『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8  (อ่าน 58897 ครั้ง)

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
เราว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เครียดที่สุดเท่าที่คุณโอ๊ยแมปส์เคยแต่ง แต่สนุกมากค่ะ สนุกทุกเรื่องเลย รอเล่มอุดหนุนเลยมีของคุณทุกเรื่อง  :L2:

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
น่ารักมากกกก. โอออไอคุกคุกหลายตอน55555

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ Wereena

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
    • facebook
สนุกมากกกกก อ่านเพลินจนร้องอ้าว เมื่อจบตอนล่าสุด55555 ขอบคุณคนเขียนนะคะ น้องเนน่ารักมากกกกก :hao7:

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องเนนนนนน :-[

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
สามหกสิบแปด 13





ห้องของผมมักจะเต็มไปด้วยเสียงบ่นงุ้งงิ้งของเน บ่นเกม คุยไลน์กับเพื่อน เสียงกดแต๊กๆ ของแป้นพิมพ์ไอโฟน ไม่ก็เสียงการ์ตูนจากทีวี ช่วงแรกๆ ก็รู้สึกวุ่นวายอยู่เหมือนกันแต่ในตอนนี้พอมันกลับกลายเป็นความเงียบก็ดันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

เนซึม...

เหมือนว่าเจ้าตัวแสบจะเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีมาจากที่โรงเรียน น้องร้องไห้หนักมากที่ห้องทำงานผมหลังจากนั้นก็นั่งตาแดงไม่พูดไม่จาถามคำตอบคำ เรียกได้ว่าเป็นเนในเวอร์ชั่นที่ผมไม่ชินเอาเสียเลย

เนขังตัวเองไว้ในโปงผ้าห่ม โผล่หัวออกมาเล็กน้อยเพื่อหายใจ ตากลมที่ปูดแดงมองดูท้องฟ้าผ่านกระจกระเบียง ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองไอ้ก้อนผ้าห่มนั่นมาได้พักใหญ่ๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีไหมเพราะเหมือนผมเองก็เป็นหนึ่งในความผิดที่ทำให้เนโดนข่าวลือแบบนั้น

ระหว่างทีกำลังลังเล เสียงใสของเนก็ดั้งขึ้น

“ลุง...”

“หืม?”

“ลุงเงียบทำไม เนไม่ชิน” ก้อนผ้าห่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาผม เห็นตาแดงๆ กับปากช้ำๆ นั่นใจผมก็เหลวไปหมด

“เรานั่นแหละเงียบ”

“เนเจ็บแผลที่ปาก”

“มาดู” ผมกวักมือเรียกให้เนเดินเข้ามาใกล้กว่านี้ ผมยกมือขึ้นเชิดคางน้อง ผิวของมือผมกร้านมากเมื่อเทียบกับผิวของเน ตากลมนั่นจ้องนิ่งสบกับตาของผม

หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะในวินาทีที่สบกับดวงตาใสตรงหน้าในและในวินาทีต่อมาก็กลายเป็นความเจ็บปวดที่รัดแน่น

เนบริสุทธิ์ไปทุกอย่าง ทั้งความคิด การกระทำ ดวงตาของน้องถึงได้ยังมีแต่ความไว้ใจและเชื่อใจในแสดงออกมาอย่างชัดเจน เป็นผมเองที่เป็นคนเห็นแก่ตัว อาศัยความบริสุทธิ์นั้นในการตอบสนองความต้องการของตัวเอง

แม้จะไม่ได้เกินเลย...

แต่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์ใจ...



“เน...”

“หืม? “

“กลับบ้านไหม...” คิ้วตรงหน้าขมวดเป็นปม

“อะไรอ่ะ เรียกมาดูแผลแล้วไล่กลับบ้านเนี่ยนะ”

“ไม่ได้ไล่”

“ไล่”

“พี่ถามเฉยๆ ”

“ไม่กลับ จบนะ เนไม่กลับ ไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม หนึ่งเดือนก็คือหนึ่งเดือน” เนดึงหน้าตัวเองออกจากมือผมแล้วกระแทกเท้าปึ้งๆ ไปนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟา ผมถอนหายใจแล้วเดินตามไปนั่งข้างๆ

“เน”

“ไม่คุยแล้ว เนเจ็บปาก”

“งั้นฟังอย่างเดียว”

“เนเจ็บหูด้วย ไม่ฟัง” เนยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“...”

“เน... มาอยู่กับพี่มีแผลแบบนี้สองครั้งแล้ว พี่ไม่สบายใจหรอกนะ”

“ไม่เกี่ยวกับลุงนี่ มันเป็นเพราะเน”

“ขนาดพี่ยังรู้สึกไม่ดี ถ้าเป็นพ่อแม่เราจะขนาดไหน หืม?”

“พ่อแม่ไม่สนหรอก”

“เน...”

“ถ้าพ่อก็คงตีเน ส่วนแม่ก็คงดุเน แล้วทั้งคู่ก็จะบอกว่าเนทำให้ผิดหวังอีกแล้วโดยที่ไม่เคยฟังเนเลยว่าเรื่องมันเป็นยังไง แค่เป็นเนก็ผิดแล้ว”

“โอเคไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” พอเห็นอีกว่าเนเริ่มน้ำตาคลอผมก็จบประเด็นไว้แค่นั้น เนดูจะคิดมากที่ผมพูดเรื่องพ่อแม่ขึ้นมาสังเกตได้ง่ายๆ จากไอ้ปากยื่นๆ กับคิ้วเงื่อนตายนั่น ผมถอนหายใจ เนทำปากยื่นปากยาวอยู่พักเดียวก็หันมาหาผม ดวงตาที่ดื้อนั่นฉายประกายหม่นเหมือนเสียใจ

“ลุงลำบากใจไหมที่เนมาอยู่”

“...”

“เนจะจ่ายคืนลุงให้ทุกบาทเลย ตอนออกจะเก็บห้องให้เกลี้ยงเลยก็ได้”

“...”

“แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาต้องไป อย่าไล่เนเลยนะ”



ให้มันได้แบบนี้...

ถ้าคะแนนอ้อนเต็มสิบผมคงให้เด็กตรงหน้าสักร้อย

“ไม่ได้ลำบากใจอะไรขนาดนั้น เลิกทำหน้าหงอยได้แล้ว” ผมดีดเหม่งใสนั่นไปเบาๆ

“เปล่า หงอย”

“เดี๋ยวพาไปกินชานมไข่มุก”

ศัพท์ใหม่ที่ผมได้ยินบ่อยในช่วงนี้คือก้อย เนชอบบ่นว่าอยากกินก้อย ตอนแรกผมก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าเนจะชอบกินพวกเนื้อสด เห็นเวลาไปกินอะไรด้วยกันมักจะกินอะไรยาก เดี๋ยวบ่นเผ็ด เวลาไปกินปิ้งย่างก็ต้องสุกเกรียมไม่ใช่แค่สุกเฉยๆ ผ่านไปหลายวันผมถึงเพิ่งจะเข้าใจว่าก้อยที่ว่าเป็นชื่อร้านชานมไข่มุกและนอกเหนือจากนั้นคือมันไม่น่าอ่านว่าก้อยหรอก

“เหมือนลุงเอาของกินมาล่อเนเลยอ่ะ”

“ไม่กินหรอ”

“กินๆๆ ” ก็ยอมให้ล่อแต่โดยดีนี่นา ผมหัวเราะเมื่อเหมือนเห็นหางหมามโนกระดุกดุ๊กดิ๊กมาจากหลังไอ้ก้อนดื้อตรงหน้า

“เออ จะว่าไป พรุ่งนี้มีที่ที่อยากจะพาไปหลังเลิกเรียน”

“ที่ไหนอ่ะ? “

“เดี๋ยวก็รู้”

“เห้ยยย แย่อ่ะ ทำให้อยากรู้ไปแล้วนี่!!!”

“หึ”

“ลุงงงงงงงง เนนอนไม่หลับนะะะะ อยากรู้ ลุงก็รู้ว่าเนขี้เสือ— หมายถึงขี้ใส่ใจ”

“อยากรู้ต่อไป”

“ลุงงงงงงงงงงงงงงงง”



โวยวายงอแงว่าจะนอนไม่หลับอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอผมเปิดประตูออกมาดูอีกทีก็หลับสนิทแถมน้ำลายย้อยเปื้อนหมอนเปื้อนโซฟาไปหมด ได้แต่กอดอกมองด้วยความรู้ที่หลากหลายอารมณ์

แต่ที่แน่ๆ บางอารมณ์นั้นก็ไม่ได้ควรสักเท่าไหร่หรอก...



.

.

.





ไม่คิดไม่ฝันว่าวันที่ผมรอรับเด็กเลิกเรียนนอกเหนือจากรอรับสีน้ำจะมาไวขนาดนี้ ผมสองเงาตัวเองผ่านกระจกห้องทำงานก่อนจะตัดสินใจใช้มือซ้ายปลดกระดุมคอตัวเองออกหนึ่งเม็ดให้ดูผ่อนคลายลง อ้อ ขยี้หัวให้ดูฟูขึ้นหน่อยจะได้ไม่ดูแก่จนเกินไป

“ลุงหมดวัยเซทผมแล้วป่ะ”

เสียงใสดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเล่นเอาคิ้วผมกระตุก

“เซทผมมันมีหมดวัยที่ไหนกัน” ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กแสบ เนอยู่ในชุดนักเรียนเต็มตัว ติดที่จะผิดระเบียบไปนิดหน่อยด้วยการเอาเสื้อออกมาจากกางเกงและเหยียบส้นรองเท้าจนยุบ ผิดที่สุดน่าจะเป็น

...ไอ้ปากสีชมพูนั่น

“ไปทำอะไรมา”

“ทำไร”

“...” เนถามผมกลับด้วยสีหน้าเด๋อด๋า

“แต่งหน้า? “เนขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นมาเปิดกล้องหน้า ตากลมนั่นก็เบิกกว้างขึ้นทันที

“เห้ยยยยยยย ไหนว่าลิปมันไงงงงงงงง”

“...”

“ตัวแท่งลิปมันเป็นสีขาวๆ อ่ะลุง เห้ย แดงเฉย” เนยกหลังมือขึ้นถูๆ ปากตัวเอง แต่มันกลับกลายเหมือนจะทำให้ปากนั่นแดงกว่าเดิม

“มันแดงติดปากไปแล้ว”

“เนี่ยลุง มันแท่งสีขาวนะ เนคิดว่าเป็นลิปมัน” เนคุ้ยกระเป๋านักเรียนก่อนจะหยิบลิปแท่งเรียวขึ้นมาโชว์ ผมเดินไปหยิบมาดู ลักษณะตัวแท่งเหมือนลิปที่สีน้ำมีอยู่เต็มโต๊ะเครื่องแป้ง พอเปิดฝามาตัวลิปก็เป็นสีขาวปกติ

“มันก็ดูเป็นลิปมันนะ...”

“นั่นดิ หรือปากเนมันแดงอยู่แล้ว”

“...”

“ลุงทาสิ”

“ห๊ะ”



ยังไม่ทันได้งงดี เนก็คว้าลิปในมือผมไปถือ มือซ้ายคว้าหมับเข้าที่แขนขวาผมก่อนจะเอนตัวมามือขวาผมเลยต้องตวัดรัดเอวเล็กไว้กลัวว่าน้องจะเทน้ำหนักลงมา ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรก็รู้สึกถึงวัตถุมันๆ เย็นๆ ปาดลงมาบนปาก

ไม่เหมือนในหนังที่หน้าเราใกล้กันจนใจเต้นเพราะส่วนสูงที่ค่อนข้างทิ้งห่าง หน้าเนเลยอยู่แถวๆ อกผมแม้น้องจะเขย่งสุดปลายเท้าแล้วก็ตาม

แต่ที่เหมือนในหนังน่ะ

คงเป็นการเต้นของหัวใจของผมเอง



“โอ๊ะ...”

“...”

“ปากลุงแดงเหมือนเนเลยอ่ะ” เนฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด



ให้ตาย เด็กบ้าตรงหน้าผมเนี่ย

ขโมยจูบเก่งทั้งทางตรงและทางอ้อมเลย

กว่าจะรวบรวมสติกลับมาได้ก็ตอนที่เนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ผมรีบยกมือขึ้นปาดปากตัวเองซึ่งก็มีคราบสีแดงติดออกมาเป็นปื้นทำให้รู้ว่าปากผมตอนนี้คงมีสีไม่ต่างจากเน มันเข้ากันไหมเนี่ย ผู้ชายอายุสามสิบกว่ากับปากสีแดงเนี่ย

“เน...”

“อย่าดุนะ ห้ามดุ เนแค่เล่น ลุงมีอารมณ์ขันหน่อยก็ได้นี่” เสียงเล็กรีบแหวกลับพร้อมกับวิ่งกรูดไปกอดกระเป๋าขู่แง่งๆ อยู่หน้าประตูห้องทำงาน

“เอาเถอะ ไม่ดุตอนนี้เดี๋ยวที่ที่กำลังจะไปก็คงทำให้แทน”

“เอ๊ะ”

“ป่ะ”

“เอ๊ะลุงงง จะพาไปไหนอ่ะ ลุงงงงงงงง”

“ปิดประตูห้องให้้สนิท”

“ครับ อ่ะ ลุงงงงงงงงง บอกเนนนนนนนน” ผมไม่ตอบแต่เลือกเดินนำไปขึ้นรถโดยมีเสียงตะแง้วงอแงมาตลอดทางตั้งแต่ออฟฟิส กว่าจะเลี้ยวเข้าสถานที่ได้หูก็แทบจะชา มันงอแงเก่งเหมือนลูกหมาเลย ให้ตายเถอะ เดี๋ยวกลับบ้านคราวนี้ต้องไปเปิดหนังสือหาวิธีเลี้ยงลูกหมาไม่ให้เห่าหน่อยแล้ว

ผมใส่เกียร์จอดรถพร้อมกับหันไปมองเนที่ทำหน้าแหยทันที่ที่เป็นป้ายสถานที่ขนาดใหญ่ หน้าดื้อนั่นหันขวับมาหาผม



“ค่ายมวยพิมพ์ดาว...” เนอ่านออกเสียงเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าผมไม่ได้พามาผิดที่

“ชื่อแม่เจ้าของน่ะ”

“ลุงคิดว่าเนสงสัยชื่อหรอ”

“อ้าว”

“เนหมายถึงค่ายมวย ค่ายมวยนะ ค่ายมวย”

“ใช่สิมันก็เขียนอยู่ ปลดเบลท์แล้วลงมาได้แล้ว เพื่อนพี่รออยู่” ผมเปิดประตูรถลงมาก่อน คงต้องยอมรับว่าผมรู้สึกสนุกกับไอ้หน้าเหวอๆ นั่นอยู่นิดหนึ่ง รออยู่ไม่ถึงนาทีเนก็ลงรถเดินตามมาเกาะหลังผม

“ลุง...”

“หลบอะไรเนี่ย”

“ลุงพาเนมาค่ายมวยทำไมอ่ะ”

“นั่นสิ พามาค่ายมวยมันควรจะทำอะไรดีล่ะ”

“ห๊ะ ลุงจะซ้อมเนหรอ”

“อยู่ห้องพี่ก็ซ้อมเราได้”

“แก่แล้วยังใจร้ายอีก ระวังหลานไม่รักนะลุง”

“เน”

“ล้อเล่นได้ไหม ไม่ดุดิ เนกลัวนี่” กลัวแต่ก็ยังปากดีได้ สมกับเป็นเนจริงๆ ผมเดินเข้าค่ายมวยของเพื่อนมาพร้อมกับการมีลูกลิงเกาะเอวมาตลอดเวลา เดินเข้ามาเพียงไม่กี่เมตรหน้าคมที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏพร้อมรอยยิ้มใจดีแต่หุ่นเหมือนหมีควาย

“ว่าไงคุณพ่อลูกหนึ่ง”

และปากเหมือนหมา...

ผมตวัดตาดุมันไปหนึ่งที ไม่อยากจะหยาบคายด่าต่อหน้าเด็ก

“เนนี่พามเพื่อนพี่สมัยมหาลัย พามนี่เน”

“เนเฉยๆ หรอ” ไอ้พามถามพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาแซว

“อ่า ชื่อจริงเต็มๆ เนติวิทย์ครับ” ความใสซื่อของเด็ก เนตอบอ้อมแอ้มด้วยความคิดว่าเพื่อนผมถามชื่อจริง ใสซื่อจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ

“กี่ขวบครับเนี่ย”

“สิบแปดครับ”

“อ๋า”

“พาม” ผมปรามเสียงต่ำ

“หึ ครับๆ งั้นน้องเนเดี๋ยวตามพี่มาทางนี้ คุณครูรออยู่แล้ว” พามออกตัวเดินนำไป ส่วนเนก็ผลักหลังยิกๆ ให้ผมเดินต่อ

“ลุง เพื่อนลุงดุป่ะเนี่ย”

“ปกติก็ไม่ แต่ถ้าดื้อก็คงดุ”

“แต่เพื่อนลุงหล่อนะเนี่ย โอ๊ะ” ผมชะงักตัวเลยทำให้จมูกน้องกระแทกหลังผมดังปั้ก

“...”

“หยุดไม่บอกอ่ะลุง”

“...”

“ลุง?”

“เน”

“หือ”



ปั้ก!!!

ผมถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวกลับไปดีดหน้าผากเด็กตรงหน้าดังปั้กแล้วรีบหันตัวเดินต่อ เนโวยวายลั่นที่โดดดีดหน้าผากแต่พอเห็นผมเดินห่างออกมาก็รีบวิ่งตามมาเกาะเสื้อต่อด้วยหน้ายู่ยี่

ไอ้พามเนี่ยนะหล่อ ไม่เห็นจะหล่ออะไรขนาดนั้นเลย

เด็กบ้านี่เทสต์แย่ชะมัด

ผมเดินตามไอ้พามจนมาหยุดที่โถงกว้างที่แน่นไปด้วยผู้คนกำลังฝึกซ้อม เสียงกระแทกของนวมดังก้องอยู่รอบตัว ตรงกลางโถงมีสังเวียนมวยขนาดใหญ่ตั้งอยู่และบนสังเวียนนั้นก็มีผู้ชายร่างสูงกำลังอุ้มเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ซ้อมมวยอะไรทำไมมันอุ้มเข้าเอวกันดูน่ารัก นี่เนก็ต้องโดนอุ้มแบบนี้หรอ ทำไมไม่เห็นดูเหมือนคนกำลังสู้เหมือนสมัยผมเรียนมวยที่นี่พร้อมกับไอ้พามเลย

“เห้ย ไอ้พี่ วางหญิงลง นักเรียนมึงมาแล้ว”

หญิง?

เด็กผู้หญิงถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นเลยหรอ

“พี่พามช่วยหญิงด้วยยย”

“ดิ้นจังวะหมวย”

“ปล่อยหญิงลง!!!”

“บีบตูดที”

“พี่!!!”



อะไรวะ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน ถึงจะเรียกหญิงแต่ก็เห็นชัดๆ ว่าเป็นผู้ชาย แต่จะเพศไหมก็ไม่สำคัญหรอก ไอ้การอุ้มบีบตูดบีบแก้มอะไรแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยไหม เนจากที่ประสาทกินกลัวโดนกระทืบอยู่เป็นทุนเลยยิ่งจิกแขนเสื้อผมแน่นเข้าไปใหญ่

ผมมองทั้งคู่ตรงหน้าฟัดกันจนพอในที่สุดคนตัวใหญ่กว่าก็ยอมวางคนในอ้อมแขนลง ใบหน้าที่มีความคล้ายกับพามแต่ติดจะกวนตีนกว่ามากมองมาที่ผม



“นี่เด็กมัธยมตรงไหนวะพี่พามมึง”

“ไม่ใช่โว้ย นี่เพื่อนกู ส่วนเด็กหลบอยู่ด้านหลัง” ไอ้พามชี้มาที่เน พอรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาเนก็บีบเสื้อผมแรงขึ้น

“ลุง เน...”

“อ่อ เลี้ยงต้อย”

“พาม” ผมหันไปถามพามด้วยสายตาว่าเกิดอะไรขึ้น พามถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยปากตอบ

“นั่นไอ้พี่น้องชายกู เห็นแบบนั้นแต่มันสอนดีนะ มันแค่กวนตีน”

“...” ผมยังคงไม่เชื่อ พามเลยชี้ไปที่คนตัวเล็กข้างๆ น้องชายมัน

“เห็นนั่นป่ะ นั่นหญิงแฟนมัน ก่อนหน้านี้ก็แห้งเหมือนเด็กมึงนั่นแหละ”

“เนเปล่าเด็กลุง” เสียงเล็กตอบทันทีทันควันก่อนจะมุดหน้ากลับไปซุกหลังผมต่อ

“เน ออกมาคุยดีๆ ”

“เนขอปฏิเสธได้ไหม”

“ออกมา เน”

“แง” ร้องแงเสร็จก็ยอมออกมายืนตัวลีบเบียดผม หน้าดื้อเงยมองอาจารย์ตัวเองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมเองก็จ้องน้องของพามนิ่ง ถ้าไอ้พามไม่บอกว่าเป็นน้องแท้ๆ ผมก็คงไม่วางใจให้เนเรียน

ท่าทางเหมือนโจร...

แล้วหน้าก็เหมือนเป็นพี่พามมากกว่าน้องชายด้วย

“ไอ้พี่ นี่น้องเน”

“ดี”

“สวัสดีครับ” เนยกมือไหว้ครูหน้าดุก่อนอ่ะกลับมาเบียดแขนผมอีกรอบ

“โห หุ่นเหมือนหญิงสมัยมัธยมเลย” เด็กผู้ชายตัวเล็กที่พามบอกว่าเป็นแฟนของน้องชายตัวเองกระโดดลงจากสังเวียนก่อนจะวิ่งมาหยุดหน้าเน

“ส ส สวัสดีครับ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก กูสอนหญิงได้ก็สอนมึงได้” เด็กหน้าดุนั่นวางมือลงบนหัวเนก่อนจะขยี้จนฟู ผมมองด้วยความขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรออกไป

“สมัยก่อนพี่ผอมกว่าน้องอีก”

“แต่น่ารักกว่า”

“พี่”

“ก็กูพูดจริง หน้าไอ้น้องนี่เหมือนลิง”

“พี่!! ไม่ต้องไปฟังพี่มันนะน้องเน”

“ไม่เป็นไรครับ เพราะพี่เขายังหน้าดุเหมือน....” เนสะดุดไปเมื่อผมหันไปมองดุ “นะ เนยังไม่ได้พูดนะ” ผมขมวดคิ้วดุอีกรอบเพราะรู้ว่าเนตั้งแต่ใจพูดว่าดุเหมือนหมา

“เอาเป็นว่าฝากด้วยแล้วกัน ฉันจะพาเนมาส่งหลังเลิกเรียนวันพุธกับศุกร์”

“แล้วลุงจะอยู่รอเนไหม จะมาทิ้งไว้เฉยๆ หรอ”

“รอสิ”

“เย้”



พอผมตอบเนเสร็จ เงยหน้าขึ้นก็พบสายตาล้อเลียนจากทั้งไอ้พามและน้องมัน

มายักคิ้วอะไรกันไอ้พวกเวร

นี่ผิดคิดถูกวะเนี่ยเอาเนมาเรียนกับค่ายมวยนี้เนี่ย!!!





















ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
สามหกสิบแปด 14





เคาท์ดาวน์อาทิตย์สุดท้ายของการอยู่ร่วมกับเน

กลับกลายเป็นผมเองที่รู้สึกไม่อยากให้น้องกลับบ้าน เผลอๆ อาจจะมากกว่าเนด้วยซ้ำ เพียงแต่แสดงออกมาไม่ได้ ด้วยความที่รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร มีแต่เด็กตรงหน้าเท่านั้นแหละ ที่ทำให้การเป็นผู้ใหญ่ของผมสั่นคลอนด้วยการ





... อ้อนแบบไม่รู้ตัว



“ลุงงงงงงง ขออีกหนึ่งเดือนไม่ได้จริงๆ หรอ” ไอ้ตัวดื้อทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา วางหัวไว้บนตักผมพร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นมา

“เน ไม่อ้อน”

“ไม่ได้อ้อน เนขอร้อง อ้อนวอน กอดขา” มีออพชั่นเบะปากเสริม ผมดีดเหม่งใสนั่นไปหนึ่งป้าป



ไม่ได้อ้อนแต่แค่อ้อนวอน

ตัดคำว่าวอนก็เหลือแค่อ้อนแล้ว ไอ้เด็กขี้อ้อน



“เราคุยกันแล้ว”

“ก็คุยใหม่ได้นะ เนพร้อมคุย”

“ไม่งอแง”

“อีกครึ่งเดือน”

“ไม่ได้”

“อีกหนึ่งอาทิตย์”

“ไม่ได้”

“อีกหนึ่งวันก็ได้!!!”

“ไม่ได้”

“แง” ส่งเสียงงอแงเสร็จก็วุ่นวายยกมือมาดึงแว่นผมออกจากหน้า แต่ถึงงั้นผมก็ยังคงเห็นหน้าซนๆ นั่นชัดเจนอยู่ดี

“เนอย่าซน”

“ลุงอายุสามสิบหกแต่ยังไม่ค่อยมีริ้วรอยอะไรเลย มีแค่ตรงตา” มือเล็กนั่นยื่นมาจิ้มรอยย่นข้างตาผม แหง จะมีได้ไง ไอ้ครีมที่สีน้ำเอามาให้ใช้นั่นราคาเป็นหมื่น

“นั่งดีๆ “ผมดุออกไป การมานอนหนุนตักอะไรแบบนี้มันก็ดีหรอกแต่อันตรายกับหัวใจอยู่เหมือนกัน ก่อนตีนกามาจะเจอตีนตำรวจก่อนก็เพราะไอ้ตัวดื้อตรงหน้าเนี่ยแหละ ไม่เคยจะระวังตัวอะไรเลย

“ไม่อยากนั่งแล้วอ่ะ ปวดขาาาา พี่พี่ไม่อ่อนโยนกับเนเลย รู้ป่ะลุง พี่พี่ให้เนวิ่งรอบยิม โคตรเหนื่อยยยยย เนยกขาตัวเองไม่ขึ้นแล้วเนี่ย” เนบ่นงุบงิบแล้วก็ยกขาตัวเองถีบไปมาบนอากาศ

“ออกกำลังกายบ้างเถอะ เราน่ะ”

“โอ้โหหหหหห ที่พี่พี่ให้เนทำไม่เรียกออกกำลังกายแล้ว เรียกเตรียมตัวเป็นนักกีฬาทีมชาติ”



โอเวอร์สุดๆ ...

ผมตามตลอดว่าวันหนึ่งเนทำอะไรบ้างจากไอ้พาม ข้อมูลที่ได้ก็คืองอแงกับการวิ่งรอบยิ้มสองครั้ง โอดโอยทุกการออกกำลังกาย ให้ทำห้าเซทก็โกงนับเลขสุดเซท ชอบหนีไปเล่นกับเด็กที่ชื่อหญิงจนโดนครูวิ่งไล่เตะ ไอ้พามได้แต่หัวเราะเพราะตอนแรกคิดว่าเนจะเป็นเด็กขี้กลัวเงียบๆ ที่ไหนได้แสบแบบยิมแทบแตก



“เนว่าเนกล้ามขึ้นแล้วเนี่ยลุง ดูกล้ามเนสิ” เนถลกแขนเสื้อตัวเองแล้วเบ่งกล้ามโชว์ แต่ที่เห็นก็เหมือนจะเป็นเบ่งก้างมากกว่า

“แบบนั้นเขาเรียกก้าง”

“บอกเลยไม่มาแค่กล้ามนะ เนอ่ะแพลงก์ ซิทอัพ สควอต ล่าสุดมีซิกแพคแล้ว” พูดจบก็โชว์แพคต่อ ผมมองพุงขาวที่มีรอยยับเป็นขีดๆ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

“เน นั่นมันรอยพับพุงเวลานั่งนานๆ ”

“ถ้าใจเรามองเป็นแพคมันก็คือแพคป่ะลุง”

“พุง”

“ลุงงงงงงง”



กล้าเรียกแพค พุงเป็นก้อนกลมขนาดนั้น

ไม่แปลกใจหรอกครับ ผมเองยังน้ำหนักขึ้นเลย อยู่กับเนแล้วเหมือนเปิดโลกเรื่องการกิน ร้านอาหารดังๆ รีวิวติดเทรนด์ทวิตเตอร์อะไรสักอย่าง เนก็ลากผมไปกินตลอดทั้งของคาวของหวาน หลังๆ เวลาออกกำลังกายผมก็เริ่มต้องเพิ่มเซทแล้วเหมือนกันก่อนที่แพคที่มีอยู่จะกลายร่างเป็นรอยยับพุงแบบเด็กดื้อตรงหน้า



“ลุง ตอนลุงเด็กๆ ลุงทะเลาะกับพี่สีน้ำบ่อยไหม”

“คิดยังไงถามเรื่องสีน้ำขึ้นมา” ผมขมวดคิ้วถามกลับ

“ก็... เห็นรูปลุงกับพี่สีน้ำบนชั้นหนังสือพอดี” น้องคงหมายถึงชั้นหนังสือข้างทีวี กรอบรูปนั้นได้มาจากตอนไปเล่นสกีสมัยมหาลัยกับครอบครัว เป็นภาพผมอุ้มสีน้ำไว้ด้วยท่าทางเหมือนพี่ชายหวงน้องสาวซึ่งคนบรีฟท่าก็ไม่ใช่ใคร ไอ้ตัวแสบน้องสาวผมเอง เห็นบอกอยากได้รูปเอาไปโพสต์ในเฟสให้แฟนรู้ว่าพี่หวง สุดท้ายรูปที่ว่าก็ยอดกดไลก์ถล่มทลายขนาดเจ้าตัวลงทุนไปอัดรูปใส่กรอบและแน่นอนว่าคนเอามาวางไว้ในห้องผมก็คือสีน้ำเองนั่นแหละ



โพสต์ในเฟสให้รู้ว่าพี่หวง

แต่เอามาตั้งในห้องพี่ชายในที่เห็นชัดขนาดนี้ ผมว่าคนขี้หวงน่าจะเป็นน้องสาวผมมากกว่า



“บ่อย แต่ไม่ถึงขั้นตีกันหรอก ยังไงก็น้องสาว”

“แล้วโตมาอ่ะ”

“โตมายิ่งไม่ค่อยทะเลาะ มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ”

“เนตีกับพี่แนนทุกวันที่เจอหน้าเลย”

“ก็เราดื้อ” พอพูดความจริงออกไป เนก็ทำหน้าหงึทันที

“บางทีพี่แนนก็ผิดเถอะ แต่พอเป็นเนก็กลายเป็นเนผิดแทน แค่มีชื่อเน เนก็ผิดแล้ว”

“ที่ตัดพ้อนี่มันเกิดขึ้นจริงๆ หรือแค่น้อยใจไปเอง” ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยหน้าม้าที่ปรกหน้าผากใสนั่นออก

“เกิดขึ้นจริงๆ สิ ลุงต้องเชื่อเน”

“ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ”

“ลุงทำเสียงไม่เชื่อ”

“คิดไปเอง”

“ลุงงงงงง”

“ตัวดื้อ” ผมจ้องหน้าดื้อนั่นกลับ เนยู่ปากพร้อมกับยกมือขึ้นมาจิ้มจมูกผม

“ลุงรู้ไหม แม่มารู้ว่ามีเนตอนไหน”

“หือ”

“ตอนกำลังจะไปทำหมัน”

“...”

“แจ๊คพอต ท้องเนอยู่สองเดือน ตกใจกันไปหมด” เนขยับตัวเป็นนอนหันหลังแต่ยังคงวางหัวไว้บนตักผมเหมือนเดิม

“ก็เลี้ยงมาจนโตน่ะ”

“เนคลอดก่อนกำหนด ทำอะไรก็ช้าไปหมด เนไม่ได้โง่นะลุง แต่เวลาเรียนอ่ะ ตอนที่กำลังจะเข้าใจครูกับเพื่อนก็ต่อไปเรื่องอื่นแล้ว แล้วพอจะตามไปเรื่องที่กำลังจะเข้าใจมันก็เริ่มจะไม่เข้าใจแล้ว เนพูดงงไหม”

“ไม่งง” ใจจริงแล้วผมไม่ได้อยากให้เนพูดเรื่องครอบครัวเท่าไหร่ เพราะเหมือนจะเป็นประเด็นอ่อนไหว แต่ในเมื่อน้องสบายใจจะพูดออกมาผมก็ไม่ขัด



... บางทีคนเราก็ต้องการแค่คนที่สามารถระบายเรื่องที่อึดอัดด้วย



“แล้วพ่อเนเป็นทหารอ่ะลุง เข้าใจอารมณ์ไหมอ่ะ เขาคาดหวังกับความเป็นลูกชายไว้เยอะ แล้วพอเนออกมาเป็นแบบเนี้ย อ้อนแอ้น อ่อนแอ เขาก็ชอบดุเน อะไรก็ไม่ถูกใจ อะไรก็ขัดตาไปหมด เนพยายามจะเป็นลูกผู้ชาย เนมีเรื่องเนต่อยตีพ่อก็ดุ เนไม่รู้จะทำไงแล้ว เนแค่อยากให้พ่อชมเนบ้าง เนแค่อยากให้พ่อรักเนบ้าง”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่นั่งฟังเงียบๆ

“เนอ่ะนะเนอ่ะ เห็นพี่แนนได้อะไรดีๆ ตลอด เนก็ขอบ้างพ่อกับแม่ก็ชอบให้เนทำอะไรมาแลก ให้ตั้งใจเรียน ให้สอบได้คะแนนดีๆ กว่าเนจะทำได้ เนก็มองพี่แนนได้ของจนเนกลายเป็นเด็กขี้อิจฉา เนไม่ชอบเลย แต่เนก็เป็นเด็กแบบนั้น เนเป็นเด็กขี้อิจฉา”

“...”

“เนรักพี่แนนแต่เนก็เกลียดพี่แนน ทำไมพี่แนนทำได้ดีทุกอย่างเลย เนอ่ะนะเนอ่ะ ได้แต่สงสัย ทำไมเนทำไรไม่เคยดีเลย พี่แนนอ่ะหยิบจับอะไรก็ทำได้ดีไปหมดจนเน ฮึก เนเคยคิดด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่พี่แนนจะล้มเหลวบ้าง เนจะหัวเราะก่อนช่วย เนอยากให้พี่แนนเข้าใจบ้างว่าเนรู้สึกยังไง เนโคตรแย่เลย เนอ่ะ เกลียดตัวเองที่ตัวเองเกลียดพี่แนนมากเลย”

“เน...”

“เนนิสัยไม่ดีเนรู้”

“...”

“แต่เนพยายามอยู่นะ...”



ไหล่เล็กๆ ของเนสั่น มือเล็กขยุ้มขากางเกงของผมแน่น อุตส่าห์ไม่อยากให้ร้องแล้วแท้ๆ ผมไม่รู้จะตอบอะไร เพียงแต่ลูบหัวนั่นไปเรื่อยๆ บาดแผลในใจของเด็กที่ผู้ใหญ่อาจจะข้ามบางทีก็เป็นเรื่องใหญกว่าที่คิด



“เก่งมากแล้วที่อดทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นมาตลอด”

“...”

“ทุกอย่างที่เจอ ทุกอย่างที่กำลังพยายาม มันหนักมากสำหรับวัยเน”

“...”

“เพราะงั้นถ้าอยากจะร้องไห้... ก็ร้องออกมาเถอะ”



จบคำพูดผมเนก็ร้องไห้ออกมาเหมือนก๊อกแตก สะอื้นจนตัวโยน ขาเล็กขดเข้าหาอกเหมือนเด็กกอดตัวเอง เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้อง ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ขาที่เนนอนทับอยู่ก็ชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว แต่คาดเดาจากสีท้องฟ้าข้างหน้าต่างก็คงมากกว่าครึ่งชั่วโมง



“ลุง..” เสียงแหบดังขึ้นหลังจากที่ร้องไห้เสียงดังมาตั้งนาน

“หืม”

“เนดีใจนะที่ได้มาเจอลุง”

“...”

“ลุงเป็นคนดี” เนพูดออกมาสั้นๆ โดยที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ผมเลยได้แต่จ้องกลุ่มผมฟูบนตักอย่างหลากหลายอารมณ์



สำหรับเน ผมคงที่ผู้ใหญ่ที่แสนดีคนหนึ่ง

แต่ในความจริงแล้ว สิ่งที่ผมทำไปกับเน



ผมไม่ได้ใกล้กับคำนั้นเลย



ผู้ชายวัยสามสิบหกที่จูบกับเด็กอายุสิบแปดโดยไม่ได้ตั้งใจหนึ่งครั้ง ตั้งใจหนึ่งครั้ง

....และคิดอยากจะจูบอีกหลายครั้ง



“ไม่หรอก...”

“หือ”

“พี่ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก” ผมตอบออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา นึกดีใจที่เนไม่ได้หันหน้ากลับมา เพราะถ้าเนหันหน้ากลับมา เนคงต้องถามออกมาแน่ๆ ว่าทำไมผมถึงทำหน้าเสียใจแบบนั้น



เวลาที่กำลังจะหมดลง สำหรับเนก็คงเหมือนเวลาไปค้างบ้านเพื่อนแล้วต้องกลับบ้านตัวเอง งอแงไปตามพิธี แต่สำหรับผมแล้วช่วงเวลานี้มันคือช่วงเวลาที่ผมจะได้เห็นแก่ตัว ได้อาศัยความบริสุทธิ์ของเด็กในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ



มีความสุขกับการที่มีเด็กมาอยู่ข้างๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย

ไอ้คำที่ว่าเสี่ยเลี้ยงเด็กมันก็คงจะจริงไปครึ่งหนึ่ง



“ลุง เนอยากดูหนัง”

“เปิดเนทฟลิกซ์เลือกสิ”

“หึ อยากดูหนังในโรงอ่ะ”

“เวลานี้หรอ” ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู กำลังจะสี่ทุ่มป่านนี้ห้างก็คงจะปิดหมดแล้ว “ถ้าวันนี้ไม่น่าทันแล้วหละ”

“วันอื่นก็ได้ แต่ลุงต้องสัญญาว่าจะพาไปดูนะ”

“อื้อ ได้สิ” พอผมพูดจบเนก็ดันตัวเองขึ้นนั่ง ตาบวมตุ่ยดูแล้วแสนจะน่าเอ็นดู ปากสีแดงเคลือบใสนั่นบดตัวเองไปมาเหมือนทำตัวไม่ถูก นิ้วชี้ป้อมๆ ถูกยกขึ้นมาถูตาตัวเองสองสามทีก่อนที่จะหันหน้ามาหาผม

“เนหิวแล้ว”

“กินอะไรดี ข้าวต้มไหม”

“อื้อ เนสั่งเอง เอาเจ้าที่ทำหนำเลี้ยบหมูสับอร่อยนะ”

“เอากุ้ยช่ายขาวเต้าหู้ด้วย”

“ใส่หมูกรอบด้วยนะลุง เนอยากกินหมูกรอบ”

“เอาสิ”



ร้านข้าวต้มเจ้าประจำที่เนชอบกิน เป็นปกติอยู่แล้วที่ผมจะให้เนสั่ง ดูเหมือนไอ้มือเล็กๆ นั่นจะทำงานได้ดีกับมือถือปัจจุบัน กดหรือลากอะไรได้รวดเร็วไปหมด เห็นเวลาพิมพ์ไลน์กับเพื่อนนี่นิ้วรัวแป้นจนมองแทบไม่ทัน ต่างจากผมที่ต้องหาแว่นมาใส่ จะจิ้มอะไรทีนิ้วก็เบียดไปหมด กดลบกดพิมพ์ก็วุ่นวาย ผมเลยตัดปัญหาให้เนเป็นคนสั่งอาหารแล้วให้ตัดที่บัตรผมแทน



เพราะแบบนั้นแหละ น้ำหนักผมและเนถึงได้ขึ้นเอา

ไม่ออกไปตะเวนหาร้านกินก็สั่งมากินที่ห้อง เป็นแบบนี้แทบจะทุกวัน ตรวจเลือดสิ้นเดือนนี้ผมอาจจะเริ่มโดนหมอมองแรงเรื่องคอเลสเตอรอลบ้างแล้วก็ได้



ดินเนอร์ในยามค่ำคืนเป็นแค่อาหารธรรมดา แต่เพราะเสียงเจื้อยแจ้วเล่านู่นบ่นนี่ของเนเลยทำให้ผมต้องแอบยิ้มออกมา เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ห้องนี้คงจะกลับมาเงียบสงบมีแต่เพียงเสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ไม่ก็เสียงเครื่องปรับอากาศ กลิ่นแชมพูหอมดอกไม้ก็คงจะกลับมาเหลือแต่กลิ่นแชมพูฟอร์เมนอันเก่าของผม โซฟาที่แทบไม่ได้ใช้เพราะถูกมนุษย์เนบุกรุกเอาหมอนกระต่ายกับผ้าห่มสีชมพูมาวางแผ่อาณาเขตก็คงกลับมาเหลือพื้นที่สีเทาจืดชืดเหมือนเดิม



คิดแล้วก็แอบใจหาย





“โหลลล ฟังเนพูดอยู่ป่ะเนี่ยลุง ยิ้มไร ได้หมูกรอบชิ้นใหญ่ไปใช่ป่ะ”

“ฟังอยู่”

“เรอะ งั้นตอบว่าสิว่าไอ้เด็กที่ชื่อพ็อจจินั่นเรียกเนว่าอะไร”

“ลิง?”

“เห้ย ฟังอยู่จริงด้วย เห็นป่ะ โคตรแย่อ่ะลุงงง เด็กเปรตป่ะ มาเรียกเนว่าพี่ลิงได้ไง ลิงที่ไหนจะหน้าตาดีขนาดนี้ มันต่างหากที่หน้าเหมือนลิง” ปากเล็กบ่นงุบงิบพร้อมกับเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่นั่งฟังเจ้าตัวบ่นต่อจนจบมื้ออาหารถึงได้เวลาแยกย้ายไปอาบน้ำ



เป็นอีกครั้งที่ผมใช้ห้องน้ำต่อจากเนแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าเนอาบน้ำสระผมยังไงให้มีกลิ่นหอมติดห้องน้ำได้ขนาดนี้ มันเป็นกลิ่นแชมพูและสบู่ที่มีความหอมดอกไม้อ่อนๆ เนทำอะไรไม่ค่อยระวังตัวอย่างวันนี้ไอ้ที่พันผ้าขนหนูออกมาแต่งตัวนอกห้องน้ำก็ถือเป็นสถานการณ์อันตราย กว่าผมจะอาบน้ำเสร็จออกมาเนก็ปิดไฟนอนแล้ว



เนติดนิสัยนอนขดเป็นก้อนแล้วห่มผ้าห่มปิดจนโผล่มาแค่ปอยผม ผมเคยถามดูท่าทำไมต้องคลุมผ้าขนาดนั้น น้องก็ตอบมาว่าไม่ชอบเวลาแก้มเย็น แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าตัวจะหลับสนิทจนผ้าห่มร่นตกไปอยู่ตรงไหล่ เปิดให้เห็นใบหน้าดื้อนั่นอย่างชัดเจน ผมมองแก้มใสนั่นอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปกดจมูกลง



... แก้มเย็นจริงๆ ด้วย



เมื่อกลิ่นหอมตีเข้าจมูกเลยอดไม่ได้ที่จะปักจมูกลงไปอีกครั้งด้วยความหมันเขี้ยว ชักจะเริ่มเข้าใจพวกมีแฟนเด็กขึ้นมาบ้างแล้ว มันน่ารักไปหมดทั้งตัวเลยจริงๆ



หมดกลิ่นหอมที่ตามมาคงเป็นกลิ่นบาปที่ทำให้ผมต้องรีบยกตัวขึ้นแล้วเดินกลับเข้าห้องนอนก่อนที่จะเผลอทำอะไรไม่สมควรไปมากกว่านี้



ฝันดีนะ

ไอ้ก้อนดื้อ









.

.

.









...เพียงเสี้ยววิหลังบานประตูปิด

ดวงตากลมใต้เปลือกตาช้ำแดงก็เปิดขึ้นด้วยความตกใจ นิ้วเล็กยกขึ้นสัมผัสจุดที่เพิ่งโดนลักหอมแก้มไปถึงสองครั้งจากผู้ร้ายอายุสามสิบหก ความอุ่นซ่านยังคงติดอยู่บนผิวแก้มก่อนที่มันจะเห่อร้อนมากขึ้นไปอีกเท่าตัว





แก้มหายเย็นแล้ว

...แต่ไม่ใช่เพราะผ้าห่มเหมือนทุกวัน







ความตั้งใจที่จะแอบแฮ่ใส่ให้อีกฝ่ายสะดุ้งตอนเข้ามาใกล้ถูกพับทิ้งไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อถูกจู่โจมด้วยการกระทำที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงจากเครื่องปรับอากาศและแตรรถยนต์ที่ดังรอดมาจากระเบียงในยามค่ำคื่น





.... กลับมีเสียงหัวใจหนึ่งดวงที่เต้นรัวจนกลบทุกเสียงไป







ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
สามหกสิบแปด 15





[nay]



อยากเป็นด็อกเตอร์สเตรนจ์ อยากหยุดเวลาได้ ไม่อยากให้วันสุดท้ายมาถึง

เพิ่งจะมารู้ว่าตัวเองไม่ได้มีของอะไรติดตัวสักเท่าไหร่ก็ตอนที่หมดหนึ่งเดือนแล้วแต่แทบไม่มีของให้ขนกลับเลย เสื้อผ้าก็ใส่ชุดเดิมๆ อยากเปลี่ยนแบบก็แค่ไปเอาเสื้อยืดลุงมาใส่เป็นเสื้อโอเวอร์ไซซ์ ข้าวของอะไรก็แทบไม่มีติดตัว เรียกได้ว่าเป็นไปแต่ตัวที่แท้จริง



ซึมเป็นส้วมเลย ฮือ

หนึ่งเดือนทำไมผ่านไปเร็วขนาดนี้!!!



“อ้าว ไอ้เน มึงเป็นอะไรอีกเนี่ย เดี๋ยวบางวันก็ดีดอารมณ์ดี บางวันก็นั่งหน้าเหมือนปวดขี้แต่ท้องผูก” เปรียบเทียบอะไรของมันวะเนี่ย ผมถ่ายสุขภาพดีเพราะลุงบังคับกินผักเถอะ ผม หันไปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ไอ้กัน

“ท้องผูกพ่อง”

“เล่นพ่อว่ะ” ไม่โกรธแถวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอีกต่างหาก ไอ้กันใช้เท้าเขี่ยเก้าอี้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงเผชิญหน้าผม มันกระดกคิ้วกวนตีนก่อนจะเอ่ยถามต่อ “เป็นไรวะหนูเน บอกกูมาหน่อย กูขี้เสือก”

“เห้ออออออออ”

“แหนๆ มีถอนหายใจกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นกู”

“เซ็งว่ะกัน”

“ยังไงๆ” ไอ้กันทำหน้าทำหน้าตามีอารมณ์ร่วมอย่างสุดซึ้งแม้ผมจะยังไม่ได้เล่า

“กูไม่อยากย้ายออกจากห้องลุงเลย”

“...”

“ไมมึงเงียบ” อดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อแทนที่ไอ้กันจะรีบแจ๋นชงนู่นชงนี้กลับกลายเป็นนั่งนิ่งพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นโบว์

“เดี๋ยวนะเดี๋ยวก่อนเลยไอ้หนูเน....”

“...”

“นี่มึงไปค้างห้องไอ้ลุงนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”



อ้าว...

ไม่เคยบอกหรอ...



“ครบหนึ่งเดือนวันนี้นี่แหละ ไม่ได้กลับบ้านเลย” พอผมพูดจบไอ้กันก็เบิกตากว้าง ตบโต๊ะดังปึ้ง เล่นใหญ่ไม่มีใครเกิน มันทำท่าเหมอนจะตะโกนแต่ก็เปลี่ยนใจเป็นนั่งลงตามเดิมแล้วกระซิบด้วยเอเนอร์จี้ตะโกน

“ไอ้เชี่ยเนนนนน มึงบ้าเรอะ นี่กูคิดว่ามึงแค่ไปขลุกอยู่ห้องทำงานไอ้ลุงนั่นเล่นๆ เห็นอากูมาเล่าว่าเห็นมึงไปป้วนเปี้ยนแถวห้องทำงานบ่อยแต่กูไม่คิดว่าจะถึงไปค้างเป็นเดือน นี่... นี่... มึงเป็นเด็กเสี่ยจริงจังหรอเนี่ย นี่มึงอย่าบอกนะว่า มึง มึง มึง..”

“มึงอะไรวะ”

“มึงเสร็จลุงไปแล้วหรอ!!!”



สะ เสร็จลุง?



“มึงจะบ้าเรอะะะะ”

“อ้าว ยังไม่เสร็จไปอีกหรอ”

“หยุดความคิดมึงเลยกัน กูไม่ใช่เด็กเสี่ยแบบนั้นโว้ย”

“แล้วเป็นแบบไหนหละโว้ย มึงอธิบายมาสิ ตอนนี้ในหัวกูไปไกลมากแล้วเนี่ย” ไอ้กันผูกคิ้วตัวเองเป็นปมแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผม

“คะ แค่ไปนอนเฉยๆ”

“นอนเฉยๆ คือยังไง คือมึงนอนให้ลุงทำอย่างเดียว หรือ-”

“ไอ้สัดดด มึงไม่ลากเข้าอะไรแบบนั้นได้ไหม ลุงไม่ใช่คนอย่างนั้น แค่นอนอ่ะมึงแค่นอนน นอนคร่อกฟรี้” ผมฟาดหัวมันไปหนึ่งป้าปข้อหาพูดจาลามก ไอ้กันร้องโอ๊ยลั่นพร้อมกับยกมือขึ้นลูบจุดที่โดนประทุษร้าย

“เชี่ย โล่งไปนิดหนึ่ง แต่มึงอธิบายเพิ่มหน่อยได้ป่ะ มันเป็นยังไงนอนคร่อกฟรี้”

“ก็แค่นอน เหมือนค้างบ้านเพื่อนอ่ะ มึงจะเล่นใหญ่อะไรทำไม”

“แต่ลุงนั่นมันไม่ใช่เพื่อนมึงนะ”



แหง...

จะเพื่อนได้ยังไง ห่างกันเกือบสองรอบ เป็นพ่อยังง่ายกว่าเลย ไอ้กันนี่ก็พูดอะไรงงๆ



“ก็... ไม่เห็นแปลก”

“แปลกสิโว้ยแปลกแล้ว มีที่ไหนที่ประธานบริษัทอย่างไอ้ลุงนั่นจะปล่อยเด็กอย่างมึงไปวุ่นวายในชีวิตขนาดนั้น” ไอ้กันชี้นิ้วมาตรงหน้าผม

“เด็กอย่างกูมันทำไม”

“เน เด็กอย่างมึงคือเด็กเปรต”

“สัดกัน”

“เห้อ กูหมายถึงจริงๆ ลุงเขาชอบมึงรึเปล่า เพราะถ้าไม่ได้ชอบ เขาจะยอมให้มึงไปวุ่นวายทำไมวะ” พอกันพูดจบผมก็รู้สึกเหมือนหน้าตัวเองมันร้อนขึ้น ถึงจะแค่พูดไปเรื่อยก็เถอะ แต่ลุงเนี่ยนะจะมาชอบเด็กอย่างผม

“บะ บ้าเรอะ มึงก็พูดไปเรื่อย”

“เออ กูเดา หน้าตาอย่างไอ้ลุงนั่นดูไม่น่าจะแค่ใจดีเฉยๆ ได้หรอก” เหมือนมันจะเหม็นขี้หน้าลุงมากจริงๆ ถึงได้ทำหน้าบรื๋อพร้อมกับลูบแขนตัวเองไปมาแบบนั้น

“...”

“แล้วมึงหน้าแดงทำไมเนี่ย อย่าบอกนะว่าพล็อตทวิสเป็นมึงที่ชอบไอ้ลุงนั่นแทน”



ห๊ะ...

ห๊ะ!!!



“บะ บ้าแล้ว!!!!”

“เชี่ยเน มึงหน้าแดงทำไมเนี่ย”

“ตลกแล้วมึง ไม่เล่น อย่างกูหรอจะชอบผู้ชาย ถะ แถมลุงแก่แล้วด้วย ไม่มีทาง”

“เออ ก็จริง เป็นลุงกูก็ชอบมึงไม่ลงเหมือนกัน”

“...” จากที่โวยวายผมกลับเปลี่ยนมาขมวดคิ้วแทน



... คนอย่างผมมันทำไมวะ

ทำไมลุงถึงจะชอบคนอย่างผมไม่ได้



“กูก็พูดเล่นไปงั้น ลุงไม่น่ามาชอบเด็กอย่างมึงหรอก อากูบอกมาว่าสาวของลุงแม่งพรีเมี่ยมทั้งนั้น”

“...” ไม่เห็นจะจริง อยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือน เห็นมีผู้หญิงใกล้ที่สุดก็เลขาหน้าห้องทำงาน ไอ้กันมั่วแล้วแน่ๆ

“เห็นลุงนั่นนิ่งๆ แต่อากูบอกว่าลุงแม่งฮอตมากนะเว้ย สาวๆ เขาแย่งกันเป็นบอลในลิงชิงบอลเลย”

“...” ไม่เห็นจะฮอตตรงไหนเลย ผู้ชายแก่ขี้บ่น กินแป๊ปซี่เยอะก็บ่น ปรุงเปรี้ยวมากก็ดุ แถมยังทำตัวเป็นลุงแก่ๆ ด้วยการใช้ฟ้อนต์มือถือตัวใหญ่ๆ แต่ยังนิ้วเบียด ไม่เห็นจะฮอตตรงไหนเลย ก็แค่ลุงน่าเบื่อธรรมดา

“วัยลุงแม่งควรมีเมียได้แล้วนะกูว่า”

“...”

“เห็นอากูพูดเหมือนกันว่าจะรีบหาเมียให้ลุง จะได้เลิกอารมณ์บูดแล้วมาช่วยตบมุกเสียที” สิ้นคำของกันผมก็เห็นแต่ภาพลุงใส่ชุดสูทในวันแต่งงานขึ้นมาในหัว



ลุงมีเมียงั้นหรอ...



ปั้ง!!!!



“เย้ยย มึงตบโต๊ะทำไมเนี่ยไอ้เน”

“ห้ามนะ...”

“ห๊ะ ห้ามไรมึง”

“กะ กู... กูปวดขี้” ผมหาข้ออ้างที่โง่ที่สุดพูดออกไปก่อนจะรีบออกตัววิ่งหนีออกมาจากห้องเรียน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะวิ่งไปไหน รู้แต่ว่าหัวใจมันบีบ มันอึดอัด มันอยากจะร้องไห้





เหมือนทำของหาย...

เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะหายไป...

เหมือนทุกอย่างกำลังจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม...





ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะรวบรวมความอึดอัดทั้งหมดเก็บไว้เพื่อรอเลิกเรียนจะได้ไประบายกับลุง แต่ทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมดเมื่อเลิกเรียนแล้วออกมาเจอพี่แนนยืนรออยู่



“ไง ไอ้แสบ” พี่แนนยิ้มพร้อมกับเดินมาขยี้หัวผม

“พี่แนน...”

“พี่ไม้โทรมาบอกให้พี่มารับกลับบ้าน คืนตรงเวลาเชียว ไปสร้างปัญหาอะไรไว้เปล่าเนี่ย” คำทักทายแรกก็ทักเป็นตัวปัญหาเลย ถึงจะรู้ว่าแค่พูดเล่นๆ ก็เถอะ



ว่าแต่นะ

ลุงใจร้ายเป็นบ้าเลย เจอกันเลิกเรียนก็รอไม่ได้ อยากไล่กันขนาดนั้นเลยหรอ



“พี่แนน กระเป๋าเสื้อผ้าเน...”

“อยู่บนรถแล้ว พอดีเมื่อกี้พี่ไปเจอพี่ไม้ที่สตาร์บั๊คพอดีก็เลยขนมาหมดแล้ว มีอยู่ใบเดียวเอง”

“...”

“ป่ะ กลับบ้านกัน”

“อื้อ”



ใจหล่นลงไปอยู่ที่เท้า

ผมอยากร้องไห้สุดๆ แต่ก็ทำได้แค่เพียงฮึบก้อนน้ำตาลงคอแล้วก็เดินตามพี่แนนไปที่รถ ตลอดระหว่างทางกลับบ้านพี่แนนก็ถามคำถามมาหลายข้อแต่พอเห็นว่าผมตอบสั้นๆ ก็เลิกถามไป ทางกลับบ้านเส้นเดิมที่นั่งมองถนนมาตั้งแต่เด็กยิ่งทำให้ผมคิดถึงทางกลับไปคอนโดลุง



… ทุกครั้งที่นั่งรถลุงกลับห้องไม่เคยเลยที่จะรู้สึกอึดอัดไม่อยากให้ถึงแบบนี้



เพียงไม่นานก็ถึงรั้วบ้านที่คุ้นเคย และแน่นอนว่าผมเป็นคนรับหน้าที่ลงไปเปิดตามเคย แค่เห็นตัวบ้านจิตใจก็ห่อเหี่ยว ไม่อยากจะเข้าบ้านเลย



“เน มาขนของตัวเองลง”

“ค้าบบ” ผมรีบวิ่งไปเปิดหลังรถขนกระเป๋าเสื้อผ้ากับกระเป๋านักเรียนลง ตอนนั้นเองที่เห็นที่ห้อยเป็นเครื่องรางสีชมพูกำลังแกว่งอยู่



จะว่าไป...

ตอนไปซื้อกับพี่แนนเหมือนจะเป็นสีขาวแต่พอกลับถึงไทยก็กลายเป็นสีชมพู อาจจะเป็นเทคโนโลยีไหมเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิประเทศที่ญี่ปุ่นผลิตก็เป็นได้



“เน ทำไร รีบเข้าบ้าน”

“ค้าบบบบ”



ผมโยนความคิดไร้สาระเกี่ยวกับเครื่องรางทิ้งไปแล้วรีบเดินเข้าตัวบ้าน ภายในบ้านยังคงมีกลิ่นอายที่เหมือนจะอบอุ่น



แต่ก็ไม่...

เพียงแค่เห็นหน้าพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นก็รู้สึกเหมือนจะต้องโดนดุอะไรสักอย่างแล้ว



“พ่อ แม่ สวัสดีครับ เนกลับมาแล้ว”

“ไปทำอะไรที่ต้องขายขี้หน้ามาหรือเปล่า” สายตาดุใต้กรอบแว่นจ้องนิ่งมาเหมือนตำหนิ ตัวผมเองก็รู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดขึ้นมาทันที

“เปล่าครับ”

“ก็ดี”

“...” ผมรู้สึกได้ถึงมือที่ชื้นเหงื่อจนต้องกุมชายเสื้อนักเรียนไว้แน่นจนยู่

“เห็นแนนบอกว่าไปรบกวนให้เขาสอนหนังสือ หวังว่าเกรดเทอมนี้จะดีขึ้นบ้างนะ”

“เนจะพยายาม”

“ไม่ได้ต้องการความพยายาม”

“...”

“ต้องการให้ทำให้ได้”

“คือเน...”

“ไอ้พยายามบอกมาเป็นปีแล้วก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรดีขึ้น ทำให้ได้หน่อยเถอะ ดูพี่เขาหรือพี่แนนเป็นตัวอย่างบ้าง ไปอยู่มาหนึ่งเดือนนอกเหนือจากรบกวนเขาก็เอาด้านดีๆ ของเขามาด้วย”



ช่างเป็นการกล่าวต้อนรับกลับบ้านหลังหายไปหนึ่งเดือนที่อบอุ่นดี ผมได้แต่แค่นยิ้มในใจ ไม่น่าคาดหวังเลยว่ากลับมาจะถูกถามว่าวันนี้เป็นไงบ้างหรือตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง สุดท้ายก็ต้องมาผิดหวังที่โดนตำหนิตั้งแต่ก้าวแรกที่สัมผัสตัวบ้าน



“ครับ” รับคำง่ายๆ ให้บทสนทนารีบๆ ตามปกติที่เคยทำ “งั้นเนเอาของไปเก็บในห้องก่อนนะ”

“อืม เก็บเสร็จแล้วก็ลงไปช่วยแม่เขาทำอาหาร”

“ครับ”



ในที่สุดบทสนทนาก็จบ ผมรีบก้าวขาฉับๆ เข้าห้องนอน พอประตูปิดกลับเข้าพื้นที่ตัวเองก็ถอนหายใจออกมา ไปอยู่กับลุงมานานจนเผลอลืมไปเลยว่าบรรยากาศที่บ้านมันอึดอัดแบบนี้



แย่จัง

อยากกลับห้องลุง อยากไปอยู่กับลุง



ครืดดดดดด

อ๊ะ... ใครส่งอะไรมา





Seemai : ถึงบ้ายรึยัง

Seemai : *สติ๊กเกอร์หมีงง*

Seemai : *บ้าบ

Seemai : *บ้าน



โอ้โห ดูใช้สติ๊กเกอร์ แบ๊วมากมั้งลุง เห็นแล้วก็ได้แต่พ่นหัวเราะออกมา ให้คะแนนความพยายามเต็มสิบ



Naynayy : ถึงแล้ววววววว

Naynayy : ติ๊กเก้อแบ๊วไปป่ะ

Naynayy : ลุงอยู่ไหน กลับห้องยังงงงง

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวงง*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวงง*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวงง*



ตอบช้าจัง ไมแต่พอนึกไปถึงว่าปกติลุงก็ชอบพิมพ์ช้าแบบนี้อยู่แล้ว กว่าจะหานแว่นเจอ กว่าจะหาตัวอักษรเจอ กว่าจะลบที่พิมพ์ผิดแล้วพิมพ์ใหม่ เค รอหน่อยก็ได้



Seemai : เพิ่งถึง



ผ่านไปหนึ่งนาที ได้คำตอบมาแค่สั้นๆ แต่แค่นั้นผมก็รู้สึกใจมันฟองฟูขึ้นมาแล้ว



Naynayy : พรุ่งนี้จะไปโรงเรียนแต่เช้า

Naynayy : เช้าแบบไม่เข้าสายชัวๆๆ

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวชูนิ้วโป้ง*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวยิ้ม*



คุยไลน์กับลุงทีไร หนักขวาตลอดเลย แต่ผมก็ชินแล้ว ลุงไม่ใช่คนพิมพ์ไว บางครั้งก็เลือกไม่พิมพ์ตอบแต่โทรหาแทน



Seemai : เช้า?

Seemai : เชื่อได้แค่ไหน

Seemai : เด็กขี้เชา

Seemai : *เซา



ชะๆๆๆๆ

มีการดูถูกอ่ะ



Naynayy : ไม่เชื่อก็มารอดูก่อนเข้าแถวเลย

Naynayy : เนทำได้

Naynayy : ไปก่อนลุงทำงานอีก!!!

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวกอดอกทำหน้าโกรธ*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวกอดอกทำหน้าโกรธ*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวกอดอกทำหน้าโกรธ*



ผมเป็นคนชอบส่งสติ๊กเกอร์หลายๆ อัน เป็นการย้ำว่ารู้สึกตามสติ๊กเกอร์มากแค่ไหน บางครั้งถ้าผมโกรธเพื่อนมากๆ ก็จะจัดไปเลยแมวโกรธสิบตัว ส่วนลุงส่งเยอะไม่ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะล่กแล้วพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ เลยส่งไปกวนประสาทสามตัวพอ ฮี่ๆ



“น้องเน ลงมาช่วยแม่หั่นผักหน่อยลูก” เสียงแม่ตะโกนลั่นทำให้ผมรีบโยนมือถือลงบนเตียงแล้ววิ่งลงไปช่วยแม่ในครัว จังหวะที่เดินผ่านห้องนักเล่นเลยถูกสายตาตำหนิจากพ่อมาหนึ่งครั้งที่ต้องรอให้แม่สั่งถึงจะยอมลงมาทำ



เห้อ...

คิดถึงลุงจัง



หลังจากกินข้าวเย็นแล้วก็ช่วยแม่ล้างจานเสร็จผมก็รีบวิ่งขึ้นมาเพื่อคุยไลน์กับลุง ตอบช้าบ้างไร้สาระบ้างแต่ก็ถือเป็นโมเมนต์ที่ทำให้มีความสุข ผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียงหลังจากที่ลุงไลน์มาบอกฝันดี ตั้งใจไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะต้องรีบตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนให้ทันก่อนเวลาเข้าแถวแล้วจะไลน์ไปบอกลุงด้วยว่าทำได้ ไม่มีลุงมาปลุกก็ทำได้ ทำได้อยู่แล้วแหละ



.

.

.





นาฬิกาปลุกเคยเป็นเสียงที่น่ารำคาญสำหรับผม

แต่วันนี้เพียงแต่มันขยับตัวสั่นผมก็เด้งตัวจากเตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำพร้อมกับอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเตรียมลงไปกินข้าวเช้า ทำทั้งหมดนั่นเสร็จภายในสามสิบวินาที





“เน... ทำไมตื่นเช้าจังลูก” แม่ที่กำลังทอดไข่ดาวหันหน้ามาทักผม ดูเหมือนแม่จะแปลกใจเอาเสียมากๆ

“แหะๆ ”

“ตื่นเองโดยที่แม่ไม่ต้องขึ้นไปปลุกด้วย เก่งนะเรา”

“แม่ เนอยากกินไส้กรอกปลาหมึก”

“ไม่มีหนะสิ แม่ลืมซื้อไส้กรอก เป็นเบค่อนไข่ดาวแทนนะ”

“อ่ะ อือ ก็ได้ครับ”

“แล้วนี่จะรอพี่แนนไปส่งไหม แนนน่าจะอีกสักพักกว่าจะตื่น ไปใกล้ๆ เข้าแถวแล้วกันนะ”

“มะ ไม่ๆ งั้นเนไปเองก็ได้ อยากรีบไปอ่ะแม่” พอผมพูดว่าอยากรีบไปแม่ก็ยิ่งขมวดคิ้วงง

“อะไรกัน เราเนี่ยนะจะอยากรีบไปโรงเรียน นัดทำอะไรไม่ดีกับเพื่อนไว้รึเปล่าเนี่ย” เอาอีกแล้ว ทำไมพอเป็นผมจะต้องโดนหาว่าทำอะไรไม่ดีตลอดเลย คนอุตส่าห์อยากรีบไป ไม่ดีหรือไงนะ

“เปล่า” ผมใจเสียนิดหน่อยแต่ก็รีบปรับอารมณ์ “เนแค่อยากไปเร็วๆ ”

“เอาเถอะ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไป เดี๋ยวแม่บอกแนนให้เอง แนนจะได้ไม่ต้องรีบตื่น อย่าให้รู้ว่าไปดื้อที่ไหนนะเน”

“ครับ...” ผมรับคำแล้วก็นั่งลงจิ้มขนมปังชุบไข่ทอดเข้าปากเงียบๆ



เสียใจนิดหน่อยที่โดนหาว่าจะไปทำไม่ดี แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวก็ได้เจอลุงแล้ว พอคิดได้อย่างงั้นผมก็ใจชื้นขึ้นมา พอแม่ทอดเบค่อนกับไข่ดาวเสร็จผมก็รีบยัดเข้าปากด้วยความเร็วแสงก่อนจะคว้ากระเป๋าวิ่งออกมาจากบ้าน ปกติแล้วผมไม่ค่อยได้ขึ้นรถเมล์ไปเองเท่าไหร่เพราะคนเยอะ แถมพี่แนนก็ขับไปส่งอยู่ตลอดด้วยความที่เป็นทางผ่านไปมหาลัยพี่แนนอยู่แล้ว

รถเมล์ในตอนเช้าคนก็จะแน่นเป็นพิเศษ เบียดจนพุงแทบยุบ เสื้อนักเรียนก็มายับมันตอนนี้แหละครับ แถม... ออหอ กลิ่นเต่ายามเช้า ขมคอเลย ฮือออออ นึกถึงกลิ่นน้ำหอมของลุงเลย อยากฟุดฟิดเป็นบ้า

ใช้เวลาเดินทางอยู่ครึ่งชั่วโมงรถเมล์ก็มาจอดลงแถวหน้าโรงเรียนผม เพียงแค่ก้าวขาลงมา ตาผมก็เห็นสิ่งไม่เข้าพวกที่ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนทันที



อืม...

ผู้ชายมีอายุใส่สูทยืนล้วงกระเป๋ากางเกงสแลคเนี่ย ไม่ได้เข้ากับประตูโรงเรียนมัธยมเลยสักนิด



ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นลุงยืนกอดอกดึงหน้า มองนักเรียนเดินไปเดินมา โคตรจะน่าสงสัยทำไมลุงยามไม่มาไล่ก็ไม่รู้



“ลุงงง” ผมตะโกนเรียกก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหา แน่นอนว่าหน้าดุนั่นตวัดมองผมอย่างแปลกใจ

“โอ้ ตื่นจริงแหะ”

“โห่ ดูถูกอ่ะ เนทำได้อยู่แล้ว”

“ตั้งปลุกสิบครั้งหละสิ”

“ครั้งเดียวเหอะ!!! “ไม่ได้กดเลื่อนเลยด้วย!!!

“หึ งั้นค่อยน่าให้หน่อย” ลุงยื่นถุงผ้าในมือมาให้ผม พอรับมาเปิดดูก็เห็นว่าเป็นกล่องข้าวที่มีไส้กรอกปลาหมึกกับเบค่อนทอดแบบกรอบของโปรดผม ข้างๆ กล่องข้าวก็มีขวดน้ำส้มเล็กๆ กลิ้งอยู่

“อารมณ์ไหนอ่ะลุง”

“พี่คิดว่าเราไม่น่าตื่นมาทันกินอาหารเช้าเลยทำมาให้ แต่ดูทรงคงกินมาแล้ว”

“กินอีก เนกินอีกได้”

“กินแล้วก็ตั้งใจเรียนด้วย”

“อื้อ เรียนเสร็จเดี๋ยวเนไปรอพี่แนนที่ห้องทำงานลุงนะ”

“ตั้งใจเรียน” ลุงพูดพร้อมกับยกมือขึ้นยีหัวผม ผมยิ้มตอบแล้วยกมือขึ้นตะเบ๊ะ

“รับทราบบบบบบบ”

“เข้าไปได้แล้ว”

“อื้อ ลุงก็ตั้งใจทำงานนะ อย่าเครียด เดี๋ยวตีนกาขึ้น เต็มหน้าแล้วตอนนี้”

“เด็กเวร” โดนดีดเหม่งไปหนึ่งป๊อก ลุงหัวเราะพร้อมกับเดินหันหลังออกไป ผมยืนมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆ ห่างออกไปด้วยหลายความรู้สึก





อยากเจอหน้าทุกวัน

อยากอยู่กับลุงทุกวัน



อยากร้องไห้จัง...







ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
สามหกสิบแปด 16





เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วตั้งแต่ที่ผมย้ายออกมาจากห้องลุง นั่นก็แสดงว่าเป็นเวลาเดือนกว่าแล้วที่ผมสามารถตื่นเช้าด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องให้แม่ปลุกเพื่อรีบมาเจอลุงหน้าโรงเรียน จากที่ดูเป็นลุงน่าสงสัยตอนนี้ก็เหมือนจะกลายเป็นภาพที่เคยชินของยามหน้าโรงเรียนไปแล้ว

พอเลิกเรียนผมก็จะหอบการบ้านไปนั่งทำห้องทำงานลุงเพื่อรอพี่แนนมารับ ถ้าอยากอยู่กับลุงนานขึ้นก็ต้องรีบมาก่อนเวลาเข้าแถวแล้วก็ต้องรีบทำงานให้เสร็จในคาบเรียนเพื่อที่จะได้รีบออกจากห้องทันทีที่กริ่งดัง

ทุกคนรอบตัวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมเปลี่ยนไป แต่อาจจะเพราะว่ามันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเลยไม่มีใครถามอะไรต่อ

วันนี้ก็ยังคงเป็นอีกวันที่ผมตั้งใจเรียนเพื่อจะได้ทำการบ้านให้เสร็จไวๆ เพิ่งค้นพบว่าวิธีนี้ง่ายกว่ากลับไปอ่านเองเยอะเลย รู้งี้ฟังๆ ครูพูดในคาบนานแล้ว สมัยก่อนผมรู้สึกเสียงครูสอนเหมือนเสียงพระสวดเลยเผลอหลับตลอด มาเป็นช่วงนี้แหละที่ตั้งใจฟัง

พอตั้งใจหน่อยมันก็เข้าใจบ้างแหละนะ ถึงจะยังตามไม่ค่อยทันเท่าไหร่ก็ตาม

“ไอ้หนูเน เอาการบ้านเจ๊ติ๋มมาลอกหน่อย”

“มึงรู้ได้ไงว่ากูทำเสร็จแล้วอ้ะ”

“แหมๆ ช่วงนี้มึงท็อปฟอร์มจะตายห่า งานแม่งเก็บเรียบหมดทุกวิชา กูอยากรู้ว่าลุงของมึงทำของเปล่าวะ” ไอ้กันเลื่อนเก้าอี้มานั่งเผชิญหน้าผม

“เพ้อเจ้อ”

“อะโห ลูกกูมันปากเก่งแล้วนะเดี๋ยวนี้”

“ใครลูกมึง”

“อ่ะลืม เดี๋ยวนี้เป็นลูกคนอื่นแล้ว” ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นย่นจมูกใส่ไอ้กัน ไอ้เวร ลุงไม่ใช่พ่อนะ “นอกเหนือจากจะแสดงอภินิหารให้มึงกลายร่างเป็นเด็กเรียนแล้ว ลุงมึงแม่งยังทำเสน่ห์อีก”



ทำเสน่ห์?

ผมขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของไอ้กันถึงจะรู้ก็เถอะว่าลุงไม่มีทางเล่นไสยศาสตร์ เคยถามลุงแล้วลุงเป็นคริสต์ ไสยศาสตร์มันของพุทธไม่ใช่หรอ



“ทำเสน่ห์อะไรของมึงวะ”

“แหนะ อยากรู้อยากเห็น”

“ไอ้กัน”

“เสียงเข้มด้วย”

“...”



ปั้ก!

ผมเตะหน้าแข้งมันผ่านใต้โต๊ะไปหนึ่งป้าป ข้อหากวนตีนไม่รู้จักเวล่ำเวลา



“โอ๊ยๆ โหๆ ไปน้องเน มึงปีกกล้าขาแข็งนักนะเดี๋ยวนี้ มึงเตะกูเรอะ มึงรู้ไหมกูลูกใคร”

“อยากให้กูพูดชื่อพ่อชื่อแม่มึงดังๆ ไหมล่ะ”

“อ่ะลืมว่ามึงรู้ งื้ดๆ ใจเย็นจ้า” ไอ้กันที่ลุกขึ้นเตรียมดีดเหม่งผมรีบนั่งลงกลับที่ทันทีทันใด เล่นกับใครไม่เล่น ฮึ

“พูดมาเร็วๆ เลย ลุงทำเสน่ห์อะไรวะ”

“เออๆ คืออากูมาบอกว่าช่วงนี้ลุงมึงอ่ะมีสาวมาติด”

“ฮะ!!!!” ไม่มีทาง ผมไปขลุกอยู่ห้องทำงานลุงหลังเลิกเรียนทุกวัน ไม่เห็นมีสาวที่ไหนเลย ไอ้กันมั่วชัวร์

“จริงมึง แซ่บป่ะ อากูบอกว่าเป็นสาวไฮโซนมตู้มด้วย”

“อามึงมั่วแล้ว”

“ไม่มั่วมึงแหล่งข่าวกูแม่น วงในยิ่งกว่าใน ได้ข่าวว่าไปดินเนอร์กันมาหลายรอบแล้วด้วย ลุงมึงฮอตนะกูพูดเลย”



ดะ ดะ ดินเนอร์หรอ

พอเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผมไม่ได้อยู่กับลุงแล้วเลยไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเต็มปากว่าลุงไม่มีทางทำ อะไรกัน พอไม่อยู่ด้วยก็หาคนกินข้าวเป็นเพื่อนตอนกลางคืนแทนได้แล้วหรอ ทำไมล่ะ ที่ผมกินข้าวมื้อดึกผมยังส่งรูปรายงานลุงตลอดเลยแต่ลุงกลับไปนั่งกินข้าวกับคนอื่นงี้หรอ



...อยากร้องไห้



“อ่ะ กูเล่าแล้ว เอาการบ้านมาให้กูลอกเลย” กันเล่นมุกต่อจากนั้นอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีมุกไหนลอยเข้าโสตประสาทผมเลยสักนิด ในหัวผมมีแต่หน้าลุงอยู่กับผู้หญิง รู้สึกหัวใจบีบๆ แล้วก็อยากร้องไห้ที่สุด

ช่วงเวลาเรียนเหมือนจะยาวนานขึ้นกว่าเดิมเมื่อผมอยากให้มันจบลงไวๆ วันนี้ไม่มีสาระอะไรเข้าหัวผมเลยทำให้ตอนทำการบ้านท้ายคาบต้องไปรอลอกของคนอื่น ไอ้กันถึงกับล้อว่าผมปิดโหมดตั้งใจเรียนแล้วกลับเข้าสู่ร่างปกติแล้วแน่ๆ พอกริ่งเลิกเรียนดังผมก็รีบเอาการบ้านไปส่งก่อนจะรีบออกตัววิ่งออกมาจากโรงเรียนเพื่อตรงไปที่ที่ประจำหลังเลิกเรียน



... ออฟฟิสลุง





“อ้าว น้องเน”

“พี่นนท์สวัสดีครับ”

“ครับผม อ๊ะ วันนี้ยังเข้าไปไม่ได้นะ” ผมชะงักตัวเมื่อพี่นนท์หรือเลขาของลุงที่เจออยู่ทุกวันรั้งไว้

“...”

“พอดีคุณไม้คุยงานอยู่น่ะครับ”

“งั้นเนรอ”

“งั้นเดี๋ยวพี่ส่งข้อความบอกคุณไม้ให้นะ” ผมพยักหน้าพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าออฟฟิสลุงซึ่งเป็นที่ประจำนั่งจนชิน ผมหยิบมือถือขึ้นไถเฟสเล่นสักพักพี่เลขาก็ส่งเสียงเอ่อในลำคอเหมือนลำบากใจ

“คุณไม้ให้บอกน้องเนว่ากลับไปก่อนได้เลยครับ”



กลับไปก่อน...

อะไรอ่ะ อะไร

ผมน้ำตารื้นขึ้นมาทันที เป็นผมคนเดียวใช่ไหมอีกอยากมาอยู่ตรงนี้ อยากเจอลุง ทำไมถึงให้กลับไปก่อน ไม่อยากเจอกันแล้วหรอ เสียใจแล้วนะ



“น้องเนครับ เอ่อ...”

“เนจะรอ”

“แต่...”

“เนจะรอ”



ผมหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์หาพี่แนนว่าเดี๋ยววันนี้กลับเอง อาจจะดึกหน่อย ด้วยความที่ช่วงนี้ทำตัวดีพี่แนนเลยอนุญาตพร้อมกับกำชับว่าอย่าให้ดึกมากนัก ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วก็หยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมากอด ให้รู้ว่าผมจะไม่ลุกไปไหน

พี่นนท์ดูลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เป็นเวลานานกว่าชั่วโมงประตูห้องทำงานลุงถึงเปิดออก ผมเตรียมตัวลุดขึ้นแต่ปรากฏว่าคนที่ออกมาจากห้องทำงานไม่ใช่ลุง

... แต่เป็นผู้หญิง

ผู้หญิงสวยด้วย สวยมากๆ เหมือนดาราเลย ผิวขาว ผมยาวดัดลอน ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่กลับดูสวยสะอาดตา ไม่นับเดรสแหวกอกที่อวดเนินหน้าอกไซซ์ที่น่าตกใจนั่นอีก ถ้าเป็นปกติผมคงหน้าแดงแล้วหลบสายตาแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับยิ่งอยากร้องไห้



ลุงมีผู้หญิง ลุงมีผู้หญิงจริงๆ ด้วย



“ยังไงเดี๋ยวนีน่าจะติดต่อมาอีกทีนะคะพี่ไม้”



พี่ไม้?

คุยธุรกิจยังไงถึงดูสนิทขนาดนี้



“ได้เลยครับ”

“ทานข้าวคราวหน้าไม่ให้เลี้ยงแล้วนะคะ ขอนีน่าเลี้ยงคืนบ้าง”

“อันนี้ขอไม่รับปากนะครับ”

“พี่ไม้ล่ะก็”

ผมได้แต่เม้มปากแน่นกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นหันหลังเดินออกไป ลุงถึงได้หันหน้ามาทางโต๊ะพี่นนท์ ตอนนั้นเองที่สายตาเรามาสบกัน ใบหน้าลุงแสดงความตกใจออกมาทันที เสียงทุ้มที่ผมโคตรจะคิดถึงดังออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่น



“เน ร้องไห้ทำไม”



ผมเสียใจ

ผมเสียใจจริงๆ







[seemai]



การคุยกับผู้หญิงไม่ใช่เรื่องถนัดของผมที่สุด นึกแค้นไอ้เก่งขึ้นมาจนอยากจะยกมือถือขึ้นโทรไปด่า มันรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นเกย์แต่ก็ยังจะส่งลูกค้าสาวที่พยายามโปรยเสน่ห์ตลอดเวลามาให้ สนุกมันเลยแหละ ผมถอนหายใจหลังจากส่งแขกกลับบ้านไปเสร็จ เตรียมหันหน้าไปถามเลขาคนสนิทเรื่องที่เนแวะมาหาแต่ก็ต้องประหลาดใจที่เห็นร่างเล็กของเนยืนกอดกระเป๋านักเรียนอยู่ตรงหน้า

ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือใบหน้าดื้อนั่นยับยู่ยี่แถมยังเปียกแฉะไปด้วยน้ำตา

“เน ร้องไห้ทำไม” จังหวะที่ผมถามออกไป น้ำตาก้อนโตก็หยดแหมะลงบนแก้มใส ปากเล็กเม้มแน่นจนขึ้นสีซีด ผมขมวดคิ้วเงยหน้าถามเลขาสาวแต่ก็ได้คำตอบเป็นการส่ายหัวเบาๆ

“ฮึก”

“เน...” ผมเตรียมจะก้าวขาเข้าไปดึงร่างเล็กมาปลอบแต่อยู่ดีๆ เนก็สูดน้ำมูกเข้าปอดหนึ่งฮึบแล้วลากผมเข้าห้องทำงาน



ปั้ง!!!

เสียงปิดประตูห้องน้ำงานดังลั่นตามด้วยเสียงล็อกห้องหนึ่งแกร๊กด้วยข้อมือเล็กๆ นั่น ผมกะพริบตามองเนอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก



จู่ๆ ก็ร้องไห้

จู่ๆ ก็ลากผมโยนใส่ห้องน้ำงาน

และจู่ๆ ก็หันกลับมาเบะปากน้ำตาร่วง



“เน...” ผมเดินไปเตรียมจะยกมือขึ้นลูบหัวฟูนั่นแต่เนก็กำหมัดต่อยอกผมมาหนึ่งปึ้ก ดวงตาฉ่ำน้ำตาเงยขึ้นมองตัดพ้อผม

“เนต้องทำดีอีกแค่ไหน”

“...”

“เนต้องทำดีอีกแค่ไหนลุงถึงจะมีแค่เน”

“...”

“เนต้องทำสอบได้ที่เท่าไหร่ เนต้องสอบติดที่ไหน เนต้องเป็นยังไงลุงถึงจะมีแค่เน”

“เน”

“อย่าทิ้งเน อย่าทิ้งเนเลย ขอร้อง อย่าทิ้งเน”



ท่ามกลางความไม่เข้าใจของผม ข้อมือเล็กดูไร้เรี่ยวแรงนั่นก็กระชากเนคไทด์ผมอย่างแรงจนตัวเซพร้อมกับประทับสัมผัสนุ่มนิ่มลงมาบนปากผม ภาพเดิมเหมือนตอนที่ญี่ปุ่นฉายทับขึ้นมาแต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปตรงนี้เด็กตรงหน้ามีสติดีกลับกลายเป็นผมเองที่กำลังไร้สติ



นี่มันอะไรวะ...



แค่เสียงสัมผัสเบาๆ ประทับ ยังไม่ทันจะได้อุทานในใจจบก็ผละออกไป ทิ้งไว้แต่เสียงรอยจูบที่มีรสเค็มน้ำตาปะแล่ม ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองหน้าเนที่ตอนนี้ขึ้นสีแดง



“ฮึก... ฮึก โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”



... แล้วก็กลายเป็นร้องไห้ลั่นห้อง

อะไรกันวะเนี่ย มีแต่ความไม่เข้าใจเต็มไปหมดเลย



ผมถอนหายใจเดินเข้าไปอุ้มเนขึ้นวางบนโต๊ะทำงาน เนร้องไห้เสียงดังปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูกนอกจากลูบหัวปลอบน้องวนอยู่อย่างนั้นรอจนกว่าน้องจะใจเย็นลง ใช้เวลาอยู่สักพักเสียงร้องไห้ดังลั่นนั่นถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอื้นแทน เนยังคงก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม ดูทรงน่าจะหยุดร้องไห้แล้วแต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมากกว่า



“เน” ไหล่เล็กสะดุ้งเฮือกแต่ก็ยังคงก้มหน้าคางชิดอก

“...”

“อยากตอบคำถามไหนก่อนระหว่างร้องไห้ทำไมกับ...”

“...”

“จูบพี่ทำไม”



ไม่มีคำตอบและก็ยังไม่มีการเงยหน้าขึ้น

ผมถอนหายใจยาวเหยียดให้กับความงงในหัวตัวเอง



“เน ยังไงวันนี้พี่ก็ต้องได้คำตอบ เงยหน้าคุยกันดีๆ ”

“...”

“เน”

“...” เด็กดื้อยังคงดื้อ

“เนรู้ใช่ไหมที่ทำเมื่อกี้เรียกจูบ”

“...”

“เน” ผมใช้เสียงที่ดังขึ้นเมื่อเนยังคงเงียบ ไหล่เล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ส่งเสียงตอบ

“อื้อ” หัวเล็กผงกเบาๆ เป็นการย้ำว่าเข้าใจ

“พี่ว่าเราไม่รู้หรอก”

“เนรู้”

“เราไม่รู้” ... เพราะถ้ารู้คงไม่ทำหรอก

“เนรู้!!! เนเลิกกับแฟนเพราะเนไม่จูบ ลุงอย่ามาย้ำนะ” ในที่สุดหน้าดื้อก็เงยขึ้นมองผม คิ้วเล็กขมวดเหมือนไม่พอใจ ไอ้ความลูกแมวขู่ในเวลานี้มันน่ารักจนผมเองอยากเป็นฝ่ายรังแกปากเล็กนั่นเลย

“แต่แฟนเราเป็นผู้หญิง”

“แล้วไง!!!”

“พี่ไม่ใช่สาว”

“เนรู้!!!”

“แล้วเนจูบพี่ทำไม” พอผมย้อนถามน้องก็เล่นบทเงียบอีก ปากเล็ดบดเข้าหากัน ตากลมนั่นกลับมารื้นน้ำตาอีกรอบ

“ก็... อันนี้เนไม่รู้” ที่งี้ล่ะกลับมาไม่รู้ ผมอยากจะถอนหายใจให้กับความดื้อของเน แต่พอเห็นไอ้หน้าเลิ่กลั่กนั่นก็กลายเป็นเอ็นดูขึ้นมาแทน

“เน”

“ทะ ทำไมล่ะ ทีลุงยังแอบหอมแก้มเนตอนนอนเลยนี่ เนรู้ เนจับได้นะ!!!”

“หอมกับจูบมันคนละเรื่องนะเน” ... ถึงผมจะทำแล้วทั้งสองอย่างก็เถอะ

“แต่ลุงก็ทำนี่”

“พี่ทำเพราะพี่ชอบเรา”

“...”

“แล้วมันก็ไม่ควร ทั้งที่พี่ทำ... แล้วก็ที่เนทำ มันไม่ควรเกิดขึ้น”

“ทำไมไม่ควร”

“เน พี่อายุสามสิบหก เราอายุสิบแปดนะ กี่ปีที่เราห่างกัน สิบแปดปีนะเน เราน่ะ... ยังเรียนอยู่มัธยมอยู่เลย ดูชุดนักเรียนกับชุดทำงานของพี่มันไม่ใช่ชุดที่สมควรเลย” ผมแค่นหัวเราะให้กับอายุของตัวเองที่เพิ่งพูดออกไป เกือบสองรอบ มองมาจากไหนก็เห็นแต่ลูกกรง

“ถ้าเนไม่เรียนต่อแล้วลุงยังจะชอบเนอยู่ไหม”

“ไม่ใช่แบบนั้น” ผมถอนหายใจกับระบบความคิดของเน

“เนไม่รู้ คือเนไม่รู้จริงๆ เนไม่อยากให้ลุงไปมีใคร ไม่อยากให้เป็นของใคร ลุงมีสาวได้อีกเยอะเนรู้...” เนเงียบไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาผม ดวงตากลมเหมือนจะเอ่ยอ้อนอะไรบางอย่างก่อนที่ปล่อยหมัดฮุกออกมา “แต่ตอนนี้โลกของเนมีแค่ลุง ถ้ามันแปลว่าชอบ เนก็ชอบลุงเหมือนกัน”



ตายสนิท

ผมใจเต้นแรงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ อายุก็เท่านี้แล้วแต่ดันมาใจเต้นให้กับคำพูดของเด็กมัธยม มันโคตรจะบ้า



“เน... เราเรียนอยู่มัธยม ยังมีแฟนได้อีกหลายคน แฟนรูปแบบที่มันเหมาะกับช่วงชีวิตเราแบบที่เด็กปกติมี”

“แต่เนอยากมีแค่ลุง”

“...”

ให้ตายเถอะ มันจะตายเอาจริงๆ กับเด็กคนนี้

“ตอนนี้เนอยากมีแค่ลุงจริงๆ แค่ลุงคนเดียว ไม่อยากมีคนอื่นเลย อย่าไล่เนไปมีแฟนคนอื่นได้ไหม”



เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาผมต้องทิ้งหน้าตัวเองลงบนไหล่เล็กนั่น

ไม่ไหว เด็กคนนี้มันพูดจาทำให้ใจสั่นทุกประโยคเลย มันจะตายเอาจริงๆ นะ



“นี่มันผิดโคตรๆ เลยเน เราอายุสิบแปด มันไม่ถูกต้อง”

“เนเกิดเร็วให้ไม่ได้นี่”

“...”

“เราต้องห่างกันกี่ปีมันถึงจะถูกต้องหรอ” น้องถามพร้อมกับเอียงหัวจนแก้มนุ่มแนบกับหูผม เป็นคำถามซื่อๆ ที่ผมไม่ได้ตอบกลับเพราะนึกคำตอบที่ถูกต้องไม่ออก แต่เอาเป็นว่ามันก็ไม่ได้ถูกควรนักกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้



ทุกอย่างตะโกนบอกว่ามันผิด

แต่เป็นผมเองที่เลือกจะอยู่กับความไม่ถูกควรนี้



“แนนคงเอาพี่ตายถ้ารู้ว่าพี่จูบเน”

“จูบแรกของเนเลย”



เนแก้มแดงไปจนถึงหูหลังพูดจบ น่ารักจนผมต้องกำหมัดที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น ไอ้จุ๊บเปียกน้ำตาแบบนั้นมันเรียกจูบที่ไหน แล้วจะพูดไปเขินไปขนาดนั้นทำไม ใจผมมันเหลวไปหมดแล้ว



“แบบนั้นมันเรียกจูบที่ไหน”

“อ้าว ปากชนกันก็เรียกจูบทั้งนั้นแหละ”

“...”

“อ้าว ไม่ใช่หรอ... ละ ละ แล้วแบบไหนคือจูบล่ะ ก็เนไม่เคย” หน้าดื้อเลิ่กลั่กไปหมด ผมยิ้มขำให้กับความน่ารักนั่น ตอนเจอกันครั้งแรกก็จูบทำปากยุบๆ ยิบๆ ผ่านมาเกือบจะปีก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีการพัฒนา



แต่ก็ดีแล้ว...

อย่าพัฒนาเลย เป็นแบบนี้ดีแล้ว



“ขอจูบได้ไหม”

“หือ”

“ขอพี่จูบได้ไหม” พอถามซ้ำ แก้มใสก็ซับสีแดง เนเหมือนลังเลอยู่ไม่กี่วินาทีหัวทุยก็พนักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่าอนุญาต ผมยิ้มแล้วก้มลงจุ๊บเบาๆ บนสันจมูกนั่น เนเงยหน้าหลับตาพร้อมกับยกมือขึ้นจับบ่าผมไว้ ไอ้การตั้งท่าเตรียมพร้อมแบบนี้นี่จำมาจากในละครแหง

เพียงแค่แตะสัมผัสลงบนริมฝีปากนุ่มนั่นหัวใจผมก็เต้นแรงจนแทบระเบิด ผมกดสัมผัสย้ำลงไปอีกรอบแต่เนก็ยังคงเมมปากแน่นพอๆ กับที่หลับตาปี๋ การกระทำทุกอย่างช่างตอกย้ำความความเด็กของเนจนยิ่งทำให้รู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม



แต่เวลานี้ ต่อให้นรกมาตั้งอยู่ตรงหน้า

ผมก็คงยอมตกลงไปอย่างไม่ลังเล



ผมใช้ลิ้นเลียริมฝีปากบางให้คลายปากออกจากกันแต่เหมือนนั่นจะยิ่งทำให้เนตกใจ ตากลมลืมขึ้นสบตาผมแต่พอเห็นว่าระยะหน้าเราอยู่ใกล้กันมากแค่ไหนเนก็หลับตาปี๋ลงไปอีกครั้ง ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นกดเบาๆ ตรงช่องว่างข้างมุมปากจนโดนเขี้ยวเล็กๆ แค่นั้นเนก็อ้าปากกระดกลิ้นพร้อมจะโวยวายนั่นเลยเข้าแผนผม

เมื่อเนเปิดโอกาสผมจึงประทับจูบลงไปอีกครั้ง ขบเม้มริมฝีปากนุ่มและตวัดเกลียวลิ้นหยอกล้อจนเกิดเสียงเฉอะแฉะดังอยู่ข้างหู ผมผละออกและประกบลงไปใหม่อีกย้ำสัมผัสเหมือนเดินแต่หนักหน่วงขึ้น เสียงอื้ออ้าในลำคอของเนเหมือนเป็นน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟให้ลุกโชน ผมไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เนทุบที่ไหล่สองสามทีเลยจำใจยอมผละออกมา

นอกเหนือจากไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านไปแค่ไหนผมยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอเอนตัวทับจนน้องนอนหลังแนบไปกับโต๊ะทำงาน ข้าวของบนโต๊ะกลิ้งหล่นกระจายไปหมด ผมปาดผมตัวเองร่างของเนที่นอนหอบปากเจ่อบวมดวงตากลมรื้นน้ำตาส่งสายตาตัดพ้อต่อว่าออกมาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพราะปากเล็กกำลังพยายามเอาลมหายใจเข้าปอดอยู่



มันเป็นภาพที่ผมใจเหลวอยู่สมควรเลย...



“ลุง...”

“หืม”

“จูบ... หายใจไม่ทันเลย” เนหอบจนผมเห็นอกใต้เสื้อนักเรียนนั่นกระเพื่อมเป็นจังหวะ

“โทษที”

“อื้อ...”

“หืม?” ผมขมวดคิ้วมองเนที่ยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อผมไว้

“จะ จูบอีก”

“...”

“จูบเนอีก เนรู้สึกดี”

“...”

“แต่ช้าๆ นะ เนหายใจไม่ทัน”



ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กคนนี้...



“เน นี่มันผิดมากเลยนะ ให้ตายเถอะ”

“เนทำผิดมาทั้งชีวิต”

“...”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ทำผิดแล้วรู้สึกดีขนาดนี้”

“เน...”

“ลุง นี่เนเป็นตุ๊ดแล้วใช่ไหม” เนส่งสายตาสงสัย

“ไม่รู้สิ ตุ๊ดสำหรับพี่คืออยากเป็นผู้หญิง” ผมโน้มตัวลงไปซุกจมูกเข้ากับลำคอขาว

“แล้วผู้ชายชอบกันคืออะไร”

“...”

“เนเป็นอันนั้นแหละ”

“เน...” เป็นอีกครั้งที่ผมเรียกชื่อน้องด้วยเสียงแห่งความเหนื่อยอ่อน อ่อนใจไปหมดแล้ว

“ลุงทำไมต้องเหงื่อตกขนาดนี้”

“ดูอายุเราด้วยเน ไม่ให้เหงื่อตกก็เหลือแต่หุ้นที่จะตกถ้าข่าวออกแล้วล่ะ” แสนจะกังวล ผมถึงต้องเหลือบตามองว่าประตูถูกปิดอยู่ดี ถ้าคลิปจะหลุดออกไปก็เหลือแค่ถ่ายมาจากตึกฝั่งตรงข้ามแหละนะเพราะห้องทำงานผมใช้กระจกเป็นกำแพงฝั่ง

“งั้นเนก็แบล็กเมลล์ลุงได้สิอย่างนั้น”

“...” ห้องนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดหรอกมีแต่หน้าห้อง แต่ถ้าน้องขู่จะฟ้องจริงผมก็ยอมรับทุกข้อกล่าวหา

“จูบอีกได้ไหมแล้วเนจะไม่แจ้งตำรวจ”



ไม่ต้องถึงตำรวจหรอก

อ้อนขนาดนี้ผมว่าเรียกรถพยาบาลก่อนเถอะ

ใจมันจะล้มเหลวแล้ว ไอ้เด็กบ้า!!!







---


ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
สามหกสิบแปด 17





สิ่งที่ไม่ดีต่อหัวใจผมเคยมีอาหารจำพวกของมันของทอด

แต่ปัจจุบันคงต้องเพิ่มเนเข้าไปด้วย



“ทำไมเนจะนอนกับลุงไม่ได้”



ผมได้แต่กุมขมับมองเนที่อยู่ในชุดนอนกอดหมอนข้างยืนทำหน้าดื้ออยู่หน้าประตูห้องนอน ด้วยความที่วันที่เป็นวันศุกร์เนเลยขออนุญาตทางบ้านมาค้างห้องผมด้วยข้ออ้างจะให้ผมช่วยติวสอบอังกฤษ แต่ยังไม่ทันได้เริ่มติวปัญหาใหญ่ก็มาขัดก่อน

หลังจากที่เนอาบน้ำเสร็จผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ พอออกจากห้องน้ำมาก็พบว่าเนแปลงร่างเป็นมดงานกำลังลำเลียงเครื่องนอนออกจากโซฟาเข้าไปในห้องนอนผม



ใช่ครับ...

ห้องนอน...

มันใช่สถานที่ที่ปลอดภัยตรงไหนกัน...



“เน...”

“ก็แค่นอน ทำไมจะนอนไม่ได้ หรือลุงคิดจะทำอะไรลามกกับเน เนอายุสิบแปดนะ” อยากจะตัดไอ้ปากเจื้อยแจ้วนี่ไปทิ้งจริงๆ ย้ำอยู่นั่นแหละอายุเนี่ย

“มันก็ไม่ควรไหม”

“เราเป็นแฟนกันแล้วนี่”



แค่กกกกกกกกก

ผมกลืนน้ำลายผิดจังหวะ สำลักในลำคอไปหนึ่งครั้งให้กับคำพูดของเน ไอ้ที่สำลักนี่น้ำลายแหละนะไม่ใช่บาปหรอก ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ



“เน...”

“เราเป็นแฟนกันแล้วถูกไหมลุง”

“เอ่อ มันก็”

“ลุงจูบเนแล้วนะ ถ้าไม่ใช่แฟนคืออะไร เด็กเลี้ยงหรอ คือเนเป็นเด็กเลี้ยงของเสี่ยจริงๆ แล้วใช่ไหม” ถอนหายใจรอบที่ร้อยกับความตรงของเน คิดอะไรก็พูดออกมาหมดจริงๆ

“ไม่ใช่แบบนั้น พี่ไม่ได้คบกับเราหวัง...” เอ่อ มันพูดออกไปได้ไหมวะเนี่ย

“หวังอะไร”

“...”

“ลุงคงไม่เล่นมุกหวังอี้ป๋อใช่ไหม”

“อะไรคือหวังอี้ป๋อ”

“ถ้าไม่ใช่หวังอี้ป๋อแล้วหวังอะไร”

“...”

“...” คิ้วขมวดนิ่งแถมจ้องผมแบบคาดคั้นเอาคำตอบ ผมถอนหายใจยาวเหยียดจนลมแทบหมดปอด

“เออ แฟนก็แฟน” สุดท้ายก็เลือกใช้ตัวเลือกที่ง่ายที่สุด พอผมพูดจบเนก็แก้มแดง ปากเล็กพยายามกลั้นยิ้ม มีความสุขอะไรกับเรื่องแค่นี้กันนะ

“ลุงรู้ป่ะ ลุงเป็นแฟนคนที่สองในชีวิตเนนะ”

“ดีหรือไม่ดีกัน”

“แต่เป็นแฟนผู้ชายคนแรกเลย”

“...”

“จูบแรกด้วย”

“จะนอนก็นอน”



ยกธงขาวจนได้

ผมผู้ซึ่งยอมแพ้แล้วกับไอ้คำพูดน่ารักแบบนั้น สุดท้ายเลยยอมกระเถิบให้ตัวดื้อขนหมอนขนผ้าห่มเข้ามา เนฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่แล้วก็รีบวิ่งเอาของในมือไปโยนใส่เตียงก่อนจะกระโดดตุ้บตามลงไป



“ก่อนนอนมาติวแบบฝึกก่อนนะ”

“อื้อ”

“ครับ”

“อะไรครับ”

“รับว่าครับไม่ใช่อื้อ”

“คร้าบบบบบบบบ” เนหัวเราะคิกคัก กลิ้งไปมาบนเตียงใหญ่อยู่สักพักก็กระโดดลงจากเตียงไปคุ้ยกระเป๋านักเรียนหยิบแบบฝึกออกมา ผมเดินไปหยิบแว่นเพื่อที่จะได้เข้าไปช่วยน้องอธิบายคำตอบ การติวเป็นไปอย่างยากลำบากเมื่อนักเรียนเป็นไอ้ก้อนดื้อ

“ทำไมข้อนี้ถึงตอบ Would อธิบายก่อนจะได้รู้ว่าเข้าใจจริงไหม”

“ลุง”

“หืม”

“อยากจูบอีก”

“เน” ผมดุเสียงเข้ม หาเรื่องไม่ติวแล้วชัดๆ

“จริงๆ นะ คือเนไม่เคยจูบมาก่อน เพิ่งรู้ว่าจูบมันรู้สึกดีอ่ะ จั๊กจี๋นิดหน่อยแต่มันดีอ่ะ”

“ทำไมข้อนี้ถึงตอบ Would”

“ติวจบบทนี้แล้วจูบกันนะ”

“เน โฟกัสหน่อย”

“ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนะ ลุงไม่จูบเนอีกเลยอ่ะ ทำไมอ่ะ เนอยากจูบอีก”

“โอเค ไม่ต้องอธิบายแล้วก็ได้ ข้ามไปทำข้อต่อไปเลย”

“ลุงไม่ชอบจูบเนหรอ ชอบจูบกับผู้หญิงมากกว่าหรอ”



...ไปเรื่อยแล้ว

ผมละสายตาจากกระดาษออกมาจ้องหน้าดื้อที่ตอนนี้เหมือนจะเริ่มเพิ่มความงอแงขึ้นมาเยอะ ถึงจะเคยจูบมาแล้วแต่ยังไงผมก็ยังคงรู้สึกไม่สมควรในการทำอะไรเนอยู่ดีแม้จะอยากฟัดแก้ม อยากจูบปากเล็กๆ นั้นบ้างก็เถอะ ห้ามใจมันยากแค่ไหน ไอ้เด็กตรงหน้าก็เหมือนจะไม่ได้รับรู้บ้างเสียเลย



“เพ้อเจ้อ”

“ลุงยังไม่ตอบเนเลยว่าเจ๊นีน่าอะไรนั่นคือใคร”

“ลูกค้าเฉยๆ”

“ลูกค้าเฉยๆ ไปดินเนอร์กันด้วยหรอ” เนกระแทกปากกาลงกับโต๊ะพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาทำท่าพยักหูกระต่ายตรงคำว่าลูกค้าเฉยๆ ท่าทางดูกวนตีนแต่ผมกลับรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา



ถ้าดูไม่ผิดนะ

เด็กตรงหน้ากำลังหึงอยู่งั้นสินะ



“ใช่สิ”

“สองต่อสอง”

“ใช่สิ คุยธุรกิจก็แบบนี้ ถ้าคุยหลายคนคงเรียกประชุม”

“ลุงจูบเจ๊นีน่าไหม”

“ถามแปลก ไม่ได้จูบ”

“แล้วคุยอะไรกันตอนดินเนอร์อ่ะ” เนในชุดนอนเลิกสนใจการติวอย่างสมบูรณ์ ก้อนดื้อพยายามพองขนขู่ผมอย่างสุดความสามารถ ไม่รู้จะขำหรือเอ็นดูดี

“นี่ หึงรึไง”

“เปล่าหึง แค่สงสัย”

“คุยธุรกิจ”

“แล้วเจ๊จีบลุงรึเปล่า”

“ไม่ทำแบบฝึกแล้วหรอ” ผมถามกลับ คนตรงหน้าขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นฟาดโต๊ะ ดูทำหน้าทำตาเป็นลูกหมาเชียว

“ลุงเปลี่ยนเรื่อง!!! มีพิริด!!!”

“อะไรคือมีพิริด...”

“เพี้ยนมาจากมีพิรุธอีกที กลุ่มเนใช้พูดกันช่วงนี้ ตลกดี” เด็กสมัยนี้ทำไมชอบทำอะไรแปลกๆ เนพูดไปหัวเราะไปก่อนจะหันกลับมาทำตาขวาง “เนี่ย ลุงเปลี่ยนเรื่องอีกแล้วนะ”

“ทำแบบฝึกให้หมดแล้วพี่จะตอบทุกคำถามเลย” เนทำปากงุบงิบเหมือนบ่นผมแต่ก็ยอมหันหน้ากลับไปทำแบบฝึกต่อ ผมมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู กับเนเนี่ย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้ยิ้มได้ตลอดเลย เนที่ดูหงุดหงิดแต่พอได้อ่านได้โฟกัสกับแบบฝึกสักพักก็หลุดเข้าโลกของตัวเองไป เนเป็นเด็กที่เหมือนจะสมาธิสั้น ผมไม่แน่ใจว่าน้องเป็นเด็กสมาธิสั้นจริงๆ รึเปล่าเพราะเจ้าตัวเคยบอกผมมาว่าตัวเองเป็นพอถามว่ารู้ได้ไงก็บอกว่าเสิร์ชกูเกิ้ลมานั่นเลยทำให้ผมไม่ได้เชื่อร้อยเปอร์เซนต์ เท่าที่ผมสังเกตเนค่อนข้างจะหลุดโฟกัสได้ง่ายแล้วพอหลุดก็จะกลับมายากแต่เมื่อไหร่ที่มีสมาธิกับสิ่งที่ทำก็ทำได้ค่อนข้างดี อาจจะไม่ใช่ดีแบบดีมากๆ จนตกใจแต่แค่พอทำได้เรื่อยๆ ก็น่าพอใจแล้วสำหรับผม

ผมมองปอยผมสีน้ำตาลเข้มที่ตกเขี่ยแก้มใสแล้วก็อดที่จะเอื้อมมือไปจับทัดหูให้เสียไม่ได้ ความเป็นเด็กมันก็คงจะมีชัดเจนที่แก้มเนี่ยแหละนะ



“ลุง”

“หืม?” ผมมองเนที่หันหน้ามาพร้อมกับส่งเรียกเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงติดจะดุนิดหน่อย

“ถ้าจะเอาแบบฝึกมาล่อให้เนทำก็อย่ามานั่งมองได้ป่ะ”

“แค่มอง”

“สายตาลุงมัน...”

“มันอะไร”

“เนี่ย พอเนขอให้จูบก็ไม่จูบ แต่ก็มานั่งจ้องด้วยหน้าตาอยากจะจูบ ลุงนี่ทำไม แก่แล้วปากไม่ตรงกับใจหรอ”

“ไม่ได้จ้องแบบนั้นสักหน่อย” คิดไปเองแน่ๆ อาจจะเพราะผมไม่ใส่แว่นเฉยๆ ต่างหาก

“ปากแข็งไม่หยุด”

“หึ โวยวาย” ผมดีดเหม่งนั่นไปหนึ่งครั้ง

“เหลืออีกสิบข้อ ลุงห้ามจ้องเน”

“โอเคๆ ” ผมรับคำแล้วก็เปลี่ยนเป็นเดินออกจากห้องหยิบน้ำมาดื่ม เนพูดไม่ผิดหรอก ผมอยากจูบจริงๆ บางอย่างเนี่ยพอได้ลองแล้วมันหยุดไม่ได้จริงๆ นั่่นแหละครับ ความอยากมันมีอยู่ตลอดแต่ผมก็พยายามห้ามตัวเองไว้ด้วยคำคำเดียว

‘เนยังเด็ก’

ไอ้ที่เนพูดออกมาบางทีอาจจะไม่ได้รู้สึกด้วยซ้ำ ไอ้คำว่าชอบที่ว่าของผมกับเนอาจจะไม่ใช่ความหมายเดียวกัน ด้วยวัยที่ต่างกันมากทำให้ผมคิดมากแล้วหลังๆ ก็ดูเหมือนจะเริ่มคิดไปเรื่อย ถอนหายใจรอบที่ร้อยของวัน รู้สึกตีนกาเพิ่มขึ้นอีกร้อยตีนได้แล้วมั้งตอนนี้ จากตีนการวมกันคงได้เป็นตีนพญาอีกา ให้ตายเถอะ

ก๊อกๆ

“ลุง” ผมสะดุ้งพร้อมกับรีบหันหลังไปหาเสียงเรียก เนในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมัดจุกยืนทำหน้างออยู่ พอเปิดเหม่งแล้วยิ่งเห็นคิ้วขมวดเลย

“อ้าว เสร็จแล้วหรอ”

“อื้อ”

“ป่ะ ไปตรวจ”

“ลุง”

“หืม เห้ย...” จู่ๆ เนก็กระชากคอเสื้อผมทำเอาเซเกือบล้มดีนะที่เอามือยันผนังไว้ทัน ส่วนมืออีกข้างก็จำเป็นต้องปล่อยขวดน้ำล่วงพื้นเพื่อโอบหลังเนไว้ไม่ให้ลม ไอ้ตัวดื้อดึงคอเสื้อผมพร้อมกับยื่นหน้ามาจะจูบแต่ด้วยจังหวะที่กะผิดเลยกลายเป็นผมยืนเอามือคร่อมน้องไว้กับกำแพง ส่วนเนที่เขย่งสุดเท้าปากก็ได้แต่จุ๊บลมไปมา

ที่จุ๊บลมเพราะคราวนี้ผมดันดันกำแพงไว้เลยไม่เซลงไปให้ขนาดในห้องทำงาน

สุดแสนจะเอ็นดู

“เน...”

“ทะ ทำไมคราวนี้ไม่ถึง” เนลืมตามองส่วนแก้มไม่ต้องสืบหรอกครับ แดงไปยันหูแล้ว

“เลิกดึงคอให้จูบได้แล้วเน เดี๋ยวล้มไปจะทำไง”

“เพิ่งทำครั้งที่สองเอง”



หึ...

สามแล้วต่างหากถ้ารวมตอนจูบแรกที่ญี่ปุ่นไปด้วย



“ไปตรวจแบบฝึกก่อน”

“ลุงไม่อยากจูบเน”

“เน”

“ลุงไม่อยากจูบก็พูดตรงๆ มาเบี่ยงแบบนี้เนเสียใจ” ตากลมเริ่มจะคลอด้วยน้ำตาทำให้ผมต้องถอนหายใจรอบที่ร้อยหนึ่ง

“ไม่ได้ไม่อยากจูบ”

“แล้วทำไมต้องเลี่ยงตลอดเลย เนอ่ะนะ ไม่เข้าใจลุงเลย ลุงบอกชอบเนก่อน ลุงแอบหอมแก้มเนตอนนอน แล้วพอเนบอกชอบกลับลุงก็ทำตัวห่างออก” ข้อมือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตา ใจผมก็เหลวตามไปด้วย

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“แล้วคือเนต้องยังไง เนต้องไม่ชอบตอบหรอ ลุงจะเอายังไงกับเนกันแน่ เนไม่เข้าใจอะไรเลย ลุงอย่าทำแบบนี้ อย่าทำตัวห่างออกไปแบบนี้ เราไม่ต้องชอบกันแล้วก็ได้ เราเป็นเหมือนเดิมได้ไหม เนไม่ชอบแบบนี้เลย ลุงทำเหมือน...” เนเว้นเสียงไปก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงสั่นๆ “... เหมือนลุงไม่อยากอยู่กับเนแล้ว”



สิ้นเสียงเนก็ปล่อยโฮออกมาลั่นกับอกผม ไหล่เล็กที่อยู่ในอ้อมแขนสะท้านไปตามเสียงร้อง เนบอบบางจนเหมือนจะแตกหักเอาง่ายๆ เป็นเวลากว่าห้านาทีเสียงร้องถึงค่อยๆ เบาลงจนเหลือเพียงสะอื้น



“ทำไมชอบคิดอะไรไปเรื่อย เด็กสมัยนี้เป็นแบบนี้กันหรอ”

“ฮึก อย่ามาโทษเด็กสมัยนี้นะ ลุงนั่นแหละทำตัวให้เนคิดไปเรื่อย”

“หยุดร้องได้แล้ว”

“จะร้องจนตัวฟีบ ฮึก เป็นลูกเกดเลย เหี่ยวเลย ฮึก” ดูมัน ร้องไห้ก็ยังจะกวน ผมส่ายหัวไปมาก่อนจะอุ้มน้องขึ้นวางบนโต๊ะกินข้าว พออยู่ในท่านี้แล้วส่วนสูงมันเหมาะดี มองหน้ามองตาได้ชัดหน่อย เนปาดน้ำตาป้อยๆ พยายามก้มหน้าหลบสายตาผม

“เน...”

“อื้อ”

“อื้ออะไร”

“ก็ลุงเรียก เนก็ตอบ”

“บอกให้ขานรับยังไง”

“รู้ แต่เนโกรธอยู่ไม่พูดดีด้วยหรอก” ดูทำหน้าทำตาเข้า เนกัดปากหันหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อผมก้มเข้าไปใกล้

“พี่อยากจูบเน”

“ไม่ให้จูบ ทีตอนเนอยากจูบไม่จูบ”

“เน ทุกอย่างมันเร็วไปหมด มันมีหลายอย่างในหัวที่พี่รู้สึกมันไม่ถูกต้อง”

“...”

“เนเด็กเกินไป พี่แก่เกิ... อายุมากกว่าเยอะเกิน พี่ผิดที่เคยแอบทำอะไรตอนเราไม่รู้ตัว จริงๆ ไอ้ที่รู้ตัวก็ไม่ควร ตอนนี้หลายๆ อย่างมันทำให้พี่กังวล”

“...”

“ในตอนนี้เนยังเด็กเกิน เมื่อเนโตขึ้นกว่านี้เนอาจจะรู้สึกแย่ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พี่ไม่อยากเป็นคนที่ทำให้เนกลับมาเสียใจ พี่ไม่อยากให้ช่วงชีวิตวัยรุ่นของเน... มันมาเปื้อนเพราะพี่” ผมงัดหน้าใสนั่นขึ้นมาให้สบตาพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเกลี่ยคราบน้ำตานั่น



ความรู้สึกของผมที่มีให้เนมันมากขึ้นทุกวัน

... มันมากขึ้นจนผมกลัว



“ลุงปล่อยให้เนตอนโตจัดการความรู้สึกของมันเองได้ไหม” ปากเล็กขยับตอบพร้อมกับยกมือขึ้นจับแก้มผมกลับ ตากลมจ้องตอบนิ่งเหมือนต้องการให้ผมฟังทุกคำพูดที่น้องจะเอ่ยออกมา

“...”

“ลุงปล่อยให้เนในตอนที่โตแล้วเผชิญกับความรู้สึกนั้นเองได้ไหม เพราะเนในตอนนี้ ความรู้สึกของเนที่ยังเป็นเด็กในสายตาลุงมันอยากอยู่กับลุง เนในตอนนี้ตัดสินใจด้วยตัวของเนเอง ถ้าเนในตอนโตจะเสียใจ... ก็เรื่องของมันได้ไหม”

“เน...”

“เราอาจจะจบไม่สวยก็ได้ เนเสิร์ชกูเกิ้ลมามีแต่คนบอกว่าคบคนอายุมากกว่าสิบปีเปอร์เซ็นจะเลิกกันสูงด้วย แต่เนอ่านก็มีหลายคู่ที่รอด มีคู่ที่ห่างกันสามสิบปีด้วยนะ” มือเล็กตบแก้มผมเบาๆ

“...”

“ลุงอาจจะมองเนเป็นเด็กมากๆ เด็กน้อยสุดๆ แต่ความรู้สึกของเนตอนนี้ ของเด็กคนนี้ มันเป็นเรื่องจริงนะลุง เนมีความสุขตอนนี้จริงๆ ถ้าลุงคิดว่าลุงทำให้เนเปื้อน”

“...”

“เนก็คงอยากเปื้อน”



ปล่อยหมัดฮุคติดกันขนาดนี้ผมก็หมดทางจะสู้จริงๆ ผมยิ้มตอบเนอย่างเหนื่อยอ่อนในใจ ในความเป็นเด็กทุกอย่างที่พูดออกมาเลยไม่ได้มีความประดิษฐ์อะไรมากนัก คิดอะไรอยากพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ และด้วยความเป็นเด็กถึงไม่ได้คิดอะไรให้มากมาย ผมที่เป็นผู้ใหญ่ที่ดีก็ควรจะเป็นฝ่ายหยุดตัวเองไว้

แต่ผมน่ะ

ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ดีมาตั้งนานแล้ว



“เรายังไม่พ้นผู้เยาว์เลยนะเน”

“ลุงนี่ ตอนนี้เนสิบแปดใช่ป่ะ แต่ถ้าเราคบกันไปจนถึงเนสามสิบลุงก็สี่สิบแปด ฟังแล้วไม่เห็นแปลกเลย เห็นป่ะ เราแค่เจอกันไวไปเฉยๆ ลุงอย่าเก็บตัวเลขมาคิดมากดิ” ที่อย่างนี้หละบวกเลขไวเชียว

“พ่อแม่เรารู้เรื่องนี้พี่คงหัวขาด”

“ถ้าพ่อรู้ เนคงหัวขาดด้วย ไม่เป็นไรนะ ขาดเป็นเพื่อนลุง”

“หึ” ผมหัวเราะออกมากับมุกตลกร้ายของเน เนอมยิ้มตาปิดเป็นสระอิพร้อมกับยกมือขึ้นหยิกแก้มยืดไปมา

“ลุงทำเหมือนเนเด็กมากกกก เนสิบแปดนะลุง สิบแปดไม่ใช่สิบขวบ ไม่ได้เด็กขนาดนั้นป่ะ”

“งอแงว่าตัวเองเป็นลูกเกดฟีบๆ ก็เด็กขนาดนั้นนะสำหรับพี่”

“เด็กก็รักเป็นนะลุง”



สิ้นคำน่ารักนั้นผมก็ก้มลงจูบปิดไม่ให้พูดอะไรที่มันไม่ดีต่อใจออกมาต่ออีก เนสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะรีบย้ายมือออกจากแก้มผมไปคล้องคอพร้อมกับเปิดปากอย่างรู้งาน ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรืออะไรดีที่หลังจูบเพียงครั้งเดียวไอ้ตัวดื้อก็ดูเหมือนจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

อ้อ เมื่อกี้เห็นพูดว่าไปเสริชกูเกิ้ลเรื่องอายุห่างกัน



แต่ดูจากไอ้การพยายามเอาลิ้นมาตวัดสู้กลับแล้ว

... สงสัยจะไม่ได้เสิร์ชแค่เรื่องอายุแน่ๆ



“อื้อ” ผมผละออกมากลางคันนั่นส่งผลให้คิ้วเล็กขมวดมุ่น ปากเล็กเคลือบน้ำใสเจ่อบวม ดวงตาส่งสายตาไม่เข้าใจส่งมาอย่างชัดเจน

“เน”

“จูบอีก”

“พี่ว่าพี่ต้องพูดหน่อย จะไม่มีการล่วงเกินมากกว่านี้จนกว่าเราจะอายุครบยี่สิบนะ”

“ทะ ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ตอนนี้เล่า!!! ลุงไม่ดูสถานการณ์เลย!!!”

“เพราะดูแล้วถึงพูด”

“อะ เอ๊ะ”

“เราน่ะ ชอบอ่านอะไรจากเนทเยอะ” พอผมพูดจบเนก็หน้าแดง ปากพะงาบเหมือนเด็กถูกจับได้ พิรุธมาขนาดนี้น่าจะไม่ใช่แค่อ่านแล้ว ไปดูอะไรมาด้วยแน่ๆ

“เน... เน...”

“นี่ไปดูอะไรมาด้วยหรือเปล่า”

“เนเปล่าดู!!!”

“...” ผมจ้องตาเนกลับนิ่ง ส่งผลให้เด็กโป๊ะแตกถึงกับกัดปากหน้าแดง

“ก็... เนแค่อยากรู้นี่นา เผื่อวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นเนจะได้ไม่ดูเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกินไป เดี๋ยวลุงก็มาว่าเนเด็กเกินอีก”

“แสดงว่าดู”

“...” เนแก้มแดงเหมือนพร้อมจะระเบิดเป็นมะเขือเทศเป็นคำตอบได้อย่างดี

เนเป็นเด็กติดมือถือ เผลอๆ อาจจะดูอะไรไปมากกว่าผมเคยดูด้วยซ้ำ นั่นไม่ดีเลย เดี๋ยวไปดูอะไรน่ากลัวขึ้นมาจะพาลว่าผมก็จะทำแบบนั้นไปด้วยอีก

“ยังไม่ถึงเวลา” ผมเคาะเหม่งใสนั่นหนึ่งที

“ลุง...”

“หืม?” ผมมองตามสายตาก็เห็นว่าจุดรวมสายตาของเนอยู่ค่อนข้างต่ำ ตามความอยากรู้อยากเห็น ผมเลยต้องใช้มืองัดคางนั่นขึ้นพร้อมกับเอ่ยเสียงดุ “มองอะไร”

“ฮือออออออ เนกลายเป็นคนลามกไปแล้ววววววววว”

“หยุดคิดหยุดดู”

“เนหยุดดูมันก็มีภาพขึ้นมาในหัวอยู่ดี”

“ภาพของคนอื่นเนี่ยนะ”

“ขะ ของคนอื่นสิ เนจะไปเคยมองของลุงที่ไหน หมายถึงมองแต่ไม่ได้เห็นขนาดนั้น เอ๊ะ หรือลุงหมายถึงอย่างอื่น เอ๊ะ ลุงมองเนแบบนั้นทำไม โอ๊ยยยย ลามกเนี่ยลามก ยิ่งพูดยิ่งลามกกกกก” โวยวายลั่นห้องด้วยความอาย เนยกมือขึ้นปิดหน้าเองพร้อมกับส่ายหัวไปมา

“เน”

“ครับ”

“แค่จูบ...”

“...”

“ตอนนี้แค่จูบก่อน ไม่ต้องคิดอะไรไปมากกว่านี้ เข้าใจไหม” ตากลมจ้องผมกลับก่อนจะพยักหน้าตอบเบาๆ ผมยิ้มให้กับความน่ารักนั่นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนานและหยอกเอินกว่ารอบที่แล้ว ทำเอาเด็กที่ทำการบ้านมาอย่างดีถึงกับทุบอกขอเว้นจังหวะหายใจ ผมผละออกเพียงไม่กี่วิก็เริ่มสงครามอีกรอบสุดท้ายนักรบหัวจุกน้ำพุก็ยงธงขาวยอมแพ้ตัวอ่อนยวบกอดคออ้อนให้ผมอุ้มพาเข้านอน



หึ นักรบตัวกระเปี๊ยกศึกษาแต่วิชาตามตำราคิดจะสู้กับแม่ทัพที่มีประสบการณ์จริง

คงต้องสอนไปอีกหลายปี อย่าได้คิดเปลี่ยนครูเชียว

ไอ้นักรบหัวจุกน้ำพุตัวดื้อ







CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
สามหกสิบแปด 18
 
 


 
สถานที่คนเดทปกติมักจะเป็นสถานที่นอกบ้าน ห้าง โรงหนัง พิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่  แต่คู่ของผมกลับมีอยู่แค่สองที่คือห้องนอนกับห้องทำงาน
 ไม่บ่อยนักที่ผมยอมให้เนมาค้างด้วย เพราะกังวลเรื่องที่บ้านเน ทำให้ช่วงเวลาสั้นๆ หลังเลิกเรียนก่อนกลับบ้านที่ได้อยู่ด้วยกันผมมักจะวางงานไว้ทีหลังแล้วมาฟังเนบ่นเรื่องเรียนกับช่วยน้องทำการบ้าน เนยังคงดื้อเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเดี๋ยวนี้เหมือนจะตั้งใจเรียนขึ้น ข้อที่ผมกังวลหนักสำหรับเนไม่ใช่เรื่องเรียนอีกต่อไป
 
 แต่เป็น...
 

“ลุง จูบหน่อย”
 


 ผมถึงกับกุมขมับกับการขอร้องของเด็กตรงหน้า ใช่ครับ ตอนนี้เนวอแวกับการจูบมาก ด้วยความที่เนเป็นเด็กติดสกินชิพทั้งกอดทั้งจูบแต่ดูเหมือนจะชอบจูบเป็นพิเศษ เปิดช่องว่างนิดหน่อยเข้าชาร์ตขอจูบตลอด
 
... มันควรเป็นผมรึเปล่านะที่ต้องเป็นฝ่ายอยากจูบเนี่ย

 
“ทำการบ้าน”
“จูบก่อน”
“ทำการบ้านก่อน”
“ลุงอย่าต่อรองได้ไหม”
“เรานั่นแหละอย่าต่อรอง”
“แค่จูบเอง”
“การบ้าน”
“นิดเดียวนะ น้าาาาาาา” ผมถอนหายใจให้กับการอ้อนตาใสเหมือนลูกแมวก่อนจะก้มตัวลงจุ๊บเหม่งใสนั่นเบาๆ พอผละออกคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นแบบไม่พอใจ
“นี่เรียกจุ๊บ”
 
ให้ตาย...
ตั้งแต่จูบเป็นนี่เหมือนจะดื้อในรูปแบบอันตรายมากขึ้นเยอะเลยนะ
 
 
“ทำการบ้านให้เสร็จก่อน”
“ลุงไม่ต้องกลัวคุกหรอก เนเสิร์ชกระทูพันทิปมาแล้ว ไม่คุกแน่นอน เนอายุถึงสิบแปดแล้วถึงจะยังไม่ยี่สิบแต่ลุงก็รอดอยู่ดีเพราะว่า...”
“...”
“เนสมยอม”
 


แค่กกกกกกกกก!!!
ถึงกับสำลักน้ำลาย
ว้อยยยยยยยยยยยย อยากจะบ้าตายวันละหลายรอบกับคำพูดคำจาของไอ้เด็กตรงหน้า นับวันยิ่งชอบพูดอะไรสุ่มเสี่ยง แถมยังพูดออกมาหน้าตายเหมือนตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิดอีกต่างหาก
 
“หยุดพูดได้แล้ว”
“ลุงเขินหรอออ หน้าแดงเลยยยยย”
“เด็กบ้า” ผมยี้หัวฟูนั่นแล้วก็ทิ้งลงนั่งข้างๆ คอยดูว่าน้องทำการบ้านไปถึงไหน เนที่ควรจะโฟกัสการบ้านหัวเราะคิกคักพร้อมใช้มือหยิกแก้มผมไปมา
“ลุงเขินเน”
“เน ทำการบ้าน”
“ลุงเขินหรอออ”
“เน”
“นี่ จริงๆ ลุงอยู่กับเนมาได้จะสามเดือนแล้วนะ เดือนแรกอยู่ด้วยกัน เดือนที่สองเนกลับบ้าน นี่เข้าเดือนสามแล้ว เนอยู่กับลุงมาสามเดือนแล้ว”
“แล้วยังไง”
“เนตุ๊ดขึ้นเยอะเลย”

เกือบจะสำลักน้ำลายไปอีกรอบ
ผมมองหน้าเนอย่างไม่เข้าใจว่าน้องจะสื่ออะไร

“...”
“ก่อนหน้าเนเถียงเพื่อนตลอดว่าเนไม่ตุ๊ด”
“แล้วมันทำไม”
“ตอนนี้เนว่าเนโคตรตุ๊ดเลย แบบไม่รู้อ่ะ เนโคตรอยากอ้อนลุงเลย เนี่ย ถ้าเป็นตุ๊ดในโรงเรียนโดนด่าแรดแล้วนะ” ปากเล็กเจื้อยแจ้วไปเรื่อยเหมือนกำลังพูดเรื่องธรรมดา ผมกระดกคิ้วงงเล็กน้อยที่จู่ๆ เนก็พูดประเด็นนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร
“...”
“เนสับสนอ่ะ แบบงงๆ กับเพศตัวเองนิดหน่อย แบบนี้เขาเลยเรียกสับสนทางเพศใช่ไหมลุง”
“ไม่รู้สิ”
“ลุงเป็นเกย์ได้ไงอ่ะ” เนพับการบ้านแล้วก็เปลี่ยนท่าเป็นนอนวางหัวบนตักผม “เล่าเรื่องลุงในฟังบ้างสิ”
 
รู้หรอกนะว่าหาเรื่องไม่ทำการบ้านต่อ
แต่พอเห็นหน้าดื้อๆ มาวางอยู่บนตักแล้วมันก็ใจเหลวไปหมด
 
“ไม่เชิงแค่เกย์หรอกทางไบเซ็กชวลมากกว่า ผู้หญิงก็คุยได้แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยคลิกกันเท่าไหร่” ผมไม่ได้ปิดเรื่องนี้ ที่บ้านก็รู้ ไอ้เก่งเองก็รู้เรื่องรสนิยมของผม แต่ด้วยวัยแล้วทุกคนเลยไม่ได้มายุ่งอะไรเท่าไหร่ ปล่อยให้ตัวผมเป็นคนตัดสินใจเอง

...แต่ไอ้เรื่องคบเด็กอายุสิบแปดเนี่ย ถ้าทางบ้านผมรู้ก็คงมีต้องโดนจับเข่าคุยกันบ้างเหมือนกันแหละนะ


“ลุงเคยมีแฟนไหมอ่ะ”
“พี่สามสิบหกนะเน มันก็ต้องเคยอยู่แล้ว” ไม่อยากจะย้ำอายุตัวเองนักหรอก แต่ให้ตอบว่าไม่เคยมีก็ดูจะเป็นการโกหกมากเกินไปเสียหน่อย
“แล้วเนสู้ได้บ้างไหม” ใบหน้าใสซื่อจ้องผมหลังถามคำถามออกมาตรงๆ เด็กเอ๊ยเด็ก ผมระบายยิ้มอ่อน คิดไว้แล้วแหละว่ามันต้องมีคำถามจำพวกนี้ออกมา
“จะไปสู้ทำไม เป็นอดีตไปหมดแล้ว”
“เนเคยมีแฟนคนหนึ่ง น่ารักมาก กว่าจะจีบติดเนหมดค่าป็อกกี้ไปเกือบพัน คือเขาชอบกินป็อกกี้เนก็เลยซื้อให้ทุกวัน จีบอยู่เป็นเดือนเลย”
“ให้แต่ป็อกกี้เลยหรอ”
“ช่ายยย สลับวันละรส”
“อ่า...”
“สุดท้ายเขาขอเลิกเพราะเนไม่จูบเขาสักที เนแบบเซ็งเลย ก็จูบไม่เป็นอ่ะให้เนทำไง เนอุตส่าห์ไปญี่ปุ่นเพื่อซื้อของไปง้อเขาเลยนะ แต่กลับมาเขาก็หาแฟนใหม่ได้แล้ว ลุงว่าเกินไปไหมไม่ถึงอาทิตย์นะ ทำได้ไงอ่ะ เนเสียใจมากเนเลยแกะป็อกกี้กับคิทแคทที่ซื้อมาฝากกินเองหมดเลย แค้น”
 
หึ...
เป็นการแก้แค้นที่น่ารักเป็นบ้า
แต่จะว่าไป ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่ญี่ปุ่นก็เหมือนว่าเนจะพูดเกี่ยวกับเรื่องจูบอยู่เหมือนกัน สงสัยก็คงจะเป็นแฟนสาวคนนั้นเองสินะ
 
“แต่ตอนนี้จูบเป็นแล้วนี่” ผมใช้นิ้วชี้เกลี่ยกลุ่มหน้าม้านั่นออกพร้อมกับสบตากับคนบนตักนิ่ง เนเบะปากก่อนจะดันตัวขึ้นมานั่งทับบนตักผม อะไรอันตรายนี่ก็ขยันทำจริงๆ
“เนเพิ่งรู้ว่าจูบมันรู้สึกดีขนาดนี้”
“...” ผมไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่จ้องหน้าน่ารักที่กำลังค่อยๆ ขึ้นสีแดง
“ลุง...”
“...”
“จูบกันนะ” ผมกระชับมือตัวที่วางอยู่บนเอวคอด ส่วนเนที่นั่งอยู่บนตักผมยกมือขึ้นประครองหน้าผมพร้อมกับค่อยๆ กระทับจูบลงมา ปากเล็กของเนยังคงเริ่มจูบแบบกล้าๆ กลัวๆ แต่ผมก็ไม่ได้ติดอะไร นึกเอ็นดูเสียอีกที่เด็กตรงหน้าพยายามขนาดนั้น
จั๊กจี้ไปหน่อยแต่ก็น่ารักดี ว่าไม่ลงหรอก
ปล่อยให้คนบนตักรุกอยู่สักพักผมก็เริ่มสู้กลับ เด็กหัดจูบพยายามจะสู้กลับแต่สุดท้ายก็เคลิ้มยอมแพ้ เจ้าตัวดื้อได้แต่ครางอื้ออึงในลำคอพอให้รู้ว่าหายใจไม่ทัน
 
 
ปึ้ง!!!!
 
“พี่ไม้ เซอไพรส์!!!!!!!”
 
เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำเอาหัวใจผมตกไปอยู่ที่เท้า เสียงกระแทกประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงสีน้ำที่คุ้นเคย ผมผละออกจากเนแล้วรีบมองหาต้นเสียง มองพ้นไหล่เนไปสิ่งที่ผมเห็นคือใบหน้าที่แสนตกใจเหมือนเห็นผีของน้องสาวตัวเองและเพื่อนสนิท
 
 
แนน...
 
แนนยืนอยู่ตรงนั้น.... 
 
สีหน้าของสีน้ำซีดเผือกพร้อมกับปล่อยของในมือตกลงกับพื้นเสียงดัง แต่ก็ไม่มีใครแม้แต่จะสนใจ ทุกอย่างนิ่งสงบแต่ทุกอย่างกลับชัดเจนในความรู้สึก ความรู้สึกของผมเหมือนนั่งรถไฟเหาะ มันกำลังขึ้นไปสุดก่อนจะดิ่งลงมาสุดอย่างรวดเร็ว เป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดจนคิดหรือพูดอะไรไม่ออก ได้แต่สบตากันอยู่อย่างนั้นเป็นนาทีจนเป็นแนนเองที่เรียกสติกลับมาได้ก่อน
 
“พะ พี่ไม้”
“...” เนที่จิกบ่าผมค่อยๆ หันหน้ากลับไปทางประตู พอสีน้ำและแนนเห็นว่าเป็นเนก็ยิ่งตาเบิกกว้างขึ้น เนเองที่พอเห็นว่าเป็นพี่สาวตัวเองก็จิกบ่าผมแรงขึ้นจนรู้สึกเจ็บ
“พี่แนน”
“นะ นี่ นี่มันอะไรกันคะพี่ไม้ นี่มันหมายความว่าไง”
“พี่ไม้...” สีน้ำเรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา
“พี่...” ผมได้แต่ตกใจ หาประโยคที่สมควรพูดแทบไม่เจอ

 รู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งคงต้องเข้าไปคุยกับครอบครัวเน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ตอนนั้นเองที่เนหันหน้ากลับมาพร้อมกับโน้มตัวกอดผมแน่น

“ไม่นะ... ไม่เอา”
“เน!!! มาหาพี่!!!” แนนตวาดเสียงดังลั่นห้องทันที เนส่ายหัวพร้อมกับกอดคอผมแน่นขึ้น
“แนน...”
“เน มาหาพี่เดี๋ยวนี้!!!”
“เนไม่ไป เนจะอยู่กับลุง เนไม่ไป”
“พี่ไม้ นี่มันหมายความว่าไง” สีน้ำมองผมด้วยสีหน้าผิดหวัง
“สีน้ำ...”
“เนรักลุง” เสียงเล็กพูดออกมาท่ามกลางความตกใจ “เนรักลุง ลุงห้ามปล่อยเน เนขอร้อง ห้ามปล่อยเน”

 เนกอดคอผมแน่นจนอึดอัด เสียงของเนสั่นเทิ้มแสดงให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้ ผมเองก็รู้จักเจ็บปวดหัวใจกับเสียงอ้อนวอนนั่นแต่คำพูดของเนนั้นกลับยิ่งทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายขึ้น แนนตวัดสายตามองผมด้วยความตกใจ

“พี่ไม้คะ มันหมายความว่ายังไง มันเกินไป.. ทุเรศ ทุเรศที่สุด!!!” เสียงตะโกนลั่นนั่นเสียดแทงไปทั้งใจผม
แนนเดินมากระชากแขนเนจนเนแทบล่วงออกจากตักผม ทำให้ผมต้องยืนขึ้นเพราะกลัวเนตกหัวกระแทกพื้น เนร้องไห้เสียงดังพร้อมกับรีบดันตัวมาซุกผม แขนเล็กจึกเสื้อผมแน่น
“ไม่ไป พี่แนนอย่า ฮึก ฟังเนก่อน เนขอร้อง”
“พี่ไม้พี่มันโรคจิต แนนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ทำแบบนี้” สายตาเจ็บปวดมาพร้อมกับคำด่าทอ ผมไม่มีคำอะไรจะพูดออกไป

 
ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะรั้งเนไว้ให้แน่นขึ้น
... ผมผิดจริงทุกประตู ผมเข้าใจแนน

 
“แนน แกใจเย็นก่อนนะ”
“ฉันไม่เย็นแล้วน้ำ แกไม่เห็นหรอว่าพี่แกทำอะไรน้องฉัน ฮึก พี่ไม้ พี่ก็อายุไม่ได้น้อยแล้วแท้ๆ ทำไมถึงคิดอะไรไม่เป็นหน่อยหรอคะ เนเพิ่งอยู่มัธยมพี่... พี่.... พี่มันทุเรศที่สุด” แนนพยายามดึงแขนเนแต่เนก็สะบัดออก
“พี่แนนปล่อยเน ฟังเน ฟังเน”
“เน!!! มากับพี่เดี๋ยวนี้!!! ครั้งนี้มันเกินไปแล้วพี่จะบอกพ่อกับแม่!!!”
“พี่แนน เนขอร้องอย่าบอกพ่อ เนขอร้อง”
“ไม่ได้!! มันเกินไป มันเกินไปจริงๆ”   
“ไม่เอา งั้นเนไม่ไป เนไม่กลับบ้านแล้ว เนจะอยู่กับลุง!!!”
“เน!!!!” แนนตวาดลั่นพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดดึงเนออกจากตัวผม

 จังหวะที่เนถูกดึงหลุดออกไป ใบหน้าเล็กนั่นเปียกแฉะไปด้วยน้ำตา ดวงตาใสมองมาที่ผมอย่างอ้อนวอน นิ้วเรียวเล็กยื่นมาดึงเสื้อผมจิกไว้แน่นจนเห็นข้อขาว ตอนนั้นเองที่ผมเหลือบเห็นว่านิ้วแนนจิกโดนแขนน้องเป็นแผลถลอกยาว นั่นจึงทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปจับมือแนนไว้

“แนนพอก่อน พี่เข้าใจแล้ว...” แนนที่กำลังร้องไห้ด้วยความผิดหวังและโมโหเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“...”
“เน กลับบ้านไปก่อน”
“ละ ลุง ไม่เอา อย่าปล่อยเนไป ขอร้อง เนขอร้อง”
“กลับบ้านก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพี่จะเข้าไปคุยกับพ่อแม่เรา” ผมยกมือขึ้นประครองแก้มใส เนรีบยกมือที่สั่นระริกขึ้นกุมมือผมไว้แน่น
“ลุง​ ฮึก ลุง เนจะเป็นเด็กดี เนจะไม่ดื้อแล้ว เนจะทำการบ้าน เนจะไม่เถียงเลย ฮึก ขอร้อง อย่าปล่อยเน”
“ไม่ปล่อย”
“ลุง​ เนกลัว เนกลัว”
“กลับบ้านไปก่อน”
“ไม่เอา อย่าไล่เน เนขอร้อง เนขอร้องครับ นะครับ ฮึก เนขอร้องนะครับ”
 
เนเป็นเด็กไม่ค่อยมีหางเสียง จะมีหลุดมาบ้างเวลาเผลอหรือโดนดุ
แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เนเลือกใช้ครับในการอ้อนวอนผม 
ใจผมมันปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว เสียงของเนแสดงออกได้ถึงความกลัวและความสับสนเป็นอย่างมาก ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกสติตัวเองก่อนจะเอนซบหน้าผากตัวเองลงกับเหม่งขาวนั่น 
 
“ฟังพี่นะเน”
“ฮึก ลุง...”
“กลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”
“แต่ แต่”
“เนเชื่อใจพี่ไหม”
“เนเชื่อ ฮึก เนเชื่อ แต่เนกลัว”
“ไม่ต้องกลัว”
“ลุง...”
“ไม่ต้องกลัวนะ” เนเงยหน้าขึ้นสบตาผม ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาจ้องผมนิ่ง เรียวปากเล็กขบเม้มเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนที่จะยอมพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ จังหวะที่ผมต้องปล่อยหน้าเนออกจากมือเป็นจังหวะที่ผมรู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่สุด

“เน กลับบ้าน”
“ฮึก...” เนกำมือตัวเองแน่นก่อนจะค่อยๆ หันหลังเดินตามแนนไป ก่อนที่จะพ้นประตูแนนก็หันหน้ากลับมาหาผม
“พี่ไม้คะ”
“...”
“แนนไม่รู้ว่าพี่เป็นบ้าอะไร แต่ยังไงทุกอย่างพี่ควรอธิบายให้พ่อแม่แนนฟังด้วยตัวเอง”
“เดี๋ยวพี่ตามไป”
“วันพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ วันนี้ที่บ้านคงไม่พร้อมต้อนรับ”
“วันนี้แหละ” ปล่อยให้ไอ้ตัวดื้อกลัวแบบนั้นข้ามวันคงไม่ดีนักหรอก
“พี่ไม้คะ”
“พี่จะตามไปนะ”
“พี่ไม้!!!”
“ขอโทษนะแนน” เนเม้มปากเล็กน้อยเมื่อผมพูดขอโทษออกไป 
“ให้ตายเถอะ!!!” แนนกระแทกเสียงก่อนจะหันหลังลากเนเดินออกไป ผมได้แต่มองแผ่นหลังเล็กของเนค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตา
 
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนผมทำอะไรคิดอะไรไม่ทันเลย
รู้แต่ว่ายังไงเนก็ต้องกลับบ้านไปหาครอบครัวก่อน รู้สึกหัวตึงไปทุกส่วน
 
“พี่ไม้...” เสียงสีน้ำเรียกดึงสติให้ผมกลับมา เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ในห้อง สีน้ำเดินมากอดผมไว้นิ่งๆ
“สีน้ำ พี่...”
“น้ำไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่น้ำคิดว่าพี่ไม้คงมีเหตุผล”
“พี่...”
“น้ำไม่รู้จะพูดอะไร น้ำคิดว่าพี่ไม้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” สีน้ำเว้นช่วงไปก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น “ไม่ว่ายังไง น้ำทีมพี่ไม้อยู่แล้วนะ”
 มือเล็กของสีน้ำลูบหลังผมเบาๆ เท่านั้นก็ทำเอาความรู้สึกที่จุกอยู่ที่อกคลายตัวลง ผมก้มหน้าซบลงกับบ่าเล็กของน้องสาวตัวเองเพื่อร้องไห้ออกมาเงียบๆ 
 
ไม่มีเวลาให้อ่อนแอได้นานมากนัก ผมร้องไห้บนบ่าสีน้ำอยู่เพียงไม่กี่วิก็ต้องผละออกมาสูดลมหายใจเรียกสติเตรียมตัวขับรถออกไปบ้านเน ไม่อยากให้เวลาผ่านไปเยอะเกินไป เพราะใบหน้าที่เหมือนจะแตกสลายของเนเมื่อกี้นั้นยังติดอยู่ในตาของผมอยู่เลย
 

“พี่ไม้ให้น้ำไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไร พี่ไปเองดีกว่า”
“แต่...”
“กลับบ้านไปเกลิ่นกับพ่อแม่ให้หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวคืนนี้พี่กลับไปบอกเองอีกที”
“วันนี้เลยจะดีหรอพี่ไม้ น้ำว่าแค่บ้านแนนก็หนักแล้วนะ...”
“พี่รักเน”
“...”
“ขอโทษนะ”
 
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดขอโทษไปทำไมรู้แต่ว่าต้องพูดออกไป สีน้ำไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่เดินมากอดผมนิ่งๆ แล้วก็ผละออกไปเก็บของที่ตกอยู่ตามพื้น ผมยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถพร้อมกับหันหลังเดินออกมาจากห้องทำงาน

 
นี่ไม่ใช่ครั้งที่ผมมาบ้านเน สมัยก่อนผมมารับส่งสีน้ำนับครั้งไม่ถ้วน ถึงจะไม่เคยเข้าไปในตัวบ้านแต่ก็บ่อยพอที่จะจำทางไปได้แบบไม่ต้องเปิดจีพีเอส รถติดตามปกติของกรุงเทพทำให้ผมรู้สึกร้อนใจนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นการทำให้ตัวเองใจเย็นและได้ทบทวนอะไรหลายๆ อย่างไปในตัว ปกติแล้วผมมักคิดอะไรเป็นระบบเป็นแผนไว้ล่วงหน้าด้วยความติดเป็นนิสัยมาจากการทำธุรกิจด้วยส่วนหนึ่ง แต่ระบบนั้นเอามาใช้กับสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เลย
 
ผมกับเนมันผิดแผนมาตั้งแต่ต้นและผมก็ปล่อยให้มันผิดมามาจนถึงวันนี้
เป็นความอึดอัดใจที่ผมสมควรได้รับ
 
ผมขับรถมาจนถึงหน้าบ้านของเน รั้วบ้านถูกเปิดเอาไว้ คาดว่าคงเป็นฝีมือแนน แต่ต่อให้ปิดประตูไม่ต้อนรับผมก็คงจะหาวิธีเข้าไปให้ได้อยู่ดี หลายเท้าผมชิดประตูบ้านเป็นสัญญาณให้รู้ว่าหลังประตูบานนี้คงมีคำพูดอีกมากมายที่ผมต้องรับมือ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นบิดลูกบิดอันหนักอึ้ง

 
“ปล่อยเนออกไปนะ!!!!” ยังไม่ทันจะได้ยกสายตาจากพื้น เสียงโวยวายพร้อมกับเสียงกระแทกประตูก็ดังลั่นจนผมตกใจ
“พ่อคะ พี่ไม้มาแล้วค่ะ” ผมสบตากับพ่อเน ปกติมารับส่งสีน้ำเคยเจอแต่คนเป็นแม่ที่ดูใจดี เนกับแนนเองก็มีความหน้าหวานค่อยข้างสูง
 
ไม่คิดเลยว่าคนเป็นพ่อจะหน้าดุและดูเด็ดขาดขนาดนี้
พอจะเข้าใจที่เนกลัวพ่อตัวเองขึ้นมาแล้ว ทรงทหารเก่าชัดเจนขนาดนี้
 
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้เคารพทั้งพ่อและแม่เน คนแม่ยกมือขึ้นรับไหว้ด้วยสีหน้าลำบากใจ ส่วนคนพ่อไม่แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ดวงตาดุตวัดมองผมเพียงเสี้ยวสิแล้วก็หันกลับไป
“แนน ไปปล่อยน้องลงมา”
“แต่พ่อ-”
“แนน”
“ค่ะ...” เมื่อคนเป็นพ่อเปลี่ยนเสียงดุ แนนเลยได้แต่ก้มหน้าแล้วรีบวิ่งหลบออกไป ผมได้ยินเสียงปลดกลอนหนึ่งครั้งก็ตามด้วยเสียงเปิดประตูเสียงดัง
“เน!!!”
“ขังเนทำไม เนไม่ใช่หมานะ ขังเนทำไม!!!” เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงเนตะโกนสุดเสียงขนาดนี้ ที่เขาว่าตะโกนจนคอแตกก็คงประมาณนี้สินะ
“ทุบประตูจนมือแตกไปหมดแล้ว”
“พี่แนนสนเนด้วยหรอ ทีตอนเนบอกให้ปล่อยเนไม่เห็นสนใจเลย”
 “เน!!!” เสียงแนนตะโกนกลับทำให้จนเป็นพ่อที่ยืนขรึมอยู่ตรงหน้าผมขมวดคิ้ว ระยะห้องของเนไม่ได้ห่างจากห้องนั่งเล่นมากแต่ก็ไม่ได้ใกล้ แต่ถึงขนาดนั้นผมก็ได้ยินเสียงหอบหายใจของทั้งคู่อย่างชัดเจน “... พี่ไม้มา”

สิ้นเสียงคำพูดเบาๆ ของแนนก็ตามมาด้วยเสียงวิ่งพร้อมกับหน้าดื้อที่โผล่ออกมา ตาบวมแดงเบิกกว้าง แววตาฉายแสดงความดีใจออกมาชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ผมขมวดคิ้วคือมือเล็กนั่นมีเหมือนรอยช้ำแดงและคราบเลือดเล็กๆ อยู่ คงเพราะกระแทกประตูจนได้แผล ไอ้ตัวดื้อเอ๊ย

“ลุง...”
“เนมานั่งตรงนี้” พ่อเนเอ่ยสั่งพร้อมกับชี้ตรงที่นั่งข้างตัวเอง

...และแน่นอนครับว่าไอ้ตัวดื้อไม่ฟังหรอก
เนถลาวิ่งเข้ามากอดผม น้ำหนักที่โถมมาทันที่ทำให้ผมเกือบจะล้ม


“เน...”
“ลุง ฮึก ลุง”
“...” ผมไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ลูบหัวทุยนั่นเบาๆ เป็นการปลอบ ห่างกันแค่เพียงชั่วโมงกว่าแต่กลับดูเหมือนเนจะตัวเล็กลงไปอีกหลายเซ็น 
“พ่อ... เนรักลุง”
“ไอ้เน!!!! แกกลับมานั่งตรงนี้เดี๋ยวนี้!!! ” เสียงตวาดลั่นห้องนั่งเล่นทำให้เนเกาะแขนผมแน่นขึ้น แม้น้องจะหันตัวออกไปเผชิญหน้าพ่อก็ตาม
“เนรักลุง ไม่... เนรักพี่ไม้ เนรักผู้ชายด้วยกัน เนเป็นตุ๊ด พ่อได้ยินชัดหรือยัง!!! ”  ผมกำลังจะปรามให้เนหยุดพูดแต่ก็ไม่ทัน
“หุบปาก!!! ”
“เนไม่หุบ!!!”
“เนพอ...” ผมรั้งแขนน้องไว้ให้ใจเย็นๆ
“อะ ไอ้ลูกไม่รักดี ทำแต่เรื่องไปวันๆ เรื่องที่แกผิดเพศคิดว่าพ่อไม่รู้รึไง เขารู้กันไปทั้งบาง ขายขี้หน้าแค่ไหนก็ทนมาตลอด แต่นี่แกคบหากับคนอายุสามสิบกว่า...” พ่อของเนตวาดลั่นจนหน้าแดง มือหยาบกร้านสั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์ “รู้นะว่าแกมันโง่แต่ก็ไม่คิดว่าจะโง่ขนาดนี้!!!”
“ใช่!!! เนมันโง่ โง่มากๆ โง่จนไม่น่าเกิดมา พ่อก็ปล่อยเนไปสิ เนไม่อยากอยู่ที่บ้านนี้เหมือนกัน ก่อนนอนทุกวันเนก็ได้แต่คิดว่าที่มีมันเหมือนบ้านยังไง เนเหมือนตายอยู่ทุกวัน เนอยากตายกี่ครั้งพ่อรู้บ้างไหม ได้ยินไหมว่าเนอยากตาย!!!”
“ไอ้เน!!!” พ่อเนเดินเข้ามากระชากแขนน้องทำให้ผมยกมือขึ้นจับข้อมือนั่นไว้ทันทีตามสัญชาตญาณ แต่เนก็แตะเบาๆ ที่ข้อมือผมเป็นเชิงให้ปล่อย ผมสบตากับน้องก่อนจะยอมปล่อยมือออกให้ เนหันหน้ากลับไปมองพ่อตัวเอง

“พ่อ...”
“...”
“พ่อน่าจะให้แม่ทำแท้งเนไปตั้งแต่แรก เน... ไม่น่าเกิดมาเลย” คนเป็นพ่อและลูกชายสบตากันนิ่งสิ้นประโยคนั้นเหมือนทุกอย่างจะสงบลง มีเพียงเสียงหายใจของสองพ่อลูก มันเงียบสงบเหมือนสงครามจบลงแล้ว
 
แต่ก็เหมือนดั่งคำโบราณที่ว่าก่อนพายุจะมาทะเลมักนิ่งสงบ

ผัวะ!!!

เสียงหมัดกระแทกเนื้อดังลั่นตัดความเงียบอย่างรวดเร็ว
 
“เน!!!”
“พ่อคะ!!!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่แม้แต่จะขยับตัวห้ามทัน พ่อของเนตวัดแขนที่สั่นเทิ้มขึ้นปะทะหน้าคนเป็นลูกอย่างแรงจนเนกลิ้งไปกระแทกเก้าอี้ ผมตกใจมากแต่ก็ออกตัววิ่งไปคว้าร่างของเนขึ้นมา ปากเล็กมีคราบเลือดสีแดงแต้มอยู่ ดวงตาเล็กหรี่ลงเหมือนเจ็บ
“คุณคะ อย่าทำลูก...”
“เกินไปแล้วนะครับ” ผมตวัดตามองคนพ่อเนที่ยืนหายใจหอบ มือที่กำอยู่นั้นสั่นระริก ดวงตาดุตวัดมองหน้าผมอย่างโกรธแค้น แต่ผมก็ไม่ได้หวาดกลัว

 ผมยอมให้เนได้พูดกับพ่อก่อนเพราะเป็นเรื่องในครอบครัว
แต่ไม่ใช่ว่าผมจะยอมรับที่เกิดความรุนแรงขึ้น

“ลุง....”
“เน พี่-” มือเล็กที่สั่นเทายกขึ้นแตะปากผม ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวขึ้นยืนปะทะหน้าพ่อตัวเองอีกครั้ง
“ตั้งแต่เนเกิดมา...”
“...”
“เนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนไหนที่เนรู้สึกว่าพ่อรักเน เหมือนชีวิตพ่อมีแต่พี่แนน กี่ครั้งแล้วที่พี่แนนทำผิดแต่พ่อก็ไม่เคยทำโทษ เนแทบจะจำทุกความผิดพี่แนนได้เลย กี่ครั้งที่เนรอ รอให้พ่อทำโทษที่แนนเหมือนที่ทำกับเน เนอ่ะนะเน แค่เล่นเสื้อเปื้อนพ่อก็ตี ร้องไห้พ่อก็ตี ต่อให้พี่แนนแกล้งเนก่อนพ่อก็ตีเน”
“...”
“เนทำคะแนนได้เกินครึ่งพ่อก็บอกว่าผิดหวัง ทั้งๆ ที่สอนนั้นเนโคตรตั้งใจเลย เนกล้าพูดเลยว่าครั้งนั้นเนตั้งใจที่สุดในชีวิตครั้งแรก แต่สุดท้ายไม่มีใครที่สนใจมันเลยเพราะตัวเลขนั้นมันยังไม่ได้ครึ่งคะแนนต่ำที่สุดของพี่แนน”
“เน...”
“พี่แนนดีทุกอย่างเนรู้ เพื่อนทุกคน เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่ทุกคนก็ย้ำตลอดว่าทำไมเนถึงไม่ได้ครึ่งพี่แนนบ้าง แล้วใครมาสนใจบ้างไหมว่าเนพยายามแค่ไหน พี่แนนดีทุกอย่าง ดีจนเนไม่น่าเกิดมาเลย”
“...”
“พ่อกับแม่ไม่เคยสนใจเลยว่าเนจะเข้ามหาลัยคณะอะไร แม่เอาแต่พูดว่าให้เลือกคณะที่เข้าได้ก็พอ พ่อก็แค่บอกให้เข้ามหาลัยให้ได้อย่าให้ขายหน้าเพื่อนพ่อ เคยไหมที่จะถามเนหน่อยว่าเนอยากทำอะไร ช่วยเนคิดว่าเนควรทำยังไง หรือแค่ถามว่าเนไหวไหม”
“...”
“เพราะถ้าถามหน่อยเนจะได้ตอบว่าไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว” เนปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้ม ใบหน้าดื้อนั่นจ้องคนเป็นพ่อนิ่งๆ  “เนไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงดี เนกลัวจะตายแล้ว เนกลัวอนาคต เนกลัวล้มเหลว เนโง่ ถ้าเนสอบไม่ติดคณะที่ตัวเองเข้าพ่อกับแม่จะทำยังไง เนกลัวไปหมดเลย กลัวมากๆ ไม่มีใครอยู่ข้างเนเลย”
“เน ลูก...”
“พ่อกับแม่อยากมีเนจริงๆ หรอ เนผิดตรงไหนหรอที่เนบอกว่าเนไม่น่าเกิดมาเลย...”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
มีแค่เพียงเสียงลมหอบหายใจของเน

“...”
“... กับลุงเนไม่เคยต้องพยายามอะไรเลย เนแค่เป็นเน เนไม่ต้องเป็นเนที่เรียนเก่งถึงจะรักเน ต้องเป็นเนที่เข้ามหาลัยได้ถึงจะรักเน ไม่ต้องเป็นเนที่ทำสอบดีถึงจะรักเน” เนบีบมือผมแน่น บ่าเล็กสั่นระริก ผมได้แค่บีบมือเล็กกลับไม่ได้พูดอะไรขัดออกไป
“เน”
“เนมีตัวตนเวลาอยู่กับลุง เนไม่ได้อยู่คนเดียว เนทำผิดก็ยังมีคนคอยดุแล้วก็ปลอบเวลาเนร้องไห้”
“มัน... มันก็แค่หลอกแก แกเป็นเด็ก แกไม่รู้อะไร”
“ใช่พ่อ เนไม่รู้อะไรเลย เนมันเป็นแค่เด็ก เนคิดอะไรซับซ้อนแบบผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก แต่เนแค่มีความสุขเวลาอยู่กับลุง ถ้านั่นคือการหลอกเนก็ยอมให้ลุงหลอก”
“เน...”
“เนไม่เคยขออะไรพ่อกับแม่ได้อยู่แล้ว แต่เนก็ยังจะขอ ถือว่าขอครั้งสุดท้ายก็ได้ เนขอร้อง ...ปล่อยเนไปเถอะ”

น้ำตาหยดเล็กบิดหล่นไหลไปตามขอบแก้มนิ่ม
ผมกระชับมือเล็กไว้แน่น อยากจะคว้าเข้ามากอดให้จมอกแต่ก็ต้องห้ามตัวเองไว้


“ผมเองขอต้องขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ที่วัยเท่านี้แต่ก็ไม่หักห้ามใจตัวเอง แต่ผมขอสัญญาว่าผมจะดูแลเนอย่างดี ผมไม่เคยหวังร้ายอะไรกับน้อง ถึงแม้-“
“คุณกลับไปเถอะ” ผมยังพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มของพ่อเนก็เอ่ยตัดบท นั่นทำเอาผมชะงักไปเลยเหมือนกัน
“พ่อ...”
“เนขึ้นไปบนห้อง ส่วนคุณกลับไปก่อน”
“พ่อ ไม่... ไม่ไป เนจะไปกับลุง” เนจับแขนผมไว้แน่น
“ฉันบอกให้กลับไป”
“ลุง เนไม่อยู่ที่นี่ เนจะไปกับลุง”
“เนขึ้นห้อง แนนพาเนขึ้นไป ส่วนคุณกลับไปก่อน” พ่อของเนตวัดตามองผมก่อนจะเอ่ยเสียงเบาเหมือนหมดแรง “ถือว่าผมขอ”
 
แววตาของผู้เป็นพ่อตรงหน้าผมไร้ซึ่งอารมณ์โกรธเหมือนตอนแรกเหลือไว้แต่เพียงความเสียใจและขอร้อง สรรพนามที่เรียกผมก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคำขอร้องที่ต้องการให้ผมรับไว้ ผมจึงได้แต่ผละออกจากร่างเน ต่อให้สู้ต่อก็คงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่นักกบัทุกฝ่าย คงจะต้องรอให้สถานการณ์ดีกว่านี้อีกครั้ง พอเนเห็นว่าผมถอยตัวออกหน้าดื้อนั่นก็หันมาตาโตใส่ผมทันที
 
“ลุง อย่า...”
“กลับขึ้นห้องไปก่อนนะ” ผมยิ้มเบาๆ ให้กับเนที่ส่ายหัวไม่หยุด น้ำตานั่นทำให้ผมปวดใจจนจุก ได้แต่ทำแข็งใจฝืนยิ้มส่งไปให้น้อง
“ลุงอย่าทิ้ง อย่าทิ้งเน”
“ไม่ทิ้ง แต่ขึ้นห้องไปก่อนนะ”
“ลุง...”
“เน เชื่อพี่”
“ไม่เอา เนไม่เอา ลุง เนขอร้อง อย่าทิ้งเน อย่าทิ้งเน”
“พี่รักเนนะ”

 ผมก้มลงจูบที่หลังมือช้ำนั่นก่อนจะปลดมือตัวเองออกมา เท่านั้นเนก็ร้องไห้เหมือนเขื่อนแตกพยายามตะกายตัวมาหาผมแต่ก็โดนแม่และแนนรั้งตัวไว้ เสียงเล็กร้องไห้ตะโกนเรียกชื่อผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เป็นครั้งแรกที่ขาของผมหนักขนาดนี้ มันหนักจนแทบยกขาไม่ขึ้น ทุกก้าวที่เดินออกห่างจากตัวบ้านเหมือนก้าวลงบนมีด เสียงร้องไห้ของเนเหมือนมีดที่กรีดใจ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลผ่านแก้มนุ่มนั่นเหมือนค่อยๆ หยดท่วมลงบนใจจนผมจมดิ่งลึกลงไปในบ่อน้ำตานั่น

... อึดอัดจนหายใจไม่ออก
 

เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ว่าจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมไม่ได้หยุดการกระทำ
มันไม่ได้เจ็บรวดร้าวจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่เป็นความเจ็บที่อึดอัดจนพูดอะไรไม่ออก
 

ถ้าวันนี้จะให้โทษใคร...
ผมก็คงจะโทษตัวเองที่ไม่ห้ามตัวเองในวันนั้น
 
 
 ---

 
 

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มันคือความเจ็บปวด

ออฟไลน์ Prinyin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คือเเบบฉันร้องไห้เลยอ่ะ เเงงง สงสารน้องง

ออฟไลน์ mister

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • https://www.facebook.com/JJSonkFanclub
แงน้ำตาแตกมาก :o12: :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
 สวยงามมากมาย กับความรัก ความอบอุ่น ของครอบครัวจอมปลอม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2020 14:40:10 โดย t2007 »

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
สามหกสิบแปด 19
ความพี่น้อง
 
 
Naynay
 
 
หากคนเรามีความกล้าในชีวิตจำนวนร้อยหน่วย
ผมก็คงได้ใช่ความกล้าทั้งหมดนั้นไปแล้วในวันนี้
 

ผมได้แต่กอดผ้าห่มซุกหน้าร้องไห้แบบไม่มีเสียง มันแทบไม่มีเสียงให้ออกมาแล้ว จมูกก็ตันจนหายใจไม่ออก ทรมานจนอยากจะหยุดหายใจ ผมถูกยึดโทรศัพท์ ถูกขังไว้ในห้องนอนเหมือนนักโทษ ถึงจะโดนบ่อยมาตั้งแต่เด็กเวลาทำผิดแล้วถูกขังให้ใช้เวลาทบทวนความผิดตัวเองหรือขังทำโทษเวลาโดนจับได้ว่าโดดเรียน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเสียใจ
 
ผมเสียใจ...
เสียใจที่สุด ที่สุดแทบจะที่สุดในชีวิตที่เคยรู้สึกเสียใจมา
ผมพูดไปหมดทุกอย่างที่รู้สึกแล้ว ผมคิดว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้น แต่ไม่เลย ทุกอย่างไม่ดีขึ้นแถมยัง แย่ลงเพราะลุงเลือกจะเดินออกไปตามคำสั่งพ่อผม ทั้งๆ ที่ผมสู้ที่สุดแล้วแท้ๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย ผมพูดทุกอย่างไปมันดีหรอ หรือเพราะอะไร แล้วมันจะเกิดอะไรต่อ
 

แค่รู้ว่าลุงไม่ได้อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหายไปแล้ว
เจ็บหัวใจจัง...
รู้สึกเหมือนโลกถล่มเลย กลัว กลัวทุกอย่างเลย
 

ก๊อกๆ

 
“เน... พี่เอง” ผมสะอื้นแต่ไม่ได้ตอบอะไรไปอยู่ดี สักพักก็มีเสียงแก็กปลดล็อคตามด้วยเสียงเปิดประตู เสียงเท้าย่ำค่อยๆ ขยับมาใกล้เตียงพร้อมกับแรงยุบเบาๆ บ่งบอกว่าพี่แนนนั่งลงข้างผม
“ฮึก...”
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ตาบวมหมดแล้ว”
“...”
“ไม่อยากคุยกับพี่แล้วใช่ไหม แต่พี่อยากคุยนะ คุยกันหน่อยได้ไหม”
“พี่แนนไม่ต้องยุ่ง”
“เจ็บมือไหม พี่ทำแผลให้ไหม”
“ฮึก...”
“ขอโทษนะเน”
“...”
“พี่เป็นพี่สาวที่ไม่ดีเลยใช่ไหม พี่ไม่เคยรู้เลยว่าพี่ทำให้เนเสียใจขนาดนั้น ขอโทษนะ” มือพี่แนนลูบเบาๆ บนหัวผมนั่นทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักขึ้น
“เน... เนก็เกลียดตัวเองที่เกลียดพี่แนน เนรักพี่แนนนะ แต่เนแค่... เนแค่...”
“พี่ผิดเอง”
“...”
“ก็จริงอย่างที่เนพูด พี่ไม่เคยสนใจเลยว่าเนไหวไหม ไม่เคยเป็นที่ปรึกษาเวลาเนเครียดหรือเสียใจเลย พี่คิดแค่ว่าเนยังเด็กก็แค่เรียกร้องความสนใจไปตามวัย พี่... ไม่เคยทำหน้าที่พี่สาวที่ดีให้เนเลย” เสียงพี่แนนสั่นระริกนั่นยิ่งทำให้ผมร้องไห้หนักขึ้น

 
ผมไม่ชอบเวลาพี่แนนร้องไห้ ตั้งแต่เด็กแล้ว
ถ้าพี่แนนร้องไห้ผมก็จะร้องไปด้วย
 
 
 
“ฮึก ไม่จริง พี่แนนมารับมาส่งเนไปเรียน พี่แนนเป็นพี่ที่ดี เนผิดเอง ฮึก เนเป็นเด็กไม่ดี เนแค่อิจฉาพี่แนนที่ได้ดีตลอด เนแค่อยากเป็นแบบพี่แนนแต่เนทำไม่ได้ เนขอโทษ”
“อย่าขอโทษ เนไม่ผิด เนไม่จำเป็นต้องเป็นแบบพี่”
“แต่เนรู้สึกว่าตัวเองผิด เนเป็นน้องที่ไม่ดี เนเป็นขี้อิจฉา เนอ่ะ ฮึก เน...”
“ถ้างั้นเราก็เป็นพี่น้องที่ไม่ดีทั้งคู่”
“ฮึก...”
“เน ที่บอกว่าไม่น่าเกิดมาน่ะ”
“...”
“รู้เปล่า พี่ดีใจมากนะตอนที่แม่รู้ว่าท้องเน”
“...”
“อย่าคิดแบบนั้นอีกนะ”
“ฮึก พี่แนน”
“พี่เป็นพี่ที่ไม่ดี แต่พี่ไม่เคยเกลียดเนเลยนะ มันอาจจะสายไปที่จะพูด เนอาจจะไม่อยากมีพี่เป็นพี่สาวแล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งเนไม่เหลือใคร เนยังมีพี่อยู่เสมอนะ จริงๆ ก็มีตั้งแต่วันแรกที่หายใจแล้วแต่แค่พี่ไม่ได้พูดออกไปเฉยๆ” เสียงพี่แนนเงียบไปก่อนจะเอ่ยต่อ “เพราะงั้น...”
“...”
“อย่าพูดว่าอยากตายอีกเลยนะ”

ผมสะอื้นจนเจ็บน่าอก พี่แนนไม่ได้ทำอะไรนอกจากก้มตัวลงกอดผมไว้แน่นผ่านผ้าห่ม
 

ผมเคยไม่อยากมีพี่สาว
ไม่สิ ผมเคยไม่อยากมีพี่สาว... เป็นพี่แนน
แต่ทุกครั้งหลังจากนั้นผมก็นึกภาพตัวเองไม่มีพี่แนนในชีวิตไม่ออก
 

กับพี่แนน

ผมรักพี่แนนมาก โตมาก็มีแต่พี่แนนที่คอยเล่นด้วย เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิต นอนเตียงเดียวกัน กินข้าวด้วยกัน ไปโรงเรียนพร้อมกัน ถึงจะทะเลาะกันกี่ครั้งก็คืนดีกันทุกครั้ง ผมมักจะคอยเป็นตุ๊กตาให้พี่แนนแต่งตัวตั้งแต่เด็กแต่พอโตขึ้นสักพักพ่อถึงห้ามพี่แนนแต่งหน้าแต่งตัวผมอีกเพราะกลัวผมจะเบี่ยงเบนทางเพศ นั่นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมกับพี่แนนเริ่มห่างกัน เราต้องแยกกันดูการ์ตูนเมื่อบาร์บี้กับดิจิม่อนมันเข้ากันไม่ได้ แยกกันเล่น แยกห้องกันนอน เวลาเรียนที่ไม่ตรงกันทำให้เราไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนตอนเด็กๆ 
 
เรามาเริ่มห่างกันจริงๆ ก็เมื่อต่างคนต่างโต ต่างก็ต้องการพื้นที่เป็นของตัวเอง
... โดยไม่รู้ตัว
 
ระยะห่างของผมกับพี่แนนก็เพิ่มขึ้น
ผมเริ่มวิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่ทัน พี่แนนเองก็ไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จนผมหมดแรงจะวิ่งตาม
 
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ความสัมพันของผมกับพี่แนนมันออกมาเป็นแบบนี้
ทั้งอิจฉา ทั้งเข้าใจ ทั้งเกลียด ทั้งรัก
 


“เรื่องลุงน่ะ ตอนแรกพี่ไม่โอเคจริงๆ พี่ไม้อายุมากเกินไปสำหรับเน แล้ว... แล้ว... พี่ตกใจ ตกใจมาก พี่ไม่ได้ตั้งใจจะด่าขนาดนั้น แต่พี่อยากให้เนเข้าใจพี่ น้องชายตัวเองอยู่ในท่าแบบนั้นกับผู้ชายที่ ที่... อายุก็เยอะแล้ว พี่ตกใจมากๆ พี่ขอโทษ”
“เน...”
“เนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยระบายอะไรกับพี่ พี่..​พี่รู้สึกว่าเนยังเป็นเด็กอยู่เสมอ หลายครั้งที่พี่มองข้ามความรู้สึกเน พี่ไม่รู้ว่าพี่เคยพูดอะไรทำร้ายจิตใจเนไปบ้างแต่พี่ไม่อยากให้เนคิดว่าพี่เกลียดเนหรือพี่อยากให้เนรู้สึกแย่ถึงขนาดนั้น หลายๆ เรื่องที่เนพูดมา พี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันทำร้ายจิตใจเนขนาดนั้น ถ้าเราได้คุยกันบ่อยกว่านี้ ถ้าเราไม่พูดกันมากกว่านี้ ถ้าพี่ได้ฟังเนมากกว่านี้มันคงไม่มาถึงจุดนี้ ฮึก พี่ขอโทษ”
“พี่แนน อย่าร้อง”
“วันนี้ทำให้พี่รู้ว่าเนโตขึ้นแล้วมากๆ เลย ไม่ใช่เด็กเล็กๆ ที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ โตจนตัดสินใจได้ด้วยตัวเองแล้ว เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ตัวเลยว่าเนโตขนาดนี้ตอนไหน สำหรับพี่เนยังดูเหมือนเป็นไอ้เด็กดื้อที่พี่ต้องคอยดูแลอยู่ตลอดเพราะกลัวจะเสียคน”
“...”
“จนบางทีมันอาจจะมากเกินไป จนบางครั้งมันอาจจะผิดวิธี มัวแต่กลัวเนจะออกนอกลู่นอกทางจนไม่ได้สนใจความรู้สึกเราเท่าที่ควร ถ้าคะแนนพี่สาวเต็มสิบพี่คงสอบตก เป็นครั้งแรกเลยที่พี่สอบตก แย่จังน้า” พี่แนนหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวผม
“พี่แนน ฮึก”
“ถ้าพี่ไม้ดูแลเนดี แล้วเนเป็นคนตัดสินใจเอง พี่อาจจะไม่ได้สนับสนุนร้อยเปอร์เซ็นเพราะมันกะทันหันเกินไป แต่... ถ้าพี่ไม้ทำให้เนยิ้ม ทำให้เนสบายใจ ทำให้ไม่คิดทำร้ายตัวเอง”
“...”
“พี่ก็ไม่ขัดอะไร”
“พี่แนน”
“ไม่ดราม่าแล้ว พอๆ ฮึบ...” พี่แนนปาดน้ำตาตัวเองพร้อมกับส่งเสียงฮึบเหมือนกลืนน้ำตาลงคอ “ได้ข่าวว่าเรียนดีขึ้นนี่ วันที่พี่ไปรับเราคุณครูก็ชมมาว่าเหมือนเนผีเข้า ตั้งใจเรียนมากขึ้นเยอะจนผิดปกติ”
“อะไรกัน เนตั้งใจเรียนไม่ดีหรอ งั้นเนจะกลับไปโดดเรียนเหมือนเดิมก็ได้นะ”
“ไม่ได้บอกว่าไม่ดี แค่มันผิดปกติเฉยๆ เอ๊ะ อย่าหาเรื่องทะเลาะได้มะ ได้เด็กคนนี้นี่มันจริงๆ เลยนะ” พี่แนนตีป้าปเข้าให้ที่เหม่งผม
“พี่แนน ลุงคอยช่วยสอนการบ้านเน ก็ไม่ได้ครบทุกวิชาหรอกนะ บางวิชาเนก็ต้องถามเพื่อน”
“พี่ไม้จบมัธยมมากี่ปีแล้ว ไม่แปลกหรอกที่จะลืม”
“ลุงเก่งอังกฤษนะ สอนเข้าใจด้วย บางทีก็สไกป์กับเพื่อนฝรั่งให้เนคุยเล่น ตอนแรกล่กมากเลยฟังไม่รู้เรื่องแต่ตอนนี้... ก็ล่กเหมือนเดิมแต่ก็พอจะเข้าใจนิดๆ”
“...”
“เนเลยอยากเข้าคณะมนุษย์อิ้ง” พอผมพูดจบพี่แนนก็นิ่งไปสักพัก
“ปกติเกลียดอังกฤษจะตายนี่”
“อื้อ เกลียดมากกกก เทนท์อะไรเยอะแยะ”
“อ้าว”
“แต่ตอนนี้รู้สึกสนุกแล้ว อยากพูดได้คล่องๆ ”
“...”
“พี่แนนอย่าไม่ชอบลุงเลยนะ”
“...”
“เนตอนนี้ ไม่มีลุงไม่ได้จริงๆ นะ”
 

[... แล้วตอนอื่นไม่มีได้หรอ]
 

เห้ย!!!
 

ผีลุง!!!
 

 ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงลุง ถุงกับต้องลุกขึ้นมามองซ้ายมองขวาว่าลุงโผล่มาหรอ
แต่ก็ไม่ มีเพียงผมกับพี่แนนในห้อง อะไรฟะ คิดถึงจนหูหลอนไปเองแล้วหรอ ฮือออออ


“ฮืออออออออ ผีลุงงงง”
[ผีอะไร ห่างกันนิดเดียว แช่งกันแล้วหรอ] คราวนี้ผมมั่นใจแล้วว่าลุงต้องอยู่ในห้องแน่ๆ ผมรีบตบผ้าห่มป้าปๆ หาที่มาของเสียง ซึ่งก็ไม่มี
“คิกๆ “
“พี่แนนขำอะไรอ่ะ”
“อ่ะ ให้ยืมคืนหนึ่ง ก็บอกแล้วว่าไม่ขัด แต่ไม่ได้เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็น ไว้พี่ไม้พิสูจน์ตัวเองกับพี่ก่อนถึงจะเต็ม” พี่แนนยื่นมือถือตัวเองส่งมาให้ผม พอรับมาก็เห็นว่าเป็นคอลวิดีโอที่มาหน้าลุงอยู่เต็มจอ อยากจะขำที่สอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำว่าเวลาวิดีโอคอลอย่าเอามาใกล้หน้า แต่ตอนนี้น้ำตามันเอ่อเต็มตาไปหมดจนขำไม่ออก


แหมะ...
เนี่ย อุตส่าห์จะหยุดร้องก็ร้องต่ออีกแล้ว

[หยุดร้องได้แล้ว]
“งั้นพี่กลับห้องแล้ว อย่าลืมทายาที่มือด้วยนะเน ถ้าเจ็บเกินไปก็เรียกได้ พี่พาไปโรงพยาบาล แล้วก็แม่ทำข้าวต้มไว้ให้แต่แช่ไว้ในตู้เย็น ถ้าหิวก็ลงไปอุ่นกินนะ” พี่แนนลูบหัวผมก่อนจะลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง
“พี่แนน”
“หืม? “
“เนรักพี่แนนนะ”
“อารมณ์ไหนมาบอกรัก”
“เนขอโทษที่พูดไม่ดีใส่นะครับ”
“พี่ก็ขอโทษนะ”
“...”
“หายกันนะ” พี่แนนยกนิ้วก้อยขึ้นมาชูเหมือนเวลาที่เราชอบใช้หลังจากทะเลาะกันเสร็จ ผมยิ้มก่อนจะยกนิ้วก้อยตัวเองขึ้นเกี่ยว
“อื้อ”
“จากนี้ก็ค่อยๆ ปรับไปนะ ส่วนพ่อ...” พอพูดถึงพ่อผมรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที กับพี่แนนเรายังคุยกันเหมือนเพื่อนได้ง่าย
 

แต่พ่อ...
 

“เน...”
“อย่าเพิ่งไปคิดมากเลย พ่อเขาหัวโบราณรับเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอก มันต้องใช้เวลา ไว้พี่จะช่วยพูดให้อีกแรง วันนี้พักก่อนเถอะ พี่ไม้ก็อย่าชวนเนคุยจนดึกนะคะ” แล้วพี่แนนก็ขยี้หัวผมอีกรอบก่อนจะยิ้มบางแล้วหันตัวเดินออกจากห้องไป พอเสียงประตูปิดผมก็หันกลับมามองมือถือในมือ หน้าลุงยังคงอยู่ใกล้จอเหมือนเดิม


“ลุง”
[หืม]
“ใจร้าย”
[นั่นสินะ] ใบหน้าที่ผมคิดถึงนั่นยิ้มเบาๆ แต่ตีนกาก็ขึ้นมาหลายรอย ผมทิ้งตัวนอนพร้อมกับจ้องลุงผ่านจอมือถือ
“... เนคิดถึงลุง เนอยู่ไม่ได้”
[เราน่ะอยู่ได้อยู่แล้ว]
“ลุง”
[... แต่อยู่ด้วยกันมันดีกว่า พี่ก็คิดถึงเรา] พอถึงตอนนี้น้ำตาผมก็มาออที่หัวตาอีกรอบ ผมเม้มปากแน่น
 


คิดถึงลุง คิดถึงห้องนอน
คิดถึงกลิ่นแชมพู
คิดถึงบ่าอุ่นๆ
คิดถึงปากลุงที่ชอบจูบ

คิดถึงทุกอย่างเลย
 


“ลุง ถ้าพ่อไม่ยอมรับลุง ลุงจะทำยังไง”
[ก็คงทำจนกว่าจะยอมรับ ให้พาหนีคงทำไม่ได้หรอกเลิกคิดไปเลย]
“ลุงรู้ได้ไงว่าเนคิด”
[เราดูละครเยอะ ชอบคิดอะไรเหมือนละคร]
“ลุง... พ่อต่อยเน พ่อเกลียดเนมากแน่เลย” ผมปาดน้ำตาออก รำคาญน้ำตาแต่ก็ห้ามไม่ร้องไม่ได้
[พี่ว่าคุณลุงเขาก็รู้สึกผิดที่ลงไม้ลงมือกับเรา เขาคงโกรธ แต่ไม่ได้เกลียดหรอก]
“เนกลัวมากเลยนะวันนี้ แต่ถ้าลุงไม่อยู่ด้วย เนคงไม่กล้าพูดหรอก เนอ่ะนะเนอ่ะ รู้สึกว่าต่อให้วันนี้ทั้งบ้านไม่รักเนแล้ว ทั้งบ้านจะตัดหางเนปล่อยวัด เนก็ยังมีลุงอยู่ เนเหลือแค่ลุงแล้ว ลุง... ลุงอย่าทิ้งเนนะ เนขออยู่กับลุงก่อน ต่อให้ลุงเบื่อเนแล้วลุงก็อย่าเพิ่งทิ้งนะ เนขออยู่ด้วยก่อน แต่จะหางานทำไม่ให้รบกวนลุงเลย”
[เอ้า ตาบวมหมดแล้ว หยุดร้องได้แล้วเน]
“ฮึก เนอยากกอดลุง
[รหัสห้องพี่เราก็รู้ไม่ใช่หรอ]
“อื้อ”
[มันจะเป็นเลขนั้นไม่มีวันเปลี่ยน มันเป็นที่สำหรับเราอยู่เสมอ อยากมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก]ผมยกผ้าห่มขึ้นมากัด ยิ่งฟังเสียงลุกยิ่งอยากซุกร้องไห้ด้วย อยากกลับห้องลุงแล้วซุกลุงอยู่แบบนั้น
“รหัสมันเปลี่ยนได้นี่”
[งั้นเจอกันคราวหน้าพี่ให้กุญแจไว้เลยก็ได้ นี่ หยุดร้องได้แล้วเน พี่ต้องพูดยังไงเราถึงจะหยุด]
“เนอยากหยุดร้องจะตายแล้ว หายใจไม่ออก แต่พอได้ยินเสียงลุงอ่ะ ฮึก มันช่วยไม่ได้นี่!!!”
[หยุดร้องเถอะ]
“...”
[พี่เจ็บหัวใจจะตายแล้ว]
 

ฮึก...
ลุงบ้า...
พูดจาแก่มาก เหมือนพระเอกละครสมัยก่อนเลย...

 
“ลุง น้ำเน่า”
[... เด็กนี่]
“ว่าแต่จะให้กุญแจเนเลยหรอ กุญแจมีดอกเดียวไม่ใช่หรอลุง”
[อืม]
“อ้าว นี่ลุงให้ห้องเนหรอ”
[... จะว่างั้นก็ได้]
“ลุง รวยมากหรอ”
[พี่รวยกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลยเน] ลุงพูดติดหัวเราะในลำคอ
 

ก็พอจะรู้หรอกนะ พี่แนนก็เคยเล่าให้ฟังบ้างว่าบ้านพี่สีน้ำรวยมาก รวยแบบไปต่างประเทศเหมือนฝรั่งเศสอยู่หน้าปากซอย ส่วนญี่ปุ่นอยู่หน้าบ้าน สมัยเรียนคือแค่เสาร์อาทิตย์ก็บินไปเที่ยว รวยจนตอนรู้จักกันแรกๆ พี่แนนเกลียดขี้หน้ามากแต่สุดท้ายดันกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไงไม่รู้
 

“เบื่อคนรวย แต่เนไม่เอาหรอก ห้องอ่ะ”
[อ้าว...]
“เนอยากได้ห้องที่มีลุงอยู่ไม่ใช่แค่ห้องเฉยๆ “ ถ้าแค่กลับไปเจอห้องเปล่าๆ ก็ไม่เห็นจะน่ากลับไปตรงไหนเลย ห้องของลุงมันน่ากลับไปเพราะมีลุงอยู่ต่างหาก
[หึ เดี๋ยวโตกว่านี้ก็ลืมพี่แล้ว]
“ลุงเลิกพูดเหมือนเนรักลุงเพราะเนเป็นเด็กได้ไหม ทำไม โตขึ้นเนเจอเพื่อนหล่อแล้วเนจะเลิกรักลุงงี้หรอ วู้ว เนไม่ได้รักลุงที่หน้าตานะเพราะถ้าเป็นงั้นเนไม่รักลุงหรอก”
[ถ้าอยู่ใกล้ๆ พี่จะตีให้เหม่งแตกเลย]
“ฮี่~ ล้อเล่น”
[เน พรุ่งนี้น่ะ ขอโทษพ่อแม่เราด้วยนะ]
“...”
[จำที่พี่บอกได้ใช่ไหม]
“แต่เนไม่ผิด เนโดนพ่อต่อยนะ”
[แต่เราก็พูดอะไรทำร้ายจิตใจเขาออกไปเหมือนกัน แยกกันสิ พ่อต่อยเราพ่อก็ผิด แต่บางคำพูดเราก็ไม่ควรพูด ทำใครเสียใจก็ไม่ดีทั้งนั้น พี่เคยบอกเราว่ายังไง]
“...” ผมเงียบไปทันทีที่ลุงพูดจบ หน้าลุงในจอมือถือเหมือนจะยิ้มเหนื่อยอ่อนกลับมาให้ผม
[ก้อนดื้อ ตอบพี่หน่อย]
“อื้อ”
[อื้อ? ] ไม่ย้ำแค่เสียง มีขมวดคิ้วดุด้วย
“ต่อให้มีความผิดแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องขอโทษ”
[เด็กดี... แล้วแผลเป็นไง ที่หน้ากับมือ เจ็บมากไหม]
“อื้อ เจ็บมาก เจ็บสุดๆ ตาเนข้างขวาเนบวมด้วย มันเจ็บตุ้บๆ เลยอ่ะ”
[...]
“เจ็บขนาดนี้ ลุงต้องรีบมาโอ๋เนแล้วนะ” ทำอ้อนไปงั้นแต่ผมเจ็บตาจริงๆ ครับ ผมไม่รู้ว่ายั้งมือไหม แต่จำได้ว่าจังหวะที่หมัดกระทบหน้า ตัวผมกลิ้งแบบเท้าลอยจากพื้นเลย ไม่ทันได้เจ็บ มันชามากกว่า แต่พอนอนไปสักพักผมถึงเริ่มรู้สึก
 

ทั้งเจ็บแก้ม เจ็บตา เจ็บหลังที่กระแทกเก้าอี้ เจ็บมือที่ทุบประตู
ระบมไปทั้งตัวเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากนอนทนไป ได้แค่ถอนหายใจยาว ถ้าผมอยู่กับลุง ถ้าผมกลับไปกับลุง ป่านนี้ลุงคงพาไปทำแผลแถมทำหน้าดุบังคับให้กินยาแล้วแหง
 

เนี่ย...
คิดถึงอีกแล้ว
 

[อย่าอ้อน]
“อยากจูบลุง เนี่ย ถ้าลุงไม่เล่นตัวแล้วจูบเนให้มันจบๆ ในห้องทำงานตั้งแต่แรก วันนี้เนคงคิดถึงจูบลุงน้อยลงแล้ว พอจูบน้อยแล้วต้องห่างกัน เนอยากจูบมากกว่าเดิมอีก”
[งั้นก็ดีแล้ว]
“ดียังไง”
[เนจะได้ ...คิดถึงพี่เยอะๆ] ผมยิ้มให้กับลุงที่หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย อะไรนั่นน่ะ พูดเองเขินเองแบบนี้ก็ได้หรอคนเรา
“ลุง แก่แล้วนะ อย่าทำตัวแบ๊ว”
[นอกจากตีเหม่งแตกพี่ว่าจะหยิกแก้มให้ช้ำด้วยเลยแล้วกัน ไอ้ก้อนดื้อ]
 

‘ ไอ้ก้อนดื้อ ‘
 ฉายาสุดแสนจะคิวต์ที่ลุงตั้งขึ้นมาให้ผม เหมือนจะน่ารัก แต่เอ๊ะ ฟังไปมาเหมือนก้อนขี้เลย ลุงตั้งใจให้เหมือนรึเปล่านะ แล้วลุงก็พูดไปงั้นแหละ พอผมมีแผลหน่อยก็มานั่งทำหน้าหงุดหงิด คนแก่นี่ปากแข็งแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ
 

เอ๊ะ
 
แต่ลุงก็ปากนิ่มอยู่นะ
 

“ลุง”
[หืม]
“เนอยากเข้ามนุษย์อิ้ง”
[โอ้] ลุงอุทานเหมือนตกใจก่อนจะยกยิ้ม [เลิกเกลียดภาษาอังกฤษแล้วหรอเรา เห็นปกติเจอแบบฝึกอังกฤษก็งอแงแล้ว]
“เกลียดเหมือนเดิม”
[อ้าว...]
“เลยอยากรู้ว่ามันจะแน่สักแค่ไหนไอ้อังกฤษเนี่ย”
[เห้อ เด็กบ้า] ถ้าเราอยู่ด้วยกันลุงคงยีหัวผมจนฟูแล้ว โทษฐานพูดจาเด็กเกินลุงเข้าไม่ถึง ถึงงั้นลุงก็เริ่มจะใช้คำวัยรุ่นขึ้นเยอะแล้วนะครับ แน่นอนว่าอาจารย์ทางด้านภาษาไม่ลุงศาสตร์ก็คือผมเอง อาจารย์เน!!!
“ถ้าเนสอบติด ลุงจะให้อะไรเป็นของขวัญเน”
[ถ้าเราสอบติดมันเกี่ยวกับพี่ซื้อของขวัญยังไง]
“ลุงอย่าขี้สงสัยสิ ตอบเนมาก่อน”
[พาไปเที่ยว]
“ทะเลหรออออออออ” ผมยิ้มตาปิดเมื่อนึกถึงว่าจะได้ไปทะเล ดีเหมือนกัน รอบที่แล้วยังไม่สะใจเท่าไหร่เลยเพราะไปได้ไม่กี่วัน อยากอาบแดดแบบในหนังฝรั่งให้ตัวแทนเป็นมันเผาเลยยยยย
[ไปวัด]
 

... พีค
อะไรของลุง ทำไมต้องไปวัด เกิดรักศาสนาขึ้นมาเลยหรอ เห้ย หรือว่าเพราะแค่พ่อแม่ผมไม่ยอมรับลุงเลยอยากบวช เห้ยยยย นี่มันเกินไปแล้วนะ!!!
 

“ลุง แค่พ่อกับแม่เนยังไม่ยอมรับ ลุงถึงกับต้องพึ่งทางบุญแล้วหรอ ลุงบวชไปพ่อเนก็ไม่ได้จะชอบลุงหรอกนะ ลุงบาปกว่าเดิมอีกนะ เพราะลุงจะเป็นพระแก่ที่ชอบเด็ก ดูดิ ฟังดูบาปกว่าแค่ลุงที่ชอบเด็กเฉยๆ อีกนะ”
[... วัดอาซากุสะ]

 
เอ๊ะ คุ้นๆ ผมเหลือบตามองบนเล็กน้อยเพราะรู้สึกคุ้นชื่อวัดมาก ฟังดูก็รู้ว่าคงไม่ใช่วัดไทยหรือวัดจีนในแถบกรุงเทพแน่นอน

อาซากุสะ อาซากุสะ
คุ้นๆๆๆ เหมือนเคยไปมาก่อน คุ้นมากๆ อาซากุสะ
 
อาซา... อ๊ะ
 

“ลุง วัดมันอยู่ญี่ปุ่นป่ะ เนว่าเนเคยไปซื้อเครื่องรางที่วัดนั้น”
[ใช่]
“ลุงจะพาเนไปญี่ปุ่นหรอ!!!!”
[อืม ฟรีทั้งทริป]
“โอมายก็อดดดดดดดดด เนรักลุงงงงงง โอ๊ะ เจ็บปาก” เผลอโวยวายเกินไปเล็กน้อย แผลที่ปากแตกเลยตึงขึ้นมาเสียแบบนั้น พอผมครางว่าเจ็บแผลลุงก็ขมวดคิ้ว
[ทายาด้วยนะเน]
“อื้อออออ”
[อื้อ?]
“คร้าบบบบ ครับผมมมม เนจะเป็นเด็กดี จะตั้งใจติวเลย ลุงพูดแล้วลุงพูดแล้ว เอ๊ะ ลุงพูดใหม่ได้มะ เดี๋ยวนะจะอัดหน้าจอไว้ เผื่อลุงเบี้ยวขึ้นมา”
[ไม่เบี้ยวหรอกน่า นอนได้แล้วไอ้ดื้อ]


ชิ...
รู้หรอกว่าคนอย่างลุงคงไม่เบี้ยวเรื่องแบบนี้หรอก ผมยู่หน้ายู่ตาก่อนจะล้มตัวถึงผ้าห่มขึ้นมาปิด เหลือแต่ลูกตาที่มองจ้องจอ


“ลุง ฝันดีนะ”
[อืม ฝันดี]
“อย่าเพิ่งวางจนกว่าเนจะหลับนะ”
[อืม]
“อืม?” ผมย้อนกลับแบบที่ลุงชอบทำ
[หึ... ครับ เข้าใจแล้ว นอนซะ]


 
ผมขยับตัวเข้าไปใกล้มือถือพี่แนนอีกนิดหน่อย เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่มโนเอาว่าเหมือนได้ใกล้ลุงเข้าไปมากขึ้น พอจัดที่จัดทางเรียบร้อยก็หลับตาลง วันนี้ผมเหนื่อยมามากแล้ว วันพรุ่งนี้ก็อาจจะเหนื่อยเหมือนเดิมหรืออาจจะเหนื่อยมากขึ้น
 
แต่ผมจะไม่เป็นไรเพราะผมยังมีคนรอยินดีและปลอบใจอยู่เสมอ
ต่อให้ไม่มีญี่ปุ่นมาล่อ ผมก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับไปอยู่กับลุง 
 
การหลับตานอนเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ในคืนนี้ แต่เพราะมีลุงอยู่ข้างๆ แม้จะมาในรูปแบบคอลไลน์ แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าโลกของผมยังหมุนต่อ
 
โลกของผม
คือโลกที่มีลุงอยู่ด้วย
 
แล้วคืนนั้นผมก็หลับลงอย่างง่ายดาย 
 
             


--



ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
สงสารน้องเนน้ำตาไหลตามน้องเลย
ไอ้ตัวดื้อ ร้องไห้ไปยังจะกวนลุงไปได้อีก มันน่าเข้วจริงๆ อดทนนะเน หนูเก่งมากแล้ว ลุงต้องรักเน หลงเนคนเดียว เชื่อป้าลู้กกก

 :pig4: หายไปนาน กลับมาอีกจุใจมากกก มีน้องหญิงกับพี่พี่ มาร่วมแจมด้วย คิดถึงงงง
เจ้าตัวดื้อ ก็นับวันยิ่งน่าเอ็นดู เจ้าแสบเอ้ยย รวบรับจับลุงเป็นเเฟนได้หน้าตาเฉย อ่านไปขำไปอ่าน เนลู้กกก
ส่วนลุง ก็ได้แต่เอาใจช่วย ให้รอดคุกไปวันๆ แฟนเด็กยั่วเร้าหัวใจ ให้ทำบาปเหลือเกิน :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2020 17:07:58 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ mister

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • https://www.facebook.com/JJSonkFanclub
ขอให้คุณพ่อเข้าใจเนในเร้ววันด้วยเถอะ สาธุ :hao5:

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :hao5: สงสารน้อง

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :sad4: น่าสงสาน้องมากๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เพิ่งมาอ่านสนุกมากเป็นกำลังให้ก้อนดื้อและลุงไม้นะคะ :mew1:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
น่ำตาไหลหนักมาก

ออฟไลน์ Oiimaps

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +331/-2
#สามหกสิบแปด 20

กุ๊งกุ๊งที่ 20 : นักรบหัวจุกน้ำพุที่ต้องสู้





และก็เป็นเช้าอีกหนึ่งวันที่ผมตื่นอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เพราะนาฬิกาปลุกเพราะผมไม่มีมือถืออยู่กับตัว แต่เป็นเพราะว่า



ผมฝันร้าย!!!

ร้ายสุดๆ !!!



ผมฝันว่าลุงในสภาพหัวโล้นห่มผ้าเหลืองเดินมาหอมหัวผมแล้วบอกว่า



‘เด็กดีของพี่ ตั้งใจเรียนแล้วไปคิโมจี้กันที่ญี่ปุ่นนะจ๊ะ’



บาปปปปป บาปมาก บาปไม่ไหวแล้ว

อะไรทำให้ผมฝันแบบนั้นไปได้ พระลุงเวอร์ชั่นหื่นกามเนี่ยนะ ต้องเป็นเพราะแผลระบมบนหน้าบนตัวแน่นอนๆ แน่ๆ ไม่มีทางที่มันจะมาจากจิตสำนึกผมแน่ๆ โอ๊ยยยยยยยยยย อยากจะบ้าตายยยยย



พระลุงเนี่ยนะ

พระลุง!!!!



เพราะลุงคนเดียวเลยที่จู่ๆ ก็พูดเรื่องวัดขึ้นมาเมื่อวาน วันนี้ผมเลยเพ้อเจ้อแต่เช้าเลย มีที่ไหนฝันถึงพระ ฮึ่ย!!!



ก๊อกๆ





“น้องเน ตื่นไหวไหมลูก วันนี้ไปโรงเรียนไหวไหม” เสียงแม่ดังมาจากหน้าประตูห้อง ผมที่กำลังทุบหัวตัวเองกับความฝันแสนพิลึกเลยต้องรีบหยุดนิ่ง

“วะ ไหวแม่ เนจะไปโรงเรียน”

“โอเค แม่ทำไส้กรอกปลาหมึกไว้เป็นข้าวเช้านะลูก”

“อื้มมม เอ้ย ครับบบบบบบ” ผมขานรับก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำ ไม่ลืมล้างหน้าพร้อมกับพูดฝันร้ายจงกลายเป็นดีสามรอบแก้เคล็ดด้วย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมากินข้าวเช้าปกติ ที่ไม่ปกติวันนี้ก็น่าจะเป็นพ่อที่มานั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องครัว แปลก ปกติพ่อไม่ตื่นเช้าขนาดนี้ แถมมานั่งกินข้าวเช้าด้วย แปลกสุดๆ ผมลังเลอยู่นิดหน่อยว่าควรจะทำตัวอย่างไร ควรเมินดีไหมเพราะพ่อก็ทำไม่ถูกที่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับผมเมื่อวาน มันเกินไป ต่อไม่เคยต่อยผมมาก่อน แต่พอจะไม่ไหว้ก็นึกถึงคำพูดลุงเมื่อวานขึ้นมา

เฮ้อ ลุงนะลุง

“พ่อ สวัสดีครับ”

“แค่กกกก” เป็นพ่อแทนที่สำลักกาแฟออกมา ผมมองพ่อพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย จะว่าไปลุงก็ทำตัวเหมือนพ่อนิดหนึ่งแหะ

“แม่ มีซอสมะเขือเทศไหม”

“มีๆ พอดีเมื่อวานก่อนพี่แนนสั่งพิซซ่ามากินที่บ้านแล้วเขาแถมซอสมาให้เสียเยอะเลย” แค่รู้ว่ามีก็ดีใจแล้ว ผมทรุดตัวนั่งลงบนที่นั่งเยื้องกับพ่อ ไม่เลือกเผชิญหน้าตรงๆ แค่เกือบตรงๆ ก็พอแล้วกันนะ ถึงจะนั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันแต่ก็ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นมีแค่เพียงเสียงเคี้ยวหงับๆ ของผมกับเสียงเปลี่ยนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ของพ่อ



อึดอัด...

ผมรีบๆ เคี้ยวไส้กรอกเพื่อที่จะได้รีบไปโรงเรียน อยากเจอลุงจะตายอยู่แล้ว



“เน รีบกินทำไมนัก เดี๋ยวติดคอนะลูก”

“เปล่ารีบ เนหิวหรอก”

“เดี๋ยววันนี้พ่อเขาไปส่ง ไม่ต้องรีบไปขึ้นรถเมล์หรอก” พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ขมวดคิ้วทันที

“เนไปเองได้”

“จะไปส่ง” เสียงพ่อดังขึ้นทำเอาผมแอบใจฝ่อไปเล็กน้อย

“แต่เนไปเองได้”

“คิดว่าไม่รู้หรือไงว่ารีบไปเพราะอะไร”

“ตะ แต่ เนจะไปเอง” ผมกำหมัดแน่น พ่อรู้ พ่อรู้แล้ว

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำหลายๆ รอบ” ผมกัดปากตัวเองแน่น ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้แล้วแท้ๆ

“นะ เนจะไปเอง พ่อไม่ต้องไปส่ง”

“มันไม่มาหรอก”

“...”

“พ่อให้แนนโทรบอกแล้ว”

“...”

“ไปขึ้นรถ”



ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย...

ผมได้แต่กลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น หัวใจผมบีบตัวจนรู้สึกเจ็บ มือของผมกำแน่นจนรู้สึกได้ถึงเล็บที่จิกเข้าไปในเนื้อ



ต่อให้ผมพูดทุกอย่างที่รู้สึก

ต่อให้ผมโดนทำร้ายจนเจ็บไปทั้งตัว

ต่อให้ผมขอร้องจนแทบจะกราบ

... ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป



ระหว่างทางจากบ้านมาโรงเรียน ผมไม่แม้แต่จะพูดอะไรไปออกไปสักคำ ได้แต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกรถ ขนาดความสุขเล็กๆ แค่ได้เจอหน้าก่อนเข้าเรียนก็ยังหายไป ทำไมต้องใจร้ายกันขนาดนี้ด้วย



“เลิกเรียนพ่อจะมารับ”

“เนอยากกลับเอง”

“เน”

“เนอยากกลับเอง ปกติพ่อก็ไม่เคยรับส่งเน พ่อจะทำทำไม”

“จะมารับ แค่นั้นแหละ”

“...” ผมไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะรู้ว่าพูดอะไรไปพ่อก็ไม่เคยเข้าใจอยู่ดี ไม่ใช่พี่แนนก็เหนื่อยหน่อย เฮ้อ เนี่ย อุตส่าห์จะพยายามไม่พาลพี่แนนแล้วแท้ๆ

พอรถจอดหน้าโรงเรียนผมก็เปิดประตูลงมาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีแม้แต่จะหันไปพูดอะไรกับพ่ออีก ผมกวาดสายตามองหน้าโรงเรียนก็ไร้ซึ่งเงาลุง ก็คงเป็นไปตามที่พ่อบอก

ไร้กำลังใจจะเข้าเรียนชะมัด



“นายๆ” ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินเข้าโรงเรียน ก็มีเด็กนักเรียนที่ผมไม่รู้จักเดินเข้ามาแตะไหล่

“หืม?”

“พ่อนายฝากเอาของมาให้ เขาบอกว่านายลืมไว้บนรถ”



ลืม?

ลืมไรวะ...

กระเป๋านักเรียนก็เอาลงมาหมดแล้วนี่นา...

ถึงงั้นผมก็รับถุงกระดาษนั่นมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณไป พอผมเปิดถุงกระดาษปริศนานั่นดูก็เห็นว่าเป็นถุงยากับแซนวิช บนถุงยามีโพสอิทเล็กๆ เขียนด้วยลายมืออ่านแสนจะยาก เจ้าของลายมือเคยบ่นว่าผมลายมือเหมือนถั่วงอก ส่วนตัวเองเขียนยึกยืกเหมือนไส้เดือนผมยังไม่เคยบ่นเลย ผมอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความบนกระดาษ



‘ก้อนดื้อต้องเป็นก้อนที่ตั้งใจเรียน

ปล. ทายาแล้วก็กินยาด้วย ’



ก้อนดื้อแบบนี้ มีอยู่คนเดีย

พออ่านจบผมก็เงยหน้าขึ้นมองซ้ายมองขวาหาเจ้าของโพสอิทแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา



“นาย คนที่ฝากมาอยู่ไหนอ่ะ”

“พ่อนายอ่ะหรอ ไม่รู้ว่ะ เหมือนเขารีบเดินขึ้นตึกนั้นไปแล้ว” พอผมมองตามมือไปก็เห็นเป็นตึกออฟฟิสของลุง

“...”

“เออ พ่อนายฝากมาบอกอีก”

“ว่า?”

“ตั้งใจเรียนจะได้ไปวัดด้วยกัน …อันนี้ไม่ชัวร์นะ อาจจะฟังผิด ไม่น่าใช่วัดหรอก” มันคือวัดนั่นแหละ ผมอมยิ้มจนเห็นแก้มตัวเองยกขึ้นเป็นเนินตรงหางตา

“เออ แต๊งกิ้วมาก”

“เค” ผมยิ้มตอบเด็กนักเรียนตรงหน้า เหมือนจะเคยเห็นหน้าตอนกินข้าว น่าจะอยู่ห้องห้าถ้าจำไม่ผิด แต่ช่างเถอะ ผมเลิกสนใจแล้วก้มลงมองโพสอิทในมืออีกรอบ เฮ้อออ ไม่รู้ว่าลุงจะรู้ไหม แต่ไอ้ซื้อน้ำซื้อขนมมาให้ทุกวันเนี่ย โคตรเป็นการจีบของเด็กมัธยมเลย นี่ถ้ามีคิทแคทที่มีคำเขียนเสี่ยวๆ ข้างหลังนี่ตามสูตรเลยนะ



ถึงจะเป็นแค่ของชิ้นเล็กๆ แต่ก็เหมือนเป็นการชาร์จพลังจนเต็มหลอดได้

เฮ้อ...

อยากเจอลุงเป็นบ้าเลย



“เชี่ยหนูเน หน้ามึงไปโดนอะไรมาอีก มึงไปเปรี้ยวตีนใครมา” ไอ้กันเดินมาจับคางผมให้หันซ้ายขวา มาเปรี้ยวตงเปรี้ยวตีนอะไรของมัน

“มึงว่าตีนใคร”

“เชี่ย!!! อย่าบอกนะ!!!”

“...”

“ตีนกาหรอ!!!”

“อยากเจอตีนกูแทนไหม”

“ย้อเยว่นนนนนน ใครวะ กูจะตอบลุงก็ไม่น่าใช่ แม่งโอ๋มึงเหมือนลูก”

“ตีนพ่อกูเอง”

“แหนๆ จะเล่นมุกพ่อที่ไม่ได้แปลว่าพ่อใช่ไหม”

“พ่อแท้ๆ ”

“...อุ๊” ไอ้กันถึงกับชะงัก “เอ่อ... คือ เอ่อ กูไม่ได้ตั้งใจ”

“ช่างมันเถอะ กูไม่อยากนึกถึง”

ถึงจะจิตว้าวุ่นแค่ไหนแต่พอเข้าห้องเรียนผมก็พยายามทำสมาธิให้ฟังครูให้ได้มากที่สุด จดบางอย่างที่ไม่รู้ไม่ได้จดหมดทุกตัวอักษร พอง่วงก็งีบสิบนาทีค่อยตื่นมาเรียนต่อ เป็นอย่างนั้นบนไปทุกคาบคนเลิกเรียน ผมกวาดของลงกระเป๋าเตรียมพร้อมจะวิ่งไปออฟฟิสลุงแต่พอเดินพ้นรั้วโรงเรียนมาก็ต้องขมวดคิ้ว



พ่อ...



พ่อยืนรอผมอยู่หน้าโรงเรียน



“เชี่ยเน นั่นพ่อมึงไม่ใช่เรอะ” ไอ้กันศอกเอวผมยิกๆ ไม่รู้มันจะมาย้ำทำไม เออ รู้แล้วโว้ยว่าพ่อกู เจอมาทั้งชีวิตคิดว่าจำหน้าไม่ได้เรอะ เซ็ง

“เน ขึ้นรถ”

“...” ได้แต่ถอนหายใจยาวเหยียด พ่อไม่ได้พูดประโยคคำถามแต่เป็นประโยคคำสั่ง และผมก็รู้ว่าไม่มีสิทธิเถียง แปลกใจเล็กน้อยที่พ่อหาที่จอดได้ ปกติแล้วหน้าโรงเรียนผมไม่ค่อยจะมีที่จอดให้หรอก นอกเหนือจากจะมารอสักสองชั่วโมงก่อนเลิกเรียน ซึ่งพ่อแม่คนอื่นผมว่าคงทำได้ชิวๆ

แต่พอเป็นพ่อผม

เหอะ... ไม่มีทาง

นี่แทบจะเป็นการรับส่งผมมาโรงเรียนครั้งแรกในรอบสามปีเลยมั้ง ปกติจะเป็นพี่แนนกับแม่มาตลอด อยากจะกรอกตาบน คุมขังเป็นนักโทษอะไรขนาดนี้ รู้ทันไปหมดว่าผมคงรีบวิ่งออกไปลุงหลังเลิกเรียน ผมปิดประตูรถแล้วก็หยิหูฟังขึ้นมาเปิดเพลง ไม่อยากคุย ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว

“เน”

“...”

“แนนมาบอกว่ามีคณะที่อยากเข้าแล้วหรอ” อารมณ์ไหนอ่ะ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ลดหูฟังในมือลง

“อื้อ เอ้ย ครับ”

“อืม”

“อ...”



อืม?

ผมถึงกับขำในใจเมื่อเกือบจะหลุดอืมถามออกไป ถ้าเป็นลุงทำเสียงอืมเหมือนคำถามแปลว่าให้แก้เป็นครับแทน ลุงบอกว่าผมชอบตอบผู้ใหญ่ห้วน ไม่น่ารัก เพราะงั้นเวลาผมตอบอื้อหรืออืมลุงจะแก้ให้ตอบว่าครับแทนเสมอ

และด้วยความเหมือนพ่อรู้ว่าผมรอจะไปวิ่งไปหาลุงทุกครั้งที่เลิกเรียน ทำให้พ่อลงทุนขับรถรับส่งผมอยู่จะสองอาทิตย์ อืม อีกนิดนึงมันก็เกือบเดือนแล้ว

เกือบเดือน...

โอ๊ยย นี่มันกี่วันผ่านไปแล้วที่ผมไม่ได้เจอลุงตัวเป็นๆ !!!!

ได้แต่เจอวิญญาณลุงผ่านแชทแล้วก็วิดีโอคอลก่อนนอน ผมคิดถึงลุงมากจนไม่ยอมกดวางสายก่อน แล้วก็เป็นลุงที่เป็นคนกดวางหลังจากผมหลับแล้วเสมอ



คิดถึงลุงเป็นบ้า....

คิดถึงลุง...



ตลอดหลายอาทิตย์ การนั่งรถไปโรงเรียนถือเป็นความทรมานเหมือนนั่งรถไปคุก ความทรมานในห้องเรียนยังเทียบไม่ได้กับความที่ต้องนั่งอึดอัดกับพ่อในทุกเช้ากับเลิกเรียน แค่คิดว่าต้องเป็นแบบนี้ทุกวันจนกว่าสงครามในหัวพ่อจะจบก็รู้สึกอยากจะกลั้นใจตาย

แต่ถึงอย่างนั้น

ด้วยข้าวกล่อง ขนม น้ำผลไม้ในทุกเช้าที่ลุงแอบฝากนักเรียนคนอื่นมาให้ก็ถือเป็นสิ่งละลายความทรมานให้กลายเป็นกำลังใจก่อนเข้าเรียนได้เป็นอย่างดี ไม่น่าเชื่อว่าของเล็กๆ น้อยๆ นั่นมันจะทำให้ใจฟูได้ขนาดนี้ พอจะเข้าใจพระเอกในการ์ตูนญี่ปุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว

ผมน่ะ อยากมาเรียนทุกวันเพราะลุ้นว่าของให้ถุงตอนเช้าจะเป็นอะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงยังเลือกของมาให้ไม่ซ้ำกันสักอย่าง



เนี่ยแหละมั้ง ความโรแมนติกแบบลุงๆ



วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พ่อมารับหลังเลิกเรียน พอรถจอดผมก็รีบเปิดประตูรถเตรียมวิ่งเข้าบ้าน แต่ก่อนจะเปิดประตูบ้านก็แอบเห็นรองเท้าปริศนาถอดอยู่บนชั้น



เหมือนรองเท้าลุง...

ไม่น่าใช่หรอก สงสัยรองเท้าใหม่พ่อ คนแก่นิยมสไตล์นี้สินะ

ช่างเถอะ...



ผมรีบเปิดประตูบ้านเมื่อเห็นว่าพ่อเดินตามมาด้านหลัง พอเปิดประตูบ้านเสร็จก็เตรียมวิ่งขึ้นห้อง แต่ติดที่ว่าผมกวาดตาเห็นหัวคุ้นๆ นั่งหันหลังในบนโซฟากลางบ้านเสียก่อน



“ลุง?”

“อ้าว กลับมาแล้วหรอ”



เฮอะ...

ผมภาพหลอนหรอหรืออะไร ได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองภาพลุงวางแก้วกาแฟแล้วลุกขึ้นยืนจัดเสื้อตัวเอง ใบหน้าที่ผมโคตรจะคิดถึงนั่นดูโทรมขึ้นเล็กน้อย งงไปหมดแล้ว ลุงมาอยู่ที่บ้านผมได้ยังไง แอบพ่อเข้ามาหรอ?



“ลุง ไปซ่อนเร็ว พ่อจะมาแล้ว!!!”

“ตะโกนดังขนาดนั้นคงซ่อนไม่ทันหรอก” เสียงพ่อดังมาจากด้านหลังทำเอาผมเลิ่กลั่กไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงดี ทำไงดี เอาผ้าห่มมาคลุมได้ไหม ไม่อยากให้ลุงหายไปอีกรอบแล้ว

“เน ใจเย็นๆ”

“ลุง ลุง” ผมน้ำตาคลออีกรอบเมื่อรู้ว่ากำลังจะต้องแยกกันอีกแล้วหรอ เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำ

“พ่อเราเป็นคนเรียกพี่มา ไม่ต้องร้องไห้”

“เอะ เอ๊ะ?”

“พ่อมาหาพี่ระหว่างที่รอรับเราที่โรงเรียน”

“พ่อ...”

“ไปนั่ง” พ่อชี้ไปที่โซฟา ซึ่งผมก็รีบวิ่งไปนั่งตามคำสั่ง คิดไปคิดมาเหมือนสั่งหมาเลย ชี้นิ้วปุ๊ปวิ่งปั๊บ ผมเลือกที่จะนั่งลงข้างลุง แอบสูดกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยเข้าปอดฮึบๆ เผื่อต้องแยกกันอีกรอบก็ยังมีกลิ่นให้หายคิดถึง

“เกิดอะไรขึ้น เนงงไปหมดแล้ว”

“พ่อคุยกับคุณไม้แล้ว”

“พ่อคุยกับลุง?”

“คุณไม้” พ่อย้ำเสียงดุผมเลยต้องรีบเปลี่ยน

“เน มะ หมายพ่อคุยกับพี่ไม้หรอ คุยได้ไง คุยอะไร” ยอมเรียกพี่ไม้ให้ก็ได้หรอกนะ เห็นว่าพ่อดุเถอะ!!!

“แนนมาพูดกับพ่อ... หลายครั้ง”

“...” พี่แนนงั้นหรอ

“มันมีหลายอย่างที่พ่อคิดว่ามันไม่ถูกต้อง แนนเองก็เห็นด้วย... เรื่องอายุ” พอถึงตรงนี้ผมก็หน้าเจื่อนลง อายุอีกแล้ว ขอเป็นเรื่องอื่นที่ผมแก้ไขได้ไหม เรื่องอายุนี่มันเร่งเกิดก่อนไม่ได้จริงๆ นี่

“แต่...”

“อย่าเพิ่งขัดผู้ใหญ่”

“แต่ว่าเน -”

“เน” ลุงหันมาส่งสายตาดุผม ผมเลยต้องยอมเก็บความคิดตัวเองกลืนเข้าลำคอ

“หึ แนนมาบอกหลายเรื่องทั้งเรื่องมีคณะที่อยากเข้า เรื่องตั้งใจเรียนมากขึ้นซึ่งก็ไม่ได้น่าเชื่อเท่าไหร่นัก แต่วันนี้เข้าไปคุยกับครูประจำชั้นเขาก็มายืนยันว่าเนตั้งใจเรียนขึ้นผิดหูผิดตาเหมือนโดนทำของ”

“...”

“พ่อจะยอมให้คบหาดูใจกัน”

“พ่อ!!!” ผมตะโกนเรียกพ่อลั่นบ้าน อย่างพ่อเนี่ยนะ พ่อเนี่ยนะ!!!!



เมื่ออาทิตย์ก่อนยังตั้งแง่หนาเป็นกำแพงมาเรีย ไม่ยอมรับขนาดนั้นจะมายอมรับได้ในระยะเวลาแค่นี้เนี่ยนะ

ต้องมีใครทำของ ต้องมีใครทำของแน่ๆ !!!



“แต่...”

“...”

“ระหว่างนี้กว่าเนจะสอบติดคณะที่ตั้งใจ”

“...”

“พ่อขอสั่งห้ามติดต่อกัน”



พอพ่อพูดจบผมก็ใจหล่นไปอยู่ที่เท้าอีกรอบ ตอนนี้เพิ่งเข้ามกรามันอีกตั้งเป็นเดือนกว่าจะสอบแกทแพท ไหนจะรอประกาศคะแนน รอยื่น รอประกาศอีก มากกว่าสามเดือนแน่ๆ



ว่าแล้ว...

พ่อไม่มีทางเปลี่ยนเป็นคนใจดีขนาดนั้นได้หรอก...



“เน ทำได้ไหม” ลุงหันมาถามผม ผมรีบส่ายหน้าทันที

“ไม่ได้ ทำไม่ได้ มันตั้งเป็นเดือนนะลุง ไม่เจอเป็นเดือนนะ มากกว่าสามเดือนนะลุง นี่ยังไม่ได้สอบแกทแพทเลย ไหนจะยื่นอีก”

“แค่สามเดือนเอง”

“แต่... ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย เนตั้งใจเรียนได้ เนไม่เข้าใจพ่อเลย ตั้งแต่มีลุงเนก็ตั้งใจเรียนมาตลอด...”

“แล้วถ้าไม่มีล่ะ” พ่อพูดสวนขึ้นมาทันที

“...”

“พยายามทำอะไรด้วยตัวเองให้พ่อเห็นหน่อยเน อย่าเอาตัวเองไปพึ่งคนอื่นทั้งตัว ถ้าวันหนึ่งไม่มีพี่เขาแล้วจะอยูู่ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรอ”

“แต่...”

“พ่อถามแค่คำเดียวว่าทำได้ไหม”



ผมกลืนน้ำลายอึดใหญ่ลงคอ

ผมต้องไม่มีลุงอยู่ข้างๆ เป็นเดือน มันน่ากลัวไปหมดเลย ลุงเองก็เหมือนรู้ถึงได้เลื่อนมือมากุมมือผมไว้ ผมหันไปสบตากับลุง ลุงจ้องกลับมานิ่งๆ พร้อมกับยกยิ้มขึ้น



รอยยิ้มที่ผมคิดถึง

รอยยิ้มที่เห็นแล้วรู้สึกเหมือนถูกลูบหัวอยู่

รอยยิ้มที่เห็นแล้วรู้สึกว่ามีคนเข้าใจอยู่

รอยยิ้มที่ทำให้รู้ว่าต่อให้แพ้จากที่ไหนมาก็จะมีมันปลอบอยู่เสมอ

ผมมองรอยยิ้มนั่นแม้มันจะเบลอจากกลุ่มก้อนน้ำตาน่ารำคาญก่อนจะเอ่ยคำตอบออกมา



“อื้ม”

“อื้ม?”

“ครับ..”

“...”

“เนทำได้” ผมบีบมือลุงแน่นหลังจากตอบออกไป ไม่อยากทำเลยแท้ๆ แต่ถ้าเป็นทางเดียวที่ทำให้พ่อยอมรับและลุงก็คิดว่าผมทำได้ ผมก็ต้องทำได้

“โอเค งั้นก็ลากันให้เสร็จ ส่งแขกด้วย” พูดจบพ่อก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ไม่แม้แต่จะหันมารับไหว้ลุง พอพ่อเดินออกไปลุงก็ลุกขึ้นยืน

“ป่ะ ไปส่งพี่หน่อย”

“ลุง...”

“ห้ามร้องแล้วเน พี่รู้ว่ามันยาก”

“ฮึก...”

“มันไม่ได้ยากสำหรับเราคนเดียวหรอก” ลุงยื่นมือมาตรงหน้าผม ผมเลยยื่นมืออกไปจับ แล้วลุุงก็ออกแรงดึงผมเข้าไปกอด

“ลุง...”

“พี่จะรอ ถ้าจะกังวลเรื่องพี่ไม่ต้องกังวล พี่มีแต่เรา”

“แต่เนกลัว... ถ้าเนทำไม่ได้”

“ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ลุงส่งยิ้มมาให้ผม

“ลุง สามเดือนมัน ไม่ มันอาจจะมากกว่าสามเดือน สะ สอบ สอบเดือนไหน ยื่นเดือนไหน”

“ใจเย็นๆ เน”

“จะให้เนเย็นได้ยังไง ลุงไม่รู้หรอว่าเนอึดอัดแค่ไหน!!!”

“รู้สิ...”

“ฮึก...”

“รู้ดีกว่าเราอีกมั้ง...” ลุงส่งยิ้มบางๆ มาให้ผม

“แต่ แต่”

“พยายามให้เต็มที่ อย่าเพิ่งไปคิดว่าจะทำได้หรือไม่ได้ อย่ารีบกดดันตัวเอง”

“เนเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นนะลุง เนเพิ่งจะมาทำความเข้าใจ เนเพิ่งจะเริ่มติว คนอื่นเขาติวกันมาตั้งนานแล้ว เนจะไปสู้ได้ไง” ผมสะอื้นจนตัวโยน ถ้าเป็นเด็กรุ่นผม บางคนเตรียมตัวมาตั้งแต่ม.สี่ แล้วผมที่เพิ่งจะมาเริ่มติวจริงจังตอนช่วงก่อนจะสอบไม่กี่เดือนแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้กัน

“คิดในแง่ดีอย่างน้อยก็ได้เริ่ม ก็คงต้องพยายามให้หนักขึ้น... แต่ก็เอาเท่าที่ทำได้”

“ฮึก...”

“ไม่ร้องน่า”

“ทำไมเนต้องเรียนเก่งถึงจะรักใครสักคนได้หรอลุง”

“...”

“ทำไมเนแค่รักเฉยๆ เหมือนคนอื่นไม่ได้”



ทำไมคนอื่นถึงมีความรักปกติได้ ไม่เห็นต้องมาเรียน มาสอบติดอะไรก่อนเลย เพราะเป็นเกย์หรอ เพราะเราไม่ใช่ผู้หญิงผู้ชายหรอ หรือเพราะแค่วัยเราต่างกัน ทำไมผู้ใหญ่ถึงต้องทำอะไรซับซ้อนมีเหตุผลไปหมด ทำไมแค่รักกันมันไม่ได้



ไม่เข้าใจ

โลกของผู้ใหญ่น่ะ ไม่เข้าใจสักนิดเลย



“เน...”

“เนไม่เข้าใจ”

“พ่อแค่เป็นห่วงเรา เราน่ะ... ไม่ได้ต้องเรียนเก่งถึงจะรักใครได้ ไม่ต้องประสบความสำเร็จหรอก แต่พ่อเขาแค่อยากให้เรายืนได้ด้วยตัวเองในวันที่ความรักนั้นมันไม่เป็นไปตามที่เนฝัน ตอนนี้เนอาจจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อไหร่ที่เนโตมากกว่านี้ เนจะเข้าใจเหตุผลของพ่อ”

“ไม่เป็นตามฝันเน? หมะ หมายความว่าไง ลุงจะเลิกกับเนตอนเนโตหรอ”

“อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราอาจจะยังรักกัน หรืออาจจะใครสักคนยังรักอีกคนอยู่คนเดียว มันไม่มีใครบอกอนาคตได้”

“ฮึก...”

“พ่อเขาแค่อยากให้เราพยายามด้วยตัวเอง ไม่กี่เดือนเอง เราทำได้อยู่แล้ว”

“เน...”

“แล้วที่พ่อให้เราห่างกันอาจจะเพราะแค่อยากรู้ว่าเรื่องของเรามันจริงจังแค่ไหน ห่างกัน จะมีฝ่ายไหนเปลี่ยนใจไหม มันอาจจะเป็นความชั่ววูบไหม”

“...”

“พี่เชื่อว่าพี่ทำได้เพราะพี่ไม่ได้รู้สึกกับเราแค่ชั่ววูบ เราหละ?” ลุงถามพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาผม

“เน ทำได้ ฮึก ต่อให้เป็นปีเนก็ทำได้”

“โฮ่ ปากเก่ง”

“เนพูดจริง!!! เนจะไม่มีใคร ลุงก็ห้ามมีใคร เนมีสายนะ ลุงอย่าคิดว่าทำอะไรแล้วเนจะไม่รู้”

“หึ...”

“หะ ห้ามติดต่อกัน คือโทรก็ไม่ได้หรอ”

“เอามือถือเรามา”

“...” ผมขมวดคิ้วงง แต่ก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือตัวเองออกมาส่งให้ลุง ลุงรับไปจิ้มนู้นจิ้มนี่อยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงโทรศัพท์ผมเข้าไปใกล้ปากตัวเอง



“เน เหนื่อยก็พักนะ อย่าฝืนตัวเองจนเกินไป ทำเท่าที่เราทำได้ วันไหนที่เหนื่อยก็เปิดเสียงนี้ฟัง อีกไม่กี่วันเราก็คงจะได้เจอกันแล้ว อดทนอีกนิดหนึ่ง... คนเก่งของพี่”



ลุงบันทึกเสียงตัวเองพร้อมกับจ้องหน้าผมไปด้วย ผมเลยได้แต่เบะปากร้องไห้ให้กับความโรแมนติกแบบเก่าๆ ของลุง



มีที่ไหนมาอัดเสียงตัวเองลงในเครื่องคนอื่น มันเหมือนละครสมัยก่อนเกินไปไหมที่อินเตอร์เนทเข้าไม่ถึงต้องอัดใส่เทปหรือแผ่นซีดีไม่ก็เป็นฝากเสียงรอสายอะไรแบบนี้ สมัยนี้เขาส่งวอยซ์ในไลน์กันแล้ว ลุงนี่แสนจะลุงจริงๆ ผมปาดน้ำตาออกก่อนจะแบมือรอรับเครื่องตัวเองกลับมา ลุงเหมือนจะกดนู่นกดนี่อย่างหวาดระแวงกลัวไปกดลบเสียงตัวเอง พอมั่นใจว่าอัดลงแอปเสร็จก็ส่งมือถือคืนผมมา ผมรับมือถือตัวเองมาเปิดไลน์ก่อนจะกดอัดวอยซ์



“ลุง สอนให้ใช้วอยซ์กี่ครั้งไม่เคยจำเลยใช่ไหม ลุงนี่โคตรจะลุง นี่เนนะ เนเอง อย่าให้รู้ว่าไปดินเนอร์กับลูกค้าสาวนะ แล้วถ้าเนรู้ว่าเอาปากไปจูบใครนอกจากเน เนเอาเรื่องแน่ เนเป็นมวยแล้วนะ เนจะเอาเลือดลุงมาจิ้มแทนเคชชัพ แล้วก็นะ... เนอ่ะนะเนอ่ะ... เนเป็นคนเก่งของลุงอยู่แล้ว ฮึก รอเนนะ ห้ามไม่รักเนนะ ห้ามรักคนอื่นนะ รอแต่เนคนเดียวนะ ฮึก เนอ่ะ.... รักลุงนะ” อัดเสร็จแอพก็ส่งไปอัตโนมัติ มือถือในกางเกงลุงสั่นตัวครืดหนึ่งให้รู้ว่าส่งถึงแล้ว ลุงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบ

“ไอ้ก้อนดื้อ”

“อื้ออออออ”

“ยังอยากจูบอยู่ไหมตอนนี้”

“อื้อ”

“อื้อ? “

“ครับ... อยากจูบ”

“หึ...”



ลุงใช้นิ้วดันคางผมขึ้นพร้อมกับประจบจูบลงมา ผมยกมือขึ้นคล้องคอลุงไว้ลุงเองก็กวาดแขนโอบรอบเอวของผมไว้แน่น



จูบครั้งนี้ไม่ได้ร้อนแรงที่สุด ไม่ได้ดุดันจนเกือบจะเลยเถิดแบบที่เกิดขึ้นบ่อยในออฟฟิสเวลาผมอ้อน ไม่ได้เป็นจูบที่หวานหอมกลับกันมันเป็นจูบที่เค็มปร่าไปด้วยน้ำตา ทุกสัมผัสเป็นเพียงการกดย้ำเบาๆ แสดงถึงความอ้อยอิ่งและโหยหา



... ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้จากกัน



“เน”

“ครับ”

“พี่รอได้ แต่อย่านานนักนะ”

“เอ๊ะ.. จะมีสาวงั้นหรอ!!!”

“เปล่า พี่แก่แล้ว ตีนกาขึ้นเยอะเดี๋ยวจะไม่หล่อเอา” ผมขำพรืดให้กับคำพูดของลุง

“ก็เนบอกลุงแล้วไง”

“...”

“เนไม่ได้รักลุงเพราะหน้าตา”

“ก้อนดื้อ”

“แต่เนรักลุงเพราะตีนกาต่างหาก” ผมหัวเราะออกมาหลังพูดจบ ลุงเลยยกยิ้มขึ้นด้วย ผมซุกหน้าตัวเองลงกับอกลุง สูดกลิ่นน้ำหอมประจำตัวลุงเข้าปอดให้ชื่นใจก่อนจะผละออกมา “ลุงกลับเองนะ เนไม่ไปส่งที่รถ”

“อ้าว”

“เพราะถ้าเนไปส่ง”

“...”

“เนคงโดดขึ้นรถไปด้วยแน่ๆ “ลุงหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ ก็จริงนี่ ผมอยากจะกลับห้องลุงจะตายอยู่แล้ว ให้ไปเจอรถที่เคยนั่งเคยกินข้าวเช้าอยู่เป็นเดือน เดี๋ยวก็ใจอ่อนโดนขึ้นรถหนีออกจากบ้านกันพอดี

“งั้นพี่กลับแล้วนะ”

“อื้อ”

“แล้วเจอกัน”

“อื้อ เจอกันอีกที... ตอนเนเป็นว่าที่เด็กมหาลัยแล้วนะ”

“หึ...” ลุงก้มตัวลงหอมหัวผมหนึ่งฟอดก่อนจะหันตัวไปหยิบกระเป๋าแล้วก็เดินออกจากบ้านไป



พอลุงเดินพ้นตัวบ้าน มือที่กำเสื้อนักเรียนตัวเองอยู่ก็กำแน่นขึ้นจนเสื้อยับ ปากก็ขยับสั่นจนควบคุมไม่ได้ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็กลิ้งหล่นจนหน้าเปียก



จะเข้มแข็งด้วยตัวเองให้ได้

จะเป็นก้อนดื้อของลุงที่เข้มแข็งให้ได้เลย!!!





______





จะทำได้ไหม ทำได้หรือเปล่า จะทำได้ไหม ทำได้หรือเปล่า




ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ก้อนเนสู้ๆ นะลูก ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ยังไงลุงก็รออยู่  :hao5:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o13 สู้ๆนะนุ้งเน

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o13 สู้ๆนะนุ้งเน

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :กอด1:  :กอด1: :กอด1: สู้ สู้ ไอ้ดื้ออออ ของลุง

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ฮึบๆ ก้อนดื้อสู้ๆ

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
น้องเน
ฮึบไว้ลูก
 :กอด1:

ออฟไลน์ MeiHT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
ไอ้ก้อนดื้อของลุงไม้ แง สู้ๆนะน้องเน มี๊จะรอสอยหนังสือ T----T

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด