ตอนที่29
หลังจากนั้นท่านเอเทมก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรนายทหารต่อ เขาเดินนำออกมาจากกระท่อมด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึก ทว่าการที่เขาแสดงสีหน้าเช่นนี้ผมกลับมองว่าเขากำลังซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ แถมเป็นความรู้สึกที่รุนแรงมากเสียด้วย
“โรคนี้รักษาไม่หายจริงหรือ”ขณะที่เราสองคนเดินฝ่าลมหนาวเพื่อกลับหมู่บ้านซึ่งใช้เป็นฐานที่ตั้งผมก็ออกปากถาม“ได้ยินว่ามันเป็นคำสาป ถ้ายารักษาไม่ได้ก็น่าจะมีเวทถอนคำสาปสิ”
“เวทอาญาไพร”ยามเปล่งคำนี้ออกมาสีหน้าของท่านเอเทมเครียดเขม็งขึ้นสามส่วน
“ในเมื่อมี...ทำไมไม่ใช้ หรือมันเป็นศาสตร์ต้องห้าม”ผมลองเลียบ ๆเคียง ๆถามดู
“อาญาไพรเป็นเวทถอนคำสาป นับเป็นศาสตร์ดี แต่การจะฝึกอาญาไพรจำจะต้องใช้ศาสตร์ต้องห้ามเป็นก่อนหลายบท”
“อ้อ...”ผมอยู่ที่โลกเวทมนต์มานานพอจะรู้วิธีการร่ำเรียนเวทมนต์บ้าง
นอกจากเวทพื้นฐานของพื้นฐานแล้ว พวกเวทที่ซับซ้อนขึ้นไปจำเป็นต้องใช้เวทพื้นฐานเป็นก่อนจึงจะฝึกได้
อย่างเช่นถ้าเราจะเรียนถอนสแควร์รูทเราต้องเรียนบวกลบคูณหารก่อน ถ้าเราจะเรียนภาษาญี่ปุ่นเราต้องเริ่มจากคัดฮิรากานะ ดังนั้นก่อนจะเรียนเวทอาญาไพรซึ่งเป็นเวทชั้นสูงเราจำต้องเรียนเวทบางบทก่อน และบังเอิญว่าเวทบางบทดังกล่าวดันเป็นศาสตร์ต้องห้าม
“ดาร์กลอร์ดใช้เป็นไหม อาญาไพรเนี่ย”ผมถามต่อ
ไม่แน่ว่าดาร์กลอร์ดอาจจะเรียนเวทพื้นฐานของอาญาไพรครบทุกบทแล้ว ผมก็แค่ข้ามขั้นตอนไปฝึกเวทอาญาไพรเสียเลย แบบนี้ก็แปลว่านายทหารคนนั้นกับพวกชาวบ้านอีกสามร้อยหลังคาเรือนยังมีโอกาสรอดชีวิต
ผมค่อนข้างภูมิใจกับไอเดียนี้
ทว่า
เพี๊ยะ!
ใบหน้าของผมหันตามแรงฝ่ามือที่ฟาดลงมาอย่างแรง ชั่วขณะนั้นผมรู้สึกหูอื้อตาพร่า แก้มชาไร้ความรู้สึก ก่อนจะได้สติเมื่อหยดเลือดพรั่งพรูออกมาจากจมูก
ผมค่อย ๆหันหน้าไปมองท่านเอเทมอย่างตระหนก ฝ่ามือของเขายังค้างอยู่ในท่าเงื้อเตรียมฟาดซ้ำทันทีที่ผมยังกล้าเอ่ยอะไรพล่อย ๆ
เขาฟาดหน้าผมจนฟันโยก!
ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงรีบเอามือกุมแก้มและถอยออกมาสองสามก้าว”ท่าน ใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้บอกว่าจะใช้ศาสตร์มืดเสียหน่อย ข้าจะข้ามไปเรียนอาญาไพรเลยต่างหาก มันเป็นเวทดีไม่ใช่เหรอ หรือว่าท่านจะปล่อยให้พวกเขาตาย คนเป็นพันเลยนะ!”
ผมไม่ใช่คนมีน้ำใจนัก แต่ในเมื่อผมอาจจะช่วยได้ผมก็อยากช่วย
ท่านเอเทมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ผมคิดว่าเขาใจเย็นลงแล้วจึงเผยรอยยิ้มออกมา ใครเล่าจะคิดว่าฝ่ามือที่เงื้ออยู่จะฟาดลงมาอีกรอบ
“ห้ามพูดถึงเวทบทนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!!”
“...!?”
ผมตะลึงลานในขณะที่ท่านเอเทมหันหน้าเดินลิ่วไปโดยไม่รีรอให้ผมรวบรวมสติ แก้มทั้งสองของผมบวมแดงเป็นตูดลิงทว่าอะไรไม่รู้ดลใจให้ผมวิ่งถลาเข้าไปคว้าชายเสื้อของท่านเอเทมเอาไว้ เขาหันมามองหน้ามาด้วยสายตาเย็นเยียบข่มขู่ให้ผมอยู่สงบเสงี่ยม
แต่ผมเจ็บจนหน้าชาไปแล้วจึงไม่รู้ร้อนรู้หนาว”ยังไงหลังจบคดีนี้ข้าก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนในฐานะผู้ใช้ศาสตร์มืดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ต่อให้ใช้อาญาไพรรักษาคนยังไงโทษมันก็หนักไปกว่าเดิมไปไม่ได้แล้ว ที่สำคัญข้าก็ไม่ได้ละเมิดสัญญาที่ให้ไว้กับท่าน! อาญาไพรไม่ใช่ศาสตร์มืด!!”
ผมตะโกนเถียงออกไป เตรียมหลับตารอรับแรงฟาดอีกรอบ ทว่าท่านเอเทมกลับเงียบไปเนิ่นนาน
“อ๊ะ...”และแล้วอัศวินผู้นี้ก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด
เขาลากผมเข้าไปกอดไว้แน่น
“ข้าสูญเสียน้องสาวกับน้องชายไปเพราะเวทสองบทนี้”
“...”
“เจ้า...อย่าเลือกเดินเส้นทางนี้เป็นอันขาด”
“...”
“ตอบข้ามาเร็วว่าได้”
“ท่าน...ฮะ ๆ แบบนี้มันเรียกว่าบังคับแล้วนะ”ผมหรือจะทนการคะยั้นคะยอคราวนี้ไหว แค่เขาลากผมเข้าไปกอดผมก็ใจอ่อนยวบแล้ว ยิ่งโดนกระซิบเสียงอ้อนข้างหูแบบนี้บอกเลยว่ามีกี่ชีวิตก็ไม่พอ
หมายถึงพวกชาวบ้านที่โดนสาปน่ะนะ มีกี่ชีวิตก็ตายเกลี้ยงอะเพราะผมไม่คิดจะใช้อาญาไพรอะไรนั่นแล้ว
ผมตบแผ่นหลังกว้างที่ดูจะเหี่ยวลงหน่อย ๆของเขาก่อนเอ่ยกระเซ้า”ท่านนับข้าเทียบเท่าคนในครอบครัวแล้วหรือ”
พวกเรายืนกอดกันเช่นนี้ท่ามกลางลมหนาว นับว่าอุ่นขึ้นกว่าเดิมนักผมจึงไม่รับเกียจอ้อมกอดนี้สักนิด ปล่อยให้เขากอดผมเอาไว้หลวม ๆ ท่านเอเทมก็ดูใจเย็นลงแล้ว เขายกมือขึ้นมาลูบหลังผมและกล่าวคำว่า”อืม”ในลำคอเบา ๆ
“หูยยย แบบนี้ท่านยกให้ข้าอยู่ในตำแหน่งไหนล่ะ น้องชายคนที่สองเหรอ หรือว่าในที่สุดก็ยอมยกตำแหน่งเมียให้ข้าแล้ว”ผมหัวเราะร่วน
“อีกไม่นานก็ต้องจากกันแล้วเจ้ายังคิดจะสมรสกับข้าอีกหรือ”ท่านเอเทมกระซิบถามข้างหู ร่างกายของพวกเรายังแนบชิดกันแม้เขาเอ่ยเพียงเบา ๆแต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงแววหยอกเย้าในน้ำเสียงอย่างชัดเจน
“พูดตามตรง...ข้าไม่อยากโดนตามจับ แม้ชาตินี้ไม่อาจกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ อย่างน้อยข้าก็ปารถนาจะใช้ชีวิตร่วมกับท่าน ข้าเองก็แอบนับท่านเป็นคนในครอบครัวคนนึงเช่นกัน วันนี้ได้ยินท่านพูดออกมาเอง ฮึก...ดีใจน้ำตาไหลเลย ฮือ ๆ”จู่ ๆน้ำตาก็พาลไหลออกมาซะงั้น แต่ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันเศร้าเกินก็เลยพยามส่งเสียงร้องฮือ ๆกะให้ฟังดูตลก
แต่ท่านเอเทมไม่ได้ขำ เขาทำเพียงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด และกอดผมไว้แบบนั้นนานขึ้นอีกหน่อย
นานจนพอใจแล้วเขาจึงผละออก แต่คราวนี้ไม่ได้เอาแต่เดินจ้ำไปข้างหน้าทิ้งผมไว้เบื้องหลัง มือหนาเลื่อนมากุมมือของผมไว้ การกระทำของเขาชวนให้ผมประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อพินิจใบหน้าของเขาดี ๆก็พบว่าท่านเอเทมกำลังจมดิ่งอยู่ในความรู้สึกอยากจะอธิบาย ดังนั้นการที่เขาจับมือผมไว้แบบนี้อาจไม่ใช่เพื่อแสดงความรักใคร่ต่อผมเพียงอย่างเดียว
เขาเองก็อาจจะต้องการความรักจากผมอยู่เช่นกัน
หวังว่าผมจะไม่คิดไปเองหรอกนะ
หมับ!
ผมเปลี่ยนเป็นกอดแขนของอีกฝ่ายแน่น ฉีกยิ้มแป้นทั้ง ๆที่แก้มบวมเปล่ง
“ขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อให้จะจากกันไกล ไกลจนข้ามมิติแต่พวกเราก็ยังผูกพันกันด้วยวิญญาณ ท่านอย่าลืมสิว่าท่านชิงจูบแรกของข้าไปเพื่อร่ายเวทอะไร ฮะ ๆ ดังนั้นหากท่านอยากพบข้าเมื่อไหร่ย่อมแอบโดดงานมาหาได้เสมอ”ต่อให้ผมกับมันตี้หนีเข้าไปในโรมานอสซาร์แล้วแต่ผมก็อยากให้เขาแวะมาเยี่ยมกันบ้าง เขาต้องหาผมเจอแน่นอนเพราะวิญญาณของพวกเราผูกกันไว้แล้ว
“...การันต์”
“หืม”ผมเอียงคอช้อนตามองอีกฝ่ายใสแจ๋ว
เขาสบตากับผมชั่วครู่ก่อนผุดรอยยิ้มจาง ๆออกมา”ถ้าหากเขาเป็นผู้ชายไม่คิดอะไรมากเช่นเจ้าก็คงดี”
“เขาที่ว่าคือใครหรือ”
“ดาร์กลอร์ด”
“ท่าน...เอาข้าไปเปรียบกับอะไรน่ะ!!”ผมเถียงเสียงหลง
“ข้าดีใจที่เจ้าไม่เหมือนเขา หลังจากนี้จงเป็นเจ้าคนเดิมคนนี้ไม่ว่าจะพบเจอกับสิ่งใด”
“อืม”
“เมื่อภารกิจนี้สิ้นสุด ข้าจะ...”
...
ข้าจะอะไร?
สิ้นคำนั้นท่านเอเทมก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก ไม่ว่าผมจะถามหรือคะยั้นคะยอขนาดไหนกลับไม่สามารถง้างปากให้เขาคายคำพูดออกมาไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกกระวนกระวายอย่างยิ่ง
เมื่อกลับมาท่านเอเทมก็เรียกอัศวินจากทุกคนเข้าประชุมเพลิง ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าหลายคนไม่อยากโดนส่งเข้าไปในทุ่งซินเซียน ทว่าท่านเอเทมก็ออกคำสั่งเด็ดขาดตัดสินใจส่งลันเทียกับฌองและผู้ติดตามอีกห้าสิบคนเข้าไป โดยจะแบ่งเป็นสองกลุ่มปูพรมหา
ท่ามกลางความกลัวผสมความไม่พอใจกลับมีอัศวินคนหนึ่งตะโกนแทรกขึ้นมาว่าทำไมท่านเอเทมไม่ไปด้วย
ความจริงผมก็แอบคิดนะว่าทำไมท่านเอเทมถึงไม่ยอมไป ทว่ากลับเป็นลันเทียที่ไม่อยากไปเหมือนกันกระโดดออกมาขวางกระแสน้ำอันเชี่ยวกราด ร่างบางกางปีกปกป้องท่านเอเทมสุดชีวิต สร้างความแปลกใจกับผมเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากเลิกประชุมแล้วผมยังไม่หายสงสัยจึงไปถามลันเทียโดยตรงว่าทำไมเจ้าตัวถึงยอมเข้าไปสำรวจทุ่งซินเซียนแถมยังไม่คิดขอให้ท่านเอเทมนำทัพเข้าไปอีกต่างหาก ทว่าลันเทียคนที่ไม่เคยมีความลับอะไรกับผมกลับทำหน้าอึกอัก ๆ บ่ายเบี่ยงไปโน่นทีนี่ทีสุดท้ายจนเข้านอนก็ไม่ได้คำตอบ
ผมทิ้งตัวลงนอนด้วยเครื่องหมายคำถามเต็มหัว
เมื่อต่อมเผือกถูกกระตุ้นแล้วก็ยากที่จะสงบลง
“ไปถามอีกรอบแล้วกัน”ผมตัดสินใจเสือกให้ถึงที่สุด เลือกที่จะสวมชุดคลุมเดินออกจากห้องไปหาลัยเทียซึ่งพักอยู่ในเรือนหลังถัดไป
ทว่าระหว่างทางผมกลับเจอลันเทียเข้าเสียก่อน ร่างบางกำลังเดินย่องอยู่ที่สวนด้านหลัง ผมเห็นว่าประหลาดจึงตัดสินใจย่องตามไป ผมเชี่ยวชาญเวทจำพวกบาทาไร้เสียงอะไรทำนองนี้มากเพราะตั้งใจเรียกไว้ใช้หลบหนียามฉุกเฉิน ใครเล่าจะคิดว่ามันถูกงัดออกมาใช้งานจริงครั้งแรกเพื่อตามเสือก
และแล้วผมก็มองเห็นว่าลันเทียกำลังย่องตามใครอยู่
คนคนนั้นคือท่านเอเทม
แล้วลันเทียแอบย่องตามท่านเอเทมเพื่ออะไร ในใจของผมผุดคำถามมากมายมาสิ้นสุด
ท่านเอเทมก็ดูเหมือนจะเหม่อจนไม่ทันสังเกตว่าด้านหลังมีคนแอบย่องตามมาเป็นทอด ๆ
ถ้าจะให้พูดก็คือคนที่แปลกที่สุดก็ท่านเอเทมนั่นแหละ ดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้จู่ ๆก็ครึ้มอกครึ้มใจลุกออกมาเดินฝ่าพายุหิมะเล่นทำเพื่ออะไร
เนื่องจากทัศนวิสัยตอนกลางคืนแย่มากผมจึงต้องเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการตามสองคนข้างหน้า โดยไม่ได้ดูทางเลยว่ากำลังเดินห่างออกมาจากเขตหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ
----------------------------------
ไม่ดราม่านะคะ ท่านเอเทมกับยัยน้องจะไม่มีวันพรัดพรากจากกัน 555555555
#พิชิตใจท่านเอเทม