจากมือพี่สาวแล้วลอยหวือเข้ามากระแทกอกอย่างจังประหนึ่งผมออกแรงสุดกำลัง หน้าดื้อของเนค่อยๆ มุดขึ้นจากอกผม ใบหน้าเล็กแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง

               

               “...”

                “ลืมไป...”

                “ปะ ปล่อย” เนดันตัวออกจากผมแทบจะทันทีที่ตั้งตัวอยู่ หน้ายู่เงยมองผมอย่างหงุดหงิด   

                “เห็นว่ารู้จักกับลูกเจ้าของบริษัทไม่ใช่หรอ”

                “อะ อะไรของพี่วะ” หน้างงนั่นพยายามหาคำตอบจากผม ผมเลยยื่นคำตอบให้ด้วยนามบัตรของตัวเอง เนรับไปอ่านสักพักก่อนจะถลึงตาโตขึ้นมองหน้าผม ปากเล็กขยับพะงาบๆ

               

               “ยินดีที่ได้รู้จักอีกรอบแล้วกัน”

 

                ... และผมไม่ได้หมายถึงฐานะลูกเจ้าของบริษัทหรอกนะ

 

 

.

.

.

 

 

                คิดไว้ว่าเด็กแสบนั่นคงจะหายซ่าไปได้หลายวันหลังจากที่โป๊ะแตกจนหน้าซีดไปขนาดนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดผิดคงจะเป็นแรงสั่นว่าข้อความเข้าในเวลาสี่ทุ่มกว่า แม้จะขึ้นเบอร์โทรเป็นตัวเลขเนื่องจากไม่ใช่เบอร์ที่รู้จัก แต่ตัวข้อความนั้นระบุตัวคนส่งได้อย่างชัดเจนจนทำให้ผมต้องยกยิ้มมุมปากขึ้น

 

 

                ‘ลุงนิสัยไม่ดีขี้แกล้งเด็ก ขอให้ท้องเสียสามวัน ขอให้นิ้วก้อยเกี่ยวขาโต๊ะ ขอให้ตีนกาขึ้นสิบคู่ สาธุ!!!

จาก บุคคลไม่ระบุนาม’

 

 

 

 

 

                หึ ไอ้เด็กบ้า

               ... บอกว่าสามสิบหกไม่เรียกลุงไง



-----                                                       つづく

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ตอนนี้ขำน้องเนมาก

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
คุกไหมมมม คุก

ออฟไลน์ Maccagadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณลุ้งงง ไม่อ่อนโยนกับน้องเนเล้ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด