พิมพ์หน้านี้ - [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: WickedWish ที่ 21-09-2018 23:31:54

หัวข้อ: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 21-09-2018 23:31:54
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


=============================================


แปลกไหมครับถ้าจู่ๆ ผมจะคิดอะไรกับแมวตัวเอง...



          คือผมรับแมวพันธ์ขาวมณีตัวนึงมาเลี้ยง มันก็น่ารักตามสไตล์แมวไทยทั่วไป ขี้อ้อน ชอบเอาหน้ามาถู เดินมานั่งบนคอม แต่ยิ่งอยู่ด้วยทุกวันผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองติดมัน เรียนเสร็จก็รีบกลับห้องทันทีไม่อยู่แฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ ต่อเหมือนแต่ก่อน แถมผมยังชอบอุ้มมันขึ้นมาจูบประจำ และที่แย่กว่านั้นก็คือ..ผมไม่ชอบเวลาที่มันไปคลุกคลีอยู่กับแมวสีดำของเจ้าของหอเลย...

คนเลี้ยงแมวเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า?


แท็กห้อง - แมว / สัตว์เลี้ยง /

484 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 111236



ความคิดเห็นที่ 7


เรื่องปกติค่ะ เราก็ชอบเล่นแบบนี้กับแมวเหมือนกัน ก็แหม น้องน่ารักขนาดนี้ไม่ให้ฟัดจะได้ไงเนอะ

256 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 187695



ความคิดเห็นที่ 25


คิดก็บ้าแล้วครับ งั้นผมที่เลี้ยงงูก็เท่ากับว่าผมคิดอะไรกับน้องงูตัวเองหรอ หยึยย

189 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 456887



ความคิดเห็นที่ 78

เป็นคนติดแมวเฉยๆ มั้ง แต่ถ้าตั้งกระทู้แบบนี้แสดงว่ากำลังคิดมากอยู่ล่ะสิ เอางี้ ถ้าคุณยังหาคำตอบไม่ได้ก็ลองโทรไปปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตดู 1323 เบอร์นี้เลย เราไม่ได้ว่าคุณเป็นบ้านะ แต่เราว่าถ้ามีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอาจดีกว่ามาตั้งกระทู้ในโซเชียลแบบนี้

170 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 476129



ความคิดเห็นที่ 146

แมวตัวเมียหรือตัวผู้อ่ะคะ >//<

0 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 746952



ความคิดเห็นที่ 199

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเรียกกระแสหรอครับ? งงมาก ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีจุดประสงค์อะไร เอาเป็นว่าถ้าทั้งหมดที่พิมพ์มาคุณไม่ได้กำลังจะสื่อความหมายว่าตนเองเป็นทาสแมว งั้นผมก็ขอสรุปให้แล้วกัน

คุณชอบแมวตัวเอง

0 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 931725











=========================================



แวะมาเปิดเรื่องจ้าาา เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนรักแมวเนอะ ใครชอบแมวน่าจะถูกใจ แล้วก็เป็นสปินออฟจากเรื่อง Wish on the winter: คำอธิษฐานแห่งเหมันต์ด้วย แต่เนื้อเรื่องไม่ได้ต่อเนื่องกันมาก มาอ่านอันนี้เลยก็รู้เรื่องน้า


ปล1. ผลงานเรื่องก่อนๆของเค้า Wish on the ocean: คำอธิษฐานแห่งท้องทะเล
       Tricky star: มายาดวงดาว
       Wish on the winter: คำอธิษฐานแห่งเหมันต์

ปล2.ฝากลุงแม็กซ์เวลไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะค้าา ร๊ากก


twitter: @wickedwish_
facebook: wickedwish_novel

#แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว











========================================


สารบัญ
Meow 0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3892102#msg3892102)    Meow 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3892932#msg3892932)    Meow 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3893817#msg3893817)
 Meow 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3895041#msg3895041)    Meow 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3896344#msg3896344)    Meow 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3897636#msg3897636)
Meow 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3899679#msg3899679)    Meow 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3901322#msg3901322)    Meow 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3903090#msg3903090)
 Meow 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3904894#msg3904894)    Meow 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3907018#msg3907018)    Meow 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3909222#msg3909222)
 Meow 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3914449#msg3914449)    Meow 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3917296#msg3917296)    Meow 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3920209#msg3920209)
 Meow 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3922194#msg3922194)    Meow 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3923702#msg3923702)    Meow 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3925584#msg3925584)
 Meow 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3927495#msg3927495)  Meow 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3928442#msg3928442)    Meow 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3929956#msg3929956)
Special meow meow (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68451.msg3963537#msg3963537)




หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 22-09-2018 09:21:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 23-09-2018 09:40:06
นายเอกเป็นแมวหรอคะ???
ที่บ้านมีขาวมณีตาฟ้าอยู่ตัวนึง น้องหูหนวกด้วยง่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 25-09-2018 17:50:15


Meow 0



บรรยากาศโดยรอบช่างดูเงียบงัน ตรงกันข้ามกับภาพเหล่าสิ่งมีชีวิตระรายที่ต่างพร้อมเพรียงเข้ามาประชุมกันจนแน่นถนัด ท่ามกลางลานกว้างรกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่ผู้รุกรานกล้าเข้ามาเหยียบย่าง ทุกคู่สายตาล้วนจับจ้องไปยังผู้ปราศรัยบนท่อซีเมนต์สามชั้นวางเรียงต่อกัน

กลิ่นดินระเหยกรุ่นๆ เป็นสัญญาณการตั้งเค้าของเมฆฝน ทว่าการประชุมกลับไม่มีทีท่าว่าจะถูกยุติลง เบื้องหน้าคือจำเลยที่กำลังก้มศีรษะคล้ายน้อมรับความผิด



“เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่จำเลยกระทำขึ้นส่งผลกระทบต่อโจทก์ทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก...”



เอาเข้าจริงคนคนนึงจะมีโอกาสได้เข้ามายืนฟังคำพิพากษาในชั้นศาลบ่อยซักแค่ไหนกัน ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครไม่อยากมา ถ้าเลือกได้ก็คงอยากนอนอยู่ที่บ้านเฉยๆ ถ้าเลือกได้ก็คงขอให้ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายแบบนี้



“...ทางเราจึงอยากขอฟังคำให้การชัดๆ จากปากโจทก์”

“ครับ”



น้ำเสียงอันน่าเกรงขามช่างคู่ควรกับตำแหน่งผู้พิจารณาคดี ไม่ว่าจะโลกไหน สปีชีส์อะไร หรืออาชีพใด สายตาผู้พิพากษาก็ล้วนชวนให้ขนลุกอยู่เสมอ ไม่ใช่เพราะความน่ากลัว...หากแต่เป็นความน่าเคารพ



“จำเลยได้เป็นคนใช้อำนาจในทางมิชอบหรือไม่?”



ทุกคนควรโกรธที่จู่ๆ ชีวิตก็ต้องมาประสบพบเจอกับความยากลำบากโดยที่ตนเองไม่ได้มีความผิดเลยแม้แต่นิด มันเป็นเรื่องเฮงซวยที่ไม่น่าจะเกิดกับชีวิตคนเราได้ เฮงซวยจนบางทีก็ไม่อยากจะหายใจอีกต่อไป

แต่ว่านะ...เรื่องทุกเรื่องล้วนมีเหตุผลในตัวมัน อย่างน้อยถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีก็ถือว่าเป็นรางวัลของชีวิต กลับกัน...ถ้าเรื่องที่ว่าดันเกิดขึ้นเพื่อสร้างบาดแผลต่อร่างกายและจิตใจ

ก็ถือซะว่าที่ผ่านมาเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญ...



“ไม่ครับ...เทพเจ้าปู่แมวทำถูกต้องทุกอย่างแล้ว”







tbc.
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 1 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 27-09-2018 15:31:55


Meow 1



ชีวิตของการเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ช่างชวนปวดหัว ฟังดูอาจคล้ายเป็นคนละเอียดละออ แต่เชื่อเถอะ...ศักยภาพนี้มันไม่ได้น่ายินดีนักหรอก เพราะผลลัพธ์ที่ตามมานั้นล้วนสร้างแต่ความรำคาญใจให้กับทุกๆ ฝ่ายไม่เว้นแม้แต่ตนเอง

ถ้าคิดไม่ออกให้ลองจินตนาการว่าคุณได้เกิดมาพร้อมกับดวงตาคู่ที่สามารถมองเห็นถึงจุดผิดพลาดของทุกสิ่งทุกอย่างแม้เพียงปลายเล็บ ขนาดภาพวาดแนวติสท์ที่ไหล่ของชายในผืนกระดาษไม่เท่ากันเล็กน้อยยังกระตุ้นต่อมความหงุดหงิดจนไม่อยากมอง หรือกระทั่งการค้นพบว่าเพื่อนปริ้นงานส่งอาจารย์ด้วยหมึกขาวดำก็ยังไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

ทำงานทั้งทีทำไมไม่ทำให้มันสมบูรณ์แบบไปเลยวะ!



“นี่นาย เราบอกแล้วใช่ไหมให้เอากระดาษหนังสือพิมพ์รอง ถ้าเปื้อนขึ้นมาจะรับผิดชอบระบายใหม่ปะ”

“ขอโทษๆ”

“แล้วนั่น ยกคนเดียวไม่ไหวก็ไปตามคนอื่นมาช่วยสิครับ ไม่ต้องโชว์เก่งหรอก”

“ขะ...ขอโทษครับพี่มิวนิค...”



มิวนิค เมธานินท์ วัชรโภคินทร์ ตัวท็อปในด้านความหน้าตาดีแห่งคณะนิเทศศาสตร์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีแม้แต่น้อย อาจเพราะความเป๊ะเข้าเส้นเลือดราวกับพวกมาจากลัทธิคลั่งความสมบูรณ์แบบจึงทำให้คนในคณะทั้งหญิงและชายเข็ดขยาดจนไม่กล้าเข้ามาทำความรู้จัก



“มิวนิค แฮ่กๆ พรอบที่สั่งได้แล้วจ้ะ ให้เอาไปไว้ไหนดี”

“เราตกลงกันไว้แล้วว่าพรอบต้องมาถึงก่อนบ่ายสองไม่ใช่หรอ?”

“กะ...ก็ ใช่”

“แล้วตอนนี้กี่โมง?”

หญิงสาวอุ้ยอ้ายที่กำลังท้าวหัวเข่าหมดแรงยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “สะ...สามโมง...”

“ทีหลังถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องรับปากนะ คนรอถ่ายก็รอไปสิ งานก็ล่าช้าเพราะต้องรอคนอยู่คนเดียว”

“เรา...ขอโทษ”



รู้อยู่หรอกว่าศิลปะมันไม่มีกรอบ แต่คนพวกนี้เหมือนทำงานราวกับพอส่งๆ ไปที ขาดความใส่ใจ ขาดความประณีต โดยเฉพาะเรียนทางด้านสื่อด้วยแล้ว...ความผิดพลาดในการถ่ายทอดสารย่อมควรเกิดให้น้อยที่สุด



“อ้าว...แล้วที่ให้ไปยืมไฟสตูดิโอตั้งแต่เมื่อคืนคือยังไม่ได้อีกหรอ?”



นี่ก็อีกราย มิวนิคพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งระเบิดลงชุดใหญ่ เริ่มมีความคิดว่าคนพวกนี้สามารถสอบผ่านเข้ามาในมหาวิทยาลัยโดยปราศจากความรอบครอบได้ยังกัน ถ้าเลือกได้เขาคงไม่ขอทำงานกับคนที่ไม่มีประสิทธิภาพตรงหน้าแน่ๆ เสียเวลาชีวิตชะมัด!

จัดแจงอยู่นานกว่านิทรรศการต่อต้านยาเสพติดจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มองโดยภาพรวมก็ถือว่างานค่อนข้างออกมาเป็นที่น่าพอใจ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเขาไม่เคี่ยวเข็ญให้หนัก งานอาจแย่กว่าที่คิด...



“ถ้ารู้ว่าเป็นหัวหน้าแล้วจะสบายแบบนี้ รู้งี้ตอนโหวตเรียกคะแนนเยอะๆ ก็ดี”

“ไม่ใช่ว่าเรียกแทบเป็นแทบตายแต่ไม่มีปัญญาได้ตำแหน่งนี้หรอกหรอ?”

“ไอ้มิว!”



คนที่ถูกมองเหยียดราวกับเศษฝุ่นธุลีปรี่เข้ามาจะประชิดร่าง ทว่าก็มีการ์ดเข้ามายุติไม่ให้สถาการณ์บานปลายไปกว่าเดิมเสียก่อน ปากหมาอย่างนี้ไงถึงไม่มีใครคบ หึ...มีดีแค่หน้าตากับบ้านรวย นอกนั่นไอ้มิวนิคก็เป็นได้แค่คนนิสัยเสียคนนึง



“ไม่เอาน่าพวกมึงก็...เพื่อนกันทั้งนั้น”

“กูไม่นับคนแบบนี้เป็นเพื่อนนะ”

“ไอ้เชี่ยมิว!”

“เอ๊ มึงนี่พอแล้วน่ามิวนิค”



สายหมอกยื้อแขนกักกั้นชายหนุ่มที่กำลังอารมณ์ฟึดฟัด ส่วนอีกคนก็ได้แต่ทำหน้ายี่หระไม่ใส่ใจ ก็แล้วทำไมเขาจะต้องเอาคำพูดของพวกคนไร้ความสามารถแบบนี้เก็บไปคิดด้วย...รกสมองชะมัด



“ดูเพื่อนมึงไว้นะไอ้หมอก ปากแบบนี้ซักวันจะโดนเข้าให้”

“คนที่ปากก่อนคือมึงไม่ใช่หรอท็อป แค่ไม่ได้เป็นประธานโครงการแค่นี้ถึงกับต้องไล่กัดชาวบ้านไปทั่ว”

“หน็อย!! ถ้าได้เป็นหัวหน้าแล้วมีแต่คนเกลียดแบบมึงกูก็ไม่ยอมเป็นหรอก”

“ถ้าได้เป็นหัวหน้าที่คนรักไปทั่วแต่งานออกมาห่วยแตกแบบมึงกูก็ไม่ยอมเป็นเหมือนกัน”

“มันจะมากไปแล้วนะไอ้เชี่ยมิว!!”

“พอ!! กูไหว้ละไอ้เหี้ย”



สายหมอกยกมือไหว้เพื่อนชายทั้งคู่จริงๆ ก่อนจะลากแขนคนที่ไม่เคยยอมใครออกมาจากตรงนั้น จอมปราชญ์สมชื่อเมธานินท์ เก่งทุกเรื่องยกเว้นเรื่องมนุษย์สัมพันธ์ บางทีก็อยากจับไอ้มิวนิคไปแช่น้ำเย็นๆ ซักสองชั่วโมงเผื่อนิสัยเหย่อหยิ่งหัวร้อนง่ายกับคนอื่นจะลดลงบ้าง



“มึงนี่ไม่ได้ด่าคนซักวันจะตายเลยใช่มะ”

“หมอก...มึงก็เห็นอยู่ปะว่าไอ้ท็อปมันเดินมาแขวะกูก่อนอ่ะ”



คนที่จากลำพองขนราวกับยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารเปลี่ยนมาทำหน้ากระเง้ากระหงอดเมื่อนั่งอยู่สองต่อสองกับเพื่อนซี้คนสนิท เป็นภาพไม่ถือตัวที่จะมีเฉพาะคนใกล้ชิดท่านั้นที่มิวนิคยอมแสดงออกมา



“กูรู้ว่ามันอิจฉามึง แต่มึงก็ไม่จำเป็นต้องไปทำตัวให้เขาเกลียดเพิ่มนี่หว่า”

“กูพูดความจริงทั้งนั้น มันทำงานห่วยจะตาย เห็นกูได้เป็นหัวหน้าก็แซะไม่เลิก หึ...เป็นเสียมหรอแซะจัง”

“พอเถอะไอ้คุณชายกูไหว้นะ เดี๋ยวกูไปขอเหล้าบรั่นดีจากพี่ฟ้ามาเซ่นมึงก็ได้ แต่มึงยอมกูหน่อยเถอะ”

“เฮ้อๆ ก็ได้ เห็นแก่พี่ฟ้าเลยนะเนี่ย”



สายหมอกมุ่ยปากอย่างเชื่อเขาเลย ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคงเกลียดผู้ชายคนนี้เข้าไส้ ก็แหงล่ะ...ทำตัวน่าหมั่นไส้ไปทั่ว แถมถ้าไม่หน้าตาดีติดอันดับต้นๆ ของคณะอย่าหวังเลยว่าจะอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

อันที่จริง...โดยพื้นเพแล้วมิวนิคไม่ใช่คนร้ายๆ อย่างที่เห็นหรอก แค่ต้องทำความเข้าใจซักหน่อยแล้วจะรู้ว่าเจ้าตัวก็เป็นแค่เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์คนนึง มิวนิคก็แค่ต้องการความสมบูรณ์แบบเพื่อให้งานทุกอย่างออกมาดี

แต่ก็นะ...คงมีสายหมอกคนเดียวเท่านั้นแหละมั้งที่เข้าถึงคุณชายมิวนิค



“ทำหน้าอะไรของมึงเนี่ยหมอก”

“ปะ...เปล่าหรอก” ยกมือเกาศีรษะแกร้กกร้าก “พูดก็พูดเถอะ จริงๆ มึงควรให้กำลังใจคนทำงานหน่อยก็ดีนะ”

“คนทำงาน? ให้กำลังใจ?”

“โถ่...คำพูดแต่ละอย่างของมึงที่คอมเม้นงานคือแบบ กูนึกว่ามีด ใครฟังก็ดาวน์ปะ”

“ก็กูพูดความจริง หมอก...มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้เต็มใจที่จะเป็นหัวหน้าอะไรนี่ซะหน่อย แต่ในเมื่อพวกนี้เลือกกูมาแล้ว พวกมันก็ต้องยอมรับผลของการกระทำและการบริหารของกูรึเปล่า”

“นั่นมันเพราะมึงทำงานดี เขาเลยเลือกมึง”

“ไม่เถียง” ไหวไหล่อย่างเหนือๆ

“แต่สิ่งสำคัญคือมึงต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ไม่ใช่ว่าเขาเลือกมึงแล้วมึงจะทำตัวแย่ใส่ยังไงก็ได้”

“แรงว่ะ หมอกที่กูรู้จักน่ารักกว่านี้”

“ไม่เล่น”

“เฮ้อ...เอาเป็นว่าจะเก็บไปคิดก็แล้วกัน”



พยักหน้ารับตัดรำคาญ รู้ดีว่าขืนยังดื้อดึงต่อไปสายหมอกก็คงสังคายนาเรื่องนิสัยเขาไม่เลิก มิวนิคเลือกสั่งชาเขียวนมสดปั่นหวานน้อยมาเลี้ยงเพื่อนชายจอมขี้บ่น ก่อนบทสนทาจะถูกเปลี่ยนเป็นเรื่องฝนฟ้าอากาศ ภาพถ่ายพล็อตเทตเมื่อสองเดือนก่อน แพลนเที่ยวในวันสุดสัปดาห์ หรือแม้แต่ชีวิตรักของเขาทั้งคู่



“แล้วมึงกับพี่คนนั้น?”

“ก็จีบอยู่…” สายหมอกพรูลมหายใจเซ็งแซ่ “…จีบยากชิบ”

“สู้น่า มึงทำได้ พี่หมอกคนเก่ง”

“ถ้าทำตัวน่ารักกับทุกคนเหมือนที่ทำกับกู ร้อยทั้งร้อยหลงมึงทั้งคณะ”

“กูไม่ได้ต้องการความรักจากคนพวกนั้น”



บทสนทนาถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานอีกครั้ง ไม่ได้เลย...พอเข้าเรื่องนี้ทีไรมิวนิคก็ชักจะของขึ้นทุกที ผิดหรือเปล่าล่ะที่เขาอยากให้ไอ้เพื่อนซี้คนนี้เป็นที่รักเหมือนตัวท็อปคนอื่นๆ บ้าง



“อ๊ะ นัทมาแล้วว่ะ งั้นกูไปก่อนนะ”

“จ้าๆ ...แล้วคนนี้ยังไงครับ บอกผมได้รึยัง” สายหมอกยิ้มล้อ

“ก็...ถือว่าเป็นคนที่พิเศษสุดๆ ในช่วงนี้ละกัน”

“ตอบเลี่ยงชิบหาย เป็นดาราหรอ?”

“ขอไม่ตอบคำถามคนขี้แซว”



สาวเท้าไปยังชายหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังยืนคอยนอกร้านหลังจากโบกมือร่ำลาสายหมอกเสร็จสรรพ มือที่เล็กกว่าถูกรวบไปกุมไว้หลวมๆ ก่อนคนทั้งคู่จะเดินเคียงกัน

สำหรับมิวนิคแล้ว การคบผู้ชายหรือผู้หญิงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เขาก็แค่ต้องการคนที่เข้าใจ ไม่ก้าวก่าย ไม่วุ่นวาย ไม่ออกคำสั่ง ซึ่งนัทตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็คือนัดไม่ทำตัวน่ารำคาญ



“วันนี้คุมงานทั้งวันเลยนี่มิว เหนื่อยไหม?”

“ก็เหนื่อยนะ งานมันละเอียด แต่คนทำงานดันไม่ละเอียด”

“อย่าเครียดมาก เดี๋ยวไม่หล่อรู้เปล่า”

“หล่อน้อยลงกว่านี้ก็ดี เราว่า...”



ไม่ทันจะพูดจบ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของคนข้างๆ ก็ดังขึ้นรบกวน นัทปล่อยมือละความสมาธิไปยังเครื่องสมาร์ทโฟนที่ถูกยกแนบหู มิวนิคไม่ได้สนใจอะไรนอกจากวาดสายตาฆ่าเวลามองไปรอบๆ

และด้วยความตาดีจึงสะดุดเข้ากับภาพชายหนุ่มแว่นหนาที่กำลังเดินเก้ๆ กังๆ เข้ามา

คิดไม่ผิดหรอก อีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาจริงๆ ร่างสูงโปร่งกำยำเล็กน้อย ชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดพร้อมเนคไทป์ถูกระเบียบ แต่นั่นก็ไม่โดดเด่นเท่ากับช่อดอกไม้ในมือ มันคือดอกกุหลาบ...



“คะ...คุณมิวนิค ชะ...ใช่ไหมครับ?”



มิวนิคขมวดคิ้วเป็นปมเชิงถามย้ำว่าคนพูดได้หมายถึงเขารึเปล่า ทว่าเมื่อหันไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นใครนอกจากชายหนุ่มตรงหน้า กับนัทที่ก็กำลังมองมาด้วยขมวดคิ้วยุ่งเหมือนกัน



“ใช่ครับ คุณ?”

“ผ...ผมเอาดอกไม้มาให้”

“ดอกไม้? ให้เรา? ให้ทำไม?”

“ผ...ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณมิวนิคดี ค...คุณมิวนิคไม่ต้องสนใจหรอกครับ แค่รับไว้ ผมก็...เอ่อ มีความสุขแล้ว” เป็นติดอ่างหรอกเรอะ น่าสงสารจัง



มิวนิคมองลอดกรอบแว่นที่คล้ายกำลังซุกซ่อนความเขินอาย หลังกกหูใบใหญ่ดูเหมือนจะเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อนิดๆ ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าชายคนนี้คงเป็นแฟนคลับอีกตามเคย

อีกตามเคย...ใช่แล้ว เรื่องแบบนี้มักเกิดขึ้นกับเขาตลอด

นับจากช่วงปีสองปีหลังที่เขาเปิดตัวคบกับผู้ชาย ไม่สิ...ไม่ใช่การเปิดตัว ก็แค่คบกับผู้ชายให้เป็นเรื่องปกติเพราะไม่ได้เห็นถึงความเสียหายอะไร หลังจากนั้นเลยดูเหมือนจะมีพ่อค้ามากมายแวะเข้ามาขายขนมจีบไม่ห่าง ส่วนมากก็จะเป็นนักศึกษาจากต่างคณะ ส่วนคณะเดียวกันนั้นมีน้อยมาก...

ไม่ต้องให้บอกก็น่าจะรู้เหตุผล



“ขอบคุณ”

“คะ...ครับ ขอบคุณที่รับไว้เช่นเดียวกันครับ” มนุษย์แว่นตอบกลับเลิ่กลัก



ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็จ้ำฝีเท้าอย่างเร็วพลันหายไปยังลานจอดรถทันที มิวนิคมองช่อดอกไม้ในมือด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เขาคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ ให้มาแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกนจากรอวันร่วงโรย



“โห ได้ดอกไม้ซะด้วย หึงนะเนี่ย” นัทที่คุยโทรศัพท์เสร็จพอดีเบ้ปากนิดๆ อย่างไม่จริงจังนัก



เพราะเป็นเรื่องปกติที่เจอบ่อยๆ อยู่แล้วเขาจึงไม่ต้องกังวลว่านัทจะคิดมาก คบกับนัทมันดีตรงนี้แหละนะ



“นัทเอาปะ จะได้ไม่หึง”

“เขาให้มิว มิวก็รับไว้สิครับ”

“นัทก็รู้เราไม่ค่อยชอบดอกไม้ หมอนั่นคิดอะไรอยู่เนอะ...เห่ยชะมัด”



ช่อกุหลาบสีแดงถูกโยนลงถึงขยะหลังสิ้นโถงทางเดินยาว อย่างที่บอก...อีกหนึ่งความลับที่น้อยคนมักจะรู้เกี่ยวกับมิวนิคก็คือเขาไม่ชอบดอกไม้ เนื่องด้วยเป็นคนแพ้เกสรดอกไม้ มันไม่ถึงขั้นรุนแรง...แต่ถ้าหากต้องอยู่ร่วมห้องด้วยกันหลายชั่วโมงก็คงไม่ไหว บางทีผู้คนอาจคิดว่าเขาชอบมันเพราะทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จจากกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ช่อดอกไม้ก็จะถูกมอบแทนคำยินดีเสมอ



หากนั่นก็เป็นแค่หน้ากากเอาไว้เข้าสังคม...ขืนบอกว่ามิวนิคนิเทศศาสตร์แพ้เกสรดอกไม้จึงไม่ขอรับช่อดอกไม้ในทุกกรณีคงถูกตราหน้าว่าเรื่องมากเอาแน่ๆ ถึงไม่ใช่คนสนใจกับคำพูดปากหอยปากปู...แต่ให้ถูกคนเกลียดเพราะเป็นพวกคลั่งความสมบูรณ์แบบก็น่าจะสร้างศัตรูมามากเพียงพอแล้ว



“ทิ้งซะงั้น ใจร้ายไปเปล่า”

“ไม่อยากให้นัทหึง”

“ไม่ได้หึงซะหน่อย”

“ดูเหมือนคำพูดจะสวนทางกับสีหน้านะ”



ทั้งคู่หัวเราะในความเรียบง่ายของกันและกัน ไม่ต้องหาเหตุผล ไม่ต้องเก็บมาเป็นเรื่อง ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร ถ้ารู้ว่าคบผู้ชายแล้วจะโล่งสมองแบบนี้เขาคงคบตั้งนานแล้ว



“เอ้อ...มิว”

“ว่าไง?”

“วันนี้นัทไม่ได้ไปกินข้าวด้วยแล้วนะ พอดีธุระด่วนเข้าเมื่อกี้อ่ะ”

“อ้าว...แล้ว?”

“ก็เดินมาส่งมิวที่รถไงครับ ไม่งอนนัทน๊า เดี๋ยวเสร็จงานแล้วโทรหา”

“อื้มๆ นัทไปเถอะ เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วเราไลน์บอก”



กลายเป็นต้องไปกินข้าวคนเดียวซะงั้น แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยโทรชวนสายหมอกให้มากินด้วยกันก็ได้ มิวนิคยิ้มจางก่อนคนภาพคนที่ยืนรอส่งผ่านกระจกหลังจะค่อยๆ เล็กลงจนหายไป

เอาเข้าจริงถือว่าเขาเกิดมาสมบูรณ์แบบมากเกินไป บางทีก็รู้สึกว่าชีวิตแอบขาดสีสัน ถ้าบ้านของเขารวยน้อยลงกว่านี้ซักนิด หรือหน้าตาธรรมดากว่านี้ลงซักหน่อย ชีวิตคงมีอะไรให้ต้องดิ้นรนมากกว่าที่เป็นอยู่

และนั่นก็คือการท้าทายให้ชีวิตเกิดความสมบูรณ์แบบ



RRRRRRRRRRRRRR!!



เสียงเรียกเข้าจากเครื่องสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างๆ คันโยกเกียร์ดังขึ้นแทรกคณะวอนโว่สีขาวกำลังขับแล่นไปตามท้องถนน มิวนิคเหลือบมองพร้อมกับหลุดอมยิ้มเมื่อหน้าจอดังกล่าวขึ้นรายชื่อของผู้เป็นแม่



“แหม ไม่โทรหาลูกเลยนะครับ”

[โถ่ แม่งานยุ่งอยู่นี่คะคนดี อย่างอนแม่เลยเนอะ]

“คิกคิก มิวไม่งอนคุณแม่หรอกครับ มิวคิดถึงคุณแม่จะตายอยู่แล้วเนี่ย”

[โล่งอก นี่ถ้ามิวงอนสงสัยแม่ต้องระดมกำลังกับคุณพ่อมาช่วยกันง้อแน่ๆ]

“โหย ทำงั้นมิวก็แพ้สิครับ คุณแม่ร้ายมากเลยอ่า”

ปลายสายหลุดหัวเราะ [แล้วนี่ทำอะไรอยู่ลูก เลิกเรียนรึยัง]

“เลิกนานแล้วครับ กำลังกลับคอนโด”

[หืม ขับรถอยู่หรอ?]

“ช่ายครับ”

[งั้นวางเลย เดี๋ยวค่อยคุย ขับรถอยู่ห้ามใช้โทรศัพท์นะคะ ทำเป็นอย่างๆ ไป มันอันตรายรู้เปล่า]

“ไม่เป็นไรหรอกครับ มิวเซียนแล้ว ขับมาตั้งแต่มอสาม”

[ไม่ได้ค่ะลูก เฮ้อ..แม่รู้สึกผิดเลยที่ไม่ค่อยได้อยู่กับมิว งั้นแม่วางก่อนค่ะ ไว้ค่อยคุยกันก็ได้]

“คุณแม่ติดประชุมก็บอกมิวมาเหอะครับ มิวไม่โกรธ” ว่าด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

[ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ เอ๊ะ...เจ้าลูกคนนี้นี่!]



วางสายเสร็จก็หลุดยิ้มอีกครั้ง คุณแม่น่ะน่ารักกับเขาเสมอเลย ส่วนคุณพ่ออยากได้อะไรแค่กริ๊งเดียวไม่กี่วันต่อมาของที่สั่งไปก็ถูกเนรมิตมาวางไว้หน้าบ้าน จะขาดก็เฉพาะเวลาที่พวกเราไม่ค่อยได้ใช้ร่วมกัน เพราะพวกท่านต้องเดินสายต่างประเทศอยู่บ่อยๆ

ทว่ามิวนิคไม่เคยรู้สึกขาดแม้แต่นิด ถึงไม่เจอกันครอบครัวเราก็จะมีเฟสไทม์กันทุกอาทิตย์ หรือไม่ก็ส่งข้อความคุยกันไม่ห่าง แปลก...คนคนนึงมันจะชีวิตดีได้ขนาดนี้เลยหรอ เบื่อตัวเองจัง

เป็นตอนนั้นเองที่ข้างทางดูเงียบลงเล็กน้อย อาจเพราะกว่าจะเลิกงานก็ปาไปสองทุ่มเขาเลยไม่ต้องประสบปัญหาสภาวะรถติดอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน ต้นโพธิต้นใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้าก็ชวนขนลุกแปลกๆ

มิวนิคเหลือบมองศาลแมวกวักข้างๆ ตนไม้ที่ว่าพลางกับลอบคิดสงสัย ขับผ่านทุกวันแต่ไม่ยักจะเคยเห็นศาลอันนี้แฮะ หรือชาวบ้านเพิ่งจะมาศรัทธา

หากจู่ๆ ก็มีแมวสีเทาตัวเบ้อเริ่มโผล่มากจากไหนไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถ และด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวจึงทำให้เขาชนเขาเสียเต็มประดาแถมยังดันหักรถหลบไปพร้อมกันอีก



โครมมมมมมมมมม!!



วอนโว่สีขาวกระแทกเข้ากับต้นโพธิ์ใหญ่ยักษ์อย่างจัง น่าจะชื่นชมความแข็งแรงของธรรมชาติที่ไอ้ต้นไม้นี่ไม่เป็นอะไรเลย หากแต่รถเขาเนี่ยสิ...ข้างหน้าพังยับไปแล้วมั้ง



“อูยยย...ไอ้แมวเวรเอ๊ย”



ยกมือคลำหน้าผากเมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองโหม่งศีรษะเข้ากับพวงมาลัยเข้าเต็มเปา ของเหลวสีแดงไหลผ่านสันจมูกลงมาถึงริมฝีปาก รสชาติเค็มปร่าชวนหยีทำเอาชายหนุ่มถุยน้ำลายออกแทบไม่ทัน

โชคยังดีที่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่อย่างนั้นอาการเขาคงหนักกว่านี้

ร่างกายเริ่มรู้สึกหมดแรง เหมือนสติกำลังเลื่อนลอย แปลกจัง...ทำไมกัน ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ชนรุนแรงมากนัก แต่เขากลับคล้ายกำลังคนเป็นลม แพ้เลือดก็ไม่ใช่ จะว่าเลือดออกเยอะก็ไม่เชิง ทำไมกัน...ทำไมถึง

อ่า....

เขามองเห็นแสงสีขาวทอดยาวออกไปไกลราวกับตนเองอยู่ในส่วนลึกสุดของอุโมงค์ ตะเกียกตะกายคลานเคลื่อนเข้าไปยังแสงทีว่าทีละนิดจนเกือบสัมผัสมัน เป็นความฝันสุดประหลาดหากแต่เสมือนจริง

เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ถูกยกเปิดขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นภาพวิวทิวทัศน์อันเดิมก่อนหน้า นี่เขาคงสลบไปอย่างที่ว่า ชัดเจนจากอาการปวดตื้อตรงสมอง พยายามยันตัวลุกขึ้นแต่กลับรู้สึกได้ถึงสัมผัสอันแปลกประหลาด

ทำไมเท้านิ่มๆ?

พยายามส่งเสียงเรียกร้องให้คนช่วย ทว่าเสียงของตนเองที่เปล่งออกมาจากในลำคอนั้นกลับทำเอามิวนิคแทบล้มทั้งยืน



“เมี้ยว!”



เดี๋ยว!! ทำไมเสียงถึงเป็นเหมียวล่ะ? นี่มันเสียงของแมวไม่ใช่รึไง



“...เมี้ยวๆ”



เป็นเสียงแมวจริงๆ ด้วย มีแมวมาร้องแถวนี้งั้นหรอ มิวนิคสูดลมหายใจเข้าออก พยายามเปล่งเสียงออกอีกหลายครั้งๆ และไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังคงได้ยินเสียงๆ เดิม



“เมี้ยว เมี้ยว!”



ไอ้เชี่ยยยย!! ไม่ใช่เสียงแมวตัวไหน แต่เป็นเสียงของเขาเอง!!

แล้วทำไมเขาถึงพูดได้แค่คำว่าเมี้ยวๆ นี่มันเหมือนแมวไม่มีผิดเลย ไม่ใช่! นี่มันเสียงของแมวเลยต่างหากล่ะ ดวงตากลมโตเบิกโพล่งก่อนจะวิ่งสติแตกดูรอบๆ ทว่ากลับไม่พบอะไรแปลกประหลาดนอกจากต้นโพธิ์ต้นเดิม อีกทั้งยังไม่เห็นแม้แต่เศษฝุ่นของยานพาหนะที่เขาขับมา

รถหายไปไหน?

มิวนิควิ่งวนอีกครั้งก่อนจะเหลือบเห็นสระน้ำเล็กๆ ข้างต้นโพธิ์ ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว เคยดูหนังเหมือนกันว่าเราสามารถส่องกระจกผ่านผืนน้ำได้

เรียวขาน้อยๆ ค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปใกล้สระน้ำดังกล่าว หัวใจเต้นตึกตักคล้ายจะระเบิดออกมา ได้แต่ภาวนาว่าขอให้สิ่งที่คิดไม่เป็นจริงด้วยเถิด อย่าเลยมันต้องไม่เป็นจริง... อย่าเลยนะ อย่าเป็นจริงเชียว

แมว...

หน้าคมๆ ตาโตๆ แถมยังมีสีฟ้า ขนสีขาวผ่องเหมือนจะนุ่มนิ่ม...แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น หูชี้ตั้ง หางกระดิกดุ๊กดิ๊ก ดูยังไงมันก็คือ...แมว นี่มันแมวไม่ใช่หรอ เป็นแมวแบบไม่ต้องสงสัย ว๊ากกกกกกกกกกกก!! แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นแมวได้ล่ะเนี่ยยยยยยยยยย







tbc.











=========================================



เปิดเรื่องมาได้แฟนตาซีมั้ยจ๊ะ ใช่จ้า เรื่องนี้เป็นแฟนตาซีจ้าา เพราะงั้นเหตุผลหรือตรรกะบางอย่างอาจดูเกินจริงไปนิด อยากให้ทุกคนมองข้ามๆไป อ่านเอาสนุกเนอะ // ส่วนใครอยากรู้ว่าคุณมิวนิคปากเก่งจะเป็นเช่นไรก็รอติดตามตอนต่อไปคร้าบบ

ปล. ถ้าชอบก็ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาา

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาคุยกันในทวิตเตอร์ก็ได้เน้ออ ร๊ากกคนอื่นทู้กกคนนน
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 1 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 27-09-2018 19:57:53
หมั่นไส้มิวนิคมากๆๆๆ เพอร์เฟคชั่นนิสต์ไปอยู่ในร่างแมวเหมียวแล้วจะยังซ่าอยู่มั้ยน้าาา ถ้าท็อปเป็นคนเก็บน้องไปดูแลจะพีคมาก //มาต่อไวๆนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 1 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: summerkiss ที่ 27-09-2018 20:33:59
ตบมิวนิคได้ไหม. สาวกหนุ่มแว่นไม่ปลื้ม
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 1 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 27-09-2018 21:14:52
ีอันนี้เห็นด้วยนะ ทำงานไม่ได้เรื่องก็ไม่ควรรับปาก รู้จักประเมินตัวเองบ้าง หรือไม่ก็ทำให้ตัวเองไม่ถ่วงคนอื่นไว้ คือเวลาทำงานจริงๆอ่ะ มันไม่มีใครมานั่งคิดให้กำลังใจหรอก  ถ้าคนมีความคิด เขาจะนึกถึงว่างานมันต้องเสร็จ ทุกคนต้องพร้อม ดูแล้วแบบเจอเพื่อนแบบเหลาะแหละ ถ้าได้เข้าไปทำงานจริง แล้วทำตัวแบบนี้ ยังไงก็โดนไล่ออก!!! :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 2 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 29-09-2018 20:46:41


Meow 2


เขาชอบกลิ่นมิ้นท์ที่ลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วห้องจากเทียนหอมกลิ่นมิ้นท์ เพราะตอนเด็กเป็นหวัดลงคอบ่อยๆ คุณแม่เลยประดับบ้านด้วยวัตถุดิบที่เป็นมิ้นท์เสียส่วนใหญ่ นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการป่วยด้วยแล้ว กลิ่นมิ้นท์ยังช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเป่าอย่างแปลกประหลาด

สุดท้ายจึงกลายเป็นคนเสพติดกลิ่นมิ้นท์

ทว่าถ้าเลือกให้ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เพียงอย่างเดียวก็คงจะดี... ไม่ต้องรู้สึกกับใคร ไม่ต้องดีใจเวลาได้เห็น ไม่ต้องมวลท้องแปลกๆ เวลาอีกฝ่ายอมยิ้ม ไม่ต้องกลายเป็นคนฟุ้งซ่านแบบนี้...



“คะ...คุณมิวนิค ชะ...ใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ คุณ?”

“ผ...ผมเอาดอกไม้มาให้”

“ดอกไม้? ให้เรา? ให้ทำไม?”



ไปเอาความกล้าขนาดนั้นมาจากไหนกัน กล้าถึงขนาดซื้อดอกไม้ไปให้ทั้งๆ ที่เขายังเดินอยู่กับคนอื่น กล้าถึงขนาดเดินเข้าไปทัก...ทั้งๆ ที่สายตาของเขาไม่แม้แต่จะปรายมองเลยซักนิด

คุณมิวนิค...

นิยามประโยคที่ว่า Love at first sight คงจะสามารถใช้ได้จริงกับผู้ชายคนนี้ ทีแรกคิดว่าเขาคงตกหลุมรักแค่เพียงรูปลักษณ์ฉาบฉวยภายนอก แต่ยิ่งเนิ่นนานไปภาพของชายคนนั้นกลับไม่ยอมลบเลือน

เคยหวังว่าซักวันคงจะเจอคนที่ถูกใจมากกว่าคุณมิวนิค ทว่าสุดท้าย...ก็ไม่มี มิวนิคยังคงเป็นคนนั้นเสมอ เป็นคนนั้นเรื่อยมาจนอดโมโหหัวใจตนเองไม่ได้ที่มักง่ายเกินไป...



“ขอบคุณ”

“คะ...ครับ ขอบคุณที่รับไว้เช่นเดียวกันครับ”



คนนึงจะสามารถตกหลุมรักคนคนนึงได้นานแค่ไหนกัน และคำตอบก็คือ...

สามปี

แน่นอนว่าในนิยายรักสุดโรแมนติก เหล่าพระเอกที่ตกหลุมรักนางเอกนั้นสามารถทำสถิติได้นานกว่าเขามากโขอยู่แล้ว ทว่านี่คือชีวิตจริง...ชีวิตจริงที่หัวใจดวงหนึ่งสามารถทนทานความรู้สึกพองโตต่อหัวใจอีกดวงหนึ่งมาโดยตลอด รู้ตัวอีกที...ภาพของเขาคนนั้นก็ถูกแปะไว้เต็มบอร์ดไม้กลางห้องเสียจนทั่ว...



[แม็กซ์เวล เรียนอยู่ไหมลูก?]

“ไม่ครับแม่”

[แม่ว่าจะวานแม็กซ์ไปดูของร้านเฮียต๋องให้หน่อย พอดีโทรไปหาเจ้ามูมินดันไม่รับ เฮ้อ...ลูกคนนี้นี่]

“น้องคงเรียนหนัก...เดี๋ยวแม็กซ์ไปซื้อให้ครับ”

[ดีจ้ะลูก เดี๋ยวแม่ลิสต์รายกายส่งไปทางไลน์เนอะ]

“ครับ”



ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงบนฟูกเตียงติดหน้าต่าง ดวงตาที่ฉายแววแห่งความว่างเปล่ามองทอดไปยังกลุ่มแคคตัสสามต้นบนกระถางเล็กๆ ใกล้ขอบบานกระจก ภาพช่อกุหลาบสีแดงที่ถูกหย่อนลงถังขยะอย่างไม่ใยดีผุดขึ้นในหัวตอกย้ำถึงความกากของชายหนุ่มสุดเฉิ่ม

ตัวเขาเอง...

คุณมิวอาจจะคิดว่าเขาไม่เห็น แต่เพราะลอบแอบมองปฏิกิริยาของเจ้าตัวหลังจากยื่นดอกไม้ให้ เขาจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คุณมิวนิคไม่ได้ซาบซึ้งใจกับการกระทำนั้น ไม่ยินดียินร้าย ก็แค่คนคนนึงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วก็จากไป...คงเป็นได้แค่นั้น…แค่นั้นจริงๆ



“...เฉิ่มขนาดนี้ใครจะไปชอบ”



เปลี่ยนมามองโถแก้วใสบรรจุไปด้วยเจลสีฟ้าที่ถูกกัดกร่อนเป็นแนวโพรง ภายในเผยภาพสิ่งมีชีวิตตัวน้อยสีดำกำลังเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยราวกับชีวิตนี้จะไม่หยุดพัก



“ใช่ไหม...แอนโธนี่?”



เจ้ามดญี่ปุ่นตัวสีดำตอบกลับมาด้วยการเดินตระเวนไม่หยุดหย่อนเช่นเคย จะว่าแปลกก็แปลก...เพราะการเลี้ยงมดไม่ใช่วิสัยของคนปกติโดยทั่วไปนัก ถ้าจะมีก็คงเป็นคนรักสัตว์แนวเฉพาะกลุ่ม บางทีการเรียนสัตว์แพทย์อาจทำให้มองเห็นถึงเสน่ห์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ มากขึ้น

และมดก็คงเป็นหนึ่งในนั้น...

เย็นวันถัดมาแม็กซ์เวลเข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้อแผ่นไม้สำหรับทำงานประดิษฐ์ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่เป็นสถาปนิกทั้งคู่ แถมยังไว้วานเขาให้เข้ามาเป็นธุระซื้อของให้บ่อยๆ เลยกลายเป็นซี้ปึกกับเฮียอ๋องเจ้าของร้าน



“ไหนเจ้าแม็กซ์ วันนี้อาเจ๊ใช้มาเอาอะไรอีกล่ะ แต่คิวเยอะหน่อยนะ” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ไว้หนวดเครารกครึ้มว่าพลางแยกยิ้มเป็นมิตร

“ตามนี้เลยครับ” ยื่นลิสต์ในกระดาษที่จดมาให้อีกฝ่าย

เจ้าของร้านหยิบปากกาที่เหน็บไว้บนใบหูออกมาแกว่งราวกับใช้สมาธิ “อืม...แม็กซ์ไปเดินรอซักแปปก็ได้”

“ครับ”



เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเวลามาร้านเฮียอ๋องต้องรอไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง หนังสือหุ้นที่เพิ่งถอยมาใหม่จึงถูกหยิบติดมือมาด้วย และโซนติดกระจกนอกร้านกาแฟที่อยู่ถัดออกไปสองบล็อกก็ถูกใช้เป็นแหล่งซ่องสุมฆ่าเวลา

แม็กซ์เวลเดินตามทางมาเรื่อยๆ วันนี้ผู้คนเบาบางกว่าทุกที อาจเพราะเป็นช่วงกลางสัปดาห์อย่างวันพุธ แถมอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียน ทว่าขาที่ก้าวย่างก็ต้องชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกมาจากซอกตึก



“เมี้ยว...”



แมวไทยสีขาวที่กำลังนอนแอ้งแม้งคล้ายหมดแรงมองมาด้วยแววตาโรยรา เนื้อตัวน้องดูมอมแมมราวกับเพิ่งบุกป่าฝ่าดงมาจากสมรภูมิรบ ที่ท้องมีรอยแผลนิดๆ คล้ายถูกกัดแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก ปล่อยไว้ซักอาทิตย์คงหาย

หากสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มสะดุดสายตาคือดวงตาสีฟ้าสด ขนสีขาวที่ไม่ใช่ขาวเฉพาะจุด แต่ขาวโพลนไปทั้งตัวไม่ต่างจากหิมะ แม้จะมีคราบสีดำเลอะไปทั่ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้ทาสแมวตัวยงคลาดคะเนพลาดได้ว่าเจ้าแมวน้อยเบื้องหน้าคือแมวพันธ์หายาก

ขาวมณี...



“หิวหรือไง?” นั่งลงยองๆ พร้อมก้มหน้าลงคุยกับตาแป๋วที่กำลังร้องเสียงอ่อน

“ม๊าว...”



ถึงฟังไม่ออกแต่ท่าทางแบบนี้ดูยังไงก็คือหิว แม็กซ์เวลตัดสินใจเดินไปยังร้านสะดวกซื้อพร้อมกับจับจ่ายปลาทูหนึ่งกระป๋องและน้ำเปล่าหนึ่งขวดที่ภายหลังถูกตัดเป็นแก้วให้ง่ายต่อการดื่มมาเสิร์ฟเจ้าขาวมณี

รู้อยู่หรอกว่าการให้อาหารสิ่งมีชีวิตจรจัดเป็นเรื่องที่ไม่ควร เพราะจะทำให้น้องเสียระบบและเข้ามาวุ่นวายกับชุมชนโดยใช่เหตุ แต่เจ้าแมวตัวนี้น่าสงสารเหลือเกิน ขืนปล่อยไว้ก็คงใจร้ายแย่



“กินไป”

“…..”

“ไม่กินรึไง?”



แมวน้อยยังแน่นิ่ง สงสัยคงไม่กล้ากินต่อหน้าคน แม็กซ์เวลจึงตัดสินใจปล่อยให้เจ้าเหมียวจัดการอาหารตรงหน้าด้วยตนเองก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปยังร้านกาแฟข้างๆ เพื่อเริ่มการอ่านหนังสือฆ่าเวลา ไว้เฮียต๋องเรียกค่อยแวะมาเก็บขยะไอ้ตัวหิวโซไปทิ้งทีเดียวเลยแล้วกัน

ระหว่างนั่งรอแอบมีความรู้สึกว่าถ้าได้แมวพันธ์หายากแบบนี้ไปเลี้ยงก็คงจะดี แต่คิดดูอีกทีไม่ดีกว่า...เขาไม่ได้เลี้ยงน้องตั้งแต่เด็ก ปัจจัยที่น้องเคยเจอมาทั้งหมดอาจทำให้เจ้าหนูปรับตัวยากเพราะต้องอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมคับแคบ อีกอย่าง...แมวสวยขนาดนี้น่าจะมีเจ้าของแล้ว หรือจะหนีออกจากบ้าน?



“อเมริกาโน่เข้มๆ ได้แล้วค่ะ”

“ขอบคุณครับ” พยักหน้ารับน้องพนักงานที่ดูจะจำหน้าเขาได้เพราะมาบ่อย “เอ่อ...ขอโทษนะครับ”

“คะ?”

“แมวที่อยู่ข้างร้าน...”

“อ๋อ...เป็นแมวหลงมั้งพี่ หนูก็เพิ่งเห็นเมื่อวานเอง ไม่รู้จะอยู่รอดถึงอาทิตย์มั้ย”

“เดี๋ยวคงมีคนเอาไปเลี้ยงล่ะครับ สวยขนาดนั้น”

“เนอะ...หนูก็ว่างั้น อาบน้ำซักหน่อยใช้ได้เลย”



บทสนทนายุติลงหลังต่างฝ่ายต่างมอบรอยยิ้มจางๆ ให้แก่กัน แม็กซ์เวลไม่ได้อยากคุยเยอะเท่าไหร่ อันที่จริงโดยพื้นฐานเขาก็ไม่ได้เป็นคนพูดเยอะอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นก็คือ...กลัวน้องพนักงานจะรู้ว่าตนเป็นทาสแมว ผู้ชายตัวโตๆ ใส่แว่นหนาเฉิ่ม มิหนำซ้ำยังเป็นทาสแมว

ฟังดูน่าตลกไม่หยอก…

นั่งอ่านไปได้เกือบครึ่งเล่มเฮียต๋องก็โทรตามพอดี เขาคิดเงินพร้อมสั่งบานอฟฟี่ไปฝากน้องยูเพื่อนรัก เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าบานอฟฟี่ร้านนี้อร่อยมาก เวลามาทีไรจึงต้องมีบานอฟฟี่ติดไม้ติดมือกลับไปฝากตลอด นึกถึงเด็กชายตัวเล็กสุดในกลุ่มทีไรก็ดันหลุดยิ้มมุมปากออกมาทุกที

ขายาวเดินวกกลับไปยังเส้นทางเดิมอย่างไม่รีบร้อนนัก ไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปเก็บขยะของเจ้าเหมียวตรงซอกตึก แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้คนใจบุญต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ

ปลากระป๋องไม่ลดลงแม้แต่น้อย



“ทำไมไม่กิน?”

“…ม๊าว” เจ้าสีขาวตอบกลับมาด้วยเสียงอ่อนล้าก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมาจิบน้ำหงอยๆ

“ช่วยแกได้แค่นี้นะ”



ประโยคสุดท้ายจบลงพร้อมร่างสูงที่ค่อยๆ เดินหายลับไป วินาทีหนึ่งเขาหันกลับมอง ดวงตาสองคู่จ้องประสานกัน ถึงจะอยู่ไกลพอประมาณ...หากกลับรับรู้ได้ว่าแววตาสีฟ้าดวงนั้นสวยสดกว่าที่คิด แต่ก็แค่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะเขาคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าการแบ่งปันมื้ออาหารให้น้อง

ขอให้เจอเจ้าของไวๆ นะ...









ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



“ห๊ะ อะไรนะ แมวขาวมณีหรอ ตาสีฟ้าด้วย!!”



น้องยูทำท่าตื่นตกใจเมื่อเขาเล่าถึงเจ้าสิ่งมีชีวิตข้างร้านกาแฟ ช่วงพักเที่ยงจะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่กลุ่มของเรามักแวะมากบดานตรงโต๊ะไม้หินอ่อนหลังโรงอาหาร ซื้อมื้อกลางวันพร้อมขนมนมเนยมาแชร์กันจนเต็มโต๊ะ



“อืม”

“อุ่น! พี่อยากเลี้ยงแมว”



และไม่กี่เดือนมานี้สมาชิกในกลุ่มของเราก็คล้ายจะเพิ่มมาเป็นห้าคนนอกจาก น้องยู เจนนิษฐ์ และภูริน ใช่แล้ว...เป็นหมออุ่น อดีตเดือนคณะแพทย์ ผู้ปกครองประจำตัวของเด็กชายงอแงตรงหน้า



“น้องยูก็มีพี่โบ้แล้วไงครับ”

“ก็พี่โบ้เป็นหมาอ่ะ” คนพูดย่นคิ้ว “แต่พี่อยากเลี้ยงน้องแมวไม่ใช่น้องหมา”

“ไม่ได้หรอก พี่อุ่นกลัวน้องยูทำมันตาย”

“อุ่น!!”



แม็กซ์เวลมองคู่รักข้าวใหม่ที่กำลังทะเลาะกันงุ้งงิ้งภายใต้ออร่าสีชมพูหวานฉ่ำ ก็เพื่อนชายของเขาน่ะน่ารักเสียจนอยากทะนุถนอมเก็บไว้ในห้อง

ทีแรกทุกคนก็ต่างเป็นห่วงว่าเจ้าตัวจะใช้ชีวิตในมหาลัยรอดไหมเพราะตกเป็นเป้าสายตาแก่ผู้ชายมากหน้าเหลือเกิน แต่พอได้คนมาดูแล...ความกังวลทั้งหมดก็เลยดูเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง



“แม็กซ์ ช่วยพูดหน่อยซี่ กูอยากเลี้ยงน้องแมวตัวนั้นอ่ะ”

“พอเถอะลูก เอาเวลามาเล่นเกมส์กับแม่ดีกว่ามะ” เจนนิษฐ์เกลี้ยกล่อมพร้อมลูบหัวเด็กชายหน้าบึ้ง

“ใช่แล้ว ทุกวันนี้ดูแลตัวเองยังจะไม่รอด นี่มึงยังคิดจะเลี้ยงแมวอีกเรอะ” ภูรินว่าเสริมติดตลก

“โหยย ไอ้พวกเวร!”



เห็นน้องยูก็นึกถึงใครบางคน รายนั้นถึงจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่กลับทำให้รู้สึกเอ็นดูอยากทะนุถนอมไม่ต่างกัน แม้ว่าในความเป็นจริง...เขาคงเป็นได้แค่เศษเสี้ยวนึงในความคิดของอีกฝ่าย

คุณมิวนิค...

โดยปกติแม็กซ์เวลจะสอดแนมมิวนิคผ่านไอจีสตอรี่ หากแต่ช่วงสองสามวันมานี้กลับไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เป็นไปได้ว่าคุณมิวนิคอาจกำลังยุ่งอยู่กับงานเอามากๆ หรือไม่ก็เกิดป่วยกะทันหัน แล้วถ้าเป็นอย่างหลังเขาจะช่วยคุณมิวนิคได้ยังไงกัน…

ลืมไป...ตัวเขาเองก็เป็นแค่แฟนคลับเงา



“อ้าวแม็กซ์ มาอีกแล้วเรอะ”

“ครับ คุณแม่สั่งเพิ่ม”

เป็นเงาที่คอยตามติดเจ้าของร่าง แม้ว่าการมีอยู่ของเงานี้อาจไม่ได้ทำให้ประโยชน์ใดๆ ให้แก่เจ้าของร่างเลย

“งั้นรอแปป เดี๋ยวเฮียจัดการให้ วันนี้ไม่มีลูกค้า”



เวลาในช่วงเย็นถูกใช้ไปกับการจับจ่ายซื้อวัตถุดิบให้คุณแม่อีกวัน เขาไม่ได้เบื่อหน่ายหรือรำคาญอะไร คงด้วยนิสัยที่ชอบตามใจทุกคนบนโลกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลาได้รับมอบหมายจึงคิดว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ให้ได้ทำเรื่องใหม่ๆ

แล้วก็...ถ้าวันนึงเขาค้นพบความชอบอันใหม่ที่พิเศษกว่า หมายถึง...ความชอบที่มีปริมาณมากเพียงพอจนสามารถทำให้ความชอบที่เคยมีให้คุณมิวนิคกลายเป็นแค่ความทรงจำดีๆ อันบางเบา วันนั้นเขาก็คงสามารถหลุดพ้นจากกรอบความคิดถึงอันแสนทรมานที่ถูกกักขังโดยคนไม่รู้จักกันเสียที



“มองหาเจ้าแมวตัวสีขาวหรอคะ?”



น้องพนักงานถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังแม็กซ์เวลเดินออกมาด้อมๆ มองๆ ตรงซอกตึกพร้อมอเมริกาโน่แก้วโปรดในมือหนึ่งข้าง ส่วนมืออีกหนึ่งข้างก็ถือถุงปลากระป๋องพร้อมน้ำเปล่ากับวัสดุออกแบบที่คุณแม่สั่ง



“ครับ”

“คงหนีเตลิดไปแล้วมั้งพี่ ตอนเช้าหนูเห็นเหมือนมีคนมาตามจับด้วย สงสัยจะตกใจ”

“ตามจับ?”

“ค่ะ เป็นผู้ชายประมาณสามคนอ่ะ เขาบอกเป็นนักอนุรักษ์แมว เห็นว่าจะมาหาบ้านให้น้อง”



แม็กซ์เวลมองถุงอาหารในมือแน่นิ่ง เขาไม่ยักกะเคยได้ยินอาชีพนักอนุรักษ์แมวมาก่อน บางทีอาจเพราะยังอ่านหนังสือไม่มากเพียงพอถึงได้ไม่รู้จักอาชีพนี้ แต่ช่างเถอะ...ถ้าเจ้าเหมียวมีบ้านก็ดีแล้วล่ะ



“เอางี้ ถ้าน้องกลับมาเดี๋ยวหนูเอาปลากระป๋องให้น้องก็ได้ค่ะ”



เขาพยักหน้ารับพร้อมคำขอบคุณ ก่อนจะเหลือบมองซอกตึกว่างเปล่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินจากไป ว่ายังไงดีล่ะ...เป็นความถูกชะตาล่ะมั้ง เพราะเจ้าขาวมณีตัวนั้นเป็นน้องแมวพันธ์ที่อยากได้อยู่พอดี แต่ถึงจะเป็นทาสแมวก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเลี้ยงน้องได้จริงๆ หรอก ก็แค่เอ็นดู...

...ไว้รอให้มีคนพร้อมกว่าเขารับน้องไปเลี้ยงอาจคงดีกว่า







ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวันที่ไร้ซึ่งข่าวคราวจากคุณมิวนิค ถ้าเป็นแฟนกันเขาคงกระวนกระวายมากๆ ที่อีกฝ่ายหายไปนานขนาดนี้ แต่ก็ต้องรีบสะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่านเมื่อตระหนักได้ว่าความคิดทั้งหมดนั้นเป็นแค่เรื่องฝันเฟื่อง คุณมิวนิคอาจหลบหนีความวุ่นวายไปพักผ่อนที่ไหนซักแห่ง

เป็นความคิดที่ปลอดภัยต่อหัวใจที่สุดแล้ว



[แบล็คฟอเรสนะมึง ขอสตอร์เบอร์รี่ให้ไอ้หนูเยอะๆ]

“ได้”

[เขียนว่าน้องยูคนติดผัวด้วยนะ]

“เอาจริงหรอ?”

[จริงแท้แน่นอนค่ะลุงแม็กซ์ ซื้อเสร็จบอกราคาแม่ด้วย เดี๋ยวโอนเงินหาร] เจนนิษฐ์กรอกเสียงแทรกเริงร่า



เนื่องเพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันเกิดของหนูน้อยประจำกลุ่ม แม็กซ์เวลจึงได้รับมอบหมายให้เข้ามาสั่งเค้กวันเกิดจากร้านสุดโปรดของเจ้าหนู ซึ่งก็หนีไม่พ้นร้านกาแฟเจ้าประจำแถวร้านเฮียอ๋องที่เขามักแวะมานั่งรอบ่อยๆ

คิดว่าหมู่นี้ตนเองชักจะเข้ามาเตร็ดเตร่อยู่แถวร้านกาแฟกับร้านเฮียอ๋องเกือบทุกวัน งั้นไหนๆ ก็มาแล้ว...แวะไปดูเจ้าเหมียวหน่อยดีกว่า ว่าเสร็จก็เดินไปด้อมๆ มองๆ ตรงซอกตึกข้างร้านกาแฟอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ



“ม๊าว...”



ยังอยู่จริงๆ ด้วย เขานั่งลงยองๆ พร้อมเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าสี่เท้าที่เดินมาทิ้งตัวแบะข้างๆ อย่างเศร้าสร้อย ที่ขาน้องมีรอยฟกช้ำคล้ายถูกกระแทกด้วยอะไรซักอย่าง แต่ถ้าให้เดาคงไม่พ้นการตกลงมาจากที่สูง



“เจ็บขาก็อย่าเดินบ่อย”

“เมี้ยว...”

“ทำไมไม่ไปอยู่กับนักอนุรักษ์แมว?”



ถามราวกับอีกฝ่ายจะตอบกลับมาเป็นภาษา แม็กซ์เวลยื่นมือยีขนสีขาวที่เปรอะเลอะไปด้วยเขม่าสีดำอย่างอ่อนโยนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปซื้อปลากระป๋องพร้อมน้ำเปล่าในเซเว่นตรงหัวมุมมาให้น้อง



“วันนี้ต้องกิน ผอมมากแล้ว”

“ม๊าว...” เหมียวน้อยเงยมองตาลอย

“กิน!”



ต้องทำเสียงดุเข้าหน่อยถึงเชื่อฟัง เมื่อนั่งเฝ้าจนแน่ใจแล้วว่าเจ้าขาวมณีจะไม่ทิ้งขว้างอาหารของเขาเหมือนคราวก่อนจึงได้เวลาเข้าไปสั่งเค้กเสียที

วันนี้เขามาพร้อมหนังสือหุ้นที่อ่านค้างไว้ครึ่งเล่ม เพราะคุยกับทางร้านแล้วว่าใช้เวลาทำไม่น่าเกินสามชั่วโมงจึงตัดสินใจนั่งรอ อีกอย่างนานๆ ทีได้อ่านหนังสือนอกสถานที่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่

เคยมีคนบอกว่าการอ่านหนังสือก็เหมือนกับการหลุดหายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เป็นโลกที่มีแค่ตัวเรา และเขาเชื่ออย่างนั้น ชัดเจนได้จากการเงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาหลังพบว่าเวลาได้ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว



“ให้เขียนหน้าเค้กว่าอะไรดีคะ”

“อะ...เอ่อ น้องยูคน...คนติดผัว”



ท้องฟ้าด้านนอกช่างดูมืดครึ้ม ไม่กี่นาทีต่อมาหยาดฝนก็สาดซ่านกระเซ็นจนเฉอะแฉะ แม็กซ์เวลรับเค้กพร้อมจ่ายตังเสร็จสรรพ คิดว่าคงต้องหลบฝนอยู่ในร้านซักพัก ขืนออกไปเวลานี้คงเปียกโชกจนเป็นหวัด

ทว่านั่งไปร่วมหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีสัญญาณว่าสภาพอากาศบ้าคลั่งจะทุเลาลง เพราะมีการบ้านที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในคืนนี้จึงขอยืมร่มจากทางร้านเพื่อฝ่าฝนออกไป

เป็นตอนนั้นเองที่ฝีเท้าของนักศึกษาคณะสัตวแพทย์ร่างสูงต้องหยุดชะงักลง ดวงตาด้านหลังกรอบแว่นสีดำหนามองลอดไปยังภาพของเจ้าแมวตัวน้อยที่กำลังนั่งสั่นงันงกอยู่ข้างถังขยะใบใหญ่

ถึงแม้ตรงซอกตึกจะมีหลังคาจากสองฝั่งร้านยื่นมาบรรจบกันพอดี แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการกำบังพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในตอนนี้ได้ มือข้างที่กำลังจับคันร่มกำหมัดแน่น...

ความรู้สึกแปลกๆ ก่อตัวขึ้นในใจ



“ทำไมไม่ไปหาที่หลบดีๆ”

“เมี้ยว....” เหมียวน้อยยืดตัวขึ้นคล้ายทักทาย



เขาถามสิ่งชีวิตที่เนื้อตัวเปียกชุ่มด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง แววตาของทั้งคู่สบประสานกันอีกครั้ง อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าแมวตัวนี้มีความสามารถสื่อสารผ่านทางสายตาได้รึเปล่า มันคล้ายประโยคเว้าวอนขอความช่วยเหลือ...

เหมือนน้องดีใจที่เจอเขา



“ไปหาที่หลบฝนเถอะ”



ตัดบทไปทั้งอย่างนั้นก่อนจะตัดสินใจรีบก้าวเท้าออกมา กลัวเหลือเกิน...กลัวว่าตนเองจะใจอ่อน เขาแพ้ทางทุกครั้งเวลาเห็นสัตว์จรจัดน่าสงสาร น้องๆ ก็เหมือนเด็ก...ต้องการที่พักพิง ต้องการเอาใจใส่ดูแล

แต่การไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีใคร...มันคือฝันร้าย

แม็กซ์เวลแอบเหลือบมองหลังผ่านพ้นบริเวณกระอักกระอ่วนไปได้ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขาเหมือนเห็นเจ้าเหมียวลอบถอนหายใจ แววตาเศร้าสร้อย หางตก กลับไปทิ้งตัวลงนอนข้างถังขยะตามเดิม

มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าการถอนหายใจเป็นโรคติดต่อ เขาถอนหายใจตาม เดินกลับไปยังซอกตึกซอกเดิม ชั่งน้ำหนักในใจอยู่พักใหญ่ ช้อนร่างสีขาวเปียกปอนขึ้นมาในอ้อมอกอย่างไม่รังเกลียด



“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ดื้อ”

“…ม๊าว”



เจ้าขาวมณีตอบกลับมาคล้ายจะรู้เรื่อง แววตาน้องดูประหลาดใจเล็กน้อยที่ถูกคนอุ้ม เขาคิดว่ามันคือความหวัง เป็นความหวังอันน้อยนิดที่กำลังค่อยๆ เบ่งบานภายในอย่างไม่คาดคิด

ซึ่งเขาก็ไม่คาดคิดเช่นเดียวกัน...

ค้นพบแล้วว่าคนเรามักจะแพ้ทางให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปตลอดกาล เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังแพ้ทางให้กับความไร้เดียงสา เป็นความไร้เดียงสาที่เริ่มกัดกินทำลายคอมฟอร์ทโซนของตัวเขาเองอย่างเชื่องช้า

แต่เขากลับเลือกที่จะอยู่ข้างมัน



“มาอยู่ด้วยกันไหม”

“เมี้ยว....”











      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ







==============================================

ใจดีจังเลย มีแฟนรึยังอ่าพ่อหนุ่มมมม

ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 2 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 29-09-2018 22:05:54
 :L2: :pig4:

รออ่าน
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 2 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 30-09-2018 10:07:25
มิวนิคคงถูกเจ้าพ่อปู่แมวลงโทษให้ลดความนิสัยหยิ่งแน่ เลยสาปให้เป็นแมวมาอยู่กับพระเอกทีาแอบรักข้างเดียว 
พระเอกนิสัยน่ารักอบอุ่นมากติดตาม
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 2 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 30-09-2018 10:12:05
ชอบบรรยากาศของเรื่องจัง  รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 2 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 30-09-2018 10:28:48
พาร์ทความคิดของพระเอกคือละมุนมาก น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 3 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 02-10-2018 20:20:19



Meow 3



เขาเหมือนผล็อยหลับไปอีกครั้งหลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้าข้างต้นโพธิ์ต้นเดิม บรรยากาศภายนอกดูเชื่องช้าราวกับสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสไอฝุ่นที่ปลิวละล่องอยู่กลางอากาศ เหตุการณ์สุดประหลาดเกิดตามกันทันควันราวกับพยายามเน้นย้ำให้ชัดเจนว่าเขาคือตัวประหลาดที่กำลังตกอยู่ในเหตุการณ์สุดประหลาด

คนงั้นหรอ?

เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ไม่สิ...เป็นตัวเขาเองต่างหากที่ร่างกายเล็กลง อีกฝ่ายสวมชุดคลุมสีดำพร้อมผ้าผูกเอวสีเดียวกัน ทุกอย่างคล้ายมนุษย์เว้นเสียแต่หน้ากากรูปหน้าแมวยิ้ม หางยาวยื่นกระดิกออกจากกางเกงไปมาเสียจนคล้ายกับของจริง แถมยังอุ้งมือสีชมพูเหมือนจะนุ่มนิ่มนั่น...



“มันคือบทลงโทษ…” บุรุษปริศนาว่าอย่างนั้น

“บทลงโทษ!? บทลงโทษอะไร แล้วแกเป็นใคร!!?” มิวนิคตื่นอย่างเต็มตา อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่คือตัวการของเรื่องราวยุ่งเหยิงทั้งหมด

“เทพเจ้าปู่แมว” เป็นคำตอบนิ่งเรียบก่อนจะตามมาด้วยเหตุผลชวนปวดหัว “เพราะเจ้าขับรถชนแมวจรจัด แถมทางเรายังสืบทราบมาว่าเจ้าเป็นคนนิสัยไม่ดี ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่น นี่ล่ะคือบทลงโทษที่เจ้าควรจะได้รับ จงกลายเป็นแมวที่ไร้ที่พึ่ง อยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครต้องการ”



ให้ตาย! ถ้ายังอยู่ในร่างคนเขาคงอ้าปากหวอไปแล้ว แต่เพราะอยู่ในร่างไอ้เหมียวสีขาว...มิวนิคเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำหน้ายังไงอยู่ แต่มั่นใจได้เลยว่ามันต้องไม่ใช่สีหน้าที่ดีแน่ๆ



“เดี๋ยวก่อนไอ้ปู่!!” พยายามสะกดกั้นอารมณ์โทสะ “คนบนโลกก็เคยขับรถชนแมวเป็นล้านปะ แล้วไหงหวยถึงมาออกที่ผมวะ ไหนความยุติธรรม!!” พักผ่อนมั้ยปู่ ไม่ไหวว่ะปู่ พูดด้วยน้ำเสียงโมโหขั้นสุด

“ทั่วโลกได้ยังไง เครือข่ายข้าครอบคลุมแค่ที่ประเทศไทย”

“มันเป็นคำเปรียบเทียบโว้ยยยยย!!”

“ไม่ใช่มีแค่เจ้าซะเมื่อไหร่ที่โดน...ข้าก็แค่สุ่ม มนุษย์ใจร้ายควรได้รับบทเรียน”



มิวนิคปวดหัว มันใช่เรื่องที่จะมาเล่นลัคกี้ดอร์วกับชีวิตคนมั้ย!! เขาอยากกระโดนตะกุยหน้าไอ้เทพเจ้าปู่แมวอะไรนี่ให้แหก ถ้าไม่ติดว่ามันกำลังใส่หน้ากากอยู่ กับลองแล้วแต่ร่างกายดันทะลุผ่านไปเฉยเลย เออ! ไม่ตกใจหรอก แมวยังเป็นมาแล้ว เจอผีแค่นี้จะน่ากลัวซักแค่ไหนกันเชียว



“เอาเป็นว่าภายในเวลาหนึ่งปี...จงค้นพบความหมายของชีวิต แล้วเจ้าจะพ้นคำสาป”



ความหมายของชีวิตบ้านมึงสิโว้ยยยยย นี่เขาไม่ได้กำลังเรียนวิชา000ของคณะนะ เขาไม่ต้องการหาความหมายของชีวิตอะไรทั้งนั้น เพราะชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มีความหมายมากเกินพออยู่แล้ว...กระทั่งเริ่มไม่มีความหมายตอนเอ็งเข้ามาวุ่นวายนี่แหละไอ้ปู่แมวเวร!!



“...นานไปไม๊ นี่ต้องเรียนต้องทำงานนะ” กัดฟันประชดประชัน

“ถ้าไม่งั้นเจ้าก็ต้องติดอยู่ในร่างแมวแบบนี้ไปตลอดกาล” นั่น มันไม่ฟังคำพูดเขาเลยซักนิด “แถมยัง อ้อ...เดี๋ยวข้าต้องไปละ มีประชุมด่วนเทพเจ้า ช่วงนี้ยุ่งๆ อาจไม่ค่อยว่างมาเจอ ดูแลตัวเองด้วยละกันเจ้าขาว”

“เฮ้ยๆ เดี่ยวก่อนไอ้ปู่แมว...เฮ้ย เฮ้ยยย!!!!!!”



ตะโกนเรียกยังไงก็ไม่เป็นผล บุรุษครึ่งคนครึ่งแมวได้อันตรธานหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศโดยรอบกลับมาถูกปกคลุมด้วยความเงียบเชียบอีกครั้ง เหมือนนาฬิกาเริ่มกลับมาเดิน มีเพียงต้นโพธิ์กับลานโล่งว่างเปล่าพร้อมความจริงที่ว่า...

เขาถูกสาป

เคยคิดว่าตอนปีหนึ่งที่ได้เกรดบีตัวแรกจากวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสารคือเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ตอนนี้คงต้องยกให้เหตุการณ์ที่กำลังประสบอยู่กลายเป็นแชมป์ออฟเดอะแชมป์ เลวร้ายเสียยิ่งกว่าเลวร้าย...

มิวนิคเดินเตร็ดเตร่ตามทางมาเรื่อยๆ เอาเข้าจริงพอเป็นแมวกลับไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าเท่าไหร่ อาจเพราะตัวเบา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากติดอยู่ในร่างไอ้แมวบ้านี่อยู่ดี อยากจบคำสาปเฮงซวยลงเหลือเกิน!

วัด...

เขาเดินมาถึงวัดที่ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน จะว่าไปถ้าขับรถไม่กี่นาทีก็คงถึงคอนโด แต่เนื่องด้วยเดินเท้าระยะเวลาจึงเพิ่มมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวี มิวนิคตัดสินใจแวะที่วัดเมื่อความคิดบางอย่างไหลแล่นเข้ามาในหัว

ใช่แล้ว! พระต้องช่วยเขาได้แน่ๆ ไอ้เทพเจ้าปู่แมวอะไรนั่นคงไม่ใช่เทพเจ้าหรอก เทพเจ้าที่ไหนจะมารังแกมนุษย์สุดน่ารักอย่างเขา ต้องให้คุณพระช่วย ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปยังโบสถ์ที่อยู่มุมสุดของสายตาทันที ทว่า...

แง่ง! แง่ง!

อุ้งเท้านุ่มนิ่มก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบเจ้าถิ่นฝูงใหญ่กำลังเยื้องย่างเข้ามาใกล้ หมาวัด! เขาไม่เคยกลัวหมาหรือแมวหรือสัตว์ใดๆ มาก่อน ติดจะเอ็นดูไปเสียด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ตอนนี้ พวกหมาวัดช่างดูน่ากลัว



“แกเป็นใคร!!”



เชี่ยยย เขาฟังภาษาหมาออกด้วย มันจะอะเมซซิ่งเกินไปแล้ว ควรบันทึกให้เป็นเรื่องราวดีๆ ของชีวิตมั้ยนะ บ้าจริงมิวนิค! นี่มันใช่เวลามาตกใจไหม เอ็งกำลังเผชิญหน้ากับจิ๊กโก๋ตัวร้ายประจำซอยอยู่นะเว้ย และดูท่าพวกมันคงไม่น่าจะมาอย่างเป็นมิตรแน่ๆ



“อะ...เอ่อ คือเราอยากเจอพระน่ะ ให้เราเจอพระหน่อยได้มั้ย”

“พระ?” เจ้าหมาสีน้ำตาลตัวหนึ่งหันไปมองเพื่อนคล้ายขอความเห็น “อ๋อ นายเรอะ นี่แกอยากเจอนายของพวกชั้นทำไม”

“มันต้องมาขอข้าวนายกินแน่ๆ มันจะมาแย่งข้าวเราลูกพี่ ไอ้พวกแมวเจ้าเล่ห์!” หมาอีกตัวกระซิบกระซาบ

“มะ...ไม่ใช่นะ เราแค่อยากให้พระช่วย...”

“ไม่มีทาง พวกแมวมันไม่ไว้ใจไม่ได้!!”

“เฮ้ ฟังกันก่อน...”



ไม่ทันจะได้อธิบายอีกฝ่ายก็วิ่งกรูเข้ามาทันที และด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอดที่ถูกปลุกขึ้นให้ทำงานตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้...จึงทำให้มิวนิคตระหนักว่าขืนอยู่ต่อไปตนเองคงถูกขย้ำจมเขี้ยวแน่ๆ สี่เท้าน้อยๆ รีบวิ่งออกมาอย่างเร็วพลันพร้อมเสียงเห่าระงมดังไล่หลังทำเอาหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

ไอ้ที่บอกว่าแมวกับหมาเป็นศัตรูกันท่าจะจริง แต่ก็ไม่คิดว่าพวกหมาจะใจร้ายใส่กันขนาดนี้ เขาก็แค่อยากขอความช่วยเหลือจากพระ ไม่ได้ต้องการมาแย่งข้าวหรืออาหารพวกพี่แกเลยซักนิด

อึก....

เหลือบมองดูที่ท้องก่อนจะพบว่ามีรอยแผลบางๆ ไม่ได้ลึกมากแต่ก็แสบหน่อยๆ นี่เขาถูกกัดงั้นหรอ แล้วเขาจะเป็นพิษสุนัขบ้าไหมนะ... แล้วเขาจะตายหรือเปล่า อะไรกัน เขายังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย



“ฮึก”



รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดยืนอยู่ในซอกตึกระหว่างร้านค้าอะไรซักอย่าง เขาวิ่งมาไกลขนาดไหนกัน มิวนิคทิ้งตัวลงข้างถังขยะใบใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนอย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมให้ร่างกายเปรอะเปื้อนสิ่งสกปรก เขาน่าจะอยู่ตรงต้นโพธิ์ต้นเดิม อย่างน้อยก็ไม่มีพวกหมาเกเรมาทำร้าย...

หากแต่ตอนนี้...ไม่มีแม้แต่หนทางให้เลือก ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องมาเกิดขึ้นกับเขา ทำไมกัน... แค่ขับรถชนแมวตัวเดียวถึงกับต้องสาปให้เขากลายเป็นแมวเลยหรอ แล้วไอ้แมวตัวนั้นหายไปไหน...อย่าบอกนะว่าตายแล้ว? หึ...คิดไปก็ฟุ้งซ่าน เพราะเขากำลังรับผลของการกระทำที่มันไม่สมควรเลยซักนิด



“แม่ครับ พ่อครับ มิวคิดถึง ฮึก...ช่วยมิวด้วย มิวกลัว...”



เสียงเหมียวๆ ถูกสบถผ่านสายลมในยามเที่ยงวันที่อากาศแสนร้อนจัด ไม่มีใครรับรู้ถึงความทรมานของเขาแม้แต่น้อย ทุกคนรู้เพียงแค่ว่ามีแมวตัวหนึ่งกำลังส่งเสียงระงมน่ารำคาญอยู่ข้างถังขยะ เป็นแมวหลงทางมาจากที่ไหนซักแห่ง ไร้ความสนใจ ไร้การให้ราคา เป็นแค่จุดๆ หนึ่งในระบบสุริยะจักรวาล

เป็นแค่นั้นจริงๆ ...



“หิวรึไง?”



เป็นเสียงทักทายจากชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาพร้อมแว่นกรอบดำหนาเตอะ ก็แค่ร้องทักคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่เรื่อยๆ ตามประสาแมวฝึกหัด...ไม่คิดว่าจะถูกทักตอบ

จำได้ลางๆ ว่าหมอนี่คือคนที่เอาดอกไม้มาให้เมื่อวาน...สงสัยจะพักอยู่แถวนี้ แฟนคลับสินะ สมเพสเขารึเปล่า ตอนนี้เขากลายเป็นแค่แมวสกปรกตัวหนึ่ง ไม่มีอีกแล้วมิวนิคตัวท็อปแห่งคณะนิเทศศาสตร์



“ม๊าว... (หิว) ”



ตอบกลับไปทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเก็บเอาเสียงเรียกอันไร้ค่าไปใส่ใจหรือไม่ ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมามิวนิคกลับต้องประหลาดใจเมื่อปลากระป๋องพร้อมน้ำดื่มที่ถูกตัดเป็นแก้วเล็กๆ ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า



“กินไป”

ทำไมใจดี เราไม่รู้จักกันไม่ใช่หรอ “…..”

“ไม่กินรึไง?”



เป็นความตื้นตันใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน เคยคิดว่าการหยิบยื่นน้ำใจมักทำให้กับคนที่รู้จักกันหรือสนิทกันเท่านั้น หากในความเป็นจริงแล้ว...ยังมีคนแบบหมอนี่อยู่อีกสินะ ช่วยทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน ช่วยทั้งๆ ที่เขาสกปรกมอมแมมขนาดนี้

ขอบคุณนะนายแว่น ขนาดกลายเป็นแมวนายก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจซื้อของมาให้ เราจะจำไว้ว่าบุญคุณนี้ซักวันคงต้องได้ตอบแทนนาย แต่เอาไว้ให้คืนร่างก่อนก็แล้วกัน

มิวนิคจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ค่อยๆ หายลับไปในร้านกาแฟ จริงสินะ...เขาหายไปนานขนาดนี้จะเริ่มมีคนตามหาบ้างหรือยัง...นัทจะโทรหาเป็นยี่สิบสายแล้วหรือเปล่า สายหมอกจะยังส่งข้อความมาชวนไปนั่งชิวในบาร์ร้านพี่สายฟ้าอีกไหม...

ความหวังลิบหรี่เลื่อนลอยถูกนึกเอ่ยผ่านความคิดเงียบงัน รู้ตัวอีกทีนายแว่นเมื่อสักครู่ก็กลับมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง หืม...นี่เขาหลับไปงั้นหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ รู้แค่เพียงว่าเหนื่อยแหละหิว



“ทำไมไม่กิน” อีกฝ่ายขมวดคิ้วคล้ายไม่พอใจ

“ม๊าว... (ทอดให้หน่อยสิ) ”



มันจะไปกินได้ยังไงกัน คาวก็คาว เหม็นก็เหม็น เกิดมาทั้งชีวิตเขายังไม่เคยกินปลากระป๋องดิบๆ เลยนะ แถมข้าวก็ไม่มีให้ ไหนจะของหวานอีก กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่อ่ะรู้จักเปล่า ปัดโถ่....ซื้อให้กันทั้งทีก็ช่วยซื้อของดีๆ ให้หน่อยไม่ได้รึไง



“ช่วยแกได้แค่นี้นะ”



เออไปเถอะ...เข้าใจ อุตส่าห์เสียสละเงินเจียดไปซื้อของกินมาให้ก็ดีมากแล้วล่ะนายแว่น นายเป็นคนดี ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ นะ แววตาทั้งคู่จ้องสบประสานกัน ก่อนต่างฝ่ายจะกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญผ่านมาให้เห็นในวันหนึ่ง
















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

เสียงดังโหวกเหวกในช่วงสายทำเอาแมวน้อยที่หลับใหลอยู่ข้างซอกตึกสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อคืนกว่าจะหลับได้เล่นเอาต้องอดกลืนฝืนทนกินปลากะป๋องเย็นชืดเข้าไป จะไม่กินก็ไม่ได้...ไม่งั้นตายแน่ๆ

ถึงชีวิตจะเพอร์เฟ็คแล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้อยากตายซักหน่อย ยังมีอะไรที่อยากทำอีกเยอะแยะมากมาย นึกแล้วก็เจ็บใจไอ้เทพเจ้าปู่แมวอะไรนั่นเป็นบ้า อย่าให้เจออีกนะ...จะข่วนให้หน้าแหกเลยคอยดู



“เชี่ย ขาวมณีจริงๆ ด้วยว่ะ แถมยังตาสีฟ้าของแท้”

“ที่เราต้องการมันตาสองสีไม่ใช่หรอพี่”

“มึงอย่าโง่ได้ไหม อยากได้ตาสองสีมึงก็จับตาสีฟ้ากับสีส้มผสมพันธ์กันสิวะ นี่เราได้พ่อพันธ์แล้ว รวยล่ะมึง”



กลุ่มชายฉกรรจ์สามคนที่กำลังยืนจ้องเขาอยู่ตรงหน้าซอกตึกเปล่งเสียงดีใจราวกับถูกหวย มิวนิคคิดว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ สัญชาติญาณแมวฝึกหัดที่เพิ่งได้มาใหม่มันบอก!



“มึงอ้อมไปข้างหลัง เดี๋ยวกูยิงเอง”



ยิง? ยิงอะไรของมันวะ ไม่ทันจะได้สงสัย...คำตอบก็ปรากฏเด่นชัดตรงหน้า มันคือปืน! ไอ้เชี่ย นี่กะฆ่ากันให้ตายเลยหรอ เป็นแมวก็ซวยอยู่แล้วดันมาเจอนักล่าแมวอีก บัดซบที่สุด!

สี่เท้าพุ่งกระโจนหายไปในซอกตึกมืดมิดด้านหลังทันที เขาไม่อาจยืนอยู่ตรงที่เดิมได้ ช่างน่ากลัว แววตาของคนพวกนั้นล้วนแต่แฝงไปด้วยความโหยกระหาย ถ้ากลับร่างเดิมเมื่อไหร่เราได้เห็นดีกันแน่ไอ้พวกเลว!

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับกระสุนหนึ่งนัดที่พุ่งตามมา ทว่าไม่รู้เพราะกลายเป็นแมวหรือเปล่า สัญชาติญาณจึงทำให้มิวนิคหลบได้ทันอย่างหวุดหวิด เหลือบไปมองลูกดอกที่ปักอยู่ตรงแผ่นไม้เบื้องหน้า พลันหันกลับไปมองคนพวกนั้นที่กำลังเดินเข้ามาใกล้

ลูกดอกยาสลบ ใช่แล้ว! จากที่ดูหนังไซไฟมาทั้งชีวิต...ทำให้สามารถอนุมานได้ว่าลูกดอกที่เห็นต้องเป็นลูกดอกยาสลบไม่ผิดแน่ หน็อย...คิดจะจับเขาไปทำการค้างั้นเรอะ พวกแกไม่มีสิทธิ์โว้ยยย ชีวิตใครใครก็รัก



“ตามไปเร็วพี่ แม่งวิ่งอย่างไว”

“รู้แล้วสัส มึงอ้อมไปดักอีกทางเลย”



โหยย ไม่ต้องตะโกนปรึกษากันเลย ตรูฟังภาษาคนรู้เรื่อง!! มิวนิครีบตะกุยตะกายขึ้นกำแพงไปจนถึงหลังคาร้านกาแฟ เดี๋ยวนะ...นี่เขาปีนกำแพงได้ด้วยงั้นหรอ แถมยังปีนขึ้นมาจนถึงหลังคาอีก โอ้พระเจ้า...อันล็อคสกิลใหม่แล้ว เป็นข้อดีของแมวสินะ



“ไปไหนแล้ววะ!”

“เพราะพี่คนเดียวยิงพลาด เห็นไหมพวกเราชวดเงินกันทุกคน”

“ฟาย!! มึงก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้ามึงดักถูกทางตั้งแต่แรกไอ้แมวนั่นคงไม่หนีไปหรอก”



เหยื่อที่ตกเป็นเป้าหมายนั่งเหนื่อยหอบฟังโจรอ้วนผอมใจโหดสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ด้านล่าง ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนหลังคาสีโอรสอยู่พักหนึ่ง.. อันที่จริงก็ไม่พักหนึ่งหรอกเพราะตลอดช่วงบ่ายจนมาถึงเช้าอีกวัน คนพวกนี้ก็ออกตามล่าเขาไม่หยุดหย่อน

ที่พักแห่งใหม่จึงกลายเป็นแผ่นหลังคาของร้านกาแฟอันร้อนระอุ บางทีก็นึกอยากให้พระอาทิตย์หยุดทำงานซักสามวันเพราะตอนนี้เขากำลังจะกลายเป็นแมวสุก ไอ้ครั้นจะกลับลงไปก็กลัวพวกโจรระยำออกตามล่าอีก

ช่วงเย็นเหมือนเห็นนายแว่นแวะมาหา ร่างสูงยืนด้อมๆ มองเข้าไปในซอกตึกพร้อมถุงปลากระป๋องในมือ แต่มิวนิคไม่สามารถทำอะไรได้ เขาอยู่ข้างบน ไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียง นาทีนี้ความปลอดภัยของตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญ เขาจำเป็นต้องหายไปเพื่อให้คนพวกนั้นเข้าใจว่าไม่มีแมวขาวมณีอยู่อีกแล้ว

นายแว่นวางปลากระป๋องและน้ำเปล่าไว้ยังจุดเดิมราวกับรู้ล่วงหน้าว่าเขาอาจกลับมา และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขากลับลงไป ทว่าเป็นการตกตุ้บลงไปต่างหาก โถ่...แมวฝึกหัดยังไงก็คือแมวฝึกหัด

มิวนิคคลานเชื่องช้าด้วยความเจ็บไปยังกระป๋องอาหารข้างถังขยะ อย่างน้อยก็ต้องกินเพื่อความอยู่รอด เขาจะไม่ยอมแพ้ด้วยเรื่องแค่นี้ เขาจะถอนคำสาปให้ได้ภายในซักวัน



“ฮึก...มิวคิดถึงพ่อกับแม่”



หากอย่างน้อยคนเราก็ไม่สามารถปกปิดความอ่อนแอได้ตลอด มิวนิคร้องไห้ทุกครั้งเมื่อพระอาทิตย์ลับฟ้า มันทั้งมืด ทั้งเหงา ทั้งเดียวดาย ไม่รู้ว่าน้ำตาแมวมีจริงไหน...รู้แค่ว่าตอนนี้ช่างเหนื่อยล้าเหลือเกิน

เขาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน กะว่าจะขออยู่ที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายรอให้เท้าที่ฟกช้ำจากการตกหลังคาหายเมื่อวานหายดีก่อนจึงค่อยออกเดินทาง เขาตั้งใจว่าจะกลับคอนโด...ไม่ก็ตามหานัทกับสายหมอก...อย่างน้อยสองคนนั้นก็ถือเป็นคนสำคัญในตอนนี้ นัทกับสายหมอกต้องช่วยเขาได้แน่ๆ



“เจ็บขาก็อย่าเดินบ่อย”



นายแว่นตอบกลับมาหลังจากเขาร้องทักในสภาพที่กำลังนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างถังขยะตอนบ่ายๆ เพราะเดินสำรวจดูบริเวณรอบๆ ว่าตนเองกำลังอยู่สวนไหนของเมือง แรงที่นอนสะสมมาจึงหายเกลี้ยงหมดหลอด แถมขาก็ยังเจ็บ



“เมี้ยว... (พูดมากน่า) ”

“ทำไมไม่ไปอยู่กับนักอนุรักษ์แมว?”



นักอนุรักษ์แมว? อ๋อ...ไอ้โจรใจโฉดสามคนนั่นน่ะหรอ โหย...แกกล้าเรียกพวกนั้นว่าอนุรักษ์ได้ยังไง ถ้าเป็นเทศบาลเขาจะไม่ว่าซักคำ นี่อะไร...มาถึงก็ไล่จับแมวพันธ์ขาวมณีอยู่ตัวเดียว

บ่นพึมพำในใจเรื่อยเปื่อย รู้ตัวอีกทีนายแว่นก็ซื้อปลากระป๋องพร้อมน้ำเปล่ามาให้อีกแล้ว สงสัยหมอนี่จะเป็นทาสแมวแฮะดูจากท่าทีที่เอ็นดูเขาเหลือเกิน มิวนิคนอนกระดิกหางมองอีกฝ่ายเนือยๆ ไม่ยินดียินร้าย



“กิน!”



ดุชะมัด ก็เขาเพิ่งกินข้าวที่น้องพนักงานร้านเค้กเอามาให้แล้วนี่หว่า แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ยอม ยืนกอดอกเฝ้าทำหน้าขึงขัง นี่คงคิดว่าเขาหยิ่งไม่ยอมกินงั้นหรอ เออ...กินก็ได้โว้ย เห็นแมวอ้วกขึ้นมาก็อย่าบ่นแล้วกัน

พอเห็นเขากินข้าวได้ คิ้วที่กำลังขมวดมุ่นจึงเริ่มคลายลง นายแว่นก้มลงลูบหัวเข้าป้อยๆ ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในร้านกาแฟ มิวนิคกลับไปนอนข้างถังขยะตามเดิมเพราะพุงใกล้แตก ที่เมื่อกี้กินก็เพราะขี้เกียจฟังมนุษย์แว่นบ่นหรอก

นอนไปได้พักหนึ่งเสียงครืนของท้องฟ้าก็ดังสะเทือน เมฆสีขาวแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนสีดำทึบตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ กลิ่นดินระอุกว่าปกติลอยเตะจมูก ถึงเป็นแมวก็รู้ว่า...



ซ่าาา ซ่าาาา



หยาดฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง มิวนิคตัดสินใจมุดเข้าไปในซอกถังขยะสองถังเพื่อหาแหล่งกำบังเพราะทนถูกฝนสาดไม่ไหว ครั้นจะเข้าไปนอนในถังขยะก็คงบัดซบเกินไป แค่ทุกวันนี้ต้องหลับนอนข้างสิ่งสกปรกก็อนาถพออยู่แล้ว

หนาวจัง...

เงยมองทิวทัศน์ด้านบนที่ถูกบดบังด้วยลมพายุแรง วันนี้ท้องฟ้าดูมืดหม่นกว่าทุกวันถึงแม้จะเป็นเวลาบ่าย เขาคิดว่าฝนมักมาพร้อมกับความเหงาแล้วก็ความคิดฟุ้งซ่านอะไรหลายๆ อย่าง

...หนึ่งในนั้นคือความโดดเดี่ยว

บางทีเป้าหมายที่ว่าจะล้างคำสาปอาจเป็นแค่ฝันเฟื่อง มนุษย์แท้ๆ จะสามารถอยู่รอดในร่างแมวได้ยังไงกัน เขาอาจตายในวันหนึ่ง ไร้ซึ่งการรับรู้จากผู้คน พ่อแม่ นัท สายหมอก

ไม่มีใครรู้เลย



“ทำไมไม่ไปหาที่หลบดีๆ”



เจ้าของกรอบแว่นตาหนาเตอะเอ่ยถามพร้อมคันร่นสีดำในมือ อีกฝ่ายมองลงมาด้วยแววตาที่คาดเดาไม่ออก มิวนิคยันร่างขึ้นยืน เดินออกจากถังขยะเข้าไปใกล้ ส่งเสียงร้องทักทาย



“เมี้ยว... (มีผ้าห่มให้ไหม) ”



เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะไม่อยู่ที่นี่ในวันรุ่งขึ้น ขอร้องทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายฟังไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นมิวนิคก็ยังหวัง นายแว่นเป็นคนใจดี...ถ้าอีกฝ่ายฟังออกก็คงไปหาซื้อผ้าห่มมาให้เขาจริงๆ



“ไปหาที่หลบฝนเถอะ”



ประโยคสุดท้ายก่อนที่แผ่นหลังกว้างในชุดนักศึกษาจะค่อยๆ เล็กลง เขาทั้งสองสบตากันเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากนั้น ภายใต้แว่นตากรอบหนาเตอะซุกซ่อนความใจดีที่แผ่เป็นออร่าออกมา นายทำดีที่สุดแล้วล่ะนายแว่น...

ขอบคุณสำหรับสามวันที่ผ่านมานะ

มิวนิคลอบถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปนอนยังซอกถังขยะตามเดิม จริงๆ แล้วก็อยากวิ่งหาที่หลบฝนเหมือนที่อีกฝ่ายว่าอยู่หรอก แต่ตึกรามบ้านช่องในย่านนี้กลับไม่เอื้ออำนวยเลย มีแต่ร้านค้าที่ปิดประตูสนิทจนหมด อีกทั้งขาที่กระแทกพื้นก็ยังเจ็บไม่หายเพราะดันใช้งานทั้งวัน

ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นมาจะไม่เป็นหวัด อย่างน้อยก็ขอมีชีวิตต่ออีกหน่อย...



“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ดื้อ”

“…ม๊าว (สัญญาอะไรหรอ) ”



มิวนิคประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อนายแว่นกลับมายืนอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง จ้องมองแน่นิ่ง ไร้การเคลื่อนไหว ก่อนร่างสีขาวจะถูกช้อนขึ้นอุ้มกอดไว้ในอ้อมอก ดวงตาสองคู่จ้องประสานกัน สีฟ้ากับสีดำที่ต่างก็เป็นสีเฉพาะอันน่าหลงใหลช่วยขับความรู้สึกบางอย่างออกมา

ความรู้สึกที่ปราศจากคำอธิบาย



“มาอยู่ด้วยกันไหม”



ไม่รู้ว่าหยดน้ำที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าคือหยดน้ำฝนหรือหยดน้ำตา รู้เพียงแค่ว่าเหมือนมีดอกไม้กำลังเบ่งบานอยู่ในอก ถ้าอยู่ในร่างมนุษย์...มิวนิคคิดว่าตนเองคงหลุดร้องไห้ออกมาแล้วแน่ๆ

ปล่อยให้ผลลัพธ์จากการตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน ไม่ใคร่ครวญ ไม่หาเหตุผล ไม่ยืดเยื้อ อาจเพราะมั่นใจว่านายแว่นต้องไม่ใช่คนร้ายกาจ ไม่มีหลักประกัน แค่เขาเชื่ออย่างนั้น...



“เมี้ยว (อื้อ...ฮึก ขอไปอยู่ด้วยคนนะ) ”











     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

น้องแมวมีบ้านแล้วววว เลิกเฟียสรึยังลูก

ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 3 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 02-10-2018 20:46:49
มิวนิคในร่างแมวนี่น่ารักกว่าเวอร์ชั่น2ขาอีก พี่แว่นพาไปอยู่ด้วยแล้วสินะ อยากรู้ว่างานของมิวนิคจะเป็นยังไง มีใคร(สายหมอก+นัท)ตามหามั้ยว่าหายไปไหน จะว่าสงสารก็ใช่ เพราะมิวนิคก็เป็นคนตรงๆเฟอร์เฟ็คแมน แล้วทุกคนก็เป็นคนเลือกให้มาทำหน้าที่หัวหน้าเอง ก็เลยอยากให้งานออกมาดีที่สุด ถ้าสั่งงานอะไรไปแล้วไม่ได้เรื่องก็หงุดหงิดอยู่ดี ไปอยู่กับหนุ่มแว่นใจดีก็อย่าไปดื้อกับพี่เขานะลูก
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 3 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 02-10-2018 21:47:52
น่ารักดีค่ะ ชอบนิยายแนวๆนี้อยู่แล้วววด้วย ตามเลยจ้าา
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 3 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-10-2018 22:15:02
อ่านเพลินสนุกมากค่ะ ตอนอยู่ในร่างคนก็พระเอกก็หลงรักแล้วในร่างแมวทำให้ทาสแมวอย่างพระเอกต้องรักหนักมากเข้าไป ก็ทาสแมวอะเนอะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 3 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 02-10-2018 22:51:39
ใจดีจังเลยอะพ่อหนุ่ม สุดท้ายก้แพ้ใจเอาไปเลี้ยงจนได้ มิวก็อย่าไปดื้อให้มากเด้อ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 3 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-10-2018 12:15:57
มิวก็นิสัยเหมือนแมวอยู่ ขำตรงเป็นแมวมือใหม่นี่แหละ

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 4 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 05-10-2018 17:52:06
Meow 4



แมวเหมียวตัวน้อยถูกจับวางลงบนฟูกเตียงติดหน้าต่างหลังบานประตูปิดลง ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ ผืนสีขาวถูกหยิบขึ้นมาเช็ดถูกลุ่มขนมอมแมมอย่างอ่อนโยนจนเริ่มสะอาดหมดจด ดวงตาสีฟ้าช่างสงสัยเริ่มสอดส่องมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ห้อง

ไม่เหมือนห้องมิวนิคที่เป็นห้องสูตร ห้องนายแว่นเป็นแค่ห้องสตูดิโอเล็กๆ ที่มีห้องน้ำกับห้องนอนรวมอยู่ในห้องเดียว ทว่าการตกแต่งกลับดูมีเทสอย่าบอกใคร กองหนังสือกับตลับซีดีเพลงที่วางเรียงกันเป็นชุดข้างเตียง กับโต๊ะญี่ปุ่นทรงกลมพร้อมพรมสีม่วงพาสเทลที่อยู่ห่างออกไปก็ช่วยให้ห้องดูน่าค้นหามากขึ้น

ตรงปลายเตียงเป็นชั้นไม้ติดผนังสำหรับวางของไล่กันเป็นระดับ ที่สะดุดตาก็คือโหลแก้วทรงสี่เหลี่ยมบรรจุของเหลวสีฟ้า ไม่สิ...มันไม่ใช่ของเหลว คล้ายกับเป็นเจลเสียมากกว่า ส่วนข้างในภาชนะที่ว่านั่น...มดงั้นเรอะ!?

โห...เลี้ยงมดซะด้วยแฮะ ติสท์ใช่ย่อยเลยว่ะนายแว่น

แต่ที่ทำให้แมวน้อยถึงกับต้องชะงักก็คือภาพของตนเองต่างอิริยาบถที่ถูกแปะอยู่บนบอร์ดไม้กลางห้อง โอ้ว...ตาหมอนี่มันโอตะตัวจริง เกิดมาทั้งชีวิตก็เพิ่งจะเคยเห็นแฟนคลับที่คลั่งเขาขนาดนี้ มิวนิคเริ่มรู้สึกว่าความหล่อของตนเองเป็นบาป

“นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปหาหมอ”

“เมี้ยว (หาหมอไรอ่ะ) ” เงยมองคนที่โยนผ้าเช็ดตัวลงตะกร้า

มิวนิคถูกอุ้มขึ้นวางบนตักกว้าง มือหนาเริ่มการลูบหัวเกาคางสิ่งมีชีวิตสีขาวอย่างเอ็นดู สงสัยคงคิดว่าเขากำลังดีใจล่ะมั้งที่จะถูกพาไปหาหมอ ตาทึ่มเอ๊ย! ใครจะชอบไปหาหมอกัน โรงพยาบาลน่ะน่ากลัวที่สุด! แล้วยังไม่เคลียร์เลยนะเรื่องรูป แปะขนาดนี้ขออนุญาตเจ้าของเขาบ้างยัง

“จะว่าไปชั้นยังไม่ตั้งใจชื่อให้แกเลย”

“ม๊าว (อ่า...ต้องมีชื่อด้วยงั้นสิ) ” ส่งเสียงตอบหากยังหลับหลับตาพริ้มเพราะถูกเกาคาง เคลิ้มเลยแฮะ...ง่วงด้วย “เมี้ยว (แล้วจะตั้งว่าอะไรล่ะ ขอเท่ๆ นะ) ”

“เห็นแกก็นึกถึงคุณมิวนิคเลย”

“เมี้ยว… (อะไรวะ ไม่ได้หน้าเหมือนแมวซะหน่อย) ”

“ร้องแบบนี้แสดงว่าชอบคุณมิวนิคเหมือนกันสินะ”

ใบหน้าที่สวมแว่นตาหนาเตอะหลุดอมยิ้ม ทว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตสี่ขาบนตักกลับร้องงุ้งงิ้งไม่หยุด ร่าเริงเหมือนกันแฮะเจ้าแมวตัวนี้ สงสัยจะดีใจที่มีเจ้าของ หรือว่าน้องจะหิว? คิดไปต่างๆ นาๆ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่เดาใจยากสุดๆ และชีวิตต่อจากนี้ของเขาก็คงมีเจ้าแมวตัวนี้เข้ามาวนเวียน

“คิดออกแล้ว” ก้มหน้าลงมองดวงตาสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ “...มิวมิว”

“เมี้ยว (ห๊ะ?) ”

“ชอบใช่ไหมชื่อมิวมิว”

จ้ะ! ไม่ตั้งว่ามิวนิคไปเลยล่ะจะได้จบๆ ดูไม่ออกเล้ยว่าเป็นแฟนคลับตัวยง เหมียวน้อยเหยียดตัวลงนอนราบไปกับตักคุณเจ้านายคนใหม่อย่างเซ็งๆ เป็นแมวยังไม่พอ ชื่อที่ได้มาใหม่ยังดันชื่อเหมือนตัวเองอีก

หรือเขาจะหน้าเหมือนแมวจริงๆ?

ต้องไม่เหมือนสิ! หนุ่มฮอตประจำคณะนิเทศศาสจร์อย่างมิวนิค เมธานินทร์ ไม่มีทางหน้าเหมือนแมวหรอก ถ้าจะผิดก็คงผิดที่นายแว่น หมอนี่น่ะเห่ยเองต่างหาก ชอบทำอะไรเห่ยๆ อย่างเอากุหลาบช่อโตมาให้ แถมชื่อที่ตั้งให้แมวตัวเองก็ยังตั้งตามชื่อเมนเลย เห่ยชะมัด

แต่ว่านะ...อันที่จริงเขาก็ยังไม่รู้จักชื่ออีกฝ่ายเลย

เจ้านายคนใหม่ลูบหัวเหมียวน้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนมาวางลงบนฟูกเตียงแทน แว่นตากรอบสีดำถูกถอดวางลงพนักพิงเผยให้เห็นใบหน้าเปลือยเปล่าที่ไม่มีเครื่องประดับใดๆ กักกั้น ดั้งโด่งเข้าสัน ดวงตาอ่อนโยน คิ้วเป็นทรง ผิวพรรณก็พอใช้ได้...

ไม่เห็นหล่อเลยโด่ว ธรรมดามากนายแว่น

คิดได้ไม่ทันไรคนเห่ยก็ค่อยๆ ปลดเปลื้องกระดุมชุดนักศึกษาทีละเม็ด จนกระทั้ง...โอว หมอนี่มันซ่อนรูปนี่หว่า หน้าตาเด๋อด๋าแบบนี้ไม่ยักกะคิดว่าจะแอบไปเล่นหุ่นจนฟิตปั๋ง กล้ามหน้าท้องเป็นลูกคลื่นพอดิบพอดีจนดูไม่น่าเกลียด ไหนจะแผงอกนั่น ดูแน่นชะมัด อยากกัดว่ะ ถ้ากัดจะถูกโยนออกหน้าต่างมั้ย....

มิวนิครู้สึกมันเขี้ยวชะมัด บ้าจริง! นี่ต้องเป็นผลข้างเคียงจากการเป็นแมวแน่ๆ

หากแต่สิ่งที่ทำให้แมวน้อยเลือดกำเดาแทบไหลก็คือการที่ตาเจ้านายซื่อบื้อถอดอาภรณ์ท่อนล่างออกจนหมด อย่างไม่กระดากอาย วีเชพใต้สะดือค่อยๆ โผล่พ้นขอบผ้าจนกระทั่งสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ออกมาทักทาย

“เมี้ยวว! (ไอ้บ้าเอ๊ยยย ถอดมาได้ยังไง คนอยู่นะโว้ยยย) ”

“ร้องอะไรของแกมิวมิว”

คนพูดย่นคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะหยิบผ้าขาหนูพาดบ่าเดินหายลับเข้าน้ำไป ไร้การใส่ใจ ไร้ความเก้อเขิน ทิ้งไว้ซึ่งเพียงภาพความใหญ่โตในความทรงจำที่ไม่น่าจะลบออกง่ายๆ ถึงเป็นผู้ชายด้วยกันเขาก็ไม่ชินกับการมองเอกลักษณ์ความเป็นชายของคนอื่นซะหน่อย นึกแล้วก็หวิวๆ ชอบกล

เฮ้อ...ทำไมถึงใหญ่ขนาดนั้นอ่ะ ตานี่มันชักจะซ่อนรูปเกินไปแล้วนะ!

มิวนิคใช้เวลาขณะที่คุณเจ้านายคนใหม่กำลังอาบน้ำเดินสำรวจดูรอบๆ ห้อง โดยปกติแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนอยากรู้อยากเห็นนักหรอก แต่เพราะกลายเป็นแมวล่ะมั้ง สิ่งของต่างๆ เลยดูล่อตาล่อใจไปซะหมด โดยเฉพาะ

โหลแก้วใบนั้น…

จอมซนปีนขึ้นไปบนชั้นไม้ติดผนัง ดวงตาสีฟ้าจับจ้องอยู่กับเจลสีฟ้าในภาชนะสีใส สมาธิจดจ่อ เขาเหมือนจะได้ยินเจ้าตัวเล็กข้างในนั้นพูดด้วยล่ะ โห...เป็นแมวก็ฟังภาษามดออกด้วยหรอเนี่ย ทว่าฟังได้ใม่ค่อยชัดเท่าไหร่หรอก อาจเพราะอีกฝ่ายอยู่ในโหลเสียงที่เปล่งออกมาบางส่วนเลยขาดหาย

“นี่...เราคุยกันรู้เรื่องมั้ยอ่ะ”

เป็นเสียงยุกยิกตอบกลับมาทำเอาเจ้าบ้านคนใหม่ต้องเอียงหัว มิวนิคเกาะเท้าทั้งสองข้างกับขอบโหลแก้วก่อนจะค่อยๆ จุ่มหน้าเข้าไปด้านในปากโหลอย่างระมัดระวัง ทำแตกขึ้นมาตาแว่นได้ด่าแน่ๆ

“ได้ยินยัง เฮ้ เจ้ามด! ได้ยินมั้ย โหลๆ”

“หูจะแตก!! ตะโกนทำไมวะ”

เชี่ยยยย มดพูดได้จริงๆ ด้วย ไม่สิ...เป็นเขาเองต่างหากที่ฟังออก มิวนิคไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำสีหน้ายังไงอยู่ แต่มั่นใจได้เลยว่าต้องตกใจสุดขีดเป็นแน่ อย่างน้อยก็ค้นพบว่าการเป็นแมวนั้นมีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง...

สื่อสารกับสัตว์ด้วยกันได้

“เฮ้อ... มีเพื่อนคุยแล้ว” เหมียวน้อยถอนหายใจโล่งอก “คิดว่าต้องพูดคนเดียวตลอดไปซะอีก”

เจ้ามดดำไม่ตอบ หากกลับจ้องเขาแน่นิ่งเหมือนหวาดระแวง หรือท่าทางของมดจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว?

“อ้าว ทำไมเงียบ?”

“แก...แกไม่ได้จะกินชั้นใช่มั้ย!?” มดน้อยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไอ้บ้า ใครจะกินมดวะ”

“หึ! เชื่อได้ที่ไหนกัน พวกแมวน่ะเจ้าเล่ห์ วันก่อนก็มีมาด้อมๆ มองๆ แถวหน้าต่าง”

ไม่ใช่ครั้งแรกที่มิวนิคถูกพูดแบบนี้ ทำไมกันนะ...หรือพวกแมวจะร้ายกาจจริงๆ แต่เขาไม่อยากถูกมองแบบนั้นซะหน่อย ถึงจะไม่ได้ยินดีกับการถูกสาปให้กลายเป็นแมว แต่ก็คิดว่าน้องแมวน่ะน่ารักจะตายไป

“ไม่กินจริงๆ สัญญาเลย”

“โกหกขอให้แม็กซ์เอาไปทิ้ง” ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็หันกลับไปขยับยุกยิกกับเจลสีฟ้าต่อ

“แม็กซ์?”

“แม็กซ์ไง” ตัวจิ๋วหันมองทำท่าทางไม่พอใจที่ไปขัดจังหวะการขุดเจลสีฟ้า “แม็กซ์ก็คือคนที่คอยเอาอาหารให้เรา แล้วก็นอนอยู่ตรงนู้น บางทีก็นั่งทำอะไรไม่รู้อยู่ตรงนั้น ก็คนที่อุ้มแกมาเมื่อกี้อ่ะ”

มิวนิคผงกศีรษะถึงบางอ้อหลังจากรับฟังคำอธิบายยืดยาว สงสัยไอ้มดนี่จะไม่รู้จักคำว่า ‘เจ้านาย’ แฮะ คิดแล้วก็น่าสงสาร อยู่ตัวเดียวทั้งวันคงจะเหงาแย่ หากแต่พอเห็นท่าทางขยันขันแข็งแบบนั้นจึงจำต้องเปลี่ยนความคิดแทน เพราะคนที่น่าสงสารตัวจริงน่าจะเป็นเขามากกว่า

“ชื่อแม็กซ์หรอ?”

“อือ เห็นว่าชื่อแม็กซ์ แต่บางทีคนก็เรียกแม็กซ์เวล ไม่รู้ทำไมต้องมีหลายชื่อ มนุษย์เป็นสัตว์ที่เข้าใจยาก”

ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตาเจ้านายคนใหม่ของเขาย่อมมีชื่อ ก็เรียกแต่นายแว่นๆ จนลืมถามชื่อไปเลยนี่นา แต่เดี๋ยวนะ...เขาถามชื่อไม่ได้ซักหน่อย ก็นายแว่น...เอ๊ย ตาแม็กซ์เวลอะไรนั่นฟังภาษาแมวออกที่ไหน

“นี่ๆ แล้วนายชื่อไร เราชื่อ มิวนิ...เอ้อ! มิวมิวนะ”

มดน้อยหันมามอตาขวางอีกครั้ง สงสัยจะรำคาญจริงๆ ที่ไปขัดจังหวะการขุดเจลสีฟ้า ก็แหม...เขาแค่อยากเมคเฟรนด์เฉยๆ หรอก หน็อย... เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์หนุ่มอัธยาศัยดีอย่างคุณมิวนิคมาขอทำความรู้จักกับแกทั้งทีก็ดีแค่ไหนแล้วไอ้มดเอ๋ย เจียมกะลาหัวไว้ซะบ้าง

“แอนโธนี่”

“เชดดด ชื่อเท่จัง”

“หึหึ”

มดน้อยวาดสีหน้าผู้ชนะ ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายภูมิใจกับชื่อตัวเองสุดๆ จ้ะ...น่าหมั่นไส้จริงๆ เลย ขนาดมดยังชื่อแอนโธนี่ แล้วไหงเขาถึงชื่อมิวมิวล่ะโว้ยยยยย ขอความยุติธรรมทีเถอะ!!

“ซน”

ตัวขาวลอยขึ้นกลางอากาศหลังสิ้นประโยค รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับว่างบนเสื่อนุ่มข้างเตียง ส่วนคนมาใหม่ก็นั่งขัดสมาธิเช็ดเรือนผมเปียกๆ อยู่บนฟูกยักษ์ ไม่มีอาภรณ์ใดๆ ซักชิ้นเว้นแต่ผ้าขนหนูสีครีมที่พันหมิ่นเหม่อยู่รอบเอว

เอาอีกแล้ว ไอ้บ้าแว่น! โชว์จังเลยนะ เห็นห้องมีแค่มดกับแมวก็โชว์จัง เคยอายอะไรบ้างไหม!

“ม๊าว! (ใส่เสื้อเดี๋ยวนี้) ”

“หืม อยากเล่นด้วย?” ชายหนุ่มอมยิ้มก่อนจะวางฝ่ามือลงบนหัวทุยๆ “แปปนะ”

โอ้ยยย ไม่ได้จะเล่นด้วยโว้ย ใส่เสื้อน่ะใส่เสื้อรู้จักไหม คิดว่าหุ่นดีแล้วจะแก้ผ้าเดินโท่งๆ ยังไงก็ได้หรอ เหมียวน้อยสะบัดก้นเดินไปนอนบนเตียงเมื่อเห็นว่าการประท้วงไม่เกิดผล ดีแล้วจริงๆ ใช่ไหมที่ตัดสินใจมาอยู่กับตาทึ่มนี่ เฮ้อ...ปวดหัว อยากกลับบ้าน!

“มิวมิว นอนบนเตียงไม่ได้ ไปนอนบนพื้นดีๆ”

แม็กซ์เวลที่ลุกขึ้นไปสวมเสื้อยืดตัวย้วยกับบ็อกซ์เซอร์ขาสั้นเดินมาอุ้มสิ่งมีชีวิตตัวนิ่มลงจากเตียง สนิทกันแล้วหรือไงถึงกล้าขึ้นมานอนบนเตียง เจ้าแมวตัวนี้นี่ เห็นไม่ดุเข้าก็เอาใหญ่

“เมี้ยว! (นอนก็ต้องบนเตียงดิ) ” ไม่สนใจ ปีนกลับไปยังฟูกผืนใหญ่ตามเดิม

“มิวมิว!” แม็กซ์เวลขึ้นเสียงเข้ม

ทว่าคราวนี้เจ้าเหมียวจอมดื้อดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ เพราะต่อให้เขาอุ้มเจ้าตัวออกจากเตียงไปวางบนพื้นกี่รอบ แมวดื้อก็เดินกลับไปนอนยังที่เดิมทุกรอบ ฮึ่ม!! ทำไมเป็นแมวที่ดื้อแบบนี้ พามาอยู่แค่วันเดียวก็ก่อเรื่อง

“งั้นก็นอนคนละฝั่ง” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างขัดไม่ได้ “แต่ห้ามมาเกย”

“เมี้ยว เมี้ยว (ใครจะเกย สำคัญตัว) ”

“ไม่ต้องมาร้องอ้อน”

“ม๊าว! (ไม่ได้ร้องอ้อนโว้ยยย) ”





























ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

เป็นอีกวันที่ฝนตก...กลิ่นดินลอยคละคลุ้งเต็มอากาศทำเอาคนชื่นชอบกลิ่นดังกล่าวเงยหน้าสูดจมูกจนเต็มปอด แม็กซ์เวลกระชับคันร่มในมือให้เข้าที่ก่อนจะเดินตรงไปยังรถญี่ปุ่นสีเหลืองครีมคันโปรด ด้านหน้าสะพายกระเป๋าเป้ที่มีแมวน้อยตัวสีขาวบรรจุอยู่

“ดีนะวันนี้เลิกเรียนเร็ว”

“ม๊าว (จะพาไปไหนอ่ะ?) ”

สี่ขาส่งเสียงร้องทักถาม แต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้คำตอบจึงตะกุยตะกายออกมาจากกระเป๋าเดินเพ่นพ่านอยู่บนเบาะหน้ารถแทน มิวนิคไม่รู้ว่าทำไมพอเป็นแมวแล้วเขาถึงรู้สึกสงสัยอยากรู้อยากเห็นไปหมดนัก ราวกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเปล่งออร่าแห่งความน่าสนใจออกมามากกว่าปกติ

บางทีอาจเป็นพฤติกรรมของแมว...

“อย่าซน”

เมื่อเริ่มวุ่นวายแมวน้อยจึงถูกจับวางในท่านั่งอีกครั้ง เพื่อความสบายใจแก่ทุกฝ่ายมิวนิคจึงตัดสินใจหยุดการเป็นนักสำรวจชั่วคราว หากก็ยังเกาะหน้าต่างเกาะเก๊ะหน้ารถดูวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย อันที่จริงเขากำลังจำทางต่างหากล่ะ มาอยู่บ้านท่านก็ต้องหัดหาทางหนีทีไล่ไว้บ้าง แล้วก็...

รำคาญตาหมอนี่บ่น

เสียงเม็ดฝนดังกระทบพื้นเปาะแปะโดยไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลงจากเดิม ถึงที่หมายก็ถูกนายแว่นจับยัดกระเป๋าเป้สะพายไว้ด้านหน้าอีกครั้ง มือหนาถือคันร่ม ส่วนมืออีกข้างก็แวะเวียนมาลูบหัวไม่หยุด

ปกติเขาไม่ชอบให้ใครลูบหัว แต่นี่ติดว่าเป็นแมวอยู่แถมยังเป็นเจ้านาย งั้นจะหยวนๆ ให้แล้วกัน หึ...ถ้ารู้จักคุณมิวนิค เมธานินทร์แห่งคณะนิเทศศาสตร์ตัวจริงล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าจะได้ทำตัวใกล้ชิดแบบนี้

“เอาหัวออกมาเดี๋ยวก็เปียก”

“เมี้ยว (ยุ่งน่า) ”

เงยมองใบหน้าคนพูดสลับกับภาพสถานที่เบื้องหน้า ตอนนี้กลิ่นฝนกับกลิ่นนายแว่นดูท่าจะปนเปกันไปหมด นั่นสินะ...เขาเป็นแมว ประสาทสัมผัสย่อมไวกว่ามนุษย์อยู่แล้ว ทว่าถึงแม้ทั้งสองกลิ่นจะตีกัน แต่กลิ่นของใครบางคนกลับชัดเจนกว่า อาจเพราะเขาอยู่ใกล้อีกฝ่าย

มันเป็นกลิ่นสะอาดเหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไป ทว่าเหมือนมีเทคเจอร์อะไรบางอย่างทำให้กลิ่นของแม็กซ์เวลแตกต่างจากกลิ่นผู้ชายปกติ ซึ่งมิวนิคก็อธิบายไม่ได้ ตานี่บางมุมก็ดูลึกลับจนเข้าไม่ถึง...



โรงพยาบาลสัตว์คณะสัตวแพทย์ศาสตร์

เดี๋ยวก่อนนะ นี่เขาถูกพามาโรงพยาบาลอย่างงั้นหรอเนี่ย แมวน้อยเบิกตาโพ่งเมื่อเหลือบไปเห็นป้ายทางเข้าอันเบ้อเริ่ม เคยบอกแล้วไงว่าเขาเป็นโรคไม่ถูกกับโรงพยาบาลเอามากๆ มันน่ากลัว แล้วก็ขนลุก

“ม๊าว ม๊าว!! (ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้คนทรยศ ชั้นไม่อยู่กับแกแล้ว ปล่อยนะ!) ”

“มิวมิวอย่าดื้อ”

มือหนาจับแมวดื้อขึ้นมาอุ้มไว้แทนเมื่อสังเกตเห็นว่าน้องกำลังตะกุยตะกายออกจากกระเป๋า ล็อคแขนล็อคขาไว้ในอ้อมอกอย่างดีก็พาไปนั่งรอคุณหมอหน้าห้องตรวจ สงสัยจะตื่นคนเยอะ ขี้อายจังเลยนะเจ้ามิวมิว

“เมี้ยวว!! (ปล่อยนะไอ้แว่น!!) ”

“เด็กดื้อ”

จุ๊บ!

ทาบนิ้วชี้ไปที่ริมฝีปากพร้อมส่งเสียงชู่วเสร็จ แม็กซ์เวลก็ก้มลงไปจูบจมูกแมวน้อยขี้งอแงหนึ่งที และดูท่าว่ากลยุทธ์นี้จะใช้ได้ผล เพราะมิวมิวมองเขากลับมาอย่างอึ้งๆ ไม่ดิ้นยุกยิก ไม่ร้องซักแอะ ทีแท้ก็อยากให้หยอกนี่เอง แล้วดูทำหน้าเข้า อยากให้จูบอีกหรือไงนะ

ทำตัวน่ารักก็เป็นเหมือนกันนี่เจ้ามิวมิว…

“แม็กซซซซซซซซ!!”

เสียงหวีดร้องดังมาแต่ไกล ไม่ถึงวินาทีก็ปรากฏภาพเด็กชายตัวขาวยืนยิ้มตื่นตาตื่นใจอยู่ตรงหน้า นี่ก็เป็นอีกคนที่สามารถทำให้วันของเขาสดใสเหมือนมีสายรุ้งวาดโค้งอยู่รอบตัว...

น้องยู

“แมวขาวมณีที่บอกใช่ไหม งื้ออ น้องน่ารักจัง กูขอจับได้เปล่า”

“อื้ม”

คนได้รับคำอนุญาตแยกยิ้มหยีกว่าเดินจนเห็นฟันขาว ก่อนจะนั่งยองๆ ลูบขนแมวน้อยอย่างเอ็นดูไม่หยุด พอลองนึกตาม ถ้าให้น้องยูกับมิวนิคไปอยู่ด้วยกันคงจะกลายเป็นการผสมผสานความน่ารักอย่างลงตัว แต่คงยาก...เพราะแฟนอีกฝ่ายหวงเพื่อนชายของเขาอย่างกับอะไรดี นี่เห็นว่าแค่ตุ๊กตาก็ไม่อยากให้ซื้อเพิ่มแล้ว

“ฮือ...แม็กซ์ น้องน่ารักอ่ะ น้องเชื่องมากเลย”

“ม๊าว ม๊าว...”

“เชื่องเฉพาะกับยู กับเราดื้อจะตาย”

แมวดื้อหันมองตาเขียวใส่เจ้านายจอมทึ่มเหมือนไม่พอใจเมื่อถูกว่ากล่าว

“ไม่เห็นจริงเลย เนอะน้องแมว” เด็กชายพยักเออออหน้าคุยกับแมวน้อยสองคน “นี่ๆ แล้วน้องชื่อไรอ่ะ ลืมถาม”

“มิวมิว”

“งื้ออ เจ้ามิวมิว ทำไมน้องตัวนิ่มแบบนี้ อยากได้อ่ะแม็กซ์ ถ้าเบื่อแล้วขายต่อกูเลยนะ”

ชายหนุ่มหลุดขำเมื่อเพื่อนรักพูดออกมาราวกับสามารถเทรดขายเจ้ามิวมิวได้อย่างง่ายดาย เขาคิดว่าคงไม่ขายให้ใครหรอก เพราะตอนตัดสินใจเลี้ยงก็ไตร่ตรองอยู่นาน ถ้าขายไปคงขัดกับเจตนารมณ์แรกเริ่มแปลกๆ อีกอย่าง...เจ้ามิวมิวก็มีส่วนคล้ายคุณมิวนิค เป็นสัญลักษลักษณ์ที่เขาคิดขึ้นมาเองว่าเจ้าตัวเหมือนคุณมิวนิค

น่ารักเหมือนกัน...

เล่นได้ไม่นานผู้ปกครองส่วนตัวของเด็กชายยศวินทร์หรือน้องยูก็มารับ ทีแรกทั้งคู่ทะเลาะกันเพราะไอ้หนูไม่ยอมกลับจะเล่นกับเจ้ามิวมิวท่าเดียว ต้องให้เขาช่วยเกลี้ยกล่อมอยู่พักหนึ่งเจ้าตัวถึงยอม

“กับเจ้านายไม่เห็นเชื่องแบบนี้บ้าง” ปรายตามองสิ่งมีชีวิตสีขาวบนตัก

“เมี้ยว (เหอะ เจ้านายแบบแกอ่ะนะ) ” เชิดหน้าหนี

มิวนิคร้องตอบด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด หากแต่นายแว่นกลับตีความไปคนละอย่าง เจ้าตัวบอกว่าเขาชอบทำเสียงงุ้งงิ้งแถมยังอ้อนด้วย โว้ยยย...อ้อนที่ไหนกัน ตะคอกขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าอ้อน ไม่พอ...มันยังล็อคตัวเขาแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวจะหนี

หน็อย...ถ้าทำได้ก็อยากหนีไปอยู่กับไอ้เด็กแก้มเยอะตัวขาวน่าฟัดเมื่อกี้ให้รู้แล้วรู้รอด

นั่งไปได้ซักหน่อยพี่พยาบาลก็เดินออกมาเรียก เหมียวน้อยถูกอุ้มเข้าไปในห้องตรวจก่อนจะเห็นเตียงเล็กๆ ที่มีผ้าปูสีเขียวของโรงพยาบาลเบื้องหน้า วินาทีนั้นมิวนิครับรู้ได้ถึงอาการเย็นยะเยือกเสียววาบไปทั่วแผ่นหลัง

ถูกจับตรวจนู่นนี่วุ่นวายไปหมดถึงถูกย้ายมาอีกห้องหนึ่ง ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่ากลิ่นแอลกอฮอล์ของโรงพยาบาลช่างชวนปวดหัว น่ากลัวชะมัด! อยากกลับบ้านแล้ว คิดถึงคุณพ่อคุณแม่...

ไอ้เจ้านายซื่อบื้อยืนคุยอะไรกับคุณหมอไม่รู้อยู่นานสองนาน ขณะคนเกลียดโรงพยาบาลเข้าเส้นเลือดก็ถูกพี่พยาบาลสองคนล็อคขึงไว้กับเตียง อืม...ไม่ต้องจินตนาการไปไกล...โดนแน่ๆ ไอ้มิว

เซนส์แมวฝึกหัดมันบอก!

“สรุปว่าเป็นวัคซีนรวมโรคนะ”

ห๊ะ...วัคซีนรวมโรค!? วัคซีนรวมโรคบ้าอะไรล่ะโว้ยยยยยย ผมเป็นคน ผมไม่ฉีดนะหมอ อีกอย่างผมไม่ได้ป่วย อย่าไปเชื่อไอ้บ้าแว่น มันมั่ว! แมวน้อยส่งข้อความผ่านทางสายตาให้พี่หมอผู้หญิงท่าทางใจดี

“ครับ ช่วยหน่อยนะครับ”

“ช่งช่วยอะไร พี่รหัสน้องรหัส เรื่องแค่นี้สบายมาก”

“ม๊าวว ม๊าวว!! (หมออย่า มิวไม่ฉีดนะหมอ!) ”

“ร้องอะไรคะลูก”

คนที่สวมเสื้อกาวน์ลูบหัวหนูน้อยขี้กลัวอย่างเอ็นดู เธอก็เพิ่งเคยจะเห็นแมวพันธ์ขาวมณีที่สวยขนาดนี้เนี่ยแหละ แถมยังไม่คิดอีกว่าหลานรหัสคนเงียบจะมีมุมเป็นทาสแมว สงสัยคงจะถูกชะตากับน้องจริงๆ

“เมี้ยววว!! (ผมไม่ฉีด ไม่เอาเข็ม!!) ”

“สงสัยน้องจะยังเจ็บแผลที่ขาน่ะครับ”

คราวนี้เจ้านายซื่อบื้อก้มลงมาลูบหัวเหมียวน้อยน่าสงสารอีกแรง คงจะเจ็บมากสินะเจ้ามิวมิว ที่ผ่านมาแกคงอดทนมาโดยตลอด แต่ไม่เป็นไรแล้วนะ เดี๋ยวพี่หมอจะช่วยให้แกหายเจ็บเอง

“โถๆ อย่าร้องนะคะน้องมิวมิว เดี๋ยวหมอฉีดยาให้น้า ไม่เจ็บแล้วเนอะ”

“เมี้ยวววว!!! (ไม่ครับหมอ มันไม่ใช่แบบที่หมอคิด!!!) ”

มิวนิคหวีดร้องลั่นห้องตรวจเมื่อปลายเข็มแหลมๆ จิ้มทะลุผ่านชั้นผิวหนัง หน็อย...คิดว่าที่ผ่านมาเป็นคนใจบุญ ที่แท้แกมันก็พ่อพระในคราบซาตาน จำไว้เลยนะแม็กซ์เวล จบศึกคราวนี้แกไม่ตายดีแน่

เขาจะข่วนหน้าแกให้เสียโฉม จะทำลายข้าวของในห้องแกให้ราบจนองค์ประกอบศิลป์ไม่สมดุล ทุกอย่างในชีวิตแกจะถูกพังไม่ให้เหลือชิ้นดี ต่อให้เป็นเจ้านายหรือผู้มีพระคุณก็ไม่เว้น

จำไว้!!







      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ













==============================================

ไม่ทันไรก็เป็นเรื่องแล้ว โถๆๆๆเจ้ามิวมิว



ปล.ข้อมูลเรื่องการให้วัคซีนเราไม่ได้หาลึกมากนะคะ ห้ามเชื่อ100%เด็ดขาดดด  

ปล2. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 4 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-10-2018 21:31:36
 :L2: :L1: :pig4:

เราชอบชื่อมด
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 4 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-10-2018 00:33:30
ชอบน้องมด ความอวดชื่อ555
ปกติได้แมวจรจัดเขาจะฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า หัดแมว ประมานนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 5 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 08-10-2018 18:57:42

Meow 5



“มิวมิว…”



เรียกชื่อเป็นครั้งที่สามหลังกลับจากซื้อมื้อเที่ยง แมวน้อยตัวสีขาวก็ยังคงนอนหันหลังไร้การตอบรับอยู่บนเตียง แม็กซ์เวลไม่ใช่คนซับซ้อนในเรื่องความสัมพันธ์ ทว่าท่าทางเมินเฉยแบบนั้นก็ทำให้เดาได้ไม่ยาก

เจ้ามิวมิวกำลังงอน

เรื่องมันเริ่มจากการที่เขาพาน้องไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลคณะสัตวแพทย์เมื่อวาน คิดว่าที่น้องร้องงอแงแบบนั้นเพราะว่าเจ็บแผล แต่พอกลับมาก็เป็นอย่างเห็น ไม่ยอมเล่นด้วย ไม่ยอมให้จับ ไม่ให้เข้าใกล้



“มิวมิวกินข้าว”



วางปลาทูทอดของโปรดใส่ชามข้าวสีชมพูอย่างดี มิวมิวไม่กินอาหารเม็ดหรืออาหารที่ไม่สุก อาหารจำพวกของเหลือที่มนุษย์กินไม่หมดก็เช่นกัน เรียกว่าเป็นแมวช่างเลือกกินตัวหนึ่งเลย กว่าจะค้นพบว่าอาหารที่ถูกปากเจ้าตัวนั้นคือปลาทูทอดก็หมดเทสเตอร์ไปหลายมื้อ



“มิวมิวไม่เป็นแบบนี้”



เอื้อมมือไปลูบหัวได้ไม่เท่าไหร่แมวน้อยแสนงอนก็รีบลุกหนีอีกรอบ พี่หมอบอกว่าแมวเป็นสัตว์รักอิสระแถมยังเข้าใจยาก บางทีเราก็ต้องปล่อยให้น้องอยู่ในโลกส่วนตัวซักพัก เข้าไปวอแวมากก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี

แม็กซ์เวลคิดว่าแบบนั้น เขาอยากง้อ...แต่ติดตรงที่ง้อไม่เป็นเพราะไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนถึงจะเป็นทาสแมวตัวยง อีกอย่างเขาต้องกลับบ้านในคืนวันเสาร์เพื่อไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในวันอาทิตย์ นโยบายนี้คุณแม่เป็นคนคิดขึ้นเพราะอยากให้ทุกคนในบ้านได้มีโอกาสกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน



“วันนี้กับพรุ่งนี้ไม่อยู่นะ กลับบ้าน”

“……”

“เจอกันวันจันทร์ อย่าทำห้องรก เดี๋ยวมีคนเอาปลาทูมาให้”



เขาพูดพร้อมหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า สบประสานดวงตาสีฟ้าที่ยอมเหลือบกลับมามองแค่เพียงเสียวหน้า ใจจริงก็อยากพาน้องกลับด้วย แต่เพราะพี่หมอบอกว่าถ้าเลี้ยงระบบปิดควรให้น้องอยู่ในห้องจนชินน่าจะเป็นการดีมากกว่า จึงจำใจต้องทิ้งแมวน้อยไว้ในห้องสองวัน



“ปวดอึ๊ก็ไปกระบะทราย”

“……”

“ไปจริงๆ แล้วนะ”



ร่างสูงถอนหายใจพร้อมกับเดินไปลูบหัวสัตว์เลี้ยงแสนรักด้วยความเป็นห่วงครั้งสุดท้าย ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแต่ก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี หัวอกคนเป็นเจ้าของ อย่างน้อยก็ขออย่าให้เจ้ามิวมิวไม่ป่วยในช่วงที่เขาไม่อยู่แล้วกัน

ปัง...

เสียงประตูปิดลง แมวที่เก๊กหน้าขรึมก็เปลี่ยนมานอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงแทน หึ...ไม่หายงอนง่ายๆ หรอกบอกเลย จะงอนให้เป็นอาทิตย์โทษฐานที่จับเขาไปทำร้ายร่างกาย ไอ้ตาแว่นเฉิ่มเบ๊อะ!

มิวนิคเดินดุ่มๆ ตรงไปยังชามปลาทูสีชมพูมุมห้อง ค่อยๆ แทะเนื้อสีเทามันวาวทีละคำอย่างละเมียดละไม ปกติเขาเป็นคนชอบกินปลาอยู่แล้ว ยิ่งกลายมาเป็นแมวเนื้อปลาเลยดันอร่อยมากกว่าเดิมหลายเท่า



“ไม่เบื่อหรอ ขุดอะไรไม่รู้ทั้งวัน”



ถามตัวจิ๋วในโหลกระจกบนชั้นไม้หลังเสร็จสิ้นการรับประทานปลาทูทอด ขาหน้าสีขาวเขี่ยแตะภาชนะดังกล่าวไปมาคล้ายไม่มีอะไรทำ มิวนิคคิดว่าการนอนตรงที่ว่างแคบๆ ระหว่างบ้านของแอนโธนี่กับเซตหนังสือแฮรี่พ็อตเตอร์ตรงนี้ก็สบายดีเหมือนกัน



“ใครจะไปขี้เกียจเหมือนแก”

“อ้าว”

“ก็พวกแมวน่ะขี้เกียจจะตายไป วันๆ ก็เอาแต่เล่นกับนอน”



คนถูกกล่าวหาวาดสีหน้าเบื่อโลกเมื่อถูกสิ่งมีชีวิตตัวเล็กกว่ามากโขสั่งสอน หากก็ยังไม่วายเขี่ยแตะแผ่นกระจกกั้นระหว่างเขาสองคนไปมาอย่างเซ็งๆ อยู่ดี ในนิทานมดกับตั๊กแตนเล่าว่า มดเป็นสัตว์ที่ขยัน แม้ในฤดูที่อุดมสมบูรณ์มดก็ยังไม่หยุดการหาอาหารเพื่อตุนไว้ในหน้าแล้ง ต่างจากตั๊กแตนที่เอาแต่เที่ยวสนุกไปวันๆ

แอนโธนี่คงไม่คิดว่าเขาเป็นตั๊กแตนหรอกนะ

พอลองนึกๆ ดูก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า หลังจากเป็นแมวเขาก็รู้สึกง่วงนอนมากกว่าปกติ เห็นเตียงนุ่มๆ หรือพื้นเย็นๆ ทีไรก็อยากทิ้งตัวลงนอนไปซะหมด โถ่...หนังสือก็ไปเรียนไม่ได้จะให้ทำอะไรวะ

อ๊ะ! คิดถึงการเรียนหนังสือดันลืมไปเลยว่าเขายังต้องเรียนนี่หว่า มิวมิวอาจไม่ต้องเรียน แต่มิวนิคไม่เรียนไม่ได้! แล้วหายไปแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย โอ้ยยย...ตายแน่ๆ



“แอนโธนี่ ชั้นต้องออกไปข้างนอก!”

“ไปเล่นรึไง”

“เปล่า...ไปเรียน”

“ไร้สาระ แมวเขาไม่เรียนกัน”



แล้วเมื่อกี้ไม่ใช่มึงหรอโว้ยที่บอกว่าแมวเอาแต่นอนน่ะ เป็นมดดีๆ ไม่ชอบ สงสัยอยากเป็นมดตากแห้ง ถ้าไม่ติดว่ากลัวมีปัญหากับนายแว่นมิวนิคอยากจะสั่งสอนไอ้มดปากดีนี่ซักหน่อย แต่ทำแรงก็กลัวมันตายแฮะ



“ฉีดยามาก็ไปนอน ทำตัววุ่นวายจังเลยนะแกอ่ะ”



อ๋อ...ที่แท้ก็เป็นห่วงนี่เอง ห่วงก็บอกว่าหวงสิ ไม่ยักกะรู้ว่ามดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปากแข็ง มิวนิคหาวหวอดก่อนจะกระโดดลงไปนอนบนเตียงตามเดิมอย่างว่าง่าย ความนุ่มนิ่มของเนื้อฟูกช่างชวนให้คล้อยหลับ

ก็จริงอย่างที่แอนโธนี่ว่า เขายังปวดตุ้บๆ ตรงบริเวณที่ฉีดยาอยู่เลย ไว้พรุ่งนี้ค่อยหาทางออกไปหาสายหมอกแล้วกัน ไอ้เพื่อนรักน่าจะช่วยอะไรได้ อีกอย่าง...วันอาทิตย์นายแว่นก็ไม่อยู่ด้วย หนีเที่ยวคงไม่เป็นไร...

ตั้งแต่นายแว่นกลับบ้านไป มิวนิคก็ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนไปกับการนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นบ้าง บนเตียงบ้าง ซอกหลืบในห้องบ้าง หรือเบื่อๆ ก็ปีนขึ้นไปคุยเล่นกับแอนโธนี่บ้าง ไถ่ถามชีวิตมดที่โตมาในโหลแก้วว่ามีความสุขจริงน่ะหรอ



“ความสุขของชั้นคือการขุดเจลสีฟ้า”



มันว่าอย่างนั้น มิวนิคกลับลงไปนอนบนเตียงตามเดิม เขี่ยแตะหมอนใบสีขาวจนอาการง่วงเริ่มกำเริบ แปลกดีที่หลังจากเป็นแมว...ต่อให้นอนเป็นสิบชั่วโมงก็ไม่ปวดหัว ซ้ำยังรู้สึกเหมือนนอนไม่พอไปอีก

แมวตัวนึงมันจะง่วงได้บ่อยขนาดไหนกัน...




















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนที่แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบเสี้ยวหน้า วันนี้อากาศอุ่นๆ ไม่ร้อนจนเกินไปเหมือนทุกวัน เหลือบมองสิ่งมีชิวิตตัวเล็กที่ยังคงกำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขันต่อไป

มิวนิคบิดขี้เกียจก่อนจะสะบัดศีรษะเรียกสติให้ตื่นขึ้น ไม่รู้ว่าเมื่อวานหลับไปตั้งแต่ตอนไหน คิดว่าบางทีเขาควรหาอะไรทำที่มีประโยชน์นอกจากการนอนหายใจทิ้งไปเรื่อยเปื่อยบ้าง

เป็นตอนนั้นเอง จู่ๆ สายตาก็สะดุดเข้ากับต้นขาเนียนที่สวมกางเกงขาสั้นสีขาว ไล่มองลงไปจนถึงถุงเท้าเสมอตาตุ่มสีเดียวกัน หัวใจเริ่มเต้นแรงอย่างกระวนกระวาย มิวนิคจับไปตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย วิ่งตรงไปยังกระจกหน้าห้องน้ำก่อนจะพบว่า ทั้งหมดที่เขาสัมผัสนั้น...

เป็นร่างกายของตนเอง



“เชี่ยยยยยย หายแล้ว...หายแล้วจริงๆ ใช่มั้ย!” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



ทาบฝ่ามือไปตามใบหน้าอย่างเหลือเชื่อ ดวงตา ริมฝีปาก จมูก ทุกอย่าง ทุกอย่างเป็นของเขา เป็นเขาในร่างมนุษย์ หรือว่านี่จะเป็นความฝัน? ไม่นะ! มันต้องไม่เป็นความฝัน นึกเสร็จก็หยิกแก้มตัวเองแรงๆ



“โอ้ย! มะ....ไม่ใช่ฝันจริงๆ ด้วย!!”



หรือคำสาปจะคลายแล้ว? แต่ไอ้ปู่แมวบ้าก็บอกไว้แล้วนี่หว่าว่าคำสาปจะคลายก็ต่อเมื่อเขาพบความหมายของชีวิต แล้วเขาพบแล้วงั้นหรอ? อ๊ะ! หรือจะเป็นการนอน ต้องใช่แน่ๆ ...ปกติเขาไม่เคยนอนนานขนาดนี้ ที่แท้ไอ้ปู่แมวก็อยากให้เขาได้พักผ่อนนี่เอง โถ่...บอกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องสาปกันให้เป็นแมวเลย



“แอนโธนี่! ชั้นกลายเป็นคนแล้ว!” หวีดร้องดีใจหลังวิ่งตรงออกมาจากห้องน้ำ

“แก....แกเป็นใครเนี่ย” คนถูกทักเอียงศีรษะสงสัย

“ชั้นก็มิว...”



จริงสิ...แอนโธนี่ไม่รู้จักเขา ไม่รู้จักมิวนิค เจ้าตัวรู้จักแค่มิวมิวรูมเมทตัวสีขาว รูมเมทที่มีเจ้านายคนเดียวกัน แต่ตอนนี้ไม่มีมิวมิวอีกแล้ว ทุกอย่างเป็นแค่อดีต...

แต่เดี๋ยวนะ ถ้าคำสาปคลายแล้วแต่ทำไมถึงยังสื่อสารกับมดได้? หรือจะเป็นความสามารถที่ยังหลงเหลือ คงไม่ใช่...ไม่เอาน่ามิวนิค อย่าคิดเรื่องที่ไม่เป็นมงคลซี่ ตอนนี้แกไม่ต้องกลายเป็นไอ้แมวมิวมิวแล้ว แกคือมิวนิค!



“…ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ ไว้ว่างๆ จะมาเยี่ยม”



เป็นยิ้มครั้งสุดท้ายก่อนบานประตูจะปิดลง ถือวิสาสะหยิบรองเท้าแตะของตาเจ้าของห้องซื่อบื้อมาด้วย ไว้ซื้อมาคืนทีหลังก็แล้วกัน จริงสิ...ต้องซื้อเจ้ามิวมิวตัวใหม่ให้ด้วยนี่นะ ขืนอีกฝ่ายกลับมาพบว่าแมวตัวเองหนีออกจากบ้านไปคงหงอยแย่ หึ...ถือว่าตอบแทนที่ช่วยชีวิตก็แล้วกัน

มิวนิคยืนมองร่างกายของตนเองที่ถูกสวมด้วยเสื้อยืดสีขาว กางเกงสีขาว แม้แต่ถุงเท้ายังเป็นสีขาวอยู่หน้าบานกระจกทางลงบันได ไม่เข้าใจว่าทำไมพอกลายร่างเป็นมนุษย์ถึงได้มาอยู่ในชุดนี้ แต่ก็ช่างเถอะ...มีเสื้อใส่ก็ยังดีกว่าโป๊เป็นไหนๆ

ชายหนุ่มสะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน เดินตรงลงไปยังลอบบี้ ผ่านป้ายหอพักที่อยู่มาตลอดสามสี่วัน ถึงจะเป็นช่วงเวลาไม่นานแต่เขาคงคิดถึงที่แห่งนี้ไม่น้อย

หอพักบ้านสุขใจ

ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะออกมาถึงหน้าปากซอยเพราะหอนี่ตั้งอยู่ในมุมลึกสุด เขาเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านไปผ่านมาอยู่หลายนาที ทว่าจนแล้วจนรอดเกือบทุกคันก็อ้างว่าไปส่งแก๊สกันเสียหมด

หน็อย...อะไรจะพร้อมเพรียงกันขนาดนั้น เรียกยากเรียกเย็นจริงๆ แท็กซี่สมัยนี้...นี่ถ้าขับรถมาเองก็คงไม่ง้อพวกลุงหรอกโว้ย อีกอย่าง...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสมัยนี้ผู้คนถึงนิยมใช้แกรบกัน!

ชะโงกถามคันถัดไปที่เทียบท่าจอดพร้อมเปิดกระจกลงมาพอดี “ไปคอนโดxxครับ”



“อ๋อ...ไม่ได้ไปหรอกครับน้อง”



ให้ตายเถอะ...เป็นแท็กซี่ทำไมถึงไม่ไปส่งผู้โดยสารวะ! คนถูกปฏิเสธกัดฟัดกรอด ได้! อยากเล่นกับคุณมิวนิค เมธานินทร์นักใช่มั้ย งั้นก็ขอยืมวิธีการแก้เผ็ดแท็กซี่จากที่เคยอ่านมาในทวิตเตอร์มาหน่อยก็แล้วกัน ร้ายมาร้ายกลับไม่โกง!



“...พี่เห็นผมด้วยหรอครับ?”



เอียงศีรษะช้าๆ เปล่งเสียงเนิบนาบพร้อมกับแยกยิ้มชวนขนลุก นั่นไง ได้ผลว่ะ พี่แกทำอ้าปากค้างก่อนจะเหยียบคันเร่งสุดเท้าไปข้างหน้าแทบไม่ทัน หึ...รีบจังเลยนะคุณแท็กซี่ ยังแก้เผ็ดไม่ครบทุกวิธีเลย

ไงล่ะ...กลางวันแสกๆ ก็เจอผีได้

เฮ้อ...แย่จริงเชียว ทำไมเป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้นะมิวนิค อุตส่าห์รอดจากการเป็นไอ้แมวมิวมิวมาได้ก็ยังจะแกล้งคนอื่นอีก...ไม่เอาๆ อย่าเกเรซี่ เขกศีรษะตนเองเบาๆ ก่อนจะเดินไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ข้างหน้า เพราะดูท่าแล้วรายนี้น่าจะใช้งานได้จริงมากกว่า

เนื่องด้วยเป็นวันอาทิตย์การจราจรจึงไม่ค่อยติดขัด แต่สิ่งที่ทำให้มิวนิคถึงกับย่นจมูกมาตลอดทางคงมาจากฝุ่นละอองและเขม่าควันตามถนน ทั้งชีวิตเขาไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนเลย เพราะใช้รถยนต์ตลอด เพิ่งเข้าใจหัวอกคนธรรมดาก็วันนี้แหละ ลำบากเอาเรื่องเหมือนกัน



“เดี๋ยวครับน้อง”

“ครับ?” หันมองพี่วินเมื่อมาถึงคอน

“เดินตัวปลิวเลย” อีกฝ่ายขำแห้งๆ “น้องลืมจ่ายตังค์”



เชี่ยแล้วไง! กลายเป็นคนแค่ตัว แต่ไม่มีตังค์ซักบาท จะขอจ่ายพร้อมเพย์ก็ไม่ได้เพราะโทรศัพท์ก็ไม่มีอีกนั่นแหละ ตายแน่ไอ้มิว...จะเจอพี่วินตีไหม



“เอ่อ...พี่ คือเดี๋ยวผมขึ้นไปหยิบให้บนห้องได้ไหม”

“พี่จะรู้ได้ไงว่าน้องจะไม่เบี้ยวพี่ มีโทรศัพท์หรืออะไรเป็นตัวประกันรึเปล่า”



กระเป๋าตังค์ยังไม่มีแล้วเขาจะไปหาโทรศัพท์มาให้จากไหนล่ะโว้ยยย มิวนิครู้สึกเสียเซลฟ์ขั้นสุด ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครหน้าไหนทวงเงินแม้แต่บาทเดียวเพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไม่มีการคาดเคลื่อน ถึงมีก็หาทางรับมือได้เสมอ เว้นเสียแต่ช่วงนี้ที่สูญเสียการควบคุมไปหมด

และในขณะที่กำลังตกอยู่สถานการณ์กระอักกระอ่วน เสียงช่วยชีวิตก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง แปลก...ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันตั้งเกือบอาทิตย์ แต่ความรู้สึกดันเหมือนเขากับอีกฝ่ายขาดการติดต่อมาเป็นแรมปี



“ไอ้มิว! มึงหายไปไหนมา...”

“หมอกกกกกก!!”



ชายหนุ่มร้องเสียงหลง ก่อนเจ้าของชุดสีขาวทั้งร่างจะกระโดดกอดเพื่อนชายคนสนิทจนตัวลอย ล็อคแขนกับลำคอ เกี่ยวขากับเอว ใครจะคิดยังไงก็ช่าง ตอนนี้เขาคิดถึงสายหมอกที่สุด



“ปะ...เป็นอะไรของมึงเนี่ย ถ้าจะวีคออฟก็กรุณาช่วยบอกกูหน่อยได้...”



หมดคราบเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวท็อปของคณะ อย่าได้หวังเลยว่ามิวนิคนิเทศศาสตร์จะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ถ้าเปรียบเป็นห่วงโซ่อาหาร เขาก็คือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ไม่ใช่ผู้ถูกล่า...หากแต่คือผู้ล่า เว้นเฉพาะเพียงเวลาอยู่กับคนที่สบายใจ ตัวตนที่แท้จริงก็จะถูกแสดงออกมาอย่างที่เห็น

ติ๊งต๊อง...



“จ่ายตังค์ให้โหน่ย”



ผละใบหน้าออกจากซอกคอคนช่างซัก จ้องมองอ้อนวอนด้วยแววตากลมโตราวกับแมวน้อย มิวนิคคิดว่าบางทีตนเองอาจยังคงติดเอาพฤติกรรมแปลกๆ จากไอ้แมวมิวมิวมา...



“ไปวีคออฟแล้วไม่มีตังค์จ่ายค่าวินเนี่ยนะ?”

“น่าหมอก...จ่ายให้หน่อย เดี๋ยวขึ้นห้องไปค่อยคุยกัน นะๆ”



ว่าพลางเหลือบมองไปยังวอนโว่ประจำตำแหน่งตรงลานจอด ปกติถ้าไม่จอดชั้นหนึ่งเขาก็จะจอดตรงชั้นห้องของตนเอง ทว่าสิ่งที่น่าตกใจกลับไม่ใช่จุดจอดของรถหรอก มันคือสภาพรถที่ยังคงสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แปลก...วันนั้นจำได้ว่าเขาก็ขับชนไอ้แมวตัวต้นเหตุอย่างจัง แต่ไม่ยักกะมีรอยบุบซักนิด

หรือไอ้ปู่แมวจะส่งเข้าศูนย์ให้? แต่ก็ไม่น่าใช่...เป็นถึงเทพ น่าจะใช้เวทย์มนต์มากกว่า



“ไหนว่ามาซิพ่อศิลปินแห่งชาติ คราวนี้ไปวีคออฟที่ไหนมาล่ะ”



สายหมอกยืนกอดอกวาดหน้าบึ้งราวกับคุณพ่อจอมเฮี้ยบ ส่วนคนที่ถูกคาดคั้นก็นั่งเลิ่กลักอยู่บนโซฟาหลังจากทั้งคู่ขึ้นมาบนห้อง มิวนิคเกลียดบรรยากาศแบบนี้ชะมัด มันเหมือนเขากำลังโดนสอบสวน

วีคออฟเป็นศัพท์เฉพาะที่สายหมอกตั้งขึ้นมาเวลาเขาชอบหายตัวตัดขาดจากโลกภายนอกไปนานๆ บางทีสาเหตุก็ไม่ใช่เรื่องที่มีสาระสำคัญอะไร อาจมาจากความรู้สึกเบื่อๆ การเรียนขั้นสุด หรือไม่ก็หงุดหงิดกับอะไรซักอย่างจนไม่อยากอยู่ใกล้มากๆ

มันเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยมัธยม ทีแรกทุกคนตกใจที่ติดต่อไม่ได้ แต่เมื่อเข้าใจว่าในหนึ่งปีมิวนิคจะเป็นแบบนี้ซักครั้งหรือสองครั้งจึงไม่มีใครถามหาเหตุผล ให้รู้ไว้ว่าถ้าคุณมิวนิคหายหัวไป นั่นก็คือ...ไม่ต้องโทร ไม่ต้องส่งข้อความตาม เพราะคุณจะไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ เลย



“ก็แถวๆ นี่แหละน่า”



บอกปัดส่งๆ สบประสานดวงตาคู่สนทนาเพื่อให้ดูเป็นปกติ ใครจะกล้าบอกล่ะว่าที่หายไปเพราะถูกสาปให้เป็นแมว ขืนพูดงั้นสายหมอกต้องหาว่าเขาเป็นบ้าแน่ๆ ปล่อยให้เป็นฝันร้ายในความทรงจำก็แล้วกัน



“คงไม่ใช่เรื่องเรียนสินะ เพราะช่วงนี้เราไม่ได้เรียนหนัก” สายหมอกทิ้งตัวลงข้างๆ ออร่าแห่งความเป็นห่วงแผ่ปกคลุมทำเอามิวนิคต้องรีบเก็บอาการ

“…อืม”

“หรือทะเลาะกับไอ้นัท?”

“จะบ้าหรอ ยังไม่ได้คุยกันเลย”



นึกได้ดังนั้นก็เดินไปยังโต๊ะคอมที่มีโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์วางอยู่ทันที ทุกอย่างยังคงอยู่สภาพที่ปลอดภัยราวกับไม่ได้ผ่านการประสบอุบัติเหตุมาแม้แต่น้อย มิวนิคสะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน ปลดล็อคหน้าจอเครื่องสมาร์ทโฟนดูการเรียกเข้า

เป็นเบอร์คุณพ่อกับคุณแม่สิบห้าสาย

สายหมอกสิบสาย แล้วก็...

นัทอีกห้าสาย

ข้อความจากทุกคนล้วนสื่อไปในทิศทางการแสดงความห่วงใย แต่ไม่ได้ตื่นตกใจอะไรมากมาย อาจเพราะรู้อยู่แล้วว่าที่เขาหายไปแบบนี้คงเป็นเพราะวีคออฟ หากแต่สำหรับนัท...เราเพิ่งคุยกัน ความกระวนกระวายที่เขาหายไป อีกฝ่ายควรมีมันมากกว่านี้รึเปล่า?



“แล้วนัทได้ถามอะไรเกี่ยวกับกูจากมึงปะ?”

“ก็ไม่นะ” สายหมอกทำท่าชั่งใจอะไรบางอย่าง “มิว...กูถามจริง มึงกับไอ้นัทอะไรนั่นไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ใช่ปะ?”

“หึงมิวหรอหมอก?”

“อย่ากวนตีน”



โดนตบหัวทันทีหลังอมยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยใส่เพื่อนชายที่กำลังปั้นหน้าคุณลุง เขาก็แค่อยากแหย่สายหมอกเล่นเท่านั้นเอง ไหงถึงกลายมาเป็นเข้าโหมดซีเรียสได้ล่ะเนี่ย



“หึ… ไม่ได้เป็นแฟนกันไง แค่คนคุยเฉยๆ”

แต่ว่านะ...ต่อให้เป็นแค่คนคุยก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถึงจะดูเป็นคนร้ายๆ เฟียสๆ แบบนี้แต่เขาก็มีหัวใจ ยิ่งคุยกันทุกวันมาเกือบสองเดือนมันก็ต้องมีรู้สึกกันบ้างแหละ



“เออ...งั้นก็ดีแล้ว”

“ทำไม?”

“เปล่า...ไม่มีอะไร”

คิ้วสวยเข้ารูปเริ่มขมวดมุ่น “หมอก รู้อะไรมา” จับแขนอีกฝ่ายคาดคั้นเอาคำตอบ

“ไม่มี” คนพูดส่ายมือทำท่าประกอบ “เอ้อ...ว่าแต่มึงเหอะ จะมีวีคออฟอีกมั้ย กูขี้เกียจมานั่งเลคเช่อร์ตามให้แล้วนะ”

“มะ...ไม่มีแล้วน่า...”



พอโดนพูดถึงเรื่องวีคออฟดันทำเอาเปลี่ยนเรื่องตามไม่ทัน วีคออฟสำหรับสายหมอกก็คือชีวิตการเป็นไอ้แมวมิวมิวสำหรับเขา เป็นความทรงจำที่ไม่อยากจำ นึกแล้วยิ่งชวนขนลุก เขาคงต้องนอนให้มากกว่านี้



“เอ้อนี่หมอก...พรุ่งนี้มารับไปเรียนด้วยดิ”

“มีรถก็ขับไปเองสิครับ”

“ไม่อยากขับ นะหมอก มารับมิวหน่อย”

“เฮ้อ...รู้แล้ว ไม่ต้องมาเกาะแขนอ้อน แปลกๆ นะมึงอ่ะ”



คนถูกอ้อนจิ๊ปากพร้อมขมวดคิ้วประหลาดใจก่อนจะถูกอ้อนอีกครั้งเพื่อให้พาไปกินข้าว ซึ่งเจ้าตัวคงรู้ดีว่าคงไม่อาจปฏิเสธคำอ้อนของคุณมิวนิคได้ เขาชอบสายหมอกก็ตรงนี้เนี่ยแหละ

ส่วนที่ไม่อยากขับรถเองเพราะยังรู้สึกฝังใจกับเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่ได้เจ็บร่างกายตรงที่รถชน หากแต่เจ็บตรงหัวใจตอนที่ตื่นขึ้นมาบนรถแล้วไม่เห็นใคร เป็นความรู้สึกวูบโหวง เห็นเพียงแค่ตนเองที่กลายเป็นแมวตัวหนึ่ง

ช่างเดียวดาย...

กลับมาถึงห้องก็ทิ้งตัวลงเตียงอย่างเหนื่อยล้าทันที หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถตามข่าวสารต่างๆ ในช่วงที่ตนเองหายไป ถือเป็นหนึ่งวันที่ค่อนข้างหนัก ชีวิตนับจากนี้เขาคงต้องปรับอะไรหลายอย่างให้มากขึ้นเพื่อความหมายของชีวิตที่ดีขึ้น แล้วก็...จะไปดูแมวขาวมณีตัวใหม่ให้ใครบางคนด้วย

มิวนิคผล็อยหลับไปในช่วงหนึ่งทุ่ม รู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะลืมปิดผ้าม่าน เขายังคงมีความรู้สึกว่าต่อให้นอนมากเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ มันง่วงไปหมด...ง่วงจนอยากขอนอนอีกซักชั่วโมง แต่คงไม่ได้...วันนี้มีเรียนเช้ามาก แถมอีกไม่กี่นาทีสายหมอกก็จะมารับ

คนขี้เซาเด้งตัวลุกออกจากเตียงก่อนจะตรงไปยังห้องน้ำทันที ทว่าเหมือนสูญเสียการควบคุมทางร่างกาย คล้ายอวัยวะขยับแปลกไปจากเดิม เป็นตอนนั้นเองที่ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ ไม่ใช่ว่าไม่คุ้นชิ้นกับสัมผัสแปลกๆ แบบนี้หรอก มิวนิคกลืนน้ำลายลงลำคอดังเอื้อกก่อนจะค่อยๆ เปล่งเสียงออกมา...



“เมี้ยว...”



ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!!! ไม่จริงใช่มั้ย!! อีกแล้วเหรอ กลับมาอีกแล้วเหรอ นี่เขากลายเป็นแมวอีกแล้วเหรอ!! ไหนคำสาปคลายหมดแล้วไงล่ะโว้ยยยย แล้วทำไมจู่ๆ ดันกลับมาเป็นแมวได้อีกล่ะเนี่ยยยยย

คนสติแตกวิ่งว่อนกระวนกระวายไปทั่วห้อง ก่อนจะต้องมาหยุดยืนตรงกระจกหน้าตู้เสื้อผ้าอย่างอึ้งๆ แน่นิ่งราวกับกลายเป็นหิน ถอนหายใจเฮือกโตหมดความหวัง

ดวงตาสีฟ้า ใบหูชี้ตั้ง ขนสีขาวบริสุทธิ์ หางยาวกระดิกไปมา

สวัสดีมิวมิว

ฟ๊าคคคคคคคคคคค เป็นมิวจริงๆ ด้วย นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยยยยยย!!!











     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ





==============================================



กำ คิดว่าจะรอดแล้วเจ้ามิวมิว

ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 5 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-10-2018 19:47:13
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 5 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 08-10-2018 21:56:14
ยังกะให้กลับมาเป็นคนเพื่อมาบอกคนอื่นว่าสบายดีงั้นแหละ 5555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 5 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 09-10-2018 12:32:55
เจ้ามิวมิวหายไปจากห้อง ตอนพระเอกกลับมาจะเป็นห่วงขนาดไหนน้า
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 5 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: it.the.world ที่ 10-10-2018 19:35:33
น่ารักกกกก ขอบคุณนะคะ ปล.เราอยากให้เวลาอัพเดตแล้วมีวันที่ด้วยอ่ะคะ  :pig4: o13
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 5 updated!]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-10-2018 00:30:24
ชอบเวลามิวมิวคุยกับแอนโทนี น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 6 updated!] 13/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 13-10-2018 18:10:02


Meow 6


“ออกมาเดี๋ยวนะไอ้กระปู๋แมว ออกม๊า!!”



เสียงดังเงี้ยวง้าวอยู่หน้าลานต้นโพธิ์ทำเอาคนที่สัญจรผ่านไปมาต่างหันมองควับด้วยความสงสัย ถ้าเป็นสุนัขคงเรียกเห่า แต่นี่เป็นแมว...แถมยังมาร้องประท้วงอยู่หน้าต้นโพธิ์ไม่ยอมหยุดตั้งแต่เก้าโมงเช้า

ต้องเรียกว่าอะไรหรอ...แมวเห่า?



“ถ้าแกไม่ออกมาชั้นจะฟ้องแก ชั้นจะบอกแมวในระแวกนี้ให้เลิกเคารพแกให้หมด แล้วชั้นก็จะจองล้างจองผลาญแกไปตลอดชีวิต ออกมาในโว้ยยยไอ้กระปู๋แมว ออกมาเดี๋ยวนี้!!”



นาทีนี้ไม่มีแล้วคำว่าเทพเจ้าหรือมนุษย์ มีเพียงแค่คุณมิวนิคกับไอ้ปู่แมวเท่านั้น จะโดนสาปเพิ่มก็ให้มันรู้ไปสิวะ ชีวิตคงไม่มีอะไรซวยไปกว่านี้แล้วแหละ!

และเหมือนมลภาวะทางเสียงที่เขาสร้างขึ้นจะเป็นผล เพราะในที่สุดไอ้ปู่แมวบ้าก็ได้ฤกษ์ออกมาซักที หน็อย...ยังมีหน้ามาทำเสียงเบื่อโลก มันต้องเป็นเขาต่างหากละโว้ยที่ควรทำเสียงแบบนั้น



“อะไรอีกมิวมิว แกนี่มันวุ่นวายจริงๆ เลยนะ”



โอ้โห...ขึ้นตรงคำว่ามิวมิว ก็รู้อยู่ว่าชื่อมิวนิคยังจะมาเรียกชื่อแมว นี่มันกะล้อเขาชัดๆ นี่หว่า เป็นต้นเหตุไม่พอยังบูลลี่กันอีก ปัดโถ่เว้ย...ทำไมเขาถึงวิ่งทะลุผ่านร่างมันตลอด จะข่วนหน้าให้หายแค้นก็ทำไม่ได้



“นี่มันเรื่องอะไรกันวะปู่ คำสาปคลายแล้วไม่ใช่รึไง แล้วทำไมถึงสาปให้ผมกลายเป็นแมวอีก”

“เฮ้อ...เสียเวลาคนทำงานจริงๆ” อีกฝ่ายทำท่ากุมขมับน่าตบ เพ่งพินิศมองแมวน้อยขี้โวยวายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้เอง “แล้วใครบอกเอ็งฮะว่าคำสาปคลาย”

“กะ...ก็...”



จริงด้วยสิ ไม่มีใครบอกซักคน เขาก็แค่ตื่นขึ้นมาในร่างมนุษย์ แต่นั่นมันก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอว่าคำสาปได้คลายลง ก็ร่างเขาคืนกลับเป็นมิวนิคตามเดิมแล้วอ่ะ



“กรรม นี่ชั้นยังไม่ได้บอกแกสินะ” เทพเจ้าในร่างมนุษย์ยกมือเกาหัวแกร้กกร้ากพลางหลุดหัวเราะ

“บอกอะไร” ขมวดคิ้ว เอียงศีรษะสงสัย

“ก็ทุกวันอาทิตย์แกจะกลายร่างเป็นคนเหมือนเดิม”

“หาา?”



สิ้นประโยคคนฟังก็อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อรูหู จะว่าดีใจก็ดีใจ จะว่าโกรธก็โกรธ มันเป็นความรู้สึกอึนๆ ที่กำลังตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด หมายความว่า...ในหนึ่งอาทิตย์เขาจะเป็นไอ้แมวมิวมิวแค่หกวัน ส่วนอีกหนึ่งวันเขาจะกลับเป็นมิวนิคงั้นหรอ!?



“คำสาปก็มีวันหยุดนะไอ้หนู ให้คำสาปได้พักบ้าง”



เวรเอ๊ย เหมือนทำเล่นๆ อ่ะ มิวนิคหลุดถอนหายใจด้วยความเซ็งขั้นสุด เริ่มมีความคิดว่าตกลงแล้วไอ้กระปู๋แมวมันต้องการจะสั่งสอนเขาให้รู้จักความหมายของชีวิตจริงๆ หรือแค่อยากจะกลั่นแกล้งกันแน่



“เรื่องมันโคตรบ้า”

“หึหึ...มีธุระแค่นี้ใช่มั้ย ทีหลังมีอะไรให้เรียกวันอาทิตย์เพราะข้ากลับโลกมนุษย์พอดี บุญของเจ้านะที่วันนี้ข้าต้องแวะเข้ามาตรวจพื้นที่ ไม่งั้นคงได้เห็นแมวขาวมณีแหกปากคอแตกตาย”

“จ้ะ!” แมวน้อยกัดฟัดตอบ ปากแบบนี้ควรเป็นเทพเจ้าหมามากกว่าเทพเจ้าแมว



ราวกับธารแห่งความโกรธเหือดแห้งลงไปเปราะนึง อาจเพราะหมดคำจะต่อเถียง ชะตาชีวิตของตนเองตอนนี้เขากำหนดอะไรไม่ได้เลย ต่างจากเมื่อก่อนที่ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุม มันทั้งสิ้นหวังแล้วก็หมดแรงจะกลายเป็นคนร้ายๆ เหมือนเก่า ตอนนี้มีแค่มิวนิคคนกาก

ไม่สิ...ต้องมิวมิวแมวกาก



“นี่ปู่...”

“หืม?” เจ้าของเสียงหันกลับมามองแค่เพียงเสี้ยวหน้า



“ถ้าปู่เป็นเทพจริง ปู่ก็น่าจะรู้ใช่ปะว่าผมไม่ได้เป็นคนเลวขนาดนั้น” น้ำเสียงจริงจังทำเอาร่างที่กำลังจะเลือนหายถึงกับต้องหยุดชะงักฟัง “เพราะงั้น...ผมจะรีบหาความหมายของชีวิตให้เจอ แต่ยังไงผมก็อยากให้ปู่ปราณีผมด้วย อย่าใจร้ายกับผมให้มากเข้าใจเปล่า”



“หึ โตขึ้นมาหน่อยแล้วนี่มิวนิค”



เพราะหน้ากากไม่ได้ปิดบังจนหมดใบหน้า เขาจึงแอบเห็นผิวกายด้านในที่กำลังอมยิ้ม ปู่แมวไม่ได้แก่ คล้ายจะเป็นผู้ชายคนนึงที่แค่สวมหน้ากากแมวเท่านั้น อีกอย่าง...เมื่อกี้ที่พูดไปก็เพราะรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ เขากำลังเล่นอยู่กับเรื่องเหนือธรรมชาติ ถ้าจะให้ดื้อรั้นอย่างเคยผลลัพธ์ก็คงออกมาเป็นแบบเดิม เฮ้อ...

ไหนๆ ก็ซวยขนาดนี้แล้ว ทนซวยต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน



ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงหอพักบ้านสุขใจ ถ้าถามว่ามายังไงก็คงตอบว่าปีนป่ายตามหลังคาคลำทางมาเรื่อย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็ไม่คิดหรอกว่าตนเองจะทำได้ สงสัยจะเป็นความสามารถของแมว

ทีแรกกะว่าจะไปอยู่กับสายหมอก อย่างน้อยถ้าฝั่งนั้นรู้ความจริงก็ยังมีแนวโน้มว่าเจ้าตัวจะช่วยเหลือเขาได้ ใช่เลย...เขาไว้ใจเพื่อนชายคนนี้มาก ทว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะทันทีที่ไอ้เพื่อนรักเปิดประตูเข้ามาตามในห้องเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ลงมาซักที ผื่นแดงก็ผุดขึ้นจนเกือบแทบทั้งตัว

สายหมอกแพ้ขนแมว...

แพ้ขั้นรุนแรงถึงขนาดที่ว่าต่อให้ยังไม่ได้สัมผัสกัน แค่นั่งลงบนที่นอนที่มีขนแมวร่วงอยู่ผื่นก็ขึ้นแล้ว เป็นความลับที่มันไม่เคยบอกเลยซักนิด ไม่ต้องถามเลยว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นยังไง ครับ...ไอ้หมอกร้องจ๊ากพร้อมวิ่งเป็นแต๋วแตกออกไปจากห้องแทบไม่ทัน

ตัดช้อยส์ผู้ช่วยเหลือคนแรก

เขากลับมาถึงห้องตอนสิบโมงเช้า เนื่องจากห้องแม็กซ์เวลอยู่ชั้นสาม แถมมีสกิลปีนป่ายที่เพิ่งอันล็อคมาจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เท้าขาวๆ เขี่ยเปิดประตูระแนงเดินดุ่มๆ เข้าไปในห้อง เพราะไม่อยากให้ห้องอากาศอุดอู้ตาเจ้านายของเขาจึงไม่ชอบปิดประตูกระจก

แน่นอนว่าอีกฝ่ายไปทำงานแล้ว ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดพร้อมปลาทูทอดหนึ่งตัวในชามข้าวแมว มิวนิคกล่าวทักทายเหล่าแคคตัสข้างหน้าต่างแม้จะรู้ว่าไม่สามารถสื่อสารกับพืชได้ ดีแล้วแหละ...แค่คุยกับสัตว์ด้วยกันรู้เรื่องก็ปวดหัวจะแย่



“ไง แอนโธนี่”



กระโดดขึ้นมาเคาะโหลกระจกพร้อมนอนตะแคงบิดขี้เกียจคุยกับคู่สนทนาหลังจากจัดการปลาทูทอดจนหมด ถ้าไม่กลายเป็นแมวอย่าหวังเลยว่าคุณมิวนิคจะยอมกินปลาทูทอดเปล่าๆ แบบนี้ เสียศักดิ์ศรีบ้านวัชรโภคินทร์ชะมัด!



“อืม กลับมาแล้วสินะ”

“โห...ไม่ห่วงกันบ้างเลยหรอ นี่หายไปตั้งสองวัน”



ว่าด้วยน้ำเสียงตัดพ้อใส่ตัวจิ๋วที่กำลังขะมักเขม้นกับการขุดเจลสีฟ้าไม่รู้จักเบื่อ ดูเหมือนตาแว่นจะมาเติมเจลเพิ่มให้เจ้ามดดำแล้วแฮะ แถมยังมีป้ายชื่อกระดาษเขียนด้วยลายมือแปะติดว่าแอนโธนี่ด้วย แหม...กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่ามดตัวเองชื่อแอนโธนี่ หมั่นไส้ว่ะ



“พวกแมวก็อยู่ไม่ติดบ้านอยู่แล้วปะ”



รู้ดีเก่ง! เคยเกิดเป็นแมวรึไงไอ้มดบ้านี่ มิวนิคกระโดดลงจากชั้นไม้ ทิ้งตัวลงกับฟูกเตียงอย่างขี้เกียจ กลิ้งเกลือกไปมาไร้จุดหมาย ลมเย็นๆ ของหอพักบ้านสุขใจที่พัดผ่านเข้าทางหน้าต่างช่างชวนง่วงไปเสียทุกวินาที ว่าก็ว่าเถอะ...ตาเจ้านายของเขามาเสาะแสวงหาหอนี้เจอได้ยังไงกัน โลเคชั่นดี๊ดี เหมาะแก่การนอนมาก



“ฮ้าว...ฝันดีแอนโธนี่”



ฝันกลางวันน่ะ...

รู้สึกตัวอีกทีตะวันก็คล้อยลับฟ้าจนผ่านพ้นมาถึงช่วงค่ำ มิวนิคสะดุ้งตื่นอย่างงัวเงียเมื่อเสียงบานประตูถูกเปิดออก เป็นภาพชายหนุ่มแว่นหนาที่กำลังลอบถอนหายใจเหมือนโล่งอกอะไรบางอย่างเดินตรงเข้ามาใกล้



“หายไปไหนมา”



คนพูดช้อนร่างสีขาวบริสุทธิ์ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ฝังจมูกลงบนศีรษะทุยๆ ของแมวน้อยขี้เซา ถึงคุณป้าเจ้าของหอจะบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่แมวตัวผู้ชอบหนีออกจากบ้าน แต่แม็กซ์เวลก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ก็เจ้ามิวมิวยังมาอยู่ห้องเขาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย



“ม๊าวว (ปล่อยน่า อึดอัด) ”

“คิดถึงเหมือนกันสินะ”

“เมี้ยว (มั่วตลอด) ”



มิวนิคถูกจับวางลงบนตักกว้าง หลังร่างสูงทิ้งก้นลงนั่งขัดสมาธิบนฟูกเตียง พิงแผ่นหลังกับผนังสีเทา เปิดสวิทซ์ไฟคริสมาสต์สีส้มด้านบนให้ห้องดูไม่มืดจนเกินไป สัมผัสอ่อนๆ จากลมกลางคืนราวกับกำลังขับกล่อมให้หนังสืออะไรซักอย่างในมือหนามีอรรถรสมากขึ้น

แมวน้อยมองดวงหน้าด้านหลังกรอบแว่นด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาว่านายแว่นเป็นคนน่าเบื่อ เฉิ่มเบ๊อะ แถมยังเห่ยหลุดโลก ยกเว้นเฉพาะเพียงตอนนี้ ตอนที่อีกฝ่ายกำลังจดจ่อสมาธิไปกับหนังสือ

มันช่างดูมีเสน่ห์...

เคยได้ยินมาว่าคนเราเวลาได้ทำในสิ่งที่ชอบมักจะแสดงเสน่ห์ที่แฝงอยู่ออกมาโดยไม่รู้ตัว เสน่ห์ที่สามารถทำให้คนน่าเบื่อกลับกลายเป็นน่าสนใจ ซึ่งแม็กซ์เวลกำลังเป็นอยู่

แมวเหมียวเอียงศีรษะสงสัย...ใช่คนคนเดียวกันกับที่เอาดอกกุหลายสุดเชยมาให้เขาจริงๆ น่ะหรอ ดูท่าประโยคที่ว่า ‘จงอย่าตัดสินหนังสือแค่เพียงหน้าปกของมัน’ จะมีความหมายชัดเจนขึ้นมาทันตา



“เมี้ยว (นี่) ” ส่งเสียงร้องเรียก เงยมองเจ้าของตักอบอุ่น



มันอบอุ่นราวกับเขาสามารถนอนบนตักนี้ได้ทั้งวัน ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาว อากาศเย็นๆ คงไม่อยากลุกออกไปไหน นึกๆ ดูแล้ว...ความรู้สึกแบบเดียวกันที่ได้สัมผัสล่าสุดก็คงเป็นตอนนอนตักคุณพ่อ โห...ตาหมอนี่มีมุมเหมือนคุณพ่อเขาด้วยหรอเนี่ย



“หืม?”



จุ๊บ!



เหมียวน้อยเขย่งตัวขึ้น ทาบฝ่าเท้าด้านหน้าทั้งสองกับแผ่นอกหนอนหนังสือ แตะริมฝีปากตนเองลงบนริมฝีปากอีกฝ่าย คนถูกจูบชะงักแน่นิ่งไปซักพักเพราะไม่คิดว่าเจ้าเหมียวจะเล่นอะไรแบบนี้

ในนิทานเจ้าชายกบที่ถูกสาป เจ้าชายได้รับข้อแม้ว่า...จะสามารถกลับกลายเป็นมนุษย์ก็ต่อเมื่อได้รับจุมพิตจากรักแท้ มิวนิคไม่คิดหรอกว่าตาทึ่มนี่จะเป็นรักแท้ของเขา เฉิ่มก็เฉิ่ม เด๋อก็เด๋อ แถมยังเห่ยสุดๆ

ทว่าใครจะไปรู้...บางทีไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวบ้าอาจมีความคิดจับเขาคลุมถุงชนกับตาแม็กซ์เวลก็ได้ เอ้อ...แล้วมันจะทำแบบนั้นไปทำวะ กามเทพก็ไม่ใช่

แต่ที่แน่ๆ ลองดูก็ไม่เสียหาย ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้รังเกลียดเรื่องพรรค์นี้ อีกอย่าง...การจูบเป็นอะไรที่เบสิค ถ้าต้องจูบคนแปลกหน้าแล้วคำสาปคลายลงก็คุ้มที่จะเสี่ยง

แช่ริมฝีปากไว้อยู่พักหนึ่งก่อนจะผลักออก ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเจ้านายตัวโตที่กำลังอมยิ้มจางๆ เหมือนพอใจ วินาทีนั้นมิวนิครู้เลยว่านิทานเจ้าชายกบเป็นแค่เรื่องแต่งหลอกเด็ก หรือไม่...การจูบเพื่อคลายคำสาปก็โคตรไร้สาระ เชื่อเขาเลยมิวนิค...จูบกับตาแว่นเฉิ่มเบ๊อะเนี่ยนะ



“หึ อยู่ดีๆ ก็มาจูบ”

“เมี้ยว! (เปลืองตัวชะมัด) ” สะบัดก้นลุกหนี

“อ้าว...จะไปไหนล่ะมิวมิว มานอนตักกันก่อนสิ”

















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

คนที่สบายที่สุดก็คือคนที่ไม่ต้องทำอะไร อยู่บ้านเฉยๆ มีเงินใช้ มีข้าวให้กิน มีที่นอนให้หลับ มิวนิคคิดว่าตัวเขากำลังเข้าใกล้ความสบายที่ว่านั้น หากแต่มันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความสุขเลยแม้แต่นิด

มันโคตรน่าเบื่อ



“เฮ้ออออ”



เบื่อ เบื่อ เบื่อ ไปเรียนก็ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่ได้เจอ ปาร์ตี้หรออย่าหวังเลย ทำไมชีวิตมันถึงน่าเบื่อแบบนี้ สิ่งมีชิวีตสีขาวกลิ้งเกลือกไปมาบนเตียง ลอบถอนหายใจเบื่อหน่ายคล้ายจบสิ้นแล้วคราบเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์แห่งคณะนิเทศศาสตร์



“นี่ แอนโธนี่ ไม่เบื่อหรอ”



เปลี่ยนมาเกาะกระจกถามเพื่อนร่วมห้องตัวจิ๋วที่ยังคงขะมักเขม้นกับการขุดเจลสีฟ้าได้ทั้งวัน อยากรู้จริงๆ เลยว่าพวกมดเคยหลับนอนกันบ้างมั้ย ขยันขันแข็งเสียจนเขากลายเป็นตัวขี้เกียจประจำห้อง



“คนที่กำลังเบื่อมันแกไม่ใช่รึไง”

“ก็มันไม่มีอะไรทำนี่นา”

“ก็นอนไปสิ”

“อีกนิดคือตายแล้วนะ”



มดขี้รำคาญหันมาจิ๊ปากก่อนจะเริ่มเล่านิทานตั๊กแตนกับมด มิวนิครีบเบรกทันทีเพราะเจ้าตัวเล่ามาแล้วเป็นรอบที่สิบสาม อย่างว่า...สมองก็แค่นั้นคงมีลืมๆ ไปบ้าง อีกอย่าง...ไอ้นิทานมดกับตั๊กแตนเขาก็เคยฟังมาแล้วตั้งแต่ยังเด็ก โว้ยไม่เห็นจำเป็นต้องให้มดมาเล่าซ้ำเลย



“เบื่อนักก็ออกไปเล่นข้างนอก”

“เล่นข้างนอก?” ดวงตาสีฟ้าเบิกโพล่งด้วยความสนอกสนใจ

“ก็พวกแมวเคยอยู่ติดบ้านที่ไหน โดยเฉพาะแมวตัวผู้”



จ้ะ รู้เก่งเหมือนเคยเกิดเป็นแมวเชียวล่ะ มิวนิคมองบนก่อนจะกระโดดลงไปนอนบนฟูกเตียงอีกรอบ พลันบิดตัวไปมาใช้ความคิด จริงสินะ...อุดอู้อยู่ห้องไปทั้งวันก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไร แถมการนอนหลับคงไม่ใช่ความหมายของชีวิตแน่ๆ เพราะแม้เขาจะเก็บชั่วโมงมาราธอนขนาดนี้...แต่คำสาปก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะคลาย

อีกอย่าง...ตาแม็กซ์เวลก็ไม่อยู่ห้องด้วย เฮ้อ...เหงาชะมัด

ไม่ได้นึกพิศวาสอะไรหรอก แค่เวลาอยู่ห้องกับหมอนั่นอีกฝ่ายก็มักจะชอบชวนเล่นนู่นเล่นนี่ตลอด อย่างเช่นจับวางบนตักบ้างล่ะ เกาคางบ้างล่ะ พาทำแมวลอยฟ้าบ้างล่ะ ฟังดูไร้สาระ...แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่ทำให้มิวนิคไม่เหงาเลย



“นี่ๆ แอนโธนี่ แม็กซ์เวลกลับตอนไหนอ่ะ?”

“ประมาณ ห้าโมงเย็นมั้ง...”



ประตูบานเกล็ดค่อยๆ ถูกฝีเทานุ่มนิ่มเปิดออก มิวนิคกระโจนออกทางหน้าต่าง ไต่ก้านกิ่งไม้เรื่อยมาจนถึงฝั่งหน้าล็อบบี้ หอพักบ้านสุขใจนับว่าเป็นหอที่อุดมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เหมือนเขาอยู่ในอเมซอนหากแต่ยังให้ความรู้สึกปลอดภัย สิ่งที่แตกต่างจากหอพักอื่นๆ เลยก็คือลมธรรมชาติเย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งแอร์

มิวนิคกลิ้งเกลือกไปมาบนพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบหน้าตุ๊กตาเทพเจ้ากวนอูขนาดเท่าเอวมนุษย์ ดูเหมือนข้างล่างก็อากาศดีไปอีกแบบ สงสัยช่วงนายแว่นทำงานเขาคงต้องแว้บลงมาเล่นแถวนี้บ่อยๆ

เป็นตอนนั้นเองที่จู่ๆ ก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสอันเสียววาบไปทั่วแผ่นหลัง ดวงตาสีเหลืองกร้าวจ้องมองมาแต่ไกล ก่อนเจ้าถิ่นตัวสีดำเว้นแต่ปลายเท้าสีขาวจะค่อยๆ เยื้องย่างกายเข้ามา



“เห้ย แกอ่ะ มาอยู่ใหม่เรอะ”



อีกฝ่ายถามพลางเดินวนดูรอบๆ จมูกยื่นมาดอมดมฟุดฟิด แถมยังเอาเท้ามาแตะๆ เหมือนเช็คอะไรบางอย่าง คนถูกสัมผัสตัวเกร็งเพราะกลัวถูกทำร้าย ไอ้แมวนี่หน้าตามันเอาเรื่องอยู่แฮะ ขืนโดนกัดขึ้นมาเขาคงสู้ไม่ได้ เก่งก็จริง...เก่งแต่ปาก เรื่องชกต่อยเคยสู้ใครไหวที่ไหนกัน



“...อื้อ” ตอบอ้อมแอ้ม เหลือบมองดวงตาสีเหลืองช่างสงสัย

“ชื่อไรฟะ”

แหม นักเลงจริงเชียวพี่ชาย “เอ่อ...มิวมิว”

“ชื่ออะไรน่ารำคาญ คิดว่าแบ๊วมากมั้ง”

“อ้าว...แล้วนายชื่อไร”

“ชิโน่”



จ้ะ ไม่แบ๊วเลยมึงอ่ะ คนถูกเขม่นมองบนก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกับพื้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ อีกครั้ง น่าประหลาดใจตรงที่ไอ้นักเลงเมื่อครู่ก็ทิ้งตัวลงมาตาม แถมยังนอนหงายขยับขาทั้งสี่ทำท่าดุ๊กดิ๊กไม่สนใจใคร

เดาทางยากจังเลยแฮะ



“แมวเขานอนกันแบบนี้”

“อ๋อ...หรอ”



แกล้งทำตามบ้าง เออว่ะ...สบายดี เมื่อก่อนก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมแมวชอบนอนท่าแปลกๆ อย่างเช่นบิดตัวเป็นเกลียว ทำคอหักคล้ายกำลังจะตาย หรือเข้าไปอยู่ในที่แคบๆ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วแหละ ก็มันสบายชะมัด สบายเสียจนเริ่มง่วง



“นี่...แก ชื่อไรนะ มิวมิว?”

“อื้อ...” ความจำสั้นรึไง ก็เพิ่งบอกไปเมื่อตะกี้

“สนใจอยากมีลูกพี่ปะ”



ช่างเป็นสัตว์ที่แสวงหาอำนาจอะไรเยี่ยงนี้ คิดว่าหมดยุคล่าอาณานิคมไปแล้วนะเนี่ย มิวนิคแทบจะหลุดขำกับท่าทางสุดจริงจัง แล้วดูมองเข้า...สงสัยพี่แกคงไม่ได้พูดเล่น แต่เอาเถอะ...ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำเพราะว่างแบบสุดๆ อีกอย่าง...ลองเป็นลูกน้องคนอื่นดูบ้างก็อาจจะค้นพบความหมายของชีวิต

ฝากตัวด้วยนะครับคุณชิโน่



“ก่อนอื่นเลยชั้นจะแนะนำลูกสมุนมือซ้ายให้แกรู้จัก อ้อ...แกเป็นมือขวานะ”



เจ้าถิ่นจอมเฮี้ยบเดินนำไปยังแท่นไม้สามชั้นสำหรับเป็นที่นอนให้น้องแมว ข้างบนเป็นน้องแมวลายกาฟิวส์สีส้มที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่หนึ่งตัว เจ้าของร่างสีดำใช้วิธีการปลุกโดยการกระโดดขึ้นไปทับจนน้องแทบตกลงมา เอ๊ะ...ไอ้หมอนี่เล่นแรงจังเลย เป็นแมวบ้าพลังรึไง



“เฮ้ย...ชิลลี่ นี่มิวมิว ลูกสมุนคนใหม่ของชั้น แล้วก็มิวมิว...นี่ชิลลี่ น้องชายชั้น”



พยักหน้ารับตามการบรรยายสุดดิบเถื่อน เชื่อเขาเลย เอาน้องชายตัวเองมาเป็นลูกน้องเนี่ยนะ มิวนิคขมวดคิ้วมุ่น สงสัยพวกแมวคงไม่ได้จริงจังเรื่องลำดับญาติกันเท่าไหร่ คล้ายกับว่าต่อให้เกิดก่อนเกิดหลังก็ไม่มีผล ใครใหญ่คนนั้นก็รอด

ที่คอนทราสก็คือชื่อกลับแบ๊วกันทั้งบ้าน



“งายมิวมิว” คนถูกปลุกลืมตาขึ้นมาอย่างสลึมสะลือ “ฮ้าว...เฮียปลุกไรแต่เช้าครับ ผมจะนอน”



แหมะ มีมารยาทกว่าตัวพี่เยอะเลยแฮะ แต่เวลาเที่ยงครึ่งเขาไม่นับว่าเช้านะลูก เอ็นดูชะมัด...นี่ถ้าอยู่ในร่างมนุษย์เขาคงอุ้มไอ้สองแสบขึ้นมากอดเล่นจนหนำใจ

ไม่รู้ว่าคุยกันอีท่าไหน จู่ๆ ก็ถูกชวนออกมาเดินเล่นข้างนอกเฉยเลย มิวนิคคิดว่าอาจเพราะด้วยความที่เป็นสัตว์ ทิฐิหรืออีโก้ต่างๆ จึงไม่ได้มีมากเหมือนมนุษย์ แค่คุยกันถูกคอก็กลายเป็นเพื่อนกันได้แล้ว

เขาคิดว่างั้นนะ...



“วี๊ดวิ้ว น้องตัวสีส้มกับสีขาวอ่ะ น่ารักจังเลยน้า”



ผัวะ! ผัวะ!



เสียงร้องเอ๋งดังลั่นขึ้นหลังจากสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่กว่าที่มายืนขวางทางถูกตบหน้าด้วยความเร็วสูงแบบแทบนับครั้งไม่ทัน ไม่ต้องเดาเลย...มิวนิคคิดว่าตนเองเลือกถูกฝ่าย เฮียชิโน่แกเฟียสจริงๆ ว่ะ

บ่นพวกหน้าขี้แซวไม่พอยังหันมาบ่นเขากับชิลลี่ที่กำลังทำหน้าเหลอหลาว่าไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวอีก โหยพี่...ประสบการณ์ครั้งล่าสุดก็เจอหมาวัดไล่เกือบตาย แล้วใครจะไปคิดวะครับว่าหมาตัวผู้มันจะแซวแมวตัวผู้ก็เป็นด้วย



“นี่ๆ ตกลงพวกเราสามารถสื่อสารกับสัตว์ทุกชนิดได้หมดเลยหรอ?”



มิวนิคถามแม้จะคล้ายจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ก็แค่อยากย้ำว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ความสามารถนี้อาจจะเป็นเรื่องปกติสำหรับชิโน่และชิลลี่ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา เขาคือแมวมือใหม่ มีหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้ในโลกแมวๆ อีกเยอะแยะ และถ้ามีโค้ชที่สามารถปกป้องตนเองได้แบบนี้ก็อุ่นใจ

จริงๆ การเป็นลูกน้องคนอื่นก็ไม่ได้แย่กว่าที่คิด



“นั่นมันเรื่องปกติปะ” คนถูกถามตอบอย่างไม่หยี่ระขณะเดินนำไปบนแนวกำแพงแคบ “มีแต่พวกมนุษย์นี่แหละที่คุยกับเราไม่รู้เรื่อง อ้อ...จะมีพวกปลาด้วยนะ ชอบพูดอะไรของพวกมันไม่รู้บุ๋งๆ”

“เฮีย ผมอยากกินปลา” ชิลลี่ทำหน้างอแง

“เอ๊ะ...กลับบ้านค่อยกินไอ้นี่ วันนี้เฮียจะพาลูกน้องเที่ยว”



จ้าเฮีย จะตามเฮียไปทุกที่เลยจ้า แมวน้อยหลุดขำเบาๆ เขาเหมือนได้กลับกลายไปเป็นเด็กอีกครั้ง ต่างจากตรงที่เมื่อก่อนเคยเป็นหัวโจก ก็เปลี่ยนมามีหัวโจกคอยพาทำกิจกรรมแปลกๆ แทน ฟังดูไร้สาระ แต่ชีวิตที่กำลังเป็นอยู่เขาคงทำได้แค่นี้จริงๆ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตนเองเบื่อ ไม่ทำให้หัวใจห่อเหี่ยว...

มิวนิคถูกพามายังร้านไอศรีมรถเข็นข้างทาง แม้จะไม่ใช่ย่านคนรวยเหมือนที่ปกติอยู่ แต่บรรยากาศตลอดไปทั้งซอยกลับช่างร่มรื่นราวกับถูกซื้อด้วยธรรมชาติราคาแพง แถมผู้คนก็ช่างดูเป็นมิตร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตาแว่นของเขาถึงใจดีชะมัด



“ไงชิโน่ มาอีกแล้วเรอะ แหม...วันนี้พาเพื่อนมาซะด้วย”

“เมี้ยวว”



ที่ว่าแมวชอบใช้เสียงสองเวลาพูดกับมนุษย์ท่าจะจริง ดูไอ้เพื่อนใหม่ตัวดำของเขาสิ อ้อนคุณป้าใหญ่เลย นี่แสดงว่ามาบ่อยใช่ไหม แถมยังเดินไปคลอเคลียกับเท้าคุณป้าไม่หยุด เป็นถึงแมวเจ้าของหอแต่ทำไมถึงต้องมาขอไอศกรีมคุณป้ากินกันนะ



“รู้แล้วจ้า อ้อนจริงเชียว” คุณป้าบ่นอมยิ้มราวกับคุยภาษาแมวรู้เรื่อง ก่อนจะก้มลงตักไอศกรีมกะทิใส่ถ้วยให้ประมาณหยิบมือหนึ่ง “ป้าให้กินนิดเดียวนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเป็นเบาหวานเอา”



คิดว่าคุณป้าพูดถูก เคยอ่านมาว่าสิ่งมีชิวิตอย่างเราๆ ไม่ได้เกิดมาเพื่อกินของหวานแบบนี้ ยิ่งบริโภคมากก็จะยิ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก สงสัยวันหลังเขาคงต้องชวนคุณลูกพี่ให้พาไปทำกิจกรรมอย่างอื่น



“มิวมิวไม่กินเรอะ”

“กินเลย ยังอิ่มปลาทูอยู่”

“ตามใจนะ แกนี่มันเสียชาติแมว”



แกมันก็แปลกแมวเหมือนกันนั่นแหละ มีอย่างที่ไหนมาชวนกันกินไอศกรีม ปกติพวกหมาแมวเขาไม่ค่อยแบ่งอาหารให้ใครกันไม่ใช่รึไง หรือสงสัยต้องยกเว้นแมวหอนี่ซะแล้ว

กินเสร็จชิโน่ว่าจะพาเดินสำรวบริเวณรอบๆ ให้มากขึ้นเพราะเขาบ่นว่าไม่มีอะไรทำ อีกอย่างไหนๆ ก็ออกมาแล้วจึงไม่อยากเสียเที่ยว ทว่าแพลนทั้งหมดก็ต้องถูกล้มเลิกทันที่รถญี่ปุ่นคันสีเหลืองขับผ่าน

คลาสสิคแบบนี้มีคันเดียว

มิวนิคขอตัวเพื่อนๆ ทุกคนกลับหอโดยด่วน ขืนไม่ทำอย่างนั้นมีหวังนายแว่นต้องขังเขาเอาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหนแน่ๆ ลำพังแค่วันจันทร์ที่แล้วตอนเจ้าตัวพบเขาช่วงเย็นหลังจากหายหัวมาตลอดทั้งวัน ก็โดนเอ็ดชุดใหญ่ว่าห้ามออกไปไหน ยิ่งเป็นแมวเด็กอยู่เดี๋ยวก็หลง

ตาหมอนั่นคงคิดว่าเอ็ดๆ ไปอย่างนั้น ยังไงเขาก็ฟังไม่ออก...แต่จริงๆ คือฟังออก ก็เขาเป็นมนุษย์เหมือนอีกฝ่ายทุกประการนี่นา เพราะงั้นเอาเป็นว่าตัดปัญหาถูกเสี่ยงกักบริเวณตั้งแต่ต้นลม ไว้รอคนเฉิ่มตายใจค่อยเถลไถลให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน



“ไงมิวมิว นอนทั้งวันเลยสิ” คนตัวสูงอมยิ้มจางๆ หลังบานประตูเปิดออก

“เมี้ยว (ก็นะ) ”



ชะโงกขึ้นมาแค่ส่วนหัวในท่านอนคว่ำเป็นแมวตายบนที่นอน ถ้าจะจัดอันดับสัตว์ที่เล่นละครเก่ง แมวคงติดหนึ่งในท็อปไฟว์ ไม่สิ...แอคติ้งแบบนี้น่าจะเอาอันดับหนึ่งเลย แมวที่ชื่อมิวมิวอ่ะนะ



“เดี๋ยวว่างๆ พาไปเดินเล่น”



เหมียวน้อยถูกจับวางบนตักในท่าประจำ มือหนาวางแหมะลงบนกลุ่มขนสีขาว ลูบไล้แผ่วเบาอย่างถนุถนอม คล้ายกับความอบอุ่นกำลังแผ่ซ่านแผ่นฝ่ามือใหญ่ๆ นั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโคตรรู้สึกดี



“ม๊าว (ไปมาทั้งวันละ) ”

“อ้อนแบบนี้แสดงว่าอยากไป”



จ้ะ...จะเข้าใจยังไงก็เข้าใจไปเถอะ ตอนนี้มิวนิครู้แค่ว่าราวกับกำลังขึ้นสวรรค์ การถูกเกาคางมันดีอย่างนี้นี่เอง ยิ่งถูกเกาก็ยิ่งเสพติด ยิ่งถูกเกาก็ยิ่งอยากนอนหลับอยู่บนตักอุ่นๆ ความคิดบางอย่างเริ่มผุดขึ้นมาในหัว เป็นความคิดแย่ๆ มันแย่ตรงที่เริ่มรู้สึกว่า

การเป็นแมวก็ไม่ได้แย่...







      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ







==============================================

อ้าววว อย่าเที่ยวเพลินจนลืมหาความหมายของชีวิตนะน้องแมวว

ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 6 updated!] 13/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 13-10-2018 22:06:31
มิวมิวไปเข้าแก๊งกับเจ้าถิ่นแล้วจ้ะพี่แม็ก
ไม่ต้องห่วงน้องนะคะ 5555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 6 updated!] 13/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 13-10-2018 22:07:05
มิวมิวไปเข้าแก๊งกับเจ้าถิ่นแล้วจ้ะพี่แม็ก
ไม่ต้องห่วงน้องนะคะ 5555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 6 updated!] 13/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 14-10-2018 00:15:07
อ่านไปในหัวจินตนาการภาพแมวเป็นฉากๆเลยงะ พฤติกรรมแมวตัวผู้นี่มักอยู่ไม่ติดบ้านจริงๆต่างจากแมวตัวเมีย

อ่านไปยิ้มไปกับความน่ารักของน้องแมว. หวังว่าจะอัพจนจบนะคะ ชอบมาก สนุกมากค่ะ :mew1:

หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 6 updated!] 13/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 14-10-2018 02:13:02
ชอบจริงจัง!!~
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 6 updated!] 13/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 17-10-2018 15:25:50
ชอบมากก เขียนภาษาได้ไหลลื่นดีค่ะ
ลงชื่อติดตามด้วยคนน ><
น้องมิวมิวน่ารักกก แต่ตลกที่น้องร้องอะไร แม็กซ์เวลล์คือเข้าใจไปคนละทางเลย 55555
รอตอนต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 7 updated!] 17/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 17-10-2018 19:10:34

Meow 7



“ไอ้มิว นี่มันเรื่องอะไรกัน!”



เจ้าของชื่อยกมือปิดปากหาวหวอด เงยมองเพื่อนชายคนสนิทที่กำลังยืนกอดอกอยู่ข้างเตียง เพราะต่างคนต่างมีกุญแจห้องสำรองของกันและกันจึงไม่จำเป็นต้องแปลกใจอะไรนักถ้าหากใครคนหนึ่งจะสามารถเข้าออกคอนโดของใครอีกคนหนึ่งได้ตามใจนึก



“อย่าทำตัวเป็นผัวได้ปะ”

“ไม่เล่น”



มิวนิคย่นจมูกเมื่อมุกที่ยิงไปถูกตบทิ้งอย่างไม่ใยดี เขายืดตัวขึ้นพิงแผ่นหลังกับหัวเตียง ตบตรงที่ว่างใกล้ตักเบาๆ เชื้อเชิญให้คนอารมณ์ไม่ดีทิ้งตัวลงมานั่งด้วยกัน

พอเริ่มจับจุดการใช้ชีวิตได้ ในเย็นวันเสาร์ที่แม็กซ์เวลกลับบ้าน แมวขาวมณีตัวน้อยก็จะตั้งหน้าตั้งตารอคอยเวลาที่คำสาปจะหยุดพักการทำงานชั่วคราว นอนห้องคนอื่นมาทั้งอาทิตย์แล้ว...ขอกลับไปนอนห้องตัวเองบ้างหน่อยก็แล้วกัน



“กูไม่ได้อยากวุ่นวายเรื่องที่มึงไม่ค่อยมาเรียนช่วงนี้หรอก แต่นี่ถึงกับดรอปเลยหรอ มันเกิดอะไรขึ้นวะมิว อย่างน้อยก็ช่วยบอกกูในฐานะเพื่อนหน่อยได้มั้ย”



สายตาของสายหมอกจริงจังเกินกว่าจะเล่นมุกกลับไปอีกรอบ ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า...หลังจากตื่นขึ้นมาตอนเช้าในร่างมนุษย์ มิวนิคก็บึ่งไปยังคณะเพื่อทำการดรอปเรียนหนึ่งเทอมทันที

เป็นความคิดที่ไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วทั้งอาทิตย์ เขาไม่สามารถบาลานซ์ชีวิตของมิวนิคกับชีวิตของมิวมิวไปพร้อมๆ กันได้ ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ไม่สิ...เขาถูกบังคับให้เลือกทางใดทางหนึ่งต่างหาก เพราะถ้าไม่สร้างเหตุผลให้มิวนิคหายตัวไป ชีวิตฝั่งนั้นก็จะเกิดความวุ่นวายตามมาในอนาคต



“.....”

“มิว…โตแล้วนะ เป็นอะไรก็บอก...”

“โดนคำสาป” พูดสวนคนที่ตั้งท่าจะเอ็ดอีกรอบ “โดนสาปให้กลายเป็นแมว...ยกเว้นแค่วันนี้ที่กูจะได้เจอมึง”



ถ้าเป็นสายหมอกก็ไม่จำเป็นต้องกลัวจะถูกทรยศ มิวนิคเชื่ออย่างนั้น...เชื่ออย่างนั้นมาตลอดแม้ว่าความลับนี้จะทำให้เขาถูกมองเป็นตัวประหลาด แต่เขาไม่อยากปิดบังสายหมอก บางทีอาจเพราะโกหกไปก็ถูกคาดคั้นให้พูดความจริงในท้ายที่สุดอยู่ดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...บอกความจริงไปเลยก็แล้วกัน



“ไอ้มิว มันไม่ใช่เรื่องที่จะมา...”



ดวงตาแน่วแน่ที่กำลังจ้องมองมาทำเอาชายหนุ่มหยุดชะงัก สายหมอกคิดว่ามิวนิคไม่น่าจะพูดความจริง ทว่าสายตาแบบนั้นเป็นก็ไม่ใช่สายตาของคนโกหก คนที่คบกันมาเกือบสิบปีรู้ดี แต่คำสาปเนี่ยนะ...นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่เทพนิยายหรือละครหลังข่าว คำสาปมันจะไปมีได้ยังไงกัน



“มิว กูขอร้อง…”

“จำแมวตัวสีขาวตาสีฟ้าที่อยู่ในห้องกูเมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้มั้ย?”

“ก็...” สายหมอกคิดตาม เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาหามิวนิคไม่พบหลังจากโทรตามอยู่เป็นสิบๆ รอบ “อย่าบอกนะว่า…”

“อือ กูคือแมวตัวนั้น”

“ไม่มีทาง!”

“กูวิ่งชนมึง จะให้มึงอุ้ม” ทาบฝ่ามือลงบนหลังมือคนที่กำลังทำหน้าเลิ่กลัก “แต่มึงก็กรี๊ดเป็นแต๋วแตกวิ่งหนีออกจากห้องกูไป”

“ไอ้มิว...”

“ในห้องนั้นมีแค่มึงกับกู และถึงแม้คนอื่นจะเห็นมึงกรี๊ด เขาก็คงไม่มีทางรู้ดีเทลขนาดว่าแมวที่วิ่งเข้าหามึงเป็นแมวขนสีขาวตาสีฟ้า ถูกไหม?”



สายหมอกหลุบสายตามองต่ำครุ่นคิด มิวนิคดึงร่างที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยเข้ามาโอบไว้หลวมๆ วางปลายคางไว้บนลาดไหล่เพื่อนชาย พักสายตาและสมาธิไปยังไรผมสีดำ นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้กอดกัน...



“เดี๋ยวหกทุ่มกูก็กลายเป็นแมวแล้ว…”

“มึงนี่นะ”



สายหมอกจนปัญญากับเพื่อนรัก ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเชื่อ เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้มันยากที่เกินกว่าจะฟังขึ้นไม่ใช่หรอ แต่มิวนิคไม่ใช่คนโกหก ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าจริงก็คือจริง เว้นเสียแต่กำลังแกล้งอะไรบางอย่างก็จะเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง หากไม่ใช่ครั้งนี้

มิวนิคแทบไม่ได้เข้าใกล้คำว่าแกล้งเลย

อีกอย่างวันนั้นตอนที่เขาวิ่งออกมาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีเพื่อนบ้านในคอนโดอยู่โดยรอบซักคน หากมีก็คงไม่มีใครรู้ว่าในห้องมิวนิคมีแมวตัวสีขาวตาสีฟ้าอย่างที่อีกฝ่ายบอก เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เพื่อนเขาโดนคำสาปจริงๆ น่ะหรอ



“หมอก...” มิวนิคทำเสียงอู้อี้

“...มึงโอเครใช่มั้ย”

“เชื่อแล้วหรอ”



ถามทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างไม่มองหน้ากัน ติดอยู่ในอ้อมกอดเบาบางของกันและกัน หากขอพรได้หนึ่งข้อก็คงขอให้คืนนี้ยืดเวลาออกไปอีก อย่างน้อยก็ได้กอดไอ้เพื่อนรักนานขึ้น



“ตอบมาเถอะ”

“อื้อ...คนที่เลี้ยงกูเขาดูแลกูดีมาก”

“ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างมึงจะยอมตกเป็นสัตว์เลี้ยงของคนอื่น” สายหมอกแค่นหัวเราะ

“กูเป็นทุกอย่างเลย ทุกอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้เป็น...” ประโยคสุดท้ายฟังดูเศร้าสร้อย

“เหงารึเปล่า”



คำพูดของสายหมอกทำเอาแมวน้อยที่ติดอยู่ในร่างเด็กหนุ่มหลุดยิ้ม เหงาอย่างนั้นหรอ...จะว่ายังไงดีล่ะ ‘เคย’ เหงาล่ะมั้ง เคยเหงาแบบสุดๆ เหงาถึงขนาดไม่อยากตื่นขึ้นมาพบกับความเหงาในวันรุ่งขึ้น เหงาถึงขนาดอยากให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน มันเคยเป็นแบบนั้นจริงๆ

ยกเว้นตอนนี้ที่ความรู้สึกเลวร้ายลดลงไปเยอะ อาจเพราะมีแอนโธนี่ที่คอยชวนคุย ชิโน่กับชิลลี่ที่คอยพาออกไปเที่ยว แล้วก็...แม็กซ์เวล ที่คอยอุ้มขึ้นมากอด บางทีก็วางลงบนตัก บางทีก็เกาคางลูบหัว หรือบางทีก็...

จูบ



“ไม่เลย... เป็นแมวอ่ะสบายม๊ากมาก ไม่ต้องเรียนด้วย”

“หึ จะยอมเชื่อว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งละกันครับ”



อ้อมกอดถูกเปลี่ยนมาเป็นการนอนเกยกันโง่ๆ อยู่บนเตียง หรือเรียกให้ถูกก็คือเขากำลังเกยสายหมอก ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกภาพแมวน้ำสองตัวกำลังนอนทับกันอยู่บนชายฝั่ง เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เด็ก

อีกหน่อยก็คงเป็นเมียมันแล้ว



“ต้องกลับไปใช่มั้ย?”

“อื้ม”



คำถามและคำตอบถูกรับส่งกันผ่านบรรยากาศห้องอันว่างเปล่า ดวงตาสองคู่จ้องมองเพดานสีครีมอ่อนคล้ายกับกำลังรอการเคลื่อนไหวของเข็มนาฬิกา รายการยามดึกจากโทรทัศน์ถูกเปิดคลอไม่ให้บทสนทนาเงียบเชียบจนเกินไป



“อย่าไปดื้อกับเขาล่ะ เดี๋ยวโดนตีขึ้นมาจะยุ่ง”

“พูดมาขนาดนี้ก็คือเชื่อแล้วใช่มั้ย?” หันไปยิ้ม

“ก็ถ้าหกทุ่มไม่มีคนกลายเป็นแมว เดี๋ยวจะมีคนกลายเป็นเมียแทน”

“เถื่อนจัง ขอเป็นเลยได้ไหม” กระแซะเข้าไปใกล้หยอกล้อ



แต่เพราะสงสัยจะใกล้เกินไปจึงโดนถีบออกมาจนเกือบแทบตกเตียง มิวนิคย่นหน้าผากงอนนิดๆ ก่อนจะกลิ้งเกลือกกลับไปนอนยังจุดๆ เดิมเหมือนไม่เข็ดหลาบ



“ถ้าไม่ไหวก็มาหากู”

“ฮ่าฮ่า”

“หัวเราะอะไร” คนถูกหัวเราะขมวดคิ้วหันมอง

“กูเป็นแมวไงหมอก” เขกหน้าผากเพื่อนชาย “ถ้ากูมาหาก็ต้องมาในร่างแมว มึงอยากตายหรอ?”

“เออว่ะ...ลืมซะสนิท” สายหมอกยกแขนเกาหัวเก้อๆ

“ไม่ต้องห่วงกูขนาดนั้นหรอก”

“.....”

“แค่มึงเป็นมึงในแบบที่มึงเป็น คิดถึงกูบ้างเวลานั่งจิบวอดก้าลื่นคอยามบ่ายวันอาทิตย์”

“เป็นแมวก็ยังจะขี้เมา”

“กูจะเป็นแมวที่ยิ่งกว่าขี้เมาอีก”



ความรู้สึกของชีวิตคืออะไรน่ะหรอ ถ้าให้ตอบก็คือยังไม่รู้ แต่ถ้าถามตอนนี้ก็คงเป็นความรู้สึกดีเวลาได้นอนคุยเรื่องราวสัพเพเหระไปกับเพื่อนชายคนสนิท แม้อากาศที่ถูกหายใจทิ้งมาตลอดหลายชั่วโมงจะไม่มีค่า แต่เขากลับมีความสุขมากๆ เลย



“อีกสองชั่วโมง”

“อือ”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ก็ไหนแพ้ขนแมว”

“ตอนนี้น่าจะทันไปซื้อกรงแบบปิดสนิท”



เป็นอีกวันที่การกลายเป็นแมวไม่ใช่เรื่องที่แย่ หรือบางทีเขาอาจจะเริ่มชินกับการที่ร่างกายค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์สีเท้าขนนุ่มไปแล้วก็ได้ แต่ก็นะ...อยู่กับนายแว่นมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดจริงๆ นั่นแหละ

สายหมอกส่งเขาแค่เพียงลานจอดรถของหอพักบ้านสุขใจ ไม่ต้องสืบก็น่าจะเดาออกว่าวินาทีแรกที่อีกฝ่ายเห็นเพื่อนชายค่อยๆ เปลี่ยนร่างเป็นแมวเหมียวคงจะช็อกโลกแค่ไหน เป็นใครใครก็ช็อกแหละนะ แต่ดีหน่อยที่สปอยไว้แล้ว เจ้าตัวเลยยังสามารถควบคุมสติอันน้อยนิดได้อยู่ กลัวว่าถ้าคนอื่นมาเห็นจะเป็นเรื่องมากกว่า



“เมี้ยวว (ไปละ ขับรถดีๆ มึง) ”



คนถูกบอกลาไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากพยักศีรษะที่สวมหน้ากากอนามัยสีเขียวหงึกๆ จากเสื้อยืดแขนสั้นธรรมดาก็ถูกสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวตัวหนาราวกับอากาศติดลบสิบเจ็ดองศา ชายหนุ่มในชุดมิดชิดโบกมือร่ำลากระทั่งร่างสีขาวค่อยๆ เล็กลงจนหายไปจากระยะการมองเห็น

แมวน้อยหาวหวอดเดินไปยังประตูทางเข้าหอพัก กล่าวทักทายชิโน่กับชิลลี่ที่กำลังนอนมองมาด้วยดวงตาสลึมสลืออยู่บนที่นอนสองชั้น กระโดดไต่ไปตามแนวกำแพง ระเบียงห้องชั้นต่ำกว่า ถึงชั้นสามที่จากมาหนึ่งวันเต็ม ก่อนจะเหยียบเท้าลงบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ

ฟูกเตียงเตี้ยติดหน้าต่างกับหมอนสีขาวนุ่มช่างดึงดูดให้คนมองรู้สึกอย่างทิ้งตัวลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่างทรงพลังอะไรเยี่ยงนี้ เหนือกว่าคำสาปจากไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวก็คงเป็นที่นอนนี่แหละ

อ่า...กลับมาแล้วคุณที่นอน ฝันดีนะ



















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



กลุ่ม ‘ยูมันโง่’



OnlyU: นี่ เก้าโมงแล้วนะ เมื่อไรพวกมึงจะมาเนี่ย

Pulnwza: อะไรวะ?

OnlyU: ก็มาเรียนไง ห้องโคตรโล่งอ่ะ ป่วยกะทันหันกันหรอ

Pulnwza: 555555555555555555555555

Pulnwza: @Jennis69 @Maxwell มาดูลูกพวกมึงเร้ววว

OnlyU: หัวเราะอะไร คนมาเรียนไม่ใช่เรื่องตลก

Jennis69: ใช่ค่ะ เป็นเด็กต้องหัดตั้งใจเรียนน่ะถูกแล้ว

Jennis69: @Pulnwza มึงนี่แย่จังเลยนะคะพี่ภู น้องอุตส่าห์มาเรียนยังจะไปหัวเราะน้อง

Pulnwza: งุ้ยยย เป็นคุลแม่ที่ดีขึ้นมาเลยทันที

OnlyU: สรุปพวกมึงจะมากันมั้ยเนี่ย เดี๋ยวให้จารย์เช็คขาดเลยนะ

Jennis69: อาจารย์ไม่เช็คหรอกค่ะ

Jennis69: เพราะอาจารย์เป็นคนบอกให้...งดคลาส

Jennis69: 55555555555555555555555555

Pulnwza: เหมือนลากอีน้องมาตบหน้าห้องอีกรอบอ่ะ

OnlyU: อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก กูเกลียดพวกมึง

OnlyU: ขอให้กินอาหารอะไรก็ท้องเสียให้หมด

Pulnwza: จะแช่งคนอื่นทั้งทีก็ยังไม่พ้นเรื่องกิน

Jennis69: จุ๊จุ๊ หนูจะมาโทษแม่ไม่ได้นะคะลูก ไม่อ่านไลน์กลุ่มสาขาเอง

Jennis69: #ยศวินทร์คนโง่

Jennis69: *สติ๊กเกอร์ยิ้มมุมปาก

Pulnwza: เหยย ไม่ตอบด้วยว่ะ สงสัยงอน

Jennis69: มึงเลยอีภู ทำน้องงอน ไปง้อเดี๋ยวนี้!!

Pulnwza: มั่วแล้ว มันงอนที่มึงติดแฮชแท็ก #ยศวินทร์คนโง่ ต่างหาก

Jennis69: ไม่!! มันงอนที่มึงไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่ทีแรกต่างหาก

OnlyU: โอ้ยย จะคุยอะไรกันเยอะแยะ รำคาญเสียง

Jennis69: รู้ยังว่าไอโฟนมันเปิดสั่นได้?

OnlyU: เจน!!

Pulnwza: เนี่ย มึงเลยแม่ อีทัวเด

Jennis69: โอ๋ๆ ๆ แม่แซวน้องเล่นนะรู้ก ไม่งอนแม่น้า /หอมหัว

Jennis69: แล้วไม่มีเรียนไปไหนต่อยะ กลับห้อง?

OnlyU: แนบรูป* ตึกคณะแพทย์

Jennis69: ค่ะ!

Pulnwza: ค่ะ!

OnlyU: อะไรอ่า

Jennis69: คลาดสายตาแปปเดียวก็ไปหาผู้ชาย แม่ไม่น่าใจอ่อนเลย

Jennis69: #ยศวินทร์คนติดผัว

Pulnwza: อยากฟาดเด็กแรด มึงรอกูตรงนั้น กูจะไปฟาดเด่วนี้!!

OnlyU: @Maxwell ใจคอจะอ่านอย่างเดียวไม่ช่วยเพื่อนเลยใช่มั้ย

OnlyU: คนน่าสงสารอย่างกูกำลังโดนพวกโรคจิตแกล้งนะ

Maxwell: *แนบรูป แมวขาวมณีกำลังนอนอยู่บนแผ่นอกตัวเอง

Maxwell: เล่นกับมิวมิวไหม

OnlyU: งื้อออออออ

Pulnwza: งื้อออออออ

Jennis69: งื้อออออออ

OnlyU: เมื่อไรจะพามาเล่นที่คณะ หรืออยากให้กูไปหา ฮืออ น้องน่ารักกกก จะไปหามิวมิว

Maxwell: ไว้ให้ชินคนกว่านี้ก่อน

Jennis69: เออ กูก็ว่างั้น ขืนเอาไปตอนนี้มีหวังอีลูกชายเล่นจนเฉามือตาย

OnlyU: เจน!!



แม็กซ์เวลกดปิดอุปกรณ์สื่อสารในมือหลังจากเครื่องเจ้ากรรมส่งเสียงดังรบกวนอยู่นานสองนาน เพ่งมองสิ่งมีชิวีตสีขาวที่กำลังนอนหลับตาพริ้มน่าอิจฉา หางยาวกระดิกดุ๊กดิ๊กไปมาคล้ายชอบใจที่ได้นอนบนนี้

ปกติเขากับมิวมิวจะแบ่งโซนที่นอนกันอย่างชัดเจน มิวมิวจะชอบนอนฝั่งติดหน้าต่าง ส่วนทาสแมวที่อะไรก็ได้ก็มักจะถูกเขี่ยออกมานอนอีกด้าน ทว่าไม่รู้ทำไมพอตื่นขึ้นมากลับเห็นแมวน้อยจอมเอาแต่ใจขึ้นมานอนบนอกตลอด เดาใจยากจริงๆ เลย

อยากอ้อนก็บอกมาดีๆ สิมิวมิว



“ม๊าว....”

“ขอโทษ ทำให้ตื่นหรอ”



เจ้าเหมียวร้องงัวเงีย อ้าปากหาวหวอด เปิดเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้นแถมยังบิดขี้เกียจตัวเป็นเกลียว ด้วยความไม่ระวัง แมวซุ่มซ่ามจึงกลิ้งตกเตียงเสียงดังตุ้บ แม็กซ์เวลหลุดขำพร้อมกับเปลี่ยนมาเป็นอมยิ้มเมื่อดวงตาสีฟ้าจองมองมาอย่างหาเรื่อง



“ไม่ได้แกล้ง”



แกล้งที่ไหนกันล่ะ ตัวเองกลิ้งตกไปลงเองแท้ๆ ยังจะมาทำท่าไม่พอใจ หมั่นเขี้ยวจริงๆ เลยมิวมิว แม็กซ์เวลยื่นแขนลงไปอุ้มแมวน้อยขี้งอนขึ้นมาบนตัก และดูเหมือนว่าแมวจะเป็นสิ่งมีชิวิตที่หายโกรธเร็ว ดูเข้า...เอาหัวมาถูๆ ตรงหน้าท้องเขาอีกแล้ว ชอบทำแบบนี้จริงๆ เลยมิวมิว



“เบื่อปลาทูรึยัง”

“เมี้ยว...”



อดหอมไปไม่ได้หนึ่งทีเมื่อน้องตอบกลับมาด้วยเสียงงุ้งงิ้ง แพ้ตลอดล่ะเวลาได้ยินเสียงสองแบบนี้ แม็กซ์เวลวางเจ้าเหมียวไว้บนเตียง ลูบหัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตรงไปยังครัวเพื่อเตรียมทำมื้อเช้า ราวกับดวงตาสีฟ้ายังคงจ้องมองมาทางเขาไม่ห่าง เหมือนอยากรู้ว่าทำอะไรอยู่แต่ก็ขี้เกียจเดินมา

มิวมิวแมวขี้เกียจ...



“ยำปลากระป๋องไหม?”

“ม๊าว ม๊าว”



เขาคิดว่ามิวมิวชอบกินอะไรเหมือนคน อย่างหลายวันก่อนที่กินเมนูผัดกระเพราหมูสับเจ้าตัวก็ปีนขึ้นโต๊ะมานั่งจ้องเหมือนอยากกินด้วย พอเขาเลื่อนกล่องให้กินเจ้าเหมียวน้อยก็กินจริงๆ

เพราะงั้นเลยลองทำเมนูของคนที่เกี่ยวกับปลาให้น้องชิม ปรากฏว่าน้องกินหมดทุกอย่าง แม็กซ์เวลเริ่มรู้สึกว่าตัวเขาตามใจมิวมิวจนเสียนิสัย เคยคิดจะย้อนกลับไปให้อาหารเม็ดตามเดิมแต่ก็ไม่ทันแล้ว แค่โดนเอาหัวถูอ้อนๆ ที่ขาก็ใจอ่อนยวบ ทางการแพทย์ควรคิดค้นตัวยาที่สามารถระงับอาการแพ้แมว

หมายถึง...แพ้อาการใจอ่อนต่อแมว

เป็นวันแรกที่ได้อยู่ด้วยกันแบบทั้งวันจริงๆ เพราะโดยปกติวันธรรมดาแม็กซ์เวลจะไปเรียน เจอเจ้าสีขาวอีกทีก็เฉพาะช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องกลับบ้าน แม้จะนอนด้วยกันทุกคืน แต่ก็ไม่เคยได้ใช้เวลาถึงยี่สิบชั่วโมงกับเพื่อนร่วมห้องคนใหม่แบบนี้มาก่อน



“อร่อยไหม?”

“ม๊าวว”



เหมียวน้อยเงยหน้าขึ้นมามอง ขณะคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะกินข้าวก็ได้แต่ผงกหัวรับเอ็นดู รายการข่าวถูกเปลี่ยนเป็นช่องหนังเก่าๆ ที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก ร่างสูงทิ้งตัวลงบนฟูกติดหน้าต่างหลังล้างจานเสร็จสรรพ

หยิบไอแพดขึ้นมาไถเช็คตลาดหุ้นยามเช้า เขาติดนิสัยต้องเปิดทีวีทิ้งไว้เพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบในห้อง อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกไม่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ต่อให้จริงๆ แล้วจะมีทั้งน้องแมวและน้องมดเป็นเพื่อน



“เมี้ยวว...”



จอมซนปีนขึ้นมาตรงที่ว่างบนหมอน ถือวิสาสะทิ้งก้นลง ยื่นหน้าเข้ามามองหน้าจอทัชสกรีนคล้ายสนอกสนใจ ดวงตาสีฟ้าอันมีเสน่ห์ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีกก็ตอนที่อีกฝ่ายมองมา



“วันนี้ไม่มีเรียน”



ไม่ตอบ ซ้ำยังเดินดุ่มๆ เข้ามานอนบนอกเขาอีกแล้ว แม็กซ์เวลเหนื่อยจะดุจึงเปลี่ยนมาชันตัวขึ้นนั่ง พิงแผ่นหลังกับผนังห้องสีเทาซีด ก่อนแมวน้อยจะถูกจับให้นอนบนตักโดยมีหน้าท้องแข็งแรงต่างหมอน

เขาว่ามิวมิวเป็นแมวที่ฟอร์มจัด ดูภายนอกอาจคล้ายเหย่อหยิ่ง เพิกเฉยต่อผู้คน ไม่ชอบให้หยอกล้อ แต่เนื้อแท้แล้วเจ้าตัวชอบอ้อนมากๆ ยิ่งสนิทกันจะยิ่งรู้ว่ามิวมิวเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ้อนเก่งมากๆ เลยล่ะ

แมวอะไรจะอ้อนทั้งทีก็ยังมีฟอร์ม



“หลับแล้วหรอ?”

“......”



แม็กซ์เวลหลุดยิ้มเมื่อไร้เสียงต่อรับ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอเบาบางจากเจ้าของร่างสีขาวบนตัก เอาล่ะ...ตัวแสบจำศีลไปแล้วก็คงถึงเวลาเช็คตลาดหุ้นต่อ

ปล่อยให้เวลากับสายลมธรรมชาติเย็นๆ ทำงานไปอย่างเชื่องช้า รู้สึกตัวอีกทีสมองก็หวนนึกถึงใครบางคน ใครบางคนที่เหมือนจะลืมไปได้แล้ว แต่แท้ที่จริงกับหลบซ่อนอยู่ในส่วนคับแคบตรงไหนซักแห่งของหัวใจ

คุณมิวนิค...

แม็กซ์เวลคิดว่าหลักการทุกอย่างบนโลกสามารถอธิบายได้ด้วยการทำงานของวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องเดียว...ความรัก เขาไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมถึงต้องชอบคุณมิวนิคขนาดนั้น อาจเพราะเป็นวันที่เราเจอกันโดยบังเอิญในร้านกาแฟของหอสมุด หรือจะเป็นวันที่เราเจอกันในงานกีฬามหาวิทยาลัย

ทำไมเขาถึงหยุดชอบคุณมิวนิคไม่ได้...

นึกถึงคุณมิวนิคก็ชักแปลกใจ ช่วงนี้ไม่เห็นเจ้าตัวอัพความเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลเลยซักอย่าง ถ้านับเป็นวันก็เท่ากับว่าคุณมิวนิคหายไปร่วมสองอาทิตย์กว่าแล้ว หรือจะเป็นการวีคออฟตามสไตล์ศิลปินอย่างที่คนอื่นเขาพูดกัน...



“เมี้ยว”



อุ้งเท้านุ่มนิ่มยื่นขึ้นมาแตะลงที่หน้าอกทำลายภวังค์ ดวงตาสีฟ้าสะลึมสะลือเปิดขึ้นอีกครั้ง นี่ไง...เขามีคุณมิวนิคเป็นของตัวเองแล้ว ถึงแม้คุณมิวนิคตัวนี้จะตัวสีขาว ตาสีฟ้า หูตั้ง หางชี้ แต่ก็น่ารักไม่ต่างกันเลย



“ไม่ปวดหัวรึไง”

“ม๊าว...”

“อาบน้ำไหม?”



จะว่าไปตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็ยังไม่เคยอาบน้ำให้มิวมิวเลยเพราะช่วงแรกกลัวน้องเจ็บแผล อีกทั้งอยากให้มิวมิวปรับตัวกับห้องใหม่ได้ก่อน แต่ไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้ว...งั้นขอจับเหมียวน้อยทำความสะอาดเลยแล้วกัน

ถ้าคิดว่าการอาบน้ำให้แมวเป็นเรื่องยุ่งยากและวุ่นวายสุดๆ สำหรับคนเลี้ยงแมวขอให้จงลืมความคิดนั้นไปเสียให้หมด เพราะแมวขาวมณีตัวนี้เชื่องมาก ไม่สิ...ต้องเรียกว่านิ่งมาก น้ำก็ไม่กลัว แทบยังทำหน้าฟินเวลาร่างกายสัมผัสน้ำไปอีก ยิ่งตอนสระขนให้คุณเขายิ่งชอบ

แปลกแมวจริงๆ เลยมิวมิว



“อย่าหลับตาสิ มองไม่เห็น”



คนที่ปลดอาภรณ์ออกหมดทุกอย่างจนเหลือเพียงบ็อกเซอร์ชิ้นเดียวเอ่ยพลางอมยิ้ม ขนก็สีขาวอยู่แล้ว พอรวมกับฟองสบู่สีขาวฟู่ก็เลยดูกลืนกันไปหมด ถ้าไม่เห็นดวงตาสีฟ้ากับจมูกสีชมพูเขาคงหามิวมิวไม่เจอ



“เมี้ยว เมี้ยว!”

“อะไร?”

“เมี้ยววว!” ตีฟองกระจุยกระจาย



เขาคิดว่ามิวมิวไม่ได้กลัวน้ำ น้องอาจกำลังต้องการให้ทำอะไรซักอย่าง และกว่าจะค้นพบว่าเหมียวน้อยจอมเอาแต่ใจร้องงอแงเพราะอยากให้ลงไปอาบในอ่างด้วยก็เล่นทำเอาเจ้านายตัวโตเปียกซกไปทั้งตัว

ตกลงใครเป็นเจ้านายใครเป็นสัตว์เลี้ยงกันแน่นะ

ท้ายที่สุดการอาบน้ำให้มิวมิวจึงกลายเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เพราะน้องอาบน้ำยาก แต่เพราะน้องขึ้นจากน้ำยาก ต่อเกลี้ยมกล่อมด้วยวิธีไหน หรืออุ้มออกจากอ่างกี่ทียังไง จอมซนก็จะวกกระโดดกลับเข้าไปนอนแช่ในอ่างเหมือนเดิม ตกลงเป็นแมวหรือเป็นปลา

เบอร์หนึ่งของความดื้อเลยล่ะเจ้าตัวนี้



“สบายเลยสิ”



เขาพูดขึ้นในตอนที่กำลังหยิบผ้าเช็ดตัวเช็ดไปตามกลุ่มขนสิ่งมีชีวิตสีขาวบนเตียง ไดร์เป่าผมถูกเปิดด้วยเบอร์อ่อนๆ เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกร้อน เรียวมือยาวสางไปตามแผงขนนุ่ม จากที่นุ่มอยู่แล้วก็นุ่มกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อถูกจับอาบน้ำ เริ่มมีความคิดที่ว่า...ถ้าไม่รีบซื้อปลอกคอมาใส่คงมีคนอยากจับเจ้ามิวมิวไปเลี้ยงในเร็ววัน



“แห้งแล้ว เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน”

“เมี้ยวว!” ยกเท้าสะกิดไปมาไม่ยอมให้ลุก

“ก็มันแห้งแล้ว”

“เมี้ยว เมี้ยว!”



ราวกับถูกกดดันด้วยดวงตาสีฟ้าให้ปรนนิบัติทุกอย่างตามที่เจ้านายสั่ง ถึงแม้ใจจะอยากแกล้งไม่ทำตาม แต่สุดท้ายก็เหมือนมีอะไรบางอย่างกล่อมเกลาให้โอนอ่อนลงทุกที



“เฮ้อ...เช็ดต่อก็ได้”



ดูท่าแผนการถอนตัวออกจากการเป็นทาสแมวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริง









      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

ทาสแมวก็จะประมาณนี้จ้าาา



ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 7 updated!] 17/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-10-2018 19:34:59
ก้าวหน้านะ มีแช่อ่างกันด้วย อือิ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 7 updated!] 17/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-10-2018 21:38:57
 :L2: :pig4:

ค่อยๆทำความรู้จักกัน
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 7 updated!] 17/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 17-10-2018 22:45:07
มิวมิว ชื่อน่ารักตัวก็น่ารักอีกอ่านเรื่องนี้แล้วทำให้อยากกลับมาเลี้ยงแมวอีกหลักจากเสียแมวไปแล้วเกือบสองปี
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 8 updated!] 22/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 22-10-2018 19:12:12


Meow 8


จริงดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘แมวเป็นสัตว์ที่คิดจะครองโลก’ มิวนิคไม่ได้หมายถึงตัวเขา หากหมายถึงเพื่อนแมวสองตัวที่กำลังซ่องสุมวางแผนการกันอยู่หน้าชามข้าวชามที่ชวนเขากินเป็นร้อยรอบ แต่เขาก็ปฏิเสธทุกรอบ



“จำไว้นะชิลลี่ ถ้าทาสมาแกต้องเขาไปอ้อน ส่วนชั้นจะใช้จังหวะนั้นสังหารทาส”

“แล้วเฮียจะทำยังไง ผมเคยดูทีวีกับทาส ในทีวีเขามีปืนนะ เรามีปืนหรอ?”

“โง่จริงชิลลี่ เราก็ใช้อุปกรณ์สังหารที่มีมาตั้งแต่เกิดสิวะ” ชิโน่ยกเท้าตบน้องชายตัวสีส้มเบาๆ “ฟันและเล็บของเรา มันมีเชื้อโรค กัดข่วนบ่อยๆ เชื้อโรคพวกนี้ก็จะเข้าไปในร่างกายทาส เป็นการสังหารทาสอย่างช้าๆ และเลือดเย็น”

“โห เฮียนี่เฉียบจังเลย ถึงว่าพวกไอ้ด่างกลัวเฮียเอามากๆ”



จ้ะ โดนจับฉีดวัคซีนตั้งแต่เด็กทาสของพวกเอ็งคงจะตายอยู่หรอกมั้ง มิวนิคนอนเขี่ยตุ๊กตาน้องหนูที่เป็นของเล่นของเจ้าสองแสบฆ่าเวลารอพวกเจ้าตัวกินข้าว เห็นว่าวันนี้จะพาไปพบปะเพื่อน แปลกดีเหมือนกันนิสัยแบบชิโน่ก็มีเพื่อนคบ เอ๊...ไม่ค่อยมีเพื่อนแบบนี้เหมือนใครเลยนะ



“นี่มิวมิว แกจะกินมั้ย อร่อยนา” หันมามองจริงจังราวกับว่าอาหารเม็ดตรงหน้าอร่อยสุดๆ

“กินมาแล้วจ้า ขอบใจจ้า”



มีความชวนกินข้าว โถ...นี่น่ะหรอแมวที่คิดจะไปฆ่าคน มิวนิคแทบจะหลุดขำออกมาตรงนั้น เห็นทีว่าคงต้องบัญญัตินิยามศัพท์ของการครองโลกให้พี่แกใหม่ จะเลือดเย็นทั้งทีก็ต้องตัดความมุ้งมิ้งออกซะบ้างนะไอ้หมู



“เมื่อเช้าก็กินแล้วไม่ใช่หรอ”

“อะไร ไม่ได้กิน แกรู้ได้ไง ขี้โกหก!”

กูจะรู้ก็เพราะมึงมีพิรุธนี่แหละว้อยยยย “ตอนแอบตามมาส่งแม็กซ์เวลเห็นแกกินอยู่อ่ะ”



เขาไม่ได้ติดตาแว่นขนาดนั้นหรอก แค่..ไหนๆ ก็มีนัดอยู่แล้วเลยแวะตามลงมาทีเดียว อีกอย่าง...อากาศด้านล่างน่ะเย็นสบายจะตาย สบายจนบางทีเขาก็ชอบปีนขึ้นไปแย่งที่นอนพวกชิโน่ แต่พวกนี้ก็ไม่ว่านะเพราะที่นอนตะกร้าลอยฟ้า (ชิโน่กับชิลลี่ตั้งขึ้นมาเอง) มีสามอันพอดี



“มันเป็นแอพเพอไทเซ่อร์แกรู้จักปะ ขืนกินข้าวเลยมันจะไม่ฟูลคอร์ส”



แหมะ...เป็นแมวยังจะมารู้จักแอพเพอไทเซ่อร์อีก แล้วแอพเพอไทเซ่อร์กับอาหารเช้าดันเป็นเมนูเดียวกันอีกเนี่ยนะ ตลก...หิวก็บอกมาเถอะจ้าคุณโน่ แถไม่เนียนแบบนี้ไปเรียนมาใหม่

เขาว่าแมวพวกนี้ต้องเป็นแมวไฮโซหรือแมวคุณหนู หรือถ้าให้เดาก็คงจำศัพท์ประหลาดๆ มาจากพี่ลูกชายคุณป้าเจ้าของหอ รายนั้นชอบนั่งเล่นเกมส์อยู่ในห้องหน้าลอบบี้ทั้งวัน แถมยังชอบสบถคำภาษาอังกฤษออกมาไฟแล่บ



“เห้ย ชิลลี่! ทาสมาแล้ว เตรียมตัว”

“รับทราบลูกเพ่”



สิ่งที่ทาสแมวตัวยงทุกท่านควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนกับแมวของคุณเลยก็คือ...พวกแมวไม่เคยคิดว่าคนเลี้ยงของพวกมันคือเจ้าของ ถ้าให้เปรียบความยิ่งใหญ่ แมวคิดว่าตนเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร เพราะงั้นทุกคนที่เข้ามาทำดีด้วยก็จะถูกตีตราว่าเป็นทาสรับใช้ทั้งหมด



“ว้ายย สวยจังเลยลูก” แต่กับมนุษย์นั้นเราคิดไปคนละทาง



ร่างสีขาวถูกช้อนขึ้นอุ้มมาไว้ในอ้อมอก หญิงมีอายุในชุดเสื้อเลบางสบายยิ้มแป้นราวกับพออกพอใจ กรรม...เขาไม่ใช่แมวคุณป้าซักหน่อยแล้วไหงคุณป้าถึงกระดี๊กระด๊าขนาดนั้น



“แมวแม็กซ์เวลแน่เลยใช่มั้ย แอบลงมาแบบนี้เดี๋ยวคุณพ่อโกรธเอานะคะ”



คุณพ่อ? เขากับตานั่นไม่เคยแทนตัวเองว่าพ่อกับลูกครับป้า คิดแล้วยิ่งขนลุก



“มิวมิวเป็นตัวล่อแล้ว ตอนนี้แหละชิลลี่”

“เมี้ยวว” เหมียวน้อยตัวสีส้มวิ่งตรงเข้ามาทิ้งตัวลงบนเท้าหลังคุณป้า ถูใบหน้าไปมาออดอ้อน ส่งเสียงร้องเรียกงุ้งงิ้งซะจนทำเอาคนถูกอ้อนใจบาง แหมะ...น่ารักว่ะชิลลี่ ถ้ามาอ้อนเขาแบบนี้ตอนอยู่ในร่างมนุษย์แกเจอฟัดแน่ ฮึ่มมมม!

“จะเอาอะไรคะชิลลี่ อิจฉาที่แม่เล่นกับน้องหรอ”



งั่ม!



“นี่ก็อีกคนคุณชิโน่ เล่นแรงจังเลยนะคะ”



เห็นทีว่าแผนการสังหารทาสจะต้องถูกระงับลงชั่วคราวเพราะคุณป้าจับพวกเขาสามตัวนั่งเรียงกันถ่ายรูปราวกับไม่เคยเห็นแมวมาก่อน ป้าแกว่าพอเอามาเรียงกันสามสีแบบนี้ก็สวยดี เอออ่ะ...เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นตุ๊กตาเฟอร์บี้ก็วันนี้แหละ

กว่าจะสลัดออกมาจากคุณป้าได้ชิโน่ก็ดีหนีแล้วเดินหนีอีก แต่คุณป้าไม่ยอม ยิ่งหนียิ่งจับ ส่วนตัวน้องน่ะหรอ เชื่องเสียยิ่งกว่าอะไร ทาสสั่งอะไรก็ทำ เริ่มสงสัยแล้วว่าตกลงใครเป็นทาสใครเป็นเจ้านายกันแน่ สุดท้ายการยอมทำตามคำสั่งคุณป้าจึงน่าจะเป็นหนทางในการทำให้เสียเวลาได้น้อยที่สุด



“โน่ แล้วเพื่อนอยู่ไหนอ่ะ”

“ข้างบน” ชิโน่เงยหน้ามองขึ้นไปบนตึก

“ดาดฟ้าหรอ”

“เยส”



ถามลูกหัวโจกประจำกลุ่มขณะเดินไปตามขั้นบันได เป็นตอนนั้นเองที่ดวงตาสีฟ้าสะดุดเข้ากับภาพแมวตัวหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนแนวกำแพงชั้นล่าง ถึงจะมองจากหน้าต่างชั้นสาม...ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าจะอธิบายรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย

เป็นแมวขนสีเทาตาสีเหลือง ต่อให้เห็นเพียงครั้งเดียวก็จำได้ ไม่ผิดแน่...เป็นแมวตัวที่วิ่งตัดหน้ารถจนเขาต้องขับชน แมวที่เป็นต้นเหตุของปัญหาเรื่องราววุ่นวายทั้งหมด



“เห้ย! มิวมิวแกจะไปไหนวะ”



ชิโน่ตะโกนเรียกเพื่อนชายตัวสีขาวเงี้ยวง้าว แต่ไม่ทันแล้ว มิวนิคกระโดดลงหน้าต่างวิ่งตามแมวตัวนั้นไป อาจเป็นเพราะภาพที่เห็นช่างแปลกประหลาด ทั้งที่รู้สึกได้ว่าชนเข้าอย่างจังแต่ท่าทางของแมวตัวนั้นกลับไม่หลงเหลือแม้แต่อากาศจบปวดหรือเดินกระเผลกเลยแม้แต่นิด



“นี่แก!”



ปรี้นนนนนนนนนนนนนน!!



เสียงแตรรถยนต์ดังแทรกจนปวดหัว ขาที่กำลังก้าวย่ำหยุดชะงัก โชคดีที่คนขับเบรกได้ทัน ไม่งั้นคงมีข่าวแมวขาวมณีถูกชนตายดับอนาถน่าหอ แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับการหาแมวสีเทาเบื้องหน้า



“มิวมิว แกเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”

“มะ...แมวสีเทาตัวนั้น...” พุ้ยหน้าไปทางอีกฟากของถนน

“ตัวไหน”

“ก็ตัวที่…”



หายไปแล้ว...ไม่มีแม้แต่เงา เหลือแค่เพียงกรอบกำแพงว่างเปล่า

เหมือนเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของเกมส์แต่กลับพบว่ายังทางข้างหน้ามีด่านให้เราเดินออกไปอีกอย่างไม่รู้จบ แมวมันไวอย่างนี้นี่เอง มิวนิครู้สึกเจ็บใจ อย่างน้อยถ้าเขาจับไอ้แมวตัวนั้นมาเค้นถามถึงความจริงได้ ไม่สิ...ต้องจับไปเป็นหลักฐานให้เทพเจ้าปู่แมวดูว่าไอ้แมวตัวนั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย

เขาถามถึงแมวตัวสีเทา ทว่าแม้แต่ชิโน่กลับบอกว่าไม่มีแมวสีเทาอยู่ในระแวกนี้ ถ้ามีก็คงเป็นแมวสีเทาปนๆ กับสีอื่นไม่ใช่สีเทาล้วนไปทั้งตัวอย่างที่เขาอธิบาย

ความหวังที่จะพิสูจน์ความจริงลอยหนีไปไกลอีกแล้ว...



“ทำหน้าหงอยอะไรของแกวะมิวมิว”

“ก็...”

“รีบตามมาได้แล้ว เป็นแมวอย่าหัดลำไย”



แหมะ...มันชักจะจำศัพท์มนุษย์มาใช้เยอะเกินเหตุแล้วไอ้หมอนี่นะ ถ้ามีคนมาได้ยินคงต้องสับสนกันไปบ้างล่ะว่าตกลงใครกันไหนที่เป็นมนุษย์ในร่างแมว เพราะคุณชิโน่โค้ฟเว่อร์ได้สมจริงเหลือเกิน

เดินตามกันมาเรื่อยๆ จนถึงบันไดชั้นบนสุดของชั้นห้า ทว่าคงไปต่อไม่ได้อีกแล้วเนื่องจากประตูขึ้นไปสู่ดาดฟ้าถูกล็อค แต่เจ้าถิ่นหอนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ



“ขึ้นมาสิมิวมิว” ชิโน่ตะโกนลงมาจากพื้นผนังเพดานที่เป็นรู

“ขึ้นยังไง สูงจะตาย”

“ก็กระโดดขึ้นมาสิวะ”

“กระโดดยังไงล่ะวะ”



ความสูงวัดจากตัวเขาถึงที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ก็ห่างกันหลายเมตร เกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยกระโดดได้สูงขนาดนั้นเลย ถ้าทำได้ขึ้นมาคงมีชื่อมิวนิค เมธานินทร์จารึกอยู่บนบอร์ดกีฬากระโดดไกลทีมชาติแล้ว

แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อเป็นแมว มิวนิครวบรวมพลังกายและพลังความกล้าที่มีกระโดดปุ้งเดียวก็เหยียบพื้นห้องใต้หลังคาด้านบน ย่างเท้าไปตามความมืดที่ไร้ซึ่งความมืด หูย...มองในที่มืดขนาดนี้ได้ด้วย ปกติที่ห้องมืดสุดก็แค่มีแสงจันทร์อ่อนๆ สาดส่องมาทางหน้าต่าง

ไม่ได้เลยนะมิวนิค! ห้ามติดใจการเป็นแมวเด็ดขาด



“ไง เจ๋งปะ”

“…สุดๆ”



ผู้มาเยือนรายใหม่ได้แต่มองตาค้างพร้อมนึกคำพูดใดๆ ไม่ออก

ภาพตรงหน้าคือเรือนเพาะชำขนาดย่อม สีเขียวจากพันธุ์พืชในกระถางช่างกล่อมเกลาจิตใจให้ชวนง่วง เขาเคยคิดว่าบนดาดฟ้ามักเป็นที่รกร้างว่างเปล่า หากแต่กลับไม่ใช่ที่หอพักบ้านสุขใจ ที่แห่งนี้มอบแต่ประสบการณ์อันคาดไม่ถึงให้สัมผัสเสมอ



“...ใครปลูกอ่ะโน่”

“ทาส”



ชิโน่ว่าสั้นๆ ขณะแมวน้อยสองตัวที่เหลือก็เริ่มเดินสำรวจเรือนเพาะชำอย่างสนอกสนใจ จริงๆ ก็ไม่เชิงเรียกว่าเรือนเพาะชำหรอก มันคล้ายกับ...สวนดอกไม้ซะมากกว่า

เห็นได้ชัดเลยก็คือดอกเดซี่สีขาวที่ดูเหมือนจะถูกปลูกมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ ปกติเขาไม่ชอบดอกไม้เพราะเป็นคนแพ้เกสรดอกไม้ แต่ถ้าจะให้ชอบดอกไม้ซักชนิดก็คงเป็นดอกเดซี่ล่ะมั้ง

มันดูสบายตาแล้วก็ผ่อนคลาย...



“นี่โน่ เพื่อนแกคือดอกไม้หรอ”

“จะบ้ารึไง ใครจะเป็นเพื่อนกับดอกไม้” แมวดำจิ๊ปาก “นู่น” พุ้ยหน้าไปทางกรงเหล็กขนาดใหญ่ตรงมุมสุดของลาน ตรงประตูยังมีโซ่ที่ทำจากโลหะชนิดเดียวกันตรวนเป็นระเบียบอย่างดี



มิวนิคค่อยๆ เดินตามเพื่อนแมวสองตัวไปยังกรงดังกล่าว จู่ๆ บรรยากาศก็ดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันตา สรวงสวรรค์บนดาดฟ้าแบบนี้ทำไมถึงมีกรงน่ากลัวๆ มาตั้งได้นะ ชั่งดูขัดกับภาพโดยรอบที่เห็น



“แกว้กกกกกกกกกกกกกกกก!!”

“แว้กกกกกกกกกกกกกก!!”



เหมียวน้อยร้องลั่นก่อนจะวิ่งขวัญหนีดีฟ่อไปซุกหลังกระถางดอกเดซี่เมื่อเสียงคำรามดังแผดขึ้นมาต่อหน้าต่อตา เป็นนกอินทรีย์ขนาดยักษ์ที่ถูกขังเอาไว้ ขนสีน้ำตาลอ่อน จงอยปากแหลมคม แถมกรงเล็บกับปีกอันมหึมานั่นช่างน่าเกรงขาม ไม่สิ...น่าขนลุกโคตรๆ จะโดนกินมั้ยวะ



“กลัวจริงๆ ด้วยว่ะ ฮ่าฮ่า”



ชิโน่กับชิลลี่หัวเราะ ไม่พอ...ไอ้อินทรย์ยักษ์ก็ยังหัวเราะไปด้วย มิวนิคขมวดคิ้ว เดินตรงเข้าไปใกล้ถึงรับรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตในกรงเหล็กนั้นไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่คิด (มั้ง) เพราะถ้าร้ายจริงๆ ไอ้ชิโน่กับชิลลี่คงไม่อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ หน็อย...เก่งนักนะไอ้พวกแมวเหมียว เดี๋ยวพี่คืนร่างจะสั่งสอนให้เข็ดหลาบเลยคอยดู



“นี่เฮียฮอว์ค เป็นเจ้านายของทาสที่อยู่ชั้นสี่”

“อะ...เอ่อ หวัดดีครับ เฮียฮอว์ค” มิวนิคเอ่ยตะกุกตะกักคล้ายยังไม่หายช็อคจากเสียงคำราม “ผมมิวมิว...”

“แปลกจริงเชียวแกนี่ พูดจาซะเหมือนมนุษย์”



จ้า เฮียเองก็แปลกเหมือนกันนั่นแหละโว้ยยย เป็นนกอินทรีย์แต่ชื่อฮอว์ค เจ้านายเฮียเคยเปิดพจนานุกรมก่อนตั้งชื่อปะ แต่ก็เอาเถอะ สัตว์ในหอนี่มีแต่ประหลาดๆ เขาควรช็อคตั้งแต่มีคนเลี้ยงนกอินทรีย์ในหอแล้ว

เฮียฮอว์คเล่าว่าเจ้าตัวเป็นอินทรีย์ที่ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งหอ ยุคนั้นทาสมักปล่อยให้เฮียบินเล่นได้ตามใจนึก แต่พอยุคสมัยเริ่มผ่านไป ผู้คนเริ่มย้ายเข้ามาอยู่ บ้านเมืองเติบโต สื่อเทคโนโลยีต่างๆ เข้าถึงง่ายราวกับดีดนิ้ว เฮียแกจึงจะถูกปล่อยออกมาบินเล่นแค่ช่วงดึกๆ ของบางวัน

ทีแรกเขาคิดว่าเฮียแกคงเสียใจที่ถูกพรากอิสรภาพ แต่ความจริงไม่เลย เฮียแกบอกบินบ่อยๆ ก็เบื่อ...อยากนอน แกนั่นแหละแปลกนก เป็นนกต้องบินสิ แต่พอลองๆ คิดดูก็คงเป็นอย่างที่เฮียพูดมั้ง...เพราะกรงที่อีกฝ่ายอยู่มันใหญ่มาก ดูไม่อึดอัดเลยซักนิด

ตลอดช่วงบ่ายสามแมวปล่อยเวลาไปกับการนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนดาดฟ้า แดดที่ควรจะร้อนกลับไม่ร้อนเพราะบรรยากาศร่มรื่นจากธรรมชาติสีเขียว ค้นพบแลนมาร์คแห่งใหม่แล้ว สงสัยต้องแวะมาบ่อยๆ



“นี่เฮีย เวลามองวิวจากด้านล่างมันรู้สึกยังไง”



เขาถามขึ้นในตอนที่ชิโน่กับชิลลี่กำลังวิ่งไล่จับกันอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกเดซี่ หลังจากฟังลุงฮอว์คคุยโม้เกี่ยวกับช่วงชีวิตวัยหนุ่มมาหลายชั่วโมงเลยอยากทราบถึงความรู้สึกเวลาได้บินมั่ง นั่นสินะ...ได้บินก็เท่ากับว่าได้เห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ

ถ้าเขาถูกสาปให้เป็นนกคงฟินกว่านี้



“สมัยเด็กๆ ก็ตกใจ พอโตมาก็เฉยๆ”

จ้ะ แปลกอะไร ก็บินมาทั้งชีวิตแล้วนี่เนอะ “นี่เฮีย ไว้ว่างๆ พาผมออกไปบินดูรอบเมืองหน่อยสิ”



เป็นความฝันตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่ง เขาอยากกำกับหนังสั้นซักเรื่องที่มีมุมมองมาจากบนฟ้า จริงอยู่ว่าของแบบนั้นใช้โดรนถ่ายทำก็สามารถเก็บภาพได้ หากสิ่งที่มิวนิคอยากได้คือความรู้สึกจริงๆ เป็นความรู้สึกเวลาอยู่บนท้องฟ้าที่ต่อให้ใช้โดรนกี่ร้อยตัวก็คงเก็บภาพเหล่านั้นไม่ได้ คิดแล้วก็ตื่นเต้นชะมัด



“ไม่กลัวตกลงมาตายรึไง”

“กลัว แต่อยากลอง”

“หึ แกนี่มันผิดแมว”

“นะเฮียนะ ขอร้องล่ะ” พยักเพยิดหน้าหงึกๆ



ทั้งชีวิต...จำนวนคนที่มิวนิคเคยขอร้องอ้อนวอนสามารถนับเป็นตัวเลขหลักเดียวเลยก็ว่าได้



“ตามใจแกแล้วกัน ยังไงก็คอยดูจังหวะทาสตอนมาเปิดกรงเฮีย ถ้าสบโอกาสก็มา แต่คงไม่เร็วๆ นี้หรอก”

“ได้ครับเฮีย ผมรอได้เสมอ”



เพราะชีวิตการเป็นมิวมิวคงอีกยาวไกล ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คำสาปถึงจะคลายลง ไหนๆ แล้วก็ลองค้นหาความหมายของชีวิตด้วยวิธีการหลากหลายอีกซักหน่อยก็คงไม่แย่เท่าไหร่...



















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

บางสิ่งที่ติดอยู่ในใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนสิ่งนั้นก็ยังติดอยู่อย่างนั้น ซ้ำยังยิ่งฝังรากลึกลงไปมากกว่าเดิม จากความรู้สึกดีก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวัง ความเศร้า หรือแม้แต่ความเหงา โดยต้นกำเนิดของความรู้สึกทั้งหมดที่กล่าวมานั้น...

...ความคิดถึง

แม็กซ์เวลพาสัตว์เลี้ยงตัวขาวมานั่งรอเจ้าของต้นแบบชื่อใต้ตึกคณะนิเทศศาสตร์ วันนี้เป็นวันที่เจ้ามิวมิวจะต้องพบคุณหมอตามนัดพอดี เขาเห็นว่าไม่ได้เจอคุณมิวนิคนานเลยอยากแวะมาดูให้หายห่วง

แปลกจริง...แฟนก็ไม่ใช่ เพื่อนกันอีกฝ่ายยังไม่นับ หรืออย่าว่าแต่คนรู้จักเลย ทำไมเขาต้องรู้สึกห่วงคุณมิวนิคขนาดนี้ บางทีสาเหตุหลักๆอาจเพราะฝั่งนั้นหายเงียบไปนาน รวมถึงขาดการอัพเดทโซลเชียลต่างๆ



“เมี้ยว...”

“จอมซน” ส่งสายดุใส่เจ้าตัวขนนุ่มในกระเป๋าอวกาศ

“เมี้ยว เมี้ยวว!”



ยิ่งดุก็ยิ่งดื้อ อยู่ในกรงดีๆไม่ชอบ ชอบออกมาเพ่นพ่าน ทีแรกเขาว่าจะลองเพิกเฉยต่อเสียงร้องประท้วงอันงุ้งงิ้ง แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับดวงตาสีฟ้าอันออดอ้อน อ้อนเข้าไป...รู้ว่าแพ้ก็ชอบอ้อน



“นั่งบนตักเฉยๆ”

“ม๊าว...”



อันที่จริงนอกจากจะกลัวมิวมิวออกมาวุ่นวาย เขาก็กลัวว่าคนอื่นจะเข้ามาวุ่นวายกับมิวมิว ยอมรับเลยว่าเขาเป็นโรคหวงแมว ถึงวันนี้จุดประสงค์หลักจะมาเพื่อนติดตามข่าวคราวคุณมิวนิค แต่ก็ไม่ได้อยากให้คนแปลกหน้าเข้ามาวุ่นวายกับเจ้ามิวมิว อย่างน้อยก็ขอแค่มิวนิคคนนี้เป็นของเขาคนเดียว

ฟุ้งซ่านชะมัดเลยแม็กซ์เวล

นึกไม่ทันเสร็จคนที่สัญจรผ่านไปมาก็แวะเข้ามาทักทายจริงๆ ขนาดเป็นคนแปลกหน้าไม่รู้จักกันก็ยังจะกล้าเข้ามาเล่นกับแมวชาวบ้าน คนพวกนี้โตมาในสังคมแบบไหนกัน...ไม่ชอบ



“เลิกให้คนอื่นเกาคางได้แล้ว”

“ม๊าว (เป็นไรอ่ะ?)”

“ไม่ต้องร้องอ้อน”



เฮ้อออ...เมื่อไหร่ตาทึ่มนี่จะเข้าใจซักทีว่าเขาไม่เคยร้องอ้อน มิวนิคมองบนก่อนจะฟุบศีรษะลงบนหน้าตักอบอุ่น คุยด้วยทีไรก็ปวดหัวทุกที แล้ววันนี้นึกครึ้มอะไรถึงพามาคณะเขาก็ไม่รู้

อ๋อ...สงสัยจะมาหามิวนิค พี่แกเป็นแฟนคลับนี่เนอะ



“คุณมิวนิคยังไม่เห็นลงมาเลย หรือจะกลับไปแล้ว”



นั่นไง ทายผิดซะที่ไหนล่ะ

แมวน้อยหาวหวอดฟังมนุษย์แว่นบนอุบอิบไปเรื่อย รอให้ตายก็ไม่เจอหรอกจ้า เพราะมิวนิคตัวจริงนั่งอยู่บนตักแกเนี่ย ซื่อบื้อจริงๆเลย นี่ถ้าเจ้าตัวรู้ว่าเขาเป็นใครคงไม่พ้นทำหน้าตาเด๋อด๋าแน่ๆ

เป็นตอนนั้นเองที่เก้าอี้ว่างตรงข้ามมีคนมานั่ง ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาผิดระเบียบพร้อมกางเกงยีนส์ มิวนิคจำได้ดี หน้าตากวนเท้าขนาดนั้นมีคนเดียว คู่อริหนึ่งเดียวตลอดกาล

ไอ้ท็อป!



“ไงมึง ได้คุมงานสมใจอยากแล้วล่ะสิ”

“เออ...สบายชิบหาย แค่ชี้นิ้วสั่งๆก็เสร็จละ ถึงว่าไอ้มิวอยากเป็นนักอยากเป็นหนา ที่แท้ก็ขี้เกียจทำงานนี่เอง”

“แหม มึงก็ไปว่ามัน มิวนิคเมธานินทร์คุมงานทั้งทีทุกคนก็ต้องดีใจปะวะ งานออกมาเป๊ะสุด”

“เหอะ ปากหมาแบบนั้นหรอเป๊ะ คนเกลียดแม่งทั้งคณะ ไม่รู้ไอ้หมอกกล้าคบไปได้ยังไง” คนพูดไหวไหล่น่าหมั่นไส้ “แล้วมึงดูนะ อยู่ดีๆก็ไม่มาเรียน ปากบอกว่าให้คนอื่นรับผิดชอบ แต่ตัวเองโดดเรียนจะเป็นเดือนยังมีหน้ามาสอนคนอื่น กูจะอ้วก”

“แอนตี้แฟนคลับจริงๆเลยนะคนนี้ แล้วมึงว่ามันหยุดเรียนหายไปไหนวะ?”

“ดรอป”

“เชี่ยย รู้ได้ไง วงในสัด ขนาดมีคนไปถามไอ้หมอกเป็นสิบรอบมันยังบอกไม่รู้เลย”

“ญาติกูทำงานอยู่ฝ่ายทะเบียนมหาลัย สืบแปปเดียวก็รู้แล้ว”

“มึงแม่งคนจริงว่ะท็อป” อีกคนตบไหล่ปุๆ “เออ...พูดถึงไอ้หมอก กูว่ามันก็เก่งนะ ทำไมมันไม่ถึงไม่รับเป็นเฮดงานนิทรรศการอันต่อไปแทนเพื่อนรักมันวะ”

“เก่งไม่จริงร้อกทั้งไอ้หมอกไอ้มิว มีดีอย่างเดียวแค่บ้านรวย มึงจะเอาอะไรมากกับพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำเป็นมาพูดว่างานทุกอย่างต้องละเอียด เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ถุ้ย...ดูตอนนี้สิ หายหัวเงียบ”



ถ้าเปรียบอารมณ์เป็นดั่งน้ำร้อน อารมณ์ของมิวนิคตอนนี้คงร้อนระอุเสียยิ่งกว่าลาวา ทั้งชีวิตเขายังไม่เคยโดนใครหน้าไหนนินทาด้วยคำพูดหยามเหยียดขนาดนี้มาก่อน เหยียดเขาไม่พอยังเหยียดสายหมอกอีก หน็อย...อยากกระโดดเข้าไปข่วนให้หน้าแหกเหลือเกินไอ้พวกเก่งแต่ลับหลัง!

แต่ไม่ทันจะได้ยันตัวลุกขึ้น ร่างสีขาวก็ถูกท่อนแขนแข็งแรงโอบอุ้มแนบบนแผ่นอกหนา ชายหนุ่มเจ้าของแว่นตาหนาเตอะเดินอย่างเร็วพลันจนรู้ตัวอีกทีเขาทั้งคู่ก็นั่งอยู่บนรถญี่ปุ่นคันสีเหลืองอ่อนเป็นที่เรียบร้อย

หากสิ่งที่ทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อซักครู่ลดระดับลงอย่างน่าใจหายก็คือท่าทางของแม็กซ์เวล เจ้าตัวกำฝ่ามือที่จับพวงมาลัยแน่น คิ้วขมวดมุ่นเป็นปม ลมหายใจฟึดฟัด ดวงตาอันไร้พิษสงเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวราวกับสัตว์ร้าย มิวนิคไม่เคยเห็นมนุษย์แว่นในเวอร์ชั่นน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน



“...ขอโทษนะมิวมิว วันนี้แกคงไม่ได้เจอคุณมิวนิค”

“…..”

“เพราะถ้าขืนอยู่ต่ออีกหน่อย ชั้นคงได้อัดหน้าคน…”



โกรธแทนอย่างงั้นหรอ?

ทำไมล่ะแม็กซ์เวล ทำไมถึงต้องโกรธแทนเขาขนาดนั้นด้วย เราไม่รู้จักกัน เพื่อนก็ไม่ใช่ นายไม่จำเป็นจะต้องมาแบกรับความรู้สึกเกลียดชังพวกนี้เลย เป็นเขาต่างหากที่สมควร...



“แกรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า?”



เขามองดวงตาสีดำขลับที่กำลังเลื่อนใกล้เข้ามา แม็กซ์เวลกดจมูกแผ่วเบาลงบนหัวทุยๆของแมวน้อยสีขาว ดวงตาสีฟ้าสวยเงยจ้องประสานกัน อีกฝ่ายกำลังอดกลั้นต่อความโกรธ ความโกรธที่เกิดขึ้นจากตัวเขา



“เมี้ยว (ขอบคุณนะ)”



ขอบคุณที่โกรธแทน แล้วก็ขอบคุณที่มีนาย



“แกก็สงสารคุณมิวนิคเหมือนกันใช่ไหม?” จับแมวน้อยขึ้นมาวางบนตัก สางกลุ่มขนเนียนนุ่มไปมา



อ่อนโยน...

สายตาของแม็กซ์เวลเวลาเล่นกับมิวมิวหรือพูดถึงมิวนิคช่างเป็นสายตาอันแสนอ่อนโยนเสมอ มันอ่อนโยนเสียจนบางครั้งเขาก็เผลอจ้องนานเกินไป ราวกับเขาอยากให้ดวงตานั้น...ฝ่ามือนั้น จมูกนั้นสัมผัสร่างกายมากกว่านี้

เป็นอาการของแมวที่ชอบอ้อนเจ้าของ



“เมี้ยว (ไม่หรอก)”



ไม่สงสารแล้วก็ไม่โกรธคนพวกนั้นเลย อาจเพราะความโกรธทั้งหมด...แม็กซ์เวลได้โกรธแทนไปแล้ว โกรธแทนจนกลายเป็นว่าเขาหลุดยิ้ม มันมีจริงๆนะปรากฏการณ์โกรธแทน โกรธแทนแม้เราจะไม่รู้จักกัน

...และก็เขาเริ่มเชื่อเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ












==============================================

เป็นแค่แมวกับเจ้าของจริงๆปะเทออออ

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 8 updated!] 22/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-10-2018 19:21:35
เขาจะรักกันแล้วล่ะ ตื่นเต้น
สงสารเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 8 updated!] 22/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-10-2018 23:04:47
น่ารักจริงๆพวกแมวเวลาอ้อนแต่อย่าให้โกรธนะข่วนได้รอยแสบๆคันๆเลย
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 8 updated!] 22/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: mijimaria ที่ 23-10-2018 12:30:52
เหมียวมิวน่ารักจัง เริ่มรู้สึกอะไรๆกับแม็กซ์แล้วใช่มั้ยล่ะมิวๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 8 updated!] 22/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: 0825 ที่ 23-10-2018 21:27:53
มิวมิววว อยากจับฟัด
ทำไมหนูแมวได้ขนาดนี้ลูกกก
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 9 updated!] 27/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 27-10-2018 19:02:23


Meow 9



มันเป็นวันที่คุณพระอาทิตย์ทำงานหนักมากกว่าปกติ แสงแดดในยามบ่ายเริ่มสาดส่องรุนแรง แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในหอพักบ้านสุขใจมักจะดูซอฟลงเสมอ...อากาศวันนี้ก็เช่นกัน



“มิวมิวแกตายแน่”

“ให้กำลังใจกันหน่อยได้มั้ย”



หางตกจ้องเพื่อนตัวจิ๋วในโหลแก้วอย่างหมดหวัง ก่อนจะกระโดดลงไปกลิ้งเกลือกบนเตียงนอนด้านล่าง เหลือบมองผลงานชิ้นโบว์แดงของตนที่ถูกกัดแทะเสียจนฟูกนุ่นกระจัดกระจายเลอะห้อง

โทษชิโน่เลย มันพาเขาถูเล็บกับเบาะนั่งหน้าลอบบี้ ทีแรกก็คิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่เหล่าแมวๆ ชอบทำกัน แต่พอได้ลองทำจริงๆ กลับสนุก สนุกจนหยุดไม่อยู่ และความสนุกดังกล่าวก็กำลังจะนำมาซึ่งหายนะในไม่ช้า ฮือ...เขาข่วนที่นอนแม็กซ์เวลจนพังหมด



“วันนี้จะได้เห็นแมวตาย” เสียงหน้าหมั่นไส้บางเบาไหลลอดออกมาจากภาชนะแก้ว



หน็อย...ไอ้มดปากดี ไม่ช่วยไม่พอ ยังจะมาซ้ำเติมอีก

มิวนิคพยายามจะเก็บซากนุ่นเพื่อทำลายหลักฐาน แต่ยิ่งเก็บก็ยิ่งเหมือนจะทำพังกว่าเดิม มือแมวมันไม่ได้มีอิสระในการขยับเหมือนมือมนุษย์ จริงอยู่ที่เราสามารถเคลื่อนที่ได้ว่องไวและไร้เสียงราวกับเหยียบอากาศ แต่ฟังก์ชั่นการทำงานคล้ายกับถูกออกแบบมาให้เน้นเฉพาะเจาะจงไปด้านการทำลายเสียมากกว่า

แอ๊ด...

เสียงบานประตูเปิดออก หัวใจแมวเหมียวเต้นตึกตัก ภาพร่างสูงที่กำลังจะเอ่ยคำทักทายซักอย่างหยุดชะงักลง แม็กซ์เวลกวาดสายตารอบๆ ไปยังซากปรักหักพังในห้อง อันที่จริงก็มีแค่ซากเตียงนอนเน่าๆ

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าอีกฝ่ายโฟกัสเป็นพิเศษตรงตุ๊กตาดารุมะที่วางอยู่บนชั้นไม้สูงสุด ก่อนจะเบนความสนใจทั้งหมดมายังสิ่งมีชีวิตตัวสีขาวที่กำลังทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวบนที่นอน



“เมี้ยว (งะ ไง...) ”



เดินลงจากเตียงเข้าไปหาเจ้านายผู้นิ่งขรึมอย่างกล้าๆ กลัว ถูใบหน้าไปมาที่กางเกงนักศึกษาสีดำ ไม่พอ...ทิ้งตังลงอ้อนที่เท้าด้วยเลย ดิ้นไปดิ้นมาเขาก็ถูกช้อนร่างขึ้นกลางอากาศจนขาทั้งสองข้างห้อยต่องแต่ง



“ทำใช่มั้ย?” มนุษย์แว่นเอ่ยเสียงเข้ม

“...ม๊าว ม๊าว (อย่าโกรธเลยนะ นี่มิวมิวเอง) ”

“ไม่ต้องเถียงเลย”



ไม่ได้เถียงซะหน่อย ตอนนี้คือกำลังอ้อน อ้อนแบบที่ใครบางคนชอบเข้าใจผิด อีกอย่าง ทั้งชีวิต...มิวนิคยังไม่เคยง้อใครหน้าไหนนอกจากคุณพ่อคุณแม่ จะมีก็สายหมอกอีกคนที่เคยแกล้งเจ้าตัวจนฟันหักตอนสมัยเด็กๆ

แต่แม็กซ์เวลก็คือแม็กซ์เวล ทึ่มยังไงก็ยังทึ่มอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะทำเสียงอ้อนกี่ครั้งก็ถูกตีความว่าเป็นแมวจอมเถียงซะหมด เฮ้อ...เป็นหมอสัตว์ แต่ทำไมไม่เห็นเข้าใจสัตว์เลย ตอนนี้เขากำลังอ้อนอยู่ไงเฟ้ย



“เกเร”

“ม๊าวว (แม็กซ์จ๋า) ”



กระพริบตาปริบๆ อ้อนซ้ำๆ ทำอย่างนั้นอยู่นานจนสายตาดุกร้าวเริ่มทอแสงอ่อนแรงลง ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนมาถูจมูกลงที่พุงขาวๆ อย่างกับกำลังจะสั่งน้ำมูก ไอ้บ้านี่ พุงแมวไม่ใช่ผ้าขี้ริ้วโว้ย เช็ดอยู่ได้ ฮือ...จั๊กจี๋ชะมัด



“ถ้าทำอีกโดนลงโทษ”



ว่าเสร็จก็วางแมวน้อยลงกับพื้น หยิบไม้กวาดพร้อมที่ตักขยะมาตามเก็บซากผลงานของวายร้ายประจำห้อง มิวนิคนอนมองเจ้านายผู้ขยันขันแข็งอยู่บนพื้นไม่ห่าง ใจจริงก็อยากช่วย แต่ติดว่ากำลังเป็นแมวอยู่ ขืนช่วยก็กลัวจะเละกว่าเดิม ไว้ค่อยตอบแทนตอนคืนร่างแล้วกัน

จะว่าไปตาแม็กซ์เวลก็ใจดีจัง โดนทำที่นอนพังขนาดนั้นถ้าเป็นเขาคงจับไอ้แมวผีโยนออกหน้าต่างไปแล้ว ใจดีขนาดนี้แสดงว่าสาวต้องเยอะมากแน่ๆ เลย ถ้าเปรียบเป็นหนังซักเรื่องเจ้าตัวก็คงเป็นพวกพระเอกซื่อบื้อตามใครไม่ค่อยทัน

แต่เอ๊ะ!? แล้วทำไมเขาจะต้องมาคิดเรื่องสาวๆ ของตาทึ่มนี่ด้วยล่ะเนี่ย

แมวน้อยสะบัดศีรษะไล่ความฟุ้งซ่าน ค่อยๆ กระโดดขึ้นไปบนที่นอนอีกฝั่ง ย่างเท้าเนิบนาบนั่งขดลงในท่าแม่ไก่อย่างสงบเสงี่ยมดูเจ้านายแว่นหนาที่เปลี่ยนมาไถหน้าจอดไอแพดได้ซักพัก



“เช็คราคาฟูกอันใหม่อยู่ ก็แกทำพังหมด”

“เมี้ยว... (ขอโทษ) ” ร้องเสียงจ๋อย

“หึ หน้าตาไม่หยิ่ง ไม่สมกับเป็นแกเลย”



แม็กซ์เวลหลุดขำก่อนจะเอื้อมมือไปอุ้มตัวขาวที่นั่งทิ้งระยะห่างมองมาเป็นโยชน์วางบนตัก คงจะอยากนอนตรงนี้มากล่ะสิท่า แต่ก็กล้าๆ กลัวๆ เพราะมีความผิดเป็นชนักติดหลังอยู่

...มิวมิวตอนหงอก็น่ารักดี

ชายหนุ่มลูบทุยหัวเป็นสัญญาณว่าไม่ได้โกรธแล้ว ก่อนดวงตาสีฟ้าจะเงยขึ้นมองแล้วเริ่มถูใบหน้าลงบนแผ่นท้องกำยำของเจ้านายตัวโตอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ส่งเงียงงุ้งงิ้งทำเอาคนฟังอมยิ้ม

แพ้ตั้งแต่โดนอ้อนแล้วมิวมิว



“วันนี้คงต้องนอนแบบนี้ไปก่อน”

“…..” มองตาปริบๆ

“ไม่ได้ว่า”



นั่งเล่นให้แมวน้อยอ้อนอยู่นานก็ได้เวลาออกกำลังกาย มิวนิคไล่มองร่างสูงโปร่งที่ค่อยๆ ปลดเปลื้องชุดนักศึกษาออกเนิบนาบจนเหลือแค่เพียงเสื้อกล้ามสีขาว ชายเสื้อชั้นในตัวบางที่เผอิญถูกลมธรรมชาติจากหน้าต่างปลิวพัดผ่าน กระเพื่อมให้เห็นวีเชฟใต้สะดือที่กำลังเข้ารูปพอดิบพอดี

สวยจังเลย...

ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาค้นพบว่าแม็กซ์เวลเป็นคนไม่ชอบออกไปไหน เรียนเสร็จก็กลับหอทันที พอกลับมาก็จะนั่งไถไอแพดจนห้าโมงหน่อยๆ แล้วจึงเริ่มการออกกำลังกาย ซึ่งกายออกกำลังกายก็จะเน้นหนักไปทางกระชับสัดส่วนหรือเรียกเหงื่อ อาทิเช่น แพลงค์ ซิทอัพ หรือวิดพื้น

เนื่องด้วยเจ้าตัวไม่ได้เล่นหนัก หุ่นจึงไม่ได้หนาบึกเหมือนอย่างพวกออกกำลังกาย หากแต่วินัยที่ขยันทำเป็นประจำ...หุ่นของแม็กซ์เวลที่ออกมาก็ดูไม่แย่เลย กลับกัน...มิวนิคคิดว่ามันเฟิร์มจนน่าอิจฉา

ถ้าให้บอกความลับหนึ่งอย่างของการเป็นแมว...เขาคิดว่าการแอบดูเจ้านายออกกำลังกายทุกวันตอนห้าโมงเย็นคงเป็นอะไรที่หื่นเอามากๆ ...เขาชอบความเพอร์เฟ็ค ซึ่งหุ่นของแม็กซ์มันช่างเข้าใกล้กับคำคำนั้น แอบมีความคิดว่าถ้าคืนร่างเป็นมนุษย์ก็อาจจะติดต่ออีกฝ่ายไปถ่ายปกนิตยสารมหาวิทยาลัยซักครั้ง

แต่คิดดูอีกทีไม่เอาดีกว่า เขาห่วงว่ะ ไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นหุ่นอันสมบูรณ์แบบนี้ ยิ่งพอรู้ว่าตาหมอนี่ซื่อบื้อมากๆ ก็ยิ่งหวง ถ้าไปถ่ายคงถูกพวกองค์การนักศึกษาหลอกใช้จนพรุน หรือไม่ก็โดนเต๊าะจนเอ๋อ

เอาเป็นว่าขอหวงในฐานะสัตว์เลี้ยง



“มิวมิวแมวหื่น”



เจ้าของชื่อพูดพร้อมเดินตรงเข้ามานั่งใกล้ๆ ถอดเสื้อกล้ามสีขาวโยนลงตะกร้า กลิ่นเหงื่อที่ปะปนมาพร้อมกับฮอร์โมนบางอย่างลอยผสมกับกลิ่นมิ้นท์จากเทียนหอมกลิ่นมิ้นท์คละคลุ้งห้อง มิวนิคคิดว่ามันเป็นกลิ่นที่หอมมาก ไม่รู้ว่าหอมกลิ่นเหงื่อแม็กซ์เวลหรือหอมกลิ่นมิ้นท์กันแน่ รู้แค่เพียงว่า...

มันเป็นกลิ่นที่หอมสุดๆ เลย

เขาถือว่าเวลานี้เป็นโอกาสเหมาะในการแอบลอบมองหุ่นสมส่วนอันน่าอิจฉานั่น หน้าอก กล้ามท้อง ทุกอย่างมันช่างสมส่วนไปหมด เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นแมวหลงเจ้าของ

หลงในที่นี้คือ...หลงใหล หลงใหลไปหมดทุกสรรพางค์ร่างที่เป็นแม็กซ์เวล ถ้าประโยคที่ว่าต้องรีบกลับห้องเพราะกลัวแม็กซ์เวลดุเป็นเรื่องโกหก เหตุผลที่ทำให้ต้องโกหกก็คงเพราะต้องรีบกลับมา...

แอบดูหุ่นแม็กซ์เวล



“ม๊าว! (อะไรเล่า) ”



เขาก็แค่มองหุ่นอีกฝ่ายเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ศิลปะที่จับต้องได้ อบอุ่น แข็งแรง น่าสัมผัส การเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ก็เหนื่อยแบบนี้ พอหลงใหลสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้ามากๆ ไม่สามารถควบคุมอาการคลั่งอย่างที่เป็น

หรือบางทีเขาอาจจะไม่ใช่เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์

เขาอาจเป็นแค่...มิวมิวแมวหื่นอย่างที่แม็กซ์เวลว่า



งั่ม!



“ซน”



ฝังคมเขี้ยวลงบนหน้าท้องแข็งๆ อย่างอดใจไม่ไหว ตาแม็กซ์เวลคงต้องหาว่าเขาเป็นแมวโรคจิต แต่ช่างหมอนั่นเถอะ เขาไม่สนแล้ว ตอนนี้ขอแค่ได้ทำตามความฝัน ความฝันที่จะได้กัดกล้ามท้องนั่น อ่า...มันเขี้ยวว่ะ ไม่อยากหยุดกัดเลย แมวทุกตัวทำแบบนี้กับเจ้าของหรือเปล่า?



“พอแล้วน่า”



อีกฝ่ายไม่ได้ห้าม ซ้ำยังวางฝ่ามือทาบไปตามกลุ่มขนนุ่ม วินาทีนั้นมิวนิคเงยหน้ามอง ดวงตาสีฟ้าจ้องประสานกับนัยน์ตาสีดำ มันเป็นวินาทีเดียวที่อีกฝ่ายสบถชื่อของเขาในร่างมนุษย์ออกมาอย่างไม่รู้ตัว



“…มิวนิค”



จิตใต้สำนึกอย่างนั้นหรอ?

แม็กซ์เวลหน้าแดงไม่มีสาเหตุ เขาลุกขึ้นเดินออกไปยังนอกระเบียงทันที ปล่อยให้แมวน้อยเอียงศีรษะสงสัยงุนงง มิวนิคฉุกคิดถึงประโยคที่อีกฝ่ายบอกว่าเขาเหมือนมิวนิค อีกนัยหนึ่งก็คือเจ้ามิวมิวหน้าเหมือนตัวเขา ซึ่งหมายความว่าตาทึ่มชื่นชอบเขามากขนาดนั้นเชียวหรือ

เฮ้อ...ฮอตจังวะมิวนิค



“ตามจังเลยนะวันนี้”

“ม๊าว (เขินแมวอ่ะดิ) ”

“…รู้แล้ว ไม่โกรธแล้ว”



มิวนิคกระโดดขึ้นไปนั่งบนขอบระเบียง จ้องมองใบหน้าคมคายที่ตอนนี้ปราศจากแว่นตาหนาเตอะ ปล่อยให้บทสนทนาที่ไม่เคยเข้าใจตรงกันลอยล่องหายไปตามห้วงอากาศโดยไม่คิดจะแก้ไข

แม็กซ์เวลก็คือแม็กซ์เวล มิวมิวก็คือมิวมิว ต่างคนต่างเป็นตัวตนในแบบที่ตัวเองเป็น ถ้ามีความสุขและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง นี่นับว่าเป็นความหมายของชีวิตหรือเปล่านะ…?

“มิวมิว…”

กลิ่นเหงื่อยังคงลอยติดจมูกจางๆ ด้วยแรงลมธรรมชาติอันบางเบา แสงแดดในยามโพล้เพล้ส่องกระทบจนเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้าอันย้อนแสงของผู้พูด

ภาพที่เห็นทำเอาเขาอยากได้แม็กซ์เวลไปเล่นละครเวทีซักเรื่องของคณะ จะเป็นบทพระเอก พระรอง พ่อบ้านหรือคนขับรถอะไรก็ได้ ขอแค่ทุกคนได้เห็นเสน่ห์ของชายคนนี้เหมือนที่เขาเห็น



“.....”



ฟังดูย้อนแย้ง...แต่คิดดูอีกทีไม่เอาดีกว่า ก็เหตุผลเดิม เขาเริ่มหวง... และถ้าถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงหวง ก็อาจเพราะมาจากประโยคที่อีกฝ่ายกำลังจะพูดถัดไป



“วันนี้แกทำตัวน่ารัก”























ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



“เมี้ยว…”



มือหนาช้อนร่างสีขาวที่กำลังนั่งทำหน้าบ๊องแบ๊วมองมาอยู่บนโซฟาล็อบบี้ ข้างๆ เป็นเจ้าชิโน่สิ่งมีชีวิตตัวสีดำพ่อบ้านประจำหอ แม็กซ์เวลไม่รู้ว่ามิวมิวลงมาได้ยังไง แต่ท่าทางแบบนี้แสดงว่าแอบลงมาบ่อย

นี่ถ้าเขาไม่โดนน้องยูทำสารเคมีหกใส่จนต้องรีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกไปซื้อฟูกอันใหม่อย่างที่วางแผนไว้ เหมียวน้อยจอมเจ้าเล่ห์คงไหวตัวทัน

ร้ายจริงๆ เลยมิวมิว



“บอกว่าไม่ให้ลงมา” ก้มลงทำหน้าดุใส่ตาสีฟ้า



เขาไม่อยากล็อคประตูระเบียงด้านที่เป็นกระจกเพราะกลัวน้องหายใจไม่ออก จึงปิดแค่ประตูบานเกล็ดเอาไว้ แต่ดูแมวดื้อทำสิ ชอบออกไปเที่ยวเกเรลับหลังตลอดเลย



“เมี้ยว เมี้ยว...”

“ไม่ต้องอ้อน”



วางเจ้าตัวที่ร้องเงี้ยงง้าวมาตลอดทางไว้บนซากฟูกปรักหักพังอันเก่า ก่อนจะเดินไปยังหน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดเปลี่ยน เหลือบมองเจ้าของดวงตาสีฟ้าที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกมองมาทางเขา แม็กซ์เวลคิดว่าเจ้ามิวมิวชอบแอบมองเวลาเขาเปลี่ยนเสื้อ อาบน้ำ หรือออกกำลังกายเอามากๆ

พี่หมอบอกว่าแมวเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็น ยิ่งวัตถุที่ขยับหรือเคลื่อนไหวได้น้องแมวยิ่งชอบ แต่เขาเริ่มไม่มั่นใจซะแล้วสิว่าเจ้าแมวตัวนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แค่ชอบมองเขาทำกิจกรรมต่างๆ หรือกำลังอยากกัดกล้าม?

...มิวมิวแมวหื่น



“ม๊าว...”

“จะไปซื้อฟูกใหม่”



เขาว่าขึ้นในตอนที่หยิบเสื้อคลุมแขนยาวขึ้นมาสวม มิวมิวเดินเข้ามาใกล้ ถูศีรษะไปมาที่หน้าแข้งของราวกับกำลังอ้อนจะเอาอะไรซักอย่าง เขาว่ามิวมิวติดอ้อน...ยิ่งนานวันก็ยิ่งขี้อ้อน



“…ม๊าว”

“เดี๋ยวซื้อปลาทูมาฝาก”

“ม๊าว ม๊าว ม๊าว!!”



เหมียวน้อยโวยวายดังกว่าเดิม ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นั่งลงยองๆ ก้มมองเจ้าตัวเสียงดัง เป็นอะไรของมิวมิว ตอนเช้าก็ให้ข้าวแล้วนี่นา หรืออยากให้เล่นด้วย แต่ก็ไม่น่าใช่ ท่าทางมิวมิวดูกำลังเรียกร้องความสนใจ



“จะไปด้วย?”

“เมี้ยว!” คราวนี้จอมซนกระโดดขึ้นมาตะกุยตะกายแผ่นอกเขาราวกับฟังภาษาคนรู้เรื่อง

“ไปทำไม คนเยอะ”

“เมี้ยว!!” เหมียวน้อยไม่หยุดโวยวาย

“มิวมิว...”

“ม๊าว...”



ถูหน้าคลอเคลียมากกว่าเดิม ดวงตาสีฟ้ากระพริบปริบๆ คนถูกอ้อนอมยิ้ม หัวใจทาสแมวเต้นตึกตักราวกับจะระเบิดออกมาจากอก มันเป็นความรู้สึกอะไรกัน? มันพองโตเหมือนร่างกายจะโบยบิน แค่โดนแมวอ้อนถึงกับต้องมีความสุขขนาดนี้เลยหรอแม็กซ์เวล?

อาการหนักแล้ว

ชายหนุ่มมาถึงห้างสรรพสินค้าใกล้หอพร้อมกระเป๋าเป้สะพายข้างหน้า ด้านในบรรจุสิ่งมีชีวิตตัวสีขาวช่างอยากรู้อยากเห็น หูตั้งชะโงกหน้าออกมาสอดส่องไปมาตลอดทางอย่างตื่นตาตื่นใจ

เขากลายเป็นคนติดแมวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ถึงขนาดต้องพกแมวไปด้วยทุกที่ ขืนพวกน้องยูรู้ต้องล้อไม่เลิกแน่ๆ แต่ช่างเถอะ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเขาที่เต็มใจพาแมวดื้อมาเอง ไม่มาเดี๋ยวก็ร้องงอแงอีก



“ห้ามดื้อ”

“ม๊าว...”



เจ้าเหมียวขานรับพร้อมเงยหน้าขึ้นมามอง มิวมิวในตอนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าจับฟัดพุง น้องไม่ร้องไม่งอแงเลยซักนิด แถมยังทำตัวเงียบๆ หงิมๆ ตามที่บอกทุกอย่าง แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาหมั่นเขี้ยวจนต้องเอื้อมมือไปลูบหัวแมวขี้อ้อนตลอดทาง

กว่าจะถึงโซนเครื่องนอนก็ปาไปหลายนาทีเพราะเจ้าของแมวน้อยกับแมวน้อยมัวแต่หยอกล้อกันไม่หยุด พอจับมากๆ เข้าก็กัด หากเป็นการกัดที่ไม่ได้จริงจังนัก มิวมิวก็แค่คันฟันหรือไม่ก็รำคาญ

แม็กซ์เวลรู้สึกว่าผู้คนโดยรอบแอบมองเขา สาเหตุหลักน่าจะมาจากมิวมิว ถ้าว่ากันตามจริงมิวมิวก็นับเป็นแมวไทยที่สวยมากๆ ตัวนึง แถมยังเป็นพันธ์ขาวมณีหนึ่งในลิสต์แมวไทยอันแสนหายาก

บางคนอาจคิดว่าแมวทุกตัวก็หน้าตาเหมือนๆ กัน ทว่าสำหรับทาสแมวแล้ว น้องแมวทุกตัวช่างแตกต่าง บางตัวน่ารัก บางตัวสวย บางตัวติ๊งต๊อง ก็เหมือนกับมนุษย์เราที่มีทั้งหน้าตาดีและไม่ดี

มิวมิวจัดอยู่ในประเภทแรก ถ้าในโลกของแมวมีการประกวดความสง่างาม เขามั่นใจว่าน้องต้องติดอันดับต้นๆ ของการประกวดแน่นอน

ชักจะเริ่มหวงซะแล้วสิ...



“สรุปส่งที่หอพักบ้านสุขใจนะครับ”

“ครับ”

“น้องแมวสวยดีนะครับ” พี่คนขายอมยิ้ม

“คะ...ครับ”



แม็กซ์เวลตอบกลับเก้ๆ กังๆ เขาไม่ชินกับการถูกทักโดยคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก แถมยังถือวิสาสะมาลูบหัวเจ้ามิวมิวอีก อยู่ๆ ความคิดจับแมวน้อยเจ้าเสน่ห์ขังไว้ในห้องก็ผุดขึ้นมาในหัว ไหนๆ ก็เลี้ยงในระบบปิดอยู่แล้ว ขังไว้ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันคงไม่เป็นไร



“ม๊าว...”



เจ้าเหมียวในกระเป๋าเป้ร้องทักราวกับอ่านใจได้ แม็กซ์เวลโคลงหัวก่อนจะพาน้องเดินออกมาจากโซนตรงนั้น ค้นพบว่าการเลี้ยงแมวทำให้เขากลายเป็นคนนิสัยเสีย ขี้หวงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าคุณแม่รู้คงโกรธแย่ เพราะท่านเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนชอบแบ่งปัน ไม่ใช่คนหวงแมวแบบนี้...

แย่จริงๆ เลยแม็กซ์เวล



“ม๊าววว!!”

“อะไรมิวมิว?”

“ม๊าวว ม๊าวว!!”



มิวมิวเริ่มการงอแงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ยิ่งถามก็ยิ่งเหมือนว่าน้องอยากจะกระโดดเข้าไปในโซนข้าวของเครื่องใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงตอนเราเดินผ่าน เขาคิดว่ามิวมิวอยากได้ของ แต่ไหนสัญญากันไว้แล้วไงว่าจะไม่ดื้อ สุดท้ายก็แผลงฤทธิ์จนได้



“มิวมิว...”

“เมี้ยวว!”



น้องจ้องเขาสลับกับตะกร้าไม้รูปทรงกลมตัดครึ่งไม่หยุด และนั่นคงเป็นสัญญาณอันชัดเจนแล้วว่าคุณมิวมิวจะต้องได้ที่นอนอันใหม่ภายในวันนี้ แล้วมีหรอทาสผู้ซื่อสัตย์จะปฏิเสธได้ ร่างสูงลอบถอนหายใจ

ถ้าว่ากันตามจริง...เรื่องสภาพทางการเงินนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับแม็กซ์เวลเลย เพราะเขามีงานพิเศษอย่างเช่นการเทรดหุ้นที่พอจะได้ค่าขนมจำนวนหนึ่งมาใช้ได้ตามอำเภอใจบ้าง แต่ที่กำลังอึกอักอยู่ก็เนื่องมาจากไม่อยากตามใจแมวบางตัวจนเสียแมว

ทว่ามิวมิวก็คือมิวมิว อยากได้อะไรก็ต้องได้ บวกกับประเด็นเรื่องมิวมิวควรมีที่นอนของตนเองเป็นกิจลักษณะลอยแว้บเข้ามาในหัว สุดท้ายที่นอนตะกร้าสีน้ำตาลอ่อนจึงตกเป็นของเจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวไปโดยปริยาย

มาซื้อที่นอนคนก็เลยได้ที่นอนแมวมาพร้อมซะงั้น...



“ทีหลังไม่พามาแล้ว”

“ม๊าว ม๊าว...”

“ไม่ต้องมาร้องอ้อน”



เขาเหนื่อยจะพ่ายแพ้ให้กับดวงตาสีฟ้าเบื้องหน้า หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากมองนานนักหรอก มองทีไรใจอ่อนทุกที วิทยาศาสตร์ควรทำการวิจัยได้แล้วว่าดวงตาของแมวมีผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์



“…..”



เป็นตอนนั้นเองที่ท่าทาของมิวมิวเปลี่ยนไป น้องหลบกลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋า ไม่ส่งเสียง ราวกับกำลังหลบอะไรอยู่ซักอย่างซึ่งเขาไม่รู้ เขาไม่เคยเห็นมิวมิวเป็นแบบนี้มาก่อน



“มิวมิว...”

“…..”

“กลับบ้านเราไหม?”

“เมี้ยว...”



อีกฝ่ายส่งเสียงตอบ หากแต่เบาบางเสียจนแทบกลายเป็นกระซิบ อาจเป็นสัญชาติญานของแมว มิวมิวอาจพบสิ่งเร้าบางอย่างที่ไปกระตุ้นให้เจ้าตัวรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย



“ไม่เป็นไรแล้ว...”



ฝ่ามือใหญ่ว่างทาบลงบนกระเป๋าเป้หน้าท้องส่งผ่านความปลอดภัยเข้าไปถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านใน ต่อให้อันตรายที่เขาไม่รู้กำลังใกล้เข้ามา เขาก็พร้อมจะปกป้องมิวมิวเสมอ

ก็มิวมิวเป็นของเขา...

หูตั้งอาการดีขึ้นตอนขึ้นรถ ออกมาเดินเพ่นพ่านแถมยังปีนป่ายอย่างที่ชอบทำเหมือนเคย แม็กซ์เวลคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมมาตลอดทางออก เพิ่งรู้ว่าตนเองขมวดคิ้วก็ตอนที่เจ้ามิวมิวเลิกกลัว



“ก่อเรื่องทั้งวัน”

“เมี้ยว เมี้ยว”



ส่งเสียงเจื้อยแจ้วคล้ายอยากคุยด้วย แม็กซ์เวลหลุดยิ้ม ยีหัวน้อยๆ ด้วยความมันเขี้ยว ถ้าคุยภาษาแมวออกเขาคงถามเจ้ามิวมิวไปแล้วว่าเมื่อซักครู่เป็นอะไร แต่ช่างเถอะ...น้องอาการดีขึ้นเขาก็อุ่นใจ

กลับถึงห้องได้ไม่นานฟูกที่สั่งไว้ก็มาส่ง แม็กซ์เวลไม่ชอบเตียงที่ยกสูงจนมีพื้นที่ว่างด้านใต้ มันให้ความรู้สึกวูบโหวงและเงียบเหงา เขาชอบเตียงเตี้ยๆ ที่เป็นฟูกพร้อมผ้าปูที่นอน รวมถึงห้องใหญ่ๆ เขาก็ไม่ชอบเพราะพื้นที่ใช้สอยเกินความจำเป็น อยู่แบบเล็กๆ แต่จัดสรรได้สะดวกๆ แบบนี้ยังรู้สึกดีกว่า

ขณะนั่งย้อนแชทเพื่อนๆ ในกลุ่มอยู่บนเตียงสายตาก็เหลือบไปเห็นจอมซนประจำห้องกำลังแทรกตัวเข้าไปในตะกร้าที่ซื้อมาใหม่ เขาว่ามันเล็กจนอาจทำให้นอนไม่สบาย แต่พอเลือกอันที่ใหญ่กว่ามิวมิวก็ร้องเสียงดังเหมือนไม่พอใจ



“ทำอะไรมิวมิว”

“……” ไม่ตอบ พยายามแทรกตัวเข้าไปในตะกร้าน้อยๆ ให้ได้



ที่แรกเขาว่าจะเอาไปเปลี่ยนเป็นไซส์ที่ใหญ่กว่าภายหลัง เพราะดูยังไงมันก็ไม่พอดีตัวสำหรับเจ้าเหมียว ทว่าภาพที่เห็นกลับทำเอาชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วมุ่น



“หายใจออกหรอนั่น”

“เมี้ยว...”



น้องส่งเสียงพอใจ ดูจากการที่ไม่มีการดิ้นขัดขืนในเตียงนอนแคบๆ แบบนั้นเลย ขาชี้ฟ้า ลำตัวบิดไปคนละทาง ศีรษะมุดลงไปอยู่ด้านใต้ เหมือนกำลังเล่นกายกรรมมากกว่านอน บางทีแมวก็ชอบทำตัวแปลกๆ

แต่เอาเถอะ...ถ้าคุณมิวมิวบอกว่าโอเคเขาก็ต้องว่าไปตามนั้น



“เดี๋ยวก็คอหัก”



ชายหนุ่มว่าอย่างไม่สนใจก่อนจะก้าวขึ้นเตียงไปไถหน้าจอกระจกตามเดิม บางวินาทีทำเขาอมยิ้มเมื่อหันไปมองแล้วพบว่ามิวมิวยังคงอยู่ในท่าเดิม แน่นิ่ง ไร้การขยับ ตกลงจะหลับในท่านั้นจริงๆ หรอคุณ



“ม๊าว...”



หากเขาเข้าใจผิดไปเองคนเดียว เข้าใจผิดไปว่าเตียงนอนที่ซื้อมาใหม่จะกลายเป็นเตียงนอนประจำของเจ้าจอมซน แต่ในความเป็นจริงคือไม่ใช่เลย มิวมิวยังคงกลับขึ้นมานอนข้างเขา หรือบนตัวเขา นี่สินะที่เรียกว่าไม่มีสัจจะในหมู่แมว



“ไปนอนที่นอนตัวเองซี่”

“เมี้ยว...”



เหมียวน้อยอ้าปากกว้างหาวหวอดแทนคำตอบทั้งๆ ที่ยังอยู่บนแผ่นอกเจ้านายตัวโต เขาโคลงหัว แอบคิดในใจถึงวีรกรรมแมวดื้อที่ผ่านมา แปลกที่เขากลับไม่โกรธ ซ้ำยังหลุดยิ้มเมื่อยกมือขึ้นสัมผัสที่ริ้วแก้มแล้วพบว่าตัวเองกำลังอมยิ้ม

ยิ้มตอนคิดถึงแมวของตัวเองเนี่ยนะ ชายหนุ่มพยายามข่มตาคิดหาเรื่องราวมาปะติดปะต่อ บางทีอาจเป็นเพราะเขาวาดมิวมิวให้เป็นเหมือนตัวแทนคุณมิวนิค เวลาเจ้าตัวทำอะไรก็เลยชวนอมยิ้มออกมาเสมอ อาจดูแปลก...แต่ทั้งหมดกลับเป็นการกระทำที่เขาไม่คิดจะแก้ไข

แบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน...











      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ







==============================================

พบคนหลงแมวหนึ่งอัตราค่าาา

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 9 updated!] 27/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-10-2018 19:18:37
เขารักกันแล้วสินะ เมี้ยว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 9 updated!] 27/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 27-10-2018 21:35:39
ขี้​อ้อน​จังเลยน้าาาสส
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 9 updated!] 27/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 27-10-2018 22:19:47
มิวมิวเริ่มหวงแม๊กซ์ในตอนนี้แบบสัตว์เลี้ยงหวงนายถ้าตอนเป็นคนได้เป็นแฟนจะหวงขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 9 updated!] 27/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 28-10-2018 09:25:50
มิวมิว เจ้าแมวเอาแต่ใจจ
ตอนท้ายนี่มิวมิวเห็นอะไรล่ะเนี่ย สงสัยย
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 9 updated!] 27/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: XXX ที่ 31-10-2018 18:41:23
โอยยยยย น่ารักมากๆเจ้ามิวมิว พระเอกก็แซ่บบบ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 9 updated!] 27/10/18
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 01-11-2018 08:20:06
อ่านแล้วต้องอมยิ้มไปกับความขี้อ้อนของมิวมิว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 02-11-2018 16:11:19


Meow 10




“นี่โน่ ทำไมแมวเราถึงต้องนอนทั้งวันด้วยล่ะ”



เขาถามชิโน่ขึ้นในตอนที่เราต่างนอนเรียงรายอยู่ข้างกระถางดอกเดซี่ ร่มเงาจากหลังคาห้องเก็บของบนชั้นดาดฟ้ายื่นบดบังแสงแดดพอดิบพอดีทำเอาแมวน้อยทั้งสามหลับตาพริ้มอิ่มเอมราวอยู่กับบนสรวงสวรรค์

หอพักบ้านสุขใจเหมือนเป็นสถานที่เดียวบนโลกที่ถูกละเว้นไม่ให้สภาพอากาศมีความสุดโต่งจนเกินไป แม้บริเวณที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์อย่างบนดาดฟ้าก็ยังมีลมพัดผ่านเย็นสบายจนน่านอนไปทั้งวัน



“เพราะเราต้องเก็บพลังงานไว้ล่าตอนกลางคืนไง” คนถูกถามจิ๊ปากคล้ายขัดใจ

“ล่าพวกหนูอะไรแบบนี้หรอ?” มิวนิคเอียงศีรษะสงสัย



ขนาดต้นไม้คุณป้ายังดูแลดีขนาดนี้ สังเกตได้จากลักษณะดินที่ถูกพรวนอยู่บ่อยๆ แล้วคุณป้าจะเลี้ยงแมวให้อดอยากถึงขนาดต้องออกล่าหนูกินได้ยังไงกัน ไม่มีทางหรอก...ชิโน่ต้องมั่วแน่ๆ พุงก็อ้วนพุ้ยจากอาหารเม็ด มันจะเอาเวลาไหนไปล่าวะ



“…..”

“ชิโน่...”

“ฟี้....”



อ้าว...หลับซะงั้นไอ้แมวนี่ คุยๆ อยู่ก็หลับใส่กันได้หรอ

แต่จะว่าแบบนั้นก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะเวลานอนเล่นบนตักแม็กซ์เวล มิวนิคก็มักจะผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายเช่นกันเมื่อถูกลูบหัวหรือเกาคาง อ่า...นึกแล้วก็คิดถึงหมอนั่นขึ้นมาเลยแฮะ ใครบอกกันว่าแมวไม่สนใจเจ้าของ เขาจะค้านหัวชนฝา มิวนิคตั้งตาตั้งตารอคอยการกลับมาของมนุษย์แว่นทุกวัน

เขาอยากกัด...กล้าม



“แกดูติดเจ้าของนะ”

“หืม?”



เลื้อยมองต้นเสียงแค่ส่วนศีรษะทั้งๆ ที่ยังนอนแผ่หลาอยู่กับพื้น เขาว่าแมวติดนิสัยขี้เกียจ แค่จะขยับทีก็รับรู้ได้ถึงความยากลำบาก ร่างกายมันปวกเปียกไปหมด อะไรก็ได้ขอแค่ไม่เสียพลังงานมาก...เหล่าแมวๆ ยอมทำหมดแม้ว่าท่าทางที่ออกมาจะสุดพิสดาร

พูดถึงเจ้าของก็นึกถึงวันที่เราไปห้างกัน วันนั้นมิวนิคเผอิญเจอกับไอ้โจรอ้วนผอมแก๊งค์นักอนุรักษ์แมวจอมปลอม หน็อย...เพราะอยู่ในร่างมิวมิวเขาถึงหลบหรอก อย่าให้ได้เจอกันในร่างมิวนิคนะ วิชาเทควันโดที่เรียนมาได้ถูกงัดเอาออกมาใช้แน่ๆ



“ชั้นไม่เคยเห็นแมวที่ไหนต้องรีบกลับห้องเพราะกลัวเจ้าของดุ แกทำตัวเหมือนหมา”

“ก็หมอนั่นบอกว่าจะขังผมนี่หว่า”

“ถามจริง แกกลัวโดนขัง?”



ลุงฮอว์คหรี่ตาจับผิดจนเขาหมั่นไส้ ทว่าพอลองๆ คิดตามดู...ความสับสนก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ มันเป็นความรู้สึกที่กำลังโอนเอนไปมาระหว่างความกลัวโดนขังกับกลัวแม็กซ์เวลโกรธ

และที่แย่ก็คือน้ำหนักอย่างหลังดันมีมากกว่า...

เขาชวนลุงฮอว์คเปลี่ยนทอปปิคการคุยเป็นเรื่องชีวิตสมัยวัยรุ่นของพ่อนกอินทรีย์มากเสน่ห์ ดีหน่อยที่ไอ้ลุงบ้านี่ติดกับง่ายๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องระแวงกับการถูกมองว่าเป็นแมวติดเจ้าของ แค่รู้อยู่แก่ใจตนเองก็เสียเซลฟ์จนอยากมุดดินหนี มิวนิค เมธานินทร์ต้องไม่มีมุมกลายเป็นของเล่นเดิมตามหลังใครต้อยๆ โว้ยย!



“แล้ว...ทาสลุงใจดีไหม?”

“ดีสิ ทาสชอบขึ้นมาเล่นด้วยตอนเช้าๆ กับเย็นๆ”



คงจริง เพราะท่าทางของลุงฮอว์คดูมีความสุขเวลาพูดถึงเจ้าของ ฟังแล้วก็อยากเจอขึ้นมาเลย แต่คงยาก...ก็เวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่เขาจะต้องอยู่กับแม็กซ์เวล และตานั่นคงไม่ปล่อยให้แมวน้อยตัวดีหายหัวไปไหน เอาเป็นว่านั่งฟังลุงเล่าไปแบบนี้แทนแล้วกัน

เห็นลุงก็นึกถึงสายหมอก เขาไม่ได้ว่าหน้าตาไอ้เพื่อนรักเหมือนนกอินทรีย์หรอก ก็แค่...มันเป็นความรู้สึกอันแสนคิดถึง คิดถึงราวกับไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนาน แม้ว่าช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาอีกฝ่ายมักจะมารอรับกลับที่ลานจอดรถตอนเที่ยงคืน

เขาไม่เคยขอ สายหมอกมาเอง



“อยากกินอะไรมั้ย”

“ใจดี”

“เผื่อมึงไม่ได้กินอะไรที่อยากกิน”



และมันก็จะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งในคืนวันอาทิตย์ที่จะมีคนมารอส่งกลับบ้านแมว หลังจากที่ทั้งวันถูกปล่อยให้ทำกิจวัตรตามอำเภอใจ เขาเล่าเรื่องประสบการณ์ต่างๆ ที่ไปเจอมา ทั้งเรื่องของแอนโธนี่ เรื่องของลุงฮอว์ค เรื่องของชิโน่กับชิลลี่ รวมถึงเรื่องของเจ้านายตัวโต…

แม็กซ์เวล



“เป็นแฟนกับแฟนคลับตัวเองก็ไม่เลวนะ”

“เป็นแค่แมวเฉยๆ มั้ยล่ะ”

“ก็เวลามึงเล่า ดวงตามึงมัน...มีความสุข”



แปลกที่หลังจากประโยคนั้นเขาไม่หาคำอธิบาย เพราะเขามีความสุขจริงๆ เป็นความสุขที่เรียบง่ายเสียจนไม่กล้าเรียกว่าความสุข เขาอยากปฏิเสธ...แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดจะไม่เข้าใจตนเองว่ากำลังรู้สึกยังไง

เขากำลังมีความสุข



“มันดีใช่มั้ยหมอก?”



เรายังคงนอนเกยกันอยู่บนฟูกเตียงอันเดิม คล้ายกับว่ามันกลายเป็นประเพณีในวันอาทิตย์สำหรับเขาสองคนที่จะต้องมานอนปรับสารทุกข์สุขดิบเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เจอมาทั้งอาทิตย์ ฟังดูน่าเบื่อ...

แต่พอเป็นคนที่คุยถูกขอกลับสนุก

ก็คงเหมือนเวลาที่เขาคุยกับชิโน่ ชิลลี่ แอนโธนี่ หรือลุงฮอว์ค…

เดี๋ยวนะ...นี่เขาคุยถูกคอได้กับคนมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ราวกับไม่ใช่ตัวเอง หึ..ก็ไม่ใช่จริงๆ เขาคือมิวมิว แมวขาวมณีตัวสีขาวตาสีฟ้า มีคุณสมบัติด้านความสง่างามเทียบเท่ามิวนิคในร่างมนุษย์ทุกอย่าง เว้นก็เสียแต่...มิวมิวเป็นที่รักของทุกคนมากกว่า



“เดือดร้อนใครรึเปล่า?”

“ก็ไม่...”

“งั้นก็ถือว่าดี…” เขายังจำใบหน้าที่อีกฝ่ายหันมาอมยิ้ม “…ดีมากๆ แล้ว”



มันเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย ที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจสายหมอกอย่างที่เป็น อาจเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเราก็ต้องเจอกันทุกวัน จนกระทั่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่ทำให้การเจอคนรู้จักซักคนกลายเป็นเรื่องอันแสนยากลำบาก และพอได้เจอ...เจ้าเข็มนาฬิกาก็ดูเหมือนจะทำงานเร็วจนผิดปกติ

แปลกตรงที่ความรู้สึกดังกล่าวก็เกิดขึ้นกับแม็กซ์เวล

ทั้งๆ ที่เราอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่พอช่วงเวลาต้องห่างหายกัน...มิวนิคกลับรู้สึกว่ามันช่างเนิ่นนาน ตรงกันข้ามกับช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ช่วงเวลาที่แม็กซ์เวลนั่งโง่ๆ ให้อ้อนอยู่บนฟูกเตียงติดหน้าต่าง

...มันรวดเร็วเสมอ



“รู้หรือเปล่าว่านึงวันของแมวมันมีแค่ 12 ชั่วโมงเองนะ”

“สงสัยกูคงต้องไปขับรถชนแมวบ้าง”



ทว่าถ้าเลือกได้เขาก็คงไม่ขอให้หนึ่งวันมีแค่12ชั่วโมงจริงๆ หรอก เขายังอยากออกไปเล่นกับชิโน่ให้มากขึ้น คุยกับลุงฮอว์คให้มากขึ้น ฟังแอนโธนี่บ่นให้มากกขึ้น แล้วก็...

ถูกแม็กซ์เวลหยอกให้มากขึ้น



“ใกล้กลับมาหรือยัง?”

“ตอบไม่ได้...” มิวนิคหันมองคู่สนทนาในวันนั้น ระบายยิ้มบางเบา “...แต่คงใกล้แล้ว”



เป็นคำตอบที่ออกมาจากความรู้สึกล้วนๆ ไม่มีหลักประกันใดๆ รับรองว่าคำสาปใกล้จะคลายหลง เขาก็แค่รู้สึกอย่างนั้น อาจเพราะกำลังเข้าใกล้ปลายอุโมงค์ที่มีความหมายของชีวิตรออยู่ ซึ่งนั่นก็เป็นความรู้สึกล้วนๆ อีกเช่นกัน บางทีการเป็นแมวอาจทำให้รู้สึกไปเองเก่ง



“ซินเดอเรลล่าต้องไปแล้ว”

“กรงอยู่ทางนู้น”



เคยบอกใครหรือเปล่าว่านับวันอาการนอยด์ๆ เวลาที่จะต้องกลับไปเป็นมิวมิวมันลดลง เขาไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนอย่างเคย สายหมอกบอกว่าเขาอาจเสพติดการเป็นแมว ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าคำสาปคงกลายเป็นเรื่องไร้ความหมาย หากแต่มิวนิคไม่ได้คิดอย่างนั้นซะหน่อย เขาไม่ได้เสพติดการเป็นแมว

ก็แค่...เริ่มรู้สึกสนุก



“ถ้าเหนื่อยไม่ต้องมารับทุกอาทิตย์ก็ได้”

“อย่าทำตัวเหมือนมีเพื่อนเยอะได้ไหม”

“ไม่เจอกันนานปากเก่งขึ้นเป็นกองเลยนะหมอก”



ประโยคสุดท้ายเกิดขึ้นไม่กี่นาทีก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆ คืนร่างกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาว ทุกอย่างวนเข้าลูปเดิม เป็นลูปของมิวมิวตัวเดิมที่ชอบมานอนเล่นอยู่บนดาดฟ้าหอพักบ้านสุขใจแห่งเดิม กลิ้งเกลือกคล้อยหลับใต้ร่มเงาดอกเดซี่ที่แทบไม่พอกำบังอานุภาพแสงอาทิตย์



“ขึ้นมาได้ยังไงกัน”



ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นมองภาพคนร่างสูงในท่ากลับหัวที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น มิวนิคถูกช้อนร่างขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด สบประสานนัยน์ตาคู่สีดำที่ดูอ่อนแรงลงเมื่อเขาส่งเสียงเงี้ยวง้าวทักทาย



“ชิโน่อย่าพามิวมิวเกเร”

“ม๊าวว”

“ชิลลี่ก็ด้วย”



ตัวขาวเงยมองเจ้าของเสียงเข้มที่กำลังทำท่าดุขาโจ๋ประจำหอกับน้องชายขี้หงอ แม็กซ์เวลดูโวยวายกว่าปกติหากแต่ก็ยังไม่หลุดมาดความนิ่งขรึมอันเป็นบุคคลิกหลัก เข้าใจได้แหละว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบที่แมวน้อยตัวดีแอบหนีเที่ยวบ่อยๆ เพราะเจ้าตัวกำชับแล้วว่าห้ามออกจากห้อง

แต่ทำไงได้...ก็มิวมิวฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องนี่เนอะ



“ชอบดอกเดซี่รึไง”

“เมี้ยว...”



เมี้ยวที่แปลว่าใช่ ประโยคง่ายๆ ที่ทาสแมวคนไหนก็แปลออก มิวนิคคิดว่าแม็กซ์เวลสามารถแปลภาษาแมวออกทุกครั้งที่เจ้าตัวต้องการจะโน้มน้าวให้เขาทำอะไรซักอย่างตาม



“เดี๋ยวปลูกไว้ให้ที่ห้อง”



และครั้งนี้เขาก็ทายไม่ผิดอีกตามเคย ;)





























ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



เสียงเพลงแจ๊สดังพอประมาณกับเบียร์กระป๋องเย็นๆ ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสุดๆ สำหรับการทำงานกลางดึก โดยเฉพาะงานที่ต้องอาศัยไอเดียอย่างเช่นการคิดสำนวนลื่นๆ ลงในรายงานด้วยแล้ว



“มิวมิวตัวนิ่ม”

“น้อง...เลิกแกล้งมิวมิวแล้วไปทำงาน”

“โหย เหลืออีกนิดเดียว ค่อยทำน่าเจน มิวมิวอุตส่าห์มาอ้อนเนี่ย”



แม็กซ์เวลเหลือบมองน้องยูกับเจนนิษฐ์ที่กำลังถกเถียงกันอยู่บนเตียงพร้อมโน้ตบุคคนละเครื่อง ส่วนเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะญี่ปุ่นข้างๆ ทั้งสอง ยกกระป๋องสีเหลืองขึ้นมาจิบให้สมองโล่งพลางกับเปลี่ยนเพลงตามใจนึกเพราะทุกคนให้อภิสิทธิ์การเลือกเพลงในฐานะเจ้าของห้อง

เป็นไม่กี่ครั้งหรอกที่เขายอมเปิดห้องให้เพื่อนๆ เข้ามาทำรายงาน เหตุผลส่วนนึงก็มาจากถูกน้องยูรบเร้าว่าอยากเล่นกับเจ้ามิวมิวหลายรอบ เขาแพ้ลูกอ้อนซะด้วยสิ ถ้ามิวมิวเป็นแมวขี้อ้อน เพื่อนชายตัวขาวแก้มแดงของเขาก็คงเหมือนน้องหมาขี้อ้อน



“แล้วผัวมารับกี่โมงอ่ะน้อง” ภูรินที่นั่งอยู่ปลายเตียงว่าขึ้น

“ผัวที่ไหน ไม่มีผัวเฟ้ย” คนถูกถามทำแก้มพองลม

“แหมะ...หมออุ่นไงครับ มาถึงขั้นนี้ไม่ผัวไม่ได้!”

“ไอ้อุ่นน่ะเป็นเมีย โถ่...ดูไม่ออกรึไง เนอะมิวมิวเนอะ”



คุณหมอยศวินทร์พูดพร้อมยกเจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวแสนเชื่องบนตักขึ้นมาหอมแก้มไปมาอย่างไม่รังเกียจ ส่วนแมวที่ถูกหอมก็ไม่มีท่าทางอิดออดเลยซักนิด เขาจับทำอะไรก็ยอมให้ทำหมด

เขาว่ามิวมิวชอบน้องยู โดยปกติถ้าเป็นคนแปลกหน้าเจ้าตัวจะไม่ยอมให้จับนาน โดนอุ้มซักพักก็ดิ้นหนีออกวิ่งมาหาเขาแล้ว แต่พอเป็นน้องยูอุ้ม นานเท่าไหร่มิวมิวก็ยอมให้อุ้ม แถมยังชอบมุดเสื้อเข้าไปกัดพุงน้องยู

มิวมิวแมวชอบกัดพุง



“อ๊ะ...มิวมิวกัดซิคแพคพี่ไม่ได้นะ”

“กลมขนาดนั้นยังกล้าเรียกว่าซิคแพค” เจนนิษฐ์เบ้ปาก

“มันต้องเป็นซิคแพคในเร็ววัน”

“หนูพูดแบบนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง”

“มึงจะรู้อะไรอีแม่” ภูรินเขยิบเข้ามาสะกิดกิ๊วๆ “อีน้องมันท้อง”

“ท้องพ่อง!”

“น้องยู แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ป้องกัน!”

“โอ้ยยย ทำไมทุกคนต้องรุมกู” ตัวเล็กประจำกลุ่มขมวดคิ้วยุ่ง “เบื่อคนพวกนี้แล้ว เราไปกันเถอะมิวมิว”

“ม๊าวว...”



คนที่ถูกแซวจนหน้าแดงเดินงอนตุ๊บป่องออกไปนั่งนอกระเบียง ลำบากเขาที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้เลยต้องตามไปง้อมาให้ สำหรับน้องยูแล้วง้อไม่ยากหรอก แค่มีของกินล่อก็เท่ากับว่าสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วนมิวมิว...ไม่ช่วยง้อซักนิด ให้ท้ายน้องยูสุดๆ นี่ล่ะ...มีเจ้านายน่ารักคนใหม่ก็ลืมเจ้านายแว่นผู้จืดชืด

บรรยากาศกลับสู่ความสงบอีกครั้งเมื่อผู้ปกครองของเด็กชายตัวเล็กยื่นเดดไลน์มาว่างานต้องเสร็จก่อนหกทุ่ม อันที่จริงงานมันควรจะเสร็จตั้งแต่สองสามทุ่มแล้วเพราะเราเริ่มทำกันตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่เพราะทีมงานมัวโอ้เอ้ทุกอย่างจึงเลท พอคุณหมอธาดาโทรมาตามเข้า ทุกคนจึงต้องรีบปั่นให้เสร็จ



แหมะ!



“มิวมิวลงไป”



บอกเจ้าก้อนสีขาวที่ทิ้งตัวลงนั่งบนแป้นพิมพ์อย่างเต็มก้นในท่าแม่ไก่ ดวงตาสีฟ้าจ้องมองราวกับไม่รู้สำนึกผิด อ้าปากหาวหวอดคล้ายกับว่าจะหลับมันเสียตรงนี้



“ดื้อ”



มือหนาช้อนร่างแมวน้อยจอมดื้อลงมาวางบนพื้น แต่ความพยายามของเขาไม่เป็นผลเมื่อความพยายามของจอมดื้อมีมากกว่า มิวมิวปีนโต๊ะขึ้นมานั่งที่เดิม จุดเดิม อ้าปากหาหวอดอย่างเดิม ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวตามเดิม...

ชักจะเอาใหญ่แล้ว



“มิวมิว...”

“......”



ตอบกลับด้วยการนอนหงายโชวพุง ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนอยากให้เล่นด้วย แม็กซ์เวลกัดริมฝีปากกลั้นยิ้ม ภาพตรงหน้ามันโคตรน่ารักเกินไป เขาคิดว่าก้อนเนื้อด้านในอกซ้ายกำลังสูบฉีดเลือดอย่างหนัก ช่วยอ้อนให้ถูกเวลาหน่อยได้ไหมคุณ ตอนนี้กำลังทำงาน...สงสารใจกันบ้าง



“มึงไปเล่นกับน้องไป เดี๋ยวกูทำเอง” ภูรินเดินเข้ามาโยกหัวเพื่อนชายตัวโตเบาๆ

“แต่ว่า...”

“เห็นแล้วกูมันเขี้ยว แมวก็ขี้อ้อน เจ้าของก็ขี้ซึน”



เขาถูกไล่ออกมานั่งรวมกับพวกน้องยูและเจนนิษฐ์บนเตียงหลังสิ้นประโยค จริงๆ แล้วงานที่ว่าก็เป็นงานในส่วนของภูริน แต่เพราะเห็นอีกฝ่ายทำช้าเหลือเกินเลยขันอาสาช่วยแบ่งมาทำ แต่ทำได้ไม่ทันไรก็โดนจอมซนประจำห้องก่อกวนซะก่อน หากกลับไม่มีใครปริปากบ่นซักคำ ทำอะไรก็ไม่มีใครดุเลยสินะ

มิวมิวผู้เป็นดั่งข้อยกเว้น



“แม็กซ์ ROV กัน กูกับเจนพร้อมมาก”

“ไม่รอภูหรอ”

“ปล่อยคนทำงานช้าเคลียร์ไป เราต้องตัดภาระเพื่อให้ทีมไปได้ไกล”

“กูได้ยินนะอีน้อง” บุคคลที่สามในบทสนทนาส่งเสียงแทรก



เด็กชายตัวเล็กแยกเขี้ยวใส่เพื่อนชายก่อนจะงอแงขอให้เขากับเจนนิษฐ์เข้าเกมส์ เป็นเรื่องปกติของกลุ่มเราที่มักจะมีนัดเล่นเกมส์กันบ่อยๆ ไม่รวมตัวกันเล่นแบบเห็นหน้า ก็คอลกันผ่านโปรแกรมดิสคอร์ด เกมส์มือถือบ้าง เกมส์คอมพิวเตอร์บ้างแล้วแต่วัน แม็กซ์เวลที่เป็นคนตามใจประชาชนอยู่แล้วจึงมักตามน้ำเสมอ



“มิวมิวมานอนบนตักพี่เร็ว”

“ม๊าว...”



ตัวขาวส่งเสียงตอบรับน้องเล็กประจำกลุ่มที่กำลังตบตักตนเองปุๆ เชื้อเชิญ ไม่มีการขัดขืนตามลักษณะนิสัยแมวที่ควรจะเหย่อหยิ่ง สมัยที่ยังไม่ได้เลี้ยงมิวมิว เขาเรียกชิโน่กับชิลลี่แทบตาย...พวกนั้นยังมาบ้างไม่มาบ้าง แล้วนี่อะไร เจอน้องยูแค่ไม่กี่ครั้งกลับเชื่องด้วยซะงั้น

มิวมิวแมวใจง่าย...

มันเป็นตอนห้าทุ่มสิบสี่ทีทุกคนต่างอยู่ในช่วงเวลาพักผ่อน เจนนิษฐ์นอนดูซีรีย์เน็ตฟลิคฆ่าเวลารอหมออุ่นมารับเป็นเพื่อนน้องยูและมิวมิว ส่วนเขากับภูรินยืนจิบเบียร์เล่าเรื่องชีวิตไปเรื่อยเปื่อยอยู่นอกระเบียง ท้าวข้อศอกกับขอบปูน เหม่อมองกลุ่มกระถางแคคตัสที่ถูกย้ายมาไว้รับแดดด้านนอกชั่วคราวสลับกับใบหน้าเพื่อนชายคนสนิท

ว่ากันตามจริงแล้วเขาถนัดฟังมากกว่าพูด อย่างเรื่องปัญหาความรักสมัยน้องยูกับหมออุ่นเขาก็มีหน้าที่คอยทำตามเจนนิษฐ์กับภูริน จะมีให้คำแนะนำอยู่บ้าง แต่ก็เล็กน้อยมากๆ



“แล้วเรื่องมึงกับคนนั้นเป็นไง?”

“คนนั้น?”

“คนเราไม่สามารถแอบรักใครไปได้ตลอดหรอกนะแม็กซ์ ซักวันมึงก็จะเลิกชอบ หรือไม่ก็รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนทนไม่ไหว” เขาถูกตบไหล่เบาๆ “มึงจะยอมให้มันเป็นแบบนี้โดยที่ไม่ทำอะไรจริงๆ หรอวะ?”



ทุกคนรู้เรื่องคุณมิวนิค รู้ทั้งหมดแม้เขาจะไม่เคยเล่าละเอียด อาจเพราะรูปอีกฝ่ายที่แปะอยู่บนฝาผนังกลางห้องอันเป็นหลักฐานมัดตัว เจนนิษฐ์กับภูรินเคยบอกให้เขาเลิกชอบผู้ชายคนนี้เพราะความนิสัยไม่ดี เป็นประเด็นอยู่พักหนึ่งในกลุ่มเราจนกระทั่งทั้งคู่เลิกพูดไป



“ช่วงนี้คุณมิวนิคไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหน...”

“แล้วถ้าเขากลับมามึงจะเอายังไง”

“เรา...”



คิดไปเองว่าทุกคนคงไม่สนใจเรื่องของเขากับคุณมิวนิค แต่ก็ลืมคิดไปว่ายังไงทุกคนก็ต้องเห็นรูปเหล่านั้นตั้งแต่เข้ามา แค่ทุกคนเลือกที่จะไม่พูด ดูเหมือนไม่ใส่ใจ...แต่ไม่เลย

ทุกคนใส่ใจเสมอ



“เลิกชอบมั้ย? คนดีๆ อย่างมึงยังไงก็ต้องมีคนเข้ามา” ภูรินว่าพร้อมกระดกเครื่องดื่มในมือเข้าปาก “กูไม่ได้จะว่าคุณมิวนิคของมึงไม่ดีนะ แต่ถ้าเขาไม่เห็นค่ามึง....กูว่าก็ควรพอเหอะ ชีวิตมันต้อง move on ป่ะวะ”

“พยายามอยู่”



โกหก

เขาไม่ได้แม้แต่พยายามจะลืมอีกฝ่ายเลยซักนิด ความรู้สึกอาจจะเลือนลางไปบ้าง ไม่ชัดเจนเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังรู้สึกอยู่เช่นเดิม คุณมิวนิคยังอยู่ที่เดิม ไม่เคยหายไปไหน...



“กูกับเจนไม่ได้อยากเสือกเลย พวกกูเป็นห่วงมาก มึงเข้าใจใช่ไหม?”

“อื้ม...”

“แล้วถ้าวันนึงคนคนนั้นจะเป็นมิวนิคจริงๆ พวกกูก็คงคัดค้านอะไรมึงไม่ได้ แต่ตอนนี้...กูไม่อยากเห็นเพื่อนชายที่แสนดีของกูต้องเดินตามหลังใครต้อยๆ ทั้งที่เขาไม่เห็นค่า”



ภูรินไม่ใช่คนแรกที่พูดเช่นนี้กับเขา ‘เห็นค่าในตัวเอง’ ประโยคที่คุณแม่พูดขึ้นในตอนห้าขวบ เขาคิดว่าชีวิตหลังจากตอนนั้นนับเป็นช่วงชีวิตที่ดีตลอดมา เป็นชีวิตที่คนรอบข้างเห็นคุณค่าในตัวเขาแม้เขาจะเป็นแค่หนุ่มแว่นเฉิ่มเบ๊อะพูดไม่เก่ง...



“อีสปอร์ตรอบหน้ามึงว่าเราจะได้แข่งด้วยกันอีกมั้ยวะ ฮ่ะฮ่ะ”

“ถ้าเพื่อนแข่ง...เราก็แข่ง”



กระป๋องเครื่องดื่มสีเหลืองถูกยกชนกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนบทสนทนาจะเปลี่ยนเป็นเรื่องชีวิตการเล่นเกมส์อันไร้สาระในอนาคต มันดีตรงที่ประเด็นนี้ไม่ต้องทำให้ทั้งเขาและภูรินเกิดความลำบากใจ เขาคิดว่าตนเองสามารถหาจุดตรงกลางในการแอบชอบได้

ก็แค่ไม่ฟุ้งซ่านจนเกินไป...

หรือบางทีคงอาจถึงเวลาที่เจ้าภาพบนผนังเหล่านั้นควรถูกแกะออก ถึงมันจะลบความทรงจำออกจากสมองเขาไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังพอทำให้ทุกคนเชื่อได้ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรต่อคุณมิวนิคอีกแล้ว...



“เมี้ยวว...”



จอมซนประจำห้องเดินตามออกมาที่นอกระเบียง ถูศีรษะไปมาตรงต้นขาคล้ายอยากอ้อนเหมือนทุกครั้ง เป็นตอนที่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว มีเพียงเขาและดวงตาสีฟ้าที่กำลังจ้องมองกันอยู่

ลมกลางคืนที่พัดกระทบใบหน้าดูเย็นกว่าทุกวันราวกับเป็นสัญญาณเตือนถึงการมาของฤดูหนาว เคยบอกรึเปล่าว่าเขาเกลียดฤดูหนาวของหอพักบ้านสุขใจ เพราะการมีต้นไม้ร่มรื่นมากเกินไปบรรยากาศจึงหนาวกว่าปกติ พอหนาวก็เหงา...

และพอเหงาก็เริ่มคิดถึงใครบางคน

“ม๊าว ม๊าว...”

หากแต่คงยกเว้นสำหรับปีนี้

แม็กซ์เวลช้อนร่างสีขาวสะอาดขึ้นมาวางบนขอบระเบียง อีกฝ่ายเปลี่ยนมาถูหน้ากับแขนพร้อมส่งเสียงเงี้ยวง้าวเมื่อโดนเกาถูกบริเวณพอใจ

เขามีมิวนิคเป็นของตัวเอง แม้มิวนิคตัวนี้จะพูดได้แค่เพียง ‘เมี้ยว’ กับ ‘ม๊าว’ แต่มันก็ดีพอแล้วล่ะ ดีพอที่จะช่วยให้หัวใจไม่ต้องทำงานจนหนักเกินไปเวลาคิดถึง...คุณมิวนิคตัวจริง

คุณมิวนิคที่ไม่มีวันเป็นของเขา...















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ





==============================================

กลับมาแบบเหงาๆต้อนรับลมหนาว อิอิ

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-11-2018 17:03:38
 :L2: :pig4:

สงสารคนเหงา แต่มิวนิคเห็นความดีของเราแล้ว
พลังความรักต้องมาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-11-2018 17:09:55
สงสาร
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-11-2018 21:05:55
แม๊กเวลซ์เป็นผู้ชายที่ดีอบอุ่นรักมั่งคงแต่เรียบง่ายจืดๆอาจไม่ถูกใจคนเปรี้ยวๆแต่เราชอบแม๊กแวลซ์ อยากให้มิวนิคหลงรักเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 02-11-2018 21:42:28
 :really2:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 03-11-2018 08:17:21
น้องมิวมิวมีลูกพี่แล้ว พากันเดินเที่ยวด้วย

ปกติแมวตัวผู้จะไม่ยอมให้แมวอื่นมาอยู่ในเขตพื้นที่ตัวเองหรอกนะ แต่น้องคงจะน่าเอ็นดูจนชิโน่รับเป็นลูกน้องอีกตัวอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-11-2018 12:58:14
โถ่ววววววว สงสารแม็กซ์จังเลยยยยย
มิวมิงต้องใจอ่อน รีบชอบแม็กซ์ด่วนเลยนะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-11-2018 20:35:07
มารอค่ะ ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ว่ามิวนิคที่อยากได้แอบกัดพุงอยู่ทุกคืน
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 05-11-2018 16:27:32
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 10 updated!] 2/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-11-2018 14:45:49
ชักอยากให้แม็กซ์เวลล์รู้เร็วๆ แล้วสิว่ามิวมิวคือมิวนิค สงสารพระเอกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 08-11-2018 22:24:57

Meow 11


อุ้งเท้าสีชมพูนุ่มย่างเหยียบไปตามแนวกำแพงรั้วปูนเรื่อยเปื่อยพร้อมเพื่อนชายเจ้าถิ่นสองตัวด้านหลัง วันนี้มิวนิคได้รับสิทธิ์ให้เดินเที่ยวเตร็ดเตร่ได้ตามใจชอบ

อาจเพราะชิโน่เบื่อจะนำเที่ยวแล้ว แต่เขาก็คะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายพาออกมา แหม...มาตัวเดียวก็กลัวหมานี่หว่า ถึงร่างคนจะเฟียสขนาดไหน แต่ร่างแมวเขาก็เป็นแค่แมวน้อยน่ารักตัวนึง ไม่กล้าสู้รบปรบมือกับใคร



“โหโน่! แถวหอเรามีสวนสาธารณะด้วยหรอเนี่ย”

“มีสิ”

“แกไม่เห็นเคยบอกเลย” หันมามองแมวขี้กั๊กอย่างไม่พอใจ

“มันไม่มีของกิน ไม่น่ามาหรอก”



จ้า...คำว่าเที่ยวสำหรับชิโน่ต้องมีเรื่องของกินและการนอนมาเกี่ยวข้องเสมอสินะ เอาเถอะ...เริ่มจะจับจุดวิธีการคิดของพี่แกได้ละ แต่จะว่าไป บริเวณรอบหอพักบ้านสุขใจมักมีอะไรเซอร์ไพรส์เสมอเลย อย่างทุ่งดอกเดซี่บนดาดฟ้าก็ทำเอาแมวน้อยอ้าปากค้างมาทีนึงแล้ว



“โน่ๆ ไปเดินเที่ยวกัน”

“ขี้เกียจ คนเยอะ”

“ไรวะ” ทำหน้าแมวเซ็ง อุตส่าห์เดินมาตั้งไกลทั้งทีเขาไม่ยอมปล่อยให้เสียเที่ยวหรอก “ชวนชิลลี่ก็ได้ เนอะชิลลี่ ไปเดินเที่ยวกัน”

“อื้อ ไปสิ!”



พอคะแนนเสียงกลายเป็นสองต่อหนึ่ง จอมเฮี้ยบตัวดำจึงจำต้องปล่อยเลยตามเลยพาน้องชายขี้กลัวกับเหมียวน้อยผู้อยากรู้อยากเห็นเที่ยวชมสวนสาธารณะประจำหมู่บ้าน เขาว่าชิโน่น่ะปากแข็ง ไม่เหมือนชิลลี่ที่อยากได้อะไรก็จะพูดออกมาตรงๆ เลยติดคล้ายจะเป็นแมวไร้เดียงสา

แต่โดยรวมแล้ว...ครอบครัวนี้ก็ยังน่าเอ็นดู

ที่บอกว่าคนเยอะนั้นไม่จริงเลย วันธรรมดาแบบนี้ ผู้คนที่มาเที่ยวสวนสาธารณะก็มีแต่คนว่างงาน ผู้สูงอายุ หรือถ้าเป็นนักศึกษาก็จะเป็นพวกโดดเรียนไม่ก็อาจารย์งดคลาสกะทันหัน

มั่วแล้วไอ้แมวดำ



“อยากถีบเรือเป็ดจัง ชิลลี่เคยถีบเรือเป็ดปะ?”

“เรือเป็ดคือไรอ่ะพี่?”



สิ่งมีชีวิตสีส้มเอียงศีรษะสงสัยทำเอาคนมองอดไม่ได้ที่จะยกเท้าขึ้นไปลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู มิวนิคคิดว่าพวกสัตว์ก็เหมือนเด็กเล็ก เป็นเด็กเล็กที่ไม่มีวันเติบโตเพราะถูกสต๊าฟความไร้เดียงสาเอาไว้



“ไว้วันหลังจะพามาถีบทั้งคู่เลยนะ”



วันหลังที่ว่าอาจคงหมายถึงวันที่กลายเป็นมิวนิคอย่างเต็มตัว ไม่ใช่มิวมิวอย่างเช่นตอนนี้ ทว่าอันที่จริง...วันอาทิตย์ก็อีกแค่ไม่กี่วัน แต่เขาอยากพาชิโน่กับชิลลี่มาเที่ยวในร่างมิวนิคแบบไร้ซึ่งคำสาปมากกว่า แย่จัง...

เขาดันอยากชวนตาแว่นมาซะด้วยสิ



“นัทนิสัยไม่ดีว่ะ โดดเรียน”

เป็นตอนนั้นเองที่หูตั้งเผอิญได้ยินเสียงๆ หนึ่งดังมาจากด้านหลัง

“ก็ท็อปไม่มีเรียน เราเลยมากับท็อปงาย”



เป็นชายหนุ่มสองคนในชุดนักศึกษาที่กำลังเดินกอดคอกันผ่านหน้าแก๊งค์แมวเหมียวไป เจ้าของเสียงนั่งลงบนม้านั่งอะลูมีเนียมเบื้องหน้าสระน้ำ



“เกเรนะครับ”



เพิ่งเข้าใจประโยคที่ว่าโดนตบหน้ากลางสี่แยกเป็นยังไง มันพูดไม่ออกซักคำ มันชาไปหมดทั้งตัว เพราะผู้ชายที่เห็น...คือนัท...คนที่เขายอมเปิดใจคุยด้วยมาตลอดสองเดือน กับท็อป...คู่อริที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง

ยอมรับว่าไม่ได้โกรธหรือเกลียดท็อปถึงขนาดนั้น ก็แค่รำคาญวิธีการคิดที่ไม่เป็นมืออาชีพรวมถึงวิธีการทำงานลวกๆ อย่างไม่น่าให้อภัย แต่ก็ไม่เคยต้องการให้อีกฝ่ายเจอเรื่องแย่ๆ อย่างเช่นเดินตกท่อหรือนกอึใส่ ในวันแดดร้อน และก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าท็อปกับนัทจะ...



“มิวมิว เป็นไรวะ” ชิโน่เดินเข้ามาเลียไปตามเนื้อตัวเขา

“ปะ...เปล่า”



กัดฟันตอบว่าไม่เป็นอะไรทั้งๆ ที่ในใจมันโคตรอึดอัด แต่ก็อยากอยู่ฟังคนทั้งสองคุยกันจนจบ เขาไม่ได้เป็นแมวสอดรู้สอดเห็น แค่อยากทำความเข้าใจว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกัน



“ตกลงนัทไม่ได้คบกับไอ้มิวจริงๆ ใช่ปะ”

“ท็อปถามเราเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย” คนพูดหลุดขำในลำคอ

“เราแค่อยากได้ความมั่นใจ ก็ไม่อยากเป็นมือที่สามใครซักหน่อย”

มิวนิคมองฝ่ามืออันคุ้นเคยที่กำลังลูบไล้ลงบนศีรษะเพื่อนร่วมคณะตัวดี เขารู้ว่านัทจะตอบกลับว่าอะไร

“เราไม่ได้คบกับมิวนิค”



ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องโกหก

ความสัมพันธ์ที่มีชื่อเรียกว่า ‘คนคุย’ สร้างความคลุมเครืออันใหญ่โต หากเราทั้งคู่ก็เลือกที่จะยอมรับความคลุมเครือนั้นตั้งแต่เริ่มต้น แล้วเขาจะมาเสียใจอะไรเอาป่านนี้ล่ะ



“เฮ็งซวย”

“แกพูดเหมือนทาสเลยมิวมิว นี่แม็กซ์เวลก็เป็นคนจีนหรอ”



มิวนิคไม่ตอบเพื่อนชายตัวดำ หันหลังสะบัดก้นเดินออกมาจากตรงนั้น จริงอยู่ที่เขาอาจไม่มีสิทธิ์โกรธนัท แต่นัทแม่งจะไม่รู้สึกอะไรต่อกันบ้างเลยจริงๆ น่ะหรอ สองเดือนที่ไปกินข้าวด้วยกันเกือบทุกวัน สองเดือนที่ไปดูด้วยหนังกันเกือบทุกอาทิตย์ สองเดือนที่คอลกันเกือบทุกคืน

มันไร้ความหมายจริงๆ น่ะหรอ?

มิวนิคเชื่อมาตลอดว่าต่อให้เป็นคนที่เย็นชาที่สุด แต่เมื่อได้ใช้ช่วงเวลาดีๆ แบ่งปันรอยยิ้ม ฟังเพลงโยกหัวอยู่บนรถกับใครซักคน อย่างน้อย...สิ่งที่เกิดขึ้นก็ต้องเป็นความสุข ความสุขอันแสนพิเศษที่เกิดขึ้นเฉพาะใครคนนึงเท่านั้น

หากสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้ทำลายความเชื่อเหล่านั้นไปหมด

เขาคงเป็นเพียงเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ห่วยแตกที่เอาดีด้านความรักไม่ได้เลย



“ที่มาคบเราไม่ใช่เพราะไอ้มิวหายหัวไปหรอกนะ”

“ใครจะทำอย่างนั้นกัน ท็อปอ่ะน่ารัก ไม่งี่เง่าเหมือนมิวนิค”

“ได้ยินแบบนี้คุณมิวนิคคงเสียใจแย่”

เป็นประโยคเห็นอกเห็นใจที่ปลอมสุดๆ ไอ้คนพูดไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยซักนิด

“ก็อย่าให้เขาได้ยินสิครับ”



ถ้าอยู่ในร่างมนุษย์อย่าหวังเลยว่าฟันของสองคนนี้จะอยู่ครบสามสิบสองซี่ มิวนิคอดกลั้นต่ออารมณ์โทสะร้อนที่กำลังปะทุอยู่ภายในโดยการรีบวิ่งออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อนเหมียวอีกสองตัวที่กำลังยืนงงในดงแมวก็รีบวิ่งตามเช่นเดียวกัน

หากดูท่าประโยคที่ว่า ‘เวลาจะเยียวยาทุกอย่าง’ น่าจะเป็นจริง เขาไม่ได้โกรธถึงขั้นอยากระเบิดตัวเอง ก็แค่เจ็บใจ เสียใจ แล้วก็เซ็งเป็ดขั้นสุด เขาทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง จะเถียงกลับก็ไม่สามารถ ได้แต่ปล่อยให้คนพวกนั้นพูดจาเหยียดหยามศักดิ์ศรีไปเรื่อยๆ นี่ถ้าอยู่ต่อ...ไม่รู้ว่าจะต้องทนฟังคำพูดร้ายๆ อีกมากมายขนาดไหน



“หงอยอะไรวะมิวมิว ไม่สบายเรอะ”



ชิโน่เดินมาเลียไปตามเนื้อตัวของเขาอีกครั้งทันทีที่ถึงหอพักบ้านสุขใจ เขาว่าพักนี้ชิโน่ชอบทำตัวแปลกๆ อย่างเช่นเล่นแรงๆ หรืออยู่ดีๆ ก็เข้ามาอ้อน บางทีก็วอแวจนเกินเลย แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักเพราะคิดว่าอาจเป็นนิสัยคลอเคลียของแมว



“เปล่า...จะขึ้นห้องละ ไว้ลงมาใหม่”

“อะไรฟะ”



พูดจบก็เดินอ้อมไปยังฝั่งด้านหลังหอ กระโดดไปตามแนวระเบียงชั้นหนึ่งและสองเหมือนทุกวัน รู้ตัวอีกทีก็เปิดประตูบานเกล็ดเข้ามานอนอยู่บนฟูกเตียงติดหน้าต่าง เหม่อมองแอนโธนี่ที่กำลังขุดเจลสีฟ้าไม่หยุดหย่อนอย่างเคย หัวใจเต้นแผ่วเบาคล้ายหมดแรง สาเหตุหลักน่าจะมาจากเรื่องของท็อปกับนัท



“คิดถึงหมอก คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่...”



เขาพูดราวกับอย่างให้เจ้ามดดำในโหลแก้วตอบกลับมา แต่คงไกลเกินไป แอนโธนี่ไม่ได้ยิน แล้วเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้นไปเคาะภาชะบนชั้นไม้ มันเหนื่อยไปหมด

ถ้าหากความเหนื่อยของมนุษย์เวลาเจอเรื่องแย่ๆ นับเป็นสามสิบเปอร์เซ็นจากความเหนื่อยที่มี ให้เอาเลขสามคูณเข้าไปแล้วจะพบกับความเหนื่อยของแมวเหมียวเวลาปกติ และถ้าคูณสามเข้าไปอีกจะได้ความเหนื่อยของแมวเหมียวเวลาท้อใจ

ทฤษฏีนี้เขาคิดขึ้นมาเอง...ไม่ต้องเชื่อเลย



“เสียเวลาชะมัด...”

“บ่นอะไรน่ะหืม?”



ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาเพราะเป็นเวลาสี่โมงครึ่งพอดี คนที่ไม่ทันมองจึงขยับแค่เพียงส่วนศีรษะชะโงกกลับหลังคล้ายแมวคอหัก กลิ่นมิ้นท์อันเป็นกลิ่นประจำของห้องลอยปะปนเข้ากับกลิ่นกายประจำตัวของใครบางคนเตะจมูกสีชมพูที่กำลังขยับฟุดฟิด ก่อเกิดความรู้สึกหวิวๆ ในช่วงอก

แม็กซ์เวลตัวหอมจัง

อีกฝ่ายจะหอมมากกว่าปกติเวลากลับมาถึง...หลังจากที่เราไม่ได้เจอกันเกือบทั้งวัน มิวนิคคิดว่าตนเองชักจะเสพติดเจ้านายคนนี้มากเกินไป บางทีสัตว์เลี้ยงกับคนเลี้ยงก็ควรมีระยะห่างให้กันและกันบ้าง



“ไม่สบายรึเปล่า”

“ม๊าว....”



เขาถูกช้อนร่างขึ้นมาวางบนตักเหมือนอย่างเคย มือหนาลูบสางอ่อนโยนไปตามกลุ่มขนสีขาวสะอาด พิงแผ่นหลังกับคุณหมอนใบใหญ่ที่วางทาบไปกับผนังสีเทา

แม็กซ์เวลยังคงหยิบไอแพดขึ้นมาไถเป็นกิจวัตรเหมือนทุกวัน แต่เพราะวันนี้มีแมวหนึ่งตัวกำลังเรียกร้องความสนใจอย่างไม่รู้ตัว เขาจึงละความสนใจมายังดวงตาสีฟ้า



“เป็นอะไรมิวมิว?”



มิวนิคไม่ตอบ ยืดตัวขึ้นไปซุกใบหน้ากับซอกคออันอบอุ่น เขาถูกท่อนแขนอันใหญ่โตโอบรัดนุ่มนวล รู้เลยว่าตาหมอนี่ปลอบคนไม่เป็น มันเก้ๆ กังๆ ไปหมด แต่ความพยายามที่เจ้าตัวกำลังแสดงออกมานั้นกลับทำให้สถานการณ์ไม่ได้ดูแย่

มัน...เด๋อ

แต่เป็นเด๋อแบบที่น่ารัก



“ทำอะไรพังอีกรึเปล่า?” ถามพลางก้มลงจุ๊บหัวน้อง

“ม๊าว... (ไม่ใช่ซะหน่อย)”



เหมียวน้อยยังคงเกยคางอยู่บนบ่าอันเดิม สูดดมกลิ่นกายเฉพาะตัวที่ผสมคละคลุ้งกับกลิ่นมิ้นท์อันเดิม แม้ว่าเรื่องของนัทกับท็อปยังคงวนเวียนรบกวนจิตใจอยู่ แต่แม็กซ์เวลกลับเป็นเหมือนตัวแปรอะไรซักอย่างที่ทำให้เขาลืมเรื่องบ้าๆ แบบนี้ไปได้ชั่วคราว และถ้ายังถูกกอดอยู่แบบนี้...

เขาอาจลืมได้ตลอดไป



“อ๊ะ...อย่ากัดพุงน่ามิวมิว”

“งั่มๆ”

“มิวมิว!”



รวมถึงถ้าได้กัดกล้ามท้องแน่นๆ แบบนี้ด้วย

อ่าห์...เขาชอบกล้ามท้องแม็กซ์เวลที่สุดเลย



























ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



แปลกไหมครับถ้าจู่ๆ ผมจะคิดอะไรกับแมวตัวเอง...

คือผมรับแมวพันธ์ขาวมณีตัวนึงมาเลี้ยง มันก็น่ารักตามสไตล์แมวไทยทั่วไป ขี้อ้อน ชอบเอาหน้ามาถู เดินมานั่งบนคอม แต่ยิ่งอยู่ด้วยทุกวันผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองติดมัน เรียนเสร็จก็รีบกลับห้องทันทีไม่อยู่แฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ ต่อเหมือนแต่ก่อน แถมผมยังชอบอุ้มมันขึ้นมาจูบประจำ และที่แย่กว่านั้นก็คือ..ผมไม่ชอบเวลาที่มันไปคลุกคลีอยู่กับแมวสีดำของเจ้าของหอเลย...

คนเลี้ยงแมวเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า?



แท็กห้อง - แมว / สัตว์เลี้ยง /

484 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 111236



ความคิดเห็นที่ 7

เรื่องปกติค่ะ เราก็ชอบเล่นแบบนี้กับแมวเหมือนกัน ก็แหม น้องน่ารักขนาดนี้ไม่ให้ฟัดจะได้ไงเนอะ

256 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 187695



ความคิดเห็นที่ 25

คิดก็บ้าแล้วครับ งั้นผมที่เลี้ยงงูก็เท่ากับว่าผมคิดอะไรกับน้องงูตัวเองหรอ หยึยย

189 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 456887



ความคิดเห็นที่ 78

เป็นคนติดแมวเฉยๆ มั้ง แต่ถ้าตั้งกระทู้แบบนี้แสดงว่ากำลังคิดมากอยู่ล่ะสิ เอางี้ ถ้าคุณยังหาคำตอบไม่ได้ก็ลองโทรไปปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตดู 1323 เบอร์นี้เลย เราไม่ได้ว่าคุณเป็นบ้านะ แต่เราว่าถ้ามีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอาจดีกว่ามาตั้งกระทู้ในโซเชียลแบบนี้

170 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 476129



ความคิดเห็นที่ 146

แมวตัวเมียหรือตัวผู้อ่ะคะ >//<

0 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 746952



ความคิดเห็นที่ 199

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเรียกกระแสหรอครับ? งงมาก ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีจุดประสงค์อะไร เอาเป็นว่าถ้าทั้งหมดที่พิมพ์มาคุณไม่ได้กำลังจะสื่อความหมายว่าตนเองเป็นทาสแมว งั้นผมก็ขอสรุปให้แล้วกัน

คุณชอบแมวตัวเอง

0 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 931725



เขาพับหน้าจอโน้ตบุคลงพร้อมถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ เหม่อมองพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเลือนลางด้านหลังกลีบเมฆบนท้องฟ้าที่กำลังเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำมืด สัญญาณของการเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน

เป็นวันศุกร์ที่ถูกงดคลาสตลอดทั้งบ่าย มนุษย์แว่นจึงกลับห้องเพราะไม่มีสถานที่ให้ไป หากอันที่จริง...เป็นเขาเองนั่นแหละที่เลือกไม่ยอมออกไปไหน ไม่ไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ไม่ไปกินหมูกระทะ ปฏิเสธทุกคำชวน

เพื่อกลับมาตั้งกระทู้ประหลาดในพันทิป

เหตุผลหลักๆ ก็มาจากแมวน้อยผู้แสนร้ายกาจตัวเดียว...



“มิวมิว...ทำอะไร”

“.....”

“มิวมิวออกมา”



ดึงร่างสีขาวออกมาจากตระกร้าใบเล็กที่ดูยังไงจอมซนก็ไม่มีทางยัดตัวเขาไปได้ แต่แมวเป็นของเหลว ไม่ว่าภาชนะจะคับแคบแค่ไหน ถ้าเป็นแมว...น้องเขาไปได้หมด อย่างเช่นมิวมิว

มิวมิวของเหลว



“ม๊าว ม๊าว”



ตัวยุ่งส่งเสียงไม่พอใจที่ถูกอุ้มขึ้นมาวางบนตัก หากเขาไม่สนใจ ล็อคพุงนุ่มๆ ไว้ด้วยท่อนแขนกำยำ เอื้อมมือหยิบรีโมทเปิดโทรทัศน์หารายการใหม่ๆ ดูไปเรื่อยเปื่อย มิวมิวควรรู้ซักทีว่าเจ้าตัวกำลังทำให้คนอื่นหงุดหงิด

ไม่ใช่หงุดหงิดเพียงเวลาที่น้องชอบเข้าไปอยู่ในภาชนะแคบๆ เพราะกลัวน้องจะขาดอากาศหายใจตายซะก่อน แต่ยังหงุดหงิดเรื่องที่น้องชอบไปคลุกคลีกับชิโน่ แมวดำขาโจ๋ประจำหอ

ยอมรับเลยว่าเมื่อก่อนเขาเป็นทาสแมว ชิโน่กับชิลลี่ก็เคยเป็นหนึ่งในลิสต์สิ่งมีชีวิตน่าเอ็นดูประจำหอ ยกเว้นตอนนี้...เขาเป็นแค่ทาสมิวมิว เขาไม่ชอบเวลาที่มิวมิวเข้าไปคลอเคลียกับชิโน่หรือถูกชิโน่คลอเคลีย ทั้งๆ ที่น้องก็เป็นตัวผู้เหมือนกัน แถมยังได้รับวัคซีนเป็นอย่างดีจนไม่ต้องกังวลเรื่องโรคติดต่อ แต่เขาก็ยังไม่ชอบ...

มันแย่ตรงที่เขาดันอยากให้หัวทุยๆ อันนั้นถูคลอเคลียมาที่เขาคนเดียว...



“อาการหนักแล้วแม็กซ์เวล”



มนุษย์แว่นพูดกับตัวเอง ยกมือก่ายหน้าผากหนักใจ เอนหลังพิงกับผนังห้องสีเทา เป็นเวลาเดียวกันที่สิ่งมีชีวิตสีขาวบนตักเขยิบเคลื่อนขึ้นมานอนบนแผ่นอก วินาทีนั้นเขาจ้องมองดวงตาสีฟ้าก่อนจะรับรู้ได้ว่า...

แพ้จริงๆ นั่นแหละ

ขอโทษนะครับ...คุณมิวนิคคงมีคู่แข่งซะแล้ว

ซ่า ซ่า ซ่า

เสียงแมวน้อยตีน้ำป๋อมแป๋มจนกระจัดกระจาย แม็กซ์เวลยกมือขึ้นปัดป่ายฟองสบู่บนใบหน้าตนเองออกครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อถูกจอมซนแกล้ง คิดว่าการอาบน้ำคงเป็นวิธีการดับความฟุ้งซ่านได้ดีที่สุด แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นวิธีการเพิ่มความปวดหัว เพราะเมื่อเขาก้าวเท้าจะเข้าห้องน้ำ มิวมิวก็รีบวิ่งแจ้นตามเข้ามาทันที

ไม่ต้องถามเลยว่าถ้าคุณมิวมิวอยากได้อะไร...ทาสแม็กซ์เวลเคยขัดได้ไหม



“ชอบรึไง”

“ม๊าววว”



จะว่าไปมิวมิวก็เป็นแมวที่แปลก ไม่กลัวน้ำ...มิหนำซ้ำกลับยังชอบเล่นน้ำอีก แค่เปิดน้ำในอ่างไว้ให้ก็สามารถว่ายดุ๊กดิ๊กอย่างมีความสุขได้แล้ว บางทีเจ้าตัวอาจเข้าใจว่าตนเองเป็นแมวน้ำไม่ใช่แมวพันธ์ขาวมณี



“อาบไปนะ..”



ลูบหัวทุยก่อนจะลุกขึ้นจากอ่างฟองสบู่ที่มีเพียงเขากับเหมียวน้อย เดินไปยังบริเวณพื้นที่ยืนอาบใต้ฟักบัว ปลดเปลื้องบ็อกเซอร์ที่เป็นอาภรณ์ชิ้นเดียวบนตัวออกพาดไว้กับราวแขวน

ขืนแช่นานกว่านี้ จากที่จะหายฟุ้งซ่านคงได้ฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม

เขาปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านใบหน้า ผ่านเส้นผมลามลงมาถึงกกหู ความเย็นอันสม่ำเสมอทำให้ความคิดเริ่มเข้ารูปเป็นระบบระเบียบ เขาอาจไม่ได้ชอบมิวมิวจริงๆ อีกนัยหนึ่ง...เขาอาจหลงใหลน้องในรูปแบบของทาสแมวอย่างทาสแมวปกติ พอเห็นว่าตนเองกำลังจะถูกแมวตัวอื่นแย่งความรักความใส่ใจไปก็เลยฟุ้งซ่าน

ทาสแมวต้องเป็นกันขนาดนี้เลยหรอ

สะบัดศีรษะไล่ความคิดวุ่นวายไม่รู้จบ ก่อนจะรับรู้ได้ถึงดวงตาสีฟ้าเจ้าเดิมที่กำลังจ้องมองมาไม่กระพริบ มิวมิวเกาะขาหน้าทั้งสองข้างตรงขอบอ่างราวกับสมาธิทั้งหมดมีให้เจ้านายตัวโตเพียงคนเดียว



“มะ...มองอะไร”



เขาว่าอย่างตะกุกตะกักพร้อมยกมือปิดกุมความเป็นชายตรงสองหว่างขา ไม่ใช่ว่าไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้ามิวมิวหรอก เคยทำเป็นประจำ แต่ก็แค่เคย...เพราะพักหลังๆ เวลาถอดเสื้อหรือแก้ผ้ามิวมิวก็มักชอบจ้องมองแปลกๆ อย่างนี้ ถึงสายตาจะไม่สามารถสื่อสารความหมายได้ชัดเจนเท่าคำพูด แต่สายตาของมิวมิวน่ะ...

หื่นชะมัด



“ม๊าว ม๊าว”

“ของตัวเองก็มี...ก็ดูของตัวเองสิ”



สิ้นประโยคคนขี้อายก็รีบกระโดดลงอ่างฟองสบู่ เป็นวิธีเดียวที่จะหลบซ่อนความเก้อเขินจากสายตาร้ายกาจดวงสีฟ้าได้ ครั้นจะหยิบบ็อกเซอร์ขึ้นมาสวมก็คงปกปิดอะไรไม่ได้มากพอเพราะร่างกายเปียกไปหมด



“จะสระมั้ยขน”

“เมี้ยวว”



มีแต่ช่วงเวลาที่เจ้าเหมียวเป็นต่อเท่านั้นแหละเขาถึงมักฟังภาษาแมวออก บางทีคณะควรเปิดวิชาการสื่อสารภาษาสัตว์ เนื่องด้วยตอนนี้เหมือนมีฝั่งเขาเพียงฝั่งเดียวที่ฟังมิวมิวไม่รู้เรื่อง ในขณะที่มิวมิวกลับตรงกันข้าม เหมือนน้องสามารถฟังเขารู้เรื่องทุกหมดอย่าง จะเรียกว่าเซนส์หรือลางสังหรณ์ก็ได้

เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ!

เสร็จสิ้นกิจกรรมผ่อนคลายอันแสนเหน็ดเหนื่อยต่างคนก็ต่างจับจองมุมทำกิจกรรมในยามดึกของตนเอง เขาเลือกนั่งทำงานตรงโต๊ะญี่ปุ่นข้างเตียง ส่วนเจ้าของห้องตัวสีขาวก็นอนกลิ้งเกลือกเล่นตุ๊กตาน้องหนูอยู่บนฟูก

เขาซื้อให้มิวมิวเองเพราะเห็นว่าน้องอยู่เฉยๆ คงเหงาไม่มีอะไรทำ แอบดีใจเหมือนกันที่เห็นมิวมิวเอาออกมาเล่นบ้าง ก็มิวมิวน่ะแปลก...บางครั้งก็ทำตัวเหมือนกันแมว บางครั้งก็ทำตัวแสนรู้เกินแมว

ดีหน่อยที่ช่วงเวลาก่อนสี่ทุ่มเขาจะไม่ถูกรบกวน คล้ายกับว่ามิวมิวยอมปล่อยให้ทาสคนนี้เคลียร์งานได้ตามสบาย หากเมื่อผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปนั้น เขาจะถูกคุณมิวมิวก่อกวนอย่างหนัก เช่นการขึ้นมานั่งแบะบนคอม มุดเสื้อเข้ามากัดพุง หรือดื้อมากหน่อยก็ปีนขึ้นมาอยู่บนหัว

เวลาของคุณเขาล่ะ



“เมี้ยว เมี้ยว”

“รู้แล้ว เลิกทำแล้ว”



เสียงเงี้ยวง้าวดังขึ้นในตอนที่เข็มนาฬิการชี้เลขสิบ แม็กซ์เวลลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนจะทิ้งเอนหลังนอนลงบนเตียง ต่อHDMLจากโน๊ตบุคเข้ากับโทรศัพท์เพื่อหาซีรีย์เน็ตฟลิกดูหนึ่งตอน กลายเป็นกิจวัตรประจำวันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ที่เขาจะต้องนั่งดูซีรี่ย์กับมิวมิว



“ดูรู้เรื่องหรอ”



เหมียวน้อยไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะสนใจหน้าจอทีวีเหมือนอย่างทุกวัน ดวงตาสีฟ้าจ้องมองมาทางเขา อุ้งเท้าสีชมพูนุ่มนิ่มยกขึ้นทาบแผ่นอก ก่อนเหตุการณ์ทุกอย่างจะเลยเถิด..

จุ๊บ!

มิวมิวจูบเขา เป็นรางวัลเด็กดีที่เจ้าตัวมักมอบให้เวลาเอาแต่ใจจนเกินพอเหตุ ว่ากันตามจริงมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ นักหรอก แต่เขาก็ควรจะเคยชินกับพฤติกรรมสุดประหลาดแบบนี้ของจอมซนเสียที หากว่าไม่ใช่อย่างนั้นแม้แต่น้อยเลย...หัวใจเขาเต้นโครมคราม ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเหมือนคนบ้า

มิวมิวน่ารักเกินไป ยิ่งอยู่ด้วยกันก็ยิ่งอันตราย เขาเคยคิดว่ามิวนิคตัวนี้สามารถเป็นตัวแทนให้กับคุณมิวนิคตัวจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขาคงประเมินมนุษย์มิวนิคต่ำกว่าที่คิด แค่ได้ชื่อว่ามิวนิค ต่อให้จะอยู่ในร่างคนหรือร่างแมว...ก็สามารถทำให้มนุษย์แว่นตกหลุมรักได้ไม่รู้จบ

บางที...การเปลี่ยนชื่ออาจทำให้เขาปลอดภัยขึ้น

หมายถึงหัวใจของเขา...ที่จะปลอดภัยขึ้น









      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

ตกลงว่าเธอจะเอายังไงกับช้านน ไม่รู้เธอมาแบบหนายยย

จะ introvert นิดนึงนะคะ setting ก็จะอยู่แต่ในห้องงี้



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ทุกคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้เค้าจีงๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-11-2018 23:16:05
ยังไม่จุใจเลย
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-11-2018 23:19:10
จุ๊บๆๆต่อสิอาจจะเป็นคนนะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 09-11-2018 01:23:23
เพิ่งได้อ่าน มีดีย์ต่อใจมากๆเลยค่ะ เฮ้อออออ
มิวมิวน่ารักยกกำลังล้านเลย
นัทนี่นิสัยแย่สุดๆแต่ก็ดี มิวมิวน้อยจะได้คู่กับแม็กซ์ได้อย่างสบายใจอิอิ เลิฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 09-11-2018 10:51:02
แอบคาดไม่ถึงว่านัทจะกิ๊กกะท็อป 55555
นึกไว้อยู่นะว่านัทต้องกิ๊กกะคนอื่นด้วยแต่ไม่ได้นึกถึงท็อปเลย
แต่ช่างมัน ยิ่งทำให้มิวนิคตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะว่าควรเลือกใครเป็นสามี -^-
แม็กซ์เวลตั้งกระทู้แล้วอ่ะ 5555 มิวมิวลูกก น้องแมวหื่นน แอบมองของพี่เขา เดี๋ยวเหอะะ
รอตอนหน้านะคะ เรื่องนี้น่ารักมากเลย
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-11-2018 12:25:25
 :L2: :pig4:

มิวมิว ทะลึ่ง
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 09-11-2018 15:46:38
มิวมิวน่ารักขึ้นทุกวันเลยค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 09-11-2018 16:02:01
เขินอ่ะ รักแมวเฉยยยย ชิโน่นี่คือจะเป็นแมวเบี่ยงเบนใช่ไหม เหมือนแมวที่บ้านเราเลย555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-11-2018 17:16:28
 ชิโน่เรารู้นะนายคิดอะไรกับมิวมิว
ทำเอาแม๊กหึงได้นะชิโน่.
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 14-11-2018 11:33:58
แอบรอเธออยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 17-11-2018 07:50:00
รออยู่นะค้า ><
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-11-2018 20:12:17
น้องอ้อนมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 11 updated!] 8/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-11-2018 18:06:01
น้องอ้อนสุดๆไปเลยยยยยย
กับแม้ก คนหึงแมว 55555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 21-11-2018 22:33:52


Meow 12



มิวนิคตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ เหมียวน้อยบิดขี้เกียจก่อนจะกระโดดขึ้นนั่งบนขอบระเบียงด้านนอก หลับตาพริ้มสูดอากาศเย็นสบายข้างกระถางดอกเดซี่ แม็กซ์เวลซื้อมาให้เขาเองแหละ ทั้งๆ ที่ฟังภาษาแมวไม่รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายก็ยังหามาให้จนได้ หมอนี่...ชอบทำให้คนอื่นรู้สึกสำคัญตัวอยู่เรื่อย

ใส่ใจไม่เข้าเรื่องจริงๆ เลย

อยากให้ถึงเวลาเที่ยงคืนไวๆ เขาอยากกลับคอนโดมาก มิวนิคตั้งปณิธานเอาไว้ว่าในช่วงที่คืนร่างเป็นมนุษย์...เขาจะต้องไปกินหมูกระทะที่ร้านอาหารเกาหลีให้ได้ สาเหตุก็ไม่ใช่อะไรนอกจากเมื่อคืนที่แม็กซ์เวลเปิดซีรีย์เรื่อง Let’ s eat ให้ดู มันหิวไปหมด ทำไมคนเราถึงต้องกินอาหารได้อร่อยขนาดนั้นด้วยนะ

ไม่รู้ล่ะ...ยังไงพรุ่งนี้เขาก็จะต้องได้กินหมูกระทะเกาหลี และสายหมอกจะต้องเป็นคนพาไป อ่า...หัวใจแมวน้อยวูบโหวง อันที่จริงเขาอยากไปกินกับคนที่เป็นตัวการของเรื่องหิวๆ ทั้งหมดมากกว่า แต่คงยาก... มิวนิคไม่เคยจินตนาการถึงการเจอกันในร่างมนุษย์ของเขากับแม็กซ์เวลมาก่อนเลย

ครั้งล่าสุดก็...นานมากๆ แล้ว



“ตื่นเช้าจังดื้อ”



หันมองเจ้าของนัยน์ตาสีดำ เขาไม่ได้ชื่อดื้อ แต่พักหลังๆ มานี้ตาแว่นมักชอบเรียกเขาว่าดื้อบ้าง จอมซนบ้าง เป็นทุกอย่างที่ไม่ใช่มิวมิว เหมียวน้อยจึงไม่ตอบ หันหน้ากลับไปหลับตาพริ้มรับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ตามเดิม

ร่างสูงอมยิ้ม ทาบฝ่ามือใหญ่โตลงบนกลุ่มขนนุ่มนิ่ม มิวนิคคิดว่าตาหมอนี่คงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตสีขาวนอนอยู่บนอก...ตั้งแต่ตอนไหนแล้วก็ไม่รู้ที่เขาชอบคล้อยหลับไปบนร่างกายแม็กซ์เวล ทำไงได้...

ก็มันอบอุ่น



“กินแซลม่อนไหม”

“เมี้ยววว (กินนนน) ”

“เหมือนฟังภาษาคนออกเชียวล่ะ”



เขามองมนุษย์แว่นที่ตอนนี้อยู่ในสภาพไร้แว่นเพราะเพิ่งตื่นนอนกำลังอมยิ้มเอ็นดู เสื้อยืดตัวย้วยสีฟ้าอ่อนกระเพื่อมตามแรงลมเบาบาง กลิ่นมิ้นท์กับกลิ่นกายคนเฉิ่มลอยเตะจมูกสีชมพู แสงแดดยามเช้าส่องกระทบจากด้านข้าง รูปหน้าอันชัดเจนที่เห็นจนเกือบทุกวันขนาดนี้เขามองพลาดไปได้ยังไง เป็นความรู้สึกที่...

ไม่เลวเลย...

ตาหมอนี่ดูดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่



“เข้ามาได้แล้วมิวมิว”



รู้ตัวอีกทีเจ้าของเสียงทุ้มลึกก็ค่อยๆ หายลับเข้าไปในครัว เป็นแบบนี้เสมอเวลาจ้องมองอีกฝ่ายนานๆ มันเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง ราวกับเวลาเดินอย่างไม่ปะติดปะต่อ

บางทีเขาอาจหิวแซลม่อนมากเกินไป…



“ม๊าว ม๊าว (ขอแซลม่อนเยอะๆ ได้ไหม) ”

“อ้อนอะไรหืม?”



เหมียวน้อยร้องประท้วงด้วยความหิวโหยอยู่บนโต๊ะกินข้าวข้างเจ้านายตัวโต แซลม่อนกลายเป็นมื้ออาหารอันโอชะเมื่อจู่ๆ แม็กซ์เวลก็เสนอว่าจะให้เขากินแซลม่อนอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เอาเข้าจริง...แค่ปลาทูทอดก็ฟินจะแย่ นี่ยังได้แซลม่อนอีก ฟินอีกแค่ไหนให้มันรู้ไป

ปกติแล้วสมัยเป็นมิวนิคเขามักออกไปกินแซลม่อนหรืออาหารหรูๆ จำพวกนี้จนเบื่อ แค่กระดิกนิ้วสายหมอกก็พาไปกิน ชีวิตถูกโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ ทุกอย่างง่ายดายโดยปราศจากอุปสรรคขวากหนาม

หากพอเป็นมิวมิว...ช่างตรงกันข้าม ชีวิตเขาไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างเคยเลย เขากลายเป็นแค่แมวพันธ์ขาวมณีธรรมดาตัวหนึ่ง ไม่มีความสามารถพิเศษนอกจากร้องเงี้ยวง้าวไปวันๆ อาหารที่กินก็ไม่ได้หลากหลายมากเกินไปกว่าปลาทูทอด และนั่นก็ทำให้เขารู้คุณค่าของอาหารมากขึ้น

นานๆ ได้กินอะไรดีๆ ก็ให้ความรู้สึกพิเศษสุดๆ ไปอีกแบบ



“ขอต้มข้าวต้มก่อนนะ”

“เมี้ยว (จ้า) ”



เหมียวน้อยส่งเสียงตอบรับหลังถูกลูบหัว ดวงตาสีฟ้าจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังขะมักขะเม้นกับการเตรียมมื้ออาหารเช้า มิวนิคคิดว่าถ้าได้กลับคืนร่างไปเป็นมนุษย์เขาคงต้องซื้ออาหารมาชดใช้หมอนี่ชุดใหญ่

หมดไปเท่าไหร่แล้วล่ะกับคำว่ามิวมิว

มนุษย์แว่นใช้เวลาทั้งวันไปกับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์อยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นข้างเตียง ส่วนเหมียวน้อยก็นอนกลิ้งเกลือกไปมาอย่างไร้จุดหมายข้างๆ กัน มีขึ้นไปก่อกวนบ้างแต่ก็โดนมือหนาอุ้มออกจากบริเวณนั้นทุกที เห็นเฉิ่มๆ แบบนี้ติดเกมส์ใช่ย่อยเชียว นี่เห็นว่าเล่นกับไอ้เด็กชายตัวขาวด้วย น่าจะชื่อยูล่ะมั้ง มิวนิคลอบฟัง

พูดถึงไอ้เด็กชายตัวขาวคนนั้นก็มันเขี้ยวขึ้นมาตะหงิดๆ คนอะไรตัวนิ่มชะมัด แถมยังกลิ่นเหมือนแป้งเด็กอีกต่างหาก เฮ้อ...เขาชอบจัง ชอบกัดแล้วก็ชอบดม ความรู้สึกเวลานอนบนก้อนเมฆคงน่าจะประมาณนี้

อ่า...แต่ถึงกระนั้นเขาก็ชอบไอ้เด็กนั่นรองจากแม็กซ์เวลหรอกนะ ยังไงตาเจ้านายซื่อบื้อก็กัดสนุกกว่า คิดแล้วก็กัดเลยแล้วกัน



“มิวมิวอย่ามุดเสื้อ” คนตัวโตส่งเสียงดุ

“ม๊าว...”

“มิวมิวอย่ากัด...”

“งั่ม งั่ม”



ห้ามได้ที่ไหน มนุษย์เป็นทาสของแมวจำไว้เลย มิวนิคกัดกล้ามแน่นๆ จนผล็อยหลับไปบนตักด้วยความง่วง กล้ามของตานี่ผสมยานอนหลับเข้าไปด้วยหรือยังไงกัน ไหงกัดทีไรเขาดันรู้สึกง่วงนอนทุกที

เหมียวน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งในตอนฟ้ามืด เป็นเวลาหนึ่งทุ่มเศษๆ ก่อนจะรับรู้ได้ว่าตนเองกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนหมอนใบใหญ่

ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองภาพชายหนุ่มเปลือยท่อนบนกับกางเกงกีฬาขาสั้นที่กำลังวิดพื้นไม่หยุด เม็ดเหงื่อสีใสไหลผุดขึ้นตามซอกร่างกายอันกำยำ ฟีโรโมนเฉพาะตัวของใครบางคนลอยฟุ้งผสมกับกลิ่นมิ้นท์ประจำห้องจนคนดมหลับตาฟิน

แซ่บว่ะ...

ทำไมถึงแซ่บได้ขนาดนี้วะแม็กซ์เวล



“มองอะไรมิวมิว”



คนพูดหรี่ตามองจับผิด มิวนิครู้ว่าตาแว่นต้องกำลังเขินเขาอยู่เป็นแน่แท้ สังเกตได้จากอาการกกหูแดงระเรื่อที่ไม่น่าได้มาจากการออกกำลังกาย

คนอะไรเขินแมว

แต่จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้ เพราะขนาดเขาที่ได้กลิ่นเหงื่อหอมๆ แบบนี้ทุกวันยังกลับไม่ชินเลย หัวใจมันเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ แปลกๆ ยิ่งตอนโดนอุ้มเข้าไปแนบแผ่นอกทั้งๆ ที่ร่างกายอีกฝ่ายยังเปียกชุ่มเหงื่อแบบนั้นคือเกมส์จริงๆ มันยวบยาบไปหมด แต่เหตุการณ์ที่ว่าคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้วแหละ ก็ตาแว่นดันเขินเขานี่หว่า

มันเป็นเวลาสองทุ่มสี่สิบหา มนุษย์แม็กซ์เวลยังคงนั่งไขว่ห้างไถหน้าจอไอแพดไปเรื่อยเปื่อยบนฟูกเตียงโดยมีเหมียวน้อยสีขาวนอนซุกหน้าตักอยู่ วันนี้วันเสาร์...แต่ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านไปซักทีล่ะ



“เมี้ยว เมี้ยว (นี่ ไม่กลับบ้านหรอ) ”

“ปลาทูวางอยู่ในชาม”



มิวนิคชะเง้อมองปลาทูตัวทีว่าก่อนจะเริ่มเดินเข้าไปจัดการให้เสร็จสรรพ ทว่าพอกลับมา คุณเจ้านายตัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเก็บของกลับบ้านเลย อีกฝ่ายใส่เสื้อผ้าสบายๆ ราวกับพร้อมนอนแล้ว

ไม่ได้นะโว้ย ต้องกลับบ้าน ขืนยังอยู่ที่นี่มีหวังคงได้มีคนเป็นลมหงายหลังล้มตึงตอนเห็นเขาค่อยๆ กลายร่างเป็นคนแน่ๆ เป็นคนยังไม่เท่าไหร่ แต่ดันเป็นมิวนิคผู้ชายที่แกแอบชอบเลยนะโว้ย ทนไหวหรอแม็กซ์เวล

เอ๊ะ...ทำไมถึงกำลังว่ารู้สึกว่าเขาช่างหลงตัวเองขนาดนี้กัน



“เอียงคออะไรมิวมิว”



สงสัยเขาคงเอียงคอเป็นแมวงงมากเกินไป มือหนาถึงอุ้มของเหลวสีขาวขึ้นมาจ้องมอง ขาหลังทั้งสองลอยต่องแต่งไม่แตะพื้น ดวงตาสีฟ้าสบประสานกับนัยน์ตาสีดำด้านหลังกรอบแว่นหนาเตอะ

ยิ้มอะไรของหมอนี่กัน

เขาถูกจับวางลงบนตักตามเดิม มนุษย์แว่นต่อHDMLเข้ากับทีวีจอใหญ่ กิจกรรมดูซีรีย์วันละหนึ่งตอนกับมิวมิวเดอะแคทจึงเริ่มต้นเหมือนอย่างทุกวัน อ่า....Let’ s eat อีกแล้วหรอ กะฆ่ากันให้ตายเพราะความหิวรึไง

ปลาทูมันแทนหมูย่างเกาหลีไม่ได้หรอกนะบอกเลย มิวนิคหันมองเจ้าของตักอบอุ่นอย่างเอาเรื่อง แต่สุดท้ายก็หันกลับไปดูซีรีย์เรียกน้ำย่อยจนท้องร้องตามเดิม สายหมอกเพื่อนรัก...ล้างท้องรอไว้เลยนะ

เวลาสี่ทุ่มสามสิบ มนุษย์แว่นอ้าปากหาวหวอด ไม่มีท่าทีว่าจะเก็บของกลับบ้านเลยซักนิด เดี๋ยวนะ...ขอย้ำอีกที นี่มันวันเสาร์พ่อคุณ ปกติแกจะต้องกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวตั้งแต่หัวค่ำแล้วไม่ใช่รึไง แล้วนี่อะไร ทำไมยังนั่งบื้ออยู่อีก ตอบมาเดี๋ยวนี้เลยนะแม็กซ์เวล!



“ร้องอะไรมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วมิวมิว”



คนตัวโตขมวดคิ้วสงสัย ยื่นมือลูบหัวเหมียวน้อยจอมโวยวายป้อยๆ ขณะคนถูกลูบกลับเริ่มกระวนกระวายอยู่ไม่ติด อีกไม่กี่นาทีก็เที่ยงคืนแล้ว เขาต้องทำอะไรซักอย่าง

ถ้านายแว่นไม่ออกไปงั้นเขาออกไปเองก็ได้วะ



“จะไปไหนมิวมิว”

“เมี้ยววว! (ปล่อยนะโว้ย) ”



เหมียวน้อยงอแง ประตูมุ้งลวดที่ถูกเปิดครึ่งนึงถูกปิดลงด้วยน้ำมือมนุษย์แว่นทันใด แม็กซ์เวลอุ้มเขากลับไปนอนยังเตียงตามเดิม เปิดซีรีย์ดูตามเดิม โอ้ยยยยย...มันใช่เวลามาเป็นทาสแมวตอนนี้มั้ยตาทึ่ม



“ดื้อ”

“ม๊าว ม๊าว (ดื้ออะไรกันล่ะ แกอยากเจอมิวนิคหรือไงกัน!) ”

“ก็ดื้อน่ะดื้อ”



อื้อหือ...มิวนิคเกลียดอาการคิ้วตกแบบนั้นมากๆ เป็นการดุอันอ่อนละมุน อย่าทำตัวอปป้านักได้มั้ย คิดว่าพอเริ่มหล่อขึ้นมานิดๆ แล้วจะแกล้งกันยังไงก็ได้งั้นหรอ ไหนจะการเรียกเขาว่าดื้ออีก ศัพท์แบบนี้มันเอาไว้ใช้เรียกเฉพาะกับแฟนไม่ใช่รึไงโว้ยย! หน็อย...ร้ายกาจจริงๆ เลยไอ้มนุษย์แว่น

เวลาห้าทุ่มยี่สิบ มันไม่กลับบ้านจริงๆ เว้ยเฮ้ย บ้าเอ๊ย! เสียแผนหมด แล้วเขาจะทำยังไงล่ะเนี่ยยย มิวนิคเพ่งสายตาไปยังประตูมุ้งลวดข้างระเบียง สบโอกาสเขาจะหาจังหวะออกไปจากห้องนี้ให้ได้

อ๊ะ! หาวแล้ว ตอนนี้ล่ะ!

หมับ!



“เผลอไม่ได้เลยนะ”



โดนจับอีกแล้วโว้ยยย หมอนี่มันเป็นนักจับแมวรึยังไงกัน จะกี่ครั้งเขาก็หนีไม่พ้นน้ำมือของอีกฝ่ายได้เลย หรือเขาจะเป็นแมวสุดห่วย เสียใจว่ะ...อย่างน้อยก็ขอความเฟียสแบบในตอนที่เป็นมิวนิคซักครึ่งนึงก็ยังดี



“ติดสาวหรอ?”

“ม๊าว (สาวบ้าอะไรล่ะ) ”



ทั้งวันก็อยู่แต่กับแกไม่ก็ชิโน่ จะเอาเวลาไหนไปหาสาว ถ้าจะปิ๊งใครซักคนก็คงเป็นพวกแมวในหอนี่ล่ะ แต่คงเป็นไปได้ยาก ตกหลุมรักแมวเนี่ยนะ นึกยังไงก็ไม่อิน เขายอมเป็นทาสแมวทั้งๆ ที่ยังเป็นแมวต่อไปดีกว่า

แกร้ก!

ประตูกระจกถูกเลื่อนปิดพร้อมล็อคกลอนเสร็จสรรพ มนุษย์แว่นต้องการหาเรื่องเขาชัดๆ นี่อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะเที่ยงคืนแล้วนะ ตายแน่ๆ มิวนิค เรื่องมันยากกว่าการนอนหนาวข้างถังขยะในวันฝนตกเสียอีก

เขาจะรอดจากแม็กซ์เวลไปได้ยังไงกัน



“เมี้ยวว!! (ปล่อยยย) ”



เหมียวน้อยดิ้นสุดแรงทั้งๆ ที่ยังติดอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่ง แม็กซ์เวลล็อคเขาแน่นราวกับรู้ว่ามีคนกำลังอยากหนีออกไปจากห้องนี้ โว้ยยย...ที่เขาอยากหนีออกไปก็เพื่อความปลอดภัยแก่ทุกฝ่าย อยากเห็นแมวกลายร่างเป็นคนหรอฟะ มันไม่ตลกเลยนะ!



“มิวมิวเป็นอะไร ใครทำอะไร”



สิ่งมีชีวิตสีขาวไม่สนใจ ยกขาตะกุยตะกายพยายามจะเปิดประตูกระจกออกให้ได้ แต่เพราะมือแมวไม่สามารถขยับได้ดั่งใจเขาถึงเปิดไม่ออกซักที บ้าจริง! กระโดดเอาหัวโหม่งให้กระจกแตกไปซะเลยดีมั้ย



“มิวมิว...กลัวอะไร”



อีกหนึ่งนาที



“เมี้ยวว!”

“เป็นแผลหรอ?”



สามสิบวินาที



“ม๊าว ม๊าว”



เสียงเกาประตูกระดังขึ้นแกร้กกร้าก เข็มนาฬิกาค่อยๆ เคลื่อนขยับอย่างเนิบนาบ ราวกับว่าเขาสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของเข็มนั้นอย่างเชื่องช้า หัวใจเต้นแมวน้อยรุนแรงคล้ายจะระเบิดออกมาเสียเดี๋ยวนี้

สิบวินาที



“มิวมิวหยุดเกา เล็บจะเสีย”

“เมี้ยวววว!”



ห้าวินาที

เขาต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อออกไปจากห้องนี้ให้ได้!! เหมียวน้อยวิ่งวุ่น มันต้องมีซักช่องทาง ประตู หน้าต่าง บ้าชะมัด! นอกจากประตูกับระเบียงแล้ว ห้องของหมอนี่ก็ไม่มีทางออกไหนอีกเลย…

ปุ้งง!

เสียงคล้ายระเบิดเล็กๆ ดังขึ้นช่วงอึดใจ ควันสีขาวลองฟุ้งออกมาตรงหน้าประตูระเบียงที่ปิดสนิท บุรุษในชุดสีเดียวกับควัน พร้อมกางเกงขาสั้นและถุงเท้าสีเดียวกันค่อยๆ โผล่พ้นออกจากม่านควัน

ฝ่ามือเนียนสะอาดยกถูจมูกที่คล้ายกำลังสำลักควันค่อกแค่ก

คงจะไม่ทันแล้วจริงๆ จะฝันดีฝันร้ายคงต้องวัดกันตรงนี้



“คะ...คุณ มะ...มิวนิค!! ”



มนุษย์แว่นเอ่ยอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ ส่วนคนถูกทักนั้นตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มจางๆ แหยะๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรยิ้มได้เต็มปากหรือเปล่า การเจอกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการ...



“...ไง”





//มีต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 21-11-2018 22:34:20

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


มิวนิคนั่งมองคนตัวโตที่กำลังนอนหลับไร้สติอยู่บนเตียง เป็นเขาที่ลากอีกฝ่ายขึ้นมาเอง ก็ต้นเหตุทั้งหมดที่ทำให้แม็กซ์เวลนอนสลบไสลอยู่ตอนนี้ก็เป็นเพราะเขานี่หว่า

คิดว่ามนุษย์แว่นคงหลับไม่นาน แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เขากลับเริ่มง่วง สุดท้ายก็ทิ้งตัวนอนลงบนพื้นที่ว่างข้างๆ กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็นะ...อยากอธิบายแทบตายแต่ความง่วงดันมีมากกว่า

เขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าภายในอ้อมอกอบอุ่น ซุกหน้าขยับยุกยิกสูดดมกลิ่นกายเฉพาะตัวอยู่นาน ก่อนจะรับรู้ได้ว่าตนเองกำลังนอนหนุนอกแม็กซ์เวลอยู่ มิวนิครีบผลักร่างออกทันที...ฉวยโอกาสอีกแล้วสินะ

แย่จริงๆ เลยมิวนิค

แต่คงไม่ทัน...เพราะใครบางคนบังเอิญลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี



“คะ...คุณมิวนิค!!”



แม็กซ์เวลขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนคนมองต้องยื่นมือไปกุมมืออีกฝ่ายให้หยุด กลัวลูกกะตาของใครบางคนจะหลุดออกมาเสียก่อน อีกฝ่ายทำหน้าเลิ่กลั่กราวกับไก่ตื่น เป็นสีหน้าเฉิ่มเบ๊อะอย่างที่เขาตั้งให้อีกฝ่ายขึ้นมาเองเมื่อนานมาแล้ว คิดว่าจะเลิกเฉิ่ม ที่ไหนได้...ยังเฉิ่มอยู่ตลอดเลย



“ตะโกนทำไม อยู่ใกล้กันแค่นี้” เจ้าของชื่อขมวดคิ้วมุ่น

“คะ...คุณเข้ามา หะ...ห้องผม ดะ...ได้ยังไงครับ!”

“พูดให้รู้เรื่องได้มั้ย”

“คุณ...เอ่อ..เข้ามา ได้..ยะ...ยังไงครับ!”



จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เหมือนเดิม มนุษย์แว่นไม่อาจปกปิดอาการกระอักกระอ่วนที่มีออกมาได้ มิวนิคจิ๊ปากขัดใจ เขาอยากให้แม็กซ์เวลเป็นตัวของตัวเองเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายเคยเป็น เขาหมายถึง...

เป็นแม็กซ์เวลของมิวมิว

แต่ในเมื่อสาเหตุทุกอย่างมันมาจากเขา ครั้นจะให้คนคนนึงที่แอบชอบคนคนนึงมาทำตัวปกติเวลาเจอคนที่แอบชอบอยู่ตรงหน้าก็คงไม่ใช่ แย่จัง...ทำไมการเป็นมิวนิคถึงกลับยากกว่าทุกทีนะ...



“อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว”

“คะ...คุณมิวนิค ผม...ไม่ตลกนะครับ...”

“แล้วเราตลกหรอ”



กอดอกมองหน้าเจ้าของแว่นตาหนาเตอะ ความวูบไหวของลูกนัยน์ตาสีดำทำเอาเขาต้องกัดริมฝีปากสะกดกั้นรอยยิ้ม ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขากลายมาเป็นรู้สึกเอ็นดูความเด๋อด๋านั่น



“ขะ...ขอร้องล่ะครับ ผม...ผมทำอะไรไม่ถูกแล้ว ยะ...อย่าแกล้งผม”



ฝ่ามือที่เล็กกว่าเอื้อมวางทาบลงบนปีกไหล่แข็งแรง ผลักคนที่กำลังก้มหน้างุดให้แผ่นหลังชนกับกำแพงสีเทา เรียวขายาวก้าวขึ้นคร่อมจนชายใต้ร่างหลุดความเงอะงะไม่ทันได้ตั้งตัว



“คะ....คุณมิวนิค ทะ...ทำอะไรครับ!”



จุ๊บ!



ริมฝีปากสีสดแตะประทับลงบนริมฝีปากชายหนุ่มเด๋อด๋าแทนคำตอบ เพียงแค่ชั่วอึดใจทุกอย่างก็ถูกไถ่ถอนออก ปลายจมูกจิ้มลิ้มพอดิบพอดีหอมฟุดฟิดคลอเคลียลงตามซอกคอกลิ่นเฉพาะตัวอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

อย่างที่...เหมียวน้อยบางตัวเคยทำเป็นประจำ



“มะ...ไม่ใช่!!”



แม็กซ์เวลผลักเขาออกทันควันเมื่อเริ่มได้สติ แต่มิวนิครู้ดีว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูด ความสับสนบนใบหน้าและดวงตาวูบไหวคือหลักฐานชั้นดี ถึงสมองจะสั่งให้ปฏิเสธความเป็นจริงที่กำลังเห็น ทว่าสำหรับหัวใจนั้นไม่มีวัน แม็กซ์เวลต้องรู้สึกได้ว่าเขาคือใคร และเป็นอะไรกับอีกฝ่าย



“ทำไมถึงไม่ใช่…”



มิวนิคเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนคนเด๋อหมดทางหนี กลิ่นกายของชายหนุ่มที่ผสมกับกลิ่นมิ้นท์ของเทียนหอมในห้องช่างชวนให้อยากดมไปทั้งวัน ไอ้เทพเจ้าปู่แมวกำลังดูอยู่หรือเปล่า เขากังวลใจเหลือเกิน

กลัวคนอื่นจะรู้ว่ามิวมิวเป็นแมวแรด



“…..”

“เราก็กลายร่างเป็นมิวนิคให้นายเห็นต่อหน้าต่อตาเมื่อคืนแล้วนี่ มันจะไม่ใช่ได้ยังไง”

“ระ...เรื่องแบบนี้ มะ...มันมีแต่ในละคร ทะ...เท่านั้นครับ!” มนุษย์แว่นเบือนหน้าหนี



วินาทีนั้นเขาสังเกตเห็นถึงความเห่อแดงที่ลามไปทั่วกกหู นั่นสินะ...

หมอนี่แอบชอบเขา

ไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายจะเขิน ก็เล่นสกินชิพแถมยังจูบเสียขนาดนั้น เฮ้อ...เขาไม่ได้อ่อย ก็ตาทึ่มตรงหน้าตัวใหญ่อย่างกับหมี น่าอ้อนจนทนไม่ไหว แล้วไม่รู้ว่าเป็นอะไรถึงนดันอยากอ้อนอีกฝ่ายนัก

โรคมิวมิวช่างอันตราย



“แล้วมิวมิวหายไปไหน?”



แม็กซ์เวลเหลือบมองบานประตูระเบียงที่ยังปิดสนิท เม้มปากแน่นก่อนจะค่อยๆ ตอบออกไป “อะ...อาจจะออกไปเล่นข้างนอกครับ”

มิวนิครู้ดีว่านั้นคือคำโกหกอีกแล้ว มิวมิวไม่ได้ออกไปไหน มิวมิวก็ยังคงอยู่ในห้องแห่งนี้ นอนอยู่บนเตียงแห่งนี้ ข้างๆ กับเจ้าของตัวโตคนนี้ เพียงแค่ไอ้เจ้าของซื่อบื้อเลือกที่จะผลักไสเขาออกไปโดยการไม่เชื่อ



“ไม่แปลกใจหน่อยหรือไงที่เรารู้ชื่อแมวนาย”

“!” คนฟังหลบสายตา ซุกซ่อนความประหลาดใจ ก้มหน้าครุ่นคิดถึงประโยคดังกล่าว

“...นายมาซื้อของอะไรซักอย่างที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ แล้วนายก็เจอเรานอนข้างถังขยะในซอกตึก”



นัยน์ตาสีดำเบิกโพล่ง เงยมองเจ้าของใบหน้าอันมีเสน่ห์ แน่นอนว่าที่มิวนิคพูดมานั้นไม่มีใครเคยรู้นอกเสียจากมิวมิวและแม็กซ์เวล จะมีก็เฉพาะเพื่อนในกลุ่มที่รู้ว่ามิวมิวถูกเก็บมาจากไหน แต่แม็กซ์เวลก็ไม่เคยเล่ารายละเอียดถึงขั้นเจอมิวมิวนอนข้างถังขยะ



“นายซื้อปลากระป๋องกับน้ำเปล่ามาให้เรา แต่เราไม่ยอมกิน” มิวนิคลอบถอนหายใจ “ก็ใครจะไปกินลงเล่า เย็นก็เย็น ดิบก็ดิบ ถึงเป็นแมวก็เลือกกินนะ”



“……”

“แล้วหลายวันถัดมานายก็มาอีก แต่นายไม่เห็นเรา เลยฝากอาหารที่ซื้อมาไว้กับน้องพนักงานร้านกาแฟ”

“คะ...คุณมิวนิค”

“เป็นวันฝนตก ในมือนายถือถุงเค้ก จ้องมองเราที่นอนหมดแรงอยู่ข้างถังขยะ” ดวงตาของคนทั้งคู่สบประสานกัน “นายเลือกที่จะอุ้มเราขึ้นมาโดยไม่รังเกียจความสกปรก นายรับเรามาเลี้ยงไว้ที่หอแห่งนี้ เป็นสัตว์เลี้ยงของนาย เราอยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันมาตลอด…”

“เรื่อง...บะ..แบบนี้ มัน”

“ครั้งแรกที่เราจูบนาย นายตกใจชะงักไปซักพัก แต่สุดท้ายก็อมยิ้ม พอครั้งต่อๆ ไปเราก็ชอบแกล้งจูบนายอีก ไม่ใช่แค่จูบนะ...บางทีเราก็ขึ้นไปนอนบนตัวนาย ก็ตัวนายมันหอมนี่หว่าให้ทำไงอ่ะ”



ไม่เพียงใบหู วินาทีนี้คนฟังหน้าร้อนเห่อไปหมด แม็กซ์เวลเหมือนถูกแทะโลมด้วยคำพูดร้ายกาจ และมิวนิคก็รู้ดีว่าตนเองกำลังทำอะไร เขาไม่ได้แกล้ง…

ก็ชอบทำอย่างที่ว่าจริงๆ



“ถ้ายังไม่เชื่องั้นเล่าเรื่องออกกำลังกายก็ได้” มิวนิคขมวดคิ้วเพราะเริ่มเหนื่อย “ทุกวันตอนห้าโมงเย็น นายจะชอบทำบอดี้เวทข้างเตียง นายชอบถอดเสื้อออกจนเหลือแค่บ็อกเซอร์ วิดพื้นประมาณห้าเซ็ต ต่อด้วยซิทอัพอีกห้าเซ็ต วันไหนฟิตๆ ก็จะมีกระโดดเชือกประมาณสามร้อยครั้ง นายชอบเล่นทุกส่วนให้พอดีเสมอกันไม่เยอะจนเกินไป แล้วก็เวลาอาบน้ำ นายจะชอบถอด....”

“พะ...พอแล้วครับ!! เชื่อแล้ว ผม...เชื่อแล้ว”



มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วแม็กซ์เวล ทุกสิ่งล้วนเป็นความจริงที่นายควรรับรู้มาโดยตลอดในซักวันใดวันหนึ่ง เพียงแค่จะเร็วหรือช้า...แต่ก็เร็วกว่าที่คิดไว้มากโข และเขาดันควบคุมอะไรไม่ได้เลย



“คุณ...เป็นตัวอะไรกันแน่”

เจ้าของชุดเสื้อยืดสีขาวย่นหน้าผาก “…ก็เป็นคนเหมือนอย่างนาย”

“มะ...ไม่ใช่! คุณทำแบบนี้ทำไม คุณแปลงเป็นมิวมิว....มะ มาหลอกผม”



นัยน์ดำสนิทค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความแข็งกร้าว มิวนิคไม่รู้ว่าแม็กซ์เวลกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ อารมณ์ของคนตรงหน้ากำลังถูกหล่อหลอมไปด้วยความไม่พอใจ



“คำสาป”



เขาตอบสั้นๆ คำที่แทนความหมายของเรื่องราววุ่นๆ ทั้งหมด



“คะ...คำสาป?”

“คุณหมอ...ในโลกใบนี้ไม่ใช่ทุกอย่างหรอกที่จะสามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์” มิวนิคอมยิ้มจางๆ หากแต่เศร้าหม่น “มีหลายเรื่องเลยที่นายยังไม่รู้ ไม่สิ...มีหลายเรื่องที่มนุษย์ยังไม่เคยรู้”



เขาตัดสินใจเราเรื่องทั้งหมดให้แม็กซ์เวลฟังโดยปราศจากความลังเล ทั้งเรื่องของคำสาปที่ถูกทำให้กลายเป็นแมวพันธ์ขาวมณี ทั้งเรื่องเงื่อนไขการค้นพบความหมายของชีวิต อาจเพราะหมอนี่เป็นหนึ่งในบุคคลที่สมควรรู้เรื่องราวทั้งหมด เขาจึงไม่รู้สึกอึดอัดที่จะเล่าไป

แล้วไปเอาความมั่นใจตั้งขนาดนั้นมาจากไหนกันมิวนิค...



“ผะ...ผมว่าเรื่องแบบนี้มัน...”

“มันทำไม?”

“ผมว่า...คุณควรไปหาหมอ อย่างน้อย...ให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์...”

“วิเคราะห์ วิเคราะห์อะไร!?”

“กะ...ก็ร่างกายคุณ มันอาจเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่....”



แต่สงสัยเขาคงจะคาดการณ์ผิดมหันต์ โลกนี้ไม่มีความสมบูรณ์แบบจริงๆ หรอก ขนาดคนที่เขาคิดว่าจะไม่มีวันทำร้ายยังกลับผลักไสให้เขาไปหาหมอ ทั้งๆ ที่ก็เห็นมากับตาว่าเขาไม่ได้ป่วย ทุกๆ อย่างเป็นผลจากคำสาป คนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด หาข้าวให้กินทุกวัน อาบน้ำให้ทุกครั้งที่งอแง อุ้มเขาขึ้นมากอดในวันที่หวาดกลัว

มิวมิวกับมิวนิคไม่ใช่สิ่งเดียวกันเลย



“คะ...คุณมิว คะ....คุณจะไปไหนครับ!”



คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อ ที่ผ่านมาเขาไว้ใจแม็กซ์เวลเทียบเท่ากับสายหมอกเสมอ ไว้ใจถึงขนาดที่คิดว่าต่อให้รู้ความจริง แม็กซ์เวลก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่เขาดันลืมคิดไปเสียสนิท

ยังไงเราต่างก็เป็นคนแปลกหน้า...



“ปล่อย! มาจับอะไร”



มิวนิคพยายามแข็งขืนข้อมือที่ถูกคนตัวโตปรี่เข้ามากุมไว้เสียแน่น



“คะ คุณ...จะไปไหนครับ”

“กลับบ้านไง นายอยากอยู่กับตัวประหลาดอย่างเรางั้นหรอ”



คนฟังนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง มิวนิครู้ดีว่าจุดอ่อนของแม็กซ์เวลคือการถูกพูดตรงๆ ถึงจะเป็นแค่สัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ แต่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาเข้าใจลักษณะนิสัยของผู้ชายคนนี้ดี เขาถึงเลือกพูดออกไปตรงๆ



“เราไม่อยากไปให้หมอหรือผู้เชี่ยวชาญอะไรพวกนั้นตรวจ!” เขาพยายามสะกดกั้นความรู้สึกแย่ๆ ที่เคยเจอไม่ให้ล้นทะลักกลับออกมา “นายรู้มั้ยว่าวันที่นายไม่เอาอาหารมาให้เรา เราเจอกับอะไร”

“.....”

“เราเจอแก๊งค์จับแมวที่โกหกว่าเป็นนักอนุรักษ์แมว เราโคตรกลัวเลยนายรู้ปะ แล้วนายยังคิดจะให้เราออกไปเจอผู้เชี่ยวชาญหรือหมอวิเคราะห์ร่างกายอีกหรอ ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันยังประหลาดไม่พออีกหรอ”

“คุณมิว....”

“ขอร้องล่ะ เห็นแก่เราที่เป็นเพื่อนมนุษย์หรือที่เคยเป็นมิวมิวของนายก็ได้ อย่าตามใครมาจับเราอีกเลย เรายอมกลับไปเป็นแมวจรจัดข้างทางเสียยังดีกว่า พอถึงวันอาทิตย์เดี๋ยวเพื่อนเราก็คงมารับ อีกอย่าง...ไม่นานคำสาปก็คงคลาย”



คำพูดที่ปราศจากหลักฐานรับประกัน ถ้าอย่างน้อยแม็กซ์เวลไม่อยากเลี้ยงเขาแล้วก็ขอให้อย่าทำร้ายกันอีกเลย ขออยู่เงียบๆ เป็นแมวขาวมณีตัวเดียวที่ไม่มีใครเข้ามาวอแว



“ละ...แล้วคุณจะไปอยู่ไหน”

“เป็นแมวมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอก”

“มะ...ไม่พูดแบบนั้นสิครับ”

“อะไรของนายวะ”

“คือ...” เจ้าของแว่นตาหนาเตอะก้มหน้างุด กัดริมปากใช้ความคิด นิ้วชี้ยาวยกเกาแก้มเก้อๆ เหมือนมีคำพูดมากมายเต็มไปหมด “ถ้าไม่รังเกียจ...กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเถอะครับ”

“...ก็คนที่รังเกียจมันนายไม่ใช่รึไง”

“ผม...ก็แค่ตกใจ จู่ๆ มิวมิวของผมก็กลายเป็นคุณมิวนิค...”

“เอายังไงกันแน่ ให้อยู่หรือไม่อยู่”

“หะ...ให้ครับ...ให้อยู่”

“ตอบชัดๆ มองหน้าเราด้วย”



มิวนิคเชยปลายคางของคนที่กำลังก้มหน้างุดให้สบประสานสายตา แม็กซ์เวลหูแดงมากๆ ต้องเขินอะไรขนาดนี้กัน แอบชอบเขาขนาดนั้นเลยหรอหมอนี่อ่ะ



“อยู่กับผมนะครับ...คุณมิวนิค”

“ขอเปลี่ยนเป็นตอบคำถามอันก่อนหน้าแล้วกัน”

“.....”

“อื้ม...ไม่เคยรังเกียจเลย”



สุดท้ายแม็กซ์เวลก็คือแม็กซ์เวล แม็กซ์เวลผู้ไม่เคยโกรธหรือรังเกียจไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นมิวนิคหรือมิวมิว แม็กซ์เวลผู้พร้อมให้อภัยไม่ว่าจะถูกเกเรใส่ซักแค่ไหน ชักจะแย่ซะแล้วสิ...

เขาดันอยากให้หมอนี่ทำตัวแบบนี้กับเขาแค่คนเดียว ; (











      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ








==============================================

หายไปนานมากกกกค่าาาาา ฮืออออ พอดีช่วงนี้งานยุ่งแบบยุ่งสุดๆ เลยไม่ค่อยได้เขียนเท่าไร แต่ยังไงเราจะพยายามบาลานซ์ชีวิตให้ได้นะคะ หมดช่วงมรสุมชีวิตไปก็คงได้กลับมาเขียนแบบติดสปีดเหมือนเดิม ไม่ต้องห่วงเน้อ เค้าจะพยายามเขียนเท่าที่ทำได้ อาจอัพช้าหน่อย แต่ไม่เทแน่นวลลจ้าา

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ทุกคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้เค้าจีงๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-11-2018 22:47:10
งื้ออออออ เขิน
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-11-2018 23:22:37
แม็กซ์เวล เจ้าทาสที่แท้จริง55

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 21-11-2018 23:25:08
อย่ามัวเขินกันค่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้กินหมูย่างเกาหลี 555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-11-2018 00:09:03
แม๊กโดนมิวนิคข่มซะหงอเชียว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 22-11-2018 08:20:22
เขินแล้วเขินอีก ขอเขินแทนคุณพระเอก
เจอมิวมิวกลายเป็นมิวนิคแบบนี้ไม่ช็อกก็แปลกแล้ว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-11-2018 12:47:55
โดนอ่อยตายตาแม็ก
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-11-2018 16:36:46
ทาสของจริงคือแม็กเวลจ้า แพ้ทางมิวมิวตลอดไม่ว่าคนหรือแมว
เป็นเรื่องที่น่ารักมากค่ะ จะรอตอนต่อไปจ้า
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-11-2018 20:11:48
ความแตกแบบนี้ คนที่อยู่ยากคือแม็กเวลเลยนะ
เพราะนางคงเขินตลอดเวลา 5555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 23-11-2018 14:10:54
คุยเคลียร์กันแล้วก็พามิวๆไปกินชาบูหมุทะหน่อยสิ สงสาร5555555
ตอนแรกมิวนิคนี่ดูโคตรหยิ่งเลย  แต่พอตอนนี้เป็นมิวมิวขี้อ้อน  น่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 23-11-2018 18:50:24
มิวมิวหรือมิวนิคก็ป่วนเสมอออ
ขอบคุณ​คนเขียนที่จบตอนได้ดีมาก
รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 24-11-2018 13:23:07
แม็กเวลล์เป็นทั้งทาสมิวมิวต่อไปก็เป็นทาสคุณมิวนิคแล้ว

 ตอนนี้น่ารักมากๆเลยค่ะ  :katai2-1:

แม็กตกใจจนเป็นลมไปเลยไม่รู้ว่าตกใจที่แมวกลายเป็นคนหรือตกใจที่เป็นคุณมิวนิคกันแน่

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 24-11-2018 22:43:11
กรี๊ดดดด ในที่สุดความจริงก็เปิดเผยยย  :hao7:
แม็กซ์เวลไม่รอดแน่ ต้องโดนมิวนิคอ่อยแหงๆ 555555
ถ้ามิวนิคไม่เอา แม็กซ์เวลมาซบอกแบนๆ ของนี่ได้นะ ฮือ น่าร้าก
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 27-11-2018 10:08:14
ตายๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 12 updated!] 21/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: PAtxxkMxxn ที่ 27-11-2018 15:12:52
รออออออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 28-11-2018 19:34:32


Meow 13


อยากให้กลิ่นหมูกระทะตรงหน้าเป็นเพียงแค่ความฝัน ไอควันสีจางที่ลอยผ่านใบหน้าเป็นเพียงห้วงอากาศฟุ้งเฟ้อ ขับกล่อมให้ความฝันที่กำลังรู้สึกเป็นเพียงแค่ความฝันเลือนลาง

เพราะถ้าเป็นความฝัน...ก็เท่ากับว่าเขาถูกขีดเส้นแบ่งเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าความสุขเล็กๆ นี้คงเป็นแค่เรื่องสมมติ ไม่ต้องพะว้าพะวงกับความจริงที่วันนึงอาจหายไป

แต่ไม่เป็นไร จะเป็นความฝันหรือความจริง...ท้ายที่สุดก็คุ้มค่ากับการที่ได้มองคนตรงหน้า

แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ...



“มองอะไรอ่ะ?”

“ปะ...เปล่าครับ”



คุณมิวนิคตัวจริงโคตรน่ารัก

เขาเคยคิดว่าในรูปก็ทำเอาหัวใจเต้นระรัวจนไม่กล้ามองนานๆ แล้ว หากพอเจอตัวจริง...กลับยิ่งทำอะไรไม่ถูกกว่าเดิม คนที่เขาแอบชอบ...เป็นคนเดียวกับแมวน้อยตัวนั้น เป็นคนเดียวกับแมวน้อยมิวมิวจอมขี้อ้อน

งั้นก็หมายความว่าคุณมิวนิคชอบอ้อนเขาอย่างงั้นหรอ



“เขินอะไร?”

“ขะ...เขินอะไรกันล่ะครับ!”

“ก็นายหูแดง ถ้าหูแดงแปลว่าเขิน”

“คุณมิว!” ต้องพูดตรงอะไรขนาดนี้วะคุณ “กะ...กินได้แล้วครับ อยากกินไม่ใช่หรอ”

“อือ...ยืมตังก่อนนะ กระเป๋าตังค์อยู่คอนโด”

“ครับ”



ตอบไปอย่างเต็มใจ ตอนเป็นมิวมิวเขาก็เลี้ยงเจ้าตัวทุกอย่างอยู่แล้ว ตอนเป็นมิวนิคก็คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเหมือนกัน นี่น่ะหรอความสุขเวลาได้เห็นคนที่เราชอบกิน

หลังจากปรับความเข้าใจกันจนรู้เรื่อง คุณมิวนิคก็บ่นไม่หยุดว่าอยากกินหมูกระทะแบบเกาหลี สงสัยคงเป็นผลพวงมาจากการที่เขาพาอีกฝ่ายดูเรื่อง Let’ s eat ทุกคืน นึกแล้วก็ดีใจแปลกๆ มันเหมือนกับว่าคุณมิวนิคอินไปกับทุกกิจกรรมในช่วงชีวิตของเขา

แย่แล้วจริงๆ แม็กซ์เวล



“อะ...อะไรครับคุณมิวนิค” มองชิ้นเบค่อนที่ถูกคีบวางลงบนจาน

“คีบให้ไง เห็นไม่กินซักที เดี๋ยวไม่คุ้มเงินหรอก”

“ผม...คีบเองได้ครับ...”

“ก็จะคีบให้ จะทำไม”



คิ้วยุ่งที่กำลังขมวดอย่างไม่จริงจังนักทำเอาแม็กซ์เวลต้องกัดริมฝีปากกลั้นยิ้ม เหมือนกันทั้งร่างคนร่างแมว หยิ่งแต่จริงๆ แล้วน่ารัก ขนาดเมื่อก่อนที่รู้จักแค่ในนามมิวมิวยังอันตรายต่อหัวใจขนาดนี้ แล้วต่อจากนี้ที่รู้จักในนามคุณมิวนิคเขาจะเอาตัวรอดจากอาการหัวใจวายได้ยังไงกัน



“เอ่อ...ขอโทษนะครับ”

“ขอโทษเรื่อง?” คนที่กำลังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ กระพริบตาสงสัย

“ก็ที่...ผมเอาแต่ปลาให้คุณมิวนิคกิน...”

“เรียกมิวเฉยๆ ดิ ตอนแรกยังเห็นเรียกเลย”

“คือ...ผมว่ามันไม่น่าเหมาะ...”

“ไร้สาระน่า ชื่อเราทั้งคู่มันยาว เพราะงั้นเรียกสั้นๆ นี่แหละ เราก็จะเรียกนายว่าแม็กซ์เหมือนกัน”

“อะ...เอ่อ”

“เรียกได้มั้ย?”



แม็กซ์เวลว่าพร้อมยกนิ้วเกาแก้มเก้อๆ เท่ากับว่าคุณมิวนิคให้ความสนิทสนมกับเข้าขึ้นมาในระดับหนึ่งเลยงั้นสิ คิดแล้วหัวใจก็เต้นตึกตัก บ้าจริงเชียว...แค่ได้อภิสิทธิ์เรียกคุณมิวเฉยๆ ก็ใจเต้นง่ายดาย



“คะ...ครับ คุณมิว”

กระจอกว่ะตัวเขา

“ส่วนเรื่องปลา” มิวนิคพูดพลางคีบชิ้นเนื้อสุกๆ วางลงบนจานเขาอีกครั้ง “แม็กซ์ไม่ผิดซะหน่อย ก็แม็กซ์ไม่รู้นี่ว่าเราเป็นคน ใครจะเลี้ยงแมวด้วยหมูกระทะทุกวันก็ไม่ใช่”



สาบานเลยว่าไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องให้ปลาทู



‘แม็กซ์ไม่ผิดซะหน่อย’ ‘ก็แม็กซ์ไม่รู้…’ อื้ม...ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ เขาหมายถึง...ไม่คิดว่าการที่คุณมิวนิคแทนชื่อเขาด้วยคำว่าแม็กซ์สั้นๆ แบบนี้จะรุนแรงต่อหัวใจขนาดนี้ นี่มันเหมือนกับเป็นแฟนกันเลยไม่ใช่รึไงครับคุณ!

“อะไรวะ หูแดงอีกละ”

“ผะ...ผมเปล่า”

“ก็เห็นอยู่ว่าหูแดง นี่ยังไม่ได้หยอดอะไรเลย อยู่ดีๆ ก็เขิน”

“คุณมิวกินได้แล้วครับ!!” ชายหนุ่มขึ้นเสียงดังกลบเกลื่อน



ที่ยิ่งเขินก็เพราะคุณมิวนิคจับได้ว่าเขินนี่แหละ เป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ด้านศิลปะแล้วจำเป็นจะต้องเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ด้านการอ่านภาษากายด้วยรึเปล่า พอเถอะคุณ...แค่นี้หัวใจเขาก็ทำงานหนักมากพอจะแย่แล้ว



“แล้วโน่มันก็ชอบพาเราออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก...”



ตลอดช่วงปาร์ตี้หน้าเตา คนที่เคี้ยวหมูย่างจนแก้มตุ่ยก็เอาแต่เล่าเรื่องชีวิตตอนเป็นแมวให้ฟังเจื้อยแจ้ว คงอึดอัดจริงๆ นั่นแหละที่ไม่สามารถเล่าเรื่องนี้กับใครได้ ครั้นจะเล่าให้เพื่อนสนิทที่ชื่อสายหมอกฟัง ฝ่ายนั้นก็คงไม่อินอีกล่ะมั้ง แต่ก็ดีแล้ว...ขอแค่เป็นคุณมิวนิค

ถ้าเป็นคุณมิวนิค...เขาพร้อมฟังทุกเรื่องเลย



“แต่ที่ชอบที่สุดก็คงเป็นทุ่งดอกเดซี่บนดาดฟ้า มันสวยมากๆ เลย”

“หึ”

“ยิ้มไรอ่ะ?”

“ปะ...เปล่าครับ เล่าต่อเถอะ”



คุณมิวนิคเปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่เย็นชาเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกัน ไม่มีซึ่งท่าทีร้ายกาจราวกับเป็นคนละคนที่โยนช่อกุหลาบทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดีในวันนั้น บางทีอาจเป็นเพราะเราสนิทกันรวดเร็วผ่านมิวมิว...ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายจึงถูกเปิดเผยออกมาอย่างง่ายดาย

ถ้าเป็นแบบนั้น...

เขาสามารถเรียกตนเองว่าเป็นความสบายใจของคุณมิวนิคได้หรือเปล่า?



“เดินเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อยสิ เป็นแมวไม่ค่อยได้เที่ยวห้างเลย”

“ครับ”



กว่าใครบางคนจะอิ่มก็หมดเนื้อไปหลายชุด ตัวแค่นี้แต่กินเยอะใช่เล่น หากพอลองเทียบดูแล้ว จริงๆ คุณมิวนิคก็ไม่ได้เป็นคนตัวเล็กเลย ส่วนสูง180 ซึ่งก็น้อยกว่าเขาแค่ห้าหกเซ็น ร่างกายสมส่วนเหมือนๆ กับผู้ชายทั่วๆ ไป ทว่าพอยืนข้างกัน...คุณมิวนิคกลับดูตัวเล็กลงแปลกๆ

น่าจะเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อ เพราะคุณมิวนิคไม่ได้เล่นหน้าท้องหรือกล้ามอกเหมือนเขา สัดส่วนอีกฝ่ายจึงดูบางกว่าอย่างมาก แขนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย...เล็กกว่ากันหลายเท่า แต่ก็ดีแล้วแหละ...ตัวบางๆ แบบนี้ก็...

น่ารักดี



“ยิ้มอะไรอีกล่ะ?”



คนที่กำลังหยิบจับกล้องโพราลอยด์ผลิกไปผลิกมาว่าพร้อมขมวดคิ้มมุ่น ทำตัวอย่างกับแมวเชียวล่ะ ติดนิสัยมิวมิวมาหรือยังไงกัน แต่จะเรียกว่าติดไม่ได้เพราะมิวมิวกับมิวนิคคือคนคนเดียวกัน



“ปะ...เปล่าครับ”



แม็กซ์เวลตอบขณะยกแก้วชาไข่มุกที่ถูกใครบางคนคะยั้นคะยอให้ซื้อด้วยกันขึ้นดื่มเก้อๆ



“ชอบเรามากปะ?”

“แค่กๆ ๆ!!”



แทบจะพ่นสิ่งที่กินเข้าไปทั้งหมดออกมาตรงนั้น อยู่ๆ ก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาเฉยเลยโว้ยคุณ แล้วดูทำหน้าเข้า เอียงศีรษะสงสัยสี่สิบห้าองศา กระพริบตาปริบๆ นี่มันมิวมิวในร่างคนชัดๆ ถ้ารู้ว่าการเก็บแมวตัวนึงมาเลี้ยงจะอันตรายต่อหัวใจขนาดนี้เขาจะไม่มีวันเก็บน้องขึ้นมาซะหรอก

เอาเข้าจริงตัวเขาจะทำได้อย่างที่คิดหรือเปล่าล่ะ...



“คุณมิวพูดอะไรครับ!” คนถูกถามแหวเสียงหลง มีอย่างที่ไหน...

“ก็แม็กซ์ชอบเราไม่ใช่หรอ แล้วท่าทางเลิ่กๆ ลั่กๆ แบบนั้นแสดงว่าต้องกำลังคิดอะไรถึงเราอยู่แน่ๆ”



เขาเสหน้าอันร้อนผ่าวหนีในตอนที่เราสองคนเปลี่ยนมาเดินข้างกันไปตามทางเดิน ไม่กล้าแม้แต่จะมองใบหน้าอันอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย รับไม่ไหว...ขอมิวนิคผู้แสนเหย่อหยิ่งคนเดิมกลับมาแทนได้ไหม



“คะ...คุณจะถามทำไมล่ะครับ…” เหลือบสายตามอง เม้มริมฝีปากแน่น

“อยากรู้ ก็เห็นติดรูปเราไว้บนกำแพงห้อง”

“!!”

“แบบนี้มันผิดกฎหมายรู้เปล่า ขอนุญาตเจ้าของรึยัง?”

“…ครับ ถูกทั้งหมดนั่นแหละ”



พูดเสร็จก็หน้าร้อนขึ้นมาอีกรอบ จะปฏิเสธก็คงไม่เนียนเพราะโดนต้อนจนมุม พยายามสังเกตุท่าทีว่าคนฟังมีปฏิกิริยารังเกียจหรือเปล่า แต่ไม่เลย...คุณมิวนิคอมยิ้ม หมายความว่ายังไง ไม่รังเกียจหรอ?

แต่ความร้ายกาจของจินตนาการมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง

จู่ๆ เขาก็คิดเข้าข้างตัวเองขึ้นมาดื้อๆ ...สมมติว่าปฏิกิริยาอย่างนั้นของคุณมิวนิคแปลได้ว่ากำลังชอบเขาอยู่เหมือนกันล่ะ แย่แล้วไง...เขาหมายถึง ตัวเขาเนี่ยที่คิดเข้าข้างตัวเองจนแย่แล้วไง

ใครจะมาชอบหนุ่มแว่นเฉิ่มเบ๊อะแบบนี้วะ



“อื้อ กลับกันเถอะ”

“ไม่...ดูของแล้วหรอครับ?”

“ขี้เกียจแล้ว...แม็กซ์อยากดูหรอ?”

“ปะ...เปล่าครับ”



เดาใจยากจริงๆ จะร่างคนหรือร่างแมวก็เดาใจอยากไปหมด หรือจะเป็นความแตกต่างระหว่างเด็กสายศิลป์กับเด็กสายวิทย์ที่แนวคิดไม่มีวันมาบรรจบกัน? ตรรกะ vs. ศิลปะงั้นหรอ…?



“คะ...คุณมิว ทำอะไรครับ!”



คนตัวโตกลืนน้ำลายดังเอื้อกเมื่อมือของใครบางคนยื่นมาเกาะกุมให้เดินไปยังลานจอดรถด้วยกัน แต่สิ่งที่ทำให้ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายทำงานอย่างหนักก็คงจะเป็นการที่ศีรษะของใครบางคนทิ้งแหมะลงมาตรงลาดไหล่เขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ถูไถไปมาคล้ายกับออดอ้อน จมูกโด่งเข้ารูปดอมดมฟุตฟิตพลางหลับตาพริ้มอีกดุจดั่งมีความสุข คุณมิวมิวเป็นอะไร!

ชักจะเยอะเกินไปแล้วนะคุณ



“ก็ทำทุกวัน”

“ทะ....ทำอะไรครับ!” ว่าด้วยน้ำเสียงขึงขัง พยายามผละอีกฝ่ายออก “ช่วยเอาหัวออกไปด้วยครับ!”

“อะไรวะแม็กซ์ ตอนเป็นมิวมิวยังทำได้เลย”



แม็กซ์เวลย่นหน้าผากใช้ความคิดหลังจากปะติดปะต่อเรื่องราวอยู่ครู่หนึ่ง ทำแบบที่มิวมิวทำของอีกฝ่ายคงหมายถึงการคลอเคลียงั้นหรอ? ให้ตายสิคุณมิวนิค ถึงจะเป็นคนคนเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามิวนิคจะสามารถปฏิบัติกับเขาได้เหมือนกับมิวมิวหมดทุกข้อหรอกนะ!



“ก็...ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่ามิวมิวเป็นคุณ...”

“พูดงี้คือจะไม่ให้ทำใช่มะ?”

คนโดนห้ามขมวดคิ้วยุ่งไม่พอใจ นั่นไง...วิญญาณจอมดื้อเข้าสิ่งร่างแล้ว เอาแต่ใจที่หนึ่งเชียวล่ะ

“คุณมิว...”

“พูดมาเลยดีกว่าว่าจะให้ทำหรือไม่ให้ทำ” จอมดื้อปั้นหน้าดื้อขึ้นไปกันใหญ่



คุณนั่นแหละพูดมาเลยดีกว่าว่าจะเอายังไงกับเขา! จะให้เป็นเจ้านายหรือให้เป็นเพื่อนหรือให้เป็นอะไรกันแน่ เพราะทำแบบนี้มันชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอว่ามีแต่แฟนเขาทำกัน ฮึ่มม! แม็กซ์เวลกัดฟันกรอดพลางสบถอยู่ในใจ...เป็นสภาวะกดดันที่อันตรายต่อหัวใจที่สุดในชีวิต



“ดื้อ...”



แต่มีหรอมนุษย์แว่นจะเคยปฏิเสธ ขนาดตอนเป็นมิวมิวยังถูกตามใจจนเสียแมว ยิ่งพอมาเป็นมิวนิคคงไม่ต้องให้พูดถึงเลยว่าเขาจะสปอยล์เจ้าตัวขนาดไหน เฮ้อ...เริ่มเห็นอนาคตอันเลือนลางแล้วของตนเองซะแล้วสิ บางทีเขาอาจไม่ใช่ทาสแมวหรอก

เป็นทาสมิวนิคต่างหาก ; (









//มีต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 28-11-2018 19:35:19
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ





“คุณมิว…นอนได้หรอครับ?”

“ทำไมจะไม่ได้อ่ะ?”

“ก็...มันแคบ...ผมกลัวคุณนอนไม่สบาย ห้องผมก็รก แถมยัง...”

“นี่...อยู่มาเป็นเดือนแล้ว” ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าวสวนทันควัน



ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า...มิวมิวอยู่ห้องเขามาเป็นเดือน ห้องรูหนูแบบนี้คงกลายเป็นความคุ้นชินไปอย่างไม่รู้ตัว แต่พอเป็นคุณมิวนิค...เขาก็เลยกลัว กลัวอีกฝ่ายไม่ชิน ที่ที่คุณมิวนิคเคยอยู่คงมีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ดีกว่านี้ เพราะงั้นจึงค่อนข้างลำบากใจที่คนที่แอบชอบจะมาขออยู่ด้วย



“ทำหน้าแบบนั้นทำไม ก็บอกแล้วว่าไม่ถือ”



เหมือนอ่านใจออกเชียวล่ะ บางทียังนึกสงสัยเลยว่าตกลงคุณเขาเรียนนิเทศศาสตร์หรือโหราศาสตร์กันแน่



“ครับ...ไม่คิดแล้ว”

“ขอยืมใช้คอมได้ปะ”

“...ได้ครับ”



พูดเสร็จคนอะเลิร์ทก็เด้งตัวจากเตียงลงมานั่งหน้าโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ย ส่วนเขาก็เปลี่ยนขึ้นไปเหยียดแข้งเหยียดขาบนฟูกสีขาวติดหน้าต่างแทน ทีแรกก็เกร็งอยู่หรอก...แต่พออีกฝ่ายส่งสายตาเขม็งมาจึงรีบทำตัวให้เป็นปกติที่สุด คุณมิวนิคคงกำลังพยายามทำให้ทุกอย่างไม่ผิดแผกไปจากเดิมอยู่สินะ

ตกลงมิวนิค เมธานินทร์เป็นคนยังไงกัน เป็นคนเหย่อหยิ่งไม่สนใจใคร หรือเป็นคนนิสัยน่ารักชอบอ้อนเหมือนแมว ชักจะสับสนแล้วว่าตัวตนแบบไหนที่เป็นตัวตนจริงๆ ของอีกฝ่ายกันแน่

แต่ที่รู้ชัดเจนอย่างนึงก็คือ...แบบไหนเขาก็ชอบหมดซะงั้น...

แม็กซ์เวลคนกระจอก



“หมอกกก คิดถึงว่ะ...”



ทว่าความรู้สึกพองโตก็ต้องห่อเหี่ยวลงเมื่อคุณแมวในร่างมนุษย์กำลังพูดคุยยิ้มร่าอยู่หน้าจอกระจก สายหมอก อัศวเทวกุล เพื่อนชายคนสนิทเพียงคนเดียวที่คุณมิวนิคไว้วางใจ เขาควรจะรู้สึกชอบเพื่อนคนนี้เหมือนที่คุณมิวนิคชอบ แต่ไม่เลย...เขาหงุดหงิด หงุดหงิดชะมัดที่อีกฝ่ายคุยกับผู้ชายคนนั้นอย่างสนิทสนม

แย่จริงๆ

เป็นความรู้สึกที่มีต่อคนที่แอบชอบงั้นหรอ แถมยังเพิ่งเจอกันแบบจริงๆ จังๆ แค่ครั้งที่สองด้วย



“แม็กซ์เวลรู้แล้ว...อื้อ สลบไปเลย แต่คุยกันรู้เรื่องแล้ว”



เขาแอบลอบมองเมื่อมีชื่อของตนเองอยู่ในบทสนทนา พอคุณมิวนิคหันมาอมยิ้มอะไรซักอย่าง ความหงุดหงิดที่คันยุบยิบตรงช่วงอกก็อันตรธานหายไปพร้อมกับความสดใสทันที

เคยสู้อะไรเขาได้บ้างล่ะแม็กซ์เวล



“ไว้วันหลังค่อยมารับกูไปเที่ยวก็ได้น่า…น้อยใจไม่เข้าเรื่อง”



ยกไอแพดขึ้นมาไถหน้าจอแบบเนียนๆ ทว่าสมาธิกลับไม่ได้อยู่ตรงหน้าจอเลย แม็กซ์เวลพยายามเหงี่ยหูฟังในสิ่งที่ใครบางคนพูดให้ได้มากที่สุด จำเป็นจะต้องสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคุณมิวนิคมากขนาดนี้หรือเปล่า อ่า...ถ้าจะให้เป็นธรรมชาติกว่านี้ควรยกน้ำขึ้นมาจิบให้เนียนขึ้น



“แม็กซ์ๆ ...หมอกถามว่าเมื่อไรจะจีบเราอ่ะ”

“แค่กกๆ ๆ ๆ!!” คนถูกถามสำลักของเหลวหน้าดำหน้าแดง

“เราเลยบอกไปว่าแม็กซ์ไม่จีบหรอก แม็กซ์เอาแต่เขิน”

“คะ...คุณมิว!!”



แต่เมื่อเพิ่งมองไปยังหน้าจอแลปทอปที่ถูกปิดลงได้ซักพักจึงรับรู้ว่ากำลังถูกหลอกเข้าเต็มเปา สายหมอกอะไรนั่นน่าจะวางสายไปตั้งนานแล้ว ส่วนคนหลอกสำเร็จก็กำลังยิ้มอ่อนจนน่าจับมาตีก้นแรงๆ อย่างที่เห็น



“ถ้าจริงอย่างที่สายหมอกถาม...” คนที่ลุกออกมาจากเตียงตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ก้มหน้าลงมากระซิบใกล้ๆ กลิ่นหอมที่อธิบายไม่ได้ว่าหอมเหมือนอะไรลอยเตะจมูก “เราก็ไม่ห้ามนะ”



พูดเสร็จจอมซนที่เปลี่ยนมาเป็นจอมแกล้งก็เดินลิ่วเข้าห้องน้ำไปพร้อมผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน เหลือไว้แต่ความงุนงงให้มนุษย์แว่นต้องตีโจทย์ปัญหาของสฟริงค์ รอบนี้เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดจะตีความไม่ออกหรอก

แต่...คุณมิวนิคจะมาไม้ไหนกันแน่ จริงหรือหลอก

แล้วหัวใจเขาจะรับไหวมั้ยนะ...

ขอบคุณพระเจ้าที่ดลใจให้คุณมิวนิคไม่เดินออกมาด้วยผ้าขนหนูพันรอบเอวเพียงชิ้นเดียวเหมือนที่ผู้ชายปกติชอบทำกัน ถึงจะชอบมากแค่ไหนแต่ก็ยังไม่พร้อมเห็นผิวกายสวยๆ ภายใต้เสื้อบางๆ นั่น แค่นี้หัวใจก็แทบจะหยุดเต้นเสียให้ได้ กลิ่นแชมพูจากตัวคุณมิวนิคทำไมมันหอมขนาดนี้...



“ของดีแห่งหอพักบ้านสุขใจ”



แม็กซ์เวลหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขาสั้นนอนเบิกตาโพล่งมองมาหลังจากทางเขาอาบน้ำเสร็จบ้าง มัวแต่จดจ่ออยู่กับอีกฝ่ายอยู่นั่นแหละว่าเจ้าตัวจะใส่ชุดอะไร จนลืมนิสัยตัวเองที่ชอบพันผ้าขนหนูหมิ่นเหม่รอบเอวเหมือนกัน

แล้วดูมองเข้า นี่มันเข้าข่ายการลวนลามทางสายตาแล้ว ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้มิวนิค เขาจะทำยังไงกับเด็กผู้ชายจอมหื่นตรงหน้าดี หื่นตั้งแต่ร่างแมวยันร่างคน



“ขะ...ของดีอะไรกันล่ะครับ”

“ถอดเสื้อนอนก็ได้นะ เราไม่ถือ”

“คุณมิว!!”



มากเกินไปจริงๆ แม็กซ์เวลรีบคว้าฉวยเสื้อผ้าอะไรซักอย่างที่จะสัมผัสได้วิ่งลิ่วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำอย่างไม่คิดชีวิต ต่อไปนี้ต้องมีสติให้มากๆ จะเผลอแก้ผ้าล่อนจ้อนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเกรงใจรูมเมทที่อาศัยอยู่ด้วยหรอก แต่เพื่อหลบเลี่ยงการถูกคุกคามจากรูมเมทจอมหื่นต่างหากล่ะ



“แม็กซ์ อยากกินนมในตู้เย็น”

“ครับ เดี๋ยวผมเอาให้”

“เห้ย ไม่ต้อง...เราขออนุญาตเฉยๆ”



ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็เดินดุ่มๆ เข้าไปเปิดตู้เย็นเทนมเปรี้ยวรสองุ่นใส่แก้วกลับมานั่งดื่มหน้าคอมพิวเตอร์ตามเดิมเหมือนเดิม แม็กซ์เวลรู้สึกผิดที่เมื่อก่อนเขาให้มิวมิวกินอาหารแค่เวลาเช้ากับเย็น เพราะกลัวน้องจะอ้วนจึงไม่ตามใจปาก ทว่าดูคุณมิวนิคตอนนี้สิ จากสมัยก่อนตอนเขาเป็นแฟนคลับที่มักจะได้ยินว่ามิวนิค เมธานินทร์เป็นคนกินยาก เลือกกินเป็นที่หนึ่ง แต่คงไม่ใช่ตอนนี้

คุณมิวนิคน่าสงสารเหลือเกิน



“หืม มีอะไรหรอ” คนถูกมองทำตาแป๋ว

“คือ...ถ้าหิวอะไรบอกผมได้เลยนะครับ อย่าอดนะ”

“หึ”



คนฟังหลุดยิ้มราวกับอ่านใจเขาได้ ก่อนจะกระดกแก้วของเหลวสีขาวในมือเข้าปากอึกใหญ่ ทิ้งไว้เพียงคราบนมที่เปรอะเลอะไปทั่วขอบปากสีชมพูจาง



“เช็ดปากให้หน่อย”

“คะ...ครับ?”

“เช็คปากให้เราหน่อย มันเลอะอ่ะ” แตะนิ้วไปมายังจุดดังกล่าว

“ทำไม...เอ่อ ไม่เช็ดเองล่ะครับ”

“ก็เช็ดเองได้แหละ...” มิวนิควางแก้วในมือลง เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง กลิ่นมิ้นท์ในห้องเริ่มผสมปนเปกับกลิ่นนมอ่อนๆ ทำเอาคนตัวโตหลุดกลืนน้ำลายดังเอื้อก “แต่อยากให้เช็ดให้มากกว่า”

“คะ...ครับๆ! เช็ดก็เช็ด”



ว่าเสร็จมนุษย์แว่นที่เลิ่กลักทำอะไรไม่ถูกก็กวาดมือควานหากล่องทิชชู่รอบๆ ทว่าเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ทิชชู่หมดพอดี มันเหมาะเจาะแม่นยำราวกับแช่แป้ง แม็กซ์เวลเหลือบมองแมวน้อยในร่างคนที่กำลังอมยิ้ม



“เอามือเช็ดก็ได้...ไม่ถือ”



เคยคิดหรือเปล่าว่าในโลกนี้ ผู้ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารอาจเป็นแมว ดังเช่นเขาตอนนี้ที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ซักอย่าง และถ้าไม่อคติจนเกินไป...บางทีคุณมิวนิคอาจอยู่เหนือการควบคุมนี้เช่นกัน และก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่กำลังถูกควบคุมโดยคุณมิวนิค

มิวนิคผู้ร้ายกาจ

ก้านนิ้วโป้งค่อยๆ ยกขึ้นปาดป้ายคราบสีขาวขุ่นบนกลีบปากนุ่มนิ่มอย่างกล้าๆ กลัว เป็นวินาทีเดียวกับที่เขาเห็นอีกฝ่ายพยายามกลั้นยิ้มอะไรซักอย่าง มันรู้สึกจั๊กจี๋หัวใจก็ตรงที่ไม่ว่าคุณมิวนิคจะยิ้มแบบไหนก็กลับดูดีไปเสียหมด แฟนคลับทุกคนเป็นแบบนี้กับเมนตัวเองหรือเปล่า?



“สะ...เสร็จแล้วครับ”

“ขอบคุณนะ”

“เอ่อ...มีคนเช็ดให้บ่อยหรอครับ”

“เปล่า...แม็กซ์คนแรก”



เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่หยี่ระขณะที่สายตาเปลี่ยนมาจดจ่อกับหน้าจอกระจกแทน แม็กซ์เวลรีบล้มตัวลงนอนบนเตียงทันทีเมื่อได้ฟังประโยคดังกล่าว กล้าพูดออกมาได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแรก

นั่นมันเท่ากับว่าเขาพิเศษสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรอ!

มนุษย์แว่นใช้เวลาดับความฟุ้งซ่านไปกับการไถหน้าจอไอแพดเช็คตลาดหุ้น อย่างน้อยก็แค่ตอนนี้...ไม่อยากทำให้คุณมิวนิคอึดอัดเวลาอยู่กับเขา จะเอะอะเขินตลอดเวลาแบบนี้ไม่ได้นะแม็กซ์เวล

รู้สึกได้ถึงความยวบลงของฟูกเตียง เป็นคุณมิวนิคที่ค่อยๆ คลานขึ้นมานอนลงข้างๆ หลังจากโน๊ตบุคบนโต๊ะญี่ปุ่นถูกพับเก็บลงเรียบร้อยแล้ว แถมยัง...เขยิบมากอดอีก เอาขาเกยกันด้วย มันจะเกินไปแล้วไหมคุณ!



“ดะ...เดี๋ยวผมไปเอาฟูกอีกอันมาปูครับ”

“ปูทำไม นอนด้วยกัน”

“ไม่ดีหรอกครับ...ผมว่า”

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เราต้องนอนกอดนายอ่ะ ก็นายทำให้เราติดกอด แล้วจู่ๆ จะมาทิ้งกันไปแบบนี้เราจะนอนหลับได้ไง รับผิดชอบการกระทำด้วยคุณแม็กซ์เวล”



จอมดื้อเขยิบใบหน้าเข้ามาเกยไหลเขาจนแทบจะวางลงบนแผ่นอก แล้วมันเจ้าตัวเองไม่ใช่หรอที่ถือวิสาสะขึ้นมานอนบนตัวเขาเองตั้งแต่สมัยเป็นแมว

เป็นมิวมิวก็ขี้ตู่ เป็นมิวนิคก็ขี้ตู่



“คุณมิว...” เอ่ยเสียงอ่อย เหนื่อยใจกับผู้ชายแสนอันตรายคนนี้

“ขอนอนด้วยนะครับ”



แล้วเขาเคยขัดใจอีกฝ่ายได้ด้วยหรอ แม็กซ์เวลตอบกลับด้วยการเอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟค้างเตียงจนกระทั่งทั้งห้องตกอยู่ในความมืด เหลือเพียงแสงจันทร์อ่อนๆ ที่กำลังไหลลอดโลมเลียร่างของเราทั้งคู่ กลิ่นของคุณมิวนิคกับกลิ่นมิ้นท์ของห้องที่ชอบกำลังผสมกันจนเขารู้สึกดีจะแย่



“เหนื่อยมั้ย อยู่กับเรา”

“...ไม่ครับ”

“อย่าโกหกน่าแม็กซ์ แค่วันเดียวเราก็รู้แล้วว่าทำนายลำบาก”



ก้มลงมองคนที่เปลี่ยนมาเนียนนอนเกยบนอกเขาได้ในที่สุด ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองสบตาเขา เหมือนกับว่าคุณมิวนิคกำลังลำบากใจอยู่ลึกๆ ที่ต้องรบกวนเขาเช่นกัน เจ้าตัวไม่ได้บอกหรอก เขาก็แค่...

รู้สึกได้



“มันอาจจะยากหน่อยกับการปรับตัวให้คุ้นชิน แต่...คุณมิวเชื่อเถอะครับ คุณมิวไม่เคยเป็นตัวปัญหาของผมเลย”



ใบหน้าที่กำลังถูอ้อนไปมาคงเป็นคำตอบอันพึงพอใจจากอีกฝ่าย โชคดีหน่อยที่เป็นแผ่นอกฝั่งขวา ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องกระดากอายถ้าคุณมิวนิคจะรับรู้อยู่ตลอดว่าก้อนเนื้อบางอย่างที่อกด้านซ้ายกำลังเต้นตึกตักไม่ยอมหยุด



“กอดเราหน่อยได้ไหม”

“คะ...ครับ?”

“เวลาจะหมดแล้ว”

“คุณมิว...หมายถึง?”

“เจอกันอาทิตย์หน้านะแม็กซ์เวล...”



ปุ้ง!



สิ้นเสียงระเบิดเล็กๆ พร้อมม่านควันสีขาว ก็ปรากฏร่างเหมียวน้อยจอมดื้อประจำห้อง เจ้าของดวงตาสีฟ้าอันไร้เดียงสาที่กำลังขยับแนวฟันงับแผ่นอกเขาแม้จะมีเนื้อผ้ากันอยู่



“คุณมิว...”



มิวนิคช่างน่าสงสาร



“เมี้ยว...”



สำหรับบางคนอาจฟังดูเป็นเรื่องแฟนตาซีที่คนที่เราแอบชอบกลายร่างเป็นแมวได้ หากแต่สำหรับแม็กซ์เวลนั้นไม่ใช่เลย การติดอยู่ในร่างของคนอื่นมันไม่เคยเป็นเรื่องน่าสนุก มิหนำซ้ำยังเป็นร่างของแมวไม่ใช่มนุษย์ และยิ่งการไม่เป็นที่ต้องการของคนอื่นด้วยแล้ว...

ยิ่งเป็นคำสาปอันแสนทรมาน

เขากระชับกอดร่างสีขาวบริสุทธิ์ในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น จรดปลายจมูกลงบนศีรษะทุยๆ ที่กำลังร้องเงี้ยวง้าวคล้ายกำลังอยากสื่อสารอะไรบางอย่าง ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องซวยสุดๆ ในชีวิต แต่คุณมิวนิคกลับยังทำตัวร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้



“ผมจะดูแลคุณมิวเองนะครับ”



















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

ไปอย่างชิวชิวค่ะ เป็นเรื่องที่ตัวเอกได้เจอกันอย่าง official ในตอน13 ถถถถ



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ทุกคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้เค้าจีงๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 28-11-2018 20:19:06
คุณมิวได้กินหมูกะทะแล้ว โฮ้ววววว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-11-2018 21:08:26
พอคุณมิวอยู่ในร่างคนที่ต้องสาปก็น่าสงสารแต่อีกหน่อยถ้ารู้ความหมายของชีวิตแล้วคือรักแม๊กซ์ด้วยหัวใจก็จะเป็นร่างคนกลับมา +1
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 28-11-2018 21:13:21
รอตอนคืนร่างวัน​อาทิตย์​หน้าาาาาา
มิวขี้อ่อยยย
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-11-2018 21:25:36
ทาสยอมจำนนแล้ว เย้
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 28-11-2018 22:00:41
กว่าตัวเอกจะเจอกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ปาไปตั้งสิบสามตอน 55555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-11-2018 22:40:29
แล้วคุณมิวจะได้คืนร่างถาวรเมื่อไหร่น้าาา
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 29-11-2018 00:23:01
น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แม็กเวลล์น่ารัก มิวมิวก็น่ารักกกก
คนเขียนก็น่ารัก ถ้ามาต่อให้เร็วๆ อิอิ ดีใจมากเห็นว่าอัพเเล้ว555555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 29-11-2018 02:56:20
เ่อยเบาๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: mimirose ที่ 29-11-2018 06:28:44
 o13 o13 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 29-11-2018 08:29:06
ไม่ว่าจะเป็นร่างมิวนิคหรือมิวมิว ตอนนี้ก็เหมือนแมวขี้อ้อนไปหมด
แค่ร่างนึงเป็นแมวจริงๆส่วนอีกร่างก็เจ้าแมวยักษ์
อ่านแล้วอมยิ้มเขินแทนแม็กเวล  :-[
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-11-2018 08:36:23
ไปไม่เป็นเลยแม็กเวลเจอลูกอ้อนมิวมิว น่ารักจริง สักวันคงมิวนิคคงได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้นแล้วหลุดพ้นคำสาปได้
โดยมีเนื้อคู่หุ่นแซ่บคอยช่วย จะรอดูแม็กโดนแทะกันต่อไป   :katai3:  :pig4:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-11-2018 10:31:36
แม็กโดนปั่นหัวติ้วๆเลยนะเนี่ย 555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 13 updated!] 28/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 04-12-2018 11:41:28
น่า! รัก! มาก!
เขินนนนนนนน :-[
มิวนิคขยันหยอดจริงๆ เลย เล่นเอาพระเอกเราเขินไปหมด หุหุ
มิวนิคนี่หื่นจริงๆ ได้มองแม็กซ์ถอดเสื้อในตอนที่เป็นคนแล้วนะ 55555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 06-12-2018 18:48:52

Meow 14



มันเป็นเวลาสี่โมงเย็นในช่วงฤดูหนาว แสงอาทิตย์ที่เคยร้อนกลับกลายเป็นแผ่รังสีความอบอุ่นตัดกับคลื่นความเย็นพอดิบพอดีทำเอาแมวน้อยอยากนอนหนุนตักมนุษย์แว่นไปทั้งวัน มิวนิคหาวหวอดพลางเกาะขาหน้าทั้งสองกับกระจกรถญี่ปุ่นคันเหลืองมองวิวทิวทัศน์ตามทาง

เขาชอบรถแม็กซ์เวล อันที่จริงเมื่อก่อนก็ไม่ได้ชอบนักหรอกเพราะรถส่วนตัวที่เคยใช้มันใหญ่กว่านี้มากโข แต่พอนั่งบ่อยๆ เข้าดันรู้สึกว่ารถเล็กๆ ก็ไม่ได้แย่เลย กลับกัน...มันทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับใครบางคนลดน้อยลงอีกด้วย นึกๆ ดูแล้วตาเจ้านายของเขาก็ดูมีเทสชอบใช้ของคลาสสิคเหมือนกันแฮะ



“คุณพ่อกับคุณแม่ผมไม่ดุหรอก”



มือหนาที่กำลังจับพวงมาลัยหนึ่งข้างผละออกมาลูบหัวแมวน้อยป้อยๆ อย่างเอ็นดู ส่วนคนที่ถูกลูบก็ร้องเงี้ยวง้าวพอใจ อาจเพราะรู้สึกดีที่ได้โอกาสออกมาเปิดโลกบ้าง เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องทั้งวันคนเป็นแมวก็เบื่อเหมือนกัน

อาทิตย์นี้เป็นวันหยุดยาวสามวัน แม็กซ์เวลเลยพาเขากลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าตัวตั้งแต่วันพฤหัส อีกฝ่ายให้เหตุผลว่าที่อาทิตย์ก่อนไม่ได้กลับก็เพราะไม่มีคนอยู่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ไปดูงานต่างจังหวัด ส่วนเจ้ามูมินน้องชายก็ไปเข้าค่ายลูกเสือ

แม็กซ์เวลกับมูมินงั้นหรอ...ชื่อน่ารักชะมัด



“เมี้ยวว (นี่...เมื่อไรจะถึงอ่ะ) ”

“หิวข้าวหรอครับ ไว้รอถึงบ้านก่อนนะเดี๋ยวผมทำให้”



ไม่เคยตอบตรงคำถามซักทีแต่ก็อยากคุยด้วยทุกที มิวนิคมองบนก่อนจะกระโดดไปนอนกลิ้งเกลือกกับตุ๊กตาน้องหนูที่เบาะหลัง แม็กซ์เวลหยิบติดมือมาด้วยเพราะเห็นว่าเขาชอบกัดทำลาย อย่างเมื่อวันก่อนก็เผลอกันฟูกนอนจนไส้ทะลักอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เยอะเท่าครั้งก่อน เขาโดนดุแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะผิดจริง

กล้ากับเขาก็เฉพาะตอนเป็นมิวมิวนี่แหละ...อย่าให้ได้กลับร่างเป็นมิวนิคเชียว



“ถ้าง่วงก็นอนเลยนะครับ เดี๋ยวผมปลุก”

“ม๊าว (จ้า) ”



แปลกตรงที่คราวนี้แม็กซ์อยากเอาเขากลับบ้านด้วยทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเวลาสุดสัปดาห์อีกฝ่ายมักจะปล่อยเขาไว้ในห้องตามลำพัง ไหนจะเรื่องที่ต้องคืนร่างเป็นมิวนิคในวันอาทิตย์อีก

ทว่าตาเจ้านายซื่อบื้อก็รีบชิงอธิบายตั้งแต่ออกปากชวนเลยว่าไม่อยากให้เขาอยู่ตัวเดียว กลัวออกไปเที่ยวแล้วจะถูกกัดได้แผลกลับมา รวมถึงเหตุผลร้อยแปดอย่างเช่นเรื่องกลัวทำข้าวของเสียหาย

แมวน้อยที่ไม่อยากเถียง (อยู่ในสภาวะที่เถียงไม่ได้) จึงต้องปล่อยเลยตามเลย อยากพาไปไหนก็ไป แค่ต้องรีบกลับมาส่งก่อนวันอาทิตย์ ไม่งั้นคุณพ่อคุณแม่คงได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกหนึ่งอย่าง

อย่าให้ชีวิตแมวน้อยวุ่นวายไปกว่านี้เลย



“คุณมิว...ตื่นได้แล้วครับ”



รู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืด เสียงทุ้มของบางคนปลุกเจ้าของดวงตาสีฟ้าให้ตื่นจากภวังค์ความฝัน เขาถูกพามาถึงบ้านสองชั้นย่านชานเมืองที่ดูโดดเด่นกว่าบ้านหลังอื่นโดยรอบ มันหรูหรามีระดับอย่างกับถูกออกแบบโดยช่างฝีมือชั้นยอด ก็แหงล่ะ...พ่อแม่แม็กซ์เวลเป็นสถาปนิก มนุษย์แว่นเล่าให้เขาฟังทุกอย่างตลอดทางแม้จะไม่ได้เอ่ยปากถาม



“เมี้ยว... (ยังง่วงอยู่เลย) ” ตอบพลางอ้าปากหาวหวอด

“คุณเลิกนอนในที่แคบๆ ได้ไหม”



ฝ่ามือใหญ่เอื้อมเข้ามาดึงร่างสีขาวออกจากช่องใส่ของด้านหลังพนักพิงคนขับ โดยปกติแล้วช่องที่ว่าน่าจะเป็นช่องไว้สำหรับใส่เอกสารหรือแฟ้ม แต่เหมียวน้อยจอมดื้อก็สามารถยัดร่างเหลวๆ เข้าไปได้ในที่สุด ก็แหม...มันสบายนี่นา เขาชอบที่แคบๆ เป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งถูกกอดบนอกแน่นๆ ของแม็กซ์เวลแล้วด้วยนะ...

อ่า...หื่นอีกแล้ว



“ผมก็แค่กลัวคุณมิวหายใจไม่ออก อ๊ะ...เลิกกัดผมได้แล้วครับ”



คนถูกกัดลาดไหล่หงุบหงับขมวดคิ้วยุ่งแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเขาลงจากอ้อมแขน กลัวหลงหรือยังไง ลืมไปหรือเปล่าว่าถึงเป็นแมว แต่เนื้อแท้เขาเป็นคนนะตาแว่น แต่ช่างเถอะ...ขี้เกียจเดินเหมือนกัน

โดนอุ้มแบบนี้ก็สบายดี



“แน่ใจหรอลูกว่าเก็บได้ ถ้าซื้อมาแพงบอกแม่ตรงๆ แม่ก็ไม่ว่านะ”

“เก็บได้จริงๆ ครับแม่”

“สมัยนี้มันยังมีคนกล้าทิ้งแมวไทยหายากขนาดนี้ด้วยรึ”



มิวนิคนอนคอหักฟังสมาชิกในบ้านของมนุษย์แว่นนั่งคุยกันบนโต๊ะกินข้าวที่อยู่ถัดออกไป ดูๆ แล้วแม็กซ์เวลก็ไม่เหมือนคุณพ่อกับคุณแม่หรือแม้แต่เด็กชายมูมินเลยซักนิด จะว่ายังไงดีล่ะ...ทุกคนหน้าตาออกแนวจีนๆ กันหมด ยกเว้นก็แต่ตาเจ้านายของเขานี่แหละที่หน้าออกไปทางฝรั่งผสมไทยหน่อยๆ เป็นอินเตอร์เนชั่นนอลเอเชียน

เพราะงี้ล่ะมั้งถึงชื่อแม็กซ์เวล



“มาอยู่ใหม่หรอจ๊ะหนู”



เสียงทักทายจากคนแปลกหน้าทำให้สมาธิที่กำลังจดจ่ออยู่กับบทสนทนาตรงโต๊ะอาหารถูกทำลาย เหมียวน้อยหันมองสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกันที่กำลังนอนแผ่หลามองมาในท่าเดียวกัน

ขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย



“เอ่อ...ครับ”

“เจ้ชื่อสีนวล”



สีนวล แมวไทยพันธ์วิเชียรมาศตัวสีขาวหม่น ตรงขาทั้งสองรวมถึงใบหูและช่วงจมูกถูกแต้มไปด้วยขนสีน้ำตาลเข้มเกิดเป็นลักษณะเด่นเฉพาะเจาะจง เป็นอีกสายพันธ์ตัวท็อปอันหายากสุดๆ ของแมวไทย ปกติเคยเห็นแต่ในรูป พอได้มาเห็นตัวจริงถึงกับเล่นเอาแมวน้อยตกตะลึง นี่มันสวยใช่ย่อยเลยว่ะ เขาอยากเลี้ยงไว้ซักตัวบ้างจัง

แต่ลืมไปว่าตนเองก็เป็นแมว จะเลี้ยงแมวด้วยกันเองได้ยังไง



“ผม...มิวมิว”



หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็คุยกันถูกคอเหมือนสนิทมาแรมปี ไม่คิดหรอกว่าการเป็นแมวจะสานความสันพันธ์กันได้ง่ายดายขนาดนี้ แต่หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เจอมาคงต้องยอมรับแล้วล่ะว่าสัตว์ไม่มีทิฐิหรืออคติเลยจริงๆ พวกเราต่างก็แค่แสดงออกถึงความต้องการอย่างตรงไปตรงมา

แล้วไงเขาถึงทำเหมือนกับตัวเองเป็นสัตว์ล่ะเนี่ย



“แล้วตรงนี้ก็จะเป็นห้องของแม็กซ์เวล ส่วนถัดไปก็ห้องของมูมิน”

“แล้วปกติเจ้นอนไหนครับ”

“เจ้ก็นอนได้กับทาสทุกคนแหละ แต่ส่วนใหญ่มูมินจะชอบมาขอร้องให้ไปนอนด้วย”



เขาคิดว่าการที่มนุษย์อุ้มแมวเข้าไปนอนด้วย แมวคงจะคิดว่าเป็นการขอร้อง ช่างเป็นสัตว์ที่คิดเข้าข้างตัวเองเก่งอะไรเยี่ยงนี้ โลกคงกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วแหละพวกมนุษย์ซื่อบื้อเอ๋ย



“ขี้เกียจพาเดินแล้วอ่ะ”

“อือ ผมก็ขี้เกียจเดินเหมือนกัน”



เมื่อความขี้เกียจมีมากกว่าความอยากรู้อยากเห็น...เราทั้งคู่จึงย้อนกลับมานอนยังโซฟาตามเดิม เขาไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงต้องแทนตัวเองว่าเจ้ ทั้งๆ ที่ถ้าว่ากันตามจริง อายุของเขาก็มากกว่าสีนวลมากโข

แต่ช่างเถอะ...แมวเป็นสัตว์เข้าใจยาก ขนาดตัวเขาเองยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงขี้เกียจขนาดนี้ อ่า...เป็นนิสัยอย่างเดียวที่เขากับเจ้าของบ้านหูตั้งตัวนี้มีเหมือนกันสินะ



“น้อง วันนี้น้องมานอนกับพี่ไหม”



ร่างสีขาวถูกช้อนขึ้นรัดเต็มกอด หลังสัมผัสยวบของโซฟาบ่งบอกได้ว่ามีคนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ทีแรกเขาว่าจะดิ้นเพราะถูกอุ้มโดยคนแปลกหน้า แต่พอเจ้าของฟันเรียงสวยยิ้มหยีเป็นการผูกมิตร หัวใจแมวน้อยจึงรู้สึกคันยุบยิบ

เขากลายเป็นคนแพ้เด็กตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี่ย



“ม๊าวว (รู้จักกันรึไงถึงมาอุ้ม) ”

“อ้อนเก่งจัง อ้อนแบบนี้อยากไปนอนด้วยล่ะสิ”



ว่าเสร็จเด็กชายมูมินก็ก้มจมูกถูลงกับศีรษะแมวน้อยไปมาจนคนถูกคลอเคลียหลับตาปี๋ กลิ่นเจ้าตัวคล้ายกับแม็กซ์เวลหากแต่เบาบางกว่า ทว่าที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือทั่วทั้งบ้านถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นมิ้นท์ เขาไม่ใช่คนประเภทเกลียดกลิ่นมิ้นท์หรอก ก็แค่เฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย ยกเว้นตอนนี้ที่กลายมาเป็นทาสเสพติดกลิ่นมิ้นอย่างไม่รู้ตัว

โทษมนุษย์แว่นเลย...ชอบทำให้เสพติดอะไรไม่เข้าเรื่อง



“แม็กซ์! มินอยากได้มิวมิว ขอเอามาเลี้ยงที่บ้านได้ไหม”



คนที่เช็ดมือลวกๆ กับกางเกงแสล็คสีดำหลังล้างจานเสร็จเดินออกมาด้วยท่าทางคิ้วขมวดคล้ายสงสัย ก่อนจะเริ่มขมวดมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นจอมดื้อนอนอยู่บนอ้อมกอดของน้องชายอายุสิบห้า



“มินก็มีสีนวลอยู่แล้วนี่ครับ”



พูดครับกับน้องด้วยแฮะให้ตายสิ ทำตัวอ่อนโยนไม่เข้าเรื่อง คิดว่าเป็นเจ้าชายรึไงตาหนอนหนังสือ นึกแล้วก็หงุดหงิดอยากกัดกล้ามภายใต้เสื้อสีขาวที่เปียกปอนเป็นจุดๆ จากหยดน้ำนั่นชะมัดเลย

ขี้อ่อยนะเราแม็กซ์เวล



“สีนวลจะได้มีเพื่อนไง”

“แล้วมินไม่กลัวพี่ไม่มีเพื่อนหรอครับ ไม่มีมิวมิวพี่ก็อยู่คนเดียว...”



เด็กชายขมวดคิ้วเลียนแบบพร้อมทำหน้าชั่งใจอยู่พักใหญ่ ก่อนจะกดจมูกลงบนศีรษะทุยๆ สูดกลิ่นแมวดังฟอดเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงยื่นร่างสีขาวห้อยต่องแต่งให้มนุษย์แว่นที่กำลังปั้นหน้าคิ้วขมวดไม่ต่างกัน



“คืนก็ได้”

“...เก่งมากครับ”

“แต่พรุ่งนี้มินจะเอามิวมิวไปนอนด้วย คืนนี้ให้แม็กซ์ทำใจไปก่อน โอเคเปล่า”

“ก็ได้ครับ” เริ่มอมยิ้ม

“อื้อ มินจะไปเล่นเกมแล้ว ฝันดีล่วงหน้านะแม็กซ์”



จบสิ้นการคุกคามจากมนุษย์เด็กมูมิน เขาก็ถูกตาเจ้านายซื่อบื้ออุ้มขึ้นไปบนห้อง ห้องของแม็กซ์เวลถูกตกแต่งเหมือนกับที่หอพักบ้านสุขใจไม่มีผิด ต่างกันก็ตรงที่ดีเทลและของประดับส่วนใหญ่เป็นของที่ใช้มานานตามอายุ

เขาเดินแทรกตัวเข้าไปนั่งตักแม็กซ์เวลในตอนที่อีกฝ่ายกำลังทยอยเอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าอยู่บนเตียง



“ม๊าว (ทำไรอยู่?) ”

“ชอบหรอครับให้มูมินกอดน่ะ?”

“เมี้ยวว (หืม...ยังไง?) ”



แกล้งทำหน้าไร้เดียงสาใส่คนที่กลับมาทำคิ้วขมวดตามเดิม อ๋อ...ที่ยิ้มให้น้องชายเมื่อกี้ก็คือเก็บอารมณ์ความไม่พอใจงั้นสินะ หึงได้น่ากัดกล้ามจริงๆ เลย



“ผมจะไปอาบน้ำแล้ว”



ไม่ทันจะได้ทำอย่างที่พูด ร่างสีขาวก็เขย่งตัวขึ้นแตะฝ่าเท้ากับลาดไหล่คนตัวโต ยื่นริมฝีปากจิ้มลิ้มสัมผัสทาบลงบนกลีบฝีปากของคนเด๋อจนดวงตาด้านหลังกรอบแว่นสีดำถึงกับเบิกโพล่งอย่างตกใจ



“คะ...คุณมิว! ทำอะไรครับเนี่ย”

“ม๊าว (ง้อไง)

“หะ...ห้ามทำแบบนี้อีกนะครับ”



คนถูกจูบยกมือเช็ดปากเก้อๆ ก่อนจะพรวดพราดหยิบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำไป เขาสังเกตเห็นถึงความแดงระเรื่อตรงกกหูของอีกฝ่าย รู้แหละว่าเขิน แต่ก็ชอบทำให้เขินนี่นา

ก็ตอนแม็กซ์เวลเขินมันน่าแกล้งสุดๆ ไปเลย







//มีต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 06-12-2018 18:49:28
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


เหมียวน้อยตื่นขึ้นมาในตอนเช้าหลังถูกปลุกด้วยแสงอาทิตย์แยงตา ข้างๆ เป็นเจ้สีนวลที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา จำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนเขานอนกับแม็กซ์เวล แล้วตอนเช้าตรู่ก็ถูกอุ้มลงมานอนข้างล่าง รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลานี้ที่ไม่เช้าหรือสายจนเกินไปซะแล้ว



“มิวมิว สีนวล มากินข้าวลูก”



เสียงเรียกจากคุณแม่คนสวยที่กำลังจัดแจงปลาทูลงในจานดังขึ้น คิดถึงปลาทูเหมือนกัน เพราะหลังจากรู้ความจริงแม็กซ์เวลก็ไม่เคยให้เขากินอาหารแบบแมวอีกเลย กลัวเขากินไม่ได้รึยังไงกัน...มันสายเกินไปแล้ว คุณมิวนิคในตอนนี้สามารถกินได้หมดทุกอย่างแหละถ้าหิว



“ม๊าวว (คร้าบ) ”



จัดการมื้อเช้าจนพุงกลางก็เหลือบไปมองเจ้สีนวลคนขี้เซา...ยังไม่ตื่นอีกแฮะ จะนอนไปถึงไหนกันแม่คุณ แต่จะว่างั้นก็ไม่ได้ เป็นคนเขาเองนั่นแหละที่ไม่ค่อยรู้สึกง่วงเท่าไหร่ คงจะแปลกที่แปลกทาง

แมวน้อยเดินออกไปทางประตูกระจกด้านข้างที่เปิดอยู่ หูตั้งได้ยินเสียงคนพูดกันจ้อกแจจนความอยากรู้อยากเห็นเริ่มเพิ่มระดับ อันที่จริงเพราะเป็นเสียงแม็กว์เวลต่างหากล่ะเขาถึงอยากเดินเข้าไปหา แถมจมูกก็ยังได้กลิ่นอันคุ้นเคย คราวนี้เป็นกลิ่นกายของเจ้าตัวผสมกับกลิ่นดินงั้นหรอ

อ่า...เขาชอบกลิ่นดินจังเลย



“ลงตรงนี้ลูก มันจะได้เรียงกันสวยๆ”

“ครับพ่อ”



ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเม็ดเหงื่อที่ไหลผุกออกตามกรอบหน้าคนตัวโตลามลงมาถึงก้านคอแข็งแรง อีกฝ่ายยกหลังมือปาดเช็ดหยดเหงื่อบนหน้าผากจนทำให้กลิ่นหอมๆ ลอยฟุ้งมาถึงตรงนี้

เป็นแมวนี่มันจะจมูกดีเกินไปแล้ว

แม็กซ์เวลใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงนอนสีเทาพับขาขึ้นมาถึงหัวเข่า รอยซึมจากหยาดเหงื่อเกิดเป็นวงชื้นเข้มทั่วทั้งเนื้อผ้าตัวบางเผยให้เห็นแผ่นอกและหน้าท้องแข็งแรงวับๆ แวมๆ เขาว่าการมองกล้ามแบบไม่ชัดอย่างนี้ ก็ให้ความรู้สึกถึงอารมณ์เซ็กซี่ต่างไปจากตอนเจ้าตัวเปลือยเปล่าอีกแบบ

He is so tall and handsome as hell

จู่ๆ ก็เริ่มเข้าใจเนื้อเพลง wildest dream ของ Taylor Swift ขึ้นมาดื้อๆ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ จากหนุ่มแว่นหน้าตาเฉิ่มเบ๊อะ...ไหงทำไมถึงกลายมาเป็นพระเอกสุดหล่อในสายตาเขาซะได้

พวกแมวมองเจ้าของหล่อแบบนี้ทุกตัวหรือเปล่า?



“มิวมิวมายืนทำอะไรตรงนี้”

“เมี้ยว (มองใครบางคน) ” ตอบรับด้วยเสียงหวาน

“พะ...พ่อครับ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ”



แล้วก็หน้าแดงแปร้ดขึ้นมาอีกรอบ ขายาวเดินพรวดพราดจนหายลับไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นมิ้นท์อันเจือจาง จินตนาการอะไรแปลกๆ ขึ้นมาอีกล่ะสิแม็กซ์เวล นี่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็แค่...แอบมองเอง สงสัยว่าคนที่หื่นจริงๆ จะไม่ได้มีแค่มิวมิวเดอะแคทแล้วล่ะมั้ง

คิดดูแล้วภาพที่เห็นนั้นก็ช่างพรีเมี่ยมใช่ย่อย หนุ่มแว่นจืดชืดแต่จริงๆ โซแดมฮ็อตงั้นหรอ

อยากถ่ายเก็บไว้ทำเป็นอาร์ตแกลลอรี่จัง ถ้าหอพักบ้านสุขใจมีสวนแบบนี้ก็คงดี เขาจะได้ตื่นมาแอบมองแม็กซ์เวลทำสวนทุกวัน หึ...มนุษย์สวนคนเฉิ่ม แต่พอลองคิดๆ ดูอีกทีไม่เอาดีกว่า เพราะถ้าที่หอมีสวนก็เท่ากับว่าทุกคนต้องเห็นแม็กซ์เวลทำสวน ไหนจะเรื่องอาร์ตแกลลอรี่อีก

แย่จัง...เขาอยากให้แม็กซ์เวลทำสวนให้เขาดูแค่คนเดียว

ไม่รู้ว่าเพราะถูกลวนลามทางสายตามากเกินไปหรือเปล่า มนุษย์แว่นจึงหายไปอาบน้ำตลอดช่วงเช้า เหมียวน้อยที่ไม่มีอะไรทำจึงใช้เวลาอยู่กับการนั่งมองฝูงปลาคาร์ฟตัวโตในสระหินหลังบ้าน



“เจ้ เราพูดกับพวกปลาไม่ได้จริงๆ หรอ”

“นักล่าอย่างเราเค้าไม่พูดกับอาหารกันหรอก”

“แต่เหมือนพวกปลาจะอยากคุยกับเราเลย”

“ไร้สาระมิวมิว ถ้าหนูคุยกับปลาได้หนูต้องเป็นแมวบ้าแน่ๆ”



ทุกวันนี้ที่คุยกับแมวกับมดได้ก็คิดว่าตัวเองไม่น่าจะปกติแล้วจ้า

มิวนิคกลอกตาก่อนจะก้มลงมองแก๊งค์ปลาคาร์ฟอย่างใจจดใจจ่อ ข้างๆ เป็นสีนวลที่ตั้งท่าจะนอนกลางวันอีกแล้ว ได้ข่าวว่าเพิ่งนอนไปไม่ใช่หรือไง ว่าเข้าไปนั่น...เดี่ยวไม่กี่นาทีตัวเขาก็คงตามเจ้แกไปเฝ้าพระอินทร์เหมือนกัน



“คุณมิว...มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ”



กลิ่นมาก่อนเสียงเสมอ ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองชายหนุ่มตัวโตที่ค่อยๆ ทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิข้างๆ เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดมิดชิดแล้ว แถมกางเกงก็ขากระบอกคลุมถึงตาตุ่มแบบไม่เห็นอะไร โถ่...ขี้หวงจังวะ ขอดูหน่อยก็ไม่ได้



“ม๊าว (ดูปลา) ” ส่งเสียงพร้อมเปลี่ยนมาจ้องสิ่งมีชีวิตครีบส้มใต้ผืนน้ำแทน

“ชอบปลาหรอครับ?”

“ม๊าว (เปล่า...อยากกิน) ” เปลี่ยนมามองเจ้านายแว่นหนาบ้าง “เมี้ยว... (น่ากินจังเลยอ่ะแม็กซ์)”



พอจ้องนานๆ เข้าก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเขาไม่ได้เอ็นดูปลา มันเป็นความรู้สึกหิวขึ้นมาตะหงิดๆ มากกว่า ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกินปลาคร้าฟซะหน่อย ก็แค่...ถ้าได้กินปลาตัวใหญ่ขนาดนี้เนื้อมันคงเต็มคำดี

มิวมิวจอมตะกละ



“คุณมิวพูดอะไรครับ ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกนะ” มนุษย์แว่นหลุดขำในลำคอ



ก็แล้วจะถามทำไมล่ะโว้ย ตัวขาวมองตาขีดใส่เจ้านายเบื้องหน้า ก่อนจะโดดขึ้นนอนบนตักแข็งๆ ของอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ ช่างปะไร เขาชอบตักแม็กซ์เวลจะตาย มันกว้างแถมยังใหญ่...

หมายถึงตักนะ

แต่เวลาแห่งความสุขนั้นมักผ่านไปเร็วเสมอ แม็กซ์เวลถูกคุณแม่เรียกเข้าไปช่วยงานอะไรซักอย่างในครัว เขาว่าบ้านนี้ติดชอบหาอะไรทำไปเรื่อย อยู่ว่างๆ กันไม่ได้ อย่างคนพ่อก็ต้องทำสวน คนแม่ไม่ทำอาหารก็คิดต่อเติมบ้านไม่จบสิ้น มีพ่อแม่เป็นสถาปนิกมันก็จะวุ่นๆ แบบนี้นี่เอง

นึกแล้วก็คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่เขาจัง ขนาดลูกโกหกว่าช่วงนี้ยุ่งๆ กับงานที่คณะ จะสามารถตอบแชทหรือวิดีโอคอลคุยได้ก็เฉพาะวันอาทิตย์...แล้วพวกท่านก็เชื่อ โหย...เชื่อใจลูกชายเกินไปหรือเปล่าเนี่ยพวกคุณ เพราะงี้ไงมิวนิคถึงได้กลายเป็นแมวเสียคน



“ไง ไม่ได้เจอกันนาน”

“ชะ...เชี่ย!!”



เป็นตอนนั้นเองที่เหมียวน้อยสะดุ้งโหยงจนแทบจะผลัดตกลงไปในสระน้ำ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง...ก็เงาที่สะท้อนตรงหน้ามันเป็นไอ้เทพเจ้าประปู๋แมวเฮงซวย โผล่ดีๆ ได้มั้ยวะ แล้วโผล่แต่ละทีก็ชอบหยุดเวลา เป็นแพทเทิร์นการปรากฏตัวของเทพเจ้ารึไง ดูเจ้สีนวลสิ...นิ่งจนแยกไม่ออกว่ากำลังหลับอยู่หรือถูกหยุดเวลากันแน่



“ไม่ใช่เชี่ย ข้าเอง”

“เออ รู้แล้ว”

“พูดกับเทพเจ้าให้มันดีๆ หน่อยได้มั้ย”

“พูดดีกับเทพเจ้าที่สาปตัวเองเนี่ยนะ” ทำท่าฟึดฟัดฉุนเฉียว

“อยากถูกสาปต่อมั้ยหืม”

“คร้าบๆ ...มีอะไรคร้าบท่านเทพเจ้า”



สาบานเลยว่าเขากัดฟันพูดเพราะกลัวมันจะแกล้งทำอย่างที่ขู่ และไอ้คนฟังมันก็คงรู้แหละว่าเขาไม่จริงใจ สังเกตได้จากเสียงหัวเราะหึหึ แต่แล้วไง...พูดจาดีด้วยขนาดนี้ก็ถือว่าให้เกียรติมากแล้วโว้ย



“จะมาแจ้งข่าว”

“ก็พูดมาดิ”

“เอ๊ะ...เป็นแมวแปปเดียวทำไมใจร้อนขนาดนี้วะ” คนถูกเร่งจิ๊ปากขัดใจ หากก็ยอมพูดต่อในที่สุด คงจะไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำกับแมวดื้อหัวรั้นน่ะสิ “อุตส่าห์จะมาช่วยให้คำสาปคลายเร็วขึ้น สงสัยข้าต้องพิจารณาใหม่ซะแล้วมั้ง”

“ห๊ะ! อะไรนะปู่!!” เหมียวน้อยหูตั้งหลังสิ้นประโยค หมายความว่าเขาจะได้กลับกลายเป็นมิวนิคเร็วขึ้นงั้นสิ “เห้ย...ที่พูดไปเมื่อกี้ขำๆ น่า ไม่ได้กะจะก้าวร้าวใส่ปู่เลย จริงจริ๊ง”

“จ้ะ”



รู้เลยว่ามันเลียนแบบท่าทางประชดประชัดของเขาชัดๆ แต่ไม่เป็นไร...ปู่แกมาเพื่อถอนคำสาป จะหยวนๆ ไม่กวนประสาทให้ก็แล้วกัน



“ข้าจะเพิ่มวันในกลายเป็นมนุษย์ให้เจ้า เอาเป็นทั้งเสาร์อาทิตย์เลยดีมั้ย”

“ไรวะ นึกว่าจะถอนคำสาปให้ซะอีก” ทำหน้าแมวเซ็ง

“เอ๊ะไอ้นี่ จะเอาไม่เอา”

“เอาคร้าบเอา”



ตอบรับไปอย่างนั้นถึงแม้ในใจจะหงุดหงิด ถอนคำสาปทั้งทีก็ถอนเหมือนหนอนกระดึ๊บ เขาว่ากว่าจะถอนหมดแม็กซ์เวลที่เรียนหกปีคงจบก่อนเขาไปแล้วมั้ง หน็อย...แกล้งกันชัดๆ เลยนี่หว่าไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวเฮงซวย



“ข้าได้ยินนะ”

“ก็แล้วจะมาอ่านใจทำไมเล่า!”

“หึ...เอาเป็นว่าต่อจากนี้คำสาปจะคลายลงเรื่อยๆ ดังนั้นวันที่เจ้าจะสามารถกลับร่างเป็นคนได้ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ถ้ากลับร่างได้ก็ไม่ต้องแปลกใจ ข้าบอกไว้ก่อน ขี้เกียจมาแจ้งทุกรอบ เหนื่อย”

“จ้า”

“จ้า”



มันเลียนแบบเขาอีกแล้วว่ะ เป็นเทพเจ้าก็ล้อเลียนมนุษย์ได้หรอ ทำอะไรก็ไม่ผิด น่าหมั่นไส้ชะมัด



“ไปดิ”

“ยังพูดไม่จบ เดี๋ยวปัด!” มิวนิคมองบนใส่ชายหนุ่มใต้ผืนน้ำ เขาเดาว่าภายใต้หน้ากากรูปแมวยิ้มนั่นเคงปรากฏสายตาเอือมระอากับแมวขาวมณีตัวนี้เหลือทน เออ...เบื่อก็เบื่อไปสิ เขามีแม็กซ์เวลแล้วไอ้ปู่มันมีใครล่ะ “ระหว่างวันที่คำสาปหยุดทำงาน เจ้าจะสามารถเลือกคืนร่างเป็นแมวหรือมนุษย์ได้ตามใจชอบ”

“ทำเพื่อ?”



มันต้องดูหนังมากแน่ๆ จู่ๆ จะให้เขาเปลี่ยนร่างเป็นมิวนิคหรือมิวมิวกี่รอบก็ได้ในวันหยุด อยากทำอะไรก็ทำงั้นหรอ นายเห็นคำสาปเป็นอะไร ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นcase studyให้ไอ้เทพเจ้ามือใหม่เลยวะ



“มันเป็นพรไงโว้ย เคยเห็นคนกลายร่างเป็นสัตว์ได้ตามใจชอบมั้ยล่ะ อุตส่าห์ให้พรดีๆ สำนึกมั่ง!”

“โห...ขอบคุณมากเลยนะครับท่านเทพเจ้าปู่แมว”

“เสแสร้ง”

“อ้าว”

“ข้าจะไปละ ทำตัวให้มันดีๆ” ปู่แมวยกนิ้วชี้หน้า “รู้หรอกว่าชีวิตเปลี่ยนไปมาก แถมเจ้ายังได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ ส่วนที่เป็นอยู่ก็แค่อยากกวนเท้าให้ข้าเสียอารมณ์เล่นๆ ล่ะสิ”



อ่ะ...แสดงว่ายังฉลาดอยู่ จริงๆ ก็ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่านั่นแหละ เขาก็แค่อยากกวนประสาทไอ้ปู่แมวเฉยๆ เพราะชีวิตตอนนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่ครั้นจะให้ญาติดีกับคนที่สาปเราก็คงใช่เรื่อง



“จะได้เจอกันอีกมั้ยอ่ะ”

“บอกไปแล้วไง”

“รู้...แต่หมายถึงเวลาต้องการความช่วยเหลือ ผมจะได้เจอมั้ย”

“อยากเจอข้ารึไง?”

“จะเล่นคืนใช่มะ”

“หึ...เอาเป็นว่าก็ลองเรียกดูแล้วกัน ถ้าทำตัวน่ารักหน่อยก็อาจจะออกมา...”



หลังจากนั้นภาพชายหนุ่มภายใต้หน้ากากแมวยิ้มเบื้องหน้าก็ค่อยๆ อันตรธานหายไปกลับเป็นเจ้าปลาคร้าฟตัวโตตามเดิม สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านกระทบร่างสีขาวเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าคุณเข็มนาฬิกาเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง

บทจะไปก็ไป



“ขอบคุณนะ...”



ขอบคุณแม้จะรับรู้ว่าผู้ฟังตอนนี้เป็นเพื่อนรักครีบส้ม กลายเป็นคนขี้เหงาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอได้เจอใครซักคนที่ดูเหมือนจะคุยกันได้รู้เรื่องก็ดีใจไปหมด อาจเพราะงี้มั้งถึงแอบรู้สึกหวิวๆ ตอนไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวหรือสายหมอกกลับไป และถึงแม้เจ้าตัวจะเป็นคนเริ่มเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ แต่ถึงยังไงก็คงต้องขอบคุณที่ช่วย...



“...ไอ้ปู่จอมยุ่ง”



รู้นะว่าได้ยิน :P















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

เรือ #ปู่มิว มารึยังคะ 5555555555555



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ทุกคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้เค้าจีงๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-12-2018 19:18:22
ดีใจอ่า
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 06-12-2018 20:54:45
เรือปู่มิวไม่มาจ้า อารมณ์ประมาณพี่ใหญ่กะน้องเล็ก แต่เรือแม็กมิวมาจ้า มิวมิวหื่นมากลูก น่ารัก น่าหยิก  :mew1:
สนุกดีค่ะ รอความมิวต่อว่าจะเป็นไง ได้เป็นมิวนิคตั้ง 2 วันแนะ   :L2:  :pig4:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 06-12-2018 21:05:29
ดีจัด ปลัดบอก
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-12-2018 21:46:30
มิวแม๊กซ์.  :hao3:
 
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-12-2018 22:45:29
มินมิวได้ไหม อ่อ ไม่ได้
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-12-2018 08:41:45
ตัลล๊ากกกกก มิวมิวน่ารักมากเลยอ่ะ
แบบแนวซึนๆ เหมาะกับการเป็นแมวดีจริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 14 updated!] 06/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 08-12-2018 09:14:58
เสาร์​นี้ก็อยู่บ้านแมกซ์​อ่ะดิ​ มิวมิวจอมหื่น
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 11-12-2018 17:42:55


Meow 15


วันหยุดสุดสัปดาห์อันแสนสนุก (ของใครบางคน) จบลงด้วยการที่จอมซนประจำบ้านถูกพากลับในตอนบ่ายเย็นๆ ของวันเสาร์ อันที่จริงก็อยากอยู่บ้านให้นานกว่านี้ซักหน่อย แต่ถ้าทำงั้นคุณมิวนิคคงตกที่นั่งลำบาก

ทว่าดูเหมือนสิ่งที่กำลังทำอยู่ดันมีคนไม่พอใจเอาซะงั้น เพราะหลังจากรถญี่ปุ่นคันเหลืองเคลื่อนตัวออกจากรั้ว เหมียวน้อยบางตัวก็ไม่ยอมคลอเคลียกับเขาเหมือนอย่างเคย



“คุณมิว...เป็นอะไรครับ” เรียกร่างสีขาวที่กำลังเกาะขาหน้ากับกระจกรถไม่สนใจ

งอนจริงๆ ด้วย

“.....”

“คุณมิวไม่พูด...ผมจะทำยังไงดี”

“.....”

“คุณมิวครับ...”

“ม๊าว ม๊าว ม๊าว!!”



หันมาพูดแล้ว แต่โวยวายเงี้ยวง้าวอะไรซักอย่างซึ่งเขาฟังไม่รู้เรื่อง บ้ารึเปล่าแม็กซ์เวล ก็รู้อยู่ว่าฟังภาษาแมวไม่รู้เรื่องยังจะดันไปบอกให้ฝ่ายนู้นเขาอธิบายอีก

จะว่าไปคุณมิวนิคในเวอร์ชั่นมิวมิวที่กำลังบ่นไม่รู้เรื่องตอนนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ เขาเอื้อมมือไปยีหัวทุยๆ แสนงอนอย่างลืมตัวพร้อมหลุดขำจึงถูกกัดไปหนึ่งที กรรม...กำลังทะเลาะกันอยู่นี่นา



“เจ็บนะครับ”

"ม๊าววว!!”

“ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอก”

“ม๊าว ม๊าว!!”

“ไว้รอเล่าพรุ่งนี้ก็ได้ครับ”



ปุ้ง!



“ก็บอกว่าให้กลับตอนเย็น แล้วทำไมรีบกลับอ่ะ นี่เรายังอยากอยู่เล่นกับสีนวลกับมูมินอยู่เลยนะ”

“วะ...ว๊ากกกกก!!”



รถญี่ปุ่นคันเหลืองเสียหลักถลาเข้าข้างทางทันทีจนแทบจะเหยียบเบรกไม่ทัน อีกนิดเดียวคงได้โหม่งเข้ากับต้นไม้ทั้งคนทั้งแมว และถ้าเป็นงั้นคุณแม่ต้องโกรธเขาตายโทษฐานพามิวมิวออกมาเจออุบัติเหตุ

แต่ที่ช็อคยิ่งกว่าก็คือภาพตรงหน้า เป็นภาพชายหนุ่มอันคุ้นเคยในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีขาวไปทั้งตัว คิ้วเข้ารูปขมวดมุ่น ริมฝีปากเล็กเบะคว่ำแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก

ทำไม...น่ารักจัง

แต่เห้ย! นี่มันใช่เวลามาชื่นชนความน่ารักของอีกฝ่ายมั้ยแม็กซ์เวล ประเด็นก็คือวันนี้เป็นวันเสาร์ แล้วทำไม...



“คะ...คุณมิวคืนร่างได้ยังไงกันครับ!”

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง”

“ผมไม่ได้...”



คนที่กำลังตกใจกับเหตุการที่เกิดขึ้นหยุดชะงัก ดูท่าเวลานี้คงต้องเก็บอาการตกใจเอาไว้ แล้วมาอธิบายให้คุณเขาเข้าใจเหตุผลในการพากลับหอเสียก่อน ไม่งั้นก็คงดื้ออยู่อย่างนี้

เป็นแมวก็ดื้อ เป็นคนก็ดื้อ



“...ผมว่าจะกลับไปเคลียร์งานนี่ครับ อยู่บ้านคุณมิวก็เห็นว่าทุกคนชวนผมทำนู่นทำนี่ไม่หยุดเลย”



แววตาคนดื้อทอแสงอ่อนลง เพราะทั้งหมดที่พูดมาล้วนเป็นความจริงทั้งนั้น ถ้าไม่คุณพ่อชวนทำสวน คุณแม่ก็ชวนเข้าครัว หรือไม่มูมินก็ชวนเล่นเกมส์ แล้วแม็กซ์เวลมนุษย์เฉิ่มเคยปฏิเสธคนอื่นเป็นที่ไหน



“แล้วงานสำคัญมากปะ?”

“คะ...ครับ?”

“ก็งานที่จะไปทำอ่ะ รีบส่งมั้ย”



ไม่แปลกใจเลยคุณ พูดจาห้วนๆ แบบนี้สินะถึงมีคู่อริเต็มคณะไปหมด นี่ถ้าเขาไม่ถามย้ำหรือเป็นคนอื่นฟังคงคิดไปแล้วว่าคุณมิวนิคคงกำลังหาเรื่องอยู่แน่ๆ น่ารักก็น่ารัก...อันตรายก็อันตราย แต่ทำยังไงได้

ชอบเขาไปตั้งขนาดนั้น



“ไม่หรอกครับ...แค่กลัวว่าถ้าอยู่นานจะไม่ได้กลับซักที”

“วันหลังพาไปอีกนะ”

“ครับ?”

“ก็คุณพ่อกับคุณแม่แม็กซ์อ่ะน่ารักจะตาย แถมเจ้ามูมินก็ขี้อ้อนสุดๆ”



ประโยคสุดท้ายทำเอาคนที่กำลังหลุดยิ้มกัดริมฝีปากเบาๆ ถึงมูมินจะยังเด็กแต่เขากลับรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักเวลาน้องเข้ามาวอแวกับคุณมิวนิค จะว่ายังไงดีล่ะ

หวงแมวมั้ง

แต่โดยรวมแล้วก็ดีใจมากๆ ที่คุณมิวนิคชอบบ้านของเขา อย่างน้อยก็ถือเป็นการปูทางไปสู่ความสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่คาดว่าน่าจะดีขึ้น อาจไม่ได้เป็นไปตามที่ฝันไว้ แต่ขอแค่เป็นคุณมิวนิค แค่มิวนิค

แค่นั้นก็ดีมากๆ แล้ว...



“สีนวลก็น่ารักนะ รู้เปล่ามันแทนตัวเองว่าเจ้ด้วยล่ะ ตลกดีแมวอะไรแทนตัวเองว่าเจ้วะ” คนพูดหัวเราะ



เขาเผลอหลุดหัวเราะตามคนที่อารมณ์เปลี่ยนไวอย่างกับพายุ ตามหลักจิตวิทยาถ้าการหาวเป็นโรคติดต่อ การหัวเราะก็คงเป็นโรคติดต่อเหมือนกัน มากไปกว่านั้น...

การยิ้มตามคนที่เราชอบก็คงยิ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรง

แม็กซ์เวลสตาร์ทรถเคลื่อนออกไปเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลงตัว ส่วนคนที่พอได้พูดแล้วก็พูดจ้อไม่มีหยุด แปลกดี...ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณมิวนิคจะช่างพูดขนาดนี้ ตอนเป็นแมวเห็นเอาแต่นอนนี่คุณ



“แต่ว่านะแม็กซ์...ทำไมหน้านายไม่เห็นเหมือนคุณพ่อกับคุณแม่เลยล่ะ ได้คุณปู่คุณย่ามาหรอ”

“ครับ?”

“ก็ทุกคนเหมือนมีเชื้อจีนกันหมดเลย แต่หน้านายออกไปทางฝรั่งนิดๆ อ่ะ”



พลขับวาดยิ้มบางเบา เหม่อมองสายตาไปยังเส้นทางข้างหน้าเมื่อได้ฟังคำถาม จริงสินะ...เขาไม่เคยเล่าคุณมิวนิคถึงเรื่องนี้มาก่อน แม้ชีวิตในปัจจุบันจะมีความสุขเหลือเกิน แต่ยังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความจริงได้

ความจริงที่ว่า...



“ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อกับคุณแม่หรอก”

“เอ๋? เป็นลูกคุณลุงคุณป้างี้หรอ”



ครั้งนี้เขายิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย คุณมิวนิคผู้เย็นชาและเหย่อหยิ่งกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มขี้สงสัยไร้เดียงสาแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แย่แล้วล่ะ...นับวันหัวใจของเขาก็เริ่มไม่ปลอดภัย



“ผมเป็นเด็กกำพร้าครับ…”

“หา?”

“…พวกท่านรับผมมาเลี้ยง”

“ล้อเล่นป่ะเนี่ย”



สายตาอันปราศจากคำโกหกด้านหลังกรอบแว่นสีดำเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าเขาหมายความอย่างที่พูด และคุณมิวนิคก็คงไม่ได้ไร้เดียงสาเกินพอที่จะไม่เข้าใจคำยืนยันทั้งหมดผ่านสายตาคู่นั้น



“คือ...ขอโทษที่ถาม...” เหมียวน้อยในร่างคนก้มหน้าจ๋อย

“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยครับ” มือหนาหนึ่งข้างผละออกจากพวงมาลัยวางทับลงบนหลังมือของอีกฝ่าย



กล้าจับมือเขาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะแม็กซ์เวล

มันเป็นตอนอายุห้าขวบที่มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินเข้ามาในโบสถ์คาทอลิกซึ่งเป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าของหมู่บ้าน เขายังจำรอยยิ้มอันอบอุ่นในตอนนั้นได้ เป็นรอยยิ้มที่ไม่ว่านานเท่าไหร่ก็ยังอบอุ่นสำหรับเขาเสมอ



“ทำไมถึงไม่ไปเล่นกับเพื่อนล่ะหนู”

“ผมมองลูกบอลไม่ค่อยชัด”

“อ้าว...สายตาสั้นหรอลูก”

“ครับ”



เพราะชอบดูสมุดภาพนิทานในที่มืดๆ ตั้งแต่จำความได้ หรืออาจเป็นเพราะพันธุกรรมยีนส์ด้อยที่สืบต่อกันมา รู้ตัวอีกทีสายตาก็มองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลๆ ไม่ค่อยชัดเหมือนอย่างเก่าแล้ว ด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งเพื่อนๆ พี่ๆ ถึงไม่ค่อยชอบให้เขาเล่นฟุตบอลด้วย



“แล้วแว่นหนูไปไหน”

“แตก...ครับ”

“อ้าว...ไม่ไปซ่อมล่ะ”

“ซิสเตอร์บอกว่า ไว้เดี๋ยวรอวันอาทิตย์ที่จะมีคนมาบริจาคเงินถึงจะพาผมเอาแว่นไปซ่อมในเมือง”

“ไม่เสียใจหรอที่ไม่ได้เล่นฟุตบอลกับเพื่อน”

“ไม่ครับ”



หลังจากนั้นสองสามีภรรยาก็ชอบมาเยี่ยมเขาที่โบสถ์บ่อยๆ มาแทบทุกอาทิตย์ รู้ตัวอีกทีซิสเตอร์ก็บอกว่าเขาต้องออกไปอยู่กับพวกท่านเพื่อชีวิตที่ดีกว่า เด็กชายที่ยังไม่ประสีประสาอะไรจึงยอมตามออกมาอย่างง่ายดายเพราะอยากอ่านหนังสือเยอะๆ อยากได้แว่นดีๆ ใช้ อยากมีโคมไฟในห้องตัวเอง

ผิดหรือเปล่า...เขาก็แค่อยากอ่านหนังสือ...



“ต่อไปนี้ต้องเรียกพ่อกับแม่ว่าพ่อกับแม่นะลูก”

“ผม...มีพ่อกับแม่หรอ?”

“มีสิลูก อยู่ตรงหน้าลูกนี่ไง”

“…..”

“ไหน ลองเรียกสิจ๊ะ”

“ครับ...คุณพ่อ คุณแม่”



ซึ่งเดียวที่เขารับรู้ได้ก็คือท่านทั้งสองไม่มีลูก ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งก็ไม่มีซักทีจึงตัดสินใจรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะฟ้าเป็นใจหรือเพราะเขาเป็นตัวนำโชค ไม่กี่เดือนต่อมานั้นคุณแม่ก็ตั้งท้องมูมิน ลูกที่เกิดจากคุณพ่อคุณและแม่ตามสายเลือดจริงๆ

เขาคิดว่าความรักที่ท่านทั้งสองมีให้คงถูกหารครึ่งโดยอัติโนมัต หากความจริงกลับไม่ใช่เลย คุณพ่อคุณแม่ยังคงรักเขาราวกับเป็นลูกแท้ๆ เหมือนเดิม อันที่จริงแล้วการรับเลี้ยงเด็กกำพร้าซักคน ผู้อุปการะส่วนใหญ่มักพิจารณาจากเด็กทารกหรือเด็กอายุน้อยๆ เพื่อง่ายต่อการพร่ำสอน

แต่คุณพ่อกับคุณแม่กลับเลือกเขาที่อายุห้าขวบซึ่งก็ถือว่ารู้ความในระดับหนึ่ง เขาคิดว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน... โชคดีที่ได้มาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพวกท่านเลยซักนิด



“อยากกินอะไรก็บอกพ่อกับแม่เลยนะลูก ห้ามอดนะ”

“ครับ”



คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาทำงานหาเงินซัพพอร์ตตัวเองโดยการเล่นหุ้น เพราะรู้ดีว่าพวกท่านไม่ได้รวยล้นฟ้า ก็แค่พออยู่พอกินถึงแม้ว่าบ้านหลังปัจจุบันจะดูใหญ่โตเกินฐานะ แต่นั่นก็ล้วนมาจากการออกแบบและเลือกสรรอย่างคุ้มค่าจากสถาปนิกมากฝีมือทั้งสองคน



“เงินพอใช้มั้ยลูก ไม่พอรีบขอพ่อนะ”

“พอครับพ่อ”



อีกอย่างมูมินก็เรียนโรงเรียนเอกชนราคาแพง เขาจึงขอแค่ค่ากินอยู่ในแต่ละเดือนเล็กน้อย ส่วนค่าที่พักหรือสิ่งของมีราคาที่อยากได้ก็เก็บเงินหาซื้อด้วยตัวเอง

โชคดีตรงที่พอเขาคิดจะหยิบจับทำงานอะไรก็ดูดวงขึ้นไปหมด



“คะ...คุณมิว ร้องไห้ทำไมครับ!”



มนุษย์แว่นหยุดรถเข้าข้างทางอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ กำลังน้ำตาคลอจนเต็มแก้ม



“...สงสารแม็กซ์”

“คะ...ครับ?”



แหมะ!



หัวใจคนเฉิ่มเต้นตึกตักรุนแรงเมื่ออีกฝ่ายทิ้งใบหน้าลงซบบนลาดไหล่ ยื่นฝ่ามือทั้งสองกอดกุมมือหนึ่งข้างของเขา นิ้วโป้งยาวลูบวนไปมาคล้ายกำลังปลอบปะโลม ไออุ่นแห่งความใจดีแผ่ซ่านลามไปทั่วร่างกาย



“ไม่เป็นไรนะแม็กซ์ ต่อไปนี้เราจะอยู่กับนายเอง”

“คุณมิว...”

“คนอย่างนายควรได้รับแต่สิ่งดีๆ รู้มั้ย”



เขาเผลอลูบกลุ่มผมนุ่มที่กำลังพิงซบอย่างลืมตัว แต่ช่างเถอะ...เขาทำไปแล้ว แถมผมคุณมิวนิคยังนุ่มมากด้วย นุ่มถึงขนาดที่ว่าถึงแม้จะไม่ค่อยได้อาบน้ำให้ก็ยังนุ่ม หึ...มิวมิวขนนุ่มยังไง มิวนิคก็ผมนุ่มอย่างนั้น ดูท่าเขาคงต้องเป็นภูมิแพ้แมวตัวเอง



“แต่เดี่ยวนะ...ถ้าเป็นงั้นเราก็ต้องหายไปจากชีวิตนายดิ”

“โถ่...คุณมิว”

“ก็เรานิสัยไม่ดีนี่หว่า งั้นพูดใหม่” คนแก้มแดงง่ายเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของนัยน์ตาสีดำ “ขอให้ทุกๆ อย่างที่นายชอบ…อยู่ในชีวิตนายทั้งหมดเลย”



แล้วก็กลายเป็นเขาที่หน้าแดงขึ้นมาซะอย่างนั้น



“ระ...รีบกลับเถอะครับผมว่า”



พูดเสร็จก็สตาร์ทรถให้เคลื่อนออกไปอีกครั้ง คราวนี้เขาพยายามเพ่งสมาธิไปยังเส้นทางด้านหน้าอย่างจดจ่อ หากคนที่ผละใบหน้าออกจากไหล่ไปแล้วกลับดูเหมือนกำลังจ้องมองมาทางเขาไม่หยุดหย่อน เขาไม่รู้หรอก...แค่รู้สึกได้ แต่จะให้หันมองสบตาตอนนี้ก็ไม่กล้า

แม็กซ์เวลขี้แพ้



“แล้วแม็กซ์เคยคิดอยากจะตามหาคุณพ่อกับคุณแม่ตัวจริงมั้ย?”

“พ่อแม่ตัวจริง...?”

“อื้ม ก็คนที่ทำให้นายเกิดมาไง”

“…คงไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ”



เขาไม่ได้โกรธถึงขนาดแค้นฝังหุ่นว่าทำไมถึงต้องทิ้งกันไป ก็แค่น้อยใจนิดๆ มากกว่า แต่พอลองคิดๆ ดูพวกท่านอาจจะมีเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปอยู่ในชีวิตของพวกท่านได้

ไม่พร้อมเลี้ยง ผิดพลาดจนตั้งท้อง กลัวเป็นภาระในอนาคต

นั่นสินะ...การจะทิ้งเด็กคนนึงที่เกิดจากเลือดเนื้อของตนเองได้คงผ่านการไตร่ตรองมาถี่ถ้วนดีแล้ว อีกอย่างแม้ว่าจะผ่านมาห้าปีจากตอนนั้นเขาก็ยังไม่เคยเห็นวี่แววของการมาเยี่ยมเลย จนถึงตอนนี้ที่อายุยี่สิบเอ็ดคงไม่ต้องพูดถึง

แต่ดีแค่ไหนแล้วที่อย่างน้อยเขาก็ถูกนำมาทิ้งไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

อย่างน้อยเขาก็ถูกเลือกให้มีชีวิตต่อบนโลกใบนี้



“แม็กซ์...เราขอโทษ เราไม่ได้...”

“ผมไม่โกรธคุณมิวครับ แล้วก็ไม่โกรธแม่ด้วย”

“.....”

“ผมสนใจแค่ปัจจุบัน ปัจจุบันที่มีครอบครัวอันอบอุ่น ปัจจุบันที่มีข้าวให้กิน มีบ้านให้หลับนอน”

“มีมิวมิวให้กอด”

“คะ...คุณมิว!”



ทำเสียงดุ เสแสร้งผินสายตาออกจากใบหน้าอีกคน ทว่าจริงๆ ก็ใช่...เขาชอบปัจจุบันตอนนี้ที่สุด ปัจจุบันที่ได้เนียนนอนกับคุณมิวนิคทุกคืนแม้จะรู้ว่าอาจเป็นความสุขชั่วคราว แม้จะรู้ว่าซักวันใดวันหนึ่งในอนาคตห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ อาจไม่มีแมวขาวมณีจอมดื้ออยู่กวนใจ

แต่เขาก็อยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความสุขปัจจุบันนี้ให้ได้มากที่สุด



หมับ!



“ขอจับมือจนกว่าจะถึงได้ปะ”

“ผะ...ผมก็ต้องเข้าเกียร์นะครับ”

“คำถามคืออะไร?”

“ครับ...ได้ครับ”

ปัจจุบันที่เขากลายเป็นผู้แพ้

แพ้ตลอดนั่นแหละ...ถ้าเป็นมิวนิค











//มีต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 11-12-2018 17:43:49
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


ปุ้ง!



เสียงควันสีขาวจางระเบิดขึ้นหลังจากสายเฮชดีเอมไอถูกต่อเข้ากับจอทีวีบนชั้นไม้ เริ่มกิจกรรมตามล่าซีรีย์เน็ตฟลิคที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลกนี้ให้สิ้นซาก เหมียวน้อยตัวสีขาวคิดในใจขณะนอนบิดขี้เกียจไปมา

วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่ตาเจ้าของห้องซื่อบื้อของเขาก็ยังต้องไปเรียน พักหลังๆ เขาว่าหมอนั่นชักจะเรียนหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าเรียนสัตว์แพทย์ เป็นหมอก็ต้องเรียนเยอะ แต่จำเป็นต้องเรียนเยอะขนาดนี้มั้ยนะ

วันที่ไม่มีแม็กซ์เวลนี่มันน่าเบื่อจริงๆ เลย



“แอนโธนี่ ดูเน็ตฟลิคด้วยกันปะ”

“มดเขาไม่ดูเน็ตฟลิคกันหรอก”

“อ้าว แล้วดูไรอ่ะ”

“ชู่วว! เงียบๆ ได้มั้ย ชั้นกำลังขุดเจล ต้องใช้สมาธิ”



เออ...เอ็งน่ะมันสมาธิสั้น คุยด้วยกันไม่เคยยืดหรอก มีแต่เขานี่แหละที่ชอบวอแวคนอื่นไปเรื่อย มิวนิคถอนหายใจก่อนจะกระโดดกลับขึ้นไปนอนกลิ้งเกลือกบนฟูกเพื่อดูซีรีย์อีกครั้ง อันที่จริงถ้ามีป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมกินคู่กันไปด้วยก็คงดี

ทว่าความขี้เกียจของแมวเหมียวนั้นช่างอันตราย พอได้ลองอยู่ในร่างแมวซักครั้งแล้ว...ร่างกายมันก็ปวกเปียกไปหมด อยากนอนมันซะทั้งวัน แค่จะแปลงร่างกลับไปเป็นมิวนิคเขายังขี้เกียจเลย อ่า...เมื่อไรแม็กซ์จะมา เขาขี้เกียจลุกจัง อยากเอาหน้าถูหน้าท้องที่เป็นมัดกล้ามนั่นเหลือเกิน...



“อยู่ไหน”

“บ้าน”

“ปกติไม่เห็นกลับ”

“แม่ดราม่า บอกพี่ฟ้าติดเด็กที่ร้านไม่ยอมกลับ น้ำก็เอาแต่คุยกับต้นไม้หลังอกหัก ปกติสุดก็กูละ”



ดูได้ไม่ถึงครึ่งเรื่องก็กดปิดทีวี ถือวิสาสะใช้คอมของบางคนวิดีโอคอลหาสายหมอก เมื่อเริ่มชินกับการแปลงร่างก็เป็นอย่างที่เห็น เวลาแม็กซ์เวลไม่อยู่เขาก็ชอบโทรกวนสายหมอกตลอด เป็นอีกคนล่ะนะที่รู้ทุกความเป็นไปของมิวมิวเดอะแคท

โกรธกันขึ้นมาเขาคงถูกจับส่งสถาบันวิจัยสัตว์ประหลาด



“อยากไปกินเหล้าร้านพี่ฟ้า...”

“เป็นแมวกินได้รึไง”

“เป็นแมว ไม่ได้เป็นตับแข็ง”

“หึ...มึงไม่ได้อยากกินหรอก”



เขาเกลียดสายตาแบบนั้นของสายหมอกชะมัด มันดูล้อเลียนราวกับสามารถอ่านความในใจของเขาออกทะลุปรุโปร่ง มิวนิคเกลียดการถูกรู้ทัน เขาไม่ชอบอะไรที่อยู่เหนือการควบคุมเอาซะเลย



“มึงแค่กำลังมองหาคนพาไปกิน”

“หมอก...”

“และคนๆ นั้น ก็ไม่ใช่กู”



ให้ตายสิ เขาเกลียดสายหมอกเวอร์ชั่นกวนประสาทแบบนี้ที่สุด



“ต้องทำยังไงถึงจะเลิกล้อ”

“ขอเค้าเป็นแฟนดิ”

“กูหรอต้องขอ?” คนชุดขาวขมวดคิ้ว ยกนิ้วชี้หน้าตัวเองเป็นท่าประกอบ

“ถ้ารอคุณหมอขอ มึงว่าจะได้เป็นมั้ย?”



ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า มิวนิคคิดตาม คนอย่างแม็กซ์เวลน่ะหรอจะขอเขาเป็นแฟน แค่บอกว่าชอบยังเป็นเขาเลยที่ต้องเค้นออกมาจากปากด้วยตนเอง อีกอย่าง...ดูท่าหมอนั่นคงไม่เคยผ่านประสบการณ์มีแฟนมาก่อนแหงๆ



“ยังไม่รู้”

“หืม?”

“ยังไม่รู้ว่าที่กำลังรู้สึกอยู่ มันมากขนาดนั้นแล้วหรือยัง”

“อืม…ก็ไม่ได้เร่ง แต่เป็นคนแรกหรือเปล่าที่คุยนานขนาดนี้?”

“นับตอนเป็นแมวด้วยหรือเปล่า?”

“เริ่มรู้สึกดีตั้งแต่ตอนไหนล่ะ”



เหมียวน้อยในร่างคนชะงักไปชั่วครูเพื่อใช้ความคิด ถ้าถามว่าแม็กซ์เวลเป็นคนที่เขาชอบมากกว่าคนอื่นๆ ที่ผ่านมาไหมนั้นก็ตอบยาก แม็กซ์เวลยืนอยู่คนละฝากกับคนพวกนั้นทั้งหมดเลย จะว่ายังไงดีล่ะ...

แม็กซ์เวลเป็นความสบายใจ...



...ความปลอดภัย อย่างงั้นหรอ?

“นานที่สุด”



และเขาก็ถูกสายหมอกล้วงความลับจนหมดพุงอีกครั้ง



“เอ้อ...ว่าจะไปคณะ ไว้เดี๋ยวโทรหา”

“เปลี่ยนเรื่อง”

“หยุดได้แล้วหมอก”

“หึ...ให้ไปรับตอนไหนก็บอกแล้วกัน”



หมดยุคการตกเป็นเหยื่อ เพราะเขาไม่มีวันกลายเป็นเหยื่อของใครทั้งนั้น มิวนิครีบพับหน้าจอลงก่อนจะลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ อาจคงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกที่เขาจะออกไปเจอสายหมอก

มันอันตรายเกินไป

ต่อให้แปลงร่างได้ตามใจชอบแต่เขาก็ยังเป็นแค่แมวเหมียวตัวหนึ่ง การจะอยู่ในจุดที่สายหมอกล้อไม่ได้มันต้องสูงกว่านั้น หลังคาหรอ? ไม่สิ...ต้องสูงกว่าหลังคา อ่า...ถ้าไอ้กระปู๋แมวสาปให้เขากลายเป็นนกเรื่องคงสนุกกว่านี้

แต่เดี๋ยวก่อนนะ! นกงั้นหรอ!?



“เอ๋? แกจะบินวันนี้เรอะไอ้หนู”

“ใช่เลยลุง ต้องวันนี้เท่านั้น นานกว่านี้ผมคงแห้งตายเพราะความเบื่อหน่าย”

“แมวอย่างพวกแกน่าจะแห้งตายเพราะความขี้เกียจมากกว่า”



นี่ก็อีกตัว...รู้ทันทุกอย่างจริงๆ เป็นแค่นกไม่ใช่หรออย่ามาทำรู้ดีหน่อยเลยน่า เหมียวน้อยกลอกตาใส่นกอินทรีย์ยักษ์ที่ถูกปิดผนึกอยู่ในกรงเหล็กด้านบนดาดฟ้า เป็นการถูกจองจำอย่างเต็มใจท่ามกลางทุ่งดอกเดซี่สดใส แย่จัง...หลังกลับร่างเป็นมิวนิคได้ตามใจนึกเขาก็ไม่ค่อยได้ขึ้นมาเยี่ยมเลย

ลืมไปเสียสนิทเลยว่าดอกเดซี่น่ะคืออีกหนึ่งความสบายใจของเขา

ไม่ใช่ไอ้ลุงปากแหลมนี่จ้า



“จะอะไรก็ช่าง แต่ลุงสัญญากับผมไว้แล้วนี่ว่าจะพาผมบินอ่ะ รักษาสัญญาหน่อย”

“รู้โว้ย แต่ช่วยแหกตาดูหน่อยได้มั้ย คนที่จะพาเอ็งบินกำลังติดแง็กอยู่ในกรงเนี่ย”

“หึ...นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย” ดวงตาสีฟ้าวาวโรจน์



ปุ้ง!



“วู้วฮู้ววว!! นี่มันเจ๋งสุดๆ ไปเลยลุงฮอวค์!!”



และยิ่งวาวโรจน์ขึ้นไปอีกเมื่อร่างสีขาวถูกพาขึ้นไปยังจุดที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามได้ทั่วทั้งเมือง เพิ่งรู้เหมือนกันว่าย่านหอพักบ้านสุขใจช่างเป็นบริเวณที่ป่าเยอะพอตัว มิหน่าล่ะถึงสดชื่นขนาดนี้

หนึ่งสิ่งที่ค่อนข้างประหลาดใจอีกอย่างก็คือลุงฮอวค์เชื่อคำที่เขาเล่าทั้งหมด ทั้งเรื่องคำสาป เรื่องมิวมิว เรื่องไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมว ราวกับพวกสัตว์คุณเคยกับสิ่งเหนือธรรมชาติเป็นปกติอยู่แล้ว

จู่ๆ ก็ขนลุกขึ้นมาเลยแฮะ!



“พวกโน่ไม่เคยขอให้ลุงพาขึ้นมาหรอ”

“ไม่มีแมวที่ไหนอยากบิน นี่ถ้าไม่รู้ว่าแกเป็นมนุษย์ชั้นก็ไม่คิดว่าจะเอาจริงหรอกนะ”



จริงสินะ เขามันแปลกแมว จะว่าเป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ เป็นแมวก็ไม่เชิง



“...ขอบคุณนะที่ยังเป็นเพื่อนผมต่อ”

“พูดเหมือนพวกมนุษย์จะเลิกเป็นเพื่อนกับแกถ้าแกกลายเป็นแมวอย่างงั้นแหละ”



คนฟังหยุดชะงัก มันก็เป็นคอมม่อนเซนส์อยู่แล้วไม่ใช่หรอถ้าผู้คนจะปฏิบัติแบบนั้น มิวนิคแค่คิด...เขาไม่ได้พูดออกไป บางทีอาจเพราะวัฒนธรรมของมนุษย์กับสัตว์ช่างแตกต่าง เรายอมรับและต่อต้านเรื่องบางเรื่องในแง่มุมที่ไม่เหมือนกัน

ฉะนั้นเขาจะไม่ตัดสินวิธีการคิดของพวกสัตว์ว่าแปลก

แหงล่ะ...มนุษย์เราน่ะแปลกยิ่งกว่าสัตว์เสียอีก



“นี่! เหม่ออะไรไอ้หนู”

“ปะ...เปล่า ลุงอย่าหันมาซี่ บินมองทางหน่อย”

“มองไปข้างล่าง”

“เชี่ยย!!”



ผู้โดยสารตัวขาวอ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก มันเป็นทุ่งป่าสนอย่างกับหนังฝรั่ง สาบานว่าไม่เคยคิดถึงการมีอยู่ของสถานที่แนวๆ นี้ใกล้มอเรามาก่อน จริงๆ ก็ไม่ใกล้หรอก ดูจากระยะทางน่าจะห่างไกลจากมอพอสมควร แต่คงเพราะบินมาถึงใช้เวลาไม่มากนัก อีกอย่างวันนี้แดดน้อยแถมลมยังเย็นสบายสุดๆ

อากาศเป็นใจต่อการบินชมวิวเหลือเกิน



“มันดีมากเลยลุง”

“ชอบขนาดนั้นเลยรึไง”



สายตาของเขาคงบรรยายเป็นความรู้สึกออกมาแทนคำพูดทั้งหมด ภาพอาร์ตแกลลอรี่ถูกวาดขึ้นในหัวเป็นฉากๆ มิวนิคเฝ้ารอวันที่จะมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไม่ไหว ไหนจะวิวตึกรามบ้านช่องที่ได้เห็นจากบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าอีก ถ้าไม่ใช่การเช่าเครื่องบินเพื่อมาดูเขาก็นึกไม่ออกเลยว่าต้องทำวิธีไหน



“ลุง มีที่ไหนอีก พาไปหน่อย”

“ไอ้ได้มันก็ได้ แต่วันหลังแล้วกัน” นกยักษ์เอ่ยด้วยเสียงเซ็ง

“ทำไมล่ะ ผมยังดูไม่จุใจเลย” เริ่มทำเสียงงอแง

“วันเสาร์ทาสกลับเร็ว ขืนกลับมาไม่เห็นเฮียเดี๋ยวได้ซวยกันหมด”



ด้วยเหตุนั้นเหมียวน้อยผู้อยู่ไม่ติดห้องจึงจำต้องกลับมานอนกลิ้งเกลือกอยู่ในห้องอีกครั้ง ทำไมแม็กซ์เวลไม่กลับเร็วแบบลุงทาสของลุงฮอวค์บ้าง เขาชักจะเบื่อแล้วนะ ทว่าพอเหลือบมองนาฬิกาก็เพิ่งจะสี่โมงเย็นอยู่เลย เฮ้อ...เบื่อ



ปุ้ง!



เช็คเฟสบุคซะหน่อยดีกว่า ไม่ได้ตามข่าวคณะนานป่านนี้ทุกคนคงลืมเขาไปแล้วล่ะมั้ง



แกร้กๆ !



เสียงไขประตูห้องขยุกขยิกเป็นสัญญาณว่ามีใครบางคนกำลังพยายามเข้ามา และเขาก็สัมผัสได้จากกลิ่นตั้งแต่ต้น...เป็นมนุษย์แว่นแน่นอน หัวใจเหมียวน้อยในร่างคนเต้นตึกตักลิงโลด ก่อนภาพเบื้องหน้าจะปรากฏร่างสูงที่เฝ้ารอมาตลอดทั้งวัน บ้าจริง...นี่เขาชักจะเหมือนแมวขึ้นเรื่อยๆ แล้วแฮะ

เอ๊ะ...แต่ไอ้ที่ตั้งหน้าตั้งตารอเจ้านายกลับมามันน้องหมาไม่ใช่รึไง



“กลับมาแล้วหร...”

“คุณมิว!”



แววตาและน้ำเสียงขึงขังของอีกฝ่ายทำคนฟังถึงกับขมวดคิ้ว แล้วอาการหอบแฮ็กราวกับวิ่งมาร้อยไมลนั่นคืออะไร เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นหรือเปล่าเนี่ย หรือหอจะไฟไหม้? แต่เขาก็ไม่ยักกะได้ยินสัญญาณเตือน



“มีอะไร? ใจเย็นๆ”

“คุณ...คุณไปไหนมาครับ!”

“ไปไหน ก็นั่งเล่นอยู่ห้อง” ทำท่าเฉไฉ รู้สึกลางไม่ดีเลยว่ะ ขอแว้ปไปเปิดไพ่ยิบซีได้ไหม

“ไม่ได้ออกไปซนที่ไหนใช่มั้ย?” คราวนี้นัยน์ตามนุษย์แว่นฉายแววดุกว่าเดิม น่ากลัวจัง

“ไม่มี เรานั่งเล่นคอมทั้งวันเลย”

“อย่าโกหกผมครับ มันไม่เนียน”



คราวนี้เดินมาประชิดตัวแถมแผ่รังสีผู้พิพากษาเหมือนกำลังคาดคั้นนักโทษ ไปทำตัวเก่งขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่แม็กซ์เวล หน็อย...ถ้าไม่มีคดีเป็นชนักติดหลังอยู่เขาจะสวนกลับให้หน้าเหวอไปเลย



“อ่า...โกหกอะไรแม็กซ์ ไม่มี” เลิ่กลั่กจังวะมิวนิค เรียนนิเทศนะโว้ย...สกิลแอคติ้งหายไปไหนหมด!

“ผมเห็นคุณขึ้นหลังนกตัวยักษ์บินไปไหนไม่รู้เมื่อตอนบ่าย มันใช่เรื่องไหมครับ!? ถ้าคุณตกลงมาผมจะทำยังไง!”

เวรแล้วไง ไอ้ลุงหอกมันพาเขาบินผ่านแถวคณะสัตว์แพทย์ด้วยหรอวะ มัวแต่ดูวิวธรรมชาติจนลืมสังเกต

“ตะ...ตาฝาดแล้ว แมวที่ไหนจะขึ้นหลังนก”

“มิวนิค! ”



อ่ะ...ถ้าเรียกชื่อเต็มๆ แบบนี้แสดงว่าโกรธจริง ล่าสุดที่เรียกก็ตอนเขากัดหมอนหนุนหลังเล่นจนขาด ถึงจะเป็นการดุแบบไม่ลงโทษร้ายแรงแต่ดุก็คือดุ แม็กซ์เวลไม่พอใจกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก และนั่นคงถึงเวลาต้องพิจารณาตัวเอง ไม่ก็เก็บข้าวของออกจากห้องนี้ไป อันหลัง...เขาติดมาจากซีรีย์เน็ตฟลิค



“ขอโทษ...” คนผิดก้มหน้างุด ก็รอบนี้เขาผิดจริงๆ ...มั้ง

“ผมไม่ได้โกรธครับ...” แม็กซ์เวลยกมือนวดขมับพร้อมถอนหายใจเฮือกโต “...แต่คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมเป็นห่วง”

“อื้อ” ค่อยๆ เหลือบสายตามองคนเฉิ่มจอมดุ “มากขนาดไหน”

“คุณรู้คำตอบอยู่แล้ว”



กลายเป็นคนกล้าหาญถึงขนาดฮึดต่อกรกับเขาได้แบบนี้แล้วเชียวรึแม็กซ์เวล แต่ก็ดีแล้ว...นานๆ เห็นอีกมุมของมนุษย์แว่นอันแสนโซแดมฮอตเหมือนเรือนร่างใต้ชุดนักศึกษานั่นก็ทำให้หัวใจเต้นตึกตักดีเหมือนกัน



แหมะ!



“อ๊ะ! คุณมิว กะ...กอดผมทำไมครับ”

“กอดแทนคำขอโทษ” บนอุบอิบขณะฝังใบหน้าลงบนแผ่นอกอบอุ่น

“คุณก็พูด...ไปแล้วนี่ครับ”

“คำพูดก็ส่วนคำพูด...การกระทำก็ส่วนการกระทำ”

“.....”

“เราเหงาว่ะแม็กซ์...วันธรรมดาก็เหงาจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งวันเสาร์ที่ไม่มีนายเรายิ่งโคตรเหงาเลย”

“คุณมิว...”



เขาถูกท่อนแขนที่ใหญ่กว่ายกโอบร่างจนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นเต็มกอด เสียงก้อนเนื้อในอกด้านซ้านของอีกฝ่ายดังโครมครามจนทำเอาคนฟังหลุดยิ้ม กลิ่นเหงื่อแม็กซ์เวลเริ่มผสมกับกลิ่นมิ้นท์ของห้องเหมือนทุกวัน และมันก็หอมจนเขาไม่อยากจะผละใบหน้าออก



“ยกโทษให้ได้ยัง?”

“คุณรู้มั้ยครับ…ผมใจอ่อนตั้งแต่เห็นหน้าคุณแล้ว















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

เทอๆๆ สองคนนี้เขาเป็นแฟนกันหรอ อะไรยังไงบอกเลาหน่อยย



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ทุกคอมเม้นเป็นกำลังจัยให้เค้าจีงๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 11-12-2018 18:36:38
นี่ขนาดยังไม่ได้ขอเป็นแฟนกันจริงจังนะเนี่ยยยยยยยย หวานซะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-12-2018 21:14:20
 :L2: :pig4:

เขาเป็นแฟนกันนนน
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-12-2018 21:28:10
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 11-12-2018 21:35:37
ถึงยุคหยอดกันเองล้าววว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 11-12-2018 21:39:19
ทาสใจอ่อนจัง
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-12-2018 21:50:52
 :o8:  น่ารักกกกก  :mew1:  ปวดแก้มอ่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-12-2018 00:11:04
เราข้ามตอนไหนไปหว่า ทำไมหนูมิวแปลงร่างเองได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 12-12-2018 00:49:04
เทอๆๆๆ เราว่าเค้าจะได้กันเร็วๆนี้อ่ะ
หมายถึงได้เป็นแฟน555555555555555 น่ารักโว้ย
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-12-2018 07:34:58
มิวนิคขี้อ้อนจัง แม็คคนเฉิ่มก็ไปไม่เป็นทุกทีที่โดนอ้อนงิ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-12-2018 23:07:12
ดีงาม
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 13-12-2018 23:48:05
จะมิวมิวหรือคุณมิวนิคทาสอย่างแม็กก็แพ้อยู่ดี :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 11/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-12-2018 10:46:40
โถ่ววววว แม็กเวลคนขี้แพ้
55555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 15 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 15-12-2018 23:04:57
Meow 16


วันนี้มิวนิคโดนดุอีกแล้ว เป็นการโดนดุเรื่องเดิมๆ อย่างเรื่องฟูกนอนที่ถูกกัดทำลายจนเละเทะ เป็นการโดนดุครั้งที่ร้อยก่อนจะค้นพบว่ายังมีครั้งที่ร้อยเอ็ดเกิดขึ้น เขาเหนื่อยว่ะ...ไม่ใช่เหนื่อยที่แม็กซ์เวลเข้มงวดหรอกนะ หากเป็นนิสัยการชอบกัดทำลายของตนเองที่แก้ไม่หายซักที

โทษร่างไอ้แมวมิวมิวบ้านี่เลย



“เรื่องเงินซื้อที่นอนผมไม่ได้ลำบากหรอกนะครับ...แต่คุณมิวเห็นใจคนทำความสะอาดหน่อยได้มั้ย”



ตัวปัญหาหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อลงโทษตัวเองเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ขณะมนุษย์แว่นก็บ่นงึมงำเป็นคุณลุงอายุหกสิบ ปกติแม็กซ์เวลไม่ใช่คนพูดเยอะเขาสัมผัสได้ คงจะเปิดประสบการณ์ใหม่ก็ตอนที่มีเขาเข้ามาอยู่ด้วยนี่แหละ



“แล้วพาแมวตัวอื่นเข้าห้องแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ...”

“.....”



เขาไม่ได้อยากพาชิโน่กับชิลลี่เข้ามาซักหน่อย สองตัวนั้นมันคะยั้นคะยอขอเข้ามาเองต่างหาก เคยสังเกตหลายทีแล้วว่าพวกสองแสบน่ะชอบเดินตามผู้อาศัยคนอื่นขึ้นตึกประจำ ที่แท้ก็อยากเข้าไปเล่นในห้องด้วยนี่เอง



“มิวมิว พาชั้นไปเล่นห้องแกหน่อย”

“ไม่เอา เดี๋ยวแม็กซ์ด่า”

“ไม่ด่าหรอกพี่ แม็กซ์ใจดีจะตาย”

“น่า...ขอเข้าไปสำรวจแปปเดียวเองน่า”



แล้วสภาพห้องก็เป็นอย่างที่เห็น ชิโน่กับชิลลี่เริ่มการกัดทำลายข้าวของจนกระจุยกระจาย ไม่พอ...มันยังชวนเขาร่วมกัดด้วยอีก เคยอ่านผ่านๆ จากหนังสือเล่มหนึ่งว่าดวงตาของแมวนั้นลึกลับและดึงดูด ราวกับมีขุมเวทมนต์ซุกซ่อนอยู่ภายใน และเขาก็แพ้ให้กับดวงตาสองพี่น้องนั้น

หรือแท้จริงแล้วเป็นความนิสัยเสียของตนเองล้วนๆ



“คุณมิวหันมาได้แล้วครับ”

“......”

“คุณมิว...”



เพราะเขาไม่ยอมหันซักที มือหนาจึงก้มลงมาช้อนร่างจนลอยขึ้นกลางอากาศ ดวงตาสีดำด้านหลังกรอบแว่นหนาเตอะพยายามจ้องประสบสานเหมียวน้อยผู้เศร้าซึมให้ได้ ก็ครั้งนี้เขาผิดจริงนี่หว่า...ไม่กล้าสู้หน้าแล้วเนี่ย



“คุณก็รู้ว่าผมเคยโกรธคุณลงที่ไหน...”

“.....”

“คุณมิวครับ พูดกับผมเร็ว”

“...ม๊าว”



สิ่งมีชีวิตตัวขาวเอ่ยเสียงอ่อย ก่อนจะค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองผู้ปกครองจอมเฮี้ยบ ช่วงนี้เขาทำแต่เรื่องให้แม็กซ์เวลว่ะ กลัวอีกฝ่ายจะทนไม่ไหวเข้าซักวัน และถ้าวันนั้นมาถึงเขาจะถูกจับโยนออกนอกหน้าต่างมั้ยนะ

โชคดีที่ตุ๊กตาดารุมะสีแดงบนชั้นไม้บนสุดไม่ถูกทำลายไปอีกอัน แม็กซ์เวลบอกว่าเป็นของสำคัญมากๆ จึงเก็บไว้ให้ห่างมือแมว เขาไม่รู้ว่าสำคัญถึงขั้นไหน แต่ในเมื่อเจ้าของที่ว่ายังปลอดภัยอยู่ก็โล่งอกไปที...



“ดื้อ”

“ม๊าว ม๊าว (ผิดไปแล้วน่า ขอโทษ) ”

“ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ”



ตาทึ่มนี่...รู้อยู่ว่าวันนี้เป็นวันอังคารก็ยังจะให้พูดอีก แต่โวยวายไม่ได้ วันนี้พี่แกเป็นต่อ แถมเขาก็ดื้อจริง คราวหลังจะไม่หลงกลไอ้สองพี่น้องหัวขวดแล้วเฟ้ย เห็นหน้าซื่อตาใสแบบนั้นแต่ร้ายกาจชะมัด



“สัญญากับผมได้มั้ยว่าจะไม่ทำอีก”

“ม๊าว ม๊าว! (สัญญาเลย ไม่ทำแน่) ” ยกมือจะชูสามนิ้ว แต่ชูไม่ได้...งั้นชูมันทั้งอุ้งมือนี่แหละ

“ไฮไฟว์หรอครับ”

“เมี้ยว (จ้า) ”

“งั้นถือว่าสัญญาแล้วนะ”



แล้วเราทั้งคู่ก็ยกมือแปะกันโดยมีมนุษย์แว่นทึกทักเอาว่าเป็นการไฮไฟว์ อือ...ช่างเถอะ อยากจะเข้าใจยังไงก็เชิญเข้าใจไป ประเด็นอยู่ที่ตัวเขาจะทำตามสัญญาได้รึเปล่า สัญชาตญาณการกัดทำลายข้าวของกำลังร้องไห้ แต่เพื่อป้องกันการถูกจับโยนออกนอกหน้าต่างเขาจะพยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ก็แล้วกัน

ต้องทำได้ซี่มิวนิค



“กัดถูกวันซะด้วย”



กัดถูกวันตามที่คนเฉิ่มว่าก็คือกัดถูกวันที่แปลงร่างไม่ได้ เขาจึงช่วยเก็บห้องไม่ได้ แม็กซ์เวลมันต้องคิดว่าเขาเลือกทำลายข้าวของเว้นวันหยุดราชการแหงๆ เห้ย...ไม่ใช่อย่างนั้นนะโว้ย ซากปรักหักพังตรงหน้าเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่เชื่อถามแอนโธนี่ได้เลย

มิวนิคนั่งมองมนุษย์แว่นจัดการเก็บผลงานชิ้นโบว์แดงที่เขาทำเอาไว้จนสะอาดเรียบร้อยก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนมานั่งปาดเหงื่ออยู่หน้าจอคอมตรงโต๊ะญี่ปุ่นเพื่อทำงานต่อ สงสารแม็กซ์เวลจัง...เรียนก็หนักแล้ว นี่ยังต้องมาตามเก็บห้องสกปรกจากฝีมือคนอื่นอีก

ขอโทษนะ



“หืม? มีอะไรหรือเปล่าครับ?” คนที่ถูกก้อนนุ่มนิ่มสีขาวกระโดดมานอนขดอยู่บนตักเลิกคิ้วมอง

“ม๊าว (นอนด้วย) ”

“ผมจะทำงานนะ”



ก็ทำไปซี่ใครว่าอะไรล่ะ ประโยคหลังมิวนิคไม่ได้ตอบ เขาแค่ถูใบหน้ากับตักอุ่นๆ ไปมาพร้อมจ้องมองเจ้าของแว่นตาสีดำที่เปลี่ยนไปจดจ่อกับจอกระจกสีฟ้าตามเดิมแล้ว

อยากนวดให้หายเหนื่อยจัง แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้...เอาเป็นว่าขอนอนเป็นกำลังใจไปก่อนแล้วกันนะ

มิวนิครู้ตัวว่าเผลอหลับก็ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเวลาสามทุ่ม บางทีพวกแมวอาจเป็นโรคเหงาหลับเรื้อรัง นอนนิดนอนหน่อยก็หลับได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกันมนุษย์แว่นที่เอาแต่ทำงานก็คงเป็นโรคบ้างานเรื้อรังด้วยล่ะมั้ง อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ห้าโมงเย็นที่เจอกัน จนกระทั่งตอนนี้หมอนี่ก็นั่งนิ่งอยู่กับที่ให้เขานอนซุก

มีความรู้สึกไหมนั่น



“เมี้ยว (นี่) ”

“ขี้เซา” คนตัวโตก้มหน้าลงมาคุยพร้อมลูบหัวเบาๆ

“เมี้ยว! (บ้างาน) ”

“คุณต้องว่าอะไรผมอยู่แน่เลย”



ทีเรื่องแบบนี้ล่ะรู้เก่งเชียวล่ะ มิวนิคงับพุงแน่นๆ ไปหนึ่งคำให้หายมันเขี้ยวก่อนจะเดินออกไปกลิ้งเกลือกนอกระเบียงสูดอากาศข้างแก๊งกระถางดอกเดซี่แก้เซ็ง

จะเป็นยังไงนะถ้าเขาสามารถคุยกับพวกพืชได้...พวกพืชจะมีเรื่องเล่าแปลกๆ ให้ฟังบ้างหรือเปล่า แล้ววัฒนธรรมของพวกพืชจะต่างจากมนุษย์เราซักแค่ไหน มิวนิคเอียงศีรษะสงสัยคนเดียว แต่คิดๆ ดูแล้วไม่เอาดีกว่า ขืนเป็นงั้นคงมีคนได้ด่าเขาเพิ่มว่าเป็นจอมขี้เกียจ แค่ได้ฟังจากไอ้มดบ้าทุกวันก็เอียนละ

สี่ทุ่มแล้วแม็กซ์เวลก็ยังทำงานอยู่ มันน่าโมโหจัง ปกติเวลาสี่ทุ่มมันควรเป็นเวลานอนดูเน็ตฟลิคของเราไม่ใช่หรอวะ ตัวขาวเดินขึ้นไปนั่งกระดิกหางดิ๊กๆ รอบนเตียง แต่เหมือนการกดดันครั้งนี้จะไม่เป็นผล

ไม่สนใจกันเลยโว้ย

อันที่จริงโดยปกติเราก็ไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์อะไรกันอยู่แล้ว อย่างเช่นถ้าเวลาว่าง แม็กซ์เวลก็จะชอบนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อย หรือไม่ก็ไถไอแพดเช็คตลาดหุ้น ส่วนเขาก็จะแวะไปวอแวบ้าง เผลอหลับบ้าง หรือแกล้งให้หยอกบ้าง ยกเว้นตอนทำงาน...มันเหมือนเขาถูกขโมยแม็กซ์เวลไป

เขาเกลียดการถูกขโมยของชะมัด



งั่ม!



“...เป็นอะไรครับ” คนที่ถูกกัดกล้ามท้องอีกครั้งเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



งั่ม!



“ท้องผมเป็นรอยเขี้ยวแล้ว”



งั่ม! งั่ม!



“ครับๆ ไม่ทำแล้ว”



นึกว่าจะไม่รู้ ที่แท้ก็ยังใส่ใจกันอยู่นี่นา มิวนิคเปลี่ยนขึ้นมาเกาะขาหน้ากับโต๊ะคอมเพื่อดูว่ามนุษย์แว่นกำลังทำอะไร ก่อนจะพบว่าเจ้าตัวกำลังเช็คเฟสบุคอยู่ หน็อย...เสร็จตั้งนานก็ไม่บอก



“ดื้อ”



เข้าถูกนิ้วชี้ยาวจิ้มลงบนหน้าผากอย่างไม่จริงจังนักหลังหันไปมองคนเฉิ่มด้วยแววตาเอาเรื่อง ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไรถึงอยากอ้อนอีกฝ่ายเหลือเกิน อาจเป็นเพราะเพิ่งทำผิดไป แล้วเจ้าตัวก็เอาแต่ทำงาน มันเลยเหมือนกับว่าเขาไม่ได้รับความสนใจ

มิวมิวจอมเรียกร้องความสนใจ

แต่ให้ทำไงได้ ก็มันเหงานี่หว่า พวกชิโน่พาเที่ยวย่านแถวนี้หมดแล้ว ทุ่งดอกเดซี่บนดาดฟ้าก็ไปทุกวันแล้ว เขาคิดว่าชีวิตตอนนี้กำลังขาดความท้าทาย ไม่สิ...เขาก็เป็นแค่แมวเหมียวขี้เหงาที่เฝ้าคอยการกลับมาของเจ้านายตัวโต

แย่ละ...เข้าใกล้ความเป็นหมาเข้าไปทุกที



“ม๊าว ม๊าว!”

“ครับ?”

“ม๊าว ม๊าว ม๊าว”

“ผมฟังไม่เข้าใจหรอก”

“ม๊าวววว!”



แล้วมือหนาก็เลื่อนคอมให้ลองพิมพ์ดู เป็นอะไรที่ค่อนข้างประหลาด เขาไม่เคยพิมพ์คอมด้วยสภาพมิวมิวแบบนี้มาก่อน จะว่ายังไงดีล่ะ...นิ้วแมวเหมียวมันขยับไม่ถนัดเหมือนนิ้วมือของมนุษย์เราเลย



“อายำร้ำ”

“อะไรล่ะครับนั่น”



โว้ยยยย ก็มันขยับมือตามใจชอบไม่ได้นี่ มาลองเป็นแมวดูมั้ยตาทึ่มเอ๊ย



“อายบน้ไ”

“พยายามเข้าครับ”



เขาหันหลังมองมนุษย์แว่นในท่าที่ขาหน้าทั้งสองกำลังเขย่งแตะแป้นพิมพ์ด้วยแววตาเอาเรื่องอีกครั้ง คิดว่าหมอนี่พูดประชด แต่ไม่ใช่เลย...แม็กซ์เวลหมายความอย่างที่พูดจริงๆ แล้วดูทำหน้า...เขาไม่ใช่เด็กอายุหนึ่งขวบที่คุณพ่อจะต้องมาคอยเอาใจช่วยในการตั้งไข่ครั้งแรกซักหน่อย



“อาสบนำ”

“หืม...อาบน้ำหรอครับ?”

“เมี้ยวว! (ใช่ๆ) ” พยักหน้าหงึกๆ ตอบรับ

“เป็นแมวอะไรจะอาบน้ำอ่า”

“เมี้ยว! (ก็จะอาบ!) ”



แล้วมนุษย์แว่นเคยขัดใจเข้าได้ซะที่ไหนล่ะ

นี่สินะที่มาของคำว่า ‘แมวพิมพ์’



“อ๊ะ คุณมิวอย่าตีน้ำแรงสิครับ”

แม็กซ์เวลบ่นหน้ายู่เมื่อเขาว่ายกลับไปกลับมาในอ่างเป็นครั้งที่สาม เคยฝันเอาไว้เหมือนกันว่าอยากว่ายน้ำในห้องน้ำของตัวเองซักครั้ง แต่ในความจริงไม่มีทางทำได้ เพราะแค่เหยียดขายังเหยียดไม่สุดเลย

เป็นมิวมิวก็ดีเหมือนกันแฮะ



“ดื้อ”



เขาชักจะชอบคำว่าดื้อ เพราะหลังคำว่าดื้อมือหนามักจะเอื้อมเข้ามายีหัวเบาๆ มือแม็กซ์เวลมันใหญ่ถึงขนาดสามารถกำหัวน้อยๆ ของเขาได้มิดเลยล่ะ แต่มีอย่างอื่นของแม็กซ์เวลที่ใหญ่กว่ามือนะ...มันใหญ่มากๆ เลย

ขาไง...คิดอะไร ทะลึ่งจัง



“ไม่ว่ายแล้วหรอครับหืม?”



มนุษย์แว่นที่ไม่มีแว่นถามขึ้นในตอนที่สิ่งมีชีวิตตัวเปียกเปลี่ยนมาเอนตัวแนบแผ่นอกท่ามกลางทะเลสบู่ มีหนึ่งความลับที่เขาไม่เคยยบอกแม็กซ์เวลก็คือเขาชอบใบหน้าอันเปลือยเปล่าโดยปราศจากแว่นของอีกฝ่าย ยิ่งตอนที่เส้นผมหน้าม้าถูกเสยขึ้นเพราะปรกตาจนเกินไปยิ่งทำเอาใจเต้น

โซฮอตขนาดนี้เคยรู้ตัวบ้างไหมตาบ้า



“ม๊าว...”

“งั้นผมสระขนให้”



มิวนิคไม่ตอบ เขานอนหนุนกล้ามเนื้อกำยำมองใบหน้าคนเฉิ่มไปพลาง มองร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าอันสุดแสนเซ็กซี่ไปพลาง เขาว่าหุ่นแม็กซ์เวลตอนถอดเสื้อดูดีแล้วนะ...ทว่าตอนเปียกน้ำมันยิ่งเกินกว่าคำว่าดูดี ผิวสีน้ำผึ้งค่อยไปทางขาว มันวาวจากน้ำสบู่ส่องสะท้อนต้องแสงไฟนีออนบนเพดาน

สมบูรณ์แบบ...

แถมลาดไหล่ที่ดูแข็งแรงจากการออกกำลังกายนั้นราวกับกำลังเชื้อเชิญให้ฟันคมๆ เข้าไปขบกัด ค้นพบว่าสิ่งต้องห้ามไม่ให้ใครรับรู้เกี่ยวกับแม็กซ์เวลเลยก็คือแม็กซ์เวลห้ามปรากฏตัวในห้องน้ำ...โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ดู ไม่รู้ล่ะ...มันต้องเป็นคนเขาเดียว...

...ที่จะทำให้ร่างกายนี้มีรอยขีดข่วน



“ละ...เลิกจ้องตัวผมแบบนั้นซักทีได้มั้ยครับ”



หลังหูที่แดงแปร้ดอย่างกับลูกมะเขือเทศเป็นหลักฐานชั้นดียืนยันว่าหมอนี่กำลังเขินอยู่ นี่เขายังไม่ได้พูดอะไรออกไปซักหน่อย...แย่จัง ดูออกเลยหรอ

แถมเดี๋ยวนี้ยังกล้าต่อปากต่อคำ เห็นว่าอยู่ในร่างมิวมิวสินะถึงกล้ามานอนแช่อ่างกับคนที่อยู่ในรูปบนเพดาน ไว้เดี๋ยวคืนร่างเป็นมิวนิคเขาจะชวนมาอาบบ้าง ถึงตอนนั้นก็เขินกันให้ตายไปข้าง



“ม๊าวว (แซ่บนะเรา) ”



ทีแรกมนุษย์แว่นจะไม่ยอมอาบกับเขา อ้างว่าจะสระขนให้อย่างเดียว แต่มิวนิคเป็นตัวแทนสัญลักษณ์แห่งความเอาแต่ใจ โวยวายนิดหน่อยคนที่ยอมคนมาตลอดทั้งชีวิตจึงจำต้องถอดเสื้อกระโดดลงอ่างมาแช่ด้วยอย่างจำใจ ทว่าที่แย่ก็คือหมอนี่ถอดแค่ท่อนบน ไม่กลัวกางเกงเปียกหรือไงกัน



“คุณต้องพูดจาร้ายกาจอะไรอีกแน่เลย...”

“เมี้ยวว (ไม่มี๊) ”

“...แต่ก็ดีแล้วครับที่ผมฟังไม่ออก”

“.....”

“...แค่นี้ก็เขินจะแย่







//มีต่อจ้า​
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 15-12-2018 23:06:20
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


แม็กซ์เวลนั่งมองคู่รักสุดฮอตที่กำลังถกเถียงกันอยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่น ขณะที่เพื่อนชายหญิงคนสนิทอย่างเจนนิษฐ์กับภูรินโบกมือผ่านขอไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องครอบครัวอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง เขาก็เหมือนกัน ทว่า...ยิ่งนิ่งเงียบปล่อยให้ทั้งสองเคลียร์กัน เด็กชายยศวินทร์ก็เริ่มส่งเสียงดัง



“ก็พี่จะไปบิ๊กเม้าเท้นอ่ะ เจนก็ไป ภูก็ไป”

“แต่พี่อุ่นไม่ว่างนี่ครับ”

“จินนี่ไม่ว่างก็เรื่องของจินนี่ พี่ไม่ได้ไปกับจินนี่ซะหน่อย”

“น้องยู พี่อุ่นว่าเราคุยกันรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะว่าจะไม่มีการไปบิ๊กเม้าเท้น”



แล้วน้องยูของทุกคนก็กระโดดลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้น ชักดิ้นชักงอจริงๆ เขาก็เพิ่งเคยเห็นเจ้าเพื่อนรักตัวเล็กเป็นแบบนี้ครั้งแรก ถึงนิสัยน้องยูจะเด็ก แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเด็กถึงขนาดนี้ หรือบางที...อาจเพราะความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไป คนมีความรักมันจะดูเด็กลงไปนิดนึง

แต่ภาพตรงหน้าเขาว่าไม่นิด...

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ถูกงดคลาส แต่เพราะเพื่อนๆ อยากใช้เวลาสุดสัปดาห์สองวันในการพักผ่อนให้เต็มอิ่ม พวกเขาจึงนัดทำงานกลุ่มกันตั้งแต่วันนี้ให้เสร็จ และห้องของน้องยูก็ถูกเลือกเป็นโลเคชั่นในการสะสางภารกิจ...พูดให้ถูกก็คือเป็นห้องของผู้ปกครองน้องยู และอีกฝ่ายก็ยื่นคำขาดให้ทุกคนขลุกตัวอยู่ที่นี่แทนการออกไปนั่งร้านกาแฟ



“น้องยูไม่เอาแบบนี้สิคะ” เจนนิษฐ์ที่ทนเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนงี่เง่าไม่ไหวลุกขึ้นมาห้ามปราม

“ฮึก ก็จะไปบิ๊กเม้าเท้นกับเจน อุ่นไม่ให้ไปอ่ะ”

“งั้นก็ต้องคุยกันดีๆ ห้ามงอแงรู้ไหม” ภูรินว่าเสริม



เขาว่าครั้งนี้ทุกคนคงเข็ดหลาบไม่กล้ามาทำงานที่ห้องของสองคนนี้อีกนาน จะว่ายังไงดีล่ะ...การอยู่ในจุดที่เพื่อนกับแฟนเพื่อนทะเลาะกันในห้องโดยมีเราเป็นตัวกลางมันช่างกระอักกระอ่วน อยากเฟดตัวเองให้หายไปจากสถานการณ์ตรงนี้เหลือเกิน หากในความเป็นจริงสิ่งที่ทำได้ก็คือต้องอดทนกันต่อไป



“เหวอเลยสิมึง ไม่เคยเห็นอีน้องแผงฤทธิ์”



ภูรินที่เปลี่ยนมานั่งข้างเขาชะโงกหน้ากระซิบกระซาบ ก็จริง...น้องยูถึงจะดื้อไปบ้างแต่ก็ไม่เคยเกเรถึงขนาดนี้ ความผิดส่วนใหญ่ควรจะยกให้หมออุ่นที่สปอยล์น้องจนเสียนิสัยอย่างไม่รู้ตัว

เห็นน้องยูเอาแต่ใจก็ทำเอาอดนึกถึงเหมียวน้อยที่ห้องไม่ได้ รายนั้นถ้าเวลาผ่านไป...เจ้าตัวจะกลายเป็นเด็กงอแงเหมือนเพื่อนชายตัวเล็กของเขาหรือเปล่า...

แต่เดี๋ยวก่อน...เท่ากับว่าเขากำลังเพ้อฝันถึงความสัมพันธ์อันเกินเลยไปกว่าเจ้านายกับสัตว์เลี้ยงระหว่างเขาและคุณมิวนิคอย่างนั้นหรอ หลงตัวเองชะมัด...คุณมิวนิคเนี่ยนะจะชอบเขา

คุณมิวนิคกับเขาเนี่ยนะจะกลายเป็นแฟนกัน...

สาบานสิว่าเขาแอบคิด มันเป็นเพียงเสี้ยวความคิดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังหัวใจเปราะบาง ทุกๆ อย่างที่คุณมิวนิคทำ ถ้าไม่เข้าข้างตนเองจนเกินไป...เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็อาจกำลังคิดเกินเลยกับเขาเหมือนกัน

แต่เพลย์เซฟเป็นสิ่งสำคัญ การแอบชอบผู้ชายที่อยู่ในรูปภาพติดผนังกลางห้องช่างอันตราย คนไม่เคยมีแฟนอย่างเขาจะสามารถรับมือกับความผิดหวังได้ดีแค่ไหนเชียว...



“รีบกลับจังนะมึง”

“...พอดีมีธุระ ต้องไปซื้อของให้คุณแม่”

“เฮ้อ...ช่วงนี้เทเพื่อนบ่อย ให้รู้เชียวว่าติดสาว”

“เปล่า...”



โกหกทั้งอย่างนั้นก่อนจะขอตัวออกมา ปกติแม็กซ์เวลไม่ใช่คนโกหก...แต่ถ้าไม่โกหกให้เป็น เจนนิษฐ์กับภูรินก็ซอกแซกไม่หยุด สองคนนี้ก็จัดว่าเป็นบุคคลอันตรายที่ห้ามหลวมตัวไปเล่าเรื่องความรักโดยเด็ดขาด

ส่วนสาวที่ว่าคงจะเป็นสาวตัวขาวหูตั้งในห้องล่ะมั้ง ป่านนี้คงจะรอเขาแย่

แม็กซ์เวลแวะซื้อแซลมอนเจ้าโปรดกลับไปฝากใครบางคน คุณมิวนิคน่ะขี้เบื่อ อย่างพักนี้ก็จะชอบขอออกไปเที่ยวเล่นแถววัดกับแก๊งค์แมวของคุณเขา เห็นว่าเรียนรู้วิธีข่มหมาให้เป็น

เขาค้านหัวชนฝาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเผลอถูกกัดได้แผลกลับมา แต่มิวนิคก็คือมิวนิค เอาแต่ใจแถมขี้เบื่อเป็นที่หนึ่ง อยากได้อะไรก็ต้องได้แล้วมีหรอเขาจะห้ามไหวนอกจากกำชับให้ดูแลตัวเองดีๆ จะมีเรื่องอาหารการกินนี่แหละที่กินซ้ำๆ ได้ไม่รู้เบื่อ



“กลับมาแล้วครับ...”



ส่งเสียงทักทายความว่างเปล่าที่ตอบกลับมาในห้องมืดยามโพล้เพล้ ไร้วี่แววจอมซน นี่มันห้าโมงกว่าแล้ว...ทำไมคุณมิวนิคถึงยังไม่กลับ มนุษย์แว่นวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะญี่ปุ่นก่อนจะนั่งกอดอกขมวดคิ้วมุ่น

หรือจะเกิดอุบัติเหตุ!?

แกร้กๆ

ในขณะที่คนตัวโตกำลังจินตนาการไปไกล ประตูบานเกล็ดตรงระเบียงก็ค่อยๆ ถูกเปิดออก ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกโตเมื่อสิ่งมีชีวิตสีขาวกลับมาอย่างปลอดภัยโดยไม่มีบาดแผลอะไร คิดว่าบางทีอาจคงถึงเวลาที่เราควรคุยเรื่องการออกเที่ยวเล่นของมิวมิวเดอะแคทอย่างจริงจัง



ปุ้ง!



หนึ่งเรื่องอันน่ายินดีสำหรับช่วงนี้ก็คือคำสาปจากเทพเจ้าปู่แมวที่ได้รับการคลายลงทีละนิด คุณมิวนิคได้วันศุกร์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวัน นั่นเท่ากับว่าอัตราการเต้นของหัวใจมนุษย์แว่นก็จะถูกเพิ่มระดับให้รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย แล้วก็...เวลาที่เขากับคุณมิวนิคจะได้ใช้ร่วมกัน

ก็ดูเหมือนว่ากำลังลดลงตามไปด้วย...



แหมะ!



ไม่ทันจะได้ดุคนกลับช้า อีกฝ่ายก็ชิงทิ้งศีรษะลงซบไหล่เขา ก่อนจะค่อยๆ ช้อนตามองราวกับกำลังจะร้องไห้ ไม่รู้เลยว่าแมวดื้อตัวนี้จะมาไม้ไหน แต่ช่วงอกของคนถูกซบรู้สึกวูบวาบไปหมด



“วันนี้ไปซนที่ไหนมาครับ?”

“แม็กซ์...”

“ครับ”

“เราเลี้ยงหมาได้มั้ย…”



เขาขมวดคิ้ว มองคนตรงหน้าที่ทำเสียงหมดแรงคล้ายไปเจออะไรหนักๆ มา คิดว่าคราวนี้คุณมิวนิคคงไม่ได้คิดแกล้งอะไรอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แววตาอ้อนวอนแบบนั้นชัดเจนเลยว่าเจ้าตัวอยากจะเลี้ยงน้องหมาจริงๆ



“มันเกิดอะไรขึ้นหรอ เล่าให้ผมฟังได้มั้ย”

“ก็ไอ้ตูบอ่ะ ฮึก”



คนพูดเล่าไปสูดน้ำมูกสะอื้นไป เขารีบกระชับร่างอีกฝ่ายเข้ามาใกล้พร้อมลูบไหล่ปลอบปะโลม ในทางเดียวกันหัวใจก็เริ่มกระวนกระวายอยู่ไม่สุข ไม่เคยเห็นคุณมิวนิคในท่าทางน่าสงสารขนาดนี้มาก่อน



“ตูบไหนครับ!?” เริ่มขึ้นเสียง

“...ตูบที่วัด”

“ทำไมครับ! มันกัดคุณมิวหรอ!! ไหนให้ผมดูแผลหน่อย”

“เปล่าๆ ตูบไม่ได้กัดเรา...”



มิวนิคส่ายมือปฏิเสธเมื่อมนุษย์แว่นเริ่มไล่จับไปตามเนื้อตัวเหมือนคุณหมอกำลังตรวจหาบาดแผล ให้ทำไงได้...ก็เขากลัวคุณมิวเป็นแผล ไม่อยากให้เจ็บ ไม่อยากให้ป่วย



“มันไม่มีข้าวกิน มันบอกว่าตอนเด็กนายรักมันมาก แต่พอโตขึ้นไม่รู้นายเป็นอะไรไม่รักมันเหมือนเก่าแล้ว ข้าวก็ไม่ให้กิน แถมไล่มันไปนอนวัดทุกวันเลย แล้วมันก็นอนไม่ได้ เพราะพวกหมาวัดไล่ที่...”

“คุณมิว...”

“ทำไมวะแม็กซ์ ทำไมเขาต้องไล่หมาที่ตัวเองเลี้ยงให้ไปนอนที่อื่นด้วย ถึงเจ้าของจะไม่ใช่โลกทั้งใบของสัตว์เลี้ยง แต่พวกเจ้าของใจร้ายมันเคยรู้มั้ย ว่าสำหรับสัตว์เลี้ยงน่ะ คนพวกนั้นคือโลกทั้งใบของพวกมัน...”



แม็กซ์เวลไม่ได้พูดอะไรนอกจากค่อยๆ ลูบหัวเด็กหนุ่มในชุดขาวอย่างอ่อนโยน

พอจะเข้าใจในประเด็นที่คุณมิวนิคพูด ในประเทศเรา...คนบางส่วนยังมีความคิดนิยมเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน หรือที่แย่กว่านั้นก็คือเลี้ยงเพียงเพราะตอนเด็กเห็นว่าน้องน่ารัก พอน้องโตขึ้น กินเยอะขึ้น เห่าเก่งขึ้นก็เอาไปปล่อย โดยไม่ได้คำนึงถึงจิตใจสัตว์เลี้ยง

เขาโตมากับเรา กินกับเรา นอนกับเรา แล้วจู่ๆ จะให้ออกจากชีวิตกันไป มันอาจเป็นความคิดมักง่ายของมนุษย์ ทว่าสำหรับสัตว์เลี้ยงนั้น...มันคงเคว้งคว้างเหลือเกิน โดยเฉพาะคุณมิวนิคที่ยืนอยู่ระหว่างความรู้สึกของทั้งฝ่ายด้วยแล้ว คงจะเจ็บปวดแทนน่าดู



“เราเลี้ยงตูบนะ พวกค่าอาหารเดี๋ยวเราออกเองก็ได้”

“ไม่ได้หรอกครับ หอผมเขาไม่ให้เลี้ยงน้องหมานะ”

“ทีแม็กซ์ยังเลี้ยงเราได้ แล้วทำไมเลี้ยงตูบอีกตัวไม่ได้” คนดื้อ ยู่คิ้วไม่พอใจ

“ก็แมวมันไม่ร้องเสียงดังเหมือนหมานี่ครับ อีกอย่าง...หมาถ้าเราเลี้ยงไว้ในที่แคบๆ มันจะเก็บกดเอานะ”



คนฟังก้มหน้าจ๋อยราวกับไม่ใช่มิวนิคผู้แสนเอาแต่ใจ และนั่นยิ่งทำเอาแม็กซ์เวลต้องกัดปากกรอดกับท่าทางแบบนั้น มันทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูไปพร้อมๆ กัน



“เอางี้ไหมครับ เราเอาอาหารไปบริจาคหลวงตาให้ท่านช่วยดูตูบให้”

“แล้วถ้าพวกหมาวัดยังหวงอาหารตูบล่ะ”

“หลวงตาท่านรักสัตว์จะตายไป คุณมิวก็แค่ไปบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านต้องจัดการได้แน่ๆ”

“เอาอย่างงั้นหรอ” จอมซนหลุบสายตาต่ำครุ่นคิด

“...เป็นสิ่งที่เราสามารถช่วยตูบได้มากที่สุดแล้วครับ”

“ถ้าบอกให้ไอ้ปู่แมวรับเลี้ยงนายว่ามันจะช่วยเราปะ”

“เทพเจ้าปู่แมวเขาก็มีงานของเขา ผมว่าคุณมิวอย่าไปรบกวนเลย”



พูดถึงเทพเจ้าปู่แมว...แม็กซ์เวลคิดว่าเรื่องมันชักจะตะหงิดๆ ฟังจากที่จอมซนเล่ามา เขาคิดว่าบทบาทของเทพเจ้าคนนี้ไม่ค่อยเหมือนเทพเจ้าที่คอยปกปักรักษาพวกแมวเหมียวซักเท่าไหร่ มันคล้ายกับอะไรซักอย่าง ติดอยู่ตรงปลายความคิดซึ่งเขาพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก...

แต่ช่างเถอะ ถึงยังไงอีกฝ่ายก็ขึ้นชื่อว่าเป็นทั้งคนลงโทษและช่วยชีวิตคุณมิวนิค



“เราทำดีที่สุดแล้วใช่มั้ยแม็กซ์”

“ดีที่สุดแล้วครับ...ดีมากๆ แล้ว”



เพราะแค่คุณมิวนิคผู้แสนเหย่อยิ่งเปลี่ยนมาเป็นคุณมิวนิคผู้แสนอ่อนโยน มีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก ทำอะไรก็นึกถึงคนอื่นเสมอ แถมยังอยากช่วยให้คนที่เดือนร้อนมีชีวิตที่ดีขึ้น

แค่นั้นก็เป็นคุณมิวนิคที่เก่งสุดๆ แล้วล่ะ...

คุณมิวนิคผู้เก่งที่สุดสำหรับเขา





















     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ








==============================================

มาตอนดึกๆค่า ถ้ามีคำผิดบอกได้เลยน้า อาจเบลอๆไปบ้างช่วงนี้





ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 16-12-2018 02:31:57
มิวมิวน่ารักมากกก อยากยืมมากอดรัดฟัดเหวี่ยงเลย  :-[ แต่เดี๋ยวไม่ได้เดี๋ยวตาแม็คตามมาตบแน่ 5555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 16-12-2018 09:58:30
ไม่ใช่แฟนก็เหมือนแฟนกันแล้วว ฮิ้วว
มิวนิคใจดีขึ้นเยอะเลยย
ม่าย แม็กซ์อย่าคิดว่าเวลาสำหรับตัวเองกะมิวนิคน้อยลงสิถ้าคำสาปคลาย TT มั่นใจในตัวเองหน่อยแม็กซซซ์
เรื่องนี้น่ารักทุกตอนจริงๆ รอตอนหน้าค่ะ ><
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-12-2018 10:23:13
นี่มันสามีภรรยาแล้วจ้า
มิวมิวน่ารักขึ้นมากกว่าเดิมล้านเท่า แม๊กต้องตบะแตกเร็วๆนี้ชัวร์
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-12-2018 10:24:48
น่ารักทุกตอนชอบความอบอุ่นกับเวลาเขินอายของแม๊กซ์แวล
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 16-12-2018 11:33:38
คุณมิวนิสัยน่ารักมากขึ้นทุกๆตอนเลย อีกไม่นานคำสาปต้องหมดฤทธิ์แล้วแน่เลย :hao3:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 16-12-2018 21:27:39
มิวน่ารักมากๆ เวลาอ่านมีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด น้องอ่อนโยนขึ้นมากๆจากตอนแรกๆ แม็กซ์ก็อ่อนโยน งานดีย์ไปอีก อยากเป็นแมวให้เลี้ยงมากเลย55555 ถ้าจะเลี้ยงแมวดีขนาดนี้  รอตอนต่อไปน้าา ไรเตอร์สู้ๆนะคะ :3123:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 17-12-2018 18:27:26
น่ารักไม่ไหวเเล้วววว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 15/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-12-2018 07:31:05
คุณมิวเปลี่ยนไปมากตั้งแต่เป็นแมว ขี้อ้อน น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 16 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 21-12-2018 17:48:36


Meow 17



“นี่”

“ครับ”

“ตอนเย็นไปดูหนังกันปะ”



มิวนิคถามมนุษย์แว่นขณะใช้ตักของอีกฝ่ายหนุนต่างหมอน หยิบหนังสือแฮรรี่พอตเตอร์จากกองข้างเตียงขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาแก้เบื่อ ยังสังเกตเห็นว่าแม็กซ์เวลไม่ได้ชินกับการอยู่ใกล้เขาในร่างมนุษย์เลยซักนิด ปฏิกิริยาหูแดงบอกชัดเจน แต่เขาคิดว่าระดับการปรับตัวของคนตัวโตดีขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก

อย่างน้อยก็ยอมให้หนุนตัก...



“เอาสิครับ”



คนที่ในมือกำลังอ่านหนังสือปรัชญาอะไรซักอย่างก้มลงมอง ริมฝีปากแยกยิ้มเบาบางคล้ายดีใจ ดวงตาสีดำด้านหลังกรอบแว่นหนาเตอะเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นอย่างคาดไม่ถึง



“...คิดว่าหล่อมากมั้ง”

“คะ...ครับ?”

“จะดูเน็ตฟลิคแล้ว ยืมคอมนะ”

“อ่า...ครับ”



แล้วเจ้าของห้องที่ยังคงติดอยู่ในภวังค์ความงุนงงก็ต้องลุกขึ้นจัดการเตรียมโรงภาพยนต์ส่วนตัวให้เขา อันที่จริงก็ไม่ได้โหยหาการออกไปดูหนังข้างนอกซักเท่าไหร่ เพราะทุกวันก็ดูซีรีย์จนตาแฉะอยู่แล้ว ทว่าก็แค่อยากออกไปทำกิจกรรมในแบบที่คนอื่นๆ เขาทำกันบ้าง โดยเฉพาะ...

กับแม็กซ์เวล

วันนี้เป็นวันเสาร์ สภาพอากาศดูอึมครึมมีลางการตั้งเค้าของเมฆฝน เขาควรจะนอนเรื่อยเปื่อยอยู่บนห้อง แต่การคืนร่างเป็นมิวนิคมันไม่สามารถทำได้ทุกวัน แถมมนุษย์แว่นก็ว่างเฉพาะวันหยุด ดังนั้นนี่น่าจะเป็นเวลาอันเหมาะสมสำหรับการออกไปเที่ยว ใช่แล้ว...ฝนตกก็กลางร่มสิ โรแมนติกออก



“คุณมิวไม่ดูหรอครับ”

“หืม...ว่าไงนะ?”

“ก็ผมเห็นคุณเหม่อมองเพดานอยู่นาน”

“หึ หมั่นไส้คน”



พูดเสร็จก็ชกเบาๆ ตรงกล้ามอกกำยำไปหนึ่งที แม็กซ์เวลบางครั้งก็ซื่อบื้อจนเขาหมั่นไส้ ชอบทำตัวเฉิ่มเบ๊อะให้คนอื่นใช้งานจนบางทีเขาก็โมโหแทน แต่ก็นั่นแหละนะ...ถ้าไม่เฉิ่มอย่างที่เป็นก็คงไม่ใช่แม็กซ์เวล

แม็กซ์เวลของเขา



แหมะ!



มิวนิคเนียนทิ้งศีรษะลงบนลาดไหล่ของใครบางคนเมื่อซีรี่ย์เล่นไปถึงช่วงไคลแม็กซ์ เหลือบมองใบหน้าเจ้าของร่างกายที่เขาชอบใช้เป็นต้นไม้พักพิง ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาลำบากใจเหมือนเคย



“คุณมิว...”

“ตักยังหนุนได้เลย”

“...ดื้อ”

“ก็กลิ่นนายมันหอม”



เขาได้ยินเสียงแม็กซ์เวลหันหน้าไปอีกทางเพื่อลอบถอนหายใจ ถ้าไม่เวอร์จนเกินไปเสียงหัวใจแม็กซ์เวลมันดังโครมครามเสียจนได้ยินชัดเจน แต่จะแปลกอะไรล่ะ...

...ในเมื่อหัวใจของเขาเต้นดังไม่แพ้กัน



“แม็กซ์เวลผสมกับมิ้น กลิ่นมันเหมือน...อืม” เกาครางทำท่าครุ่นคิด

“เหมือนอะไรครับ?”

“กัญชา”

“คุณเคยด้วยหรอ?”

“ประจำอ่ะ สายหมอกพาทำ”

“คุณมิว!”

“ล้อเล่นน่า เชื่อคนง่ายนะเรา”



เกาคางมนุษย์แว่นผู้จริงจังกับทุกเรื่องบนโกลนี้กิ้วๆ จนคิ้วหนาขมวดมุ่น รู้อยู่หรอกว่าเป็นห่วง เคยอ่านมาว่ากัญชาถึงไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่ก็ทำให้ขาดสติ เขาไม่กล้าเสพเด็ดขาด...เอาแค่ตอนสติครบถ้วนยังถูกสาปให้กลายเป็นแมว ถ้าเมาอยู่คงจินตนาการไม่ออกเลยว่ารอบนี้จะกลายเป็นอะไร



“ชอบแกล้งผม”

“แล้วชอบมั้ย?”

“ผม...ไม่ได้โกรธหรอกครับ”

“คำถามคืออะไรแม็กซ์เวล?”

คนถูกคาดคั้นทำหน้าเงอะงะ แต่เจ้าตัวคงรู้ดีว่าถ้าคุณมิวนิคจะเอาคำตอบก็ต้องได้คำตอบ

“ครับ...ชอบครับ”

“ชอบให้เราแกล้ง...หรือชอบเรา”

“...คุณอย่าถามอะไรที่รู้คำตอบอยู่แล้วได้มั้ย”



แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน มีเพียงเสียงโทรทัศน์ดังขึ้นกลบเกลื่อนความวุ่นวายอะไรบางอย่าง อมยิ้มของคนทั้งสองต่างระบายออกมาเหมาะเจาะ เขายังคงอิงซบลาดไหล่อันเดิม ผ่านโปรแกรมดูหนังอันเดิม กับคนคนเดิม...ทว่ากลับไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย

เป็นตอนนั้นเองที่ประตูมุ้งลวดตรงระเบียงเกิดเสียงเกาแกร้กกร้ากขึ้นเหมือนมีคนกำลังพยายามจะเปิดเข้ามา มิวนิคละความสนใจจากจอทีวี ก่อนจะพบว่าเป็นนกพิราบสีขาวตัวโต มันไม่ได้ตัวโตถึงขนาดเท่าลุงฮอวค์แต่ก็ไม่ใช่ไซส์ปกติสำหรับนกพิราบทั่วไป มันทั้งใหญ่และสง่างามอย่างกับหลุดออกมาจากในเทพนิยาย



“มิวมิวใช่มั้ย!!”

“เอ่อ...เรา รู้จักกันหรอ”



เขาชี้ไปที่หน้าตัวเองด้วยความสงสัย ถึงจะเป็นแมวที่ชอบพบปะสังคม แต่ก็ไม่ได้ขี้ลืมจนจำไม่ได้ว่าในชีวิตมีเพื่อนอยู่กี่คนบ้าง และเขาก็มั่นใจว่าไม่รู้จักกับคุณนกพิราบยักษ์ตัวนี้แน่ๆ



“นิมฟ์”

“หืม?”

“ข้าชื่อนิมฟ์ เป็นทาสรับใช้ของคนที่สาปเจ้า เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งถามมาก! รีบตามข้ามา เทพเจ้าปู่แมวกำลังแย่แล้ว!!”



สิ้นประโยคเด็กหนุ่มในชุดขาวทั้งตัวจึงรุดตามคุณนกพิราบสื่อสารไปโดยทันทีแม้ว่าจะยังคงปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ถูก แน่นอนว่าแม็กซ์เวลไม่ปล่อยให้เขามาคนเดียว

พูดถึงเรื่องชุดก็แอบสงสัยเหมือนกัน ทำไมพอเปลี่ยนร่างกลับเป็นมิวนิคแล้วเขาถึงต้องอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีขาวโพลนไปทั้งตัวแบบนี้ตลอด แต่ก็ทำได้แค่คิด...ตอนนี้ต้องรีบไปดูไอ้ปู่แมวบ้าก่อน จะเล่นเกมส์อะไรอีกล่ะนั่น

บรรยากาศโดยรอบช่างดูเงียบงัน ตรงกันข้ามกับภาพเหล่าสิ่งมีชีวิตระรายที่ต่างพร้อมเพรียงเข้ามาประชุมกันจนแน่นถนัด ท่ามกลางลานกว้างรกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่ผู้รุกรานกล้าเข้ามาเหยียบย่าง ทุกคู่สายตาล้วนจับจ้องไปยังผู้ปราศรัยบนท่อซีเมนต์สามชั้นวางเรียงต่อกัน



“มาแล้วรึคุณมิวนิค”

“อะ...เอ่อ ครับ”



เป็นเสียงชายแก่ที่ยืนกอดอกอยู่บนท่อซีเมนต์ แต่งตัวเหมือนกับไอ้กระปู๋แมวเปี๊ยบ เพียงแค่หน้ากากที่อีกฝ่ายใส่เป็นรูปสิงโต อีกสองคนที่อยู่ถัดลงมาก็มีเช่นเดียวกัน เป็นหน้ากากรูปเสือกับหน้ากากรูปอีกา

ตายจริง...นี่เขาไม่ได้ถูกหลอกให้มาออกรายการเดอะมาสซิงเกอร์ใช่มั้ยเนี่ย



“...เชิญคุณเดินเข้ามาตรงกลาง”



คำเชิญดังกล่าวทำเอาคนฟังแทบไม่กล้าปฏิเสธ มันดูน่าเกรงขามและมีอำนาจเสียจนขนลุก และเขาก็พอจะเดาได้ว่าคนพูดคงอยู่ในสถาะเดียวกันกับคนที่สาปเขา หากตำแหน่งน่าจะสูงกว่ามากโขเลยทีเดียว

แม็กซ์เวลพยักเพยิดหน้าให้เขาเดินไป ส่วนเจ้าตัวจะยืนรออยู่ด้านนอกลานว่าง ดูท่ามนุษย์แว่นคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการประชุมแห่งนี้ อีกอย่าง...เจ้าตัวก็ดูเหมือนไม่ค่อยอยากก้าวก่ายเท่าไหร่นัก

สิ่งที่ทำให้มิวนิคกระอักกระอ่วนจนเสียลุคความเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ก็คือทุกคู่สายตาที่กำลังจับจ้องมาในทุกย่างก้าว มันเกร็งและประหม่าไปหมด ที่สำคัญผู้ฟังทั้งหมดดันเป็นแก๊งหมาแมวและสรรพสัตว์ ตกลงคนไหนเทพจริงคนไหนเทพเก๊วะเนี่ย เขาจะได้ให้ความเคารพถูก



ปุ้ง!



แปลงเป็นแมวดีกว่าว่ะ เป็นมนุษย์คนเดียวแล้วดูเขินๆ ยังไงไม่รู้

มิวนิคเดินมาถึงหน้าท่อซีเมนต์ที่มีคุณลุงหน้ากากกระต่ายผายมือรออยู่ ถัดออกไปเป็นชายชุดดำที่จำได้ดีกำลังยืนคอตก...ไอ้กระปู๋แมวไงจะใครล่ะ ทว่าวันนี้อีกฝ่ายดูเหมือนไม่เล่น มาโหมดจริงจัง ซึ่งเขาก็ต้องตามน้ำไป

กลิ่นดินระเหยกรุ่นๆ เป็นสัญญาณการตั้งเค้าของเมฆฝน ทว่าการประชุมกลับไม่มีทีท่าว่าจะถูกยุติลง เบื้องหน้าคือจำเลยที่กำลังก้มศีรษะคล้ายน้อมรับความผิด



“เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่จำเลยกระทำขึ้นส่งผลกระทบต่อโจทก์ทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก...”

“เอ่อ...จำเลย? โจทก์?”

“นี่มันศาลไงคุณ! นิมฟ์ไม่ได้บอกเรอะ”



ลุงสิงโตจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อถูกพูดแทรก ก่อนจะหันไปจ้องเขม็งเจ้าของชื่อดังกล่าวที่กำลังยกมือเกาหัวแกร้กๆ อ้าว...เปลี่ยนมาเป็นหน้ากากนกพิราบตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะนั่น

มิวนิคยืนฟังลุงไลอ้อนคิงพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ใช้เซนส์ปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตนเอง ประเด็นในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของการที่เขาขับรถชนเจ้าแมวสีเทาตัวนั้นเลย หากมันคือ...



“ถึงแม้จะเป็นเทพ แต่โจทก์ก็ไม่สามารถใช้คำสาปได้กับมนุษย์ปกติโดยปราศจากคำอนุมัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสาปชั้นสูงที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ทางกายภาพของผู้ต้องคำสาปด้วยแล้ว...”



อาจเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นกระทันหัน สาบานว่าเขาเห็นไอ้แมวตัวสีเทาต้นเหตุของเรื่องยุ่งๆ กำลังสอดส่องสายตาไปยังอาคารบ้านเรือนอยู่บนหลังคาอันไกลโพ้นลูกตา

ทีแรกมิวนิคพยายามบอกให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาก็มีส่วนผิดที่ไปขับรถชนแมวตัวนั้น (แม้ในใจจะยังคงสับสนว่าในเมื่อแมวก็ไม่ตายแต่ถึงกับต้องสาปกันเลยหรอ)

แต่ก็ต้องรูดซิบปากแน่นเมื่อถูกลุงสิงโตเอ็ดอีกรอบ บอกแล้วไง...ประเด็นวันนี้ไม่ใช่การขับรถชน ทว่าเป็นกฏหมายการใช้คำสาปอะไรซักอย่างที่ไอ้ปู่กระปู๋แมวกระทำลงไป ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจกฏหมายของเทพเจ้า ชีวิตนี้ชักจะบียอนด์มากเกินไปแล้วว่ะ ปวดหัว



“และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ตำแหน่งของโจทก์รวมถึงหน้าที่การงานในฐานะเทพ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบการลงโทษด้วยเลย!”



เอาเข้าจริงคนคนนึงจะมีโอกาสได้เข้ามายืนฟังคำพิพากษาในชั้นศาลบ่อยซักแค่ไหนกัน ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครไม่อยากมา ถ้าเลือกได้ก็คงอยากนอนอยู่ที่บ้านเฉยๆ ถ้าเลือกได้ก็คงขอให้ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายแบบนี้

ทำไมเหมือนไอ้ปู่กำลังจะโดนเชือดเลย เขาเริ่มเสียวสันหลังวาบแล้วนะ



“...ทางเราจึงอยากขอฟังคำให้การชัดๆ จากปากโจทก์”

“เอ่อ...ครับ”



น้ำเสียงอันน่าเกรงขามช่างคู่ควรกับตำแหน่งผู้พิจารณาคดี ไม่ว่าจะโลกไหน สปีชีส์อะไร หรืออาชีพใด สายตาผู้พิพากษาก็ล้วนชวนให้ขนลุกอยู่เสมอ ไม่ใช่เพราะความน่ากลัว...หากแต่เป็นความน่าเคารพ



“จำเลยได้ใช้อำนาจในทางมิชอบหรือไม่?”



ทุกคนควรโกรธที่จู่ๆ ชีวิตก็ต้องมาประสบพบเจอกับความยากลำบากโดยที่ตนเองไม่ได้มีความผิดเลยแม้แต่นิด มันเป็นเรื่องเฮงซวยที่ไม่น่าจะเกิดกับชีวิตคนเราได้ เฮงซวยจนบางทีก็ไม่อยากจะหายใจอีกต่อไป

แต่ว่านะ...เรื่องทุกเรื่องล้วนมีเหตุผลในตัวมัน อย่างน้อยถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีก็ถือว่าเป็นรางวัลของชีวิต กลับกัน...ถ้าเรื่องที่ว่าดันเกิดขึ้นเพื่อสร้างบาดแผลต่อร่างกายและจิตใจ

ก็ถือซะว่าที่ผ่านมาเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญ...



“ไม่ครับ...เทพเจ้าปู่แมวทำถูกต้องทุกอย่างแล้ว”



และเรื่องที่เกิดกับเขา จะขอพิจารณาให้เป็นเรื่องดีๆ ก็แล้วกัน...



“เทพเจ้าปู่แมว? หึ...นั่นคือชื่อที่เจ้าใช้แทนตัวเองงั้นรึ...เอียรอส?”



ลุงสิงโตหยุดใช้คำพูดทางการแล้วเปลี่ยนมาใช้ภาษาเป็นกันเอง หัวเราะเย้ยหยันในลำคอมองไปยังคนที่ชื่อเอียรอส ถ้าไม่ได้เข้าใจผิด มิวนิคคิดว่านั่นคือชื่อของไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมว อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมามันหลอกเขา

แหม...ต้มกันซะเปื่อยเลย

แต่จะว่าอย่างนั้นคงไม่ได้ คนอะไรจะชื่อเทพเจ้าปู่แมว ยาวเหยียดจะตาย อีกฝ่ายคงตั้งใจบอกแค่ชื่อในวงการกับเขาเพราะไม่อยากให้รู้จักชื่อจริงๆ ล่ะมั้ง



“ครับท่าน…” ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากแมวตอบ

“พูดในฐานะคนรู้จักกันนะเอียรอส...” ลุงสิงโตเดินลงมาใกล้ราวกับไม่อยากประกาศกร้าวให้ทุกคนรู้ อ้าว...นี่มันชั้นศาลไม่ใช่หรอวะ มันกระซิบได้หรอ...อยากทำอะไรก็ได้งั้นหรอ เขาล่ะงงกับระบบการทำงานของเทพ “ถึงแม้ผลลัพธ์งานเจ้าคล้ายจะประสบความสำเร็จ...แต่วิธีการมันผิดมหันต์”

“...ครับท่าน”



คนมั่นหน้าอย่างเทพเจ้ากระปู๋แมวก้มหน้าจ๋อยทำเอามิวนิคหน้าเจื่อนตาม ชัดเจนเลยว่าลุงสิงโตคงจะมีอิทธิพลน่าดู

“เพราะงั้นเจ้าต้องถอนคำสาปให้คุณมิวนิค พร้อมกับรับโทษกึ่งหนึ่ง”

“...ครับท่าน”

“ส่วนคุณมิวนิค สรุปจะยอมความใช่มั้ย คุณมีสิทธิ์สู้คดีให้โจทก์ได้รับโทษหนักกว่านี้ได้นะ”

“เอ่อ...เอาเป็นโทษเบาๆ ก็พอมั้งครับ อันที่จริงผมก็ไม่ใช่ผู้เสียหายขนาดนั้น”



ตาลุงสิงโตหัวเราะในลำคออีกครั้ง คล้ายกับว่ากำลังพอใจอะไรซักอย่างซึ่งเขาเดาไม่ออก บางทีคงด้วยหน้ากากที่อีกฝ่ายสวมปิดบังใบหน้าอยู่จึงทำให้เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวพ่อคาดเดาความรู้สึกได้ยาก



“...ถือว่าคดีนี้เจ้ารอดมาได้เพราะผลงานตัวเองหรอกนะเทพเจ้าปู่แมว”

“ครับท่าน...”

“หึ ไม่สิ...คิวปิด”









































ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



“มะ...มิวนิค คือ ตรงนี้มันดีหรือยังอ่ะ”

“ดีนะ...ถ้าใส่เครื่องประดับพวกหินกรวดให้เข้ากับธีมก็น่าจะใช้ได้เลยแหละ”

“อ่อ...อืมๆ”

“เป็นอะไร เกร็งเชียว เราไม่ได้เป็นผู้กำกับ”

“ปะ...เปล่า ขอบคุณที่แนะนำนะ”

“อื้อ จริงๆ มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก แต่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ พยายามอีกนิด...สงสัยเดี๋ยวมาช่วยกันดูเนอะ”



หญิงสาวตัวอ้วนพยักหน้าดีใจหงึกๆ ถ้าด้านหลังเจ้าหล่อนมีสายรุ้งวาดอยู่คงไม่แปลก อีกฝ่ายคงจะประหลาดใจที่มิวนิคจอมเฮี้ยบแห่งคณะนิเทศน์ไม่โวยวายเหมือนสมัยก่อน

เขากลับมาใช้ชีวิตมหาลัยตามปกติ เพียงแค่ยังไม่สามารถกลับเข้าไปเรียนได้เพราะต้องรอเปิดภาคการศึกษาใหม่ ช่วงนี้ที่ว่างๆ เลยมาช่วยสายหมอกทำโปรเจคไฟนอลในวิชาหนังสั้น



“ไปดุเพื่อนมาใช่มั้ย” คนที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับด้านหลังมอนิเตอร์หันมาหรี่ตาจับผิดใส่

“ดุอะไร แค่ให้คำแนะนำฝ่ายคอสตูม”

“มิวนิคไม่ได้ดุหรอกหมอก เพิ่มพวกสร้อยหินกรวดเป็นเครื่องประดับก็ดีจริงๆ นะ”



สาวเจ้ากรรมที่เดินผ่านมาพอดีตอบพลางยิ้มหยีเป็นมิตร เท่ากับว่าคำถามอันคลางแคลงใจของสายหมอกถูกปิดจ็อบเป็นที่เรียบร้อย มิวนิคแอบคิดไม่ได้ว่าตอนนั้นเขาชอบดุคนอื่นจริงๆ น่ะหรอ แย่จัง...ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย



“ไม่ได้โดนคำสาปอะไรมาอีกนะ” ไอ้เพื่อนรักยื่นหน้ามากระซิบกระซาบ

“เดี๋ยวมึงจะโดนกูสาปก่อน” ชี้หน้าคาดโทษผู้กำกับคู่กรณี ชอบพูดเหมือนว่าพื้นเพจิตใจเขาเป็นคนร้ายๆ



ไม่มีอีกแล้วคำสาป...เรื่องวุ่นๆ ทุกอย่างได้จบลงไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย จะว่าสนุกก็สนุก ยิ่งพอลองมองย้อนดูก็ทำเอาใจหาย เกือบเทอมนึงเลยหรอเนี่ย...จะว่าไปก็นานเหมือนกัน



“สรุปคือไม่มีบทลงโทษ ไม่มีบทเรียนอะไรทั้งนั้น?”

“อืมม...จะว่างั้นก็ได้”

“ปู่!!!!”



มันเป็นตอนที่เขานั่งกอดเข่าคุยกับเทพเจ้าเวรเจ้ากรรมอยู่ข้างบึงเล็กๆ ใต้ต้นโพธิ์หลังออกจากศาล แม็กซ์เวลจอดรถรอข้างนอกลาน ดูเผินๆ คงเหมือนเขานั่งคุยอยู่คนเดียว เฮ้อ...เป็นแมวไม่พอยังต้องเป็นบ้าอีก



“แล้วปู่แกล้งผมทำไมล่ะโว้ยยยย”

“ข้าไม่ได้แกล้ง เจ้าไม่ได้ฟังท่านเทพสูงสุดพูดรึไงว่า…ข้าคือใคร” ประโยคหลังอีกฝ่ายพูดเสียงอ่อย



มิวนิคเอียงศีรษะทำท่าครุ่นคิดก่อนจะนึกได้แล้วผรุสวาทออกไป “...จริงจังปะเนี่ย!?”



“เออสิโว้ย” อีกฝ่ายทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ “เทพผู้ดูแลเรื่องความรักใครเขาจะเผยตัวว่าคอยเชื่อมรัก...”

“แล้วการเชื่อมรักที่ปู่ทำมันจรรโลงใจมากมั้ง”

“ก็ถ้ามันทำได้ง่ายๆ ข้าคงไม่ทำหรอกมั้ง!”



ปู่เล่าพลางปาก้อนหินเด้งสิบแปดตลบลงไปกับผิวน้ำ มันเป็นช่วงที่เศรฐกิจความรักซบเซา อายุขัยของมนุษย์ในยุคปัจจุบันลดลงไปเยอะจึงนำมาสู่ภาวะการตายก่อนเจอคู่แท้ กามเทพทำงานหนักเพื่อช่วยให้มนุษย์สมหวัง

แต่เพราะวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีก้าวกระโดด...มนุษย์บางส่วนหยุดสนใจในด้านความรัก ในขณะที่บางส่วนโหยหายจนเกินปกติ เมื่อความสมดุลทางความรู้สึกไม่บาลานซ์ การจับคู่จึงกลายเป็นเรื่องยาก



“กามเทพทั่วโลกต้องสู้รบกันทำคะแนนให้มนุษย์รักกันมากเท่าที่จะทำได้ ขนาดข้าที่อยู่ในตำแหน่งกามเทพระดับสูงยังตกที่นั่งลำบาก”

“แข่งกันทำไมอ่ะ คนมันไม่รักก็ปล่อยมันไปดิ”

“ชีวิตที่ไม่มีความรักก็เหมือนชีวิตที่ไม่มีศิลปะ โลกของพวกเจ้าจะขับเคลื่อนด้วยศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้หรอก แม้แต่เทพยังต้องเติมพลังความรักเข้าไปเรื่อยๆ เลย”



โอ้โห...สำบัดสำนวนสมกับเป็นเทพแห่งความรัก “แล้ว...ถ้าจับคู่มนุษย์ได้ไม่เยอะ?”

“ก็จะต้องจุติ”

“จุติ?”

“ตาย”



บริษัทกามเทพก็เหมือนบริษัทมหาชนทั่วไป เอาง่ายๆ ก็เปรียบคล้ายธนาคาร พอผู้คนเริ่มทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเน็ตแบงค์กิ้งมากขึ้น ตู้เอทีเอ็มตามซอกซอยต่างๆ ก็จะเริ่มลดน้อยลง พนักงานที่เคยทำงานบริการประจำก็จะถูกเลิกจ้างให้เหลือแค่เพียงบุคคลาการที่มีประสิทธิภาพ

กามเทพก็เช่นเดียวกัน

เราต่างก็ต้องการผู้เชื่อมรักที่มีคุณภาพ



“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอวะปู่”

“ที่แย่กว่าก็คือ...การจับคู่มนุษย์ประเภทเจ้า”

“...หืม?”

“แม็กซ์เวลกับเจ้าต่างกันเกินไป ไม่มีจุดร่วม ไม่มีหนทางที่เส้นชะตาความรักจะเวียนมาบรรจบกัน”



เหมือนป็นการเฉลยเจ้าของด้ายแดงอีกฝั่งเป็นนัยๆ มิวนิคหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทั้งอย่างนั้น เป็นจังหวะเดียวกันที่สายตาสบประสานกับชายหนุ่มบนรถญี่ปุ่นคันเหลือง มนุษย์แว่นยิ้มอบอุ่นพอดิบพอดีเสียจนเขาต้องเสหน้าหนี



“วะ...เว่อร์ อะไรมันจะยากขนาดนั้น”

“คนนึงก็ไม่เปิดโอกาส คนนึงก็ถอดใจง่ายแถมความกล้าก็น้อยนิด มันยากเกินไป คู่แท้ที่ไม่มีวันรักกันไม่ได้มีแค่ในละครหรอกนะ”



มิวนิคสะอึกตรงคำพูดดังกล่าว...อาจจะจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า เขาในตอนนั้นหัวรั้นเกินกว่าจะเปิดใจรับชายหนุ่มเฉิ่มเบ๊อะเข้ามาในชีวิต กว่าจะค้นพบว่าการมองคนแค่เปลือกนอกไม่เวิร์คก็ตอนที่ถูกสาปเป็นมิวมิว



“ถะ...ถ้ามันยากขนาดนั้นแล้วปู่มาช่วยผมทำไมเล่า”

“ข้าเลือกละทิ้งไม่ได้ ชื่อของเจ้าสองคนมันอยู่ลิสต์งานข้า ถ้าไม่ทำข้าก็ได้จุติน่ะสิโว้ย นี่ยังมีอีกหลายคู่ที่ไม่ได้เคลียร์เลย คริสมาสต์นี้หัวหน้าก็จะนัดรายงานผลอีก ปวดหัว”



เวร ไอ้เราก็นึกว่าตัวเองพิเศษจนกามเทพแผลงศรรักต้องปวดหัวหาวิธีร้อยแปดมาช่วย ที่ไหนได้มันแค่ไม่อยากตกงาน จะสงสารก็สงสารไม่ลง เอาเป็นว่าสมน้ำหน้าแทนละกัน



“แล้ว...ทำไมถึงถูกจับได้ล่ะ มีคนเช็คหรอ?”

“ไม่มีใครเช็คทั้งนั้นแหละ คำสาปเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถ้าไม่มีพวกปากสว่างไปฟ้องท่านเทพสูงสุดข้าก็คงไม่ต้องโดนลงโทษโดยการทำเคสคู่รักเพิ่มห้าร้อยเคสในช่วงฤดูร้อน!”



มิวนิคเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเห็นว่าไอ้ปู่กลายเป็นหงุดหงิดเอามากๆ เมื่อถามเกี่ยวกับบทลงโทษ ราวกับอีกฝ่ายรู้ดีว่าใครเป็นคนคาบข่าวไปบอกลุงสิงโตจนเจ้าตัวโดนสั่งการบ้านวันหยุด



“แล้ว...จะดีหรอที่ปู่มาเล่าผมแบบนี้”

“หืม?”

“ก็เรื่องระบบกามเทพ เรื่องที่ผมคู่กับแม็กซ์เวล ผมว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่น่าเอามาบอกมนุษย์...”

“อ้อ...ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเล่าเสร็จเดี๋ยวก็ลบความทรงจำแล้ว”

“เห้ยๆ ไม่เอานะ!!”

“อะไรล่ะนั่น”

“อย่าลบเลย เป็นความทรงจำที่ดีออก ผมไม่อยากลืมปู่ ไม่อยากลืมเรื่องที่ปู่เล่า”

“.....” ปู่แมวไม่ตอบ หากเลื่อนหน้าเข้ามาหรี่สายตาจับผิด ถึงใส่หน้ากากอยู่เขาก็เดาออก มันกำลังด่าเขาว่าตอแหล

“ผมจะไม่บอกแม็กซ์เวล สาบานเลย” ชูสามนิ้วเป็นท่าประกอบ

“ได้”

“อ้าว ทำไมง่ายจัง”

“ข้าอ่านใจเจ้าก็รู้แล้วว่าไม่ได้โกหก”

“จะอ่านใจก็ขออนุญาตกันก่อนสิโว้ยยย”



ส่วนเรื่องคำสาป เนื่องจากเป็นคำสาปชั้นสูงอะไรซักอย่างที่ไม่สามารถคลายได้ง่ายๆ (จริงๆ ก็คลายได้แต่ต้องไปผจญภัยตามหาวัตถุดิบแปดพันเก้า) มิวนิคจึงต้องติดอยู่ในร่างมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นมิวมิวได้ตลอดเวลาตามใจนึก บางทีระบบเทพก็ชวนปวดหัว

แต่นี่ก็เป็นบทเรียนชั้นดีให้กับเทพเจ้าปู่แมวเช่นเดียวกัน

การตามแก้ไขย่อมทำได้ยากกว่าการป้องกัน



“แล้วมึงไปไหนต่อ”

“กลับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้มาช่วยใหม่”

“อืม เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอก...มีคนมารับ”



แล้วสายหมอกก็ยิ้มล้อจนน่าหมั่นไส้ คนที่ทำอะไรไม่ได้จึงชกอักตรงไหล่ไอ้เพื่อนรักกวนประสาทไปหนึ่งที ปกติมิวนิคไม่ได้เป็นคนชอบใช้กำลัง แต่จะยกเว้นไว้สำหรับไอ้ผู้กำกับคนนี้แล้วกัน



“คนมีเจ้านาย”

“ถ้าไม่หยุดกูจะแปลงร่างเป็นมิวมิวมันซะตรงนี้ เอาให้คนแพ้ขนแมวแอดมิทเลยดีไหม”

“ยอมแล้วคร้าบ”



มิวนิคเดินมาถึงใต้ถุนตึกที่มีโต๊ะไม้ยาววางเรียวกันเป็นแนว ตรงมุมสุดเป็นชายหนุ่มแว่นหนาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเก่าอะไรซักอย่าง เขาเดาว่าคงไปยืมมาจากห้องสมุด ข้างตัวสพายกระเป๋าคอมพิวเตอร์สีดำซึ่งดูเนิร์ดเอามากๆ แปลกตรงที่เขากลับหัวใจเต้นตึกตักเอาซะงั้น



“มานานยัง”

“ไม่นานครับ” มือหนาพับหนังสือลง ก่อนจะเงยหน้ามองพร้อมวาดยิ้มจางๆ ยินดีต้อนรับ

“อ่านอะไรอยู่” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หนังสือดังกล่าว

“การผจญภัยของแมว”

“ชอบมากขนาดนั้นเลยหรอ แมวน่ะ”

“ครับ”



มิวนิคหลุดยิ้ม ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหรว่าอีกฝ่ายหมายถึงแมวทั่วไปหรือแมวที่เฉพาะเจาะจง แต่อย่างน้อยเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแมวตัวหนึ่ง อย่างน้อยหนึ่งในนั้นก็ต้องมีเขา

เขาอยากเป็นทุกอย่างที่แม็กซ์เวลชอบ



“หิวซูชิ ไปกินกัน”

“ครับ”

“ตามใจจัง”

“ผมก็ตามใจคุณตลอด”



เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยงหลุดหัวเราะแทนคำตอบ ดึงมือร่างสูงให้เดินไปยังรถด้วยกัน ทีแรกมนุษย์แว่นมีท่าทางเก้อเขิน แต่เขาสนที่ไหน สมัยนี้ใครก็จับมือกันทั้งนั้น เขากับสายหมอกบางทียังเดินจับมือกันเลย



“ถ้าเบื่อไม่ต้องนั่งรอก็ได้นะ เราไม่ซีเรียส”

“ไม่เบื่อหรอกครับ อีกอย่างผมเลิกก่อนด้วย”

“แล้ว...หล่อขนาดนี้มีสาวสัตตะมาจีบบ้างเปล่า”

“ไม่มีหรอกครับ”

“แล้วสาวนิเทศล่ะ”

“คุณมิว!”



อดขำไม่ได้ในท่าทีขึงขังนั้น เขาไม่เคยบอกแม็กซ์เวลเลยว่าเขาชอบมากๆ เวลาอีกฝ่ายมานั่งรอ เขาชอบเวลาแม็กซ์เวลอยู่ในโลกของหนังสือ สมาธิจดจ่อไม่หลุดหายไปไหน หากแต่ก็ยังแฝงความเป็นห่วงโดยการเงยหน้าขึ้นสอดส่องรอบๆ มองหาคนที่กำลังรอ มันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ดวงตาด้านหลังกรอบแว่นนั่นกลายเป็นความพิเศษ

มองตั้งแต่ดาวอังคารยังอยู่เลยว่าผู้ชายคนนี้กอดอุ่น



“หอมจัง คิดถึงกลิ่นแม็กซ์ที่สุด”

“คะ...คุณมิว! เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้ซักทีครับ”



พลขับจอมเลิ่กลักแหวขึ้นในตอนที่เขาโผเข้าซบไหล่พร้อมถูใบหน้าออดอ้อนไปทั่ว กลิ่นไหนก็ไม่สดชื่นเท่ากลิ่นแม็กซ์เวล เขารอจังหวะที่จะได้กอดแม็กซ์เวลมาตลอดทั้งวัน ความรู้สึกเวลาสัตว์เลี้ยงจำกลิ่นเจ้านายได้เป็นอย่างนี้นี่เอง



“ทีมิวมิวยังทำได้เลย”

“ก็...นั่นมันมิวมิวนี่ครับ...”

“สองมาตรฐาน”



มิวนิครู้ดีว่าเวลาของตนเองได้หมดลงเรียบร้อยแล้ว ไม่มีมิวมิวผู้ที่ต้องพึ่งพาแม็กซ์คนใจดีอีกต่อไป มีเพียงมิวนิค เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ปากไม่ดีแห่งคณะนิเทศที่กำลังหาทางวอแวคุณหมอหมาไปวันๆ

และสุดท้ายเขาก็หาเหตุผลให้ได้อยู่ต่ออย่างเรื่องคอนโดห้องชั้นบนท่อแตก น้ำเลยซึมเลอะลงมายังชั้นล่าง แม้ในความเป็นจริงคอนโดแพงขนาดนั้นคงแทบไม่มีทางเกิดสถาการณ์สะเพร่าอย่างที่ว่าขึ้นแน่ๆ



“งั้นถ้าเป็นมิวมิวก็สามารถทำอะไรก็ได้ใช่เปล่า”

“คุณ...จะแกล้งอะไรผมอีกครับ...”

“…อย่างเช่นเรื่องจูบ”

“คะ...คุณมิว!”

“ถ้านายไม่พร้อมจูบกับมิวนิค เรายอมให้จูบกับมิวมิวไปก่อนก็ได้”

“ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ จู่ๆ เข้าเรื่องนี้ได้ยังไง”



ปุ้ง!



“ม๊าว ม๊าว! (พร้อมจูบแล้ว) ”



ก็ถ้าเป็นแม็กซ์เวลแล้ว เรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้เขาก็สามารถทำให้มันเป็นไปได้ทั้งหมดแหละ ขอแค่ได้สัมผัสกลิ่นแม็กซ์เวล ขอแค่ได้สัมผัสไออุ่นจากร่างกายแม็กซ์เวล ขอแค่ได้กวนใจแม็กซ์เวล

ต่อให้ต้องกลายเป็นแมวขี้โกง...เขาก็ยอม ;’)













     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ











==============================================

ก็จะวุ่นๆหน่อยนึง เป็นไงบ้างคะ คำสาปคลายแล้ว น้องแมวก็ใกล้จบแล้ววว



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 17 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 21-12-2018 17:52:43
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


“มะ...มิวนิค คือ ตรงนี้มันดีหรือยังอ่ะ”

“ดีนะ...ถ้าใส่เครื่องประดับพวกหินกรวดให้เข้ากับธีมก็น่าจะใช้ได้เลยแหละ”

“อ่อ...อืมๆ”

“เป็นอะไร เกร็งเชียว เราไม่ได้เป็นผู้กำกับ”

“ปะ...เปล่า ขอบคุณที่แนะนำนะ”

“อื้อ จริงๆ มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก แต่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ พยายามอีกนิด...สงสัยเดี๋ยวมาช่วยกันดูเนอะ”



หญิงสาวตัวอ้วนพยักหน้าดีใจหงึกๆ ถ้าด้านหลังเจ้าหล่อนมีสายรุ้งวาดอยู่คงไม่แปลก อีกฝ่ายคงจะประหลาดใจที่มิวนิคจอมเฮี้ยบแห่งคณะนิเทศน์ไม่โวยวายเหมือนสมัยก่อน

เขากลับมาใช้ชีวิตมหาลัยตามปกติ เพียงแค่ยังไม่สามารถกลับเข้าไปเรียนได้เพราะต้องรอเปิดภาคการศึกษาใหม่ ช่วงนี้ที่ว่างๆ เลยมาช่วยสายหมอกทำโปรเจคไฟนอลในวิชาหนังสั้น



“ไปดุเพื่อนมาใช่มั้ย” คนที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับด้านหลังมอนิเตอร์หันมาหรี่ตาจับผิดใส่

“ดุอะไร แค่ให้คำแนะนำฝ่ายคอสตูม”

“มิวนิคไม่ได้ดุหรอกหมอก เพิ่มพวกสร้อยหินกรวดเป็นเครื่องประดับก็ดีจริงๆ นะ”



สาวเจ้ากรรมที่เดินผ่านมาพอดีตอบพลางยิ้มหยีเป็นมิตร เท่ากับว่าคำถามอันคลางแคลงใจของสายหมอกถูกปิดจ็อบเป็นที่เรียบร้อย มิวนิคแอบคิดไม่ได้ว่าตอนนั้นเขาชอบดุคนอื่นจริงๆ น่ะหรอ แย่จัง...ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย



“ไม่ได้โดนคำสาปอะไรมาอีกนะ” ไอ้เพื่อนรักยื่นหน้ามากระซิบกระซาบ

“เดี๋ยวมึงจะโดนกูสาปก่อน” ชี้หน้าคาดโทษผู้กำกับคู่กรณี ชอบพูดเหมือนว่าพื้นเพจิตใจเขาเป็นคนร้ายๆ



ไม่มีอีกแล้วคำสาป...เรื่องวุ่นๆ ทุกอย่างได้จบลงไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย จะว่าสนุกก็สนุก ยิ่งพอลองมองย้อนดูก็ทำเอาใจหาย เกือบเทอมนึงเลยหรอเนี่ย...จะว่าไปก็นานเหมือนกัน



“สรุปคือไม่มีบทลงโทษ ไม่มีบทเรียนอะไรทั้งนั้น?”

“อืมม...จะว่างั้นก็ได้”

“ปู่!!!!”




มันเป็นตอนที่เขานั่งกอดเข่าคุยกับเทพเจ้าเวรเจ้ากรรมอยู่ข้างบึงเล็กๆ ใต้ต้นโพธิ์หลังออกจากศาล แม็กซ์เวลจอดรถรอข้างนอกลาน ดูเผินๆ คงเหมือนเขานั่งคุยอยู่คนเดียว เฮ้อ...เป็นแมวไม่พอยังต้องเป็นบ้าอีก



“แล้วปู่แกล้งผมทำไมล่ะโว้ยยยย”

“ข้าไม่ได้แกล้ง เจ้าไม่ได้ฟังท่านเทพสูงสุดพูดรึไงว่า…ข้าคือใคร”
ประโยคหลังอีกฝ่ายพูดเสียงอ่อย



มิวนิคเอียงศีรษะทำท่าครุ่นคิดก่อนจะนึกได้แล้วผรุสวาทออกไป “...จริงจังปะเนี่ย!?”



“เออสิโว้ย” อีกฝ่ายทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ “เทพผู้ดูแลเรื่องความรักใครเขาจะเผยตัวว่าคอยเชื่อมรัก...”

“แล้วการเชื่อมรักที่ปู่ทำมันจรรโลงใจมากมั้ง”


“ก็ถ้ามันทำได้ง่ายๆ ข้าคงไม่ทำหรอกมั้ง!”



ปู่เล่าพลางปาก้อนหินเด้งสิบแปดตลบลงไปกับผิวน้ำ มันเป็นช่วงที่เศรฐกิจความรักซบเซา อายุขัยของมนุษย์ในยุคปัจจุบันลดลงไปเยอะจึงนำมาสู่ภาวะการตายก่อนเจอคู่แท้ กามเทพทำงานหนักเพื่อช่วยให้มนุษย์สมหวัง

แต่เพราะวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีก้าวกระโดด...มนุษย์บางส่วนหยุดสนใจในด้านความรัก ในขณะที่บางส่วนโหยหายจนเกินปกติ เมื่อความสมดุลทางความรู้สึกไม่บาลานซ์ การจับคู่จึงกลายเป็นเรื่องยาก



“กามเทพทั่วโลกต้องสู้รบกันทำคะแนนให้มนุษย์รักกันมากเท่าที่จะทำได้ ขนาดข้าที่อยู่ในตำแหน่งกามเทพระดับสูงยังตกที่นั่งลำบาก”

“แข่งกันทำไมอ่ะ คนมันไม่รักก็ปล่อยมันไปดิ”

“ชีวิตที่ไม่มีความรักก็เหมือนชีวิตที่ไม่มีศิลปะ โลกของพวกเจ้าจะขับเคลื่อนด้วยศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้หรอก แม้แต่เทพยังต้องเติมพลังความรักเข้าไปเรื่อยๆ เลย”



โอ้โห...สำบัดสำนวนสมกับเป็นเทพแห่งความรัก “แล้ว...ถ้าจับคู่มนุษย์ได้ไม่เยอะ?”

“ก็จะต้องจุติ”

“จุติ?”

“ตาย”




บริษัทกามเทพก็เหมือนบริษัทมหาชนทั่วไป เอาง่ายๆ ก็เปรียบคล้ายธนาคาร พอผู้คนเริ่มทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเน็ตแบงค์กิ้งมากขึ้น ตู้เอทีเอ็มตามซอกซอยต่างๆ ก็จะเริ่มลดน้อยลง พนักงานที่เคยทำงานบริการประจำก็จะถูกเลิกจ้างให้เหลือแค่เพียงบุคคลาการที่มีประสิทธิภาพ

กามเทพก็เช่นเดียวกัน

เราต่างก็ต้องการผู้เชื่อมรักที่มีคุณภาพ



“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอวะปู่”

“ที่แย่กว่าก็คือ...การจับคู่มนุษย์ประเภทเจ้า”

“...หืม?”

“แม็กซ์เวลกับเจ้าต่างกันเกินไป ไม่มีจุดร่วม ไม่มีหนทางที่เส้นชะตาความรักจะเวียนมาบรรจบกัน”




เหมือนป็นการเฉลยเจ้าของด้ายแดงอีกฝั่งเป็นนัยๆ มิวนิคหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทั้งอย่างนั้น เป็นจังหวะเดียวกันที่สายตาสบประสานกับชายหนุ่มบนรถญี่ปุ่นคันเหลือง มนุษย์แว่นยิ้มอบอุ่นพอดิบพอดีเสียจนเขาต้องเสหน้าหนี



“วะ...เว่อร์ อะไรมันจะยากขนาดนั้น”

“คนนึงก็ไม่เปิดโอกาส คนนึงก็ถอดใจง่ายแถมความกล้าก็น้อยนิด มันยากเกินไป คู่แท้ที่ไม่มีวันรักกันไม่ได้มีแค่ในละครหรอกนะ”




มิวนิคสะอึกตรงคำพูดดังกล่าว...อาจจะจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า เขาในตอนนั้นหัวรั้นเกินกว่าจะเปิดใจรับชายหนุ่มเฉิ่มเบ๊อะเข้ามาในชีวิต กว่าจะค้นพบว่าการมองคนแค่เปลือกนอกไม่เวิร์คก็ตอนที่ถูกสาปเป็นมิวมิว



“ถะ...ถ้ามันยากขนาดนั้นแล้วปู่มาช่วยผมทำไมเล่า”

“ข้าเลือกละทิ้งไม่ได้ ชื่อของเจ้าสองคนมันอยู่ลิสต์งานข้า ถ้าไม่ทำข้าก็ได้จุติน่ะสิโว้ย นี่ยังมีอีกหลายคู่ที่ไม่ได้เคลียร์เลย คริสมาสต์นี้หัวหน้าก็จะนัดรายงานผลอีก ปวดหัว”




เวร ไอ้เราก็นึกว่าตัวเองพิเศษจนกามเทพแผลงศรรักต้องปวดหัวหาวิธีร้อยแปดมาช่วย ที่ไหนได้มันแค่ไม่อยากตกงาน จะสงสารก็สงสารไม่ลง เอาเป็นว่าสมน้ำหน้าแทนละกัน



“แล้ว...ทำไมถึงถูกจับได้ล่ะ มีคนเช็คหรอ?”

“ไม่มีใครเช็คทั้งนั้นแหละ คำสาปเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถ้าไม่มีพวกปากสว่างไปฟ้องท่านเทพสูงสุดข้าก็คงไม่ต้องโดนลงโทษโดยการทำเคสคู่รักเพิ่มห้าร้อยเคสในช่วงฤดูร้อน!”



มิวนิคเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเห็นว่าไอ้ปู่กลายเป็นหงุดหงิดเอามากๆ เมื่อถามเกี่ยวกับบทลงโทษ ราวกับอีกฝ่ายรู้ดีว่าใครเป็นคนคาบข่าวไปบอกลุงสิงโตจนเจ้าตัวโดนสั่งการบ้านวันหยุด



“แล้ว...จะดีหรอที่ปู่มาเล่าผมแบบนี้”

“หืม?”

“ก็เรื่องระบบกามเทพ เรื่องที่ผมคู่กับแม็กซ์เวล ผมว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่น่าเอามาบอกมนุษย์...”

“อ้อ...ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเล่าเสร็จเดี๋ยวก็ลบความทรงจำแล้ว”

“เห้ยๆ ไม่เอานะ!!”

“อะไรล่ะนั่น”

“อย่าลบเลย เป็นความทรงจำที่ดีออก ผมไม่อยากลืมปู่ ไม่อยากลืมเรื่องที่ปู่เล่า”


“.....” ปู่แมวไม่ตอบ หากเลื่อนหน้าเข้ามาหรี่สายตาจับผิด ถึงใส่หน้ากากอยู่เขาก็เดาออก มันกำลังด่าเขาว่าตอแหล

“ผมจะไม่บอกแม็กซ์เวล สาบานเลย” ชูสามนิ้วเป็นท่าประกอบ

“ได้”

“อ้าว ทำไมง่ายจัง”

“ข้าอ่านใจเจ้าก็รู้แล้วว่าไม่ได้โกหก”


“จะอ่านใจก็ขออนุญาตกันก่อนสิโว้ยยย”



ส่วนเรื่องคำสาป เนื่องจากเป็นคำสาปชั้นสูงอะไรซักอย่างที่ไม่สามารถคลายได้ง่ายๆ (จริงๆ ก็คลายได้แต่ต้องไปผจญภัยตามหาวัตถุดิบแปดพันเก้า) มิวนิคจึงต้องติดอยู่ในร่างมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นมิวมิวได้ตลอดเวลาตามใจนึก บางทีระบบเทพก็ชวนปวดหัว

แต่นี่ก็เป็นบทเรียนชั้นดีให้กับเทพเจ้าปู่แมวเช่นเดียวกัน

การตามแก้ไขย่อมทำได้ยากกว่าการป้องกัน



“แล้วมึงไปไหนต่อ”

“กลับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้มาช่วยใหม่”

“อืม เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอก...มีคนมารับ”



แล้วสายหมอกก็ยิ้มล้อจนน่าหมั่นไส้ คนที่ทำอะไรไม่ได้จึงชกอักตรงไหล่ไอ้เพื่อนรักกวนประสาทไปหนึ่งที ปกติมิวนิคไม่ได้เป็นคนชอบใช้กำลัง แต่จะยกเว้นไว้สำหรับไอ้ผู้กำกับคนนี้แล้วกัน



“คนมีเจ้านาย”

“ถ้าไม่หยุดกูจะแปลงร่างเป็นมิวมิวมันซะตรงนี้ เอาให้คนแพ้ขนแมวแอดมิทเลยดีไหม”

“ยอมแล้วคร้าบ”



มิวนิคเดินมาถึงใต้ถุนตึกที่มีโต๊ะไม้ยาววางเรียวกันเป็นแนว ตรงมุมสุดเป็นชายหนุ่มแว่นหนาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเก่าอะไรซักอย่าง เขาเดาว่าคงไปยืมมาจากห้องสมุด ข้างตัวสพายกระเป๋าคอมพิวเตอร์สีดำซึ่งดูเนิร์ดเอามากๆ แปลกตรงที่เขากลับหัวใจเต้นตึกตักเอาซะงั้น



“มานานยัง”

“ไม่นานครับ” มือหนาพับหนังสือลง ก่อนจะเงยหน้ามองพร้อมวาดยิ้มจางๆ ยินดีต้อนรับ

“อ่านอะไรอยู่” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หนังสือดังกล่าว

“การผจญภัยของแมว”

“ชอบมากขนาดนั้นเลยหรอ แมวน่ะ”

“ครับ”



มิวนิคหลุดยิ้ม ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหรว่าอีกฝ่ายหมายถึงแมวทั่วไปหรือแมวที่เฉพาะเจาะจง แต่อย่างน้อยเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแมวตัวหนึ่ง อย่างน้อยหนึ่งในนั้นก็ต้องมีเขา

เขาอยากเป็นทุกอย่างที่แม็กซ์เวลชอบ



“หิวซูชิ ไปกินกัน”

“ครับ”

“ตามใจจัง”

“ผมก็ตามใจคุณตลอด”



เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยงหลุดหัวเราะแทนคำตอบ ดึงมือร่างสูงให้เดินไปยังรถด้วยกัน ทีแรกมนุษย์แว่นมีท่าทางเก้อเขิน แต่เขาสนที่ไหน สมัยนี้ใครก็จับมือกันทั้งนั้น เขากับสายหมอกบางทียังเดินจับมือกันเลย



“ถ้าเบื่อไม่ต้องนั่งรอก็ได้นะ เราไม่ซีเรียส”

“ไม่เบื่อหรอกครับ อีกอย่างผมเลิกก่อนด้วย”

“แล้ว...หล่อขนาดนี้มีสาวสัตตะมาจีบบ้างเปล่า”

“ไม่มีหรอกครับ”

“แล้วสาวนิเทศล่ะ”

“คุณมิว!”



อดขำไม่ได้ในท่าทีขึงขังนั้น เขาไม่เคยบอกแม็กซ์เวลเลยว่าเขาชอบมากๆ เวลาอีกฝ่ายมานั่งรอ เขาชอบเวลาแม็กซ์เวลอยู่ในโลกของหนังสือ สมาธิจดจ่อไม่หลุดหายไปไหน หากแต่ก็ยังแฝงความเป็นห่วงโดยการเงยหน้าขึ้นสอดส่องรอบๆ มองหาคนที่กำลังรอ มันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ดวงตาด้านหลังกรอบแว่นนั่นกลายเป็นความพิเศษ

มองตั้งแต่ดาวอังคารยังอยู่เลยว่าผู้ชายคนนี้กอดอุ่น



“หอมจัง คิดถึงกลิ่นแม็กซ์ที่สุด”

“คะ...คุณมิว! เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้ซักทีครับ”



พลขับจอมเลิ่กลักแหวขึ้นในตอนที่เขาโผเข้าซบไหล่พร้อมถูใบหน้าออดอ้อนไปทั่ว กลิ่นไหนก็ไม่สดชื่นเท่ากลิ่นแม็กซ์เวล เขารอจังหวะที่จะได้กอดแม็กซ์เวลมาตลอดทั้งวัน ความรู้สึกเวลาสัตว์เลี้ยงจำกลิ่นเจ้านายได้เป็นอย่างนี้นี่เอง



“ทีมิวมิวยังทำได้เลย”

“ก็...นั่นมันมิวมิวนี่ครับ...”

“สองมาตรฐาน”



มิวนิครู้ดีว่าเวลาของตนเองได้หมดลงเรียบร้อยแล้ว ไม่มีมิวมิวผู้ที่ต้องพึ่งพาแม็กซ์คนใจดีอีกต่อไป มีเพียงมิวนิค เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ปากไม่ดีแห่งคณะนิเทศที่กำลังหาทางวอแวคุณหมอหมาไปวันๆ

และสุดท้ายเขาก็หาเหตุผลให้ได้อยู่ต่ออย่างเรื่องคอนโดห้องชั้นบนท่อแตก น้ำเลยซึมเลอะลงมายังชั้นล่าง แม้ในความเป็นจริงคอนโดแพงขนาดนั้นคงแทบไม่มีทางเกิดสถาการณ์สะเพร่าอย่างที่ว่าขึ้นแน่ๆ



“งั้นถ้าเป็นมิวมิวก็สามารถทำอะไรก็ได้ใช่เปล่า”

“คุณ...จะแกล้งอะไรผมอีกครับ...”

“…อย่างเช่นเรื่องจูบ”

“คะ...คุณมิว!”

“ถ้านายไม่พร้อมจูบกับมิวนิค เรายอมให้จูบกับมิวมิวไปก่อนก็ได้”

“ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ จู่ๆ เข้าเรื่องนี้ได้ยังไง”



ปุ้ง!



“ม๊าว ม๊าว! (พร้อมจูบแล้ว) ”



ก็ถ้าเป็นแม็กซ์เวลแล้ว เรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้เขาก็สามารถทำให้มันเป็นไปได้ทั้งหมดแหละ ขอแค่ได้สัมผัสกลิ่นแม็กซ์เวล ขอแค่ได้สัมผัสไออุ่นจากร่างกายแม็กซ์เวล ขอแค่ได้กวนใจแม็กซ์เวล

ต่อให้ต้องกลายเป็นแมวขี้โกง...เขาก็ยอม ;’)













     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ











==============================================

ก็จะวุ่นๆหน่อยนึง เป็นไงบ้างคะ คำสาปคลายแล้ว น้องแมวก็ใกล้จบแล้ววว



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 17 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-12-2018 18:28:50
แมวลามก5555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 17 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-12-2018 19:36:55
 :กอด1: :pig4: :L2:

55 สงสารแม็กซ์เวล
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 17 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-12-2018 20:41:10
น้องจะจบแล้ว น้องงงง
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 17 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-12-2018 22:35:36
จะจบแล้วอ่านเพลินกับความน่าเอ็นดูของมิวมิว :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 17 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 22-12-2018 09:41:49
เอ็นดูน้องแมวมิวมิวมากๆ แต่เอ็นดูกว่าคือคุณหมอ คุณหมอกล้ามแน่นๆแถมตามใจน้องแมวเก่ง อยากมีแบบนี้บ้าง รอตอนต่อไปอยู่นะคะ เป็นกลจให้คนเขียน จุ๊บๆ ใครจะขอใครเป็นแฟนน้าอยากรู้แล้วว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 17 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 22-12-2018 20:31:34
เอ็นดูท่านกามเทพ 5555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 17 updated!] 21/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 25-12-2018 05:31:50
เป็นแมวที่ลวนลามเจ้าของตลอดเลยนะมิวมิว 5555555
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 26-12-2018 19:46:17


Meow 18



“อรุณสวัสดิ์แม็กซ์เวล”

“อรุณสวัสดิ์ครับ...คุณมิวนิค”



เขากล่าวทักทายร่างสูงที่เดินลงมายังลอบบี้ของหอพักบ้านสุขใจตรงเวลาพอดิบพอดี นัดเจ็ดโมงห้าสิบก็เจอกันตอนเจ็ดโมงห้าสิบเป๊ะ เป็นมนุษย์แว่นที่ตรงเวลาชะมัด

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม็กซ์เวลกลับบ้านเพื่อใช้เวลาไปกับครอบครัวเหมือนอย่างปกติ ส่วนเขาก็จัดการสะสางปัญหาด้านการเรียนให้เข้าที่ กว่าจะเจอกันก็ตอนเช้าของวันจันทร์



คนที่กำลังนั่งลูบขนจอมแสบสีดำว่าพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม “คิดถึง...”

“คะ...คิดถึงอะไรกันล่ะครับ!”

“ไม่ได้หรอ?”

“คุณ! ...ผมอายคุณป้า” คนตัวโตป้องปากกระซิบกระซาบเมื่อหญิงสาววัยกลางคนหรี่ตาล้อเลียนมาแต่ไกล

“เอ๋ ผมคิดถึงแม็กซ์แล้วมันน่าอายหรอครับป้า?” ชโงกหน้าไปทางบุคคลที่สามในบทสนทนาขอความคิดเห็น

“ต๊ายย น่าอายตรงไหนจ๊ะลูก ผู้ชายสมัยนี้เขาก็คิดถึงกันถมเถไปเนอะ”



แล้วมนุษย์แว่นก็เดินออกมาทั้งอย่างนั้นด้วยกกหูสีมะเขือเทศ นู่นล่ะ...ขึ้นรถถึงยอมคุย แต่เป็นหลังจากที่เขาหยอดไปอีกรอบว่าถ้าไม่ยอมคุยจะหอมแก้มให้ช้ำ แม็กซ์เวลต้องโกรธเขามากแน่ๆ เลยที่ชอบแกล้งพูดจาแทะโลมเรื่อยเปื่อย หากเขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายรู้ดี

รู้ว่าชอบแกล้ง...แต่ความรู้สึกข้างใน ไม่เคยแกล้งซะหน่อย



“รำคาญหรือเปล่า?”

“ครับ?”

“รถเราก็มี แต่ก็ยังขับมาถึงหอเพื่อให้นายไปส่งคณะ ดูยุ่งยากเนอะ”

“ผม...ไม่เคยรำคาญคุณมิวเลย”

“จริงนะ”

“จะว่ายังไงดีล่ะ...” พลขับยกนิ้วเกาแก้มเก้อๆ ก่อนจะหันมาอมยิ้มอบอุ่น “ถ้าไม่รังเกียจ...ให้ผมไปส่งคุณทุกวันก็ได้ครับ”

“หืม…แบบนี้เรียกว่าจีบป่ะเนี่ย” เกยหน้ากับลาดไหล่คนขี้อายพร้อมกระพริบตาปริบๆ

“คะ...คุณมิว!”



ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นเช้าวันจันทร์อันแสนน่าเบื่อของทุกคน ทว่าแสงแดดในตอนนี้กลับไม่สาดส่องให้ชวนขี้เกียจเหมือนอย่างเคย อาจเพราะมีเจ้าของรถคันเหลืองนั่งอยู่ข้างๆ ความขี้เกียจของวันจันทร์ก็เลยทำอะไรไม่ได้ แย่จัง...เขาชักจะชอบวันจันทร์ซะแล้วสิ

แต่ต้องเป็นวันจันทร์ที่มีแม็กซ์เวลเท่านั้นนะ...



“วันนี้มีซีนถ่ายหลังสี่โมงเย็น”

“ครับ ผมเลิกห้าโมงครึ่ง เดี๋ยวมารอ”

“เดินเข้ามานั่งในกองเลย บอกว่าเป็นเจ้านายมิวนิค”

“เจ้านายที่ไหนล่ะคุณ”

“อ้าว อยากเป็นมากกว่าเจ้านายหรอ” เหมียวน้อยในร่างคนแสร้งวาดหน้าไร้เดียงสา “อื้มๆ งั้นอยากเป็นอะไรล่ะ? เราเป็นให้ได้หมดเลยนะ ขนาดแมวยังเป็นมาแล้ว...”

“ผม...ผมจะไปเรียนแล้วครับ! ไม่อยากคุยกับคนดื้อ”



แล้วคนที่บอกว่าไม่อยากคุยกับคนดื้อก็ยัดแซนวิชใส่มือคนดื้อก่อนจะเคลื่อนรถออกจากหน้าคณะนิเทศศาสตร์ไปทั้งอย่างนั้น ขนาดเขินอยู่ยังมีเวลาห่วง ก็น่ารักซะแบบนี้แล้วเขาจะอดใจไหวได้ยังไงกัน



“ไง พ่อราชรถมาเกย”

“แปลงร่างดีกว่า”

“สัส ล้อไม่ได้เลย”



มิวนิคยักคิ้วอย่างผู้ชนะก่อนจะกอดคอเพื่อนรักจอมยุ่งขึ้นตึกไปด้วยกัน อันที่จริงเขาควรจะนอนอยู่ห้องเฉยๆ ในฐานะคนดรอป แต่พอนอนมากๆ เข้ามันก็เบื่อแม้ว่าแท้จริงแล้วจะเป็นคนที่เกลียดการเรียนสุดๆ

เขาถนัดทำงานมากกว่า ให้มานั่งเลคเชอร์ทั้งอาทิตย์คงไม่ไหว



“งานนี้จะช่วยจนจบมั้ย”

“ถ้าขอร้องด้วยเหล้าชั้นดีจากร้านพี่ฟ้าก็จะลองพิจารณาดู”

“ขี้เมา”



สายหมอกรู้ดีว่าถ้าเขาน่ะขี้เบื่อ ถ้าไม่ได้เป็นหัวหน้า เขาก็จะทำเฉพาะส่วนของตนเองที่ได้รับมอบหมาย เสร็จงานก็แยกทางใครทางมัน แต่ครั้งนี้เพราะมีเจ้าตัวอยู่นี่แหละถึงไม่ยอมไปไหน ห่วงเพื่อนที่สุดในโลก

ถึงจะหายไปเกือบหนึ่งเทอม ทว่าบรรยากาศของคณะก็ยังคงครึกครื้นเช่นเดิม น้องปีหนึ่งก็ยังคงเป็นรุ่นที่ต้องรับภาระอย่างหนักในการจัดกิจกรรมให้เป็นหน้าเป็นตาแก่คณะเช่นเดิม ส่วนปีสามอย่างเราๆ ก็เริ่มลุยโปรเจค เข้าใกล้คำว่าธีสิสขึ้นไปทุกที นึกแล้วก็ขนลุก

แต่จะว่าไป...เขาจบช้ากว่าคนอื่นเทอมนึงนี่หว่า

โลเคชั่นการถ่ายทำตอนเย็นเป็นที่สวนขวัญ สวนสาธารณะชื่อดังประจำมอที่นักศึกษาส่วนใหญ่ชอบแวะเวียนมาใช้บริการ มิวนิคก็เป็นหนึ่งในผู้ชื่นชอบมาใช้บริการ เขาชอบการดูแลเอาใจใส่ด้านความสะอาดและบรรยากาศ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ที่แห่งนี้เป็นเขตสำหรับน้องหมาจรจัดน่ารักเต็มไปหมด แปลก...เขาในฐานะแมวน่าจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกหมาไม่ใช่หรอ



“นี่นะ ถ้ามันเข้ามาแกก็ตบด้วยอุ้งเท้านิ่มๆ ไปเลย”

“มันจะกลัวหรอนั่น”

“พวกหมาน่ะ เห็นตัวใหญ่แบบนั้นแต่ใจเสาะจะตายไป แถมยังโง่ด้วยนะ ชอบรับใช้มนุษย์เป็นที่หนึ่ง หึ...สัตว์ฉลาดอย่างเราๆ ต่างห่างเฟ้ยที่มนุษย์ต้องเป็นฝ่ายรับใช้"



จู่ๆ คำสอนของชิโน่ก็ดังก้องขึ้นในหัว นึกแล้วก็อดขำไม่ได้ วิถีแมวเหมียวอย่างนั้นหรอ จริงสินะ...เขาบอกความจริงกับชิโน่และชิลลี่ไปแล้ว ทว่าพวกนั้นกลับไม่ได้แสดงท่าทางตกใจอะไรเลย มิหนำซ้ำยังชวนออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเดิมอีก คงถูกอย่างที่ลุงฮอว์คว่า พวกสัตว์น่ะ...

ต่อให้เราเปลี่ยนไปซักแค่ไหน ความรู้สึกด้านในก็ยังคงเหมือนเดิม



“พี่มิว!!”

“ไง ไม่ยักรู้ว่าเรามาช่วยงานด้วย”



เสียงเรียกอันตกใจจากเด็กชายตัวเล็กกว่าไม่กี่เซนติเมตรทำเอามิวนิคตื่นขึ้นจากภวังค์ เป็นชนินญ์ เจ้าน้องรหัสสุดซี้ที่ห่างหายการติดต่อไปนาน

โทษไอ้กระปู๋แมวเลย ก็ช่วงที่เขาหายไปดันตรงกับช่วงที่โดนคำสาป ปฏิสัมพันธ์กับคนสนิทก็เลยเสียหมด โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ยุ่งๆ กับเรื่องงานอยู่ ขืนพวกท่านรู้คงตีตั๋วกลับมาไทยทันทีแหงๆ



“พี่หมอกบังคับผม”

“หืม...จริงหรอหมอก?” หันหน้าไปถามคนที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับข้างๆ

“หาเรื่องให้กูอีกน้องนิน”

“ฮ่ะฮ่ะ ล้อเล่นครับ ผมอยากมาช่วยเองแหละ”



ชนินญ์เป็นเด็กน่ารัก แถมยังว่านอนสอนง่าย บอกให้ทำอะไรก็ทำ อย่างเวลาพวกเขาไปแฮงค์เอาท์กันที่มันเดย์ก็จะชวนน้องไปด้วยตลอด ฉะนั้นการเลี้ยงสายระหว่างเขากับชนินญ์จึงมักเกิดขึ้นบ่อยๆ

มันเดย์เป็นหนึ่งในร้านเหล้าชื่อดังประจำมอของเครือเซเว่นบาร์ ร้านเหล้าที่ใช้คอนเซปร้านเป็นวันทั้งเจ็ดประจำสัปดาห์ แต่ละร้านก็จะได้รับความนิยมจากเด็กแต่ละคณะแตกต่างกันออกไป

อย่างมันเดย์ พวกเราชาวนิเทศศาสตร์ก็จะชอบใช้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังพล



“มิว....”



เขาถูกเรียกอีกครั้งโดยบุคคลที่สามนอกบทสนทนา ถึงจะนานมากแล้ว ทว่ามิวนิคก็ยังจำเสียงดังกล่าวได้ ราวกับสายลมในวันนี้พัดพาเอาความวุ่นวายใจเข้ามาเยือนเต็มไปหมด แต่ช่างเถอะ...เขาว่าเขารับมือได้



“ไง นัท”

“ขอโทษนะสายหมอก ยืมตัวมิวนิคแปปนึงสิ”

“ไปตายเหอะมึงอ่ะ”

“หมอกไม่เอา...”



กดบ่าคนที่จู่ๆ ก็อารมณ์ร้อนให้นั่งลง โดยพื้นฐานสายหมอกไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนอย่างที่เห็นมิวนิครู้ดี แต่คงเป็นเพราะเรื่องที่นัทแอบคุยกับท็อป เรื่องที่อีกฝ่ายหักหลังเขา คนที่ชอบปล่อยเบลอเรื่องวุ่นๆ ให้เลยตามเลยจึงดันฟิวส์ขาดขึ้นมาเอาซะง่ายๆ



“มิว! มึงก็รู้ว่ามันเหี้ย แล้วมึงจะไปคุยกับมันทำไม”

“มันต้องคุย...หมอก”



มิวมิวยังเป็นมาแล้ว แค่เคลียร์กับคนคุยเก่ายังไงก็อยู่ในระดับที่ไม่เกินการควบคุม

อื้ม...สายหมอกบอกความจริงกับเขาทั้งหมดหลังวันพิพากษา แปลกที่เขาไม่รู้สึกเจ็บเลย ไม่ใช่เพราะเห็นหลักฐานชิ้นสำคัญด้วยตาตนเองมาก่อนแล้วหรอก บางที...อาจเพราะเขาไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับนัทเลยก็ได้



“ทำไมล่ะมิว…”



เขาถูกพามายังร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ห่างออกมาจากสวนขวัญสามซอย อันที่จริงคุยตรงนั้นก็ได้ แต่เพราะนัทคะยั้นคะยอให้ออกมา ผนวกกับกลัวจะมีคนวางมวยกัน มิวนิคจึงเลือกออกมาดีกว่า



“มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ มิวก็ส่งข้อความมาบอกว่าจะไม่ติดต่อเราแล้ว เรื่องท็อปหรอ เราอธิบายได้นะ มันไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่คุยเล่นๆ คนที่เราจริงจังน่ะ...มีแค่มิวคนเดียว”



ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า หลังวันพิพากษาเทพเจ้าปู่แมว มิวนิคก็กลับมาเคลียร์ปัญหาทุกอย่าง รวมถึงเรื่องนัท เขาคิดว่าความสัมพันธ์ที่เราต่างไม่ได้คิดถึงกัน โหยหากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เราต่างขาดการติดต่อกัน มันก็ชัดเกินพออยู่แล้วว่าควรเอายังไงต่อไปดี ขืนยังเดินหน้าก็รังแต่จะเสียเวลา



“ไร้สาระน่านัท”

“เราจะเลิกคุยกับท็อป แล้วเราจะมาอยู่กับมิว หรือมิวมาอยู่กับเราก็ได้ มิวจะได้ไม่ต้องระแวงว่าเราจะแอบไปคบใคร เราสัญญา เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ระแวง?” มิวนิคหลุดขำเบาๆ “ถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันเพราะความระแวงเราว่าไม่จำเป็นหรอก มันไม่สนุกเลย อีกอย่าง...เราอยากอยู่กับใครซักคนที่พออยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นตัวของเรา ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะหายไปไหน แค่นั่งอยู่หน้าทีวี พอถึงเวลาหนึ่งเราก็เจอหน้ากัน”

นัทรวบมือทั้งสองของเขาขึ้นมากุมไว้ “แค่นั้นเราทำได้ ขอแค่มิวกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

“มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอกนัท ขนาดเรายังไม่เหมือนเดิมเลย”

“มิวพูดเหมือนว่ามิว...”

“อื้ม เรามีคนใหม่”



น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้นัทลามือไปเอง



“ตั้งแต่ตอนไหน? มิวไปแอบคุยกับมันตั้งแต่ตอนไหน!” ชายหนุ่มว่าด้วยเสียงกร้าว

“อย่ามาขึ้นเสียงกับเรา” มิวนิคมองด้วยแววตาเขม็งก่อนจะทอแสงอ่อนลง “คงเป็นหลังจากตอนที่นัทแอบคุยกับท็อปล่ะมั้ง”

“ระ...เราก็บอกไปแล้วไงว่าเรา...”

“อื้ม นัทไม่ผิดหรอก” เขาเปลี่ยนมาวาดยิ้มจางๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังหมายความอย่างที่พูด “จริงๆ เราว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดตั้งแต่ต้น ก็เราตกลงกันไว้แล้วไงว่าสถานะระหว่างเราคือคนคุย เพราะฉะนั้นถ้าอีกฝั่งจะมีใคร...เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปรู้สึก เช่นเดียวกันกับที่นัทมีท็อป เราก็จะไม่รู้สึก”



นัทสะอึกพร้อมกัดริมฝีปากกรอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทั้งหมดคือความจริง



“ยอมรับว่าตอนแรกโกรธนัทเหมือนกัน และเราก็มั่นใจว่าตอนนี้นัทคงกำลังรู้สึกเหมือนเราในตอนนั้น” เขาเปลี่ยนมาลูบมืออีกฝ่ายเบาๆ “แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ...ไม่ซักนิดเลย พอลองนึกย้อนดูเราถึงเข้าใจ กฎก็คือกฎ เราทั้งคู่ต่างตั้งกฎขึ้นมา แล้วตอนนี้ต่างฝ่ายก็ต่างทำตามกฎเหล่านั้น...”

“มันจบแล้วจริงๆ ใช่มั้ย...”

“อื้ม...มันควรจบตั้งนานแล้วล่ะ”

“ใครหรอมิว?”

“หืม?”

“มันเป็นใคร คนที่ทำให้มิวเปลี่ยนไปขนาดนี้”



มิวนิคกับนัทจ้องตากันในตอนที่ทั้งร้านเริ่มมีแขกเข้ามาจอแจ เขาอมยิ้มอีกครั้งก่อนจะรับรู้ว่าเราต่างไม่ได้เป็นจุดสนใจของใคร สุดท้ายในชีวิตคนที่เขากลายเป็นจุดสนใจของเรา และเรากลายเป็นจุดสนใจของเขา...

ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นแหละ



“นัทรู้มั้ย...ช่วงที่เราหายไปมันเป็นช่วงเวลาที่แสนลำบากสุดๆ ในชีวิตเลยล่ะ เราไม่มีใคร ไม่มีแม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่ สายหมอก หรือแม้แต่นัท เราไม่มีคนสนิทหลงเหลืออยู่เลย” อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมาทุกครั้งเมื่อพูดถึงผู้ชายตัวโตคนนั้น “แต่เรามีเขาคนนั้น...เขาที่ไม่เคยทิ้งเราไปไหน”



เป็นคนเดียว...ที่ยอมรับในตัวเขา

แม้ว่าเขาจะกลายเป็นคนอื่น











//มีต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 26-12-2018 19:47:52
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


แม็กซ์เวลเหม่อมองแผ่นกระดานที่ฉายสไลด์เนื้อหาเรียนผ่านไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีจุดหมาย จนภูรินที่นั่งข้างๆ ต้องหันมาสะกิดถามว่าไม่สบายหรือเปล่า...ปกติเขาไม่เคยเป็นเด็กไม่ตั้งใจเรียน แต่เพราะมีเรื่องบางอย่างวนเวียนรบกวนอยู่หัว พยายามขจัดออกไปเท่าไหร่ก็เอาไม่ออก



“ที่นั่งอยู่ตรงนั้นใช่มิวนิคนิเทศปะ”

“เรื่องผู้ชายล่ะจำแม่นเชียวนะมึงอีแม่”

“อ้าว...ถ้าจำผู้ชายหล่อไม่ได้ก็อย่ามาเรียกชั้นว่าเจนนิษฐ์”




ตรงโต๊ะมุมสุดที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น คุณมิวนิคอาจไม่รู้ว่าวันนั้นเขานั่งอยู่ในร้านด้วย ทีแรกกะว่าจะไปรอใครบางคนที่กองถ่าย แต่เผอิญน้องยูชวนมานั่งชิว เขาเลยถือซะว่าเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว หากสิ่งที่เห็นดันทำเอามนุษย์แว่นถึงกับพูดไม่ออก เป็นคุณมิวนิคและผู้ชายคนนั้นกำลังจับมือกัน



“ขอโทษนะครับที่ไปรับช้า”

“ไม่เป็นไร ให้เราได้รอแม็กซ์บ้าง”

“คุณมิว...รอที่กองตลอดเลยหรือเปล่าครับ?”

“ก็ตลอดนะ”




แม็กซ์เวลเกลียดการโกหก ไม่สิ...เขาเกลียดการโกหกแบบที่จับได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกอยู่ เพราะมันเสียความรู้สึกเสียยิ่งกว่าการจับโกหกไม่ได้ เป็นการรับรู้คำโกหกทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก



‘คุณกับผู้ชายคนนั้น...มันยังไงกันหรอครับ’



เขาไม่ได้พูดออกไป เพียงแค่กลืนคำถามทั้งหมดลงท้อง ปล่อยให้การหลับใหลทำหน้าที่คลายความเจ็บแปล้บตรงอวัยวะบางส่วน แต่นั่นมันก็เป็นแค่คำโกหกที่เขาสร้างขึ้นมาหลอกตัวเองอยู่ดี

มันไม่ได้เจ็บน้อยลงเลย

มันดีจริงๆ หรือเปล่าที่เลือกไม่พูด เขาอยากมองผ่านเรื่องวุ่นวายในใจนี้ออกไปเหลือเกิน แค่เพียงคิดว่าคุณมิวนิคมีโอกาสกลับไปสานสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้น ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายก็ปวดหน่วงไปหมด



“ความรักก็งี้แหละแม็กซ์ มีดีบ้าง ร้ายบ้าง”

“ความรัก?”

“กับคนที่มึงไม่ยอมบอกพวกกูว่าเป็นใคร ใช่มั้ย?”



แม็กซ์เวลหลบสายตาเพื่อนรักที่กำลังเดินกอดคอไปด้วยกัน ข้างหน้าเป็นเจนนิษฐ์กับน้องยูที่กำลังคุยเจี้ยวจ้าวเสียงดังตามประสาคนอะเลิร์ท ไม่ถามซอกแซกแต่ก็สังเกตอาการของเขามาตลอดสินะ



“ที่บอกไม่ได้ก็เพราะเราไม่รู้ว่าระหว่างเรากับเค้าคนนั้น...มันคืออะไร...”

“เค้าคุยหลายคนรึไงถึงบอกไม่ได้ว่ามึงกับเค้าเป็นอะไร”

“ก็ไม่เชิง...”



คุณมิวนิคอาจแค่ยังไม่ได้เลือก



“กูเป็นห่วงมึงนะ” ภูรินตบบ่าเปาะแปะ “จำไว้ว่าพวกกูเห็นอีน้องมีความสุขยังไง พวกกูก็อยากให้มึงมีความสุขแบบนั้นเหมือนกัน คนอย่างมึงน่ะ...สมควรกับการมีรักดีๆ ที่สุดแล้ว”

“…ขอบคุณนะ”



และเขาก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคุณมิวนิคจะเลือกอะไร

ถ้าที่ผ่านมาเป็นแค่การรักสนุก เป็นแค่นิสัยขี้อ้อน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะรับความจริงได้หรือเปล่า และถ้าเป็นแบบนั้น...คุณกามเทพจะช่วยเขาหรือเปล่า

แม็กซ์เวลตัดสินใจกลับหอแม้ว่าเพื่อนๆ จะชวนไปปาร์ตี้หมูกระทะร้านเจ้าประจำต่อ มันกระวนกระวายใจเกินไป เขาไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมสังสรรค์ได้ในตอนนี้ คิดแค่เพียงว่าอยากเปิดอกคุยกับคุณมิวนิคเร็วๆ

แต่จะทำได้หรือเปล่า...แค่โดนอีกฝ่ายเข้าใกล้กลิ่นกายหอมๆ ก็ทำร่างเขารวนไปหมด



เพล้งงง!!



เสียงภาชนะอะไรบางอย่างดังขึ้นขณะที่ลูกกุญแจสีเงินกำลังสอดเข้าไปในลูกบิดประตู แม็กซ์เวลปรี่เข้าไปในห้องอย่างเร็วพลันก่อนจะพบซากปรักหักพักที่ย่ำแย่กว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา

เฟอร์นิเจอร์ทั้งห้องถูกกัดกระจุยกระจาย พวกฟูกนอนไม่ต้องพูดถึง ชิ้นส่วนนุ่นหลุดลุ่ยเต็มพื้นไปหมด บนเตียงเป็นร่างสีขาวที่กำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาสั่นระริก ตรงอุ้งเท้าและฟันคมๆ เปรอะเลอะไปด้วยซากนุ่นเป็นหลักฐานชั้นดีว่า...



ปุ้ง!



“เราไม่ได้ทำนะแม็กซ์!”



มิวมิวคืนร่างเป็นมิวนิคทันทีพร้อมส่ายมือปฏิเสธไปมา คนมองได้แต่กำหมัดแน่น หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ได้ทำอีกหรอคุณ แม็กซ์เวลไม่เคยโกรธที่มิวนิคมีนิสัยเกเร...แต่มันเสียความรู้สึกมากขึ้นตรงที่รับรู้ได้ว่าคำสัญญาในครั้งนั้นมิวนิคไม่ยอมรักษาไว้เลย



“คุณมิวไม่ต้องโกหกหรอกครับ...” พยายามพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาไม่อยากโกรธอีกฝ่าย

“ไม่ได้โกหกนะ พวกนั้นมันเข้ามารื้อของในห้องจริงๆ”

“คุณอย่าโยนความผิดให้คนอื่นได้มั้ย ชิโน่กับชิลลี่ก็นอนอยู่ข้างล่าง ก่อนผมขึ้นมาก็เห็น”

“มะ...ไม่ใช่พวกโน่” มิวนิคพูดอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่เคยเห็นแววตาแม็กซ์เวลดุขนาดนี้มาก่อน “เป็นแมวตัวสีเทาต่างหาก! แมวตัวนั้นไงที่เราเคยขับชน ต้องใช่แน่ๆ”

“คุณมั่นใจได้ไงครับว่าเป็นแมวตัวนั้นทั้งๆ ที่เคยเจอแค่ครั้งเดียว”

“มั่นใจดิ เราชนเองกับมือเลยนะ แถมวันพิพากษาเราก็เห็นแมวตัวนั้นมาด้อมๆ มองๆ แถวหอเรา”



บอกตามตรงว่าเขาไม่รู้จะเชื่อคุณมิวนิคแบบสนิทใจเหมือนเดิมได้หรือเปล่า เพราะเมื่อนึกถึงเรื่องโกหกวันก่อน ความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายก็ลดลงไปเยอะ

เขาไม่เคยโกหกคุณมิวนิคเลย...ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าสำหรับอีกฝ่ายนั้น สำหรับคนที่ผ่านประสบการณ์ความรักมามากขนาดนั้น เขาเหมือนกลายเป็นแค่ลูกไก่กระจอกๆ ในกำมือ

แม็กซ์เวลพยายามสะกดกั้นอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่านโดยการหันมองไปทางอื่น แต่เหมือนเรื่องราวยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม เพราะตรงชั้นไม้ติดพนัง มีบางสิ่งบางอย่างตกลงมาแตกกระจาย

ตุ๊กตาดารุมะสีแดง...



“...น่าจะเป็นตอนที่เราแปลงเป็นมิวมิวกระโดดขึ้นไปฟัดกับไอ้แมวตัวนั้นจนไม่ทันได้ระวัง...”

“คุณ...” ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกสุดปอด “....ไม่เคยระวังอะไรหรอก”

“นี่! เรารู้ว่าเราผิด แต่ปกติไม่เห็นเคยโกรธขนาดนี้เลย”

“ยอมรับแล้วหรอครับ?”

“แม็กซ์! บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำ ทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุ”



มิวนิคขมวดคิ้วมุ่น โดยพื้นฐานที่เป็นคนไม่ค่อยยอมคนอยู่แล้ว พอเจอคนที่จากเยือกเย็นเปลี่ยนมาเป็นน้ำร้อนก็เลยยิ่งกลายเป็นร้อนเข้าไปใหญ่



“แล้วพวกค่าเสียหายก็ไม่ต้องห่วงหรอก เรากลับมาเป็นคนแล้ว เราชดใช้ให้ได้อยู่แล้ว อีกอย่าง...ไอ้ตุ๊กตาดารุมะอะไรนั่น เดี๋ยวเราฝากเพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่นซื้อมาให้ซักยี่สิบตัวเลยดีไหม น่าจะสวยกว่าของเก่านายตั้งเยอะ”

“คุณมิว!”



มนุษย์แว่นที่กำลังเก็บเศษกระเบื้องสีแดงยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกำหมัดแน่นกว่าเก่า เขาคิดว่าที่คำสาปคลายลงน่าจะเป็นเพราะมิวนิคค้นพบความหมายดีๆ ในชีวิต แต่สิ่งที่เห็นกลับเหมือนไม่ใช่เลย มิวนิคก็ยังคงเป็นมิวนิคคนเดิม

เป็นมิวนิคที่ไม่เคยสนความรู้สึกของคนอื่นเช่นเดิม



“คุณไม่เคยเห็นคุณค่าของสิ่งของหรอก”

“นี่...มันจะมากเกินไปมั้ย เราอุตส่าห์ยอมชดใช้ความผิดที่เราไม่ได้ทำนะ แล้วนายยังจะมาขึ้นเสียงแบบนี้อีกหรอ ทำไมอ่ะแม็กซ์ ปกติไม่เห็นเคยเป็นงี้เลย เพราะอะไรอ่ะ!? เพราะตุ๊กตาตัวนั้นหรอ!?”

“เพราะมันเป็นของคุณแม่ผมยังไงล่ะครับ!” นัยน์ตาสีดำด้านหลังกรอบแว่นลุกโชนราวกับจะพ่นไฟออกมาให้ได้ “คุณแม่ที่เป็นคุณแม่จริงๆ คุณแม่ที่ให้ชีวิตผม...คุณแม่ที่ทิ้งผมไป!”



สัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวที่ผู้เป็นแม่แท้ๆ หลงเหลือไว้ให้ เป็นเครื่องเตือนจำว่าเขาเกิดมาจากใคร



“ซิสเตอร์ๆ แม่ผมอยู่ไหนหรอครับ?”

“คุณแม่แม็กซ์เวลไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกจ้ะ แต่ท่านฝากตัวแทนเอาไว้นะ”




เขาเก็บตุ๊กตาตัวนั้นไว้เสมอแม้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่มูมินจะมารับไปอยู่ด้วย และก็คิดเสมอว่าตนเองพิเศษกว่าคนอื่น ก็ไม่มีเด็กคนไหนที่จะมีคุณพ่อและคุณแม่อย่างละสองคนเหมือนเขานี่นา



“แม็กซ์....คือเรา...” มิวนิคตอบเสียงอ่อย

“เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้หรอกนะครับ”



ประโยคสุดฮิตที่ผู้คนรู้จักกันดี แม้ในปัจจุบันเงินจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ในทุกๆ ด้าน เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้เกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างนั้น...มันก็ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นที่เงินจะซื้อทุกอย่างได้อยู่ดี



“ขอโทษ...” ชายหนุ่มในชุดขาวก้มหน้าจ๋อย

แม็กซ์เวลเม้มริมฝีปากก่อนจะถามสิ่งที่ยังค้างคาใจออกไปอีกครั้ง “เมื่อวันก่อน...คุณไปไหนมาครับ”



เรื่องตุ๊กตาดารุมะเขาก็โกรธ แต่ของที่แตกไปแล้วคงไม่สามารถใช้เวทมนตร์ทำให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เหลือคงมีเพียงอนาคตตรงหน้า...อนาคตระหว่างเขาและคุณมิวนิค



“...เคยถามไปแล้วนี่”

“เมื่อวันก่อน...คุณไปไหนมาครับ” มนุษย์แว่นยังคงยืนกร้านคำถามเดิมด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง

“ก็...อยู่ที่กองไง”



และโอกาสหนึ่งเดียวที่เขาเพิ่งหยิบยื่นให้อีกฝ่ายไปก็พังทลายลงต่อหน้าต่อตา มิวนิคเลือกที่จะโกหกเขาอีกครั้ง และนั่นก็ยิ่งทำให้ข้อแก้ตัวทั้งหมดที่เจ้าตัวกล่าวมาไร้ซึ่งน้ำหนักอันน่าเชื่อถือ



“ผมอยู่ในร้านนั้น...ในวันที่คุณนั่งจับมือกับผู้ชายคนนั้น”



ทำไมต้องโกหกกันด้วยมิวนิค...



“มะ...มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ!”

“.....” แม็กซ์เวลถอนหายใจยืนมองคนตรงหน้าที่ค่อยๆ รวบฝ่ามือทั้งสองของเขาขึ้นมากุม

“นัทมาขอคืนดีกับเรา แต่เราบอกปฏิเสธไปก็แค่นั้น” เหมียวน้อยในร่างคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุกลน “ที่ไม่บอกก็เพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลย สิ่งที่นายควรรู้ควรเป็นแค่เรื่องของเรา ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น”



ไม่ใช่เรื่องสำคัญงั้นหรอ? ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับคุณมิวนิคโดยตรง แต่คุณมิวนิคกลับบอกว่ามันไม่สำคัญ หมายความว่าเขาก็ไม่ได้สำคัญพอที่จะรับรู้เลยสินะ

สาบานว่าตอนนี้สมองสับสนไปหมด เขาไม่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าทั้งหมดที่คุณมิวนิคเอ่ยออกมาคือความจริง พอลองมองย้อนดู...ชีวิตของเขาและคุณมิวนิคก็เหมือนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งไลฟสไตล์และภาระหน้าที่

คนนึง...วันๆ ก็เอาแต่ขลุกอยู่กับกองหนังสือหรือไม่ก็หน้าจอคอม ขณะที่อีกคนต้องคอยพบปะปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเยอะแยะเพราะเป็นศิลปิน นั่นสินะ...เราทั้งสองช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

มีแนวโน้มว่าขืนยังอยู่ด้วยกันไปอาจเป็นเขาเองที่จะไม่สามารถทนได้ ถ้าวันหนึ่งคุณมิวนิคเจอคนที่ดีกว่าเขา

คิดไว้แล้วแหละว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่คำสาปคลายลง วันที่มิวมิวกลับไปเป็นมิวนิค วันที่เขาต้องเริ่มจมอยู่กับความหวาดระแวงว่าคุณมิวนิคอาจทิ้งเขาไปในซักวัน



“คุณมิว...กลับไปก่อนเถอะครับ”



อาจเป็นคำพูดที่อีกฝ่ายไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน เขามองดวงตาที่กำลังสั่นระริกคล้ายจะร้องไห้ด้วยหัวใจห่อเหี่ยว ไม่กี่วินาทีริมฝีปากบางกระจับก็ค่อยๆ เลื่อนเข้ามาประกบจนทาบทับไปกับริมฝีปากเขาทั้งหมด

สัมผัสนุ่มหยุ่นของคุณมิวนิคพยายามสอดแทรกเข้ามา ทว่าแม็กซ์เวลไม่ยอมเปิดปากทาง ไม่ยอมให้ความรู้สึกอ่อนไหวครอบงำได้โดยง่าย มือหนาค่อยๆ ผละร่างที่แนบชิดเข้ามาออก



“…จะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย”



คงถึงเวลาที่ต้องทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคุณมิวนิคใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีเหมียวน้อยจอมดื้ออยู่ใกล้ๆ ตัว แต่เขาต้องตระหนักให้ได้ก่อนว่าตนเองจะสามารถรับมือกับความเจ็บปวดอันแสนทรมานได้ไหมถ้าวันหนึ่งไม่มีเหมียวน้อยตัวนี้อยู่ข้างๆ แล้ว...

บางทีคนบางคนอาจเหมาะแก่การเป็นไอดอลให้เราชื่นชมอยู่ห่างๆ หากแต่ไม่ได้เหมาะแก่การเป็นตัวจริงในชีวิตจริง



“…รบกวนด้วยนะครับ”



และถ้าวันนั้นมาถึง คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คงเป็นเขา

















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ







==============================================

พอได้มั้ยคะดราม่านี้ แง่งงงงง

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 26-12-2018 20:09:55
งืมมม
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 26-12-2018 21:22:22
แงงงง อย่าโกรธกันนานน้่าาา   :sad4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 26-12-2018 21:49:39
ข้องใจก็ไม่ยอมเปิดปากพูด
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-12-2018 23:04:51
แม๊กซ์ใจเย็นๆๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 27-12-2018 02:25:17
แม็กเวลใจเย้นๆก่อน ค่อยๆคุยกัน มิวนิคไม่ได้ตั้งใจ น้องก็ต้องใจเย็นๆเด้อ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 27-12-2018 04:09:00
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากกกกก
อย่าทะเลาะกันนานน้าาาา
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 27-12-2018 07:37:03
สมน้ำหน้ามิวนิคจ้า สงสารแม๊กด้วย
มันเป็นสถานะที่โคตรจะเป็นรอง จะถามก็ไม่กล้า
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฐานะอะไร แต่มิวนิคที่คิดว่าตัวเองเป็นต่อทุกทาง ทำเหมือนแม๊กเป็นแค่คนที่คอยตามใจ คนที่เป็นของตาย ไม่ชัดเจนสักอย่างแถมยังคิดตื้นๆอย่างโกหกเรื่องที่คุยกับกิ๊กเก่าอีก  แม๊กต้องใจแข็งหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-12-2018 23:52:49
โอ้ย ดราม่าแล้วววว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-12-2018 06:55:19
คือแม๊กเวล นายทำไมไม่เชื่อ ไม่ถามดีๆล่ะนี่
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 28-12-2018 11:59:50
เวรกรรม :katai1:
คุยกันดีๆ ก๊อนนน
แม็กซ์ใจเย็นๆ นะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 28-12-2018 15:10:23
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 18 updated!] 26/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 28-12-2018 20:00:08
อือหื้อออเจ็บปวด :sad4: :o12: :z3: ทำไมกลายเป็นแบบนี้ มาต่อเร็วๆน้า ค้างมากๆเลย เป็นกลจให้ไรท์เสมอ :กอด1: น้องมิวสงสาร เราเข้าใจนะบางทีก็รู้สึกว่าบางเรื่องมันก็ไม่ได้สำคัญก็ไม่ตั้งใจปิดบัง แต่เป็นแบบบอกไม่บอกมันก็เหมือนกันก็เลยไม่พูดออกไปไรงี้ เป็นกลจให้น้องมิวด้วย :กอด1: :3123:  พี่หมอก็ใจเย็นๆนะ อย่าคิดมาก o7 ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีใช่มั้ย ปิดท้ายด้วยมาม่าห่อใหญ่ก่อนปีใหม่ไปอีก  o13
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 29-12-2018 22:06:09


Meow 19



มิวนิคเคยชอบวันเสาร์มากๆ เพราะมันเป็นวันที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับแม็กซ์เวลอย่างเต็มอิ่มหลังจากรอคอยมาทั้งอาทิตย์ เขาชอบการนอนเรื่อยเปื่อยอยู่บนเตียงดูซีรีย์เน็ตฟลิกด้วยกัน กินป๊อปคอร์นถังเดียวกัน หรือแม้กระทั่งตื่นขึ้นมารดน้ำเจ้าแก๊งค์ดอกเดซี่นอกระเบียงด้วยกัน

แต่กิจกรรมเหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว...มั้ง



“ยกซดแทนน้ำเปล่าขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ตายห่าพอดี”

“มึงก็รู้ว่ากูไม่เมา…”



เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยงหันมองตาเขียวใส่สายหมอกเพื่อนรักผู้นั่งเท้าคางกับเคาเตอร์บาร์เป็นห่วงอยู่ข้างๆ ตอนนี้พวกเขากำลังตอกย้ำชีวิตรักเฮงซวยที่แอสโมสเฟียร์ ร้านเหล้าชื่อดังนอกเขตมหาวิทยาลัยที่ถูกดูแลโดย คุณสายฟ้า อัศวเทวกุล หรือพี่ชายของสายหมอก

แต่ดูเหมือนคนที่กำลังจะประสบชีวิตรักเฮงซวยน่าจะเป็นคนที่ยกแก้วกระดกไม่หยุดมากกว่า



“ไอ้หมอบ้าเอ๊ย พูดกับกูแบบนี้ได้ไงวะ!” คนที่น่าแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์บ่นกระปอดกระแปด มิวนิคไม่ได้เมาหรอกถึงแม้ท่าทางจะดูเมา เป็นภูมิต้านทานของคนสมบูรณ์แบบที่ปกป้องไม่ให้ผู้ชายหน้าไหนสามารถมอมเหล้าเขาสำเร็จ



บางทีก็รู้สึกอยากเป็นคนอ่อนแอบ้างจัง



“ก็มึงไปทำห้องเขาพัง แถมยังทำตุ๊กตาที่แม่แท้ๆ เขาทิ้งไว้ให้แตกอีก ไม่พอนะ...มึงยังไปโกหกว่าอยู่กองถ่าย ทั้งๆ ที่ออกไปคาเฟ่กับไอ้เฮงซวยนัท”

“มึงเนี่ยเฮงซวย”

“อ้าว”

“กูเพื่อนมึงมั้ย”



เขาน้อยใจแม็กซ์เวลมาก ทั้งๆ ที่ก็พูดความจริงไปทั้งหมดว่าไม่ได้ทำ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเชื่อท่าเดียว มิหนำซ้ำยังทำหน้ายักษ์ใส่อีก แม็กซ์เวลมันไม่เคยใจร้ายกับเขาเลยนะ ทำไมอ่ะ เรื่องนัทก็อธิบายไปแล้วไงว่าไม่อยากให้คิดมาก ประเด็นคนคุยเก่ามันช่างไร้สาระสิ้นดี เขาไม่ได้แคร์นัทเลยซักนิด เพราะคนที่เขาแคร์น่ะ...



“หึ คิดแล้วก็เจ็บกระดองใจ”



...ก็คือคนที่ทำให้เขากำลังงุ่นง่านอยู่ในเวลานี้ต่างหากล่ะ



“พูดจาไม่รู้เรื่อง”

“ก็คนเมาปะวะ”

“คุณมึงบอกไม่เมา”

“ก็ไม่เมานั่นแหละ แต่ฟีลมันก็กรึ่มๆ”



สายหมอกไม่เข้าข้างเขาเลยซักนิด...ไม่เลยซักนิดเดียว ยิ่งเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบนี้เขายิ่งจะถูกโดนด่าซ้ำเติม ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิจเขา...น้อยคนจะถูกยกนิ้วโป้งว่าผ่านการพาสเจอไรซ์จากสายหมอก แต่เขารู้ดีหากพอเอาจริงเวลามีเรื่อง ก็มีอีกฝ่ายคนเดียวนี่แหละที่พร้อมบวกและอยู่เคียงข้างเสมอ



“อยากเมาแค่ไหนก็เมาไป...ถ้ามีกู”



นี่ล่ะสายหมอก...

เขาอยากคุยกับแม็กซ์เวล อยากกลับไปง้อ แต่ในความเป็นจริงเปอร์เซ็นต์ที่จะทำได้นั้นมีน้อยเหลือเกิน มิวนิคไม่มีแม้กระทั่งเบอร์ติดต่อของแม็กซ์เวล อาจฟังดูแปลก แต่เพราะเราสองคนอยู่ด้วยกันจนแทบจะตลอดเวลาตั้งแต่ตอนเป็นมิวมิวยันคืนร่างเป็นมิวนิค พวกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้น

อย่างตอนแม็กซ์เวลกลับบ้าน เราก็นัดกันปากเปล่าเอาไว้ว่า ‘เจ็ดโมงครึ่งใต้ลอบบี้หอพักบ้านสุขใจ’ แล้วเราก็เจอกันเวลานั้นจริงๆ ถึงจะเป็นวิธีการที่ค่อนข้างโบราณคล้ายยุคอัลเทอร์เนทิฟ แต่ก็โรแมนติกไปอีกแบบ

ยกเว้นตอนนี้ที่เขาทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เพื่อนแม็กซ์เวลเขาก็ไม่รู้จักซักคน จะมีอีกวิธีก็คงเป็นการบุกไปหาอีกฝ่ายโดยตรงยังคณะสัตวแพทย์ศาสตร์...แต่ก็ติดตรงไม่กล้าเนี่ยสิ

ในชีวิตมิวนิค...ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมเสมอ ทว่าพอเป็นเรื่องของตามนุษย์แว่นตัวโตคนนั้น กลับเหมือนระบบจัดการปัญหาในร่างรวนไปหมด มันดูยากลำบาก...

และเขาก็สูญเสียการควบคุม



“ปล่อยให้คุณหมอใช้เวลาทบทวนกับตัวเองซักพักเถอะ”

“…จะดีจริงๆ หรอแบบนั้น”

“มึงก็เหมือนกัน...ไปคิดว่าควรเอายังไงต่อกับความสัมพันธ์ มันควรเดินหน้าได้แล้วล่ะ หรือไม่ก็...ทำให้มันจบลงซักที”



ถึงจะปวดใจอยู่หน่อยๆ แต่มิวนิคก็ค่อนข้างเห็นด้วย วันนั้นแม็กซ์เวลคงโกรธมากๆ ที่เขาโกหก ยิ่งพอมาเจอห้องนอนตัวเองถูกทำลาย ผนวกกับตุ๊กตาดารุมะสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวของคุณแม่แตกละเอียด ความโกรธสะสมก็เลยประทุถึงจุดเดือด คนนิ่งๆ เย็นๆ เวลาโกรธก็น่ากลัวเหมือนกัน

ไม่อยากให้โกรธเลย...



“ปู่! ออกมาหาหน่อย”

“…..”

“ปู่!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”



เพราะมีเสียงโวกเหวกโวยวายอยู่ตรงลานต้นโพธิ์จนน่ารำคาญ ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากแมวเหมียวจึงต้องจำใจปรากฏตัวออกมา มิวนิคคิดว่าแบบนั้น...ไม่เห็นหน้า แต่ท่าทางยืนตบเท้าดิ๊กๆ คงเป็นสัญญาณอันชัดเจนของความรำคาญ



“ก็บอกว่าต้องทำเคสคู่รักเพิ่มห้าร้อยคู่ ยังจะมีหน้าเรียกออกมาอีก”

“ถ้ายุ่งอยู่แล้วออกมาทำไม”

“อ่ะ...งั้นกลับ”

“ล้อเล่น ฮืออ ปู่อย่าไปนะ”



มิวนิคปรี่เข้าไปกอดขาชายชุดดำเว้าวอน จนทั้งสองต้องแปลงเป็นสิ่งมีชีวิตหูตั้งนั่งคุยกันใกล้ๆ ริมบึงเพื่อไม่ให้ภาพที่ออกมาดูประหลาดจนเกินไป อย่างน้อยแมวสองตัวนั่งคุยกันก็ดูปกติมากกว่ามนุษย์นั่งพูดคนเดียว

เขาเล่าเรื่องไอ้แมวจอมยุ่งสีเทาตัวการของเรื่องให้ปู่ฟัง ถึงจะเป็นกามเทพ ไม่ใช่เทพเจ้าผู้ดูแลแมวจริงๆ แต่เทพก็ขึ้นชื่อว่าเทพ มิวนิคมั่นใจว่าไอ้ปู่แมวต้องช่วยเขาได้ไม่มากก็น้อยแน่ๆ



“เป็นอัลฟ่า” อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างไม่ตกใจราวกับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีคนมาถาม

“อัลฟ่า?”

“เผ่าพันธุ์ที่แพร่หลายอยู่ในโลกคู่ขนานอีกโลกของพวกเจ้า พูดง่ายๆ ก็คือเป็นประชากรที่คล้ายคลึงกับประชากรหลักในโลกนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโลกของพวกเจ้าไม่มีอัลฟ่า...จะว่ายังไงดีล่ะ” ปู่ยกมือเกาหัวแกร้กๆ คล้ายอธิบายไม่ถูก “กลุ่มอัลฟ่าในโลกนี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่มักพบได้ในพวกหมาป่ามากกว่า...”

“เหมือนในซีรี่ย์อะไรพวกนี้อ่ะหรอ”

“ข้าไม่เคยดูซีรีย์หรอก...แต่ก็คงประมาณนั้น”

“มะ...ไม่คิดว่ามีจริง” มิวนิคเบิกตาโพล่งตกตะลึง



ตกตะลึงอย่างแรกก็คือโลกคู่ขนานมีจริง ตกตะลึงอย่างที่สองก็คือเผ่าพันธ์อัลฟ่าก็มีจริง จะแฟนตาซีเกินไปแล้ว หมายความว่าทุกอย่างที่เคยดูในหนังมันมีจริงทั้งหมดเลยหรอ..



“อะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยมี”



มิวนิคพยักหน้าคิดตาม ก็คงถูกอย่างที่ปู่ว่า...ขนาดเรื่องเทพเจ้าที่เขาคิดว่าคงมีแค่ในจินตนาการเพื่อเป็นกุศโลบายเอาไว้สำหรับหลอกเด็กยังปรากฏขึ้นในชีวิตจริงเลย โลกนี้คงมีอะไรให้น่าค้นหาอีกไม่รู้จบ



“งั้นก็หมายความว่าไอ้แมวนั่นเป็นหมาป่าหรอ ไม่สิ...เป็นหมาป่าที่แปลงเป็นแมวเหมือนผมได้งั้นหรอ”

“ในกรณีของเจ้ามันคือคำสาป แต่กรณีของพวกนั้นมันคือความสามารถทางพันธุกรรม”



มิวนิคคิดว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้เรื่องแปลกประหลาดมากขึ้นทุกที ยิ่งรู้จักเทพเจ้าปู่แมว...ไม่สิ ยิ่งรู้จักไอ้ปู่กามเทพติ๊งต๊อง เขาก็ยิ่งเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ



“แล้ว...ปู่รู้มั้ยว่าไอ้หมอนั่นมันวิ่งตัดหน้ารถผมทำไม แถมยังเข้ามารื้อของในห้องแม็กซ์เวลอีก” ชายหนุ่มพรูลมหายใจฟึดฟัด นึกถึงขนสีเทาๆ ทีไรก็ชวนหงุดหงิดทุกที

“…เหมือนหนีอะไรมาซักอย่างจึงชนกับรถเจ้า พวกอัลฟ่าน่ะยังติดอยู่ในยุคสงคราม ไม่ได้มีวิทยาการหรือวัฒนธรรมล้ำหน้าเหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้าหรอกนะ”

คนฟังขมวดคิ้วมุ่นคิดตาม “แล้ว...เรื่องทำลายห้อง?”

“คล้ายกับว่าพวกนั้นกำลังหาตามล่าหาอะไรซักอย่าง แล้วเผอิญของที่ตามหาดันอยู่ในหอพักของเจ้าพอดี พวกมันเลยไล่ตระเวนรื้อค้นห้องผู้พักอาศัยไปทั่ว ไม่ได้มีแค่ห้องไอ้หนุ่มแม็กซ์เวลที่โดนหรอก”

“เห้ยยย! นี่ปู่รู้เรื่องทุกอย่างเลยนี่นา ทำไมไม่บอกผมบ้าง เรื่องนี้มันเกี่ยวกับผมโดยตรงเลยนะ” มิวนิคจิ๊ปากขัดใจ เหมือนเขาเป็นไอ้โง่คนเดียวที่ไม่เคยรู้มหากาพย์อันนี้มาก่อน

“ข้าก็เพิ่งให้นิมฟ์ไปสืบมาถึงรู้นี่แหละ”

“งั้นในฐานะกามเทพ ปู่ต้องช่วยผมกับแม็กซ์เวลเป็นการไถ่โทษ ผมกับหมอนั่นทะเลาะกันหนักมากปู่รู้มั้ย นี่ผมโดนไล่ออกจากบ้านด้วย” เขย่าแขนอ้อน

“เฮ้อ...ไอ้หนู” คนฟังถอนหายใจปั้นหน้ายาก “หน้าที่ของข้ามันจบลงไปตั้งแต่สามารถทำให้พวกเจ้าทั้งสองได้รู้จักกันแล้ว ต่อจากนี้การรักษาความสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องของคนสองคน กามเทพไม่สามารถเข้าไปเชื่อมรักได้อีก”

“อะไรวะปู่ ปู่จะเทผมแบบนี้ไม่ได้”

“มิวนิคเอ๋ย...ข้าไม่สามารถก้าวก่ายชะตาของมนุษย์ได้มากกว่านี้ อย่างเรื่องอัลฟ่าตัวนั้น มันก็เป็นชะตากรรมที่เจ้าต้องประสบ อันที่จริงการที่เจ้าล่วงรู้เรื่องการมีอยู่ของอัลฟ่าและเหล่าทวยเทพก็ล้ำเส้นมนุษย์คนนึงมากเกินพอแล้ว อย่าให้ข้าต้องลบความทรงจำของเจ้าเลยนะ...”



เหมียวน้อยในร่างคนก้มหน้าจ๋อย กะจะมาขอความช่วยเหลือจากปู่แมวให้เรื่องมันง่ายขึ้นกว่านี้ แต่ไหงกลับกลายเป็นโดนเทศน์ซะยับ

ทว่าพอลองคิดตามดูก็ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า เขาชักจะรู้เยอะเกินไปจริงๆ ถ้าเป็นในหนังสายลับเขาคงถูกแก๊งค์ชายชุดดำไล่ตามเก็บ



“คำถามสุดท้ายปู่...ไอ้แมวอัลฟ่าอะไรนั่นมันจะมาวอแวกับชีวิตผมอีกมั้ย”



มิวนิคคว่ำปากเมื่อต้องนึกถึงไอ้ตัววุ่นวาย เขาคิดว่านอกจากมนุษย์แว่นที่อยู่เหนือการควบคุมแล้ว ไอ้สิ่งมีชีวิตลึกลับอัลฟ่าก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้เรื่องมันยาก เขาต้องจัดการเคลียร์ทางให้มั่นใจก่อน



“ไม่ต้องห่วง...สงครามจบไปแล้ว”

“แน่ใจ๊”

“อย่ากวนตีน”



การขอความช่วยเหลือในการง้อแม็กซ์เวลพังยับไม่เป็นท่า ทริคเพียงอย่างเดียวที่ไอ้ปู่แมวบอกใบ้ก็คือ ‘ความกล้า’ ความกล้าเท่านั้นที่สามารถเอาชนะความยากลำบากทุกสิ่ง กล้ารักก็ต้องกล้าง้อ กล้ารักก็ต้องกล้ายอมเป็นฝ่ายอ่อนลง กล้ารักก็ต้องยอมรับผิด แม้ว่าเราอาจไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเลยก็ตาม...

เฮ้อ...นี่ตกลงว่าเขารักตามนุษย์แว่นจริงๆ ใช่มั้ย

มิวนิคเริ่มแผนการดักเจอหมอหมาบ้าเกมส์ตรงหน้าห้องทำแลปอะไรซักอย่างที่ชั้นสี่บนตึกคณะสัตวแพทย์ เขาคุ้นๆ ชื่อสถานที่ดังกล่าวก็เพราะเคยได้ยินอีกฝ่ายวิดีโอคุยกับเพื่อนๆ จึงตัดสินใจลองมาดู

เป้าหมายที่เหมียวน้อยในร่างคนตั้งใจเอาไว้ก็คือการเคลียร์กับมนุษย์แว่นให้รู้เรื่องก่อนวันศุกร์ นั่นหมายความว่าเขาเหลือเวลาอีกสองวัน ซึ่งก็คือวันนี้ที่เป็นวันพุธ และวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันพฤหัสฯ เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากการที่เขาต้องไปออกกองต่างจังหวัดกับสายหมอกในช่วงสุดสัปดาห์

มิวนิคไม่อยากไปทั้งๆ ที่เรื่องกระวนกระวายใจยังไม่ได้รับการสะสาง

มือเรียวหยิบหนังสือการผจญภัยของแมวออกจากกระเป๋าสะพายแล้ววางบนตัก เป็นหนังสือที่ยืมต่อมาจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยอีกที เขาเผลอหลุดยิ้มเมื่อเปิดไปเจอหน้าสุดท้ายแล้วพบว่าลายเซ็นของผู้ยืมคนก่อนหน้าคือใคร

อ่านอะไรก็ไม่รู้ตาทึ่ม



“ขอโทษนะครับ...เห็นแม็กซ์เวลมั้ย”



ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววของคนตัวโต มิวนิคตัดสินใจถามหญิงสาวนักศึกษาคนสุดท้ายเมื่อไฟห้องแลปดับลงในตอนหนึ่งทุ่ม

ไม่คิดเหมือนกันว่าตนเองจะรอคนๆ นึงได้นานขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเขาต้องทักคนแปลกหน้าด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ทั้งชีวิตเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะบอกไว้ก่อน ฮึ่ม...แม็กซ์เวลนะแม็กซ์เวล!



“แม็กซ์เวล พี่ปีสามหรอคะ?” อ้าว...ไม่ได้อยู่ปีเดียวกันหรอกหรอ

“อ่า...ใช่ๆ”

“พี่ปีสามไม่ได้เรียนตึกนี้นะคะ”



แล้วเจ้าหล่อนก็อมยิ้มปิดท้ายก่อนจะขออนุญาตเดินออกไป มิวนิครู้สึกมืดแปดด้าน นี่เขาจำห้องผิดหรอกหรอเนี่ย หมายความว่าวันนี้เขาจะไม่ได้เจอแม็กซ์เวลสินะ โอ้ย...เสียเที่ยวจริงๆ เลย เบอร์ก็ไม่มี ที่อยู่ก็...



“หมอก...กูไปหาแม็กซ์ที่ห้องตอนนี้ดีไหม”

[ตัดสินใจจะง้อเขาแล้วสินะ]

“อื้ม แต่หิวข้าว พาไปกินข้าวก่อน ไม่มีแรงง้อว่ะ”



คงเพราะกินเยอะเกินไป แถมยังกินของหวานต่ออีก รู้ตัวอีกทีก็เกือบสี่ทุ่ม เวลานี้แม็กซ์เวลคงกำลังทำการบ้าน ผนวกกับเป็นช่วงใกล้สอบ ตาหนอนหนังสือคงกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทบทวนวิชาเรียน อยากง้อก็อยากง้อนะ แต่ก็ไม่อยากกวนอีกฝ่าย

มิวนิคตื่นขึ้นมาดักรอใครบางคนที่หอพักบ้านสุขใจตั้งแต่เที่ยงในวันพฤหัสฯ จริงๆ กะว่าจะมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า แต่เพราะกลัวจะคุยกันยาวพาลทำเอาแม็กซ์เวลไปเรียนไม่ทันเขาจึงตัดสินใจรอคุยหลังเลิกเรียนดีกว่า



“มิวมิว มาทำไรฟะ แปลงร่างดิ” ลูกพี่สุดเฮี้ยบกล่าวทักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนชายตัวขาวนั่งบื้ออยู่บนโซฟาลอบบี้

“แปลงตรงนี้คนก็เห็นพอดีดิ”

“อะไรฟะ จะชวนไปสวนสาธารณะ”

“ไว้วันหลังโน่ วันนี้ไม่มีอารมณ์”



แล้วสิ่งมีชีวิตตัวสีดำก็เดินสะบัดตูดออกไปพร้อมน้องชายลายกาฟิว อันที่จริงมิวนิคสามารถขึ้นไปรอบนห้องของมนุษย์แว่นเลยก็ได้เพราะคุณป้าแม่บ้านจำเขาได้จึงอาสาให้ยืมกุญแจสำรอง เขาบอกว่าขอรอคุณเจ้าของห้องดีกว่า ขืนเจ้าตัวกลับมาแล้วเห็นใครบางคนนั่งสลอนอยู่คงถูกบ่นว่าไม่มีมารยาท



“ยังไม่มาอีกหรอจ๊ะ”

“...ครับ”

“คุณหมอก็งี้เนอะ เรียนไม่เป็นเวลา หนูเอากุญแจไปมั้ยลูก ป้าจะกลับแล้ว”



มันเป็นเวลาหกโมงเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม คุณป้าแม่บ้านอมยิ้มทักทาย แต่เขาก็ปฏิเสธไปเหมือนเดิมว่าจะรอขึ้นพร้อมแม็กซ์เวลถึงแม้ไฟกลางคืนจะเริ่มทำงาน ที่ว่า...ฤดูหนาวมักค่ำเร็วกว่าฤดูอื่นๆ คงจริง

มิวนิคนั่งรออยู่ยังล็อบบี้ที่เดิมจนกระทั่งเวลาสี่ทุ่มก็ยังไม่เห็นวี่แววของมนุษย์แว่นอีกตามเคย ยุงเริ่มกัดถี่ยิบจนเขาต้องขอยืมพัดลมคุณป้าเจ้าของหอมาเปิดไล่ ชิโน่ที่กลับจากเที่ยวแวะมานอนหลับปุ๋ยอยู่บนตักรอเป็นเพื่อน ส่วนชิลลี่ก็นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นกระเบื้องเย็นๆ รอเป็นเพื่อนเช่นกัน



“แม็กซ์ยังไม่กลับเลยหมอก เขารู้ว่ากูจะมาหาปะวะเลยหนีอ่ะ”

[เว่อร์ละ พวกมึงไม่ได้ติดต่อกันนี่]

“ก็นั่นน่ะสิ เฮ้อ...”

[ไว้หลังกลับจากออกกองไหม แค่อาทิตย์หน้าเอง]

“...แต่อยากคุยวันนี้”

[แต่คุณมึงยังไม่ได้จัดกระเป๋า แถมพรุ่งนี้ก็ออกตีห้า]

“…..”

[รู้ว่าไม่อยากร้อนใจตอนทำงาน แต่ทำไงได้...ก็เขาไม่กลับ]



มิวนิคก้มหน้าจ๋อยหากก็ยอมทำตามเพื่อนรักแต่โดยดี อยากคุยก็อยากคุย ทว่างานก็ต้องทำ เหนื่อยเหลือเกิน...ไม่คิดว่าการรอคอยใครซักคนจะสูบพลังขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงกันที่เขาจะไม่เจอแม็กซ์เวลเลยทั้งๆ ที่ก็พาตัวเองมาอยู่ในสถานที่ที่มีกลิ่นไอของแม็กซ์เวลทั้งนั้น

จังหวะของเรามันจะไม่ตรงกันเลยจริงๆ น่ะหรอ...








//มีต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 29-12-2018 22:07:04
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


“แม็กซ์!! ไปร้านเกมกัน”



เด็กชายตัวขาวเขย่าแขนอ้อนขณะที่พวกเรากำลังเดินลงจากตึกไปด้วยกัน วันนี้เป็นวันอังคารที่วิชาเรียนเลิกเร็วกว่าปกติ เขาเคยใช้ชีวิตเลิกเรียนไปกับการตรงดิ่งกลับหอ หรือไม่ก็นั่งรอใครบางคนตรงไม้หินอ่อนของคณะนิเทศ แต่นั่นก็เป็นความทรงจำที่นานมาแล้ว

หนึ่งอาทิตย์...



“ใกล้สอบแล้วนะยู”

“แม่ไม่รีบค่ะ ยังไงมึงก็ต้องติวให้พวกกูอยู่แล้ว เพราะงั้นไปชิวกันหน่อย”

“อีแม่พูดถูก เราไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นเด็กร้านเกมส์นานแล้วนะเว้ย รียูเนี่ยนหน่อยเป็นไง”



เจนนิษฐ์กับภูรินเกาะแขนคะยั้นคะยออีกแรง สำหรับกลุ่มของพวกเราแล้ว แม็กซ์เวลถือเป็นมือหนึ่งด้านการเรียน โดยเฉพาะช่วงก่อนสอบก็จะเป็นเขาทุกครั้งที่ต้องมาคอยนั่งทบทวนเนื้อหาให้เพื่อนชายสองคน ส่วนเจนนิษฐ์รายนั้นไม่ต้องห่วง เป็นประเภทขี้เกียจแต่หัวดี



“ไปก็ได้...” ประโยคตอบรับของชายหนุ่มแว่นหนาทำให้ทุกคนดีใจเป็นอย่างมาก



แม็กซ์เวลย่นคิ้ว นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ค่อยได้ออกมาแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ เลย จะว่าไปคงเป็นตั้งแต่ที่น้องยูมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ส่วนเขาก็มีเหมียวน้อยจอมยุ่งเข้ามาก่อกวน กลุ่มของเราจึไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนด้วยกันเท่าไหร่…



“แม็กซ์แทงค์นะ เลี้ยงพี่ด้วย”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้แม็กซ์จับอะไรก็เกิด ไม่เหมือนมึงอีน้อง”

“อ้าว มึงจะว่ากูกากหรอภู กูไม่ได้กากซะหน่อย”

“พูดมากค่ะ แม็กซ์มากับแม่ ปล่อยมันไปสองคน เกมส์นี้เราต้องชนะ ชั้นเกลียดอีฝั่งตรงข้าม หน็อย...สกินสวยนัก!”



ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า...แต่ท่าทางของทุกคนดูพยายามให้กำลังใจอยู่ห่างๆ ถึงแม้จะไม่รู้เลยว่าเขากำลังเป็นอะไรเพราะเขาเลือกที่จะไม่เล่าใคร...และทุกคนก็เลือกที่จะไม่ก้าวก่ายชีวิตเช่นกัน ทว่าเพราะคำว่าเพื่อน...เพียงแค่เพื่อนเปลี่ยนไปนิดเดียวทุกคนก็พร้อมเอาใจช่วยแบบไม่ให้รู้ตัวเสมอ



“อื้ม...วันนี้ทีมเราต้องชนะ”



ขอบคุณทุกคนจริงๆ ...

แม็กซ์เวลตื่นขึ้นมาในเช้าวันพุธด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เขายังเคยชินกับการมีแมวขาวมณีตัวนิ่มนอนเกยก่ายอยู่บนร่าง คุณมิวนิคน่ะเวลานอนชอบแปลงร่างเป็นแมว แล้วก็ชอบมุดตัวเข้ามาในที่แคบๆ อย่างเช่นในอ้อมกอดเขาเสมอ เคยบ่นไปหลายทีว่าเดี๋ยวก็หายใจไม่ออก แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยหยุดทำ

แต่ตอนนี้หยุดแล้ว...ไม่มีจอมดื้ออีกแล้ว



“จับได้รึยังคะป้า”

“ยังเลยจ้ะ แปลกจัง...ป้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ”

“ตายแล้ว...ห้องหนูก็โดนเหมือนกันค่ะ”




มนุษย์แว่นที่กำลังนั่งยองๆ ลูบหัวลูกพี่ใหญ่แห่งหอพักบ้านสุขใจหูผึ่ง ก่อนจะถูกเรียกเข้าไปร่วมบทสนทนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าได้ลองคุยแล้วมักจบไม่ค่อยลง สไตล์คุณป้าเขาล่ะ



“แม็กซ์รู้รึเปล่าว่าอาทิตย์ก่อนมีกลุ่มแมวจรจัดเข้ามารื้อห้องลูกหอเราหลายคนเลยนะ”

“รื้อห้อง...หรอครับ?” เขาเบิกตาโพล่งกับสิ่งที่ได้ยิน

“ใช่จ้ะ พวกห้องที่ปิดแค่มุ้งลวดโดนหมดเลย มันเข้ามารื้อของกระจุยกระจายเสียหายยับเยิน บางห้องก็ไปตัวเดียว บางห้องก็หลายตัว”

“ของหนูสามตัวค่ะ เปิดห้องมาเห็นพอดี ไล่ออกไปแทบไม่ทัน”

“ของหนูสีเทาตัวเดียว ตามันดุมาก ไม่รู้มาจากไหน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็น”



แม็กซ์เวลรู้สึกหน้าชา เป็นความรู้สึกแย่เสียยิ่งกว่าแย่ นั่นเท่ากับว่าทั้งหมดที่คุณมิวนิคอธิบายออกมาในตอนนั้นล้วนเป็นความจริง คุณมิวนิคไม่ได้โกหกเลยซักนิด มีแต่เขาที่หลงคล้อยไปตามห้วงอารมณ์โทสะและความน้อยเนื้อต่ำใจที่อีกฝ่ายนัดเจอกับแฟนเก่าจนพาลทำเอาสถานการณ์เลวร้าย

เขาเหมือนเด็กชายที่เคยได้รับลูกอมรสหวานทุกวัน แต่จู่ๆ คุณป้าแม่ค้ากลับบอกว่าลูกอมรสหวานไม่มีสำหรับเขาอีกแล้วในวันนี้ คนที่เคยได้ลูกอมรสหวานมาตลอดจึงเหมือนอกหัก ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ใช่เจ้าของลูกอมรสหวานบนโลก...และคนที่มาซื้อก่อนหน้าก็ไม่ผิด

ความรักเนี่ยทำให้คนเรางี่เง่าราวกับเด็กได้ถึงขนาดนี้เชียวหรอ



“เอ้อแม็กซ์จ๊ะ แล้วหนูคนที่ตัวสูงน้อยกว่าแม็กซ์หน่อยนึงไม่ลงมาหรอ ป้าไม่เห็นหลายวันแล้ว”

“เค้า...ยุ่งๆ มั้งครับ”



อันที่จริงก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ที่มิวนิคโกหกเขาแล้วไปคุยกับผู้ชายคนนั้น แต่พอคดีเรื่องการทำลายห้องคลี่คลายและพบว่าไม่ใช่ฝีมือเจ้าตัว...ความรู้สึกด้านลบก็ลดลงไปเปราะหนึ่ง

อกหักก็อกหัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดที่ไปโยนความผิดใส่อีกฝ่ายแบบนั้น การถูกกล่าวหาว่าผิดทั้งๆ ที่ไม่ผิดคงเป็นอะไรที่แย่มากๆ สมแล้วล่ะที่แมวดื้อหนีออกจากบ้านไป ก็เขามันเป็นเจ้าห้องที่ห่วยบรม...



“ยู...ว่างคุยมั้ย”

[ว่างดิ ว่าแต่โทรมาไมอ่ะ เดี๋ยวก็เจอกันที่ห้องเรียนแล้วนี่นา]



ถ้าปรึกษากับภูรินหรือเจนนิษฐ์มากเกินไปมีหวังพวกนั้นได้รู้แน่ๆ ว่าเขามีซัมติงกับคุณมิวนิค เขาไม่ชอบให้เรื่องวุ่นวาย ปรึกษาได้แต่คงต้องหลอกถามอ้อมๆ ส่วนน้องยู...ต่อให้ถามตรงๆ ก็คงจับไม่ได้ คนนี้แหละน่าจะปลอดภัยสุดๆ



“ยูทะเลาะกับหมออุ่นบ่อยมั้ย...เราหมายถึง หมออุ่นเคยทำให้ยูโกรธมั้ย”

[โหย...ประจำเลย จินนี่อ่ะชอบห้ามกูเยอะแยะไปหมด เล่นเกมส์มากก็ไม่ได้บอกว่าสายตาจะเสีย กินหมูกระทะบ่อยก็ไม่ได้บอกว่าเดี๋ยวเป็นมะเร็ง นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ เฮ้อ...เป็นพ่อหรือไงฟะ / หืม...น้องยูนินทาอะไรพี่อุ่นครับ]

เขาหลุดขำเมื่อมีเสียงปลายสายแทรก “แต่ก็ดีกันทุกครั้ง...”

[ก็นะ...ถึงจินนี่จะขี้บ่นแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น อีกอย่าง...ใช่ว่ากูจะไม่มีข้อเสียซะหน่อย ถ้าจินนี่รับข้อเสียในตัวกูได้ กูก็ต้องรับข้อเสียในตัวจินนี่ให้ได้]

“โตขึ้นเยอะเลยนะ…ยู”

[อื้อ จินนี่บอกว่าถ้าโกรธใครให้พยายามมองข้อดีของอีกคน กูทำบ่อยๆ นะ อย่างจินนี่จะชอบพาไปกินของอร่อย พอมองถึงจุดนี้ก็หายโกรธตลอดเลย แหะๆ]



สมกับเป็นยศวินทร์ มองโลกในแง่ดี คิดอะไรไม่ซับซ้อน เติมพลังบวกให้กับทุกคน

แล้วสำหรับเขาล่ะ...เขาควรจะลองปล่อยวางแล้วเชื่อใจคุณมิวนิคอีกซักครั้งดีไหม นั่นสินะ...ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะเจ็บ แต่อย่างน้อยถ้าให้โอกาสอีกฝ่ายไม่สำเร็จ ก็ถือซะว่าเป็นการให้โอกาสกับตัวเอง

แม็กซ์เวลรีบออกจากห้องเรียนทันทีหลังเสร็จสิ้นวิชาช่วงบ่าย วันนี้เขาสลับห้องเรียนกับน้องปีสองเพราะน้องต้องขึ้นไปใช้แลปชั่นสี่ ส่วนพวกเขาที่เหลือแค่เล็กเช่อร์จึงเลื่อนลงมาเรียนชั้นหนึ่ง เรียนชั้นหนึ่งก็ดีเหมือนกัน...ไม่ต้องเหนื่อยลงบันได

เขามาถึงตึกคณะนิเทศศาสตร์แห่งเดิม ดักรอตรงม้านั่งใต้ถุนตัวเดิม รู้ดีว่าถึงแม้คุณมิวนิคจะยังไม่ได้เรียน แต่ก็คงวนเวียนอยู่แถวนี้คอยช่วยคุณสายหมอกถ่ายหนังสั้น

ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหมียวน้อยจอมดื้อเลย แม็กซ์เวลมั่นใจว่าเขาเดินดูจนทั่วตึก หรือทุกสถานที่ที่จะมีการถ่ายทำหนังสั้น แต่ก็ไม่เห็นมิวนิคเลยจริงๆ

มันแย่ตรงที่เขาไม่ได้ขอเบอร์คุณมิวนิคเอาไว้นี่สิ สะเพร่าชะมัด ยิ่งเป็นแค่แฟนคลับกระจอกๆ คนนึงด้วยแล้วยิ่งยากต่อการออกตามหาช่องทางติดต่อของเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ชื่อดัง

แม็กซ์เวลกลับมายังของใครบางคนตามเดิมในวันพฤหัสฯ วันนี้เขากะมาเฝ้าตั้งแต่เที่ยงเพราะวิชาตอนบ่ายปิดคอร์สไปเรียบร้อยเพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวสำหรับสอบไฟนอล เขามากับหนังสือหนึ่งเล่มอ่านฆ่าเวลา แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ เขาไม่มีสมาธิในการอ่านซักนิด

และเหมือนราวกับกามเทพกลั่นแกล้ง เขาขาดโชคด้านความรักแบบสุดๆ เชื่อไหมว่าตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงหกโมงเย็นเขาไม่เจอคุณมิวนิคเลย ต่อให้เดิมตามหาจนทั่วตึกนิเทศ หรือห้องถ่ายทำต่างๆ ก็ไม่เจอ

มนุษย์แว่นจำใจต้องแบกร่างกากๆ ออกจากคณะของใครบางคนชั่วคราวเนื่องจากมีนัดทำงานกลุ่มยิงยาวที่หอภูริน เขาอุตส่าห์กะว่าจะได้เคลียร์ปัญหากับคุณมิวนิคให้เสร็จก่อนทำงาน แต่เขาคาดการณ์ผิด

เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด...



“สมมติว่าภูอยากเจอดาราที่ชอบมากๆ แต่ไปหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้เจอ ภูจะทำยังไง...”



เขาถามภูรินขึ้นตอนที่เราต่างกำลังจิบเบียร์กระป๋องข้างระเบียงหลังเคลียร์งานเสร็จ

หากดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็นเหมือนปกติ เขาคิดว่าภูรินรู้อยู่เต็มอกว่าเขาต้องการอะไรเพียงแค่แกล้งเป็นไร้เดียงสา เห็นทีว่าจบเรื่องนี้เขาควรเล่าปัญหาชีวิตที่กำลังประสบอยู่ให้เพื่อนทุกคนฟังเสียที เก็บไว้ไม่บอกก็เริ่มรู้สึกผิด...



“จะยากอะไร ถ้าไม่เจอที่ทำงานมึงก็ไปดักที่บ้านเขาดิ”

“จะดีหรอ ละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือเปล่า”

“อย่าโง่สิเพื่อนรัก มึงแค่อยากเจอ...ถ้าแค่ได้เจอ การไปดักรอที่หน้าบ้านเขาก็ไม่เห็นผิดอะไร หรือมึงคิดจะลวนลามเขารึไง”



แม็กซ์เวลกระดกกระป๋องสังกะสีในมือเข้าปากอึกใหญ่พลางใช้ความคิด ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า ไม่เจอที่ทำงานก็ไปเจอที่บ้าน ถึงแม้ในความเป็นจริงเขาอยากจะทำมากกว่าแค่การดักเจอก็เถอะ...

ชายหนุ่มมาถึงคอนโดนหรูหราย่านกลางเมืองในวันศุกร์ด้วยท่าทางเลิ่กลั่กสุดๆ เขาเคยมาส่งคุณมิวบ้างถึงจำโลเคชั่นได้ แต่ก็ไม่เคยขึ้นไปหรอก เพราะส่วนใหญ่อีกฝ่ายชอบขอไปอยู่กับเขาที่หอพักบ้านสุขใจมากกว่า

พี่นิติบุคคลที่นี่เข้มงวดมาก ถ้าจะขึ้นไปมีเพียงสองวิธีก็คือต้องสแกนลายนิ้วมือ หรือไม่ก็ให้เพื่อนที่อยู่ด้านบนพาขึ้นไปเท่านั้น แต่ถึงจะขึ้นไปได้เขาก็ไม่รู้เลขห้องอีกฝ่ายอยู่ดี...

นี่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณมิวนิคเลยนี่หว่า

แม็กซ์เวลมาดักรอหน้าลอบบี้ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ขืนมาตอนเย็นมีหวังได้คลาดกันอีก ยอมรับเลยว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ยอมโดดเรียน เด็กชายที่รักหนังสือเท่ากับชีวิต บัดนี้เกเรเพราะแมวน้อยตัวเดียว

เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเห็นทุกการเข้าออกของบุคลากรในที่แห่งนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทว่าหนึ่งในนั้นไม่มีคุณเหมียวตัวสีขาวของเขาแม้แต่ปลายขน มันเป็นเวลาสามทุ่มที่มนุษย์แว่นนั่งตัวงอท้องร้องเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้อง เขาอยากออกไปกินแต่ก็ติดตรงว่ากลัวจะสวนกับคุณมิวนิค



“ยังไม่กลับอีกหรอเรา”

“เอ่อครับ...”

“อ่ะนี่...พี่มีแซนวิชในกระเป๋า รองท้องไปก่อนก็ได้จ้ะ”



ถึงหน้าจะโหดๆ แต่ใจดีกว่าที่คิด เขายกมือไหว้ขอบคุณพี่นิติบุคคล เห็นว่าแกลืมของเลยวกกลับมาเอา เจ้าหล่อนทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยไม่คิดว่าเขาจะสามารถนั่งรออยู่ที่เดิมเป็นสิบชั่วโมงได้

อื้ม...เขาก็ตกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน



“อ้าว...พี่จ๋า วันนี้กลับดึกจัง”

“พี่ลืมโทรศัพท์น่ะจ้ะท็อป”



แม็กซ์เวลหรี่ตามองคนทักทายมาใหม่อย่างสงสัย ถ้าจำไม่ผิดท็อปคนนี้น่าจะเป็นท็อปคนเดียวกันกับที่มีเรื่องกับคุณมิวนิค อยู่คอนโดเดียวกันหรอกหรอเนี่ย

เขาเกิดอาการประหม่า ติดอยู่ตรงกลางระหว่างความอยากรู้อยากเห็นกับความเขินอาย เขาไม่ค่อยกล้าทักคนไม่รู้จักเท่าไหร่



“เอ่อ...คุณท็อป ใช่มั้ยครับ?”

แต่สุดท้ายก็ทักออกไป อาจเพราะระดับความคิดถึงต่อบางคนที่มันมีมากกว่า

“รู้จักเราด้วยหรอ?”

ท่าทางหยิ่งเหมือนกับคุณแมวดื้อของเขาไม่มีผิด เด็กนิเทศหยิ่งแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า “พะ...พอจะรู้มั้ยครับ ว่าคุณมิวนิคไปไหน? เอ่อ...ผมหมายถึง ผมขอเบอร์คุณมิวนิคหน่อยได้มั้ย”

“หึ ผู้ชายคนใหม่ของไอ้มิวงั้นหรอ” อีกฝ่ายปั้นหน้าเหยียดหยามจนคิ้วหนากระตุกแทนบุคคลในบทสนทนานิดหน่อย “จะบอกให้เอาบุญก็ได้...เห็นว่ามันไปออกกองถ่ายหนังสั้นที่ต่างจังหวัดสองสามวัน...แปลกชะมัด เป็นผู้ชายของมันแต่กลับไม่รู้ว่ามันไปไหนเนี่ยนะ”



แม็กซ์เวลแทบจะหมดแรงยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับกำลังโดนฟ้ากลั่นแกล้งจริงๆ แค่พอคิดว่าอยากจะเจอ เขาก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้เจอ หรืออาจเพราะเป็นความดวงซวยล้วนๆ ของเขาเอง

ความดวงซวยที่ทำให้จังหวะเวลาระหว่างเขาและคุณมิวนิคไม่ตรงกันตลอดเลย ; (

     













      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

บางคนอาจงงว่าอยู่ๆ ก็ม่าขึ้นมาเฉยเลย คือต้องออกตัวก่อนว่าเราวางโครงเรื่องให้มีดราม่ามาตั้งแต่ต้นแล้วค่ะ อาจไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ถ้าสังเกตดีๆ เราซ่อนสาเหตุของดราม่าไว้ในหลายๆตอนก่อนจะบึ้มออกมาในตอนที่แล้ว เนื่องจากธีมมันเป็นฟีลกู๊ดคอมเมดี้ ภาษาและวิธีการเล่าดราม่าเลยอาจไม่สมูธเท่าไหร่เราก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สุดท้ายอยากจะบอกว่า ถึงเราจะชอบเขียนฟีลกู๊ด แต่เราไม่สามารถเขียนฟีลกู๊ดโดยปราศจากดราม่าได้จริงๆแง่ แบบว่าหวานมาทั้งเรื่องแล้วก็ต้องมีขมมาตัดกันบ้างเนอะ ยังไงก็อ่านกันให้สนุกน้า



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 30-12-2018 00:36:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 30-12-2018 01:06:34
สมน้ำหน้าแม็ก ชอบคิดเองเออเอง
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 30-12-2018 03:01:17
สองคนนี้โคตรต่างขั้วกันจริงๆ เหมือนที่ปู่แมวบอกเลยอะ คือ ต่างเกินไป จนไม่นผุ้ว่าจะมาบรรจบกับตรงไหน คาใจแมวเทามาก มันมาค้นไรในห้องแม็กเวล สู้ๆนะคะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 30-12-2018 09:32:28
ต่างคนก็ต่างรอกัน มาต่อเร็วๆนะ อยากให้เขาคืนดีกันแล้ว แล้วแมวตัวสีเทานี้คือยังไงอะ :z3:
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 30-12-2018 09:32:47
คลาดกันไปคลาดกันมา เฮ้อ  :เฮ้อ:
สงสารทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 30-12-2018 10:29:02
สงสารเนาะเมี้ยว
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 30-12-2018 11:45:54
 :z3:แงงง ขอให้ได้เจอกันเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 30-12-2018 11:47:36
แงงง ขอให้ได้เจอกันเร็วๆจะได้เคลียร์กันสักที
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 30-12-2018 12:13:46
งื่ออออออ
หัวข้อ: Re: ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ [Meow 19 updated!] 29/12/18
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 31-12-2018 13:33:50
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 03-01-2019 18:18:07


Meow 20



มิวนิคไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะสามารถปล่อยให้เรื่องค้างคาใจในวันนั้นลากยาวมาเกือบเดือน อันที่จริง...ถ้าไม่ใช่เพราะหลังกลับจากออกกองต่างจังหวัดแล้วทุกคนต้องเผชิญหน้ากับการสอบไฟนอลมหาโหด เขาคงตรงดิ่งไปวอแวแม็กซ์เวล

ตาหมอนั่นน่ะจริงจังกับการเรียนมาก ยิ่งสมัยเขายังเป็นมิวมิวนะ เอาแค่สอบควิซพี่แกยังอ่านแล้วอ่านอีกทั้งคืน ต่อให้มีแมวดื้อกระโดดขึ้นไปนั่งทับหนังสือ คุณเขาก็ยังหาวิธีอ่านเอาจนได้ หนอนหนังสือชะมัดเลย



[อยู่ไหน]

“หอพักบ้านสุขใจ”

[อ้าว...ดีกันแล้วหรอ]

“ป่าว...มานอนเล่นบนดาดฟ้า”

[ทำตัวเหมือนโจรขึ้นทุกวัน]

“ทำตัวเหมือนแมวต่างหาก”



กรอกเสียงบ่นลงไปอย่างไม่จริงจังนัก ถึงชีวิตเด็กนิเทศวันๆ จะเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการถ่ายหนังถ่ายละครหากพอเวลาสอบก็หนักเอาเรื่องเหมือนกัน อย่างเขาที่เห็นสายหมอกอ่านหนังสือเทอมนี้หามรุ่งหามค่ำยังรู้สึกเหนื่อยแทน ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจที่ดรอปเรียนไว้กันแน่



[แล้วเมื่อไรจะกลับ กูอยู่ห้องมึง]

“เป็นผัวหรอเข้าออกห้องตามใจจัง”

[มีไอ้หน้าแมวที่ไหนไม่รู้ให้ไอดีการ์ดไว้]

“มันต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย”

[จะกลับตอนไหนไอ้คุณชาย!]



มิวนิคหัวเราะเมื่อสามารถทำให้เพื่อนรักหัวเสียได้ นอกจากแกล้งแม็กซ์เวลให้เขินแล้ว การแกล้งสายหมอกคนเบลอให้เบลอยิ่งกว่าเก่าก็เป็นอีกงานอดิเรกอันโปรดปรานของเขา แหม...อยู่ห้องเฉยๆ มันก็เบื่อนี่นา



“เย็นๆ ได้มั้ย อากาศยังดีอยู่เลย”

[ดีหรอ ร้อนจะตาย]

“ก็ที่นี่มันดี เหมือนเป็นข้อยกเว้นของทุกอย่าง”

[เว่อร์]

“เดี๋ยวห้าโมงกว่าๆ ซื้อของเข้าไป ว่างๆ ก็อ่านหนังสือรอไปก่อน”

[เคยขัดได้มั้ยล่ะครับ]



กลายเป็นกิจวัตรอะไรก็ไม่รู้ที่เขากับสายหมอกต้องอยู่กินข้าวด้วยกันแทบทุกวัน ไม่ทำกินเองก็สั่งให้ร้านมาส่ง หรือบางทีเจ้าตัวก็พาออกไปกินกับสมาชิกที่กอง เหมือนไอ้เพื่อนรักไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวเพราะกลัวฟุ้งซ่าน



[แล้วไปไง เห็นรถยังจอดอยู่ที่คอนโด]

“เดินมา”

[เดินเนี่ยนะ ตั้งกี่กิโลมิว เหมือนไม่ใช่มึงอ่ะ] ปลายสายหลุดเสียงตกใจ

“ก็แปลงเป็นมิวมิวเดินตามหลังคามาเรื่อยๆ กูต้องรีบหรอ ชีวิตกูไม่มีอะไรทำ”



ฟังสายหมอกบ่นงุบงิบสองสามประโยคอีกฝ่ายก็วางสายไป เห็นว่าจะมารับตอนเย็นเพราะกลัวเขาจะถูกพวกนักอนุรักษ์แมวจอมปลอมตามจับเข้าอีก ก็นะ...มีเพื่อนเป็นสายหมอกบางทีก็รู้สึกเหมือนมีพ่อ

เหลือเวลาอีกสองสามวันสัปดาห์แห่งการสอบมาราธอนก็จะจบลงแล้ว มิวนิคเดาว่าพวกคณะสายแพทย์คงสอบเต็มอาทิตย์ เผลอๆ อาจจะล้นเกินมาด้วยซ้ำ เขาที่ไม่มีแม้แต่สอบอะไรเลยคงต้องรอต่อไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าการเคลียร์กันครั้งนี้อาจมีแนวโน้มทำให้เกิดผลลัพธ์ทั้งทางบวกและลบ

เขากลัวแม็กซ์เวลเลิกชอบเขาแล้ว...

มิวนิคยกแขนทั้งสองหนุนหลังต้นคอต่างหมอน เหม่อมองก้อนเมฆสีขาวที่ลอยอิสระอยู่บนท้องฟ้า เชื่อหรือเปล่าว่าต่อให้อยู่บนดาดฟ้า ทว่าความร้อนจากดวงอาทิตย์กลับไม่ได้รุนแรงพอจะทำให้รู้สึกร้อนจนเหงื่อแตก มันเย็นสบายและผ่อนคลาย อาจเพราะกลุ่มแมกไม้นานาพันธ์ด้านบนที่คุณป้าขยันเอาขึ้นมาปลูก

แล้วก็เจ้าสวนดอกเดซี่ลอยฟ้า



“โน่ แม็กซ์เวลสบายดีไหม”

“มนุษย์แว่นทาสของแกน่ะเรอะ”



เขาถามชิโน่ที่นอนคอหักอยู่ข้างๆ ถัดออกไปเป็นชิลลี่ที่ต่างกำลังจำศีลเช่นเดียวกัน มิวนิคเปลี่ยนเป็นร่างคนบ้างร่างแมวบ้างเวลามาถึงที่นี้ เขาไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ว่าจะมีใครมาเห็น เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาอยู่แล้ว เว้นก็แต่คุณป้าที่จะชอบมารดน้ำพรวนดินเจ้าพวกใบเขียวในช่วงเช้า



“หมู่นี้เห็นรีบๆ ไม่ค่อยอยู่เล่น”



มิวนิคพยักหน้ารับแทนคำตอบ คงจะวุ่นๆ กับการอ่านหนังสืออยู่จริงๆ

สู้ๆ นะแม็กซ์เวล

คนขี้เกียจเหลือบมองเจ้าดอกเดซี่ในกระถางใกล้ๆ เลื่อนจมูกเข้าไปดมกลิ่นอ่อนพร้อมหลับตาพริ้ม ปกติมิวนิคเป็นคนแพ้เกสรดอกไม้ โดยเฉพาะกุหลาบ แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นเดซี่เขาถึงกลับไม่แพ้ บางทีเดซี่อาจเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกสิ่ง
เขาคิดถึงเจ้ากลุ่มดอกซี่นอกระเบียงที่ห้องแม็กซ์เวล มันเป็นช่วงเวลาที่เขาชอบแอบตื่นขึ้นมาดูใครบางคนรดน้ำต้นไม้ในยามเช้า หรือจริงๆ แล้ว...

เขาชอบมองคนรดน้ำต้นไม้มากกว่า

มิวนิคเปลี่ยนจุดโฟกัสกลับไปยังก้อนเมฆสีขาวเบื้องหน้าอีกครั้ง ช่วงหลายวันมานี้เขาชอบแอบขึ้นมาบนดาดฟ้าของหอพักบ้านสุขใจบ่อยๆ ไม่ได้คาดหวังจะเจอแม็กซ์เวลหรอก ก็แค่...อยากอยู่ในเซฟโซนของตัวเอง เซฟโซนที่เพิ่งค้นพบ เซฟโซนที่อยู่ใกล้ๆ ใครบางคน

เป็นตอนนั้นเองที่ภาพก้อนเมฆค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยไรผมสีดำ ก่อนทั้งเฟรมจะกลายเป็นใบหน้าของเจ้าของแว่นตาหนาเตอะที่ค่อยๆ ก้มลงมามองคล้ายกับว่ากำลังเช็คให้แน่ใจ มิวนิคชะงัก พรวดพราดยันตัวขึ้นจนคนทั้งสอง…



“โอ้ยยย!!”

“โอ้ยยย!!”



...หัวโขกกันเต็มๆ



“ทำบ้าอะไรเนี่ย! ก้มหน้ามาอย่างนี้ตกใจนะเว้ย” เหมียวน้อยในร่างคนโวยวาย ยกมือลูบหน้าผากแดงๆ ที่ถูกกระแทกเข้าอย่างจัง

“คะ...คุณมิวนั่นแหละครับ ขึ้นมาได้ไง นี่มันหอคนอื่นนะ”

“อ๋อ...เดี๋ยวนี้เรากลายเป็นคนอื่นสำหรับนายแล้วใช่มั้ย เอ๊อ...เราก็กลับก็ได้”



คนตัวเล็กกว่าคว่ำปากน้อยใจพร้อมกับหันหลังเดินหนีทั้งอย่างนั้น แต่ไม่ทันไรก็ถูกมนุษย์แว่นตัวโตคว้าข้อมือหมับเอาไว้เสียก่อน ไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ไม่ได้สัมผัสมานานหนึ่งเดือนแผ่ซ่านทำเอาก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของมิวนิคเต้นตึกตัก

...คิดถึงได้มากขนาดนี้เชียวหรอ



“เดี๋ยวก่อนสิครับ…”



เขาหันมองเจ้าของนัยน์ตาสีดำที่กำลังเสสายตาไปทางอื่นพร้อมเม้มปากกระอั่กกระอ่วน และบทสนทนาของเราสองคนก็เงียบลงฉับพลันทั้งๆ ที่มือสองข้างยังคงสัมผัสกัน

แม็กซ์เวลยังตัวโตเหมือนเดิม ถึงแม้ส่วนสูงของเราจะต่างกันแค่ไม่กี่เซน ทว่าพอได้ยืนใกล้ๆ เขากลับรู้สึกว่าหมอนี่น่ะตัวใหญ่มาก

ใหญ่ซะจนอยากกระโดดจมลงไปในอ้อมกอดนั่น...



“ขอโทษ...”



เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วใช้ความคิดราวกับกำลังเตรียมคำพูดอยู่ในหัว มิวนิคจึงชิงพูดออกไปก่อน และดูเหมือนว่าคนฟังจะประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน โถ่...เห็นงี้เขาก็รู้สึกผิดเป็นเหมือนกันนะ



“ขอโทษเรื่องอะไรหรอครั...”



ไม่ทันจะได้ถามจบอ้อมกอดใหญ่โตนั้นก็ถูกโผเข้ากอดโดยชายหนุ่มชุดขาว มิวนิคไม่รออีกแล้ว เป็นสิ่งที่เขาอยากทำมากสุดๆ มาตลอดทั้งเดือน



“...ขอกอดนะ”

“คุณมิว...”

“แค่ครั้งนี้...อยากกอดจะตายอยู่แล้ว”



มือหนายกขึ้นโอบร่างผอมบางอย่างอ่อนโยน ขณะเดียวกันคนถูกกอดก็ซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกกลิ่นมิ้นท์อันโปรดปราน ทำไมกอดผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้สึกดีเท่ากอดแม็กซ์เวลเลยจริงๆ

ทำไมกันนะ



“ขอโทษที่วันนั้นทำห้องพัง ทั้งๆ ที่ก็สัญญากันเอาไว้แล้วแท้ๆ”



คนในอ้อมกอดบ่นอุบอิบ แต่เขามั่นใจว่าแมกซ์เวลรู้เรื่อง



“ขอโทษเรื่องตุ๊กตาของคุณแม่ จริงๆ แม็กซ์คงไม่ได้โกรธเรื่องตุ๊กตาเท่ากับคำพูดแย่ๆ ของเราใช่มั้ย เราน่ะ...ไม่ได้ตั้งจะตั้งดูถูกแม็กซ์เลยนะ แค่คิดว่าอยากจะซื้อตัวใหม่ให้ แต่เราดันลืมคิดไปว่าของทุกอย่าง คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่มันอยู่ที่ใครเป็นคนให้ต่างหาก…”



มิวนิคกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น สูดกลิ่นมิ้นท์ที่ผสมกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์จนเต็มปอด สัมผัสไออุ่นจากผู้ชายตัวโตฟอดใหญ่ ก่อนจะผละร่างออกแล้วเงยหน้ามองอีกคน

แม็กซ์เวลกำลังมองมาทางเขาเช่นเดียวกัน มองอยู่ตลอดเลย...



“จะไม่พูดอะไรหน่อยหร...”



คำพูดที่ยังออกมาไม่หมดจากปาก ถูกอีกริมฝีปากกดประทับลงเสียก่อน ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เขารับรู้สิ่งแวดล้อมภายนอกไม่ได้ซักอย่าง ยกเว้นก็เพียงแต่...

รสจูบของแม็กซ์เวล

มิวนิคไม่รู้ว่าหมอนี่กล้าขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กล้าขึ้นถึงขนาดจูบเขาบนดาดฟ้า รู้แค่วินาทีนี้...เขาทำได้เพียงปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์ความรู้สึก ความรู้สึกที่ถูกครอบครองโดยอีกคน แม้จะเป็นช่วงเวลาชั่วคราว

แม็กซ์เวลแช่จุมพิตอยู่เนิ่นนานก่อนจะขยับกลีบปากดูดเม้มความนุ่มหยุ่นจากเขา ทุกอย่างจบลงเมื่อเราทั้งคู่ต่างเผลอลืมตา มนุษย์แว่นหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ รู้เลยว่าที่ทำไปเมื่อกี้ขาดสติล้วนๆ

ส่วนเขาน่ะหรอ...



“ทะ...ทำบ้าอะไรเนี่ย”

อื้ม...เขินเหมือนกัน

“ขะ...ขอโทษครับ! ผมไม่ได้ตั้งใจ คะ..คือ ผมไม่รู้ว่าผม”

“แม็กซ์...”

“ทำแบบนั้นไปได้ยังไง ผะ...ผมคงอ่านหนังสือมากเกิน แล้วก็ช่วงนี้...”

“พอแล้ว”

“คะ...คุณมิวไม่โกรธใช่มั้ย คือผมก็แค่...ผม...”



อีกซักรอบแล้วกัน...

รอบนี้เป็นเขาที่เริ่มก่อน เขย่งเท้าขึ้น โน้มต้นคอของมนุษย์แว่นเลิ่กลั่กให้ก้มลงรับรสจูบแสนคิดถึง เขาหลับตาและแม็กซ์เวลก็หลับตา ไม่ต้องมองกัน แค่รับรู้กันและกันผ่านรสสัมผัส



“มันดีมากๆ แล้ว...”



มิวนิคผละร่างใหญ่กว่าออก จ้องมองใบหน้าคนเฉิ่มที่แววตากำลังวูบไหว แม็กซ์เวลเปลี่ยนมาดึงเขาเข้าไปกอดอย่างไม่ทันตั้งตัวบ้าง ฝังใบหน้าตนเองลงบนไหล่แคบแนบแน่น บางทีการไม่เจอกันหนึ่งเดือนอาจทำให้ความกล้าของใครบางคนเพิ่มขึ้นมากมาย



“ผมแค่กลัว...กลัวจะเคยชินกับการมีคุณอยู่ กลัวว่าถ้าไม่มีวันนั้นแล้ว...ผมจะทรมาน”



แม็กซ์เวลพูดด้วยเสียงอู้อี้ เขาไม่เคยกล้าถึงขนาดกอดมิวนิคแบบนี้มาก่อน แต่ในเมื่อความกลัวที่มีมากกว่า จึงผลักดันให้เกิดความกล้าอันมหาศาลขึ้นมา กล้าที่จะกอดเพราะกลัวว่าจะไม่ได้กอด

เขาไม่อยากถูกทิ้ง ไม่สิ...เขากลัวการถูกทิ้ง



“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่ามันไร้สาระ อนาคตจะเป็นยังไงก็เรื่องของมัน ขอแค่มีคุณอยู่ตรงนี้…”



พอไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือนเต็ม ต่างฝ่ายก็ต่างมีเวลาทบทวนกับตนเองมากขึ้น จริงอยู่ที่การมีมิวนิคเข้ามาในชีวิตอาจอันตรายต่อหัวใจ ทว่าในขณะเดียวกัน...มันก็ทำให้หัวใจเต้นแรงไปด้วยความสุขเท่าทวี

แม้มันอาจกลายเป็นเพียงความทรงจำดีๆ ในวันหนึ่ง



“แม็กซ์...เรื่องนัทเราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจจะโกหก” มิวนิคกระชับอ้อมแขน พร้อมขยับปากอู้อี้บ้าง “เราไม่อยากให้นายมาคิดเรื่องแบบนี้ของเราจริงๆ นะ เพราะมันมีอะไร เราถึงไม่อยากเล่า แต่ตอนนี้เรารู้แล้วแหละ...ถ้าเป็นแม็กซ์ เราจะเล่าให้ฟังหมดทุกอย่างเลย”



ชายหนุ่มหลุดยิ้ม เลื่อนท่อนแขนคล้องลงหลวมๆ ไว้ที่เอวอีกคน พยายามผละเหมียวน้อยจอมดื้อออก แต่คุณมิวนิคยังกอดไม่ปล่อย เกาะแน่นติดหนึบเป็นตุ๊กแก



“ผมก็ต้องขอโทษนะครับ...ที่ว่าคุณมิวในวันนั้น ผมรู้ความจริงหมดแล้วล่ะ”

“อื้อ เราทำตัวเองด้วยแหละ...ถือว่าหายกันเนอะ”

“ครับ”



มิวนิคเงยหน้ามองเขา ก่อนจะกัดงับลงบนกล้ามอก กัดทั้งๆ ที่ยังอยู่ในร่างมิวนิค ยอมรับว่าไม่ชิน แม็กซ์เวลเคยแค่สกินชิพหนักๆ แนวนี้เฉพาะตอนคุณเขาเป็นมิวมิว พอมาโดนมิวนิคทำบ้างมันก็...

เขินแทบบ้า



“ตลกดีเนอะ”

“ครับ?”

“ตอนอยากเจอแทบตายดันไม่เจอ แต่พอไม่ได้คิดอะไรแล้วดันเจอกันเฉยเลย”

“…นั่นสินะครับ”



มันเป็นหนึ่งเดือนอันแสนทรมาน หนึ่งเดือนที่พยายามตามหาคุณมิวนิคเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เบอร์ติดต่อก็ไม่มี แถมยังเป็นหนึ่งเดือนที่ต้องสู้รบกับการไฟนอลของภาคเรียนที่หนึ่ง เป็นหนึ่งเดือนที่สมองกับหัวใจต้องรับภาระอย่างหนัก

ทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย ทั้งคิดถึง



“นายรู้มั้ย เราอยากมาหานายมากเลยนะ แต่ก็ไม่อยากกวน”

“ผม...ก็เหมือนกัน”



เราต่างหัวเราะ แค่เพียงติดอยู่กับความกังวลว่าอีกฝ่ายจะคิดเหมือนกันมั้ยก็ทำเอาหัวใจแทบบ้า หากวินาทีที่รู้ว่าเขาต่างก็คิดเหมือนกันกับเรา ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความเหนื่อยทั้งหมดก็อันตรธานหายไป



“แล้ว...ทำไมถึงขึ้นมา?”

“ครับ?”

“ก็ช่วงสอบ เรามาที่นี่แทบทุกวัน แต่ไม่ยักเจอนายข้างบน”



แม็กซ์เวลนิ่งไปซักพักพร้อมวาดยิ้มเบาบาง



“...เพราะคุณมิวชอบดอกเดซี่”

“หืม...เกี่ยวอะไรกับดอกเดซี่?”

“มีคนเคยบอกว่าถ้าคิดถึงอะไรมากๆ ให้เอาตัวเราเข้าไปอยู่กับสิ่งนั้น หรือสิ่งที่ใกล้เคียงกับสิ่งนั้น” มือหนาเกลี่ยเส้นผมปรกตาอีกคนออก ก่อนจะเล่าต่อ “แล้วดอกเดซี่ก็ใกล้เคียงกับคุณมิวที่สุด เพียงแต่ว่าที่อยู่นอกระเบียงห้องคงไม่มากพอ ผมเลยพาตัวเองขึ้นมายังทุ่งเดซี่ด้านบน แล้วผม...ก็เจอคุณ

“บังเอิญเนอะ” มิวนิคยิ้มบ้าง

“ครับ...บังเอิญจริงๆ”



ถ้าลองหยุดตามหา บางทีอาจจะได้เจอกับสิ่งที่กำลังตามหา คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ



“โกรธมั้ย?”

“…ให้มันจบไปพร้อมกับสอบไฟนอลเถอะครับ”



เพราะถ้าการโกรธแล้วทำให้เราต่างต้องคลาดกันเป็นเดือนแบบนี้ เขาขอเลือกไม่โกรธอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากทรมานหัวใจไปมากกว่านี้แล้ว ไม่อยากขาดเหมียวน้อยจอมดื้อตัวนี้ไปอีกแล้ว



“ถ้าเราจะขอกลับมาอยู่ที่นี่ กลับมาเป็นมิวมิวของนาย...จะอนุญาตหรือเปล่า?”



แม็กซ์เวลไม่ตอบ นัยน์ตาสีดำจ้องมองคู่สนทนาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หนึ่งในนั้นคงเป็นความโหยหา...



“เราไม่สามารถรับปากได้ว่าจะอยู่กับนายตลอดไป ในวันหนึ่ง...เราอาจเปลี่ยนไปหรือนายอาจเปลี่ยนไป เราไม่รู้อนาคตเลยจริงๆ ขนาดจะกลายเป็นมิวมิวเรายังไม่รู้เลย...” มิวนิครวบมือทั้งสองของอีกคนมากุมไว้ “แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้ในตอนนี้...เราอยากอยู่กับนาย จะเป็นในสถานะอะไรก็ช่าง นายเลือกมาเลย สัตว์เลี้ยง เพื่อน หรือคนรัก...เราจะเป็นทุกอย่าง ทุกอย่างที่ทำให้ได้อยู่กับแม็กซ์เวล...”



คุณเชื่อหรือเปล่าว่าเรื่องของความรักน่ะ ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลหรอก



“คุณมิวจำประโยคแรกที่คุณขอผมตอนเราเจอกันวันนี้ได้หรือเปล่าครับ?”

“หืม...ขอกอดน่ะหรอ?”

“คุณมิวสามารถทำได้อย่างที่ขอ...มากเท่าที่คุณต้องการ



ขนาดเขาจะรักแมวน้อยจอมยุ่งตัวนึง มันยังไม่สมเหตุสมผลเลย ;)











//มีต่อจ้า
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 03-01-2019 18:19:37
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



[และผู้ที่ชนะเลิศการประกวดหนังสั้นประจำปี2018 ของนักศึกษาชั้นปีที่สาม ได้แก่...นายเมธานินทร์ วัรชรโภคินทร์ ครับ!!]



เสียงปรบมือดังลั่นขึ้นหลังรายชื่อผู้ได้รับรางวัลไม่หลุดโผไปตามที่คาดหมาย เทศกาลประกวดหนังสั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นเวทีอันทรงเกียรติสำหรับโชว์ฝีมือของเด็กนิเทศ โดยเฉพาะเอกฟิล์ม เทศกาลนี้มักจัดขึ้นหลังจากเปิดภาคเรียนที่สองมาได้ระยะหนึ่ง คนที่เพิ่งกลับมาเรียนจึงไม่รีรอที่จะร่วมกิจกรรม

นอนขี้เกียจมาตั้งสามสี่เดือน ขอทำงานทำการอะไรบ้าง



“ไปดิครับ ยืนยิ้มอะไรล่ะ”



สายหมอกที่นั่งอยู่ข้างๆ สะกิดไล่ นึกแล้วก็โชคดีเหมือนกันที่คราวนี้เจ้าตัวสละสิทธิ์ลงแข่ง ไม่อย่างนั้นมิวนิคคงต้องเผชิญกับคู่ปรับตัวฉกาจ ทว่าเพราะได้ไปช่วยสายหมอกกำกับหนังสั้นตอนทำโปรเจคสอบปลายภาคนั่นแหละถึงทำให้เขามีไฟอยากทำของตนเองบ้าง



[ขอสัมภาษณ์หน่อยครับ อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณเลือกทำเรื่อง การผจญภัยของแมว]



การผจญภัยของแมว

หนังสั้นความยาวเพียงแค่เจ็ดนาทีที่บอกเรามุมมองการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยของแมวน้อยตัวหนึ่ง มันเรียบง่าย แล้วก็ไร้จุดเด่น หากแต่เพราะความเรียบง่ายและไร้จุดเด่นนั่นแหละที่สร้างมุมมองอันแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน



“การเป็นตัวเองดีที่สุดครับ แต่บางครั้ง...การได้ลองเป็นคนอื่นดูบ้างก็ไม่เสียหาย มันทำให้ผมได้เห็นโลกอีกด้านที่ตัวเองไม่เคยเห็น เห็นวิธีการคิดอีกด้านที่ตัวเองมองข้าม คงเพราะอย่างนั้นมั้ง ผมถึงอยากถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตประจำวันผ่านสิ่งมีชีวิตอันแสนธรรมดาที่เราต่างคุ้นเคน อย่างเช่น...น้องแมว”



มิวนิคคำนับขอบคุณหลังเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เขารับรางวัลพร้อมถ่ายรูปกับเหล่าผู้บริหารจนเสร็จสรรพ อมยิ้มที่สายหมอกกล่าวทักยังคงวาดระบายอยู่บนใบหน้าของเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยง

ไม่ใช่เพราะใครเลย เพราะมนุษย์แว่นที่กำลังยืนยิ้มมาอยู่แถวหลังสุดนั่นแหละ



“ฉลองที่ไหนดีวันนี้”

“มีนัดกับแม็กซ์เวลแล้วอ่ะ”



ตอบสายหมอกที่เดินเข้ามาขว้างทางเอาไว้เสียก่อน เจ้าตัวคงรู้ดีอยู่แล้วว่าหลังจบงานรับรางวัลในคืนนี้ เขาต้องอยู่ฉลองกับลูกมือที่ช่วยเรนเดอร์ ตัดต่อ รวมทั้งจัดการงานจิปาถะตลอดการทำถ่ายทำวิดิโอ

ลูกมือสุดเฉิ่ม



“แมวอะไรติดเจ้าของ”

“เจ้าของแซ่บขนาดนี้ ไม่ติดก็บ้า”



มิวนิคกระซิบข้างหูเพื่อนรักก่อนจะเดินผ่านอีกฝ่ายตรงไปหาเจ้าของที่ว่า



“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“เปล่า สายหมอกมันกวน”



คนที่ใส่สูทกระชับฝ่ามืออีกคนแน่นให้เดินไปด้วยกัน ไม่สนสายตาของหนุ่มๆ นับสิบที่ทำท่าจะตรงเข้ามาขายขนมจีบ เราจะหยุดไปเองถ้าวันหนึ่งเราเจอคนที่ทำให้อยากหยุด มิวนิคไม่เคยเชื่อคำคมความรักเพ้อฝันเหล่านั่น จนกระทั่งได้มาเจอกับตัวเอง

เขาอยากหยุดกับแม็กซ์เวล ขอแค่แม็กซ์เวลไม่หายไปไหน...



“ยินดีด้วยนะครับ” มนุษย์แว่นว่าขึ้นในตอนที่รถญี่ปุ่นคันเหลืองเคลื่อนออกไป



จุ๊บ!



“ยินดีต้องแบบนี้รู้เปล่า”

“คุณมิว!” แม็กซ์เวลหันมองคนที่แอบหอมแก้มเขาดังฟอด ยกฝ่ามือขึ้นทาบบริเวณที่โดนเอาแต่ใจเก้อๆ พยายามโฟกัสเส้นทางเข้างหน้าไม่ให้วอกแวก

“อะไรเล่า ก็เป็นแฟนกันแล้ว”

“ผม...ยังไม่ชิน...ก็คุณ ชอบแกล้งผม” ชายหนุ่มขมวดคิ้วยู่

“แกล้งตรงไหน ก็นายตัวโตน่าหอม”

“ดื้อ” คนถูกแกล้งละมือหนึ่งข้างออกจากพวงมาลัยมาหยิกแก้มคนดื้อ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าการตัวโตเกี่ยวอะไรกับการน่าหอม “คุณน่ะดื้อที่สุดเลย”

“แน่จริงก็หอมเราคืนสิ”

“หึ...ฝากไว้ก่อนเถอะครับ”



มิวนิคหลุดยิ้ม โน้มศีรษะพักไว้กับลาดไหล่ของใครบางคน จับมือข้างที่บีบแก้มเขามาสอดประสานด้วยเรียวนิ้วทั้งห้ามองเส้นทางยามค่ำคืนไปด้วยกัน กลิ่นมิ้นท์กับกลิ่นกายแม็กซ์เวลก็ยังคงหอมเหมือนเดิม

หลังเคลียร์ปัญหาหัวใจกันในวันนั้นลงตัวไม่กี่ชั่วโมงต่อมามนุษย์แว่นก็ขอเขาเป็นแฟน มิวนิคยังจำท่าทางวันนั้นได้ แม็กซ์เวลน่ะเลิ่กลั่กชะมัด แถมยังเฉิ่มสุดๆ

แต่เขาชอบนะ



“อื้อ! แม็กซ์...”



เหมียวน้อยในร่างคนหดคอเกร็งเมื่อถูกจู่โจมไม่หยุดหลังประตูห้องปิดลง หมอนี่หอมแก้มเขาสลับไปมาราวกับจะเอาคืนที่ถูกแกล้งตอนอยู่บนรถ



“...คนเก่งของผม”

“หึย...นายก็เก่งเหมือนกันนะเดี๋ยวนี้อ่ะ”



เราทั้งสองหลุดขำคิกคัก แม็กซ์เวลกระชับเขาเข้ามากอดพลางโอบเอวไว้หลวมๆ ส่วนคนถูกกอดก็เกี่ยวท่อนแขนสองข้างคล้องคอคนตัวโตให้แตะจมูกไปมาได้โดยง่าย



“ผมกล้าทำได้แค่นี้แหละครับ”



มิวนิคถูกพามานั่งบนฟูกติดเตียง พิงแผ่นหลังกับผนังไปด้วยกัน มีไหล่ของมนุษย์แว่นให้ใช้ซบอ่อนโยน อีกฝ่ายเนียนหอมหัวเขาในบางครั้งขณะฟังเขาเล่าเรื่องการเตรียมตัวหลังเวทีก่อนการประกาศรางวัล

เหมือนแม็กซ์เวลพยายามเนียนจะแต๊ะอั๋งเขาบ่อยๆ แต่ทำได้อย่างมากที่สุดก็แค่หอมแก้มหรือหอมหัวหาเศษหาเลย ถ้ามากไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็จะแสดงท่าทีคล้ายเป็นลมออกมาทันที

ส่วนเขาคงเป็นจอมซนอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ อย่างถ้าแม็กซ์เวลกล้าแต๊ะอั๋งเขาแค่สิบเปอร์เซ็นจากทั้งหมด เขาคงหลอกแต๊ะอั๋งอีกฝ่ายไปมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ ก็แหม...แม็กซ์เวลน่ะซื่อบื้อจะตาย

และเขาก็ดันหลงรักความซื่อบื้อนี้ซะด้วยสิ

งั่ม!



“...อกผมเป็นรอยหมดแล้วมั้งครับ”

“ไหนถอดเสื้อออกให้ดูหน่อย”

“คะ...คุณนี่มัน!”



มิวนิคอมยิ้ม เชยสายตาขึ้นมองเจ้าของกกหูสีมะเขือเทศ เขาชอบเวลาแม็กซ์เวลเขินชะมัด มันโคตรน่าแกล้ง เขาอยากแกล้งแม็กซ์เวลทุกวัน ที่ว่าคนเป็นแฟนกันมักชอบแกล้งอีกฝ่ายให้หัวเสียคงจะจริง



“นี่แม็กซ์”

“ครับ”

“รูปเราที่ติดอยู่ตรงกลางห้องนี่จะติดถึงเมื่อไรหรอ”



เหมียวน้อยจอมดื้อถามพลางพุ้ยหน้าไปทางรูปที่ว่า แต่เพราะรอคำตอบอยู่นานจึงหันกลับไปมองคนตัวโต



“หน้าแดงอีกแล้ว...ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย ถามเฉยๆ”

“ผม...เหมือนโรคจิตเลย”

“หืม...โรคจิตที่ชอบใส่เสื้อโค้ทตัวเดียวแล้วไปยืนแอบอยู่ตรงมุมอับของตึก พอสาวๆ เดินผ่านมาก็จะโผล่เข้าไปเปิดเสื้อโค้ทออก แล้วพูดว่า ‘ใหญ่มั้ยจ๊ะน้องสาว’ อย่างนี้หรอ”

“คุณจะหยุดมั้ยครับ”



มิวนิคหัวเราะก่อนจะกระเถิบเข้าไปหอมแก้มคนหน้ายู่ดังฟอด พร้อมกับสัญญาว่าคืนนี้จะไม่แกล้งอีกแล้ว เก็บไว้แกล้งวันอื่นบ้าง ยังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน



“แม็กซ์ไม่เหมือนโรคจิตซะหน่อย ดีซะอีกเวลาเราได้เห็นภาพพวกนี้”

“ดียังไงครับ” อีกฝ่ายเอียงศีรษะสงสัย

“ก็มันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแม็กซ์เครซี่ออนเรามากๆ ยิ่งเป็นแฟนกันแล้วมีภาพแฟนติดบนผนังเยอะๆ มันยิ่งโชว์ให้เห็นถึงความแซ่บของแฟนเรา นี่เคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าตัวเองแซ่บขนาดไหน”

“แซ่บอะไรกันล่ะครับ...ผมไม่ใช่พริก”

“หึ...ถ้าไม่สบายใจ เดี่ยวพรุ่งนี้เราปริ้นท์รูปแม็กซ์ไปติดฝาห้องเรามั่งดีกว่า จะเอาแต่รูปเปลือยท่อนบน เวลาตื่นมาจะได้เห็นซิกแพคแฟนทุกวัน อ่าห์...แค่คิดก็ฟินละ”

“คะ...คุณมิว!”



คนถูกแทะโลมด้วยคำพูดยกมือกุมขมับ แม็กซ์เวลไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณมิวนิคที่เขาเคยคลั่งไคล้มากๆ เนื้อแท้จะเป็นคนหื่นกามสุดๆ เป็นมิวมิวหื่นแค่ไหน เป็นมิวนิคยิ่งหื่นมากขึ้นไปอีกสิบเท่า



“เอ้อ...ผมมีอะไรจะให้คุณด้วยครับ”



แล้วมนุษย์แว่นก็ลุกออกไปหยิบอะไรซักอย่างมาจากตู้เสื้อผ้า เป็นจี้ห้อยคอเงินที่ตรงแผ่นป้ายว่างเปล่าไม่ได้สลักตัวอักษรใดๆ ลงไป มิวนิคขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายจัดแจงผูกสร้อยคล้องรอบคอเขาพร้อมกับคอของตนเอง ปกติการแสดงความยินดีมักมาในรูปแบบช่อดอกไม้ไม่ใช่หรอ



“ดอกไม้ผมกลัวเหี่ยวแล้วจะได้ทิ้งน่ะครับ เลยคิดว่าให้เป็นสร้อยคอ อย่างน้อยคุณมิวก็ยังได้ใส่”



มิวนิคหลุดยิ้มเมื่อถูกอ่านใจ ไปเรียนวิชาอ่านใจมากจากเทพเจ้าปู่แมวหรือยังไงกันนะ



“ส่วนจี้ ผมยังไม่รู้จะใส่คำว่าอะไรลงไป เลยรอถามจากคุณมิวดีกว่า”



อีกฝ่ายเกาหัวแกร้กกร้ากด้วยท่าทางสุดประหม่า เขาถูกมือหนาทั้งสองข้างรวบเข้าไปกุมไว้ รับรู้ได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามืออีกครั้ง รวมทั้ง...ไออุ่นจากนัยน์ตาคู่นั้น ราวกับแม็กซ์เวลกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง



เป็นแฟนกับผมนะครับ



และนั่นก็ยิ่งทำให้คนฟังขมวดคิ้วสงสัย



“...ก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?”

“มันไม่เหมือนกันนี่ครับ วันนั้นผมขอปากเปล่า แต่วันนี้ผมขอเป็นทางการ เพราะคุณมิวใส่สูทหล่อมาก”



สาบานสิว่าคนพูดน่ะหล่อกว่าเขาอีก หล่อซะจนอยากกัดแขนใหญ่ๆ นั่น กล้ามอกหนาๆ นั่น ต้นคอแข็งๆ นั่น อยากกัดไปหมดทั้งตัวเลยพ่อคนหล่อ ถ้านี่คือวิธีจีบสาวตามแบบฉบับแม็กซ์เวล มิวนิคก็ถือว่าเจ้าตัวทำได้ไม่เลว

หยุดแซ่บได้แล้วตาบ้า



“ตกลงเป็นมั้ยครับ”

“...ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธซะด้วยสิ”



แม็กซ์เวลยิ้มดีใจ มันเป็นยิ้มที่ต่อให้มองมาจากดวงจันทร์ก็ยังรู้เลยว่าอีกฝ่ายดีใจขนาดไหน มิวนิคเสใบหน้าหนี เขาว่าเขาชักจะเริ่มรับแม็กซ์เวลเวอร์ชั่นโรแมนติกไม่ไหว ข้างในมันพองโตไปหมด

เลิกทำตัวแซ่บได้มั้ย

ทว่าเหตุการณ์ยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีกเมื่อมนุษย์แว่นจับมือหนึ่งข้างของเขายกขึ้นถึงระดับหน้าอก ก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตอย่างเนิบนาบหากแต่อ่อนโยน วินาทีนั้นมิวนิครับรู้ได้เลยว่าตัวเขากำลังแย่แน่ๆ เจ้าความรู้สึกเวลามีผีเสื้อนับพันบินวนอยู่ในช่องท้องเป็นแบบนี้นี่เอง...



ผมรักคุณมิวนะครับ



เกมโอเวอร์แล้วล่ะ มิวนิคหน้าแดงก่ำราวกับลูกมะเขือคล้ายใครบางคนไม่มีผิด ทั้งชีวิตเขายังไม่เคยถูกจูบมือมาก่อน นี่มันรุนแรงยิ่งกว่าการถูกจูบปากร้อยเท่า ถ้าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นคือการแก้แค้นของแม็กซ์เวล เขาก็ขอยอมยกธงขาวแต่โดยดี

ช่วงเวลาแห่งการเอาคืนมาถึงแล้วสินะ



“คุณ...จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอครับ ผม...เอ่อ ผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า”



คนที่หน้าร้อนผ่าวจากอาการเขินพยายามหันกลับมามองแฟนตัวเองที่กำลังทำท่าเลิ่กลั่ก ก็เขินอยู่ไงเล่าตาบ้า แล้วนี่จะมาเขินเป็นเพื่อนกันทำไม ใจบางหมดแล้วเนี่ย



“โรแมนติกไม่เข้าเรื่อง...”

“คะ...ครับ?”

“เราเป็นของนาย ไม่ว่ามิวมิวหรือมิวนิค เราก็ล้วนเป็นของนาย” เขาจับมือแม็กซ์เวลขึ้นมาประทับจูบบ้าง “แบบนี้...พอจะเป็นประโยคบอกรักได้หรือเปล่า?”



มิวนิคถูกท่อนแขนที่ใหญ่กว่าดึงเข้าไปกอด สันจมูกโด่งหอมแตะสัมผัสไปตามกลุ่มผมนุ่มและขมับอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง แสงอ่อนๆ จากดวงดาวยามค่ำคืนฉายกระทบร่างของเราทั้งสอง ขับกล่อมให้ติดอยู่ในภวังค์ความสุขของกันและกัน

ดูท่าการเชื่อมรักครั้งนี้ของเทพเจ้าปู่แมวจะคุ้มค่าต่อการถูกลงโทษ

เพราะเขารักเจ้านายตัวโตคนนี้เหลือเกิน ;)















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

end.

















==============================================

ในที่สุดน้องแมวจอมหื่นก็จบลงแล้วแย้ว หลังจากเดินทางมาสามเดือนกว่าๆ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามน้องมาตั้งแต่ต้นนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่กำลังจะเข้ามาอ่านน้องต่อจากนี้ ขอบคุณทุกพลังใจและทุกคอนเม้นจีงๆ

เรื่องการรวมเล่มยังอยู่ในกระบวนการรอ approve จาก สนพ. เน้อ ถ้าผ่านก็ได้ทำค่า /ยังไงใครที่อยากได้น้องไว้ไปกอดก็คอยติดตามข่าวสารด้วยน้า ส่วนเรื่องตอนพิเศษเรามีแพลนๆไว้แล้วค่ะ ส่วนจะได้แบ่งมาลงเว็บมั้ยนั้นขอดูสถานการณ์ก่อนนะคะ ถ้าใครมีซีนไหนอยากเสนอก็ลองแง้มๆบอกกันได้เน้อ อิอิ



สุดท้ายนี้ก็ขอฝากผลงานต่างๆของเค้าในอนาคตด้วยน้า

ปล. สกรีมแท็กกันได้ที่ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว



see you my cat persons ;)
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-01-2019 20:15:18
จบแล้ว ขอบคุณค่ะจะรอติดตามผลงานเรื่องใหม่ค่ะจบได้น่ารักมากๆ :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 03-01-2019 21:07:11
เย่ๆจบแล้ว

จะมิวมิวหรือมิวนิคก็คือน่ารัก น่ารักมากๆ แม็กซ์เวลก็ขี้เขิน เขินเก่ง และแอบแซ่บด้วย

ดีใจที่มิวนิคมีเพื่อนอย่างหมอกที่คอยช่วยเหลือตลอดไม่ว่าจะตอนอยู่ในร่างแมวหรือตอนที่เป็นคน

ชอบตอนจบจังเลยค่ะ มันแบบโรแมนติกมากกกก เขินตัวบิดตามแม็กซ์เวลไปเลยค่ะ

 รอติดตามเรื่องใหม่นะคะ :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-01-2019 22:02:08
ลงเอยกันแล้ว ดีใจจังเลยค่ะ
ว่าแต่ไหนคะแมวหื่น
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kx0806 ที่ 03-01-2019 22:10:12
 :pig4: ขอบคุณที่แต่งนิยายน่ารักๆ อย่างนี้มาให้อ่านนะคะ จบแล้วคงคิดถึงแมวน้อยตัวขาวกับเจ้าของหุ่นแซ่บมากแน่เลย เจอกันเรื่องหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 03-01-2019 22:33:38
จบแล้ว ดีใจด้วย
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 03-01-2019 22:51:25
เย้ๆ จบแล้ว น่ารักมากเลยเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-01-2019 07:33:38
จบซะแล้ว  ในที่สุดก็เข้าใจกันซักที  เมื่อไหร่แม็กซ์จะเลิกเขินคุณแฟนมิวนิคอ่ะ. คุณมิวนิคออกจะน่ารัก น่าฟัดขนาดนี้  :hao3:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 04-01-2019 09:48:28
น่ารักมากกก หมอแซ่บเวอร์ อิจฉามิวนิคเลยอ่ะ เจาแบบนี้สักคนหาได้ที่ไหนน แอบหวังนิดนึ่งว่าจะได้เห็นจุดจบของนัทแบบโดนลงโทษหนัก แต่ของมิวนิคพอแล้วแค่นี้อิจฉาตาร้อนมากๆเลย ขอบคุณไรท์ที่เขียนนิยายน่ารักๆแบบนี้มาให้อ่านน้า รอตืดตามเรื่องต่อไปค่า :3123: :L1: รอตอนพิเศษเรื่องนี้ด้วย :hao7:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 04-01-2019 19:33:12
น่ารักเขินจนใจ​บางหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 04-01-2019 23:33:08
่จบแล้ว น่ารักมากๆเลยค่ะ

 :L1:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 05-01-2019 07:48:27
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 05-01-2019 18:05:22
ฮืออ น่ารักก หมอคือแซ่บจริง55555
 :mew3:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 05-01-2019 18:16:02
อ่านรวดเดียวจบเลย เขินน น้องมิวมิวน่ารักมาก ดื้อสุดๆด้วย
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 06-01-2019 03:56:52
 :mew1: ทาวแมวและทาสคนด้วยเลยนายแมกซ์เวลลลล์
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 06-01-2019 05:17:09
จบแล้ววว น่ารักมากเลย อบอุ่นละมุนหัวใจ :-[
ในที่สุดก็คืนดีกัน แม็กซ์เวลคือกว่าจะกล้ารุกมิวนิคบ้างนะ 555555
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ นี้ขึ้นมานะคะ ชอบมากค่า
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-01-2019 10:37:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: มุมิมิ ที่ 06-01-2019 14:08:05
สนุกมากๆเลยค่ะ ชอบบบบ ขอบคุณมากนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 06-01-2019 21:03:37
 :z13:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: w-for-winnie ที่ 07-01-2019 16:20:01
น่ารักมากเลยค่า ชอบความซึนแต่โซฮ็อทของแม็กซ์เวลล์

อยากอ่าน nc จัง อยากรู้ว่าแมกซ์เวลล์คนแซ็บจะแซ็บแค่ไหน 55555555
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 07-01-2019 16:42:10
เรื่องนี้น่ารักอ่า เพิ่งค้นพบ ชอบแอนโธนี่ 5555555
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 08-01-2019 01:09:06
น่ารัก  :pig4:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 08-01-2019 13:39:48
สนุกมากเลย ❤️❤️ ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
อ่านเรื่องนี้แล้วมองน้องแมวไม่เหมือนเดิมเลย
ไม่รู้ที่น้องร้องนี่คือด่า หรืออ้อน 5555
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Monnee ที่ 08-01-2019 23:19:50
 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
อ่านเพลินน่ารักมากเลยเรื่องนี้.. ชอบความขี้อ้อนและขี้เหวี่ยงมากมาย.. ชอบความละมุนขี้เขินด้วย... จัดว่าดีงามจ๊ะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-01-2019 05:07:15
ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 09-01-2019 16:11:40
น่ารักมากกก มิวมิวตอนร่างแมวนี่น่าฟัดสุดๆ แต่ร่างคนก็ไม่เบา ยั่วเก่งมาก55555555 ติดอ้อนมาจากตอนเป็นแมวอีก :o8:

แม็กซ์อบอุ่นมากๆ แถมแอบแซ่บ เป็นคู่ที่เหมาะกัน
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 10-01-2019 13:47:27
น่ารักกกกกก
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: N-T ที่ 10-01-2019 23:11:55
 :-[ น่ารักกกกกก

ขอบคุณผู้แร่งจ้า

ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Mayniemo ที่ 11-01-2019 15:15:52
 o13น่ารักมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วหมั่นเขี้ยวมากกกกก
แอบหวังฉากอัศจรรย์ เสียดายเบาๆที่ไม่มี
น่ารักมากๆอ่านรวดเดียวจบเลย ขอบคุณค่ะ :katai3:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: buadin ที่ 11-01-2019 21:56:47
 :mew1:สนุกมากกกก :mew2: :mew3: :mew4:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: TuEyyy ที่ 13-01-2019 02:36:07
โอ๊ย...น่ารัก ฟินนน  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 13-01-2019 17:21:40
มีความน่ารัก มีความมุ้งมิ้ง น้องมิวเปลี่ยนไปเยอะ แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีนะ แฟนคลับต้องเพิ่มขึ้นเยอะแน่เลย แม็กซ์จะหึงน้องไหมอะ  :laugh: อยากเห็นตอนหึงจุง :hao3:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 16-01-2019 08:49:23
ชอบตอนมิวนิคเป็นมิวมิวมากเลย
อ่านแล้วก็อยากเลี้ยงแมวขึ้นมาทันที
ติดที่แมวส่วนใหญ่ไม่เหมือนมิวมิวนี่สิ
เหมือนชิโน่มากกว่า 555555
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 23-01-2019 03:31:11
ชอบมากเลย รักมาก
อ่านตอนแรกก็ชอบเลย อ่านยาวมาจนตอนจบ
ดีต่อใจ
ชอบมากจริงๆนะคะ
รักเรื่องนี้
เราวางงานทุกอย่างเพื่อเรื่องนี้เลยนะ
ไม่กิน ไม่นอน ติดงอมแงม
รัก...
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 25-01-2019 13:04:54
โง้ยยยยยย
ตั้ลล้ากกกกกก
 :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: skies ที่ 29-01-2019 04:46:20
น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ /กระโดดลงหลุมทาสแมว/
ชอบแก๊งแมวยันเจ้วิเชียรมาศเลย ชอบสุดลูกพี่ชิโน่ เฮียแกอย่างเฟียส

แอบอยากรู้เรื่องของแมวเทาตัวนั้น น่าจะเป็นสปีชีส์ที่แปลกพอตัว

แบบนี้มิวนิคก็แปลงเป็นคน-แมวสลับได้ตามใจนึกเลยสิ อิจฉาา~
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 31-01-2019 06:28:31
ทาสแมวผู้น่ารัก มิวนิคดื้อมากกก
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 24-02-2019 02:14:34
ม๊าววววว (วุ้นแปลภาษาแมว: ทาสอย่ามัวแต่เขียนนิยาย เราหิวปลาทูแล้วน้าาาา) :catrun:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 26-02-2019 17:04:56
โอ้ยยย น่ารักมากกก เราคิดภาพตามมิวมิวแมวหื่นตลอดเลย

55555 เราก็หื่นเหมือนมิวมิวแน่เลย เจ้าแมวบ้า  :o8:

ขอบคุณคนเขียนมากๆน้า เขียนสนุกมากกกกก ชอบมากกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 27-02-2019 07:40:19
สนุก น่ารักมากเลย
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: bangkeaw ที่ 01-03-2019 22:10:37
เรื่องน่ารักจัง แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีประเด็นให้ต้องติดตามอ่านไปเรื่อยๆ สนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 02-03-2019 21:16:41
จะมีตอนพิเศษต่อมั้ยน้าาา #อยากเจอคุณมิวมิวอีกกก  :impress2:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: am_am ที่ 10-03-2019 23:20:13
น่ารักมากกกกกกก อ่านยาว ๆ เลยจร้า ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: nekodollzz ที่ 17-03-2019 02:58:31
งือออ อยากฟัดมิวมิวว
น่ารักจังเลยค่าา
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: badsimaro ที่ 23-03-2019 10:47:04
น่ารักมากกกกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 30-03-2019 17:18:24
 :pig2:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 06-04-2019 19:49:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: น่ารักมาก เขียนดีมาก รู้ใจแมวมาก ขอบบบบบ ทาสแมวสุดๆ นักเขียนแต่งนิยายดีมากกกกกกกกก เอาไป 1000 คะแนนเลย
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 03/01/19
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 10-04-2019 19:28:36


Special meow meow


“คุณหมอไม่มาหรอ”

“อะไรวะ?”

“เห็นมึงมาคนเดียว เลยถาม”



มิวนิคเอียงศีรษะสงสัยก่อนจะเลิกคิ้วถึงบางอ้อเมื่อถูกเพื่อนรักเดินเข้ามาแตะไหล่ วันนี้เขามีนัดเลี้ยงน้องรหัสอย่างชนินทร์ที่แอสโมสเฟียร์ จริงๆ อยากไปมันเดย์เพราะเห็นน้องมันชอบไปแถมพี่เจ้าของร้านยังเป็นแฟนอีกฝ่ายซะด้วย แต่เผอิญสายหมอกชวนมาร้านพี่ชายเพื่อให้เลี้ยงด้วยกันเลยต้องเปลี่ยนแผน



“เป็นแฟนกันแล้วตัวต้องติดกันตลอดหรือไง”



เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยงส่ายหัวก่อนจะกระดกเครื่องดื่มในมือเข้าปาก มือที่วางเลื่อนไปล้วงกระเป๋ากางเกงหวังหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคนอีกรอบเพราะคิดถึงมากๆ ทว่าความสะเพร่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกชนชั้น รวมถึงเขาที่ดันลืมหยิบโทรศัพท์มา

งืม...ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไลน์บอกไปแล้วนี่นาว่าวันนี้กลับดึก



“พี่ฟ้าไม่ลงมาหรอหมอก อยากทักไม่เจอกันนาน”

“ช่วงนี้เห็นเอาแต่อยู่ในห้องด้านบน งานยุ่งมั้ง”



มิวนิคพยักหน้า เดินกอดคอน้องรหัสน่ารักให้ไปเต้นหน้าฟลอร์ด้วยกัน แอสโมสเฟียร์ถือเป็นร้านเหล้านอกมอที่จบครบในหนึ่งเดียวสำหรับมนุษย์อินโทรเวิร์ตและเอ็กซ์โทรเวิร์ต อยากเฮฮาก็มีโซนให้ปล่อยของ อยากนั่งชิลก็สามารถทำได้ภายใต้ความเงียบสงบ



“มีคนมารับตอนกลับป่ะนิน?”

“ใช่ครับ...พี่เพิร์ทจะมาเลทหน่อยนึง พี่มิวอ่ะ?”

“กลับเอง”

“อ้าว แล้วพี่หมอไม่มาหรอ แฟนใช่มั้ย พี่คนตัวโตๆ ดูใจดี”



เขายิ้มพร้อมขานเสียงรับในลำคอ ยกมือลูบหัวน้องรหัสที่พูดจาน่าเอ็นดู แม็กซ์เวลก็ใจดีจริงๆ นั่นแหละ ขนาดเขาเต้นๆ อยู่ยังมีหลายช่วงที่ดันนึกถึงใบหน้าอีกฝ่ายเลย

เต้นไปซักพักชักเริ่มมึนๆ เหมียวน้อยในร่างคนจึงขอตัวออกไปสูบบุหรี่สูดอากาศด้านนอก ปกติมิวนิคไม่ใช่คนเมาง่ายหรอก เรียกว่าแทบไม่เมาเสียด้วยซ้ำ จะมีอาการอย่างมากก็แค่มึนๆ เล็กน้อย คอแดงยิ่งกว่าเหล็กไหลอ่ะบอกเลย



“สวัสดีครับ มิวนิคใช่มั้ย”

“อ่า...ใช่”

“เรา...ขอไฟแช็คหน่อยสิ พอดีลืมหยิบมา”



จีบปะวะ...มิวนิคลอบคิดในใจ เขาไม่ใช่คนหลงตัวเองนะ แต่สายตาที่อีกฝ่ายมองมาด้วยความหมายโดยนัยแบบนั้นมันดูออก ทีแรกเขาว่าจะไม่ให้ แต่แค่ไฟแช็คเอง คงไม่มีอะไรหรอก



“มาที่นี่บ่อยมั้ย”

“บ่อยนะ เพื่อนเราเป็นน้องชายเจ้าของที่นี่”



คนข้างๆ หัวเราะ ไม่หยุดทำความรู้จัก แถมยังชวนคุยเรื่อยเปื่อย ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่จะมีคนเข้ามาจีบทั้งๆ ที่มีแฟนแล้ว แปลกใจตัวเองมากกว่าที่ไม่ไล่ตะเพิดออกไปเหมือนอย่างทุกครั้ง

บางทีอาจเป็นเพราะแม็กซ์เวลสอนไว้ว่าห้ามทำตัวร้ายกาจกับคนอื่นตราบใดที่ฝั่งนั้นยังไม่ได้ทำร้ายเราแม้ในใจจะรำคาญมากแค่ไหน

รักแม็กซ์ก็ต้องเชื่อแม็กซ์ล่ะนะ



“แล้ว...มิวนิคมีแฟนหรือยังล่ะ”

“อืม...”



มวนกระดาษที่ติดอยู่ระหว่างริมฝีปากด้านบนและล่างถูกถอดออกพร้อมคำตอบในลำคอที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยออกไป ทว่ากลับมีบางเสียงแทรกขึ้นเร็วกว่า...



“มีแล้วครับ”



มนุษย์แว่นมาได้ทันเวลาพอดี มิวนิคอมยิ้มเลิกคิ้วเล็กน้อยที่คุณแฟนตัวโตเดินเข้าร้านเหล้ามาในสภาพเต็มยศด้วยเสื้อกราวน์แขนสั้นของโรงพยาบาล แถมยังอยู่ในชุดกางเกงสีดำพร้อมรองเท้าหนังถูกระเบียบ

รีบหรือลืมเปลี่ยนกันแน่นะ



“คนนี้เลย”



จิ้วนิ้วไปที่ใหล่แข็งๆ ของใครบางคนจนผู้ชายที่ยืนอยู่อีกฝั่งยิ้มแห้งๆ เดินคอตกหายกลับเข้าไปในร้าน แบบนี้คงไม่เรียกว่าทำตัวร้ายๆ หรอกเนอะ มิวนิคพยักหน้าคนเดียว หันไปมองคุณหมอที่ดันเปลี่ยนมาทำหน้าบูดใส่เขาซะงั้นอีกรอบ



“พูดดีจังเลยนะครับ กับคนนั้นน่ะ”

“หืม แอบยืนฟังหรอ?”

“คุณไม่ได้สนใจผมมากกว่า”



มิวนิคมุ่นคิ้วเมื่อเห็นร่างสูงทำหน้าตาตัดพ้อ งอนแล้วน่ากัดพุงชะมัดเลยสุดหล่อ แล้วดูวงเหงื่อตามซอกร่างกายที่เปียกไปตามเนื้อผ้าแบบนั้นสิ ไปวิ่งสี่คูณร้อยมาจาไหนนะ เซ็กซี่จังเลยแฮะ นึกแล้วอยากให้ถึงเวลานอนกอดแม็กซ์เวลเร็วๆจัง



“อ้าว ก็แม็กซ์บอกเองนี่นาว่าให้ทำตัวดีๆ เมื่อกี้เราผิดตรงไหนอ่ะ”

“หัดตัวร้ายๆ เฉพาะตอนมีคนมาจีบบ้างก็ได้ครับ!”



คนที่ไม่รู้หน้าแดงจากความโกรธหรือความเขินแหวเสียงหลง และนั่นช่างเป็นภาพอันน่ามันเขียวจนมิวนิคต้องเขย่งฝีเท้ามอบจุมพิตไปที่ข้างแก้มของใครบางคนอย่างอดใจไม่ได้



“คะ...คุณมิว นี่มันที่สาธารณะนะครับ!” มือหนายกทาบบริเวณที่ถูกแกล้ง

“คนจะได้รู้ไงว่าเรามีแฟนแล้ว”

“คุณน่ะดื้อ”

“ถ้าดื้อแล้วได้แฟนแบบนี้จะดื้อทุกวัน”



มิวนิคได้ยินเสียงถอนหายใจเพราะความดื้อของตนเองจากชายตรงหน้า ก่อนจะจูงมืออีกฝ่ายเข้าไปแนะนำให้รู้จักเพื่อนๆ น้องๆ ในร้าน ส่วนใหญ่ทุกคนก็มักเห็นแฟนเขาชอบไปรอรับใต้ตึกคณะบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่เพิ่งจะมีวันนี้แหละมั้งที่ได้พูดคุยกันอย่างจริงๆ จังๆ

แต่คุยได้ไม่นานก็ต้องรีบพาคนตัวโตกลับก่อน ก็พี่แกเล่นใส่เสื้อกราวน์มาสถานที่อบายมุกตั้งขนาดนั้น เดี๋ยวส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงคณะแล้วจะแย่ อีกอย่างแม็กซ์เวลไม่ได้เตรียวตัวมาร้านเหล้าด้วย ต่อให้สายหมอกจะอาสาขึ้นไปยืมเสื้อผ้าจากพี่สายฟ้ามาให้เปลี่ยน แต่เขาก็คิดว่าไว้วันหลังดีกว่า

ระหว่างทางคุณพ่อและคุณแม่แม็กซ์เวลที่กลับจากดูหนังรอบดึกตามสไตล์วัยเก๋าก็โทรตามให้ไปทานข้าวด้วยกัน ทีแรกคุณหมอเขาไม่อยากไปหรอก แต่มิวนิคก็คะยั้นคะยอให้ไป นานๆ ทีได้เจอคุณพ่อคุณแม่แฟนให้หายคิดถึงบ้างก็ดี คุณพ่อกับคุณแม่แม็กซ์เวลน่ะใจดีสุดๆ ไปเลยล่ะ



“อุ้ย มาจริงๆ ด้วย แม่รบกวนน้องมิวมั้ยคะเนี่ย”

“ไม่เลยครับ ผมอยู่แถวนี้พอดี”

“แล้วตาลูกชายแม่ทำไมยังแต่งตัวแบบนั้นหืม ไหนว่าไปเที่ยวกับน้องมิวมา”

“ผมลืมเปลี่ยนครับ”



คนพูดน้อยตอบไปทั้งอย่างนั้น แต่มิวนิครู้ดีว่าแม็กซ์เวลขี้เกียจพูด ขี้เกียจอธิบาย นึกแล้วก็ขำ ในเวลาเดียวกันก็เหมือนหัวใจมันพองโต ก็แม็กซ์เวลน่ะถึงจะพูดน้อยก็จริง แต่เวลาอยู่กับเขาแล้วเจ้าตัวพูดเยอะมากเลยนะ



“ยิ้มอะไรของคุณครับ”

“คุณแม่ แม็กซ์หาเรื่องผม”

“ไปเอานิสัยนักเลงแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะเรา”



มิวนิคแลบลิ้นล้อเลียนมนุษย์แว่นที่ทำท่าค้อนใส่เพราะสู้ไม่ได้ ขี้งอนเป็นด้วยหรอ น่ารักชะมัดเลยแม็กซ์เวล มิวนิคแกล้งเขย่งจุ๊บคุณแฟนอีกรอบในตอนที่คุณพ่อคุณแม่หันหน้าไปอีกทาง



“คุณมิว!”

“อะไรอ่ะ มาเร็วๆ หิว”



จูงมือคนที่สู้ยังไงก็สู้ไม่ได้ให้เดินตามคุณพ่อคุณแม่ไปยังโต๊ะทานทานข้าวของภัตตาคารสุดหรูด้วยกัน นั่งไปซักพักเจ้ามูมินที่แวะไปซื้อไอศกรีมก็โผเข้ามากอด น้องดูชอบมิวนิคเอามากๆ เสียยิ่งกว่าตอนเป็นแมว ขนาดไม่รู้ว่าเป็นมิวมิวยังอ้อนขนาดนี้ นี่ถ้ารู้ว่าเป็นทั้งมิวมิวและมิวนิคมีหวังถูกเด็กชายขโมยกลับบ้านแหงๆ



“พี่มิวชอบดูหนังหรอ”

“ช่าย พี่เรียนนิเทศ บางทีพี่ก็ได้กำกับหนังนะ”

“พี่มิวเก่งจังเลย มินก็อยากเป็นผู้กำกับ แต่มินชอบถ่ายรูปมากกว่าอ่ะ”

“ถ่ายรูปก็น่าสนใจ เดี๋ยวพี่ซื้อกล้องให้เอาไหม”

“โอ้ย อย่าลำบากเลยลูก เปลืองเงินเปล่าๆ เจ้ามูมินก็ขี้อ้อนไปงั้น ขี้คร้านซื้อได้ไม่ถึงสองอาทิตย์จะโยนทิ้งเอาน่ะสิ”

“พ่อ! มินจริงจัง”



ทุกคนหัวเราะเด็กชายที่ทำท่าขึงขัง น้องเหมือนแม็กซ์ในเวอร์ชั่นร่าเริงขึ้นมานิดหน่อย บางทีมองมูมินก็เหมือนมองแม็กซ์เวลไปด้วย มิวนิคคิดว่าถ้าไม่เจอแม็กซ์เวลก่อน บางทีเขาอาจตกหลุมรักเด็กชายมูมินไปแล้วก็ได้

ว่าเข้าไปนั่น…



“กินปลาเยอะๆ”

“ผมตักได้ครับ”

“เราตักให้ดิ เราเป็นแฟนนะ”



เหมือนมีรอยยิ้มปรากฏบนมุมปากคนตัวโตก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นความนิ่งเรียบตามเดิม แม็กซ์เวลน่ะชอบเก๊กขรึมเวลาเราอยู่กันหลายๆ คน ไม่ใช่ไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์นะ มิวนิครู้ดีว่านั่นมันคืออาการเขินอายมากกว่า สำหรับแม็กซ์เวลการแสดงออกว่ารักเท่านี้ก็ดีมากแล้ว



“มินอยากได้พี่มิวเป็นแฟนมั่งอ่ะ”

“ฝันไปเถอะมิน”



มนุษย์แว่นชะโงกหน้าข้ามหัวคุณแฟนเหมียวหันไปขมวดคิ้วขมึงถึงใส่น้องชาย มือหนาใต้โต๊ะก็เอื้อมไปกุมมืออีกคนไว้แน่นราวกับกลัวเด็กชายมูมินจะแย่งคนรักไปจริงๆ



“ได้ๆ พี่ให้มินวันเสาร์อาทิตย์นะ”

“คุณมิว!”

“ฝันไปเถอะแม็กซ์”



แล้วพี่น้องสองคนก็เปิดศึกกันบนโต๊ะอาหารโดยการแย่งอาหารจานโปรดอย่างปลาทอดสมุนไพร คุณพ่อกับคุณแม่บอกว่าแม็กซ์เวลกับมูมินไม่ค่อยทะเลาะกันเท่าไหร่ กระทั่งเป็นเรื่องของเขานี่แหละ แต่ไม่ใช่ทะเลาะจริงจังขนาดตัดพี่ตัดน้องนะ ท่านว่าดูๆ ไปก็น่ารักดี บ้านจะได้มีสีสัน



“คุณมิวจะเลือกใครครับ”

“ถามมาได้ พี่มิวก็ต้องเลือกมินเปล่า มินทั้งเด็กกว่า หล่อกว่า”



แต่สำหรับมิวนิคคงยิ่งกว่าสีสัน



“คุณมิวเลือกมาเลย”



เพราะเขาชอบเหลือเกินเวลาแม็กซ์เวลหึง :)















มาถึงห้องใครบางคนก็เดินไปทิ้งตัวนอนกอดอกเอนหลังพิงผนังตรงหัวเตียงทันที มิวนิคแวะหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยน ก่อนจะออกมาพร้อมชุดสบายๆ เดินเข้าไปหาใครบางคนบ้าง



“ยังงอนอยู่หรอ”

“เปล่านี่ครับ”



คนที่ถูกกระแซะเข้าไปนอนใกล้ๆ เสใบหน้าไปทางอื่น และมิวนิคก็รู้ดีว่าสำหรับแม็กซ์เวลนั่นแหละที่เรียกว่าอาการงอน ตั้งแต่คบกันมาสิ่งเดียวที่ทำให้แม็กซ์เวลงอนเขาก็คือการที่เขาถูกผู้ชายเข้ามาจีบ รู้ดีว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะแม็กซ์เวลรักเขามาก และก็รู้ดีอีกว่าแม็กซ์เวลน่ะง้อไม่ยากหรอก



“หนวดขึ้นแล้วนี่ ทำไมไม่โกนอ่ะ”



จิ้มนิ้วไปที่เส้นขนแข็งๆ บนปากด้านบนและใต้คางของมนุษย์แว่น ดวงตาสีดำสนิทมองมาทางเขาอย่างวูบไหวก่อนจะแสร้งหลุบไปทางอื่น



“…กำลังจะโกนครับ”



ร่างที่ใหญ่กว่าลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำ แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดที่วางแผนเอาไว้ เพราะในความเป็นจริงแม็กซ์เวลถูกดึงให้ทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม



“เดี๋ยวโกนให้”

“ไม่เป็นไร...ผมโกนเองได้”

“นั่งไปเถอะน่า บอกว่าจะโกนให้ไง”



แล้วใครเคยขัดมิวนิคได้บ้างล่ะ



“คุณมิวทำเป็นหรอครับ”



คนที่นอนหนุนตักถามขึ้นหลังจากคุณเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์จอมเอาแต่ใจเดินเข้าไปหยิบมีดกับครีมโกนออกมาจากห้องน้ำ ไม่พอ...ยังถูกสั่งให้ถอดเสื้อออกอีกเพราะมิวนิคอ้างว่าใส่แล้วโกนไม่สะดวก แม็กซ์เวลลอบคิดในใจ เวลาเขาโกนตอนใส่เสื้อก็ยังทำได้เลย



“เป็นสิ ถามแปลกๆ”

“ก็คุณมิวไม่มีหนวด”

“ทำไมจะไม่มี แค่มันขึ้นช้าเท่านั้นเอง เนี่ยแม็กซ์ไม่ใส่ใจเราเลย”



ชายหนุ่มหลุบสายตาพร้อมคว่ำปากรู้สึกผิด มิวนิคเห็นท่าทางแบบนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะบิดจมูกให้หายมันเขี้ยวพร้อมบอกว่าล้อเล่น เลิกทำหน้าหงอได้แล้ว



“ไม่เห็นเหมือนของผมเลย”



มือหนาเอื้อมขึ้นไปลูบไล้พิสูจน์บริเวณคางของคนรักที่กำลังก้มหน้าลงมามอง สายตาไร้เดียงสาทำให้มิวนิคต้องประกบจุมพิตลงบนหน้าผากคุณแฟนตัวโตเบาๆ ถ้าอยู่กันสองต่อสองแม็กซ์เวลไม่เคยขัดหรอกที่เขาชอบสกินชิพแบบนี้ ติดจะชอบเสียด้วยซ้ำไป

เป็นหมออะไรทำไมทำตัวเหมือนเด็กๆ



“ก็แม็กซ์โตเร็ว”

“อย่างงั้นหรอครับ”

“ช่าย แถมมีอย่างนึงโตมากๆ เลย”

“คะ...คุณมิว!”



มิวนิคหัวเราะคิกคักเมื่อแกล้งมนุษย์แว่นได้สำเร็จ เขาล่ะชอบนักเวลาได้พูดจาโลมเลียแม็กซ์เวล ฟังดูเหมือนเป็น sexual harassment แต่เขาทำแค่กับแฟนตัวเองนี่นา อีกอย่างแม็กซ์เวลน่ะน่ากอดจะตาย



“อยู่เฉยๆ จะทำแล้ว”



ทาบโครงหน้าของอีกคนด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างให้ดวงตาประสานกัน ขยับตำแหน่งศีรษะวางให้อีกฝ่ายสบายๆ ไม่เมื่อยคอ หยิบครีมโกนขึ้นมาเขย่าก่อนจะค่อยๆ บีมลงบนเรียวนิ้ว



“ทำเป็นแน่นะครับ”

“กลัวหรือไง”

“ผม...เชื่อใจคุณมิว”

“หน้าตาไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลย”



มิวนิคอมยิ้ม จุมพิตลงบนหน้าผากคุณแฟนอีกรอบ เจ้าสายตาซุกซนก็ดันมองเลยสำรวจลงไปถึงช่วงไหปลาร้า กล้ามอก หน้าท้องกำยำ แม็กซ์เวลของเขานี่ดีจริงๆ เลย เขาชอบแฟนคนนี้ ชอบไปหมด

เมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องลดความประหม่าลงไปเยอะ ฟองโฟมสีขาวก็ถูกชะโลมทั่วรอบบริเวณรูปปากลามไปจนถึงลำคอ แม็กซ์เวลมองหน้าเขาไม่ละราวกับเด็กน้อยกำลังจดจ้องของเล่นอย่างสงสัย



“ขี้งอนจังนะเรา”

“ผม...น่ารำคาญใช่มั้ย”

“ใครบอก ชอบสุดๆ ไปเลยต่างหาก”

“…..”

“อย่างน้อย แม็กซ์ก็ยังให้ความสำคัญกับเราอยู่ เราชอบมากเลยนะเวลาแม็กซ์เห็นเราสำคัญกว่าใคร”



มือหนึ่งข้างที่ไม่ได้ถือมีดโกนถูกคว้าไปกุมไว้พร้อมนวดวนไปมา ความอบอุ่นจากแม็กซ์เวลทำมิวนิคอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามและอมยิ้มขึ้นมาอีกรอบ



“คุณมิวสำคัญที่สุดสำหรับผมอยู่แล้วครับ”

“ดีจัง ได้อยู่ในตำแหน่งนั้น”

“แต่ผมไม่สบายใจเลยตอนที่คุณมิวไปร้านเหล้าคนเดียว”

“เรื่องนี้นี่เอง”



ดีดหน้าผากมนุษย์แว่นที่ปราศจากแว่นดังแป๊ะหลังอ้าปากถึงบางอ้อ มือหนายกลูบจุดที่เหมือนจะแดงขึ้นมาเก้อๆ แต่สุดท้ายก็กลับไปดึงมือใครบางคนมากุมไว้อยู่ดี

แม็กซ์เวลคงงอนเขามากๆ ที่ไปร้านเหล้าคนเดียวโดยที่ไม่มีอีกฝ่าย อย่างครั้งล่าสุดเราไปด้วยกันเพราะเขาอยากดื่ม แต่วันนี้มันฉุกระหุกเหลือเกินเนื่องจากต้องเลี้ยงสาย แถมยังลืมพกโทรศัพท์ แต่เขาจำได้ว่าส่งข้อความย้ำไปหลายรอบแล้วนี่หว่า



“ขอโทษนะครับ...ผมไม่ควรหึงคุณมิวขนาดนั้น”

“งั้นไปด้วยกัน”

“...ครับ?”

“ถ้าไม่สบายใจคราวหลังเราไปด้วยกัน”

“ให้ผมตั้งกฏกับคุณมิวหรอ”

“ตามใจสิ เป็นแฟนเรานี่ อยากทำอะไรกับเราก็ทำเลย”

“งั้น...ห้ามไปคนเดียวนะครับ ถ้าจะไปต้องไปกับผม...ไปด้วยกัน”



ต่างคนต่างยิ้มออกมาจนลืมไปว่ามีโฟมสีขาวเคลือบอยู่บนใบหน้าลูกค้าที่มารับบริการโกนหนวด มิวนิคชอบเวลาแม็กซ์เวลเอาแต่ใจกับเขา ขณะเดียวกันแม็กซ์เวลก็ชอบเวลาถูกอนุญาตให้ทำตัวเอาแต่ใจกับมิวนิค



“ยิ้มแล้วเหมือนซานตาคลอสเลยว่ะ”

“คุณมิวน่ารัก...ผมยิ้ม”

“แม็กซ์ก็หล่อ หล่อมากเลย ห้ามไปถอดเสื้อให้ใครดูแบบนี้รู้ไหม”

“ใครจะมาบอกให้ผมถอดเสื้อล่ะครับ มีแต่คุณมิว”

“หึ...ก็ชอบ”



มีดโกนค่อยๆ บรรจงกดลงบนพื้นที่โฟมสีขาวอย่างเบามือ ลากไล้ไปตามผิวสัมผัสจนเส้นขนเล็กๆ เริ่มหลุดติดกับใบมีดและโฟมออกมา แม่เคยบอกว่าการได้ทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้กันนี่แหละที่ทำให้ชีวิตคู่ยืนยาว มิวนิคไม่เคยคิดว่าคำพูดเหล่านั้นจะเป็นจริงกระทั่งได้มาทำด้วยตนเอง



“หยุดแค่ครึ่งหน้าดีมั้ย”

“อย่าแกล้งสิครับ”



คนที่ดวงตาจ้องมองใบหน้าช่างโกนหนวดตลอดเวลาเอ่ยตอบ แม็กซ์เวลชอบทุกครั้งเมื่อได้พักศีรษะบนตักแห่งนี้ มิวนิคเหมือนเป็นแหล่งพลังงานของเขาให้ได้เติมพลังไม่รู้จบ



“กับมูมินผมก็หึงนะ”

“กับน้องก็หึงหรอ”

“ผมกลัวคุณมิวใจอ่อนให้มิน น้องน่ารัก ใครๆ ก็รัก”

“จริงๆ เราก็รักมูมินนะ แต่ดันรักพี่ชายมูมินมากกว่านี่สิ”

“...จริงนะครับ”



ฝ่ามือข้างที่กำลังเช็ดความสะอาดกับประครองลูบหน้าคร้ามคมถูกยื้อแย่งไปกุมไว้หลวมๆ เสียก่อน แม็กซ์เวลจูบเบาลงมือคู่นั้นอย่างถวิลหา สบประสานสายตากับคนที่กำลังมองลงมาด้วยหัวใจพองโต



“จริงสิ รักคนเดียวเลย”



ริมฝีปากของคนทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากัน ก่อนจะประกบลิ้มรสสัมผัสละมุนที่ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยพอ แม็กซ์เวลชอบจูบของมิวนิค เช่นเดียวกันกับมิวนิคที่ก็ชอบจูบของแม็กซ์เวล



“เหม็นมั้ย เราดื่มทั้งเหล้าทั้งสูบบุหรี่”

“คุณเป็นแมวดื้อ”

“วันหลังก็ไปคุม จะได้ไม่ดื้อ”



เราแลกสัมผัสกันอีกครั้ง ปล่อยให้รสขมปร่าหากแต่อ่อนหวานไหลแล่นไปตามกระแสเลือด ทุกอย่างเหมือนคำสาปที่กำลังแข็งแรงขึ้นจากการทำสัญญาระหว่างกัน และไม่ว่าสัญญาฉบับนั้นจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม เขาทั้งคู่ก็ยอม

“ผมขี้หึง คุณต้องรับให้ได้นะครับ”

“ไม่เห็นต้องถาม ในเมื่อตัวเองก็เป็นข้อยกเว้นตลอด”

ยอมตกอยู่ในมนตร์คำสาปนี้ด้วยกันนานเท่านาน...



















_______________







หายไปนานมากกกกกกค่า แต่ก็พาน้องแมวมาให้หายคิดถึงแล้วง้าบบบ

แล้วก็มาแจ้งข่าวด้วยว่าน้องแมวจะได้ตีพิมพ์ประมาณช่วงพค.นี้เน้อ แม่ๆเตรียมเงินเปย์น้องได้น้า

ส่วนรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับปกและหนังสือเค้าจะมาทยอยอัพเดทให้เรื่อยๆงับ

รักทุกคน ฝากเม้นเป็นกลจ.ให้เค้าโด้ยยย





twitter: wickedwish_

facebook: wickedwish_novel





love you my cat persons ;))
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 10/04/19 [special epi!!]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-04-2019 06:24:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 10/04/19 [special epi!!]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 11-04-2019 16:07:00
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 10/04/19 [special epi!!]
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 13-04-2019 04:29:23
คิดถึงงง
แม็กซ์เวลล์ยังน่ารักเหมือนเดิมเลย 5555
เก็บตังค์รอเลยค่า
สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 10/04/19 [special epi!!]
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 14-04-2019 14:24:20
เป็นทาสแมว อ่านเรื่องนี้แล้วละลายเลย
นานๆ เจอพระเอกไม่เฟอเฟคอะไรมากแบบนี้ ก็สนุกไปอีกแบบ นายเอกนี่เข้าตำราเคะราชินีมากๆ ชอบความสัมพันธ์ของสายหมอกกับมิวนิค เพื่อนที่เป็นเพื่อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 10/04/19 [special epi!!]
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 18-04-2019 10:56:38
มันดีมากจริงๆชอบมากเลยยยยยยยย ชอบเวลามิวนิคพูดจาลวนลามแม็กซ์เวล  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 10/04/19 [special epi!!]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 01-05-2019 19:49:53
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก อ่านเพลินเลย
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦ 10/04/19 [special epi!!]
เริ่มหัวข้อโดย: WickedWish ที่ 01-05-2019 20:07:01
เปิดจองนิยาย Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? แล้วคร้าฟฟฟ

น้องแมวได้ตีพิมพ์กับ สนพ. วายซิคบุ๊คส๋ เน้อออ


ตัวอย่างปกนิยายทางนี้เลยคร้าบ เค้าฝากรูปไม่เปงงง แง่ > https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1861992&chapter=23


 รายละเอียดการสั่งจอง
เปิดจองวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เวลาเที่ยงคืนงับ

1. รอบไปรษณีย์

- สั่งซื้อได้ทางเว็บไซด์ของสนพ. > https://www.facebook.com/YSickBooks/?epa=SEARCH_BOX

- โดยจะมีค่าจัดส่ง และจัดส่งหลังงานหนังสือภายใน 7 วัน

2. รอบนัดรับในงาน

งานหนังสือ #Yaholic by #Mareads ในวันเสาร์ที่ 18 พ.ค.62 ณ หอประชุมกลางน้ำ (สนามเป้า)

ตั้งแต่ 09.00 - 16.00 น เป็นต้นไป

- สั่งซื้อได้ทางเพจกับคุณแอดมิน

- รับหนังสือภายในงานได้ที่บูธ D1 (โซนหน้าเวที)

3. ซื้อภายในงานโดยตรง

*ทั้งสามช่องทางการสั่งซื้อนี้จะได้รับหนังสือและของแถมทั้งหมดครบ



ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ ของที่จะได้ภายในเซ็ต ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

หนังสือ 1 เล่ม

ที่คั่น 1 ใบพร้อมโปสการ์ด ซีลในเล่ม

มินิโนเวล 1 เล่ม เรื่อง unlucky cat

>>ทั้งหมดนี้ ราคาเพียง 299 บาท !!<<



รายละเอียดตอนพิเศษ

ตอนพิเศษในเล่มจะมีทั้งหมด 5 ตอน และมี 4 ตอนที่ไม่ลงเว็บดังนี้ค่า

Special meow 1

ในวันเบื่อๆของมิวนิคที่ไม่รู้จะทำอะไร เขาจึงคิดแผนการแก้เบื่อโดยการแปลงเป็นมิวมิวแอบตามแม็กซ์เวลไปคณะ แล้วหนูเป็นไรถึงว่างไปตามเขาหืมมม? อยากรู้คำตอบต้องจัดแร้วแม่!

Special meow 2

ลงในเว็บแย้ว ไม่เล่าซ้ำละกันเนอะ

Special meow 3

เมื่อแม็กซ์เวลได้รับคำแนะนำเรื่องการปั่มปั๊มจากน้องยู หมอหมาตัวน้อย ปรมาจารย์ด้านความรัก หนุ่มแว่นมาดนิ่งถึงกับต้องตัวสั่นด้วยความกลัว นี่เขาไร้เดียงสาจนถึงขนาดโดนน้องยูนำหน้าเชียวหรือ แบบนี้ลุงยอมไม่ได้แร้วว!!

Special meow 4

เป็นเรื่องราวต่อจากตอนที่แล้ว แม็กซ์เวลมาเที่ยวทะเลกับมิวนิค และความคิดในหัวก็ยังคงวนเวียนเรื่องการปั่มปั๊มไม่จบไม่สิ้น นี่หมายความว่ายังไง แม็กซ์เวลกลายเป็นคนหื่นไปแล้วสินะ!

Special meow 5

การพบกันอีกครั้งระหว่างมิวมิวและเทพเจ้าปู่แมว อะไรกันปู่ ไม่เจอกันตั้งนาน ต้องมีเรื่องแน่ๆ ตอนนี้ไม่อยากสปอยมาก ต้องมาดูกันเองนะเธอออออ ><



mini novel: unlucky cat

เป็นเรื่องราวของมิวนิคและแม็กซ์เวลในวัยทำงาน ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง แม็กซ์เวลเป็นคุณหมอเต็มตัว ส่วนมิวนิคก็ทำงานในวงการบันเทิงตามความฝัน แล้วความรักของทั้งคู่จะยังหวานเจี๊ยบอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่านะ คุณมิวนิคยังคงเป็นแมวหื่นอยู่อีกหรือเปล่านะ แล้วคุณหมอแม็กซ์เวลยังคงเป็นคุณหมอสุดแซ่บเหมือนเดิมหรือเปล่านะ ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



** ปล. มินิโนเวลแถมฟรีเฉพาะคนที่ซื้อผ่านสามช่องทางแรกที่แจ้งไปนะคะ ส่วนถ้าใครซื้อหลังจากงานหนังสือจะต้องซื้อน้องแยก แล้วก็มินิโนเวลมีจำนวนจำกัดค่ะ หมดแล้วหมดเลย T__T**



<3

wickedwish_
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 04-05-2019 07:37:36
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 04-05-2019 23:18:43
 :hao3: ขอบคคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆอย่างนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:12:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 04-05-2020 02:14:30
อ่านรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้5555555555
น่ารักมากเยยค้าบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
เริ่มหัวข้อโดย: reginasorn ที่ 03-02-2021 15:13:36
 :mew3: :mew1: แมวดื้ออออ
หัวข้อ: Re: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 23-02-2021 15:29:49
เรื่องนี้รักมากเลย
ยิ่งอ่านยิ่งชอบบบบ
ชอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ