[end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19  (อ่าน 38144 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
ข้องใจก็ไม่ยอมเปิดปากพูด

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
แม๊กซ์ใจเย็นๆๆ

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แม็กเวลใจเย้นๆก่อน ค่อยๆคุยกัน มิวนิคไม่ได้ตั้งใจ น้องก็ต้องใจเย็นๆเด้อ  :hao5:

ออฟไลน์ Josett

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากกกกก
อย่าทะเลาะกันนานน้าาาา

ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สมน้ำหน้ามิวนิคจ้า สงสารแม๊กด้วย
มันเป็นสถานะที่โคตรจะเป็นรอง จะถามก็ไม่กล้า
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฐานะอะไร แต่มิวนิคที่คิดว่าตัวเองเป็นต่อทุกทาง ทำเหมือนแม๊กเป็นแค่คนที่คอยตามใจ คนที่เป็นของตาย ไม่ชัดเจนสักอย่างแถมยังคิดตื้นๆอย่างโกหกเรื่องที่คุยกับกิ๊กเก่าอีก  แม๊กต้องใจแข็งหน่อยนะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
โอ้ย ดราม่าแล้วววว

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
คือแม๊กเวล นายทำไมไม่เชื่อ ไม่ถามดีๆล่ะนี่

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เวรกรรม :katai1:
คุยกันดีๆ ก๊อนนน
แม็กซ์ใจเย็นๆ นะ  :ling1:

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อือหื้อออเจ็บปวด :sad4: :o12: :z3: ทำไมกลายเป็นแบบนี้ มาต่อเร็วๆน้า ค้างมากๆเลย เป็นกลจให้ไรท์เสมอ :กอด1: น้องมิวสงสาร เราเข้าใจนะบางทีก็รู้สึกว่าบางเรื่องมันก็ไม่ได้สำคัญก็ไม่ตั้งใจปิดบัง แต่เป็นแบบบอกไม่บอกมันก็เหมือนกันก็เลยไม่พูดออกไปไรงี้ เป็นกลจให้น้องมิวด้วย :กอด1: :3123:  พี่หมอก็ใจเย็นๆนะ อย่าคิดมาก o7 ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีใช่มั้ย ปิดท้ายด้วยมาม่าห่อใหญ่ก่อนปีใหม่ไปอีก  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 19



มิวนิคเคยชอบวันเสาร์มากๆ เพราะมันเป็นวันที่เขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับแม็กซ์เวลอย่างเต็มอิ่มหลังจากรอคอยมาทั้งอาทิตย์ เขาชอบการนอนเรื่อยเปื่อยอยู่บนเตียงดูซีรีย์เน็ตฟลิกด้วยกัน กินป๊อปคอร์นถังเดียวกัน หรือแม้กระทั่งตื่นขึ้นมารดน้ำเจ้าแก๊งค์ดอกเดซี่นอกระเบียงด้วยกัน

แต่กิจกรรมเหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว...มั้ง



“ยกซดแทนน้ำเปล่าขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ตายห่าพอดี”

“มึงก็รู้ว่ากูไม่เมา…”



เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยงหันมองตาเขียวใส่สายหมอกเพื่อนรักผู้นั่งเท้าคางกับเคาเตอร์บาร์เป็นห่วงอยู่ข้างๆ ตอนนี้พวกเขากำลังตอกย้ำชีวิตรักเฮงซวยที่แอสโมสเฟียร์ ร้านเหล้าชื่อดังนอกเขตมหาวิทยาลัยที่ถูกดูแลโดย คุณสายฟ้า อัศวเทวกุล หรือพี่ชายของสายหมอก

แต่ดูเหมือนคนที่กำลังจะประสบชีวิตรักเฮงซวยน่าจะเป็นคนที่ยกแก้วกระดกไม่หยุดมากกว่า



“ไอ้หมอบ้าเอ๊ย พูดกับกูแบบนี้ได้ไงวะ!” คนที่น่าแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์บ่นกระปอดกระแปด มิวนิคไม่ได้เมาหรอกถึงแม้ท่าทางจะดูเมา เป็นภูมิต้านทานของคนสมบูรณ์แบบที่ปกป้องไม่ให้ผู้ชายหน้าไหนสามารถมอมเหล้าเขาสำเร็จ



บางทีก็รู้สึกอยากเป็นคนอ่อนแอบ้างจัง



“ก็มึงไปทำห้องเขาพัง แถมยังทำตุ๊กตาที่แม่แท้ๆ เขาทิ้งไว้ให้แตกอีก ไม่พอนะ...มึงยังไปโกหกว่าอยู่กองถ่าย ทั้งๆ ที่ออกไปคาเฟ่กับไอ้เฮงซวยนัท”

“มึงเนี่ยเฮงซวย”

“อ้าว”

“กูเพื่อนมึงมั้ย”



เขาน้อยใจแม็กซ์เวลมาก ทั้งๆ ที่ก็พูดความจริงไปทั้งหมดว่าไม่ได้ทำ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเชื่อท่าเดียว มิหนำซ้ำยังทำหน้ายักษ์ใส่อีก แม็กซ์เวลมันไม่เคยใจร้ายกับเขาเลยนะ ทำไมอ่ะ เรื่องนัทก็อธิบายไปแล้วไงว่าไม่อยากให้คิดมาก ประเด็นคนคุยเก่ามันช่างไร้สาระสิ้นดี เขาไม่ได้แคร์นัทเลยซักนิด เพราะคนที่เขาแคร์น่ะ...



“หึ คิดแล้วก็เจ็บกระดองใจ”



...ก็คือคนที่ทำให้เขากำลังงุ่นง่านอยู่ในเวลานี้ต่างหากล่ะ



“พูดจาไม่รู้เรื่อง”

“ก็คนเมาปะวะ”

“คุณมึงบอกไม่เมา”

“ก็ไม่เมานั่นแหละ แต่ฟีลมันก็กรึ่มๆ”



สายหมอกไม่เข้าข้างเขาเลยซักนิด...ไม่เลยซักนิดเดียว ยิ่งเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบนี้เขายิ่งจะถูกโดนด่าซ้ำเติม ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิจเขา...น้อยคนจะถูกยกนิ้วโป้งว่าผ่านการพาสเจอไรซ์จากสายหมอก แต่เขารู้ดีหากพอเอาจริงเวลามีเรื่อง ก็มีอีกฝ่ายคนเดียวนี่แหละที่พร้อมบวกและอยู่เคียงข้างเสมอ



“อยากเมาแค่ไหนก็เมาไป...ถ้ามีกู”



นี่ล่ะสายหมอก...

เขาอยากคุยกับแม็กซ์เวล อยากกลับไปง้อ แต่ในความเป็นจริงเปอร์เซ็นต์ที่จะทำได้นั้นมีน้อยเหลือเกิน มิวนิคไม่มีแม้กระทั่งเบอร์ติดต่อของแม็กซ์เวล อาจฟังดูแปลก แต่เพราะเราสองคนอยู่ด้วยกันจนแทบจะตลอดเวลาตั้งแต่ตอนเป็นมิวมิวยันคืนร่างเป็นมิวนิค พวกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้น

อย่างตอนแม็กซ์เวลกลับบ้าน เราก็นัดกันปากเปล่าเอาไว้ว่า ‘เจ็ดโมงครึ่งใต้ลอบบี้หอพักบ้านสุขใจ’ แล้วเราก็เจอกันเวลานั้นจริงๆ ถึงจะเป็นวิธีการที่ค่อนข้างโบราณคล้ายยุคอัลเทอร์เนทิฟ แต่ก็โรแมนติกไปอีกแบบ

ยกเว้นตอนนี้ที่เขาทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เพื่อนแม็กซ์เวลเขาก็ไม่รู้จักซักคน จะมีอีกวิธีก็คงเป็นการบุกไปหาอีกฝ่ายโดยตรงยังคณะสัตวแพทย์ศาสตร์...แต่ก็ติดตรงไม่กล้าเนี่ยสิ

ในชีวิตมิวนิค...ทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมเสมอ ทว่าพอเป็นเรื่องของตามนุษย์แว่นตัวโตคนนั้น กลับเหมือนระบบจัดการปัญหาในร่างรวนไปหมด มันดูยากลำบาก...

และเขาก็สูญเสียการควบคุม



“ปล่อยให้คุณหมอใช้เวลาทบทวนกับตัวเองซักพักเถอะ”

“…จะดีจริงๆ หรอแบบนั้น”

“มึงก็เหมือนกัน...ไปคิดว่าควรเอายังไงต่อกับความสัมพันธ์ มันควรเดินหน้าได้แล้วล่ะ หรือไม่ก็...ทำให้มันจบลงซักที”



ถึงจะปวดใจอยู่หน่อยๆ แต่มิวนิคก็ค่อนข้างเห็นด้วย วันนั้นแม็กซ์เวลคงโกรธมากๆ ที่เขาโกหก ยิ่งพอมาเจอห้องนอนตัวเองถูกทำลาย ผนวกกับตุ๊กตาดารุมะสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวของคุณแม่แตกละเอียด ความโกรธสะสมก็เลยประทุถึงจุดเดือด คนนิ่งๆ เย็นๆ เวลาโกรธก็น่ากลัวเหมือนกัน

ไม่อยากให้โกรธเลย...



“ปู่! ออกมาหาหน่อย”

“…..”

“ปู่!! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”



เพราะมีเสียงโวกเหวกโวยวายอยู่ตรงลานต้นโพธิ์จนน่ารำคาญ ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากแมวเหมียวจึงต้องจำใจปรากฏตัวออกมา มิวนิคคิดว่าแบบนั้น...ไม่เห็นหน้า แต่ท่าทางยืนตบเท้าดิ๊กๆ คงเป็นสัญญาณอันชัดเจนของความรำคาญ



“ก็บอกว่าต้องทำเคสคู่รักเพิ่มห้าร้อยคู่ ยังจะมีหน้าเรียกออกมาอีก”

“ถ้ายุ่งอยู่แล้วออกมาทำไม”

“อ่ะ...งั้นกลับ”

“ล้อเล่น ฮืออ ปู่อย่าไปนะ”



มิวนิคปรี่เข้าไปกอดขาชายชุดดำเว้าวอน จนทั้งสองต้องแปลงเป็นสิ่งมีชีวิตหูตั้งนั่งคุยกันใกล้ๆ ริมบึงเพื่อไม่ให้ภาพที่ออกมาดูประหลาดจนเกินไป อย่างน้อยแมวสองตัวนั่งคุยกันก็ดูปกติมากกว่ามนุษย์นั่งพูดคนเดียว

เขาเล่าเรื่องไอ้แมวจอมยุ่งสีเทาตัวการของเรื่องให้ปู่ฟัง ถึงจะเป็นกามเทพ ไม่ใช่เทพเจ้าผู้ดูแลแมวจริงๆ แต่เทพก็ขึ้นชื่อว่าเทพ มิวนิคมั่นใจว่าไอ้ปู่แมวต้องช่วยเขาได้ไม่มากก็น้อยแน่ๆ



“เป็นอัลฟ่า” อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างไม่ตกใจราวกับรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีคนมาถาม

“อัลฟ่า?”

“เผ่าพันธุ์ที่แพร่หลายอยู่ในโลกคู่ขนานอีกโลกของพวกเจ้า พูดง่ายๆ ก็คือเป็นประชากรที่คล้ายคลึงกับประชากรหลักในโลกนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโลกของพวกเจ้าไม่มีอัลฟ่า...จะว่ายังไงดีล่ะ” ปู่ยกมือเกาหัวแกร้กๆ คล้ายอธิบายไม่ถูก “กลุ่มอัลฟ่าในโลกนี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่มักพบได้ในพวกหมาป่ามากกว่า...”

“เหมือนในซีรี่ย์อะไรพวกนี้อ่ะหรอ”

“ข้าไม่เคยดูซีรีย์หรอก...แต่ก็คงประมาณนั้น”

“มะ...ไม่คิดว่ามีจริง” มิวนิคเบิกตาโพล่งตกตะลึง



ตกตะลึงอย่างแรกก็คือโลกคู่ขนานมีจริง ตกตะลึงอย่างที่สองก็คือเผ่าพันธ์อัลฟ่าก็มีจริง จะแฟนตาซีเกินไปแล้ว หมายความว่าทุกอย่างที่เคยดูในหนังมันมีจริงทั้งหมดเลยหรอ..



“อะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยมี”



มิวนิคพยักหน้าคิดตาม ก็คงถูกอย่างที่ปู่ว่า...ขนาดเรื่องเทพเจ้าที่เขาคิดว่าคงมีแค่ในจินตนาการเพื่อเป็นกุศโลบายเอาไว้สำหรับหลอกเด็กยังปรากฏขึ้นในชีวิตจริงเลย โลกนี้คงมีอะไรให้น่าค้นหาอีกไม่รู้จบ



“งั้นก็หมายความว่าไอ้แมวนั่นเป็นหมาป่าหรอ ไม่สิ...เป็นหมาป่าที่แปลงเป็นแมวเหมือนผมได้งั้นหรอ”

“ในกรณีของเจ้ามันคือคำสาป แต่กรณีของพวกนั้นมันคือความสามารถทางพันธุกรรม”



มิวนิคคิดว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้เรื่องแปลกประหลาดมากขึ้นทุกที ยิ่งรู้จักเทพเจ้าปู่แมว...ไม่สิ ยิ่งรู้จักไอ้ปู่กามเทพติ๊งต๊อง เขาก็ยิ่งเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ



“แล้ว...ปู่รู้มั้ยว่าไอ้หมอนั่นมันวิ่งตัดหน้ารถผมทำไม แถมยังเข้ามารื้อของในห้องแม็กซ์เวลอีก” ชายหนุ่มพรูลมหายใจฟึดฟัด นึกถึงขนสีเทาๆ ทีไรก็ชวนหงุดหงิดทุกที

“…เหมือนหนีอะไรมาซักอย่างจึงชนกับรถเจ้า พวกอัลฟ่าน่ะยังติดอยู่ในยุคสงคราม ไม่ได้มีวิทยาการหรือวัฒนธรรมล้ำหน้าเหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้าหรอกนะ”

คนฟังขมวดคิ้วมุ่นคิดตาม “แล้ว...เรื่องทำลายห้อง?”

“คล้ายกับว่าพวกนั้นกำลังหาตามล่าหาอะไรซักอย่าง แล้วเผอิญของที่ตามหาดันอยู่ในหอพักของเจ้าพอดี พวกมันเลยไล่ตระเวนรื้อค้นห้องผู้พักอาศัยไปทั่ว ไม่ได้มีแค่ห้องไอ้หนุ่มแม็กซ์เวลที่โดนหรอก”

“เห้ยยย! นี่ปู่รู้เรื่องทุกอย่างเลยนี่นา ทำไมไม่บอกผมบ้าง เรื่องนี้มันเกี่ยวกับผมโดยตรงเลยนะ” มิวนิคจิ๊ปากขัดใจ เหมือนเขาเป็นไอ้โง่คนเดียวที่ไม่เคยรู้มหากาพย์อันนี้มาก่อน

“ข้าก็เพิ่งให้นิมฟ์ไปสืบมาถึงรู้นี่แหละ”

“งั้นในฐานะกามเทพ ปู่ต้องช่วยผมกับแม็กซ์เวลเป็นการไถ่โทษ ผมกับหมอนั่นทะเลาะกันหนักมากปู่รู้มั้ย นี่ผมโดนไล่ออกจากบ้านด้วย” เขย่าแขนอ้อน

“เฮ้อ...ไอ้หนู” คนฟังถอนหายใจปั้นหน้ายาก “หน้าที่ของข้ามันจบลงไปตั้งแต่สามารถทำให้พวกเจ้าทั้งสองได้รู้จักกันแล้ว ต่อจากนี้การรักษาความสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องของคนสองคน กามเทพไม่สามารถเข้าไปเชื่อมรักได้อีก”

“อะไรวะปู่ ปู่จะเทผมแบบนี้ไม่ได้”

“มิวนิคเอ๋ย...ข้าไม่สามารถก้าวก่ายชะตาของมนุษย์ได้มากกว่านี้ อย่างเรื่องอัลฟ่าตัวนั้น มันก็เป็นชะตากรรมที่เจ้าต้องประสบ อันที่จริงการที่เจ้าล่วงรู้เรื่องการมีอยู่ของอัลฟ่าและเหล่าทวยเทพก็ล้ำเส้นมนุษย์คนนึงมากเกินพอแล้ว อย่าให้ข้าต้องลบความทรงจำของเจ้าเลยนะ...”



เหมียวน้อยในร่างคนก้มหน้าจ๋อย กะจะมาขอความช่วยเหลือจากปู่แมวให้เรื่องมันง่ายขึ้นกว่านี้ แต่ไหงกลับกลายเป็นโดนเทศน์ซะยับ

ทว่าพอลองคิดตามดูก็ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า เขาชักจะรู้เยอะเกินไปจริงๆ ถ้าเป็นในหนังสายลับเขาคงถูกแก๊งค์ชายชุดดำไล่ตามเก็บ



“คำถามสุดท้ายปู่...ไอ้แมวอัลฟ่าอะไรนั่นมันจะมาวอแวกับชีวิตผมอีกมั้ย”



มิวนิคคว่ำปากเมื่อต้องนึกถึงไอ้ตัววุ่นวาย เขาคิดว่านอกจากมนุษย์แว่นที่อยู่เหนือการควบคุมแล้ว ไอ้สิ่งมีชีวิตลึกลับอัลฟ่าก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้เรื่องมันยาก เขาต้องจัดการเคลียร์ทางให้มั่นใจก่อน



“ไม่ต้องห่วง...สงครามจบไปแล้ว”

“แน่ใจ๊”

“อย่ากวนตีน”



การขอความช่วยเหลือในการง้อแม็กซ์เวลพังยับไม่เป็นท่า ทริคเพียงอย่างเดียวที่ไอ้ปู่แมวบอกใบ้ก็คือ ‘ความกล้า’ ความกล้าเท่านั้นที่สามารถเอาชนะความยากลำบากทุกสิ่ง กล้ารักก็ต้องกล้าง้อ กล้ารักก็ต้องกล้ายอมเป็นฝ่ายอ่อนลง กล้ารักก็ต้องยอมรับผิด แม้ว่าเราอาจไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเลยก็ตาม...

เฮ้อ...นี่ตกลงว่าเขารักตามนุษย์แว่นจริงๆ ใช่มั้ย

มิวนิคเริ่มแผนการดักเจอหมอหมาบ้าเกมส์ตรงหน้าห้องทำแลปอะไรซักอย่างที่ชั้นสี่บนตึกคณะสัตวแพทย์ เขาคุ้นๆ ชื่อสถานที่ดังกล่าวก็เพราะเคยได้ยินอีกฝ่ายวิดีโอคุยกับเพื่อนๆ จึงตัดสินใจลองมาดู

เป้าหมายที่เหมียวน้อยในร่างคนตั้งใจเอาไว้ก็คือการเคลียร์กับมนุษย์แว่นให้รู้เรื่องก่อนวันศุกร์ นั่นหมายความว่าเขาเหลือเวลาอีกสองวัน ซึ่งก็คือวันนี้ที่เป็นวันพุธ และวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันพฤหัสฯ เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรเลยนอกจากการที่เขาต้องไปออกกองต่างจังหวัดกับสายหมอกในช่วงสุดสัปดาห์

มิวนิคไม่อยากไปทั้งๆ ที่เรื่องกระวนกระวายใจยังไม่ได้รับการสะสาง

มือเรียวหยิบหนังสือการผจญภัยของแมวออกจากกระเป๋าสะพายแล้ววางบนตัก เป็นหนังสือที่ยืมต่อมาจากห้องสมุดของมหาวิทยาลัยอีกที เขาเผลอหลุดยิ้มเมื่อเปิดไปเจอหน้าสุดท้ายแล้วพบว่าลายเซ็นของผู้ยืมคนก่อนหน้าคือใคร

อ่านอะไรก็ไม่รู้ตาทึ่ม



“ขอโทษนะครับ...เห็นแม็กซ์เวลมั้ย”



ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นวี่แววของคนตัวโต มิวนิคตัดสินใจถามหญิงสาวนักศึกษาคนสุดท้ายเมื่อไฟห้องแลปดับลงในตอนหนึ่งทุ่ม

ไม่คิดเหมือนกันว่าตนเองจะรอคนๆ นึงได้นานขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเขาต้องทักคนแปลกหน้าด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก ทั้งชีวิตเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะบอกไว้ก่อน ฮึ่ม...แม็กซ์เวลนะแม็กซ์เวล!



“แม็กซ์เวล พี่ปีสามหรอคะ?” อ้าว...ไม่ได้อยู่ปีเดียวกันหรอกหรอ

“อ่า...ใช่ๆ”

“พี่ปีสามไม่ได้เรียนตึกนี้นะคะ”



แล้วเจ้าหล่อนก็อมยิ้มปิดท้ายก่อนจะขออนุญาตเดินออกไป มิวนิครู้สึกมืดแปดด้าน นี่เขาจำห้องผิดหรอกหรอเนี่ย หมายความว่าวันนี้เขาจะไม่ได้เจอแม็กซ์เวลสินะ โอ้ย...เสียเที่ยวจริงๆ เลย เบอร์ก็ไม่มี ที่อยู่ก็...



“หมอก...กูไปหาแม็กซ์ที่ห้องตอนนี้ดีไหม”

[ตัดสินใจจะง้อเขาแล้วสินะ]

“อื้ม แต่หิวข้าว พาไปกินข้าวก่อน ไม่มีแรงง้อว่ะ”



คงเพราะกินเยอะเกินไป แถมยังกินของหวานต่ออีก รู้ตัวอีกทีก็เกือบสี่ทุ่ม เวลานี้แม็กซ์เวลคงกำลังทำการบ้าน ผนวกกับเป็นช่วงใกล้สอบ ตาหนอนหนังสือคงกำลังหมกมุ่นอยู่กับการทบทวนวิชาเรียน อยากง้อก็อยากง้อนะ แต่ก็ไม่อยากกวนอีกฝ่าย

มิวนิคตื่นขึ้นมาดักรอใครบางคนที่หอพักบ้านสุขใจตั้งแต่เที่ยงในวันพฤหัสฯ จริงๆ กะว่าจะมาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า แต่เพราะกลัวจะคุยกันยาวพาลทำเอาแม็กซ์เวลไปเรียนไม่ทันเขาจึงตัดสินใจรอคุยหลังเลิกเรียนดีกว่า



“มิวมิว มาทำไรฟะ แปลงร่างดิ” ลูกพี่สุดเฮี้ยบกล่าวทักขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนชายตัวขาวนั่งบื้ออยู่บนโซฟาลอบบี้

“แปลงตรงนี้คนก็เห็นพอดีดิ”

“อะไรฟะ จะชวนไปสวนสาธารณะ”

“ไว้วันหลังโน่ วันนี้ไม่มีอารมณ์”



แล้วสิ่งมีชีวิตตัวสีดำก็เดินสะบัดตูดออกไปพร้อมน้องชายลายกาฟิว อันที่จริงมิวนิคสามารถขึ้นไปรอบนห้องของมนุษย์แว่นเลยก็ได้เพราะคุณป้าแม่บ้านจำเขาได้จึงอาสาให้ยืมกุญแจสำรอง เขาบอกว่าขอรอคุณเจ้าของห้องดีกว่า ขืนเจ้าตัวกลับมาแล้วเห็นใครบางคนนั่งสลอนอยู่คงถูกบ่นว่าไม่มีมารยาท



“ยังไม่มาอีกหรอจ๊ะ”

“...ครับ”

“คุณหมอก็งี้เนอะ เรียนไม่เป็นเวลา หนูเอากุญแจไปมั้ยลูก ป้าจะกลับแล้ว”



มันเป็นเวลาหกโมงเย็นที่ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม คุณป้าแม่บ้านอมยิ้มทักทาย แต่เขาก็ปฏิเสธไปเหมือนเดิมว่าจะรอขึ้นพร้อมแม็กซ์เวลถึงแม้ไฟกลางคืนจะเริ่มทำงาน ที่ว่า...ฤดูหนาวมักค่ำเร็วกว่าฤดูอื่นๆ คงจริง

มิวนิคนั่งรออยู่ยังล็อบบี้ที่เดิมจนกระทั่งเวลาสี่ทุ่มก็ยังไม่เห็นวี่แววของมนุษย์แว่นอีกตามเคย ยุงเริ่มกัดถี่ยิบจนเขาต้องขอยืมพัดลมคุณป้าเจ้าของหอมาเปิดไล่ ชิโน่ที่กลับจากเที่ยวแวะมานอนหลับปุ๋ยอยู่บนตักรอเป็นเพื่อน ส่วนชิลลี่ก็นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นกระเบื้องเย็นๆ รอเป็นเพื่อนเช่นกัน



“แม็กซ์ยังไม่กลับเลยหมอก เขารู้ว่ากูจะมาหาปะวะเลยหนีอ่ะ”

[เว่อร์ละ พวกมึงไม่ได้ติดต่อกันนี่]

“ก็นั่นน่ะสิ เฮ้อ...”

[ไว้หลังกลับจากออกกองไหม แค่อาทิตย์หน้าเอง]

“...แต่อยากคุยวันนี้”

[แต่คุณมึงยังไม่ได้จัดกระเป๋า แถมพรุ่งนี้ก็ออกตีห้า]

“…..”

[รู้ว่าไม่อยากร้อนใจตอนทำงาน แต่ทำไงได้...ก็เขาไม่กลับ]



มิวนิคก้มหน้าจ๋อยหากก็ยอมทำตามเพื่อนรักแต่โดยดี อยากคุยก็อยากคุย ทว่างานก็ต้องทำ เหนื่อยเหลือเกิน...ไม่คิดว่าการรอคอยใครซักคนจะสูบพลังขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไงกันที่เขาจะไม่เจอแม็กซ์เวลเลยทั้งๆ ที่ก็พาตัวเองมาอยู่ในสถานที่ที่มีกลิ่นไอของแม็กซ์เวลทั้งนั้น

จังหวะของเรามันจะไม่ตรงกันเลยจริงๆ น่ะหรอ...








//มีต่อจ้า

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


“แม็กซ์!! ไปร้านเกมกัน”



เด็กชายตัวขาวเขย่าแขนอ้อนขณะที่พวกเรากำลังเดินลงจากตึกไปด้วยกัน วันนี้เป็นวันอังคารที่วิชาเรียนเลิกเร็วกว่าปกติ เขาเคยใช้ชีวิตเลิกเรียนไปกับการตรงดิ่งกลับหอ หรือไม่ก็นั่งรอใครบางคนตรงไม้หินอ่อนของคณะนิเทศ แต่นั่นก็เป็นความทรงจำที่นานมาแล้ว

หนึ่งอาทิตย์...



“ใกล้สอบแล้วนะยู”

“แม่ไม่รีบค่ะ ยังไงมึงก็ต้องติวให้พวกกูอยู่แล้ว เพราะงั้นไปชิวกันหน่อย”

“อีแม่พูดถูก เราไม่ได้ใช้ชีวิตเป็นเด็กร้านเกมส์นานแล้วนะเว้ย รียูเนี่ยนหน่อยเป็นไง”



เจนนิษฐ์กับภูรินเกาะแขนคะยั้นคะยออีกแรง สำหรับกลุ่มของพวกเราแล้ว แม็กซ์เวลถือเป็นมือหนึ่งด้านการเรียน โดยเฉพาะช่วงก่อนสอบก็จะเป็นเขาทุกครั้งที่ต้องมาคอยนั่งทบทวนเนื้อหาให้เพื่อนชายสองคน ส่วนเจนนิษฐ์รายนั้นไม่ต้องห่วง เป็นประเภทขี้เกียจแต่หัวดี



“ไปก็ได้...” ประโยคตอบรับของชายหนุ่มแว่นหนาทำให้ทุกคนดีใจเป็นอย่างมาก



แม็กซ์เวลย่นคิ้ว นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ค่อยได้ออกมาแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ เลย จะว่าไปคงเป็นตั้งแต่ที่น้องยูมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ส่วนเขาก็มีเหมียวน้อยจอมยุ่งเข้ามาก่อกวน กลุ่มของเราจึไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนด้วยกันเท่าไหร่…



“แม็กซ์แทงค์นะ เลี้ยงพี่ด้วย”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้แม็กซ์จับอะไรก็เกิด ไม่เหมือนมึงอีน้อง”

“อ้าว มึงจะว่ากูกากหรอภู กูไม่ได้กากซะหน่อย”

“พูดมากค่ะ แม็กซ์มากับแม่ ปล่อยมันไปสองคน เกมส์นี้เราต้องชนะ ชั้นเกลียดอีฝั่งตรงข้าม หน็อย...สกินสวยนัก!”



ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า...แต่ท่าทางของทุกคนดูพยายามให้กำลังใจอยู่ห่างๆ ถึงแม้จะไม่รู้เลยว่าเขากำลังเป็นอะไรเพราะเขาเลือกที่จะไม่เล่าใคร...และทุกคนก็เลือกที่จะไม่ก้าวก่ายชีวิตเช่นกัน ทว่าเพราะคำว่าเพื่อน...เพียงแค่เพื่อนเปลี่ยนไปนิดเดียวทุกคนก็พร้อมเอาใจช่วยแบบไม่ให้รู้ตัวเสมอ



“อื้ม...วันนี้ทีมเราต้องชนะ”



ขอบคุณทุกคนจริงๆ ...

แม็กซ์เวลตื่นขึ้นมาในเช้าวันพุธด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เขายังเคยชินกับการมีแมวขาวมณีตัวนิ่มนอนเกยก่ายอยู่บนร่าง คุณมิวนิคน่ะเวลานอนชอบแปลงร่างเป็นแมว แล้วก็ชอบมุดตัวเข้ามาในที่แคบๆ อย่างเช่นในอ้อมกอดเขาเสมอ เคยบ่นไปหลายทีว่าเดี๋ยวก็หายใจไม่ออก แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยหยุดทำ

แต่ตอนนี้หยุดแล้ว...ไม่มีจอมดื้ออีกแล้ว



“จับได้รึยังคะป้า”

“ยังเลยจ้ะ แปลกจัง...ป้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ”

“ตายแล้ว...ห้องหนูก็โดนเหมือนกันค่ะ”




มนุษย์แว่นที่กำลังนั่งยองๆ ลูบหัวลูกพี่ใหญ่แห่งหอพักบ้านสุขใจหูผึ่ง ก่อนจะถูกเรียกเข้าไปร่วมบทสนทนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าได้ลองคุยแล้วมักจบไม่ค่อยลง สไตล์คุณป้าเขาล่ะ



“แม็กซ์รู้รึเปล่าว่าอาทิตย์ก่อนมีกลุ่มแมวจรจัดเข้ามารื้อห้องลูกหอเราหลายคนเลยนะ”

“รื้อห้อง...หรอครับ?” เขาเบิกตาโพล่งกับสิ่งที่ได้ยิน

“ใช่จ้ะ พวกห้องที่ปิดแค่มุ้งลวดโดนหมดเลย มันเข้ามารื้อของกระจุยกระจายเสียหายยับเยิน บางห้องก็ไปตัวเดียว บางห้องก็หลายตัว”

“ของหนูสามตัวค่ะ เปิดห้องมาเห็นพอดี ไล่ออกไปแทบไม่ทัน”

“ของหนูสีเทาตัวเดียว ตามันดุมาก ไม่รู้มาจากไหน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็น”



แม็กซ์เวลรู้สึกหน้าชา เป็นความรู้สึกแย่เสียยิ่งกว่าแย่ นั่นเท่ากับว่าทั้งหมดที่คุณมิวนิคอธิบายออกมาในตอนนั้นล้วนเป็นความจริง คุณมิวนิคไม่ได้โกหกเลยซักนิด มีแต่เขาที่หลงคล้อยไปตามห้วงอารมณ์โทสะและความน้อยเนื้อต่ำใจที่อีกฝ่ายนัดเจอกับแฟนเก่าจนพาลทำเอาสถานการณ์เลวร้าย

เขาเหมือนเด็กชายที่เคยได้รับลูกอมรสหวานทุกวัน แต่จู่ๆ คุณป้าแม่ค้ากลับบอกว่าลูกอมรสหวานไม่มีสำหรับเขาอีกแล้วในวันนี้ คนที่เคยได้ลูกอมรสหวานมาตลอดจึงเหมือนอกหัก ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ใช่เจ้าของลูกอมรสหวานบนโลก...และคนที่มาซื้อก่อนหน้าก็ไม่ผิด

ความรักเนี่ยทำให้คนเรางี่เง่าราวกับเด็กได้ถึงขนาดนี้เชียวหรอ



“เอ้อแม็กซ์จ๊ะ แล้วหนูคนที่ตัวสูงน้อยกว่าแม็กซ์หน่อยนึงไม่ลงมาหรอ ป้าไม่เห็นหลายวันแล้ว”

“เค้า...ยุ่งๆ มั้งครับ”



อันที่จริงก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ที่มิวนิคโกหกเขาแล้วไปคุยกับผู้ชายคนนั้น แต่พอคดีเรื่องการทำลายห้องคลี่คลายและพบว่าไม่ใช่ฝีมือเจ้าตัว...ความรู้สึกด้านลบก็ลดลงไปเปราะหนึ่ง

อกหักก็อกหัก ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดที่ไปโยนความผิดใส่อีกฝ่ายแบบนั้น การถูกกล่าวหาว่าผิดทั้งๆ ที่ไม่ผิดคงเป็นอะไรที่แย่มากๆ สมแล้วล่ะที่แมวดื้อหนีออกจากบ้านไป ก็เขามันเป็นเจ้าห้องที่ห่วยบรม...



“ยู...ว่างคุยมั้ย”

[ว่างดิ ว่าแต่โทรมาไมอ่ะ เดี๋ยวก็เจอกันที่ห้องเรียนแล้วนี่นา]



ถ้าปรึกษากับภูรินหรือเจนนิษฐ์มากเกินไปมีหวังพวกนั้นได้รู้แน่ๆ ว่าเขามีซัมติงกับคุณมิวนิค เขาไม่ชอบให้เรื่องวุ่นวาย ปรึกษาได้แต่คงต้องหลอกถามอ้อมๆ ส่วนน้องยู...ต่อให้ถามตรงๆ ก็คงจับไม่ได้ คนนี้แหละน่าจะปลอดภัยสุดๆ



“ยูทะเลาะกับหมออุ่นบ่อยมั้ย...เราหมายถึง หมออุ่นเคยทำให้ยูโกรธมั้ย”

[โหย...ประจำเลย จินนี่อ่ะชอบห้ามกูเยอะแยะไปหมด เล่นเกมส์มากก็ไม่ได้บอกว่าสายตาจะเสีย กินหมูกระทะบ่อยก็ไม่ได้บอกว่าเดี๋ยวเป็นมะเร็ง นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ เฮ้อ...เป็นพ่อหรือไงฟะ / หืม...น้องยูนินทาอะไรพี่อุ่นครับ]

เขาหลุดขำเมื่อมีเสียงปลายสายแทรก “แต่ก็ดีกันทุกครั้ง...”

[ก็นะ...ถึงจินนี่จะขี้บ่นแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น อีกอย่าง...ใช่ว่ากูจะไม่มีข้อเสียซะหน่อย ถ้าจินนี่รับข้อเสียในตัวกูได้ กูก็ต้องรับข้อเสียในตัวจินนี่ให้ได้]

“โตขึ้นเยอะเลยนะ…ยู”

[อื้อ จินนี่บอกว่าถ้าโกรธใครให้พยายามมองข้อดีของอีกคน กูทำบ่อยๆ นะ อย่างจินนี่จะชอบพาไปกินของอร่อย พอมองถึงจุดนี้ก็หายโกรธตลอดเลย แหะๆ]



สมกับเป็นยศวินทร์ มองโลกในแง่ดี คิดอะไรไม่ซับซ้อน เติมพลังบวกให้กับทุกคน

แล้วสำหรับเขาล่ะ...เขาควรจะลองปล่อยวางแล้วเชื่อใจคุณมิวนิคอีกซักครั้งดีไหม นั่นสินะ...ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะเจ็บ แต่อย่างน้อยถ้าให้โอกาสอีกฝ่ายไม่สำเร็จ ก็ถือซะว่าเป็นการให้โอกาสกับตัวเอง

แม็กซ์เวลรีบออกจากห้องเรียนทันทีหลังเสร็จสิ้นวิชาช่วงบ่าย วันนี้เขาสลับห้องเรียนกับน้องปีสองเพราะน้องต้องขึ้นไปใช้แลปชั่นสี่ ส่วนพวกเขาที่เหลือแค่เล็กเช่อร์จึงเลื่อนลงมาเรียนชั้นหนึ่ง เรียนชั้นหนึ่งก็ดีเหมือนกัน...ไม่ต้องเหนื่อยลงบันได

เขามาถึงตึกคณะนิเทศศาสตร์แห่งเดิม ดักรอตรงม้านั่งใต้ถุนตัวเดิม รู้ดีว่าถึงแม้คุณมิวนิคจะยังไม่ได้เรียน แต่ก็คงวนเวียนอยู่แถวนี้คอยช่วยคุณสายหมอกถ่ายหนังสั้น

ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหมียวน้อยจอมดื้อเลย แม็กซ์เวลมั่นใจว่าเขาเดินดูจนทั่วตึก หรือทุกสถานที่ที่จะมีการถ่ายทำหนังสั้น แต่ก็ไม่เห็นมิวนิคเลยจริงๆ

มันแย่ตรงที่เขาไม่ได้ขอเบอร์คุณมิวนิคเอาไว้นี่สิ สะเพร่าชะมัด ยิ่งเป็นแค่แฟนคลับกระจอกๆ คนนึงด้วยแล้วยิ่งยากต่อการออกตามหาช่องทางติดต่อของเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ชื่อดัง

แม็กซ์เวลกลับมายังของใครบางคนตามเดิมในวันพฤหัสฯ วันนี้เขากะมาเฝ้าตั้งแต่เที่ยงเพราะวิชาตอนบ่ายปิดคอร์สไปเรียบร้อยเพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวสำหรับสอบไฟนอล เขามากับหนังสือหนึ่งเล่มอ่านฆ่าเวลา แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ เขาไม่มีสมาธิในการอ่านซักนิด

และเหมือนราวกับกามเทพกลั่นแกล้ง เขาขาดโชคด้านความรักแบบสุดๆ เชื่อไหมว่าตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงหกโมงเย็นเขาไม่เจอคุณมิวนิคเลย ต่อให้เดิมตามหาจนทั่วตึกนิเทศ หรือห้องถ่ายทำต่างๆ ก็ไม่เจอ

มนุษย์แว่นจำใจต้องแบกร่างกากๆ ออกจากคณะของใครบางคนชั่วคราวเนื่องจากมีนัดทำงานกลุ่มยิงยาวที่หอภูริน เขาอุตส่าห์กะว่าจะได้เคลียร์ปัญหากับคุณมิวนิคให้เสร็จก่อนทำงาน แต่เขาคาดการณ์ผิด

เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด...



“สมมติว่าภูอยากเจอดาราที่ชอบมากๆ แต่ไปหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้เจอ ภูจะทำยังไง...”



เขาถามภูรินขึ้นตอนที่เราต่างกำลังจิบเบียร์กระป๋องข้างระเบียงหลังเคลียร์งานเสร็จ

หากดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็นเหมือนปกติ เขาคิดว่าภูรินรู้อยู่เต็มอกว่าเขาต้องการอะไรเพียงแค่แกล้งเป็นไร้เดียงสา เห็นทีว่าจบเรื่องนี้เขาควรเล่าปัญหาชีวิตที่กำลังประสบอยู่ให้เพื่อนทุกคนฟังเสียที เก็บไว้ไม่บอกก็เริ่มรู้สึกผิด...



“จะยากอะไร ถ้าไม่เจอที่ทำงานมึงก็ไปดักที่บ้านเขาดิ”

“จะดีหรอ ละเมิดความเป็นส่วนตัวหรือเปล่า”

“อย่าโง่สิเพื่อนรัก มึงแค่อยากเจอ...ถ้าแค่ได้เจอ การไปดักรอที่หน้าบ้านเขาก็ไม่เห็นผิดอะไร หรือมึงคิดจะลวนลามเขารึไง”



แม็กซ์เวลกระดกกระป๋องสังกะสีในมือเข้าปากอึกใหญ่พลางใช้ความคิด ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า ไม่เจอที่ทำงานก็ไปเจอที่บ้าน ถึงแม้ในความเป็นจริงเขาอยากจะทำมากกว่าแค่การดักเจอก็เถอะ...

ชายหนุ่มมาถึงคอนโดนหรูหราย่านกลางเมืองในวันศุกร์ด้วยท่าทางเลิ่กลั่กสุดๆ เขาเคยมาส่งคุณมิวบ้างถึงจำโลเคชั่นได้ แต่ก็ไม่เคยขึ้นไปหรอก เพราะส่วนใหญ่อีกฝ่ายชอบขอไปอยู่กับเขาที่หอพักบ้านสุขใจมากกว่า

พี่นิติบุคคลที่นี่เข้มงวดมาก ถ้าจะขึ้นไปมีเพียงสองวิธีก็คือต้องสแกนลายนิ้วมือ หรือไม่ก็ให้เพื่อนที่อยู่ด้านบนพาขึ้นไปเท่านั้น แต่ถึงจะขึ้นไปได้เขาก็ไม่รู้เลขห้องอีกฝ่ายอยู่ดี...

นี่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณมิวนิคเลยนี่หว่า

แม็กซ์เวลมาดักรอหน้าลอบบี้ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ขืนมาตอนเย็นมีหวังได้คลาดกันอีก ยอมรับเลยว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ยอมโดดเรียน เด็กชายที่รักหนังสือเท่ากับชีวิต บัดนี้เกเรเพราะแมวน้อยตัวเดียว

เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเห็นทุกการเข้าออกของบุคลากรในที่แห่งนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทว่าหนึ่งในนั้นไม่มีคุณเหมียวตัวสีขาวของเขาแม้แต่ปลายขน มันเป็นเวลาสามทุ่มที่มนุษย์แว่นนั่งตัวงอท้องร้องเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้อง เขาอยากออกไปกินแต่ก็ติดตรงว่ากลัวจะสวนกับคุณมิวนิค



“ยังไม่กลับอีกหรอเรา”

“เอ่อครับ...”

“อ่ะนี่...พี่มีแซนวิชในกระเป๋า รองท้องไปก่อนก็ได้จ้ะ”



ถึงหน้าจะโหดๆ แต่ใจดีกว่าที่คิด เขายกมือไหว้ขอบคุณพี่นิติบุคคล เห็นว่าแกลืมของเลยวกกลับมาเอา เจ้าหล่อนทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อยไม่คิดว่าเขาจะสามารถนั่งรออยู่ที่เดิมเป็นสิบชั่วโมงได้

อื้ม...เขาก็ตกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน



“อ้าว...พี่จ๋า วันนี้กลับดึกจัง”

“พี่ลืมโทรศัพท์น่ะจ้ะท็อป”



แม็กซ์เวลหรี่ตามองคนทักทายมาใหม่อย่างสงสัย ถ้าจำไม่ผิดท็อปคนนี้น่าจะเป็นท็อปคนเดียวกันกับที่มีเรื่องกับคุณมิวนิค อยู่คอนโดเดียวกันหรอกหรอเนี่ย

เขาเกิดอาการประหม่า ติดอยู่ตรงกลางระหว่างความอยากรู้อยากเห็นกับความเขินอาย เขาไม่ค่อยกล้าทักคนไม่รู้จักเท่าไหร่



“เอ่อ...คุณท็อป ใช่มั้ยครับ?”

แต่สุดท้ายก็ทักออกไป อาจเพราะระดับความคิดถึงต่อบางคนที่มันมีมากกว่า

“รู้จักเราด้วยหรอ?”

ท่าทางหยิ่งเหมือนกับคุณแมวดื้อของเขาไม่มีผิด เด็กนิเทศหยิ่งแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า “พะ...พอจะรู้มั้ยครับ ว่าคุณมิวนิคไปไหน? เอ่อ...ผมหมายถึง ผมขอเบอร์คุณมิวนิคหน่อยได้มั้ย”

“หึ ผู้ชายคนใหม่ของไอ้มิวงั้นหรอ” อีกฝ่ายปั้นหน้าเหยียดหยามจนคิ้วหนากระตุกแทนบุคคลในบทสนทนานิดหน่อย “จะบอกให้เอาบุญก็ได้...เห็นว่ามันไปออกกองถ่ายหนังสั้นที่ต่างจังหวัดสองสามวัน...แปลกชะมัด เป็นผู้ชายของมันแต่กลับไม่รู้ว่ามันไปไหนเนี่ยนะ”



แม็กซ์เวลแทบจะหมดแรงยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับกำลังโดนฟ้ากลั่นแกล้งจริงๆ แค่พอคิดว่าอยากจะเจอ เขาก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างขัดขวางทุกวิถีทางไม่ให้เจอ หรืออาจเพราะเป็นความดวงซวยล้วนๆ ของเขาเอง

ความดวงซวยที่ทำให้จังหวะเวลาระหว่างเขาและคุณมิวนิคไม่ตรงกันตลอดเลย ; (

     













      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

บางคนอาจงงว่าอยู่ๆ ก็ม่าขึ้นมาเฉยเลย คือต้องออกตัวก่อนว่าเราวางโครงเรื่องให้มีดราม่ามาตั้งแต่ต้นแล้วค่ะ อาจไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ถ้าสังเกตดีๆ เราซ่อนสาเหตุของดราม่าไว้ในหลายๆตอนก่อนจะบึ้มออกมาในตอนที่แล้ว เนื่องจากธีมมันเป็นฟีลกู๊ดคอมเมดี้ ภาษาและวิธีการเล่าดราม่าเลยอาจไม่สมูธเท่าไหร่เราก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ สุดท้ายอยากจะบอกว่า ถึงเราจะชอบเขียนฟีลกู๊ด แต่เราไม่สามารถเขียนฟีลกู๊ดโดยปราศจากดราม่าได้จริงๆแง่ แบบว่าหวานมาทั้งเรื่องแล้วก็ต้องมีขมมาตัดกันบ้างเนอะ ยังไงก็อ่านกันให้สนุกน้า



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-12-2018 22:58:55 โดย WickedWish »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
สมน้ำหน้าแม็ก ชอบคิดเองเออเอง

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สองคนนี้โคตรต่างขั้วกันจริงๆ เหมือนที่ปู่แมวบอกเลยอะ คือ ต่างเกินไป จนไม่นผุ้ว่าจะมาบรรจบกับตรงไหน คาใจแมวเทามาก มันมาค้นไรในห้องแม็กเวล สู้ๆนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ต่างคนก็ต่างรอกัน มาต่อเร็วๆนะ อยากให้เขาคืนดีกันแล้ว แล้วแมวตัวสีเทานี้คือยังไงอะ :z3:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
คลาดกันไปคลาดกันมา เฮ้อ  :เฮ้อ:
สงสารทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สงสารเนาะเมี้ยว

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :z3:แงงง ขอให้ได้เจอกันเร็วๆ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
แงงง ขอให้ได้เจอกันเร็วๆจะได้เคลียร์กันสักที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ Noina_Pn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 20



มิวนิคไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะสามารถปล่อยให้เรื่องค้างคาใจในวันนั้นลากยาวมาเกือบเดือน อันที่จริง...ถ้าไม่ใช่เพราะหลังกลับจากออกกองต่างจังหวัดแล้วทุกคนต้องเผชิญหน้ากับการสอบไฟนอลมหาโหด เขาคงตรงดิ่งไปวอแวแม็กซ์เวล

ตาหมอนั่นน่ะจริงจังกับการเรียนมาก ยิ่งสมัยเขายังเป็นมิวมิวนะ เอาแค่สอบควิซพี่แกยังอ่านแล้วอ่านอีกทั้งคืน ต่อให้มีแมวดื้อกระโดดขึ้นไปนั่งทับหนังสือ คุณเขาก็ยังหาวิธีอ่านเอาจนได้ หนอนหนังสือชะมัดเลย



[อยู่ไหน]

“หอพักบ้านสุขใจ”

[อ้าว...ดีกันแล้วหรอ]

“ป่าว...มานอนเล่นบนดาดฟ้า”

[ทำตัวเหมือนโจรขึ้นทุกวัน]

“ทำตัวเหมือนแมวต่างหาก”



กรอกเสียงบ่นลงไปอย่างไม่จริงจังนัก ถึงชีวิตเด็กนิเทศวันๆ จะเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการถ่ายหนังถ่ายละครหากพอเวลาสอบก็หนักเอาเรื่องเหมือนกัน อย่างเขาที่เห็นสายหมอกอ่านหนังสือเทอมนี้หามรุ่งหามค่ำยังรู้สึกเหนื่อยแทน ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจที่ดรอปเรียนไว้กันแน่



[แล้วเมื่อไรจะกลับ กูอยู่ห้องมึง]

“เป็นผัวหรอเข้าออกห้องตามใจจัง”

[มีไอ้หน้าแมวที่ไหนไม่รู้ให้ไอดีการ์ดไว้]

“มันต้องน่ารักมากแน่ๆ เลย”

[จะกลับตอนไหนไอ้คุณชาย!]



มิวนิคหัวเราะเมื่อสามารถทำให้เพื่อนรักหัวเสียได้ นอกจากแกล้งแม็กซ์เวลให้เขินแล้ว การแกล้งสายหมอกคนเบลอให้เบลอยิ่งกว่าเก่าก็เป็นอีกงานอดิเรกอันโปรดปรานของเขา แหม...อยู่ห้องเฉยๆ มันก็เบื่อนี่นา



“เย็นๆ ได้มั้ย อากาศยังดีอยู่เลย”

[ดีหรอ ร้อนจะตาย]

“ก็ที่นี่มันดี เหมือนเป็นข้อยกเว้นของทุกอย่าง”

[เว่อร์]

“เดี๋ยวห้าโมงกว่าๆ ซื้อของเข้าไป ว่างๆ ก็อ่านหนังสือรอไปก่อน”

[เคยขัดได้มั้ยล่ะครับ]



กลายเป็นกิจวัตรอะไรก็ไม่รู้ที่เขากับสายหมอกต้องอยู่กินข้าวด้วยกันแทบทุกวัน ไม่ทำกินเองก็สั่งให้ร้านมาส่ง หรือบางทีเจ้าตัวก็พาออกไปกินกับสมาชิกที่กอง เหมือนไอ้เพื่อนรักไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียวเพราะกลัวฟุ้งซ่าน



[แล้วไปไง เห็นรถยังจอดอยู่ที่คอนโด]

“เดินมา”

[เดินเนี่ยนะ ตั้งกี่กิโลมิว เหมือนไม่ใช่มึงอ่ะ] ปลายสายหลุดเสียงตกใจ

“ก็แปลงเป็นมิวมิวเดินตามหลังคามาเรื่อยๆ กูต้องรีบหรอ ชีวิตกูไม่มีอะไรทำ”



ฟังสายหมอกบ่นงุบงิบสองสามประโยคอีกฝ่ายก็วางสายไป เห็นว่าจะมารับตอนเย็นเพราะกลัวเขาจะถูกพวกนักอนุรักษ์แมวจอมปลอมตามจับเข้าอีก ก็นะ...มีเพื่อนเป็นสายหมอกบางทีก็รู้สึกเหมือนมีพ่อ

เหลือเวลาอีกสองสามวันสัปดาห์แห่งการสอบมาราธอนก็จะจบลงแล้ว มิวนิคเดาว่าพวกคณะสายแพทย์คงสอบเต็มอาทิตย์ เผลอๆ อาจจะล้นเกินมาด้วยซ้ำ เขาที่ไม่มีแม้แต่สอบอะไรเลยคงต้องรอต่อไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าการเคลียร์กันครั้งนี้อาจมีแนวโน้มทำให้เกิดผลลัพธ์ทั้งทางบวกและลบ

เขากลัวแม็กซ์เวลเลิกชอบเขาแล้ว...

มิวนิคยกแขนทั้งสองหนุนหลังต้นคอต่างหมอน เหม่อมองก้อนเมฆสีขาวที่ลอยอิสระอยู่บนท้องฟ้า เชื่อหรือเปล่าว่าต่อให้อยู่บนดาดฟ้า ทว่าความร้อนจากดวงอาทิตย์กลับไม่ได้รุนแรงพอจะทำให้รู้สึกร้อนจนเหงื่อแตก มันเย็นสบายและผ่อนคลาย อาจเพราะกลุ่มแมกไม้นานาพันธ์ด้านบนที่คุณป้าขยันเอาขึ้นมาปลูก

แล้วก็เจ้าสวนดอกเดซี่ลอยฟ้า



“โน่ แม็กซ์เวลสบายดีไหม”

“มนุษย์แว่นทาสของแกน่ะเรอะ”



เขาถามชิโน่ที่นอนคอหักอยู่ข้างๆ ถัดออกไปเป็นชิลลี่ที่ต่างกำลังจำศีลเช่นเดียวกัน มิวนิคเปลี่ยนเป็นร่างคนบ้างร่างแมวบ้างเวลามาถึงที่นี้ เขาไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ว่าจะมีใครมาเห็น เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครขึ้นมาอยู่แล้ว เว้นก็แต่คุณป้าที่จะชอบมารดน้ำพรวนดินเจ้าพวกใบเขียวในช่วงเช้า



“หมู่นี้เห็นรีบๆ ไม่ค่อยอยู่เล่น”



มิวนิคพยักหน้ารับแทนคำตอบ คงจะวุ่นๆ กับการอ่านหนังสืออยู่จริงๆ

สู้ๆ นะแม็กซ์เวล

คนขี้เกียจเหลือบมองเจ้าดอกเดซี่ในกระถางใกล้ๆ เลื่อนจมูกเข้าไปดมกลิ่นอ่อนพร้อมหลับตาพริ้ม ปกติมิวนิคเป็นคนแพ้เกสรดอกไม้ โดยเฉพาะกุหลาบ แต่ไม่รู้ทำไมพอเป็นเดซี่เขาถึงกลับไม่แพ้ บางทีเดซี่อาจเป็นข้อยกเว้นสำหรับทุกสิ่ง
เขาคิดถึงเจ้ากลุ่มดอกซี่นอกระเบียงที่ห้องแม็กซ์เวล มันเป็นช่วงเวลาที่เขาชอบแอบตื่นขึ้นมาดูใครบางคนรดน้ำต้นไม้ในยามเช้า หรือจริงๆ แล้ว...

เขาชอบมองคนรดน้ำต้นไม้มากกว่า

มิวนิคเปลี่ยนจุดโฟกัสกลับไปยังก้อนเมฆสีขาวเบื้องหน้าอีกครั้ง ช่วงหลายวันมานี้เขาชอบแอบขึ้นมาบนดาดฟ้าของหอพักบ้านสุขใจบ่อยๆ ไม่ได้คาดหวังจะเจอแม็กซ์เวลหรอก ก็แค่...อยากอยู่ในเซฟโซนของตัวเอง เซฟโซนที่เพิ่งค้นพบ เซฟโซนที่อยู่ใกล้ๆ ใครบางคน

เป็นตอนนั้นเองที่ภาพก้อนเมฆค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยไรผมสีดำ ก่อนทั้งเฟรมจะกลายเป็นใบหน้าของเจ้าของแว่นตาหนาเตอะที่ค่อยๆ ก้มลงมามองคล้ายกับว่ากำลังเช็คให้แน่ใจ มิวนิคชะงัก พรวดพราดยันตัวขึ้นจนคนทั้งสอง…



“โอ้ยยย!!”

“โอ้ยยย!!”



...หัวโขกกันเต็มๆ



“ทำบ้าอะไรเนี่ย! ก้มหน้ามาอย่างนี้ตกใจนะเว้ย” เหมียวน้อยในร่างคนโวยวาย ยกมือลูบหน้าผากแดงๆ ที่ถูกกระแทกเข้าอย่างจัง

“คะ...คุณมิวนั่นแหละครับ ขึ้นมาได้ไง นี่มันหอคนอื่นนะ”

“อ๋อ...เดี๋ยวนี้เรากลายเป็นคนอื่นสำหรับนายแล้วใช่มั้ย เอ๊อ...เราก็กลับก็ได้”



คนตัวเล็กกว่าคว่ำปากน้อยใจพร้อมกับหันหลังเดินหนีทั้งอย่างนั้น แต่ไม่ทันไรก็ถูกมนุษย์แว่นตัวโตคว้าข้อมือหมับเอาไว้เสียก่อน ไออุ่นจากฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ไม่ได้สัมผัสมานานหนึ่งเดือนแผ่ซ่านทำเอาก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของมิวนิคเต้นตึกตัก

...คิดถึงได้มากขนาดนี้เชียวหรอ



“เดี๋ยวก่อนสิครับ…”



เขาหันมองเจ้าของนัยน์ตาสีดำที่กำลังเสสายตาไปทางอื่นพร้อมเม้มปากกระอั่กกระอ่วน และบทสนทนาของเราสองคนก็เงียบลงฉับพลันทั้งๆ ที่มือสองข้างยังคงสัมผัสกัน

แม็กซ์เวลยังตัวโตเหมือนเดิม ถึงแม้ส่วนสูงของเราจะต่างกันแค่ไม่กี่เซน ทว่าพอได้ยืนใกล้ๆ เขากลับรู้สึกว่าหมอนี่น่ะตัวใหญ่มาก

ใหญ่ซะจนอยากกระโดดจมลงไปในอ้อมกอดนั่น...



“ขอโทษ...”



เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้วใช้ความคิดราวกับกำลังเตรียมคำพูดอยู่ในหัว มิวนิคจึงชิงพูดออกไปก่อน และดูเหมือนว่าคนฟังจะประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน โถ่...เห็นงี้เขาก็รู้สึกผิดเป็นเหมือนกันนะ



“ขอโทษเรื่องอะไรหรอครั...”



ไม่ทันจะได้ถามจบอ้อมกอดใหญ่โตนั้นก็ถูกโผเข้ากอดโดยชายหนุ่มชุดขาว มิวนิคไม่รออีกแล้ว เป็นสิ่งที่เขาอยากทำมากสุดๆ มาตลอดทั้งเดือน



“...ขอกอดนะ”

“คุณมิว...”

“แค่ครั้งนี้...อยากกอดจะตายอยู่แล้ว”



มือหนายกขึ้นโอบร่างผอมบางอย่างอ่อนโยน ขณะเดียวกันคนถูกกอดก็ซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกกลิ่นมิ้นท์อันโปรดปราน ทำไมกอดผู้ชายคนไหนก็ไม่รู้สึกดีเท่ากอดแม็กซ์เวลเลยจริงๆ

ทำไมกันนะ



“ขอโทษที่วันนั้นทำห้องพัง ทั้งๆ ที่ก็สัญญากันเอาไว้แล้วแท้ๆ”



คนในอ้อมกอดบ่นอุบอิบ แต่เขามั่นใจว่าแมกซ์เวลรู้เรื่อง



“ขอโทษเรื่องตุ๊กตาของคุณแม่ จริงๆ แม็กซ์คงไม่ได้โกรธเรื่องตุ๊กตาเท่ากับคำพูดแย่ๆ ของเราใช่มั้ย เราน่ะ...ไม่ได้ตั้งจะตั้งดูถูกแม็กซ์เลยนะ แค่คิดว่าอยากจะซื้อตัวใหม่ให้ แต่เราดันลืมคิดไปว่าของทุกอย่าง คุณค่าไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่มันอยู่ที่ใครเป็นคนให้ต่างหาก…”



มิวนิคกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น สูดกลิ่นมิ้นท์ที่ผสมกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์จนเต็มปอด สัมผัสไออุ่นจากผู้ชายตัวโตฟอดใหญ่ ก่อนจะผละร่างออกแล้วเงยหน้ามองอีกคน

แม็กซ์เวลกำลังมองมาทางเขาเช่นเดียวกัน มองอยู่ตลอดเลย...



“จะไม่พูดอะไรหน่อยหร...”



คำพูดที่ยังออกมาไม่หมดจากปาก ถูกอีกริมฝีปากกดประทับลงเสียก่อน ราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เขารับรู้สิ่งแวดล้อมภายนอกไม่ได้ซักอย่าง ยกเว้นก็เพียงแต่...

รสจูบของแม็กซ์เวล

มิวนิคไม่รู้ว่าหมอนี่กล้าขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ กล้าขึ้นถึงขนาดจูบเขาบนดาดฟ้า รู้แค่วินาทีนี้...เขาทำได้เพียงปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์ความรู้สึก ความรู้สึกที่ถูกครอบครองโดยอีกคน แม้จะเป็นช่วงเวลาชั่วคราว

แม็กซ์เวลแช่จุมพิตอยู่เนิ่นนานก่อนจะขยับกลีบปากดูดเม้มความนุ่มหยุ่นจากเขา ทุกอย่างจบลงเมื่อเราทั้งคู่ต่างเผลอลืมตา มนุษย์แว่นหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ รู้เลยว่าที่ทำไปเมื่อกี้ขาดสติล้วนๆ

ส่วนเขาน่ะหรอ...



“ทะ...ทำบ้าอะไรเนี่ย”

อื้ม...เขินเหมือนกัน

“ขะ...ขอโทษครับ! ผมไม่ได้ตั้งใจ คะ..คือ ผมไม่รู้ว่าผม”

“แม็กซ์...”

“ทำแบบนั้นไปได้ยังไง ผะ...ผมคงอ่านหนังสือมากเกิน แล้วก็ช่วงนี้...”

“พอแล้ว”

“คะ...คุณมิวไม่โกรธใช่มั้ย คือผมก็แค่...ผม...”



อีกซักรอบแล้วกัน...

รอบนี้เป็นเขาที่เริ่มก่อน เขย่งเท้าขึ้น โน้มต้นคอของมนุษย์แว่นเลิ่กลั่กให้ก้มลงรับรสจูบแสนคิดถึง เขาหลับตาและแม็กซ์เวลก็หลับตา ไม่ต้องมองกัน แค่รับรู้กันและกันผ่านรสสัมผัส



“มันดีมากๆ แล้ว...”



มิวนิคผละร่างใหญ่กว่าออก จ้องมองใบหน้าคนเฉิ่มที่แววตากำลังวูบไหว แม็กซ์เวลเปลี่ยนมาดึงเขาเข้าไปกอดอย่างไม่ทันตั้งตัวบ้าง ฝังใบหน้าตนเองลงบนไหล่แคบแนบแน่น บางทีการไม่เจอกันหนึ่งเดือนอาจทำให้ความกล้าของใครบางคนเพิ่มขึ้นมากมาย



“ผมแค่กลัว...กลัวจะเคยชินกับการมีคุณอยู่ กลัวว่าถ้าไม่มีวันนั้นแล้ว...ผมจะทรมาน”



แม็กซ์เวลพูดด้วยเสียงอู้อี้ เขาไม่เคยกล้าถึงขนาดกอดมิวนิคแบบนี้มาก่อน แต่ในเมื่อความกลัวที่มีมากกว่า จึงผลักดันให้เกิดความกล้าอันมหาศาลขึ้นมา กล้าที่จะกอดเพราะกลัวว่าจะไม่ได้กอด

เขาไม่อยากถูกทิ้ง ไม่สิ...เขากลัวการถูกทิ้ง



“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่ามันไร้สาระ อนาคตจะเป็นยังไงก็เรื่องของมัน ขอแค่มีคุณอยู่ตรงนี้…”



พอไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือนเต็ม ต่างฝ่ายก็ต่างมีเวลาทบทวนกับตนเองมากขึ้น จริงอยู่ที่การมีมิวนิคเข้ามาในชีวิตอาจอันตรายต่อหัวใจ ทว่าในขณะเดียวกัน...มันก็ทำให้หัวใจเต้นแรงไปด้วยความสุขเท่าทวี

แม้มันอาจกลายเป็นเพียงความทรงจำดีๆ ในวันหนึ่ง



“แม็กซ์...เรื่องนัทเราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจจะโกหก” มิวนิคกระชับอ้อมแขน พร้อมขยับปากอู้อี้บ้าง “เราไม่อยากให้นายมาคิดเรื่องแบบนี้ของเราจริงๆ นะ เพราะมันมีอะไร เราถึงไม่อยากเล่า แต่ตอนนี้เรารู้แล้วแหละ...ถ้าเป็นแม็กซ์ เราจะเล่าให้ฟังหมดทุกอย่างเลย”



ชายหนุ่มหลุดยิ้ม เลื่อนท่อนแขนคล้องลงหลวมๆ ไว้ที่เอวอีกคน พยายามผละเหมียวน้อยจอมดื้อออก แต่คุณมิวนิคยังกอดไม่ปล่อย เกาะแน่นติดหนึบเป็นตุ๊กแก



“ผมก็ต้องขอโทษนะครับ...ที่ว่าคุณมิวในวันนั้น ผมรู้ความจริงหมดแล้วล่ะ”

“อื้อ เราทำตัวเองด้วยแหละ...ถือว่าหายกันเนอะ”

“ครับ”



มิวนิคเงยหน้ามองเขา ก่อนจะกัดงับลงบนกล้ามอก กัดทั้งๆ ที่ยังอยู่ในร่างมิวนิค ยอมรับว่าไม่ชิน แม็กซ์เวลเคยแค่สกินชิพหนักๆ แนวนี้เฉพาะตอนคุณเขาเป็นมิวมิว พอมาโดนมิวนิคทำบ้างมันก็...

เขินแทบบ้า



“ตลกดีเนอะ”

“ครับ?”

“ตอนอยากเจอแทบตายดันไม่เจอ แต่พอไม่ได้คิดอะไรแล้วดันเจอกันเฉยเลย”

“…นั่นสินะครับ”



มันเป็นหนึ่งเดือนอันแสนทรมาน หนึ่งเดือนที่พยายามตามหาคุณมิวนิคเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ เบอร์ติดต่อก็ไม่มี แถมยังเป็นหนึ่งเดือนที่ต้องสู้รบกับการไฟนอลของภาคเรียนที่หนึ่ง เป็นหนึ่งเดือนที่สมองกับหัวใจต้องรับภาระอย่างหนัก

ทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย ทั้งคิดถึง



“นายรู้มั้ย เราอยากมาหานายมากเลยนะ แต่ก็ไม่อยากกวน”

“ผม...ก็เหมือนกัน”



เราต่างหัวเราะ แค่เพียงติดอยู่กับความกังวลว่าอีกฝ่ายจะคิดเหมือนกันมั้ยก็ทำเอาหัวใจแทบบ้า หากวินาทีที่รู้ว่าเขาต่างก็คิดเหมือนกันกับเรา ก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก ความเหนื่อยทั้งหมดก็อันตรธานหายไป



“แล้ว...ทำไมถึงขึ้นมา?”

“ครับ?”

“ก็ช่วงสอบ เรามาที่นี่แทบทุกวัน แต่ไม่ยักเจอนายข้างบน”



แม็กซ์เวลนิ่งไปซักพักพร้อมวาดยิ้มเบาบาง



“...เพราะคุณมิวชอบดอกเดซี่”

“หืม...เกี่ยวอะไรกับดอกเดซี่?”

“มีคนเคยบอกว่าถ้าคิดถึงอะไรมากๆ ให้เอาตัวเราเข้าไปอยู่กับสิ่งนั้น หรือสิ่งที่ใกล้เคียงกับสิ่งนั้น” มือหนาเกลี่ยเส้นผมปรกตาอีกคนออก ก่อนจะเล่าต่อ “แล้วดอกเดซี่ก็ใกล้เคียงกับคุณมิวที่สุด เพียงแต่ว่าที่อยู่นอกระเบียงห้องคงไม่มากพอ ผมเลยพาตัวเองขึ้นมายังทุ่งเดซี่ด้านบน แล้วผม...ก็เจอคุณ

“บังเอิญเนอะ” มิวนิคยิ้มบ้าง

“ครับ...บังเอิญจริงๆ”



ถ้าลองหยุดตามหา บางทีอาจจะได้เจอกับสิ่งที่กำลังตามหา คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ



“โกรธมั้ย?”

“…ให้มันจบไปพร้อมกับสอบไฟนอลเถอะครับ”



เพราะถ้าการโกรธแล้วทำให้เราต่างต้องคลาดกันเป็นเดือนแบบนี้ เขาขอเลือกไม่โกรธอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากทรมานหัวใจไปมากกว่านี้แล้ว ไม่อยากขาดเหมียวน้อยจอมดื้อตัวนี้ไปอีกแล้ว



“ถ้าเราจะขอกลับมาอยู่ที่นี่ กลับมาเป็นมิวมิวของนาย...จะอนุญาตหรือเปล่า?”



แม็กซ์เวลไม่ตอบ นัยน์ตาสีดำจ้องมองคู่สนทนาด้วยความรู้สึกหลากหลาย หนึ่งในนั้นคงเป็นความโหยหา...



“เราไม่สามารถรับปากได้ว่าจะอยู่กับนายตลอดไป ในวันหนึ่ง...เราอาจเปลี่ยนไปหรือนายอาจเปลี่ยนไป เราไม่รู้อนาคตเลยจริงๆ ขนาดจะกลายเป็นมิวมิวเรายังไม่รู้เลย...” มิวนิครวบมือทั้งสองของอีกคนมากุมไว้ “แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้ในตอนนี้...เราอยากอยู่กับนาย จะเป็นในสถานะอะไรก็ช่าง นายเลือกมาเลย สัตว์เลี้ยง เพื่อน หรือคนรัก...เราจะเป็นทุกอย่าง ทุกอย่างที่ทำให้ได้อยู่กับแม็กซ์เวล...”



คุณเชื่อหรือเปล่าว่าเรื่องของความรักน่ะ ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลหรอก



“คุณมิวจำประโยคแรกที่คุณขอผมตอนเราเจอกันวันนี้ได้หรือเปล่าครับ?”

“หืม...ขอกอดน่ะหรอ?”

“คุณมิวสามารถทำได้อย่างที่ขอ...มากเท่าที่คุณต้องการ



ขนาดเขาจะรักแมวน้อยจอมยุ่งตัวนึง มันยังไม่สมเหตุสมผลเลย ;)











//มีต่อจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-01-2019 21:33:47 โดย WickedWish »

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



[และผู้ที่ชนะเลิศการประกวดหนังสั้นประจำปี2018 ของนักศึกษาชั้นปีที่สาม ได้แก่...นายเมธานินทร์ วัรชรโภคินทร์ ครับ!!]



เสียงปรบมือดังลั่นขึ้นหลังรายชื่อผู้ได้รับรางวัลไม่หลุดโผไปตามที่คาดหมาย เทศกาลประกวดหนังสั้นสามารถเรียกได้ว่าเป็นเวทีอันทรงเกียรติสำหรับโชว์ฝีมือของเด็กนิเทศ โดยเฉพาะเอกฟิล์ม เทศกาลนี้มักจัดขึ้นหลังจากเปิดภาคเรียนที่สองมาได้ระยะหนึ่ง คนที่เพิ่งกลับมาเรียนจึงไม่รีรอที่จะร่วมกิจกรรม

นอนขี้เกียจมาตั้งสามสี่เดือน ขอทำงานทำการอะไรบ้าง



“ไปดิครับ ยืนยิ้มอะไรล่ะ”



สายหมอกที่นั่งอยู่ข้างๆ สะกิดไล่ นึกแล้วก็โชคดีเหมือนกันที่คราวนี้เจ้าตัวสละสิทธิ์ลงแข่ง ไม่อย่างนั้นมิวนิคคงต้องเผชิญกับคู่ปรับตัวฉกาจ ทว่าเพราะได้ไปช่วยสายหมอกกำกับหนังสั้นตอนทำโปรเจคสอบปลายภาคนั่นแหละถึงทำให้เขามีไฟอยากทำของตนเองบ้าง



[ขอสัมภาษณ์หน่อยครับ อะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณเลือกทำเรื่อง การผจญภัยของแมว]



การผจญภัยของแมว

หนังสั้นความยาวเพียงแค่เจ็ดนาทีที่บอกเรามุมมองการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยของแมวน้อยตัวหนึ่ง มันเรียบง่าย แล้วก็ไร้จุดเด่น หากแต่เพราะความเรียบง่ายและไร้จุดเด่นนั่นแหละที่สร้างมุมมองอันแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน



“การเป็นตัวเองดีที่สุดครับ แต่บางครั้ง...การได้ลองเป็นคนอื่นดูบ้างก็ไม่เสียหาย มันทำให้ผมได้เห็นโลกอีกด้านที่ตัวเองไม่เคยเห็น เห็นวิธีการคิดอีกด้านที่ตัวเองมองข้าม คงเพราะอย่างนั้นมั้ง ผมถึงอยากถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตประจำวันผ่านสิ่งมีชีวิตอันแสนธรรมดาที่เราต่างคุ้นเคน อย่างเช่น...น้องแมว”



มิวนิคคำนับขอบคุณหลังเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง เขารับรางวัลพร้อมถ่ายรูปกับเหล่าผู้บริหารจนเสร็จสรรพ อมยิ้มที่สายหมอกกล่าวทักยังคงวาดระบายอยู่บนใบหน้าของเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยง

ไม่ใช่เพราะใครเลย เพราะมนุษย์แว่นที่กำลังยืนยิ้มมาอยู่แถวหลังสุดนั่นแหละ



“ฉลองที่ไหนดีวันนี้”

“มีนัดกับแม็กซ์เวลแล้วอ่ะ”



ตอบสายหมอกที่เดินเข้ามาขว้างทางเอาไว้เสียก่อน เจ้าตัวคงรู้ดีอยู่แล้วว่าหลังจบงานรับรางวัลในคืนนี้ เขาต้องอยู่ฉลองกับลูกมือที่ช่วยเรนเดอร์ ตัดต่อ รวมทั้งจัดการงานจิปาถะตลอดการทำถ่ายทำวิดิโอ

ลูกมือสุดเฉิ่ม



“แมวอะไรติดเจ้าของ”

“เจ้าของแซ่บขนาดนี้ ไม่ติดก็บ้า”



มิวนิคกระซิบข้างหูเพื่อนรักก่อนจะเดินผ่านอีกฝ่ายตรงไปหาเจ้าของที่ว่า



“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

“เปล่า สายหมอกมันกวน”



คนที่ใส่สูทกระชับฝ่ามืออีกคนแน่นให้เดินไปด้วยกัน ไม่สนสายตาของหนุ่มๆ นับสิบที่ทำท่าจะตรงเข้ามาขายขนมจีบ เราจะหยุดไปเองถ้าวันหนึ่งเราเจอคนที่ทำให้อยากหยุด มิวนิคไม่เคยเชื่อคำคมความรักเพ้อฝันเหล่านั่น จนกระทั่งได้มาเจอกับตัวเอง

เขาอยากหยุดกับแม็กซ์เวล ขอแค่แม็กซ์เวลไม่หายไปไหน...



“ยินดีด้วยนะครับ” มนุษย์แว่นว่าขึ้นในตอนที่รถญี่ปุ่นคันเหลืองเคลื่อนออกไป



จุ๊บ!



“ยินดีต้องแบบนี้รู้เปล่า”

“คุณมิว!” แม็กซ์เวลหันมองคนที่แอบหอมแก้มเขาดังฟอด ยกฝ่ามือขึ้นทาบบริเวณที่โดนเอาแต่ใจเก้อๆ พยายามโฟกัสเส้นทางเข้างหน้าไม่ให้วอกแวก

“อะไรเล่า ก็เป็นแฟนกันแล้ว”

“ผม...ยังไม่ชิน...ก็คุณ ชอบแกล้งผม” ชายหนุ่มขมวดคิ้วยู่

“แกล้งตรงไหน ก็นายตัวโตน่าหอม”

“ดื้อ” คนถูกแกล้งละมือหนึ่งข้างออกจากพวงมาลัยมาหยิกแก้มคนดื้อ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าการตัวโตเกี่ยวอะไรกับการน่าหอม “คุณน่ะดื้อที่สุดเลย”

“แน่จริงก็หอมเราคืนสิ”

“หึ...ฝากไว้ก่อนเถอะครับ”



มิวนิคหลุดยิ้ม โน้มศีรษะพักไว้กับลาดไหล่ของใครบางคน จับมือข้างที่บีบแก้มเขามาสอดประสานด้วยเรียวนิ้วทั้งห้ามองเส้นทางยามค่ำคืนไปด้วยกัน กลิ่นมิ้นท์กับกลิ่นกายแม็กซ์เวลก็ยังคงหอมเหมือนเดิม

หลังเคลียร์ปัญหาหัวใจกันในวันนั้นลงตัวไม่กี่ชั่วโมงต่อมามนุษย์แว่นก็ขอเขาเป็นแฟน มิวนิคยังจำท่าทางวันนั้นได้ แม็กซ์เวลน่ะเลิ่กลั่กชะมัด แถมยังเฉิ่มสุดๆ

แต่เขาชอบนะ



“อื้อ! แม็กซ์...”



เหมียวน้อยในร่างคนหดคอเกร็งเมื่อถูกจู่โจมไม่หยุดหลังประตูห้องปิดลง หมอนี่หอมแก้มเขาสลับไปมาราวกับจะเอาคืนที่ถูกแกล้งตอนอยู่บนรถ



“...คนเก่งของผม”

“หึย...นายก็เก่งเหมือนกันนะเดี๋ยวนี้อ่ะ”



เราทั้งสองหลุดขำคิกคัก แม็กซ์เวลกระชับเขาเข้ามากอดพลางโอบเอวไว้หลวมๆ ส่วนคนถูกกอดก็เกี่ยวท่อนแขนสองข้างคล้องคอคนตัวโตให้แตะจมูกไปมาได้โดยง่าย



“ผมกล้าทำได้แค่นี้แหละครับ”



มิวนิคถูกพามานั่งบนฟูกติดเตียง พิงแผ่นหลังกับผนังไปด้วยกัน มีไหล่ของมนุษย์แว่นให้ใช้ซบอ่อนโยน อีกฝ่ายเนียนหอมหัวเขาในบางครั้งขณะฟังเขาเล่าเรื่องการเตรียมตัวหลังเวทีก่อนการประกาศรางวัล

เหมือนแม็กซ์เวลพยายามเนียนจะแต๊ะอั๋งเขาบ่อยๆ แต่ทำได้อย่างมากที่สุดก็แค่หอมแก้มหรือหอมหัวหาเศษหาเลย ถ้ามากไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็จะแสดงท่าทีคล้ายเป็นลมออกมาทันที

ส่วนเขาคงเป็นจอมซนอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ อย่างถ้าแม็กซ์เวลกล้าแต๊ะอั๋งเขาแค่สิบเปอร์เซ็นจากทั้งหมด เขาคงหลอกแต๊ะอั๋งอีกฝ่ายไปมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ ก็แหม...แม็กซ์เวลน่ะซื่อบื้อจะตาย

และเขาก็ดันหลงรักความซื่อบื้อนี้ซะด้วยสิ

งั่ม!



“...อกผมเป็นรอยหมดแล้วมั้งครับ”

“ไหนถอดเสื้อออกให้ดูหน่อย”

“คะ...คุณนี่มัน!”



มิวนิคอมยิ้ม เชยสายตาขึ้นมองเจ้าของกกหูสีมะเขือเทศ เขาชอบเวลาแม็กซ์เวลเขินชะมัด มันโคตรน่าแกล้ง เขาอยากแกล้งแม็กซ์เวลทุกวัน ที่ว่าคนเป็นแฟนกันมักชอบแกล้งอีกฝ่ายให้หัวเสียคงจะจริง



“นี่แม็กซ์”

“ครับ”

“รูปเราที่ติดอยู่ตรงกลางห้องนี่จะติดถึงเมื่อไรหรอ”



เหมียวน้อยจอมดื้อถามพลางพุ้ยหน้าไปทางรูปที่ว่า แต่เพราะรอคำตอบอยู่นานจึงหันกลับไปมองคนตัวโต



“หน้าแดงอีกแล้ว...ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย ถามเฉยๆ”

“ผม...เหมือนโรคจิตเลย”

“หืม...โรคจิตที่ชอบใส่เสื้อโค้ทตัวเดียวแล้วไปยืนแอบอยู่ตรงมุมอับของตึก พอสาวๆ เดินผ่านมาก็จะโผล่เข้าไปเปิดเสื้อโค้ทออก แล้วพูดว่า ‘ใหญ่มั้ยจ๊ะน้องสาว’ อย่างนี้หรอ”

“คุณจะหยุดมั้ยครับ”



มิวนิคหัวเราะก่อนจะกระเถิบเข้าไปหอมแก้มคนหน้ายู่ดังฟอด พร้อมกับสัญญาว่าคืนนี้จะไม่แกล้งอีกแล้ว เก็บไว้แกล้งวันอื่นบ้าง ยังต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน



“แม็กซ์ไม่เหมือนโรคจิตซะหน่อย ดีซะอีกเวลาเราได้เห็นภาพพวกนี้”

“ดียังไงครับ” อีกฝ่ายเอียงศีรษะสงสัย

“ก็มันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแม็กซ์เครซี่ออนเรามากๆ ยิ่งเป็นแฟนกันแล้วมีภาพแฟนติดบนผนังเยอะๆ มันยิ่งโชว์ให้เห็นถึงความแซ่บของแฟนเรา นี่เคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าตัวเองแซ่บขนาดไหน”

“แซ่บอะไรกันล่ะครับ...ผมไม่ใช่พริก”

“หึ...ถ้าไม่สบายใจ เดี่ยวพรุ่งนี้เราปริ้นท์รูปแม็กซ์ไปติดฝาห้องเรามั่งดีกว่า จะเอาแต่รูปเปลือยท่อนบน เวลาตื่นมาจะได้เห็นซิกแพคแฟนทุกวัน อ่าห์...แค่คิดก็ฟินละ”

“คะ...คุณมิว!”



คนถูกแทะโลมด้วยคำพูดยกมือกุมขมับ แม็กซ์เวลไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณมิวนิคที่เขาเคยคลั่งไคล้มากๆ เนื้อแท้จะเป็นคนหื่นกามสุดๆ เป็นมิวมิวหื่นแค่ไหน เป็นมิวนิคยิ่งหื่นมากขึ้นไปอีกสิบเท่า



“เอ้อ...ผมมีอะไรจะให้คุณด้วยครับ”



แล้วมนุษย์แว่นก็ลุกออกไปหยิบอะไรซักอย่างมาจากตู้เสื้อผ้า เป็นจี้ห้อยคอเงินที่ตรงแผ่นป้ายว่างเปล่าไม่ได้สลักตัวอักษรใดๆ ลงไป มิวนิคขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายจัดแจงผูกสร้อยคล้องรอบคอเขาพร้อมกับคอของตนเอง ปกติการแสดงความยินดีมักมาในรูปแบบช่อดอกไม้ไม่ใช่หรอ



“ดอกไม้ผมกลัวเหี่ยวแล้วจะได้ทิ้งน่ะครับ เลยคิดว่าให้เป็นสร้อยคอ อย่างน้อยคุณมิวก็ยังได้ใส่”



มิวนิคหลุดยิ้มเมื่อถูกอ่านใจ ไปเรียนวิชาอ่านใจมากจากเทพเจ้าปู่แมวหรือยังไงกันนะ



“ส่วนจี้ ผมยังไม่รู้จะใส่คำว่าอะไรลงไป เลยรอถามจากคุณมิวดีกว่า”



อีกฝ่ายเกาหัวแกร้กกร้ากด้วยท่าทางสุดประหม่า เขาถูกมือหนาทั้งสองข้างรวบเข้าไปกุมไว้ รับรู้ได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามืออีกครั้ง รวมทั้ง...ไออุ่นจากนัยน์ตาคู่นั้น ราวกับแม็กซ์เวลกำลังจะบอกอะไรบางอย่าง



เป็นแฟนกับผมนะครับ



และนั่นก็ยิ่งทำให้คนฟังขมวดคิ้วสงสัย



“...ก็เป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?”

“มันไม่เหมือนกันนี่ครับ วันนั้นผมขอปากเปล่า แต่วันนี้ผมขอเป็นทางการ เพราะคุณมิวใส่สูทหล่อมาก”



สาบานสิว่าคนพูดน่ะหล่อกว่าเขาอีก หล่อซะจนอยากกัดแขนใหญ่ๆ นั่น กล้ามอกหนาๆ นั่น ต้นคอแข็งๆ นั่น อยากกัดไปหมดทั้งตัวเลยพ่อคนหล่อ ถ้านี่คือวิธีจีบสาวตามแบบฉบับแม็กซ์เวล มิวนิคก็ถือว่าเจ้าตัวทำได้ไม่เลว

หยุดแซ่บได้แล้วตาบ้า



“ตกลงเป็นมั้ยครับ”

“...ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธซะด้วยสิ”



แม็กซ์เวลยิ้มดีใจ มันเป็นยิ้มที่ต่อให้มองมาจากดวงจันทร์ก็ยังรู้เลยว่าอีกฝ่ายดีใจขนาดไหน มิวนิคเสใบหน้าหนี เขาว่าเขาชักจะเริ่มรับแม็กซ์เวลเวอร์ชั่นโรแมนติกไม่ไหว ข้างในมันพองโตไปหมด

เลิกทำตัวแซ่บได้มั้ย

ทว่าเหตุการณ์ยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีกเมื่อมนุษย์แว่นจับมือหนึ่งข้างของเขายกขึ้นถึงระดับหน้าอก ก่อนจะก้มลงประทับจุมพิตอย่างเนิบนาบหากแต่อ่อนโยน วินาทีนั้นมิวนิครับรู้ได้เลยว่าตัวเขากำลังแย่แน่ๆ เจ้าความรู้สึกเวลามีผีเสื้อนับพันบินวนอยู่ในช่องท้องเป็นแบบนี้นี่เอง...



ผมรักคุณมิวนะครับ



เกมโอเวอร์แล้วล่ะ มิวนิคหน้าแดงก่ำราวกับลูกมะเขือคล้ายใครบางคนไม่มีผิด ทั้งชีวิตเขายังไม่เคยถูกจูบมือมาก่อน นี่มันรุนแรงยิ่งกว่าการถูกจูบปากร้อยเท่า ถ้าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นคือการแก้แค้นของแม็กซ์เวล เขาก็ขอยอมยกธงขาวแต่โดยดี

ช่วงเวลาแห่งการเอาคืนมาถึงแล้วสินะ



“คุณ...จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอครับ ผม...เอ่อ ผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า”



คนที่หน้าร้อนผ่าวจากอาการเขินพยายามหันกลับมามองแฟนตัวเองที่กำลังทำท่าเลิ่กลั่ก ก็เขินอยู่ไงเล่าตาบ้า แล้วนี่จะมาเขินเป็นเพื่อนกันทำไม ใจบางหมดแล้วเนี่ย



“โรแมนติกไม่เข้าเรื่อง...”

“คะ...ครับ?”

“เราเป็นของนาย ไม่ว่ามิวมิวหรือมิวนิค เราก็ล้วนเป็นของนาย” เขาจับมือแม็กซ์เวลขึ้นมาประทับจูบบ้าง “แบบนี้...พอจะเป็นประโยคบอกรักได้หรือเปล่า?”



มิวนิคถูกท่อนแขนที่ใหญ่กว่าดึงเข้าไปกอด สันจมูกโด่งหอมแตะสัมผัสไปตามกลุ่มผมนุ่มและขมับอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง แสงอ่อนๆ จากดวงดาวยามค่ำคืนฉายกระทบร่างของเราทั้งสอง ขับกล่อมให้ติดอยู่ในภวังค์ความสุขของกันและกัน

ดูท่าการเชื่อมรักครั้งนี้ของเทพเจ้าปู่แมวจะคุ้มค่าต่อการถูกลงโทษ

เพราะเขารักเจ้านายตัวโตคนนี้เหลือเกิน ;)















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

end.

















==============================================

ในที่สุดน้องแมวจอมหื่นก็จบลงแล้วแย้ว หลังจากเดินทางมาสามเดือนกว่าๆ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามน้องมาตั้งแต่ต้นนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่กำลังจะเข้ามาอ่านน้องต่อจากนี้ ขอบคุณทุกพลังใจและทุกคอนเม้นจีงๆ

เรื่องการรวมเล่มยังอยู่ในกระบวนการรอ approve จาก สนพ. เน้อ ถ้าผ่านก็ได้ทำค่า /ยังไงใครที่อยากได้น้องไว้ไปกอดก็คอยติดตามข่าวสารด้วยน้า ส่วนเรื่องตอนพิเศษเรามีแพลนๆไว้แล้วค่ะ ส่วนจะได้แบ่งมาลงเว็บมั้ยนั้นขอดูสถานการณ์ก่อนนะคะ ถ้าใครมีซีนไหนอยากเสนอก็ลองแง้มๆบอกกันได้เน้อ อิอิ



สุดท้ายนี้ก็ขอฝากผลงานต่างๆของเค้าในอนาคตด้วยน้า

ปล. สกรีมแท็กกันได้ที่ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว



see you my cat persons ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2019 14:56:00 โดย WickedWish »

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
จบแล้ว ขอบคุณค่ะจะรอติดตามผลงานเรื่องใหม่ค่ะจบได้น่ารักมากๆ :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เย่ๆจบแล้ว

จะมิวมิวหรือมิวนิคก็คือน่ารัก น่ารักมากๆ แม็กซ์เวลก็ขี้เขิน เขินเก่ง และแอบแซ่บด้วย

ดีใจที่มิวนิคมีเพื่อนอย่างหมอกที่คอยช่วยเหลือตลอดไม่ว่าจะตอนอยู่ในร่างแมวหรือตอนที่เป็นคน

ชอบตอนจบจังเลยค่ะ มันแบบโรแมนติกมากกกก เขินตัวบิดตามแม็กซ์เวลไปเลยค่ะ

 รอติดตามเรื่องใหม่นะคะ :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ลงเอยกันแล้ว ดีใจจังเลยค่ะ
ว่าแต่ไหนคะแมวหื่น

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :pig4: ขอบคุณที่แต่งนิยายน่ารักๆ อย่างนี้มาให้อ่านนะคะ จบแล้วคงคิดถึงแมวน้อยตัวขาวกับเจ้าของหุ่นแซ่บมากแน่เลย เจอกันเรื่องหน้านะคะ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
จบแล้ว ดีใจด้วย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เย้ๆ จบแล้ว น่ารักมากเลยเรื่องนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด