Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Love tangled รักยุ่งเหยิงของคุณชายขาโหด (บทที่1 - 30 (จบ) +ตอนพิเศษ-จบ/ 13 ก.ค. 63  (อ่าน 62488 ครั้ง)

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai1:อยากอ่านต่อแล้วอื้อชอบวรุฒปล้ำเลย556

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ FanclubPong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สติแตกจนได้นะวรุฒ อุตส่าห์ทนเก็บไว้

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

ชานนท์ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนิดหน่อยที่ยังวนเวียนฝันซ้ำซากอยู่กับเหตุการณ์ช่วงค่ำที่ผ่าน เหตุการณ์ที่เขาถูก ‘เพื่อนใหม่’ ลวนลามจนเผลอเคลิ้บเคลิ้มไปโดยไม่รู้ตัว แม่จะเขาจะไม่ได้เต็มใจ และไม่สามารถสามารถขัดขืนได้ แต่เขาก็ไม่เชิงว่าจะรู้สึกไม่ดีขนาดนั้น แบบนี้เขาเรียกว่า ‘คนใจแตก’ หรือเปล่า? เขาทบทวนกับตัวเองในใจซ้ำไปมา

‘ความรู้สึกแปลกๆแบบนี้ คนอื่นจะเป็นเหมือนเขาหรือไม่นะ?’ ชานนท์ถามตัวเอง เขายังไม่ทำแบบนี้กับใคร แม้แต่เพศตรงข้าม มันจะเป็นความรู้สึกแปลกๆ แบบนี้หรือไม่นั้น เขาก็ยังแอบสงสัย เขารู้แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร หรือว่าความจริงเขาจะมีรสนิยมแบบนี้ไปแล้ว เขาคิดขณะฝันถึงสัมผัสเมื่อช่วงค่ำซ้ำไปซ้ำมา จนในเมื่อความฝันล่าสุดของชานนท์ รสสัมผัสมันแตกต่างออกไป ทั้งความอบอุ่นจากริมฝีปาก ช่วงลิ้นที่โรมรันรุกเข้าไปซุกไซ้จนรู้ไปทุกซอกจนถึงปลายลิ้น

ชานนท์ยังสัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่ไล่เรียงลูบไล้ไปมาเหนือเนินอกที่เกลี้ยงเกลาของเขา ลมเย็นที่ตกกระทบท่อนบนของร่างกายมันทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ความรู้สึกดีที่ได้ถูกสัมผัสอย่างทะนุถนอนบวกกับลมเย็นที่พัดกระทบผิวกายทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากฝันที่เตลิดไปไกล

ครั้งแรกที่ลืมตาเขารู้สึกแปลกใจกับภาพที่เห็นครั้งแรก บางส่วนของใบหน้าในระยะประชิด สัมผัสที่เปียกชื้นที่ริมฝีปาก และลิ้นของอีกฝ่ายกำลังล่วงละเมิดเข้าไปจนเขาอ่อนแรง  ชานนท์ถึงกับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่คืออะไร กับใคร?

วรุฒยกหน้าตัวเองให้อีกฝ่ายเห็นทั้งใบหน้า ใบหน้าที่มีอารมณ์หลากหลายจนชานนท์อธิบายไม่ถูก มันเป็นใบหน้ายิ้มกึ่งพึงพอใจอะไรถึงขีดสุด (แต่ก็มีเสน่ห์จนเขาแอบกลืนน้ำลาย วรุฒเป็นคนหล่อที่แม้แต่ผู้ชายยังใจสั่น)

“ นี่!!.....” ขานนท์พยายามจะร้องทักเพื่อโวยถามถึงสภาพที่เขาเผชิญอยู่กับคนทางด้านบน เขาก็ถูกวรุฒใช้นิ้วชี้ขึ้นมาทาบปากและทำเสียง “จุ๊ จุ๊ จุ๊” เท่านั้น ในขณะที่ชานนท์กำลังงุนงงกับท่าทางของวรุฒ เขาก็ถูกอีกฝ่ายกดริมฝีปากลงไปแนบชิด และละเลงบทรักอันร้อนแรง จากตอนแรกที่ชานนท์พยายามดิ้นรนที่ดิ้นให้หลุดพ้นจากการพันธนาการของอีกฝ่าย กลับค่อยๆ เคลิ้มคล้อยไปตามจังหวะรักของวรุฒ ทั้งริมฝีปากและปลายนิ้วที่ลูบไล้ไปแต่ละจุดที่ล้วนเป็นจุดอ่อนของผู้ชายทุกคน ตั้งแต่ต้นคอ ใบหู ยอดอก จนไปถึงส่วนท้องน้อย นะหว่างประทับฝีปากลงไป วรุฒพยายามเลื้อยมือลงต่ำไปเรื่อยตามความโอนอ่อนของชานนท์ ตอนนี้ชานนท์มีสภาพไม่ต่างจากต้นอ่อนของข้าวที่ไหลลู่ไปตามลมสวาทของอีกฝ่าย เขายอมแม้กระทั่งถูกปลดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น ความปรารถนาอันแปลกแยกและแรงกล้าสะกดความละอายของเขาจนหมดสิ้น ในที่สุดเขาก็อยู่ในสะภาพเปลือยเปล่าที่ลมหนาวของเครื่องปรับอากาศสัมผัสกับผิวเขาได้ทุกส่วน

วรุฒค่อยๆ ใช้ริมฝีปากไล่เลียไปตามจุดสำคัญต่างๆ ตามที่มือเขาเคยเล้าโลมมาแล้ว สัมผัสที่ได้มันช่างดีกว่าการใช้มือมาก แม้มันจะดูเปียกแฉะก็ตาม วรุฒไล่เลียลงไปจนถึงยอดอกที่มีตุ่มนูนสีชมพูอ่อน วรุฒใช้เวลาอยู่กับตรงนั้นจนชานนท์บิดตัวและเผลอครางออกมาจากปากที่เผยอออกเล็กน้อย ชานนท์หลับตาไปพร้อมกับความสุขกระสันต์ที่วรุฒมอบให้ หลังจากวรุฒพอใจกับการกระทำของตนที่ตรงยอดอกจนผิวชานนท์แดงเป็นจ้ำ เขาก็ละเลงลิ้นต่อยาวลงไปจนถึงจุดต่ำกว่าท้องน้อยที่น้องชายของชานนท์ตื่นตัวเต็มที่

“ไม่เลวนี่” วรุฒเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและแปลกไป
 “นายยังไม่เคยล่ะสิ” วรุฒพูดต่อ จนชานนท์พยักหน้าเล็กน้อยอย่างอายๆ ชานนท์รู้สึกว่าหน้าเขามีอุณหภูมิไม่ต่างจากเตาปิ้ง คือรู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ออกมา การเว้นช่วงเพื่อถามทำให้ชานนท์มีสติพอจะอายจากการถูกกระทำขึ้น เขาพยายามใช้มือเพื่อปกปิดส่วนสำคัญของเขาแต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะโดนวรุฒปัดมือออกไปแล้กดไว้ที่เตียง หลังจากนั้นชานนท์ก็ร้องเสียงหลงออกมาด้วยความแปลกใหม่ที่วรุฒมอบให้ เขาใช้ปากมอบความสุขให้กับชานนท์จนเขาบิดตัวด้วยความสุขซ่านที่ไม่เคยเจอมาก่อน

เวลาผ่านไปเท่าใดไม่ทราบที่ ลิ้นที่เปียกชื้นนั้นไล่เก็บความอบอุ่นจากอยู่ที่จุดตื่นตัวของชานนท์จนหลายครั้งที่เขาทนกับความสุขที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่หมดจนถึงขั้นพยายามขยับสะโพกเพื่อหนีอีกฝ่ายไว้แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ วรุฒกระทำกับชานนท์ด้วยความโหยกระหายจนชานนท์รู้สึกอยากต่อต้านเหมือนโดนบังคับให้กระทำแต่สิ่งที่ไม่พึงใจ แต่สุดท้ายร่างกายมันกลับอ่อนระทวยจนไร้แรงต่อต้านจากทำนองรักที่วรุฒมอบให้อย่างบ้าคลั่ง

ตอนนี้วรุฒผู้ช่ำชองได้ขยับศรีษะลงต่ำไปเรื่อยจนเกือบคล้อยไปทางด้านหลัง แล้วทันใดนั้นเขาก็พลิกตัวอีกฝ่ายให้คว่ำลงอย่างง่ายดายเหมือนหงายกระดาษ หน้าของชานนท์ไหลลู่ไปกับความอ่อนนุ่มของหมอน เพียงครู่เดียวเขาก็ถูกจู่โจมด้วยการโลมเลียบริเวณรอบจุดยุทธศาสตร์

“อย่า... นั่นมัน..... @&@£&&” ชานนท์พยายามห้ามการกระทำของอีกฝ่ายแต่ก็จบด้วยการร้องออกมาอย่างไม่เป็นภาษากับรสสัมผัสที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันอ่อนโยนและร้อนแรงในเวลาเดียวกัน ชานนท์ต้องทนอยู่ในความรู้สึกแบบนี้พักใหญ่จนในที่สุดทุกอย่างก็หยุดลง ชานนท์หอบหายใจออกจากปากและจมูกถี่รัวจนแทบขาดใจ

ไม่นานต่อจากนั้น ของแข็งแท่งกลมมนก็ถูกอัดเข้าสู่ช่องยุทธศาสตร์ของเขา ชานนท์รู้ทันทีว่ามันคืออะไร เพราะตั้งแต่เขามาคบกับยัยเมย์ เขาก็รู้จักเรื่องอะไรใหม่ๆ พวกนี้มากขึ้น และเขาก็ไม่เคยรู้อะไรกับเรื่องพวกนี้เลย ยัยเมย์ว่ามันไม่แปลกอะไรแล้วในยุคสมัยนี้ แต่ชานนท์ก็ยังไม่เคยนึกภาพออกเลยจนกระทั้งมาเจอด้วยตนเอง สิ่งนั้นของชายร่างสูงใหญ่กำลังบดเบียดแทรกช่องแคบของเขาเข้าเรื่อยๆ จนความรู้สึกเจ็บจนแทบทนไม่ไหว ชานนท์ร้องเสียงหลงออกมาอย่างลืมตัว เขาตีหมอนที่อยู่แถวนั้นพลางพยายามดิ้นรนหนีจากอีกฝ่ายจนสำเร็จ แม้ชานนท์จะมีความรู้สึกมึนเมาอยู่บ้างแต่ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามามันมากกว่าจะรับไหวจริงๆ วรุฒโน้มตัวลงจูบที่หลังหูของชานนท?เบาๆ พร้อมเอื้อมไปหยิบอะไรบางอย่างที่ลิ้นชักใต้เตียง

“โทษนะ แต่เดี๋ยวก็สบายแล้ว” วรุฒเอ่ยขึ้นเบาจนเหมือนพูดกับตัวเอง
หลังจากจบประโยคชานนท์ก็รู้สึกถึงของเหลวเหนียวเย็นชโลมลงบนจุดยุทธศาสตร์ของเขาจนถึงกับสะดุ้งสั่น แต่ก็รู้สึกความเจ็บปวดบรรเทาลงมาก ชานนท์คิดว่าคงเป็นยาอะไรที่ช่วยให้เขาบรรเทาความเจ็บลง อีกอย่างเขายังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้

“นนท์.... เราขอ.....นะ” วรุฒพูดลอยๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
“อะไรนะ....อ้ากกกก” ชานนท์ร้องเสียงหลงอีกครั้ง สิ่งแปลกปลอมกำลังสอดแทรกตัวเข้าไปที่ช่องแคบของเขาอย่างฝืนๆ เขากำลังถูกจู่โจมด้วยความใหญ่ที่อัดแน่นไปทั่วอณูร่างกายของชานนท์ แม้เขาจะเคยเห็นมันมาบ้างแต่ก็ไม่เคยคิดว่าเวลาโตเต็มตัวมันจะสร้างความอึดอัดให้เขาขนาดนี้ ตอนนี้เขาเหมือนโรงจอดรถยนต์ที่ถูกเครื่องบินโดยสารพยายามเข้ามาจอด ชานนท์ดิ้นด้วยความจ็บปวด ส่วนวรุฒทำได้เพียงกอดชานนท์ไว้แนบแน่น จนกระทั้งความเจ็บปวดทุเลาลง ชานนท์ได้แต่คิดว่า พวกผู้หญิงที่มาหลงเสน่ห์ไอ้หมอนี่ พวกนั้นทนกันได้ยังไง? และเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมวรุฒถึงได้พกของเหลวลื่นๆนี่ไว้กับเตียง เพราะขนาดมันเกินมาตรฐานไปมากนี่เอง

หลังจากชานนท์สงบลงวรุฒจึงเริ่มขยับตัวอย่างช้าๆเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ความเจ็บปวดแล่นเข้าเล่นงานขานนท์อีกครั้ง ถึงแม้จะไม่มากเท่าช่วงแรก แต่ก็เกินที่เขาจะรับไหว ชานนท์พยายามขยับตัวเพื่อหนีจากความเจ็บที่วรุฒมอบให้อย่างเนิบนาบ แม้ความเจ็บปวดนี้จะมาพร้อมกับความรู้สึกดีที่แปลกประหลาด แต่ชานนท์ก็ขยับตัวหนีทุกครั้งที่วรุฒขยับตัวเข้าหาเขา  ในที่สุดวรุฒก็เหมือนคิดอะไรได้ เขาจับเอวชานนท์ยึดไว้แน่น และขยับเอวถี่ขึ้นจนชานนท์ไร้ทางดิ้นรนหลีกหนี

ความเจ็บปวดค่อยๆกลายเป็นด้านชา จนกลายเป็นความรู้สุขแปลบเข้ามาแทนที่ ชานนท์รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาปล่อยให้วรุฒจัดการกับเขาตามใจชอบเหมือนการเตรียมอาหารมื้อใหญ่ เขาขยับตามมือของอีกฝ่ายที่จัดท่าทางเขาไปต่างๆ นานาเหมือนกำลังเล่นโยคะในท่าที่เขาคิดไม่ถึง เขาตกเป็นเหยื่อทางอารมณ์ของอีกฝ่ายจนกระทั้งวรุฒที่กำลังกระทำกิจกรรมเข้าจังหวะหอบหายใจถี่และร้องเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคย และวรุฒก็ล้มตัวลงมานอนทับเขาด้วยอาการหมดแรง ทั้งๆที่ส่วนลำที่ใหญ่โตนั้นยังอยู่ในตัวของชานนท์ ส่วนชานนท์นั้นเขาเองก็เสร็จกิจของเขาไม่นานก่อนอีกฝ่ายล้มตัวลง เขารู้สึกเหนอะและสกปรกกับอาการเหนอะหนะตามลำตัวและส่วนอื่นโดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์ของเขา แต่วรุฒกลับไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปไหน วรุฒกอดเขาแน่นกว่าเดิมเสียอีก เขาหลับตาพริ้มยิ้มอย่างสมหวังในท่าทางสวมกอดชานนท์แน่นหนา ชานนท์หมดแรงที่จะดิ้นรนอีกต่อไปเพราะหมดแรงจากกิจกรรมก่อนหน้านี้ไปเรียบร้อย ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรมากมายแต่กลับเหนื่อยแทบหมดแรง จนในที่สุดชานนท์ก็ล้าจนหลับไป

.................

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ ฟิเชอริ่งเรียบร้อยไปแล้ว  หุหุ

วรุฒ แกร้ายมากเล่นจัดการตอนยังไม่สร่างเมาดี  อิอิ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 13

The another phase


แสงแดดสาดส่องเข้ามาเป็นลำแสงจำนวนมากจากช่องผ้าม่าน ชานนท์ลืมตาขี้นมาในห้องที่เกือบมืดสลัวที่เย็นเยียบ ด้วยความสว่างที่จำกัดในห้องทำให้เขาแยกไม่ออกว่าขณะนี้เป็นเวลาเท่าไรแล้ว เขาขยับตัวเพื่อคลายจากอาการนอนผิดท่าผิดทางพลางนึกถึงความฝันเมื่อคืนว่ามัมช่างแปลกประหลาดอย่างสุดโต่ง และดูเหมือนจริงจนน่ากลัว

ชานนท์ขยับพลิกตัวเข้าไปด้านในของเตียงนอน เขาก็เจอกับวรุฒที่นอนหมดสติอยู่ในสภาพเปลือยอก ส่วนครึ่งล่างถูกผ้านวมปิดไว้มิดชิดเช่นเดียวกับเขา

‘เฮ้ย!’ เขาร้องอุทานในลำคอเพราะกลัวอีกฝ่ายจะตื่น พร้อมทั้งสำรวจตัวเองก็พบว่าร่างกายของเขานั้นเปลือยเปล่า

“โอ้ย!!” เขาขยับตัวขึ้นมานั่งด้วยความแตกตื่นแต่ก็พบกับความเจ็บปวดเข้ามาเล่นงานเขาที่บริเวณบั้นท้าย
“ทำไมมันเจ็บแบบนี้วะ!” เขาบ่นพึมพำกับตัวเองในสภาพล่อนจ้อนภายใต้ผ้าห่มผืนหนา

“ตื่นเช้าจริงเชียว!” เสียงงัวเงียจากคนที่นอนอยู่ข้างๆ
“โอ้ย!” ชานนท์ร้องด้วยความตกใจ ไม่ใช่ความเจ็บปวด เพราะพอสิ้นประโยคของอีกฝ่าย ชานนท์ก็ถูกแรงอันมหาศาลกระชากกลับลงไปนอนข้างวรุฒ และถูกโอบกระชับเข้ามาในอ้อมกอดอีกฝ่าย ไม่นานเขาก็สัมผัสเนื้อหนังและบางอย่างภายใต้ผ้าห่มผืนนั่นได้

‘เฮ้ย!! ท่อนล่างมันก็เปลือยนี่หว่า!!’ ชานนท์คิดจนหัวร้อนขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจดิ้นหลุดจากพันธนาการอีกฝ่ายได้ วรุฒเข้าสู่โหมดจำศีลและงัวเงียอีกครั้ง ชานนท์ถูกชายที่เขาเคยเกลียดขี้หน้ามาก่อน กอดกกในสภาพเนื้อแนบเนื้อ ชานนท์ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังทำให้อวัยวะทุกส่วนของคนตัวสูงสัมผัสกับผิวแผ่นหลังเสียจนแทบจะรู้ไส้ทุกขดของฝ่าย แต่ก็แปลกเขากลับไม่ได้รังเกียจสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าที่เขาคิด จากความรำคาญมันกลายเป็นความอบอุ่นอย่างประหลาดที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก

สมองของชานนท์กำลังกลับมาทำงาน มันกำลังทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา พยายามเค้นเอาความทรงจำที่พอจะระลึกได้ และพยายามประเมินสภาพของตัวเขาในตอนนี้ ทำให้คิดได้อย่างเดียวว่า..... เมื่อคืนเขาไม่ได้ฝันไป!!! มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เหตุการณ์เมื่อคืนระหว่างเขากับวรุฒ

พอนึกย้อนไปดีๆ ขานนท์กลับมีความรู้สึกแบบเมื่อคืนเกิดขึ้นมา บางอย่างภายในร่างกระตุ้นเร้าให้เจ้านนท์น้อยมันตื่นตัวขึ้นมาอย่างที่ชานนท์ไม่สามารถบังคับได้

นี่!! หรือว่า เขาจะ.... ชอบวรุฒเข้าจริงๆ เสียแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนขานนท์ไม่เคยมีความรู้สึกกับผู้ชายมาก่อนเลย ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้สำหรับผู้ชายสองคนด้วย!!

“จะดิ้นทำไมนักหนาวะ?” คนตัวสูงที่นอนกอดก่ายเขาคงรู้สึกถึงอาการระส่ำระส่ายของชานนท์ที่คิดมากจนนอนไม่หลับเอ่ยทักขึ้น และเปลี่ยนอริยาบทของตัวเองให้กอดชานนท์ได้แน่นกระชับขึ้น

“อ้าว...... ตื่นแล้วเหรอ?” วรุฒถามเขาด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความปรารถนาบางอย่างที่รุนแรงหลังจากเลื่อนมือลงต่ำไปสัมผัสถูกนนท์น้อยเข้าพอดี เป็นคำว่า ‘ตื่น’ ที่กำกวมที่สุดเท่าที่ชานนท์เคยได้ยินมา

“เฮ้ย!! ทำอะไรน่ะ?!” ชานนท์ร้องทักด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเจอจู่โจมขนาดนี้
“อ้าว.... ถามแบบนี้ไม่รู้จริงๆเหรอ? งั้นเดี๋ยวจะตอบด้วยการกระทำก็แล้วกัน!” หลังจากจบประโยค ชายตัวสูงใหญ่ก็โดดเด้งขึ้นมาจนเหมือนแรงโน้มบริเวณนั้นหายไป วรุฒจับชานนท์กดลงบนที่นอน วรุฒขึ้นคล่อมอีกฝ่ายโดยใช้สองมือของเขากดไปที่ข้อมือทั้งสองของชานนท์จนคนที่อยู่เบื้องล่างไร้ทางต่อต้าน

“โอ้ย!! เจ็บ!!” ขานนท์รู้สึกปวดหนึบที่ข้อมือจากแรงกดที่ทิ้งน้ำหนักลงมาจากคนทางด้านบน
“อ่ะ!! โทษที ก็นายมันน่า.... หมั่นเขี้ยว!”  วรุฒค่อยๆ คลายมือและลดน้ำหนักตัวเองลงแต่ก็ยังคงจับกุมอีกฝ่ายอย่างแน่นหนา
“........ปล่อย!!...” จากประโยคของวรุฒทำให้ชานนท์ไม่รู้จะตอบโต้อะไรกลับไปทำได้เพียงพยายามดิ้นให้หลุดพ้นการพัวพันของวรุฒให้ได้

“ไม่!! รู้ๆกันอยู่ว่านายก็ต้องการ!!” วรุฒแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ต้องการอะไร?!?” ชานนท์ ดิ้นรนอึกครั้งจนทำให้ผ้าห่มที่คลุมตัวทั้งสองอย่างหลวมๆหลุดออกจนหมดสิ้น เผยให้เห็นกิริยาแบบเนื้ออย่างแนบชิดชัดขึ้น ทั้งชานนท์และวรุฒอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผิวกายทั้งสองคนไร้การขั้นกลางด้วยเนื้อผ้าใดๆ ชานนท์เห็นรูปร่างของวรุฒชัดขึ้น  รูปร่างร่างผิวพรรณอันมีเสน่หน่าหลงไหลนั้นอยู่ในระยะประชิด ชานนท์ไล่มองตั้งแต่ช่วงอกไปถึงช่วงท้องที่เป็นลอนสวย ต่างมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ และ ขีดแดงสั้นๆ หลายเส้น ทำให้สมองของเขาประมวลภาพเมื่อคืนผุดขึ้นมาเป็นระยะ เขาเดาได้ว่า ร่องรอยพวกนั้นร่าจะเกิดจากตัวเขาเอง
‘นี่มัน ไม่ใช่ความฝันจริงๆใช่ไหม?’ ชานนท์ถามกันตนเองในใจ

“ใช่! เนี่ยฝีมือนาย โหดไม่ใช่เลยนะตัวแค่เนี่ย!!” วรุฒก้มมองตามสายตาของชานนท์และพูดปนยิ้มออกมา
ชานนท์พยายามเลี่ยงสายตาที่แวววาวนั่นจนเผลอก้มลงไปมองอวัยวะที่ต่ำลงไปจากลอนกล้ามท้องสวยแน่นแล้วเขาก็พบต้นเหตุที่ทำให้เขาเจ็บบั้นท้ายจนกระทั้งตอนนี้ยังคงมีอาการแสบคันหลงเหลืออยู่ ตอนนี้มันมีอาการตื่นตัวเต็มที่ สิ่งนี้มันมากกว่าที่เขาคิดไว้  การที่ได้มามองมันตรงๆ กับสิ่งที่วรุฒมีติดตัวมา นี่มันมีขนาดที่น่ากลัวมาก เมื่อคิดได้ชานนท์พยายามดิ้นรนอีกครั้งเพื่อหนีจากตรงนี้ เมื่อทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน มันน่ากลัวมาก ไม่รู้ว่าเขาผ่านมันมาได้อย่างไร

“อย่าดิ้นสิ นายยังติดค้างเราเรื่องรอยแผลพวกนี้ มาให้เราเอาคืนเดี๋ยวนี้!!” วรุฒพูดจบก็ก้มลงกดริมฝีปากลงบนต้นคอที่ขาวเนียนของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล
“โอ้ย!! ไม่เอาแล้ว! ที่นายทำกับเราก็ยังเจ็บอยู่เลย งั้นเราหายกันแล้ว!!” ชานนท์โวยวายในขณะที่อีกฝ่ายใช้ลิ้นอันชุ่มเปียกละเลงไล้ตามซอกคออีกฝ่ายจนแทบทำให้ชานนท์หมดแรงต่อต้าน

“มันจะหายไปได้ยังไง ในเมื่อเราสองคนเครื่องติดแล้ว คงจะดับกันได้ยากแล้วล่ะ!!” วรุฒพูดขึ้นขณะใช้ริมฝีปากไล่ขบชานนท์ที่คอจนไล่มาถึงคาง ชานนท์ตอนนี้รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวและหมดแรงดิ้นรน เขาค่อยๆ คล้อยตามแรงปรารถนาที่ขับเคลื่อนโดยริมฝีปากอีกฝ่าย จนกระทั่งริมฝีปากทั้งสองประกบกัน ลิ้นของชานนท์ช้อนไช และโลมเล้าอีกฝ่ายจากข้างในอย่างชำนาญ ชานนท์ที่ไร้เดียงสากลับรับความปรารถนาของอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย ร่างกายของเขาหยุดการต่อต้านแต่กลับทำตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่ายไม่ว่าวรุฒจะนำเข้าไปสู่ความหฤหรรษ์ด้วยท่าปฎิบัติอย่างไร ชานนท์คล้ายนักเรียนดีเด่นที่ได้เกรดเอ ที่ทำให้ปรมาจารย์อย่างวรุฒพึงพอใจกับบททดสอบครั้งนี้ ชานนท์ยอมให้วรุฒนำเขาทุกอย่างจนไปถึงบททดสอบสุดท้ายที่เขาเกรงกลัว แต่พอความปรารถนาถูกชักนำมาจนถึงจุดนี้ ครั้งนี้วรุฒใช้ลิ้นที่ชุ่มอุ่นเล้าโลมรอบปากทางอย่างไม่รีบร้อน ใช้ริมฝีปากดุนดันที่ช่องนั้นจนชานนท์เผลอร้องออกมาอย่างลืมจริต วรุฒไม่ลืมที่จะใช้เจลอันเย็นวาดลงบนช่องหลังเป็นลำดับถัดไป คนตัวใหญ่ใช้นิ้วไล่เรียงสอดเข้าออกจนลื่นคล่อง และเริ่มปฏิบัติภาระกิจจ่อปืนใหญ่พร้อมบรรจุกระสุน วรุฒค่อยๆดันตัวเองเข้าไปในตัวขานนท์อย่างเชื่องช้าและไม่ลืมที่จะพรมจูบลงบนหลังแะคอของอีกฝ่ายอย่างอบอุ่นอ่อนโยน ชานนท์ปล่อยให้วรุฒจัดการกับจุดยุทธศาสตร์ของเขาอย่ว่าง่าย ครั้งนี้ไม่เจ็บเท่าครั้งแรกแต่ก็ไม่ได้สบายนักเพราะขนาดที่เกินกว่ามาตรฐานของอีกฝ่าย แต่จนแล้วจนรอดทั้งสองก็ผ่านมันมาได้อีกครั้งจนหมดเรี่ยวแรงไปอีกครั้ง

..............................

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :pig4:

55 ประหนึ่งเป็น aftershock กว่าชานนท์จะรู้ตัวคงน่วมไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“เอ้า!! คิดออกหรือยัง? ว่าจะกินอะไร?”
ชายร่างสูงใหญ่เอ่ยขึ้น หลังพวงมาลัยรถคันหรู
“เอ่อ.....อะไรก็ได้” ชานนท์ตอบกลับอย่างขอไปที เขาถูกวรุฒกระชากออกจากความคิดของเขาด้วยคำถามอันดังขณะที่เขานั่งมองเหม่อไปยังทิวทัศน์ด้านนอก ภาพเสาไฟฟ้าข้างทางที่วิ่งเข้าหาตัวรถอย่างรวดเร็วและหายไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“จะตอบแบบนี้อีกกี่รอบ? หิวไม่ใช่หรือไง? อย่ามาเล่นมุกว่ากินอะไรก็ได้!!” วรุฒโต้ตอบกลับด้วยเสียงอันเกรี้ยวกราด
“เอ่อ.... ก็มันไม่รู้จะกินอะไรนี่นา” ชานนท์หันมาตอบด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับไม่ได้สนใจอารมณ์ของคนถาม แน่นอนว่าเรื่องที่เขาคิดไม่พ้นเรื่องที่เคยขึ้นเมื่อเช้า....

หลังจากเสร็จ ‘กิจ’ ชานนท์ก็ถูกบังคับให้ไปอาบน้ำด้วยกันกับวรุฒอย่างไม่เต็มใจ และก็ดันไม่วายต้องตกเป็นของวรุฒอีกหนึ่งรอบโดยที่ชานนท์แทบจะไม่ขัดขืนเลย จนเขากลัวตัวเองว่าเขาคงจะเสพติดเซ็กส์เสียแล้ว และยังเป็นเซ็กส์กับผู้ชายที่เขาไม่ชอบขี้หน้าอึกด้วย!!

หลังจากอาน้ำเสร็จ วรุฒก็บ่นหิวและชานนท์ก็โดนบังคับให้ออกมากินข้าวที่ห้างสรรพสินค้ากับวรุฒด้วย ตอนแรกชานนท์ก็พยายามดื้อรั้น ไม่ยอมออกมาด้วย ด้วยสภาพร่างของเขาที่มีรอยพกช้ำอยู่ตามลำตัวและต้นคอแบบนี้ เขาไม่มีกระจิตกระใจไปไหนหรอก แค่ร้านอาหารในโรงอาหารก็พอแล้ว  แม้จะมีอาหารให้เลือกไม่เยอะเพราะเป็นวันหยุด แต่เท่านี้เขาก็พอใจแล้ว ที่สำคัญชานนท์ยังโกรธปะปนความสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่มาก เพราะวรุฒนอกจากจะไม่พูดอะไรถึงสิ่งทึ่เกิดขึ้น ยังทำมันซ้ำๆ จนเหมือนเป็นเรื่องปกติ เขาไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้นนะ!! ที่จะเสร็จกิจแล้วก็จะไม่พูดถึงมันเลย อย่างน้อยวรุฒก็ควรที่จะขอโทษเขา เพราะเขาถูกพรากพรมจรรย์ไป!! ควรจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกเขาบ้าง!

แต่สุดท้ายด้วยการชักจูงกึ่งบังคับหลายๆ ประโยค ในที่สุดชานนท์ก็ทำตามความต้องการของวรุฒอีกครั้ง เพราะหลังจากอาบน้ำ เขาถึงได้รู้ว่าผ้าปูที่นอนและที่นอนของเขาได้อันตธานหายไปจากห้องแล้ว วรุฒอธิบายสั้นๆว่า “อ้วกของนายไง” นั่นเป็นเหตุให้วรุฒยกที่นอนและผ้าปูที่นอนทั้งหมดออกไปทิ้ง
“แล้วเราจะนอนอะไรล่ะคืนนี้?” ชานนท์ถามวรุฒด้วยความหัวเสีย เพราะของแบบนี้มันทำความสะอาดกันได้ทำไมถึงกับต้องทิ้ง!
“ก็นอนด้วยกันก็ได้....” เสียงตอบอันเบาจนเหมือนบ่นพึมพำออกจากปากวรุฒ ที่ตอบออกมาโดยไม่ได้มองหน้าคนตัวเล็กที่ยืนจ้องเขาอยู่
“อะไรนะ!?” ชานนท์ขยับเข้าไปถามใกล้ๆ
“เออน่ะ เดี๋ยวซื้อให้ใหม่!! ก็ออกมาซื้อด้วยกันสิ!!”
ประโยคนี้เลยกลายเป็นเหตุผลหลักที่ชานนท์ต้องออกมากับวรุฒ

................

ในที่สุดวรุฒก็พาชานนท์มากินอาหารญี่ปุ่นร้านดังในห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย โดยที่วรุฒเป็นคนสั่งอาหารบนโต๊ะทั้งหมด เพราะชานนท์มัวแต่ละลานตากับเมนูอาหารหน้าตาสะสวยและราคาที่เกินกว่าที่คนอย่างเขาจะเอื้อมถึง เขาลังเลในการเลือกเมนูอาหารอยู่หลายนาทีจนวรุฒสั่งอาหารจนเสร็จและดึงเมนูออกจากมือชานนท์อย่างไม่ตั้งตัว

“ทำไมตัดสินใจอะไรนานจังวะ!?!” วรุฒจ้องมาทางคนตัวเล็กกว่าฝั่งตรงข้าม
“ก็มัน..... เลือกไม่ถูก..... มันเยอะ.....แถมราคามัน....แพงขนาดนั้น”  ชานนท์ตอบเสียงเบา
“ไม่เคยกินร้านนี้รึไง?” วรุฒพูดขึ้นขณะหัวคิ้วเริ่มชนกัน
“ไม่เคย” ชานนท์ตอบด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด พลางคิดในใจว่า ร้านนี้มันหรูเกินกว่าที่เขาจะมากิน แค่เห็นหน้าร้านกับราคาอาหารที่ป้ายหน้าร้านก็แทบไม่อยากเดินเฉียดแล้ว!! เขาไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนี้!

วรุฒเห็นหน้าชานนท์ทำหน้าจริงจังแบบนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ จนชานนท์ที่สังเกตเห็นก็อดจะถามไม่ได้ว่าวรุฒขำอะไรเขา ถ้าวรุฒจะตอบก็คงจะขำในความซื่อของอีกฝ่ายที่เขาไม่เคยเจอกับใครมาก่อน

ไม่นานนักอาหารต่างๆ ที่วรุฒสั่งก็ทยอยเดินทางมาวางที่โต๊ะจนเต็มอย่างอลังการ ชานนท์ได้แต่มองด้วยความทึ่งในการจัดวางและสีสันของอาหาร และแอบคิดในใจว่า ‘สมกับที่ให้คุณชายสั่ง สั่งมาแต่ที่อยากจะกิน โดยไม่คิดว่าจะกินหมดหรือไม่’  เขามองหน้าวรุฒพร้อมถอนหายใจ

ส่วนวรุฒนั้นได้แต่สนใจกับอาการตื่นตาตื่นใจของอีกฝ่ายที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบัง แต่ครั้งนี้เขาได้แค่ข่มใจไม่ให้ยิ้มออกมาอีกครั้ง เพราะความจริงเขาก็ตั้งใจจะแกล้งอีกฝ่ายด้วย ได้ยินย่นว่าหิวๆ มาตลอดทางตั้งแต่ที่รถ แต่ก็ไม่ตัดสินใจว่าจะกินอะไร เขาเลยสั่งให้มันเยอะจนล้นโต๊ะ เพราะตามนิสัยของชานนท์แล้ว เป็นคนขี้เสียดายของ ชานนท์อยากรู้ว่าชานนท์จะจัดการอาหารที่มากมายแบบนี้อย่างไร

“เอ้า! กินสิ ไม่ต้องห่วงเรื่องราคา มื้อนี้กูเลี้ยง!” วรุฒพูดขึ้นหลังจากเห็นท่าทางอีกฝ่ายลังเลที่จะกินอาหารตรงหน้า
“แน่ใจนะที่พูด มันแพงนะ!”
“เออน่า! แค่นี้มันไม่แพงหรอก!”
“อวดรวย!!” ชานนท์ค้อนใส่และเริ่มลงมืออย่างไม่เกรงใจ

สุดท้ายคนที่จะแกล้งชานนท์กลับเป็นคนที่อึ้งเสียเอง เพราะชานนท์ได้แสดงศักยภาพของกระเพราะมิติที่สี่ อย่างกระเป๋าของแมวแห่งอนาคตที่สามารถบรรจุอาหารเหมือนไร้ขอบเขต ชานนท์ได้จัดการอาหารเกือบ 90% บนโต๊ะจนวรุฒยกย่องและไม่อยากจะเชื่อว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะสามารถกินอาหารสำหรับสามคนได้หมด
“สงสัยเมื่อคืนอ้วกออกหมด ท้องเลยว่าง...” ชานนท์ ตอบอย่างเขินๆ หลังจากเห็นสีหน้าของวรุฒหลังจากเขากินปลาดิบชิ้นสุดท้ายลงไป
“อร่อยไหม?” คนตัวสูงที่ยิ้มอย่างกรุ่มกริ่มมองมาทางชานนท์อย่างพอใจ
“อร่อยมากเลย” ชานนท์ตอบกลับมาอย่างสดใส
“งั้นจะพามากินบ่อยๆ เอาป่ะ?” วรุฒพูดพลางใช้มือยื่นไปเช็ดเม็ดข้าวที่ยังติดแก้มออกมาและหยิบเข้าปากตัวเองไป
ส่วนชานนท์เมื่ออยู่ในสถานะการณ์แบบนี้เลยได้แต่หลบตาและดื่มชาเขียวเย็นที่เหลือในแก้วอย่างขัดเขิน เขารู้สึกไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องหลบตาอีกฝ่ายหนึ่งด้วย และที่แปลกที่สุดคือเขาเริ่มจะชินกับอาการแปลกของวรุฒแล้วเสียด้วย เพราะเขากลับไม่ต่อว่าอีกฝ่ายเลยที่ทำอะไรเพี้ยนๆ แบบนี้ต่อหน้าเขาในที่สาธารณะแบบนี้

.........................

หลังจากกินอาหารไปแล้วทำให้ชานนท์อารมณ์ดีขึ้นจนเกือบลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและเมื่อเช้ากับวรุฒ เขาทบทวนกับตัวเองแล้วว่ามันคงเป็นสาเหตุจากอาการมึนเมา มันคงไม่ใช่อาการทางอารมณ์ที่ถาวรอะไร เขาจะพยายามลืมมันและไม่พูดถึงมันอีก

ชานนท์เดินตามวรุฒไปทางแผนกขายเครื่องนอนของห้างสรรพสินค้า เขาเลือกผ้าปูที่นอนอยู่นาน จนลืมสังเกตไปว่าวรุฒหายไปจากสายตาเขาพักใหญ่

“อะไรวะ! นี่กูไปตั้งนานมึงเลือกไม่ได้อีก?!” เสียงขุ่นของวรุฒดังขึ้นที่ด้านหลัง ขณะที่เขากำลังหยิบเลือกผ้าปูที่นอนชิ้นนั้นชิ้นนี้ตามที่พนักงานขายแนะนำ

“ก็มันยากนี่นา” ชานนท์บ่นพึมพำขณะหยิบผ้าปูที่นอนขึ้นมาส่องจากในห่อพลาสติกตามที่พนักงานขายแนะนำยื่นมาให้ เขารู้สึกว่ามันยากมากเพราะที่ถูกใจมันก็แพงเกินไป ที่ราคาถูกมันก็ดูนอนไม่สบายเลยเมื่อเทียบกับผืนอันเก่าของเขาที่แม่เขาซื้อให้ ชานนท์ไม่เคยเลือกซื้อผ้าปูที่นอนเองเลยสักครั้ง ไม่เคยรู้เลยว่าราคามันมีหลากหลายขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะถูกบอกว่า ‘จะซื้อให้’ แต่เขาก็รู้สึกเกรงใจอยู่ดี
“เอาอันนี้แหละ ยี่หัอเดียวกับที่กูใช้!” วรุฒเลือกขึ้นมาสองสามชิ้นหลังจากสุ่มหยิบขึ้นมาพิจารณาอย่างขอไปที
“ได้ครับ เชิญที่เคาน์เตอร์ชำระเงินทางด้านนี้ครับ” พนักงานขายยิ้มเมื่อเห็นจำนวนและยี่ห้อที่วรุฒเลือก
“เดี๋ยวๆ มันไม่แพงไปเหรอ?” ชานนท์ยกมือขึ้นปรามพนักงานขายและถามไปที่วรุฒ
“มึงพูดเหมือนกูไม่มีเงินจ่าย?” สายตาวรุฒดูขุ่นเคือง
“ไม่ใช่ๆ เราเกรงใจ อีกอย่างมันเยอะไป เอาไปแค่ชุดเดียวก็พอ!!”
“แล้วเวลาซักจะทำไง?”
“ซักตอนเช้า ตอนบ่ายก็แห้งแล้ว”
“เฮ้อ!! จริงๆ เลยนายเนี่ย!! ของแค่นี่เองซื้อๆ ไปเถอะ!!” วรุฒทำท่าดุชานนท์เหมือนเขาเป็นเด็กเล็ก
“แต่.......”
“ไม่ต้องแต่!!!  เอ้า!! พี่!! ไปคิดเงิน!!” วรุฒไม่สนใจอีกฝ่ายทัดทาน หันไปบอกพนักงานขายให้พาไปชำระเงินทันที
ชานนท์ได้แต่เดินตามไปด้วยอาการไม่เต็มใจนัก

“ความจริงก็ไม่เห็นต้องซื้อให้ก็ได้นี่นะ!” วรุฒอยู่ๆ ก็หันหลังกลับมาพูดกับเขาด้วยแววตาเจ้าเลห์
“อ้าว! จะไม่รับผิดชอบหรือไง?! แล้วอย่างนี้เราจะนอนไหนล่ะ?” ชานนท์โวยขึ้นมา
“ก็รับผิดชอบนะ นายก็มานอนเตียงเดียวกับเราก็ได้ไง!” วรุฒยิ้มด้วยแววตาเหมือนมีแสงวาบฉายออกมาวูบหนึ่ง มันเหมือนหมาป่าที่กำลังจ้องเหยื่อของตน
“ไอ้.... ไอ้บ้า” ชานนท์ตอบโต้กลับไปด้วยความเขินอาย เขารู้สึกแปลกใจตัวเองที่แสดงปฏิกิริยาแบบนั้นออกไป แทนที่เขาควรจะโกรธกับการล้อเล่นกับเขาแบบนั้น แต่เขากลับเขินจนหน้าร้อนผ่าว สุดท้ายเขาต้องหันหลังไปทางอื่นไม่อยากจ้องมองสายตาหื่นกระหายของอีกฝ่าย ส่วนวรุฒได้แต่หัวเราะร่าอยู่ด้านหลังเขา เป็นอีกหนึ่งครั้งที่วรุฒทำใจเขาสั่นระทึกไปหมด

.....................

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“นนท์!!!  นนท์”

เสียงดังแว่วมาแต่ไกลในขณะที่ชานนท์กำลังเดินตามวรุฒกลับไปที่รถ เขาหันไปหาต้นเสียงอยู่พักใหญ่จนกระทั่งเจอเจ้าของเสียง

“อ้าว! หลง บังเอิญจัง!” ชานนท์หยุดเท้าหันไปทัก
“เออ! นั่นสิ! แต่เจอก็ดีแล้ว เมื่อสายๆ ไปหาที่หอก็ไม่อยู่ห้อง!”
หลงมีอาการหอบอยู่ในประโยคคำพูดอาจเพราะวิ่งเข้ามาหาชานนท์
“อ้อ! คงออกมาแล้วนะ คือ วรุฒจะพาไปหาหมอตามนัดน่ะ แต่หิวก็เลยมาหาอะไรกินก่อน” ชานนท์อธิบายพลางใช้นิ้วชี้ไปทางด้านหลัง
“วรุฒ! ไอ้วรุฒเนี่ยนะ?! แล้วมันไปไหนแล้วล่ะ” หลงพูดไปมองหาคนที่ชานนท์เอ่ยถึง
“อ้าว เมื่อครู่ยังเดินอยู่ข้างหน้าอยู่เลย!” ชานนท์หันไปหาคนที่เขามาด้วย “อ่ะ!! นั่นไง ยืนอยู่ตรงบันไดเลื่อนนั่นไง!!” ชานนท์ชี้ไปที่วรุฒซึ่งถือของสองไม้สองมือ
“นี่! นายมาชอปปิ้งเป็นเพื่อนไอ้ขี้แก็กนั่นเหรอ? แล้วนายไม่ได้ซื้ออะไรเรอะ? ไม่เห็นนายถืออะไรเลย?”  หลงมองคนตัวสูงใหญ่ ยืนเป็นจุดเด่นที่เลยไปประมาณ 10 เมตรห่างออกไป
“เอ่อ..... คือ มีอุบัติเหตุนิดหน่อย.... เลยต้องมาซื้อผ้าปูที่นอนใหม่ ส่วนของพวกนั่นน่ะ ของเราหมดเลย....” ชานนท์พูดอย่างติดขัด เพราะไม่อยากเล่าเรื่องที่เกิดขี้นสักเท่าไหร่

“มีวาสนานะเนี่ย ได้ไอ้คุณชายนั่นมาถือของให้เนี่ย!!”
“ก็ไอ้คุณชายมันคงสงสารหรือสังเวชคนตัวเล็ก อ่อนแออย่างเราน่ะ” ชานนท์พูดไปขณะนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่วรุฒจะช่วยเขาเข้ามาในสมอง ‘ไอ้เตี้ยเอ้ย!! เดินชักช้า! แค่นี้ก็แบกไม่ไหว! แล้วเมื่อไหร่จะถึงรถเสียทีวะ!’ เสียงวรุฒยังดังก้องอยู่ ถึงจะเจ็บใจแต่ก็เป็นเรื่องจริง

“เออ!! ว่าแต่ .... เมื่อกี้นายบอกว่าไปหาเราช่วงสาย มีอะไรหรือเปล่า?” ชานนท์รีบตัดบทเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“ก็ยัยมายด์น่ะสิขอร้องให้เราไปดูนายหน่อย รู้สึกเป็นห่วง กลัววรุฒพานายไปทำเรื่องไม่ดีมา!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีอะไรนี่!” ชานนท์ตอบเสียงสูง และรู้สึกชื่นชมสัญชาตญาณของมายด์ที่แม่นยำเหลือเกิน
“แน่ใจนะ? เมื่อคืนมายด์โทรหานายตั้งหลายรอบก็ไม่รับสาย” หลงทำหน้าสงสัยและถามต่อ
“อ้าวเหรอ? .... เมื่อวานเรา.... นอนเร็วน่ะ” ชานนท์นึกถึงสายที่ไม่ได้รับซึ่งแสดงที่หน้าจอโทรศัพท์ในตอนเช้า เขาคิดว่าจะโทรกลับนะ แต่ยังหาข้อแก้ตัวดีๆ ไม่ได้

“จะคุยอะไรกันหนักหนา!! ไม่เคยเจอกันหรือไง!!” เสียงดุๆดังขึ้นทางด้านหลังของทั้งสองคน ชานนท์หันไปทางต้นเสียงเจอยักษ์ยืนหน้ามุ้ยถือของพะลุงพะลัง
“อ่ะ! เสร็จพอดี คือวรุฒจะพาเราไปหาหมอต่อน่ะ มีนัดติดตามผลน่ะ เราขอตัวไปก่อนนะ” ในที่สุดชานนท์ก็หาข้ออ้างหยุดบทสนทนานี้ก่อนที่เขาจะโกหกต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว

“ไปโรงพยาบาลของมหา’ลัยใช่ไหม?”
“ใช่ ทำไมเหรอ?”
“ก็ว่าจะขอติดรถไปด้วยน่ะ เอารถมากันใช่ไหม? บังเอิญเรามาซื้อของเยี่ยมเสร็จพอดีว่าจะไปเยี่ยมเพื่อน มันซุ่มซ่ามทำขาตัวเองเจ็บระหว่างซ้อม ไม่รู้ว่าเล่นกันอีท่าไหนทำกระดูกร้าวเลย” หลงพูดพลางชูของในมือขึ้นมาให้เห็น เป็นถุงผลไม้และหนังสือการ์ตูนกองหนึ่ง
“เอ่อ...... เราติดรถวรุฒมาน่ะ......” ชานนท์พูดพลางหันไปทางเจ้าของรถ
“รถ... ไม่ว่าง ของเยอะ!!” คำพูดสั้นๆห้วนๆถูกปล่อยออกมาจากคนที่หน้าตาเฉยเมยที่สุดในวงสนทนา
“งั้น....... ไม่เป็นไร” หลงตอบกลับไปด้วยสีหน้าเกรงใจ
“เดี๋ยว! เราว่า ให้หลงไปด้วยก็น่าจะได้นะ ที่นั่งน่าจะพอนี่นา?” ชานนท์นึกถึงรถมินิคูเปอร์สีน้ำเงินเข้มลายทางที่ตนนั่งมา ถึงแม้มันจะเล็ก แต่แค่คนเพิ่มมาแค่คนเดียวน่าจะไปด้วยกันได้ เขาพูดจบก็มองหน้าไปทางวรุฒเป็นเชิงขอร้อง เขายังรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาอยู่กับชานนท์ สองต่อสอง กลัวว่าตัวเองจะปล่อยความรู้สึกคล้อยตามเหมือนตอนเช้าจนทำเรื่องแบบนั้นไปอีก การเพิ่มคนเข้ามาอยู่ด้วยในช่วงเวลาแบบนี้อีกสักนิดก็ยังดี
“................” วรุฒไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่มองชานนท์และหลงสลับกัน
“แค่ติดรถไปโรงพยาบาลเองเพื่อน! ถึงก็แยกย้ายไม่ตามไปกับนายหรอกน่า!!” หลงพูดด้วยรอยยิ้ม เขาทำเหมือนจะรู้ใจอีกฝ่าย
“น่าๆ รู้จักกันแล้วนี่” ชานนท์ช่วยพูดอีกแรง
“กูไม่ใช่เพื่อนมึง แต่เห็นว่ารู้จักกับนนท์ จะไปด้วยกันก็ได้!” วรุฒพูดจบก็เดินนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วทั้งชานนท์และหลงก็มองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนที่จะวิ่งเหยาะตามอีกฝ่ายหนึ่งไป ที่ทั้งสองมองหน้ากันเพราะ พวกเขาไม่เคยได้ยินวรุฒพูดชื่อเล่นของชานนท์เลยสักครั้ง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินมันอย่างชัดเจน

..............................

กว่าจะฝ่าการเดินทางช่วงวันหยุดมาถึงโรงพยาบาลได้ก็คล้อยไปบ่ายกว่าๆ แล้ว ความจริงมันเกือบจะถึงเวลาที่นัดหมายไว้แล้วทำให้วรุฒ และชานนท์เร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงเคาเตอร์ลงทะเบียนให้ทันเวลา โดยมีหลงเดินตามมาติดๆ

“อ้าว แล้วมึงไม่ไปหาเพื่อนมึงรึไง!” ชานนท์หันมาถามหลังจากยื่นบัตรนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์แล้วหันมาเจอหลงยืนยิ้มฟันขาวอยู่ทางด้านหลัง
“ไม่เป็นไร ไม่รีบ มันยังอยู่อีกหลายวัน เดินมาเป็นเพื่อนพวกนายก่อน” หลงตอบกลับไปและหันไปขยิบตาใส่ชานนท์ที่ยืนอึดอัดอยู่ข้างๆ วรุฒ
วรุฒมองเห็นการกระทำดังกล่าวยิ่งทำให้รู้สึกไม่พอใจจนคิ้วตอนนี้ชนเบียดกันอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่เขาส่งให้หลงเป็นความหมายแฝงว่า ‘กูไม่ต้องการเพื่อน!!’
ส่วนชานนท์ขยับปากเป็นคำพูด ‘ขอบใจ’ ที่หลงเข้าใจความรู้สึกตนโดยที่ยังไม่ได้พูด

“อ้าว.... คู่รักนักเลงนี่เอง!!” น้ำเสียงอารมณ์ดีดังขึ้นตัดกับบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด
ชานนท์และวรุฒหันไปทางต้นเสียงทันที
“อ้าว! หมอ!” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
“มาสายล่ะสิ? แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะหมอสายกว่า ขอโทษด้วย เพิ่งได้ไปกินข้าวเอง ไป!! เราไปห้องตรวจกันเถอะ!!” หมอที่มีรูปร่างหน้าตาที่ไม่ต่างจากนักศึกษาปีสอง พูดด้วยวาจาร่าเริงต่างจากหมอโดยทั่วๆไป

ในขณะที่ทุกคนกำลังก้าวเดินออกจากจุดเดิม มีเพียงคนเดียวที่ยังยืนนิ่ง และไร้คำพูดใดๆ ตอบโต้ผิดจากลักษณะนิสัยของเขา หลงยืนนิ่งจนผิดสังเกต

“หลง ไม่ไปด้วยกันแล้วเหรอ?” ชานนท์ทักขึ้นหลังจากเดินห่างจากหลงไปสองก้าว
“เอ่อ.....” หลงมีสีหน้าอ้ำอึ้งและแปลกใจ

“หลง!!” หมอเอิร์ธ มีสีหน้าแปลกใจไม่แพ้กับหลง
“พี่เอิร์ธ......” หน้าของหลงดูตกใจและซีดลงเล็กน้อย
“หลง.... พี่......” หมอเอิร์ธสีหน้าแปลกไป ดวงตาดูฉ่ำไปด้วยน้ำแวววาว
“นนท์... เราไปก่อนนะ ขอไปเยี่ยมเพื่อนก่อนนะ!” จบประโยคหลงก็วิ่งออกไปจากจุดนั้น และหายไปทางด้านหน้าโรงพยาบาล
“เดี๋ยว!! หลง!!” หมอเอิร์ธร้องเรียกแต่แผ่นหลังแผ่นนั้นก็ไม่ได้ย้อนกลับมา

“หมอรู้จัก.... ‘หลง’ เหรอครับ?” ชานนท์เอ่ยถามเมื่อเห็นหมอมีอาการแปลกๆ
“รู้จักสิ รู้จักดีด้วย! ..... เอ้อ!! ช่างมันเถอะ สายมากแล้ว ไปเข้าห้องตรวจกัน!!” หมอเอิร์ธหันกลับมาแสร้งยิ้มจนทั้งคนรู้สึกได้

.....................

การตรวจอาการของหมอในวันนี้ค่อนข้างแปลก หมอเอิร์ธดูเหมือนมีอะไรอยู่ในใจอยู่เอ่อล้น จนแทบจะไม่มีสมาธิในการรักษา หลายครั้งที่หมอเอิร์ธเหมือนจะเอ่ยปากถามอะไรบางอย่างที่นอกเหนือจากสอบถามอาการเจ็บป่วยของชานนท์ แต่ก็หยุดปากไม่ถามต่อ เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ จนเสร็จการตรวจ ทำให้ชานนท์ยิ่งรู้สึกสงสัยกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ ทั้งหลงและหมอเอิร์ธ ความสงสัยเหล่านี้ติดอยู่ในใจจนกระทั้งเขากำลังเดินทางกลับหอพัก

“นายว่าหมอเอิร์ธนี่ดูแปลกๆไปไหม? หลังจากเจอหน้าหลง สองคนนี้มันต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน!!” ความสงสัยมันล้นขอบจนต้องเอ่ยถามวรุฒขณะเดินทางกลับหอพัก

“.......... เป็น..... แฟนเก่ากันมั้ง” วรุฒพูดหน้านิ่งในขณะที่ตายังจ้องมองไปที่ถนนด้านหน้า
“บ้าน่า!! ดูแล้ว.... ไม่น่าจะใช่เลยนะ”
“ที่ว่าไม่น่าจะใช่นี่อะไร?”
“ก็แบบ หลง นี่ไม่จะเป็น..... เอ่อ...แบบ.... ชอบผู้ชาย.... ไง”
“ของแบบนี้มันวัดจากอะไรวะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน........” ชานนท์พูดพลางนึกถึงเรื่องของตัวเอง  ทำให้นึกสิ่งที่จะพูดไม่ออก
“ความรักน่ะมันไม่มีเพศหรอกนะ เราไม่มีทางรู้หรอกว่า เราจะชอบใครได้บ้าง ของอย่างนี้มันอยู่ที่เคมีของแต่ละคน”
“โอโห... คมแฮะ ทำไมรู้ดีจัง”
“เราก็เป็นคนแบบนั้น เรา.... ยังเผลอไปชอบนายได้เลย”
“อะ..... อะไรนะ!?!” อยู่ชานนท์ก็รู้สึกเสียศูนย์ สิ่งเรียกว่าสารสารภาพหรือเปล่า ทำไมไอ้คนพูดมันหน้านิ่งได้ขนาดนี้
“มุก! มุกใช่ไหม?”
“เห็นกูเป็นตลกหรือไง?!” วรุฒยังคงสีหน้าเดิมแม้น้ำเสียงจะดูแข็งกร้าว

หลังจากนั้นชานนท์ก็อยู่ในความเงียบไม่กล้าที่เอ่ยถามอะไรอีกเลย เพราะเขารู้สึกสับสนว่าวรุฒพูดเล่นหรือพูดจริง หากพูดเล่น มันก็ดูจริงจังเกินไป หากจะว่าเขาพูดจริง บทสนทนามันก็แข็งทื่อเกินไปว่าจะเป็นการสารภาพ เขาเลยใช้โอกาสนี้เงียบเสียดีกว่า เขาไม่รู้ว่าวรุฒจะอยู่ในอารมณ์ไหน?

.......................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“เฮ้อ! มาถึงเสียที รอตั้งนาน!!”

ชายในชุดสูทลำลองสีน้ำตาลอ่อน เดินเข้ามาทักทายชานนท์ทันทีที่เขาเหยียบเข้าอาคารหอพัก
“พี่เต๋า!!” ชานนท์มองคนที่ก้าวเข้ามาขวางทางตนเองอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเจอพี่เต๋าในสถานที่แบบนี้
“ตกใจอะไรวะ? พี่ดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” เต๋าขยับเข้ามาใกล้พร้อมใช้มือโอบไหล่อีกฝ่ายทันที ด้วยความที่ส่วนสูงใกล้เคียงกันทำให้แค่ขยับเข้าหานิดหน่อยทุกอย่างก็ลงล็อคเสียจนชานนท์ขยับหนีไม่ทัน

“ไม่.....ไม่ได้น่ากลัวครับ ผมแต่ตกใจที่อยู่ๆพี่ก็โผล่มา” ชานนท์ยิ้มแห้งๆ ตอบชายในชุดสูทลำลอง ชานนท์ก็แอบสงสัยนะว่าคนๆนี้ไม่ร้อนบ้างหรือไง มาใส่ชุดแบบนี้ในวันที่มีอากาศร้อนแบบนี้แต่กลิ่นที่โชยมาจากพี่เต๋าก็ยังหอมกว่าตัวเขาเสียอีก

“นึกว่าจะกลัวพี่ไปเสียแล้ว?”
“กลัว??”
“ก็เมื่อคืน.....” เต๋ามีท่าทีอ้ำอึ้ง
“เมื่อคืน......อืม...” ชานนท์พยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เป็นเพียงภาพลางๆและไม่ประติดประต่อ จนกระทั่งนึกไปถึงเรื่องที่เขากับวรุฒทำสิ่งนั้นกัน

“เป็นอะไร? หน้าแดงเชียว ไม่สบายหรือเปล่า? หรือว่ายังโกรธพี่อยู่?” เต๋าเกาะกุมตัวชานนท์แน่นขึ้นและพยายามมองปฏิกิริยาของชานนท์
“ไม่มีอะไรครับ พี่ปล่อยผมเถอะ ผมสบายดีครับ” ชานนท์หยุดคิดถึงเรื่องนั้นไม่ได้จนอยากไปให้ไกลจากตรงนี้ ไม่งั้นเขาคงควบคุมบางอย่างในร่างกายไม่ได้ เดี๋ยวเต๋าจะพาลเข้าใจผิดไปใหญ่ ชานนท์พยายามสลัดตัวเองออกจากอ้อมแขนของเต๋า

“มึงก็ยังหน้าด้านมาหาเขาอีกนะ” เสียงหนึ่งดุดันดังขึ้นไม่ไกล
“ไอ้หมาหวงก้างนี่เอง!” เต๋าหันไปพูดกับเจ้าของเสียง
“เมื่อวานมึงทำกับเขาขนาดนั้นยังมีหน้ามาทำลุ่มล่ามต่ออีกนะ!!” วรุฒเดินเข้ามาใกล้ขึ้นแววตาเกรี้ยวกราด
“เมื่อวานกูแค่..... พลั้งเผลอไปนิดหน่อย กูไม่ได้ตั้งใจ!”
“จะบอกว่ามึงเมาแล้วก็จบอย่างนั้นรึไง!!”  วรุฒเดินเข้ามาขนาบจนใกล้กับเต๋ามาก และส่งสายตาดุร้ายใส่อีกฝ่าย แต่เต๋าเองก็ไม่มีถอยหลังกลับปะทะสายตากับอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ ชานนท์คิดว่าหากเป็นเขาเจอสายตาแบบนี้คงถอยหนีไปแล้ว

“เดี๋ยวนะ! ใจเย็นๆ ก่อนไหม? ค่อยๆ คุยกัน เมื่อวานมีเรื่องอะไรก็ค่อยๆ คุยกันสิ” ชานนท์ส่งเสียงห้ามแต่ร่างกายก็ไม่ได้ขยับจากจุดเดิมอันเนื่องมาจากรังสีอำมหิตของทั้งสองคนที่แผ่ออกมาจนเขารู้สึกอึดอัด

“เรื่องอะไรน่ะเหรอ? ไอ้เต๋า! มึงจะให้กูเล่าหรือมึงจะเล่าเอง!!” วรุฒส่งเสียงใส่อีกฝ่ายดังก้อง
“เอ่อ..... คือ.... มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ แต่... ที่พี่ทำไปน่ะ พี่รู้สึกดีกับเราจริงๆนะ!” เต๋ามองชานนท์ด้วยสายตาแฝงความสำนึกผิด
“อะไรอ่ะพี่? ผมงงไปหมดแล้ว!!” ชานนท์พูดไปพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืนไปด้วย แต่ความทรงจำมันประสมปนเปไปหมด จนยากจะนึกออก
“ก็เรื่องที่มันพยายามจะขืนใจนาย ตอนที่นายเมาเละเทะที่ผับนั้นไง!!” วรุฒเฉลย

“เอ่อ....อะไรนะ!!!!!!” ชานนท์รู้สึกประมวลผลไม่ทันร้องอุทานเสียงดัง
“ไม่ใช่นะน้อง ไม่ใช่นะ พี่เผลอไปบ้างแต่พี่...” เต๋าพยายามอธิบายแต่ถ้อยคำกลับไม่มีอะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน
“พอเถอะ! มึงไม่ต้องอธิบายอะไรแล้ว!! เลิกยุ่งกับคนของกูเสียที” วรุฒผลักเต๋าจนเซไปไกลและเดินไปคว้าไหล่ชานนท์และพยายามใช้แรงดึงร่างของชานนท์เข้าประตูหอพักไปจนเกือบลอยจากพื้น แต่ชานนท์ท่าทางจะคุ้นเคยกับกำลังและความเร็วระดับนี้แล้วจึงสามารถสะบัดหลุดอีกฝ่ายได้ในทันที

ชานนท์ก้าวไปคว้าแขนเต๋าที่เซไปทางบันได เขาเห็นว่าท่าจะไม่ดีแล้วจึงรีบใช้แรงทั้งหมดของเราดึงร่างกายที่โอนเอนเกือบตกพื้นอาคารที่ยกสูงขึ้นกว่าครึ่งเมตร ให้กลับมาทรงตัวได้ตามเดิม แต่อาจจะดึงแรงไปเสียหน่อย ทำให้ร่างที่ชานนท์ดึงกลับเหวี่ยงมาทางเขา และชนกับร่างของตัวเองจนเซล้มไปกับพื้นอาคาร

“โอ้ย!!” เสียงชานนท์ร้องเมื่อศรีษะของเขากระแทกพื้นเข้าอย่างจัง และตามด้วยแรงกระแทกจากเบื้องบน ร่างของเต๋าหล่นร่วงมากระแทกร่างของชานนท์อย่างจัง
“เด็กโง่!! มาดึงพี่ทำไมวะ พี่แค่เซนิดเดียว นักกีฬาอย่างพี่ ตั้งหลักได้อยู่แล้ว!” เต๋ารีบลุกขึ้นมาดูอาการอีกฝ่าย
“อูย..... ก็มันดูน่ากลัวนี่ครับ” ชานนท์ยกมือขึ้นมาลูบหลังศรีษะตัวเองเบา

“ไหน? พี่ดูหน่อย!” เต๋าใช้มือลูบบริเวณที่ชานนท์ลูบอยู่
“พอเลย!! มึงก็รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว!!” วรุฒใช้มือเพียงข้างเดียวขยำคอเสื้อของเต๋าแล้วยกขึ้น ทำให้เต๋าตัวลอยขึ้นมาในท่ายืนในช่วงเวลาสั้นๆ เต๋าเซเล็กน้อยแต่ก็สามารถจัดระเบียบร่างกายให้กลับมายืนปกติได้ไม่ยาก
“อะไรของมึงเนี่ย!!” เต๋าโวยวายขณะป่ายปัดเสื้อผ้าตัวเอง
“เรื่องเก่ายังไม่ทันจะเคลียร์!! มึงก็ก่อเรื่องใหม่อีกแล้ว!!”
“เชี้ย!! กูไม่ได้ตั้งใจไหมวะครั้งนี้!!” เต๋าขมวดคิ้วเสียงดัง
“แปลว่าครั้งที่แล้วมึงตั้งใจ?!?” วรุฒโต้ตอบทันที
“กูก็บอกว่ากูเมา!!”
“คอเหล็กไหล อย่างมึงเนี่ยนะเมา!!”
เต๋าและวรุฒโต้ตอบกันอย่างร้อนแรงแต่ก็หยุดที่เต๋านิ่งไปพักหนึ่ง

“เออๆ กูยอมรับว่ากูเผลอไผลไปบ้างกับความน่ารักของน้องเขา............” เต๋าพูดเสียงเอื่อยอ่อยหลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่
“แต่ น้องนนท์ ..... พี่เลยอยากจะมาขอโทษ และอยากให้น้องให้อภัยกับความผิดพลาดของพี่ได้ไหม?” เต๋าพูดระหว่างมองหน้าชานนท์อย่างอ้อนวอน
“อืมมม...... ผม..... ไม่รู้นะว่าพี่ทำอะไรผมบ้าง เพราะบอกตามตรงว่าผมเองก็จำไม่ค่อยได้..... เอาเป็นว่า ผมไม่ถือสาก็แล้วกัน ผมเองก็เมา ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างเหมือนกัน” ชานนท์จบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เต๋ายิ้มกว้างไม่หุบ
“งั้นก็ไม่โกรธพี่นะ”
“ไม่ครับ”
“งั้นเรายังไปเที่ยวกันได้ใช่ไหม?”
“แต่ไม่ดื่มแล้วนะครับ”
“คงยาก แต่จะพยายามนะ!!”

“คุยอะไรกันมากมาย!! พอได้แล้ว!! มานี่ไอ้เตี้ย!!”
ชานนท์ตวาด เขาใช้มือกวาดคว้าลำตัวชานนท์ลากกึ่งอุ้มเขาเข้าหอพักไปทันที

“เฮ้ย!! อะไรกัน ทำไมเป็นคนไม่มีมารยาทแบบนี้ คนเขายังคุยกันไม่เสร็จเลย!” ชานนท์โวยพลางดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของอีกฝ่าย แต่ครั้งกลับไม่เป็นผล วรุฒโอบได้แน่นจนชานนท์หมดแรงจะต่อต้าน

“มึงเป็นคนโง่หรือสติไม่ดีวะ โดนเขาทำขนาดนั้นยังจะไปเชื่อใจเขาอีก พอไอ้เต๋าชวนไปเที่ยวก็จะไปกับเขาอีกหรือไง!!?” วรุฒโวยวายลั่นช่องบันไดทางขึ้น
“พี่เขาก็คงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ล่ะมั้ง พี่ก็ดูเป็นคนดีนะ ไม่งั้นเขาไม่จำเป็นต้องขอโทษเราถึงที่นี่ก็ได้” ชานนท์รู้สึกเจ็บตรงที่มือของวรุฒโอยรัดแต่ก็จนใจจะดิ้นรน เลยได้แต่พยายามสาวเท้าให้ทันอีกฝ่าย
“มึงไม่รู้จักมันเหมือนกู มันยังไม่ได้มึงไง มันถึงได้ลงทุน หากเมื่อวานมันทำสำเร็จวันนี้ มันจะกลับมาหามึงรึ? กูว่าไม่!!”
วรุฒยืนยันเสียงแข็งและยังคงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพียงชั่วอึดใจพวกเขาก็เดินเลยชั้นสองมาแล้ว

“เฮ้อ.... มันจะต่างอะไรกับนายวะ!!” ชานนท์เผลอพูดสิ่งที่คิดออกมาในใจเสียงดัง
“มึงว่าไงนะ!!” วรุฒหยุดเท้ากระทันหันและหันมาปะทะกับชานนท์ที่พยายามเร่งฝีเท้าให้ทันคนขายาวที่ลากเขาอยู่ด้านหน้าจนทำให้แรงปะทะระหว่างทั้งคน ผลักให้ชานนท์ลื่นล้มจนตกบันไดไปสามขั้น แต่โชคยังดีที่วรุฒแขนยาวพอที่จะรั้งและหยุดความเสียหายลงแค่สามขั้น

“โอ้ย!!” แต่นั้นก็เพียงพอให้ชานนท์รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า จนต้องร้องออกมาตอนที่เขาพยายามทรงตัว
“เฮ้ย!! เป็นอะไรไหม?” วรุฒมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยแต่มือของเขาก็ยื่นมาสัมผัสอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
“อูย.... เจ็บนิดหน่อย สงสัยข้อเท้าคงไปกระแทกสันบันไดเข้า
“เฮ้อ..... มึงนี่มันซุ่มซ่ามจริงว่ะ!”
“ก็เพราะใครกันเล่า!!” ชานนท์คิ้วขมวดด้วยความโมโหเพราะไอ้ตัวต้นเหตุดันเป็นฝ่ายมาต่อว่าเขา

“หึ...... มานี่เลย!!” วรุฒยิ้มที่มุมปาก และใช้มือรวบตัวชานนท์และอุ้มเขาในท่าอุ้มเจ้าสาวและเดินขึ้นบันไดมาทันที ท่ามกลางความตกใจของชานนท์จนเขาต้องร้องโวยวาย
“ทำอะไรเนี่ย!! อายคนอื่นเขา!!”
“ยิ่งนายโวยวาย ก็จะยิ่งเรียกคนออกมาดูนะ!!”
“โธ่..... เฮ้อ.....” ชานนท์โกรธจนทำหน้าไม่ถูก และยิ่งโวยวายไม่ได้ยิ่งทำให้ใบหน้าเขาแดงจนร้อนผ่าว ในขณะที่วรุฒเหมือนพอใจกับการกลั่นแกล้งอีกฝ่ายจนเผลอยิ้มที่มุมปากออกมา พร้อมทั้งพยายามกระชับวงแขนให้ชานนท์ใกล้ชิดเขามากขึ้นจนชานนท์ได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายในระยะประชิด เสียงหัวใจที่เต้นระรัวเสียงดังในอก ความอบอุ่นของวรุฒส่งผ่านไปที่แก้มทำให้ชานนท์รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

.................

“ปล่อยได้หรือยัง?”

ชานนท์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่เขาเข้ามาบริเวณห้องแต่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย ชานนท์รูสึกแปลกใจอย่างมากว่า วรุฒสามารถปลดล็อกและเปิดประตูพาเขาเข้ามาได้ในห้องได้อย่างเหลือเชื่อทั้งๆ ที่มือของวรุฒยังคงไม่ว่างเพราะยังคงอุ้มเขาอยู่ทั้งสองข้าง

“...........” วรุฒได้แต่ยืนนิ่งและอมยิ้มกวนประสาทชานนท์อยู่แบบนั้น รูปปากที่ทรงเสน่ห์ยังคงสร้างความหงุดหงิดให้ชานนท์ได้ตลอดทางขึ้นบันไดจนถึงห้อง
“เอ้า!! ปล่อยได้แล้ว! เราไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย!!” ชานนท์พยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนวรุฒจะแกล้งเขาโดยพยายามกระชับแขนเข้ามาให้แน่นขึ้น วรุฒทำเหมือนว่าเขาเป็นตุ๊กตายัดนุ่นขนาดใหญ่ที่น้ำหนักเบาและไร้เรี่ยวแรงต่อสู้

“นี่นายจะพูดดีๆ กับเราไม่ได้สักครั้งเลยรึไง? แบบอ่อนโยนน่ารักเหมือนที่ทำกับ ไอ้พี่เอกและไอ้เต๋านั่นน่ะ?” วรุฒพูดขณะก้มลงมามองชานนท์ด้วยสายตาที่เหมือนมองลูกหมาน่ารักตัวหนึ่งมีความเอ็นดูแฝงอยู่อย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
“เอ่อ..... ก็นาย.... ก็ไม่เคยพูดดีกับเราเสียหน่อย!” ชานนท์ตอบโดยไม่มองสายตาที่มองลงมาแบบนั้นของวรุฒเหมือนกับสายตาที่ไม่สามารถสู้กับแสงสว่างของแสงแดดยามสายได้
“ทั้งๆ ที่เราผ่านอะไรกันมา.... มากมาย โดยเฉพาะเรื่องเมื่อคืน...... กับเมื่อเช้า....” วรุฒพูดต่อจากประโยคของชานนท์ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“เรื่อง.... เมื่อคืน ........ เมื่อเช้า..... เราเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุแค่อารมณ์ชั่ววูบ เราเข้าใจ เรา.... ไม่โกรธหรอก....”  ชานนท์อ้ำอึ้ง เรื่องที่เขาพยายามลืมกลับโดยจี้จุดให้นึกขึ้นมาซ้ำๆ ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก เขายอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมานั้นมันไม่ได้แย่แต่ทำให้เขารู้สึกสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีประสบการณ์ประเภทนี้อยู่ ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่แบบนี้มันคืออะไร

“ทำไมถึงคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ?” วรุฒถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นเล็กน้อย
“ก็ต่างคนต่างเมา ต่างมีสติกันน้อยนิด มันอาจจะเกิดแค่อารมณ์ชั่ววูบ มันมึนงงไม่ชัดเจน... ช่างมันเถอะ.....” ชานนท์ก้มหน้าตอบ
“หากเราจะบอกว่า มันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบล่ะ?” วรุฒมีน้ำเสียงที่หนักแน่นและเริ่มเปลี่ยนอริยาบท
“อะไรนะ?” ชานนท์เงยหน้าขึ้นถามด้วยความแปลกใจ เขาไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เขาได้ยินมันถูกต้องหรือไม่

“เราจะทำให้มันชัดเจนเอง!!” วรุฒพูดจบก็ก้มลงและใช้มือหนึ่งดันศรีษะชานนท์ขึ้นมาให้ขนานกับใบหน้าของกันและกัน วรุฒใช้ริมฝีปากประสานริมฝีปากคนในอ้อมแขนอย่างทนุถนอน ความอ่อนโยนของวรุฒ ส่งผ่านไปที่ชานนท์จนเขาไม่สามารถต่อต้านรูปปากทรงเสน่ห์ที่ได้สัมผัสกับริมฝีปากของเขา ความอ่อนแอได้เล่นงานเขาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาถูกความปรารถนาในส่วนลึกในจิตใจเล่นงานจนไม่สามารถขัดขืนอีกฝ่ายได้

วรุฒเห็นว่าอีกฝ่ายไร้การต่อต้านใดๆ เขาจึงบรรจงวางชานนท์ลงบนเตียงอย่างเอาใจใส่จนแทบไม่ได้ยินเสียงผิวกระทบกับที่นอนเลย วรุฒไล่มือขึ้นมาจากช่วงต้นขาของคนตัวเล็กขึ้นมาจนถึงชายเสื้อและสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวภายใต้ร่มผ้านั้นจนถึงช่วงหน้าอก

ชานนท์สะดุ้งเนื่องจากมือเย็นๆของคนด้านบนสัมผัสถึงจุดที่ไวต่อการสัมผัส ชานนท์ถอนริมฝีปากของเขาจากเครื่องจักรกระตุ้นอารมณ์ตรงหน้า

“เดี๋ยว!! เดี๋ยวก่อน” คำพูดที่อ่อนแรงออกจากปากของชานนท์
“ทำไม?” เสียงสั่นแผ่วเบาออกจากปากของวรุฒ
“เรา.... ว่ามัน.... ไม่ถูกต้อง...”  ชานนท์หอบถี่
“ให้ความรู้สึกในหัวใจเป็นคนตอบก็แล้วกันว่าอะไรมันถูกต้อง!” ถ้อยคำง่ายๆ แต่เข้าใจยากถูกพูดออกมาพร้อมกระทำอันเร้าร้อนของวรุฒถาโถมเข้ามาทำให้ชานนท์รู้สึกสับสน เขายอมรับว่า วรุฒเป็นคนที่มีเสน่ห์ที่แม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังลุ่มหลง แต่เขาไม่คิดกับวรุฒแบบนั้นเลย หรือเขากำลังหลอกตัวเองอยู่เพราะเพียงแค่อีกฝ่ายโถมร่างกายเข้ามาสัมผัสเขา เขาก็ยอมให้อีกฝ่ายโรมรันด้วยริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้น ร่างกายกลับอ่อนแรงไร้การต่อต้าน เขาเผลอหลงไหลไปกับความสุขที่วรุฒปรนเปรอให้จนตอนนี้เสื้อผ้าของเขาลงไปกองอยู่ที่ข้างเตียงเรียบร้อยแล้ว
ชานนท์กำลังมองวรุฒเปลื้องผ้าออกทีละชิ้นโดยไม่ได้หลบสายตา เขารู้สึกหลงไหลลอนกล้ามที่เห็นตรงหน้า ผิวขาวสะอาดที่ผ่านการดูแลอย่างดีทำให้ชานนท์เผลอใช้มือลูบลอนท้องนูนต่ำสามคู่ตรงหน้า ชานนท์มองจนไปถึงจุดที่วรุฒน้อยค่อยๆ เติบใหญ่จนเขารู้สึกตกใจ วรุฒยิ้มอย่างลิงโลดเขาโถมร่างกายตัวเองเข้ามาประชิดคนด้านล่าง เขาใช้เข่าที่ตั้งชันพื้นเสือกดันต้นขาของคนด้านล่างให้ค่อยๆ กางออก พลางใช้ปากและลิ้นไล่ชิมรสชาติทุกสัดส่วนตรงหน้าอย่างหิวกระหาย ชานนท์ได้แต่อดกลั้นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงน่าอายออกไป จนกระทั่งวรุฒไปหยุดที่จุดยุทธศาสตร์ของเขาและสอนการสร้างสุขกับชานนท์จนเขาถึงกับบิดตัวเองเพื่อหลบการกระทำนั้น

“ไม่นะ! นายทำอะไรน่ะ มันสก.....” ชานนท์พูดพลางดิ้นหลบ
“อยู่เฉยๆ ไปเถอะ นายจะได้รู้ว่า นายรู้จักตัวเองดีแค่ไหน!” วรุฒพูดจบ เขาก็ใช้แรงเพียงเล็กน้อยจับชานนท์กดให้นิ่งและก้มลงไปทำพิธีกรรมต่อทันที ชานนท์ทำได้แต่เกร็งและร้องออกมาอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน

เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบที่ขานนท์รู้สึกถึงสัมผัสอันโหยกระหายของอีกฝ่ายที่โลมเลียดื่มด่ำกับความเป็นชายของเขาจนเขาแทบหมดแรง
“ตานายแล้ว” วรุฒลุกขึ้นมาและโถมดันร่างกายตนเองให้ขึ้นมาสูงจนบางอย่างของเขามาตั้งตระหง่านตรงหน้าชานนท์ เป็นสิ่งที่ทำชานนท์ทึ่งมาเมื่อมาเห็นมันใกล้ๆแบบนี้

“เอ่อ.....” ชานนท์อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก แต่เพียงพริบตา  สิ่งนั้นของวรุฒก็เข้าไปในช่องปากของเขาอย่างจงใจ มันทำให้เขาอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ดีอย่างประหลาด วรุฒทำอยู่สักพักจนเขาเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากและหอบหายใจอย่างถี่รัวเพราะหายใจไม่ทัน วรุฒได้แต่หัวเราะในลำคอ และชั่วอึดใจต่อมาเขาก็จับชานนท์นอนคว่ำในท่าเตรียมพร้อม และมอบความสุขในแบบฉบับของเขาให้กับชานนท์อีกครั้ง........

............

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อันนี้คือการแก้เมื่อยหลังจากไปเดินช้อปปิ้งมาสินะ555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ jinutlove

  • ไม่คิดที่จะรัก
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai2-1:อื้อรออ่านต่อนะค่ะ ชอบๆอิอิ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


โอย.....

ความรู้สึกปวดตามเนื้อตามตัวเล่นงานชานนท์ขณะค่อยๆ ขยับร่างกายของเขาออกจากอ้อมแขนอันใหญ่โตของวรุฒ เขาขยับศรีษะซ้ายและขวาอย่างช้าๆ เสียงกร๊อบแกร็บดังขึ้นเบาๆ ลั่นออกจากภายในร่างกายของเขา

ชานนท์ลุกมานั่งห้อยขาลงจากเตียงของเขาพลางสำรวจร่างกายที่มีรอยจ้ำแดงอยู่ทั่วไปอย่างห่างๆ ทำให้เขานึกถึงลีลาอันร้อนแรงดุดันของวรุฒที่ทำให้เขาสุขปนทุกข์อยู่ร่วมชั่วโมง ชานนท์แอบมองชายร่างกายกำยำ ล่ำสันที่นอนกึ่งคว่ำกึ่งเปลือยไม่ได้สติ ใบหน้ายามหลับไหลยังคงความมีเสน่ห์เหมือนรูปปั้นสมัยกรีกที่ศิลปินต่างบรรจงแกะสลักอย่างตั้งใจปราณีต ชานนท์เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

อืม........

เสียงชายที่นอนหลับตาตรงหน้าออกเสียงงึมงำพลางพลิกตัวมานอนหงายเผยให้เห็นรูปลักษณ์อันน่าตื่นตา ทำใหชานนท์เผลอไปนึกถึงภาพอดีตเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาจนเขาเผลอขยับตัวหนีและลุกขึ้นอย่างฉับพลัน

“โอ้ย!!”

ความเจ็บปวดแล่นเข้าเล่นงานเขาในจุดปะทะระหว่างเขาอละชานนท์จนเขาต้องร้องออกมา

“เป็นอะไร? ทำไมไม่นอนต่อ” ชายที่นอนอยู่บนเตียงไร้ผ้าปูที่นอนเอ่ยขึ้นพร้อมเงยขึ้นมามองต้นเสียง
“ไม่มีอะไร...... เราเหนียวตัว..... เราขอไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดจบชานนท์ก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที  พอถึงบริเวณห้องน้ำชานนท์รู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด เขาไม่รู้ว่าเขาจะมองหน้าวรุฒติดหรือไม่ เพราะครั้งนี้เขามีสติสัมปชัญญะดีทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ  และสุดท้ายคำถามที่ตามมาคือ ความสัมพันธ์แบบนี้มันคืออะไร?

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น
“เฮ้ย! นนท์ นายลืมเอาผ้าเช็ดตัวเข้าไปน่ะ” เสียงจากคนอีกฝากของประตูดังเข้ามา
“เอ่อ....โอเค...” ชานนท์ตอบรับและเดินไปปลกล็อคประตู
“ขอบ....เฮ้ย!!” ชานนท์กำลังจะพูดขอบใจอีกฝ่าย แต่วรุฒกลับผลักประตูเข้ามาหน้าตาเฉยทำให้เขาตกใจ และรู้สึกตกใจเข้าไปอีกเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ปกปิดร่างกายตัวเองด้วยผ้าชิ้นใดๆเลย

“อาบด้วยสิ” คนตัวสูงที่เดินเข้ามายืนในห้องน้ำพูดขึ้นและปิดประตู
“จะบ้าเรอะ!!”
“อ้าว!! เป็นอะไร? ใช่ว่าไม่เคย?”
“เออ.... มันไม่เหมือนกันนี่ ตอนนั่นมันโดนบังคับ!!”
“ถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องอายกันแล้วนะ อาบด้วยคนสิครับ”
“ครับ??”
“อ้อ..... แปลกๆ ใช่มะ? ก็ตั่งใจว่าต่อจากนี้จะพยายามพูดดีๆ กับนาย เผื่อนายจะพูดดีๆกับเราบ้างไง”
“อืมมมมมม มันแปลกๆ น่ะ”
“แปลกยังไง?”
“ไอ้ความสัมพันธ์แบบเนี้ย!! มันยังไงก็ไม่รู้”
“เราแสดงออกชัดขนาดนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอ?”
“มัน... อะไร....ยังไง?.... เราไม่รู้!!” ชานนท์รู้สึกอยากทึ้งหัวตัวเองออกมาขยี้ที่พื้น
“ใจเย็นๆ เราไม่ได้ทำเล่นๆ เราจริงจัง! นายก็น่ารู้นะว่าหากเราคิดแค่เซ็กส์เล่นๆ มันจะเกิดแค่คืนเดียวครั้งเดียว แต่นี่มันก็พิสูจน์แล้วนะ ว่าเรากำลังคิดกับนายแบบไหน?”
“แบบ..... แบบไหน?”
“แบบ’แฟน’ ไง”
“อะไรนะ!!”
ชานนท์ยังไม่ทันตั้งตัวกับประโยคก่อนหน้านี้ วรุฒก็โผเข้าสวมกอดชานนท์จากทางด้านหน้า เนื้อทุกสัดส่วนของทั้งสองแนบชิดกัน ด้วยความสูงที่ต่างกัน ศรีษะชานนท์เลยสูงเลยช่วงกลางหน้าอกของวรุฒนิดเดียว ชานนท์ถูกมืออันใหญโตกดศรีษะแนบลงบนแผงอกคนตัวสูง ทำให้เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ

“เราก็ไม่รู้ว่า ไอ้ความรู้สึกกับนายมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่? เรารู้แต่ว่า เราห้ามใจตัวเองไม่ให้หวั่นไหวเวลาเจอกับนายได้อีกต่อไป ไม่เชื่อลองฟังหัวใจเราสิ เวลาอยู่กับนายมันเต้นจนแทบพังเลย” วรุฒพูดพลางลงน้ำหนักไปที่ศรีษะคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างแผ่วเบา

“ไอ้บ้า! ใครจะไปฟังหัวใจนายเต้นรู้เรื่อง!” ชานนท์พูดด้วยใบหน้าที่รัอนผ่าวใจของเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกัน
“งั้นนายว่าไง?”
“ว่าไงอะไร?”
“เราก็บอกว่าคิดแบบแฟนแล้วไง จะคบกับเราใช่ไหม?”
“เราไม่เคยคบกับผู้.... ชาย” ความจริงชานนท์ไม่เคยคบกับใครเลยต่างหาก
“ไม่เห็นจะยาก ก็แค่คบกัน ทำตามหัวใจไปก็เท่านั้น”
“โห.... อย่างนี้ยิ่งยาก! ไม่มีอะไรในหัวกับเรื่องแบบนี้เลย!!”
ชานนท์เสือกตัวเองออกมาจากอ้อมแขนที่คลายแรงลงไปมากแล้ว ในขณะที่เขากำลังเดินไปที่โซนฝักบัว ก็โดนมือหนึ่งดึงกระชากจนเขาเซไปหาคนตัวใหญ่ที่พร้อมเดินเข้ามาหาเขาด้วยเช่นกัน ในชั่ววินาทีเขาก็ถูกริมฝีปากอันอ่อนนุ่มทางด้านบนกดลงไปอย่างดูดดื่ม เขาถูกพันธนาการโดยแรงพิศวาสจากวรุฒจนดิ้นไม่หลุดทั้งๆ ที่วรุฒแทบไม่ได้ใช้แรงมือในการกระชับตัวชานนท์ไว้เลย

“แบบนี้ไง! ทำตามหัวใจตัวเองแบบนี้!” วรุฒถอนริมฝีปากก่อนพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือด้วยอาการหอบถี่จากการรุกไล่ชานนท์แบบสุดตัว
“อือออ....” คำพูดเดียวที่สามารถออกจากปากชานนท์ พลางได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หรือเขาจะตกเป็น ‘ทาสสวาท’ ของวรุฒแล้วใช่ไหม? การรู้สึกเสียคนมันเป็นแบบนี้ใช่ไหม?

“อาบน้ำดีกว่า เหนียวตัวจะแย่!!” ชานนท์ผละตัวออกจากชายร่างสูงใหญ่ที่พยายามจะเริ่มบทอัศจรรย์ต่อจากบนเตียง

วรุฒยอมปล่อยร่างเล็กๆนั่นหลุดมือไปแต่โดยดี เขามองและยิ้มไปทางชานนท์อย่างพอใจต่อปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

ชานนท์เหลือบมองวรุฒที่ค่อยๆก้าวเท้าเข้าด้วยอาการยิ้มมาที่เขาในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  มันทำให้ชานนท์รู้สึกตึกตักขึ้นมาในอกจนต้องขอหลบสายตาที่ทอแสงมาทางเขา มันดูเจิดจ้าจนเขาไม่กล้ามอง เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นกระดาษแผ่นบางๆ ที่พร้อมจะลุกไหม้เมื่อเจอแสงที่ส่องมาอย่างเข้มข้นผ่านกระจกเลนส์นั้น

ชานนท์เปิดน้ำจากฝักบัวให้มันราดรดศรีษะเขาจนเปียกชุ่ม เผื่อว่าน้ำจะช่วยชะล้างความรู้สึกบ้าบอเหล่านี้ให้หายไป
“ทำไมอาบน้ำเย็นจัง?” เสียงทุ้มต่ำจากทางด้านหลังในระยะประชิดดังขึ้นจนเขาสะดุ้งตาโต วรุฒก้าวเข้ามาในโซนฝักบัวที่มีประตูกระจกกั้นอย่างเงียบเชียบ

“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลง
“โอโห! ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ ก็น่าจะรู้นะเราจะเข้ามาอาบด้วย ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องอายกันแล้วไหม?” วรุฒพูดติดตลกในขณะที่ชานนท์ก้มๆเงยๆ มองไปที่พื้นสลับกับมองหน้าวรุฒอย่างขุ่นเคือง

“เลือด!!” ชานนท์มองไปที่หยาดน้ำไปไหลลู่ลงไปตามขาทั้งสองข้างจนไปถึงพื้น มันเป็นสีแดงจางๆ และมีเม็ดหยดน้ำสีแดงที่เข้มกว่านิดหน่อย หยดลงพื้นเป็นระยะ

“อ้อ..... สงสัยเราคงไม่ได้ใช้ เจลหล่อลื่นน่ะ.” วรุฒเหลือบมอง อมยิ้ม และไม่ได้ทำท่าทางประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เราจะเป็นอะไรไหมเนี่ย?” ชานนท์มีท่าทีร้อนรน
“อืม...... ปล่อยไปเดี๋ยวก็หาย แต่หากไม่สบายใจก็จะพาไปหาหมอก็ได้นะ”
“โว้ย!!! แล้วจะให้บอกหมอว่าอะไร? โอย... นึกว่ามันเจ็บแปลบๆ แสบๆ ไปหมด!!”
“อืม... ที่ผ่านมา.... พวกผู้หญิงพวกนั้นก็ไปหากันนะ เขาก็คงบอกว่าพูดไปตามความจริงไปเลยมั้ง เราไม่เคยถาม.... ไม่น่าเป็นอะไรมากหรอก เพราะเห็นหลายคนก็มาขอซ้ำน่ะ” วรุฒพูดลงท้ายประโยคด้วยรอยยิ้มยียวน
“งั้นหยุดเลย!! อยู่ห่างๆ เราเลย” ชานนท์พูดพร้อมใช้มือดันวรุฒให้ถอยห่างไป
“ว้า......” วรุฒทำหน้าเสียดาย
“ออกไปก่อนไป!”  ชานนท์ทำท่าทางไล่อีกฝ่ายออกไป
“งั้น...เราขอไถ่โทษโดยการอาบน้ำให้นะ” วรุฒทำท่าทางออดอ้อน ด้วยรูปร่างใหญ่โตของเขามันเลยดูขัดๆ แต่พอมองหน้าแล้วก็ทำให้ชานนท์อดที่จะใจอ่อนไม่ได้
“ไม่ได้!!” ชานนท์แข็งใจใส่
“น่านะ....” วรุฒลากเสียงยาวอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน สิงโตตัวนี้จะมาทำตัวเป็นแมวน้อยแบบนี้ไม่ได้นะ!! ชานนท์คิดในใจแบบนี้ แต่พอโดนอ้อนแบบนี้เพียงอีกแค่สองสามประโยคชานนท์ก็ใจอ่อนยอมตกลงแต่โดยดี

................

โอยยยยย

ชานนท์นั่งไม่ติดเบาะเพราะอาการเจ็บที่บั้นท้ายขณะที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังขับรถไปที่คลินิคประจำมหาวิทยาลัยเพราะชานนท์ไม่อยากไปโรงพยาบาลเดิมเพราะไม่อยากเจอหมอคนเดิมและอีกอย่างที่คลินิคนี้ไม่เสียเงินด้วย เขาคาดว่าหมอที่นั้นน่าจะไม่ถามอะไรมาก

“เจ็บเหรอ?”  เสียงของคนขับรถร่างใหญ่ด้านข้างเอ่ยทัก
“ถามได้!! อูยยยยย” ชานนท์หันไปค้อนวรุฒที่ยิ้มกริ่ม เหตุที่เจ็บขนาดนี้เพราะความไม่ระวังของเขาเอง ในตอนเช้าวรุฒอ้อนที่จะขอเข้ามาช่วยชานนท์อาบน้ำอีกครั้ง ด้วยความที่เมื่อวานวรุฒทำตัวได้ดี เขาจึงวางใจให้เข้ามาอาบน้ำกับเขาอีกครั้ง แต่ก็โดนอีกฝ่ายห้ามใจไม่ไหว จู่โจมชานนท์จนเขาเผลอปล่อยให้ตัวเองโดนกระทำในห้องอาบน้ำจนได้ มันเหมือนเป็นการซ้ำเติมแผลเก่าให้เปิดมากกว่าเดิม เขาได้แต่บ่นกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงปล่อยตัวได้ขนาดนี้

ในที่สุดเขาก็เดินทางถึงที่หมายเสียที สถานพยาบาลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยเพื่อให้ง่ายแก่นักศึกษาจากทุกคณะฯจะได้สามารถเดินทางมารักษาพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างสะดวก ที่นี่ถูกปลูกเป็นอาคารสีขาวสะอาดทรงสูงโปรง ผนังถูกสร้างเป็นกระจกกึ่งโปร่งแสงเสียครึ่งอาคาร ปลูกเป็อาคารชั้นเดียวขนาดไม่ใหญ่มากท่ามกลางสวนหย่อมสวยงามแปลงเล็กๆโดยรอบ ชานนท์เคยพูดว่าที่นี่สวยดี แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาใช้บริการด้วยสาเหตุแบบนี้!

“อ้าว!! นนท์ไม่สบายเหรอ?” 

เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง ชานนท์จำเสียงนั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องหันกลับไปมอง เขาดันมาเจอคนที่ไม่ควรมาเจอที่สุดอย่างไอ้ปากมากคนนี้

“อ้าว! หลง บังเอิญจัง มาทำอะไรแถวนี้?” ชานนท์ค่อยๆหันหลังกลับไปมองเพื่อนร่างสูงในชุดนักกีฬาบาสเกตบอลประจำมหาวิทยาลัย
“ก็มีอุบัติเหตุนิดหน่อยตอนซ้อมแข่งน่ะสิ!!” หลงเดินโขยกเขยกมาหาชานนท์
“มาคนเดียวเหรอ? ผู้ติดตามไม่นาด้วยเรอะ?” หลงพูดพลางมองซ้ายมองขวา
“เอ่อ...... ”  ชานนท์ตอบไม่ถูกว่าหลงหมายถึงใคร เขาควรจะบอกไหมว่าเขามากับวรุฒ มันจะดูแปลกไหม หากเขาตอบออกไปแบบนี้ โชคดีที่วรุฒไปหาที่จอดรถอยู่เลยให้เขาลงมาก่อนเพื่อลงทะเบียน ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันและคงจะมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย คำถามที่ยากจะตอบ

“นายจะมาหาหมอเหรอ? เป็นอะไรวะ?” สมกับที่เป็นหลง เป็นคนสมาธิสั้น ชอบชิงพูดก่อนจนบางครั้งไม่รอคำตอบ หลงถามต่อทันที
“เอ่อ....” ในที่สุดก็ถึงคำถามที่ชานนท์ไม่รู้จะตอบอะไรออกไป
“เฮ้อ... อ้ำอึ้งอะไรวะ ร้อนว่ะ เข้าไปข้างในกันก่อน!!” หลงตัดบทเมื่อเห็นชานนท์ดูลำบากใจที่จะตอบ เขาค่อยๆใช้ขาข้างที่เดินสะดวกก้าวขยับไปอย่างช้าๆ ส่วนชานนท์เอกก็พยายามช่วยหลงเดินอย่างเต็มกำลังติดที่ ตัวเขาเล็กกว่ามากและเขาเองก็ยังบาดเจ็บเช่นกัน มันเลยเป็นภาพที่ชวนขันประมาณหนึ่งหากมีคนมาเห็นเข้า

“ไปทำอะไรมาเนี่ย?” ชานนท์เหมือนเพิ่งตั้งสติได้เลยตั้งคำถามหลังจากที่พวกเขาพากันมาถึงที่นั่งรอหน้าเคาน์เตอร์พยาบาลด้านในสถานพยาบาล
“ใจลอยนิดหน่อย ตอนวิ่งไปกระโดดชู้ตบาสลงห่วงเลยบินถลาไปปะทะกับฐานแป้นบาสฯ..... สภาพก็เป็นอย่างที่เห็น คนในทีมก็ไม่มีใครสงสาร คงเพราะช่วงนี้คงเห็นเราพลาดบ่อยเลยช่วยพาขับรถมาถีบส่งลงตรงด้านหน้า ใจดำฉิบหาย!! โชคดีเจอนนท์นะเนี่ย” สไตล์การพูดเรื่อยเปื่อยและจบลงด้วยยิ้มหวานของไอ้หมอนี้ มันเป็นเอกลักษณ์ที่โกรธไม่ลงจริงๆ ชานนท์เลยทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป

“สวัสดีคะ เป็นอะไรมาคะ?” พยาบาลที่โผล่มาจากไหนไม่ทราบเอ่ยทักขึ้นที่เคาน์เตอร์
“นายก่อนเลย เรารอได้ กำลังขี้เกียจกลับไปนั่งดูการซ้อมบวกกับการนั่งฟังโค้ชบ่น” หลงผายมือมาทางานนท์ ทำให้พยาบาลสาวสวยที่เคาน์เตอร์เบนสายตามาทางชานนท์ที่กำลังอ้ำอึ้งกับการนึกบรรยายอาการเจ็บของตนเอง

“พี่เขาสวยก็จริงแต่ไม่เห็นต้องอายขนาดนั้นนี่หว่า!!” ไอ้หลงไอ้คนปากมอม มันเริ่มพูดเรื่อยเปื่อยอีกแล้ว และสุดท้ายก็ยิ้มหวานส่งท้ายให้กับนางพยาบาลที่ซึ่งตอนนี้ ยิ้มเอียงอายแก้มแดง ก็นะถึงหลงจะเป็นคนปากมาก แต่ก็เป็นคนหน้าตาน่ารักขนาดเป็นตัวเก็งดาวมหาวิทยาลัย เจอคำพูดแบบนี้กับยิ้มแบบนี้สาวๆที่ไหนก็คงต้องมีใจละลายกันบ้าง

ชานนท์หันไปใช้สายตาค้อนใส่หลงไปวูบหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปหานางพยาบาลสาวในระยะประชิด

“เอ่อ.... คือผม..... อยากให้หมอตรวจ..... ก้นให้หน่อย...” เสียงชานนท์ที่พูดเหมือนกระซิบและเหมือนจะค่อยๆ จางหายไปในท้ายประโยคจนทำให้พยาบาลสาวคนนั้นเอียงคอไปหาชานนท์
“อะไรนะคะ?” พยาบาลถามทวนเพราะเธอไม่ได้ยินช่วงคำท้ายๆเลย

“ก็บอกเข้าไปว่าดูแผลที่ก้นก็ว่าไป!!” เสียงดังจากทางด้านหลังชานนท์ วรุฒมาถึงเคาน์เตอร์อย่างเงียบเชียบจนชานนท์สะดุ้ง รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด

“คุณพยาบาลครับ แฟนผมมันขี้อายคือเรามีอะไรกันแล้ว.......” วรุฒเดินเข้ามาวางมือบนไหล่ของชานนท์และยิ้มอย่างเจ้าเลห์ใส่พยาบาลที่ตอนนี้ยืนทำหน้าแดงเป็นผลมะเขือเทศ ไม่รู้ว่าเพราะหน้าตาอันหล่อเหลาของไอ้คนพูดหรือความหมายของคำพูดที่ไอ้หน้าหล่อพูดที่ทำให้เธอเขินอายได้ขนาดนั้น
“เข้าใจนะครับ ครั้งแรกก็แบบเนี่ยก็เลยเลือดออกนิดหน่อย อืม..... จะว่าไปก็ไม่ใช่ครั้งแรกเนอะ?” วรุฒพูดให้จบประโยคด้วยใบหน้าทรงเสน่ห์และขยิบตาใส่นางพยาบาลและชานนท์ไปเป็นอันจบประโยค

ส่วนชานนท์นั้นรู้สึกถึงน้ำตาที่หล่อเลี้ยงนัยน์ตาจนเกือบล้น ทั้งอายทั้งขายหน้า ที่สำคัญมีไอ้ปากมากอย่างหลงนั่งอยู่ไม่ไกล

เพี๊ยะ!!!

เสียงฝ่ามือกระทบกับผิวหนัง ชานนท์เหลืออดกับการกระทำครั้งนี้ของวรุฒจนถึงกับวาดมือทำร้ายคนอื่นเป็นครั้งแรก แต่สิ่งที่ฝ่ามือปะทะกลับไม่ใช่ผิวหน้าของอีกฝ่ายแต่กลับเป็นฝ่ามือของอีกฝ่ายมาหยั่งไว้ได้ทันแบบสบายๆ

“เดี๋ยวนี้เก่งนะเนี่ย ทำแบบนี้แปลว่าอยากโดนลงโทษอีกใช่ไหม?” วรุฒพูดเสียงเข้มใส่ด้วยใบหน้ายิ้มมุมปากที่ทำให้ชานนท์ขนลุก
ชานนท์ได้แต่มองหน้าวรุฒอย่างเหลืออด ที่ปลายสายตายังมีหลงที่นั่งเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองและดวงตาเบิกโพลงอย่างประหลาดใจ

“ไอ้....ไอ้บ้า!!!” น้ำตาแห่งความอับอายหยดแรกไหลผ่านแก้มลงมาถึงคาง ใบหน้าของชานนท์แดงก่ำไปด้วยเลือดฝาด โดยที่มีของเขายังโดนอีกฝ่ายจับกุมไว้แน่น

“เฮ้ยๆ! เราล้อเล่นน่ะ เราก็แค่ห่วงกลัวนายไม่กล้าบอกความจริง มันจะรักษาไม่ถูกโรคนะ!!” วรุฒปล่อยมือของชานนท์และพยายามขยับเข้ามาใกล้เพื่อใช้มือปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก

“อ้าว!! เฮ้ย!! มึง!!” วรุฒร้องทักหลังจากเห็นหลงนั่งมองด้วยความตั้งใจอยู่ไม่ไกล

“เอ่อ......โห.... เรื่องนี้มัน......เชี้ย!.... กูไปไม่เป็นเลย เกิดอะไรขึ้นกับพวกเอ็งวะ?” หลงหลุดถามอะไรเรื่อยเปื่อยตามประสาเขา แต่ชานนท์ไม่พร้อมจะตอบคำถามนี้เสียเลย เขาจึงหันไปยืนยิ้มให้นายพยาบาลที่ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียวโดยที่ผิวหน้าแดงจนเห็นได้ชัด

“เอะอะ อะไรกันข้างนอกนี่” เสียงของคนใส่แว่นในชุดกราวด์ยาวสีขาวซึ่งเดินออกมาจากในห้องด้านในและเดินมาหยุดที่เคาน์เตอร์ข้างนางพยาบาล

“เชี้ย!!!” หลงสบถเสียงดังเมื่อเห็นหน้าขาวใสใส่แว่นที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
“อ้าว!! หลงเป็นอะไรหรือเปล่า?” คุณหมอหน้าสวยยิงคำถามข้ามชานนท์และวรุฒไปทางคนที่นั่งหน้าซีดทางด้านหลัง

“อาจารย์เอิร์ธคะ คนนี้มาก่อนนะคะ” นางพยาบาลสาวแก้มแดงเอ่ยทักคุณหมอที่กำลังเดินออกจากเคาน์เตอร์เพื่อเดินไปหาหลงซึ่งกำลังทำท่าจะลุกเดินจากไป แต่ติดตรงที่เท้าของหลงเพิ่งได้รับบาดเจ็บมาเลยทำให้ไม่สามารถเดินไปได้ไกลนัก

“เดี๋ยว!! เจ็บขนาดนี้ไปไหน? เข้าไปให้พี่ดูก่อน!!” หมอเอิร์ธทำเสียงเข้มงวดใส่คนขาเป๋ตรงหน้า และใช้มือคว้าแขนอีกคนไว้
“.........” หลงมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ไร้คำพูดใดๆ เป็นครั้งที่เห็นหลงไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากมากๆ ของมัน เหตุการณ์นี้ทำให้ชานนท์ลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วขณะ เขายืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างคาดเดาสถานการณ์ไม่ออก ภายในอ้อมแขนของคนตัวใหญ่ที่โอบกอดเขาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

“ปล่อย!! ผมจะกลับแล้ว แต่นี้เองใช้ลิ้นเลียเดี๋ยวก็หาย!!”
คำพูดฉุนเฉียวคายออกมาจากปากของหลงจนได้ พลางสะบัดมืออึกฝ่ายที่จับแขนเขาเสียแน่นจนหลุด

หลงยึดตัวเองขึ้นมาเต็มความสูงยืนตรงอย่างองอาจ แทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางใบหน้า หลงทำได้ดีจนคิดว่าอาการเมื่อครู่คือการแกล้งทำ แต่ครั้นพอก้าวขาออกเพียงก้าวแรก หลงก็ร้องโอยขึ้นมาเสียงและย่อตัวลงด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้หน้าตาของหลงเหย๋เกจนดูไม่ได้

“ไม่ไหวก็อย่าฝืนสิ!! เฮ้อ...... เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย” หมอเอิร์ธพูดพลางผ่อนลมหายใจส่ายหน้า
“ไม่เหมือนเดิม! ผมไม่เหมือนเดิมแล้วตั้งแต่......” แล้วหลงก็หลบตาและเงียบไปพักใหญ่ หมอเอิร์ธตอนนี้มีใบหน้าที่แบ่งรับแบ่งสู้กับอารมณ์ของหลงตรงหน้า เขาผ่อนลมหายใจออกยาวๆ และหันมาทางวรุฒและชานนท์

“คู่รักคู่นั้นน่ะ มาช่วยกันหน่อยได้ไหม?” หมอพูดทัก
“เขาตัวใหญ่เกินกว่าที่หมอจะยกคนเดียวไหว” หมอยิ้มมาทางสองคนที่งงกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนลืมเรื่องของตัวเองไปเสียหมด
“อ้อ... ครับ” วรุฒตอบรับและเดินไปช่วยหมอแบกไอ้ยักษ์อีกคนเข้าห้องตรวจด้านใน

“แล้วก็....... แผลที่รูทวารน่ะ เดี๋ยวหมอดูให้นะ ยังไงก็บอกแฟนให้เบาๆ หน่อยล่ะ แล้วก็หาเจลหล่อลื่นดีๆ ก็ช่วยได้ ขนาดตัวต่างกันขนาดนี้ อะไรๆมันก็คงต่างกันพอควร” หมอเอิร์ธหยุดพูดขณะเดินผ่านหน้าชานนท์ไป

“........” ชานนท์หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง เขาอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียตรงนี้แต่ทำไม่ได้

“เอ้อ!! แล้วป้องกันหรือเปล่าล่ะเรา?” หมอเอิร์ธหันไปถามคนที่ช่วยแบกหลงอีกข้างหนึ่ง
“เอ่อ........” วรุฒมีอาการอ้ำอึ้งตากรอกไปมา
“เฮ้อ...... วัยรุ่น!!”

‘เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า..... ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย!!’ ชานนท์คิดในใจและจ้องไปที่หน้าวรุฒอย่างขุ่นคือง

“เอาอย่างนี้นะ หมอมีของฟรีอยู่ เยอะไปเอาในห้องตรวจ แล้วทีหลังก็อย่าลืมล่ะ ปลอดภัยไว้ก่อนนะ” หมอเอิร์ธพูดจบก็ขยับให้นำคนเจ็บเข้าห้องไป ส่วนคนเจ็บอย่างหลงนั้นกลับเงียบไม่พูดจาจนผิดสังเกต

“ครับๆ ทีหลังจะไม่ลืม” วรุฒปากเหมือนพูดกับหมอ แต่สายตาของเขากลับจ้องกลับไปที่ขานนท์ จนชานนท์ต้องเตั้งใจค้อนกลับมา

................................

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 14

Unfortunate event never end


“หมอครับ ผมขอตรวจเลือด!!” ชานนท์โผล่งขึ้นมาทันทีที่พบหน้าแพทย์
หมอเอิร์ธมีอาการเหม่อลอยหลังจากที่ได้วรุฒช่วยส่งตัวหลงออกไปจากห้องไป หมอเอิร์ธมีอาการลังเลที่จะพูดกับหลงหลายครั้ง แต่ก็ล้มเลิกไป ชานนท์รู้สึกว่าสองคนนี้น่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน หลงมีท่าทางเงียบกว่าปกติมาก โชคดีที่เพื่อนของหลงแวะมารับ ไม่อย่างนั้นคงจะมีบรรยากาศอึดอัดแบบนี้อีกนาน ชานนท์เห็นแววตาที่หมอเอิร์ธมองไปที่หลง เป็นแววตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจอะไรบ้างอย่างที่ยากจะอธิบาย

“ใจเย็นๆ เราไม่มีโรคนะ เราตรวจเป็นประจำ ป้องกันตลอด แต่กับนายมันยุ่งยากเวลา..... ไม่มีเวลาได้ใส่...... ก็เลย...”
วรุฒพูดเสียงดังขึ้นมากลางวงสนทนาระหว่างชานนท์กับหมอ ทำให้หมอเอิร์ธกลับมามีสมาธิกับชานนท์มากขึ้น วรุฒพูดด้วยสีหน้าราบเรียบเหมือนกำลังคุยเรื่องมื้ออาการที่ผ่านมากินอะไรบ้าง แต่กับชานนท์นั้นกำลังอดกลั้นกับความอับอายตรงหน้าจนเกือบถึงขีดสุด คนแบบไหนถึงได้คุยเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนแปลกหน้าได้หน้าตาเฉย

“ฮะฮะฮะ เรื่องธรรมชาติน่า หมอรับได้ ส่วนเรื่องตรวจเลือดก็แวะไปที่โรงพยาบาลก็แล้วกันนะ ที่นี่เครื่องไม้เครื่องมือไม่ครบ” หมอเอิร์ธยิ้มกับอาการของชานนท์และให้คำแนะนำตามวิชาชีพไป ส่วนชานนท์แค่คิดว่าเขาจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ยิ่งพูดยิ่งทำให้วรุฒได้ใจ ใช้คำพูดต่างๆให้เขาอับอาย เลยตัดสินใจเงียบตลอดการรักษาดีกว่า

..........................


“ช่วยเลิกพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นได้ไหม? เราไม่ชอบ!” ชานนท์ตัดสินใจพูดทันทีที่วรุฒขับรถมาถึงหอพัก หลังจากที่เขาปั้นหน้ายักษ์และรักษาความเงียบมาตลอดทางจนวรุฒที่พยายามยั่วโมโหชานนท์มาตลอดทางยอมแพ้และขับรถมาถึงที่หอพักอย่างเงียบเชียบ

“เอ้า! พูดได้ด้วย นึกว่าเป็นใบ้ไปแล้วหลังจากเจอหมอตรวจภายใน!” ยิ้มหวานสไตล์คัสโนว่าฉายวาบตอบกลับมา ชานนท์รู้สึกใจอ่อนทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มมีเสน่ห์แบบนั้น

“เราพูดจริง!! ไม่งั้น..... เราจะไม่คุยกับนายอีกเลย!!” ชานนท์ฝืนทำใจแข็งและพูดขึ้นเสียงตอบกลับไป
“ไม่พูด!! ดี!! กูจะปล้ำให้ร้องเลย!!” วรุฒหยอกล้อกลับมา ท่าทางไม่ขึงขังจริงจังแบบนี้ มักจะเกิดขึ้นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ นี่เขาไปเปิดหีบแพนดอร่าหรืออย่างไง ทำไมคนตรงหน้าถึงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้! พอสิ้นคำของอีกฝ่ายชานนท์ก็รีบลุกออกจากรถทันทีและรีบเดินหนีจากไอ้คนหื่นกามนี่ทันที

ก้าวออกจากรถได้ทันถึงห้าก้าว ภาพคนๆหนึ่งก็มากระทบกับคลองสายตาของชานนท์ คนตัวสูงกับชุดนักกีฬาประจำมหาวิทยาลัย

“หลง ขาเป็นไงบ้าง?” ชานนท์ทักขึ้นก่อนที่จะถึงร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าหอพัก
“ก็ดี พอเดินได้ ไม่ลำบากอะไร เราซุ่มซ่ามบ่อยจนชินแล้ว”
หลงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มไม่เต็มแรงเหมือนปกติ
“มาทำอะไรแถวนี้ล่ะ?” ชานนท์เอ่ยถามซ้ำเพราะเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาแถวนี้โดยไม่มีธุระอะไร
“ก็..... มาหานายนั่นแหละ... แล้วก็....นายด้วย!” หลงใช้สายตามองมาที่ชานนท์และคนที่เดินตามชานนท์มาติดๆ เป็นการบ่งชี้ตัว
“อะไรวะ! กูไม่มีธุระอะไรกับมึง!  นนท์เราไปกันเถอะ” วรุฒเกรี้ยวกราดใส่หลงที่นั่งหน้าตาเรียบเฉยและยกแขนขึ้นคล้องคอชานนท์เพื่อชวนเขาขึ้นห้องพักด้วยกัน

“นายรีบก็ไปก่อนได้เลย เราจะคุยกับเพื่อนเราก่อน” ชานนท์ยกแขนอีกฝ่ายออกและพูดกับวรุฒในระยะประชิด
“โห..... อะไรวะ เห็นยอมเข้าหน่อย ได้ใจใหญ่เลยนะ......”
“.........” ชานนท์เหมือนยังมีความกลัวหมัดขวาของคุณชายอารมณ์ตรงหน้า เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายเกรี้ยวกราดใส่ตนเองเลยหลุบหน้าลงต่ำอย่างกวาดกลัว
“เฮ้อ..... อ่ะ..... คุยอะไรก็รีบคุย!”  วรุฒผ่อนลมหายใจอย่างแรง เสยผมตัวเองและพูดอย่างยอมแพ้

“เรื่อง..... เรื่องที่เกิดขึ้นที่คลินิค.... วันนี้...” หลงอ้ำอึ้งออกมาด้วยใบหน้าลังเลจนผิดปกติ ซึ่งปกติหลงเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองจนรู้สึกว่ามันมากจนเกินพอดี
“อย่าไปบอกใครนะ” คำพูดนี้ตามมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“เอ่อ...... ได้สิ แล้วก็เรื่องของเรา.....” ชานนท์ได้ทีเลยขอใส่ข้อต่อรองไปด้วยเพราะความจริงชานนท์เองก็อยากจะคุยกับหลงเรื่องวันนี้ระหว่างเขากับวรุฒเช่นกัน

“อ้อ.... ได้สิ เราไม่ใช่คนปากมากเที่ยวไปบอกคนโน่นคนนี้อยู่แล้ว” คำพูดนี้ของหลงทำให้ชานนท์รู้สึกความเป็นตัวตนของหลงจะเริ่มกลับมาแล้ว ซึ่งทำให้ชานนท์แสดงสีหน้าไม่เชื่อถือออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก็เพราะคนอย่างหลงเนี่ยแหละที่ชอบหลุดพูดความลับออกมาบ่อยแบบไม่กลั่นกรองสักนิด

“เฮ้ย เราจริงนะครั้งนี้! เรื่องแบบนี้ไม่มีใครเข้าใจหรอกเรารู้” หลงพูดขึ้นหลังจากเดาสีหน้าของชานนท์ออก
“เราเองก็ไม่ใช่คนชอบพูดเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ของแบบนี้มันก็ไม่ควรพูดอ่ะนะ เราไม่รู้นะว่าเรื่องของนายมันเป็นอะไรยังไง แต่เราไม่ขอเดาละกัน” ชานนท์ย้ำหนักแน่นจริงจัง
“ทำไมต้องเข้าโหมดจริงจังด้วยวะ” หลงพูดจบก็เดินเข้ามาด้านข้างและยกแขนมาคล้องคอชานนท์

“เอ่อ... ว่าแต่ เรื่องของนาย มันยังไงวะ เหมือนจะไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอวะ?” หลงเหลือบมองหน้าไอ้ยักษ์ที่ยืนเฝ้าคนตัวเล็กเพื่อนเขาอยู่ไม่ไกลและกระซิบใส่หูอีกฝ่าย หลงกลับมาเป็นคนเดิมได้รวดเร็วยิ่งกว่าแมลงสาบโดนยาฆ่าแมลงเสียอีก

“เรา... ก็ไม่รู้ว่ะ..... มันเกิดขึ้นไวมาก.... เราไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง? แฟนก็ไม่เคยมี ไม่เคยจีบใครติด แต่ตอนนี้ดันมีคนมาติดพัน ก็ดันเป็นผู้ชายอีก!” ชานนท์พ่นความในใจขณะแสดงความกังวลออกมาทางสีหน้าชัดเจน ตอนนี้ชานนท์รู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่ตกลงไปในหลุมที่ลึกไปกว่าเพื่อนของเขาเสียอีก แม้เขาจะไม่รู้ว่าเรื่องของหลงจะเป็นอย่างไร แต่เขารู้สึกสับสนจนแทบจะเอามือทึ้งหัวตัวเองออกมากลิ้งที่พื้น

“ใจเย็นๆ ดิวะ เราก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนนะ ช่วงแรกคือช่วงยอมรับ มันยากแต่หากผ่านมันไปได้ก็สบายแล้ว” หลงตบไหล่ชานนท์เบาๆ
“แต่มันไม่ดู......” ชานนท์ดูอ้ำอึ้งกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดออกมาจากความคิด
“ผิด!! ไม่ถูกต้อง!! ฝืนธรรมชาติและบรรทัดฐานของสังคม!!” หลงพูดต่อประโยคของชานนท์ด้วยน้ำเสียงเน้นหนัก
“..........” ชานนท์มองเพื่อนที่พูดออกมาด้วยสีหน้าทึ่งที่สามารถเดาความคิดตัวเองได้ถูกต้อง
“คิดเอาเองนะ ของแบบนั้นน่ะ มันทำให้เรามีความสุขจริงหรือเปล่า เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของสังคม ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ความรักความชอบมันใช้ใจครับ ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ!!” ชานนท์มองดูเพื่อนข้างๆ ที่จะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแบบทันทีทันใด

“เรายังไม่ได้บอกว่ารักว่าชอบไอ้หมอนั้นเสียหน่อย”  ชานนท์รู้สึกใจสั่นขึ้นมาไม่รู้ตัวเมื่อต้องพูดประโยคนี้
“เอาเถอะ..... เห็นท่าทางนายวันนี้ก็รู้แล้ว! หากนายรังเกียจไอ้ซาดิสต์นั่น นายคงแสดงออกอีกแบบหนึ่ง!!” หลงยิ้มที่ท้ายประโยคอย่างรู้ทัน
“มันก็.... ไม่ได้รังเกียจนะ..... แต่....” ความวุ่นวายใจรุมเร้าชานนท์อีกครั้ง
“สับสน? ก็บอกอยู่ว่าการยอมรับเป็นขั้นแรกที่ทำได้ลำบาก!! เรื่องนี้ถามใจตัวเองดีๆ แล้วใช้ใจตอบคำถามทั้งหมด หากมันใช่ความสับสนก็จะหายไปเอง อย่าให้สังคมหรือคนอื่นมาตัดสินความสุขของเราสิ......” ประโยคนี้ทำให้ชานนท์ได้คิดอะไรมากขึ้น และพยายามทำความเข้าใจความเป็นไปได้ของมัน
“เราไม่เคยสนใจผู้ชายเลยว่ะ แต่กับเหตุการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เรารู้ใจเต้นทุกครั้งที่ไอ้ยักษ์นั่นมันหยอด” ชานนท์เหมือนบ่นอุบอิบทิ้งท้าย

“ซุบซิบอะไรกันอยู่ได้ตั้งนานสองนาน!!” เสียงไอ้ยักษ์ปักหลั่นโวยขึ้นจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่ไกล

“ใช้ใจเว้ย!! อย่าใช้หัว!!” หลงพูดทิ้งท้ายไว้และใช้นิ้วชี้เคาะที่หัวตัวเองก่อนจะขอตัวเดินจากไปและหายเข้าไปในฝูงแมกไม้ข้างทาง

....................

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ฉากนี้หลงดูมีสาระขึ้นเยอะ555

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิหลง  สอนเขาได้ แต่ตัวเองทำไม่ได้หรือเปล่า?

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

เช้าวันหยุดอีกวันที่แสนสดใส แสงยามเช้าได้คืบคลานเข้ามาในห้องมากขึ้นเรื่อง ห้องพักที่มืดสนิทเริ่มค่อยๆ สว่างขึ้นจากลำแสงที่พุ่งลอดผ่านช่องผ้าม่านที่หน้าต่างเข้ามา

ชานนท์เริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นจากอากาศที่สูงขึ้นและมีลำแสงเล็กยิงส่องดวงตาอยู่ เขารู้สึกเหนื่อยจากเหตุการณ์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านจนแทบไม่อยากตื่น ยิ่งเมื่อวานก่อนนอนด้วยแล้วที่เขาต้องต่อสู้กับแรงวอแวของคนตัวสูงร่วมห้องที่พยายามมาเกาะแกะจนเขาเกือบเสียท่าหลายหน แล้วยังต้องข่มใจกับแรงปรารถนาของตนเองอีก ‘เรายังเจ็บอยู่นะ’ เป็นยันต์กันภัยที่ทำให้ผ่านเหตุการณ์วอแวเมื่อคืนไปได้จนสามารถนอนที่เตียงตนเองอย่างสงบ

คำว่าวอแวไม่รู้ว่าจะเพียงพอกับกริยาของวรุฒหรือเปล่า เพราะทั้งเซ้าซี้ ‘อยากอาบน้ำให้’ บ้าง ‘อยากให้นอนด้วย’ บ้าง ‘ขอไปนอนด้วยบ้าง’ และอื่นๆ อีกสารพัดที่จะมาวอแวกับชานนท์ ตอนนี้เวลาอยู่ด้วยกันสองคน วรุฒจะพยายามตีสนิททุกอย่างที่จะสามารถให้เราได้สัมผัสกัน หรือเรียกง่ายๆเลยว่า ‘หื่น’

ชานนท์รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวในขณะที่เขาพยายามจะขยับตัวเพื่อลุกขึ้น เขารู้สึกว่ากองผ้าห่มตรงหน้าที่เขาห่มอยู่มันช่างกองโตและหนักอึ้ง ความร้อนภายใต้ผ้าห่มมันอบอวลจนเขาไม่สามารถข่มตาให้นอนต่อได้อีกต่อไป มือของเขาที่เหมือนโดนพันธนาการอยู่ ตอนนี้เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อให้มือโผล่พ้นผ้าห่มและยกสะบัดเปิดผ้าห่มขึ้น

“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลงเมื่อสิ่งที่เขาพบภายใต้ผ้าห่มคือคนตัวสูงร่วมห้องของเขาที่ใช้ร่างกายตัวเองกอดก่ายร่างของชานนท์จนแทบจะไม่มีช่องว่างให้เขาขยับตัว

“อะไรกันเนี่ย!!” ชานนท์โวยใส่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้แต่ดูเหมือนชายร่างสูงจะทำเป็นหลับอย่างสบายใจด้วยใบหน้าที่แสนไร้เดียงสา จนชานนท์เผลอมองวงหน้านั้นด้วยความแปลกใจ

“รุฒ!! ตื่น!! โธ่!! โว้ย ทำไมนายต้องมาวอแวเราขนาดนี้ด้วยวะ!” ชานนท์พูดด้วยท่าทางอึดอัด
“ไม่มีเหตุผลอะไร!” เสียงจากชายที่นอนขดอยู่บ้านตรงหน้าพูดขึ้นทำให้ชานนท์อดที่จะสะดุ้งด้วยความตกใจไม่ได้
“นาย... ไม่ได้หลับอยู่เหรอ?”
“ตื่นตั้งแต่นายร้องโวยวายแล้ว เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้เสียทีนะ” วรุฒพูดขณะทรงตัวขึ้นมานั่งทิ้งขาลงข้างเตียง
“........” ชานนท์ไม่ได้ตอบอะไรเพราะมัวแต่จ้องวงหน้าของคนที่มองชานนท์ด้วยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโต แสงสะท้อนเล็กน้อยจากหน้าต่างทำให้ดวงตานั้นดูมีเสน่ห์มากกว่าน่ากลัว เป็นการเพิ่งตื่นนอนที่ดูดีมาก

“ส่วนเหตุผลน่ะ.... ทำขนาดนี้แล้ว นายไม่รู้จริงๆ เหรอ?” วรุฒลุกขึ้นยืนพร้อมปรายตามาทางคนตัวเล็กที่นอนอึ้งกับภาพตรงหน้า วรุฒที่แทบไม่ใส่อะไรเลยนอกจากบ๊อกเซอร์ตัวจิ๋ว
“อ่ะ... ห่ะ.... อะไรนะ?” ชานนท์จับต้นชนปลายไม่ถูกกับคำพูดของวรุฒ

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายเนี่ยนะ! เรียนเก่งอย่างเดียวหรือไงเนี่ย? ซื่อบื้อฉิบหาย!” วรุฒหัวเราะลั่นและเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนตัวเองที่โต๊ะอ่านหนังสือฝั่งตัวเองขึ้นมาเขี่ยไปมา

“เดี๋ยวนะ!! นายมานอนกับเราด้วยสภาพนั้นเนี่ย?!?” ชานนท์เหมือนเพิ่งได้สติถามกลับ
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายนี่ก็เป็นคนตลกนะ อย่างเราสองคนนี้ไม่จำเป็นต้องอายเลยนะ ยิ่งกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว!” วรุฒพูดติดตลกขณะจ้องบางอย่างบนหน้าจอสมาร์ทโฟนตนเอง

ส่วนชานนท์ได้แต่นั่งหน้าแดงระลึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นาน เหตุการณ์ที่เขาพยายามจะลืมแต่กลับคอยระลึกขึ้นมาได้ทุกรายละเอียด และไอ้น้องชายตัวดีทางด้านล่างก็ไม่ยอมเชื่อฟังมันกลับพลุ่งพล่าน และมีความอลมานวูบวาบไปทั่วช่องท้องน้อย

“เอ้อ! วันนี้นนท์ว่างไหม?” เสียงวรุฒพูดตัดบรรยากาศที่เงียบนิ่งไปพักใหญ่
“เอ่อ...... ก็ว่าจะอ่านหนังสือน่ะ แล้วก็.....” ชานนท์นั่งนึกถึงกิจกรรมที่ตนเองอยากจะทำในวันนี้ ทั้งที่ความจริงอยากจะนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ รู้สึกว่าช่วงนี้เขาใช้ร่างกายจนแทบพังยับเยินไหนจะเหล้า ไหนจะเรื่องที่โดนปู้ยี่ปู้ยำจนนับครั้งไม่ถ้วน ไหนจะต้องหวาดระแวงหลังจากนั้นอีก

“ไม่ต้องแล้ว มาเป็นเพื่อนเราหน่อย!!” น้ำเสียงเด็ดขาดจากชายร่างสูงที่ยืนอยู่ดังขึ้นขัดกลางประโยคของชานนท์จนเขาต้องหยุดพูดมองหน้าคนตัวสูงอย่างสงสัย
“ไปไหน?” คำถามเดียวที่ชานนท์นึกออก
“เออน่า! ไม่ต้องถาม มีเรื่องอยากให้นายช่วยหน่อย”
“พูดแบบนี้มันขอร้องหรือบังคับเนี่ย?”
“ขอร้อง!! และนายต้องไป!!” น้ำเสียงเด็ดขาดออกมาจากชายตัวสูงที่มีดวงตาดุดันอีกครั้ง
“เฮ้อ....... ไปก็ไป” ชานนท์ถอนหายใจส่ายหัว พลางคิดว่าไอ้คุณชายนี่ทำไมมันเอาแต่ใจจัง

ก็อก ก็อก ก็อก

เสียงจากประตูดังขึ้นไม่ไกล ด้วยปฎิกิริยาปกติชานนท์จึงขยับตัวลุกขึ้นเพื่อไปเปิดประตู

“โอ้ยยย....”
ความเจ็บปวดแล่นปราดจากบริเวณบั้นท้ายจนชานนท์แทบทรุดลงไปกับเตียงแต่ก็ยังคงทรงตัวยืนขึ้นมาได้

“อ้าวเฮ้ย! ไม่ไหวก็อย่าฝืนสิ!!” วรุฒพูดขึ้นพลางก้าวเท้าเดินตัดหน้าชานนท์ไปที่ประตู
“ก็เพราะใครกันเล่า!!” ชานนท์บ่นพึมพำอย่างเหลืออด
“ใครวะ มากวนแต่เช้า!!” วรุฒพูดอย่างมีอารมณ์ขุ่นเคืองเมื่อบิดลูกบิดประตูเพื่อเปิดประตูอ้าออก

“นนท์!! ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่เลย เป็นห่วงนะเนี่ย!!” ประตูที่เปิดอ้าออกเผยให้เห็นรุ่นพี่หน้าตี๋อดีตเดือนมหาวิทยาลัยยืนมีสีหน้าร้อนรนอยู่ด้านนอก

“อ้อ.... ครับ” ชานนท์รีบเดินไปคว้าโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาเปิดหน้าจอดู ทำให้เห็นจำนวนสายที่ไม่ได้อยู่จำนวนหลายสิบสาย

หรือเขาคงเพลียมากเลยไม่ได้ยินอะไรเลยซึ่งมันไม่น่าจะใช่ เพราะเขาเป็นคนที่ตื่นง่ายมาก หรือโทรศัพท์เขามีปัญหา? เขารีบปลดล็อกโทรศัพท์เพื่อเช็คถึงความผิดปกติของโทรศัพท์ตัวเอง แต่หลังจากเช็ดโน่นนี่แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่า โทรศัพท์ของเขาถูกปิดทั้งเสียงและสั่น ทำให้เขารู้สึกงงกับเหตุการณ์นี้มาก จนกระทั้งเขาหันไปเจอหน้าอมยิ้มของไอ้คนร่วมห้อง

ชานนท์ส่งสายตามาดร้ายไปที่คนคนนั้นทันที แต่วรุฒกลับทำเพียงแค่ยิ้มอย่างร้ายๆ ตอบกลับมาเท่านั้น
‘ทำได้ไงวะ?’ ชานนท์คิดในใจ วรุฒไม่น่ารู้รหัสเปิดเครื่องของเขา

“เมื่อวานได้ข่าวว่าไปหาหมอที่คลินิคของมหาวิทยาลัย เป็นอะไรหรือเปล่า?” พี่เอกถามต่อทันทีหลังจากไม่ได้ยินคำตอบจากคนตัวเล็กที่ยืนงงกับโทรศัพท์ตนเอง
“ไม่.... ไม่เป็นไรมากครับ แค่.......” ชานนท์เป็นโกหกไม่เป็นเลยไม่รู้จะตอบอะไรออกไป
“จริงน่ะ? เมื่อวานเดินแทบไม่ไหวเลยไม่ใช่หรือ?” วรุฒพูดแทรกขึ้นมาแบบนี้ทำให้ชานนท์หน้าชาไปหมด ได้แต่สบถด่าไอ้ยักษ์ตัวต้นเหตุในใจ

“เฮ้ย!! จริงน่ะ!! เป็นอะไรมากไหม?” พี่เอกแทบจะวิ่งถลาแทรกตัวผ่านวรุฒที่ยืนขวางประตูอยู่ครึ่งช่องทางเพื่อไปหาชานนท์
“ผม..... ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ” ชานนท์ได้แต่ตอบออกไปให้คนที่วิ่งมาหาสบายใจ
“หน้าซีดขนาดนี้ จะไม่เป็นไรได้ไง!!” พี่เอกสำรวจวงหน้าของคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง
“ผม.... เอ่อ.... แค่... ท้องเสียน่ะครับ แต่ตอนนี้หายแล้วครับ” ชานนท์พูดและยิ้มแห้งตอบไป
“ใช่สิ.... ถ่ายคล่องปรูด ลื่นปรึ้ดเลย” วรุฒพูดลอยๆด้วยใบหน้ายิ้มเจ้าเลห์ ส่วนขานนท์ได้แต่ส่งสายตาค้อนกลับไป สลับกับยิ้มให้กับพี่เอกตรงหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขายังไหว

“ท้องเสีย? กินอะไรเข้าไปเนี่ย?” พี่เอกซักต่อเหมือนจะเป็นหมอเสียเอง
“กินของดีๆ ทั้งนั้น บวบผัดไข่ ฟักผัดไข่ มะเขือยาวผัดไข่” วรุฒพูดลอยๆ ขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ชานนท์อยากปาอะไรใส่ให้หายโกรธ แต่ทำได้แค่ยิ้มให้พี่เอกตรงหน้า
“ประมาณนั้นครับพี่ มีแต่ของง่ายๆ สงสัยของมันคงเสียจริงๆ” ชานนท์พูดต่อโดยไม่ทิ้งเวลาให้ไอ้คนปากเสียตรงประตูพูดต่อ
“ไม่เสีย ของสดจากธรรมชาติ ออเกนิค ไร้สารเคมีเจอปน!” ไอ้คนปากเสียรีบต่อปากทันที ทำให้เอกทำสีหน้างงๆ กับบทสนทนาของทั้งสองคนอย่างมาก

“เอ่อ.... ดูท่าทางน่าจะ... ไม่น่าเป็นห่วงนะ ยังดูแข็งแรงดี”
“ครับพี่!! ไม่ต้องห่วง รับรองงานแสดงสดสัปดาห์หน้าผมไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอน!!” ชานนท์กำมือแน่นยกขึ้นมาระหว่างอกเพื่อแสดงให้คนตรงข้ามเห็นถึงความแข็งแรง
“อ้อ... เออ... ใช่!! งานแสดงสด... อืม! พี่ฝากด้วยนะ!” พี่เอกใช้ฝ่ามือตบไปที่ไหล่ชานนท์เบาๆ

“เสร็จธุระแล้วก็กลับไปได้แล้วพี่!! วันนี้วันหยุดนะ ขอเถอะ กูกับเพื่อนจะได้ทำธุระกัน!!” วรุฒเดินมาใกล้พี่เอกมากขึ้นจนแทบจะหายใจรดอีกฝ่าย

“เออๆ ..... งั้นนนท์พักผ่อนเยอะๆ นะ เดี๋ยวเย็นๆ พี่จะหาของกินมาให้” พี่เอกหันไปตอบวรุฒอย่างฉุนเฉียวและหันมาตอบชานนท์อย่างอ่อนโยน ชานนท์ยิ้มรับความอบอุ่นที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมาให้
“ไม่จำเป็นหรอกครับ กว่าพวกเราจะกลับมาก็ค่ำ พี่อย่าลำบากเลย!!” วรุฒโผล่งพูดขึ้นดักคำตอบของชานนท์
“อ้าว!! จะไปไหน เพิ่งหายป่วยยังจะไปไหนอีก!?!” พี่เอกแทบไม่ได้สนใจคนด้านหลัง เขาตั้งใจถามคนตรงหน้าเขาเท่านั้น

“เอ่อ.....”  ชานนท์นึกคำโต้ตอบไม่ทันเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าวันนี้เขาต้องไปไหนไปทำอะไร และความจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่นัก เขาอยากนอนพักร่างที่ชำรุดของเขามากกว่า “ความจริง...... ก็ไว้ไปวันหลังก็ได้นะ” ชานนท์หันไปมองหน้าวรุฒเพราะได้ทีที่พี่เอกสนับสนุนเขาไม่ให้ออกไปไหน
“พี่ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะดูแลนนท์อย่างดี ผมเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำกับนนท์ไว้!!” วรุฒร่ายยาวด้วยใบหน้าอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“รับผิดชอบ? อะไรว่ะ?” พี่เอกที่หัวคิ้วชนกันหันกลับไปถามคนตัวสูงทางด้านหลัง
“ก็เรา....” วรุฒยิ้มมุมปากและเริ่มต้นประโยคทันที
“อ้อๆ!!!” ชานนท์ร้องโวยขึ้นมา “ก็เพราะเขาทำผมท้องเสีย เลยว่าจะพาผมไปทำธุระน่ะครับ ผมไม่มีรถ นั่งรถเขาไปสะดวกกว่า!!” ขานนท์ลนลานแก้ตัวเสียงดังพร้อมจับไหล่พี่เอกให้หันมาทางเขา
“อ้อ..... ตอบเสียเสียงดังเชียว พี่อยู่แค่นี้เองพูดเบาๆก็ได้” พี่เอกใช้มือลูบหูตัวเองไปมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอโทษครับ”
“แต่พี่ก็มีรถนะ ทีหลังมาขอให้พี่ไปส่งก็ได้”
“คือ.... รุฒเขาจะไปแถวนั้นอยู่แล้วน่ะครับ”
“โอเคๆ งั้นพี่ไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” พี่เอกใช้มือลูบหัวชานนท์ในสภาพหน้าแดงอมชมพู บวกกับหัวชี้ฟูช่วงตื่นนอน มันน่ารักจนตัวเขาเองห้ามใจตัวเองที่จะทำแบบนั้นไม่ได้

“เฮ้ย! พี่เกินไปหรือเปล่า!!” วรุฒเห็นก็ขุ่นเคืองกับถาพตรงหน้าทันที
“เอ่อ.... ขอโทษทีว่ะ น้องมันน่ารักนี่หว่า”
“หา!! อะไรน่ะ หัวของนนท์ กูแตะ...” วรุฒเดินตาขวางพร้อมโยนคำพูดเกรี้ยวกราดใส่คนหน้าขาวตี๋ตรงหน้า

“พี่เอกขอบคุณครับที่เป็นห่วง แล้วเจอกันนะครับ” ชานนท์โอบพี่เอกพร้อมพูดตัดบทและดันรุ่นพี่ออกนอกห้องไปผ่านไอ้หล่อสูงตาขวางเป็นนักเลงคุมซอยไปอย่างรวดเร็ว

.....................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

“ไปรอข้างล่างนะ อย่าช้า!!” วรุฒพูดเสียงห้วนๆ ใส่ชานนท์ที่กำลังแต่งตัวอยู่
“อืม....” ชานนท์พยักหน้าด้วยอาการอิดโรย หลังจากโดนคนตัวใหญ่ทำโทษไปอีกสองยก
“ทำโทษเรื่องอะไรวะ?” ชานนท์บ่นออกมาลอยๆ หลังจากไอ้คนตัวใหญ่นั้นเดินออกไปพ้นห้องด้วยใบหน้าซีดเผือดกว่าตอนเช้า เขาไม่เข้าใจการกระทำของวรุฒเท่าไหร่ และที่ยิ่งไม่เข้าใจมากยิ่งกว่าคือการกระทำของตัวเองที่ยอมไอ้ม้าพยศหื่นกาม ทารุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ได้แย่ แถมมีความสุขดีด้วย เขาถามตัวเองซ้ำๆว่ามันคือความชอบหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้รังเกียจกับท่าทางของวรุฒในตอนนี้ ในซอกหลืบของความคิดของเขา ชานนท์คิดว่าเขาคงจะชอบผู้ชายเสียแล้ว แต่ในอีกความคิดหนึ่งก็แย้งขึ้นมา ว่าไม่น่าจะใช่ เพราะกับพี่เอก เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนี้

‘หรือว่าเขาเป็นประเภทชอบความซาดิสม์’ ชานนท์ส่ายหัวตัวเองไปมาด้วยความเร็วเพื่อจะได้สลัดก้อนความคิดประหลาดให้หลุดออกไปและตั้งใจกับการแต่งตัวต่อไป โดยวันนี้วรุฒก็ได้เตรียมชุดใหม่ให้ใส่อีกแล้ว

..................

ชานนท์รู้สึกทรมานกับการเดินลงบันได 5 ชั้นมากกว่าปกติ เพราะการจัดหนักแบบใส่ไม่ยั้งจากคุณชายเจ้าอารมณ์นั้น ทำให้เข้าเกือบจะเป็นลมระหว่างทางลงชั้นสองลงมาชั้นหนึ่ง

เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ อีกครั้งเมื่อมาถึงชั้นล่างสุดด้วยอาการอ่อนล้าเกินจะบรรยายเป็นคำพูดได้ ขาที่สั่นจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เขารู้สึกเหมือนแผนดินจะไหวอยู่ตลอดเวลา เขายืนพักทำใจอยู่ที่โพลงทางขึ้นบันไดชั้นหนึ่งอยู่พักใหญ่ก่อนจะฝืนใจก้าวออกมาจากจุดพักและเดินไปที่ทางออก

“ทำไมช้าจัง?” เสียงเรียบพูดขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่งจนชานนท์ตกใจหยุดฝีเท้าที่ก่อนถึงประตูทางออกจากหอพัก
“นายนั่นเอง” ชานนท์ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคนตัวสูงยืนอยู่ข้างเขาซึ่งเป็นทางเข้าห้องรับรองแขกภายในหอ
“ก็ข้างนอกมันร้อน เห็นนายชักช้าก็เลยมารอตรงนี้” ปากได้รูปสีชมพูสดพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ แต่หัวคิ้วมีอาการวิ่งเข้าหากันเล็กน้อย เดี๋ยวนี้ชานนท์เริ่มสังเกตอารมณ์ฝ่ายตรงข้ามจากการแสดงสีหน้าได้ดียิ่งขึ้น เพราะปกติวรุฒจะเป็นคนที่หน้านิ่งจนเป็นนิสัย การแสดงสีหน้าที่เด่นชัดส่วนใหญ่คือการเกรี้ยวกราด ดุดันใส่คนอื่นตลอดเวลา

แต่เดี๋ยวนี้ชานนท์ไม่ค่อยเห็นอาการฉุนเฉียวของอีกฝ่ายเท่าไหร่แล้ว เหมือนวรุฒเองก็พยายามที่จะปรับตัวเข้ากับชานนท์ด้วยเช่นกัน นี่เป็นไม่กี่เรื่องที่วรุฒพอจะมีดีอยู่บ้าง

“ก็เพราะใครกันเล่า ทำเอาขาสั่นไปหมด!” พี่ชานนท์มองคู่กรณีให้รู้สำนึก
“อืม......” วรุฒได้แต่มองสวนกลับมาอย่างพึงใจ เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย และมีสายตาที่อธิบายไม่ถูกว่าชายคนนนี้คิดอะไรอยู่แต่ก็ทำให้ชานนท์เสียวสันหลังขนลุกซู่ได้
“ไปเถอะ จะไปไหนก็ไปสายป่านนี้แล้ว!” ชานนท์พูดพลางขยับตัวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก

พั่บ!! หวืด.....

เสียงลมวูบสะบัด และชานนท์ก็ถูกยกสูงขึ้น กว่าจะรู้อีกทีเขาก็ถูกคนตัวสูงอุ้มในท่าเจ้าสาวเสียแล้ว

“เฮ้ย!!” ชานนท์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“นิ่งๆ” วรุฒพูดเสียงเรียบ ขณะที่ชานนท์ขยับตัวไปมาด้วยความเขินอาย แล้วก็หยุดทันทีที่ได้ยินเสียงคนที่อุ้มเขาขึ้นมา
“ทำอะไรเดินเองได้!”
“ก็เห็นบอกไม่ไหว”
“พักสักหน่อยก็หาย”
“เอาแต่ใจจริง คนอยากจะช่วยเสียหน่อย” ถึงวรุฒจะพูดออกมาแบบไม่สบอารมณ์แต่เขาก็ก้าวเดินออกจากจุดเดิม และเดินออกไปจนผ่านประตูที่ปลดล็อกลงอย่างง่ายดาย วรุฒทำเหมือนชานนท์ไม่ต่างจากตุ๊กตายัดนุ่นตัวใหญ่ที่ไม่ได้มีน้ำหนักอะไรมากมาย

“ปล่อยเราลงได้แล้วมั้ง” ชานนท์ทำเสียงอิดออดขณะที่วรุฒสาวเท้าไปจนเกือบถึงรถของเขาที่จอดอยู่หน้าหอพัก
“.......” วรุฒหยุดเดินและทำหน้านิ่งก้มมองคนในอ้อมแขนด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความปรารถนาบางอย่างจนชานนท์ต้องหลบสายตา
“ขอลงเหอะ อายเขาจะแย่แล้ว” ชานนท์พูดต่อเพราะเวลานี้ที่หน้าหอพัก แม้จะเป็นวันหยุดแต่ก็มีนักศึกษาเดินผ่านไปมาไม่น้อย วรุฒมองซ้ายขวาอยู่พักหนึ่งก็หันมายิ้มเยาะให้คนในอ้อมแขน อยู่พักใหญ่กว่าจะยอมปล่อยชานนท์ลงมายืนที่พื้นดีๆ ไม่ใช่เพราะวรุฒเกิดความอายอะไรแต่เพราะแกล้งชานนท์จนสาแก่ใจแล้วต่างหาก

“แล้วบอกได้หรือยังว่าจะไปไหน?” ชานนท์ถามขึ้นขณะจัดเสื้อผ้าที่ย่นยู่จากการถูกอุ้ม
“มีหน้าที่ตามก็ตามมาเถอะ!” คำพูดห้วนๆ ออกจากปากสีชาดอ่อนอีกครั้ง
“อะไรว่ะ!?!” ชานนท์เผลอบ่นออกมา

เสียงสัญญาณปลดล็อกรถยนต์แบบอัตโนมัติดังขึ้น พร้อมกับเสียงล้อรถยนต์เบียดพื้นถนนในระยะใกล้เพียงเอื้อมมือ

เอี้ยดดดดดด

ชานนท์ตกใจกับเสียงดังกล่าวจนผงะถอยหลบไปทางด้านหน้าของรถมินิคูเปอร์อย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติ

เจ้าของรถซีดานสีน้ำเงินเข้มพาดด้วยสติ้กเกอร์เป็นเส้นผ่านกลางตัวรถเหมือนรถแข่งลงมาพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสุขภาพดีจนครบทุกซีกในแว่นดำขลับรูปทรงหรูหรา

เพียงแค่เห็นใบหน้าขาวสว่างนีออนนั่นก็ทำให้วรุฒแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“มึงมาทำอะไรแถวนี้!!” วรุฒเสียงดังข้ามตัวรถส่งไปถึงเจ้าของรถสไตล์รถแข่งที่เดินมาทางเขา
“กูจะมารายงานมึงเรื่องที่มึงไหว้วานไง!!” อีกเสียงหนึ่งตอบกลับมาพร้อมถอดแว่นดำออกให้เห็นดวงตาและทรงหน้าเต็มรูป
“ไอ้เต๋า กูไม่เห็นเคยบอกให้มึงมารายงานกูเลยกูถามไอ้บอยมันก็ได้!!” วรุฒขมวดคิ้วเข้มจนเห็นรอยหยักที่หว่างคิ้วชัดเจน

“ก็ไอ้บอย มันคงจะอินกับแผนมากไปหน่อย จนป่านนี้ยังตัวติดกับยัยนั่นอยู่เลย” ชายผิวออร่าเจ้าของรถทรงรถแข่งตอบมา
“แล้วไงต่อ... มีอะไรก็พูดมา อย่าชักช้ากูมีธุระ!!”
“กูจะบอกว่า.... แผนที่ให้พวกกูหลอกยัยนั่นให้พ้นจากมึง และน้องนนท์ เป็นไปได้ด้วยดี สุดท้ายยัยนั่นตกลงไปกับไอ้บอย เพราะสไตล์เซ็กซี่ยั่วเก่งๆนี่ เข้าทางมัน คืนนั้นเลยพาไปจัดหนักเลย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังตัวตึดกันอยู่!”

“ดี!! ก็ตามแผน! เพลย์บอยอย่างพวกมึง เบื่อก็คงทิ้ง เสร็จจากอีกรายก็ไปอีกราย ผลัดกันชมไม้งาม พอโรยพวกมึงก็ตีจาก!! ยัยนั่นก็คงจะชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว อย่างที่รู้กันผู้หญิงที่ผ่านครบทุกหลักสูตร ไม่มีใครเขาเอาต่อจากพวกมึงแน่นอน สุดท้ายยัยนั่นก็ต้องเฉาตาย!!” วรุฒพูดแผนออกมาด้วยสายตาเหยียบเย็น ทำเอาชานนท์เสียวสันหลังวาบ ใครที่คิดจะเป็นศัตรูกับวรุฒ ต้องคิดทบทวนใหม่หลายรอบทีเดียว

“มันเป็นไปตามนั้นก็ดี!! ปกติอย่างไอ้บอย มันไม่เคยอยู่กับใครทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ ผู้หญิงคนนี้มันต้องมีดีพอตัว ไอ้บอยมันประเภทเบื่อง่ายหน่ายเร็ว ได้กันครั้งสองครั้งมันก็เปลี่ยนคนแล้ว!! เลยไม่รู้ว่าใครจะตกหลุมใครเนี่ย!!” เต๋าผ่อนลมหายใจขณะพูด

“จะมีผลลัพท์ยังไง มันก็ดีกับกูทั้งนั้น เพราะคงไม่ทีใครกล้าไปยุ่งกับลูกนักการเมืองอย่างมันอยู่แล้ว!! ผัวเก่ายัยนั่นหากยังอาลัยอาวรณ์อยู่ ก็ได้แต่อึดอัดตายไปเอง!! ว่าแต่.....ทำยังกับว่ามึงแคร์?” วรุฒส่งเสียกลับอย่างดุดัน
“เออ! นั่นสิ กูก็ไม่ได้สนใจนี่หว่า แค่กลัวจะเสียชื่อเพลย์บอย เดอะสตาร์อย่างพวกเราก็เท่านั้น พวกเราไม่เคยเสียใจเรื่องหญิง!! ทิ้งก็หาใหม่ ง่ายยิ่งกว่าเปลี่ยนรถขับ!!” เต๋าพูดสโลแกนด้วยสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ ส่วนหางตาพอไปกระทบกับวงหน้าซีดเซียวของคนตัวบางที่ด้านหน้ารถมินิคูเปอร์ก็แยกเขี้ยวยิ้มที่สุดมุมปาก

“แต่หากเจอคนที่ใช่ กูก็อาจจะหยุดก็ได้” เต๋าพูดพร้อมมองหน้าชานนท์ที่ตอนนี้ตั้งใจแอบฟังทั้งสองฝ่ายพูดอย่างออกรส
“.....” ชานนท์ได้แต่ยิ้มตอบกลับไป

“เฮ้ย!! ไอ้เต๋า มึงช่วยเอารถมึงออกไปให้พ้นทางกูก่อนสิ กูจะไปทำธุระ!!” วรุฒมองไอ้คนที่ส่งสายตาหวานเยิ้มให้ชานนท์เขม็ง
“น้องนนท์จะไปกับไอ้รุฒเหรอครับ ไปไหนกันครับ?” เต๋าไม่ได้หันไปคุยกับคนตัวสูงที่ยืนเปิดประตูรถอ้ารอไว้ แต่กลับหันไปหาคนตัวเล็กที่ด้านหน้ารถแทน

“เอ่อ.....” ชานนท์อ้ำอึ้งเพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“มันไปกับกู พวกกูจะไปไหนก็ไม่ใช่กงการอะไรของมึง! รีบไปเลื่อนรถได้แล้ว!!” วรุฒส่งเสียงกร้าวข้ามตัวรถมาตัดประโยคที่กำลังจะออกจากปากของชานนท์

“มึงนี่ก็แปลก ไหนบอกว่าแค่คนรู้จักไง ทำไมหวงจังวะ?!?”
“เมื่อก่อนน่ะ ใช่แต่ตอนนี้กูน่ะเป็น ผ.........”
“เพื่อนสนิท!!!” ชานนท์ตวาดลั่นตัดประโยคบอกเล่าของคนตัวสูง
“ตอนนี้เราสนิทกันมากขึ้นแล้ว แบบเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่างที่พี่เต๋ารู้นั่นแหละ” ชานนท์เสริมหลังจากหยุดหอบหายใจพักหนึ่งจากการตะโกนเต็มเสียง

“อืม... พี่เข้าใจแล้ว... เอ่อ..... แปลว่าวันนี้ไม่ว่างแล้วใช่ไหมครับ พี่อุตส่าห์รีบมาเพื่อพาน้องไปเลี้ยงข้าวสักมื้อ พี่อยากจะขอโทษเรื่องวันก่อนน่ะครับ” ชายในเสื้อโปโลสีขาวโอโม่ยิ้มหวานจนเห็นฟันหน้าที่เรียงตัวสวยสีขาวสะอาดไม่ต่างจากเสื้อ เขาเป็นยิ้มสวยที่สุดเท่าที่ชานนท์เคยเห็นมาเลยทีเดียว
“เอ่อ..... ไม่เป็นไรหคอกครับ ผม.... ไม่ติดใจอะไร” ชานนท์ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้โดยอัตโนมัติเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดเข้าหายิ้มสวยๆ นั่น
“ไม่ได้ๆ พี่อยากชดเชยที่เสียมารยาทกับเราไป ให้พี่ได้เลี้ยงข้าวเราสักมื้อเถอะนะ” จบท้ายด้วยรอยยิ้มที่สว่างสดใสที่เป็นซิกเนเจอร์ของพี่เต๋า คัสโนว่าติดดาว
“เอ่อ......” ชานนท์รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าซีกซ้าย เหมือนมีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากสายตาคนตัวสูงอีกด้านหนึ่งของตัวรถ
“พี่ไม่สบายใจเลย หากไม่ได้ทำอะไรที่ชดเชยกับน้องบ้าง พี่มาหาเราตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พี่ว่าหากไม่เจอเราพี่จะมาดักเจอทุกวันเลย จนกว่าจะนัดเราได้ รู้ไหมพี่นอนไม่หลับเลย.....” เต๋ามีลีลาการออดอ้อนได้อย่างมืออาชีพ
“มาหาผม?” ชานนท์แสดงสีหน้าแปลกใจออกไป
“ก็มีไอ้คนใจร้าย มันไม่ยอมให้เบอร์เรากับพี่ไง! พี่เลยต้องมาดักรอแบบนี้!!”

มาถึงตรงนี้ชานนท์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป

“พรุ่งนี้ก็ได้ เดี๋ยวพี่มารับ” เต๋ายังคงพยายามตื้อต่อเนื่อง
“เอ่อ.... ครับ”

“พรุ่งนี้มึงมีซ้อมใหญ่ไม่ใช่เรอะ?” เสียงกรรโชกดังขึ้นมาจากอีกฝากของรถมินิ
“เออ! จริงด้วย!!”
“งั้นเดี๋ยวพี่มารอได้ครับน้อง เสร็จแล้วก็จะได้พาไปกินข้าวด้วยกันเลย น่าจะหิวพอดี!”
“เอ่อ.... ไม่รู้นะครับว่าจะเลิกกี่โมง” ชานนท์พยายามปฏิเสธอย่างนิ่มนวลที่สุด
“ไม่เป็นเดี๋ยวพี่มารอครับ”

“เฮ้ย!! กูรีบ!! จะคุยอะไรกันหนักหนา!!” วรุฒที่อยู่ๆก็ขยับตัวเข้ามาหาทั้งสองที่เริ่มคุยกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
“เออๆ เชี้ยอะไรของมึงเนี่ย!” เต๋าหันมาค้อนใส่เพื่อนของเขา
“พรุ่งนี้เจอกันนะ” เต๋าหันมาโบกมืออำลาชานนท์อย่างร่าเริงและเดินขึ้นรถและขับรถหายไปทันที เหลือไว้แต่เสียงของรถที่ดังผ่าอากาศจนแสบแก้วหู

...................

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด