[end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19  (อ่าน 38127 ครั้ง)

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ





“คุณมิว…นอนได้หรอครับ?”

“ทำไมจะไม่ได้อ่ะ?”

“ก็...มันแคบ...ผมกลัวคุณนอนไม่สบาย ห้องผมก็รก แถมยัง...”

“นี่...อยู่มาเป็นเดือนแล้ว” ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าวสวนทันควัน



ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า...มิวมิวอยู่ห้องเขามาเป็นเดือน ห้องรูหนูแบบนี้คงกลายเป็นความคุ้นชินไปอย่างไม่รู้ตัว แต่พอเป็นคุณมิวนิค...เขาก็เลยกลัว กลัวอีกฝ่ายไม่ชิน ที่ที่คุณมิวนิคเคยอยู่คงมีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ดีกว่านี้ เพราะงั้นจึงค่อนข้างลำบากใจที่คนที่แอบชอบจะมาขออยู่ด้วย



“ทำหน้าแบบนั้นทำไม ก็บอกแล้วว่าไม่ถือ”



เหมือนอ่านใจออกเชียวล่ะ บางทียังนึกสงสัยเลยว่าตกลงคุณเขาเรียนนิเทศศาสตร์หรือโหราศาสตร์กันแน่



“ครับ...ไม่คิดแล้ว”

“ขอยืมใช้คอมได้ปะ”

“...ได้ครับ”



พูดเสร็จคนอะเลิร์ทก็เด้งตัวจากเตียงลงมานั่งหน้าโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย ส่วนเขาก็เปลี่ยนขึ้นไปเหยียดแข้งเหยียดขาบนฟูกสีขาวติดหน้าต่างแทน ทีแรกก็เกร็งอยู่หรอก...แต่พออีกฝ่ายส่งสายตาเขม็งมาจึงรีบทำตัวให้เป็นปกติที่สุด คุณมิวนิคคงกำลังพยายามทำให้ทุกอย่างไม่ผิดแผกไปจากเดิมอยู่สินะ

ตกลงมิวนิค เมธานินทร์เป็นคนยังไงกัน เป็นคนเหย่อหยิ่งไม่สนใจใคร หรือเป็นคนนิสัยน่ารักชอบอ้อนเหมือนแมว ชักจะสับสนแล้วว่าตัวตนแบบไหนที่เป็นตัวตนจริงๆ ของอีกฝ่ายกันแน่

แต่ที่รู้ชัดเจนอย่างนึงก็คือ...แบบไหนเขาก็ชอบหมดซะงั้น...

แม็กซ์เวลคนกระจอก



“หมอกกก คิดถึงว่ะ...”



ทว่าความรู้สึกพองโตก็ต้องห่อเหี่ยวลงเมื่อคุณแมวในร่างมนุษย์กำลังพูดคุยยิ้มร่าอยู่หน้าจอกระจก สายหมอก อัศวเทวกุล เพื่อนชายคนสนิทเพียงคนเดียวที่คุณมิวนิคไว้วางใจ เขาควรจะรู้สึกชอบเพื่อนคนนี้เหมือนที่คุณมิวนิคชอบ แต่ไม่เลย...เขาหงุดหงิด หงุดหงิดชะมัดที่อีกฝ่ายคุยกับผู้ชายคนนั้นอย่างสนิทสนม

แย่จริงๆ

เป็นความรู้สึกที่มีต่อคนที่แอบชอบงั้นหรอ แถมยังเพิ่งเจอกันแบบจริงๆ จังๆ แค่ครั้งที่สองด้วย



“แม็กซ์เวลรู้แล้ว...อื้อ สลบไปเลย แต่คุยกันรู้เรื่องแล้ว”



เขาแอบลอบมองเมื่อมีชื่อของตนเองอยู่ในบทสนทนา พอคุณมิวนิคหันมาอมยิ้มอะไรซักอย่าง ความหงุดหงิดที่คันยุบยิบตรงช่วงอกก็อันตรธานหายไปพร้อมกับความสดใสทันที

เคยสู้อะไรเขาได้บ้างล่ะแม็กซ์เวล



“ไว้วันหลังค่อยมารับกูไปเที่ยวก็ได้น่า…น้อยใจไม่เข้าเรื่อง”



ยกไอแพดขึ้นมาไถหน้าจอแบบเนียนๆ ทว่าสมาธิกลับไม่ได้อยู่ตรงหน้าจอเลย แม็กซ์เวลพยายามเหงี่ยหูฟังในสิ่งที่ใครบางคนพูดให้ได้มากที่สุด จำเป็นจะต้องสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคุณมิวนิคมากขนาดนี้หรือเปล่า อ่า...ถ้าจะให้เป็นธรรมชาติกว่านี้ควรยกน้ำขึ้นมาจิบให้เนียนขึ้น



“แม็กซ์ๆ ...หมอกถามว่าเมื่อไรจะจีบเราอ่ะ”

“แค่กกๆ ๆ ๆ!!” คนถูกถามสำลักของเหลวหน้าดำหน้าแดง

“เราเลยบอกไปว่าแม็กซ์ไม่จีบหรอก แม็กซ์เอาแต่เขิน”

“คะ...คุณมิว!!”



แต่เมื่อเพิ่งมองไปยังหน้าจอแลปทอปที่ถูกปิดลงได้ซักพักจึงรับรู้ว่ากำลังถูกหลอกเข้าเต็มเปา สายหมอกอะไรนั่นน่าจะวางสายไปตั้งนานแล้ว ส่วนคนหลอกสำเร็จก็กำลังยิ้มอ่อนจนน่าจับมาตีก้นแรงๆ อย่างที่เห็น



“ถ้าจริงอย่างที่สายหมอกถาม...” คนที่ลุกออกมาจากเตียงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ก้มหน้าลงมากระซิบใกล้ๆ กลิ่นหอมที่อธิบายไม่ได้ว่าหอมเหมือนอะไรลอยเตะจมูก “เราก็ไม่ห้ามนะ”



พูดเสร็จจอมซนที่เปลี่ยนมาเป็นจอมแกล้งก็เดินลิ่วเข้าห้องน้ำไปพร้อมผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน เหลือไว้แต่ความงุนงงให้มนุษย์แว่นต้องตีโจทย์ปัญหาของสฟริงค์ รอบนี้เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดจะตีความไม่ออกหรอก

แต่...คุณมิวนิคจะมาไม้ไหนกันแน่ จริงหรือหลอก

แล้วหัวใจเขาจะรับไหวมั้ยนะ...

ขอบคุณพระเจ้าที่ดลใจให้คุณมิวนิคไม่เดินออกมาด้วยผ้าขนหนูพันรอบเอวเพียงชิ้นเดียวเหมือนที่ผู้ชายปกติชอบทำกัน ถึงจะชอบมากแค่ไหนแต่ก็ยังไม่พร้อมเห็นผิวกายสวยๆ ภายใต้เสื้อบางๆ นั่น แค่นี้หัวใจก็แทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้ กลิ่นแชมพูจากตัวคุณมิวนิคทำไมมันหอมขนาดนี้...



“ของดีแห่งหอพักบ้านสุขใจ”



แม็กซ์เวลหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นนอนเบิกตาโพล่งมองมาหลังจากทางเขาอาบน้ำเสร็จบ้าง มัวแต่จดจ่ออยู่กับอีกฝ่ายอยู่นั่นแหละว่าเจ้าตัวจะใส่ชุดอะไร จนลืมนิสัยตัวเองที่ชอบพันผ้าขนหนูหมิ่นเหม่รอบเอวเหมือนกัน

แล้วดูมองเข้า นี่มันเข้าข่ายการลวนลามทางสายตาแล้ว ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้มิวนิค เขาจะทำยังไงกับเด็กผู้ชายจอมหื่นตรงหน้าดี หื่นตั้งแต่ร่างแมวยันร่างคน



“ขะ...ของดีอะไรกันล่ะครับ”

“ถอดเสื้อนอนก็ได้นะ เราไม่ถือ”

“คุณมิว!!”



มากเกินไปจริงๆ แม็กซ์เวลรีบคว้าฉวยเสื้อผ้าอะไรซักอย่างที่จะสัมผัสได้วิ่งลิ่วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำอย่างไม่คิดชีวิต ต่อไปนี้ต้องมีสติให้มากๆ จะเผลอแก้ผ้าล่อนจ้อนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเกรงใจรูมเมทที่อาศัยอยู่ด้วยหรอก แต่เพื่อหลบเลี่ยงการถูกคุกคามจากรูมเมทจอมหื่นต่างหากล่ะ



“แม็กซ์ อยากกินนมในตู้เย็น”

“ครับ เดี๋ยวผมเอาให้”

“เห้ย ไม่ต้อง...เราขออนุญาตเฉยๆ”



ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็เดินดุ่มๆ เข้าไปเปิดตู้เย็นเทนมเปรี้ยวรสองุ่นใส่แก้วกลับมานั่งดื่มหน้าคอมพิวเตอร์ตามเดิมเหมือนเดิม แม็กซ์เวลรู้สึกผิดที่เมื่อก่อนเขาให้มิวมิวกินอาหารแค่เวลาเช้ากับเย็น เพราะกลัวน้องจะอ้วนจึงไม่ตามใจปาก ทว่าดูคุณมิวนิคตอนนี้สิ จากสมัยก่อนตอนเขาเป็นแฟนคลับที่มักจะได้ยินว่ามิวนิค เมธานินทร์เป็นคนกินยาก เลือกกินเป็นที่หนึ่ง แต่คงไม่ใช่ตอนนี้

คุณมิวนิคน่าสงสารเหลือเกิน



“หืม มีอะไรหรอ” คนถูกมองทำตาแป๋ว

“คือ...ถ้าหิวอะไรบอกผมได้เลยนะครับ อย่าอดนะ”

“หึ”



คนฟังหลุดยิ้มราวกับอ่านใจเขาได้ ก่อนจะกระดกแก้วของเหลวสีขาวในมือเข้าปากอึกใหญ่ ทิ้งไว้เพียงคราบนมที่เปรอะเลอะไปทั่วขอบปากสีชมพูจาง



“เช็ดปากให้หน่อย”

“คะ...ครับ?”

“เช็คปากให้เราหน่อย มันเลอะอ่ะ” แตะนิ้วไปมายังจุดดังกล่าว

“ทำไม...เอ่อ ไม่เช็ดเองล่ะครับ”

“ก็เช็ดเองได้แหละ...” มิวนิควางแก้วในมือลง เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง กลิ่นมิ้นท์ในห้องเริ่มผสมปนเปกับกลิ่นนมอ่อนๆ ทำเอาคนตัวโตหลุดกลืนน้ำลายดังเอื้อก “แต่อยากให้เช็ดให้มากกว่า”

“คะ...ครับๆ! เช็ดก็เช็ด”



ว่าเสร็จมนุษย์แว่นที่เลิ่กลักทำอะไรไม่ถูกก็กวาดมือควานหากล่องทิชชู่รอบๆ ทว่าเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ทิชชู่หมดพอดี มันเหมาะเจาะแม่นยำราวกับแช่แป้ง แม็กซ์เวลเหลือบมองแมวน้อยในร่างคนที่กำลังอมยิ้ม



“เอามือเช็ดก็ได้...ไม่ถือ”



เคยคิดหรือเปล่าว่าในโลกนี้ ผู้ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารอาจเป็นแมว ดังเช่นเขาตอนนี้ที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ซักอย่าง และถ้าไม่อคติจนเกินไป...บางทีคุณมิวนิคอาจอยู่เหนือการควบคุมนี้เช่นกัน และก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่กำลังถูกควบคุมโดยคุณมิวนิค

มิวนิคผู้ร้ายกาจ

ก้านนิ้วโป้งค่อยๆ ยกขึ้นปาดป้ายคราบสีขาวขุ่นบนกลีบปากนุ่มนิ่มอย่างกล้าๆ กลัว เป็นวินาทีเดียวกับที่เขาเห็นอีกฝ่ายพยายามกลั้นยิ้มอะไรซักอย่าง มันรู้สึกจั๊กจี๋หัวใจก็ตรงที่ไม่ว่าคุณมิวนิคจะยิ้มแบบไหนก็กลับดูดีไปเสียหมด แฟนคลับทุกคนเป็นแบบนี้กับเมนตัวเองหรือเปล่า?



“สะ...เสร็จแล้วครับ”

“ขอบคุณนะ”

“เอ่อ...มีคนเช็ดให้บ่อยหรอครับ”

“เปล่า...แม็กซ์คนแรก”



เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่หยี่ระขณะที่สายตาเปลี่ยนมาจดจ่อกับหน้าจอกระจกแทน แม็กซ์เวลรีบล้มตัวลงนอนบนเตียงทันทีเมื่อได้ฟังประโยคดังกล่าว กล้าพูดออกมาได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแรก

นั่นมันเท่ากับว่าเขาพิเศษสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรอ!

มนุษย์แว่นใช้เวลาดับความฟุ้งซ่านไปกับการไถหน้าจอไอแพดเช็คตลาดหุ้น อย่างน้อยก็แค่ตอนนี้...ไม่อยากทำให้คุณมิวนิคอึดอัดเวลาอยู่กับเขา จะเอะอะเขินตลอดเวลาแบบนี้ไม่ได้นะแม็กซ์เวล

รู้สึกได้ถึงความยวบลงของฟูกเตียง เป็นคุณมิวนิคที่ค่อยๆ คลานขึ้นมานอนลงข้างๆ หลังจากโน๊ตบุคบนโต๊ะญี่ปุ่นถูกพับเก็บลงเรียบร้อยแล้ว แถมยัง...เขยิบมากอดอีก เอาขาเกยกันด้วย มันจะเกินไปแล้วไหมคุณ!



“ดะ...เดี๋ยวผมไปเอาฟูกอีกอันมาปูครับ”

“ปูทำไม นอนด้วยกัน”

“ไม่ดีหรอกครับ...ผมว่า”

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เราต้องนอนกอดนายอ่ะ ก็นายทำให้เราติดกอด แล้วจู่ๆ จะมาทิ้งกันไปแบบนี้เราจะนอนหลับได้ไง รับผิดชอบการกระทำด้วยคุณแม็กซ์เวล”



จอมดื้อเขยิบใบหน้าเข้ามาเกยไหลเขาจนแทบจะวางลงบนแผ่นอก แล้วมันเจ้าตัวเองไม่ใช่หรอที่ถือวิสาสะขึ้นมานอนบนตัวเขาเองตั้งแต่สมัยเป็นแมว

เป็นมิวมิวก็ขี้ตู่ เป็นมิวนิคก็ขี้ตู่



“คุณมิว...” เอ่ยเสียงอ่อย เหนื่อยใจกับผู้ชายแสนอันตรายคนนี้

“ขอนอนด้วยนะครับ”



แล้วเขาเคยขัดใจอีกฝ่ายได้ด้วยหรอ แม็กซ์เวลตอบกลับด้วยการเอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟค้างเตียงจนกระทั่งทั้งห้องตกอยู่ในความมืด เหลือเพียงแสงจันทร์อ่อนๆ ที่กำลังไหลลอดโลมเลียร่างของเราทั้งคู่ กลิ่นของคุณมิวนิคกับกลิ่นมิ้นท์ของห้องที่ชอบกำลังผสมกันจนเขารู้สึกดีจะแย่



“เหนื่อยมั้ย อยู่กับเรา”

“...ไม่ครับ”

“อย่าโกหกน่าแม็กซ์ แค่วันเดียวเราก็รู้แล้วว่าทำนายลำบาก”



ก้มลงมองคนที่เปลี่ยนมาเนียนนอนเกยบนอกเขาได้ในที่สุด ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองสบตาเขา เหมือนกับว่าคุณมิวนิคกำลังลำบากใจอยู่ลึกๆ ที่ต้องรบกวนเขาเช่นกัน เจ้าตัวไม่ได้บอกหรอก เขาก็แค่...

รู้สึกได้



“มันอาจจะยากหน่อยกับการปรับตัวให้คุ้นชิน แต่...คุณมิวเชื่อเถอะครับ คุณมิวไม่เคยเป็นตัวปัญหาของผมเลย”



ใบหน้าที่กำลังถูอ้อนไปมาคงเป็นคำตอบอันพึงพอใจจากอีกฝ่าย โชคดีหน่อยที่เป็นแผ่นอกฝั่งขวา ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องกระดากอายถ้าคุณมิวนิคจะรับรู้อยู่ตลอดว่าก้อนเนื้อบางอย่างที่อกด้านซ้ายกำลังเต้นตึกตักไม่ยอมหยุด



“กอดเราหน่อยได้ไหม”

“คะ...ครับ?”

“เวลาจะหมดแล้ว”

“คุณมิว...หมายถึง?”

“เจอกันอาทิตย์หน้านะแม็กซ์เวล...”



ปุ้ง!



สิ้นเสียงระเบิดเล็กๆ พร้อมม่านควันสีขาว ก็ปรากฏร่างเหมียวน้อยจอมดื้อประจำห้อง เจ้าของดวงตาสีฟ้าอันไร้เดียงสาที่กำลังขยับแนวฟันงับแผ่นอกเขาแม้จะมีเนื้อผ้ากันอยู่



“คุณมิว...”



มิวนิคช่างน่าสงสาร



“เมี้ยว...”



สำหรับบางคนอาจฟังดูเป็นเรื่องแฟนตาซีที่คนที่เราแอบชอบกลายร่างเป็นแมวได้ หากแต่สำหรับแม็กซ์เวลนั้นไม่ใช่เลย การติดอยู่ในร่างของคนอื่นมันไม่เคยเป็นเรื่องน่าสนุก มิหนำซ้ำยังเป็นร่างของแมวไม่ใช่มนุษย์ และยิ่งการไม่เป็นที่ต้องการของคนอื่นด้วยแล้ว...

ยิ่งเป็นคำสาปอันแสนทรมาน

เขากระชับกอดร่างสีขาวบริสุทธิ์ในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น จรดปลายจมูกลงบนศีรษะทุยๆ ที่กำลังร้องเงี้ยวง้าวคล้ายกำลังอยากสื่อสารอะไรบางอย่าง ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องซวยสุดๆ ในชีวิต แต่คุณมิวนิคกลับยังทำตัวร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้



“ผมจะดูแลคุณมิวเองนะครับ”



















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

ไปอย่างชิวชิวค่ะ เป็นเรื่องที่ตัวเอกได้เจอกันอย่าง official ในตอน13 ถถถถ



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ทุกคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้เค้าจีงๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
คุณมิวได้กินหมูกะทะแล้ว โฮ้ววววว

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
พอคุณมิวอยู่ในร่างคนที่ต้องสาปก็น่าสงสารแต่อีกหน่อยถ้ารู้ความหมายของชีวิตแล้วคือรักแม๊กซ์ด้วยหัวใจก็จะเป็นร่างคนกลับมา +1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2018 00:40:09 โดย Chompoo reangkarn »

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
รอตอนคืนร่างวัน​อาทิตย์​หน้าาาาาา
มิวขี้อ่อยยย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ทาสยอมจำนนแล้ว เย้

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
กว่าตัวเอกจะเจอกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ปาไปตั้งสิบสามตอน 55555555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แล้วคุณมิวจะได้คืนร่างถาวรเมื่อไหร่น้าาา

ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แม็กเวลล์น่ารัก มิวมิวก็น่ารักกกก
คนเขียนก็น่ารัก ถ้ามาต่อให้เร็วๆ อิอิ ดีใจมากเห็นว่าอัพเเล้ว555555 :katai2-1:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ mimirose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ไม่ว่าจะเป็นร่างมิวนิคหรือมิวมิว ตอนนี้ก็เหมือนแมวขี้อ้อนไปหมด
แค่ร่างนึงเป็นแมวจริงๆส่วนอีกร่างก็เจ้าแมวยักษ์
อ่านแล้วอมยิ้มเขินแทนแม็กเวล  :-[

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ไปไม่เป็นเลยแม็กเวลเจอลูกอ้อนมิวมิว น่ารักจริง สักวันคงมิวนิคคงได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้นแล้วหลุดพ้นคำสาปได้
โดยมีเนื้อคู่หุ่นแซ่บคอยช่วย จะรอดูแม็กโดนแทะกันต่อไป   :katai3:  :pig4:  :mew1:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
แม็กโดนปั่นหัวติ้วๆเลยนะเนี่ย 555555

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
น่า! รัก! มาก!
เขินนนนนนนน :-[
มิวนิคขยันหยอดจริงๆ เลย เล่นเอาพระเอกเราเขินไปหมด หุหุ
มิวนิคนี่หื่นจริงๆ ได้มองแม็กซ์ถอดเสื้อในตอนที่เป็นคนแล้วนะ 55555

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5

Meow 14



มันเป็นเวลาสี่โมงเย็นในช่วงฤดูหนาว แสงอาทิตย์ที่เคยร้อนกลับกลายเป็นแผ่รังสีความอบอุ่นตัดกับคลื่นความเย็นพอดิบพอดีทำเอาแมวน้อยอยากนอนหนุนตักมนุษย์แว่นไปทั้งวัน มิวนิคหาวหวอดพลางเกาะขาหน้าทั้งสองกับกระจกรถญี่ปุ่นคันเหลืองมองวิวทิวทัศน์ตามทาง

เขาชอบรถแม็กซ์เวล อันที่จริงเมื่อก่อนก็ไม่ได้ชอบนักหรอกเพราะรถส่วนตัวที่เคยใช้มันใหญ่กว่านี้มากโข แต่พอนั่งบ่อยๆ เข้าดันรู้สึกว่ารถเล็กๆ ก็ไม่ได้แย่เลย กลับกัน...มันทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับใครบางคนลดน้อยลงอีกด้วย นึกๆ ดูแล้วตาเจ้านายของเขาก็ดูมีเทสชอบใช้ของคลาสสิคเหมือนกันแฮะ



“คุณพ่อกับคุณแม่ผมไม่ดุหรอก”



มือหนาที่กำลังจับพวงมาลัยหนึ่งข้างผละออกมาลูบหัวแมวน้อยป้อยๆ อย่างเอ็นดู ส่วนคนที่ถูกลูบก็ร้องเงี้ยวง้าวพอใจ อาจเพราะรู้สึกดีที่ได้โอกาสออกมาเปิดโลกบ้าง เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องทั้งวันคนเป็นแมวก็เบื่อเหมือนกัน

อาทิตย์นี้เป็นวันหยุดยาวสามวัน แม็กซ์เวลเลยพาเขากลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าตัวตั้งแต่วันพฤหัส อีกฝ่ายให้เหตุผลว่าที่อาทิตย์ก่อนไม่ได้กลับก็เพราะไม่มีคนอยู่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ไปดูงานต่างจังหวัด ส่วนเจ้ามูมินน้องชายก็ไปเข้าค่ายลูกเสือ

แม็กซ์เวลกับมูมินงั้นหรอ...ชื่อน่ารักชะมัด



“เมี้ยวว (นี่...เมื่อไรจะถึงอ่ะ) ”

“หิวข้าวหรอครับ ไว้รอถึงบ้านก่อนนะเดี๋ยวผมทำให้”



ไม่เคยตอบตรงคำถามซักทีแต่ก็อยากคุยด้วยทุกที มิวนิคมองบนก่อนจะกระโดดไปนอนกลิ้งเกลือกกับตุ๊กตาน้องหนูที่เบาะหลัง แม็กซ์เวลหยิบติดมือมาด้วยเพราะเห็นว่าเขาชอบกัดทำลาย อย่างเมื่อวันก่อนก็เผลอกันฟูกนอนจนไส้ทะลักอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เยอะเท่าครั้งก่อน เขาโดนดุแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะผิดจริง

กล้ากับเขาก็เฉพาะตอนเป็นมิวมิวนี่แหละ...อย่าให้ได้กลับร่างเป็นมิวนิคเชียว



“ถ้าง่วงก็นอนเลยนะครับ เดี๋ยวผมปลุก”

“ม๊าว (จ้า) ”



แปลกตรงที่คราวนี้แม็กซ์อยากเอาเขากลับบ้านด้วยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเวลาสุดสัปดาห์อีกฝ่ายมักจะปล่อยเขาไว้ในห้องตามลำพัง ไหนจะเรื่องที่ต้องคืนร่างเป็นมิวนิคในวันอาทิตย์อีก

ทว่าตาเจ้านายซื่อบื้อก็รีบชิงอธิบายตั้งแต่ออกปากชวนเลยว่าไม่อยากให้เขาอยู่ตัวเดียว กลัวออกไปเที่ยวแล้วจะถูกกัดได้แผลกลับมา รวมถึงเหตุผลร้อยแปดอย่างเช่นเรื่องกลัวทำข้าวของเสียหาย

แมวน้อยที่ไม่อยากเถียง (อยู่ในสภาวะที่เถียงไม่ได้) จึงต้องปล่อยเลยตามเลย อยากพาไปไหนก็ไป แค่ต้องรีบกลับมาส่งก่อนวันอาทิตย์ ไม่งั้นคุณพ่อคุณแม่คงได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกหนึ่งอย่าง

อย่าให้ชีวิตแมวน้อยวุ่นวายไปกว่านี้เลย



“คุณมิว...ตื่นได้แล้วครับ”



รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืด เสียงทุ้มของบางคนปลุกเจ้าของดวงตาสีฟ้าให้ตื่นจากภวังค์ความฝัน เขาถูกพามาถึงบ้านสองชั้นย่านชานเมืองที่ดูโดดเด่นกว่าบ้านหลังอื่นโดยรอบ มันหรูหรามีระดับอย่างกับถูกออกแบบโดยช่างฝีมือชั้นยอด ก็แหงล่ะ...พ่อแม่แม็กซ์เวลเป็นสถาปนิก มนุษย์แว่นเล่าให้เขาฟังทุกอย่างตลอดทางแม้จะไม่ได้เอ่ยปากถาม



“เมี้ยว... (ยังง่วงอยู่เลย) ” ตอบพลางอ้าปากหาวหวอด

“คุณเลิกนอนในที่แคบๆ ได้ไหม”



ฝ่ามือใหญ่เอื้อมเข้ามาดึงร่างสีขาวออกจากช่องใส่ของด้านหลังพนักพิงคนขับ โดยปกติแล้วช่องที่ว่าน่าจะเป็นช่องไว้สำหรับใส่เอกสารหรือแฟ้ม แต่เหมียวน้อยจอมดื้อก็สามารถยัดร่างเหลวๆ เข้าไปได้ในที่สุด ก็แหม...มันสบายนี่นา เขาชอบที่แคบๆ เป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งถูกกอดบนอกแน่นๆ ของแม็กซ์เวลแล้วด้วยนะ...

อ่า...หื่นอีกแล้ว



“ผมก็แค่กลัวคุณมิวหายใจไม่ออก อ๊ะ...เลิกกัดผมได้แล้วครับ”



คนถูกกัดลาดไหล่หงุบหงับขมวดคิ้วยุ่งแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเขาลงจากอ้อมแขน กลัวหลงหรือยังไง ลืมไปหรือเปล่าว่าถึงเป็นแมว แต่เนื้อแท้เขาเป็นคนนะตาแว่น แต่ช่างเถอะ...ขี้เกียจเดินเหมือนกัน

โดนอุ้มแบบนี้ก็สบายดี



“แน่ใจหรอลูกว่าเก็บได้ ถ้าซื้อมาแพงบอกแม่ตรงๆ แม่ก็ไม่ว่านะ”

“เก็บได้จริงๆ ครับแม่”

“สมัยนี้มันยังมีคนกล้าทิ้งแมวไทยหายากขนาดนี้ด้วยรึ”



มิวนิคนอนคอหักฟังสมาชิกในบ้านของมนุษย์แว่นนั่งคุยกันบนโต๊ะกินข้าวที่อยู่ถัดออกไป ดูๆ แล้วแม็กซ์เวลก็ไม่เหมือนคุณพ่อกับคุณแม่หรือแม้แต่เด็กชายมูมินเลยซักนิด จะว่ายังไงดีล่ะ...ทุกคนหน้าตาออกแนวจีนๆ กันหมด ยกเว้นก็แต่ตาเจ้านายของเขานี่แหละที่หน้าออกไปทางฝรั่งผสมไทยหน่อยๆ เป็นอินเตอร์เนชั่นนอลเอเชียน

เพราะงี้ล่ะมั้งถึงชื่อแม็กซ์เวล



“มาอยู่ใหม่หรอจ๊ะหนู”



เสียงทักทายจากคนแปลกหน้าทำให้สมาธิที่กำลังจดจ่ออยู่กับบทสนทนาตรงโต๊ะอาหารถูกทำลาย เหมียวน้อยหันมองสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกันที่กำลังนอนแผ่หลามองมาในท่าเดียวกัน

ขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย



“เอ่อ...ครับ”

“เจ้ชื่อสีนวล”



สีนวล แมวไทยพันธ์วิเชียรมาศตัวสีขาวหม่น ตรงขาทั้งสองรวมถึงใบหูและช่วงจมูกถูกแต้มไปด้วยขนสีน้ำตาลเข้มเกิดเป็นลักษณะเด่นเฉพาะเจาะจง เป็นอีกสายพันธ์ตัวท็อปอันหายากสุดๆ ของแมวไทย ปกติเคยเห็นแต่ในรูป พอได้มาเห็นตัวจริงถึงกับเล่นเอาแมวน้อยตกตะลึง นี่มันสวยใช่ย่อยเลยว่ะ เขาอยากเลี้ยงไว้ซักตัวบ้างจัง

แต่ลืมไปว่าตนเองก็เป็นแมว จะเลี้ยงแมวด้วยกันเองได้ยังไง



“ผม...มิวมิว”



หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็คุยกันถูกคอเหมือนสนิทมาแรมปี ไม่คิดหรอกว่าการเป็นแมวจะสานความสันพันธ์กันได้ง่ายดายขนาดนี้ แต่หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เจอมาคงต้องยอมรับแล้วล่ะว่าสัตว์ไม่มีทิฐิหรืออคติเลยจริงๆ พวกเราต่างก็แค่แสดงออกถึงความต้องการอย่างตรงไปตรงมา

แล้วไงเขาถึงทำเหมือนกับตัวเองเป็นสัตว์ล่ะเนี่ย



“แล้วตรงนี้ก็จะเป็นห้องของแม็กซ์เวล ส่วนถัดไปก็ห้องของมูมิน”

“แล้วปกติเจ้นอนไหนครับ”

“เจ้ก็นอนได้กับทาสทุกคนแหละ แต่ส่วนใหญ่มูมินจะชอบมาขอร้องให้ไปนอนด้วย”



เขาคิดว่าการที่มนุษย์อุ้มแมวเข้าไปนอนด้วย แมวคงจะคิดว่าเป็นการขอร้อง ช่างเป็นสัตว์ที่คิดเข้าข้างตัวเองเก่งอะไรเยี่ยงนี้ โลกคงกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วแหละพวกมนุษย์ซื่อบื้อเอ๋ย



“ขี้เกียจพาเดินแล้วอ่ะ”

“อือ ผมก็ขี้เกียจเดินเหมือนกัน”



เมื่อความขี้เกียจมีมากกว่าความอยากรู้อยากเห็น...เราทั้งคู่จึงย้อนกลับมานอนยังโซฟาตามเดิม เขาไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงต้องแทนตัวเองว่าเจ้ ทั้งๆ ที่ถ้าว่ากันตามจริง อายุของเขาก็มากกว่าสีนวลมากโข

แต่ช่างเถอะ...แมวเป็นสัตว์เข้าใจยาก ขนาดตัวเขาเองยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงขี้เกียจขนาดนี้ อ่า...เป็นนิสัยอย่างเดียวที่เขากับเจ้าของบ้านหูตั้งตัวนี้มีเหมือนกันสินะ



“น้อง วันนี้น้องมานอนกับพี่ไหม”



ร่างสีขาวถูกช้อนขึ้นรัดเต็มกอด หลังสัมผัสยวบของโซฟาบ่งบอกได้ว่ามีคนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ทีแรกเขาว่าจะดิ้นเพราะถูกอุ้มโดยคนแปลกหน้า แต่พอเจ้าของฟันเรียงสวยยิ้มหยีเป็นการผูกมิตร หัวใจแมวน้อยจึงรู้สึกคันยุบยิบ

เขากลายเป็นคนแพ้เด็กตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี่ย



“ม๊าวว (รู้จักกันรึไงถึงมาอุ้ม) ”

“อ้อนเก่งจัง อ้อนแบบนี้อยากไปนอนด้วยล่ะสิ”



ว่าเสร็จเด็กชายมูมินก็ก้มจมูกถูลงกับศีรษะแมวน้อยไปมาจนคนถูกคลอเคลียหลับตาปี๋ กลิ่นเจ้าตัวคล้ายกับแม็กซ์เวลหากแต่เบาบางกว่า ทว่าที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือทั่วทั้งบ้านถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นมิ้นท์ เขาไม่ใช่คนประเภทเกลียดกลิ่นมิ้นท์หรอก ก็แค่เฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย ยกเว้นตอนนี้ที่กลายมาเป็นทาสเสพติดกลิ่นมิ้นอย่างไม่รู้ตัว

โทษมนุษย์แว่นเลย...ชอบทำให้เสพติดอะไรไม่เข้าเรื่อง



“แม็กซ์! มินอยากได้มิวมิว ขอเอามาเลี้ยงที่บ้านได้ไหม”



คนที่เช็ดมือลวกๆ กับกางเกงแสล็คสีดำหลังล้างจานเสร็จเดินออกมาด้วยท่าทางคิ้วขมวดคล้ายสงสัย ก่อนจะเริ่มขมวดมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นจอมดื้อนอนอยู่บนอ้อมกอดของน้องชายอายุสิบห้า



“มินก็มีสีนวลอยู่แล้วนี่ครับ”



พูดครับกับน้องด้วยแฮะให้ตายสิ ทำตัวอ่อนโยนไม่เข้าเรื่อง คิดว่าเป็นเจ้าชายรึไงตาหนอนหนังสือ นึกแล้วก็หงุดหงิดอยากกัดกล้ามภายใต้เสื้อสีขาวที่เปียกปอนเป็นจุดๆ จากหยดน้ำนั่นชะมัดเลย

ขี้อ่อยนะเราแม็กซ์เวล



“สีนวลจะได้มีเพื่อนไง”

“แล้วมินไม่กลัวพี่ไม่มีเพื่อนหรอครับ ไม่มีมิวมิวพี่ก็อยู่คนเดียว...”



เด็กชายขมวดคิ้วเลียนแบบพร้อมทำหน้าชั่งใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะกดจมูกลงบนศีรษะทุยๆ สูดกลิ่นแมวดังฟอดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงยื่นร่างสีขาวห้อยต่องแต่งให้มนุษย์แว่นที่กำลังปั้นหน้าคิ้วขมวดไม่ต่างกัน



“คืนก็ได้”

“...เก่งมากครับ”

“แต่พรุ่งนี้มินจะเอามิวมิวไปนอนด้วย คืนนี้ให้แม็กซ์ทำใจไปก่อน โอเคเปล่า”

“ก็ได้ครับ” เริ่มอมยิ้ม

“อื้อ มินจะไปเล่นเกมแล้ว ฝันดีล่วงหน้านะแม็กซ์”



จบสิ้นการคุกคามจากมนุษย์เด็กมูมิน เขาก็ถูกตาเจ้านายซื่อบื้ออุ้มขึ้นไปบนห้อง ห้องของแม็กซ์เวลถูกตกแต่งเหมือนกับที่หอพักบ้านสุขใจไม่มีผิด ต่างกันก็ตรงที่ดีเทลและของประดับส่วนใหญ่เป็นของที่ใช้มานานตามอายุ

เขาเดินแทรกตัวเข้าไปนั่งตักแม็กซ์เวลในตอนที่อีกฝ่ายกำลังทยอยเอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าอยู่บนเตียง



“ม๊าว (ทำไรอยู่?) ”

“ชอบหรอครับให้มูมินกอดน่ะ?”

“เมี้ยวว (หืม...ยังไง?) ”



แกล้งทำหน้าไร้เดียงสาใส่คนที่กลับมาทำคิ้วขมวดตามเดิม อ๋อ...ที่ยิ้มให้น้องชายเมื่อกี้ก็คือเก็บอารมณ์ความไม่พอใจงั้นสินะ หึงได้น่ากัดกล้ามจริงๆ เลย



“ผมจะไปอาบน้ำแล้ว”



ไม่ทันจะได้ทำอย่างที่พูด ร่างสีขาวก็เขย่งตัวขึ้นแตะฝ่าเท้ากับลาดไหล่คนตัวโต ยื่นริมฝีปากจิ้มลิ้มสัมผัสทาบลงบนกลีบฝีปากของคนเด๋อจนดวงตาด้านหลังกรอบแว่นสีดำถึงกับเบิกโพล่งอย่างตกใจ



“คะ...คุณมิว! ทำอะไรครับเนี่ย”

“ม๊าว (ง้อไง)

“หะ...ห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ”



คนถูกจูบยกมือเช็ดปากเก้อๆ ก่อนจะพรวดพราดหยิบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำไป เขาสังเกตเห็นถึงความแดงระเรื่อตรงกกหูของอีกฝ่าย รู้แหละว่าเขิน แต่ก็ชอบทำให้เขินนี่นา

ก็ตอนแม็กซ์เวลเขินมันน่าแกล้งสุดๆ ไปเลย







//มีต่อจ้า

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


เหมียวน้อยตื่นขึ้นมาในตอนเช้าหลังถูกปลุกด้วยแสงอาทิตย์แยงตา ข้างๆ เป็นเจ้สีนวลที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา จำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนเขานอนกับแม็กซ์เวล แล้วตอนเช้าตรู่ก็ถูกอุ้มลงมานอนข้างล่าง รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลานี้ที่ไม่เช้าหรือสายจนเกินไปซะแล้ว



“มิวมิว สีนวล มากินข้าวลูก”



เสียงเรียกจากคุณแม่คนสวยที่กำลังจัดแจงปลาทูลงในจานดังขึ้น คิดถึงปลาทูเหมือนกัน เพราะหลังจากรู้ความจริงแม็กซ์เวลก็ไม่เคยให้เขากินอาหารแบบแมวอีกเลย กลัวเขากินไม่ได้รึยังไงกัน...มันสายเกินไปแล้ว คุณมิวนิคในตอนนี้สามารถกินได้หมดทุกอย่างแหละถ้าหิว



“ม๊าวว (คร้าบ) ”



จัดการมื้อเช้าจนพุงกลางก็เหลือบไปมองเจ้สีนวลคนขี้เซา...ยังไม่ตื่นอีกแฮะ จะนอนไปถึงไหนกันแม่คุณ แต่จะว่างั้นก็ไม่ได้ เป็นคนเขาเองนั่นแหละที่ไม่ค่อยรู้สึกง่วงเท่าไหร่ คงจะแปลกที่แปลกทาง

แมวน้อยเดินออกไปทางประตูกระจกด้านข้างที่เปิดอยู่ หูตั้งได้ยินเสียงคนพูดกันจ้อกแจจนความอยากรู้อยากเห็นเริ่มเพิ่มระดับ อันที่จริงเพราะเป็นเสียงแม็กว์เวลต่างหากล่ะเขาถึงอยากเดินเข้าไปหา แถมจมูกก็ยังได้กลิ่นอันคุ้นเคย คราวนี้เป็นกลิ่นกายของเจ้าตัวผสมกับกลิ่นดินงั้นหรอ

อ่า...เขาชอบกลิ่นดินจังเลย



“ลงตรงนี้ลูก มันจะได้เรียงกันสวยๆ”

“ครับพ่อ”



ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเม็ดเหงื่อที่ไหลผุกออกตามกรอบหน้าคนตัวโตลามลงมาถึงก้านคอแข็งแรง อีกฝ่ายยกหลังมือปาดเช็ดหยดเหงื่อบนหน้าผากจนทำให้กลิ่นหอมๆ ลอยฟุ้งมาถึงตรงนี้

เป็นแมวนี่มันจะจมูกดีเกินไปแล้ว

แม็กซ์เวลใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงนอนสีเทาพับขาขึ้นมาถึงหัวเข่า รอยซึมจากหยาดเหงื่อเกิดเป็นวงชื้นเข้มทั่วทั้งเนื้อผ้าตัวบางเผยให้เห็นแผ่นอกและหน้าท้องแข็งแรงวับๆ แวมๆ เขาว่าการมองกล้ามแบบไม่ชัดอย่างนี้ ก็ให้ความรู้สึกถึงอารมณ์เซ็กซี่ต่างไปจากตอนเจ้าตัวเปลือยเปล่าอีกแบบ

He is so tall and handsome as hell

จู่ๆ ก็เริ่มเข้าใจเนื้อเพลง wildest dream ของ Taylor Swift ขึ้นมาดื้อๆ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ จากหนุ่มแว่นหน้าตาเฉิ่มเบ๊อะ...ไหงทำไมถึงกลายมาเป็นพระเอกสุดหล่อในสายตาเขาซะได้

พวกแมวมองเจ้าของหล่อแบบนี้ทุกตัวหรือเปล่า?



“มิวมิวมายืนทำอะไรตรงนี้”

“เมี้ยว (มองใครบางคน) ” ตอบรับด้วยเสียงหวาน

“พะ...พ่อครับ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ”



แล้วก็หน้าแดงแปร้ดขึ้นมาอีกรอบ ขายาวเดินพรวดพราดจนหายลับไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นมิ้นท์อันเจือจาง จินตนาการอะไรแปลกๆ ขึ้นมาอีกล่ะสิแม็กซ์เวล นี่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็แค่...แอบมองเอง สงสัยว่าคนที่หื่นจริงๆ จะไม่ได้มีแค่มิวมิวเดอะแคทแล้วล่ะมั้ง

คิดดูแล้วภาพที่เห็นนั้นก็ช่างพรีเมี่ยมใช่ย่อย หนุ่มแว่นจืดชืดแต่จริงๆ โซแดมฮ็อตงั้นหรอ

อยากถ่ายเก็บไว้ทำเป็นอาร์ตแกลลอรี่จัง ถ้าหอพักบ้านสุขใจมีสวนแบบนี้ก็คงดี เขาจะได้ตื่นมาแอบมองแม็กซ์เวลทำสวนทุกวัน หึ...มนุษย์สวนคนเฉิ่ม แต่พอลองคิดๆ ดูอีกทีไม่เอาดีกว่า เพราะถ้าที่หอมีสวนก็เท่ากับว่าทุกคนต้องเห็นแม็กซ์เวลทำสวน ไหนจะเรื่องอาร์ตแกลลอรี่อีก

แย่จัง...เขาอยากให้แม็กซ์เวลทำสวนให้เขาดูแค่คนเดียว

ไม่รู้ว่าเพราะถูกลวนลามทางสายตามากเกินไปหรือเปล่า มนุษย์แว่นจึงหายไปอาบน้ำตลอดช่วงเช้า เหมียวน้อยที่ไม่มีอะไรทำจึงใช้เวลาอยู่กับการนั่งมองฝูงปลาคาร์ฟตัวโตในสระหินหลังบ้าน



“เจ้ เราพูดกับพวกปลาไม่ได้จริงๆ หรอ”

“นักล่าอย่างเราเค้าไม่พูดกับอาหารกันหรอก”

“แต่เหมือนพวกปลาจะอยากคุยกับเราเลย”

“ไร้สาระมิวมิว ถ้าหนูคุยกับปลาได้หนูต้องเป็นแมวบ้าแน่ๆ”



ทุกวันนี้ที่คุยกับแมวกับมดได้ก็คิดว่าตัวเองไม่น่าจะปกติแล้วจ้า

มิวนิคกลอกตาก่อนจะก้มลงมองแก๊งค์ปลาคาร์ฟอย่างใจจดใจจ่อ ข้างๆ เป็นสีนวลที่ตั้งท่าจะนอนกลางวันอีกแล้ว ได้ข่าวว่าเพิ่งนอนไปไม่ใช่หรือไง ว่าเข้าไปนั่น...เดี่ยวไม่กี่นาทีตัวเขาก็คงตามเจ้แกไปเฝ้าพระอินทร์เหมือนกัน



“คุณมิว...มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ”



กลิ่นมาก่อนเสียงเสมอ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองชายหนุ่มตัวโตที่ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิข้างๆ เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดมิดชิดแล้ว แถมกางเกงก็ขากระบอกคลุมถึงตาตุ่มแบบไม่เห็นอะไร โถ่...ขี้หวงจังวะ ขอดูหน่อยก็ไม่ได้



“ม๊าว (ดูปลา) ” ส่งเสียงพร้อมเปลี่ยนมาจ้องสิ่งมีชีวิตครีบส้มใต้ผืนน้ำแทน

“ชอบปลาหรอครับ?”

“ม๊าว (เปล่า...อยากกิน) ” เปลี่ยนมามองเจ้านายแว่นหนาบ้าง “เมี้ยว... (น่ากินจังเลยอ่ะแม็กซ์)”



พอจ้องนานๆ เข้าก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเขาไม่ได้เอ็นดูปลา มันเป็นความรู้สึกหิวขึ้นมาตะหงิดๆ มากกว่า ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกินปลาคร้าฟซะหน่อย ก็แค่...ถ้าได้กินปลาตัวใหญ่ขนาดนี้เนื้อมันคงเต็มคำดี

มิวมิวจอมตะกละ



“คุณมิวพูดอะไรครับ ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกนะ” มนุษย์แว่นหลุดขำในลำคอ



ก็แล้วจะถามทำไมล่ะโว้ย ตัวขาวมองตาขีดใส่เจ้านายเบื้องหน้า ก่อนจะโดดขึ้นนอนบนตักแข็งๆ ของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ ช่างปะไร เขาชอบตักแม็กซ์เวลจะตาย มันกว้างแถมยังใหญ่...

หมายถึงตักนะ

แต่เวลาแห่งความสุขนั้นมักผ่านไปเร็วเสมอ แม็กซ์เวลถูกคุณแม่เรียกเข้าไปช่วยงานอะไรซักอย่างในครัว เขาว่าบ้านนี้ติดชอบหาอะไรทำไปเรื่อย อยู่ว่างๆ กันไม่ได้ อย่างคนพ่อก็ต้องทำสวน คนแม่ไม่ทำอาหารก็คิดต่อเติมบ้านไม่จบสิ้น มีพ่อแม่เป็นสถาปนิกมันก็จะวุ่นๆ แบบนี้นี่เอง

นึกแล้วก็คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่เขาจัง ขนาดลูกโกหกว่าช่วงนี้ยุ่งๆ กับงานที่คณะ จะสามารถตอบแชทหรือวิดีโอคอลคุยได้ก็เฉพาะวันอาทิตย์...แล้วพวกท่านก็เชื่อ โหย...เชื่อใจลูกชายเกินไปหรือเปล่าเนี่ยพวกคุณ เพราะงี้ไงมิวนิคถึงได้กลายเป็นแมวเสียคน



“ไง ไม่ได้เจอกันนาน”

“ชะ...เชี่ย!!”



เป็นตอนนั้นเองที่เหมียวน้อยสะดุ้งโหยงจนแทบจะผลัดตกลงไปในสระน้ำ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง...ก็เงาที่สะท้อนตรงหน้ามันเป็นไอ้เทพเจ้าประปู๋แมวเฮงซวย โผล่ดีๆ ได้มั้ยวะ แล้วโผล่แต่ละทีก็ชอบหยุดเวลา เป็นแพทเทิร์นการปรากฏตัวของเทพเจ้ารึไง ดูเจ้สีนวลสิ...นิ่งจนแยกไม่ออกว่ากำลังหลับอยู่หรือถูกหยุดเวลากันแน่



“ไม่ใช่เชี่ย ข้าเอง”

“เออ รู้แล้ว”

“พูดกับเทพเจ้าให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย”

“พูดดีกับเทพเจ้าที่สาปตัวเองเนี่ยนะ” ทำท่าฟึดฟัดฉุนเฉียว

“อยากถูกสาปต่อมั้ยหืม”

“คร้าบๆ ...มีอะไรคร้าบท่านเทพเจ้า”



สาบานเลยว่าเขากัดฟันพูดเพราะกลัวมันจะแกล้งทำอย่างที่ขู่ และไอ้คนฟังมันก็คงรู้แหละว่าเขาไม่จริงใจ สังเกตได้จากเสียงหัวเราะหึหึ แต่แล้วไง...พูดจาดีด้วยขนาดนี้ก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้วโว้ย



“จะมาแจ้งข่าว”

“ก็พูดมาดิ”

“เอ๊ะ...เป็นแมวแปปเดียวทำไมใจร้อนขนาดนี้วะ” คนถูกเร่งจิ๊ปากขัดใจ หากก็ยอมพูดต่อในที่สุด คงจะไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำกับแมวดื้อหัวรั้นน่ะสิ “อุตส่าห์จะมาช่วยให้คำสาปคลายเร็วขึ้น สงสัยข้าต้องพิจารณาใหม่ซะแล้วมั้ง”

“ห๊ะ! อะไรนะปู่!!” เหมียวน้อยหูตั้งหลังสิ้นประโยค หมายความว่าเขาจะได้กลับกลายเป็นมิวนิคเร็วขึ้นงั้นสิ “เห้ย...ที่พูดไปเมื่อกี้ขำๆ น่า ไม่ได้กะจะก้าวร้าวใส่ปู่เลย จริงจริ๊ง”

“จ้ะ”



รู้เลยว่ามันเลียนแบบท่าทางประชดประชัดของเขาชัดๆ แต่ไม่เป็นไร...ปู่แกมาเพื่อถอนคำสาป จะหยวนๆ ไม่กวนประสาทให้ก็แล้วกัน



“ข้าจะเพิ่มวันในกลายเป็นมนุษย์ให้เจ้า เอาเป็นทั้งเสาร์อาทิตย์เลยดีมั้ย”

“ไรวะ นึกว่าจะถอนคำสาปให้ซะอีก” ทำหน้าแมวเซ็ง

“เอ๊ะไอ้นี่ จะเอาไม่เอา”

“เอาคร้าบเอา”



ตอบรับไปอย่างนั้นถึงแม้ในใจจะหงุดหงิด ถอนคำสาปทั้งทีก็ถอนเหมือนหนอนกระดึ๊บ เขาว่ากว่าจะถอนหมดแม็กซ์เวลที่เรียนหกปีคงจบก่อนเขาไปแล้วมั้ง หน็อย...แกล้งกันชัดๆ เลยนี่หว่าไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวเฮงซวย



“ข้าได้ยินนะ”

“ก็แล้วจะมาอ่านใจทำไมเล่า!”

“หึ...เอาเป็นว่าต่อจากนี้คำสาปจะคลายลงเรื่อยๆ ดังนั้นวันที่เจ้าจะสามารถกลับร่างเป็นคนได้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ถ้ากลับร่างได้ก็ไม่ต้องแปลกใจ ข้าบอกไว้ก่อน ขี้เกียจมาแจ้งทุกรอบ เหนื่อย”

“จ้า”

“จ้า”



มันเลียนแบบเขาอีกแล้วว่ะ เป็นเทพเจ้าก็ล้อเลียนมนุษย์ได้หรอ ทำอะไรก็ไม่ผิด น่าหมั่นไส้ชะมัด



“ไปดิ”

“ยังพูดไม่จบ เดี๋ยวปัด!” มิวนิคมองบนใส่ชายหนุ่มใต้ผืนน้ำ เขาเดาว่าภายใต้หน้ากากรูปแมวยิ้มนั่นเคงปรากฏสายตาเอือมระอากับแมวขาวมณีตัวนี้เหลือทน เออ...เบื่อก็เบื่อไปสิ เขามีแม็กซ์เวลแล้วไอ้ปู่มันมีใครล่ะ “ระหว่างวันที่คำสาปหยุดทำงาน เจ้าจะสามารถเลือกคืนร่างเป็นแมวหรือมนุษย์ได้ตามใจชอบ”

“ทำเพื่อ?”



มันต้องดูหนังมากแน่ๆ จู่ๆ จะให้เขาเปลี่ยนร่างเป็นมิวนิคหรือมิวมิวกี่รอบก็ได้ในวันหยุด อยากทำอะไรก็ทำงั้นหรอ นายเห็นคำสาปเป็นอะไร ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นcase studyให้ไอ้เทพเจ้ามือใหม่เลยวะ



“มันเป็นพรไงโว้ย เคยเห็นคนกลายร่างเป็นสัตว์ได้ตามใจชอบมั้ยล่ะ อุตส่าห์ให้พรดีๆ สำนึกมั่ง!”

“โห...ขอบคุณมากเลยนะครับท่านเทพเจ้าปู่แมว”

“เสแสร้ง”

“อ้าว”

“ข้าจะไปละ ทำตัวให้มันดีๆ” ปู่แมวยกนิ้วชี้หน้า “รู้หรอกว่าชีวิตเปลี่ยนไปมาก แถมเจ้ายังได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ ส่วนที่เป็นอยู่ก็แค่อยากกวนเท้าให้ข้าเสียอารมณ์เล่นๆ ล่ะสิ”



อ่ะ...แสดงว่ายังฉลาดอยู่ จริงๆ ก็ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่านั่นแหละ เขาก็แค่อยากกวนประสาทไอ้ปู่แมวเฉยๆ เพราะชีวิตตอนนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่ครั้นจะให้ญาติดีกับคนที่สาปเราก็คงใช่เรื่อง



“จะได้เจอกันอีกมั้ยอ่ะ”

“บอกไปแล้วไง”

“รู้...แต่หมายถึงเวลาต้องการความช่วยเหลือ ผมจะได้เจอมั้ย”

“อยากเจอข้ารึไง?”

“จะเล่นคืนใช่มะ”

“หึ...เอาเป็นว่าก็ลองเรียกดูแล้วกัน ถ้าทำตัวน่ารักหน่อยก็อาจจะออกมา...”



หลังจากนั้นภาพชายหนุ่มภายใต้หน้ากากแมวยิ้มเบื้องหน้าก็ค่อยๆ อันตรธานหายไปกลับเป็นเจ้าปลาคร้าฟตัวโตตามเดิม สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านกระทบร่างสีขาวเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าคุณเข็มนาฬิกาเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง

บทจะไปก็ไป



“ขอบคุณนะ...”



ขอบคุณแม้จะรับรู้ว่าผู้ฟังตอนนี้เป็นเพื่อนรักครีบส้ม กลายเป็นคนขี้เหงาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอได้เจอใครซักคนที่ดูเหมือนจะคุยกันได้รู้เรื่องก็ดีใจไปหมด อาจเพราะงี้มั้งถึงแอบรู้สึกหวิวๆ ตอนไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวหรือสายหมอกกลับไป และถึงแม้เจ้าตัวจะเป็นคนเริ่มเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ แต่ถึงยังไงก็คงต้องขอบคุณที่ช่วย...



“...ไอ้ปู่จอมยุ่ง”



รู้นะว่าได้ยิน :P















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

เรือ #ปู่มิว มารึยังคะ 5555555555555



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ทุกคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้เค้าจีงๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เรือปู่มิวไม่มาจ้า อารมณ์ประมาณพี่ใหญ่กะน้องเล็ก แต่เรือแม็กมิวมาจ้า มิวมิวหื่นมากลูก น่ารัก น่าหยิก  :mew1:
สนุกดีค่ะ รอความมิวต่อว่าจะเป็นไง ได้เป็นมิวนิคตั้ง 2 วันแนะ   :L2:  :pig4:   :กอด1:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ดีจัด ปลัดบอก

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มินมิวได้ไหม อ่อ ไม่ได้

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ตัลล๊ากกกกก มิวมิวน่ารักมากเลยอ่ะ
แบบแนวซึนๆ เหมาะกับการเป็นแมวดีจริงๆ 555555

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เสาร์​นี้ก็อยู่บ้านแมกซ์​อ่ะดิ​ มิวมิวจอมหื่น

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 15


วันหยุดสุดสัปดาห์อันแสนสนุก (ของใครบางคน) จบลงด้วยการที่จอมซนประจำบ้านถูกพากลับในตอนบ่ายเย็นๆ ของวันเสาร์ อันที่จริงก็อยากอยู่บ้านให้นานกว่านี้ซักหน่อย แต่ถ้าทำงั้นคุณมิวนิคคงตกที่นั่งลำบาก

ทว่าดูเหมือนสิ่งที่กำลังทำอยู่ดันมีคนไม่พอใจเอาซะงั้น เพราะหลังจากรถญี่ปุ่นคันเหลืองเคลื่อนตัวออกจากรั้ว เหมียวน้อยบางตัวก็ไม่ยอมคลอเคลียกับเขาเหมือนอย่างเคย



“คุณมิว...เป็นอะไรครับ” เรียกร่างสีขาวที่กำลังเกาะขาหน้ากับกระจกรถไม่สนใจ

งอนจริงๆ ด้วย

“.....”

“คุณมิวไม่พูด...ผมจะทำยังไงดี”

“.....”

“คุณมิวครับ...”

“ม๊าว ม๊าว ม๊าว!!”



หันมาพูดแล้ว แต่โวยวายเงี้ยวง้าวอะไรซักอย่างซึ่งเขาฟังไม่รู้เรื่อง บ้ารึเปล่าแม็กซ์เวล ก็รู้อยู่ว่าฟังภาษาแมวไม่รู้เรื่องยังจะดันไปบอกให้ฝ่ายนู้นเขาอธิบายอีก

จะว่าไปคุณมิวนิคในเวอร์ชั่นมิวมิวที่กำลังบ่นไม่รู้เรื่องตอนนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ เขาเอื้อมมือไปยีหัวทุยๆ แสนงอนอย่างลืมตัวพร้อมหลุดขำจึงถูกกัดไปหนึ่งที กรรม...กำลังทะเลาะกันอยู่นี่นา



“เจ็บนะครับ”

"ม๊าววว!!”

“ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก”

“ม๊าว ม๊าว!!”

“ไว้รอเล่าพรุ่งนี้ก็ได้ครับ”



ปุ้ง!



“ก็บอกว่าให้กลับตอนเย็น แล้วทำไมรีบกลับอ่ะ นี่เรายังอยากอยู่เล่นกับสีนวลกับมูมินอยู่เลยนะ”

“วะ...ว๊ากกกกก!!”



รถญี่ปุ่นคันเหลืองเสียหลักถลาเข้าข้างทางทันทีจนแทบจะเหยียบเบรกไม่ทัน อีกนิดเดียวคงได้โหม่งเข้ากับต้นไม้ทั้งคนทั้งแมว และถ้าเป็นงั้นคุณแม่ต้องโกรธเขาตายโทษฐานพามิวมิวออกมาเจออุบัติเหตุ

แต่ที่ช็อคยิ่งกว่าก็คือภาพตรงหน้า เป็นภาพชายหนุ่มอันคุ้นเคยในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีขาวไปทั้งตัว คิ้วเข้ารูปขมวดมุ่น ริมฝีปากเล็กเบะคว่ำแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก

ทำไม...น่ารักจัง

แต่เห้ย! นี่มันใช่เวลามาชื่นชนความน่ารักของอีกฝ่ายมั้ยแม็กซ์เวล ประเด็นก็คือวันนี้เป็นวันเสาร์ แล้วทำไม...



“คะ...คุณมิวคืนร่างได้ยังไงกันครับ!”

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง”

“ผมไม่ได้...”



คนที่กำลังตกใจกับเหตุการที่เกิดขึ้นหยุดชะงัก ดูท่าเวลานี้คงต้องเก็บอาการตกใจเอาไว้ แล้วมาอธิบายให้คุณเขาเข้าใจเหตุผลในการพากลับหอเสียก่อน ไม่งั้นก็คงดื้ออยู่อย่างนี้

เป็นแมวก็ดื้อ เป็นคนก็ดื้อ



“...ผมว่าจะกลับไปเคลียร์งานนี่ครับ อยู่บ้านคุณมิวก็เห็นว่าทุกคนชวนผมทำนู่นทำนี่ไม่หยุดเลย”



แววตาคนดื้อทอแสงอ่อนลง เพราะทั้งหมดที่พูดมาล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น ถ้าไม่คุณพ่อชวนทำสวน คุณแม่ก็ชวนเข้าครัว หรือไม่มูมินก็ชวนเล่นเกมส์ แล้วแม็กซ์เวลมนุษย์เฉิ่มเคยปฏิเสธคนอื่นเป็นที่ไหน



“แล้วงานสำคัญมากปะ?”

“คะ...ครับ?”

“ก็งานที่จะไปทำอ่ะ รีบส่งมั้ย”



ไม่แปลกใจเลยคุณ พูดจาห้วนๆ แบบนี้สินะถึงมีคู่อริเต็มคณะไปหมด นี่ถ้าเขาไม่ถามย้ำหรือเป็นคนอื่นฟังคงคิดไปแล้วว่าคุณมิวนิคคงกำลังหาเรื่องอยู่แน่ๆ น่ารักก็น่ารัก...อันตรายก็อันตราย แต่ทำยังไงได้

ชอบเขาไปตั้งขนาดนั้น



“ไม่หรอกครับ...แค่กลัวว่าถ้าอยู่นานจะไม่ได้กลับซักที”

“วันหลังพาไปอีกนะ”

“ครับ?”

“ก็คุณพ่อกับคุณแม่แม็กซ์อ่ะน่ารักจะตาย แถมเจ้ามูมินก็ขี้อ้อนสุดๆ”



ประโยคสุดท้ายทำเอาคนที่กำลังหลุดยิ้มกัดริมฝีปากเบาๆ ถึงมูมินจะยังเด็กแต่เขากลับรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักเวลาน้องเข้ามาวอแวกับคุณมิวนิค จะว่ายังไงดีล่ะ

หวงแมวมั้ง

แต่โดยรวมแล้วก็ดีใจมากๆ ที่คุณมิวนิคชอบบ้านของเขา อย่างน้อยก็ถือเป็นการปูทางไปสู่ความสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่คาดว่าน่าจะดีขึ้น อาจไม่ได้เป็นไปตามที่ฝันไว้ แต่ขอแค่เป็นคุณมิวนิค แค่มิวนิค

แค่นั้นก็ดีมากๆ แล้ว...



“สีนวลก็น่ารักนะ รู้เปล่ามันแทนตัวเองว่าเจ้ด้วยล่ะ ตลกดีแมวอะไรแทนตัวเองว่าเจ้วะ” คนพูดหัวเราะ



เขาเผลอหลุดหัวเราะตามคนที่อารมณ์เปลี่ยนไวอย่างกับพายุ ตามหลักจิตวิทยาถ้าการหาวเป็นโรคติดต่อ การหัวเราะก็คงเป็นโรคติดต่อเหมือนกัน มากไปกว่านั้น...

การยิ้มตามคนที่เราชอบก็คงยิ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรง

แม็กซ์เวลสตาร์ทรถเคลื่อนออกไปเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลงตัว ส่วนคนที่พอได้พูดแล้วก็พูดจ้อไม่มีหยุด แปลกดี...ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณมิวนิคจะช่างพูดขนาดนี้ ตอนเป็นแมวเห็นเอาแต่นอนนี่คุณ



“แต่ว่านะแม็กซ์...ทำไมหน้านายไม่เห็นเหมือนคุณพ่อกับคุณแม่เลยล่ะ ได้คุณปู่คุณย่ามาหรอ”

“ครับ?”

“ก็ทุกคนเหมือนมีเชื้อจีนกันหมดเลย แต่หน้านายออกไปทางฝรั่งนิดๆ อ่ะ”



พลขับวาดยิ้มบางเบา เหม่อมองสายตาไปยังเส้นทางข้างหน้าเมื่อได้ฟังคำถาม จริงสินะ...เขาไม่เคยเล่าคุณมิวนิคถึงเรื่องนี้มาก่อน แม้ชีวิตในปัจจุบันจะมีความสุขเหลือเกิน แต่ยังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความจริงได้

ความจริงที่ว่า...



“ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อกับคุณแม่หรอก”

“เอ๋? เป็นลูกคุณลุงคุณป้างี้หรอ”



ครั้งนี้เขายิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย คุณมิวนิคผู้เย็นชาและเหย่อหยิ่งกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มขี้สงสัยไร้เดียงสาแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แย่แล้วล่ะ...นับวันหัวใจของเขาก็เริ่มไม่ปลอดภัย



“ผมเป็นเด็กกำพร้าครับ…”

“หา?”

“…พวกท่านรับผมมาเลี้ยง”

“ล้อเล่นป่ะเนี่ย”



สายตาอันปราศจากคำโกหกด้านหลังกรอบแว่นสีดำเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าเขาหมายความอย่างที่พูด และคุณมิวนิคก็คงไม่ได้ไร้เดียงสาเกินพอที่จะไม่เข้าใจคำยืนยันทั้งหมดผ่านสายตาคู่นั้น



“คือ...ขอโทษที่ถาม...” เหมียวน้อยในร่างคนก้มหน้าจ๋อย

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยครับ” มือหนาหนึ่งข้างผละออกจากพวงมาลัยวางทับลงบนหลังมือของอีกฝ่าย



กล้าจับมือเขาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะแม็กซ์เวล

มันเป็นตอนอายุห้าขวบที่มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินเข้ามาในโบสถ์คาทอลิกซึ่งเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าของหมู่บ้าน เขายังจำรอยยิ้มอันอบอุ่นในตอนนั้นได้ เป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่านานเท่าไหร่ก็ยังอบอุ่นสำหรับเขาเสมอ



“ทำไมถึงไม่ไปเล่นกับเพื่อนล่ะหนู”

“ผมมองลูกบอลไม่ค่อยชัด”

“อ้าว...สายตาสั้นหรอลูก”

“ครับ”



เพราะชอบดูสมุดภาพนิทานในที่มืดๆ ตั้งแต่จำความได้ หรืออาจเป็นเพราะพันธุกรรมยีนส์ด้อยที่สืบต่อกันมา รู้ตัวอีกทีสายตาก็มองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลๆ ไม่ค่อยชัดเหมือนอย่างเก่าแล้ว ด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งเพื่อนๆ พี่ๆ ถึงไม่ค่อยชอบให้เขาเล่นฟุตบอลด้วย



“แล้วแว่นหนูไปไหน”

“แตก...ครับ”

“อ้าว...ไม่ไปซ่อมล่ะ”

“ซิสเตอร์บอกว่า ไว้เดี๋ยวรอวันอาทิตย์ที่จะมีคนมาบริจาคเงินถึงจะพาผมเอาแว่นไปซ่อมในเมือง”

“ไม่เสียใจหรอที่ไม่ได้เล่นฟุตบอลกับเพื่อน”

“ไม่ครับ”



หลังจากนั้นสองสามีภรรยาก็ชอบมาเยี่ยมเขาที่โบสถ์บ่อยๆ มาแทบทุกอาทิตย์ รู้ตัวอีกทีซิสเตอร์ก็บอกว่าเขาต้องออกไปอยู่กับพวกท่านเพื่อชีวิตที่ดีกว่า เด็กชายที่ยังไม่ประสีประสาอะไรจึงยอมตามออกมาอย่างง่ายดายเพราะอยากอ่านหนังสือเยอะๆ อยากได้แว่นดีๆ ใช้ อยากมีโคมไฟในห้องตัวเอง

ผิดหรือเปล่า...เขาก็แค่อยากอ่านหนังสือ...



“ต่อไปนี้ต้องเรียกพ่อกับแม่ว่าพ่อกับแม่นะลูก”

“ผม...มีพ่อกับแม่หรอ?”

“มีสิลูก อยู่ตรงหน้าลูกนี่ไง”

“…..”

“ไหน ลองเรียกสิจ๊ะ”

“ครับ...คุณพ่อ คุณแม่”



ซึ่งเดียวที่เขารับรู้ได้ก็คือท่านทั้งสองไม่มีลูก ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งก็ไม่มีซักทีจึงตัดสินใจรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะฟ้าเป็นใจหรือเพราะเขาเป็นตัวนำโชค ไม่กี่เดือนต่อมานั้นคุณแม่ก็ตั้งท้องมูมิน ลูกที่เกิดจากคุณพ่อคุณและแม่ตามสายเลือดจริงๆ

เขาคิดว่าความรักที่ท่านทั้งสองมีให้คงถูกหารครึ่งโดยอัติโนมัต หากความจริงกลับไม่ใช่เลย คุณพ่อคุณแม่ยังคงรักเขาราวกับเป็นลูกแท้ๆ เหมือนเดิม อันที่จริงแล้วการรับเลี้ยงเด็กกำพร้าซักคน ผู้อุปการะส่วนใหญ่มักพิจารณาจากเด็กทารกหรือเด็กอายุน้อยๆ เพื่อง่ายต่อการพร่ำสอน

แต่คุณพ่อกับคุณแม่กลับเลือกเขาที่อายุห้าขวบซึ่งก็ถือว่ารู้ความในระดับหนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน... โชคดีที่ได้มาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกท่านเลยซักนิด



“อยากกินอะไรก็บอกพ่อกับแม่เลยนะลูก ห้ามอดนะ”

“ครับ”



คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาทำงานหาเงินซัพพอร์ตตัวเองโดยการเล่นหุ้น เพราะรู้ดีว่าพวกท่านไม่ได้รวยล้นฟ้า ก็แค่พออยู่พอกินถึงแม้ว่าบ้านหลังปัจจุบันจะดูใหญ่โตเกินฐานะ แต่นั่นก็ล้วนมาจากการออกแบบและเลือกสรรอย่างคุ้มค่าจากสถาปนิกมากฝีมือทั้งสองคน



“เงินพอใช้มั้ยลูก ไม่พอรีบขอพ่อนะ”

“พอครับพ่อ”



อีกอย่างมูมินก็เรียนโรงเรียนเอกชนราคาแพง เขาจึงขอแค่ค่ากินอยู่ในแต่ละเดือนเล็กน้อย ส่วนค่าที่พักหรือสิ่งของมีราคาที่อยากได้ก็เก็บเงินหาซื้อด้วยตัวเอง

โชคดีตรงที่พอเขาคิดจะหยิบจับทำงานอะไรก็ดูดวงขึ้นไปหมด



“คะ...คุณมิว ร้องไห้ทำไมครับ!”



มนุษย์แว่นหยุดรถเข้าข้างทางอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ กำลังน้ำตาคลอจนเต็มแก้ม



“...สงสารแม็กซ์”

“คะ...ครับ?”



แหมะ!



หัวใจคนเฉิ่มเต้นตึกตักรุนแรงเมื่ออีกฝ่ายทิ้งใบหน้าลงซบบนลาดไหล่ ยื่นฝ่ามือทั้งสองกอดกุมมือหนึ่งข้างของเขา นิ้วโป้งยาวลูบวนไปมาคล้ายกำลังปลอบปะโลม ไออุ่นแห่งความใจดีแผ่ซ่านลามไปทั่วร่างกาย



“ไม่เป็นไรนะแม็กซ์ ต่อไปนี้เราจะอยู่กับนายเอง”

“คุณมิว...”

“คนอย่างนายควรได้รับแต่สิ่งดีๆ รู้มั้ย”



เขาเผลอลูบกลุ่มผมนุ่มที่กำลังพิงซบอย่างลืมตัว แต่ช่างเถอะ...เขาทำไปแล้ว แถมผมคุณมิวนิคยังนุ่มมากด้วย นุ่มถึงขนาดที่ว่าถึงแม้จะไม่ค่อยได้อาบน้ำให้ก็ยังนุ่ม หึ...มิวมิวขนนุ่มยังไง มิวนิคก็ผมนุ่มอย่างนั้น ดูท่าเขาคงต้องเป็นภูมิแพ้แมวตัวเอง



“แต่เดี่ยวนะ...ถ้าเป็นงั้นเราก็ต้องหายไปจากชีวิตนายดิ”

“โถ่...คุณมิว”

“ก็เรานิสัยไม่ดีนี่หว่า งั้นพูดใหม่” คนแก้มแดงง่ายเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของนัยน์ตาสีดำ “ขอให้ทุกๆ อย่างที่นายชอบ…อยู่ในชีวิตนายทั้งหมดเลย”



แล้วก็กลายเป็นเขาที่หน้าแดงขึ้นมาซะอย่างนั้น



“ระ...รีบกลับเถอะครับผมว่า”



พูดเสร็จก็สตาร์ทรถให้เคลื่อนออกไปอีกครั้ง คราวนี้เขาพยายามเพ่งสมาธิไปยังเส้นทางด้านหน้าอย่างจดจ่อ หากคนที่ผละใบหน้าออกจากไหล่ไปแล้วกลับดูเหมือนกำลังจ้องมองมาทางเขาไม่หยุดหย่อน เขาไม่รู้หรอก...แค่รู้สึกได้ แต่จะให้หันมองสบตาตอนนี้ก็ไม่กล้า

แม็กซ์เวลขี้แพ้



“แล้วแม็กซ์เคยคิดอยากจะตามหาคุณพ่อกับคุณแม่ตัวจริงมั้ย?”

“พ่อแม่ตัวจริง...?”

“อื้ม ก็คนที่ทำให้นายเกิดมาไง”

“…คงไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ”



เขาไม่ได้โกรธถึงขนาดแค้นฝังหุ่นว่าทำไมถึงต้องทิ้งกันไป ก็แค่น้อยใจนิดๆ มากกว่า แต่พอลองคิดๆ ดูพวกท่านอาจจะมีเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปอยู่ในชีวิตของพวกท่านได้

ไม่พร้อมเลี้ยง ผิดพลาดจนตั้งท้อง กลัวเป็นภาระในอนาคต

นั่นสินะ...การจะทิ้งเด็กคนนึงที่เกิดจากเลือดเนื้อของตนเองได้คงผ่านการไตร่ตรองมาถี่ถ้วนดีแล้ว อีกอย่างแม้ว่าจะผ่านมาห้าปีจากตอนนั้นเขาก็ยังไม่เคยเห็นวี่แววของการมาเยี่ยมเลย จนถึงตอนนี้ที่อายุยี่สิบเอ็ดคงไม่ต้องพูดถึง

แต่ดีแค่ไหนแล้วที่อย่างน้อยเขาก็ถูกนำมาทิ้งไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

อย่างน้อยเขาก็ถูกเลือกให้มีชีวิตต่อบนโลกใบนี้



“แม็กซ์...เราขอโทษ เราไม่ได้...”

“ผมไม่โกรธคุณมิวครับ แล้วก็ไม่โกรธแม่ด้วย”

“.....”

“ผมสนใจแค่ปัจจุบัน ปัจจุบันที่มีครอบครัวอันอบอุ่น ปัจจุบันที่มีข้าวให้กิน มีบ้านให้หลับนอน”

“มีมิวมิวให้กอด”

“คะ...คุณมิว!”



ทำเสียงดุ เสแสร้งผินสายตาออกจากใบหน้าอีกคน ทว่าจริงๆ ก็ใช่...เขาชอบปัจจุบันตอนนี้ที่สุด ปัจจุบันที่ได้เนียนนอนกับคุณมิวนิคทุกคืนแม้จะรู้ว่าอาจเป็นความสุขชั่วคราว แม้จะรู้ว่าซักวันใดวันหนึ่งในอนาคตห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ อาจไม่มีแมวขาวมณีจอมดื้ออยู่กวนใจ

แต่เขาก็อยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขปัจจุบันนี้ให้ได้มากที่สุด



หมับ!



“ขอจับมือจนกว่าจะถึงได้ปะ”

“ผะ...ผมก็ต้องเข้าเกียร์นะครับ”

“คำถามคืออะไร?”

“ครับ...ได้ครับ”

ปัจจุบันที่เขากลายเป็นผู้แพ้

แพ้ตลอดนั่นแหละ...ถ้าเป็นมิวนิค











//มีต่อจ้า

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


ปุ้ง!



เสียงควันสีขาวจางระเบิดขึ้นหลังจากสายเฮชดีเอมไอถูกต่อเข้ากับจอทีวีบนชั้นไม้ เริ่มกิจกรรมตามล่าซีรีย์เน็ตฟลิคที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกนี้ให้สิ้นซาก เหมียวน้อยตัวสีขาวคิดในใจขณะนอนบิดขี้เกียจไปมา

วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่ตาเจ้าของห้องซื่อบื้อของเขาก็ยังต้องไปเรียน พักหลังๆ เขาว่าหมอนั่นชักจะเรียนหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าเรียนสัตว์แพทย์ เป็นหมอก็ต้องเรียนเยอะ แต่จำเป็นต้องเรียนเยอะขนาดนี้มั้ยนะ

วันที่ไม่มีแม็กซ์เวลนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลย



“แอนโธนี่ ดูเน็ตฟลิคด้วยกันปะ”

“มดเขาไม่ดูเน็ตฟลิคกันหรอก”

“อ้าว แล้วดูไรอ่ะ”

“ชู่วว! เงียบๆ ได้มั้ย ชั้นกำลังขุดเจล ต้องใช้สมาธิ”



เออ...เอ็งน่ะมันสมาธิสั้น คุยด้วยกันไม่เคยยืดหรอก มีแต่เขานี่แหละที่ชอบวอแวคนอื่นไปเรื่อย มิวนิคถอนหายใจก่อนจะกระโดดกลับขึ้นไปนอนกลิ้งเกลือกบนฟูกเพื่อดูซีรีย์อีกครั้ง อันที่จริงถ้ามีป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมกินคู่กันไปด้วยก็คงดี

ทว่าความขี้เกียจของแมวเหมียวนั้นช่างอันตราย พอได้ลองอยู่ในร่างแมวซักครั้งแล้ว...ร่างกายมันก็ปวกเปียกไปหมด อยากนอนมันซะทั้งวัน แค่จะแปลงร่างกลับไปเป็นมิวนิคเขายังขี้เกียจเลย อ่า...เมื่อไรแม็กซ์จะมา เขาขี้เกียจลุกจัง อยากเอาหน้าถูหน้าท้องที่เป็นมัดกล้ามนั่นเหลือเกิน...



“อยู่ไหน”

“บ้าน”

“ปกติไม่เห็นกลับ”

“แม่ดราม่า บอกพี่ฟ้าติดเด็กที่ร้านไม่ยอมกลับ น้ำก็เอาแต่คุยกับต้นไม้หลังอกหัก ปกติสุดก็กูละ”



ดูได้ไม่ถึงครึ่งเรื่องก็กดปิดทีวี ถือวิสาสะใช้คอมของบางคนวิดีโอคอลหาสายหมอก เมื่อเริ่มชินกับการแปลงร่างก็เป็นอย่างที่เห็น เวลาแม็กซ์เวลไม่อยู่เขาก็ชอบโทรกวนสายหมอกตลอด เป็นอีกคนล่ะนะที่รู้ทุกความเป็นไปของมิวมิวเดอะแคท

โกรธกันขึ้นมาเขาคงถูกจับส่งสถาบันวิจัยสัตว์ประหลาด



“อยากไปกินเหล้าร้านพี่ฟ้า...”

“เป็นแมวกินได้รึไง”

“เป็นแมว ไม่ได้เป็นตับแข็ง”

“หึ...มึงไม่ได้อยากกินหรอก”



เขาเกลียดสายตาแบบนั้นของสายหมอกชะมัด มันดูล้อเลียนราวกับสามารถอ่านความในใจของเขาออกทะลุปรุโปร่ง มิวนิคเกลียดการถูกรู้ทัน เขาไม่ชอบอะไรที่อยู่เหนือการควบคุมเอาซะเลย



“มึงแค่กำลังมองหาคนพาไปกิน”

“หมอก...”

“และคนๆ นั้น ก็ไม่ใช่กู”



ให้ตายสิ เขาเกลียดสายหมอกเวอร์ชั่นกวนประสาทแบบนี้ที่สุด



“ต้องทำยังไงถึงจะเลิกล้อ”

“ขอเค้าเป็นแฟนดิ”

“กูหรอต้องขอ?” คนชุดขาวขมวดคิ้ว ยกนิ้วชี้หน้าตัวเองเป็นท่าประกอบ

“ถ้ารอคุณหมอขอ มึงว่าจะได้เป็นมั้ย?”



ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า มิวนิคคิดตาม คนอย่างแม็กซ์เวลน่ะหรอจะขอเขาเป็นแฟน แค่บอกว่าชอบยังเป็นเขาเลยที่ต้องเค้นออกมาจากปากด้วยตนเอง อีกอย่าง...ดูท่าหมอนั่นคงไม่เคยผ่านประสบการณ์มีแฟนมาก่อนแหงๆ



“ยังไม่รู้”

“หืม?”

“ยังไม่รู้ว่าที่กำลังรู้สึกอยู่ มันมากขนาดนั้นแล้วหรือยัง”

“อืม…ก็ไม่ได้เร่ง แต่เป็นคนแรกหรือเปล่าที่คุยนานขนาดนี้?”

“นับตอนเป็นแมวด้วยหรือเปล่า?”

“เริ่มรู้สึกดีตั้งแต่ตอนไหนล่ะ”



เหมียวน้อยในร่างคนชะงักไปชั่วครูเพื่อใช้ความคิด ถ้าถามว่าแม็กซ์เวลเป็นคนที่เขาชอบมากกว่าคนอื่นๆ ที่ผ่านมาไหมนั้นก็ตอบยาก แม็กซ์เวลยืนอยู่คนละฝากกับคนพวกนั้นทั้งหมดเลย จะว่ายังไงดีล่ะ...

แม็กซ์เวลเป็นความสบายใจ...



...ความปลอดภัย อย่างงั้นหรอ?

“นานที่สุด”



และเขาก็ถูกสายหมอกล้วงความลับจนหมดพุงอีกครั้ง



“เอ้อ...ว่าจะไปคณะ ไว้เดี๋ยวโทรหา”

“เปลี่ยนเรื่อง”

“หยุดได้แล้วหมอก”

“หึ...ให้ไปรับตอนไหนก็บอกแล้วกัน”



หมดยุคการตกเป็นเหยื่อ เพราะเขาไม่มีวันกลายเป็นเหยื่อของใครทั้งนั้น มิวนิครีบพับหน้าจอลงก่อนจะลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาจคงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกที่เขาจะออกไปเจอสายหมอก

มันอันตรายเกินไป

ต่อให้แปลงร่างได้ตามใจชอบแต่เขาก็ยังเป็นแค่แมวเหมียวตัวหนึ่ง การจะอยู่ในจุดที่สายหมอกล้อไม่ได้มันต้องสูงกว่านั้น หลังคาหรอ? ไม่สิ...ต้องสูงกว่าหลังคา อ่า...ถ้าไอ้กระปู๋แมวสาปให้เขากลายเป็นนกเรื่องคงสนุกกว่านี้

แต่เดี๋ยวก่อนนะ! นกงั้นหรอ!?



“เอ๋? แกจะบินวันนี้เรอะไอ้หนู”

“ใช่เลยลุง ต้องวันนี้เท่านั้น นานกว่านี้ผมคงแห้งตายเพราะความเบื่อหน่าย”

“แมวอย่างพวกแกน่าจะแห้งตายเพราะความขี้เกียจมากกว่า”



นี่ก็อีกตัว...รู้ทันทุกอย่างจริงๆ เป็นแค่นกไม่ใช่หรออย่ามาทำรู้ดีหน่อยเลยน่า เหมียวน้อยกลอกตาใส่นกอินทรีย์ยักษ์ที่ถูกปิดผนึกอยู่ในกรงเหล็กด้านบนดาดฟ้า เป็นการถูกจองจำอย่างเต็มใจท่ามกลางทุ่งดอกเดซี่สดใส แย่จัง...หลังกลับร่างเป็นมิวนิคได้ตามใจนึกเขาก็ไม่ค่อยได้ขึ้นมาเยี่ยมเลย

ลืมไปเสียสนิทเลยว่าดอกเดซี่น่ะคืออีกหนึ่งความสบายใจของเขา

ไม่ใช่ไอ้ลุงปากแหลมนี่จ้า



“จะอะไรก็ช่าง แต่ลุงสัญญากับผมไว้แล้วนี่ว่าจะพาผมบินอ่ะ รักษาสัญญาหน่อย”

“รู้โว้ย แต่ช่วยแหกตาดูหน่อยได้มั้ย คนที่จะพาเอ็งบินกำลังติดแง็กอยู่ในกรงเนี่ย”

“หึ...นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย” ดวงตาสีฟ้าวาวโรจน์



ปุ้ง!



“วู้วฮู้ววว!! นี่มันเจ๋งสุดๆ ไปเลยลุงฮอวค์!!”



และยิ่งวาวโรจน์ขึ้นไปอีกเมื่อร่างสีขาวถูกพาขึ้นไปยังจุดที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามได้ทั่วทั้งเมือง เพิ่งรู้เหมือนกันว่าย่านหอพักบ้านสุขใจช่างเป็นบริเวณที่ป่าเยอะพอตัว มิหน่าล่ะถึงสดชื่นขนาดนี้

หนึ่งสิ่งที่ค่อนข้างประหลาดใจอีกอย่างก็คือลุงฮอวค์เชื่อคำที่เขาเล่าทั้งหมด ทั้งเรื่องคำสาป เรื่องมิวมิว เรื่องไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมว ราวกับพวกสัตว์คุณเคยกับสิ่งเหนือธรรมชาติเป็นปกติอยู่แล้ว

จู่ๆ ก็ขนลุกขึ้นมาเลยแฮะ!



“พวกโน่ไม่เคยขอให้ลุงพาขึ้นมาหรอ”

“ไม่มีแมวที่ไหนอยากบิน นี่ถ้าไม่รู้ว่าแกเป็นมนุษย์ชั้นก็ไม่คิดว่าจะเอาจริงหรอกนะ”



จริงสินะ เขามันแปลกแมว จะว่าเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ เป็นแมวก็ไม่เชิง



“...ขอบคุณนะที่ยังเป็นเพื่อนผมต่อ”

“พูดเหมือนพวกมนุษย์จะเลิกเป็นเพื่อนกับแกถ้าแกกลายเป็นแมวอย่างงั้นแหละ”



คนฟังหยุดชะงัก มันก็เป็นคอมม่อนเซนส์อยู่แล้วไม่ใช่หรอถ้าผู้คนจะปฏิบัติแบบนั้น มิวนิคแค่คิด...เขาไม่ได้พูดออกไป บางทีอาจเพราะวัฒนธรรมของมนุษย์กับสัตว์ช่างแตกต่าง เรายอมรับและต่อต้านเรื่องบางเรื่องในแง่มุมที่ไม่เหมือนกัน

ฉะนั้นเขาจะไม่ตัดสินวิธีการคิดของพวกสัตว์ว่าแปลก

แหงล่ะ...มนุษย์เราน่ะแปลกยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก



“นี่! เหม่ออะไรไอ้หนู”

“ปะ...เปล่า ลุงอย่าหันมาซี่ บินมองทางหน่อย”

“มองไปข้างล่าง”

“เชี่ยย!!”



ผู้โดยสารตัวขาวอ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก มันเป็นทุ่งป่าสนอย่างกับหนังฝรั่ง สาบานว่าไม่เคยคิดถึงการมีอยู่ของสถานที่แนวๆ นี้ใกล้มอเรามาก่อน จริงๆ ก็ไม่ใกล้หรอก ดูจากระยะทางน่าจะห่างไกลจากมอพอสมควร แต่คงเพราะบินมาถึงใช้เวลาไม่มากนัก อีกอย่างวันนี้แดดน้อยแถมลมยังเย็นสบายสุดๆ

อากาศเป็นใจต่อการบินชมวิวเหลือเกิน



“มันดีมากเลยลุง”

“ชอบขนาดนั้นเลยรึไง”



สายตาของเขาคงบรรยายเป็นความรู้สึกออกมาแทนคำพูดทั้งหมด ภาพอาร์ตแกลลอรี่ถูกวาดขึ้นในหัวเป็นฉากๆ มิวนิคเฝ้ารอวันที่จะมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไม่ไหว ไหนจะวิวตึกรามบ้านช่องที่ได้เห็นจากบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าอีก ถ้าไม่ใช่การเช่าเครื่องบินเพื่อมาดูเขาก็นึกไม่ออกเลยว่าต้องทำวิธีไหน



“ลุง มีที่ไหนอีก พาไปหน่อย”

“ไอ้ได้มันก็ได้ แต่วันหลังแล้วกัน” นกยักษ์เอ่ยด้วยเสียงเซ็ง

“ทำไมล่ะ ผมยังดูไม่จุใจเลย” เริ่มทำเสียงงอแง

“วันเสาร์ทาสกลับเร็ว ขืนกลับมาไม่เห็นเฮียเดี๋ยวได้ซวยกันหมด”



ด้วยเหตุนั้นเหมียวน้อยผู้อยู่ไม่ติดห้องจึงจำต้องกลับมานอนกลิ้งเกลือกอยู่ในห้องอีกครั้ง ทำไมแม็กซ์เวลไม่กลับเร็วแบบลุงทาสของลุงฮอวค์บ้าง เขาชักจะเบื่อแล้วนะ ทว่าพอเหลือบมองนาฬิกาก็เพิ่งจะสี่โมงเย็นอยู่เลย เฮ้อ...เบื่อ



ปุ้ง!



เช็คเฟสบุคซะหน่อยดีกว่า ไม่ได้ตามข่าวคณะนานป่านนี้ทุกคนคงลืมเขาไปแล้วล่ะมั้ง



แกร้กๆ !



เสียงไขประตูห้องขยุกขยิกเป็นสัญญาณว่ามีใครบางคนกำลังพยายามเข้ามา และเขาก็สัมผัสได้จากกลิ่นตั้งแต่ต้น...เป็นมนุษย์แว่นแน่นอน หัวใจเหมียวน้อยในร่างคนเต้นตึกตักลิงโลด ก่อนภาพเบื้องหน้าจะปรากฏร่างสูงที่เฝ้ารอมาตลอดทั้งวัน บ้าจริง...นี่เขาชักจะเหมือนแมวขึ้นเรื่อยๆ แล้วแฮะ

เอ๊ะ...แต่ไอ้ที่ตั้งหน้าตั้งตารอเจ้านายกลับมามันน้องหมาไม่ใช่รึไง



“กลับมาแล้วหร...”

“คุณมิว!”



แววตาและน้ำเสียงขึงขังของอีกฝ่ายทำคนฟังถึงกับขมวดคิ้ว แล้วอาการหอบแฮ็กราวกับวิ่งมาร้อยไมลนั่นคืออะไร เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นหรือเปล่าเนี่ย หรือหอจะไฟไหม้? แต่เขาก็ไม่ยักกะได้ยินสัญญาณเตือน



“มีอะไร? ใจเย็นๆ”

“คุณ...คุณไปไหนมาครับ!”

“ไปไหน ก็นั่งเล่นอยู่ห้อง” ทำท่าเฉไฉ รู้สึกลางไม่ดีเลยว่ะ ขอแว้ปไปเปิดไพ่ยิบซีได้ไหม

“ไม่ได้ออกไปซนที่ไหนใช่มั้ย?” คราวนี้นัยน์ตามนุษย์แว่นฉายแววดุกว่าเดิม น่ากลัวจัง

“ไม่มี เรานั่งเล่นคอมทั้งวันเลย”

“อย่าโกหกผมครับ มันไม่เนียน”



คราวนี้เดินมาประชิดตัวแถมแผ่รังสีผู้พิพากษาเหมือนกำลังคาดคั้นนักโทษ ไปทำตัวเก่งขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่แม็กซ์เวล หน็อย...ถ้าไม่มีคดีเป็นชนักติดหลังอยู่เขาจะสวนกลับให้หน้าเหวอไปเลย



“อ่า...โกหกอะไรแม็กซ์ ไม่มี” เลิ่กลั่กจังวะมิวนิค เรียนนิเทศนะโว้ย...สกิลแอคติ้งหายไปไหนหมด!

“ผมเห็นคุณขึ้นหลังนกตัวยักษ์บินไปไหนไม่รู้เมื่อตอนบ่าย มันใช่เรื่องไหมครับ!? ถ้าคุณตกลงมาผมจะทำยังไง!”

เวรแล้วไง ไอ้ลุงหอกมันพาเขาบินผ่านแถวคณะสัตว์แพทย์ด้วยหรอวะ มัวแต่ดูวิวธรรมชาติจนลืมสังเกต

“ตะ...ตาฝาดแล้ว แมวที่ไหนจะขึ้นหลังนก”

“มิวนิค! ”



อ่ะ...ถ้าเรียกชื่อเต็มๆ แบบนี้แสดงว่าโกรธจริง ล่าสุดที่เรียกก็ตอนเขากัดหมอนหนุนหลังเล่นจนขาด ถึงจะเป็นการดุแบบไม่ลงโทษร้ายแรงแต่ดุก็คือดุ แม็กซ์เวลไม่พอใจกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก และนั่นคงถึงเวลาต้องพิจารณาตัวเอง ไม่ก็เก็บข้าวของออกจากห้องนี้ไป อันหลัง...เขาติดมาจากซีรีย์เน็ตฟลิค



“ขอโทษ...” คนผิดก้มหน้างุด ก็รอบนี้เขาผิดจริงๆ ...มั้ง

“ผมไม่ได้โกรธครับ...” แม็กซ์เวลยกมือนวดขมับพร้อมถอนหายใจเฮือกโต “...แต่คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมเป็นห่วง”

“อื้อ” ค่อยๆ เหลือบสายตามองคนเฉิ่มจอมดุ “มากขนาดไหน”

“คุณรู้คำตอบอยู่แล้ว”



กลายเป็นคนกล้าหาญถึงขนาดฮึดต่อกรกับเขาได้แบบนี้แล้วเชียวรึแม็กซ์เวล แต่ก็ดีแล้ว...นานๆ เห็นอีกมุมของมนุษย์แว่นอันแสนโซแดมฮอตเหมือนเรือนร่างใต้ชุดนักศึกษานั่นก็ทำให้หัวใจเต้นตึกตักดีเหมือนกัน



แหมะ!



“อ๊ะ! คุณมิว กะ...กอดผมทำไมครับ”

“กอดแทนคำขอโทษ” บนอุบอิบขณะฝังใบหน้าลงบนแผ่นอกอบอุ่น

“คุณก็พูด...ไปแล้วนี่ครับ”

“คำพูดก็ส่วนคำพูด...การกระทำก็ส่วนการกระทำ”

“.....”

“เราเหงาว่ะแม็กซ์...วันธรรมดาก็เหงาจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งวันเสาร์ที่ไม่มีนายเรายิ่งโคตรเหงาเลย”

“คุณมิว...”



เขาถูกท่อนแขนที่ใหญ่กว่ายกโอบร่างจนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นเต็มกอด เสียงก้อนเนื้อในอกด้านซ้านของอีกฝ่ายดังโครมครามจนทำเอาคนฟังหลุดยิ้ม กลิ่นเหงื่อแม็กซ์เวลเริ่มผสมกับกลิ่นมิ้นท์ของห้องเหมือนทุกวัน และมันก็หอมจนเขาไม่อยากจะผละใบหน้าออก



“ยกโทษให้ได้ยัง?”

“คุณรู้มั้ยครับ…ผมใจอ่อนตั้งแต่เห็นหน้าคุณแล้ว















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

เทอๆๆ สองคนนี้เขาเป็นแฟนกันหรอ อะไรยังไงบอกเลาหน่อยย



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ทุกคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้เค้าจีงๆ ๆ ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2018 16:29:15 โดย WickedWish »

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
นี่ขนาดยังไม่ได้ขอเป็นแฟนกันจริงจังนะเนี่ยยยยยยยย หวานซะ  :katai1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

เขาเป็นแฟนกันนนน

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ถึงยุคหยอดกันเองล้าววว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ทาสใจอ่อนจัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด