[end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19  (อ่าน 38013 ครั้ง)

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :o8:  น่ารักกกกก  :mew1:  ปวดแก้มอ่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เราข้ามตอนไหนไปหว่า ทำไมหนูมิวแปลงร่างเองได้แล้ว

ออฟไลน์ ข้าวสวย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เทอๆๆๆ เราว่าเค้าจะได้กันเร็วๆนี้อ่ะ
หมายถึงได้เป็นแฟน555555555555555 น่ารักโว้ย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
มิวนิคขี้อ้อนจัง แม็คคนเฉิ่มก็ไปไม่เป็นทุกทีที่โดนอ้อนงิ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
จะมิวมิวหรือคุณมิวนิคทาสอย่างแม็กก็แพ้อยู่ดี :pig4:

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
โถ่ววววว แม็กเวลคนขี้แพ้
55555555

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
Meow 16


วันนี้มิวนิคโดนดุอีกแล้ว เป็นการโดนดุเรื่องเดิมๆ อย่างเรื่องฟูกนอนที่ถูกกัดทำลายจนเละเทะ เป็นการโดนดุครั้งที่ร้อยก่อนจะค้นพบว่ายังมีครั้งที่ร้อยเอ็ดเกิดขึ้น เขาเหนื่อยว่ะ...ไม่ใช่เหนื่อยที่แม็กซ์เวลเข้มงวดหรอกนะ หากเป็นนิสัยการชอบกัดทำลายของตนเองที่แก้ไม่หายซักที

โทษร่างไอ้แมวมิวมิวบ้านี่เลย



“เรื่องเงินซื้อที่นอนผมไม่ได้ลำบากหรอกนะครับ...แต่คุณมิวเห็นใจคนทำความสะอาดหน่อยได้มั้ย”



ตัวปัญหาหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อลงโทษตัวเองเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ขณะมนุษย์แว่นก็บ่นงึมงำเป็นคุณลุงอายุหกสิบ ปกติแม็กซ์เวลไม่ใช่คนพูดเยอะเขาสัมผัสได้ คงจะเปิดประสบการณ์ใหม่ก็ตอนที่มีเขาเข้ามาอยู่ด้วยนี่แหละ



“แล้วพาแมวตัวอื่นเข้าห้องแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ...”

“.....”



เขาไม่ได้อยากพาชิโน่กับชิลลี่เข้ามาซักหน่อย สองตัวนั้นมันคะยั้นคะยอขอเข้ามาเองต่างหาก เคยสังเกตหลายทีแล้วว่าพวกสองแสบน่ะชอบเดินตามผู้อาศัยคนอื่นขึ้นตึกประจำ ที่แท้ก็อยากเข้าไปเล่นในห้องด้วยนี่เอง



“มิวมิว พาชั้นไปเล่นห้องแกหน่อย”

“ไม่เอา เดี๋ยวแม็กซ์ด่า”

“ไม่ด่าหรอกพี่ แม็กซ์ใจดีจะตาย”

“น่า...ขอเข้าไปสำรวจแปปเดียวเองน่า”



แล้วสภาพห้องก็เป็นอย่างที่เห็น ชิโน่กับชิลลี่เริ่มการกัดทำลายข้าวของจนกระจุยกระจาย ไม่พอ...มันยังชวนเขาร่วมกัดด้วยอีก เคยอ่านผ่านๆ จากหนังสือเล่มหนึ่งว่าดวงตาของแมวนั้นลึกลับและดึงดูด ราวกับมีขุมเวทมนต์ซุกซ่อนอยู่ภายใน และเขาก็แพ้ให้กับดวงตาสองพี่น้องนั้น

หรือแท้จริงแล้วเป็นความนิสัยเสียของตนเองล้วนๆ



“คุณมิวหันมาได้แล้วครับ”

“......”

“คุณมิว...”



เพราะเขาไม่ยอมหันซักที มือหนาจึงก้มลงมาช้อนร่างจนลอยขึ้นกลางอากาศ ดวงตาสีดำด้านหลังกรอบแว่นหนาเตอะพยายามจ้องประสบสานเหมียวน้อยผู้เศร้าซึมให้ได้ ก็ครั้งนี้เขาผิดจริงนี่หว่า...ไม่กล้าสู้หน้าแล้วเนี่ย



“คุณก็รู้ว่าผมเคยโกรธคุณลงที่ไหน...”

“.....”

“คุณมิวครับ พูดกับผมเร็ว”

“...ม๊าว”



สิ่งมีชีวิตตัวขาวเอ่ยเสียงอ่อย ก่อนจะค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองผู้ปกครองจอมเฮี้ยบ ช่วงนี้เขาทำแต่เรื่องให้แม็กซ์เวลว่ะ กลัวอีกฝ่ายจะทนไม่ไหวเข้าซักวัน และถ้าวันนั้นมาถึงเขาจะถูกจับโยนออกนอกหน้าต่างมั้ยนะ

โชคดีที่ตุ๊กตาดารุมะสีแดงบนชั้นไม้บนสุดไม่ถูกทำลายไปอีกอัน แม็กซ์เวลบอกว่าเป็นของสำคัญมากๆ จึงเก็บไว้ให้ห่างมือแมว เขาไม่รู้ว่าสำคัญถึงขั้นไหน แต่ในเมื่อเจ้าของที่ว่ายังปลอดภัยอยู่ก็โล่งอกไปที...



“ดื้อ”

“ม๊าว ม๊าว (ผิดไปแล้วน่า ขอโทษ) ”

“ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ”



ตาทึ่มนี่...รู้อยู่ว่าวันนี้เป็นวันอังคารก็ยังจะให้พูดอีก แต่โวยวายไม่ได้ วันนี้พี่แกเป็นต่อ แถมเขาก็ดื้อจริง คราวหลังจะไม่หลงกลไอ้สองพี่น้องหัวขวดแล้วเฟ้ย เห็นหน้าซื่อตาใสแบบนั้นแต่ร้ายกาจชะมัด



“สัญญากับผมได้มั้ยว่าจะไม่ทำอีก”

“ม๊าว ม๊าว! (สัญญาเลย ไม่ทำแน่) ” ยกมือจะชูสามนิ้ว แต่ชูไม่ได้...งั้นชูมันทั้งอุ้งมือนี่แหละ

“ไฮไฟว์หรอครับ”

“เมี้ยว (จ้า) ”

“งั้นถือว่าสัญญาแล้วนะ”



แล้วเราทั้งคู่ก็ยกมือแปะกันโดยมีมนุษย์แว่นทึกทักเอาว่าเป็นการไฮไฟว์ อือ...ช่างเถอะ อยากจะเข้าใจยังไงก็เชิญเข้าใจไป ประเด็นอยู่ที่ตัวเขาจะทำตามสัญญาได้รึเปล่า สัญชาตญาณการกัดทำลายข้าวของกำลังร้องไห้ แต่เพื่อป้องกันการถูกจับโยนออกนอกหน้าต่างเขาจะพยายามอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ก็แล้วกัน

ต้องทำได้ซี่มิวนิค



“กัดถูกวันซะด้วย”



กัดถูกวันตามที่คนเฉิ่มว่าก็คือกัดถูกวันที่แปลงร่างไม่ได้ เขาจึงช่วยเก็บห้องไม่ได้ แม็กซ์เวลมันต้องคิดว่าเขาเลือกทำลายข้าวของเว้นวันหยุดราชการแหงๆ เห้ย...ไม่ใช่อย่างนั้นนะโว้ย ซากปรักหักพังตรงหน้าเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ไม่เชื่อถามแอนโธนี่ได้เลย

มิวนิคนั่งมองมนุษย์แว่นจัดการเก็บผลงานชิ้นโบว์แดงที่เขาทำเอาไว้จนสะอาดเรียบร้อยก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนมานั่งปาดเหงื่ออยู่หน้าจอคอมตรงโต๊ะญี่ปุ่นเพื่อทำงานต่อ สงสารแม็กซ์เวลจัง...เรียนก็หนักแล้ว นี่ยังต้องมาตามเก็บห้องสกปรกจากฝีมือคนอื่นอีก

ขอโทษนะ



“หืม? มีอะไรหรือเปล่าครับ?” คนที่ถูกก้อนนุ่มนิ่มสีขาวกระโดดมานอนขดอยู่บนตักเลิกคิ้วมอง

“ม๊าว (นอนด้วย) ”

“ผมจะทำงานนะ”



ก็ทำไปซี่ใครว่าอะไรล่ะ ประโยคหลังมิวนิคไม่ได้ตอบ เขาแค่ถูใบหน้ากับตักอุ่นๆ ไปมาพร้อมจ้องมองเจ้าของแว่นตาสีดำที่เปลี่ยนไปจดจ่อกับจอกระจกสีฟ้าตามเดิมแล้ว

อยากนวดให้หายเหนื่อยจัง แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้...เอาเป็นว่าขอนอนเป็นกำลังใจไปก่อนแล้วกันนะ

มิวนิครู้ตัวว่าเผลอหลับก็ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเวลาสามทุ่ม บางทีพวกแมวอาจเป็นโรคเหงาหลับเรื้อรัง นอนนิดนอนหน่อยก็หลับได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกันมนุษย์แว่นที่เอาแต่ทำงานก็คงเป็นโรคบ้างานเรื้อรังด้วยล่ะมั้ง อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ห้าโมงเย็นที่เจอกัน จนกระทั่งตอนนี้หมอนี่ก็นั่งนิ่งอยู่กับที่ให้เขานอนซุก

มีความรู้สึกไหมนั่น



“เมี้ยว (นี่) ”

“ขี้เซา” คนตัวโตก้มหน้าลงมาคุยพร้อมลูบหัวเบาๆ

“เมี้ยว! (บ้างาน) ”

“คุณต้องว่าอะไรผมอยู่แน่เลย”



ทีเรื่องแบบนี้ล่ะรู้เก่งเชียวล่ะ มิวนิคงับพุงแน่นๆ ไปหนึ่งคำให้หายมันเขี้ยวก่อนจะเดินออกไปกลิ้งเกลือกนอกระเบียงสูดอากาศข้างแก๊งกระถางดอกเดซี่แก้เซ็ง

จะเป็นยังไงนะถ้าเขาสามารถคุยกับพวกพืชได้...พวกพืชจะมีเรื่องเล่าแปลกๆ ให้ฟังบ้างหรือเปล่า แล้ววัฒนธรรมของพวกพืชจะต่างจากมนุษย์เราซักแค่ไหน มิวนิคเอียงศีรษะสงสัยคนเดียว แต่คิดๆ ดูแล้วไม่เอาดีกว่า ขืนเป็นงั้นคงมีคนได้ด่าเขาเพิ่มว่าเป็นจอมขี้เกียจ แค่ได้ฟังจากไอ้มดบ้าทุกวันก็เอียนละ

สี่ทุ่มแล้วแม็กซ์เวลก็ยังทำงานอยู่ มันน่าโมโหจัง ปกติเวลาสี่ทุ่มมันควรเป็นเวลานอนดูเน็ตฟลิคของเราไม่ใช่หรอวะ ตัวขาวเดินขึ้นไปนั่งกระดิกหางดิ๊กๆ รอบนเตียง แต่เหมือนการกดดันครั้งนี้จะไม่เป็นผล

ไม่สนใจกันเลยโว้ย

อันที่จริงโดยปกติเราก็ไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์อะไรกันอยู่แล้ว อย่างเช่นถ้าเวลาว่าง แม็กซ์เวลก็จะชอบนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อย หรือไม่ก็ไถไอแพดเช็คตลาดหุ้น ส่วนเขาก็จะแวะไปวอแวบ้าง เผลอหลับบ้าง หรือแกล้งให้หยอกบ้าง ยกเว้นตอนทำงาน...มันเหมือนเขาถูกขโมยแม็กซ์เวลไป

เขาเกลียดการถูกขโมยของชะมัด



งั่ม!



“...เป็นอะไรครับ” คนที่ถูกกัดกล้ามท้องอีกครั้งเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



งั่ม!



“ท้องผมเป็นรอยเขี้ยวแล้ว”



งั่ม! งั่ม!



“ครับๆ ไม่ทำแล้ว”



นึกว่าจะไม่รู้ ที่แท้ก็ยังใส่ใจกันอยู่นี่นา มิวนิคเปลี่ยนขึ้นมาเกาะขาหน้ากับโต๊ะคอมเพื่อดูว่ามนุษย์แว่นกำลังทำอะไร ก่อนจะพบว่าเจ้าตัวกำลังเช็คเฟสบุคอยู่ หน็อย...เสร็จตั้งนานก็ไม่บอก



“ดื้อ”



เข้าถูกนิ้วชี้ยาวจิ้มลงบนหน้าผากอย่างไม่จริงจังนักหลังหันไปมองคนเฉิ่มด้วยแววตาเอาเรื่อง ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไรถึงอยากอ้อนอีกฝ่ายเหลือเกิน อาจเป็นเพราะเพิ่งทำผิดไป แล้วเจ้าตัวก็เอาแต่ทำงาน มันเลยเหมือนกับว่าเขาไม่ได้รับความสนใจ

มิวมิวจอมเรียกร้องความสนใจ

แต่ให้ทำไงได้ ก็มันเหงานี่หว่า พวกชิโน่พาเที่ยวย่านแถวนี้หมดแล้ว ทุ่งดอกเดซี่บนดาดฟ้าก็ไปทุกวันแล้ว เขาคิดว่าชีวิตตอนนี้กำลังขาดความท้าทาย ไม่สิ...เขาก็เป็นแค่แมวเหมียวขี้เหงาที่เฝ้าคอยการกลับมาของเจ้านายตัวโต

แย่ละ...เข้าใกล้ความเป็นหมาเข้าไปทุกที



“ม๊าว ม๊าว!”

“ครับ?”

“ม๊าว ม๊าว ม๊าว”

“ผมฟังไม่เข้าใจหรอก”

“ม๊าวววว!”



แล้วมือหนาก็เลื่อนคอมให้ลองพิมพ์ดู เป็นอะไรที่ค่อนข้างประหลาด เขาไม่เคยพิมพ์คอมด้วยสภาพมิวมิวแบบนี้มาก่อน จะว่ายังไงดีล่ะ...นิ้วแมวเหมียวมันขยับไม่ถนัดเหมือนนิ้วมือของมนุษย์เราเลย



“อายำร้ำ”

“อะไรล่ะครับนั่น”



โว้ยยยย ก็มันขยับมือตามใจชอบไม่ได้นี่ มาลองเป็นแมวดูมั้ยตาทึ่มเอ๊ย



“อายบน้ไ”

“พยายามเข้าครับ”



เขาหันหลังมองมนุษย์แว่นในท่าที่ขาหน้าทั้งสองกำลังเขย่งแตะแป้นพิมพ์ด้วยแววตาเอาเรื่องอีกครั้ง คิดว่าหมอนี่พูดประชด แต่ไม่ใช่เลย...แม็กซ์เวลหมายความอย่างที่พูดจริงๆ แล้วดูทำหน้า...เขาไม่ใช่เด็กอายุหนึ่งขวบที่คุณพ่อจะต้องมาคอยเอาใจช่วยในการตั้งไข่ครั้งแรกซักหน่อย



“อาสบนำ”

“หืม...อาบน้ำหรอครับ?”

“เมี้ยวว! (ใช่ๆ) ” พยักหน้าหงึกๆ ตอบรับ

“เป็นแมวอะไรจะอาบน้ำอ่า”

“เมี้ยว! (ก็จะอาบ!) ”



แล้วมนุษย์แว่นเคยขัดใจเข้าได้ซะที่ไหนล่ะ

นี่สินะที่มาของคำว่า ‘แมวพิมพ์’



“อ๊ะ คุณมิวอย่าตีน้ำแรงสิครับ”

แม็กซ์เวลบ่นหน้ายู่เมื่อเขาว่ายกลับไปกลับมาในอ่างเป็นครั้งที่สาม เคยฝันเอาไว้เหมือนกันว่าอยากว่ายน้ำในห้องน้ำของตัวเองซักครั้ง แต่ในความจริงไม่มีทางทำได้ เพราะแค่เหยียดขายังเหยียดไม่สุดเลย

เป็นมิวมิวก็ดีเหมือนกันแฮะ



“ดื้อ”



เขาชักจะชอบคำว่าดื้อ เพราะหลังคำว่าดื้อมือหนามักจะเอื้อมเข้ามายีหัวเบาๆ มือแม็กซ์เวลมันใหญ่ถึงขนาดสามารถกำหัวน้อยๆ ของเขาได้มิดเลยล่ะ แต่มีอย่างอื่นของแม็กซ์เวลที่ใหญ่กว่ามือนะ...มันใหญ่มากๆ เลย

ขาไง...คิดอะไร ทะลึ่งจัง



“ไม่ว่ายแล้วหรอครับหืม?”



มนุษย์แว่นที่ไม่มีแว่นถามขึ้นในตอนที่สิ่งมีชีวิตตัวเปียกเปลี่ยนมาเอนตัวแนบแผ่นอกท่ามกลางทะเลสบู่ มีหนึ่งความลับที่เขาไม่เคยยบอกแม็กซ์เวลก็คือเขาชอบใบหน้าอันเปลือยเปล่าโดยปราศจากแว่นของอีกฝ่าย ยิ่งตอนที่เส้นผมหน้าม้าถูกเสยขึ้นเพราะปรกตาจนเกินไปยิ่งทำเอาใจเต้น

โซฮอตขนาดนี้เคยรู้ตัวบ้างไหมตาบ้า



“ม๊าว...”

“งั้นผมสระขนให้”



มิวนิคไม่ตอบ เขานอนหนุนกล้ามเนื้อกำยำมองใบหน้าคนเฉิ่มไปพลาง มองร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าอันสุดแสนเซ็กซี่ไปพลาง เขาว่าหุ่นแม็กซ์เวลตอนถอดเสื้อดูดีแล้วนะ...ทว่าตอนเปียกน้ำมันยิ่งเกินกว่าคำว่าดูดี ผิวสีน้ำผึ้งค่อยไปทางขาว มันวาวจากน้ำสบู่ส่องสะท้อนต้องแสงไฟนีออนบนเพดาน

สมบูรณ์แบบ...

แถมลาดไหล่ที่ดูแข็งแรงจากการออกกำลังกายนั้นราวกับกำลังเชื้อเชิญให้ฟันคมๆ เข้าไปขบกัด ค้นพบว่าสิ่งต้องห้ามไม่ให้ใครรับรู้เกี่ยวกับแม็กซ์เวลเลยก็คือแม็กซ์เวลห้ามปรากฏตัวในห้องน้ำ...โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ดู ไม่รู้ล่ะ...มันต้องเป็นคนเขาเดียว...

...ที่จะทำให้ร่างกายนี้มีรอยขีดข่วน



“ละ...เลิกจ้องตัวผมแบบนั้นซักทีได้มั้ยครับ”



หลังหูที่แดงแปร้ดอย่างกับลูกมะเขือเทศเป็นหลักฐานชั้นดียืนยันว่าหมอนี่กำลังเขินอยู่ นี่เขายังไม่ได้พูดอะไรออกไปซักหน่อย...แย่จัง ดูออกเลยหรอ

แถมเดี๋ยวนี้ยังกล้าต่อปากต่อคำ เห็นว่าอยู่ในร่างมิวมิวสินะถึงกล้ามานอนแช่อ่างกับคนที่อยู่ในรูปบนเพดาน ไว้เดี๋ยวคืนร่างเป็นมิวนิคเขาจะชวนมาอาบบ้าง ถึงตอนนั้นก็เขินกันให้ตายไปข้าง



“ม๊าวว (แซ่บนะเรา) ”



ทีแรกมนุษย์แว่นจะไม่ยอมอาบกับเขา อ้างว่าจะสระขนให้อย่างเดียว แต่มิวนิคเป็นตัวแทนสัญลักษณ์แห่งความเอาแต่ใจ โวยวายนิดหน่อยคนที่ยอมคนมาตลอดทั้งชีวิตจึงจำต้องถอดเสื้อกระโดดลงอ่างมาแช่ด้วยอย่างจำใจ ทว่าที่แย่ก็คือหมอนี่ถอดแค่ท่อนบน ไม่กลัวกางเกงเปียกหรือไงกัน



“คุณต้องพูดจาร้ายกาจอะไรอีกแน่เลย...”

“เมี้ยวว (ไม่มี๊) ”

“...แต่ก็ดีแล้วครับที่ผมฟังไม่ออก”

“.....”

“...แค่นี้ก็เขินจะแย่







//มีต่อจ้า​

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


แม็กซ์เวลนั่งมองคู่รักสุดฮอตที่กำลังถกเถียงกันอยู่บนโซฟากลางห้องนั่งเล่น ขณะที่เพื่อนชายหญิงคนสนิทอย่างเจนนิษฐ์กับภูรินโบกมือผ่านขอไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องครอบครัวอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง เขาก็เหมือนกัน ทว่า...ยิ่งนิ่งเงียบปล่อยให้ทั้งสองเคลียร์กัน เด็กชายยศวินทร์ก็เริ่มส่งเสียงดัง



“ก็พี่จะไปบิ๊กเม้าเท้นอ่ะ เจนก็ไป ภูก็ไป”

“แต่พี่อุ่นไม่ว่างนี่ครับ”

“จินนี่ไม่ว่างก็เรื่องของจินนี่ พี่ไม่ได้ไปกับจินนี่ซะหน่อย”

“น้องยู พี่อุ่นว่าเราคุยกันรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะว่าจะไม่มีการไปบิ๊กเม้าเท้น”



แล้วน้องยูของทุกคนก็กระโดดลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้น ชักดิ้นชักงอจริงๆ เขาก็เพิ่งเคยเห็นเจ้าเพื่อนรักตัวเล็กเป็นแบบนี้ครั้งแรก ถึงนิสัยน้องยูจะเด็ก แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเด็กถึงขนาดนี้ หรือบางที...อาจเพราะความรักทำให้คนเราเปลี่ยนไป คนมีความรักมันจะดูเด็กลงไปนิดนึง

แต่ภาพตรงหน้าเขาว่าไม่นิด...

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ถูกงดคลาส แต่เพราะเพื่อนๆ อยากใช้เวลาสุดสัปดาห์สองวันในการพักผ่อนให้เต็มอิ่ม พวกเขาจึงนัดทำงานกลุ่มกันตั้งแต่วันนี้ให้เสร็จ และห้องของน้องยูก็ถูกเลือกเป็นโลเคชั่นในการสะสางภารกิจ...พูดให้ถูกก็คือเป็นห้องของผู้ปกครองน้องยู และอีกฝ่ายก็ยื่นคำขาดให้ทุกคนขลุกตัวอยู่ที่นี่แทนการออกไปนั่งร้านกาแฟ



“น้องยูไม่เอาแบบนี้สิคะ” เจนนิษฐ์ที่ทนเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนงี่เง่าไม่ไหวลุกขึ้นมาห้ามปราม

“ฮึก ก็จะไปบิ๊กเม้าเท้นกับเจน อุ่นไม่ให้ไปอ่ะ”

“งั้นก็ต้องคุยกันดีๆ ห้ามงอแงรู้ไหม” ภูรินว่าเสริม



เขาว่าครั้งนี้ทุกคนคงเข็ดหลาบไม่กล้ามาทำงานที่ห้องของสองคนนี้อีกนาน จะว่ายังไงดีล่ะ...การอยู่ในจุดที่เพื่อนกับแฟนเพื่อนทะเลาะกันในห้องโดยมีเราเป็นตัวกลางมันช่างกระอักกระอ่วน อยากเฟดตัวเองให้หายไปจากสถานการณ์ตรงนี้เหลือเกิน หากในความเป็นจริงสิ่งที่ทำได้ก็คือต้องอดทนกันต่อไป



“เหวอเลยสิมึง ไม่เคยเห็นอีน้องแผงฤทธิ์”



ภูรินที่เปลี่ยนมานั่งข้างเขาชะโงกหน้ากระซิบกระซาบ ก็จริง...น้องยูถึงจะดื้อไปบ้างแต่ก็ไม่เคยเกเรถึงขนาดนี้ ความผิดส่วนใหญ่ควรจะยกให้หมออุ่นที่สปอยล์น้องจนเสียนิสัยอย่างไม่รู้ตัว

เห็นน้องยูเอาแต่ใจก็ทำเอาอดนึกถึงเหมียวน้อยที่ห้องไม่ได้ รายนั้นถ้าเวลาผ่านไป...เจ้าตัวจะกลายเป็นเด็กงอแงเหมือนเพื่อนชายตัวเล็กของเขาหรือเปล่า...

แต่เดี๋ยวก่อน...เท่ากับว่าเขากำลังเพ้อฝันถึงความสัมพันธ์อันเกินเลยไปกว่าเจ้านายกับสัตว์เลี้ยงระหว่างเขาและคุณมิวนิคอย่างนั้นหรอ หลงตัวเองชะมัด...คุณมิวนิคเนี่ยนะจะชอบเขา

คุณมิวนิคกับเขาเนี่ยนะจะกลายเป็นแฟนกัน...

สาบานสิว่าเขาแอบคิด มันเป็นเพียงเสี้ยวความคิดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังหัวใจเปราะบาง ทุกๆ อย่างที่คุณมิวนิคทำ ถ้าไม่เข้าข้างตนเองจนเกินไป...เขาคิดว่าอีกฝ่ายก็อาจกำลังคิดเกินเลยกับเขาเหมือนกัน

แต่เพลย์เซฟเป็นสิ่งสำคัญ การแอบชอบผู้ชายที่อยู่ในรูปภาพติดผนังกลางห้องช่างอันตราย คนไม่เคยมีแฟนอย่างเขาจะสามารถรับมือกับความผิดหวังได้ดีแค่ไหนเชียว...



“รีบกลับจังนะมึง”

“...พอดีมีธุระ ต้องไปซื้อของให้คุณแม่”

“เฮ้อ...ช่วงนี้เทเพื่อนบ่อย ให้รู้เชียวว่าติดสาว”

“เปล่า...”



โกหกทั้งอย่างนั้นก่อนจะขอตัวออกมา ปกติแม็กซ์เวลไม่ใช่คนโกหก...แต่ถ้าไม่โกหกให้เป็น เจนนิษฐ์กับภูรินก็ซอกแซกไม่หยุด สองคนนี้ก็จัดว่าเป็นบุคคลอันตรายที่ห้ามหลวมตัวไปเล่าเรื่องความรักโดยเด็ดขาด

ส่วนสาวที่ว่าคงจะเป็นสาวตัวขาวหูตั้งในห้องล่ะมั้ง ป่านนี้คงจะรอเขาแย่

แม็กซ์เวลแวะซื้อแซลมอนเจ้าโปรดกลับไปฝากใครบางคน คุณมิวนิคน่ะขี้เบื่อ อย่างพักนี้ก็จะชอบขอออกไปเที่ยวเล่นแถววัดกับแก๊งค์แมวของคุณเขา เห็นว่าเรียนรู้วิธีข่มหมาให้เป็น

เขาค้านหัวชนฝาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเผลอถูกกัดได้แผลกลับมา แต่มิวนิคก็คือมิวนิค เอาแต่ใจแถมขี้เบื่อเป็นที่หนึ่ง อยากได้อะไรก็ต้องได้แล้วมีหรอเขาจะห้ามไหวนอกจากกำชับให้ดูแลตัวเองดีๆ จะมีเรื่องอาหารการกินนี่แหละที่กินซ้ำๆ ได้ไม่รู้เบื่อ



“กลับมาแล้วครับ...”



ส่งเสียงทักทายความว่างเปล่าที่ตอบกลับมาในห้องมืดยามโพล้เพล้ ไร้วี่แววจอมซน นี่มันห้าโมงกว่าแล้ว...ทำไมคุณมิวนิคถึงยังไม่กลับ มนุษย์แว่นวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะญี่ปุ่นก่อนจะนั่งกอดอกขมวดคิ้วมุ่น

หรือจะเกิดอุบัติเหตุ!?

แกร้กๆ

ในขณะที่คนตัวโตกำลังจินตนาการไปไกล ประตูบานเกล็ดตรงระเบียงก็ค่อยๆ ถูกเปิดออก ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกโตเมื่อสิ่งมีชีวิตสีขาวกลับมาอย่างปลอดภัยโดยไม่มีบาดแผลอะไร คิดว่าบางทีอาจคงถึงเวลาที่เราควรคุยเรื่องการออกเที่ยวเล่นของมิวมิวเดอะแคทอย่างจริงจัง



ปุ้ง!



หนึ่งเรื่องอันน่ายินดีสำหรับช่วงนี้ก็คือคำสาปจากเทพเจ้าปู่แมวที่ได้รับการคลายลงทีละนิด คุณมิวนิคได้วันศุกร์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งวัน นั่นเท่ากับว่าอัตราการเต้นของหัวใจมนุษย์แว่นก็จะถูกเพิ่มระดับให้รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย แล้วก็...เวลาที่เขากับคุณมิวนิคจะได้ใช้ร่วมกัน

ก็ดูเหมือนว่ากำลังลดลงตามไปด้วย...



แหมะ!



ไม่ทันจะได้ดุคนกลับช้า อีกฝ่ายก็ชิงทิ้งศีรษะลงซบไหล่เขา ก่อนจะค่อยๆ ช้อนตามองราวกับกำลังจะร้องไห้ ไม่รู้เลยว่าแมวดื้อตัวนี้จะมาไม้ไหน แต่ช่วงอกของคนถูกซบรู้สึกวูบวาบไปหมด



“วันนี้ไปซนที่ไหนมาครับ?”

“แม็กซ์...”

“ครับ”

“เราเลี้ยงหมาได้มั้ย…”



เขาขมวดคิ้ว มองคนตรงหน้าที่ทำเสียงหมดแรงคล้ายไปเจออะไรหนักๆ มา คิดว่าคราวนี้คุณมิวนิคคงไม่ได้คิดแกล้งอะไรอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ แววตาอ้อนวอนแบบนั้นชัดเจนเลยว่าเจ้าตัวอยากจะเลี้ยงน้องหมาจริงๆ



“มันเกิดอะไรขึ้นหรอ เล่าให้ผมฟังได้มั้ย”

“ก็ไอ้ตูบอ่ะ ฮึก”



คนพูดเล่าไปสูดน้ำมูกสะอื้นไป เขารีบกระชับร่างอีกฝ่ายเข้ามาใกล้พร้อมลูบไหล่ปลอบปะโลม ในทางเดียวกันหัวใจก็เริ่มกระวนกระวายอยู่ไม่สุข ไม่เคยเห็นคุณมิวนิคในท่าทางน่าสงสารขนาดนี้มาก่อน



“ตูบไหนครับ!?” เริ่มขึ้นเสียง

“...ตูบที่วัด”

“ทำไมครับ! มันกัดคุณมิวหรอ!! ไหนให้ผมดูแผลหน่อย”

“เปล่าๆ ตูบไม่ได้กัดเรา...”



มิวนิคส่ายมือปฏิเสธเมื่อมนุษย์แว่นเริ่มไล่จับไปตามเนื้อตัวเหมือนคุณหมอกำลังตรวจหาบาดแผล ให้ทำไงได้...ก็เขากลัวคุณมิวเป็นแผล ไม่อยากให้เจ็บ ไม่อยากให้ป่วย



“มันไม่มีข้าวกิน มันบอกว่าตอนเด็กนายรักมันมาก แต่พอโตขึ้นไม่รู้นายเป็นอะไรไม่รักมันเหมือนเก่าแล้ว ข้าวก็ไม่ให้กิน แถมไล่มันไปนอนวัดทุกวันเลย แล้วมันก็นอนไม่ได้ เพราะพวกหมาวัดไล่ที่...”

“คุณมิว...”

“ทำไมวะแม็กซ์ ทำไมเขาต้องไล่หมาที่ตัวเองเลี้ยงให้ไปนอนที่อื่นด้วย ถึงเจ้าของจะไม่ใช่โลกทั้งใบของสัตว์เลี้ยง แต่พวกเจ้าของใจร้ายมันเคยรู้มั้ย ว่าสำหรับสัตว์เลี้ยงน่ะ คนพวกนั้นคือโลกทั้งใบของพวกมัน...”



แม็กซ์เวลไม่ได้พูดอะไรนอกจากค่อยๆ ลูบหัวเด็กหนุ่มในชุดขาวอย่างอ่อนโยน

พอจะเข้าใจในประเด็นที่คุณมิวนิคพูด ในประเทศเรา...คนบางส่วนยังมีความคิดนิยมเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน หรือที่แย่กว่านั้นก็คือเลี้ยงเพียงเพราะตอนเด็กเห็นว่าน้องน่ารัก พอน้องโตขึ้น กินเยอะขึ้น เห่าเก่งขึ้นก็เอาไปปล่อย โดยไม่ได้คำนึงถึงจิตใจสัตว์เลี้ยง

เขาโตมากับเรา กินกับเรา นอนกับเรา แล้วจู่ๆ จะให้ออกจากชีวิตกันไป มันอาจเป็นความคิดมักง่ายของมนุษย์ ทว่าสำหรับสัตว์เลี้ยงนั้น...มันคงเคว้งคว้างเหลือเกิน โดยเฉพาะคุณมิวนิคที่ยืนอยู่ระหว่างความรู้สึกของทั้งฝ่ายด้วยแล้ว คงจะเจ็บปวดแทนน่าดู



“เราเลี้ยงตูบนะ พวกค่าอาหารเดี๋ยวเราออกเองก็ได้”

“ไม่ได้หรอกครับ หอผมเขาไม่ให้เลี้ยงน้องหมานะ”

“ทีแม็กซ์ยังเลี้ยงเราได้ แล้วทำไมเลี้ยงตูบอีกตัวไม่ได้” คนดื้อ ยู่คิ้วไม่พอใจ

“ก็แมวมันไม่ร้องเสียงดังเหมือนหมานี่ครับ อีกอย่าง...หมาถ้าเราเลี้ยงไว้ในที่แคบๆ มันจะเก็บกดเอานะ”



คนฟังก้มหน้าจ๋อยราวกับไม่ใช่มิวนิคผู้แสนเอาแต่ใจ และนั่นยิ่งทำเอาแม็กซ์เวลต้องกัดปากกรอดกับท่าทางแบบนั้น มันทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดูไปพร้อมๆ กัน



“เอางี้ไหมครับ เราเอาอาหารไปบริจาคหลวงตาให้ท่านช่วยดูตูบให้”

“แล้วถ้าพวกหมาวัดยังหวงอาหารตูบล่ะ”

“หลวงตาท่านรักสัตว์จะตายไป คุณมิวก็แค่ไปบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านต้องจัดการได้แน่ๆ”

“เอาอย่างงั้นหรอ” จอมซนหลุบสายตาต่ำครุ่นคิด

“...เป็นสิ่งที่เราสามารถช่วยตูบได้มากที่สุดแล้วครับ”

“ถ้าบอกให้ไอ้ปู่แมวรับเลี้ยงนายว่ามันจะช่วยเราปะ”

“เทพเจ้าปู่แมวเขาก็มีงานของเขา ผมว่าคุณมิวอย่าไปรบกวนเลย”



พูดถึงเทพเจ้าปู่แมว...แม็กซ์เวลคิดว่าเรื่องมันชักจะตะหงิดๆ ฟังจากที่จอมซนเล่ามา เขาคิดว่าบทบาทของเทพเจ้าคนนี้ไม่ค่อยเหมือนเทพเจ้าที่คอยปกปักรักษาพวกแมวเหมียวซักเท่าไหร่ มันคล้ายกับอะไรซักอย่าง ติดอยู่ตรงปลายความคิดซึ่งเขาพยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก...

แต่ช่างเถอะ ถึงยังไงอีกฝ่ายก็ขึ้นชื่อว่าเป็นทั้งคนลงโทษและช่วยชีวิตคุณมิวนิค



“เราทำดีที่สุดแล้วใช่มั้ยแม็กซ์”

“ดีที่สุดแล้วครับ...ดีมากๆ แล้ว”



เพราะแค่คุณมิวนิคผู้แสนเหย่อยิ่งเปลี่ยนมาเป็นคุณมิวนิคผู้แสนอ่อนโยน มีเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก ทำอะไรก็นึกถึงคนอื่นเสมอ แถมยังอยากช่วยให้คนที่เดือนร้อนมีชีวิตที่ดีขึ้น

แค่นั้นก็เป็นคุณมิวนิคที่เก่งสุดๆ แล้วล่ะ...

คุณมิวนิคผู้เก่งที่สุดสำหรับเขา





















     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ








==============================================

มาตอนดึกๆค่า ถ้ามีคำผิดบอกได้เลยน้า อาจเบลอๆไปบ้างช่วงนี้





ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
มิวมิวน่ารักมากกก อยากยืมมากอดรัดฟัดเหวี่ยงเลย  :-[ แต่เดี๋ยวไม่ได้เดี๋ยวตาแม็คตามมาตบแน่ 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ไม่ใช่แฟนก็เหมือนแฟนกันแล้วว ฮิ้วว
มิวนิคใจดีขึ้นเยอะเลยย
ม่าย แม็กซ์อย่าคิดว่าเวลาสำหรับตัวเองกะมิวนิคน้อยลงสิถ้าคำสาปคลาย TT มั่นใจในตัวเองหน่อยแม็กซซซ์
เรื่องนี้น่ารักทุกตอนจริงๆ รอตอนหน้าค่ะ ><

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
นี่มันสามีภรรยาแล้วจ้า
มิวมิวน่ารักขึ้นมากกว่าเดิมล้านเท่า แม๊กต้องตบะแตกเร็วๆนี้ชัวร์

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น่ารักทุกตอนชอบความอบอุ่นกับเวลาเขินอายของแม๊กซ์แวล

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คุณมิวนิสัยน่ารักมากขึ้นทุกๆตอนเลย อีกไม่นานคำสาปต้องหมดฤทธิ์แล้วแน่เลย :hao3:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มิวน่ารักมากๆ เวลาอ่านมีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด น้องอ่อนโยนขึ้นมากๆจากตอนแรกๆ แม็กซ์ก็อ่อนโยน งานดีย์ไปอีก อยากเป็นแมวให้เลี้ยงมากเลย55555 ถ้าจะเลี้ยงแมวดีขนาดนี้  รอตอนต่อไปน้าา ไรเตอร์สู้ๆนะคะ :3123:

ออฟไลน์ มุมิมิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักไม่ไหวเเล้วววว

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คุณมิวเปลี่ยนไปมากตั้งแต่เป็นแมว ขี้อ้อน น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 17



“นี่”

“ครับ”

“ตอนเย็นไปดูหนังกันปะ”



มิวนิคถามมนุษย์แว่นขณะใช้ตักของอีกฝ่ายหนุนต่างหมอน หยิบหนังสือแฮรรี่พอตเตอร์จากกองข้างเตียงขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาแก้เบื่อ ยังสังเกตเห็นว่าแม็กซ์เวลไม่ได้ชินกับการอยู่ใกล้เขาในร่างมนุษย์เลยซักนิด ปฏิกิริยาหูแดงบอกชัดเจน แต่เขาคิดว่าระดับการปรับตัวของคนตัวโตดีขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก

อย่างน้อยก็ยอมให้หนุนตัก...



“เอาสิครับ”



คนที่ในมือกำลังอ่านหนังสือปรัชญาอะไรซักอย่างก้มลงมอง ริมฝีปากแยกยิ้มเบาบางคล้ายดีใจ ดวงตาสีดำด้านหลังกรอบแว่นหนาเตอะเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นอย่างคาดไม่ถึง



“...คิดว่าหล่อมากมั้ง”

“คะ...ครับ?”

“จะดูเน็ตฟลิคแล้ว ยืมคอมนะ”

“อ่า...ครับ”



แล้วเจ้าของห้องที่ยังคงติดอยู่ในภวังค์ความงุนงงก็ต้องลุกขึ้นจัดการเตรียมโรงภาพยนต์ส่วนตัวให้เขา อันที่จริงก็ไม่ได้โหยหาการออกไปดูหนังข้างนอกซักเท่าไหร่ เพราะทุกวันก็ดูซีรีย์จนตาแฉะอยู่แล้ว ทว่าก็แค่อยากออกไปทำกิจกรรมในแบบที่คนอื่นๆ เขาทำกันบ้าง โดยเฉพาะ...

กับแม็กซ์เวล

วันนี้เป็นวันเสาร์ สภาพอากาศดูอึมครึมมีลางการตั้งเค้าของเมฆฝน เขาควรจะนอนเรื่อยเปื่อยอยู่บนห้อง แต่การคืนร่างเป็นมิวนิคมันไม่สามารถทำได้ทุกวัน แถมมนุษย์แว่นก็ว่างเฉพาะวันหยุด ดังนั้นนี่น่าจะเป็นเวลาอันเหมาะสมสำหรับการออกไปเที่ยว ใช่แล้ว...ฝนตกก็กลางร่มสิ โรแมนติกออก



“คุณมิวไม่ดูหรอครับ”

“หืม...ว่าไงนะ?”

“ก็ผมเห็นคุณเหม่อมองเพดานอยู่นาน”

“หึ หมั่นไส้คน”



พูดเสร็จก็ชกเบาๆ ตรงกล้ามอกกำยำไปหนึ่งที แม็กซ์เวลบางครั้งก็ซื่อบื้อจนเขาหมั่นไส้ ชอบทำตัวเฉิ่มเบ๊อะให้คนอื่นใช้งานจนบางทีเขาก็โมโหแทน แต่ก็นั่นแหละนะ...ถ้าไม่เฉิ่มอย่างที่เป็นก็คงไม่ใช่แม็กซ์เวล

แม็กซ์เวลของเขา



แหมะ!



มิวนิคเนียนทิ้งศีรษะลงบนลาดไหล่ของใครบางคนเมื่อซีรี่ย์เล่นไปถึงช่วงไคลแม็กซ์ เหลือบมองใบหน้าเจ้าของร่างกายที่เขาชอบใช้เป็นต้นไม้พักพิง ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาลำบากใจเหมือนเคย



“คุณมิว...”

“ตักยังหนุนได้เลย”

“...ดื้อ”

“ก็กลิ่นนายมันหอม”



เขาได้ยินเสียงแม็กซ์เวลหันหน้าไปอีกทางเพื่อลอบถอนหายใจ ถ้าไม่เวอร์จนเกินไปเสียงหัวใจแม็กซ์เวลมันดังโครมครามเสียจนได้ยินชัดเจน แต่จะแปลกอะไรล่ะ...

...ในเมื่อหัวใจของเขาเต้นดังไม่แพ้กัน



“แม็กซ์เวลผสมกับมิ้น กลิ่นมันเหมือน...อืม” เกาครางทำท่าครุ่นคิด

“เหมือนอะไรครับ?”

“กัญชา”

“คุณเคยด้วยหรอ?”

“ประจำอ่ะ สายหมอกพาทำ”

“คุณมิว!”

“ล้อเล่นน่า เชื่อคนง่ายนะเรา”



เกาคางมนุษย์แว่นผู้จริงจังกับทุกเรื่องบนโกลนี้กิ้วๆ จนคิ้วหนาขมวดมุ่น รู้อยู่หรอกว่าเป็นห่วง เคยอ่านมาว่ากัญชาถึงไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่ก็ทำให้ขาดสติ เขาไม่กล้าเสพเด็ดขาด...เอาแค่ตอนสติครบถ้วนยังถูกสาปให้กลายเป็นแมว ถ้าเมาอยู่คงจินตนาการไม่ออกเลยว่ารอบนี้จะกลายเป็นอะไร



“ชอบแกล้งผม”

“แล้วชอบมั้ย?”

“ผม...ไม่ได้โกรธหรอกครับ”

“คำถามคืออะไรแม็กซ์เวล?”

คนถูกคาดคั้นทำหน้าเงอะงะ แต่เจ้าตัวคงรู้ดีว่าถ้าคุณมิวนิคจะเอาคำตอบก็ต้องได้คำตอบ

“ครับ...ชอบครับ”

“ชอบให้เราแกล้ง...หรือชอบเรา”

“...คุณอย่าถามอะไรที่รู้คำตอบอยู่แล้วได้มั้ย”



แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน มีเพียงเสียงโทรทัศน์ดังขึ้นกลบเกลื่อนความวุ่นวายอะไรบางอย่าง อมยิ้มของคนทั้งสองต่างระบายออกมาเหมาะเจาะ เขายังคงอิงซบลาดไหล่อันเดิม ผ่านโปรแกรมดูหนังอันเดิม กับคนคนเดิม...ทว่ากลับไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย

เป็นตอนนั้นเองที่ประตูมุ้งลวดตรงระเบียงเกิดเสียงเกาแกร้กกร้ากขึ้นเหมือนมีคนกำลังพยายามจะเปิดเข้ามา มิวนิคละความสนใจจากจอทีวี ก่อนจะพบว่าเป็นนกพิราบสีขาวตัวโต มันไม่ได้ตัวโตถึงขนาดเท่าลุงฮอวค์แต่ก็ไม่ใช่ไซส์ปกติสำหรับนกพิราบทั่วไป มันทั้งใหญ่และสง่างามอย่างกับหลุดออกมาจากในเทพนิยาย



“มิวมิวใช่มั้ย!!”

“เอ่อ...เรา รู้จักกันหรอ”



เขาชี้ไปที่หน้าตัวเองด้วยความสงสัย ถึงจะเป็นแมวที่ชอบพบปะสังคม แต่ก็ไม่ได้ขี้ลืมจนจำไม่ได้ว่าในชีวิตมีเพื่อนอยู่กี่คนบ้าง และเขาก็มั่นใจว่าไม่รู้จักกับคุณนกพิราบยักษ์ตัวนี้แน่ๆ



“นิมฟ์”

“หืม?”

“ข้าชื่อนิมฟ์ เป็นทาสรับใช้ของคนที่สาปเจ้า เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งถามมาก! รีบตามข้ามา เทพเจ้าปู่แมวกำลังแย่แล้ว!!”



สิ้นประโยคเด็กหนุ่มในชุดขาวทั้งตัวจึงรุดตามคุณนกพิราบสื่อสารไปโดยทันทีแม้ว่าจะยังคงปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ถูก แน่นอนว่าแม็กซ์เวลไม่ปล่อยให้เขามาคนเดียว

พูดถึงเรื่องชุดก็แอบสงสัยเหมือนกัน ทำไมพอเปลี่ยนร่างกลับเป็นมิวนิคแล้วเขาถึงต้องอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสีขาวโพลนไปทั้งตัวแบบนี้ตลอด แต่ก็ทำได้แค่คิด...ตอนนี้ต้องรีบไปดูไอ้ปู่แมวบ้าก่อน จะเล่นเกมส์อะไรอีกล่ะนั่น

บรรยากาศโดยรอบช่างดูเงียบงัน ตรงกันข้ามกับภาพเหล่าสิ่งมีชีวิตระรายที่ต่างพร้อมเพรียงเข้ามาประชุมกันจนแน่นถนัด ท่ามกลางลานกว้างรกร้างว่างเปล่าที่ไม่มีแม้แต่ผู้รุกรานกล้าเข้ามาเหยียบย่าง ทุกคู่สายตาล้วนจับจ้องไปยังผู้ปราศรัยบนท่อซีเมนต์สามชั้นวางเรียงต่อกัน



“มาแล้วรึคุณมิวนิค”

“อะ...เอ่อ ครับ”



เป็นเสียงชายแก่ที่ยืนกอดอกอยู่บนท่อซีเมนต์ แต่งตัวเหมือนกับไอ้กระปู๋แมวเปี๊ยบ เพียงแค่หน้ากากที่อีกฝ่ายใส่เป็นรูปสิงโต อีกสองคนที่อยู่ถัดลงมาก็มีเช่นเดียวกัน เป็นหน้ากากรูปเสือกับหน้ากากรูปอีกา

ตายจริง...นี่เขาไม่ได้ถูกหลอกให้มาออกรายการเดอะมาสซิงเกอร์ใช่มั้ยเนี่ย



“...เชิญคุณเดินเข้ามาตรงกลาง”



คำเชิญดังกล่าวทำเอาคนฟังแทบไม่กล้าปฏิเสธ มันดูน่าเกรงขามและมีอำนาจเสียจนขนลุก และเขาก็พอจะเดาได้ว่าคนพูดคงอยู่ในสถาะเดียวกันกับคนที่สาปเขา หากตำแหน่งน่าจะสูงกว่ามากโขเลยทีเดียว

แม็กซ์เวลพยักเพยิดหน้าให้เขาเดินไป ส่วนเจ้าตัวจะยืนรออยู่ด้านนอกลานว่าง ดูท่ามนุษย์แว่นคงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการประชุมแห่งนี้ อีกอย่าง...เจ้าตัวก็ดูเหมือนไม่ค่อยอยากก้าวก่ายเท่าไหร่นัก

สิ่งที่ทำให้มิวนิคกระอักกระอ่วนจนเสียลุคความเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ก็คือทุกคู่สายตาที่กำลังจับจ้องมาในทุกย่างก้าว มันเกร็งและประหม่าไปหมด ที่สำคัญผู้ฟังทั้งหมดดันเป็นแก๊งหมาแมวและสรรพสัตว์ ตกลงคนไหนเทพจริงคนไหนเทพเก๊วะเนี่ย เขาจะได้ให้ความเคารพถูก



ปุ้ง!



แปลงเป็นแมวดีกว่าว่ะ เป็นมนุษย์คนเดียวแล้วดูเขินๆ ยังไงไม่รู้

มิวนิคเดินมาถึงหน้าท่อซีเมนต์ที่มีคุณลุงหน้ากากกระต่ายผายมือรออยู่ ถัดออกไปเป็นชายชุดดำที่จำได้ดีกำลังยืนคอตก...ไอ้กระปู๋แมวไงจะใครล่ะ ทว่าวันนี้อีกฝ่ายดูเหมือนไม่เล่น มาโหมดจริงจัง ซึ่งเขาก็ต้องตามน้ำไป

กลิ่นดินระเหยกรุ่นๆ เป็นสัญญาณการตั้งเค้าของเมฆฝน ทว่าการประชุมกลับไม่มีทีท่าว่าจะถูกยุติลง เบื้องหน้าคือจำเลยที่กำลังก้มศีรษะคล้ายน้อมรับความผิด



“เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่จำเลยกระทำขึ้นส่งผลกระทบต่อโจทก์ทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก...”

“เอ่อ...จำเลย? โจทก์?”

“นี่มันศาลไงคุณ! นิมฟ์ไม่ได้บอกเรอะ”



ลุงสิงโตจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อถูกพูดแทรก ก่อนจะหันไปจ้องเขม็งเจ้าของชื่อดังกล่าวที่กำลังยกมือเกาหัวแกร้กๆ อ้าว...เปลี่ยนมาเป็นหน้ากากนกพิราบตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะนั่น

มิวนิคยืนฟังลุงไลอ้อนคิงพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ใช้เซนส์ปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตนเอง ประเด็นในวันนี้ไม่ใช่เรื่องของการที่เขาขับรถชนเจ้าแมวสีเทาตัวนั้นเลย หากมันคือ...



“ถึงแม้จะเป็นเทพ แต่โจทก์ก็ไม่สามารถใช้คำสาปได้กับมนุษย์ปกติโดยปราศจากคำอนุมัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสาปชั้นสูงที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ทางกายภาพของผู้ต้องคำสาปด้วยแล้ว...”



อาจเป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นกระทันหัน สาบานว่าเขาเห็นไอ้แมวตัวสีเทาต้นเหตุของเรื่องยุ่งๆ กำลังสอดส่องสายตาไปยังอาคารบ้านเรือนอยู่บนหลังคาอันไกลโพ้นลูกตา

ทีแรกมิวนิคพยายามบอกให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาก็มีส่วนผิดที่ไปขับรถชนแมวตัวนั้น (แม้ในใจจะยังคงสับสนว่าในเมื่อแมวก็ไม่ตายแต่ถึงกับต้องสาปกันเลยหรอ)

แต่ก็ต้องรูดซิบปากแน่นเมื่อถูกลุงสิงโตเอ็ดอีกรอบ บอกแล้วไง...ประเด็นวันนี้ไม่ใช่การขับรถชน ทว่าเป็นกฏหมายการใช้คำสาปอะไรซักอย่างที่ไอ้ปู่กระปู๋แมวกระทำลงไป ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจกฏหมายของเทพเจ้า ชีวิตนี้ชักจะบียอนด์มากเกินไปแล้วว่ะ ปวดหัว



“และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ตำแหน่งของโจทก์รวมถึงหน้าที่การงานในฐานะเทพ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบการลงโทษด้วยเลย!”



เอาเข้าจริงคนคนนึงจะมีโอกาสได้เข้ามายืนฟังคำพิพากษาในชั้นศาลบ่อยซักแค่ไหนกัน ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครไม่อยากมา ถ้าเลือกได้ก็คงอยากนอนอยู่ที่บ้านเฉยๆ ถ้าเลือกได้ก็คงขอให้ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายแบบนี้

ทำไมเหมือนไอ้ปู่กำลังจะโดนเชือดเลย เขาเริ่มเสียวสันหลังวาบแล้วนะ



“...ทางเราจึงอยากขอฟังคำให้การชัดๆ จากปากโจทก์”

“เอ่อ...ครับ”



น้ำเสียงอันน่าเกรงขามช่างคู่ควรกับตำแหน่งผู้พิจารณาคดี ไม่ว่าจะโลกไหน สปีชีส์อะไร หรืออาชีพใด สายตาผู้พิพากษาก็ล้วนชวนให้ขนลุกอยู่เสมอ ไม่ใช่เพราะความน่ากลัว...หากแต่เป็นความน่าเคารพ



“จำเลยได้ใช้อำนาจในทางมิชอบหรือไม่?”



ทุกคนควรโกรธที่จู่ๆ ชีวิตก็ต้องมาประสบพบเจอกับความยากลำบากโดยที่ตนเองไม่ได้มีความผิดเลยแม้แต่นิด มันเป็นเรื่องเฮงซวยที่ไม่น่าจะเกิดกับชีวิตคนเราได้ เฮงซวยจนบางทีก็ไม่อยากจะหายใจอีกต่อไป

แต่ว่านะ...เรื่องทุกเรื่องล้วนมีเหตุผลในตัวมัน อย่างน้อยถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีก็ถือว่าเป็นรางวัลของชีวิต กลับกัน...ถ้าเรื่องที่ว่าดันเกิดขึ้นเพื่อสร้างบาดแผลต่อร่างกายและจิตใจ

ก็ถือซะว่าที่ผ่านมาเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญ...



“ไม่ครับ...เทพเจ้าปู่แมวทำถูกต้องทุกอย่างแล้ว”



และเรื่องที่เกิดกับเขา จะขอพิจารณาให้เป็นเรื่องดีๆ ก็แล้วกัน...



“เทพเจ้าปู่แมว? หึ...นั่นคือชื่อที่เจ้าใช้แทนตัวเองงั้นรึ...เอียรอส?”



ลุงสิงโตหยุดใช้คำพูดทางการแล้วเปลี่ยนมาใช้ภาษาเป็นกันเอง หัวเราะเย้ยหยันในลำคอมองไปยังคนที่ชื่อเอียรอส ถ้าไม่ได้เข้าใจผิด มิวนิคคิดว่านั่นคือชื่อของไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมว อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมามันหลอกเขา

แหม...ต้มกันซะเปื่อยเลย

แต่จะว่าอย่างนั้นคงไม่ได้ คนอะไรจะชื่อเทพเจ้าปู่แมว ยาวเหยียดจะตาย อีกฝ่ายคงตั้งใจบอกแค่ชื่อในวงการกับเขาเพราะไม่อยากให้รู้จักชื่อจริงๆ ล่ะมั้ง



“ครับท่าน…” ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากแมวตอบ

“พูดในฐานะคนรู้จักกันนะเอียรอส...” ลุงสิงโตเดินลงมาใกล้ราวกับไม่อยากประกาศกร้าวให้ทุกคนรู้ อ้าว...นี่มันชั้นศาลไม่ใช่หรอวะ มันกระซิบได้หรอ...อยากทำอะไรก็ได้งั้นหรอ เขาล่ะงงกับระบบการทำงานของเทพ “ถึงแม้ผลลัพธ์งานเจ้าคล้ายจะประสบความสำเร็จ...แต่วิธีการมันผิดมหันต์”

“...ครับท่าน”



คนมั่นหน้าอย่างเทพเจ้ากระปู๋แมวก้มหน้าจ๋อยทำเอามิวนิคหน้าเจื่อนตาม ชัดเจนเลยว่าลุงสิงโตคงจะมีอิทธิพลน่าดู

“เพราะงั้นเจ้าต้องถอนคำสาปให้คุณมิวนิค พร้อมกับรับโทษกึ่งหนึ่ง”

“...ครับท่าน”

“ส่วนคุณมิวนิค สรุปจะยอมความใช่มั้ย คุณมีสิทธิ์สู้คดีให้โจทก์ได้รับโทษหนักกว่านี้ได้นะ”

“เอ่อ...เอาเป็นโทษเบาๆ ก็พอมั้งครับ อันที่จริงผมก็ไม่ใช่ผู้เสียหายขนาดนั้น”



ตาลุงสิงโตหัวเราะในลำคออีกครั้ง คล้ายกับว่ากำลังพอใจอะไรซักอย่างซึ่งเขาเดาไม่ออก บางทีคงด้วยหน้ากากที่อีกฝ่ายสวมปิดบังใบหน้าอยู่จึงทำให้เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวพ่อคาดเดาความรู้สึกได้ยาก



“...ถือว่าคดีนี้เจ้ารอดมาได้เพราะผลงานตัวเองหรอกนะเทพเจ้าปู่แมว”

“ครับท่าน...”

“หึ ไม่สิ...คิวปิด”









































ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



“มะ...มิวนิค คือ ตรงนี้มันดีหรือยังอ่ะ”

“ดีนะ...ถ้าใส่เครื่องประดับพวกหินกรวดให้เข้ากับธีมก็น่าจะใช้ได้เลยแหละ”

“อ่อ...อืมๆ”

“เป็นอะไร เกร็งเชียว เราไม่ได้เป็นผู้กำกับ”

“ปะ...เปล่า ขอบคุณที่แนะนำนะ”

“อื้อ จริงๆ มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก แต่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ พยายามอีกนิด...สงสัยเดี๋ยวมาช่วยกันดูเนอะ”



หญิงสาวตัวอ้วนพยักหน้าดีใจหงึกๆ ถ้าด้านหลังเจ้าหล่อนมีสายรุ้งวาดอยู่คงไม่แปลก อีกฝ่ายคงจะประหลาดใจที่มิวนิคจอมเฮี้ยบแห่งคณะนิเทศน์ไม่โวยวายเหมือนสมัยก่อน

เขากลับมาใช้ชีวิตมหาลัยตามปกติ เพียงแค่ยังไม่สามารถกลับเข้าไปเรียนได้เพราะต้องรอเปิดภาคการศึกษาใหม่ ช่วงนี้ที่ว่างๆ เลยมาช่วยสายหมอกทำโปรเจคไฟนอลในวิชาหนังสั้น



“ไปดุเพื่อนมาใช่มั้ย” คนที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับด้านหลังมอนิเตอร์หันมาหรี่ตาจับผิดใส่

“ดุอะไร แค่ให้คำแนะนำฝ่ายคอสตูม”

“มิวนิคไม่ได้ดุหรอกหมอก เพิ่มพวกสร้อยหินกรวดเป็นเครื่องประดับก็ดีจริงๆ นะ”



สาวเจ้ากรรมที่เดินผ่านมาพอดีตอบพลางยิ้มหยีเป็นมิตร เท่ากับว่าคำถามอันคลางแคลงใจของสายหมอกถูกปิดจ็อบเป็นที่เรียบร้อย มิวนิคแอบคิดไม่ได้ว่าตอนนั้นเขาชอบดุคนอื่นจริงๆ น่ะหรอ แย่จัง...ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย



“ไม่ได้โดนคำสาปอะไรมาอีกนะ” ไอ้เพื่อนรักยื่นหน้ามากระซิบกระซาบ

“เดี๋ยวมึงจะโดนกูสาปก่อน” ชี้หน้าคาดโทษผู้กำกับคู่กรณี ชอบพูดเหมือนว่าพื้นเพจิตใจเขาเป็นคนร้ายๆ



ไม่มีอีกแล้วคำสาป...เรื่องวุ่นๆ ทุกอย่างได้จบลงไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย จะว่าสนุกก็สนุก ยิ่งพอลองมองย้อนดูก็ทำเอาใจหาย เกือบเทอมนึงเลยหรอเนี่ย...จะว่าไปก็นานเหมือนกัน



“สรุปคือไม่มีบทลงโทษ ไม่มีบทเรียนอะไรทั้งนั้น?”

“อืมม...จะว่างั้นก็ได้”

“ปู่!!!!”



มันเป็นตอนที่เขานั่งกอดเข่าคุยกับเทพเจ้าเวรเจ้ากรรมอยู่ข้างบึงเล็กๆ ใต้ต้นโพธิ์หลังออกจากศาล แม็กซ์เวลจอดรถรอข้างนอกลาน ดูเผินๆ คงเหมือนเขานั่งคุยอยู่คนเดียว เฮ้อ...เป็นแมวไม่พอยังต้องเป็นบ้าอีก



“แล้วปู่แกล้งผมทำไมล่ะโว้ยยยย”

“ข้าไม่ได้แกล้ง เจ้าไม่ได้ฟังท่านเทพสูงสุดพูดรึไงว่า…ข้าคือใคร” ประโยคหลังอีกฝ่ายพูดเสียงอ่อย



มิวนิคเอียงศีรษะทำท่าครุ่นคิดก่อนจะนึกได้แล้วผรุสวาทออกไป “...จริงจังปะเนี่ย!?”



“เออสิโว้ย” อีกฝ่ายทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ “เทพผู้ดูแลเรื่องความรักใครเขาจะเผยตัวว่าคอยเชื่อมรัก...”

“แล้วการเชื่อมรักที่ปู่ทำมันจรรโลงใจมากมั้ง”

“ก็ถ้ามันทำได้ง่ายๆ ข้าคงไม่ทำหรอกมั้ง!”



ปู่เล่าพลางปาก้อนหินเด้งสิบแปดตลบลงไปกับผิวน้ำ มันเป็นช่วงที่เศรฐกิจความรักซบเซา อายุขัยของมนุษย์ในยุคปัจจุบันลดลงไปเยอะจึงนำมาสู่ภาวะการตายก่อนเจอคู่แท้ กามเทพทำงานหนักเพื่อช่วยให้มนุษย์สมหวัง

แต่เพราะวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีก้าวกระโดด...มนุษย์บางส่วนหยุดสนใจในด้านความรัก ในขณะที่บางส่วนโหยหายจนเกินปกติ เมื่อความสมดุลทางความรู้สึกไม่บาลานซ์ การจับคู่จึงกลายเป็นเรื่องยาก



“กามเทพทั่วโลกต้องสู้รบกันทำคะแนนให้มนุษย์รักกันมากเท่าที่จะทำได้ ขนาดข้าที่อยู่ในตำแหน่งกามเทพระดับสูงยังตกที่นั่งลำบาก”

“แข่งกันทำไมอ่ะ คนมันไม่รักก็ปล่อยมันไปดิ”

“ชีวิตที่ไม่มีความรักก็เหมือนชีวิตที่ไม่มีศิลปะ โลกของพวกเจ้าจะขับเคลื่อนด้วยศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้หรอก แม้แต่เทพยังต้องเติมพลังความรักเข้าไปเรื่อยๆ เลย”



โอ้โห...สำบัดสำนวนสมกับเป็นเทพแห่งความรัก “แล้ว...ถ้าจับคู่มนุษย์ได้ไม่เยอะ?”

“ก็จะต้องจุติ”

“จุติ?”

“ตาย”



บริษัทกามเทพก็เหมือนบริษัทมหาชนทั่วไป เอาง่ายๆ ก็เปรียบคล้ายธนาคาร พอผู้คนเริ่มทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเน็ตแบงค์กิ้งมากขึ้น ตู้เอทีเอ็มตามซอกซอยต่างๆ ก็จะเริ่มลดน้อยลง พนักงานที่เคยทำงานบริการประจำก็จะถูกเลิกจ้างให้เหลือแค่เพียงบุคคลาการที่มีประสิทธิภาพ

กามเทพก็เช่นเดียวกัน

เราต่างก็ต้องการผู้เชื่อมรักที่มีคุณภาพ



“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอวะปู่”

“ที่แย่กว่าก็คือ...การจับคู่มนุษย์ประเภทเจ้า”

“...หืม?”

“แม็กซ์เวลกับเจ้าต่างกันเกินไป ไม่มีจุดร่วม ไม่มีหนทางที่เส้นชะตาความรักจะเวียนมาบรรจบกัน”



เหมือนป็นการเฉลยเจ้าของด้ายแดงอีกฝั่งเป็นนัยๆ มิวนิคหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทั้งอย่างนั้น เป็นจังหวะเดียวกันที่สายตาสบประสานกับชายหนุ่มบนรถญี่ปุ่นคันเหลือง มนุษย์แว่นยิ้มอบอุ่นพอดิบพอดีเสียจนเขาต้องเสหน้าหนี



“วะ...เว่อร์ อะไรมันจะยากขนาดนั้น”

“คนนึงก็ไม่เปิดโอกาส คนนึงก็ถอดใจง่ายแถมความกล้าก็น้อยนิด มันยากเกินไป คู่แท้ที่ไม่มีวันรักกันไม่ได้มีแค่ในละครหรอกนะ”



มิวนิคสะอึกตรงคำพูดดังกล่าว...อาจจะจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า เขาในตอนนั้นหัวรั้นเกินกว่าจะเปิดใจรับชายหนุ่มเฉิ่มเบ๊อะเข้ามาในชีวิต กว่าจะค้นพบว่าการมองคนแค่เปลือกนอกไม่เวิร์คก็ตอนที่ถูกสาปเป็นมิวมิว



“ถะ...ถ้ามันยากขนาดนั้นแล้วปู่มาช่วยผมทำไมเล่า”

“ข้าเลือกละทิ้งไม่ได้ ชื่อของเจ้าสองคนมันอยู่ลิสต์งานข้า ถ้าไม่ทำข้าก็ได้จุติน่ะสิโว้ย นี่ยังมีอีกหลายคู่ที่ไม่ได้เคลียร์เลย คริสมาสต์นี้หัวหน้าก็จะนัดรายงานผลอีก ปวดหัว”



เวร ไอ้เราก็นึกว่าตัวเองพิเศษจนกามเทพแผลงศรรักต้องปวดหัวหาวิธีร้อยแปดมาช่วย ที่ไหนได้มันแค่ไม่อยากตกงาน จะสงสารก็สงสารไม่ลง เอาเป็นว่าสมน้ำหน้าแทนละกัน



“แล้ว...ทำไมถึงถูกจับได้ล่ะ มีคนเช็คหรอ?”

“ไม่มีใครเช็คทั้งนั้นแหละ คำสาปเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถ้าไม่มีพวกปากสว่างไปฟ้องท่านเทพสูงสุดข้าก็คงไม่ต้องโดนลงโทษโดยการทำเคสคู่รักเพิ่มห้าร้อยเคสในช่วงฤดูร้อน!”



มิวนิคเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเห็นว่าไอ้ปู่กลายเป็นหงุดหงิดเอามากๆ เมื่อถามเกี่ยวกับบทลงโทษ ราวกับอีกฝ่ายรู้ดีว่าใครเป็นคนคาบข่าวไปบอกลุงสิงโตจนเจ้าตัวโดนสั่งการบ้านวันหยุด



“แล้ว...จะดีหรอที่ปู่มาเล่าผมแบบนี้”

“หืม?”

“ก็เรื่องระบบกามเทพ เรื่องที่ผมคู่กับแม็กซ์เวล ผมว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่น่าเอามาบอกมนุษย์...”

“อ้อ...ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเล่าเสร็จเดี๋ยวก็ลบความทรงจำแล้ว”

“เห้ยๆ ไม่เอานะ!!”

“อะไรล่ะนั่น”

“อย่าลบเลย เป็นความทรงจำที่ดีออก ผมไม่อยากลืมปู่ ไม่อยากลืมเรื่องที่ปู่เล่า”

“.....” ปู่แมวไม่ตอบ หากเลื่อนหน้าเข้ามาหรี่สายตาจับผิด ถึงใส่หน้ากากอยู่เขาก็เดาออก มันกำลังด่าเขาว่าตอแหล

“ผมจะไม่บอกแม็กซ์เวล สาบานเลย” ชูสามนิ้วเป็นท่าประกอบ

“ได้”

“อ้าว ทำไมง่ายจัง”

“ข้าอ่านใจเจ้าก็รู้แล้วว่าไม่ได้โกหก”

“จะอ่านใจก็ขออนุญาตกันก่อนสิโว้ยยย”



ส่วนเรื่องคำสาป เนื่องจากเป็นคำสาปชั้นสูงอะไรซักอย่างที่ไม่สามารถคลายได้ง่ายๆ (จริงๆ ก็คลายได้แต่ต้องไปผจญภัยตามหาวัตถุดิบแปดพันเก้า) มิวนิคจึงต้องติดอยู่ในร่างมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นมิวมิวได้ตลอดเวลาตามใจนึก บางทีระบบเทพก็ชวนปวดหัว

แต่นี่ก็เป็นบทเรียนชั้นดีให้กับเทพเจ้าปู่แมวเช่นเดียวกัน

การตามแก้ไขย่อมทำได้ยากกว่าการป้องกัน



“แล้วมึงไปไหนต่อ”

“กลับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้มาช่วยใหม่”

“อืม เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอก...มีคนมารับ”



แล้วสายหมอกก็ยิ้มล้อจนน่าหมั่นไส้ คนที่ทำอะไรไม่ได้จึงชกอักตรงไหล่ไอ้เพื่อนรักกวนประสาทไปหนึ่งที ปกติมิวนิคไม่ได้เป็นคนชอบใช้กำลัง แต่จะยกเว้นไว้สำหรับไอ้ผู้กำกับคนนี้แล้วกัน



“คนมีเจ้านาย”

“ถ้าไม่หยุดกูจะแปลงร่างเป็นมิวมิวมันซะตรงนี้ เอาให้คนแพ้ขนแมวแอดมิทเลยดีไหม”

“ยอมแล้วคร้าบ”



มิวนิคเดินมาถึงใต้ถุนตึกที่มีโต๊ะไม้ยาววางเรียวกันเป็นแนว ตรงมุมสุดเป็นชายหนุ่มแว่นหนาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเก่าอะไรซักอย่าง เขาเดาว่าคงไปยืมมาจากห้องสมุด ข้างตัวสพายกระเป๋าคอมพิวเตอร์สีดำซึ่งดูเนิร์ดเอามากๆ แปลกตรงที่เขากลับหัวใจเต้นตึกตักเอาซะงั้น



“มานานยัง”

“ไม่นานครับ” มือหนาพับหนังสือลง ก่อนจะเงยหน้ามองพร้อมวาดยิ้มจางๆ ยินดีต้อนรับ

“อ่านอะไรอยู่” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หนังสือดังกล่าว

“การผจญภัยของแมว”

“ชอบมากขนาดนั้นเลยหรอ แมวน่ะ”

“ครับ”



มิวนิคหลุดยิ้ม ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหรว่าอีกฝ่ายหมายถึงแมวทั่วไปหรือแมวที่เฉพาะเจาะจง แต่อย่างน้อยเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแมวตัวหนึ่ง อย่างน้อยหนึ่งในนั้นก็ต้องมีเขา

เขาอยากเป็นทุกอย่างที่แม็กซ์เวลชอบ



“หิวซูชิ ไปกินกัน”

“ครับ”

“ตามใจจัง”

“ผมก็ตามใจคุณตลอด”



เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยงหลุดหัวเราะแทนคำตอบ ดึงมือร่างสูงให้เดินไปยังรถด้วยกัน ทีแรกมนุษย์แว่นมีท่าทางเก้อเขิน แต่เขาสนที่ไหน สมัยนี้ใครก็จับมือกันทั้งนั้น เขากับสายหมอกบางทียังเดินจับมือกันเลย



“ถ้าเบื่อไม่ต้องนั่งรอก็ได้นะ เราไม่ซีเรียส”

“ไม่เบื่อหรอกครับ อีกอย่างผมเลิกก่อนด้วย”

“แล้ว...หล่อขนาดนี้มีสาวสัตตะมาจีบบ้างเปล่า”

“ไม่มีหรอกครับ”

“แล้วสาวนิเทศล่ะ”

“คุณมิว!”



อดขำไม่ได้ในท่าทีขึงขังนั้น เขาไม่เคยบอกแม็กซ์เวลเลยว่าเขาชอบมากๆ เวลาอีกฝ่ายมานั่งรอ เขาชอบเวลาแม็กซ์เวลอยู่ในโลกของหนังสือ สมาธิจดจ่อไม่หลุดหายไปไหน หากแต่ก็ยังแฝงความเป็นห่วงโดยการเงยหน้าขึ้นสอดส่องรอบๆ มองหาคนที่กำลังรอ มันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ดวงตาด้านหลังกรอบแว่นนั่นกลายเป็นความพิเศษ

มองตั้งแต่ดาวอังคารยังอยู่เลยว่าผู้ชายคนนี้กอดอุ่น



“หอมจัง คิดถึงกลิ่นแม็กซ์ที่สุด”

“คะ...คุณมิว! เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้ซักทีครับ”



พลขับจอมเลิ่กลักแหวขึ้นในตอนที่เขาโผเข้าซบไหล่พร้อมถูใบหน้าออดอ้อนไปทั่ว กลิ่นไหนก็ไม่สดชื่นเท่ากลิ่นแม็กซ์เวล เขารอจังหวะที่จะได้กอดแม็กซ์เวลมาตลอดทั้งวัน ความรู้สึกเวลาสัตว์เลี้ยงจำกลิ่นเจ้านายได้เป็นอย่างนี้นี่เอง



“ทีมิวมิวยังทำได้เลย”

“ก็...นั่นมันมิวมิวนี่ครับ...”

“สองมาตรฐาน”



มิวนิครู้ดีว่าเวลาของตนเองได้หมดลงเรียบร้อยแล้ว ไม่มีมิวมิวผู้ที่ต้องพึ่งพาแม็กซ์คนใจดีอีกต่อไป มีเพียงมิวนิค เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ปากไม่ดีแห่งคณะนิเทศที่กำลังหาทางวอแวคุณหมอหมาไปวันๆ

และสุดท้ายเขาก็หาเหตุผลให้ได้อยู่ต่ออย่างเรื่องคอนโดห้องชั้นบนท่อแตก น้ำเลยซึมเลอะลงมายังชั้นล่าง แม้ในความเป็นจริงคอนโดแพงขนาดนั้นคงแทบไม่มีทางเกิดสถาการณ์สะเพร่าอย่างที่ว่าขึ้นแน่ๆ



“งั้นถ้าเป็นมิวมิวก็สามารถทำอะไรก็ได้ใช่เปล่า”

“คุณ...จะแกล้งอะไรผมอีกครับ...”

“…อย่างเช่นเรื่องจูบ”

“คะ...คุณมิว!”

“ถ้านายไม่พร้อมจูบกับมิวนิค เรายอมให้จูบกับมิวมิวไปก่อนก็ได้”

“ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ จู่ๆ เข้าเรื่องนี้ได้ยังไง”



ปุ้ง!



“ม๊าว ม๊าว! (พร้อมจูบแล้ว) ”



ก็ถ้าเป็นแม็กซ์เวลแล้ว เรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้เขาก็สามารถทำให้มันเป็นไปได้ทั้งหมดแหละ ขอแค่ได้สัมผัสกลิ่นแม็กซ์เวล ขอแค่ได้สัมผัสไออุ่นจากร่างกายแม็กซ์เวล ขอแค่ได้กวนใจแม็กซ์เวล

ต่อให้ต้องกลายเป็นแมวขี้โกง...เขาก็ยอม ;’)













     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ











==============================================

ก็จะวุ่นๆหน่อยนึง เป็นไงบ้างคะ คำสาปคลายแล้ว น้องแมวก็ใกล้จบแล้ววว



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


“มะ...มิวนิค คือ ตรงนี้มันดีหรือยังอ่ะ”

“ดีนะ...ถ้าใส่เครื่องประดับพวกหินกรวดให้เข้ากับธีมก็น่าจะใช้ได้เลยแหละ”

“อ่อ...อืมๆ”

“เป็นอะไร เกร็งเชียว เราไม่ได้เป็นผู้กำกับ”

“ปะ...เปล่า ขอบคุณที่แนะนำนะ”

“อื้อ จริงๆ มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก แต่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ พยายามอีกนิด...สงสัยเดี๋ยวมาช่วยกันดูเนอะ”



หญิงสาวตัวอ้วนพยักหน้าดีใจหงึกๆ ถ้าด้านหลังเจ้าหล่อนมีสายรุ้งวาดอยู่คงไม่แปลก อีกฝ่ายคงจะประหลาดใจที่มิวนิคจอมเฮี้ยบแห่งคณะนิเทศน์ไม่โวยวายเหมือนสมัยก่อน

เขากลับมาใช้ชีวิตมหาลัยตามปกติ เพียงแค่ยังไม่สามารถกลับเข้าไปเรียนได้เพราะต้องรอเปิดภาคการศึกษาใหม่ ช่วงนี้ที่ว่างๆ เลยมาช่วยสายหมอกทำโปรเจคไฟนอลในวิชาหนังสั้น



“ไปดุเพื่อนมาใช่มั้ย” คนที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับด้านหลังมอนิเตอร์หันมาหรี่ตาจับผิดใส่

“ดุอะไร แค่ให้คำแนะนำฝ่ายคอสตูม”

“มิวนิคไม่ได้ดุหรอกหมอก เพิ่มพวกสร้อยหินกรวดเป็นเครื่องประดับก็ดีจริงๆ นะ”



สาวเจ้ากรรมที่เดินผ่านมาพอดีตอบพลางยิ้มหยีเป็นมิตร เท่ากับว่าคำถามอันคลางแคลงใจของสายหมอกถูกปิดจ็อบเป็นที่เรียบร้อย มิวนิคแอบคิดไม่ได้ว่าตอนนั้นเขาชอบดุคนอื่นจริงๆ น่ะหรอ แย่จัง...ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย



“ไม่ได้โดนคำสาปอะไรมาอีกนะ” ไอ้เพื่อนรักยื่นหน้ามากระซิบกระซาบ

“เดี๋ยวมึงจะโดนกูสาปก่อน” ชี้หน้าคาดโทษผู้กำกับคู่กรณี ชอบพูดเหมือนว่าพื้นเพจิตใจเขาเป็นคนร้ายๆ



ไม่มีอีกแล้วคำสาป...เรื่องวุ่นๆ ทุกอย่างได้จบลงไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว จะว่าเหนื่อยก็เหนื่อย จะว่าสนุกก็สนุก ยิ่งพอลองมองย้อนดูก็ทำเอาใจหาย เกือบเทอมนึงเลยหรอเนี่ย...จะว่าไปก็นานเหมือนกัน



“สรุปคือไม่มีบทลงโทษ ไม่มีบทเรียนอะไรทั้งนั้น?”

“อืมม...จะว่างั้นก็ได้”

“ปู่!!!!”




มันเป็นตอนที่เขานั่งกอดเข่าคุยกับเทพเจ้าเวรเจ้ากรรมอยู่ข้างบึงเล็กๆ ใต้ต้นโพธิ์หลังออกจากศาล แม็กซ์เวลจอดรถรอข้างนอกลาน ดูเผินๆ คงเหมือนเขานั่งคุยอยู่คนเดียว เฮ้อ...เป็นแมวไม่พอยังต้องเป็นบ้าอีก



“แล้วปู่แกล้งผมทำไมล่ะโว้ยยยย”

“ข้าไม่ได้แกล้ง เจ้าไม่ได้ฟังท่านเทพสูงสุดพูดรึไงว่า…ข้าคือใคร”
ประโยคหลังอีกฝ่ายพูดเสียงอ่อย



มิวนิคเอียงศีรษะทำท่าครุ่นคิดก่อนจะนึกได้แล้วผรุสวาทออกไป “...จริงจังปะเนี่ย!?”



“เออสิโว้ย” อีกฝ่ายทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ “เทพผู้ดูแลเรื่องความรักใครเขาจะเผยตัวว่าคอยเชื่อมรัก...”

“แล้วการเชื่อมรักที่ปู่ทำมันจรรโลงใจมากมั้ง”


“ก็ถ้ามันทำได้ง่ายๆ ข้าคงไม่ทำหรอกมั้ง!”



ปู่เล่าพลางปาก้อนหินเด้งสิบแปดตลบลงไปกับผิวน้ำ มันเป็นช่วงที่เศรฐกิจความรักซบเซา อายุขัยของมนุษย์ในยุคปัจจุบันลดลงไปเยอะจึงนำมาสู่ภาวะการตายก่อนเจอคู่แท้ กามเทพทำงานหนักเพื่อช่วยให้มนุษย์สมหวัง

แต่เพราะวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีก้าวกระโดด...มนุษย์บางส่วนหยุดสนใจในด้านความรัก ในขณะที่บางส่วนโหยหายจนเกินปกติ เมื่อความสมดุลทางความรู้สึกไม่บาลานซ์ การจับคู่จึงกลายเป็นเรื่องยาก



“กามเทพทั่วโลกต้องสู้รบกันทำคะแนนให้มนุษย์รักกันมากเท่าที่จะทำได้ ขนาดข้าที่อยู่ในตำแหน่งกามเทพระดับสูงยังตกที่นั่งลำบาก”

“แข่งกันทำไมอ่ะ คนมันไม่รักก็ปล่อยมันไปดิ”

“ชีวิตที่ไม่มีความรักก็เหมือนชีวิตที่ไม่มีศิลปะ โลกของพวกเจ้าจะขับเคลื่อนด้วยศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้หรอก แม้แต่เทพยังต้องเติมพลังความรักเข้าไปเรื่อยๆ เลย”



โอ้โห...สำบัดสำนวนสมกับเป็นเทพแห่งความรัก “แล้ว...ถ้าจับคู่มนุษย์ได้ไม่เยอะ?”

“ก็จะต้องจุติ”

“จุติ?”

“ตาย”




บริษัทกามเทพก็เหมือนบริษัทมหาชนทั่วไป เอาง่ายๆ ก็เปรียบคล้ายธนาคาร พอผู้คนเริ่มทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเน็ตแบงค์กิ้งมากขึ้น ตู้เอทีเอ็มตามซอกซอยต่างๆ ก็จะเริ่มลดน้อยลง พนักงานที่เคยทำงานบริการประจำก็จะถูกเลิกจ้างให้เหลือแค่เพียงบุคคลาการที่มีประสิทธิภาพ

กามเทพก็เช่นเดียวกัน

เราต่างก็ต้องการผู้เชื่อมรักที่มีคุณภาพ



“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอวะปู่”

“ที่แย่กว่าก็คือ...การจับคู่มนุษย์ประเภทเจ้า”

“...หืม?”

“แม็กซ์เวลกับเจ้าต่างกันเกินไป ไม่มีจุดร่วม ไม่มีหนทางที่เส้นชะตาความรักจะเวียนมาบรรจบกัน”




เหมือนป็นการเฉลยเจ้าของด้ายแดงอีกฝั่งเป็นนัยๆ มิวนิคหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทั้งอย่างนั้น เป็นจังหวะเดียวกันที่สายตาสบประสานกับชายหนุ่มบนรถญี่ปุ่นคันเหลือง มนุษย์แว่นยิ้มอบอุ่นพอดิบพอดีเสียจนเขาต้องเสหน้าหนี



“วะ...เว่อร์ อะไรมันจะยากขนาดนั้น”

“คนนึงก็ไม่เปิดโอกาส คนนึงก็ถอดใจง่ายแถมความกล้าก็น้อยนิด มันยากเกินไป คู่แท้ที่ไม่มีวันรักกันไม่ได้มีแค่ในละครหรอกนะ”




มิวนิคสะอึกตรงคำพูดดังกล่าว...อาจจะจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า เขาในตอนนั้นหัวรั้นเกินกว่าจะเปิดใจรับชายหนุ่มเฉิ่มเบ๊อะเข้ามาในชีวิต กว่าจะค้นพบว่าการมองคนแค่เปลือกนอกไม่เวิร์คก็ตอนที่ถูกสาปเป็นมิวมิว



“ถะ...ถ้ามันยากขนาดนั้นแล้วปู่มาช่วยผมทำไมเล่า”

“ข้าเลือกละทิ้งไม่ได้ ชื่อของเจ้าสองคนมันอยู่ลิสต์งานข้า ถ้าไม่ทำข้าก็ได้จุติน่ะสิโว้ย นี่ยังมีอีกหลายคู่ที่ไม่ได้เคลียร์เลย คริสมาสต์นี้หัวหน้าก็จะนัดรายงานผลอีก ปวดหัว”




เวร ไอ้เราก็นึกว่าตัวเองพิเศษจนกามเทพแผลงศรรักต้องปวดหัวหาวิธีร้อยแปดมาช่วย ที่ไหนได้มันแค่ไม่อยากตกงาน จะสงสารก็สงสารไม่ลง เอาเป็นว่าสมน้ำหน้าแทนละกัน



“แล้ว...ทำไมถึงถูกจับได้ล่ะ มีคนเช็คหรอ?”

“ไม่มีใครเช็คทั้งนั้นแหละ คำสาปเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถ้าไม่มีพวกปากสว่างไปฟ้องท่านเทพสูงสุดข้าก็คงไม่ต้องโดนลงโทษโดยการทำเคสคู่รักเพิ่มห้าร้อยเคสในช่วงฤดูร้อน!”



มิวนิคเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะเห็นว่าไอ้ปู่กลายเป็นหงุดหงิดเอามากๆ เมื่อถามเกี่ยวกับบทลงโทษ ราวกับอีกฝ่ายรู้ดีว่าใครเป็นคนคาบข่าวไปบอกลุงสิงโตจนเจ้าตัวโดนสั่งการบ้านวันหยุด



“แล้ว...จะดีหรอที่ปู่มาเล่าผมแบบนี้”

“หืม?”

“ก็เรื่องระบบกามเทพ เรื่องที่ผมคู่กับแม็กซ์เวล ผมว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่น่าเอามาบอกมนุษย์...”

“อ้อ...ไม่ต้องห่วงหรอก ข้าเล่าเสร็จเดี๋ยวก็ลบความทรงจำแล้ว”

“เห้ยๆ ไม่เอานะ!!”

“อะไรล่ะนั่น”

“อย่าลบเลย เป็นความทรงจำที่ดีออก ผมไม่อยากลืมปู่ ไม่อยากลืมเรื่องที่ปู่เล่า”


“.....” ปู่แมวไม่ตอบ หากเลื่อนหน้าเข้ามาหรี่สายตาจับผิด ถึงใส่หน้ากากอยู่เขาก็เดาออก มันกำลังด่าเขาว่าตอแหล

“ผมจะไม่บอกแม็กซ์เวล สาบานเลย” ชูสามนิ้วเป็นท่าประกอบ

“ได้”

“อ้าว ทำไมง่ายจัง”

“ข้าอ่านใจเจ้าก็รู้แล้วว่าไม่ได้โกหก”


“จะอ่านใจก็ขออนุญาตกันก่อนสิโว้ยยย”



ส่วนเรื่องคำสาป เนื่องจากเป็นคำสาปชั้นสูงอะไรซักอย่างที่ไม่สามารถคลายได้ง่ายๆ (จริงๆ ก็คลายได้แต่ต้องไปผจญภัยตามหาวัตถุดิบแปดพันเก้า) มิวนิคจึงต้องติดอยู่ในร่างมนุษย์ที่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นมิวมิวได้ตลอดเวลาตามใจนึก บางทีระบบเทพก็ชวนปวดหัว

แต่นี่ก็เป็นบทเรียนชั้นดีให้กับเทพเจ้าปู่แมวเช่นเดียวกัน

การตามแก้ไขย่อมทำได้ยากกว่าการป้องกัน



“แล้วมึงไปไหนต่อ”

“กลับ...เดี๋ยวพรุ่งนี้มาช่วยใหม่”

“อืม เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอก...มีคนมารับ”



แล้วสายหมอกก็ยิ้มล้อจนน่าหมั่นไส้ คนที่ทำอะไรไม่ได้จึงชกอักตรงไหล่ไอ้เพื่อนรักกวนประสาทไปหนึ่งที ปกติมิวนิคไม่ได้เป็นคนชอบใช้กำลัง แต่จะยกเว้นไว้สำหรับไอ้ผู้กำกับคนนี้แล้วกัน



“คนมีเจ้านาย”

“ถ้าไม่หยุดกูจะแปลงร่างเป็นมิวมิวมันซะตรงนี้ เอาให้คนแพ้ขนแมวแอดมิทเลยดีไหม”

“ยอมแล้วคร้าบ”



มิวนิคเดินมาถึงใต้ถุนตึกที่มีโต๊ะไม้ยาววางเรียวกันเป็นแนว ตรงมุมสุดเป็นชายหนุ่มแว่นหนาที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเก่าอะไรซักอย่าง เขาเดาว่าคงไปยืมมาจากห้องสมุด ข้างตัวสพายกระเป๋าคอมพิวเตอร์สีดำซึ่งดูเนิร์ดเอามากๆ แปลกตรงที่เขากลับหัวใจเต้นตึกตักเอาซะงั้น



“มานานยัง”

“ไม่นานครับ” มือหนาพับหนังสือลง ก่อนจะเงยหน้ามองพร้อมวาดยิ้มจางๆ ยินดีต้อนรับ

“อ่านอะไรอยู่” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หนังสือดังกล่าว

“การผจญภัยของแมว”

“ชอบมากขนาดนั้นเลยหรอ แมวน่ะ”

“ครับ”



มิวนิคหลุดยิ้ม ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหรว่าอีกฝ่ายหมายถึงแมวทั่วไปหรือแมวที่เฉพาะเจาะจง แต่อย่างน้อยเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแมวตัวหนึ่ง อย่างน้อยหนึ่งในนั้นก็ต้องมีเขา

เขาอยากเป็นทุกอย่างที่แม็กซ์เวลชอบ



“หิวซูชิ ไปกินกัน”

“ครับ”

“ตามใจจัง”

“ผมก็ตามใจคุณตลอด”



เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ตัวยงหลุดหัวเราะแทนคำตอบ ดึงมือร่างสูงให้เดินไปยังรถด้วยกัน ทีแรกมนุษย์แว่นมีท่าทางเก้อเขิน แต่เขาสนที่ไหน สมัยนี้ใครก็จับมือกันทั้งนั้น เขากับสายหมอกบางทียังเดินจับมือกันเลย



“ถ้าเบื่อไม่ต้องนั่งรอก็ได้นะ เราไม่ซีเรียส”

“ไม่เบื่อหรอกครับ อีกอย่างผมเลิกก่อนด้วย”

“แล้ว...หล่อขนาดนี้มีสาวสัตตะมาจีบบ้างเปล่า”

“ไม่มีหรอกครับ”

“แล้วสาวนิเทศล่ะ”

“คุณมิว!”



อดขำไม่ได้ในท่าทีขึงขังนั้น เขาไม่เคยบอกแม็กซ์เวลเลยว่าเขาชอบมากๆ เวลาอีกฝ่ายมานั่งรอ เขาชอบเวลาแม็กซ์เวลอยู่ในโลกของหนังสือ สมาธิจดจ่อไม่หลุดหายไปไหน หากแต่ก็ยังแฝงความเป็นห่วงโดยการเงยหน้าขึ้นสอดส่องรอบๆ มองหาคนที่กำลังรอ มันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ดวงตาด้านหลังกรอบแว่นนั่นกลายเป็นความพิเศษ

มองตั้งแต่ดาวอังคารยังอยู่เลยว่าผู้ชายคนนี้กอดอุ่น



“หอมจัง คิดถึงกลิ่นแม็กซ์ที่สุด”

“คะ...คุณมิว! เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้ซักทีครับ”



พลขับจอมเลิ่กลักแหวขึ้นในตอนที่เขาโผเข้าซบไหล่พร้อมถูใบหน้าออดอ้อนไปทั่ว กลิ่นไหนก็ไม่สดชื่นเท่ากลิ่นแม็กซ์เวล เขารอจังหวะที่จะได้กอดแม็กซ์เวลมาตลอดทั้งวัน ความรู้สึกเวลาสัตว์เลี้ยงจำกลิ่นเจ้านายได้เป็นอย่างนี้นี่เอง



“ทีมิวมิวยังทำได้เลย”

“ก็...นั่นมันมิวมิวนี่ครับ...”

“สองมาตรฐาน”



มิวนิครู้ดีว่าเวลาของตนเองได้หมดลงเรียบร้อยแล้ว ไม่มีมิวมิวผู้ที่ต้องพึ่งพาแม็กซ์คนใจดีอีกต่อไป มีเพียงมิวนิค เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ปากไม่ดีแห่งคณะนิเทศที่กำลังหาทางวอแวคุณหมอหมาไปวันๆ

และสุดท้ายเขาก็หาเหตุผลให้ได้อยู่ต่ออย่างเรื่องคอนโดห้องชั้นบนท่อแตก น้ำเลยซึมเลอะลงมายังชั้นล่าง แม้ในความเป็นจริงคอนโดแพงขนาดนั้นคงแทบไม่มีทางเกิดสถาการณ์สะเพร่าอย่างที่ว่าขึ้นแน่ๆ



“งั้นถ้าเป็นมิวมิวก็สามารถทำอะไรก็ได้ใช่เปล่า”

“คุณ...จะแกล้งอะไรผมอีกครับ...”

“…อย่างเช่นเรื่องจูบ”

“คะ...คุณมิว!”

“ถ้านายไม่พร้อมจูบกับมิวนิค เรายอมให้จูบกับมิวมิวไปก่อนก็ได้”

“ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ จู่ๆ เข้าเรื่องนี้ได้ยังไง”



ปุ้ง!



“ม๊าว ม๊าว! (พร้อมจูบแล้ว) ”



ก็ถ้าเป็นแม็กซ์เวลแล้ว เรื่องอะไรที่เป็นไปไม่ได้เขาก็สามารถทำให้มันเป็นไปได้ทั้งหมดแหละ ขอแค่ได้สัมผัสกลิ่นแม็กซ์เวล ขอแค่ได้สัมผัสไออุ่นจากร่างกายแม็กซ์เวล ขอแค่ได้กวนใจแม็กซ์เวล

ต่อให้ต้องกลายเป็นแมวขี้โกง...เขาก็ยอม ;’)













     tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ











==============================================

ก็จะวุ่นๆหน่อยนึง เป็นไงบ้างคะ คำสาปคลายแล้ว น้องแมวก็ใกล้จบแล้ววว



ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :กอด1: :pig4: :L2:

55 สงสารแม็กซ์เวล

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
น้องจะจบแล้ว น้องงงง

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
จะจบแล้วอ่านเพลินกับความน่าเอ็นดูของมิวมิว :pig4:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เอ็นดูน้องแมวมิวมิวมากๆ แต่เอ็นดูกว่าคือคุณหมอ คุณหมอกล้ามแน่นๆแถมตามใจน้องแมวเก่ง อยากมีแบบนี้บ้าง รอตอนต่อไปอยู่นะคะ เป็นกลจให้คนเขียน จุ๊บๆ ใครจะขอใครเป็นแฟนน้าอยากรู้แล้วว

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอ็นดูท่านกามเทพ 5555

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เป็นแมวที่ลวนลามเจ้าของตลอดเลยนะมิวมิว 5555555

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 18



“อรุณสวัสดิ์แม็กซ์เวล”

“อรุณสวัสดิ์ครับ...คุณมิวนิค”



เขากล่าวทักทายร่างสูงที่เดินลงมายังลอบบี้ของหอพักบ้านสุขใจตรงเวลาพอดิบพอดี นัดเจ็ดโมงห้าสิบก็เจอกันตอนเจ็ดโมงห้าสิบเป๊ะ เป็นมนุษย์แว่นที่ตรงเวลาชะมัด

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม็กซ์เวลกลับบ้านเพื่อใช้เวลาไปกับครอบครัวเหมือนอย่างปกติ ส่วนเขาก็จัดการสะสางปัญหาด้านการเรียนให้เข้าที่ กว่าจะเจอกันก็ตอนเช้าของวันจันทร์



คนที่กำลังนั่งลูบขนจอมแสบสีดำว่าพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม “คิดถึง...”

“คะ...คิดถึงอะไรกันล่ะครับ!”

“ไม่ได้หรอ?”

“คุณ! ...ผมอายคุณป้า” คนตัวโตป้องปากกระซิบกระซาบเมื่อหญิงสาววัยกลางคนหรี่ตาล้อเลียนมาแต่ไกล

“เอ๋ ผมคิดถึงแม็กซ์แล้วมันน่าอายหรอครับป้า?” ชโงกหน้าไปทางบุคคลที่สามในบทสนทนาขอความคิดเห็น

“ต๊ายย น่าอายตรงไหนจ๊ะลูก ผู้ชายสมัยนี้เขาก็คิดถึงกันถมเถไปเนอะ”



แล้วมนุษย์แว่นก็เดินออกมาทั้งอย่างนั้นด้วยกกหูสีมะเขือเทศ นู่นล่ะ...ขึ้นรถถึงยอมคุย แต่เป็นหลังจากที่เขาหยอดไปอีกรอบว่าถ้าไม่ยอมคุยจะหอมแก้มให้ช้ำ แม็กซ์เวลต้องโกรธเขามากแน่ๆ เลยที่ชอบแกล้งพูดจาแทะโลมเรื่อยเปื่อย หากเขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายรู้ดี

รู้ว่าชอบแกล้ง...แต่ความรู้สึกข้างใน ไม่เคยแกล้งซะหน่อย



“รำคาญหรือเปล่า?”

“ครับ?”

“รถเราก็มี แต่ก็ยังขับมาถึงหอเพื่อให้นายไปส่งคณะ ดูยุ่งยากเนอะ”

“ผม...ไม่เคยรำคาญคุณมิวเลย”

“จริงนะ”

“จะว่ายังไงดีล่ะ...” พลขับยกนิ้วเกาแก้มเก้อๆ ก่อนจะหันมาอมยิ้มอบอุ่น “ถ้าไม่รังเกียจ...ให้ผมไปส่งคุณทุกวันก็ได้ครับ”

“หืม…แบบนี้เรียกว่าจีบป่ะเนี่ย” เกยหน้ากับลาดไหล่คนขี้อายพร้อมกระพริบตาปริบๆ

“คะ...คุณมิว!”



ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นเช้าวันจันทร์อันแสนน่าเบื่อของทุกคน ทว่าแสงแดดในตอนนี้กลับไม่สาดส่องให้ชวนขี้เกียจเหมือนอย่างเคย อาจเพราะมีเจ้าของรถคันเหลืองนั่งอยู่ข้างๆ ความขี้เกียจของวันจันทร์ก็เลยทำอะไรไม่ได้ แย่จัง...เขาชักจะชอบวันจันทร์ซะแล้วสิ

แต่ต้องเป็นวันจันทร์ที่มีแม็กซ์เวลเท่านั้นนะ...



“วันนี้มีซีนถ่ายหลังสี่โมงเย็น”

“ครับ ผมเลิกห้าโมงครึ่ง เดี๋ยวมารอ”

“เดินเข้ามานั่งในกองเลย บอกว่าเป็นเจ้านายมิวนิค”

“เจ้านายที่ไหนล่ะคุณ”

“อ้าว อยากเป็นมากกว่าเจ้านายหรอ” เหมียวน้อยในร่างคนแสร้งวาดหน้าไร้เดียงสา “อื้มๆ งั้นอยากเป็นอะไรล่ะ? เราเป็นให้ได้หมดเลยนะ ขนาดแมวยังเป็นมาแล้ว...”

“ผม...ผมจะไปเรียนแล้วครับ! ไม่อยากคุยกับคนดื้อ”



แล้วคนที่บอกว่าไม่อยากคุยกับคนดื้อก็ยัดแซนวิชใส่มือคนดื้อก่อนจะเคลื่อนรถออกจากหน้าคณะนิเทศศาสตร์ไปทั้งอย่างนั้น ขนาดเขินอยู่ยังมีเวลาห่วง ก็น่ารักซะแบบนี้แล้วเขาจะอดใจไหวได้ยังไงกัน



“ไง พ่อราชรถมาเกย”

“แปลงร่างดีกว่า”

“สัส ล้อไม่ได้เลย”



มิวนิคยักคิ้วอย่างผู้ชนะก่อนจะกอดคอเพื่อนรักจอมยุ่งขึ้นตึกไปด้วยกัน อันที่จริงเขาควรจะนอนอยู่ห้องเฉยๆ ในฐานะคนดรอป แต่พอนอนมากๆ เข้ามันก็เบื่อแม้ว่าแท้จริงแล้วจะเป็นคนที่เกลียดการเรียนสุดๆ

เขาถนัดทำงานมากกว่า ให้มานั่งเลคเชอร์ทั้งอาทิตย์คงไม่ไหว



“งานนี้จะช่วยจนจบมั้ย”

“ถ้าขอร้องด้วยเหล้าชั้นดีจากร้านพี่ฟ้าก็จะลองพิจารณาดู”

“ขี้เมา”



สายหมอกรู้ดีว่าถ้าเขาน่ะขี้เบื่อ ถ้าไม่ได้เป็นหัวหน้า เขาก็จะทำเฉพาะส่วนของตนเองที่ได้รับมอบหมาย เสร็จงานก็แยกทางใครทางมัน แต่ครั้งนี้เพราะมีเจ้าตัวอยู่นี่แหละถึงไม่ยอมไปไหน ห่วงเพื่อนที่สุดในโลก

ถึงจะหายไปเกือบหนึ่งเทอม ทว่าบรรยากาศของคณะก็ยังคงครึกครื้นเช่นเดิม น้องปีหนึ่งก็ยังคงเป็นรุ่นที่ต้องรับภาระอย่างหนักในการจัดกิจกรรมให้เป็นหน้าเป็นตาแก่คณะเช่นเดิม ส่วนปีสามอย่างเราๆ ก็เริ่มลุยโปรเจค เข้าใกล้คำว่าธีสิสขึ้นไปทุกที นึกแล้วก็ขนลุก

แต่จะว่าไป...เขาจบช้ากว่าคนอื่นเทอมนึงนี่หว่า

โลเคชั่นการถ่ายทำตอนเย็นเป็นที่สวนขวัญ สวนสาธารณะชื่อดังประจำมอที่นักศึกษาส่วนใหญ่ชอบแวะเวียนมาใช้บริการ มิวนิคก็เป็นหนึ่งในผู้ชื่นชอบมาใช้บริการ เขาชอบการดูแลเอาใจใส่ด้านความสะอาดและบรรยากาศ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ที่แห่งนี้เป็นเขตสำหรับน้องหมาจรจัดน่ารักเต็มไปหมด แปลก...เขาในฐานะแมวน่าจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกหมาไม่ใช่หรอ



“นี่นะ ถ้ามันเข้ามาแกก็ตบด้วยอุ้งเท้านิ่มๆ ไปเลย”

“มันจะกลัวหรอนั่น”

“พวกหมาน่ะ เห็นตัวใหญ่แบบนั้นแต่ใจเสาะจะตายไป แถมยังโง่ด้วยนะ ชอบรับใช้มนุษย์เป็นที่หนึ่ง หึ...สัตว์ฉลาดอย่างเราๆ ต่างห่างเฟ้ยที่มนุษย์ต้องเป็นฝ่ายรับใช้"



จู่ๆ คำสอนของชิโน่ก็ดังก้องขึ้นในหัว นึกแล้วก็อดขำไม่ได้ วิถีแมวเหมียวอย่างนั้นหรอ จริงสินะ...เขาบอกความจริงกับชิโน่และชิลลี่ไปแล้ว ทว่าพวกนั้นกลับไม่ได้แสดงท่าทางตกใจอะไรเลย มิหนำซ้ำยังชวนออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเดิมอีก คงถูกอย่างที่ลุงฮอว์คว่า พวกสัตว์น่ะ...

ต่อให้เราเปลี่ยนไปซักแค่ไหน ความรู้สึกด้านในก็ยังคงเหมือนเดิม



“พี่มิว!!”

“ไง ไม่ยักรู้ว่าเรามาช่วยงานด้วย”



เสียงเรียกอันตกใจจากเด็กชายตัวเล็กกว่าไม่กี่เซนติเมตรทำเอามิวนิคตื่นขึ้นจากภวังค์ เป็นชนินญ์ เจ้าน้องรหัสสุดซี้ที่ห่างหายการติดต่อไปนาน

โทษไอ้กระปู๋แมวเลย ก็ช่วงที่เขาหายไปดันตรงกับช่วงที่โดนคำสาป ปฏิสัมพันธ์กับคนสนิทก็เลยเสียหมด โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ยุ่งๆ กับเรื่องงานอยู่ ขืนพวกท่านรู้คงตีตั๋วกลับมาไทยทันทีแหงๆ



“พี่หมอกบังคับผม”

“หืม...จริงหรอหมอก?” หันหน้าไปถามคนที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับข้างๆ

“หาเรื่องให้กูอีกน้องนิน”

“ฮ่ะฮ่ะ ล้อเล่นครับ ผมอยากมาช่วยเองแหละ”



ชนินญ์เป็นเด็กน่ารัก แถมยังว่านอนสอนง่าย บอกให้ทำอะไรก็ทำ อย่างเวลาพวกเขาไปแฮงค์เอาท์กันที่มันเดย์ก็จะชวนน้องไปด้วยตลอด ฉะนั้นการเลี้ยงสายระหว่างเขากับชนินญ์จึงมักเกิดขึ้นบ่อยๆ

มันเดย์เป็นหนึ่งในร้านเหล้าชื่อดังประจำมอของเครือเซเว่นบาร์ ร้านเหล้าที่ใช้คอนเซปร้านเป็นวันทั้งเจ็ดประจำสัปดาห์ แต่ละร้านก็จะได้รับความนิยมจากเด็กแต่ละคณะแตกต่างกันออกไป

อย่างมันเดย์ พวกเราชาวนิเทศศาสตร์ก็จะชอบใช้เป็นแหล่งซ่องสุมกำลังพล



“มิว....”



เขาถูกเรียกอีกครั้งโดยบุคคลที่สามนอกบทสนทนา ถึงจะนานมากแล้ว ทว่ามิวนิคก็ยังจำเสียงดังกล่าวได้ ราวกับสายลมในวันนี้พัดพาเอาความวุ่นวายใจเข้ามาเยือนเต็มไปหมด แต่ช่างเถอะ...เขาว่าเขารับมือได้



“ไง นัท”

“ขอโทษนะสายหมอก ยืมตัวมิวนิคแปปนึงสิ”

“ไปตายเหอะมึงอ่ะ”

“หมอกไม่เอา...”



กดบ่าคนที่จู่ๆ ก็อารมณ์ร้อนให้นั่งลง โดยพื้นฐานสายหมอกไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนอย่างที่เห็นมิวนิครู้ดี แต่คงเป็นเพราะเรื่องที่นัทแอบคุยกับท็อป เรื่องที่อีกฝ่ายหักหลังเขา คนที่ชอบปล่อยเบลอเรื่องวุ่นๆ ให้เลยตามเลยจึงดันฟิวส์ขาดขึ้นมาเอาซะง่ายๆ



“มิว! มึงก็รู้ว่ามันเหี้ย แล้วมึงจะไปคุยกับมันทำไม”

“มันต้องคุย...หมอก”



มิวมิวยังเป็นมาแล้ว แค่เคลียร์กับคนคุยเก่ายังไงก็อยู่ในระดับที่ไม่เกินการควบคุม

อื้ม...สายหมอกบอกความจริงกับเขาทั้งหมดหลังวันพิพากษา แปลกที่เขาไม่รู้สึกเจ็บเลย ไม่ใช่เพราะเห็นหลักฐานชิ้นสำคัญด้วยตาตนเองมาก่อนแล้วหรอก บางที...อาจเพราะเขาไม่เคยรู้สึกแบบนั้นกับนัทเลยก็ได้



“ทำไมล่ะมิว…”



เขาถูกพามายังร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ห่างออกมาจากสวนขวัญสามซอย อันที่จริงคุยตรงนั้นก็ได้ แต่เพราะนัทคะยั้นคะยอให้ออกมา ผนวกกับกลัวจะมีคนวางมวยกัน มิวนิคจึงเลือกออกมาดีกว่า



“มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ มิวก็ส่งข้อความมาบอกว่าจะไม่ติดต่อเราแล้ว เรื่องท็อปหรอ เราอธิบายได้นะ มันไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่คุยเล่นๆ คนที่เราจริงจังน่ะ...มีแค่มิวคนเดียว”



ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า หลังวันพิพากษาเทพเจ้าปู่แมว มิวนิคก็กลับมาเคลียร์ปัญหาทุกอย่าง รวมถึงเรื่องนัท เขาคิดว่าความสัมพันธ์ที่เราต่างไม่ได้คิดถึงกัน โหยหากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เราต่างขาดการติดต่อกัน มันก็ชัดเกินพออยู่แล้วว่าควรเอายังไงต่อไปดี ขืนยังเดินหน้าก็รังแต่จะเสียเวลา



“ไร้สาระน่านัท”

“เราจะเลิกคุยกับท็อป แล้วเราจะมาอยู่กับมิว หรือมิวมาอยู่กับเราก็ได้ มิวจะได้ไม่ต้องระแวงว่าเราจะแอบไปคบใคร เราสัญญา เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

“ระแวง?” มิวนิคหลุดขำเบาๆ “ถ้าจะต้องอยู่ด้วยกันเพราะความระแวงเราว่าไม่จำเป็นหรอก มันไม่สนุกเลย อีกอย่าง...เราอยากอยู่กับใครซักคนที่พออยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นตัวของเรา ไม่ต้องกังวลว่าอีกฝ่ายจะหายไปไหน แค่นั่งอยู่หน้าทีวี พอถึงเวลาหนึ่งเราก็เจอหน้ากัน”

นัทรวบมือทั้งสองของเขาขึ้นมากุมไว้ “แค่นั้นเราทำได้ ขอแค่มิวกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

“มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอกนัท ขนาดเรายังไม่เหมือนเดิมเลย”

“มิวพูดเหมือนว่ามิว...”

“อื้ม เรามีคนใหม่”



น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้นัทลามือไปเอง



“ตั้งแต่ตอนไหน? มิวไปแอบคุยกับมันตั้งแต่ตอนไหน!” ชายหนุ่มว่าด้วยเสียงกร้าว

“อย่ามาขึ้นเสียงกับเรา” มิวนิคมองด้วยแววตาเขม็งก่อนจะทอแสงอ่อนลง “คงเป็นหลังจากตอนที่นัทแอบคุยกับท็อปล่ะมั้ง”

“ระ...เราก็บอกไปแล้วไงว่าเรา...”

“อื้ม นัทไม่ผิดหรอก” เขาเปลี่ยนมาวาดยิ้มจางๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังหมายความอย่างที่พูด “จริงๆ เราว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดตั้งแต่ต้น ก็เราตกลงกันไว้แล้วไงว่าสถานะระหว่างเราคือคนคุย เพราะฉะนั้นถ้าอีกฝั่งจะมีใคร...เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปรู้สึก เช่นเดียวกันกับที่นัทมีท็อป เราก็จะไม่รู้สึก”



นัทสะอึกพร้อมกัดริมฝีปากกรอด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทั้งหมดคือความจริง



“ยอมรับว่าตอนแรกโกรธนัทเหมือนกัน และเราก็มั่นใจว่าตอนนี้นัทคงกำลังรู้สึกเหมือนเราในตอนนั้น” เขาเปลี่ยนมาลูบมืออีกฝ่ายเบาๆ “แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ...ไม่ซักนิดเลย พอลองนึกย้อนดูเราถึงเข้าใจ กฎก็คือกฎ เราทั้งคู่ต่างตั้งกฎขึ้นมา แล้วตอนนี้ต่างฝ่ายก็ต่างทำตามกฎเหล่านั้น...”

“มันจบแล้วจริงๆ ใช่มั้ย...”

“อื้ม...มันควรจบตั้งนานแล้วล่ะ”

“ใครหรอมิว?”

“หืม?”

“มันเป็นใคร คนที่ทำให้มิวเปลี่ยนไปขนาดนี้”



มิวนิคกับนัทจ้องตากันในตอนที่ทั้งร้านเริ่มมีแขกเข้ามาจอแจ เขาอมยิ้มอีกครั้งก่อนจะรับรู้ว่าเราต่างไม่ได้เป็นจุดสนใจของใคร สุดท้ายในชีวิตคนที่เขากลายเป็นจุดสนใจของเรา และเรากลายเป็นจุดสนใจของเขา...

ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นแหละ



“นัทรู้มั้ย...ช่วงที่เราหายไปมันเป็นช่วงเวลาที่แสนลำบากสุดๆ ในชีวิตเลยล่ะ เราไม่มีใคร ไม่มีแม้กระทั่งคุณพ่อคุณแม่ สายหมอก หรือแม้แต่นัท เราไม่มีคนสนิทหลงเหลืออยู่เลย” อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมาทุกครั้งเมื่อพูดถึงผู้ชายตัวโตคนนั้น “แต่เรามีเขาคนนั้น...เขาที่ไม่เคยทิ้งเราไปไหน”



เป็นคนเดียว...ที่ยอมรับในตัวเขา

แม้ว่าเขาจะกลายเป็นคนอื่น











//มีต่อจ้า

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5
ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ


แม็กซ์เวลเหม่อมองแผ่นกระดานที่ฉายสไลด์เนื้อหาเรียนผ่านไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีจุดหมาย จนภูรินที่นั่งข้างๆ ต้องหันมาสะกิดถามว่าไม่สบายหรือเปล่า...ปกติเขาไม่เคยเป็นเด็กไม่ตั้งใจเรียน แต่เพราะมีเรื่องบางอย่างวนเวียนรบกวนอยู่หัว พยายามขจัดออกไปเท่าไหร่ก็เอาไม่ออก



“ที่นั่งอยู่ตรงนั้นใช่มิวนิคนิเทศปะ”

“เรื่องผู้ชายล่ะจำแม่นเชียวนะมึงอีแม่”

“อ้าว...ถ้าจำผู้ชายหล่อไม่ได้ก็อย่ามาเรียกชั้นว่าเจนนิษฐ์”




ตรงโต๊ะมุมสุดที่ไม่มีใครสังเกตุเห็น คุณมิวนิคอาจไม่รู้ว่าวันนั้นเขานั่งอยู่ในร้านด้วย ทีแรกกะว่าจะไปรอใครบางคนที่กองถ่าย แต่เผอิญน้องยูชวนมานั่งชิว เขาเลยถือซะว่าเป็นการฆ่าเวลาไปในตัว หากสิ่งที่เห็นดันทำเอามนุษย์แว่นถึงกับพูดไม่ออก เป็นคุณมิวนิคและผู้ชายคนนั้นกำลังจับมือกัน



“ขอโทษนะครับที่ไปรับช้า”

“ไม่เป็นไร ให้เราได้รอแม็กซ์บ้าง”

“คุณมิว...รอที่กองตลอดเลยหรือเปล่าครับ?”

“ก็ตลอดนะ”




แม็กซ์เวลเกลียดการโกหก ไม่สิ...เขาเกลียดการโกหกแบบที่จับได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกอยู่ เพราะมันเสียความรู้สึกเสียยิ่งกว่าการจับโกหกไม่ได้ เป็นการรับรู้คำโกหกทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก



‘คุณกับผู้ชายคนนั้น...มันยังไงกันหรอครับ’



เขาไม่ได้พูดออกไป เพียงแค่กลืนคำถามทั้งหมดลงท้อง ปล่อยให้การหลับใหลทำหน้าที่คลายความเจ็บแปล้บตรงอวัยวะบางส่วน แต่นั่นมันก็เป็นแค่คำโกหกที่เขาสร้างขึ้นมาหลอกตัวเองอยู่ดี

มันไม่ได้เจ็บน้อยลงเลย

มันดีจริงๆ หรือเปล่าที่เลือกไม่พูด เขาอยากมองผ่านเรื่องวุ่นวายในใจนี้ออกไปเหลือเกิน แค่เพียงคิดว่าคุณมิวนิคมีโอกาสกลับไปสานสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้น ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายก็ปวดหน่วงไปหมด



“ความรักก็งี้แหละแม็กซ์ มีดีบ้าง ร้ายบ้าง”

“ความรัก?”

“กับคนที่มึงไม่ยอมบอกพวกกูว่าเป็นใคร ใช่มั้ย?”



แม็กซ์เวลหลบสายตาเพื่อนรักที่กำลังเดินกอดคอไปด้วยกัน ข้างหน้าเป็นเจนนิษฐ์กับน้องยูที่กำลังคุยเจี้ยวจ้าวเสียงดังตามประสาคนอะเลิร์ท ไม่ถามซอกแซกแต่ก็สังเกตอาการของเขามาตลอดสินะ



“ที่บอกไม่ได้ก็เพราะเราไม่รู้ว่าระหว่างเรากับเค้าคนนั้น...มันคืออะไร...”

“เค้าคุยหลายคนรึไงถึงบอกไม่ได้ว่ามึงกับเค้าเป็นอะไร”

“ก็ไม่เชิง...”



คุณมิวนิคอาจแค่ยังไม่ได้เลือก



“กูเป็นห่วงมึงนะ” ภูรินตบบ่าเปาะแปะ “จำไว้ว่าพวกกูเห็นอีน้องมีความสุขยังไง พวกกูก็อยากให้มึงมีความสุขแบบนั้นเหมือนกัน คนอย่างมึงน่ะ...สมควรกับการมีรักดีๆ ที่สุดแล้ว”

“…ขอบคุณนะ”



และเขาก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคุณมิวนิคจะเลือกอะไร

ถ้าที่ผ่านมาเป็นแค่การรักสนุก เป็นแค่นิสัยขี้อ้อน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะรับความจริงได้หรือเปล่า และถ้าเป็นแบบนั้น...คุณกามเทพจะช่วยเขาหรือเปล่า

แม็กซ์เวลตัดสินใจกลับหอแม้ว่าเพื่อนๆ จะชวนไปปาร์ตี้หมูกระทะร้านเจ้าประจำต่อ มันกระวนกระวายใจเกินไป เขาไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมสังสรรค์ได้ในตอนนี้ คิดแค่เพียงว่าอยากเปิดอกคุยกับคุณมิวนิคเร็วๆ

แต่จะทำได้หรือเปล่า...แค่โดนอีกฝ่ายเข้าใกล้กลิ่นกายหอมๆ ก็ทำร่างเขารวนไปหมด



เพล้งงง!!



เสียงภาชนะอะไรบางอย่างดังขึ้นขณะที่ลูกกุญแจสีเงินกำลังสอดเข้าไปในลูกบิดประตู แม็กซ์เวลปรี่เข้าไปในห้องอย่างเร็วพลันก่อนจะพบซากปรักหักพักที่ย่ำแย่กว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา

เฟอร์นิเจอร์ทั้งห้องถูกกัดกระจุยกระจาย พวกฟูกนอนไม่ต้องพูดถึง ชิ้นส่วนนุ่นหลุดลุ่ยเต็มพื้นไปหมด บนเตียงเป็นร่างสีขาวที่กำลังมองมาทางเขาด้วยแววตาสั่นระริก ตรงอุ้งเท้าและฟันคมๆ เปรอะเลอะไปด้วยซากนุ่นเป็นหลักฐานชั้นดีว่า...



ปุ้ง!



“เราไม่ได้ทำนะแม็กซ์!”



มิวมิวคืนร่างเป็นมิวนิคทันทีพร้อมส่ายมือปฏิเสธไปมา คนมองได้แต่กำหมัดแน่น หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ได้ทำอีกหรอคุณ แม็กซ์เวลไม่เคยโกรธที่มิวนิคมีนิสัยเกเร...แต่มันเสียความรู้สึกมากขึ้นตรงที่รับรู้ได้ว่าคำสัญญาในครั้งนั้นมิวนิคไม่ยอมรักษาไว้เลย



“คุณมิวไม่ต้องโกหกหรอกครับ...” พยายามพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาไม่อยากโกรธอีกฝ่าย

“ไม่ได้โกหกนะ พวกนั้นมันเข้ามารื้อของในห้องจริงๆ”

“คุณอย่าโยนความผิดให้คนอื่นได้มั้ย ชิโน่กับชิลลี่ก็นอนอยู่ข้างล่าง ก่อนผมขึ้นมาก็เห็น”

“มะ...ไม่ใช่พวกโน่” มิวนิคพูดอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่เคยเห็นแววตาแม็กซ์เวลดุขนาดนี้มาก่อน “เป็นแมวตัวสีเทาต่างหาก! แมวตัวนั้นไงที่เราเคยขับชน ต้องใช่แน่ๆ”

“คุณมั่นใจได้ไงครับว่าเป็นแมวตัวนั้นทั้งๆ ที่เคยเจอแค่ครั้งเดียว”

“มั่นใจดิ เราชนเองกับมือเลยนะ แถมวันพิพากษาเราก็เห็นแมวตัวนั้นมาด้อมๆ มองๆ แถวหอเรา”



บอกตามตรงว่าเขาไม่รู้จะเชื่อคุณมิวนิคแบบสนิทใจเหมือนเดิมได้หรือเปล่า เพราะเมื่อนึกถึงเรื่องโกหกวันก่อน ความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายก็ลดลงไปเยอะ

เขาไม่เคยโกหกคุณมิวนิคเลย...ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าสำหรับอีกฝ่ายนั้น สำหรับคนที่ผ่านประสบการณ์ความรักมามากขนาดนั้น เขาเหมือนกลายเป็นแค่ลูกไก่กระจอกๆ ในกำมือ

แม็กซ์เวลพยายามสะกดกั้นอารมณ์ไม่ให้พลุ่งพล่านโดยการหันมองไปทางอื่น แต่เหมือนเรื่องราวยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม เพราะตรงชั้นไม้ติดพนัง มีบางสิ่งบางอย่างตกลงมาแตกกระจาย

ตุ๊กตาดารุมะสีแดง...



“...น่าจะเป็นตอนที่เราแปลงเป็นมิวมิวกระโดดขึ้นไปฟัดกับไอ้แมวตัวนั้นจนไม่ทันได้ระวัง...”

“คุณ...” ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึกสุดปอด “....ไม่เคยระวังอะไรหรอก”

“นี่! เรารู้ว่าเราผิด แต่ปกติไม่เห็นเคยโกรธขนาดนี้เลย”

“ยอมรับแล้วหรอครับ?”

“แม็กซ์! บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำ ทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุ”



มิวนิคขมวดคิ้วมุ่น โดยพื้นฐานที่เป็นคนไม่ค่อยยอมคนอยู่แล้ว พอเจอคนที่จากเยือกเย็นเปลี่ยนมาเป็นน้ำร้อนก็เลยยิ่งกลายเป็นร้อนเข้าไปใหญ่



“แล้วพวกค่าเสียหายก็ไม่ต้องห่วงหรอก เรากลับมาเป็นคนแล้ว เราชดใช้ให้ได้อยู่แล้ว อีกอย่าง...ไอ้ตุ๊กตาดารุมะอะไรนั่น เดี๋ยวเราฝากเพื่อนที่อยู่ญี่ปุ่นซื้อมาให้ซักยี่สิบตัวเลยดีไหม น่าจะสวยกว่าของเก่านายตั้งเยอะ”

“คุณมิว!”



มนุษย์แว่นที่กำลังเก็บเศษกระเบื้องสีแดงยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกำหมัดแน่นกว่าเก่า เขาคิดว่าที่คำสาปคลายลงน่าจะเป็นเพราะมิวนิคค้นพบความหมายดีๆ ในชีวิต แต่สิ่งที่เห็นกลับเหมือนไม่ใช่เลย มิวนิคก็ยังคงเป็นมิวนิคคนเดิม

เป็นมิวนิคที่ไม่เคยสนความรู้สึกของคนอื่นเช่นเดิม



“คุณไม่เคยเห็นคุณค่าของสิ่งของหรอก”

“นี่...มันจะมากเกินไปมั้ย เราอุตส่าห์ยอมชดใช้ความผิดที่เราไม่ได้ทำนะ แล้วนายยังจะมาขึ้นเสียงแบบนี้อีกหรอ ทำไมอ่ะแม็กซ์ ปกติไม่เห็นเคยเป็นงี้เลย เพราะอะไรอ่ะ!? เพราะตุ๊กตาตัวนั้นหรอ!?”

“เพราะมันเป็นของคุณแม่ผมยังไงล่ะครับ!” นัยน์ตาสีดำด้านหลังกรอบแว่นลุกโชนราวกับจะพ่นไฟออกมาให้ได้ “คุณแม่ที่เป็นคุณแม่จริงๆ คุณแม่ที่ให้ชีวิตผม...คุณแม่ที่ทิ้งผมไป!”



สัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวที่ผู้เป็นแม่แท้ๆ หลงเหลือไว้ให้ เป็นเครื่องเตือนจำว่าเขาเกิดมาจากใคร



“ซิสเตอร์ๆ แม่ผมอยู่ไหนหรอครับ?”

“คุณแม่แม็กซ์เวลไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกจ้ะ แต่ท่านฝากตัวแทนเอาไว้นะ”




เขาเก็บตุ๊กตาตัวนั้นไว้เสมอแม้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่มูมินจะมารับไปอยู่ด้วย และก็คิดเสมอว่าตนเองพิเศษกว่าคนอื่น ก็ไม่มีเด็กคนไหนที่จะมีคุณพ่อและคุณแม่อย่างละสองคนเหมือนเขานี่นา



“แม็กซ์....คือเรา...” มิวนิคตอบเสียงอ่อย

“เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้หรอกนะครับ”



ประโยคสุดฮิตที่ผู้คนรู้จักกันดี แม้ในปัจจุบันเงินจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ในทุกๆ ด้าน เงินสามารถซื้อทุกอย่างได้เกินเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างนั้น...มันก็ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นที่เงินจะซื้อทุกอย่างได้อยู่ดี



“ขอโทษ...” ชายหนุ่มในชุดขาวก้มหน้าจ๋อย

แม็กซ์เวลเม้มริมฝีปากก่อนจะถามสิ่งที่ยังค้างคาใจออกไปอีกครั้ง “เมื่อวันก่อน...คุณไปไหนมาครับ”



เรื่องตุ๊กตาดารุมะเขาก็โกรธ แต่ของที่แตกไปแล้วคงไม่สามารถใช้เวทมนตร์ทำให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เหลือคงมีเพียงอนาคตตรงหน้า...อนาคตระหว่างเขาและคุณมิวนิค



“...เคยถามไปแล้วนี่”

“เมื่อวันก่อน...คุณไปไหนมาครับ” มนุษย์แว่นยังคงยืนกร้านคำถามเดิมด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง

“ก็...อยู่ที่กองไง”



และโอกาสหนึ่งเดียวที่เขาเพิ่งหยิบยื่นให้อีกฝ่ายไปก็พังทลายลงต่อหน้าต่อตา มิวนิคเลือกที่จะโกหกเขาอีกครั้ง และนั่นก็ยิ่งทำให้ข้อแก้ตัวทั้งหมดที่เจ้าตัวกล่าวมาไร้ซึ่งน้ำหนักอันน่าเชื่อถือ



“ผมอยู่ในร้านนั้น...ในวันที่คุณนั่งจับมือกับผู้ชายคนนั้น”



ทำไมต้องโกหกกันด้วยมิวนิค...



“มะ...มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ!”

“.....” แม็กซ์เวลถอนหายใจยืนมองคนตรงหน้าที่ค่อยๆ รวบฝ่ามือทั้งสองของเขาขึ้นมากุม

“นัทมาขอคืนดีกับเรา แต่เราบอกปฏิเสธไปก็แค่นั้น” เหมียวน้อยในร่างคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุกลน “ที่ไม่บอกก็เพราะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรเลย สิ่งที่นายควรรู้ควรเป็นแค่เรื่องของเรา ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น”



ไม่ใช่เรื่องสำคัญงั้นหรอ? ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกับคุณมิวนิคโดยตรง แต่คุณมิวนิคกลับบอกว่ามันไม่สำคัญ หมายความว่าเขาก็ไม่ได้สำคัญพอที่จะรับรู้เลยสินะ

สาบานว่าตอนนี้สมองสับสนไปหมด เขาไม่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าทั้งหมดที่คุณมิวนิคเอ่ยออกมาคือความจริง พอลองมองย้อนดู...ชีวิตของเขาและคุณมิวนิคก็เหมือนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งไลฟสไตล์และภาระหน้าที่

คนนึง...วันๆ ก็เอาแต่ขลุกอยู่กับกองหนังสือหรือไม่ก็หน้าจอคอม ขณะที่อีกคนต้องคอยพบปะปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเยอะแยะเพราะเป็นศิลปิน นั่นสินะ...เราทั้งสองช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

มีแนวโน้มว่าขืนยังอยู่ด้วยกันไปอาจเป็นเขาเองที่จะไม่สามารถทนได้ ถ้าวันหนึ่งคุณมิวนิคเจอคนที่ดีกว่าเขา

คิดไว้แล้วแหละว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่คำสาปคลายลง วันที่มิวมิวกลับไปเป็นมิวนิค วันที่เขาต้องเริ่มจมอยู่กับความหวาดระแวงว่าคุณมิวนิคอาจทิ้งเขาไปในซักวัน



“คุณมิว...กลับไปก่อนเถอะครับ”



อาจเป็นคำพูดที่อีกฝ่ายไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน เขามองดวงตาที่กำลังสั่นระริกคล้ายจะร้องไห้ด้วยหัวใจห่อเหี่ยว ไม่กี่วินาทีริมฝีปากบางกระจับก็ค่อยๆ เลื่อนเข้ามาประกบจนทาบทับไปกับริมฝีปากเขาทั้งหมด

สัมผัสนุ่มหยุ่นของคุณมิวนิคพยายามสอดแทรกเข้ามา ทว่าแม็กซ์เวลไม่ยอมเปิดปากทาง ไม่ยอมให้ความรู้สึกอ่อนไหวครอบงำได้โดยง่าย มือหนาค่อยๆ ผละร่างที่แนบชิดเข้ามาออก



“…จะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย”



คงถึงเวลาที่ต้องทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคุณมิวนิคใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีเหมียวน้อยจอมดื้ออยู่ใกล้ๆ ตัว แต่เขาต้องตระหนักให้ได้ก่อนว่าตนเองจะสามารถรับมือกับความเจ็บปวดอันแสนทรมานได้ไหมถ้าวันหนึ่งไม่มีเหมียวน้อยตัวนี้อยู่ข้างๆ แล้ว...

บางทีคนบางคนอาจเหมาะแก่การเป็นไอดอลให้เราชื่นชมอยู่ห่างๆ หากแต่ไม่ได้เหมาะแก่การเป็นตัวจริงในชีวิตจริง



“…รบกวนด้วยนะครับ”



และถ้าวันนั้นมาถึง คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คงเป็นเขา

















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ







==============================================

พอได้มั้ยคะดราม่านี้ แง่งงงงง

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

คุยกันได้เน้อในทวิตเตอร์ #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Kx0806

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แงงงง อย่าโกรธกันนานน้่าาา   :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด