พิมพ์หน้านี้ - 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Oiimaps ที่ 05-11-2018 22:13:24

หัวข้อ: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 05-11-2018 22:13:24
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░  ░░░░░░░░


#สามหกสิบแปด

เรื่องราวของผู้ชายที่อายุสามสิบหก
กับเด็กที่มันไม่ควรอายุสิบแปด


ผม 'จูบ' เด็กที่ใส่ชุดครุย
ใครมันจะไปคิดว่าจะเป็นครุยของพี่มันวะ...



สารบัญ


 ตอนที่ 1  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3908277#msg3908277)
 ตอนที่ 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3914714#msg3914714)
 ตอนที่ 3  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3920206#msg3920206)
 ตอนที่ 4  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3921524#msg3921524)
 ตอนที่ 5  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3951289#msg3951289)
 ตอนที่ 6  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3965171#msg3965171)
 ตอนที่ 7  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3981515#msg3981515)
 ตอนที่ 8  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3989228#msg3989228)
 ตอนที่ 9  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3994897#msg3994897)
 ตอนที่ 10  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg3996394#msg3996394)
 ตอนที่ 11  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4003325#msg4003325)
 ตอนที่ 12  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4007752#msg4007752)
 ตอนที่ 13  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4027740#msg4027740)
 ตอนที่ 14  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4027741#msg4027741)
 ตอนที่ 15  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4027742#msg4027742)
 ตอนที่ 16  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4027743#msg4027743)
 ตอนที่ 17  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4027744#msg4027744)
 ตอนที่ 18-20  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4027745#msg4027745)
 ตอนที่ 21  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4029282#msg4029282)
 ตอนที่ 22-23  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4029648#msg4029648)
 ตอนที่ 24  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68871.msg4030187#msg4030187)


intro





‘วิธีรับมือกับแฟนที่เด็กกว่า’
ผมไล่สายตามองหัวข้อบทความบนนิตยสารวัยรุ่นที่เขียนด้วยตัวหนังสือขนาดใหญ่เน้นด้วยสีแดง เด่นชัดเสียจนเกือบจะเด่นกว่าหน้านางแบบบนปก

แฟนที่เด็กกว่างั้นหรอ...
ในความคิดของผู้ชายวัยทำงานอย่างผมคงได้แต่หัวเราะเบาๆ โอเค ย้อนกลับไปเมื่อสมัยมหาลัย หาแฟนที่เด็กกว่านี่แทบจะเป็นกฏตายตัวของผมเลยก็ว่าได้ ไม่เด็กกว่าไม่เดทด้วย ยิ่งเวลาเปิดเทอมแล้วเห็นเด็กปีหนึ่งเดินกันหน้าใสๆ ผิวสวยๆ ขาขาวๆ พวกรุ่นพี่อย่างผมนี่คร้านจะยกศอกตีปีกกระแทกเพื่อนให้ส่องกันแทบไม่ทัน

เวลาผ่านไปแบบไม่รู้ตัว จากไอ้รุ่นพี่ที่ไล่ขอเบอร์รุ่นน้องไปทั่วอย่างผมกลับกลายมาเป็นผู้ชายวัยสามสิบหกที่เตะคำว่าแฟนเด็กทิ้งไปจากพจนานุกรมมาได้หลายปีแล้ว แค่ทำงานทุกวันก็เหนื่อยจะแย่ถ้าจะต้องมาคอยทนความง้องแง้งเอาแต่ใจของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้อีกคงปวดหัวตาย

ถ้าได้รวมตัวเพื่อนเก่ามาเห็นว่าผมทำตัวเป็นไอ้ลุงที่แก่กว่าอายุแบบนี้คงโดนเอาไปล้อจนเกษียณแหง ผมแค่นหัวเราะในลำคอให้กับตัวหนังสือสีแดงนั่นแล้ววางนิตยสารลงที่เดิมก่อนจะย้ายโซนเพื่อไปหาคู่มือเที่ยวญี่ปุ่นแทน

แฟนเด็ก



หึ คนอย่างผมไม่มีทางมีแฟนที่อายุน้อยกว่าหรอก

หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 05-11-2018 22:18:50
กุ๊งกุ๊งที่ 1
 ญี่ปุ่น







 
สนามบินนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มักทำให้ผมหงุดหงิดเป็นอันดับต้นๆ
ไม่สิ...
ต้องพูดให้ถูกว่าหมายถึง ‘คน’ ในสนามบิน
 
“พี่แนน! พี่แบงค์! เนหาพาสปอร์ตไม่เจอออออออ”
“มึงหาในกระเป๋ารึยังเน”
“เนหาแล้ว เนแทบจะเทกระเป๋าแล้วเนี่ย ทำไงดี เนจะร้องไห้”
“อย่าเพิ่งร้องไห้ มึงเป็นคนไทย”
“ทำไมเป็นคนไทยแล้วร้องไม่ได้”
“เพราะร้องไฮ่!! ต้องเป็นคนญี่ปุ่น”
“พี่แบงค์ เนเครียดอยู่ยังจะเล่นมุกอีกอ่อ!!”
ผมใช้นิ้วนวดขมับเล็กน้อยกับเสียงโวยวายที่ดังมาจากโต๊ะข้างๆ นี่ขนาดลี้ภัยมานั่งในมุมมืดของสตาร์บั๊คก็ยังจะมีกลุ่มคนเสียงดังมาอยู่ข้างๆ อีก สนามบินก็ตั้งกว้างแต่คนข้างๆ ผมมักจะน่ารำคาญเสมอ
“โอ๊ยยยย กาแฟลวกลิ้นนนน  ร้อนนน ไอ้ไม้ช่วยกูด้วยลิ้นกูสุกแล้ววว” ผมชายตามองไอ้เวรที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม ตัวน่ารำคาญติดอันดับท็อปในชีวิต สะบัดไม่หลุดตั้งแต่มหาลัยยันทำงาน
“อย่าเสียงดังสิวะ”
“ไอ้ห่า ลิ้นกูสุกไม่ให้กูโวยวายได้ไง ลิ้นคนไม่ใช่ลิ้นหมูนะมึง”
“มันไม่สุกหรอก”
“เป็นลิ้นกูอ่อ สาระแนรู้ดีกว่าลิ้นกูได้ไง” ผมถอนหายใจยาวเหยียด อายุขึ้นเลขสามแต่ความปัญญาอ่อนดันเหมือนสมัยเรียนไม่เปลี่ยนแปลง ผมส่ายหัวรัวก่อนจะเมินเสียงโวยวายของไอ้เก่งแล้วก้มลงอ่านหนังสือคู่มือเที่ยวญี่ปุ่นในมือต่อ   
 
กึ้ก
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยที่เก้าอี้ถูกโต๊ะข้างหลังกระทบ
“มึงจะไปไหนวะเน”
“เนว่าเนลืมไว้ในห้องน้ำชาย!!!” สิ้นเสียงโวยวาย เด็กที่กระแทกเก้าอี้ผมก็รีบวิ่งหน้าตั้งออกไปจากร้าน
 
                อา...
ในที่สุดความเงียบสงบก็กลับมา...
 
“เชี่ย ไอ้ไม้ กูหามือถือตัวเองไม่เจอ!! โอมายก็อดดดดด!! แวร์อีสมายโฟน!! ”
 
... อ่อ ยังมีมันอยู่อีกตัว
 
คร้านจะขยับปากบอกว่ามันเสียบไว้กับกระเป๋าเสื้อตอนกระดกกาแฟแล้วลวกลิ้น ผมก้มมองนาฬิกาบนข้อมือก็ค้นพบว่าควรจะเข้าเกตพอดีเลยตัดสินใจรวบของลงกระเป๋าแล้วเดินออกจากร้านกาแฟมา ทิ้งให้ไอ้เก่งโวยวายตามหามือถือลูกรักลั่นร้าน
               
ผมเดินทางออกนอกประเทศบ่อยแต่ส่วนใหญ่ประเทศปลายทางมักจะเป็นฝั่งยุโรปไม่ก็อเมริกาเสียส่วนใหญ่ สำหรับญี่ปุ่นนี่เป็นครั้งแรกของผมเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะเปิดทริปด้วยการต้องเดินทางไปกับไอ้ตัวน่ารำคาญระดับโลกอย่างไอ้เก่งแต่ก็แอบคาดหวังกับประเทศนี้อยู่ไม่น้อย อ้อ ยังรวมไปถึงภารกิจตามล่าหาเครื่องรางให้น้องสาวผมอีก หวังว่าทริปนี้จะผ่านไปได้ด้วยดีแล้วกันนะ ผมหยุดเดินเพื่อพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นหลังจากที่มันม้วนตัวตกลงมาเกะกะแขน
ปั้ก!!
“โอะ ซอรี่” ผมมองตามหลังของคนที่เพิ่งวิ่งชนไหล่ผมไป
ซอรี่?
ผมหรี่ตามองเสื้อกันหนาวสีเหลืองที่คุ้นตาเพราะเหมือนจะคุ้นตามาจากไหนสักที่
เด็กที่โวยวายในร้านเมื่อกี้สินะ
เหลือบตามองลงที่มือเห็นถือพาสปอร์ตเล่มเล็กไว้แน่นคงเพิ่งไปหาพาสปอร์ตตัวเองจากห้องน้ำเจอสินะ
 
“ยืนยิ้มไรสัดไอ้ไม้ ทิ้งกูมายืนยิ้มคนเดียวนี่มึงโรคจิตเรอะ กูเกือบร้องไห้แล้วนะ” แล้วก็ถูกดึงกลับมาข้างตัว ผมหันไปทำหน้าเซ็งใส่ไอ้เก่ง บางทีเวรกรรมก็มาในรูปแบบเพื่อนที่น่ารำคาญจริงๆ นะครับ สุดใจจะด่าเพราะด่ามันมาตั้งแต่ปีหนึ่งก็ไม่เคยสำนึก ผมเลยเลือกที่จะเมินมันแล้วเดินต่อเพื่อไปขึ้นเครื่องแทน
 


จากกรุงเทพมาญี่ปุ่นใช้เวลาประมาณหกชั่วโมง นึกขอบคุณที่เลือกจองตั๋วแบบธุรกิจเลยได้ตัดขาดความน่ารำคาญจากไอ้เก่งที่พยายามจะโชว์ภูมิความรู้ประหนึ่งตัวเองเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น มันบอกทริปนี้จะเปลี่ยนชื่อเพื่อความตื่นเต้นและได้บรรยากาศ ให้เรียกมันว่ายามะพี
...แหม ตั้งชื่อแบบลืมไปเลยว่าชื่อจริงมึงชื่อสมชาย
               
 “ไปไงที่พักยังไงดีวะ” นายยามะพีถามผมทันทีที่ลุกขึ้นจากเบาะ ยังไม่ทันออกจากสนามบินมึงก็งงแล้วหรอ ไหนหล่ะที่อวดรู้มาตลอดทาง
“แท็กซี่” ดูจะปลอดภัยที่สุดแล้ว
“เค”
ตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนโดนแรงกระแทกเล็กๆ เบียดมาจากด้านหลัง แต่มองผ่านไหล่ไปแล้วไม่เห็นหัวใครเลยเดาเอาว่าคงเป็นเด็กที่มากับผู้ปกครองสักคนหนึ่ง
 


ที่พักของเราวันนี้เป็นโรงแรมห้าดาวใจกลางย่านชื่ออิเคบุคุโระ แน่นอนครับว่าแยกห้องนอน ผมไม่คิดจะใช้ช่วงเวลาในการท่องเที่ยวกับการนอนร่วมห้องกับไอ้เก่งอย่างเด็ดขาด เอาของเก็บเรียบร้อยก็พร้อมเดินทางไปสถานที่เที่ยวแรก นั่นก็คือ...
 


 
วัดอาซากุสะ

 มันคือวัดที่น้องสาวผมฝากซื้อเครื่องรางอะไรสักอย่างที่เหมือนจะฮิตมากในโซเชี่ยล โคตรจะไสยศาสตร์ อยากจะไลน์ไปด่าว่าเพ้อเจ้อแต่ติดที่ว่ามันมางอแงให้ผมซื้อด้วยท่าทางอ้อนๆ เนี่ยแหล่ะครับภาระของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าพี่ชาย ลูกอ้อนน้องสาาวก็แพ้มันตลอด

....ว่าแต่มันเป็นวัดไม่ใช่หรอทำไมคนมันเยอะขนาดนี้วะ
           
“คนโคตรเยอะ”
“ไปทำสาขาที่ไทยจะคนมาเยอะขนาดนี้ไหมวะ”
“นี่วัดไม่ใช่เคเอฟซี มึงจะทำสาขาทำบ้าอะไร” ผมหันไปตบหัวไอ้เก่งหนึ่งที ข้อหาพูดจาโง่ๆ
วัดของญี่ปุ่นดูจะมีกิจกรรมที่ให้ทำเยอะพอๆกับที่ไทยแต่ก็มีหลายอย่างที่น่าแปลกใจ เอาเป็นอย่างแรกเลย ทำไมคนเราถึงต้องยืนปัดควันใส่ตัวเองกันหน้าวัดด้วยวะ
 “เขายืนปัดควันทำไมวะ” ผมหันไปข้างๆ “คุณยามะพี มึงตอบกูหน่อย”
“เขาแดกหมูย่างมาแต่กลัวเมียรู้”
 “...”
 “ย้อเย่น กูเหมือนจำได้ว่ามันไม่ใช่ควันธรรมดาอ่ะมึง”
 “แล้วมันเป็นควันอะไร”
 “ควันเอ๊ยควันมา”
“...” ผมส่งสายตาเดี๋ยวมึงจะหัวปักถังควันใส่มันเลยหัวเราะแห้งออกมา
“ล้อเล่นๆ กูรู้สึกว่ามันเป็นควันดีอ่ะ เหมือนปัดควันดีๆเข้าตัว มั้งนะ” ทำเป็นว่าเข้าใจ ผมเบนสายตาต่อไปที่บ่อน้ำข้างๆที่มีคนเดินเข้าไปตักกลั้วปาก บ้างก็ล้างหน้าล้างมือ
 “แล้วนี่?”
“โฮลี่วอเตอร์โว้ย แบบเอามาล้างบาป”
 “มึงตักกลับไปไทยสิ น่าจะต้องล้างทั้งปี”
“รุนแรงมาก กูเพื่อนมึงไง”
 “หึ” มาถึงแหล่งทั้งทีก็ทำตามที่เขาทำหน่อย  พอมือจับกระบวยปุ๊ป ไอ้เก่งก็หันหน้ามาหาผม
“ไม้ กูจะเชื่อได้ไงว่าน้ำมันสะอาดวะ”
“ล้างๆไปเถอะ”
“แต่...”
 มันมองไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นคุณลุงไม่รู้สัญชาติใช้ปากสูดน้ำเข้าไปพร้อมกับตักอีกรอบลงไปราดเท้า เรียกได้ว่าทั้งปากทั้งเท้าในกระบวยเดียว ผมหันไปสบตากับไอ้เก่งแล้ววางกระบวยลงพร้อมกัน ไว้วัดหน้าแล้วกัน เอาที่คนน้อยๆ หน่อย นับเป็นการเปิดโลกใหม่ได้น่าตกใจพอสมควร ผมตัดสินใจหันตัวเดินเข้าไปที่วัดหลักที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเพื่อเข้าไปดูว่ากิจกรรมของวัดมีอะไรบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับที่ไทยมากนักไม่ว่าจะเซียมซีหรือการโยนเหรียญที่ผมตัดสินใจโยนเหรียญสิบบาทไปแทนเพราะหาเหรียญเยนไม่เจอ 
             

   ภารกิจสุดท้ายคือไปซื้อเครื่องอะไรสักอย่างที่น้องสาวฝากซื้อมาจากประเทศไทย ผมไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แค่โชว์รูปให้คนขายดู เห็นสาวน้อยยืนซื้อกันคนละหลายอัน เห็นแล้วอยากจะไลน์กลับไปถามน้องสาวว่าไอ้เครื่องรางกุ๊งกิ๊งที่ญี่ปุ่นนี่มันดูศักดิ์สิทธิ์กว่าพระที่ไทยได้ยังไง แต่นั่นแหล่ะ ผมเลิกจะทำความเข้าใจกับวัยรุ่นสมัยนี้แล้ว เอาตั้งแต่น้องสาวผมเริ่มเอาไอ้ตุ๊กตาอะไรบี้ๆมาเต้นโชว์แล้วเรียกน้องแล้ว หน้าเหมือนหนูผี มันเรียกน้องลงได้ยังไงวะ
               
จบท้ายวันด้วยการมาหาเบียร์กินที่ร้านคราฟต์เบียร์มาร์เก็นย่านโคเอ็นจิที่ไอ้ยามะพีเวอร์สาขาบางนาแนะนำประหนึ่งเป็นหุ้นส่วนร้าน
อากาศที่ญี่ปุ่นช่วงเดือนพฤษภาเย็นกำลังดีช่างเข้ากันได้ดีกับคราฟต์เบียร์รสขมปลายลิ้นกับลมอุ่นจากบุหรี่ ไม่รวมเสียงน่ารำคาญจากไอ้เวรที่นั่งตรงข้ามผม ทุกอย่างในเวลานี้มันช่างลงตัวจนเหมาะที่จะใช้คำว่าพักผ่อนเสียจริง
“ไอ้ไม้ๆ มึงดูนั่นดิ”
“...”
“เอ้า เบียร์ญี่ปุ่นแดกแล้วเป็นใบ้หรอ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง กูคงให้เขาไปเปิดสาขาที่บ้านมึง จะได้เลิกพูดมาก” มันส่งสีหน้ากวนตีนกลับมาก่อนจะเปลี่ยนประเด็นด้วยการโบ้ยปากไปที่โต๊ะข้างๆ ผมมองตามองศาปากมันไปตกอยู่ที่เด็กผู้ชายที่นอนฟุบกับโต๊ะโดยเอาชุดครุยคลุมทับ
“คนไทยนี่หว่า”
“แล้วมึงจะไปยุ่งอะไรกับเขา” ส่ายหัวให้กับความขี้เสือกมันหนึ่งทีแล้วกลับมาสนใจวิถีชีวิตคนนอกร้านต่อ
“ไอ้ไม้ๆ มึงว่าน้องเขาจบคณะไรวะ”
“เสือก”
“เห้ยบ้า มันมีคณะเสือกตั้งแต่เมื่อไหร่”
“...”
“ใจร้ายจังวะ กูชงมุกให้ตั้งแต่ปีหนึ่งมึงไม่เคยตบให้กูสักรอบเลย”
“...” ไม่พูดต่อหล่ะว่าแต่หัวมึงหน่ะตบไม่หยุดมาตั้งแต่ปีหนึ่งยันทำงานยังไม่เคยหยุดตบเลย
“บุหรี่หมดว่ะ เดี๋ยวกูมา” ไอ้เก่งตบๆกระเป๋าตัวเองก่อนจะเบะปากวิ่งออกนอกร้านไป
ถึงปากจะบอกว่าไม่สนใจแต่ผมก็อดหันไปมองไอ้เด็กนั่นไม่ได้ ก็เป็นห่วงในฐานะคนร่วมประเทศเท่านั้นแหล่ะ เพิ่งจบใหม่แท้ๆ ใช้ชีวิตไม่ระวังตัวเลยวะ ที่นี่ไม่ใช่ข้าวสารเหมือนบ้านเรานะ แล้วฉลองรับปริญญายังไงมานั่งดื่มคนเดียวเศร้าๆแบบนี้กันนะ
 
 
ช่างเถอะ ไม่ใช่ธุระอะไรของผมอยู่ดี
 
 
ใช่ มันไม่ใช่ธุระอะไรของผมเสียหน่อย
 
 


... แล้วทำไมมีไอ้ลุงแก่ๆ ไปป้วนเปี้ยนไอ้เด็กนั้นวะ
... แล้วทำไมพนักงานเสิร์พถึงไปนั่งคุยกับน้องมันขนาดนั้นวะ
... แล้วทำไมไอ้เวรเก่งไปซื้อบุหรี่นานขนาดนี้วะ
... แล้วทำไมผมย้ายตัวมานั่งโต๊ะน้องมันได้วะ!!!!
 




“เห้ย ไอ้หนู” ผมเคาะหัวเด็กตรงหน้าจึ้กๆ
“ฮื่อ” แหน่ะ มีปัดออก
“ไอ้หนู ดึกแล้ว เมาก็กลับบ้านไปนอน” พูดไปก็นึกขึ้นได้ว่าพอใช้คำว่าไอ้หนูแล้วเราดูแก่จังวะ
“ฮื่อ ยุ่งหน่ะลุง”
 

ห๊ะ...
 
ใครลุง!!!
อายุแค่สามสิบหกห่างใกลจากคำว่าลุงไปอีกเยอะโว้ย!!!
 
“เด็กเวร”
“ไมได้ชื่อเวร เนชื่อเน” เสียงดื้อเถียงกลับพร้อมเงยหน้าขึ้น ปรากฏให้เห็นใบหน้าทั้งหมดของเจ้าเด็กขี้เมา โอเค ผมไม่ค่อยได้ติดตามโลกปัจจุบันมากนัก
 
แต่เด็กจบใหม่นี่หน้าเหมือนเด็กมัธยมได้ขนาดนี้เลยหรอวะ!!!
 
ไอ้แก้มใสๆ เจือสีแดง ตาปรือกึ่งหลับนั้นพยายามหาโฟกัสกับหน้าผม ปากเล็กที่เคลือบไปด้วยน้ำสีใสที่เดาเอาน่าจะเป็นน้ำลายจากการนอนฟุบ เวรเอ๊ย คนเมามันไม่ควรน่ารักขนาดนี้

ไม่สิ!!

เด็กผู้ชายที่เมามันไม่ควรน่ารักหรือเปล่าวะ!!   

ตัดภาพไปตอนมหาลัยที่ไอ้เก่งเมา ทุเรศลูกตาจนผมปล่อยให้มันนอนจมกองอ้วกอยู่หน้าร้านไม่แม้แต่จะพากลับห้อง
“...”
“พี่แบงค์หรอ” เสียงเมาอ้อแอ้มาพร้อมกับตาปรือที่ปิดแล้วปิดอีก
“แบงค์ไหน” ผมย้อนถาม
“วงมายด์”
“...”
“แฮ่ๆ พี่แบงค์วงแคลชตะหากกก วงมายด์นั่นพี่ปู เอ้ย พี่เป๊ก เอ้ย พี่เป้ เอ้ย ถูกแล้ววว”
 
เวรแล้ว ยิ้มแล้วแม่งน่ารักกว่าเดิมอีก ผมเมินไอ้มุกสามช่าที่น้องเล่นแล้วหายใจเข้าลึกๆ เด็กจบใหม่นี่อายุมันประมาณเท่าไหร่วะ ยี่สิบสามได้ไหม แล้วเด็กอายุยี่สิบสามมันเมาอ้อนแบบได้ยังไง บ้านเลี้ยงมายังไง แล้วยู่รอดในรั้วมหาลัยยังไงวะ
“นี่ มากับใคร เมาแล้วรู้ตัวไหม”
“หึ่ย ไม่เมา ไม่อ่อน”
“มาคนเดียวหรอ”
“หึ เนมากับพี่ อย่ายุ่ง”
“จบมหาลัยแล้วยังแทนชื่อตัวเองด้วยชื่อเล่นอีกหรอวะ” มันควรจะตลก แต่ทำไมมันดูน่ารักจังวะ
“ยุ่งไรอ่ะลุง”
“เห้ย ไม่ลุง”
“แก่กว่าก็เป็นลุงหมดแหล่ะ”
“ที่บ้านสอนเรื่องลำดับญาติมายังไง” ผมดีดหัวมันไปหนึ่งป๊อก “แล้วมากับใคร โทรมารับได้แล้ว”
“มากับพี่”
“แล้วพี่ไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ พี่โตแล้ว”
 




คิดว่าน่ารักแล้วกวนตีนยังไงก็ได้หรอวะ
เออ ก็ได้แหล่ะ น่ารักดี เหมือนลูกแมวเลย
 

“โตแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้สิวะ ไม่ใช่มาเมานอนอยู่คนเดียวแบบนี้ พ่อแม่รู้เป็นห่วงแย่แน่”
“อื้อ” มาองมาอื้ออะไรวะ เขี่ยแก้มแม่งเลย
“เอาไลน์หรืออะไรสักอย่างของพี่มาสิ เดี๋ยวโทรตามให้” เด็กตรงหน้ายู่หน้าไม่พอใจแต่ก็รับมือถือผมไปจิ้มๆ ลบๆ อยู่หลายนาทีก่อนจะส่งคืนมาให้ผม ดูท่าทางจะแอตไลน์ใครไปเสร็จศัพท์พร้อมกดคอลออกไปให้แล้วเรียบร้อย ผมยกมือถือขึ้นแนบหู ทันใดนั้นมือถือบนโต๊ะก็สั่นรัว เด็กขี้เมาเอื้อมมือไปรับก่อนจะยิ้มเผล่ใส่ผม
 
“หวัดดีลุง เนเองงงง”
 

... ให้ไลน์กันง่ายๆแบบนี้เลยหรอวะ
แล้วลุงอะไรวะ สามสิบหกไม่เรียกลุงโว้ย


 
“บอกให้เอาไลน์พี่มาไม่ใช่ไลน์มึ... ไลน์นาย ไม่ หมายถึงไลน์เธอ เออ ไลน์อะไรนั่นแหล่ะ จะโทรตามให้มารับกลับที่พัก เด็กเวร” ปากพูดไป มือก็กดปักหมุดไว้ กันลืมว่าเป็นไลน์คนตรงหน้า
“ไม่มีใครสนใจหรอก”
“...”
“ขนาดคบกันมาตั้งนานยังไม่ใส่ใจเลย” มันงึมงำแล้วก็ฟุบลงโต๊ะไปอีกรอบ
 




อ้อ... มีแฟนแล้วนี่เอง
ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรเสียดาย แต่มันก็แอบนึกเสียดายขึ้นมาเล็กๆ
 
“ไอ้หนู รักตัวเองให้เป็นก่อนค่อยคิดจะไปรักคนอื่น” ผมลูบหัวฟูๆของมัน “... ขนาดชีวิตตัวเองยังดูแลไม่ได้ มาเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้ สาวที่ไหนเขาจะมั่นใจให้ดูแล”
“...” หน้าดื้องัดขึ้นมองหน้าผม
“รอแป๊ปนึง” ผมเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อค้นหาซองขาวๆ ที่เพิ่งได้มาจากที่วัดแล้วเดินกลับไปหาเจ้าขี้เมาที่มองตามผมทุกย่างก้าวเหมือนอยากรู้ว่าผมจะลุกไปไหน
“ซองขาว? ลุงไล่ผมออกหรอ...”
“เพ้อเจ้อ นี่เครื่องรางความรัก ซื้อมาจากวัดอะไรสะๆ คิดว่านายน่าจะต้องการ” เอาซองขาวฟาดหัวเจ้าเด็กนี่ไปเบาๆ
“ใจดีจัง”
“หึ”
“งั้นแลกกัน อ่ะผมให้” เจ้าเด็กขี้เมาหันไปรื้อกระเป๋าตัวเองครู่หนึ่งก็ยื่นซองขาวแบบเดียวกับที่ผมให้กลับมา
“อะไร?”
“เครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัย แหะๆ พอดีอ่านอังกฤษก็ไม่ออก ญี่ปุ่นก็ไม่ออก ผมจิ้มมั่วอ่ะ ไม่ว่ากันน” คนบ้าอะไรซื้อเครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัยวะ ผมมองไอ้หน้าจิ้มลิ้มที่หัวเราะจนตาปิด
“ขอบคุณ” ผมเอื้อมมือไปยีหัวฟู
“ลุง”
“หือ?”
“เคยจูบใครไหม” เจ้าเด็กเด๋อก้มกลิ้งหน้าตัวเองไปกับโต๊ะ
“เคยสิ”
“อิจฉาจัง อยากลองจูบบ้าง” อารมณ์ไหนของมันวะ
“มหาลัยสี่ปียังไม่เสียจูบไปอีกหรอ” เหลือเชื่อโคตรๆ ผมนี่จูบแรกนอกจากแมวที่บ้านนี่ยังจำไม่ได้เลยว่าเสียไปให้ใคร 
“หือ?” หน้าเด๋อขมวดคิ้วงง
“ช่างเถอะ”
“แต่อยากจูบ”
“อยากจูบอะไร”
“จูบอะไรก็ได้ อยากจูบเป็น จูบอ่ะ”
“...” อะไรของมัน ผมจ้องตากลมนั่นตอบอย่างไม่เข้าใจความหมายที่มันจะสื่อ แก้มกลมพยักหน้าหหงึกๆ ผมยิ่งขมวดคิ้วงงเข้าไปใหญ่ พนักหน้าอะไรวะ พยักหน้าทำไม
“ลุงดีลป่ะ”
“ดีลอะไร”
“ดีลอ่ะ”
“ห๊ะ?”
 
ไม่ทันได้ตั้งแต่ ข้อมือขาวเล็กๆ นั่นก็พุ่งมากระชากเนคไทด์ผมอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งตัวดั้งจมูกผมจึงเกือบฟาดเข้ากับจมูกมัน ดีที่ผมโค้งหลบเล็กน้อยจึงทำให้ส่วนที่สัมผัสกันระหว่างเรามีแค่เพียงริมฝีปาก ผมถลึงตาโตจนแทบหลุดออกมาจากเบ้า
 


ให้ตาย นี่ผมโดนขโมยจูบ....


 
โจรขโมยจูบอ่อนหัดได้แต่เม้มปากยุกๆยิกๆ ดูทรงแล้วเหมือนพวกเด็กที่โดนแม่ปิดตาเวลามีฉากจูบในละครหลังข่าว


 
ทั้งๆ ที่ควรผลักเด็กตรงหน้าออกไปให้ใกล้ แต่มือผมกลับยื่นออกไปแถบชุดครุยตรงคอน้องพร้อมกับไล่ขบเม้มริมฝีปากเล็กของโจรอ่อนหัดตรงหน้า สัมผัสแปลกใหม่ทำเอาตากลมนั่นปิดแน่นจนขึ้นรอยยับ เสียงอืออาร้องขัดขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ดังพอให้ผมผละตัวออก โต๊ะเล็กที่คั่นกลางดูใหญ่จนเกะกะขึ้นมาทันที่เมื่อผมไม่สามารถขยับองศาได้อย่างที่ต้องการ
 


“ไอ้ไม้ ไอ้เหี้ย”




 
เสียงดังมาจากข้างหูทำให้ผมรีบผละตัวออกจากเด็กตรงหน้า คราบน้ำลายสีใสโยงแยกออกจากปากผมและน้อง ผมหันไปมองหน้าไอ้เก่งที่ยืนช็อคโลกอยู่หน้าร้าน ส่วนโจรขโมยจูบแข้งขาอ่อนพับนั่งหัวกระแทกโต๊ะดังลั่นร้าน
“...”
“...”
“กูอธิบายได้”
“มึงได้อธิบายแน่ๆ” ผมยกมือขึ้นขยับจัดองศาเนคไทด์  ลูบหน้าลูบตาเรียกสติพร้อมกับหันไปเชคสภาพคนเมาที่ตอนนี้หัวกลมแน่นิ่งไปแล้ว ผมเอามือจิ้มๆ หัวน้องสองสามทีไม่พบปฏิกิริยาตอบกลับ เดาว่าคงหลับไปแล้วเรียบร้อย เวร หลับได้จังหวะจริงๆนะไอ้เด็กนี่
“อ้าว ไอ้เน” เสียงตะโกนดังมาจากหน้าร้าน ฟังแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นเสียงคนไทย ภาพที่ผมเห็นตรงหน้าคือผู้ชายร่างสูงที่ขมวดคิ้วเดินตรงเข้ามาหาโจรขโมยจูบผมที่สลบคาโต๊ะแน่นิ่งไปแล้วเรียบร้อย
 
หึ
บอกว่ามากับพี่
ทำไมไม่บอกว่าพี่ที่หมายถึงคือแฟนวะ
 
ผมถอยหลังเดินไปหาไอ้เก่งเมื่อเจ้าของตัวจริงของเด็กคนนี้เดินมาถึงตัว ดูทรงแล้วไม่แม้แต่จะชายตามองผม แสดงว่าคงไม่ทันได้เห็นฉากกระชากไทด์จูบสินะ ผมล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงพลางยกอีกข้างขึ้นคีบบุหรี่ ปลายตามองแฟนเจ้าเด็กขี้เมาที่พยายามแบกร่างนั้นขึ้นอย่างยากลำบาก แก้มใสย้วยของเจ้าเด็กนั่นไหลกันไปกองบนไหล่แฟนมัน เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แผ่นหลังเล็กๆนั่นถูกหิ้วออกห่างไปเรื่อยๆ จนสุดสายตา
 
 
 
เห็นว่าเพิ่งรับปริญญามาหรอกนะ
จะไม่คิดค่าเสียหายที่ขโมยจูบก็ได้
               
ว่าแต่
... คงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะนะ           

หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-11-2018 00:50:44
 :laugh: :laugh: :laugh: ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้แต่ขอมาแบบถี่ถี่ก็พอ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 06-11-2018 01:27:44
งุ้ยยยยยยย น้องเน :L2: :impress2:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-11-2018 13:14:30
ตาม

ตาม

ตาม

ตามน้องเนกับลุงหื่น
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-11-2018 03:19:15
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-11-2018 05:07:56
ใครนะว่า..........ผมจะไม่มีแฟนเด็กกว่า   :hao3:
ตอนแรกว่าเด็กนี่น่ารำคาญ.... 
ไหงต่อมาว่าน่ารักซะและ  :m20:
แล้วยังโดนเด็กขโมยจูบอีก  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-11-2018 09:50:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 07-11-2018 10:54:54
ร้อนแรงจริง เอาสิๆ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 07-11-2018 14:40:10
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: porjj ที่ 09-11-2018 10:59:21
5555 น่ารักเชียว
ลุงได้มีแฟนเด็กแน่งานนี้
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 1 [06/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 10-11-2018 03:13:03
น้องงงงง น้องแซ่บมากกก ชอบบบ เลี้ยงต้อยใช่ม้ายยยย กรี้ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รอ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 22-11-2018 16:16:45
                           2
                        ชุดนักเรียน



   “ถามจริงพี่ไม้ น้ำฝากซื้อเครื่องรางความรักได้เครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัย พี่บ้าป่ะเนี่ย” ผมจ้องเครื่องรางสีแดงที่น้องสาวชูขึ้นใส่หน้าผม

   อย่าว่าแต่น้องสาวผมจะอยากรู้เลย
   ตอนไอ้เด็กบ้านั่นบอกว่าเป็นเครื่องรางคลอดลูกผมยังร้องห๊ะในใจดังมาก

   “หยิบผิด”
   “ส่งรูปไปให้เป็นสีชมพู”
   “แม่ชีเขาหยิบให้ผิด”
   “เขาเรียกมิโกะไม่ใช่แม่ชี โว้ยยยยยย พี่ไม้!! เสียเวลาน้ำต้องฝากเพื่อนซื้อมาอีกป่ะเนี่ย!!” ถอนหายใจยาวเหยียดกับความน้องสาว ด้วยความที่ผมกับสีน้ำห่างกันสิบกว่าปี ทำให้บางทีก็เข้าไม่ถึงความคิดของเด็กสมัยนี้
   “อย่าพูดโว้ยสิน้ำ”
   “ซื้อมาผิดยังจะมาดุน้องอีกอ่อ”
   “เดี๋ยวเช่าพระให้แทน ที่พึ่งทางใจเหมือนกัน”
   “ไม่เอา พี่ไม้ไม่อินอ่ะพี่ไม้ไม่เข้าใจหรอก”
   
   เออ
   เถียงไม่ออก
   ใครมันจะไปอินกับถุงผ้าเล็กๆ อันละสี่ห้าร้อยวะ 
 
   “รู้อยู่แล้วว่าต้องโกรธ เลยซื้ออย่างอื่นมาแทน” ผมยื่นถุงกระดาษซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องประดับที่ไอ้ยามะพีสาขาบางนาบอกว่าวัยรุ่นฮิตมาก สาวในสต๊อกของมันอยากได้กันเกือบทุกคน สีน้ำตาโตก่อนจะรีบคว้าถุงไปเปิด
   “พี่ม้ายยยยยยยยยยยยย น่าร้ากกกกกก”
โอ้โห ได้ผลจริงว่ะ เสียงสองมาเลย   
   “ให้เพื่อนเลือกให้ ไม่รู้จะชอบไหม ถือเป็นของขวัญรับปริญญาไปด้วยเลยแล้วกัน”
   “ชอบบบ โอ๊ยยย คอลเลคชั่นใหม่ด้วย พี่ไม้สุดยอด รักพี่ไม้เลยอ่ะ เครื่องรางเดี๋ยวน้ำฝากเพื่อนน้ำซื้อก็ได้เพิ่งเห็นว่ามันไปเที่ยวญี่ปุ่นกับที่บ้านพอดี โอ๊ยยยยยยยยยยย ดีใจอ่ะ กอดทีดิพี่ไม้ รักน้า” ได้ทีก็อ้อนใหญ่ ผมลูบหัวสีน้ำที่พุ่งตัวเข้ามากอดอย่างรุนแรง ดูท่าทางจะดีใจจริงสมที่ยามะพีมันบอกไว้ เดี๋ยวคงต้องโทรไปขอบคุณมันสักหน่อยแล้ว
   “เรียนจบก็โตขึ้นอีกสเตปแล้วน้ำ โวยวายให้น้อยลงหน่อย” เขกหัวไปหนึ่งที แต่เจ้าตัวก็หาได้รู้สึกผิดไม่ ยังจะเงยหน้ามาหัวเราะแห้งอีก
   “พี่ไม้ก็สามหกแล้วนะ หาเมียได้แล้ว น้องรอรับช่อดอกไม้อยู่”
   “ก่อนรอรับช่อดอกไม้ หาแฟนให้ได้ก่อนเถอะ”
   “โห พี่ไม้ร้ายมาก ก็เนี่ย น้องรอเครื่องรางอยู่นี่ไง จะได้มีแฟนสักที”
   “น้ำ ถ้ายังชอบเรอดังๆ ในที่สาธารณะแบบนี้ ต่อให้ซื้อเครื่องรางมาร้อยอันก็หาไม่ได้หรอกแฟน”
   “พี่ไม้ ทำตัวปากร้ายเหมือนพระเอกหนังเลย”
   “หือ”
   “เรื่องมะหมาสี่ขาครับอ่ะ”
   “มันมีพระเอกด้วยหรอ คิดว่าตัวเอกเป็นหมาซะอีก”
   “ปิ๊งป่อง!!!”

   อ๋อ มันด่าว่าปากหมา
   ผมชี้หน้าดุสีน้ำ เดี๋ยวนี้แข็งข้อเริ่มมีแอบด่าแล้วนะ ร้ายนักเด็กสมัยนี้

   “เดี๋ยวก็ยึดสร้อยคอคืนเลย”
   “ไม่ใช่สร้อยคอมันเป็นกำไลจ้ะคุณลุง โวะ ไม่ซื้อเครื่องรางมาให้ยังจะมาปากร้ายกับน้องอีก”
   “ก็นั่นไง เครื่องราง” ผมชี้เครื่องรางสีแดงในมือสีน้ำ
   “พี่ไม้เก็บไว้เถอะ น้ำรออันความรักจากเพื่อนดีกว่า” พูดจบก็เอาไปแขวนกระเป๋าผมเสร็จสรรพแบบที่ไม่มีการถวามความสมัครใจ
   
   สีน้ำขอตัวเอาของขวัญไปถ่ายรูปอวดเพื่อนลงแอพไอจีหลังจากที่แขวนเครื่องรางกับกระเป๋าหนังของผม ถุงผ้าสีแดงดูขัดกับหนังสีดำสุดๆ สมควรแกะเอาไปทิ้ง แต่พอเห็นมันแกว่งไปแกว่งมาแล้วก็พานทำให้นึกไปถึงเจ้าของที่แท้จริงของมัน
   ไอ้โจรขโมยจูบผมนั่นวัยมันคงกำลังพอๆ กับสีน้ำเพราะเพิ่งจบใหม่เหมือนกัน เผลอๆ ไม่แน่อาจจะจบมหาลัยเดียวกับสีน้ำผมก็เป็นไปได้ เสียดายที่ไม่ได้จำลักษณะครุยมันกลับมาให้ชัดไม่งั้นคงแอบพอจะเดาๆ มหาลัยได้หน่อย
   
   ... แต่ช่างเถอะ
   
      
   “พี่ไม้ เพื่อนน้ำจะกลับมาจากญี่ปุ่นพรุ่งนี้ พี่ไม้แวะไปเอาเครื่องรางแทนน้ำหน่อยดิ”
   “พี่หรอ? ทำไมน้ำไม่ไปเอาเอง”
   “ก็พรุ่งนี้เพื่อนจะแวะไปรับน้องมันแถวบริษัทพี่ไม้อ่ะ ว่าจะนัดให้มันไปรอสตาร์บั๊คใต้ตึกพี่ไม้ ตอนประมาณสี่ห้าโมงว่างป่ะ” พูดมาก็นึกได้เลยว่าหมายถึงโรงเรียนชายล้วนชื่อดังที่ตั้งอยู่ติดบริษัทผม พวกเด็กกางเกงน้ำเงินที่ชอบกระโดดรั้วโรงเรียนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำบริษัทผมนี่แทบจะเป็นภาพที่ชินตาแล้ว
จริงๆ บริษัทผมเคยจับเด็กได้คนหนึ่งกะเอาให้หายซ่าเชือดไก่ให้ลิงดู หวยดันออกที่เป็นลูกชายเจ้าของบริษัทแม่ ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครอยากจะจับไอ้เด็กพวกนี้อีกเลย ปล่อยเป็นปัญหาของโรงเรียนที่ไม่ทำระบบความปลอดภัยต่างๆ ให้รอบคอบเอาเอง
    “งั้นก็ได้”
   “ใจดีอ่ะ รักพี่ไม้จังโว้ย”
   “อย่าพูดโว้ย เป็นผู้หญิงนะเราหน่ะ” ต้องดุหน่อยเมื่อได้ยินคำระคายหู แล้วคิดว่าวัยรุ่นสมัยนี้จะฟังไหมหล่ะครับ นู่น แล่บลิ้นปลิ้นตาเดินกลับเข้าห้องไปแล้ว ผมส่ายหัวให้กับความดื้อของสีน้ำ โตจนอายุยี่สิบสามยังทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบแปดไปได้ คิดว่ามันเข้ามหาลัยแล้วจะโตขึ้น ที่ไหนได้นิสัยไม่ได้ต่างไปจากตอนมัธยมเลยสักนิด ผมหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาเพื่อดูเครื่องรางโง่ๆ ที่แกว่งตัวอย่างไร้ประโยชน์


      ไว้ค่อยถอดพรุ่งนี้แล้วกัน...


.
.
.
.
.


   
   วันธรรมดาสำหรับนักธุรกิจอย่างผมก็จะวนๆ อยู่แค่การนั่งเซ็นเอกสารและออกไปคุยกับลูกค้าพันธมิตร ดูเหมือนจะง่ายเหมือนในละคร แต่เชื่อเถอะครับ เจรจาธุรกิจเนี่ย เผาผลาญพลังชีวิตพอๆ กับวิ่งลู่วิ่งสิบกิโลเลยเถอะ เหนื่อยจิตใจจนพาลไปเหนื่อยร่างกายด้วย ผมยกมือขึ้นคลายเทคไทด์ที่คอพรางมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ

   ดูแก่ขึ้นิดหนึ่งรึเปล่าวะ

   เนี่ย เพราะทำงานหนักเกินไปแน่เลย กลับบ้านไปต้องยืมไอ้น้ำตบๆ ของสีน้ำมาใช้บ้างแล้ว อุตส่าห์ดึงหน้ามาทั้งวันกลัวยิ้มแล้วตีนกาขึ้น
   ระหว่างที่ผมกำลังนวดคลายตีนกาก็มีกลุ่มเด็กนักเรียนกางเกงน้ำเงินสองสามคนวิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องน้ำ คนหนึ่งที่ใส่ชุดธรรมดารีบวิ่งจุ๊ดเข้าห้องน้ำไป ส่วนอีกสองคนในชุดนักเรียนยืนหอบแฮ่กๆเหมือนวิ่งกันมาสิบเมตร ว่าแต่ใครปล่อยให้คนนอกเข้ามาใช้ห้องน้ำพนักงานชั้นนี้ได้เนี่ย
   “เชี่ย เราขึ้นมาชั้นนี้ไม่โดนด่าแน่นะโว้ยไอ้กัน”
   “เออน่า อากูเป็นรองประธานบริษัทเลยนะโว้ย ไม่โดนด่าหรอก”

   หรอวะ
   ก็นี่ไงรองประธานยืนหัวโด่อยู่นี่ ไม่เห็นจำได้ว่าเป็นญาติกัน
   
   “ใช่คนที่มารับมึงที่โรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วป่ะ”
   “เออ อาเก่งนั่นแหล่ะ”



   ผมขมวดคิ้วทันทีทันใดที่ได้ยินชื่อปริศนานั่น
   อาเก่ง ?
   พิจารณาหน้าไอ้เด็กคนนี้แล้ว ตั้งแต่ ปากที่ดูกวนส้นตีนเล็กน้อย จมูกก็ดูกวนส้นตีนเล็กน้อย ดวงตาก็ดูกวนส้นตีนเล็กน้อย รวมๆกันแล้ว



    เออ ดูกวนตีนไปทั้งตัว
   สงสัยจะเป็นหลานไอ้เก่งจริงๆ มันน่าจับเข้าห้องปกครองไหมวะ เพิ่งจะบ่ายโมง เด็กนักเรียนพวกนี้มาทำอะไรนอกโรงเรียนกัน 



   “ไอ้เน ให้ไวเลยมึง ได้เวลาที่นัดไอ้นาถมาเปิดรั้วหลังแล้ว”
   “ฮึ้ยย อย่าเร่งดิ เห้ย! กูใส่เสื้อนักเรียนแทนกางเกงเฉยเลยยยย” เสียงตอบมาจากในห้องน้ำดูคุ้นจนต้องขมวดคิ้ว
   “ไวเลยมึง แล้วพี่แนนมาทำอะไรแถวนี้เวลานี้วะ ปกติมารับมึงสายตลอดไม่ใช่หรอ”
   “ถามกูจะให้กูถามใคร กูยิ่งล่กๆ อยู่ อย่าพูดถึงพี่แนนดิวะ”
   “ถ้าไอ้นาถไม่มาเปิดรั้วหลังให้นี่มึงซวยแน่ๆ ไอ้เน”
   “มึงอย่ามาขู่กูนะไอ้กัน” เสียงตะโกนดุดังตอบกลับ
   “มึงจะทำไมไอ้เน”
   “กูจะ... ร้องไห้ แงงงงงงงงง กูติดกระดุมผิดเม็ดดดดดด”
   
    พิจารณาผ่านบทสนทนาแล้ว เดาเอาว่าพี่ของไอ้เด็กในห้องน้ำคงอยู่แถวนี้ กลัวโดนจับได้เลยต้องใส่เครื่องแบบปีนกลับเข้าโรงเรียนเพื่อจะทำเนียนๆ ว่าไม่ได้โดดเรียนออกไปไหน หึ พานเอาทำให้นึกถึงชีวิตตัวเองตอนมัธยมเลย ที่บอแม่ว่าไปเรียนพิเศษแต่โดดไปเดินเล่นแล้วค่อยกลับมาที่โรงเรียนสอนพิเศษสิบนาทีก่อนเลิก เพื่อที่ตอนแม่มารับจะได้ดูเนียนๆเหมือนเพิ่งเรียนมา แต่ก็ทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหล่ะครับ แม่ผมรู้ทัน มารอก่อนสามสิบนาที ตอนเดินกลับไปเจอนี่ผมก็มีหน้าแห้งไปเลยเหมือนกัน 
   ว่าแต่

   ชื่อเน...

   เสียงงอแงจนเกือบอ้อน...

   ถ้าไม่ติดว่าเด็กพวกนี้เป็นเด็กมัธยม ผมคงคิดว่าไอ้ตัวในห้องน้ำนั่นต้องเป็นไอ้โจรขโมยจูบผมแน่ๆ แอบส่ายหัวให้ความคิดตัวเองแล้วรีบเดินออกมาจากห้องน้ำ ไม่ลืมหยิบมือถือขึ้นมาไลน์ไปบอกไอ้เก่งเรื่องหลานมันโดดเรียนด้วย เผื่อมีการลงโทษนอกรอบ 


   เดินออกมาได้สักพักถึงเริ่มรู้สึกว่าทำไมมือโล่งๆ ละลึกชาติว่าขาดอะไรไปในชีวิตถึงค่อยนึกออกมาลืมกระเป๋าเอกสารไว้ในห้องน้ำ ผมถอนหายใจยาวเหยียดให้กับความขี้ลืมของตัวเองก่อนจะหันตัวเดินกลับไปที่ห้องน้ำซึ่งตอนนี้เงียบกริบไร้เงาความวุ่นวายของไอ้เดอะแก็งโดดเรียน
   กระเป๋าหนังของผมที่ควรจะตั้งอยู่ตรงที่ล้างมือตอนนี้กลับโดนทับด้วยกระเป๋านักเรียนเน่าๆ ขาดๆ ผมหนีบไอ้กระเป๋าเหี่ยวขึ้นชู ใช้มาตั้งแต่รุ่นพ่อหรอวะ มันถึงเหี่ยวแล้วก็ขาดได้ขนาดนี้ ผมยกคิ้วแปลกใจเล็กๆ ที่ตรงซิปมีเครื่องรางแบบที่สีน้ำฝากซื้อห้อยอยู่แถมยังมีหมึกเขียนตัวเบ้อเร่อว่า ‘ ของเน!! ’ เออ ก็ดูน่ารักสมวัยนักเรียน  สอดส่องสายตาหาเจ้าของกระเป๋าก็เหมือนจะวิ่งกลับรั้วโรงเรียนไปแล้ว


   
   คนชื่อเนนี่มันวุ่นวายแบบนี้ทุกคนไหมวะ

   สุดท้ายก็จำใจต้องหนีบไอ้กระเป๋าเน่าออกมาด้วย เดี๋ยวคงต้องเอาไปฝากไว้ที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์หน้าตึกหลังจากเอาเครื่องรางให้สีน้ำเสร็จเพราะใกล้เวลาที่นัดแล้ว ผมรีบเดินไปที่สตาร์บั๊ค สถานที่ที่นัดไว้ สอดส่องสายตาหาผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวตามที่สีน้ำบอก
   “พี่ไม้!!!” ผมหันขวับไปข้างซ้าย
   “อ้าว เราเพื่อนสีน้ำใช่ไหม”
   “ใช่ค่า สวัสดีค่ะพี่ หนูแนนเอง” ผมยิ้มตอบ พอจะจำได้ เพราะเห็นอยู่ในรูปกับสีน้ำอยู่บ่อยๆ
   “เป็นไงบ้างชีวิตหลังจบมหาลัย”
   “ว่างมากกกกกกก ยังหางานไม่ได้เลย” เพื่อนสีน้ำเดินนำไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งมีแก้วกาแฟวางไว้ เหมือนมานั่งได้สักพักแล้ว
   “อ้าว มานานแล้วหรอ”
   “สักพักแล้วค่ะพี่ พอดีแนนติดรถแฟนออกมาแล้วมันไปทำธุระต่อ” ผมพยักหน้ารับรู้
   “แล้ว... ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาเป็นไงบ้าง”
   “คือจริงๆ แนนไปถ่ายรูปรับปริญญาอ่ะพี่ มัวแต่หามุมถ่าย ส้นสูงก็กัดเท้าเลยไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไหร่ แต่กินเยอะมาก”
   “ไปคนเดียวหรอ”
   “อ๋อ ไปกับแฟนกับน้องชายค่ะ พอดีน้องชายมันถ่ายรูปสวย แถมยังคอยรับหน้าที่เป็นลูกสมุนถือชุดครุยให้แนนด้วย เนี่ย น้องชายแนนเรียนอยู่โรงเรียนตรงข้างๆ นี่เอง วันนี้เลยมารอรับมันกลับบ้านด้วยเลย” แนนชี้นิ้วไปตรงรั้วโรงเรียนข้างๆ
   พานให้นึกถึงไอ้กระเป๋าเน่าที่ผมหนีบไว้กับกระเป๋าเอกสาร  หวังว่าน้องของแนนจะไม่ได้เป็นพวกเด็กชอบโดดเรียนจำพวกนั้นแล้วกัน
   
   “อ้อ”
   “จริงสิ นี่เครื่องรางค่ะพี่ ฝากให้น้ำมันด้วยนะ บอกมันด้วยว่าให้จ่ายคืนเป็นเลี้ยงชาไข่มุก” แนนยื่นถุงเครื่องรางสีขาวปั๊มตราภาษาญี่ปุ่นสีแดง แบบเดียวกับที่ผมได้มาตอนซื้อ
   “รบกวนแย่เลย  ขอโทษทีนะ”
   “ไม่เลยพี่ไม้ ที่พักแนนใกล้วัดอาซากุสะอยู่แล้ว แล้วนี่พี่ไม้ทำงานอะไรคะเนี่ย”
   “อ๋อ พี่หรอ...”

    จากเครื่องรางก็ลามไปคุยต่อยันหน้าที่การงาน งี้แหล่ะครับเด็กจบใหม่ สงสัยในทุกอย่าง ผมคุยต่ออยู่กับแนนสักพักใหญ่ก็เริ่มเห็นเด็กกางเกงนักเรียนเดินกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแสดงว่าโรงเรียนเลิกแล้ว   
   “โรงเรียนเลิกแล้ว แนนนัดน้องไว้ที่ไหน”
   “ที่นี่นี่แหล่ะค่ะ เหมือนจะกำลังเดินมา”
   “โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะ พอดีมีไปทำธุระต่อ” ผมลุกขึ้นติดกระดุมสูท หยิบกระเป๋าเอกสารตัวเองขึ้นถือ เลยแผลอทำกระเป๋าเน่าของไอ้เด็กโดดเรียนตก ผมย่อตัวลงไปเก็บพอลุกขึ้นมาก็เห็นว่าแนนเองก็ลุกขึ้น แต่สายตาแนนดูจะมองเลยไหล่ผมไป
   “อ้าว!! พี่ไม้ น้องชายแนนมาพอดีเลยค่ะ”
   “อ้อ” ผมค่อยๆ หันหลังไปเตรียมจะรับไหว้น้องชายแนน

   เหมือนกับภาพสโลว์โมชั่นที่ผมเคยเห็นตามหนัง ใบหน้าดื้อๆ ที่ติดอยู่ในความจำผมตั้งแต่วันที่กลับมาญี่ปุ่น ปอยผมเปียกเหงื่อที่ลู่แนบไปกับหน้าผาก ดวงตากลมจ้องหน้าผมอย่างสงสัยไม่ยิ้มจนตาปิดเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน และอีกอย่างหนึ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงคงหนีไม่พ้น


   ชุดนักเรียนมัธยมปลาย?

   ...

   ชุด


   นัก

   เรียน



“พี่ไม้ นี่เน น้องชายแนนค่ะ เนไหว้พี่ไม้สิ”


   ทันใดนั้นบทสนทนาที่ญี่ปุ่นวันนั้นก็ดังขึ้นในหัวผม

   “นี่ มากับใคร เมาแล้วรู้ตัวไหม”
   “หึ่ย ไม่เมา ไม่อ่อน”
   “มาคนเดียวหรอ”
   “หึ เนมากับพี่ อย่ายุ่ง”

   ประกอบกับบทสนทนาวันนี้ของแนน....
   

   “คือจริงๆ แนนไปถ่ายรูปรับปริญญาอ่ะพี่ มัวแต่หามุมถ่าย ส้นสูงก็กัดเท้าเลยไม่ค่อยได้เที่ยวเท่าไหร่ แต่กินเยอะมาก”
   “ไปคนเดียวหรอ”
   “อ๋อ ไปกับแฟนกับน้องชายค่ะ พอดีน้องชายมันถ่ายรูปสวย แถมยังคอยรับหน้าที่เป็นลูกสมุนถือชุดครุยให้แนนด้วย เนี่ย น้องชายแนนเรียนอยู่โรงเรียนตรงข้างๆ นี่เอง วันนี้เลยมารอรับมันกลับบ้านด้วยเลย”


   ไม่หน่ะ ....
   นั่นหมายว่า ...


   “สวัสดีครับพี่”



นี่ผมจูบกับเด็กที่ห่างกับผมเกือบสองรอบเลยหรอวะ!!!!!!!




---つづく
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 22-11-2018 17:07:59
ว้ายยยยยย ลุงเจอเนื้อคู่แล้ว เจอกันสามครั้งเรียกพรหมลิขิตค่ะลุง น้องเนน่าจะจำอะไรไม่ได้เลย  :z3: ลุงไม้ต้องใจเย็นๆนะคะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: nonlapan ที่ 22-11-2018 18:15:59
ขำอ่ะ 5555555555 คุกมั้ยนั่น  :z6:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 22-11-2018 18:55:12
คุกคุกคุกคุกคุก /กระแอมไอ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 22-11-2018 21:39:49
 :hao7:

55

กินเด็กจะเป็นอมตะไหม
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-11-2018 22:19:08
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 22-11-2018 22:31:18
กรี้ดกินเด็กกว่า2รอบนี้ไหวหรอ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 22-11-2018 23:35:25
เทียบกับความเป็นอมตะแล้วนั้นติดคุกคงไม่กี่ปีหรอกลุงชิลๆอ่ะเชื่อสิ :katai3:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: jaaswp ที่ 23-11-2018 12:44:51
ทำมาเป็นตกใจเดี๋ยวลุงก็หลงน้องเน
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 25-11-2018 07:24:17
 :L2:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 25-11-2018 11:36:37
เป็นอมตะกับติดคุกอะไรจะเกิดขึ้นกับลุงไม้ก่อนกัน คุกๆๆเลยนะลุง :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 2 [22/11/18]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 26-11-2018 10:21:41
อายุห่างกันขนาดนี้ สมควรที่น้องเขาจะเรียกลุงอ่ะนะ 5555
ลุ้นคนอยากเป็นอมตะต่อค่ะ น้องจะจำพี่ได้มั้ยนะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 06-12-2018 18:45:17
3

 



 

               ยิ่งโตขึ้นเรามักยิ่งทำหลายอย่างในชีวิตหายไป
               ในส่วนของชีวิตสามสิบหกของผมตอนนี้ สามารถพูดได้อย่างเต็มคำว่า

 

 

 

               ฉิบหาย...

 

 

               ฉิบหายเน้นๆ เลยกู

 

 

               “พี่ไม้ นี่เนน้องชายแนนเองค่ะ” กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินตอกย้ำอายุจริงของน้องมันได้อย่างดี แล้วไอ้ความสั้นกางเกงที่เห็นช่องวางขาขาวๆ ที่เล็กกว่าขนาดขาตัวเองเกือบครึ่ง เห็นแล้วเข่าจะทรุด แม่งเอ๊ย เด็กมัธยมที่แท้จริงแบบที่ไม่ใช่คอสเพลย์

               “ใครอ่ะพี่แนน”

               “พี่ชายสีน้ำชื่อพี่ไม้”

               “อ่อ สวัสดีครับ เนครับ” ผมไล่สายตามองชื่อไอ้เด็กขโมยจูบตรงหน้า ดีที่ชื่อมันยังนำด้วยคำว่านาย ถ้าเป็นเด็กชายคงได้มีลมจับกันบ้างแหล่ะ

               “อืม”

 

 

               มันจำไม่ได้?

 

               หรือจำได้แต่แกล้งทำเป็นจำไม่ได้?

 

               ผมมองไอ้ตากลมๆ ที่จ้องมาที่ผมอย่างสงสัย คิ้วสีอ่อนขมวดเป็นปม หน้าตายังดื้อเหมือนตอนเจอที่ญี่ปุ่นไม่มีเปลี่ยนแปลง

               “อ้าว นั่นกระเป๋าเนนี่นา ไปอยู่กับพี่ไม้ได้ไง” แนนชี้มาที่กระเป๋าเน่าในมือผม ผมเลยก้มลงไปมองพร้อมกับชูขึ้น เจ้าเครื่องรางสีชมพูเลยแกว่งไปมากางอากาศ

 

               ของเน

 

 

 

               ของเน..

 

 

 

               ของเน!!!!

 

 

 

               เวรเอ๊ย!!!!

                นี่ไอ้เด็กเวรที่งอแงในห้องน้ำยังจะหวยออกเป็นมันไปอีกหรอ!!

 

 

 

               “เห้ย...” ไอ้เด็กดื้อถึงกับน้ำท่วมปาก ตากลมมองกระเป๋าในมือผมแบบที่ตาดำก็สามารถสื่อมาได้ว่าฉิบหายแล้วกู อย่าว่าแต่เด็กมันเลย ผมก็พูดไม่ออกเหมืนมีความผิดมาติดอยู่บนบ่า

               “นี่พี่ไม้รู้จักกับเนมาก่อนอยู่แล้วหรอคะ” เวร เวร เวร ตอบแล้วจะโดนแนนสาดกาแฟใส่หน้าไหมวะ

               “อ่า” ผมยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้นเกาจมูก “พอดีเจอกันที่ญ...”

               “รู้จัก!!! พี่ไม้!!! รู้จักดีเลยด้วยยยยย!!!” ผมกับแนนสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ไอ้น้องเนก็ตะโกนขึ้นมาลั่นร้าน พร้อมกับวิ่งมากอดแขนผม

 

               ถึงหน้าผมจะนิ่งแต่ในใจนี่ทบทวนกฎหมายผู้เยาว์รัวๆ

               คุกไหมวะ คุกไหม ไม่ใช่ไหม ไม่สิ มัธยมปลายนี่อายุเท่าไหร่วะ

 

               “เนกับพี่ไม้เนี่ยนะ? ไปรู้จักกันได้ไง ตอนไหน ทำไมพี่ไม่รู้”

               “อ่า คือ... โอ๊ย” ผมเตรียมจะอธิบายแต่ไอ้เด็กเวรนี่ก็กระทืบป้าปเข้ามาเต็มตีน

               “พี่ไม้เป็น เป็น เป็นครูสอนพิเศษของเน!!!!”

 

               ห๊ะ...

 

               จากรองประธานบริษัทตกไปเป็นครูสอนพิเศษ ไม่ได้เกรงใจตำแหน่งกันเลย แนนทำหน้างงสุดชีวิตไม่ต่างจากผมที่จู่ๆ ก็โดนเปลี่ยนอาชีพไปโดยไม่รู้ตัว หน้าดื้อของไอ้เด็กที่กอดแขนผมฉีกยิ้มกว้างแบบที่มองจากญี่ปุ่นมากยังรู้ว่ามีพิรุธ

 

               ผมลอบถอนหายใจยาวเหยียด

 

 

               นอกเหนือจากโกหกคำโตแล้วยังแสดงให้ผมได้รู้ด้วยว่า

 

 

               ... ไอ้เด็กนี่จำผมไม่ได้

 


                ควรจะดีใจที่ขาได้ก้าวออกจากคุกแต่ไหงในใจมันแอบเสียดายจนโหวงขนาดนี้นะ

 

                “พี่ไม้เนี่ยนะครูสอนพิเศษ”

                “ใช่!! พี่ไม้เป็นครูสอนพิเศษเน”

                “พี่ไม้สอนวิชาอะไรหรอคะ” แนนเงยหน้าขึ้นถามผม

                “พะ พี่ไม้สอนวิชา วิชา วิชาอังกฤษ!! โห พูดอย่างกับเจ้าของภาษาเลยนะพี่แนน เนประทับใจมาก”

                “อ๋อ พี่ไม้จบโทที่อังกฤษนี่เนาะ แต่... ทำไมถึงมาสอนเนได้หล่ะ” ผมเหลือบตามองตากลมที่ขมวดจ้องผม ไม่ต้องมาทำหน้าขู่เลย คิดว่าได้ผลหรือไง นอกจากจะไม่ได้ดูเกรงขามแล้วยังติดเหมือนลูกแมวไปอีก

                “นั่นสิ” อยากรู้อยู่เหมือนกัน

                “พี่แนน พี่แบงค์โทรมาอ่ะ” เสียงเล็กโวยขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่มือถือบนโต๊ะ แนนรีบหันตัวไปรับ จังหวะนั้นหน้าดื้อก็รีบเชิดขึ้นมองหน้าผม อะไร จ้องแบบนี้จะเอาอะไร หรือนี่คือทำหน้าขู่อยู่

               

               หึ พยายามทำให้น่ากลัวสุดชีวิตแล้วก็ยังได้แค่นี้หรอวะ

 

 

                “ฉันเป็นครูสอนพิเศษนายตอนไหน” ผมยิงคำถามไปก่อนทำไอ้เจ้าเด็กตรงหน้าทำหน้าตาเลิ่กลั่ก

                “ไร้นาว!! ตอนนี้!! “ มีทำเสียงดุจริงจังแต่พอเห็นผมไม่สะทกสะท้านก็เปลี่ยนมาเป็นเขย่าแขนทำเสียงเล็กเสียงน้อยแทน “ขอร้องแหล่ะพี่ ช่วยผมหน่อยนะ”

                “ที้งี้หล่ะเรียกพี่” ตอนนั้นทำไมเป็นยศลุงวะ ได้แต่คิดแล้วก็ยกมือขึ้นนวดตีนกา 

                “ห๊ะ?”

                “หมายถึงทำไมฉันต้องช่วย”

                “โห่พี่ คนไทยด้วยกัน นะๆ ช่วยผมเถอะ นะๆ “ คลาสสิคสุดๆ คนไทยด้วยกัน ใช้มาตั้งแต่ไอ้เก่งขอลอกข้อสอบสมัยมหาลัย ผมเอื้อมมือไปดีดเหม่งใสๆ ตรงหน้าด้วยความหมันเขี้ยว

                “เสียใจที่ต้องบอกว่าฉันเป็นลูกครึ่ง”

                “เห้ยยยยยยยย แต่เลือดจิ้ดหนึ่งก็ยังไทยนะพี่ นะๆ ช่วยผมหน่อยน้าพี่ ไม่งั้นผมซวยจริงๆ นะพี่” ผมขมวดคิ้วกับคำว่าจิ้ดหนึ่ง แปลกดี ไม่เคยได้ยิน แต่ดูจากบริบทคงหมายถึงอะไรเล็กๆ น้อยๆ สินะ

                “เวลาทำผิดก็หัดรับผิด ทีหลังก็อย่าโดดเรียน”

                “ผมเปล่าโดด”

                “หือ...”

                “ผมไม่ได้โดดเรียน”

                “โกหก”

                “ผมไม่ได้โดดจริงๆ “

               “โกหก”

               “เปล่าโกหก!! เพื่อนผมมันเผลอหยิบกระเป๋าผมติดมือไปด้วยเมื่อวาน วันนี้มันก็เลยไปลืมไว้สักที่หนึ่ง”

                “ฉันอยู่ในห้องน้ำตอนที่เธอ... นาย... เออ นายเปลี่ยนเสื้อ” ผมเปลี่ยนสรรพนามให้น้องมันเล็กน้อยเมื่อค้นพบว่าไม่น่าใช่ แต่จะว่าไปใช้นายก็ยังไม่เหมาะ จะได้ใช้น้องก็กลัวดูเด็กไป เอาเป็นว่านายไว้ก่อนแล้วกัน

                “ฉิบหาย ทำไมพี่ไปอยู่ในห้องน้ำนั้นได้อ่ะ เพื่อนผมบอกว่าห้องน้ำนั้นมีแต่เจ้าของตึกใช้นะพี่ เนี่ยๆ นิสัยไม่ดี ถ้าพี่ไม่ช่วยผมนะ ผมจะไปบอกเจ้านายพี่ว่าพี่ใช้ห้องน้ำเจ้านาย เอาให้โดนไล่ออกไปเล้ย!!!”

                ตบท้ายประโยคด้วยการกอดอกมั่นใจว่าตัวเองขู่สำเร็จใส่ผมไปอีก ผมมองไอ้ความมั่นใจบนในหน้าดื้อนั่นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ความคิดโคตรจะเด็ก แต่ก็ไม่แปลกเพราะมันก็เด็กจริงๆ

 

                “ขู่?”

                “ช่ายยยยยย กลัวอ่ะดิ !! ”

                “มากเลย” ผมยกมือขึ้นชูว่ายอมแพ้ เจ้าเด็กตรงหน้าเลยยิ้มแป้นออกมา

                “ผมไม่อยากจะขู่หรอกนะ แต่เพื่อนผมอ่ะ ลูกเจ้าของบริษัทนี้นะพี่” ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีเมื่อเจอคำขู่จากเด็กตรงหน้า

 

                ผมเนี่ยอยู่ตำแหน่งรองประธานบริษัทนี้เพราะพ่อไม่อยากให้ขึ้นตำแหน่งเร็วเกินไปจนถูกตกเป็นประเด็นนินทาจากคนในบริษัท พูดง่ายๆ ก็คือลูกเจ้าของบริษัทที่เด็กจมูกรั้นตรงหน้ากำลังพูดถึง

 

               ... ก็ผมนี่แหล่ะ

               

                “โห เส้นใหญ่นะเนี่ย กลัวสุดๆ ”

                “ดีมาก ผมไม่อยากทำตัวใจร้าย เพราะงั้นความร่วมมือผมดีๆ เถอะพี่ จะได้ทำงานที่นี่นานๆ เนาะๆ “

                “หึ” เจ้าเด็กเนยกยิ้มเหมือนตัวเองเป็นผู้ชนะ ยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้ง ผมยืดตัวกลับหลังจากย่อตัวลงฟังเจ้าเด็กนี่กระซิบขู่จังหวะเดียวกับที่แนนวางสายแล้วหันกลับมาทางผม

                “โทษทีค่ะพี่ไม้ พอดีแฟนแนนโทรมา”

                “ไม่เป็นไร”

                “ว่าแต่ ตกลง พี่ไม้มาสนิทกับเนได้ยังไงนะ ขออีกที”

                “เรื่องมันมีแบบนี้พี่แนน”

                “...”

                “คือเนอ่ะเจอกับพี่ไม้ประมาณสามเดือนที่แล้ว” ผมกระดกคิ้ว สามเดือนเลยหรอ

                “อาฮะ”

                “แล้วเห็นพี่ไม้อ่ะนั่งว่างไม่ทำงานทำการ เนเห็นงั้นเลยขอให้พี่ไม้ช่วยสอนภาษาอังกฤษ ชีวิตจะได้มีอะไรทำ เนี่ย สอนมาสามเดือนแล้ว เนาะ” ก็เลยกลายเป็นพนักงานสันหลังยาวไปเลย อยากจะหัวเราะดังๆ ให้กับนิยายที่แถสีข้างถลอกของมันเหลือเกิน

                 “พี่ไม้เนี่ยนะนั่งว่างๆ ” แนนกอดอกทำหน้าตาไม่เชื่อ

                “จริงๆ นะพี่แนน เนี่ย ถามพี่ไม้เลยก็ได้”

                “จริงหรอคะพี่ไม้”

                ผมกระตุกยิ้มตอบแนนไปหนึ่งที เจ้าเด็กเนเลยถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ผมยอมช่วย

 

               

                แต่ผมหน่ะ

 



                ไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดีอะไรขนาดนั้นหรอก

 

 

                “ไม่จริง พี่เพิ่งเจอเนกับแก็งเพื่อนในห้องน้ำก่อนมาเจอแนน เห็นใส่ชุดไปรเวทวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียน ดูท่าทางเหมือนโดดเรียนแล้วกลัวโดนจับได้ แล้วก็คงรีบมากกลัวแนนเห็น ถึงได้ทิ้งกระเป๋าไว้ในห้องน้ำ อ่ะ เอาคืนไปได้แล้ว” ผมยื่นกระเป๋ากลับใส่มือเจ้าของที่ตอนนี้เบะปากทำหน้าจะร้องไห้แต่ก็ยังส่งสายตาโกรธมาให้ผม หลังจากที่เล่าเรื่องจบ แนนก็หันขวับไปทางน้องชายตัวดีทันที

                “ไอ้เน!!!!”

                “แงงงงงง พี่แนน ฟังเนก่อนนนน”

                “โดดเรียนไม่พอ ยังจะโกหกอีกหรอ นิสัยเสียมากนะเน พี่จะฟ้องพ่อ”

                “พี่แนนอย่า!! พี่แนน เนขอโทษ โอ๊ยๆ ไม่บิดหู เนเจ็บ โอ๊ย” เหมือนฉากในซิทคอมที่เด็กแสบโดนพี่บิดหู เจ้าเด็กเนถึงกับม้วนตัวตามมือพี่สาวตัวเองเพื่อลดความเจ็บปวด เห็นแล้วก็ตลกปนสงสารไม่ได้

                “ร้ายมากนะเน กล้าโกหกหน้าด้านๆ เลยนะไอ้แสบ”

                “เนขอโทษค้าบพี่แนน โอ๊ยยยยย เจ็บค้าบ เจ็บค้าบพี่แนน เปลี่ยนข้างได้ไหม”

                “แนนขอโทษที่รบกวนด้วยนะคะพี่ไม้ แล้วก็ขอโทษแทนน้องเวรของแนนด้วย”

                “ไม่เป็นไร” ผมยิ้มตอบ

                “ขอโทษพี่ไม้เดี๋ยวนี้เลยนะเน”

                “ไม่ขอโทษ ทำไมเนต้องขอโท- โอ๊ยๆๆ ขอโทษครับบบบ” พอโดนบิดหูเพิ่มถึงได้ยอมยกมือขึ้นขอโทษ แม้แววตาจะไม่ได้มีความรู้สึกผิดสักนิดเลยก็ตาม

                “แฟนแนนมารับพอดี เดี๋ยวขอตัวก่อนเลยละกันค่ะ” แนนก้มตัวขอโทษผมอีกครั้งก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายเตรียมตัวดึงหูน้องชายตัวเองออกจากร้าน

                “เดี๋ยว”

 

                ผมคว้าเอื้อมไปแขนของเนไว้ มั่นใจว่าไม่ได้ออกแรงอะไรมาก แต่ร่างของเด็กตรงหน้ากลับหลุดออกจากมือพี่สาวแล้วลอยหวือเข้ามากระแทกอกอย่างจังประหนึ่งผมออกแรงสุดกำลัง หน้าดื้อของเนค่อยๆ มุดขึ้นจากอกผม ใบหน้าเล็กแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง

               

               “...”

                “ลืมไป...”

                “ปะ ปล่อย” เนดันตัวออกจากผมแทบจะทันทีที่ตั้งตัวอยู่ หน้ายู่เงยมองผมอย่างหงุดหงิด   

                “เห็นว่ารู้จักกับลูกเจ้าของบริษัทไม่ใช่หรอ”

                “อะ อะไรของพี่วะ” หน้างงนั่นพยายามหาคำตอบจากผม ผมเลยยื่นคำตอบให้ด้วยนามบัตรของตัวเอง เนรับไปอ่านสักพักก่อนจะถลึงตาโตขึ้นมองหน้าผม ปากเล็กขยับพะงาบๆ

               

               “ยินดีที่ได้รู้จักอีกรอบแล้วกัน”

 

                ... และผมไม่ได้หมายถึงฐานะลูกเจ้าของบริษัทหรอกนะ

 

 

.

.

.

 

 

                คิดไว้ว่าเด็กแสบนั่นคงจะหายซ่าไปได้หลายวันหลังจากที่โป๊ะแตกจนหน้าซีดไปขนาดนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมคิดผิดคงจะเป็นแรงสั่นว่าข้อความเข้าในเวลาสี่ทุ่มกว่า แม้จะขึ้นเบอร์โทรเป็นตัวเลขเนื่องจากไม่ใช่เบอร์ที่รู้จัก แต่ตัวข้อความนั้นระบุตัวคนส่งได้อย่างชัดเจนจนทำให้ผมต้องยกยิ้มมุมปากขึ้น

 

 

                ‘ลุงนิสัยไม่ดีขี้แกล้งเด็ก ขอให้ท้องเสียสามวัน ขอให้นิ้วก้อยเกี่ยวขาโต๊ะ ขอให้ตีนกาขึ้นสิบคู่ สาธุ!!!

จาก บุคคลไม่ระบุนาม’

 

 

 

 

 

                หึ ไอ้เด็กบ้า

               ... บอกว่าสามสิบหกไม่เรียกลุงไง



-----                                                       つづく
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-12-2018 19:00:37
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 06-12-2018 19:57:57
ตอนนี้ขำน้องเนมาก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-12-2018 20:56:26
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 06-12-2018 21:22:36
คุกไหมมมม คุก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 06-12-2018 22:07:43
คุณลุ้งงง ไม่อ่อนโยนกับน้องเนเล้ย
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 07-12-2018 00:17:11
เด็กแสบบบบ ลุงสู้ๆนะ ถ้ามัวแต่อืดอาดเดี๋ยวตามเด็กไม่ทันนาาา
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 07-12-2018 09:39:15
หยอกกันน่ารัก งือ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 07-12-2018 15:28:42
งุ้ยเด็กงอนแล้วอะลุงง้อไงดีอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 07-12-2018 17:11:44
งุ้ยยยยยย เด็กอารมณ์ดี กระปี้กระเป่าหัวใจ คึคึ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 08-12-2018 11:49:14
งุ้ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-12-2018 15:46:55
น้องเน~ หนูจะแช่งตีนกาให้ลุงเป็นสิบคู่ไม่ได้นะลู๊กก แค่คุกลุงก็จะไม่รอดแล้ว 5555555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 3 [06/12/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-12-2018 19:45:59
แสบทั้งน้องทั้งลุง !!!  :hao7:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 09-12-2018 22:08:46
 
ตอนที่ 4










 

                เป็นประธานบริษัทสบายจะตาย แค่นั่งเซ็นเอกสารเอง

 

                ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงเถียงขาดใจงานประธานบริษัทไม่ได้สบายเหมือนในละครหรอกนะ เอกสารที่ว่าเนื้อหาต้องอ่านให้ดีก่อนที่จะเซ็นตัดสินใจอะไรลงไป รายละเอียดบางครั้งก็ยาวสามถึงสี่หน้าขนาดให้เขียนเป็นสรุปมาแล้ว ยังไม่อยากจะพูดถึงตัวเอกสารที่เป็นตัวเลขและในขณะเดียวกันก็ต้องบริหารเวลาในการไปพบลูกค้าที่จะต้องดีลกับมนุษย์หลากหลายประเภท พบได้ลองมาเป็นเลขาพ่ออยู่ช่วงสมัยมหาลัยถึงค้นพบว่ามันไม่ใกล้เคียงคำว่าสบายเลยสักนิด แต่หลังจากที่พ่อแต่งตั้งผมขึ้นเป็นรองประธานบริษัทแล้วโยนงานทุกอย่างตั้งแต่เซ็นเอกสารยันรับฟังปัญหาทั้งภายในและภายนอกบริษัทส่วนตัวเองก็บินไปโพสท่ากูลิโกะอยู่ญี่ปุ่นสบายใจเฉิบ ตอนนั้นแหล่ะที่ผมเพิ่งจะมาเห็นด้วย

 

                เออ ประธานบริษัทนี่สบายจะตาย



 

                แต่รองประธานนี่สิ!!!



 

                นอกเหนือจะต้องมาเครียดเรื่องงานที่ถามโถมเข้ามาไม่เว้นวันแล้วยังจะต้องมีพนักงานที่สร้างปัญหาและก่อกวนในทุกวันทำการอย่างไอ้หน้าแป้นที่มานั่งกินเคเอฟซีในห้องเจ้านายแบบไม่สนใจโลกที่ชื่อเก่งนี่อีก

 

                 “หน้าเครียดเชียววะไอ้ไม้”

                “อืม” ตั้งแต่มีมึงในชีวิตเนี่ย ไม่เคยหายเครียดเลย

                “แดกกาแฟไหม กูบอกเลขามึงให้”

                “มึงหน่ะหยุดเลย เรื่องหลานมึงนี่ยังไม่เคลียร์นะ” ผมย้ายนิ้วออกจากขมับไปชี้หน้าโง่ๆ ของมัน

                “โถ่ไอ้ไม้มึง ทำไมขี้หวงเป็นแม่น้ำหวงโหเลยนะ หลานยืมห้องน้ำนิดห้องน้ำหน่อยไม่ได้เลย”

                “ถ้ามีแค่หลานมึงกูคงไม่หงุดหงิดหรอก”

                “ตบมุกหวงโหกูหน่อยสิเพื่อนๆๆๆ”
               
                “...”
               
                “แฮ่ๆๆๆ”

                “...”

                “นั่นฮวงโห!! สัดเอ๊ย กูตบเองก็ได้ แม่ง ใจร้ายฉิบหาย”

                “เออ แล้วตกลงหลานมึงนี่... อายุเท่าไหร่” ผมเกาจมูกอ้อมแอ้มเหมือนไม่จริงจังเท่าไหร่ มือก็เปิดเอกสารไปมาเหมือนกำลังยุ่ง

                “ไอ้กันนี่น่าจะสิบเจ็ดสิบแปดมั้งมึง ม.หกอ่ะ กูไม่แน่ใจ”

                “ตกลงสิบเจ็ดหรือสิบแปด”

                “หน้ากูเหมือนอาที่รักหลานมากเรอะ ไม่รู้โว้ย ขนาดวันเกิดมันยังจำไม่ได้เลยต้องรอเฟซบุ๊คเตือน มึงจะอยากรู้อายุหลานกูไปทำไม ถ้าจะแทงหวยกูบอกเลยว่าช้าไปสิบปี กูแทงมาแล้ว ทั้งบนทั้งล่าง โดนแดก...”

                “ช่างเถอะ มึงออกไปได้แล้ว” ผมถอนหายใจยาวแล้วโบกมือไล่มันออกไปจากห้องซึ่งมันก็โวยวายว่าผมใจดำเป็นแพนโทนสีดำอะไรวุ่นวายแต่ก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี น่าจะเพราะว่ามันบดมันหมดถ้วยแล้วด้วย





                ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดข้อความที่โดนส่งมาขู่เมื่อวาน ดีนะที่ให้นามบัตรอันที่เบอร์ติดต่อเป็นเครื่องผมไป ถ้าหยิบผิดให้อันเป็นของบริษัทไปเจ้าเด็กเนอาจจะต้องโดนตามตัวข้อหาส่งข้อความมาป่วนบริษัท

                 “เด็กเวร” แค่อ่านข้อความก็สัมผัสได้ถึงความแสบผ่านตัวอักษร ไม่เห็นทำหน้าอ้อนเป็นลูกแมวเหมือนตอนเจอที่ญี่ปุ่นเลย ผมสะบัดความคิดไล่หน้าลูกแมวออกจากหัวเตรียมกดปุ่มโฟนบอกให้เลขาไปสั่งกาแฟใต้ตึกให้แต่อะไรสักอย่างก็ดลใจให้ผมตัดสินใจลุกออกไปเอง

                “อ้าว คุณไม้จะไปไหนหรอครับ”

                “ร้านกาแฟใต้ตึกหน่ะ”

                “หือ? ให้ผมไปซื้อให้ก็ได้นะครับ ไม่ต้องลำบากเดินไปเองหรอกครับ”

                “ไม่เป็นไร ผมกะว่าจะไปดูอะไรสักนิดหน่อยด้วย”

                “ให้เรียกผู้ติดตาม...”

                “ไม่ต้อง ผมอยากไปส่วนตัวหน่ะ ขอบคุณมาก” ผมโค้งหัวเล็กน้อยเป็นการตัดบทแล้วรีบเดินเข้าลิฟต์ออกมา อยากจะคลายเนคไทด์ตรงคอออกแต่เนื่องจากยังอยู่ในบริษัทเลยทำไม่ได้ นึกถึงวัยรุ่นที่ใส่เสื้อยืดนอนยาวยันบ่ายสามชะมัด



                ร้านกาแฟโลโก้สีเขียวชื่อดังที่ตั้งใจเลือกมีสาขาอยู่ใต้ตึกยังคงคนแน่นอยู่เต็มร้านอาจจะเพราะเป็นเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนมัธยมข้างๆ ด้วย ถึงได้มีผู้ปกครองกับเด็กมัธยมนั่งกันเต็มไปหมด ผมถอนหายใจเตรียมหันหลังกลับเข้าลิฟต์ แต่จู่ๆ ปลายรองหนังของผมก็หยุดชะงัก

 

 

                ชุดนักเรียนงั้นหรอ...

 

                ป่านนี้ไอ้เด็กที่ส่งข้อความมาขู่เขาจะอยู่ที่ไหนนะ

 

.

.

.

.

   

 

                รู้ตัวอีกทีไหงตรงหน้าผมถึงกลายเป็นกำแพงโรงเรียนไปได้นะ...

 

                ผมก้มหน้าเกาจมูกเพราะกลัวว่าตัวเองที่ใส่สูทมายืนอยู่หน้าโรงเรียนจะดูแปลกไปหน่อย แต่พอเงยหน้ามองความจริงก็ดันเนียนเข้ากับสถานการณ์พ่อแม่มารับลูกไปเฉยเลย ซึ่งมันไม่ควรเนียนหรือเปล่าวะ สามสิบหกมันไม่ใช่อายุพ่อเด็กมัธยมปลายมั้ง ยืนไปยืนมาเริ่มเห็นสายตาผู้ปกครองที่จดจ้อง อยู่ไม่ได้กลัวโดนสมาคมพ่อบ้านลากเข้ากรุ๊ปไลน์เลยเลี่ยงออกจากหน้าประตูโรงเรียนเตรียมเดินกลับบริษัท พอดีผ่านร้านน้ำปั่นตักๆ ที่ขายแก้วละสิบบาทเลยซื้อรสกาแฟติดมือมาหนึ่งแก้ว หวานบาดคอจนต้องหยีตา หวานขนาดนี้ไม่ต้องทำรสกาแฟก็ได้มั้ง 

 

                “กันมึงโทรหาเนยังวะ”

 

                หือ?

                ผมชะงักตัวแล้วหันไปข้างตัว

                รู้สึกช่วงนี้ชื่อเด็กเนจะปรากฏเข้าหูผมบ่อยเหลือเกิน

 

                “แม่งไม่รับเลยว่ะ หายไปไหนของมันวะ”

                “มึงโทรหาเรื่อยๆ เลย ไม่ใช่โดนพวกไอ้เทลลากไปไหนแล้ว” ได้ยินคำว่าลากก็เหมือนคิ้วผมจะขมวดเข้าหากัน

                “มึงก็ไม่น่าปล่อยมันอยู่คนเดียว ก็รู้ว่าไอ้เนปากหมาแค่ไหน”

                “สัด กูทิ้งมันไปสามวิเพื่อไปซื้อโค้ก ใครจะไปรู้ว่าแค่สามวิก็หาตีนเข้าปากได้วะ”

                กำลังจะเอ่ยปากถามว่าหมายถึงเนไหน กลุ่มเด็กข้างๆ ก็รีบออกตัววิ่งออกไปกันเสียก่อน ปล่อยให้ผมหงุดหงิดใจอยู่คนเดียว

 

                เอาเถอะ

 

                ปัญหาของเด็กมันไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่อย่างเราอยู่ดี

 

 

 

                คิดแบบนั้นแต่ปลายเท้าผมก็เปลี่ยนทิศทันที จากตรงกลับบริษัทเป็นเลี้ยวเข้าตรงตรอกแคบๆ ข้างโรงเรียน ถ้าสมัยผมอยู่มหาลัย สถานที่ที่เราเลือกจะมีเรื่องกับศัตรูก็ต้องหนีไม่พ้นตรงที่ลับตา ตรงที่จะไม่มีตัวประกอบมาคอยกรี๊ดเรียกตำรวจเหมือนในหนัง

ผมหยุดสายตาลงกับพื้นเมื่อเห็นเหมือนถุงผ้าสีแดงตกอยู่ พอเดินไปหยิบดูก็เห็นหมึกสีดำที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ

 

                ‘ของเน’

 

                ภาษาไทยไม่ถึงสิบตัวอักษรที่เปลี่ยนจังหวะเท้าผมจากเดินเป็นวิ่งโดยไม่รู้ตัว



                 ผมวิ่งเข้าซอยลึกเข้าไปนิดเพื่อที่จะเจาทางแยก ก่อนจะเริ่มได้ยินเสียงทะเลาะกันมาจากด้านซ้ายซึ่งส่งผลให้ผมออกตัววิ่งทันที

                ภาพที่ผมเห็นเมื่อปลายเท้าหยุดวิ่งคือภาพของกลุ่มนักเรียนชายที่ล้อมใครสักคนไว้ ภาพคุ้นตาพอที่จะทำให้นึกถึงสมัยมัธยมและมหาลัยของตัวผมเองที่ผ่านทั้งการเป็นคนที่ล้อมและตกอยู่ในวงล้อมมาหลายครั้งในชีวิต จากคำพูดของเด็กกลุ่มเมื่อกี้ เดาได้เลยว่าไอ้ที่ถูกล้อมอยู่คงหนีไม่พ้นเจ้าของเครื่องรางในมือผมแน่ๆ

                “ปากเก่งนักไม่ใช่หรอวะไอ้ตุ๊ด เงียบทำเหี้ยไรหล่ะ”

                “พ่อมึงดิตุ๊ด”

                “ไอ้เหี้ยเน!!!”

 

                ปั้ก!!

 

                อูย...

 

                ท่าทางจะเจ็บนะนั่น...

                ผมส่ายหัวมองสภาพเด็กเวรที่นอนสะบักสะบอมอยู่บนพื้นถนนหลังจากโดนนันยางเตะหน้าเข้าให้จนกลิ้งไปชนกับกำแพง เจ็บตัวขนาดนั้นยังคงปากหมากลับได้ ไม่รู้จะชื่นชมหรือหนักใจดี ผมวางแก้วกาฟลงกับพื้นก่อนจะยกมือขึ้นป้องปาก

 

                “เฮ้”

                ได้ผลแหะ หันขวับกันมาทั้งกลุ่ม           

 

                “ใครวะมึง”

                “พ่อไอ้เนป่ะวะ” คิ้วผมขมวดเข้าหากัน นี่หน้าผมแก่ขนาดเป็นพ่อมันได้เลยหรอวะ ถามจริง

                “มึงเป็นใครวะ!!” หนึ่งในกลุ่มตะโกนถามผม

                “ระวังปากหน่อย” ผมขมวดคิ้วกลับ มาขึ้นมึงกับใครวะไอ้เด็กพวกนี้ ห่างกันเกือบสองรอบ

                “ปัญหาของเด็ก ไม่ต้องเสือกครับพี่”

                “เออ ไม่ได้อยากจะยุ่งกับปัญหาของเด็กหรอกนะ”

                “...”

                “แต่ไอ้เด็กคนนั้น...” ผมชี้นิ้วไปที่ร่างเล็กที่นั่งเลือดกลบหน้าเอนตัวพิงกำแพงอยู่

                “...”

                “เหมือนจะเป็นปัญหาของฉัน”

 

                ใช่

 

                ปัญหาตัวใหญ่เลยด้วย

 

 

                “อะ อะ... อะไรวะ พ่อไอ้เนจริงด้วย ฉิบหายแล้ว ทำไงดีวะ”

                “มึงกูไม่เอาด้วยนะ กูติดทัณฑ์บนอยู่ ถ้าเข้าห้องเย็นอีกนี่กูซวยแล้วนะ”

                “กูไม่เอาด้วยคน”

                “มึง เขาดูมีอิทธิพลจังวะ”

                “กูไปดีกว่า พวกมึงเอาเลย”

                “เห้ย กูไปด้วย” 

 

                เด็กนักเรียนกลุ่มใหญ่เอาศอกตีกันอยู่สองสามวิก็วงแตกคว้ากระเป๋าวิ่งหนีกันไปคนละทางโดยที่ไม่ต้องออกแรงสักหมัด นับว่าวงแตกง่ายดี ไม่เหมือนเวลาอยู่ในวงชกต่อยตอนมหาลัยที่ต่อให้ตำรวจมาก็ยังฟัดกันนัวไม่มีปล่อย ผมถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปย่อตัวหน้าเด็กที่ขดตัวพิงกำแพงอยู่

                “ไง”

                “...”

                “จำกันได้ไหมบุคคลไม่ระบุนาม”

                “...ฮึก” ตากลมๆ เหมือนจะมีน้ำตาขึ้นมาทันที

                “ทำไมวันนี้ไม่เก่งเหมือนเมื่อวานเลย” ผมยกมือขึ้นจับคางเน จับหันซ้ายหันขวา ดูท่าทางแผลไม่ได้ลึกอะไรมาก มีช่วงคิ้วที่เหมือนจะหนักหน่อย เหลือบตามองแขนที่มีแต่รอยช้ำน่าจะพยายามเอามาป้องกันตัวสุดชีวิตแล้วแต่ยังไงก็หลบตีนคนเกือบจะสิบคนไม่ไหวหรอก

                “ลุง”

                “เดี๋ยวซ้ำอีกหมัดเลย อายุสามสิบกว่าไม่ได้แก่ขนาดนั้น”   

                “อย่าบอกพี่แนนนะ” มือเล็กยกขึ้นจับแขนเสื้อสูทผมแน่น

                “...”

                “ขอร้อง อย่าบอกพี่แนนนะ”

 

                ทำไมถึงดูอ้อนเหมือนจะขาดใจได้ขนาดนี้วะ

               

                ...เรื่องเล็กแค่ชกต่อยแค่นี้

                ทำไมต้องทำหน้าจะร้องไห้ขนาดนี้นะ

                ผมหายใจเข้าลึกจนสุดปอดก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียด

 

                “ต่อให้ฉันไม่บอก แผลเธอก็บอกอยู่ดี”

                “...”

                “แนนมารับหรือเปล่าวันนี้”

                “...” หัวเล็กสะบัดส่ายเล็กน้อย “...แต่ถ้าหกโมงกลับไม่ถึงบ้าน พี่แนนจะโทรหา”

                อา...

                เคอร์ฟิวกลับบ้าน เป็นอะไรที่ลืมไปแล้วว่าเคยมีอยู่บนโลก นานเกินกว่าจะจำได้แล้วว่าตอนมัธยม หกโมงนี่ก็ถือว่ากลับบ้านดึกมาแล้วจริงๆ 

                “เดี๋ยวค่อยคิด ตอนนี้ไปทำแผลก่อน ยืนไหวไหม”

                “ไม่”

                “หือ” ผมขมวดคิ้วมองไปที่ขาที่ก็ดูไม่ได้จะหักอะไร แต่แขนเล็กกับพยายามดึงตัวผมไว้

                “ไม่ทำแผล”

                “เพิ่งมากลัวเจ็บเอาตอนนี้หรือไง ทีตอนที่ปากดีสวนกลับไปไม่เห็นจะกลัวตาย”

                “ก็... แต่...”

                “เน” ผมเรียกชื่อด้วยเสียงดุ หน้าเล็กๆ นั่นถึงเงยขึ้นมองหน้าผม

                “ไม่มีตังค์  แล้วก็... ไม่ไปโรงพยาบาลได้ไหม เนกลัว” ทำหน้าทำตาเหมือนจะร้องไห้หมดลุคไอ้เด็กปากหมาที่เพิ่งสวนศัตรูจนโดนเตะปากหน้าหันไปเลย

 



                ว่าแต่แทนตัวเองด้วยชื่องั้นหรอ

           
                 ... เหมือนตอนเจอกันครั้งแรกเลยแหะ

 


                “แผลเยอะขนาดนี้ยังไงก็ต้องทำแผล ตรงคิ้วนี่อาจจะต้องเย็บ เลือกระหว่างพยาบาลทำกับให้ฉันทำ คิดว่าใครจะมือหนักกว่ากัน อ่อ หรือจะเลือกแผลติดเชื้อตายก็ได้นะ ทรมาณหน่อย” จากประสบการณ์จริงผู้ผ่านการมีเรื่องมาหลายครั้ง เอาจริงผมว่าผมน่าจะมือเบากว่าพยาบาลด้วยซ้ำนะ แต่ดูท่าไอ้เด็กตรงหน้าจะกลัวผมมากกว่าถึงยอมลุกขึ้นแต่โดยดี ผมพยุงเนขึ้นยืนก่อนจะถอดสูทออกคลุมร่างมันให้กันเดินออกไปหน้าปากซอยแล้วเจอผู้ปกครองคนอื่น

                “ค่อยเดินได้ไหม เจ็บท้อง” ดูท่าทางจะเดินเร็วไปหน่อย เสียงงุ้งงิ้งถึงดังขึ้นขัด

                “ขาสั้น”

                “บอกว่าเพราะเจ็บท้อง” หน้าดื้อหันขวับมาทันที

                “คิดจะปากดีก็อย่าอ่อนให้เขากระทืบได้ แล้วนี่ดีแค่ไหนที่ตอนนี้แค่โดนรุมตีนด้วยวัยเดียวกัน ถ้าไปปากดีที่อื่นเจอคนพกอาวุธ เขาไม่ใจดีให้แค่ปากแตกคิ้วแตกหรอกนะเน”

                “รู้แล้วน่า”

                “ให้มันจริง” ผมถอนหายใจก่อนจะยกมือถือขึ้นมาต่อสายหาเลขาให้เตรียมรถไปคลินิกที่ใกล้ที่สุด เนดูตกใจเล็กน้อยที่ผมมีคนขับรถส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งรถจอดลงหน้าคลีนิค หน้าดื้อถึงหันขวับมาหาผม

                “ฮือ”

                “อะไร”

                “ลุงเข้าไปด้วยกันนะ”

                “ทำไมต้องเข้า”

                “จะปล่อยให้เด็กเข้าไปทำแผลคนเดียวได้ไง เนกลัวนี่นา เหมือนเวลาไปทำฟัน ลุงไม่เคยให้พี่สาวเข้าไปนั่งเป็นเพื่อนหรอ”

                “ฉันไม่มีพี่สาว”

 

                 ... แล้วก็ไม่เคยให้ใครเข้าไปนั่งเวลาทำฟันด้วย

                อ้อ

                ไม่ลุงด้วย!!

 

                “ฮือ นั่นแหล่ะ” นั่นแหล่ะอะไรวะ ถึงจะงงๆ แต่ก็โดนลากเข้าห้องทำแผลไปด้วยเฉยเลย พอได้เข้ามาอยู่ในห้องที่สว่างจากแสงสีขาวแล้วยิ่งเห็นรอยแผลสีแดงตามตัวเนได้ชัด อาจจะเพราะผิวขาดจัดมากด้วยเลยยิ่งทำให้สีแดงจนผิวชัดเข้าไปใหญ่

                “ปล่อยแขนก่อน เดี๋ยวพยาบาลทำแผลไม่ถนัด”

                “ไม่เอาๆๆๆๆ”

                “เน”

                “ไม่เอานะลุง เนกลัว กลัวจริงๆ นะเนี่ย ไม่เคยเย็บแผลเลย มันจะยังไง เหมือนเย็บผ้าไหม เคยเรียนวิชาคหกรรมแต่เข็มทิ่มมือเลยจ้างเพื่อนทำแทน มียาชาไหม ทำไงดีอ่ะ กลัวเข็มอ่ะ” เสียงงอแงพ่นรัวๆ พร้อมกับรั้งแขนเสื้อเชิ้ตผมไว้แน่นจนยับเป็นรอยนิ้ว

                “ใจเย็นๆ อาจจะไม่ลึกขนาดเย็บก็ได้”

                “อ้าวหลอกกันหรอ ไหนเมื่อกี้บอกต้องเย็บไง”

                “ไม่ได้หลอก แค่คิดว่าอาจจะต้องเย็บ”

                “คนแก่หลอกเด็กนี่นา”

                “เห้ยๆ ” ผมรีบยกมือขึ้นชู่ๆ ใส่ทันที ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวคนนอกห้องเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไง จะปิดปากก็กลัวเจ็บแผลที่ปาก พอหายใจได้นิดหน่อยนี่ปากเริ่มเก่งขึ้นมาแล้วนะเนี่ย



                “ลุง แล้วเรื่องพี่แนนจะทำยังไงดีอ่ะ”

                “มีทางออกอื่นนอกจากบอกไปตรงๆ หรือไง แผนขนาดนี้”

                “ช่วยคิดหน่อยสิ เนคิดไม่ออก”

                “พูดความจริงง่ายที่สุดแล้วเน โกหกจนเคยตัวแล้วเราหน่ะ”

                “ก็ถ้าเนพูดความจริงแล้วมันไม่ซวยเนก็พูดแล้วป่ะ”

                “...” ผมกระดกคิ้วให้กับเสียงที่เถียงกลับมา

                “แค่นี้เนก็ไม่มีที่ยืนพอแล้วป่ะพี่ เรียนก็ไม่เก่งสักวิชา สอบก็ตก ไม่เคยทำให้ที่บ้านภูมิใจได้เหมือนพี่แนน ยิ่งเพิ่งโดนจับได้เรื่องโดดเรียน ถ้ามีเรื่องชกต่อยเข้าไปอีก แค่นี้เนก็ไม่มีอะไรดีแล้วป่ะ” เสียงเล็กพูดไปพร้อมกับน้ำตาคลอไป มือเล็กกำแน่นด้วยอารมณ์

                “แล้วยังไงต่อ”

                “หือ...”

                “ก็ที่พูดออกมา...”

                “ห๊ะ...”

                “ทำตัวเองทั้งหมดเลยไม่ใช่หรอ”

                “...”   

                “เรียนไม่เก่งสักวิชา สอบก็ตก ไม่เคยทำให้ที่บ้านภูมิใจแต่โดดเรียน แต่หาเรื่องชาวบ้าน เหมือนถามเองตอบเอง ไม่มีอะไรดีหรือไม่คิดจะทำให้ดีตั้งแต่แรก” ผมกอดอกจ้องเนที่นั่งห้อยขาบีบตัวเองจนเล็ก ถ้ามีหูก็คงลู่ตกไปหมดแล้ว เนพยายามจะเถียงผมกลับแต่สุดท้ายก็กลืนคำลงคอเพราะน่าจะหาเหตุผลดีๆ ตอบกลับไม่ได้

                “ก็...”

                “ก็อะไร”

                “ก็.. ก็...”

                “ก็ถ้ารู้ว่าทำอะไรก็ไม่เก่ง ตัวเองห่วย ไม่มีอะไรไปสู้คนอื่น มัวแต่คิดแต่ไม่ทำอะไร มันจะดีขึ้นได้ไง ก็ห่วยต่อไปแบบนี้แหล่ะ”

       



        ผมคิดว่าตัวเองไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุอะไรแต่คนตรงหน้ากลับงอคิ้วหดตัวจนแทบจะจมหายไปกับเตียง ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ผู้ช่วยของคลินิกก็ขออนุญาตเข้ามาทำแผลพอดี ผมเลยต้องหลบไปยืนข้างเนแทน แค่เห็นขวดแอลกอฮอลล์ที่ตั้งอยู่ในถาดผมก็แสบแผลขึ้นมาแทนเลย สัมผัสสุดท้ายที่ทำแผลแบบนี้คงประมาณปีสองตอนอยู่มหาลัย พยายามทำเป็นไม่เจ็บเผื่อเอาลุคแมนๆ แต่สุดท้ายก็ต้องร้องออกมาอยู่ดีเพราะกลไกลของร่างกาย ทนยังไงให้ไหวกับแอลกอฮออล์ที่ถูลงแผลสดกันนะ

 

                ผมที่เซียนสนามยังต้องมีซู้ดปากเวลาทำแผล

                ตัดภาพมาที่มือใหม่หัดมีแผลอย่างเน ไม่ต้องคิดมากครับ

 

                “ฮืออออออออออออ แสบมากกกกกกกกกกกกกกก แม่ช่วยเนด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”     

 

                ร้องไห้ลั่นคลินิก...

                ผมมองหน้าที่เบะจนเสียรูปแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ น้ำตาน้ำมูกปนกันไปหมด กว่าจะทำแผลเสร็จแขนเสื้อผมก็แทบจะโดนน้องจิกขาดติดมือ เสื้อเชิ้ตขาวบัดนี้ได้กลายสภาพเป็นผ้าขี้ริ้วทั้งน้ำตา น้ำมูก น้ำลาย เลือด สกปรกกว่าผ้าปูเตียงคลีนิคอีกมั้ง ดีนะที่ถอดเนคไทด์ไว้บนรถ ไม่งั้นอาจจะโดนเด็กตรงหน้าเอาไปเช็ดอะไรอีก

                “รับยาที่หน้าเคาท์เตอร์เลยนะคะ”

                “ขอบคุณมากครับ”

                ผมเดินจูงเนออกมาจากห้องทำแผลพร้อมกับไปชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ยามาสองสามแผง คงหนีไม่พ้นพวกยาแก้ปวด ผมรับยามาถือพร้อมกับขอบคุณคุณเจ้าหน้าที่ไปอีกครั้ง ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นรอยยิ้มหวานกับคำชมที่ไม่อยากได้ยิน

                “คุณพ่อยังหนุ่มอยู่เลยนะคะเนี่ย”

                “...”

               

 

                อย่างน้อยก็พี่ชายได้ไหม...

 

 

 

 

 

 

 

                ออกมาจากคลินิกผมก็พาเนมายืนรอรถอยู่ริมถนน เนคว้าถุงยาไปดูเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดแลวหันหน้าดื้อๆ มาหาผม

                “ลุง”

                “พี่”

                “ลุง”

                “พี่”

                “ลุง”

                “... อะไร” สุดท้ายก็แพ้ ผมถอนหายใจแล้วจ้องหน้าเนกลับ

                “เนสัญญาว่าเนจะโกหกพี่แนนให้น้อยลง”

                “ก็ดี”

                “แต่...”

                “...”

                “วันนี้เนยังไม่กล้าเจอหน้าพ่อกับแม่”

                “...”

                “เนไปนอนบ้านลุงได้ไหม”

               

                แค่กๆๆๆๆ

 

                 ถึงกับสำลักน้ำลาย ผมไอโขลกอยู่สองสามทีโดยมีมือเล็กยื่นมาช่วยลูบหลังอยู่เบาๆ

               

                “แง ลุงเป็นไรอ่ะ แก่แล้วสำลักหมากหรอ ฮือออ”

                “แค่กๆ เด็กเวร แค่ก เดี๋ยวก็เตะกลิ้งเลย เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ” ผมลูบหน้าลูบตาดึงสติกลับมา เอาใหม่สิ อาจจะฟังผิด ผมอาจจะฟังที่เนพูดมาเมื่อกี้ผิดไปเอง

                “เนไปนอนบ้านลุงได้ไหม”

 

 

 

                "ผู้เยาว์" หมายถึง บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งจะบรรลุนิติภาวะเมื่อมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์

ผู้เยาว์ คือ บุคคลที่อ่อนอายุ อ่อนประสบการณ์ และขาดการควบคุมสภาพจิตใจ จึงถือว่าเป็นผู้หย่อนความสามารถ เพราะยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่อาจจัดการกิจการและทรัพย์สินของตน ดังนั้น กฎหมายจึงให้ความคุ้มครองช่วยเหลือจนกว่าบุคคลนั้นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงเป็นบุคคลผู้บรรลุนิติภาวะ

 

                เนื้อหาเกี่ยวกับผู้เยาว์ในอินเตอร์ที่เนทที่เสิร์ชมาเมื่อเช้าถึงกับแล่นรัวเข้ามาในสมอง ผมยกมือขึ้นนวดขมับที่จู่ๆก็เต้นตุบๆ จนสัมผัสได้ถึงความตึงเครียด

 

                “ลุงเป็นไรอีกอ่ะ แค่ขอนอนบ้านเอง”

                “นี่ บ้ารึไง จะขอนอนบ้านคนอื่นแบบนี้ง่ายๆ ได้ยังไง”

                “ก็ไม่คนอื่นนี่ พี่สีน้ำมานอนบ้านเนบ่อยจะตาย ทำไมเนไปนอนบ้านลุงบ้างไม่ได้”

                “แล้วทำไมต้องเป็นบ้านฉัน บ้านเพื่อนไม่มีหรือไง”

                “ถ้าบอกไปนอนบ้านลุง พี่แนนยังพอคุยได้อ่ะ แต่นอนบ้านเพื่อนโดนซักจนซีดเป็นเอ็กเซลล์สูตรผ้าขาวแน่เลย นะนะนะนะนะน้า” มาอีกแล้วไอ้กอดแขนร้องตะแง้วๆ

 

                เด็กผู้ชายมันขี้อ้อนแบบนี้ได้หรอวะ คิดสภาพเพศเดียวกันมาอ้อนนี่มันควรจะน่าขนลุกจนอยากเตะไปไกลๆ แต่พอมองเด็กเนนี่ทำ ทั้งตากลมๆ แขนเล็กๆ เสียงติดงอแงน้อยๆ

 

 

                ควรจะอยากเตะให้กระเด็น

 

 

                ... แต่ทำไมใจผมดันเต้นแรงแทนวะ







                                                                         つづく
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 09-12-2018 22:10:46
น้องเนน่ารักกก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 09-12-2018 22:22:55
ก่อนจะได้กินเด็กเป็นอมตะ ลุงน่าจะได้ตีนกาก่อน


อ้าว ไม่ลุงนี่นา :hao7:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 09-12-2018 23:52:40
โอ้ยยย โดนเด็กอ้อนตะเเง่วๆเป็นแมวเข้าหน่อย ลุ๊งงง คุกๆๆๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 10-12-2018 00:03:45
เด็กมัน(แอบ)ร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 10-12-2018 00:56:45
น้องเน ผีห่าซาตานตัวไหนมันกล้าทำกับหนูแบบนี้ลูก
 บอกแม่ เดี๋ยวแม่จะเอาไม้หวายแช่น้ำเกลือไปเฆี่ยน
มันเองลูก  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-12-2018 01:16:02
อ้างถึง
ผมกอดอกจ้องเนที่นั่งห้อยขาบีบตัวเองจนเล็ก ถ้ามีหูก็คงลู่ตกไปหมดแล้ว

เนมีหูนะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 10-12-2018 02:20:09
โอ้ยยยๆๆๆๆ ชั้ยรอเวลาเค้ารักกันแทบไม่ไหวเลยค่ะคุณณณ NCต้องเด็ดๆแล้วนะคะ จะรอต่อไปเรื่อยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-12-2018 02:59:39
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: nooknyx ที่ 10-12-2018 09:31:09
โถ่ลุงงงงงง สงสารรร 555555555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: pranliew ที่ 10-12-2018 16:22:18
งู้ยยย น้องเน ขี้อ้อนแบบนี้คนแก่ก็หัวใจวายกันพอดี 5555 ตลกพี่ไม้ที่ถึงกับต้องเปิดกฎหมายเลย รออ่านนะคะน้องน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 10-12-2018 19:46:07
ลุงขาก้าวเข้าคุกหนึ่งข้างละนะ 555555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 10-12-2018 23:13:09
ยัดเยียดคุกให้ลุงแล้วน้องเน :impress2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 12-12-2018 09:54:05
ใจอ่อนกับเด็กอะลุง โห
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: GevalinW329 ที่ 12-12-2018 20:55:24
คุกๆๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-12-2018 21:59:10
เด็กก็ขี้อ้อนมากกก ลุงก็ใจอ่อนเลยยย 555 :hao3:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 12-12-2018 23:22:45
 :3123: :-[
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 24-12-2018 12:26:56
รอน้องเนบุกบ้านลุงนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: btoey ที่ 24-12-2018 13:06:16
 :laugh: :hao7:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 27-12-2018 10:29:18
น้องเนน่ารักกกกกกกก   :hao7:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll CH 4 [09/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 31-12-2018 11:26:46
โอ๊ยยยยน่ารักกกกกก ทำไมหนูอ้อนพี่เก่ง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 31-12-2018 17:09:42
-
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ursleepingxd ที่ 31-12-2018 20:22:39
ขิงไม่ขิงไม่ว่า แต่เล่นมาแต่ละมุขนี่ ไม่หารนะคะ

เพราะผมชอบคูณณณณณ

เอ๊ะ ไม่ได้หรอ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 01-01-2019 09:39:13
อรุ่กก โดดน้องเนแอทแทคกันไปตามๆกัน :ling1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-01-2019 12:32:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 01-01-2019 19:07:15
น่าติดตามครับ

 :mew1: :mew2: :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-01-2019 15:45:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-01-2019 23:23:27
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: pranliew ที่ 03-01-2019 22:41:16
หวานซะ น้ำตาลขึ่นจอ อิอิ ขอบคุณนะคะที่มาแต่งตอนพิเศษ //สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะคะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 03-01-2019 23:36:23
โอ้ยยยย ลุ๊งหลงแฟนเด็กจนหัวปักหัวปำ มาทำเป็นขิง!

สวัสดีปีใหม่นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: พันวา ที่ 04-01-2019 09:52:05
ลุงงงงงงงง :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 09-01-2019 13:23:19
อ่านตอนพิเศษแล้วก็อยากว๊าปไปตอนเค้าคบกันแล้วอ่ะน่ารักมากกกกก น้องเนน่ารักน่าแกล้ง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-01-2019 18:47:54
ก๊อก ๆ ๆ น้องเนหายไปนาน คิดถึง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 17-01-2019 19:03:39
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขิง [31/12/18] p.2
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-01-2019 21:30:14
ลุงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จะใจแตกก่อนเนแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขึ้นคอนโด [04/03/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 04-03-2019 21:06:54
5
 
 
 
 
คุกเคยเป็นคำไกลตัวสำหรับผม
ไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่ามันจะสามารถเด้งกระโดดมาอยู่ใกล้ชิดผมได้ภายในคืนเดียว
 

ผมยืนจ้องประตูคอนโดตัวเองพร้อมกับกลืนน้ำลายหนืดลงคอ ถัดไปที่หลังผมคือไอ้เด็กเนในชุดนักเรียนทับด้วยเสื้อกันหนาวบนรถผมที่ผมซื้อมาตัดรำคาญเวลาสีน้ำบ่นเรื่องผมชอบเปิดแอร์เย็นเกินไป ผมเลยตัดปัญหาพกเสื้อกันหนาวไว้บนรถแต่หลังจากนั้นสีน้ำก็ไม่เคยขึ้นมาบนรถอีกเลย
 
 
จนกระทั่งวันนี้...
ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้มันจะถูกใช้งานด้วยเด็กมัธยมมาก่อนในชีวิต
 
“ลุงจ้องประตูทำไมอ่ะ”
“...”
“มันเปิดด้วยแสกนสายตาหรอ ล้ำมาก”
 
ผมถอนหายใจในคำพูดคำจาที่ดูโคตรจะเด็กของมัน
 
...ที่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกบาปมากขึ้นไปอีกสิบเปอร์เซ็นต์
อะไรของมึงวะไอ้ไม้!!!
 
แล้วใช่ครับ ผมพามันมาคอนโดส่วนตัวแทนที่จะกลับบ้านเพราะไม่อยากจะตอบคำถามร้อยแปดของสีน้ำ แถมไอ้เด็กเนก็ยังกลัวสีน้ำบอกพี่สาวมันด้วย สุดท้ายผมก็พาตัวเองกับเด็กมัธยมปลายมาหยุดอยู่หน้าห้องส่วนตัว
 

เสี่ยเลี้ยงเด็กชัดๆ นี่ผมดูเหมือนเสี่ยเลี้ยงเด็กชัดๆ !!!!

 
ย้อนกลับไปเมื่อตอนหน้าคลินิกที่ผมโทรหาแนนเพื่อบอกว่าเนจะมานอนกับผมเพื่อติววิชาอังกฤษ แนนดูตกใจและทำเสียงเหมือนจะไม่ให้เพราะกลัวจะมารบกวนผม  แต่พอผมพูดเรื่องคะแนนสอบที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินของเนขึ้นมาแนนก็ตกลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับขอโทษแทนเจ้าตัววุ่นวายอยู่หลายครั้ง
 
“ลุง นี่ง่วงแล้วอ่ะ” เสียงท้วงดังขึ้นพร้อมกับแรงกระตุกชายเสื้อเบาๆ เรียกสติผมให้กลับมา
“เออๆ “ ผมถอนหายใจแต่ก็เปิดประตูห้องให้ ผมเดินนำเข้าห้องมาเปิดไฟพร้อมกับไอ้ตัวเล็กเดินตามหลังมาติดๆ
“โห ห้องใหญ่อ่ะ!!“
“ถอดรองเท้า”
“ครับ” แปลกที่หน่อยนี่ว่าง่ายขึ้นมาเลย ผมเดินนำไปเปิดไฟห้องนั่งเล่นพร้อมกับเปิดทีวีเจ้าเด็กเนก็เดินเตาะแตะตามมา ผมเดินไปหยิบน้ำมันก็ยังคงเดินตามมา
 
เอาหละ
เปิดโหมดกวนตีนอีกแล้วหรอ
 
“จะเดินตามทำไม”
“เอ้า ผมไม่รู้ทาง”
“จะนั่งตรงไหนก็นั่ง จะกินอะไรก็กิน เดี๋ยวเสื้อผ้าฉัน... พี่... อ่า ฉันแล้วกัน เดี๋ยวฉันหาให้” ผมเกาหัวแกร่กๆ ให้กับความเลือกใช้สรรพนามไม่ถูก
“ลุงแทนตัวเองว่าพี่ก็ได้ เนไม่แซวหรอก”
“...”
“ฉันมันเหมือนพวกผู้หญิงคุยกันเลยอ่ะ เนฟังแล้วจั๊กจี้หู” มันทำตัวสั่นให้ดูว่าจั๊กจี้จริง ไม่คิดบ้างหรอวะว่าฝั่งนี้ก็จั๊กจี้กับการเห็นเด็กผู้ชายแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเหมือนกัน
“เออ เดี๋ยวพี่ไป... ไม่ เดี๋ยวฉันไปหยิบเสื้อผ้าให้” สุดท้ายก็ระคายปากตัวเองจะมาเรียกพี่ใส่คนที่ห่างกันสองรอบ
“ลุงงงง”
“อะไร”
“ไม่ฉันดิ”
“งั้นไม่เรียกลุงสิ”
“เอ้า เกี่ยวไรเนี่ย นี่ปากเนนะ”
“เออ รู้”
 
 
 
รู้สิวะ


ก็จูบมาแล้ว
 

 
แค่คิดก็รู้สึกได้ถึงตำรวจมารอหน้าบ้าน ถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นนวดขมับให้กับความคิดของตัวเอง
 
 
“เนเรียกลุงว่าพี่อ่ะแปลก แต่ลุงแทนตัวว่าพี่ไม่แปลกหรอก”
“มันต่างกันยังไง”
“ก็เนว่าไม่แปลก มันก็ไม่แปลกดิ”
“...”
 

อะไรของมันวะ
เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ จะพูดอะไรออกไปก็กลัวเด็กมันดักแก่เลยทำเป็นเมินๆ ไว้ก่อน

 
“เน หิวอ่ะ คอนโดลุงมีมาม่าไหม”
“ไม่มี” ผมไม่ใช่พวกชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรืออาหารแช่แข็งอยู่แล้ว รวมถึงที่บ้านไม่ค่อยให้ทานด้วย เลยกลายเป็นนานๆ ทีหรือไร้ทางเลือกจริงๆ ถึงจะกิน
“ถามจริง”
“ใช่”
“ไรอ่ะ คอนโดไม่มีมาม่าได้ไง”
“เพราะกินแต่อะไรแบบนี้ไง ถึงได้แห้งเป็นลูกแมวขนาดนี้” ผมขมวดคิ้วมองแขนเล็กๆ ของมันที่ผมกำทีเดียวก็เต็มรอบ
“เห้ย หุ่นเนเรียกหุ่นนายแบบนะลุง”
 
 

นายแบบอะไรวะ วิสกัสหรือเพ็ดดีกรีสูตรพุดเดิ้ล
แห้งขนาดนี้ใส่เสื้อไซซ์เอสยังหลวมเลยมั้ง
 
 
... ว่าแต่ไอ้รอยช้ำบนหน้ามันนี่ขัดสายตาจัง มองทีไรก็รู้สึกหงุดหงิดแบบไม่มีสาเหตุ
 
 
“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวฉันสั่งข้าวให้”
“เห้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวลงไปซื้อเซเว่นก็ได้ลุง”
“เดินย่องเป็นแมวยังจะมาเถียงอีกหรอ” ผมทำท่าจะจิ้มนิ้วลงตรงพุงนิ่มของมัน ส่งผลให้ไอ้ตัวดีรีบงอตัวหนีทันทีเพราะกลัวจิ้มโดนรอยช้ำ
“เห้ยลุง มันเจ็บนะ!!!”
“ไปอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัวอยู่ในลิ้นชักล่างซ้ายตรงเคาท์เตอร์ ส่วนเสื้อผ้าเดี๋ยวฉันไปหาให้” ผมเดินนำไปเปิดประตูห้องนอนแล้วเดินเข้าช่วงตู้เสื้อผ้าบิวท์อินเพื่อหาเสื้อห้าที่พอจะให้เนใส่ได้พอดีตัว
“โหหหห สุดยอดดดดดดดด ตู้เสื้อผ้าเป็นห้องเลย”
“ใส่ตัวนี้ได้ไหม” ผมหยิบเสื้อยืดสีขาวลายกระต่ายที่เข้าเซทกับกับกางเกงขาสั้นที่สีน้ำเคยเอาทิ้งไว้เมื่อนานมาแล้ว
“ทำไมเสื้อกับกางเกงมันจุ๋มจิ๋มจังอ่ะ”

 
จุ๋มจิ๋ม?
อะไรวะ ทำไมต้องจุ๋มจิ๋ม

 
“...”
“เสื้อกับกางเกงผู้หญิงป่ะเนี่ย”
“ใช่”
“เหยยยย บ้าป่ะลุง เดี๋ยวแฟนลุงมาด่าเนทำไม” ผมถอนหายใจ
“นี่เสื้อสีน้ำ”   
“ใช่ป่าวววว”
“...”
“แหนะ เสื้อสาวแน่เลยอ่ะ”
“ไม่ใช่”
“วู้วววว”
“วู้วอะไร”
“วู้วววววววว เสื้อสาววววว”
“บอกว่าไม่ใช่ ฉันไม่เคยพาคนอื่นขึ้นห้อง”
“...”
“...”
“ผมคนแรกเลยหรอที่ลุงพาขึ้นห้อง”
“...”
 
 
ผมว่ารูปประโยคมันสุ่มเสี่ยงจังวะ...
 
 
จังหวะที่ผมพูดจบไปเป็นวินาทีเดียวกับที่ผมรู้สึกตัวว่าไม่ควรพูดคำว่าขึ้นห้องออกไป เพราะดูกลายเป็นเสี่ยมากกว่าเดิมสิบเท่า

ไอ้ไม้เอ๊ย... อยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ
 
 
“โห ต้องดีใจป่ะเนี่ย ผมเป็นแขกคนแรกของลุงไม้โฮสเทลเลย” ผมขมวดคิ้วโดยไม่แน่ใจว่าควรดีดเหม่งมันด้วยข้อหาเรียกห้องผมว่าโฮสเทลหรือที่มันเรียกผมว่าลุงไม่ขาดปากดี บอกว่าสามสิบหกไม่ลุงไง แค่สามสิบหก แค่สามสิบหก!!!
“ไปอาบน้ำไป อย่าล้างหน้านะ ให้เช็ดเอา จำที่หมอบอกได้ใช่ไหมว่าห้ามโดนน้ำ” ผมดีดเหม่งมันไปหนึ่งทีซึ่งก็ได้เสียงร้องงอแงกลับมาตามที่คาด
“จำได้น่ะ ลุงขี้บ่น”
“ไปอาบน้ำ”
“เนขอทำใจก่อน” ประหนึ่งจะเข้าไปทำสงครามแทนการอาบน้ำ มีต้องมาทำจงทำใจ เนเดินวนไปวนมาสำรวจห้องต่ออีกสักพักก็ยอมเข้าไปอาบน้ำแต่โดยดี พอเสียงปิดประตูดัง ผมก็ทรุดตัวนั่งกับขอบเตียงพร้อมกับจ้องไปที่ประตูห้องน้ำที่มีเสียงน้ำกระทบพื้นดังลอดออกมาเบาๆ
 
 
มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ
ผมปล่อยให้เด็กมันมาค้างห้องได้ยังไงวะ
แล้วไอ้ความทำตัวไม่ถูกของผมนี่มันอะไรวะ ได้แต่กระพริบตาปริบๆ ให้กับคำถามที่ไร้คำตอบ
 
 
จากไอ้เด็กที่บังเอิญเจอจากญี่ปุ่นที่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีก
... มาสู่นอนห้องเดียวกัน
 
มันอะไรกันวะเนี่ย
 
“ลุงงง” เสียงโวยวายดังออกมาจากหลังประตูห้องน้ำ
“อะไร”
“เน ไม่มีแปรงฟัน”
“...”
 
 เออว่ะ ผมเกาหัวแกร่กๆ ปกติห้องนี้ผมไม่เคยปล่อยให้ใครมาค้างด้วยความที่มันมีแค่หนึ่งห้องนอนเลยไม่ค่อยมีอะไรสำรองสำหรับแขก
 
สุดท้ายก็เลยต้องลงมาเซเว่นใต้คอนโดพร้อมกับโทรสั่งพิซซ่า จะได้รอรับเอาขึ้นไปทีเดียว ผมหยิบแปรงสีฟันมาส่งๆ พอดีสายตาเหลือบไปเห็นชั้นในผู้ชายวางอยู่ด้านล่างก็หยิบติดมือมาด้วว จังหวะนั้นเองก็แอบคิด
 

 
... ซื้อกางเกงในผู้ชายไปให้เด็กผู้ชายที่มาค้างบนห้อง
 

 
ช่างเป็นรูปประโยคที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตของชายหนุ่มอายุสามสิบหกอย่างผมจริงๆ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ตอนไปจ่ายเงินหนักงานถึงกับเงยหน้ามองผมก่อนจะก้มหน้าคิดเงินต่อพร้อ มกับอมยิ้มเบาๆ
 
 
กว่าจะซื้อของและรอพิซซ่ามาส่งก็เกือบครึ่งชั่วโมงเดาเอาว่าพอขึ้นไปไอ้เจ้าเด็กเนก็คงอาบน้ำเสร็จแล้ว ซึ่งพอผมเปิดประตูเข้าห้องก็เป็นอย่างที่คิด
 
 
เนในเสื้อยืดสีขาวของสีน้ำคลุมทับด้วยเสื้อกันหนาวของผมซึ่งเลยปิดกางเกงขาสั้นจนมิด หัวทุยชื้นน้ำพร้อมกับกลิ่นแชมพูผู้หญิงที่ผมเดาว่ามันคือแชมพูของสีน้ำที่ผมไม่เคยหยิบมาใช้เลยตั้งแต่มันมามีตัวตนอยู่ในห้องน้ำ แชมพูแบบฟอร์เมนก็มีแต่มันดันเลือกใช้แชมพูขวดสีชมพูกลิ่นซากุระเนี่ย


 
มันไม่ดีกับใจคนแก่(กว่า)เลยไอ้เด็กเวร....
 
“...”
“เหยยย พิซซ่าาาาาาาา”
“เอาไปวางบนโต๊ะดีๆ “ ผมยื่นถุงพิซซ่าให้เน
“ลุงสั่งไก่มาด้วยไหมอ่ะ”
“ไม่รู้สิ มันน่าจะมีอยู่ในเซทอยู่แล้วนะ”
“หอมอ่ะ”

 มือเล็กวุ่นวายอยู่กับการเปิดกล่องพิซซ่าไปมา ผมเลยวางถุงแปรงฟันกับกางเกงชั้นในไว้ข้างๆ คือไอ้จะให้ผมยื่นให้ตรงๆ ก็รู้สึกแปลกๆ งั้นวางไว้เนียนๆ แทนแล้วกัน ว่าแล้วก็วางถุงขนมกับน้ำผลไม้ไว้บนโต๊ะเผื่อมันมารื้อกิน


“ทำไมไม่เช็ดหัวให้แห้งก่อน”
“ปกติเนไม่เช็ดอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวก็ป่วย ไปเป่าแห้งดีๆ ไดร์อยู่ในห้องน้ำ“
“ไม่เอาอ่ะ”
“เน”
“เนแขนขัด มันไม่สะดวกยกแขนอ่ะ” มันกระดึ๊กๆ แขนโชว์สองสามที ผมถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปหยิบผ้าอีกผืนมาโปะบนหัวมัน ไอ้เจ้าตัวที่กำลังแทะไก่เลยหันมาจ้องผมแบบงงๆ
“นั่งลงดีๆ อย่ายืนกิน”
“อื้อ” เนนั่งลงบนเก้าอี้พรางกัดพิซซ่ามือซ้ายแทะไก่ในมือขวา ส่วนตัวผมในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนกลับต้องมายืนเช็ดหัวให้มัน ดมทั้งกลิ่นแชมพูซากุระสลับกับกลิ่นพิซซ่าไปมา
 
 
ดุเด็กมันมาตลอดวัน
เสือกมาจบที่ยืนเช็ดหัวให้แบบนี้มันใช่ไหมวะไอ้ไม้
 
ด่าตัวเองในใจแต่มือก็ไม่หยุดขยับ เห็นแก้มมันขยับตุ้ยๆ แล้วก็ดันรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาเล็กๆ ในใจ แต่พอมองเลยไปเห็นแผลที่คิ้วแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ถึงจะไม่ได้แตก แต่แผลก็ลึกอยู่ เด็กมัธยมนี่ทำไมตีอะไรกันรุงแรงกับเรื่องแค่นี้ได้นะ
 

“เน”
“อื๋อ?”
“แผลที่คิ้วหมอบอกห้ามโดนน้ำกี่วัน”
“อ๋าม” มันคือคำว่าสามแบบพิซซ่าเต็มปาก
“กินเสร็จแล้วกินยาด้วย”
”อื้อ” ผมขย้ำหัวมันอีกสองสามทีพอที่จะหายชื้นไปได้เยอะแต่ก็ไม่ได้แห้งสนิท
“เดี๋ยวมา”
“เดี๋ยวๆ ลุงเทน้ำให้หน่อย เนมือเปื้อนแล้วอ่ะ”
“...”

ผมจ้องมื้อที่เปื้อนมันไก่ของมันแล้วก็ยอมเดินหยิบแก้วเทน้ำเปล่าให้มันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเตรียมอาบน้ำจัดการตัวเองบ้าง เพียงแค่เปิดประตูห้องน้ำไปกลิ่นแชมพูหวานก็ตีอัดหน้าจนเผลอยืนนิ่งไปสามสี่วิ ไม่คุ้นเลย ปกติมีแต่กลิ่นแชมพูฟอร์เมน ลูบหน้าลูบตาเรียกสติรอบที่สิบของวันก่อนจะรีบอาบน้ำให้เสร็จก่อนไอ้เด็กด้านนอกจะวุ่นวายอะไรอีก
 
ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนประจำอย่างเสื้อยืดกางเกงขายาวสีเทา พาดผ้าเช็ดหัวไว้กับบ่า เปิดประตูออกมาจากห้องนอนเตรียมพบกับความวุ่นวายของเน แต่ปรากฎว่าไร้ร่างไอ้เจ้าเด็กเวรที่โต๊ะอาหารแล้ว มีแค่เพียงซากกล่องพิซซ่าที่เปิดวางแอ้งแม้งไว้ ผมขมวดคิ้วหนัก ไปไหนของมัน
 
“เน” ผมเรียกชื่อมันแต่ก็ไร้คนตอบ

 พอเดินพ้นระยะประตูห้องมาถึงค่อยเห็นร่างเล็กๆ นอนขดอยู่บนโซฟาเหมือนลูกแมว ผมกอดอกมองสภาพมัน ดูท่าทางยาแก้ปวดก็ไม่ได้กิน ตื่นพรุ่งนี้มีงอแงแน่นอน แล้วเป็นเด็กประเภทไหนที่หลับสนิทได้ในห้องของคนแปลกหน้าที่เจอกันแค่สองสามวันวะ ไม่รู้จักระวังตัวบ้างเลย อ้อ ไม่สิ มันไม่ระวังตัวตั้งแต่เมาที่ญี่ปุ่นแล้ว ไม่แปลกเลยที่แนนจะห่วงมันขนาดนั้น
 
 
ผมย่อตัวลงนั่งมองหน้าของเนที่มีรอยแผลสะเก็ดเลือดขนาดใหญ่บริเวณปลายคิ้ว รอยช้ำข้างมุมปากและคราบเลือดแห้งบนปากสีแดงที่มันวับไปด้วยน้ำมันจากไก่ที่เพิ่งกินไป ยังไม่รวมรอยช้ำขนาดใหญ่บริเวณหน้าท้องที่มันเปิดโชว์หมอ ความขาวของมันทำให้รอยช้ำดูน่ากลัวขึ้นกว่าปกติไปอีกสองเท่า ผมเอื้อมมือไปเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้ามันออก คิ้วมันก็ขมวดและเบี่ยงหน้าหลบทันที
 
 
“เน”
“...” ไม่ตอบและเปลือกตาก็ไม่ขยับสักนิด แสดงให้เห็นว่ามันสนิทไปแล้วจริงๆ ผมถอนหายใจก่อนจะสอดแขนเข้าไปใต้หลังและงัดตัวมันขึ้นอุ้ม มันไม่ได้เบาเหมือนเวลาผมอุ้มสีน้ำที่เมาไร้สติขึ้นห้องนอน แต่ก็ไม่ได้หนักกว่าสีน้ำเท่าที่ควรจะเป็น ใบหน้าดื้อๆ เอนเข้าซุกกับหน้าอกผมพร้อมกับส่งเสียงขัดใจในลำคอ ผมแอบยิ้มเบาๆ ให้กับความน่าเอ็นดูของคนในอ้อมกอด
 
ผมใช้เท้าดันประตูเล็กน้อยในการเปิดประตูห้องนอนก่อนจะค่อยๆ วางร่างเด็กเนลงบนเตียงพร้อมกับตวัดผ้าห่มขึ้นคลุมให้ พอหลังสัมผัสเตียงนุ่มเนก็รีบขยับซุกหาเข้าผ้าห่มทันที ผมขมวดคิ้วแล้วใช้มืองัดหน้ามันขึ้น เพราะด้านที่มันใช้มุดผ้าห่มเป็นด้านที่คิ้วเป็นแผล
 
ผมยืดตัวขึ้นมองเตียงใหญ่ของตัวเองที่แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่เคยได้ขึ้นมานอน ผมยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับไล่สายตามองคนบนเตียง
 
 
อันตรายกับหัวใจ
 
ผมรู้ดีว่าความรู้สึกของตัวเองเป็นแบบไหน
แล้วก็รู้ดีว่าไม่ควรทำให้เรื่องมันแย่ไปมากกว่านี้ หลังจากวันนี้ คงจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันจริงๆ แล้ว ไม่สิ มันควรจะเป็น
 
 
 
เราไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันแล้ว
 
 
 
ผมยื่นมือไปจิ้มแก้มใสที่อีกข้างเบียดกับเตียงจนขึ้นกองเป็นก้อนพร้อมกับถอนหายใจยาวให้กับจังหวะเต้นหัวใจใต้น่าอกตัวเอง
 
 
 
ไม่ควรเลยจริงๆ


 
ทั้งการที่เราได้มาเจอกัน

และ

การที่ปากผมกำลังประกบกับริมฝีปากของเนเป็นครั้งที่สองตอนนี้


ไม่ควรเลยจริงๆ




----------


TALK



แงงงงงง ;___; ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ ติดภาระกิจชีวิตแบบจริงจัง
จะกลับมาอัพถี่กว่าเดิมเดือนหน้านะคะ หลังจากจบการฝึกงานนน

 
 
 
 
 
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขึ้นคอนโด [04/03/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 04-03-2019 21:17:23
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขึ้นคอนโด [04/03/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 04-03-2019 23:57:33
เดี๋ยว ๆๆ ลุ๊งงงงง พาน้องมานอนแล้วจบที่ลุงจะขโมยจูบน้องไม่ได้
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขึ้นคอนโด [04/03/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 05-03-2019 08:55:11
อาห์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุกสินะ o8
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขึ้นคอนโด [04/03/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 05-03-2019 09:08:15
ลุงท่องไว้ คุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขึ้นคอนโด [04/03/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-03-2019 10:26:40
สติ สติ ลุง


คุกใหม คุก คุก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอนพิเศษ : ขึ้นคอนโด [04/03/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 04-04-2019 08:08:40
คุก คุก คุก คุก คุก คุก คุก คุก ท่องไว้ๆ พี่ไม้ 55555555555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 16-04-2019 13:56:39
6



หนึ่งคืนมันควรผ่านไปไวเหมือนในซีรี่ส์ ตัดฉับมาก็เช้าเลย
แต่สำหรับคนที่ความบาปทับตัวกลับตาสว่างนอนไม่หลับ ไม่กี่ชั่วโมงดูเหมือนเป็นวัน หยิบมือถือมาดูเวลาก็เกือบจะตีสองแล้ว

ระหว่างที่ผมนอนไม่หลับตัดภาพไปไอ้ตัวปัญหานั้นสลบไปตั้งแต่สามทุ่ม

นอกเหนือจากจะผิดแผนมานอนห้องเดียวกันแล้วผมยังเป็นไอ้ลุงอายุสามสิบหกที่ขโมยจูบเด็กตอนหลับอีกต่างหาก ข่มตาหลับแทนที่จะเห็นภาพมืดๆ ตอนนี้หลอนเป็นลูกกรงแล้ว ไอ้เวรไม้เอ๊ย อยากจะตบหัวตัวเองแรงๆ แต่ให้ตายเถอะ ปากไอ้เด็กเนนี่มันนุ่มแล้วก็ชมพูขนาดนั้นได้ยังไง

แกร๊ก

ระหว่างที่ผมกำลังตีกับตัวเองในระบบความคิด เสียงเปิดประตูห้องนอนก็ดังขึ้นเรียกสติผมกลับมา เพียงไม่นานร่างเล็กของเด็กที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงก็ค่อยๆ โผล่หัวออกมา 

“ลุง...”

เน...
ตื่น?

“เป็นอะไร” ผมขมวดคิ้วเมื่อถูกเรียกด้วยเสียงงอแง พอเนเดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิดถึงเพิ่งเห็นว่าตาโตนั่นเอ่อคลอเหมือนเด็กกำลังร้องไห้
“เนปวดหัว”
“...” ผมลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อเดินเข้าไปชิดตัวเน หน้าดื้อเงยหน้าขึ้นมองผมทั้งน้ำตา
“ปวดหัวมากเลย ปวดตัวด้วย หายใจแล้วร้อนมากเลย” ปากเล็กที่ปกติก็แดงอยู่แล้วขึ้นสีแดงมากกว่าเดิมขยับฟ้องด้วยเสียงงอแง ผมยกมือขึ้นทาบหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิซึ่งก็สูงกว่าปกติ แต่ดีที่ไม่ได้มากนักคงเป็นไข้อ่อนๆ แต่เจ้าตัวดันงอแงเหมือนไข้สูงจัด แต่เอาเถอะ ต่อให้ไม่ยกมือขึ้นวัดดูจากสภาพงอแงขนาดนี้ก็พอจะรู้อยู่แล้วหละนะว่าอุณหภูมิคงไม่ปกติ
“ไข้ขึ้นนิดหน่อย”
“คือเนอ่ะหายใจออกแล้วตรงปากมันร้อนเหมือนโดนลวกเลย” เนเบ้ปาก
“แค่ไข้อ่อน”
“ตอนแรกเนคิดว่าเพราะไม่ได้แปรงฟันก่อนนอนซะอีก แต่ไม่ใช่แล้ว ปวดหัวด้วยเนี่ย” 

ทำไมอาการมันดูอ้อนเกินกว่าจะเป็นเด็กมัธยมปลายเพศชายได้ขนาดนี้วะ
ไอ้หน้างอๆ เสียงง้องแง้งพยายามฟ้องว่าตัวเองหายใจร้อนออกมาจากเพศชายด้วยกันมันควรจะน่ารำคาญแต่ทำไมผมกลับรู้สึกเอ็นดูจนอยากเอื้อมมือไปหยิกแก้มได้ขนาดนี้วะ


หนักแล้วจริงๆ หนักแล้ว


“ไปกินยาลดไข้ไป แผลน่าจะอักเสบ”
“ฮื่อ ไม่อักเสบสิ” เนส่งสายตาค้อนพร้อมกับเดินเตาะแตะตามผม “... ห้องลุงหนาว” เนกอดตัวเองจนดูตัวหดลงไปอีก
“เสื้อสีน้ำมันบาง เดี๋ยวใส่เสื้อกันหนาวทับอีกชั้นจะดีกว่า กินยาไปนะ เดี๋ยวฉันไปหยิบเสื้อกันหนาว” ผมเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวของสีน้ำที่เนใส่ลงมาจากรถแต่พอจับผ้าดูแล้วก็รู้สึกว่าผ้าบางเกินไปหน่อยเลยเปลี่ยนใจเดินเข้าห้องนอนไปหยิบเสื้อกันหนาวของตัวเองมาให้แทน ตอนหยิบมาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่แต่พอเนเอาไปใส่แล้วมันปิดกางเกงนอนขาสั้นมิดจนโผล่มาแต่ต้นขาขาวๆ นั่นแหละผมถึงได้เพิ่งรู้สึกว่าไม่ควรเลย


ทำไมตอนนี้เหมือนทำอะไรก็รู้สึกเหมือนกำลังทำผิดอยู่ตลอดเลยวะ....


พอรู้ตัวว่าจ้องนานเกินไปผมเลยย้ายสายตาจากขาขาวไปเป็นเดินไปอุ่นน้ำร้อนแทนแก้เขิน ไม่สิ หมายถึงแก้อาการที่เผลอมองต้นขาเด็กมัธยมจนออกนอกหน้า
 
ไม่น่าแก้คำเลย บาปความเดิมอีก


“ลุง”
“หืม”
“ดึกแล้วนี่” เนเดิน ‘เตาะแตะ’ มาหาผม

เห็นท่าทางมันเดินดูไร้เรี่ยวแรงแล้วอยากจะใส่คำว่าเตาะแตะ ทั้งๆ ที่เนเองก็เลยวัยจะใช้คำนี้ได้ไปนานแล้ว แต่มันดูเตาะแตะจังวะ ผมขมวดคิ้วให้ความคิดตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยของวัน
 
“ใช่ จะตีสองแล้ว”
“ทำไมยังไม่นอนอีกอ่ะ”

นั่นสิ
อย่าว่าแต่เนอยากรู้เลย ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน

“..ฉัน” ผมเว้นจังหวะไว้เล็กน้อย “... ดูซีรี่ส์”
“แต่ทีวีปิดอยู่นะ”
“อือ ดูจบพอดี”
“แก่แล้วนอนดึกไม่ดีนะ”
“เป็นเด็กนอนไม่แปรงฟันก็ไม่ดีนะ” พอโดนย้อนเข้าหน่อยก็ทำหน้างอใส่
“แต่เนอาบน้ำแล้ว เนี่ย กลัวแผลเปียกตอนสระผมเนเอนตัวจนตะคริวแทบกินหลัง” เนเอนตัวให้เป้นตัวอย่างว่าเอนขนาดไหน ผมพยักหน้าเข้าใจแล้วดึงไอ้หลังเอนๆ นั่นขึ้นก่อนที่มันจะล้มแล้วได้แผลเพิ่ม
“ไปแปรงฟันนอนไป”
“อื้อ อยากล้างหน้าด้วย เมื่อกี้ทำมันไก่เลอะแก้ม” กินยังไงให้ไก่โดนแก้มได้วะ
“อย่าล้างหน้าโดนแผลที่คิ้วนะ หมอบอกห้ามโดนน้ำ” ผมเองก็ดูแลคนไข้ไม่ค่อยจะเป็นเพราะไม่ได้เป็นคนป่วยบ่อย หนุ่มโสดอายุสามสิบหกปีอย่างผมการดูแลคนอื่นนี่ช่างมันเรื่องไกลตัวจริงๆ
เนพยักหน้าหงึกๆ แล้วค่อยๆ ขยับขาเดินไปที่ห้องน้ำ พอเห็นร่างที่งอตัวเดินเหมือนหนาวดูเหมือนจะล้มตลอดเวลาเลยอดเดินตามไปไม่ได้ ผมดึงเสื้อเกาคอตัวเองแก้เก้อไปตลอดทางจนเนถึงห้องน้ำ พอเท้าเล็กนั่นก้าวเข้าไปเหยียบพื้นห้องน้ำก็ชะงักเท้ากลับ
“พื้นเย็นอ่ะ”
“ใส่สลิปเปอร์” ผมใช้เท้าเขี่ยสลิปเปอร์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่ข้างประตูเข้ามาให้
“บรื๋อ” เนขยับไหล่ตัวเองแล้วเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันแบบเปิดประตูทิ้งไว้โดยมีผมยืนทำตัวแปลกๆ พิงกรอบประตูอยู่ไม่ห่าง ใช่ครับ ทำตัวแปลกๆ ทั้งเกาคอเกาหลังดูปลายเล็บผิดวิศัยที่เคยเป็นแบบสุดๆ

ผมแอบชายตามองเน รูปร่างโดยรวมของเนเล็กมากถ้าเทียบกับสรีสระแบบที่เด็กผู้ชายควรจะเป็น ไหนจะไอ้ลักษณะนิสัยอ้อนเหมือนเด็กผู้หญิงนั่นอีก ถ้าไม่เคยรู้มาจากสีน้ำบ้างว่าบ้านแนนสปอยล์ลูกชายและถ้าจำไม่ผิดสีน้ำเคยบอกกับผมว่าน้องชายแนนเป็นตุ๊ด


ตุ๊ด


มันคือคำจำกัดความของน้องชายแนนที่ผมจำได้รางๆ จากปากสีน้ำ ในระบบความคิดผมก็คิดว่าตุ๊ดเนี่ยจะเป็นเด็กผู้ชายที่มีนิสัยหรือมีความอยากเป็นผู้หญิง ถ้าความหมายของตุ๊ดสมัยนี้เหมือนกับตุ๊ดแถวคณะผมสมัยผมอยู่มหาลัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนั้น

เนไม่มีความใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย

ที่ผมพอจะสัมผัสได้จากเน  มันยังเหมือนเด็กผู้ชายที่ยังไม่โต ไม่ได้อ้อนแอ้นหรือมีจริตอะไรที่ดูเหมือนผู้หญิงชัดเจนขนาดนั้น จะมีก็แต่ไอ้ความขี้อ้อนนี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกแปลก ไม่รู้ว่าเนมันรู้ตัวรู้เปล่า ว่าไอ้ลูกอ้อนที่ทำจนติดเป็นนิสัยนี่มันเกินพอดีไปมาก แทบจะมากกว่าสีน้ำที่เป็นผู้หญิงแท้ด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนกันกับการอ้อนของมัน

แต่ถ้าถามว่าไม่ชอบรึเปล่า ก็คิดว่าไม่ใช่
จะบอกว่าชอบก็พูดได้ไม่เต็มปาก 

แต่เอาเป็นว่าไม่ได้อยากเตะเหมือนสมัยเห็นตุ๊ดที่คณะทำแล้วกัน....

ซ่าาาา!!!

“เอ้ยยยยยยย” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ดีๆ เนก็โวยวายลั่นห้องน้ำ เนื่องจากเปิดน้ำแรงเกินไปจนมันพุ่งกระเด็นใส่เต็มตัวไปหมด มือเล็กรีบยกขึ้นปิดแผลที่คิ้วตัวเองน้ำเลยพุ่งเป้าไปที่เสื้อสีขาวที่ใส่อยู่แทน
“ปิดก๊อก” ผมเป็นคนพูดแต่ก็เป็นคนที่พุ่งตัวไปปิดแทนเนอยู่ดี
“โฟมเข้าตาเน” เนที่โฟมล้างหน้าเต็มแก้มถอยหลังไปจนเกือบล้มผมเลยต้องคว้าแขนไว้
“อยู่นิ่งๆ “
“แสบตาอ่ะลุง โอ๊ย“
“เปิดแล้ว”
 “อื้อ แสบตาๆๆ” มือเล็กพยายามกวักน้ำขึ้นล้างแต่ก็เทใส่แค่ตรงสันจมูกเพราะกลัวน้ำไปโดนแผล ทำให้น้ำไหลหกเต็มเสื้อหนาวไปหมด
“มานี่”
“อื้อ!!!”
“ยืนนิ่งๆ ก่อนเน เดี๋ยวน้ำโดนแผล”
“อื้อออ”
ผมดึงเนมายืนหน้าอ่างล้างหน้าตามเดิมแล้วค่อยยืนซ้อนตัวเนไว้พร้อมกับเปิดก๊อกเอามือช้อนน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาให้โดยเว้นบริเวณแผลสดเป็นพิเสษ ปาดหน้าเล็กๆ อยู่สองสามครั้งพอได้เงยหน้าขึ้นมองกระจกที่เนหลับตาปี๋ให้ผมกวักน้ำล้างให้นั้นขนาดตัวเล็กกว่าตัวผมไปเกือบสองเท่าแถมหน้าผมก็ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าไอ้แก้มใสไร้ริ้วร้อยนี่มากแบบที่ทักว่าเป็นพ่อก็ยังไม่ค่อยเกินจริงมากนัก 

ทำไมเหมือนเสี่ยเลี้ยงเด็กได้ขนาดนี้วะ... 
แค่สามสิบหกเองนะ...
แถมเพิ่งสามสิบหกเมื่อเดือนที่แล้วเองด้วยนะ...

“ผ้า ผ้า” เสียงเล็กดังขึ้นเรียกสติผมอีกครั้ง ผมมองซ้ายมองขวาไม่เจอผ้าเช็ดตัวที่อยู่ใกล้มือ หันมาตรงอกอีกทีก็เห็นเนดึงเสื้อผมไปเช็ดแล้วเรียบร้อย พอเช็ดจนพอใจตาแป๋วก็ลืมขึ้นจ้องหน้าผม แก้มใสชื้นน้ำขึ้นสีแดงเล็กน้อยจากการเสียดสีจากเสื้อ

มุมนี้..
ไม่ดีกับหัวใจเลย


“...”
“เปียกไปหมดเลย”
“...”
“จะแค่ล้างหน้าแต่เปียกไปยันเกงในได้ยังไงเนี่ย”
“...”
“มือลุงสากมาก เนคิดว่าแผลที่ปากจะถลอกแล้... ฮัดชิ่ว!!! ฮัดชิ่ว!!! อือ... ฮะ ฮัดชิ่ว!!!” เสียงไอติดกันสามครั้งทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวไม่สบายอยู่ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองเรียกสติ   
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ผมผละตัวออกจากไอ้ก้อนอ้อนแล้วรีบจ้ำเดินเข้าตูเสื้อผ้าแบบวอล์คอินเพื่อหาชุดให้เนเปลี่ยนแต่ก็ค้นพบว่าเสื้อสีน้ำหรือเสื้อตัวเล็กๆ ที่เนพอจะใส่ได้นั้นหมดตู้ไปหมดแล้ว

ซึ่งมันก็เหลือแต่เสื้อผมที่ส่วนใหญ่ไม่ไซซ์แอลก็เอ็กซ์แอลไปเลย

ถ้ามาอยู่บนตัวเนที่เป็นผู้ชายไซซ์เอสก็คงปิดยาวถึงต้นขา...

อะฮึ่ม...

น้ำลายหนืดที่ไม่รู้หนืดเพราะกลไกร่างกายหรือบาปเข้าไปปน...

“เนใส่ตัวนี้ได้ไหม” เสียงเล็กเอ่ยถามพร้อมกับหยิบเสื้อมาหนึ่งตัวจากในตู้
“... จริงๆ มันก็ได้”
“แต่?”
“...”
“...?”
“เปล่า ใส่ไปเถอะ”
“เนใส่ได้แน่นะ”
“อืม ใส่ไปเถอะ”
“เคครับ”

พูดจบเนก็รูปซิปเสื้อกันหนาวผมลงพร้อมกับปล่อยมันร่วงลงกองตรงขา เหมือนภาพสโลว์โมชั่นที่ผมกำลังจะอุทานเฮ้ยให้เนไปเปลี่ยนในห้องน้ำนั้นขยับพร้อมกับเนที่รูดเสื้อยืดตัวเล็กออกจากตัวผ่านหัว เผยผิวขาวจัดที่มีรอยช้ำเขียวม่วงจากการต่อสู้เมื่อเย็นอยู่ประปราย

แต่ที่ชัดเจนในสายตาผมคือตุ่มสีชมพูอ่อนที่ทำเอาผมกลืนคำอุทานลงคอไปอย่างรวดเร็ว

สีขาว...
สีชมพู....

นอกเหนือจากนี้ที่ผมเห็นน่าจะเป็นสีเทาจากลูกกรงไม่ก็สีแดงจากไฟนรก มันมีซีนแบบนี้เกิดขึ้นยังไงวะ ซีนที่มันเสี่ยงต่อทุกอย่างขนาดนี้ ไอ้จะหันหลังหลบก็ดูจะมีพิรุธเกินไปกับอีแค่เด็กผู้ชายเปลี่ยนเสื้อผ้า

ใช่...

แค่ผู้ชายเปลี่ยนเสื้อผ้า

แค่ผู้ชายมัธยมปลายเปลี่ยนเสื้อผ้า


ผมว้าวุ่นอยู่กับความคิดตัวเองพอลืมตามาอีกที เนก็อยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งแขนตกเลยขอศอกและความยาวปิดกางเกงขาสั้นมิด หน้าซนดูเหนื่อยและหมดแรง ผมหัวเราะให้กับความเป็นลูกหมาหมดสภาพของมัน

“หมดแรงจะซนแล้วสิ”
“แค่จะแปรงฟันล้างหน้า เหมือนได้อาบน้ำใหม่เลย”
“หึ ไปนอนต่อไป”
“แล้วเนมานอนบนเตียงได้ไงนะ” เนหันตาปรือๆ มาถามผม
“...”
“ลุงอุ้มเนหรอ”
“ฉันไม่ได้ใจร้ายพอจะให้คนป่วยนอนขดบนโซฟาหรอกนะ”
“ลุงเหมือนแม่เนเลย อุ้มเข้านอน” เกือบสำลักน้ำลายกับคำเปรียบเทียบ
“...”


แม่...
ไม่ใช่พ่อแต่เป็นแม่เลยเนี่ยนะ...

เนเงียบไปสักพักก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม

“นอนด้วยกันไหมลุง”


ผมไม่ได้แสดงอาการตกใจอะไรออกไป แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกในใจ

... ไซเรนตำรวจที่ดังอยู่นอกห้องตอนนี้มันไม่ได้จะมาหยุดที่หน้าประตูห้องใช่ไหมวะ
 อันตราย โคตรอันตรายเลยไอ้เด็กคนนี้ มันรู้ตัวไหมเนี่ยว่าพูดอะไรออกมา มองจากไอ้หน้าไร้ความกังวลตรงหน้าแล้วก็พอเดาได้ว่ามันไม่คิดอะไรเลย

... ไม่คิดอะไรจนน่าเป็นห่วง


“เน”
“หือ?”
“รู้ใช่ไหมว่าฉันสามารถทำร้ายนายได้ตอนนี้เลย หมายถึงทำร้ายแบบที่ไม่ใช่แค่กระทืบ เข้าใจความหมายไหม” เนชะงักตัวกึ้ก แล้วมองหน้าผมด้วยสายตาตกใจ
“อารมณ์ไหนอ่ะ”
“แค่ฉันจับแขนนายมัดกับหัวเตียงก็ขัดขืนอะไรไม่ได้แล้ว รู้ใช่ไหม ทำไมถึงไว้ใจคนง่ายไปเรื่อยแบบนี้” ผมถามด้วยน้ำเสียงธรรมดาพรางจ้องตากลมไปด้วย เนถอยหลังไปหนึ่งก้าวแต่ไม่ได้หลบสายตาผม
“...”
“...เน”
“...”
“...”
“รู้”
“...”
“แต่ลุงไม่ทำหรอก”
“เอาอะไรมามั่นใจ”
“ถ้าลุงจะทำ ลุงทำไปนานแล้ว”
“...”
“ลุงจะทำจริงๆ ลุงไม่มาถามเนหรอกว่ารู้ไหมว่าลุงทำได้ เนตามคนไม่ค่อยทันหรอก เนโง่ เพื่อนเนด่าอยู่ทุกวัน ลุงมีโอกาสทำนานแล้วถ้าลุงจะทำ เนรู้”
“...”
“เนไม่ได้โดนคนรังแกครั้งแรกนะ เนแทบจะชินแล้วรู้ป่ะ ดูตัวเนดิลุง แห้งเหมือนจิ้งจก กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอ้วนขึ้น ออกกำลังกายเยอะก็เหนื่อยง่ายแถมยังแพ้เหงื่อ แพ้นู่น แพ้นี่ มีแต่คนคิดว่าเป็นตุ๊ด รุ่นพี่จะหลอกไปอัดตูดที่ห้องชมรมไม่ก็ห้องน้ำเป็นสิบครั้ง แล้วที่ห่วยคือไรรู้ป่ะ เกือบทุกครั้งเนแม่งเชื่อตลอดว่าพี่พวกนั้นหวังดีกับเนจริงๆ ” ปากแดงขยับพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตา กลายเป็นผมแทนที่ชะงักตัวทำอะไรไม่ถูก “อ่อนแอแม่งโคตรห่วย”
“...”
“แถมวันนี้ลุงมาพูดให้เนรู้สึกห่วยกว่าเดิมอีก”
“...”
“ห่วยที่รู้ตัวว่าห่วยแต่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น โทษอย่างอื่นไปเรื่อยๆ”
“...”
“แล้ว.. แล้ว... ถ้าลุงจะปล้ำเนลุงปล้ำไปตั้งแต่ที่เนโดนกระทืบแล้วป่ะ จะพาไปหาหมอทำไม”
“...”
“แล้วถ้าลุงเปลี่ยนใจจะปล้ำตอนนี้...”
“...”
“คือ... คือ... ทำลงหรอ เนเพิ่งขี้มานะ เนท้องเสียด้วยนะ ขี้เหมือนแพะเลย ก้อนแบบนิ”


หึ...
ไอ้หน้าดื้อนั่นทำหน้าจริงจังในการหลอกผมว่าเพิ่งถ่ายหนักมา เหมือนลืมไปว่าสิบนาทีที่ผ่านมาผมเพิ่งไปยืนพิงกรอบประตูเฝ้ามันล้างหน้าตามด้วยเป็นคนล้างหน้าให้ด้วยอีกต่างหากไม่ได้มีฉากนั่งชักโครกแต่ใดๆ ให้คะแนนความพยายามแต่ยังอ่อนหัด พอเห็นว่าผมหัวเราะมันก็ทำหน้าเลิ่กลั่ก

“หัวเราะไรอ่ะ”
“เด็กบ้า”
“อ้าว ด่าเฉย”
“รู้ตัวว่าตัวเองตามคนไม่ค่อยทันก็หัดเรียนรู้บ้างว่าต้องระวังตัวเองมากกว่าปกติหลายเท่า ไม่ได้บอกว่ามองโลกไม่แง่ดีมันไม่ดีนะ แต่ถ้ามองโลกแง่ดีสิบครั้งแล้วผลมันออกมาลบสิบครั้ง ก็หัดมองแปดในสิบให้มันลบไว้บ้าง”
“...ลุง”
“แล้วอ่อนแอมันก็เข้มแข็งได้ ถึงตอนนี้จะห่วย จะแพ้ จะอ่อนแอ ก็ไม่ได้ผิดอะไร คนเรามันก็ต้องมีช่วงเวลาแบบนี้ทั้งนั้น ฉันเคยห่วยกว่านี้เธอเป็นตอนนี้อีก แต่คนเรามันอ่อนแอไปตลอดไม่ได้หรอกเน ยิ่งโตโลกยิ่งบังคับให้เราต้องแข็งแกร่งขึ้น”
“...”
“ตัดพ้อโลกเก่งจังเราหนะ ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว”
“...เน”
“โลกไม่ได้ใจดีขนาดที่แค่ตัดพ้อแล้วมันจะดีขึ้นหรอกนะเน”
“...”

ผมไม่รู้ว่าโลกของเนมันผ่านอะไรมา การเลี้ยงดูเป็นอย่างไร แต่มันมีเกราะป้อนกันตัวที่บางมากจนอะไรก็ตามกระทบก็ดูจะแตกหักอยู่ตลอดเวลา

 “โทษทีฉันไม่ได้ตั้งใจดุ แค่อยากสอนให้ระวังขึ้นเฉยๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขนาดนั้น ไปนอนซะ ไม่ทำอะไรหรอก” ผมเดินไปขยี้หัวทุยที่ขนาดพอดีมือ   
 “...ลุง”
“...”
“เนไม่ได้แค่อยากตัดพ้อนะ เนก็อยากทำอะไรกับมัน แต่เน.. เนแค่รู้สึกทำอะไรมันก็ไม่เคยดีขึ้นเลย เหมือน เหมือนสู้ไม่เคยชนะ”
“ก็ทำต่อไป”
“...”
“มันไม่ดีขึ้นทันทีหรอก บางครั้งมันอาจจะแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ทำต่อไปเถอะ อย่างน้อยๆ ก็ชนะตัวเองคนเมื่อวาน” ผมโยกหัวทุยในมือไปมา “...แค่ลองทำอะไรก็เก่งแล้วหนะ”
“... เนเก่งหรอ” ตากลมจ้องหน้าผมพร้อมกระพริบปริบๆ
“ทำไม ชมแล้วเหลิงหรอ”
“ไม่ได้เหลิง!! ลุงแม่ง!! เนี่ย จริงๆ เนตกใจนะเมื่อกี้อ่ะ ตอนลุงขู่อ่ะ จริงๆ เนกลัวนะ แต่ทำสู้ไปงั้น”
“หึ”
ก็พอจะรู้...
“หึไรอ่ะ ลุงทำเนกลัวนะ เดี๋ยวเนก็พกมีดไว้ใต้หมอนเลย”
“จะพกมีดก็บอกผู้ร้ายให้รู้ก่อนแบบนี้หรอ”
“เออลืม” หน้าเด๋อด๋ายู่ลง “... จะฝากลุงหยิบมีดด้วยนะเนี่ยตอนแรก”
“เด็กโง่”
“ขนาดลุงยังด่าเนโง่เลย อ่อ แต่เมื่อกี้ลุงทำเนกลัวขึ้นมานิดหนึ่งอ่ะ ลุงไปนอนโซฟาเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ให้นอนเตียงด้วยแล้ว” ปากดื้อเอ่ยสั่งเหมือนเป็นเจ้าของห้อง แต่ต่อให้ไม่สั่งนั่นก็เป็นความตั้งใจแรกของผมอยู่แล้ว   


พอพูดจบเนก็หมุนตัวเดินไปปีนเตียงนอน โชว์ต้นขาขาวที่โผล่มาจากปลายเสื้อยืดพอทำให้ใจคนแก่กว่าสิบกว่าปีสั่นจนลมหายใจผิดปกติ มือเล็กคว้าผ้าห่มมาปิดยันคอตัวเองก่อนจะชะโงกหน้าใสขึ้นมา


“แต่เนเชื่อจริงๆ ว่าลุงจะไม่ทำไรเนหรอก ไม่งั้นลุงคงลักหลับเนตอนนอนเมื่อกี้ไปแล้วแหละ”





...แย่หละสิ




แอบจูบนี่เรียกลักหลับไหมวะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 16-04-2019 21:40:05
ขโมยจูบก็ถือว่าผิดค่ะไปเข้าคุกค่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 17-04-2019 18:36:13
ขโมยจูบเด็ก ขาข้างนึงไปอยู่ในคุกแล้วลุ๊งง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 18-04-2019 19:31:16
หนักแล้วจริงๆลุง หนักแล้ว :hao3:

อนึ่งฮัดชิ่วนี่มันจามรึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 18-04-2019 20:09:21
แค่จูบขาขวาคุณไม้ก็เข้าไปอยู่ในคุกแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-04-2019 22:48:34
มาลองดูกันค่ะว่าลุงจะรอดคุกไปได้กี่วัน  :hao6:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 25-04-2019 23:04:31
คุณลุงไม่น่าสงสารมากกกก ฮืือออ จะทนสีขาว สีชมพูได้ไหมคะ 55555555
น้องเนลูกกก ตอนพูดเรื่องรุ่นพี่นี่น่าสงสารอะ
 
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 28-04-2019 01:39:14
รอต่ออออ :ling1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 28-04-2019 08:10:43
ดักทางเหมือนรู้เลยนะเจ้าเน
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-04-2019 11:58:44
 :z1: ลุงแอบทำไรเด็ก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 28-04-2019 14:15:18
ไอ คุกคุกคุก จนเจ็บคอละเนี่ย
สงสารลุงจริงจริ๊งงง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 28-04-2019 20:05:22
 :z1: ต้องเตรียมเงินไว้ประกันลุงมั้ยเนี่ย5555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 6 : ห่วย [16/04/19] p.3
เริ่มหัวข้อโดย: kokkak ที่ 08-05-2019 16:06:19
 :L1:u น่ารักกก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 10-06-2019 18:17:32
ตอนที่ : 7



เช้านี้ผมสามารถตื่นได้โดยไม่พึ่งนาฬิกาปลุก
หยิบมือถือมาดูก็ค้นพบว่าสิบโมงกว่าแล้ว


วันนี้วันเสาร์และตามตารางไม่มีได้มีประชุมหรือคุยงานที่ไหนทำให้วันนี้ได้เป็นวันหยุดที่สามารถเรียกว่าวันหยุดได้อย่างเต็มปากที่มีไม่ค่อยจะบ่อยนัก ผมขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อยขบจากการนอนบนโซฟา ถึงแม้จะเป็นโซฟาเกรดดีแต่ด้วยขนาดที่มีไว้สำหรับนั่งจึงส่งผลให้มีอาการปวดตามตัว เป็นเพราะโซฟานั่นแหละ ไม่เกี่ยวกับอายุไขข้ออะไรนั่นหรอก


พอบิดไขข้อเสร็จผมก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันก่อนจะออกมายืนจ้องประตูห้องนอน ป่านนี้ไอ้เด็กเนคงนอนซุกผ้าห่มสีขาวของเขาจนเหมือนลูกแมว จินตนาการไม่สำคัญเท่าภาพจริง ผมค่อยๆ เดินไปแง้มประตูห้องนอน ซึ่งระหว่างที่ทำก็คิดขึ้นมาว่าจะแอบทำไมวะ นี่ห้องของเราแท้ๆ


ผมค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนตัวเอง กฎภาพที่ตรงข้ามกับจินตนาการ ลูกแมวซุกที่ไหน เตียงเละขนาดนี้คงเป็นลูกหมาซนมากกว่า

เนนอนแหกแข้งแหกขา หมอนกระเด็นตกอยู่ข้างเตียง พุงขาวที่มีรอยช้ำเขียวขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นขึ้นโชว์เนื่องเสื้อนั้นถลกขึ้นเปิดไปจนถึงหน้าอก หน้าดื้อเอียงซุกกับผ้าห่มจนแก้มกองเป็นก้อน ปากชุ่มน้ำลายเคี้ยวแจ๊บๆ

อะไรคือความเด็กขนาดนี้วะ
มันก็ดูเครียดเรื่องตัวเองดูไม่ค่อยแมน แต่ก็ไม่อยากพูดว่าขนาดตอนนอนยังไม่เท่เลย

ดันดูน่ารัก...
ได้หรอวะ

ผมค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปให้ใกล้ร่างของเนมากขึ้น

“เน”
“...” ไม่ขยับแม้แต่นิด
“เน เช้าแล้ว”
“...” แม้แต่ตาก็ไม่มีขยับ ผมเดินเอามือไปแตะเหม่งขาวๆ ของมันก็ค้นพบว่ามีไข้อ่อนๆ คงจะต้องให้กินข้าวกินยา
“ไอ้เน เช้าแล้ว”
“อื้อ ขออีกห้านาทีนะแม่” พูดจบก็ตวัดขาหมุนตัวไปอีกทาง โชว์ก้นกลมๆ ใต้กางเกงขาสั้น ผมลูบหน้าลูบตาเรียกสติ
“เน สิบโมงแล้ว”
“อีกห้านาทีน้า”
“ไอ้เน”
“สองนาทีก็ได้”
“ตื่น”
“แม่ค้าบบบ”
“เด็กเวร”
“หื้อ...” เนขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้น มันเมาขี้ตาอยู่สองสามวิก่อนจะลืมตาโพร่ง
“อะไร”
“ตกใจหมดเลย คิดว่าเสียงพ่อ” เนรีบลุกขึ้นนั่ง หัวยุ่งเป็นรังนก คราบน้ำลายย้อนจากแก้มขึ้นไปถึงคิ้ว แขนเล็กที่เลยออกมาจากแขนเสื้อกว้างยกขึ้นเกาหัวตัวเองแกร่กๆ
“สิบโมงแล้ว”
“เน ยังง่วงอยู่เลยอ่ะ”
“ลุกไปกินข้าวก่อน ต้องกินยา” เนยื่นปากไม่พอใจแต่ก็ยอมลุกออกจากเตียง ขาสั้นๆ เดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนขาตันๆ ที่เดินตามน้องมาจนถึงหน้าห้องน้ำเนี่ย...

เออ
กูเดินตามน้องไปมาทำไมวะ
 
ผมนวดขมับตัวเองสองสามทีก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเข้าครัว ผมมักทานอาหารเช้าเป็นกาแฟร้อนกับไข่ดาวไส้กรอกแค่พอๆ รองท้องไม่ให้หิวเวลารถติดช่วงเช้า แต่อาหารเช้าสำหรับวัยมัธยมนี่มันกินอะไรกันวะ ตอนผมอยู่มัธยมก็ไม่ค่อยได้กินข้าวเช้าด้วยสิ

ไข่ลวกโอวัลตินนี่เด็กชอบไหม 
หรือโทรไปสั่งข้าวต้มหมูดี


“ลุง บ้านลุงมีโกโก้ครันช์กับนมไหมอ่ะ”


หวยออกเป็นซีเรียลกับนม
อืม ข้าวเช้าผมสมัยประถมเลยแหละ ทำไมถึงคิดไม่ได้นะ


“ไม่มี”
“ปกติลุงกินไรอ่ะ กินด้วย”
“ไข่ดาวกับไส้กรอก”
“ขอไส้กรอกปลาหมึกนะ”
“มีแต่ไส้กรอกหมู”
“ไม่ๆ ไส้กรอกหมูแต่หนวดปลาหมึกอ่ะ” สปีชี่ส์ไหนวะ จะหมูก็หมู ปลาหมึกก็ปลาหมึกสิ
“คืออะไร”
“เนี่ย เดี๋ยวเนทำให้ดู” เนทำท่าจะยื่นมือมาหยิบมีดจากมือผม ผมเลยดึงมือหนี ไอ้เด็กนี่ดูไม่เหมาะกับการจับมีดอย่างแรง
“เห้ย ทำไร”
“เอามีดมาเดี๋ยวเนหั่นให้ดู”
“ไม่ต้องเลย อยากมีแผลเพิ่มรึไง”
“แค่หั่นไส้กรอก!!!” เนกำหมัดต่อยพุงผมเบาๆ พร้อมกับแบมือขอมีด ผมตัดปัญหาด้วยการเดินไปหยิบมีดปลอกผลไม้อันเล็กๆ มาให้ อย่างน้อยก็ลดความเสี่ยงลง แถมยังอยู่เหมาะกับขนาดมือมันด้วย เนยิ้มแฉ่งรับมีดไปหั่นครึ่งไส้กรอกก่อนจะทิ่ม

ย้ำ

ทิ่ม!!!!

ทิ่มเข้ากลางไส้กรอกแล้วลากยาวลงมาก่อนจะหยิบไอ้ไส้กรอกสี่ขาขึ้นมาโชว์ด้วยหน้าตาเหมือนหมาที่คาบบอลมาให้เจ้าของสำเร็จ ระหว่างนั้นผมก็แอบปัดมีดปลอกผลไม้ลงซิงค์ ไอ้เด็กเวรนี่ใช้มีดทิ่มของเป็นส้อมเลย อันตราย

“นี่งายยยย ไส้กรอกปลาหมึก”
“มันปลาหมึกตรงไหน”
“เนี่ย พอลุงทอดใช่ป่ะ ตรงนี้มันจะม้วนเป็นหนวด”
“สุดท้ายมันก็แค่ไส้กรอก”
“แต่มันน่ารัก มันจะทำให้ไส้กรอกอร่อยขึ้น แม่ผมบอกมา”

อ๋อ
มุกโดนแม่หลอกให้กินข้าวนี่เอง
แถมเจ้าตัวยังไม่รู้ตัว เอามาหลอกคนอื่นต่ออีก ผมถอนหายใจยาวเหยียดให้กับความเด็กของมัน สุดท้ายก็ยอมหั่นไส้กรอกธรรมดาให้กลายเป็นไส้กรอกปลาหมึก ยุ่งยากเพิ่มไปอีก กว่าจะทอดให้หนวดงอกับดาวไข่ให้ไข่ดาวไม่สุกก็กินเวลาทำข้าวเช้าไปเกือบชั่วโมง ทั้งๆ ที่ปกติผมทำแค่สิบนาที สมกับเป็นไอ้ตัววุ่นวายจริงๆ

“ลุงทอดหางน้องไม่ค่อยงอเลยอ่ะ ซอสมะเขือเทศก็ไม่มี กินไส้กรอกเปล่าๆ ไม่มีรสชาติ ความลุงอ่ะ ลุ๊งลุง ดูออกว่าแก่ไม่มีมีสีสันเลย” บ่นงุบบ่นงิบไปมา หน้างอเพราะแค่ไม่มีซอสให้ปลาหมึกตัวเอง
“บ่นเยอะจริง อยากปากแตกเพิ่มหรอ”
“โหดอ่ะ”
“กินเข้าไป จะได้กินยา แล้วเดี๋ยวฉันจะได้พาไปส่งบ้าน”
“...” ปากที่ยิ้มกวนหุบลงทันที เนก้มหน้าลงมองปลาหมึกแล้วจิ้มกินเงียบๆ เสียงจ้อเล็กๆ เงียบลงทันทีเหมือนมีใครไปกดปิดเสียง เหลือทิ้งไว้แต่เสียงจิ้มไส้กรอกปลาหมึก

ดี
เงียบสงบเหมือนทุกเช้าปกติของผม

ก็ดีแล้ว

เงียบแบบนี้แหละดีแล้ว

ดีแล้วแหละ


“ทำไมเงียบ”

ดีที่ไหนหละ!!!
อึดอัดจะตายอยู่แล้ว แล้วแค่เด็กมันเงียบไปสิบวิทำไมผมต้องร้อนใจทำอะไรไม่ถูกด้วยวะ

“ก็... ยังไม่อยากกลับบ้านเลย”
“...”
“แผลผมยังไม่หายเลยนะ”
“...” ที่งี้มาเงยหน้ามอง หยุดทำตาแป๋วเดี๋ยวนี้นะ
“หนึ่งเดือน” นิ้วชี้ป้อมๆ ยกขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าจริงจัง
“หนึ่งเดือนอะไร พอเลย ฉันได้โดนแนนแจ้งข้อหาลักพาตัวพอดี” ดีไม่ดีพ่วงข้อหาอื่นมาอีกจะซวยกว่าเดิม
“นะลุงนะ เนี่ย เดี๋ยวเนทำความสะอาดให้ทุกวัน ล้างจ้าน ทอดไส้กรอกปลาหมึกให้ทุกเช้า แล้ว แล้ว...”
“เน”
“ซักผ้าก็ได้!!! เนซักผ้าให้เลย!!!”
“เน”
“ทำไรอีกดีอ่ะ นวดไหล่ไหมลุง หรือให้เนเหยียบหลัง ถอนผมหงอกก็ได้นะ”
“ไอ้เน”
“... ครับ”
“ทำไมถึงไม่อยากกลับบ้านนัก”

ผมพอจะรู้จักแนนบ้างจากการที่มานอนเล่นที่บ้านกับสีน้ำบ่อยแต่ก็ไม่เคยคุยเรื่องที่บ้านนักและผมก็ไม่ได้สนใจขนาดจะถามสีน้ำ แต่ทุกครั้งที่เจอแนนเองก็ดูเป็นเด็กปกติที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี ทั้งเรื่องเรียนคำพูดคำจามารยาทรวมไปถึงนิสัยไม่มีพิษมีภัยดูได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างอบอุ่น แต่ตั้งแต่ได้เจอไอ้เด็กเนมาไม่กี่ครั้ง ทุกครั้งผมสัมผัสได้ถึงแต่ความเด็กมีปัญหา จนเหมือนไม่ได้ถูกเลี้ยงมาด้วยกัน

ไม่รู้ว่าบ้านมีปัญหาหรือเจ้าตัวนั่นแหละที่มีปัญหาเอง

“เน...”
“...”
“ลุงไม่เข้าใจหรอก”
“...”
“สุดท้ายปัญหาของเนก็คือปัญหาแบบเด็กๆ ลุงไม่เข้าใจหรอก” เนกัดปากบนตัวเองแล้วก้มหน้าจิ้มไส้กรอกปลาหมึกไปมา
“เธอเป็นฉันรึไงถึงมาคิดแทนว่าฉันจะไม่เข้าใจ เห็นหน้าแบบนี้แต่ฉันเคยอายุสิบแปดนะ”
“พี่สีน้ำเรียนเก่ง ลุงก็เรียนเก่ง”
“...”
“เพราะงั้นลุงไม่เข้าใจหรอก”
“อืม ก็คงงั้น”
“...”

แล้วพอผมตอบไป ไอ้ปากที่กัดอยู่ก็เบะออกเบาๆ
อะไรวะพอตอบไม่เข้าใจให้ตามที่บอกก็เบะปาก เด็กนี่มันเข้าใจยากแบบนี้ทุกคนรึเปล่าวะ

“แต่...”
“...”
“สีน้ำวาดรูปเก่งมากเลยนะ ส่วนฉันวาดหมาคนยังบอกว่าวาดปลาโลมาเลย”
“...”
“มันคงมีสักอย่างแหละ ที่เธอทำได้ดีนอกเหนือจากเรียน”

ผมก้มหน้ากินไส้กรอกต่อเหมือนไม่ได้เจาะจงพูดอะไร เนนิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผม

“ไม่มีหรอก” ปากเล็กขยับเถียง
“มีสิ”
“เอ๊า ก็ผมบอกไม่มี”
“อย่างน้อยก็ทำไส้กรอกปลาหมึกเก่งนี่ไง” ผมจิ้มไส้กรอกปลาหมึกขึ้นชู
“แต่ แต่ แค่ไส้กรอกปลาหมึกใครก็ทำได้ป่ะลุง แค่ไส้กรอกปลาหมึก”
“ฉันทำไม่ได้”
“...”
“หนึ่งเดือนใช่ไหม”
“...เอ๊ะ”
“นอนโซฟา ล้างจานแล้วต้องตื่นมาทำอาหารเช้า เข้าใจไหม”
“เอ๊ะ... ลุง ลุงงงงงงงง ให้เนอยู่ต่อหรอออออ เย้” เนทุบโต๊ะด้วยความดีใจ ยิ้มจนตากลายเป็นสระอิ อะไรวะ ไอ้หน้าเศร้าเหมือนหมาอดอาหารเม็ดเมื่อกี้เป็นแค่การแสดงหรอ
“ไม่ต้องรีบดีใจ ฉันอนุญาตไม่ได้หมายความว่าบ้านเธอให้”
“กำ เศร้าเลย” มันหดหน้ากลับไปจิ้มปลาหมึกต่อ “... แต่แค่ลุงให้ก็ดีใจแล้ว ถ้าขอไม่ได้เดี๋ยวเนค่อยหนีออกจากบ้านมา”
“เดี๋ยว” ผมรีบห้ามทันทีทันใด “หยุดคิดเรื่องหนีเลย ฉันไม่อยากมีเรื่องกับบ้านเธอข้อหาลักพาตัวลูกชายนะ”
“ถ้าลุงไม่อยากมีเรื่องก็ขอให้ได้ดิ ไม่งั้นผมจะมานั่งหน้าคอนโดลุงทุกวันให้ชาวบ้านลือเลยว่าลุงแอบมีลูกแล้ว”

เห้ย เดี๋ยว
ทำไมมันกลายเป็นผมตกเป็นเหยื่อไปได้วะ
ไอ้หน้าดื้อก็ไม่ได้เกรงกลัว มันเคี้ยวไส้กรอกปลาหมึกตุ้ยๆ จนแก้มพองเป็นหนูแฮมเตอร์ มืออีกข้างก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นกระดก

“นี่ขู่หรอ เด็กเวร”
“แง่งงงงงง ฟ่อออออออออ” เด็กเนแยกเขี้ยวขู่ผมเหมือนหมาก่อนจะหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เปลี่ยนอารมณ์ในทุกๆ นาที ผมถอนหายใจยาวเหยียด
“แต่ยังไงก็ต้องกลับไปเอาของที่บ้านอยู่ดี”
“เดี๋ยวเนให้แฟนพี่แนนเอามาให้วันจันทร์”
“ไม่คิดจะกลับบ้านไปหยิบเองหรือไง”
“ไม่อ่ะ เนไม่ได้มีของอะไรเยอะอยู่แล้ว ชุดนักเรียนเดี๋ยวซักเอาก็ได้” ดูไม่อยากกลับบ้านเอาเสียเหลือเกิน เนจิ้มไส้กรอกปลาหมึกชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้ผมนั่งเคว้งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวคนเดียว


อย่าว่าแต่ล้างจาน
จานยังไม่เก็บเลยไอ้เด็กเวร


ผมเกาหัวแกร่กๆ ให้กับความอะไรวะสำหรับเช้าวันนี้ รีบจิ้มไส้กรอกปลาหมึกชิ้นสุดท้ายเข้าปาก รวบจานของตัวเองและของเนไปล้าง ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนั่งเล่นเพื่อทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพร้อมกับคว้ามือถือที่เสียบชาร์จทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมาถือ 


ผมทำบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย....


[ฮัลโหลค่ะพี่ไม้]
“อ่า แนน”
[พี่ไม้จะมาส่งเนวันนี้ใช่ไหมอ่ะ จำทางมาบ้านแนนได้ไหม พี่มาส่งสีน้ำบ่อย]
“จำได้สิ ลาดพร้าวใช่ไหม รถติดทุกครั้งเลย” ผมหัวเราะ ก่อนจะเหลือบตาดูที่ประตูห้องนอนที่ตอนนี้ถูกแง้มเล็กน้อย หัวทุยเล็กๆ โผล่เอาหูมาแอบฟัง
[ถ้ามาไม่ถูกให้แนนส่งโลไปก็ได้นะคะ]
“จริงๆ อาจจะแปลกหน่อยนะ แต่พี่จะโทรมาถามว่าถ้าให้เนอยู่กับพี่สักหนึ่งเดือน... ได้ไหม”

ผมนวดขมับตัวเองกับการใช้คำถามที่ดูแปลก ถามคำถามทางธุรกิจที่ยากกว่านี้มาตั้งเยอะยังไม่ต้องเรียบเรียงคำพูดขนาดนี้เลย แนนเงียบไปพักใหญ่นั่นยิ่งทำให้ผมใจเสีย

[ห๊ะ... พี่ไม้พูดว่าอะไรนะ จะให้เนไปอยู่ด้วยหนึ่งเดือน]
“ใช่ ประมาณนั้นแหละ”
[ไม่ได้หรอกค่ะ] เสียงแนนตะโกนออกมาลั่น ขนาดที่ผมไม่ได้เปิดลำโพงยังได้ยินออกมา ผมเหลือบตามองที่ประตูห้องนอน เจ้าของหน้าดื้อเบะปากก่อนจะปิดประตูห้องไปเหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว
“เอ่อ..”
[พี่ไม้ไม่รู้หรอกว่าเนมันเด็กแค่ไหน ตัววุ่นวายของบ้าน อาทิตย์ก่อนเพิ่งเอาเครื่องสำอางแนนไปแต่งให้หมาข้างบ้าน แถมทำอะไรไม่เป็นสักอย่างยกเว้นสร้างปัญหานี่ไม่รวมโดดเรียน ไม่ส่งงาน สอบตก ติดร. พอดุก็ยิ่งไม่ฟัง เผลอๆ ไปสร้างความวุ่นวายให้พี่อีก นี่แนนกับแม่ปวดหัวกับเนมากแล้วพี่ไม้จะไหวได้ยังไง ไม่ได้หรอกค่ะ ตั้งหนึ่งเดือน แนนเกรงใจด้วยค่ะพี่]  วีรกรรมเยอะเชียว ก็ไม่ผิดคาดนักหรอก
“คือ... พี่ไม่รู้ปัญหาอะไรหรอกนะ แต่เมื่อวานลองติววิชาอังกฤษให้เนก็ดูหัวไวดี” ผมแอบกรอกตาขึ้นบนเพดาน ติวอังกฤษบ้าอะไร มัวแต่ปวดหัวกับการพาไปทำแผล ข้ออ้างห่วยแตกสุดๆ ผู้ใหญ่รุ่นผมจะขอให้เด็กมัธยมอยู่เพื่อติวหนังสือ โคตรจะไม่สมเหตุสมผลแต่ผมก็พูดออกไปแล้ว
[เนเนี่ยนะคะ? ] เสียงแนนดูแปลกใจมาก
“อีกอย่าง...”
[...?]
“เนไม่ได้ดื้อกับพี่ขนาดที่แนนพูดเลยนะ”

และผมพูดตามความจริงที่ผมเจอ
จริงอยู่ที่เนมักแสดงความดื้อผ่านหน้ากับปากเชิดๆ แต่พอเวลาดุเข้าให้หน่อยก็หงอ และดูเป็นเด็กขี้น้อยใจถ้าไม่อธิบายก็จะไม่ฟัง ว่าไงดีมันดื้อแต่มันไม่ได้แสบไปในทางอันตราย แต่ความหัวอ่อนของมันต่างหากที่อันตราย

แนนเงียบไปสักพักใหญ่จนผมต้องฮัลโหลเรียกเพื่อยืนยันว่าอีกฝ่ายไม่ได้สายหลุดไปแล้ว

[....นั่นสินะคะ]
“หืม?”
[เด็กผู้ชายเนี่ย ให้ผู้ชายสอนคงเข้าใจได้มากกว่าผู้หญิงจริงๆ แหละ] แนนพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว
“...”
[งั้น... ฝากด้วยแล้วกันนะคะ ถ้าเกินรับมือเมื่อไหร่ส่งคืนได้ตลอดเลย]
“อ่า งั้นส่งโลทิ้งไว้หน่อยแล้วกัน” ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ
[ว้า นี่สงสัยจะได้คืนไวกว่ากำหนด] แนนเองก็หัวเราะกลับมา ผมคุยแก้เก้อต่ออยู่สองสามประโยคแนนก็ขอตัววางสายไปก่อนเพื่อจะได้ไปจัดกระเป๋าให้น้องชายตัวแสบ

ไม่ยากอย่างที่คิด

ผมเดินไปเคาะประตูห้องนอนตัวเอง รูปประโยคแปลกๆ ไหมนะ เดินไปเคาะประตูห้องนอนตัวเอง ทั้งๆ ที่เป็นห้องนอนตัวเองแท้ๆ แต่ต้องมาเคาะก่อน ผมหมุนลูกบิดเปิดเข้าไปเผื่อพบกับกองผ้าห่มสีขาวขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มผมสีดำโผลมาเล็กน้อยพอให้รู้ว่ามามนุษย์ซ่อนตัวอยู่ในนั้น

“เน”
“...”
“ไม่ต้องแกล้งหลับ” พอผมรู้ทัน หน้าดื้อก็มุดออกมาจากโปง
“พี่แนนว่าไงอ่ะ”
“ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วหรอถึงได้ปิดประตูห้องหนี”
“...”
“แอบฟัง ฉันเห็น”
“มั่ว ลุงไม่มีหลักฐาน” เถียงเก่งที่หนึ่งจริงๆ 
“ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว”
“...” ยังนิ่งอีก นี่คือต่อต้านอยู่หรอ
“เน”
“... ลุงใจร้ายอ่ะ”
“ฉันใจร้ายหรอ” ผมยกคิ้วขึ้น
“ลุงน่าจะตื๊อพี่แนนหน่อย อ้อนนิดหน่อยพี่แนนอาจจะยอมก็ได้” ก้อนดื้อเบะปากหงึ
“ผู้ชายอายุสามสิบกว่าอ้อนไม่ได้ดูน่ารักหรอก” แค่คิดตัวเองเบะปากหงึเหมือนเด็กตรงหน้าก็อยากถีบตัวเองตกตึกแล้ว
“ฮือ ลุงอ่ะ”
“...”
“คอยดู เนจะปล่อยข่าวว่าลุงมีลูกแล้ว!!! เนเอง!!!”

เออ ดี ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่กับเด็กอายุเท่าลูกมากขึ้นไปอีก
เนโวยวายลั่นห้องพร้อมกับพึมพำคำนวณอายุว่าผมควรทำผู้หญิงท้องตอนอายุเท่าไหร่ถึงมีลูกอายุเท่าตัวเอง ยกนิ้วขึ้นมานับอยู่สองสามที ก่อนจะเริ่มงง เพราะไม่แน่ใจว่าผมอายุเท่าไหร่ สามสิบต้นหรือสามสิบปลาย แต่เอาเป็นว่าเราจะไม่เอาเรื่องอายุมาเป็นประเด็น

“เน ลุกไปแต่งตัว”
“ไม่ไป!!!  เนจะเกาะติดกับเตียงลุงเป็นจิ้งจกเลย!!!”
“เน”
“ไม่ไป ไม่ไป ไม่ไปปปปปปปปป”
“ลุกไปแต่งตัว จะได้ไปซื้อซอสมะเขือเทศที่ห้าง”
“ไม่ปะ... ห๊ะ”
“อยากกินไส้กรอกปลาหมึกจิ้มซอสนักไม่ใช่หรอ วันต่อไปจะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าฉันเหมือนลุงจืดชืด” เนประเมิณผลในหัวอยู่เกือบนาที พอประมวณผลเสร็จไอ้ตาแป๋วนั่นก็เบิกโพลง
“พี่แนนให้หรอ!!!!!”
“ลุงไปแต่งตัวภายในสิบห้านาที ไม่งั้นปลายทางจากห้างจะเป็นบ้านแทน” พอผมพูดจบไอ้ก้อนดื้อก็รีบลุกขึ้นยืนพรวดพราดก่อนจะสะดุดชายผ้าล้มปุ้กลงไปกับเตียง เนงัดหน้าขึ้นโวยวายเสียงหลงด้วยความกลัวไม่ทันสิบห้านาที แขนเล็กรีบๆ ดึงผ้าห่มออกจากขาแล้ววิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำไป

ผมมองแผ่นหลังเล็กที่หายเข้าประตูห้องน้ำไปก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว เสื้อยืดตัวเองกับกางเกงนักเรียนชายที่ซักแล้วไปยืนถือรอหน้าห้องน้ำ ตาก็เหลือบมองนาฬิกาข้างเตียง ผ่านไปแค่สามนาที เสียงโวยวายที่ผมคาดการณ์ไว้ก็ดังขึ้น



“ลุงงงง เนลืมผ้าเช็ดตัวววววว”



ที่บอกว่ามีลูกเพิ่มมาเนี่ย
ก็ไม่ได้หนีไปจากความจริงสักเท่าไหร่เลย


“อาบใหม่เดี๋ยวนี้เน เพิ่งผ่านไปสามนาที ให้อาบ ไม่ใช่แค่เดินผ่านน้ำ”




.. つづく
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-06-2019 19:56:45
ลุงโดนเด็กตก คุกๆๆๆๆนะลุง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 10-06-2019 20:21:23
ฮือออ ตลก นี่คิดว่าน้องคงน้อยใจที่บ้านอะ แต่น้องดูเด็กจริงๆ เด็กแบบเด็กมากกกก คุณลุงไหนๆก็ดูแลแล้วก็ช่วยสอนน้องให้โตขึ้นๆ ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-06-2019 09:22:48
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-06-2019 12:55:34
 :pig4:
ลุง ถ้าเน อาบน้ำไม่สะอาด ลุงต้องอาบน้ำให้นะ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-06-2019 14:44:34
แผนน้องเน ล้ำหน้ากว่าลุงเยอะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 13-06-2019 12:06:03
ลุงได้ลูกไปเลี้ยงชัดๆ5555555

เจ้าตัวดิ้อรุกคืบลุงเนียนๆ เด้กมันร้ายยย  :z1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 15-06-2019 01:33:30
ไอ้เจ้าเด็กกกกกกทำไมน่ารักจังฮะน้องเน
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 7 : ไส้กรอกปลาหมึก [10/06/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: anonymous ที่ 16-06-2019 20:07:55
แอบน่าสงสารลุงจังเลยค่ะ หัวใจจะรับมือกับเน ไหวไม๊เนี่ย ... :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 11-07-2019 23:43:44

ตอนที่ 8
 
 
 
 
     ห้องทำงานของผมเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกบานใหญ่ไว้มองวิวทิวทัศน์ พ่อผมเคยบอกว่ามันแก้เครียดได้ดี ถึงบางช่วงของวันจะต้องปิดม่านหนีแดดก็ตาม การตกแต่งของห้องเรียบง่ายมีเพียงสิ่งที่จำเป็นต่อการทำงาน
 
และบางครั้งก็มีบ้างที่จะมีของไม่จำเป็น
 
อย่างเช่น...
 
“ไอ้กันหลานกูเนี่ยนะ”

มนุษย์ที่ชื่อไอ้เก่งเป็นต้น
 
“ใช่” ไอ้เก่งมองหน้าผมด้วยความงงสุดชีวิต
“มึงจะอยากเจอหลานกูไปเพื่ออะไรวะ”
“...”
 “ไอ้สัด ไอ้ไม้ อย่าบอกนะว่ามึง...”
“...”
“มึงจะ...”
“...”
“มึงจะให้ทุนหลานกูด้วยความรักและเอ็นดูหลังจากที่มึงประทับใจที่มีกูเป็นเพื่อน!!!“
“ก็คิดอยู่ว่ามึงจะต้องพูดอะไรแปลกๆ แต่ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้” ผมมองหน้าของไอ้เก่งที่เลิ่กลั่กไปมา “... แต่เอาเป็นว่าไม่ใช่”
“ไม่ใช่ที่จะให้ทุนหลานกูด้วยความรักและเอ็นดูหลังจากที่มึงประทับใจที่มีกูเป็นเพื่อน?”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง”
“กี๊ด มึงตบมุก”
“...” บุญแค่ไหนไม่ตบมึงด้วย
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแต่ด่ามันทางสายตาแทน ไอ้เก่งปรบไม้ปรบมือยินดีกับตัวเองอยู่สองสามวิถึงค่อยหันกลับมาเข้าประเด็น

“แต่เดี๋ยว เรื่องใช้ห้องน้ำมึงนี่จริงจังขนาดจะเรียกมาด่าเลยหรอวะ ปล่อยหลานกูไปเถ้อ” จริงๆ ไอ้ประเด็นห้องน้ำนั่นแทบไม่อยู่ในสมองผมเลยด้วยซ้ำ แต่พอมันพูดขึ้นมาถึงค่อยนึกได้ว่ามันก็ดูเป็นข้ออ้างที่เป็นเหตุเป็นผลดีเหมือนกัน
“เพราะมึงสปอยล์หลานมึงแบบนี้ไง ถึงได้เกเร”
“ถึงร้ายก็หลานนะเกเรยังไงก็หลานนะ”
“...”
“โจอี้บอยร้องไห้แล้วนะไม้”
“...”
“สัด ใจร้าย แค่มุกก็ตบให้ไม่ได้ เออๆ เดี๋ยวเลิกเรียนกูจะลากมันมาให้ เลิกนั่งหน้าบูดได้แล้ว ช่วงนี้เห็นมีแต่คนซุบซิบกันว่ามึงดูอารมณ์ดี เสือกดีกับคนอื่นแต่ร้ายกับกูหรอ กูเพื่อนนะ!!! “
“กูอารมณ์ดีหรอ” ผมขมวดคิ้วให้กับข่าวใหม่ที่ไม่เคยได้ยิน
 
            เก่งเป็นบุคคลที่ตรงข้ามกับผมมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย มันเป็นคนเข้าสังคมเก่งแทบจะมีเพื่อนอยู่ในทุกคณะ ต่างจากผมที่จะเฮฮาตามอารมณ์ เข้าสังคมได้บ้างแต่ก็ไม่ได้สนิทไปทั่ว ยิ่งพอเข้าวัยทำงานสังคมที่ไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจยิ่งแคบจนแทบจะไม่มี ต่างจากไอ้เก่งที่ยังล้อกับแม่บ้านเล่นได้เหมือนเป็นญาติสนิท และด้วยความสนิทไปทั่วของมันนั่นแหละ มันจึงเป็นแหล่วข่าวที่ดีมากๆ สำหรับผม ใครนินทาอะไรเข้าหูผมหมดแม้จะไม่ได้อยากฟังก็ตาม

“เออสิ แม่บ้านห้องน้ำชั้นสามบอกว่ามึงผิวปากลงไปซื้อกาแฟ อารมณ์ดีเหมือนมีเมีย”
“หรือกาแฟแค่อร่อย”
“หรือมีเมีย”
“หรือแค่กูอารมณ์ดี”
“หรือมึงมีเมียยยยยย”
“...” ผมยกมือขึ้นนวดขมับ
 
 
ถ้ามันรู้อายุคนที่มันกล่าวหาว่าเป็นเมียผมเท่าหลานมัน
มันคงไม่ยืนทำหน้าจิ้กจอกเจ้าเล่ห์แบบนี้ใส่ผมแน่ๆ 
 
“หูย มึงร้ายว่ะสัด มีสาวไม่บอกกู” ไอ้เก่งกระแทกตัวลงกับเก้าอี้ ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผม
“กูไม่ได้มีสาว”
“แหนะะะะ หรือมึงเก็บเด็กเลี้ยงไว้ ได้วัยมึงเลย เสี่ยเลี้ยงเด็กเนี่ย”
“...”

นิ่งไว้ก่อน เสือกถูก เดาเก่ง แต่เสี่ยเลี้ยงเด็กอะไรวะ ไม่ได้เลี้ยง เขาเรียกให้ที่พักอาศัย เกิดอยากจะทวงความยุติธรรมให้เสี่ยทั่วโลกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“อ้าวเงียบว่ะสัด มึงซุกเด็กจริงหรอไอ้ไม้”
“...”
“ออ มอ กอ”
“...”
“หระ หระ หรือที่มึงเรียกหลานกูมาก็เพราะว่า!!!!”
“...”
“มึงจะให้ทุนหลานกูด้วยความรักและเอ็นดูหลังจากที่มึงประทับใจที่มีกูเป็นพะ-”
“หมดหน้าที่มึงแล้ว ออกไปแล้วอย่าลืมตามหลานมึงมาหลังเลิกเรียนด้วย” ผมถอนหายใจแล้วเอนตัวลงกับเก้าอี้ ไอ้เก่งส่งเสียงล้อผมอยู่สองสามประโยคก่อนจะยอมถอยทัพออกจากห้องไป
 
ป่านนี้ไอ้เด็กดื้อจะทำอะไรอยู่ในโรงเรียนนะ
 
นับจากวันที่เนมาอยู่ห้องนี่เพิ่งผ่านไปได้แค่สองวันและแน่นอนกว่าการเรียกตัวหลานไอ้เก่งมาเพราะผมจำเป็นที่จะต้องรู้ข้อมูลบางอย่าง
 
 
ข้อมูลที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะถามเนในตอนนี้
 

แต่มันก็สำคัญมากพอที่ผมควรจะรู้ก่อนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเนไปอีกหนึ่งเดือน
 
 
.
.
.
.
 
 
 
 
 
 “คุณลุงงงงงง ผมขอโทษจริงๆ นะครับบบ คือไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้าไปใช้ห้องน้ำของลุงเลยครับ” ผมกระพริบตามองเด็กมัธยมปลายตรงหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกับที่มองอาของมัน
 
อืม...
ความกวนตีนมันถ่ายทอดทางพันธุกรรมรึเปล่าวะ
 
“ใครลุงของนาย”
“ครับ? ลุงของผม อ๋อ ลุงแท้หรอๆ หรอครับ”
“...”
“ลุงผมชื่อลุงกร แต่ลุงกรทำงานอยู่ชลบุรีกับป้าดามีลูกชื่อองุ่นมั้ง ไม่แน่ใจอ่ะ ผมไม่ค่อยสนิทกับลุงเท่าไหร่หรอก เจอกันครั้งสุดท้ายงานบวชแฟนน้ากิ่ง”
“...” มาเป็นผังครอบครัวตะกูลแบล็กในแฮร์รี่ พูดจาเหมือนผมเป็นคนในครอบครัวถึงจะเข้าใจเนื้อเรื่องไปกับมัน
 
ไม่รู้ตั้งใจกวนตีนไหม
แต่เอาเป็นว่าวันนี้ผมอยากจะเตะคนครั้งที่สองของวัน

ครั้งแรกคนที่เป็นอา ครั้งสองคนที่เป็นหลาน ปวดหัว
 
“แต่ถามถึงลุงกรทำไมอ่ะ”
“ฉันหมายถึงใครเป็นลุงของนาย เรียกฉันอายุเท่าอานาย”
“อ้าว ก็ไอ้เนบอก...”
“เกี่ยวอะไรกับเน” ผมขมวดคิ้วจ้องหน้าเด็กตรงหน้า
“ฮือออ อย่าจ้องผมงั้น กลัวแล้วคร้าบ อาไม้ก็อาไม้” เด็กตรงหน้ายกมือขึ้นพนมพรางส่งเสียงฮือ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเรียกสติก่อนจะกลับเข้าประเด็น
“เอาหละ วันนี้ฉันเรียกมาเตือนก็จริง แต่ก็มีคำถามด้วย”
“เอ๋?”
“สนิทกับเนมานานหรือยัง”
“ไอ้เน? อ๋อ ก็นานแล้วนะครับ ตั้งแต่ม.1 ก็หกปีแล้วนะ นานแหละ“
“เล่าอะไรเกี่ยวกับเนที่นายรู้ให้ฉันฟังหน่อย”
“ทำไมผมต้องเล่าเรื่องเพื่อนผมให้ลุงฟังด้วยอ่ะ”
“เอาเป็นฉันไล่ไอ้เก่งออกแทนเล่าเรื่องก็ได้นะ ง่ายกว่าเยอะ” ผมยกยิ้มเป็นมิตรแต่เด็กตรงหน้าถึงกับกรี๊ดในคอพร้อมกับหดขาขึ้นกอด
“ละ เล่าแล้วครับ คือ เอ่อ เริ่มไงอ่ะ มันเป็นผู้ชายที่น่ารักอ่ะ ในโรงเรียนมันนี่ฮอตมากเลย แต่ประเด็นคือโรงเรียนผมมันชายล้วนไง มันชอบโดนพวกรุ่นพี่ไม่ก็รุ่นเพื่อนแกล้ง เอ่อ แกล้งแบบไม่ใช่แกล้งแบบผู้ชายอ่ะ ผมพูดไม่ถูก แกล้งแบบบีบก้นพยายามจับนมเงี้ย ด้วยความที่มันไม่ใช่พวกโดนบีบแล้วหันไปต่อยอ่ะ มันโวยวายก็เลยยิ่งน่าแกล้ง พวกผมก็ช่วยกันได้ส่วนหนึ่งนะแต่มันก็ช่วยไม่ได้ตลอดอ่ะ”
“...”

เรื่องลวนลามที่เนเคยระบายออกมาเมื่อตอนนั้นสินะ
พอจะรู้มาบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดี

“แต่มันก็เป็นเด็กดีนะถ้าเทียบกับผม มันพยายามทำตัวไม่ดีแต่เวลาทำก็กลัวว่ามันไม่ดี ผมพูดงงไหมอ่ะ”
“ไม่งง พูดต่อ” ข้อนี้ก็พอจะรู้อยู่แล้วแม้จะรู้จักในเวลาสั้นๆ
“อ้อ แล้วก็เนมันมีปัญหากับที่บ้าน”
“...” พอถึงตรงนี้ผมก็ขมวดคิ้วเบาๆ
“ผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากนะ มันก็ไม่ค่อยเล่าเรื่องที่บ้านมัน แต่ก็รู้มาบ้างว่ามันมีปัญหากับพ่อ” ถึงตรงนี้ผมก็สะดุดนิดหนึ่ง
 
ถ้าจำไม่ผิด
 
เนไม่เคยพูดถึงพ่อออกมาเลย ขนาดตอนผมไปปลุกก็ยังนึกถึงแม่ขึ้นมาก่อน สิ่งที่หลานไอ้เก่งเล่าทำให้ผมพาลไปนึกถึงบทสนทนาระหว่างกับแนนเมื่อวันก่อน
 


 
[....นั่นสินะคะ]
“หืม?”
[เด็กผู้ชายเนี่ย ให้ผู้ชายสอนคงเข้าใจได้มากกว่าผู้หญิงจริงๆ แหละ]
 





... ไม่คิดเลยว่ามันจะมีความหมายอะไรซ่อนอยู่ในคำพูดเบาๆ นั่น


 
“แล้วไงต่อ”
“แล้วก็... อ้อ ไอ้เนมันรักพี่สาวมันมากเลย โคตรเกรงโคตรกลัว จะขู่อะไรมันเอาพี่สาวมาขู่มันยอมหมดทุกอย่าง แต่อย่าว่างั้นงี้นะ เนมันรักพี่สาวมันมากแต่บางครั้งผมก็รู้สึกว่ามันเกลียดพี่สาวตัวเอง บอกไม่ถูกอ่ะ”
“...”
“แล้วก็-“
 
ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
“ลุงงงงงงงงงงงงงง อย่าทำร้ายร่างกายเพื่อนเนนนนนนนนนนนน” ยังไม่ทันฟังหลานไอ้เก่งเล่าต่อ เสียงโวยวายก็ดังมาจากหน้าห้อง ก็ยังดีที่มีมารยาทเคาะห้องแต่ดันส่งเสียงโวยวายลั่นตึก ไอ้เด็กเวร
“... เน”
“ลุงงงงงงง เนเปิดเข้าไปได้ไหมอ่ะะะะะะะ” ผมกุมขมับ ตะโกนถามขนาดนี้ ไอ้เด็กบ้า
“ให้ผมเล่าต่อไหมอ่ะ หรือลุงจะถามมันเองเลย”
“แค่นี้พอแล้ว แล้วไม่ต้องบอกเนด้วยว่าฉันถาม”
“เคครับ”
“แล้วอีกอย่าง”
“...”
 
ผมตบโต๊ะตรงหน้าก่อนจะก้มหน้าลงจ้องตากับหลานไอ้เก่ง
 
“อย่าเรียกลุง”
 

สิ้นคำขู่ผมก็มีอีกเสียงดังแทรกขึ้น
 
“ลุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง”
 

ไม่ทันขาดคำ...
ไอ้เด็กเวรนี่...
 
“เน...”
“ลุงทำไรไอ้กันอ่ะ แค่ห้องน้ำไม่เห็นต้องหวงเลย ทีลุงปวดขี้แวะเข้าห้องน้ำปั๊มเจ้าของปั๊มก็ไม่เรียกไปด่าป่ะ” เออ เอาเข้าไป แล้วหลานไอ้เก่งจากที่นั่งหน้าซีดกลัวผมตอนนี้มันวิ่งไปหลบหลังไอ้เนแล้ว
“ฉันไม่ได้ทำอะไร”
“เชื่อได้ป่ะเนี่ย”
“เน” ผมเรียกสั้นๆ ปากยื่นๆ นั่นก็หุบลง
“เชื่อแล้วเชื่อแล้ว อย่ามองดุดิ” มีขยับปากบ่นงุบงิบในลำคอต่อก่อนจะหันหลังไปหาเพื่อน “แล้วมึงอ่ะกัน รีบออกมาไม่บอกกูเลยนะ ปล่อยกูยืนรออยู่หน้าโรงเรียนตั้งนาน”
“โถไอ้เวร สภาพกูดูเหมือนคนเต็มใจมาเรอะ”
“แล้วคุยไรกันอ่ะ ไม่ไปเปิดประตูให้กูด้วย”
“ถามลุง...” มันชี้นิ้วมาที่ผมแต่พอเห็นมองก็รีบหุบนิ้วกลับไปก่อนจะอ้อมแอ้มแก้คำพูด “กูหมายถึงถามอาไม้ของมึง นู่น”
“ลุง” เนหันหน้ามาถามผมผ่านสายตา
“เห้อ ไม่มีอะไร ฉันแค่เตือนเรื่องโดดเรียนเฉยๆ ใช่ไหมกัน” หลานไอ้เก่งมองหน้าผมก่อนจะรีบพยักหน้ารัวๆ
“จริงหรอ ทำไมเนรู้สึกมันมากกว่านั้น”
“นี่เรียบร้อยแล้วใช่ไหม เดี๋ยวจะได้ไปหาอะไรกิน” ผมเปลี่ยนเรื่องและก็ทำสำเร็จ เพราะแค่พูดถึงเรื่องอาหาร เนก็ย้ายระบบความคิดไปเป็นเรื่องเมนูอาหารแทนทันที ผมสบตากับกันเพียงไม่กี่วิ เจ้าตัวก็เป็นงานรีบไหว้ผมก่อนจะขอตัววิ่งออกไปทันที ส่วนเนที่ตอนแรกสงสัยนักหนาก็แค่หันไปบ้ายบายเพื่อนแล้วกลับมาเสนอเมนูกับผมต่อ
“เอ็มเคไหมอ่ะเอ็มเค อยากกินเป็ด”
“วันนี้มีการบ้านไหม”
“มีคณิตกับเคมี แต่หรือกินชาบูชิดีลุงว่า อยากกินอะไรต้มๆ อ่ะ”
“สอบสปีคกิ้งอังกฤษเป็นไง”
“อาจารย์บอกเวรี่กู้ด เนตกลงเอ็มเค เอ็มเคแล้วกันจบๆ “ คิดเอง ตกลงเอง จบเอง โคตรจะเน
 
ส่วนผมก็โคตรจะลุงแก่ๆ ที่เสือกยิ้มให้กับท่าทางเด๋อๆ ของเด็กตรงหน้า
... เหนื่อยใจกับตัวเองพอๆ กับเหนื่อยใจกับเนเลย ให้ตายเถอะ
 
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการเก็บเอกสารและของที่จำเป็นเข้ากระเป๋า ส่วนเนที่นั่งแกว่งขาเล่นโทรศัพท์รอก็ดูจะพร้อมอยู่แล้ว จากที่ทำงานผมไปห้างชื่อดังแม้จะไม่ได้ไกลกันมากแต่ด้วยความเป็นเวลาเลิกงานก็ทำให้ต้องใช้เวลาบนถนนอยู่เกือบชั่วโมงบวกกับวนหาที่จอดรถอีก หน้าของเด็กแสบถึงยู่ยี่คิ้วแทบติดกัน
 
“กรุงเทพชีวิตดีๆ ที่ลงตัวมาก ลงตัวสุดๆ หิวจะตาย” เนบ่นพร้อมกับเดินนำผมเข้าห้าง
“เสื้อหลุดจากกางเกงหมดแล้ว”
“เลิกเรียนแล้วไม่เป็นไรหรอกกก”
“ใส่ดีๆ ” ยู่หน้าเป็นคำตอบแต่ก็ยอมยกมือจกชายเสื้อนักเรียนที่หลุดลุ่ยของตัวเองเข้ากางเกง ถึงจะสั่งให้อีกคนเก็บเสื้อดีๆ แต่ผมดันเป็นฝ่ายยกมือขึ้นปลดกระดุมเม็ดบนพร้อมกับพับแขนเสื้อเชิร์ตขึ้น
“เอ็มเคนะลุง”
“อืม เดินนำไปเลย”
 
เนฉีกยิ้มกว้างก่อนจะเดินนำทางไปที่ร้าน พอไปถึงก็ยกมือขึ้นชูสองนิ้วว่ามาสองคน พนักงานสาวยิ้มต้อนรับก่อนจะพาเดินนำไปที่โต๊ะ ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติจนกระทั่งเมื่อผมสอดตัวลงนั่งแล้วเงยหน้ามองเนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
 
แขนเล็กนั่นค้นของในกระเป๋าก่อนจะเอาของในมือออกมากางพร้อมกับยกขึ้นสวม
 
เน...
 
ใส่หมวกคลุมอาบน้ำ....
 
“เน...”
“หือ?”
“ใส่หมวกทำไม” ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไอ้เด็กบ้าตรงหน้าผมใส่หมวกคลุมอาบน้ำรูปเป็ดเหลืองกลางเอ็มเค
“ก็เนเพิ่งสระผมเมื่อวาน เดี๋ยวหัวเหม็น พี่แนนทำทุกครั้งที่ไปกินปิ้งย่างเลย” ตอบหน้าตาเฉยพร้อมกับเปิดเมนูอ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมหันไปสบตากับพนักงานสาวที่ส่งยิ้มเบาๆ ตอบกลับมาเหมือนไม่แปลกใจ
 
ทำไมไม่แปลกใจ เด็กสมัยนี้ทำแบบนี้กันเยอะหรอ มันแปลกมากนะสำหรับผม
หัวเหม็นก็สระสิ โอเค ผู้หญิงยังเข้าใจเพราะผมยาว แต่เนเนี่ยผมทรงผู้ชายปกติไม่กี่นาทีก็แห้งแล้วยังต้องขี้เกียจสระอีกหรอวะ 
 
คำถามมีเป็นสิบในหัวแต่เลือกไม่ถามแล้วพยายามเข้าใจกับสิ่งที่เด็กตรงหน้าทำ
... มันคงจะเป็นช่องว่างระหว่างวัยที่ผมเข้าไม่ถึง
 
 
เนเป็นเด็กกินเก่งมากตามภาษาเด็กผู้ชาย แต่หุ่นก็ยังดูเก้งก้างจนไม่รู้ว่าสารอาหารมันละลายไปอยู่ที่ไหน แล้วดูท่าทางจะชอบกินเป็ดจริงๆ เพราะพอพนักงานมาเสิร์พตากลมก็เบิกกว้างร้องหูหาทันที
 
“ลุงเชื่อป่ะ เนชอบกินหนังเป็ดมาก” เนพูดพร้อมกับเคี้ยวเป็ดเต็มปาก
“อืมเชื่อ” มีเหตุผลอะไรต้องไม่เชื่อ ลอกหนังเข้าปากตัวเองเกือบทุกชิ้น
“แต่ปกติไปกินกับที่บ้าน แม่ชอบแกะหนังให้พี่แนน ทั้งที่เนก็ชอบกินอ่ะ พอแย่งพี่แนนก็โวยวาย เนก็โดนดุ เซ็ง” ปากบ่นไปก็เคี้ยวตุ้ยๆ ไป ดวงตากลมฉายแววน้อยใจเล็กน้อยแต่สักพักก็กลับมาสดใสกับของที่มาเสิร์พต่อ
“ตอนที่สีน้ำเกิดฉันเนี่ยหมาหัวเน่าเลย อยากกินอะไรก็ต้องให้น้องก่อน” ผมยิ้มให้กับอดีต หมาหัวเน่าขนาดที่สีน้ำทำฟิกเกอร์จูเร็นเจอร์ของสะสมลูกรักของผมหักแม่ก็ยังเข้าข้างน้องว่าน้องยังเด็ก ตอนนั้นหนะโกรธมากนะครับ เสียใจมาก แต่พอโตมานึกย้อนไปก็ตลกดี
“เนก็เป็นน้อง ทำไมเนไม่เห็นได้อะไรบ้าง”
“ได้สิ ได้หมูนุ่ม” ผมคีบหมูนุ่มที่เพิ่งลวกเสร็จใส่จานเด็กตรงหน้า เนยิ้มออกมาเบาๆ ก่อนจะคีบหมูเข้าปาก
“ลุงรักพี่สีน้ำไหมอ่ะ”
“รักสิ น้องสาวทั้งคนนะ เห็นงี้ฉันเป็นพี่ชายที่หวงน้องมากนะ”
“สมควรหวงอ่ะ พี่สีน้ำสวย”
 
ผมหัวเราะเบาๆ มักจะมีคนมาบอกเสมอว่าผมหวงน้องสาวเพราะสีน้ำเป็นคนสวย แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าสีน้ำจะสวยหรือไม่สวยผมก็หวงหมดนั่นแหละ ก็ช่วยแม่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ใครจะมายุ่งก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ
 
“ทำไมถามถึงครอบครัว คิดถึงบ้านขึ้นมาแล้วรึไง”
“เปล่านะ”
“อยู่เดือนนึงเดี๋ยวเธอก็คิดถึงเอง”
“ลุงออกมาอยู่คนเดียวก็คิดถึงครอบครัวหรอ” เนขมวดคิ้ว มือที่คีบเป็ดหยุดชะงัก ตากลมเงยขึ้นจากของกินมาจ้องหน้าผม
“คิดถึงสิ ถึงฉันจะดูอายุในสายตาเธอแต่ยังไงบ้านเป็นคอมฟอร์ตโซนสำหรับฉันอยู่ดี”
 
หลายคนเคยบอกผมว่าเรายิ่งอายุเยอะขึ้นเรายิ่งห่างกับครอบครัว ทั้งหมดนั่นใช้ไม่ได้สำหรับผม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ถ้ามีเวลาว่าง วันหยุดเสาร์อาทิตย์ไม่ติดงานผมก็ขับรถกลับไปอยู่ที่บ้านแทนคอนโดเสมอ
ในวันที่เหนื่อยมาทั้งวันคงไม่มีอะไรดีไปกว่ากลับบ้านไปกินข้าวฝีมือแม่ ฟังพ่อเล่าเรื่องธุรกิจแม้จะเล่าซ้ำมาหลายสิบครั้งและคอยเป็นผู้ฟังที่ดีให้น้องสาวมาระบายเรื่องผู้ชายที่ฟังแล้วก็ได้แต่ปวดใจ จากน้องสาวใสๆ ในวันนั้นสู่สาวน้อยที่เปลี่ยนแฟนเก่งเป็นว่าเล่น... แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหวงน้องอยู่ดี
 
“บ้านเป็นคอมฟอร์ตโซนสำหรับลุงหรอ”
“ใช่”
“บ้านก็เป็นคอมฟอร์ตโซนสำหรับเนนะ”
“...”
“แต่ถ้าหมายถึงครอบครัวอ่ะ ไม่ใช่”
“หมายความว่าไง” ผมขมวดคิ้วกับคำตอบของเด็กตรงหน้า
“ง่ะ ก็ห้องนอนเนอ่ะเป็นคอมฟอร์ตโซนของเน อยู่แล้วสบายใจมาก บางวันเนไม่อยากจะออกจากห้องนอนเลย”
“...”
“แต่ถ้าหมายถึงครอบครัวอ่ะ”
“...”
“พวกเขาไม่ได้รวมอยู่ในนั้น”
 

เนพูดปกติเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญอะไรมากนัก ผมนิ่งไปเล็กน้อยกับคำตอบ แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรกลับไป เพียงแค่คีบหนังเป็ดที่เหลืออยู่ใส่จานของเด็กตรงหน้า
 


 
เหมือนเด็กมีปัญหาตรงหน้า


จะมีปัญหาที่ใหญ่กว่าที่ผมคิด...


.. つづく
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 12-07-2019 12:18:13
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 12-07-2019 13:10:15
เด็กมีปัญหา หา หา หา ห๊าาาา

เนี่ยทุกคนแกล้งกวนประสาทลุงงงงงงงงงงงงง

ลั่นขำ! จังหวะนรกของลุง55555555555555555555 ชอบบบบบบบบบบบบบ

หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 12-07-2019 15:46:54
เอาใจช่วยลุงให้ช่วยน้องเนให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 12-07-2019 21:11:32
เป็นกำลังใจให้คุณลุงรับมือน้องเนไหวว เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนด้วยน้าาาา จะได้มีแรงฮึ้บมาอัพ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-07-2019 08:48:44
เลี้ยงเด็กเหนื่อยหน่อยนะลุง ท่าทางจะมีอีกหลายเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 13-07-2019 14:37:57
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 25-07-2019 21:20:26
ขำ ๆ แล้วตัดมาดราม่าเฉย :hao5: พี่สาวก็ดูรักเนนะ สาเหตุมาจากพ่อแม่แน่ ๆ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 29-07-2019 11:04:43
เหมือนชีวิตน้องเนจะมีปม งั้นได้แฟนอย่างลุงก็เหมาะสมแล้ว เป็นผู้ใหญ่ดูแลได้
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 8 : Comfort Zone [11/07/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 29-07-2019 19:10:29
น้องเน หนูรูกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 06-08-2019 22:03:49
ตอนที่ 9


 
 
กิจวัตรประจำวัน
หรือสิ่งที่เราทำทุกวันจนเคยชิน
 
 
ก่อนหน้านี้กิจวัตรประจำวันชีวิตผมค่อนข้างจะจำเจ แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนจนอยากจะเปลี่ยนมัน กลับกันผมดันแฮปปี้กับความจำเจเรียบง่ายจนไอ้เก่งล้อว่าใช้ชีวิตลุงมาตลอด
 
ผมแค่ชอบตื่นมากินข้าวเช้า จิบกาแฟนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ไปวิ่งออกกำลังกาย กลับมาเคลียร์งานเล็กน้อย หาอะไรง่ายๆ กิน ดูซีรี่ส์หรือหนังคลายเครียด รดน้ำต้นแคคตัสตรงระเบียง กินอาหารเย็น เคลียร์งานต่อเล็กน้อยแล้วก็เข้านอน
 

โอเค
ฟังดูน่าเบื่อจริงๆ แต่ผมรู้สึกโอเคกับมันมากนะ สงบดี

 
กิจวัตรประจำวันออกผมหมุนไปเรื่อยๆ มีเปลี่ยนบ้างหากเดือนไหนมีงานรัดตัวก็จะตัดกิจกรรมคลายเครียดอย่างดูหนังฟังเพลงออก ช่วงไหนที่ว่างหน่อยก็ ไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนฝูงแต่ก็ไม่ได้จัดเต็มเมามายมากนัก เอาแค่พอให้สนุกหายเครียดไปช่วงเวลาหนึ่ง หรือมีบ้างที่จะออกไปเดทกับผู้หญิงวัยเดียวกันหรือในแวดวงเดียวกันแต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงเดทระยะสั้นๆ เพราะความน่าเบื่อของผม ซึ่งโดยรวมแล้วมันค่อนข้างจะเป็นเส้นตรง และเป็นเส้นตรงแบบนี้มาได้ตั้งแต่ผมอายุขึ้นเลขสาม

 
จะเรียกปลงก็แย่ไป เรียกว่าผมเริ่มปรับตัวกับวัยแล้วกัน

 
“ลุง ดูโคนันเป็นเพื่อนเนหน่อยดิ ตอนนี้แม่งโคตรหลอน” ผมเงยหน้าจากจอคอมพิวเตอร์เมื่อโดนเรียก เนอยู่ในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งสีดำกับกางเกงนอนขาสามส่วน
 
ก้อนเน
หนึ่งในสิ่งที่เข้ามาป่วนกิจวัตรประจำวันของผม
 
“เสื้อ...” เหมือนนั่นจะเป็นเสื้อผม ไซซ์ขนาดนั้นไม่มีทางเป็นเสื้อเนแน่ๆ
“ลุงๆ เอางานมาทำห้องนั่งเล่นเถอะ”
“เดี๋ยวตามไป”
“เดี๋ยวพลอสรอ”
“อืม”
 
ถ้ากลัวแล้วดูทำไม...
แล้วโคนันที่เป็นการ์ตูนมันจะหลอนอะไรขนาดนั้น
 
ผมถอนหายใจ ยกมือขึ้นนวดขมับสองสามทีก่อนจะพับแมคบุ๊คลง ไม่ได้หยิบออกไปทำต่อ เพราะรู้ดีว่าการทำงานในพื้นที่ที่มีเนนั่งอยู่ใกล้ๆ มันไม่เคยจะได้งานเลยจริงๆ สักที เนนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าทีวี จุกแอปเปิ้ลนั่นเด้งไปมาตามจังหวะส่ายหัว เห็นเหม่งแล้วอยากดีดให้โวยวายเลย
 

“ลุงนั่งๆ “ ตบเก้าอี้เหมือนเรียกหมา
“การบ้านทำแล้วหรอ”
“ทำแล้ว” ดี ถือว่าพัฒนาไปในทางที่ดี “เพื่อนเพิ่งส่งมาให้ลอก”
“...” เวร
“ลุงนั่งเร็ว”
“ไปหยิบการบ้านมา”
“...” เนหันมาทำหน้างง
“เร็ว” ถึงจะงงแต่ก็ยอมเดินเข้าห้องไปหยิบกระเป๋านักเรียนมาแต่โดยดี ไอ้หัวจุกหยิบสมุดการบ้านที่ปกเป็นชื่อโรงเรียนตัวเองออกมาให้ผมดู
 

... วิชาภาษาอังกฤษ
ผมเปิดดูผ่านๆ ตั้งแต่หน้าแรก ผมสังเกตมาหลายรอบแล้วว่าลายมือเนค่อนข้างจะน่ารักเหมือนผู้หญิง ว่าไงดี เป็นหัวๆ หยักๆ เหมือนถั่วงอก แล้ววาดรูปอะไรเล่นตามขอบสมุดเลอะเทอะเต็มไปหมด

 
“ง่ายขนาดนี้ยังต้องลอกอีกหรอ”
“เทนส์มันวุ่นวาย เนจำไม่ได้ แต่ยังไงก็ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่ดี อีกอย่างเพื่อนเนที่เทพอิ้งยังบอกเลยว่าคุยกับฝรั่ง ฝรั่งไม่สนแกรมม่าหรอก”
“จริงอยู่นะที่อยู่กับฝรั่งแกรมม่าไม่ต้องเป๊ะ แต่มันต้องใช้สอบและควรรู้ไว้บ้างติดหัว”
“โหย เนไม่ชอบภาษาอังกฤษ เนโง่ เนเจอฝรั่ง เนวิ่งเลยนะลุง วิ่งแบบนารูโตะเลย ส่วนไอ้กันวิ่งแบบพี่ตูน” อะไรคือวิ่งแบบนารูโตะ ผมใช้สมุดตีหัวเนเบาๆ
“เลิกคิดว่าตัวเองโง่”
“เอ้า เนโง่จริงๆ คอนเฟิร์มจากคนรอบตัวเลยนะ”
“แต่ฉันไม่คิด”
“...” 
“ไม่โง่แต่แค่ไม่เข้าใจ ตามมานี่” ผมเดินกลับเข้าห้องนอนตัวเองซึ่งเนก็เดินถือสมุดตัวเองเดินตามผมมาอย่างงงๆ  ผมเปิดคอมขึ้นเสิร์ชหาแบบฝึกภาษาอังกฤษแบบที่มีตัวอย่างออกมาสิบกว่าหน้า หยิบคลิปหนีบกระดานผมโต๊ะมาหนีบให้เรียบร้อยแล้วก็ส่งให้ไอ้ก้อนจุกแอปเปิ้ลที่นั่งหน้ามึนอยู่บนเตียง
 

“อะไรอ่ะ โฉนดที่ดินหรอ”
“แบบฝึก”
“โห่...” หน้าดูเซ็งขึ้นมาทันที
“ไปลองทำ มันมีตัวอย่างอธิบายก่อนแบบฝึกทุกข้อแต่ถ้างงก็ถามได้ ลองก่อนแล้วค่อยบอกว่าทำไม่ได้” หน้าดื้อเบะอย่างเบื่อหน่ายทันทีที่ผมพูดจบ “ไม่เบะด้วย” ผมดีดเหม่งใส่ไปหนึ่งป้าป
“ลุงงงงงงงงงง เนไม่อยากทำ ปล่อยเนโง่เถอะ”
“อยากไปเที่ยวไหนไหม”
“...”
“ถ้าทำเสร็จจะพาไปวันเสาร์หน้า” พอผมพูดจบ ก้อนเบะก็กลายร่างเป็นโมจิยิ้มแป้น
“จริงป่ะเนี่ย ไม่หลอกเนนะ”
“ไม่หลอก”
“ไปไหนก็ได้เลยหรอ”
“ไปเสาร์อาทิตย์ ที่ไหนก็ได้” เนคิดอยู่สักพักก็ยื่นมือออกมารับแบบฝึกหัดไปพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง   
“ลุงนั่งทำงานในห้องนะ เนจะได้ถามง่ายๆ” แล้วเจ้าตัวก็กลิ้งนอนราบกับเตียงเตรียมเริ่มทำแบบฝึก
“ไม่ๆ ลงมานั่งทำที่โต๊ะทำงานดีๆ ฉันทำบนเตียงเอง”
“ทำไมอ่ะ เนชอบนอนทำ”
“ถึงได้นอนน้ำลายยืดคาสมุดอยู่บนเตียงบ่อยๆ ไง ไปนั่งดีๆ ” ผมตบหัวเล็กเบาๆ ซึ่งเนก็บ่นงุบบ่นงิบแต่ก็ยอมลุกไปนั่งทำที่โต๊ะทำงาน เนชอบอ้างว่านอนทำการบ้านแล้วหัวแล่น แต่แท้จริงก็ฝันแล่น นอนปุ๊ปหลับปั๊ป เท้าไปทางหมอนส่วนหัวแทบตกเตียง เห็นสภาพแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจ


ผมเปิดคอมนั่งทำงานต่อแต่ก็มักจะหลุดโฟกัสไปที่ก้อนจุกที่โต๊ะทำงานอยู่ตลอด แบบฝึกหัดง่ายๆ แต่ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วก็ยังเสร็จไม่ถึงครึ่ง เนทำท่าเหมือนจะยอมแพ้หันมาเบะปากใส่ผม พอผมเงยหน้าขึ้นมองก็หันกลับไปลองทำใหม่ ขยี้หัวตัวเองจนฟู หยิบมือถือมาเสิร์ชคำ เกือบจะถอดใจแต่ก็หันไปขีดนู่นขีดนี่ มีเสียงสบถหยาบคายมาสลับกับอ๋อเข้าใจแล้วดังมาเป็นพักๆ
 


จากสองทุ่มตอนนี้ก็เที่ยงคืนแล้ว...


 
นับว่าเป็นครั้งแรกที่เนไม่สติหลุดกลางคันแล้วหนีไปเล่นนู่นเล่นนี่แบบที่เป็นปกติเวลาทำการบ้าน ผมคิดว่าเนเป็นพวกสมาธิสั้น จดจ่อกับอะไรนานๆ ไม่ได้ค่อยได้ แต่สงสัยจะเพลินจดจ่อได้นานขนาดนี้ ถึงจะอยากทำต่อแต่ก็ดึกเกินไปจะให้ทำต่อ กลัวพรุ่งนี้ไม่ยอมตื่นด้วย ผมพับจอคอมตัวเองแล้วเดินเข้าไปแตะไหล่เล็ก
 

“เที่ยงคืนแล้ว”
“อีกห้าข้อเอง ขอเวลาเนหน่อย”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่ตื่นนะ”
“อืออ เดี๋ยวเนหลุด”
“โอเคๆ “ คิ้วเนขมวดแน่นเป็นปม ไม่ยอมหันมาคุย ผมแอบยิ้มเบาๆ แต่ก็รีบหุบก่อนรอยย่นข้างปากจะขึ้น ช่วงนี้เหมือนตีนกาก็เริ่มๆ จะเยอะขึ้นแล้ว เนหันไปโฟกัสกับแบบฝึกอยู่สักพักก็หันมายิ้มแฉ่ง
“เสร็จแล้วววววววววววววว สุดยอดดดดด เหมือนฉลาดขึ้นสองเปอร์เซ็น” ไม่กล้าถามเลยว่าจากกี่เปอร์เซ็นต์
“ค่อยตรวจพรุ่งนี้แล้วกัน”
“ได้ไง เนอุตส่าห์ตั้งใจทำ ตรวจเลยๆๆ”
“ตรวจพรุ่งนี้ก็คือพรุ่งนี้ เที่ยงคืนกว่าแล้ว ไปนอน”
“เห้ย จริงดิ เนอดดูโคนันเฉยเลยอ่ะ” เบะอีกรอบแต่ก็ฉีกยิ้มต่อ “แต่ไม่เป็นไร เพื่อฝรั่งเศส”
“อะไรฝรั่งเศส”
“ก็ลุงบอกจะพาไปเที่ยว”

 
โอ้โห...
คิ้วกระตุกเลย
 

“ไปได้แค่เสาร์อาทิตย์ แล้วเล่นยุโรปเลยนะ แผนสูงนัก” ดีดเหม่งไปเลยอีกรอบ เนหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนตั้งใจกวนประสาทผมอยู่แล้ว
“ล้อเล่นนน เนอยากไปทะเล”
“ตรวจเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
“เย้!!!... แต่ ตรวจเลยได้ไหมอ่ะ เนกลัวนอนไม่หลับเพราะลุ้นอ่ะ”
“ไปนอนไอ้ดื้อ” พอดุเข้าก็เบะปากหงึอีกรอบ แต่พอหลุดโฟกัสแล้วระลึกได้ว่าเลยเวลานอนมาสักพักแล้วเนก็เริ่มตาปรือขึ้นมาทันที มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาไปมา
“อือ นอนก็ได้ ง่วงขึ้นมาเลย” ขาเล็กเดินงงๆ กลับห้อง ไม่ลืมหันมากำชับกับผมว่าอย่าลืมตรวจแบบฝึกให้เสร็จก่อนเลิกเรียนพรุ่งนี้ เสียงปิดประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากของผม
 
 
 
.
.
.
 
 

กิจวัตรในยามเช้าของผมเปลี่ยนไปตั้งแต่เนเข้ามาอยู่ จากที่ลุกขึ้นธุระส่วนตัว กินข้าวเช้าพอประมาณแล้วก็ออกจากห้องไปทำงานถูกเปลี่ยนเป็นตื่นก่อนเวลาเพื่อทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยเดินไปปลุกไอ้ก้อนขี้เซา ไม่ใช่ว่าเนไม่ตั้งนาฬิกาปลุกนะครับ มันตั้งในมือถือ แต่ก็กดเลื่อนทุกครั้ง
 

“เน หกโมงแล้ว”
“ขออีกห้านาที”
“เน เจ็ดโมงแล้ว”
“ขออีกห้านาที”
“เน แปดโมงแล้ว”
“ห๊ะ!!!”
 

เด้งดึ๋งจากที่นอนแล้ววิ่งหน้าตั้งเข้าห้องน้ำไปทันที ผมหัวเราะขำพลางมองนาฬิกาที่โชว์เวลาหกโมงครึ่ง ต้องบอกว่าสายแล้วถึงจะยอมลุกออกจากเตียง พอภารกิจปลุกตัวขี้เกียจเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินมาปิ้งขนมปัง ชงกาแฟ ชงโอวัลติน ผ่านไปสิบนาทีก็ได้ยินเสียงปึ้กปั้งจากการปิดประตูห้องน้ำ เสียงวิ่งตึ้กตั้กกลับห้อง และห้านาทีต่อมาก็ปรากฏภาพเด็กนักเรียนชายที่ติดกระดุมผิดเม็ดและซิปไม่ได้รูด หัวทุยยังเปียกอยู่นิดๆ ส่วนหน้า
 
 
บู้บี้สุดๆ
 


“ลุงหลอกเน!!!“ โอ้... เสียงหงุดหงิดเชียว
“เปล่า ฉันดูเวลาผิด”
“ได้ไง!!! ดูยังไงจากเลขหกเป็นเลขแปด!!!ได้ไง!!!”
“มันคล้ายๆ กันนะ”
“หลอกเด็ก!!เดี๋ยวเนเขียนให้ดูเลยป่ะ เลขหกคล้ายเก้าแต่ไม่ใกล้แปด”
“ฟรอสตี้หรือโกโก้ครั้นช์”
“โกโก้ครั้นช์ เอ๊ะ ผสมดีกว่า” ลืมไปแล้วว่าเคยหงุดหงิด เนเดินมาเทซีเรียลใส่ถ้วยพร้อมกับหยิบไมโลร้อนไปจิบ เสียงก๊องแก๊งของช้อนกระทบถ้วยทำให้ผมอมยิ้มออกมา
“จริงสิ เดี๋ยวฉันจะเอาแบบฝึกไปตรวจที่บริษัท แล้วเดี๋ยวบอกคะแนนตอนเลิกเรียนนะ”
“เมื่อวานเนมั่นใจนะ ตอนนี้เริ่มไม่ค่อนแล้ว ขออ่านทำใหม่ได้ไหม”
“ไม่ได้”
“แง” ยู่หน้ายู่ตาพร้อมกับพยายามดีดโกโก้ครั้นช์ใส่ผม ปกติแล้วผมจะชอบดูข่าวในตอนเช้าแต่พอเนมาอยู่ที่ห้องข่าวยามเช้าก็กลายเป็นการ์ตูนเนทเวิร์ค เหมือนจะไร้สาระ แต่พอดูก็เพลินดีเหมือนกัน เวลาที่จะต้องออกจากห้องบางทีผมก็แอบอยากรู้เรื่องต่อ
 

ผมจอดรถที่บริษัทและปล่อยให้เนเดินไปโรงเรียนเอง ใบหน้าดื้อดูจะง่วงกว่าปกติ คงเป็นเพราะเมื่อวานนอนดึก แล้วผมเดาได้เลยว่าวันนี้ต้องมีเด็กแอบหลับในคาบแน่ๆ แต่เอาเถอะ ต่อให้นอนไม่ดึกก็แอบนอนในคาบอยู่ตลอด ผมเดินเข้าห้องทำงานพร้อมกับหยิบหนังสือที่เพิ่งซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน
 
 

‘คู่มือเลี้ยงหมาสำหรับมือใหม่’

 
เห็นผ่านตาตอนพาเนไปกินข้าวครั้งที่แล้ว แล้วก็เผลอซื้อติดมือมาโดยไม่รู้เหตุผล แต่พอได้ลองอ่านแล้วเอามาใช้ก็ค้นพบว่า
 

ได้ผลแฮะ...
ทำไมหนะหรอ...

 
ข้อ1. ใช้ของรางวัลในการฝึก
 



“อยากไปเที่ยวไหนไหม”
“...”
“ถ้าทำเสร็จจะพาไปวันเสาร์หน้า”
 


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการฝึกหมาได้ผลกับฝึกเน ในหนังสือบอกว่าให้ใช้ของรางวัลเป็นจำพวกขนมหมาชิ้นเล็กๆ หรือการพาไปเดินเล่น ซึ่งเอาขนมมาล่อให้การทำแบบฝึกน่าจะน้อยเกินไปผมเลยเลือกพาไปเดินเล่นแทน ได้ผลมาก ลูกหมายอมทำตามแต่โดยดี แถมหน้าเนที่ตาใสฉีกยิ้มกว้างยังดูเหมือนรูปหมาดีใจในหนังสือเป๊ะๆ อีกต่างหาก
 
อืม...
เริ่มซื้อลูกอมหรือชอคโกแลตเข้าบ้านไว้ให้เป็นรางวัลก็น่าจะดี รางวัลสำหรับล้างจานหรือซักเสื้อผ้าอะไรแบบนี้ บันทึกลงโน้ตไว้เลยดีกว่า เดี๋ยวลืม
 


ข้อ2. หากสุนัขเมินหรือหงุดหงิดให้ใช้อาการหรือขนมในการทำให้ใจเย็น

 
“หลอกเด็ก!!เดี๋ยวเนเขียนให้ดูเลยป่ะ เลขหกคล้ายเก้าแต่ไม่ใกล้แปด”
“ฟรอสตี้หรือโกโก้ครั้นช์”
“โกโก้ครั้นช์ เอ๊ะ ผสมดีกว่า”
 

 
ได้ผล เนโฟกัสกับการเลือกซีเรียล น้ำส้มหรือน้ำสัปปะรด โอวัลตินร้อนหรือเย็น แทนการหงุดหงิดได้อย่างรวดเร็ว บอกตรงๆ ว่าผมทึ่งมาก นี่เนกับหมาใกล้กันขนาดนี้เลยหรอ การเลี้ยงเด็กดูเหมือนจะง่ายขึ้นมานิดหนึ่ง ผมยิ้มให้กับปกหนังสือรูปหมาแล้วหยิบแบบฝึกของเนขึ้นมาตรวจ
 
ไหนดูซิว่าได้ผลยังไง
 
.
.
.
 
 


เวลาเลิกเรียนของเด็กมัธยมมาถึง ใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีหลังออดโรงเรียนดัง เสียงลิฟต์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงวิ่งตึงตัง ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย สงสัยต้องเปิดหาวิธีสอนไม่ให้หมาวิ่งเล่นในบ้านไว้บ้างแล้ว
 
“ลุงงงงงง” หน้าใสโผล่มาพร้อมกับเหงื่อเต็มตัว
“วิ่งทำไม”
“เอ้าออกมาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโรววว”
“...”
“ไหนๆๆ ผลๆๆๆ” เนวิ่งเข้ามาเกาะโต๊ะผมพร้อมกับโยกตัวไปมา เหมือนลูกหมาที่รอให้โยนบอลอะไรประมาณนั้น เหมือนจนเกือบคิดว่าจะมีหางหรือหูงอกออกมาจากตัวน้อง
“นั่งรอดีๆ” เนเดินไปนั่งลงเก้าอี้อย่างโดยดี
“ครับ” เวรเอ๊ย ผมหยุดคิดว่าเหมือนลูกหมาไม่ได้เลย
“ยื่นมือมา”
“ครับ” น้องยื่นมือขาวๆ ออกมาหน้าผม ได้แต่ระเบิดหัวเราะในใจแต่ก็ดึงหน้าขรึมไว้ ผมยื่นกระดาษที่ถูกตรวจด้วยปากกาสีแดงคืนไปให้เจ้าตัว ซึ่งเนก็รีบเอาไปเปิดดู แล้วก็ใช้นิ้วนับคะแนน เนื่องจากผมไม่ได้เขียนคะแนนรวมลงไป
 

สักพักตากลมก็เงยขึ้นมา
 

“เห้ยยยย เกือบเต็ม!!!!!”
“ห่างจากคะแนนเต็มไปยี่สิบคะแนนไม่เรียกเกือบนะ...”
“มากกว่าที่เนคิดไว้เยอะเลย จริงๆ เนพยายามอ่านตัวอย่างทุกข้อเลยนะว่าตกลงมันต้องใส่อะไร แต่ก็งงบ้าง แต่เห้ยย ดีใจอ่ะะะะ” เนกระโดดไปมา ยิ้มจนตาหยี
“แค่ได้ลองพยายามก็ดีแล้ว”
“ลุงงง ไปทะเลนะไปทะเลลล”
“ได้”
“จริงป่ะเนี่ย โอ๊ยดีใจอ่ะ ผมไม่ได้ไปทะเลมาหลายปีมากกกกกกกกกก อยากเล่นทรายแล้ว” ผมยิ้มเอ็นดู ถึงจะติดใจนิดหน่อยที่จริงๆ แล้ว สีน้ำไปเที่ยวทะเลกับแนนค่อนข้างบ่อย ยิ่งช่วงเห่อผิวแทนแทบจะไปทุกวันหยุด ถ่ายรูปจากรีสอร์ทหรูในชุดบีกินนี่ลงโซเชี่ยลจนแม่ให้ผมไปปรามอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เนกลับไม่ได้ไปหลายปี
 

ผมเดินเข้าไปหาเนที่กำลังกระโดดโลดเต้นดีใจ พร้อมกับวางมือบนกลุ่มผมฟูแล้วลูบมันเบาๆ เนเงยหน้าขึ้นสบตาผมส่วนผมก็ยิ้มตอบ
 

“เก่งมาก”

“...”
“พยายามได้ดีมาก”

 
ในหนังสือบอกว่าให้พูดว่า Good boy แต่ผมเลือกใช้ภาษาไทยแทน เนกระพริบตาปริบๆ ก่อนที่แก้มใสจะขึ้นสีแดงระเรื่อ จากแก้มลามไปหู ปากเล็กพะงาบไปมาเหมือนหาคำจะพูดไม่เจอ สุดท้ายก็ตัดสินใจยกมือขึ้นผลักผม
“ไม่คุยกับลุงแล้ว!!!!” เนตะโกนลั่นห้องก่อนจะวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
 


ผมกระพริบตามองขาเล็กที่จ้ำวิ่งออกไป
อะไรกัน...
เก่งมากไม่เวิร์คงั้นหรอ ต้องใช้กู๊ดบอยสินะ
 
 


--- つづく
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-08-2019 22:38:31
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: OrangeryLemon ที่ 07-08-2019 06:44:20

งือ น่ารักมาก นี่มันเปิดโลกเราเลยนะ คู่มือเลี้ยงหมาเนี่ยนะ น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 07-08-2019 08:36:23
งื้อออออ

น่ารักอะน่าร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 08-08-2019 06:31:17
ยู้กหมาเขินลุงเหรอออออ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-08-2019 12:06:45
โอ้ยยย ลุงใช้คู่มือเลี้ยงหมา มาฝึกน้องงงงงงงงงง ลุงคิดได้ไง แล้วดันเวิร์ค 5555555555555555555555
ลูกหมาน้อยเขินลุง เผ่นแน่บไปเลยจ้าา
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: certenta ที่ 08-08-2019 13:17:44
น่ารักมากก มาลงบ่อยๆ น้องเนเริ่มหวั่นไหวกะลุงแล้ว  o18
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 08-08-2019 20:51:05
 :mew4:ลุงเลี้ยงเนเหมือนหมาได้ไงงงงงง แต่ดันได้ผลเนนะเน เริ่มพลงเจ้าของแล้วใช่มะละ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-08-2019 18:40:02
 :m20:  แนวมาก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 11-08-2019 12:48:24
ติดตามนิยายของคุทุกเรื่องเลยนะคะ

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 9 : คู่มือเลี้ยงหมา [06/08/19] p.4
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 11-08-2019 23:49:29
เดี๋ยว!!!? ได้หรอ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 10 : ไข่ของเน [12/08/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 12-08-2019 23:41:16
ตอนที่10
 
 


สำหรับผมทะเลในไทยเป็นอันดับหนึ่งสำหรับสถานที่ที่ท่องเที่ยวที่ผมแนะนำเพื่อนสมัยอยู่อังกฤษ เนื่องจากหลังจากได้ลองไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศแล้วรู้สึกเป็นทะเลที่ลมพัดทีหน้าชา น้ำก็ดูไม่ค่อยน่าเล่น ต่างจากทะเลไทยโดยสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างนั้นทะเลก็ไม่ค่อยจะได้เป็นตัวเลือกในการไปพักผ่อนสำหรับผมเสียเท่าไหร่ หรือถ้าได้ไปผมก็มักจะแค่ไปรับลมดูวิวฟังเสียงคลื่น เรื่องเล่นน้ำนี่ครั้งสุดท้ายคงตอนรับน้องสมัยปีหนึ่ง
 
“ลุงว่าสีไหนดี” ผมหันกลับมาสนใจปัจจุบัน เนยืนถือกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีเขียวใบไม้กับเหลืองลายเป็ดน้อย
“...”
“เหลืองหรือเขียวดีลุงว่า”
“...ดำ” ผมเอื้อมมือไปหยิบสีดำขึ้นมาชู เนย่นคิ้วทำหน้าไม่พอใจ
“ไม่เอาดิ เดี๋ยวเนไม่เด่น”
“คนเราต้องเด่นตอนไปทะเลด้วยหรอ”
“เผื่อเนจมลุงจะได้ว่ายมาหาถูกคน”
“จมในทะเลฉันจะเห็นกางเกงด้วยหรอ”
“เนถอดมาโบก” มีสติขนาดนั้นไม่น่าจมได้ ไม่รู้จะลังเลทำไมเพราะสีก็แป๋นแหลนมันทั้งคู่ ผมเลยเลือกสีเหลืองเพราะอย่างน้อยก็ไม่สะท้อนแสงเท่าสีเขียว ซึ่งในตอนสุดท้ายเนก็ไปเลือกสีแดงลายแอปเปิ้ลมาแทน ไม่รู้จะให้เลือกทำไมแต่แรก ได้กางเกงเสร็จเนก็วิ่งไปหาเสื้อฮาวายบางๆ ระหว่างที่เนตื่นเต้นกับการหาเสื้อผ้าไปทะเล ผมก็หยิบมือถือขึ้นพิมพ์ให้เลขาช่วยจองห้องพักริมทะเลที่หัวหิน เลขาผมเสนอเป็นบังกะโลหรูที่ติดชายหาดแบบส่วนตัวเนื่อง ซึ่งตามกับที่ผมต้องการอยู่พอดี
 

...ถ้าเป็นหาดเปิดผมคงปวดหัวตายกับการเฝ้าลิงวิ่งไปวิ่งมาท่ามกลางฝูงคน
 

“ลุงงงง”
“หืม?” ผมหันไปเมื่อโดนเรียก เนอยู่ในชุดที่เอาเสื้อฮาวายทับเสือกนักเรียน กลุ่มผมสีน้ำตาลทุยๆ ถูกทับด้วยหมวกฟาง บริเวณเอวมีห่วงยางรูปเป็ดสีเหลืองครอบอยู่ “อ่า...”
“เนพร้อมเที่ยวสุดๆ”
“พอจะดูออก”
“ห่วงยางเป็ดหรือยูนิคอร์นดี”
“ไปทะเลได้ใช้ด้วยหรอห่วงยาง”
“ที่มีน้ำเยอะๆ ก็ต้องใช้ห่วงยางทั้งนั้นแหละ” ผมขมวดคิ้วเล็กๆ เหมือนจะจำได้ว่าปกติเวลาไปทะเลมีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่จะใช้ห่วงยางแบบนี้ โตแล้วก็ใช้ห่วงยางแบบสีดำที่เหมือนล้อรถกันทั้งนั้น
 
เกือบจะท้วงแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กตรงหน้าคงไม่ได้ไปเที่ยวทะเลบ่อยนัก
ผมกลืนคำทักท้วงลงคอแล้วแค่พนักหน้ารับ
 
“แล้วนั่น...” ผมชี้ไปที่กระถางพร้อมกับของเล่นที่ตักทราย
“ที่ตักทรายไง”
“...”
“ทำไมอ่ะ ไปทะเลเอาที่ตักทรายไปไม่ได้หรอ”
“เปล่า”
“ไปทะเลก็ต้องเล่นทรายสิ ลุงแก่แล้วก็งี้”
 
ไม่ใช่ว่าอายุขนาดนี้ไม่รู้ว่าไปทะเลต้องเล่นทรายหรอกนะ
แต่นั่นมันสำหรับเด็กไม่ใช่รึไงกัน ดูด้ามจับพลาสติกสีเแดงนั่นสิ เล็กขนาดนั้นมันจะเป็นสำหรับของผู้ใหญ่ได้ยังไง
ผมรู้สึกตัวเป็นเหมือนตัวก้อนแก่ๆ มานั่งสงสัยก้อนเด็กๆ เลยเลือกไปนั่งรอตรงที่ลองเสื้อผ้าแทน ผมมองเนที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครั้งแล้วครั้งเล่าก็ได้แต่ขำตัวเอง
 

มาถึงจุดนี้ได้ยังไงนะ
จุดที่มานั่งเฝ้าเด็กลองเสื้อฮาวายเนี่ย

 
“ลุง...” เนเดินมาเกาแก้มเก้ๆ กังๆ ตรงหน้าผม “...เนเสร็จแล้ว”
“ป่ะ” แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินนำไปที่แคชเชียร์ ผมไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไรเลยจนกระทั่งรู้สึกว่าบรรยากาศเงียบจนเกินไปผมถึงได้หันไปมองเน
 
เนกัดปากตัวเองพร้อมกับเล่นนิ้วตัวเองไปมา พฤติกรรมแปลกๆ ที่นานๆ ทีจะเห็น ผมหันกลับมารูดบัตรเครดิตเมื่อพนักงานสรุปยอดให้ฟังซึ่งผมก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ มีเนที่ซี้ดปากแบบตกใจ หน้าดื้อจืดลงไปหลายเบอร์ พอชำระเงินเสร็จเนก็รีบพุ่งมาถือถุงแล้วรีบเดินนำผมออกไป
 
“ช่วยถือ” ผมยื่นมือไปจะช่วยถือถุง เพราะมันดูหนักจนเนตัวเอียง
“ไม่เป็นไร เนถือได้ ขอบคุณครับ”
“...” แปลก นอกเหนือจากหน้าตาจะดูมีพิรุธแล้วยังดูสุภาพแปลกๆ
“...”     
“เป็นอะไร” ผมหยุดเดิน เนถึงหยุดตาม
“...”
“ตอบมา”
“...”
“เน”
“ตะ ตั้งหกพันกว่า”
“...” ไม่เห็นน่าแปลกใจ ดูจำนวนของในถุงและน้ำหนักที่เนต้องถือสองมือก็คงจะราคาประมานนั้น ซึ่งทั้งถุงนั่นยังราคาไม่ถึงครึ่งรองเท้าสนีกเกอร์ที่ผมซื้อมาแต่ไม่มีเวลาใส่ที่บ้านเป็นสิบคู่นั่นเลย
“ลุงเก็บบิลไว้นะ เนโตเมื่อไหร่เนจะจ่ายคืน”
“หืม...”
“ตอนนี้เนไม่มีปัญญา แต่ถ้าเนโต เนสัญญาเนจะคืนลุงด้วยเงินเดือนของเนเลยนะ”
 
อ้อ...
เกรงใจสินะ
 
ผมยิ้มให้กับหน้าตาจ๋อยของเนที่ต่างจากตอนแรกที่ผมบอกจะพามาซื้อของไปทะเลอย่างสิ้นเชิง ระหว่างที่เด็กเด๋อตรงหน้ากำลังเกรงใจ ส่วนผมที่ควรจะรู้สึกว่ามาเสียตังค์โดยใช่เหตุกลับเต็มใจจ่ายแบบไม่สนราคา
 
เสี่ยเลี้ยงเด็กอยู่ไม่ไกลจากชีวิตผมสักเท่าไหร่เลย...
 
“ได้ ฉันจะรอ” ผมขยี้หัวเนไปมาแล้วคว้าถุงมาถือแทน เนเปลี่ยนจากหน้าหมาหงอยเป็นยิ้มกระดิกหางดิ๊กๆ
ระหว่างทางที่จะเดินไปลานจอดรถ มืออีกข้างของผมที่ไม่ได้ถือถุงของเนก็ย้ายไปขยำใบเสร็จที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะโยนก้อนกระดาษนั่นลงถังขยะระหว่างที่เนมัวแต่สนใจกระจกในลิฟต์
 
 
 
.
.
.
 


ข้าวของในคอนโดดของผมเริ่มถูกเบียดเบียนด้วยข้าวของของเด็กเน เริ่มจากซีเรียลหลากหลายแบรนด์ที่ผมสุ่มหยิบมาหลังจากเนบอกอันไหนก็ได้ แชมพูและสบู่กลิ่นเหมือนผู้หญิงแบบที่สีน้ำใช้ที่วางตั้งกับแชมพูแบบฟอร์เมนและสบู่โพรเท็กซ์ของผม แปรงสีฟันที่ใส่ที่ครอบหัวลายริรักคุมะ พวกกล่องน้ำผลไม้กับนมที่ใส่เต็มพื้นที่ตู้เย็น ขวดเหล้าและไวน์ของผมถูกย้ายไปเก็บไว้ในชั้นและกลายเป็นที่ตั้งของขวดเฮลบลูบอยส์กับไซรับผลไม้ที่เอาไว้ชงกับน้ำเปล่า ยังไม่รวมสลิปเปอร์สีขาวขนฟูๆ ที่ผมได้แต่มองมันนอนอยู่หน้าห้องน้ำเกือบหนึ่งนาที 
 
โลกของผมถูกรุกรานด้วยก๊อซซิลล่าที่ตัวเท่าปิกาจู
 
ครั้งหนึ่งผมเคยอาศัยในโลกแบบนี้แล้วตอนสีน้ำมาอยู่ด้วย แต่มันก็ห่างหายไปนานเสียจนผมไม่คิดว่าจะได้กลับมาเจออีก อาจจะเพราะเนสนิทกับพี่สาวหรืออะไรก็ตาม แต่วิถีชีวิตเนมีความเป็นผู้หญิงอยู่สูงมาก เวลาล้างหน้าก็คาดที่คาดผมแถมยังบำรุงผิวด้วยน้ำอะไรสักอย่างที่ต้อบตบหน้าตัวเองเป็นการบำรุง การกระทำเข้าใจยากเหมือนที่สีน้ำเป็น และผมก็ยังทำเหมือนตอนเห็นสีน้ำทำ
 
นั่นคือไม่ต้องพยายามเข้าใจ
เพราะไม่น่าจะเข้าถึง
 
“ลุง วันนี้ลุงอยากกินอะไรเป็นข้าวเย็น” เนเดินมาถามผมที่กำลังยืนพิจารณาสลิปเปอร์ขนหน้าห้องน้ำ “ลุงอยากใส่ก็ใส่ได้นะน้องบันนี่”
“น้องบันนี่...”
“มันเหมือนกระต่าย”
“ให้ฟีลเหมือนเหยียบกระต่ายหรอ”
“แค่ขนเหมือนนนนนนนนนนน” เนยู่หน้าแล้วใช้เท้าเขี่ยน้องบันนี่ออกจากกรอบประตูห้องน้ำ
“เมื่อกี้ถามอะไรนะ”
“เนถามว่าลุงอยากกินไรไหม”
“เราเพิ่งกินเอ็มเคกันมาสองชั่วโมงที่แล้วเองนะเน” ผมย่นคิ้วถาม
“เนถาม ลุงต้องตอบ”
“... ข้าวผัด” ผมตอบอะไรที่ดูธรรมดาและไม่ยุ่งยากไว้ก่อน เพราะเด็กตรงหน้าคงจะทำอะไรที่ไม่ธรรมดาและโคตรจะวุ่นวายแน่นอน
“ได้เลย!!!”
 


อะไรคือได้เลย!!!
ชะงักจะถามแต่เนก็หันหลังวิ่งเข้าครัวไปเสียก่อน
เอาเถอะ สงสัยคงจะอยากทำอะไรให้กินวันพรุ่งนี้เช้า
 
 
.
.
.
 
 
ถ้ารู้ว่าไอ้ ’ได้เลย!!!’ ของเนจะเป็นการที่พังครัวจนสัญญาณดักควันเตือนลั่นห้อง ผมจะวิ่งไปดึงคอเสื้อมันไว้ตั้งแต่หน้าห้องน้ำนั้นไม่ใช่ต้องวิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องน้ำทั้งๆ ที่หัวยังเปียกและรีบแต่งตัวจนแทบล้ม ห้องทั้งห้องคลุ้งไปด้วยควัน ผมสอดส่องสายตาหาไอ้ตัวเจ้าปัญหา 
 
“เน!!!” ผมตะโกนเรียกแต่ไม่มีใครตอบ ผมปัดควันเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในครัว ซึ่งก็เจอเนยืนร้องไห้ถือกระทะที่มีซากอะไรสักอย่างไหม้ติดกระทะเป็นก้อนปริศนา มือที่สั่นระริกของเนขึ้นสีแดง คงเพราะไปจับตรงส่วนที่มันยังร้อนอยู่ผมรีบปัดกระทะออกจากมือน้อง
“ละ ลุง”
“ทำไมเรียกไม่ตอบ เป็นอะไรไหม” ผมดึงแขนน้องให้เดินออกมาจากครัวแล้วพาไปนั่งบนโซฟาหรือเตียงของเนเองนั่นแหละ
 
 จังหวะนั้นเองนิติก็โทรขึ้นเข้าเบอร์มือถือพอดี ผมหยิบขึ้นคุยและถามวิธีปิดเนื่องจากตั้งแต่อยู่มายังไม่เคยทำไอ้สัญญาณนี้ดังเลยสักครั้ง ผมเดินไปหาตัวเปิดปิดที่อยู่แถวๆ คัทเอาท์ห้องก่อนจะปิดมันลงอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะทรมานหูไปมากกว่านี้ เดินไปเปิดพัดลมดูดอากาศและเปิดหน้าต่างระเบียงเสร็จก็เดินกลับมาหาตัวเจ้าปัญหาที่นั่งทำตัวเล็กติดอยู่กับโซฟา
 
“เน”
“...” ก้มหน้าชิดอก กุมข้อมือตัวเองแน่น
“เน เงยหน้า”
“เนขอโทษ อย่าไล่เนนะ เนขอโทษ” ร้องไห้จนตาปิด ผมถอนหายใจยาว
“ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย”
“เนเผาห้องลุง เนผิดไปแล้ว ตีเนก็ได้แต่อย่าไล่เนเลยนะ เนขอโทษ” ผมมองฝ่ามือเล็กที่ขึ้นสีแดงก่อนจะหันตัวไปหยิบกล่องยาที่อยู่ในตู้ในครัว ควันยังคงฟุ้งอยู่เบาๆ ผมเลยต้องรีบหยิบและรีบเดินกลับไป พอกลับมาก็เจอเนยืนมอง ใบหน้าดื้อดูตกใจที่เห็นผมเดินกลับมาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเบะปากร้องอีกรอบ
 
“หยุดร้องได้แล้ว นั่งลง”
“ฮือ...” เนนั่งลงตามคำสั่ง ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พร้อมกับหยิบหลอดยาขึ้นมาอ่าน เลือกอันที่สำหรับทาแผลน้ำร้อนลวก
“เอามือมา”
“ลุง อย่าโกรธเน เนขอโทษ”
“เอามือมา”
“เดี๋ยวเนทำความสะอาดให้”
“เน...” ผมตวัดตาดุ เนสะดุ้งแล้วรีบยกมือขึ้นมาวางบนมือผมที่แบรออยู่
“...”
“ทายาก่อน” ผมบีบยาลงบนฝ่ามือเนแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วนวดวนให้เบาๆ เนเบะปากสะอื้น พอทาเสร็จผมก็เหลือบตามองไอ้ก้อนดื้อที่ตอนนี้รู้สึกผิดจนหูตกหางหดไปหมด
“...”
“ทีหลังเวลาเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรียกต้องขานรับตอบเข้าใจไหม จะได้รู้ว่าปลอดภัย”
“...” เนเงยหน้ามองผม ตากลมรื้นน้ำตาขึ้นมาอีกรอบ “เนขอโทษ”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“เนเผาครัว”
“แค่ทำกระทะไหม้ไม่ได้เผา แต่มันก็อันตรายกว่านี้ได้ ทีหลังจะทำอะไรก็ระวังกว่านี้ กระทะหนะซื้อใหม่ได้ แต่ถ้าบาดเจ็บไปมากกว่านี้ฉันซื้อเนคนใหม่ไปคืนแนนไม่ได้” และแน่นอนการมีเนสองคนบนโลกคงจะน่าปวดหัวมาก มีคนเดียวก็พอแล้ว อันนี้ผมคิดในใจไม่ได้พูดออกไป
“ตีเนไหม”
“บ้านฉันไม่ได้สอนด้วยการตีเวลาทำผิด” ถึงจะมีบ้างแต่แม่ก็จะใช้เวลาตีมือจะได้เจ็บทั้งแม่และผม แต่ก็น้อยครั้งจนแทบจำไม่ได้ แม่มักจะแก้ปัญหาด้วยการให้ผมไปนั่งเข้ามุมสำนึกผิดแทนมากกว่าการใช้ความรุนแรง บวกกับที่ผมไม่ค่อยจะดื้ออะไรด้วย เป็นสีน้ำมากกว่าที่ทั้งซนทั้งเอาแต่ใจแต่แบคอัพเป็นพ่อเลยไม่ค่อยโดนทำโทษ
“...”
“ลุกขึ้นมา”  ผมลุกขึ้นเดินนำเข้าห้องครัว ซึ่งเนก็เดินตามเข้ามา
 
ผมหยิบกระทะเทฟลอนที่มีสำรองอีกหนึ่งอันขึ้นมาวางบนเตาไฟฟ้า หยิบขวดน้ำมันที่ลดไปเกือบครึ่งทั้งที่เพิ่งซื้อมาเมื่อไม่มีอาทิตย์ที่แล้ว เดาว่าคงมีคนทำหกและไม่น่าจะหนีพ้นคนแถวนี้ ผมเทน้ำมันลงบนเตาเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดและกดตั้งไฟอ่อนรอไว้เนื่องจากเตาไฟฟ้าที่คอนโดดผมค่อนข้างจะร้อนช้า
 
“ลุง...”
“ตีไข่” ผมหยิบไข่ในแผงขึ้นสองฟองแล้วยื่นให้เนพร้อมถ้วย เนถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็รับไข่ไปตอกแล้วก็ตีอย่างยากลำบากเพราะมือข้างที่ถนัดเจ็บ
“ตีเสร็จรึยัง”
“ไม่รู้อ่ะ มันก็เนียนๆ แล้ว”
“ใส่น้ำปลาหนึ่งช้อน”
“ครับ”
“ใส่น้ำเปล่าลงไปสองช้อน”
“ครับ”
“เสร็จแล้วมายืนตรงนี้” ผมเปิดตัวให้เนเดินเข้ามายืนหน้ากระทะ เนลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินเข้ามา
“ลุง เนกลัวน้ำมันดีด”
“แค่น้ำมัน” ไม่ได้ตั้งใจให้ท่ายืนมันใกล้ชิดขนาดนี้เท่าไหร่แต่พอมายืนตัวติดกันขนาดนี้ผมก็แอบๆ รู้สึกบาปขึ้นมานิดหน่อย เนตัวเล็กมากจริงๆ ถ้าเทียบกับผม กลุ่มผมฟูอยู่แค่ระยะหน้าอกผมเอง “...เอาส้อมหยดไข่ลงไปในน้ำมัน”
“ได้ไง ถ้ามันดีดมันก็ดีดใส่เนก่อนสิ”
“ไม่ดีด”
“แต่...” เนลังเลแต่ก็ยอมยกส้อมขึ้นยอดไข่ลงบนกระทะที่น้ำมันเริ่มจะเดือด ไข่สีเหลืองนวลตกลงไปในน้ำมันเดือดส่งเสียงซู่เล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ฟูตัวขึ้น  “อู้วว น่ารัก ไข่ของเน” ผมแอบคิ้วกระตุกเล็กน้อยกับฉายาไข่เจียวของเด็กตรงหน้า
 

ไข่ของเน..
 

 
“คราวนี้เทลงทั้งถ้วยเลย”
“แง...” ส่งเสียงแงแต่ก็ยอมเท เนเทลงไปแบบเหมือนสาด ทำให้น้ำมันค่อนข้างจะดีดแรงตามมาด้วย เสียงฟู่ดังขึ้นพร้อมกับเนที่กระโดดตัวหนีน้ำมันดีด
“เห้ย ค่อยๆ เท...อ๊ะ” ผมสะดุ้งเมื่อเนเบียดตัวเข้าหาผม
 
หลังเล็กแนบชิดกับหน้าอกและแผ่นหลังของผม...
 
... รวมไปถึงสะโพกเล็กๆ นั่นด้วย
 
ถึงน้องจะอยู่ในชุดนักเรียนเต็มยศแต่ผมหนะอยู่ในชุดนอนแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่มันเลยค่อนข้างจะบางและไม่ได้ใส่อะไรที่มัน... ที่มันปลอดภัยต่อการกระทบกับอะไร
 
“ลุง เป็นไร น้ำมันดีดใส่หรอ!!!”
 
 
ไม่...
 
ไม่ใช่น้ำมัน...
 
“อ่า... อือ ใช่ ทีหลังค่อยๆ เทนะ” ผมรีบดันเนออกแล้วหยิบตะหลิวมากลับไข่ไปมา เวรเอ๊ย ผู้ชายอายุสามสิบหกอย่างผมจะมามีปฏิกริยากับการโดนเสียดสีจากเด็กแบบนี้ไม่ได้!!!   
“เน เตรียมจานให้นะ”
“อืม” ผมกระพริบตาปริบๆ โฟกัสแต่กับไข่ในกระทะ โฟกัสกับไข่ในกระทะ
 
ไข่ในกระทะ
 
ไข่ในกระทะ!!!!
 

“ลุงทำหน้าแปลกๆ แพ้น้ำมันป่ะเนี่ย”
“เปล่า ฉัน...” ผมมองไข่ในกระทะ “หิวไข่เจียว แค่หิวไข่เจียว”
“แต่ไม่มีข้าวอ่ะ”
“ไม่เป็นไร แค่ไข่เจียว” ผมเอาตะหลิวตีให้แผ่นไข่เจียวแนบไปกับกระทะก่อนจะตักมันขึ้นใส่จาน เนแย่งจานไปวางไว้บนโต๊ะกินข้าว ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเอง
 
ไอ้ไม้ ไอ้เวร
มึงจะมาเป็นตาเฒ่าตัณหากลับไม่ได้นะโว้ย!!!!!
 
 
“ลุงงงง มากินไข่ของเนเร็ว”
 
บาป แม่งบาป แม่งฟังแล้วดูบาปได้ยังไง
น้องหมายถึงไข่ที่ตัวเองตอก!!! ใช่!!!
 
ผมเดินไปวางกระทะลงในซิงค์ล้างจาน จัดการล้างมือแล้วกวักน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาเรียกสติ กลับมาเดี๋ยวนี้ไอ้สีไม้ นั่นเด็กมัธยม นั่นน้องชายเพื่อนน้องสาว
 
โอเค...
 ถึงผมจะยอมรับว่าคิดกับเนมากกว่าน้องชายของเพื่อนน้องสาวและการขโมยจูบเด็กถึงสองครั้งนั่นเป็นเรื่องที่โคตรผิดแต่ผมก็ไม่คิดจะวุ่นวายอะไรกับน้องไปมากกว่านี้ อายุขนาดนี้แล้ว ผมรู้ดีว่ามันไม่ควรมีอะไรไปมากกว่าความเอ็นดู ต่อให้ความรู้สึกผมมันจะหวั่นไหวขึ้นทุกวันแต่ผมก็ต้องจัดการกับมันให้ได้
 
เนเพิ่งมัธยมปลาย ถึงจะปีสุดท้ายของมัธยม
แต่ถ้าเทียบกับวัยสามสิบกว่าอย่างผม
 

มองจากมุมไหนของโลกก็ไม่ควร

 
 
“ลุงงง”
“อืม เดี๋ยวตามไป”
 
ผมพ่นลมหายใจออกทางปาก หาคำมาด่าตัวเองสารพัดอยู่เกือบสิบนาทีถึงค่อนเดินออกไปหาเนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว เอาจริงๆ แล้วผมไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้นกะจะแค่สอนเนทำอาหารพื้นฐานแต่ก็ดันบอกไปแล้วว่าอยากกินไข่เจียวเลยต้องนั่งกินอย่างจริงจัง
 
“เนอยากชิมอ่ะ”
“กินสิ” ผมดันจานไปให้ เนจัดการเอาส้อมจิ้มเข้าปากแล้วหันมาทำตาโต
“เห้ยยยย อร่อยเฉยยยย ไข่เนนุ่มมากกกก”
 
 
... ไข่ไก่แหละ
... ไข่เจียวแหละ
หยุดความคิดไว้เดี๋ยวนี้ไอ้สีไม้
 
 
“...” ผมกระพริบตาปริบๆ ได้กับความปั่นปวนของสติและร่างกายของตัวเอง
“เนี่ย ครั้งแรกของเนเลยนะ”
“...” เอ๊ะ
“ครั้งแรกที่ทำไข่เจียวเลยอ่ะ”
“...” อ๋อ
“แต่ทำกับลุงอ่ะ จะเรียกไข่เนอย่างเดียวไม่ได้ เรียกไข่ลุงไหม”
“เรียกไข่เจียวก็พอ” ... ถือว่าขอ
“มันไม่น่ารักอ่ะ เหมือนกุเดทามะเป็นไข่ขี้เกียจอ่ะ อันนี้ต้องเป็นไข่ลุงกับเน... เวอร์ชั่นครั้งแรก!!!”
 
ไข่เจียวทำไมมีเวอร์ชั่นด้วย...
แล้วชื่อเวอร์ชั่นมันฟังแปลกๆ หรือเพราะจิตใจตัวผมมันอกุศล
ผมรีบคว้าจานไข่เจียวจากเนมายัดไข่ทั้งหมดเข้าปาก เคี้ยวอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบกลืนมันลงคอ
 
“ลุง...”
“พอดีหิว ฝากเก็บจานหน่อยนะ ฉันไปอาบน้ำก่อน”
“ลุงอาบไปแล้วนี่”
“อาบใหม่อีกรอบ”
“เอ๋?”
“เหม็นควันหนะ”
“อ๋อ”
 
 
ผมปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับวิ่งเข้าไปกวักน้ำเย็นใส่หน้าอีกรอบ
เด็กเนี่ย อันตรายสุดๆเลย
ไปทะเลสองต่อสองไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว!!!!
 





------ . つづく


 
 
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 10 : ไข่ของเน [12/08/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-08-2019 23:16:28
เน๊ รู้ตัวมั้ยลูก พูดอะไรออกไป ขาลุงเข้าคุกไปข้างนึงแล้วม้างงงง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 10 : ไข่ของเน [12/08/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 15-08-2019 20:31:33
เฮ้อ เป็นเอามาก จิตใจหมกมุ่น คิดอกุศลตลอดเลยนะลุ้งงงงงง

เน เขาคิดดีบริสุทธิ์ใจ นับถือว่าอายุมากกว่า แต่คนแก่กว่านี่สิ

ตอนนี้บาปเริ่มรังควาน จิตใจอยู่ไม่เป็นสุข ฮ่า ฮ่า




รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 10 : ไข่ของเน [12/08/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 28-08-2019 15:12:13
น้องเนตอนเลือกชุดไปทะเลทำไมน่ารักขนาดนี้อะ ไข่เจียวจานเดียวทำอิลุงเลิ่กลั่กไปหมด55555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 10 : ไข่ของเน [12/08/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 29-08-2019 02:05:31
ฮาลุงไม้อ่ะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 10 : ไข่ของเน [12/08/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 31-08-2019 16:25:09
น่ารักมากกกก น้องเนกับลุงงงงง
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 11 : Sugar Daddy ♥ [17/09/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 17-09-2019 18:12:34
ตอนที่11

Looking for a Sugar Daddy ♥









เช้าในวันเสาร์ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม







เริ่มจากที่ผมเปิดประตูห้องออกมาเจอโซฟาที่ว่างเปล่า ตั้งแต่เนมาอยู่ด้วย ปกติมันต้องมีซากก้อนน้ำลายแสนวุ่นวายนอนขดอยู่บนนั้น บางทีก็คลอด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังลั่นแต่เจ้าตัวก็ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นมาปิด เป็นผมเองเสมอที่มักจะตื่นด้วยความรำคาญแล้วมาปิดให้







ผมเหลือบตามองกองกระเป๋าเดินทางที่ตั้งอยู่แถวทางเดินไปประตู สักพักหนึ่งเนก็เดินออกมาจากในครัวพร้อมกับกล่องปริศนาในมือ







“อ้าวลุง”

“...” ผมเกาหัวมองเนด้วยความแปลกใจ ตื่นเช้าแหะวันนี้

“ลุง รีบไปอาบน้ำ นี่เนทำอาหารเช้าไว้กินบนรถ เป็นแซนด์วิชแฮมชีส”

“ทำ?”

“อื้อ แกะเปลือกแล้วใส่กล่อง”







แล้วมันแปลว่าทำได้ยังไง...

ผมหัวเราะให้กับเนเวอร์ชั่นตื่นเต้น ดุท่าทางจะตื่นเต้นกับการไปทะเลเสียเหลือเกิน ถึงขนาดตื่นเช้ามาทำแซนด์วิช เออ ถึงจะแค่แกะห่อใส่กล่องก็ตาม







“ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น”

“ตื่นเต้นดิลุง เร็วๆ รีบอาบน้ำ เดี๋ยวเนอดเล่นน้ำ”

“ทะเลไม่ได้มีเวลาเปิดปิดนะ”

“ลุง!!! เร็ว!!!”



หึ ตลกดี แค่ทะเลที่อยู่ห่างกรุงเทพไปไม่กี่ชั่วโมง แต่เด็กตรงหน้ากลับตื่นเต้นเหมือนจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศ มีความสขุกับอะไรง่ายๆ แบบนี้นี่ดีจังนะ ถึงจะเลยวัยไปหน่อยก็เถอะ จะเข้ามหาลัยแล้วแต่ยังแฮปปี้กับการไปทะเลเหมือนเด็กประถมแบบนี้







ทั้งรู้สึกเอ็นดูแล้วก็รู้สึกสงสารไปพร้อมๆ กัน







ผมเอื้อมมือไปยีไอ้หัวทุยนั่นเบาๆ วันนี้มาในชุดที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ เมื่อวาน เสื้อกล้ามสีขาวสกรีนลายแมว เสื้อฮาวายสีเหลือและกางเกงขาสามส่วนสีแดงรองเท้าแตะสีเขียว อีกนิดก็คงเป็นสัญญาณไฟจราจรได้แล้ว



“ฝากชงกาแฟให้หน่อย”

“ได้!!!”







ว่าแล้วก็วิ่งดุ๊กๆ กลับเข้าครัวไป เหมือนลูกหมาขึ้นไปทุกวัน ผมถอนหายใจก่อนจะหันหลังเดินไปหยิบเสื้อผ้าเตรียมเข้าไปอาบน้ำก่อนที่ไอ้เจ้าลูกหมาจะกดดันกันไปมากกว่านี้







หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จกาแฟร้อนแก้วเล็กก็ถูกตั้งไว้บนโต๊ะพร้อมกับหมาอารักขาแก้วนั่งกระดิกหางดิ๊กๆ อยู่ข้างๆ







“เก็บอาการหน่อย”

“อะไร เนออกนอกหน้าตรงไหน”

“...หึ” มองมาจากนครนายกยังรู้เลยว่าตื่นเต้น ถ้าจะกระดิกนิ้วสั่นขาขนาดนั้น “ขนของไปไว้รถไป เดี๋ยวตามไป” ผมยื่นกุญแจรถส่งให้ เนตาวาวรีบรับกุญแจไปถือ

“เนขอขับได้ไหม”

“จะไปอยู่ไหมทะเล”

“ไปปปปปปปป”











ดี...

เพราะถ้าให้เนขับ สองชั่วโมงคงเพิ่งถึงรั้วคอนโด







พอได้กุญแจไปถือเนก็รีบวิ่งไปหยิบมวกฟางขึ้นใส่ แขนเล็กหยิบกระเป๋าของผมที่เป็นแค่เป้ขนาดไม่เล็กไปไม่ใหญ่ไป เนื่องจากชุดที่ผมจะไปเปลี่ยนแขวนอยู่บนรถเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ต่างจากของเนที่ถึงต้องลากกระเป๋าเดินทาง ตอนนั้นที่ผมเพิ่งนึกขึ้นได้







เอ๊ะ ไปแค่วันเดียว ทำไมมีกระเป๋าเดินทางได้ มันขนอะไรไปนักหนา เสื้อผ้าหมดตู้เลยหรือเปล่า อยู่กับเด็กบ้านี่ไม่เคยไม่แปลกใจสักครั้งเลย คิดแล้วก็ยกกาแฟขึ้นจิบ





พรู่ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!



ผมกระพริบตามองละอองกาแฟที่เพิ่งพ่นทิ้งไปก่อนจะก้มลงมองแก้ว พอใช้นิ้วจิ้มลงไปก็พบก้อนแข็งๆ หนาๆ ตรงโคนนิ้ว







นี่ทำน้ำตาลหกหรือตั้งใจให้กาแฟหวาน!!!







สุดท้ายแล้วก็ต้องเดินไปชงกาแฟกินเองเหมือนเดิม ไว้คราวหน้าต้องสอนชงกาแฟหน่อยแล้ว ชงหวานเป็นชาไข่มุกแบบนี้ได้ที่ไหน ไอ้เด็กบื้อ





ผมชงกาแฟดื่มเสร็จภายในสิบห้านาที แค่สิบห้านาทีแต่พอลงมาที่ลานจอดรถก็เจอก้อนเด็กอมลมโกรธ คิ้วขมวด หน้าตาไม่พอใจอย่างชัดเจนแบบเห็นตั้งแต่เดินออกจากลิฟต์







“อะไรอีกหละ”

“ลุงช้า” พูดจบก็มุดตัวเข้าไปนั่งรอที่นั่งข้างคนขับ

“ช้าเพราะต้องชงกาแฟใหม่ เด็กบ้าที่ไหนไม่รู้ใส่น้ำตาลไปเกือบครึ่งแก้ว”

“ก็เนชิมแล้วมันขม”

“กาแฟก็ต้องขมสิ”

“กินขมมากๆ ระวังแก่เร็ว” เอามาจากไหนของมัน ผมถอนหายใจแล้วสอดตัวลงไปนั่งที่นั่งคนขับ จัดระเบียบพื้นที่เล็กๆ ของตัวเองสองสามนาทีถึงค่อยสตาร์ทเครื่องยนต์ออกมาจากคอนโด







เนจัดการเสียบยูเอสบีเข้ากับมือถือแล้วก็เปิดเพลงยุคตัวเองฟังซึ่งก็เป็นการบังคับผมไปกลายๆ แต่ผมเองก็ชินแล้ว บางเพลงก็ฮัมตามไปได้ด้วย ตั้งแต่มีเนมาในชีวิต bee geesหรือ queen วงโปรดของผมนั้นก็แทบไม่ได้ฟัง ส่วนใหญ่จะเป็นเพลงสากลที่ฮิตเปิดทั่วบ้านทั่วเมืองไม่ก็เพลงเกาหลีฟังไม่รู้เรื่องของเนเป็นส่วนใหญ่







ร้องเพลงเย้วๆ วิงวิงวิงบูมเมอแรง อิทส์มายเลิฟชอท บูมบูมบูมอะไรไม่รู้ เต้นดุ๊กดิ๊กๆ ทั้งที่มีเบลท์คาดตัวอยู่ได้สี่ห้าเพลง ไอ้ก้อนตื่นเต้นสดใสก็หลับพริ้มกรนคร่อกไปเรียบร้อย คาดว่าเมื่อวานคงเอาแต่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เพราะนอกจากจะหลับสนิทแล้วยังหลับยิงยาวไปตลอดทาง ไม่มีแม้แต่จะตื่นมาขอเข้าห้องน้ำ



ตื่นอีกทีก็ตอนที่รถจอดสนิทหน้าที่พัก เหมือนติดตั้งสวิตช์เปิดปิดไว้ เพราะเนเล่นเด้งตัวผึงขึ้นมามองหาดทรายตรงหน้า



“ทะเลลลลลล”

“เอาของไปเก็บในห้องก่อน”

“ทะเลลลลลลลลลล”

“ทากันแดดด้วย”

“ทะเลลลลลลลลลลลลลลลล”







ฟังที่ไหนหละ วิ่งหัวปลิวไปแล้วเรียบร้อย ผมถอนหายใจแล้วปิดประตูรถเดินตามไป ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมง แดดกำลังเผาได้ที่แต่เหมือนเด็กตรงหน้าจะไม่สนใจอะไรแล้ว เนวิ่งไปสุดแรงเท้าก่อนจะไปหยุดนิ่งตอนเท้าแตะน้ำทะเล หน้าดื้อนั่นค่อยๆ หันมาหาผมพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด







“ลุงงงง ทะเลลลลลลลล”



อา...

ไม่รู้เลยว่าอะไรมันจ้ากว่ากันระหว่างแดดกับรอยยิ้ม







แดดมันเผาไหม้ผิวหนัง

แต่อย่างหลังน่าจะเผาจิตสำนึกผม







แค่รอยยิ้มที่ทำให้แก้มไปดันตากลมดื้อจนปิดเป็นสระอิ มันทั้งย้อนแสงจนแทบไม่เห็นอะไร แต่ใจผมกลับเต้นรัวจนต้องหยุดเดิน เหมือนช่วงเวลาหยุดนิ่งไปเสี้ยววินาที เหมือนรอยยิ้มนั่นฝังตัวลงบนความทรงจำของผมอย่างชัดเจน



... น่ารักเป็นบ้า







“ลุง หยิบที่ตักทรายให้เนด้วยนะ”

“ทำไม...”

“ฟวู้ววววววววววววววว”



ยังถามไม่ทันจบเนก็ถอดเสื้อฮาวายเขวี้ยงขึ้นฟ้าแล้วพุ่งตัวลงทะเลไปอย่างรวดเร็ว ดำไปได้ไม่ถึงวิก็ดันตัวขึ้นนั่ง มือเล็กปาดปอยผมที่เปียกปิดหน้าขึ้นโชว์หน้าผาก







“เค็มมมมมมมมมมม”

“ทะเลก็ต้องเค็มสิ”

“ลุง เล่นน้ำ”

“ไม่หละ” ผมรีบถอยหลังเดินออกมา “เดี๋ยวฉันจะไปหยิบของในรถมาให้ แล้วจะกินข้าวตรงร่มนั้นนะ ถ้าหิวก็มากิน”

“อื้อ” เนลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงน้อยๆ ของตัวเอง ปรากฏเสื้อกล้ามสีขาวที่ซรีทรูจนเห็นเนื้อหนังแทบทุกสัดส่วน แขนเล็กนั่นยกขึ้นขยี้หัวชื้นน้ำของตัวเองมา





เสื้อกล้ามกับน้ำ

อะฮึ่ม...

บางไปหมด ขาวไปหมด





“ลุงงงง ทะเลมีถุงพลาสติกด้วย”

“ห๊ะ”



สติเพิ่งกลับร่าง ผมมองเนที่ก้มจับอะไรบางอย่าง อะไรที่น้องบอกว่าถุงพลาสติก จังหวะที่ตาผมโฟกัสได้เป็นจังหวะเดียวกับที่เนสะดุ้งชักมือออกจนถุงที่ว่าตกน้ำทะเลดังต๋อม หน้าดื้อหันมาหาผมพร้อมเบะปาก



“ลุง!!!”

“...”

“แมงกะพรุน!!!!”

“...”

“เนแสบมือออออออออออออออออออ”





ให้ตายเถอะ

ไอ้เด็กบ้านี่นะ...





หลังจากพาไปทำแผลที่มือเสร็จ น้ำตาเด็กบ้าหล่นเป็นเม็ดๆ แต่ก็หายอย่างรวดเร็วเมื่อได้กินกุ้งกับปลาหมึกเยียวยา พอเริ่มมีอะไรตกถึงท้องก็เริ่มมีแรง เนก็วิ่งกลับไปเล่นน้ำก่อปราสาทและฝังตัวเองในหลุมทราย เล่นอยู่นานจนพอใจ เนก็เดินกลับเข้าบ้านพักไปอาบน้ำ ส่วนผมก็คอยเก็บซากที่ตักทรายกับห่วงยางตามเข้าไป นั่งรอทีวีอยู่นานจนผิดปกติ ด้วยความที่ห้องนอนแต่ละห้องก็มีห้องน้ำส่วนตัว ยกนาฬิกาบนแขนมาดู







หนึ่งชั่วโมงแล้ว...

ทำไมยังอาบไม่เสร็จอีก ผิดวิสัยที่ชอบอาบน้ำห้านาที





ก๊อกๆ



“เน”

“...” ไม่มีเสียงตอบรับ ผมย่นคิ้วก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเพื่อพบกับ ร่างของเนในชุดคลุมอาบน้ำท่าทางเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ นอนแปะพริ้มอยู่บนเตียง



อ่า...

เล่นน้ำจนเพลียสินะ

นอนหัวเปียกแบบนี้เดี๋ยวคงได้มีเด็กป่วยในไวๆ นี้แน่นอน



“เน นอนดีๆ “

“อื้อ” น้องตวัดตัวหนีแรงสะกิดผม ทำให้เสื้อคลุมอาบน้ำนั่นเริกขึ้นเห็นต้นขาขาว ผมชะงักตัวทันทีทันใด



ไม่ปลอดภัยต่อใจ....



“เน “

“อือ ลุงอย่า...” เนตวัดขาขึ้นหนีบผ้าห่มจนทำให้เห็นก้นกลมขาวที่โผล่พ้นออกมาจากปลายเสื้อคลุมอาบน้ำ ผมรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้า ความบาปตีหัวอย่างรุนแรงจนต้องรีบหันตัวเดินออกมาจากห้องนอน





เวรเอ๊ย

ผมเป็นผู้ชายวัยสามสิบหก แต่ดันมาใจเต้นหน้าแดงกับขาอ่อนขาวๆ ของเด็กวัยสิบแปดจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเรียกสติ



ไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ

ไม่ปลอดภัยเลย...





.

.

.







ตกเย็น ร่างเพลียน้ำก็ถึงปลุกตัวเองตื่นขึ้นมาด้วยอาการหิวข้าว ซึ่งผมก็เดาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ เพราะตอนบ่ายเอาแต่สนใจจะเล่นน้ำจนไม่ขึ้นมากินอาหารเลย จะหิวเวลานี้ก็คงไม่แปลก



“ไปหาอะไรกินที่ไนท์มารเก็ตไหม”

“ไปไหนก็ได้เลยยย เนหิวมาก” ปากก็บ่นหิว มือก็กินทาโร่ที่พกมาไปด้วย

“นอนหัวเปียก เดี๋ยวก็ป่วย”

“เนสลบหรอก ไม่รู้ตัวเลย”

“แต่งตัวให้เรียบร้อย”

“คร้าบบบ”



จากเสื้อคลุมอาบน้ำกลับเข้าสู่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแล้วผมคอยโล่งใจหน่อย ก้นขาวนั่นยังติดอยู่ในความทรงจำ เพราะความเด็กสินะถึงได้ผิวดูเนียนละเอียดขนาดนั้น







ฟุ้งซ่านเพราะก้นเด็กนี่มันช่าง....







จึ้กๆ







“ลุงๆ เหม่อไรอ่ะ”

“ขาว...” ผมสะดุ้งเฮือกแล้วรีบหันไปหาเนที่ยืนขมวดคิ้วเอนหัว

“อะไรขาว”

“เปล่า ฉันบอกว่าข้าว อยากกินข้าว รีบไปกันเถอะ”



ใช่ อยากกินข้าว อยากกินข้าว!!!!

ปัดความฟุ้งซ่านทิ้งแล้วรีบขับรถพาเนออกมาที่ไนท์มาร์เกตที่อยู่ไม่ไกลนักจากตัวโรงแรม ซึ่งหากผมมาคนเดียวที่นี่คงไม่ใช่เป้าหมายสำหรับผมแน่นอน เพราะคนเยอะและค่อนข้างวุ่นวาย ถ้าเลือกได้ผมคงเลือกนั่งชิวจิบไวน์อยู่แถวร้านริมหาดหรือเลาจ์ของโรงแรมมากกว่า



แต่ตามวัยของเนแล้ว เดินแบบนี้คงจะสนุกกว่าเพราะมีของขายเยอะ ไหนจะพวกฟู้ดทรัค ฟู้ดสตรีทต่างๆ อีก







“ลุง ไข่ปลาหมึกปิ้ง”

“เอาสิ” ผมเดินตามหลังเล็กเข้าไปที่ร้านรถเข็นขนาดใหญ่

“เอาไข่ปลาหมึกสามไม้ แล้วก็หมึกนี้อ่ะ เรียกไรนะ มึงกระดอป่ะ”

“กระดองน้องกระดอง” เล่นเสียคนขายแก้แทบไม่ทัน

“นั่นแหละๆ มึงกระดอง”

“เอาสามไม้เองหรอ เอาสี่ไม้ไหม ลดให้เหลือสามร้อย แบ่งให้คุณพ่อกินด้วย”



คิ้วผมกระตุกยิกๆ เหมือนจะได้รับบทนี้อีกแล้ว

ทำไมต้องพ่อวะ ผมไม่ได้หน้าแก่ขนาดนั้นนะถ้าเทียบกับอายุเน หนวดก็โกนเกลี้ยง อย่างน้อยก็พี่ชายที่อายุห่างกันมากก็ยังดี



“คุณพ่อออออออออ” ไอ้เด็กบ้าก็เล่นไปเขา เนหันมาเกาะแขนผมพร้อมกับยิ้มจนตาปิด

“หยุดเลย”

“แดดดี๊~~~~~~~”



พอถึงคำนี้คนขายปลาหมึกก็เงยหน้าขึ้นมามองจากเตา จากหน้าเอ็นดูกลายเป็นสงสัยเล็กน้อย แต่พอสบตากับผมก็กลับไปปิ้งปลาหมึกต่อ ผมถอนหายใจให้กับความเน ไม่เคยจะคิดอะไรเลยไอ้หัวน้อยๆ เนี่ย



“อย่าเรียกแดดดี๊”

“งั้นเรียกชูการ์แด๊ดดี้ได้มะ---อื้อ”



ปิดปากแทบไม่ทัน!!!!

ผมปิดปากเนพร้อมกับจับหันหลัง หนีสายตาตกใจของพ่อค้าขายปลาหมึก





“เน ไปเอาคำนี้มาจากไหน...”

“อื้อ ปิดปากเนไมเนี่ย เห็นลายเสื้อร้านนั้นมันเขียนอ่ะ ดูดิ” เนชี้ไปที่ร้านเสื้อร้านข้างๆ



เสื้อยืดเขียนว่า

Looking for a Sugar Daddy ♥




“เห็นแล้วนึกถึงชูการ์ไรเดอร์เลย กระรอกบินนนน”

“นั่นมันชูการ์ไกลเดอร์ ไม่ใช่ไรเดอร์ แล้วความหมายก็ไม่ใกล้กันเลยด้วย”

“อ้าว หรอ”

“ห้ามเรียกด้วยคำนี้อีกนะ”

“อ้าว มันหยาบหรอ ทำไมอ่ะ พ่อน้ำตาลหวานๆ ไม่ใช่คำชมหรอ”



พ่อน้ำตาลหวานๆ

แปลตรงตัวดี ผมไม่ตอบแต่ดีดเหม่งไปแทน พอหันกลับมาก็เจอสายตาฮันแน่มาจากคนขายปลาหมึกอย่างชัดเจน อยากจะตีหน้าผากตัวเองแรงๆ ให้ตายเถอะ เข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว



“ทั้งหมดสามร้อยแปดสิบครับคุณพ่อ เอ้ย คุณพี่”



เวรเอ๊ย....

ผมยื่นเงินให้ไปสี่ร้อยรีบรับของแล้วรีบจูงเนออกมา



“ลุง ตังค์ทอนๆ ๆ ๆ”

“ไม่ต้องเอา รีบไปเถอะ”

“เนจะเอา!!! “เนสะบัดมือผมแล้ววิ่งกลับเอาไปตังค์ทอน ผมเดินตามกลับไปเมื่อเห็นเหมือนคนขายพูดอะไรสักอย่างกับน้อง แต่พอไปถึงเนก็เดินหันหลังกลับมาแล้ว

“มันพูดอะไร”

“พี่เขาบอกให้เนอ้อนลุงเยอะๆ “

“...”

“เขาบอกคนแก่ชอบให้อ้อน” ผมหันไปส่งสายคาดโทษให้กับคนขายปลาหมึกที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง

“... เขาก็พูดไปเรื่อย”

“ต่อให้พูดจริงเนก็ไม่อ้อนหรอก เนอ้อนคนไม่เก่ง” พูดเสร็จก็ยิ้มปลาหมึกเคี้ยวตุ้ยๆ ส่วนผมก็ได้มองแก้มที่ยกตัวบิดไปบิดมานั่น







นี่คืออ้อนไม่แล้วงั้นหรอ...

ถ้าอ้อนเก่งกว่านี้ผมคงตายแน่ๆ อันตรายจริงๆ







เนที่บ่นหิวแต่กลับเลือกกินแต่พวกฟู้ดสตรีทจุกจิกไม่สนใจอาหารเป็นมื้อแม้แต่น้อย ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่เดี๋ยวคงต้องซื้ออาหารกลับไปบ้างเผื่อจะหิวอีกรอบ ผมพาน้องเดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเนก็มาหยุดอยู่หน้าร้านแทททู







“ลุง เนอยากสัก”

“อย่าแม้แต่จะคิด” ผมรีบดันหน้าน้องกลับมาจากร้าน

“เอาแทททูแปะๆ ก็ได้” น้องสะบัดหน้าหนีแล้วก็วิ่งไปเลือกลายในตะกร้า ตอนแรกเห็นอยากลองสักผมเลยคิดว่าเนอาจจะเลือกลายเท่ๆ สิงโต มังกร ไม่ก็คำหยาบภาษาอังกฤษ คิดไว้แล้วว่าคงบังคับให้น้องถูสบู่ออกให้หมดหลังกลับที่พักแต่ปรากฏว่าลายที่เนเลือกกลับเป็น



โลมาสองตัว...



“ลุงๆ นั่งๆ”

“ไม่เอา”

“นะะะะะะ แค่แทททูเอง กลับบ้านไปล้างก็ได้”

“...” ผมเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เน ยื่นแขนตัวเองให้แม่ค้า เทียบไซซ์แขนผมกับเนที่วางข้างกันแล้วคนละขนาดเลย แขนเนแห้งแล้วเล็กมาก แทททูลายโลมาเล็ก ก็แทบจะเต็มแขนแล้ว แถมแทบไม่เห็นเส้นเลือดแบบลูกผู้ชายเทียบผมด้วยความที่ออกกำลังเล่นเวทสม่ำเสมอเลยยิ่งทำให้ดูแตกต่างกันชัดเจน



“เนถ่ายรูปดีกว่า” เนยกมือถือตัวเองขึ้นมา จัดองศาแขนให้ใกล้ผมกับแล้วก็กดถ่าย

“ทำไร”

“อัพไอจี”

“ไอจี?”

“แอพลงรูปอ่ะลุง”

“อินสตราแกรมไม่ใช่หรอ”

“มันย่อว่าไอจีไง” อ๋อ...



ผมเลือกที่จะเงียบแล้วมองหน้าจอโทรศัพท์ของเน นิ้วโป้งเล็กๆ จิ้มนู่นจิ้มนี่ พิมพ์แคปชั่นอย่างรวดเร็วแบบแทบไม่ต้องหยุดหาตัวอักษร



“เขียนว่าอะไร” ไม่ได้ใส่แว่นมา มองไม่ค่อยชัด

“ชูการ์แดดดี๊”

“เห้ย!!!”

“ล้อเล่นนนนนนนนน”

“...” ตกใจหมด ถ้าเขียนอย่างนั้นจริง คุกคงอยู่ไม่ไกลจากผมนัก

“เนเขียนว่าขอบคุณ...”

“...”

“ขอบคุณนะลุง เนโคตรมีความสุขเลย” เนหันมามองหน้าผมแล้วยิ้ม ผมไม่ได้ตอบอะไรไป เพียงแต่โยกหัวทุยนั่นเบาๆ



นั่งนานเกินโดนแม่ค้ามองแรง ผมเลยรีบลุกขึ้นพาเนเดินต่อ หมดเวลาไปเกือบสองชั่วโมง เนได้ของมาเต็มไม้เต็มมือส่วนผมซื้อกลับไปแค่เสื้อยืดเขียนชื่อจังหวัดธรรมดาไปหนึ่งตัว เนบ่นงุบงิบว่าผมลุ๊งลุง เลือกเสื้อสกรีนเฉิ่มแต่สุดท้ายก็ซื้อลายเดียวกับผม



“ไหนว่าเฉิ่ม”

“ก็เฉิ่มจริง ลุงมาก มีที่ไหนเลือกเสื้อสกรีนมีแต่ตัวอักษรไม่ลายอื่นเลย สุดจืด”

“แต่พี่ชอบ มันมินิมอลดี”

“มีหัวใจหน่อยก็ไม่ดะ... ห๊ะ เมื่อกี้ลุงแทนตัวว่าอะไรนะ” เนหันมาทำตาโตใส่ผม ส่วนผมก็ได้ปัดจมูกแก้เก้อ

“...”

“ลุงแทนตัวว่าพี่หรอ”

“ช่างมัน กลับที่พักเถอะ” ผมรีบเดินนำกลับรถแก้เขิน พูดเองก็เขินเอง แทนตัวว่าพี่มันแปลกๆ ไหมนะ เนหยุดนิ่งไปสักพักถึงค่อยออกตัววิ่งตามผม





“ลุงงงงงง แทนตัวว่าพี่ก็ไม่ได้เด็กลงหรอกนะะะะะะะ”



ไอ้เด็กเวร!!!

รู้ทัน!!!!



“...”

“แต่เนก็จะเรียกลุงเหมือนเดิม”

“...”

“หรือชูการ์แดดดี๊แทนดี”



ผมหันไปตีเหม่งนั่นดังป้าปแล้วรีบเดินหนีไปขึ้นรถ ปล่อยให้เนขำคิกคักวิ่งตามมา เนสนุกอยู่แค่เพียงก่อนขึ้นรถ เพราะพอขึ้นรถมาผมก็สั่งให้เปิดกูเกิ้ลเสิร์ชคำว่าชูการ์แดดดี๊ แค่นี้ไอ้ตัวดื้อก็หน้าแดงหูแดงหันหน้าออกกระจกไม่พูดจากับผมสักคำ







หึ....



ไม่ชูการ์แดดดี๊แล้วหรอไอ้เด็กปากเก่ง













----- つづく


หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 11 : Sugar Daddy ♥ [17/09/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 17-09-2019 20:18:29
อย่าเล่นกับลุงไม้ เดี๋ยวจะโดนลุงไม้เล่น :hao3:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 11 : Sugar Daddy ♥ [17/09/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: MeiHT ที่ 17-09-2019 20:32:44
อัพแล้วววว คิดถึงลุงงงง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 11 : Sugar Daddy ♥ [17/09/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-09-2019 20:52:43
คุกคงอยู่ไม่ไกลลุงแล้วจิมๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 11 : Sugar Daddy ♥ [17/09/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 18-09-2019 11:07:50
ขำความเน น้องงระวังตัวหน่อยลูก เดี๋ยวจะถูกคนแก่จับกิน  :hao6:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 11 : Sugar Daddy ♥ [17/09/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 18-09-2019 12:03:54
คุกอยู่ไม่ไกลแล้วชูการ์แดดดี๊~  :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 11 : Sugar Daddy ♥ [17/09/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-09-2019 15:16:27
อย่าไปกลัว จัดหนักไปเลยลุง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 11 : Sugar Daddy ♥ [17/09/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 11-10-2019 14:07:14
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 12-10-2019 22:39:22
[center[ตอน 13
 [/center/
[nay]
 

 
ไม่รู้ว่ามีความสุขขนาดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
 
 
ผมนั่งจ้องที่ห้อยกระเป๋าเซรามิคที่เป็นรูปทะเลที่ซื้อกลับมาหลังจากไปเที่ยวกับลุง นับว่าเป็นการไปทะเลครั้งแรกในหลายรอบปี หลังจากที่ขอและงอแงพ่อกับแม่เท่าไหร่ก็ไม่เคยได้ไป

 
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากกินอะไรก็ได้กิน
 

เป็นครั้งแรกที่โดนชมบ่อยขนาดนี้ทั้งที่ผ่านไปไม่ถึงเดือน
 

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
 
 
“ไอ้เน มึงนั่งมองพวงกุญแจทำไมวะ เล่นเอ็มวีเรอะ” ผมร้องเห้ยออกมาดังลั่นตอนที่ไอ้กันเอื้อมมือมาดึงพวงกุญแจออกไปจากมือ
“ไอ้กัน มึงเอาคืนมานะ!!!”
“อะไรวะ พวงกุญแจง่อยสัด”
“ไอ้กัน!!!” ผมผลักมันอย่างแรงแล้วรีบดึงของกลับมา
“เห้ยไอ้เน มึงร้อนอะไรอ่ะ ทำไมต้องผลักขนาดนี้วะ”
“มึงห้ามยุ่งกับของกู!!!”
“เห้ย ไอ้เน ใจเย็นมึง” ไอ้นาถรีบรั้งตัวผมไว้ ไอ้กันขมวดคิ้วหงุดหงิด ผมไม่เคยทะเลาะกับเพื่อนมาก่อน นี่แทบจะเป็นครั้งแรกเลย
“เป็นเหี้ยไรวะเน”
“มึงยุ่งกับของของกู”
“กับอีแค่พวกกุญแจโง่ๆ เนี่ยนะ มึงถึงผลักกู” กันทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผม เพื่อนที่เหลือเลยแห่กันมาดึงตัวผมและกันแยกออกจากกัน
“มันไม่ใช่แค่พวงกุญแจโง่ๆ”
“ไร้สาระว่ะ”
 
ไอ้กันสะบัดแขนเพื่อนที่ดึงรั้งอยู่ออกก่อนจะกระแทกเท้าออกจากห้องไป ห้องเรียนที่เพิ่งจะวุ่นวายกลับมาเงียบสงัดทันที ผมสูดลมหายใจเข้าเพื่อกลั้นน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหล
 
“ไอ้เน มึงก็ไม่น่าผลักมันขนาดนั้น”
“ไอ้กันแม่งตั้งท่าจะต่อยมึงแล้วนะ แค่พวงกุญแจเองนะ”
“พวกมึงอย่ายุ่ง”
 
ผมสะบัดตัวออกจากแขนพวกมันแล้วกระแทกเท้าเดินออกจากห้องเรียนตรงไปที่ห้องน้ำ ประตูห้องน้ำสามบานถูกเปิดเหลือว่างอยู่แค่สองห้องซ้ายขวาส่วนตรงกลางมีคนใช้งานอยู่ ผมเลือกที่จะเดินเข้าห้องริมขวาสุด  พอปิดประตูห้องน้ำเท่านั้นน้ำตาหยดแรกก็ไหลกระทบแขนพื้นดังแหมะ ผมเบะปากสะอื้นแบบไร้เสียง ปากบดกันจนเจ็บไปหมด ขี้มูกก็ย้อยยืดติดตามแขน
 
ผมทะเลาะกับเพื่อน
ไม่ชอบเลย
 
“ฮึก”  โถส้วมกลายเป็นเก้าอี้จำเป็นในตอนนี้ ผมยกมือถือขึ้นกดหาเบอร์ลุง ทำไมต้องเป็นลุงก็ไม่รู้ แต่ผมต้องการเสียงลุงในตอนนี้
[เน ทำไมโทรมาในเวลาเรียน]เสียงดุเป็นเอกลักษณ์นั่นเหมือนเป็นค้อนทุบถังน้ำตาชั้นดี ผมระเบิดร้องไห้ออกมาลั่น ไม่สนแล้วว่าห้องข้างๆ จะรำคาญ
“ฮืออออออออออ”
[เป็นอะไรเน อยู่ไหน]
“ลุง ฮึก ลุง”
[เน ตั้งสติ ตอบพี่]ผมสูดขี้มูกหนึ่งฟืด
“เนทะเลาะกับเพื่อน”
[…] เสียงดุนั่นเงียบไป ตามด้วยเสียงถอนหายใจยาว [พี่เกือบจะเก็บของบุกโรงเรียนแล้ว ทีหลังอย่าร้องไห้ดังขนาดนั้นนะ คิดว่าเรื่องด่วน]
 
ผมบดปากตัวเองไปมา ก็รู้แหละว่าไร้สาระ แต่ผมไม่รู้จะคุยกับใครแล้วนี่ ชีวิตก็มีแค่ไอ้กันที่คุยด้วยทุกเรื่องมาตลอด ผมเจ็บจี๊ดๆ อึดอัดไปหมดเลย ขี้มูกเหลวเหนียวเต็มหน้า หายใจไม่ออกแล้ว
 
“ลุง ฮึก กันจะต่อยเน”
[ทำไมทะเลาะกันแรงนักหละ]
“กัน... กันเอาพวงกุญแจเนไป พวงกุญแจที่ลุงซื้อให้” ผมปาดน้ำตาป้อยๆ พอพูดจบก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียงตัวเองงอแงมาก แถมปัญหายังดูไร้สาระอีก
[แล้วยังไงต่อ]
“เนผลักมัน แต่เบามากนะ เบาๆ แต่ไอ้กันมันไม่ได้ตั้งตัว มันเลยดูเหมือนแรง แต่เนผลักเบานะ ลุงเนผลักเบา ลุงก็รู้เนไม่ได้มีแรงขนาดนั้น”
[ใจเย็นๆ ยังไม่ได้ว่าอะไร]เสียงทุ้มของลุงทำให้ผมรู้สึกตัวเองใจเย็นลง ผมย้ายจากนั่งบนชักโครกไปนั่งพิงกำแพงห้องน้ำแทน
“เนผิดเอง... แต่... แต่เนไม่ได้ตั้งใจ แต่กันจะต่อยเน ได้ไง เราเพื่อนกัน”
[กันอาจจะแค่โมโห มันอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะต่อยหรอก]
“ฮึก เนยังไม่ได้ขอโทษมันเลย เนไม่รู้จะทำยังไง เนผิดเอง แต่เนไม่ได้ผิดขนาดนั้น ทำไมกันจะต่อยเน ลุง กันจะต่อยเน”
[เน]
“ฮึก”
[หยุดร้องไห้ก่อน แล้วคุยกันดีๆ คุยไปร้องไห้ไปแบบนี้พี่ไม่ชอบ]เสียงลุงดูดุขึ้นนิดหน่อย ผมฟืดขี้มูกปาดน้ำตาสองสามรอบถึงค่อยจะรู้สึกใจเย็นลง
“ฮึก”
[หยุดรึยัง]
“มันไม่หยุดให้เน แต่เนหยุดแล้ว”
[ฟังนะ เราหนะใช้อารมณ์ทั้งคู่ รอให้ใจเย็นแล้วก็ขอโทษกันซะ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะผิดก็ตาม ต่อให้เรามีส่วนผิดแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องรู้จักขอโทษ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเพื่อนยิ่งไม่ควรปากหนักกับคำนี้]เสียงทุ้มพูดยาวมันทัชผมมากจนพูดอะไรไม่ออก [เน ฟังอยู่ไหม? ]

“อื้อ”
[แล้วนี่อยู่ไหน]
“ห้องน้ำ”
[ล้างหน้าล้างตาซะ กลับไปเข้าห้อง แล้วเดี๋ยวค่อยเจอกันเลิกเรียน]
“จะวางสายแล้วหรอ...”
[อย่าทำเสียงอ้อน]
“เปล่าอ้อน ลุงแทนตัวว่าพี่ จั๊กจี้หูชะมัด”
[อย่าทักได้ไหม กำลังทำตัวให้ชินอยู่]ผมแอบยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าดุนั่นกำลังเขิน ลุงอ่ะขี้เขินแต่ชอบทำตัวเท่ เป็นคนแก่ขี้เก๊ก
“อื้อ แล้วเดี๋ยวเจอกันหลังเลิกเรียน ลุงซื้อชาเขียวปั่นให้หน่อยสิ”
[หายเศร้าแล้วก็คิดถึงของกินเลยนะ]
“เปล่าเศร้า”
[ไปเรียนไป แค่นี้ก่อนเดี๋ยวมีประชุมกับแผนกขาย]
“อื้อ บายครับ”

 
วางสายไปแล้ว...


ถึงอย่างนั้นเสียงทุ้มที่ยังติดอยู่ในหูก็ทำให้รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเยอะ ลุงหนะ เป็นพนักงานฝ่ายปลอบใจจากบริษัทเนจำกัดมหาชนที่ควรได้ขึ้นเงินเดือน ผมลุกขึ้นปาดน้ำตาของจากหน้า สูดลมหายใจเข้าหนึ่งฟืดเรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนจะเปิดประตูออกไปล้างหน้าล้างตา
ระหว่างที่กำลังล้างมืออยู่นั้นประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงพูดคุย เด็กผู้ชายกลุ่มใหม่ที่เข้ามาชะงักตัวเมื่อเห็นผม ผมเองก็ชะงักตัวไปเหมือนกัน
 
แก๊งห้องหกที่ชอบด่าเรียกผมว่าตุ๊ด
ดวงอะไรวะที่ต้องมาเจอกันในที่แบบนี้
 
“อ้าวไอ้ตุ๊ดเนนี่กว่า” นั่นไง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดผิดที่ไหน
“ขอตัว” เลือกไม่ยุ่งดีกว่า ไม่อยากมีเรื่องวุ่นวาย ผมกำลังจะเดินผ่านพวกมันเพื่ออกจากห้องน้ำ ตอนนั้นเองก็โดนคว้าข้อมือไว้
“อ้าวๆ รีบไปไหนอ่ะ”
“อย่ายุ่งกับกู” ผมสะบัดข้อมือออก
“เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ ขนาดเยี่ยวยังต้องไปแอบเลย เจี๊ยวเล็กแหงเลยว่ะ”
“เสือก”
“ปากดีว่ะ กูชอบนะ” ไอ้เวรหัวหน้าแก๊งนั่นบีบแก้มผม ผมปัดมือมันออกแต่ก็โดนหนึ่งในลูกกระจ๊อกแก๊งมันผลักจนหลังไปกระแทกอ่างล้างมือ
“หรือมันอาจจะไม่ได้เยี่ยวก็ได้นะเว้ย”
“เออว่ะ โดนขุดทองไปยังอ่ะตุ๊ด เสียวป่ะ อยากรู้”
“ขี้ไม่ต้องเบ่งแล้วป่ะวะ”
 
อยากอ้วก...
ผมกำหมัดแน่นให้กับคำพูดพวกนั้น
 
“พูดแต่อะไรต่ำๆ หัดเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมที่ได้รับการอบรมบ้างนะ” ผมจ้องหน้าไอ้เวรนั่นอย่างเอาเรื่อง ทั้งๆ ที่คิดว่าตัวเองพูดตอกกลับไปอย่างแรงแล้วแท้ๆ แต่พวกมันกลับหัวเราะออกมา
“ไอ้เหี้ย ขนาดด่ากลับยังน่ารักเลย ขอบีบตูดทีได้ป่ะวะตุ๊ด”
“กูไม่ใช่ตุ๊ด” ผมกัดฟันตอบ รู้สึกขยะแขยงจนอยากจะต่อยหน้าพวกมันให้หมด
“มึงน่าจะดีใจนะ หน้ามึงหวานอ่ะ ไม่ต้องแปลงเพศก็ได้อยู่นะ”
“จริงมึง ไม่ติดว่ามึงมีเจี๊ยวกูจีบไปละนะตุ๊ด”
“ต่อให้กูไม่มี กูก็ไม่เอาพวกมึงหรอก โทษทีว่ะ ไม่นิยมคบสัตว์-”
 
ผลั่ก!!!!!
 
ไม่ทันได้เตรียมตัวด้วยซ้ำ ผมโดนต่อยอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกกับกำแพง ใบหน้าซีกขวาชาไปทั้งแถบ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งติดอยู่ที่ปลายลิ้น   
 
“ปากดีฉิบหาย ไอ้ตุ๊ด ได้ข่าวว่ามึงมีเสี่ยเลี้ยงใช่ไหมถึงได้ปากดีไปทั่ว คิดว่าแบ็กมึงหนามากหรอ” ไอ้เวรนี่ยกรองเท้านันยางขึ้นเตะหัวผม ผมลุกขึ้นเตรียมจะต่อยกลับแต่ก็โดนพวกมันที่เหลือดึงแขนไว้ สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด
“ไม่ใช่แค่เสี่ยเลี้ยง เห็นเขาลือกันว่ามึงขายตูดอ่อเน”
 
โกรธ โกรธจนน้ำตาไหล...
 
“แม่งไม่ตอบว่ะ สงสัยจะจริง”
“ตุ๊ดเนขายตูดว่ะ”
“ไอ้ตุ๊ด เขาสนมึงเพราะรูมึงฟิตป่ะ”
“มึงขายตูดเท่าไหร่วะตุ๊ด ถึงห้าร้อยป่ะ ได้กี่น้ำ”
 
 
อยากอ้วก อยากอ้วก อยากอ้วก
 
 
ปั้ง!!!!!
 
 
“หนวกหูว่ะ ขี้ไม่ออก”

ประตูห้องน้ำห้องตรงกลางถูกเปิดออกอย่างแรงดึงความสนใจทั้งหมด ผมเบิกตากว้างเมื่อคนที่เดินออกมาจากห้องนั้นคือ
“ไอ้กัน...”
“กูพูดจริงนะไอ้ตั้ม พวกมึงหัดเอาเวลาบูลลี่คนอื่นไปตั้งใจเรียนเถอะ พ่อมึงมารู้ว่าลูกทำตัวแบบนี้ เสียชื่อนักการเมืองชื่อดังอยู่นาาาาา” ไอ้กันเดินล้วงกระเป๋ากางเกงมาหยุดหน้าไอ้หัวหน้าแก็ง ที่ผมเพิ่งจะจำได้ว่ามันชื่อตั้ม
“เสือกไรวะกัน”
“ไม่เสือกไม่ได้จริงๆ ขอเถอะ ขอนะมึงนะ”
“ขอไรวะ”
“ขอถีบหน้ามึงอ่ะ ไอ้สัตว์นรก!!!”
 
ผัวะ!!!!
กันยกเท้าขึ้นถีบอกอีกฝ่ายอย่างแรงจนร่างของตั้มลอยไปกระแทกกับกำแพงห้องน้ำ พวกเพื่อนมันปล่อยตัวผมก่อนจะรีบวิ่งไปดูเพื่อนตัวเองกัน ไอ้กันหันหน้ากลับมาหาผม ใบหน้ากวนตีนนั่นจ้องมานิ่งๆ
 
“ขอโทษกูดิ”
“...”
“เร็วไอ้เน”
“ขอโทษ”
“เออ กูก็ขอโทษ” มันพูดยิ้มๆ ก่อนจะยื่นมือมาดึงแขนผมให้ยืน แค่เจอหน้ามันน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วก็กลับมาหยดเป็นเม็ดอีกรอบ
“ฮึก”
“อย่าร้องดิ เดี๋ยวลุงแม่งเอาเรื่องอากู”
“สัดกัน โผล่หัวออกมาปกป้องเมียเลยนะมึง” ยังไม่ทันได้คุยกันจบ เสียงน่ารำคาญก็ดังขัดเสียก่อน ไอ้กันถอนหายใจแล้วหันกลับไปหาพวกมัน
“เออ เมียรักกูเลยคนนี้” ไอ้กันพูดติดตลก “แต่เอาดีๆ นะไอ้ตั้ม มึงพูดถูกนิดหน่อยเรื่องเสี่ยมันอ่ะ กูเตือนไว้ตรงนี้แล้วกัน ถ้าไม่อยากให้พ่อมึงลำบากอย่ายุ่งกับไอ้เนอีก”
“...” ไอ้ตั้มชะงักตัวกึ้ก ผมเองก็ขมวดคิ้วงง
“เสี่ยไอ้เนเล่นพ่อมึงได้แล้วก็เล่นพ่อมึงสองคนได้ด้วย กูใจดีเตือนนะจ๊ะ” พูดจบมันก็ดึงมือผมลากออกจากห้องน้ำ ผมได้แต่เดินตามแรงลากมันไปเรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ตรงแถวสนามบาส มุมโดดเรียนประจำของแก็งเรา
“...”
“ปากมึงแตก ลุงแม่งเอาเรื่องกูแน่ สัดเอ๊ยยยย” ไอ้กันกุมขมับตัวเอง
“... มึง ลุงแม่งเส้นใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอวะ” ผมตกใจนะเอาดีๆ ผมไม่เคยคิดว่าก่อนเลยว่าลุงจะมีอิทธิพลอะไรขนาดนั้น เห็นแต่ทำตัวเป็นลุงแก่ไปวันๆ ไม่เห็นจะดูน่ากลัวมีอำนาจอะไรขนาดนั้นเลย
“หึ”
“อ้าว”
“ลุงอ่ะกูไม่รู้หรอก แต่อากูบอกว่าพ่อลุงอ่ะ เอาเรื่องเลยแหละ”
“อ่า... “
 ว่าแล้ว อย่างลุงหนะหรอจะไปมีอิทธฺิพลอะไรขนาดนั้น ขนาดแค่พิมพ์ไลน์ประโยคสั้นๆ ยังต้องหาแว่นมาเพ่งเลย ไอ้กันไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูก
 
 
ไม่ว่าฝ่ายไหนจะผิดก็ตาม ต่อให้เรามีส่วนผิดแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องรู้จักขอโทษ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเพื่อนยิ่งไม่ควรปากหนักกับคำนี้
 
 
“กัน”
“ไร”
“ขอโทษนะมึง ที่ผลักมึง กูรู้สึกแย่จริงๆ ”
“เออ รู้ แอบฟังตอนมึงคุยโทรศัพท์แล้ว” โคตรชั่ว ผมขมวดคิ้วมองหน้ามัน
“แล้วมึงนั่งทำบื้ออะไรอยู่ในห้องน้ำตั้งนาน”
“จะออกมาตั้งแต่มันเรียกมึงตุ๊ดแล้ว”
“...”
“แม่งเปิดไม่ออกลูกบิดพัง”
 
เอวัง...
เหนื่อยใจกับมันจริงๆ ผมถอนหายใจก่อนจะนั่งลงพิงเสาอาคาร ไอ้กันพอเห็นผมนั่งมันก็ทิ้งตัวลงนั่งตาม

 
“ไอ้เน”
“หืม”
“จะตุ๊ดไม่ตุ๊ดมึงก็เพื่อนกูนะ”
 
บ้าเอ๊ย...
น้ำตามาอีกรอบแล้ว!!!
 
“...”
“อย่าร้องไห้ดิ ขี้แงฉิบหาย” ปากด่าแต่มือก็เอื้อมมือขยี้หัวผม ไอ้กันเป็นแบบนี้ตลอดตั้งแต่รู้จักกันตอนม.หนึ่ง ถึงมันจะกวนตีนแต่ก็คอยโอ๋ผมเวลาร้องไห้เสมอ
“มึง...”
“...”
“กูดีใจนะที่มีมึงเป็นเพื่อน”
“กูก็ดีใจเหมือนกัน แต่จะดีใจกว่านี้อีกนะ ถ้า...”
“...”
“ถ้ามึงให้ลุงขึ้นเงินเดือนให้อากู อยากไปญี่ปุ่นโว้ยยยยยยยยย” โวยวายลั่นแล้วก็เอนหัวพิงไหล่ผม ผมได้แต่ขำในลำคอเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง เหมือนทุกอย่างกำลังดีขึ้น มันอาจจะไม่ได้เห็นชัดเจน แต่ผมรู้สึกได้ว่าดีขึ้น
 
 
ผมรู้สึกแบบนั้น
 
จนกระทั่งเลิกเรียนเดินกลับไปถึงห้องทำงานของลุง
 

ใบหน้าดุนั่นย่นคิ้วจนรอยย่นขึ้นชัดเจน ไอ้กันผู้ซึ่งเก่งกล้าในโรงเรียนก็เผ่นแน่บไปตั้งแต่เปิดมาเจอหน้าลุง ลุงลุกจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ ก้าวขายาวฉับๆ มาหยุดหน้าผม
 

โอ๊ะโอ....
 

“แหะๆ”
“ไม่ต้องมาแหะๆ นี่กันทำหรอ? ทำไมทะเลาะกันแรงขนาดนี้” ลุงยกมือขึ้นจับคางผม มือหนานั่นจับคางผมบิดไปซ้ายขวาเพื่อหาแผลตรงอื่น
“เปล่า ไม่ใช่ไอ้กัน”
“...”
“ลุง...”
“หืม? “
“เน โดนเรียกว่าตุ๊ด”
“...”
“จริงๆ เนชินแล้ว เนโดนเรียกบ่อย”
“มันไม่ควรชิน”
“แต่คราวนี้...”
“...”
“เนโดนเรียกว่าเป็นเด็กเสี่ยแต่เนไม่ได้โกรธอะไรนะ ที่เนรู้สึกแย่หนะ”
“...”
“เขาลือกันว่าเนขายตูด...”
“...”
 
ลุงไม่ได้หลุดพูดอะไรออกมา ใบหน้าเครียดนั่นจ้องผมนิ่งก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด ลุงยกมือขึ้นลูบหัวผมไปมา
 
“เห็นไหม มาอยู่กับฉันมันก็มีแต่เรื่อง” กลับมาแทนตัวว่าฉันแล้วแฮะ...
“...”
“คนคงเข้าใจผิด กลับไปอยู่บ้านไหม มันคงจะดีขึ้น” จบประโยคนั้นผมก็รู้สึกเหมือนโลกถล่ม
“ไม่กลับ ไม่ได้บอกว่าจะกลับ เนไม่ได้อยากกลับ เหลืออีกตั้งสองอาทิตย์”
“...”
“เนแค่... ไม่รู้ เนโกรธแต่เนทำอะไรไม่ได้เลย แต่เนไม่ได้อยากกลับบ้าน เนอยากอยู่กับลุง” ผมทิ้งหัวตัวเองปักไปกับแผ่นอกของลุง 
“เห้อ เสี่ยเลี้ยงก็ไม่ได้ห่างไกลเลย” ลุงบ่นงึมงำแล้วก็วางคางลงบนหัวผม “... อย่าอ้อนให้มากเน พี่จะดูเป็นเสี่ยเลี้ยงเด็กจริงๆ แล้ว”
“ลุงรับเนไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมไหม”
“...”
“ถ้าคนอื่นเรียกเสี่ยเลี้ยงเด็กเนจะได้ตอบกลับไปว่าเออ เลี้ยงจริงๆ พ่อกูเอง ไรเงี้ย”
“นี่เข้าใจคำว่าเสี่ยเลี้ยงเด็กจริงๆ รึเปล่าเนี่ย” ลุงขมวดคิ้วถาม
 
 
อ้าว...
เสี่ยเลี้ยงเด็กก็ผู้ใหญ่ที่รับเด็กไปเลี้ยงไง ทำไมลุงต้องทำหน้างั้นด้วย
 
“...” พอเห็นผมทำหน้างง ลุงก็ยกมือขึ้นกุมขมับ
“sugar daddyจำความหมายได้ใช่ไหม”
“ห๊ะ”
“เออ ความหมายเหมือนกัน”
 
 
ผมพะงาบปากไปมาก่อนจะรีบยกกระเป๋าขึ้นมาปิดหน้า
 
 
ละ ลุงเป็นชูการ์แด๊ดดี้ของผมงั้นหรอ
 
 
ไม่ใช่สักหน่อย!!!!
 
 
ไม่คุยด้วยแล้ว!!!!
 
 
 
 ----- つづく




 
 
 
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 13-10-2019 00:10:54
แง้
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 13-10-2019 00:13:39
งุ้ย เนเป็นเด็กเสี่ยไม้ :o8: :-[
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 13-10-2019 08:54:06
เนนู๋จะใสๆขนาดนี้ไม่ได้นะ ขาลุงอยู่ในคุกแล้วเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 13-10-2019 11:53:27
"ลุงเป็นชูการ์แด๊ดดี้ของผมงั้นหรอ"   ใช่แล้วจ้าาาาาาาาาาาาาาาาา  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 13-10-2019 12:14:43
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 13-10-2019 23:44:14
น้องเนน่ารัก เริ่มมีใจให้พี่เค้าแล้วใช่มั้ยลูก  :hao7:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 14-10-2019 22:18:46
มีปัญหาแล้วโทรหาลุงคนแรก แค่นี้ลุงก็ชื่นใจแล้ว
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-10-2019 00:27:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 15-10-2019 12:42:57
ละ ลุงเป็นชูการ์แด๊ดดี้ของผมงั้นหรอ
 
วงวารลุง อยากเป็นพี่เท่ๆ ก็ไม่เคยได้เป็น เด่วลุง เด่วแด๊ดดี้ เด่วเสี่ย ไม่กลัวนอนคุก ลุงจับกดไปแล้ว   :serius2:

หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-10-2019 16:17:26
แต่ละตอนเนี่นเสี่ยงคุกเสี่ยงตารางมากเลย
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 24-10-2019 19:40:53
Fc นิยายทุกเรื่องเลยค่ะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-10-2019 07:34:55
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 27-10-2019 12:46:12
สนุกมากกกก​ น้องเนน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: MeiHT ที่ 29-10-2019 21:54:37
เราว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เครียดที่สุดเท่าที่คุณโอ๊ยแมปส์เคยแต่ง แต่สนุกมากค่ะ สนุกทุกเรื่องเลย รอเล่มอุดหนุนเลยมีของคุณทุกเรื่อง  :L2:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-10-2019 19:03:12
น่ารักมากกกก. โอออไอคุกคุกหลายตอน55555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 30-10-2019 19:37:39
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 31-10-2019 00:47:50
สนุกมากกกกก อ่านเพลินจนร้องอ้าว เมื่อจบตอนล่าสุด55555 ขอบคุณคนเขียนนะคะ น้องเนน่ารักมากกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 12 : เสี่ย ♥ [12/10/19] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 01-11-2019 14:15:32
น้องเนนนนนน :-[
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 06-03-2020 16:21:21
สามหกสิบแปด 13





ห้องของผมมักจะเต็มไปด้วยเสียงบ่นงุ้งงิ้งของเน บ่นเกม คุยไลน์กับเพื่อน เสียงกดแต๊กๆ ของแป้นพิมพ์ไอโฟน ไม่ก็เสียงการ์ตูนจากทีวี ช่วงแรกๆ ก็รู้สึกวุ่นวายอยู่เหมือนกันแต่ในตอนนี้พอมันกลับกลายเป็นความเงียบก็ดันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป

เนซึม...

เหมือนว่าเจ้าตัวแสบจะเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีมาจากที่โรงเรียน น้องร้องไห้หนักมากที่ห้องทำงานผมหลังจากนั้นก็นั่งตาแดงไม่พูดไม่จาถามคำตอบคำ เรียกได้ว่าเป็นเนในเวอร์ชั่นที่ผมไม่ชินเอาเสียเลย

เนขังตัวเองไว้ในโปงผ้าห่ม โผล่หัวออกมาเล็กน้อยเพื่อหายใจ ตากลมที่ปูดแดงมองดูท้องฟ้าผ่านกระจกระเบียง ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองไอ้ก้อนผ้าห่มนั่นมาได้พักใหญ่ๆ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีไหมเพราะเหมือนผมเองก็เป็นหนึ่งในความผิดที่ทำให้เนโดนข่าวลือแบบนั้น

ระหว่างทีกำลังลังเล เสียงใสของเนก็ดั้งขึ้น

“ลุง...”

“หืม?”

“ลุงเงียบทำไม เนไม่ชิน” ก้อนผ้าห่มลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาผม เห็นตาแดงๆ กับปากช้ำๆ นั่นใจผมก็เหลวไปหมด

“เรานั่นแหละเงียบ”

“เนเจ็บแผลที่ปาก”

“มาดู” ผมกวักมือเรียกให้เนเดินเข้ามาใกล้กว่านี้ ผมยกมือขึ้นเชิดคางน้อง ผิวของมือผมกร้านมากเมื่อเทียบกับผิวของเน ตากลมนั่นจ้องนิ่งสบกับตาของผม

หัวใจของผมเต้นผิดจังหวะในวินาทีที่สบกับดวงตาใสตรงหน้าในและในวินาทีต่อมาก็กลายเป็นความเจ็บปวดที่รัดแน่น

เนบริสุทธิ์ไปทุกอย่าง ทั้งความคิด การกระทำ ดวงตาของน้องถึงได้ยังมีแต่ความไว้ใจและเชื่อใจในแสดงออกมาอย่างชัดเจน เป็นผมเองที่เป็นคนเห็นแก่ตัว อาศัยความบริสุทธิ์นั้นในการตอบสนองความต้องการของตัวเอง

แม้จะไม่ได้เกินเลย...

แต่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์ใจ...



“เน...”

“หืม? “

“กลับบ้านไหม...” คิ้วตรงหน้าขมวดเป็นปม

“อะไรอ่ะ เรียกมาดูแผลแล้วไล่กลับบ้านเนี่ยนะ”

“ไม่ได้ไล่”

“ไล่”

“พี่ถามเฉยๆ ”

“ไม่กลับ จบนะ เนไม่กลับ ไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม หนึ่งเดือนก็คือหนึ่งเดือน” เนดึงหน้าตัวเองออกจากมือผมแล้วกระแทกเท้าปึ้งๆ ไปนั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟา ผมถอนหายใจแล้วเดินตามไปนั่งข้างๆ

“เน”

“ไม่คุยแล้ว เนเจ็บปาก”

“งั้นฟังอย่างเดียว”

“เนเจ็บหูด้วย ไม่ฟัง” เนยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“...”

“เน... มาอยู่กับพี่มีแผลแบบนี้สองครั้งแล้ว พี่ไม่สบายใจหรอกนะ”

“ไม่เกี่ยวกับลุงนี่ มันเป็นเพราะเน”

“ขนาดพี่ยังรู้สึกไม่ดี ถ้าเป็นพ่อแม่เราจะขนาดไหน หืม?”

“พ่อแม่ไม่สนหรอก”

“เน...”

“ถ้าพ่อก็คงตีเน ส่วนแม่ก็คงดุเน แล้วทั้งคู่ก็จะบอกว่าเนทำให้ผิดหวังอีกแล้วโดยที่ไม่เคยฟังเนเลยว่าเรื่องมันเป็นยังไง แค่เป็นเนก็ผิดแล้ว”

“โอเคไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” พอเห็นอีกว่าเนเริ่มน้ำตาคลอผมก็จบประเด็นไว้แค่นั้น เนดูจะคิดมากที่ผมพูดเรื่องพ่อแม่ขึ้นมาสังเกตได้ง่ายๆ จากไอ้ปากยื่นๆ กับคิ้วเงื่อนตายนั่น ผมถอนหายใจ เนทำปากยื่นปากยาวอยู่พักเดียวก็หันมาหาผม ดวงตาที่ดื้อนั่นฉายประกายหม่นเหมือนเสียใจ

“ลุงลำบากใจไหมที่เนมาอยู่”

“...”

“เนจะจ่ายคืนลุงให้ทุกบาทเลย ตอนออกจะเก็บห้องให้เกลี้ยงเลยก็ได้”

“...”

“แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาต้องไป อย่าไล่เนเลยนะ”



ให้มันได้แบบนี้...

ถ้าคะแนนอ้อนเต็มสิบผมคงให้เด็กตรงหน้าสักร้อย

“ไม่ได้ลำบากใจอะไรขนาดนั้น เลิกทำหน้าหงอยได้แล้ว” ผมดีดเหม่งใสนั่นไปเบาๆ

“เปล่า หงอย”

“เดี๋ยวพาไปกินชานมไข่มุก”

ศัพท์ใหม่ที่ผมได้ยินบ่อยในช่วงนี้คือก้อย เนชอบบ่นว่าอยากกินก้อย ตอนแรกผมก็ตกใจเหมือนกันไม่คิดว่าเนจะชอบกินพวกเนื้อสด เห็นเวลาไปกินอะไรด้วยกันมักจะกินอะไรยาก เดี๋ยวบ่นเผ็ด เวลาไปกินปิ้งย่างก็ต้องสุกเกรียมไม่ใช่แค่สุกเฉยๆ ผ่านไปหลายวันผมถึงเพิ่งจะเข้าใจว่าก้อยที่ว่าเป็นชื่อร้านชานมไข่มุกและนอกเหนือจากนั้นคือมันไม่น่าอ่านว่าก้อยหรอก

“เหมือนลุงเอาของกินมาล่อเนเลยอ่ะ”

“ไม่กินหรอ”

“กินๆๆ ” ก็ยอมให้ล่อแต่โดยดีนี่นา ผมหัวเราะเมื่อเหมือนเห็นหางหมามโนกระดุกดุ๊กดิ๊กมาจากหลังไอ้ก้อนดื้อตรงหน้า

“เออ จะว่าไป พรุ่งนี้มีที่ที่อยากจะพาไปหลังเลิกเรียน”

“ที่ไหนอ่ะ? “

“เดี๋ยวก็รู้”

“เห้ยยย แย่อ่ะ ทำให้อยากรู้ไปแล้วนี่!!!”

“หึ”

“ลุงงงงงงงง เนนอนไม่หลับนะะะะ อยากรู้ ลุงก็รู้ว่าเนขี้เสือ— หมายถึงขี้ใส่ใจ”

“อยากรู้ต่อไป”

“ลุงงงงงงงงงงงงงงงง”



โวยวายงอแงว่าจะนอนไม่หลับอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอผมเปิดประตูออกมาดูอีกทีก็หลับสนิทแถมน้ำลายย้อยเปื้อนหมอนเปื้อนโซฟาไปหมด ได้แต่กอดอกมองด้วยความรู้ที่หลากหลายอารมณ์

แต่ที่แน่ๆ บางอารมณ์นั้นก็ไม่ได้ควรสักเท่าไหร่หรอก...



.

.

.





ไม่คิดไม่ฝันว่าวันที่ผมรอรับเด็กเลิกเรียนนอกเหนือจากรอรับสีน้ำจะมาไวขนาดนี้ ผมสองเงาตัวเองผ่านกระจกห้องทำงานก่อนจะตัดสินใจใช้มือซ้ายปลดกระดุมคอตัวเองออกหนึ่งเม็ดให้ดูผ่อนคลายลง อ้อ ขยี้หัวให้ดูฟูขึ้นหน่อยจะได้ไม่ดูแก่จนเกินไป

“ลุงหมดวัยเซทผมแล้วป่ะ”

เสียงใสดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเล่นเอาคิ้วผมกระตุก

“เซทผมมันมีหมดวัยที่ไหนกัน” ผมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเด็กแสบ เนอยู่ในชุดนักเรียนเต็มตัว ติดที่จะผิดระเบียบไปนิดหน่อยด้วยการเอาเสื้อออกมาจากกางเกงและเหยียบส้นรองเท้าจนยุบ ผิดที่สุดน่าจะเป็น

...ไอ้ปากสีชมพูนั่น

“ไปทำอะไรมา”

“ทำไร”

“...” เนถามผมกลับด้วยสีหน้าเด๋อด๋า

“แต่งหน้า? “เนขมวดคิ้วแล้วยกมือขึ้นมาเปิดกล้องหน้า ตากลมนั่นก็เบิกกว้างขึ้นทันที

“เห้ยยยยยยย ไหนว่าลิปมันไงงงงงงงง”

“...”

“ตัวแท่งลิปมันเป็นสีขาวๆ อ่ะลุง เห้ย แดงเฉย” เนยกหลังมือขึ้นถูๆ ปากตัวเอง แต่มันกลับกลายเหมือนจะทำให้ปากนั่นแดงกว่าเดิม

“มันแดงติดปากไปแล้ว”

“เนี่ยลุง มันแท่งสีขาวนะ เนคิดว่าเป็นลิปมัน” เนคุ้ยกระเป๋านักเรียนก่อนจะหยิบลิปแท่งเรียวขึ้นมาโชว์ ผมเดินไปหยิบมาดู ลักษณะตัวแท่งเหมือนลิปที่สีน้ำมีอยู่เต็มโต๊ะเครื่องแป้ง พอเปิดฝามาตัวลิปก็เป็นสีขาวปกติ

“มันก็ดูเป็นลิปมันนะ...”

“นั่นดิ หรือปากเนมันแดงอยู่แล้ว”

“...”

“ลุงทาสิ”

“ห๊ะ”



ยังไม่ทันได้งงดี เนก็คว้าลิปในมือผมไปถือ มือซ้ายคว้าหมับเข้าที่แขนขวาผมก่อนจะเอนตัวมามือขวาผมเลยต้องตวัดรัดเอวเล็กไว้กลัวว่าน้องจะเทน้ำหนักลงมา ไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรก็รู้สึกถึงวัตถุมันๆ เย็นๆ ปาดลงมาบนปาก

ไม่เหมือนในหนังที่หน้าเราใกล้กันจนใจเต้นเพราะส่วนสูงที่ค่อนข้างทิ้งห่าง หน้าเนเลยอยู่แถวๆ อกผมแม้น้องจะเขย่งสุดปลายเท้าแล้วก็ตาม

แต่ที่เหมือนในหนังน่ะ

คงเป็นการเต้นของหัวใจของผมเอง



“โอ๊ะ...”

“...”

“ปากลุงแดงเหมือนเนเลยอ่ะ” เนฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด



ให้ตาย เด็กบ้าตรงหน้าผมเนี่ย

ขโมยจูบเก่งทั้งทางตรงและทางอ้อมเลย

กว่าจะรวบรวมสติกลับมาได้ก็ตอนที่เนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป ผมรีบยกมือขึ้นปาดปากตัวเองซึ่งก็มีคราบสีแดงติดออกมาเป็นปื้นทำให้รู้ว่าปากผมตอนนี้คงมีสีไม่ต่างจากเน มันเข้ากันไหมเนี่ย ผู้ชายอายุสามสิบกว่ากับปากสีแดงเนี่ย

“เน...”

“อย่าดุนะ ห้ามดุ เนแค่เล่น ลุงมีอารมณ์ขันหน่อยก็ได้นี่” เสียงเล็กรีบแหวกลับพร้อมกับวิ่งกรูดไปกอดกระเป๋าขู่แง่งๆ อยู่หน้าประตูห้องทำงาน

“เอาเถอะ ไม่ดุตอนนี้เดี๋ยวที่ที่กำลังจะไปก็คงทำให้แทน”

“เอ๊ะ”

“ป่ะ”

“เอ๊ะลุงงง จะพาไปไหนอ่ะ ลุงงงงงงงง”

“ปิดประตูห้องให้้สนิท”

“ครับ อ่ะ ลุงงงงงงงงง บอกเนนนนนนนน” ผมไม่ตอบแต่เลือกเดินนำไปขึ้นรถโดยมีเสียงตะแง้วงอแงมาตลอดทางตั้งแต่ออฟฟิส กว่าจะเลี้ยวเข้าสถานที่ได้หูก็แทบจะชา มันงอแงเก่งเหมือนลูกหมาเลย ให้ตายเถอะ เดี๋ยวกลับบ้านคราวนี้ต้องไปเปิดหนังสือหาวิธีเลี้ยงลูกหมาไม่ให้เห่าหน่อยแล้ว

ผมใส่เกียร์จอดรถพร้อมกับหันไปมองเนที่ทำหน้าแหยทันที่ที่เป็นป้ายสถานที่ขนาดใหญ่ หน้าดื้อนั่นหันขวับมาหาผม



“ค่ายมวยพิมพ์ดาว...” เนอ่านออกเสียงเพื่อย้ำให้แน่ใจว่าผมไม่ได้พามาผิดที่

“ชื่อแม่เจ้าของน่ะ”

“ลุงคิดว่าเนสงสัยชื่อหรอ”

“อ้าว”

“เนหมายถึงค่ายมวย ค่ายมวยนะ ค่ายมวย”

“ใช่สิมันก็เขียนอยู่ ปลดเบลท์แล้วลงมาได้แล้ว เพื่อนพี่รออยู่” ผมเปิดประตูรถลงมาก่อน คงต้องยอมรับว่าผมรู้สึกสนุกกับไอ้หน้าเหวอๆ นั่นอยู่นิดหนึ่ง รออยู่ไม่ถึงนาทีเนก็ลงรถเดินตามมาเกาะหลังผม

“ลุง...”

“หลบอะไรเนี่ย”

“ลุงพาเนมาค่ายมวยทำไมอ่ะ”

“นั่นสิ พามาค่ายมวยมันควรจะทำอะไรดีล่ะ”

“ห๊ะ ลุงจะซ้อมเนหรอ”

“อยู่ห้องพี่ก็ซ้อมเราได้”

“แก่แล้วยังใจร้ายอีก ระวังหลานไม่รักนะลุง”

“เน”

“ล้อเล่นได้ไหม ไม่ดุดิ เนกลัวนี่” กลัวแต่ก็ยังปากดีได้ สมกับเป็นเนจริงๆ ผมเดินเข้าค่ายมวยของเพื่อนมาพร้อมกับการมีลูกลิงเกาะเอวมาตลอดเวลา เดินเข้ามาเพียงไม่กี่เมตรหน้าคมที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏพร้อมรอยยิ้มใจดีแต่หุ่นเหมือนหมีควาย

“ว่าไงคุณพ่อลูกหนึ่ง”

และปากเหมือนหมา...

ผมตวัดตาดุมันไปหนึ่งที ไม่อยากจะหยาบคายด่าต่อหน้าเด็ก

“เนนี่พามเพื่อนพี่สมัยมหาลัย พามนี่เน”

“เนเฉยๆ หรอ” ไอ้พามถามพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาแซว

“อ่า ชื่อจริงเต็มๆ เนติวิทย์ครับ” ความใสซื่อของเด็ก เนตอบอ้อมแอ้มด้วยความคิดว่าเพื่อนผมถามชื่อจริง ใสซื่อจนต้องยกมือขึ้นนวดขมับ

“กี่ขวบครับเนี่ย”

“สิบแปดครับ”

“อ๋า”

“พาม” ผมปรามเสียงต่ำ

“หึ ครับๆ งั้นน้องเนเดี๋ยวตามพี่มาทางนี้ คุณครูรออยู่แล้ว” พามออกตัวเดินนำไป ส่วนเนก็ผลักหลังยิกๆ ให้ผมเดินต่อ

“ลุง เพื่อนลุงดุป่ะเนี่ย”

“ปกติก็ไม่ แต่ถ้าดื้อก็คงดุ”

“แต่เพื่อนลุงหล่อนะเนี่ย โอ๊ะ” ผมชะงักตัวเลยทำให้จมูกน้องกระแทกหลังผมดังปั้ก

“...”

“หยุดไม่บอกอ่ะลุง”

“...”

“ลุง?”

“เน”

“หือ”



ปั้ก!!!

ผมถอนหายใจก่อนจะหมุนตัวกลับไปดีดหน้าผากเด็กตรงหน้าดังปั้กแล้วรีบหันตัวเดินต่อ เนโวยวายลั่นที่โดดดีดหน้าผากแต่พอเห็นผมเดินห่างออกมาก็รีบวิ่งตามมาเกาะเสื้อต่อด้วยหน้ายู่ยี่

ไอ้พามเนี่ยนะหล่อ ไม่เห็นจะหล่ออะไรขนาดนั้นเลย

เด็กบ้านี่เทสต์แย่ชะมัด

ผมเดินตามไอ้พามจนมาหยุดที่โถงกว้างที่แน่นไปด้วยผู้คนกำลังฝึกซ้อม เสียงกระแทกของนวมดังก้องอยู่รอบตัว ตรงกลางโถงมีสังเวียนมวยขนาดใหญ่ตั้งอยู่และบนสังเวียนนั้นก็มีผู้ชายร่างสูงกำลังอุ้มเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ซ้อมมวยอะไรทำไมมันอุ้มเข้าเอวกันดูน่ารัก นี่เนก็ต้องโดนอุ้มแบบนี้หรอ ทำไมไม่เห็นดูเหมือนคนกำลังสู้เหมือนสมัยผมเรียนมวยที่นี่พร้อมกับไอ้พามเลย

“เห้ย ไอ้พี่ วางหญิงลง นักเรียนมึงมาแล้ว”

หญิง?

เด็กผู้หญิงถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นเลยหรอ

“พี่พามช่วยหญิงด้วยยย”

“ดิ้นจังวะหมวย”

“ปล่อยหญิงลง!!!”

“บีบตูดที”

“พี่!!!”



อะไรวะ ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน ถึงจะเรียกหญิงแต่ก็เห็นชัดๆ ว่าเป็นผู้ชาย แต่จะเพศไหมก็ไม่สำคัญหรอก ไอ้การอุ้มบีบตูดบีบแก้มอะไรแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยไหม เนจากที่ประสาทกินกลัวโดนกระทืบอยู่เป็นทุนเลยยิ่งจิกแขนเสื้อผมแน่นเข้าไปใหญ่

ผมมองทั้งคู่ตรงหน้าฟัดกันจนพอในที่สุดคนตัวใหญ่กว่าก็ยอมวางคนในอ้อมแขนลง ใบหน้าที่มีความคล้ายกับพามแต่ติดจะกวนตีนกว่ามากมองมาที่ผม



“นี่เด็กมัธยมตรงไหนวะพี่พามมึง”

“ไม่ใช่โว้ย นี่เพื่อนกู ส่วนเด็กหลบอยู่ด้านหลัง” ไอ้พามชี้มาที่เน พอรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาเนก็บีบเสื้อผมแรงขึ้น

“ลุง เน...”

“อ่อ เลี้ยงต้อย”

“พาม” ผมหันไปถามพามด้วยสายตาว่าเกิดอะไรขึ้น พามถอนหายใจยาวก่อนจะเอ่ยปากตอบ

“นั่นไอ้พี่น้องชายกู เห็นแบบนั้นแต่มันสอนดีนะ มันแค่กวนตีน”

“...” ผมยังคงไม่เชื่อ พามเลยชี้ไปที่คนตัวเล็กข้างๆ น้องชายมัน

“เห็นนั่นป่ะ นั่นหญิงแฟนมัน ก่อนหน้านี้ก็แห้งเหมือนเด็กมึงนั่นแหละ”

“เนเปล่าเด็กลุง” เสียงเล็กตอบทันทีทันควันก่อนจะมุดหน้ากลับไปซุกหลังผมต่อ

“เน ออกมาคุยดีๆ ”

“เนขอปฏิเสธได้ไหม”

“ออกมา เน”

“แง” ร้องแงเสร็จก็ยอมออกมายืนตัวลีบเบียดผม หน้าดื้อเงยมองอาจารย์ตัวเองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมเองก็จ้องน้องของพามนิ่ง ถ้าไอ้พามไม่บอกว่าเป็นน้องแท้ๆ ผมก็คงไม่วางใจให้เนเรียน

ท่าทางเหมือนโจร...

แล้วหน้าก็เหมือนเป็นพี่พามมากกว่าน้องชายด้วย

“ไอ้พี่ นี่น้องเน”

“ดี”

“สวัสดีครับ” เนยกมือไหว้ครูหน้าดุก่อนอ่ะกลับมาเบียดแขนผมอีกรอบ

“โห หุ่นเหมือนหญิงสมัยมัธยมเลย” เด็กผู้ชายตัวเล็กที่พามบอกว่าเป็นแฟนของน้องชายตัวเองกระโดดลงจากสังเวียนก่อนจะวิ่งมาหยุดหน้าเน

“ส ส สวัสดีครับ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก กูสอนหญิงได้ก็สอนมึงได้” เด็กหน้าดุนั่นวางมือลงบนหัวเนก่อนจะขยี้จนฟู ผมมองด้วยความขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยห้ามอะไรออกไป

“สมัยก่อนพี่ผอมกว่าน้องอีก”

“แต่น่ารักกว่า”

“พี่”

“ก็กูพูดจริง หน้าไอ้น้องนี่เหมือนลิง”

“พี่!! ไม่ต้องไปฟังพี่มันนะน้องเน”

“ไม่เป็นไรครับ เพราะพี่เขายังหน้าดุเหมือน....” เนสะดุดไปเมื่อผมหันไปมองดุ “นะ เนยังไม่ได้พูดนะ” ผมขมวดคิ้วดุอีกรอบเพราะรู้ว่าเนตั้งแต่ใจพูดว่าดุเหมือนหมา

“เอาเป็นว่าฝากด้วยแล้วกัน ฉันจะพาเนมาส่งหลังเลิกเรียนวันพุธกับศุกร์”

“แล้วลุงจะอยู่รอเนไหม จะมาทิ้งไว้เฉยๆ หรอ”

“รอสิ”

“เย้”



พอผมตอบเนเสร็จ เงยหน้าขึ้นก็พบสายตาล้อเลียนจากทั้งไอ้พามและน้องมัน

มายักคิ้วอะไรกันไอ้พวกเวร

นี่ผิดคิดถูกวะเนี่ยเอาเนมาเรียนกับค่ายมวยนี้เนี่ย!!!




















หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 06-03-2020 16:21:57
สามหกสิบแปด 14





เคาท์ดาวน์อาทิตย์สุดท้ายของการอยู่ร่วมกับเน

กลับกลายเป็นผมเองที่รู้สึกไม่อยากให้น้องกลับบ้าน เผลอๆ อาจจะมากกว่าเนด้วยซ้ำ เพียงแต่แสดงออกมาไม่ได้ ด้วยความที่รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร มีแต่เด็กตรงหน้าเท่านั้นแหละ ที่ทำให้การเป็นผู้ใหญ่ของผมสั่นคลอนด้วยการ





... อ้อนแบบไม่รู้ตัว



“ลุงงงงงงง ขออีกหนึ่งเดือนไม่ได้จริงๆ หรอ” ไอ้ตัวดื้อทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา วางหัวไว้บนตักผมพร้อมกับชูนิ้วชี้ขึ้นมา

“เน ไม่อ้อน”

“ไม่ได้อ้อน เนขอร้อง อ้อนวอน กอดขา” มีออพชั่นเบะปากเสริม ผมดีดเหม่งใสนั่นไปหนึ่งป้าป



ไม่ได้อ้อนแต่แค่อ้อนวอน

ตัดคำว่าวอนก็เหลือแค่อ้อนแล้ว ไอ้เด็กขี้อ้อน



“เราคุยกันแล้ว”

“ก็คุยใหม่ได้นะ เนพร้อมคุย”

“ไม่งอแง”

“อีกครึ่งเดือน”

“ไม่ได้”

“อีกหนึ่งอาทิตย์”

“ไม่ได้”

“อีกหนึ่งวันก็ได้!!!”

“ไม่ได้”

“แง” ส่งเสียงงอแงเสร็จก็วุ่นวายยกมือมาดึงแว่นผมออกจากหน้า แต่ถึงงั้นผมก็ยังคงเห็นหน้าซนๆ นั่นชัดเจนอยู่ดี

“เนอย่าซน”

“ลุงอายุสามสิบหกแต่ยังไม่ค่อยมีริ้วรอยอะไรเลย มีแค่ตรงตา” มือเล็กนั่นยื่นมาจิ้มรอยย่นข้างตาผม แหง จะมีได้ไง ไอ้ครีมที่สีน้ำเอามาให้ใช้นั่นราคาเป็นหมื่น

“นั่งดีๆ “ผมดุออกไป การมานอนหนุนตักอะไรแบบนี้มันก็ดีหรอกแต่อันตรายกับหัวใจอยู่เหมือนกัน ก่อนตีนกามาจะเจอตีนตำรวจก่อนก็เพราะไอ้ตัวดื้อตรงหน้าเนี่ยแหละ ไม่เคยจะระวังตัวอะไรเลย

“ไม่อยากนั่งแล้วอ่ะ ปวดขาาาา พี่พี่ไม่อ่อนโยนกับเนเลย รู้ป่ะลุง พี่พี่ให้เนวิ่งรอบยิม โคตรเหนื่อยยยยย เนยกขาตัวเองไม่ขึ้นแล้วเนี่ย” เนบ่นงุบงิบแล้วก็ยกขาตัวเองถีบไปมาบนอากาศ

“ออกกำลังกายบ้างเถอะ เราน่ะ”

“โอ้โหหหหหห ที่พี่พี่ให้เนทำไม่เรียกออกกำลังกายแล้ว เรียกเตรียมตัวเป็นนักกีฬาทีมชาติ”



โอเวอร์สุดๆ ...

ผมตามตลอดว่าวันหนึ่งเนทำอะไรบ้างจากไอ้พาม ข้อมูลที่ได้ก็คืองอแงกับการวิ่งรอบยิ้มสองครั้ง โอดโอยทุกการออกกำลังกาย ให้ทำห้าเซทก็โกงนับเลขสุดเซท ชอบหนีไปเล่นกับเด็กที่ชื่อหญิงจนโดนครูวิ่งไล่เตะ ไอ้พามได้แต่หัวเราะเพราะตอนแรกคิดว่าเนจะเป็นเด็กขี้กลัวเงียบๆ ที่ไหนได้แสบแบบยิมแทบแตก



“เนว่าเนกล้ามขึ้นแล้วเนี่ยลุง ดูกล้ามเนสิ” เนถลกแขนเสื้อตัวเองแล้วเบ่งกล้ามโชว์ แต่ที่เห็นก็เหมือนจะเป็นเบ่งก้างมากกว่า

“แบบนั้นเขาเรียกก้าง”

“บอกเลยไม่มาแค่กล้ามนะ เนอ่ะแพลงก์ ซิทอัพ สควอต ล่าสุดมีซิกแพคแล้ว” พูดจบก็โชว์แพคต่อ ผมมองพุงขาวที่มีรอยยับเป็นขีดๆ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

“เน นั่นมันรอยพับพุงเวลานั่งนานๆ ”

“ถ้าใจเรามองเป็นแพคมันก็คือแพคป่ะลุง”

“พุง”

“ลุงงงงงงง”



กล้าเรียกแพค พุงเป็นก้อนกลมขนาดนั้น

ไม่แปลกใจหรอกครับ ผมเองยังน้ำหนักขึ้นเลย อยู่กับเนแล้วเหมือนเปิดโลกเรื่องการกิน ร้านอาหารดังๆ รีวิวติดเทรนด์ทวิตเตอร์อะไรสักอย่าง เนก็ลากผมไปกินตลอดทั้งของคาวของหวาน หลังๆ เวลาออกกำลังกายผมก็เริ่มต้องเพิ่มเซทแล้วเหมือนกันก่อนที่แพคที่มีอยู่จะกลายร่างเป็นรอยยับพุงแบบเด็กดื้อตรงหน้า



“ลุง ตอนลุงเด็กๆ ลุงทะเลาะกับพี่สีน้ำบ่อยไหม”

“คิดยังไงถามเรื่องสีน้ำขึ้นมา” ผมขมวดคิ้วถามกลับ

“ก็... เห็นรูปลุงกับพี่สีน้ำบนชั้นหนังสือพอดี” น้องคงหมายถึงชั้นหนังสือข้างทีวี กรอบรูปนั้นได้มาจากตอนไปเล่นสกีสมัยมหาลัยกับครอบครัว เป็นภาพผมอุ้มสีน้ำไว้ด้วยท่าทางเหมือนพี่ชายหวงน้องสาวซึ่งคนบรีฟท่าก็ไม่ใช่ใคร ไอ้ตัวแสบน้องสาวผมเอง เห็นบอกอยากได้รูปเอาไปโพสต์ในเฟสให้แฟนรู้ว่าพี่หวง สุดท้ายรูปที่ว่าก็ยอดกดไลก์ถล่มทลายขนาดเจ้าตัวลงทุนไปอัดรูปใส่กรอบและแน่นอนว่าคนเอามาวางไว้ในห้องผมก็คือสีน้ำเองนั่นแหละ



โพสต์ในเฟสให้รู้ว่าพี่หวง

แต่เอามาตั้งในห้องพี่ชายในที่เห็นชัดขนาดนี้ ผมว่าคนขี้หวงน่าจะเป็นน้องสาวผมมากกว่า



“บ่อย แต่ไม่ถึงขั้นตีกันหรอก ยังไงก็น้องสาว”

“แล้วโตมาอ่ะ”

“โตมายิ่งไม่ค่อยทะเลาะ มีอะไรก็คุยกันดีๆ สิ”

“เนตีกับพี่แนนทุกวันที่เจอหน้าเลย”

“ก็เราดื้อ” พอพูดความจริงออกไป เนก็ทำหน้าหงึทันที

“บางทีพี่แนนก็ผิดเถอะ แต่พอเป็นเนก็กลายเป็นเนผิดแทน แค่มีชื่อเน เนก็ผิดแล้ว”

“ที่ตัดพ้อนี่มันเกิดขึ้นจริงๆ หรือแค่น้อยใจไปเอง” ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยหน้าม้าที่ปรกหน้าผากใสนั่นออก

“เกิดขึ้นจริงๆ สิ ลุงต้องเชื่อเน”

“ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ”

“ลุงทำเสียงไม่เชื่อ”

“คิดไปเอง”

“ลุงงงงงง”

“ตัวดื้อ” ผมจ้องหน้าดื้อนั่นกลับ เนยู่ปากพร้อมกับยกมือขึ้นมาจิ้มจมูกผม

“ลุงรู้ไหม แม่มารู้ว่ามีเนตอนไหน”

“หือ”

“ตอนกำลังจะไปทำหมัน”

“...”

“แจ๊คพอต ท้องเนอยู่สองเดือน ตกใจกันไปหมด” เนขยับตัวเป็นนอนหันหลังแต่ยังคงวางหัวไว้บนตักผมเหมือนเดิม

“ก็เลี้ยงมาจนโตน่ะ”

“เนคลอดก่อนกำหนด ทำอะไรก็ช้าไปหมด เนไม่ได้โง่นะลุง แต่เวลาเรียนอ่ะ ตอนที่กำลังจะเข้าใจครูกับเพื่อนก็ต่อไปเรื่องอื่นแล้ว แล้วพอจะตามไปเรื่องที่กำลังจะเข้าใจมันก็เริ่มจะไม่เข้าใจแล้ว เนพูดงงไหม”

“ไม่งง” ใจจริงแล้วผมไม่ได้อยากให้เนพูดเรื่องครอบครัวเท่าไหร่ เพราะเหมือนจะเป็นประเด็นอ่อนไหว แต่ในเมื่อน้องสบายใจจะพูดออกมาผมก็ไม่ขัด



... บางทีคนเราก็ต้องการแค่คนที่สามารถระบายเรื่องที่อึดอัดด้วย



“แล้วพ่อเนเป็นทหารอ่ะลุง เข้าใจอารมณ์ไหมอ่ะ เขาคาดหวังกับความเป็นลูกชายไว้เยอะ แล้วพอเนออกมาเป็นแบบเนี้ย อ้อนแอ้น อ่อนแอ เขาก็ชอบดุเน อะไรก็ไม่ถูกใจ อะไรก็ขัดตาไปหมด เนพยายามจะเป็นลูกผู้ชาย เนมีเรื่องเนต่อยตีพ่อก็ดุ เนไม่รู้จะทำไงแล้ว เนแค่อยากให้พ่อชมเนบ้าง เนแค่อยากให้พ่อรักเนบ้าง”

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่นั่งฟังเงียบๆ

“เนอ่ะนะเนอ่ะ เห็นพี่แนนได้อะไรดีๆ ตลอด เนก็ขอบ้างพ่อกับแม่ก็ชอบให้เนทำอะไรมาแลก ให้ตั้งใจเรียน ให้สอบได้คะแนนดีๆ กว่าเนจะทำได้ เนก็มองพี่แนนได้ของจนเนกลายเป็นเด็กขี้อิจฉา เนไม่ชอบเลย แต่เนก็เป็นเด็กแบบนั้น เนเป็นเด็กขี้อิจฉา”

“...”

“เนรักพี่แนนแต่เนก็เกลียดพี่แนน ทำไมพี่แนนทำได้ดีทุกอย่างเลย เนอ่ะนะเนอ่ะ ได้แต่สงสัย ทำไมเนทำไรไม่เคยดีเลย พี่แนนอ่ะหยิบจับอะไรก็ทำได้ดีไปหมดจนเน ฮึก เนเคยคิดด้วยซ้ำว่าเมื่อไหร่พี่แนนจะล้มเหลวบ้าง เนจะหัวเราะก่อนช่วย เนอยากให้พี่แนนเข้าใจบ้างว่าเนรู้สึกยังไง เนโคตรแย่เลย เนอ่ะ เกลียดตัวเองที่ตัวเองเกลียดพี่แนนมากเลย”

“เน...”

“เนนิสัยไม่ดีเนรู้”

“...”

“แต่เนพยายามอยู่นะ...”



ไหล่เล็กๆ ของเนสั่น มือเล็กขยุ้มขากางเกงของผมแน่น อุตส่าห์ไม่อยากให้ร้องแล้วแท้ๆ ผมไม่รู้จะตอบอะไร เพียงแต่ลูบหัวนั่นไปเรื่อยๆ บาดแผลในใจของเด็กที่ผู้ใหญ่อาจจะข้ามบางทีก็เป็นเรื่องใหญกว่าที่คิด



“เก่งมากแล้วที่อดทนอยู่กับความรู้สึกแบบนั้นมาตลอด”

“...”

“ทุกอย่างที่เจอ ทุกอย่างที่กำลังพยายาม มันหนักมากสำหรับวัยเน”

“...”

“เพราะงั้นถ้าอยากจะร้องไห้... ก็ร้องออกมาเถอะ”



จบคำพูดผมเนก็ร้องไห้ออกมาเหมือนก๊อกแตก สะอื้นจนตัวโยน ขาเล็กขดเข้าหาอกเหมือนเด็กกอดตัวเอง เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้อง ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ขาที่เนนอนทับอยู่ก็ชาจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว แต่คาดเดาจากสีท้องฟ้าข้างหน้าต่างก็คงมากกว่าครึ่งชั่วโมง



“ลุง..” เสียงแหบดังขึ้นหลังจากที่ร้องไห้เสียงดังมาตั้งนาน

“หืม”

“เนดีใจนะที่ได้มาเจอลุง”

“...”

“ลุงเป็นคนดี” เนพูดออกมาสั้นๆ โดยที่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ผมเลยได้แต่จ้องกลุ่มผมฟูบนตักอย่างหลากหลายอารมณ์



สำหรับเน ผมคงที่ผู้ใหญ่ที่แสนดีคนหนึ่ง

แต่ในความจริงแล้ว สิ่งที่ผมทำไปกับเน



ผมไม่ได้ใกล้กับคำนั้นเลย



ผู้ชายวัยสามสิบหกที่จูบกับเด็กอายุสิบแปดโดยไม่ได้ตั้งใจหนึ่งครั้ง ตั้งใจหนึ่งครั้ง

....และคิดอยากจะจูบอีกหลายครั้ง



“ไม่หรอก...”

“หือ”

“พี่ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก” ผมตอบออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา นึกดีใจที่เนไม่ได้หันหน้ากลับมา เพราะถ้าเนหันหน้ากลับมา เนคงต้องถามออกมาแน่ๆ ว่าทำไมผมถึงทำหน้าเสียใจแบบนั้น



เวลาที่กำลังจะหมดลง สำหรับเนก็คงเหมือนเวลาไปค้างบ้านเพื่อนแล้วต้องกลับบ้านตัวเอง งอแงไปตามพิธี แต่สำหรับผมแล้วช่วงเวลานี้มันคือช่วงเวลาที่ผมจะได้เห็นแก่ตัว ได้อาศัยความบริสุทธิ์ของเด็กในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ



มีความสุขกับการที่มีเด็กมาอยู่ข้างๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย

ไอ้คำที่ว่าเสี่ยเลี้ยงเด็กมันก็คงจะจริงไปครึ่งหนึ่ง



“ลุง เนอยากดูหนัง”

“เปิดเนทฟลิกซ์เลือกสิ”

“หึ อยากดูหนังในโรงอ่ะ”

“เวลานี้หรอ” ผมยกนาฬิกาขึ้นมาดู กำลังจะสี่ทุ่มป่านนี้ห้างก็คงจะปิดหมดแล้ว “ถ้าวันนี้ไม่น่าทันแล้วหละ”

“วันอื่นก็ได้ แต่ลุงต้องสัญญาว่าจะพาไปดูนะ”

“อื้อ ได้สิ” พอผมพูดจบเนก็ดันตัวเองขึ้นนั่ง ตาบวมตุ่ยดูแล้วแสนจะน่าเอ็นดู ปากสีแดงเคลือบใสนั่นบดตัวเองไปมาเหมือนทำตัวไม่ถูก นิ้วชี้ป้อมๆ ถูกยกขึ้นมาถูตาตัวเองสองสามทีก่อนที่จะหันหน้ามาหาผม

“เนหิวแล้ว”

“กินอะไรดี ข้าวต้มไหม”

“อื้อ เนสั่งเอง เอาเจ้าที่ทำหนำเลี้ยบหมูสับอร่อยนะ”

“เอากุ้ยช่ายขาวเต้าหู้ด้วย”

“ใส่หมูกรอบด้วยนะลุง เนอยากกินหมูกรอบ”

“เอาสิ”



ร้านข้าวต้มเจ้าประจำที่เนชอบกิน เป็นปกติอยู่แล้วที่ผมจะให้เนสั่ง ดูเหมือนไอ้มือเล็กๆ นั่นจะทำงานได้ดีกับมือถือปัจจุบัน กดหรือลากอะไรได้รวดเร็วไปหมด เห็นเวลาพิมพ์ไลน์กับเพื่อนนี่นิ้วรัวแป้นจนมองแทบไม่ทัน ต่างจากผมที่ต้องหาแว่นมาใส่ จะจิ้มอะไรทีนิ้วก็เบียดไปหมด กดลบกดพิมพ์ก็วุ่นวาย ผมเลยตัดปัญหาให้เนเป็นคนสั่งอาหารแล้วให้ตัดที่บัตรผมแทน



เพราะแบบนั้นแหละ น้ำหนักผมและเนถึงได้ขึ้นเอา

ไม่ออกไปตะเวนหาร้านกินก็สั่งมากินที่ห้อง เป็นแบบนี้แทบจะทุกวัน ตรวจเลือดสิ้นเดือนนี้ผมอาจจะเริ่มโดนหมอมองแรงเรื่องคอเลสเตอรอลบ้างแล้วก็ได้



ดินเนอร์ในยามค่ำคืนเป็นแค่อาหารธรรมดา แต่เพราะเสียงเจื้อยแจ้วเล่านู่นบ่นนี่ของเนเลยทำให้ผมต้องแอบยิ้มออกมา เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ห้องนี้คงจะกลับมาเงียบสงบมีแต่เพียงเสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ไม่ก็เสียงเครื่องปรับอากาศ กลิ่นแชมพูหอมดอกไม้ก็คงจะกลับมาเหลือแต่กลิ่นแชมพูฟอร์เมนอันเก่าของผม โซฟาที่แทบไม่ได้ใช้เพราะถูกมนุษย์เนบุกรุกเอาหมอนกระต่ายกับผ้าห่มสีชมพูมาวางแผ่อาณาเขตก็คงกลับมาเหลือพื้นที่สีเทาจืดชืดเหมือนเดิม



คิดแล้วก็แอบใจหาย





“โหลลล ฟังเนพูดอยู่ป่ะเนี่ยลุง ยิ้มไร ได้หมูกรอบชิ้นใหญ่ไปใช่ป่ะ”

“ฟังอยู่”

“เรอะ งั้นตอบว่าสิว่าไอ้เด็กที่ชื่อพ็อจจินั่นเรียกเนว่าอะไร”

“ลิง?”

“เห้ย ฟังอยู่จริงด้วย เห็นป่ะ โคตรแย่อ่ะลุงงง เด็กเปรตป่ะ มาเรียกเนว่าพี่ลิงได้ไง ลิงที่ไหนจะหน้าตาดีขนาดนี้ มันต่างหากที่หน้าเหมือนลิง” ปากเล็กบ่นงุบงิบพร้อมกับเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่นั่งฟังเจ้าตัวบ่นต่อจนจบมื้ออาหารถึงได้เวลาแยกย้ายไปอาบน้ำ



เป็นอีกครั้งที่ผมใช้ห้องน้ำต่อจากเนแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าเนอาบน้ำสระผมยังไงให้มีกลิ่นหอมติดห้องน้ำได้ขนาดนี้ มันเป็นกลิ่นแชมพูและสบู่ที่มีความหอมดอกไม้อ่อนๆ เนทำอะไรไม่ค่อยระวังตัวอย่างวันนี้ไอ้ที่พันผ้าขนหนูออกมาแต่งตัวนอกห้องน้ำก็ถือเป็นสถานการณ์อันตราย กว่าผมจะอาบน้ำเสร็จออกมาเนก็ปิดไฟนอนแล้ว



เนติดนิสัยนอนขดเป็นก้อนแล้วห่มผ้าห่มปิดจนโผล่มาแค่ปอยผม ผมเคยถามดูท่าทำไมต้องคลุมผ้าขนาดนั้น น้องก็ตอบมาว่าไม่ชอบเวลาแก้มเย็น แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าตัวจะหลับสนิทจนผ้าห่มร่นตกไปอยู่ตรงไหล่ เปิดให้เห็นใบหน้าดื้อนั่นอย่างชัดเจน ผมมองแก้มใสนั่นอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปกดจมูกลง



... แก้มเย็นจริงๆ ด้วย



เมื่อกลิ่นหอมตีเข้าจมูกเลยอดไม่ได้ที่จะปักจมูกลงไปอีกครั้งด้วยความหมันเขี้ยว ชักจะเริ่มเข้าใจพวกมีแฟนเด็กขึ้นมาบ้างแล้ว มันน่ารักไปหมดทั้งตัวเลยจริงๆ



หมดกลิ่นหอมที่ตามมาคงเป็นกลิ่นบาปที่ทำให้ผมต้องรีบยกตัวขึ้นแล้วเดินกลับเข้าห้องนอนก่อนที่จะเผลอทำอะไรไม่สมควรไปมากกว่านี้



ฝันดีนะ

ไอ้ก้อนดื้อ









.

.

.









...เพียงเสี้ยววิหลังบานประตูปิด

ดวงตากลมใต้เปลือกตาช้ำแดงก็เปิดขึ้นด้วยความตกใจ นิ้วเล็กยกขึ้นสัมผัสจุดที่เพิ่งโดนลักหอมแก้มไปถึงสองครั้งจากผู้ร้ายอายุสามสิบหก ความอุ่นซ่านยังคงติดอยู่บนผิวแก้มก่อนที่มันจะเห่อร้อนมากขึ้นไปอีกเท่าตัว





แก้มหายเย็นแล้ว

...แต่ไม่ใช่เพราะผ้าห่มเหมือนทุกวัน







ความตั้งใจที่จะแอบแฮ่ใส่ให้อีกฝ่ายสะดุ้งตอนเข้ามาใกล้ถูกพับทิ้งไปอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อถูกจู่โจมด้วยการกระทำที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงจากเครื่องปรับอากาศและแตรรถยนต์ที่ดังรอดมาจากระเบียงในยามค่ำคื่น





.... กลับมีเสียงหัวใจหนึ่งดวงที่เต้นรัวจนกลบทุกเสียงไป






หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 06-03-2020 16:22:31
สามหกสิบแปด 15





[nay]



อยากเป็นด็อกเตอร์สเตรนจ์ อยากหยุดเวลาได้ ไม่อยากให้วันสุดท้ายมาถึง

เพิ่งจะมารู้ว่าตัวเองไม่ได้มีของอะไรติดตัวสักเท่าไหร่ก็ตอนที่หมดหนึ่งเดือนแล้วแต่แทบไม่มีของให้ขนกลับเลย เสื้อผ้าก็ใส่ชุดเดิมๆ อยากเปลี่ยนแบบก็แค่ไปเอาเสื้อยืดลุงมาใส่เป็นเสื้อโอเวอร์ไซซ์ ข้าวของอะไรก็แทบไม่มีติดตัว เรียกได้ว่าเป็นไปแต่ตัวที่แท้จริง



ซึมเป็นส้วมเลย ฮือ

หนึ่งเดือนทำไมผ่านไปเร็วขนาดนี้!!!



“อ้าว ไอ้เน มึงเป็นอะไรอีกเนี่ย เดี๋ยวบางวันก็ดีดอารมณ์ดี บางวันก็นั่งหน้าเหมือนปวดขี้แต่ท้องผูก” เปรียบเทียบอะไรของมันวะเนี่ย ผมถ่ายสุขภาพดีเพราะลุงบังคับกินผักเถอะ ผม หันไปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ไอ้กัน

“ท้องผูกพ่อง”

“เล่นพ่อว่ะ” ไม่โกรธแถวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอีกต่างหาก ไอ้กันใช้เท้าเขี่ยเก้าอี้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงเผชิญหน้าผม มันกระดกคิ้วกวนตีนก่อนจะเอ่ยถามต่อ “เป็นไรวะหนูเน บอกกูมาหน่อย กูขี้เสือก”

“เห้ออออออออ”

“แหนๆ มีถอนหายใจกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นกู”

“เซ็งว่ะกัน”

“ยังไงๆ” ไอ้กันทำหน้าทำหน้าตามีอารมณ์ร่วมอย่างสุดซึ้งแม้ผมจะยังไม่ได้เล่า

“กูไม่อยากย้ายออกจากห้องลุงเลย”

“...”

“ไมมึงเงียบ” อดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อแทนที่ไอ้กันจะรีบแจ๋นชงนู่นชงนี้กลับกลายเป็นนั่งนิ่งพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นโบว์

“เดี๋ยวนะเดี๋ยวก่อนเลยไอ้หนูเน....”

“...”

“นี่มึงไปค้างห้องไอ้ลุงนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”



อ้าว...

ไม่เคยบอกหรอ...



“ครบหนึ่งเดือนวันนี้นี่แหละ ไม่ได้กลับบ้านเลย” พอผมพูดจบไอ้กันก็เบิกตากว้าง ตบโต๊ะดังปึ้ง เล่นใหญ่ไม่มีใครเกิน มันทำท่าเหมอนจะตะโกนแต่ก็เปลี่ยนใจเป็นนั่งลงตามเดิมแล้วกระซิบด้วยเอเนอร์จี้ตะโกน

“ไอ้เชี่ยเนนนนน มึงบ้าเรอะ นี่กูคิดว่ามึงแค่ไปขลุกอยู่ห้องทำงานไอ้ลุงนั่นเล่นๆ เห็นอากูมาเล่าว่าเห็นมึงไปป้วนเปี้ยนแถวห้องทำงานบ่อยแต่กูไม่คิดว่าจะถึงไปค้างเป็นเดือน นี่... นี่... มึงเป็นเด็กเสี่ยจริงจังหรอเนี่ย นี่มึงอย่าบอกนะว่า มึง มึง มึง..”

“มึงอะไรวะ”

“มึงเสร็จลุงไปแล้วหรอ!!!”



สะ เสร็จลุง?



“มึงจะบ้าเรอะะะะ”

“อ้าว ยังไม่เสร็จไปอีกหรอ”

“หยุดความคิดมึงเลยกัน กูไม่ใช่เด็กเสี่ยแบบนั้นโว้ย”

“แล้วเป็นแบบไหนหละโว้ย มึงอธิบายมาสิ ตอนนี้ในหัวกูไปไกลมากแล้วเนี่ย” ไอ้กันผูกคิ้วตัวเองเป็นปมแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผม

“คะ แค่ไปนอนเฉยๆ”

“นอนเฉยๆ คือยังไง คือมึงนอนให้ลุงทำอย่างเดียว หรือ-”

“ไอ้สัดดด มึงไม่ลากเข้าอะไรแบบนั้นได้ไหม ลุงไม่ใช่คนอย่างนั้น แค่นอนอ่ะมึงแค่นอนน นอนคร่อกฟรี้” ผมฟาดหัวมันไปหนึ่งป้าปข้อหาพูดจาลามก ไอ้กันร้องโอ๊ยลั่นพร้อมกับยกมือขึ้นลูบจุดที่โดนประทุษร้าย

“เชี่ย โล่งไปนิดหนึ่ง แต่มึงอธิบายเพิ่มหน่อยได้ป่ะ มันเป็นยังไงนอนคร่อกฟรี้”

“ก็แค่นอน เหมือนค้างบ้านเพื่อนอ่ะ มึงจะเล่นใหญ่อะไรทำไม”

“แต่ลุงนั่นมันไม่ใช่เพื่อนมึงนะ”



แหง...

จะเพื่อนได้ยังไง ห่างกันเกือบสองรอบ เป็นพ่อยังง่ายกว่าเลย ไอ้กันนี่ก็พูดอะไรงงๆ



“ก็... ไม่เห็นแปลก”

“แปลกสิโว้ยแปลกแล้ว มีที่ไหนที่ประธานบริษัทอย่างไอ้ลุงนั่นจะปล่อยเด็กอย่างมึงไปวุ่นวายในชีวิตขนาดนั้น” ไอ้กันชี้นิ้วมาตรงหน้าผม

“เด็กอย่างกูมันทำไม”

“เน เด็กอย่างมึงคือเด็กเปรต”

“สัดกัน”

“เห้อ กูหมายถึงจริงๆ ลุงเขาชอบมึงรึเปล่า เพราะถ้าไม่ได้ชอบ เขาจะยอมให้มึงไปวุ่นวายทำไมวะ” พอกันพูดจบผมก็รู้สึกเหมือนหน้าตัวเองมันร้อนขึ้น ถึงจะแค่พูดไปเรื่อยก็เถอะ แต่ลุงเนี่ยนะจะมาชอบเด็กอย่างผม

“บะ บ้าเรอะ มึงก็พูดไปเรื่อย”

“เออ กูเดา หน้าตาอย่างไอ้ลุงนั่นดูไม่น่าจะแค่ใจดีเฉยๆ ได้หรอก” เหมือนมันจะเหม็นขี้หน้าลุงมากจริงๆ ถึงได้ทำหน้าบรื๋อพร้อมกับลูบแขนตัวเองไปมาแบบนั้น

“...”

“แล้วมึงหน้าแดงทำไมเนี่ย อย่าบอกนะว่าพล็อตทวิสเป็นมึงที่ชอบไอ้ลุงนั่นแทน”



ห๊ะ...

ห๊ะ!!!



“บะ บ้าแล้ว!!!!”

“เชี่ยเน มึงหน้าแดงทำไมเนี่ย”

“ตลกแล้วมึง ไม่เล่น อย่างกูหรอจะชอบผู้ชาย ถะ แถมลุงแก่แล้วด้วย ไม่มีทาง”

“เออ ก็จริง เป็นลุงกูก็ชอบมึงไม่ลงเหมือนกัน”

“...” จากที่โวยวายผมกลับเปลี่ยนมาขมวดคิ้วแทน



... คนอย่างผมมันทำไมวะ

ทำไมลุงถึงจะชอบคนอย่างผมไม่ได้



“กูก็พูดเล่นไปงั้น ลุงไม่น่ามาชอบเด็กอย่างมึงหรอก อากูบอกมาว่าสาวของลุงแม่งพรีเมี่ยมทั้งนั้น”

“...” ไม่เห็นจะจริง อยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือน เห็นมีผู้หญิงใกล้ที่สุดก็เลขาหน้าห้องทำงาน ไอ้กันมั่วแล้วแน่ๆ

“เห็นลุงนั่นนิ่งๆ แต่อากูบอกว่าลุงแม่งฮอตมากนะเว้ย สาวๆ เขาแย่งกันเป็นบอลในลิงชิงบอลเลย”

“...” ไม่เห็นจะฮอตตรงไหนเลย ผู้ชายแก่ขี้บ่น กินแป๊ปซี่เยอะก็บ่น ปรุงเปรี้ยวมากก็ดุ แถมยังทำตัวเป็นลุงแก่ๆ ด้วยการใช้ฟ้อนต์มือถือตัวใหญ่ๆ แต่ยังนิ้วเบียด ไม่เห็นจะฮอตตรงไหนเลย ก็แค่ลุงน่าเบื่อธรรมดา

“วัยลุงแม่งควรมีเมียได้แล้วนะกูว่า”

“...”

“เห็นอากูพูดเหมือนกันว่าจะรีบหาเมียให้ลุง จะได้เลิกอารมณ์บูดแล้วมาช่วยตบมุกเสียที” สิ้นคำของกันผมก็เห็นแต่ภาพลุงใส่ชุดสูทในวันแต่งงานขึ้นมาในหัว



ลุงมีเมียงั้นหรอ...



ปั้ง!!!!



“เย้ยย มึงตบโต๊ะทำไมเนี่ยไอ้เน”

“ห้ามนะ...”

“ห๊ะ ห้ามไรมึง”

“กะ กู... กูปวดขี้” ผมหาข้ออ้างที่โง่ที่สุดพูดออกไปก่อนจะรีบออกตัววิ่งหนีออกมาจากห้องเรียน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะวิ่งไปไหน รู้แต่ว่าหัวใจมันบีบ มันอึดอัด มันอยากจะร้องไห้





เหมือนทำของหาย...

เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะหายไป...

เหมือนทุกอย่างกำลังจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม...





ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะรวบรวมความอึดอัดทั้งหมดเก็บไว้เพื่อรอเลิกเรียนจะได้ไประบายกับลุง แต่ทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมดเมื่อเลิกเรียนแล้วออกมาเจอพี่แนนยืนรออยู่



“ไง ไอ้แสบ” พี่แนนยิ้มพร้อมกับเดินมาขยี้หัวผม

“พี่แนน...”

“พี่ไม้โทรมาบอกให้พี่มารับกลับบ้าน คืนตรงเวลาเชียว ไปสร้างปัญหาอะไรไว้เปล่าเนี่ย” คำทักทายแรกก็ทักเป็นตัวปัญหาเลย ถึงจะรู้ว่าแค่พูดเล่นๆ ก็เถอะ



ว่าแต่นะ

ลุงใจร้ายเป็นบ้าเลย เจอกันเลิกเรียนก็รอไม่ได้ อยากไล่กันขนาดนั้นเลยหรอ



“พี่แนน กระเป๋าเสื้อผ้าเน...”

“อยู่บนรถแล้ว พอดีเมื่อกี้พี่ไปเจอพี่ไม้ที่สตาร์บั๊คพอดีก็เลยขนมาหมดแล้ว มีอยู่ใบเดียวเอง”

“...”

“ป่ะ กลับบ้านกัน”

“อื้อ”



ใจหล่นลงไปอยู่ที่เท้า

ผมอยากร้องไห้สุดๆ แต่ก็ทำได้แค่เพียงฮึบก้อนน้ำตาลงคอแล้วก็เดินตามพี่แนนไปที่รถ ตลอดระหว่างทางกลับบ้านพี่แนนก็ถามคำถามมาหลายข้อแต่พอเห็นว่าผมตอบสั้นๆ ก็เลิกถามไป ทางกลับบ้านเส้นเดิมที่นั่งมองถนนมาตั้งแต่เด็กยิ่งทำให้ผมคิดถึงทางกลับไปคอนโดลุง



… ทุกครั้งที่นั่งรถลุงกลับห้องไม่เคยเลยที่จะรู้สึกอึดอัดไม่อยากให้ถึงแบบนี้



เพียงไม่นานก็ถึงรั้วบ้านที่คุ้นเคย และแน่นอนว่าผมเป็นคนรับหน้าที่ลงไปเปิดตามเคย แค่เห็นตัวบ้านจิตใจก็ห่อเหี่ยว ไม่อยากจะเข้าบ้านเลย



“เน มาขนของตัวเองลง”

“ค้าบบ” ผมรีบวิ่งไปเปิดหลังรถขนกระเป๋าเสื้อผ้ากับกระเป๋านักเรียนลง ตอนนั้นเองที่เห็นที่ห้อยเป็นเครื่องรางสีชมพูกำลังแกว่งอยู่



จะว่าไป...

ตอนไปซื้อกับพี่แนนเหมือนจะเป็นสีขาวแต่พอกลับถึงไทยก็กลายเป็นสีชมพู อาจจะเป็นเทคโนโลยีไหมเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิประเทศที่ญี่ปุ่นผลิตก็เป็นได้



“เน ทำไร รีบเข้าบ้าน”

“ค้าบบบบ”



ผมโยนความคิดไร้สาระเกี่ยวกับเครื่องรางทิ้งไปแล้วรีบเดินเข้าตัวบ้าน ภายในบ้านยังคงมีกลิ่นอายที่เหมือนจะอบอุ่น



แต่ก็ไม่...

เพียงแค่เห็นหน้าพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นก็รู้สึกเหมือนจะต้องโดนดุอะไรสักอย่างแล้ว



“พ่อ แม่ สวัสดีครับ เนกลับมาแล้ว”

“ไปทำอะไรที่ต้องขายขี้หน้ามาหรือเปล่า” สายตาดุใต้กรอบแว่นจ้องนิ่งมาเหมือนตำหนิ ตัวผมเองก็รู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดขึ้นมาทันที

“เปล่าครับ”

“ก็ดี”

“...” ผมรู้สึกได้ถึงมือที่ชื้นเหงื่อจนต้องกุมชายเสื้อนักเรียนไว้แน่นจนยู่

“เห็นแนนบอกว่าไปรบกวนให้เขาสอนหนังสือ หวังว่าเกรดเทอมนี้จะดีขึ้นบ้างนะ”

“เนจะพยายาม”

“ไม่ได้ต้องการความพยายาม”

“...”

“ต้องการให้ทำให้ได้”

“คือเน...”

“ไอ้พยายามบอกมาเป็นปีแล้วก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรดีขึ้น ทำให้ได้หน่อยเถอะ ดูพี่เขาหรือพี่แนนเป็นตัวอย่างบ้าง ไปอยู่มาหนึ่งเดือนนอกเหนือจากรบกวนเขาก็เอาด้านดีๆ ของเขามาด้วย”



ช่างเป็นการกล่าวต้อนรับกลับบ้านหลังหายไปหนึ่งเดือนที่อบอุ่นดี ผมได้แต่แค่นยิ้มในใจ ไม่น่าคาดหวังเลยว่ากลับมาจะถูกถามว่าวันนี้เป็นไงบ้างหรือตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง สุดท้ายก็ต้องมาผิดหวังที่โดนตำหนิตั้งแต่ก้าวแรกที่สัมผัสตัวบ้าน



“ครับ” รับคำง่ายๆ ให้บทสนทนารีบๆ ตามปกติที่เคยทำ “งั้นเนเอาของไปเก็บในห้องก่อนนะ”

“อืม เก็บเสร็จแล้วก็ลงไปช่วยแม่เขาทำอาหาร”

“ครับ”



ในที่สุดบทสนทนาก็จบ ผมรีบก้าวขาฉับๆ เข้าห้องนอน พอประตูปิดกลับเข้าพื้นที่ตัวเองก็ถอนหายใจออกมา ไปอยู่กับลุงมานานจนเผลอลืมไปเลยว่าบรรยากาศที่บ้านมันอึดอัดแบบนี้



แย่จัง

อยากกลับห้องลุง อยากไปอยู่กับลุง



ครืดดดดดด

อ๊ะ... ใครส่งอะไรมา





Seemai : ถึงบ้ายรึยัง

Seemai : *สติ๊กเกอร์หมีงง*

Seemai : *บ้าบ

Seemai : *บ้าน



โอ้โห ดูใช้สติ๊กเกอร์ แบ๊วมากมั้งลุง เห็นแล้วก็ได้แต่พ่นหัวเราะออกมา ให้คะแนนความพยายามเต็มสิบ



Naynayy : ถึงแล้ววววววว

Naynayy : ติ๊กเก้อแบ๊วไปป่ะ

Naynayy : ลุงอยู่ไหน กลับห้องยังงงงง

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวงง*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวงง*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวงง*



ตอบช้าจัง ไมแต่พอนึกไปถึงว่าปกติลุงก็ชอบพิมพ์ช้าแบบนี้อยู่แล้ว กว่าจะหานแว่นเจอ กว่าจะหาตัวอักษรเจอ กว่าจะลบที่พิมพ์ผิดแล้วพิมพ์ใหม่ เค รอหน่อยก็ได้



Seemai : เพิ่งถึง



ผ่านไปหนึ่งนาที ได้คำตอบมาแค่สั้นๆ แต่แค่นั้นผมก็รู้สึกใจมันฟองฟูขึ้นมาแล้ว



Naynayy : พรุ่งนี้จะไปโรงเรียนแต่เช้า

Naynayy : เช้าแบบไม่เข้าสายชัวๆๆ

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวชูนิ้วโป้ง*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวยิ้ม*



คุยไลน์กับลุงทีไร หนักขวาตลอดเลย แต่ผมก็ชินแล้ว ลุงไม่ใช่คนพิมพ์ไว บางครั้งก็เลือกไม่พิมพ์ตอบแต่โทรหาแทน



Seemai : เช้า?

Seemai : เชื่อได้แค่ไหน

Seemai : เด็กขี้เชา

Seemai : *เซา



ชะๆๆๆๆ

มีการดูถูกอ่ะ



Naynayy : ไม่เชื่อก็มารอดูก่อนเข้าแถวเลย

Naynayy : เนทำได้

Naynayy : ไปก่อนลุงทำงานอีก!!!

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวกอดอกทำหน้าโกรธ*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวกอดอกทำหน้าโกรธ*

Naynayy : *สติ๊กเกอร์แมวกอดอกทำหน้าโกรธ*



ผมเป็นคนชอบส่งสติ๊กเกอร์หลายๆ อัน เป็นการย้ำว่ารู้สึกตามสติ๊กเกอร์มากแค่ไหน บางครั้งถ้าผมโกรธเพื่อนมากๆ ก็จะจัดไปเลยแมวโกรธสิบตัว ส่วนลุงส่งเยอะไม่ได้ครับ เดี๋ยวลุงจะล่กแล้วพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ เลยส่งไปกวนประสาทสามตัวพอ ฮี่ๆ



“น้องเน ลงมาช่วยแม่หั่นผักหน่อยลูก” เสียงแม่ตะโกนลั่นทำให้ผมรีบโยนมือถือลงบนเตียงแล้ววิ่งลงไปช่วยแม่ในครัว จังหวะที่เดินผ่านห้องนักเล่นเลยถูกสายตาตำหนิจากพ่อมาหนึ่งครั้งที่ต้องรอให้แม่สั่งถึงจะยอมลงมาทำ



เห้อ...

คิดถึงลุงจัง



หลังจากกินข้าวเย็นแล้วก็ช่วยแม่ล้างจานเสร็จผมก็รีบวิ่งขึ้นมาเพื่อคุยไลน์กับลุง ตอบช้าบ้างไร้สาระบ้างแต่ก็ถือเป็นโมเมนต์ที่ทำให้มีความสุข ผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียงหลังจากที่ลุงไลน์มาบอกฝันดี ตั้งใจไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะต้องรีบตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนให้ทันก่อนเวลาเข้าแถวแล้วจะไลน์ไปบอกลุงด้วยว่าทำได้ ไม่มีลุงมาปลุกก็ทำได้ ทำได้อยู่แล้วแหละ



.

.

.





นาฬิกาปลุกเคยเป็นเสียงที่น่ารำคาญสำหรับผม

แต่วันนี้เพียงแต่มันขยับตัวสั่นผมก็เด้งตัวจากเตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำพร้อมกับอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเตรียมลงไปกินข้าวเช้า ทำทั้งหมดนั่นเสร็จภายในสามสิบวินาที





“เน... ทำไมตื่นเช้าจังลูก” แม่ที่กำลังทอดไข่ดาวหันหน้ามาทักผม ดูเหมือนแม่จะแปลกใจเอาเสียมากๆ

“แหะๆ ”

“ตื่นเองโดยที่แม่ไม่ต้องขึ้นไปปลุกด้วย เก่งนะเรา”

“แม่ เนอยากกินไส้กรอกปลาหมึก”

“ไม่มีหนะสิ แม่ลืมซื้อไส้กรอก เป็นเบค่อนไข่ดาวแทนนะ”

“อ่ะ อือ ก็ได้ครับ”

“แล้วนี่จะรอพี่แนนไปส่งไหม แนนน่าจะอีกสักพักกว่าจะตื่น ไปใกล้ๆ เข้าแถวแล้วกันนะ”

“มะ ไม่ๆ งั้นเนไปเองก็ได้ อยากรีบไปอ่ะแม่” พอผมพูดว่าอยากรีบไปแม่ก็ยิ่งขมวดคิ้วงง

“อะไรกัน เราเนี่ยนะจะอยากรีบไปโรงเรียน นัดทำอะไรไม่ดีกับเพื่อนไว้รึเปล่าเนี่ย” เอาอีกแล้ว ทำไมพอเป็นผมจะต้องโดนหาว่าทำอะไรไม่ดีตลอดเลย คนอุตส่าห์อยากรีบไป ไม่ดีหรือไงนะ

“เปล่า” ผมใจเสียนิดหน่อยแต่ก็รีบปรับอารมณ์ “เนแค่อยากไปเร็วๆ ”

“เอาเถอะ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไป เดี๋ยวแม่บอกแนนให้เอง แนนจะได้ไม่ต้องรีบตื่น อย่าให้รู้ว่าไปดื้อที่ไหนนะเน”

“ครับ...” ผมรับคำแล้วก็นั่งลงจิ้มขนมปังชุบไข่ทอดเข้าปากเงียบๆ



เสียใจนิดหน่อยที่โดนหาว่าจะไปทำไม่ดี แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวก็ได้เจอลุงแล้ว พอคิดได้อย่างงั้นผมก็ใจชื้นขึ้นมา พอแม่ทอดเบค่อนกับไข่ดาวเสร็จผมก็รีบยัดเข้าปากด้วยความเร็วแสงก่อนจะคว้ากระเป๋าวิ่งออกมาจากบ้าน ปกติแล้วผมไม่ค่อยได้ขึ้นรถเมล์ไปเองเท่าไหร่เพราะคนเยอะ แถมพี่แนนก็ขับไปส่งอยู่ตลอดด้วยความที่เป็นทางผ่านไปมหาลัยพี่แนนอยู่แล้ว

รถเมล์ในตอนเช้าคนก็จะแน่นเป็นพิเศษ เบียดจนพุงแทบยุบ เสื้อนักเรียนก็มายับมันตอนนี้แหละครับ แถม... ออหอ กลิ่นเต่ายามเช้า ขมคอเลย ฮือออออ นึกถึงกลิ่นน้ำหอมของลุงเลย อยากฟุดฟิดเป็นบ้า

ใช้เวลาเดินทางอยู่ครึ่งชั่วโมงรถเมล์ก็มาจอดลงแถวหน้าโรงเรียนผม เพียงแค่ก้าวขาลงมา ตาผมก็เห็นสิ่งไม่เข้าพวกที่ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนทันที



อืม...

ผู้ชายมีอายุใส่สูทยืนล้วงกระเป๋ากางเกงสแลคเนี่ย ไม่ได้เข้ากับประตูโรงเรียนมัธยมเลยสักนิด



ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นลุงยืนกอดอกดึงหน้า มองนักเรียนเดินไปเดินมา โคตรจะน่าสงสัยทำไมลุงยามไม่มาไล่ก็ไม่รู้



“ลุงงง” ผมตะโกนเรียกก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหา แน่นอนว่าหน้าดุนั่นตวัดมองผมอย่างแปลกใจ

“โอ้ ตื่นจริงแหะ”

“โห่ ดูถูกอ่ะ เนทำได้อยู่แล้ว”

“ตั้งปลุกสิบครั้งหละสิ”

“ครั้งเดียวเหอะ!!! “ไม่ได้กดเลื่อนเลยด้วย!!!

“หึ งั้นค่อยน่าให้หน่อย” ลุงยื่นถุงผ้าในมือมาให้ผม พอรับมาเปิดดูก็เห็นว่าเป็นกล่องข้าวที่มีไส้กรอกปลาหมึกกับเบค่อนทอดแบบกรอบของโปรดผม ข้างๆ กล่องข้าวก็มีขวดน้ำส้มเล็กๆ กลิ้งอยู่

“อารมณ์ไหนอ่ะลุง”

“พี่คิดว่าเราไม่น่าตื่นมาทันกินอาหารเช้าเลยทำมาให้ แต่ดูทรงคงกินมาแล้ว”

“กินอีก เนกินอีกได้”

“กินแล้วก็ตั้งใจเรียนด้วย”

“อื้อ เรียนเสร็จเดี๋ยวเนไปรอพี่แนนที่ห้องทำงานลุงนะ”

“ตั้งใจเรียน” ลุงพูดพร้อมกับยกมือขึ้นยีหัวผม ผมยิ้มตอบแล้วยกมือขึ้นตะเบ๊ะ

“รับทราบบบบบบบ”

“เข้าไปได้แล้ว”

“อื้อ ลุงก็ตั้งใจทำงานนะ อย่าเครียด เดี๋ยวตีนกาขึ้น เต็มหน้าแล้วตอนนี้”

“เด็กเวร” โดนดีดเหม่งไปหนึ่งป๊อก ลุงหัวเราะพร้อมกับเดินหันหลังออกไป ผมยืนมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆ ห่างออกไปด้วยหลายความรู้สึก





อยากเจอหน้าทุกวัน

อยากอยู่กับลุงทุกวัน



อยากร้องไห้จัง...






หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 06-03-2020 16:23:19
สามหกสิบแปด 16





เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วตั้งแต่ที่ผมย้ายออกมาจากห้องลุง นั่นก็แสดงว่าเป็นเวลาเดือนกว่าแล้วที่ผมสามารถตื่นเช้าด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องให้แม่ปลุกเพื่อรีบมาเจอลุงหน้าโรงเรียน จากที่ดูเป็นลุงน่าสงสัยตอนนี้ก็เหมือนจะกลายเป็นภาพที่เคยชินของยามหน้าโรงเรียนไปแล้ว

พอเลิกเรียนผมก็จะหอบการบ้านไปนั่งทำห้องทำงานลุงเพื่อรอพี่แนนมารับ ถ้าอยากอยู่กับลุงนานขึ้นก็ต้องรีบมาก่อนเวลาเข้าแถวแล้วก็ต้องรีบทำงานให้เสร็จในคาบเรียนเพื่อที่จะได้รีบออกจากห้องทันทีที่กริ่งดัง

ทุกคนรอบตัวพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผมเปลี่ยนไป แต่อาจจะเพราะว่ามันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเลยไม่มีใครถามอะไรต่อ

วันนี้ก็ยังคงเป็นอีกวันที่ผมตั้งใจเรียนเพื่อจะได้ทำการบ้านให้เสร็จไวๆ เพิ่งค้นพบว่าวิธีนี้ง่ายกว่ากลับไปอ่านเองเยอะเลย รู้งี้ฟังๆ ครูพูดในคาบนานแล้ว สมัยก่อนผมรู้สึกเสียงครูสอนเหมือนเสียงพระสวดเลยเผลอหลับตลอด มาเป็นช่วงนี้แหละที่ตั้งใจฟัง

พอตั้งใจหน่อยมันก็เข้าใจบ้างแหละนะ ถึงจะยังตามไม่ค่อยทันเท่าไหร่ก็ตาม

“ไอ้หนูเน เอาการบ้านเจ๊ติ๋มมาลอกหน่อย”

“มึงรู้ได้ไงว่ากูทำเสร็จแล้วอ้ะ”

“แหมๆ ช่วงนี้มึงท็อปฟอร์มจะตายห่า งานแม่งเก็บเรียบหมดทุกวิชา กูอยากรู้ว่าลุงของมึงทำของเปล่าวะ” ไอ้กันเลื่อนเก้าอี้มานั่งเผชิญหน้าผม

“เพ้อเจ้อ”

“อะโห ลูกกูมันปากเก่งแล้วนะเดี๋ยวนี้”

“ใครลูกมึง”

“อ่ะลืม เดี๋ยวนี้เป็นลูกคนอื่นแล้ว” ผมเงยหน้าจากหนังสือขึ้นย่นจมูกใส่ไอ้กัน ไอ้เวร ลุงไม่ใช่พ่อนะ “นอกเหนือจากจะแสดงอภินิหารให้มึงกลายร่างเป็นเด็กเรียนแล้ว ลุงมึงแม่งยังทำเสน่ห์อีก”



ทำเสน่ห์?

ผมขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของไอ้กันถึงจะรู้ก็เถอะว่าลุงไม่มีทางเล่นไสยศาสตร์ เคยถามลุงแล้วลุงเป็นคริสต์ ไสยศาสตร์มันของพุทธไม่ใช่หรอ



“ทำเสน่ห์อะไรของมึงวะ”

“แหนะ อยากรู้อยากเห็น”

“ไอ้กัน”

“เสียงเข้มด้วย”

“...”



ปั้ก!

ผมเตะหน้าแข้งมันผ่านใต้โต๊ะไปหนึ่งป้าป ข้อหากวนตีนไม่รู้จักเวล่ำเวลา



“โอ๊ยๆ โหๆ ไปน้องเน มึงปีกกล้าขาแข็งนักนะเดี๋ยวนี้ มึงเตะกูเรอะ มึงรู้ไหมกูลูกใคร”

“อยากให้กูพูดชื่อพ่อชื่อแม่มึงดังๆ ไหมล่ะ”

“อ่ะลืมว่ามึงรู้ งื้ดๆ ใจเย็นจ้า” ไอ้กันที่ลุกขึ้นเตรียมดีดเหม่งผมรีบนั่งลงกลับที่ทันทีทันใด เล่นกับใครไม่เล่น ฮึ

“พูดมาเร็วๆ เลย ลุงทำเสน่ห์อะไรวะ”

“เออๆ คืออากูมาบอกว่าช่วงนี้ลุงมึงอ่ะมีสาวมาติด”

“ฮะ!!!!” ไม่มีทาง ผมไปขลุกอยู่ห้องทำงานลุงหลังเลิกเรียนทุกวัน ไม่เห็นมีสาวที่ไหนเลย ไอ้กันมั่วชัวร์

“จริงมึง แซ่บป่ะ อากูบอกว่าเป็นสาวไฮโซนมตู้มด้วย”

“อามึงมั่วแล้ว”

“ไม่มั่วมึงแหล่งข่าวกูแม่น วงในยิ่งกว่าใน ได้ข่าวว่าไปดินเนอร์กันมาหลายรอบแล้วด้วย ลุงมึงฮอตนะกูพูดเลย”



ดะ ดะ ดินเนอร์หรอ

พอเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผมไม่ได้อยู่กับลุงแล้วเลยไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเต็มปากว่าลุงไม่มีทางทำ อะไรกัน พอไม่อยู่ด้วยก็หาคนกินข้าวเป็นเพื่อนตอนกลางคืนแทนได้แล้วหรอ ทำไมล่ะ ที่ผมกินข้าวมื้อดึกผมยังส่งรูปรายงานลุงตลอดเลยแต่ลุงกลับไปนั่งกินข้าวกับคนอื่นงี้หรอ



...อยากร้องไห้



“อ่ะ กูเล่าแล้ว เอาการบ้านมาให้กูลอกเลย” กันเล่นมุกต่อจากนั้นอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีมุกไหนลอยเข้าโสตประสาทผมเลยสักนิด ในหัวผมมีแต่หน้าลุงอยู่กับผู้หญิง รู้สึกหัวใจบีบๆ แล้วก็อยากร้องไห้ที่สุด

ช่วงเวลาเรียนเหมือนจะยาวนานขึ้นกว่าเดิมเมื่อผมอยากให้มันจบลงไวๆ วันนี้ไม่มีสาระอะไรเข้าหัวผมเลยทำให้ตอนทำการบ้านท้ายคาบต้องไปรอลอกของคนอื่น ไอ้กันถึงกับล้อว่าผมปิดโหมดตั้งใจเรียนแล้วกลับเข้าสู่ร่างปกติแล้วแน่ๆ พอกริ่งเลิกเรียนดังผมก็รีบเอาการบ้านไปส่งก่อนจะรีบออกตัววิ่งออกมาจากโรงเรียนเพื่อตรงไปที่ที่ประจำหลังเลิกเรียน



... ออฟฟิสลุง





“อ้าว น้องเน”

“พี่นนท์สวัสดีครับ”

“ครับผม อ๊ะ วันนี้ยังเข้าไปไม่ได้นะ” ผมชะงักตัวเมื่อพี่นนท์หรือเลขาของลุงที่เจออยู่ทุกวันรั้งไว้

“...”

“พอดีคุณไม้คุยงานอยู่น่ะครับ”

“งั้นเนรอ”

“งั้นเดี๋ยวพี่ส่งข้อความบอกคุณไม้ให้นะ” ผมพยักหน้าพร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าออฟฟิสลุงซึ่งเป็นที่ประจำนั่งจนชิน ผมหยิบมือถือขึ้นไถเฟสเล่นสักพักพี่เลขาก็ส่งเสียงเอ่อในลำคอเหมือนลำบากใจ

“คุณไม้ให้บอกน้องเนว่ากลับไปก่อนได้เลยครับ”



กลับไปก่อน...

อะไรอ่ะ อะไร

ผมน้ำตารื้นขึ้นมาทันที เป็นผมคนเดียวใช่ไหมอีกอยากมาอยู่ตรงนี้ อยากเจอลุง ทำไมถึงให้กลับไปก่อน ไม่อยากเจอกันแล้วหรอ เสียใจแล้วนะ



“น้องเนครับ เอ่อ...”

“เนจะรอ”

“แต่...”

“เนจะรอ”



ผมหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์หาพี่แนนว่าเดี๋ยววันนี้กลับเอง อาจจะดึกหน่อย ด้วยความที่ช่วงนี้ทำตัวดีพี่แนนเลยอนุญาตพร้อมกับกำชับว่าอย่าให้ดึกมากนัก ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วก็หยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมากอด ให้รู้ว่าผมจะไม่ลุกไปไหน

พี่นนท์ดูลำบากใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เป็นเวลานานกว่าชั่วโมงประตูห้องทำงานลุงถึงเปิดออก ผมเตรียมตัวลุดขึ้นแต่ปรากฏว่าคนที่ออกมาจากห้องทำงานไม่ใช่ลุง

... แต่เป็นผู้หญิง

ผู้หญิงสวยด้วย สวยมากๆ เหมือนดาราเลย ผิวขาว ผมยาวดัดลอน ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่กลับดูสวยสะอาดตา ไม่นับเดรสแหวกอกที่อวดเนินหน้าอกไซซ์ที่น่าตกใจนั่นอีก ถ้าเป็นปกติผมคงหน้าแดงแล้วหลบสายตาแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับยิ่งอยากร้องไห้



ลุงมีผู้หญิง ลุงมีผู้หญิงจริงๆ ด้วย



“ยังไงเดี๋ยวนีน่าจะติดต่อมาอีกทีนะคะพี่ไม้”



พี่ไม้?

คุยธุรกิจยังไงถึงดูสนิทขนาดนี้



“ได้เลยครับ”

“ทานข้าวคราวหน้าไม่ให้เลี้ยงแล้วนะคะ ขอนีน่าเลี้ยงคืนบ้าง”

“อันนี้ขอไม่รับปากนะครับ”

“พี่ไม้ล่ะก็”

ผมได้แต่เม้มปากแน่นกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นหันหลังเดินออกไป ลุงถึงได้หันหน้ามาทางโต๊ะพี่นนท์ ตอนนั้นเองที่สายตาเรามาสบกัน ใบหน้าลุงแสดงความตกใจออกมาทันที เสียงทุ้มที่ผมโคตรจะคิดถึงดังออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ร่วงหล่น



“เน ร้องไห้ทำไม”



ผมเสียใจ

ผมเสียใจจริงๆ







[seemai]



การคุยกับผู้หญิงไม่ใช่เรื่องถนัดของผมที่สุด นึกแค้นไอ้เก่งขึ้นมาจนอยากจะยกมือถือขึ้นโทรไปด่า มันรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นเกย์แต่ก็ยังจะส่งลูกค้าสาวที่พยายามโปรยเสน่ห์ตลอดเวลามาให้ สนุกมันเลยแหละ ผมถอนหายใจหลังจากส่งแขกกลับบ้านไปเสร็จ เตรียมหันหน้าไปถามเลขาคนสนิทเรื่องที่เนแวะมาหาแต่ก็ต้องประหลาดใจที่เห็นร่างเล็กของเนยืนกอดกระเป๋านักเรียนอยู่ตรงหน้า

ที่ทำให้ตกใจยิ่งกว่าคือใบหน้าดื้อนั่นยับยู่ยี่แถมยังเปียกแฉะไปด้วยน้ำตา

“เน ร้องไห้ทำไม” จังหวะที่ผมถามออกไป น้ำตาก้อนโตก็หยดแหมะลงบนแก้มใส ปากเล็กเม้มแน่นจนขึ้นสีซีด ผมขมวดคิ้วเงยหน้าถามเลขาสาวแต่ก็ได้คำตอบเป็นการส่ายหัวเบาๆ

“ฮึก”

“เน...” ผมเตรียมจะก้าวขาเข้าไปดึงร่างเล็กมาปลอบแต่อยู่ดีๆ เนก็สูดน้ำมูกเข้าปอดหนึ่งฮึบแล้วลากผมเข้าห้องทำงาน



ปั้ง!!!

เสียงปิดประตูห้องน้ำงานดังลั่นตามด้วยเสียงล็อกห้องหนึ่งแกร๊กด้วยข้อมือเล็กๆ นั่น ผมกะพริบตามองเนอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก



จู่ๆ ก็ร้องไห้

จู่ๆ ก็ลากผมโยนใส่ห้องน้ำงาน

และจู่ๆ ก็หันกลับมาเบะปากน้ำตาร่วง



“เน...” ผมเดินไปเตรียมจะยกมือขึ้นลูบหัวฟูนั่นแต่เนก็กำหมัดต่อยอกผมมาหนึ่งปึ้ก ดวงตาฉ่ำน้ำตาเงยขึ้นมองตัดพ้อผม

“เนต้องทำดีอีกแค่ไหน”

“...”

“เนต้องทำดีอีกแค่ไหนลุงถึงจะมีแค่เน”

“...”

“เนต้องทำสอบได้ที่เท่าไหร่ เนต้องสอบติดที่ไหน เนต้องเป็นยังไงลุงถึงจะมีแค่เน”

“เน”

“อย่าทิ้งเน อย่าทิ้งเนเลย ขอร้อง อย่าทิ้งเน”



ท่ามกลางความไม่เข้าใจของผม ข้อมือเล็กดูไร้เรี่ยวแรงนั่นก็กระชากเนคไทด์ผมอย่างแรงจนตัวเซพร้อมกับประทับสัมผัสนุ่มนิ่มลงมาบนปากผม ภาพเดิมเหมือนตอนที่ญี่ปุ่นฉายทับขึ้นมาแต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปตรงนี้เด็กตรงหน้ามีสติดีกลับกลายเป็นผมเองที่กำลังไร้สติ



นี่มันอะไรวะ...



แค่เสียงสัมผัสเบาๆ ประทับ ยังไม่ทันจะได้อุทานในใจจบก็ผละออกไป ทิ้งไว้แต่เสียงรอยจูบที่มีรสเค็มน้ำตาปะแล่ม ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองหน้าเนที่ตอนนี้ขึ้นสีแดง



“ฮึก... ฮึก โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”



... แล้วก็กลายเป็นร้องไห้ลั่นห้อง

อะไรกันวะเนี่ย มีแต่ความไม่เข้าใจเต็มไปหมดเลย



ผมถอนหายใจเดินเข้าไปอุ้มเนขึ้นวางบนโต๊ะทำงาน เนร้องไห้เสียงดังปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ ผมเองก็ทำอะไรไม่ถูกนอกจากลูบหัวปลอบน้องวนอยู่อย่างนั้นรอจนกว่าน้องจะใจเย็นลง ใช้เวลาอยู่สักพักเสียงร้องไห้ดังลั่นนั่นถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอื้นแทน เนยังคงก้มหน้าไม่ยอมสบตาผม ดูทรงน่าจะหยุดร้องไห้แล้วแต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมากกว่า



“เน” ไหล่เล็กสะดุ้งเฮือกแต่ก็ยังคงก้มหน้าคางชิดอก

“...”

“อยากตอบคำถามไหนก่อนระหว่างร้องไห้ทำไมกับ...”

“...”

“จูบพี่ทำไม”



ไม่มีคำตอบและก็ยังไม่มีการเงยหน้าขึ้น

ผมถอนหายใจยาวเหยียดให้กับความงงในหัวตัวเอง



“เน ยังไงวันนี้พี่ก็ต้องได้คำตอบ เงยหน้าคุยกันดีๆ ”

“...”

“เน”

“...” เด็กดื้อยังคงดื้อ

“เนรู้ใช่ไหมที่ทำเมื่อกี้เรียกจูบ”

“...”

“เน” ผมใช้เสียงที่ดังขึ้นเมื่อเนยังคงเงียบ ไหล่เล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ส่งเสียงตอบ

“อื้อ” หัวเล็กผงกเบาๆ เป็นการย้ำว่าเข้าใจ

“พี่ว่าเราไม่รู้หรอก”

“เนรู้”

“เราไม่รู้” ... เพราะถ้ารู้คงไม่ทำหรอก

“เนรู้!!! เนเลิกกับแฟนเพราะเนไม่จูบ ลุงอย่ามาย้ำนะ” ในที่สุดหน้าดื้อก็เงยขึ้นมองผม คิ้วเล็กขมวดเหมือนไม่พอใจ ไอ้ความลูกแมวขู่ในเวลานี้มันน่ารักจนผมเองอยากเป็นฝ่ายรังแกปากเล็กนั่นเลย

“แต่แฟนเราเป็นผู้หญิง”

“แล้วไง!!!”

“พี่ไม่ใช่สาว”

“เนรู้!!!”

“แล้วเนจูบพี่ทำไม” พอผมย้อนถามน้องก็เล่นบทเงียบอีก ปากเล็ดบดเข้าหากัน ตากลมนั่นกลับมารื้นน้ำตาอีกรอบ

“ก็... อันนี้เนไม่รู้” ที่งี้ล่ะกลับมาไม่รู้ ผมอยากจะถอนหายใจให้กับความดื้อของเน แต่พอเห็นไอ้หน้าเลิ่กลั่กนั่นก็กลายเป็นเอ็นดูขึ้นมาแทน

“เน”

“ทะ ทำไมล่ะ ทีลุงยังแอบหอมแก้มเนตอนนอนเลยนี่ เนรู้ เนจับได้นะ!!!”

“หอมกับจูบมันคนละเรื่องนะเน” ... ถึงผมจะทำแล้วทั้งสองอย่างก็เถอะ

“แต่ลุงก็ทำนี่”

“พี่ทำเพราะพี่ชอบเรา”

“...”

“แล้วมันก็ไม่ควร ทั้งที่พี่ทำ... แล้วก็ที่เนทำ มันไม่ควรเกิดขึ้น”

“ทำไมไม่ควร”

“เน พี่อายุสามสิบหก เราอายุสิบแปดนะ กี่ปีที่เราห่างกัน สิบแปดปีนะเน เราน่ะ... ยังเรียนอยู่มัธยมอยู่เลย ดูชุดนักเรียนกับชุดทำงานของพี่มันไม่ใช่ชุดที่สมควรเลย” ผมแค่นหัวเราะให้กับอายุของตัวเองที่เพิ่งพูดออกไป เกือบสองรอบ มองมาจากไหนก็เห็นแต่ลูกกรง

“ถ้าเนไม่เรียนต่อแล้วลุงยังจะชอบเนอยู่ไหม”

“ไม่ใช่แบบนั้น” ผมถอนหายใจกับระบบความคิดของเน

“เนไม่รู้ คือเนไม่รู้จริงๆ เนไม่อยากให้ลุงไปมีใคร ไม่อยากให้เป็นของใคร ลุงมีสาวได้อีกเยอะเนรู้...” เนเงียบไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาผม ดวงตากลมเหมือนจะเอ่ยอ้อนอะไรบางอย่างก่อนที่ปล่อยหมัดฮุกออกมา “แต่ตอนนี้โลกของเนมีแค่ลุง ถ้ามันแปลว่าชอบ เนก็ชอบลุงเหมือนกัน”



ตายสนิท

ผมใจเต้นแรงจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ อายุก็เท่านี้แล้วแต่ดันมาใจเต้นให้กับคำพูดของเด็กมัธยม มันโคตรจะบ้า



“เน... เราเรียนอยู่มัธยม ยังมีแฟนได้อีกหลายคน แฟนรูปแบบที่มันเหมาะกับช่วงชีวิตเราแบบที่เด็กปกติมี”

“แต่เนอยากมีแค่ลุง”

“...”

ให้ตายเถอะ มันจะตายเอาจริงๆ กับเด็กคนนี้

“ตอนนี้เนอยากมีแค่ลุงจริงๆ แค่ลุงคนเดียว ไม่อยากมีคนอื่นเลย อย่าไล่เนไปมีแฟนคนอื่นได้ไหม”



เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาผมต้องทิ้งหน้าตัวเองลงบนไหล่เล็กนั่น

ไม่ไหว เด็กคนนี้มันพูดจาทำให้ใจสั่นทุกประโยคเลย มันจะตายเอาจริงๆ นะ



“นี่มันผิดโคตรๆ เลยเน เราอายุสิบแปด มันไม่ถูกต้อง”

“เนเกิดเร็วให้ไม่ได้นี่”

“...”

“เราต้องห่างกันกี่ปีมันถึงจะถูกต้องหรอ” น้องถามพร้อมกับเอียงหัวจนแก้มนุ่มแนบกับหูผม เป็นคำถามซื่อๆ ที่ผมไม่ได้ตอบกลับเพราะนึกคำตอบที่ถูกต้องไม่ออก แต่เอาเป็นว่ามันก็ไม่ได้ถูกควรนักกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้



ทุกอย่างตะโกนบอกว่ามันผิด

แต่เป็นผมเองที่เลือกจะอยู่กับความไม่ถูกควรนี้



“แนนคงเอาพี่ตายถ้ารู้ว่าพี่จูบเน”

“จูบแรกของเนเลย”



เนแก้มแดงไปจนถึงหูหลังพูดจบ น่ารักจนผมต้องกำหมัดที่วางอยู่บนโต๊ะแน่น ไอ้จุ๊บเปียกน้ำตาแบบนั้นมันเรียกจูบที่ไหน แล้วจะพูดไปเขินไปขนาดนั้นทำไม ใจผมมันเหลวไปหมดแล้ว



“แบบนั้นมันเรียกจูบที่ไหน”

“อ้าว ปากชนกันก็เรียกจูบทั้งนั้นแหละ”

“...”

“อ้าว ไม่ใช่หรอ... ละ ละ แล้วแบบไหนคือจูบล่ะ ก็เนไม่เคย” หน้าดื้อเลิ่กลั่กไปหมด ผมยิ้มขำให้กับความน่ารักนั่น ตอนเจอกันครั้งแรกก็จูบทำปากยุบๆ ยิบๆ ผ่านมาเกือบจะปีก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีการพัฒนา



แต่ก็ดีแล้ว...

อย่าพัฒนาเลย เป็นแบบนี้ดีแล้ว



“ขอจูบได้ไหม”

“หือ”

“ขอพี่จูบได้ไหม” พอถามซ้ำ แก้มใสก็ซับสีแดง เนเหมือนลังเลอยู่ไม่กี่วินาทีหัวทุยก็พนักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่าอนุญาต ผมยิ้มแล้วก้มลงจุ๊บเบาๆ บนสันจมูกนั่น เนเงยหน้าหลับตาพร้อมกับยกมือขึ้นจับบ่าผมไว้ ไอ้การตั้งท่าเตรียมพร้อมแบบนี้นี่จำมาจากในละครแหง

เพียงแค่แตะสัมผัสลงบนริมฝีปากนุ่มนั่นหัวใจผมก็เต้นแรงจนแทบระเบิด ผมกดสัมผัสย้ำลงไปอีกรอบแต่เนก็ยังคงเมมปากแน่นพอๆ กับที่หลับตาปี๋ การกระทำทุกอย่างช่างตอกย้ำความความเด็กของเนจนยิ่งทำให้รู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม



แต่เวลานี้ ต่อให้นรกมาตั้งอยู่ตรงหน้า

ผมก็คงยอมตกลงไปอย่างไม่ลังเล



ผมใช้ลิ้นเลียริมฝีปากบางให้คลายปากออกจากกันแต่เหมือนนั่นจะยิ่งทำให้เนตกใจ ตากลมลืมขึ้นสบตาผมแต่พอเห็นว่าระยะหน้าเราอยู่ใกล้กันมากแค่ไหนเนก็หลับตาปี๋ลงไปอีกครั้ง ผมหัวเราะในลำคอก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นกดเบาๆ ตรงช่องว่างข้างมุมปากจนโดนเขี้ยวเล็กๆ แค่นั้นเนก็อ้าปากกระดกลิ้นพร้อมจะโวยวายนั่นเลยเข้าแผนผม

เมื่อเนเปิดโอกาสผมจึงประทับจูบลงไปอีกครั้ง ขบเม้มริมฝีปากนุ่มและตวัดเกลียวลิ้นหยอกล้อจนเกิดเสียงเฉอะแฉะดังอยู่ข้างหู ผมผละออกและประกบลงไปใหม่อีกย้ำสัมผัสเหมือนเดินแต่หนักหน่วงขึ้น เสียงอื้ออ้าในลำคอของเนเหมือนเป็นน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟให้ลุกโชน ผมไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เนทุบที่ไหล่สองสามทีเลยจำใจยอมผละออกมา

นอกเหนือจากไม่รู้ว่าระยะเวลาผ่านไปแค่ไหนผมยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอเอนตัวทับจนน้องนอนหลังแนบไปกับโต๊ะทำงาน ข้าวของบนโต๊ะกลิ้งหล่นกระจายไปหมด ผมปาดผมตัวเองร่างของเนที่นอนหอบปากเจ่อบวมดวงตากลมรื้นน้ำตาส่งสายตาตัดพ้อต่อว่าออกมาแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพราะปากเล็กกำลังพยายามเอาลมหายใจเข้าปอดอยู่



มันเป็นภาพที่ผมใจเหลวอยู่สมควรเลย...



“ลุง...”

“หืม”

“จูบ... หายใจไม่ทันเลย” เนหอบจนผมเห็นอกใต้เสื้อนักเรียนนั่นกระเพื่อมเป็นจังหวะ

“โทษที”

“อื้อ...”

“หืม?” ผมขมวดคิ้วมองเนที่ยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อผมไว้

“จะ จูบอีก”

“...”

“จูบเนอีก เนรู้สึกดี”

“...”

“แต่ช้าๆ นะ เนหายใจไม่ทัน”



ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กคนนี้...



“เน นี่มันผิดมากเลยนะ ให้ตายเถอะ”

“เนทำผิดมาทั้งชีวิต”

“...”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ทำผิดแล้วรู้สึกดีขนาดนี้”

“เน...”

“ลุง นี่เนเป็นตุ๊ดแล้วใช่ไหม” เนส่งสายตาสงสัย

“ไม่รู้สิ ตุ๊ดสำหรับพี่คืออยากเป็นผู้หญิง” ผมโน้มตัวลงไปซุกจมูกเข้ากับลำคอขาว

“แล้วผู้ชายชอบกันคืออะไร”

“...”

“เนเป็นอันนั้นแหละ”

“เน...” เป็นอีกครั้งที่ผมเรียกชื่อน้องด้วยเสียงแห่งความเหนื่อยอ่อน อ่อนใจไปหมดแล้ว

“ลุงทำไมต้องเหงื่อตกขนาดนี้”

“ดูอายุเราด้วยเน ไม่ให้เหงื่อตกก็เหลือแต่หุ้นที่จะตกถ้าข่าวออกแล้วล่ะ” แสนจะกังวล ผมถึงต้องเหลือบตามองว่าประตูถูกปิดอยู่ดี ถ้าคลิปจะหลุดออกไปก็เหลือแค่ถ่ายมาจากตึกฝั่งตรงข้ามแหละนะเพราะห้องทำงานผมใช้กระจกเป็นกำแพงฝั่ง

“งั้นเนก็แบล็กเมลล์ลุงได้สิอย่างนั้น”

“...” ห้องนี้ก็ไม่มีกล้องวงจรปิดหรอกมีแต่หน้าห้อง แต่ถ้าน้องขู่จะฟ้องจริงผมก็ยอมรับทุกข้อกล่าวหา

“จูบอีกได้ไหมแล้วเนจะไม่แจ้งตำรวจ”



ไม่ต้องถึงตำรวจหรอก

อ้อนขนาดนี้ผมว่าเรียกรถพยาบาลก่อนเถอะ

ใจมันจะล้มเหลวแล้ว ไอ้เด็กบ้า!!!







---

หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 06-03-2020 16:24:17
สามหกสิบแปด 17





สิ่งที่ไม่ดีต่อหัวใจผมเคยมีอาหารจำพวกของมันของทอด

แต่ปัจจุบันคงต้องเพิ่มเนเข้าไปด้วย



“ทำไมเนจะนอนกับลุงไม่ได้”



ผมได้แต่กุมขมับมองเนที่อยู่ในชุดนอนกอดหมอนข้างยืนทำหน้าดื้ออยู่หน้าประตูห้องนอน ด้วยความที่วันที่เป็นวันศุกร์เนเลยขออนุญาตทางบ้านมาค้างห้องผมด้วยข้ออ้างจะให้ผมช่วยติวสอบอังกฤษ แต่ยังไม่ทันได้เริ่มติวปัญหาใหญ่ก็มาขัดก่อน

หลังจากที่เนอาบน้ำเสร็จผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ พอออกจากห้องน้ำมาก็พบว่าเนแปลงร่างเป็นมดงานกำลังลำเลียงเครื่องนอนออกจากโซฟาเข้าไปในห้องนอนผม



ใช่ครับ...

ห้องนอน...

มันใช่สถานที่ที่ปลอดภัยตรงไหนกัน...



“เน...”

“ก็แค่นอน ทำไมจะนอนไม่ได้ หรือลุงคิดจะทำอะไรลามกกับเน เนอายุสิบแปดนะ” อยากจะตัดไอ้ปากเจื้อยแจ้วนี่ไปทิ้งจริงๆ ย้ำอยู่นั่นแหละอายุเนี่ย

“มันก็ไม่ควรไหม”

“เราเป็นแฟนกันแล้วนี่”



แค่กกกกกกกกก

ผมกลืนน้ำลายผิดจังหวะ สำลักในลำคอไปหนึ่งครั้งให้กับคำพูดของเน ไอ้ที่สำลักนี่น้ำลายแหละนะไม่ใช่บาปหรอก ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ



“เน...”

“เราเป็นแฟนกันแล้วถูกไหมลุง”

“เอ่อ มันก็”

“ลุงจูบเนแล้วนะ ถ้าไม่ใช่แฟนคืออะไร เด็กเลี้ยงหรอ คือเนเป็นเด็กเลี้ยงของเสี่ยจริงๆ แล้วใช่ไหม” ถอนหายใจรอบที่ร้อยกับความตรงของเน คิดอะไรก็พูดออกมาหมดจริงๆ

“ไม่ใช่แบบนั้น พี่ไม่ได้คบกับเราหวัง...” เอ่อ มันพูดออกไปได้ไหมวะเนี่ย

“หวังอะไร”

“...”

“ลุงคงไม่เล่นมุกหวังอี้ป๋อใช่ไหม”

“อะไรคือหวังอี้ป๋อ”

“ถ้าไม่ใช่หวังอี้ป๋อแล้วหวังอะไร”

“...”

“...” คิ้วขมวดนิ่งแถมจ้องผมแบบคาดคั้นเอาคำตอบ ผมถอนหายใจยาวเหยียดจนลมแทบหมดปอด

“เออ แฟนก็แฟน” สุดท้ายก็เลือกใช้ตัวเลือกที่ง่ายที่สุด พอผมพูดจบเนก็แก้มแดง ปากเล็กพยายามกลั้นยิ้ม มีความสุขอะไรกับเรื่องแค่นี้กันนะ

“ลุงรู้ป่ะ ลุงเป็นแฟนคนที่สองในชีวิตเนนะ”

“ดีหรือไม่ดีกัน”

“แต่เป็นแฟนผู้ชายคนแรกเลย”

“...”

“จูบแรกด้วย”

“จะนอนก็นอน”



ยกธงขาวจนได้

ผมผู้ซึ่งยอมแพ้แล้วกับไอ้คำพูดน่ารักแบบนั้น สุดท้ายเลยยอมกระเถิบให้ตัวดื้อขนหมอนขนผ้าห่มเข้ามา เนฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบทุกซี่แล้วก็รีบวิ่งเอาของในมือไปโยนใส่เตียงก่อนจะกระโดดตุ้บตามลงไป



“ก่อนนอนมาติวแบบฝึกก่อนนะ”

“อื้อ”

“ครับ”

“อะไรครับ”

“รับว่าครับไม่ใช่อื้อ”

“คร้าบบบบบบบบ” เนหัวเราะคิกคัก กลิ้งไปมาบนเตียงใหญ่อยู่สักพักก็กระโดดลงจากเตียงไปคุ้ยกระเป๋านักเรียนหยิบแบบฝึกออกมา ผมเดินไปหยิบแว่นเพื่อที่จะได้เข้าไปช่วยน้องอธิบายคำตอบ การติวเป็นไปอย่างยากลำบากเมื่อนักเรียนเป็นไอ้ก้อนดื้อ

“ทำไมข้อนี้ถึงตอบ Would อธิบายก่อนจะได้รู้ว่าเข้าใจจริงไหม”

“ลุง”

“หืม”

“อยากจูบอีก”

“เน” ผมดุเสียงเข้ม หาเรื่องไม่ติวแล้วชัดๆ

“จริงๆ นะ คือเนไม่เคยจูบมาก่อน เพิ่งรู้ว่าจูบมันรู้สึกดีอ่ะ จั๊กจี๋นิดหน่อยแต่มันดีอ่ะ”

“ทำไมข้อนี้ถึงตอบ Would”

“ติวจบบทนี้แล้วจูบกันนะ”

“เน โฟกัสหน่อย”

“ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วนะ ลุงไม่จูบเนอีกเลยอ่ะ ทำไมอ่ะ เนอยากจูบอีก”

“โอเค ไม่ต้องอธิบายแล้วก็ได้ ข้ามไปทำข้อต่อไปเลย”

“ลุงไม่ชอบจูบเนหรอ ชอบจูบกับผู้หญิงมากกว่าหรอ”



...ไปเรื่อยแล้ว

ผมละสายตาจากกระดาษออกมาจ้องหน้าดื้อที่ตอนนี้เหมือนจะเริ่มเพิ่มความงอแงขึ้นมาเยอะ ถึงจะเคยจูบมาแล้วแต่ยังไงผมก็ยังคงรู้สึกไม่สมควรในการทำอะไรเนอยู่ดีแม้จะอยากฟัดแก้ม อยากจูบปากเล็กๆ นั้นบ้างก็เถอะ ห้ามใจมันยากแค่ไหน ไอ้เด็กตรงหน้าก็เหมือนจะไม่ได้รับรู้บ้างเสียเลย



“เพ้อเจ้อ”

“ลุงยังไม่ตอบเนเลยว่าเจ๊นีน่าอะไรนั่นคือใคร”

“ลูกค้าเฉยๆ”

“ลูกค้าเฉยๆ ไปดินเนอร์กันด้วยหรอ” เนกระแทกปากกาลงกับโต๊ะพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาทำท่าพยักหูกระต่ายตรงคำว่าลูกค้าเฉยๆ ท่าทางดูกวนตีนแต่ผมกลับรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา



ถ้าดูไม่ผิดนะ

เด็กตรงหน้ากำลังหึงอยู่งั้นสินะ



“ใช่สิ”

“สองต่อสอง”

“ใช่สิ คุยธุรกิจก็แบบนี้ ถ้าคุยหลายคนคงเรียกประชุม”

“ลุงจูบเจ๊นีน่าไหม”

“ถามแปลก ไม่ได้จูบ”

“แล้วคุยอะไรกันตอนดินเนอร์อ่ะ” เนในชุดนอนเลิกสนใจการติวอย่างสมบูรณ์ ก้อนดื้อพยายามพองขนขู่ผมอย่างสุดความสามารถ ไม่รู้จะขำหรือเอ็นดูดี

“นี่ หึงรึไง”

“เปล่าหึง แค่สงสัย”

“คุยธุรกิจ”

“แล้วเจ๊จีบลุงรึเปล่า”

“ไม่ทำแบบฝึกแล้วหรอ” ผมถามกลับ คนตรงหน้าขมวดคิ้วก่อนจะยกมือขึ้นฟาดโต๊ะ ดูทำหน้าทำตาเป็นลูกหมาเชียว

“ลุงเปลี่ยนเรื่อง!!! มีพิริด!!!”

“อะไรคือมีพิริด...”

“เพี้ยนมาจากมีพิรุธอีกที กลุ่มเนใช้พูดกันช่วงนี้ ตลกดี” เด็กสมัยนี้ทำไมชอบทำอะไรแปลกๆ เนพูดไปหัวเราะไปก่อนจะหันกลับมาทำตาขวาง “เนี่ย ลุงเปลี่ยนเรื่องอีกแล้วนะ”

“ทำแบบฝึกให้หมดแล้วพี่จะตอบทุกคำถามเลย” เนทำปากงุบงิบเหมือนบ่นผมแต่ก็ยอมหันหน้ากลับไปทำแบบฝึกต่อ ผมมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู กับเนเนี่ย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้ยิ้มได้ตลอดเลย เนที่ดูหงุดหงิดแต่พอได้อ่านได้โฟกัสกับแบบฝึกสักพักก็หลุดเข้าโลกของตัวเองไป เนเป็นเด็กที่เหมือนจะสมาธิสั้น ผมไม่แน่ใจว่าน้องเป็นเด็กสมาธิสั้นจริงๆ รึเปล่าเพราะเจ้าตัวเคยบอกผมมาว่าตัวเองเป็นพอถามว่ารู้ได้ไงก็บอกว่าเสิร์ชกูเกิ้ลมานั่นเลยทำให้ผมไม่ได้เชื่อร้อยเปอร์เซนต์ เท่าที่ผมสังเกตเนค่อนข้างจะหลุดโฟกัสได้ง่ายแล้วพอหลุดก็จะกลับมายากแต่เมื่อไหร่ที่มีสมาธิกับสิ่งที่ทำก็ทำได้ค่อนข้างดี อาจจะไม่ใช่ดีแบบดีมากๆ จนตกใจแต่แค่พอทำได้เรื่อยๆ ก็น่าพอใจแล้วสำหรับผม

ผมมองปอยผมสีน้ำตาลเข้มที่ตกเขี่ยแก้มใสแล้วก็อดที่จะเอื้อมมือไปจับทัดหูให้เสียไม่ได้ ความเป็นเด็กมันก็คงจะมีชัดเจนที่แก้มเนี่ยแหละนะ



“ลุง”

“หืม?” ผมมองเนที่หันหน้ามาพร้อมกับส่งเรียกเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงติดจะดุนิดหน่อย

“ถ้าจะเอาแบบฝึกมาล่อให้เนทำก็อย่ามานั่งมองได้ป่ะ”

“แค่มอง”

“สายตาลุงมัน...”

“มันอะไร”

“เนี่ย พอเนขอให้จูบก็ไม่จูบ แต่ก็มานั่งจ้องด้วยหน้าตาอยากจะจูบ ลุงนี่ทำไม แก่แล้วปากไม่ตรงกับใจหรอ”

“ไม่ได้จ้องแบบนั้นสักหน่อย” คิดไปเองแน่ๆ อาจจะเพราะผมไม่ใส่แว่นเฉยๆ ต่างหาก

“ปากแข็งไม่หยุด”

“หึ โวยวาย” ผมดีดเหม่งนั่นไปหนึ่งครั้ง

“เหลืออีกสิบข้อ ลุงห้ามจ้องเน”

“โอเคๆ ” ผมรับคำแล้วก็เปลี่ยนเป็นเดินออกจากห้องหยิบน้ำมาดื่ม เนพูดไม่ผิดหรอก ผมอยากจูบจริงๆ บางอย่างเนี่ยพอได้ลองแล้วมันหยุดไม่ได้จริงๆ นั่่นแหละครับ ความอยากมันมีอยู่ตลอดแต่ผมก็พยายามห้ามตัวเองไว้ด้วยคำคำเดียว

‘เนยังเด็ก’

ไอ้ที่เนพูดออกมาบางทีอาจจะไม่ได้รู้สึกด้วยซ้ำ ไอ้คำว่าชอบที่ว่าของผมกับเนอาจจะไม่ใช่ความหมายเดียวกัน ด้วยวัยที่ต่างกันมากทำให้ผมคิดมากแล้วหลังๆ ก็ดูเหมือนจะเริ่มคิดไปเรื่อย ถอนหายใจรอบที่ร้อยของวัน รู้สึกตีนกาเพิ่มขึ้นอีกร้อยตีนได้แล้วมั้งตอนนี้ จากตีนการวมกันคงได้เป็นตีนพญาอีกา ให้ตายเถอะ

ก๊อกๆ

“ลุง” ผมสะดุ้งพร้อมกับรีบหันหลังไปหาเสียงเรียก เนในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมัดจุกยืนทำหน้างออยู่ พอเปิดเหม่งแล้วยิ่งเห็นคิ้วขมวดเลย

“อ้าว เสร็จแล้วหรอ”

“อื้อ”

“ป่ะ ไปตรวจ”

“ลุง”

“หืม เห้ย...” จู่ๆ เนก็กระชากคอเสื้อผมทำเอาเซเกือบล้มดีนะที่เอามือยันผนังไว้ทัน ส่วนมืออีกข้างก็จำเป็นต้องปล่อยขวดน้ำล่วงพื้นเพื่อโอบหลังเนไว้ไม่ให้ลม ไอ้ตัวดื้อดึงคอเสื้อผมพร้อมกับยื่นหน้ามาจะจูบแต่ด้วยจังหวะที่กะผิดเลยกลายเป็นผมยืนเอามือคร่อมน้องไว้กับกำแพง ส่วนเนที่เขย่งสุดเท้าปากก็ได้แต่จุ๊บลมไปมา

ที่จุ๊บลมเพราะคราวนี้ผมดันดันกำแพงไว้เลยไม่เซลงไปให้ขนาดในห้องทำงาน

สุดแสนจะเอ็นดู

“เน...”

“ทะ ทำไมคราวนี้ไม่ถึง” เนลืมตามองส่วนแก้มไม่ต้องสืบหรอกครับ แดงไปยันหูแล้ว

“เลิกดึงคอให้จูบได้แล้วเน เดี๋ยวล้มไปจะทำไง”

“เพิ่งทำครั้งที่สองเอง”



หึ...

สามแล้วต่างหากถ้ารวมตอนจูบแรกที่ญี่ปุ่นไปด้วย



“ไปตรวจแบบฝึกก่อน”

“ลุงไม่อยากจูบเน”

“เน”

“ลุงไม่อยากจูบก็พูดตรงๆ มาเบี่ยงแบบนี้เนเสียใจ” ตากลมเริ่มจะคลอด้วยน้ำตาทำให้ผมต้องถอนหายใจรอบที่ร้อยหนึ่ง

“ไม่ได้ไม่อยากจูบ”

“แล้วทำไมต้องเลี่ยงตลอดเลย เนอ่ะนะ ไม่เข้าใจลุงเลย ลุงบอกชอบเนก่อน ลุงแอบหอมแก้มเนตอนนอน แล้วพอเนบอกชอบกลับลุงก็ทำตัวห่างออก” ข้อมือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตา ใจผมก็เหลวตามไปด้วย

“ไม่ใช่แบบนั้น”

“แล้วคือเนต้องยังไง เนต้องไม่ชอบตอบหรอ ลุงจะเอายังไงกับเนกันแน่ เนไม่เข้าใจอะไรเลย ลุงอย่าทำแบบนี้ อย่าทำตัวห่างออกไปแบบนี้ เราไม่ต้องชอบกันแล้วก็ได้ เราเป็นเหมือนเดิมได้ไหม เนไม่ชอบแบบนี้เลย ลุงทำเหมือน...” เนเว้นเสียงไปก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงสั่นๆ “... เหมือนลุงไม่อยากอยู่กับเนแล้ว”



สิ้นเสียงเนก็ปล่อยโฮออกมาลั่นกับอกผม ไหล่เล็กที่อยู่ในอ้อมแขนสะท้านไปตามเสียงร้อง เนบอบบางจนเหมือนจะแตกหักเอาง่ายๆ เป็นเวลากว่าห้านาทีเสียงร้องถึงค่อยๆ เบาลงจนเหลือเพียงสะอื้น



“ทำไมชอบคิดอะไรไปเรื่อย เด็กสมัยนี้เป็นแบบนี้กันหรอ”

“ฮึก อย่ามาโทษเด็กสมัยนี้นะ ลุงนั่นแหละทำตัวให้เนคิดไปเรื่อย”

“หยุดร้องได้แล้ว”

“จะร้องจนตัวฟีบ ฮึก เป็นลูกเกดเลย เหี่ยวเลย ฮึก” ดูมัน ร้องไห้ก็ยังจะกวน ผมส่ายหัวไปมาก่อนจะอุ้มน้องขึ้นวางบนโต๊ะกินข้าว พออยู่ในท่านี้แล้วส่วนสูงมันเหมาะดี มองหน้ามองตาได้ชัดหน่อย เนปาดน้ำตาป้อยๆ พยายามก้มหน้าหลบสายตาผม

“เน...”

“อื้อ”

“อื้ออะไร”

“ก็ลุงเรียก เนก็ตอบ”

“บอกให้ขานรับยังไง”

“รู้ แต่เนโกรธอยู่ไม่พูดดีด้วยหรอก” ดูทำหน้าทำตาเข้า เนกัดปากหันหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อผมก้มเข้าไปใกล้

“พี่อยากจูบเน”

“ไม่ให้จูบ ทีตอนเนอยากจูบไม่จูบ”

“เน ทุกอย่างมันเร็วไปหมด มันมีหลายอย่างในหัวที่พี่รู้สึกมันไม่ถูกต้อง”

“...”

“เนเด็กเกินไป พี่แก่เกิ... อายุมากกว่าเยอะเกิน พี่ผิดที่เคยแอบทำอะไรตอนเราไม่รู้ตัว จริงๆ ไอ้ที่รู้ตัวก็ไม่ควร ตอนนี้หลายๆ อย่างมันทำให้พี่กังวล”

“...”

“ในตอนนี้เนยังเด็กเกิน เมื่อเนโตขึ้นกว่านี้เนอาจจะรู้สึกแย่ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พี่ไม่อยากเป็นคนที่ทำให้เนกลับมาเสียใจ พี่ไม่อยากให้ช่วงชีวิตวัยรุ่นของเน... มันมาเปื้อนเพราะพี่” ผมงัดหน้าใสนั่นขึ้นมาให้สบตาพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเกลี่ยคราบน้ำตานั่น



ความรู้สึกของผมที่มีให้เนมันมากขึ้นทุกวัน

... มันมากขึ้นจนผมกลัว



“ลุงปล่อยให้เนตอนโตจัดการความรู้สึกของมันเองได้ไหม” ปากเล็กขยับตอบพร้อมกับยกมือขึ้นจับแก้มผมกลับ ตากลมจ้องตอบนิ่งเหมือนต้องการให้ผมฟังทุกคำพูดที่น้องจะเอ่ยออกมา

“...”

“ลุงปล่อยให้เนในตอนที่โตแล้วเผชิญกับความรู้สึกนั้นเองได้ไหม เพราะเนในตอนนี้ ความรู้สึกของเนที่ยังเป็นเด็กในสายตาลุงมันอยากอยู่กับลุง เนในตอนนี้ตัดสินใจด้วยตัวของเนเอง ถ้าเนในตอนโตจะเสียใจ... ก็เรื่องของมันได้ไหม”

“เน...”

“เราอาจจะจบไม่สวยก็ได้ เนเสิร์ชกูเกิ้ลมามีแต่คนบอกว่าคบคนอายุมากกว่าสิบปีเปอร์เซ็นจะเลิกกันสูงด้วย แต่เนอ่านก็มีหลายคู่ที่รอด มีคู่ที่ห่างกันสามสิบปีด้วยนะ” มือเล็กตบแก้มผมเบาๆ

“...”

“ลุงอาจจะมองเนเป็นเด็กมากๆ เด็กน้อยสุดๆ แต่ความรู้สึกของเนตอนนี้ ของเด็กคนนี้ มันเป็นเรื่องจริงนะลุง เนมีความสุขตอนนี้จริงๆ ถ้าลุงคิดว่าลุงทำให้เนเปื้อน”

“...”

“เนก็คงอยากเปื้อน”



ปล่อยหมัดฮุคติดกันขนาดนี้ผมก็หมดทางจะสู้จริงๆ ผมยิ้มตอบเนอย่างเหนื่อยอ่อนในใจ ในความเป็นเด็กทุกอย่างที่พูดออกมาเลยไม่ได้มีความประดิษฐ์อะไรมากนัก คิดอะไรอยากพูดอะไรก็พูดออกมาตรงๆ และด้วยความเป็นเด็กถึงไม่ได้คิดอะไรให้มากมาย ผมที่เป็นผู้ใหญ่ที่ดีก็ควรจะเป็นฝ่ายหยุดตัวเองไว้

แต่ผมน่ะ

ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ดีมาตั้งนานแล้ว



“เรายังไม่พ้นผู้เยาว์เลยนะเน”

“ลุงนี่ ตอนนี้เนสิบแปดใช่ป่ะ แต่ถ้าเราคบกันไปจนถึงเนสามสิบลุงก็สี่สิบแปด ฟังแล้วไม่เห็นแปลกเลย เห็นป่ะ เราแค่เจอกันไวไปเฉยๆ ลุงอย่าเก็บตัวเลขมาคิดมากดิ” ที่อย่างนี้หละบวกเลขไวเชียว

“พ่อแม่เรารู้เรื่องนี้พี่คงหัวขาด”

“ถ้าพ่อรู้ เนคงหัวขาดด้วย ไม่เป็นไรนะ ขาดเป็นเพื่อนลุง”

“หึ” ผมหัวเราะออกมากับมุกตลกร้ายของเน เนอมยิ้มตาปิดเป็นสระอิพร้อมกับยกมือขึ้นหยิกแก้มยืดไปมา

“ลุงทำเหมือนเนเด็กมากกกก เนสิบแปดนะลุง สิบแปดไม่ใช่สิบขวบ ไม่ได้เด็กขนาดนั้นป่ะ”

“งอแงว่าตัวเองเป็นลูกเกดฟีบๆ ก็เด็กขนาดนั้นนะสำหรับพี่”

“เด็กก็รักเป็นนะลุง”



สิ้นคำน่ารักนั้นผมก็ก้มลงจูบปิดไม่ให้พูดอะไรที่มันไม่ดีต่อใจออกมาต่ออีก เนสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะรีบย้ายมือออกจากแก้มผมไปคล้องคอพร้อมกับเปิดปากอย่างรู้งาน ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรืออะไรดีที่หลังจูบเพียงครั้งเดียวไอ้ตัวดื้อก็ดูเหมือนจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

อ้อ เมื่อกี้เห็นพูดว่าไปเสริชกูเกิ้ลเรื่องอายุห่างกัน



แต่ดูจากไอ้การพยายามเอาลิ้นมาตวัดสู้กลับแล้ว

... สงสัยจะไม่ได้เสิร์ชแค่เรื่องอายุแน่ๆ



“อื้อ” ผมผละออกมากลางคันนั่นส่งผลให้คิ้วเล็กขมวดมุ่น ปากเล็กเคลือบน้ำใสเจ่อบวม ดวงตาส่งสายตาไม่เข้าใจส่งมาอย่างชัดเจน

“เน”

“จูบอีก”

“พี่ว่าพี่ต้องพูดหน่อย จะไม่มีการล่วงเกินมากกว่านี้จนกว่าเราจะอายุครบยี่สิบนะ”

“ทะ ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ตอนนี้เล่า!!! ลุงไม่ดูสถานการณ์เลย!!!”

“เพราะดูแล้วถึงพูด”

“อะ เอ๊ะ”

“เราน่ะ ชอบอ่านอะไรจากเนทเยอะ” พอผมพูดจบเนก็หน้าแดง ปากพะงาบเหมือนเด็กถูกจับได้ พิรุธมาขนาดนี้น่าจะไม่ใช่แค่อ่านแล้ว ไปดูอะไรมาด้วยแน่ๆ

“เน... เน...”

“นี่ไปดูอะไรมาด้วยหรือเปล่า”

“เนเปล่าดู!!!”

“...” ผมจ้องตาเนกลับนิ่ง ส่งผลให้เด็กโป๊ะแตกถึงกับกัดปากหน้าแดง

“ก็... เนแค่อยากรู้นี่นา เผื่อวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นเนจะได้ไม่ดูเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกินไป เดี๋ยวลุงก็มาว่าเนเด็กเกินอีก”

“แสดงว่าดู”

“...” เนแก้มแดงเหมือนพร้อมจะระเบิดเป็นมะเขือเทศเป็นคำตอบได้อย่างดี

เนเป็นเด็กติดมือถือ เผลอๆ อาจจะดูอะไรไปมากกว่าผมเคยดูด้วยซ้ำ นั่นไม่ดีเลย เดี๋ยวไปดูอะไรน่ากลัวขึ้นมาจะพาลว่าผมก็จะทำแบบนั้นไปด้วยอีก

“ยังไม่ถึงเวลา” ผมเคาะเหม่งใสนั่นหนึ่งที

“ลุง...”

“หืม?” ผมมองตามสายตาก็เห็นว่าจุดรวมสายตาของเนอยู่ค่อนข้างต่ำ ตามความอยากรู้อยากเห็น ผมเลยต้องใช้มืองัดคางนั่นขึ้นพร้อมกับเอ่ยเสียงดุ “มองอะไร”

“ฮือออออออ เนกลายเป็นคนลามกไปแล้ววววววววว”

“หยุดคิดหยุดดู”

“เนหยุดดูมันก็มีภาพขึ้นมาในหัวอยู่ดี”

“ภาพของคนอื่นเนี่ยนะ”

“ขะ ของคนอื่นสิ เนจะไปเคยมองของลุงที่ไหน หมายถึงมองแต่ไม่ได้เห็นขนาดนั้น เอ๊ะ หรือลุงหมายถึงอย่างอื่น เอ๊ะ ลุงมองเนแบบนั้นทำไม โอ๊ยยยย ลามกเนี่ยลามก ยิ่งพูดยิ่งลามกกกกก” โวยวายลั่นห้องด้วยความอาย เนยกมือขึ้นปิดหน้าเองพร้อมกับส่ายหัวไปมา

“เน”

“ครับ”

“แค่จูบ...”

“...”

“ตอนนี้แค่จูบก่อน ไม่ต้องคิดอะไรไปมากกว่านี้ เข้าใจไหม” ตากลมจ้องผมกลับก่อนจะพยักหน้าตอบเบาๆ ผมยิ้มให้กับความน่ารักนั่นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนานและหยอกเอินกว่ารอบที่แล้ว ทำเอาเด็กที่ทำการบ้านมาอย่างดีถึงกับทุบอกขอเว้นจังหวะหายใจ ผมผละออกเพียงไม่กี่วิก็เริ่มสงครามอีกรอบสุดท้ายนักรบหัวจุกน้ำพุก็ยงธงขาวยอมแพ้ตัวอ่อนยวบกอดคออ้อนให้ผมอุ้มพาเข้านอน



หึ นักรบตัวกระเปี๊ยกศึกษาแต่วิชาตามตำราคิดจะสู้กับแม่ทัพที่มีประสบการณ์จริง

คงต้องสอนไปอีกหลายปี อย่าได้คิดเปลี่ยนครูเชียว

ไอ้นักรบหัวจุกน้ำพุตัวดื้อ






หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 06-03-2020 16:33:25
สามหกสิบแปด 18
 
 


 
สถานที่คนเดทปกติมักจะเป็นสถานที่นอกบ้าน ห้าง โรงหนัง พิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่  แต่คู่ของผมกลับมีอยู่แค่สองที่คือห้องนอนกับห้องทำงาน
 ไม่บ่อยนักที่ผมยอมให้เนมาค้างด้วย เพราะกังวลเรื่องที่บ้านเน ทำให้ช่วงเวลาสั้นๆ หลังเลิกเรียนก่อนกลับบ้านที่ได้อยู่ด้วยกันผมมักจะวางงานไว้ทีหลังแล้วมาฟังเนบ่นเรื่องเรียนกับช่วยน้องทำการบ้าน เนยังคงดื้อเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเดี๋ยวนี้เหมือนจะตั้งใจเรียนขึ้น ข้อที่ผมกังวลหนักสำหรับเนไม่ใช่เรื่องเรียนอีกต่อไป
 
 แต่เป็น...
 

“ลุง จูบหน่อย”
 


 ผมถึงกับกุมขมับกับการขอร้องของเด็กตรงหน้า ใช่ครับ ตอนนี้เนวอแวกับการจูบมาก ด้วยความที่เนเป็นเด็กติดสกินชิพทั้งกอดทั้งจูบแต่ดูเหมือนจะชอบจูบเป็นพิเศษ เปิดช่องว่างนิดหน่อยเข้าชาร์ตขอจูบตลอด
 
... มันควรเป็นผมรึเปล่านะที่ต้องเป็นฝ่ายอยากจูบเนี่ย

 
“ทำการบ้าน”
“จูบก่อน”
“ทำการบ้านก่อน”
“ลุงอย่าต่อรองได้ไหม”
“เรานั่นแหละอย่าต่อรอง”
“แค่จูบเอง”
“การบ้าน”
“นิดเดียวนะ น้าาาาาาา” ผมถอนหายใจให้กับการอ้อนตาใสเหมือนลูกแมวก่อนจะก้มตัวลงจุ๊บเหม่งใสนั่นเบาๆ พอผละออกคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นแบบไม่พอใจ
“นี่เรียกจุ๊บ”
 
ให้ตาย...
ตั้งแต่จูบเป็นนี่เหมือนจะดื้อในรูปแบบอันตรายมากขึ้นเยอะเลยนะ
 
 
“ทำการบ้านให้เสร็จก่อน”
“ลุงไม่ต้องกลัวคุกหรอก เนเสิร์ชกระทูพันทิปมาแล้ว ไม่คุกแน่นอน เนอายุถึงสิบแปดแล้วถึงจะยังไม่ยี่สิบแต่ลุงก็รอดอยู่ดีเพราะว่า...”
“...”
“เนสมยอม”
 


แค่กกกกกกกกก!!!
ถึงกับสำลักน้ำลาย
ว้อยยยยยยยยยยยย อยากจะบ้าตายวันละหลายรอบกับคำพูดคำจาของไอ้เด็กตรงหน้า นับวันยิ่งชอบพูดอะไรสุ่มเสี่ยง แถมยังพูดออกมาหน้าตายเหมือนตัวเองไม่ได้พูดอะไรผิดอีกต่างหาก
 
“หยุดพูดได้แล้ว”
“ลุงเขินหรอออ หน้าแดงเลยยยยย”
“เด็กบ้า” ผมยี้หัวฟูนั่นแล้วก็ทิ้งลงนั่งข้างๆ คอยดูว่าน้องทำการบ้านไปถึงไหน เนที่ควรจะโฟกัสการบ้านหัวเราะคิกคักพร้อมใช้มือหยิกแก้มผมไปมา
“ลุงเขินเน”
“เน ทำการบ้าน”
“ลุงเขินหรอออ”
“เน”
“นี่ จริงๆ ลุงอยู่กับเนมาได้จะสามเดือนแล้วนะ เดือนแรกอยู่ด้วยกัน เดือนที่สองเนกลับบ้าน นี่เข้าเดือนสามแล้ว เนอยู่กับลุงมาสามเดือนแล้ว”
“แล้วยังไง”
“เนตุ๊ดขึ้นเยอะเลย”

เกือบจะสำลักน้ำลายไปอีกรอบ
ผมมองหน้าเนอย่างไม่เข้าใจว่าน้องจะสื่ออะไร

“...”
“ก่อนหน้าเนเถียงเพื่อนตลอดว่าเนไม่ตุ๊ด”
“แล้วมันทำไม”
“ตอนนี้เนว่าเนโคตรตุ๊ดเลย แบบไม่รู้อ่ะ เนโคตรอยากอ้อนลุงเลย เนี่ย ถ้าเป็นตุ๊ดในโรงเรียนโดนด่าแรดแล้วนะ” ปากเล็กเจื้อยแจ้วไปเรื่อยเหมือนกำลังพูดเรื่องธรรมดา ผมกระดกคิ้วงงเล็กน้อยที่จู่ๆ เนก็พูดประเด็นนี้ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร
“...”
“เนสับสนอ่ะ แบบงงๆ กับเพศตัวเองนิดหน่อย แบบนี้เขาเลยเรียกสับสนทางเพศใช่ไหมลุง”
“ไม่รู้สิ”
“ลุงเป็นเกย์ได้ไงอ่ะ” เนพับการบ้านแล้วก็เปลี่ยนท่าเป็นนอนวางหัวบนตักผม “เล่าเรื่องลุงในฟังบ้างสิ”
 
รู้หรอกนะว่าหาเรื่องไม่ทำการบ้านต่อ
แต่พอเห็นหน้าดื้อๆ มาวางอยู่บนตักแล้วมันก็ใจเหลวไปหมด
 
“ไม่เชิงแค่เกย์หรอกทางไบเซ็กชวลมากกว่า ผู้หญิงก็คุยได้แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยคลิกกันเท่าไหร่” ผมไม่ได้ปิดเรื่องนี้ ที่บ้านก็รู้ ไอ้เก่งเองก็รู้เรื่องรสนิยมของผม แต่ด้วยวัยแล้วทุกคนเลยไม่ได้มายุ่งอะไรเท่าไหร่ ปล่อยให้ตัวผมเป็นคนตัดสินใจเอง

...แต่ไอ้เรื่องคบเด็กอายุสิบแปดเนี่ย ถ้าทางบ้านผมรู้ก็คงมีต้องโดนจับเข่าคุยกันบ้างเหมือนกันแหละนะ


“ลุงเคยมีแฟนไหมอ่ะ”
“พี่สามสิบหกนะเน มันก็ต้องเคยอยู่แล้ว” ไม่อยากจะย้ำอายุตัวเองนักหรอก แต่ให้ตอบว่าไม่เคยมีก็ดูจะเป็นการโกหกมากเกินไปเสียหน่อย
“แล้วเนสู้ได้บ้างไหม” ใบหน้าใสซื่อจ้องผมหลังถามคำถามออกมาตรงๆ เด็กเอ๊ยเด็ก ผมระบายยิ้มอ่อน คิดไว้แล้วแหละว่ามันต้องมีคำถามจำพวกนี้ออกมา
“จะไปสู้ทำไม เป็นอดีตไปหมดแล้ว”
“เนเคยมีแฟนคนหนึ่ง น่ารักมาก กว่าจะจีบติดเนหมดค่าป็อกกี้ไปเกือบพัน คือเขาชอบกินป็อกกี้เนก็เลยซื้อให้ทุกวัน จีบอยู่เป็นเดือนเลย”
“ให้แต่ป็อกกี้เลยหรอ”
“ช่ายยย สลับวันละรส”
“อ่า...”
“สุดท้ายเขาขอเลิกเพราะเนไม่จูบเขาสักที เนแบบเซ็งเลย ก็จูบไม่เป็นอ่ะให้เนทำไง เนอุตส่าห์ไปญี่ปุ่นเพื่อซื้อของไปง้อเขาเลยนะ แต่กลับมาเขาก็หาแฟนใหม่ได้แล้ว ลุงว่าเกินไปไหมไม่ถึงอาทิตย์นะ ทำได้ไงอ่ะ เนเสียใจมากเนเลยแกะป็อกกี้กับคิทแคทที่ซื้อมาฝากกินเองหมดเลย แค้น”
 
หึ...
เป็นการแก้แค้นที่น่ารักเป็นบ้า
แต่จะว่าไป ตอนที่เจอกันครั้งแรกที่ญี่ปุ่นก็เหมือนว่าเนจะพูดเกี่ยวกับเรื่องจูบอยู่เหมือนกัน สงสัยก็คงจะเป็นแฟนสาวคนนั้นเองสินะ
 
“แต่ตอนนี้จูบเป็นแล้วนี่” ผมใช้นิ้วชี้เกลี่ยกลุ่มหน้าม้านั่นออกพร้อมกับสบตากับคนบนตักนิ่ง เนเบะปากก่อนจะดันตัวขึ้นมานั่งทับบนตักผม อะไรอันตรายนี่ก็ขยันทำจริงๆ
“เนเพิ่งรู้ว่าจูบมันรู้สึกดีขนาดนี้”
“...” ผมไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่จ้องหน้าน่ารักที่กำลังค่อยๆ ขึ้นสีแดง
“ลุง...”
“...”
“จูบกันนะ” ผมกระชับมือตัวที่วางอยู่บนเอวคอด ส่วนเนที่นั่งอยู่บนตักผมยกมือขึ้นประครองหน้าผมพร้อมกับค่อยๆ กระทับจูบลงมา ปากเล็กของเนยังคงเริ่มจูบแบบกล้าๆ กลัวๆ แต่ผมก็ไม่ได้ติดอะไร นึกเอ็นดูเสียอีกที่เด็กตรงหน้าพยายามขนาดนั้น
จั๊กจี้ไปหน่อยแต่ก็น่ารักดี ว่าไม่ลงหรอก
ปล่อยให้คนบนตักรุกอยู่สักพักผมก็เริ่มสู้กลับ เด็กหัดจูบพยายามจะสู้กลับแต่สุดท้ายก็เคลิ้มยอมแพ้ เจ้าตัวดื้อได้แต่ครางอื้ออึงในลำคอพอให้รู้ว่าหายใจไม่ทัน
 
 
ปึ้ง!!!!
 
“พี่ไม้ เซอไพรส์!!!!!!!”
 
เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทำเอาหัวใจผมตกไปอยู่ที่เท้า เสียงกระแทกประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงสีน้ำที่คุ้นเคย ผมผละออกจากเนแล้วรีบมองหาต้นเสียง มองพ้นไหล่เนไปสิ่งที่ผมเห็นคือใบหน้าที่แสนตกใจเหมือนเห็นผีของน้องสาวตัวเองและเพื่อนสนิท
 
 
แนน...
 
แนนยืนอยู่ตรงนั้น.... 
 
สีหน้าของสีน้ำซีดเผือกพร้อมกับปล่อยของในมือตกลงกับพื้นเสียงดัง แต่ก็ไม่มีใครแม้แต่จะสนใจ ทุกอย่างนิ่งสงบแต่ทุกอย่างกลับชัดเจนในความรู้สึก ความรู้สึกของผมเหมือนนั่งรถไฟเหาะ มันกำลังขึ้นไปสุดก่อนจะดิ่งลงมาสุดอย่างรวดเร็ว เป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดจนคิดหรือพูดอะไรไม่ออก ได้แต่สบตากันอยู่อย่างนั้นเป็นนาทีจนเป็นแนนเองที่เรียกสติกลับมาได้ก่อน
 
“พะ พี่ไม้”
“...” เนที่จิกบ่าผมค่อยๆ หันหน้ากลับไปทางประตู พอสีน้ำและแนนเห็นว่าเป็นเนก็ยิ่งตาเบิกกว้างขึ้น เนเองที่พอเห็นว่าเป็นพี่สาวตัวเองก็จิกบ่าผมแรงขึ้นจนรู้สึกเจ็บ
“พี่แนน”
“นะ นี่ นี่มันอะไรกันคะพี่ไม้ นี่มันหมายความว่าไง”
“พี่ไม้...” สีน้ำเรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา
“พี่...” ผมได้แต่ตกใจ หาประโยคที่สมควรพูดแทบไม่เจอ

 รู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งคงต้องเข้าไปคุยกับครอบครัวเน แต่ก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ ตอนนั้นเองที่เนหันหน้ากลับมาพร้อมกับโน้มตัวกอดผมแน่น

“ไม่นะ... ไม่เอา”
“เน!!! มาหาพี่!!!” แนนตวาดเสียงดังลั่นห้องทันที เนส่ายหัวพร้อมกับกอดคอผมแน่นขึ้น
“แนน...”
“เน มาหาพี่เดี๋ยวนี้!!!”
“เนไม่ไป เนจะอยู่กับลุง เนไม่ไป”
“พี่ไม้ นี่มันหมายความว่าไง” สีน้ำมองผมด้วยสีหน้าผิดหวัง
“สีน้ำ...”
“เนรักลุง” เสียงเล็กพูดออกมาท่ามกลางความตกใจ “เนรักลุง ลุงห้ามปล่อยเน เนขอร้อง ห้ามปล่อยเน”

 เนกอดคอผมแน่นจนอึดอัด เสียงของเนสั่นเทิ้มแสดงให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้ ผมเองก็รู้จักเจ็บปวดหัวใจกับเสียงอ้อนวอนนั่นแต่คำพูดของเนนั้นกลับยิ่งทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายขึ้น แนนตวัดสายตามองผมด้วยความตกใจ

“พี่ไม้คะ มันหมายความว่ายังไง มันเกินไป.. ทุเรศ ทุเรศที่สุด!!!” เสียงตะโกนลั่นนั่นเสียดแทงไปทั้งใจผม
แนนเดินมากระชากแขนเนจนเนแทบล่วงออกจากตักผม ทำให้ผมต้องยืนขึ้นเพราะกลัวเนตกหัวกระแทกพื้น เนร้องไห้เสียงดังพร้อมกับรีบดันตัวมาซุกผม แขนเล็กจึกเสื้อผมแน่น
“ไม่ไป พี่แนนอย่า ฮึก ฟังเนก่อน เนขอร้อง”
“พี่ไม้พี่มันโรคจิต แนนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ทำแบบนี้” สายตาเจ็บปวดมาพร้อมกับคำด่าทอ ผมไม่มีคำอะไรจะพูดออกไป

 
ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะรั้งเนไว้ให้แน่นขึ้น
... ผมผิดจริงทุกประตู ผมเข้าใจแนน

 
“แนน แกใจเย็นก่อนนะ”
“ฉันไม่เย็นแล้วน้ำ แกไม่เห็นหรอว่าพี่แกทำอะไรน้องฉัน ฮึก พี่ไม้ พี่ก็อายุไม่ได้น้อยแล้วแท้ๆ ทำไมถึงคิดอะไรไม่เป็นหน่อยหรอคะ เนเพิ่งอยู่มัธยมพี่... พี่.... พี่มันทุเรศที่สุด” แนนพยายามดึงแขนเนแต่เนก็สะบัดออก
“พี่แนนปล่อยเน ฟังเน ฟังเน”
“เน!!! มากับพี่เดี๋ยวนี้!!! ครั้งนี้มันเกินไปแล้วพี่จะบอกพ่อกับแม่!!!”
“พี่แนน เนขอร้องอย่าบอกพ่อ เนขอร้อง”
“ไม่ได้!! มันเกินไป มันเกินไปจริงๆ”   
“ไม่เอา งั้นเนไม่ไป เนไม่กลับบ้านแล้ว เนจะอยู่กับลุง!!!”
“เน!!!!” แนนตวาดลั่นพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดดึงเนออกจากตัวผม

 จังหวะที่เนถูกดึงหลุดออกไป ใบหน้าเล็กนั่นเปียกแฉะไปด้วยน้ำตา ดวงตาใสมองมาที่ผมอย่างอ้อนวอน นิ้วเรียวเล็กยื่นมาดึงเสื้อผมจิกไว้แน่นจนเห็นข้อขาว ตอนนั้นเองที่ผมเหลือบเห็นว่านิ้วแนนจิกโดนแขนน้องเป็นแผลถลอกยาว นั่นจึงทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปจับมือแนนไว้

“แนนพอก่อน พี่เข้าใจแล้ว...” แนนที่กำลังร้องไห้ด้วยความผิดหวังและโมโหเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างไม่เข้าใจ
“...”
“เน กลับบ้านไปก่อน”
“ละ ลุง ไม่เอา อย่าปล่อยเนไป ขอร้อง เนขอร้อง”
“กลับบ้านก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพี่จะเข้าไปคุยกับพ่อแม่เรา” ผมยกมือขึ้นประครองแก้มใส เนรีบยกมือที่สั่นระริกขึ้นกุมมือผมไว้แน่น
“ลุง​ ฮึก ลุง เนจะเป็นเด็กดี เนจะไม่ดื้อแล้ว เนจะทำการบ้าน เนจะไม่เถียงเลย ฮึก ขอร้อง อย่าปล่อยเน”
“ไม่ปล่อย”
“ลุง​ เนกลัว เนกลัว”
“กลับบ้านไปก่อน”
“ไม่เอา อย่าไล่เน เนขอร้อง เนขอร้องครับ นะครับ ฮึก เนขอร้องนะครับ”
 
เนเป็นเด็กไม่ค่อยมีหางเสียง จะมีหลุดมาบ้างเวลาเผลอหรือโดนดุ
แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เนเลือกใช้ครับในการอ้อนวอนผม 
ใจผมมันปวดร้าวจนแทบจะทนไม่ไหว เสียงของเนแสดงออกได้ถึงความกลัวและความสับสนเป็นอย่างมาก ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกสติตัวเองก่อนจะเอนซบหน้าผากตัวเองลงกับเหม่งขาวนั่น 
 
“ฟังพี่นะเน”
“ฮึก ลุง...”
“กลับบ้านก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”
“แต่ แต่”
“เนเชื่อใจพี่ไหม”
“เนเชื่อ ฮึก เนเชื่อ แต่เนกลัว”
“ไม่ต้องกลัว”
“ลุง...”
“ไม่ต้องกลัวนะ” เนเงยหน้าขึ้นสบตาผม ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาจ้องผมนิ่ง เรียวปากเล็กขบเม้มเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนที่จะยอมพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ จังหวะที่ผมต้องปล่อยหน้าเนออกจากมือเป็นจังหวะที่ผมรู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่สุด

“เน กลับบ้าน”
“ฮึก...” เนกำมือตัวเองแน่นก่อนจะค่อยๆ หันหลังเดินตามแนนไป ก่อนที่จะพ้นประตูแนนก็หันหน้ากลับมาหาผม
“พี่ไม้คะ”
“...”
“แนนไม่รู้ว่าพี่เป็นบ้าอะไร แต่ยังไงทุกอย่างพี่ควรอธิบายให้พ่อแม่แนนฟังด้วยตัวเอง”
“เดี๋ยวพี่ตามไป”
“วันพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ วันนี้ที่บ้านคงไม่พร้อมต้อนรับ”
“วันนี้แหละ” ปล่อยให้ไอ้ตัวดื้อกลัวแบบนั้นข้ามวันคงไม่ดีนักหรอก
“พี่ไม้คะ”
“พี่จะตามไปนะ”
“พี่ไม้!!!”
“ขอโทษนะแนน” เนเม้มปากเล็กน้อยเมื่อผมพูดขอโทษออกไป 
“ให้ตายเถอะ!!!” แนนกระแทกเสียงก่อนจะหันหลังลากเนเดินออกไป ผมได้แต่มองแผ่นหลังเล็กของเนค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตา
 
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนผมทำอะไรคิดอะไรไม่ทันเลย
รู้แต่ว่ายังไงเนก็ต้องกลับบ้านไปหาครอบครัวก่อน รู้สึกหัวตึงไปทุกส่วน
 
“พี่ไม้...” เสียงสีน้ำเรียกดึงสติให้ผมกลับมา เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ในห้อง สีน้ำเดินมากอดผมไว้นิ่งๆ
“สีน้ำ พี่...”
“น้ำไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่น้ำคิดว่าพี่ไม้คงมีเหตุผล”
“พี่...”
“น้ำไม่รู้จะพูดอะไร น้ำคิดว่าพี่ไม้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” สีน้ำเว้นช่วงไปก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น “ไม่ว่ายังไง น้ำทีมพี่ไม้อยู่แล้วนะ”
 มือเล็กของสีน้ำลูบหลังผมเบาๆ เท่านั้นก็ทำเอาความรู้สึกที่จุกอยู่ที่อกคลายตัวลง ผมก้มหน้าซบลงกับบ่าเล็กของน้องสาวตัวเองเพื่อร้องไห้ออกมาเงียบๆ 
 
ไม่มีเวลาให้อ่อนแอได้นานมากนัก ผมร้องไห้บนบ่าสีน้ำอยู่เพียงไม่กี่วิก็ต้องผละออกมาสูดลมหายใจเรียกสติเตรียมตัวขับรถออกไปบ้านเน ไม่อยากให้เวลาผ่านไปเยอะเกินไป เพราะใบหน้าที่เหมือนจะแตกสลายของเนเมื่อกี้นั้นยังติดอยู่ในตาของผมอยู่เลย
 

“พี่ไม้ให้น้ำไปเป็นเพื่อนไหม”
“ไม่เป็นไร พี่ไปเองดีกว่า”
“แต่...”
“กลับบ้านไปเกลิ่นกับพ่อแม่ให้หน่อยแล้วกัน เดี๋ยวคืนนี้พี่กลับไปบอกเองอีกที”
“วันนี้เลยจะดีหรอพี่ไม้ น้ำว่าแค่บ้านแนนก็หนักแล้วนะ...”
“พี่รักเน”
“...”
“ขอโทษนะ”
 
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดขอโทษไปทำไมรู้แต่ว่าต้องพูดออกไป สีน้ำไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่เดินมากอดผมนิ่งๆ แล้วก็ผละออกไปเก็บของที่ตกอยู่ตามพื้น ผมยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถพร้อมกับหันหลังเดินออกมาจากห้องทำงาน

 
นี่ไม่ใช่ครั้งที่ผมมาบ้านเน สมัยก่อนผมมารับส่งสีน้ำนับครั้งไม่ถ้วน ถึงจะไม่เคยเข้าไปในตัวบ้านแต่ก็บ่อยพอที่จะจำทางไปได้แบบไม่ต้องเปิดจีพีเอส รถติดตามปกติของกรุงเทพทำให้ผมรู้สึกร้อนใจนิดหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นการทำให้ตัวเองใจเย็นและได้ทบทวนอะไรหลายๆ อย่างไปในตัว ปกติแล้วผมมักคิดอะไรเป็นระบบเป็นแผนไว้ล่วงหน้าด้วยความติดเป็นนิสัยมาจากการทำธุรกิจด้วยส่วนหนึ่ง แต่ระบบนั้นเอามาใช้กับสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เลย
 
ผมกับเนมันผิดแผนมาตั้งแต่ต้นและผมก็ปล่อยให้มันผิดมามาจนถึงวันนี้
เป็นความอึดอัดใจที่ผมสมควรได้รับ
 
ผมขับรถมาจนถึงหน้าบ้านของเน รั้วบ้านถูกเปิดเอาไว้ คาดว่าคงเป็นฝีมือแนน แต่ต่อให้ปิดประตูไม่ต้อนรับผมก็คงจะหาวิธีเข้าไปให้ได้อยู่ดี หลายเท้าผมชิดประตูบ้านเป็นสัญญาณให้รู้ว่าหลังประตูบานนี้คงมีคำพูดอีกมากมายที่ผมต้องรับมือ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นบิดลูกบิดอันหนักอึ้ง

 
“ปล่อยเนออกไปนะ!!!!” ยังไม่ทันจะได้ยกสายตาจากพื้น เสียงโวยวายพร้อมกับเสียงกระแทกประตูก็ดังลั่นจนผมตกใจ
“พ่อคะ พี่ไม้มาแล้วค่ะ” ผมสบตากับพ่อเน ปกติมารับส่งสีน้ำเคยเจอแต่คนเป็นแม่ที่ดูใจดี เนกับแนนเองก็มีความหน้าหวานค่อยข้างสูง
 
ไม่คิดเลยว่าคนเป็นพ่อจะหน้าดุและดูเด็ดขาดขนาดนี้
พอจะเข้าใจที่เนกลัวพ่อตัวเองขึ้นมาแล้ว ทรงทหารเก่าชัดเจนขนาดนี้
 
“สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้เคารพทั้งพ่อและแม่เน คนแม่ยกมือขึ้นรับไหว้ด้วยสีหน้าลำบากใจ ส่วนคนพ่อไม่แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว ดวงตาดุตวัดมองผมเพียงเสี้ยวสิแล้วก็หันกลับไป
“แนน ไปปล่อยน้องลงมา”
“แต่พ่อ-”
“แนน”
“ค่ะ...” เมื่อคนเป็นพ่อเปลี่ยนเสียงดุ แนนเลยได้แต่ก้มหน้าแล้วรีบวิ่งหลบออกไป ผมได้ยินเสียงปลดกลอนหนึ่งครั้งก็ตามด้วยเสียงเปิดประตูเสียงดัง
“เน!!!”
“ขังเนทำไม เนไม่ใช่หมานะ ขังเนทำไม!!!” เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเสียงเนตะโกนสุดเสียงขนาดนี้ ที่เขาว่าตะโกนจนคอแตกก็คงประมาณนี้สินะ
“ทุบประตูจนมือแตกไปหมดแล้ว”
“พี่แนนสนเนด้วยหรอ ทีตอนเนบอกให้ปล่อยเนไม่เห็นสนใจเลย”
 “เน!!!” เสียงแนนตะโกนกลับทำให้จนเป็นพ่อที่ยืนขรึมอยู่ตรงหน้าผมขมวดคิ้ว ระยะห้องของเนไม่ได้ห่างจากห้องนั่งเล่นมากแต่ก็ไม่ได้ใกล้ แต่ถึงขนาดนั้นผมก็ได้ยินเสียงหอบหายใจของทั้งคู่อย่างชัดเจน “... พี่ไม้มา”

สิ้นเสียงคำพูดเบาๆ ของแนนก็ตามมาด้วยเสียงวิ่งพร้อมกับหน้าดื้อที่โผล่ออกมา ตาบวมแดงเบิกกว้าง แววตาฉายแสดงความดีใจออกมาชัดเจน แต่สิ่งที่ทำให้ผมขมวดคิ้วคือมือเล็กนั่นมีเหมือนรอยช้ำแดงและคราบเลือดเล็กๆ อยู่ คงเพราะกระแทกประตูจนได้แผล ไอ้ตัวดื้อเอ๊ย

“ลุง...”
“เนมานั่งตรงนี้” พ่อเนเอ่ยสั่งพร้อมกับชี้ตรงที่นั่งข้างตัวเอง

...และแน่นอนครับว่าไอ้ตัวดื้อไม่ฟังหรอก
เนถลาวิ่งเข้ามากอดผม น้ำหนักที่โถมมาทันที่ทำให้ผมเกือบจะล้ม


“เน...”
“ลุง ฮึก ลุง”
“...” ผมไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ลูบหัวทุยนั่นเบาๆ เป็นการปลอบ ห่างกันแค่เพียงชั่วโมงกว่าแต่กลับดูเหมือนเนจะตัวเล็กลงไปอีกหลายเซ็น 
“พ่อ... เนรักลุง”
“ไอ้เน!!!! แกกลับมานั่งตรงนี้เดี๋ยวนี้!!! ” เสียงตวาดลั่นห้องนั่งเล่นทำให้เนเกาะแขนผมแน่นขึ้น แม้น้องจะหันตัวออกไปเผชิญหน้าพ่อก็ตาม
“เนรักลุง ไม่... เนรักพี่ไม้ เนรักผู้ชายด้วยกัน เนเป็นตุ๊ด พ่อได้ยินชัดหรือยัง!!! ”  ผมกำลังจะปรามให้เนหยุดพูดแต่ก็ไม่ทัน
“หุบปาก!!! ”
“เนไม่หุบ!!!”
“เนพอ...” ผมรั้งแขนน้องไว้ให้ใจเย็นๆ
“อะ ไอ้ลูกไม่รักดี ทำแต่เรื่องไปวันๆ เรื่องที่แกผิดเพศคิดว่าพ่อไม่รู้รึไง เขารู้กันไปทั้งบาง ขายขี้หน้าแค่ไหนก็ทนมาตลอด แต่นี่แกคบหากับคนอายุสามสิบกว่า...” พ่อของเนตวาดลั่นจนหน้าแดง มือหยาบกร้านสั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์ “รู้นะว่าแกมันโง่แต่ก็ไม่คิดว่าจะโง่ขนาดนี้!!!”
“ใช่!!! เนมันโง่ โง่มากๆ โง่จนไม่น่าเกิดมา พ่อก็ปล่อยเนไปสิ เนไม่อยากอยู่ที่บ้านนี้เหมือนกัน ก่อนนอนทุกวันเนก็ได้แต่คิดว่าที่มีมันเหมือนบ้านยังไง เนเหมือนตายอยู่ทุกวัน เนอยากตายกี่ครั้งพ่อรู้บ้างไหม ได้ยินไหมว่าเนอยากตาย!!!”
“ไอ้เน!!!” พ่อเนเดินเข้ามากระชากแขนน้องทำให้ผมยกมือขึ้นจับข้อมือนั่นไว้ทันทีตามสัญชาตญาณ แต่เนก็แตะเบาๆ ที่ข้อมือผมเป็นเชิงให้ปล่อย ผมสบตากับน้องก่อนจะยอมปล่อยมือออกให้ เนหันหน้ากลับไปมองพ่อตัวเอง

“พ่อ...”
“...”
“พ่อน่าจะให้แม่ทำแท้งเนไปตั้งแต่แรก เน... ไม่น่าเกิดมาเลย” คนเป็นพ่อและลูกชายสบตากันนิ่งสิ้นประโยคนั้นเหมือนทุกอย่างจะสงบลง มีเพียงเสียงหายใจของสองพ่อลูก มันเงียบสงบเหมือนสงครามจบลงแล้ว
 
แต่ก็เหมือนดั่งคำโบราณที่ว่าก่อนพายุจะมาทะเลมักนิ่งสงบ

ผัวะ!!!

เสียงหมัดกระแทกเนื้อดังลั่นตัดความเงียบอย่างรวดเร็ว
 
“เน!!!”
“พ่อคะ!!!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผมไม่แม้แต่จะขยับตัวห้ามทัน พ่อของเนตวัดแขนที่สั่นเทิ้มขึ้นปะทะหน้าคนเป็นลูกอย่างแรงจนเนกลิ้งไปกระแทกเก้าอี้ ผมตกใจมากแต่ก็ออกตัววิ่งไปคว้าร่างของเนขึ้นมา ปากเล็กมีคราบเลือดสีแดงแต้มอยู่ ดวงตาเล็กหรี่ลงเหมือนเจ็บ
“คุณคะ อย่าทำลูก...”
“เกินไปแล้วนะครับ” ผมตวัดตามองคนพ่อเนที่ยืนหายใจหอบ มือที่กำอยู่นั้นสั่นระริก ดวงตาดุตวัดมองหน้าผมอย่างโกรธแค้น แต่ผมก็ไม่ได้หวาดกลัว

 ผมยอมให้เนได้พูดกับพ่อก่อนเพราะเป็นเรื่องในครอบครัว
แต่ไม่ใช่ว่าผมจะยอมรับที่เกิดความรุนแรงขึ้น

“ลุง....”
“เน พี่-” มือเล็กที่สั่นเทายกขึ้นแตะปากผม ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวขึ้นยืนปะทะหน้าพ่อตัวเองอีกครั้ง
“ตั้งแต่เนเกิดมา...”
“...”
“เนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนไหนที่เนรู้สึกว่าพ่อรักเน เหมือนชีวิตพ่อมีแต่พี่แนน กี่ครั้งแล้วที่พี่แนนทำผิดแต่พ่อก็ไม่เคยทำโทษ เนแทบจะจำทุกความผิดพี่แนนได้เลย กี่ครั้งที่เนรอ รอให้พ่อทำโทษที่แนนเหมือนที่ทำกับเน เนอ่ะนะเน แค่เล่นเสื้อเปื้อนพ่อก็ตี ร้องไห้พ่อก็ตี ต่อให้พี่แนนแกล้งเนก่อนพ่อก็ตีเน”
“...”
“เนทำคะแนนได้เกินครึ่งพ่อก็บอกว่าผิดหวัง ทั้งๆ ที่สอนนั้นเนโคตรตั้งใจเลย เนกล้าพูดเลยว่าครั้งนั้นเนตั้งใจที่สุดในชีวิตครั้งแรก แต่สุดท้ายไม่มีใครที่สนใจมันเลยเพราะตัวเลขนั้นมันยังไม่ได้ครึ่งคะแนนต่ำที่สุดของพี่แนน”
“เน...”
“พี่แนนดีทุกอย่างเนรู้ เพื่อนทุกคน เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่ทุกคนก็ย้ำตลอดว่าทำไมเนถึงไม่ได้ครึ่งพี่แนนบ้าง แล้วใครมาสนใจบ้างไหมว่าเนพยายามแค่ไหน พี่แนนดีทุกอย่าง ดีจนเนไม่น่าเกิดมาเลย”
“...”
“พ่อกับแม่ไม่เคยสนใจเลยว่าเนจะเข้ามหาลัยคณะอะไร แม่เอาแต่พูดว่าให้เลือกคณะที่เข้าได้ก็พอ พ่อก็แค่บอกให้เข้ามหาลัยให้ได้อย่าให้ขายหน้าเพื่อนพ่อ เคยไหมที่จะถามเนหน่อยว่าเนอยากทำอะไร ช่วยเนคิดว่าเนควรทำยังไง หรือแค่ถามว่าเนไหวไหม”
“...”
“เพราะถ้าถามหน่อยเนจะได้ตอบว่าไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว” เนปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้ม ใบหน้าดื้อนั่นจ้องคนเป็นพ่อนิ่งๆ  “เนไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงดี เนกลัวจะตายแล้ว เนกลัวอนาคต เนกลัวล้มเหลว เนโง่ ถ้าเนสอบไม่ติดคณะที่ตัวเองเข้าพ่อกับแม่จะทำยังไง เนกลัวไปหมดเลย กลัวมากๆ ไม่มีใครอยู่ข้างเนเลย”
“เน ลูก...”
“พ่อกับแม่อยากมีเนจริงๆ หรอ เนผิดตรงไหนหรอที่เนบอกว่าเนไม่น่าเกิดมาเลย...”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
มีแค่เพียงเสียงลมหอบหายใจของเน

“...”
“... กับลุงเนไม่เคยต้องพยายามอะไรเลย เนแค่เป็นเน เนไม่ต้องเป็นเนที่เรียนเก่งถึงจะรักเน ต้องเป็นเนที่เข้ามหาลัยได้ถึงจะรักเน ไม่ต้องเป็นเนที่ทำสอบดีถึงจะรักเน” เนบีบมือผมแน่น บ่าเล็กสั่นระริก ผมได้แค่บีบมือเล็กกลับไม่ได้พูดอะไรขัดออกไป
“เน”
“เนมีตัวตนเวลาอยู่กับลุง เนไม่ได้อยู่คนเดียว เนทำผิดก็ยังมีคนคอยดุแล้วก็ปลอบเวลาเนร้องไห้”
“มัน... มันก็แค่หลอกแก แกเป็นเด็ก แกไม่รู้อะไร”
“ใช่พ่อ เนไม่รู้อะไรเลย เนมันเป็นแค่เด็ก เนคิดอะไรซับซ้อนแบบผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก แต่เนแค่มีความสุขเวลาอยู่กับลุง ถ้านั่นคือการหลอกเนก็ยอมให้ลุงหลอก”
“เน...”
“เนไม่เคยขออะไรพ่อกับแม่ได้อยู่แล้ว แต่เนก็ยังจะขอ ถือว่าขอครั้งสุดท้ายก็ได้ เนขอร้อง ...ปล่อยเนไปเถอะ”

น้ำตาหยดเล็กบิดหล่นไหลไปตามขอบแก้มนิ่ม
ผมกระชับมือเล็กไว้แน่น อยากจะคว้าเข้ามากอดให้จมอกแต่ก็ต้องห้ามตัวเองไว้


“ผมเองขอต้องขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ที่วัยเท่านี้แต่ก็ไม่หักห้ามใจตัวเอง แต่ผมขอสัญญาว่าผมจะดูแลเนอย่างดี ผมไม่เคยหวังร้ายอะไรกับน้อง ถึงแม้-“
“คุณกลับไปเถอะ” ผมยังพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มของพ่อเนก็เอ่ยตัดบท นั่นทำเอาผมชะงักไปเลยเหมือนกัน
“พ่อ...”
“เนขึ้นไปบนห้อง ส่วนคุณกลับไปก่อน”
“พ่อ ไม่... ไม่ไป เนจะไปกับลุง” เนจับแขนผมไว้แน่น
“ฉันบอกให้กลับไป”
“ลุง เนไม่อยู่ที่นี่ เนจะไปกับลุง”
“เนขึ้นห้อง แนนพาเนขึ้นไป ส่วนคุณกลับไปก่อน” พ่อของเนตวัดตามองผมก่อนจะเอ่ยเสียงเบาเหมือนหมดแรง “ถือว่าผมขอ”
 
แววตาของผู้เป็นพ่อตรงหน้าผมไร้ซึ่งอารมณ์โกรธเหมือนตอนแรกเหลือไว้แต่เพียงความเสียใจและขอร้อง สรรพนามที่เรียกผมก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคำขอร้องที่ต้องการให้ผมรับไว้ ผมจึงได้แต่ผละออกจากร่างเน ต่อให้สู้ต่อก็คงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่นักกบัทุกฝ่าย คงจะต้องรอให้สถานการณ์ดีกว่านี้อีกครั้ง พอเนเห็นว่าผมถอยตัวออกหน้าดื้อนั่นก็หันมาตาโตใส่ผมทันที
 
“ลุง อย่า...”
“กลับขึ้นห้องไปก่อนนะ” ผมยิ้มเบาๆ ให้กับเนที่ส่ายหัวไม่หยุด น้ำตานั่นทำให้ผมปวดใจจนจุก ได้แต่ทำแข็งใจฝืนยิ้มส่งไปให้น้อง
“ลุงอย่าทิ้ง อย่าทิ้งเน”
“ไม่ทิ้ง แต่ขึ้นห้องไปก่อนนะ”
“ลุง...”
“เน เชื่อพี่”
“ไม่เอา เนไม่เอา ลุง เนขอร้อง อย่าทิ้งเน อย่าทิ้งเน”
“พี่รักเนนะ”

 ผมก้มลงจูบที่หลังมือช้ำนั่นก่อนจะปลดมือตัวเองออกมา เท่านั้นเนก็ร้องไห้เหมือนเขื่อนแตกพยายามตะกายตัวมาหาผมแต่ก็โดนแม่และแนนรั้งตัวไว้ เสียงเล็กร้องไห้ตะโกนเรียกชื่อผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เป็นครั้งแรกที่ขาของผมหนักขนาดนี้ มันหนักจนแทบยกขาไม่ขึ้น ทุกก้าวที่เดินออกห่างจากตัวบ้านเหมือนก้าวลงบนมีด เสียงร้องไห้ของเนเหมือนมีดที่กรีดใจ น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลผ่านแก้มนุ่มนั่นเหมือนค่อยๆ หยดท่วมลงบนใจจนผมจมดิ่งลึกลงไปในบ่อน้ำตานั่น

... อึดอัดจนหายใจไม่ออก
 

เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ว่าจะต้องเกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมไม่ได้หยุดการกระทำ
มันไม่ได้เจ็บรวดร้าวจนอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่เป็นความเจ็บที่อึดอัดจนพูดอะไรไม่ออก
 

ถ้าวันนี้จะให้โทษใคร...
ผมก็คงจะโทษตัวเองที่ไม่ห้ามตัวเองในวันนั้น
 
 
 ---

 
 
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 06-03-2020 22:59:28
มันคือความเจ็บปวด
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Prinyin ที่ 07-03-2020 00:26:09
คือเเบบฉันร้องไห้เลยอ่ะ เเงงง สงสารน้องง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 07-03-2020 00:51:24
แงน้ำตาแตกมาก :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 18 [6/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-03-2020 14:35:56
 สวยงามมากมาย กับความรัก ความอบอุ่น ของครอบครัวจอมปลอม
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 19 [6/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 10-03-2020 20:32:41
สามหกสิบแปด 19
ความพี่น้อง
 
 
Naynay
 
 
หากคนเรามีความกล้าในชีวิตจำนวนร้อยหน่วย
ผมก็คงได้ใช่ความกล้าทั้งหมดนั้นไปแล้วในวันนี้
 

ผมได้แต่กอดผ้าห่มซุกหน้าร้องไห้แบบไม่มีเสียง มันแทบไม่มีเสียงให้ออกมาแล้ว จมูกก็ตันจนหายใจไม่ออก ทรมานจนอยากจะหยุดหายใจ ผมถูกยึดโทรศัพท์ ถูกขังไว้ในห้องนอนเหมือนนักโทษ ถึงจะโดนบ่อยมาตั้งแต่เด็กเวลาทำผิดแล้วถูกขังให้ใช้เวลาทบทวนความผิดตัวเองหรือขังทำโทษเวลาโดนจับได้ว่าโดดเรียน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเสียใจ
 
ผมเสียใจ...
เสียใจที่สุด ที่สุดแทบจะที่สุดในชีวิตที่เคยรู้สึกเสียใจมา
ผมพูดไปหมดทุกอย่างที่รู้สึกแล้ว ผมคิดว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้น แต่ไม่เลย ทุกอย่างไม่ดีขึ้นแถมยัง แย่ลงเพราะลุงเลือกจะเดินออกไปตามคำสั่งพ่อผม ทั้งๆ ที่ผมสู้ที่สุดแล้วแท้ๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย ผมพูดทุกอย่างไปมันดีหรอ หรือเพราะอะไร แล้วมันจะเกิดอะไรต่อ
 

แค่รู้ว่าลุงไม่ได้อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหายไปแล้ว
เจ็บหัวใจจัง...
รู้สึกเหมือนโลกถล่มเลย กลัว กลัวทุกอย่างเลย
 

ก๊อกๆ

 
“เน... พี่เอง” ผมสะอื้นแต่ไม่ได้ตอบอะไรไปอยู่ดี สักพักก็มีเสียงแก็กปลดล็อคตามด้วยเสียงเปิดประตู เสียงเท้าย่ำค่อยๆ ขยับมาใกล้เตียงพร้อมกับแรงยุบเบาๆ บ่งบอกว่าพี่แนนนั่งลงข้างผม
“ฮึก...”
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ตาบวมหมดแล้ว”
“...”
“ไม่อยากคุยกับพี่แล้วใช่ไหม แต่พี่อยากคุยนะ คุยกันหน่อยได้ไหม”
“พี่แนนไม่ต้องยุ่ง”
“เจ็บมือไหม พี่ทำแผลให้ไหม”
“ฮึก...”
“ขอโทษนะเน”
“...”
“พี่เป็นพี่สาวที่ไม่ดีเลยใช่ไหม พี่ไม่เคยรู้เลยว่าพี่ทำให้เนเสียใจขนาดนั้น ขอโทษนะ” มือพี่แนนลูบเบาๆ บนหัวผมนั่นทำให้ผมร้องไห้ออกมาหนักขึ้น
“เน... เนก็เกลียดตัวเองที่เกลียดพี่แนน เนรักพี่แนนนะ แต่เนแค่... เนแค่...”
“พี่ผิดเอง”
“...”
“ก็จริงอย่างที่เนพูด พี่ไม่เคยสนใจเลยว่าเนไหวไหม ไม่เคยเป็นที่ปรึกษาเวลาเนเครียดหรือเสียใจเลย พี่คิดแค่ว่าเนยังเด็กก็แค่เรียกร้องความสนใจไปตามวัย พี่... ไม่เคยทำหน้าที่พี่สาวที่ดีให้เนเลย” เสียงพี่แนนสั่นระริกนั่นยิ่งทำให้ผมร้องไห้หนักขึ้น

 
ผมไม่ชอบเวลาพี่แนนร้องไห้ ตั้งแต่เด็กแล้ว
ถ้าพี่แนนร้องไห้ผมก็จะร้องไปด้วย
 
 
 
“ฮึก ไม่จริง พี่แนนมารับมาส่งเนไปเรียน พี่แนนเป็นพี่ที่ดี เนผิดเอง ฮึก เนเป็นเด็กไม่ดี เนแค่อิจฉาพี่แนนที่ได้ดีตลอด เนแค่อยากเป็นแบบพี่แนนแต่เนทำไม่ได้ เนขอโทษ”
“อย่าขอโทษ เนไม่ผิด เนไม่จำเป็นต้องเป็นแบบพี่”
“แต่เนรู้สึกว่าตัวเองผิด เนเป็นน้องที่ไม่ดี เนเป็นขี้อิจฉา เนอ่ะ ฮึก เน...”
“ถ้างั้นเราก็เป็นพี่น้องที่ไม่ดีทั้งคู่”
“ฮึก...”
“เน ที่บอกว่าไม่น่าเกิดมาน่ะ”
“...”
“รู้เปล่า พี่ดีใจมากนะตอนที่แม่รู้ว่าท้องเน”
“...”
“อย่าคิดแบบนั้นอีกนะ”
“ฮึก พี่แนน”
“พี่เป็นพี่ที่ไม่ดี แต่พี่ไม่เคยเกลียดเนเลยนะ มันอาจจะสายไปที่จะพูด เนอาจจะไม่อยากมีพี่เป็นพี่สาวแล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งเนไม่เหลือใคร เนยังมีพี่อยู่เสมอนะ จริงๆ ก็มีตั้งแต่วันแรกที่หายใจแล้วแต่แค่พี่ไม่ได้พูดออกไปเฉยๆ” เสียงพี่แนนเงียบไปก่อนจะเอ่ยต่อ “เพราะงั้น...”
“...”
“อย่าพูดว่าอยากตายอีกเลยนะ”

ผมสะอื้นจนเจ็บน่าอก พี่แนนไม่ได้ทำอะไรนอกจากก้มตัวลงกอดผมไว้แน่นผ่านผ้าห่ม
 

ผมเคยไม่อยากมีพี่สาว
ไม่สิ ผมเคยไม่อยากมีพี่สาว... เป็นพี่แนน
แต่ทุกครั้งหลังจากนั้นผมก็นึกภาพตัวเองไม่มีพี่แนนในชีวิตไม่ออก
 

กับพี่แนน

ผมรักพี่แนนมาก โตมาก็มีแต่พี่แนนที่คอยเล่นด้วย เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิต นอนเตียงเดียวกัน กินข้าวด้วยกัน ไปโรงเรียนพร้อมกัน ถึงจะทะเลาะกันกี่ครั้งก็คืนดีกันทุกครั้ง ผมมักจะคอยเป็นตุ๊กตาให้พี่แนนแต่งตัวตั้งแต่เด็กแต่พอโตขึ้นสักพักพ่อถึงห้ามพี่แนนแต่งหน้าแต่งตัวผมอีกเพราะกลัวผมจะเบี่ยงเบนทางเพศ นั่นน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมกับพี่แนนเริ่มห่างกัน เราต้องแยกกันดูการ์ตูนเมื่อบาร์บี้กับดิจิม่อนมันเข้ากันไม่ได้ แยกกันเล่น แยกห้องกันนอน เวลาเรียนที่ไม่ตรงกันทำให้เราไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนตอนเด็กๆ 
 
เรามาเริ่มห่างกันจริงๆ ก็เมื่อต่างคนต่างโต ต่างก็ต้องการพื้นที่เป็นของตัวเอง
... โดยไม่รู้ตัว
 
ระยะห่างของผมกับพี่แนนก็เพิ่มขึ้น
ผมเริ่มวิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่ทัน พี่แนนเองก็ไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จนผมหมดแรงจะวิ่งตาม
 
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ความสัมพันของผมกับพี่แนนมันออกมาเป็นแบบนี้
ทั้งอิจฉา ทั้งเข้าใจ ทั้งเกลียด ทั้งรัก
 


“เรื่องลุงน่ะ ตอนแรกพี่ไม่โอเคจริงๆ พี่ไม้อายุมากเกินไปสำหรับเน แล้ว... แล้ว... พี่ตกใจ ตกใจมาก พี่ไม่ได้ตั้งใจจะด่าขนาดนั้น แต่พี่อยากให้เนเข้าใจพี่ น้องชายตัวเองอยู่ในท่าแบบนั้นกับผู้ชายที่ ที่... อายุก็เยอะแล้ว พี่ตกใจมากๆ พี่ขอโทษ”
“เน...”
“เนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยระบายอะไรกับพี่ พี่..​พี่รู้สึกว่าเนยังเป็นเด็กอยู่เสมอ หลายครั้งที่พี่มองข้ามความรู้สึกเน พี่ไม่รู้ว่าพี่เคยพูดอะไรทำร้ายจิตใจเนไปบ้างแต่พี่ไม่อยากให้เนคิดว่าพี่เกลียดเนหรือพี่อยากให้เนรู้สึกแย่ถึงขนาดนั้น หลายๆ เรื่องที่เนพูดมา พี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันทำร้ายจิตใจเนขนาดนั้น ถ้าเราได้คุยกันบ่อยกว่านี้ ถ้าเราไม่พูดกันมากกว่านี้ ถ้าพี่ได้ฟังเนมากกว่านี้มันคงไม่มาถึงจุดนี้ ฮึก พี่ขอโทษ”
“พี่แนน อย่าร้อง”
“วันนี้ทำให้พี่รู้ว่าเนโตขึ้นแล้วมากๆ เลย ไม่ใช่เด็กเล็กๆ ที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ โตจนตัดสินใจได้ด้วยตัวเองแล้ว เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่กลับไม่รู้ตัวเลยว่าเนโตขนาดนี้ตอนไหน สำหรับพี่เนยังดูเหมือนเป็นไอ้เด็กดื้อที่พี่ต้องคอยดูแลอยู่ตลอดเพราะกลัวจะเสียคน”
“...”
“จนบางทีมันอาจจะมากเกินไป จนบางครั้งมันอาจจะผิดวิธี มัวแต่กลัวเนจะออกนอกลู่นอกทางจนไม่ได้สนใจความรู้สึกเราเท่าที่ควร ถ้าคะแนนพี่สาวเต็มสิบพี่คงสอบตก เป็นครั้งแรกเลยที่พี่สอบตก แย่จังน้า” พี่แนนหัวเราะเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวผม
“พี่แนน ฮึก”
“ถ้าพี่ไม้ดูแลเนดี แล้วเนเป็นคนตัดสินใจเอง พี่อาจจะไม่ได้สนับสนุนร้อยเปอร์เซ็นเพราะมันกะทันหันเกินไป แต่... ถ้าพี่ไม้ทำให้เนยิ้ม ทำให้เนสบายใจ ทำให้ไม่คิดทำร้ายตัวเอง”
“...”
“พี่ก็ไม่ขัดอะไร”
“พี่แนน”
“ไม่ดราม่าแล้ว พอๆ ฮึบ...” พี่แนนปาดน้ำตาตัวเองพร้อมกับส่งเสียงฮึบเหมือนกลืนน้ำตาลงคอ “ได้ข่าวว่าเรียนดีขึ้นนี่ วันที่พี่ไปรับเราคุณครูก็ชมมาว่าเหมือนเนผีเข้า ตั้งใจเรียนมากขึ้นเยอะจนผิดปกติ”
“อะไรกัน เนตั้งใจเรียนไม่ดีหรอ งั้นเนจะกลับไปโดดเรียนเหมือนเดิมก็ได้นะ”
“ไม่ได้บอกว่าไม่ดี แค่มันผิดปกติเฉยๆ เอ๊ะ อย่าหาเรื่องทะเลาะได้มะ ได้เด็กคนนี้นี่มันจริงๆ เลยนะ” พี่แนนตีป้าปเข้าให้ที่เหม่งผม
“พี่แนน ลุงคอยช่วยสอนการบ้านเน ก็ไม่ได้ครบทุกวิชาหรอกนะ บางวิชาเนก็ต้องถามเพื่อน”
“พี่ไม้จบมัธยมมากี่ปีแล้ว ไม่แปลกหรอกที่จะลืม”
“ลุงเก่งอังกฤษนะ สอนเข้าใจด้วย บางทีก็สไกป์กับเพื่อนฝรั่งให้เนคุยเล่น ตอนแรกล่กมากเลยฟังไม่รู้เรื่องแต่ตอนนี้... ก็ล่กเหมือนเดิมแต่ก็พอจะเข้าใจนิดๆ”
“...”
“เนเลยอยากเข้าคณะมนุษย์อิ้ง” พอผมพูดจบพี่แนนก็นิ่งไปสักพัก
“ปกติเกลียดอังกฤษจะตายนี่”
“อื้อ เกลียดมากกกก เทนท์อะไรเยอะแยะ”
“อ้าว”
“แต่ตอนนี้รู้สึกสนุกแล้ว อยากพูดได้คล่องๆ ”
“...”
“พี่แนนอย่าไม่ชอบลุงเลยนะ”
“...”
“เนตอนนี้ ไม่มีลุงไม่ได้จริงๆ นะ”
 

[... แล้วตอนอื่นไม่มีได้หรอ]
 

เห้ย!!!
 

ผีลุง!!!
 

 ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงลุง ถุงกับต้องลุกขึ้นมามองซ้ายมองขวาว่าลุงโผล่มาหรอ
แต่ก็ไม่ มีเพียงผมกับพี่แนนในห้อง อะไรฟะ คิดถึงจนหูหลอนไปเองแล้วหรอ ฮือออออ


“ฮืออออออออ ผีลุงงงง”
[ผีอะไร ห่างกันนิดเดียว แช่งกันแล้วหรอ] คราวนี้ผมมั่นใจแล้วว่าลุงต้องอยู่ในห้องแน่ๆ ผมรีบตบผ้าห่มป้าปๆ หาที่มาของเสียง ซึ่งก็ไม่มี
“คิกๆ “
“พี่แนนขำอะไรอ่ะ”
“อ่ะ ให้ยืมคืนหนึ่ง ก็บอกแล้วว่าไม่ขัด แต่ไม่ได้เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็น ไว้พี่ไม้พิสูจน์ตัวเองกับพี่ก่อนถึงจะเต็ม” พี่แนนยื่นมือถือตัวเองส่งมาให้ผม พอรับมาก็เห็นว่าเป็นคอลวิดีโอที่มาหน้าลุงอยู่เต็มจอ อยากจะขำที่สอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำว่าเวลาวิดีโอคอลอย่าเอามาใกล้หน้า แต่ตอนนี้น้ำตามันเอ่อเต็มตาไปหมดจนขำไม่ออก


แหมะ...
เนี่ย อุตส่าห์จะหยุดร้องก็ร้องต่ออีกแล้ว

[หยุดร้องได้แล้ว]
“งั้นพี่กลับห้องแล้ว อย่าลืมทายาที่มือด้วยนะเน ถ้าเจ็บเกินไปก็เรียกได้ พี่พาไปโรงพยาบาล แล้วก็แม่ทำข้าวต้มไว้ให้แต่แช่ไว้ในตู้เย็น ถ้าหิวก็ลงไปอุ่นกินนะ” พี่แนนลูบหัวผมก่อนจะลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง
“พี่แนน”
“หืม? “
“เนรักพี่แนนนะ”
“อารมณ์ไหนมาบอกรัก”
“เนขอโทษที่พูดไม่ดีใส่นะครับ”
“พี่ก็ขอโทษนะ”
“...”
“หายกันนะ” พี่แนนยกนิ้วก้อยขึ้นมาชูเหมือนเวลาที่เราชอบใช้หลังจากทะเลาะกันเสร็จ ผมยิ้มก่อนจะยกนิ้วก้อยตัวเองขึ้นเกี่ยว
“อื้อ”
“จากนี้ก็ค่อยๆ ปรับไปนะ ส่วนพ่อ...” พอพูดถึงพ่อผมรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที กับพี่แนนเรายังคุยกันเหมือนเพื่อนได้ง่าย
 

แต่พ่อ...
 

“เน...”
“อย่าเพิ่งไปคิดมากเลย พ่อเขาหัวโบราณรับเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยได้หรอก มันต้องใช้เวลา ไว้พี่จะช่วยพูดให้อีกแรง วันนี้พักก่อนเถอะ พี่ไม้ก็อย่าชวนเนคุยจนดึกนะคะ” แล้วพี่แนนก็ขยี้หัวผมอีกรอบก่อนจะยิ้มบางแล้วหันตัวเดินออกจากห้องไป พอเสียงประตูปิดผมก็หันกลับมามองมือถือในมือ หน้าลุงยังคงอยู่ใกล้จอเหมือนเดิม


“ลุง”
[หืม]
“ใจร้าย”
[นั่นสินะ] ใบหน้าที่ผมคิดถึงนั่นยิ้มเบาๆ แต่ตีนกาก็ขึ้นมาหลายรอย ผมทิ้งตัวนอนพร้อมกับจ้องลุงผ่านจอมือถือ
“... เนคิดถึงลุง เนอยู่ไม่ได้”
[เราน่ะอยู่ได้อยู่แล้ว]
“ลุง”
[... แต่อยู่ด้วยกันมันดีกว่า พี่ก็คิดถึงเรา] พอถึงตอนนี้น้ำตาผมก็มาออที่หัวตาอีกรอบ ผมเม้มปากแน่น
 


คิดถึงลุง คิดถึงห้องนอน
คิดถึงกลิ่นแชมพู
คิดถึงบ่าอุ่นๆ
คิดถึงปากลุงที่ชอบจูบ

คิดถึงทุกอย่างเลย
 


“ลุง ถ้าพ่อไม่ยอมรับลุง ลุงจะทำยังไง”
[ก็คงทำจนกว่าจะยอมรับ ให้พาหนีคงทำไม่ได้หรอกเลิกคิดไปเลย]
“ลุงรู้ได้ไงว่าเนคิด”
[เราดูละครเยอะ ชอบคิดอะไรเหมือนละคร]
“ลุง... พ่อต่อยเน พ่อเกลียดเนมากแน่เลย” ผมปาดน้ำตาออก รำคาญน้ำตาแต่ก็ห้ามไม่ร้องไม่ได้
[พี่ว่าคุณลุงเขาก็รู้สึกผิดที่ลงไม้ลงมือกับเรา เขาคงโกรธ แต่ไม่ได้เกลียดหรอก]
“เนกลัวมากเลยนะวันนี้ แต่ถ้าลุงไม่อยู่ด้วย เนคงไม่กล้าพูดหรอก เนอ่ะนะเนอ่ะ รู้สึกว่าต่อให้วันนี้ทั้งบ้านไม่รักเนแล้ว ทั้งบ้านจะตัดหางเนปล่อยวัด เนก็ยังมีลุงอยู่ เนเหลือแค่ลุงแล้ว ลุง... ลุงอย่าทิ้งเนนะ เนขออยู่กับลุงก่อน ต่อให้ลุงเบื่อเนแล้วลุงก็อย่าเพิ่งทิ้งนะ เนขออยู่ด้วยก่อน แต่จะหางานทำไม่ให้รบกวนลุงเลย”
[เอ้า ตาบวมหมดแล้ว หยุดร้องได้แล้วเน]
“ฮึก เนอยากกอดลุง
[รหัสห้องพี่เราก็รู้ไม่ใช่หรอ]
“อื้อ”
[มันจะเป็นเลขนั้นไม่มีวันเปลี่ยน มันเป็นที่สำหรับเราอยู่เสมอ อยากมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก]ผมยกผ้าห่มขึ้นมากัด ยิ่งฟังเสียงลุกยิ่งอยากซุกร้องไห้ด้วย อยากกลับห้องลุงแล้วซุกลุงอยู่แบบนั้น
“รหัสมันเปลี่ยนได้นี่”
[งั้นเจอกันคราวหน้าพี่ให้กุญแจไว้เลยก็ได้ นี่ หยุดร้องได้แล้วเน พี่ต้องพูดยังไงเราถึงจะหยุด]
“เนอยากหยุดร้องจะตายแล้ว หายใจไม่ออก แต่พอได้ยินเสียงลุงอ่ะ ฮึก มันช่วยไม่ได้นี่!!!”
[หยุดร้องเถอะ]
“...”
[พี่เจ็บหัวใจจะตายแล้ว]
 

ฮึก...
ลุงบ้า...
พูดจาแก่มาก เหมือนพระเอกละครสมัยก่อนเลย...

 
“ลุง น้ำเน่า”
[... เด็กนี่]
“ว่าแต่จะให้กุญแจเนเลยหรอ กุญแจมีดอกเดียวไม่ใช่หรอลุง”
[อืม]
“อ้าว นี่ลุงให้ห้องเนหรอ”
[... จะว่างั้นก็ได้]
“ลุง รวยมากหรอ”
[พี่รวยกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลยเน] ลุงพูดติดหัวเราะในลำคอ
 

ก็พอจะรู้หรอกนะ พี่แนนก็เคยเล่าให้ฟังบ้างว่าบ้านพี่สีน้ำรวยมาก รวยแบบไปต่างประเทศเหมือนฝรั่งเศสอยู่หน้าปากซอย ส่วนญี่ปุ่นอยู่หน้าบ้าน สมัยเรียนคือแค่เสาร์อาทิตย์ก็บินไปเที่ยว รวยจนตอนรู้จักกันแรกๆ พี่แนนเกลียดขี้หน้ามากแต่สุดท้ายดันกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไงไม่รู้
 

“เบื่อคนรวย แต่เนไม่เอาหรอก ห้องอ่ะ”
[อ้าว...]
“เนอยากได้ห้องที่มีลุงอยู่ไม่ใช่แค่ห้องเฉยๆ “ ถ้าแค่กลับไปเจอห้องเปล่าๆ ก็ไม่เห็นจะน่ากลับไปตรงไหนเลย ห้องของลุงมันน่ากลับไปเพราะมีลุงอยู่ต่างหาก
[หึ เดี๋ยวโตกว่านี้ก็ลืมพี่แล้ว]
“ลุงเลิกพูดเหมือนเนรักลุงเพราะเนเป็นเด็กได้ไหม ทำไม โตขึ้นเนเจอเพื่อนหล่อแล้วเนจะเลิกรักลุงงี้หรอ วู้ว เนไม่ได้รักลุงที่หน้าตานะเพราะถ้าเป็นงั้นเนไม่รักลุงหรอก”
[ถ้าอยู่ใกล้ๆ พี่จะตีให้เหม่งแตกเลย]
“ฮี่~ ล้อเล่น”
[เน พรุ่งนี้น่ะ ขอโทษพ่อแม่เราด้วยนะ]
“...”
[จำที่พี่บอกได้ใช่ไหม]
“แต่เนไม่ผิด เนโดนพ่อต่อยนะ”
[แต่เราก็พูดอะไรทำร้ายจิตใจเขาออกไปเหมือนกัน แยกกันสิ พ่อต่อยเราพ่อก็ผิด แต่บางคำพูดเราก็ไม่ควรพูด ทำใครเสียใจก็ไม่ดีทั้งนั้น พี่เคยบอกเราว่ายังไง]
“...” ผมเงียบไปทันทีที่ลุงพูดจบ หน้าลุงในจอมือถือเหมือนจะยิ้มเหนื่อยอ่อนกลับมาให้ผม
[ก้อนดื้อ ตอบพี่หน่อย]
“อื้อ”
[อื้อ? ] ไม่ย้ำแค่เสียง มีขมวดคิ้วดุด้วย
“ต่อให้มีความผิดแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ก็ต้องขอโทษ”
[เด็กดี... แล้วแผลเป็นไง ที่หน้ากับมือ เจ็บมากไหม]
“อื้อ เจ็บมาก เจ็บสุดๆ ตาเนข้างขวาเนบวมด้วย มันเจ็บตุ้บๆ เลยอ่ะ”
[...]
“เจ็บขนาดนี้ ลุงต้องรีบมาโอ๋เนแล้วนะ” ทำอ้อนไปงั้นแต่ผมเจ็บตาจริงๆ ครับ ผมไม่รู้ว่ายั้งมือไหม แต่จำได้ว่าจังหวะที่หมัดกระทบหน้า ตัวผมกลิ้งแบบเท้าลอยจากพื้นเลย ไม่ทันได้เจ็บ มันชามากกว่า แต่พอนอนไปสักพักผมถึงเริ่มรู้สึก
 

ทั้งเจ็บแก้ม เจ็บตา เจ็บหลังที่กระแทกเก้าอี้ เจ็บมือที่ทุบประตู
ระบมไปทั้งตัวเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากนอนทนไป ได้แค่ถอนหายใจยาว ถ้าผมอยู่กับลุง ถ้าผมกลับไปกับลุง ป่านนี้ลุงคงพาไปทำแผลแถมทำหน้าดุบังคับให้กินยาแล้วแหง
 

เนี่ย...
คิดถึงอีกแล้ว
 

[อย่าอ้อน]
“อยากจูบลุง เนี่ย ถ้าลุงไม่เล่นตัวแล้วจูบเนให้มันจบๆ ในห้องทำงานตั้งแต่แรก วันนี้เนคงคิดถึงจูบลุงน้อยลงแล้ว พอจูบน้อยแล้วต้องห่างกัน เนอยากจูบมากกว่าเดิมอีก”
[งั้นก็ดีแล้ว]
“ดียังไง”
[เนจะได้ ...คิดถึงพี่เยอะๆ] ผมยิ้มให้กับลุงที่หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย อะไรนั่นน่ะ พูดเองเขินเองแบบนี้ก็ได้หรอคนเรา
“ลุง แก่แล้วนะ อย่าทำตัวแบ๊ว”
[นอกจากตีเหม่งแตกพี่ว่าจะหยิกแก้มให้ช้ำด้วยเลยแล้วกัน ไอ้ก้อนดื้อ]
 

‘ ไอ้ก้อนดื้อ ‘
 ฉายาสุดแสนจะคิวต์ที่ลุงตั้งขึ้นมาให้ผม เหมือนจะน่ารัก แต่เอ๊ะ ฟังไปมาเหมือนก้อนขี้เลย ลุงตั้งใจให้เหมือนรึเปล่านะ แล้วลุงก็พูดไปงั้นแหละ พอผมมีแผลหน่อยก็มานั่งทำหน้าหงุดหงิด คนแก่นี่ปากแข็งแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ
 

เอ๊ะ
 
แต่ลุงก็ปากนิ่มอยู่นะ
 

“ลุง”
[หืม]
“เนอยากเข้ามนุษย์อิ้ง”
[โอ้] ลุงอุทานเหมือนตกใจก่อนจะยกยิ้ม [เลิกเกลียดภาษาอังกฤษแล้วหรอเรา เห็นปกติเจอแบบฝึกอังกฤษก็งอแงแล้ว]
“เกลียดเหมือนเดิม”
[อ้าว...]
“เลยอยากรู้ว่ามันจะแน่สักแค่ไหนไอ้อังกฤษเนี่ย”
[เห้อ เด็กบ้า] ถ้าเราอยู่ด้วยกันลุงคงยีหัวผมจนฟูแล้ว โทษฐานพูดจาเด็กเกินลุงเข้าไม่ถึง ถึงงั้นลุงก็เริ่มจะใช้คำวัยรุ่นขึ้นเยอะแล้วนะครับ แน่นอนว่าอาจารย์ทางด้านภาษาไม่ลุงศาสตร์ก็คือผมเอง อาจารย์เน!!!
“ถ้าเนสอบติด ลุงจะให้อะไรเป็นของขวัญเน”
[ถ้าเราสอบติดมันเกี่ยวกับพี่ซื้อของขวัญยังไง]
“ลุงอย่าขี้สงสัยสิ ตอบเนมาก่อน”
[พาไปเที่ยว]
“ทะเลหรออออออออ” ผมยิ้มตาปิดเมื่อนึกถึงว่าจะได้ไปทะเล ดีเหมือนกัน รอบที่แล้วยังไม่สะใจเท่าไหร่เลยเพราะไปได้ไม่กี่วัน อยากอาบแดดแบบในหนังฝรั่งให้ตัวแทนเป็นมันเผาเลยยยยย
[ไปวัด]
 

... พีค
อะไรของลุง ทำไมต้องไปวัด เกิดรักศาสนาขึ้นมาเลยหรอ เห้ย หรือว่าเพราะแค่พ่อแม่ผมไม่ยอมรับลุงเลยอยากบวช เห้ยยยย นี่มันเกินไปแล้วนะ!!!
 

“ลุง แค่พ่อกับแม่เนยังไม่ยอมรับ ลุงถึงกับต้องพึ่งทางบุญแล้วหรอ ลุงบวชไปพ่อเนก็ไม่ได้จะชอบลุงหรอกนะ ลุงบาปกว่าเดิมอีกนะ เพราะลุงจะเป็นพระแก่ที่ชอบเด็ก ดูดิ ฟังดูบาปกว่าแค่ลุงที่ชอบเด็กเฉยๆ อีกนะ”
[... วัดอาซากุสะ]

 
เอ๊ะ คุ้นๆ ผมเหลือบตามองบนเล็กน้อยเพราะรู้สึกคุ้นชื่อวัดมาก ฟังดูก็รู้ว่าคงไม่ใช่วัดไทยหรือวัดจีนในแถบกรุงเทพแน่นอน

อาซากุสะ อาซากุสะ
คุ้นๆๆๆ เหมือนเคยไปมาก่อน คุ้นมากๆ อาซากุสะ
 
อาซา... อ๊ะ
 

“ลุง วัดมันอยู่ญี่ปุ่นป่ะ เนว่าเนเคยไปซื้อเครื่องรางที่วัดนั้น”
[ใช่]
“ลุงจะพาเนไปญี่ปุ่นหรอ!!!!”
[อืม ฟรีทั้งทริป]
“โอมายก็อดดดดดดดดด เนรักลุงงงงงง โอ๊ะ เจ็บปาก” เผลอโวยวายเกินไปเล็กน้อย แผลที่ปากแตกเลยตึงขึ้นมาเสียแบบนั้น พอผมครางว่าเจ็บแผลลุงก็ขมวดคิ้ว
[ทายาด้วยนะเน]
“อื้อออออ”
[อื้อ?]
“คร้าบบบบ ครับผมมมม เนจะเป็นเด็กดี จะตั้งใจติวเลย ลุงพูดแล้วลุงพูดแล้ว เอ๊ะ ลุงพูดใหม่ได้มะ เดี๋ยวนะจะอัดหน้าจอไว้ เผื่อลุงเบี้ยวขึ้นมา”
[ไม่เบี้ยวหรอกน่า นอนได้แล้วไอ้ดื้อ]


ชิ...
รู้หรอกว่าคนอย่างลุงคงไม่เบี้ยวเรื่องแบบนี้หรอก ผมยู่หน้ายู่ตาก่อนจะล้มตัวถึงผ้าห่มขึ้นมาปิด เหลือแต่ลูกตาที่มองจ้องจอ


“ลุง ฝันดีนะ”
[อืม ฝันดี]
“อย่าเพิ่งวางจนกว่าเนจะหลับนะ”
[อืม]
“อืม?” ผมย้อนกลับแบบที่ลุงชอบทำ
[หึ... ครับ เข้าใจแล้ว นอนซะ]


 
ผมขยับตัวเข้าไปใกล้มือถือพี่แนนอีกนิดหน่อย เพื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่มโนเอาว่าเหมือนได้ใกล้ลุงเข้าไปมากขึ้น พอจัดที่จัดทางเรียบร้อยก็หลับตาลง วันนี้ผมเหนื่อยมามากแล้ว วันพรุ่งนี้ก็อาจจะเหนื่อยเหมือนเดิมหรืออาจจะเหนื่อยมากขึ้น
 
แต่ผมจะไม่เป็นไรเพราะผมยังมีคนรอยินดีและปลอบใจอยู่เสมอ
ต่อให้ไม่มีญี่ปุ่นมาล่อ ผมก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับไปอยู่กับลุง 
 
การหลับตานอนเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ในคืนนี้ แต่เพราะมีลุงอยู่ข้างๆ แม้จะมาในรูปแบบคอลไลน์ แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าโลกของผมยังหมุนต่อ
 
โลกของผม
คือโลกที่มีลุงอยู่ด้วย
 
แล้วคืนนั้นผมก็หลับลงอย่างง่ายดาย 
 
             


--


หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 19 [10/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 11-03-2020 13:05:43
สงสารน้องเนน้ำตาไหลตามน้องเลย
ไอ้ตัวดื้อ ร้องไห้ไปยังจะกวนลุงไปได้อีก มันน่าเข้วจริงๆ อดทนนะเน หนูเก่งมากแล้ว ลุงต้องรักเน หลงเนคนเดียว เชื่อป้าลู้กกก

 :pig4: หายไปนาน กลับมาอีกจุใจมากกก มีน้องหญิงกับพี่พี่ มาร่วมแจมด้วย คิดถึงงงง
เจ้าตัวดื้อ ก็นับวันยิ่งน่าเอ็นดู เจ้าแสบเอ้ยย รวบรับจับลุงเป็นเเฟนได้หน้าตาเฉย อ่านไปขำไปอ่าน เนลู้กกก
ส่วนลุง ก็ได้แต่เอาใจช่วย ให้รอดคุกไปวันๆ แฟนเด็กยั่วเร้าหัวใจ ให้ทำบาปเหลือเกิน :hao7:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 19 [10/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 11-03-2020 15:37:20
ขอให้คุณพ่อเข้าใจเนในเร้ววันด้วยเถอะ สาธุ :hao5:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 19 [10/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 11-03-2020 16:13:22
 :hao5: สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 19 [10/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 12-03-2020 16:27:43
 :sad4: น่าสงสาน้องมากๆๆ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 19 [10/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 12-03-2020 20:30:58
เพิ่งมาอ่านสนุกมากเป็นกำลังให้ก้อนดื้อและลุงไม้นะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 19 [10/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 13-03-2020 14:43:06
น่ำตาไหลหนักมาก
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 15-03-2020 19:57:07
#สามหกสิบแปด 20

กุ๊งกุ๊งที่ 20 : นักรบหัวจุกน้ำพุที่ต้องสู้





และก็เป็นเช้าอีกหนึ่งวันที่ผมตื่นอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เพราะนาฬิกาปลุกเพราะผมไม่มีมือถืออยู่กับตัว แต่เป็นเพราะว่า



ผมฝันร้าย!!!

ร้ายสุดๆ !!!



ผมฝันว่าลุงในสภาพหัวโล้นห่มผ้าเหลืองเดินมาหอมหัวผมแล้วบอกว่า



‘เด็กดีของพี่ ตั้งใจเรียนแล้วไปคิโมจี้กันที่ญี่ปุ่นนะจ๊ะ’



บาปปปปป บาปมาก บาปไม่ไหวแล้ว

อะไรทำให้ผมฝันแบบนั้นไปได้ พระลุงเวอร์ชั่นหื่นกามเนี่ยนะ ต้องเป็นเพราะแผลระบมบนหน้าบนตัวแน่นอนๆ แน่ๆ ไม่มีทางที่มันจะมาจากจิตสำนึกผมแน่ๆ โอ๊ยยยยยยยยยย อยากจะบ้าตายยยยย



พระลุงเนี่ยนะ

พระลุง!!!!



เพราะลุงคนเดียวเลยที่จู่ๆ ก็พูดเรื่องวัดขึ้นมาเมื่อวาน วันนี้ผมเลยเพ้อเจ้อแต่เช้าเลย มีที่ไหนฝันถึงพระ ฮึ่ย!!!



ก๊อกๆ





“น้องเน ตื่นไหวไหมลูก วันนี้ไปโรงเรียนไหวไหม” เสียงแม่ดังมาจากหน้าประตูห้อง ผมที่กำลังทุบหัวตัวเองกับความฝันแสนพิลึกเลยต้องรีบหยุดนิ่ง

“วะ ไหวแม่ เนจะไปโรงเรียน”

“โอเค แม่ทำไส้กรอกปลาหมึกไว้เป็นข้าวเช้านะลูก”

“อื้มมม เอ้ย ครับบบบบบบ” ผมขานรับก่อนจะรีบลุกไปอาบน้ำ ไม่ลืมล้างหน้าพร้อมกับพูดฝันร้ายจงกลายเป็นดีสามรอบแก้เคล็ดด้วย

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมากินข้าวเช้าปกติ ที่ไม่ปกติวันนี้ก็น่าจะเป็นพ่อที่มานั่งดื่มกาแฟอยู่ในห้องครัว แปลก ปกติพ่อไม่ตื่นเช้าขนาดนี้ แถมมานั่งกินข้าวเช้าด้วย แปลกสุดๆ ผมลังเลอยู่นิดหน่อยว่าควรจะทำตัวอย่างไร ควรเมินดีไหมเพราะพ่อก็ทำไม่ถูกที่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับผมเมื่อวาน มันเกินไป ต่อไม่เคยต่อยผมมาก่อน แต่พอจะไม่ไหว้ก็นึกถึงคำพูดลุงเมื่อวานขึ้นมา

เฮ้อ ลุงนะลุง

“พ่อ สวัสดีครับ”

“แค่กกกก” เป็นพ่อแทนที่สำลักกาแฟออกมา ผมมองพ่อพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย จะว่าไปลุงก็ทำตัวเหมือนพ่อนิดหนึ่งแหะ

“แม่ มีซอสมะเขือเทศไหม”

“มีๆ พอดีเมื่อวานก่อนพี่แนนสั่งพิซซ่ามากินที่บ้านแล้วเขาแถมซอสมาให้เสียเยอะเลย” แค่รู้ว่ามีก็ดีใจแล้ว ผมทรุดตัวนั่งลงบนที่นั่งเยื้องกับพ่อ ไม่เลือกเผชิญหน้าตรงๆ แค่เกือบตรงๆ ก็พอแล้วกันนะ ถึงจะนั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกันแต่ก็ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นมีแค่เพียงเสียงเคี้ยวหงับๆ ของผมกับเสียงเปลี่ยนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ของพ่อ



อึดอัด...

ผมรีบๆ เคี้ยวไส้กรอกเพื่อที่จะได้รีบไปโรงเรียน อยากเจอลุงจะตายอยู่แล้ว



“เน รีบกินทำไมนัก เดี๋ยวติดคอนะลูก”

“เปล่ารีบ เนหิวหรอก”

“เดี๋ยววันนี้พ่อเขาไปส่ง ไม่ต้องรีบไปขึ้นรถเมล์หรอก” พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ขมวดคิ้วทันที

“เนไปเองได้”

“จะไปส่ง” เสียงพ่อดังขึ้นทำเอาผมแอบใจฝ่อไปเล็กน้อย

“แต่เนไปเองได้”

“คิดว่าไม่รู้หรือไงว่ารีบไปเพราะอะไร”

“ตะ แต่ เนจะไปเอง” ผมกำหมัดแน่น พ่อรู้ พ่อรู้แล้ว

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำหลายๆ รอบ” ผมกัดปากตัวเองแน่น ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้แล้วแท้ๆ

“นะ เนจะไปเอง พ่อไม่ต้องไปส่ง”

“มันไม่มาหรอก”

“...”

“พ่อให้แนนโทรบอกแล้ว”

“...”

“ไปขึ้นรถ”



ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย...

ผมได้แต่กลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น หัวใจผมบีบตัวจนรู้สึกเจ็บ มือของผมกำแน่นจนรู้สึกได้ถึงเล็บที่จิกเข้าไปในเนื้อ



ต่อให้ผมพูดทุกอย่างที่รู้สึก

ต่อให้ผมโดนทำร้ายจนเจ็บไปทั้งตัว

ต่อให้ผมขอร้องจนแทบจะกราบ

... ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป



ระหว่างทางจากบ้านมาโรงเรียน ผมไม่แม้แต่จะพูดอะไรไปออกไปสักคำ ได้แต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกรถ ขนาดความสุขเล็กๆ แค่ได้เจอหน้าก่อนเข้าเรียนก็ยังหายไป ทำไมต้องใจร้ายกันขนาดนี้ด้วย



“เลิกเรียนพ่อจะมารับ”

“เนอยากกลับเอง”

“เน”

“เนอยากกลับเอง ปกติพ่อก็ไม่เคยรับส่งเน พ่อจะทำทำไม”

“จะมารับ แค่นั้นแหละ”

“...” ผมไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะรู้ว่าพูดอะไรไปพ่อก็ไม่เคยเข้าใจอยู่ดี ไม่ใช่พี่แนนก็เหนื่อยหน่อย เฮ้อ เนี่ย อุตส่าห์จะพยายามไม่พาลพี่แนนแล้วแท้ๆ

พอรถจอดหน้าโรงเรียนผมก็เปิดประตูลงมาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีแม้แต่จะหันไปพูดอะไรกับพ่ออีก ผมกวาดสายตามองหน้าโรงเรียนก็ไร้ซึ่งเงาลุง ก็คงเป็นไปตามที่พ่อบอก

ไร้กำลังใจจะเข้าเรียนชะมัด



“นายๆ” ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินเข้าโรงเรียน ก็มีเด็กนักเรียนที่ผมไม่รู้จักเดินเข้ามาแตะไหล่

“หืม?”

“พ่อนายฝากเอาของมาให้ เขาบอกว่านายลืมไว้บนรถ”



ลืม?

ลืมไรวะ...

กระเป๋านักเรียนก็เอาลงมาหมดแล้วนี่นา...

ถึงงั้นผมก็รับถุงกระดาษนั่นมาพร้อมกับเอ่ยขอบคุณไป พอผมเปิดถุงกระดาษปริศนานั่นดูก็เห็นว่าเป็นถุงยากับแซนวิช บนถุงยามีโพสอิทเล็กๆ เขียนด้วยลายมืออ่านแสนจะยาก เจ้าของลายมือเคยบ่นว่าผมลายมือเหมือนถั่วงอก ส่วนตัวเองเขียนยึกยืกเหมือนไส้เดือนผมยังไม่เคยบ่นเลย ผมอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นข้อความบนกระดาษ



‘ก้อนดื้อต้องเป็นก้อนที่ตั้งใจเรียน

ปล. ทายาแล้วก็กินยาด้วย ’



ก้อนดื้อแบบนี้ มีอยู่คนเดีย

พออ่านจบผมก็เงยหน้าขึ้นมองซ้ายมองขวาหาเจ้าของโพสอิทแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา



“นาย คนที่ฝากมาอยู่ไหนอ่ะ”

“พ่อนายอ่ะหรอ ไม่รู้ว่ะ เหมือนเขารีบเดินขึ้นตึกนั้นไปแล้ว” พอผมมองตามมือไปก็เห็นเป็นตึกออฟฟิสของลุง

“...”

“เออ พ่อนายฝากมาบอกอีก”

“ว่า?”

“ตั้งใจเรียนจะได้ไปวัดด้วยกัน …อันนี้ไม่ชัวร์นะ อาจจะฟังผิด ไม่น่าใช่วัดหรอก” มันคือวัดนั่นแหละ ผมอมยิ้มจนเห็นแก้มตัวเองยกขึ้นเป็นเนินตรงหางตา

“เออ แต๊งกิ้วมาก”

“เค” ผมยิ้มตอบเด็กนักเรียนตรงหน้า เหมือนจะเคยเห็นหน้าตอนกินข้าว น่าจะอยู่ห้องห้าถ้าจำไม่ผิด แต่ช่างเถอะ ผมเลิกสนใจแล้วก้มลงมองโพสอิทในมืออีกรอบ เฮ้อออ ไม่รู้ว่าลุงจะรู้ไหม แต่ไอ้ซื้อน้ำซื้อขนมมาให้ทุกวันเนี่ย โคตรเป็นการจีบของเด็กมัธยมเลย นี่ถ้ามีคิทแคทที่มีคำเขียนเสี่ยวๆ ข้างหลังนี่ตามสูตรเลยนะ



ถึงจะเป็นแค่ของชิ้นเล็กๆ แต่ก็เหมือนเป็นการชาร์จพลังจนเต็มหลอดได้

เฮ้อ...

อยากเจอลุงเป็นบ้าเลย



“เชี่ยหนูเน หน้ามึงไปโดนอะไรมาอีก มึงไปเปรี้ยวตีนใครมา” ไอ้กันเดินมาจับคางผมให้หันซ้ายขวา มาเปรี้ยวตงเปรี้ยวตีนอะไรของมัน

“มึงว่าตีนใคร”

“เชี่ย!!! อย่าบอกนะ!!!”

“...”

“ตีนกาหรอ!!!”

“อยากเจอตีนกูแทนไหม”

“ย้อเยว่นนนนนน ใครวะ กูจะตอบลุงก็ไม่น่าใช่ แม่งโอ๋มึงเหมือนลูก”

“ตีนพ่อกูเอง”

“แหนๆ จะเล่นมุกพ่อที่ไม่ได้แปลว่าพ่อใช่ไหม”

“พ่อแท้ๆ ”

“...อุ๊” ไอ้กันถึงกับชะงัก “เอ่อ... คือ เอ่อ กูไม่ได้ตั้งใจ”

“ช่างมันเถอะ กูไม่อยากนึกถึง”

ถึงจะจิตว้าวุ่นแค่ไหนแต่พอเข้าห้องเรียนผมก็พยายามทำสมาธิให้ฟังครูให้ได้มากที่สุด จดบางอย่างที่ไม่รู้ไม่ได้จดหมดทุกตัวอักษร พอง่วงก็งีบสิบนาทีค่อยตื่นมาเรียนต่อ เป็นอย่างนั้นบนไปทุกคาบคนเลิกเรียน ผมกวาดของลงกระเป๋าเตรียมพร้อมจะวิ่งไปออฟฟิสลุงแต่พอเดินพ้นรั้วโรงเรียนมาก็ต้องขมวดคิ้ว



พ่อ...



พ่อยืนรอผมอยู่หน้าโรงเรียน



“เชี่ยเน นั่นพ่อมึงไม่ใช่เรอะ” ไอ้กันศอกเอวผมยิกๆ ไม่รู้มันจะมาย้ำทำไม เออ รู้แล้วโว้ยว่าพ่อกู เจอมาทั้งชีวิตคิดว่าจำหน้าไม่ได้เรอะ เซ็ง

“เน ขึ้นรถ”

“...” ได้แต่ถอนหายใจยาวเหยียด พ่อไม่ได้พูดประโยคคำถามแต่เป็นประโยคคำสั่ง และผมก็รู้ว่าไม่มีสิทธิเถียง แปลกใจเล็กน้อยที่พ่อหาที่จอดได้ ปกติแล้วหน้าโรงเรียนผมไม่ค่อยจะมีที่จอดให้หรอก นอกเหนือจากจะมารอสักสองชั่วโมงก่อนเลิกเรียน ซึ่งพ่อแม่คนอื่นผมว่าคงทำได้ชิวๆ

แต่พอเป็นพ่อผม

เหอะ... ไม่มีทาง

นี่แทบจะเป็นการรับส่งผมมาโรงเรียนครั้งแรกในรอบสามปีเลยมั้ง ปกติจะเป็นพี่แนนกับแม่มาตลอด อยากจะกรอกตาบน คุมขังเป็นนักโทษอะไรขนาดนี้ รู้ทันไปหมดว่าผมคงรีบวิ่งออกไปลุงหลังเลิกเรียน ผมปิดประตูรถแล้วก็หยิหูฟังขึ้นมาเปิดเพลง ไม่อยากคุย ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว

“เน”

“...”

“แนนมาบอกว่ามีคณะที่อยากเข้าแล้วหรอ” อารมณ์ไหนอ่ะ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ลดหูฟังในมือลง

“อื้อ เอ้ย ครับ”

“อืม”

“อ...”



อืม?

ผมถึงกับขำในใจเมื่อเกือบจะหลุดอืมถามออกไป ถ้าเป็นลุงทำเสียงอืมเหมือนคำถามแปลว่าให้แก้เป็นครับแทน ลุงบอกว่าผมชอบตอบผู้ใหญ่ห้วน ไม่น่ารัก เพราะงั้นเวลาผมตอบอื้อหรืออืมลุงจะแก้ให้ตอบว่าครับแทนเสมอ

และด้วยความเหมือนพ่อรู้ว่าผมรอจะไปวิ่งไปหาลุงทุกครั้งที่เลิกเรียน ทำให้พ่อลงทุนขับรถรับส่งผมอยู่จะสองอาทิตย์ อืม อีกนิดนึงมันก็เกือบเดือนแล้ว

เกือบเดือน...

โอ๊ยย นี่มันกี่วันผ่านไปแล้วที่ผมไม่ได้เจอลุงตัวเป็นๆ !!!!

ได้แต่เจอวิญญาณลุงผ่านแชทแล้วก็วิดีโอคอลก่อนนอน ผมคิดถึงลุงมากจนไม่ยอมกดวางสายก่อน แล้วก็เป็นลุงที่เป็นคนกดวางหลังจากผมหลับแล้วเสมอ



คิดถึงลุงเป็นบ้า....

คิดถึงลุง...



ตลอดหลายอาทิตย์ การนั่งรถไปโรงเรียนถือเป็นความทรมานเหมือนนั่งรถไปคุก ความทรมานในห้องเรียนยังเทียบไม่ได้กับความที่ต้องนั่งอึดอัดกับพ่อในทุกเช้ากับเลิกเรียน แค่คิดว่าต้องเป็นแบบนี้ทุกวันจนกว่าสงครามในหัวพ่อจะจบก็รู้สึกอยากจะกลั้นใจตาย

แต่ถึงอย่างนั้น

ด้วยข้าวกล่อง ขนม น้ำผลไม้ในทุกเช้าที่ลุงแอบฝากนักเรียนคนอื่นมาให้ก็ถือเป็นสิ่งละลายความทรมานให้กลายเป็นกำลังใจก่อนเข้าเรียนได้เป็นอย่างดี ไม่น่าเชื่อว่าของเล็กๆ น้อยๆ นั่นมันจะทำให้ใจฟูได้ขนาดนี้ พอจะเข้าใจพระเอกในการ์ตูนญี่ปุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว

ผมน่ะ อยากมาเรียนทุกวันเพราะลุ้นว่าของให้ถุงตอนเช้าจะเป็นอะไร ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงยังเลือกของมาให้ไม่ซ้ำกันสักอย่าง



เนี่ยแหละมั้ง ความโรแมนติกแบบลุงๆ



วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พ่อมารับหลังเลิกเรียน พอรถจอดผมก็รีบเปิดประตูรถเตรียมวิ่งเข้าบ้าน แต่ก่อนจะเปิดประตูบ้านก็แอบเห็นรองเท้าปริศนาถอดอยู่บนชั้น



เหมือนรองเท้าลุง...

ไม่น่าใช่หรอก สงสัยรองเท้าใหม่พ่อ คนแก่นิยมสไตล์นี้สินะ

ช่างเถอะ...



ผมรีบเปิดประตูบ้านเมื่อเห็นว่าพ่อเดินตามมาด้านหลัง พอเปิดประตูบ้านเสร็จก็เตรียมวิ่งขึ้นห้อง แต่ติดที่ว่าผมกวาดตาเห็นหัวคุ้นๆ นั่งหันหลังในบนโซฟากลางบ้านเสียก่อน



“ลุง?”

“อ้าว กลับมาแล้วหรอ”



เฮอะ...

ผมภาพหลอนหรอหรืออะไร ได้แต่กระพริบตาปริบๆ มองภาพลุงวางแก้วกาแฟแล้วลุกขึ้นยืนจัดเสื้อตัวเอง ใบหน้าที่ผมโคตรจะคิดถึงนั่นดูโทรมขึ้นเล็กน้อย งงไปหมดแล้ว ลุงมาอยู่ที่บ้านผมได้ยังไง แอบพ่อเข้ามาหรอ?



“ลุง ไปซ่อนเร็ว พ่อจะมาแล้ว!!!”

“ตะโกนดังขนาดนั้นคงซ่อนไม่ทันหรอก” เสียงพ่อดังมาจากด้านหลังทำเอาผมเลิ่กลั่กไปหมด ไม่รู้จะทำยังไงดี ทำไงดี เอาผ้าห่มมาคลุมได้ไหม ไม่อยากให้ลุงหายไปอีกรอบแล้ว

“เน ใจเย็นๆ”

“ลุง ลุง” ผมน้ำตาคลออีกรอบเมื่อรู้ว่ากำลังจะต้องแยกกันอีกแล้วหรอ เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำ

“พ่อเราเป็นคนเรียกพี่มา ไม่ต้องร้องไห้”

“เอะ เอ๊ะ?”

“พ่อมาหาพี่ระหว่างที่รอรับเราที่โรงเรียน”

“พ่อ...”

“ไปนั่ง” พ่อชี้ไปที่โซฟา ซึ่งผมก็รีบวิ่งไปนั่งตามคำสั่ง คิดไปคิดมาเหมือนสั่งหมาเลย ชี้นิ้วปุ๊ปวิ่งปั๊บ ผมเลือกที่จะนั่งลงข้างลุง แอบสูดกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยเข้าปอดฮึบๆ เผื่อต้องแยกกันอีกรอบก็ยังมีกลิ่นให้หายคิดถึง

“เกิดอะไรขึ้น เนงงไปหมดแล้ว”

“พ่อคุยกับคุณไม้แล้ว”

“พ่อคุยกับลุง?”

“คุณไม้” พ่อย้ำเสียงดุผมเลยต้องรีบเปลี่ยน

“เน มะ หมายพ่อคุยกับพี่ไม้หรอ คุยได้ไง คุยอะไร” ยอมเรียกพี่ไม้ให้ก็ได้หรอกนะ เห็นว่าพ่อดุเถอะ!!!

“แนนมาพูดกับพ่อ... หลายครั้ง”

“...” พี่แนนงั้นหรอ

“มันมีหลายอย่างที่พ่อคิดว่ามันไม่ถูกต้อง แนนเองก็เห็นด้วย... เรื่องอายุ” พอถึงตรงนี้ผมก็หน้าเจื่อนลง อายุอีกแล้ว ขอเป็นเรื่องอื่นที่ผมแก้ไขได้ไหม เรื่องอายุนี่มันเร่งเกิดก่อนไม่ได้จริงๆ นี่

“แต่...”

“อย่าเพิ่งขัดผู้ใหญ่”

“แต่ว่าเน -”

“เน” ลุงหันมาส่งสายตาดุผม ผมเลยต้องยอมเก็บความคิดตัวเองกลืนเข้าลำคอ

“หึ แนนมาบอกหลายเรื่องทั้งเรื่องมีคณะที่อยากเข้า เรื่องตั้งใจเรียนมากขึ้นซึ่งก็ไม่ได้น่าเชื่อเท่าไหร่นัก แต่วันนี้เข้าไปคุยกับครูประจำชั้นเขาก็มายืนยันว่าเนตั้งใจเรียนขึ้นผิดหูผิดตาเหมือนโดนทำของ”

“...”

“พ่อจะยอมให้คบหาดูใจกัน”

“พ่อ!!!” ผมตะโกนเรียกพ่อลั่นบ้าน อย่างพ่อเนี่ยนะ พ่อเนี่ยนะ!!!!



เมื่ออาทิตย์ก่อนยังตั้งแง่หนาเป็นกำแพงมาเรีย ไม่ยอมรับขนาดนั้นจะมายอมรับได้ในระยะเวลาแค่นี้เนี่ยนะ

ต้องมีใครทำของ ต้องมีใครทำของแน่ๆ !!!



“แต่...”

“...”

“ระหว่างนี้กว่าเนจะสอบติดคณะที่ตั้งใจ”

“...”

“พ่อขอสั่งห้ามติดต่อกัน”



พอพ่อพูดจบผมก็ใจหล่นไปอยู่ที่เท้าอีกรอบ ตอนนี้เพิ่งเข้ามกรามันอีกตั้งเป็นเดือนกว่าจะสอบแกทแพท ไหนจะรอประกาศคะแนน รอยื่น รอประกาศอีก มากกว่าสามเดือนแน่ๆ



ว่าแล้ว...

พ่อไม่มีทางเปลี่ยนเป็นคนใจดีขนาดนั้นได้หรอก...



“เน ทำได้ไหม” ลุงหันมาถามผม ผมรีบส่ายหน้าทันที

“ไม่ได้ ทำไม่ได้ มันตั้งเป็นเดือนนะลุง ไม่เจอเป็นเดือนนะ มากกว่าสามเดือนนะลุง นี่ยังไม่ได้สอบแกทแพทเลย ไหนจะยื่นอีก”

“แค่สามเดือนเอง”

“แต่... ทำไม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย เนตั้งใจเรียนได้ เนไม่เข้าใจพ่อเลย ตั้งแต่มีลุงเนก็ตั้งใจเรียนมาตลอด...”

“แล้วถ้าไม่มีล่ะ” พ่อพูดสวนขึ้นมาทันที

“...”

“พยายามทำอะไรด้วยตัวเองให้พ่อเห็นหน่อยเน อย่าเอาตัวเองไปพึ่งคนอื่นทั้งตัว ถ้าวันหนึ่งไม่มีพี่เขาแล้วจะอยูู่ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรอ”

“แต่...”

“พ่อถามแค่คำเดียวว่าทำได้ไหม”



ผมกลืนน้ำลายอึดใหญ่ลงคอ

ผมต้องไม่มีลุงอยู่ข้างๆ เป็นเดือน มันน่ากลัวไปหมดเลย ลุงเองก็เหมือนรู้ถึงได้เลื่อนมือมากุมมือผมไว้ ผมหันไปสบตากับลุง ลุงจ้องกลับมานิ่งๆ พร้อมกับยกยิ้มขึ้น



รอยยิ้มที่ผมคิดถึง

รอยยิ้มที่เห็นแล้วรู้สึกเหมือนถูกลูบหัวอยู่

รอยยิ้มที่เห็นแล้วรู้สึกว่ามีคนเข้าใจอยู่

รอยยิ้มที่ทำให้รู้ว่าต่อให้แพ้จากที่ไหนมาก็จะมีมันปลอบอยู่เสมอ

ผมมองรอยยิ้มนั่นแม้มันจะเบลอจากกลุ่มก้อนน้ำตาน่ารำคาญก่อนจะเอ่ยคำตอบออกมา



“อื้ม”

“อื้ม?”

“ครับ..”

“...”

“เนทำได้” ผมบีบมือลุงแน่นหลังจากตอบออกไป ไม่อยากทำเลยแท้ๆ แต่ถ้าเป็นทางเดียวที่ทำให้พ่อยอมรับและลุงก็คิดว่าผมทำได้ ผมก็ต้องทำได้

“โอเค งั้นก็ลากันให้เสร็จ ส่งแขกด้วย” พูดจบพ่อก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ไม่แม้แต่จะหันมารับไหว้ลุง พอพ่อเดินออกไปลุงก็ลุกขึ้นยืน

“ป่ะ ไปส่งพี่หน่อย”

“ลุง...”

“ห้ามร้องแล้วเน พี่รู้ว่ามันยาก”

“ฮึก...”

“มันไม่ได้ยากสำหรับเราคนเดียวหรอก” ลุงยื่นมือมาตรงหน้าผม ผมเลยยื่นมืออกไปจับ แล้วลุุงก็ออกแรงดึงผมเข้าไปกอด

“ลุง...”

“พี่จะรอ ถ้าจะกังวลเรื่องพี่ไม่ต้องกังวล พี่มีแต่เรา”

“แต่เนกลัว... ถ้าเนทำไม่ได้”

“ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ลุงส่งยิ้มมาให้ผม

“ลุง สามเดือนมัน ไม่ มันอาจจะมากกว่าสามเดือน สะ สอบ สอบเดือนไหน ยื่นเดือนไหน”

“ใจเย็นๆ เน”

“จะให้เนเย็นได้ยังไง ลุงไม่รู้หรอว่าเนอึดอัดแค่ไหน!!!”

“รู้สิ...”

“ฮึก...”

“รู้ดีกว่าเราอีกมั้ง...” ลุงส่งยิ้มบางๆ มาให้ผม

“แต่ แต่”

“พยายามให้เต็มที่ อย่าเพิ่งไปคิดว่าจะทำได้หรือไม่ได้ อย่ารีบกดดันตัวเอง”

“เนเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นนะลุง เนเพิ่งจะมาทำความเข้าใจ เนเพิ่งจะเริ่มติว คนอื่นเขาติวกันมาตั้งนานแล้ว เนจะไปสู้ได้ไง” ผมสะอื้นจนตัวโยน ถ้าเป็นเด็กรุ่นผม บางคนเตรียมตัวมาตั้งแต่ม.สี่ แล้วผมที่เพิ่งจะมาเริ่มติวจริงจังตอนช่วงก่อนจะสอบไม่กี่เดือนแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้กัน

“คิดในแง่ดีอย่างน้อยก็ได้เริ่ม ก็คงต้องพยายามให้หนักขึ้น... แต่ก็เอาเท่าที่ทำได้”

“ฮึก...”

“ไม่ร้องน่า”

“ทำไมเนต้องเรียนเก่งถึงจะรักใครสักคนได้หรอลุง”

“...”

“ทำไมเนแค่รักเฉยๆ เหมือนคนอื่นไม่ได้”



ทำไมคนอื่นถึงมีความรักปกติได้ ไม่เห็นต้องมาเรียน มาสอบติดอะไรก่อนเลย เพราะเป็นเกย์หรอ เพราะเราไม่ใช่ผู้หญิงผู้ชายหรอ หรือเพราะแค่วัยเราต่างกัน ทำไมผู้ใหญ่ถึงต้องทำอะไรซับซ้อนมีเหตุผลไปหมด ทำไมแค่รักกันมันไม่ได้



ไม่เข้าใจ

โลกของผู้ใหญ่น่ะ ไม่เข้าใจสักนิดเลย



“เน...”

“เนไม่เข้าใจ”

“พ่อแค่เป็นห่วงเรา เราน่ะ... ไม่ได้ต้องเรียนเก่งถึงจะรักใครได้ ไม่ต้องประสบความสำเร็จหรอก แต่พ่อเขาแค่อยากให้เรายืนได้ด้วยตัวเองในวันที่ความรักนั้นมันไม่เป็นไปตามที่เนฝัน ตอนนี้เนอาจจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อไหร่ที่เนโตมากกว่านี้ เนจะเข้าใจเหตุผลของพ่อ”

“ไม่เป็นตามฝันเน? หมะ หมายความว่าไง ลุงจะเลิกกับเนตอนเนโตหรอ”

“อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราอาจจะยังรักกัน หรืออาจจะใครสักคนยังรักอีกคนอยู่คนเดียว มันไม่มีใครบอกอนาคตได้”

“ฮึก...”

“พ่อเขาแค่อยากให้เราพยายามด้วยตัวเอง ไม่กี่เดือนเอง เราทำได้อยู่แล้ว”

“เน...”

“แล้วที่พ่อให้เราห่างกันอาจจะเพราะแค่อยากรู้ว่าเรื่องของเรามันจริงจังแค่ไหน ห่างกัน จะมีฝ่ายไหนเปลี่ยนใจไหม มันอาจจะเป็นความชั่ววูบไหม”

“...”

“พี่เชื่อว่าพี่ทำได้เพราะพี่ไม่ได้รู้สึกกับเราแค่ชั่ววูบ เราหละ?” ลุงถามพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาผม

“เน ทำได้ ฮึก ต่อให้เป็นปีเนก็ทำได้”

“โฮ่ ปากเก่ง”

“เนพูดจริง!!! เนจะไม่มีใคร ลุงก็ห้ามมีใคร เนมีสายนะ ลุงอย่าคิดว่าทำอะไรแล้วเนจะไม่รู้”

“หึ...”

“หะ ห้ามติดต่อกัน คือโทรก็ไม่ได้หรอ”

“เอามือถือเรามา”

“...” ผมขมวดคิ้วงง แต่ก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือตัวเองออกมาส่งให้ลุง ลุงรับไปจิ้มนู้นจิ้มนี่อยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงโทรศัพท์ผมเข้าไปใกล้ปากตัวเอง



“เน เหนื่อยก็พักนะ อย่าฝืนตัวเองจนเกินไป ทำเท่าที่เราทำได้ วันไหนที่เหนื่อยก็เปิดเสียงนี้ฟัง อีกไม่กี่วันเราก็คงจะได้เจอกันแล้ว อดทนอีกนิดหนึ่ง... คนเก่งของพี่”



ลุงบันทึกเสียงตัวเองพร้อมกับจ้องหน้าผมไปด้วย ผมเลยได้แต่เบะปากร้องไห้ให้กับความโรแมนติกแบบเก่าๆ ของลุง



มีที่ไหนมาอัดเสียงตัวเองลงในเครื่องคนอื่น มันเหมือนละครสมัยก่อนเกินไปไหมที่อินเตอร์เนทเข้าไม่ถึงต้องอัดใส่เทปหรือแผ่นซีดีไม่ก็เป็นฝากเสียงรอสายอะไรแบบนี้ สมัยนี้เขาส่งวอยซ์ในไลน์กันแล้ว ลุงนี่แสนจะลุงจริงๆ ผมปาดน้ำตาออกก่อนจะแบมือรอรับเครื่องตัวเองกลับมา ลุงเหมือนจะกดนู่นกดนี่อย่างหวาดระแวงกลัวไปกดลบเสียงตัวเอง พอมั่นใจว่าอัดลงแอปเสร็จก็ส่งมือถือคืนผมมา ผมรับมือถือตัวเองมาเปิดไลน์ก่อนจะกดอัดวอยซ์



“ลุง สอนให้ใช้วอยซ์กี่ครั้งไม่เคยจำเลยใช่ไหม ลุงนี่โคตรจะลุง นี่เนนะ เนเอง อย่าให้รู้ว่าไปดินเนอร์กับลูกค้าสาวนะ แล้วถ้าเนรู้ว่าเอาปากไปจูบใครนอกจากเน เนเอาเรื่องแน่ เนเป็นมวยแล้วนะ เนจะเอาเลือดลุงมาจิ้มแทนเคชชัพ แล้วก็นะ... เนอ่ะนะเนอ่ะ... เนเป็นคนเก่งของลุงอยู่แล้ว ฮึก รอเนนะ ห้ามไม่รักเนนะ ห้ามรักคนอื่นนะ รอแต่เนคนเดียวนะ ฮึก เนอ่ะ.... รักลุงนะ” อัดเสร็จแอพก็ส่งไปอัตโนมัติ มือถือในกางเกงลุงสั่นตัวครืดหนึ่งให้รู้ว่าส่งถึงแล้ว ลุงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบ

“ไอ้ก้อนดื้อ”

“อื้ออออออ”

“ยังอยากจูบอยู่ไหมตอนนี้”

“อื้อ”

“อื้อ? “

“ครับ... อยากจูบ”

“หึ...”



ลุงใช้นิ้วดันคางผมขึ้นพร้อมกับประจบจูบลงมา ผมยกมือขึ้นคล้องคอลุงไว้ลุงเองก็กวาดแขนโอบรอบเอวของผมไว้แน่น



จูบครั้งนี้ไม่ได้ร้อนแรงที่สุด ไม่ได้ดุดันจนเกือบจะเลยเถิดแบบที่เกิดขึ้นบ่อยในออฟฟิสเวลาผมอ้อน ไม่ได้เป็นจูบที่หวานหอมกลับกันมันเป็นจูบที่เค็มปร่าไปด้วยน้ำตา ทุกสัมผัสเป็นเพียงการกดย้ำเบาๆ แสดงถึงความอ้อยอิ่งและโหยหา



... ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้จากกัน



“เน”

“ครับ”

“พี่รอได้ แต่อย่านานนักนะ”

“เอ๊ะ.. จะมีสาวงั้นหรอ!!!”

“เปล่า พี่แก่แล้ว ตีนกาขึ้นเยอะเดี๋ยวจะไม่หล่อเอา” ผมขำพรืดให้กับคำพูดของลุง

“ก็เนบอกลุงแล้วไง”

“...”

“เนไม่ได้รักลุงเพราะหน้าตา”

“ก้อนดื้อ”

“แต่เนรักลุงเพราะตีนกาต่างหาก” ผมหัวเราะออกมาหลังพูดจบ ลุงเลยยกยิ้มขึ้นด้วย ผมซุกหน้าตัวเองลงกับอกลุง สูดกลิ่นน้ำหอมประจำตัวลุงเข้าปอดให้ชื่นใจก่อนจะผละออกมา “ลุงกลับเองนะ เนไม่ไปส่งที่รถ”

“อ้าว”

“เพราะถ้าเนไปส่ง”

“...”

“เนคงโดดขึ้นรถไปด้วยแน่ๆ “ลุงหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ ก็จริงนี่ ผมอยากจะกลับห้องลุงจะตายอยู่แล้ว ให้ไปเจอรถที่เคยนั่งเคยกินข้าวเช้าอยู่เป็นเดือน เดี๋ยวก็ใจอ่อนโดนขึ้นรถหนีออกจากบ้านกันพอดี

“งั้นพี่กลับแล้วนะ”

“อื้อ”

“แล้วเจอกัน”

“อื้อ เจอกันอีกที... ตอนเนเป็นว่าที่เด็กมหาลัยแล้วนะ”

“หึ...” ลุงก้มตัวลงหอมหัวผมหนึ่งฟอดก่อนจะหันตัวไปหยิบกระเป๋าแล้วก็เดินออกจากบ้านไป



พอลุงเดินพ้นตัวบ้าน มือที่กำเสื้อนักเรียนตัวเองอยู่ก็กำแน่นขึ้นจนเสื้อยับ ปากก็ขยับสั่นจนควบคุมไม่ได้ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็กลิ้งหล่นจนหน้าเปียก



จะเข้มแข็งด้วยตัวเองให้ได้

จะเป็นก้อนดื้อของลุงที่เข้มแข็งให้ได้เลย!!!





______





จะทำได้ไหม ทำได้หรือเปล่า จะทำได้ไหม ทำได้หรือเปล่า



หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-03-2020 21:41:47
ก้อนเนสู้ๆ นะลูก ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ยังไงลุงก็รออยู่  :hao5:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-03-2020 22:03:25
 o13 สู้ๆนะนุ้งเน
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-03-2020 22:03:49
 o13 สู้ๆนะนุ้งเน
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 15-03-2020 23:25:26
 :กอด1:  :กอด1: :กอด1: สู้ สู้ ไอ้ดื้ออออ ของลุง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 16-03-2020 08:58:53
ฮึบๆ ก้อนดื้อสู้ๆ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 16-03-2020 20:51:01
น้องเน
ฮึบไว้ลูก
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: MeiHT ที่ 16-03-2020 21:20:09
ไอ้ก้อนดื้อของลุงไม้ แง สู้ๆนะน้องเน มี๊จะรอสอยหนังสือ T----T
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 16-03-2020 23:31:52
น้องเนคนเก่ง สู้ๆลูก
ก้อนดื้อของลุง ต้องทำได้ จะไม่ปล่อยให้ลุงรอนาน เพราะลุงแก่แล้ววว 55555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 17-03-2020 02:40:27
ขอบคุณน่ะ

 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 20 [15/03/20] p.6
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 17-03-2020 12:14:23
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 21-03-2020 21:44:08
สามหกสิบแปด 21


เขาว่ากันว่าหากเราอยากให้เวลาผ่านไปไว
ต้องไม่กาปฎิทิน เพราะนั่นจะทำให้เราคอยเร่งอยากจะกาวันต่อไปทำให้เวลาเหมือนเดินทางช้าลงกว่าที่มันเป็น ผมลองไม่ทำอยู่แค่หนึ่งอาทิตย์แรกแต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวยกปากกาขึ้นมาปฏิทินบนโต๊ะทำงานทิ้งไปทีละวันอยู่ดี

ถ้านับจากวันสุดท้ายที่จูบกัน
ผมห่างกับเนมาได้เดือนกว่าแล้ว

เป็นการห่างที่ไม่ได้เจอหน้าและไม่ได้ติดต่อหากัน ไม่มีแอบเจอนอกรอบแม้แต่วันเดียว มีบ้างที่เนจะเหนื่อยแล้วไลน์มาบ่นแต่ผมก็แค่กดอ่านไม่ได้ไลน์ตอบไปเพราะกลัวว่าถ้าพ่อเนมารู้ทีหลังอาจจะกลายเป็นปัญหาได้ เนเองก็รู้ถึงได้พิมพ์ระบายพิมพ์บ่นแล้วก็ตบท้ายด้วยคำว่าแต่เนก็โอเค ห้ามตอบนะ เดี๋ยวผิดกฏพ่อ
 ...เนใจแข็งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ
 ตอนแรกคิดว่าก้อนดื้อนั่นคงงอแงแล้วก็แอบปีนรั้วมาหาที่ออฟฟิสแน่นอน ไม่มีทางที่จะห่างกันเด็ดขาด ที่ไหนได้ มีแต่ผมเองเนี่ยแหละที่คอยไปแอบส่งขนมส่งน้ำให้เด็กก่อนเข้าเรียนอยู่ทุกเช้าให้รู้ว่าต่อให้ไม่ได้คุย ไม่ได้เจอ ไม่ได้สื่อสารกันก็ผมก็คงเป็นกำลังใจให้อยู่ตลอด

 ‘ ห้ามติดต่อกันจนกว่าเนจะสอบติด ’

พ่อของเนยื่นคำขาดไว้ที่บ้านวันนั้น เป็นข้อเสนอเดียวที่ยื่นมา ในหัวผมรันข้อต่อรองมากมายเพื่อเจรจาแต่พอเงยหน้าขึ้นเจอสีหน้าของคนเป็นพ่อที่มองลูกชายตัวเองด้วยแววตาเสียใจผ่านหน้ากากนิ่งขรึมนั่น ผมก็ได้แต่กลืนข้อต่อรองมากมายลงคอและยอมรับมันอย่างไร้ข้อโต้เถียง

ข้อเสนอของพ่อเนไม่ใช่ข้อบังคับเด็ดขาดอะไร ไม่ได้ซับซ้อนขนาดที่เนคิดแม้แต่นิดเดียว เนที่ยังมองทุกอย่างด้วยมุมของเด็กที่ค่อนข้างเอาแต่ใจยังค่อนข้างแคบนักถ้าเทียบกับผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาเยอะกว่า แท้จริงแล้วที่มาของข้อเสนอนั่นมันก็เป็นแค่เพียงสิ่งง่ายๆ

พ่อของเนยังรับไม่ได้
...และเขาขอเวลาทำใจมากกว่านี้

แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆ เนคงระเบิดลงอีกรอบ คนเป็นพ่อคงไม่อยากฟังลูกตัวเองพูดว่าอยากตายหรือไม่อยากเกิดมาซ้ำสองหรอก ต้องยอมรับว่าในอีกความหมายหนึ่งคือเขายอมให้มากที่สุดที่เขาจะทำได้แล้วสำหรับลูกชายคนเดียวของเขา หากทุกอย่างผ่านไปได้ตามกำหนดเวลานั่นหมายความว่าเขาจะยอมรับความรักที่ไม่ถูกต้องในครั้งนี้ แต่ถ้าเนไม่สามารถทนได้แล้วหมดรักผมไปในระยะเวลานี้ พ่อของเนคงได้แอบเปิดเหล้าฉลองแน่นอน

“ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ”
“ให้กูเดาไหม น่าจะกำลังคิดว่าลุงแม่งจะทำงานทำการไหมน้า หรือว่าจะนั่งหงอยเป็นหมาซึมอยู่ในห้องทำงาน”

เฮ้อ...
บนโลกมีเครื่องกรองฝุ่น pm 2.5 เมื่อไหร่จะมีเครื่องกรองเพื่อนน่ารำคาญออกจากชีวิตบ้าง เสี่ยวมี่มีแพลนจะทำไหมนะ

“...”
“แหนนนนน เงียบแบบนี้ แอบด่ากูในใจแน่นอน ดูออก”
“...”
“ยังเงียบอยู่ รับบทพระเอกเย็นชา มึงคิดว่าตัวเองเป็นกงยูหรอเพื่อน”
“เก่ง”
“จ๊ะ”
“รู้ใช่ไหมว่ากูเซ็นไล่มึงออกง่ายนิดเดียว” ไอ้เก่งที่ควรจะสลดกลับยิ้มแฉ่งจนตาตี่ของมันปิดเป็นสระอิ ยิ้มอะไรของมันวะ จะไล่ออกนี่รู้ความหมายไหม
“รู้โว้ย แต่มึงไม่ไล่กูหรอก”
“โอเค กูบอกเลขาให้ทำเอกสารแป-”
“เพราะกูมีรูปน้องเนมาขายยยยยย ไล่กูลงหรอจ๊ะะะะะะะะ” มือผมที่กำลังจะหยิบมือถือภายในถึงกับชะงักกึ้กเมื่อได้ยินชื่อเนหลุดออกมา
“...”
“มีชะงักว่ะ โอโห้ เพื่อนกูมันหลงเด็กหัวปักจริงๆ “ ผมหันกลับมามองหน้ามันนิ่งๆ
“แฮ่ม... ไหนรูป”
“กูอุตส่าห์ให้หลานถ่ายมาให้เลยนะ เห็นใจ มึงแม่งโหมงานหนักไม่รู้จักพัก ระวังจะวูบนะสัด ที่วูบนอกเหนือจากมึงก็พนักงานด้วย อยู่ดีๆ บอสแม่งก็เนี้ยบเชคนู่นเชคนี่ขึ้นมา แผนกกูวุ่นไปหมดแล้ว” ใช่ครับ เพื่อเป็นการดึงความสนใจ ช่วงนี้ผมเลยทำงานหนักกว่าเดิม ทั้งประชุมโครงการหลายโครงการ บางครั้งก็ออกไปคุยงานแทนพ่อ วันไหนหยุดก็เลือกจะมาออฟฟิสเพื่อเชคเอกสาร เชคข้อร้องเรียนของลูกค้า ทำนู่นนี่จนเริ่มมีเสียงบ่นของพนักงานมาให้ได้ยินว่าช่วงนี้หลายแผนกหัวหมุนกันไปหมดแล้ว

ก็พอว่างทีไรมันก็อดใจโหวงไม่ได้
เหมือนชีวิตขาดสีสัน ขาดสิ่งน่ารัก คิดถึงไอ้หัวหอมแชมพูนั่นจะแย่แล้ว

“เอารูปมาดู”
“สัญญาก่อนว่าจะเลิกจู้จี้กับแผนกกู ไอ้ไม้ ไอ้เหี้ย หน้ากูจากยามะพีจะเป็นยาไหมพี่แล้ว”
“เออ เอารูปเนมาดู”
“โวะ มันหลงเด็กจริงโว้ย” ไอ้เก่งส่ายหัวก่อนจะโยนมือถือตัวเองมาให้ผม ในมือถือของมันเป็นรูปก้อนดื้อที่ผมคิดถึงกำลังก้มอ่านหนังสือด้วยใบหน้าเคร่งเครียด คิ้วเข้มผูกขมวดเป็นผมแน่น ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่สนามสอบมาติดกันรัวๆ การที่เนจะเครียดเป็นพิเศษนั่นไม่แปลกแต่สิ่งที่แปลกไปในรูปทำให้ผมขมวดคิ้ว

เนใส่แว่น?

“แว่นสายตาหรือแฟชั่น” ผมเงยหน้าขึ้นถามไอ้เก่ง
“หน้ากูดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญทางด้านดูแว่นเรอะ กูจะไปรู้ได้ไง”
“ถามหลานมึงมา”
“สั่งเก่ง”
“ใช่”
“กูไม่ได้ถึงชื่อกูนะ กูหมายถึงมึงอ่ะสั่งชาวบ้านเก่ง”
“นั่นสิ กูว่างไปตรวจความเรียบร้อยแผนกมึงพรุ่งนี้พอดี”
“กูถามให้เดี๋ยวนี้เลยค้าบพ่อออ” มันรีบฉกโทรศัพท์ตัวเองกลับไปพิมพ์ ผ่านไปไม่กี่วิก็เงยหน้าขึ้น “ไอ้กันบอกแว่นแฟชั่น เด็กมึงใส่ไว้เป็นเครื่องราง”
“เครื่องราง? “
“เออ เด็กมึงบอกว่าถ้าใส่แว่นแล้วจะฉลาดขึ้น”
“หึ” โคตรจะเน อะไรแบบนี้เนี่ยขยันคิดจริงๆ
“โอ้ เด็กมึงบอกด้วยว่าใส่แล้วจะได้ดูใส่แว่นคู่กับมึง” ผมได้แต่ยกยิ้มเอ็นดู ไอ้แว่นทรงกลมนั่นไม่เห็นจะเข้าคู่กับแว่นสายตาของผมเลยสักนิด แต่ถ้าถามว่าเข้ากับเนไหมคงต้องตอบว่าเข้ามาก แก้มกลมๆ กับแว่นอันใหญ่ๆ

เฮ้อ โคตรแย่
ผมทำตัวเหมือนพ่อกำลังเห่อลูกเลย

“อ๊ะ หลานกูส่งมาอีกรูป” ผมรีบคว้ามือถือในมือมันดู ปรากฏเป็นตึกของผมที่ถูกซูมจนภาพแตกไม่ใช่ภาพเนแต่อย่างใด
“ตึก?”
“โต๊ะมั้ง”
“...”
“เออ เด็กมึงซูมมา”
“...”
“อ่อ มีไลน์มาต่อด้วย” ผมกดปิดรูปเพื่ออ่านข้อความ ทั้งๆ ที่ไลน์เป็นไลน์ของกันหลานเก่ง แต่ประโยคที่พิมพ์มานั้นทำให้ผมรู้เลยว่าคนที่พิมพ์นั้นเป็นใคร

‘ห้ามโกง ก้อนลุุง’   


หึ...
โดนจับได้เสียแล้ว

“เกินเรื่องมาก ยิ้มหวานเหมือนเป็นสาวคอนแวนเปียคู่ ไม้... มึงเป็นลุงอายุสามหก เผื่อมึงลืม”
“หุบปากไป”
“โอ้โห กับเด็กยิ้มจนแก้มแตก กับเพื่อนหุบปาก”
“ส่งรูปมาให้ด้วย”
“ใช้งานเหมือนกูเป็นพนักงานเลยเนาะ”
“แล้วมึงเป็นอะไร”
“... เป็นพนักงานจ้ะ ส่งเดี๋ยวนี้เลยครับคุณบอส” ผมเมินความกวนตีนของเก่งแล้วกลับมาก้มลงมองรูปที่มันเพิ่งส่งมา ไอ้เด็กแว่นหน้าดื้ัอ
“โอ๊ะ เด็กมึงส่งข้อความมาอีกแล้ว” ไอ้เก่งยื่นจอมาให้ผมอ่าน ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปอ่าน

‘อย่าโกง ก้อนลุง ส่งรูปตัวเองกลับมาด้วย’

หึ...
ต่างคนต่างโกง ผมถอยหัวออกมาเพื่อคิดว่าจะโพสรูปอะไรส่งกลับไปดี นั่งเซ็นเอกสารให้ดูเหมือนทำงานดีไหม ไม่สิ  เครียดเกินไปหน่อย เอาเป็นเท้าคางหล่อๆ ดีกว่า เอ๊ะ มันจะดูตั้งใจไปไหมวะ หรือเอาเป็นปลดเนคไทด์เซ็กซี่ๆ ดี

แชะ...

“เห้ย” ผมหันไปถลึงตาใส่เสียงถ่ายรูปนั่นทันที
“มึงอย่าเยอะ รูปน้องมันก็แอบถ่าย มึงจะมาคิดท่าโพสทำห่าอะไร”
“มึงส่งมาให้กูดูก่อน”
“ส่งไปแล้ว” ไอ้เก่งหันโทรศัพท์มาให้ผมดู มันเป็นรูปผมขมวดคิ้วมือซ้ายเท้าคางตัวเองมือขวาดึงเนคไทด์ เหมือนจะดูดีแต่ไม่มีอะไรไปด้วยกันเลย “น้องมึงถล่มเลขห้ามาเต็มเลย โอ๊ะ หลานกูบอกว่าติวเตอร์จะสอนแล้วไว้ค่อยคุยทีหลัง”
ผมโบกมือเป็นสัญญาณว่าช่างมัน ไม่ได้กะจะคุยอะไรยืดยาวตั้งแต่แรก แค่พอให้ได้เห็นหน้านิดๆ หน่อยๆ ก็พอใจแล้ว พอหมดประโยชน์ผมก็เปลี่ยนจากโบกมือเป็นสัญญาณว่าช่างมันเป็นสัญญาณไล่มันออกจากห้องแทน แน่นอนไอ้เก่งไม่ยอมออกง่ายๆ มันกางแขนกางขากอดเก้าอี้จะไม่ยอมลุกไปไหนเหมือนเลียนแบบใครแถวๆ นี้มา สุดท้ายเลยต้องยอมสัญญากับมันว่าจะลดเรื่องทำงานเกินเวลาลงมันถึงยอมถอนทัพออกไป

ผมถอนหายใจยาวเหยียด
เฮ้อ...
เมื่อไหร่จะสอบติดสักที คิดถึงจนจะบ้าตายแล้วนะ

.
.
.


เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าโดยเฉพาะผมผู้ซึ่งเปิดเวปไซต์แอดมิชชั่นของเนดูอัพเดทข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่สอบ ยื่นคะแนนเลือกอันดับ เวลาคลานไปอย่างช้าๆ แต่ผ่านมาจนเข้าเดือนพฤษภา
ระยะทางสามเดือนกว่าเกือบสี่เดือนนี่ไม่ง่ายเลย
ถ้าพูดกันตรงๆ แล้ว ก็ต้องบอกว่าเป็นระยะห่างที่ผมค่อนข้างจะตกใจ ผมห่างกับเนช่วงหลังปีใหม่มาไม่กี่อาทิตย์  จำได้ว่าไอ้เก่งมาบ่นๆ อยู่ว่าน้องโฟกัสกับการเตรียมสอบที่เรียกว่าแกทแพท ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก ในระหว่างที่เปิดเวปเพื่อที่จะทำความเข้าใจก็ดันมีสนามสอบใหม่อย่างโอเนท เก้าวิชาสามัญเข้ามาให้ต้องหาข้อมูลเพิ่ม
เด็กสมัยนี้ดูเหมือนจะเจอสนามสอบค่อนข้างซับซ้อนแล้วก็หลายขั้นตอน สมัยผมสอบเข้ามหาลัยตอนนั้นยังใช้คำว่าเอ็นทรานส์อยู่เลย ไม่ใช่แอตมิชชั่นเหมือนสมัยนี้ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดผมใช้เกรดกับคะแนนสอบของระบบ เป็นครั้งแรกที่ต้องลงเรียนพิเศษเพราะกลัวไปสอบไม่ทันเนื่องจากการสอบเกิดขึ้นระหว่างเทอม จะว่าไปแล้วตอนนั้นถึงครอบครัวจะไม่ได้กดดันอะไรแต่ผมก็รู้สึกเครียดเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน สำหรับสมัยนี้ที่การแข่งขันสูงขึ้นก็คงจะต้องเครียดกว่าสมัยผมอยู่แล้ว
ผมทำความเข้าใจอยู่พักใหญ่ถึงรู้ว่า นอกจากสนามสอบที่มีหลายสนามแล้วนั้น ยังซับซ้อนยิ่งกว่าด้วยการมีการยื่นมหาลัยทั้งหมดห้ารอบ แบบยื่นพอร์ต โควตา รับตรง แอตมิชชั่นแล้วก็รับตรงอีกรอบ
ครับ แล้วปัญหามันก็อยู่ตรงนี้
ผมไม่รู้ว่าเนจะยื่นรอบไหน...
เป้าหมายการรอของผมคือรอเนสอบติดมหาลัย แต่ถ้าเนยื่นไอ้รับตรงรอบสุดท้ายนั่นเท่ากับว่าผมต้องรอไปอย่างต่ำเลยก็ห้าเดือน ถึงอย่างนั้นผมเดาจากภาพรวมแล้วเนน่าจะตรงไปที่รอบแอตมิชชั่นมากกว่า  เลยปักธงรอไว้ในใจแค่พอประกาศผลรอบแอตซึ่งก็ปลายเดือนมิถุนา รอต่อไปอีกเดือนกว่าไม่ต่างจากรอบรับตรงสุดท้ายเท่าไหร่
...อย่างน้อยก็ต้นเดือนวะ
ผมถอนหายใจยาวเหยียด ถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่ผมก็ยังคงแบกร่างตัวเองมาเข้าออฟฟิสเชคเอกสารนู่นนี่ เป็นอีกวันที่ผมทำงานล่วงเวลาโดยไม่จำเป็น แค่ไม่อยากกลับห้องไปคิดถึงบรรยากาศห้องที่เคยมีก้อนดื้อนอนกลิ้งแต่ตอนนี้เหลือแต่ความจืดชืดของผู้ชายวัยกลางคนแสนจะน่าเบื่อ
 ป่านนี้ไอ้ก้อนดื้อคงใช้ชีวิตปิดเทอม นอนตีพุงตุ๊บๆ รอยื่นคะแนนอยู่บ้าน ถ้าเป็นเปิดเทอมปกติผมก็จะได้รูปแอบถ่ายเล็กๆ น้อยๆ จากหลานไอ้เก่งบ้าง พอปิดเทอมแบบนี้ก็ได้แต่นั่งเฉาคาห้องทำงาน

เออ ตอนพ่อเนบอกเรื่องข้อตกลงก็ใจดีสู้เสือเพราะคิดว่าน้องจะแหกกฏมาเจอกันแต่ที่ไหนได้ เฮ้อ
พอมาห่างจริงๆ ใจแม่งฟีบเป็นลูกเกดเลย
ป่านนี้จะแอบไปปิ๊งสาวที่ไหนไหมนะ จูบเป็นแล้วด้วย เจอกันอีกทีจากลูกแมวจะกลายเป็นเสือร้ายไปแล้วหรือเปล่า เฮ้อ คิดถึงหัวฟูกับกลิ่นแชมพูหอมๆ ชะมัด ผมลองใช้ตามน้องก็รู้สึกไม่ชินกลิ่นจนต้องเปลี่ยนกลับไปใช้ฟอร์เมนตามเดิม

ก๊อกๆ

หืม?
ผมเงยหน้าขึ้นมองประตูห้องทำงานแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว วันนี้เป็นวันหยุด ไม่น่าจะมีพนักงานเข้ามาทำงานที่บริษัท ถ้ามีก็เป็นแผนกที่ไม่น่าจะต้องติดต่อกับผมโดยตรง

ก๊อกๆ

“ใครครับ”

ไร้เสียงตอบกลับ
ถ้าไม่ใช่พนักงานก็คงจะเหลืออย่างเดียว

...ผี?
แต่กลางวันแสกๆ เนี่ยนะ บ่ายสามครึ่ง? ผีทำงานได้แล้วหรอ?...

พอจะได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้างจากไอ้เก่ง ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอด้วยตัวเอง แย่หน่อยที่ผมนับถือศาสนาคริสต์ ถ้าเป็นผีไทยขึ้นมาก็หมดปัญญาจะเจรจาด้วย ยังไม่ทันจะเปิดมือถือไล่หาบทสวด ประตูห้องทำงานผมก็เปิดออกพร้อมกับร่างของเด็กผู้ชายแก้มกลมหัวฟูใส่เสื้อสกรีนลายไอเลิฟหัวหินยืนยิ้มแป้นอยู่

 “ลุงงงง เนสอบติดแล้วววววววววววววว”

ยังไม่ทันได้ประมวลผลอะไรเนก็วิ่งพรวดเข้ามากระโดดขึ้นโต๊ะทำงานทำเอาเอกสารกับข้าวของหลายอย่างตกลงพื้นไปหมด ผมปลายตามองเอกสารที่นั่งกุมขมับจัดการอยู่เป็นอาทิตย์แต่สุดท้ายก็หันกลับมาสนใจหัวฟูในอ้อมกอดก่อน
“ติด... เอ๊ะ เราติดรับตรงรอบแรกหรอ” ผมกระชับตัวดื้อในอ้อมกอดแล้วพยายามดึงน้องลงจากโต๊ะอย่างทุกลักทุเล กลัวพวกคลิปหนีบกระดาษจะบาดขาเอา
“รู้ได้ไงอ่ะว่ามีหลายรอบ”
“...”
“รับแค่ไม่กี่คน ตอนยื่นไม่คิดว่าจะติดด้วยซ้ำอ่ะลุง แต่ติดเฉย!!! เนี่ยๆ เนอ่ะนะเน เพิ่งสอบสัมภาษณ์เสร็จพ่อก็ขับพามาส่งที่นี่เลย!!!”
“เราผ่านสัมภาษณ์แล้วด้วยหรอ”
“ไม่รู้ แต่รุ่นพี่บอกสัมภาษณ์ปกติผ่านหมด เนถามอาจารย์ในห้องสัมว่าตกลงคือเนผ่านไหม อาจารย์ก็บอกผ่านชัวร์ เวลคัมๆ เนสัมเป็นภาษาอังกฤษนะลุง ตื่นเต้นมากกกกกกก แต่พยายามทำใจเย็นสู้กระต่าย” ... เขามีแต่สู้เสือ แต่เห็นว่ากำลังตื่นเต้นเลยยังไม่ขัดก็ได้ “ไม่รู้อ่ะแต่เนว่าเนผ่านเนเลยบอกพ่อว่าเนผ่านแล้วถ้าพ่อไม่พามาหาลุง เนจะไปสละสิทธิ์วันพรุ่งนี้ วู้วววววว” แสบเหมือนเดิม ผมมองก้อนดื้อในอ้อมกอดด้วยความคิดถึง อยากกระชับกอดให้แน่นขึ้นแต่ก็กลัวน้องอึดอัด
“เก่งจัง”
“อื้อ”
“เก่งมากๆ”
“ฮึก...”
“คนเก่งของพี่”
“ฮึก ลุง ลุง เนคิดถึงลุงมากกกกกก คิดถึงจนเหนื่อย คิดถึงจนอยากหนีออกจากบ้าน คิดถึงจนคิดว่าทำไม่ได้หรอก ไม่มีลุงก็ทำไม่ได้หรอก ฮึก” ใจเหลวไปอีกครั้ง ให้มันได้แบบนี้
“แต่ก็ทำได้นี่”
“อื้อ!! เหนื่อยมากด้วย!!! เรียนพิเศษเนตามไม่ค่อยทันพอกลับมาอ่านที่จดบางจุดมันก็งงอ่ะ ดีนะที่รุ่นพี่มาช่วยติวให้ที่โรงเรียนติวยันดึกเกือบทุกวัน วันไหนไม่มีติวเนก็กลับมาทำแต่ข้อสอบเก่าวนไปวนมา เนอ่ะนะเน ติวแค่ไทยกับอิ้งจะยื่นรอบรับตรง เสี่ยงมากเลยลุง เพราะวิชาอื่นคะแนนมันกลางๆ คณิตเนเลวร้ายมาก สอบแพทหนึ่งเนได้ไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำดีที่ไม่ต้องใช้ ดีอีกอย่างคือเกรดที่โรงเรียนเน เนว่าเขาแอบปล่อยนิดหนึ่งอ่ะ แต่มันก็เพิ่มคะแนนให้เนอยู่แหละ ว่าไม่ได้ ก็นะ ทำได้... แต่ไม่เอาแล้ว อยู่ด้วยตัวเองได้ ทำได้ แต่อยากมีลุงด้วยมากกว่า” บ่นเสร็จเนก็เงยหน้าขึ้นยิ้มจนตาปิด แก้มใสนั่นชื้นไปด้วยน้ำตา ผมก้มลงหอมเหม่งล่อตาล่อใจนั่นไปหนึ่งที
“คิดถึง” เป็นคำพูดที่ไม่ได้พูดเล่นๆ แม้มันจะสั้นแต่ก็แทนความรู้สึกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาได้ในคำเดียว

คิดถึง...
แค่รู้ว่าได้กอดอยู่ก็อุ่นไปทั้งใจแล้ว...

“ลุงแอบมีสาวป่ะ สารภาพมาตอนนี้แล้วเนจะลดโทษให้กึ่งหนึ่ง”
“หึ มีสายไม่ใช่หรอ”
“โห่ ก็สายเป็นเพื่อนลุงทั้งคู่อ่ะ พี่เก่งกับพี่พามอาจจะช่วยกันก็ได้ป่ะ”
“อ้อ ตกลงสายคือเก่งกับพามหรอ”
“เห้ยยยยย โป๊ะแตกเฉยยยยยย” ไว้ค่อยคิดบัญชีทีหลัง ผมยิ้มให้กับหน้าดื้อในอ้อมกอด 
“เอาเวลาที่ไหนไปหา”
“เยอะ พี่เก่งบอกลุงว่างมาก ป่วนพนักงานแผนกพี่เก่งจนหัวหมุน”
“เรียกมันพี่แต่เรียกพี่ลุงเนี่ยนะ”
“ลุงก็คือลุงไง”
“...” คำอธิบายโลกไหนเนี่ย ฟังแล้วไม่ได้ไขอะไรให้กระจ่างเลย
“เนี่ย พี่เก่งยังบอกด้วยว่าลุงมีลูกค้าสาวเยอะ”
“อ้อ มันบอกหรอ”
“ลุง!!!!” เนขมวดคิ้วฟาดไหล่ผมดังปั้ก ตัวเป็นลูกแมว ทำขู่หางพอง คิดว่าตัวเองน่ากลัวมากเลยมั้ง
“มันได้บอกไหมผู้หญิงคนไหนก็ไม่น่ารักเท่าเรา”
“เปล่า พี่เก่งบอกนมตู้มทุกคน”
“...”
“พี่เก่งบอกอีกว่ามีลูกค้าผู้ชายตี๋ขาวน่ารักมาเยอะเหมือนกัน ลุงก็ทำตาเยิ้มใส่เขา” ผมได้แต่ขมวดคิ้ว ตายงตาเยิ้มอะไรของมัน
“แล้วมันได้บอกไหมว่ามันกำลังจะโดนไล่ออก”
“ไม่ได้บอกอ่ะ”
“อืม งั้นพี่บอกตอนนี้เลย” เดี๋ยวค่อยไลน์ไปบอกเจ้าตัว ผมส่ายหัวสลัดความไร้สาระออกแล้วกลับมาโฟกัสเน “เพ้อเจ้อ พี่ดูเหมือนคนเจ้าชู้นักหรอ”
“หึ ดูเหมือนลุงแก่ๆ ”
“...” ไอ้เด็กเวรนี่
“ล้อเล่นน่า แต่เรื่องจริงคือเนไม่มีใครเลยนะ ถามไอ้กันได้เลยนะลุง เนอ่ะนะเน เนอ่ะไปเรียนพิเศษที่สยามมีสาวมาขอไลน์เนยังไม่ให้เลย”
“...”
“เนคิดได้แล้วว่าเนไม่ได้อยากดูแลใคร เหนื่อยอ่ะ เนอยากมีคนดูแล แล้วคนที่ดูแลเนได้ดีที่สุดก็คือลุง อยู่กับลุงเนสบายใจ สบายตัว สบายพุง แต่ไม่ต้องห่วงถ้าวันหนึ่งลุงแก่มากเดี๋ยวเนจะเป็นฝ่ายดูแลลุงกลับเอง”
“...”
“นี่ เนสอบติดแล้วนะลุง เนจะค่อยๆ โตขึ้น จนวันหนึ่งเรื่องอายุห่างกันจะได้เลิกวุ่นวายสักที เบื่อ” ผมก้มกดจมูกลงบนกลุ่มผมหอมแชมพูผลไม้นั่นไปหนึ่งที 
“พี่คิดถึงเรา...”
“ลุง”
“หืม?”
“เดี๋ยวลุงขับพาเนไปส่งบ้านด้วยนะ”
“ได้ ว่าแต่พ่อเราล่ะ”
“พ่อกลับไปแล้ว มาส่งแล้วก็กลับบ้าน”
“อ้อ”

ค่อยโล่งไปอีก แสดงว่าพ่อเนพอจะยอมรับได้แล้ว ถึงอนุญาตให้เนมาอยู่กับผม ส่วนทางพ่อกับแม่ผมท่านก็ไม่ได้พูดอะไรมาก มีกล่าวตักเตือนเรื่องวัยตามที่คาดไว้ แต่สุดท้ายท่านก็บอกแค่ถ้าไม่ได้ผิดกฎหมายและเป็นการยินยอมทั้งคู่ ท่านก็ไม่ขัดข้องอะไร ขอแค่ทำทุกอย่างให้มันถูกต้องก็พอ

“เออลุง คณะเนอ่ะ ตอนปีหนึ่งต้องไปเรียนที่นครนายก บังคับอยู่หอในด้วย”
“นครนายกเลยหรอ”
 “อื้อ แล้วปีสองถึงปีสี่ค่อยกลับมาเรียนกรุงเทพ”
“...” ผมขมวดคิ้วกับข้อมูลใหม่ทันที
... เท่ากับว่าเราก็ต้องห่างกันอีกปีหนึ่งงั้นสิ
“แต่เนวางแผนไว้แล้วว่าเสาร์อาทิตย์เนจะกลับมาอยู่กับลุง  เพราะงั้นลุงต้องไปรับเนทุกวันศุกร์นะ เสาร์อาทิตย์จะเป็นลุงเนส์เดย์ เออๆ เนอยู่หอชายล้วน ลุงต้องหึงมากแน่เลย ไม่ต้องหึงนะเดี๋ยวไอ้กันก็ตามเนมา มันยื่นวิศวะรอบนี้ไม่ติดมันจะไปยื่นอีกรอบ มันบอกว่าเนติดเพราะปฏิหาริย์ ไม่เถียง เนก็ว่างั้น ติดได้ไงไม่รู้ งงมาก” พูดเองเออเองอะไรเสร็จศัพท์แล้วก็มายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนตัวเองรอบรู้วางแผนไว้ดีมาก เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวจนต้องก้มลงงับแก้มนุ่ม
“คิดถึง”
“ลุงอย่าเพิ่งวุ่นวายกับแก้มเน ฟังก่อนๆ พ่อบอกให้เนจัดการเรื่องชุดนิสิตเอง ลุงต้องพาเนไปซื้อที่ม.ด้วยนะ”
“ได้”
“แล้วก็วันนี้พาไปกินชาบูด้วย เนอยากกินมาหลายวันแล้วววว”
“ได้”
“อ่ะ มองอยู่ได้ จะจูบก็จูบ”     

ผมกระตุกยิ้มให้กับความน่ารักของเนก่อนจะก้มลงหอมแก้มนิ่มแบบที่จมูกจมเข้าไปในแก้ม รู้สึกเหมือนช่องว่างถูกเติมเต็ม พอได้กอดกันแบบนี้ก็รู้สึกถูกเติมเต็มจนเหมือนหลายเดือนที่ผ่านมากินเวลาแค่วันเดียว 

ให้ตายเถอะ
ผมรักเนมากกว่าที่ตัวเองคิดเยอะเลย



หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-03-2020 22:08:25
 :hao3: ได้เจอกันแล้วววว
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 21-03-2020 22:11:34
 :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-03-2020 22:22:24
ได้เจอกันแล้ววว สงสารลุงต้องทำงานหน้ามืดตามัว ทีนี้นอกจากลุคพ่อก็คือลุคเสี่ย พาเด็กไปซื้อชุดนักศึกษาแล้ว 555555555555555555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 22-03-2020 01:56:28
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: ดีใจอ่าาาาา
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-03-2020 15:31:30
ดีใจจังในที่สุดก็ยิ้มกันได้แล้ว ความอดทนไม่สูญเปล่าเลย พ่อคงเริ่มรับได้แล้วละนะ
เนอ่ะนะเนอ่ะน่ารักที่สุดในโลก :กอด1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 22-03-2020 18:53:32
ดีใจกับก้อนดื้อ&ก้อนลุง :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mamacub ที่ 22-03-2020 20:18:19
แหมเจ้าก้อนดื้อ "จะจูบก็จูบ"  :hao3:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 23-03-2020 13:43:11
หมั่นไส้คนแก่
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 21 [21/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 24-03-2020 15:26:02
ตัวดื้อทำสำเร็จแล้ว ได้เจอลุงแล้ววว เก่งมากกก โอ้ยยเล่นเอา ก้อนลุง เเทบขาดใจเพราะความคิดถึง เอ่ะอ่ะ หอมมมมหัว  :man1:

ต้องพาเด็กไปกินชาบู ซื้อชุดนักศึกษา เป็นทุกอย่างให้เนแล้วว ทั้งแด๊ดดี้ทั้งเสี่ยทั้ง ลุง(ที่แปลว่าแฟน)

/เนี่ย เนอ่ะนะเน ยอมให้ลุงเปย์เนคนเดียวเลย ลุงภูมิใจไหม :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 22 [25/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 25-03-2020 18:13:21
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

ผมยืนขมวดคิ้วอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสดใสของเด็กมหาลัย กลิ่นอายของเด็กเพิ่งเข้ามหาลัยยังมีความสดใสจากการสอบติดกันอยู่ จริงๆ ผมก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้ว เพียงแค่มันผ่านมานานจนแทบจะจำไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ ไอ้ที่จำได้มีแต่ช่วงเวลาอ่านหนังสือจนเป็นบ้าอะไรแบบนั้นมากกว่า

วันนี้ผมรับหน้าที่แทนบ้านเนในการพาเนมาเข้าหอในที่นครนายก ได้ยินว่าแม่เนบอกให้เอาไปแค่ของที่จำเป็น ซึ่งไอ้ตัวแสบก็ขนมาแค่ที่จำเป็นจริงๆ



ติดที่ว่าเหมือนจะเป็นทุกอย่างที่อยู่ในห้องจำเป็นสำหรับเนหมดเลย



“เน พี่ว่าเราเอาเสื้อผ้ามาเยอะเกินไป”

“ก็หมดตู้อ่ะ”

“...”

... นี่รู้ใช่ไหมว่ามาอยู่แค่ปีเดียวไม่ใช่ทั้งชีวิตเนี่ย

แต่ดูจากกระเป๋าเสื้อผ้าหกใบก็ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่รู้

“แต่ถ้าเนรู้ว่าเขาห้ามคนนอกขึ้นหอ เนจะไม่ขนมาขนาดนี้เลยอ่ะ เซ็ง ลุงช่วยยกขึ้นไม่ได้ ขี้เกียจขึ้นลงบันได เนอยู่ตั้งชั้นห้าอ่ะ ลุงขนสามใบนี้กลับไปไว้ห้องนะ เนท้อแล้ว”

“แล้วเราเอาเตารีดมาทำไม”

“ไว้รีดเสื้อนิสิตไงงง”

“รีดเป็นหรอ”

“...”

“...”

“ลืมคิด งั้นไม่เอาดีกว่า ลุงเอากลับไปไว้บ้านให้ด้วย” ผมกรอกตาบนด้วยความเหนื่อยใจ

“เรานี่นะ”

“ห้ามบ่น ห้ามบ่นนน”

“แล้วเจอเมทหรือยัง” ไม่อยากจะพูดถึงแต่ก็คงต้องถามหน่อยครับ ใครที่มันจะมานอนร่วมห้องกับเด็กผมเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเต็ม

“เจอแล้วว เป็นเด็กพละสองคน การตลาดแล้วก็วิศวะ”

“เป็นไง”

“ก็ดีอ่ะ แต่เด็กวิศวะโคตรหล่อเลยลุง”

“...” คิ้วกระตุกเลย

“หึงป่ะะะ”

“...” ผมขมวดคิ้วมองไอ้ก้อนดื้อที่อมยิ้มจนแก้มยก เก่งจริงๆ ถ้ามีรางวัลสิ่งที่ทำให้ผมคิดมากได้มากที่สุดต่อวัน เนคงได้ถ้วยไปครองแน่นอน

“หึงแน่เลย หึงอ่ะดิลุง”

“อืม”

“...”

“พี่หึง”

“...”

“มากด้วย”



ปุ้ง!

เสียงที่ว่าคือเสียงหน้าของเนระเบิด แดงไปยันหู เนเป็นเด็กเขินง่าย ไม่รู้ว่าพูดยังไงดีครับ คือเนเนี่ยกล้าที่แกล้งผมอยู่บ่อยๆ แต่พอเล่นกลับทีไรก็เป็นฝ่ายเขินเองแบบนี้อยู่เสมอ



“ละ ลุง!!!”

“อ้าว โวยวายทำไม”

“เนไม่คุยกับลุงแล้ว!!!”

“หึ” ผมหัวเราะเบาๆ เตรียมจะยกมือขึ้นโยกหัวฟูนั่นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเรียกขึ้นขัด

“เห้ย นาย ใช่เนป่ะ” ผมหันหลังไปหาต้นเสียงก็พบว่าเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งอยู่ในชุดลำลองเหมือนเด็กปกติทั่วไป ถ้าจะดูแปลกสุดในตัวก็คงจะเป็นกล้องไลก้าตัวท็อปกับรองเท้าสนีกเกอร์ราคาเกือบหกหลักแบบเดียวกับที่สีน้ำมี

“ใช่ๆ เราเน”

“หน้าเหมือนในรูปเป๊ะเลย กูเอิร์ธนะ”

“เอิร์ธ... เอิร์ธไหนวะ”

“ซักซี้ด”

“...”

“ล้อเล่น”

“...”

“กูเอิร์ธ ภัทวรี”

“...”

“ไม่เก็ทอีก ลืมว่ามึงสายเกาหลี กูเอิร์ธในไลน์เอกอ่ะ”

“อ่อ ไอ้ตัวที่เล่นมุกเหี้ยๆ หน่อยป่ะ”

“สัด ก็ตบมุกเหี้ยๆ ของมึงอ่ะ”

“อะแฮ่ม...”



ผมกระแอมขัดจังหวะเล็กน้อย เข้าขากันได้ดีจริง เหี้ยเต็มหน้าไปหมดแล้ว ผมปรายตามองเนเล็กน้อยเป็นคำถาม มองจากมุมเนคงประมาณว่าคนคนนี้คือใคร แต่ถ้าเอาตามความในใจผมแล้วก็คงจะเป็น



ไอ้เด็กเวรนี่ใคร



“เอ่อ พ่อเน สวัสดีครับ ผมเอิร์ธครับ เพื่อนร่วมเอกไอ้เน” คิ้วผมกระตุกยิกๆ ให้กับตำแหน่งพ่อเน โดนกี่ครั้งก็ไม่เคยจะชิน



แต่บอกเลยนะครับ จากการมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเพียงครั้งเดียว

ผีเห็นผีครับ ผมรู้หรอกว่าไอ้เด็กเวรนี่แอบปิ๊งเนแน่นอน



“อะ ไอ้เอิร์ธ นี่ลุ... ไม่สิ นี่พี่ไม้”

“อ๋อ พี่ชา-”

“แฟนกู”



โอ้....

ผมยกคิ้วเล็กน้อยเป็นความแปลกใจ ก่อนหน้านี้ก็แอบตั้งคำถามไว้เหมือนกันว่าถ้าเจอคำถามว่าผมเป็นใครเนจะตอบเพื่อนว่ายังไง จริงๆ ตอบว่าพี่กับหรือญาติผมก็ไม่ติดอะไรหรอกครับ เข้าใจว่าตามวัยมันก็มีบ้างแหละที่ไม่ได้อยากให้คนรู้



“เอ้ย...” แน่นอนว่าไอ้เด็กเอิร์ธนั่นถึงกับหน้าเหวอ “กูได้ยินผิดแน่ๆ หรือมึงหลอก”

“เออ มึงได้ยินไม่ผิด นี่พี่ไม้ แฟนกู”

“อ่ะ เอ่อ”

“โทษว่ะ กูทำมึงอึดอัดป่ะเนี่ย”

“ไม่ๆ กูแค่ตกใจ มึงเคยบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย กูก็ไม่คิดว่า... เอ่อ เมื่อกี้ที่ทักโทษทีนะครับ” ไอ้เด็กเอิร์ธหันมาก้มหัวให้ผม “... พอดีคิดว่าพ่อจริงๆ” มันกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วก็หันไปคุยกับเนต่อ



อ้อ

นี่เด็กมันเปิดสงครามกับผมหรอ?



“เนี่ย เดี๋ยวพวกไอ้ดิมมันชวนไปพลาซ่า”

“พวกมึงไปเลย กูไปกินข้าวกับลุ... พี่ไม้ก่อน”

“ไปกินด้วยกันก็ได้นะ กินร้านโจ๊กจั๊บ พี่เขาแนะนำมาว่าต้องไปโดน”

“ไม่เป็นไรมึง”

“เค ไงมึงตามมานะ”

“ได้ๆ เจอกัน”

“เค งั้นกูไปละ สวัสดีครับพ่อเน เอ้ย พี่ไม้” ผมพยักหน้ารับไหว้แต่ในใจอยากจะยกเท้าถีบเด็กให้กระเด็น เห็นอยู่ชัดๆ ว่าตั้งใจกวนตีน

ให้มันได้แบบนี้สิ ในหนึ่งปีนี่นอกเหนือผมจะต้องคอยเป็นห่วงเนมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองครั้งแรกแล้วยังต้องมากังวลเรื่องเด็กจะโดนจีบไม่รู้ตัวอีกด้วยหรอ เด็กวิศวะหล่อที่ว่ายังไม่ทันจบมีไอ้เด็กเวรเอิร์ธเข้ามาต่ออีก ความดันจะขึ้นมันก็งานนี้แหละ



“ลุง ไปกินข้าวโรงอาหารกัน”

“...”

“เง้อ ไมหน้าดุอ่ะ เป็นไร โกรธที่ไอ้เอิร์ธเรียกพ่อหรอ โอ๋ๆ นะลุง” เนยกมือขึ้นบีบแก้มผมเหมือนต้องการช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น พอเห็นเนเริ่มอ้อนผมก็ได้แต่ถอนหายใจยาว

“เน”

“ครับ”

“เด็กคนนั้น...”

“หืม?”

“เด็กคนเมื่อกี้”

“อ่อ ไอ้เอิร์ธ ทำไมอ่ะ”

“มันชอบเรา”

“เอ้ย ลุง มั่วแล้ว เพื่อนกันน” เนตาโตทันที ว่าแล้วว่าอย่างเนดูอะไรไม่ออกหรอก

“...”

“เนี่ย คุยไลน์กลุ่มกันทุกวันไม่มีเลยนะที่มันจีบ มันกวนตีนเฉยๆ เนี่ยดูดิ ส่งหน้าตัวเองมาให้เนทุกวันไม่กวนตีนแล้วเรียกไร”

“เรียกจีบไง”



ส่งรูปมาให้ทุกวันขนาดนี้

ถ้าไม่ใช่จีบก็เหลือแค่สวัสดีวันจันทร์ แต่ขนาดนั้นก็ยังไม่รู้ตัวได้ยังไงเนี่ย



“...” เนถึงกับนิ่งไปเลย ไม่รู้ว่าควรจะสงสารเด็กเอิร์ธนั่นหรือสงสารเนดี เขาส่งรูปตัวเองมาให้ตลอดทุกวันยังไม่รู้ตัว

“ช่างเถอะ ไปกินข้าวกัน”

“หึ่ยยยยยยย เขินอ่ะลุงงง เนโดนจีบด้วย”

“เน...” ผมเปรยตาดุ แฟนหัวโด่อยู่นี่ ลืมไปหรือเปล่า

“แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้เอิร์ธเทียบลุงไม่ได้หรอก”

“...” อืม พูดดี ค่อยยิ้มได้หน่อย

“ต้องไอ้เอิร์ธสองคนอ่ะถึงเทียบได้ เทียบอายุลุงหนึ่งคนอ่ะ”



ป้าป!!!

ฟาดเหม่งใสไปหนึ่งป้าป ข้อหาเปรียบเทียบอายุ ก้อนดื้อแทนที่จะสำนึกกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากลั่น



“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพี่จะกลับเลยนะ”

“อื้อ รีบกลับ ไม่อยากให้ลุงขับมืดๆ ” เนเดินมาจับแขนเสื้อผมแล้วเขย่าเบาๆ หน้าดื้อแนบแก้มลงกับแขนเสื้อผม เหงื่อจากหน้าใสนั่นทำเอาแขนเสื้อผมเปียกเป็นดวง

“อ้อนอะไร”

“ยังไม่ทันแยกกัน เนก็คิดถึงลุงแล้ว”

“อ้อน”

“ก็อ้อน แล้วจะทำไม”

“อย่าอ้อน” ผมลูบหัวฟูนั่นพร้อมกับก้มตัวลงจูบเหม่งใส



อย่าอ้อน

เพราะไม่งั้นการขับรถกลับกรุงเทพจะยากขึ้นเป็นเท่าตัว แค่คิดถึงห้องนอนที่ไม่มีเสียงเล็กๆ ผมก็รู้สึกเคว้งในใจแล้ว ไหนจะเนที่กำลังจะเจอสังคมใหม่ๆ ที่มีแต่วัยตัวเองอีก

...ให้ตายยังไงอดกังวลไม่ได้หรอก

นึกดีใจที่หลานไอ้เก่งก็สอบเข้าที่นี่เหมือนกัน เพียงแต่อยู่คนละคณะ เหมือนกว่าหลานไอ้เก่งจะเลือกสอบเข้าบริหาร ถึงจะอยู่คนละคณะแต่อย่างน้อยๆ ผมก็มั่นใจว่าเนอยู่ที่นี่ก็ยังมีคนคอยดูแลแทนผมอยู่ หลานไอ้เก่งดูเหมือนจะงี่เง่าเหมือนอาตัวเองแต่ก็ดูรักแล้วก็ห่วงเนไม่ต่างไปจากผมเท่าไหร่นัก



“เนไม่อยู่ตั้งใจทำงานนะลุง”

“เราก็ตั้งใจเรียน”

“คับพ้ม” เนยกมือขึ้นตะเบ๊ะ



จากนั้นน้องก็พาผมไปกินข้าวในโรงอาหารพัดลม กับข้าวอร่อยดี เดาได้เลยว่าเด็กดื้อตรงหน้าต้องตัวยุ้ยขึ้นมากในหนึ่งปีที่นี่แน่ๆ พอกินข้าวเสร็จก็ได้เวลาที่ผมต้องขับรถออกมา เนไม่ได้อ้อนอะไรมากเท่าที่ผมคาดไว้ คงเพราะเนเองก็ตื่นเต้นกับชีวิตที่จะได้อยู่ด้วยตัวเองครั้งแรกอยู่เหมือนกัน



ถึงแม้เราจะวางแผนไว้ว่าจะให้ผมมารับน้องกลับกรุงเทพทุกอาทิตย์

แต่ในช่วงสองเดือนแรกก็ไม่สามารถทำได้



เนติดกิจกรรมที่มหาลัยเยอะมากๆ ทั้งรับน้อง ปรับตัวกับเมท ทั้งงานเฟรชชี่อะไรสักอย่าง เห็นเล่าว่าต้องห้อยป้ายชื่อที่โทรมาบ่นยับว่าขี้เกียจใส่อย่างนู้นอย่างนี้ วิชาเรียนที่เปิดมาน้องก็งอแง เริ่มจากต้องเรียนแกรมม่าค่อนข้างเยอะ ผมใช้วิธีสอนเนจากการดูหนังกับฟังเพื่อนฝรั่งทำให้เนไม่แม่นแกรมม่าเท่าไหร่ ส่วนใหญ่น้องใช้เซนส์ ไหนจะเริ่มเรียนภาษาที่สามที่น้องเลือกลงภาษาญี่ปุ่นไปอีก แค่นี้เนก็งอแงว่าต้องติวที่หอสมุดต่อตลอด

ถึงเนจะกลับมานอนกรุงเทพไม่ได้แต่บางครั้งก็เป็นผมเองที่ขับรถไปหา แค่ไปหาอะไรกิน พาขับรถไปห้างใกล้ๆ เจอหน้ากันแค่สองสามชั่วโมงก็พอใจ



จนในที่สุดกำลังจะหมดเดือนสองเนก็โทรมาบอกให้ผมมารับ

สองเดือนกว่าที่นครนายก

เป็นเหมือนระยะสั้นๆ แต่ก็พอจะสังเกตได้ว่าเนผิวคล้ำขึ้นแถมยังดูอุดมสมบูรณ์ขึ้นนิดหนึ่ง คิดได้แต่พูดไม่ได้ครับ เดี๋ยวเอาไปเครียดว่าตัวเองอ้วนขึ้นอีก



“ลุง ง่วงมากกก”

“นอนสิ”

“ลุงเนเซ็ง เนเบื่ออาจารย์แมนโซเว่อร์ๆ จำคนที่เนบ่นให้ฟังได้ป่ะ” เนพองแก้มพร้อมกับกระแทกตัวนั่งบนเบาะ ผมหัวเราะพรางหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่เนจะเอากลับไปส่งซักขึ้นรถให้

“กินอะไรรึยัง” ที่ถามออกไปเพราะวันนี้เป็นศุกร์ครับ ไม่รู้ว่าไอ้ตัวยุ้ยนี่จะหาอะไรกินหลังเลิกเรียนหรือยัง

“ยังงง ไปกินที่ห้อง”

“โอเค” ผมปิดประตูเบาะหลังที่เต็มไปด้วยของเน ก่อนจะเดินกลับไปประจำที่นั่งรถขับ พอสอดตัวเข้าไปได้เนก็เอนหัวมาซบไหล่ผม

“ลุง เนเหนื่อยมากกก คือบางกิจกรรมเนก็ไม่อินอ่ะ เข้าใจอารมณ์เนไหม”

“อืม” ผมเคลื่อนรถด้วยความลำบากเล็กน้อยเพราะเนยังเอนตัวทิ้งน้ำหนักที่ไหล่อยู่

“แต่เพื่อนดีมากเลยอ่ะ เมทก็ดี นี่ชวนกันไปพลาซ่าทุกวัน เนกินดึกทู้กวันนน”

“ดีแล้ว”

“เออลุง เนมีพี่รหัสแล้วนะคือพี่ริกกี้ เหมือนพี่เขาจะเป็นนะ แต่แบบโคตรหล่อ”

“หล่ออีกแล้ว” ถอนหายใจเหนื่อยเลยครับ คุยกันทีไรต้องมีชมคนนั้นหล่อคนนี้หล่อให้ฟังตลอด

“รุ่นเนเป็นรุ่นฟ้าประทาน รุ่นพี่บอกก่อนหน้านี้คณะมุนษย์อุดมด้วยตุ๊ดและผู้หญิงที่เหมือนกะเทย ขาดแคลนทรัพยากรผู้ชายมาก เพิ่งจะมาเยอะปีเน”

“ขนาดนั้นเลย”

“ลุงรู้ป่ะ มีพี่วิศวะคนหนึ่งตัวเล็กกว่าเนอีก แบบเล็กมากกก สูงประมาณร้อยหกสิบเองมั้ง แล้วเพื่อนพี่เขาอ่ะ...” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เริ่มเล่าเรื่องส่วนผมก็รับหน้าที่ขับรถแล้วก็ฟังไปเรื่อยๆ ระยะทางจากมหาลัยเนกลับมาที่กรุงเทพประมาณสองชั่วโมง ซึ่งแน่นอนครับว่าเด็กผู้ซึ่งได้เผชิญโลกใหม่ก็คึกอย่างเล่าเรื่องนู่นนี่อยู่แค่ครึ่งชั่วโมงแรกที่เหลือหลับสนิทน้ำลายยืด

.... เข้ามหาลัยแล้วก็ยังเด็กเหมือนวันแรกที่เจอ

ผมอมยิ้มให้กับภาพตรงก่อนจะหันกลับมาโฟกัสกับถนนต่อ



ในที่สุดก็กลับมาถึงห้องหลังจากการขับรถอันแสนยาวนาน เนเหมือนตั้งโปรแกรมปลุกไว้ครับ พอรถจอดก็จะตื่นโดยอัตโนมัติ

“ลุงงง สั่งข้าวผัดปูกับต้มยำกุ้งร้านอบอร่อยกัน เนอยากกิน”

“พี่สั่งมาล่วงหน้าแล้ว เดี๋ยวแวะเอาที่ล็อบบี้ด้วย”

“เห้ยยยยย ลุงรู้ใจอ่ะ”

“หึ” บ่นอยากกินลงเฟสบุ๊คอยู่ทุกวันยังเรียกรู้ใจได้อีกหรอ...

“อาหารเช้าพรุ่งนี้เอาเป็นไส้กรอกปลาหมึกนะลุง”

“ได้”

“รักลุงอ่ะะะะ” เนวิ่งดุ๊กๆ เข้าลิฟต์ไปส่วนผมก็ได้แต่หอบข้าวหอบของของเนเดินตามเข้าไป ตามใจไม่มีใครเกินก็ผมเนี่ยแหละ ถามว่ารู้ตัวไหมว่าสปอยล์น้อง บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยนะครับว่า

รู้...

แต่มันห้ามได้ที่ไหนล่ะ

“วู้ววววววววว เตียงนุ่มที่รัก แม่กลับมาแล้วลู้กกกกกกกก” พอเปิดประตูห้องได้ เนก็ถอดรองเท้าวิ่งเข้าห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว เห็นชอบบ่นเตียงที่หอแข็ง นอนสบายไม่เท่าเตียงที่ห้อง ใช้น้ำเสียงอ้อนจนผมเกือบสั่งฟูกนอนส่งไปให้ใช้ เนี่ยนะ ความอันตรายของการมีแฟนเด็ก

ผมปล่อยให้เนกลิ้งเล่นบนเตียงก่อนจะลงไปรับอาหารเพื่อเอามาเทใส่จาน รอเนอาบน้ำ อีกหนึ่งสิ่งที่เนชอบบ่นคือที่หอไม่มีน้ำอุ่น แล้วเด็กติดน้ำอุ่นอย่างเนก็แสนจะไม่อยากอาบน้ำ ห้องน้ำก็เป็นห้องน้ำใช้รวมไม่มีห้องน้ำส่วนตัว กลับมาคราวนี้เลยขออาบน้ำอุ่นให้ชื่นใจ

และแล้วก็ได้เวลากินข้าว เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกอยากยิ้มในใจให้กว้างๆ ช่วงเดือนที่ผ่านมาต้องนั่งกินข้าวคนเดียวด้วยความเงียบมีเพียงเสียงทีวีที่ดังคลอให้ไม่รู้สึกเหงามากนัก แต่พอเป็นห้องที่มีเนอยู่แล้วมันก็จะมีแต่เสียงพูดเจื้อยแจ้วบ่นนู่นบ่นนี่ เสียงเคี้ยวข้าวที่ผมเตือนให้เคี้ยวเบาๆ มาตลอด

คิดถึง...

“ลุง กินข้าวสิ มามองเนทำไม”

“เคี้ยวข้าวดัง”

“เคี้ยวข้าวก็ต้องดังสิ ถ้าเนเคี้ยวลมถึงจะไม่ดัง”

“...”

“พ่ามๆๆๆ”

หึ...

หัวเราะออกไปไม่ใช่เพราะมุกโง่ๆ นั่นหรอก แต่เป็นเพราะที่เจ้าตัวเล่นเองขำเองนั่นต่างหาก

“เออลุง เดี๋ยวเนขอกินวิสกี้กับลุงได้ไหม”

“หืม?”

“เนี่ย รุ่นพี่ชอบชวนเนออกไปกินเหล้า คือเนก็อยากลองอ่ะ แต่เนก็กลัว เนไม่เคยเมา” ผมยกคิ้ว ไม่เคยเมาที่ไหน เจอกันครั้งแรกนั่นก็เมาไม่รู้เรื่องอยู่ที่ญี่ปุ่นนั่นไง

“อายุยังเข้าร้านเหล้าไม่ได้นะเราน่ะ”

“แต่เพื่อนเนก็ไปกันหมดอ่ะลุง มันร้านเหล้าต่างจังหวัดไม่ค่อยเคร่งมั้ง แถมอยู่หลังม. ด้วย” ผมขมวดคิ้วขัดใจ แต่จะว่าไปสมัยมหาลัยผมก็เริ่มดื่มตั้งแต่ปีหนึ่งเหมือนกัน

“วิสกี้เราไม่ชอบหรอก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จลงไปซื้อพวกไวน์คูลเลอร์ผลไม้มาลอง”

“ทำไมอ่ะ ลุงกินวิสกี้บ่อยนี่ เนอาจจะชอบก็ได้”

“...” ไม่อยากจะพูดเลยว่าเด็กๆ ไม่กินกันหรอกวิสกี้ มีแต่พวกวัยผมเนี่ยแหละ แต่ก็กลัวพูดออกไปแล้วเดี๋ยวเด็กมันล้อเรื่องวัยอีกเลยเงียบไว้ดีกว่า

“แต่ก็ได้ อะไรก็ได้หมดแหละ”

“เวลาจะออกไปดื่มกินข้าวให้อิ่มๆ ก่อนนะเน ถ้าดื่มท้องว่างจะเมาไว”

“เกี่ยวด้วยหรอ”

“เกี่ยวสิ”

“งั้นก็ได้ รีบกินเร็วลุง เนอยากลองแล้ววว” ก้อนดื้อรีบจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรีบร้อน ผมได้แต่ยกยิ้มเอ็นดู เนจัดการกินข้าวหมดภายในสิบนาทีก่อนที่จะวิ่งหางตีพื้นป้าปๆ เหมือนหมามาเร่งผมต่อ เห็นแบบนั้นแล้วผมเลยต้องรีบอิ่มเพื่อที่จะพาลงไปเซเว่น

เนหยิบขวดเครื่องดื่มหลายรสชาติลงในตะกร้า ผมมองเนที่ดูจะตื่นเต้นเรื่องรสชาติ ทั้งเบอร์รี่ ทั้งน้ำผึ้งมะนาว พีช กรีนแอปเปิ้ล ไอ้รสที่พูดออกมาทั้งหมดนั่นสำหรับผมไม่ไหวหรอกครับ หวานเกิน แต่ก็คงจะถูกใจวัยเด็กๆ นั่นแหละ

เนหยิบกับแกล้มเป็นถั่วกับทาโร่ ส่วนผมหยิบน้ำผึ้งมะนาวกับน้ำส้มออกมา คิดว่าพรุ่งนี้น่าจะมีคนอยากจิบอะไรหวานๆ เปรี้ยวๆ แก้แฮ้งค์เป็นแน่ จ่ายเงินเสร็จเนก็แสนจะอารมณ์เดินเขย่งก้าวกระโดด เหมือนเมาตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

พอถึงห้องผมก็เดินเข้าครัวไปเทพวกกับแกล้มใส่จานมาวางบนโต๊ะหน้าโซฟา ส่วนเนก็เอาเครื่องดื่มนับสิบขวดแช่ตู้เย็น ทั้งไวน์คูลเลอร์ วอดก้า สปาร์คกลิ้งดูแต่แค่รสชาติว่าอันไหนน่าจะอร่อยก็หยิบมาหมด น้องลังเลกับการเลือกรสแรกที่จะกินอยู่หลายนาทีก่อนจะที่ตัดสินใจให้รสพีชชนะ พอเลือกได้ก็วิ่งหางกระดิกมาให้ผมเปิดให้ เนรับไปกระดกพรวดเข้าปากก่อนผละออกมา



“ฮ่าาาาาาาาาาาาา อร่อยยยยย”

“ค่อยๆ กิน”

“หวานอ่ะลุง อร่อยยยยย”

“ไปนั่งกินดีๆ”

“ลุงเปิดอันนี้ให้ด้วย” เนหยิบสเมอร์นอฟขวดสีเขียวขึ้นมาหนีบแล้วก็เดินไปตรงหน้าทีวี ผมถอนหายใจ ดูท่าทางคืนนี้ได้ดูแลคนเมาแน่นอน

“เน ค่อยๆ ดื่ม อย่าดื่มทีเดียวเยอะๆ ”

“คร้าบบบบบบบ”



แล้วก็กระดกเข้าปากพรวดๆ

มันรับคำอะไรของมันเนี่ย ไอ้เด็กดื้อนี่!!



เนเลือกที่จะเปิดหนังรักดูพรางจิบแอลกอฮอลล์เข้าปาก ผ่านไปครึ่งเรื่องผมยังคงอยู่กับวิสกี้น้ำแข็งก้อนเดียวแก้วเดิม จิบไปก็ดูไอ้ตัวดื้อข้างๆ ไป เนนั้นดื่มขวดแรกกับขวดสองหมดแล้ว ตอนนี้กำลังต่อขวดที่สาม และวิธีกินก็แสนจะอันตราย เนกระดกพรวดๆ แล้วก็อ้าปากพ่นฮ่าออกมาเหมือนมันสดชื่นสุดชีวิต

“ลุงงงงงงง อร่อยยยยยยย”

“อืม”

“อย่าอืมใส่เนนะ”

“ครับ...”

“เด็กดีๆ” เนหันหน้ามายิ้มแป้นใส่ผม แล้วเด็กสิบแปดมาเรียกลุงอย่างผมว่าเด็กดีเนี่ยนะ



อันนี้คือเมาแล้วใช่ไหม...



“เมาแล้วหรือยัง”

“ฮื่อ ไม่เมาๆ เนโอเคๆ อร่อยดี เนชอบ ตอนแรกคิดว่าจะขมๆ แต่แบบอร่อย อร่อยยย” พูดจบก็พิงหัวมากับไหล่ผม ถูหัวอ้อนเหมือนลูกแมว

“เวลาไปกินกับคนอื่น ไม่เอาแบบนี้นะเน”

“อื้อออ”

“อื้อคืออะไร”

“คืออาการเวลาหูมันวิ้งๆ”

“...”

“อ่อ อันนั้นหูอื้อออออออ”

“...”

“ลุงงงงงง สนุกอ่ะ มันหัวหมุนๆ ฟิ้วๆๆๆ” เนเหวี่ยงหัวไปมาแล้วก็ปักมาที่ไหล่ผม เมาเป็นลูกหมาเลย แต่ก็ยังดีที่เมากับผม

“พอแล้ว” ผมยื่นมือไปหวังจะหยิบขวดออกจากมือน้องแต่เนก็รีบดึงขวดกลับเข้าไปกอด

“ของเน!!!”

“...”

“จะเอาของเนไปได้ไง นิสัยไม่ดี ลุงอ่ะนะลุง อยากได้ของเนอ่ะนะเน ก็ต้องเอาของลุงอ่ะนะลุงมาแลกของเนอ่ะนะเนอ่ะ”



พูดอะไรของมันเนี่ย...

ปกติก็พูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่องอยู่แล้ว พอเมาแล้วหนักกว่าดิมอีกหรอ



“เน...”

“ขอเนชิมวิสกัสของลุงหน่อยยยย”

“วิสกี้...” เกือบร้องเหมียวแล้วไง

“ขอชิมหน่อยน้าาาา ลุงไม่แบ่งเลย เนน้อยใจ” เอาเข้าไป

“มันไม่อร่อยหรอก”

“ขอเนได้ไหม เนอยากชิม นะครับ นะครับบบบบ” เออ ให้มันได้แบบนี้ ผมถอนหายใจแล้วก็ยกแก้วตัวเองยื่นให้น้อง แน่นอนว่าเด็กที่อ้อนสำเร็จยิ้มแป้นจนตาปิดรีบดึงแก้ววิสกี้เพียวกับน้ำแข็งก้อนเดียวของผมไปกระดกทีเดียวหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนห้ามไม่ทัน

“เห้ย เน...”

“อึ่ก... ขมมมมมมมมม”

“เน พอเลยเรา” ผมดึงแก้วตัวเองออกไปวางบนโต๊ะ เนตอนนี้หน้าแดงหลับตาปี๋หัวก็ส่ายไปส่ายมา ไอ้น่ารักมันก็น่ารักอยู่หรอก แต่เชื่อเถอะครับ ประสบการณ์การใช้ชีวิตมาหลายปี คนเมาแล้วน่ารักมันมีแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นแหละ พอเดี๋ยวอ้วกกับโวยวายจะน่าตีมากกว่า

“ของลุงไม่อร่อยนี่นาาาาาา”

“เน เมาแล้ว”

“รสชาติคนแก่ง่ะ”

“... เขาเรียกว่ารสชาติชีวิต” มาคนกงคนแก่อะไร เหล้ามันหวานเพราะชีวิตขมต่างหาก ผมรีบแก้ต่างทันที

แก่เก่ออะไรไม่แก่

“ลุงกินของเน ของเนอร่อย”

“เน”

“อ้ามมมมมม” เนตะกายตัวปีนมานั่งบนตักผม ยกขวดวอดก้าของตัวเองขึ้นกระดกก่อนจะประกบจูบลงมา ของเหลวหวานเหมือนแอปเปิ้ลสังเคราะห์นั่นไหลเข้าปากผมแต่บางส่วนก็ไหล่ออกนอกปากล่วงหล่นไปตามขอบกราม มือของผมยกขึ้นกอดเอวบางบนตักไว้ด้วยความกลัวน้องเอนหลังตก ส่วนใบหน้าก็วุ่นวายอยู่กับการโดนโจรปล้นจูบพยายามกัดแล้วก็ใช้ลิ้นบุกรุกแบบไม่มีทิศทาง

“เน... อื้อ” ผมเอนหัวหลบเนเลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นไปตามเลียตามคางกับหูผม อยากจะถอนหายใจให้หมดปอด เมาแล้วเป็นแบบนี้แล้วใครมันจะไปอยากปล่อยให้ไปเที่ยวกับเพื่อนเนี่ย ผมปราดสายตามองขวดในมือน้อง กะจะดึงไปวางพื้นเพราะกลัวหกใส่โซฟา แต่พอมือผมสัมผัสขวดเนก็เงยหน้าขึ้นมาจากคอผมทันที

“ของเน!!!”

“เดี๋ยวมันหก”

“ไม่หก ลุงอย่ายุ่งกับของเน”

“ไอ้ดื้อ เมาแล้ว พอแล้ว”

“ไม่เมาาาาาาา”

“เน...” ผมเรียกชื่อน้องเสียงอ่อย ไม่ให้อ่อยได้ไงครับ ตอนนี้น้องนั่งอยู่บนตักผมแถมยังเมาไม่มีสติ สุ่มเสี่ยงสุดๆ

“ขวดนี้ของเนนนน ถ้าจะเอาขอเนก่อนนน”

“พี่ขอ”

“ไม่ห้ายยยยยยยยยยยย”

“เน ไม่ดื้อนะ”

“ของเน ของเนคนเดียว” พูดจบเนก็ยกขวดขึ้นเหนือหัว



ยกทำไม

ยกอะไร

เดี๋ยว เนคงไม่...



“เห้ย เน”



ซ่าาาาาาาาาาาาา

วินาทีที่ผมกำลังจะห้ามเนก็จัดการหมุนขวดจนของเหลวซ่านั่นไหล่ลงรดลงบนหัวเนและยังเปียกมาถึงผม ไม่ต้องคิดถึงโซฟาว่ามันก็คงจะต้องชุ่มตามไปด้วยอย่างแน่นอน



“ของเนนนนน”

“เน มันเลอะเทอะไปหมดแล้ว ไม่เล่นแล้วดื้อ ลุกครับ” ผมตีต้นขาน้องเบาๆ

“ของเนหมดเลย ขวดนี้ก็ของเน” เนชูขวดขึ้นแล้วก็ปล่อยมือทำเอาผมอุทานลั่น กลัวตกแล้วแตก ดีที่ขวดตกลงบนโซฟา ผมขมวดคิ้วเตรียมหันมาดุคนเมาแต่แล้วก็ต้องเงียบเมื่อเจอหน้าดื้อนั่นจ้องมาที่ผมนิ่งๆ อารมณ์ไหนอีกล่ะเนี่ย

“เน”

“ลุง...”

“...”

“ลุงก็เป็นของเน”

“...”

“ไม่ให้หายไปไหน ต้องเป็นของเนเท่านั้น” ตากลมเริ่มมีน้ำตามาเอ่อ

“ไม่หาย” ผมรีบยกมือขึ้นประคองแก้มนุ่มนั่น “พี่ไม่หายไปไหน อยู่กับเรา”

“ลุงห้ามหาย”

“...”

“เนอยู่ไม่ได้จริงๆ นะ” เสียงอ้อนๆ มาพร้อมกับการทิ้งตัวลงกอด จมูกเล็กบี้อยู่กับแผ่นอกผม

“ไม่หาย ไม่ร้องนะ”

“วันนี้เนอยากเมา”

“หืม”

“อยากเสียตัวแล้ว”



ฮะ! !!!!!

ผมสำลักน้ำลายดังแค่ก

สะ สะ สงสัยฟังผิด น้องพูดว่าอยากเสียน้ำตาแล้ว ใช่สิ ใช่แน่ๆ



“เน”

“อยากเสียตัวแล้วลุงงงงงง เนอ่ะนะเน เนหาความรู้มาพร้อมแล้ว เอาเลยไหม เนสมยอม”



พระเจ้า...

อยากจะเดินกลับไปหยิบวิสกี้ในชั้นมากรอกปากตัวเอง



“เน ที่เราเมาจริงไหมเนี่ย”

“ก็เมานะ เนมึน หัวเนหมุนปิ้วๆ แต่เนอ่ะพูดจริงนะ เนช่วยตัวเองไม่เก่ง แต่เพื่อนตุ๊ดบอกว่าให้เนอ้อนผัว เพื่อนบอกฟินแน่นอน เนอ่ะนะ ก็เลยวางแผนมอมตัวเองงงงง แต่ แต่ แต่ ยังมีสตินะ เดี๋ยวไม่รู้ว่าตัวเองฟิน”

โอย แต่ละคำ...

ผมอยากจะยกมือขึ้นนวบขมับตัวเองซ้ำๆ เนไม่เคยทำให้ผมผิดหวังในเรื่องพูดอะไรไม่คาดคิด แต่ในกรณีนี้ดูจะเกินกว่าที่คาดไว้ไปเยอะ



“เน...”

“ตอนแรกเนว่าไม่เมา ตะ แต่เหล้าลุงอ่ะ ฮืออออ เนว่าเนไม่ไหว” เนพลิกตัวเป็นนั่งตักแต่หันหลังให้ผม หลังชุ่มน้ำนั่นทิ้งน้ำหนักแนบมากับแผ่นอกผม

“เน เรานี่มันจริงๆ เลย พี่ไม่รู้นะว่าเพื่อนเราพูดอะไร แต่พี่บอกว่าไม่ทำก่อนยี่สิบก็คือไม่ทำ” ผมยกมือขึ้นลูบเสยผมที่ปรกหน้าน้องขึ้น กลัวผมชื้นแอลกอฮอลล์จะทำหน้าน้องสิวขึ้น เนกลิ้งหัวไปมาบนอกผมพร้อมกับยู่หน้ายู่ตา

“ฮึก เนยั่วสุดๆ แล้วนะลุง”

“เก่งนัก ไอ้เรื่องอะไรแบบนี้”

“เนดูคลิปมาเยอะเลย”

“หมกมุ่น”

“ก็วัยเนมะ” ไอ้ดื้อเถียงกลับทันควัน

“เฮ้อ ต้นเดือนหน้าเราก็สิบเก้าแล้วน่ะ”

“ฮื่อ เด็กสิบแปดก็มีอารมณ์ทางเพศเป็นนะลุง!!!”



โอ๊ย คำพูดคำจา

ผมขมวดคิ้วรอบที่สิบของวัน เข้ามหาลัยไปไม่เท่าไหร่ ทำไมเด็กผมดูกร้านโลกขึ้นเยอะขนาดนี้เนี่ย เดี๋ยวคงต้องมีได้เจอตัวกลุ่มเพื่อนบางแล้ว สอนอะไรเด็กผมไปบ้างวะเนี่ย แล้วไอ้ตัวนี้ก็ยิ่งยุขึ้นง่ายอยู่ด้วย



“เน พี่ปวดหัวกับเรา”

“ลุง”

“...”

“เนมีอารมณ์อ่ะ”



ถ้าบนโลกเรามีนวัตกรรมที่สามารถวัดระยะการถอนหายใจได้

รวมกันแล้ววันนี้ผมน่าจะถอนได้ระยะความยาวประมาณสามกิโล

ผมถอนหายใจแต่ก็ประทับจูบลงบนแก้มใส มือก็ขยับสอดเข้าไปใต้กางเกงขาสั้นตัวเก่ง เนที่ดูเตรียมตัวมาอย่างดียกมือขึ้นจับแขนผมไว้เหมือนจะห้าม



แต่ก็ไม่...

จับไว้เฉยๆ



“ไม่เกินเลยนะเน รอยี่สิบ”

“อื้อ”

“ไอ้ดื้อ”

“อ๊ะ ลุง”

“พี่รักเรานะ ก้อนดื้อ” ผมกระซิบบอกรักข้างหูคนบนตักที่ตอนนี้ได้แต่ครางอือหน้าแดงหูแดง ผมและเนเราต่างก็เลอะเทอะไปด้วยความเหนียวและเสียงเฉอะแฉะ



เช้าวันต่อมา

โซฟาผ้าตัวนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยโซฟาหนัง



ถ้าถามว่าทำไมล่ะก็

น่าจะเพราะว่าเขาว่ากันว่าบางสิ่งเวลาที่มันมีครั้งแรกก็มักจะมีครั้งต่อๆ ไปตามมา เพราะฉนั้น เพื่อป้องกันการเลอะในครั้งต่อไป ใช้วัสดุที่ทำความสะอาดง่ายขึ้นมาหน่อยดีกว่าแล้วกัน



หึ...

If you know what I mean


หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 22 [25/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 25-03-2020 18:28:09
นังน้องงงง เด็กขี้ยั่วว
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 22 [25/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 26-03-2020 02:26:19
ก้อนดื้น ขี้ยั่ว เห็นใจ ก้อนลุง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 22 [25/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 26-03-2020 03:34:21
สุด
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 22 [25/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 26-03-2020 14:32:41
เจ้าก้อนดื้อ ขี้ยั่วววว เด็กมันร้ายยยอ่ะลุ๊ง
แห่มมม เตรียมพร้อมเปลี่ยนโซฟามันซะเลย :laugh:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 22 [25/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-03-2020 16:27:17
ก้อนดื้อเอ้ยย หมันเขี้ยว ดีนะลุงยังห้ามใจกับเขาได้ อยากตียัยเด็กเหลือเกิน 5555555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 22 [25/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 27-03-2020 14:40:10
 :m20: :m20: :m20:
สงสารคนแก่จัง
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 22 [25/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-03-2020 21:59:01
 o22  เนหนูลูก ทำไมนี้อิแม่อยากจะตีเหลือเกิน ขาลุงเข้าคุกไปข้างแล้วเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 27-03-2020 22:27:50
สามหกสิบแปด 23





[Nay]





วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง



วันเกิดครบรอบอายุยี่สิบขวบของผม!!!!



ยูฮู้วววววววว จุดพลุปุ้งปั้งเดี๋ยวนี้!!!



บอกได้คำเดียวว่า



‘วันนี้ที่รอคอย’



ผมคิดว่าทุกคนจะต้องมีเป้าหมายกันทุกปีใหม่ใช่ไหมล่ะครับ เช่นปีหน้าจะลดความอ้วน ปีหน้าจะงดเหล้าอะไรอย่างนี้ สำหรับผมเป้าหมายในปีนี้นั่นก็คือ



ปีนี้จะเสียตัว!!!!

... ทำไมฟังดูติดเรท แต่เดี๋ยวก่อนครับ มันมีที่มานะ!!!

เรื่องของเรื่องก็คือ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าลุง แฟนของผมเนี่ย โคตรจะลุง ลุงแบบลุงลุ๊งลุง ถึงจะมีบ้างที่แอบแต๊ะอั๋งจับนู่นจับนี่ช่วยผมปลดปล่อยก็เคยแล้ว ผมแต่บอกเลยว่าพอเกินเส้นไปนิดหนึ่งลุงจะยกปางห้ามลามกขึ้นมาตามด้วยคำที่ฟังจนเบื่อ คือเข้าใจไหมครับว่าผมเป็นวัยรุ่นอ่ะ ตอนช่วงแรกๆ ก็กลัวอยู่หรอก พอหาข้อมูลเยอะขึ้นเรื่อยๆ มันก็แอบอยากจะลองดู แต่ทุกอย่างก็ติดอยู่แค่คำคำเดียว



จนกว่าจะอายุยี่สิบ



บอกเลยนะครับ เพราะไอ้คำที่ว่าเนี่ยแหละ ทำให้ผมเริ่มหาข้อมูลตั้งแต่อายุสิบแปด อยากรู้อยากลองมาหลายปีขนาดไหน อ่อยแบบทุ่มหน้าตัก ลุงก็แสนจะใจแข็ง ถึงจะมีช่วยบ้างนิดหน่อยแต่พอผมจะปล่อยให้บรรยากาศพาไป ลุงก็จะเบรคจนหน้าทิ่มทุกรอบ

แต่!!!

จะแข็งสักแค่ไหน ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ผมอายุยี่สิบ ไอ้คำว่าจนกว่าจะอายุยี่สิบจะถูกปัดตกตั้งแต่วันนี้ต้นไป อิยะฮ่าๆๆๆๆๆๆ



“ไอ้หนูเน หน้ามึงดูโรคจิตนะ กูกลัว” เสียงไอ้กันดังขึ้นเรียกสติผมออกจากแผนการชั่วร้าย ขณะนี้ผมมานอนกลิ้งรออยู่คอนโดดไอ้กัน รอลุงเลิกงานครับ

“กันมึ้งงงงงงง”

“อะไร”

“ในที่สุดกูก็ยี่สิบสักที”

“เออ ซื้อเหล้าได้แล้ว”

“กูจะได้เสียตัวแล้วมึง”



พร่วดดดดดดดดดดดดดดด!!!

อี๋...

พ่นโค้กมาได้ มึงคิดว่าตัวเองเป็นเมอร์ไลออนเรอะ



“ไอ้น้องเน!!!!!”

“อะไร”

“ไอ้เหี้ย โอ๊ย ไอ้เวร ไอ้เด็กเวร มึงพูดอะไรออกมา”

“กูบอกกูจะได้เสียตัวแล้ว”

“โอ้พ่อแก้วแม่แก้ว”

“พ่อมึงชื่อเกียรติไม่ใช่แก้ว ส่วนแม่มึงชื่อกุ้ง”

“ช่างแม่กูก่อน เดี๋ยวมึงเลยเดี๋ยว ไอ้ตัวดี!!! จะเสียตัวแล้วอะไรของเมิงงงงงงงงง” ไอ้กันเขย่าตัวผมไปมา

“มึงก็รู้ว่าลุงรอกูอายุยี่สิบถึงจะยอมปู้ยี่ปู้ยำกู”

“ไอ้สัด จับหน่อยกูจะล้ม”

“มึงนั่งอยู่” ล้มอะไรของมัน ละครมาก ผมกระดกคิ้วงงให้กับความบทตัวประกอบเพื่อนขี้เวอร์ของมัน

“กูล้มไปแล้วในความคิด ไอ้เหี้ยยยยยย ไม่ได้โว้ยยยยยย มึงจะบ้าเรอะ นี่มึงรู้ไหมเนี่ยว่าพูดอะไรออกมา”

“รู้สิ”

“กูจะฟ้องตำรวจ”

“กูจะบอกตำรวจว่ายกฟ้อง กูสมยอม”

“โอ้มายก็อด” ไอ้กันถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับ ท่าประจำของลุงเลยครับ เดี๋ยวนี้เอะอะอะไรก็นวดขมับ แต่ลุงแก่แล้วพอจะเข้าใจ ส่วนไอ้กันก็แก่ครับ แก่แดด อาเก่งด่ามันประจำ

“มึงว่ากูควรตั้งตัวรอลุงยังไงดีวะ”

“กูลีฟแชตนี้แล้ว เลิกคุยกับกู”

“ขอแก้นะ มึงต้องใช้เลฟแชต แล้วก็... มึงงงงงงงงงง ช่วยกูคิดหน่อย วันนี้วันเกิดกูนะ”

“มึงจะให้กูช่วยคิดอะไรวะ”

“กูจะควรเตรียมตัวยังไงดีอ่ะ”

“กูเลฟแชต เชิญมึงหมกมุ่นต่อไป กูไปทำมาม่าดีกว่า” แล้วไอ้กันก็โยนคอมลงเตียงสะบัดตูดออกจากห้องนอนตัวเองไป ไรฟะ แล้งน้ำใจ ผมได้แต่กอดหมอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงมัน



อยากทำให้วันนี้มันออกมาดีที่สุด

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ตื่นเต้นรอจนมือเย็นไปหมดแล้ว



ตอนนี้พี่ไม้เข้าบริษัทไปประชุมงานเรื่องที่กำลังจะเปิดรีสอร์ตสาขาใหม่ที่ภูเก็ต โดยที่พี่สีน้ำจะเข้ามาช่วยทำเรื่องอินทีเรีย ผมเลยถูกหิ้วมาทิ้งไว้ห้องไอ้กัน รอเวลาลุงประชุมเสร็จ แสนจะเซ็ง แต่ก็ยังดีกว่าเข้าไปนั่งเบื่อรอในออฟฟิสลุง พูดแล้วก็ยกมือถือขึ้นมาเสิร์ชหาไอเดียดีกว่า

ว่าแต่จะเสิร์ชว่าอะไรดีนะ

อืม...

ผมกะจะค้นหาคำว่าวิธีรับมือเสียตัวคืนแรก แต่พอพิมพ์ไปแค่วิธีช่องเสิร์ชก็รันตัวเลือกมาให้ ตาผมไปสะดุดกับคำแนะนำที่ว่า



‘วิธีมัดใจสามี’



เอ ก็ยังไม่ถึงสามีอ่ะ แต่แวะดูหน่อยก็ได้ เผื่อจะมีคำแนะนำดีๆ

พอกดเสิร์ชไปนั้น นอกเหนือจากคำแนะนำแล้วยังมีเป็นคลิปให้ผมดู อู้วหู้ว ผมไล่เปิดดูทีจะเวปอ่านไปอ่านมา ไอ้เรื่องลีลาผมไม่มีอะไรจะไปมัดใจลุงได้เลย ทำไม่เป็น แต่สิ่งที่ผมน่าจะทำได้



คอสตูม!!!

ว่าแล้วก็กระโดดลงจากเตียงไปวิ่งไปหาไอ้กันที่ยืนต้มมาม่าอยู่ในครัว



“ไอ้กันนน”

“อะไรมึง เสียงดัง”

“พากูไปแพลตตินั่มหน่อย” ไอ้กันถึงกับขมวดคิ้วงง

“หืม? ไปซื้ออะไรวะ”

“เออน่า พากูไปหน่อย” คอนโดไอ้กันตั้งอยู่แถวๆ แพลตตินั่มพอดี แต่เดินไปก็ร้อนเกินครับ อ้อนให้มันขับรถพาไปดีกว่า

“เออๆ ขอแดกมาม่าให้หมดก่อน”

“เย้ะะะะะะ”



ไอ้กันใช้เวลาในการเขมือบมาม่าหมูสับเพียงสิบห้านาทีก็เกลี้ยงถ้วยแถมยังเรอออกมาดังลั่นห้อง ทุเรศที่สุด จากนั้นมันก็ใช้เวลาในการหากุญแจรถบีเอ็มตัวเองอีกยี่สิบนาทีที่ไหนได้เผลอใส่ไว้ในถุงเซเว่น ไอ้เวรนี่ทำเหมือนรถคันละยี่สิบ

ระยะเวลาการขับรถมาแพลตตินั่งจริงๆ แค่ประมาณสิบนาทีครับ แต่ด้วยความรถติดนรกมันเลยกลายเป็นครึ่งชั่วโมง สุดแสนจะเซ็ง พอหาที่จอดได้ผมก็รีบเดินตรงไปหาร้านที่ทำการเสิร์ชมาทันที ส่วนไอ้กันถึงจะหน้าเซ็งแต่ก็ยอมเดินตามมาแต่โดยดี จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้าน



ชุดนอนไม่ได้นอน





“มึงหยุดความคิดเลยไอ้หนูเน”

“อ้าว”

“ไอ้เวรรรรรรรรร นี่มึงให้กูขับรถพามึงมาซื้อชุดชั้นในผู้หญิงหรอ โอ๊ย กูเจ็บแผลผ่าคลอด อยากเอามึงกลับเข้ามดลูก”

“มดลูกบ้านมึงสิ มึงมีแต่ลูกหมากไอ้เวร แล้วกูไม่ได้มาซื้อชุดชั้นในด้วย”

“แล้วมึงหยุดหน้าร้านนี้ทำไม” มันยกมือขึ้นชี้ราวกางเกงในและบราลูกไม้ด้วยความเลิ่กลั่ก

“ที่กูอยากได้มันอยู่ในร้าน มึงแม่งขี้บ่นว่ะ รอกูอยู่หน้าร้านเนี่ยแหละ”

“อะ ไอ้เน- “ไอ้กันยังไม่ทันได้รั้งผม ผมก็เปิดประตูเข้ามาในร้าน ด้านนอกจะเป็นโซนชุดชั้นในครับ แต่ที่ผมต้องการจะซื้อน่ะไม่ใช่พวกนั้นหรอก ใจผมไม่กล้าพอ แต่ที่ผมต้องการน่ะคือ



ชุดนักเรียนญี่ปุ่นต่างหาก

ก็ในเวปบอกว่าสามีชอบมาก พอใส่ชุดนักเรียนญี่ปุ่นทีไรกระชุ่มกระชวยไปทั้งคืน!!!



“สวัสดีค่า หาชุดไหนถามได้นะคะ”

“อยากได้ชุดนักเรียนญี่ปุ่นธรรมดาครับ ไม่ต้องหวิวมาก”

“แบบคอสเพลย์ธรรมดาหมดทุกไซซ์เลยค่ะ ตอนนี้เหลือแต่แบบสั้น”

“สั้นประมาณไหนครับ”

“เหนือเข่ามานิดหน่อยค่า” อืม... เหนือเข่าก็น่าจะกำลังดีแหละ

“งั้นผมเอาชุดหนึ่งครับ”

“ห้าร้อยเก้าสิบเก้า พี่คิดน้องห้าร้อยห้าสิบก็พอ”

“ขอบคุณครับ”

“สนใจชุดอื่นไปด้วยไหมคะ ถ้าชอบให้แฟนใส่แบบนี้ ชุดพยาบาล ชุดเมทก็มีนะ”

“มะ ไม่เป็นไรครับ” ผมงี้ยิ้มแห้งเลย ลองคิดสภาพให้ลุงใส่ชุดพวกนี้ ก็รู้สึกอุจาตตา กล้ามแขนคงปลิ้นไปหมด

“อ่ะพี่แถมแพนตี้ไปตัวหนึ่ง ขอให้วันนี้จัดแฟนฟ้าเหลืองเลยนะคะ ฮริ้ววววว” ฟะ ฟ้าเหลือง? ผมยิ้มแห้งอีกรอบก่อนจะรีบจ่ายตังค์แล้วเดินออกมาจากร้าน แน่นอนว่าไอ้คุณพ่อของผมงี้กอดอกหน้าหงิก

“ซื้อเสร็จแล้วใช่ไหม”

“มึงงง ขับพากูไปส่งห้องเลยได้ป่ะ กูอยากเซอไพรส์ลุงตอนลุงกลับถึงห้องทีเดียวเลย”

“ไอ้เหี้ยยยย กูเจ็บแผลคลอดดดด ลูกกูใจแตกกกกกก”

“มึงอย่าโวยวาย”

“ฮืออออออออ ไอ้น้องเนที่แสนจะใสซื่อของกู” ไอ้กันเล่นบทดราม่าแม่มโนแต่สุดท้ายก็ยอมขับรถพาผมมาส่งที่ห้องอยู่ดี ดีที่คอนโดลุงก็ไม่ได้อยู่ไกลมากนักเลยขับมาถึงอย่างรวดเร็ว พอจอดรถไอ้กันก็หันมาทำหน้าจริงจังใส่ผม



“ไอ้เนมึง”

“ไร”

“ปะ ป้องกันด้วยนะโว้ย”

“กูพร้อมมาก มีครบทั้งถุงทั้งเจล มึงไม่ต้องห่วง” ไอ้กันถึงกับนวดขมับให้กับคำตอบผม

“มึงลงไปเลย ลูกเวร”

“แต๊งกิ้วที่มาส่ง”

“เดี๋ยวมึง”

“หืม?”

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์” พูดเบาๆ แถมยังเกาคอแบบเขินๆ อีกต่างหาก ความพระเอกละครของไอ้กัน ทำเป็นปากแข็งไปงั้น ผมยิ้มจนแก้มแทบแตกให้กับมุมน่ารักของไอ้กัน

“ขอบคุณนะ”

“ลงไปได้แล้ว ไม่ต้องมายิ้ม แล้วรักนวลสงวนตัวด้วย ไอ้แรด”

“ครับพ่อ”

“ชิ่วๆ “มันโบกมือไล่ผมเป็นการส่งท้ายก่อนจะขับรถออกไป ผมยืนโบกมือบ๊ายบายจนกระทั่งรถไอ้กันวนออกไปจากตัวตึกผมถึงค่อยเดินเข้าล็อบบี้ พอกดรหัสเข้าห้องมาได้ผมก็รีบตรงดิ่งเข้าไปในห้องนอง หยิบของที่เพิ่งซื้อมาออกจากถุงพอคลี่ออกก็ถึงกับช็อค



โอ้

มาย

ก็อด



สั้นกว่าเข่าที่ว่าก็ไม่คิดว่าจะสั้นกว่าขนาดนี้

ระยะชายกระโปรงนักเรียนผมเลยต้นขาไปนิดเดียวเองงงงงง เป็นเครียดดดดดด มันจะแรดเกินไปไหมวะเนี่ยยยยยยยยย ผมถอดกางเกงตัวเองลงแล้วลองสวมดู โอ้โห ปิดต้นขามานิดหนึ่งแถมยังโคตรจะคับแบบที่รูดซิบได้แต่ติดตะขอไม่ได้ ผมหยิบเสื้อที่ขยำเป็นกองออกมาคลี่



โอ้

มาย

ก็อด

เสื้อนักเรียนก็ยังจะเสือกเป็นเสื้อนักเรียนแบบสั้นด้วยหรอออออออ



ผมถอดยืดออกจากหัวแล้วลองเอาเสื้อนักเรียนมาใส่ เรียกได้เอวลอยแบบสาวสยามยังต้องอาย เสื้อไซซ์หมาที่แท้จริง นอกเหนือจากเสื้อกับกระโปรงที่โคตรจะสั้นแบบประหยัดผ้าลดโลกร้อนแล้วในเซทก็ยังมีแถมถุงน่องกับเนคไทด์มาด้วย ผมลองประกอบร่างตัวเองสร็จแล้วก็ได้แต่ยืนอึ้ง



คือแบบ

โป๊มากกกกกกกกกก โป๊มากๆ โป๊สุดๆ โป๊โคตรๆ โป๊แบบไอ้กันเจ็บแผลคลอดแน่นอน ไม่คิดไม่ฝันว่าได้มีวันนี้ วันที่จะได้มาใส่ชุดนอนไม่ได้นอนแสนโป๊ ยังไม่ทันได้โชว์ลุงผมก็ชิงเขินจนน้ำตาคลอ ผมลองบิดตัวดู หมุนแค่เพียงเล็กน้อยกระโปรงก็เปิดเห็นขากางเกงบ็อกเซอร์แล้ว



เอ๊อะ พูดถึงกางเกง

เหมือนว่าพี่เขาจะแถมแพนตี้มาด้วยนี่นา

ผมรีบคว้าถุงหยิบของชิ้นสุดท้ายขึ้นมากาง ทันทีที่ผมเห็นของในมือ ในใจก็ได้แต่อุทานลั่น คือมันแบบ...





โอ้

มาย

ก็อด...











.

.

.



















หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 27-03-2020 22:28:06




[seemai]





วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

จากเนที่เคยเป็นเด็กมัธยมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินก็เข้าสู่วัยมหาลัยปีสอง ถึงจะผ่านไปสองปีแต่ที่เหมือนเดิมคือความดื้อ เนอาจจะดูดื้อกับคนอื่นน้อยลงแต่ความดื้อกับผมนั้นยังคงเท่าเดิม

ตั้งแต่ย้ายกลับมากรุงเทพ ข้อดีหลักๆ เลยคือผมมีเวลาได้อยู่กับเนมากขึ้น ถึงจะไม่ได้ตัวติดกันอะไรขนาดนั้นเพราะผมเองก็มีงานบริษัทต้องทำส่วนเนก็อยู่ในช่วงติดเพื่อนที่มหาลัย แต่ก็ยังดีที่เนยังคงตัวติดกับหลานของเก่งอยู่เสมอให้ผมพอได้หายห่วงว่ายังคงมีคนคอยดูแลเนให้อยู่ตลอด

ถึงจะต่างคนต่างมีโลกในวัยของตัวเองแต่สุดท้ายก่อนจะจบวันเราก็จะกลับมานอนบนเตียงด้วยกัน ครับนั่นคือข้อดี ส่วนข้อเสียนั้นก็เหมือนเป็นซับเซทของข้อดีอีกที เนื่องจากไอ้ที่เราได้กลับมานอนบนเตียงเดียวกันนั้นมันเริ่มไม่ค่อยปลอดภัยขึ้นไปทุกที



เพราะว่า...

เนพยายามยั่ว

ถามว่ายั่วขึ้นไหมก็บอกตรงๆ ว่ายั่วขึ้นอยู่แล้ว มีตัวนิ่มๆ ขาวๆ มาคอยวอแว



แต่มันได้ที่ไหนกันล่ะ!!!

บทตาแก่หื่นกามมันควรเป็นบทของผมหรือเปล่าวะ!!!



บอกก่อนเลยครับว่าการยั่วของเนเนี่ย มันเริ่มมาจากการซื้อน้ำยาหล่อลื่นมาตั้งไว้ข้างเตียง พอผมเอาไปเก็บที่อื่นก็กวนประสาทด้วยการซื้อมาหลายๆ อันตั้งไว้ทั้งในครัว ห้องน้ำ หน้าทีวี พอผมเก็บไปไว้อื่นจนหมดก็มายืนยู่หน้ายู่ตาตะโกนลั่นห้องว่า



“แต่เนพร้อมแล้ว!!!”



ได้ยินแบบนั้น ผมก็พร้อม





... พร้อมโดนพ่อเนยิง



หลังจากที่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวเน พ่อของเนก็เรียกผมไปคุย ว่าถ้าขอได้ เรื่องอะไรแบบนี้ก็ขอให้น้องยี่สิบก่อนได้ไหม ซึ่งผมก็ดันตกลงรับปากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ว่าเนเองก็ดูไม่ได้อะไรกับเรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่ต้น

ใครจะไปรู้ว่าเลเวลยั่วตาใสของเนมันจะอัปเกรดขึ้นไวขนาดนี้แค่เพียงเข้ามหาลัย บอกเลยว่าตั้งแต่นั้นผมต้องเผชิญหน้ากับการยั่วแบบเด็กๆ ของเนนับครั้งไม่ถ้วน เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมนั่งสมาธิตามวิถีชาวพุทธทั้งๆ ที่ตัวเองนับถือคริสต์ รอดพ้นจากกระสุนปืนพ่อน้องมาได้ครบปี



จนในที่สุดวันนี้ก็มาถึง



วันเกิดครบรอบอายุยี่สิบปีของเน

เดาจากความหมกมุ่นของเนแล้ว วันนี้น้องมันต้องตั้งเป้ามาให้ผมเผด็จศึกแน่นอน แต่จะมาไม้ไหนเนี่ยแหละคือความน่ากลัว



“ไอ้ไม้”

“...”

“หลานกูโทรมาบอกว่าเอาเด็กมึงกลับไปส่งห้องแล้วนะ ไม่ต้องไปรับที่ห้องมันแล้ว”

“อ้าว” แปลกใจเล็กน้อย เพราะเนเป็นคนขอไปรอห้องหลานเก่งเองตอนแรก จู่ๆ ทำไมตัดสินใจกลับก่อน แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก สงสัยจะแค่งอแงอยากกลับห้องตามปกติ

ผมโกยเอกสารที่ต้องเอาไปตรวจเข้ากระเป๋าถึงแม้จะรู้ว่าพวกมันคงไม่ได้ออกมาจากกระเป๋าจนกว่าจะเช้าวันพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้ผมจะใช้เวลาทั้งวันให้กับเจ้าของวันเกิดที่ป่านนี้คงมุดผ้าห่มนอนกรนอยู่ที่ห้อง แน่นอนว่าขากลับผมก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อเค้กไอติม ซื้ออาหารเย็นจากร้านโปรดเน ส่วนของขวัญผมซื้อเตรียมไว้นานแล้วเป็นไอแพดรุ่นล่าสุด เห็นบ่นอยากได้มาสักพักแล้ว หวังว่าเจ้าก้อนดื้อจะไม่ได้ซื้อมาเป็นของขวัญให้ตัวเองไปเสียก่อน

ใช้เวลาไม่นานผมก็ขับรถมาถึงคอนโด นึกรู้สึกขอบคุณที่วันนี้รถไม่ติดไม่งั้นเค้กไอติมของผมอาจจะกลายสภาพเป็นเค้กของเหลวอะไรสักอย่างแทน

ผมเดินผิวปากอย่างใจเย็นขึ้นมาบนห้อง เมื่อเปิดประตูเข้าห้องมาก็พบว่าเครื่องปรับอากาศและไฟถูกเปิดไว้ แต่ไร้ซึ่งเงาของก้อนวุ่นวาย

ไม่แปลก สงสัยนอนอยู่ในห้อง

ผมวางความสงสัยทิ้งไว้ก่อนจะตรงเอาเค้กไปแช่ตู้เย็น ตู้เริ่มเต็มอีกแล้ว เด็กแถวนี้หาของมาแช่เก่งมาก ทั้งเยลลี่เอย น้ำเอย ล่าสุดเอาสกินแคร์มาแช่ด้วยแล้วสุดท้ายก่อนนอนก็ขี้เกียจเดินออกมาเปิดตู้อยู่ดี ผมเปิดช่องฟรีซพร้อมกับค่อยๆ สอดกล่องเค้กเข้าไปวาง



“ลุง...” เสียงดื้อดังมาจากด้านหลัง ผมค่อยๆ หันตัวกลับไปเตรียมแซวว่าหน้าต้องง่วงตาปิดแน่นอน แต่ปรากฏว่า



เห้ย...



เรียกได้ว่าตกใจจนหาคำอุทานไม่เจอ ผมถลึงตาจนตาแทบหลุดให้กับภาพตรงหน้า เนยืนแก้มแดงอยู่ในชุดนักเรียนญี่ปุ่น และไม่ใช่ชุดนักเรียนญี่ปุ่นธรรมดาแต่เป็นชุดนักเรียนญี่ปุ่นที่สั้นมากๆ วับๆ แวมๆ จนใจผมหล่นทุกการขยับตัว



“นะ เน...”



โอ้โห ถึงพอจะเดาได้ว่าเนต้องมีแผนการณ์อะไรสักอย่าง

แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้!!!



“ลุง...”

“หยุดอยู่ตรงนั้น” ผมรีบยกมือขึ้นชี้ เรียกสติตัวเอง

กลับมาก่อนไอ้ไม้ เรามันผู้ชายอายุสามสิบกว่า เราต้องมีสติ เราอย่าหลงกลเด็ก!!!

“ลุงชอบไหม”

“...” เราต้องมีสติ!!! เราต้องมีสติ!!!

“ลุงงง”

“เน...” ผมเรียกชื่อน้องด้วยความอ่อนใจ

“เนน่ารักไหม”



กุมขมับ...

แอร์ก็เปิดแต่เหงื่อตกเต็มหน้า



“นี่... ไอเดียใคร”

“ไอเดียเนเอง บอกเลยว่าคิดเอง หาชุดเอง ใส่เองด้วย” ผมปิดประตูตู้เย็นเพื่อมองก้อนดื้อตรงหน้าให้เต็มตา ชุดนักเรียนญี่ปุ่นที่ตัวเสื้อครอปเหลืออยู่แค่เหนือเอว กระโปรงนักเรียนสีน้ำเงินที่สั้นจุ๊ดอยู่ตรงต้นขา ถุงเท้าสีดำเลยเข่า



สั้นแบบนี้มันไม่ใช่ชุดคอสเพลย์แล้วนะ

มันชุดนอนไม่ได้นอนมากกว่าแล้ว โอ๊ย ปวดหัว



“ให้ตาย...” คิดอะไรไม่ถูกไปหมด เกินกว่าที่คิดจนตั้งตัวไม่ทัน ผมถอนหายใจยาวเหยียดพร้อมกับเดินไปวางมือบนหัวฟู “กินข้าวก่อน”

“เห้ยยยยยยยย ลุง!! เนใส่ขนาดนี้แล้วลุงยังจะใจแข็งอีกหรอ”

“น่ารักแล้ว แต่อาหารเย็น...”

“ไม่กินแล้ว!!!”

“เน”

“ลุง.... หรือจริงๆ ลุงนกเขาไม่ขัน”

“เพ้อเจ้อ”

“หรือเนเอ็กซ์ไม่พอ”



ให้ตายเถอะ อยากจะกุมขมับตัวเองรอบที่ร้อยของวัน ผมดึงแขนเนออกจากครัวไปที่ห้องนั่งเล่น กะจะปล่อยให้เด็กน้อยนั่งฟุ้งซ่านรออยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนผมจะได้เข้าไปเทอาหารใส่จาน แต่ทันทีที่ถึงโซฟา เนก็สะบัดแขนออกพร้อมกับผลักผมนั่งลงบนโซฟาแล้วนั่งแทรกลงมาตรงหว่างขาผม



ท่าอันตรายแบบที่ได้ยินเสียงไซเรนรถตำรวจดังในห้วงความคิด

ได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองที่กำลังใจเต้นกับอะไรแบบนี้จนแทบจะเป็นบ้า



“เน...”

“ลุงรู้ไหม เนเขินจะตายอยู่แล้วนะที่ใส่ชุดแบบนี้อ่ะ” มือเล็กคว้ามือผมไปจับพร้อมกับพิงตัวลงมากับอกผม

“รู้สิ แก้มแดงไปยันหูแล้ว”

“เน เซอไพรส์ลุงไหม”

“วันเกิดเราต้องเป็นพี่ที่เซอไพรส์ไม่ใช่หรือไง”

“ลุงเซอไพรส์ไม่เก่งนี่”



ก็จริง...

สิ่งที่ยืนยันได้นั้นอีกก็คือวันนี้ผมก็ไม่ได้เตรียมเซอไพรส์อะไรด้วยนอกจากเค้กไอติมและของขวัญ



“ไปซื้อชุดมาตอนไหน” ผมวางคางลงบนไหล่น้อง แอบสูดดมกลิ่นแชมพูหอมๆ เข้าปอด

“ก่อนกลับห้อง ให้ไอ้กันพาไป”

“กันยอมด้วยหรอ”

“บ่นหูชาเลย” ผมหัวเราะ พอจะนึกภาพออก

“ลุง...”

“หืม”

“ไม่ต้องกินข้าวหรอก”

“...”

“กินเนแทน”



ปวดหัว...

ใจมันเหลวจนไม่รู้จะเหลวยังไงแล้วเนี่ย

ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ แต่มันแค่ยังตั้งตัวไม่ทัน นอกเหนือจากห่างหายมานานแล้วก็ปกติเวลาที่ผมทำอะไรแบบนี้มันมักจะเป็นมู้ดโรแมนติกปกติก่อนที่จะเกิดขึ้น ไอ้ที่โดนยั่วใส่ชุดนักเรียนสั้นๆ เนี่ย ไม่เคยมาก่อนในชีวิต พอเห็นผมไม่ได้โต้ตอบอะไรเนก็จับมือผมยัดเข้าไปในเสื้อตัวเอง



“ลุงงง”

“โอเคๆ ใจเย็นๆ”

“ไม่เย็นแล้ว เนรอมากี่ปี” ดูคำพูดคำจาเข้า

“ให้ตายเถอะเน แก่แดด”

“ยี่สิบแล้วนะ ลุงว่าเนคำนั้นไม่ได้แล้ว!!!” เถียงลั่นพร้อมกับยู่หน้ายู่ตา

“ยี่สิบก็ยังเด็กกว่าพี่หลายปีอยู่ดี”

“นี่ลุง พ้นคุกแล้วนะ” เนยกมือขึ้นรั้งคอผมแนบไหล่แล้วเอียงแก้มมาถู

“ไม่ได้กลัวคุก”

“เหงื่อตกอยู่ทุกรอบที่ยั่ว เอาอะไรมาพูด”

“...”

“ลุง”

“...” ไม่มีแรงแม้แต่จะตอบรับ

“ไปห้องนอนกัน” เนขยับตัวยุกยิกแล้วก็หันตัวมากอดผมไว้



เฮ้อ...

ผมถอนหายใจยาวแต่ก็ตัดสินใจอุ้มก้อนดื้อขึ้น ตัวหนักขึ้นเยอะจากสองปีที่แล้ว แต่ก็ยังพออุ้มไหว น้ำหนักอาจจะเพิ่มแต่ผมว่าเนน่าจะสูงเท่าเดิม ยังคงเท่าอกผมไม่เปลี่ยนแปลง เด็กขี้ยั่วในอ้อมกอดผมตวัดแขนโอบรอคอผมแน่นไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่เสียงหัวใจนี่เต้นแรงจนผมแอบยิ้ม

เนเป็นแบบนี้อยู่ตลอด เหมือนจะกล้าแต่จริงๆ ก็เขิน

เปิดประตูห้องอย่างทุลักทุเลแล้วผมก็โยนก้อนดื้อลงบนเตียงดังปุ้ก ปอยผมและชายเสื้อนักเรียนนั่นแผ่ไปบนเตียง เปิดเผยหน้าท้องขาว ชายกระโปรงที่แสนจะสั้นนั่นเลิกขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่อยู่ใต้กระโปรงนั่นทำให้ผมขมวดคิ้ว



“เน...”

“หะ หืม”

“ใส่อะไรไว้ใต้กระโปรง” พูดจบใจผมก็เต้นดังจนได้ยินเสียงตุ้บๆ ที่หู

“อือ... ซะ เซอไพรส์”



มือเล็กสั่นระเริกเอื้อมไปเริกกระโปรงตัวเองขึ้นโชว์กางเกงผ้าลูกไม้สีขาวที่มีโบว์สีชมพูตกแต่ง มันบางเสียจนเห็นอะไรต่อมิอะไรไปหมด เนหน้าแดงเป็นปื้น ส่วนผมเองก็รู้ตัวว่าตอนนี้หน้าตัวเองก็ต้องแดงมากเช่นกัน เก็บทุกเม็ดไม่มีให้ได้พักหายใจเลย มันจะตายเอานะแบบนี้



“เน...”

“ลุง จูบหน่อย” ก้อนโมจิสตอเบอร์รี่ยืนแขนมาเหมือนเร่งให้ผมกอด เนี่ยนะดูมัน น้ำท่าก็ยังไม่อาบยังไม่ทันได้เตรียมอะไรเลย ผมกะว่าครั้งแรกอยากให้มันโรแมนติกกว่านี้แท้ๆ

“เรานี่มัน... นี่น้ำยังไม่อาบเลย”

“เนอาบแล้ว”

“...”

“เอาแชมพูใช้แทนสบู่เลยด้วย เพราะรู้ว่าลุงชอบดม ฮี่ๆ”

“...” เถียงไม่ออกเพราะชอบจริงๆ ถึงเนจะเปลี่ยนแชมพูบ่อยแต่สุดท้ายกลิ่นมันก็จะออกไปทางดอกไม้กับผลไม้เหมือนเดิม เป็นกลิ่นพอดมแล้วผมรู้สึกผ่อนคลาย

“ลุง เจลอยู่ตรงหัวเตียงนะ” เนยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่หัวเตียง ผมมองตามนิ้วน้องไปก็พบขวดเจลประมาณสี่ขวดตั้งอยู่

“เตรียมตัวมาดีจริงๆ ”

“ลุงอาจจะเชี่ยวแต่เนไม่เคยนี่ เขาบอกต้องใช้เยอะๆ ไม่งั้นเจ็บ”

“หมกมุ่น”

“ก็เนวัยรุ่นป่ะ วัยอยากรู้อยากลอง” เนชันตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ ผมกระดกคิ้วงงเล็กน้อยว่าลุกขึ้นมาทำไม เนเม้มปากก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “ผ้าลูกไม้มันจั๊กจี๋อ่ะ”

“ก็ถอดออก”

“เห้ย ลุงลามกอ่ะ”

“...”

“ลุงค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปหน่อยสิ โรแมนติกอ่ะ แบบในหนัง”

...หึ

ในหนังมันมีไหมล่ะที่นางเอกลงทุนใส่ชุดขนาดนี้ ผมส่ายหัวแล้วก้มลงจูบปิดปากเด็กดื้อ เนที่ไม่ได้ตั้งตัวถึงสะดุ้งตัวโยนยกมือขึ้นจิกบ่าผมแน่น ผมหยอกล้อกับเกลียวลิ้นเล็กพร้อมกับค่อยๆ ดันให้น้องนอนราบไปกับเตียงตามเดิม เสียงครางอื้อดึงที่ดังข้างหูกระตุ้นผมได้เป็นอย่างดี

น่ารัก...

น่ารักไปทั้งตัว

ผมไล่ขบเม้มต่อไปตามลำคอสวยส่วนมือก็สอดเข้าใต้เสื้อตัวบางที่ใส่ก็เหมือนไม่ใส่นั่น คอยขยับมือบีบเคล้นไปตามผิวนุ่มนิ่ม

“ละ ลุง”

“หืม...”

“เสียงลมหายใจลุงมันหอบอ่ะ”

“อืม”

“ดูเหมือนพวกลุงหื่นกามเลย”



ชะ... คิ้วกระตุก



ผมชันตัวขึ้นนั่ง ผละมือข้างซ้ายจากผิวลื่นมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตพลางจ้องไปที่ใบหน้าดื้อนั่น เนไม่ได้มองหน้าผมแต่โฟกัสไปที่ลอนหน้าท้องของผมพร้อมกับกลืนน้ำลาย ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเนชอบมาวุ่นวายกับหน้าท้องผม

ด้วยความที่เนไม่ชอบออกกำลังกาย มวยก็เทตั้งแต่คอร์สแรกเพราะทนความเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไม่ไหว ผมผู้ซึ่งเหมาคอร์สไว้แล้วห้าคอร์สเลยพอจะหาเวลาว่างไปใช้บริการแทน อาจจะไม่ได้ไปซ้อมมวยเตะกระสอบทรายอะไรแต่แค่แวะไปเล่นฟิตเนสซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจการที่พามกับที่บ้านตัดสินใจเปิดเพิ่ม ถึงแม้จะจบท้ายด้วยการดื่มต่อแต่ก็ถือว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่แปลกที่กล้ามเนื้อจะยังฟิต

... ยิ่งมีแฟนเป็นเนยิ่งต้องฟิตร่างกาย

เนอาจจะไม่รู้ตัวแต่ว่าตัวเองน่ารักแค่ไหนแต่ผมสามารถบอกได้เลยว่าทุกที่ที่ไปกับเนมักจะเจอสายตาของผู้ชายและผู้หญิงที่สนใจเนอยู่เสมอ ซึ่งมันก็น่าหงุดหงิด ถึงจะไม่ได้แสดงออกอะไรออกไปแต่ผมกล้าพูดว่าผมหวงเนมาก



“ละ ลุง โป๊มาก โอ๊ย โป๊มากๆ”

“แค่ถอดเสื้อ”

“ไอ้ที่ดุนกางเกงอยู่ล่ะ!!!!”

“แปลกตรงไหน เราใส่ชุดขนาดนี้ให้พี่ไม่รู้สึกอะไรหรือไง”

“แต่ แต่”

“ที่ไอ้ที่ตั้งอยู่ใต้กระโปรงเราพี่ยังไม่พูดเลย” นักเรียนหญิงที่ไหนกันถึงมีอะไรนูนจากใต้กระโปรงแบบนั้นได้ ด้วยความที่กางเกงในลูกไม้ที่น้องใส่มันบางด้วยนั่นแหละครับมันเลยยิ่งนูนชัดเจน พอโดนผมทักเนก็หน้าแดงหูแดงรีบเอามือมาปิดไว้

“ลุงพูดจาลามกแบบนี้กับสาวเวลาอยู่บนเตียงเหมือนกันรึเปล่า”

“เราจะหาเรื่องพี่ทำไม”

“ก็ไม่รู้นี่”

“พูดเองแล้วก็หึงเอง”

“ก็จะหึงนี่ ลุงเคยมีอะไรกับสาวแต่เนยังไม่เคย เนพูดไม่ได้หรอ”

“ตอนนั้นพี่จะเป็นยังไงไม่รู้แต่ตอนนี้พี่อยู่กับเราเพราะงั้นอย่าพูดถึงคนอื่น” ผมสะบัดเสื้อเชิ้ตออกจากตัวแล้วปรายตามองร่างของเน ไม่อยากจะคิดให้ตัวเองดูโรคจิตเลย แต่กางเกงลูกไม้กับกระโปรงสั้นๆ นี่มันดีต่อใจจริงๆ ปวดตึงไปหมด

“อะ อื้อ”

“ตอนนี้พี่ก็มีแต่เรา” ผมคว้าข้อเท้าน้องขึ้นมาแนบแก้มพร้อมกับจ้องตาใสนั่น “...จากนี้พี่ก็มีแต่เรา”

เนเขินจนน้ำตาคลอ ส่วนผมก็ได้แต่เอ็นดูจนต้องกดริมฝีปากจุ๊บลงบนข้อเท้าเล็กนั่นไปหนึ่งที พอยกขาขึ้นแบบนี้ก็กลายเป็นเห็นอะไรต่อมิอะไรชัดไปหมด

“ลุง ลุง... เนเขิน อย่ามอง”

“ใส่มาให้พี่มองไม่ใช่รึไง”

“ตะ ตอนนั้นไม่ได้คิด ตอนนี้คิดแล้ว ไม่เอาแล้ว” งอแงแล้วครับ เนเบะปากแงพยายามดึงขาตัวเองกลับ แต่ผมที่รอเวลาที่มาเนิ่นนานไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ หรอก ผมกัดเบาๆ ลงบนน่องขาวแล้วดันตัวเข้าไปใกล้น้องให้มากขึ้น

“ไม่”

“ฮื้อออ ลุงงง”

“พี่ไม่ปล่อยเราไปไหนแล้ว”

สิ้นประโยคผมก็ก้มลงจูบปากดื้อนั่น ขบเม้มอย่างจาบจ้วง เสียงลมหายใจสอดประสานไปกับเสียงเฉอะแฉะแสนลามกดึงบรรยากาศให้ดูอุ่นร้อนขึ้น ผมปล่อยขาเล็กในมือออกก่อนจะเปลี่ยนมาบีบเคล้นตามสะโพกนุ่ม เนมีเนื้อมีหนังเพิ่มจากสมัยมัธยมขึ้นมาก เต็มไม้เต็มมือแบบนี้ค่อยรู้สึกดีกว่าตอนตัวแห้งๆ นั่นหน่อย

“ฮึก...” เนพยายามเม้มปากกลั้นเสียงครางในลำคอตัวเองผมเลยผละตัวออกมาใช้มือช่วยให้น้องเขินมากกว่าเดิมด้วยการใช้นิ้วชี้เกี่ยวกางเกงในลูกไม้ตัวบางออกจากเรียวขาก่อนจะสอดตัวกลับเข้าไปอยู่ตรงกลาง

“ละ ลุง เน เน” เนยกมือขึ้นมาดึงคอผมลงไปกอด ท่านี้จมูกผมเลยปักเข้าคอน้องไปเต็มๆ

“อย่ารัดคอเน”

“เนเขินมากๆ ทำไงดี เนเขิน”

“เรื่องธรรมชาติ”

“ฮึก เนเขิน ไม่เอา ไม่มอง ไม่เอาแล้ว” เสียงดื้องอแงสุดๆ ผมหัวเราะให้กับความน่าเอ็นดูนั่น ในเมื่อเขินผมมองเลยจำใจยอมให้น้องล็อคคอไว้อย่างนั้นแต่ก็ขมับขมเม้มไปตามพื้นที่ใกล้เคียงอย่างลำคอแล้วก็แผ่นอกขาว ส่วนมือผมก็ไม่อยู่นิ่งเริ่มขยับลูบไล้อีกรอบ

แน่นอนว่าพอนิ้วมือผมสัมผัสโดนจุดอ่อนไหวเนก็ครางฮือออกมาพร้อมกับพยายามเบี่ยงตัวหลบ ผมใช้มือไล้สัมผัสอย่างแผ่วเบาปลุกอารมณ์ให้น้องค่อยๆ เคลิ้มแล้วก็จมไปกับความรู้สึกก่อนจะค่อยๆ เร่งจังหวะ เพียงไม่นานมือที่จิกอยู่บนหัวผมก็เริ่มออกแรงทุบ

“ฮึก รู้สึก รู้สึกกว่ามือตัวเองอีก”

“หึ” เด็กดื้อพูดตรงอีกแล้ว

“มะ.. ไม่ไหว ปล่อย เนจะ เนจะ”

“ปล่อยเลย”

“ลุง...”

“เด็กดีของพี่”

“ฮื้ออออออ”



ก้อนดื้อสะดุ้งเฮือก นิ้วจิกเนื้อคอผมอย่างแรงจนคิดว่าน่าจะได้เลือด ขาเล็กตวัดเกี่ยวรัดเอวผม ร่างทั้งร่างสั่นไปทั้งตัวก่อนจะปล่อยตัวเองตกลงบนเตียง ทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงนาที นับว่าค่อนข้างเร็ว



อา...

ความวัยรุ่นสินะ...

ผมหันไปหอมแก้มชื้นเหงื่อนั่นด้วยเอ็นดูก่อนจะหยัดตัวขึ้นนั่ง เนอ้าปากหอบหายใจ เสื้อนักเรียนตัวสั้นเริกขึ้นไปกองอยู่บนคอเปิดเนื้อช่วงอกกับท้องขาวออกมาให้เห็นจนเต็มตา มือสองข้างปล่อบวางไว้ข้างตัวอย่างหมดแรง ขาเรียวที่ตวัดเกี่ยวผมไว้อ้าออกอย่างเผลอตัว



ทุกอย่างที่เนกำลังเป็น

ต้องบอกตามตรงว่าทำเอาผมปวดหนึบไปหมด



“กระโปรงเลอะไปหมดแล้ว”

“ฮึก...”

“พี่ถอดนะ” ผมเอื้อมมือเตรียมปลดตะขอออกแต่เนก็เอื้อมมือมารั้งไว้

“มะ ไม่เอา ไม่ถอด อย่าถอด”

“เน”

“ไม่ถอดดดด” เสียงเริ่มกลับมางอแงอีกครั้ง ไม่รู้จะใส่ไว้ทำไม สั้นจนปิดอะไรไม่ใช่จะได้ แต่พอเห็นก้อนดื้อเริ่มงอแงผมเลยจำเป็นต้องปล่อยมันไว้แบบนั้น ผมออกจากเตียงเพื่อถอดกางเกงสแลคที่ใส่อยู่ออก เนื่องจากมันค่อนข้างรัดรูปทำให้ขยับตัวลำบาก ระหว่างที่ถอดตาผมก็เหลือบมองไอ้ก้อนฟูๆ บนเตียงไปด้วย สายตาซุกซนนั่นจ้องมาที่ผมด้วยความตื่นเต้น ผมเดินไปที่หัวเตียงคว้าเจลสุ่มๆ มาหนึ่งหลอดก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบกระปุกวาสลีนกับกล่องถุงยางออกมา

“ลุง เนอยากใส่”

“หืม?”

“ขออันหนึ่ง” งงนิดหน่อยแต่ก็แกะกล่องโยนไปให้ซองหนึ่ง เนรับไปถือก่อนจะตวัดตัวหันหลังใส่ผม พอเห็นอย่างนั้นแล้วก็ได้แต่หัวเราะในลำคอ



... เนไม่เคยใส่

ให้ตายเถอะ เนทำให้ทุกอย่างมันดูบาปมากขึ้นจริงๆ



ด้วยความมือใหม่เนหันหลังขยับแขนยุกยิกอย่างทุลักทุเล ปล่อยตัวจนผมไปนั่งซ้อนด้านหลังก็ยังไม่รู้ตัว ผมเหลือบตามองก็เห็นว่าคิ้วเล็กนั่นขมวดเป็นปม

“ช่วยไหม”

“อ๊ะ ลุง” ระหว่างที่น้องกำลังเคลิ้มไปกับสัมผัสที่ผมให้ อีกมือที่ว่างของผมก็ค่อยๆ ไล้ไปเกลี่ยวนแถวก้นนุ่ม ลูบวนอยู่สักพักจึงค่อยๆ แทรกสัมผัสเข้าไป ตอนนั้นเองที่เนถลึงตาขึ้นสบตาผม

“ละ ลุง ลุง!!! นิ้วลุง!!!”

“เจ็บไหม” นึกขำเล็กน้อย คิดว่าไม่รู้รึไงว่านิ้วใคร โวยวายลั่นเชียว

“อือ มันแปลกๆ ไม่รู้ เนไม่เคยมีอะไรเข้าไป”

“อย่าเกร็ง”

“ในกระทู้ก็บอกแบบนี้ แต่มีอะไรเข้าไปในก้นนะ ไม่ให้เกร็งได้ยังไง อ๊ะ... ลุงเพิ่มนิ้วหรอ!!!!” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วของเนทำให้ผมกระตุกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูจนเหนื่อยใจ แต่ก็แอบขัดใจเล็กน้อยตรงที่กระโปรงบางส่วนบดบังทัศนียภาพที่ผมควรจะเห็น

“เน ถอดกระโปรงก่อนได้ไหม ผ้ามันลื่น”

“ลุง... ถอดให้” พูดสั้นๆ เป็นประโยคคำสั่งที่ผมยอมทำให้แต่โดยดี ผมปลดตะขอกระโปรงและรูดซิปลงเล็กน้อย แค่นั้นกระโปรงผ้าบางก็ไถลลงไปตามเรียวขาขาว เนค่อยๆ ขยับขาขึ้นสลัดกระโปรงออก



ซึ่งเป็นการขยับที่เปิดให้เห็นทุกอย่างจนผมหายใจสะดุด

ตอนนั้นเองที่เนก้มหน้าลงมองช่วงล่างของผมก่อนจะรีบเงยหน้าตื่นๆ ขึ้นมา



“ลุง!!!”

“หืม”

“มะ มะ มันใหญ่ไปไหม”

“หึ ชินกับมันไว้ เด็กดี”

“ฮึก เน เน เนจะทำเอง” ผมยกคิ้วเล็กน้อยกับคำนั่น ไม่ได้กะจะตกลงแต่เนก็ส่งสายตากึ่งบังคับมา

“เน...”

“ลุงช่วยจับหน่อย”

เนค่อยๆ ทิ้งตัวลงมาจนร่างกายของเราสัมผัสกัน เนเม้มปากมองหน้าผม ส่วนผมก็จ้องหน้าเนไว้ไม่ห่าง ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้น้องเริ่มเกมเองในครั้งแรกอยู่แล้ว ถ้าน้องไม่ไหวผมก็จะรีบเปลี่ยนตำแหน่งให้ทันที

ไม่นานนักเนก็ค่อยๆ กดแรงลงมาจนผมสัมผัสได้ถึงการแทรกตัวเข้าไป มันรัดตึงจนผมเองเป็นฝ่ายรั้งสะโพกน้องไว้ไม่ให้กดลงมา มือเล็กของเนที่วางอยู่บนบ่าผมออกแรงจิกแน่น

“ฮึก แน่น แน่นไปหมด”

“ไหวไหม...” ผมเอ่ยถามทั้งๆ ที่ตัวเองก็รู้สึกแทบจะระเบิด ความอุ่นนุ่มที่โอบรัดนั่นเหมือนเป็นด่านวัดความอดทนชั้นดี

“แน่นมาก ฮึก เนจุก” คำพูดคำจามันน่าตีจริงๆ ผมอยากจะฟาดก้นนุ่มให้ขึ้นรอยแต่ก็ทำได้แต่ช่วยพยุง สุดท้ายน้องก็คอพับคออ่อนไม่ไหว น้ำตาไหลเป็นเม็ดผมเลยเปลี่ยนจับเปลี่ยนท่ากลับเข้าสู่ท่าเบสิค จากหน้ายู่ยี่ที่เหมือนอดทนกับความแปลกใหม่ก็เริ่มเปลี่ยนไปตามแรงอารมณ์ ดวงตาใสหรี่มองผม แขนเรียวเล็กปัดไปปัดมาพยายามจะจับหน้าผม

“เรียกพี่... พี่ไม้” ผมยกมือขึ้นเสยผมพร้อมกับกดตามองหน้าดื้อนั่นกลับ

“ว่าไง เด็กดี”

“พี่ไม้ อา เบาหน่อย เบาหน่อยครับ เนไม่ไหว อ๊ะ ฮึก” ขาเล็กยกขึ้นถีบอกผมเบาๆ ผมเลยจับเท้าเล็กขึ้นมาแนบแก้มด้วยความเอ็นดู ทีแบบนี้ล่ะอ้อนเรียกพี่ เข้าใจอ้อนแต่ดันอ้อนผิดที่ผิดทางไปหน่อย เพราะบนเตียงแบบนี้ยิ่งอ้อนผมยิ่งรู้สึกคึก อยากจะฟัดเด็กตรงหน้าให้จมเตียง



ผมมองใบหน้าของเนไปพร้อมกับความรู้สึกอุ่นซ่านในอก

รัก...

รักไปหมดทั้งตัว



ผมทอดสายตามองเด็กของผมด้วยความรู้สึกรักจนหมดหัวใจ มันอบอุ่นซ่านไปทั่วอก ใช้เวลาเพียงไปนานเนก็เหยียดตัวขึ้นจนพุงนุ่มแบนราบก่อนจะทิ้งน้ำหนักตกลงกลับไปบนเตียงยับยู่ยี่ ปากเล็กอ้าสูดลมหายใจจนอกกระเพื่อม เห็นแล้วเอ็นดูจนต้องฉกจมูกลงไปหอมแก้ม



“ได้เนแล้ว รักเนมากๆ นะ ห้ามไปรักใครมากกว่าเนนะ”

“ต่อให้ไม่ได้ พี่ก็รักเรามากที่สุดอยู่แล้ว” ผมจูบปากนิ่มนั่นไปเบาๆ เนคลี่ยิ้มออกจนแก้มยกกับคำตอบผม

“รักเนมาก คราวหน้าเนขอได้ลุงได้ไหม”

“...”

เอ๊ะ...

“วัยอยากรู้อยากลอ- โอ๊ะ ลุง อื้อ” ผมเริ่มขยับตัวทันทีที่ได้ยินประโยคไม่ค่อยน่าฟัง คิดจะสลับตำแหน่งงั้นหรอไอ้เด็กดื้อนี่ ชั่วโมงบินเพิ่งออกได้ไม่ถึงห้านาทีก็เริ่มแสบแล้ว สงสัยผมคงต้องปวดหัวต่อไปอีกนาน



ผมถอนหายใจแทนความเหนื่อยล่วงหน้า

แต่ถามว่าจะปล่อยเนไปไหนไหม

คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียว



ไม่มีทาง...
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 27-03-2020 23:50:05
 :hao6:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chucream.nabi ที่ 28-03-2020 00:35:44
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mister ที่ 28-03-2020 00:45:02
ในที่สุด :oo1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: topson168168 ที่ 28-03-2020 01:02:12
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 28-03-2020 01:09:22
ตอนรู้ว่าเนติดแล้วคือร้องไห้เลย หลังจากรู้คะแนนโอเน็ตตัวเองแล้วอ่อนไหวมาก เจ้าเนเก่งมากๆๆ เป็นดาวยั่วไปแล้ว สงสารกระเป๋าตังลุงแล้ว เปย์เด็กเก่งมาก ตามใจทุกอย่างเลย o13
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-03-2020 10:11:29
น้องงง  555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 28-03-2020 12:44:51
 :m20: :m20: :m20:

แสบจริงๆ น้องเน

 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-03-2020 13:57:29
วัยอยากรู้อยากลองอ่ะเนอะลุง ยั่วตาใสเลย 555555555555555
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 28-03-2020 15:59:50
ไอ้ตัวดื้อยั่วตาใส เสียตัวให้ลุงสมใจแล้ววววว  :z1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-03-2020 16:29:00
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 28-03-2020 18:20:51
Happy birthday dear ก้อนดื้อ ในที่สุดก็สมหวัง :mew4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: nizxx ที่ 28-03-2020 20:19:45
อ่านไปปิดตาไป อยากรู้เ้วยแต่เหมือนคนดูต้นทาง อยากตียัยเน ยั่วมากกกกกก อ่านไปกรี๊ดไป จัดให้เด็กมันรู้ไปค่ะพี่ไม้ ว่าลุกจากเตียงไม่ขึ้นเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 23 เนอายุยี่สิบแล้ว [27/03/20] p.7
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-03-2020 23:10:02
 :jul1:เนอ่ะนะเนอ่ะแรดไปนะลูก แต่ถามว่าชอบมั้ย คงไม่มีใครชอบเท่าลุงของเค้าหรอกเนอะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 31-03-2020 20:47:25
สามหกสิบแปด 24







สนามบินนั้นเคยเป็นสิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิด

แต่วันนี้สนามบินกลับเป็นสถานที่ที่ทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดี

ก็คงจะเป็นเพราะ ‘คน’ ข้างๆ ในสนามบินมากกว่า



“ลุงงงงงง เนหาพาสปอร์ตไม่เจอ” เนจับกระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเบะปากออกมา

“อยู่กับพี่ เราลืมไว้บนโต๊ะที่ร้านอาหาร”

“อ๋าาาาาาาาา จริงด้วยยยยย เนเกือบวิ่งกลับไปหาที่ห้องน้ำแล้ว รอบที่แล้วไปญี่ปุ่นเนลืมพาสปอร์ตไว้ในห้องน้ำ” ถึงตรงนี้ผมก็ชะงักตัวเล็กน้อย พานนึกภาพกลับไปเมื่อประมาณปีที่แล้ว





‘พี่แนน! พี่แบงค์! เนหาพาสปอร์ตไม่เจอออออออ’

‘เนว่าเนลืมไว้ในห้องน้ำชาย!!!’





อ้อ...

เด็กเด๋อคนที่ซอรี่ผมตอนนั้นคือเนเองสินะ

ผมอมยิ้มให้กับภาพจำที่แว่บขึ้นมาในหัว และแน่นอนว่าก้อนดื้อตรงหน้าผมไม่ได้แม้แต่จะสนใจ เจ้าตัวเอาแต่ค้นหาข้อมูลเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวมาตั้งแต่เมื่อวาน

ทริปนี้ตอนแรกนั้นเป็นความตั้งใจว่าจะเป็นทริปฉลองเข้ามหาลัยของเน แต่ด้วยความวุ่นวายของการเข้าหอและสถานการณ์ทางการเมืองทำให้บริษัทผมเจอปัญหาค่อนข้างหนักทำให้ตอนปีหนึ่งผมไม่มีเวลาที่เหมาะสมพอจะพาเนไปเที่ยวทำให้มันถูกเลื่อนมาจนตอนนี้ที่เนกำลังจะจบปีสอง แต่ถึงอย่างนั้นก้อนดื้อก็ไม่ได้งอแงอะไรมากครับ เพราะตอนปีหนึ่งผมทดแทนด้วยพานั่งเครื่องไปภูเก็ตสองวันเนเองก็แฮปปี้ดี

แต่แน่นอนว่าญี่ปุ่นก็คงแฮปปี้กว่า



“นี่นะลุง เนอยากกินอูนิมาก”

“เอาสิ”

“ลุง เนอยากไปตลาดปลา เนเรียนคำพูดสำหรับต่อราคามาแล้ว นี่เนลงทุนถามเพื่อนเอกยุ่นมาเลยนะ” ดูความคึกของเด็ก เนตอนนี้อยู่ในชุดฮู้ดสีขาวกับกางเกงสีดำใส่แว่นทรงกลมเลนส์บาง เนเริ่มจะสายตาเอียงเมื่อตอนเริ่มเข้าปีสองทำให้น้องเริ่มใส่แว่นสลับคอนแทคเลนส์ ซึ่งเนเป็นคนเลือกกรอบแว่นเองมันถึงออกมาเป็นทรงเหมือนแว่นแฮร์รี่พอตเตอร์แบบนั้น

“มันไกลจากที่พักไหม”

“ไม่นะ เนจองแอร์บีเอ็นบีที่มันติดใต้ดิน เนอ่านมานั่งไปแค่ไม่กี่สถานีเอง”

“โหลดแอพสถานีรถไฟมาหรือยัง ที่พามแนะนำมาน่ะ”

“โหลดแล้ววววว เอ้อลุง พ็อกเกตไวไฟเนเป็นคนพกนะ”

“นั่งดีๆ ” ผมดุเมื่อเนยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเบาะ เจ้าตัวยู่หน้ายู่ตาแต่ก็รีบเอาขาลง ตอนนี้เรากำลังรอขึ้นเครื่องอยู่ในเกตที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ แน่นอนว่าทริปนี้ผมจ่ายไม่อั้นเลือกบินชั้นธุรกิจ ถึงจะโดนเพื่อนแซวแต่ก็ไม่ได้สนใจ

อะไรที่ทำให้เด็กดื้อยิ้มได้ผมก็ถือว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

“ลุง พอไปถึงเราต้องเอาของไปเก็บห้องก่อนนะ วันนี้ที่แรกที่เราจะไปคือวัดที่ลุงอยากไป”

“วัดอาซากุสะ”

“ถวกต้มนะครับลูกเพี๊ยะะะ ว่าแต่ทำไมลุงต้องอยากไปมากขนาดนั้นด้วยอ่ะ”

“เดี๋ยวก็รู้”

“อย่าพูดเหมือนจะเซอไพรส์อะไรได้มะลุง นั่นวัดนะ”

“หึ”

“ถ้าซื้อวัดให้บอกเลยว่าไม่เอา”

“พี่จะซื้อวัดทำไม”

“ก็พี่เก่งบอกว่าคราวที่แล้วไป พี่เก่งอยากได้วัดญี่ปุ่นมาเปิดแฟนไชส์ที่ไทย ไม่แน่ป่ะ”

“อย่าไปคุยกับมันมาก มันเพ้อเจ้อ”

“ลุงว่าเพื่อนอ่ะ”

...ผมว่ามันได้มากกว่านี้อีก

แต่เห็นแก่ที่มันจะเป็นคนรับช่วงดูแลบริษัทให้ในช่วงที่ผมไปญี่ปุ่นกับเน เลยจะไม่ด่ามันเพิ่มก็ได้

เรานั่งรอกันจนใกล้จะห้าทุ่มก็ถึงเวลาบอร์ดดิ้ง ขาไปผมและเนไม่ได้มีกระเป๋าอะไรมากนักเพราะโหลดลงใต้เครื่องไปหมด ส่วนบนตัวเนก็เห็นจะมีแค่กระเป๋ากล้องซึ่งเป็นของขวัญที่ผมซื้อให้ตอนวันเกิดน้องปีที่แล้ว เนชอบถ่ายรูปผมเลยซื้อกล้อง leica ให้ตัวหนึ่ง แน่นอนครับว่าโดนล้อว่าป๋าไปยาวๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกนั่นแหละ ที่ผมลงทุนเพราะเนดูเหมือนจะสนุกกับการถ่ายรูป น้องเปิดเพจกับไอจีไว้ลงรูปที่ตัวเองถ่าย คนมาฟอลตั้งหลายหมื่น ก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ซื้อให้แล้วน้องได้ใช้งานจริง ล่าสุดเหมือนตอนนี้เนจะเริ่มเล่นกล้องฟิล์มผมก็เตรียมเล็งๆ จะซื้อให้อยู่อีกเหมือนกัน

ที่นั่งของเราเป็นแบบชั้นธุรกิจที่ที่นั่งติดกันแต่สามารถยกที่กั้นตรงกลางขึ้นลงได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันมาก เนตื่อนเต้นอยู่กับการเลือกหนังดู ส่วนผมก็พักสายตาไปยาวๆ ตลอดการเดินทาง

และแล้วในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงญี่ปุ่น



“บรื๋ออออออออออ ไหนลุงว่าไม่หนาวววววววว”

“กำลังดีนะ สิบแปดองศา”

“กำลังดี ดีที่ว่านี่มาจากเดธเปล่า หนาวอ่ะ”

“หึ” ผมหัวเราะในลำคอ ไม่ใช่เพราะเนกำลังทำตัวเด็กแต่เป็นเพราะเนเล่นมุกภาษาอังกฤษ ย้อนกลับไปเจอกันแรกๆ แอนตี้ภาษาอังกฤษน่าดู

“บรื๋อๆ อยู่ในตึกยังหนาวเลย รีบไปที่พักกันลุง”

“เอากระเป๋าก่อน”

“หนาวววววววว” เนกระโดดหยองแหยงไปมาก่อนจะมายืนเบียดผม พอกระเป๋าออกมาจากสายพานผมก็หยิบของผมแล้วก็ของเนออกมา เป้าหมายแรกของเราคือเข้าที่พักเอากระเป๋าไปเก็บ ตอนนี้เพิ่งจะประมาณเจ็ดโมงกว่าเอง ดีที่ที่พักผมอนุญาตให้เชคอินก่อนเวลาได้ ผมตั้งใจจะขึ้นแท็กซี่แต่เนงอแงจะขึ้นรถไฟฟ้า

ครับ...

คนตามใจเด็กอย่างผมก็ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟฟ้าไปอย่างไร้ข้อโต้เถียง

ผมไม่ได้ตามใจแค่เรื่องขึ้นรถไฟฟ้าหรอกครับ จริงๆ ที่พักก็ด้วย เพราะตอนแรกผมตั้งใจจะบุ๊คโรงแรมหรูแต่เนไม่เอา เนบอกอยากบุ๊คแอร์บีเอ็นบี ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกครับว่าอะไรคือแอร์บีเอ็นบี เคยได้ยินผ่านๆ ตอนประชุมแต่ไอ้ลงรายละเอียดเนี่ยไม่เคย เนเลยมานั่งเปิดแอปอธิบายสุดท้ายน้องก็เลือกเองจองเองเสร็จสรรพผมมีหน้าที่แค่ใส่รายละเอียดบัตรเครดิต

ที่พักที่เนเลือกเป็นห้องในตึกแถว ตัวตึกเป็นตึกธรรมดาไม่คิดว่าเปิดประตูมาจะได้ห้องที่ดูตั้งใจตกแต่งขนาดนี้ ตัวห้องมีการแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจนว่าเป็นครัว ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำกับห้องอาบน้ำแยกกันแล้วก็มีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้องที่มาพร้อมกับระเบียงขนาดเล็ก เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในห้องจะเป็นไม้และเน้นสีหลักของห้องเป็นสีขาวดูสะอาดตา สะอาดตาอยู่ได้แค่ห้านาทีแรกเท่านั้นแหละครับ พอเนเริ่มเปิดกระเป๋าน้องก็รื้อเสื้อผ้าออกมากองเต็มพื้นที่ก็สะอาดน้อยลงทันที

“ลุง เนหิววววว”

“กินแถวนี้ไหม”

“ก็ได้ ไปเดินชิวๆ แล้วหาร้านที่น่ากินกัน”

“ใส่เสื้อไปอีกชั้นไหม”

“ไม่เอา เดี๋ยวเนดูอ้วน”

“เดี๋ยวก็บ่นหนาวอีก”

“ก็บ่นไปงั้น มีลุงให้ซุกนี่”



เฮ้อ...

จะกี่ปีผ่านไป ไอ้เรื่องชอบพูดจาให้ใจคนแก่ (กว่า) เหลวก็ยังไม่เปลี่ยน แถมดูจะหนักขึ้นทุกวัน



“เอาผ้าพันคอไปไหม”

“ไม่เอา บดบังหน้าเนหมด มาญี่ปุ่นทั้งทีจะให้ผ้าพันคอมากันซีนได้ไง” ผมถอนหายใจก่อนจะเป็นฝ่ายหยิบผ้าพันคออันเล็กมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ท เผื่อไว้ครับ เพราะเดี๋ยวเด็กดื้อได้งอแงแน่นอน

“ไปล้างหน้าล้างตาไป”

“ลุงนอนรอก็ได้นะ เนว่าจะแต่งหน้านิดหนึ่ง ห้านาที”

“พี่ชงกาแฟรอ”

“ชงโอวัลตินให้เนด้วย” พูดจบก็หยิบกระเป๋าเครื่องสำอางเข้าห้องน้ำไป



เนแต่งหน้า ใช่ครับ เหมือนจะเริ่มแต่งตั้งแต่ปีหนึ่งช่วงเทอมสอง แม้จะใช้คำว่าแต่งหน้าแต่น้องก็ไม่ได้แต่งแบบจัดเต็มขนาดเลเวลผู้หญิงแต่งกันหรอกนะครับ มีแค่พวกกันแดด ทาแก้มกับทาปากสีชมพูอ่อนๆ ซึ่งถึงจะเป็นเมคอัพบางๆ แต่ความจริงแล้วผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ สำหรับเนหน้าเปลือยโชว์ผิวเด็กๆ นั่นดีที่สุดแล้ว

แต่ก็นะ... ห้ามไม่ได้หรอกครับ เป็นความสุขความมั่นใจของเขา ผมก็ได้แต่ขัดใจอยู่เงียบๆ

ใช้เวลาครู่หนึ่งเนก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับเดินตรงมาหยุดหน้าผม ใบหน้าดื้อตอนนี้ถูกตกแต่งเพิ่มสีเข้าไป ทั้งแก้มแล้วก็ปากเล็กมันวาวนั่น



“เนน่ารักยัง”

“พี่ชอบแบบไม่แต่งมากกว่า”

“ลุงตอบไม่ตรงคำถาม”

“...”

“เนน่ารักยัง”

“น่ารัก” ผมมือขึ้นนวดคางเล็กของคนตรงหน้า “แต่งก็น่ารัก ไม่แต่งก็น่ารัก”

“หูยยยยยยยยยย โรแมนติกนะเนี่ย”

“...”

“ลุงก็เหมือนกัน”

“เหมือนกันอะไร”

“แก่ก็รัก ไม่แก่... ไม่ทันแล้ว”

“เน” จากนวดคางผมเปลี่ยนแรงเป็นบีบเบาๆ แทนทันที ขอให้ได้กวนตีนจริงๆ ไอ้เด็กดื้อ

“อื้อออ ล้อเล่นนนนนน ไม่แก่ไม่ทันแล้วแต่เนก็ร้ากกกก”

“ไอ้ดื้อ”

“ไทป์ผัวชรากำลังมา ลุงไม่ต้องกลัว”

“เน ย้ำอายุอีกรอบไม่ต้องเที่ยวแล้วนะ อยู่แต่บนเตียงเนี่ยแหละ เดี๋ยวพี่ย้ำอายุพี่ให้ดูเอง” ผมคว้าเนเข้ามากอดพร้อมกับวางมือไว้บนสะโพกนิ่มที่ผมสัมผัสมาหลายครั้ง พอผมพูดจบเนก็หน้าตื่นทันทีทันใด

“ลุงงง ไม่เล่นๆ ไม่พูดแล้วๆ ไม่เอานะ เนอยากเที่ยว” ผมไม่สนใจไอ้คำทักท้วงนั่นแล้วก้มลงจูบปากนิ่ม แค่สัมผัสเบาๆ แต่อาจจะเพราะเมื่อกี้ขู่ไปเนเลยขัดขืนพยายามดิ้นตัวออก

“เน...”

“ลุงไม่เอาาาาาาา”

“จูบเฉยๆ ”

“ไม่เอา เดี๋ยวเนเคลิ้ม”

“เราก็อย่าเคลิ้มสิ”

“จูบทีไรเนเคลิ้มตลอด ไม่เอานะ ไว้หลังเที่ยวนะลุง”

หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Oiimaps ที่ 31-03-2020 20:48:16


เฮ้อ...

มีที่ไหนมาห้ามกันด้วยเหตุผลว่าเดี๋ยวตัวเองเคลิ้ม ผมปล่อยเนออกจากอ้อมกอด เท่านั้นไอ้ตัวแสบก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที



“ลุงอ่ะ เนต้องเติมลิปเลย!!!”



ให้ตายเถอะ

สุดท้ายผมก็อดใจไม่ไหวเดินเข้าห้องน้ำไปรังแกลิปสติกของก้อนดื้ออีกรอบ คราวนี้ได้รับแรงทุบมาเต็มๆ ที่ข้างหูจนต้องยอมถอยทัพออกมา ยิ่งโตยิ่งมือหนักแหะ ต้องระวังไว้บ้างแล้ว

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ออกจากห้องไปหาอะไรกิน แน่นอนครับว่าก้อนดื้องอนแก้มพองไม่พูดไม่จาหลังจากที่ผมเข้าไปทำให้เจ้าตัวต้องทาลิปใหม่ถึงสองรอบ แต่ถึงจะงอนแค่ไหนก็ไม่ยอมเดินทิ้งระยะกับผม เนี่ยนะ ความน่ารักของเน แล้วผมจะห้ามใจยังไงให้ไหว

“กินราเม็งไหม”

“...”

“เน อยากกินอะไร ร้านนี้ไหม”

“...”

“ไม่ตอบพี่หรอ”

“...”

“ไม่อยากคุยกับพี่แล้วหรอ”

“...”

“โอเค งั้นพี่ไม่พูด”

“เน งอน” เนดึงแขนเสื้อผมไว้ก่อนจะยู่ปาก

“ขอโทษ”

“อื้อ หายโกรธก็ได้ กินซูชิๆ เนอยากกินซูชิ” หายงอนก็เริ่มหิวทันที เนคว้าแขนผมไปควงก่อนจะลากเดินไปเดินมา คนที่เดินไปเดินมาไม่ได้สนใจอะไรหรอกครับ เขาคงคิดว่าพ่อพาลูกมาเที่ยว ผมโดนทักบ่อยจนเริ่มจะชินแล้ว ผมไม่ได้หน้าแก่อะไรหรอกนะครับ แต่เนน่ะดูเด็กมากๆ อายุยี่สิบย่างยี่สิบเอ็ดแล้วแต่เวลาไปไหนก็มักจะโดนทักเป็นเด็กมัธยมต้นอยู่เสมอ

เนี่ยมันน่าหงุดหงิดไหมครับ

เนโดนทักเป็นเด็กมัธยม แต่ผมน่ะเป็นทั้งพ่อ ทั้งลุง ทั้งครู เป็นมาหมดแล้วยกเว้นแฟน

หงุดหงิดในใจไปก็เท่านั้น ผมกลับมาสนใจอาหารที่เนสั่งมาเต็มโต๊ะ ปล่อยให้เนสั่งนั่นแหละครับ ถูกปากบ้างไม่ถูกปากบ้างก็เป็นสีสันของการมาเที่ยวต่างประเทศ และโดยเฉพาะกับประเทศไม่ค่อยภาษาอังกฤษอธิบายอย่างญี่ปุ่น การสั่งอาหารยิ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่ท้าทายเลยครับ

“ไอ้เนื้อๆ นี่โคตรเด็ดเลยลุง ลุงว่าอะไรอ่ะ”

“วากิวมั้ง”

“ถ้าเป็นงั้นก็ดี เป็นเนื้อม้าขึ้นมาเนร้องไห้แน่ สงสารม้า ไม่ร้องโฮๆ นะ ร้องฮี้ๆ ”

“หึ”

“ลุงๆๆ ปลาแซลม่อนกับซาบะดีมากกกกก ละลายในปากไม่คาวเลยย”

“ชอบก็กินเยอะๆ ”

“เนอ้วนแล้ว”

“ไม่อ้วน”

“ลุงสปอยล์เนอ่ะ เนน้ำหนักขึ้นมาห้าโลนะ”

“อ้วนขึ้นกับอ้วนมันไม่เหมือนกัน เราแค่อ้วนขึ้นแต่ไม่ได้อ้วน”

“พุงยุ้ยจะตาย”

“น่ารัก” ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ช่วงนี้เนมีเนื้อหนังมากขึ้น จับตรงไหนก็นุ่มมือไปหมด ผมน่ะชอบมาก แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่

“ไอ้กันถ่ายรูปเนมา กลมเป็นก้อนเลย”

“หึ สมชื่อก้อนดื้อไง”

“เนจะลดความอ้วนแล้ว” ผมฟังยิ้มๆ คำพูดนี้มาทุกเดือนครับ เดี๋ยวก็บอกจะลดน้ำหนักแล้ว เดี๋ยวจะไม่กินนู่นนี่แล้ว เดี๋ยวไม่กี่ชั่วโมงก็ลืม อยู่ที่คอนโดมีฟิตเนสยังไม่เคยไปใช้เกินครึ่งชั่วโมงเลย

ใช้เวลากับการกินอยู่ประมาณชั่วโมงกว่าเราก็ออกเดินทางต่อ โดยการเดินทางหลักในทริปนี้ผมจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า บอกตรงๆ ว่าผมไม่ถนัดกับอะไรแบบนี้เลย อยากจะยอมแพ้ตั้งแต่เห็นจำนวนสายต่างๆ ที่พันกันยุ่งเหยิงพอๆ กับสายไฟฟ้าที่ไทย ผมเลยปล่อยให้หน้าที่คนพาหลงเป็นของเน

“นี่นะลุง เราต้องขึ้นสายยามาโน้ตไปอุเอโนะแล้วก็ต่อสายกินซ่าไปสถานีอาซากุสะ”

“พี่เห็นคนญี่ปุ่นอ่านยามาโนเตะ”

“note มันก็ต้องโน้ตดิ”

“ยามาโน้ตมันไม่แปลกๆ หรอ”

“ลุงอย่าเถียงเน นี่เนนะ” เนจอมมั่วอะหรอ ผมไม่ได้เถียงสู้อะไรไป ซึ่งเจ้าตัวก็กอดอกทำหน้าชนะ พาแตะบัตรเดินเข้าไปตามทางที่เสิร์ชมา

แม้ผมจะคิดว่าหลงแน่ๆ แต่เนก็สามารถพามาได้ถูก ขณะนี้ผมก็มาหยุดอยู่ตรงทางเดินเข้าไปวัดอาซากุสะ ด้วยความที่วันนี้เป็นวันเสาร์คนเลยแน่นเป็นพิเศษ ข้างทางเดินก่อนเข้าถึงตัววัดเต็มไปด้วยร้านขายของฝาก เนงี้ตาลุกวาวแวะร้านนู้นร้านนี้ไปเรื่อยแต่ก็ยังไม่ได้ซื้อของอะไรติดมือมา กะว่าเดี๋ยวค่อยซื้อทีเดียวขากลับ

พอเดินถึงประตูทางเข้าวัดที่มีโคมยักษ์อันใหญ่ผมก็พาเนเดินไปล้างมือด้วยกระบอกไม้ไผ่กับปัดควันที่เคยทำเมื่อคราวที่แล้ว

“เขาปัดควันเพื่อไรอ่ะลุง”

“จำได้ลางๆ ว่าเหมือนปัดความโชคดีเข้าตัว”

“เวอร์มาก มะเร็งปอดมากกว่า” พูดจบเจ้าตัวก็สะบัดตัวเดินยกกล้องไปถ่ายนู่นถ่ายนี่ ผมเดินตามเนถ่ายรูปอยู่สักพักก็จูงน้องเดินมาตรงที่ขายเครื่องราง

“ลุงตั้งใจมาวัดนี้เพราะเครื่องรางหรอ”

“อืม”

“โห สายมูหรอเนี่ยลุง” สายมูอะไรของมัน ผมพาน้องเดินมาข้างๆ ที่ไม่ใช่ส่วนที่มีคนออซื้อของ มันเป็นโซนว่างๆ ที่มีแต่ตัวอักษรญี่ปุ่นเขียนไว้

“เน เราเอาเครื่องรางสีชมพูมาไหม”

“อื้อ เนคล้องกับกระเป๋ากล้องไว้”

“ถอดมา”

“ถอดทำไม”

“เอามาคืน”

“คืนใคร”

“คืนวัด”

“ไม่คืน”



ตามคาด...

เนเป็นคนหวงของมากครับ ชิ้นไหนที่เป็นของตัวเองแล้วรักมากๆ จะไม่ยอมให้ใครยุ่งแม้แต่นิดเดียว



“พี่อ่านมา เขาบอกเครื่องรางปกติมันมีอายุแค่ปีเดียว เราควรเอามาคืนแล้วก็เช่าอันใหม่ไป” ผมอธิบายไปแต่เนก็คงยังขมวดคิ้ว

“แต่อันนี้มันสำคัญกับเน เนซื้อมาตอนมาญี่ปุ่นครั้งแรก จิ้มเองเลยด้วย!!!” หึ มั่วจริงๆ จิ้มเองที่ไหนกัน ไอ้ที่ตัวเองจิ้มน่ะมันเครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัยที่อยู่กับผมต่างหาก

“ที่เรามีคือเครื่องรางความรัก”

“แล้วไง”

“พี่รักเราจะตายอยู่แล้วยังจะต้องพกไว้ทำไมอีก”

“...”

“ส่วนอันของพี่ก็คืนไปด้วย”

“แต่...”

“ของพี่เครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัย” พูดเองก็ขำเอง ฟังดูตลกแต่ผมก็พกมันติดตัวมาตลอดตั้งแต่ตอนที่เจอวันนั้น

“ลุงจะคืนด้วยหรอ”

“อืม เพราะพี่คงไม่มีลูกแล้ว”

“ลุง...”

“ถ้าเรามีให้ไม่ได้ พี่ก็ไม่อยากมีลูก” เนเม้มปากแน่น ตากลมเริ่มคลอด้วยน้ำตา

“ถะ ถ้าวันหนึ่งลุงอยากมีล่ะ ถ้าลุงเปลี่ยนใจล่ะ”

“ถ้าเราถามพี่”

“...”

“มันไม่มีวันนั้น” พอผมพูดจบ น้ำตาก้อนโตก็ไหลลงกับแก้มเนียน เนะเบะปากร้องไห้แบบไม่มีเสียง ก่อนที่มือเล็กจะเลื่อนไปปลดเครื่องรางตัวเองที่สายกระเป๋ากล้องออกมายื่นให้ผม

“งั้นเนคืนด้วย”

“...”

“เพราะเนก็ไม่มีวันรักใครนอกจากลุงแล้วเหมือนกัน”



ผมคว้าร่างของเนเข้ามากอดพร้อมกับประทับจูบลงบนหัวฟูหอมกลิ่นแชมพูนั่นด้วยความรักหมดหัวใจ ผมรักเน รักแบบที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมถึงรักขนาดนี้ อยากกอด อยากดูแล อยากทำให้มีแต่รอยยิ้มในทุกวัน ทุกวันนี้ทุกครั้งที่อยู่กับเนผมรู้สึกมีความสุขอยู่ตลอด เราอาจจะทะเลาะกันบ้างด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่น้องเองก็พยายามปรับตัวเข้าหาผมเยอะมากๆ



การได้มองเนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ก็เริ่มเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผมอยากตื่นมาในทุกเช้า



ผมไม่รู้ว่าการที่เรารักใครสักคนจะต้องรู้สึกขนาดไหนถึงจะเหมาะสม

แต่สำหรับผม

เนคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่ผมจะใช้คำว่ารักในรูปแบบคู่ชีวิตได้



“ลุง ฮึก เนซึ้งนะ แต่เราอย่ากอดกันในวัดเลย เนว่าบาป” เนตีอกผมเบาๆ ให้ปล่อย ผมก็ปล่อยแต่โดยดี

“ป่ะ คืนแล้วเราก็ไปซื้ออันใหม่ คราวนี้พี่ซื้ออันสุขภาพดีกว่า”

“งั้นเนเอาเรื่องสอบผ่าน” ว่าแล้วผมก็พาน้องไปจิ้มเลือกเครื่องรางอันใหม่มาห้อยแทนอันเดิม ถึงจะเสียดายสองอันเก่า แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมพร้อมที่จะพาเนมาซื้ออันใหม่ทุกปี ผมไม่ใช่คนเชื่อในเรื่องอะไรแบบนี้ ผมเองก็นับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็เพียงแค่คิดเล่นๆ



ถ้าเครื่องรางความรักของผมที่อยู่กับเนคงพาเราให้มาเจอกัน

เครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัยของเนที่อยู่กับผมก็คงพาผมให้ได้มาเจอเด็กเป็นของตัวเอง



ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทั้งสองอันเก่าคงได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว ที่ผมตัดสินใจเอาคืนที่วัดเพราะคิดว่าเวลาพักผ่อนของทั้งคู่แล้วเช่นกัน

หลังจากเสร็จภารกิจที่วัดอาซากุสะ ผมก็ปล่อยให้เนพาเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ที่น้องอยากไป แต่ที่สุดท้ายนั้นเป็นที่ที่ผมเลือกแล้วก็ต้องมาให้ได้





ร้านคราฟต์เบียร์มาร์เก็ตที่โคเอ็นจิ

การตกแต่งร้านยังคงเป็นเหมือนเดิมกับคราวแรกที่มา แม้ตอนนี้ความชอบเรื่องคราฟต์เบียร์ผมจะหายไปแล้วแต่ความรู้สึกอยากมาก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว เนเดินเข้าร้านไปนั่งพร้อมกับคิ้วขมวด



“ลุง เนว่าเนเคยมาร้านนี้”

“หรอ”

“ใช่ ใช่แน่ๆ ใช่ๆ เนเคยมาคราวที่แล้ว เฮ้ยยยย บังเอิญไปป่ะเนี่ยยยย”

“หึ” เนยกกล้องขึ้นมาถ่ายบรรยากาศร้าน สักพักพนักงานก็มารับออเดอร์ คราวที่แล้วผมให้ไอ้ยามะพีสาขาจีนแดงเป็นคนสั่งเลยจำไม่ได้ดื่มอะไร คราวนี้ผมเลยให้เนสั่งให้แทน เนก็จิ้มนู่นจิ้มนี่ไปตามภาษาก่อนจะหันกลับมาถ่ายรูปผม

“ลุงยิ้มหน่อยยยย”

“...” ผมกระตุกยิ้มมุมปากพอเป็นพิธี เนกำลังจะถ่ายต่อแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยพนักงานที่นำเบียร์มาเสิร์พ เนรับมาจิบเล็กน้อยก่อนจะยิ้มด้วยความอารมณ์ดี

“ตลกอ่ะ ลุงพามาร้านที่เนเคยมาเฉยเลย”

“เน”

“หืม”

“อยากฟังเรื่องตลกกว่านี้ไหม”

“ลุงจะเล่าเรื่องตลกหรอ”

“อืม”

“เห้ยยย อารมณ์ไหนอ่ะ ฟังๆ ไหนเล่ามา” ผมยกยิ้มส่งให้เน

“เมื่อประมาณสองปีที่แล้วพี่มากินเบียร์ที่ร้านนี้กับเก่ง”

“...”

“แล้วโต๊ะที่เรานั่งอยู่ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ใส่ฮู้ดชุดครุยเมาหลับอยู่”

“เอ๊ะ...”

“ว่าจะไม่สนใจหรอกนะ แต่เด็กบ้านั่นเมาจนมีใครมายุ่งก็เออออตามเขาไปหมด เห็นแล้วอดห่วงไม่ได้ก็เลยมานั่งคุยด้วย”

“...” เนเม้มปากพร้อมกับจ้องผมด้วยสายตาตกใจ

“เห็นว่าอกหักอยู่ก็เลยให้เครื่องรางความรักที่น้องสาวฝากซื้อจากวัดอาซากุสะไป แต่เด็กบ้าก็คือเด็กบ้า มีการให้เครื่องรางคลอดลูกโดยปลอดภัยที่จิ้มมามั่วๆ มาแลก”

“...”

“แถมเด็กบ้าคนนั้นยังขโมยจูบพี่ไปอีก”

“ฮะ? เนเนี่ยนะ”

“ตอนแรกก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอกก็แค่จูบเด็กจบใหม่”

“...”

“แต่ไม่คิดเลยว่าจะไปเจออีกทีที่ไทยดันกลายเป็นเด็กมัธยมแถมยังเป็นน้องชายของเพื่อนน้องสาวอีก” พอถึงตรงนี้เนก็เริ่มเบะปากร้องไห้อีกครั้ง

“...ฮึก ลุง”

“ว่าจะไม่สนแล้ว แต่เหมือนตอนแรกที่เจอ ว่าจะไม่สนแต่รู้ตัวอีกทีก็สนไปแล้ว เด็กบ้านั่นดื้อมากๆ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งดื้อ ดื้อจนอยากดูแล ไม่อยากให้ร้องไห้ อยากให้ยิ้ม ยิ้มเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน เออ ถึงตอนนั้นจะเมาก็เถอะนะ”

“ลุง เน...”

“จริงๆ มันก็ควรให้บรรยากาศพาไปกว่านี้ แต่พอดีพี่กลัวเราเมาแล้วจำไม่ได้เลยต้องรีบพูดไว้ก่อน” เนน่ะเมาง่ายมากๆ ครับ โดยเฉพาะเบียร์นี่ตัวดีเลย ไม่กี่แก้วก็ไปแล้ว

“ลุง...” ผมยิ้มให้เนก่อนจะเอื้อมมือลงไปหยิบกล่องในกระเป๋าเสื้อโค้ทออกมาเปิดพร้อมกับยื่นไปตรงหน้าเน

“มันควรจะต้องขอแต่งงานแต่พี่รู้ว่าเร็วไป ไม่รู้จะพูดอะไรดี งัั้นเอาเป็นคำง่ายๆ แล้วกัน”

“...”

“พี่รักเนนะ”



เนน้ำตาล่วงพร้อมกับสะอื้นจนตัวโยน น้องลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินอ้อมมานั่งลงบนตักผม แขนเล็กวาดขึ้นกอดรอบคอผมฝังใบหน้าดื้อลงมากับไหล่



“ฮึก ลุงบ้า บ้าๆๆ ทำไม ทำไมไม่บอกเนให้เร็วกว่านี้ ฮึก ทำไมผ่านไปสองปีถึงเพิ่งมาบอกว่าเคยเจอกันก่อน บ้าไปแล้วหรอ เนจะโกรธลุงแล้วนะ” หน้าดื้อผละออกมาดุผม

“พี่เป็นลุงบ้าหรอเข้ากับเด็กบ้าพอดีเลย”

“ไม่ตลก!!!”

“ดื้อ ยังไม่รับแหวนพี่เลย ใจเสียนะเนี่ย”

“ฮึก ถ้าลุงบอกเนก่อน เนจะไม่มีทางคืนเครื่องรางอันนั้นเลย ลุงแย่มาก แย่มากๆ ฮึก เนจะโกรธ เนจะโกรธแล้วจริงๆ ”

“โกรธได้ แต่รับรักพี่ก่อน”

“รับสิ เนก็รักลุงจะตายอยู่แล้ว เนอ่ะนะเน เป็นเนที่ดีไม่ได้เลยถ้าไม่มีลุง เนรักลุงมาก มากกว่าที่ลุงคิด แต่เนก็ไม่รู้จะแสดงยังไงให้ลุงรู้ ฮึก เนพร้อมจะทำทุกอย่าง จะเปลี่ยนทุกอย่าง ฮึก ลุงเป็นสาเหตุที่เนอยากมีชีวิต อยากเป็นเนที่ดีกว่านี้ ลุงเป็นโลกของเน เป็นทุกอย่าง ต่อให้ลุงแก่กว่านี้ ฮึก เดินไม่ได้หรือจะป่วยแค่ไหน เนก็จะอยู่ข้างลุง อยากให้ลุงมั่นใจ”

“...”

“บนโลกนี้ไม่มีใครรักลุงได้เท่าเนแล้วจริงๆ นะ”



กลับกลายเป็นผมที่มีน้ำตาหล่นลงกับแก้มกับคำบอกรักของเด็กตรงหน้า

แม้บรรยากาศรอบตัวจะเต็มไปด้วยผู้คนและเสียงดนตรี แต่ผมก็เห็นแล้วก็ได้ยินแค่เสียงของเน เราต่างก็มองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ไม่มีคำพูดใดแต่รับรู้ได้ด้วยหัวใจ



“เฮ้อ บรรยากาศมันเริ่มพาไปเนี่ย ขอเปลี่ยนใจ จะเร็วไปไหมถ้าพี่จะพูดว่าแต่งงานกันนะ”

“เร็วไป เนเพิ่งจะยี่สิบเอ็ด”

“ว้า...”

“แต่ก็แต่งนะ”

“...”

“สวมแหวนสิ นิ้วเนเย็นหมดแล้ว” เนยื่นมาให้ผมซึ่งผมก็รับมือเล็กๆ นั่นมาจับก่อนจะถอดแหวนจากกล่องมาสวมให้ แน่นอนว่าผมแอบวัดขนาดนิ้วน้องมาแล้วทำให้แหวนเกลี้ยงสีเงินสวมเข้าพอดีกับนิ้วนางข้างซ้ายของเน

“ดูแลดีๆ นะเน วงนี้ห้าแสนนะ ห้ามทำหายเหมือนจิลปกติของเราเด็ดขาด” ผมดักไว้ก่อนเลย เพราะเนชอบทำเครื่องประดับหาย ทั้งแหวน ทั้งตุ้มหู ซื้อมาทีไรหายตลอด

“หึ้ยยยย ทำไมลุงลงทุนขนาดนั้นอ่ะ”

“หายไม่ซื้อให้ใหม่นะ รอแหวนแต่งทีเดียว”

“อ้าว แล้วอันนี้แหวนอะไร”

“แหวนหมั้น”

“งั้นหายได้ แต่แหวนแต่งงานห้ามหายหรอ”

“เน”

“รู้แล้ววว ไม่ทำหายครับ จะดูแลอย่างดีด้วยการ... ไม่เอาออกมาใส่เลย” ฟังแล้วคิ้วกระตุก ผมโอบน้องให้นั่งบนตักดีๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงดุอีกรอบ

“เน”

“อ้าวดุทำไมอีกอ่ะ ลุงก็รู้ว่าถ้าเนเอาออกมาใส่มันจะหายอ่ะ เนไม่กล้าเอาออกมาใส่หรอก ห้าแสนนะไม่ใช่ห้าสิบ” เสียงเล็กโวยวายลั่น

“เฮ้อ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปดูสร้อยคอ ใส่กับสร้อยคอแทนน่าจะโอกาสหายน้อยกว่า”

“เนไม่มีตังค์ซื้อแหวนกลับให้ลุงเป็นแสนๆ หรอกนะ”

“ก็ไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรก”

“เนมีให้แต่ตัวเนเนี่ยแหละ”

“เรานี่ลากเข้าเรื่องอะไรแบบนี้เก่งจริงๆ เลยนะ” ผมขมวดคิ้วดุ

“เขาว่ากันว่ามีแฟนแก่ต้องมัดใจด้วยลีลานี่”

“เลิกอ่านพันทิปได้แล้ว”

“ลุงรู้ได้ไงอ่ะ!!! ลุงก็อ่านใช่ไหม!!!” เพ้อเจ้อ เปิดกระทู้ทิ้งไว้อยู่ทุกวัน ไม่รู้ก็บ้าแล้ว

“ลงจากตักได้แล้ว”

“เนอ้วนอ่ะดิ”

“ไม่อ้วน กำลังน่ารัก แต่เราก็ไม่ได้เบาๆ ขาพี่ชาหมดแล้ว”

“ยังอยากนั่งตักอยู่เลย”

“ทำไม”

“อยากอ้อนลุง”

“ไม่ต้องนั่งตักเราก็อ้อนอยู่ตลอด”

“วู้ววววว ลุงอ่ะ”



ผมคลายอ้อมกอดให้เนลงจากตัก ก่อนจะเริ่มดื่มเบียร์ปกติ ส่วนเนก็กลับไปนั่งลูบแหวนที่นิ้วตัวเองไปมา ผมปล่อยให้บรรยากาศรอบตัวเป็นไปตามปกติ ไม่ได้หวานหวือหวา เหมือนวันธรรมดาที่เกิดขึ้นปกติเวลาไปหาอะไรกินสองคนที่ไทย

เพราะทุกวันที่เราอยู่ด้วยกันมันคือวันพิเศษ...

ผมจิบเบียร์เข้าปากพรางมองเนที่นั่งลูบแหวนอยู่ฝั่งตรงข้าม

รักต่างวัยของเรามักตกเป็นประเด็นหลักสำหรับคนอื่นอยู่เสมอแต่ผมก็ไม่เคยคิดเอามาใส่ใจ สิ่งเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่วัยของผมมากกว่าเนค่อนข้างเยอะนั่นก็คือเวลาที่ผมจะได้ใช้อยู่กับเนนั่นอาจจะน้อยกว่าคู่อื่น ทั้งๆ ที่อยากจะดูแลไปจนน้องแก่ อยากยืนใช้ไม้เท้าไปด้วยกัน เพราะระยะเวลาที่ไม่เท่าคู่อื่นนั้นทำให้ผมตะหนักได้ว่าผมจะต้องใช้เวลาทุกวันกับเนให้มีค่าให้ได้มากที่สุด ให้ทุกวันของเรามีแต่รอยยิ้ม

จากเด็กในชุดครุยวันนั้นสู่แฟนกันในวันนี้

ผมอมยิ้มให้กับโชคชะตาที่พาให้เรามาเจอกัน

สมัยก่อนผมเคยคิดว่าให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะมีแฟนที่อายุน้อยกว่ามากๆ อย่างแน่นอน แต่บางครั้งความรักก็ไม่ได้เข้ามาในรูปแบบที่เราสามารถสั่งหรือคาดหวังให้ได้ดั่งใจ



และในตอนนี้ผมก็สามารถพูดได้อย่างมั่นใจ



การมีแฟนเด็กเนี่ย



... ดีที่สุดแล้วครับ





- END - 




เขียนนิยายจบทีไร ใจหายตลอดเลยนะเนี่ย เรื่องที่สามแล้วก็ยังไม่ชิน

จบค่ะ จบแล้ว

เรื่องราวของหนึ่งลุงกับหนึ่งเด็กในนิยายอาจจะจบลงแต่แปมก็หวังว่าในสักโลกหนึ่งเขายังใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข

เติมเต็มกันและกันแบบตลอดไปจนแก่ (หมายถึงเน เพราะลุงแก่อยู่แล้ว)





สำหรับนิยายเรื่องนี้ เป็นทั้งความกดดัน ทั้งความสำเร็จ ทุกตัวอักษรยังคงถูกเขียนขึ้นด้วยความรักของเรา

เราร้องไห้กับเรื่องนี้หลายครั้งมากเพราะเป็นเรื่องที่มีปมเยอะที่สุดเท่าที่เคยเขียนแล้วก็กลัว ไม่มั่นใจ เขียนๆ ลบๆ

เราต้องทำการบ้านเรื่องปัญหาครอบครัวเยอะมากๆ ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยมีปัญหาครอบครัว

มีพี่น้องที่ไปกันคนละทางจนแม่เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากมีคนแบบลุงในชีวิตอยู่ดี





เรื่องนี้ก็ถูกเขียนขึ้นในช่วงที่ตารางชีวิตแน่น มีภาวะหลายอย่างที่กลัวจะเขียนไม่จบ แต่ก็จบแล้วค่ะ แอ่แฮ่

เราตั้งใจให้โทนเรื่องของสามหกสิบแปดมีความน้ำส้มผสมกาแฟ ทั้งเปรี้ยว ทั้งหวาน ทั้งขม ทั้งกลมกล่อม ซึ่งก็ (คิดเอาเองว่า) มันก็ออกมาตามที่คิด



สามารถติดตามความน่ารักๆ ในตอนพิเศษได้ในแบบรูปเล่มกับอีบุ๊คต่อได้นะคะ

ยังไงก็ฝากน้องเนกับพี่ไม้ #สามหกสิบแปด ไว้ในช่องว่างในใจสำหรับการอ่านของทุกคนต่อจากนี้ด้วยนะคะ



แล้วเจอกันในนิยายเรื่องต่อไปนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 31-03-2020 21:11:46
ขอบคุณคนแต่งค่ะเป็นเรื่องที่สนุกและได้อารมณ์หลากหลายในการอ่าน ทั้งอมยิ้ม ซาบซึ้งและสะเทือนอารมณ์ รอติดตามเรื่องต่อไปค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 01-04-2020 16:08:25
ยิ้มทั้งน้ำตาตามเน รักต่างวัยที่เติมเต็มกันและกัน ลุงทั้งรักทั้งทุ่มสุดตัว เพื่อเด็กดื้อของลุง เพราะลุงคือโลกทั้งใบของเน ฮืออ ดีต่อใจ จนใจฟูมากกก

ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องราวดีๆที่น่าประทับใจ สนุกมากๆค่ะ ขอบคุณที่พาน้องเน เจ้าก้อนดื้อ น่ารัก น่ามันเข้ว และพี่ไม้ ลุงสายเปย์ สุดเท่!มาให้เราได้รู้จักและรัก ❤  :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-04-2020 17:25:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-04-2020 22:15:49
 :pig4
จบแล้วไม่อยากให้จบเลย รักเนรักลุง :3123:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 03-04-2020 18:01:50
ขอบคุณมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 03-04-2020 23:20:22
สนุกมากๆค่ะ ตอนทะเลาะกับพ่อคือร้องไห้เลย สงสาร

ขอบคุณนักเขียนด้วยนะคะ จะรอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 04-04-2020 07:10:27
น้องเนน่ารักมาก อิจฉาเนมากจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 19-07-2020 11:52:30
เป็นเรื่องที่ดีมากกกก เลยค่ะ อุ่นในหัวใจจังเลย
ตอนช่วงปมปัญหาครอบครัวถูกถ่ายทอดออกมาคือทำเอาร้องไห้จนจมูกแน่นไปหมดเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุก ๆ แบบนี้มากเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 25-07-2020 16:35:40
 o13 สนุกนะ
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 26-07-2020 02:18:08
หนุก หนุก ครับ



            :call:
หัวข้อ: Re: 『 แฟนเด็ก 』 l ╯#สามหกสิบแปด╰ lll ตอน 24 ญี่ปุ่นอีกครั้ง [31/03/20] p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 09-02-2022 19:14:42
นองเน โคตรน่ารักเลยครับ   ชอบมากๆ
ส่งนบุงไม้ ก็คือแบบผู้ใหญ่ที่ดีมีเหตุผล รักทั้งคู่เลยครับ