┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข== END  (อ่าน 58617 ครั้ง)

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.3]=[P.2]==[23/10/18]
«ตอบ #60 เมื่อ25-10-2018 17:58:49 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.3]=[P.2]==[23/10/18]
«ตอบ #61 เมื่อ26-10-2018 01:35:11 »

เป็นลูกแกะที่ทั้งน่ารักแล้วก็เข้มแข็งดีจังเลยน้าาา ชอบที่น้องมองโลกตามความเป็นจริง ยอมรับเรื้องต่างๆได้ง่าย ชอบการทำใจว่าเออ ถ้าจะรักกับคนนี้ต้องทิ้งอะไรหลายๆอย่างนะ เนี่ยย ชอบตอนที่กำลังค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน มันดีมากเลยย  o13

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.3]=[P.2]==[23/10/18]
«ตอบ #62 เมื่อ26-10-2018 20:44:39 »

ลูกแกะน่ารักจัง เหมือนจะอ่อนแอแต่ไม่ใช่ ใครอยู่ด้วยก็เอ็นดู :กอด1:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.3]=[P.2]==[23/10/18]
«ตอบ #63 เมื่อ07-11-2018 19:28:28 »

-4-


“หลังลูกแกะสอบเสร็จ เราไปหาพี่ชายของนายกันไหม”

“คุณหมายถึงพี่จักรเหรอ” ประมุขผุดลุกขึ้นนั่ง หลังนอนเปื่อยอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาข้างคนที่เอาแต่ทำงานมาหลายชั่วโมง ชื่อของพี่ชายที่ไม่ได้ไปเยี่ยมมาหลายเดือนเรียกความสนใจได้ชะงัก จนเขาเกือบจะโยนหนังสืออ่านสอบทิ้งทั้งที่เพิ่งกราบไหว้ไปเมื่อไม่ถึงสิบนาทีที่แล้ว

“ใช่”

“ไปครับไป เต้เพิ่งทักมาคุยเรื่องนี้เหมือนกัน เห็นว่าพี่จักรเริ่มดีขึ้นแล้ว”

ตอนที่ได้โทรคุยกับพี่คนรองแล้วรู้เรื่องที่พี่จักรอาการดีขึ้น เขาดีใจขนาดไหนคงอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ยาก แม้แต่ฮ่องเต้ที่เก็บอาการได้ดีกว่ายังแสดงออกมาทางน้ำเสียงอย่างชัดเจน หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักก็ตกลงกันว่าช่วงปิดเทอมจะไปเหนือด้วยกัน แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาแน่นอนอะไร เพราะพี่คนรองของเขาต้องพูดคุยกับคนรักที่อยู่คนละประเทศก่อนด้วย

“แล้วต้องนัดกับครอบครัวหรือเปล่า”

“นัดครับ เห็นเต้บอกว่าพ่อก็จะไปเยี่ยมพี่จักรด้วยเหมือนกัน” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง แค่คิดถึงตอนที่จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันก็มีความสุขแล้ว “แต่คงต้องดูอีกทีว่าจะเจอกันได้ช่วงไหน เต้ปิดเทอมหลังผมด้วย”

“งั้นพอลูกแกะปิดเทอม เราไปเที่ยวที่นั่นรอกันก่อน ถึงเวลานัดเมื่อไหร่ค่อยไปหาพี่ชายดีไหม”

เพียงแค่ได้ยินคำว่าเที่ยว ลูกแกะตัวน้อยผู้ใช้ชีวิตผูกติดอยู่กับตัวเมืองมานานก็ตื่นเต้นจนตาวาว พยักหน้าหงึกหงักอย่างแรงทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ทำเอาคนมองเกือบไปไม่เป็น ต้องรั้งตัวเองเอาไว้ไม่ให้ตรงเข้าไปฟัดตามใจอยาก ที่เคยดูจากรูปว่าน่ามันเขี้ยวแล้ว พอมาอยู่ด้วยจริงๆ แบบนี้น่าบีบกว่าเดิมอีกเป็นร้อยเท่า

“เกรย์...”

ครืด

ดวงตาสองคู่เบนไปมองโทรศัพท์ที่สั่นขัดจังหวะบนโต๊ะพร้อมกัน และแน่นอนว่าต่างฝ่ายต่างเมินมันโดยสิ้นเชิง เมื่อเวลานี้คนตรงหน้าคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรให้ความสนใจ

“ว่าไง”

“ผม…”

ครืด

“ทำหน้าแบบนี้มีอะไรจะถามสินะ”

“ครับ คือว่า...”

ครืด ครืด ครืด ครืด

“เหมือนจะได้กลิ่นไหม้หรือเปล่านะ” เกรย์ถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นลูกแกะทำตาโต

“ผมต้มขาหมูทิ้งไว้!” พูดจบพ่อครัวตัวน้อยที่บอกว่าจะทำอาหารให้เขาชิมก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ครัวด้วยความว่องไว

เกรย์มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายไปจนสุดสายตา เมื่อมั่นใจว่าลูกแกะจะไม่ออกมาในเร็วๆ นี้จึงหุบยิ้มลง มือเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์เจ้าปัญหาของคนสำคัญขึ้นมาดู ก่อนดวงตาคมจะหรี่ลงเล็กน้อยยามเห็นการแจ้งเตือนของโปรแกรมโซเชียลมีเดียที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ

เขากดปลดล็อกโทรศัพท์ของประมุขด้วยความรวดเร็ว กวาดตามองตัวอักษรภาษาไทยที่ทักมาทางข้อความด้วยความตั้งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่เข้าใจ เนื่องจากศึกษามาเพียงภาษาพูด แต่แค่ได้เห็นว่าคนที่ทักมากดหัวใจให้รูปของลูกแกะรัวๆ เขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าข้อความที่ส่งมาน่าจะเกี่ยวกับอะไร

เสน่ห์แรงจริงๆ...

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดคำสั่งปลดล็อกประตูห้องเป็นลำดับแรก จากนั้นก็กดส่งข้อความไปหาคนสนิทที่เฝ้าอยู่ด้านนอก เพียงครู่เดียวเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับที่การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน

“นายครับ”

“สรุปเจตนาเจ้าของข้อความพวกนี้ในหนึ่งประโยค” คำสั่งราบเรียบดังขึ้นพร้อมกันกับที่โทรศัพท์ของลูกแกะน้อยถูกยื่นไปให้บอดี้การ์ดหนุ่มผู้ควบตำแหน่งล่ามส่วนตัวซึ่งพูดได้มากถึงหกภาษา

ปีเตอร์กวาดตามองหน้าจอวูบเดียวก็กลับไปยืนตัวตรง ใบหน้ายังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ตามประสามืออาชีพ ทว่าหากพูดถึงความรู้สึกในใจ หากเลือกวิ่งหนีไปได้เขาคงวิ่งหนีไปนานแล้ว

“เจตนาต้องการทำความรู้จักแบบไม่บริสุทธิ์ใจครับ”

“อืม” ผู้เป็นนายยังคงไม่คลายรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตา หลังจากใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ก็ส่งโทรศัพท์ไปให้ล่ามคนสนิทอีกครั้ง “ตอนนี้ฉันอารมณ์ดี ส่งข้อความเตือนไปหน่อยแล้วกัน”

“ระดับไหนดีครับนาย”

“ชวนคุยไปก่อนแล้วค่อยเตือนเบาๆ ว่าเขาเป็นคนของใคร อย่าลืมส่งสัญลักษณ์นี่ไปด้วย” เขาก้มลงขีดเขียนสัญลักษณ์ที่ว่าในไอแพด ก่อนจะหันจอไปให้ปีเตอร์ดู

“ได้ครับ”

“เร่งมือหน่อยแล้วกัน ลูกแกะใกล้จะออกมาแล้ว”

ล่ามหนุ่มรีบลงมือปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด โดยไม่ลืมใส่สัญลักษณ์ที่เขาไม่แน่ใจว่าคืออะไร แต่กลับทำให้ขนลุกโดยใช่เหตุลงไปในประโยคสุดท้าย

^_^ สัญลักษณ์นี่...

^_____^ หรืออันนี้

ทั้งที่เหมือนจะดีแต่ทำไมมองว่าดีไม่ได้เลยนะ...

“นายครับ สัญลักษณ์พวกนี้มันหมายถึงอะไรเหรอครับ” ท้ายที่สุดล่ามหนุ่มก็ทนไม่ไหว ต้องหันไปถามนายด้วยความอยากรู้ส่วนตัว โชคดีที่หน้าที่หลักของเขาคือการทำงานด้านเอกสารมากกว่าไปบู๊แบบการ์ดคนอื่นๆ ถ้าไม่ใช่เวลาจำเป็นจริงๆ ก็ไม่ต้องรักษามาดอะไรมากนัก

“หน้ายิ้มน่ะ เหมือนฉันที่กำลังยิ้มอยู่นี่ไง”

“…” คนฟังก้มหัวให้เจ้านายหนึ่งครั้งโดยไม่แสดงสีหน้า หากขาที่ก้าวถอยหลังเดินออกไปตามทางเดิมอย่างรวดเร็วบ่งบอกได้ชัดเจนว่าความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร

ปากยิ้มก็จริง... แต่ภาพลักษณ์โดยรวมที่เหมือนอยากจะฆ่าคนแบบนั้น หากไม่ใช่คุณประมุขที่รับมือ ไม่ว่าใครก็ต้องรีบชิ่งหนีเหมือนเขาแน่นอน

หลังจากปีเตอร์ออกจากห้องไปแล้ว เกรย์ก็กลับไปจ้องมองหน้าจออีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าคนที่อยู่อีกฝั่งและบังอาจอยากทำความรู้จักกับลูกแกะของเขาได้อ่านข้อความ ‘เตือนเบาๆ’ แล้ว ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเหมือนเดิม ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาคนที่กำลังหัวหมุนอยู่กับอาหารในครัวแทน

ลูกแกะในชุดผ้ากันเปื้อนลายแกะน้อยสีขาวดูน่ามองแม้จะหันหลังอยู่หน้าเตา เกรย์ค่อยๆ เดินไปยืนอยู่ด้านหลัง แล้วยื่นหน้าข้ามไหล่ผอมของคนตัวเล็กกว่าไปมองอาหารหน้าตาน่ากินที่อีกคนตั้งใจทำให้พร้อมรอยยิ้ม

จริงๆ ตอนแรกเขาก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ต้องทำก็ได้ แต่คนดื้อด้านก็ยังพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าอยากทำให้กิน ทั้งยังเลือกเมนูทำยากที่ต้องใช้เวลาอีก ถึงจะได้ยินคำโอ้อวดว่าตัวเองทำอาหารอร่อยมาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้เจอกัน และคิดอยู่เสมอว่าสักวันอยากจะลองชิมฝีมือลูกแกะดู แต่เขาก็ไม่อยากให้คนสำคัญต้องลำบากอยู่ดี

“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ”

คนที่ถูกยืนซ้อนหลังอยู่ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจใดๆ เมื่อเขาจงใจพูดข้างหู ไม่รู้ว่ารู้แต่แรกหรือมีสมาธิกับอาหารมากเกินไปกันแน่ เพราะพอกดปิดเตาเรียบร้อยแล้ว ลูกแกะก็แค่หันหน้ามาหาและส่งยิ้มสดใสน่ามองมาให้ตามปกติเท่านั้น

“เสร็จพอดีเลย”

“เดี๋ยวฉันช่วยยก” เกรย์วางคางลงบนบ่าผอม ดวงตาแวววาวมองคนน่ารักที่ไม่ได้แสดงท่าทีเขินอายหรือตกอกตกใจอะไรด้วยความพอใจ เขาชื่นชอบความใสซื่อตามธรรมชาติของลูกแกะ แล้วก็ชอบที่แม้จะดูไร้พิษสงเพียงใด อีกคนก็ยังมีสติและควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้เสมอ

แม้บางครั้งจะไม่มั่นใจว่าควบคุมเก่งหรือเป็นพวกไม่คิดอะไรเลยก็ตามที...

“คุณไปนั่งรอดีกว่า” คุณพ่อครัวบอกขณะที่หยิบจานมาตักขาหมู โดยยังปล่อยให้เกรย์ยึดพื้นที่บนไหล่ไว้ตามใจชอบ “ผมเห็นคุณตื่นมาก็นั่งทำงานตลอดเลย ไปนั่งพักก่อนเถอะครับ”

ได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่ขัดใจอะไรอีก เพียงส่งเสียงอืออาเป็นคำตอบแล้วผละออกไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเงียบๆ เพราะอันที่จริงการได้มานั่งมองลูกแกะเดินไปเดินมาทำอาหารด้วยท่าทางมีความสุขแบบนี้ก็รู้สึกดีไม่แพ้กัน

“หลังทานอาหารเสร็จแล้วเรามานั่งคุยกันดีไหม” เกรย์ถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนไม่คิดอะไร บนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับไว้ทั้งปากและตา ยิ่งได้เห็นท่าทีตกใจเหมือนเด็กทำความผิดแล้วโดนจับได้ของคนที่กำลังตักข้าวใส่จาน เขาก็ยิ่งอารมณ์ดีจนต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

“คุณ...รู้”

“ตอนเราคุยกันทางโทรศัพท์โดยไม่เห็นหน้า เวลาลูกแกะไม่สบายใจ มีครั้งไหนที่ฉันไม่รู้ไหม”

ประมุขทำท่าทีครุ่นคิดเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะต้องส่ายหน้าเป็นคำตอบ เมื่อตลอดระยะเวลาหลายปีที่คุยกันมาโดยไม่เห็นหน้า ไม่มีครั้งไหนเลยที่อีกคนไม่รู้ว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์แบบไหน ต่อให้คิดว่าปกปิดได้ดีแล้ว เกรย์ก็ยังหาหนทางมาพิสูจน์ความรู้สึกที่แท้จริงจนต้องยอมรับอยู่ดี

“ไม่มี”

“ขนาดเราไม่เห็นหน้ากันฉันยังรู้ว่านายรู้สึกยังไง แล้วนี่มาอยู่ต่อหน้าแล้ว คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าคนของตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่” พูดจบเขาก็ยื่นมือออกไปลูบแก้มขาวของคนที่นั่งลงด้านข้างอย่างปลอบโยน “เคยบอกแล้วใช่ไหมให้ถามได้ทุกเรื่อง ฉันสัญญาว่าจะตอบตามความจริง”

คนฟังเริ่มยิ้มออกเมื่อได้รับความอ่อนโยนจากฝ่ามืออุ่นและดวงตาคู่นั้น ประมุขพยักหน้าเข้าใจ ดันจานข้าวไปตรงหน้าคนสำคัญ ก่อนจะเริ่มชวนคุยเรื่องอาหารอย่างร่าเริง

“นี่ขาหมูที่ผมเคยบอกคุณว่าไปกินกับเพื่อนข้างนอกแล้วไม่อร่อย จำได้ไหมครับ”

“อา... เมื่อสองสามปีก่อนหรือเปล่า”

“ใช่” เขายกยิ้มดีใจเมื่อเกรย์จำได้จริงๆ “ตอนนั้นผมบอกคุณว่าผมทำอร่อยกว่าอีก แล้วคุณก็บอกว่าถ้าได้เจอกันจะขอชิม...”

“แบบนี้นี่เอง”

“จริงๆ ตอนนั้นผมโกหก” คนขี้โกหกยอมรับเขินๆ ท่าทางดูอายมากจริงๆ ที่ต้องสารภาพเรื่องราวในอดีตซึ่งผ่านมานานแล้ว “นอกจากมาม่า ไข่เจียวแล้วก็ไข่ดาว ผมทำอะไรแทบไม่เป็นเลย แต่เพราะสัญญาไว้ว่าจะทำให้คุณกินก็เลยฝึกมาโดยตลอด”

“ให้พี่ชายสอนตอนอยู่บ้านเหรอ”

“ใช่ครับ”

ฮ่องเต้เป็นพวกเก่งรอบด้านอยู่แล้ว ตอนอยู่ด้วยกันที่บ้านโดยไม่มีใครคอยดูแลเพราะพ่อทำงานอยู่ไกล คนที่ต้องทำอาหารและดูแลเขากับพี่จักรก็คือเต้ ตอนที่ประมุขบอกว่าอยากเรียนทำอาหารบ้าง อีกฝ่ายยังทำหน้าตาประหลาดใจใส่อยู่เลย ถึงสุดท้ายจะยอมสอนให้จริงๆ แต่กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ก็เสียเหงื่อไปมากและโดนด่าจนหูแฉะอยู่เหมือนกัน

“หน้าตาน่าอร่อยดี” เกรย์ก้มหน้ามองขาหมูในจานด้วยความสนใจ ยิ่งได้ยินว่าลูกแกะทำทั้งหมดเพื่อเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่ากินยิ่งเข้าไปใหญ่ หรือต่อให้สุดท้ายรสชาติออกมาไม่ถูกปากยังไง เห็นทีก็คงต้องบอกว่าอร่อยและกินจนหมดจานอยู่ดี

“ลองดูนะ ถ้าไม่ถูกปากผมจะทำอย่างอื่นให้” ปากว่าไปนั่น แต่หน้าตาคาดหวังสุดๆ แล้วใครจะบอกว่าไม่ถูกปากได้กัน

คนที่โดนบังคับให้ตอบว่าอร่อยแบบอ้อมๆ ตักอาหารคำแรกเข้าปาก แล้วค่อยๆ เคี้ยวเพื่อรับรู้รสชาติช้าๆ อย่างตั้งใจ ปกติเกรย์เป็นคนทานยากอยู่แล้ว อาหารทุกมื้อของเขาล้วนแล้วแต่ถูกปรุงตามความชอบเป็นอย่างดี หากไม่นับข้าวมันไก่ที่ลูกแกะพาไปกินเมื่อวานซึ่งถือว่าอยู่ในระดับพอไหว นี่น่าจะเป็นข้าวมื้อแรกที่เขายอมกินโดยไม่สนใจว่ามันคืออะไร

“อร่อย” เกรย์เงยหน้าบอกด้วยความประหลาดใจ เพราะนอกจากมันจะถูกปากเขาเอามากๆ แล้ว ยังอร่อยตามที่พูดจริงๆ ด้วย คงเพราะลูกแกะรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ชอบอะไรหวานๆ เลยจงใจปรุงรสในแบบที่ชอบโดยเฉพาะ

“จริงเหรอ” คนฟังตาเป็นประกายวาววับด้วยความดีใจ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าตรงหน้าตัวเองก็มีข้าวอยู่จานหนึ่ง เอาแต่จ้องหน้าเกรย์มองดูเขากินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข เหมือนทุกคำที่ตักเข้าปากเป็นการตอกย้ำว่ามันอร่อยจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น

“เลิกมองแล้วกินของตัวเองได้แล้ว”

“เกือบลืมเลย”

พวกเขามองหน้ากันแล้วหัวเราะ เป็นเหมือนการผ่อนคลายก่อนที่จะต้องกลับไปพูดถึงเรื่องเครียดๆ ที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้อยู่แล้วว่าเกี่ยวกับอะไร

เกรย์มองตามหลังคนที่เดินถือจานไปล้างที่อ่างโดยไม่ได้ห้าม เพราะรู้ดีว่ายังไงลูกแกะก็ต้องดื้อล้างเอง ไม่ยอมทิ้งไว้ให้แม่บ้านจัดการอยู่แล้ว เขาไม่ได้เดินหนีกลับไปนั่งรอที่โซฟาสบายๆ แต่เลือกที่จะนั่งรอบนเก้าอี้ไม้ที่เดิมโดยไม่ขยับไปไหน รอจนลูกแกะทำอะไรเสร็จหมดแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องรับแขกพร้อมกัน

“พร้อมจะถามหรือยัง” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ เมื่อเห็นลูกแกะยกขาขึ้นขัดสมาธิบนโซฟา หันหน้ามาจ้องเขาเขม็งด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ

“คือ…” ประมุขเผยสีหน้าลังเล ครั้งนี้ไม่ได้กังวลว่าควรถามดีไหม แต่เหมือนจะกังวลเกี่ยวกับคำตอบที่จะได้ยินมากกว่า

หลังจากครุ่นคิดอยู่ทั้งคืนเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินที่ร้านข้าว เขาเริ่มจับสังเกตเกี่ยวกับอะไรบางอย่างได้ อย่างเรื่องที่ทุกคนหันมามองตอนเกรย์พูดคำว่า ‘แม่มด’ หรือความเชื่อมโยงระหว่างคนคนนั้นกับพี่จักร แม้จะไม่ใช่คนฉลาดนักจึงต้องใช้เวลาคิดมากกว่าคนอื่น แต่ประมุขก็ยังเดาได้ว่าแม่มดที่ว่าหมายถึงใคร

“พร้อมแล้วค่อยพูด” สัมผัสอบอุ่นของฝ่ามือร้อนวางทับลงบนมือของเขาราวกับจะปลอบโยน เพียงแค่ได้สบดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ประมุขก็รับรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายเข้าใจอยู่แล้วว่าเขาต้องการพูดเรื่องอะไร แต่ก็ยังใจเย็นนั่งรอเงียบๆ เพื่อให้พร้อมก่อน ความอบอุ่นที่ได้รับแผ่ซ่านไปถึงกลางใจ ทำให้คนอ่อนแอกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่หลบเลี่ยงมานาน

“แม่มดที่คุณพูดถึง...หมายถึงแม่ของผมกับพี่จักรใช่ไหมครับ”

“ใช่”

คำตอบตรงไปตรงมาไม่เสียเวลาคิดทำให้คนฟังใจหล่นหายไปวูบหนึ่ง ความทรงจำที่ไม่ดีนักในวัยเด็กยามถูกแม่แท้ๆ ดึงแขน พยายามลากให้ไปด้วยกันยังติดค้างอยู่ในหัวจนเผลอกำมือเกรย์แน่น

“เขาจะ...ทำร้ายพี่จักรอีกแล้วเหรอ” ประมุขถามเสียงค่อย อึดอัดใจและเป็นกังวลไปหมดเพียงแค่ได้นึกถึง ลำพังความรู้สึกผิดที่มีตอนที่พี่ชายถูกเอาตัวไปใช้ประโยชน์แทนก็ติดค้างอยู่ในใจมากพออยู่แล้ว หากผู้หญิงคนนั้นจะมาทำร้ายพี่อีกเขาไม่มีทางยอมแน่

แต่ไม่ยอมแล้วทำอะไรได้... คนอ่อนแออย่างเขาจะทำอะไรได้

“ลูกแกะ” เสียงทุ้มที่ดูจริงจังกว่าทุกครั้งเรียกสติที่เกือบจะหลุดลอยให้กลับคืนมาอีกครั้ง ประมุขเงยหน้ามองคนเรียก มือบีบกันแน่นด้วยความกังวล ทว่าแววตาที่จ้องมองมากลับทำให้ความรู้สึกทั้งหมดจางหายไปอย่างช้าๆ

“เกรย์...”

“ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ตรงนี้”

ครั้งหนึ่งเคยมีคนบอกเขาว่าคำพูดดีๆ ไม่ว่าใครก็พูดกันได้ เพราะสุดท้ายจะทำตามที่พูดได้หรือเปล่าก็ขึ้นอยู่กับคนคนนั้น แต่เมื่อคำพูดที่ว่าหลุดออกมาจากปากของผู้ชายที่เขาเชื่อถือมาเป็นสิบปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ประมุขก็มั่นใจว่าเขาจะต้องทำตามที่พูดได้อย่างแน่นอน

“คุณจะช่วยพี่จักรใช่ไหมครับ”

“ฉันจะช่วยเท่าที่ช่วยได้” เกรย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ใช่ว่าไม่อยากช่วยหรอกนะลูกแกะ... แต่พี่ชายของนายก็มีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง ถ้าเขาคิดจะจัดการเอง ฉันก็จะยืนดูอยู่ห่างๆ”

“…”

“แต่ถ้าลูกแกะขอร้องก็เป็นอีกเรื่อง”

“ผม…” ประมุขกัดริมฝีปากเมื่อเข้าใจดีว่านิสัยของพี่ชายคนโตเป็นแบบไหน ขนาดเพื่อนสนิทที่เจอกันตอนพี่ถูกแม่พาไปฝรั่งเศสยังเข้าใจและเลือกดูอยู่ห่างๆ แล้วเขาจะไปตัดสินใจแทนพี่ได้อย่างไร “ผมเคารพการตัดสินใจของพี่จักร แต่คุณช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม ว่าพี่จักรต้องการจะทำอะไรกันแน่”

“ได้สิ” สิ้นคำตอบรับ เกรย์ก็ดึงแขนของคนข้างกายเบาๆ ให้ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม เขาเอนกายพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางผ่อนคลาย มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกลี่ยแก้มลูกแกะน้อยของตัวเองไปด้วย “ตอนที่ฉันได้รู้จักกับคิง พี่ชายของนาย เรากลายเป็นเพื่อนสนิทที่มีนิสัยคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วเหตุผลที่ฉันช่วยเหลือคิงเป็นเพราะเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน”

“ผลประโยชน์?”

“สำหรับคิงฉันคือเพื่อนที่ใช้การได้ มีอำนาจ มีเงิน มีพร้อมทุกอย่างที่จะช่วยให้เขาต่อสู้กับแม่ตัวเองได้ในอนาคต”

“แล้วสำหรับคุณล่ะครับ”

“ความสนุก” คนพูดเหยียดยิ้มน่าขนลุก ทว่าวินาทีถัดมาก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างรวดเร็ว “ส่วนเหตุผลที่สำคัญกว่าความสนุก...ก็คือนาย”

“ผมเหรอ...”

“จำรูปนี้ได้หรือเปล่า” รูปเก่าๆ ที่พกติดตัวไว้ตลอดถูกหยิบยื่นให้เจ้าของมันดู เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสมัยเด็กของตัวเองในนั้น ประมุขก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ

“ทำไมมันไปอยู่กับคุณได้... แล้วทำไมมีแค่ผมคนเดียว รูปขาดเหรอครับ”

“อา...ฉันฉีกออกมาเอง” เกรย์หัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น “พอดีไปเห็นรูปถ่ายสามพี่น้องของคิงเข้า เห็นแล้วถูกใจลูกแกะก็เลยฉีกออกมาแล้วเหมารวมเป็นของตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น”

คนฟังกะพริบตาปริบๆ ฟังคำสารภาพง่ายๆ ที่ได้ยินด้วยใบหน้าเอ๋อเหรอ สมองคล้ายจะประมวลผมไม่ทันไปชั่วขณะ กระทั่งรู้แล้วว่าเพิ่งได้ฟังเรื่องราวที่สำคัญมากมายขนาดไหน ใบหน้าขาวก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน พร้อมกันกับที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นโดยไม่อาจควบคุมได้

“คุณ...สนใจผมตั้งแต่ตอนนั้น”

“ใช่ หลังจากนั้นฉันก็ส่งจดหมายคุยกับนายมาโดยตลอด”

“ละ...แล้วเรื่องพี่จักรกับผู้หญิงคนนั้น” เมื่อสัญญาณเตือนภัยเริ่มร้องเตือนให้เปลี่ยนเรื่องก่อนจะต้องอับอายเพราะไม่อาจหุบยิ้มได้ ประมุขก็รีบดึงกลับเข้าเรื่องเก่าที่พูดคุยทิ้งไว้ ท่าทางน่าเอ็นดูทำให้คนที่มองอยู่ตลอดยิ้มตามด้วยความอารมณ์ดี แต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องโดยไม่ได้ขัดอะไร

“อย่างที่นายรู้ว่าคิงถูกแม่มดพาตัวไปเพราะต้องการให้กลายเป็นหุ่นเชิด ตัวเองจะได้กุมอำนาจของสามีใหม่ไว้คนเดียว แต่เพราะคิงไม่ใช่พวกหัวอ่อน เขาถึงได้วางแผนเขี่ยแม่ตัวเองออกนอกวงจรธุรกิจเอาไว้ตั้งแต่แรก สิ่งที่นอกเหนือจากการคาดการณ์ก็คงมีแค่เรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้เดินไม่ได้ พอเกิดเรื่องขึ้นแม่มดก็ผลักคิงกลับมา เพราะเขากลายเป็นหุ่นเชิดที่ไร้ประโยชน์ไปแล้ว ซึ่งพี่นายก็เสียศูนย์ไปเหมือนกัน คงถึงขั้นตัดสินใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางนี้อีก แม้แต่แผนที่เริ่มทำกับฉันไปแล้วก็คิดจะโยนทิ้ง”

“แผนคืออะไรเหรอครับ”

“ตอนที่พ่อเลี้ยงของคิงตาย เขาเริ่มลงมือดึงแม่มดให้เข้าสู่วังวนของการพนัน ใช้ประโยชน์จากเพื่อนสนิทของเธอให้เป็นประโยชน์ แต่ก็ผิดคาดไปหน่อยที่เธอเข้าไปยุ่มย่ามกับธุรกิจผิดกกฎหมาย ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใต้ดินจนถอนตัวไม่ขึ้น คิงให้ฉันช่วยรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เธอทำเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น แต่เพราะฉันเห็นว่ามันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่...ก็เลยส่งคนเข้าไปในบริษัทของแม่มด ค่อยๆ บ่อนทำลายจากข้างในช้าๆ หลังจากที่คิงถูกเด้งออกจากตำแหน่ง”

“…”

“ตอนแรกฉันคิดว่าคงต้องหยุดเพราะคิงไม่เล่นด้วย แต่ดูเหมือนอีกไม่นานเขาต้องเริ่มแผนการต่อแน่นอน ลูกแกะรู้ไหมว่าเพราะอะไร”

“ภีม…”

“เก่งมาก” เกรย์เอ่ยชมด้วยแววตาอ่อนโยน “ดูเหมือนแม่มดจะเล่นนอกกติกา คิดจะยุ่มย่ามกับคนของคิง อีกไม่นานเขาต้องเริ่มดำเนินการต่อแน่”

“คุณติดต่อกับพี่จักรแล้วเหรอครับ” ประมุขถามด้วยความแปลกใจ เมื่ออีกคนพูดราวกับรู้ว่าพี่เขากำลังคิดหรือทำอะไรอยู่

“ยังหรอก... แต่ถ้าคิงไม่ติดต่อมา ฉันก็คงจะไปหาเอง”

มันก็ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายนั้นจะอดทนได้อีกนานแค่ไหน... แต่ในเมื่อหาคนสำคัญของตัวเองเจอแล้วแบบนี้ อีกไม่นานก็คงทนไม่ไหวเอง

“เกรย์... คุณส่งคนตามพี่เหรอ”

“อย่าเรียกว่าตามเลย” เขาโคลงหัวไปมา กลับไปสนุกสนานกับการเขี่ยแก้มลูกแกะน้อยอีกครั้ง “เรียกว่าช่วยดูแลอยู่ห่างๆ... ป้องกันไม่ให้ลูกแกะต้องเสียใจทีหลังดีกว่า”

คนที่ถูกสอนให้มองเหตุการณ์ล่วงหน้าไว้ไกลๆ อย่างเกรย์ไม่มีทางยอมพลาดแน่นอน ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายแม่ลูกคู่นั้นก็ต้องแตกหักกันไปข้าง เขาจึงช่วยดูเหตุการณ์ของทั้งสองฝ่ายเพื่อเอาไว้ใช้ประเมินสถานการณ์สำหรับแผนขั้นต่อไปก็เท่านั้น ถ้าบอกว่าทั้งหมดเพื่อไม่ให้ลูกแกะต้องเสียใจทีหลังก็คงไม่ผิด เพราะหากคิงพลาดท่าเสียที โดนแม่ทำร้ายหรือเอาตัวไปเสี่ยงอีกรอบ เด็กคนนี้ต้องปวดใจแน่ๆ

ก็อย่างที่บอกไป... นอกจากความสนุกแล้วก็มีแค่ลูกแกะเท่านั้นที่สำคัญสำหรับเขา

“มีอีกเรื่องที่ผมอยากถาม...”

“หืม” เกรย์เลิกคิ้วประหลาดใจเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของคนพูด

“พี่จักรเคยบอกว่าคุณเป็นพวกไว้ใจไม่ได้... เหมือนคนที่ใส่หน้ากากตลอดเวลา” พูดไปก็ขมวดคิ้วไปจนหน้ายุ่ง คล้ายไม่มั่นใจว่าควรถามหรือเปล่าทั้งที่จริงๆ พูดออกไปหมดแล้ว “ทำไมพี่จักรต้องใส่ร้ายคุณเหรอครับ ผมก็เห็นคุณนิสัยแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เห็นเหมือนใส่หน้ากากอะไรอย่างที่ว่าเลย”

หน้าตาจริงจังกับน้ำเสียงที่เชื่อมั่นจนเต็มเปี่ยมของลูกแกะทำให้เกรย์นิ่งงันไปครู่ใหญ่ อารมณ์ร้ายๆ ซึ่งถูกสั่งสมมาจากการทำงานคล้ายจะถูกทำลายไปจนหมดสิ้น เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าซื่อๆ ของคนที่บอกว่าพี่ชายตัวเองใส่ร้ายเขา

“ฉันจะทำยังไงกับนายดีนะ” เกรย์หัวเราะหึหึในลำคอขณะยื่นมือไปดึงลูกแกะให้เอนตัวมาอยู่ในอ้อมกอด

“คุณยังไม่ตอบเลย”

“อา...จะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย” เขาทำหน้าคิดหนักเมื่อไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ลูกแกะเข้าใจ อันที่จริงคงต้องบอกว่ามันผิดตั้งแต่อีกฝ่ายเข้าใจว่าคิงใส่ร้ายเขาแล้ว เพราะที่พี่ชายของเจ้าตัวพูดมามันถูกหมดทุกอย่าง “เอาเป็นว่าฉันในเวลาที่อยู่กับลูกแกะ กับฉันในเวลาที่อยู่กับคนอื่นไม่เหมือนกันก็แล้วกัน”

“ไม่เหมือนยังไงเหรอครับ”

“ลูกแกะคิดว่าตอนฉันคุยกับนายเหมือนตอนฉันคุยกับพวกการ์ดไหม”

“…ไม่เหมือน” ประมุขส่ายหน้าทันควัน ปกติเวลาเห็นเกรย์คุยกับพี่การ์ดมักจะเป็นเรื่องงาน แล้วท่าทางตอนพูดคุยก็ไม่่ใช่ท่าทางสบายๆ แบบตอนอยู่กับเขาด้วย จะบอกว่า...น่ากลัวก็คงไม่ผิดนัก

“นิสัยตอนฉันอยู่กับลูกแกะคือนิสัยที่แท้จริง นิสัยตอนฉันอยู่กับพวกนั้นก็ใช่ แต่สถานะที่แตกต่างทำให้การแสดงออกไม่เหมือนกันก็เท่านั้น” เกรย์นิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อคิดว่าควรพูดอะไรต่อให้คนฟังเข้าใจมากขึ้น “ลูกแกะเป็นคนสำคัญของฉัน ส่วนพวกการ์ดก็ถือได้ว่าเป็นเพื่อน เป็นลูกน้องที่ไว้ใจได้ เพราะงั้นฉันถึงแสดงนิสัยที่แท้จริงได้โดยไม่ต้องปกปิด แต่กับคนอื่นที่ไม่สนิทก็เป็นอีกเรื่อง”

“อย่างพวกคู่ค้าหรือคนที่ทำธุรกิจร่วมกันใช่ไหม”

“ใช่” หรือถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็คือนอกเหนือจากครอบครัว ลูกแกะ แล้วก็พวกการ์ดที่สนิทสนมกันมานาน พวกที่เหลือล้วนเข้าข่าย ‘คนอื่น’ ทั้งหมด “เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ฉันมีความจำเป็นต้องสวมหน้ากากน่ะ เพราะงั้นที่คิงพูดก็ไม่ผิดหรอก”

“แต่คุณไว้ใจได้” ประมุขเถียง ขณะที่มือกอดเอวคนตัวสูงเอาไว้แน่น เหมือนจะไม่ชอบใจเท่าไหร่กับคำว่าไว้ใจไม่ได้ซึ่งถูกเอามาใช้กับคนสำคัญ แต่เมื่อถูกเชยคางให้เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าไม่พอใจก็แปรเปลี่ยนเป็นใสซื่อตามนิสัยของคนไม่คิดมากเหมือนเดิม

“แค่ลูกแกะไว้ใจฉันก็พอ” เพียงแค่ถูกจ้องมองด้วยดวงตาสีฟ้าน่าหลงใหล ประมุขก็เผลอพยักหน้าแล้วตอบอืออาไปอย่างง่ายดาย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกกดหัวให้แนบลงกับอกกว้าง ฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะหนักแน่นมั่นคงจนตาเริ่มปรือลงช้าๆ

“อืิอ...”

“นอนเถอะ”

ฝ่ามืออุ่นร้อนที่ช่วยลูบหัวลูบหลังให้สบายตัวทำให้สติของคนที่บ่นว่าง่วงเริ่มจางหายไปช้าๆ เกรย์ก้มลงมองคนในอ้อมกอดเมื่อรู้สึกว่าน้ำหนักบนอกเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากคนง่วงหลับสนิทไปแล้ว ถึงอย่างนั้นสองแขนที่กอดเอวเขาไว้ก็ยังไม่ปล่อยออก ไม่รู้ว่ากลัวจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวหรือต้องการความอบอุ่นกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหนก็ทำให้เขาไม่คิดขยับไปที่ใดทั้งนั้น

พอลูกแกะพูดถึงหน้ากากขึ้นมาถึงได้รู้สึกตัว...

จะว่าไปก็หลายวันแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ใส่หน้ากากเข้าหาใคร คงเป็นเพราะทั้งวันเอาแต่ขลุกอยู่กับลูกแกะ หรือถ้าต้องไปทำงานก็จะมีคนส่งข้อความมาทำให้ยิ้มอยู่เสมอ ไม่ว่าจะหน้ากากการค้าหรือหน้ากากอื่นๆ ที่สวมไว้จึงหลุดออกอยู่บ่อยครั้ง

“ตอนฉันจำเป็นต้องสวมหน้ากาก นายคงไม่ทำให้ทุกอย่างพังนะ” เกรย์เขี่ยแก้มขาวๆ ของคนในอ้อมกอดเบาๆ จนเจ้าตัวส่งเสียงอือออาไม่พอใจพลางพลิกหน้าหนี เพียงแค่ได้เห็นท่าทีเล็กน้อยเหล่านี้ เขาก็หลุดยิ้มออกมาอย่างอดไม่อยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงยามคนน่าเอ็นดูทำหน้าเอ๋อๆ หรือออดอ้อนใส่เลย

แบบนี้ต่อให้เขายกปืนจ่อหัวใครอยู่ ถ้าลูกแกะบอกให้หยุด เห็นทีเขาคงต้องหยุดตามคำสั่งเป็นแน่

“ก็เลือกแล้วนี่นะ...”

แม้จะรู้อยู่แล้วว่าลูกแกะตัวนี้จะกลายเป็นจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของตัวเอง แต่หากต้องกลับไปเลือกทางเดินใหม่อีกสักกี่ครั้ง เขาก็ยังยืนยันว่าจะเลือกทางเดิม

ได้แต่หวังว่าลูกแกะจะคิดเหมือนกัน...



---------------------------


TALK: ถ้าใครเคยอ่านจักรพรรดิมาแล้วสงสัยว่าคุณเกรย์เวลาใส่หน้ากากเป็นยังไง ให้คิดถึงตอนอยู่ในเรื่องนั้นเลยค่ะ นั่นคือหน้ากากยิ้มของเขาแหละ เราว่าคนที่แสดงบุคลิกออกมาได้หลายอย่างน่ากลัวนะ คุณเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เล่นละครเก่ง น่ากลัวววว

ปล.ที่หายไปนานเพราะเราพักมือค่ะ เคยแจ้งในหน้าเพจกับทวิตไว้ว่าปวดมือเลยต้องหยุดพิมพ์ไปช่วงหนึ่ง ท้ายตอนที่แล้วลืมบอกในหน้านิยายไป

สำหรับใครที่ต้องการติดตามข่าวงานเขียนของเรา ตามได้ทางเพจ Chesshire. หรือทวิต @Chesshire04 เลยค่า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #64 เมื่อ07-11-2018 19:40:35 »

เด๋วก็ชินกับหลายอารมณ์ของคนใกล้ตัว  :hao3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #65 เมื่อ07-11-2018 20:25:05 »

 :pig4:

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #66 เมื่อ07-11-2018 23:59:02 »

เกรย์มีความเป็นแด๊ดดี้มากกกก
ปล. ขอให้มือหายเจ็บไวๆนะคะ

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #67 เมื่อ08-11-2018 00:23:06 »

หลงน้องหนักมากอ่ะ ฟิน

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #68 เมื่อ08-11-2018 03:14:17 »

ลูกแกะน้อยขี้อ้อน คุณเกรย์ใจบางหมดแล้วค่ะ  :-[ :-[

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #69 เมื่อ08-11-2018 07:26:42 »

ประมุขมีความเด๋อมาก หรือคิดว่าคุ้นมาก
เลยดูชินกับเกรย์หรือเปล่า

ขนาดเกรย์ยังมีงง ว่าน้องเด๋อหรือเขินกลบ

ประมุขน่ารักนะ คิดบวก สดใส ที่สำคัญคือปลดล็อคเกรย์
ได้มีโมเมนท์คลอเคลีย ได้อ้อน แบบไม่ต้องขอ
แล้วเกรย์ก็ปลื้มมากด้วยที่มีน้องมาอ้อน มาใกล้

แต่หนูจะว่าพี่จักรแบบนั้นไม่ได้นะ 55555
พี่จักรไม่ได้โกหก แต่คนเรามีหลายมุม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
« ตอบ #69 เมื่อ: 08-11-2018 07:26:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #70 เมื่อ08-11-2018 10:06:32 »

ลูกแกะก็คือลูกแกะ
น่ารักจังเลยคับบ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #71 เมื่อ08-11-2018 12:40:03 »

อยู่ในวงการแบบนี้มันก็ต้องแบบนี้แหละ ต้องสวมหน้ากากบ้าง

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #72 เมื่อ10-11-2018 11:41:10 »

ลูกแกะน่ารักจังเลยค่ะ กับคุณเกรย์นี่เหมือนอยู่คนละขั้วกันแต่ก็เหมาะกันจริงๆ คุณเกรย์เลยหลงจะแย่แล้ว :-[

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #73 เมื่อ15-11-2018 21:32:34 »

ประมุขดูน่าทะนุถนอม มากๆคุณเกรย์ยังต้องเกรงใจหนึ่งในสมาคมพ่อบ้านใจกล้ารอติดตามตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #74 เมื่อ16-11-2018 20:09:39 »

 :pig4:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #75 เมื่อ23-11-2018 21:26:50 »

-5-


หลังจากขลุกอยู่กับกองหนังสือมานานหลายวัน ในที่สุดช่วงเวลาของการสอบปลายภาคก็ผ่านพ้นไป ช่วงปิดเทอมที่เคยคิดว่าน่าเบื่อกลายเป็นน่าตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อยามนี้มีคนอยู่เคียงข้างรอเดินทางไปหาครอบครัวพร้อมกัน ประมุขตื่นมาจัดกระเป๋าแต่เช้า เนื่องจากเมื่อวานทิ้งตัวลงเตียงหลับเป็นตายตั้งแต่หกโมง เพราะตาค้างอ่านหนังสือโต้รุ่งมาหลายวัน ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมทำอาหารทิ้งไว้ให้คนที่ออกไปทำงานยังไม่กลับ

พอลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นว่าข้างกายมีใครบางคนนอนหลับอยู่ ซึ่งหมายความว่าวันนี้เป็นวันแรกที่เขาตื่นก่อนก็อารมณ์ดีขึ้นมาเฉยๆ ลูกแกะของเกรย์ย่องลงจากเตียงด้วยฝีเท้าที่คิดไปเองว่าเบาเหมือนแมว จากนั้นก็หันไปหยิบกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบออกมา คิดว่าจะจัดเสื้อผ้าให้เกรย์ด้วย แต่ทำไปแล้วครึ่งหนึ่งถึงนึกได้ว่าพวกเขายังไม่ได้คุยกันว่าจะอยู่ที่นั่นกี่วัน

“อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งเดือน... เพราะนัดกับภีมไว้ต้นเดือนหน้า”

เพราะคุยกันไว้แค่ว่าจะไปเที่ยวรอระหว่างที่ยังมีเวลาว่างจากนัด อีกทั้งเกรย์ยังต้องไปจัดการงานอะไรนิดหน่อยที่นั่นด้วย พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะเดินทางไปก่อนเวลา ในตอนแรกประมุขยังลังเลว่าจะไปหาพี่ก่อนดีหรือเปล่า แต่คิดไปคิดมาก็ต้องส่ายหน้า เพราะเขายังเกร็งเวลาอยู่กับพี่จักรสองคนไม่น้อย ให้ไปหาคนเดียวไม่มีเต้อยู่ด้วยคงทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายเลยตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวกับเกรย์ก่อนแล้วรอให้เต้กับพ่อมาค่อยไปหาพี่พร้อมกันน่าจะดีกว่า

“เหม่ออะไร ไม่จัดต่อแล้วเหรอ” เสียงทักจากทางด้านหลังทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ หลุดจากภวังค์ ประมุขหันหน้ากลับไปหาคนเพิ่งตื่นที่นั่งมองเขาจากบนเตียง ก่อนจะส่งยิ้มสดใสต้อนรับวันใหม่ไปให้

“อรุณสวัสดิ์ครับ ผมว่าจะจัดกระเป๋าให้คุณด้วย แต่ไม่รู้ว่าเราจะไปกันนานแค่ไหน...”

“ใส่กระเป๋าได้แค่ไหนก็เอาไปแค่นั้น ถ้าไม่พอหรือต้องใช้อะไรเพิ่มเติมค่อยไปซื้อใหม่ก็ได้” เกรย์บอกแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวไปอาบน้ำ โดยไม่ลืมเดินเข้าไปลูบหัวลูกแกะเป็นการทักทายในยามเช้าเหมือนเช่นทุกวัน “นั่งจัดไปก่อน ฉันอาบน้ำเสร็จจะออกมาช่วย”

“อื้อ”

ประมุขนั่งพับผ้าใส่กระเป๋าอย่างตั้งใจ ปกติช่วงที่อยู่ด้วยกันกับพี่ชาย ไม่มีใครคอยดูแล เขากับเต้ก็ผลัดกันทำงานบ้านพวกนี้เป็นปกติอยู่แล้ว ใช้เวลาอยู่สิบยี่สิบนาทีกระเป๋าเสื้อผ้าส่วนตัวก็จัดเสร็จ เป็นเวลาเดียวกันกับที่เกรย์ออกมาจากห้องน้ำพอดี

“เสร็จแล้วเหรอ”

“เหลือของคุณครับ ผมกำลังพับอยู่” เขาหันไปตอบก่อนจะลุกขึ้นยืน หยิบชุดสูทที่เลือกไว้ไปส่งให้ด้วยตัวเอง เกรย์จะได้ไม่ต้องเดินข้ามมาหน้าตู้เสื้อผ้าที่ตอนนี้มีกระเป๋าเดินทางวางขวางอยู่ “ใส่ชุดนี้ได้หรือเปล่า คุณต้องไปทำงานด้วยใช่ไหม”

“ชุดไหนก็ได้” คนที่ไม่เคยมีใครมาทำอะไรแบบนี้ให้ยกยิ้มจาง ยื่นมือไปรับเสื้อผ้าและลูบแก้มคนน่ารักแถมไปอีกที

“เกรย์”

“หืม”

“คุณมาอยู่ไทยนานๆ แบบนี้ไม่เป็นไรเหรอ” ประมุขถามด้วยความสงสัย เพิ่งนึกได้ว่าอีกคนจะขลุกอยู่ที่นี่กับเขาไปอีกเป็นเดือน ถึงจะไม่รู้ว่าปกติเกรย์ทำงานอะไรบ้าง แต่ดูจากการวางตัวและการ์ดที่ติดตาม ไหนจะเรื่องศัตรูอะไรอีก ยังไงก็น่าจะยุ่งพอควร

“อา... ไม่เป็นไรหรอก คิดซะว่ามาพักร้อน” คนพูดไหวไหล่ไปมาแบบสบายๆ ขณะเริ่มแต่งตัวช้าๆ โดยไม่อายสายตาของคนที่ยืนอยู่ด้วยเลยแม้แต่น้อย “ฉันเป็นแค่เจ้าของธุรกิจธรรมดาๆ ค่อนข้างจะมีอิสระอยู่ไม่น้อย ลูกแกะไม่ต้องเป็นห่วง”

เจ้าของธุรกิจธรรมดาๆ... มองยังไงก็เป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด

“ผมยังไม่ถามเรื่องนี้ดีกว่า” ประมุขส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปจัดกระเป๋าต่อ โดยมีแววตาประหลาดใจของคนที่คิดว่าน่าจะโดนซักฟอกมองตามไปด้วย

“ทำไมล่ะ คิดว่าพูดแบบนี้แล้วลูกแกะจะถามต่อซะอีก”

“สมองผมยังไม่พร้อมรับเรื่องเครียดๆ” ว่าจบก็ยกมือนวดขมับเหมือนจะบอกว่ามันปวดจริงๆ นะเนี่ย “คุณก็เห็นว่าตอนอ่านสอบสองตัวสุดท้ายอาการผมแย่ขนาดไหน บอกเลยว่าตอนนี้รอยหยักหายไปหมดแล้ว ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ถึงตอนนั้นค่อยพูดเรื่องเครียดๆ เนอะ”

คำตอบของคนไม่ชอบคิดมากน่าเอ็นดูเสียจนเกรย์อดไม่ไหว ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก้าวเดินเข้าไปกอดเจ้าของร่างผอมที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยความมันเขี้ยว หากไม่กลัวลูกแกะไหวตัวทันแล้วชิ่งหนีไปก่อน เขาคงจับอีกฝ่ายฟัดจนเยินไปแล้ว

“มาช่วยกันเก็บของแล้วรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันกินข้าวเช้า”

“ครับ”

พอได้ใช้เวลาไปกับการจัดของจริงๆ ไม่ใช่หยอกล้อกันไปด้วยแบบสบายๆ เพียงแค่สิบนาทีกระเป๋าเดินทางใบโตสองใบก็พร้อมสำหรับการเดินทาง ประมุขรีบวิ่งออกไปทำกับข้าวสำหรับสองคน แต่มองนาฬิกาไปก็เครียดไป คิดว่าถ้ายังเสียเวลาอยู่คงไม่ทันแน่ๆ สุดท้ายจึงจบลงด้วยการจัดข้าวใส่กล่องเอาไปกินบนรถ เล่นเอาคนที่นั่งเช็กงานรออยู่มองตามด้วยความมึนงง

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะ”

“ไม่ได้นะ เดี๋ยวไม่ทันขึ้นเครื่อง รีบไปเถอะครับ” ว่าจบก็กวักมือเรียกแล้ววิ่งไปลากกระเป๋าสองใบออกมาจากห้อง เอาไปส่งให้พี่การ์ดที่ยืนรออยู่ด้านนอกด้วยความว่องไว

เกรย์มองสภาพรีบร้อนวุ่นวายของลูกแกะด้วยรอยยิ้ม ไม่คิดห้ามอะไรแม้เขาจะไม่เคยรีบถึงขนาดเอาข้าวไปกินบนรถเลยก็ตาม อันที่จริงก็อยากจะบอกอยู่ว่าเครื่องบินส่วนตัวมันไม่จำเป็นต้องไปรอก่อนเวลา แต่ขืนพูดไปตอนนี้ลูกแกะน้อยคงเสียกำลังใจแย่ อุตส่าห์เตรียมการทุกอย่างพร้อมเชียว

“เสร็จแล้วเหรอ”

“เหลือแค่อุ้มคุณไปขึ้นรถแล้ว” คำพูดจริงจังที่ไม่ได้ตั้งใจให้ตลกเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ฟังได้เป็นอย่างดี นี่ถ้าไม่กลัวลูกแกะหลังหัก เขาก็อยากจะลองให้มาอุ้มไปขึ้นรถดูเหมือนกัน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงบ่นงุ้งงิ้งไปตลอดทางจะน่าฟังขนาดไหน

“งั้นไปกันเถอะ”

เกรย์จูงมือลูกแกะเดินออกไปขึ้นรถด้วยกัน สายตายังคงลอบมองท่าทีร้อนใจเหมือนกลัวไปไม่ทันขึ้นเครื่องของคนข้างกายด้วยความเอ็นดู ยิ่งเห็นเจ้าตัวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก็ยิ่งชอบใจ เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่เฉลยออกไป และไม่ลืมหันไปส่งสายตาบอกการ์ดคนอื่นๆ ให้ทำแบบเดียวกันด้วย

“กินข้าวก่อนนะครับ” ถึงจะเครียดขนาดไหน ลูกแกะกินจุก็ยังไม่ลืมหยิบเอาอาหารออกมาเปิดกล่องยื่นให้ เกรย์มองท่าทางนั้นแล้วยิ้มขำ รับกล่องข้าวผัดกลิ่นหอมมาถือไว้แล้วตักเข้าปากตามคำบอกโดยไม่ได้พูดอะไร

ตอนที่เดินทางไปถึงสถานที่จอดเครื่องบินส่วนตัวซึ่งมีพนักงานต้อนรับและนักบินยืนรอพร้อมสรรพคือช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุด หน้าตาของลูกแกะน้อยที่ถูกหลอกต้มจนเปื่อนน่ารักจนต้องส่งสัญญาณให้ลูคัสถ่ายภาพไว้ให้ ท่าทางราวกับโลกจะถล่มลงตรงหน้าทำเอาการ์ดบางคนหลุดยิ้มออกมาอย่างหมดมาด

“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะตกเครื่อง” เอ่ยแซวจนถูกถลึงตาใส่หนึ่งทีแล้วเกรย์ก็โอบไหล่พาลูกแกะเดินขึ้นเครื่องอย่างอารมณ์ดี

จะว่าไปแล้วการได้หยอกล้อกันแบบนี้ก็เป็นเรื่องดีอยู่ไม่น้อย เพราะมันทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขาลดน้อยลงโดยไม่รู้ตัว ต่อให้พูดคุยกันมานาน แต่สำหรับคนที่เพิ่งได้เจอหน้า ถึงจะมีความรู้สึกพิเศษต่อกันอย่างไรก็คงต้องเกร็งอยู่พอสมควร แม้หลังจากที่ได้นอนบนเตียงเดียวกันมาหลายวัน เกรย์จะคิดว่าลูกแกะคงไม่มีความคิดแบบนั้นเหลืออยู่แล้วก็ตาม

ช่างเป็นคนง่ายๆ เสียเหลือเกิน... แต่ก็เพราะเป็นคนง่ายๆ นี่แหละ เขาถึงปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลย

“เครื่องบินสวยมากเลย...” คนลืมง่ายที่เปลี่ยนอารมณ์ไวยิ่งกว่าอะไรดีพึมพำขณะมองสำรวจเครื่องบินส่วนตัวไปมาด้วยความสนใจ จากที่ตอนแรกแกล้งทำเป็นหัวร้อนใส่เพราะถูกหลอก ตอนนี้ถูกความสวยงามของบรรยากาศโดยรอบดึงดูดความสนใจไปจนหมดแล้ว

เกรย์หัวเราะหึหึในลำคอเมื่อเห็นท่าทีของลูกแกะ ที่เจ้าตัวเคยบอกว่าเป็นคนสบายๆ มาวันนี้เขาเชื่อแล้วว่ามันคือความจริง เพราะนอกจากเรื่องที่ยอมลืมความหัวร้อนเพียงเพราะเขายื่นขนมให้แล้วชวนดูบรรยากาศ ยังมีเรื่องโทรศัพท์ที่เขาบอกว่าขอยืมหน่อยแล้วเจ้าตัวก็ยื่นให้ง่ายๆ โดยไม่ถามอะไรสักคำด้วย

จะว่าไปแล้ววันนั้นที่เขาเข้าไปตอบไอจีแทนก็ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ เผลอๆ คงไม่ได้เข้าไปเช็กเลยด้วยมั้ง

“ลูกแกะ”

“ครับ” คนหน้ายิ้มหันมาพยักหน้าหงึกหงักรอฟังคำถามอย่างตั้งใจ

“รู้ไหมว่าเมื่อหลายวันก่อนฉันยืมโทรศัพท์ไปทำอะไร”

“ไม่รู้”

“เอาไปใส่เครื่องติดตามแบบพิเศษ แล้วก็ปรับอะไรในนั้นอีกนิดหน่อย” เกรย์เท้าคางกับที่วางแขน ตาจ้องมองลูกแกะด้วยความสนใจ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าบอกไปอย่างนี้แล้วจะได้รับปฏิกิริยาแบบไหนตอบกลับมา

“ว้าว...” แล้วก็ตามคาด ประมุขแสดงปฏิกิริยาที่เขาไม่คาดคิดด้วยการทำตาแวววาว มือหยิบโทรศัพท์ที่ถูกปิดเครื่องเอาไว้ออกมาดูด้วยความตื่นเต้น “หมายความว่าตอนนี้มันไม่ใช่โทรศัพท์ธรรมดาใช่ไหม เหมือนพวกสายลับเลยหรือเปล่า”

“หึหึ ไม่ขนาดนั้นหรอก”

“แล้วพวกพี่การ์ดของคุณล่ะ พวกเขาต้องมีอุปกรณ์พิเศษอะไรแบบนั้นไหม”

พอเห็นท่าทีของเด็กที่ชอบดูหนังบู๊เป็นชีวิตจิตใจ เกรย์ก็ได้แต่กลืนเสียงหัวเราะลงคอ ทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปตามความจริง

“ถ้าตอนที่ต้องทำงานจริงๆ จังๆ ก็อาจจะมีบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่เกินจริงไปมากแบบที่นายคิดหรอก”

“งั้นเหรอ...” ประมุขสลดลงเล็กน้อยเมื่ออะไรๆ ไม่เป็นไปอย่างที่คิด หลังจากนั้นก็นั่งทำหน้าเหมือนเด็กอดได้ของเล่นไปจนถึงจุดหมายปลายทาง กระทั่งตอนที่จะลงจากเครื่องแล้วก็ยังหน้าหงอยไม่หาย

แล้วแบบนี้เกรย์จะทำอะไรได้...

“อุปกรณ์อาจจะไม่พิเศษเหมือนในหนัง แต่เรื่องคิวบู๊น่าจะคล้ายคลึงอยู่นะ ถ้าอยากรู้เรื่อง ตอนว่างๆ ก็ไปขอให้วิคเตอร์เล่าให้ฟังแล้วกัน”

“ได้เหรอ” ลูกแกะน้อยกลับมาทำตาโตด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง บ่งบอกชัดเจนว่าชอบหนังมากจริงๆ และถ้าได้เห็นอะไรแบบในหนังก็คงจะตื่นเต้นจนตาวาว นี่ขนาดบอกให้เล่าเฉยๆ ยังดีใจขนาดนี้เลย

“ได้สิ” เกรย์ลูบหัวคนข้างกายเบาๆ ก่อนจะจูงมือให้เดินลงไปจากเครื่องพร้อมกัน “เดี๋ยวฉันต้องไปธุระก่อน ลูกแกะไปรอที่ที่พักนะ ระหว่างนั้นถ้าเบื่อก็เรียกวิคเตอร์ให้เข้าไปเล่าเรื่องภารกิจที่เคยทำให้ฟังแล้วกัน”

“อื้อ” คนฟังพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่คิดก้าวก่ายถามเลยสักนิดว่าเขาจะไปไหน “ว่าแต่...ภารกิจพวกนั้นมันไม่ใช่ความลับเหรอครับ ปกติต้องเล่าให้ฟังไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”

เกรย์หัวเราะออกมาอีกครั้งขณะเดินไปส่งลูกแกะน้อยจนถึงรถที่ต้องแยกกันไปคนละคัน เขาหันไปพยักหน้าให้วิคเตอร์เป็นการออกคำสั่ง เพียงเท่านั้นบอดี้การ์ดหนุ่มก็เดินไปเปิดประตูข้างคนขับอย่างรวดเร็ว

“ฉันบอกว่าได้ก็คือได้” เขาหมุนตัวไปเผชิญหน้าคนที่เดินตามหลังมา มือยกขึ้นจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงเพราะเจ้าตัวถูไถไปมากับเบาะนิ่มบนเครื่องให้อย่างอ่อนโยน “เป็นเด็กดีแล้วรออยู่ที่ห้อง ถ้าอยากได้อะไรก็บอกวิคเตอร์ เข้าใจไหม”

“ครับ ผมจะรอกินข้าวพร้อมคุณนะ”

“ฉันจะรีบกลับ”









จากที่เคยคุยกันไว้ว่าจะไปเที่ยว กลายเป็นเกรย์ต้องจัดการงานทางไกลอยู่นานถึงหนึ่งอาทิตย์ ชายหนุ่มเอาแต่นั่งจ้องจอโน้ตบุ๊ก คุยกับประมุขได้แป๊บเดียวก็ต้องกลับไปรับโทรศัพท์ต่อ ภาษาฝรั่งเศสที่ใช้พูดคุยกับปลายสายทำให้ประมุขไม่รู้ว่าเขาคุยเรื่องอะไร แต่แค่เห็นสีหน้าเยือกเย็นไม่เหมือนปกติของเกรย์ เขาก็รู้แล้วว่าไม่ควรถามอะไรในตอนนี้

โชคยังดีที่ช่วงเวลากินข้าวคนน่ากลัวจะวางภาระทุกอย่างลงแล้วเดินมานั่งรอที่โต๊ะ แววตาที่จับจ้องเขาดูราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ต่างจากเวลาทำงานโดยสิ้นเชิง แม้จะรู้สึกดีแต่ก็ต้องยอมรับว่าบางทีก็หวาดกลัวท่าทางที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วเหล่านั้นอยู่เหมือนกัน แต่ประมุขก็ยังเป็นประมุขคนเดิม...

เขาเป็นคนสบายๆ อยู่แล้ว และการได้รับสิทธิ์พิเศษจากคนสำคัญมันก็น่าภูมิใจอยู่ไม่น้อย ถ้ามีคนอิจฉาก็จะยืดอกอวดให้เห็นจะๆ ไปเลย

“ไปห้างกันไหม” เสียงถามจากทางด้านหลังทำให้มือที่กำลังจิ้มจอโทรศัพท์หยุดกึก ลูกแกะสายพันธุ์ใหม่ มีตาสะท้อนแสงได้หันขวับกลับไปเกาะขาคนพูดแทบจะทันที

“งานเสร็จแล้วเหรอ”

“ยัง” จบคำใบหน้าตื่นเต้นของคนถามก็หงอลงทันควัน แต่ยังไม่ทันได้บอกว่าไม่เป็นไรก็ถูกบีบแก้มแล้วบังคับให้กลับไปสบตากันเหมือนเดิมเสียก่อน “แต่อยากพาลูกแกะไปเดินเล่น วันนี้ไปได้แค่ใกล้ๆ เดี๋ยวเคลียร์งานเสร็จแล้วค่อยไปที่ไกลๆ กันนะ”

“อื้อ” ประมุขยิ้มกว้าง รีบวิ่งตึงตังกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่ต้องให้บอก ทิ้งให้คนมองตามส่ายหน้าหน่ายด้วยความเอ็นดู

เป็นลูกแกะที่มีพลังงานล้นเหลือจริงๆ...

เกรย์ยกนาฬิกาข้อมือราคาแพงขึ้นดูเวลา ในหัวคำนวณแผนการเงียบๆ และเมื่อมีข้อความรายงานเด้งมาทางโทรศัพท์ว่าคนที่รอเดินทางไปที่ห้างแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ รอให้ลูกแกะเดินออกมาจากห้องแล้วจึงเดินทางไปพร้อมกัน

ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในตัวเมืองอยู่ห่างจากโรงแรมห้าดาวที่พวกเขาพักไปไม่ไกลนัก ใช้เวลาเดินทางสิบนาทีก็ถึงจุดหมาย เกรย์ยังคงมีคนตามติดเป็นจำนวนมากเหมือนเคย นอกจากรถคันที่นั่งมายังมีรถการ์ดวิ่งนำและวิ่งตามอีกสองคัน ทว่าเมื่อไปถึง การ์ดทุกคนก็แยกย้ายกันไปคนละทางอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงวิคเตอร์กับอเล็กซ์ที่ตามเข้าไปข้างในด้วยเท่านั้น

“เกรย์... ลูคัสไปไหนเหรอ ผมไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว” ประมุขหันไปถามคนข้างกายที่กำลังก้มกดโทรศัพท์อยู่ด้วยความสงสัย เพราะปกติลูคัสดูจะเป็นคนที่สนิทกับเกรย์มากที่สุดแล้วก็ไปทำงานด้วยกันบ่อยๆ เห็นวิคเตอร์บอกว่าลูคัสเป็นหัวหน้าทีมนี้ เขาจึงคิดมาว่าตลอดว่าอีกฝ่ายต้องอยู่ข้างเกรย์ตลอดเวลา

“ลูคัสไปจัดการธุระให้ฉันน่ะ เดี๋ยวตอนเย็นก็เจอ”

“อ๋อ…” คนฟังพยักหน้าอย่างว่าง่าย “งั้นเราไปทำอะไรกันดี”

“แล้วแต่ลูกแกะเลย”

ได้ยินแบบนั้นประมุขก็ไม่เกรงใจอีก เขาจัดการดึงแขนคนข้างกายให้เดินไวๆ ตามไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาแวววาวเป็นประกายสอดส่องมองไปรอบๆ เพื่อหาอะไรทำด้วยความตื่นเต้นตามประสาคนเก็บกดที่ขลุกอยู่กับหนังสือมานานจนไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเสียที

แม้ครั้งนี้พวกเขาจะไม่ได้เดินมากันเป็นสิบ มีการ์ดตามเป็นแถว หากรูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวของคนทั้งสี่ก็ยังดึงดูดสายตาได้ไม่น้อยอยู่ดี เกรย์รับแว่นตาสีชาจากวิคเตอร์มาสวมเพื่อป้องกันสายตาน่ารำคาญของคนรอบข้าง ดีที่หันไปเห็นลูกแกะของเขาดูร่าเริงไม่สนใจโลกเลยแม้แต่น้อย อารมณ์ดีๆ ที่ถูกรบกวนจึงยังคงอยู่เหมือนเดิม

“คุณว่าผมไปซื้อของฝากเตรียมไว้ให้พี่เลยดีไหม” คนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าหันกลับมาถามความเห็นด้วยสีหน้าไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ เห็นแบบนั้นแล้วเกรย์ก็ได้แต่พยักหน้าเออออ ทั้งที่จริงๆ เขาควรจะบอกว่าเหลือเวลาอีกตั้งสามอาทิตย์ ค่อยหาซื้อตอนอาทิตย์สุดท้ายก็ยังไม่สาย แต่เอาเถอะ...

“นายครับ...” น้ำเสียงจริงจังของวิคเตอร์ทำให้เกรย์ต้องชะลอเท้าลงเล็กน้อย ปล่อยให้ลูกแกะเดินนำหน้าไปโดยมีอเล็กซ์เดินตามอยู่ไม่ห่าง

“มาแล้วใช่ไหม”

“ครับนาย ‘แมลงวัน’ รออยู่ที่นี่จริงๆ เหมือนจะเดินตามมาสักพักแล้ว”

“อืม…”

“ดูเหมือนคุณคิงจะอยู่ที่นี่ด้วยครับ”

“คิงอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”

“ครับนาย ตอนนี้กำลังเดินไปร้านอาหารกับผู้ชายอีกคน นายจะไปพบคุณคิงเลยหรือเปล่าครับ”

“ยังก่อน เดี๋ยวพาลูกแกะเดินเล่นสักพักแล้วจัดการแมลงน่ารำคาญเสร็จค่อยไปเจอ” ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางด้านขวามือ พอเห็นชายผู้หนึ่งซุ่มมองลูกแกะของเขาด้วยแววตาเป็นประกาย รอยยิ้มเหี้ยมก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“เกรย์... โอ๊ย!”

ผัวะ!

เหตุการณ์ที่ดูเป็นปกติมาโดยตลอดคล้ายจะกลายเป็นความวุ่นวายกะทันหัน เมื่อลูกแกะน้อยหันกลับมาหาเขาพร้อมรอยยิ้ม ในเวลาเดียวกันกับที่มีชายตัวใหญ่ตรงเข้าไปชนอีกฝ่ายจนตัวเซ โชคดีที่อเล็กซ์รับร่างที่เอนจะล้มเอาไว้ทัน ก่อนจะหันไปต่อยสวนกลับทีเดียวจนชายร่างใหญ่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น หัวใจของเกรย์ที่เกือบจะหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะเห็นลูกแกะร้องด้วยความเจ็บปวดจึงยังทนได้อยู่

“ลูกแกะ” เขาก้าวไวๆ เข้าไปหาคนที่ยังกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง ก่อนจะรั้งคนตัวผอมเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนตัวเองแล้วใช้มือข้างที่ว่างลูบหัวทุยเบาๆ เพื่อปลอบประโลม จนลูกแกะหันกลับมากอดเอาไว้แน่น

เกรย์ไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างที่มองมา เขาหันไปพยักหน้าให้อเล็กซ์จัดการตรงนั้นต่อ แล้วส่งสัญญาณให้วิคเตอร์เรียกคนอื่นเข้ามาแทน

“เกรย์...”

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“คนเมื่อกี้” ลูกแกะกระซิบเสียงค่อย หัวยังซุกอยู่กับอกเขา แม้ตอนนี้จะนั่งลงบนม้านั่งบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านแล้วก็ตาม “คนเมื่อกี้เขากระซิบบอก...”

คนฟังขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาอ่อนโยนฉายแววดุดันขึ้นมาทันควัน เมื่อรู้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่ใช่เพียงอุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นการตั้งใจทำเพื่อบอกสารบางอย่างแก่คนของเขา

“มันพูดว่าอะไร”

“เขาบอกให้...เลิกยุ่งกับคุณ” เสียงพูดแผ่วเบาราวกระซิบกับแรงกอดรั้งเอวที่แนบแน่นกว่าเดิมทำให้ความขุ่นมัวในใจของคนที่ใกล้จะเดือดเป็นไฟจางหายไปกว่าครึ่ง เกรย์ข่มความดำมืดเอาไว้ภายใน ขณะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความออกคำสั่งให้อเล็กซ์คาดคั้นเอาข้อมูลจากไอ้ลูกกระจ๊อกนั่นมาให้หมด

“แล้วลูกแกะจะเลิกยุ่งกับฉันหรือเปล่า”

“ไม่” หัวทุยที่ซุกอยู่กับอกเขาส่ายไปมาเป็นการปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด เพียงเท่านั้นเกรย์ก็ยิ้มกว้าง สองมือประคองแก้มใสให้เงยขึ้นมองกันแล้วจูบลงบนหน้าผากขาวเพื่อให้รางวัลอย่างอ่อนโยน

“เก่งมาก” เขาชมแล้วดึงลูกแกะเข้ามากอดอีกครั้ง โดยไม่ลืมเหลือบไปมองคนที่แอบซุ่มดูอยู่ซึ่งกำลังกัดฟันกรอดพร้อมส่งยิ้มไปให้ ถึงจะเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้ามาแทรกก็ยังมีโอกาสแสดงความรักให้แมลงน่ารำคาญดูอยู่ดี เห็นแบบนี้จะได้เลิกหวังสูง คิดอยากแย่งลูกแกะไปเสียที

หลังจากเห็นชื่อของคนที่ทักลูกแกะมาแบบไม่เกรงกลัวในไอจี เกรย์ก็จดจำใบหน้านั้นเอาไว้ในใจ โดยไม่คิดทำอะไรมากไปกว่านั้น เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีคุกคาม แต่คาดไม่ถึงว่าการได้มาเหนือในครั้งนี้จะทำให้ได้พบเจอกับแมลงน่ารำคาญนั่นโดยบังเอิญที่ร้านดอกไม้ของภีม คนสำคัญของเพื่อนเขาเมื่ออาทิตย์ก่อน กลายเป็นจากที่จะได้เจอเพื่อนต้องเลื่อนไปทีหลัง แล้วเอาเวลาไปเตือนให้เลิกยุ่งกับคนของตัวเองแทน แน่นอนว่าการพูดเตือนกันด้วยหน้ากากยิ้มแย้มคงทำให้กลัวไม่ได้ เขาจึงบอกให้มาที่ห้างในวันนี้ เพื่อให้แมลงนั่นได้เห็นกับตาตัวเองว่าลูกแกะตัวนี้เป็นของใคร

“ยังอยากไปซื้อของอยู่หรือเปล่า” เกรย์ก้มหน้าถามคนในอ้อมแขนอีกรอบ ซึ่งก็ได้รับการส่ายหน้าตอบกลับมา ตัวเขาเข้าใจดีอยู่แล้ว เพราะต่อให้ทำเหมือนไม่ได้กลัวมากมาย หากมือที่เกาะกันไว้ไม่ปล่อยก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าลูกแกะหวาดระแวงอยู่ไม่น้อย

“กลับห้องก่อนได้ไหม เอาไว้วันหลังค่อยมาใหม่นะ”

“ได้” เขาพาลูกแกะเดินไปด้านนอก พาไปส่งถึงรถ แต่ไม่ได้ขึ้นตามไปด้วย “ลูกแกะกลับไปพร้อมวิคเตอร์ก่อนได้หรือเปล่า”

“คุณมีธุระเหรอครับ”

“อืม คนของฉันบอกว่าคิงอยู่ที่นี่ คงต้องไปทักทายสักหน่อย หรือนายอยากไปด้วยกันไหม”

แม้จะเป็นห่วงคนที่ต้องกลับไปก่อน แต่เกรย์ก็ไม่อาจปล่อยเวลาไปมากกว่านี้ ยิ่งได้เห็นว่าลูกแกะถูกเตือนให้ออกห่าง เขาก็ยิ่งรู้ตัวว่าจะต้องรีบจบศึกระหว่างเพื่อนกับแม่มดเสียที เพราะไม่ว่าแม่นั่นจะเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่การต้องจัดการเรื่องพวกนี้พร้อมๆ กันคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดี

“ผม...กลับก่อนดีกว่า” ลูกแกะน้อยที่ยังไม่พร้อมจะเจอพี่ชายคนโตส่ายหน้า มือเอื้อมมาจับปลายนิ้วของเขาแล้วส่ายไปมาเบาๆ “คุณรีบกลับนะครับ”

“เข้าใจแล้ว” คนที่ถูกเร่งแบบอ้อนๆ ตอบรับพร้อมรอยยิ้มยืนยัน “ไม่เกินหนึ่งชั่วโมงฉันจะตามกลับไป ดูหนังรอไปก่อนนะ”

“อื้อ”

หลังจากส่งลูกแกะขึ้นรถไปแล้ว เกรย์ก็เดินกลับเข้าไปในตัวห้างอีกครั้ง คราวนี้เพื่อจัดการธุระเรื่องแมลง แล้วก็เดินมั่วๆ ให้ไปเจอเพื่อนสนิทโดย ‘บังเอิญ’ หากเมื่อก้าวเท้าเข้าไปด้านใน การ์ดคนหนึ่งของเขาก็เดินตรงเข้ามาหา มือลากแขนของชายหนุ่มที่ได้รับฉายาว่าแมลงให้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า และเพียงแค่ได้สบตากัน เกรย์ก็ฉีกยิ้มกว้าง หยิบหน้ากากที่ถูกใช้เป็นประจำกับคนไม่สนิทออกมาใส่

“ไง มาจริงๆ ด้วยสินะ”

“ปล่อยกู!”

“จุ๊ๆ อย่าพูดหยาบคายสิ ไอไม่คิดเลยนะเนี่ยว่ายูจะมาจริงๆ” ภาษาไทยแปร่งๆ ที่พอจะใช้สื่อสารได้บ้างถูกพูดออกไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผิดกับตัวตนที่แท้จริงของเขาโดยสิ้นเชิง “ทีนี้จะเลิกยุ่งกับคนของไอได้หรือยังหือ”

“กู…”

“นายครับ”

ชายหนุ่มยกมือห้ามไม่ให้แมลงน่ารำคาญพูด ก่อนจะหันไปสนใจการ์ดที่เดินเข้ามากระซิบข้อความบอกว่าเพื่อนของเขาอยู่ในร้านอาหารแล้วแทน

“อา... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปด้วยกันเลยแล้วกัน” พูดจบเขาก็เดินนำไปที่ร้านอาหาร ปล่อยให้การ์ดลากคนที่ส่งเสียงโหวกเหวกให้ปล่อยมือเดินตามมาด้านหลัง กระทั่งไปถึงร้านอาหารซึ่งเป็นจุดหมายแล้ว เกรย์ก็คีบแขนเสื้อแมลง ลากให้เดินเข้าไปในร้านด้วยตัวเอง

(ต่อด้านล่าง)
.
.

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.4]=[P.3]==[06/11/18]
«ตอบ #76 เมื่อ23-11-2018 21:27:10 »




“คิง?” เขาแสร้งส่งเสียงประหลาดใจ เมื่อเดินไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาคุ้นเคยซึ่งนั่งอยู่บนรถวีลแชร์โดยที่ข้างกายมีชายหนุ่มท่าทางสุภาพนั่งอยู่ด้วยอีกคน

อา... คงจะเป็นคนสำคัญของเพื่อนเขาสินะ

“เกรย์” คนที่ไม่ได้เจอมานานนับปีหันมาเลิกคิ้วมองด้วยความไม่เข้าใจ เป็นเวลาเดียวกันกับที่คนตัวขาวที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมาสบตาเขาพอดี เกรย์มองใบหน้าสะอาดสะอ้านของคนที่ดูร้ายลึกด้วยความแปลกใจ ไม่คิดว่าเพื่อนของเขาจะแพ้ทางคนแบบนี้ แต่เอาเถอะ...

“ปล่อยกู!”

“ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”

เกรย์ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะใช้มือดันแมลงที่น่าจะเอามาใช้ประโยชน์ได้เข้าไปนั่งติดกระจกแล้วแทรกตัวนั่งปิดทางออกไว้ พอได้มองหน้าเพื่อนที่ดูสงสัยอย่างเห็นได้ชัดก็ยักไหล่ ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับพูดเรื่องจริงทั้งที่โกหกแทบทุกคำ

“ตอนแรกจะมาหายูนั่นล่ะ แต่พอดีเจอหมาบางตัวคิดจะโขมยกระดูกซะก่อน...” คงจะมีแค่เรื่องหมาคิดโขมยกระดูกที่เป็นเรื่องจริง “เลยเลื่อนเวลาไปหน่อย กะจะไปหายูอาทิตย์หน้า ใครจะไปคิดว่าจะมาเจอที่นี่พอดี”

“อืม” จักรพรรดิรับคำสั้นๆ หากดวงตาบ่งบอกชัดเจนว่าไม่เชื่อสิ่งที่เกรย์พูดเลยแม้แต่คำเดียว

“ว่าแต่นั่นคือ...” คนหน้าหนาลากเสียงยาวขณะหันไปมองแขกอีกคนเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“อย่ามายุ่งกับคนของฉัน” ภาษาฝรั่งเศสดุดันพร้อมแววตาเชือดเฉือนที่มองมาไม่ได้ทำให้เกรย์หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงประหลาดใจเท่านั้นที่เห็นเพื่อนสนิทเป็นได้มากถึงขนาดนี้

“โอเคๆ” สองมือยกขึ้นข้างศีรษะเป็นเชิงบอกยอมแพ้ ทว่าปากกลับยกยิ้มไม่เปลี่ยนแปลง แม้แต่ภาษาก็ยังเลือกใช้ภาษาไทยที่ไม่ถนัด บอกให้รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาพูดเรื่องสำคัญอะไร “ว่าแต่ทำไมยูไม่ติดต่อมาเสียที”

“กำลังจะติดต่อไป แต่นายมาก่อน” คนพูดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปใช้ภาษาฝรั่งเศสที่คนบนโต๊ะฟังไม่ออกอีกครั้ง “มีคนจับตาดูฉันอยู่”

“หืม…”

“การที่นายมาที่นี่ด้วยตัวเองจะทำให้ฝั่งนั้นรู้ตัวเร็วขึ้น มินตราคงจะรู้แล้วว่าฉันคิดจะทำอะไรบางอย่าง”

“ยังไงก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่” เกรย์ตอบเป็นภาษาบ้านเกิด ใบหน้ากลับมาเฉยชาอีกครั้งเมื่อต้องพูดเรื่องจริงจัง “ทำให้เห็นแบบนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร ยังไงเธอก็ไม่กล้าทำอะไรเกินกว่าเหตุอยู่แล้ว”

“แล้วเรื่องบริษัทเป็นยังไง”

“กว้านซื้อหุ้นมาหมดแล้ว อยากจะบีบให้ตายก็ทำได้ แต่ในเมื่อนายอยากจัดการเองก็แล้วแต่ อย่าให้มันนานเกินไปก็แล้วกัน”

“เรื่องนี้ไปคุยกันที่อื่น” จักรพรรดิเอ่ยเมื่อรู้สึกเหมือนคนที่เกรย์พามาและรู้จักกับคนของเขาฟังภาษาฝรั่งเศสรู้เรื่อง ดวงตาล่อกแล่กที่ลอบมองมาหลายทีบ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าตัวตั้งใจฟังอยู่ และเมื่อเห็นเกรย์พยักหน้า เขาจึงหันไปพูดกับคนข้างกายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด  “ภีม...พี่ขอไปเดินเล่นกับเกรย์หน่อยนะ”

ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังร่ำลากัน ชายหนุ่มตาฟ้าก็หันกลับไปหาแมลงน่ารำคาญที่มองเขาแบบหวาดๆ อีกครั้ง พร้อมกันกับที่รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า แทนที่รอยยิ้มร่าเริงในตอนแรกซึ่งเป็นเพียงหน้ากากจอมปลอม

“อยู่เป็นเพื่อนคนของคิงจนกว่าเขาจะขอตัวไปเอง แล้วก็อย่ายุ่งกับคนของฉันอีก เพราะครั้งหน้าจะไม่ใช่การเตือนเด็กๆ แบบนี้แน่” จบคำเขาก็ผุดลุกขึ้นเต็มความสูง เข็นรถวีลแชร์พาเพื่อนเดินออกไปด้านนอกโดยไม่หันกลับไปมองด้านหลังอีกเลย

เมื่อได้มาอยู่กับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเห็นสันดานกันมาตั้งแต่เด็ก เกรย์ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใส่หน้ากากอีก เขาคลายรอยยิ้มน่ารำคาญที่ไม่ได้มาจากใจ ให้การ์ดคนหนึี่งเข้ามาเข็นรถเพื่อน แล้วเดินไปพร้อมๆ กันแทน

“นายต้องรีบจบเรื่องได้แล้ว” เกรย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชา ไม่ยินดียินร้ายกับอะไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะให้คำสัญญาว่าจะให้คิงตัดสินใจทุกอย่างตั้งแต่แรก แม่มดคงถูกจัดการไปนานแล้ว

“หลักฐานครบแล้วหรือไง”

“ก็มากพอจะทำให้เข้าไปอยู่ในคุกได้ แต่ถ้าต้องการมากกว่านี้ ไม่ให้เหลืออะไรติดตัวเลยแม้แต่อย่างเดียว ก็ต้องลากทรัพย์สินอย่างบ่อนใต้ดินพวกนั้นออกมาด้วย”

“จัดการเลย”

“หืม... ยอมลุยต่อแล้วเหรอ”

คนฟังเพียงเหลือบตามองด้วยแววตาเย็นชาโดยไม่ได้พูดอะไร เพราะมั่นใจว่าเกรย์รู้ดีอยู่แล้วว่าเขาโดนบีบให้กลับมาลงสนามต่อ

“ฉันไม่ต้องการให้ภีมเป็นอันตราย”

“พอถึงเวลาตัดสินใจให้เด็ดขาดแบบนี้ก็แล้วกัน” คนรู้ทันพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่มีสายเข้าขึ้นมาดู “เดี๋ยวจะให้คนพากลับไปหาคนของนาย ไว้เจอกัน”

“อืม”

เกรย์หมุนตัวเดินไปอีกทาง พร้อมกดรับสายของวิคเตอร์ด้วยความรู้สึกกังวลใจแบบแปลกๆ ตอนนี้เขาโยนหน้าที่เกี่ยวกับงานให้ลูคัสทำ โดยให้วิคเตอร์รับหน้าที่ดูแลลูกแกะเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่อีกฝ่ายจะโทรมาพูดเรื่องงาน

“หนึ่งประโยค” น้ำเสียงที่ถูกกดต่ำลงทำให้ปลายสายสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และในวินาทีที่ได้ยินประโยคบอกเล่าจากปากลูกน้องคนสนิท คนที่ใจเย็นได้กับทุกเรื่องก็ออกตัววิ่งเต็มฝีเท้า มุ่งหน้าไปที่รถโดยไม่สนใจสายตาของใครทั้งสิ้น

[ตอนนี้คุณประมุขอยู่ที่โรงพยาบาลครับ]



------------------------


TALK: เหตุการณ์ช่วงนี้จะซ้อนทับกับในเรื่องจักรพรรดิค่ะ แต่พอมาอยู่ในมุมมองของเกรย์ก็จะให้ฟีลลิ่งอีกแบบ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #77 เมื่อ23-11-2018 22:53:05 »

เออ ชัดเจนดีเนาะ ประโยคถึงกับมีเรื่องต้องพุ่งตัวเลย

ประมุขคือจะซื่อก็ไม่ใช่ จะเด๋อก็ไม่เชิง
แค่เลือกจะรับรู้มากกว่า เลยมองโลกค่อนข้างบวก

โอ๊ยยยย แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ ประมุขถึงไปอยู่รพ.
แล้วสองก็พาซื่อเนาะ มาตามนัดจริงด้วย

คิงภีมก็ชีวิตวุ่นวายไปอีกค่ะ รอลุ้นทางฝั่งเกรย์ว่าจะทำยังไง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #78 เมื่อ24-11-2018 00:07:52 »

อ้าว..... ลูกแกะมุข ไปเจออะไรเข้าล่ะถึงกับเข้าโรงบาล  :a5:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #79 เมื่อ24-11-2018 00:55:48 »

ประโยคสุดท้ายนี่สั้นตรงประเด็นดีจัง โอ๊ยย ลูกแกะเป็นอะไร๊ ใครทำอะไรน้องง อ่านเรื่องของคิงมาก่อน แอบจิ้นคุณเกรย์กับแมลงวันด้วยทีแรก พอมามองมุมนี เอ๊ะ ตอนนั้นจิ้นไปได้ยังไงกันนะ 555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
« ตอบ #79 เมื่อ: 24-11-2018 00:55:48 »





ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #80 เมื่อ24-11-2018 13:08:30 »

ประมุขลูกกก เป็นอะไรคะเนี่ย :sad4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #81 เมื่อ24-11-2018 14:00:06 »

ประมุขเป็นอะไรทำไมเข้ารพ. ล่ะ

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #82 เมื่อ24-11-2018 18:40:05 »

ค้างงงง น้องมุขเป็นอะไร ทำไมถึงต้องเข้ารพ. มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1789
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #83 เมื่อ24-11-2018 22:43:58 »

น้องมุขทำไมอยู่รพ. น้องเป็นอะไรรึเปล่า :sad4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #84 เมื่อ25-11-2018 03:06:03 »

ใครทำอะไรลูกแกะะะะะะะะะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #85 เมื่อ25-11-2018 18:21:43 »

เกิดอะไรกับลูกแกะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #86 เมื่อ25-11-2018 22:07:05 »

 :pig4:

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #87 เมื่อ27-11-2018 12:32:42 »

ประมุขเป็นอะไรนิ้

ออฟไลน์ Margarita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #88 เมื่อ30-11-2018 15:54:39 »

 :pig4:

ออฟไลน์ CHESS.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +228/-2
Re: ┌▼3KINGS▲┘==ประมุข==[CH.5]=[P.3]==[23/11/18]
«ตอบ #89 เมื่อ03-12-2018 19:32:05 »

-6-


“ระวังอย่าเพิ่งให้แผลโดนน้ำนะครับ” นายแพทย์หนุ่มกล่าวเตือนขณะตรวจสอบผ้าพันแผลเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเรียบร้อยจึงลุกขึ้นยืนส่งยิ้มให้คนไข้ที่นั่งกะพริบตามองขาตัวเองเงียบๆ เหมือนไม่เจ็บเลยสักนิดอีกรอบ

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

หลังจากแพทย์คนดังของโรงพยาบาลผู้ถูกเรียกตัวมาทำแผลให้ประมุขเดินออกไปแล้ว คนที่นั่งนิ่งมาตลอดก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าที่ถูกบังคับให้นิ่งเฉยแสดงอาการเจ็บปวดออกมาเล็กน้้อยเมื่อได้อยู่คนเดียว แต่ผ่านไปไม่ถึงนาทีเสียงพูดคุยและเปิดประตูจากด้านนอกก็ดังขึ้นจนเขาต้องกลับไปแสดงสีหน้าเหมือนเดิมอีกครั้ง

“นายครับ...”

“ยังไม่ต้องพูด” น้ำเสียงดุดันดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องเมื่อผู้พูดผลักประตูเข้ามาพอดี ดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นที่ดูเย็นชาจนน่าใจหายจับจ้องมาที่เขานิ่งงัน เพียงเท่านั้นประมุขก็เผยความอ่อนแอออกมา โดยการยื่นแขนออกไปหา เรียกร้องให้คนตัวโตเดินเข้ามากอดกันด้วยสีหน้าออดอ้อน

“มาแล้วเหรอ” เขาซุกหัวลงกับหน้าท้องของเกรย์ สองแขนกอดรอบเอวสอบเอาไว้แน่น ทั้งเพื่อควบคุมความสั่นไหวในจิตใจ และเพื่อทำให้คนน่ากลัวกลับมายิ้มให้กันเหมือนเดิม

ผ่านไปครู่ใหญ่ที่ทั้งสองกอดกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา ในที่สุดเกรย์ก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดันไหล่ลูกแกะในอ้อมแขนให้ผละออกแล้วนั่งลงด้านข้าง มือจับแขนจับตัวหมุนไปหมุนมาเพื่อมองหาว่ามีส่วนใดที่ได้รับบาดเจ็บนอกจากที่ขาอีกหรือเปล่า

“เจ็บมากไหม”

“นิดเดียว” ประมุขคลี่ยิ้มเพื่อเสริมให้คำพูดดูน่าเชื่อถือ แต่เหมือนมันจะไม่ได้ผลเท่าไหร่นักในเวลาแบบนี้

“โกหก วันนี้นอนโรงพยาบาลเถอะ เดี๋ยวฉันให้คนกลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้”

“ไม่เอา” คนฟังรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงจะไม่ได้มีอคติอะไรกับโรงพยาบาล แต่ถ้าไม่จำเป็นแล้วต้องมานอนก็อดหวาดระแวงไม่ได้เหมือนกัน เต้ยิ่งชอบเอาเรื่องน่ากลัวๆ มาเล่าให้ฟังอยู่ด้วย “ผมไม่เป็นไรจริงๆ กลับห้องกันเถอะนะครับ”

เกรย์มองคนกลัวผียิ่งชีพที่จับมือเขาเอาไว้แน่นเพื่อออดอ้อนเงียบๆ ขณะไล่สายตาลงไปมองขาข้างขวาของเจ้าตัวที่มีผ้าพันแผลพันทับเอาไว้ แม้ตอนเดินเข้ามาหมอจะบอกว่ามีแผลแค่จุดเดียวและไม่ได้อันตรายอะไรมาก แต่เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดีที่มันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับคนของตัวเอง

“รู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น”

ประมุขเอียงคอสงสัย สมองประมวลผลอยู่ครู่ใหญ่จึงเข้าใจว่าเกรย์ต้องการถามเรื่องอะไร เขารีบพยักหน้าหงึกหงักอย่างรู้งาน ตั้งใจจะทำให้คนข้างกายพอใจ จะได้ไม่ต้องนอนค้างที่โรงพยาบาลทั้งที่ไม่จำเป็น

“คุณลุงที่ขับรถอีกคันบอกว่าหลับในก็เลยพุ่งมาชนรถเราครับ จริงๆ ถ้ากระจกไม่แตกจนมาบาดขาผมก็คงไม่เป็นอะไรมาก แล้วแกก็ขอโทษหลายรอบแล้วด้วย”

“บอกไหมว่าทำไมหลับใน”

“แกบอกว่าเมื่อคืนเฝ้าไข้ลูกสาวจนดึกก็เลยไม่ได้นอน”

“แล้วเชื่อไหม”

หน้าตาคนถูกถามบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ได้เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ไม่เชื่อ เหมือนฟังมาแล้วไม่คิดอะไรมากกว่า พอมีคนมาสะกิดแบบนี้จึงรู้สึกลังเลขึ้นมา เริ่มคิดในใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใช่ความบังเอิญหรือเปล่า

“เขา...จงใจเหรอครับ”

“ลูกแกะ...” เกรย์ถอนหายใจ ตามองคนสบายๆ ที่มองโลกในแง่ดีด้วยแววตาอ่อนลง “รู้ใช่ว่าถ้าก้าวมาในโลกทางนี้... ก้าวมายืนอยู่ข้างฉันแล้ว ชีวิตจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

“คุณบอกผมแล้ว”

“ฉันไม่ได้จะบอกให้ลูกแกะเปลี่ยนไป แต่อยากให้ระวังตัวแล้วก็มองการณ์ให้ไกล ถ้ามีคนมาทำให้เจ็บตัวไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม อย่าปล่อยเรื่องไปง่ายๆ แบบนี้อีก” เขาเชยคางลูกแกะที่เริ่มทำท่าทีสำนึกผิดให้กลับมาสบตากันเหมือนเดิม “วิคเตอร์คือลูกน้องของฉัน และลูกน้องของฉันทุกคนได้รับคำสั่งให้ทำตามคำสั่งนาย เพราะงั้นการที่นายยืนยันให้พวกเขาปล่อยคนทำผิดไปมันจึงถือเป็นคำสั่งที่ต้องปฏิบัติตาม แม้มันจะมีอะไรน่าสงสัยเต็มไปหมด เข้าใจหรือเปล่า”

“ครับ”

“ฉันไม่ได้ดุ ไม่ได้ไม่พอใจ แต่เป็นห่วงมาก”

“ผมรู้” ลูกแกะน้อยพยักหน้า “ทีหลังผมจะไม่คิดอะไรง่ายๆ แบบนี้แล้ว”

“ดีมาก” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ เกรย์ก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง “ความใจดีของนาย เก็บไว้ใช้กับฉันคนเดียวก็พอ”

เมื่อพูดคุยกันจนเข้าใจ ลูกแกะตัวน้อยก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินเอง เกรย์เป็นคนอุ้มคนที่พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถลงไปนั่งที่รถเข็น เห็นท่าทีไร้ความเขินอาย ซ้ำยังดูชอบใจของอีกฝ่าย เขาก็ได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเดินไปพร้อมกันโดยมีวิคเตอร์เข็นรถให้

“ชอบเหรอ” และแล้วก็ทนไม่ไหวจนต้องถาม ขณะมองคนที่ยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในอ้อมแขน ระหว่างที่กำลังจะอุ้มขึ้นไปนั่งบนรถ ตอนแรกๆ ก็บ่นอยู่หรอกว่าเดินเองได้ แต่ไม่รู้ทำไมพอโดนบังคับอุ้มไปทีเดียว หลังจากนั้นก็ยื่นแขนให้อุ้มด้วยตัวเองเสียอย่างนั้น

“ชอบมาก”

“งั้นจะอุ้มบ่อยๆ”

ลูกแกะอมยิ้มจนแก้มตุ่ย ไม่มีท่าทีปฏิเสธใดๆ ซ้ำยังแสดงสีหน้าเห็นใจ เหมือนจะบอกว่าถ้าหนักผมขี่หลังแทนก็ได้นะใส่เขาด้วย

เมื่อขึ้นมาอยู่บนรถแล้วคนที่ถูกสถาปนาเป็นคนป่วยก็เอนตัวมาพิงไหล่เกรย์ด้วยท่าทีอ่อนเพลีย ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะต้องเจออะไรมากมายในวันเดียว ทั้งโดนชน โดนขู่ แล้วยังถูกรถชนจนกระจกแตกมาบาดขาอีก

เจอกันไม่ทันไรก็เจ็บตัวแล้ว...

ยามอยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่ถิ่นตัวเองอันตรายอย่างไรเกรย์ย่อมรู้ดี เพราะแบบนั้นเขาจึงเรียกทีมเอให้มาพร้อมกัน ทั้งหมดเพื่อปกป้องคนสำคัญให้ดีที่สุด แต่ถึงอย่างไรเรื่องการจัดฉาก แสร้งทำให้เกิดอุบัติเหตุพวกนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก หากคนขับรถไม่ใช่มืออาชีพในทีมของเขา ผลสุดท้ายอาจไม่จบลงด้วยการที่ลูกแกะโดนกระจกบาดก็ได้

“วิคเตอร์”

“ครับนาย”

“มันเป็นใคร” เกรย์ก้มลงมองลูกแกะที่หลับตาพริ้มพิงไหล่เขาไว้ด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะช่วยจัดท่าให้อีกคนลงไปนอนบนตักดีๆ จะได้สบายตัวมากขึ้น

“ชื่อโชคชัย เป็นพนักงานธนาคารที่เพิ่งถูกไล่ออกจากงานเมื่อเดือนก่อน สถานะโสด ไม่มีครอบครัว ไม่มีภรรยาหรือลูกติด ปัจจุบันผันตัวมารับจ้างทั่วไป รวมถึงรับทำงานสกปรกตามที่มีคนต้องการ ตอนนี้คนของเรากำลังเค้นเรื่องผู้ว่าจ้างอยู่ครับ”

“ต่อไปถ้าไปไหนกับลูกแกะแล้วเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก บอกข้อมูลหรืออะไรที่ผิดสังเกตกับเขาตามตรงแล้วค่อยให้ตัดสินใจ อนุญาตให้ตักเตือนได้ตามสมควร”

“ครับนาย”

ถึงตอนมีอุบัติเหตุลูกแกะจะบอกว่าไม่เป็นไร ยิ่งได้ฟังเหตุผลของคนทำก็ยิ่งใจอ่อน และแม้ลูกน้องของเขาจะปฏิบัติตามคำสั่งให้ปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่ถกเถียง ทว่ามืออาชีพย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ และเกรย์ให้สิทธิ์ขาดแก่การ์ดทุกคนในเรื่องของการหาข้อมูล เขาไม่ชอบความผิดพลาด ไม่ชอบความล่าช้า เพราะฉะนั้นถ้าต้องการรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญแบบนี้ ทุกคนต้องให้คำตอบได้ในทันที

การบอกให้วิคเตอร์และคนอื่นๆ บอกข้อมูลหรืออะไรที่ผิดสังเกตแก่ลูกแกะจึงไม่ใช่เพียงการปกป้องให้อยู่ด้านหลังอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เป็นการให้สิทธิ์ขาดแก่เจ้าตัวในการตัดสินใจเรื่องราวตามสมควร ถ้าการ์ดบอกว่ารถคันนั้นตั้งใจชน เขาเชื่อว่าลูกแกะต้องไม่ตัดสินใจปล่อยไปแบบนี้แน่ คนที่เขาเลือกไม่ใช่พวกหัวอ่อน ลูกแกะน้อยเป็นเพียงคนธรรมดาที่มองโลกในแง่ดีและใช้ชีวิตแบบธรรมดามาโดยตลอด

แต่เมื่อไหร่ที่ปรับตัวได้... เกรย์เชื่อว่าลูกแกะจะกลายเป็นคนที่คู่ควรจะยืนอยู่ข้างเขาอย่างแน่นอน

“อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้ฉันได้รับคำตอบเรื่องหนึ่ง”

แม้จะเจอปัญหาน่ากลัวขนาดไหน ลูกแกะก็ยังเลือกที่จะอยู่ข้างเขาเหมือนเดิม

ดวงตาเย็นชาอ่อนแสงลงและเริ่มปรากฏประกายแวววาวมีความสุข ในใจอบอุ่นขึ้นมาจนรู้สึกได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มลูบหัวลูกแกะที่หลับสนิทไปแล้วโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

มันคือ...ความรู้สึกที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานมากแล้ว





สามอาทิตย์ต่อมา ถึงเวลานัดหมายกลับไปเจอครอบครัวรวมถึงพี่ชายคนโต ประมุขนั่งจัดข้าวของด้วยความกังวลใจอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเสียดายที่คนสำคัญมีงานด่วน ไม่อาจไปพบเจอครอบครัวพร้อมกันได้ แม้เกรย์จะบอกล่วงหน้าไว้เป็นอาทิตย์แล้ว แต่เขาก็ยังไม่หายหงอยเสียที แถมสามอาทิตย์ที่ผ่านมายังแทบไม่ได้ไปไหนเลยด้วย เพราะเหมือนคนคนนั้นจะยุ่งวุ่นวายมากจนเขาไม่กล้าพูดเรื่องไปเที่ยวอีกเลย

เอาเถอะ... แค่กลับมากินข้าวพร้อมกัน นอนกอดกันจนหลับทุกวันก็ดีมากแล้ว

อาการหงอจนไม่รู้จะหงอยังไงของลูกแกะอยู่ในสายตาของเกรย์ตลอดเวลา ตัวเขาเองก็รู้สึกผิดที่ไม่อาจพาคนสำคัญไปเที่ยวได้ตามที่พูดไว้ แต่เพราะช่วงนี้เป็นช่วงสำคัญและมีเรื่องให้จัดการหลายอย่าง เขาจึงจำเป็นต้องขอเลื่อนนัดไปก่อน กระทั่งไปเจอครอบครัวเพื่อพักผ่อนด้วยกันก็ยังไปด้วยไม่ได้

“ลูกแกะ”

“ครับ” คนที่ทำหน้ามุ่ยมาตั้งแต่เช้าเพราะต้องแยกกับเกรย์หันไปหาตามเสียงเรียก พอเห็นอีกฝ่ายตบลงบนเตียงข้างตัวก็ลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆ อย่างว่าง่าย

“จำเรื่องที่มีคนขู่นายที่ห้าง แล้วก็จงใจขับรถชนนายได้หรือเปล่า”

“จำได้” ประมุขยืดตัวตั้งตรงเมื่อได้ยินหัวข้อพูดคุยที่เหมือนจะจริงจังพอควร

“ตอนแรกลูกแกะคิดว่าใครทำ”

“…” คนฟังเม้มปาก ตาหลุบลงต่ำราวกับกำลังครุ่นคิดว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่ ทั้งที่ในใจมีคำตอบตั้งแต่แรกแล้ว

“คิดว่าแม่มดใช่ไหม”

“ครับ... แต่ผมไม่รู้ว่าแม่จะทำร้ายผมทำไม” เขายอมรับง่ายๆ อดรู้สึกปวดใจไม่ได้ ยามรู้ว่าจนถึงตอนนี้แม่ก็ยังคิดทำร้ายพวกเขาสามพี่น้องไม่เลิกรา

“ไม่ใช่หรอก” เกรย์ส่ายหน้า ก่อนจะยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นลูกแกะทำท่าทางตกอกตกใจ เหมือนจะถามว่าถ้าไม่ใช่แม่แล้วจะเป็นใครไปได้ “ลูกแกะรู้หรือเปล่าว่าฉันทำงานอะไร”

“คุณเคยบอกว่าทำธุรกิจ”

“ฉันเป็นเจ้าของธุรกิจ...หลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค แล้วก็เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุดคือธุรกิจร้านอาหารที่ทำร่วมกับพี่นาย” แน่นอนว่าที่พูดไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เขาก็ไม่ได้โกหกลูกแกะเลยแม้แต่นิดเดียว “และนอกเหนือจากนั้นคือแม่ของฉันเป็นเจ้าของบริษัทอัญมณีรายใหญ่ ส่วนพ่อเป็นนักการทูตที่มีชื่อเสียง”

“…”

“การค้าขายแต่ละครั้งมีมูลค่าเป็นพันล้าน ลูกแกะพอจะจินตนาการออกไหมว่าถ้าคู่ค้าของฉันเป็นพวกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาแล้วตกลงกันไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น”

“เขาจะ...ทำร้ายคุณ”

“หึหึ ใช่แล้ว” เกรย์หัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดน่ารักๆ ของลูกแกะ แม้ในความเป็นจริงมันจะเกินกว่าคำว่าทำร้ายไปไกลก็ตาม “ที่ฉันอยากบอกก็คือแม่มดไม่ใช่คนใจกล้า ถึงจะทำเหมือนร้ายกาจขนาดไหน แต่ก็ยังสู้พี่ชายของนายหรือฉันไม่ได้หรอก เธอไม่มีทางใช้วิธีสกปรกทำแบบนี้แน่ ยิ่งถ้ารู้ว่านายเป็นคนของฉันยิ่งไม่กล้า”

“เธอไม่รู้เหรอครับ”

“ไม่รู้หรอก ทุกอย่างระหว่างเรายังคงเป็นความลับ ถ้าไม่ใช่พวกที่จงใจเล่นงานฉันโดยตรงและสืบหาข้อมูลมาอย่างดีไม่มีทางรู้แน่ และนั่นคือจุดสำคัญ”

“หรือที่ผมโดนขู่นั่น...”

“ใช่ ทั้งที่โดนขู่แล้วก็โดนรถชน พวกมันต้องการพิสูจน์ว่านายสำคัญสำหรับฉันมากขนาดไหน”

“พวกเขาเป็นใครเหรอครับ” ประมุขขยับเข้าไปหาคนข้างกายมากขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา ตอนที่ทำใจได้ว่าคนคนนั้นอาจเป็นแม่แท้ๆ เขายังพอจะมองในแง่ดีได้ว่าเธอคงไม่คิดถึงขั้นฆ่าแกงกัน แต่นี่มันไม่ใช่...

“เรื่องนี้ยังไม่แน่ใจ เพราะศัตรูของฉันไม่ได้มีแค่คนเดียว พวกที่เข้ามาหาเรื่องนั่นก็ถูกจ้างมาทั้งคู่ โอกาสค้นหาต้นตอเจอแทบจะเป็นศูนย์ แต่ฉันให้คนของเราที่อยู่ฝรั่งเศสสืบต่อแล้ว ช่วงนี้ก็ต้องระวังตัวมากหน่อย” พูดจบเกรย์ก็ยกมือขึ้นคลึงหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นของลูกแกะเบาๆ ให้คลายออก “ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ยอมให้ลูกแกะเจ็บตัวอีกเป็นอันขาด”

“ผมเชื่อคุณ”

“จะไม่ถามต่อเหรอ”

“ถาม?” ลูกแกะน้อยเอียงคอ เหมือนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าต้องถามอะไรต่ออีก

“ถามว่าทำไมฉันถึงเลือกให้นายมาอยู่ในอันตราย ทั้งที่รู้แต่แรกแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้”

“นั่นเพราะคุณต้องการปกป้องผมไม่ใช่เหรอ”

“มันก็ใช่ แต่ถ้าฉันเลือกไม่มาเจอ เราอาจจะไม่ต้อง...”

“หยุดเลย” คนฟังขมวดคิ้วไม่พอใจ “คุณจะดูถูกความตั้งใจของผมไม่ได้นะ ก็บอกแล้วว่ารอเจอมาตลอด แล้วคุณก็เตือนผมแล้วว่าถ้ามาอยู่ตรงนี้จะถอยกลับไม่ได้อีก หรือต่อให้รู้แต่แรกว่าต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ผมก็ยังจะเลือกทางเดิมอยู่ดี”

เกรย์ที่กลายเป็นคนผิดยิ้มกว้าง ไม่รู้จะทำยังไงกับเจ้าลูกแกะแสนน่ารักตรงหน้าดี สุดท้ายจึงได้แต่รั้งเข้ามากอดไว้เป็นการไถ่โทษ ไม่รู้ต้องพูดอีกสักกี่ครั้งว่าเขาดีใจมากจริงๆ ที่เลือกคนคนนี้

“ขอบคุณ”

“ผมรอมาตั้งนาน ไม่ให้ไล่ไปไหนง่ายๆ หรอกนะ”

“ไม่มีทางไล่หรอก”

หากถามว่าความผูกพันจากการคุยกันผ่านจดหมายหรือผ่านโทรศัพท์มันมากพอจะทำให้คนสองคนยึดติดในกันและกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ เกรย์คงตอบง่ายๆ ว่าใช่ และคิดว่าลูกแกะก็คงตอบแบบเดียวกัน แม้จะไม่เคยเจอหน้า ทำได้เพียงพูดคุยกันไปเรื่อยๆ แต่พวกเขาล้วนมีจุดหมายร่วมกันคือวันหนึ่งจะต้องได้เจอ คงต้องบอกว่าโชคดีที่มีความคิดเดียวกันในแง่ของความสัมพันธ์ ต่อให้ไม่ต้องพูดออกมา ก็รู้อยู่แล้วว่าต่างฝ่ายต่างอยู่ในสถานะอะไร

 สำหรับเขา ลูกแกะคือคนที่เข้ามาเติมเต็มความต้องการทุกๆ อย่าง เป็นคนแรกที่ทำให้เกรย์รู้จักคำว่าอดทน ความช่วยเหลือที่หยิบยกให้และความรู้ใจที่เขาสร้างผ่านตัวอักษรคงทำให้อีกคนเริ่มคิดไปในทางเดียวกัน อันที่จริงก็คงเป็นอย่างที่คิงว่า... เขาใช้ช่องว่างเรื่องอายุ อาศัยช่วงเวลาที่ลูกแกะอ่อนแอและยังเป็นเด็กเข้าไปช่วงชิงพื้นที่ว่างในหัวใจของเจ้าตัวมา ไม่รู้ว่าถ้าไม่ได้เข้าหาและทำให้อยากเจออยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่แรก วันนี้จะได้คนคนนี้มาอยู่ข้างกายหรือเปล่า

“เกรย์”

“หืม”

“ผมเห็นคุณคุยโทรศัพท์กับพี่เมื่อเช้า มีเรื่องอะไรเครียดๆ หรือเปล่า” คนขี้เป็นห่วงถามเสียงอู้อี้ทั้งที่ยังกอดเขาไว้แน่น “เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม”

“เดาเก่ง”

“เห็นคุณคุยกับพี่ทีไรก็มีแต่เรื่องเครียดๆ ตลอดเลยนี่นา” ว่าจบคนพูดก็ถอนหายใจซ้ำอีกที เหมือนจะบอกว่าเรื่องเครียดๆ เหล่านั้นทำให้คนสดใสเครียดตามไปด้วย “คุณกับพี่ทำอะไรอยู่เหรอ ที่ไปเจอกันที่ห้างวันนั้นก็คุยเรื่องนี้ใช่ไหม”

“ใช่” เกรย์ตอบโดยไม่ปิดบัง เพราะตอนคุยโทรศัพท์เขาก็คุยให้ลูกแกะได้ยินทุกเรื่องอยู่แล้ว “พี่ชายนายต้องการให้แม่มดลากธุรกิจที่ตัวเองพัวพันทั้งหมดออกมาด้วย และหนึ่งในนั้นคือบ่อนใต้ดินที่เป็นเครื่องทำเงินของเธอ”

“พี่ให้คุณทำอะไรเหรอ”

“ปล่อยข่าวว่าฉันต้องการบ่อน จริงๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เตรียมการมาพักใหญ่แล้ว พอพี่นายยอมลุยต่อเลยไม่ได้ยากเย็นอะไร แม่มดไม่มีอะไรน่ากลัว คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการมาตั้งแต่แรกอย่างเธอคงไม่คิดว่ามันจะเป็นกับดับ เผลอๆ อาจจะคิดว่าฉันทำธุรกิจสีเทาอยู่แล้ว ไม่น่ากล้ายุ่งกับตำรวจ อีกไม่กี่วันต้องติดต่อมาแน่” พูดถึงตรงนี้เขาก็ลุกขึ้นยืน จูงมือลูกแกะให้เดินออกไปพร้อมกันเมื่อเห็นว่าถึงเวลาต้องเดินทางแล้ว “แม่มดยังหวังสูงต้องการบริษัทคืนอยู่ เดี๋ยวคงเอาบ่อนมาเสนอ ไม่ขอให้ฉันหยุดทำลายบริษัทนั่นก็คงขอให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างเธอกับคิง เราจะใช้หลักฐานทางคำพูดพวกนั้นมัดให้ดิ้นไม่หลุด”

“หลักฐานแค่เท่าที่มีอยู่ยังไม่พออีกเหรอ”

“ไม่พอสำหรับตลอดชีวิต”

ใช่... บทจะโหดร้ายเพื่อนของเขาก็โหดร้ายได้อย่างน่ากลัว คงคิดจะถอนรากถอนโคนไม่ให้เหลืออะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว ถ้าไม่ใช่ติดคุกจนวันตาย ตอนออกมาก็ต้องไม่เหลืออะไรให้ยึดติดอีกเลย

ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าคิงจะกล้าพอจะลงมือด้วยตัวเองหรือเปล่า

เพราะถ้าไม่กล้า...เขาจะเป็นคนจัดการเอง

.
.
(ต่อด้านล่าง)


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด