[end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [end.] ✦✦✦ Cat person: แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว? ✦✦✦เปิดจองหนังสือแล้ว! 1/05/19  (อ่าน 37991 ครั้ง)

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
มิวมิวไปเข้าแก๊งกับเจ้าถิ่นแล้วจ้ะพี่แม็ก
ไม่ต้องห่วงน้องนะคะ 5555555

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อ่านไปในหัวจินตนาการภาพแมวเป็นฉากๆเลยงะ พฤติกรรมแมวตัวผู้นี่มักอยู่ไม่ติดบ้านจริงๆต่างจากแมวตัวเมีย

อ่านไปยิ้มไปกับความน่ารักของน้องแมว. หวังว่าจะอัพจนจบนะคะ ชอบมาก สนุกมากค่ะ :mew1:


ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ชอบมากก เขียนภาษาได้ไหลลื่นดีค่ะ
ลงชื่อติดตามด้วยคนน ><
น้องมิวมิวน่ารักกก แต่ตลกที่น้องร้องอะไร แม็กซ์เวลล์คือเข้าใจไปคนละทางเลย 55555
รอตอนต่อไปนะคะ ^^

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5

Meow 7



“ไอ้มิว นี่มันเรื่องอะไรกัน!”



เจ้าของชื่อยกมือปิดปากหาวหวอด เงยมองเพื่อนชายคนสนิทที่กำลังยืนกอดอกอยู่ข้างเตียง เพราะต่างคนต่างมีกุญแจห้องสำรองของกันและกันจึงไม่จำเป็นต้องแปลกใจอะไรนักถ้าหากใครคนหนึ่งจะสามารถเข้าออกคอนโดของใครอีกคนหนึ่งได้ตามใจนึก



“อย่าทำตัวเป็นผัวได้ปะ”

“ไม่เล่น”



มิวนิคย่นจมูกเมื่อมุกที่ยิงไปถูกตบทิ้งอย่างไม่ใยดี เขายืดตัวขึ้นพิงแผ่นหลังกับหัวเตียง ตบตรงที่ว่างใกล้ตักเบาๆ เชื้อเชิญให้คนอารมณ์ไม่ดีทิ้งตัวลงมานั่งด้วยกัน

พอเริ่มจับจุดการใช้ชีวิตได้ ในเย็นวันเสาร์ที่แม็กซ์เวลกลับบ้าน แมวขาวมณีตัวน้อยก็จะตั้งหน้าตั้งตารอคอยเวลาที่คำสาปจะหยุดพักการทำงานชั่วคราว นอนห้องคนอื่นมาทั้งอาทิตย์แล้ว...ขอกลับไปนอนห้องตัวเองบ้างหน่อยก็แล้วกัน



“กูไม่ได้อยากวุ่นวายเรื่องที่มึงไม่ค่อยมาเรียนช่วงนี้หรอก แต่นี่ถึงกับดรอปเลยหรอ มันเกิดอะไรขึ้นวะมิว อย่างน้อยก็ช่วยบอกกูในฐานะเพื่อนหน่อยได้มั้ย”



สายตาของสายหมอกจริงจังเกินกว่าจะเล่นมุกกลับไปอีกรอบ ถูกอย่างที่อีกฝ่ายว่า...หลังจากตื่นขึ้นมาตอนเช้าในร่างมนุษย์ มิวนิคก็บึ่งไปยังคณะเพื่อทำการดรอปเรียนหนึ่งเทอมทันที

เป็นความคิดที่ไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วทั้งอาทิตย์ เขาไม่สามารถบาลานซ์ชีวิตของมิวนิคกับชีวิตของมิวมิวไปพร้อมๆ กันได้ ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง ไม่สิ...เขาถูกบังคับให้เลือกทางใดทางหนึ่งต่างหาก เพราะถ้าไม่สร้างเหตุผลให้มิวนิคหายตัวไป ชีวิตฝั่งนั้นก็จะเกิดความวุ่นวายตามมาในอนาคต



“.....”

“มิว…โตแล้วนะ เป็นอะไรก็บอก...”

“โดนคำสาป” พูดสวนคนที่ตั้งท่าจะเอ็ดอีกรอบ “โดนสาปให้กลายเป็นแมว...ยกเว้นแค่วันนี้ที่กูจะได้เจอมึง”



ถ้าเป็นสายหมอกก็ไม่จำเป็นต้องกลัวจะถูกทรยศ มิวนิคเชื่ออย่างนั้น...เชื่ออย่างนั้นมาตลอดแม้ว่าความลับนี้จะทำให้เขาถูกมองเป็นตัวประหลาด แต่เขาไม่อยากปิดบังสายหมอก บางทีอาจเพราะโกหกไปก็ถูกคาดคั้นให้พูดความจริงในท้ายที่สุดอยู่ดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...บอกความจริงไปเลยก็แล้วกัน



“ไอ้มิว มันไม่ใช่เรื่องที่จะมา...”



ดวงตาแน่วแน่ที่กำลังจ้องมองมาทำเอาชายหนุ่มหยุดชะงัก สายหมอกคิดว่ามิวนิคไม่น่าจะพูดความจริง ทว่าสายตาแบบนั้นเป็นก็ไม่ใช่สายตาของคนโกหก คนที่คบกันมาเกือบสิบปีรู้ดี แต่คำสาปเนี่ยนะ...นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่เทพนิยายหรือละครหลังข่าว คำสาปมันจะไปมีได้ยังไงกัน



“มิว กูขอร้อง…”

“จำแมวตัวสีขาวตาสีฟ้าที่อยู่ในห้องกูเมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้มั้ย?”

“ก็...” สายหมอกคิดตาม เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาหามิวนิคไม่พบหลังจากโทรตามอยู่เป็นสิบๆ รอบ “อย่าบอกนะว่า…”

“อือ กูคือแมวตัวนั้น”

“ไม่มีทาง!”

“กูวิ่งชนมึง จะให้มึงอุ้ม” ทาบฝ่ามือลงบนหลังมือคนที่กำลังทำหน้าเลิ่กลัก “แต่มึงก็กรี๊ดเป็นแต๋วแตกวิ่งหนีออกจากห้องกูไป”

“ไอ้มิว...”

“ในห้องนั้นมีแค่มึงกับกู และถึงแม้คนอื่นจะเห็นมึงกรี๊ด เขาก็คงไม่มีทางรู้ดีเทลขนาดว่าแมวที่วิ่งเข้าหามึงเป็นแมวขนสีขาวตาสีฟ้า ถูกไหม?”



สายหมอกหลุบสายตามองต่ำครุ่นคิด มิวนิคดึงร่างที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยเข้ามาโอบไว้หลวมๆ วางปลายคางไว้บนลาดไหล่เพื่อนชาย พักสายตาและสมาธิไปยังไรผมสีดำ นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้กอดกัน...



“เดี๋ยวหกทุ่มกูก็กลายเป็นแมวแล้ว…”

“มึงนี่นะ”



สายหมอกจนปัญญากับเพื่อนรัก ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเชื่อ เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้มันยากที่เกินกว่าจะฟังขึ้นไม่ใช่หรอ แต่มิวนิคไม่ใช่คนโกหก ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าจริงก็คือจริง เว้นเสียแต่กำลังแกล้งอะไรบางอย่างก็จะเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง หากไม่ใช่ครั้งนี้

มิวนิคแทบไม่ได้เข้าใกล้คำว่าแกล้งเลย

อีกอย่างวันนั้นตอนที่เขาวิ่งออกมาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีเพื่อนบ้านในคอนโดอยู่โดยรอบซักคน หากมีก็คงไม่มีใครรู้ว่าในห้องมิวนิคมีแมวตัวสีขาวตาสีฟ้าอย่างที่อีกฝ่ายบอก เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว เพื่อนเขาโดนคำสาปจริงๆ น่ะหรอ



“หมอก...” มิวนิคทำเสียงอู้อี้

“...มึงโอเครใช่มั้ย”

“เชื่อแล้วหรอ”



ถามทั้งๆ ที่ต่างฝ่ายต่างไม่มองหน้ากัน ติดอยู่ในอ้อมกอดเบาบางของกันและกัน หากขอพรได้หนึ่งข้อก็คงขอให้คืนนี้ยืดเวลาออกไปอีก อย่างน้อยก็ได้กอดไอ้เพื่อนรักนานขึ้น



“ตอบมาเถอะ”

“อื้อ...คนที่เลี้ยงกูเขาดูแลกูดีมาก”

“ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างมึงจะยอมตกเป็นสัตว์เลี้ยงของคนอื่น” สายหมอกแค่นหัวเราะ

“กูเป็นทุกอย่างเลย ทุกอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้เป็น...” ประโยคสุดท้ายฟังดูเศร้าสร้อย

“เหงารึเปล่า”



คำพูดของสายหมอกทำเอาแมวน้อยที่ติดอยู่ในร่างเด็กหนุ่มหลุดยิ้ม เหงาอย่างนั้นหรอ...จะว่ายังไงดีล่ะ ‘เคย’ เหงาล่ะมั้ง เคยเหงาแบบสุดๆ เหงาถึงขนาดไม่อยากตื่นขึ้นมาพบกับความเหงาในวันรุ่งขึ้น เหงาถึงขนาดอยากให้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน มันเคยเป็นแบบนั้นจริงๆ

ยกเว้นตอนนี้ที่ความรู้สึกเลวร้ายลดลงไปเยอะ อาจเพราะมีแอนโธนี่ที่คอยชวนคุย ชิโน่กับชิลลี่ที่คอยพาออกไปเที่ยว แล้วก็...แม็กซ์เวล ที่คอยอุ้มขึ้นมากอด บางทีก็วางลงบนตัก บางทีก็เกาคางลูบหัว หรือบางทีก็...

จูบ



“ไม่เลย... เป็นแมวอ่ะสบายม๊ากมาก ไม่ต้องเรียนด้วย”

“หึ จะยอมเชื่อว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งละกันครับ”



อ้อมกอดถูกเปลี่ยนมาเป็นการนอนเกยกันโง่ๆ อยู่บนเตียง หรือเรียกให้ถูกก็คือเขากำลังเกยสายหมอก ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกภาพแมวน้ำสองตัวกำลังนอนทับกันอยู่บนชายฝั่ง เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เด็ก

อีกหน่อยก็คงเป็นเมียมันแล้ว



“ต้องกลับไปใช่มั้ย?”

“อื้ม”



คำถามและคำตอบถูกรับส่งกันผ่านบรรยากาศห้องอันว่างเปล่า ดวงตาสองคู่จ้องมองเพดานสีครีมอ่อนคล้ายกับกำลังรอการเคลื่อนไหวของเข็มนาฬิกา รายการยามดึกจากโทรทัศน์ถูกเปิดคลอไม่ให้บทสนทนาเงียบเชียบจนเกินไป



“อย่าไปดื้อกับเขาล่ะ เดี๋ยวโดนตีขึ้นมาจะยุ่ง”

“พูดมาขนาดนี้ก็คือเชื่อแล้วใช่มั้ย?” หันไปยิ้ม

“ก็ถ้าหกทุ่มไม่มีคนกลายเป็นแมว เดี๋ยวจะมีคนกลายเป็นเมียแทน”

“เถื่อนจัง ขอเป็นเลยได้ไหม” กระแซะเข้าไปใกล้หยอกล้อ



แต่เพราะสงสัยจะใกล้เกินไปจึงโดนถีบออกมาจนเกือบแทบตกเตียง มิวนิคย่นหน้าผากงอนนิดๆ ก่อนจะกลิ้งเกลือกกลับไปนอนยังจุดๆ เดิมเหมือนไม่เข็ดหลาบ



“ถ้าไม่ไหวก็มาหากู”

“ฮ่าฮ่า”

“หัวเราะอะไร” คนถูกหัวเราะขมวดคิ้วหันมอง

“กูเป็นแมวไงหมอก” เขกหน้าผากเพื่อนชาย “ถ้ากูมาหาก็ต้องมาในร่างแมว มึงอยากตายหรอ?”

“เออว่ะ...ลืมซะสนิท” สายหมอกยกแขนเกาหัวเก้อๆ

“ไม่ต้องห่วงกูขนาดนั้นหรอก”

“.....”

“แค่มึงเป็นมึงในแบบที่มึงเป็น คิดถึงกูบ้างเวลานั่งจิบวอดก้าลื่นคอยามบ่ายวันอาทิตย์”

“เป็นแมวก็ยังจะขี้เมา”

“กูจะเป็นแมวที่ยิ่งกว่าขี้เมาอีก”



ความรู้สึกของชีวิตคืออะไรน่ะหรอ ถ้าให้ตอบก็คือยังไม่รู้ แต่ถ้าถามตอนนี้ก็คงเป็นความรู้สึกดีเวลาได้นอนคุยเรื่องราวสัพเพเหระไปกับเพื่อนชายคนสนิท แม้อากาศที่ถูกหายใจทิ้งมาตลอดหลายชั่วโมงจะไม่มีค่า แต่เขากลับมีความสุขมากๆ เลย



“อีกสองชั่วโมง”

“อือ”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ก็ไหนแพ้ขนแมว”

“ตอนนี้น่าจะทันไปซื้อกรงแบบปิดสนิท”



เป็นอีกวันที่การกลายเป็นแมวไม่ใช่เรื่องที่แย่ หรือบางทีเขาอาจจะเริ่มชินกับการที่ร่างกายค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์สีเท้าขนนุ่มไปแล้วก็ได้ แต่ก็นะ...อยู่กับนายแว่นมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดจริงๆ นั่นแหละ

สายหมอกส่งเขาแค่เพียงลานจอดรถของหอพักบ้านสุขใจ ไม่ต้องสืบก็น่าจะเดาออกว่าวินาทีแรกที่อีกฝ่ายเห็นเพื่อนชายค่อยๆ เปลี่ยนร่างเป็นแมวเหมียวคงจะช็อกโลกแค่ไหน เป็นใครใครก็ช็อกแหละนะ แต่ดีหน่อยที่สปอยไว้แล้ว เจ้าตัวเลยยังสามารถควบคุมสติอันน้อยนิดได้อยู่ กลัวว่าถ้าคนอื่นมาเห็นจะเป็นเรื่องมากกว่า



“เมี้ยวว (ไปละ ขับรถดีๆ มึง) ”



คนถูกบอกลาไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากพยักศีรษะที่สวมหน้ากากอนามัยสีเขียวหงึกๆ จากเสื้อยืดแขนสั้นธรรมดาก็ถูกสวมทับด้วยเสื้อแขนยาวตัวหนาราวกับอากาศติดลบสิบเจ็ดองศา ชายหนุ่มในชุดมิดชิดโบกมือร่ำลากระทั่งร่างสีขาวค่อยๆ เล็กลงจนหายไปจากระยะการมองเห็น

แมวน้อยหาวหวอดเดินไปยังประตูทางเข้าหอพัก กล่าวทักทายชิโน่กับชิลลี่ที่กำลังนอนมองมาด้วยดวงตาสลึมสลืออยู่บนที่นอนสองชั้น กระโดดไต่ไปตามแนวกำแพง ระเบียงห้องชั้นต่ำกว่า ถึงชั้นสามที่จากมาหนึ่งวันเต็ม ก่อนจะเหยียบเท้าลงบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ

ฟูกเตียงเตี้ยติดหน้าต่างกับหมอนสีขาวนุ่มช่างดึงดูดให้คนมองรู้สึกอย่างทิ้งตัวลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่างทรงพลังอะไรเยี่ยงนี้ เหนือกว่าคำสาปจากไอ้เทพเจ้ากระปู๋แมวก็คงเป็นที่นอนนี่แหละ

อ่า...กลับมาแล้วคุณที่นอน ฝันดีนะ



















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



กลุ่ม ‘ยูมันโง่’



OnlyU: นี่ เก้าโมงแล้วนะ เมื่อไรพวกมึงจะมาเนี่ย

Pulnwza: อะไรวะ?

OnlyU: ก็มาเรียนไง ห้องโคตรโล่งอ่ะ ป่วยกะทันหันกันหรอ

Pulnwza: 555555555555555555555555

Pulnwza: @Jennis69 @Maxwell มาดูลูกพวกมึงเร้ววว

OnlyU: หัวเราะอะไร คนมาเรียนไม่ใช่เรื่องตลก

Jennis69: ใช่ค่ะ เป็นเด็กต้องหัดตั้งใจเรียนน่ะถูกแล้ว

Jennis69: @Pulnwza มึงนี่แย่จังเลยนะคะพี่ภู น้องอุตส่าห์มาเรียนยังจะไปหัวเราะน้อง

Pulnwza: งุ้ยยย เป็นคุลแม่ที่ดีขึ้นมาเลยทันที

OnlyU: สรุปพวกมึงจะมากันมั้ยเนี่ย เดี๋ยวให้จารย์เช็คขาดเลยนะ

Jennis69: อาจารย์ไม่เช็คหรอกค่ะ

Jennis69: เพราะอาจารย์เป็นคนบอกให้...งดคลาส

Jennis69: 55555555555555555555555555

Pulnwza: เหมือนลากอีน้องมาตบหน้าห้องอีกรอบอ่ะ

OnlyU: อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก กูเกลียดพวกมึง

OnlyU: ขอให้กินอาหารอะไรก็ท้องเสียให้หมด

Pulnwza: จะแช่งคนอื่นทั้งทีก็ยังไม่พ้นเรื่องกิน

Jennis69: จุ๊จุ๊ หนูจะมาโทษแม่ไม่ได้นะคะลูก ไม่อ่านไลน์กลุ่มสาขาเอง

Jennis69: #ยศวินทร์คนโง่

Jennis69: *สติ๊กเกอร์ยิ้มมุมปาก

Pulnwza: เหยย ไม่ตอบด้วยว่ะ สงสัยงอน

Jennis69: มึงเลยอีภู ทำน้องงอน ไปง้อเดี๋ยวนี้!!

Pulnwza: มั่วแล้ว มันงอนที่มึงติดแฮชแท็ก #ยศวินทร์คนโง่ ต่างหาก

Jennis69: ไม่!! มันงอนที่มึงไม่ยอมบอกความจริงตั้งแต่ทีแรกต่างหาก

OnlyU: โอ้ยย จะคุยอะไรกันเยอะแยะ รำคาญเสียง

Jennis69: รู้ยังว่าไอโฟนมันเปิดสั่นได้?

OnlyU: เจน!!

Pulnwza: เนี่ย มึงเลยแม่ อีทัวเด

Jennis69: โอ๋ๆ ๆ แม่แซวน้องเล่นนะรู้ก ไม่งอนแม่น้า /หอมหัว

Jennis69: แล้วไม่มีเรียนไปไหนต่อยะ กลับห้อง?

OnlyU: แนบรูป* ตึกคณะแพทย์

Jennis69: ค่ะ!

Pulnwza: ค่ะ!

OnlyU: อะไรอ่า

Jennis69: คลาดสายตาแปปเดียวก็ไปหาผู้ชาย แม่ไม่น่าใจอ่อนเลย

Jennis69: #ยศวินทร์คนติดผัว

Pulnwza: อยากฟาดเด็กแรด มึงรอกูตรงนั้น กูจะไปฟาดเด่วนี้!!

OnlyU: @Maxwell ใจคอจะอ่านอย่างเดียวไม่ช่วยเพื่อนเลยใช่มั้ย

OnlyU: คนน่าสงสารอย่างกูกำลังโดนพวกโรคจิตแกล้งนะ

Maxwell: *แนบรูป แมวขาวมณีกำลังนอนอยู่บนแผ่นอกตัวเอง

Maxwell: เล่นกับมิวมิวไหม

OnlyU: งื้อออออออ

Pulnwza: งื้อออออออ

Jennis69: งื้อออออออ

OnlyU: เมื่อไรจะพามาเล่นที่คณะ หรืออยากให้กูไปหา ฮืออ น้องน่ารักกกก จะไปหามิวมิว

Maxwell: ไว้ให้ชินคนกว่านี้ก่อน

Jennis69: เออ กูก็ว่างั้น ขืนเอาไปตอนนี้มีหวังอีลูกชายเล่นจนเฉามือตาย

OnlyU: เจน!!



แม็กซ์เวลกดปิดอุปกรณ์สื่อสารในมือหลังจากเครื่องเจ้ากรรมส่งเสียงดังรบกวนอยู่นานสองนาน เพ่งมองสิ่งมีชิวีตสีขาวที่กำลังนอนหลับตาพริ้มน่าอิจฉา หางยาวกระดิกดุ๊กดิ๊กไปมาคล้ายชอบใจที่ได้นอนบนนี้

ปกติเขากับมิวมิวจะแบ่งโซนที่นอนกันอย่างชัดเจน มิวมิวจะชอบนอนฝั่งติดหน้าต่าง ส่วนทาสแมวที่อะไรก็ได้ก็มักจะถูกเขี่ยออกมานอนอีกด้าน ทว่าไม่รู้ทำไมพอตื่นขึ้นมากลับเห็นแมวน้อยจอมเอาแต่ใจขึ้นมานอนบนอกตลอด เดาใจยากจริงๆ เลย

อยากอ้อนก็บอกมาดีๆ สิมิวมิว



“ม๊าว....”

“ขอโทษ ทำให้ตื่นหรอ”



เจ้าเหมียวร้องงัวเงีย อ้าปากหาวหวอด เปิดเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้นแถมยังบิดขี้เกียจตัวเป็นเกลียว ด้วยความไม่ระวัง แมวซุ่มซ่ามจึงกลิ้งตกเตียงเสียงดังตุ้บ แม็กซ์เวลหลุดขำพร้อมกับเปลี่ยนมาเป็นอมยิ้มเมื่อดวงตาสีฟ้าจองมองมาอย่างหาเรื่อง



“ไม่ได้แกล้ง”



แกล้งที่ไหนกันล่ะ ตัวเองกลิ้งตกไปลงเองแท้ๆ ยังจะมาทำท่าไม่พอใจ หมั่นเขี้ยวจริงๆ เลยมิวมิว แม็กซ์เวลยื่นแขนลงไปอุ้มแมวน้อยขี้งอนขึ้นมาบนตัก และดูเหมือนว่าแมวจะเป็นสิ่งมีชิวิตที่หายโกรธเร็ว ดูเข้า...เอาหัวมาถูๆ ตรงหน้าท้องเขาอีกแล้ว ชอบทำแบบนี้จริงๆ เลยมิวมิว



“เบื่อปลาทูรึยัง”

“เมี้ยว...”



อดหอมไปไม่ได้หนึ่งทีเมื่อน้องตอบกลับมาด้วยเสียงงุ้งงิ้ง แพ้ตลอดล่ะเวลาได้ยินเสียงสองแบบนี้ แม็กซ์เวลวางเจ้าเหมียวไว้บนเตียง ลูบหัวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตรงไปยังครัวเพื่อเตรียมทำมื้อเช้า ราวกับดวงตาสีฟ้ายังคงจ้องมองมาทางเขาไม่ห่าง เหมือนอยากรู้ว่าทำอะไรอยู่แต่ก็ขี้เกียจเดินมา

มิวมิวแมวขี้เกียจ...



“ยำปลากระป๋องไหม?”

“ม๊าว ม๊าว”



เขาคิดว่ามิวมิวชอบกินอะไรเหมือนคน อย่างหลายวันก่อนที่กินเมนูผัดกระเพราหมูสับเจ้าตัวก็ปีนขึ้นโต๊ะมานั่งจ้องเหมือนอยากกินด้วย พอเขาเลื่อนกล่องให้กินเจ้าเหมียวน้อยก็กินจริงๆ

เพราะงั้นเลยลองทำเมนูของคนที่เกี่ยวกับปลาให้น้องชิม ปรากฏว่าน้องกินหมดทุกอย่าง แม็กซ์เวลเริ่มรู้สึกว่าตัวเขาตามใจมิวมิวจนเสียนิสัย เคยคิดจะย้อนกลับไปให้อาหารเม็ดตามเดิมแต่ก็ไม่ทันแล้ว แค่โดนเอาหัวถูอ้อนๆ ที่ขาก็ใจอ่อนยวบ ทางการแพทย์ควรคิดค้นตัวยาที่สามารถระงับอาการแพ้แมว

หมายถึง...แพ้อาการใจอ่อนต่อแมว

เป็นวันแรกที่ได้อยู่ด้วยกันแบบทั้งวันจริงๆ เพราะโดยปกติวันธรรมดาแม็กซ์เวลจะไปเรียน เจอเจ้าสีขาวอีกทีก็เฉพาะช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ก็ต้องกลับบ้าน แม้จะนอนด้วยกันทุกคืน แต่ก็ไม่เคยได้ใช้เวลาถึงยี่สิบชั่วโมงกับเพื่อนร่วมห้องคนใหม่แบบนี้มาก่อน



“อร่อยไหม?”

“ม๊าวว”



เหมียวน้อยเงยหน้าขึ้นมามอง ขณะคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะกินข้าวก็ได้แต่ผงกหัวรับเอ็นดู รายการข่าวถูกเปลี่ยนเป็นช่องหนังเก่าๆ ที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก ร่างสูงทิ้งตัวลงบนฟูกติดหน้าต่างหลังล้างจานเสร็จสรรพ

หยิบไอแพดขึ้นมาไถเช็คตลาดหุ้นยามเช้า เขาติดนิสัยต้องเปิดทีวีทิ้งไว้เพื่อทำลายบรรยากาศความเงียบในห้อง อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกไม่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ต่อให้จริงๆ แล้วจะมีทั้งน้องแมวและน้องมดเป็นเพื่อน



“เมี้ยวว...”



จอมซนปีนขึ้นมาตรงที่ว่างบนหมอน ถือวิสาสะทิ้งก้นลง ยื่นหน้าเข้ามามองหน้าจอทัชสกรีนคล้ายสนอกสนใจ ดวงตาสีฟ้าอันมีเสน่ห์ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีกก็ตอนที่อีกฝ่ายมองมา



“วันนี้ไม่มีเรียน”



ไม่ตอบ ซ้ำยังเดินดุ่มๆ เข้ามานอนบนอกเขาอีกแล้ว แม็กซ์เวลเหนื่อยจะดุจึงเปลี่ยนมาชันตัวขึ้นนั่ง พิงแผ่นหลังกับผนังห้องสีเทาซีด ก่อนแมวน้อยจะถูกจับให้นอนบนตักโดยมีหน้าท้องแข็งแรงต่างหมอน

เขาว่ามิวมิวเป็นแมวที่ฟอร์มจัด ดูภายนอกอาจคล้ายเหย่อหยิ่ง เพิกเฉยต่อผู้คน ไม่ชอบให้หยอกล้อ แต่เนื้อแท้แล้วเจ้าตัวชอบอ้อนมากๆ ยิ่งสนิทกันจะยิ่งรู้ว่ามิวมิวเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ้อนเก่งมากๆ เลยล่ะ

แมวอะไรจะอ้อนทั้งทีก็ยังมีฟอร์ม



“หลับแล้วหรอ?”

“......”



แม็กซ์เวลหลุดยิ้มเมื่อไร้เสียงต่อรับ มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอเบาบางจากเจ้าของร่างสีขาวบนตัก เอาล่ะ...ตัวแสบจำศีลไปแล้วก็คงถึงเวลาเช็คตลาดหุ้นต่อ

ปล่อยให้เวลากับสายลมธรรมชาติเย็นๆ ทำงานไปอย่างเชื่องช้า รู้สึกตัวอีกทีสมองก็หวนนึกถึงใครบางคน ใครบางคนที่เหมือนจะลืมไปได้แล้ว แต่แท้ที่จริงกับหลบซ่อนอยู่ในส่วนคับแคบตรงไหนซักแห่งของหัวใจ

คุณมิวนิค...

แม็กซ์เวลคิดว่าหลักการทุกอย่างบนโลกสามารถอธิบายได้ด้วยการทำงานของวิทยาศาสตร์ ยกเว้นก็แต่เรื่องเดียว...ความรัก เขาไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมถึงต้องชอบคุณมิวนิคขนาดนั้น อาจเพราะเป็นวันที่เราเจอกันโดยบังเอิญในร้านกาแฟของหอสมุด หรือจะเป็นวันที่เราเจอกันในงานกีฬามหาวิทยาลัย

ทำไมเขาถึงหยุดชอบคุณมิวนิคไม่ได้...

นึกถึงคุณมิวนิคก็ชักแปลกใจ ช่วงนี้ไม่เห็นเจ้าตัวอัพความเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลเลยซักอย่าง ถ้านับเป็นวันก็เท่ากับว่าคุณมิวนิคหายไปร่วมสองอาทิตย์กว่าแล้ว หรือจะเป็นการวีคออฟตามสไตล์ศิลปินอย่างที่คนอื่นเขาพูดกัน...



“เมี้ยว”



อุ้งเท้านุ่มนิ่มยื่นขึ้นมาแตะลงที่หน้าอกทำลายภวังค์ ดวงตาสีฟ้าสะลึมสะลือเปิดขึ้นอีกครั้ง นี่ไง...เขามีคุณมิวนิคเป็นของตัวเองแล้ว ถึงแม้คุณมิวนิคตัวนี้จะตัวสีขาว ตาสีฟ้า หูตั้ง หางชี้ แต่ก็น่ารักไม่ต่างกันเลย



“ไม่ปวดหัวรึไง”

“ม๊าว...”

“อาบน้ำไหม?”



จะว่าไปตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็ยังไม่เคยอาบน้ำให้มิวมิวเลยเพราะช่วงแรกกลัวน้องเจ็บแผล อีกทั้งอยากให้มิวมิวปรับตัวกับห้องใหม่ได้ก่อน แต่ไหนๆ วันนี้ก็ว่างแล้ว...งั้นขอจับเหมียวน้อยทำความสะอาดเลยแล้วกัน

ถ้าคิดว่าการอาบน้ำให้แมวเป็นเรื่องยุ่งยากและวุ่นวายสุดๆ สำหรับคนเลี้ยงแมวขอให้จงลืมความคิดนั้นไปเสียให้หมด เพราะแมวขาวมณีตัวนี้เชื่องมาก ไม่สิ...ต้องเรียกว่านิ่งมาก น้ำก็ไม่กลัว แทบยังทำหน้าฟินเวลาร่างกายสัมผัสน้ำไปอีก ยิ่งตอนสระขนให้คุณเขายิ่งชอบ

แปลกแมวจริงๆ เลยมิวมิว



“อย่าหลับตาสิ มองไม่เห็น”



คนที่ปลดอาภรณ์ออกหมดทุกอย่างจนเหลือเพียงบ็อกเซอร์ชิ้นเดียวเอ่ยพลางอมยิ้ม ขนก็สีขาวอยู่แล้ว พอรวมกับฟองสบู่สีขาวฟู่ก็เลยดูกลืนกันไปหมด ถ้าไม่เห็นดวงตาสีฟ้ากับจมูกสีชมพูเขาคงหามิวมิวไม่เจอ



“เมี้ยว เมี้ยว!”

“อะไร?”

“เมี้ยววว!” ตีฟองกระจุยกระจาย



เขาคิดว่ามิวมิวไม่ได้กลัวน้ำ น้องอาจกำลังต้องการให้ทำอะไรซักอย่าง และกว่าจะค้นพบว่าเหมียวน้อยจอมเอาแต่ใจร้องงอแงเพราะอยากให้ลงไปอาบในอ่างด้วยก็เล่นทำเอาเจ้านายตัวโตเปียกซกไปทั้งตัว

ตกลงใครเป็นเจ้านายใครเป็นสัตว์เลี้ยงกันแน่นะ

ท้ายที่สุดการอาบน้ำให้มิวมิวจึงกลายเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เพราะน้องอาบน้ำยาก แต่เพราะน้องขึ้นจากน้ำยาก ต่อเกลี้ยมกล่อมด้วยวิธีไหน หรืออุ้มออกจากอ่างกี่ทียังไง จอมซนก็จะวกกระโดดกลับเข้าไปนอนแช่ในอ่างเหมือนเดิม ตกลงเป็นแมวหรือเป็นปลา

เบอร์หนึ่งของความดื้อเลยล่ะเจ้าตัวนี้



“สบายเลยสิ”



เขาพูดขึ้นในตอนที่กำลังหยิบผ้าเช็ดตัวเช็ดไปตามกลุ่มขนสิ่งมีชีวิตสีขาวบนเตียง ไดร์เป่าผมถูกเปิดด้วยเบอร์อ่อนๆ เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกร้อน เรียวมือยาวสางไปตามแผงขนนุ่ม จากที่นุ่มอยู่แล้วก็นุ่มกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อถูกจับอาบน้ำ เริ่มมีความคิดที่ว่า...ถ้าไม่รีบซื้อปลอกคอมาใส่คงมีคนอยากจับเจ้ามิวมิวไปเลี้ยงในเร็ววัน



“แห้งแล้ว เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อน”

“เมี้ยวว!” ยกเท้าสะกิดไปมาไม่ยอมให้ลุก

“ก็มันแห้งแล้ว”

“เมี้ยว เมี้ยว!”



ราวกับถูกกดดันด้วยดวงตาสีฟ้าให้ปรนนิบัติทุกอย่างตามที่เจ้านายสั่ง ถึงแม้ใจจะอยากแกล้งไม่ทำตาม แต่สุดท้ายก็เหมือนมีอะไรบางอย่างกล่อมเกลาให้โอนอ่อนลงทุกที



“เฮ้อ...เช็ดต่อก็ได้”



ดูท่าแผนการถอนตัวออกจากการเป็นทาสแมวจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริง









      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ









==============================================

ทาสแมวก็จะประมาณนี้จ้าาา



ปล. ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ก้าวหน้านะ มีแช่อ่างกันด้วย อือิ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ค่อยๆทำความรู้จักกัน

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
มิวมิว ชื่อน่ารักตัวก็น่ารักอีกอ่านเรื่องนี้แล้วทำให้อยากกลับมาเลี้ยงแมวอีกหลักจากเสียแมวไปแล้วเกือบสองปี

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 8


จริงดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘แมวเป็นสัตว์ที่คิดจะครองโลก’ มิวนิคไม่ได้หมายถึงตัวเขา หากหมายถึงเพื่อนแมวสองตัวที่กำลังซ่องสุมวางแผนการกันอยู่หน้าชามข้าวชามที่ชวนเขากินเป็นร้อยรอบ แต่เขาก็ปฏิเสธทุกรอบ



“จำไว้นะชิลลี่ ถ้าทาสมาแกต้องเขาไปอ้อน ส่วนชั้นจะใช้จังหวะนั้นสังหารทาส”

“แล้วเฮียจะทำยังไง ผมเคยดูทีวีกับทาส ในทีวีเขามีปืนนะ เรามีปืนหรอ?”

“โง่จริงชิลลี่ เราก็ใช้อุปกรณ์สังหารที่มีมาตั้งแต่เกิดสิวะ” ชิโน่ยกเท้าตบน้องชายตัวสีส้มเบาๆ “ฟันและเล็บของเรา มันมีเชื้อโรค กัดข่วนบ่อยๆ เชื้อโรคพวกนี้ก็จะเข้าไปในร่างกายทาส เป็นการสังหารทาสอย่างช้าๆ และเลือดเย็น”

“โห เฮียนี่เฉียบจังเลย ถึงว่าพวกไอ้ด่างกลัวเฮียเอามากๆ”



จ้ะ โดนจับฉีดวัคซีนตั้งแต่เด็กทาสของพวกเอ็งคงจะตายอยู่หรอกมั้ง มิวนิคนอนเขี่ยตุ๊กตาน้องหนูที่เป็นของเล่นของเจ้าสองแสบฆ่าเวลารอพวกเจ้าตัวกินข้าว เห็นว่าวันนี้จะพาไปพบปะเพื่อน แปลกดีเหมือนกันนิสัยแบบชิโน่ก็มีเพื่อนคบ เอ๊...ไม่ค่อยมีเพื่อนแบบนี้เหมือนใครเลยนะ



“นี่มิวมิว แกจะกินมั้ย อร่อยนา” หันมามองจริงจังราวกับว่าอาหารเม็ดตรงหน้าอร่อยสุดๆ

“กินมาแล้วจ้า ขอบใจจ้า”



มีความชวนกินข้าว โถ...นี่น่ะหรอแมวที่คิดจะไปฆ่าคน มิวนิคแทบจะหลุดขำออกมาตรงนั้น เห็นทีว่าคงต้องบัญญัตินิยามศัพท์ของการครองโลกให้พี่แกใหม่ จะเลือดเย็นทั้งทีก็ต้องตัดความมุ้งมิ้งออกซะบ้างนะไอ้หมู



“เมื่อเช้าก็กินแล้วไม่ใช่หรอ”

“อะไร ไม่ได้กิน แกรู้ได้ไง ขี้โกหก!”

กูจะรู้ก็เพราะมึงมีพิรุธนี่แหละว้อยยยย “ตอนแอบตามมาส่งแม็กซ์เวลเห็นแกกินอยู่อ่ะ”



เขาไม่ได้ติดตาแว่นขนาดนั้นหรอก แค่..ไหนๆ ก็มีนัดอยู่แล้วเลยแวะตามลงมาทีเดียว อีกอย่าง...อากาศด้านล่างน่ะเย็นสบายจะตาย สบายจนบางทีเขาก็ชอบปีนขึ้นไปแย่งที่นอนพวกชิโน่ แต่พวกนี้ก็ไม่ว่านะเพราะที่นอนตะกร้าลอยฟ้า (ชิโน่กับชิลลี่ตั้งขึ้นมาเอง) มีสามอันพอดี



“มันเป็นแอพเพอไทเซ่อร์แกรู้จักปะ ขืนกินข้าวเลยมันจะไม่ฟูลคอร์ส”



แหมะ...เป็นแมวยังจะมารู้จักแอพเพอไทเซ่อร์อีก แล้วแอพเพอไทเซ่อร์กับอาหารเช้าดันเป็นเมนูเดียวกันอีกเนี่ยนะ ตลก...หิวก็บอกมาเถอะจ้าคุณโน่ แถไม่เนียนแบบนี้ไปเรียนมาใหม่

เขาว่าแมวพวกนี้ต้องเป็นแมวไฮโซหรือแมวคุณหนู หรือถ้าให้เดาก็คงจำศัพท์ประหลาดๆ มาจากพี่ลูกชายคุณป้าเจ้าของหอ รายนั้นชอบนั่งเล่นเกมส์อยู่ในห้องหน้าลอบบี้ทั้งวัน แถมยังชอบสบถคำภาษาอังกฤษออกมาไฟแล่บ



“เห้ย ชิลลี่! ทาสมาแล้ว เตรียมตัว”

“รับทราบลูกเพ่”



สิ่งที่ทาสแมวตัวยงทุกท่านควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนกับแมวของคุณเลยก็คือ...พวกแมวไม่เคยคิดว่าคนเลี้ยงของพวกมันคือเจ้าของ ถ้าให้เปรียบความยิ่งใหญ่ แมวคิดว่าตนเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร เพราะงั้นทุกคนที่เข้ามาทำดีด้วยก็จะถูกตีตราว่าเป็นทาสรับใช้ทั้งหมด



“ว้ายย สวยจังเลยลูก” แต่กับมนุษย์นั้นเราคิดไปคนละทาง



ร่างสีขาวถูกช้อนขึ้นอุ้มมาไว้ในอ้อมอก หญิงมีอายุในชุดเสื้อเลบางสบายยิ้มแป้นราวกับพออกพอใจ กรรม...เขาไม่ใช่แมวคุณป้าซักหน่อยแล้วไหงคุณป้าถึงกระดี๊กระด๊าขนาดนั้น



“แมวแม็กซ์เวลแน่เลยใช่มั้ย แอบลงมาแบบนี้เดี๋ยวคุณพ่อโกรธเอานะคะ”



คุณพ่อ? เขากับตานั่นไม่เคยแทนตัวเองว่าพ่อกับลูกครับป้า คิดแล้วยิ่งขนลุก



“มิวมิวเป็นตัวล่อแล้ว ตอนนี้แหละชิลลี่”

“เมี้ยวว” เหมียวน้อยตัวสีส้มวิ่งตรงเข้ามาทิ้งตัวลงบนเท้าหลังคุณป้า ถูใบหน้าไปมาออดอ้อน ส่งเสียงร้องเรียกงุ้งงิ้งซะจนทำเอาคนถูกอ้อนใจบาง แหมะ...น่ารักว่ะชิลลี่ ถ้ามาอ้อนเขาแบบนี้ตอนอยู่ในร่างมนุษย์แกเจอฟัดแน่ ฮึ่มมมม!

“จะเอาอะไรคะชิลลี่ อิจฉาที่แม่เล่นกับน้องหรอ”



งั่ม!



“นี่ก็อีกคนคุณชิโน่ เล่นแรงจังเลยนะคะ”



เห็นทีว่าแผนการสังหารทาสจะต้องถูกระงับลงชั่วคราวเพราะคุณป้าจับพวกเขาสามตัวนั่งเรียงกันถ่ายรูปราวกับไม่เคยเห็นแมวมาก่อน ป้าแกว่าพอเอามาเรียงกันสามสีแบบนี้ก็สวยดี เอออ่ะ...เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นตุ๊กตาเฟอร์บี้ก็วันนี้แหละ

กว่าจะสลัดออกมาจากคุณป้าได้ชิโน่ก็ดีหนีแล้วเดินหนีอีก แต่คุณป้าไม่ยอม ยิ่งหนียิ่งจับ ส่วนตัวน้องน่ะหรอ เชื่องเสียยิ่งกว่าอะไร ทาสสั่งอะไรก็ทำ เริ่มสงสัยแล้วว่าตกลงใครเป็นทาสใครเป็นเจ้านายกันแน่ สุดท้ายการยอมทำตามคำสั่งคุณป้าจึงน่าจะเป็นหนทางในการทำให้เสียเวลาได้น้อยที่สุด



“โน่ แล้วเพื่อนอยู่ไหนอ่ะ”

“ข้างบน” ชิโน่เงยหน้ามองขึ้นไปบนตึก

“ดาดฟ้าหรอ”

“เยส”



ถามลูกหัวโจกประจำกลุ่มขณะเดินไปตามขั้นบันได เป็นตอนนั้นเองที่ดวงตาสีฟ้าสะดุดเข้ากับภาพแมวตัวหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนแนวกำแพงชั้นล่าง ถึงจะมองจากหน้าต่างชั้นสาม...ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าจะอธิบายรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย

เป็นแมวขนสีเทาตาสีเหลือง ต่อให้เห็นเพียงครั้งเดียวก็จำได้ ไม่ผิดแน่...เป็นแมวตัวที่วิ่งตัดหน้ารถจนเขาต้องขับชน แมวที่เป็นต้นเหตุของปัญหาเรื่องราววุ่นวายทั้งหมด



“เห้ย! มิวมิวแกจะไปไหนวะ”



ชิโน่ตะโกนเรียกเพื่อนชายตัวสีขาวเงี้ยวง้าว แต่ไม่ทันแล้ว มิวนิคกระโดดลงหน้าต่างวิ่งตามแมวตัวนั้นไป อาจเป็นเพราะภาพที่เห็นช่างแปลกประหลาด ทั้งที่รู้สึกได้ว่าชนเข้าอย่างจังแต่ท่าทางของแมวตัวนั้นกลับไม่หลงเหลือแม้แต่อากาศจบปวดหรือเดินกระเผลกเลยแม้แต่นิด



“นี่แก!”



ปรี้นนนนนนนนนนนนนน!!



เสียงแตรรถยนต์ดังแทรกจนปวดหัว ขาที่กำลังก้าวย่ำหยุดชะงัก โชคดีที่คนขับเบรกได้ทัน ไม่งั้นคงมีข่าวแมวขาวมณีถูกชนตายดับอนาถน่าหอ แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับการหาแมวสีเทาเบื้องหน้า



“มิวมิว แกเป็นบ้าอะไรเนี่ย!”

“มะ...แมวสีเทาตัวนั้น...” พุ้ยหน้าไปทางอีกฟากของถนน

“ตัวไหน”

“ก็ตัวที่…”



หายไปแล้ว...ไม่มีแม้แต่เงา เหลือแค่เพียงกรอบกำแพงว่างเปล่า

เหมือนเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของเกมส์แต่กลับพบว่ายังทางข้างหน้ามีด่านให้เราเดินออกไปอีกอย่างไม่รู้จบ แมวมันไวอย่างนี้นี่เอง มิวนิครู้สึกเจ็บใจ อย่างน้อยถ้าเขาจับไอ้แมวตัวนั้นมาเค้นถามถึงความจริงได้ ไม่สิ...ต้องจับไปเป็นหลักฐานให้เทพเจ้าปู่แมวดูว่าไอ้แมวตัวนั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย

เขาถามถึงแมวตัวสีเทา ทว่าแม้แต่ชิโน่กลับบอกว่าไม่มีแมวสีเทาอยู่ในระแวกนี้ ถ้ามีก็คงเป็นแมวสีเทาปนๆ กับสีอื่นไม่ใช่สีเทาล้วนไปทั้งตัวอย่างที่เขาอธิบาย

ความหวังที่จะพิสูจน์ความจริงลอยหนีไปไกลอีกแล้ว...



“ทำหน้าหงอยอะไรของแกวะมิวมิว”

“ก็...”

“รีบตามมาได้แล้ว เป็นแมวอย่าหัดลำไย”



แหมะ...มันชักจะจำศัพท์มนุษย์มาใช้เยอะเกินเหตุแล้วไอ้หมอนี่นะ ถ้ามีคนมาได้ยินคงต้องสับสนกันไปบ้างล่ะว่าตกลงใครกันไหนที่เป็นมนุษย์ในร่างแมว เพราะคุณชิโน่โค้ฟเว่อร์ได้สมจริงเหลือเกิน

เดินตามกันมาเรื่อยๆ จนถึงบันไดชั้นบนสุดของชั้นห้า ทว่าคงไปต่อไม่ได้อีกแล้วเนื่องจากประตูขึ้นไปสู่ดาดฟ้าถูกล็อค แต่เจ้าถิ่นหอนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ



“ขึ้นมาสิมิวมิว” ชิโน่ตะโกนลงมาจากพื้นผนังเพดานที่เป็นรู

“ขึ้นยังไง สูงจะตาย”

“ก็กระโดดขึ้นมาสิวะ”

“กระโดดยังไงล่ะวะ”



ความสูงวัดจากตัวเขาถึงที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ก็ห่างกันหลายเมตร เกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยกระโดดได้สูงขนาดนั้นเลย ถ้าทำได้ขึ้นมาคงมีชื่อมิวนิค เมธานินทร์จารึกอยู่บนบอร์ดกีฬากระโดดไกลทีมชาติแล้ว

แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อเป็นแมว มิวนิครวบรวมพลังกายและพลังความกล้าที่มีกระโดดปุ้งเดียวก็เหยียบพื้นห้องใต้หลังคาด้านบน ย่างเท้าไปตามความมืดที่ไร้ซึ่งความมืด หูย...มองในที่มืดขนาดนี้ได้ด้วย ปกติที่ห้องมืดสุดก็แค่มีแสงจันทร์อ่อนๆ สาดส่องมาทางหน้าต่าง

ไม่ได้เลยนะมิวนิค! ห้ามติดใจการเป็นแมวเด็ดขาด



“ไง เจ๋งปะ”

“…สุดๆ”



ผู้มาเยือนรายใหม่ได้แต่มองตาค้างพร้อมนึกคำพูดใดๆ ไม่ออก

ภาพตรงหน้าคือเรือนเพาะชำขนาดย่อม สีเขียวจากพันธุ์พืชในกระถางช่างกล่อมเกลาจิตใจให้ชวนง่วง เขาเคยคิดว่าบนดาดฟ้ามักเป็นที่รกร้างว่างเปล่า หากแต่กลับไม่ใช่ที่หอพักบ้านสุขใจ ที่แห่งนี้มอบแต่ประสบการณ์อันคาดไม่ถึงให้สัมผัสเสมอ



“...ใครปลูกอ่ะโน่”

“ทาส”



ชิโน่ว่าสั้นๆ ขณะแมวน้อยสองตัวที่เหลือก็เริ่มเดินสำรวจเรือนเพาะชำอย่างสนอกสนใจ จริงๆ ก็ไม่เชิงเรียกว่าเรือนเพาะชำหรอก มันคล้ายกับ...สวนดอกไม้ซะมากกว่า

เห็นได้ชัดเลยก็คือดอกเดซี่สีขาวที่ดูเหมือนจะถูกปลูกมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ ปกติเขาไม่ชอบดอกไม้เพราะเป็นคนแพ้เกสรดอกไม้ แต่ถ้าจะให้ชอบดอกไม้ซักชนิดก็คงเป็นดอกเดซี่ล่ะมั้ง

มันดูสบายตาแล้วก็ผ่อนคลาย...



“นี่โน่ เพื่อนแกคือดอกไม้หรอ”

“จะบ้ารึไง ใครจะเป็นเพื่อนกับดอกไม้” แมวดำจิ๊ปาก “นู่น” พุ้ยหน้าไปทางกรงเหล็กขนาดใหญ่ตรงมุมสุดของลาน ตรงประตูยังมีโซ่ที่ทำจากโลหะชนิดเดียวกันตรวนเป็นระเบียบอย่างดี



มิวนิคค่อยๆ เดินตามเพื่อนแมวสองตัวไปยังกรงดังกล่าว จู่ๆ บรรยากาศก็ดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันตา สรวงสวรรค์บนดาดฟ้าแบบนี้ทำไมถึงมีกรงน่ากลัวๆ มาตั้งได้นะ ชั่งดูขัดกับภาพโดยรอบที่เห็น



“แกว้กกกกกกกกกกกกกกกก!!”

“แว้กกกกกกกกกกกกกก!!”



เหมียวน้อยร้องลั่นก่อนจะวิ่งขวัญหนีดีฟ่อไปซุกหลังกระถางดอกเดซี่เมื่อเสียงคำรามดังแผดขึ้นมาต่อหน้าต่อตา เป็นนกอินทรีย์ขนาดยักษ์ที่ถูกขังเอาไว้ ขนสีน้ำตาลอ่อน จงอยปากแหลมคม แถมกรงเล็บกับปีกอันมหึมานั่นช่างน่าเกรงขาม ไม่สิ...น่าขนลุกโคตรๆ จะโดนกินมั้ยวะ



“กลัวจริงๆ ด้วยว่ะ ฮ่าฮ่า”



ชิโน่กับชิลลี่หัวเราะ ไม่พอ...ไอ้อินทรย์ยักษ์ก็ยังหัวเราะไปด้วย มิวนิคขมวดคิ้ว เดินตรงเข้าไปใกล้ถึงรับรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตในกรงเหล็กนั้นไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่คิด (มั้ง) เพราะถ้าร้ายจริงๆ ไอ้ชิโน่กับชิลลี่คงไม่อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ หน็อย...เก่งนักนะไอ้พวกแมวเหมียว เดี๋ยวพี่คืนร่างจะสั่งสอนให้เข็ดหลาบเลยคอยดู



“นี่เฮียฮอว์ค เป็นเจ้านายของทาสที่อยู่ชั้นสี่”

“อะ...เอ่อ หวัดดีครับ เฮียฮอว์ค” มิวนิคเอ่ยตะกุกตะกักคล้ายยังไม่หายช็อคจากเสียงคำราม “ผมมิวมิว...”

“แปลกจริงเชียวแกนี่ พูดจาซะเหมือนมนุษย์”



จ้า เฮียเองก็แปลกเหมือนกันนั่นแหละโว้ยยย เป็นนกอินทรีย์แต่ชื่อฮอว์ค เจ้านายเฮียเคยเปิดพจนานุกรมก่อนตั้งชื่อปะ แต่ก็เอาเถอะ สัตว์ในหอนี่มีแต่ประหลาดๆ เขาควรช็อคตั้งแต่มีคนเลี้ยงนกอินทรีย์ในหอแล้ว

เฮียฮอว์คเล่าว่าเจ้าตัวเป็นอินทรีย์ที่ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งหอ ยุคนั้นทาสมักปล่อยให้เฮียบินเล่นได้ตามใจนึก แต่พอยุคสมัยเริ่มผ่านไป ผู้คนเริ่มย้ายเข้ามาอยู่ บ้านเมืองเติบโต สื่อเทคโนโลยีต่างๆ เข้าถึงง่ายราวกับดีดนิ้ว เฮียแกจึงจะถูกปล่อยออกมาบินเล่นแค่ช่วงดึกๆ ของบางวัน

ทีแรกเขาคิดว่าเฮียแกคงเสียใจที่ถูกพรากอิสรภาพ แต่ความจริงไม่เลย เฮียแกบอกบินบ่อยๆ ก็เบื่อ...อยากนอน แกนั่นแหละแปลกนก เป็นนกต้องบินสิ แต่พอลองๆ คิดดูก็คงเป็นอย่างที่เฮียพูดมั้ง...เพราะกรงที่อีกฝ่ายอยู่มันใหญ่มาก ดูไม่อึดอัดเลยซักนิด

ตลอดช่วงบ่ายสามแมวปล่อยเวลาไปกับการนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนดาดฟ้า แดดที่ควรจะร้อนกลับไม่ร้อนเพราะบรรยากาศร่มรื่นจากธรรมชาติสีเขียว ค้นพบแลนมาร์คแห่งใหม่แล้ว สงสัยต้องแวะมาบ่อยๆ



“นี่เฮีย เวลามองวิวจากด้านล่างมันรู้สึกยังไง”



เขาถามขึ้นในตอนที่ชิโน่กับชิลลี่กำลังวิ่งไล่จับกันอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกเดซี่ หลังจากฟังลุงฮอว์คคุยโม้เกี่ยวกับช่วงชีวิตวัยหนุ่มมาหลายชั่วโมงเลยอยากทราบถึงความรู้สึกเวลาได้บินมั่ง นั่นสินะ...ได้บินก็เท่ากับว่าได้เห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ

ถ้าเขาถูกสาปให้เป็นนกคงฟินกว่านี้



“สมัยเด็กๆ ก็ตกใจ พอโตมาก็เฉยๆ”

จ้ะ แปลกอะไร ก็บินมาทั้งชีวิตแล้วนี่เนอะ “นี่เฮีย ไว้ว่างๆ พาผมออกไปบินดูรอบเมืองหน่อยสิ”



เป็นความฝันตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่ง เขาอยากกำกับหนังสั้นซักเรื่องที่มีมุมมองมาจากบนฟ้า จริงอยู่ว่าของแบบนั้นใช้โดรนถ่ายทำก็สามารถเก็บภาพได้ หากสิ่งที่มิวนิคอยากได้คือความรู้สึกจริงๆ เป็นความรู้สึกเวลาอยู่บนท้องฟ้าที่ต่อให้ใช้โดรนกี่ร้อยตัวก็คงเก็บภาพเหล่านั้นไม่ได้ คิดแล้วก็ตื่นเต้นชะมัด



“ไม่กลัวตกลงมาตายรึไง”

“กลัว แต่อยากลอง”

“หึ แกนี่มันผิดแมว”

“นะเฮียนะ ขอร้องล่ะ” พยักเพยิดหน้าหงึกๆ



ทั้งชีวิต...จำนวนคนที่มิวนิคเคยขอร้องอ้อนวอนสามารถนับเป็นตัวเลขหลักเดียวเลยก็ว่าได้



“ตามใจแกแล้วกัน ยังไงก็คอยดูจังหวะทาสตอนมาเปิดกรงเฮีย ถ้าสบโอกาสก็มา แต่คงไม่เร็วๆ นี้หรอก”

“ได้ครับเฮีย ผมรอได้เสมอ”



เพราะชีวิตการเป็นมิวมิวคงอีกยาวไกล ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คำสาปถึงจะคลายลง ไหนๆ แล้วก็ลองค้นหาความหมายของชีวิตด้วยวิธีการหลากหลายอีกซักหน่อยก็คงไม่แย่เท่าไหร่...



















ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ

บางสิ่งที่ติดอยู่ในใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนสิ่งนั้นก็ยังติดอยู่อย่างนั้น ซ้ำยังยิ่งฝังรากลึกลงไปมากกว่าเดิม จากความรู้สึกดีก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวัง ความเศร้า หรือแม้แต่ความเหงา โดยต้นกำเนิดของความรู้สึกทั้งหมดที่กล่าวมานั้น...

...ความคิดถึง

แม็กซ์เวลพาสัตว์เลี้ยงตัวขาวมานั่งรอเจ้าของต้นแบบชื่อใต้ตึกคณะนิเทศศาสตร์ วันนี้เป็นวันที่เจ้ามิวมิวจะต้องพบคุณหมอตามนัดพอดี เขาเห็นว่าไม่ได้เจอคุณมิวนิคนานเลยอยากแวะมาดูให้หายห่วง

แปลกจริง...แฟนก็ไม่ใช่ เพื่อนกันอีกฝ่ายยังไม่นับ หรืออย่าว่าแต่คนรู้จักเลย ทำไมเขาต้องรู้สึกห่วงคุณมิวนิคขนาดนี้ บางทีสาเหตุหลักๆอาจเพราะฝั่งนั้นหายเงียบไปนาน รวมถึงขาดการอัพเดทโซลเชียลต่างๆ



“เมี้ยว...”

“จอมซน” ส่งสายดุใส่เจ้าตัวขนนุ่มในกระเป๋าอวกาศ

“เมี้ยว เมี้ยวว!”



ยิ่งดุก็ยิ่งดื้อ อยู่ในกรงดีๆไม่ชอบ ชอบออกมาเพ่นพ่าน ทีแรกเขาว่าจะลองเพิกเฉยต่อเสียงร้องประท้วงอันงุ้งงิ้ง แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับดวงตาสีฟ้าอันออดอ้อน อ้อนเข้าไป...รู้ว่าแพ้ก็ชอบอ้อน



“นั่งบนตักเฉยๆ”

“ม๊าว...”



อันที่จริงนอกจากจะกลัวมิวมิวออกมาวุ่นวาย เขาก็กลัวว่าคนอื่นจะเข้ามาวุ่นวายกับมิวมิว ยอมรับเลยว่าเขาเป็นโรคหวงแมว ถึงวันนี้จุดประสงค์หลักจะมาเพื่อนติดตามข่าวคราวคุณมิวนิค แต่ก็ไม่ได้อยากให้คนแปลกหน้าเข้ามาวุ่นวายกับเจ้ามิวมิว อย่างน้อยก็ขอแค่มิวนิคคนนี้เป็นของเขาคนเดียว

ฟุ้งซ่านชะมัดเลยแม็กซ์เวล

นึกไม่ทันเสร็จคนที่สัญจรผ่านไปมาก็แวะเข้ามาทักทายจริงๆ ขนาดเป็นคนแปลกหน้าไม่รู้จักกันก็ยังจะกล้าเข้ามาเล่นกับแมวชาวบ้าน คนพวกนี้โตมาในสังคมแบบไหนกัน...ไม่ชอบ



“เลิกให้คนอื่นเกาคางได้แล้ว”

“ม๊าว (เป็นไรอ่ะ?)”

“ไม่ต้องร้องอ้อน”



เฮ้อออ...เมื่อไหร่ตาทึ่มนี่จะเข้าใจซักทีว่าเขาไม่เคยร้องอ้อน มิวนิคมองบนก่อนจะฟุบศีรษะลงบนหน้าตักอบอุ่น คุยด้วยทีไรก็ปวดหัวทุกที แล้ววันนี้นึกครึ้มอะไรถึงพามาคณะเขาก็ไม่รู้

อ๋อ...สงสัยจะมาหามิวนิค พี่แกเป็นแฟนคลับนี่เนอะ



“คุณมิวนิคยังไม่เห็นลงมาเลย หรือจะกลับไปแล้ว”



นั่นไง ทายผิดซะที่ไหนล่ะ

แมวน้อยหาวหวอดฟังมนุษย์แว่นบนอุบอิบไปเรื่อย รอให้ตายก็ไม่เจอหรอกจ้า เพราะมิวนิคตัวจริงนั่งอยู่บนตักแกเนี่ย ซื่อบื้อจริงๆเลย นี่ถ้าเจ้าตัวรู้ว่าเขาเป็นใครคงไม่พ้นทำหน้าตาเด๋อด๋าแน่ๆ

เป็นตอนนั้นเองที่เก้าอี้ว่างตรงข้ามมีคนมานั่ง ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาผิดระเบียบพร้อมกางเกงยีนส์ มิวนิคจำได้ดี หน้าตากวนเท้าขนาดนั้นมีคนเดียว คู่อริหนึ่งเดียวตลอดกาล

ไอ้ท็อป!



“ไงมึง ได้คุมงานสมใจอยากแล้วล่ะสิ”

“เออ...สบายชิบหาย แค่ชี้นิ้วสั่งๆก็เสร็จละ ถึงว่าไอ้มิวอยากเป็นนักอยากเป็นหนา ที่แท้ก็ขี้เกียจทำงานนี่เอง”

“แหม มึงก็ไปว่ามัน มิวนิคเมธานินทร์คุมงานทั้งทีทุกคนก็ต้องดีใจปะวะ งานออกมาเป๊ะสุด”

“เหอะ ปากหมาแบบนั้นหรอเป๊ะ คนเกลียดแม่งทั้งคณะ ไม่รู้ไอ้หมอกกล้าคบไปได้ยังไง” คนพูดไหวไหล่น่าหมั่นไส้ “แล้วมึงดูนะ อยู่ดีๆก็ไม่มาเรียน ปากบอกว่าให้คนอื่นรับผิดชอบ แต่ตัวเองโดดเรียนจะเป็นเดือนยังมีหน้ามาสอนคนอื่น กูจะอ้วก”

“แอนตี้แฟนคลับจริงๆเลยนะคนนี้ แล้วมึงว่ามันหยุดเรียนหายไปไหนวะ?”

“ดรอป”

“เชี่ยย รู้ได้ไง วงในสัด ขนาดมีคนไปถามไอ้หมอกเป็นสิบรอบมันยังบอกไม่รู้เลย”

“ญาติกูทำงานอยู่ฝ่ายทะเบียนมหาลัย สืบแปปเดียวก็รู้แล้ว”

“มึงแม่งคนจริงว่ะท็อป” อีกคนตบไหล่ปุๆ “เออ...พูดถึงไอ้หมอก กูว่ามันก็เก่งนะ ทำไมมันไม่ถึงไม่รับเป็นเฮดงานนิทรรศการอันต่อไปแทนเพื่อนรักมันวะ”

“เก่งไม่จริงร้อกทั้งไอ้หมอกไอ้มิว มีดีอย่างเดียวแค่บ้านรวย มึงจะเอาอะไรมากกับพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำเป็นมาพูดว่างานทุกอย่างต้องละเอียด เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ถุ้ย...ดูตอนนี้สิ หายหัวเงียบ”



ถ้าเปรียบอารมณ์เป็นดั่งน้ำร้อน อารมณ์ของมิวนิคตอนนี้คงร้อนระอุเสียยิ่งกว่าลาวา ทั้งชีวิตเขายังไม่เคยโดนใครหน้าไหนนินทาด้วยคำพูดหยามเหยียดขนาดนี้มาก่อน เหยียดเขาไม่พอยังเหยียดสายหมอกอีก หน็อย...อยากกระโดดเข้าไปข่วนให้หน้าแหกเหลือเกินไอ้พวกเก่งแต่ลับหลัง!

แต่ไม่ทันจะได้ยันตัวลุกขึ้น ร่างสีขาวก็ถูกท่อนแขนแข็งแรงโอบอุ้มแนบบนแผ่นอกหนา ชายหนุ่มเจ้าของแว่นตาหนาเตอะเดินอย่างเร็วพลันจนรู้ตัวอีกทีเขาทั้งคู่ก็นั่งอยู่บนรถญี่ปุ่นคันสีเหลืองอ่อนเป็นที่เรียบร้อย

หากสิ่งที่ทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อซักครู่ลดระดับลงอย่างน่าใจหายก็คือท่าทางของแม็กซ์เวล เจ้าตัวกำฝ่ามือที่จับพวงมาลัยแน่น คิ้วขมวดมุ่นเป็นปม ลมหายใจฟึดฟัด ดวงตาอันไร้พิษสงเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวราวกับสัตว์ร้าย มิวนิคไม่เคยเห็นมนุษย์แว่นในเวอร์ชั่นน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน



“...ขอโทษนะมิวมิว วันนี้แกคงไม่ได้เจอคุณมิวนิค”

“…..”

“เพราะถ้าขืนอยู่ต่ออีกหน่อย ชั้นคงได้อัดหน้าคน…”



โกรธแทนอย่างงั้นหรอ?

ทำไมล่ะแม็กซ์เวล ทำไมถึงต้องโกรธแทนเขาขนาดนั้นด้วย เราไม่รู้จักกัน เพื่อนก็ไม่ใช่ นายไม่จำเป็นจะต้องมาแบกรับความรู้สึกเกลียดชังพวกนี้เลย เป็นเขาต่างหากที่สมควร...



“แกรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่า?”



เขามองดวงตาสีดำขลับที่กำลังเลื่อนใกล้เข้ามา แม็กซ์เวลกดจมูกแผ่วเบาลงบนหัวทุยๆของแมวน้อยสีขาว ดวงตาสีฟ้าสวยเงยจ้องประสานกัน อีกฝ่ายกำลังอดกลั้นต่อความโกรธ ความโกรธที่เกิดขึ้นจากตัวเขา



“เมี้ยว (ขอบคุณนะ)”



ขอบคุณที่โกรธแทน แล้วก็ขอบคุณที่มีนาย



“แกก็สงสารคุณมิวนิคเหมือนกันใช่ไหม?” จับแมวน้อยขึ้นมาวางบนตัก สางกลุ่มขนเนียนนุ่มไปมา



อ่อนโยน...

สายตาของแม็กซ์เวลเวลาเล่นกับมิวมิวหรือพูดถึงมิวนิคช่างเป็นสายตาอันแสนอ่อนโยนเสมอ มันอ่อนโยนเสียจนบางครั้งเขาก็เผลอจ้องนานเกินไป ราวกับเขาอยากให้ดวงตานั้น...ฝ่ามือนั้น จมูกนั้นสัมผัสร่างกายมากกว่านี้

เป็นอาการของแมวที่ชอบอ้อนเจ้าของ



“เมี้ยว (ไม่หรอก)”



ไม่สงสารแล้วก็ไม่โกรธคนพวกนั้นเลย อาจเพราะความโกรธทั้งหมด...แม็กซ์เวลได้โกรธแทนไปแล้ว โกรธแทนจนกลายเป็นว่าเขาหลุดยิ้ม มันมีจริงๆนะปรากฏการณ์โกรธแทน โกรธแทนแม้เราจะไม่รู้จักกัน

...และก็เขาเริ่มเชื่อเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ












==============================================

เป็นแค่แมวกับเจ้าของจริงๆปะเทออออ

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เขาจะรักกันแล้วล่ะ ตื่นเต้น
สงสารเหมือนกันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
น่ารักจริงๆพวกแมวเวลาอ้อนแต่อย่าให้โกรธนะข่วนได้รอยแสบๆคันๆเลย

ออฟไลน์ mijimaria

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เหมียวมิวน่ารักจัง เริ่มรู้สึกอะไรๆกับแม็กซ์แล้วใช่มั้ยล่ะมิวๆ

ออฟไลน์ 0825

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มิวมิววว อยากจับฟัด
ทำไมหนูแมวได้ขนาดนี้ลูกกก

ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 9



มันเป็นวันที่คุณพระอาทิตย์ทำงานหนักมากกว่าปกติ แสงแดดในยามบ่ายเริ่มสาดส่องรุนแรง แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในหอพักบ้านสุขใจมักจะดูซอฟลงเสมอ...อากาศวันนี้ก็เช่นกัน



“มิวมิวแกตายแน่”

“ให้กำลังใจกันหน่อยได้มั้ย”



หางตกจ้องเพื่อนตัวจิ๋วในโหลแก้วอย่างหมดหวัง ก่อนจะกระโดดลงไปกลิ้งเกลือกบนเตียงนอนด้านล่าง เหลือบมองผลงานชิ้นโบว์แดงของตนที่ถูกกัดแทะเสียจนฟูกนุ่นกระจัดกระจายเลอะห้อง

โทษชิโน่เลย มันพาเขาถูเล็บกับเบาะนั่งหน้าลอบบี้ ทีแรกก็คิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่เหล่าแมวๆ ชอบทำกัน แต่พอได้ลองทำจริงๆ กลับสนุก สนุกจนหยุดไม่อยู่ และความสนุกดังกล่าวก็กำลังจะนำมาซึ่งหายนะในไม่ช้า ฮือ...เขาข่วนที่นอนแม็กซ์เวลจนพังหมด



“วันนี้จะได้เห็นแมวตาย” เสียงหน้าหมั่นไส้บางเบาไหลลอดออกมาจากภาชนะแก้ว



หน็อย...ไอ้มดปากดี ไม่ช่วยไม่พอ ยังจะมาซ้ำเติมอีก

มิวนิคพยายามจะเก็บซากนุ่นเพื่อทำลายหลักฐาน แต่ยิ่งเก็บก็ยิ่งเหมือนจะทำพังกว่าเดิม มือแมวมันไม่ได้มีอิสระในการขยับเหมือนมือมนุษย์ จริงอยู่ที่เราสามารถเคลื่อนที่ได้ว่องไวและไร้เสียงราวกับเหยียบอากาศ แต่ฟังก์ชั่นการทำงานคล้ายกับถูกออกแบบมาให้เน้นเฉพาะเจาะจงไปด้านการทำลายเสียมากกว่า

แอ๊ด...

เสียงบานประตูเปิดออก หัวใจแมวเหมียวเต้นตึกตัก ภาพร่างสูงที่กำลังจะเอ่ยคำทักทายซักอย่างหยุดชะงักลง แม็กซ์เวลกวาดสายตารอบๆ ไปยังซากปรักหักพังในห้อง อันที่จริงก็มีแค่ซากเตียงนอนเน่าๆ

ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าอีกฝ่ายโฟกัสเป็นพิเศษตรงตุ๊กตาดารุมะที่วางอยู่บนชั้นไม้สูงสุด ก่อนจะเบนความสนใจทั้งหมดมายังสิ่งมีชีวิตตัวสีขาวที่กำลังทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวบนที่นอน



“เมี้ยว (งะ ไง...) ”



เดินลงจากเตียงเข้าไปหาเจ้านายผู้นิ่งขรึมอย่างกล้าๆ กลัว ถูใบหน้าไปมาที่กางเกงนักศึกษาสีดำ ไม่พอ...ทิ้งตังลงอ้อนที่เท้าด้วยเลย ดิ้นไปดิ้นมาเขาก็ถูกช้อนร่างขึ้นกลางอากาศจนขาทั้งสองข้างห้อยต่องแต่ง



“ทำใช่มั้ย?” มนุษย์แว่นเอ่ยเสียงเข้ม

“...ม๊าว ม๊าว (อย่าโกรธเลยนะ นี่มิวมิวเอง) ”

“ไม่ต้องเถียงเลย”



ไม่ได้เถียงซะหน่อย ตอนนี้คือกำลังอ้อน อ้อนแบบที่ใครบางคนชอบเข้าใจผิด อีกอย่าง ทั้งชีวิต...มิวนิคยังไม่เคยง้อใครหน้าไหนนอกจากคุณพ่อคุณแม่ จะมีก็สายหมอกอีกคนที่เคยแกล้งเจ้าตัวจนฟันหักตอนสมัยเด็กๆ

แต่แม็กซ์เวลก็คือแม็กซ์เวล ทึ่มยังไงก็ยังทึ่มอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะทำเสียงอ้อนกี่ครั้งก็ถูกตีความว่าเป็นแมวจอมเถียงซะหมด เฮ้อ...เป็นหมอสัตว์ แต่ทำไมไม่เห็นเข้าใจสัตว์เลย ตอนนี้เขากำลังอ้อนอยู่ไงเฟ้ย



“เกเร”

“ม๊าวว (แม็กซ์จ๋า) ”



กระพริบตาปริบๆ อ้อนซ้ำๆ ทำอย่างนั้นอยู่นานจนสายตาดุกร้าวเริ่มทอแสงอ่อนแรงลง ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนมาถูจมูกลงที่พุงขาวๆ อย่างกับกำลังจะสั่งน้ำมูก ไอ้บ้านี่ พุงแมวไม่ใช่ผ้าขี้ริ้วโว้ย เช็ดอยู่ได้ ฮือ...จั๊กจี๋ชะมัด



“ถ้าทำอีกโดนลงโทษ”



ว่าเสร็จก็วางแมวน้อยลงกับพื้น หยิบไม้กวาดพร้อมที่ตักขยะมาตามเก็บซากผลงานของวายร้ายประจำห้อง มิวนิคนอนมองเจ้านายผู้ขยันขันแข็งอยู่บนพื้นไม่ห่าง ใจจริงก็อยากช่วย แต่ติดว่ากำลังเป็นแมวอยู่ ขืนช่วยก็กลัวจะเละกว่าเดิม ไว้ค่อยตอบแทนตอนคืนร่างแล้วกัน

จะว่าไปตาแม็กซ์เวลก็ใจดีจัง โดนทำที่นอนพังขนาดนั้นถ้าเป็นเขาคงจับไอ้แมวผีโยนออกหน้าต่างไปแล้ว ใจดีขนาดนี้แสดงว่าสาวต้องเยอะมากแน่ๆ เลย ถ้าเปรียบเป็นหนังซักเรื่องเจ้าตัวก็คงเป็นพวกพระเอกซื่อบื้อตามใครไม่ค่อยทัน

แต่เอ๊ะ!? แล้วทำไมเขาจะต้องมาคิดเรื่องสาวๆ ของตาทึ่มนี่ด้วยล่ะเนี่ย

แมวน้อยสะบัดศีรษะไล่ความฟุ้งซ่าน ค่อยๆ กระโดดขึ้นไปบนที่นอนอีกฝั่ง ย่างเท้าเนิบนาบนั่งขดลงในท่าแม่ไก่อย่างสงบเสงี่ยมดูเจ้านายแว่นหนาที่เปลี่ยนมาไถหน้าจอดไอแพดได้ซักพัก



“เช็คราคาฟูกอันใหม่อยู่ ก็แกทำพังหมด”

“เมี้ยว... (ขอโทษ) ” ร้องเสียงจ๋อย

“หึ หน้าตาไม่หยิ่ง ไม่สมกับเป็นแกเลย”



แม็กซ์เวลหลุดขำก่อนจะเอื้อมมือไปอุ้มตัวขาวที่นั่งทิ้งระยะห่างมองมาเป็นโยชน์วางบนตัก คงจะอยากนอนตรงนี้มากล่ะสิท่า แต่ก็กล้าๆ กลัวๆ เพราะมีความผิดเป็นชนักติดหลังอยู่

...มิวมิวตอนหงอก็น่ารักดี

ชายหนุ่มลูบทุยหัวเป็นสัญญาณว่าไม่ได้โกรธแล้ว ก่อนดวงตาสีฟ้าจะเงยขึ้นมองแล้วเริ่มถูใบหน้าลงบนแผ่นท้องกำยำของเจ้านายตัวโตอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ส่งเงียงงุ้งงิ้งทำเอาคนฟังอมยิ้ม

แพ้ตั้งแต่โดนอ้อนแล้วมิวมิว



“วันนี้คงต้องนอนแบบนี้ไปก่อน”

“…..” มองตาปริบๆ

“ไม่ได้ว่า”



นั่งเล่นให้แมวน้อยอ้อนอยู่นานก็ได้เวลาออกกำลังกาย มิวนิคไล่มองร่างสูงโปร่งที่ค่อยๆ ปลดเปลื้องชุดนักศึกษาออกเนิบนาบจนเหลือแค่เพียงเสื้อกล้ามสีขาว ชายเสื้อชั้นในตัวบางที่เผอิญถูกลมธรรมชาติจากหน้าต่างปลิวพัดผ่าน กระเพื่อมให้เห็นวีเชฟใต้สะดือที่กำลังเข้ารูปพอดิบพอดี

สวยจังเลย...

ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาค้นพบว่าแม็กซ์เวลเป็นคนไม่ชอบออกไปไหน เรียนเสร็จก็กลับหอทันที พอกลับมาก็จะนั่งไถไอแพดจนห้าโมงหน่อยๆ แล้วจึงเริ่มการออกกำลังกาย ซึ่งกายออกกำลังกายก็จะเน้นหนักไปทางกระชับสัดส่วนหรือเรียกเหงื่อ อาทิเช่น แพลงค์ ซิทอัพ หรือวิดพื้น

เนื่องด้วยเจ้าตัวไม่ได้เล่นหนัก หุ่นจึงไม่ได้หนาบึกเหมือนอย่างพวกออกกำลังกาย หากแต่วินัยที่ขยันทำเป็นประจำ...หุ่นของแม็กซ์เวลที่ออกมาก็ดูไม่แย่เลย กลับกัน...มิวนิคคิดว่ามันเฟิร์มจนน่าอิจฉา

ถ้าให้บอกความลับหนึ่งอย่างของการเป็นแมว...เขาคิดว่าการแอบดูเจ้านายออกกำลังกายทุกวันตอนห้าโมงเย็นคงเป็นอะไรที่หื่นเอามากๆ ...เขาชอบความเพอร์เฟ็ค ซึ่งหุ่นของแม็กซ์มันช่างเข้าใกล้กับคำคำนั้น แอบมีความคิดว่าถ้าคืนร่างเป็นมนุษย์ก็อาจจะติดต่ออีกฝ่ายไปถ่ายปกนิตยสารมหาวิทยาลัยซักครั้ง

แต่คิดดูอีกทีไม่เอาดีกว่า เขาห่วงว่ะ ไม่อยากให้คนอื่นมาเห็นหุ่นอันสมบูรณ์แบบนี้ ยิ่งพอรู้ว่าตาหมอนี่ซื่อบื้อมากๆ ก็ยิ่งหวง ถ้าไปถ่ายคงถูกพวกองค์การนักศึกษาหลอกใช้จนพรุน หรือไม่ก็โดนเต๊าะจนเอ๋อ

เอาเป็นว่าขอหวงในฐานะสัตว์เลี้ยง



“มิวมิวแมวหื่น”



เจ้าของชื่อพูดพร้อมเดินตรงเข้ามานั่งใกล้ๆ ถอดเสื้อกล้ามสีขาวโยนลงตะกร้า กลิ่นเหงื่อที่ปะปนมาพร้อมกับฮอร์โมนบางอย่างลอยผสมกับกลิ่นมิ้นท์จากเทียนหอมกลิ่นมิ้นท์คละคลุ้งห้อง มิวนิคคิดว่ามันเป็นกลิ่นที่หอมมาก ไม่รู้ว่าหอมกลิ่นเหงื่อแม็กซ์เวลหรือหอมกลิ่นมิ้นท์กันแน่ รู้แค่เพียงว่า...

มันเป็นกลิ่นที่หอมสุดๆ เลย

เขาถือว่าเวลานี้เป็นโอกาสเหมาะในการแอบลอบมองหุ่นสมส่วนอันน่าอิจฉานั่น หน้าอก กล้ามท้อง ทุกอย่างมันช่างสมส่วนไปหมด เขาคิดว่าตนเองกำลังเป็นแมวหลงเจ้าของ

หลงในที่นี้คือ...หลงใหล หลงใหลไปหมดทุกสรรพางค์ร่างที่เป็นแม็กซ์เวล ถ้าประโยคที่ว่าต้องรีบกลับห้องเพราะกลัวแม็กซ์เวลดุเป็นเรื่องโกหก เหตุผลที่ทำให้ต้องโกหกก็คงเพราะต้องรีบกลับมา...

แอบดูหุ่นแม็กซ์เวล



“ม๊าว! (อะไรเล่า) ”



เขาก็แค่มองหุ่นอีกฝ่ายเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ศิลปะที่จับต้องได้ อบอุ่น แข็งแรง น่าสัมผัส การเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ก็เหนื่อยแบบนี้ พอหลงใหลสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้ามากๆ ไม่สามารถควบคุมอาการคลั่งอย่างที่เป็น

หรือบางทีเขาอาจจะไม่ใช่เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์

เขาอาจเป็นแค่...มิวมิวแมวหื่นอย่างที่แม็กซ์เวลว่า



งั่ม!



“ซน”



ฝังคมเขี้ยวลงบนหน้าท้องแข็งๆ อย่างอดใจไม่ไหว ตาแม็กซ์เวลคงต้องหาว่าเขาเป็นแมวโรคจิต แต่ช่างหมอนั่นเถอะ เขาไม่สนแล้ว ตอนนี้ขอแค่ได้ทำตามความฝัน ความฝันที่จะได้กัดกล้ามท้องนั่น อ่า...มันเขี้ยวว่ะ ไม่อยากหยุดกัดเลย แมวทุกตัวทำแบบนี้กับเจ้าของหรือเปล่า?



“พอแล้วน่า”



อีกฝ่ายไม่ได้ห้าม ซ้ำยังวางฝ่ามือทาบไปตามกลุ่มขนนุ่ม วินาทีนั้นมิวนิคเงยหน้ามอง ดวงตาสีฟ้าจ้องประสานกับนัยน์ตาสีดำ มันเป็นวินาทีเดียวที่อีกฝ่ายสบถชื่อของเขาในร่างมนุษย์ออกมาอย่างไม่รู้ตัว



“…มิวนิค”



จิตใต้สำนึกอย่างนั้นหรอ?

แม็กซ์เวลหน้าแดงไม่มีสาเหตุ เขาลุกขึ้นเดินออกไปยังนอกระเบียงทันที ปล่อยให้แมวน้อยเอียงศีรษะสงสัยงุนงง มิวนิคฉุกคิดถึงประโยคที่อีกฝ่ายบอกว่าเขาเหมือนมิวนิค อีกนัยหนึ่งก็คือเจ้ามิวมิวหน้าเหมือนตัวเขา ซึ่งหมายความว่าตาทึ่มชื่นชอบเขามากขนาดนั้นเชียวหรือ

เฮ้อ...ฮอตจังวะมิวนิค



“ตามจังเลยนะวันนี้”

“ม๊าว (เขินแมวอ่ะดิ) ”

“…รู้แล้ว ไม่โกรธแล้ว”



มิวนิคกระโดดขึ้นไปนั่งบนขอบระเบียง จ้องมองใบหน้าคมคายที่ตอนนี้ปราศจากแว่นตาหนาเตอะ ปล่อยให้บทสนทนาที่ไม่เคยเข้าใจตรงกันลอยล่องหายไปตามห้วงอากาศโดยไม่คิดจะแก้ไข

แม็กซ์เวลก็คือแม็กซ์เวล มิวมิวก็คือมิวมิว ต่างคนต่างเป็นตัวตนในแบบที่ตัวเองเป็น ถ้ามีความสุขและไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง นี่นับว่าเป็นความหมายของชีวิตหรือเปล่านะ…?

“มิวมิว…”

กลิ่นเหงื่อยังคงลอยติดจมูกจางๆ ด้วยแรงลมธรรมชาติอันบางเบา แสงแดดในยามโพล้เพล้ส่องกระทบจนเห็นแค่เพียงเสี้ยวหน้าอันย้อนแสงของผู้พูด

ภาพที่เห็นทำเอาเขาอยากได้แม็กซ์เวลไปเล่นละครเวทีซักเรื่องของคณะ จะเป็นบทพระเอก พระรอง พ่อบ้านหรือคนขับรถอะไรก็ได้ ขอแค่ทุกคนได้เห็นเสน่ห์ของชายคนนี้เหมือนที่เขาเห็น



“.....”



ฟังดูย้อนแย้ง...แต่คิดดูอีกทีไม่เอาดีกว่า ก็เหตุผลเดิม เขาเริ่มหวง... และถ้าถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงหวง ก็อาจเพราะมาจากประโยคที่อีกฝ่ายกำลังจะพูดถัดไป



“วันนี้แกทำตัวน่ารัก”























ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



“เมี้ยว…”



มือหนาช้อนร่างสีขาวที่กำลังนั่งทำหน้าบ๊องแบ๊วมองมาอยู่บนโซฟาล็อบบี้ ข้างๆ เป็นเจ้าชิโน่สิ่งมีชีวิตตัวสีดำพ่อบ้านประจำหอ แม็กซ์เวลไม่รู้ว่ามิวมิวลงมาได้ยังไง แต่ท่าทางแบบนี้แสดงว่าแอบลงมาบ่อย

นี่ถ้าเขาไม่โดนน้องยูทำสารเคมีหกใส่จนต้องรีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนออกไปซื้อฟูกอันใหม่อย่างที่วางแผนไว้ เหมียวน้อยจอมเจ้าเล่ห์คงไหวตัวทัน

ร้ายจริงๆ เลยมิวมิว



“บอกว่าไม่ให้ลงมา” ก้มลงทำหน้าดุใส่ตาสีฟ้า



เขาไม่อยากล็อคประตูระเบียงด้านที่เป็นกระจกเพราะกลัวน้องหายใจไม่ออก จึงปิดแค่ประตูบานเกล็ดเอาไว้ แต่ดูแมวดื้อทำสิ ชอบออกไปเที่ยวเกเรลับหลังตลอดเลย



“เมี้ยว เมี้ยว...”

“ไม่ต้องอ้อน”



วางเจ้าตัวที่ร้องเงี้ยงง้าวมาตลอดทางไว้บนซากฟูกปรักหักพังอันเก่า ก่อนจะเดินไปยังหน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดเปลี่ยน เหลือบมองเจ้าของดวงตาสีฟ้าที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกมองมาทางเขา แม็กซ์เวลคิดว่าเจ้ามิวมิวชอบแอบมองเวลาเขาเปลี่ยนเสื้อ อาบน้ำ หรือออกกำลังกายเอามากๆ

พี่หมอบอกว่าแมวเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็น ยิ่งวัตถุที่ขยับหรือเคลื่อนไหวได้น้องแมวยิ่งชอบ แต่เขาเริ่มไม่มั่นใจซะแล้วสิว่าเจ้าแมวตัวนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แค่ชอบมองเขาทำกิจกรรมต่างๆ หรือกำลังอยากกัดกล้าม?

...มิวมิวแมวหื่น



“ม๊าว...”

“จะไปซื้อฟูกใหม่”



เขาว่าขึ้นในตอนที่หยิบเสื้อคลุมแขนยาวขึ้นมาสวม มิวมิวเดินเข้ามาใกล้ ถูศีรษะไปมาที่หน้าแข้งของราวกับกำลังอ้อนจะเอาอะไรซักอย่าง เขาว่ามิวมิวติดอ้อน...ยิ่งนานวันก็ยิ่งขี้อ้อน



“…ม๊าว”

“เดี๋ยวซื้อปลาทูมาฝาก”

“ม๊าว ม๊าว ม๊าว!!”



เหมียวน้อยโวยวายดังกว่าเดิม ชายหนุ่มขมวดคิ้ว นั่งลงยองๆ ก้มมองเจ้าตัวเสียงดัง เป็นอะไรของมิวมิว ตอนเช้าก็ให้ข้าวแล้วนี่นา หรืออยากให้เล่นด้วย แต่ก็ไม่น่าใช่ ท่าทางมิวมิวดูกำลังเรียกร้องความสนใจ



“จะไปด้วย?”

“เมี้ยว!” คราวนี้จอมซนกระโดดขึ้นมาตะกุยตะกายแผ่นอกเขาราวกับฟังภาษาคนรู้เรื่อง

“ไปทำไม คนเยอะ”

“เมี้ยว!!” เหมียวน้อยไม่หยุดโวยวาย

“มิวมิว...”

“ม๊าว...”



ถูหน้าคลอเคลียมากกว่าเดิม ดวงตาสีฟ้ากระพริบปริบๆ คนถูกอ้อนอมยิ้ม หัวใจทาสแมวเต้นตึกตักราวกับจะระเบิดออกมาจากอก มันเป็นความรู้สึกอะไรกัน? มันพองโตเหมือนร่างกายจะโบยบิน แค่โดนแมวอ้อนถึงกับต้องมีความสุขขนาดนี้เลยหรอแม็กซ์เวล?

อาการหนักแล้ว

ชายหนุ่มมาถึงห้างสรรพสินค้าใกล้หอพร้อมกระเป๋าเป้สะพายข้างหน้า ด้านในบรรจุสิ่งมีชีวิตตัวสีขาวช่างอยากรู้อยากเห็น หูตั้งชะโงกหน้าออกมาสอดส่องไปมาตลอดทางอย่างตื่นตาตื่นใจ

เขากลายเป็นคนติดแมวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ถึงขนาดต้องพกแมวไปด้วยทุกที่ ขืนพวกน้องยูรู้ต้องล้อไม่เลิกแน่ๆ แต่ช่างเถอะ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเขาที่เต็มใจพาแมวดื้อมาเอง ไม่มาเดี๋ยวก็ร้องงอแงอีก



“ห้ามดื้อ”

“ม๊าว...”



เจ้าเหมียวขานรับพร้อมเงยหน้าขึ้นมามอง มิวมิวในตอนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าจับฟัดพุง น้องไม่ร้องไม่งอแงเลยซักนิด แถมยังทำตัวเงียบๆ หงิมๆ ตามที่บอกทุกอย่าง แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาหมั่นเขี้ยวจนต้องเอื้อมมือไปลูบหัวแมวขี้อ้อนตลอดทาง

กว่าจะถึงโซนเครื่องนอนก็ปาไปหลายนาทีเพราะเจ้าของแมวน้อยกับแมวน้อยมัวแต่หยอกล้อกันไม่หยุด พอจับมากๆ เข้าก็กัด หากเป็นการกัดที่ไม่ได้จริงจังนัก มิวมิวก็แค่คันฟันหรือไม่ก็รำคาญ

แม็กซ์เวลรู้สึกว่าผู้คนโดยรอบแอบมองเขา สาเหตุหลักน่าจะมาจากมิวมิว ถ้าว่ากันตามจริงมิวมิวก็นับเป็นแมวไทยที่สวยมากๆ ตัวนึง แถมยังเป็นพันธ์ขาวมณีหนึ่งในลิสต์แมวไทยอันแสนหายาก

บางคนอาจคิดว่าแมวทุกตัวก็หน้าตาเหมือนๆ กัน ทว่าสำหรับทาสแมวแล้ว น้องแมวทุกตัวช่างแตกต่าง บางตัวน่ารัก บางตัวสวย บางตัวติ๊งต๊อง ก็เหมือนกับมนุษย์เราที่มีทั้งหน้าตาดีและไม่ดี

มิวมิวจัดอยู่ในประเภทแรก ถ้าในโลกของแมวมีการประกวดความสง่างาม เขามั่นใจว่าน้องต้องติดอันดับต้นๆ ของการประกวดแน่นอน

ชักจะเริ่มหวงซะแล้วสิ...



“สรุปส่งที่หอพักบ้านสุขใจนะครับ”

“ครับ”

“น้องแมวสวยดีนะครับ” พี่คนขายอมยิ้ม

“คะ...ครับ”



แม็กซ์เวลตอบกลับเก้ๆ กังๆ เขาไม่ชินกับการถูกทักโดยคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก แถมยังถือวิสาสะมาลูบหัวเจ้ามิวมิวอีก อยู่ๆ ความคิดจับแมวน้อยเจ้าเสน่ห์ขังไว้ในห้องก็ผุดขึ้นมาในหัว ไหนๆ ก็เลี้ยงในระบบปิดอยู่แล้ว ขังไว้ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันคงไม่เป็นไร



“ม๊าว...”



เจ้าเหมียวในกระเป๋าเป้ร้องทักราวกับอ่านใจได้ แม็กซ์เวลโคลงหัวก่อนจะพาน้องเดินออกมาจากโซนตรงนั้น ค้นพบว่าการเลี้ยงแมวทำให้เขากลายเป็นคนนิสัยเสีย ขี้หวงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าคุณแม่รู้คงโกรธแย่ เพราะท่านเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนชอบแบ่งปัน ไม่ใช่คนหวงแมวแบบนี้...

แย่จริงๆ เลยแม็กซ์เวล



“ม๊าววว!!”

“อะไรมิวมิว?”

“ม๊าวว ม๊าวว!!”



มิวมิวเริ่มการงอแงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ยิ่งถามก็ยิ่งเหมือนว่าน้องอยากจะกระโดดเข้าไปในโซนข้าวของเครื่องใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงตอนเราเดินผ่าน เขาคิดว่ามิวมิวอยากได้ของ แต่ไหนสัญญากันไว้แล้วไงว่าจะไม่ดื้อ สุดท้ายก็แผลงฤทธิ์จนได้



“มิวมิว...”

“เมี้ยวว!”



น้องจ้องเขาสลับกับตะกร้าไม้รูปทรงกลมตัดครึ่งไม่หยุด และนั่นคงเป็นสัญญาณอันชัดเจนแล้วว่าคุณมิวมิวจะต้องได้ที่นอนอันใหม่ภายในวันนี้ แล้วมีหรอทาสผู้ซื่อสัตย์จะปฏิเสธได้ ร่างสูงลอบถอนหายใจ

ถ้าว่ากันตามจริง...เรื่องสภาพทางการเงินนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับแม็กซ์เวลเลย เพราะเขามีงานพิเศษอย่างเช่นการเทรดหุ้นที่พอจะได้ค่าขนมจำนวนหนึ่งมาใช้ได้ตามอำเภอใจบ้าง แต่ที่กำลังอึกอักอยู่ก็เนื่องมาจากไม่อยากตามใจแมวบางตัวจนเสียแมว

ทว่ามิวมิวก็คือมิวมิว อยากได้อะไรก็ต้องได้ บวกกับประเด็นเรื่องมิวมิวควรมีที่นอนของตนเองเป็นกิจลักษณะลอยแว้บเข้ามาในหัว สุดท้ายที่นอนตะกร้าสีน้ำตาลอ่อนจึงตกเป็นของเจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวไปโดยปริยาย

มาซื้อที่นอนคนก็เลยได้ที่นอนแมวมาพร้อมซะงั้น...



“ทีหลังไม่พามาแล้ว”

“ม๊าว ม๊าว...”

“ไม่ต้องมาร้องอ้อน”



เขาเหนื่อยจะพ่ายแพ้ให้กับดวงตาสีฟ้าเบื้องหน้า หากเป็นไปได้ก็ไม่อยากมองนานนักหรอก มองทีไรใจอ่อนทุกที วิทยาศาสตร์ควรทำการวิจัยได้แล้วว่าดวงตาของแมวมีผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์



“…..”



เป็นตอนนั้นเองที่ท่าทาของมิวมิวเปลี่ยนไป น้องหลบกลับเข้าไปอยู่ในกระเป๋า ไม่ส่งเสียง ราวกับกำลังหลบอะไรอยู่ซักอย่างซึ่งเขาไม่รู้ เขาไม่เคยเห็นมิวมิวเป็นแบบนี้มาก่อน



“มิวมิว...”

“…..”

“กลับบ้านเราไหม?”

“เมี้ยว...”



อีกฝ่ายส่งเสียงตอบ หากแต่เบาบางเสียจนแทบกลายเป็นกระซิบ อาจเป็นสัญชาติญานของแมว มิวมิวอาจพบสิ่งเร้าบางอย่างที่ไปกระตุ้นให้เจ้าตัวรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย



“ไม่เป็นไรแล้ว...”



ฝ่ามือใหญ่ว่างทาบลงบนกระเป๋าเป้หน้าท้องส่งผ่านความปลอดภัยเข้าไปถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านใน ต่อให้อันตรายที่เขาไม่รู้กำลังใกล้เข้ามา เขาก็พร้อมจะปกป้องมิวมิวเสมอ

ก็มิวมิวเป็นของเขา...

หูตั้งอาการดีขึ้นตอนขึ้นรถ ออกมาเดินเพ่นพ่านแถมยังปีนป่ายอย่างที่ชอบทำเหมือนเคย แม็กซ์เวลคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมมาตลอดทางออก เพิ่งรู้ว่าตนเองขมวดคิ้วก็ตอนที่เจ้ามิวมิวเลิกกลัว



“ก่อเรื่องทั้งวัน”

“เมี้ยว เมี้ยว”



ส่งเสียงเจื้อยแจ้วคล้ายอยากคุยด้วย แม็กซ์เวลหลุดยิ้ม ยีหัวน้อยๆ ด้วยความมันเขี้ยว ถ้าคุยภาษาแมวออกเขาคงถามเจ้ามิวมิวไปแล้วว่าเมื่อซักครู่เป็นอะไร แต่ช่างเถอะ...น้องอาการดีขึ้นเขาก็อุ่นใจ

กลับถึงห้องได้ไม่นานฟูกที่สั่งไว้ก็มาส่ง แม็กซ์เวลไม่ชอบเตียงที่ยกสูงจนมีพื้นที่ว่างด้านใต้ มันให้ความรู้สึกวูบโหวงและเงียบเหงา เขาชอบเตียงเตี้ยๆ ที่เป็นฟูกพร้อมผ้าปูที่นอน รวมถึงห้องใหญ่ๆ เขาก็ไม่ชอบเพราะพื้นที่ใช้สอยเกินความจำเป็น อยู่แบบเล็กๆ แต่จัดสรรได้สะดวกๆ แบบนี้ยังรู้สึกดีกว่า

ขณะนั่งย้อนแชทเพื่อนๆ ในกลุ่มอยู่บนเตียงสายตาก็เหลือบไปเห็นจอมซนประจำห้องกำลังแทรกตัวเข้าไปในตะกร้าที่ซื้อมาใหม่ เขาว่ามันเล็กจนอาจทำให้นอนไม่สบาย แต่พอเลือกอันที่ใหญ่กว่ามิวมิวก็ร้องเสียงดังเหมือนไม่พอใจ



“ทำอะไรมิวมิว”

“……” ไม่ตอบ พยายามแทรกตัวเข้าไปในตะกร้าน้อยๆ ให้ได้



ที่แรกเขาว่าจะเอาไปเปลี่ยนเป็นไซส์ที่ใหญ่กว่าภายหลัง เพราะดูยังไงมันก็ไม่พอดีตัวสำหรับเจ้าเหมียว ทว่าภาพที่เห็นกลับทำเอาชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วมุ่น



“หายใจออกหรอนั่น”

“เมี้ยว...”



น้องส่งเสียงพอใจ ดูจากการที่ไม่มีการดิ้นขัดขืนในเตียงนอนแคบๆ แบบนั้นเลย ขาชี้ฟ้า ลำตัวบิดไปคนละทาง ศีรษะมุดลงไปอยู่ด้านใต้ เหมือนกำลังเล่นกายกรรมมากกว่านอน บางทีแมวก็ชอบทำตัวแปลกๆ

แต่เอาเถอะ...ถ้าคุณมิวมิวบอกว่าโอเคเขาก็ต้องว่าไปตามนั้น



“เดี๋ยวก็คอหัก”



ชายหนุ่มว่าอย่างไม่สนใจก่อนจะก้าวขึ้นเตียงไปไถหน้าจอกระจกตามเดิม บางวินาทีทำเขาอมยิ้มเมื่อหันไปมองแล้วพบว่ามิวมิวยังคงอยู่ในท่าเดิม แน่นิ่ง ไร้การขยับ ตกลงจะหลับในท่านั้นจริงๆ หรอคุณ



“ม๊าว...”



หากเขาเข้าใจผิดไปเองคนเดียว เข้าใจผิดไปว่าเตียงนอนที่ซื้อมาใหม่จะกลายเป็นเตียงนอนประจำของเจ้าจอมซน แต่ในความเป็นจริงคือไม่ใช่เลย มิวมิวยังคงกลับขึ้นมานอนข้างเขา หรือบนตัวเขา นี่สินะที่เรียกว่าไม่มีสัจจะในหมู่แมว



“ไปนอนที่นอนตัวเองซี่”

“เมี้ยว...”



เหมียวน้อยอ้าปากกว้างหาวหวอดแทนคำตอบทั้งๆ ที่ยังอยู่บนแผ่นอกเจ้านายตัวโต เขาโคลงหัว แอบคิดในใจถึงวีรกรรมแมวดื้อที่ผ่านมา แปลกที่เขากลับไม่โกรธ ซ้ำยังหลุดยิ้มเมื่อยกมือขึ้นสัมผัสที่ริ้วแก้มแล้วพบว่าตัวเองกำลังอมยิ้ม

ยิ้มตอนคิดถึงแมวของตัวเองเนี่ยนะ ชายหนุ่มพยายามข่มตาคิดหาเรื่องราวมาปะติดปะต่อ บางทีอาจเป็นเพราะเขาวาดมิวมิวให้เป็นเหมือนตัวแทนคุณมิวนิค เวลาเจ้าตัวทำอะไรก็เลยชวนอมยิ้มออกมาเสมอ อาจดูแปลก...แต่ทั้งหมดกลับเป็นการกระทำที่เขาไม่คิดจะแก้ไข

แบบนี้ก็ดีแล้วเหมือนกัน...











      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ







==============================================

พบคนหลงแมวหนึ่งอัตราค่าาา

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เขารักกันแล้วสินะ เมี้ยว

ออฟไลน์ naezapril

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ขี้​อ้อน​จังเลยน้าาาสส

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
มิวมิวเริ่มหวงแม๊กซ์ในตอนนี้แบบสัตว์เลี้ยงหวงนายถ้าตอนเป็นคนได้เป็นแฟนจะหวงขนาดไหน

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
มิวมิว เจ้าแมวเอาแต่ใจจ
ตอนท้ายนี่มิวมิวเห็นอะไรล่ะเนี่ย สงสัยย

ออฟไลน์ XXX

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอยยยยย น่ารักมากๆเจ้ามิวมิว พระเอกก็แซ่บบบ

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่านแล้วต้องอมยิ้มไปกับความขี้อ้อนของมิวมิว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WickedWish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-5


Meow 10




“นี่โน่ ทำไมแมวเราถึงต้องนอนทั้งวันด้วยล่ะ”



เขาถามชิโน่ขึ้นในตอนที่เราต่างนอนเรียงรายอยู่ข้างกระถางดอกเดซี่ ร่มเงาจากหลังคาห้องเก็บของบนชั้นดาดฟ้ายื่นบดบังแสงแดดพอดิบพอดีทำเอาแมวน้อยทั้งสามหลับตาพริ้มอิ่มเอมราวอยู่กับบนสรวงสวรรค์

หอพักบ้านสุขใจเหมือนเป็นสถานที่เดียวบนโลกที่ถูกละเว้นไม่ให้สภาพอากาศมีความสุดโต่งจนเกินไป แม้บริเวณที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์อย่างบนดาดฟ้าก็ยังมีลมพัดผ่านเย็นสบายจนน่านอนไปทั้งวัน



“เพราะเราต้องเก็บพลังงานไว้ล่าตอนกลางคืนไง” คนถูกถามจิ๊ปากคล้ายขัดใจ

“ล่าพวกหนูอะไรแบบนี้หรอ?” มิวนิคเอียงศีรษะสงสัย



ขนาดต้นไม้คุณป้ายังดูแลดีขนาดนี้ สังเกตได้จากลักษณะดินที่ถูกพรวนอยู่บ่อยๆ แล้วคุณป้าจะเลี้ยงแมวให้อดอยากถึงขนาดต้องออกล่าหนูกินได้ยังไงกัน ไม่มีทางหรอก...ชิโน่ต้องมั่วแน่ๆ พุงก็อ้วนพุ้ยจากอาหารเม็ด มันจะเอาเวลาไหนไปล่าวะ



“…..”

“ชิโน่...”

“ฟี้....”



อ้าว...หลับซะงั้นไอ้แมวนี่ คุยๆ อยู่ก็หลับใส่กันได้หรอ

แต่จะว่าแบบนั้นก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะเวลานอนเล่นบนตักแม็กซ์เวล มิวนิคก็มักจะผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายเช่นกันเมื่อถูกลูบหัวหรือเกาคาง อ่า...นึกแล้วก็คิดถึงหมอนั่นขึ้นมาเลยแฮะ ใครบอกกันว่าแมวไม่สนใจเจ้าของ เขาจะค้านหัวชนฝา มิวนิคตั้งตาตั้งตารอคอยการกลับมาของมนุษย์แว่นทุกวัน

เขาอยากกัด...กล้าม



“แกดูติดเจ้าของนะ”

“หืม?”



เลื้อยมองต้นเสียงแค่ส่วนศีรษะทั้งๆ ที่ยังนอนแผ่หลาอยู่กับพื้น เขาว่าแมวติดนิสัยขี้เกียจ แค่จะขยับทีก็รับรู้ได้ถึงความยากลำบาก ร่างกายมันปวกเปียกไปหมด อะไรก็ได้ขอแค่ไม่เสียพลังงานมาก...เหล่าแมวๆ ยอมทำหมดแม้ว่าท่าทางที่ออกมาจะสุดพิสดาร

พูดถึงเจ้าของก็นึกถึงวันที่เราไปห้างกัน วันนั้นมิวนิคเผอิญเจอกับไอ้โจรอ้วนผอมแก๊งค์นักอนุรักษ์แมวจอมปลอม หน็อย...เพราะอยู่ในร่างมิวมิวเขาถึงหลบหรอก อย่าให้ได้เจอกันในร่างมิวนิคนะ วิชาเทควันโดที่เรียนมาได้ถูกงัดเอาออกมาใช้แน่ๆ



“ชั้นไม่เคยเห็นแมวที่ไหนต้องรีบกลับห้องเพราะกลัวเจ้าของดุ แกทำตัวเหมือนหมา”

“ก็หมอนั่นบอกว่าจะขังผมนี่หว่า”

“ถามจริง แกกลัวโดนขัง?”



ลุงฮอว์คหรี่ตาจับผิดจนเขาหมั่นไส้ ทว่าพอลองๆ คิดตามดู...ความสับสนก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ มันเป็นความรู้สึกที่กำลังโอนเอนไปมาระหว่างความกลัวโดนขังกับกลัวแม็กซ์เวลโกรธ

และที่แย่ก็คือน้ำหนักอย่างหลังดันมีมากกว่า...

เขาชวนลุงฮอว์คเปลี่ยนทอปปิคการคุยเป็นเรื่องชีวิตสมัยวัยรุ่นของพ่อนกอินทรีย์มากเสน่ห์ ดีหน่อยที่ไอ้ลุงบ้านี่ติดกับง่ายๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องระแวงกับการถูกมองว่าเป็นแมวติดเจ้าของ แค่รู้อยู่แก่ใจตนเองก็เสียเซลฟ์จนอยากมุดดินหนี มิวนิค เมธานินทร์ต้องไม่มีมุมกลายเป็นของเล่นเดิมตามหลังใครต้อยๆ โว้ยย!



“แล้ว...ทาสลุงใจดีไหม?”

“ดีสิ ทาสชอบขึ้นมาเล่นด้วยตอนเช้าๆ กับเย็นๆ”



คงจริง เพราะท่าทางของลุงฮอว์คดูมีความสุขเวลาพูดถึงเจ้าของ ฟังแล้วก็อยากเจอขึ้นมาเลย แต่คงยาก...ก็เวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่เขาจะต้องอยู่กับแม็กซ์เวล และตานั่นคงไม่ปล่อยให้แมวน้อยตัวดีหายหัวไปไหน เอาเป็นว่านั่งฟังลุงเล่าไปแบบนี้แทนแล้วกัน

เห็นลุงก็นึกถึงสายหมอก เขาไม่ได้ว่าหน้าตาไอ้เพื่อนรักเหมือนนกอินทรีย์หรอก ก็แค่...มันเป็นความรู้สึกอันแสนคิดถึง คิดถึงราวกับไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนาน แม้ว่าช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาอีกฝ่ายมักจะมารอรับกลับที่ลานจอดรถตอนเที่ยงคืน

เขาไม่เคยขอ สายหมอกมาเอง



“อยากกินอะไรมั้ย”

“ใจดี”

“เผื่อมึงไม่ได้กินอะไรที่อยากกิน”



และมันก็จะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งในคืนวันอาทิตย์ที่จะมีคนมารอส่งกลับบ้านแมว หลังจากที่ทั้งวันถูกปล่อยให้ทำกิจวัตรตามอำเภอใจ เขาเล่าเรื่องประสบการณ์ต่างๆ ที่ไปเจอมา ทั้งเรื่องของแอนโธนี่ เรื่องของลุงฮอว์ค เรื่องของชิโน่กับชิลลี่ รวมถึงเรื่องของเจ้านายตัวโต…

แม็กซ์เวล



“เป็นแฟนกับแฟนคลับตัวเองก็ไม่เลวนะ”

“เป็นแค่แมวเฉยๆ มั้ยล่ะ”

“ก็เวลามึงเล่า ดวงตามึงมัน...มีความสุข”



แปลกที่หลังจากประโยคนั้นเขาไม่หาคำอธิบาย เพราะเขามีความสุขจริงๆ เป็นความสุขที่เรียบง่ายเสียจนไม่กล้าเรียกว่าความสุข เขาอยากปฏิเสธ...แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดจะไม่เข้าใจตนเองว่ากำลังรู้สึกยังไง

เขากำลังมีความสุข



“มันดีใช่มั้ยหมอก?”



เรายังคงนอนเกยกันอยู่บนฟูกเตียงอันเดิม คล้ายกับว่ามันกลายเป็นประเพณีในวันอาทิตย์สำหรับเขาสองคนที่จะต้องมานอนปรับสารทุกข์สุขดิบเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เจอมาทั้งอาทิตย์ ฟังดูน่าเบื่อ...

แต่พอเป็นคนที่คุยถูกขอกลับสนุก

ก็คงเหมือนเวลาที่เขาคุยกับชิโน่ ชิลลี่ แอนโธนี่ หรือลุงฮอว์ค…

เดี๋ยวนะ...นี่เขาคุยถูกคอได้กับคนมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ราวกับไม่ใช่ตัวเอง หึ..ก็ไม่ใช่จริงๆ เขาคือมิวมิว แมวขาวมณีตัวสีขาวตาสีฟ้า มีคุณสมบัติด้านความสง่างามเทียบเท่ามิวนิคในร่างมนุษย์ทุกอย่าง เว้นก็เสียแต่...มิวมิวเป็นที่รักของทุกคนมากกว่า



“เดือดร้อนใครรึเปล่า?”

“ก็ไม่...”

“งั้นก็ถือว่าดี…” เขายังจำใบหน้าที่อีกฝ่ายหันมาอมยิ้ม “…ดีมากๆ แล้ว”



มันเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย ที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจสายหมอกอย่างที่เป็น อาจเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเราก็ต้องเจอกันทุกวัน จนกระทั่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่ทำให้การเจอคนรู้จักซักคนกลายเป็นเรื่องอันแสนยากลำบาก และพอได้เจอ...เจ้าเข็มนาฬิกาก็ดูเหมือนจะทำงานเร็วจนผิดปกติ

แปลกตรงที่ความรู้สึกดังกล่าวก็เกิดขึ้นกับแม็กซ์เวล

ทั้งๆ ที่เราอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่พอช่วงเวลาต้องห่างหายกัน...มิวนิคกลับรู้สึกว่ามันช่างเนิ่นนาน ตรงกันข้ามกับช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ช่วงเวลาที่แม็กซ์เวลนั่งโง่ๆ ให้อ้อนอยู่บนฟูกเตียงติดหน้าต่าง

...มันรวดเร็วเสมอ



“รู้หรือเปล่าว่านึงวันของแมวมันมีแค่ 12 ชั่วโมงเองนะ”

“สงสัยกูคงต้องไปขับรถชนแมวบ้าง”



ทว่าถ้าเลือกได้เขาก็คงไม่ขอให้หนึ่งวันมีแค่12ชั่วโมงจริงๆ หรอก เขายังอยากออกไปเล่นกับชิโน่ให้มากขึ้น คุยกับลุงฮอว์คให้มากขึ้น ฟังแอนโธนี่บ่นให้มากกขึ้น แล้วก็...

ถูกแม็กซ์เวลหยอกให้มากขึ้น



“ใกล้กลับมาหรือยัง?”

“ตอบไม่ได้...” มิวนิคหันมองคู่สนทนาในวันนั้น ระบายยิ้มบางเบา “...แต่คงใกล้แล้ว”



เป็นคำตอบที่ออกมาจากความรู้สึกล้วนๆ ไม่มีหลักประกันใดๆ รับรองว่าคำสาปใกล้จะคลายหลง เขาก็แค่รู้สึกอย่างนั้น อาจเพราะกำลังเข้าใกล้ปลายอุโมงค์ที่มีความหมายของชีวิตรออยู่ ซึ่งนั่นก็เป็นความรู้สึกล้วนๆ อีกเช่นกัน บางทีการเป็นแมวอาจทำให้รู้สึกไปเองเก่ง



“ซินเดอเรลล่าต้องไปแล้ว”

“กรงอยู่ทางนู้น”



เคยบอกใครหรือเปล่าว่านับวันอาการนอยด์ๆ เวลาที่จะต้องกลับไปเป็นมิวมิวมันลดลง เขาไม่ได้รู้สึกแย่เหมือนอย่างเคย สายหมอกบอกว่าเขาอาจเสพติดการเป็นแมว ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าคำสาปคงกลายเป็นเรื่องไร้ความหมาย หากแต่มิวนิคไม่ได้คิดอย่างนั้นซะหน่อย เขาไม่ได้เสพติดการเป็นแมว

ก็แค่...เริ่มรู้สึกสนุก



“ถ้าเหนื่อยไม่ต้องมารับทุกอาทิตย์ก็ได้”

“อย่าทำตัวเหมือนมีเพื่อนเยอะได้ไหม”

“ไม่เจอกันนานปากเก่งขึ้นเป็นกองเลยนะหมอก”



ประโยคสุดท้ายเกิดขึ้นไม่กี่นาทีก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆ คืนร่างกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาว ทุกอย่างวนเข้าลูปเดิม เป็นลูปของมิวมิวตัวเดิมที่ชอบมานอนเล่นอยู่บนดาดฟ้าหอพักบ้านสุขใจแห่งเดิม กลิ้งเกลือกคล้อยหลับใต้ร่มเงาดอกเดซี่ที่แทบไม่พอกำบังอานุภาพแสงอาทิตย์



“ขึ้นมาได้ยังไงกัน”



ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นมองภาพคนร่างสูงในท่ากลับหัวที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น มิวนิคถูกช้อนร่างขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด สบประสานนัยน์ตาคู่สีดำที่ดูอ่อนแรงลงเมื่อเขาส่งเสียงเงี้ยวง้าวทักทาย



“ชิโน่อย่าพามิวมิวเกเร”

“ม๊าวว”

“ชิลลี่ก็ด้วย”



ตัวขาวเงยมองเจ้าของเสียงเข้มที่กำลังทำท่าดุขาโจ๋ประจำหอกับน้องชายขี้หงอ แม็กซ์เวลดูโวยวายกว่าปกติหากแต่ก็ยังไม่หลุดมาดความนิ่งขรึมอันเป็นบุคคลิกหลัก เข้าใจได้แหละว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบที่แมวน้อยตัวดีแอบหนีเที่ยวบ่อยๆ เพราะเจ้าตัวกำชับแล้วว่าห้ามออกจากห้อง

แต่ทำไงได้...ก็มิวมิวฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องนี่เนอะ



“ชอบดอกเดซี่รึไง”

“เมี้ยว...”



เมี้ยวที่แปลว่าใช่ ประโยคง่ายๆ ที่ทาสแมวคนไหนก็แปลออก มิวนิคคิดว่าแม็กซ์เวลสามารถแปลภาษาแมวออกทุกครั้งที่เจ้าตัวต้องการจะโน้มน้าวให้เขาทำอะไรซักอย่างตาม



“เดี๋ยวปลูกไว้ให้ที่ห้อง”



และครั้งนี้เขาก็ทายไม่ผิดอีกตามเคย ;)





























ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ



เสียงเพลงแจ๊สดังพอประมาณกับเบียร์กระป๋องเย็นๆ ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสุดๆ สำหรับการทำงานกลางดึก โดยเฉพาะงานที่ต้องอาศัยไอเดียอย่างเช่นการคิดสำนวนลื่นๆ ลงในรายงานด้วยแล้ว



“มิวมิวตัวนิ่ม”

“น้อง...เลิกแกล้งมิวมิวแล้วไปทำงาน”

“โหย เหลืออีกนิดเดียว ค่อยทำน่าเจน มิวมิวอุตส่าห์มาอ้อนเนี่ย”



แม็กซ์เวลเหลือบมองน้องยูกับเจนนิษฐ์ที่กำลังถกเถียงกันอยู่บนเตียงพร้อมโน้ตบุคคนละเครื่อง ส่วนเขานั่งอยู่หน้าโต๊ะญี่ปุ่นข้างๆ ทั้งสอง ยกกระป๋องสีเหลืองขึ้นมาจิบให้สมองโล่งพลางกับเปลี่ยนเพลงตามใจนึกเพราะทุกคนให้อภิสิทธิ์การเลือกเพลงในฐานะเจ้าของห้อง

เป็นไม่กี่ครั้งหรอกที่เขายอมเปิดห้องให้เพื่อนๆ เข้ามาทำรายงาน เหตุผลส่วนนึงก็มาจากถูกน้องยูรบเร้าว่าอยากเล่นกับเจ้ามิวมิวหลายรอบ เขาแพ้ลูกอ้อนซะด้วยสิ ถ้ามิวมิวเป็นแมวขี้อ้อน เพื่อนชายตัวขาวแก้มแดงของเขาก็คงเหมือนน้องหมาขี้อ้อน



“แล้วผัวมารับกี่โมงอ่ะน้อง” ภูรินที่นั่งอยู่ปลายเตียงว่าขึ้น

“ผัวที่ไหน ไม่มีผัวเฟ้ย” คนถูกถามทำแก้มพองลม

“แหมะ...หมออุ่นไงครับ มาถึงขั้นนี้ไม่ผัวไม่ได้!”

“ไอ้อุ่นน่ะเป็นเมีย โถ่...ดูไม่ออกรึไง เนอะมิวมิวเนอะ”



คุณหมอยศวินทร์พูดพร้อมยกเจ้าสิ่งมีชีวิตสีขาวแสนเชื่องบนตักขึ้นมาหอมแก้มไปมาอย่างไม่รังเกียจ ส่วนแมวที่ถูกหอมก็ไม่มีท่าทางอิดออดเลยซักนิด เขาจับทำอะไรก็ยอมให้ทำหมด

เขาว่ามิวมิวชอบน้องยู โดยปกติถ้าเป็นคนแปลกหน้าเจ้าตัวจะไม่ยอมให้จับนาน โดนอุ้มซักพักก็ดิ้นหนีออกวิ่งมาหาเขาแล้ว แต่พอเป็นน้องยูอุ้ม นานเท่าไหร่มิวมิวก็ยอมให้อุ้ม แถมยังชอบมุดเสื้อเข้าไปกัดพุงน้องยู

มิวมิวแมวชอบกัดพุง



“อ๊ะ...มิวมิวกัดซิคแพคพี่ไม่ได้นะ”

“กลมขนาดนั้นยังกล้าเรียกว่าซิคแพค” เจนนิษฐ์เบ้ปาก

“มันต้องเป็นซิคแพคในเร็ววัน”

“หนูพูดแบบนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง”

“มึงจะรู้อะไรอีแม่” ภูรินเขยิบเข้ามาสะกิดกิ๊วๆ “อีน้องมันท้อง”

“ท้องพ่อง!”

“น้องยู แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ป้องกัน!”

“โอ้ยยย ทำไมทุกคนต้องรุมกู” ตัวเล็กประจำกลุ่มขมวดคิ้วยุ่ง “เบื่อคนพวกนี้แล้ว เราไปกันเถอะมิวมิว”

“ม๊าวว...”



คนที่ถูกแซวจนหน้าแดงเดินงอนตุ๊บป่องออกไปนั่งนอกระเบียง ลำบากเขาที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้เลยต้องตามไปง้อมาให้ สำหรับน้องยูแล้วง้อไม่ยากหรอก แค่มีของกินล่อก็เท่ากับว่าสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ส่วนมิวมิว...ไม่ช่วยง้อซักนิด ให้ท้ายน้องยูสุดๆ นี่ล่ะ...มีเจ้านายน่ารักคนใหม่ก็ลืมเจ้านายแว่นผู้จืดชืด

บรรยากาศกลับสู่ความสงบอีกครั้งเมื่อผู้ปกครองของเด็กชายตัวเล็กยื่นเดดไลน์มาว่างานต้องเสร็จก่อนหกทุ่ม อันที่จริงงานมันควรจะเสร็จตั้งแต่สองสามทุ่มแล้วเพราะเราเริ่มทำกันตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่เพราะทีมงานมัวโอ้เอ้ทุกอย่างจึงเลท พอคุณหมอธาดาโทรมาตามเข้า ทุกคนจึงต้องรีบปั่นให้เสร็จ



แหมะ!



“มิวมิวลงไป”



บอกเจ้าก้อนสีขาวที่ทิ้งตัวลงนั่งบนแป้นพิมพ์อย่างเต็มก้นในท่าแม่ไก่ ดวงตาสีฟ้าจ้องมองราวกับไม่รู้สำนึกผิด อ้าปากหาวหวอดคล้ายกับว่าจะหลับมันเสียตรงนี้



“ดื้อ”



มือหนาช้อนร่างแมวน้อยจอมดื้อลงมาวางบนพื้น แต่ความพยายามของเขาไม่เป็นผลเมื่อความพยายามของจอมดื้อมีมากกว่า มิวมิวปีนโต๊ะขึ้นมานั่งที่เดิม จุดเดิม อ้าปากหาหวอดอย่างเดิม ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวตามเดิม...

ชักจะเอาใหญ่แล้ว



“มิวมิว...”

“......”



ตอบกลับด้วยการนอนหงายโชวพุง ดิ้นไปดิ้นมาเหมือนอยากให้เล่นด้วย แม็กซ์เวลกัดริมฝีปากกลั้นยิ้ม ภาพตรงหน้ามันโคตรน่ารักเกินไป เขาคิดว่าก้อนเนื้อด้านในอกซ้ายกำลังสูบฉีดเลือดอย่างหนัก ช่วยอ้อนให้ถูกเวลาหน่อยได้ไหมคุณ ตอนนี้กำลังทำงาน...สงสารใจกันบ้าง



“มึงไปเล่นกับน้องไป เดี๋ยวกูทำเอง” ภูรินเดินเข้ามาโยกหัวเพื่อนชายตัวโตเบาๆ

“แต่ว่า...”

“เห็นแล้วกูมันเขี้ยว แมวก็ขี้อ้อน เจ้าของก็ขี้ซึน”



เขาถูกไล่ออกมานั่งรวมกับพวกน้องยูและเจนนิษฐ์บนเตียงหลังสิ้นประโยค จริงๆ แล้วงานที่ว่าก็เป็นงานในส่วนของภูริน แต่เพราะเห็นอีกฝ่ายทำช้าเหลือเกินเลยขันอาสาช่วยแบ่งมาทำ แต่ทำได้ไม่ทันไรก็โดนจอมซนประจำห้องก่อกวนซะก่อน หากกลับไม่มีใครปริปากบ่นซักคำ ทำอะไรก็ไม่มีใครดุเลยสินะ

มิวมิวผู้เป็นดั่งข้อยกเว้น



“แม็กซ์ ROV กัน กูกับเจนพร้อมมาก”

“ไม่รอภูหรอ”

“ปล่อยคนทำงานช้าเคลียร์ไป เราต้องตัดภาระเพื่อให้ทีมไปได้ไกล”

“กูได้ยินนะอีน้อง” บุคคลที่สามในบทสนทนาส่งเสียงแทรก



เด็กชายตัวเล็กแยกเขี้ยวใส่เพื่อนชายก่อนจะงอแงขอให้เขากับเจนนิษฐ์เข้าเกมส์ เป็นเรื่องปกติของกลุ่มเราที่มักจะมีนัดเล่นเกมส์กันบ่อยๆ ไม่รวมตัวกันเล่นแบบเห็นหน้า ก็คอลกันผ่านโปรแกรมดิสคอร์ด เกมส์มือถือบ้าง เกมส์คอมพิวเตอร์บ้างแล้วแต่วัน แม็กซ์เวลที่เป็นคนตามใจประชาชนอยู่แล้วจึงมักตามน้ำเสมอ



“มิวมิวมานอนบนตักพี่เร็ว”

“ม๊าว...”



ตัวขาวส่งเสียงตอบรับน้องเล็กประจำกลุ่มที่กำลังตบตักตนเองปุๆ เชื้อเชิญ ไม่มีการขัดขืนตามลักษณะนิสัยแมวที่ควรจะเหย่อหยิ่ง สมัยที่ยังไม่ได้เลี้ยงมิวมิว เขาเรียกชิโน่กับชิลลี่แทบตาย...พวกนั้นยังมาบ้างไม่มาบ้าง แล้วนี่อะไร เจอน้องยูแค่ไม่กี่ครั้งกลับเชื่องด้วยซะงั้น

มิวมิวแมวใจง่าย...

มันเป็นตอนห้าทุ่มสิบสี่ทีทุกคนต่างอยู่ในช่วงเวลาพักผ่อน เจนนิษฐ์นอนดูซีรีย์เน็ตฟลิคฆ่าเวลารอหมออุ่นมารับเป็นเพื่อนน้องยูและมิวมิว ส่วนเขากับภูรินยืนจิบเบียร์เล่าเรื่องชีวิตไปเรื่อยเปื่อยอยู่นอกระเบียง ท้าวข้อศอกกับขอบปูน เหม่อมองกลุ่มกระถางแคคตัสที่ถูกย้ายมาไว้รับแดดด้านนอกชั่วคราวสลับกับใบหน้าเพื่อนชายคนสนิท

ว่ากันตามจริงแล้วเขาถนัดฟังมากกว่าพูด อย่างเรื่องปัญหาความรักสมัยน้องยูกับหมออุ่นเขาก็มีหน้าที่คอยทำตามเจนนิษฐ์กับภูริน จะมีให้คำแนะนำอยู่บ้าง แต่ก็เล็กน้อยมากๆ



“แล้วเรื่องมึงกับคนนั้นเป็นไง?”

“คนนั้น?”

“คนเราไม่สามารถแอบรักใครไปได้ตลอดหรอกนะแม็กซ์ ซักวันมึงก็จะเลิกชอบ หรือไม่ก็รู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนทนไม่ไหว” เขาถูกตบไหล่เบาๆ “มึงจะยอมให้มันเป็นแบบนี้โดยที่ไม่ทำอะไรจริงๆ หรอวะ?”



ทุกคนรู้เรื่องคุณมิวนิค รู้ทั้งหมดแม้เขาจะไม่เคยเล่าละเอียด อาจเพราะรูปอีกฝ่ายที่แปะอยู่บนฝาผนังกลางห้องอันเป็นหลักฐานมัดตัว เจนนิษฐ์กับภูรินเคยบอกให้เขาเลิกชอบผู้ชายคนนี้เพราะความนิสัยไม่ดี เป็นประเด็นอยู่พักหนึ่งในกลุ่มเราจนกระทั่งทั้งคู่เลิกพูดไป



“ช่วงนี้คุณมิวนิคไม่อยู่ ไม่รู้หายไปไหน...”

“แล้วถ้าเขากลับมามึงจะเอายังไง”

“เรา...”



คิดไปเองว่าทุกคนคงไม่สนใจเรื่องของเขากับคุณมิวนิค แต่ก็ลืมคิดไปว่ายังไงทุกคนก็ต้องเห็นรูปเหล่านั้นตั้งแต่เข้ามา แค่ทุกคนเลือกที่จะไม่พูด ดูเหมือนไม่ใส่ใจ...แต่ไม่เลย

ทุกคนใส่ใจเสมอ



“เลิกชอบมั้ย? คนดีๆ อย่างมึงยังไงก็ต้องมีคนเข้ามา” ภูรินว่าพร้อมกระดกเครื่องดื่มในมือเข้าปาก “กูไม่ได้จะว่าคุณมิวนิคของมึงไม่ดีนะ แต่ถ้าเขาไม่เห็นค่ามึง....กูว่าก็ควรพอเหอะ ชีวิตมันต้อง move on ป่ะวะ”

“พยายามอยู่”



โกหก

เขาไม่ได้แม้แต่พยายามจะลืมอีกฝ่ายเลยซักนิด ความรู้สึกอาจจะเลือนลางไปบ้าง ไม่ชัดเจนเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังรู้สึกอยู่เช่นเดิม คุณมิวนิคยังอยู่ที่เดิม ไม่เคยหายไปไหน...



“กูกับเจนไม่ได้อยากเสือกเลย พวกกูเป็นห่วงมาก มึงเข้าใจใช่ไหม?”

“อื้ม...”

“แล้วถ้าวันนึงคนคนนั้นจะเป็นมิวนิคจริงๆ พวกกูก็คงคัดค้านอะไรมึงไม่ได้ แต่ตอนนี้...กูไม่อยากเห็นเพื่อนชายที่แสนดีของกูต้องเดินตามหลังใครต้อยๆ ทั้งที่เขาไม่เห็นค่า”



ภูรินไม่ใช่คนแรกที่พูดเช่นนี้กับเขา ‘เห็นค่าในตัวเอง’ ประโยคที่คุณแม่พูดขึ้นในตอนห้าขวบ เขาคิดว่าชีวิตหลังจากตอนนั้นนับเป็นช่วงชีวิตที่ดีตลอดมา เป็นชีวิตที่คนรอบข้างเห็นคุณค่าในตัวเขาแม้เขาจะเป็นแค่หนุ่มแว่นเฉิ่มเบ๊อะพูดไม่เก่ง...



“อีสปอร์ตรอบหน้ามึงว่าเราจะได้แข่งด้วยกันอีกมั้ยวะ ฮ่ะฮ่ะ”

“ถ้าเพื่อนแข่ง...เราก็แข่ง”



กระป๋องเครื่องดื่มสีเหลืองถูกยกชนกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนบทสนทนาจะเปลี่ยนเป็นเรื่องชีวิตการเล่นเกมส์อันไร้สาระในอนาคต มันดีตรงที่ประเด็นนี้ไม่ต้องทำให้ทั้งเขาและภูรินเกิดความลำบากใจ เขาคิดว่าตนเองสามารถหาจุดตรงกลางในการแอบชอบได้

ก็แค่ไม่ฟุ้งซ่านจนเกินไป...

หรือบางทีคงอาจถึงเวลาที่เจ้าภาพบนผนังเหล่านั้นควรถูกแกะออก ถึงมันจะลบความทรงจำออกจากสมองเขาไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังพอทำให้ทุกคนเชื่อได้ว่าเขาไม่รู้สึกอะไรต่อคุณมิวนิคอีกแล้ว...



“เมี้ยวว...”



จอมซนประจำห้องเดินตามออกมาที่นอกระเบียง ถูศีรษะไปมาตรงต้นขาคล้ายอยากอ้อนเหมือนทุกครั้ง เป็นตอนที่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว มีเพียงเขาและดวงตาสีฟ้าที่กำลังจ้องมองกันอยู่

ลมกลางคืนที่พัดกระทบใบหน้าดูเย็นกว่าทุกวันราวกับเป็นสัญญาณเตือนถึงการมาของฤดูหนาว เคยบอกรึเปล่าว่าเขาเกลียดฤดูหนาวของหอพักบ้านสุขใจ เพราะการมีต้นไม้ร่มรื่นมากเกินไปบรรยากาศจึงหนาวกว่าปกติ พอหนาวก็เหงา...

และพอเหงาก็เริ่มคิดถึงใครบางคน

“ม๊าว ม๊าว...”

หากแต่คงยกเว้นสำหรับปีนี้

แม็กซ์เวลช้อนร่างสีขาวสะอาดขึ้นมาวางบนขอบระเบียง อีกฝ่ายเปลี่ยนมาถูหน้ากับแขนพร้อมส่งเสียงเงี้ยวง้าวเมื่อโดนเกาถูกบริเวณพอใจ

เขามีมิวนิคเป็นของตัวเอง แม้มิวนิคตัวนี้จะพูดได้แค่เพียง ‘เมี้ยว’ กับ ‘ม๊าว’ แต่มันก็ดีพอแล้วล่ะ ดีพอที่จะช่วยให้หัวใจไม่ต้องทำงานจนหนักเกินไปเวลาคิดถึง...คุณมิวนิคตัวจริง

คุณมิวนิคที่ไม่มีวันเป็นของเขา...















      tbc.

ʕ = •́ .̫ •̀ = ʔ





==============================================

กลับมาแบบเหงาๆต้อนรับลมหนาว อิอิ

ปล.ถ้าชอบก็ขอคนละเม้นเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า

หรือจะติดแท็ก #แปลกไหมถ้าจะคิดอะไรกับแมว มาพูดคุยกันก็ได้เน้อออ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

สงสารคนเหงา แต่มิวนิคเห็นความดีของเราแล้ว
พลังความรักต้องมาาาาาาาา

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
แม๊กเวลซ์เป็นผู้ชายที่ดีอบอุ่นรักมั่งคงแต่เรียบง่ายจืดๆอาจไม่ถูกใจคนเปรี้ยวๆแต่เราชอบแม๊กแวลซ์ อยากให้มิวนิคหลงรักเร็วๆ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องมิวมิวมีลูกพี่แล้ว พากันเดินเที่ยวด้วย

ปกติแมวตัวผู้จะไม่ยอมให้แมวอื่นมาอยู่ในเขตพื้นที่ตัวเองหรอกนะ แต่น้องคงจะน่าเอ็นดูจนชิโน่รับเป็นลูกน้องอีกตัวอ่ะนะ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
โถ่ววววววว สงสารแม็กซ์จังเลยยยยย
มิวมิงต้องใจอ่อน รีบชอบแม็กซ์ด่วนเลยนะ

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
มารอค่ะ ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ว่ามิวนิคที่อยากได้แอบกัดพุงอยู่ทุกคืน

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ชักอยากให้แม็กซ์เวลล์รู้เร็วๆ แล้วสิว่ามิวมิวคือมิวนิค สงสารพระเอกกก  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด