ตอนที่ 8
“นาย… จะทำอะไรอ่ะ” ผมคว้าได้แต่หมอนเอามาบังตัว เหมือนนางเอกผู้บอบบางในละครทีวีมาก
นายสิบทิศโจนขึ้นมาคร่อมผมไว้อย่างไว “นายเหรอ? แต่ลับหลังเรียกว่าไอ้เหี้ยใช่มั้ย?”
“ขอ…ขอโทษ…” ผมตัวสั่น กลัวโดนมันต่อยปากแตก แต่อันที่จริงก็ไม่น่าจะโกรธผมมากขนาดนี้เลยนะเพราะผมก็เรียกเดอะแก๊งแบบนั้นเหมือนกัน
“เกลียดมากใช่ป่ะถึงได้เรียกอย่างนั้น”
ขอโทษแล้วมันก็ยังไม่จบครับ มันกระชากหมอนปลิวไปชนผนังห้องแล้วก็จับสองไหล่ผมกดลงกับเตียง
“เจ็บนะ” ผมดิ้นสุดตัวแต่ก็ทำให้มันปล่อยมือไม่ได้
“เกลียดมากใช่มั้ย” มันถามซ้ำ
“เออ! ไม่ให้กูเรียกว่าไอ้เหี้ยแล้วจะให้เรียกว่าอะไรก็มึงมันเหี้ยจริงๆ” ผมเริ่มขึ้นแล้วครับ นี่ห้องผมนะมันมีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้
“ถ้ากูเหี้ยมึงก็ร่าน”
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินมันพูดแทนตัวเองว่ากู
“กูร่านแล้วหนักหัวมึงเหรอไอ้เหี้ย” ผมสวนทันที
“ร่านอยากโดนนักใช่มั้ย อยากโดนผัวเก่าหรือว่าไอ้กรล่ะ หรือว่ามีผัวคนใหม่แล้ว”
มันทั้งกดทั้งบีบผมเลยครับตอนนี้
กูจะอยากร่านกับใครก็ได้ไม่เกี่ยวกับมึง” ผมสู้ตามันไม่กะพริบ
“กับใครก็ได้งั้นเหรอ” มันพูดแล้วก็ก้มลงมาไซ้ซอกคอผมซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้รู้สึกเคลิบเคลิ้มหรือสยิวใดๆ ทั้งสิ้น ผมเจ็บครับ…เจ็บข้างในใจ
ก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น โทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้นทำให้คนที่คร่อมอยู่บนตัวผมเสียจังหวะ ผมก็เลยผลักมันออก
“คุณเหนือ รบกวนเบาเสียงหน่อยครับ ข้างห้องเขาโทรลงมารายงาน” เสียงลุงยามลอดมาตามสาย
“ขอโทษครับ จะเบาเสียงทีวีนะครับ” ผมแก้ตัวแล้วก็วางสาย
แทนที่เรื่องจะจบเท่านั้นเพราะดูนายสิบทิศมีสติขึ้นมานิดนึง แต่เปล่าเลยครับ มันดึงผมลงไปกดกับเตียงอีกรอบ คราวนี้ไม่ได้จับหัวไหล่แต่เป็นเหนือข้อมือทั้งสองข้างของผม
“พอเถอะ…พี่วิน” ผมเองก็สงบปากขึ้นมานิดหน่อยเช่นกัน
“พี่ก็เป็นผัวเหนือนะ” เขาว่า ก่อนจะก้มลงมาบดปากผม
ผมสะบัดหน้าหนี
“อยากทำกับคนอื่นเหรอ” เสียงมันขุ่นขึ้นมาอีกแล้วครับ เพียงแต่ว่าไม่ได้เสียงดังจนข้างห้องสะดุ้งอย่างตะกี้ “ไอ้ป๊อปผัวเก่าหรือว่าไอ้กร หรือว่าผัวใหม่ที่พูดตอนอยู่ในผับ”
“ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ” ผมกำหมัดแน่น
“บอกพี่มา”
ไอ้เหี้ย กูไม่ได้ร่านอยากไปเอากับใครก็ได้นะ ที่ผ่านมาก็มีแต่มึงคนเดียวนั่นแหละที่เอากู
พอผมไม่ยอมพูดด้วยมันก็นิ่งมองหน้าผม
“หรือว่าอยากลดหนี้ถึงจะอยากทำกับพี่”
นาทีนั้นคือเจ็บจี๊ดในอกเลยครับ ผมกัดกรามแน่น ขืนตาไม่ให้กะพริบเพราะไม่อย่างนั้นน้ำตาไหลออกมาแน่ๆ ให้มันไหลกลับเข้าไปข้างในนั่นแหละดีแล้ว
“บอกสิว่าอยากได้เท่าไหร่” มันดูถูกผมสุดๆ
“สองหมื่น” ผมรู้สึกเหมือนเป็นกะหรี่เลย ก็ถ้ามันมองผมเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนั้นผมก็จะเป็นให้มันครับ
“ไม่มีปัญหา แต่ต้องทำทุกอย่างให้พี่พอใจ” มันยิ้มอย่างคนชนะที่ซื้อผมได้
“อือ แต่ขออาบน้ำก่อน”
ผมออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับอาการแสบตาเพราะถือโอกาสร้องไห้ไปด้วย ชีวิตแม่งดราม่า ส่วนนายสิบทิศถอดเสื้อรออยู่แล้ว
ผมอิดออดนิดหน่อยตอนที่หยุดอยู่ตรงหน้าเขา การที่คนเราจะมีอะไรกับอีกคนที่เราไม่ได้มีอารมณ์อยากทำด้วยมันรู้สึกเหมือนตัวเราบางเป็นกระดาษที่พร้อมจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เลยครับ
“จะอาบน้ำ ขอผ้าเช็ดตัวด้วย” ว่าแล้วเขาก็ลุกเข้าไปในห้องน้ำ
ผมนอนรอบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้านั่นแหละครับ นอนไปก็คิดถึงคืนแรกที่ผมไปนอนคอนโดของเขา เหตุการณ์มันคล้ายกันไม่มีผิด…
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีตอนที่เขาเปิดผ้าห่มออกแล้วนอนลงข้างๆ เราต่างก็เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่
ผมหันไปกอดและจูบเขา มือเอื้อมขึ้นไปลูบเส้นผมที่ยังชุ่มน้ำพร้อมกับสูดกลิ่นแชมพูจางๆ เมื่อถอนปากออกผมก็ปิดไฟ แต่ถึงอย่างนั้นแสงจากภายนอกที่ส่องเข้ามาเพียงสลัวก็ยังปิดความรู้สึกไร้ค่าในดวงตาผมไม่มิด
ผมหวนคิดถึงคืนแรกนั้นขึ้นมา…ตอนนั้นผมมีความสุขที่ได้ทำกับเขา
“เรียกชื่อพี่สิ”
“พี่วินครับ…” ผมทำตัวเป็นกะหรี่ที่ดีต้องเอาใจคนจ้าง
นายสิบทิศดึงผมเข้าไปกอดแล้วกดริมฝีปากลงบนหน้าผากของผม มันอ่อนโยนอย่างน่าเหลือเชื่อ… แล้วเขาก็นิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น
“พี่วิน…”
“หลับเถอะ”
มือข้างหนึ่งของเขาลูบหลังของผมเหมือนจะปัดความเจ็บออกไป…เหมือนปลอบโยน สักพักเขาก็นิ่งไปพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอ
ผมงงแต่ก็มองใบหน้าเขาในความสลัวนั้น ความรู้สึกลึกล้ำบางอย่างตรงเข้าจู่โจมผมจนซ่านขึ้นมา อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลือ อาจเป็นเพราะความใจง่ายของผม หรืออาจเป็นเพราะอ้อมแขนอ่อนโยนของเขาก็ไม่รู้ ที่ทำให้ผมหมดสิ้นความระแวงและรู้สึกว่าตัวเองมีเนื้อหนังมีหัวใจ…ไม่ใช่กระดาษ
ผมขดตัวเองเข้าหาร่างกายที่สูงใหญ่กว่าแล้วจึงปิดตาลงพร้อมกับความวางใจ
“ถ้านายเป็นแบบตอนนี้ได้ตลอด…ก็คงดี”
ทั้งที่เมื่อคืนกว่าจะได้หลับก็คงเกือบตีสามแต่ผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ตอนสายๆ เพราะมีบางอย่างเบียดและดันตรงบริเวณต้นขา ใช่แล้วครับ มันคือปฏิกิริยาในตอนเช้าของคนที่กำลังนอนรัดผมอยู่
“เฮ้ นาย” ผมลองเรียกเบาๆ แต่เขาไม่ตอบสนองใดๆ ผมก็เลยค่อยๆ แงะมือเขาออกจนหลุดลุกขึ้นนั่งได้ จากนั้นก็นึกอุตริเปิดผ้าห่มออกดู ‘ปฏิกิริยาในตอนเช้า’ ของนายสิบทิศเล่นอย่างซุกซนผสมกับอยากดู มองได้ไม่ถึงนาทีร่างเปลือยเปล่าที่นอนขดอยู่ก็ดึงผ้าห่มกลับ
“อย่าแกล้ง” เขาพูดแล้วก็นอนต่อ
“เคยเห็นหมดแล้วหรอกน่า”
แปลกจังครับ ทำไมอารมณ์ตอนนี้ถึงได้แบบว่าคล้ายเช้าแรกหลังคืนแต่งงานเลยอ่ะ
เสียงไลน์เตือนเพราะมีข้อความเข้ามา ผมก็เลยหยิบมือถือขึ้นมากดอ่าน
PAKORN : มอร์นิ่ง เจ้าดาวเหนือ พี่แบ่งเค้กไว้ให้แล้ว รีบมากินนะครับ
คือพี่กรบอกมาขนาดนี้แล้วจะไม่ไปก็กระไรอยู่นะ
NORTH STAR : มอร์นิ่งครับพี่ เจอกันครับ
แล้วพี่กรก็ส่งสติ๊กเกอร์ขำๆ มาตบท้าย ผมก็เลยพลอยยิ้มอารมณ์ดีไปด้วยก่อนจะวางมือถือลงบนเตียงแล้วเข้าไปอาบน้ำทำกิจวัตรส่วนตัวเหมือนทุกเช้า ถ้าเป็นวันหยุดผมจะใช้เวลานานเป็นชั่วโมงกว่านู่นแหละครับถึงได้ออกมาส่องตัวเองหน้ากระจก จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุด
“จะไปไหนแต่เช้า” คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงตื่นแล้วครับ
“พี่กรชวนไปกินเค้ก” ผมบอกอย่างอารมณ์ดีโดยที่ไม่ได้หันไปมองเขา
ยังไม่ทันที่ผมจะได้หยิบเสื้อออกมาใส่ นายสิบทิศก็โฉบมารวบตัวผมจากทางด้านหลังแล้วก็อุ้มไปวางบนเตียง
“อยากกินเค้กหรืออยากกินเจ้าของร้าน” เขาว่า
คือผมเพิ่งจะอาบน้ำสดชื่นอารมณ์ดี ส่วนเขาก็ไม่ได้พูดกระโชก ผมก็เลยแค่ตกใจนิดหน่อยและไม่ได้ขัดขืนอะไรมากนัก “ทะลึ่ง ไปกินเค้กเฉยๆ ม้ะ พี่เขาอุตส่าห์ชวนไม่ไปก็น่าเกลียด”
ผมดันอกเขาออก
“แล้วถ้าเจ้าของร้านให้กินอย่างอื่นที่ไม่ใช่เค้กก็จะกินด้วยใช่มั้ย” นายสิบทิศว่าพลางโน้มตัวลงมาอีก น้ำเสียงเหมือนขุ่นขึ้นมาอีกละ
“กินสิ เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผู้ใหญ่ให้ของก็ต้องรับไว้” ผมย้อนทีเล่นทีจริง
“งั้นก็กินตอนนี้เลย” ว่าแล้วพี่วินก็จูบปากผมแบบหื่นกระหายเลยครับ
“เฮ้…” ผมได้แต่อู้อี้อยู่ในคอ สองมือที่พยายามดันตัวเขาออกก็โดนมือที่แรงเยอะกว่าจับกดไว้กับเตียง
พอพี่วินถอนปากออกก็ยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับมองผมด้วยสายตาซุกซนจนผมเขิน
“พี่ก็มีหุ้นที่ร้านนั่นนะ”
“เดี๋ยว…” ผมพูดได้คำเดียวนั่นแหละครับ ริมฝีปาก ไรเครากับลมหายใจอุ่นๆ ของเขาก็จู่โจมลงมาที่ซอกคอแล้วไล่พรมไปทั้งช่วงอกของผม
“ผู้ใหญ่กำลังให้ของอยู่นี่ไง”
“อือ…”
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้ทำในขณะที่ผมไม่เต็มใจ
อาจเป็นเพราะไออุ่นจากอ้อมกอดเมื่อคืนยังอบอวลอยู่
อาจเป็นเพราะท่าทีที่ดูเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของและหวงผมจากคนอื่นเต็มที
อาจเป็นเพราะรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับสายตาซุกซนของเขา
หรืออาจเป็นเพราะหัวใจของผมที่เต้นเร็วรัวอยู่ในตอนนี้
ผมจึงเปิดรับทุกการกระทำของเขาอย่างเต็มใจ…
เราขลุกกันอยู่บนเตียงจนถึงเที่ยงครับ มื้อเช้าไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่ได้กินอะไรอย่างอื่นนอกจากร่างกายที่ต่างก็มอบให้แก่กัน
“หิวมั้ย” พี่วินถามขณะใช้นิ้วมือเล่นเส้นผมของผม
“นิดหน่อยครับ” ผมสบตาเขาตรงๆ มองเขาด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งหลง ผมว่าผมลืมสิ่งไม่ดีที่เขาเคยทำไว้ไปจนหมดแล้วครับ (ใจง่ายม้ะ)
“ไปหาอะไรกินกัน” พี่วินบอก
ผมยันตัวที่ระบมไปหลายส่วนขึ้นนั่ง แล้วพี่กรก็โทรเข้ามา
“รับสิ” พี่วินบอก
ผมบ่ายเบี่ยงเพราะรู้สึกเหมือนกำลังคบซ้อนยังไงพิกล แต่สุดท้ายพี่วินก็กดรับแล้วยื่นมาให้ผมคุย พอเลี่ยงไม่ได้ผมก็เลยต้องคุย แต่คนถือวิสาสะกดรับให้นี่สิดึงผมเข้าไปกอดอีกแล้ว
“พอดีเหนือ…เอ่อ” ผมพูดตะกุกตะกักเพราะพี่วินเริ่มละเลงจูบใส่เนื้อตัวผมอีกแล้ว แกล้งกันชัดๆ “เหนือสั่งซื้อของออนไลน์ไว้น่ะครับ เขากำลังจะมาส่ง…เดี๋ยวเจอกันครับพี่… เท่า…เท่านี้ก่อนนะครับ”
พอกดวางสายพี่กรได้ผมก็ทุบพี่วินไปอั๊กใหญ่ “เดี๋ยวพี่กรก็รู้หรอก ว่าทำอะไรอยู่”
“ก็ให้มันรู้ไปสิว่าเหนือกำลังทำอะไร” พี่วินยังไม่เลิกจูบตามเนื้อตัวของผม “บอกไปด้วยก็ได้ว่าทำกับใคร”
ผมเขินจนหน้าแดง บทจะโรแมนติกพี่วินก็ทำซะผมลืมภาพหน้านิ่งๆ ตาขวางๆ ไปได้จนหมด
“หวงเหรอ” ผมลองถามทีเล่นแต่อยากฟังคำตอบจริงๆ
“ไม่ได้หวง” พี่วินตอบ ทำเอาผมใจแป้วไปนิดนึง กลัวว่าจะซ้ำรอยคืนแรกที่ไล่ผมออกจากห้อง ได้แล้วก็ถีบหัวส่งอ่ะครับ
“…”
“แค่ไม่อยากให้ไปอยากกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่เค้ก”
“แค่นี้ก็อิ่มจนจุกแล้วคร้าบ”
“แต่พี่ยังไม่อิ่มเลยครับ”
แหม อ้อนขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องยอมให้อีกใช่มั้ยครับ
เป็นอันว่ากว่าผมจะมาถึงที่ร้านก็แตะสี่โมงละครับ ที่ช้าก็เพราะคนที่ดูจะอารมณ์ดีมากๆ ที่มาด้วยกันนั่นแหละ พอผมจะออกจากห้องทีไรก็หาเรื่องเกาะเกี่ยวเอาไว้อยู่หลายทีจนเห็นว่าสายมากๆ แล้วนั่นล่ะถึงได้ยอม
บอกตามตรงนะครับ ถึงตอนนี้ผมจะรู้สึกดีมากๆ กับพี่วิน แต่มันก็ยังมีส่วนหนึ่งในใจคอยบอกตัวเองให้เตรียมตั้งรับกับ ‘ไอ้เหี้ยวิน’ อยู่ดีนั่นล่ะครับ ถึงผมจะใจง่ายชอบคนหล่อ ใจอ่อนกับใครก็ตามที่ทำดีด้วย แต่ผมไม่ใช่วัยรุ่นแรกแย้มที่ไม่เคยผ่านการมีความรักมาก่อนนี่ครับ คงเปรียบได้กับแม่ม่ายล่ะมั้งนะ คือคนมีทุนเรื่องความเจ็บมาแล้ว แต่ละครั้งกำแพงก็จะหนาและสูงขึ้นตามลำดับ พูดง่ายๆ ก็คือผมดูออกว่าพี่วินคงไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับผมเท่าไหร่หรอกครับ จากคนที่เคยแกล้งเคยทำเหี้ยใส่ผมแต่ปุบปับคืนเดียวมาทำหวงทำราวกับรักผมเสียมากมายแบบนี้ ผมไม่วางใจหรอกครับ มันเหมือนเขาวางยาพิษในขนมหวานที่ยื่นมาให้ ถึงแม้จะไม่รู้ชัดว่าเขาต้องการอะไรนอกจากเซ็กส์ คนอ่านใจยากอย่างพี่วินก็ดูเป็นคนไม่น่าวางใจได้สนิทอยู่วันยังค่ำอ่ะครับ แต่ในเมื่อเขายังดีกับผม ผมก็แค่เล่นไปตามที่เขาต้องการ วิน-วินอ่ะครับ
สมัยนี้แล้วผมไม่คิดว่าการมีอะไรกันจะหมายถึงฝ่ายหนึ่งได้อีกฝ่ายหนึ่งเสีย เราต่างก็ได้ด้วยกันทั้งคู่ ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะพูดว่าเขาเป็นผัวของผมแต่มันไม่ได้หมายถึงความสัมพันธ์แบบนั้นจริงๆ หรอก ก็เขาไม่เคยพูดออกมาให้ชัดเจนเลยสักคำว่าขอคบกับผม
นี่แหละครับผมล่ะ ดาวเหนือ ผู้มีทัศนคติก้าวล้ำนำสมัย
ผมไม่ได้โทรบอกพี่กรว่ามาถึงแล้ว กะให้เจอตัวแล้วค่อยทักแบบนั้นครับ
พี่วินปลีกตัวไปหาพี่กรในห้องส่วนตัว ผมเห็นว่าข้างในร้านคนค่อนข้างแน่นก็เลยขอนั่งตรงบาร์ติดผนังกระจกที่ด้านนอกปลูกต้นโมกเป็นแนวยาวดูแล้วสบายตา ระหว่างที่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นก็มีคนมานั่งข้างๆ ผมไม่ได้หันไปมองหรอกครับ จนกระทั่งถูกทัก
“เหนือ เหนือใช่ป้ะ”
คนทักผมเป็นผู้หญิงครับ ผิวขาว ผมยาว ตาโต จมูกโด่ง รูปร่างก็ดี เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูดี เน้นรูปร่างทรวดทรงอย่างคนมั่นใจ รวมๆ แล้วสวยมากเลยแหละ แต่เอ…ผมไม่ยักกะจำได้นะว่าเคยรู้จัก
“ครับ?”
“เฮ้ย จำเราได้มั้ย?”
ผมทำท่านึกไปงั้นแหละ แต่ในใจคือแบบว่าไม่อ่ะ จำไม่ได้
“มายด์”
มายด์ไหนวะ
“มายด์ ภีรณียา ที่ตอนปีสามเราเคยเรียนด้วยกันเทอมนึงไง” เธอทำหน้าลุ้นอย่างตื่นเต้นว่าผมจะจำได้มั้ย
ผมเริ่มจะนึกออกละครับว่าตอนปีสามผมมีเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับคณะอื่นที่ลงวิชาเดียวกันอยู่เทอมนึง คนที่นั่งใกล้กับผมแทบทุกครั้งก็คือมายด์นี่แหละ เราสนิทกันอยู่เทอมเดียวพอจบคลาสต่างก็แยกย้ายตามวาระอ่ะครับ
“จำได้ละ เป็นไงสบายดีป่าว” ผมจำได้จริงๆ ละ “มาคนเดียวเหรอ”
“มาคนเดียวสิคะ ตามประสาคนโสด” มายด์พูดอย่างกับเราสนิทกันมากและสนิทกันอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยนู้นยังงั้นแหละ
“สวยแซบอย่างเธออ่ะนะโสด” ผมก็พยายามคุยไปตามเรื่อง
“เพิ่งโสด” มายด์เว้นวรรคนิดนึงก่อนจะให้ข้อมูลเพิ่มอย่างภูมิอกภูมิใจโดยที่ผมไม่ได้อยากรู้ “แต่ก็มีคนมาจีบแล้วจ้า รู้จักไฮโซที่ชื่อเข้าพรรษามั้ยล่ะ นั่นแหละที่ตามจีบฉันอยู่”
“อ่อ ดีจังเลยเนาะ” มีไฮโซชื่อเข้าพรรษาด้วยเหรอวะ
“แต่ก็ยังไม่ตกลงใจคบเป็นแฟนหรอกนะ ยังมีให้เลือกอีกหลายคน”
ผมมองบนแบบ… จ้า รู้ค่ะว่าสวย ชะนีขี้อวด
“เหนือ เค้ก” พี่วินกับพี่กรยกเค้กมาให้ผมครับ
ผมกับยัยชะนีขี้อวดหันไปพร้อมกัน แล้วผมก็ประหลาดใจที่เห็นพี่วินชะงักไปนิดหน่อย
“พี่วิน” มายด์ทักขึ้นก่อน “รู้จักเหนือด้วยเหรอคะ”
“ลูกน้องที่ทำงานน่ะ” พี่วินแนะนำผมในฐานะลูกน้องครับ ทำไมผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาก็ไม่รู้
มายด์ยิ้มน่ารักน่าตี ก่อนจะสังเกตเห็นใบหน้าสงสัยของผมกับพี่กรที่อยากรู้ว่าเธอกับพี่วินรู้จักกันมาก่อนอย่างไร “มายด์กับพี่วิน เราเคย…”
“รู้จักกัน” พี่วินบอกเสียงเรียบๆ
มายด์มองหน้าพี่วินแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า “…ใช่ค่ะ เราเคยรู้จักกัน”