แตะต้องครั้งที่ 8
จับบบ...ล้อมหม้อชาบูดูคนโดนเผา
ควงหนุ่มมารึเปล่าพี่เขาไม่เอาน้ำแข็ง
❤ C A L ❤: บ่ายนี้ว่างนะ
NaTee(n): เฮ้ยจริงดิ สับรางได้แล้วเหรอ
❤ C A L ❤: เวอร์ ไม่ขนาดนั้นมั้ย
NaTee(n): งั้นเราไปถีบเรือเป็ดกันนะที่รัก
❤ C A L ❤: ขอถีบคุณแทนละกันนะคะ
❤ C A L ❤: สรุปยังหิวอยู่มะ
NaTee(n): หิวเดะ
NaTee(n): เนื้อๆๆๆๆ
❤ C A L ❤: ปลวกหมดแล้วเนาะ
NaTee(n): เกลี้ยง
❤ C A L ❤: หญ้าล่ะ กินปะทังไปก่อนมั้ย
NaTee(n): กินจนเขาจะงอกแล้ว
❤ C A L ❤: งั้นก็ Happy Shabu
❤ C A L ❤: บ่ายโมงครึ่งละกัน เจ๊ออกมาเจอเพื่อนก่อน
NaTee(n): เพื่อนหรือผู้
❤ C A L ❤: เออน่ะ อย่ารู้มาก
NaTee(n): สายได้กี่ชั่วโมง
❤ C A L ❤: ห้ามสาย
NaTee(n): ลดเป็นนาทีก็ได้
NaTee(n): ยังไงก็ไม่เกิน 59 นาที
❤ C A L ❤: มาช้า 5 นาที เราขาดกัน
❤ C A L ❤: ไม่ต้องมาเป็นพี่น้องรหัสกันอีก
❤ C A L ❤: แล้วก็กลับไปกินหญ้าที่บ้านซะ
NaTee(n): โห เจ๊
❤ C A L ❤: เจอกันจ้า~
บ่ายมีเรียนวิชาเลือก ไม่ซีเรียสมาก ใช้สิทธิ์โดดโลด
“พักนี้หายบ่อยจังนะ” หลังจากที่ผมขอแยกตัว เปิ้ลก็พูดด้วยเสียงเย็นๆ มีความอยากรู้อยากเห็นเจือปนเล็กน้อย “เที่ยงเป็นไม่ได้ แวบหายๆ”
“เราเห็นด้วยกับเปิ้ล นายมีปัญหาอะไรรึเปล่านะฑี บอกเพื่อนได้นะ”
“อ้างว่าท้องเสียทั้งปีทั้งชาติ”
“แต่ไม่เสมอไปนะเปิ้ล บางทีนะฑีก็บอกท้องผูก เราว่าไปหาหมอดีมั้ย”
“หรือมีเรื่องอะไรกับรุ่นพี่กันแน่”
ผมกอดอกฟังพวกมันบิ๊วกันอย่างกับซ้อมละคร พอถึงประโยคนี้ผมเลยต้องแถลงความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ “กูนัดกับพี่รหัสโว้ย”
“หรา…” เปิ้ลจีบปากจีบคอลากเสียง เหมือนจะเผลอปล่อยให้ต่อมจริตเพศหญิงนำหน้า
“แหกตาดู” ผมควักโทรศัพท์มือถือเลื่อนแชตที่นัดกับเจ๊แคลให้อ่าน
“งั้นก็แล้วไป แต่อย่าให้รู้นะว่ามีลับลมคมในอะไร...ไปเจษ” ขู่เป็นมาเฟียเลยเว้ย เซลล์ผู้ชายของมันกลับมาทำงานเป็นปกติละ
“ไปไหน” เจษฎาถามเสียงซื่อ
“ไปให้ไกลจากคนทิ้งเพื่อน” ว่าแล้วเปิ้ลก็เดินออกไป
“หาน้ำแดงเซ่นไหว้มันหน่อยนะ เดี๋ยวความดันขึ้น” ผมพูดกับเจษ แล้วแยกไปคนละทาง
เจ๊แคลเซียมนัดตั้งบ่ายครึ่ง ห้างที่จะไปกินก็อยู่ใกล้แค่นี้ ยังมีเวลาเหลือ ไปกวนตีนพี่ทัชเล่นดีกว่า ถ้าเขาไม่อยู่ที่ป่าดงดิบก็อยู่ที่ห้องสมุด ผมเดาว่าน่าจะอยู่ป่ามากกว่าเพราะมันดูห่างไกลผู้คนมากที่สุดแล้ว
ใช่จริงๆ
แต่พี่ทัชไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว โจทก์เก่าผมก็นั่งโด่หัวอยู่ด้วย
“กราบสวัสดีมิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน” ผมย่องเข้าไปยกมือไหว้รอบทิศ
“อ้าว มึง” พี่เห็ดลุกขึ้นต้อนรับ “มาก็ดีแล้ว กูคันตีนอยู่พอดี”
“ขนจมูกผมก็ยาวอยู่พอดีพี่ ถอนให้หน่อย...เฮ้ยๆ พี่ทัชช่วยลูกช้างด้วย” ผมกระโดดหลบไปอยู่หลังพี่ทัช เกาะไหล่ไว้และใช้ตัวเขาเป็นโล่บังตีน พี่เห็ดขยับออกมาจากม้านั่งหินอ่อนแล้ว อีกแค่ก้าวสองก้าวก็ถึงตัวผมได้สบาย หวังว่าแกจะเกรงใจพี่ทัชบ้างนะ แต่ถ้ายังบังอาจเสือกตีนมายังไงก็ต้องโดนหน้าหล่อๆ ของพี่ทัชก่อน “เอาดิ เตะมาเลย”
เผียะ!
หน้าผากสะอาดเลย มีขยับหลอกว่าจะเตะแต่พี่แกเปลี่ยนเป็นเอื้อมมาตบซะงั้น
ถ้าไม่เกรงใจพี่ทัชนะ ผมถุยน้ำลายข้ามหัวเขาตอบโต้ไปแล้ว แต่เพราะเกรงใจ เลยทำแค่แลบลิ้นพอ
“นะฑี ไปนั่งดีๆ” พี่ทัชบอก
“แบร่~”
“หลบทำไม มานี่ กูจะถอนขนจมูกให้ เอาเลือดกำเดาออกให้ด้วย”
“พอเลย ทั้งคู่”
“เตะดิ โดนหน้าพี่ทัชนะ”
“ไอ้ทัชหลบดิ๊”
“เก่งแต่ปากอะ”
“มึง”
สงสัยจะไม่มีอะไรหยุดยั้งพี่เห็ดได้ละ งัดไม้ตายเลยละกัน
“เจ๊แคล ช่วยด้วยยยย”
ทั้งคู่หันไปมองทางเดียวกัน พอหันกลับมาแต่ละคนก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พี่ทัชสีหน้าเกือบจะนิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะแววตาที่ดูยิ้มนิดๆ ปนสงสัยนั่น ส่วนพี่เห็ดก็แน่นอนว่าหัวร้อนขึ้นไปอีกระดับ
“ไหนวะ แคล”
“ผมส่งกระแสจิตเว้ย”
“ฮะ?”
“ผมกับเจ๊แคลอะสนิทกันถึงขั้นส่งกระแสจิตถึงกันได้...ทำไม คิดว่าพี่ทัชมีพลังคนเดียวเหรอ ผมนี่โคตรคนพลังจิตเลยนะ”
“พลังจิตตีนกูนี่”
“เตะเดะ ผมจะฟ้องเจ๊แคล แล้วก็ไม่ช่วยอะไรพี่อีก”
“ถึงไงมึงก็ช่วยเหี้ยไรกูไม่ได้อยู่แล้ว”
“ใครบอกไม่ได้ จะให้พี่ไปนั่งกินข้าวกับเจ๊แคลตอนนี้ยังได้เลย”
“ถุ้ย!”
“ถุยๆๆๆ...อุ๊บ โทษๆ พี่ทัช น้ำลายหก”
พี่ทัชสะบัดหัวหลบ “พูดจริงพูดเล่น ไปนั่งเลย...เรนจิ มึงก็พอได้ละ”
“พี่ เมื่อกี้ล้อเล่นนะเรื่องน้ำลาย” ผมพูดกับพี่ทัช “ไม่โดนๆ”
“ตอแหล กูเห็นลงหัวไอ้ทัชเต็มๆ”
พี่ทัชถอนหายใจพร้อมกับยกมือยอมแพ้ “เอาเลย ตีกันเลย”
ผมกับพี่เห็ดมองหน้าเจ้าของเสียง แล้วเงยขึ้นมองหน้ากัน รอยยิ้มโรคจิตของพี่เห็ดมาแล้ว แทนที่จะสำนึกว่าพี่ทัชประชด นี่คิดจะเล่นงานผมต่ออีกเหรอวะ
“ผมพาพี่ไปกินข้าวกับเจ๊แคลได้จริงๆ” ผมรีบยกมือเบรกตีนแกไว้ก่อน “ตอนนี้เลย ภายในสิบนาทีนี้”
พี่เห็ดทำหน้านิ่ง เอียงคอมองประเมินผม
ผมตีสีหน้านิ่งกลับไปเหมือนกัน ถึงหน้าพี่แกยังดูอำมหิตอยู่นิดๆ แต่ก็คูลดาวน์เยอะแล้ว มีแววว่าจะออกมาดี ไม่ควรพูดกวนน้ำให้ขุ่นอะไรอีก แต่มันก็อดไม่ได้
“งานนี้คิดค่านายหน้าสองร้อยนะ”
“ถ้ามึงทำได้อย่างที่ตูดพูด นอกจากค่านายหน้าแล้วกูจะเป็นเจ้ามือด้วย”
“เจ้ามือป๊อกเด้งเหรอ เอาดิ พี่หมดตูดแน่”
“เจ้ามือเลี้ยงข้าวสิวะ เนี่ย สมองมึงได้แค่นี้แหละ”
ผิดคาดแฮะ “รู้หรอกน่า สมองพี่ก็ได้แค่นี้แหละถึงไม่เข้าใจว่าเป็นมุก แต่พูดแล้วนะ งั้นก็จัดไป”
“มึงนี่อะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมดเลยนะ” พี่ทัชพูด
“อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา พี่ไม่เคยได้ยินเหรอ”
“อ้าว บอกจัดไปแล้วนั่งทำแป๊ะไร มึงบอกภายในสิบนาทีนี้ไม่ใช่รึไง” พี่เห็ดโวยวายขึ้นอีก
“ก็แบบ…” ที่มานี่คือตั้งใจมากวนตีนพี่ทัชนะ แต่ดันมารบกับพี่เห็ดจนผิดวัตถุประสงค์ไปเลย “งั้นให้พี่ทัชไปด้วย”
“กูไปเกี่ยวอะไร”
“พี่จะให้ผมไปกับฆาตกรโรคจิตตามลำพังเหรอ เผื่อผมโดนฆ่าหมกถังขยะทำไง”
“มีวิธีเอาตัวรอดง่ายๆ นะ พูดให้น้อยลง”
“ไม่แน่ กูอาจจะเผลอกระทืบแม่งตายจริงๆ ก็ได้” พี่เห็ดพูด “ต่อให้มันไม่พูด แค่เห็นหน้าก็คันตีนยิบๆ ละ”
“เดี๋ยวผมซื้อโทนาฟให้ สงสาร”
“ซื้อมายัดปากมึงเหอะ ไปได้แล้ว”
“พี่ทัช” ผมหันมาตบไหล่พี่แกเบาๆ “ไป ลุก”
“ไม่” เขาหยิบหนังสือมาเปิดอ่าน
“พี่จะให้ผมไปนั่งเป็นก้างขวางคองี้เหรอ”
“เออ จริงของมัน” พี่เห็ดหันกลับมา “ไอ้ทัช มึงต้องมาด้วย ถ้าจังหวะดีมึงจะได้พามันออกไปเดินเล่นให้พ้นหูพ้นตากู กูจะได้อยู่กับแคลสองคน”
“กูไม่เกี่ยวอะไรเลย”
“มึง หยิบกระเป๋ามันมาเลย”
อ่าว ตอนนี้กลายเป็นพันธมิตรกันซะงั้น พอพี่เห็ดให้ท้ายแบบนี้ผมก็คว้ากระเป๋าสะพายของพี่ทัชลุกออกมาทันที
“รถกูอยู่ทางนี้” พี่ทัชคว้าหนังสือเดินตามมา
“รถมึงแคบ ไปรถกู”
เราถกเรื่องนี้กันอีกนิดหน่อย สุดท้ายก็มาจบที่รถพี่เห็ดซึ่งสภาพรถบ่งบอกความเป็นพี่เห็ดได้ชัดเจนมากๆ ทีแรกผมแทบนึกไม่ออกว่ารุ่นอะไร จากการสอบถามเลยถึงบางอ้อ มันคือฮอนด้าซีวิคที่เอาไปแต่งแทบทุกจุด กลายเป็นรถสีดำดุทั้งคัน มีสีแดงแทรกเป็นหย่อมๆ ซึ่งได้แก่ ล้อแม็กทั้งสี่ โลโก้ตัว H หน้าหลัง และแถบสีแดงที่ขอบล่างรอบคัน สปอยเลอร์หลังโคตรเฟี้ยว กระโปรงหน้ามีช่องระบายลม และสุดท้าย กระจังหน้าดูหนาเตอะเหมือนทำไว้ชนหมาให้ทรมาน
“ลุยเลยแบทแมน!” ผมตะโกนจากเบาะหลัง พี่เห็ดเป็นคนขับและพี่ทัชนั่งข้างหน้า
“เป็นบ้าไรอีก”
“อ้าว นี่ไม่ใช่รถแบทแมนเหรอ ถ้าติดจรวดสักลูกสองลูกผมว่าเหมือนเลยนะ กฎหมายไทยให้ติดได้ปะ”
“คงได้หรอก”
“งั้นติดบั้งไฟแทนดิ ใช้ของไทยตำรวจน่าจะหยวนๆ”
“เดี๋ยวกูขับไปโรงบาลก่อนมั้ย ยามึงขาดรึเปล่า”
“รถพี่โยกได้ปะ”
“โยกไงวะ”
“ก็จอดไว้เปิดเพลงดังๆ กดปุ่มสักปุ่ม ปึ๊บ...แล้วรถก็โยกๆ”
“กูจะทำไปเพื่อไร”
“แล้วพี่ทำทั้งหมดนี้ไปเพื่อไร ทำแล้วก็ไปให้สุดดิ”
“นะฑี” พี่ทัชแทรกขึ้น “อย่าชวนคุยเยอะ เดี๋ยวเรนจิมันขับชน ปกติก็ชนบ่อยอยู่แล้ว”
“ชนเลยๆๆๆๆ” ผมตบมือเชียร์ให้จังหวะ
“ลงไปยืนหน้ารถดิ กูจะชนให้ดู”
“นะฑี” น้ำเสียงพี่ทัชเปลี่ยนเป็นเข้มอีกหนึ่งเลเวล ผมเลยทำมือตะเบ๊ะและรูดซิปปาก
เรามาถึงห้างเป้าหมายในห้านาทีต่อมา ผมไลน์คุยกับเจ๊แคลอย่างรวดเร็วและได้ความว่า เจ๊แกอยู่ที่ห้างแล้ว...กับผู้ชาย! แถมยังบอกว่าถ้าผมมาถึงแล้วให้ขึ้นไปหาได้เลย
ชิบหายละ
ผมยังไม่ได้บอกว่ามีพี่ทัชกับพี่เห็ดมาด้วย ขี้เกียจอธิบายยาว เลยบอกเจ๊แกไปว่าไม่อยากขึ้นไปเจอให้เป็นก้างขวางคอ ให้รีบๆ แยกกับผู้ชายได้แล้ว ผมหิว
จากนั้นก็พยายามดึงเกมอยู่ที่ชั้นล่างไปก่อน โชคดีพี่ทัชอยากแวะร้านหนังสือที่อยู่ตรงนี้พอดี ผมเลยเข้าไปดูหนังสือกับพี่ทัชด้วย โดยมีพี่เห็ดยืนเขย่าขากระวนกระวายรออยู่ที่หน้าร้าน ผมหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดอ่านดวง ซึ่งสถานการณ์เดือนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ส่วนพี่ทัชเดินลึกเข้าไปในร้าน เห็นพี่แกกวาดตามองนิยายแปลอยู่แป๊บนึง ก่อนจะไปวนเวียนอยู่แถวๆ หมวดเรื่องสั้น บทกวี และแนวประสบการณ์ชีวิต
สักพักหนึ่งเจ๊แคลก็ไลน์มาบอก
❤ C A L ❤: พร้อม
NaTee(n): พี่เจมส์กลับแล้วเหรอ
❤ C A L ❤: ทำไม อยากเจอเหรอ
NaTee(n): ไม่อะ เหม็นขี้หน้า
NaTee(n): สรุปพี่แกกลับยัง
NaTee(n): ไม่ใช่ขึ้นไปจ๊ะเอ๋กันนะ
❤ C A L ❤: กลับไม่กลับสำคัญตรงไหน
❤ C A L ❤: ไม่กลับก็กินด้วยกันได้
❤ C A L ❤: รีบมา
❤ C A L ❤: หิวๆ
ยังไงวะ
พี่เจมส์กลับหรือไม่กลับกันแน่
“พี่” ผมเข้าไปแตะไหล่พี่ทัช “ถ้าพี่จะดูหนังสือ เดี๋ยวผมขึ้นไปก่อนนะ แล้วพี่กับพี่เห็ดค่อยตามขึ้นไปก็ได้”
พี่ทัชเหลือบมองหน้าผม แววตาเหมือนอ่านผมได้ทะลุปรุโปร่ง “เรื่องแบบนี้น่ะ ไม่ควรโกหกหรอก”
“ฮะ? ผมโกหกอะไร” ผมเอียงหัวมองนิ้วเขาที่จับหนังสืออยู่ ทุกนิ้วยังแปะพลาสเตอร์ครบถ้วน แถมเขาก็ไม่ได้โดนตัวผมด้วย
“ถ้าเรนจิมันจะเห็นอะไรก็ให้มันเห็นไปเถอะ เจ็บแรงแต่จบเร็ว ดีกว่าเจ็บร้าวแบบเรื้อรัง”
“โห” ฟังแล้วจุกเลยว่ะ
“อ่านเจอพอดี นี่ไง” เขาเอียงหน้าหนังสือในมือให้ดู “ไม่ว่ายังไง โกหกกันมันก็ไม่ดีอยู่ดี”
“พี่...พี่รู้ได้ไง นิ้วก็ไม่ได้แตะ”
“ดูหน้าก็รู้แล้ว ไปกัน” พี่ทัชพับปิดหนังสือในมือ และถือมันออกไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ เสร็จแล้วเราสามคนก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่โซนร้านอาหารด้วยกัน…
เอาละเว้ย ร้านแตกแน่
จะต่อยกันรึเปล่าวะ
พี่เห็ดหัวร้อนจนไหม้แน่
ที่สำคัญ กูนี่แหละที่จะโดนพี่แกล่อจนเละ ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ กูโดนแน่ๆ
หาทางชิ่งไงดีวะ
ผมคิดวนๆ เวียนๆ และหันล่อกแล่กมาตลอดทาง จนในที่สุดก็เดินกันมาจนถึงหน้าร้านที่นัดไว้ ปรากฏว่า…เห็นเจ๊แคลนั่งกดมือถือเล่นอยู่คนเดียวที่เก้าอี้รอคิว โล่งไปเปลาะนึง แต่พี่เจมส์อาจไปเข้าห้องน้ำก็ได้
เจ๊แคลยังดูเป็นเจ๊แคลเซียมคนเดิม คือผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาวประบ่ากับหน้าม้าซีทรู ใบหน้ารูปไข่ ปากนิดจมูกหน่อย ผิวเนียนละเอียดเหมือนก้นเด็ก หน้าสดแกก็ดูดีอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับสกิลการแต่งหน้าขั้นเทพสไตล์เกาหลีที่แต่งเหมือนไม่แต่งเข้าไปอีก เลยยิ่งไปกันใหญ่ หนุ่มญี่ปุ่นเห็นคงจะบอกว่าคาวาอี้ หนุ่มเกาหลีเห็นอาจจะเต้นโชว์สองสามท่าและบอกซารางเฮโย ส่วนชายไทยก็มักจะร้องโอ้โห และตบเท้าเข้ามาอยู่ในสต๊อกของเจ๊แกแบบง่ายๆ เหมือนพี่เห็ดนี่แหละ
เราชะลอฝีเท้าลงเมื่อเข้าไปใกล้ ขณะที่ผมหันซ้ายหันขวาอยู่พี่เห็ดก็ใช้ศอกกระทุ้งผมจนแทบหน้าทิ่ม พอจะหันไปโวย พี่แกก็ทั้งขยิบตาทั้งสะบัดหัวให้ผมเข้าไป
“เอ่อ...เจ๊”
“โอ๊ย มาสักที นี่รอจนไส้ติ่งจะขะ…อ้าว” เจ๊แคลเงยหน้าขึ้น
“อ่า…” พี่เห็ดยืดตัวตรง สงสัยโดนความน่ารักบีบคอจนพูดอะไรไม่ออก
นี่คือกิจกรรมผันเสียง อ.อ่าง แข่งกันเหรอ
มีพี่ทัชคนเดียวที่ดูไม่เข้าพวก นอกจากไม่ออกเสียง อ.อ่าง แล้ว เขายังดูสุขุมนุ่มลึกไม่มีอาการกระอักกระอ่วนปั่นป่วนแต่อย่างใด
พี่เห็ดแอบเอาศอกถองผมอีก แต่คนที่พูดก่อนคือเจ๊แคล
“พี่เรนจิ นี่มาได้ไงอะ”
“เอ้อ แคล…” เสียงพี่เห็ดขึ้นสูง ดูประหม่าขั้นสุด ชวนให้นึกถึงนักแสดงละครเวทีที่ท่องบทมาไม่ดีพอ “ก็พอดีเดินๆ อยู่แล้วเจอน้องน่ะ ก็เลย...เลย…” พี่แม่งน่าสงสารว่ะ หูแดงแล้วนั่น มือไม้นี่ก็ขยับซะจนกูนึกว่าจะเล่นกลให้เจ๊ดู “นั่นแหละ เดินคุยกันขึ้นมาด้วยกันครับ...ใช่มั้ย นะฑี”
นี่พี่เห็ดพูดคำว่า ‘ครับ’ เหรอ
หูไม่ฝาดใช่มั้ย
“ใช่ซะที่ไหน” ผมตอบชัดถ้อยชัดคำ ตอนนี้กลับเป็นตัวของตัวเองเต็มที่แล้ว “ผมบอกว่านัดเจ๊กินข้าว พอพี่แกรู้ ก็จับผมมัดขู่ว่าจะเคาะรังมดแดงใส่ ถ้าไม่พาแกมาด้วย”
เสียงหายใจพี่ทัชเปลี่ยนจังหวะ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเขาหลุดยิ้มขำ ส่วนพี่เห็ดนี่ถึงกับเบือนหน้าไปทางอื่น หน้าที่แดงอยู่แล้ว ตอนนี้แดงลามมาถึงคอละ ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือว่าเขินกันแน่ แต่คงทั้งสองอย่าง
“พี่เรน” เจ๊แคลตั้งหลักได้แล้วเหมือนกัน เสียงสองมาแล้ว “วันหลังใช้รังปลวกสิ นะฑีชอบกิน”
“อะ...เหรอ โอเคครับ”
“โอ๊ยยย ร้อนนน อย่าเผา ร้อนนน” ผมทำท่ากรีดร้อง เรียกเสียงหัวเราะแกนๆ จากเจ๊แคลกับพี่เห็ดได้นิดหน่อย ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นมา ส่วนพี่ทัชก็เหมือนจะยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากอยู่เหมือนเดิม
“แล้ว…” เจ๊แคลสบตาผม ก่อนจะเหลือบไปด้านข้าง
“ชื่อณทัชครับ” พี่ทัชพูด “เรียกทัชเฉยๆ ก็ได้ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเรนจิ เรียนปีเดียวกัน คณะเดียวกัน พอดีนะฑีลากตัวมาด้วยน่ะ”
“สวัสดีค่ะ ชื่อแคลนะคะ เป็นพี่รหัสนะฑีค่ะ”
“ครับ นะฑีเล่าแล้ว”
“โอ๊ย ร้อนนน” เจ๊แคลแอ๊คติ้งกรีดร้องบ้าง
“เอ้า นี่พี่สองคนเป็นญาติกันเหรอ ไม่เห็นบอกเลย” ผมหันไปมองทั่งคู่ “...แล้วดูไม่คล้ายกันเลยนะ แสดงว่าพี่เห็ดนี่ได้ยีนด้อยของวงศ์ตระกูลมาแน่ๆ”
“นี่มึง…” เกือบจะหลุดโวยวายแล้ว แต่แกยั้งไว้ได้ทันก่อนจะหันไปดัดเสียงสองใส่เจ๊แคลแทน “เมื่อกี้แคลบอกหิวจนไส้จะขาดแล้วใช่มั้ยครับ”
“ฮ่าๆ ก็นิดหน่อยค่ะพี่เรนจิ”
“ถ้างั้น…”
“เข้าไปกันเลยมั้ยคะ”
“หมายความว่า…”
“ก็กินข้าวกันไง หมดนี่เลย หรือว่าจะมีใครมาเพิ่มอีกรึเปล่าคะ”
“ไม่มีแล้วๆ เข้าไปกันเลยครับ” พี่เห็ดกุลีกุจอไปคว้าก้านจับประตูเพื่อจะดึงเปิด
กึก!
เล่นเอาประตูร้านเขาแทบพัง เพราะนี่เป็นประตูแบบเลื่อนจ้า แต่พี่แกดึงซะเกือบเต็มเหนี่ยว ครั้งเดียวไม่พอ ยังดึงๆ ผลักๆ ซ้ำอีกหลายทีกว่าจะเรียนรู้และเข้าใจ ค่อยเลื่อนเปิดได้ในที่สุด ซึ่งถ้าช้ากว่านี้อีกนิดพนักงานคงจะเข้ามาช่วยเปิดทำให้แกหน้าแตกยิ่งกว่าเดิม
“ใครออกแบบวะเนี่ย...มุกนะครับแคล เชิญครับๆ” พี่เห็ดผายมืออย่างสุภาพจนพนักงานยังอาย เจ๊แคลยิ้มพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป พอลับหลังเท่านั้นมือข้างที่ผายอยู่ก็ยกขึ้นปาดเหงื่อ
อยู่ลับหลังนี่เบ่งโคตรๆ คนนี้กูจองๆ แต่พออยู่ต่อหน้าคือ...เอิ่ม นี่มันเด็ก ม.2 รึเปล่า สกิลการจีบสาวคือต่ำสุดๆ อย่าใช้คำว่าไม่เป็นงานเลย เรียกว่าไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยจะดีกว่า คิดเข้าข้างแกหน่อยละกันว่าคงยังประหม่าอยู่
จังหวะที่แกรีบปาดเหงื่ออยู่ ผมกับพี่ทัชก็เดินตามเข้าไป ว่าจะไม่แซวแล้วนะ แต่ใครจะอดใจไหว
“บริการได้สุภาพมากน้อง สามที่นะ มากับผู้หญิงคนที่เดินเข้าไปเมื่อกี้อะ”
เผียะ!
“สัด” หน้าผากสะอาดไปตามระเบียบ “อย่าทำเสียเรื่องนะมึง”
“นี่พี่วิ่งมาราธอนมาเหรอ เหงื่อเยอะขนาดนี้”
“เออ แม่ง”
“ไปห้องน้ำดิ” พี่ทัชตบไหล่เพื่อน ไม่สิ ตบไหล่ลูกพี่ลูกน้อง “ล้างหน้าล้างตาหน่อย”
“เออๆ เดี๋ยวกูมา”
พี่เห็ดแทบจะวิ่งร้อยเมตรออกไป ปล่อยให้ผมกับพี่ทัชเดินชิลล์เข้าไปกับสมทบกับเจ๊แคลที่โต๊ะด้านใน ผ่านไปไม่ถึงสองนาที พี่เห็ดกลับมาพร้อมกับทรงผมที่เซ็ตใหม่ บนหน้าผากแทบจะมีคำว่า ‘กูประหม่าโว้ย’ แปะอยู่จางๆ
“บุ๊ฟเฟ่ต์พรีเมี่ยมสี่ที่ครับ” ผมประกาศทันทีที่พนักงานจะนำเมนูมาแจก “อันนี้คือแพงที่สุดแล้วเนอะ งั้นคอนเฟิร์มเลยครับโผม” เจ๊แคลหันมองหน้า ผมเลยขยายความให้ต่อ “พี่เห็ดเลี้ยง”
“ใช่ พี่เลี้ยงเองแคล” พี่เห็ดยิ้มเกร็งๆ ส่วนเจ๊แคลก็ได้แต่ยิ้มแกนๆ กลับไป
“เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ” พนักงานถาม
“แคล เอาอะไรครับ”
“ชาเขียวเย็นก็ได้ค่ะ”
“ผมเอาด้วย” ผมบอก
พี่เห็ดชี้ไปที่พี่ทัช เจ้าตัวก็พยักหน้าเงียบๆ “งั้นเอาชาเขียวเย็นสามครับ แล้วก็ชาเขียวร้อนหนึ่ง”
“พี่กินชาร้อนเหรอ ทำไมอะ” ผมพูดกับพี่เห็ด “อยากทำตัวแตกต่าง ไรงี้”
“กูไม่ได้กิน ไอ้ทัชโน่น มันไม่กินน้ำแข็ง”
“เอ้า เหรอ” ผมหันไปหาพี่ทัช “ทำไมอะ”
เขายักไหล่ “กินแบบนี้มานานแล้ว”
“ทำไมไม่กินน้ำแข็ง”
“ไม่ชอบ”
“งั้นผมเปลี่ยน เป็นชาร้อนด้วย”
“จะลอกทำไม”
“ใครบอกลอก นี่คิดเองสดๆ วิถีของฮิปเตอร์เลย กินชาร้อน”
“ได้ค่ะ ชาร้อนสอง ชาเย็นสอง” พนักงานพูดพลางติ๊กเมนูในเครื่องบนฝ่ามือ “สั่งอาหารได้เลยนะคะ แบบพรีเมี่ยมคือสั่งได้ทุกอย่าง ตามเมนูหน้านี้เลย”
เราเลยสั่งอาหารกันอย่าง...ผู้ดี๊ผู้ดี แต่ละคนสั่งมาดมเหรอ มีผมคนเดียวที่สั่งจัดหนักจัดเต็มเหมือนปอบลง แบบว่า...เนื้อมันนุ่ม มันแน่น มัน...โอ๊ย น้อง! เอาเนื้อมาเยอะๆ
ประมาณห้านาทีผ่านไป
“นี่ครับ แคล เห็ดออรินจิ” พี่เห็ดบริหารตักเห็ดให้เจ๊แกประมาณสองแสนชิ้นได้แล้วมั้ง ตักไปกองหมักหมมกันจนแทบล้นถ้วยแล้ว
“ขะ...ขอบคุณค่ะพี่ แต่ยังกินไม่หมดเลย เอาไว้ก่อน เอ้อ แคลอยากรู้เรื่องนึง...ทำไมนะฑีเรียกพี่เรนจิว่า…”
“พี่เห็ด” สงสัยเจ๊แกจะเกรงใจ ผมเลยพูดต่อให้แทน
“อื้อ ทำไมอะ”
“หน้าพี่เขาเหมือนเห็ดอะ หน้าตลกๆ ไม่เห็นเหรอ”
“อะแฮ่ม” เจ้าตัวกระแอมเหมือนมีอะไรติดคอ “นะฑีบอกชื่อพี่คล้ายๆ เห็ดออรินจิน่ะ เลยเรียกแบบนี้”
“อ้อ” เจ๊แคลมองหน้าผม หน้าตาเหมือนซีเรียสแต่ผมดูออกว่าแกก็แอบอมยิ้มอยู่ “ไปเรียกพี่เขางี้ได้ไง นิสัย”
“ไม่เป็นไรๆ ไม่โกรธครับ”
“พี่เห็ดๆๆ” ผมเรียกซ้ำๆ “เห็นมะ พี่เขาไม่โกรธ ชอบให้เรียกด้วยเหอะ ชื่อเหมือนเห็ดที่เจ๊ชอบกินด้วยนะเนี่ย” ชงไปงี้พี่เห็ดถึงกับยิ้มหน้าบาน
“หืม?”
“เห็ดออรินจิไง ที่เจ๊ชอบกิน”
“ใครบอกว่าชอบ”
เดดแอร์ไปสองวินาทีเต็มๆ
นี่เจ๊ไม่รู้ตัวเหรอว่าชอบกิน ชอบดิ เจ๊ต้องชอบ!
“แคล...ไม่ได้ชอบเห็ดออรินจิเหรอครับ” พี่เห็ดถามเสียงเจื่อนๆ
เจ๊แคลก็ยิ้มเจื่อนพอกัน แค่นั้นไม่พอ ยังเอาตะเกียบจิ้มๆ เห็ดในถ้วยตรงหน้าคล้ายกับจะดูพะอืดพะอม “ก็...เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยอะค่ะ มันเหนียว ชอบเห็ดเข็มทองมากกว่า นิ่มดี”
เจ๊ไม่รับมุก
กูซวยละ
ทนๆ กินไปหน่อยก็ไม่ได้นะเจ๊ ก็ตอนนั้นมันนึกอะไรไม่ออกอะ
“แล้วแคลชอบกินปูผัดผงกะหรี่มั้ย”
“ไม่ค่ะ”
“ทับทิมกรอบล่ะ”
“ที่พูดมานี่ของชอบนะฑีหมดเลยนะคะ”
กูตายละ ใครจะมางานศพไม่ต้องสวมชุดดำก็ได้นะ ไม่ซีเรียส ไม่ต้องขอดูหน้าศพเป็นครั้งสุดท้ายด้วย เอาแค่รู้ว่าผมโดนกระทืบจนหน้าเละก็พอ
จากเมื่อกี้ที่ยิ้มหน้าบาน ตอนนี้รอยยิ้มพี่เห็ดเปลี่ยนเป็นยิ้มเหี้ยมเกรียมแล้ว “น้องครับ น้อง...ขอสั่งเห็ดเข็มทองเพิ่ม…”
“พี่ ไม่เป็นไรๆ” เจ๊แคลรีบเบรก “ที่มีอยู่ก็ยังไม่หมดเลย เอาไว้ก่อนก็ได้”
เดดแอร์กันไปอีกรอบ แล้วเห็ดออรินจิประมาณสองกิโลที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในหม้อนี่ใครจะกินวะ ผมไม่กินนะ ผมสายเนื้อ
แล้วระหว่างที่ยังนั่งอึนกันอยู่นั้น สายตาทุกคู่ก็มองตามนิ้วพลาสเตอร์ที่เอื้อมมาโกยเห็ดออรินจิออกจากหม้อไปใส่ถ้วยตัวเอง สายตาที่พี่เขามองเห็ดในถ้วยบวกกับรอยยิ้มน้อยๆ นั่น แทบจะดูเหมือนกำลังปลอบประโลมพวกมัน
พระเอกขี่ม้าขาวชัดๆ
“พี่ชอบกินเหรอ” ผมถาม
“ก็ในหม้อมีอันนี้ ก็กินอันนี้แหละ” เขาตอบหน้าตาย แล้วคีบกินด้วยมาดคุณชาย
“ขอโทษนะคะ แล้วมือพี่ทัชเป็นอะไรเหรอคะ เห็นติดพลาสเตอร์ทุกนิ้วเลย” นั่นไง ในที่สุดเจ๊แกก็ถามจนได้ หลังจากเห็นเหลือบๆ อยู่หลายที
“อ้อ ไม่เป็นไรครับ ชอบติดเฉยๆ”
เป็นคำตอบที่คนถามไม่รู้จะไปยังไงต่อ ผมเลยลองแหย่ไปดอกนึง
“น้ำร้อนลวกรึเปล่า”
“เปล่า แค่ชอบติด” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงยังเรียบนิ่ง ราวกับว่าเขาตอบคำถามนี้มาเป็นพันๆ ครั้งแล้ว ซึ่งใครจะถามซอกแซกหรือวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้ล่ะ ถึงมันจะดูแปลกๆ ก็เถอะ แต่ถ้าคนเราบอกว่า ชอบ มันก็คือจบแล้ว
“พี่บ้าปะ” ผมแหย่ไปอีกดอก “คนดีๆ ที่ไหนจะเอาพลาสเตอร์มาติดนิ้วเล่น ถ้าไม่ได้เป็นแผลอะไร”
“คนดีๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้แหละ กินไป อย่าพูดเยอะ”
ดูตอบเข้า หมั่นไส้โว้ย!
“จะพูดอะ อยากพูด”
“นี่รู้จักกันนานแล้วเหรอ ดูสนิทกันจัง” เจ๊แคลขัดขึ้น
“ไม่นานครับ เรนจิพานะฑีมาแนะนำให้รู้จัก” พี่ทัชตอบ
“พี่เรนจิรู้จักนะฑีได้ไงคะ”
“ก็…นั่นสิ โลกกลมเนอะ” พี่เห็ดตอบอ้อมแอ้ม ยกน้ำชาขึ้นจิบ “เดินอยู่ดีๆ ก็มารู้จักกันเฉยเลย”
“เดินอยู่ดีๆ ซะที่ไหน ผมกำลังจะเข้าห้องน้ำ แต่พี่ลากผมไปตบไม่ใช่เหรอ” พี่เห็ดหน้าเหวอไปเลย ก็พี่ทัชบอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรโกหกกันอะ ผมก็เลยพูดความจริงไง “พี่เห็ดคิดว่าผมเป็นแฟนเจ๊อะ”
เจ๊แคลสำลักเบาๆ แบบผู้ดี ถือว่ายังรักษาภาพลักษณ์ได้ดี ถ้าอยู่กับผมสองคนแกอาจจะพรวดออกมาแรงๆ จนวุ้นเส้นโผล่ทางจมูกก็ได้ “นะฑีเนี่ยนะ แฟน”
“นั่นดิเจ๊ ตาถั่วเนอะ”
“หมายถึงคนที่จะมาเป็นแฟนแกในอนาคตอะเหรอ ตาถั่ว?” เจ๊แคลพูดยิ้มๆ
พี่ทัชกระแอมเล็กน้อยก่อนจะหยิบชาร้อนขึ้นจิบ ผมเห็นแบบนั้นก็จิบตามบ้าง...เวรกรรม กูสั่งชาร้อนทำไมวะ อากาศเมืองไทยยังร้อนไม่พอเหรอ น้ำซุปชาบูก็ลวกลิ้นจะตายห่าอยู่แล้ว ยังสั่งชาร้อนมาทรมานตัวเองอีก
“ก็ทิ้งไว้สักพักก่อน ค่อยกิน” พี่ทัชคงเห็นผมทำหน้าเบ้เลยหันมาบอกเรียบๆ
ผมวางถ้วยชาลง แล้วหันไปพูดต่อ “หมายถึงพี่เห็ดต่างหากที่ตาถั่ว แค่นี้ก็มองไม่ออกว่าเป็นไรกัน แต่พี่แกลากผมไปตบจริงๆ นะเจ๊ โคตรเถื่อน”
“ก็พูดเกินไป” พี่เห็ดพูดขำๆ
“ทั้งตบทั้งเตะ ถ้าตอนนั้นมีปืน ผมคงตายไปแล้ว หัวร้อนสุดๆ”
“พูดเกินไปแล้ว” ยังขำๆ อยู่ แต่เสียงเข้มขึ้นเยอะ
“นี่ผมยังนึกเลยนะ ถ้าเจ๊เป็นแฟนพี่แก วันดีคืนดีต้องได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ”
“โอ๊ย ร้อนๆๆ โดนเผา” พี่เห็ดทำท่ากรีดร้อง เจ๊แคลที่กำลังยิ้มขำๆ อยู่ถึงกับหัวเราะพรวด โอเค มุกนี้ถือว่าพอเอาตัวรอดไปได้
“ยังไง นี่แกเปลี่ยนจากน้องรหัสเป็นพ่อสื่อแล้วเหรอ ฮึ” เจ๊แคลย่นจมูกใส่ผม
“ก็ไม่ได้อยากเป็นอะ โดนบังคับ พี่เห็ดบอกว่าถ้าไม่ช่วยจีบเจ๊จะทรมานลูกแมวผม แล้วก็จะเอาเงินฟาดหัวผมด้วย ดีนะที่ผมมีจรรยาบรรณพอไม่เห็นแก่เงิน”
“มั่วแล้วมึง”
“น่ะๆ หัวร้อน”
“นี่กูใจเย็นอยู่”
“เย็นทำไมเสียงเข้ม ขึ้นกูขึ้นมึง”
“พี่นี่ใจเย็นสุดๆ แล้วครับน้องนะฑี”
“เขย่าขาทำไม อยากเตะเหรอ”
“เปล่า แค่คันๆ ตะ...เอ๊ย เท้า”
“พี่ตบผมจริงปะล่ะ”
“แค่หยอกๆ น่า”
“ตบจริงเหอะ ไม่เชื่อถามพี่ทัชดู ใช้นิ้วพี่ทัชแตะทั้งตัวผมเลยก็ได้…”
“มึง หยุดๆๆ” พี่เห็ดลดเสียงต่ำ
“...แตะทั้งสิบนิ้วเลย แบบนี้ผมไม่มีทางโกหกได้แน่นอน…”
“หยุด!”
อุ๊บ!
สีหน้าและน้ำเสียงพี่เห็ดทำให้ผมชะงัก เวรละ นี่ผมพูดอะไรเกี่ยวกับพลังพี่ทัชไปหรือเปล่า พี่ทัชและพี่เห็ดต่างชะงักไปตามๆ กัน โดยเฉพาะพี่เห็ดนี่ถึงกับหน้าถอดสี
เจ๊แคลมองหน้าเราสลับไปมา ก่อนจะยื่นหน้านิดๆ มองไปที่นิ้วพลาสเตอร์ของพี่ทัช “ยังไงนะ ถ้าพี่ทัชใช้นิ้วแตะ แล้วจะโกหกไม่ได้?”
ซวยแล้วๆๆๆ
ผมนั่งตัวเกร็ง ค่อยๆ เหลือบตาไปทางพี่ทัช นึกว่าเขาจะซ่อนมือไว้ใต้โต๊ะนั่งเงียบๆ หรือไม่ก็ลุกขึ้นเดินหนีไปเลย แต่กลับเป็นตรงกันข้าม
“ใช่ครับ” พี่ทัชยิ้มพร้อมกับกางนิ้วให้ดู “พี่มีพลังเหมือนเอ็กซ์เมนน่ะ” __________________________
นะฑี! 5 5 5 5 + แง สงสารพี่ณทัชชชช
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่มาอ่านกัน
อ่านแล้วเป็นยังไงบ้างคะ ชอบไม่ชอบบอกกันได้ตลอดเลยนะคะ > <
ยักๆ เยิฟๆ เจอกันตอนต่อไปฮะ <3
นางร้าย
09.06.2019