[end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19  (อ่าน 38006 ครั้ง)

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


=============================================


แปลกไหมครับถ้าจู่ๆ ผมจะคิดอะไรกับแมวตัวเอง...



          คือผมรับแมวพันธ์ขาวมณีตัวนึงมาเลี้ยง มันก็น่ารักตามสไตล์แมวไทยทั่วไป ขี้อ้อน ชอบเอาหน้ามาถู เดินมานั่งบนคอม แต่ยิ่งอยู่ด้วยทุกวันผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองติดมัน เรียนเสร็จก็รีบกลับห้องทันทีไม่อยู่แฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ ต่อเหมือนแต่ก่อน แถมผมยังชอบอุ้มมันขึ้นมาจูบประจำ และที่แย่กว่านั้นก็คือ..ผมไม่ชอบเวลาที่มันไปคลุกคลีอยู่กับแมวสีดำของเจ้าของหอเลย...

คนเลี้ยงแมวเป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า?


แท็กห้อง - แมว / สัตว์เลี้ยง /

484 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 111236



ความคิดเห็นที่ 7


เรื่องปกติค่ะ เราก็ชอบเล่นแบบนี้กับแมวเหมือนกัน ก็แหม น้องน่ารักขนาดนี้ไม่ให้ฟัดจะได้ไงเนอะ

256 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 187695



ความคิดเห็นที่ 25


คิดก็บ้าแล้วครับ งั้นผมที่เลี้ยงงูก็เท่ากับว่าผมคิดอะไรกับน้องงูตัวเองหรอ หยึยย

189 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 456887



ความคิดเห็นที่ 78

เป็นคนติดแมวเฉยๆ มั้ง แต่ถ้าตั้งกระทู้แบบนี้แสดงว่ากำลังคิดมากอยู่ล่ะสิ เอางี้ ถ้าคุณยังหาคำตอบไม่ได้ก็ลองโทรไปปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตดู 1323 เบอร์นี้เลย เราไม่ได้ว่าคุณเป็นบ้านะ แต่เราว่าถ้ามีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอาจดีกว่ามาตั้งกระทู้ในโซเชียลแบบนี้

170 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 476129



ความคิดเห็นที่ 146

แมวตัวเมียหรือตัวผู้อ่ะคะ >//<

0 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 746952



ความคิดเห็นที่ 199

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเรียกกระแสหรอครับ? งงมาก ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีจุดประสงค์อะไร เอาเป็นว่าถ้าทั้งหมดที่พิมพ์มาคุณไม่ได้กำลังจะสื่อความหมายว่าตนเองเป็นทาสแมว งั้นผมก็ขอสรุปให้แล้วกัน

คุณชอบแมวตัวเอง

0 ถูกใจ สมาชิกหมายเลข 931725











=========================================



แวะมาเปิดเรื่องจ้าาา เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนรักแมวเนอะ ใครชอบแมวน่าจะถูกใจ แล้วก็เป็นสปินออฟจากเรื่อง Wish on the winter: คำอธิษฐานแห่งเหมันต์ด้วย แต่เนื้อเรื่องไม่ได้ต่อเนื่องกันมาก มาอ่านอันนี้เลยก็รู้เรื่องน้า


ปล1. ผลงานเรื่องก่อนๆของเค้า Wish on the ocean: คำอธิษฐานแห่งท้องทะเล
       Tricky star: มายาดวงดาว
       Wish on the winter: คำอธิษฐานแห่งเหมันต์

ปล2.ฝากลุงแม็กซ์เวลไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะค้าา ร๊ากก


twitter: @wickedwish_
facebook: wickedwish_novel

#แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว











========================================


สารบัญ
Meow 0    Meow 1    Meow 2
Meow 3    Meow 4    Meow 5




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-05-2019 20:07:48 โดย WickedWish »

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
นายเอกเป็นแมวหรอคะ???
ที่บ้านมีขาวมณีตาฟ้าอยู่ตัวนึง น้องหูหนวกด้วยง่ะ  :hao4:

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 0



บรรยากาศโดยรอบช่างดูเงียบงัน ตรงกันข้ามกับภาพเหล่าสิ่งมีชีวิตระรายที่ต่างพร้อมเพรียงเข้ามาประชุมกันจนแน่นถนัด ท่ามกลางลานกว้างรกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่ผู้รุกรานกล้าเข้ามาเหยียบย่าง ทุกคู่สายตาล้วนจับจ้องไปยังผู้ปราศรัยบนท่อซีเมนต์สามชั้นวางเรียงต่อกัน

กลิ่นดินระเหยกรุ่นๆ เป็นสัญญาณการตั้งเค้าของเมฆฝน ทว่าการประชุมกลับไม่มีทีท่าว่าจะถูกยุติลง เบื้องหน้าคือจำเลยที่กำลังก้มศีรษะคล้ายน้อมรับความผิด



“เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่จำเลยกระทำขึ้นส่งผลกระทบต่อโจทก์ทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก...”



เอาเข้าจริงคนคนนึงจะมีโอกาสได้เข้ามายืนฟังคำพิพากษาในชั้นศาลบ่อยซักแค่ไหนกัน ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครไม่อยากมา ถ้าเลือกได้ก็คงอยากนอนอยู่ที่บ้านเฉยๆ ถ้าเลือกได้ก็คงขอให้ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายแบบนี้



“...ทางเราจึงอยากขอฟังคำให้การชัดๆ จากปากโจทก์”

“ครับ”



น้ำเสียงอันน่าเกรงขามช่างคู่ควรกับตำแหน่งผู้พิจารณาคดี ไม่ว่าจะโลกไหน สปีชีส์อะไร หรืออาชีพใด สายตาผู้พิพากษาก็ล้วนชวนให้ขนลุกอยู่เสมอ ไม่ใช่เพราะความน่ากลัว...หากแต่เป็นความน่าเคารพ



“จำเลยได้เป็นคนใช้อำนาจในทางมิชอบหรือไม่?”



ทุกคนควรโกรธที่จู่ๆ ชีวิตก็ต้องมาประสบพบเจอกับความยากลำบากโดยที่ตนเองไม่ได้มีความผิดเลยแม้แต่นิด มันเป็นเรื่องเฮงซวยที่ไม่น่าจะเกิดกับชีวิตคนเราได้ เฮงซวยจนบางทีก็ไม่อยากจะหายใจอีกต่อไป

แต่ว่านะ...เรื่องทุกเรื่องล้วนมีเหตุผลในตัวมัน อย่างน้อยถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีก็ถือว่าเป็นรางวัลของชีวิต กลับกัน...ถ้าเรื่องที่ว่าดันเกิดขึ้นเพื่อสร้างบาดแผลต่อร่างกายและจิตใจ

ก็ถือซะว่าที่ผ่านมาเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญ...



“ไม่ครับ...เทพเจ้าปู่แมวทำถูกต้องทุกอย่างแล้ว”







tbc.

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 1



ชีวิตของการเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ช่างชวนปวดหัว ฟังดูอาจคล้ายเป็นคนละเอียดละออ แต่เชื่อเถอะ...ศักยภาพนี้มันไม่ได้น่ายินดีนักหรอก เพราะผลลัพธ์ที่ตามมานั้นล้วนสร้างแต่ความรำคาญใจให้กับทุกๆ ฝ่ายไม่เว้นแม้แต่ตนเอง

ถ้าคิดไม่ออกให้ลองจินตนาการว่าคุณได้เกิดมาพร้อมกับดวงตาคู่ที่สามารถมองเห็นถึงจุดผิดพลาดของทุกสิ่งทุกอย่างแม้เพียงปลายเล็บ ขนาดภาพวาดแนวติสท์ที่ไหล่ของชายในผืนกระดาษไม่เท่ากันเล็กน้อยยังกระตุ้นต่อมความหงุดหงิดจนไม่อยากมอง หรือกระทั่งการค้นพบว่าเพื่อนปริ้นงานส่งอาจารย์ด้วยหมึกขาวดำก็ยังไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

ทำงานทั้งทีทำไมไม่ทำให้มันสมบูรณ์แบบไปเลยวะ!



“นี่นาย เราบอกแล้วใช่ไหมให้เอากระดาษหนังสือพิมพ์รอง ถ้าเปื้อนขึ้นมาจะรับผิดชอบระบายใหม่ปะ”

“ขอโทษๆ”

“แล้วนั่น ยกคนเดียวไม่ไหวก็ไปตามคนอื่นมาช่วยสิครับ ไม่ต้องโชว์เก่งหรอก”

“ขะ...ขอโทษครับพี่มิวนิค...”



มิวนิค เมธานินท์ วัชรโภคินทร์ ตัวท็อปในด้านความหน้าตาดีแห่งคณะนิเทศศาสตร์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีแม้แต่น้อย อาจเพราะความเป๊ะเข้าเส้นเลือดราวกับพวกมาจากลัทธิคลั่งความสมบูรณ์แบบจึงทำให้คนในคณะทั้งหญิงและชายเข็ดขยาดจนไม่กล้าเข้ามาทำความรู้จัก



“มิวนิค แฮ่กๆ พรอบที่สั่งได้แล้วจ้ะ ให้เอาไปไว้ไหนดี”

“เราตกลงกันไว้แล้วว่าพรอบต้องมาถึงก่อนบ่ายสองไม่ใช่หรอ?”

“กะ...ก็ ใช่”

“แล้วตอนนี้กี่โมง?”

หญิงสาวอุ้ยอ้ายที่กำลังท้าวหัวเข่าหมดแรงยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “สะ...สามโมง...”

“ทีหลังถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องรับปากนะ คนรอถ่ายก็รอไปสิ งานก็ล่าช้าเพราะต้องรอคนอยู่คนเดียว”

“เรา...ขอโทษ”



รู้อยู่หรอกว่าศิลปะมันไม่มีกรอบ แต่คนพวกนี้เหมือนทำงานราวกับพอส่งๆ ไปที ขาดความใส่ใจ ขาดความประณีต โดยเฉพาะเรียนทางด้านสื่อด้วยแล้ว...ความผิดพลาดในการถ่ายทอดสารย่อมควรเกิดให้น้อยที่สุด



“อ้าว...แล้วที่ให้ไปยืมไฟสตูดิโอตั้งแต่เมื่อคืนคือยังไม่ได้อีกหรอ?”



นี่ก็อีกราย มิวนิคพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งระเบิดลงชุดใหญ่ เริ่มมีความคิดว่าคนพวกนี้สามารถสอบผ่านเข้ามาในมหาวิทยาลัยโดยปราศจากความรอบครอบได้ยังกัน ถ้าเลือกได้เขาคงไม่ขอทำงานกับคนที่ไม่มีประสิทธิภาพตรงหน้าแน่ๆ เสียเวลาชีวิตชะมัด!

จัดแจงอยู่นานกว่านิทรรศการต่อต้านยาเสพติดจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มองโดยภาพรวมก็ถือว่างานค่อนข้างออกมาเป็นที่น่าพอใจ ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเขาไม่เคี่ยวเข็ญให้หนัก งานอาจแย่กว่าที่คิด...



“ถ้ารู้ว่าเป็นหัวหน้าแล้วจะสบายแบบนี้ รู้งี้ตอนโหวตเรียกคะแนนเยอะๆ ก็ดี”

“ไม่ใช่ว่าเรียกแทบเป็นแทบตายแต่ไม่มีปัญญาได้ตำแหน่งนี้หรอกหรอ?”

“ไอ้มิว!”



คนที่ถูกมองเหยียดราวกับเศษฝุ่นธุลีปรี่เข้ามาจะประชิดร่าง ทว่าก็มีการ์ดเข้ามายุติไม่ให้สถาการณ์บานปลายไปกว่าเดิมเสียก่อน ปากหมาอย่างนี้ไงถึงไม่มีใครคบ หึ...มีดีแค่หน้าตากับบ้านรวย นอกนั่นไอ้มิวนิคก็เป็นได้แค่คนนิสัยเสียคนนึง



“ไม่เอาน่าพวกมึงก็...เพื่อนกันทั้งนั้น”

“กูไม่นับคนแบบนี้เป็นเพื่อนนะ”

“ไอ้เชี่ยมิว!”

“เอ๊ มึงนี่พอแล้วน่ามิวนิค”



สายหมอกยื้อแขนกักกั้นชายหนุ่มที่กำลังอารมณ์ฟึดฟัด ส่วนอีกคนก็ได้แต่ทำหน้ายี่หระไม่ใส่ใจ ก็แล้วทำไมเขาจะต้องเอาคำพูดของพวกคนไร้ความสามารถแบบนี้เก็บไปคิดด้วย...รกสมองชะมัด



“ดูเพื่อนมึงไว้นะไอ้หมอก ปากแบบนี้ซักวันจะโดนเข้าให้”

“คนที่ปากก่อนคือมึงไม่ใช่หรอท็อป แค่ไม่ได้เป็นประธานโครงการแค่นี้ถึงกับต้องไล่กัดชาวบ้านไปทั่ว”

“หน็อย!! ถ้าได้เป็นหัวหน้าแล้วมีแต่คนเกลียดแบบมึงกูก็ไม่ยอมเป็นหรอก”

“ถ้าได้เป็นหัวหน้าที่คนรักไปทั่วแต่งานออกมาห่วยแตกแบบมึงกูก็ไม่ยอมเป็นเหมือนกัน”

“มันจะมากไปแล้วนะไอ้เชี่ยมิว!!”

“พอ!! กูไหว้ละไอ้เหี้ย”



สายหมอกยกมือไหว้เพื่อนชายทั้งคู่จริงๆ ก่อนจะลากแขนคนที่ไม่เคยยอมใครออกมาจากตรงนั้น จอมปราชญ์สมชื่อเมธานินท์ เก่งทุกเรื่องยกเว้นเรื่องมนุษย์สัมพันธ์ บางทีก็อยากจับไอ้มิวนิคไปแช่น้ำเย็นๆ ซักสองชั่วโมงเผื่อนิสัยเหย่อหยิ่งหัวร้อนง่ายกับคนอื่นจะลดลงบ้าง



“มึงนี่ไม่ได้ด่าคนซักวันจะตายเลยใช่มะ”

“หมอก...มึงก็เห็นอยู่ปะว่าไอ้ท็อปมันเดินมาแขวะกูก่อนอ่ะ”



คนที่จากลำพองขนราวกับยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารเปลี่ยนมาทำหน้ากระเง้ากระหงอดเมื่อนั่งอยู่สองต่อสองกับเพื่อนซี้คนสนิท เป็นภาพไม่ถือตัวที่จะมีเฉพาะคนใกล้ชิดท่านั้นที่มิวนิคยอมแสดงออกมา



“กูรู้ว่ามันอิจฉามึง แต่มึงก็ไม่จำเป็นต้องไปทำตัวให้เขาเกลียดเพิ่มนี่หว่า”

“กูพูดความจริงทั้งนั้น มันทำงานห่วยจะตาย เห็นกูได้เป็นหัวหน้าก็แซะไม่เลิก หึ...เป็นเสียมหรอแซะจัง”

“พอเถอะไอ้คุณชายกูไหว้นะ เดี๋ยวกูไปขอเหล้าบรั่นดีจากพี่ฟ้ามาเซ่นมึงก็ได้ แต่มึงยอมกูหน่อยเถอะ”

“เฮ้อๆ ก็ได้ เห็นแก่พี่ฟ้าเลยนะเนี่ย”



สายหมอกมุ่ยปากอย่างเชื่อเขาเลย ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคงเกลียดผู้ชายคนนี้เข้าไส้ ก็แหงล่ะ...ทำตัวน่าหมั่นไส้ไปทั่ว แถมถ้าไม่หน้าตาดีติดอันดับต้นๆ ของคณะอย่าหวังเลยว่าจะอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

อันที่จริง...โดยพื้นเพแล้วมิวนิคไม่ใช่คนร้ายๆ อย่างที่เห็นหรอก แค่ต้องทำความเข้าใจซักหน่อยแล้วจะรู้ว่าเจ้าตัวก็เป็นแค่เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์คนนึง มิวนิคก็แค่ต้องการความสมบูรณ์แบบเพื่อให้งานทุกอย่างออกมาดี

แต่ก็นะ...คงมีสายหมอกคนเดียวเท่านั้นแหละมั้งที่เข้าถึงคุณชายมิวนิค



“ทำหน้าอะไรของมึงเนี่ยหมอก”

“ปะ...เปล่าหรอก” ยกมือเกาศีรษะแกร้กกร้าก “พูดก็พูดเถอะ จริงๆ มึงควรให้กำลังใจคนทำงานหน่อยก็ดีนะ”

“คนทำงาน? ให้กำลังใจ?”

“โถ่...คำพูดแต่ละอย่างของมึงที่คอมเม้นงานคือแบบ กูนึกว่ามีด ใครฟังก็ดาวน์ปะ”

“ก็กูพูดความจริง หมอก...มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้เต็มใจที่จะเป็นหัวหน้าอะไรนี่ซะหน่อย แต่ในเมื่อพวกนี้เลือกกูมาแล้ว พวกมันก็ต้องยอมรับผลของการกระทำและการบริหารของกูรึเปล่า”

“นั่นมันเพราะมึงทำงานดี เขาเลยเลือกมึง”

“ไม่เถียง” ไหวไหล่อย่างเหนือๆ

“แต่สิ่งสำคัญคือมึงต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ไม่ใช่ว่าเขาเลือกมึงแล้วมึงจะทำตัวแย่ใส่ยังไงก็ได้”

“แรงว่ะ หมอกที่กูรู้จักน่ารักกว่านี้”

“ไม่เล่น”

“เฮ้อ...เอาเป็นว่าจะเก็บไปคิดก็แล้วกัน”



พยักหน้ารับตัดรำคาญ รู้ดีว่าขืนยังดื้อดึงต่อไปสายหมอกก็คงสังคายนาเรื่องนิสัยเขาไม่เลิก มิวนิคเลือกสั่งชาเขียวนมสดปั่นหวานน้อยมาเลี้ยงเพื่อนชายจอมขี้บ่น ก่อนบทสนทาจะถูกเปลี่ยนเป็นเรื่องฝนฟ้าอากาศ ภาพถ่ายพล็อตเทตเมื่อสองเดือนก่อน แพลนเที่ยวในวันสุดสัปดาห์ หรือแม้แต่ชีวิตรักของเขาทั้งคู่



“แล้วมึงกับพี่คนนั้น?”

“ก็จีบอยู่…” สายหมอกพรูลมหายใจเซ็งแซ่ “…จีบยากชิบ”

“สู้น่า มึงทำได้ พี่หมอกคนเก่ง”

“ถ้าทำตัวน่ารักกับทุกคนเหมือนที่ทำกับกู ร้อยทั้งร้อยหลงมึงทั้งคณะ”

“กูไม่ได้ต้องการความรักจากคนพวกนั้น”



บทสนทนาถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานอีกครั้ง ไม่ได้เลย...พอเข้าเรื่องนี้ทีไรมิวนิคก็ชักจะของขึ้นทุกที ผิดหรือเปล่าล่ะที่เขาอยากให้ไอ้เพื่อนซี้คนนี้เป็นที่รักเหมือนตัวท็อปคนอื่นๆ บ้าง



“อ๊ะ นัทมาแล้วว่ะ งั้นกูไปก่อนนะ”

“จ้าๆ ...แล้วคนนี้ยังไงครับ บอกผมได้รึยัง” สายหมอกยิ้มล้อ

“ก็...ถือว่าเป็นคนที่พิเศษสุดๆ ในช่วงนี้ละกัน”

“ตอบเลี่ยงชิบหาย เป็นดาราหรอ?”

“ขอไม่ตอบคำถามคนขี้แซว”



สาวเท้าไปยังชายหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังยืนคอยนอกร้านหลังจากโบกมือร่ำลาสายหมอกเสร็จสรรพ มือที่เล็กกว่าถูกรวบไปกุมไว้หลวมๆ ก่อนคนทั้งคู่จะเดินเคียงกัน

สำหรับมิวนิคแล้ว การคบผู้ชายหรือผู้หญิงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ เขาก็แค่ต้องการคนที่เข้าใจ ไม่ก้าวก่าย ไม่วุ่นวาย ไม่ออกคำสั่ง ซึ่งนัทตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้นทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็คือนัดไม่ทำตัวน่ารำคาญ



“วันนี้คุมงานทั้งวันเลยนี่มิว เหนื่อยไหม?”

“ก็เหนื่อยนะ งานมันละเอียด แต่คนทำงานดันไม่ละเอียด”

“อย่าเครียดมาก เดี๋ยวไม่หล่อรู้เปล่า”

“หล่อน้อยลงกว่านี้ก็ดี เราว่า...”



ไม่ทันจะพูดจบ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของคนข้างๆ ก็ดังขึ้นรบกวน นัทปล่อยมือละความสมาธิไปยังเครื่องสมาร์ทโฟนที่ถูกยกแนบหู มิวนิคไม่ได้สนใจอะไรนอกจากวาดสายตาฆ่าเวลามองไปรอบๆ

และด้วยความตาดีจึงสะดุดเข้ากับภาพชายหนุ่มแว่นหนาที่กำลังเดินเก้ๆ กังๆ เข้ามา

คิดไม่ผิดหรอก อีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาจริงๆ ร่างสูงโปร่งกำยำเล็กน้อย ชุดนักศึกษาสีขาวสะอาดพร้อมเนคไทป์ถูกระเบียบ แต่นั่นก็ไม่โดดเด่นเท่ากับช่อดอกไม้ในมือ มันคือดอกกุหลาบ...



“คะ...คุณมิวนิค ชะ...ใช่ไหมครับ?”



มิวนิคขมวดคิ้วเป็นปมเชิงถามย้ำว่าคนพูดได้หมายถึงเขารึเปล่า ทว่าเมื่อหันไปมองรอบๆ ก็ไม่เห็นใครนอกจากชายหนุ่มตรงหน้า กับนัทที่ก็กำลังมองมาด้วยขมวดคิ้วยุ่งเหมือนกัน



“ใช่ครับ คุณ?”

“ผ...ผมเอาดอกไม้มาให้”

“ดอกไม้? ให้เรา? ให้ทำไม?”

“ผ...ผมคิดว่ามันเหมาะกับคุณมิวนิคดี ค...คุณมิวนิคไม่ต้องสนใจหรอกครับ แค่รับไว้ ผมก็...เอ่อ มีความสุขแล้ว” เป็นติดอ่างหรอกเรอะ น่าสงสารจัง



มิวนิคมองลอดกรอบแว่นที่คล้ายกำลังซุกซ่อนความเขินอาย หลังกกหูใบใหญ่ดูเหมือนจะเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อนิดๆ ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าชายคนนี้คงเป็นแฟนคลับอีกตามเคย

อีกตามเคย...ใช่แล้ว เรื่องแบบนี้มักเกิดขึ้นกับเขาตลอด

นับจากช่วงปีสองปีหลังที่เขาเปิดตัวคบกับผู้ชาย ไม่สิ...ไม่ใช่การเปิดตัว ก็แค่คบกับผู้ชายให้เป็นเรื่องปกติเพราะไม่ได้เห็นถึงความเสียหายอะไร หลังจากนั้นเลยดูเหมือนจะมีพ่อค้ามากมายแวะเข้ามาขายขนมจีบไม่ห่าง ส่วนมากก็จะเป็นนักศึกษาจากต่างคณะ ส่วนคณะเดียวกันนั้นมีน้อยมาก...

ไม่ต้องให้บอกก็น่าจะรู้เหตุผล



“ขอบคุณ”

“คะ...ครับ ขอบคุณที่รับไว้เช่นเดียวกันครับ” มนุษย์แว่นตอบกลับเลิ่กลัก



ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็จ้ำฝีเท้าอย่างเร็วพลันหายไปยังลานจอดรถทันที มิวนิคมองช่อดอกไม้ในมือด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เขาคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ ให้มาแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกนจากรอวันร่วงโรย



“โห ได้ดอกไม้ซะด้วย หึงนะเนี่ย” นัทที่คุยโทรศัพท์เสร็จพอดีเบ้ปากนิดๆ อย่างไม่จริงจังนัก



เพราะเป็นเรื่องปกติที่เจอบ่อยๆ อยู่แล้วเขาจึงไม่ต้องกังวลว่านัทจะคิดมาก คบกับนัทมันดีตรงนี้แหละนะ



“นัทเอาปะ จะได้ไม่หึง”

“เขาให้มิว มิวก็รับไว้สิครับ”

“นัทก็รู้เราไม่ค่อยชอบดอกไม้ หมอนั่นคิดอะไรอยู่เนอะ...เห่ยชะมัด”



ช่อกุหลาบสีแดงถูกโยนลงถึงขยะหลังสิ้นโถงทางเดินยาว อย่างที่บอก...อีกหนึ่งความลับที่น้อยคนมักจะรู้เกี่ยวกับมิวนิคก็คือเขาไม่ชอบดอกไม้ เนื่องด้วยเป็นคนแพ้เกสรดอกไม้ มันไม่ถึงขั้นรุนแรง...แต่ถ้าหากต้องอยู่ร่วมห้องด้วยกันหลายชั่วโมงก็คงไม่ไหว บางทีผู้คนอาจคิดว่าเขาชอบมันเพราะทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จจากกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัย ช่อดอกไม้ก็จะถูกมอบแทนคำยินดีเสมอ



หากนั่นก็เป็นแค่หน้ากากเอาไว้เข้าสังคม...ขืนบอกว่ามิวนิคนิเทศศาสตร์แพ้เกสรดอกไม้จึงไม่ขอรับช่อดอกไม้ในทุกกรณีคงถูกตราหน้าว่าเรื่องมากเอาแน่ๆ ถึงไม่ใช่คนสนใจกับคำพูดปากหอยปากปู...แต่ให้ถูกคนเกลียดเพราะเป็นพวกคลั่งความสมบูรณ์แบบก็น่าจะสร้างศัตรูมามากเพียงพอแล้ว



“ทิ้งซะงั้น ใจร้ายไปเปล่า”

“ไม่อยากให้นัทหึง”

“ไม่ได้หึงซะหน่อย”

“ดูเหมือนคำพูดจะสวนทางกับสีหน้านะ”



ทั้งคู่หัวเราะในความเรียบง่ายของกันและกัน ไม่ต้องหาเหตุผล ไม่ต้องเก็บมาเป็นเรื่อง ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร ถ้ารู้ว่าคบผู้ชายแล้วจะโล่งสมองแบบนี้เขาคงคบตั้งนานแล้ว



“เอ้อ...มิว”

“ว่าไง?”

“วันนี้นัทไม่ได้ไปกินข้าวด้วยแล้วนะ พอดีธุระด่วนเข้าเมื่อกี้อ่ะ”

“อ้าว...แล้ว?”

“ก็เดินมาส่งมิวที่รถไงครับ ไม่งอนนัทน๊า เดี๋ยวเสร็จงานแล้วโทรหา”

“อื้มๆ นัทไปเถอะ เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วเราไลน์บอก”



กลายเป็นต้องไปกินข้าวคนเดียวซะงั้น แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยโทรชวนสายหมอกให้มากินด้วยกันก็ได้ มิวนิคยิ้มจางก่อนคนภาพคนที่ยืนรอส่งผ่านกระจกหลังจะค่อยๆ เล็กลงจนหายไป

เอาเข้าจริงถือว่าเขาเกิดมาสมบูรณ์แบบมากเกินไป บางทีก็รู้สึกว่าชีวิตแอบขาดสีสัน ถ้าบ้านของเขารวยน้อยลงกว่านี้ซักนิด หรือหน้าตาธรรมดากว่านี้ลงซักหน่อย ชีวิตคงมีอะไรให้ต้องดิ้นรนมากกว่าที่เป็นอยู่

และนั่นก็คือการท้าทายให้ชีวิตเกิดความสมบูรณ์แบบ



RRRRRRRRRRRRRR!!



เสียงเรียกเข้าจากเครื่องสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างๆ คันโยกเกียร์ดังขึ้นแทรกคณะวอนโว่สีขาวกำลังขับแล่นไปตามท้องถนน มิวนิคเหลือบมองพร้อมกับหลุดอมยิ้มเมื่อหน้าจอดังกล่าวขึ้นรายชื่อของผู้เป็นแม่



“แหม ไม่โทรหาลูกเลยนะครับ”

[โถ่ แม่งานยุ่งอยู่นี่คะคนดี อย่างอนแม่เลยเนอะ]

“คิกคิก มิวไม่งอนคุณแม่หรอกครับ มิวคิดถึงคุณแม่จะตายอยู่แล้วเนี่ย”

[โล่งอก นี่ถ้ามิวงอนสงสัยแม่ต้องระดมกำลังกับคุณพ่อมาช่วยกันง้อแน่ๆ]

“โหย ทำงั้นมิวก็แพ้สิครับ คุณแม่ร้ายมากเลยอ่า”

ปลายสายหลุดหัวเราะ [แล้วนี่ทำอะไรอยู่ลูก เลิกเรียนรึยัง]

“เลิกนานแล้วครับ กำลังกลับคอนโด”

[หืม ขับรถอยู่หรอ?]

“ช่ายครับ”

[งั้นวางเลย เดี๋ยวค่อยคุย ขับรถอยู่ห้ามใช้โทรศัพท์นะคะ ทำเป็นอย่างๆ ไป มันอันตรายรู้เปล่า]

“ไม่เป็นไรหรอกครับ มิวเซียนแล้ว ขับมาตั้งแต่มอสาม”

[ไม่ได้ค่ะลูก เฮ้อ..แม่รู้สึกผิดเลยที่ไม่ค่อยได้อยู่กับมิว งั้นแม่วางก่อนค่ะ ไว้ค่อยคุยกันก็ได้]

“คุณแม่ติดประชุมก็บอกมิวมาเหอะครับ มิวไม่โกรธ” ว่าด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

[ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ เอ๊ะ...เจ้าลูกคนนี้นี่!]



วางสายเสร็จก็หลุดยิ้มอีกครั้ง คุณแม่น่ะน่ารักกับเขาเสมอเลย ส่วนคุณพ่ออยากได้อะไรแค่กริ๊งเดียวไม่กี่วันต่อมาของที่สั่งไปก็ถูกเนรมิตมาวางไว้หน้าบ้าน จะขาดก็เฉพาะเวลาที่พวกเราไม่ค่อยได้ใช้ร่วมกัน เพราะพวกท่านต้องเดินสายต่างประเทศอยู่บ่อยๆ

ทว่ามิวนิคไม่เคยรู้สึกขาดแม้แต่นิด ถึงไม่เจอกันครอบครัวเราก็จะมีเฟสไทม์กันทุกอาทิตย์ หรือไม่ก็ส่งข้อความคุยกันไม่ห่าง แปลก...คนคนนึงมันจะชีวิตดีได้ขนาดนี้เลยหรอ เบื่อตัวเองจัง

เป็นตอนนั้นเองที่ข้างทางดูเงียบลงเล็กน้อย อาจเพราะกว่าจะเลิกงานก็ปาไปสองทุ่มเขาเลยไม่ต้องประสบปัญหาสภาวะรถติดอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน ต้นโพธิต้นใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้าก็ชวนขนลุกแปลกๆ

มิวนิคเหลือบมองศาลแมวกวักข้างๆ ตนไม้ที่ว่าพลางกับลอบคิดสงสัย ขับผ่านทุกวันแต่ไม่ยักจะเคยเห็นศาลอันนี้แฮะ หรือชาวบ้านเพิ่งจะมาศรัทธา

หากจู่ๆ ก็มีแมวสีเทาตัวเบ้อเริ่มโผล่มากจากไหนไม่รู้วิ่งตัดหน้ารถ และด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวจึงทำให้เขาชนเขาเสียเต็มประดาแถมยังดันหักรถหลบไปพร้อมกันอีก



โครมมมมมมมมมม!!



วอนโว่สีขาวกระแทกเข้ากับต้นโพธิ์ใหญ่ยักษ์อย่างจัง น่าจะชื่นชมความแข็งแรงของธรรมชาติที่ไอ้ต้นไม้นี่ไม่เป็นอะไรเลย หากแต่รถเขาเนี่ยสิ...ข้างหน้าพังยับไปแล้วมั้ง



“อูยยย...ไอ้แมวเวรเอ๊ย”



ยกมือคลำหน้าผากเมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองโหม่งศีรษะเข้ากับพวงมาลัยเข้าเต็มเปา ของเหลวสีแดงไหลผ่านสันจมูกลงมาถึงริมฝีปาก รสชาติเค็มปร่าชวนหยีทำเอาชายหนุ่มถุยน้ำลายออกแทบไม่ทัน

โชคยังดีที่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่อย่างนั้นอาการเขาคงหนักกว่านี้

ร่างกายเริ่มรู้สึกหมดแรง เหมือนสติกำลังเลื่อนลอย แปลกจัง...ทำไมกัน ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้ชนรุนแรงมากนัก แต่เขากลับคล้ายกำลังคนเป็นลม แพ้เลือดก็ไม่ใช่ จะว่าเลือดออกเยอะก็ไม่เชิง ทำไมกัน...ทำไมถึง

อ่า....

เขามองเห็นแสงสีขาวทอดยาวออกไปไกลราวกับตนเองอยู่ในส่วนลึกสุดของอุโมงค์ ตะเกียกตะกายคลานเคลื่อนเข้าไปยังแสงทีว่าทีละนิดจนเกือบสัมผัสมัน เป็นความฝันสุดประหลาดหากแต่เสมือนจริง

เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ถูกยกเปิดขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นภาพวิวทิวทัศน์อันเดิมก่อนหน้า นี่เขาคงสลบไปอย่างที่ว่า ชัดเจนจากอาการปวดตื้อตรงสมอง พยายามยันตัวลุกขึ้นแต่กลับรู้สึกได้ถึงสัมผัสอันแปลกประหลาด

ทำไมเท้านิ่มๆ?

พยายามส่งเสียงเรียกร้องให้คนช่วย ทว่าเสียงของตนเองที่เปล่งออกมาจากในลำคอนั้นกลับทำเอามิวนิคแทบล้มทั้งยืน



“เมี้ยว!”



เดี๋ยว!! ทำไมเสียงถึงเป็นเหมียวล่ะ? นี่มันเสียงของแมวไม่ใช่รึไง



“...เมี้ยวๆ”



เป็นเสียงแมวจริงๆ ด้วย มีแมวมาร้องแถวนี้งั้นหรอ มิวนิคสูดลมหายใจเข้าออก พยายามเปล่งเสียงออกอีกหลายครั้งๆ และไม่ว่ากี่ครั้งก็ยังคงได้ยินเสียงๆ เดิม



“เมี้ยว เมี้ยว!”



ไอ้เชี่ยยยย!! ไม่ใช่เสียงแมวตัวไหน แต่เป็นเสียงของเขาเอง!!

แล้วทำไมเขาถึงพูดได้แค่คำว่าเมี้ยวๆ นี่มันเหมือนแมวไม่มีผิดเลย ไม่ใช่! นี่มันเสียงของแมวเลยต่างหากล่ะ ดวงตากลมโตเบิกโพล่งก่อนจะวิ่งสติแตกดูรอบๆ ทว่ากลับไม่พบอะไรแปลกประหลาดนอกจากต้นโพธิ์ต้นเดิม อีกทั้งยังไม่เห็นแม้แต่เศษฝุ่นของยานพาหนะที่เขาขับมา

รถหายไปไหน?

มิวนิควิ่งวนอีกครั้งก่อนจะเหลือบเห็นสระน้ำเล็กๆ ข้างต้นโพธิ์ ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว เคยดูหนังเหมือนกันว่าเราสามารถส่องกระจกผ่านผืนน้ำได้

เรียวขาน้อยๆ ค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปใกล้สระน้ำดังกล่าว หัวใจเต้นตึกตักคล้ายจะระเบิดออกมา ได้แต่ภาวนาว่าขอให้สิ่งที่คิดไม่เป็นจริงด้วยเถิด อย่าเลยมันต้องไม่เป็นจริง... อย่าเลยนะ อย่าเป็นจริงเชียว

แมว...

หน้าคมๆ ตาโตๆ แถมยังมีสีฟ้า ขนสีขาวผ่องเหมือนจะนุ่มนิ่ม...แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็น หูชี้ตั้ง หางกระดิกดุ๊กดิ๊ก ดูยังไงมันก็คือ...แมว นี่มันแมวไม่ใช่หรอ เป็นแมวแบบไม่ต้องสงสัย ว๊ากกกกกกกกกกกก!! แล้วทำไมเขาถึงกลายเป็นแมวได้ล่ะเนี่ยยยยยยยยยย







tbc.











=========================================



เปิดเรื่องมาได้แฟนตาซีมั้ยจ๊ะ ใช่จ้า เรื่องนี้เป็นแฟนตาซีจ้าา เพราะงั้นเหตุผลหรือตรรกะบางอย่างอาจดูเกินจริงไปนิด อยากให้ทุกคนมองข้ามๆไป อ่านเอาสนุกเนอะ // ส่วนใครอยากรู้ว่าคุณมิวนิคปากเก่งจะเป็นเช่นไรก็รอติดตามตอนต่อไปคร้าบบ

ปล. ถ้าชอบก็ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้าาา

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาคุยกันในทวิตเตอร์ก็ได้เน้ออ ร๊ากกคนอื่นทู้กกคนนน

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หมั่นไส้มิวนิคมากๆๆๆ เพอร์เฟคชั่นนิสต์ไปอยู่ในร่างแมวเหมียวแล้วจะยังซ่าอยู่มั้ยน้าาา ถ้าท็อปเป็นคนเก็บน้องไปดูแลจะพีคมาก //มาต่อไวๆนะ  :mew1:

ออฟไลน์ summerkiss

  • ที่พิมพ์แสดงคห.ไปอาจรุนแรงไปบ้างแต่โปรดรู้ไว้ว่าเราใส่ใจและชอบเรื่องของคุณไม่เช่นนั้นจะไม่มีซักตัวอักษรบนนิยายของคุณหากเราไม่ชอบ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ตบมิวนิคได้ไหม. สาวกหนุ่มแว่นไม่ปลื้ม

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ีอันนี้เห็นด้วยนะ ทำงานไม่ได้เรื่องก็ไม่ควรรับปาก รู้จักประเมินตัวเองบ้าง หรือไม่ก็ทำให้ตัวเองไม่ถ่วงคนอื่นไว้ คือเวลาทำงานจริงๆอ่ะ มันไม่มีใครมานั่งคิดให้กำลังใจหรอก  ถ้าคนมีความคิด เขาจะนึกถึงว่างานมันต้องเสร็จ ทุกคนต้องพร้อม ดูแล้วแบบเจอเพื่อนแบบเหลาะแหละ ถ้าได้เข้าไปทำงานจริง แล้วทำตัวแบบนี้ ยังไงก็โดนไล่ออก!!! :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 2


เขาชอบกลิ่นมิ้นท์ที่ลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วห้องจากเทียนหอมกลิ่นมิ้นท์ เพราะตอนเด็กเป็นหวัดลงคอบ่อยๆ คุณแม่เลยประดับบ้านด้วยวัตถุดิบที่เป็นมิ้นท์เสียส่วนใหญ่ นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการป่วยด้วยแล้ว กลิ่นมิ้นท์ยังช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเป่าอย่างแปลกประหลาด

สุดท้ายจึงกลายเป็นคนเสพติดกลิ่นมิ้นท์

ทว่าถ้าเลือกให้ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เพียงอย่างเดียวก็คงจะดี... ไม่ต้องรู้สึกกับใคร ไม่ต้องดีใจเวลาได้เห็น ไม่ต้องมวลท้องแปลกๆ เวลาอีกฝ่ายอมยิ้ม ไม่ต้องกลายเป็นคนฟุ้งซ่านแบบนี้...



“คะ...คุณมิวนิค ชะ...ใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ คุณ?”

“ผ...ผมเอาดอกไม้มาให้”

“ดอกไม้? ให้เรา? ให้ทำไม?”



ไปเอาความกล้าขนาดนั้นมาจากไหนกัน กล้าถึงขนาดซื้อดอกไม้ไปให้ทั้งๆ ที่เขายังเดินอยู่กับคนอื่น กล้าถึงขนาดเดินเข้าไปทัก...ทั้งๆ ที่สายตาของเขาไม่แม้แต่จะปรายมองเลยซักนิด

คุณมิวนิค...

นิยามประโยคที่ว่า Love at first sight คงจะสามารถใช้ได้จริงกับผู้ชายคนนี้ ทีแรกคิดว่าเขาคงตกหลุมรักแค่เพียงรูปลักษณ์ฉาบฉวยภายนอก แต่ยิ่งเนิ่นนานไปภาพของชายคนนั้นกลับไม่ยอมลบเลือน

เคยหวังว่าซักวันคงจะเจอคนที่ถูกใจมากกว่าคุณมิวนิค ทว่าสุดท้าย...ก็ไม่มี มิวนิคยังคงเป็นคนนั้นเสมอ เป็นคนนั้นเรื่อยมาจนอดโมโหหัวใจตนเองไม่ได้ที่มักง่ายเกินไป...



“ขอบคุณ”

“คะ...ครับ ขอบคุณที่รับไว้เช่นเดียวกันครับ”



คนนึงจะสามารถตกหลุมรักคนคนนึงได้นานแค่ไหนกัน และคำตอบก็คือ...

สามปี

แน่นอนว่าในนิยายรักสุดโรแมนติก เหล่าพระเอกที่ตกหลุมรักนางเอกนั้นสามารถทำสถิติได้นานกว่าเขามากโขอยู่แล้ว ทว่านี่คือชีวิตจริง...ชีวิตจริงที่หัวใจดวงหนึ่งสามารถทนทานความรู้สึกพองโตต่อหัวใจอีกดวงหนึ่งมาโดยตลอด รู้ตัวอีกที...ภาพของเขาคนนั้นก็ถูกแปะไว้เต็มบอร์ดไม้กลางห้องเสียจนทั่ว...



[แม็กซ์เวล เรียนอยู่ไหมลูก?]

“ไม่ครับแม่”

[แม่ว่าจะวานแม็กซ์ไปดูของร้านเฮียต๋องให้หน่อย พอดีโทรไปหาเจ้ามูมินดันไม่รับ เฮ้อ...ลูกคนนี้นี่]

“น้องคงเรียนหนัก...เดี๋ยวแม็กซ์ไปซื้อให้ครับ”

[ดีจ้ะลูก เดี๋ยวแม่ลิสต์รายกายส่งไปทางไลน์เนอะ]

“ครับ”



ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงบนฟูกเตียงติดหน้าต่าง ดวงตาที่ฉายแววแห่งความว่างเปล่ามองทอดไปยังกลุ่มแคคตัสสามต้นบนกระถางเล็กๆ ใกล้ขอบบานกระจก ภาพช่อกุหลาบสีแดงที่ถูกหย่อนลงถังขยะอย่างไม่ใยดีผุดขึ้นในหัวตอกย้ำถึงความกากของชายหนุ่มสุดเฉิ่ม

ตัวเขาเอง...

คุณมิวอาจจะคิดว่าเขาไม่เห็น แต่เพราะลอบแอบมองปฏิกิริยาของเจ้าตัวหลังจากยื่นดอกไม้ให้ เขาจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คุณมิวนิคไม่ได้ซาบซึ้งใจกับการกระทำนั้น ไม่ยินดียินร้าย ก็แค่คนคนนึงที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วก็จากไป...คงเป็นได้แค่นั้น…แค่นั้นจริงๆ



“...เฉิ่มขนาดนี้ใครจะไปชอบ”



เปลี่ยนมามองโถแก้วใสบรรจุไปด้วยเจลสีฟ้าที่ถูกกัดกร่อนเป็นแนวโพรง ภายในเผยภาพสิ่งมีชีวิตตัวน้อยสีดำกำลังเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยราวกับชีวิตนี้จะไม่หยุดพัก



“ใช่ไหม...แอนโธนี่?”



เจ้ามดญี่ปุ่นตัวสีดำตอบกลับมาด้วยการเดินตระเวนไม่หยุดหย่อนเช่นเคย จะว่าแปลกก็แปลก...เพราะการเลี้ยงมดไม่ใช่วิสัยของคนปกติโดยทั่วไปนัก ถ้าจะมีก็คงเป็นคนรักสัตว์แนวเฉพาะกลุ่ม บางทีการเรียนสัตว์แพทย์อาจทำให้มองเห็นถึงเสน่ห์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ มากขึ้น

และมดก็คงเป็นหนึ่งในนั้น...

เย็นวันถัดมาแม็กซ์เวลเข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้อแผ่นไม้สำหรับทำงานประดิษฐ์ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่เป็นสถาปนิกทั้งคู่ แถมยังไว้วานเขาให้เข้ามาเป็นธุระซื้อของให้บ่อยๆ เลยกลายเป็นซี้ปึกกับเฮียอ๋องเจ้าของร้าน



“ไหนเจ้าแม็กซ์ วันนี้อาเจ๊ใช้มาเอาอะไรอีกล่ะ แต่คิวเยอะหน่อยนะ” ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ไว้หนวดเครารกครึ้มว่าพลางแยกยิ้มเป็นมิตร

“ตามนี้เลยครับ” ยื่นลิสต์ในกระดาษที่จดมาให้อีกฝ่าย

เจ้าของร้านหยิบปากกาที่เหน็บไว้บนใบหูออกมาแกว่งราวกับใช้สมาธิ “อืม...แม็กซ์ไปเดินรอซักแปปก็ได้”

“ครับ”



เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเวลามาร้านเฮียอ๋องต้องรอไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง หนังสือหุ้นที่เพิ่งถอยมาใหม่จึงถูกหยิบติดมือมาด้วย และโซนติดกระจกนอกร้านกาแฟที่อยู่ถัดออกไปสองบล็อกก็ถูกใช้เป็นแหล่งซ่องสุมฆ่าเวลา

แม็กซ์เวลเดินตามทางมาเรื่อยๆ วันนี้ผู้คนเบาบางกว่าทุกที อาจเพราะเป็นช่วงกลางสัปดาห์อย่างวันพุธ แถมอีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียน ทว่าขาที่ก้าวย่างก็ต้องชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกมาจากซอกตึก



“เมี้ยว...”



แมวไทยสีขาวที่กำลังนอนแอ้งแม้งคล้ายหมดแรงมองมาด้วยแววตาโรยรา เนื้อตัวน้องดูมอมแมมราวกับเพิ่งบุกป่าฝ่าดงมาจากสมรภูมิรบ ที่ท้องมีรอยแผลนิดๆ คล้ายถูกกัดแต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากนัก ปล่อยไว้ซักอาทิตย์คงหาย

หากสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มสะดุดสายตาคือดวงตาสีฟ้าสด ขนสีขาวที่ไม่ใช่ขาวเฉพาะจุด แต่ขาวโพลนไปทั้งตัวไม่ต่างจากหิมะ แม้จะมีคราบสีดำเลอะไปทั่ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้ทาสแมวตัวยงคลาดคะเนพลาดได้ว่าเจ้าแมวน้อยเบื้องหน้าคือแมวพันธ์หายาก

ขาวมณี...



“หิวหรือไง?” นั่งลงยองๆ พร้อมก้มหน้าลงคุยกับตาแป๋วที่กำลังร้องเสียงอ่อน

“ม๊าว...”



ถึงฟังไม่ออกแต่ท่าทางแบบนี้ดูยังไงก็คือหิว แม็กซ์เวลตัดสินใจเดินไปยังร้านสะดวกซื้อพร้อมกับจับจ่ายปลาทูหนึ่งกระป๋องและน้ำเปล่าหนึ่งขวดที่ภายหลังถูกตัดเป็นแก้วให้ง่ายต่อการดื่มมาเสิร์ฟเจ้าขาวมณี

รู้อยู่หรอกว่าการให้อาหารสิ่งมีชีวิตจรจัดเป็นเรื่องที่ไม่ควร เพราะจะทำให้น้องเสียระบบและเข้ามาวุ่นวายกับชุมชนโดยใช่เหตุ แต่เจ้าแมวตัวนี้น่าสงสารเหลือเกิน ขืนปล่อยไว้ก็คงใจร้ายแย่



“กินไป”

“…..”

“ไม่กินรึไง?”



แมวน้อยยังแน่นิ่ง สงสัยคงไม่กล้ากินต่อหน้าคน แม็กซ์เวลจึงตัดสินใจปล่อยให้เจ้าเหมียวจัดการอาหารตรงหน้าด้วยตนเองก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปยังร้านกาแฟข้างๆ เพื่อเริ่มการอ่านหนังสือฆ่าเวลา ไว้เฮียต๋องเรียกค่อยแวะมาเก็บขยะไอ้ตัวหิวโซไปทิ้งทีเดียวเลยแล้วกัน

ระหว่างนั่งรอแอบมีความรู้สึกว่าถ้าได้แมวพันธ์หายากแบบนี้ไปเลี้ยงก็คงจะดี แต่คิดดูอีกทีไม่ดีกว่า...เขาไม่ได้เลี้ยงน้องตั้งแต่เด็ก ปัจจัยที่น้องเคยเจอมาทั้งหมดอาจทำให้เจ้าหนูปรับตัวยากเพราะต้องอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมคับแคบ อีกอย่าง...แมวสวยขนาดนี้น่าจะมีเจ้าของแล้ว หรือจะหนีออกจากบ้าน?



“อเมริกาโน่เข้มๆ ได้แล้วค่ะ”

“ขอบคุณครับ” พยักหน้ารับน้องพนักงานที่ดูจะจำหน้าเขาได้เพราะมาบ่อย “เอ่อ...ขอโทษนะครับ”

“คะ?”

“แมวที่อยู่ข้างร้าน...”

“อ๋อ...เป็นแมวหลงมั้งพี่ หนูก็เพิ่งเห็นเมื่อวานเอง ไม่รู้จะอยู่รอดถึงอาทิตย์มั้ย”

“เดี๋ยวคงมีคนเอาไปเลี้ยงล่ะครับ สวยขนาดนั้น”

“เนอะ...หนูก็ว่างั้น อาบน้ำซักหน่อยใช้ได้เลย”



บทสนทนายุติลงหลังต่างฝ่ายต่างมอบรอยยิ้มจางๆ ให้แก่กัน แม็กซ์เวลไม่ได้อยากคุยเยอะเท่าไหร่ อันที่จริงโดยพื้นฐานเขาก็ไม่ได้เป็นคนพูดเยอะอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นก็คือ...กลัวน้องพนักงานจะรู้ว่าตนเป็นทาสแมว ผู้ชายตัวโตๆ ใส่แว่นหนาเฉิ่ม มิหนำซ้ำยังเป็นทาสแมว

ฟังดูน่าตลกไม่หยอก…

นั่งอ่านไปได้เกือบครึ่งเล่มเฮียต๋องก็โทรตามพอดี เขาคิดเงินพร้อมสั่งบานอฟฟี่ไปฝากน้องยูเพื่อนรัก เพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าบานอฟฟี่ร้านนี้อร่อยมาก เวลามาทีไรจึงต้องมีบานอฟฟี่ติดไม้ติดมือกลับไปฝากตลอด นึกถึงเด็กชายตัวเล็กสุดในกลุ่มทีไรก็ดันหลุดยิ้มมุมปากออกมาทุกที

ขายาวเดินวกกลับไปยังเส้นทางเดิมอย่างไม่รีบร้อนนัก ไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปเก็บขยะของเจ้าเหมียวตรงซอกตึก แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้คนใจบุญต้องเลิกคิ้วประหลาดใจ

ปลากระป๋องไม่ลดลงแม้แต่น้อย



“ทำไมไม่กิน?”

“…ม๊าว” เจ้าสีขาวตอบกลับมาด้วยเสียงอ่อนล้าก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมาจิบน้ำหงอยๆ

“ช่วยแกได้แค่นี้นะ”



ประโยคสุดท้ายจบลงพร้อมร่างสูงที่ค่อยๆ เดินหายลับไป วินาทีหนึ่งเขาหันกลับมอง ดวงตาสองคู่จ้องประสานกัน ถึงจะอยู่ไกลพอประมาณ...หากกลับรับรู้ได้ว่าแววตาสีฟ้าดวงนั้นสวยสดกว่าที่คิด แต่ก็แค่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพราะเขาคงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าการแบ่งปันมื้ออาหารให้น้อง

ขอให้เจอเจ้าของไวๆ นะ...









ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



“ห๊ะ อะไรนะ แมวขาวมณีหรอ ตาสีฟ้าด้วย!!”



น้องยูทำท่าตื่นตกใจเมื่อเขาเล่าถึงเจ้าสิ่งมีชีวิตข้างร้านกาแฟ ช่วงพักเที่ยงจะเป็นช่วงเวลาพักผ่อนที่กลุ่มของเรามักแวะมากบดานตรงโต๊ะไม้หินอ่อนหลังโรงอาหาร ซื้อมื้อกลางวันพร้อมขนมนมเนยมาแชร์กันจนเต็มโต๊ะ



“อืม”

“อุ่น! พี่อยากเลี้ยงแมว”



และไม่กี่เดือนมานี้สมาชิกในกลุ่มของเราก็คล้ายจะเพิ่มมาเป็นห้าคนนอกจาก น้องยู เจนนิษฐ์ และภูริน ใช่แล้ว...เป็นหมออุ่น อดีตเดือนคณะแพทย์ ผู้ปกครองประจำตัวของเด็กชายงอแงตรงหน้า



“น้องยูก็มีพี่โบ้แล้วไงครับ”

“ก็พี่โบ้เป็นหมาอ่ะ” คนพูดย่นคิ้ว “แต่พี่อยากเลี้ยงน้องแมวไม่ใช่น้องหมา”

“ไม่ได้หรอก พี่อุ่นกลัวน้องยูทำมันตาย”

“อุ่น!!”



แม็กซ์เวลมองคู่รักข้าวใหม่ที่กำลังทะเลาะกันงุ้งงิ้งภายใต้ออร่าสีชมพูหวานฉ่ำ ก็เพื่อนชายของเขาน่ะน่ารักเสียจนอยากทะนุถนอมเก็บไว้ในห้อง

ทีแรกทุกคนก็ต่างเป็นห่วงว่าเจ้าตัวจะใช้ชีวิตในมหาลัยรอดไหมเพราะตกเป็นเป้าสายตาแก่ผู้ชายมากหน้าเหลือเกิน แต่พอได้คนมาดูแล...ความกังวลทั้งหมดก็เลยดูเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง



“แม็กซ์ ช่วยพูดหน่อยซี่ กูอยากเลี้ยงน้องแมวตัวนั้นอ่ะ”

“พอเถอะลูก เอาเวลามาเล่นเกมส์กับแม่ดีกว่ามะ” เจนนิษฐ์เกลี้ยกล่อมพร้อมลูบหัวเด็กชายหน้าบึ้ง

“ใช่แล้ว ทุกวันนี้ดูแลตัวเองยังจะไม่รอด นี่มึงยังคิดจะเลี้ยงแมวอีกเรอะ” ภูรินว่าเสริมติดตลก

“โหยย ไอ้พวกเวร!”



เห็นน้องยูก็นึกถึงใครบางคน รายนั้นถึงจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่กลับทำให้รู้สึกเอ็นดูอยากทะนุถนอมไม่ต่างกัน แม้ว่าในความเป็นจริง...เขาคงเป็นได้แค่เศษเสี้ยวนึงในความคิดของอีกฝ่าย

คุณมิวนิค...

โดยปกติแม็กซ์เวลจะสอดแนมมิวนิคผ่านไอจีสตอรี่ หากแต่ช่วงสองสามวันมานี้กลับไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น เป็นไปได้ว่าคุณมิวนิคอาจกำลังยุ่งอยู่กับงานเอามากๆ หรือไม่ก็เกิดป่วยกะทันหัน แล้วถ้าเป็นอย่างหลังเขาจะช่วยคุณมิวนิคได้ยังไงกัน…

ลืมไป...ตัวเขาเองก็เป็นแค่แฟนคลับเงา



“อ้าวแม็กซ์ มาอีกแล้วเรอะ”

“ครับ คุณแม่สั่งเพิ่ม”

เป็นเงาที่คอยตามติดเจ้าของร่าง แม้ว่าการมีอยู่ของเงานี้อาจไม่ได้ทำให้ประโยชน์ใดๆ ให้แก่เจ้าของร่างเลย

“งั้นรอแปป เดี๋ยวเฮียจัดการให้ วันนี้ไม่มีลูกค้า”



เวลาในช่วงเย็นถูกใช้ไปกับการจับจ่ายซื้อวัตถุดิบให้คุณแม่อีกวัน เขาไม่ได้เบื่อหน่ายหรือรำคาญอะไร คงด้วยนิสัยที่ชอบตามใจทุกคนบนโลกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เวลาได้รับมอบหมายจึงคิดว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ให้ได้ทำเรื่องใหม่ๆ

แล้วก็...ถ้าวันนึงเขาค้นพบความชอบอันใหม่ที่พิเศษกว่า หมายถึง...ความชอบที่มีปริมาณมากเพียงพอจนสามารถทำให้ความชอบที่เคยมีให้คุณมิวนิคกลายเป็นแค่ความทรงจำดีๆ อันบางเบา วันนั้นเขาก็คงสามารถหลุดพ้นจากกรอบความคิดถึงอันแสนทรมานที่ถูกกักขังโดยคนไม่รู้จักกันเสียที



“มองหาเจ้าแมวตัวสีขาวหรอคะ?”



น้องพนักงานถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มหลังแม็กซ์เวลเดินออกมาด้อมๆ มองๆ ตรงซอกตึกพร้อมอเมริกาโน่แก้วโปรดในมือหนึ่งข้าง ส่วนมืออีกหนึ่งข้างก็ถือถุงปลากระป๋องพร้อมน้ำเปล่ากับวัสดุออกแบบที่คุณแม่สั่ง



“ครับ”

“คงหนีเตลิดไปแล้วมั้งพี่ ตอนเช้าหนูเห็นเหมือนมีคนมาตามจับด้วย สงสัยจะตกใจ”

“ตามจับ?”

“ค่ะ เป็นผู้ชายประมาณสามคนอ่ะ เขาบอกเป็นนักอนุรักษ์แมว เห็นว่าจะมาหาบ้านให้น้อง”



แม็กซ์เวลมองถุงอาหารในมือแน่นิ่ง เขาไม่ยักกะเคยได้ยินอาชีพนักอนุรักษ์แมวมาก่อน บางทีอาจเพราะยังอ่านหนังสือไม่มากเพียงพอถึงได้ไม่รู้จักอาชีพนี้ แต่ช่างเถอะ...ถ้าเจ้าเหมียวมีบ้านก็ดีแล้วล่ะ



“เอางี้ ถ้าน้องกลับมาเดี๋ยวหนูเอาปลากระป๋องให้น้องก็ได้ค่ะ”



เขาพยักหน้ารับพร้อมคำขอบคุณ ก่อนจะเหลือบมองซอกตึกว่างเปล่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินจากไป ว่ายังไงดีล่ะ...เป็นความถูกชะตาล่ะมั้ง เพราะเจ้าขาวมณีตัวนั้นเป็นน้องแมวพันธ์ที่อยากได้อยู่พอดี แต่ถึงจะเป็นทาสแมวก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเลี้ยงน้องได้จริงๆ หรอก ก็แค่เอ็นดู...

...ไว้รอให้มีคนพร้อมกว่าเขารับน้องไปเลี้ยงอาจคงดีกว่า







ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งวันที่ไร้ซึ่งข่าวคราวจากคุณมิวนิค ถ้าเป็นแฟนกันเขาคงกระวนกระวายมากๆ ที่อีกฝ่ายหายไปนานขนาดนี้ แต่ก็ต้องรีบสะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่านเมื่อตระหนักได้ว่าความคิดทั้งหมดนั้นเป็นแค่เรื่องฝันเฟื่อง คุณมิวนิคอาจหลบหนีความวุ่นวายไปพักผ่อนที่ไหนซักแห่ง

เป็นความคิดที่ปลอดภัยต่อหัวใจที่สุดแล้ว



[แบล็คฟอเรสนะมึง ขอสตอร์เบอร์รี่ให้ไอ้หนูเยอะๆ]

“ได้”

[เขียนว่าน้องยูคนติดผัวด้วยนะ]

“เอาจริงหรอ?”

[จริงแท้แน่นอนค่ะลุงแม็กซ์ ซื้อเสร็จบอกราคาแม่ด้วย เดี๋ยวโอนเงินหาร] เจนนิษฐ์กรอกเสียงแทรกเริงร่า



เนื่องเพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันเกิดของหนูน้อยประจำกลุ่ม แม็กซ์เวลจึงได้รับมอบหมายให้เข้ามาสั่งเค้กวันเกิดจากร้านสุดโปรดของเจ้าหนู ซึ่งก็หนีไม่พ้นร้านกาแฟเจ้าประจำแถวร้านเฮียอ๋องที่เขามักแวะมานั่งรอบ่อยๆ

คิดว่าหมู่นี้ตนเองชักจะเข้ามาเตร็ดเตร่อยู่แถวร้านกาแฟกับร้านเฮียอ๋องเกือบทุกวัน งั้นไหนๆ ก็มาแล้ว...แวะไปดูเจ้าเหมียวหน่อยดีกว่า ว่าเสร็จก็เดินไปด้อมๆ มองๆ ตรงซอกตึกข้างร้านกาแฟอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ



“ม๊าว...”



ยังอยู่จริงๆ ด้วย เขานั่งลงยองๆ พร้อมเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าสี่เท้าที่เดินมาทิ้งตัวแบะข้างๆ อย่างเศร้าสร้อย ที่ขาน้องมีรอยฟกช้ำคล้ายถูกกระแทกด้วยอะไรซักอย่าง แต่ถ้าให้เดาคงไม่พ้นการตกลงมาจากที่สูง



“เจ็บขาก็อย่าเดินบ่อย”

“เมี้ยว...”

“ทำไมไม่ไปอยู่กับนักอนุรักษ์แมว?”



ถามราวกับอีกฝ่ายจะตอบกลับมาเป็นภาษา แม็กซ์เวลยื่นมือยีขนสีขาวที่เปรอะเลอะไปด้วยเขม่าสีดำอย่างอ่อนโยนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปซื้อปลากระป๋องพร้อมน้ำเปล่าในเซเว่นตรงหัวมุมมาให้น้อง



“วันนี้ต้องกิน ผอมมากแล้ว”

“ม๊าว...” เหมียวน้อยเงยมองตาลอย

“กิน!”



ต้องทำเสียงดุเข้าหน่อยถึงเชื่อฟัง เมื่อนั่งเฝ้าจนแน่ใจแล้วว่าเจ้าขาวมณีจะไม่ทิ้งขว้างอาหารของเขาเหมือนคราวก่อนจึงได้เวลาเข้าไปสั่งเค้กเสียที

วันนี้เขามาพร้อมหนังสือหุ้นที่อ่านค้างไว้ครึ่งเล่ม เพราะคุยกับทางร้านแล้วว่าใช้เวลาทำไม่น่าเกินสามชั่วโมงจึงตัดสินใจนั่งรอ อีกอย่างนานๆ ทีได้อ่านหนังสือนอกสถานที่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่

เคยมีคนบอกว่าการอ่านหนังสือก็เหมือนกับการหลุดหายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เป็นโลกที่มีแค่ตัวเรา และเขาเชื่ออย่างนั้น ชัดเจนได้จากการเงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาหลังพบว่าเวลาได้ผ่านไปเกือบสามชั่วโมงแล้ว



“ให้เขียนหน้าเค้กว่าอะไรดีคะ”

“อะ...เอ่อ น้องยูคน...คนติดผัว”



ท้องฟ้าด้านนอกช่างดูมืดครึ้ม ไม่กี่นาทีต่อมาหยาดฝนก็สาดซ่านกระเซ็นจนเฉอะแฉะ แม็กซ์เวลรับเค้กพร้อมจ่ายตังเสร็จสรรพ คิดว่าคงต้องหลบฝนอยู่ในร้านซักพัก ขืนออกไปเวลานี้คงเปียกโชกจนเป็นหวัด

ทว่านั่งไปร่วมหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีสัญญาณว่าสภาพอากาศบ้าคลั่งจะทุเลาลง เพราะมีการบ้านที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในคืนนี้จึงขอยืมร่มจากทางร้านเพื่อฝ่าฝนออกไป

เป็นตอนนั้นเองที่ฝีเท้าของนักศึกษาคณะสัตวแพทย์ร่างสูงต้องหยุดชะงักลง ดวงตาด้านหลังกรอบแว่นสีดำหนามองลอดไปยังภาพของเจ้าแมวตัวน้อยที่กำลังนั่งสั่นงันงกอยู่ข้างถังขยะใบใหญ่

ถึงแม้ตรงซอกตึกจะมีหลังคาจากสองฝั่งร้านยื่นมาบรรจบกันพอดี แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการกำบังพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในตอนนี้ได้ มือข้างที่กำลังจับคันร่มกำหมัดแน่น...

ความรู้สึกแปลกๆ ก่อตัวขึ้นในใจ



“ทำไมไม่ไปหาที่หลบดีๆ”

“เมี้ยว....” เหมียวน้อยยืดตัวขึ้นคล้ายทักทาย



เขาถามสิ่งชีวิตที่เนื้อตัวเปียกชุ่มด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง แววตาของทั้งคู่สบประสานกันอีกครั้ง อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าแมวตัวนี้มีความสามารถสื่อสารผ่านทางสายตาได้รึเปล่า มันคล้ายประโยคเว้าวอนขอความช่วยเหลือ...

เหมือนน้องดีใจที่เจอเขา



“ไปหาที่หลบฝนเถอะ”



ตัดบทไปทั้งอย่างนั้นก่อนจะตัดสินใจรีบก้าวเท้าออกมา กลัวเหลือเกิน...กลัวว่าตนเองจะใจอ่อน เขาแพ้ทางทุกครั้งเวลาเห็นสัตว์จรจัดน่าสงสาร น้องๆ ก็เหมือนเด็ก...ต้องการที่พักพิง ต้องการเอาใจใส่ดูแล

แต่การไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีใคร...มันคือฝันร้าย

แม็กซ์เวลแอบเหลือบมองหลังผ่านพ้นบริเวณกระอักกระอ่วนไปได้ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขาเหมือนเห็นเจ้าเหมียวลอบถอนหายใจ แววตาเศร้าสร้อย หางตก กลับไปทิ้งตัวลงนอนข้างถังขยะตามเดิม

มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าการถอนหายใจเป็นโรคติดต่อ เขาถอนหายใจตาม เดินกลับไปยังซอกตึกซอกเดิม ชั่งน้ำหนักในใจอยู่พักใหญ่ ช้อนร่างสีขาวเปียกปอนขึ้นมาในอ้อมอกอย่างไม่รังเกลียด



“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ดื้อ”

“…ม๊าว”



เจ้าขาวมณีตอบกลับมาคล้ายจะรู้เรื่อง แววตาน้องดูประหลาดใจเล็กน้อยที่ถูกคนอุ้ม เขาคิดว่ามันคือความหวัง เป็นความหวังอันน้อยนิดที่กำลังค่อยๆ เบ่งบานภายในอย่างไม่คาดคิด

ซึ่งเขาก็ไม่คาดคิดเช่นเดียวกัน...

ค้นพบแล้วว่าคนเรามักจะแพ้ทางให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปตลอดกาล เหมือนกับเขาตอนนี้ที่กำลังแพ้ทางให้กับความไร้เดียงสา เป็นความไร้เดียงสาที่เริ่มกัดกินทำลายคอมฟอร์ทโซนของตัวเขาเองอย่างเชื่องช้า

แต่เขากลับเลือกที่จะอยู่ข้างมัน



“มาอยู่ด้วยกันไหม”

“เมี้ยว....”











      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ







==============================================

ใจดีจังเลย มีแฟนรึยังอ่าพ่อหนุ่มมมม

ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
มิวนิคคงถูกเจ้าพ่อปู่แมวลงโทษให้ลดความนิสัยหยิ่งแน่ เลยสาปให้เป็นแมวมาอยู่กับพระเอกทีาแอบรักข้างเดียว 
พระเอกนิสัยน่ารักอบอุ่นมากติดตาม

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ชอบบรรยากาศของเรื่องจัง  รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พาร์ทความคิดของพระเอกคือละมุนมาก น่ารัก :mew1:

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5



Meow 3



เขาเหมือนผล็อยหลับไปอีกครั้งหลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้าข้างต้นโพธิ์ต้นเดิม บรรยากาศภายนอกดูเชื่องช้าราวกับสามารถเอื้อมมือไปสัมผัสไอฝุ่นที่ปลิวละล่องอยู่กลางอากาศ เหตุการณ์สุดประหลาดเกิดตามกันทันควันราวกับพยายามเน้นย้ำให้ชัดเจนว่าเขาคือตัวประหลาดที่กำลังตกอยู่ในเหตุการณ์สุดประหลาด

คนงั้นหรอ?

เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ไม่สิ...เป็นตัวเขาเองต่างหากที่ร่างกายเล็กลง อีกฝ่ายสวมชุดคลุมสีดำพร้อมผ้าผูกเอวสีเดียวกัน ทุกอย่างคล้ายมนุษย์เว้นเสียแต่หน้ากากรูปหน้าแมวยิ้ม หางยาวยื่นกระดิกออกจากกางเกงไปมาเสียจนคล้ายกับของจริง แถมยังอุ้งมือสีชมพูเหมือนจะนุ่มนิ่มนั่น...



“มันคือบทลงโทษ…” บุรุษปริศนาว่าอย่างนั้น

“บทลงโทษ!? บทลงโทษอะไร แล้วแกเป็นใคร!!?” มิวนิคตื่นอย่างเต็มตา อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่คือตัวการของเรื่องราวยุ่งเหยิงทั้งหมด

“เทพเจ้าปู่แมว” เป็นคำตอบนิ่งเรียบก่อนจะตามมาด้วยเหตุผลชวนปวดหัว “เพราะเจ้าขับรถชนแมวจรจัด แถมทางเรายังสืบทราบมาว่าเจ้าเป็นคนนิสัยไม่ดี ชอบพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่น นี่ล่ะคือบทลงโทษที่เจ้าควรจะได้รับ จงกลายเป็นแมวที่ไร้ที่พึ่ง อยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครต้องการ”



ให้ตาย! ถ้ายังอยู่ในร่างคนเขาคงอ้าปากหวอไปแล้ว แต่เพราะอยู่ในร่างไอ้เหมียวสีขาว...มิวนิคเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำหน้ายังไงอยู่ แต่มั่นใจได้เลยว่ามันต้องไม่ใช่สีหน้าที่ดีแน่ๆ



“เดี๋ยวก่อนไอ้ปู่!!” พยายามสะกดกั้นอารมณ์โทสะ “คนบนโลกก็เคยขับรถชนแมวเป็นล้านปะ แล้วไหงหวยถึงมาออกที่ผมวะ ไหนความยุติธรรม!!” พักผ่อนมั้ยปู่ ไม่ไหวว่ะปู่ พูดด้วยน้ำเสียงโมโหขั้นสุด

“ทั่วโลกได้ยังไง เครือข่ายข้าครอบคลุมแค่ที่ประเทศไทย”

“มันเป็นคำเปรียบเทียบโว้ยยยยย!!”

“ไม่ใช่มีแค่เจ้าซะเมื่อไหร่ที่โดน...ข้าก็แค่สุ่ม มนุษย์ใจร้ายควรได้รับบทเรียน”



มิวนิคปวดหัว มันใช่เรื่องที่จะมาเล่นลัคกี้ดอร์วกับชีวิตคนมั้ย!! เขาอยากกระโดนตะกุยหน้าไอ้เทพเจ้าปู่แมวอะไรนี่ให้แหก ถ้าไม่ติดว่ามันกำลังใส่หน้ากากอยู่ กับลองแล้วแต่ร่างกายดันทะลุผ่านไปเฉยเลย เออ! ไม่ตกใจหรอก แมวยังเป็นมาแล้ว เจอผีแค่นี้จะน่ากลัวซักแค่ไหนกันเชียว



“เอาเป็นว่าภายในเวลาหนึ่งปี...จงค้นพบความหมายของชีวิต แล้วเจ้าจะพ้นคำสาป”



ความหมายของชีวิตบ้านมึงสิโว้ยยยยย นี่เขาไม่ได้กำลังเรียนวิชา000ของคณะนะ เขาไม่ต้องการหาความหมายของชีวิตอะไรทั้งนั้น เพราะชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มีความหมายมากเกินพออยู่แล้ว...กระทั่งเริ่มไม่มีความหมายตอนเอ็งเข้ามาวุ่นวายนี่แหละไอ้ปู่แมวเวร!!



“...นานไปไม๊ นี่ต้องเรียนต้องทำงานนะ” กัดฟันประชดประชัน

“ถ้าไม่งั้นเจ้าก็ต้องติดอยู่ในร่างแมวแบบนี้ไปตลอดกาล” นั่น มันไม่ฟังคำพูดเขาเลยซักนิด “แถมยัง อ้อ...เดี๋ยวข้าต้องไปละ มีประชุมด่วนเทพเจ้า ช่วงนี้ยุ่งๆ อาจไม่ค่อยว่างมาเจอ ดูแลตัวเองด้วยละกันเจ้าขาว”

“เฮ้ยๆ เดี่ยวก่อนไอ้ปู่แมว...เฮ้ย เฮ้ยยย!!!!!!”



ตะโกนเรียกยังไงก็ไม่เป็นผล บุรุษครึ่งคนครึ่งแมวได้อันตรธานหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศโดยรอบกลับมาถูกปกคลุมด้วยความเงียบเชียบอีกครั้ง เหมือนนาฬิกาเริ่มกลับมาเดิน มีเพียงต้นโพธิ์กับลานโล่งว่างเปล่าพร้อมความจริงที่ว่า...

เขาถูกสาป

เคยคิดว่าตอนปีหนึ่งที่ได้เกรดบีตัวแรกจากวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสารคือเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ตอนนี้คงต้องยกให้เหตุการณ์ที่กำลังประสบอยู่กลายเป็นแชมป์ออฟเดอะแชมป์ เลวร้ายเสียยิ่งกว่าเลวร้าย...

มิวนิคเดินเตร็ดเตร่ตามทางมาเรื่อยๆ เอาเข้าจริงพอเป็นแมวกลับไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าเท่าไหร่ อาจเพราะตัวเบา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากติดอยู่ในร่างไอ้แมวบ้านี่อยู่ดี อยากจบคำสาปเฮงซวยลงเหลือเกิน!

วัด...

เขาเดินมาถึงวัดที่ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน จะว่าไปถ้าขับรถไม่กี่นาทีก็คงถึงคอนโด แต่เนื่องด้วยเดินเท้าระยะเวลาจึงเพิ่มมากกว่าเดิมเป็นเท่าทวี มิวนิคตัดสินใจแวะที่วัดเมื่อความคิดบางอย่างไหลแล่นเข้ามาในหัว

ใช่แล้ว! พระต้องช่วยเขาได้แน่ๆ ไอ้เทพเจ้าปู่แมวอะไรนั่นคงไม่ใช่เทพเจ้าหรอก เทพเจ้าที่ไหนจะมารังแกมนุษย์สุดน่ารักอย่างเขา ต้องให้คุณพระช่วย ว่าแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปยังโบสถ์ที่อยู่มุมสุดของสายตาทันที ทว่า...

แง่ง! แง่ง!

อุ้งเท้านุ่มนิ่มก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบเจ้าถิ่นฝูงใหญ่กำลังเยื้องย่างเข้ามาใกล้ หมาวัด! เขาไม่เคยกลัวหมาหรือแมวหรือสัตว์ใดๆ มาก่อน ติดจะเอ็นดูไปเสียด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ตอนนี้ พวกหมาวัดช่างดูน่ากลัว



“แกเป็นใคร!!”



เชี่ยยย เขาฟังภาษาหมาออกด้วย มันจะอะเมซซิ่งเกินไปแล้ว ควรบันทึกให้เป็นเรื่องราวดีๆ ของชีวิตมั้ยนะ บ้าจริงมิวนิค! นี่มันใช่เวลามาตกใจไหม เอ็งกำลังเผชิญหน้ากับจิ๊กโก๋ตัวร้ายประจำซอยอยู่นะเว้ย และดูท่าพวกมันคงไม่น่าจะมาอย่างเป็นมิตรแน่ๆ



“อะ...เอ่อ คือเราอยากเจอพระน่ะ ให้เราเจอพระหน่อยได้มั้ย”

“พระ?” เจ้าหมาสีน้ำตาลตัวหนึ่งหันไปมองเพื่อนคล้ายขอความเห็น “อ๋อ นายเรอะ นี่แกอยากเจอนายของพวกชั้นทำไม”

“มันต้องมาขอข้าวนายกินแน่ๆ มันจะมาแย่งข้าวเราลูกพี่ ไอ้พวกแมวเจ้าเล่ห์!” หมาอีกตัวกระซิบกระซาบ

“มะ...ไม่ใช่นะ เราแค่อยากให้พระช่วย...”

“ไม่มีทาง พวกแมวมันไม่ไว้ใจไม่ได้!!”

“เฮ้ ฟังกันก่อน...”



ไม่ทันจะได้อธิบายอีกฝ่ายก็วิ่งกรูเข้ามาทันที และด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอดที่ถูกปลุกขึ้นให้ทำงานตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้...จึงทำให้มิวนิคตระหนักว่าขืนอยู่ต่อไปตนเองคงถูกขย้ำจมเขี้ยวแน่ๆ สี่เท้าน้อยๆ รีบวิ่งออกมาอย่างเร็วพลันพร้อมเสียงเห่าระงมดังไล่หลังทำเอาหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

ไอ้ที่บอกว่าแมวกับหมาเป็นศัตรูกันท่าจะจริง แต่ก็ไม่คิดว่าพวกหมาจะใจร้ายใส่กันขนาดนี้ เขาก็แค่อยากขอความช่วยเหลือจากพระ ไม่ได้ต้องการมาแย่งข้าวหรืออาหารพวกพี่แกเลยซักนิด

อึก....

เหลือบมองดูที่ท้องก่อนจะพบว่ามีรอยแผลบางๆ ไม่ได้ลึกมากแต่ก็แสบหน่อยๆ นี่เขาถูกกัดงั้นหรอ แล้วเขาจะเป็นพิษสุนัขบ้าไหมนะ... แล้วเขาจะตายหรือเปล่า อะไรกัน เขายังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย



“ฮึก”



รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดยืนอยู่ในซอกตึกระหว่างร้านค้าอะไรซักอย่าง เขาวิ่งมาไกลขนาดไหนกัน มิวนิคทิ้งตัวลงข้างถังขยะใบใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนอย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมให้ร่างกายเปรอะเปื้อนสิ่งสกปรก เขาน่าจะอยู่ตรงต้นโพธิ์ต้นเดิม อย่างน้อยก็ไม่มีพวกหมาเกเรมาทำร้าย...

หากแต่ตอนนี้...ไม่มีแม้แต่หนทางให้เลือก ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องมาเกิดขึ้นกับเขา ทำไมกัน... แค่ขับรถชนแมวตัวเดียวถึงกับต้องสาปให้เขากลายเป็นแมวเลยหรอ แล้วไอ้แมวตัวนั้นหายไปไหน...อย่าบอกนะว่าตายแล้ว? หึ...คิดไปก็ฟุ้งซ่าน เพราะเขากำลังรับผลของการกระทำที่มันไม่สมควรเลยซักนิด



“แม่ครับ พ่อครับ มิวคิดถึง ฮึก...ช่วยมิวด้วย มิวกลัว...”



เสียงเหมียวๆ ถูกสบถผ่านสายลมในยามเที่ยงวันที่อากาศแสนร้อนจัด ไม่มีใครรับรู้ถึงความทรมานของเขาแม้แต่น้อย ทุกคนรู้เพียงแค่ว่ามีแมวตัวหนึ่งกำลังส่งเสียงระงมน่ารำคาญอยู่ข้างถังขยะ เป็นแมวหลงทางมาจากที่ไหนซักแห่ง ไร้ความสนใจ ไร้การให้ราคา เป็นแค่จุดๆ หนึ่งในระบบสุริยะจักรวาล

เป็นแค่นั้นจริงๆ ...



“หิวรึไง?”



เป็นเสียงทักทายจากชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักศึกษาพร้อมแว่นกรอบดำหนาเตอะ ก็แค่ร้องทักคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่เรื่อยๆ ตามประสาแมวฝึกหัด...ไม่คิดว่าจะถูกทักตอบ

จำได้ลางๆ ว่าหมอนี่คือคนที่เอาดอกไม้มาให้เมื่อวาน...สงสัยจะพักอยู่แถวนี้ แฟนคลับสินะ สมเพสเขารึเปล่า ตอนนี้เขากลายเป็นแค่แมวสกปรกตัวหนึ่ง ไม่มีอีกแล้วมิวนิคตัวท็อปแห่งคณะนิเทศศาสตร์



“ม๊าว... (หิว) ”



ตอบกลับไปทั้งอย่างนั้นโดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเก็บเอาเสียงเรียกอันไร้ค่าไปใส่ใจหรือไม่ ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมามิวนิคกลับต้องประหลาดใจเมื่อปลากระป๋องพร้อมน้ำดื่มที่ถูกตัดเป็นแก้วเล็กๆ ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า



“กินไป”

ทำไมใจดี เราไม่รู้จักกันไม่ใช่หรอ “…..”

“ไม่กินรึไง?”



เป็นความตื้นตันใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน เคยคิดว่าการหยิบยื่นน้ำใจมักทำให้กับคนที่รู้จักกันหรือสนิทกันเท่านั้น หากในความเป็นจริงแล้ว...ยังมีคนแบบหมอนี่อยู่อีกสินะ ช่วยทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน ช่วยทั้งๆ ที่เขาสกปรกมอมแมมขนาดนี้

ขอบคุณนะนายแว่น ขนาดกลายเป็นแมวนายก็ยังอุตส่าห์มีน้ำใจซื้อของมาให้ เราจะจำไว้ว่าบุญคุณนี้ซักวันคงต้องได้ตอบแทนนาย แต่เอาไว้ให้คืนร่างก่อนก็แล้วกัน

มิวนิคจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ค่อยๆ หายลับไปในร้านกาแฟ จริงสินะ...เขาหายไปนานขนาดนี้จะเริ่มมีคนตามหาบ้างหรือยัง...นัทจะโทรหาเป็นยี่สิบสายแล้วหรือเปล่า สายหมอกจะยังส่งข้อความมาชวนไปนั่งชิวในบาร์ร้านพี่สายฟ้าอีกไหม...

ความหวังลิบหรี่เลื่อนลอยถูกนึกเอ่ยผ่านความคิดเงียบงัน รู้ตัวอีกทีนายแว่นเมื่อสักครู่ก็กลับมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง หืม...นี่เขาหลับไปงั้นหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ รู้แค่เพียงว่าเหนื่อยแหละหิว



“ทำไมไม่กิน” อีกฝ่ายขมวดคิ้วคล้ายไม่พอใจ

“ม๊าว... (ทอดให้หน่อยสิ) ”



มันจะไปกินได้ยังไงกัน คาวก็คาว เหม็นก็เหม็น เกิดมาทั้งชีวิตเขายังไม่เคยกินปลากระป๋องดิบๆ เลยนะ แถมข้าวก็ไม่มีให้ ไหนจะของหวานอีก กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่อ่ะรู้จักเปล่า ปัดโถ่....ซื้อให้กันทั้งทีก็ช่วยซื้อของดีๆ ให้หน่อยไม่ได้รึไง



“ช่วยแกได้แค่นี้นะ”



เออไปเถอะ...เข้าใจ อุตส่าห์เสียสละเงินเจียดไปซื้อของกินมาให้ก็ดีมากแล้วล่ะนายแว่น นายเป็นคนดี ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆ นะ แววตาทั้งคู่จ้องสบประสานกัน ก่อนต่างฝ่ายจะกลายเป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญผ่านมาให้เห็นในวันหนึ่ง
















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

เสียงดังโหวกเหวกในช่วงสายทำเอาแมวน้อยที่หลับใหลอยู่ข้างซอกตึกสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อคืนกว่าจะหลับได้เล่นเอาต้องอดกลืนฝืนทนกินปลากะป๋องเย็นชืดเข้าไป จะไม่กินก็ไม่ได้...ไม่งั้นตายแน่ๆ

ถึงชีวิตจะเพอร์เฟ็คแล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้อยากตายซักหน่อย ยังมีอะไรที่อยากทำอีกเยอะแยะมากมาย นึกแล้วก็เจ็บใจไอ้เทพเจ้าปู่แมวอะไรนั่นเป็นบ้า อย่าให้เจออีกนะ...จะข่วนให้หน้าแหกเลยคอยดู



“เชี่ย ขาวมณีจริงๆ ด้วยว่ะ แถมยังตาสีฟ้าของแท้”

“ที่เราต้องการมันตาสองสีไม่ใช่หรอพี่”

“มึงอย่าโง่ได้ไหม อยากได้ตาสองสีมึงก็จับตาสีฟ้ากับสีส้มผสมพันธ์กันสิวะ นี่เราได้พ่อพันธ์แล้ว รวยล่ะมึง”



กลุ่มชายฉกรรจ์สามคนที่กำลังยืนจ้องเขาอยู่ตรงหน้าซอกตึกเปล่งเสียงดีใจราวกับถูกหวย มิวนิคคิดว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ สัญชาติญาณแมวฝึกหัดที่เพิ่งได้มาใหม่มันบอก!



“มึงอ้อมไปข้างหลัง เดี๋ยวกูยิงเอง”



ยิง? ยิงอะไรของมันวะ ไม่ทันจะได้สงสัย...คำตอบก็ปรากฏเด่นชัดตรงหน้า มันคือปืน! ไอ้เชี่ย นี่กะฆ่ากันให้ตายเลยหรอ เป็นแมวก็ซวยอยู่แล้วดันมาเจอนักล่าแมวอีก บัดซบที่สุด!

สี่เท้าพุ่งกระโจนหายไปในซอกตึกมืดมิดด้านหลังทันที เขาไม่อาจยืนอยู่ตรงที่เดิมได้ ช่างน่ากลัว แววตาของคนพวกนั้นล้วนแต่แฝงไปด้วยความโหยกระหาย ถ้ากลับร่างเดิมเมื่อไหร่เราได้เห็นดีกันแน่ไอ้พวกเลว!

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับกระสุนหนึ่งนัดที่พุ่งตามมา ทว่าไม่รู้เพราะกลายเป็นแมวหรือเปล่า สัญชาติญาณจึงทำให้มิวนิคหลบได้ทันอย่างหวุดหวิด เหลือบไปมองลูกดอกที่ปักอยู่ตรงแผ่นไม้เบื้องหน้า พลันหันกลับไปมองคนพวกนั้นที่กำลังเดินเข้ามาใกล้

ลูกดอกยาสลบ ใช่แล้ว! จากที่ดูหนังไซไฟมาทั้งชีวิต...ทำให้สามารถอนุมานได้ว่าลูกดอกที่เห็นต้องเป็นลูกดอกยาสลบไม่ผิดแน่ หน็อย...คิดจะจับเขาไปทำการค้างั้นเรอะ พวกแกไม่มีสิทธิ์โว้ยยย ชีวิตใครใครก็รัก



“ตามไปเร็วพี่ แม่งวิ่งอย่างไว”

“รู้แล้วสัส มึงอ้อมไปดักอีกทางเลย”



โหยย ไม่ต้องตะโกนปรึกษากันเลย ตรูฟังภาษาคนรู้เรื่อง!! มิวนิครีบตะกุยตะกายขึ้นกำแพงไปจนถึงหลังคาร้านกาแฟ เดี๋ยวนะ...นี่เขาปีนกำแพงได้ด้วยงั้นหรอ แถมยังปีนขึ้นมาจนถึงหลังคาอีก โอ้พระเจ้า...อันล็อคสกิลใหม่แล้ว เป็นข้อดีของแมวสินะ



“ไปไหนแล้ววะ!”

“เพราะพี่คนเดียวยิงพลาด เห็นไหมพวกเราชวดเงินกันทุกคน”

“ฟาย!! มึงก็เหมือนกันนั่นแหละ ถ้ามึงดักถูกทางตั้งแต่แรกไอ้แมวนั่นคงไม่หนีไปหรอก”



เหยื่อที่ตกเป็นเป้าหมายนั่งเหนื่อยหอบฟังโจรอ้วนผอมใจโหดสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ด้านล่าง ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนหลังคาสีโอรสอยู่พักหนึ่ง.. อันที่จริงก็ไม่พักหนึ่งหรอกเพราะตลอดช่วงบ่ายจนมาถึงเช้าอีกวัน คนพวกนี้ก็ออกตามล่าเขาไม่หยุดหย่อน

ที่พักแห่งใหม่จึงกลายเป็นแผ่นหลังคาของร้านกาแฟอันร้อนระอุ บางทีก็นึกอยากให้พระอาทิตย์หยุดทำงานซักสามวันเพราะตอนนี้เขากำลังจะกลายเป็นแมวสุก ไอ้ครั้นจะกลับลงไปก็กลัวพวกโจรระยำออกตามล่าอีก

ช่วงเย็นเหมือนเห็นนายแว่นแวะมาหา ร่างสูงยืนด้อมๆ มองเข้าไปในซอกตึกพร้อมถุงปลากระป๋องในมือ แต่มิวนิคไม่สามารถทำอะไรได้ เขาอยู่ข้างบน ไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียง นาทีนี้ความปลอดภัยของตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญ เขาจำเป็นต้องหายไปเพื่อให้คนพวกนั้นเข้าใจว่าไม่มีแมวขาวมณีอยู่อีกแล้ว

นายแว่นวางปลากระป๋องและน้ำเปล่าไว้ยังจุดเดิมราวกับรู้ล่วงหน้าว่าเขาอาจกลับมา และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขากลับลงไป ทว่าเป็นการตกตุ้บลงไปต่างหาก โถ่...แมวฝึกหัดยังไงก็คือแมวฝึกหัด

มิวนิคคลานเชื่องช้าด้วยความเจ็บไปยังกระป๋องอาหารข้างถังขยะ อย่างน้อยก็ต้องกินเพื่อความอยู่รอด เขาจะไม่ยอมแพ้ด้วยเรื่องแค่นี้ เขาจะถอนคำสาปให้ได้ภายในซักวัน



“ฮึก...มิวคิดถึงพ่อกับแม่”



หากอย่างน้อยคนเราก็ไม่สามารถปกปิดความอ่อนแอได้ตลอด มิวนิคร้องไห้ทุกครั้งเมื่อพระอาทิตย์ลับฟ้า มันทั้งมืด ทั้งเหงา ทั้งเดียวดาย ไม่รู้ว่าน้ำตาแมวมีจริงไหน...รู้แค่ว่าตอนนี้ช่างเหนื่อยล้าเหลือเกิน

เขาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน กะว่าจะขออยู่ที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายรอให้เท้าที่ฟกช้ำจากการตกหลังคาหายเมื่อวานหายดีก่อนจึงค่อยออกเดินทาง เขาตั้งใจว่าจะกลับคอนโด...ไม่ก็ตามหานัทกับสายหมอก...อย่างน้อยสองคนนั้นก็ถือเป็นคนสำคัญในตอนนี้ นัทกับสายหมอกต้องช่วยเขาได้แน่ๆ



“เจ็บขาก็อย่าเดินบ่อย”



นายแว่นตอบกลับมาหลังจากเขาร้องทักในสภาพที่กำลังนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างถังขยะตอนบ่ายๆ เพราะเดินสำรวจดูบริเวณรอบๆ ว่าตนเองกำลังอยู่สวนไหนของเมือง แรงที่นอนสะสมมาจึงหายเกลี้ยงหมดหลอด แถมขาก็ยังเจ็บ



“เมี้ยว... (พูดมากน่า) ”

“ทำไมไม่ไปอยู่กับนักอนุรักษ์แมว?”



นักอนุรักษ์แมว? อ๋อ...ไอ้โจรใจโฉดสามคนนั่นน่ะหรอ โหย...แกกล้าเรียกพวกนั้นว่าอนุรักษ์ได้ยังไง ถ้าเป็นเทศบาลเขาจะไม่ว่าซักคำ นี่อะไร...มาถึงก็ไล่จับแมวพันธ์ขาวมณีอยู่ตัวเดียว

บ่นพึมพำในใจเรื่อยเปื่อย รู้ตัวอีกทีนายแว่นก็ซื้อปลากระป๋องพร้อมน้ำเปล่ามาให้อีกแล้ว สงสัยหมอนี่จะเป็นทาสแมวแฮะดูจากท่าทีที่เอ็นดูเขาเหลือเกิน มิวนิคนอนกระดิกหางมองอีกฝ่ายเนือยๆ ไม่ยินดียินร้าย



“กิน!”



ดุชะมัด ก็เขาเพิ่งกินข้าวที่น้องพนักงานร้านเค้กเอามาให้แล้วนี่หว่า แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ยอม ยืนกอดอกเฝ้าทำหน้าขึงขัง นี่คงคิดว่าเขาหยิ่งไม่ยอมกินงั้นหรอ เออ...กินก็ได้โว้ย เห็นแมวอ้วกขึ้นมาก็อย่าบ่นแล้วกัน

พอเห็นเขากินข้าวได้ คิ้วที่กำลังขมวดมุ่นจึงเริ่มคลายลง นายแว่นก้มลงลูบหัวเข้าป้อยๆ ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในร้านกาแฟ มิวนิคกลับไปนอนข้างถังขยะตามเดิมเพราะพุงใกล้แตก ที่เมื่อกี้กินก็เพราะขี้เกียจฟังมนุษย์แว่นบ่นหรอก

นอนไปได้พักหนึ่งเสียงครืนของท้องฟ้าก็ดังสะเทือน เมฆสีขาวแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนสีดำทึบตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ กลิ่นดินระอุกว่าปกติลอยเตะจมูก ถึงเป็นแมวก็รู้ว่า...



ซ่าาา ซ่าาาา



หยาดฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง มิวนิคตัดสินใจมุดเข้าไปในซอกถังขยะสองถังเพื่อหาแหล่งกำบังเพราะทนถูกฝนสาดไม่ไหว ครั้นจะเข้าไปนอนในถังขยะก็คงบัดซบเกินไป แค่ทุกวันนี้ต้องหลับนอนข้างสิ่งสกปรกก็อนาถพออยู่แล้ว

หนาวจัง...

เงยมองทิวทัศน์ด้านบนที่ถูกบดบังด้วยลมพายุแรง วันนี้ท้องฟ้าดูมืดหม่นกว่าทุกวันถึงแม้จะเป็นเวลาบ่าย เขาคิดว่าฝนมักมาพร้อมกับความเหงาแล้วก็ความคิดฟุ้งซ่านอะไรหลายๆ อย่าง

...หนึ่งในนั้นคือความโดดเดี่ยว

บางทีเป้าหมายที่ว่าจะล้างคำสาปอาจเป็นแค่ฝันเฟื่อง มนุษย์แท้ๆ จะสามารถอยู่รอดในร่างแมวได้ยังไงกัน เขาอาจตายในวันหนึ่ง ไร้ซึ่งการรับรู้จากผู้คน พ่อแม่ นัท สายหมอก

ไม่มีใครรู้เลย



“ทำไมไม่ไปหาที่หลบดีๆ”



เจ้าของกรอบแว่นตาหนาเตอะเอ่ยถามพร้อมคันร่นสีดำในมือ อีกฝ่ายมองลงมาด้วยแววตาที่คาดเดาไม่ออก มิวนิคยันร่างขึ้นยืน เดินออกจากถังขยะเข้าไปใกล้ ส่งเสียงร้องทักทาย



“เมี้ยว... (มีผ้าห่มให้ไหม) ”



เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะไม่อยู่ที่นี่ในวันรุ่งขึ้น ขอร้องทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายฟังไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นมิวนิคก็ยังหวัง นายแว่นเป็นคนใจดี...ถ้าอีกฝ่ายฟังออกก็คงไปหาซื้อผ้าห่มมาให้เขาจริงๆ



“ไปหาที่หลบฝนเถอะ”



ประโยคสุดท้ายก่อนที่แผ่นหลังกว้างในชุดนักศึกษาจะค่อยๆ เล็กลง เขาทั้งสองสบตากันเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากนั้น ภายใต้แว่นตากรอบหนาเตอะซุกซ่อนความใจดีที่แผ่เป็นออร่าออกมา นายทำดีที่สุดแล้วล่ะนายแว่น...

ขอบคุณสำหรับสามวันที่ผ่านมานะ

มิวนิคลอบถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปนอนยังซอกถังขยะตามเดิม จริงๆ แล้วก็อยากวิ่งหาที่หลบฝนเหมือนที่อีกฝ่ายว่าอยู่หรอก แต่ตึกรามบ้านช่องในย่านนี้กลับไม่เอื้ออำนวยเลย มีแต่ร้านค้าที่ปิดประตูสนิทจนหมด อีกทั้งขาที่กระแทกพื้นก็ยังเจ็บไม่หายเพราะดันใช้งานทั้งวัน

ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นมาจะไม่เป็นหวัด อย่างน้อยก็ขอมีชีวิตต่ออีกหน่อย...



“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ดื้อ”

“…ม๊าว (สัญญาอะไรหรอ) ”



มิวนิคประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อนายแว่นกลับมายืนอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง จ้องมองแน่นิ่ง ไร้การเคลื่อนไหว ก่อนร่างสีขาวจะถูกช้อนขึ้นอุ้มกอดไว้ในอ้อมอก ดวงตาสองคู่จ้องประสานกัน สีฟ้ากับสีดำที่ต่างก็เป็นสีเฉพาะอันน่าหลงใหลช่วยขับความรู้สึกบางอย่างออกมา

ความรู้สึกที่ปราศจากคำอธิบาย



“มาอยู่ด้วยกันไหม”



ไม่รู้ว่าหยดน้ำที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าคือหยดน้ำฝนหรือหยดน้ำตา รู้เพียงแค่ว่าเหมือนมีดอกไม้กำลังเบ่งบานอยู่ในอก ถ้าอยู่ในร่างมนุษย์...มิวนิคคิดว่าตนเองคงหลุดร้องไห้ออกมาแล้วแน่ๆ

ปล่อยให้ผลลัพธ์จากการตัดสินใจครั้งนี้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน ไม่ใคร่ครวญ ไม่หาเหตุผล ไม่ยืดเยื้อ อาจเพราะมั่นใจว่านายแว่นต้องไม่ใช่คนร้ายกาจ ไม่มีหลักประกัน แค่เขาเชื่ออย่างนั้น...



“เมี้ยว (อื้อ...ฮึก ขอไปอยู่ด้วยคนนะ) ”











     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

น้องแมวมีบ้านแล้วววว เลิกเฟียสรึยังลูก

ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
มิวนิคในร่างแมวนี่น่ารักกว่าเวอร์ชั่น2ขาอีก พี่แว่นพาไปอยู่ด้วยแล้วสินะ อยากรู้ว่างานของมิวนิคจะเป็นยังไง มีใคร(สายหมอก+นัท)ตามหามั้ยว่าหายไปไหน จะว่าสงสารก็ใช่ เพราะมิวนิคก็เป็นคนตรงๆเฟอร์เฟ็คแมน แล้วทุกคนก็เป็นคนเลือกให้มาทำหน้าที่หัวหน้าเอง ก็เลยอยากให้งานออกมาดีที่สุด ถ้าสั่งงานอะไรไปแล้วไม่ได้เรื่องก็หงุดหงิดอยู่ดี ไปอยู่กับหนุ่มแว่นใจดีก็อย่าไปดื้อกับพี่เขานะลูก

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
น่ารักดีค่ะ ชอบนิยายแนวๆนี้อยู่แล้วววด้วย ตามเลยจ้าา

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อ่านเพลินสนุกมากค่ะ ตอนอยู่ในร่างคนก็พระเอกก็หลงรักแล้วในร่างแมวทำให้ทาสแมวอย่างพระเอกต้องรักหนักมากเข้าไป ก็ทาสแมวอะเนอะ

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ใจดีจังเลยอะพ่อหนุ่ม สุดท้ายก้แพ้ใจเอาไปเลี้ยงจนได้ มิวก็อย่าไปดื้อให้มากเด้อ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
มิวก็นิสัยเหมือนแมวอยู่ ขำตรงเป็นแมวมือใหม่นี่แหละ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
Meow 4



แมวเหมียวตัวน้อยถูกจับวางลงบนฟูกเตียงติดหน้าต่างหลังบานประตูปิดลง ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ ผืนสีขาวถูกหยิบขึ้นมาเช็ดถูกลุ่มขนมอมแมมอย่างอ่อนโยนจนเริ่มสะอาดหมดจด ดวงตาสีฟ้าช่างสงสัยเริ่มสอดส่องมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ห้อง

ไม่เหมือนห้องมิวนิคที่เป็นห้องสูตร ห้องนายแว่นเป็นแค่ห้องสตูดิโอเล็กๆ ที่มีห้องน้ำกับห้องนอนรวมอยู่ในห้องเดียว ทว่าการตกแต่งกลับดูมีเทสอย่าบอกใคร กองหนังสือกับตลับซีดีเพลงที่วางเรียงกันเป็นชุดข้างเตียง กับโต๊ะญี่ปุ่นทรงกลมพร้อมพรมสีม่วงพาสเทลที่อยู่ห่างออกไปก็ช่วยให้ห้องดูน่าค้นหามากขึ้น

ตรงปลายเตียงเป็นชั้นไม้ติดผนังสำหรับวางของไล่กันเป็นระดับ ที่สะดุดตาก็คือโหลแก้วทรงสี่เหลี่ยมบรรจุของเหลวสีฟ้า ไม่สิ...มันไม่ใช่ของเหลว คล้ายกับเป็นเจลเสียมากกว่า ส่วนข้างในภาชนะที่ว่านั่น...มดงั้นเรอะ!?

โห...เลี้ยงมดซะด้วยแฮะ ติสท์ใช่ย่อยเลยว่ะนายแว่น

แต่ที่ทำให้แมวน้อยถึงกับต้องชะงักก็คือภาพของตนเองต่างอิริยาบถที่ถูกแปะอยู่บนบอร์ดไม้กลางห้อง โอ้ว...ตาหมอนี่มันโอตะตัวจริง เกิดมาทั้งชีวิตก็เพิ่งจะเคยเห็นแฟนคลับที่คลั่งเขาขนาดนี้ มิวนิคเริ่มรู้สึกว่าความหล่อของตนเองเป็นบาป

“นอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปหาหมอ”

“เมี้ยว (หาหมอไรอ่ะ) ” เงยมองคนที่โยนผ้าเช็ดตัวลงตะกร้า

มิวนิคถูกอุ้มขึ้นวางบนตักกว้าง มือหนาเริ่มการลูบหัวเกาคางสิ่งมีชีวิตสีขาวอย่างเอ็นดู สงสัยคงคิดว่าเขากำลังดีใจล่ะมั้งที่จะถูกพาไปหาหมอ ตาทึ่มเอ๊ย! ใครจะชอบไปหาหมอกัน โรงพยาบาลน่ะน่ากลัวที่สุด! แล้วยังไม่เคลียร์เลยนะเรื่องรูป แปะขนาดนี้ขออนุญาตเจ้าของเขาบ้างยัง

“จะว่าไปชั้นยังไม่ตั้งใจชื่อให้แกเลย”

“ม๊าว (อ่า...ต้องมีชื่อด้วยงั้นสิ) ” ส่งเสียงตอบหากยังหลับหลับตาพริ้มเพราะถูกเกาคาง เคลิ้มเลยแฮะ...ง่วงด้วย “เมี้ยว (แล้วจะตั้งว่าอะไรล่ะ ขอเท่ๆ นะ) ”

“เห็นแกก็นึกถึงคุณมิวนิคเลย”

“เมี้ยว… (อะไรวะ ไม่ได้หน้าเหมือนแมวซะหน่อย) ”

“ร้องแบบนี้แสดงว่าชอบคุณมิวนิคเหมือนกันสินะ”

ใบหน้าที่สวมแว่นตาหนาเตอะหลุดอมยิ้ม ทว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตสี่ขาบนตักกลับร้องงุ้งงิ้งไม่หยุด ร่าเริงเหมือนกันแฮะเจ้าแมวตัวนี้ สงสัยจะดีใจที่มีเจ้าของ หรือว่าน้องจะหิว? คิดไปต่างๆ นาๆ เพราะแมวเป็นสัตว์ที่เดาใจยากสุดๆ และชีวิตต่อจากนี้ของเขาก็คงมีเจ้าแมวตัวนี้เข้ามาวนเวียน

“คิดออกแล้ว” ก้มหน้าลงมองดวงตาสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ “...มิวมิว”

“เมี้ยว (ห๊ะ?) ”

“ชอบใช่ไหมชื่อมิวมิว”

จ้ะ! ไม่ตั้งว่ามิวนิคไปเลยล่ะจะได้จบๆ ดูไม่ออกเล้ยว่าเป็นแฟนคลับตัวยง เหมียวน้อยเหยียดตัวลงนอนราบไปกับตักคุณเจ้านายคนใหม่อย่างเซ็งๆ เป็นแมวยังไม่พอ ชื่อที่ได้มาใหม่ยังดันชื่อเหมือนตัวเองอีก

หรือเขาจะหน้าเหมือนแมวจริงๆ?

ต้องไม่เหมือนสิ! หนุ่มฮอตประจำคณะนิเทศศาสจร์อย่างมิวนิค เมธานินทร์ ไม่มีทางหน้าเหมือนแมวหรอก ถ้าจะผิดก็คงผิดที่นายแว่น หมอนี่น่ะเห่ยเองต่างหาก ชอบทำอะไรเห่ยๆ อย่างเอากุหลาบช่อโตมาให้ แถมชื่อที่ตั้งให้แมวตัวเองก็ยังตั้งตามชื่อเมนเลย เห่ยชะมัด

แต่ว่านะ...อันที่จริงเขาก็ยังไม่รู้จักชื่ออีกฝ่ายเลย

เจ้านายคนใหม่ลูบหัวเหมียวน้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนมาวางลงบนฟูกเตียงแทน แว่นตากรอบสีดำถูกถอดวางลงพนักพิงเผยให้เห็นใบหน้าเปลือยเปล่าที่ไม่มีเครื่องประดับใดๆ กักกั้น ดั้งโด่งเข้าสัน ดวงตาอ่อนโยน คิ้วเป็นทรง ผิวพรรณก็พอใช้ได้...

ไม่เห็นหล่อเลยโด่ว ธรรมดามากนายแว่น

คิดได้ไม่ทันไรคนเห่ยก็ค่อยๆ ปลดเปลื้องกระดุมชุดนักศึกษาทีละเม็ด จนกระทั้ง...โอว หมอนี่มันซ่อนรูปนี่หว่า หน้าตาเด๋อด๋าแบบนี้ไม่ยักกะคิดว่าจะแอบไปเล่นหุ่นจนฟิตปั๋ง กล้ามหน้าท้องเป็นลูกคลื่นพอดิบพอดีจนดูไม่น่าเกลียด ไหนจะแผงอกนั่น ดูแน่นชะมัด อยากกัดว่ะ ถ้ากัดจะถูกโยนออกหน้าต่างมั้ย....

มิวนิครู้สึกมันเขี้ยวชะมัด บ้าจริง! นี่ต้องเป็นผลข้างเคียงจากการเป็นแมวแน่ๆ

หากแต่สิ่งที่ทำให้แมวน้อยเลือดกำเดาแทบไหลก็คือการที่ตาเจ้านายซื่อบื้อถอดอาภรณ์ท่อนล่างออกจนหมด อย่างไม่กระดากอาย วีเชพใต้สะดือค่อยๆ โผล่พ้นขอบผ้าจนกระทั่งสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ออกมาทักทาย

“เมี้ยวว! (ไอ้บ้าเอ๊ยยย ถอดมาได้ยังไง คนอยู่นะโว้ยยย) ”

“ร้องอะไรของแกมิวมิว”

คนพูดย่นคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะหยิบผ้าขาหนูพาดบ่าเดินหายลับเข้าน้ำไป ไร้การใส่ใจ ไร้ความเก้อเขิน ทิ้งไว้ซึ่งเพียงภาพความใหญ่โตในความทรงจำที่ไม่น่าจะลบออกง่ายๆ ถึงเป็นผู้ชายด้วยกันเขาก็ไม่ชินกับการมองเอกลักษณ์ความเป็นชายของคนอื่นซะหน่อย นึกแล้วก็หวิวๆ ชอบกล

เฮ้อ...ทำไมถึงใหญ่ขนาดนั้นอ่ะ ตานี่มันชักจะซ่อนรูปเกินไปแล้วนะ!

มิวนิคใช้เวลาขณะที่คุณเจ้านายคนใหม่กำลังอาบน้ำเดินสำรวจดูรอบๆ ห้อง โดยปกติแล้วเขาก็ไม่ได้เป็นคนอยากรู้อยากเห็นนักหรอก แต่เพราะกลายเป็นแมวล่ะมั้ง สิ่งของต่างๆ เลยดูล่อตาล่อใจไปซะหมด โดยเฉพาะ

โหลแก้วใบนั้น…

จอมซนปีนขึ้นไปบนชั้นไม้ติดผนัง ดวงตาสีฟ้าจับจ้องอยู่กับเจลสีฟ้าในภาชนะสีใส สมาธิจดจ่อ เขาเหมือนจะได้ยินเจ้าตัวเล็กข้างในนั้นพูดด้วยล่ะ โห...เป็นแมวก็ฟังภาษามดออกด้วยหรอเนี่ย ทว่าฟังได้ใม่ค่อยชัดเท่าไหร่หรอก อาจเพราะอีกฝ่ายอยู่ในโหลเสียงที่เปล่งออกมาบางส่วนเลยขาดหาย

“นี่...เราคุยกันรู้เรื่องมั้ยอ่ะ”

เป็นเสียงยุกยิกตอบกลับมาทำเอาเจ้าบ้านคนใหม่ต้องเอียงหัว มิวนิคเกาะเท้าทั้งสองข้างกับขอบโหลแก้วก่อนจะค่อยๆ จุ่มหน้าเข้าไปด้านในปากโหลอย่างระมัดระวัง ทำแตกขึ้นมาตาแว่นได้ด่าแน่ๆ

“ได้ยินยัง เฮ้ เจ้ามด! ได้ยินมั้ย โหลๆ”

“หูจะแตก!! ตะโกนทำไมวะ”

เชี่ยยยย มดพูดได้จริงๆ ด้วย ไม่สิ...เป็นเขาเองต่างหากที่ฟังออก มิวนิคไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำสีหน้ายังไงอยู่ แต่มั่นใจได้เลยว่าต้องตกใจสุดขีดเป็นแน่ อย่างน้อยก็ค้นพบว่าการเป็นแมวนั้นมีข้อดีอยู่หนึ่งอย่าง...

สื่อสารกับสัตว์ด้วยกันได้

“เฮ้อ... มีเพื่อนคุยแล้ว” เหมียวน้อยถอนหายใจโล่งอก “คิดว่าต้องพูดคนเดียวตลอดไปซะอีก”

เจ้ามดดำไม่ตอบ หากกลับจ้องเขาแน่นิ่งเหมือนหวาดระแวง หรือท่าทางของมดจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว?

“อ้าว ทำไมเงียบ?”

“แก...แกไม่ได้จะกินชั้นใช่มั้ย!?” มดน้อยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไอ้บ้า ใครจะกินมดวะ”

“หึ! เชื่อได้ที่ไหนกัน พวกแมวน่ะเจ้าเล่ห์ วันก่อนก็มีมาด้อมๆ มองๆ แถวหน้าต่าง”

ไม่ใช่ครั้งแรกที่มิวนิคถูกพูดแบบนี้ ทำไมกันนะ...หรือพวกแมวจะร้ายกาจจริงๆ แต่เขาไม่อยากถูกมองแบบนั้นซะหน่อย ถึงจะไม่ได้ยินดีกับการถูกสาปให้กลายเป็นแมว แต่ก็คิดว่าน้องแมวน่ะน่ารักจะตายไป

“ไม่กินจริงๆ สัญญาเลย”

“โกหกขอให้แม็กซ์เอาไปทิ้ง” ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็หันกลับไปขยับยุกยิกกับเจลสีฟ้าต่อ

“แม็กซ์?”

“แม็กซ์ไง” ตัวจิ๋วหันมองทำท่าทางไม่พอใจที่ไปขัดจังหวะการขุดเจลสีฟ้า “แม็กซ์ก็คือคนที่คอยเอาอาหารให้เรา แล้วก็นอนอยู่ตรงนู้น บางทีก็นั่งทำอะไรไม่รู้อยู่ตรงนั้น ก็คนที่อุ้มแกมาเมื่อกี้อ่ะ”

มิวนิคผงกศีรษะถึงบางอ้อหลังจากรับฟังคำอธิบายยืดยาว สงสัยไอ้มดนี่จะไม่รู้จักคำว่า ‘เจ้านาย’ แฮะ คิดแล้วก็น่าสงสาร อยู่ตัวเดียวทั้งวันคงจะเหงาแย่ หากแต่พอเห็นท่าทางขยันขันแข็งแบบนั้นจึงจำต้องเปลี่ยนความคิดแทน เพราะคนที่น่าสงสารตัวจริงน่าจะเป็นเขามากกว่า

“ชื่อแม็กซ์หรอ?”

“อือ เห็นว่าชื่อแม็กซ์ แต่บางทีคนก็เรียกแม็กซ์เวล ไม่รู้ทำไมต้องมีหลายชื่อ มนุษย์เป็นสัตว์ที่เข้าใจยาก”

ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตาเจ้านายคนใหม่ของเขาย่อมมีชื่อ ก็เรียกแต่นายแว่นๆ จนลืมถามชื่อไปเลยนี่นา แต่เดี๋ยวนะ...เขาถามชื่อไม่ได้ซักหน่อย ก็นายแว่น...เอ๊ย ตาแม็กซ์เวลอะไรนั่นฟังภาษาแมวออกที่ไหน

“นี่ๆ แล้วนายชื่อไร เราชื่อ มิวนิ...เอ้อ! มิวมิวนะ”

มดน้อยหันมามอตาขวางอีกครั้ง สงสัยจะรำคาญจริงๆ ที่ไปขัดจังหวะการขุดเจลสีฟ้า ก็แหม...เขาแค่อยากเมคเฟรนด์เฉยๆ หรอก หน็อย... เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์หนุ่มอัธยาศัยดีอย่างคุณมิวนิคมาขอทำความรู้จักกับแกทั้งทีก็ดีแค่ไหนแล้วไอ้มดเอ๋ย เจียมกะลาหัวไว้ซะบ้าง

“แอนโธนี่”

“เชดดด ชื่อเท่จัง”

“หึหึ”

มดน้อยวาดสีหน้าผู้ชนะ ไม่ต้องเดาก็น่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายภูมิใจกับชื่อตัวเองสุดๆ จ้ะ...น่าหมั่นไส้จริงๆ เลย ขนาดมดยังชื่อแอนโธนี่ แล้วไหงเขาถึงชื่อมิวมิวล่ะโว้ยยยยย ขอความยุติธรรมทีเถอะ!!

“ซน”

ตัวขาวลอยขึ้นกลางอากาศหลังสิ้นประโยค รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับว่างบนเสื่อนุ่มข้างเตียง ส่วนคนมาใหม่ก็นั่งขัดสมาธิเช็ดเรือนผมเปียกๆ อยู่บนฟูกยักษ์ ไม่มีอาภรณ์ใดๆ ซักชิ้นเว้นแต่ผ้าขนหนูสีครีมที่พันหมิ่นเหม่อยู่รอบเอว

เอาอีกแล้ว ไอ้บ้าแว่น! โชว์จังเลยนะ เห็นห้องมีแค่มดกับแมวก็โชว์จัง เคยอายอะไรบ้างไหม!

“ม๊าว! (ใส่เสื้อเดี๋ยวนี้) ”

“หืม อยากเล่นด้วย?” ชายหนุ่มอมยิ้มก่อนจะวางฝ่ามือลงบนหัวทุยๆ “แปปนะ”

โอ้ยยย ไม่ได้จะเล่นด้วยโว้ย ใส่เสื้อน่ะใส่เสื้อรู้จักไหม คิดว่าหุ่นดีแล้วจะแก้ผ้าเดินโท่งๆ ยังไงก็ได้หรอ เหมียวน้อยสะบัดก้นเดินไปนอนบนเตียงเมื่อเห็นว่าการประท้วงไม่เกิดผล ดีแล้วจริงๆ ใช่ไหมที่ตัดสินใจมาอยู่กับตาทึ่มนี่ เฮ้อ...ปวดหัว อยากกลับบ้าน!

“มิวมิว นอนบนเตียงไม่ได้ ไปนอนบนพื้นดีๆ”

แม็กซ์เวลที่ลุกขึ้นไปสวมเสื้อยืดตัวย้วยกับบ็อกซ์เซอร์ขาสั้นเดินมาอุ้มสิ่งมีชีวิตตัวนิ่มลงจากเตียง สนิทกันแล้วหรือไงถึงกล้าขึ้นมานอนบนเตียง เจ้าแมวตัวนี้นี่ เห็นไม่ดุเข้าก็เอาใหญ่

“เมี้ยว! (นอนก็ต้องบนเตียงดิ) ” ไม่สนใจ ปีนกลับไปยังฟูกผืนใหญ่ตามเดิม

“มิวมิว!” แม็กซ์เวลขึ้นเสียงเข้ม

ทว่าคราวนี้เจ้าเหมียวจอมดื้อดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ เพราะต่อให้เขาอุ้มเจ้าตัวออกจากเตียงไปวางบนพื้นกี่รอบ แมวดื้อก็เดินกลับไปนอนยังที่เดิมทุกรอบ ฮึ่ม!! ทำไมเป็นแมวที่ดื้อแบบนี้ พามาอยู่แค่วันเดียวก็ก่อเรื่อง

“งั้นก็นอนคนละฝั่ง” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างขัดไม่ได้ “แต่ห้ามมาเกย”

“เมี้ยว เมี้ยว (ใครจะเกย สำคัญตัว) ”

“ไม่ต้องมาร้องอ้อน”

“ม๊าว! (ไม่ได้ร้องอ้อนโว้ยยย) ”





























ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

เป็นอีกวันที่ฝนตก...กลิ่นดินลอยคละคลุ้งเต็มอากาศทำเอาคนชื่นชอบกลิ่นดังกล่าวเงยหน้าสูดจมูกจนเต็มปอด แม็กซ์เวลกระชับคันร่มในมือให้เข้าที่ก่อนจะเดินตรงไปยังรถญี่ปุ่นสีเหลืองครีมคันโปรด ด้านหน้าสะพายกระเป๋าเป้ที่มีแมวน้อยตัวสีขาวบรรจุอยู่

“ดีนะวันนี้เลิกเรียนเร็ว”

“ม๊าว (จะพาไปไหนอ่ะ?) ”

สี่ขาส่งเสียงร้องทักถาม แต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้คำตอบจึงตะกุยตะกายออกมาจากกระเป๋าเดินเพ่นพ่านอยู่บนเบาะหน้ารถแทน มิวนิคไม่รู้ว่าทำไมพอเป็นแมวแล้วเขาถึงรู้สึกสงสัยอยากรู้อยากเห็นไปหมดนัก ราวกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวเปล่งออร่าแห่งความน่าสนใจออกมามากกว่าปกติ

บางทีอาจเป็นพฤติกรรมของแมว...

“อย่าซน”

เมื่อเริ่มวุ่นวายแมวน้อยจึงถูกจับวางในท่านั่งอีกครั้ง เพื่อความสบายใจแก่ทุกฝ่ายมิวนิคจึงตัดสินใจหยุดการเป็นนักสำรวจชั่วคราว หากก็ยังเกาะหน้าต่างเกาะเก๊ะหน้ารถดูวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย อันที่จริงเขากำลังจำทางต่างหากล่ะ มาอยู่บ้านท่านก็ต้องหัดหาทางหนีทีไล่ไว้บ้าง แล้วก็...

รำคาญตาหมอนี่บ่น

เสียงเม็ดฝนดังกระทบพื้นเปาะแปะโดยไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลงจากเดิม ถึงที่หมายก็ถูกนายแว่นจับยัดกระเป๋าเป้สะพายไว้ด้านหน้าอีกครั้ง มือหนาถือคันร่ม ส่วนมืออีกข้างก็แวะเวียนมาลูบหัวไม่หยุด

ปกติเขาไม่ชอบให้ใครลูบหัว แต่นี่ติดว่าเป็นแมวอยู่แถมยังเป็นเจ้านาย งั้นจะหยวนๆ ให้แล้วกัน หึ...ถ้ารู้จักคุณมิวนิค เมธานินทร์แห่งคณะนิเทศศาสตร์ตัวจริงล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าจะได้ทำตัวใกล้ชิดแบบนี้

“เอาหัวออกมาเดี๋ยวก็เปียก”

“เมี้ยว (ยุ่งน่า) ”

เงยมองใบหน้าคนพูดสลับกับภาพสถานที่เบื้องหน้า ตอนนี้กลิ่นฝนกับกลิ่นนายแว่นดูท่าจะปนเปกันไปหมด นั่นสินะ...เขาเป็นแมว ประสาทสัมผัสย่อมไวกว่ามนุษย์อยู่แล้ว ทว่าถึงแม้ทั้งสองกลิ่นจะตีกัน แต่กลิ่นของใครบางคนกลับชัดเจนกว่า อาจเพราะเขาอยู่ใกล้อีกฝ่าย

มันเป็นกลิ่นสะอาดเหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไป ทว่าเหมือนมีเทคเจอร์อะไรบางอย่างทำให้กลิ่นของแม็กซ์เวลแตกต่างจากกลิ่นผู้ชายปกติ ซึ่งมิวนิคก็อธิบายไม่ได้ ตานี่บางมุมก็ดูลึกลับจนเข้าไม่ถึง...



โรงพยาบาลสัตว์คณะสัตวแพทย์ศาสตร์

เดี๋ยวก่อนนะ นี่เขาถูกพามาโรงพยาบาลอย่างงั้นหรอเนี่ย แมวน้อยเบิกตาโพ่งเมื่อเหลือบไปเห็นป้ายทางเข้าอันเบ้อเริ่ม เคยบอกแล้วไงว่าเขาเป็นโรคไม่ถูกกับโรงพยาบาลเอามากๆ มันน่ากลัว แล้วก็ขนลุก

“ม๊าว ม๊าว!! (ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้คนทรยศ ชั้นไม่อยู่กับแกแล้ว ปล่อยนะ!) ”

“มิวมิวอย่าดื้อ”

มือหนาจับแมวดื้อขึ้นมาอุ้มไว้แทนเมื่อสังเกตเห็นว่าน้องกำลังตะกุยตะกายออกจากกระเป๋า ล็อคแขนล็อคขาไว้ในอ้อมอกอย่างดีก็พาไปนั่งรอคุณหมอหน้าห้องตรวจ สงสัยจะตื่นคนเยอะ ขี้อายจังเลยนะเจ้ามิวมิว

“เมี้ยวว!! (ปล่อยนะไอ้แว่น!!) ”

“เด็กดื้อ”

จุ๊บ!

ทาบนิ้วชี้ไปที่ริมฝีปากพร้อมส่งเสียงชู่วเสร็จ แม็กซ์เวลก็ก้มลงไปจูบจมูกแมวน้อยขี้งอแงหนึ่งที และดูท่าว่ากลยุทธ์นี้จะใช้ได้ผล เพราะมิวมิวมองเขากลับมาอย่างอึ้งๆ ไม่ดิ้นยุกยิก ไม่ร้องซักแอะ ทีแท้ก็อยากให้หยอกนี่เอง แล้วดูทำหน้าเข้า อยากให้จูบอีกหรือไงนะ

ทำตัวน่ารักก็เป็นเหมือนกันนี่เจ้ามิวมิว…

“แม็กซซซซซซซซ!!”

เสียงหวีดร้องดังมาแต่ไกล ไม่ถึงวินาทีก็ปรากฏภาพเด็กชายตัวขาวยืนยิ้มตื่นตาตื่นใจอยู่ตรงหน้า นี่ก็เป็นอีกคนที่สามารถทำให้วันของเขาสดใสเหมือนมีสายรุ้งวาดโค้งอยู่รอบตัว...

น้องยู

“แมวขาวมณีที่บอกใช่ไหม งื้ออ น้องน่ารักจัง กูขอจับได้เปล่า”

“อื้ม”

คนได้รับคำอนุญาตแยกยิ้มหยีกว่าเดินจนเห็นฟันขาว ก่อนจะนั่งยองๆ ลูบขนแมวน้อยอย่างเอ็นดูไม่หยุด พอลองนึกตาม ถ้าให้น้องยูกับมิวนิคไปอยู่ด้วยกันคงจะกลายเป็นการผสมผสานความน่ารักอย่างลงตัว แต่คงยาก...เพราะแฟนอีกฝ่ายหวงเพื่อนชายของเขาอย่างกับอะไรดี นี่เห็นว่าแค่ตุ๊กตาก็ไม่อยากให้ซื้อเพิ่มแล้ว

“ฮือ...แม็กซ์ น้องน่ารักอ่ะ น้องเชื่องมากเลย”

“ม๊าว ม๊าว...”

“เชื่องเฉพาะกับยู กับเราดื้อจะตาย”

แมวดื้อหันมองตาเขียวใส่เจ้านายจอมทึ่มเหมือนไม่พอใจเมื่อถูกว่ากล่าว

“ไม่เห็นจริงเลย เนอะน้องแมว” เด็กชายพยักเออออหน้าคุยกับแมวน้อยสองคน “นี่ๆ แล้วน้องชื่อไรอ่ะ ลืมถาม”

“มิวมิว”

“งื้ออ เจ้ามิวมิว ทำไมน้องตัวนิ่มแบบนี้ อยากได้อ่ะแม็กซ์ ถ้าเบื่อแล้วขายต่อกูเลยนะ”

ชายหนุ่มหลุดขำเมื่อเพื่อนรักพูดออกมาราวกับสามารถเทรดขายเจ้ามิวมิวได้อย่างง่ายดาย เขาคิดว่าคงไม่ขายให้ใครหรอก เพราะตอนตัดสินใจเลี้ยงก็ไตร่ตรองอยู่นาน ถ้าขายไปคงขัดกับเจตนารมณ์แรกเริ่มแปลกๆ อีกอย่าง...เจ้ามิวมิวก็มีส่วนคล้ายคุณมิวนิค เป็นสัญลักษลักษณ์ที่เขาคิดขึ้นมาเองว่าเจ้าตัวเหมือนคุณมิวนิค

น่ารักเหมือนกัน...

เล่นได้ไม่นานผู้ปกครองส่วนตัวของเด็กชายยศวินทร์หรือน้องยูก็มารับ ทีแรกทั้งคู่ทะเลาะกันเพราะไอ้หนูไม่ยอมกลับจะเล่นกับเจ้ามิวมิวท่าเดียว ต้องให้เขาช่วยเกลี้ยกล่อมอยู่พักหนึ่งเจ้าตัวถึงยอม

“กับเจ้านายไม่เห็นเชื่องแบบนี้บ้าง” ปรายตามองสิ่งมีชีวิตสีขาวบนตัก

“เมี้ยว (เหอะ เจ้านายแบบแกอ่ะนะ) ” เชิดหน้าหนี

มิวนิคร้องตอบด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด หากแต่นายแว่นกลับตีความไปคนละอย่าง เจ้าตัวบอกว่าเขาชอบทำเสียงงุ้งงิ้งแถมยังอ้อนด้วย โว้ยยย...อ้อนที่ไหนกัน ตะคอกขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าอ้อน ไม่พอ...มันยังล็อคตัวเขาแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวจะหนี

หน็อย...ถ้าทำได้ก็อยากหนีไปอยู่กับไอ้เด็กแก้มเยอะตัวขาวน่าฟัดเมื่อกี้ให้รู้แล้วรู้รอด

นั่งไปได้ซักหน่อยพี่พยาบาลก็เดินออกมาเรียก เหมียวน้อยถูกอุ้มเข้าไปในห้องตรวจก่อนจะเห็นเตียงเล็กๆ ที่มีผ้าปูสีเขียวของโรงพยาบาลเบื้องหน้า วินาทีนั้นมิวนิครับรู้ได้ถึงอาการเย็นยะเยือกเสียววาบไปทั่วแผ่นหลัง

ถูกจับตรวจนู่นนี่วุ่นวายไปหมดถึงถูกย้ายมาอีกห้องหนึ่ง ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ รู้เพียงแค่ว่ากลิ่นแอลกอฮอล์ของโรงพยาบาลช่างชวนปวดหัว น่ากลัวชะมัด! อยากกลับบ้านแล้ว คิดถึงคุณพ่อคุณแม่...

ไอ้เจ้านายซื่อบื้อยืนคุยอะไรกับคุณหมอไม่รู้อยู่นานสองนาน ขณะคนเกลียดโรงพยาบาลเข้าเส้นเลือดก็ถูกพี่พยาบาลสองคนล็อคขึงไว้กับเตียง อืม...ไม่ต้องจินตนาการไปไกล...โดนแน่ๆ ไอ้มิว

เซนส์แมวฝึกหัดมันบอก!

“สรุปว่าเป็นวัคซีนรวมโรคนะ”

ห๊ะ...วัคซีนรวมโรค!? วัคซีนรวมโรคบ้าอะไรล่ะโว้ยยยยยย ผมเป็นคน ผมไม่ฉีดนะหมอ อีกอย่างผมไม่ได้ป่วย อย่าไปเชื่อไอ้บ้าแว่น มันมั่ว! แมวน้อยส่งข้อความผ่านทางสายตาให้พี่หมอผู้หญิงท่าทางใจดี

“ครับ ช่วยหน่อยนะครับ”

“ช่งช่วยอะไร พี่รหัสน้องรหัส เรื่องแค่นี้สบายมาก”

“ม๊าวว ม๊าวว!! (หมออย่า มิวไม่ฉีดนะหมอ!) ”

“ร้องอะไรคะลูก”

คนที่สวมเสื้อกาวน์ลูบหัวหนูน้อยขี้กลัวอย่างเอ็นดู เธอก็เพิ่งเคยจะเห็นแมวพันธ์ขาวมณีที่สวยขนาดนี้เนี่ยแหละ แถมยังไม่คิดอีกว่าหลานรหัสคนเงียบจะมีมุมเป็นทาสแมว สงสัยคงจะถูกชะตากับน้องจริงๆ

“เมี้ยววว!! (ผมไม่ฉีด ไม่เอาเข็ม!!) ”

“สงสัยน้องจะยังเจ็บแผลที่ขาน่ะครับ”

คราวนี้เจ้านายซื่อบื้อก้มลงมาลูบหัวเหมียวน้อยน่าสงสารอีกแรง คงจะเจ็บมากสินะเจ้ามิวมิว ที่ผ่านมาแกคงอดทนมาโดยตลอด แต่ไม่เป็นไรแล้วนะ เดี๋ยวพี่หมอจะช่วยให้แกหายเจ็บเอง

“โถๆ อย่าร้องนะคะน้องมิวมิว เดี๋ยวหมอฉีดยาให้น้า ไม่เจ็บแล้วเนอะ”

“เมี้ยวววว!!! (ไม่ครับหมอ มันไม่ใช่แบบที่หมอคิด!!!) ”

มิวนิคหวีดร้องลั่นห้องตรวจเมื่อปลายเข็มแหลมๆ จิ้มทะลุผ่านชั้นผิวหนัง หน็อย...คิดว่าที่ผ่านมาเป็นคนใจบุญ ที่แท้แกมันก็พ่อพระในคราบซาตาน จำไว้เลยนะแม็กซ์เวล จบศึกคราวนี้แกไม่ตายดีแน่

เขาจะข่วนหน้าแกให้เสียโฉม จะทำลายข้าวของในห้องแกให้ราบจนองค์ประกอบศิลป์ไม่สมดุล ทุกอย่างในชีวิตแกจะถูกพังไม่ให้เหลือชิ้นดี ต่อให้เป็นเจ้านายหรือผู้มีพระคุณก็ไม่เว้น

จำไว้!!







      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ













==============================================

ไม่ทันไรก็เป็นเรื่องแล้ว โถๆๆๆเจ้ามิวมิว



ปล.ข้อมูลเรื่องการให้วัคซีนเราไม่ได้หาลึกมากนะคะ ห้ามเชื่อ100%เด็ดขาดดด  

ปล2. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

เราชอบชื่อมด

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
ชอบน้องมด ความอวดชื่อ555
ปกติได้แมวจรจัดเขาจะฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า หัดแมว ประมานนี้ค่ะ

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5

Meow 5



“มิวมิว…”



เรียกชื่อเป็นครั้งที่สามหลังกลับจากซื้อมื้อเที่ยง แมวน้อยตัวสีขาวก็ยังคงนอนหันหลังไร้การตอบรับอยู่บนเตียง แม็กซ์เวลไม่ใช่คนซับซ้อนในเรื่องความสัมพันธ์ ทว่าท่าทางเมินเฉยแบบนั้นก็ทำให้เดาได้ไม่ยาก

เจ้ามิวมิวกำลังงอน

เรื่องมันเริ่มจากการที่เขาพาน้องไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลคณะสัตวแพทย์เมื่อวาน คิดว่าที่น้องร้องงอแงแบบนั้นเพราะว่าเจ็บแผล แต่พอกลับมาก็เป็นอย่างเห็น ไม่ยอมเล่นด้วย ไม่ยอมให้จับ ไม่ให้เข้าใกล้



“มิวมิวกินข้าว”



วางปลาทูทอดของโปรดใส่ชามข้าวสีชมพูอย่างดี มิวมิวไม่กินอาหารเม็ดหรืออาหารที่ไม่สุก อาหารจำพวกของเหลือที่มนุษย์กินไม่หมดก็เช่นกัน เรียกว่าเป็นแมวช่างเลือกกินตัวหนึ่งเลย กว่าจะค้นพบว่าอาหารที่ถูกปากเจ้าตัวนั้นคือปลาทูทอดก็หมดเทสเตอร์ไปหลายมื้อ



“มิวมิวไม่เป็นแบบนี้”



เอื้อมมือไปลูบหัวได้ไม่เท่าไหร่แมวน้อยแสนงอนก็รีบลุกหนีอีกรอบ พี่หมอบอกว่าแมวเป็นสัตว์รักอิสระแถมยังเข้าใจยาก บางทีเราก็ต้องปล่อยให้น้องอยู่ในโลกส่วนตัวซักพัก เข้าไปวอแวมากก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี

แม็กซ์เวลคิดว่าแบบนั้น เขาอยากง้อ...แต่ติดตรงที่ง้อไม่เป็นเพราะไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อนถึงจะเป็นทาสแมวตัวยง อีกอย่างเขาต้องกลับบ้านในคืนวันเสาร์เพื่อไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในวันอาทิตย์ นโยบายนี้คุณแม่เป็นคนคิดขึ้นเพราะอยากให้ทุกคนในบ้านได้มีโอกาสกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน



“วันนี้กับพรุ่งนี้ไม่อยู่นะ กลับบ้าน”

“……”

“เจอกันวันจันทร์ อย่าทำห้องรก เดี๋ยวมีคนเอาปลาทูมาให้”



เขาพูดพร้อมหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายบ่า สบประสานดวงตาสีฟ้าที่ยอมเหลือบกลับมามองแค่เพียงเสียวหน้า ใจจริงก็อยากพาน้องกลับด้วย แต่เพราะพี่หมอบอกว่าถ้าเลี้ยงระบบปิดควรให้น้องอยู่ในห้องจนชินน่าจะเป็นการดีมากกว่า จึงจำใจต้องทิ้งแมวน้อยไว้ในห้องสองวัน



“ปวดอึ๊ก็ไปกระบะทราย”

“……”

“ไปจริงๆ แล้วนะ”



ร่างสูงถอนหายใจพร้อมกับเดินไปลูบหัวสัตว์เลี้ยงแสนรักด้วยความเป็นห่วงครั้งสุดท้าย ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแต่ก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี หัวอกคนเป็นเจ้าของ อย่างน้อยก็ขออย่าให้เจ้ามิวมิวไม่ป่วยในช่วงที่เขาไม่อยู่แล้วกัน

ปัง...

เสียงประตูปิดลง แมวที่เก๊กหน้าขรึมก็เปลี่ยนมานอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงแทน หึ...ไม่หายงอนง่ายๆ หรอกบอกเลย จะงอนให้เป็นอาทิตย์โทษฐานที่จับเขาไปทำร้ายร่างกาย ไอ้ตาแว่นเฉิ่มเบ๊อะ!

มิวนิคเดินดุ่มๆ ตรงไปยังชามปลาทูสีชมพูมุมห้อง ค่อยๆ แทะเนื้อสีเทามันวาวทีละคำอย่างละเมียดละไม ปกติเขาเป็นคนชอบกินปลาอยู่แล้ว ยิ่งกลายมาเป็นแมวเนื้อปลาเลยดันอร่อยมากกว่าเดิมหลายเท่า



“ไม่เบื่อหรอ ขุดอะไรไม่รู้ทั้งวัน”



ถามตัวจิ๋วในโหลกระจกบนชั้นไม้หลังเสร็จสิ้นการรับประทานปลาทูทอด ขาหน้าสีขาวเขี่ยแตะภาชนะดังกล่าวไปมาคล้ายไม่มีอะไรทำ มิวนิคคิดว่าการนอนตรงที่ว่างแคบๆ ระหว่างบ้านของแอนโธนี่กับเซตหนังสือแฮรี่พ็อตเตอร์ตรงนี้ก็สบายดีเหมือนกัน



“ใครจะไปขี้เกียจเหมือนแก”

“อ้าว”

“ก็พวกแมวน่ะขี้เกียจจะตายไป วันๆ ก็เอาแต่เล่นกับนอน”



คนถูกกล่าวหาวาดสีหน้าเบื่อโลกเมื่อถูกสิ่งมีชีวิตตัวเล็กกว่ามากโขสั่งสอน หากก็ยังไม่วายเขี่ยแตะแผ่นกระจกกั้นระหว่างเขาสองคนไปมาอย่างเซ็งๆ อยู่ดี ในนิทานมดกับตั๊กแตนเล่าว่า มดเป็นสัตว์ที่ขยัน แม้ในฤดูที่อุดมสมบูรณ์มดก็ยังไม่หยุดการหาอาหารเพื่อตุนไว้ในหน้าแล้ง ต่างจากตั๊กแตนที่เอาแต่เที่ยวสนุกไปวันๆ

แอนโธนี่คงไม่คิดว่าเขาเป็นตั๊กแตนหรอกนะ

พอลองนึกๆ ดูก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า หลังจากเป็นแมวเขาก็รู้สึกง่วงนอนมากกว่าปกติ เห็นเตียงนุ่มๆ หรือพื้นเย็นๆ ทีไรก็อยากทิ้งตัวลงนอนไปซะหมด โถ่...หนังสือก็ไปเรียนไม่ได้จะให้ทำอะไรวะ

อ๊ะ! คิดถึงการเรียนหนังสือดันลืมไปเลยว่าเขายังต้องเรียนนี่หว่า มิวมิวอาจไม่ต้องเรียน แต่มิวนิคไม่เรียนไม่ได้! แล้วหายไปแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเนี่ย โอ้ยยย...ตายแน่ๆ



“แอนโธนี่ ชั้นต้องออกไปข้างนอก!”

“ไปเล่นรึไง”

“เปล่า...ไปเรียน”

“ไร้สาระ แมวเขาไม่เรียนกัน”



แล้วเมื่อกี้ไม่ใช่มึงหรอโว้ยที่บอกว่าแมวเอาแต่นอนน่ะ เป็นมดดีๆ ไม่ชอบ สงสัยอยากเป็นมดตากแห้ง ถ้าไม่ติดว่ากลัวมีปัญหากับนายแว่นมิวนิคอยากจะสั่งสอนไอ้มดปากดีนี่ซักหน่อย แต่ทำแรงก็กลัวมันตายแฮะ



“ฉีดยามาก็ไปนอน ทำตัววุ่นวายจังเลยนะแกอ่ะ”



อ๋อ...ที่แท้ก็เป็นห่วงนี่เอง ห่วงก็บอกว่าหวงสิ ไม่ยักกะรู้ว่ามดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปากแข็ง มิวนิคหาวหวอดก่อนจะกระโดดลงไปนอนบนเตียงตามเดิมอย่างว่าง่าย ความนุ่มนิ่มของเนื้อฟูกช่างชวนให้คล้อยหลับ

ก็จริงอย่างที่แอนโธนี่ว่า เขายังปวดตุ้บๆ ตรงบริเวณที่ฉีดยาอยู่เลย ไว้พรุ่งนี้ค่อยหาทางออกไปหาสายหมอกแล้วกัน ไอ้เพื่อนรักน่าจะช่วยอะไรได้ อีกอย่าง...วันอาทิตย์นายแว่นก็ไม่อยู่ด้วย หนีเที่ยวคงไม่เป็นไร...

ตั้งแต่นายแว่นกลับบ้านไป มิวนิคก็ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนไปกับการนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนพื้นบ้าง บนเตียงบ้าง ซอกหลืบในห้องบ้าง หรือเบื่อๆ ก็ปีนขึ้นไปคุยเล่นกับแอนโธนี่บ้าง ไถ่ถามชีวิตมดที่โตมาในโหลแก้วว่ามีความสุขจริงน่ะหรอ



“ความสุขของชั้นคือการขุดเจลสีฟ้า”



มันว่าอย่างนั้น มิวนิคกลับลงไปนอนบนเตียงตามเดิม เขี่ยแตะหมอนใบสีขาวจนอาการง่วงเริ่มกำเริบ แปลกดีที่หลังจากเป็นแมว...ต่อให้นอนเป็นสิบชั่วโมงก็ไม่ปวดหัว ซ้ำยังรู้สึกเหมือนนอนไม่พอไปอีก

แมวตัวนึงมันจะง่วงได้บ่อยขนาดไหนกัน...




















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนที่แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบเสี้ยวหน้า วันนี้อากาศอุ่นๆ ไม่ร้อนจนเกินไปเหมือนทุกวัน เหลือบมองสิ่งมีชิวิตตัวเล็กที่ยังคงกำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขันต่อไป

มิวนิคบิดขี้เกียจก่อนจะสะบัดศีรษะเรียกสติให้ตื่นขึ้น ไม่รู้ว่าเมื่อวานหลับไปตั้งแต่ตอนไหน คิดว่าบางทีเขาควรหาอะไรทำที่มีประโยชน์นอกจากการนอนหายใจทิ้งไปเรื่อยเปื่อยบ้าง

เป็นตอนนั้นเอง จู่ๆ สายตาก็สะดุดเข้ากับต้นขาเนียนที่สวมกางเกงขาสั้นสีขาว ไล่มองลงไปจนถึงถุงเท้าเสมอตาตุ่มสีเดียวกัน หัวใจเริ่มเต้นแรงอย่างกระวนกระวาย มิวนิคจับไปตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย วิ่งตรงไปยังกระจกหน้าห้องน้ำก่อนจะพบว่า ทั้งหมดที่เขาสัมผัสนั้น...

เป็นร่างกายของตนเอง



“เชี่ยยยยยย หายแล้ว...หายแล้วจริงๆ ใช่มั้ย!” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



ทาบฝ่ามือไปตามใบหน้าอย่างเหลือเชื่อ ดวงตา ริมฝีปาก จมูก ทุกอย่าง ทุกอย่างเป็นของเขา เป็นเขาในร่างมนุษย์ หรือว่านี่จะเป็นความฝัน? ไม่นะ! มันต้องไม่เป็นความฝัน นึกเสร็จก็หยิกแก้มตัวเองแรงๆ



“โอ้ย! มะ....ไม่ใช่ฝันจริงๆ ด้วย!!”



หรือคำสาปจะคลายแล้ว? แต่ไอ้ปู่แมวบ้าก็บอกไว้แล้วนี่หว่าว่าคำสาปจะคลายก็ต่อเมื่อเขาพบความหมายของชีวิต แล้วเขาพบแล้วงั้นหรอ? อ๊ะ! หรือจะเป็นการนอน ต้องใช่แน่ๆ ...ปกติเขาไม่เคยนอนนานขนาดนี้ ที่แท้ไอ้ปู่แมวก็อยากให้เขาได้พักผ่อนนี่เอง โถ่...บอกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องสาปกันให้เป็นแมวเลย



“แอนโธนี่! ชั้นกลายเป็นคนแล้ว!” หวีดร้องดีใจหลังวิ่งตรงออกมาจากห้องน้ำ

“แก....แกเป็นใครเนี่ย” คนถูกทักเอียงศีรษะสงสัย

“ชั้นก็มิว...”



จริงสิ...แอนโธนี่ไม่รู้จักเขา ไม่รู้จักมิวนิค เจ้าตัวรู้จักแค่มิวมิวรูมเมทตัวสีขาว รูมเมทที่มีเจ้านายคนเดียวกัน แต่ตอนนี้ไม่มีมิวมิวอีกแล้ว ทุกอย่างเป็นแค่อดีต...

แต่เดี๋ยวนะ ถ้าคำสาปคลายแล้วแต่ทำไมถึงยังสื่อสารกับมดได้? หรือจะเป็นความสามารถที่ยังหลงเหลือ คงไม่ใช่...ไม่เอาน่ามิวนิค อย่าคิดเรื่องที่ไม่เป็นมงคลซี่ ตอนนี้แกไม่ต้องกลายเป็นไอ้แมวมิวมิวแล้ว แกคือมิวนิค!



“…ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ ไว้ว่างๆ จะมาเยี่ยม”



เป็นยิ้มครั้งสุดท้ายก่อนบานประตูจะปิดลง ถือวิสาสะหยิบรองเท้าแตะของตาเจ้าของห้องซื่อบื้อมาด้วย ไว้ซื้อมาคืนทีหลังก็แล้วกัน จริงสิ...ต้องซื้อเจ้ามิวมิวตัวใหม่ให้ด้วยนี่นะ ขืนอีกฝ่ายกลับมาพบว่าแมวตัวเองหนีออกจากบ้านไปคงหงอยแย่ หึ...ถือว่าตอบแทนที่ช่วยชีวิตก็แล้วกัน

มิวนิคยืนมองร่างกายของตนเองที่ถูกสวมด้วยเสื้อยืดสีขาว กางเกงสีขาว แม้แต่ถุงเท้ายังเป็นสีขาวอยู่หน้าบานกระจกทางลงบันได ไม่เข้าใจว่าทำไมพอกลายร่างเป็นมนุษย์ถึงได้มาอยู่ในชุดนี้ แต่ก็ช่างเถอะ...มีเสื้อใส่ก็ยังดีกว่าโป๊เป็นไหนๆ

ชายหนุ่มสะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน เดินตรงลงไปยังลอบบี้ ผ่านป้ายหอพักที่อยู่มาตลอดสามสี่วัน ถึงจะเป็นช่วงเวลาไม่นานแต่เขาคงคิดถึงที่แห่งนี้ไม่น้อย

หอพักบ้านสุขใจ

ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะออกมาถึงหน้าปากซอยเพราะหอนี่ตั้งอยู่ในมุมลึกสุด เขาเรียกแท็กซี่ที่ขับผ่านไปผ่านมาอยู่หลายนาที ทว่าจนแล้วจนรอดเกือบทุกคันก็อ้างว่าไปส่งแก๊สกันเสียหมด

หน็อย...อะไรจะพร้อมเพรียงกันขนาดนั้น เรียกยากเรียกเย็นจริงๆ แท็กซี่สมัยนี้...นี่ถ้าขับรถมาเองก็คงไม่ง้อพวกลุงหรอกโว้ย อีกอย่าง...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสมัยนี้ผู้คนถึงนิยมใช้แกรบกัน!

ชะโงกถามคันถัดไปที่เทียบท่าจอดพร้อมเปิดกระจกลงมาพอดี “ไปคอนโดxxครับ”



“อ๋อ...ไม่ได้ไปหรอกครับน้อง”



ให้ตายเถอะ...เป็นแท็กซี่ทำไมถึงไม่ไปส่งผู้โดยสารวะ! คนถูกปฏิเสธกัดฟัดกรอด ได้! อยากเล่นกับคุณมิวนิค เมธานินทร์นักใช่มั้ย งั้นก็ขอยืมวิธีการแก้เผ็ดแท็กซี่จากที่เคยอ่านมาในทวิตเตอร์มาหน่อยก็แล้วกัน ร้ายมาร้ายกลับไม่โกง!



“...พี่เห็นผมด้วยหรอครับ?”



เอียงศีรษะช้าๆ เปล่งเสียงเนิบนาบพร้อมกับแยกยิ้มชวนขนลุก นั่นไง ได้ผลว่ะ พี่แกทำอ้าปากค้างก่อนจะเหยียบคันเร่งสุดเท้าไปข้างหน้าแทบไม่ทัน หึ...รีบจังเลยนะคุณแท็กซี่ ยังแก้เผ็ดไม่ครบทุกวิธีเลย

ไงล่ะ...กลางวันแสกๆ ก็เจอผีได้

เฮ้อ...แย่จริงเชียว ทำไมเป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้นะมิวนิค อุตส่าห์รอดจากการเป็นไอ้แมวมิวมิวมาได้ก็ยังจะแกล้งคนอื่นอีก...ไม่เอาๆ อย่าเกเรซี่ เขกศีรษะตนเองเบาๆ ก่อนจะเดินไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ข้างหน้า เพราะดูท่าแล้วรายนี้น่าจะใช้งานได้จริงมากกว่า

เนื่องด้วยเป็นวันอาทิตย์การจราจรจึงไม่ค่อยติดขัด แต่สิ่งที่ทำให้มิวนิคถึงกับย่นจมูกมาตลอดทางคงมาจากฝุ่นละอองและเขม่าควันตามถนน ทั้งชีวิตเขาไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนเลย เพราะใช้รถยนต์ตลอด เพิ่งเข้าใจหัวอกคนธรรมดาก็วันนี้แหละ ลำบากเอาเรื่องเหมือนกัน



“เดี๋ยวครับน้อง”

“ครับ?” หันมองพี่วินเมื่อมาถึงคอน

“เดินตัวปลิวเลย” อีกฝ่ายขำแห้งๆ “น้องลืมจ่ายตังค์”



เชี่ยแล้วไง! กลายเป็นคนแค่ตัว แต่ไม่มีตังค์ซักบาท จะขอจ่ายพร้อมเพย์ก็ไม่ได้เพราะโทรศัพท์ก็ไม่มีอีกนั่นแหละ ตายแน่ไอ้มิว...จะเจอพี่วินตีไหม



“เอ่อ...พี่ คือเดี๋ยวผมขึ้นไปหยิบให้บนห้องได้ไหม”

“พี่จะรู้ได้ไงว่าน้องจะไม่เบี้ยวพี่ มีโทรศัพท์หรืออะไรเป็นตัวประกันรึเปล่า”



กระเป๋าตังค์ยังไม่มีแล้วเขาจะไปหาโทรศัพท์มาให้จากไหนล่ะโว้ยยย มิวนิครู้สึกเสียเซลฟ์ขั้นสุด ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครหน้าไหนทวงเงินแม้แต่บาทเดียวเพราะทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไม่มีการคาดเคลื่อน ถึงมีก็หาทางรับมือได้เสมอ เว้นเสียแต่ช่วงนี้ที่สูญเสียการควบคุมไปหมด

และในขณะที่กำลังตกอยู่สถานการณ์กระอักกระอ่วน เสียงช่วยชีวิตก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง แปลก...ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันตั้งเกือบอาทิตย์ แต่ความรู้สึกดันเหมือนเขากับอีกฝ่ายขาดการติดต่อมาเป็นแรมปี



“ไอ้มิว! มึงหายไปไหนมา...”

“หมอกกกกกก!!”



ชายหนุ่มร้องเสียงหลง ก่อนเจ้าของชุดสีขาวทั้งร่างจะกระโดดกอดเพื่อนชายคนสนิทจนตัวลอย ล็อคแขนกับลำคอ เกี่ยวขากับเอว ใครจะคิดยังไงก็ช่าง ตอนนี้เขาคิดถึงสายหมอกที่สุด



“ปะ...เป็นอะไรของมึงเนี่ย ถ้าจะวีคออฟก็กรุณาช่วยบอกกูหน่อยได้...”



หมดคราบเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวท็อปของคณะ อย่าได้หวังเลยว่ามิวนิคนิเทศศาสตร์จะแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น ถ้าเปรียบเป็นห่วงโซ่อาหาร เขาก็คือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ไม่ใช่ผู้ถูกล่า...หากแต่คือผู้ล่า เว้นเฉพาะเพียงเวลาอยู่กับคนที่สบายใจ ตัวตนที่แท้จริงก็จะถูกแสดงออกมาอย่างที่เห็น

ติ๊งต๊อง...



“จ่ายตังค์ให้โหน่ย”



ผละใบหน้าออกจากซอกคอคนช่างซัก จ้องมองอ้อนวอนด้วยแววตากลมโตราวกับแมวน้อย มิวนิคคิดว่าบางทีตนเองอาจยังคงติดเอาพฤติกรรมแปลกๆ จากไอ้แมวมิวมิวมา...



“ไปวีคออฟแล้วไม่มีตังค์จ่ายค่าวินเนี่ยนะ?”

“น่าหมอก...จ่ายให้หน่อย เดี๋ยวขึ้นห้องไปค่อยคุยกัน นะๆ”



ว่าพลางเหลือบมองไปยังวอนโว่ประจำตำแหน่งตรงลานจอด ปกติถ้าไม่จอดชั้นหนึ่งเขาก็จะจอดตรงชั้นห้องของตนเอง ทว่าสิ่งที่น่าตกใจกลับไม่ใช่จุดจอดของรถหรอก มันคือสภาพรถที่ยังคงสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แปลก...วันนั้นจำได้ว่าเขาก็ขับชนไอ้แมวตัวต้นเหตุอย่างจัง แต่ไม่ยักกะมีรอยบุบซักนิด

หรือไอ้ปู่แมวจะส่งเข้าศูนย์ให้? แต่ก็ไม่น่าใช่...เป็นถึงเทพ น่าจะใช้เวทย์มนต์มากกว่า



“ไหนว่ามาซิพ่อศิลปินแห่งชาติ คราวนี้ไปวีคออฟที่ไหนมาล่ะ”



สายหมอกยืนกอดอกวาดหน้าบึ้งราวกับคุณพ่อจอมเฮี้ยบ ส่วนคนที่ถูกคาดคั้นก็นั่งเลิ่กลักอยู่บนโซฟาหลังจากทั้งคู่ขึ้นมาบนห้อง มิวนิคเกลียดบรรยากาศแบบนี้ชะมัด มันเหมือนเขากำลังโดนสอบสวน

วีคออฟเป็นศัพท์เฉพาะที่สายหมอกตั้งขึ้นมาเวลาเขาชอบหายตัวตัดขาดจากโลกภายนอกไปนานๆ บางทีสาเหตุก็ไม่ใช่เรื่องที่มีสาระสำคัญอะไร อาจมาจากความรู้สึกเบื่อๆ การเรียนขั้นสุด หรือไม่ก็หงุดหงิดกับอะไรซักอย่างจนไม่อยากอยู่ใกล้มากๆ

มันเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยมัธยม ทีแรกทุกคนตกใจที่ติดต่อไม่ได้ แต่เมื่อเข้าใจว่าในหนึ่งปีมิวนิคจะเป็นแบบนี้ซักครั้งหรือสองครั้งจึงไม่มีใครถามหาเหตุผล ให้รู้ไว้ว่าถ้าคุณมิวนิคหายหัวไป นั่นก็คือ...ไม่ต้องโทร ไม่ต้องส่งข้อความตาม เพราะคุณจะไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ เลย



“ก็แถวๆ นี่แหละน่า”



บอกปัดส่งๆ สบประสานดวงตาคู่สนทนาเพื่อให้ดูเป็นปกติ ใครจะกล้าบอกล่ะว่าที่หายไปเพราะถูกสาปให้เป็นแมว ขืนพูดงั้นสายหมอกต้องหาว่าเขาเป็นบ้าแน่ๆ ปล่อยให้เป็นฝันร้ายในความทรงจำก็แล้วกัน



“คงไม่ใช่เรื่องเรียนสินะ เพราะช่วงนี้เราไม่ได้เรียนหนัก” สายหมอกทิ้งตัวลงข้างๆ ออร่าแห่งความเป็นห่วงแผ่ปกคลุมทำเอามิวนิคต้องรีบเก็บอาการ

“…อืม”

“หรือทะเลาะกับไอ้นัท?”

“จะบ้าหรอ ยังไม่ได้คุยกันเลย”



นึกได้ดังนั้นก็เดินไปยังโต๊ะคอมที่มีโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์วางอยู่ทันที ทุกอย่างยังคงอยู่สภาพที่ปลอดภัยราวกับไม่ได้ผ่านการประสบอุบัติเหตุมาแม้แต่น้อย มิวนิคสะบัดศีรษะขับไล่ความฟุ้งซ่าน ปลดล็อคหน้าจอเครื่องสมาร์ทโฟนดูการเรียกเข้า

เป็นเบอร์คุณพ่อกับคุณแม่สิบห้าสาย

สายหมอกสิบสาย แล้วก็...

นัทอีกห้าสาย

ข้อความจากทุกคนล้วนสื่อไปในทิศทางการแสดงความห่วงใย แต่ไม่ได้ตื่นตกใจอะไรมากมาย อาจเพราะรู้อยู่แล้วว่าที่เขาหายไปแบบนี้คงเป็นเพราะวีคออฟ หากแต่สำหรับนัท...เราเพิ่งคุยกัน ความกระวนกระวายที่เขาหายไป อีกฝ่ายควรมีมันมากกว่านี้รึเปล่า?



“แล้วนัทได้ถามอะไรเกี่ยวกับกูจากมึงปะ?”

“ก็ไม่นะ” สายหมอกทำท่าชั่งใจอะไรบางอย่าง “มิว...กูถามจริง มึงกับไอ้นัทอะไรนั่นไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ ใช่ปะ?”

“หึงมิวหรอหมอก?”

“อย่ากวนตีน”



โดนตบหัวทันทีหลังอมยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยใส่เพื่อนชายที่กำลังปั้นหน้าคุณลุง เขาก็แค่อยากแหย่สายหมอกเล่นเท่านั้นเอง ไหงถึงกลายมาเป็นเข้าโหมดซีเรียสได้ล่ะเนี่ย



“หึ… ไม่ได้เป็นแฟนกันไง แค่คนคุยเฉยๆ”

แต่ว่านะ...ต่อให้เป็นแค่คนคุยก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถึงจะดูเป็นคนร้ายๆ เฟียสๆ แบบนี้แต่เขาก็มีหัวใจ ยิ่งคุยกันทุกวันมาเกือบสองเดือนมันก็ต้องมีรู้สึกกันบ้างแหละ



“เออ...งั้นก็ดีแล้ว”

“ทำไม?”

“เปล่า...ไม่มีอะไร”

คิ้วสวยเข้ารูปเริ่มขมวดมุ่น “หมอก รู้อะไรมา” จับแขนอีกฝ่ายคาดคั้นเอาคำตอบ

“ไม่มี” คนพูดส่ายมือทำท่าประกอบ “เอ้อ...ว่าแต่มึงเหอะ จะมีวีคออฟอีกมั้ย กูขี้เกียจมานั่งเลคเช่อร์ตามให้แล้วนะ”

“มะ...ไม่มีแล้วน่า...”



พอโดนพูดถึงเรื่องวีคออฟดันทำเอาเปลี่ยนเรื่องตามไม่ทัน วีคออฟสำหรับสายหมอกก็คือชีวิตการเป็นไอ้แมวมิวมิวสำหรับเขา เป็นความทรงจำที่ไม่อยากจำ นึกแล้วยิ่งชวนขนลุก เขาคงต้องนอนให้มากกว่านี้



“เอ้อนี่หมอก...พรุ่งนี้มารับไปเรียนด้วยดิ”

“มีรถก็ขับไปเองสิครับ”

“ไม่อยากขับ นะหมอก มารับมิวหน่อย”

“เฮ้อ...รู้แล้ว ไม่ต้องมาเกาะแขนอ้อน แปลกๆ นะมึงอ่ะ”



คนถูกอ้อนจิ๊ปากพร้อมขมวดคิ้วประหลาดใจก่อนจะถูกอ้อนอีกครั้งเพื่อให้พาไปกินข้าว ซึ่งเจ้าตัวคงรู้ดีว่าคงไม่อาจปฏิเสธคำอ้อนของคุณมิวนิคได้ เขาชอบสายหมอกก็ตรงนี้เนี่ยแหละ

ส่วนที่ไม่อยากขับรถเองเพราะยังรู้สึกฝังใจกับเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่ได้เจ็บร่างกายตรงที่รถชน หากแต่เจ็บตรงหัวใจตอนที่ตื่นขึ้นมาบนรถแล้วไม่เห็นใคร เป็นความรู้สึกวูบโหวง เห็นเพียงแค่ตนเองที่กลายเป็นแมวตัวหนึ่ง

ช่างเดียวดาย...

กลับมาถึงห้องก็ทิ้งตัวลงเตียงอย่างเหนื่อยล้าทันที หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถตามข่าวสารต่างๆ ในช่วงที่ตนเองหายไป ถือเป็นหนึ่งวันที่ค่อนข้างหนัก ชีวิตนับจากนี้เขาคงต้องปรับอะไรหลายอย่างให้มากขึ้นเพื่อความหมายของชีวิตที่ดีขึ้น แล้วก็...จะไปดูแมวขาวมณีตัวใหม่ให้ใครบางคนด้วย

มิวนิคผล็อยหลับไปในช่วงหนึ่งทุ่ม รู้สึกตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะลืมปิดผ้าม่าน เขายังคงมีความรู้สึกว่าต่อให้นอนมากเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ มันง่วงไปหมด...ง่วงจนอยากขอนอนอีกซักชั่วโมง แต่คงไม่ได้...วันนี้มีเรียนเช้ามาก แถมอีกไม่กี่นาทีสายหมอกก็จะมารับ

คนขี้เซาเด้งตัวลุกออกจากเตียงก่อนจะตรงไปยังห้องน้ำทันที ทว่าเหมือนสูญเสียการควบคุมทางร่างกาย คล้ายอวัยวะขยับแปลกไปจากเดิม เป็นตอนนั้นเองที่ความรู้สึกบางอย่างเข้ามาแทนที่ ไม่ใช่ว่าไม่คุ้นชิ้นกับสัมผัสแปลกๆ แบบนี้หรอก มิวนิคกลืนน้ำลายลงลำคอดังเอื้อกก่อนจะค่อยๆ เปล่งเสียงออกมา...



“เมี้ยว...”



ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยย!!! ไม่จริงใช่มั้ย!! อีกแล้วเหรอ กลับมาอีกแล้วเหรอ นี่เขากลายเป็นแมวอีกแล้วเหรอ!! ไหนคำสาปคลายหมดแล้วไงล่ะโว้ยยยย แล้วทำไมจู่ๆ ดันกลับมาเป็นแมวได้อีกล่ะเนี่ยยยยย

คนสติแตกวิ่งว่อนกระวนกระวายไปทั่วห้อง ก่อนจะต้องมาหยุดยืนตรงกระจกหน้าตู้เสื้อผ้าอย่างอึ้งๆ แน่นิ่งราวกับกลายเป็นหิน ถอนหายใจเฮือกโตหมดความหวัง

ดวงตาสีฟ้า ใบหูชี้ตั้ง ขนสีขาวบริสุทธิ์ หางยาวกระดิกไปมา

สวัสดีมิวมิว

ฟ๊าคคคคคคคคคคค เป็นมิวจริงๆ ด้วย นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ยยยยยย!!!











     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ





==============================================



กำ คิดว่าจะรอดแล้วเจ้ามิวมิว

ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2018 23:25:39 โดย WickedWish »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ยังกะให้กลับมาเป็นคนเพื่อมาบอกคนอื่นว่าสบายดีงั้นแหละ 5555555

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เจ้ามิวมิวหายไปจากห้อง ตอนพระเอกกลับมาจะเป็นห่วงขนาดไหนน้า

ออฟไลน์ it.the.world

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักกกกก ขอบคุณนะคะ ปล.เราอยากให้เวลาอัพเดตแล้วมีวันที่ด้วยอ่ะคะ  :pig4: o13

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ชอบเวลามิวมิวคุยกับแอนโทนี น่ารักดี

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 6


“ออกมาเดี๋ยวนะไอ้กระปู๋แมว ออกม๊า!!”



เสียงดังเงี้ยวง้าวอยู่หน้าลานต้นโพธิ์ทำเอาคนที่สัญจรผ่านไปมาต่างหันมองควับด้วยความสงสัย ถ้าเป็นสุนัขคงเรียกเห่า แต่นี่เป็นแมว...แถมยังมาร้องประท้วงอยู่หน้าต้นโพธิ์ไม่ยอมหยุดตั้งแต่เก้าโมงเช้า

ต้องเรียกว่าอะไรหรอ...แมวเห่า?



“ถ้าแกไม่ออกมาชั้นจะฟ้องแก ชั้นจะบอกแมวในระแวกนี้ให้เลิกเคารพแกให้หมด แล้วชั้นก็จะจองล้างจองผลาญแกไปตลอดชีวิต ออกมาในโว้ยยยไอ้กระปู๋แมว ออกมาเดี๋ยวนี้!!”



นาทีนี้ไม่มีแล้วคำว่าเทพเจ้าหรือมนุษย์ มีเพียงแค่คุณมิวนิคกับไอ้ปู่แมวเท่านั้น จะโดนสาปเพิ่มก็ให้มันรู้ไปสิวะ ชีวิตคงไม่มีอะไรซวยไปกว่านี้แล้วแหละ!

และเหมือนมลภาวะทางเสียงที่เขาสร้างขึ้นจะเป็นผล เพราะในที่สุดไอ้ปู่แมวบ้าก็ได้ฤกษ์ออกมาซักที หน็อย...ยังมีหน้ามาทำเสียงเบื่อโลก มันต้องเป็นเขาต่างหากละโว้ยที่ควรทำเสียงแบบนั้น



“อะไรอีกมิวมิว แกนี่มันวุ่นวายจริงๆ เลยนะ”



โอ้โห...ขึ้นตรงคำว่ามิวมิว ก็รู้อยู่ว่าชื่อมิวนิคยังจะมาเรียกชื่อแมว นี่มันกะล้อเขาชัดๆ นี่หว่า เป็นต้นเหตุไม่พอยังบูลลี่กันอีก ปัดโถ่เว้ย...ทำไมเขาถึงวิ่งทะลุผ่านร่างมันตลอด จะข่วนหน้าให้หายแค้นก็ทำไม่ได้



“นี่มันเรื่องอะไรกันวะปู่ คำสาปคลายแล้วไม่ใช่รึไง แล้วทำไมถึงสาปให้ผมกลายเป็นแมวอีก”

“เฮ้อ...เสียเวลาคนทำงานจริงๆ” อีกฝ่ายทำท่ากุมขมับน่าตบ เพ่งพินิศมองแมวน้อยขี้โวยวายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้เอง “แล้วใครบอกเอ็งฮะว่าคำสาปคลาย”

“กะ...ก็...”



จริงด้วยสิ ไม่มีใครบอกซักคน เขาก็แค่ตื่นขึ้นมาในร่างมนุษย์ แต่นั่นมันก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรอว่าคำสาปได้คลายลง ก็ร่างเขาคืนกลับเป็นมิวนิคตามเดิมแล้วอ่ะ



“กรรม นี่ชั้นยังไม่ได้บอกแกสินะ” เทพเจ้าในร่างมนุษย์ยกมือเกาหัวแกร้กกร้ากพลางหลุดหัวเราะ

“บอกอะไร” ขมวดคิ้ว เอียงศีรษะสงสัย

“ก็ทุกวันอาทิตย์แกจะกลายร่างเป็นคนเหมือนเดิม”

“หาา?”



สิ้นประโยคคนฟังก็อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อรูหู จะว่าดีใจก็ดีใจ จะว่าโกรธก็โกรธ มันเป็นความรู้สึกอึนๆ ที่กำลังตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด หมายความว่า...ในหนึ่งอาทิตย์เขาจะเป็นไอ้แมวมิวมิวแค่หกวัน ส่วนอีกหนึ่งวันเขาจะกลับเป็นมิวนิคงั้นหรอ!?



“คำสาปก็มีวันหยุดนะไอ้หนู ให้คำสาปได้พักบ้าง”



เวรเอ๊ย เหมือนทำเล่นๆ อ่ะ มิวนิคหลุดถอนหายใจด้วยความเซ็งขั้นสุด เริ่มมีความคิดว่าตกลงแล้วไอ้กระปู๋แมวมันต้องการจะสั่งสอนเขาให้รู้จักความหมายของชีวิตจริงๆ หรือแค่อยากจะกลั่นแกล้งกันแน่



“เรื่องมันโคตรบ้า”

“หึหึ...มีธุระแค่นี้ใช่มั้ย ทีหลังมีอะไรให้เรียกวันอาทิตย์เพราะข้ากลับโลกมนุษย์พอดี บุญของเจ้านะที่วันนี้ข้าต้องแวะเข้ามาตรวจพื้นที่ ไม่งั้นคงได้เห็นแมวขาวมณีแหกปากคอแตกตาย”

“จ้ะ!” แมวน้อยกัดฟัดตอบ ปากแบบนี้ควรเป็นเทพเจ้าหมามากกว่าเทพเจ้าแมว



ราวกับธารแห่งความโกรธเหือดแห้งลงไปเปราะนึง อาจเพราะหมดคำจะต่อเถียง ชะตาชีวิตของตนเองตอนนี้เขากำหนดอะไรไม่ได้เลย ต่างจากเมื่อก่อนที่ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุม มันทั้งสิ้นหวังแล้วก็หมดแรงจะกลายเป็นคนร้ายๆ เหมือนเก่า ตอนนี้มีแค่มิวนิคคนกาก

ไม่สิ...ต้องมิวมิวแมวกาก



“นี่ปู่...”

“หืม?” เจ้าของเสียงหันกลับมามองแค่เพียงเสี้ยวหน้า



“ถ้าปู่เป็นเทพจริง ปู่ก็น่าจะรู้ใช่ปะว่าผมไม่ได้เป็นคนเลวขนาดนั้น” น้ำเสียงจริงจังทำเอาร่างที่กำลังจะเลือนหายถึงกับต้องหยุดชะงักฟัง “เพราะงั้น...ผมจะรีบหาความหมายของชีวิตให้เจอ แต่ยังไงผมก็อยากให้ปู่ปราณีผมด้วย อย่าใจร้ายกับผมให้มากเข้าใจเปล่า”



“หึ โตขึ้นมาหน่อยแล้วนี่มิวนิค”



เพราะหน้ากากไม่ได้ปิดบังจนหมดใบหน้า เขาจึงแอบเห็นผิวกายด้านในที่กำลังอมยิ้ม ปู่แมวไม่ได้แก่ คล้ายจะเป็นผู้ชายคนนึงที่แค่สวมหน้ากากแมวเท่านั้น อีกอย่าง...เมื่อกี้ที่พูดไปก็เพราะรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ เขากำลังเล่นอยู่กับเรื่องเหนือธรรมชาติ ถ้าจะให้ดื้อรั้นอย่างเคยผลลัพธ์ก็คงออกมาเป็นแบบเดิม เฮ้อ...

ไหนๆ ก็ซวยขนาดนี้แล้ว ทนซวยต่อไปอีกหน่อยก็แล้วกัน



ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงหอพักบ้านสุขใจ ถ้าถามว่ามายังไงก็คงตอบว่าปีนป่ายตามหลังคาคลำทางมาเรื่อย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็ไม่คิดหรอกว่าตนเองจะทำได้ สงสัยจะเป็นความสามารถของแมว

ทีแรกกะว่าจะไปอยู่กับสายหมอก อย่างน้อยถ้าฝั่งนั้นรู้ความจริงก็ยังมีแนวโน้มว่าเจ้าตัวจะช่วยเหลือเขาได้ ใช่เลย...เขาไว้ใจเพื่อนชายคนนี้มาก ทว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะทันทีที่ไอ้เพื่อนรักเปิดประตูเข้ามาตามในห้องเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ลงมาซักที ผื่นแดงก็ผุดขึ้นจนเกือบแทบทั้งตัว

สายหมอกแพ้ขนแมว...

แพ้ขั้นรุนแรงถึงขนาดที่ว่าต่อให้ยังไม่ได้สัมผัสกัน แค่นั่งลงบนที่นอนที่มีขนแมวร่วงอยู่ผื่นก็ขึ้นแล้ว เป็นความลับที่มันไม่เคยบอกเลยซักนิด ไม่ต้องถามเลยว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นยังไง ครับ...ไอ้หมอกร้องจ๊ากพร้อมวิ่งเป็นแต๋วแตกออกไปจากห้องแทบไม่ทัน

ตัดช้อยส์ผู้ช่วยเหลือคนแรก

เขากลับมาถึงห้องตอนสิบโมงเช้า เนื่องจากห้องแม็กซ์เวลอยู่ชั้นสาม แถมมีสกิลปีนป่ายที่เพิ่งอันล็อคมาจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เท้าขาวๆ เขี่ยเปิดประตูระแนงเดินดุ่มๆ เข้าไปในห้อง เพราะไม่อยากให้ห้องอากาศอุดอู้ตาเจ้านายของเขาจึงไม่ชอบปิดประตูกระจก

แน่นอนว่าอีกฝ่ายไปทำงานแล้ว ทั้งห้องถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดพร้อมปลาทูทอดหนึ่งตัวในชามข้าวแมว มิวนิคกล่าวทักทายเหล่าแคคตัสข้างหน้าต่างแม้จะรู้ว่าไม่สามารถสื่อสารกับพืชได้ ดีแล้วแหละ...แค่คุยกับสัตว์ด้วยกันรู้เรื่องก็ปวดหัวจะแย่



“ไง แอนโธนี่”



กระโดดขึ้นมาเคาะโหลกระจกพร้อมนอนตะแคงบิดขี้เกียจคุยกับคู่สนทนาหลังจากจัดการปลาทูทอดจนหมด ถ้าไม่กลายเป็นแมวอย่าหวังเลยว่าคุณมิวนิคจะยอมกินปลาทูทอดเปล่าๆ แบบนี้ เสียศักดิ์ศรีบ้านวัชรโภคินทร์ชะมัด!



“อืม กลับมาแล้วสินะ”

“โห...ไม่ห่วงกันบ้างเลยหรอ นี่หายไปตั้งสองวัน”



ว่าด้วยน้ำเสียงตัดพ้อใส่ตัวจิ๋วที่กำลังขะมักเขม้นกับการขุดเจลสีฟ้าไม่รู้จักเบื่อ ดูเหมือนตาแว่นจะมาเติมเจลเพิ่มให้เจ้ามดดำแล้วแฮะ แถมยังมีป้ายชื่อกระดาษเขียนด้วยลายมือแปะติดว่าแอนโธนี่ด้วย แหม...กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่ามดตัวเองชื่อแอนโธนี่ หมั่นไส้ว่ะ



“พวกแมวก็อยู่ไม่ติดบ้านอยู่แล้วปะ”



รู้ดีเก่ง! เคยเกิดเป็นแมวรึไงไอ้มดบ้านี่ มิวนิคกระโดดลงจากชั้นไม้ ทิ้งตัวลงกับฟูกเตียงอย่างขี้เกียจ กลิ้งเกลือกไปมาไร้จุดหมาย ลมเย็นๆ ของหอพักบ้านสุขใจที่พัดผ่านเข้าทางหน้าต่างช่างชวนง่วงไปเสียทุกวินาที ว่าก็ว่าเถอะ...ตาเจ้านายของเขามาเสาะแสวงหาหอนี้เจอได้ยังไงกัน โลเคชั่นดี๊ดี เหมาะแก่การนอนมาก



“ฮ้าว...ฝันดีแอนโธนี่”



ฝันกลางวันน่ะ...

รู้สึกตัวอีกทีตะวันก็คล้อยลับฟ้าจนผ่านพ้นมาถึงช่วงค่ำ มิวนิคสะดุ้งตื่นอย่างงัวเงียเมื่อเสียงบานประตูถูกเปิดออก เป็นภาพชายหนุ่มแว่นหนาที่กำลังลอบถอนหายใจเหมือนโล่งอกอะไรบางอย่างเดินตรงเข้ามาใกล้



“หายไปไหนมา”



คนพูดช้อนร่างสีขาวบริสุทธิ์ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ฝังจมูกลงบนศีรษะทุยๆ ของแมวน้อยขี้เซา ถึงคุณป้าเจ้าของหอจะบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่แมวตัวผู้ชอบหนีออกจากบ้าน แต่แม็กซ์เวลก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ก็เจ้ามิวมิวยังมาอยู่ห้องเขาไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย



“ม๊าวว (ปล่อยน่า อึดอัด) ”

“คิดถึงเหมือนกันสินะ”

“เมี้ยว (มั่วตลอด) ”



มิวนิคถูกจับวางลงบนตักกว้าง หลังร่างสูงทิ้งก้นลงนั่งขัดสมาธิบนฟูกเตียง พิงแผ่นหลังกับผนังสีเทา เปิดสวิทซ์ไฟคริสมาสต์สีส้มด้านบนให้ห้องดูไม่มืดจนเกินไป สัมผัสอ่อนๆ จากลมกลางคืนราวกับกำลังขับกล่อมให้หนังสืออะไรซักอย่างในมือหนามีอรรถรสมากขึ้น

แมวน้อยมองดวงหน้าด้านหลังกรอบแว่นด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาว่านายแว่นเป็นคนน่าเบื่อ เฉิ่มเบ๊อะ แถมยังเห่ยหลุดโลก ยกเว้นเฉพาะเพียงตอนนี้ ตอนที่อีกฝ่ายกำลังจดจ่อสมาธิไปกับหนังสือ

มันช่างดูมีเสน่ห์...

เคยได้ยินมาว่าคนเราเวลาได้ทำในสิ่งที่ชอบมักจะแสดงเสน่ห์ที่แฝงอยู่ออกมาโดยไม่รู้ตัว เสน่ห์ที่สามารถทำให้คนน่าเบื่อกลับกลายเป็นน่าสนใจ ซึ่งแม็กซ์เวลกำลังเป็นอยู่

แมวเหมียวเอียงศีรษะสงสัย...ใช่คนคนเดียวกันกับที่เอาดอกกุหลายสุดเชยมาให้เขาจริงๆ น่ะหรอ ดูท่าประโยคที่ว่า ‘จงอย่าตัดสินหนังสือแค่เพียงหน้าปกของมัน’ จะมีความหมายชัดเจนขึ้นมาทันตา



“เมี้ยว (นี่) ” ส่งเสียงร้องเรียก เงยมองเจ้าของตักอบอุ่น



มันอบอุ่นราวกับเขาสามารถนอนบนตักนี้ได้ทั้งวัน ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาว อากาศเย็นๆ คงไม่อยากลุกออกไปไหน นึกๆ ดูแล้ว...ความรู้สึกแบบเดียวกันที่ได้สัมผัสล่าสุดก็คงเป็นตอนนอนตักคุณพ่อ โห...ตาหมอนี่มีมุมเหมือนคุณพ่อเขาด้วยหรอเนี่ย



“หืม?”



จุ๊บ!



เหมียวน้อยเขย่งตัวขึ้น ทาบฝ่าเท้าด้านหน้าทั้งสองกับแผ่นอกหนอนหนังสือ แตะริมฝีปากตนเองลงบนริมฝีปากอีกฝ่าย คนถูกจูบชะงักแน่นิ่งไปซักพักเพราะไม่คิดว่าเจ้าเหมียวจะเล่นอะไรแบบนี้

ในนิทานเจ้าชายกบที่ถูกสาป เจ้าชายได้รับข้อแม้ว่า...จะสามารถกลับกลายเป็นมนุษย์ก็ต่อเมื่อได้รับจุมพิตจากรักแท้ มิวนิคไม่คิดหรอกว่าตาทึ่มนี่จะเป็นรักแท้ของเขา เฉิ่มก็เฉิ่ม เด๋อก็เด๋อ แถมยังเห่ยสุดๆ

ทว่าใครจะไปรู้...บางทีไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวบ้าอาจมีความคิดจับเขาคลุมถุงชนกับตาแม็กซ์เวลก็ได้ เอ้อ...แล้วมันจะทำแบบนั้นไปทำวะ กามเทพก็ไม่ใช่

แต่ที่แน่ๆ ลองดูก็ไม่เสียหาย ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้รังเกลียดเรื่องพรรค์นี้ อีกอย่าง...การจูบเป็นอะไรที่เบสิค ถ้าต้องจูบคนแปลกหน้าแล้วคำสาปคลายลงก็คุ้มที่จะเสี่ยง

แช่ริมฝีปากไว้อยู่พักหนึ่งก่อนจะผลักออก ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเจ้านายตัวโตที่กำลังอมยิ้มจางๆ เหมือนพอใจ วินาทีนั้นมิวนิครู้เลยว่านิทานเจ้าชายกบเป็นแค่เรื่องแต่งหลอกเด็ก หรือไม่...การจูบเพื่อคลายคำสาปก็โคตรไร้สาระ เชื่อเขาเลยมิวนิค...จูบกับตาแว่นเฉิ่มเบ๊อะเนี่ยนะ



“หึ อยู่ดีๆ ก็มาจูบ”

“เมี้ยว! (เปลืองตัวชะมัด) ” สะบัดก้นลุกหนี

“อ้าว...จะไปไหนล่ะมิวมิว มานอนตักกันก่อนสิ”

















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

คนที่สบายที่สุดก็คือคนที่ไม่ต้องทำอะไร อยู่บ้านเฉยๆ มีเงินใช้ มีข้าวให้กิน มีที่นอนให้หลับ มิวนิคคิดว่าตัวเขากำลังเข้าใกล้ความสบายที่ว่านั้น หากแต่มันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความสุขเลยแม้แต่นิด

มันโคตรน่าเบื่อ



“เฮ้ออออ”



เบื่อ เบื่อ เบื่อ ไปเรียนก็ไม่ได้ เพื่อนก็ไม่ได้เจอ ปาร์ตี้หรออย่าหวังเลย ทำไมชีวิตมันถึงน่าเบื่อแบบนี้ สิ่งมีชิวีตสีขาวกลิ้งเกลือกไปมาบนเตียง ลอบถอนหายใจเบื่อหน่ายคล้ายจบสิ้นแล้วคราบเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์แห่งคณะนิเทศศาสตร์



“นี่ แอนโธนี่ ไม่เบื่อหรอ”



เปลี่ยนมาเกาะกระจกถามเพื่อนร่วมห้องตัวจิ๋วที่ยังคงขะมักเขม้นกับการขุดเจลสีฟ้าได้ทั้งวัน อยากรู้จริงๆ เลยว่าพวกมดเคยหลับนอนกันบ้างมั้ย ขยันขันแข็งเสียจนเขากลายเป็นตัวขี้เกียจประจำห้อง



“คนที่กำลังเบื่อมันแกไม่ใช่รึไง”

“ก็มันไม่มีอะไรทำนี่นา”

“ก็นอนไปสิ”

“อีกนิดคือตายแล้วนะ”



มดขี้รำคาญหันมาจิ๊ปากก่อนจะเริ่มเล่านิทานตั๊กแตนกับมด มิวนิครีบเบรกทันทีเพราะเจ้าตัวเล่ามาแล้วเป็นรอบที่สิบสาม อย่างว่า...สมองก็แค่นั้นคงมีลืมๆ ไปบ้าง อีกอย่าง...ไอ้นิทานมดกับตั๊กแตนเขาก็เคยฟังมาแล้วตั้งแต่ยังเด็ก โว้ยไม่เห็นจำเป็นต้องให้มดมาเล่าซ้ำเลย



“เบื่อนักก็ออกไปเล่นข้างนอก”

“เล่นข้างนอก?” ดวงตาสีฟ้าเบิกโพล่งด้วยความสนอกสนใจ

“ก็พวกแมวเคยอยู่ติดบ้านที่ไหน โดยเฉพาะแมวตัวผู้”



จ้ะ รู้เก่งเหมือนเคยเกิดเป็นแมวเชียวล่ะ มิวนิคมองบนก่อนจะกระโดดลงไปนอนบนฟูกเตียงอีกรอบ พลันบิดตัวไปมาใช้ความคิด จริงสินะ...อุดอู้อยู่ห้องไปทั้งวันก็ดูเหมือนจะไม่ได้อะไร แถมการนอนหลับคงไม่ใช่ความหมายของชีวิตแน่ๆ เพราะแม้เขาจะเก็บชั่วโมงมาราธอนขนาดนี้...แต่คำสาปก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะคลาย

อีกอย่าง...ตาแม็กซ์เวลก็ไม่อยู่ห้องด้วย เฮ้อ...เหงาชะมัด

ไม่ได้นึกพิศวาสอะไรหรอก แค่เวลาอยู่ห้องกับหมอนั่นอีกฝ่ายก็มักจะชอบชวนเล่นนู่นเล่นนี่ตลอด อย่างเช่นจับวางบนตักบ้างล่ะ เกาคางบ้างล่ะ พาทำแมวลอยฟ้าบ้างล่ะ ฟังดูไร้สาระ...แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่ทำให้มิวนิคไม่เหงาเลย



“นี่ๆ แอนโธนี่ แม็กซ์เวลกลับตอนไหนอ่ะ?”

“ประมาณ ห้าโมงเย็นมั้ง...”



ประตูบานเกล็ดค่อยๆ ถูกฝีเทานุ่มนิ่มเปิดออก มิวนิคกระโจนออกทางหน้าต่าง ไต่ก้านกิ่งไม้เรื่อยมาจนถึงฝั่งหน้าล็อบบี้ หอพักบ้านสุขใจนับว่าเป็นหอที่อุดมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เหมือนเขาอยู่ในอเมซอนหากแต่ยังให้ความรู้สึกปลอดภัย สิ่งที่แตกต่างจากหอพักอื่นๆ เลยก็คือลมธรรมชาติเย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งแอร์

มิวนิคกลิ้งเกลือกไปมาบนพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบหน้าตุ๊กตาเทพเจ้ากวนอูขนาดเท่าเอวมนุษย์ ดูเหมือนข้างล่างก็อากาศดีไปอีกแบบ สงสัยช่วงนายแว่นทำงานเขาคงต้องแว้บลงมาเล่นแถวนี้บ่อยๆ

เป็นตอนนั้นเองที่จู่ๆ ก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสอันเสียววาบไปทั่วแผ่นหลัง ดวงตาสีเหลืองกร้าวจ้องมองมาแต่ไกล ก่อนเจ้าถิ่นตัวสีดำเว้นแต่ปลายเท้าสีขาวจะค่อยๆ เยื้องย่างกายเข้ามา



“เห้ย แกอ่ะ มาอยู่ใหม่เรอะ”



อีกฝ่ายถามพลางเดินวนดูรอบๆ จมูกยื่นมาดอมดมฟุดฟิด แถมยังเอาเท้ามาแตะๆ เหมือนเช็คอะไรบางอย่าง คนถูกสัมผัสตัวเกร็งเพราะกลัวถูกทำร้าย ไอ้แมวนี่หน้าตามันเอาเรื่องอยู่แฮะ ขืนโดนกัดขึ้นมาเขาคงสู้ไม่ได้ เก่งก็จริง...เก่งแต่ปาก เรื่องชกต่อยเคยสู้ใครไหวที่ไหนกัน



“...อื้อ” ตอบอ้อมแอ้ม เหลือบมองดวงตาสีเหลืองช่างสงสัย

“ชื่อไรฟะ”

แหม นักเลงจริงเชียวพี่ชาย “เอ่อ...มิวมิว”

“ชื่ออะไรน่ารำคาญ คิดว่าแบ๊วมากมั้ง”

“อ้าว...แล้วนายชื่อไร”

“ชิโน่”



จ้ะ ไม่แบ๊วเลยมึงอ่ะ คนถูกเขม่นมองบนก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกับพื้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ อีกครั้ง น่าประหลาดใจตรงที่ไอ้นักเลงเมื่อครู่ก็ทิ้งตัวลงมาตาม แถมยังนอนหงายขยับขาทั้งสี่ทำท่าดุ๊กดิ๊กไม่สนใจใคร

เดาทางยากจังเลยแฮะ



“แมวเขานอนกันแบบนี้”

“อ๋อ...หรอ”



แกล้งทำตามบ้าง เออว่ะ...สบายดี เมื่อก่อนก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมแมวชอบนอนท่าแปลกๆ อย่างเช่นบิดตัวเป็นเกลียว ทำคอหักคล้ายกำลังจะตาย หรือเข้าไปอยู่ในที่แคบๆ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วแหละ ก็มันสบายชะมัด สบายเสียจนเริ่มง่วง



“นี่...แก ชื่อไรนะ มิวมิว?”

“อื้อ...” ความจำสั้นรึไง ก็เพิ่งบอกไปเมื่อตะกี้

“สนใจอยากมีลูกพี่ปะ”



ช่างเป็นสัตว์ที่แสวงหาอำนาจอะไรเยี่ยงนี้ คิดว่าหมดยุคล่าอาณานิคมไปแล้วนะเนี่ย มิวนิคแทบจะหลุดขำกับท่าทางสุดจริงจัง แล้วดูมองเข้า...สงสัยพี่แกคงไม่ได้พูดเล่น แต่เอาเถอะ...ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำเพราะว่างแบบสุดๆ อีกอย่าง...ลองเป็นลูกน้องคนอื่นดูบ้างก็อาจจะค้นพบความหมายของชีวิต

ฝากตัวด้วยนะครับคุณชิโน่



“ก่อนอื่นเลยชั้นจะแนะนำลูกสมุนมือซ้ายให้แกรู้จัก อ้อ...แกเป็นมือขวานะ”



เจ้าถิ่นจอมเฮี้ยบเดินนำไปยังแท่นไม้สามชั้นสำหรับเป็นที่นอนให้น้องแมว ข้างบนเป็นน้องแมวลายกาฟิวส์สีส้มที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่หนึ่งตัว เจ้าของร่างสีดำใช้วิธีการปลุกโดยการกระโดดขึ้นไปทับจนน้องแทบตกลงมา เอ๊ะ...ไอ้หมอนี่เล่นแรงจังเลย เป็นแมวบ้าพลังรึไง



“เฮ้ย...ชิลลี่ นี่มิวมิว ลูกสมุนคนใหม่ของชั้น แล้วก็มิวมิว...นี่ชิลลี่ น้องชายชั้น”



พยักหน้ารับตามการบรรยายสุดดิบเถื่อน เชื่อเขาเลย เอาน้องชายตัวเองมาเป็นลูกน้องเนี่ยนะ มิวนิคขมวดคิ้วมุ่น สงสัยพวกแมวคงไม่ได้จริงจังเรื่องลำดับญาติกันเท่าไหร่ คล้ายกับว่าต่อให้เกิดก่อนเกิดหลังก็ไม่มีผล ใครใหญ่คนนั้นก็รอด

ที่คอนทราสก็คือชื่อกลับแบ๊วกันทั้งบ้าน



“งายมิวมิว” คนถูกปลุกลืมตาขึ้นมาอย่างสลึมสะลือ “ฮ้าว...เฮียปลุกไรแต่เช้าครับ ผมจะนอน”



แหมะ มีมารยาทกว่าตัวพี่เยอะเลยแฮะ แต่เวลาเที่ยงครึ่งเขาไม่นับว่าเช้านะลูก เอ็นดูชะมัด...นี่ถ้าอยู่ในร่างมนุษย์เขาคงอุ้มไอ้สองแสบขึ้นมากอดเล่นจนหนำใจ

ไม่รู้ว่าคุยกันอีท่าไหน จู่ๆ ก็ถูกชวนออกมาเดินเล่นข้างนอกเฉยเลย มิวนิคคิดว่าอาจเพราะด้วยความที่เป็นสัตว์ ทิฐิหรืออีโก้ต่างๆ จึงไม่ได้มีมากเหมือนมนุษย์ แค่คุยกันถูกคอก็กลายเป็นเพื่อนกันได้แล้ว

เขาคิดว่างั้นนะ...



“วี๊ดวิ้ว น้องตัวสีส้มกับสีขาวอ่ะ น่ารักจังเลยน้า”



ผัวะ! ผัวะ!



เสียงร้องเอ๋งดังลั่นขึ้นหลังจากสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่กว่าที่มายืนขวางทางถูกตบหน้าด้วยความเร็วสูงแบบแทบนับครั้งไม่ทัน ไม่ต้องเดาเลย...มิวนิคคิดว่าตนเองเลือกถูกฝ่าย เฮียชิโน่แกเฟียสจริงๆ ว่ะ

บ่นพวกหน้าขี้แซวไม่พอยังหันมาบ่นเขากับชิลลี่ที่กำลังทำหน้าเหลอหลาว่าไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวอีก โหยพี่...ประสบการณ์ครั้งล่าสุดก็เจอหมาวัดไล่เกือบตาย แล้วใครจะไปคิดวะครับว่าหมาตัวผู้มันจะแซวแมวตัวผู้ก็เป็นด้วย



“นี่ๆ ตกลงพวกเราสามารถสื่อสารกับสัตว์ทุกชนิดได้หมดเลยหรอ?”



มิวนิคถามแม้จะคล้ายจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ก็แค่อยากย้ำว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ความสามารถนี้อาจจะเป็นเรื่องปกติสำหรับชิโน่และชิลลี่ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา เขาคือแมวมือใหม่ มีหลายเรื่องที่ต้องเรียนรู้ในโลกแมวๆ อีกเยอะแยะ และถ้ามีโค้ชที่สามารถปกป้องตนเองได้แบบนี้ก็อุ่นใจ

จริงๆ การเป็นลูกน้องคนอื่นก็ไม่ได้แย่กว่าที่คิด



“นั่นมันเรื่องปกติปะ” คนถูกถามตอบอย่างไม่หยี่ระขณะเดินนำไปบนแนวกำแพงแคบ “มีแต่พวกมนุษย์นี่แหละที่คุยกับเราไม่รู้เรื่อง อ้อ...จะมีพวกปลาด้วยนะ ชอบพูดอะไรของพวกมันไม่รู้บุ๋งๆ”

“เฮีย ผมอยากกินปลา” ชิลลี่ทำหน้างอแง

“เอ๊ะ...กลับบ้านค่อยกินไอ้นี่ วันนี้เฮียจะพาลูกน้องเที่ยว”



จ้าเฮีย จะตามเฮียไปทุกที่เลยจ้า แมวน้อยหลุดขำเบาๆ เขาเหมือนได้กลับกลายไปเป็นเด็กอีกครั้ง ต่างจากตรงที่เมื่อก่อนเคยเป็นหัวโจก ก็เปลี่ยนมามีหัวโจกคอยพาทำกิจกรรมแปลกๆ แทน ฟังดูไร้สาระ แต่ชีวิตที่กำลังเป็นอยู่เขาคงทำได้แค่นี้จริงๆ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตนเองเบื่อ ไม่ทำให้หัวใจห่อเหี่ยว...

มิวนิคถูกพามายังร้านไอศรีมรถเข็นข้างทาง แม้จะไม่ใช่ย่านคนรวยเหมือนที่ปกติอยู่ แต่บรรยากาศตลอดไปทั้งซอยกลับช่างร่มรื่นราวกับถูกซื้อด้วยธรรมชาติราคาแพง แถมผู้คนก็ช่างดูเป็นมิตร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตาแว่นของเขาถึงใจดีชะมัด



“ไงชิโน่ มาอีกแล้วเรอะ แหม...วันนี้พาเพื่อนมาซะด้วย”

“เมี้ยวว”



ที่ว่าแมวชอบใช้เสียงสองเวลาพูดกับมนุษย์ท่าจะจริง ดูไอ้เพื่อนใหม่ตัวดำของเขาสิ อ้อนคุณป้าใหญ่เลย นี่แสดงว่ามาบ่อยใช่ไหม แถมยังเดินไปคลอเคลียกับเท้าคุณป้าไม่หยุด เป็นถึงแมวเจ้าของหอแต่ทำไมถึงต้องมาขอไอศกรีมคุณป้ากินกันนะ



“รู้แล้วจ้า อ้อนจริงเชียว” คุณป้าบ่นอมยิ้มราวกับคุยภาษาแมวรู้เรื่อง ก่อนจะก้มลงตักไอศกรีมกะทิใส่ถ้วยให้ประมาณหยิบมือหนึ่ง “ป้าให้กินนิดเดียวนะจ๊ะ เดี๋ยวจะเป็นเบาหวานเอา”



คิดว่าคุณป้าพูดถูก เคยอ่านมาว่าสิ่งมีชิวิตอย่างเราๆ ไม่ได้เกิดมาเพื่อกินของหวานแบบนี้ ยิ่งบริโภคมากก็จะยิ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก สงสัยวันหลังเขาคงต้องชวนคุณลูกพี่ให้พาไปทำกิจกรรมอย่างอื่น



“มิวมิวไม่กินเรอะ”

“กินเลย ยังอิ่มปลาทูอยู่”

“ตามใจนะ แกนี่มันเสียชาติแมว”



แกมันก็แปลกแมวเหมือนกันนั่นแหละ มีอย่างที่ไหนมาชวนกันกินไอศกรีม ปกติพวกหมาแมวเขาไม่ค่อยแบ่งอาหารให้ใครกันไม่ใช่รึไง หรือสงสัยต้องยกเว้นแมวหอนี่ซะแล้ว

กินเสร็จชิโน่ว่าจะพาเดินสำรวบริเวณรอบๆ ให้มากขึ้นเพราะเขาบ่นว่าไม่มีอะไรทำ อีกอย่างไหนๆ ก็ออกมาแล้วจึงไม่อยากเสียเที่ยว ทว่าแพลนทั้งหมดก็ต้องถูกล้มเลิกทันที่รถญี่ปุ่นคันสีเหลืองขับผ่าน

คลาสสิคแบบนี้มีคันเดียว

มิวนิคขอตัวเพื่อนๆ ทุกคนกลับหอโดยด่วน ขืนไม่ทำอย่างนั้นมีหวังนายแว่นต้องขังเขาเอาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหนแน่ๆ ลำพังแค่วันจันทร์ที่แล้วตอนเจ้าตัวพบเขาช่วงเย็นหลังจากหายหัวมาตลอดทั้งวัน ก็โดนเอ็ดชุดใหญ่ว่าห้ามออกไปไหน ยิ่งเป็นแมวเด็กอยู่เดี๋ยวก็หลง

ตาหมอนั่นคงคิดว่าเอ็ดๆ ไปอย่างนั้น ยังไงเขาก็ฟังไม่ออก...แต่จริงๆ คือฟังออก ก็เขาเป็นมนุษย์เหมือนอีกฝ่ายทุกประการนี่นา เพราะงั้นเอาเป็นว่าตัดปัญหาถูกเสี่ยงกักบริเวณตั้งแต่ต้นลม ไว้รอคนเฉิ่มตายใจค่อยเถลไถลให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน



“ไงมิวมิว นอนทั้งวันเลยสิ” คนตัวสูงอมยิ้มจางๆ หลังบานประตูเปิดออก

“เมี้ยว (ก็นะ) ”



ชะโงกขึ้นมาแค่ส่วนหัวในท่านอนคว่ำเป็นแมวตายบนที่นอน ถ้าจะจัดอันดับสัตว์ที่เล่นละครเก่ง แมวคงติดหนึ่งในท็อปไฟว์ ไม่สิ...แอคติ้งแบบนี้น่าจะเอาอันดับหนึ่งเลย แมวที่ชื่อมิวมิวอ่ะนะ



“เดี๋ยวว่างๆ พาไปเดินเล่น”



เหมียวน้อยถูกจับวางบนตักในท่าประจำ มือหนาวางแหมะลงบนกลุ่มขนสีขาว ลูบไล้แผ่วเบาอย่างถนุถนอม คล้ายกับความอบอุ่นกำลังแผ่ซ่านแผ่นฝ่ามือใหญ่ๆ นั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโคตรรู้สึกดี



“ม๊าว (ไปมาทั้งวันละ) ”

“อ้อนแบบนี้แสดงว่าอยากไป”



จ้ะ...จะเข้าใจยังไงก็เข้าใจไปเถอะ ตอนนี้มิวนิครู้แค่ว่าราวกับกำลังขึ้นสวรรค์ การถูกเกาคางมันดีอย่างนี้นี่เอง ยิ่งถูกเกาก็ยิ่งเสพติด ยิ่งถูกเกาก็ยิ่งอยากนอนหลับอยู่บนตักอุ่นๆ ความคิดบางอย่างเริ่มผุดขึ้นมาในหัว เป็นความคิดแย่ๆ มันแย่ตรงที่เริ่มรู้สึกว่า

การเป็นแมวก็ไม่ได้แย่...







      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ







==============================================

อ้าววว อย่าเที่ยวเพลินจนลืมหาความหมายของชีวิตนะน้องแมวว

ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มิวมิวไปเข้าแก๊งกับเจ้าถิ่นแล้วจ้ะพี่แม็ก
ไม่ต้องห่วงน้องนะคะ 5555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด