———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ———————— เพื่อนผู้ปกครอง * พระเอกเป็นออทิสติก * —————— ตอนที่ 61 * 23/02/63  (อ่าน 37103 ครั้ง)

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter







53








          หลังมุกตลกน่าเชื้อเชิญกลับประเทศ ก่อนมื้อเย็นและงานเลี้ยง คือความกระอักกระอ่วนหาที่สิ้นสุดไม่ได้ พอลงจากรถ ประกาศิตแรกจากคุณยายก็ฝ่าเปรี้ยงเข้าใส่ คำสั่งให้ทุกคนรวมตัวพูดคุยกันถือกำเนิด ผมที่คุ้นเคยกับเธอดี ทราบในทันทีว่าองค์อาจารย์ปีศาจลงแล้ว หากทำตัวไม่ดีเอาไว้ จบศพไม่สวยแน่นอน  ยิ่งเห็นเลขามาดเนี๊ยบคนคุ้นตาเดินเข้ามาก็ยิ่งแน่ใจ จนต้องรีบจับเทมปุระแยกตัวออกจากพายุ ให้องค์ชายน้อยไปเล่นรอกับหัวหน้าพ่อบ้านในห้องนั่งเล่น ...สงครามประสาทของจอมปีศาจ ผมไม่ให้เด็กน้อยของผมร่วมรบด้วยแน่นอน ต่อให้เจอตวัดสายตาดุใส่ก็ตามที

          ในห้องนั่งเล่นกว้างขวาง ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างเครื่องปรับอากาศ กับหญิงชราที่กำลังรับแว่นจากคนสนิทสวมใส่ สิ่งใดทำให้หนาวสันหลังมากกว่ากัน เมื่อการเยี่ยมเยือนของญาติผู้ใหญ่ ไม่ได้อบอุ่นด้วยอ้อมกอดและของฝากอย่างในหนังสือ คำพูดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไม่ได้มาด้วยเสียงนุ่มให้อุ่นซ่านหัวใจ ไม่ใช่คำตัดพ้อต่อว่าเหล่าลูกหลานที่ไม่ค่อยไปหาเหมือนครอบครัวอื่น แต่มาในรูปแบบของเอกสารหลายแผ่น

          หกใบเป็นเกรดเฉลี่ยเทอมล่าสุด สามใบเป็นบทสรุปผลประกอบการ หรือก็คือใบสรุปรายได้ประจำปี

          สีฟ้าดุดันกลายเป็นยาลดอายุผู้ปกครองทั้งสาม คุณพ่อคุณแม่สุดเท่ที่กางปีกปกป้องที่สนามบินเลือนหายไปเหลือเพียงแค่ผู้ใหญ่คล้ายเด็กสามคนกำลังคอตก ใช่ครับ สามคน ผมไม่ได้ตกวิชานับเลขหรือวิชาคำนวณ แต่กระทั่งคุณแม่ของเทมปุระที่กำลังชิมอาหารช่วยตรวจรสรอรับแขกอยู่ในครัว ก็ถูกเรียกมาพูดคุยด้วยกัน

          แล้วศพไม่สวยทั้งสามก็กำลังนั่งหลังตรง เผลอกุมมืออย่างเรียบร้อยอยู่บนโซฟา มีพวกผมพี่น้องเกาะกลุ่มกันเฝ้ารอเข้าแถวโดนตรวจสอบเป็นรายถัดไป คุณตามองภาพตรงหน้าเหมือนกำลังดูละครตลก นี่ถ้าท่านขอข้าวโพดคั่วมาถือระหว่างชม ส่วนประกอบก็ครบแล้ว

          เป็นบรรยากาศน่ากลัวที่เหมือนภาพวันวานในอดีต ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากกำลังถูกคุณยายสั่งสอนในคฤหาสน์กลางป่าสน จนอดแอบยิ้มในใจไม่ได้ แต่ดูท่าคุณพ่อและคนอื่นคงจะไม่สนุกแบบผม เมื่อเริ่มโดนคุณยายร่ายยาวใส่ หายากนะครับ นอกจากเวลางานหรือสอนสั่ง คุณยายจะนิ่งเงียบดุจการ์กอยล์เลยทีเดียว

          "หนึ่งจุดห้าเปอร์เซ็นต์ รายได้เพิ่มขึ้นแค่นี้ ไม่ได้เท่ากับที่วางไว้เลยนะมิสเตอร์เซอร์กีย์ ความโดดเด่นของบริษัทก็เริ่มห่างไกลจากเลขตัวเดียวในตลาดหลักทรัพย์ขึ้นทุกที อันดับแปดนี่น่าพึงพอใจสำหรับมาตรฐานของคุณแล้วหรือ? ทั้งแผนรุกไปตลาดจีน หรือรุกไปประเทศเคียงข้าง ก็ล้วนมีช่องให้บริษัทอื่นขึ้นนำ ในฐานะหุ้นส่วน ปีหน้าขอให้เป็นสามเปอร์เซ็นต์ แล้วก็อุดช่องโหว่ด้านแรงงานอุตสหกรรมสิ่งทอเสียด้วยล่ะ ฉันได้ข่าวมาว่ามีพนักงานลุกฮือเกี่ยวกับค่าแรง มันส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์ผู้นำ และแสดงชัดถึงศักยภาพในการควบคุมดูแล"

          หนึ่งจุดห้าเปอร์เซ็นต์ของสามหมื่นล้าน ก็หลายร้อยล้านดอลลาร์อยู่นะครับ ตีเป็นเงินไทยก็มหาศาลเลยทีเดียว...แต่หลักร้อยก็ไม่น่าพอใจนักสำหรับดาเลีย แอน ท่านจ้องเหล่าตัวเลขด้วยสายตาเย็นชาปนเหยียดหยาม กรอบแว่นตาสะท้อนแสงบาดลึกไปถึงจิตใจ คุณพ่อเม้มปากแน่นก่อนปล่อย เอ่ยแก้ตัวเสียงแผ่ว

          "...แต่นั่นไม่ใช่รายได้อย่างเดียวของผมนะครับ ธุรกิจอื่นผมก็มีตั้งมากมาย ดอกเบี้ย อสังหา หุ้น เงินลงทุน ทำไมคุณแม่ไม่เอามาบวก ถ้าบวกก็เกินพันไปเยอะ--- ขอโทษครับ เชิญพูดต่อได้เลย" คุณพ่อกลับไปเม้มปากแน่นกว่าเดิม เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสั่งให้หุบปากแบบไร้เสียง คุณยายวางเอกสารลงบนตัก ท่านถอดแว่นและเก็บสายตาก้มมองต่ำ นิ้วชี้เรียวยาวหมุนแหวนประจำตระกูลที่ถูกสวมบนนิ้วกลางข้างขวา กิริยาตัดบทสนทนาเป็นไปอย่างอ่อนช้อยทว่าเด็ดขาด

          "เรากำลังพูดถึงรายได้หลัก หรืออยากจะให้ดิฉันพูดถึงรายได้รองอย่างสัมปทานในไทย? ใช่โครงการที่กำไรแน่นิ่งมาหลายปีหรือเปล่าที่คุณอยากจะฟัง...เซอร์กีย์"

          อา...แรงน่าดู สำหรับการหยิบยกเรื่องนี้มาพูดคุย โครงการสัมปทานที่คุณป๊าอุตส่าห์ยอมย้ายบ้านมาอยู่เพื่อมัน พอจะได้ยินมาบ้างว่ารัฐบาลของประเทศชอบเล่นตุกติก กำไรจากที่ควรจะได้ ก็หดหายไปหลายสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่คุณพ่อหัวเสียมาตลอด แต่ยังดีที่มันได้ประจำทุกปี บวกกับสิทธิ์พิเศษเรื่องภาษีและหลายๆ อย่าง จึงพอจะเพิกเฉยต่อไปได้ แต่การโดนมีดจ้วงแผลแล้วราดน้ำเกลือซ้ำ ก็ไม่ใช่อะไรที่จะเพิกเฉยได้ง่ายนัก ถ้อยคำดังหมุดตอกย้ำ ทำเอาท่านประธานเหมือนถูกเหยียบหัว โจวิช ชาโรนอฟเหลือบมองหญิงชราด้วยแววตาน่าสะพรึง เสียงอ่อนอ่อยเปลี่ยนเป็นคล้ายเสียงคำราม "แต่ก็ได้เกือบพันล้าน!"

          นิ้วเรียวหยุดหมุน เงยหน้าเชื่องช้าสบตา "บาท...และก็ไม่ถึง"

          หัวหน้าครอบครัวอึกอัก หมดมาดตำนานที่ยังมีลมหายใจ "ก็ถ้าเอามาบวกกัน...ปีหน้าสามเปอร์เซ็นต์ ผมทราบแล้วครับ"

          นอกจากเพราะบุคลิกที่มากล้นด้วยอำนาจ อีกสิ่งที่ทำให้ต่อกรกับคุณยายได้ลำบาก คือสิ่งที่ท่านยกมาวิพากษ์ล้วนเถียงไม่ได้ เพราะ สิ่งที่เถียงและต่อกรด้วยยากที่สุด ก็คือความจริง ยิ่งเป็นความจริงแบบลับสุดยอดที่มาพร้อมสายตาดุดันยิ่งไม่ควร...

          แต่ดูเหมือนจะมีคนใจกล้าบ้าบิ่นประท้วงขอความเป็นธรรม

          คุณหม่าม้าที่เพิ่งโดนข้อหาเอาแต่เที่ยวเล่นมากเกินไป จนได้กำไรเท่าเดิมในปีก่อนเลิกสลด แล้วหันมาโวยวายแทน โหมดสงบเสงี่ยมเจียมตัวถูกดีดออก โหมดหวีดว้ายนางร้ายในละครถูกสวม

          "คุณแม่คะ พวกหนูโตกันแล้วนะคะ! พวกเราไม่ควรมาโดนตรวจสอบกันแบบนี้! จะหาเงินให้ได้เป็นหมื่นล้านขนาดนั้นไปเพื่ออะไรกัน แค่นี้ก็มีเยอะจนฟืนไม่พอเผาแล้ว!"

          "ฉันไม่ได้ตรวจสอบในฐานะ 'แม่' ของใคร แต่ตรวจสอบในฐานะผู้นำตระกูลชาโรนอฟ ชาโรนอฟที่พวกเธอมีเขียนห้อยท้ายชื่อ ชาโรนอฟที่เป็นตระกูลเก่าแก่และมีคุณงามความดีที่ต้องรักษา มีกฎและมีระเบียบต้องปฏิบัติตาม อย่างน้อยเธอก็เคยเป็น และตอนนี้ก็กลับมาเป็น ...คงไม่ได้ลืมใช่ไหมเอเลน"

          ไม่ใช่การตวาดอย่างเกรี้ยวกราด แค่เพียงพูดธรรมดากอปรกับนัยน์ตาเย็นจัด ก็ทำเอาคุณหญิงของบ้านสะอึกตามคุณป๊าไป

           ว่าด้วยเรื่องของขนบธรรมเนียมเรื่องการหารายได้ สำหรับนามสกุลชาโรนอฟ เมื่อเอ่ย นอกจากได้ยินแล้วจะคิดถึงข้าราชการหรือชนชั้นสูงผู้ทำงานใกล้ชิดราชวงศ์ ก็เหมือนคำแปลว่านักลงทุน เป็นผู้บุกเบิกในการสร้างธุรกิจชื่อดังไม่น้อยตั้งแต่ในอดีต หากไม่ใช่เพราะถูกไฟสงครามจนเหลือสมาชิกแค่เพียงหยิบมือ ก็คงจะเป็นอีกนามสกุลที่มีอิทธิพลต่อโลก แต่แม้ตัวจะหายไป แต่เงินของบรรพบุรุษยังคงมีให้ลูกหลานใช้ไม่ขาดมือ ตามกฎ เงินจำนวนหนึ่งในสี่ของที่หามา จะถูกเก็บเข้าส่วนกลาง เป็นเงินก้นถังไว้สำหรับเกิดเรื่อง เก็บกันมาตั้งแต่รุ่นแรก จนถึงรุ่นปัจจุบัน เพราะแบบนั้นต่อให้ผจญสงครามหรือมีเหตุอะไร ชาโรนอฟก็ยืนหยัด มีทุนสร้างเนื้อสร้างตัวได้อยู่ตลอด มีรากที่มั่นคงไม่สั่นคลอนต่อสิ่งใด และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มีการกำหนดจำนวนเงินขึ้นมา เลขหลายหลักน่าปาดเหงื่อไม่ใช่น้อย

          และที่คุณยายไม่ค่อยพอใจ ทั้งๆ ที่คุณพ่อคุณแม่มีเงินพอใส่คลังตามจำนวน ก็เพราะเมื่อหักเงินใส่กระปุก นั่นหมายถึงตัวเลขที่จะหายไปในหน้าสังคม ระดับการเงินที่ใช้ออกหน้าออกตาลดน้อยลงจนอันดับร่วง ซึ่งก็ใช่ครับ มันเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องศักดิ์ศรีชอบเอาชนะของคุณยาย...ตรงนั่นแหละที่สำคัญ

          คุณแม่ฮึดฮัด รองเท้าส้งสูงของแบรนด์ไฮเอนด์กระแทกพื้นหินอ่อนด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยอมกลับไปนั่งลงเหมือนเดิม ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบสีเปลือกมังคุดบ่นพึมพำ "มันจะอะไรกันนักกันหนา! ก็เพราะแบบนี้ไง หนูถึงได้หนีออกจากบ้าน เพราะแบบนี้ไง ถึงไม่ให้ลูกๆ เป็นชาโรนอฟ!"

          "พอจะคุ้นหูอยู่บ้าง คลับคลายคลับคลาว่ามีเหตุการณ์น่าสมเพชทำนองนั้นเกิดขึ้นเหมือนกันนี่นะ ใช่ครั้งนั้นหรือเปล่า ที่สุดท้ายก็ซมซานกลับมาขอความช่วยเหลือ ไหนจะสภาพดูไม่ได้ ให้นมลูกตอนกลางคืน แล้วไปหาจิตแพทย์ตอนกลางวันสินะ"

          คุณแม่เหมือนอยากถลาเข้าไปจับมารดาของตัวเองเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอน แต่ทำได้แค่ตบหมอนอิงแรงๆ และบ่นงึมงำในลำคอ คุณยายไม่สนใจฟังต่อ แค่เพียงส่งเอกสารคืนเลขาคนสนิท ก่อนจะรับใบต่อไปมาดู

          "แล้วก็คุณ...ถึงตอนนี้จะไม่ได้เป็นชาโรนอฟ แต่การทำตัวให้เหมาะสมก็เป็นเรื่องสมควร ในฐานะแม่ของคนรักของหลานชายฉัน คุณไม่ควรจะหางานทำเพิ่ม โดยเฉพาะงานอะไรที่มันไม่คุ้มการลงแรง"

          คุณป้าหน้าตาตื่น เหมือนเด็กนักเรียนกำลังโดนอาจารย์ดุ ใบหน้าสวยหวานซีดลง

          "นี่น้องเมย์รับงานพิเศษเพิ่มเหรอคะ!?" คุณแม่ตบโต๊ะเสียงดัง ท่าทางก้าวร้าวทำเอาหญิงชราคิ้วกระตุก

          ผิดกับลูกชายลำดับสาม ถามด้วยความห่วงใย "จริงหรือครับฮิเมโกะซัง? พวกเราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรือครับ"

          ไม่ใช่แค่คุณแม่ที่มองอย่างไม่พอใจ ผมก็ไม่ค่อยพอใจพอสมควร

          คุณป้าชอบดื้อรั้นอยู่เรื่อย...ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยแข็งแรง แต่ก็ยังชอบรับงาน หรือหางานพิเศษทำ บางทีก็แอบมาช่วยพ่อบ้านแม่บ้านทำความสะอาด เคยกระทั่งไปถอนหญ้า ทำสวน จนเป็นลมล้มพับไป เล่นเอาเทมปุระร้องไห้จนตาบวมเป่ง ผมเจ็บหัวใจแทบตายกว่าเขาจะหยุด จนเราต้องออกกฎถึงพนักงานในบ้านทุกคน ห้ามให้เธอแตะงาน ช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นคนรับผิดชอบในส่วนที่คุณป้าทำ ต้องโดนไล่ออกสถานเดียว

          คุณป้าที่เพิ่งเจอคุณยายเป็นครั้งแรกเกร็งไปหมด ยิ่งพอถูกตำหนิตรงๆ ไม่อ้อมค้อมก็หน้าเสีย รีบยกมือไหว้ขอโทษหญิงชราและพวกเราทุกคน

          "ข-ขอโทษคุณดาเลีย และขอโทษทุกคนด้วยนะคะ แต่ว่า...แต่ว่ามันก็แค่งานเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ใช้แรง แค่รับงานออกแบบบ้านตามที่เคยเรียนมา หนูอยู่ว่างๆ ก็อยากจะทำตัวให้มีประโยชน์ ไม่ได้คิดถึงในแง่นั้นเลย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ"

          "บางทีการอยู่เฉยๆ ก็ดูจะมีประโยชน์มากกว่าการหาเรื่องใส่ตัว...คุณไม่คิดแบบนั้นหรือคะ"

          ดวงตาที่ฉายชัดว่า 'รู้ทุกเรื่องและรู้ทุกอย่าง' ทำเอาหญิงสาวมีสีหน้ารู้สึกผิด "ขอโทษจริงๆ ค่ะ ต่อไปจะระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้"

          สีไพลินควานหาความจริงจากนัยน์ตาสีน้ำตาล จนพอใจ จึงพยักหน้า

          ยิ่งนานคน คุณยายยิ่งคิ้วขมวดแน่น เสียงที่ดุก็เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ นี่ถ้าเจ้าตัวเล็กของผมอยู่ด้วย เขาคงร้องไห้น้ำตานองหน้า เอ่ยห้ามคุณยายปากคอสั่นว่าอย่าแกล้งทุกคนแน่ๆ ครับ

          เฮียปลาหย็องโดนจนตาแดงน้ำตาปริ่ม เฮียเนื้อหย็องรอดพ้นไปเพราะเกรดเฉลี่ยดี แต่ก็โดนเรื่องไม่รู้จักการแบ่งเวลาให้ถูก และไม่รู้จักดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ในส่วนของพี่สาวคนเดียวนั้นก็หนักใช่เล่น ส่วนผมรอดปลอดภัยครับ มีถูกตำหนิบ้างเรื่องเจ็บตัวตอนไปเที่ยวกัน แต่อย่างอื่นไม่มีอะไรให้ดุด่าว่ากล่าว ไม่ใช่ลำเอียง ในเรื่องการศึกษาไม่มีคำว่าลำเอียงและอ่อนข้อสำหรับดาเลีย แอน แต่เพราะไม่ใช่แค่ปลายปีที่คุณยายตรวจ ของผมโดนทุกวันเสียด้วยซ้ำ การกวดขันให้เป็นดั่งคนต้นแบบเริ่มมานานจนผมทำเป็นกิจวัตร ต่อให้เถลไถล งานการก็ต้องไม่เสีย ประพฤติตัวเหมือนมีกล้องตามดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ต่อให้โดนสุ่มตรวจ ผ้าที่ถูกพับ ก็เรียบกริบไร้ร่องรอยยับย่น

          หย็องหย็องน้องชายผู้น่าสงสาร กริ่งเกรงญาติผู้ใหญ่จนเบียดตัวเข้ากับซอกโซฟาเสียเกือบมิด แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้ สีแดงเถือกเด่นชัด เห็นถึงพวกผมที่นั่งฝั่งตรงข้าม...นี่หย็องแอบหยุดเรียนไปเยอะขนาดนี้เลยหรือครับ?

          "แล้วของเธอนี่มันอะไร....ยูริ โจวิช ชาโรนอฟ เกรดเฉลี่ยสองจุดแปด ไหนจะวันหยุดเรียนที่เยอะกว่าที่ทางโรงเรียนกำหนดนี้อีก คนเลี้ยงดูสมองเท่าชิปมังหรือยังไงกัน ถึงได้สั่งสอนให้ตั้งใจเล่าเรียนไม่ได้"

          คุณพ่อเมื่อเห็นหย็องหย็องโดนต่อว่าจนหน้าถอดสี ก็รีบเดินไปดึงมือลูกชายคนเล็กมานั่งเคียงข้าง พร้อมกุมมือภรรยารักข้างกายก่อนที่จะลุกขึ้นอาละวาดอีกรอบ

          "เกรดเฉลี่ยไม่ได้วัดอะไร นอกจากความตั้งใจเรียนในโรงเรียนนะครับคุณแม่"

          "จะบอกว่าหน้าที่ศึกษาหาความรู้ ไม่ใช่หน้าที่ของเด็กหรือ? ...แล้วก็แอนต่างหากค่ะ ไม่ใช่ 'คุณแม่' "

          "ครับ...แต่ว่าผมไม่ต้องการให้คุณแม่ดุลูกผมเรื่องการเรียน โลกนี้มีอะไรมากกว่าตัวเลขที่ออกทุกเทอมนะครับ"

          คุณพ่อยังคงดึงดันเรียกคุณยายว่าคุณแม่ จนโดนหรี่ตามองเตือน

          และความเงียบคือถ้อยคำสวนตอบว่า 'ไม่เห็นด้วย' ... ถ้าจะไม่ตั้งใจเรียน ก็ต้องเก่งอย่างอื่น ถ้าไม่เก่งก็ต้องพยายาม รู้หน้าที่ตัวเองและทำมันให้ดี ... คือคำที่ท่านพูดเสมอ และสิ่งที่คุณยายโกรธจริงๆ คือการที่หย็องหย็องไม่ทำตามกฎระเบียบเสียมากกว่า อย่างไรก็เป็นทหารล่ะนะ

          อา... เห็นผมหยุด ผมก็ทำงานเป็นประธานแลกนะครับ เพราะงั้นหยุดไป ก็ถือว่าอยู่ในกฎ เล่นตามระเบียบ

          "เข้ามหาวิทยาลัยใช้ใบลาปลอมไม่ได้ และหยุดเกินกำหนดมีสิทธิ์ซ้ำชั้น เรื่องพื้นฐานพวกนี้ พอจะรู้บ้างใช่ไหมคะ...มิสซิสเซอร์กีย์?"

          คุณยายยกแก้วน้ำขึ้นจิบ โยนหินลงน้ำให้ระลอกคลื่นกระทบลูกสาว คุณแม่มีสีหน้าครุ่นคิด  สักพก ใบหน้าสวยงามเริ่มบูดบึ้งหงิกงอคล้ายนางยักษ์ เสียงแหลมตวาดแว้ดใส่ผู้ชายสองคนที่เริ่มกระเถิบตัวออกห่าง

          "เดี๋ยวก่อนนะคะ ใบลาปลอม หยุดเรียนเกินกำหนด...? หนูไม่เห็นเคยรู้เรื่องนี้มาก่อน! แล้วคุณก็รู้เรื่องด้วยเหรอโจ!? กรี๊ดดดดดดดดดด...หย็องหย็องเจ้าลูกดื้อ! คุณหญิงแม่ว่าแล้วเชียว ทำไมพี่เลี้ยงของลูกถึงได้หนีหน้าหลบตา! โดน! โดนแน่ๆ ทั้งคริสโตเฟอร์และบรรดาพวกพี่น้องด้วงทั้งหลาย! คุณก็ด้วยโจวิช! หึ...อยากซื้อนักใช่ไหมไอ้เกาะส่วนตัวตรงนั้นน่ะ ได้! ฉันจะซื้อตัดหน้าคุณ แล้วทำเป็นเกาะเลี้ยงนกไปเลย! ทุกคนเข้าเกาะฟรียกเว้นคุณ ห้-า-ม-เ-ข้-า! นังสามีตัวดี!"

          "มะม้า มะม้า! ฟังหย็องก่อนนะ ก็เทอมแรกๆ มันไม่ค่อยมีอะไรให้เรียน หย็องก็เลยเบื่อๆ เลยโดดเรียนไปหาอะไรทำแค่นั้นเอง ส่วนที่หยุดเกิน ก็หยุดเกินไปแค่สิบ ไม่สิๆๆ แค่เจ็ดวันเองครับ อาจารย์ให้ไปทำงานอาสาสมัครก็เรียบร้อยแล้ว ปีก่อนก็ทำ..." สองมือตะครุบปิดปาก เหมือนเพิ่งปล่อยทองคำให้ร่วงลงพื้น สายตาล่อกแล่กค่อยๆ หันไปมอง หวังว่ามารดาจะไม่ได้ยิน แต่ก็ไม่ทัน นางยักษ์ได้ยินชัดเต็มสองรูหูจนแยกเขี้ยววาววับ

          "....นี่ปีก่อนลูกก็ทำแบบนี้งั้นเหรอ ยูริ โจวิช ชาโรนอฟ!!!"

          "ที่รัก ที่รัก ใจเย็นๆ ก่อน คุณจะแดกหัวลูกต่อหน้าคุณตาคุณยายไม่ได้ โอ้ย โอ้ยยยยยยยย อย่า! อย่ากดซื้อเกาะของผม!!!"

          "คุณแม๊!!!!"

          "หึ รวมหัวกันดีนักนะสองพ่อลูก ดี!"

          มหกรรมรุมทึ้งเริ่มต้นและจบลงในอีกหลายนาทีถัดมา พอดีกับกระดาษใบสุดท้ายถูกอ่าน ผมลุ้นยิ่งกว่าอะไร ลุ้นยิ่งกว่าทุกคนในครอบครัว

          "อืม"

          แค่อืม...ไม่มีประโยคประธาน กริยา หรือคําวิเศษณ์เสริม แต่เท่านั้นผมก็เผลอยิ้มกว้าง 'อืม' คือคำชมในห้าระดับของคุณยายแล้วครับ การไม่มีถ้อยคำติเตียนถือเป็นหนึ่งในคำชม เพราะมาตรฐานของหญิงชราช่างสูงส่ง จนไม่ว่าผิดแม้เพียงเล็กน้อย หรืออะไรก็ล้วนเป็นข้อด้อย แค่เพียงลืมเขียนจุดในกระดาษก็ถูกว่าไปสองบรรทัด

          "อะไรอะ เอ้ย ครับ! ทำไมของเทมคุณยายแค่อืม? เกรดเทมก็พอๆ กับหย็องนี่น่า สามปะเฮียหมู?"

          คนมีความผิดติดตัว อยากลากทุกคนให้ร่วงลงเหวด้วยกัน ตะแง้วร้องขอความเป็นธรรม แต่เสียดายที่นี่ไม่ใช่ศาลทหาร แต่เป็นศาลเตี้ยของดาเลีย แอน

          "เอาสมองปกติของตัวเองไปเทียบกับเด็กพิเศษที่สมองไม่ปกติ...ไม่รู้จะให้มองในแง่เขาพยายามจนเทียบเท่า  หรือจะมองว่าไร้ความสามารถจนแพ้เขาหลุดรุ่ยดี อย่างไรดีคะคุณยูริ?"

          "ขอโทษฮับ"

           นี่ล่ะครับคุณยาย ถึงจะดูเจ้าระเบียบ เข้มงวด โลกหมุนรอบตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เอาไม้บรรทัดวัดเหมือนกันทุกคน แม้มาตรฐานไม่เปลี่ยน แต่ระดับสามารถถูกปรับเปลี่ยนไปตามปัจจัย นับว่าสมเป็นหญิงชาติทหาร ในความอยุติธรรม ก็มีความยุติธรรมอยู่บ้างให้พอสบายใจ

          "สำหรับพวกเด็กๆ เพราะฉันไม่ได้มาตรวจด้วยตัวเองทุกปี ก็ยากจะดุกล่าวได้เต็มปาก ยังไงพวกเธอก็เป็นแค่สายเลือดห่างๆ แต่ก็อยากให้รู้ไว้ว่าฉันจับตาเฝ้าดูอยู่เสมอ ทำตัวให้มันดีๆ จะเกเรบ้าง...ฉันก็ไม่ได้ยุ่งนักหรอก แต่ทำอะไร ช่วยคิดถึงหน้าบรรพุบุรุษที่เพียรสร้างชื่อขึ้นมาบ้าง เข้าใจไหม?"

          อาเฮียฮาเจ้และหย็องหย็องตอบรับพร้อมเพรียง

          "ส่วนเธอสองคน...ฉันตรวจทุกปี แต่ก็ยังกระเตื้องขึ้นเชื่องช้ายังกับเต่าเป็นอัมพาต ตั้งใจกันหน่อย เป็นหัวหน้าครอบครัว จะมาเหลาะแหละแบบนี้ แล้วจะดูแลหลานชายฉันได้ยังไง"

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2019 20:31:17 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter


          ก๊อก ก๊อก


          เหมือนสัญญาณช่วยชีวิตสำหรับสมาชิกในห้องรับแขก เมื่อดวงหน้าอ่อนเยาว์เยื้องหน้าเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ มีคุณหัวหน้าพ่อบ้านทำหน้าลำบากใจ โค้งตัวขออภัยที่ขัดจังหวะอยู่ด้านหลัง

          "ข-ข-ข ขอ ขอโทษครับ แต่ แต่ คือ คือว่า...เทม เทมขอยืมตัวหมูหย็องสามนาทีได้ไหมครับ แล้ว แล้วเทมจะพาหมูหย็องมาส่งคืนนะครับ นะครับ คือ คือว่าเทม ฮึก หมูหย็องครับ มุ มุ หมูหย็องครับ" ขนตาเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำใส หัวใจผมบีบรัดจนปวดหน่วง สมองลืมเลือนว่ามีใครนั่งอยู่ มารยาทที่ถูกเธอพร่ำสอนหายไปแบบฉับพลัน สองขาก้าวกระโดดออกจากโซฟา รีบตรงดิ่งไปตรงหน้าแก้วตาดวงใจ สองมือกอดรวบเด็กชายเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

          โบกมือให้ทุกคนที่ตกใจกับความกะทันหัน ห้ามให้อย่าเพิ่งเข้ามาใกล้ ปิดประตูที่แง้มอ้าออก ตัดขาดให้เหลือเป็นโลกส่วนตัว

          "ชู่ว...ที่รักครับ ไม่ต้องร้องไห้นะครับ เทมเป็นอะไรครับ ใครรังแกหรือเทมอยากได้อะไร หรือว่าเจ็บตรงไหน บอกหมูสิครับคนดี" ลูบมือลงบนแผ่นหลังที่ห่อลงจนเล็กแคบ

          ศีรษะกดซุกกับบ่า พูดอู้อี้จนฟังไม่ได้ศัพท์ "แอนด์ แอนด์ ลืม ฮึก เทม เทมลืมครับ เทม เทมเป็นเด็กไม่ดี"

          "ที่รักเป็นเด็กดีครับ ที่รักเป็นเด็กดีเสมอ"

          "แต่ แต่ว่า เทม ฮึก เทม เทมลืมครับหมูหย็องครับ เทม เทมลืมเปิด ชะ ชะ ช่อง ช-ช่อง ช่อง ครับ เทม เทมไม่ได้เปิดวันที่ยี่สิบสี่สี่สี่ เทม เทมเปิดถึงแค่วันที่ยี่สิบอาม สาม แล้ว แล้ววันนี้ก็ ก็วันที่ยี่สิบห้าแล้วครับ วันคริสต์มาสแล้วครับ แต่เทม เทมลืมเปิด เทมขอโทษครับ เทมขอโทษ"

          อา...Advent Calendar

          เจ้าปฏิทินนับถอยหลัง 24 วัน ก่อนถึงวันคริสต์มาสที่ผมให้เขาทุกปี ข้างในปฏิทินจะบรรจุสิ่งของต่างๆ เช่น ขนม ลูกอม เพชร พลอย เทียนหอม น้ำหอม แล้วแต่คนทำจะรังสรรค์ แน่นอนว่าของเด็กชายฟ้าประทานต้องเป็นของหวานอย่างที่เจ้าตัวชื่นชอบ ในทุกวันที่พ้นผ่านในเดือนธันวาคม เริ่มตั้งแต่วันที่หนึ่ง ก็จะเปิดหนึ่งช่องต่อวันเพื่อรับของขวัญด้านใน แต่ละวันล้วนเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่เขาตั้งตารอคอย  เปิดไปทีละช่องจนถึงคริสต์มาสอีฟ เป็นความสนุกกับการนับถอยหลังก่อนจะได้รับของขวัญชิ้นใหญ่

          Advent Calendar คือตัวต้นเหตุนี่เอง

          เมื่อวานมีหลายเรื่องให้ผมทำก่อนเข้าวันหยุดยาว ผลกระทบนั้น กลิ้งไปโดนเด็กชายที่นับแต่เป็นคนรักกันก็ติดผมหนึบไม่ยอมแยกไปไหนด้วย คนขี้เซาเอาแก้มเกยพนักเก้าอี้ เกาะก่ายผมหาวแล้วหาวอีก แม้จะรีบเร่ง แต่ลงท้ายก็ผิดเวลานอนไปถึงสองชั่วโมง กว่าจะได้ฤกษ์เข้าห้องนอนก็ปาไปห้าทุ่ม พอสัมผัสกับที่นอนก็หลับสนิททั้งๆ ที่ยังไม่ได้แขวนถุงเท้าบนหัวนอนด้วยซ้ำ เจ้าช่องเล็กๆ ที่เขาต้องเปิดกับผมก่อนนอนก็เป็นอันถูกลืมไป

          เรื่องราวเล็กน้อย แต่สำหรับเด็กพิเศษผู้มีอาการของโรค OCD หรือ Obsessive-Compulsive Disorder โรคย้ำคิดย้ำทำขั้นต้นร่วมด้วย เวลาไปโรงเรียน ต้องได้จัดหนังสือในล็อกเกอร์ให้เข้าที่ มองจนพอใจว่าหนังสือเรียงได้ถูกต้องตามลำดับตัวอักษร แปรงสีฟันเอียงมุมหันออกเหมือนเดิม ถุงเท้าพับเก็บที่เดิม เสื้อผ้าแขวนเรียงตามสี ไม่กำเริบหนักหากไม่มีอะไรกระตุ้น แต่แม้ไม่หนัก ก็ทำให้เขานอนไม่หลับและใช้ชีวิตติดขัดได้ ถ้าไม่ได้ทำอะไรที่เป็นระบบระเบียบ หรือได้ทำสิ่งเดิมเหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน จะทำให้วิตก เผลอคิดซ้ำไปซ้ำมาจนไม่เป็นอันทำอะไร อีกข้อในกรณีของเทม คือเจ้าตัวจะกล่าวโทษและรู้สึกผิดต่อตนเอง ความคิดในแง่ลบจะพุ่งพรวดจนน่าเป็นห่วง

          การข้ามการเปิดช่องไป จึงไม่ใช่อะไรที่เล็กน้อยตามขนาดของ มันไปรวนความคิดให้ตกหลุมไปไหนไม่ได้

          ปากแนบชิดปิดถ้อยคำขอโทษขอโพยเนิ่นนาน จนไม่มีคำใดกล่าวว่าคนรักของผมอีก จึงผละแยกห่าง

          "หมูขอโทษนะครับ หมูลืมเตือนเทมไปเลย...เอางี้ไหมครับ เรามาเล่นเกมสมมุติกัน สมมุติว่าวันนี้คือวันที่ยี่สิบสี่ เทมมีเวลายี่สิบนาทีวิ่งขึ้นไปเอาปฏิทินลงมาเปิดนะครับ พอพ้นยี่สิบนาทีไปแล้ว วันนี้ก็จะกลายเป็นวันที่ยี่สิบห้าเหมือนเดิม"

          "ต-ต-แต่ แต่ว่า วัน วัน วันนี้ วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบห้าเดือนธันวาคมนะครับ เกิน เกินวันเปิดมาแล้ว"

          "เกมสมมุติยังไงล่ะครับ วันนี้เป็นวันพิเศษ เทมได้โอกาสพิเศษยี่สิบนาทีนะครับ เดี๋ยวหมูจะหมุนเข็มนาฬิกาย้อนเวลาให้"

          "แล้ว แล้ววันนี้จะเป็นวันที่ยี่สิบสี่จริงๆๆๆ จริงๆๆๆ ของจริงๆๆๆๆๆ เหรอครับ เทม เทม จะกลายเป็นเทมในชุดนอนแบบเมื่อวานเหรอครับ"

          ยกมือเช็ดหยาดน้ำคนเจ้าน้ำตา พินิจมองจมูกที่ขึ้นสีแดงคล้ายกวางเรนเดียร์ลากเลื่อนของซานต้า กดจูบปลายจมูกสีลูกเชอร์รี่สุกก่ำ "ไม่ครับ แค่เฉพาะรอบปฏิทินเท่านั้นที่จะเป็นวันที่ยี่สิบสี่ เทมยังคงเป็นเทมวันที่ยี่สิบห้าครับ"

          หยิบผ้าเช็ดหน้าบีบจมูกแดง

          ฟืดดด

          "ยี่สิบสี่จริงๆ เหรอครับ? ยี่สิบสี่จริงๆ ของจริงๆ ของจริงๆ เหรอครับหมูหย็องครับ?"

          "จริงสิครับ"

          "งั้น งั้นๆๆๆ เทม เทมจะรีบไปเอานะครับ รีบๆๆ ไปเอานะครับ"

          "หมูต้องคุยกับคุณตาคุณยายอีกนิดหน่อย เทมรอสักสิบนาทีได้ไหมครับ หรือว่าจะขึ้นไปกับพ่อบ้านก่อน?"

          "เทม เทมอยากให้หมูหย็องไปด้วยครับ เทมกลัว กลัวๆๆ พลังสมมุติจะไม่ถึงชั้นหก ห้อง ห้องของเรานะครับ สมมุติถึงชั้นหกหรือเปล่าครับหมูหย็องครับ"

          "ถึงชั้นสิบเลยครับ"

          "งั้น งั้นเทม เทมไปกับคุณหัวหน้าพ่อบ้านนะครับ เดี๋ยว เดี๋ยวเทมลงมานะครับ"

          "เทมล้างหน้าด้วยนะครับ จะได้ลงมาทานข้าวกัน...อย่าให้เขาถือเองนะครับ มันเป็นกล่องไม้ใหญ่ เดี๋ยวจะสะดุดล้ม" หันไปกำชับกับพ่อบ้านอย่างไม่วางใจเจ้าเรนเดียร์จมูกแดง

          เทมรีบวิ่งตุบตับออกไป มองตามจนพ้นสายตาถึงได้หันหลังกลับ โบกมือปฏิเสธความช่วยเหลือจากพ่อบ้านอีกคน เลือกเปิดประตูหนึ่งบานด้วยตัวเอง ประตูอ้าออกอย่างเงียบเชียบ จนผู้สอดรู้สอดเห็นที่เอาหูแนบกับอีกบานไม่รู้ตัว ยังคงค้างท่าทางแอบฟังอย่างเต็มที่...ไม่อยากจะเชื่อเลย ต่อหน้าคุณตาคุณยายแท้ๆ

          ไม่สิ...นั่นคุณตากำลังเอาแก้วน้ำแอบฟังใช่ไหมครับ ล้ำหน้าคนอื่นไปไกลเชียว

          บนชุดโซฟารับแขก เหลือเพียงหญิงชรานั่งอยู่เพียงคนเดียว

          "มารยาทหายไปกับน้ำชาที่ดื่มหรือยังไงครับ?" เอ่ยถามเสียงนิ่ง

          เจ้ไก่ที่รู้ตัวก่อนรีบทำเป็นแปะป่ายสำรวจไปตามบานประตู คิ้วขมวด เดาะลิ้น  "จุ๊ จุ๊ จุ๊...ประตูบ้านเราลอกหรือเปล่าคะคุณแม่ ไก่ว่าเราควรเปลี่ยนประตูใหม่เนอะ"

          "นั่นสิคะลูกไก่ขา ดูสิ ปลวกแทะหมดเลยนะคะเนี่ย"

          ประตูหินอ่อนตัดบางแต่งพิเศษ ปลวกนี่ฟันเหล็กหรือไงครับถึงแทะเข้า

          "แหะๆ คุณป้าเป็นห่วงน้องเทมนี่ครับ น้องหมูหย็องไม่โกรธนะครับ"

          "ช่ายๆ ก็เป็นห่วงเทมอ่ะ กลัวโดนเฮียแด-- เอ่อ หย็องหมายถึงกลัวไม่สบาย"

          "จำปาได้ยินเสียงจ๊วบจ๊าบด้วยค่ะขุ่นแม๊ ขุ่นแม่ต้องลงหวายนะคะ! คุณหลวงหมูจะมาลวนลามคุณหลวงเทมไม่ได๊!" ​


          เรื่องแบบนี้ ก็จะสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวจนน่าโมโห ผมมองเมินกลุ่มก้อนหัวทองมุง เดินกลับเข้าไปหาคุณยาย

          "ผมทราบว่าคุณยายเหนื่อยจากการเดินทาง และคงอยากกลับไปพักผ่อน แต่ถ้ายังไง...ช่วยอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับได้ไหมครับ วันนี้มีเมนูสตูว์ลิ้นวัวที่คุณยายชอบ สูตรจากเลดี้เจนใส่ใบกระวานกับถั่วลูกไก่ ผมรับรองว่ารสชาติไม่ต่างกันเลย ไม่สิ อาจจะอร่อยกว่านิดหน่อย ก็ต้องขออภัยคุณยายล่วงหน้าด้วยครับ"

          มุมปากคนจิบชายกขึ้นเล็กน้อย "อยู่กับเซอร์กีย์ไม่นาน หลานก็อวดดีไม่ต่างเลยนะดิมิทรี นิสัยแย่ๆ จะลุกลามติดกันเร็ว เห็นท่าจะจริง"

          "คุณยายมาหาผมน้อยครั้งเกินไปนี่ครับ ถ้าจะไม่ให้ติดนิสัย...คุณยายคงต้องมาหาผมบ่อยๆ"

          เสียงหัวเราะในลำคออย่างคนรู้ทัน ทำเอาขวยเขินไม่น้อย "อ้อนเก่งขึ้นเสียด้วย คะแนนตรงนี้ยายคงไม่เอาไปบวกให้กับเขาหรอกนะ...เขาขี้แงอ่อนแอแบบนี้ประจำหรือ" เขาที่ว่าหมายถึงเทม

          "เขาน่ารักแบบนี้เสมอครับ" เผลอจุดรอยยิ้มอ่อนโยน เมื่อคิดถึงคนโยเยให้กอดปลอบบ่อยครั้งบ่อยหน

          ท่านส่ายหัวหน่ายระอาให้คนหลงแฟน "ตามใจกันเกินไปแล้ว"

          "ขอโทษครับ แต่ผมหวังว่า...สักวันคุณยายจะคิดเหมือนกัน"

          ดวงตาเย็นชา ถูกโคมไฟระย้าหลอมละลาย สีส้มนวลของแสง สะท้อนให้อุณหูภูมิเพิ่มขึ้นจนคล้ายอบอุ่น "แล้วอยู่ที่นี่...หลานเป็นยังไงบ้าง" อ่านทางข้อความ ถามทางโทรศัพท์ อย่างไรก็ไม่เท่าถามต่อหน้า

          "ดีครับ ทั้งสองคนดูแลผมดีมาก และทุกคนก็ดีกับผม ทั้งสนุกดี มีความสุขดี น่ารำคาญดีและน่าปวดหัวดี ถ้าคุณยายมาเยี่ยมบ่อยๆ คงจะต้องพาคุณลุงหมอมาด้วย เผื่อไว้ก่อนกรณีเป็นไมเกรนแบบเฉียบพลัน"

          "คงต้องพาจิตแพทย์มาด้วย"

          "ครับ จิตแพทย์ก็ด้วย" ผมหัวเราะ ก่อนเงียบลง "...ขอบคุณคุณยายที่มานะครับ"

          รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับบุคคลสำคัญผู้มีความลับจนเคลื่อนไหวประเทศและเปลี่ยนประวัติศาสตร์ได้ จะออกมาข้างนอก จะเคลื่อนไหวทางซ้ายทางขวา หรือไปไหนๆ ต้องยื่นเรื่องกันวุ่นวาย แปดคนขึ้นตรงต่อคุณยาย ห้าคนของทางรัฐบาลส่งมาจับตาดู ยิ่งได้มุมมองจากเทม ผมยิ่งเห็นว่าแท้จริงแล้ว อำนาจก็ไม่ได้หอมหวานนัก ยิ่งมากยิ่งอันตรายและเหนี่ยวรั้ง กลายเป็นเหยี่ยวในวังสีแดงที่ถูกมัดแข้งขาไม่ให้โผบินไปไหน

          "แฮ่ก...ขอ ขอโทษครับ เทม เทมลงมาช้า เทม เทมล้างๆๆๆ หน้าแล้วแฉะๆๆๆ เลยต้องเปลี่ยนชุดใหม่ครับ"

          "หมู! เทมลงมาแล้ว! รีบๆ มาเปิดกับเทมดิ เจ้หิวข้าวจนสะดือจะติดกระดูกหลังแล้วเนี่ย"

          "น้องไก่หย็องคะ คุณป้าพอจะมีคุกกี้ในกระเป๋า เอาไปทานดีไหมคะ"

          "ว๊าย คุณน้องพูดเป็นเล่นใช่ไหมคะ? กว่าสะดือคุณน้องจะติดหลัง ต้องติดพุงสามชั้นก่อนนะคะนั่นน่ะ"

          "ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เดี๋ยวไก่รอทานพร้อมกันทีเดียวก็ได้...บอกแม่ครัวเอาเฮียไปเป็นวัตถุดิบด้วยได้ป่ะ ไม่ต้องกินหรอกไก่งวง กินกระบือมีงวงตรงนี้ดีกว่า"

          "กรี๊ดดดดดดด ขุ่นแม๊! ไก่ว่าจำปาเป็นด้วงค่ะ!"

          "อืม...กระบือแปลว่าควายนะครับเฮีย"

          "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

          "ปะป๊าหิวอ่า หมูมาเร็วๆ คุณแม่มาเร็วๆ สิครับ"

          เสียงโหวกเหวกหน้าประตูทำเอาผมถอนหายใจ คุณยายที่ดูเหมือนจะตอบตกลง กลายเป็นมีท่าอยากหนีกลับโรงแรมอีกครั้ง

          "อืม...วุ่นวายดีด้วยครับ และจะยิ่งน่ารำคาญกว่านี้ถ้าเรายังไม่ยอมออกไป"

          ท่านเหลือบมองกลุ่มคนจอแจแล้วขมวดคิ้ว ผมลุ้นกับคำตอบจนเผลอบีบมือแน่น

          "...นำทางยายไปสิ"

          ก่อนคุณยายจะเปลี่ยนใจ ผมรีบเข้าไปประคองท่านทันที ได้แต่หวังว่าดินเนอร์จะไม่เกินความอดทน จนคุณยายลุกออกจากโต๊ะกลางคัน





         


end 53 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2019 20:39:03 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter






54






          โต๊ะอาหารวันนี้เอิกเกริกไปด้วยอาหารมากมาย ไก่งวงตัวใหญ่ ล็อบสเตอร์ตัวโต บรรดาของหวานนานาชนิด จานชามพิเศษถูกหยิบมาใช้จนคล้ายภาพวาดอาหารสวรรค์ กลิ่นหอมโชยอบอวลไปทั่วห้อง ต้นคริสต์มาสต้นเล็กกว่าข้างนอกถูกนำมาวาง แสงไฟจากเทียนบนเชิง ของตกแต่งประดับ เตาผิงจอมปลอมก็ช่วยทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ นักดนตรีเมื่อเห็นแขกก็เริ่มบรรเลงเพลงคลอเคลียหู ความสุนทรีย์ทั้งมวลดูน่าพอใจ

          ขาดก็แต่ตัวเจ้าบ้าน ที่ทำหน้าเหมือนท้องผูกอยู่หลังเก้าอี้สลักตัวสวย

          ปีปกติ อาหารไม่แตกต่าง แต่ในวันนี้เราจะไม่ค่อยขึ้นโต๊ะนั่งเก้าอี้ทานแบบเป็นทางการกันนักหรอกครับ จะตักเหมือนบัฟเฟต์แล้วไปนั่งกองกันแถวโซฟา ดูหนังเกี่ยวกับคริสต์มาสห่วยๆ สักเรื่องมากกว่า แต่ยามนี้คงไม่เหมาะ ให้ห่มผ้าห่มพื้นใหญ่ด้วยกันกับคุณตาคุณยาย วิจารณ์พระเอกนางเอกว่าโง่บรม แค่นึกภาพก็กระดากกระเดื่องเกินไป ไม่ต้องคิดการใหญ่อย่างนั่งอิงแอบ เอาแค่ที่นั่งเก้าอี้กับโต๊ะอาหารก็ชวนสับสน ตามหลักแล้ว เจ้าบ้านอย่างคุณปะป๊าควรนั่งหัวโต๊ะ แต่ถ้านับตามศักดิ์ก็ควรให้คุณตา แต่ถ้านับตามในตระกูล คนที่อยู่สูงสุดคือคุณยาย

          ผมชะลอฝีเท้าที่ประคองหญิงชราเล็กน้อย มองท่าทีบิดาที่เลิ่กลั่ก เห็นท่านจ้องมาทางผมเช่นเดียวกัน ก่อนหันไปสะกิดภรรยารักว่าจะเอาอย่างไร คุณแม่ยังคงโมโหเรื่องหย็องหย็องไม่หาย ไม่ช่วยเหลือ แค่เพียงยืนนิ่ง สายตา SOS ของคุณป๊าทำเอาผมถอนหายใจ สุกท้ายก็ตัดสินใจจับจูงคุณยายไปนั่งหัวโต๊ะ แล้วกระซิบบอกเฮียปลาให้ประคองคุณตาไปนั่งมุมหัวโต๊ะอีกด้าน

          จบลงด้วยดี

          หลังพยุงคุณยายนั่งที่เรียบร้อย เสียงเคลื่อนเก้าอี้หลายตัวก็ดังขึ้น พวกเรานั่งลงตาม ด้านขวามือของคุณยายคือที่ประจำของผม ตามด้วยเทมปุระ ส่วนด้านซ้ายคือคุณปะป๊าและเฮียเนื้อหย็อง ส่วนคุณแม่ถูกส่งไปนั่งรับมือกับคุณตาอีกฟากฝั่ง

          "อึ๋ย ไก่งวง แหยะ...หย็องไม่กินเด็ดขาดอ่ะ โคตรไม่อร่อย จานนั้น! ผมจะไปนั่งตรงนั้น! ไก่ทอด!"

          "กลับมานั่งตรงนี้เลยเจ้าตัวแสบ แถวหัวโต๊ะให้ผู้ใหญ่เขานั่งไป เราน่ะมานั่งกับเจ้"

          "เจ้ไก่เอาหมูหันส่วนสันในให้ผมก่อนได้ปะ เฮียปลาชอบแย่งส่วนอร่อยไปทุกที"

          พอนั่งประจำที่ หลังเคร่งเครียดกันมาเป็นชั่วโมงกับการถูกสอบสวน เวลานี้พอได้ปลดปล่อย มีกลิ่นชวนหิวคอยมอมเมาก็ทำเอาท้องร้องโครกคราก อาหารน่าทาน ดึงความเป็นปกติของบ้านคือเสียงดังและรื่นเริงกลับคืนมาหลายส่วน บนโต๊ะถูกสายตาหลายคู่จับจ้อง ส่งสัญญาณว่าอยากทาน จนสงสารเหล่าบริกรที่เดินหยิบอาหารจานนู้นจานนี้เสิร์ฟกันให้ยุ่งมือ

          ผมเอ่ยขอจานเนื้อแกะตุ๋นและสตูว์ลิ้นที่เอ่ยโฆษณาไว้ให้หญิงชราที่กำลังทานซุป ท่านพยักหน้า ก่อนทานเงียบๆ ผิดกับคุณตา ที่ได้ยินเสียงเข้มงวดแว่วมาให้ได้ยิน ดูท่าจะมีคนถูกคุณตาดุอยู่ล่ะครับ...

          ทุกคนผลัดกันคุยผลัดกันพูดถึงเรื่องต่างๆ มีบางเรื่องที่เครียด ที่ตลก ที่น่าเศร้า น่าหงุดหงิด เป็นเรื่องราวในปีที่แต่ละคนประสบ ผมว่าบรรยากาศไม่เลวเลยทีเดียว คุณตาสนใจฟังเรื่องเล่าจากเหล่าหลานๆ ส่วนคุณยายก็รับฟังอย่างสงบ แถมอาหารในจานท่านพร่องไปเยอะจนน่าปลาบปลื้ม คำคุยโวไม่เกินจริง

          "มินซพาย มินซพาย เทม เทมอยากทานมินซพายครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง เทม เทม ขอ ขอทานชิ้นหนึ่งก่อนได้ไหมครับหมูหย็องครับ?"

           Mince pie เป็นสิ่งแรกที่ถูกคนรักของผมหมายปองก่อนอาหารใด นัยน์ตาสีน้ำตาลทอแสงวิบวับแข่งกับไฟประดับ ใจจริงอยากให้เขาทานของคาวให้อิ่มเสียก่อน แต่จากสายตาที่จับจ้องเอาเป็นเอาตายตั้งแต่เดินเข้ามา วันพิเศษกอปรน้ำเสียงออดอ้อนถูกส่งมาให้ใจสั่นคลอน ...ก็คงต้องให้เขาก่อนสักชิ้นล่ะนะครับ

          "ชิ้นเดียวก่อนนะครับ"

          เมื่อได้รับคำอนุญาต เด็กน้อยยกมือร้องเย้เสียงดัง สมาชิกในครอบครัวที่กำลังพูดคุยกันชะงัก พอถูกทุกคนจ้อง เด็กน้อยขี้อายก็ค่อยๆ นั่งลงอย่างขวยเขิน

          "มินซพายถาดนั้นเทมทานไม่ได้นะครับ มาทานของถาดนี้ครับ" จัดการเลื่อนอีกถาดที่ไม่มีรัม ไม่มีเหล้าเป็นส่วนผสมมาตรงหน้า เปิดกระปุกเนยแอปเปิ้ลปาดทาพร้อมสรรพให้เจ้าตัว เด็กชายเอ่ยขอบคุณตาเป็นประกาย ก่อนลุกขึ้นวิ่งตุบตับแย่งหน้าที่บริกร ไปตักบีฟสโตรกานอฟและบีฟเวลลิงตัน เอ่ยขอให้พ่อบ้านช่วยตัดแกะอบถั่วแมคคาเดเมีย บรรดาจานเนื้อถูกร่างสูงเอื้อมตักเสียพูน ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นเมนูบนจาน เมนูโปรดของผมทั้งนั้น รู้สึกดีจนหัวใจพองคับอก

          "ของ ของหมูหย็อง เทมตักให้นะครับ" องค์ชายที่ยามนี้กลายเป็นเด็กเสิร์ฟส่วนตัว โน้มมาเอามือป้องปากกระซิบ "เทม เทมเอาข้าวโพดออกให้แล้วครับ ไม่มีๆๆๆ ข้าวโพดนะครับ"

         
          ตามความชอบแล้ว ผมเป็นพวกสัตว์กินเนื้อมากกว่าทานผัก แม้ไม่ได้ยี้ใส่เหมือนเด็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบ แต่ในเมื่อต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้เทม ผมก็ทานเยอะเป็นพิเศษ แม้อย่างอื่นจะเรื่องมาก แต่เรื่องผัก ก็พยายามไม่เลือกทาน แต่เขาก็ยังอุตส่าห์เฝ้ามองจนแอบรู้ ว่าผมไม่ชอบข้าวโพดเอาเสียเลย
         

          กัดลิ้นตัวเองแรงๆ ไม่ให้เผลอยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า ยกมือจับแก้วน้ำขึ้นดื่ม หยุดมือไว้ไม่ให้ยกขึ้นไปรั้งใบหน้าน่ารักที่การกระทำน่ารักกว่ามาให้รางวัล

          "ขอบคุณครับ"

          กระซิบบอกกับคุณพ่อบ้านถึงเมนูที่เด็กชายชอบทานบ้าง ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งเปื่อยนุ่มถูกนำมาวางข้างๆ เมนูหลายอย่างถูกสับเปลี่ยนหมุนวนให้คนแก้มนุ่มทาน อาหารที่เทมชอบก็ไม่พ้นของคาวโทนหวาน แต่ของคาวไม่สามารถเก็บสมาธิเขาเอาไว้ได้ ดวงตากลมใสแจ๋วแอบเหล่มองของชอบบ่อยครั้งบ่อยหน สองมือเชื่องช้าลงเรื่อยแทบหยุดนิ่ง จนต้องตักอาหารไปไว้ให้บนจานดึงความสนใจ ป้อนยิ้มหวาน เอ่ยเสียงนุ่ม "หลังทานหมดนะครับ"

          "หมดๆๆๆๆ ไม่ไหวนะครับ เยอะแยะ เยอะแยะๆๆๆ เลยครับหมูหย็องครับ กระเพาะเทมเต็มๆๆ นะครับ ขอเหลือจึ๋งๆๆๆ หนึ่ง ไว้ให้ของหวานนะครับ นะครับ?" มองเด็กขี้โกงอยากเหลือท้องไว้ให้ของหวาน ทั้งอยากจับมาฟัดทั้งขำกับท่าทางกุมท้อง คล้ายกลัวว่าผมจะบุกเข้าไปแย่งช่องว่างของกระเพาะให้กับเจ้าสลัดซีซาร์จานโต

          "อย่างน้อยก็ทานสเต๊กปลาให้หมดครับ"

          องครักษ์ช่องว่างกระเพาะตัวน้อยก้มมองชิ้นปลา ท่าทางเหมือนกำลังคิดคำนวณว่าจะเปลืองพื้นที่เกินไปหรือไม่ ทำเอาอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน กับเรื่องของหวาน คนรักของผมก็จะจริงจังประมาณนี้

          ชูหนึ่งนิ้ว "ชิ้น ชิ้นเดียวนะครับ"

          "ครับ ชิ้นเดียวครับ"

          "เคโอๆๆๆ โอเค โอเคๆๆๆ ครับ"

          ทุกการกระทำ สัมผัสได้ถึงดวงตาหนึ่งคู่คอยจับจ้อง คุณยายที่ทานอิ่มแล้วมองผมกับเทมเงียบๆ "แฟรากา"

          "ครับท่าน" แฟรงค์ถูกคุณยายเรียก เคลื่อนกายออกจากจุดที่ยืนห่างออกไป เดินเข้ามาหา

          นอกจากบริกรที่ยืนเรียงรอให้บริการ ก็มีกำแพงบอดี้การ์ดคุณยายที่ยืนเป็นแถวอยู่ด้านหลังซ้อนอยู่อีกที อาหารทุกจานของคุณยายต้องถูกตรวจสอบก่อนขึ้นวางบนโต๊ะ และแม้ในเวลาส่วนตัวก็ต้องมีกำแพงมนุษย์คอยเฝ้าระวังเสมอ จะมองว่าสำคัญและสูงค่า หรือคล้ายนักโทษก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง นับว่าดีที่พวกเราทุกคนชาชินกับการถูกอารักขา เลยไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนจากคนภายนอก ส่วนเทมก็มีของหวานกวักมือเรียกความสนใจ จนไม่สนรอบกาย

          คุณยายกระซิบอะไรบางอย่าง ก่อนแฟรงค์จะโค้งคำนับแล้วเดินหายไป

          "คุณยายรับน้ำชาหลังอาหารไหมครับ?" เมื่อเห็นท่านพยักหน้า ก็เอ่ยบอกพ่อบ้านทันที "ผมสั่งเป็นชาคาโมมายล์มาให้ คืนนี้คุณยายจะได้หลับสบายนะครับ"

          ท่านพยักหน้าอีกครั้ง อัญมณีสีฟ้าถูกเบนไปมองคนด้านข้างของผม "คุณเทมปุระ"

          เด็กชายที่ตั้งอกตั้งใจทานขนม ไม่ทันรู้สึกตัวเมื่อถูกขานชื่อ เขายังทานต่อ จนผมต้องเอ่ยสำทับ "เทมครับ"

          "ครับหมูหย็องครับ" เทมวางเค้กขอนไม้ลงก่อนตอบรับเสียงใส

          "คุณยายเรียกครับ"

          "อ๋อๆๆๆๆ ครับ ครับคุณยายครับ"

          กระวนกระวายเล็กน้อย กลัวคุณยายจะหาว่าเทมไม่มีมารยาทและเมินเฉยต่อท่าน ทั้งๆ ที่จริงเด็กชายไม่ได้ตั้งใจ แต่พอได้เข้าโลกส่วนตัว ก็คล้ายปิดประตูใส่ทุกคนเสมอ สมาธิถูกใช้ได้เพียงหนึ่งสิ่ง และมีแค่ผมที่ถือกุญแจไขเข้าไปหาเจ้าตัวได้

         คุณยายรับถ้วยชามาไว้ในมือ เป่าเพียงนิดก่อนยกขึ้นจิบ เสียงราบเรียบเอ่ยถาม "คุณเทมปุระ รู้ไหมว่าหลานชายฉันชอบของหวานอะไร"

          คนถูกคำถามเอียงคอมึนงง "หลานชาย หลานชายของคุณยาย ก็ๆๆๆ ก็ ก็คือลูกของคุณหม่าม้าใช่ไหมครับ ลูกของคุณหม่าม้า เฮียปลาหย็อง เฮียปลาหย็องชอบขนมไทยมากๆๆๆ เลยครับ เทมเคยเห็นเฮียปลาหย็องหิ้วตะกร้าใส่ทองหยิบทองหยอดมานั่งทานในห้องนั่งเล่นด้วยครับ แล้วก็ๆๆๆ เฮียเนื้อหย็องชอบ--"

          "ฉันหมายถึงหลานชายคนเดียวของฉัน...ดิมิทรี"

          "แต่ว่า แต่ว่า ถ้าตามหนังสือ--"

          "ดิมิทรี คือคำตอบเดียวที่ฉันอยากฟัง"

          เทมปุระพยักหน้าหงึกหงัก ไม่มีสีหน้าโกรธเคืองหรือไม่พอใจที่ถูกพูดตัดบท ยิ้มกว้างก่อนอธิบายเจื้อยแจ้ว "หมูหย็องเหรอครับ หมูหย็องไม่ชอบของหวานครับ หมูหย็องไม่ชอบรสหวานๆๆๆ ไม่ชอบคุกกี้ เค้ก ลูกอม หมูหย็องชอบกาแฟขมๆๆ ไม่ใส่นมครับ ที่หม่ำบ่อยๆๆ จะเป็นไอศกรีมกาแฟ อะ แต่ถ้าเป็นขนมขมๆๆๆ หมูหย็องก็ทานนะครับ แต่ก็ไม่ชอบอยู่ดีครับ ตอนหม่ำๆๆๆ หมูหย็องจะคิ้วขมวดๆๆๆ หม่ำๆๆ ไปสองสามคำก็ไม่ทานแล้วครับ แต่ๆๆๆๆ เทมเคยเจอหมูหย็องหม่ำทิรามิสุไปตั้งเจ็ดคำด้วยครับ เยอะแยะๆๆๆ มากเลย แต่พอต่อมาก็ไม่ทานเหมือนเดิมครับ เทมเห็นด้วยว่าหมูหย็องแอบจิ้มๆๆๆ เฉพาะตรงผงกาแฟทาน ไม่ได้หม่ำตรงครีมๆๆ กับคุณเลดี้ฟิงเกอร์ เทม เทม เทมก็เลยไม่นับทิรามิสุว่าหมูหย็องชอบครับ"

          ไทยคำปนอังกฤษคำไม่เป็นปัญหา หญิงสาวที่คุณตาพามาเล่นตลกร้าย เป็นมืออาชีพจนแปลได้อย่างรวดเร็ว

          "แล้วรู้ไหมว่าเขาชอบอะไรอีก"

         เหมือนเด็กชายอดกลั้นอยากอวดผมมาเนิ่นนาน คนขี้อายเหมือนเจอเพื่อนคุย นั่งคุยฟุ้งหมูหย็องอย่างนู้นหมูหย็องอย่างนี้ให้คุณยายฟังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผมพอจะเข้าใจเจตนาของคุณยาย แต่ก็อดแก้มร้อนวูบวาบไม่ได้ เขาเล่นโอ้อวดเสียจนผมแทบจะกลายเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว

          "งั้นหรือ..."

          "ใช่ๆๆๆ แล้วครับ แล้ว แล้วคุณยายไม่ชอบเหมือนหมูหย็องไหมครับ? คุณตาไม่ชอบเหมือนหมูหย็องไหมครับ คุณปะป๊ากับคุณหม่าม้ากับอาเฮีย อาเจ้ แล้วก็หย็องหย็อง ทุกคนไม่ชอบน้องแมวน้องโฮ่งโฮ่งเลยครับ"

          คุณยายไม่ตอบ เพียงยกชาขึ้นจิบเป็นคำตอบเงียบงันเช่นทุกครั้งที่เด็กชายตั้งคำถาม แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้น้อยอกน้อยใจ หยิบยกเรื่องของผมมาพูดคุยจนเสียงแหบ

          จนทุกคนทานของหวานเรียบร้อย ผมถึงได้ส่งน้ำให้เขาดื่ม

          "พูดมากเหมือนกันนะ"

          "เทม เทมอยากอวดหมูหย็องเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ แต่อวดๆๆๆ อวด อวดแล้วเต้ เต้กับน้ำก็ไม่ค่อยอยากฟังครับ บอกว่า บอกว่าเทมขิงข่าตะไคร้แฟนครับ อะ...ขิง ขิงเป็นศัพท์แสลงวัยรุ่นแปลว่าอวดครับ หมูหย็อง หมูหย็องสุดยอดที่สุดในโลกเลยครับ เทมเลยอวดกับคุณยายๆๆๆ"

          หญิงชราจุดยิ้มเย่อหยิ่งที่มุมปาก "เขาเป็นหลานชายของฉัน...นั่นมันก็เรื่องปกติที่เขาสมควรทำได้"

          "...ขิงแฟน ขิงหลานพอกันทั้งคู่..." คุณป๊าพึมพำเสียงเบา

          "ไปเปิดของขวัญได้เลยไหมอะ" หย็องหย็องตะโกนขัดขึ้นมา ทวงถามถึงเวลาน่าอภิรมย์ที่สุดสำหรับเหล่าเด็กๆ 'เปิดของขวัญในวันคริสต์มาส' คุณป๊าหันมองนาฬิกา เห็นว่าถึงเวลาสมควรของกิจกรรมช่วงสุดท้าย

          "งั้นย้ายไปตรงสวนแล้วกัน คุณแม่ครับ คุณพ่อครับ เรียนเชิญนะครับ"

          ดาเลีย แอน ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไร คำว่าคุณแม่ผ่านมาหลายสิบปีก็ยังคงไม่ได้รับการยอมรับ

          "คุณยายครับ...คือว่า...พวกเราจะเล่นเกมกระดานกันนิดหน่อย แล้วก็เปิดของขวัญ ถ้าคุณยายยังไม่ง่วงนัก อยู่ด้วยกันก่อนได้ไหมครับ ใช้เวลาไม่นาน สักชั่วโมงสองชั่วโมง"

          ท่านเหลือบมองสายตาคาดหวังของหลานชายก่อนส่ายหน้า ผมใจเสีย นึกว่าคงรั้งไว้ไม่ได้แล้ว อดเสียดายไม่ได้ อยากให้ท่านได้ใช้เวลาอยู่กับตนเอง และอยู่กับเทมนานๆ "หลานเอาแต่ใจขึ้นมากนะดิมิทรี...เอาเถอะ ถ้าสักครึ่งชั่วโมง ยายจะอยู่ดูสักหน่อยแล้วกัน"

          ผมยิ้ม "ครับ ครึ่งชั่วโมง"

          "คุณยายต้อง ต้องระวังทีมคุณหม่าม้านะครับ อาเจ้ไก่หย็อง เจ้ไก่หย็องทอยเต๋าเก่ง เก่งมากๆๆๆๆๆ เลยครับ คุณหม่าม้าด้วยครับ แต่ว่าเจ้ไก่หย็องเก่งที่สุดๆๆๆ แข่งกันได้ที่หนึ่งแทบทุกปีเลยครับ เทม เทมกับหมูหย็องแพ้แล้ว แล้วต้องเต้นไก่ย่างรอบสระน้ำด้วยนะครับ"

          เมื่อได้สดับฟัง ดวงตาคมกริบหรี่มองลูกสาวและหลานสาวที่อยู่ห่างออกไป "...หลานแพ้เธอหรือ เต้นไก่ย่างด้วย?" น้ำเสียงแฝงแววตำหนิไม่จริงจัง พร้อมด้วยร่างสูงที่ทำท่าไก่ย่างเป็นตัวอย่างให้คุณยายดู ทำเอาหลุดหัวเราะ

          คุณยายจ้องรอยยิ้มผมเนิ่นนาน

          "ครับ คุณแม่กับเจ้ไก่หย็อง ผมหมายถึงแอนนา พี่เขาเก่งเรื่องทำนองนี้มาก ได้ที่สองที่สามก็เต็มกลืน"

          "ไปฝึกเพิ่มซะนะดิมิทรี แพ้คนอย่างนั้น หลานนอนหลับได้อย่างไรกัน"

          "ได้ครับคุณยาย"

          "ว่าไงทั้งสามคน คุยกันไปถึงไหนแล้วล่ะ"

          คุณตาที่เห็นเดินนำหน้า จู่ๆ ก็โผล่มาจับไหล่ของเทมปุระ เด็กชายสะดุ้งตัวโยน หลับตาปี๋สองมือสับส่ายควานหาตัวผม ความทรงจำถูกหิ้วขึ้นรถตู้ไปเที่ยวยังคงฝังใจ พอคว้าความอบอุ่นคุ้นเคยได้ ก็สอดตัวเข้ามาหลบใต้ปีก

          "คุณตาลักพาตัว คุณตาลักพาตัว ห-ห-ห้าม ห้าม ห้ามๆๆๆ ห้ามลักพาตัวเทมนะครับ!"

          คุณตาทำหน้าเหวอ ก่อนหัวเราะดังลั่น "ความทรงจำดีจริงๆ เชียว ใจเย็นก่อนลูกไก่น้อย ตาไม่ลักพาตัวไปไหนแล้วละ ครั้งก่อนโดนหลานชายโกรธไม่คุยด้วยเสียหลายเดือน ไหนจะโดนภรรยารักดุข้อหาไปแกล้งหลานชายสุดที่รักของเธอเข้าเสียอีก ตาแค่เข้ามาพูดคุยกับพวกเราเฉยๆ"

          "แค่ แค่คุยนะครับ เทม เทมไปไม่ได้นะครับถ้าไม่มีหมูหย็องไปด้วย ถ้า ถ้าจะลักพาตัว ต้อง ต้อง ต้องพาเทมไปขออนุญาตกับคุณแม่ก่อน แล้วก็ๆๆๆ ลักพาตัวหมูหย็องไปพร้อมกันนะครับ"

          จิ้งจอกเฒ่าหัวเราะร่วน "แบบนั้นมันเรียกลักพาตัวเสียที่ไหน ขาดแค่ตะกร้ากับแซนด์วิช ก็เป็นปิกนิกแล้วเด็กเอ๋ย"

          "ถ้าไปไม่บ๊ายบายมาไม่สาธุ จะเป็นเด็กไม่เรียบร้อยๆๆๆ นะครับ จะทำให้คุณแม่เป็นห่วงด้วย"

          "ทำถูกแล้ว" คุณตาที่ตัวเล็กลงเล็กน้อยเพราะชราวัย แต่ส่วนสูงตอนนี้กลับน้อยลงกว่าครึ่งเพราะการกระทำ อดีตท่านทูตแสร้งค้อมตัวหลังงอให้เตี้ยลง มือเอื้อมสูงคล้ายอยากลูบศีรษะของเด็กชาย สีหน้าลำบากใจกับความสูงเป็นอุปสรรคถูกปั้นประดับ คนรักของผมมีท่าทางลังเล มองมือเหี่ยวย่นที มองหน้าผมที ตัดสินใจกลั้นหายใจจนแก้มนุ่มพองลม จับชายเสื้อป้อมปราการแน่น ก่อนโค้งตัว ยื่นศีรษะออกไปรองรับฝ่ามืออุ่นให้ลูบลงอย่างสะดวก

          คุณตายกยิ้มพอใจที่มีคนหลงกลเสียที  "เด็กดี เด็กดี"

          ผมแอบถอนหายใจในใจ ต่างกับคุณยายที่หรี่ตามองบทบาทการแสดง 'คนแก่ผู้น่าสงสาร' ด้วยความเฉยชา คุณตาชอบเล่นบทน่าสงสารให้พวกผมใจหายใจคว่ำอยู่บ่อยครั้งในหลายปีมานี้ นิสัยเสียที่เพิ่งมาโผล่ให้ประจักษ์น่ารำคาญไม่น้อย คุณยายสื่อสารทางแววตาแทนคำพูดนับล้านคำ แปดแสนคำในนั้นคือคำว่า 'เล่นเป็นเด็กเป็นเล็ก' ใส่สามีของตนเอง หญิงสูงศักดิ์เดินนำหน้าห่างไปไกล จนพวกผมต้องเร่งฝีเท้าตาม


          ภายใต้ความกดดันของอดีตทหารหญิง เกมกระดานปีนี้เป็นไปอย่างมีระบบระเบียบ ไร้การคดโกงและการกลั่นแกล้งโดยสิ้นเชิง ไม่มีการแอบมองไพ่ แอบกระตุกแผ่นเกม แอบจั๊กจี้ และพูดแทรกแซงกดดัน ผมชนะได้ถึงสามในสิบตา ได้แก้แค้นสั่งให้คุณแม่และเจ้ไก่หย็องไปเต้นระบำไก่ย่างถูกเผาในสระน้ำจนสาแก่ใจ ...อยากให้คุณยายมาหาทุกปีเลยครับ คือคำที่เทมเอ่ย ...และผมเห็นด้วยอย่างที่สุด

          ของขวัญ ถ้าคุณคิดว่าต้องเป็นของราคาแพง อืม...ก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ของราคาแพงมันมีเยอะจนพวกเราไม่ได้สนใจ สิ่งน่าสนใจคือของหายากและมีเรื่องราวความเป็นมาเสียมากกว่า สิ่งของที่ให้จากผู้ปกครอง แสดงถึงความใส่ใจของพ่อแม่ในระดับหนึ่ง คนได้ว่าลุ้นแล้ว คนให้ลุ้นยิ่งกว่าอีกครับ คุณปะป๊าคุณหม่าม้าแทบจะดมยาดมคาดหวังรอยยิ้มลูกๆ ทุกครั้งที่เหล่าลูกชายลูกสาวแกะกระดาษห่อ ปีนี้ผมได้เป็นหนังสือหายาก เล่นเอาตาวาววับกับความต้องห้ามของมัน "ขอบคุณครับ ผมชอบมาก"

          คุณแม่พรูลมหายใจ "ชอบก็ดีแล้วค่ะ...นี่ถ้าไม่ใช่คุณหญิงแม่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีใครรู้ใจเทียบเท่าอีกไหม"

          ประโยคหลังถูกพูดเสียงดัง ดวงตาสีฟ้าเฉกเช่นเดียวกัน แอบมองหญิงชราที่นั่งบนเก้าอี้ห่างไปไม่ไกล ชัดเจนว่าคำพูดต้องการกระทบกระทั่งผู้ใด

          แฟรงค์เดินเข้ามาในเวลานั้นเอง ร่างกำยำกลับมาพร้อมกล่องของขวัญมากมาย อาจารย์ฝึกป้องกันตัวขยิบตาส่งมาให้

          ให้ตาย...ผมเกลียดที่ผมเดาเกมนี้ออก สงครามข่มกันของเหล่าผู้ใหญ่กำลังเริ่มต้นขึ้น

          คืนนั้นพวกเรานั่งเปิดกล่องของขวัญจนแทบร้องขอชีวิต เหมือนมันไม่มีจุดสิ้นสุด แกะเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที ภูเขาของขวัญสูงท่วมหัวคล้ายฝันร้ายตามหลอกหลอน เล่นเอาผวาเมื่อหันไปเจออะไรที่คล้ายถูกห่อ ปีหน้าโอนเข้าบัญชีพอนะครับ ไม่ไหวจะแกะแล้วจริงๆ

          จากครึ่งชั่วโมง ก็กลายเป็นหนึ่งชั่วโมง จากหนึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นสอง คุณตาคุณยายถูกคะยั้นคะยอให้อยู่ลากยาวจนมีปาร์ตี้น้ำชาตอนเที่ยงคืน ผมชักเป็นห่วงสุขภาพ จนต้องออกปากบอกหมดเวลาสนุก พาท่านทั้งสองนั่งรถออกไปส่งถึงโรงแรม คุยกับแฟรงค์กี้นิดหน่อย ก็รีบขอตัวแยกกลับบ้าน พอกลับมาถึงก็เจอคนนั่งสัปหงกรอที่โซฟาในห้องโถงรับรอง

          ระหว่างที่ทุกคนคุยสนุก ก็มีเทมปุระกับคุณป้าที่ชิงหลับไปตั้งแต่สี่ทุ่มครึ่ง ผมมองหาหญิงสาวตัวเล็ก แต่ไม่เห็นแม้แต่เงา คิดว่าพี่ชายคนรองของตนคงจะจัดการพาคุณป้าไปนอนเรียบร้อยแล้ว คงเหลือแต่เด็กที่ดื้อขอนั่งรอ ขยับเข้าไปใกล้จับลงใต้ตาแดง ร่องรอยร้องไห้ครั้งใหม่ สันนิษฐานได้ว่าคงตื่นกลางคันแล้วหาผมไม่เจอ

          รีบแล้วแต่ก็ไม่ทัน...

          พ่อบ้านที่ยืนเฝ้าโค้งตัวรายงาน

          "คุณหนูเทมร้องไห้หาคุณหนูดิมิทรีน่ะครับ บอกจะรอท่าเดียว ไม่ให้คนอื่นรอด้วยเพราะกลัวรบกวน นี่ก็เพิ่งผล็อยหลับไปครับ"

          "ทราบแล้วครับ วันนี้รบกวนจนถึงดึก ขอบคุณทุกคนมากนะครับ เมอร์รี่คริสต์มาสครับ"

          "เมอร์รี่คริสต์มาสครับ"

          ผมก้มลงช้อนตัวอีกคนมาไว้ในอ้อมแขน

          "ให้พวกผมช่วยไหมครับคุณหนู"

          เสียงของหัวหน้าผู้ดูแลประจำบ้านถามอย่างเป็นห่วง ถ้ามองจากภายนอกผมเตี้ยกว่าเทมก็จริง แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก แค่เพียงไม่กี่เซน อีกทั้งน้ำหนักผมหนักกว่าเขาเสียอีก กล้ามเนื้อที่ถูกฝึนฝนทุกวันเผื่อเกิดเหตุอะไรจะได้ปกป้องอีกฝ่ายได้นั้นก็แข็งแกร่ง และแข็งแรงพอเผื่อในกรณีฉุกเฉินต้องอุ้มคนขี้เซาที่นอนตรงเวลาเข้าไปด้วย เพราะงั้นจึงไม่ใช่ปัญหา แม้ท่าทางทุลักทุเลเล็กน้อย ทว่ามั่นคง

          "ไม่เป็นไรครับ ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ"

          "ถ้าอย่างนั้น...ราตรีสวัสด์ครับ"

          ผมพยักหน้าตอบรับ

          เดินไปได้ถึงหน้าประตูลิฟต์ แสงไฟสว่างผิดจากในห้องโถงที่ถูกปิดจะได้ไม่กวนคนนอน ก็ปลุกสติคนหลับ เทมปุระสะลึมสะลือ ลืมตาสีน้ำตาลใสเชื่อมมอง พอเห็นผมก็เริ่มเป่าปี่ งอแงฟ้องใส่ทันที "ฮึก เทม เทม เทม ตื่นมา ตื่นมาแล้วหาหมูหย็องไม่เจอครับ คุณพ่อบ้าน คุณพ่อบ้านบอกว่าหมูหย็องไปส่งคุณตากับคุณยายที่โรงแรม เทม เทมจะไปหาด้วย แต่คุณแม่ คุณปะป๊าคุณหม่าม้า กับคุณพ่อบ้านไม่ให้เทมไปครับ"

          "ถ้าเทมไปหาหมู เราก็สวนกันสิครับที่รัก หมูไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง"

          "ไม่ ไม่ ไม่แป๊บ ไม่แป๊บๆๆๆ ไม่แป๊บๆๆ เดียวนะครับ เทมรอตั้งหลายสิบ หลายสิบนาที"

          "ขอโทษนะครับ ความผิดหมูเอง คิดว่าจะกลับมาทันที่รักตื่น...คราวหน้าหมูจะปลุกไปด้วยกันนะ ไม่โกรธกันนะครับ?"
 
          "สัญญาๆๆๆ นะครับ? ไม่ทิ้งๆๆ ไม่ทิ้งเทมนะครับ?"

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟครับ...ก้มหน้ามาสิครับ หมูซับน้ำตาให้นะ"

           คนตาแดงคล้องคอผมแล้วโน้มตัวลงมาใกล้ ใบหน้าใกล้ชิดสะดวกให้เช็ดหน้าเปื้อนหยาดหยดด้วยปลายลิ้นร้อน แลบลิ้นเลียน้ำตา ความเค็มปร่าที่ลิ้นเนิ่นนาน กว่าเขาจะหยุด

           "หมูจะเป็นโรคไตเพราะคนขี้แงแล้วนะครับ วันนี้เทมร้องไห้ไปสองรอบจนหมูปวดใจไปหมดแล้วนะรู้ไหมคนดี" บริการเสริมหลังซับน้ำตา คือใช้จมูกนวดแก้มนุ่ม หอมแก้มคนถูกอุ้มไปหลายฟอด ลงโทษคนใจร้ายต่อหัวใจให้สาสม คนใจร้ายเอียงซ้ายเอียงขวาใหลงโทษแต่โดยดี

          "เทม เทมขอโทษครับ เทม เทมไม่เห็นหมูหย็องแล้วเทมเศร้าๆๆๆ นี่ครับ เทม เทม เทมจะไม่ให้หมูหย็องไม่สบายๆๆๆ นะครับ ไม่ร้องๆๆ นะครับ" คนไม่ร้องสูดจมูกฟุดฟิด "เทม เทมหนักๆๆๆ นะครับ หมูหย็องปล่อยเทมลงเดินเอง เดินเองก็ได้ครับ"

          ผมแกล้งทำหน้าตกใจ แต่ไม่ได้ปล่อยเขาลง "เทมหนักมากกกกกเลยครับ"

          เขาตกใจตามไปด้วย "เทม เทม เทมหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ!?"

          "หึหึหึ เพราะวันนี้คนเก่งทานขนมเยอะไปแน่ๆ เลยครับ"

          "ก็ ก็ ก็ ก็ ขนมอร่อยนี่ครับ แต่ แต่ว่า แต่ว่าเทมทานไปนิดเดียวเองนะครับ" ทำนิ้วนิดเดียวได้กว้างมากครับ

          ยิ้มมองเขาเงียบๆ เด็กชายคอตก เอ่ยรับเสียงอ่อย "เทม เทม ทานเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ เลยหนักๆๆๆ"

          "ไม่เป็นไรครับ หนักกว่านี้หมูก็อุ้มได้ อีกอย่าง วันนี้บริการพิเศษสำหรับคนเก่ง ...เทมพยายามได้ดีมากครับ"

          พยายามเข้ากับคุณตาคุณยายได้ดีมาก พยายามเพื่อผมได้ดีมาก

          "เทมอยากให้คุณตาคุณยายชอบเทมครับ จะได้ไม่พาหมูหย็องไปไหน ให้อยู่กับเทมนานๆๆๆ นานแบบตลอดไปเลยครับ"

          "แต่รู้ใช่ไหมครับ อะไรที่ไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่ต้องฝืน"

          "เทม เทมไม่ฝืนเยอะแยะๆๆๆ เกินไปครับ"

          กดจูบหน้าผากใสแทนคำชม

          "อาบน้ำนอนกันนะครับคืนนี้ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"

          "เทม เทมขอลองยกหมูหย็องดูมั่งได้ไหมครับ?" ตาแป๋วอ้อนวอน

          ผมหัวเราะคนอยากลองอุ้มกลับคืนบ้าง "ไปอุ้มในห้องน้ำนะครับ"

          "ทำไม ทำไม ทำไมต้องในห้องน้ำเหรอครับหมูหย็องครับ?"

          ทำหน้าเจ้าเล่ห์ ยิ้มหวานหลอกล่อ "ไม่บอกครับ ต้องลองไปอุ้มเองถึงจะรู้"









end 54 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2019 14:15:17 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter





56








           หลังจากในห้องน้ำ เด็กชายที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันก็เหมือนใบไม้ร่วงหล่น ถูกกระชากปลั๊กกะทันหัน หลับไปทั้งที่เรียวลิ้นยังสอดแทรกค้างไว้ในปากของผม ตอนเช้าหลังจากไปออกกำลังกาย เฝ้ารอเวลาอีกคนลืมตาตื่น ทันใดที่สีน้ำตาลโผล่พ้น จึงเป็นการเริ่มทบต้นทบดอกคนมายั่วให้อยากแล้วหนีไป

          เสียงดูดดึงแลกน้ำเชื่อมหวานทดแทนเสียงไก่ขันและนาฬิกาปลุก ฟันเรียงตัวแน่นให้ความรู้ดียามลากสัมผัสผ่าน ยาสีฟันกลิ่นคาราเมลของเมื่อคืนยังเหลือรสเคล้าไปกับน้ำลายร้อน ของหวานแสนน่าชังกลับทำเอาหิวกระหายจนต้องแย่งดูดกลืน เด็กชายไร้เดียงสาที่ถูกสอนมาอย่างดีเคลื่อนมือซุกซนบีบจับไปทั่วร่าง ผมเกร็งหน้าท้องจนแบนราบยามถูกจับส่วนอ่อนไหว ความร้อนแผดเผาไปทุกอณู สะโพกของอีกคนทับขยับส่ายไปมา ดวงหน้าอ่อนเยาว์ยามเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ทำเอาผมเจียนคลั่ง อยากผลักเขานอนลงแล้วปีนป่ายไปบดเบียด

          ...แล้วผมจะห้ามใจตัวเองไปทำไหมกันนะ?...

          ท่วงท่าเอื้ออำนวยจนความรู้สึกโหมกระพือ กางเกงบ็อกเซอร์เฉอะแฉะเลอะน้ำรักจนเป็นดวง แม้จะมีเนื้อผ้าบดบัง แต่ส่วนแข็งขืนก็ชัดพอให้ขี่เล่น เทมผละปากออก

          "อะ...ม-หมู หมูหย็องครับ--" ชายคนรักร้องคราง เสียงกามาชวนสยิวทำเอาแทบจะถึงฝั่งฝัน
 
          "รู้สึกดีไหมครับ?...ตรงนี้" ใช้สะโพกโยกขึ้นลงแทนนิ้วชี้ถาม "หรือว่าตรงนี้...อา...เทมครับ ที่รักครับ จูบหมูหน่อย...อา...อืม"

          เด็กชายคนดีให้มากกว่าที่ร้องขอ มือปัดป่ายบีบจุดเล็กบนแผ่นอกจนสะท้านเฮือก ผมคำรามในลำคอเมื่อทั้งริมฝีปากและตุ่มไตพร้อมกลางกลายถูกรุกรานพร้อมกัน ก้มลงมองศีรษะปกคลุมด้วยผมนุ่มซุกหน้าหาของโปรด เทมเวอร์ชั่นคนลามกดูจะเป็นเด็กชายขาดแคลเซียม อีกฝ่ายวุ่นวายกับหน้าอกทุกครั้ง แทบทุกคืน จนร่างกายผมผิดเพี้ยน บางครั้งบางคราว แค่เห็นหน้าคนรักในบริบทธรรมดา เจ้าจุดสองจุดก็เต่งตึงขึ้นร้องเรียกเขาเสียแล้ว มันกลายเป็นจุดอ่อน แตะเบาๆ ก็แทบขาดใจ ไม่ต้องถามถึงเมื่ออยู่ในโพรงปากร้อน โดนดูดดึงพร้อมถูกฟันขบกัด...รู้สึกดีจนแทบแตกเป็นเสี่ยง

          สองมือยกกอดศีรษะอีกคนให้แนบชิดยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่ยกตัวถูไถ ตัวประกันในปากอีกคนยิ่งโดนคาดคั้น สมองกลายเป็นเยลลี่ทำได้แค่สั่งให้เด้งดึ๋งขยับตัวเบียดเสียด ปากครวญหาแต่ชื่อชายคนรัก

          "เทมครับ เทม เทม เทม เทมครับ ที่รัก ที่รัก ที่รัก...อย่าเล่นแต่ข้างนั้นข้างเดียวสิครับ"

          ขยำเรือนผมสีขนกาเบาๆ เรียกร้องความสนใจ คนหลับตาพริ้มยอมกลิ้งลูกตาขึ้นมามอง แต่ปากยังคงไม่ผละออกห่างอย่างเด็กหวงของ ยิ้มมองเทมคนดื้อ ยกมือข้างขวาขึ้นเกลี่ยเจ้าลูกเชอร์รี่อีกลูกที่เปล่าเปลี่ยว "เล่นแต่ข้างนั้น...ข้างนี้น้อยใจแล้วนะครับ" รอยยิ้มพิศวงคล้ายน้ำผึ้งพิษร้ายแรง ออกฤทธิ์มัวเมาชวนให้ถลำลึก

          เชยคางคนมองตาเยิ้มให้ย้ายมาอีกฝั่ง "ที่รักครับ...ดูดข้างนี้ด้วยสิครับ"

          ผ้าห่มยับยู่ยี่ หมอนข้างและตุ๊กตาสีฟ้ากลิ้งตกจากเตียงใหญ่ แต่ก็ยังคงไม่พอ

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง...หวานใจที่รักครับ ที่รักครับ เทม เทม เทมขอ ขอ......" เขาโน้มคอผมไปกระซิบขอร้อง สีหน้าอ้อนวอนเรียกร้องขอทำเอาใจกระตุก จิตใจด้านเลวทรามระริกระรี้ ยามเห็นนางฟ้าที่ถูกฝึกถูกอาบถูกรัดรึงไปด้วยเถาวัลย์ราคะ ผมชอบเวลาเขาเรียกร้อง เอาแต่ใจในตัวผม ชอบที่เขามองตรงมาอย่างรักใคร่ในทุกสัดส่วน รักยามเขาบอกความต้องการออกมาตรงๆ ถ้อยคำหยาบโลนชวนรื่นหูจนแทบหยุดหายใจ แลบลิ้นเลียริมฝีปากคนขี้อ้อน

          "อยากมากหรือเปล่าครับ?"

          อยากฟังให้ชัดๆ อยากฟังเขาพูดความต้องการให้มากกว่านี้ ... มากกว่านี้อีก อยากย้อมเขาให้แปดเปื้อนสีของตัวเองให้มากยิ่งกว่านี้

          "เทม เทม อยากมากๆๆๆๆๆ อยากมากๆ อยากเยอะแยะๆๆๆๆ เลยครับ"

          ยื่นหน้าไปกระซิบถามเสียงกระเส่าชิดริมใบหู "...อยากให้หมูทำอะไรครับ"

          ระหว่างรอคำตอบ เริ่มแทะเล็มอาหารอันโอชะ คนให้นั่งตักตัวสั่นยามถูกขบเม้มติ่งหูนิ่ม

          "...........ครับ" คำตอบน่าพึงพอใจ เหมาะควรค่าแก่การให้รางวัล

          "หึหึหึ...มาครับ หมูช่วยนะ" ลากนิ้วไปเกี่ยวกางเกงของอีกคนออกเชื่องช้า โน้มตัวลงต่ำ "สวัสดีครับเทมปุระตัวน้อย"
         


***


          ผมกับเทมปุระหลับไปอีกรอบแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีตอนฟ้ากระจ่าง สิบโมงดูเป็นยามเช้าที่สายกว่าปกติไปมากโข ตอนลุกขึ้นงัวเงีย ก็พบว่ากำลังนอนหลับบนแขนของคนร่วมเตียง องค์ชายน้อยเม้มปาก

          "เทม เทมแขนชาครับ..."

          หลุดขำก่อนค่อยๆ ย้ายศีรษะตัวเองไปหนุนแผ่นอกแทน ยกขาเกี่ยวก่าย ไม่ลืมจูบมุมปากอีกคนเบาๆ "ขอบคุณที่ให้หนุนนะครับ แล้วก็...อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก"

          ความเร่าร้อนถูกหรี่ไฟเหลือเพียงความอบอุ่น

          สบตากันแผ่คลื่นสีแดง กระแสหวานชวนน่าขวยเขิน บรรยากาศอบอวลชวนกระดากอาย บนดวงหน้าของทั้งสองระเรื่อไปด้วยสีสดแสนคุ้นเคย เป็นความอึดอัดที่รู้สึกดี เป็นความอึดอัดที่สาเหตุมาจากใจพองฟูคับแน่นในอก แตกเป็นเสี่ยง หลอมละลาย และถูกสร้างขึ้นมาใหม่ภายใต้กายาของคนรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งหลังสัมผัสกันและกัน ยิ่งให้ความรู้สึกหลอมรวมเป็นคนหนึ่งอันคนเดียว

          เทมปุระเสยผมหน้าผมขึ้น ก่อนก้มลงจูบบนหน้าผากกลับคืน แย้มยิ้มจนตาหยี

          "อรุณสวัสดิ์ครับหมูหย็องครับ อรุณสวัสดิ์ครับหวานใจที่รักของเทม"

          ถ้อยคำล้ำค่าออกจากปากคนทำตัวแข็งเหมือนหุ่นยนต์ครึ่งซีก

          "ทำไมไม่เอาหมอนมาให้หมูล่ะครับ หรือผ้าห่มมารองแทนก็ได้ เทมปวดแขนหรือเปล่าครับ"

          บีบนวดอย่างเป็นห่วง เมื่อคืนเด็กชายก็อยากอุ้มผมบ้าง จนต้องยอมให้เขาอุ้มเดินรอบห้อง อันที่จริง จะเรียกว่าอุ้มก็ไม่เต็มปาก ดูคล้ายท่าลากเสียมากกว่า สามนาทีแรกก็อุ้มตัวลอยอยู่หรอกครับ แต่หลังจากนั้นเด็กชายก็หมดแรง ดีว่าพอไปอุ้มในห้องน้ำ มีตัวช่วยอย่างอ่างล้างหน้า จูบกันนานเป็นชั่วโมงก็ไม่เมื่อยอะไรนอกจากคอ

          " ไม่ ไม่เป็นไรครับ เทมไม่ปวดๆๆๆ ครับ เทมแค่แขนชาเพราะเอียงตัวไปนอนมองหมูหย็องเฉยๆ ครับ เทม เทมเห็นหมูหย็องนอนขมวดคิ้ว ทีแรก ทีแรกเทมก็จะลุกไปหยิบหมอนครับ แต่ว่าๆๆ แต่ว่าพอปล่อยมือ ปล่อยมือหมูหย็อง หมุหย็องก็ครางดุๆๆๆ เทม เทมเลยไม่กล้าลุกครับ เทม เทมเลยๆๆ ให้หมูหย็องนอนหมอนแขนเทมแทนครับ"

         ให้ตายสิ...ติดเขามากกระทั่งยามหลับ จูบซอกคอหอมกรุ่นแทนคำขอโทษ เรื่อยเลยไปถึงกลีบปากนุ่ม เทมปุระหลับตาเผยอปากออกให้รุกล้ำตามใจชอบ ชอนไชไปทั่วโพรงปาก ก่อนกดย้ำจุดที่ผมสงสัย

          ฟันกรามด้านในสุดเด็กน้อยโยกจริงๆ ด้วย...ถึงจะนิดเดียว แต่ก็รู้สึกว่าขยับได้

          "เทมครับ ตอนเคี้ยวฟันขยับหรือเปล่าครับ?"

          เทมปุระทำหน้าไม่แน่ใจ "ฟันโยกเยกโยกเยกเหรอครับ...ซี่ ซี่ ซี่ไหนเหรอครับหมูหย็องครับ"

          "ซี่ที่หมูจูบเมื่อกี้น่ะครับ"

          "ที่ๆๆๆ ที่หมูหย็องจูบๆๆๆ เมื่อกี้" เด็กชายอ้าปากแล้วเริ่มใช้นิ้วนับไปตามฟันขาว เบิกตาโต "โยกเยกโยกเยกจริงๆ ด้วยครับหมูหย็องครับ! ฟันเทมจะหลุดแล้วเหรอครับ!? เทมจะเป็นเทมฟันหลอๆๆๆ อีกแล้วเหรอครับ!?"

          คนใกล้ฟันหลอตื่นเต้นดีใจ ฟันน้ำนมซี่สุดท้ายกำลังจะหลุดออกแล้ว "อืม...งั้นเดี๋ยวหมูเรียกคุณหมอฟันมาตรวจเร็วขึ้นหน่อยนะครับ ฟันโยกเร็วกว่ากำหนดเสียอีก"

          "เทมอยากได้ขนมจากคุณพี่หมอฟันอีกจังเลยครับ อร่อยๆๆๆๆ"

          "แปรงฟันสะอาดทุกวัน ต้องได้ขนมจากคุณหมอเยอะแน่ๆ เลยครับ"

          "เทมแปรงฟันสะอาดๆๆๆ นะครับ เทมแปรงตามคลิปพี่แมวเหมียวมาลีสอนแปรงทุกท่าจนจบเพลงเลยครับ ใช้ ใช้ไหมขัดฟันทุกวันด้วยครับ บ้วนปากบุ๋งๆๆๆ ด้วยครับ หอม หอม"

          ท่าทางช่างโอ่น่าขย้ำจนต้องจับมาฟัด "เก่งมากครับ"

          "ฟันของหมูหย็องโยกเยกๆๆๆ มั่งไหมครับ"

          "ฟันน้ำนมของหมูหมดแล้วครับ ถ้าหลุดอีกนี่ได้กลายเป็นฟันหลอถาวร หมดหล่อแน่ๆ"

           "หมูหย็องถึงจะฟันหลอก็หล๊อหล่อครับ หล่อแบบหลอๆๆๆ นะครับ หลอๆๆ แบบหล่อๆๆๆ นะครับ"

           ผมหัวเราะจนตัวสะเทือน "ไม่อยากเป็นหมูหย็องหล่อแบบหลอๆ เลยครับ"

          "งั้นต้อง ต้องไปหาคุณหมอฟันให้ขูดหินปูนแล้วก็ แล้วก็ตรวจฟันทุกๆๆ สี่เดือนนะครับ"

          "งั้น...คุณหมอเทมช่วยตรวจฟันให้หน่อยได้ไหมครับ? ตรวจให้ครบทุกซี่แบบที่หมูทำเลยนะครับ"

          คุณหมอฟันคนน่ารักแก้มแดงเมื่อคิดถึงวิธีการตรวจ "เทม เทมเป็นคุณหมอฟันเหรอครับ...งั้น งั้น อ้า อ้าปากนะครับคุณคนไข้ครับ คุณหมอจะทำเบาๆๆๆ นะครับ" เด็กชายลอกเลียนคำพูดของคุณพี่หมอมาใช้

          หัวเราะในลำคอก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ

          ยื่นตัวไปกัดปลายคาง สบเข้ากับนัยน์ตาสีสวย "ไม่อยากให้คุณหมอทำเบาๆ ครับ...อยากให้คุณหมอทำแรงๆ"




***



          หนึ่งชั่วโมงไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ติดว่าต้องพาเทมไปทานข้าวหลังจากอดมื้อเช้าไปแล้ว ก็คงจะเล่นคุณหมอกับคนไข้ต่ออีกนานหลายชั่วโมง เสียดาย แต่สุขภาพคนรักต้องมาก่อน ปล่อยให้องค์ชายชำระล้างร่างกายไป ระหว่างรอก็เปิดงานขึ้นมาดูพลางๆ หยุดทำงานอยู่ว่างๆ นิ่งเฉย แล้วไม่ค่อยชินน่ะครับ ทำไปได้สักพัก ก็เห็นข้อความของเต้กับน้ำที่ล่วงหน้าไปก่อนส่งรูปมาให้ดู เต้กับน้ำทำหน้าแหยระหว่างรอเหล่าบรรดาคุณแม่ช็อปปิ้ง ตอนนี้สองครอบครัวนั้นเที่ยวกันอยู่ที่ลอนดอน เห็นว่าคุณหญิงแม่ หรือหม่อมแม่ที่น้ำชอบเรียกประชดอยากไปทานร้านโปรดก่อน แล้วค่อยนัดเจอกันที่นิวยอร์กตอนพวกผมไป เพราะกำหนดการฝั่งผมถูกเปลี่ยน เนื่องจากการมาของคุณยาย เลยต้องตามไปทีหลังครับ

          พอเห็นผมอ่านข้อความ ก็วิดีโอคอลมาทันที

          ผมคิดว่าจะไม่รับ แต่คนอาบน้ำตัวหอมฉุยก็เดินเข้ามาเสียก่อน เทมเข้ามานั่งใกล้ๆ เอียงอายเล็กน้อยแต่ก็ยอมฝังจมูกเข้ามาที่แก้มของคนเอียงคอรอ "อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอครับ"

          "เทม เทมอาบน้ำเสร็จแล้วครับ แต่งตัวเสร็จแล้วครับ"

          ลูกตาใสแจ๋วเห็นชื่อเพื่อนสนิทบนจอก็ลิงโลด "น้ำ น้ำกับเต้ เต้เหรอครับ"

          ลงท้ายก็ต้องกดรับ ให้สามซี๊เขาคุยกัน หน้าจอสามช่องส่งเสียงวี๊ดว๊ายกันยกใหญ่ถึงที่เที่ยวต่างๆ คุยไปเทมก็ปิดตาไป กลัวเพื่อนจะสปอยล์สถานที่เที่ยว ก่อนเจ้าตัวเล็กจะวิ่งดุ๊กๆ ไปหยิบพาสปอร์ตมาให้ดูรูปถ่าย เล่าให้ฟังเจื้อยแจ้วถึงความชุลมุนตอนทุกคนยกโขยงไปให้กำลังใจยังกับจะไปรบตอนทำพาสปอร์ต

          "คุณพี่คนถ่าย ถ่ายแชะๆๆ ตอนเทม เทมกำลังจะจามฮัดชิ้วๆๆๆ ครับ ตา ตาเลยเบลอ เบลอๆๆๆ ตอนไปทำวีซ่า วีซ่า เทม เทมเพิ่งรู้ด้วยครับ ว่าตัวเอง ตัวเองเคยเปลี่ยนนามสกุล เทมนึกว่าตัวเองเป็นกุนเชียงมาตั้งแต่เกิดซะอีกครับ"

          สองแฝดหัวเราะจนแทบกลิ้งตกเตียง กับรูปบนหนังสือเดินทางของเทมปุระที่ตาไม่เท่ากัน ปล่อยเขาคุยกันสักพัก ก็ให้วางสายลงมาทานข้าว หย็องหย็องพอเห็นผมก็บ่นใส่ยกใหญ่ว่าคุณยายดุใส่เจ้าตัวแบบนั้นแบบนี้ มื้อเที่ยงหัวข้อที่ถูกนำมาพูดคุย ก็ไม่พ้นหญิงชราที่ผมเคารพรัก วงสนทนานินทาได้ถึงพริกถึงขิง ผมถอนหายใจหน่ายระอา จะว่าเข้าข้างก็ดี จะว่ามองตามความเป็นจริงก็ใช่ สำหรับผมแล้ว คุณยายทำถูกแล้วครับ คุณพ่อทำยอดได้แย่ คุณแม่ก็ติดเล่นเกินไป พี่น้องคนอื่นก็เช่นกัน ถูกตำหนิก็ไม่แปลก

          ผมฟังเงียบๆ ไม่ออกความคิดเห็น คอยตักอาหารเติมใส่จานคนหิวไม่ใส่ใจคำโอดโอยของครอบครัว

          แต่เมื่อได้ฟังคนกล่าวถึงคุณยาย ก็อดหวนนึกถึงเหตุผลที่ท่านมาไม่ได้ แอบลอบมองคนรักแล้วก็ยังหนักใจหลายส่วน คุณยายนับว่าเป็นปกติมาก ปกติจนผมหวั่นใจว่าจะมีคลื่นยักษ์ใต้ทะเลที่เงียบสงบ แต่ในทางกลับกัน ก็เชื่อมั่นว่าการที่ท่านปล่อยผมออกมาให้เลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเอง ยอมกระทั่งให้คุณป๊าคุณม้าและพี่น้องคนอื่นมาร่วมใช้นามสกุล เพื่อจะได้ปลดผมจากพันธะเหนี่ยวรั้ง อิสระที่มอบให้ คาดหวังว่าคำตอบท่านจะไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่ในเรื่องของคนรัก แม้ท่านจะดูไม่ค่อยพอใจ แต่สามปีที่ไม่เคยกล่าวถึง ได้แต่หวังว่านั่นคือช่วงเวลาทำใจ และการมาครั้งนี้ก็ขอให้เป็นเพียงการมาเยี่ยมเยือนอย่างแท้จริง

          ให้ผมเป็นไก่ตื่นตูม ดีกว่าเป็นหมอดูที่ทำนายอนาคตแม่นยำ ขอให้แผนสำรอง เป็นเพียงความคิดที่ถูกเก็บในกรุไปตลอดกาล......

         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2019 19:55:10 โดย ZOFIARIN »

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

         
          ในส่วนของกำหนดการวันนี้ไม่มีอะไรมากครับ ช่วงเช้าถึงเที่ยง เป็นเวลาเอ้อระเหย เพราะคุณตาคุณยายค่อนข้างเหนื่อยจากการเดินทางและการละเล่นเมื่อคืนก่อน จึงหยุดพักที่โรงแรมทั้งวัน รอถึงช่วงมื้อเย็น พวกเราทั้งครอบครัวถึงจะเข้าไปหา นอกจากช่วงเย็นที่ถูกจองตัว ช่วงบ่ายผมก็มีแขก แฟรงค์กี้หรือแฟรงค์ อาจารย์สอนศิลปะป้องกันตัวโผล่หน้ามาในชุดฝึกเต็มยศ ร่างหนาที่ดูแล้วคงไม่สะทกสะท้านแม้แต่ตึกถล่มใส่ บอกสั้นๆ ตั้งแต่เมื่อวานว่าอยากติดตามพัฒนาการของลูกศิษย์ทางไกล ถ้อยคำฟังดูสมเป็นอาจารย์จนต้องเลิกคิ้ว สำหรับนายทหารผู้ชื่นชอบโยนตัวเองไปแถวเขตอันตราย และไม่ถนัดออมมือ ขี้รำคาญ ประโยคเล่านั้นฟังดูไม่จริงใจเอาเสียเลย

          ...ผมคิดว่าก็คงไม่พ้นคำสั่งคุณยาย ที่อยากรู้ความเป็นไปของผมแบบชัดเจนเสียมากกว่า...

          ดูท่าคงจะไม่ได้ทดสอบแค่เทม แต่ผมก็โดนด้วยสินะ

          "เทมครับ นี่แฟรากา หรือเรียกแฟรงค์ก็ได้ครับ เป็นอาจารย์ฝึกซ้อมของหมูเอง จำได้ไหมครับที่ตอนเช้าหมูจะคุยกับคนหลายๆ คน"

          เด็กชายเงยหน้ามอง ก่อนเริ่มขยับตัวมาซ้อนหลัง กระซิบตอบแผ่วเบา

          "เทม เทม เทมจำ จำได้ครับ แต่ แต่ว่า...เทมจำไม่ได้ว่า ตัว ตัวใหญ่ขนาดนี้"

          เห็นในจอกับตัวจริง นั้นแน่นอนว่าแตกต่าง เทมปุระผู้ไม่คุ้นชินกับคนตัวใหญ่ที่ชวนให้นึกถึงอดีตเลวร้ายยืนแอบอยู่ด้านหลัง เด็กน้อยโบกมือทักทาย ใช้วิธีเช็คแฮนด์ผ่านมือของผมอีกทีเหมือนเดิม "สะ สะ สวัสดีครับคุณแฟรงค์ เอ่อ เอ่อ เทม เทมขอโทษนะครับ แต่ แต่เทมกลัว กลัวคนตัวโตๆๆๆ เลย เลยยังไม่กล้าออกไป ขอ ขอเวลาสาม ไม่ๆๆๆ ขอ ขอห้านาทีนะครับ เทม เทมกำลังปรับ ปรับตัว"

          หมียักษ์ตัวโตเห็นท่าทางตัวสั่นของลูกเจี๊ยบก็อดจะแกล้งไม่ได้ ใบหน้าและทั่วร่างกายของชายเจ้าของส่วนสูงทะลุสองร้อยเซ็นติเมตร มีรอยแผลเป็นมากมายตกแต่ง ยิ่งทำให้ดูน่าคร้ามเกรง คิ้วขมวด ยกมือขึ้นสองข้าง ส่งเสียงคำรามก้องห้องโถง "แฮ่!"

          ผมมองตาขวาง เมื่อเด็กชายที่หลบอยู่ด้านหลังกระโดดตัวโยนวิ่งไปหลบอยู่ตรงมุมบันได

          เอ่ยเสียงเย็น "ถ้าจะมาเล่นอะไรไร้สาระก็ไสหัวกลับโรงแรมไปซะ"

          แฟรงค์ผิวปาก "แบ่งกันเล่นบ้าง"

          "อยากทำงานกับกองเอกสารสักสามปีไหมแฟรากา ผมว่าผมคุยกับคุณยายเรื่องนี้ได้นะครับ"

          สองมือคนตัวโตยกขึ้นยอมแพ้ "ขอทีเถอะ ให้ไปสู้กับกระทิงทั้งฝูงยังดีกว่าใส่สูทนั่งอยู่ในห้องแอร์ตั้งเยอะ...รู้แล้วน่า นายนี่มันดาเลียแอนตัวจิ๋วชัดๆ ....เฮ้ เจ้าหนู ฉันขอโทษ แค่ล้อเล่นน่ะรู้ไหม ล้อเล่น....นายก็ด้วยเจ้าลูกเจี๊ยบ!"

          แฟรงค์หันไปตะโกนบอกขอโทษ แต่ให้ผลตรงกันข้าม เด็กชายที่วิ่งกลับมาพยายามจับผมหนีไป ตกใจเสียงดังจนเข้ามามุดกับแผ่นหลังผมอีกครั้ง ความสั่นสะเทือนมาถึงผม มือกร้านแดดเต็มไปด้วยรอยแผลยื่นออกไปอยากกระชับมิตร ผมสับมือที่เอาแต่จะยื่นมาจับคนด้านหลังเสียงดัง มองด้วยสายตาแข็งกระด้าง เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงจัง

          "ไม่ ไม่เอาครับ ไม่ให้เข้ามาหานะครับ หมู หมู หมูหย็องครับ!"

          "ตามพ่อบ้านไปรอผมที่สนามเถอะครับแฟรงค์ เราจะเริ่มกันที่ตรงนั้น"

          คำเตือนครั้งสุดท้าย ถ้าเขายังจะเล่นอีก ต่อให้เป็นพลโท ผมก็จะสอยร่วงให้เหลือแค่คนกรอกน้ำให้ดู

          "รู้แล้ว รู้แล้ว...นำไปสิคุณพ่อบ้าน ก่อนผมจะถูกลูกศิษย์ของตัวเองฆ่าตาย"

          เห็นเงาใหญ่เดินออกไป ก็หันมากอดปลอบเจ้าลูกเจี๊ยบพองขนฟูสู้ "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องจะไปออกกำลังกาย กับ กับคุณแฟรงค์เหรอครับ เขา เขาจะทำหมูหย็องเจ็บๆๆๆ ไหมครับ เทม เทมไม่อยากให้ไปเลยครับหมูหย็องครับ เขา เขาแฮ่ใส่ด้วยนะครับ"

          "ไม่เจ็บครับ แค่ออกกำลังกายเหมือนทุกวัน แฟรงค์เป็นพวกเห็นคนอ่อนแอกว่าแล้วจะอยากแกล้ง นิสัยไม่ดีนิดหน่อย แต่ไม่อันตราย ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่มีใครทำอันตรายเทมได้ และไม่มีใครทำหมูเจ็บได้แน่นอนครับ"

          "คุณแฟรงค์ๆๆๆ เป็นอาจารย์ แปลว่าๆๆๆ หมูหย็องเป็นนักเรียน แล้ว แล้วหมูหย็องจะตัวโตแบบคุณแฟรงค์ไหมครับ" เด็กชายถามอย่างกังวล

           อันที่จริงผมก็อยากนะครับ ถ้าตัวโตกล้ามใหญ่ จะได้ปกป้องคนตรงหน้าได้สะดวก แต่ถ้าเขาไม่ชอบ ผมเอาแต่พอดีก็ได้

          "ไม่หรอกครับ หมูคงไม่ตัวโตขนาดนั้น ...แต่ถ้าหมูตัวใหญ่ เทมจะไม่ชอบหรือเปล่าครับ?"

          "ตัวใหญ่ๆๆๆ เป็นหมูหย็องตัวใหญ่ๆ เหรอครับ? เทม เทมชอบหมูหย็องหมดๆๆ เลยครับ หมูหย็องตัวโตเท่าคุณแฟรงค์ เทม เทมก็ชอบครับ แต่ว่าๆๆ แล้ว แล้วจะเข้าประตูได้ไหมครับ? จะเข้า เข้าประตูบ้านได้เหรอครับ เทมกลัวหัวหมูหย็องจะโขกประตูโป๊กๆๆ จังเลยครับ แล้ว แล้ว ลิฟต์จะไม่ร้องตี๊ดๆๆๆ เหรอครับ ต้อง ต้องหัวชนรถตู้แน่ๆๆ เลยครับ หมูหย็องต้องใส่หมวกกันน็อคเวลาเดินเข้าบ้านนะครับ จะได้ไม่เจ็บหัว"

          หัวเราะในลำคอกับความคิดบรรเจิด นี่เขาคิดว่าผมจะตัวใหญ่ขนาดไหนกันแน่นะ

          "ถ้าตัวใหญ่พอดีประตู แบบนั้นได้ไหมครับ"

          คราวนี้เด็กชายมีสีหน้าโล่งใจ ยิ้มแย้มสดใส "ได้ครับๆๆๆ ไม่โขกโป๊กๆๆ หมูหย็องก็ไม่เจ็บนะครับ อะ...เทม เทมก็จะออกกำลังกายด้วยนะครับ! ออกแบบหมูหย็องนะครับ!"

          เป็นผมบ้างที่เลิกคิ้ว "เทมจะออกกำลังกาย? ออกแบบหมูด้วยเหรอครับ ทำไมล่ะครับ"

          แผนออกกำลังกายของเทมปุระไม่ได้มีเป็นพิเศษ มีแค่วิ่งกับว่ายน้ำสองวันครั้งก็พอดีเพียงพอตามวัย

          "เทมอยากอุ้มหมูหย็องได้ครับ อุ้มหมูหย็องได้นานๆๆๆ แล้วๆๆๆ แล้วก็ แล้วก็อยากมีพุงหกก้อนติดกันเหมือนหมูหย็องด้วยครับ เต้บอกว่าคนมีหกก้อนคือเท่มาก เทมอยากเท่แบบหมูหย็องบ้างครับ แข็งแรงๆๆ ปกป้องหมูหย็องครับ อุ้มหมูหย็องได้ด้วยครับ"

          ซิกแพคผมกำลังหลั่งน้ำตา...เป็นกล้ามเนื้ออยู่ดีๆ กลายเป็นไขมันเฉยเลย

         ยื่นหน้าไปกัดจมูกคนอยากมีพุงหกก้อนด้วยความมันเขี้ยว "เขาเรียกซิกแพคครับที่รัก ถ้าพุงต้องนุ่มนิ่มนะครับ"

          "งั้น งั้น งั้น เทมมีพุงตรงแก้มเหรอครับ เพราะแก้มเทมนุ่มๆๆ"

          หลุดหัวเราะเสียงดัง "ครับ เทมมีพุงตรงแก้ม"

          เด็กชายตาโต อ้าปากร้องวู้ว้าว "หูว...งั้นเทม เทม ให้พุงแก้มมีพุงหกก้อน มี มี มีซิกแพคด้วยได้ไหมครับ"

          "หึหึหึ แก้มมีซิกแพคไม่ได้นะครับ"

          หางตาเหลือบเห็นคนที่สมควรรออยู่ที่สนาม ยกคิ้วหลิ่วตาล้อเลียน เห็นแว่บๆ ว่าเขาเพิ่งเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง หรี่ตามองจับผิด...ให้ตาย ให้คนโผงผางแบบแฟรงค์กี้มาเป็นปาปารัสซีนี่ช่างไม่เนียนเอาซะเลย
 
          "หมูไปออกกำลังกายที่สนามนะครับ ถ้าเทมอยากออกกำลังกายกายแบบหมู ก็เริ่มจากอะไรง่ายๆ ก่อน หลังจากกลับจากเที่ยวปีใหม่ เดี๋ยวหมูจะหาเทรนเนอร์ให้ ตอนนี้ไปว่ายน้ำเล่นดีไหมครับ ชวนหย็องหย็องหรือเฮียปลาไปด้วย แล้วเดี๋ยวอีกสักแป๊บ หมูจะไปหา"

          "เทม เทมไปกับหมูหย็องไม่ได้เหรอครับ?"

          ไม่อยากให้เขาเห็นสภาพซ้อมต่อสู้เสียด้วย ภาพผมโดนทุ่มกับพื้น หรือภาพผมถือมีดเข้าใส่คน คงจะไม่ใช่ภาพที่ผมอยากให้เขาติดตา "หมูต้องทำข้อสอบที่คุณยายให้ครับ ข้อสอบเราต้องทำคนเดียว แอบดูกันไม่ได้ เทมรู้ใช่ไหมครับ?"

          "อ๋อๆๆๆๆ สอบ สอบแบบในชั่วโมงพละใช่ไหมครับ"

          "ใช่ครับ"

          "งั้น งั้นเทมรอที่สระน้ำนะครับ...หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องไปกี่นาทีเหรอครับ"

          "หมูไปไม่เกินสี่สิบนาทีครับ เทมเล่นสระในบ้าน แล้วก็เล่นเฉพาะสระกลางกับสระเล็ก ห้ามเล่นสระใหญ่ ถ้าเฮียปลาหรือหย็องหย็องชวน ก็ห้ามออกนอกบ้านนะครับ ช่วงนี้ฝุ่นเยอะ หมูไม่อยากให้ออกไปไหน"

          "เล่นเฉพาะสระกลางกับสระเล็กในบ้าน ไม่ ไม่ออกจากบ้านครับ โอเคๆๆๆ ครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง สอบ สอบสู้ๆ นะครับ หมูหย็องต้องได้คะแนนเต็มๆๆๆ นะครับ" 

          "ขอบคุณครับ" กอดคนอวยพร แล้วบอกกับพ่อบ้านที่ยืนกระจายตัวแอบอยู่ทั่วบ้าน

          "ช่วยโทรเรียกหย็องหย็องหรือเฮียปลาให้หน่อยครับ แล้วก็หาคนไปเฝ้าสระสักห้าหกคนด้วย"

          "ไปกับพ่อบ้านนะครับ เดี๋ยวหมูจะรีบไปรีบมา"

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง มา มาหาเทมไวๆๆ นะครับ เทมคิดถึงเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ"

          หน้าตาฉายความอาลัย ทุกก้าวที่ห่าง ก็เอาแต่หันหน้ามาหาจนพ่อบ้านต้องให้จับชายเสื้อเดิน มองเขาเดินออกไปจนไม่เห็นแผ่นหลังห่อเหี่ยว แล้วก็โทรถามย้ำกับน้องชายตัวเองว่าอยู่ที่สระเรียบร้อย เปิดกล้องวงจรปิดเช็คคนเฝ้าจนพอใจผมถึงหันมาให้ความสนใจกับข้อสอบของตัวเอง

          หลังจบทดสอบต่อสู้แบบระยะประชิด ผมก็เผลอคิดไปถึงคนที่ป่านนี้คงกำลังเล่นน้ำป๋อมแป๋ม อยากให้เขาเป็นอาจารย์ฝึกซ้อมแทนแฟรงค์ชะมัด จะจับเขาทุ่มใส่เตียงแล้วกดติดไม่ให้ลุกไปไหนได้เลย แต่ภาพฝันแสนหวาน ก็เป็นไปได้แค่ภาพมโนทางความคิดนั่นละครับ ตอนนี้ตรงหน้าไม่ใช่คนในฝัน แต่มีนายทหารเตรียมปืนเตรียมมีดนานาชนิดให้ผมเลือกจับ

          แฟรงค์ควงมีดอย่างคล่องมือ "เอาอะไรก่อนดีชาโรนอฟน้อย"

          ผมเลือกปืนคุ้นตามาถือ ไม่รอให้อาจารย์ตั้งตัว ก็จัดการเตรียมก่อนยิงเข้าเป้าไปห้าแผ่น

          กับคนเจอเหตุการณ์เลือดสาดบ่อยกว่าอาหารสามมื้อ ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรกับการกระทำอุกอาจ แค่เพียงมองวิเคราะห์อย่างจริงจัง ก่อนจะเข้ามาจัดท่าทาง และเริ่มให้ผมทดลองใช้อุปกรณ์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อก่อนผมก็เคยสงสัย นี่ผมจะโตไปเป็นนักฆ่าหรือนักธุรกิจกันแน่ ถึงต้องเก่งอาวุธและรอบรู้หลายอย่างขนาดนี้ แต่ก็เอาเถอะครับ รสนิยมส่วนตัวมันก็ห้ามกันไม่ได้ ถูกทหารเลี้ยงมา จะเป็นคุณชายจับแต่ปากกาเซ็นบนเอกสาร รอคอยแต่บอดี้การ์ดมาช่วยเหลือ ก็ดูจะไม่ใช่วิถีทางอาจารย์ปีศาจ อีกอย่างมันก็สนุกดีกับการได้จับอาวุธอันตราย และชั่งตราชั่งดู ในอนาคตก็มีเหตุให้ได้ใช้แน่ๆ อย่างน้อยเอาไปใช้ยิงเป้าชิงของรางวัลในงานวัดให้เทมปุระก็ได้น่ะนะ

          "เยี่ยม! เยี่ยมมาก! สมแล้วที่เป็นหลานชายของเธอ นายไม่อยากเข้าป่าไปปาร์ตี้กับฉันจริงๆ หรือเจ้าหนู ไปอยู่แต่บนยอดเขางาช้างน่าเบื่อออก ไปลงสนามจริงเถอะ รับรองนายจะต้องชอบ"

          "ไปคุยกับคุณยายสิครับ"

          สายตาบ้าเลือดสงบลงทันที ผู้ฝึกสอนเดาะลิ้น "ก็ได้กลายเป็นปาร์ตี้ฉลองฉันหัวขาดตายพอดี คุณดาเลียหวงหลานชายตัวน้อยยังกับอะไร ทุกวันนี้ฉันยังแปลกใจ ทำไมเธอยอมให้นายมาอยู่กับพ่อแม่ ไม่ได้ว่านะ แต่ก็เห็นๆ กันอยู่ อยู่กับตำนานกับอยู่กับคนธรรมดา อะไรน่าสนุกกว่ากัน ใกล้ชิดกับเธอคนนั้นเลยนะ พระเจ้า เสียดายแทนชะมัด"

          เริ่มแล้วสินะ...ความติ่งของพลทหารแฟรากา

          แฟรงค์กี้คือแฟนคลับอันดับต้นๆ ของดาเลีย แอน ถ้าได้เริ่มพูดถึงอดีตแล้วละก็ อีกนานกว่าจะยอมหยุด ผมเบื่อจะฟังคำสรรเสริญคุณยายจากอดีตลูกศิษย์ตัวยักษ์ ไม่บอกลาแต่หันหลังเดินจากมาทันที

          ตกเย็นผมก็เรียกเด็กชายขึ้นจากสระน้ำ ให้เขาไปอาบน้ำและพามาแต่งตัว เตรียมไปทานมื้อค่ำที่โรงแรม หลายคนดูอิดออด แทบจะต้องลากกันขึ้นรถกว่าจะได้ออกขบวนไปโรงแรมหรู

          ณ ห้องอาหารที่ถูกจองทั้งหมดเพื่อความเป็นส่วนตัว และล่ามสองคนที่ห่างไปไม่ไกล เห็นแล้วก็รู้เลยว่าเตรียมมารับฟัง 'ใคร' โดยเฉพาะ มื้อค่ำก็ยังคงความเรียบง่ายแบบฉบับกัดกันของคุณยายและคุณแม่ สงครามเย็นทว่าร้อนระอุล้อมรอบ มีคุณตาคอยปั่นประสาทด้วยภาษาไทยระคายหูอีกคน ให้ตาย ตั้งแต่คำว่าเมียคราวก่อน อยากรู้จริงๆ ว่าไปเรียนภาษาไทยมาจากที่ไหน

           ตามที่เราซ้อมกัน ผมพยายามจุดก่อกองไฟ สร้างประโยคให้เทมกับคุณยายได้พูดคุยกันเพื่อสร้างโอกาสในการทำความรู้จัก เทมปุระได้เทคนิคมาใหม่ เจ้าตัวน้อยใช้ความคล้ายคลึงของผมกับคุณยายเป็นตัวช่วยพิเศษ ทำให้พอจะกล้าพูดคุยแบบสบตาด้วยอีกหลายคำ แต่เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ยังคงไม่มองตายามพูดคุยอยู่ดี แต่หักคะแนนเขาไม่ได้นะครับ เด็กน้อยพยายามแล้ว แต่อาการของโรคก็ไม่ใช่อะไรที่จะฝืนกันได้ บนโต๊ะอาหาร เป็นการพูดคุยแบบคุยกับกำแพงอยู่ส่วนมาก คุณยายใช้ความเงียบแทนคำตอบเกือบตลอดบทสนทนา อาหารที่เทมตักให้ ท่านก็ไม่แม้แต่จะแตะ ซ้ำยังเขี่ยออกเสียอีก แต่เทียบกับคุณป๊าที่ท่านเคลื่อนจานหนี...อย่างน้อยก็ไม่ติดลบนะครับ

          "ตาอยากขี่ตุ๊ดตุ๊ด"

          แทบจะสำลักน้ำ "คุณตาจะพูดว่านั่งรถตุ๊กตุ๊กหรือเปล่าครับ"

          "อ๋อ ตุ๊กตุ๊ก รถตุ๊กตุ๊ก ใช่! พรุ่งนี้เราไปนั่งรถตุ๊กตุ๊กเที่ยวรอบกรุงเทพกันเถอะ"

          "หย็องไปด้วย!"

          "อุ้ย จำปาห่มสไบไปด้วยดีไหมคะ เข้ากันม้ากมากกับรถตุ๊กตุ๊กเจ้าค่ะ เอ้ย ครับ!" จำปาเปลี่ยนโหมดแทบไม่ทัน เมื่อสบตากับหญิงชรา

          "คุณพ่อเคยดูรถไต่ถังไหมครับ ที่พัทยามีรถไต่ถังด้วยนะครับ สุดยอดมาก เขาแสดงโชว์ขี่รถผาดโผนกันน่าหวาดเสียวสุดๆ แถมยังให้ผู้ชมมีส่วนรวมเข้าไปซ้อนได้ด้วย"

          "จริงหรือโจวิช งั้นเราจะนั่งรถตุ๊กตุ๊กไปพัทยากันพรุ่งนี้เลย!"

          คุณยายไม่รอฟังคำเชิญร่วมสนุกกับการไปดูรถไต่ถัง ท่านลุกออกจากโต๊ะอาหาร มีผมที่จับมือเทมเดินตามไปอีกที

          วันนี้ความคืบหน้าไม่มี แต่คิดว่าอย่างน้อยก็ไม่ถอยหลัง




         





end 55 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง



ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter





56





          ให้ตายสิ...ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณป๊ากับคุณตาจะเอาจริง

          หน้าบ้านนอกจากกระเป๋าเดินทาง ก็มีรถคันไม่คุ้นตาจอดอยู่หลายคัน  รถตุ๊กตุ๊กสีสันแสบตา ถูกฝรั่งหัวทองตัวเล็กตัวโตกรี๊ดกร๊าด สลับกันขึ้นไปนั่งแอคท่าถ่ายรูปคู่กันยกใหญ่เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน โอเค อาจจะเคยเห็น แต่เคยนั่งไหม ก็ไม่เคยครับ และผมก็จะไม่นั่งมันแน่นอน...อากาศร้อนขนาดนี้ ฝุ่นควันมากมายขนาดนี้ ขอปฏิเสธดีกว่า กวาดตามองสมาชิกคนอื่นแล้วก็ยิ่งอิหลักอิเหลื่อ คุณแม่ คุณป้า เจ้ไก่ และเฮียปลาหย็องใส่หมวกสานที่ใหญ่พอจะตากปลาแห้งได้ทั้งโหล คนอื่นก็ไม่น้อยหน้าเมื่อคุณพ่อสั่งให้ทุกคนสวมชุดเสื้อลายดอก เหล่าสวนดอกไม้เดินนวยนาดเชิดฉายได้ชวนให้เข้าใจผิด นี่มันสงกรานต์ผิดฤดูหรือยังไงกันครับ.... ตอนนี้ทุกคนถูกวิญญาณนักท่องเที่ยวสิงสถิตย์แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เว้นแต่หนึ่งอิสตรีผู้มีอำนาจเหนือทุกคน ที่กำลังมองภาพตรงหน้าด้วยความเฉยชาจากในรถตู้

          "ตาจองคันสีส้มแล้วกัน ใครจะมานั่งกับตาบ้าง"

          "หย็องนั่งด้วยๆๆๆ"

          "หย็องมาเอาหน้ากากกันฝุ่นไปใส่ก่อน แล้วนี่ทากันแดดหรือยัง"

          "เทมเทมมานั่งกับปะป๊านะครับลูก"

          ก้อนความสุขวิ่งวนรถสามล้อ จับแตะไปทั่วด้วยความสนอกสนใจ ยิ่งคุณป๊าอุ้มเจ้าตัวให้ลองนั่งที่คนขับ แก้มนุ่มก็ปริออกด้วยรอยยิ้มกว้าง

          "เทม เทมไม่เคยนั่งรถตุ๊กตุ๊กมาก่อนเลยครับ! เทม เทมนั่งตรงริมได้ไหมครับคุณปะป๊าครับ คุณแม่ครับ คุณแม่ครับ คุณแม่มานั่งกับเทมกับคุณปะป๊าแล้วก็หมูหย็องไหมครับ"

          คุณป้ามีท่าทางลำบากใจ ท่านหันมามองทางผมเหมือนขอความช่วยเหลือ แต่ถึงไม่ขอ ผมก็ไม่ให้เด็กชายที่กำลังตื่นเต้นกับทริปเที่ยวทะเลไปนั่งแน่ๆ ทั้งควันดำรถ มลพิษทางอากาศมากมาย ไหนจะความตื่นเต้นจนเด็กชายอยู่ไม่สุขอีก เจ้ารถที่ไม่มีแม้กระทั่งเข็มขัดนิรภัย แค่เบรคแรงๆ ก็ทำให้กลิ้งตกรถได้ ตกบนถนนที่มีรถจราจรวิ่งผ่าน...

          ไม่ไหว...แค่คิดความดันผมก็พุ่งพรวด

          เดินไปยกเจ้าตัวเล็กลงมา กอดเอวคนที่ขยับตัวดุ๊กดิ๊กอยากขึ้นไปนั่งริมรถไว้ข้างตัว

          "เทมครับ เรานั่งรถตู้ไปกันนะครับ"

          เทมปุระอ้าปากค้าง ดวงหน้าใสเริ่มเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพราะความผิดหวัง ผมสูดหายใจลึก ตั้งใจว่าจะไม่อ่อนข้อให้เขาแน่ๆ ถ้าเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัย แต่เจ้าหยดใสน้ำตาคลอหน่วยก็ทำเอาความตั้งมั่นหลอมเหลว

          ผมไม่เก่งเรื่องใจร้ายกับเขา

          "...ไปถึงพัทยาแล้วค่อยนั่งดีไหมครับ นั่งตอนนี้วิวก็ไม่สวย รถก็ติด อากาศร้อน ไหนจะฝุ่นเยอะ สูดเข้าไปมากๆ จะไม่สบาย อีกอย่าง ถ้าทุกคนนั่งรถตุ๊กตุ๊กกันหมด คุณยายนั่งรถตู้คนเดียวจะเหงานะครับ"

          คุณป้าที่รู้ว่าลูกชายตนเองเวลาตื่นเต้นแล้วควบคุมยากรีบเข้ามาสมทบ

          "ใช่แล้วครับน้องเทม คุณแม่ก็จะนั่งรถตู้นะครับ ถ้าน้องเทมไปนั่งรถตุ๊กตุ๊ก คุณแม่ก็เหงานะครับ"

          "แต่ แต่ว่า คุณปะป๊าบอกใส่หน้ากาก ใส่หน้ากากก็ปลอดภัยหายห่วงแล้วนะครับ เทม เทม..."

          เด็กชายเม้มปาก มองสลับรถสามล้อกับรถตู้สีดำ วกกลับมามองผมแล้วก็ยอมพยักหน้า หัวทุยกลิ้งเกลือกอยู่บนไหล่ เด็กดีเอ่ยขอข้อต่อรองสุดท้าย

          "ถึง ถึงพัทยาแล้ว แล้ว แล้วค่อยนั่งเหรอครับหมูหย็องครับ แล้ว แล้วทุกคนจะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ จะสบายๆๆ ดีใช่ไหมครับ"
          "ใช่ครับ ถึงพัทยาแล้วค่อยนั่งนะครับ"

          ...ขับวนในโรงแรม ด้วยความเร็วสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงน่ะนะ...

          หลังแบ่งกลุ่มได้ก็ถึงเวลาเคลื่อนขบวน ผมและเทมนั่งรถตู้คันเดียวกับคุณยาย ส่วนคุณป้ากับเฮียเนื้อหย็องและคุณแม่นั่งไปอีกคัน ที่เหลือก็...ครับ โหวกเหวกกันอยู่บนรถตุ๊กตุ๊กสี่สี ผมว่าเป็นภาพที่แปลกตามากกับขบวนรถดำที่ขับประกบรถสีสันแสบตา ดีว่าบอกให้คนขับไปเปลี่ยนยูนิฟอร์ม จากชุดเครื่องแบบเต็มยศก็กลายเป็นเสื้อเชิ้ตง่ายๆ ไม่อย่างนั้น คงจะเป็นอะไรที่พิลึกยิ่งกว่านี้

          บนรถไม่ได้อึดอัดนัก ผมนั่งข้างคุณยาย ส่วนเทมนั่งด้านหลัง เด็กน้อยเกาะกระจก โบกมือให้เฮียปลาที่อยู่ด้านนอก แอบเห็นหน้าพี่สาวบูดบึ้ง ท่าทางเบื่อเต็มทนกับการที่ต้องดึงสไบสีเขียวไว้ ป้องกันพี่ชายคนโตกลิ้งตกลงจากรถ     
     
          เห็นตาสีน้ำตาลละห้อย แล้วก็ยกท่าไม้ตายมาใช้ วานิลลาเชคถูกยื่นไปด้านหลัง คนหงอยพอได้น้ำหวานก็กลับมายิ้มสวย ชี้ชวนพูดคุยไม่หยุด สักพักเบาะหลังสุดก็ถูกยึดครองทั้งหมด เด็กน้อยทอดตัวยาว ความเงียบโปรยปราย คนน่ารักนอนกอดหมอนหลับไป ผมควานหารีโมตปรับอุณหภูมิแอร์ด้านหลัง หยิบผ้าห่มผืนนุ่มคลุมจนถึงปลายเท้าขาว จัดหมอนให้ดี เช็คเข็มขัดนิรภัย ทุกอย่างเป็นไปแบบรวดเร็วด้วยความเคยชิน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบนรถไม่ได้มีแค่ผมกับเขาอย่างที่แล้วมา

          คุณยายทอดมองการกระทำของหลานชายด้วยแววตาอ่านไม่ออก ทักเสียงนิ่งคล้ายไม่ใส่ใจ

          "หลานเลี้ยงเขาเหมือนลูก"

           รู้ว่าเป็นประโยคเสียดสี ตอกย้ำความไม่เหมาะสม แต่มันไม่ได้ทำให้หงุดหงิดใจหรือรู้สึกเสียหน้า ได้ทำอะไรให้เทมสำหรับผมคือความภูมิใจ หลุดยิ้ม เมื่อคิดถึงภาพในอดีต จำได้ว่าเคยกระทั่งไล่จับเขาใส่แพมเพิร์ด จับขวดนมป้อน

          ผมเลี้ยงเขามากับมือเลยนะ คำนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคำชมเชย

          "ไม่ใช่แค่เหมือน แต่ผมเลี้ยงเขาเป็นลูกจริงๆ ครับ แต่ถ้าให้ขยายความ ก็ไม่ใช่แค่นั้น เขาเป็นทั้งน้องชาย พี่ชาย เพื่อน คนรัก สัตว์เลี้ยง งานอดิเรก เป็นทุกอย่างเลยครับ"

          เสียงสองถูกใช้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหมือนที่น้ำชอบจิกกัด ยามพูดถึงคนกำลังซุกหน้าเข้ากับตุ๊กตานุ่น น้ำเสียงเรียบนิ่งของผมมักจะแฝงไปด้วยกระแสความอ่อนโยนเป็นพิเศษ ไม่เคยรู้ตัวจนถูกทักเข้าหลายครั้ง แม้กระทั่งต่อหน้าคนที่เคารพสุดจิต ภาพลักษณ์เงียบขรึมก็ถูกกะเทาะออก เผลอแสดงออกเกินหน้าเกินตา

          "ฟังดูเป็นภาระ"

          "ถ้าจะมองในแง่นั้น ผมอยากให้คุณยายมองว่าเป็นแรงผลักดัน เป็นกำลังใจมากกว่าครับ หรือถ้าจะเรียกว่าภาระ เทมก็เป็นภาระดีๆ ที่ผมอยากมีติดตัวน่ะครับ"

          "...รสนิยมหลานแย่เหมือนเอเลนเข้าไปทุกวัน"

          น้ำแข็งสีฟ้าคมกริบเหลือบมอง ก่อนจะกลับไปจดจ้องหน้าจอที่มีเลขวิ่งพล่านดั่งเดิม ผมเข้าใจเส้นคั่นจบบทสนทนา ก่อนจะชวนท่านคุยถึงเรื่องอื่นแทน แต่กับคำถามอย่างเมื่อคืนนอนสบายไหมครับ หรืออะไรทำนองนั้นก็แค่เพียงผิวเผิน เรื่องสนุกของผมกับคุณยาย ก็คงไม่พ้นเรื่องงานและธุรกิจ หุ้น การลงทุน และงานบริหารถูกยกมาเป็นหัวข้อยืดยาวจวบจนรถจอดที่หน้าโรงแรมใหญ่

          แดดจ้าพร้อมกลิ่นอายความเค็มปะทะจมูก ความเหนียวหนืดตามเนื้อตัวตั้งแต่ยังไม่แตะน้ำ ความชื้นในอากาศมากกว่าปกติ บ่งบอกว่าถึงที่หมาย เราเป็นกลุ่มแรกที่มาถึง ส่วนเหล่ากลุ่มชนรถตุ๊กตุ๊กคนครึกครื้น กำลังแวะอยู่ที่จุดพักรถระหว่างทาง เพื่อเปลี่ยนกลับไปนั่งรถประจำตัว สาเหตุก็ไม่ใช่อะไรเกิดคาดการณ์ ใส่หน้ากากปิดจมูกในอากาศร้อนอบอ้าว ทำเอาแทบจะเป็นลมหลังจากกระดี๊กระด๊ากันได้เพียงสามสิบนาที ลงท้ายก็ต้องสับเปลี่ยนรถ เสียเวลา แทบทำเอาคุณท่านทั้งสองหงุดหงิด โดยเฉพาะคุณม้า ที่ต้องวกรถกลับไปหา เตือนแล้วไม่ฟังก็แบบนี้ละครับ คิดว่าที่นี่เป็นขั้วโลกเหนือหรือไงกัน ที่นี่คือประเทศที่มีอากาศร้อน ร้อนมาก ร้อนบัดซบนะครับ นั่งรถเปิดโล่งแบบนั้น เท่ากับเอาตัวเองไปปิ้งบนเตาย่างชัดๆ

          "เทมครับ เทม...ถึงแล้วนะครับ" ปลุกคนหลับตานิ่งสนิท

          เทมปุระงัวเงียลงจากรถทั้งที่ยังกอดตุ๊กตาสีฟ้าเอาไว้ในแขน เด็กชายกลายเป็นปลาทูคอหัก เอาแต่ครางฮืออยากนอนท่าเดียว ผมหยิบผ้าเย็นในตู้เย็นเล็กในรถ ยื่นส่งให้เขาเช็ดหน้าเช็ดตา ก่อนช่วยพยุงคุณยายลง เมื่อเท้าแตะพื้น เหล่าบอดี้การ์ดและคนดูแลส่วนตัวของท่านก็มารับช่วงต่อไป

          บริกรของโรงแรมเดินมาต้อนรับ ถามชื่อก่อนเชื้อเชิญให้เราเข้าไปนั่งรอในโถงล็อบบี้ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มต้อนรับในลูกมะพร้าวลูกโตระหว่างรอนำกระเป๋าเข้าห้อง ไม่เกินสิบนาที ก็ได้คีย์การ์ดมาไว้ในมือ เพราะหาที่พักแบบฉุกละหุกแถมเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ โรงแรมดีๆ ห้องดีๆ ก็ถูกจองไปหมด ที่พักที่ได้เลยค่อนข้างกระจัดกระจายไม่ได้ติดกัน ห้องของคุณยายกับคุณตาเป็นห้องสวีทใหญ่อยู่ชั้นบนสุดพร้อมสระว่ายน้ำสวนตัว พร้อมด้วยห้องของผู้ดูแลใกล้ชิด ส่วนห้องของผมอยู่ชั้นรองลงมา เป็นห้องแบบครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีประตูเชื่อมต่อกับอีกสี่ห้อง และมีห้องนั่งเล่นส่วนกลาง หนึ่งในนั้นคือของคุณป้าและอีกห้องถูกยึดโดยเฮียเนื้อหย็อง อีกห้องที่ว่างคงต้องรอดูว่าจะมีใครมาจับจอง เพราะแน่นอนว่าเทมต้องนอนกับผม นอกจากพวกโทรทัศน์ ตู้เย็นและเครื่องชงกาแฟ ห้องนี้พิเศษคือข้างนอกมีระเบียงพร้อมเก้าอี้สานชุดใหญ่ให้นั่งรับลมชมวิวทะแลแกล้ม ทะเลกว้างสีครามร้อยแปดสิบองศาคือจุดเด่น มีอ่างจากุซซีเล็กกว่าในห้องน้ำที่บ้านให้ลงแช่ยามค่ำคืนอีกหนึ่งอ่าง ส่วนห้องคนอื่นก็อยู่ชั้นถัดไป ซึ่งก็ลดความหรูลงเรื่อยๆ คิดภาพเลขาคุณป๊าถูกดุออกเลยทีเดียว คุณป๊าผู้ชอบความเวอร์วังอลังการคงไม่ค่อยพอใจนักแน่ๆ กับความไม่วีไอพีขั้นสุดของที่หลับนอน

          แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะครับ อยากจู่ๆ ก็มากันเอาเอง แถมยังมาช้าอีก และแน่นอนว่าคนมาก่อนก็ต้องได้เลือกก่อน

          ผมต่อสายโทรศัพท์ไปถึงห้องข้างบน เรานัดแนะกันว่าจะลงมาทานข้าวเช้าเกือบเที่ยงด้วยกันพร้อมคนกลุ่มหลังที่ยังมาไม่ถึง คงอีกราวๆ สองชั่วโมง ระหว่างนี้ก็นั่งพักผ่อนรอ

          อันที่จริงก็มีแค่สองคนที่นั่งพัก เฮียเนื้อหย็องที่ตายังคงดำกับตำราที่หอบหิ้วมาอ่านแม้วันหยุด แผ่ตัวอยู่ในห้องนักเล่นรวมตรงกลาง กางแขนขาบนโซฟาหลับตานิ่ง มีคุณป้าที่กำลังจัดของเข้าตู้อย่างเรียบร้อยยืนขำพี่ชายผู้ดูพร้อมละลายไปกับเก้าอี้

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมอน หมอนกับพี่ม่อนอยู่ไหนเหรอครับ"

          ส่วนคนที่ตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำอะไรก่อน หลังวิ่งพล่านไปทั่ว ก็มานั่งจุมปุกเปิดกระเป๋า มาแค่สามวันสองคืน แต่กระเป๋าเดินทางก็มีถึงสี่ใบใหญ่ ห่วงยาง ของเล่น รองเท้า เสื้อผ้า และใบแสนสำคัญสำหรับการนอนพักค้างอ้างแรมที่อื่น คืออุปกรณ์การนอนที่ต้องมีมาจากบ้านมาอย่างน้อยสองสามอย่าง ไม่มีอะไรให้คุ้นตา คนไม่คุ้นเคยก็จะนอนหลับยาก

          "อยู่ในกระเป๋าใบสีฟ้าครับ ใบใหม่ที่หมูเพิ่งซื้อให้เทมไงครับ เจอหรือเปล่า"

          "อ๋อๆๆๆๆ เจอ เจอแล้วครับ เทม เทมเอาไปจัดเลยได้ไหมครับหมูหย็องครับ"

          "เอาแค่ตุ๊กตาไปวางพอนะครับ เดี๋ยวพวกผ้าปูหมูให้พนักงานโรงแรมมาปูให้"

          เทมร้องตอบรับก่อนวิ่งตุบตับไปจัดที่นอน

          "อ้าว น้องเทมไม่นอนกับคุณแม่หรือครับวันนี้"

          คุณป้าโผล่หน้ามาช่วยจัดเสื้อผ้า ก่อนเอ่ยแซวลูกชายที่พักหลังแทบจะถูกผมยึดครองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เด็กชายทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ อ้าปากกว้าง หันมองผมทีมองคุณแม่ตัวเองที คิ้วขมวดเป็นโบ คุณป้าหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาช่วยจัดที่นอน "คุณแม่ถามล้อเล่นเฉยๆ ครับ น้องเทมนอนกับน้องหมูหย็องนะครับ ให้คุณแฟนนอนคนเดียว เดี๋ยวคุณแฟนเหงานะครับ"

          ผมรู้สึกแก้มร้อน เขินแปลกๆ กับการถูกแม่ของคนรักเอ่ยสัพยอก ยิ่งยังไม่ได้เข้าไปคุยกับคุณป้าแบบเป็นเรื่องเป็นราวสำหรับการเลื่อนขั้นสถานะ ยิ่งกระดากอายที่ยึดเทมปุระไว้เป็นของตัวเองคนเดียว ถึงมันจะเป็นไปตามสัญญาก็ตามแต่....

          "คุณแม่ครับคุณแม่ คุณแม่ครับ คุณแม่เหงาๆๆๆ หรือเปล่าครับ เทม เทมไม่ได้ไปนอนด้วย เทมขอโทษนะครับ"
หญิงตัวเล็กลูบมือลงบนศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยไหมนุ่ม แย้มรอยยิ้มอ่อนหวานอบอุ่น "เหงานิดหน่อยครับ แต่ว่าคุณแม่ดีใจที่น้องเทมติดหมูหย็องนะครับ กับคุณแม่ แค่นานๆ ครั้งคิดถึงกันบ้างก็พอแล้วครับ"

          เด็กชายเข้าไปกอดเอวเล็ก ซุกตัวเข้าหา "เทม เทมไม่ได้ลืมคุณแม่นะครับ เทมคิดถึงคุณแม่ทุกวันๆๆๆ เลยนะครับ"

          คุณป้าหัวเราะเสียงสดใส ให้เด็กชายผู้กำลังติดแฟน "โถ น้องเทมครับ คุณแม่ขอโทษนะคะ ทำหนูคิดมากเลย คุณแม่ไม่ได้น้อยใจนะคะน้องเทม เราเจอกันบ่อยๆ ตอนทานข้าวเย็น คุยกันบ้างทางโทรศัพท์ แค่นี้คุณแม่ก็พอใจแล้วครับ อีกอย่าง หนูไม่ได้หนีคุณแม่ไปไหนไกล เราแค่นอนห่างกันนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ต้องคิดมากนะครับ ความสุขของน้องเทมคือความสุขของคุณแม่ น้องเทมอยู่กับน้องหมูหย็องแล้วมีความสุข ก็อยู่กับน้องหมูหย็องนะคะ"

          แต่คนช่างเป็นห่วง ถึงได้รับคำยืนยันก็ยังไม่สบายใจ ส่ายศีรษะแนบเอวบางอย่างออดอ้อน

           "งั้น งั้น งั้นๆๆ วันนี้ วันนี้ เทม เทมจะเล่นกับคุณแม่เยอะแยะๆๆๆ เลยนะครับ คุณแม่จะได้ไม่เหงานะครับ คุณแม่ครับ ไป ไปก่อกองทรายกับเทมไหมครับ"

          "น้องเทมครับลูก อย่าเพิ่งลงไปนะครับ แดดยังแรงอยู่เลย น้องหมูหย็องไม่ชอบอากาศร้อนไม่ใช่หรือครับ ต้องคิดถึงน้องหมูหย็องด้วยนะครับ"

          "เทมจำได้ครับ เทมจำได้ว่าหมูหย็องไม่ชอบร้อนๆๆ แต่หมูหย็องบอกว่า บอกว่าๆๆๆ ในโรงแรมมีสระจำลองในร่มด้วยนะครับ ถ้าไปเล่นห้องนั้น ห้องนั้น ห้องนั้นหมูหย็องเล่นๆๆๆ ได้ครับ ไม่มีแดดร้อนๆๆๆ มีทรายเยอะแยะๆๆๆ ด้วยครับ"

          "อ๋อ...โอเคครับ งั้นเดี๋ยวคุณแม่ไปปลุกพี่เนื้อหย็องก่อนเนอะ แล้วเราค่อยลงไปพร้อมกันนะคะ โอเคไหมครับ?"

          "เคโอๆๆๆ โอเคๆๆ ครับ"

          ผมที่แอบลอบฟังการพูดคุยของแม่ลูก พอคุณป้าออกไป ก็วางไม้แขวนลงหลังจากแกล้งเอาเสื้อผ้าแขวนในตู้ยุ่งมือ สักพักในห้องก็มีเจ้าจิงโจ้กระโดดดึ๋งดั๋งมากอดจากด้านหลัง สองแขนคนร่างสูงรวบกอด ยื่นหน้ามาคลอเคลีย ฉกฉวยหอมแก้ม

          พัฒนาการของคนรัก คือเทมเข้ามาสัมผัสผมมากขึ้นจนน่าชื่นใจ

          "หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ เทม เทมชวนคุณแม่ไปเล่นสระในร่มครับ เรา เราชวนคุณยายไปเล่นด้วยกันได้ไหมครับ คุณยายจะได้ไม่เหงานะครับ เทมเอาห่วงยางมาเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ คุณยายไม่จมจ๋อมแจ๋มนะครับ ไม่จมๆๆ เพราะเทมเอามาเผื่อคุณยายด้วย เป็นสีชมพูด้วยครับ มีลายกาน้ำชาแบบที่คุณยายชอบดื่มด้วยนะครับ ของหมูหย็องเป็นสีดำเท่ๆๆๆ ด้วยครับ"

          ....คิดภาพคุณยายสวมห่วงยางสีชมพูแล้วหมูหนาวกระดูกสันหลังวาบเลยครับที่รัก...

         เอี้ยวตัวไปหอมแก้มคนเตรียมพร้อม ตัดสินใจไม่ขัดขวางจินตนาการ "ของเทมก็เป็นสีฟ้า ลายโดราเอมอนใช่ไหมครับ?"

         เทมปุระตาโต "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องเก่งจังเลยครับ! หมูหย็องรู้ได้ไงครับ หมูหย็องรู้ได้ไงครับ"

          ก็หมูเป็นคนซื้อให้ แถมยังช่วยจัดกระเป๋ารอบสอง ตรวจเช็คเก็บรายละเอียดให้ด้วยยังไงละครับ

          แสร้งตีหน้าขรึม ทั้งที่กำลังกลั้นรอยยิ้ม "หมูมีพลังวิเศษครับ รู้เกี่ยวกับเทมทุกเรื่องเลย"

          เทมปุระยิ้มจนตาหยีเป็นเส้นโค้ง "เทม เทมก็มีพลังพิเศษ รู้เกี่ยวกับหมูหย็องทุกเรื่องเลยครับ"

          แกล้งทำตาโตตามอีกคน "เทมเก่งจังเลยครับ งั้นรู้ไหมครับว่าตอนนี้หมูคิดอะไรอยู่"

          เด็กวิเศษมองตรงมาอย่างจริงจัง ลอบสำรวจ ท่าทางตรวจหาเหมือนจะให้ไม่มีส่วนไหนเล็ดรอด ทำเอาคนถูกจับจ้องร้อนแก้มผะผ่าว มาจ้องแล้วทำหน้าจริงจังใส่แบบนี้ก็แย่น่ะสิครับ เดี๋ยวไม่ได้เล่นน้ำกันพอดี

          "หมูหย็องคิด คิด คิดลามกกับเทม กับเทมๆๆๆ ใช่ไหมครับ!?"

          หน้าตาจริงจังลุ้นคำตอบจนตาเป็นประกายวิบวับ จับแขนผมเขย่าไปมาเหมือนขอร้องให้คำตอบคือใช่

          เผลอขำพรืดจนอารมณ์ลามกกระเจิง "ใช่ครับ หมูกำลังคิดลามกกับเทมอยู่ แต่อย่าเสียงดังนะครับ พูดให้คนอื่นได้ยินจะฟังดูไม่ดี เก็บไว้พูดกับหมูสองคนพอนะครับ"

          เด็กชายฟ้าประทานแสนเชื่อฟัง ผละปล่อยมือออกปิดปากตัวเอง พยักหน้าขึ้นลงหลายที  ผมหมุนตัวไปกอดเขาแทน ก่อนกระซิบกระซาบคุยกันเสียงเบา สลับเสียงจุ๊บประกอบหลายที

          ก่อนจะเลยเถิด ก็รั้งหน้าออกห่าง

          "งั้น...เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหาคุณยายกันนะครับ แล้วเทมครับ ทากันแดดด้วยนะครับ สเปรย์อย่างเดียวคงเอาไม่อยู่ เดี๋ยวจะแสบผิว"

          "เล่นในร่มๆๆๆ ต้องทาด้วยเหรอครับหมูหย็องครับ เทมไม่อยากทาเหนียวหนืดเหนียวหนืดเลยครับ"

          "เดี๋ยวเราจะไปเล่นข้างนอกด้วยครับ เล่นน้ำทะเลไงครับ"

          จับเทมหันหลังแล้วเริ่มช่วยเขาป้ายครีมลงบนผิว กลิ่นหอมของครีมฟุ้งขึ้นแตะจมูกทันที

          "ทะเล! ทะเลๆๆๆๆ หมูหย็องครับหมูหย็อง เทม เทมไปจับคุณฟองคลื่นได้ไหมครับ เทม เทมไปไล่จับคุณฟองคลื่นได้ไหมครับ นั่งรถตุ๊กตุ๊กด้วยนะครับ นั่งด้วยกันนะครับหมูหย็องครับ ชวนคุณแม่ แล้วก็ๆๆๆ คุณยาย แล้วก็เฮียเนื้อหย็องด้วยนะครับ"

          "ได้ครับ รอแดดหายสักพัก แล้วเดี๋ยวหมูพาไปนะ หันข้างหน้ามาสิครับ"

          ทาครีมให้เขาเสร็จ ก็จับใส่หมวก สวมแว่นตากันแดด สวมเป้ให้สะพาย พร้อมกระเป๋าสีใสที่ข้างในใส่ของเล่นดินทราย ผมโทรบอกคุณป๊าเล็กน้อย เดี๋ยวมาถึงแล้วจะคลาดกัน เสียงคุณป๊ากับคุณแม่และเหล่าคนร่วมทางโอดโอยมาตามสาย บอกว่ารถติดไม่ขยับมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมไม่ได้อยู่เฝ้าฟังคนบ่น แค่บอกธุระเสร็จก็ตัดสาย พาเด็กชายที่หอบหิ้วห่วงยางพร้อมเล่นเต็มที่ไปชวนแขกคนสำคัญ

          "คุณยายครับคุณยาย ไปเล่นน้ำกันนะครับ"

          ท่านมองคนสวมแว่นตากันแดดรูปดาวห้าแฉกด้วยความเย็นชากว่าปกติสองเท่า แต่กริชน้ำแข็งคมกริบ ทำอะไรคนกระตือรือร้นคิดภาพฝันหวานถึงการก่อกองทรายสีนวลไม่ได้ ผู้เชื้อเชิญยิ้มแฉ่ง "เทมเป่าห่วงยางมาให้แล้วครับ ไม่จม ไม่จมจ๋อมแจ๋มๆๆ นะครับ ไปเล่นด้วยกันนะครับคุณยาย"

          เฮียเนื้อหย็องช่วยพูดเสริม "ไปนั่งชมวิวก็ได้นะครับ ชั้นนั้นมีสวนเปิดโล่ง บรรยากาศดีมากเลย"

          คุณยายตอบเพียงประโยคสั้นๆ ก่อนปิดประตู แต่เล่นเอาเด็กน้อยคอตก จริงๆ ผมรู้คำตอบ แน่นอนว่าต้องไม่พ้นคำปฏิเสธ เพียงแต่อยากให้ทั้งสองคนได้พูดคุยกันบ้าง "ไม่เป็นไรนะครับ คุณยายคงยังเหนื่อย"

          "งั้น งั้นๆๆๆ เทมนั่งรอคุณยายหายเหนื่อยได้ไหมครับ จะได้ไปเล่นด้วยกันนะครับ"

          "ให้คุณยายท่านพักก่อนดีไหมครับน้องเทม รอคุณปะป๊าคุณหม่าม้ากับคุณตามาก่อน ค่อยมาชวนคุณยายอีกทีนะครับ"

          "ก็ ก็ ก็ได้ครับ งั้นๆๆๆ เทมเขียนใส่กระดาษบอกชั้นคุณยายไว้นะครับ เผื่อ เผื่อๆๆๆ เผื่อคุณยายหายเหนื่อยแล้วเปลี่ยนใจ จะได้ไม่หลงๆๆๆ ไปหาพวกเราไม่ถูกนะครับ"

          เด็กชายรื้อกระเป๋า คนรักการแต่งแต้ม มีชุดระบายสีประจำกายติดตัวเสมอ เด็กชายนั่งยองๆ แล้วเขียนข้อความตัวใหญ่โยเยใส่กระดาษ สอดเอาไว้หน้าประตูหนึ่งแผ่น แปะหน้าประตูอีกหนึ่งแผ่น บนกระดาษนอกจากข้อความบอกชั้น ก็มีเบอร์โทรของผมเขียนกำกับไว้อยู่ด้วย พร้อมข้อความภาษาไทยในกรณีคุณยายหลง จะได้ยื่นกระดาษให้คนอื่นพาไปส่งถูกที่ถูกคน "เผื่อ เผื่อคุณยายหลง จะได้ จะได้ โทรถามทางนะครับ"

          'ชั้น 23 สระน้ำในร่มครับ
          ถ้าคุณยายหลงทาง โทรบอกหมูหย็องนะครับ 088-xxxxxx หมูหย็องตัวจริงผมทอง สูง 170 นะครับ คุณยายอย่าไปกับคนแปลกหน้านะครับ ชื่อดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟครับ'
 

          อา...ไม่ทันที่ผมจะบอกว่าคงไม่ดีเท่าไหร่ กับข้อความที่ออกแนวเหมือนคุณยายเป็นเด็กหลง แต่กระดาษที่ถูกสอดใต้ประตูก็ถูกดึงเข้าไปโดยคนข้างในเสียแล้ว เด็กชายยิ้มดีใจ เคาะประตูก๊อก ก๊อก

          "คุณยายครับคุณยาย เทม เทม เทมเห็นคุณยายทานข้าวเมื่อเช้านิดน้อยๆๆๆ เทมวาง วางมาชแมลโลไว้นอกประตูด้วยนะครับ ถ้าคุณยายหิวๆๆๆ หม่ำๆๆๆ นะครับ แล้วก็ๆๆ วางห่วงยางของคุณยายไว้ข้างนอกด้วยนะครับ ถ้าคุณยายเหงาๆๆๆ เทม เทมกับหมูหย็อง แล้วก็ๆๆๆ คุณแม่ แล้วก็ๆๆๆ เฮียเนื้อหย็องอยู่ที่สระน้ำชั้นยี่สิบสามนะครับ"

          ไม่มีเสียงตอบกลับ คนช่างห่วงหันมาถามผมอย่างกังวลใจ ในความคิดของอีกฝ่าย คงนึกว่าคุณยายหิวข้าวจนไม่มีแรง

          "เทม เทมกลัวคุณยายหิวๆๆๆ จังเลยครับหมูหย็องครับ เอา เอาคุกกี้มาให้คุณยายด้วยดีไหมครับ"

          "ไม่เป็นไรครับเทม ช่วงเช้าคุณยายท่านทานน้อยเป็นปกติครับ"

          "อ๋อๆๆๆ งั้นโอเคๆๆๆ ครับ ...งั้นๆๆๆ เทม เทมกับหมูหย็องแล้วก็คุณแม่ แล้วก็ๆๆ เฮียเนื้อหย็องไปแล้วนะครับ"

          เด็กน้อยยกมือไหว้ประตูลา ก่อนรีบมาจับมือผมให้พาเดินไปชั้นสระน้ำ

         

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
         
          สมเป็นโรงแรมที่ได้คะแนนรีวิวสูง สระน้ำในร่มไม่ต่างกับสวนน้ำขนาดใหญ่ย่อส่วน แต่เอาเข้าจริงคือเล่นกันได้ไม่นานก็ต้องกลับออกมา นอกจากเพราะคุณพ่อมาถึงกันแล้ว คือคนเยอะมากครับ สมเป็นช่วงวันหยุดยาว

          เทมปุระที่เป็นเจ้าเต่าต้วมเตี้ยมเชื่องช้า โดนคนชนหน้าชนหลังจนผมหงุดหงิด พอไปนั่งเล่นกระบะทราย กองทรายที่เจ้าตัวเล็กนั่งก่อ ก็โดนเด็กคนอื่นมาแกล้งถีบจนถล่ม ทรายกระจายทั่วจนกระเด็นเข้าตา ถ้าเป็นความบังเอิญ ผมคงไม่โมโหขนาดนี้ แต่นี่เทมย้ายไปตรงมุมไหน ก็โดนเด็กคนนั้นตามไปเตะ ก่อนครั้งที่สี่จะเกิด ผมเดินตรงเข้าไปดุพูดห้าม แต่เด็กเจ้าปัญหาก็เตะทรายใส่ พอจับรั้งไว้ ก็มีหญิงชายคู่หนึ่งที่นั่งเล่นโทรศัพท์เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนต่อว่าเรื่องผมไปดุลูกชายของเขา ท่าทางที่ยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูป ตะโกนเสียงดังหาว่าผมรังแกเด็ก ท่าทางคุกคามเรียกบอดี้การ์ดสี่คนที่ปะปนกับนักท่องเที่ยวทำหน้าที่ทันที เรื่องราวที่ดูท่าจะบานปลาย ทำเอาเฮียเนื้อหย็องรีบวิ่งเข้าคั่นกลาง พ่อแม่ของเด็กคนนั้นชี้โทษว่าเป็นความผิดของเทมที่นั่งเกะกะลูกชายตัวเอง ผมฉุนจัด หวิดจะได้มีเรื่องกับผู้ปกครองฝ่ายตรงข้ามอยู่ร่อมร่อ ถ้าคุณป้าไม่เข้ามาไกล่เกลี่ย

          เลี้ยงลูกยังไงให้อันธพาลมาแกล้งคนอื่นตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก แล้วพ่อแม่แบบไหนกัน ที่ปกป้องลูกด้วยคำพูดว่าน้องยังเด็ก น้องไม่รู้เรื่อง แค่การเล่นกัน ก็เพราะเด็กไม่รู้เรื่องน่ะสิครับ ถึงต้องรีบสั่งสอน ไม่ใช่เด็กทำตัวไม่ดีแล้วมาคอยแก้ตัวให้แล้วปล่อยไป จะรอให้โตก่อนแล้วค่อยมานั่งสอนตามหลัง มันก็สายเกินแล้วไม่ใช่หรือยังไงกันครับ

          ผมยืนเก็บของใส่กระเป๋า เตรียมพาเทมปุระขึ้นห้อง ขืนอยู่นานกว่านี้ไม่มีใครฉุดผมอยู่แน่นอน

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องโกรธๆๆๆ เหรอครับ โกรธเทมเหรอครับ เทมขอโทษนะครับ ขอโทษที่โดนคุณน้องแกล้งนะครับ"

          ความขุ่นเคืองลดฮวบฮาบ ผมไม่ควรอารมณ์เสีย เพราะคนเสียใจไม่ใช่พวกไม่รับรู้ แต่เป็นคนแก้มนุ่มข้างกาย พรูลมหายใจออก ปรับเปลี่ยนอารมณ์สีทมิฬ ดึงห่วงยางสีฟ้ามาช่วยถือ ปัดปอยผมชื้นออกจากหน้าผากมล ขยี้นิ้วโป้งบนหัวคิ้วที่ผูกกันแน่นให้คลาย ลอบมองตาสีน้ำตาลที่แดงเล็กน้อยเพราะระคายเคืองจากเม็ดทราย

          ยิ่งเห็นยิ่งโกรธ

          ถ้าคุณป้าไม่ขอ วันนี้ต้องมีคนเป็นหมันหยุดแพร่เชื้อพันธุ์ร้ายให้รกโลกสองรายเกิดขึ้น

          "ไม่ได้โกรธที่รักนะครับ หมูแค่ไม่ชอบใจพ่อแม่ของเด็กคนนั้น ...เทมเจ็บตาหรือเปล่าครับ?"

          เด็กชายส่ายศีรษะ "ไม่เจ็บๆๆ ครับ แค่คันๆๆ เฉยๆๆๆ ครับ"

          "รอสักแป๊บนะครับ หมูกำลังให้คนไปซื้อยาหยอดตามาให้ เทมอยากเล่นทรายต่อใช่ไหมครับ เดี๋ยวเราชวนคุณยายลงไปทานข้าวกันก่อน แล้วเดี๋ยวหมูพาไปเล่นที่หาดนะครับ"

          คราวนี้จะเล่นแบบให้การ์ดยืนล้อมเป็นกำแพง ดูซิ มันจะมีใครหน้าไหนเข้ามายุ่งอีก

          "โอเคๆๆๆ ครับ ชวนคุณยายไปทานข้าวกันนะครับ หมูหย็องไม่โกรธๆๆ นะครับ ไม่อารมณ์ไม่ดีๆๆ นะครับ"
มืออุ่นช่วยนวดแก้มให้ผ่อนคลาย ก่อนใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างช่วยยกมุมปากขึ้น ยิ้มกว้างโชว์ฟันครบซี่เป็นตัวอย่างให้ดูอีกทาง

          ผมหลุดยิ้มออกมาจริงๆ กับท่าทางปลอบแสนน่ารัก

          คุณป้าที่ยืนอยู่ถัดไป พอเห็นผมเย็นลงก็มีท่าทางโล่งใจ

          "งั้นเด็กๆ ไปหาคุณยายนะครับ เมื่อกี้คุณหม่าม้าของน้องหมูหย็องโทรตามให้ไปรับพอดี เดี๋ยวคุณป้ากับพี่เนื้อหย็องลงไปรับก่อนนะคะ ทั้งสองคนไปห้องคุณยายถูกใช่ไหมลูก"

          "คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจำทางได้ เดี๋ยวพวกผมตามลงไปอีกที น่าจะอีกสักพักกว่าคุณป๊าจะอาละวาดเรื่องห้องเสร็จ"

          คุณป้ายกมือปิดปากหัวเราะขำอีกระลอก ด้วยเข้าใจดีถึงนิสัยของคุณท่านของบ้าน คุณป้าหยิบผ้าขนหนูแห้งในกระเป๋าสาน ยกขึ้นเช็ดหัวลูกชายเบาๆ ก่อนเอาอีกผืนมาคล้องคอให้ผม และอีกผืนให้หมีแพนด้าขอบตาดำด้านหลัง

          "เช็ดหัวให้แห้งด้วยนะคะทั้งสามคน เดี๋ยวจะไม่สบาย แล้วเดี๋ยวเจอกันที่ห้องอาหารครับ"

          ก่อนเดินออกจากชั้น แอบเห็นคู่กรณีชูนิ้วกลางเป็นของฝาก เส้นด้ายขาดผึง หันไปสั่งอะไรกับบอดี้การ์ดนิดหน่อย หวังดีให้คนชอบเล่นดินเล่นทราย ได้นอนเล่นกลางหาด  กลิ้งเกลือกบนทรายที่เจ้าตัวชอบจนพอใจ

          ครั้งนี้ผมเคาะห้องแทนเด็กชายที่เริ่มยุกยิกเมื่อคิดถึงฟองคลื่นสีขาว

          "คุณยายครับ คุณตามาถึงแล้วครับ"

          ประตูแง้มออก คุณยายที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ลดความทางการลง และเนื้อผ้าเบาสบายมากยิ่งขึ้นเดินออกมา "จัดการแล้วหรือ"

          ข่าวสารรวดเร็วจริงๆ "ครับ"

          เด็กน้อยร้องตกใจกับคุณยายที่ไม่มีอะไรปกคลุมศีรษะ

          "คุณยายครับคุณยาย คุณยายไม่สวมหมวกเหรอครับ ไม่ได้ๆๆ นะครับ หมูหย็องบอกว่า บอกว่า ถ้า ถ้าไม่สวมหมวกเดี๋ยวจะไม่สบายๆๆ นะครับ คุณยายสวมหมวกไปด้วยนะครับ เราจะนั่งรถตุ๊กตุ๊กกันด้วยนะครับ ไม่ใส่หมวกเดี๋ยวจะร้อนๆๆๆ นะครับ"

          "ฉันบอกหรือว่าจะนั่ง"

          "แต่ๆๆๆๆ แต่ๆๆๆ แต่ว่า แต่ว่าทุกคนนั่งหมดเลยนะครับ ถ้าคุณยายไม่ได้นั่ง คุณยายจะเหงาๆๆ แล้วรถตุ๊กตุ๊กก็จะน้อยใจนะครับ"

          "รถน้อยใจ หรือเธอไม่พอใจกันแน่"

          "ไม่พอใจคือโกรธๆๆๆๆ ใช่ไหมครับ แต่ว่าเทม เทม เทมไม่ได้ไม่พอใจนะครับ แต่เทม เทมเสียใจครับ เพราะเทมอยากให้คุณยายเล่นสนุกนะครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา หมูหย็องจะได้ไม่เหงาๆๆ คุณยายไม่ค่อยเล่นกับหมูหย็องเลยนะครับ"

          คุณยายเงียบลง ลำคอระหงที่มักเชิดตรง ยิ่งเชิดสูงขึ้น ท่านขยับตัวอย่างเย่อหยิ่ง อำนาจอาบไล้ล้นทะลักยามท่านถาม เสียงเงียบสงบเย็นจัดจนบาดเนื้อผิว "....กำลังต่อว่าการเลี้ยงดูหลานของดิฉันหรือคะคุณเทมปุระ"

          ผมสัมผัสได้ถึงสถาณการณ์ไม่ค่อยสู้ดี รีบเตรียมเข้าไปแทรก แต่ก็ถูกห้ามผ่านท่าทางเด็ดขาด

          เทมปุระเอียงคอสงสัยกับรังสีพายุหิมะ

          "ต่อว่าคืออะไรเหรอครับคุณยายครับ ...อ๋อๆๆๆ คือ คือ ด่าๆๆๆ ใช่ไหมครับ ด่าไม่ได้นะครับ ด่าไม่ได้ เทมว่าๆๆๆ คุณยายไม่ได้นะครับ คุณแม่ไม่ให้เทมดุๆๆๆ ผู้ใหญ่นะครับ เทม เทมแค่กลัวหมูหย็องกับคุณยายเหงาๆๆๆ ครับ เพราะว่าๆๆๆ คุณตายังเล่นกับหย็องหย็อง แล้วก็ แล้วก็ เล่นกับเจ้ไก่หย็องเฮียปลาหย็อง เฮียเนื้อหย็องด้วยครับ แต่ว่าคุณยายไม่มาเล่นกับหมูหย็อง เทมกลัวหมูหย็องจะเหงาครับ คุณยายมาแค่เจ็ดวันๆๆ ต้องเล่นกับหมูหย็องเยอะแยะๆๆๆ นะครับ"

          ท่านหรี่ตาจับผิด หาความหมายแฝงในประโยคแก้ต่าง แต่ในความบริสุทธิ์ไร้ร่องรอยด่างพร้อย มีเพียงความไร้เดียงสาปะปนไปด้วยความเป็นห่วงอย่างซื่อสัตย์และซื่อตรง ความเงียบงันยังคงอยู่ เทมปุระเริ่มรับความหนักอึ้งในอากาศไม่ไหว สองขาก้าวเขยิบเข้ามาเกาะแขนผม ช้อนอัญมณีสีน้ำตาลขึ้นก่อนรีบหลุบลงต่ำ ปลายเท้าเหยียบเท้าตัวเองไปมาอย่างประหม่า "คุณยาย คุณยายดุๆๆๆ เหรอครับ โกรธๆๆ เทมเหรอครับ เทม เทมขอโทษนะครับ คุณยายไม่โกรธๆๆๆ นะครับ เทมจับๆๆ แก้มคุณยายยิ้มๆๆ ไม่ได้ เพราะหมูหย็องบอกว่าคุณยายไม่ชอบให้แตะตัว งั้น งั้นเทมจะยกขนมหวานให้คุณยายหมดเลยนะครับ ไม่โกรธๆ นะครับ"

          ผมกลั้นใจกับผลลัพท์ หวาดกลัวเหลือเกินว่าวินาทีใดวินาทีหนึ่ง จะมีคำสั่งจับผมกับเขาแยกออกจากกัน แต่น่าตกใจที่มันไม่เกิดขึ้น และตกใจยิ่งกว่า จนแทบอ้าปากค้างเสียมารยาท ไม่หรอกครับ ดาเลีย แอน ไม่ขึ้นไปนั่งรถตุ๊กตุ๊กแน่ๆ แต่ท่านตามพวกผมออกมาดู ถึงจะไม่ได้ออกมานั่งบนเก้าอี้ริมชายหาดเหมือนคุณป๊าคุณม้า แต่ท่านก็นั่งอยู่ในคาเฟ่ ที่สามารถทอดสายตาดูพวกผมได้กระจ่าง

          ผมยืนนิ่ง แต่แอบเหลือบมองหญิงชราที่นั่งห่างไปไม่ไกล ไม่ได้คิดว่าขนมหวานของเจ้าก้อนความสุขจะทำให้คุณยายติดกับดัก สายใยเอื้ออาทรของคุณยายก็เป็นเรื่องเล่าปรัมปราพอกับแซนตาคลอส ความเอ็นดูของท่านไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะความน่ารักของเทมปุระในเวลาไม่กี่วัน แต่เด็กชายบังเอิญจับจุดท่านได้พอดีด้วยการยกผมขึ้นมากล่าวอ้าง

               แต่ที่ผมตกใจ คือการท่านยอมตามมาดูจริงๆ เพียงเพราะมีแนวโน้มว่าผมจะเหงาตามคำบอกเล่า กลัวว่าผมจะน้อยหน้าน้อยตาหลานคนอื่นที่มีคุณตา คุณพ่อคุณแม่คอยเล่นด้วย

          "คุณพระ...นั่นคุณแม่เหรอ โจวิช ตีฉันที ปลุกฉันสิ บอกฉันว่านี่ไม่ใช่ฝัน...ว้าย! ตีแรงแล้วไปย่ะ! นี่คุณแค้นที่ฉันซื้อเกาะตัดหน้าใช่ไหมโจ!"

          "อ้าว...ก็คุณบอกให้ผมตีอ่ะ"

          คุณแม่ถลึงตาใส่สามีผู้กำลังทำลอยหน้าลอยตา ก่อนหันไปจ้องคุณยาย "ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีวันได้เห็นคุณแม่มานั่งในคาเฟ่ขนมมุ้งมิ้งที่คนเดินให้ว่อน...กรี๊ด...ขนลุกไปหมดแล้ว!"

          ผมอารมณ์ดีจนเผลอหัวเราะออกมา เมื่อคุณแม่เริ่มไล่ตีคุณพ่อที่ปาลูกบอลใส่ ลูบแก้มนุ่มของคนกำลังตักทรายใส่ถัง

          "ขอบคุณนะครับ"

          ขอบคุณที่รู้ถึงความเหงาลึกๆ ของหมู ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ แต่เทมก็อุดช่องโหว่กระจิดริดให้ผมเสียมิด มองกันข้างนอก ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่คนที่ผมอยากให้ยอมรับและตามมาเฝ้าดูแลบ้าง ก็คงไม่พ้นคุณยาย รู้ว่าท่านรัก แต่ก็ไม่ต่างกับเด็กเล็กที่เรียกร้องความสนใจจากพ่อกับแม่ ผมก็เหมือนกัน เพราะคนที่เป็นพ่อและแม่อันดับหนึ่งสำหรับผมคือหญิงชราผู้แสนเข้มงวดดุดัน ตั้งแต่เด็กก็อยากให้ท่านมาเฝ้าแบบหันไปก็เห็น มากกว่าออกคำสั่งแล้วให้เดินไปรายงาน มากกว่าถูกจับตาโดยคนอื่น ความฝันผมเป็นจริงในแบบเรียบง่ายด้วยน้ำมือคนกำลังตบแปะเมล็ดนับล้านบนหาดสีกากี

          "หมูหย็องขอบคุณ ขอบคุณอะไรเหรอครับ"

          "ขอบคุณเทมเฉยๆ ครับ"

          "งั้นๆๆๆ เทม เทมก็ขอบคุณด้วยครับ ขอบคุณนะครับหมูหย็อง"

          ภายในอกสั่นหวิวกับรอยยิ้มของคนรัก แรงดึงดูดมหาศาลดึงเชื่อมเราให้ขยับเคลื่อนเข้าหากัน แต่คำสาปยังตามติด ฝ่ามือของพี่ชายคนโตเขามาบดบังริมฝีปากนุ่มหวาน

          "บัดสีบัดเถลิงค่ะคุณหลวง! ช่วงเวลาครอบครัว ห้ามมาจู๋จี๋กันนะคะ!"

          ที่พรวนดินพลาสติกสีฟ้าถูกผมจับโยนปาใส่อาเฮียของตนด้วยความหงุดหงิด เฮียปลาแลบลิ้นกวนประสาทก่อนวิ่งหนีไป ถอนหายใจระอา ลืมบอกการ์ดไปเสียสนิท ว่าต่อให้เป็นคนในครอบครัว ก็ไม่ให้เข้ามาใกล้ ไม่สิ...ต้องเจาะจงว่าโดยเฉพาะคนในครอบครัวห้ามเข้ามาใกล้ต่างหาก....

          ริมฝีปากเย้ายวนที่อ้ารอเก้อ แก้มกลมขึ้นสีแดงจัด ขวยเขินได้น่าฟัดจนใจเต้นรัว...อา เสียดายจริงๆ

          เทมเขี่ยกองเนินทรายที่เจ้าตัวบอกว่าปั้นเป็นรถตุ๊กตุ๊กเบาๆ แก้ขวย ผมชักจะทนไม่ไหวกับการไม่ลากเขาไปที่ลับหูลับตาปล้ำจูบเขา จนได้ยินเสียงกรี๊ดขัดกิเลศ เทมสะดุ้งโหยง รีบหันขวับไปทางต้นเหตุด้วยความเป็นห่วงปนตกใจ พอสบกับกล้วยลูกโตที่ถูกลากไปทั่วผืนท้องทะเล เด็กชายเบิกตากว้างแวววาว ยิ่งกว่าลูกแมวเห็นปลาแซลมอน

          บานาน่าโบ้ท ....ไม่ได้นะครับ อันตรายสุดๆ

          "หมูหย็องครับ!"

          ไม่นะครับ อย่ามองหมูด้วยความคาดหวังระยิบระยับแบบนั้น อย่าพูดคำนั้นออกมานะครับ

          "เทม เทม เทมขอไปเล่นกับหย็องหย็องกับเจ้ไก่หย็องได้ไหมครับ!?"

          หมูให้ความเร็วสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยครับ

          "...เรากลับไปนั่งรถตุ๊กตุ๊กที่โรงแรมดีไหมครับ?"



         






end 56 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

          ทำคะแนนกับน้องหมูหย็องตะไมครับน้องเทม
ทำคะแนนกับคุณยายสิครับยูกกกกกก



ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เพิ่มคะแนนความเอาใจใส่ให้ลูกเทม เอ็นดู

อีกไม่นาน คุณยายต้องใจอ่อนยอมรับเทมแน่

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter






57





          คิดว่าองค์ชายน้อยจะได้ควบกล้วยหอมแทนควบม้าไหมล่ะครับ แน่นอนครับว่า...ไม่ เพราะองครักษ์ช่างหวงช่างห่วงไม่อนุญาต และคำห้ามข้อใหม่ คือผมไม่ให้เขาลงทะเล หลังตรวจเช็ค น้ำค่อนข้างสกปรกกว่าที่คิด แค่วิ่งไล่จับเกลียวคลื่น จุ่มลงไปมิดข้อเท้า ผิวบางก็แต้มสีจัด ขืนปล่อยให้กระโดดตู้มทั้งตัว ไม่พ้นขึ้นผื่นเป็นปื้นแดง นอนคันทรมานไปทั้งคืน หลังโดนห้ามติดๆ กัน องค์ชายเทมปุระก็เข้าโหมดงอแงในที่สุด เม้มปากแก้มพองลม ก้มหน้าชิดคอ นิ้วจิ้มวนเป็นวงกลมกับทรายขาว ใต้แว่นกันแดดรูปทรงโดดเด่น อัญมณีสีน้ำตาลสั่นระริกอย่างดื้อดึง การเห็นทุกคนได้เล่น แต่ตัวเองไม่ได้เล่น เป็นเรื่องโหดร้ายเหมือนยื่นอาหารกระป๋องที่ไม่เปิดให้เจ้าเป็ดน้อยหิวโซ

          ปากยู่ร้องขอความยุติธรรมให้ห่วงยางแห้งเหือดของตัวเองได้สัมผัสน้ำ

          "เทม เทมขอไปดูใกล้ๆๆๆ ก็ไม่ได้เหรอครับ ลอยตุบป่องๆๆๆ ใกล้ๆๆ ดูเฉยๆ นะครับ ไม่แตะๆๆ นะครับ"

          "เดี๋ยวจะโดนชนเอาสิครับถ้าเข้าไปใกล้ ...ลุกขึ้นสิครับ หมูพาไปเล่นอะไรเจ๋งๆ กว่าบานาน่าโบ้ทดีกว่านะครับ"

          "เจ๋งๆ เจ๋งๆๆๆ เจ๋งๆ เจ๋งกว่าบานาน่าโบ้ทอีกเหรอครับหมูหย็องครับ เราจะขี่องุ่นโบ้ทเหรอครับหมูหย็องครับ!?"

          วรรณะความเท่ขององุ่น อยู่สูงกว่าความเท่ของกล้วยในความคิดของเด็กชายหรือครับเนี่ย...

          แก้มนุ่มฟีบลงแล้วยืดด้วยรอยยิ้มกว้าง เจ้ากวางน้อยถูกนายพรานหลอกล่ออย่างง่ายดาย ดึงมือเขาลุกขึ้นยืน พาเดินออกไปตรงถนน จำได้ว่าตอนนั่งรถมาหาด ผมเห็นซุ้มเช่าพวกเรือกับเจ็ทสกี เดินไปติดต่อเช่าพร้อมเข้าคอร์สฝึกแบบสั้นๆ ภายในครึ่งชั่วโมงผมก็ขับจนคล่อง มั่นใจให้เด็กชายที่กรี๊ดกร๊าดอยู่บนหาดซ้อนโดยปลอดภัย

          เสยผมปรกหน้า ถอดแว่นตาสีชาออก กระโดดลงแล้วเดินลุยน้ำเข้าไปหาคนรัก เทมเข้ามาวิ่งวนรอบตัวผมทันที ร่างสูงต้อนรับกันด้วยคำพูดระรื่นหู สายตาเทิดทูนราวกับพระเจ้า

          "หมูหย็องครับ! หมูหย็องครับ! หมูหย็องเท่สุดๆๆๆๆ เลยครับ เท่มากๆๆๆๆๆ เท่เยอะแยะๆๆๆ เลยครับ ตอน ตอน ตอนที่เลี้ยวๆๆๆ น้ำกระจายฟู่ๆๆ เท่มากๆๆ เท่ที่สุดในโลกเลยครับ!"

          คำชมเล่นเอายิ้มแก้มปริ จับเจ้าลูกหมาวิ่งพล่านให้อยู่นิ่ง แต่ก็ไม่นิ่งนัก เมื่อเด็กชายตื่นเต้นเกินไป สองขาเอาแต่อยากกระโดดหย็องแหย็งไปรอบ เสียงเจื้อยแจ้วพร่ำชมและบอกเล่าความรู้สึก สามสิบนาทีมากพอให้คุณเชียร์ลีดเดอร์เสียงแหบแห้งเพราะเอาแต่ตะโกนเชียร์ เจ้าตัวเล็กวิ่งตามผมที่ขับไปทั่ว จนต้องโทรบอกให้เขาหยุดวิ่ง เดี๋ยวจะหกล้มเจ็บตัว

          "ดื่มน้ำก่อนนะครับ"

          รับขวดน้ำมาจากผู้ดูแล ยกขึ้นให้ถึงปากอิ่ม เทมดูดไปอึกใหญ่ แต่รีบร้อนเกินไปจนน้ำย้อยลงจากมุมปาก สายธารแก้กระหาย เย้ายวนมากเกินสำหรับคนเพิ่งขับขี่กลางทะเลแสนเค็มปร่า ประกบริมฝีปาก แย่งเขาดื่มน้ำจากที่ร่วงหล่นอย่างไม่รังเกียจ หางที่สั่นส่ายหยุดชะงัก ตากลมวิบวับเบิกกว้าง เสียงเงียบลง สวนทางสีเข้มที่กระจายมากขึ้น

          ทำคนขี้อายเขินได้หนึ่งอัตรา

          "ดื่มน้ำแล้วใส่เสื้อชูชีพนะครับ หมูจะพาไปเที่ยว"

          "ค-ค-ค-ค-ครับ"

          ยิ้มมองเจ้าแผ่นเสียงตกร่อง คล้ายได้ยินเสียงฉ่าจากแก้มแดงที่กำลังไหม้ เทมรีบก้มหน้าก้มตาดูดน้ำ ผมหน้าม้าไม่สามารถบดบังลูกท้อสีหวาน ท่าทางแอบซ่อนน่ากลั่นแกล้ง จนต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้เหมือนจะแย่งหลอด แต่จุดประสงค์คือก้มลงไปใช้ปลายจมูกเฉียดแก้มนุ่ม ฉกฉวยดอมดมเจ้าผลไม้น่ากิน

          ลูกท้อกลายเป็นผลแอ็ปเปิ้ลทันที

          "ม-ม-หมูหย็องครับ! หมูหย็องครับ หมูหย็องครับ ม-ไม่ ไม่ได้นะครับ เทม เทมใจเต้นจะออกจากปากแล้วครับ เดี๋ยว เดี๋ยวหัวใจเทมจะตกใส่ทรายนะครับ ตกใส่ทะเลเป็นหัวใจดองเกลือนะครับ"

          สองมือยกขึ้นปิดปาก คิ้วขมวดทำหน้าจริงจัง เหมือนกลัวว่าดวงใจจะทะลุออกมาจริงๆ ผมขำจนตัวโยน ดึงเขาเข้ามากอด ช่วยลูบหลังคนถูกรังแก แอบเห็นเขาสำลักน้ำเมื่อสักครู่นี้ รอคนหายอายแล้วก็จับเขาใส่อุปกรณ์ นอกจากเสื้อชูชีพ ผมก็หาเสื้อกันฝนมาให้เขาสวมอีกตัว กลัวละอองน้ำจะสาดใส่จนระคายเคืองผิว พาเขาเดินไปตรงท่าเรือ ทีแรกตั้งใจจะแบกเจ้าตัวน้อยฝ่าทะเลไปขึ้นเจ็ทสกีกลางน้ำ แต่จากท่าทาง แค่ไปได้ครึ่งน่อง คนตื่นเต้นคงดิ้นยุกยิกจนตกน้ำไป

          "มันโยกเยกๆๆๆ ด้วยครับหมูหย็องครับ เรา เราจะจมไหมครับ"

          "ไม่จมครับ เทมเกาะไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวหมูจะนั่งซ้อนหลัง"

          "หมู หมู หมูหย็องครับ หมูหย็องไม่นั่งหน้าเหรอครับ แล้ว แล้วจะขี่ยังไงเหรอครับ"

          "ให้เทมขี่ไงครับ"

          ขำพรวดอีกครั้งกับหน้าตาเหวอของคุณแฟน

          "เทม เทมขี่เหรอครับ!?"

          "ใช่ครับ เดี๋ยวหมูซ้อนหลัง แล้วจะเอื้อมมือมาแบบนี้....แล้วเดี๋ยวหมูสอนขับนะครับ"

          วันนี้เขาอดเล่นหลายอย่างจนน่าสงสาร ให้เด็กชายลองอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง จะได้ไม่เบื่อหน่าย

          "แต่ แต่ แต่ว่าเทมยังขี่จักรยาน ขี่จักรยานสองล้อไม่ได้เลยนะครับ ให้ ให้ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ผิดกฎหมายเหรอครับหมูหย็องครับ เทม เทมยังไม่มีใบขับขี่ด้วยนะครับ ถ้า ถ้าเทมทำรถล้ม รถล้ม แล้วๆๆๆ แล้วหมูหย็องเจ็บล่ะครับ เทมไม่อยากให้หมูหย็องจมน้ำป๋อมแป๋มๆๆ นะครับ แล้ว แล้ว"

          กอดเอวคนวิตกกังวล ลูบปลอบมือที่เกาะแฮนด์แน่น "เจ็ทสกีขี่ง่ายกว่าจักรยานอีกนะครับ ดูสิครับ เราปล่อยแขนสองข้างก็ยังทรงตัวได้ ขับไม่ผาดโผน โอกาสพลิกคว่ำน้อยยิ่งกว่าจักรยานสามล้อเสียอีก เทมไม่ต้องกังวลนะครับ ถึงคว่ำจริง หมูก็ว่ายน้ำแข็งมากครับ"

          "แล้ว แล้ว เราจะชนคุณฉลามหรือว่าขับชนหัวคุณแมวน้ำไหมครับหมูหย็องครับ"

          "ไม่ชนครับ คุณฉลามกับแมวน้ำอยู่น้ำลึกมากๆ เราไม่ไปไกลขนาดนั้นครับ"

          เจ้าหนูจำไมถามอีกหลายอย่าง อย่างเช่นกลางทะเลมีไฟแดงให้จอดไหมครับ ถ้าเทมจามฮัดชิ้ว เจ็ทสกีจะคว่ำหรือเปล่า ผมตอบเขาอย่างใจเย็น จนเด็กชายวางใจ เริ่มมีความกล้าอยากขับเองขึ้นมาถึงกดสตาร์ท ความสั่นเล็กน้อยของเครื่องยนต์เรียกความตื่นตาได้มากโข

          "เทมค่อยๆ บิดนะครับ...แบบนี้...ไหนลองดูสิครับ"

          เทมบิดตามที่ผมบอก พอเห็นว่าเจ็ทสกีเคลื่อนก็พอใจ เด็กน้อยพาเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ ช้าในระดับถ้ามีเต่าเป็นคู่แข่ง ก็โดนแซงไปหลายสิบก้าว ใช้เวลาสักพักใหญ่ กว่าเทมจะกล้าบิดให้เจ็ทสกีเคลื่อนที่แรงขึ้น สายลมปะทะใบหน้า แทรกไปด้วยเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจดังคลอมากับละอองไอ เขาขับช้าสลับเร็วนิดหน่อย แต่ทุกครั้งการบิดเร่ง จะรีบหันมาบอกให้ผมระวังตกและเกาะเขาแน่นๆ เสมอ เป็นผู้ขับที่ใส่ใจผู้ร่วมทางดีมาก ก่อนคนขับจะจอดแล้วขอสลับมาเป็นคนซ้อน เพราะอยากให้ผมขับเร็วๆ และเลี้ยวเท่ๆ ให้ดู ก้อนความสุขไว้ใจผมมากกว่าตัวเอง พออยู่ด้านหลังก็เอ่ยเชียร์ร้องขอเร็วอีก เร็วอีก จนน่าขัน

          คุณหนูของตระกูลทำหน้าที่เป็นสารถีพาเขาล่องไปทั่วทะเล กอ่นได้รับรีเควสให้ขับไปหาแถวที่อาเฮียอาเจ้อยู่ พอเหล่าฝูงปลาชาโรนอฟเห็น ก็รีบแหวกว่ายมาหา แข่งปีนป่ายเบียดแย่งที่กันจนเจ็ทสกีโคลงเคลง เจ้ไก่และเฮียปลาเกาะเทมแน่น คุณป๊าคุณม้าและหย็องหย็องละความสนใจจากเรือกล้วย พยายามเข้ามายื้อแย่งที่นั่งอันน้อยนิดอีกคน จนต้องไล่ให้ไปเช่ากันเอาเอง ไม่นานก็กลายเป็นแก๊งเด็กแว้นกลางน้ำกลุ่มใหญ่ ขับไล่จับกันจนตัวแทบเกรียม เทมหัวเราะคึ่กๆ ท่าทางมีความสุขจนราวกับจะเปล่งแสงได้ เมื่อผมพาขับหนีเหล่าพี่ชายพี่สาวเหมือนพระเอกพานางเอกขับหนีตัวร้าย หนังบู๊กลางทะเลกลายเป็นหนังตลก เมื่อหย็องหย็องบิดเร็วเกินไปจนเจ็ทสกียกล้อคว่ำลง

          พอพระอาทิตย์เริ่มเหนื่อยล้า ใกล้ร่วงโรยลากลับไปนอนก็หมดเวลาสนุก ผมพาเทมมาล้างตัวก่อนกลับโรงแรม เราเล่นซนกันไปหน่อยจนเสื้อกันฝนแทบเอาไม่อยู่ จับเขาหมุนไปมา กระเบื้องเคลือบขึ้นลวดลายเล็กน้อย จดข้อความไว้ในความคิด คืนนี้ต้องให้เขาทาคาลาไมน์ก่อนเข้านอน

          "สนุกๆๆๆ มากเลยครับ เรา เรามาขี่ทุกวันเลยได้ไหมครับ เทมอยากบรื้นๆๆๆ แรงๆๆๆ แบบหมูหย็องบ้างครับ ขับหนีเฮียปลาหย็องกับเจ้ไก่หย็องฟิ้วๆๆ ฟ้าวๆๆๆ เลยครับ แล้วก็ แล้วก็ แล้วก็ๆๆๆ ไม่มีใครขับทันหมูหย็องเลยครับ เท่มากเลยครับ"

          "เทมชอบเหรอครับ งั้นเราซื้อไปไว้ขี่เล่นที่สระบ้านเราแล้วกันนะครับ ถ้ามาทุกวันเดี๋ยวจะกลับไปเรียนไม่ทัน"

          "เอา เอา เอาคันสีฟ้าได้ไหมครับหมูหย็องครับ"

          "ได้ครับ เดี๋ยวหมูดูให้นะ"

          "คุณหลวงใจป้ำเหลือหลายเจ้าค่ะ จำปาอยากได้สีช็อกกี้พิ้งค์ ซื้อให้จำปาด้วยนะเจ้าคะ"

          "คราวหลังเทมมานั่งซ้อนกับเจ้เปล่า เดี๋ยวให้หมูขับไล่ตามบ้าง"

          "โห เฮียหมูแม่งต้องขับชนเป็นรถบั๊มแน่ๆ เลยอ่ะ"

          ศึกไล่จับครั้งถัดไปถูกนัดเมื่อเจ็ทสกีเจ็ดคันใหม่ไปส่งที่บ้าน

          "เด็กๆ ล้างตัวเสร็จกันหรือยังคะ คุณป๊าคุณม้าเรียกแล้วนะคะ" คุณป้าโผล่หน้าเข้ามาเร่ง หลังเฮียเนื้อหย็องมาตามแล้วพวกเรายังเอ้อละเหยไม่เสร็จ

           "เสร็จแล้วคร้า~บบบบบบบคุณป้า"

          หย็องหย็องตะโกนตอบกลับ หลังหันหลังมาสำรวจพี่ๆ ของตัวเองที่แต่งตัวแล้วเรียบร้อย รอเจ้ไก่หย็องออกจากห้องน้ำก็ครบทีม มาถึงจุดมุ่งหมายของการมาทริปนี้ คืนนี้มีจัดงานรถไต่ถัง ห่างออกไปไม่ไกลนักยังมีงานวัดอีกด้วย คุณตากับคุณพ่อเหมือนย้อนวัยเป็นวัยรุ่น คึกคะนองกันน่าดูเมื่อเจออะไรชวนตื่นตา ทั้งสองคนยกมืออาสาสมัคร เมื่อคนขับขอให้ผู้ชมมีส่วนร่วมสนุกเสี่ยงตายด้วยกัน ทีแรกเทมก็ตื่นเต้น แต่พอเห็นว่าคุณปะป๊ากับคุณตาถูกเลือกก็กลายเป็นห่วงจนกระโจนเข้าไปเกาะแขน

          "ไม่ๆๆๆ ไม่ได้นะครับคุณปะป๊า ไม่ ไม่ได้นะครับคุณตาลักพาตัว หมูหย็องบอกว่าอันตรายๆๆๆ นะครับ อันตรายๆๆๆ เล่นไม่ได้นะครับ"

          กอปรกับคุณม้าดุสนับสนุน ผู้สูงวัยทั้งสองเลยได้เกาะราวดูกันตาละห้อยแทน จบงานโชว์ พวกผมไปเดินเล่นงานวัดกันต่อ ระหว่างทำใจลำบากกับการปฏิเสธเด็กน้อยตาแป๋วอยากขึ้นชิงช้าสวรรค์สนิมเขรอะ แมวน้อยเข้ามาถูไถต่อรองขอนั่งหมุนครึ่งรอบแล้วลงก็ได้ แต่ความไม่ได้มาตรฐานก็ทำเอาผมพยักหน้าตอบรับไม่ลง เกือบจะทำเขางอแง โชคดีระฆังง่วงนอนของเทมก็สั่นก๊องแก๊งพักยกช่วยชีวิต ผมกับคุณป้าและคุณตาขอตัวกลับโรงแรมกันก่อน ทิ้งคนที่เหลือเที่ยวสนุก ส่วนคุณยายกลับโรงแรมตั้งแต่พวกผมแว้นเจ็ทสกีกันเสร็จแล้วครับ ท่านไม่ขอร่วมดูโชว์ด้วย

          ตอนถึงเวลากลับบ้าน ค่อนข้างเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะเป็นช่วงปีใหม่ มีอุบัติเหตุทำให้ถนนติดกันยาว สามชั่วโมงแล้วยังไปได้ไม่ไกลจากโรงแรมเลยครับ ไม่มีใครอารมณ์ดีรถที่เรียงกันแน่นขนัดและเต็มไปด้วยเสียงบีบแตร เส้นทางกลับบ้านจึงถูกขยายให้ยาวขึ้นด้วยการคั่นร้านอาหารเที่ยงไว้สักที่ ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ได้มีคนคิดแบบพวกเราแค่คนเดียว ร้านอาหารดีๆ หลายร้านจึงเต็ม บางร้านไม่เต็มแต่ที่นั่งก็ไม่เพียงพอสำหรับสมาชิกครอบครัวรวมบอดี้การ์ดอีกเป็นโขยง ลงท้ายก็ต้องแยกกันทาน มีแค่แฟรงค์กี้ที่ตามพวกผมมาทานด้วยข้างนอกชั้นสาม คนที่เหลือทานด้านในชั้นล่าง

          ร้านอาหารที่มีระเบียงยื่นไปในทะเลถูกพวกผมจับจอง ความหน้ามืดอารมณ์บูด ทำให้ทุกคนสั่งอาหารมาเยอะจนล้นโต๊ะ กุ้งตัวใหญ่ ปูตัวมหึมา ปลาเนื้อสดหวาน หม้อไฟเดือดปุดส่งกลิ่นเครื่องแกงขิงข่าตะไคร้ชวนน้ำลายสอ อารมณ์ไม่ดีถูกปัดเป่าไปพร้อมลมพัด ดีที่วันนี้ฟ้ามืดครึ้มดูคล้ายฝนจะตก อากาศเย็น อาหารอร่อย เทมปุระที่นั่งติดระเบียงก็ชะโงกหน้ามองคลื่นสาดใส่ฝั่งกระทบหิน

          "เทมคัรบ อย่าชะโงกลงไปมากนะครับ เดี๋ยวจะพลัดตกลงไป"

          เห็นเขายื่นมือยื่นไม้ออกจากราวแล้วใจสั่น ต้องคอยพูดเตือนเสมอจนโดนแซวว่าเป็นคุณพ่อขี้ห่วง

          ถ้ามีเชือกในมือ ผมคงมัดเอวเด็กน้อยที่ชอบน้ำนักหนาให้แนบชิดติดที่นั่ง แต่ในเมื่อไม่มีจึงได้แต่คอยจับเก้าอี้ไม้ไม่ให้เขาขยับไปใกล้ระเบียงนัก เด็กชายเชื่อฟัง แต่ก็ยังอดชะเง้อคอไปมองไม่ได้ ทานข้าวคำ ส่องทะเลคำ สลับกับช่วยตักอาหารให้ผมและคนข้างเคียง เน้นหนักที่คุณยายที่นั่งตรงกันข้าม เทมยังนึกว่าคุณยายท่านโกรธตัวเองอยู่ จึงง้อคุณยายด้วยการตักอาหารให้เรื่อยๆ และสละของหวานขอคืนดีในทุกมื้ออาหาร ครับ คุณยายก็ยังไม่ทานอยู่ดี นอกเสียจากผมตักให้ ก็เป็นไปตามปกติ แม้ระแวกจะคราคร่ำไปด้วยผู้คนเอะอะ ตรงโต๊ะถัดไปฉลองวันเกิดให้ลูกน้อยเสียงดัง แต่ก็ดูเป็นบรรยากาศครอบครัว ผู้คนเยอะก็ดูสนุกสนานไปอีกแบบ เทศกาลช่วยลดหย่อนเส้นที่ตึงให้คลายเล็กน้อย แม้แต่คุณป๊าที่ติดความวีไอพีก็ยอมนั่งทานอย่างสงบ ทุกอย่างดูเป็นไปได้ดี

          "ก็เพราะมึงนั่นแหละ อ้าประตูเปิดกว้าง แล้วยังลืมปิดจนโดนขโมยของไปหมด"

          "โทษแต่กูได้ไงวะ กูก็ต้องเลี้ยงลูกดูลูกไหมล่ะ มึงสิเอาแต่ส่องผู้หญิงในชุดว่ายน้ำ แทนที่จะเอะใจว่ากระเป๋าตังค์หาย กุญแจโรงแรมก็เหี้ย เสือกหล่นไปไหนก็ไม่รู้ จะขอใหม่ก็ต้องใช้บัตรประชาชนยืนยัน จะให้ไปเอาที่ไหนวะ ก็บอกแม่งหายไปพร้อมกระเป๋าเงิน กูเพิ่งเช็คอินแม่งก็ไม่หยวนให้เลย ไอ้ห่าเอ้ย! กูต้องไปนอนอยู่เปลริมหาด หาโรงแรมนอนแม่งก็เต็มหมด เงินก็ไม่มี"

          "เลี้ยงบ้าอะไร กูเห็นมึงเล่นแต่โทรศัพท์นะอีนา แม่งเอ้ย พ่อมึงด่ากูอีกแล้ว ขอให้โอนเงินมาให้ก่อนแค่นี้เอง"

          "เงินเก่ามึงคืนเขาแล้วหรือยังเถอะ โอ้ย! เจมส์ อย่าเพิ่งงอแงได้ไหม แม่หนวกหู!"

          เด็กชายตบโต๊ะไม่พอใจ ตะเบ็งกรีดร้องงอแง "แม่ เจมส์จะเอาเค้ก! เอาเค้กให้เจมส์หน่อย! เจมส์จะเป่าเทียน! จะเอาๆๆๆๆๆๆ"

         
          เด็กชายอายุอานามน่าจะประมาณสิบขวบคนนั้น พยายามยืดตัวไปเกี่ยวเอาเค้กของเด็กผู้หญิงโต๊ะตรงกันข้าม ผู้ใหญ่ของอีกโต๊ะพยายามยกเค้กออกห่าง แต่เด็กชายคนนั้นนับว่ามีความพยายามเป็นเลิศ ตะโกนด่าผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นให้เอาเค้กมาให้ตนเอง ลุกออกจากเก้าอี้ก่อนกระโดดยื้อแย่ง ผู้หญิงอีกคนที่ดูท่าว่าคงเป็นคุณแม่ของน้องเจ้าของงานวันเกิด เดินไปเข้าไปบอกกลุ่มพ่อแม่วัยรุ่นให้ดูแลลูกตัวเองดีๆ คำตักเตือนทำให้อีกฝ่ายมีท่าทางไม่ค่อยพอใจนัก และยิ่งโหมกระพือความโมโห เมื่อทั้งสองคนไม่ได้ห้ามปรามการกระทำอันรบกวนผู้อื่นของลูกชาย เอาแต่ตะโกนด่าโทษกันไปมา และเริ่มลามไปด่าโต๊ะตรงกันข้าม

          "จะอะไรกันนักกันหนาวะคุณ ก็แบ่งให้ลูกผมมันเป่าหน่อยไม่ได้หรือไง คนไทยหรือเปล่าวะ แค่นี้น้ำใจก็ไม่มี"

          "ใช่ เรื่องแค่นี้ปะ เฮ้ย พวกเราดูดิ คนนี้แม่งงกกับเด็กแค่สิบขวบเว้ย กูจะไลฟ์สดให้ทุกคนดูให้หมดเลย คนแบบนี้แม่งก็มีในโลกด้วย ก็แค่เด็กไม่รู้ประสาหรือเปล่าวะ ทำเป็นเรื่องใหญ่"

          อา...เสียงตวาดแว้ด ครอบครัวที่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีส่วนไหนที่ไม่ขัดตาผม เหตุการณ์เดจาวูที่ตอนนี้เกิดขึ้นกับคนอื่น โทรศัพท์ที่ถ่ายทอดสดลงทางอินเทอร์เน็ต เหมือนกลอย้อนกลับไปเมื่อวาน เด็กผู้หญิงผมแกละเริ่มเบะปากเมื่อเค้กของตัวเองโดนเด็กผู้ชายตะปบจนหน้าเค้กเละเทะ

          "แม่จ๋า เค้กเอลซ่าของหนู ฮือออ"

          "เฮ้ย! ทำไมคุณไม่ดูแลลูกตัวเองดีๆ วะครับ นี่วันเกิดลูกสาวผมนะ ก่อนจะมาถามหาน้ำใจ มึงถามหาว่ามารยาทในตัวเองก่อนดีไหม"

          "นี่มึงด่ากูเหรอไอ้เหี้ย ปากดีอย่างนี้กูจะเอาให้เลือดกลบปากเลย!"

          "มึงด้วยนังชะนี กล้ามาด่าลูกกูว่าเด็กดื้อเหรอ กูจะตบให้ดั้งยุบเลย!"

          ผัวะ เพี๊ยะ

          เหตุการณ์ตะลุมบอนที่อยู่ด้านข้าง เริ่มลุกลามรวดเร็วยิ่งกว่าไฟไหม้กองฟาง แฟรงค์พาคุณยายลุกออกจากโต๊ะทันที แต่โต๊ะที่ห่างกันไปแค่เมตรเดียวก็ละเนละนาดจากการทะเลาะวิวาท จนชนโต๊ะตัวอื่น ขวางกั้นทางพวกผมออกไปไม่ได้ แรงสะเทือนทำหม้อไฟร้อนระอุสั่นไหว ก่อนพลิกคว่ำมาทางผมที่กำลังพยุงเด็กน้อยที่ตื่นกลัวความรุนแรงจนตัวสั่น

          เคร้ง

          เทมปุระที่เข้ามากอดซุกกับอก ผลักออกผมออกไปให้ห่าง คว้ามือออกไปจับหม้อร้อนที่เอนเอียงจะหก แล้วจับค้างเอาไว้แน่น เพื่อกันไม่ให้สายธารเดือดผล่านหกรดใส่ผม เศษเสี้ยวของน้ำร้อนกระเด็นถูกผมเบาบาง เพราะมีคนช่วยปกป้องเอาไว้

          "เทมครับ!"

          จับมือเขาสะบัดออกแล้วปัดหม้อให้ตกไปทางอื่น จับถังน้ำแข็งมาใกล้แล้วจุ่มมือเขาไปลงไปทันที ความเป็นห่วงทะลุขึ้นจนหน้ามืด ความโกรธก็ไม่ต่าง มันพัวพันกันจนแทบแยกไม่ออก

          มือเขา...มือเขาเพิ่งจะหายดีไปเมื่อไม่นานนี้เอง นี่ต้องมาเจ็บตัวอีกแล้ว...!

          "ฮึก...ฮือ...หมูหย็องครับ ทะ เอม เทม เทม เทมเจ็บ เทมเจ็บครับ ฮือ"

          เทมเริ่มร้องไห้โฮเพราะความเจ็บปวดแผล น้ำตาเม็ดโตร่วงผล็อย เสียงสะอื้นเหมือนสัตว์บาดเจ็บทำใจปริแตก ตวาดลั่นให้กลุ่มคนที่เอาแต่ตกตะลึงขยับตัว

          "เรียกรถมาเดี๋ยวนี้! ผมจะพาเขาไปโรงพยาบาล แม่งเอ้ย!...เทมครับ ชู่ว...ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไรนะครับที่รัก หมูจะพาไปหาหมอนะครับ อดทนอีกแค่แป๊บเดียวนะครับ ไม่เป็นอะไรนะครับ"

          คุณแม่ยกโทรศัพท์ต่อสายตรง เฮียเนื้อหย็องวิ่งไปหาน้ำแข็งและผ้าสะอาดมาเพิ่ม และเริ่มลงมือช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น

          "ฮัลโหล บอกการ์ดเข้ามาให้หมด แล้วเอารถมาเดี๋ยวนี้! โทรหาหมอเฉพาะทางพวกแผลไหม้น้ำร้อนลวกเอาไว้ด้วย ย้ำว่าเดี๋ยวนี้! ใครชักช้าไสหัวออกไปจากบ้านฉัน!"
 
          "ม๊า รถมาหรือยัง เอารถมาเร็วๆ มือเทมแดงไปหมดแล้ว!"

          "น้องเทมครับ ไม่เป็นไรนะครับลูก ไม่เป็นไรนะครับ"

          เสียงเย็นเยียบของคุณยายแว่วเข้ามาให้ได้ยิน "แฟรากา ปิดร้านเอาไว้ อย่าให้พวกต้นเหตุหลุดไปสักคน"

           สามนาทีต่อมาพวกการ์ดก็เข้ามาทำงาน บอกว่ารถจอดรอพร้อมอยู่หน้าร้าน ผมรีบอุ้มคนรักวิ่งไปขึ้นรถ ไม่ลืมคว้าน้ำแข็งและผ้าเย็นมาด้วย สบตากับไอ้คนหัวร้อนแล้วนึกอยากจับมันลงหม้อต้มทั้งเป็น

          ผมใจเสียเมื่อเทมร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าจะหยุด จนต้องเอ่ยเร่งคนขับ พอถึงมือหมอแล้วก็ต้องฉีดยาแก้ปวด ตรวจวินิจฉัยความลึกของบาดแผล หน้าผมซีดเซียวไม่แพ้คนในอ้อมแขน ห่วงเขาจนแทบจะกระอักตายอยู่แล้วระหว่างรอผล

          "อืม...มีตุ่มพองแล้วแผลค่อนข้างกว้าง Second degree burn ครับ... แต่ไม่เป็นไรนะครับ แผลไหม้ไม่ลึกมาก ยังไม่เป็น Deep partial-thickness นับว่าดีที่เป็นตรงฝ่ามือผิวหนากว่าส่วนอื่น และจับไม่นาน อีกทั้งปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ถูกวิธี แต่ก็...ค่อนข้างใหญ่ คงใช้เวลาราวๆ ครึ่งถึงหนึ่งเดือนถึงจะหายดี ช่วงสองสามวันแรกจะเจ็บมากหน่อยนะครับ ทานยาแก้ปวดเอา แล้วก็ต้องระวังเรื่องการติดเชื้อ...."

          ผมฟังคำอธิบายแล้วยิ่งเดือดพล่าน มองมือคนรักที่ถูกผ้าพันแผลสีขาวห่อหุ้มก็ยิ่งอยากร้องไห้ อยากแลกกันเจ็บได้ ผมจะรับทุกความเจ็บเอาไว้เอง ทำไมเทมต้องมาเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กชายตัวน้อยเพิ่งจะได้จับดินสอสีระบายเมื่อไม่นาน เจ้าก้อนความสุขของผมเพิ่งจะได้ยิ้มดีใจอีกครั้งกับสมุดภาพที่เขาชื่นชอบ ก็ต้องมารักษาตัวอีกแล้ว เด็กชายที่พอได้ยาแก้ปวด ก็เริ่มสะอื้นเบาๆ ซุกซบอยู่ตรงซอกคอผม ยื่นแค่มือไปให้หมอตรวจ แต่ไม่ยอมคุยกับใครนอกจากผมคนเดียว

          ทั้งห้องแออัดไปด้วยสมาชิกในครอบครัวที่หน้าตาเคร่งขรึม พอผลตรวจออกมาดี ทุกคนก็พรูลมหายใจอย่างโล่งอก ก่อนเริ่มมีสีหน้าโกรธเคือง แอบเห็นคุณพ่อไปคุยกับคุณยาย ได้ยินคำว่าแจ้งความก็พอเดาออก...แต่ไม่ว่าคำตัดสินจะเป็นอย่างไร ผมจะคูณสอง ไม่สิ...คูณสิบให้พวกมัน...

          "เทมครับ เจ็บมากไหมครับ"

          คนถูกถามผงกศีรษะอยู่ตรงลาดไหล่ "ฮึก...เทม เทม จ-เจ็บครับ...แล้ว แล้วหมูหย็องเจ็บไหมครับ เทมช่วยหมูหย็องไว้ได้หรือเปล่าครับ หมูหย็องไม่เจ็บๆๆๆ ใช่ไหมครับ เทมกลัวหมูหย็องเจ็บเหมือนเทมครับ"

          กระชับอ้อมกอด ลูบหลังปลอบองครักษ์สุดที่รัก "ขอบคุณนะครับ เทมเป็นองครักษ์ที่เท่ที่สุดในโลกเลยครับ เก่งที่สุด เท่ที่สุด สุดยอดมากๆ เทมปกป้องหมูไว้นะครับ หมูไม่เจ็บสักนิดเดียว"

          "งั้น งั้น งั้นเทมก็ไม่เจ็บมั่งนะครับ เทมอยากเป็นองครักษ์เท่ๆๆๆ โดนเผาบรึ้มๆๆ ก็ไม่เจ็บครับ"

          "ถึงจะเจ็บ ถึงจะร้องไห้ เทมก็เท่ที่สุดในสายตาหมูนะครับ"

          คนโดนชมผละออกจากเถาวัลย์รัดรึง ตาฉ่ำบวมขอคำยืนยัน "จริงๆ เหรอครับหมูหย็องครับ เทม เทมเท่ๆๆ เหรอครับ" แก้มนุ่มเริ่มบวมเพราะอมยิ้ม

          นิ้วโป้งแปรเปลี่ยนเป็นผ้าเช็ดหน้า ซับหยดน้ำตาคนนั่งบนตัก "เท่ที่สุดของที่สุดของที่สุดเลยครับ...ขอบคุณมากนะครับ"

          แล้วก็เบ่งบานเป็นดอกไม้แสนสวยจับตา

          กลับมากรุงเทพก็วนเข้าอีหรอบเดิม เด็กน้อยต้องหาหมอทุกวัน ทานยาหลายเม็ด วันแรกเทมนอนแทบไม่ได้  ต่างกับแผลถูกบาด  แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกนั้นปวดแสบปวดร้อนกว่ามาก เขาทรมานจากพิษแผลจนไข้ขึ้น ตัวร้อนรุม งอแง ทำเอาผมไม่ผละห่างออกจากเตียงไปไหนไกล แผนเที่ยวกับคุณตาคุณยายถูกผมหยุดพักไว้ด้านหลัง ให้คุณป๊าคุณม๊ารับหน้าแทน สองวันถัดมาเด็กน้อยถึงดีขึ้นและเริ่มไม่ค่อยเจ็บบาดแผล แต่ก็ตึงจนขยับมากไม่ได้ ดวงหน้าใสบูดบึ้งเพราะคำสั่งไม่ให้จับดินสอสีกลับมาอีกหน

          จนมาถึงวันก่อนสุดท้ายคุณยายกลับ ผมถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามี...นัดสำคัญ

          นัดที่มีคำตัดสินอนาคตรออยู่

         

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter
         
         
          ถึงจะอยากใช้เหตุผลนางฟ้าปีกบาดเจ็บเป็นข้ออ้างเลื่อนออกไป แต่การหยุดเที่ยวกับผิดนัดก็ผิดมารยาทคนละระดับขั้น ไม่ว่ายังไงก็มีแต่ต้องไป ผมไล่ต้อนคุณพ่อคุณแม่และพี่น้องคนอื่นๆ ออกจากห้อง พาคนถูกรุมล้อมเยี่ยมไข้ใส่ชุดสูทเต็มยศให้เรียบร้อย

          "ชูมือขึ้นนะครับ หมูสวมเสื้อให้"

          "ขอบ ขอบคุณครับ เรา เราจะไปไหนเหรอครับหมูหย็องครับ"

          "ไปทานอาหารค่ำบอกลากับคุณตาคุณยายครับ พรุ่งนี้ท่านก็จะกลับกันแล้ว"

          "กลับ กลับแล้วเหรอครับ บ๊ายบายๆๆๆ แล้วเหรอครับ แต่ว่าๆๆๆ แต่ว่าคุณยายยังไม่หายโกรธเทมเลยนะครับหมูหย็องครับ อยู่นานๆๆๆ อีกนิดหน่อยเยอะแยะๆๆๆ ไม่ได้เหรอครับ"

          หัวเราะในลำคอให้เด็กน้อยที่คิดไปเองเป็นตุเป็นตะ เรื่องคุณยายงอนที่พูดจาเหมือนไปต่อว่าท่าน คุณยายไม่ได้โกรธอะไรเลยครับ คุณยายท่านแยกแยะได้ว่าคนพูดพูดด้วยเจตนาไหน  และที่จริง...วันนี้มีเรื่องหนักหนามากกว่านั้นที่น่ากังวล สองสามวันได้ความไม่สบายของเทมเบี่ยงความสนใจผมไปกองรวมที่สุขภาพเขาจนสิ้น พอตื่นมารับรู้ถึงกำหนดการก็แทบไม่อยากลุกออกจากผ้าห่ม ความเครียดเล่นงานทำเอาเมื่อคืนนอนแทบไม่หลับ ช่วงเวลาเผชิญหน้ามาถึงไวเกินไปแล้ว...

          "อยู่นานๆ คงไม่ได้นะครับ คุณตาคุณยายยังทำงานกันทั้งคู่ โดดงานมานานๆ คงไม่ดี ...คืนนี้เทมลองง้อคุณยายดูอีกรอบนะครับ คุณตาชอบดื่มไวน์ ส่วนคุณยายท่านค่อนข้างจะชอบพวกผลไม้ ลองตักให้ท่านดูนะครับ ...ไหนครับ...โอเคครับ หล่อมาก"

          ชุดสูทวันนี้ค่อนข้างเป็นทางการและหรูหราไม่น้อย จากเหตุการณ์อาหารไทยพลิกคว่ำ คุณตาก็รู้สึกเข็ดขยาดกับหม้อไฟจนขอเปลี่ยนแผน ผมก็เห็นดีเห็นงาม ระยะนี้งดอะไรร้อนๆ ให้เห็นแล้วรู้สึกคิ้วกระตุก หงุดหงิดในใจไปก่อนเสียดีกว่า ค่ำคืนนี้เราเลยนัดกันไปทานอาหารอิตาเลียนแทนครับ โชคดีที่ผมเผื่อแผนสำรองเอาไว้ ห้องอาหารชั้นบนสุดของตึกที่สูงที่สุดในประเทศเลยยังวางรอพวกเราไปใช้บริการ

          "หมูหย็องก็หล่อมากๆๆๆ เลยครับ...หมูหย็องเป็นอะไรเหรอครับ ไม่สบายๆๆๆ เหรอครับ"

          ผมเผลอยืนนิ่งจ้องหน้าเขาเนิ่นนาน ในหัวคิดสะระตะถึงอนาคตเบื้องหน้าหลังคำตัดสิน คิดไม่ออกว่าหากถูกจับแยกกัน ผมจะมีชีวิตแบบขาดเขาได้ยังไง ไม่สิ้นลมในชั่วเสี้ยววินาที ก็คงทรมานชั่วกับชั่วกัลป์ อันที่จริงผมว่าข้อแรกมีความเป็นไปได้มากกว่า เพราะชีวิตผมคงไม่ยืดยาวได้นานขนาดนั้นถ้าไม่มีเขาอยู่ข้างกาย...ผมไม่แข็งแกร่งพอขนาดใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีเขา

          สอดแขนเข้าไป ดึงให้มาแนบชิด สูดกรุ่นกลิ่นแสนรักใคร่ "ไม่มีอะไรครับ แค่อยากให้เทมกอดหมูแน่นๆ"

          "กอดๆๆๆ กอดแน่นๆๆๆ นะครับ เดี๋ยวกลับมากอดต่อได้ไหมครับหมูหย็องครับ ถ้าสายๆๆๆ ไปสายๆๆ แล้ว แล้ว แล้วจะคุณยายจะโกรธๆๆๆ หมูหย็องอีกคนนะครับ เทมไม่อยากให้คุณยายโกรธหมูหย็องนะครับ"

          "ต้องกลับมากอดกันอีกนะครับ กอดกันทุกวันเลย"

          "กอดหมูหย็องทุกวันเลยครับ"

         ระหว่างลงบันไดไปขึ้นรถตู้ประจำตัว ก็รู้สึกคล้ายตัวเองเป็นเดารานักร้องที่เพิ่งลงจาเวทีคอนเสิร์ต เมื่อคุณป๊าคุณม๊า คุณป้า และทุกคนยืนรอรับพร้อมกล้องในมือ เทมตาโตก่อนยิ้มตาหยี แอคท่าชูห้านิ้วใส่กล้องเพราะกำมือไม่ได้

          "ถ้าคุณยายทำอะไร รีบโทรมาบอกป๊าเลยนะลูก หรือถ้ามีคนบุกมาหิ้วตัว วิ่งขึ้นชั้นบนสุด ไปด่านฟ้าเลย ป๊าสั่งเฮลิคอปเตอร์บินวนคอยช่วยเหลือตลอดเวลา ป๊าเตรียมเครื่องบินออกนอกประเทศไว้ให้แล้วด้วย"

          "ใช่ ลูกคนข้างบ้านต้องสู้นะคะ! ถ้าถูกดุหรือถูกว่า ฮึบแล้วดึงหมูหย็องออกมาเลย คุณปะป๊ากับุคณหญิงแม่อนุมัติซะอย่าง ใครก็มาห้ามเราสองคนคบกันไม่ได้ ไม่ลูกน้องเมย์เป็นสะไภ้ บ้านนี้ก็ไม่ต้อนรับใครแล้วค่ะ!"

          "เทมมาใกล้ๆ เจ้สิ ตบแป้งหน่อย วันสำคัญจะหน้าโทรมไม่ได้"

          "น้องเทมครับลูก ทำตัวดีๆ นะครับ อย่าทำให้น้องหมูหย็องลำบากใจ แล้วอย่าดื้อให้คุณตาคุณยายดุนะครับ ผักต้องทานนะครับรู้ไหม ห้ามเขี่ยผักให้คุณตาคุณยายเห็นนะครับ"

          "งั้น งั้น งั้นแอบเขี่ยได้ไหมครับคุณแม่ครับ"

          แล้วก็กลายเป็นฮาครืนกันไป เมื่อเด็กชายแก้มนุ่มถามตาเสียงซื่อตาใส ความอบอุ่นอบอวล กำลังใจเต็มหลอด ขาที่ต้องก้าวไปข้างหน้าไม่ได้หนักอึ้งเหมือนเมื่อครู่ ผมส่ายศีรษะกับการอวยพรประหลาดๆ ของเหล่าพี่ชายน้องชายพี่สาวที่พยายามช่วยให้ผ่อนคลาย ก่อนก้าวขึ้นรถด้วยฝีเท้าที่มั่นคง

          การทานอาหารร่วมกันไม่ได้ติดขัดเหมือนช่วงแรกที่เทมพบญาติผู้ใหญ่ทั้งสอง มุกตลกฝืดๆ ของคุณตาก็ช่วยให้ร้านอาหารกว้างที่ถูกจองทั้งร้านไม่เงียบจนน่าขวัญผวานัก เสียงไวโอลินสีเป็นเพลงบรรเลงไพเราะเสนาะหู และสมเป็นร้านอาหารห้าดาว ทุกอย่างออกมาปราณีตตั้งแต่บริกรจนถึงเมนูอาหาร แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงรสชาตินัก แตกต่างกับเคี้ยวกระดาษอย่างไรก็ไม่มีความเห็นต่าง แม้ภายนอกจะดูนิ่งขรึม แต่ในใจก็หวั่นเกรงไม่น้อย สบตากับหญิงชราที่วันนี้เหมือนกลับสู่โลกความเป็นจริง แล้วยิ่งให้รู้สึกหายใจยากลำบาก

          เพราะมือเทมเจ็บ คุณตาจึงยอมอ่อนข้อให้เด็กชายฟ้าประทาน ไม่ต่อว่าเรื่องการจับช้อนส้อมที่กระดกไปมาจนโต๊ะเปื้อน มือที่จับช้อนข้างไม่ถนัดดูกลมป้อมคล้ายมือของตัวละครที่เด็กชายชื่นชอบ ลอบมองแล้วความเอ็นดูก็เต็มตื้นหัวใจ

          "ไม่อร่อยหรือดิมิทรี"

          ท่านเอ่ยถามเมื่อเห็นผมทานไปได้เพียงนิดเดียว

          "อร่อยครับ...คุณยายรับอะไรเพิ่มไหมครับ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องเห็ดทรัฟเฟิล มีของหวานพิเศษที่ทำจากเห็ดด้วย เป็นพานาคอตต้า หรือจะรับของหวานเป็นไอศกรีมก็มีนะครับ"

          คุณยายตอบรับด้วยการวางผ้าเช็ดปาก ขยับช้อนไปวางไว้เหนือจาน บอกทางอ้อมว่าท่านอิ่มแล้วพร้อมจบมื้ออาหาร ไร้เสียงช้อนส้อมกระทบจานก็มีเพียงเสียงเพลงคลอ คุณตาเห็นความเงียบที่ยืดยาว ดังนั้นอดีตเอกอัครราชทูตจึงช่วยพูดขัดบรรยากาศอึดอัด

          "หลานเลือกร้านได้ดีดิมิทรี คาเวียร์ที่นี่ก็ใช้ได้นะ แต่ก็ไม่อร่อยเท่าบ้านเรา"

          "ที่ๆๆๆ คุณปะป๊าคุณมะม๊าหิ้วมาฝากใช่ไหมครับ อร่อยๆๆๆ เทมชอบทานกับอโวคาโดมากๆๆๆ เลยครับ"

          "หืม...รสนิยมการทานเราดีเหมือนกันนี่น่า ตาก็ชอบอโวคาโดเหมือนกัน แต่ยังไม่เคยลองทานพร้อมกัน ฟังแล้วน่าอร่อย ไว้กลับไปจะลองเอาไปทำดูนะ"

          "แต่เทมชอบราดใส่นมข้นหวานที่สุดเลยครับ เค็มๆๆๆ กับหวานๆๆๆ เมล็ดไข่ปลาเป๊าะแป๊ะๆๆๆ"

          คุณตาสำลักไวน์เล็กน้อย ก่อนหลุดหัวเราะร่วนจนตาคมหยีลง "ตากลับคำทันไหมล่ะเนี่ย"

          "เฮียปลาหย็อง เฮียปลาหย็องก็บอกว่าอร่อยนะครับ แต่ว่า แต่ว่าทำให้คุณมะม๊าเห็นไม่ได้นะครับ คุณมะม๊าไม่ชอบ บอกว่าทำคาเวียร์เสียของหมดครับ"

          พนักงานมาโค้งตัวสอบถามถึงเครื่องดื่มล้างปาก ผมสั่งเป็นชาดอกไม้ให้คุณยาย และม็อกเทลให้คุณตา พอถึงตาตัวเอง เด็กน้อยก็ยกมืออาสาขอสั่งให้ "ของ ของหมูหย็องเอาอเมริกาโน่เย็นแบบดีแคฟครับ ไม่เอา ไม่เอาคาเฟอีนนะครับ จะได้นอนหลับสบาย แล้วก็ๆๆ ไม่เอาน้ำเชื่อม ไม่เอานมครับ ใส่น้ำแข็งนิดหน่อยๆๆๆ ไม่เอาเยอะแยะๆๆๆ นะครับ เอาแค่เย็นๆๆๆๆ เฉยๆๆ ครับ ขอบ ขอบคุณครับ"

          เด็กชายกระตือรือร้นช่วยสั่งอย่างรู้ใจ

          "ขอบคุณครับ เทมอยากดื่มอะไรเพิ่มไหมครับ อยากทานขนมเพิ่มหรือเปล่า?"

          "เทม เทมอิ่มมากๆๆๆ เลยครับ"

          ยิ้มมองคนอิ่ม ยิ่งแอบเห็นกระดุมที่ถูกปลด หรือหลุดเพราะพุงป่องๆ ขององค์ชายน้อยก็ไม่รู้ จนต้องกลั้นยิ้มกลั้นหัวเราะด้วยกลัวเสียมารยาท

          "งั้นแค่นี้ครับ ขอบคุณมากครับ"

          "ได้ครับ รบกวนรอสักครู่นะครับ กระผมจะรีบนำมาให้"

          คุณยายหันไปมองคุณตาเล็กน้อย สัญญาณเล็กๆ ที่ผมรับรู้ว่าในที่สุดก็มาถึงแล้ว

          "เทมพาตาไปห้องน้ำหน่อยเร็ว แก่แล้วจำทางไม่ค่อยได้ ตากลัวจะหลงเอา"

          "แต่ แต่ แต่ว่าเทมก็ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ไหนนะครับคุณตา เทม เทมไม่มีแผนที่ด้วยนะครับ เราไปขอแผนที่กันก่อนดีไหมครับ จะได้ไม่หลงทางไปหาห้องน้ำนะครับ"

          "แต่ตารู้ เราไปเป็นเพื่อนตาก็พอแล้ว มามา"

          "อ๋อๆๆๆ โอเคๆๆ ครับ หมูหย็องครับหมูหย็อง เทมพาคุณตาไปห้องน้ำนะครับ คุณยายครับคุณยาย เทมพาคุณตาไปห้องน้ำนะครับ ถ้า ถ้าเทมกับคุณตาหลงไปรับด้วยนะครับ"

          "...ครับ"

          เผลอเอื้อมมือไปคว้าข้อมือคนที่ลุกออกไป เทมเอียงคอถามสงสัย แต่ผมก็ไม่กล้าปล่อย กลัวเขาจะหายไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย จ้องเขาอย่างหวาดหวั่น จนได้เสียงเย็นเตือนสติ "ดิมิทรี"

          "...ขอโทษครับ..." เอ่ยขอโทษสำหรับการแสดงกิริยาไม่สมควร แต่ก็ไม่วายกำชับเสียงเบา "...เทมรีบไปรีบมานะครับ"

          "เทม เทมจะรีบไปรีบมานะครับ จะพยายามจำทางไว้นะครับ จะได้ไม่หลงๆๆ"

          พอไม่มีคุณตาและเด็กชายแก้มนุ่ม ค่ำคืนนี้ก็เหลือเพียงเสียงของเครื่องดนตรีเป็นจังหวะ พร้อมใจที่ลุ้นระทึกยิ่งกว่าตอนเกรดออกหรืออะไร หลังสิ้นสุดเสียงรินน้ำชาหยดสุดท้าย คุณยายยกขึ้นจิบก่อนใช้สายตาคมกริบมองผมตรงๆ ไม่หลบเลี่ยง

          "หลานเก็บอารมณ์ไม่อยู่เลยนะดิมิทรี เกร็งจนจับผิดได้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา ....หลานกำลังจินตนาการภาพยายเป็นตัวร้ายอยู่งั้นหรือ"

          "ผมขอโทษครับ แต่ว่า...กับผม....ตั้งแต่ยังเด็กคุณยายก็เป็นฮีโร่ เป็นมาเสมอ และจะเป็นตลอดไป...แต่กับคนอื่น กับคนที่ตอนนี้ยังเป็นคนอื่น..."
         
          กับคนอื่น ความเวทนาสงสารก็เป็นเรื่องเล่าในนิทานที่ไม่มีจริง ฮีโร่ก็เป็นแค่ภาพลวงตา และคำว่าตัวร้ายคงน้อยเกินไป

          ท่านยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่อ่านไม่ออกเหมือนแววตาสีฟ้าเข้ม "แต่เขาไม่ใช่คนอื่นสำหรับหลานใช่ไหม"

          คล้ายเสียงของไซเรนก่อนล่มเรือข้ามมหาสมุทร คำถามเกริ่นนำก่อนเกิดสงคราม

          "ครับ...เขาเป็นคนรักของผม เป็นคนที่ผมตัดสินใจจะอยู่ด้วยชั่วชีวิต"

          ท่านวางแก้วน้ำชาลง มือประสานบนตัก

          "ถ้ายายไม่ยอม...หลานจะทำยังไง"

          ตรงประเด็นและกระชากลมหายใจให้ขาดห้วงไปหลายวินาที ลอบสำรวจมองว่านั้นแค่เป็นคำถาม...หรือว่า...คำตอบ

          ดีที่มันเป็นแค่เพียงคำถามหยั่งเชิง สูดหายใจลึก ไม่คิดปิดบัง เพราะการพูดปดโกหกหญิงชราตรงหน้า ก็เหมือนการแหวกท้องออกแล้วบอกไม่มีเครื่องในอยู่ในนั้น ความจริงเป็นสิ่งที่ท่านควานหาและกุมมันไว้ในมือตลอดหลายสิบปี ลับลึกลับ ลับสุดลึก ก็เหมือนตื้นเขินเพียงปลายนิ้ว

          "...ผมคิดไว้หลายอย่าง แต่ถ้าคุณยายเอาจริง...ไม่ว่ายังไงผมก็หนีคุณยายไม่ได้ และผมก็สู้ตรงๆ ไม่ไหว...แต่ผมจะขังคุณยายเอาไว้ครับ ผมจะทำให้คุณยายกลายเป็นศัตรูของรัฐบาล ไม่มีแขนขาคอยช่วยเหลือ เป็นกบฎ เป็นคนขายชาติที่ปล่อยข้อมูลออกไป ผลลัพธ์แน่นอนว่ารุนแรง และผมจะเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ผมจะยังคงมีความสุขและอยู่ต่อไปได้ แต่ถ้าไม่มีเทม...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณยายครับ"

               คำกล่าวเตือน ทุกถ้อยคำไม่ได้เอ่ยด้วยความโลเลหรืออ่อนน้อมอย่างทุกครั้ง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยการเอาจริง... ในสนามนี้ ผมจะไม่อ่อนข้อให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น และคำสอนที่ปีศาจเฝ้าบอก คือหากจะลงมือ ต้องลงมือให้เด็ดขาดไม่เหลือรากให้เติบโต

          ท่านไม่ได้ตื่นตระหนกกับยามได้ฟังแผนแสนร้ายกาจที่อกตัญญูอย่างยิ่ง แต่รับฟังอย่างสงบ ริมฝีปากที่มักเรียบเป็นเส้นตรงยกขึ้นเล็กน้อย  บรรยากาศรอบตัวดูผ่อนคลายคล้ายยามท่านอารมณ์ดี ท่าทางตอนนี้ของดาเลีย แอนเหมือนกำลังได้ฟังหลานชายบอกว่าได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ไม่ใช่แผนล่มสลายเกียรติยศของตนเอง

          "ยังไม่ใช่ไพ่ทั้งหมดที่หลานมีไม่ใช่หรือ"

          รอยยิ้มของคุณยายทำเอาผมหนาวเหน็บและคำถามของท่านก็ไม่ต่าง เผลอกำมือแน่น ความลับของผู้ครองมหาความลับนั้นยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าอภิมหาความลับ เป็นเรื่องราวที่ยามได้รู้ครั้งแรกถึงกับหน้าไร้เฉดเลือด น้ำลายเหนียวหนืดในคอทำให้พูดออกไปอย่างยากลำบาก แต่ความกดดันที่ดาเลีย แอนแผ่ออกมาก็ทำให้ต้องสารภาพออกไป

          "ผม...รู้ความสัมพันธ์ของคุณยายกับเขาคนนั้นครับ เขาคนนั้นที่ไม่สมควรรัก...คนที่ไม่สมควรอาจเอื้อมมากที่สุด เป็นความลับที่ถ้าปูดออกไป ชาโรนอฟคงไม่เหลือแม้แต่ในอดีต"

          ท่านหลับตาลง คล้ายจมจ่อมลงไปในอดีต หวนคืนไปสู่ภาพความทรงจำอันยาวนานและห่างไกล กลับไปในภาพถ่ายและจดหมายเก่าสีซีดเหล่านั้น ตัวอักษรถักทอถ้อยคำแสนหวาน ผมไม่แม้แต่จะคาดคิดหรือจินตนาการภาพฝันออกได้ว่าคุณยายจะเขียน วันนั้นผมเพิ่งรู้ ปีศาจก็มีหัวใจ แต่หัวใจดวงนั้นกลับไปอยู่ในมือของคนที่ไม่สมควรที่สุด...ชื่อที่ลงท้ายทำเอากระดูกในกายหดตัวด้วยความหวาดหวั่น เลือดในกายเย็นเฉียบ

          หัวใจของปีศาจที่อยู่ในมือของสามีเพื่อนสนิทของตัวเอง คนที่อยู่บนจุดสูงสุดคนนั้น

          ท่านลืมตาขึ้นเชื่องช้า ก่อนผุดรอยยิ้มอ่อนโยนที่หายากเสียยิ่งกว่าปาฏิหาริย์

          "หึหึหึ...ดี ดีมาก ความเลือดเย็นเด็ดขาดที่เฝ้าสอนสั่งประจักษ์ตาก็วันนี้ หลานสมแล้วที่ยายเลี้ยงดูมา ถ้าเป็นพวกโลเลไก่อ่อนไร้น้ำยา ยายคงทนไม่ได้"

           "...ผมขอโทษนะครับ..."

          ขอโทษที่รับรู้และกล้าใช้มันเป็นเครื่องมือ

          ผมโค้งตัวลงจนศีรษะเกือบแนบกับโต๊ะ แต่ก่อนจะสัมผัสกับแผ่นหินแข็งกระด้าง ก็ได้รับมือที่แตะลงมาเบาบางหยุดไว้เสียก่อน

          "อย่าขอโทษ มันไม่จำเป็น ...ถ้ากลับกัน มีคนจะมาพรากหลานไปแบบยายไม่ยินยอม...ต่อให้เป็นหน้าไหน ยายก็คงใช้ทุกวิถีทางเหมือนกัน ...รู้ไหมดิมิทรี เราสองคนมีหลายอย่างที่คล้ายกัน หลายอย่างที่เหมือนกันจนน่าขัน โดยเฉพาะในส่วนนั้น ส่วนที่รักเดียวใจเดียวจนน่ากลัวนั้นก็ด้วย...ต่อให้ยกคนมาทั้งโลกเราก็ไม่เกรง เพราะสิ่งที่เรากลัวที่สุดคือคนที่เรามอบหัวใจให้ เมื่อมีที่หนึ่ง...ที่สองก็ไม่สำคัญ"

          ผมลุกออกจากเก้าอี้ อ้อมไปคุกเข่าต่อหญิงชราที่เป็นครอบครัวอันดับหนึ่งสำหรับผมเสมอมา จับมือเหี่ยวย่นขึ้นแนบแก้ม สบตาท่านอย่างเปิดเผยและอ้อนวอน

          "ผมรักคุณยายครับ ผมรักคุณยายมาก คุณยายเป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นอาจารย์ เป็นคนสำคัญสำหรับผมอย่างที่สุด ผมเคารพและชื่นชมคุณยาย ทุกคำสั่ง ทุกคำสอน ผมเชื่อฟังและปฏิบัติตาม แต่ไหนแต่ไร ก็พยายามที่จะให้คุณยายยอมรับ เพราะการได้รับความรักจากคุณยายคือสิ่งที่ผมภาคภูมิใจ ที่วันนี้ผมขอร้องให้คุณยายยอมรับเทม ยอมรับเรื่องราวของผมกับเขา ไม่ใช่เพราะอำนาจของคุณยาย แต่ผมแค่อยากให้คนที่ผมรัก...ยอมรับคนที่ผมรักอีกคน...คุณยายครับ... เขาเป็นดิมิทรีของผม"

          ชื่อดิมิทรีที่คุณยายตั้งให้
          โลกของคนรัก เป็นโลกทั้งใบของคนที่รัก

          "เขาเป็นโลกทั้งใบของผม"


          คุณยายเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำชาก่อนลูบขอบแก้วหมุนวนคล้ายไม่รับรู้สิ่งใด ใบหน้าที่เย็นชาเป็นน้ำแข็งนิ่งเฉย คิดไม่ออกว่าท่านคิดเห็นอย่างไร ความเงียบกัดกินจนปวดหน่วงในอก

          มือที่ลูบหยุดนิ่ง เชยคางผมให้สบตา


ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter


           "ในฐานะผู้นำตระกูล...เขาไม่มีความเหมาะสม"

          เผลอขบกรามแน่น เนื้อตัวเกร็งขึ้นมา ในหัวแล่นไปด้วยความกลัวถึงขีดสุด

          "ทั้งเป็นผู้ชาย ทั้งไม่สมประกอบ ดิมิทรีของหลาน...เป็นคนธรรมดายังไม่ได้ด้วยซ้ำ"

          ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แก้มผมเจิ่งนองไปด้วยความเสียใจที่เปียกชื้น ความผิดหวังก่อตัวเป็นหินแหลมคมทิ่มแทงไปทั่วร่างจนแทบทรุด

          "พ่อแม่หรือก็ดูไม่ได้เรื่องกันทั้งคู่ โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ ทั้งเป็นคนที่ใช้ชีวิตล้มเหลว ติดเหล้าติดการพนัน ทำร้ายลูกและภรรยา ฝั่งคนเป็นแม่ก็เป็นหญิงสาวที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง เชื้อสายก็แสนธรรมดา ส่วนผสมออกมาน่าเศร้านัก คนลูก...ไหนจะนิสัยใจคอขี้แง ช่างกลัว อ่อนแอ ด้อยค่า ด้อยปัญญา พึ่งพาไม่ได้ ไม่ได้เรื่องได้ราว จะพูดให้ตรงก็คือกระทั่งดูแลตัวเองก็ยังไม่มีความสามารถพอเสียด้วยซ้ำ ในอนาคตไม่ต้องถามถึงการทำงาน แค่เรียนจบไหมก็ยังไม่รู้ พูดจากันให้รู้เรื่องยังยากลำบาก ไม่ใกล้เคียงมาตรฐานที่ต่ำที่สุดด้วยซ้ำ เป็นเพียงภาระฉุดรั้งที่มีลมหายใจ"

          ท่านเงียบลง ดวงตาสีฟ้าดูเข้มขึ้น ประกายแสงในนั้นประกาศกร้าวอย่างมั่นใจในประโยคที่เอ่ย

          "ไม่คู่ควรกับหลานสักอย่าง"

          ถ้อยคำร้ายกาจตัดรอนหัวใจผมออกเป็นชิ้น กับคนอื่น ถ้อยคำนี้เป็นเพียงลมพัดผ่าน ไม่มีผลต่อความรู้สึกอันใดนอกจากจุดระเบิดโทสะ แต่เมื่อเป็นคนที่เคารพรัก มันก็ยิ่งกว่าอาวุธชนิดไหน ...เจ็บกว่ามากและโกรธกว่ามาก ผมหลับตากำหมัดแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์  ไม่อยากมองหน้าปีศาจใจร้ายอีกต่อไป

          "ถ้านั่นเป็นคำตอบของคุณยาย...อภัยให้ผมด้วยครับที่ผมเห็นต่าง"

          ความเสียใจบิดมวลในท้องก่อนทะลักทลายออกมาเป็นความโกรธ เผลอขึ้นเสียงใส่คนที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะโต้เถียง น้ำคำของหญิงชราไม่ต่างกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมเฝ้าทำตามคำแนะนำของท่านมาตลอด ทุกคำพูดทุกคำสั่งของคุณยายถูกผมนำมาปรับใช้ และยึดถือเป็นแนวทาง แต่มีแค่เรื่องนี้เท่านั้น มีเรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้อง วาจาแง่ร้าย คำสั่งแยกห่าง ผมไม่คิดจะเก็บมาเป็นกรอบปฏิบัติ

          "ไม่สมประกอบก็แล้วยังไงล่ะครับ... ในเมื่อเทมไม่จำเป็นต้องฉลาดหรือเก่ง เพราะเขามีผมที่ทั้งฉลาดและเก่งกาจอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งหรือแข็งแกร่ง เพราะผมทั้งเข้มแข็งและแข็งแกร่ง เขาจะอ่อนแอ ไม่ได้เรื่อง ก็ไม่เป็นอะไร เพราะผมจะปกป้องและดูแลเขาเอง เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็น เพราะผมทำได้ทุกอย่าง ทำไมเขาต้องทำงาน ในเมื่อผมรวยพอจะเลี้ยงเขาไปได้เป็นแสนปี ผมไม่ต้องการคนช่วยทำงาน ในเมื่อผมจ้างเลขาได้เป็นร้อยคน ผมไม่ต้องการคนเก่ง ไม่ต้องการคนฉลาด ไม่ต้องการก้อนเนื้อที่มีสายเลือดสูงศักดิ์ พวกดาษดื่นพวกนั้น...แค่ออกไปหาที่ไหนก็เจอ"

          "ความเหมาะสมที่คุณยายพูดถึง มันก็แค่สิ่งที่พวกทิฐิหลงตัวเองว่าวิเศษวิโสกว่าคนอื่นสร้างมาตีกรอบ แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าผมสร้างกฎความเหมาะสมขึ้นมาเอง ในโลกของผม ในกฎของผม  ไม่มีใครเทียบกับเขาได้ เขาพิเศษที่สุด เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด สวยงามและล้ำค่ากว่าสิ่งอื่นใด ถ้าให้มองในมุมของผม ไม่ใช่เขาไม่คู่ควรกับผม แต่เป็นผมต่างหากที่ไม่คู่ควรกับเขา"

          หยุดหอบก่อนยืนนิ่ง

          "ทุกส่วนที่คุณยายพูดมาคือส่วนที่ผมรักเขาทั้งหมด เป็นข้อดีทั้งสิ้นไร้ซึ่งข้อตำหนิ...และต่อให้เป็นคุณยาย ผมก็จะไม่ยอมให้มาพูดถึงคนรักของผมแบบนี้...ต่อให้ต้องเสียอะไรไปก็ตามที ขออภัยกับความเสียมารยาทอีกครั้ง ผมขอตัวก่อนนะครับ"

          แผ่นหลังเหยียดตรง โค้งตัวทำความเคารพ แล้วหันหลังเดินออกมา

          "ดิมิทรี"

          เสียงเย็นเอ่ยดุดันและเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจ น้ำเสียงที่ท่านใช้ยามดุผมเมื่อทำตัวผิด มันคุ้นเคยมากพอให้ผมชะงักอัตโนมัติ

          "กลับมานั่ง และฟังยายพูดให้จบ"

          "ถ้าคุณยายจะพูดอะไรถึงเขาในทางไม่ดีอีก...เพียงพอแล้วครับ แต่ถ้าคุณยายอยากให้ผมออกจากตระกูล ขอเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผมจะไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้"

          "...ดิมิทรี มิคัล ชาโรนอฟ หลานหยุดเดี๋ยวนี้!"

          ท่านลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงหน้าชราไร้ความนิ่งเรียบ แต่อาบไล้ไปด้วยความโกรธ หมดสิ้นซึ่งการควบคุมอารมณ์ ตวาดเสียงดังอย่างที่ไม่เคยได้ยิน มันดังก้องห้องอาหาร ใบหน้าโมโหจากภูเขาน้ำแข็งและปีศาจแสนเย็นชาไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคย คล้ายกับท่านทนฟังไม่ได้อีกต่อไป

          "กลับมานั่ง"

          ผมยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แม้จะแทบทนความกดดันจากคุณยายไม่ได้ก็ตาม

          ดวงตาสีฟ้าเย็นเฉียบออกคำสั่งเด็ดขาด "...ความปลอดภัยของเขา หลานไม่สนใจหรือยังไง"

          เผลอตวาดดวงตาแข็งกร้าวไม่แพ้กัน "ห้ามแตะต้องเขา!"

          "หยุดขึ้นเสียงใส่ยาย และกลับมานั่ง สองครั้งก็มากเกินพอ...ยายจะไม่พูดย้ำอีกเป็นครั้งที่สาม"

          สีฟ้าต่างวัยสบประสาน มือของหญิงชราจับแตะโทรศัพท์ ความเป็นรองเพราะไร้คนรักอยู่ในสายตาทำให้สุดท้ายฝีเท้าที่เดินออกห่าง ก็ต้องก้าววกกลับเข้าไปนั่งตามเดิม บนไหล่หนึกอึ้ง ฟันขบกัดกันแน่น เริ่มห่วงเด็กชายที่ป่านนี้ยังไม่กลับมาจากการพาคุณตาไปเข้าห้องน้ำสักที

          ปล่อยความเงียบให้ออกมาวิ่งเล่นอีกหน ถ้าคำตอบของคุณยายคือคำว่าไม่ ผมก็ไม่มีเรื่องจะพูดคุยด้วยอีกต่อไป

          หญิงชราพรูลมหายใจ

          "นี่หลานเป็นวัยรุ่นใจร้อนไร้การสั่งสอนหรือยังไง เรากลายเป็นเด็กควบคุมตัวเองไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

          "...ขอโทษครับ"

          "ไม่ทันไร เขาก็กลายเป็นจุดอ่อนที่แค่แตะโดน หลานก็สิ้นความใจเย็น เกราะป้องกันร้าวง่ายแค่เพียงคำพูดยังนิ่งทนไม่ได้ ในอนาคตถ้าเกิดมีคนจับเขามาใช้ต่อรอง จะทำอย่างไร"

          "ไม่ใช่ใครก็ได้ครับ"

          "หลานกำลังเถียงกับความจริง"

          "ถูกครับที่ผมโกรธทุกคนที่พูดถึงเทมไม่แง่ไม่ดี แต่คนที่ทำให้ผมเสียใจจนเป็นแบบนี้ได้...ก็มีแค่คนที่รักและเคารพมากเท่านั้น"

          ผมกระพริบตาไล่หยดน้ำที่คลอหน่วย ไม่อยากร้องไห้ให้ท่านสมเพชไปมากกว่านี้ ผ้าเช็ดหน้าตราสัญลักษณ์เหยี่ยวถูกยื่นส่งมาให้ ผมรับไว้ก่อนกำแน่น นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นตรานี้ก็เป็นได้ใครจะรู้ คุณยายคล้ายเดาความคิดผมออก ท่านเอ่ยเสียงเย็นเนิบนาบ

          "ไม่ว่าอย่างไรหลานก็เป็นชาโรนอฟ ไม่มีสิทธิ์เลิกเป็นเพราะยายไม่อนุญาต"

          ท่านหลับตาลงอีกหน ก่อนลืมตาสบประสานแบบไม่ปิดบังความรู้สึกภายในลูกแก้วใส

          "ยายไม่ชอบเขาเลยสักนิด ไม่อาจยอมรับความไร้เดียงสาที่เป็นดาบสองคม ไม่อาจยอมรับการที่เด็กน้อยที่ยายเฝ้าดูแล ได้คนรักที่ต่างศักดิ์กันจนเกินไป ระดับความแง่ร้ายที่ยายคิดเอาไว้เมื่อหลานก้าวออกจากคฤหาสน์ คือท้องก่อนแต่งเหมือนแม่ของเรา ไม่ใช่ความรักแบบผิดเพศ รักกับคนพิการ มันทำใจแทบไม่ได้ ยายเลี้ยงเรามาแบบดีพร้อม ต่อให้ไม่นับในด้านความไม่เหมาะสมหรือตามกฎเกณฑ์ที่ใครตั้ง และนับการที่เขาพร้อมละทิ้งชีวิตตัวเองหากเพื่อปกป้องหลาน ก็ยังมีหลายข้อโต้แย้งที่ทำให้ยายนึกเอ็นดูเขาไม่ลง"

          ก้อนสะอื้นจุกในลำคอ ลมหายใจติดขัด อยากวิ่งหนีออกไปไม่รับฟังต่อ แต่ความปลอดภัยของเทมก็ทำให้ผมต้องนั่งหลังตรง ห้ามความเสียใจที่พรั่งพรู การที่ท่านเผยความรู้สึกให้อ่าน ยิ่งทำร้ายใจผมหนัก เพราะทุกคำคือความจริงแม้ไม่มีเรื่องตระกูลเข้ามาข้องเกี่ยว ท่านก็ยังคงไม่ชอบเทมแม้แต่น้อย มองตรงไปเหมือนไม่หวั่นไหว ทั้งที่ในใจป่นปี้ไม่มีเหลือ

          "...สิ่งที่ยายโทษคือตัวเอง ได้แต่เฝ้าถามคำถามเดิมซ้ำๆ ถ้าวันนั้นยายตัดสินใจไม่ปล่อยหลานมา ทุกอย่างจะดีกว่านี้ไหม หลานจะยังเป็นดิมิทรีของยายที่สมบรูณ์แบบเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า ...และคำตอบก็คือใช่"

          "หลานจะยังเป็นหลาน เป็นดิมิทรีที่ทั้งวันเอาแต่ตั้งใจเรียนรู้ ฝึกซ้อมและฝึกฝนเพื่อเตรียมรับตำแหน่งสืบทอดผู้นำของชาโรนอฟ และเพื่อกลายเป็นผู้เหมาะสมกับการเข้าวังไปเป็นองครักษ์คนใกล้ชิดของกษัตริย์ แต่ก็แค่นั้น หลานจะเป็นแค่ดิมิทรีผู้มีเกียรติ ไร้ซึ่งความสุข เย็นชาและไร้หัวใจ ....ตั้งแต่ก้าวแรกที่ยายลงจากเครื่องมา หลานรู้ไหมดิมิทรี แค่ไม่กี่สิบนาทีที่ยืนอยู่ตรงนั้น หลานยิ้มและหัวเราะบ่อยขนาดไหน ความสุขที่แผ่ออกมาโดยไม่ต้องพูดยามมองเขา มันแทบจะมากกว่าเจ็ดปีที่ยายเลี้ยงเรามารวมกันเสียอีก"

          "ยายไม่เคยแพ้รู้ไหมหลานรัก...แต่ยายก็แพ้ แพ้อยู่ ณ ตรงนั้น ยายแพ้คนพิการ แพ้เด็กไม่ได้เรื่อง แพ้ให้เด็กคนนั้นอย่างราบคาบ มันน่าเจ็บใจ แต่ในฐานะยายของหลาน ความสุขและรอยยิ้มวันนั้น...มันเหนือกว่าความสำเร็จของการชนะสงคราม เหนื่อเกียรติยศและศักดิ์อันใด ยายทำไม่ได้และไม่มีใครทำได้ ...เขาชนะทุกคน...และยายก็คงต้องยอมรับ"

          "ยอมรับให้เขาเป็นคนรักของหลานชายคนเดียวของยาย เพราะเขาทำให้หลานมีความสุข"

          ผมปล่อยโฮแบบไม่เหลือมาด เดิมอ้อมเข้าไปในอ้อมกอดเล็กของหญิงชรา ครางเครือในลำคอ ได้แต่พึมพำขอโทษสลับกับขอบคุณ "ขอบคุณนะครับคุณยาย"

          หญิงชราผู้มักถูกเว้นระยะห่าง กอดรับผมอย่างเก้กัง ก่อนจะตบเบาๆ ที่ศีรษะ มือเล็กลูบขึ้นลงปลอบประโลมหลานชายตัวโตที่ตัวสั่นสะท้าน

          "เงียบซะดิมิทรี หยุดเสียก่อนร้านอาหารเขาจะจมน้ำตาของหลาน"

          "ครับ ขอบคุณนะครับ ...ขอบคุณมากนะครับคุณยาย"

          พักใหญ่กว่าผมจะค่อยๆ คลายแขนที่กอดท่านออก หินหนักหลายพันตันหลุดสลายหายไป ลมหายใจสูดเข้าอย่างสะดวก ขยับตัวขัดเขิน กระดากเล็กน้อยเพราะเผลอทำตัวเป็นเด็กเล็กกระจองอแง ความเครียดสะสมหลายวันทำให้เผลอระเบิดออกอย่างน่าอับอาย ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ ก่อนเริ่มตั้งใจคุยเรื่องเป็นการเป็นงานหลังเห็นคุณยายมีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง

          "แต่ในฐานะผู้นำตระกูล หลานต้องจ่ายค่าความรักครั้งนี้แพงเหมือนกัน...หลานต้องมีลูก ชาโรนอฟต้องมีผู้สืบทอดทางสายเลือด"

          ข้อตกลงฟ้าผ่าฟาดใส่จนขาที่กำลังยืนแทบอ่อนลงไปกองกับพื้น

          "แต่พี่น้องคนอื่นก็มีนะครับ คุณแม่ก็ยังอยู่"

          "แต่หลานยายมีคนเดียว เป็นคนเดียวที่ยายยอมรับ ยายไม่ต้องการสุนัขพันธุ์ทางจากคนอื่น"

          "...ผมทำไม่ได้ครับ..." ไม่ว่าจะผสมเทียมหรืออะไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรักลูกของตัวเองที่เกิดกับคนอื่นลง และผมไม่ต้องการให้เด็กที่เกิดมากลายเป็นเพียงแค่เครื่องมือสืบเชื้อสาย และผมไม่อยากนอกใจเทม ทุกอย่างของผมเป็นของเขา จะให้ตัวตนของตัวเองถูกคนอื่นครอบครอง แค่คิดก็ทนไม่ได้

          "แม้แต่เรื่องนี้หลานก็ยอมลงไม่ได้หรือ แม้แต่ยาย...ยังมีแม่ของเรา"

          "...ผมคงมีเหลนให้คุณยายไม่ได้จริงๆ ครับ ผมหักหลังเทมไม่ได้แม้ว่าจะน้อยนิดขนาดไหนก็ตาม แต่คุณยายครับ เรื่องนี้คุณยายไม่ต้องเป็นกังวลไป ถึงไม่มีผม แต่ชาโรนอฟจะยังคงมีชื่อสืบต่อด้วยผู้นำที่สมควรและเหมาะสม...คงมีหลานสักคนของพวกเราในสี่พี่น้องที่ใช้ได้นะครับ"

          ท่านถอนหายใจยาว "ท่าทางดูไม่ได้เรื่อง ถ้ามีลูกจะต่างกันสักกี่มากน้อย คิดภาพแล้วยากเสียยิ่งกว่าจับลิงมาเป็นหมอ ถ้าถึงที่สุดแล้ว...ยังไงก็อย่าให้จบแบบไร้เกียรติยศ เข้าใจคำพูดยายใช่ไหมดิมิทรี ถ้ามันจะล่มสลายจริงๆ ก็อย่าให้เสื่อมเสีย อย่าในบรรพบุรุษหลั่งน้ำตาอยู่เบื้องหลัง"

          ผมคุกเข่าลงเอ่ยคำสัญญา

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟครับ"

          "ในอนาคต อุปสรรคจากคนรักแสนพิเศษของหลานคงมากพอจะเป็นภูเขาลูกใหญ่ให้ข้าม"

          ผมเผลอยิ้ม "ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต มีแค่ภูเขาลูกเดียวที่ผมกลัวเกรงครับ และต่อให้มีอุปสรรคอยู่ข้างหน้าจริงๆ ก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมมีอาจารย์ที่ดี มีครอบครัวที่ดีคอยช่วยเหลือ"

          "ประจบสอพลอ เจ้าเล่ห์เหมือนตาของเราไม่มีผิด มิคัล...จะแอบมองเป็นพวกไม่เคร่งมารยาทไปถึงเมื่อไหร่"

          คุณตาที่ถูกเรียก เดินออกมาจากมุมมืด ผมรีบมองซ้ายมองขวาหาอีกคน "หึหึหึ....กำลังลุ้นเชียว ว่าเฮลิคอปเตอร์กับบอดี้การ์ดสี่สิบคนด้านล่างของลูกเขยจะได้ใช้ไหม น่าเสียดายจริงๆ แฟรากาเก็บปืนลงเถอะ"

          ไม่สนใจคุณตาที่เริ่มหัวเราะชอบอกชอบใจกับท่าทางเสียดายของพลทหารชอบมีเรื่อง

          เอ่ยถามถึงคนสำคัญ "เทมล่ะครับ?"

          "หลับน่ะ ตาเผลอแกล้งเข้านานไปหน่อย ออกมาก็ขดตัวนั่งหลับรอเสียแล้ว"

          ผมถามอย่างร้อนใจ "นี่คุณตาทิ้งเขาไว้หน้าห้องน้ำหรือครับ!?"

          "นั่งทานไอศกรีมฟังเพลงดูหนังรออยู่ตรงนู้นแหนะ"

          ผมรีบวิ่งไปดูก็เห็นคนสู้รบกับช้อนคันเล็ก สุดท้ายเขาก็ปักไว้เฉยๆ ก่อนถือถ้วยแก้วเหมือนไอศกรีมโคน ถือด้วยมือข้างเดียวแลบลิ้นเลียทาน ที่หูเสียบหูฟังแล้วดูการ์ตูนเรื่องโปรดด้วยตาครึ่งหลับครึ่งตื่น

          "เทมครับ" ดึงหูฟังออกก่อนเขย่าปลุกแผ่วเบา

          "หมูหย็องครับ เทมง่วงๆๆ จังเลยครับ คุณตาบอกว่า บอกว่า บอกว่าๆๆ คุณยายหายโกรธเทมแล้วนะครับ หายโกรธเทมแล้ว เทมเลยโล่งใจๆๆๆ พอโล่งใจๆๆ แล้วก็ง่วงเลยครับหมูหย็องครับ"

          หลุดหัวเราะคนที่ยังคิดว่าคุณยายโกรธไม่หาย จับเขาเช็ดปากที่เปรอะ พาเขาเดินเข้ามาหาคุณตาคุณยายที่ยืนรอ คุณยายมองสภาพคนตาปิดกระดูกอ่อนเกาะไหล่ผมหนึบด้วยความเย็นชา แต่ผมกลับยิ้มได้ เพราะประโยคถัดมาของท่าน


          "แค่นอนดึกยังไม่ได้ แล้วแบบนี้ในอนาคตจะมาเป็นภรรยาของผู้นำตระกูลชาโรนอฟได้ยังไงกัน แย่จริงๆ เลยเชียว ...เป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องเสียจริง"

         



end 57 .

Twitter #เพื่อนผู้ปกครอง






ออฟไลน์ littleduck25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงน้องเทมเทมจังเลยยย

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter








NEW!





58








          เช้าของวันที่หินหนักอึ้งก้อนที่หนึ่งหลุดออก เป็นเช้าที่ผมอารมณ์ดีมาก หลังกิจวัตรประจำวันอย่างออกกำลังกายและตรวจดูงานคร่าวๆ พร้อมห้ามใจตัวเองไม่ให้เปิดเอกสารทำงานในวันหยุดเช้าตรู่ การมาแอบเฝ้ามองคนหลับก็เป็นงานอดิเรกอีกอย่างที่ผมรักที่จะทำ ฟังดูน่าเรียกตำรวจจับ แต่ก็เป็นสิทธิ์พิเศษที่ทำได้ของคนรัก ชุดนอนผ้านิ่มสีขาวลายการ์ตูนสีฟ้าหลวมเล็กน้อย ความใหญ่ของเสื้อผ้าทำให้ผู้สวมดูนุ่มนวลตัวเล็กน่าถนอม รวมกับใบหน้าน่าเอ็นดู ไม่ต้องมีปีกสีขาวและวงแหวนสีทอง ดูยังไงก็เป็นองค์นางฟ้าตัวน้อยที่กำลังนิทรา รอจนใกล้ถึงเวลาตื่นนอนของคนข้างกาย ก่อนจับคนแก้มนุ่มมานั่งตักแล้วฟัดเล่น เทมงัวเงียแต่ก็ให้ความร่วมมือเผยอปากให้ลิ้มรส ดวงตาปรือเริ่มตื่นเต็มตา คนถูกสองขาเกี่ยวกระหวัดหัวเราะคึ่กๆ ต้นเหตุจากถูกจมูกโด่งชอนไชไปทั้งตัว ก้อนความสุขหมุนตัวพลิกหนี นอนพาดยาวซ่อนหน้าบนตัก เสื้อที่เลิกขึ้นจากการดิ้นหลบหลีก โชว์แผ่นหลังขาวเนียน ผมไล่พรมจูบตั้งแต่ต้นคอสวย ลามตามรอยกระดูกสันหลังและจรดลงที่แอ่งสะโพกนิ่งนาน

          "วันนี้ที่รักอยากทำอะไรดีครับ เราว่างถึงช่วงบ่าย หลังจากนั้นต้องไปส่งคุณยายแล้วก็ไปเที่ยวกันนะครับ"

          ถามเว้นช่วงให้เวลาคนหูแดงคอแดงแม้แต่ตามตัวก็แดงปรับอารมณ์ ดึงสติมาที่กิจกรรมที่จะทำของวันก่อนเขาจะระเบิดตัวออกเป็นเสี่ยงเพราะเขินมากเกินไป ยิ้มมองคนตาหวานเยิ้ม เขาลุกขึ้นชันเขา ป้องมือกระซิบกระซาบ ขอร้องแกมอ้อนวอนขนาดนั้น จะไม่ทำให้ก็กระไรอยู่

          ยามแรกว่างหกชั่วโมง...ต่อมาถูกลดทอนเหลือเพียงสี่

          หลังเสร็จราชกิจบนเตียงก็ไม่ได้ทิ้งขว้างไปไหน องครักษ์ผู้ภักดีรับช่วงต่อปรนนิบัติองค์ชายน้อยทั้งสระผมและอาบน้ำ เช็ดตัวให้แห้งหมาด ปลดถุงมือกันความชื้นออก จับเสื้อผ้าสวมใส่ ก่อนจูงมือมานั่งบนโซฟาพร้อมกล่องเครื่องมือล้างแผล ผ้าพันสีขาวคลายตัวออกเชื่องช้าด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ตามข้อนิ้วลอกออกเห็นสีเนื้อชมพู ตรงกลางฝ่ามือแผลถูกลวกบวมน้ำพองเต่ง ตุ่มน้ำกินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง ไม่อยากคิดตอนตุ่มน้ำใสนี้แตกออก เด็กชายของผมจะทรมานขนาดไหน ภาพชัดเจนโดยไม่ต้องเปลืองแรงเค้นภาพ

          แม้ไม่ได้เกิดบนกายตนเอง แต่ก็เจ็บได้เฉกเช่นเดียวกัน

          "เจ็บมากไหมครับ" เผลอถามด้วยเสียงสั่นไหว

          "หมูหย็องไม่ร้องๆๆๆ นะครับ เทมเจ็บนิดหน่อยเยอะแยะๆๆๆ เองครับ คุณพี่หมอบอกว่า บอกว่า บอกว่าไม่นานก็หายๆๆๆ แล้วนะครับ ทานยาแล้วก็ล้างแผล แป๊บเดียว แป๊บเดียวก็หายนะครับ เทมแข็งแรงๆๆๆ มากๆๆๆ เลยนะครับ"

          ปลอบทั้งๆ ที่ตัวเองก็น้ำตานองกัดปากแน่นนี่ไม่น่าเชื่อถือรู้ไหมครับคนเก่ง จมูกแดงซูดน้ำมูกฟุดฟุด ดูท่าหลังมื้ออาหาร นอกจากของหวานก็คงต้องมียาแก้ปวดเสริมให้

          พอรู้ตัวว่าถูกแอบเห็น เทมปุระคนเท่ก็รีบก้มหน้าลงชิดคอซ่อนทันที เห็นแค่สายฝนตกลงดังเปราะแปะ เคลื่อนตัวไปจูบซับที่ปลายหางตาชื้น ยกมือที่ล้างแผลเสร็จแล้วมาอวยพรวิเศษ ประทับตราสัญลักษณ์เอาใจช่วยแผ่วเบา กระซิบใกล้กับบาดแผล "รบกวนช่วยหายไวๆ ด้วยครับ....อย่าทำให้ที่รักของผมเจ็บนานเกินไปรู้ไหม"

          ทายาและเริ่มพันผ้าขาวสะอาด หยิบปลอกแขนสวมป้องกันคนซุกซนเผลอเอามือไปฟาดอะไรเข้าให้เจ็บตัว

          "ขอบคุณครับ เทม เทมจะหายไวๆๆ นะครับ แล้ว แล้ว แล้วคุณยายกับคุณตาลักพาตัวจะกลับเลยเหรอครับ ไม่ไป ไม่ไปเที่ยวกับเราด้วยเหรอครับหมูหย็องครับ"

          "พวกท่านไม่ได้ไปด้วยครับ ช่วงปีใหม่ ท่านค่อนข้างมีธุระเยอะ ปลีกตัวไปไหนนานๆ ค่อนข้างจะลำบาก"

          "เอา เอาธุระไปนิวยอร์กด้วยไม่ได้เหรอครับ เทม เทมอยากให้ไปด้วยกันจังเลยครับ คุณตาลักพาตัวกับคุณยายไม่ได้ไปด้วย ท่านจะเหงาๆๆๆ หรือเปล่าครับ ไม่ไปด้วยกัน ไม่ไปด้วยกัน เรา เราห่อความสนุกมาฝากไม่ได้นะครับ"

          "งั้นเราซื้อขนมแล้วก็ของฝากมาให้ท่านแทนแล้วกันนะครับ"

          ท่าทางเงื่องหงอยหูลู่หางตก ทำเอาแปลกใจ "เทมชอบคุณตาคุณยายงั้นหรือครับ?"

          กับคุณตาที่มีความขี้เล่นผสมอยู่บ้างยังพอทำเนา แต่กับคุณยายที่ไม่ว่าใครก็เข้าหน้าไม่ติด ปล่อยออร่าทมิฬไม่น่าเข้าใกล้ เล่นเอามีแต่คนอยากวิ่งหนี  ทำให้อดแปลกใจไม่ได้ กับเด็กชายผู้ขี้กลัวซึ่งไม่ชื่นชอบอะไรที่ตรงกันข้ามกับคำว่าไม่น่ากลัว จะนึกติดอกติดใจคุณยายผู้แสนเย็นชา จนดูเศร้าสร้อยถ้าคุณยายกลับไป ไม่ต้องไปพูดถึงว่าชอบหรือไม่ชอบ เอาแค่ไม่กลัวแล้วสบตาให้ได้นานกว่าห้าวินาทีก่อนดีกว่า

          "เทม เทมกลัวๆ เทมกลัวๆๆ คุณยายดุๆๆๆ แต่ก็ แต่ก็ชอบคุณตาลักพาตัวกับคุณยายนิดหน่อยๆๆ ครับ เพราะ เพราะหมูหย็องชอบครับ แล้วๆๆๆ แล้วก็ เทมกลัวหมูหย็องเหงาๆๆๆ ด้วยครับ แต่ แต่ว่า คุณยาย คุณยายเกลียดเทมเหรอครับ แล้ว แล้วก็เกลียดคุณปะป๊าคุณหม่าม้า คุณแม่ แล้ว แล้วก็เฮียปลาหย็อง เจ้ไก่หย็อง แล้วๆๆ แล้วก็เฮียเนื้อหย็องกับหย็องหย็องเหรอครับ คุณตาลักพาตัวบอกว่า คุณยาย คุณยายหายโกรธเทมแล้วครับ แต่เทมยังเห็นคุณยายไม่ชอบๆๆ เทมอยู่เลยครับ คุณยาย คุณยายจะโป้งๆๆ เทมตลอดไปเลยเหรอครับหมูหย็องครับ"

          คอที่ตกแล้วก็ยิ่งตกกันไปใหญ่ ตาแห้งเริ่มครึ้มฟ้าครึ้มฝนขึ้นมาอีกระลอก ฉุดคนเสียอกเสียใจและรับมือไม่เก่งกับความรู้สึกในแง่ลบมานั่งบนตัก การถูกโกรธถูกเกลียดดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเด็กชายฟ้าประทาน คนรอบข้างล้วนถูกผมคัดกรองก่อนอนุมัติให้เข้าใกล้ บุคคลผู้หมุนเวียนรอบตัวล้วนไม่ส่งผลกระทบด้านอารมณ์ให้แก้วใสขุ่นมัวหมอง แก้วใบนี้ได้รับความรักความอาทรจากทุกคนที่เข้ามาเป็นความทรงจำ

          ริมฝีปากหมุนเปลี่ยนสถานที่ไปรอบกรอบดวงหน้าใส กดจูบไล่ไปตั้งแต่พวงแก้มถึงหน้าผากระหว่างอธิบาย

          "ท่านไม่ได้เกลียดเทมนะครับ...เพียงแต่ท่านก็ไม่ได้ชอบ แค่เรื่องราวบางอย่าง มันก็เกินจะรับได้สำหรับคนบางคน เหมือนเทมไม่ชอบผัก ไม่ชอบหนังผี ไม่ชอบอะไรน่ากลัว บางส่วนของเทมอาจจะทำให้คุณยายขัดตาไปบ้าง แต่เทมก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะยังมีหมูที่ชอบ มีหลายคนที่ชอบ แต่เทมรู้ใช่ไหมครับว่าเราบังคับให้ทุกคนชอบเหมือนกันไม่ได้ เหมือนที่หมูไม่เคยบังคับให้เทมดื่มกาแฟขมๆ และเหมือนที่เทมก็ไม่บังคับให้หมูทานขนมหวานๆ สำหรับคุณยายแล้ว แค่ท่านยอมรับ ก็ถือว่ามากพอแล้วครับ ยากมากนะครับรู้ไหม เทมเก่งมากเลยนะครับ พยายามได้ดีมาก และตอนนี้ท่านก็ยอมรับเทมแล้ว เทมสุดยอดมากครับ"

          "คุณยาย คุณยายยอมรับเทมด้วยเหรอครับ"

          "ใช่ครับ"

          "เทม เทมสุดยอดๆๆๆ ครับ หมูหย็องสุดยอดๆๆๆๆๆ ครับ"

           เด็กชายหน้าตาชื่นบาน แต่ก็ยังดูมึนเล็กน้อยกับความรู้สึกซับซ้อนที่ไม่ค่อยถนัดนัก

          "แต่ว่า แต่ว่า ทำไมคุณยายถึงไม่ชอบ ไม่ชอบคุณหม่าม้าล่ะครับหมูหย็องครับ คุณหม่าม้า คุณหม่าม้าเป็นคุณลูกสาวของคุณยายไม่ใช่เหรอครับ คุณยายเป็นคุณแม่แต่ไม่ชอบคุณลูกสาวได้ด้วยเหรอครับ คุณยายดุๆๆๆๆ มองน่ากลัวๆๆๆ ด้วยครับ เทม เทม เทมนึกว่า นึกว่าจะมีแต่คุณพ่อของเทมซะอีกที่เกลียดเทม เทม เทมไม่บังคับคุณยายนะครับ แต่ว่า แต่ว่าเทม เทมก็ไม่อยากให้คุณยายไม่ชอบคุณหม่าม้าเลยครับ เทม เทมกลัวคุณหม่าม้าจะเสียใจเยอะแยะๆๆๆ จังเลยครับ เทมโดนคุณพ่อเกลียด เทมก็เสียใจเยอะแยะๆๆๆ เลยครับ"

          ท้ายประโยคเอ่ยเสียงแผ่ว คำถามที่ทำเอาหัวใจสะดุดกึก 'คุณพ่อ' ไม่ใช่บุคคลที่เทมปุระเอ่ยถึงบ่อยนัก บิดาผู้ให้กำเนิดและผู้เกือบพรากลมหายใจกลับคืน นักธุรกิจผู้สิ้นเนื้อประดาตัวที่ถูกผมหมายหัว ย้อนคิดยิ่งฉงน นางฟ้าตัวน้อยในวัยเยาว์ตัวกระจ่อยร้อยกว่าคนวัยเดียวกันนัก ตัวขาวจัดผอมแห้งดูแรงน้อยและบอบบาง ไม่ต้องคำนึงถึงการรับการทำร้ายร่างกาย เอาแค่ถ้าเจ้าตัวสะดุดล้ม ก็น่าห่วงว่าจะแตกสลายเอาได้ง่ายๆ แต่ไหล่เล็กจ้อยกลับมีเรื่องราวยิ่งใหญ่ให้แบกรับ ถูกบิดาด่าทอต่อว่าและทุบตีจนกลัวความรุนแรงทุกอย่าง อดีตไม่สวยหวานเหมือนรอยยิ้มที่ถักทอให้ผู้อื่น

          "ก็เหมือนกับเทมยังไงครับ คุณยายไมได้เกลียด แต่ท่านก็แค่ไม่ชอบนิดหน่อย เหมือนเห็นผักสีเขียวในจานพุดดิ้งหวาน คุณยายท่านแค่ทะเลาะกับคุณแม่และคุณพ่อครับ เรื่องค่อนข้างใหญ่จนแตกหักกันไป แต่ถึงจะไม่ชอบ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รัก แต่บางครั้งความรักก็ไม่ได้มาพร้อมความชอบนะครับ"

          มองคนทำหน้างงแล้วผมก็อมยิ้ม ก่อนคิดคำอธิบายให้เด็กชายเข้าใจง่ายดาย "หมูไม่ค่อยชอบพ่อแม่และพี่น้องของตัวเองครับ หมูไม่ชอบความน่ารำคาญ ไม่ชอบที่ทุกคนเข้ามาก่อกวน เราทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้เกลียด ในบางครั้งความรักก็ไม่ได้มาพร้อมสรรพในทุกด้าน ความรู้สึกเป็นสิ่งน่าพิศวง เรารักและเราสามารถเกลียดไปพร้อมกันได้ เรารักและเราไม่ชอบไปด้วยกันได้ มันไม่ผิดอะไรเพราะมันเหนือการควบคุม แต่สิ่งที่ควบคุมได้คือการกระทำ คำพูด เวลาเรารู้สึกทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน ให้เราเก็บคำพูดร้ายๆ แล้วบังคับให้ตัวเองทำตัวดี จะได้ไม่เสียใจภายหลังว่าทำตัวแย่ๆ เพราะอะไรที่ทำลงไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไข การไม่ชอบหรือถูกไม่ชอบ ก็ไม่เป็นอะไรครับ มันมองได้หลายมุมมอง ไม่ชอบก็ไม่ใช่สิ่งไม่ดีเสมอไป"


          ลูบหลังปลอบก่อนเอ่ยต่อ "กลับกัน ไม่ใช่แค่ว่าเป็นคุณพ่อเป็นคุณแม่ เป็นคนให้กำเนิด แล้วจะสามารถรับประกันได้นะครับว่าเขาจะรักลูกของตัวเอง ไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนที่รักลูก และพ่อแม่ที่ทำตัวไม่ดีกับลูก ก็เป็นแค่คนให้กำเนิดที่เราไม่มีอะไรต้องติดค้าง เทมไม่ต้องรู้สึกแย่ที่คุณพ่อเกลียดเทม จำที่หมูบอกได้ไหมครับ"

          "เทม เทมจำได้ครับ จำที่หมูหย็องพูดได้หมดเลยครับ หมูหย็องบอกว่า บอกว่าหมูหย็องจะเป็นคุณพ่อให้เทมเอง แล้วก็ แล้วก็เป็นคุณเพื่อนให้ด้วย เป็นคุณพี่ชายเป็นคุณน้องชาย เป็นให้ทุกอย่างเลยครับ แล้ว แล้วเทมก็ไม่ต้องกลัวคุณพ่อมาตีๆๆๆ อีก แล้ว แล้วก็ แล้วก็ไม่ต้องสนใจคุณพ่อ เพราะว่าเทมมีหมูหย็อง มีคุณแม่ มี มีคุณปะป๊า คุณหม่าม้า แล้วก็ๆๆ แล้วก็ เฮียปลาหย็อง เจ้ไก่หย็อง เฮียเนื้อหย็อง หย็องหย็องเป็นครอบครัว ครอบครัวใหญ่ๆๆ ของพวกเรา"

          "ใช่แล้วครับ"

          "งั้นๆๆๆ เทม เทมจะชอบคุณยายแทนคุณยายที่ไม่ชอบเทมเองครับ แล้วก็ แล้วก็จะชอบคุณหม่าม้าแทนที่คุณยายไม่ชอบเองนะครับ แต่ แต่ว่าความรู้สึกเข้าใจ เข้าใจ เข้าใจยากๆๆๆ จังเลยครับ เทมชอบหมูหย็อง แล้วก็รักหมูหย็องด้วยครับ ชอบหมูหย็องที่สุดเลยครับ ชอบหมดๆๆ เลยครับ ไม่มีไม่ชอบเลยครับ"


          เป็นหน่วยซุ่มจู่โจมเหรอครับ หืม จู่ๆ ก็เล่นมาปาระเบิดให้หัวใจเต้นตูมตามแล้วกลบฝังมิดด้วยรอยยิ้มกันแบบนี้ นายทหารคนนี้ร้ายกาจเสียจริง


          "ชอบตอนหมูบังคับให้หม่ำคุณผักด้วยเหรอครับ?"

          คนไม่โกหกทำปากเป็ด "ชอบๆๆๆ รักๆๆๆ เท่าเดิม แต่ว่าความสุขน้อยลงหนึ่งมิลลิเมตรครับ"

          "หึหึหึ ครับ"

          "แต่ว่า แต่ว่า หมูหย็องเป็นคุณยายให้เทมไม่ได้ใช่ไหมครับ เพราะหมูหย็องไม่ใช่ผู้หญิงๆๆๆ แล้ว แล้ว เทม เทมมีคุณตากับคุณยายไหมครับหมูหย็องครับ เทม เทม...เทมมีคุณตาคุณยายไหมครับหมูหย็อง"


          คำถามน่าลำบากใจกับการนำความจริงมาตอบ แค่ถูกพ่อของตัวเองปฏิเสธตัวตนก็เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กน้อยแล้ว ถ้ายังรับรู้ว่ากระทั่งคุณตาคุณยาย คุณปู่คุณย่าของเขาก็พร้อมใจกันทอดทิ้งและรังเกียจ คงไม่ใช่เรื่องที่หัวใจดวงน้อยจะทานทนรับไหว ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่าถูกคนในครอบครัวเกลียดและไม่ยอมรับอีกแล้ว


          ถ้าเทมไม่เจอกับผม ถ้าไร้คุณป้าไปสักคน ทั้งโลกนี้เทมก็จะไม่เหลือใครอีกเลย เขาจะโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังในโลกที่กว้างใหญ่ ไร้ที่พึ่งพิงและแตกสลายไปเงียบๆ โดยไร้ใดเหลียวมอง แค่คิดถึงตรงนั้นก็รู้สึกเลือดในกายเย็นจัด กอดเขาเพื่ออิงไออุ่น


          "ที่รักครับ เราเป็นแฟนกันแล้ว เป็นคนรักกันแล้ว และในอนาคตวันหนึ่งที่เราแต่งงานกัน ทุกอย่างของหมูก็จะเป็นของเทมนะครับ ต่อให้ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งตามกฎหมาย แต่ทุกอย่างของหมูก็เป็นของเทม ครอบครัวของหมูก็คือครอบครัวของเทม คุณตาของหมูก็เป็นคุณตาของเทม คุณยายของหมูก็เป็นคุณยายของเทมนะครับ ท่านทั้งสองเป็นคุณตาคุณยายของเทม...เป็นครอบครัวของเทมนะครับ"


          รอยยิ้มเฉิดฉายแสดงอาการดีใจสุดขีด "ครอบครัวของเทมใหญ่จังเลยครับ มีคุณตาคุณยายเพิ่มมาอีกด้วย ดีจังเลยครับหมูหย็องครับ"  ก่อนศีรษะทุยจะเอียงไปมา เหมือนกำลังคิดตามคำพูดของผม ดวงตาเบิกกว้างพราวระยับ ดูตกใจกับความรู้ใหม่ "แล้ว แล้ว แต่งงาน แต่งงานเหมือนในหนังเหรอครับ ที่มีเค้กก้อนโตๆๆๆ มีบาทหลวงถามเยอะแยะๆๆๆ แต่งงาน แต่งงานที่หมายถึงพิธีเกี่ยวก้อยสัญญาๆๆๆ ว่าเราจะรักกัน ดูแลกัน แล้วก็ แล้วก็ อยู่ด้วยกันตลอดไปเหรอครับ แต่ว่า แต่ว่า เรา เราเป็นผู้ชายแต่งงานกันได้ด้วยเหรอครับหมูหย็องครับ ในหนัง ในหนังเทมเห็นแต่ผู้หญิงกับผู้ชายนะครับ"

          "ในบางประเทศ ผู้ชายกับผู้ชายก็สามารถแต่งงานกันได้ครับ"

          เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าเทมต้องถูกตบแต่งตามประเพณีอย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่แฟนผิวเผิน ไม่ใช่คนรักที่ไม่มีหลักฐาน ทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย ต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง เทมปุระสักวันจะต้องแต่งเข้ามาใช้นามสกุลเดียวกันกับผมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เป็นคนรักของดิมิทรี โจวิช ชาโรนอฟคนนี้

          ...ยิ่งถ้านับตอนที่ผมยังเด็ก ใจร้อนรนไม่รู้จักระงับอารมณ์จนไปขอเขาแต่งงานเข้า และได้รับคำตอบรับใสซื่อจากคนไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เทมก็อยู่ในฐานะคู่หมั้นของผมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาเก้าปีแล้วครับ...

          อันที่จริงก็มีแต่เขาที่ไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่คุณพ่อคุณแม่และทุกคนก็รู้กันถ้วนหน้า เฮียปลาหย็องเล่นเอาคลิปแอบถ่ายตอนนั้นมาเผยแพร่ตั้งแต่หลายปีก่อน ฐานะในบ้านของเทมจึงเป็นคู่หมั้นของผมมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่คุณหนูเทมเพื่อนคุณหนูดิมิทรี แต่เป็นคุณหนูเทมผู้ซึ่งวันหนึ่งจะเป็น ฟ้าประทาน ชาโรนอฟ นายหัวคนหนึ่งของบ้าน

          ...ยิ่งได้รับคำตอบรับจากคุณยาย คำตอบรับจากผู้นำตระกูลตอนนี้ ฐานะคู่หมั้นก็เป็นทางการไปเรียบร้อย...

          "งั้น งั้น งั้น หมูหย็องจะแต่งงานกับเทมไหมครับ แต่งงานกับเทมนะครับ?"

          "ครับ!?"

          ผมที่มัวแต่คิดว่าควรจะบอกเขายังไงดีว่าความสัมพันธ์ของเรามันไปไกลถึงไหนต่อไหน ถึงกับตกใจจนเผลอตอบรับเสียงดัง เทมตาโตกับคำตอบตงลงทันควันแล้วยิ้มตาหยี ลุกออกจากตักก่อนชูมือโห่ร้องดีใจ เต้นหมุนตัวไปทั่วห้อง ทิ้งผมให้หัวใจเกือบไถลทะลุออกปาก ทำหน้าตาเหวออยู่บนโซฟาตัวใหญ่ นี่คือการแก้แค้นของเมื่อเก้าปีก่อนเหรอครับ....มาชิงขอแต่งงานตัดหน้ากันง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน

          "แต่งงานๆๆๆๆ แต่งงานๆๆๆๆๆๆ แต่งงานๆๆๆ กับหมูหย็องนะครับ หมูหย็องจะแต่งงานกับเทมด้วย แต่งกับเทมๆๆๆๆ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปแล้วก็มีเค้กก้อนใหญ่ๆๆๆ ให้ตัดด้วยนะครับ แล้ว แล้วใครจะใส่ชุดเจ้าสาวเหรอครับหมูหย็องครับ"

          "เดี๋ยว...เดี๋ยวนะครับ ให้หมูพักหายใจก่อนครับ"

          ผมยกมือปิดปาก รู้สึกหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม แข็งขาอ่อนยวบยาบแทบจมลงไปในเบาะ ลมหายใจเข้าออกผิดถูกเพี้ยนไปหมด สมองกลายเป็นแค่ฟองน้ำโง่ๆ เบ่งบานในกะโหลก คิดอะไรไม่ได้เป็นเหตุเป็นผล ขาวโพลนยิ่งกว่าผ้าพันแผลที่เพิ่งพันมือเขาไปเสียอีก เลือดเดือดปุดๆ เหมือนน้ำเดือดจัด พยายามตั้งสติว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง เรากำลังทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงลงท้ายด้วยการที่ผมถูกเขาขอแต่งงาน

          "แล้ว แล้ว แต่งงานนี่ต้องทำอะไรบ้างเหรอครับ"

          จะขอกันทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องไม่ได้นะครับ...จะดุองค์ชายที่ถามตาแป๋วก็ดุไม่ลง ลูกศรเล่ห์โกงที่ใช้กับเขาสมัยก่อนเหมือนย้อนมาปักอก ละลำละลั่กตอบกลับคนเกาะโซฟาขอคำตอบ

          "เทมครับ...เทมจะแต่งเลยเหรอครับ แต่เราแค่อายุสิบหกกันเอง หมูวางแผนไว้ว่าเราจะเป็นแฟนกันตอนอายุสิบหก หมั้นตอนอายุสิบแปด แล้วเราค่อยแต่งกันตอนอายุยี่สิบนะครับ แต่ถ้าเทมอยากแต่งเลย...มันก็ได้อยู่หรอกครับ ต้องได้สิ...ถ้าให้ศาลออกหมายว่าเป็นเหตุสมควร สิบหกก็แต่งกันได้ตามกฎหมายแล้ว บังคับเสียหน่อย ไม่ใช่สิ ในไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับแต่งงานกับเพศเดียวกัน งั้นต้องต้องไปใช้แผนเดิมคือไปแต่งที่ออสเตรเลีย ปต่เราจะแต่งกันเลยเหรอครับ เราเป็นแฟนกันได้ไม่ถึงปีเลยนะครับ...อันที่จริงก็เป็นคู่หมั้นกันมาตั้งเก้าปีแล้วด้วย...ไม่สิ แต่ก็เป็นคู่หมั้นแบบเพื่อนกัน...เพื่อนที่ไหนเป็นคู่หมั้นกันวะ...ก่อนอื่น ต้องรีบไปบอกคุณยายแล้วก็คุณตา บอกคุณพ่อคุณแม่ด้วยสินะ...ที่สำคัญต้องไปขอเทมกับคุณป้าอย่างเป็นทางการก่อน งานต้องไปจัดที่มอสโก จัดแบบไทย ไม่สิ เทมเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ต้องจัดแบบญี่ปุ่นด้วย แล้วก็ตามประเพณีของตระกูล เชิญแขก ไม่ใช่สิ...ต้องขอหมั้นให้เรียบร้อยก่อน หมั้นสักสามเดือน ต้องหาสถานที่ อืม แล้วก็ต้องสั่งทำแหวน Engagement ring กับ Wedding band ....)$(*&_&@)($*)@*$)(*$)+($@($*+*$_@+)$"

          ผมพึมพำกับตัวเองยาวเยียดอย่างหยุดตัวเองไม่อยู่ ทั้งดีใจ มีความสุข และร้อนรนยิ่งกว่าครั้งไหน ความเละเทะของสมองที่ไม่เคยเจอเล่นเอาไม่รู้จะทำอะไรก่อนทำอะไรทีหลัง เริ่มลุกขึ้นเดินไปมาเพ่นพ่าน

          "หมูหย็องพูดวะกับเทมไม่ได้นะครับ เราไม่พูดไม่น่ารักใส่กันนะครับ"

          "หมูขอโทษครับ หมูกำลังสติแตก"

          เทมกระโดดดึ๋งมาเกาะไหล่ จับผมที่เดินว่อนไปทั่วห้อง ประเดี๋ยวก็หยิบจับโทรศัพท์ขึ้นมากด ประเดี๋ยวก็หยิบแมคบุ๊คขึ้นมาเปิด จับหนังสือสถานที่มาดูวุ่นวายให้หยุดลงแล้วกอดไว้แน่น "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องไม่แตกนะครับ เทมกอดไว้แน่นๆๆๆ แล้วนะครับ ไม่แตกนะครับไม่แตก เราแต่งงานกันนะครับ ไม่ได้เล่นต่อยกันตุบตับนะครับ หมูหย็องไม่เป็นอะไรนะครับ ไม่แตกนะครับ แต่งงานกับเทมนะครับ"


          ...สติแตกยิ่งกว่าเดิมอีกครับที่รัก...




ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter



*****


          ผมไม่รีรอที่จะนำข่าวดีนี้ป่าวประกาศ

          "ผมจะแต่งงานกับเทมครับ"

          คุณพ่อกำลังเดินอยู่ถึงกับสะดุดล้ม คุณแม่กำโทรศัพท์ในมือแน่นอ้าปากพะงาบๆ แล้วกรีดร้องเสียงดังว่าลูกคนข้างบ้านถูกผมหลอกรวบหัวรวบหางไปแล้ว อาเฮียอาเจ้ปล่อยช้อนลงดังเคร้ง ประชุมบ้านครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นแบบฉับพลันหลังผมวิ่งลงบันได้ตึงตังมากู่ร้องบอกในไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณตาคุณยายมาถึงอย่างรวดเร็ว แอบเห็นทรงผมเนี๊ยบกริบหลุ่ยเล็กน้อย บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าดาเลีย แอน ตกอกตกใจขนาดไหน

          ชาโรนอฟทั้งเก้าคนนั่งเรียงแถวหน้ากระดาน แบ่งแยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งคุณตาคุณยาย และฝั่งของของคุณพ่อคุณแม่และพวกผม ในห้องกว้างใหญ่ ไม่มีตัวต้นเหตุเพราะยังไม่อยากให้เขาเผชิฐหน้ากับคุณยาย และไม่มีคุณยังไม่ได้ไปเชิญคุณป้า และไม่ได้ว่าที่ผู้เข้าร่วมพิธีแต่งงาน

          "ยายไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกันสองรอบในหนึ่งศตวรรษหรอกนะดิมิทรี มันมากเกินไป และสิบหกก็เร็วเกินไปสำหรับการแต่งงาน...ถึงหลานจะบอกว่าขอเขาแต่งงานตั้งแต่เจ็ดขวบ เป็นคู่หมั้นกันมาเกือบสิบปี แต่ถ้านับตามขนบธรรมเนียมของตระกูลเรา ฐานะของเขาก็เพิ่งจะเป็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว...ทำให้ถูกเรื่องถูกราว เข้าใจไหม"

          หลังเมฆหมอกขมุกขมัวและคำขออนุญาตขอแต่งงานถูกผมกล่าว คำตอบของคุณยายก็ช่วยหยุดอาการลิงโลดให้ฟ่อลง เมินหน้าหนีคุณป๊าที่กระซิบถามว่าเทมเทมท้องก่อนแต่งหรือ ถึงได้จะแต่งงานกันแบบสายฟ้าแล่บเหมือนดาราละครหลังข่าว ผมตั้งสติขึ้นได้หลังมัวเมามาเกือบสามชั่วโมงเพราะถูกคนที่รักและลุ่มหลงสุดหัวใจเอ่ยคำขอที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน

          กระแอมไอแก้เก้อเล็กน้อย "ครับ...ต้องขอโทษด้วยครับที่ผมทำให้คุณยายตกอกตกใจ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แค่อยากมาแจ้งคุณตากับคุณยาย คุณพ่อกับคุณแม่และทุกคนเอาไว้ก่อน...ต่อไปนี้เทมจะอยู่ในฐานะคู่หมั้นของผม และเราจะแต่งงานกันตอนอายุ...ยี่สิบ"

          ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เผลอสติหลุดพลั้งปากบอกไปทั้งที ก็ไม่ควรใช้ความกล้าให้ไร้ประโยชน์ ถือโอกาสแจ้งตามกำหนดการเดิมไปเลยก็แล้วกัน ยังไงผมก็อยากแต่งกับเขาให้เป็นเรื่องเป็นราวตอนยี่สิบอยู่แล้ว ต้องแต่งเร็วหน่อย ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้อยู่กันพร้อมหน้า อยากให้งานแต่งของเราอยู่กันครบถ้วนและสวยงาม

          ท่านขมวดคิ้ว เอ่ยขัดอย่างไม่เห็นด้วย

          "ยังไม่จบมหาลัยด้วยซ้ำ"

          "ตามจริงแล้ว อย่างที่คุณยายทราบ...ผมจบมหาลัยด้วยการสอบเทียบมาสองใบแล้วครับ ใบที่สามกำลังจะได้ภายในสิ้นปีหน้า"

          คุณยายจ้องมองผมเหมือนกำลังเห็นเอเลี่ยนใช้หลอดเจาะดูดกินสมองหลานชาย แม้จะนิ่งเฉย แต่ประกายในนั้นก็เหมือนอยากลุกขึ้นมาจับผมเขย่าให้ได้สติ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ สบตาท่านตามตรง จ้องอยู่นานจนท่านถอนหายใจ ความดื้อดึงของผมไม่เคยเป็นสองรองใครในเรื่องของเทมปุระ คุณพ่อกับคุณแม่และพี่น้องของผมไม่ได้คัดค้าน แต่กำลังตื่นเต้นหาสถานที่จัดงานกันอย่างขะมักเขม้น หากคุณยายอยากให้ผมอายุเกินยี่สิบห้าเสียก่อน สองฝากฝั่งที่มีโต๊ะวางกั้น เหมือนเป็นคนละขั้วโลก

          "ไม่ใช่ว่ายายยอมรับแล้วหลานจะทำอะไรตามใจก็ได้ คิดจะแต่งก็แต่ง มันได้ที่ไหนกัน หลานไม่ใช่คนตัวเปล่าเหมือนคนรักของหลานนะดิมิทรี จะให้คนข้างนอกมองว่าสายเลือดเราเป็นพวกไวไฟไปกันหมดหรือ เป็นพวกหมกหมุ่นจนไม่เอาการเอางานหรือยังไง"

          "ผมทราบครับ...แต่ผมก็มีเหตุผลที่อยากแต่งงานแบบรวดเร็วเช่นเดียวกัน"

          "ถ้าเหตุผลนั้น ยายรู้ แต่ก็ยังไม่เห็นมันจะจำเป็น หมั้นไว้ก่อนก็ไม่ต่าง"

          คุณตาเมื่อเห็นภรรยาเริ่มมีท่าทางอยากจับผมมานั่งสั่งสอนเสียใหม่ก็เอ่ยถาม

          "ตารู้หลานจริงจังกับเขา แต่ไม่ใช่ว่าแค่เราคิดอยากแต่งก็จะแต่งได้เลย ฐานะของเราไม่ใช่ฐานะของเด็กเล่น เรามีหน้ามีตาที่ต้องรักษา มีธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องทำตามให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วนี่หลานได้คุยกับแม่ของตาหนูเขาหรือยัง"

          "ยังครับ แต่ผมคิดว่าหลังกลับมาจากเที่ยวแล้วจะจัดการให้เรียบร้อย"

          "งั้นหรือ...ก็ดี ก็ดี ...งั้นก็หมั้นกันไว้ก่อนแล้วกัน ตอนไปเที่ยวก็จัดการขอกันให้เรียบร้อย โจวิช จัดงานแถลงข่าวให้ดีเสียด้วยล่ะ ทางพวกเราก็จะจัดการเตรียมงานประกาศเอาไว้ให้เหมือนกัน แล้วถ้าจะแต่งกันตอนยี่สิบก็ตามใจเรา แต่ช่วงนี้ก็หมั้นเอาไว้ก่อน"

          "มิคัล!"

          "แอน เราก็อายุกันมากแล้ว เห็นหลานรักเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนเข้าโลงมันก็ดีไม่ใช่หรือ อีกอย่างดิมิทรีเขาก็เหมือนกันกับคุณ รักแล้วรักเลยไม่มีแปรเปลี่ยน เป็นเด็กมีความรับผิดชอบและตั้งมั่นมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่เด็กไม่มีหัวคิด ทุกอย่างที่เขาทำก็เป็นไปตามคำสอน ผมเชื่อว่าหลานของเราคิดดูถี่ถ้วนแล้ว อีกอย่าง...ผมอยากให้หลานของเราสมหวังในความรัก"

          คุณตากับคุณยายสบตาสื่อความหมายกันและกัน ผมหายใจเข้าออกอย่างอึดอัดเมื่อรู้ถึงความนัยที่แฝงในประโยค ต่างจากคุณแม่และคุณพ่อที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลัง 'ไม่สมหวังในรัก' คล้ายถ้อยคำตัดพ้อน้อยใจจากคุณตา แม้คุณตาจะไม่ได้โกรธเคืองคุณยาย และรู้มาตั้งแต่ต้นว่าที่คุณยายตอบรับคำขอแต่งงานทางการเมือง นอกจากเพื่อเป็นสัญลักษณ์ยุติสงคราม ก็เพื่อความบริสุทธิ์ของอีกคนที่ถูกคลุมถุงชนว่าไร้พันธะ เป็นเพียงทางผ่านเพื่อคนในดวงใจ คุณยายไม่เอ่ยสิ่งใดโต้ตอบ แต่ยังคงแสดงออกอย่างขึงขังว่าไม่ยินยอม

          ทราบดีว่าท่านทำใจลำบาก หลังเพิ่งยอมรับ วันต่อมาก็เจอเรื่องให้น่าขุ่นใจ แต่ถึงเทมไม่ขอ ไม่พ้นปีนี้หรือปีหน้า ผมก็คงขอเขาอยู่ดี

          "นั่นสิครับคุณแม่ สี่ปีกับเก้าปีต่างกันตรงไหน จะยี่สิบหรือยี่สิบห้าก็ไม่เห็นเป็นอะไร"

          "จะตามใจให้เสียคน ก็เอาไว้เลี้ยงลูกตัวเองเถอะโจวิช แต่อย่าเอามาใช้กับหลานชายของฉัน"

          "หลานชายคุณแม่ก็เป็นลูกชายของผมนะครับ และอันที่จริง คนที่สนิทกับเขาที่สุดก็คือคุณแม่ คุณแม่ต้องทราบนิสัยหมูหย็องดีอยู่แล้ว ว่าถ้าเป็นเรื่องที่ตั้งใจ ยังไงเขาก็ไม่ฟังคำของคนอื่น จะงานหรือการเรียนก็ไม่เคยมีอะไรให้น่าเป็นห่วง ถ้าความสุขที่เขาเรียกร้องขอคือคำอนุญาต พวกเราที่เป็นได้แค่ไม้ประดับให้ลูกชายหลานชาย ก็ให้เขาไปไม่ดีกว่าหรือครับ คนอื่นเลี้ยงลูกยังไงผมไม่รู้ แต่ผมเลี้ยงลูกด้วยการให้อิสระ ไม่สมควรก็ตักเตือน แต่ถ้าเขามีเหตุผลจริงๆ ผมก็พร้อมรับฟัง พร้อมสนับสนุนและอยู่เคียงข้างให้ความช่วยเหลือ ถ้าผิดพลาดก็ถือเป็นบทเรียน"

          "ถ้าเกิดวันหนึ่งเขาเปลี่ยนใจขึ้นมา!"

          "เขาเป็นลูกของหนูกับโจวิช เป็นหลานของคุณพ่อและคุณแม่ เรื่องอื่นหนูไม่รู้ แต่เรื่องรักจริงนี่หนูว่าเราเถียงกันไม่ได้นะคะ รักแบบฝังจิตฝังใจ ตระกูลเราชัดเจนว่าเป็นคำสาป ต่อให้ตายแล้วก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเลิกรักได้ไหม ความตายจะแหลมคมพอให้ตัดความสัมพันธ์ของเราได้หรือเปล่า เพราะแบบนั้น วันหนึ่งที่คุณแม่ว่า...หนูว่ามันไม่มีจริงค่ะ"

          คุณพ่อคุณแม่ที่ยืนหยัดช่วยพูด บ่งชัดว่าไม่ว่าความคิดนี้จะดูไร้สาระ แต่ก็พร้อมรับฟัง

          "คุณยายครับ อาจจะดูวู่วาม แต่ผมคิดมาดีแล้วจริงๆ นะครับ ไม่ใช่จู่ๆ แต่ผมเตรียมการไว้ล่วงหน้ามาหลายปี"

            คุณยายสบตาผมและยังคงนิ่งเงียบ ท่านยกโทรศัพท์ขึ้นกดก่อนยื่นมาตรงหน้า

           "ถ้าเหตุผลของหลานคือสิ่งนี้...ต่อให้แต่งในปีนี้ก็คงไม่ทัน"

          ผมเลื่อนสายตาลงอ่านแผ่นเอกสารในฉบับถูกสแกนที่ถูกส่งมาในอีเมล แค่เห็นตราสัญลักษณ์บนหัวกระดาษ หัวใจก็ถูกบีบรัดจนหน่วงในอก ข้อความต่อมายิ่งทำเอาแทบหยุดลมหายใจ

          "...!!!...."



****



               "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องเศร้าๆๆๆๆ คุณตาลักพาตัวกับุคณยายจะกลับบ้านเหรอครับ? คุณยายครับคุณยาย คุณตาลักพาตัวครับคุณตาลักพาตัว ไม่ไป ไม่ไปเที่ยวกับพวกเราเหรอครับ หมูหย็องเหงาๆๆๆ นะครับ"

               เผลอเหม่อลอยมองหน้าคนข้างกายเนิ่นนาน ยกยิ้มกับสีหน้าวิตกกังวลแสนเป็นห่วงเป็นใย คนที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่หมูเลยครับที่รัก...แต่เป็นเทมต่างหาก ส่ายศีรษะแล้วเดินมาหาเขาที่ยืนอยู่หน้าหญิงชราและชายชรา ตอนนี้พวกเราเคลื่อนย้ายมาที่สนามบินแล้วครับ มาส่งคุณตาและคุณยายกลับบ้านและเตรียมนั่งเครื่องไปเที่ยวกันต่อ คุณยายยังคงดูสูงศักดิ์น่าเกรงขาม คุณตาก็ยังดูสง่างาม กองบอดี้การ์ดก็ยังดูเหมือนมาเฟียเตรียมซื้อขายสิ่งผิดกฎหมายเหมือนเดิม

          คุณตากอดลาหลานๆ ทุกคน หนวดปลอมที่ได้เป็นของฝากสั่นกึกเพราะหัวเราะขำคนขอให้ไปเที่ยวด้วยกันต่อ

          "ใจคอจะให้ตาบินไปบินมาไม่พักเลยหรือยังไง ตาแก่แล้วนะตาหนู นั่งๆ ไป กระดูกหักจะทำยังไงกันหือ"

          เด็กน้อยสะดุ้งโหยง "งั้น งั้น งั้นไม่ไปนะครับ ไม่ไปนะครับ เทมไม่อยากให้คุณตากระดูกหักก๊อบแก๊บๆๆ นะครับ แล้ว แล้วถ้า ถ้านั่ง นั่งกลับบ้านจะไม่กระดูกหักก๊อบแก๊บๆๆๆ เหรอครับ นั่ง นั่งรถตุ๊กตุ๊กกลับแทนไม่ได้เหรอครับ"

          "เดี๋ยวๆ เทม นั่งรถตุ๊กตุ๊ก ต่อให้คุณตาอยู่ได้อีกสามสิบปี ก็ไม่น่าจะพอนะเฮ้ย ไปรัสเซียนะ ไม่ใช่ห้างหน้าปากซอย"

          "ว้าย! หย็องหย็อง ไอ้น้องบ้า แกแช่งคุณตาเหรอยะ คุณตาคะอย่าไปฟังหย็องหย็องพูดนะคะ"

          "โอ้ย! เจ้ไก่แม่งโบกมาได้ไง หญิงถึกแห่งปีเรอะ ฟาดมานี่แยกไม่ออกเลยว่ามือหรือตี--- อย่าฮับ อย่าตีน้อง"

          "วันหยุดหน้าก็ไปเที่ยวที่บ้านเราสิ ไม่ต้องห่วง ถึงคฤหาสน์บ้านเราจะลึกลับไปหน่อย แต่ไวไฟเข้าถึงนะ"

          "ไปได้เหรอครับคุณตา คือคุณยายเขา..."

          "หึหึหึ มาเถอะ ถ้ายายเขาไม่ให้เข้า ก็นั่งปิกนิคกันข้างนอกก็ได้"

          ผมปล่อยให้พี่ชายพี่สาวและน้องชายร่ำลาคุณตาให้เรียบร้อย รอจนคุณพ่อและคุณแม่พูดคุยเสร็จ ดูพวกเขาเดินยกโขยงกันไปเตรียมขึ้นเครื่องไปนิวยอร์ก ฝากเทมกับคุณป้าให้เดินนำไปก่อน ในห้องรับรองแขกวีไอพี เหลือแค่เพียงผมและทั้งสองท่าน

          "ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่มาเยี่ยม ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ผมก็มีความสุขและดีใจมาก ขอให้คุณตาคุณยายสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะครับ"

          "พูดอะไรห่างเหินเสียจริง มานี่สิดิมิทรี มา มา มาให้ตากอดเราหน่อย"

          ผมเดินไปให้ท่านกอดและกอดท่านกลับ

          "วันหยุดยาว เราก็กลับมาเที่ยวบ้านเราบ้าง ตาหนูก็ไม่ได้แพ้เครื่องบินแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่มีข้ออ้างให้เราใช้แล้วนะรู้ไหม ฮึ พาเขามาทำความคุ้นชินเสียสิ ไหนๆ อนาคตก็ต้องมาเป็นครอบครัวเดียวกัน มาทำความรีู้จักบ้านอีกหลังเอาไว้ก็ไม่เสียหาย"

          ยิ้มกับคำพูดชักชวนแสนอบอุ่น เหลือบมองหญิงชราที่ยังยืนนิ่งไร้ปฏิกิริยา ท่านหลับตาลง อ้าแขนออกเชื่องช้า ผมผละออกจากอ้อมแขนหนึ่งเข้าสู่อีกอ้อมแขนหนึ่ง ความหนาวเหน็บในใจอบอวลโดยอ้อมแขนเล็กทว่าแข็งแกร่ง

          "...ยายไม่อยากให้หลานถูกกดดันด้วยเรื่องอื่น ถ้าอยากจะแต่งงาน ก็ควรเป็นความรู้สึกบริสุทธิ์ไม่ใช่ถูกเร่งรัดด้วยความตายของใคร และยายก็อยากให้หลานคิดดูดีๆ อีกครั้ง นี่เป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญ แต่งว่ายากแล้ว แต่หากวันหนึ่งหลานอยากเลิกกัน มันจะยากเสียยิ่งกว่า อย่าให้ความสงสารครอบงำจนทำอะไรไร้สติ"

          "ผมรู้ครับว่าคุณยายเป็นห่วง...แต่ไม่ใช่เพราะมีอะไรกดดันถึงทำให้ผมอยากแต่งกับเขาหรอกครับ กับเทม ไม่ใช่แค่ความสงสาร คุณยายก็รู้ว่าพวกเราไม่ใช่พวกมีความรู้สึกเผื่อแผ่ให้คนอื่นขนาดนั้น กับคนที่เราไม่รัก ไม่มีทางที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมาได้ และผมคิดมาดีแล้ว ไตร่ตรองมาดีแล้ว คิดมานานหลายปีแล้วครับ แต่เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิด ก็แค่ตัวแปรหนึ่งที่ผมอยากทำให้เป็นของขวัญแก่เขาเท่านั้นเอง และคุณยายครับ...ให้ความกรุณานี้แก่เขาได้ไหมครับ ...ผมขอร้อง"

          ตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยเอ่ยปากขอสิ่งใด ไม่เคยอ้อนวอนขอเรื่องอะไร เทมเป็นคำขอแรก

          ท่านเงียบไปหลายอึดใจ

          "...แหวนเหยี่ยวสีเลือดที่หลานสั่งทำเมื่อหลายปีก่อน"

          "คุณยายทราบ?"

          "คิดว่าจะทำแหวนประจำตระกูลได้โดยพลการโดยที่เจ้าของบ้านไม่รู้หรือ...หลานจริงจังกับเขามานานยายรับรู้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำใจยอมรับ และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยายอยากยื้อเวลาให้เราลองขบคิดให้ยืดยาว เผื่อเมื่อเราโตอาจจะตาสว่างเปลี่ยนใจ ไม่อยากให้มีพันธะเหนี่ยวรั้ง...แต่ดูท่า...ไม่ว่ายังไงก็คงไม่เปลี่ยนใจสินะ ตั้งแต่เมื่อเก้าปีก่อน ต่อให้ยืดเวลาออกไปร้อยปี ...หลานก็คงเลือกแค่เขา"

          "...ขอโทษครับ ผมมีแต่เขาเท่านั้น กาลเวลาไม่ได้ทำให้น้อยลง มีแต่เพิ่มขึ้นและมั่นคงขึ้นเท่านั้นครับ"

          "เอาเถอะ...หลานจะทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าจะแต่ง ยังไงก็ต้องแต่งที่บ้านเรา เข้าใจไหม...พาเขาไปบ้านของเรา ทำให้ถูกต้องตามธรรมเนียม ตามพิธีการ"

          "...!!....ขอบคุณครับ! ขอบคุณมากครับคุณยาย"

          "มาๆ ตากอดด้วยคน"

          คุณยายมองตาขวาง หันหลังเดินหนีเข้าเครื่องบินทันท่วงทีก่อนจะโดนสามีถูกตัว คุณตามองท่าทางขัดขืนด้วยสายตาเปี่ยมรัก "ดื้อนะว่าไหม เราก็อย่าโกรธยายเขาเข้าเสียละ มีหลานชายสุดที่รักคนเดียว ก็หวงมากเสียหน่อย จะให้ใครมาแย่งไปง่ายๆ ก็ทำใจยาก เขาเลี้ยงเรามาตั้งแต่ยังแบเบาะ ถึงจะเข้มงวด แต่ทุกสิ่งก็ดีที่สุดเสมอ ตารู้ว่าตาหนูเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของหลาน แต่มาตรฐานเรากับยายก็เหมือนกัน กับคนที่ไม่ใช่ ทำยังไงก็ไม่ใช่ แต่ถึงยังงั้นก็เป็นพวกใจอ่อนกับสิ่งที่รัก...ยอมรับแล้วก็ไม่มีกลับคำ แค่เล่นตัวไปเท่านั้นละนะ แก่แล้วก็เรียกร้องความสนใจจากลูกหลานเป็นธรรมดา"

          หลุดยิ้มกับคำที่คุณตาใช้กล่าวถึงคุณยาย ท่านวางมือลงบนศีรษะผม โยกไปมาเหมือนผมเป็นแค่เด็กสามขวบ บรรยากาศอบอุ่น จนเผลอหลุดปากถามเรื่องไม่สมควรออกไป "...เจ็บไหมครับคุณตา"

          อดีตท่านทูตงงกับคำถามช่วงต้น ก่อนตระหนก และลงท้ายที่หัวเราะ

          "เรื่องอะไรล่ะ ถ้าเรื่องที่หลานไม่ไปเยี่ยมเลย ก็ใช่ แต่ถ้าเรื่องยายเขาไม่รัก หึหึหึ ตาชินแล้วละ ไม่รัก แต่นอกจากโลกทั้งใบของยายเขาอย่างหลานแล้ว ก็ไม่มีใครสำคัญกับแอนเขาเท่าตาอีก เราเป็นเพื่อนสนิทกัน พวกเราอยู่กันมานานจนรู้ไส้รู้พุง ไม่รักก็ใช่จะไม่มีเยื่อใยและความผูกพัน ดิมิทรี หลานไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของตากับยายหรอก พวกเราผ่านอะไรมามาก เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เราพูดคุยข้ามผ่านกันมาแล้ว เหลือแต่หลานนั่นแหละที่เพิ่งเริ่มต้น แต่จำเอาไว้...ในหนทางที่มีขวากหนาม หลานไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้เดินคนเดียว จำให้มั่น สลักลึกเอาไว้ในใจ พวกเราเป็นครอบครัวและพร้อมช่วยเหลือหลานเสมอ ไม่ใช่แค่โจวิชหรือเอเลน แต่ตากับยายก็พร้อมสนับสนุนหลาน...กับตาหนูเขาก็ด้วยเช่นกัน"

          "ผมโชคดีเหลือเกินครับที่มีคุณตาและคุณยาย...ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกอย่าง"

          ท่านตบหลังเบาๆ แล้วผละออก "อย่าร้องไห้เชียว ตาไม่อยากโดนยายของหลานดุเอาหรอกนะ เอ้าๆ ไปซะ อย่าลืมของฝากตากับยายละ แล้วไม่ต้องฝากเลขาเราส่งมานะคราวนี้ จะให้ก็เอาไปให้ด้วยมือตัวเอง ตาหนูเขาก็ด้วย ฝากซื้อของไป ก็ดูมึนจริงๆ ตาฝากซื้อซอสซิลของเล่น ก็ซอสฟิชๆๆ น้ำปลาอยู่นั่น เฮ้อ หลานคุยกับเขายังไงให้เข้าใจกันเนี่ย"

          หลุดหัวเราะคนแสนมึนของผม

          "ทีแรกพวกโจเชฟกับคุณพ่อก็มึนไปหลายเดือนเหมือนกันครับ ต้องอยู่กับเขานานๆ ถึงจะพอเข้าใจ...ผมจะพาเทมไปเยี่ยมบ่อยๆ คุณตากับคุณยายจะได้เข้าใจเขาได้นะครับ"

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟ?"

          "ด้วยเกียรติของชาโรนอฟ ผมจะพาเขาไปเยี่ยมบ่อยๆ ครับ"

          ท่านพยักหน้าพออกพอใจ ก่อนเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

          "เอ้อ...แล้วตกลงตาได้หลานสะไภ้หรือหลานเขยล่ะ นี่ตาพนันกับเอเลนแล้วก็โจวิชกับพี่สาวของเราเอาไว้นะ ตาว่าตาได้หลานสะไภ้ เราว่าไง เฉลยให้ตาฟังเสียหน่อยสิดิมิทรี"

          ผมโค้งตัวลาแล้วหันหลังเดินออกมาทันที ทิ้งเสียงโวยวายว่าอย่าให้เขากดได้นะของคุณตาเอาไว้ข้างหลัง กระจกใสตามทางเดิน ทำให้มองเห็นลำตัวเครื่องชัดเจน บนหน้าต่างวงกลม เห็นคุณยายกำลังจ้องมองมาทางผมเช่นเดียวกัน ยกมือขึ้นแตะหัวใจและโค้งตัวทำความเคารพ ท่านตอบรับด้วยการพยักหน้าเฉกเช่นคนข้างกาย ก่อนจะมองตรงไปข้างหน้า

          ใจหาย แต่ก็ไม่ใช่การจากถาวร แค่เพียงชั่วคราว

          เสียงฝีเท้าเดินไม่เป็นจังหวะคุ้นหูใกล้เข้ามา สิบห้านาทีนานเกินไปจนเขาเดินกลับมาตาม เกาะกำแพง โผล่หน้าแค่เพียงเสี้ยว ร้องเรียกเสียงอ่อย

          "...หมูหย็องครับ"

          "หมูกำลังไปเดี๋ยวนี้แหละครับ"








end 58 .

Twitter #เพื่อนผู้ปกครอง





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter





NEW!



59





          แม้จะล่วงเลยเข้ายามดึก แต่ผู้คนมากมายยังคงเดินกันขวักไขว่ ตามระแวกมุมต่างๆ ล้วนถูกจับจอง บนเก้าอี้พลาสติกที่เอาไว้นั่งคอย ก็มีคนเอาเสื้อคลุมตัวนอนยาวเหยียด บางกลุ่มก็นั่งลงกับพื้นล้อมเป็นวงกลมพูดคุยเสียงดังจอแจ สนามบินคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายที่กำลังรอเวลาสู่การเดินทาง นอกจากเสียงประกาศแจ้งเหตุนานาและเวลาเปลี่ยนเที่ยวบิน ที่ได้ยินบ่อยอีกอย่าง คงไม่พ้นเสียงประกาศไฟนอลคอล การเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายดูไม่ต่างกับประทัดใช้ไล่สัตว์ให้แตกตื่น ไม่นานที่ชื่อถูกขาน กลุ่มวัยรุ่นที่คงยกแก๊งกันไปเที่ยววิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปด้านใน เสียงตะโกน 'ตกเครื่องแน่ๆ' พร้อมขาหลายคู่สมัครสมานวิ่งพรวดพราดเรียกความสนใจให้คนหันมอง เว้นเสียแต่เด็กชายข้างกายที่มือหนึ่งจับจูงกัน อีกมือถือพาสปอร์ตสองเล่ม ความสนใจพุ่งตรงไปที่สมุดสีเลือดนกจนไม่ได้หลบหลีก ขยับมือซ้ายโอบเอวดึงเข้าหา เบี่ยงองศาให้พ้นจากการถูกชน

          จนฝูงสัตว์ตื่นเสียงวิ่งผ่านไป ก็ยังคงอมยิ้มจดๆ จ้องๆ ของในมือ

         เจ้าตัวน่ารัก ทำไมไม่ระมัดระวังตัวเองเลยครับ หืม

          "พาส พาสปอร์ต ของ ของ ของหมูหย็องกับของเทม กับของเทม มีเลขแปดกับมีคำว่าพาสปอร์ตบนหน้าปกเหมือนกันด้วยครับ ตรง ตรงตัวเลขที่ห้าเป็นเลขแปดเหมือนกันด้วยครับ แล้ว แล้วบนปกก็มีคำว่าพาสปอร์ต ตัวพีตัวเอดับเบิ้ลเอสตัวพีตัวโอตัวอาร์ตัวที พาสปอร์ตครับ เหมือนกัน เหมือนกันเลยครับ"

          เด็กชายผู้ดีใจกับจุดเล็กๆ ที่เหมือนกันดูน่ารักจับใจ สมุดประจำตัวเล่มสำคัญในมือถูกยกขึ้นมามองซ้ำมองเล่า มองกี่หนก็ยังเรียกแสงประกายวิบวับในดวงเนตร จากทีแรกเสียอกเสียใจที่มีกันคนละสีและคนละลายเพราะต่างเชื้อชาติ แต่พอจับพลิกดูเห็นตัวเลขหนึ่งในหลายตัวมีเหมือนกันหนึ่งตัว เห็นบนปกมีคำว่าพาสปอร์ตที่ไม่ว่าของใครก็ต้องมีไม่ต่าง แต่แค่นั้นก็เพียงพอให้เจ้าตัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

         บนบัตรประจำตัวเขาไม่ควรใช้คำว่าพาสปอร์ต ควรใช้สิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดถึงจะเหมาะควร

          "ถ้าอยากให้เหมือนกัน...ไม่สนใจอยากมาใช้นามสกุลเหมือนกันด้วยเหรอครับ?"

          คาดหวังปฏิกิริยาขวยเขินจากคนรัก แต่ที่ได้คือเอียงคองงพร้อมตอบคำกลับง่ายดาย

          "ชาโรนอฟเหรอครับ เทม เทมก็จะเป็น ฟ้าประทาน ชาโรนอฟเหรอครับ หรือ หรือว่าหมูหย็องจะเป็น ดิมิทรี กุนเชียงเหรอครับ เป็น เป็นดับเบิ้ลหมูกุนเชียงเหรอครับ แต่ แต่ถ้าเทมเป็นชาโรนอฟ คุณแม่เป็นกุนเชียงคนเดียว จะเหงา จะเหงานะครับ ชวนๆๆๆ ชวนคุณแม่มาเป็นชาโรนอฟด้วยได้ไหมครับ"

          ฟ้าประทาน ชาโรนอฟ ฟังแล้วลื่นหูน่าพึงใจยิ่งยวด ยกยิ้มพอใจแม้การขอแต่งงานกลายๆ จะเป็นหมันถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็วเพราะคนตรงหน้าไม่เข้าใจ มุกจีบอ้อมใดๆ ล้วนพังกลางทางไปไม่ถึงเป้าหมาย เกาะป้องกันเทมคนซื่อไร้เดียงสาที่ผมเฝ้าปีนมาหลายปีไม่ได้ทะลวงเข้าไปง่ายดาย เห็นคนถามหน้าซื่อตาใสไร้ริ้วแดงลาดผ่านอย่างที่คาดหวังแล้วอยากจับมากอดมาฟัดนัก  ไม่ทันได้ตอบอะไร คุณพ่อบ้านก็เดินเข้ามาหาพร้อมพิกัดร้านของหวานที่ต้องการ

          "ร้านไอศกรีมที่ยังเปิดและมีรสที่คุณหนูเทมต้องการ มีอยู่หนึ่งร้านด้านนอกครับคุณดิมิทรี จะให้กระผมสั่งคนให้ซื้อเข้ามาให้เลยดีไหมครับ"

          "เทมอยากไปเดินเลือกซื้อเองไหมครับ? หรือจะให้พ่อบ้านซื้อเข้ามาให้เลยดี"

          "เทม เทมอยากไปเลือกเองได้ไหมครับ"

          คุณพ่อบ้านเงยหน้าสบตาเล็กน้อย ผมส่ายหน้าเป็นเชิงไม่ต้องพูดอะไร รู้ว่าคงจะแจ้งกำหนดการที่ใกล้จะถึงในอีกสี่สิบกว่านาทีข้างหน้า สี่ทุ่มคือเวลาเครื่องออกที่ผมจองรันเวย์เอาไว้ แม้สมควรแก่เวลาที่จะเข้าไปรอในเกทเพื่อเตรียมพร้อม แต่ผมยังพาคนรักเดินตามหาของทานเล่นบนไฟล์ทบินยาวนานเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ขนมที่พ่อครัวตระเตรียมไว้ให้ เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่มีไอศกรีมรสโปรดลำดับที่แปดอย่างพิชตาชิโอ มีเพียงเจ็ดลำดับแรกใส่ตู้เย็นไว้ให้องค์ชายน้อย ถึงเขาจะแค่ถามถึงเฉยๆ แต่ถ้าผมหาให้เขาไม่ได้ ไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมด ก็ให้รู้สึกบกพร่องต่อหน้าที่คนรักที่ดีชอบกล ค่าเช่าสนามบินแสนแพงที่นับเป็นรายนาทีก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรถ้าเทมต้องการจะเอ้อละเหยจนไปขึ้นเครื่องสาย ภารกิจตามหาไอศกรีมจึงเกิดขึ้นเอาตอนนี้

          "ได้สิครับ เดี๋ยวหมูโทรบอกคุณป้ากับเฮียเนื้อหย็องแล้วเราไปซื้อกันนะ"

          ของหวานกับอารมณ์ดีเหมือนเป็นส่วนผสมสองอย่างที่มาคู่กันเสมอ ส่วนผสมที่ผสานจนเป็นเนื้อเดียวกันสำหรับเด็กน้อย พอรู้ว่าจะได้ไอศกรีมก็เริ่มลิงโลดขยับตัวอยู่ไม่สุขด้วยอารามดีใจ แผลบนมือทุเลาลงจากขนมได้ดียิ่งกว่าฤกธิ์ของยาแก้ปวด ห้านิ้วถูกกางเริ่มร่ายรายชื่อคนที่เจ้าตัวจะซื้อมาเผื่อแผ่

          "เทมจะซื้อ ซื้อ ซื้อให้คุณแม่กับเฮียเนื้อหย็องด้วยครับ ซื้อๆๆๆ ซื้อให้คุณพี่บอดี้การ์ด คุณพ่อบ้าน คุณพี่หมอ ทุกคน ทุกคนเลยครับ"

          "เอาพาสปอร์ตมาเก็บก่อนครับ ถ้าหล่นหายไป ไปสายคงไม่ดี เทมไม่อยากให้คุณป๊าคุณม้ารอนานใช่ไหมครับ"

          "ทำพาสปอร์ตหายแล้วไปสาย ไปไม่ได้ๆๆๆ ไม่สายๆๆๆ ไปสายไม่ดี ต้อง ต้องรักษาเวลาใช่ไหมครับ แต่ว่า แต่ว่า เทม เทม ขอ ขอเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเป้ของเทมได้ไหมครับ เทมอยากเก็บเอาไว้เองครับ"

          "ได้ครับ หันหลังมาครับ หมูเอาใส่เป้ให้"

          คนยิ้มสวยของผมพยักหน้าหงึกหงัก หลังสมุดสำคัญถูกเก็บ ก็เดินตามแรงจูงมือแต่โดยดี ตลอดระยะทางเต็มไปด้วยประโยคพร้อมเครื่องหมายปรัศนี หนูน้อยจำไมวันนี้มีหลายคำถามให้ผมตอบ หลังเขาได้คำตอบหนึ่งข้อ ข้ออื่นก็ตามมาอย่างต่อเนื่อง อมยิ้มระหว่างหาคำมาอธิบาย มือที่จับกันถูกบีบแน่นเล็กน้อย ตาสวยทอแสงวิบวับ ท่าทางลนลานอยู่ไม่สุขทำให้เขายิ่งดูเด็กลงมากกว่าเดิม

          คำถามล่าสุด คืออยากทราบเหตุผลว่าทำไมเดอะแก๊งจอมซน อันได้แก่ คุณป๊า เฮียปลาหย็องและหย็องหย็อง ทำไมไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย

          "พวกคุณป๊าต้องล่วงหน้าไปทำธุระก่อนน่ะครับ"

          หลังจากบอกลาคุณตาคุณยาย ก็ได้โบกมือบ๊ายบายครอบครัวตัวเองอีกครั้ง เนื่องจากพวกเราแยกกันไปคนละลำ ไม่ใช่ว่าพื้นที่ไม่เพียงพอ เครื่องบินส่วนตัวทั้งสอง ต่างก็กว้างพอให้บรรจุคนสามสิบคนได้อย่างสบาย โดยเฉพาะเครื่องบินส่วนตัวของผมที่คุณยายซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ สักร้อยคนก็ยังไหว แต่ผมไม่นึกอยากได้ความน่ารำคาญเป็นของแถมตั้งแต่เริ่มต้น นี่เป็นครั้งแรกของเด็กชายที่จะได้นั่งเครื่องเดินทางไกล หากถูกพี่น้องและคุณป๊าก่อกวนยามมีความตื่นเต้นมากเป็นทุน เกรงว่าจะเผลอเล่นกันจนเลยเถิดพาอาการแย่เข้าไปใหญ่ คนรักของผมยิ่งปฏิเสธสิ่งหลอกล่อไม่ได้  คิดภาพออกเลยว่าต้องมีคนอาเจียนลงบนบอร์ดเกม แล้วคุณป๊าจะต้องวิ่งโวยวายทั้งลำ ข้ออ้างพื้นที่ว่างถูกจับจองด้วยเครื่องมือแพทย์จึงถูกใช้ และตัวป่วนทั้งหลายต้องยอมจำนนให้ความปลอดภัยคนแก้มนุ่มที่มาก่อนสิ่งอื่นใด

          "อ๋อๆๆๆ แล้ว แล้ว แล้วๆๆๆ แล้ว คุณพี่หมอกับคุณพี่พยาบาลก็ไปเที่ยวกับพวกเราด้วยเหรอครับ"

          ก่อนตอบคำถาม ก็แอบลอบสำรวจเฟ้นหาความง่วงบนดวงหน้าขาวใส แต่ก็ยังไม่พบ วันนี้เด็กชายตาใสแป๋ว ไร้ทีท่าง่วงซึมแม้จะเข้าใกล้เวลานอน
         
          "พวกคุณหมอขอติดเครื่องไปด้วยเฉยๆ ครับ พอถึงที่นู่นแล้วก็แยกย้ายกัน"

          ตั้งใจรอให้ใกล้ถึงเวลานอนหลับของเด็กน้อยเสียก่อนถึงจะพาขึ้นเครื่อง คิดคำนึงไว้ พอขึ้นแล้วก็ให้เขาหลับเสียเลย ตอนเครื่องบินกำลังเดินทางเขาจะได้ไม่เกิดอาการเมา ผลจากการทดลองในห้องปฏิบัติการจำลองแรงดันอากาศที่โรงพยาบาล และลองซ้ำด้วยการให้เทมปุระลองนั่งเครื่องบินวนไปรอบๆ ด้วยความสูงระดับเดียวกับที่จะใช้เดินทาง อาการของเขาไม่ได้รุนแรงเหมือนสมัยยังเด็กที่ถึงขั้นเสี่ยงชีวิต ตอนนี้เด็กชายแค่คลื่นไส้ และหนักสุดคืออาเจียนเหมือนคนเมารถเมาเรือธรรมดา และจะเป็นปกติในชั่วโมงที่สอง แต่ผมก็ไม่อยากไว้วางใจนัก ประเทศที่จะไปต้องใช้เวลาเดินทางอยู่บนท้องฟ้าเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง ทีมแพทย์และพยาบาลพร้อมอุปกรณ์เต็มยศจึงต้องเพียบพร้อม เป็นสัมภาระกองโตที่ผมขนไปด้วยเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกับคุณพ่อบ้านและบอดี้การ์ดที่เดินตามเป็นเงาที่เด็กชายไม่ได้กล่าวถามถึง เนื่องจากคุ้นชินกับการมีผู้ดูแลอำนวยความสะดวกติดตามไปด้วยยามออกเดินทางไกล

          รองเท้ากระทบพื้นไม่เป็นจังหวะ ความตื่นเต้นชาร์จเขาจนแบตเต็มเปี่ยม ท่าทางกระฉับกระเฉงต่อให้ห้าทุ่มก็ยังไม่แน่ว่าจะหลับ ในเมื่อเขายังไม่ง่วง ผมจึงเริ่มคิดแผนระบายเรี่ยวแรงที่เหลือเฟือเสียก่อน เจ้าตุ๊กตาไขลานจะได้หมดแรง

          "นอกจากไอศกรีม เทมอยากได้ขนมหรืออะไรเพิ่มไหมครับ เดี๋ยวขึ้นเครื่องแล้วพวกเราจะต้องนั่งกันนานกว่าจะถึงจุดหมาย"

          "นั่งนานๆ นั่งนานๆ นั่งนานๆ นานๆๆๆ งั้น งั้น งั้นๆๆ สะสม สะสมส้มระเบียงกันนะครับ ผจญภัย ผจญภัย แล้ว แล้ว นานๆๆๆๆ แบบนานๆๆๆๆๆ เลยเหรอครับ นาน นานกว่าตอนเรานั่งไปเชียงใหม่อีกเหรอครับหมูหย็องครับ กี่ชั่วโมงเหรอครับ หนึ่งสองสามสี่ชั่วโมงหรือเปล่าครับ?"

          "ไม่ใช่ส้มระเบียงครับเทม เสบียงครับ อืม...นานกว่าตอนไปเชียงใหม่เกือบยี่สิบชั่วโมงเลยครับ"

          คนได้ยินครางเสียงอ่อน "เสบียง เสบียง! บินสูงๆๆๆๆ บินสูงๆๆ ด้วยใช่ไหมครับหมูหย็องครับ เทม เทม เทมต้องอุ๋งๆๆๆ ออกมาหมดท้องแน่ๆๆ เลยครับ" ว่าแล้วก็ลูบท้องตัวเองอย่างน่าสงสาร

          "ไม่หรอกครับ เทมตื่นมาก็น่าจะหายเมาได้สักพักแล้ว มาครับ มาเลือกขนมกันดีกว่านะ"

          เห็นร้านขนมเพื่อสุขภาพแล้วก็พาเขาเดินเข้าไป ปล่อยให้เขาวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าตรอกขนมไปเรื่อย ร่างสูงหยิบซองนั้นซองนี้ใส่ตะกร้าที่ผมช่วยถือ นอกจากเป็นพ่อบ้านส่วนตัวแล้ว ก็ยังเป็นแผนกคิวซี คอยเดินตามช่วยตรวจสอบ แยกขนมที่มีส่วนผสมที่คนตรงหน้าแพ้ออกไว้อีกตะกร้า แวะกันแทบจะทุกร้านจนเกือบลืมเป้าหมาย แต่สุดท้ายก็มาถึงจนได้ เทมปุระวิ่งปรี่เข้าไปเกาะตู้เย็น

          "มีรสวานิลากับเกลือด้วยครับ! มี มีรสพิชตาชิโอที่เทมอยากหม่ำๆๆ ด้วยครับ! เทม เทม เทมเอาไป เอาไปเยอะแยะๆๆๆ เลยได้ไหมครับหมูหย็องครับ จะละลายเหลวๆๆๆ ไหลๆๆๆ หรือเปล่าครับ"

          ไอศกรีมถ้าเป็นปกติคงเอาขึ้นไปไม่ได้ ถ้าไม่ละลายตั้งแต่กลางทาง ก็ไม่ผ่านแม้แต่ขั้นตอนตรวจค้นของ  แต่บนเครื่องผมมีห้องครัวเล็กๆ แน่นอนว่ามีตู้เย็นไว้แช่ของทานเล่น และคำว่าเครื่องบินส่วนตัวก็พร้อมจะอยู่เหนือกฎเกณฑ์ข้อห้ามทั้งปวง

          "ได้ครับ แต่เทมเอาไว้ทานพรุ่งนี้นะครับ วันนี้แปรงฟันแล้ว ก่อนนอนไม่ควรทานอะไรอีกนะครับ"

          "เทมแค่ แค่แตะ แค่แตะๆๆๆ ก็ไม่ได้เหรอครับ แตะบนลิ้นลึกๆๆๆ ไม่ให้โดนฟันก็ไม่ได้เหรอครับหมูหย็องครับ"

          ...อย่าทำหน้าชวนใจอ่อนใส่กันสิคนดี ไม่ทำตาหวานใส่กันนะครับ

          "ถึงจะไม่โดนฟันก็ไม่ได้นะครับ ถ้าจะทานอีกรอบเทมต้องแปรงฟันใหม่เท่านั้น แล้วหมูก็จะให้หม่ำได้อีกแค่ช้อนเดียวด้วย วันนี้ที่รักทานขนมเต็มอัตราแล้วครับ"

          "แปรงฟัน แปรงก็ต้องใช้ ใช้เครื่องพ่นน้ำปิ้วๆๆๆ แล้วก็ไหมขัดฟัน แต่ แต่เทมมือเจ็บๆๆ จังเลยครับ ไม่อยากให้หมูหย็องขัดๆๆๆ ถูๆๆๆ ฟันให้ด้วยครับ ไม่ใช่มือเทมแล้วเหงือกอยากขำครับ เหงือกจะหัวเราะๆๆๆ เหงือกขำๆๆ หัวเราะๆๆๆ แล้วเทมขยับๆๆ เคลื่อนไหวๆๆๆ เทม เทมจะเจ็บครับ หมูหย็องก็ๆๆ จะเป็นห่วง"

          ตอนนี้เทมมือเจ็บ แม้ไม่ใช่มือข้างที่ถนัด แต่ก็ใช้ไหมขัดฟันเองไม่สะดวก ต่อให้ใช้ Water Flosser ร่วมด้วย ยังไงก็ต้องใช้ไหมขัดฟันด้วยอยู่ดี พอผมทำให้เขาก็จั๊กจี้หัวเราะคิกคักจนกลัวว่าไหมจะบาดเหงือกเลือดออก

          "ใช่ครับ แต่ถ้าทานแล้วไม่ใช้ไหมขัดฟัน ถ้าเกิดฟันผุ ตอนไปหาคุณหมอฟันจะอดได้แสตมป์ฟันสวยนะครับ เทมไม่อยากทานมูสเค้กของคุณหมอเหรอครับ?"

          ชั่งใจระหว่างไอศกรีมกับมูสเค้กเลิศรสจากเชฟระดับโลก ผู้คิวทองขนาดที่ถ้าไม่มีเส้นสายก็รอกันเป็นปี ขนาดใช้เส้นสายก็ยังต้องสั่งล่วงหน้ากันหลายเดือน แน่นอนว่ามูสเค้กชนะอย่างไม่ต้องสงสัย เทมปุระคลายปากที่ยู่ยี่ออกก่อนพยักหน้าหงึกๆ เหมือนคุยกับความอยากขนมของตัวเองเสร็จแล้ว

          "เทม เทมไม่อยากฟันผุครับ งั้น งั้นเก็บไว้หม่ำๆๆ พรุ่งนี้ก็ได้ครับ"

          ลูบผมนุ่มนิ่ม แล้วเริ่มปล่อยให้เขาวิ่งดุ๊กๆ สอดส่องหาไอศกรีมที่อยากได้ คนมือเจ็บเหมือนลืมเลือนบาดแผล หยิบถ้วยนู้นถ้วยนี้เสียเพลิน จากตะกร้าก็เริ่มเป็นรถเข็น

          "ของหมูหย็อง ของหมูหย็องเป็นดาร์กช็อกโกแลตใส่รัมกับลูกเกดครับ ส่วนของเทม เทม เทมเอารสพิสตาชิโอ หมูหย็องครับหมูหย็อง ซื้อ ซื้อไปให้เฮียเนื้อหย็องกับคุณแม่ด้วยนะครับ คุณแม่ชอบบลูเบอร์รี่ ของเฮียเนื้อหย็อง อืมๆๆๆ เฮียเนื้อหย็องชอบ ชอบไอศกรีมรสอะไรน้า อืมๆๆ เทม เทมไม่รู้ครับ...แต่ว่า แต่ว่าเทมรู้ว่าเฮียเนื้อหย็องชอบหม่ำๆๆ ผัดไท มี มี มีไอศกรีมรสผัดไทหรือเปล่าครับ?"

          "....หมูว่าไม่น่าจะมีนะครับ"

          ท่าทางหนักอกหนักใจกลัวเลือกไปไม่ถูกปากพี่ชายผม สาละวนหยิบขึ้นจับวางจนชักห่วงกลัวเขาเจ็บ ไม่เกินสองนาทีก็หมดความอดทน เหลือบตาสบกับพ่อบ้านที่ทำตัวเป็นเงาเดินถือของตามหลัง ขอตัวช่วยโดยไม่ต้องพูดให้มากความ ผู้ดูแลเก่าแก่บอกโพยให้ทันทีทันใด

         "ถ้าเป็นไอศกรีม คุณนิโคลัสชอบแนว Sorbet หรือ Sherbet รสผลไม้อะไรก็ได้ครับ ยกเว้นทุเรียนกับองุ่น"

          ผมหยิบอันที่เห็นแถวนั้นส่งๆ ไปหนึ่งถ้วยลงตะกร้า "เทมครับ เอารสนี้ก็ได้ครับเฮียเนื้อหย็องชอบ"

          "หมูหย็องเก่งจังเลยครับ หมูหย็องเก่งที่สุดเลยครับ รู้ๆๆ รสไอศกรีมที่เฮียเนื้อหย็องชอบด้วย แล้วก็ๆๆ เทมจะซื้อเผื่อคุณพ่อบ้าน คุณพี่หมอแล้วก็คุณพยาบาล แล้วก็ๆๆๆ คุณนักบิน คุณผู้ช่วยนักบิน แล้วก็ๆๆๆ คุณบอดี้การ์ดด้วยนะครับ มีใครอีก มีใครอีกหรือเปล่านะ เทม เทมนับนิ้วก่อนนะครับ"

          ขาดแค่ยามเฝ้าก็ครบทั้งสนามบินแล้วครับที่รัก

          เทมปุระกล้าๆ กลัวๆ จับมือผมเดินไปถามคนรอบตัวอย่างเอียงอาย สองมือเกาะหลังโผล่แค่หน้าและตาที่เสหลบมองพื้นถามเสียงแผ่ว เสียงเบาใกล้เคียงกระซิบเอ่ยถามว่าชอบไอศกรีมรสอะไรหรือครับ หรี่ตามองพวกผู้คนที่ได้รับความใจดีของคนรักของผมอย่างไม่ชอบใจนัก เห็นเหล่าการ์ด หมอ และพยาบาลหลบตาทันควันเมื่อสายตาคมกริบจับจ้อง ด้วยรับรู้ดีว่าผมไม่นิยมชมชอบแบ่งความใจดีนี้กับใคร กฎข้อห้ามก็ระบุชัดว่าการสนิทสนมกับคนแก้มนุ่มเกินไป เป็นข้อห้ามสำคัญที่ทำให้ตกงานได้ทันที คุณพ่อบ้านที่เทมเรียกรีบเข้ามาแก้ไขสถานการณ์

          "ขอบคุณในความกรุณาครับคุณหนูเทม ที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของกระผมเองครับ เดี๋ยวผมจะเตรียมส่วนของทุกท่านให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะครับ"

          "อ๋อๆๆๆ โคเอๆๆๆ นะครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับ"

          วนลูปเทมเลือกขนมผมคัดเลือกไปอีกสักพักใหญ่ และไม่จบง่ายๆ เมื่อออกจากร้านไอศกรีมก็ต่อด้วยเข้าร้านเค้ก ได้เค้กเรดเวลเวทกับชูครีมหลากรส โผล่ร้านตุ๊กตาของเล่น เปิดประตูเข้าร้านของฝาก เดินไปทั่วสนามบินกว้าง ออกกำลังให้เหนื่อยก่อนเข้านอน หวังผลให้คนเมาอากาศได้หลับสนิท

          ห้าทุ่มก็เริ่มเห็นเค้าลางความง่วงที่มาตอกบัตรเข้าทำงานสายเอาเรื่อง จูงคนมือเจ็บขึ้นรถรับส่งไปห้องรับรอง โทรบอกให้นักบินเตรียมเครื่องให้พร้อมเทคออฟ ในห้องนั่งรอมีคุณป้ากับเฮียเนื้อหย็องนั่งรอกันอยู่ ทั้งสองคนติดไปกับลำของผมด้วยครับ เพราะชนะเป่ายิงฉุบมา แน่นอนครับ ว่าคุณพ่อไม่ได้ยินยอมนั่งแยกเครื่องกันง่ายๆ ต่อรองจนถึงที่สุด งัดเกมขึ้นมาให้ประลอง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ไป คุณป๊าแทบจะใช้เล็บข่วนตามทางไม่อยากจากลูกชายคนโปรด

          พี่ชายลำดับที่สองนั่งขอบตาดำกับกองตำราแพทย์เอ่ยทักอย่างอ่อนแรง "มากันแล้วหรือ เทมง่วงหรือยังล่ะ"

          "ครับ"

          "งั้นขึ้นเครื่องกันเลยแล้วกัน" เฮียเนื้อหย็องกวาดรวบของบนโต๊ะลงกระเป๋า

          คุณป้าเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ คาดว่าคงจะเตรียมตัวสำหรับการเดินทางยาว พอเห็นเทมที่เกาะผมเป็นลูกลิงก็เข้ามาช่วยประคอง แต่คนง่วงนอนก็งอแงเกาะไม่ปล่อย จนมารดาได้แต่ยิ้มขำแล้วช่วยดึงถุงขนมไปถือแทน

          "เพิ่งไปเดินซื้อของกันมา เหงื่อคงจะออก อาบน้ำกันก่อนดีไหมครับเด็กๆ กว่าจะถึงอีกหลายชั่วโมงเชียว เดี๋ยวจะเหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัวกัน ไปรอเข้าห้องน้ำบนเครื่องเดี๋ยวจะนานนะครับ"

          "ไปอาบบนเครื่องก็ได้ครับเมกุมิซัง ลำนี้ของหมูหย็องมีห้องอาบน้ำสองห้อง ไม่ต้องรอกันนาน"

          คุณป้าตกใจ "ไม่ใช่ลำที่นั่งประจำหรือคะ"

          "ลำเล็กนั่นพวกคุณป๊านั่งกันไปแล้วน่ะครับ ลำนี้จะใหญ่กว่า เมกุมิซังอาจจะยังไม่เคยนั่ง เพราะปกติโดนคุณป๊ากับคุณม้าเอาไปใช้เดินทางต่างประเทศ ครั้งนี้เจ้าของจะใช้เองเลยต้องหลีกทาง"

          คุณป้าลูบอกเหมือนขวัญหาย พึมพำกับตัวเองเบาๆ "ตายจริง...ทางนั้นคนเยอะกว่าด้วย จะไม่เป็นอะไรหรือคะ ไม่รู้จะนั่งกันอึดอัดหรือเปล่า"

          ระหว่างที่คุณแม่ของตัวเองกำลังกังวล เด็กชายผู้อ่านบรรยากาศไม่ออกก็คล้องคอผมเขย่าไปมาเรียกร้องความสนใจ เสียงอ้อแอ้ถามหาของใช้ประจำ

          "หมูหย็องครับหมูหย็อง หมูหย็องครับ เทม เทม เทมเอาผ้าห่มมาหรือยังครับ"

          "หมูเอามาให้แล้วครับ เทมบ๊ายบายพี่ม่อนครบแล้วใช่ไหมครับ?"

          ถามย้ำกับเขาอีกรอบ เพราะจะไปไหนเด็กมีมารยาทก็ต้องบอกกล่าวลาเหล่าของสะสมของตัวเองเสียก่อน ไม่บะบุยก่อนไปเดี๋ยวของเล่นจะน้อยใจ อา...ไม่ได้บอกลาเป็นรายชิ้นหรอกครับ ไม่งั้นกว่าจะได้ไปก็คงปีหน้า แต่ผมให้เขาไปบอกลาเป็นตู้ๆ ไป ตามลิตส์ที่ผมช่วยจดเอาไว้ให้ และต้องถามเสียก่อน เพราะเคยมีเหตุในอดีต หย็องหย็องเข้ามากวนเด็กน้อยตอนกำลังร่ำลา จนลาไม่ครบ มานึกขึ้นได้ตอนขึ้นเครื่องไปแล้วทำเอาต้องวกเครื่องบินกลับมาทั้งๆ ที่เพิ่งบินได้ไม่ถึงสิบนาที ตอนนั้นผมก็ว่าทำไมเขาดูตัวสั่นๆ พะวักพะวง เหลียวหน้าเหลียวหลัง แต่ถามก็ไม่ยอมบอกเพราะกลัวผมดุน้องชายที่เป็นต้นเหตุ สุดท้ายก็ฮึบไม่ไหว ร้องไห้จ้า

          เทมปุระสะลึมสะลือ หมุนเป้สีฟ้าด้านหลังมาเปิดแผ่นกระดาษที่ถูกติ๊กไว้อย่างเป็นระเบียบ ไล่สายตาตามเครื่องหมายที่ตัวเองกาเอาไว้ ใช้นิ้วจิ้มไล่แล้วพยักหน้าหงึกๆ

          "บะบุยๆๆๆ กับพี่ม่อนครบทุกตู้แล้วครับ บ๊ายบายคุณเมดกับคุณแม่ครัวแล้วครับ แล้วก็ๆๆ บ๊ายบายคุณลุงชื่นแล้วด้วยครับ"

          "ดีมากครับ ถ้าเทมง่วงหลับเลยก็ได้นะครับ"

          แต่พอบอกว่าให้หลับเลยกลับกระเด้งตัวยืดหลังตรง

          "เทม เทม เทมอยากตื่นดูไฟสวยๆๆๆ ก่อนได้ไหมครับ"

          เอ่ยขอด้วยสภาพตาครึ่งปิดครึ่งเปิดขนาดนี้ ลืมตาได้อีกห้านาทีก็เก่งแล้วครับ

          "ค่อยดูตอนใกล้ถึงดีไหมครับ วันนี้เราบินกันสูงมาก ถ้าที่รักยังตื่นอยู่ เดี๋ยวจะปวดท้องไม่ก็คลื่นไส้เอาได้นะครับ"

          "อือ...แต่ แต่เทมอยากดูครับ"

          เลิกผมหน้าม้าแล้วกดจูบหน้าผากนวลปลอบให้นิ่ง "เดี๋ยวหมูอัดวิดีโอไว้ให้ได้ไหมครับ แล้วขากลับหมูจะเปลี่ยนเวลาบินเป็นก่อนเวลาเข้านอนของที่รัก ให้นั่งดูนานๆ เลย"

          "ที่รัก ที่รัก ที่รักอยากดื้อครับ"

          "ดื้อต่อพรุ่งนี้ดีไหมครับ ดื้อวันนี้เทมได้ดื้อกับหมูแค่แป๊บเดียว แต่ถ้าดื้อพรุ่งนี้ เดี๋ยวหมูให้ดื้อด้วยทั้งวันเลย คืนนี้นอนก่อนนะครับ"

          "เทมไม่อยากดื้อเยอะแยะๆๆๆๆ ครับ เทม เทมอยากดื้อแค่นิดน้อยๆๆๆๆ นะครับ ดื้อแค่เท่านี้นะครับ ให้หมูหย็องตามใจเท่านี้นะครับ"

          กลั้นขำคู่กรณีกำลังต่อรองทั้งที่จะหลับอยู่รอมร่อ นิ้วชี้จรดนิ้วโป้งก็น้อยจริงอย่างเจ้าตัวว่า แต่ถ้ารู้สึกไม่ดีขึ้นมา ผมคงสงสารเด็กชายจนกลัวว่าจะเผลอสั่งให้เครื่องจอดแล้วพาเขากลับบ้านนอนไม่ไหว นางฟ้าน้อยคล้ายกลายเป็นปีศาจตัวจิ๋วที่กำจุดอ่อนผมเอาไว้ และร้ายกาจพอที่จะรู้วิธีใช้ เสียงนุ่มเรียกหมูหย็องครับ หมูหย็องครับอย่างออดอ้อน

          "...บอกนักบินช่วยบินค้างระดับไว้ก่อนสักชั่วโมงนะครับ"

          "รับทราบครับคุณดิมิทรี"

          พอรู้ว่าได้อย่างที่ต้องการก็ยิ้มแก้มตุ่ย มันเขี้ยวจดต้องก้มลมไปงับก้อนซาลาเปาสองข้าง

          "มาครับเด็กดื้อ หมูให้ดูแค่แป๊บเดียวแล้วต้องหลับเลยนะครับ"

          "หมูหย็องใจดีที่ซู้ดดดดเลยครับ"

          คุณป้าที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด ยิ้มแล้วส่ายหน้าระอา รู้ดีว่าถึงเอ่ยขัดไป ผมก็ยังคงเป็นหมูหย็องจอมตามใจเทมปุระอยู่วันยังค่ำ แต่หญิงสาวตัวเล็กก็อดเอ่ยปรามไม่ได้ "น้องเทมครับ ไม่เอานะครับคนเก่ง วันหลังต้องไม่ดื้อกับน้องหมูหย็องมากเกินไปนะครับ โดยเฉพาะเหตุผลสำคัญอย่างสุขภาพด้วยแล้ว ส่วนน้องหมูหย็องก็อย่าตามใจน้องเทมมากนะครับรู้ไหม"

          คนที่กำลังฝืนห้วงนิทราเดินกอดแขนซุกไหล่ผมไม่ทันได้ฟังคำสอน เหลือแต่ผู้ต้องหาอีกคนอย่างผมที่ยิ้มแล้วแก้ต่างให้ชายคนรัก "ไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณป้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างเทมก็เฝ้ารอวันนี้มานาน ไหนจะเป็นครั้งแรกของเขาอีก ไม่แปลกที่เทมจะเรียกร้องนะครับ"

          "น้องหมูหย็องละก็...พอเกี่ยวกับน้องเทม น้องหมูหย็องก็เห็นเป็นเรื่องเล็กทุกทีเลยค่ะ"

          "เทมไม่ดื้อหรอกครับเมกุมิซัง มีแค่ช่วงทานข้าวกับง่วงนอนนั่นแหละครับ ถึงจะงอแง"

          "โธ่...น้องเนื้อหย็องก็เป็นไปด้วยหรือคะ คุณป้าเข้าใจนะคะว่าห้ามใจลำบาก แต่เราต้องฮึดสู้ด้วยการไม่ตามใจน้องเทมมากเกินไปนะคะ อ๊ะ...น้องเทมเรียกคุณแม่หรือเปล่าครับ"

          ผมกับเฮียเนื้อหย็องอมยิ้มมองหญิงร่างเล็กที่เพิ่งบอกแหมบๆ ว่าไม่ให้ตามใจมากเกินไป แต่พอลูกชายงึมงำเบาๆ ถึงขนมที่เพิ่งซื้อมา ก็รีบเปิดถุงหยิบยื่นให้ทันควัน เหมือนคุณป้าเพิ่งจะรู้สึกตัว ถึงได้เกาแก้มแก้เก้อ

          "ก็...ก็ไม่ตามใจมากเกินไปนะคะ ในขอบเขตพอดีๆ นะคะ"

         

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

          ยกหน้าที่ทักทายนักบินให้พี่ชาย และมอบหน้าที่ให้พ่อบ้านจัดการกับสัมภาระอย่างคุณหมอและนางพยาบาล ส่วนตัวเองพาองค์ชายนายเหนือหัวไปในห้องนอนท้ายสุดของลำเครื่อง บนเครื่องบินส่วนตัวถูกแบ่งแยกเป็นโซนส่วนตัวมากน้อยตามลำดับ ด้านหน้าสุดเป็นเก้าอี้นั่งสิบแปดที่นั่ง กั้นด้วยประตูเปิดปิดก่อนเข้าสู่ห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาหนังเข้าชุด ทุกอย่างคุมโทนสีดำสีทอง สีน้ำตาล ไม้ Luxury Vintage ตามรสนิยมเจ้าของ พร้อมโทรทัศน์จอใหญ่และเครื่องเกมรุ่นใหม่ล่าสุด ขาดไม่ได้คือตู้หนังสือขนาดกลางที่บรรจุไปด้วยเรื่องราวที่ผมชอบ แต่เดินผ่านเมื่อกี้เห็นว่าหลายเล่มถูกสับเปลี่ยน คงไม่แคล้วถูกคุณป๊าและคุณม้ายัดใหม่ เพราะชื่อตรงสันเป็นนิตยสารแฟชั่นกับการตลาด ข้างในชั้นเรียงกันค่อนข้างไม่เป็นระเบียบจนคิ้วขมวดมุ่น เมดทำความสะอาดก็คงไม่กล้าหยิบออก จำได้ว่าล่าสุดที่ใช้เครื่องนี้คือตอนพาเทมไปเที่ยวที่เวียดนาม ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีสิ่งแปลกแยก

          ให้ยืมใช้แล้วทำรกแบบนี้ วันหลังจะไม่ให้ยืมแล้วนะครับ

          ผ่านห้องนั่งเล่นมาก็จะเป็นห้องทานข้าวและห้องครัว มีมินิบาร์เล็กๆ สำหรับไว้สังสรรค์ ถัดไปก็เป็นห้องอาบน้ำและห้องน้ำ ท้ายสุดก็คือไพรเวทโซนที่ถูกกั้นเป็นห้องแปดห้อง กล่าวง่ายๆ บนนี้ก็เหมือนยกโรงแรมดีๆ สักที่ทั้งชั้นมายัดใส่เอาไว้

          ผมพาคุณป้าที่ทำหน้าอึ้งไม่น้อยไปที่ห้องฝั่งตรงข้าม บอกกำหนดการคร่าวๆ แล้วพาคนรักเข้ามาอีกห้องหนึ่งที่ใหญ่กว่าและพิเศษกว่าห้องอื่น ห้องอื่นอาจจะมีแค่เตียงห้าฟุตและเก้าอี้พร้อมโทรทัศน์ แต่ห้องนี้เหมือนห้องจำลองห้องนอนจากที่บ้าน ในขนาดที่กระทัดรัด แต่ยังคงมีเตียงนอนใหญ่ไว้ให้คนรักกลิ้งเกลือกเล่นได้ เก็บกระเป๋าเป้แล้วพาไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีเข็มขัดนิรภัยพร้อมถูกใช้ทันที

          "นั่งแล้วคาดเข็มขัดก่อนนะครับ รอเครื่องเทคออฟเสร็จ หมูจะพาไปดูวิวแล้วกลับมานอน"

          พอผมคาดให้เขาเสร็จ กำลังจะจัดการในส่วนของตัวเอง เด็กชายที่เห็นแบบนั้นก็เม้มปากแน่น ตาใสชื้นแดงจนร้อนรน "เทม เทมก็อยากคาดเข็มขัดให้หมูหย็อง คาดเข็มขัดให้หมูหย็องด้วยนะครับ ทำไม ทำไมๆๆๆๆ หมูหย็องไม่ให้เทมทำให้ครับ เทมก็อยากทำให้หมูหย็องบ้างนี่ครับ"

          คนรักประท้วงทวงหน้าที่ประจำพร้อมสีหน้าเสียอกเสียใจ

          ครางในลำคอด้วยใจอ่อนยวบ "โธ่ ที่รักครับ...เรื่องเท่านี้เท่านั้น ขอแค่บอกกันนะครับ ไม่ต้องร้องนะคนดี หมูแค่กลัวเทมจะเจ็บมือครับ แต่ถ้าเทมอยากช่วย ใช้มือข้างเดียวนะครับ"

          "แต่เทมใช้มือข้างเดียวทำไม่เป็นนี่ครับ ทำไม่เป็นๆๆๆ นี่ครับ"

          ลูบใต้ตาคนที่ฝืนตื่นเกินเวลานอนจนเริ่มงอแง

          "แค่ทำไม่เป็นเองครับ ไม่ใช่ทำไม่ได้นี่น่า เดี๋ยวหมูช่วยสอนให้เองนะ ...เทมช่วยหมูจับสายนี้ไว้ทีได้ไหมครับ หมูจับไม่ค่อยสะดวกเลย"

          อารมณ์แปรปรวนเป็นแมวน้อยเจ้าอารมณ์ ปะเดี๋ยวน้ำตาซึมให้ระทวย อีกเดี๋ยวก็ยิ้มสดใสจนดอกทานตะวันยังต้องยอมแพ้ "เทม เทมจับให้เองครับ เทมจับให้หมูหย็องเองครับ"

          ก็ไม่ต่างกับผมคาดเองอยู่ดีนั่นละนะครับ ออกจะเสียเวลามากกว่าเดิมไปโขด้วยซ้ำ จนนักบินคอลโฟนมาถามถึงความพร้อมก็ยังต้องรอเด็กน้อยเล็งเป้าตัวล็อคให้เข้าที่เสียก่อนถึงจะได้ออกเดินทาง

          ไม่เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ทั้งเรื่องที่เทมดูวิวได้ไม่เกินสามนาทีก็คอพับคออ่อน หัวเกือบโขกกับหน้าต่างจนต้องรีบเอามือรอง ตอนตื่นมาตอนเช้าก็มีอาการพะอืดพะอม ร้องไห้ไปหนึ่งยกเพราะไม่อยากทานข้าวเช้า ตกสายก็ปวดหัวปวดหูจนต้องให้คุณพี่หมอมาตรวจซ้ำหลังเพิ่งตรวจร่างกายและวัดความดันไปทุกชั่วโมง ได้ยาพารามาทานแก้ปวดแล้วนอนซุกอยู่ในห้อง

          "ทำไม ทำไมคุณยาแก้ปวดถึงรู้ล่ะครับหมูหย็องครับ ทำไมๆๆๆๆ คุณยาแก้ปวดถึงรู้ครับว่าเราเจ็บตรงไหน ปวดตรงไหนทั้งๆๆๆ ที่เทมไม่ได้บอก ไม่ได้แอบกระซิบบอกเลยนะครับ แล้ว แล้ว แล้วยังไปช่วยรักษาได้ถูกด้วยล่ะครับ คุณยาแก้ปวดมี GPS เหรอครับ หรือเป็นยาบังคับแบบรถบังคับแล้วคุณพี่หมอกดรีโมทควบคุมอยู่เหรอครับ แล้วๆๆๆ ถ้าเทมแกล้งปวดขน คุณยาแก้ปวดจะรู้หรือเปล่าครับว่าเทมแกล้งปวด แล้วๆๆๆ ก็จะไปรักษาให้แบบแกล้งๆๆๆ หรือเปล่าครับ"

          ...กดปุ่มเรียกคุณหมอมาอีกรอบสิครับ จะรออะไรล่ะ


          พอดีขึ้นจากยาวิเศษที่ชื่อไอศกรีมรสเฮเซลนัท ก็มานอนคว่ำตัวพาดยาวบนขาของผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านข่าวในแท็บเล็ต ส่วนอีกคนก็กำลังเปิดโน๊ตบุ๊คทำข้อสอบ หัวทุยกลิ้งเกลือกไปมาเวลาคิดไม่ออก แต่ถ้าข้อไหนทำได้ก็ตอบฉะฉาน บทเรียนของเด็กชายแตกต่างจากของนักเรียนทั่วไปที่มีแต่ตัวอักษรและตัวเลขติดกันเป็นพรืด ในส่วนวิธีเรียนของเด็กน้อยจะเป็นการเล่าทุกอย่างผ่านรูปภาพหรือการ์ตูนสั้น อย่างประวัติศาสตร์ก็เป็นการ์ตูนที่มีตัวละครย้อนยุคพาไปทำความรู้จักเหตุการณ์และคนสำคัญต่างๆ พอดูจนจบก็จะมีคำถามท้ายบทให้ตอบ เป็นการเก็งข้อสอบไปในตัว และถึงจะปิดเทอมแล้ว แต่ผมกับพวกเต้และน้ำยังไม่ได้สอบครับ โรงเรียนเราค่อนข้างพิเศษตรงถ้ายังเรียนต่อที่โรงเรียนเดิม สามารถขอย้ายวันสอบเป็นวันไหนก็ได้ ขอแค่เป็นก่อนวันผลออกหนึ่งอาทิตย์ก็พอ ผมที่ไม่อยากให้เทมเครียดกับการเรียนเลยย้ายวันสอบออกหลังเที่ยวเสร็จ แต่ก็ให้เขาทบทวนทุกวันแทน

          "ข้อนี้ตอบคุณลุงชาลส์ ดาร์วินใช่ไหมครับ เทม เทมจำได้"

          "ถูกต้องครับ เก่งมาก"
         


          ก๊อก ก๊อก



          "น้องเทมครับ น้องหมูหย็องครับ"

          "เข้ามาได้เลยครับ"

          "ขอโทษที่เข้ามากวนตอนเรียนนะคะเด็กๆ แต่คุณแม่อยากมาดูน่ะครับว่าน้องเทมดีขึ้นหรือยัง"

          คุณป้าเข้ามานั่งลงบนเตียงแล้วแตะมือเรียวเล็กลงบนหน้าผากลูกชาย เทมปุระถูไถหน้าไปกับฝ่ามือมารดา "เทม เทมดีขึ้นเยอะแยะๆๆๆ แล้วครับ แต่ตอนนี้ๆๆๆ เทม เทมจะปวดหัวกับข้อสอบแทนแล้วครับ ปวดหัวแบบผู้ใหญ่ๆๆๆ ปวดหัวเวลาทำงานเยอะแยะๆๆๆๆ เลยครับ"

          ผมหลุดหัวเราะกับการพูดเลียนแบบคุณป๊าที่ชอบบ่นปวดหัวทุกครั้งที่ได้งานมาเยอะ

          คุณป้าแสร้งทำตาโต "ปวดหัวกับข้อสอบเหมือนผู้ใหญ่ทำงานเลยเหรอครับ แบบนี้แปลว่าน้องเทมของคุณแม่โตแล้วใช่ไหมครับ"

          "เทม เทมโตโต้โต๊เลยครับ โต้โตเลยครับ สิบหกแล้วครับ อีกนิดก็จะมีสิวขึ้นแล้วด้วยครับคุณแม่ครับ"

          หญิงสาวมองเด็กชายผู้บอกว่าตัวเองโตแล้วด้วยดวงตาทอแสงอ่อนลง "...คุณแม่อยากเห็นน้องเทมโตมากกว่านี้จังเลยค่ะ"

          "คุณป้าครับ!"

          เผลอคำรามตักเตือนหญิงสาวที่เข้ามาใหม่ มารดาคนรักสะดุ้งตกใจแล้วหน้าซีดเหมือนเพิ่งได้สติว่าเผลอพูดอะไรออกไป รีบเช็ดหยดน้ำที่หางตาก่อนเปลี่ยนเรื่อง เทมที่เห็นผมเสียงดังใส่คุณแม่ตัวเองก็ใจเสีย ร้องไห้ไปอีกหนึ่งยก ผมกับคุณป้าช่วยกันปลอบกันพักใหญ่ ไม่นานเด็กน้อยก็ผล่อยหลับไป จับผ้าห่มขึ้นคลุม ตบผ้านวมสีฟ้าของคนกำลังหลับ สงสารใต้ตาที่ช้ำจากการร้องไห้หลายครั้งในวันนี้ หอมหัวทุยก่อนยืดตัวนั่งหลังตรง กระชับเสื้อเชิ้ตของตัวเองให้เข้าที่ เดินไปหยิบกระเป๋าเอกสารที่เตรียมไว้มาหลายปีแล้วกดปุ่มเรียกคุณหมอมานั่งเฝ้าระหว่างที่ผมมีธุระสำคัญที่ต้องสะสาง

          "ผมขอเวลาสักเดี๋ยวได้ไหมครับ"

          หญิงร่างเล็กยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนยามทอดมองมาที่ผมเหมือนทุกครั้ง

          แม้ครั้งนี้ผมกำลังจะบอกเรื่องโหดร้ายสำหรับเธอ

          ...และเธอเองก็รู้ดีก็ตาม

         
         รอจนคุณหมอและพยาบาลเข้ามาในห้องผมจึงเดินออกไป คุณป้าเดินไปลูบศีรษะคนหลับตาพริ้มแล้วเดิมตามหลังผมออกจากห้อง เดินผ่านโซนต่างๆ ก่อนหยุดเท้าลงที่ห้องนั่งเล่น ผายมือเชิญคนตรงหน้าให้นั่งลงก่อนนั่งลงตาม แม้จะนั่งลงแล้วหลายนาที ตัวสื่อสารเดียวที่ทำงานก็คือความเงียบ บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัดปะปนไปด้วยความลำบากใจ บนโต๊ะไม้เคลือบเงามีแจกันปักดอกไม้สวยสด แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น คุณป้ามองท่าทางเคร่งเครียดของผมก่อนหลุดขำ

          "โธ่ น้องหมูหย็องไม่ต้องทำหน้าเครียดแบบนั้นนะคะ ถ้าน้องเทมมาเห็นเข้า น้องเทมจะโกรธคุณป้าเอาได้นะ ดูสิคะ ตอนนี้เหมือนป้ากำลังแกล้งแฟนลูกชายเลย" คุณป้ายิ้มหวานก่อนทำท่าขึงขัง "หรือน้องหมูหย็องอยากให้คุณป้าเล่นบทแม่สะใภ้จอมโหดดีคะ พี่เอเลนเพิ่งกำชับมาว่าไม่ให้น้องหมูหย็องผ่านด่านง่ายๆ เสียด้วย"

          ผมถอนหายใจแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย "ปล่อยให้คุณม้าเล่นกับเฮียปลาหย็องไปสองคนเถอะครับ ถ้าคุณป้าร่วมวงไปอีกคน ผมคงต้องทานยาลดความดันแล้วละ"

          หลังจากเสียงหัวเราะก็ยังไม่ได้ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นอยู่ดี...

          "...เมื่อไหร่เหรอคะ แต่ถ้าให้คุณป้าเดา ก็คงเหลือเวลาอีกไม่นานสินะ"

          รอยยิ้มอ่อนหวานประดับมุมปาก ซ้อนทับภาพของคนรัก เธอเอ่ยถามด้วยความนิ่งสงบไร้ความสั่นไหว เป็นดอกไม้บอบบางที่แสนแกร่งและงดงาม

          ในบรรดาคนไม่กี่คนในโลกนี้ที่ผมแคร์ เธอเป็นอีกหนึ่งคนที่ผมภาวนาให้มีความสุข

          ไม่ว่าใครก็ล้วนมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง เบื้องหน้าเบาบางด้านหลังหนักอึ้ง น่าแปลกที่ประสบการณ์เลวร้ายมักจะหลอมหลวมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต ไม่ละเว้นให้ผู้ใด และไม่ใจดีให้กับใคร

          ...หญิงสาวผู้มีรอยยิ้มงดงามคนนี้ก็เช่นเดียวกัน...

          เรื่องราวในอดีตที่ถูกสืบพบชวนสะเทือนใจ ถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืนและถูกแม่ของตนเองริษยา เป็นที่รังเกียจของคนในบ้าน หุ่นเชิดที่มีรอยยิ้มประดับเมื่อเติบโตก็ถูกส่งให้ชายอื่นรับไปดูแลในฐานะคู่หมั้นเพื่อเชื่อมธุรกิจ ผลประโชยน์มีค่ากว่าความรู้สึกของมนุษย์คนหนึ่ง ชะตากรรมของตุ๊กตายังคงเลวร้าย เมื่อสามีที่เพิ่งเคยพบหน้าดีได้เพียงไม่ถึงสัปดาห์ก็เริ่มแสดงสันดรที่แท้จริง ความรุนแรงราวเป็นของแน่นอนที่เธอต้องประสบทุกช่วงเวลาที่ไหลผ่าน ยิ่งเลวร้ายเมื่อธุรกิจไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ทางครอบครัวโลภมากของฝ่ายหญิงใช้จังหวะเศรษฐกิจไม่ดีรวบเป็นของตนเอง ความแค้นมากมายจะลงที่ใดได้ หากไม่ใช่ตุ๊กตากระเบื้องที่จากบ้านมา ที่พึ่งทางใจสุดท้ายของชายผู้พ่ายแพ้คือสารพัดสิ่งเสพติด นับวันเหล้ายาการพนันเป็นเครื่องเร่งให้เรื่องเลวร้ายคูณสองและคูณสาม หนี้สิ้นทบทวี ปัจจัยติดลบ ไม่มีเงินติดตัวสักบาทจนต้องขายเรือนร่างของภรรยาเพื่อแลกเศษเงิน การรุมโทรมฟังดูเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นแต่ห่างไกลเพียงในหน้าหนังสือพิมพ์สำหรับใครหลายคน แต่ไม่ใช่กับเธอผู้ถูกกระทำตั้งแต่เมื่อยังไม่รู้ความจนเติบโตมาเพื่อถูกย่ำยีจากคนไม่รู้จักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถูกทำให้ติดวนอยู่ในวังวนยาเสพติดเพื่อให้หนีไปไหนไม่ได้ คุณค่าความเป็นคนลดทอนจนเหลือเพียงแลกกับม้วนบุหรี่ วันเวลาแสนโหดร้ายลากยาวนานดั่งไม่มีที่สิ้นสุด และในวันหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นที่สุดก็ถือกำเนิด

           เธอท้อง ท้องโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ อาจจะเป็นหนึ่งในผู้ชายหลายสิบคนที่เคยเข้ามากระทำชำเรา

          การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมกระชากความรู้สึกที่เคยนึกว่าหมดไปแล้วให้กลับคืนมา ความรู้สึกสับสนแผ่กระจาย ความด้อยค่า รังเกียจและขยะแขยงตนเองไม่คู่ควรแก่การให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตใดจากสิ่งสกปรกโสมมเช่นเธอ...การตัดสินใจในตอนนั้นคือทุกหนทาง

          ...ทุกหนทางที่จะไม่ให้เด็กคนนี้ลืมตาขึ้นมาดูโลก...

          เสพยาหนัก ยาขับเลือด ชกท้อง ตกบันได วิ่งไปให้รถชน ถูกทำร้ายร่างกาย ทุกหนทางที่กระทำแต่เด็กน้อยยังคงดื้อดึงราวกับกู่ร้องว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ความมหัศจรรย์ของหนึ่งชีวิตดูคล้ายคำประชดประชันจากโชคชะตา ยามไม่อยากให้เกิดดันเกิด ยามอยากให้ดับสูญกลับไม่ดับไป

          ดอกไม้ผลิดอกออกผล ผลกำเนิดจากการตั้งครรภ์ที่ถูกทำร้ายไม่ใช่ผลผลิตที่สมประกอบ ยามคลอดออกมาตัวเล็กจิ๋วจนไม่น่าเชื่อว่าจะเติบโตได้ แรกรักคือยามก้อนเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่ในอ้อมอก รู้สึกผิดและคิดได้ว่าไม่ควรทำลงไป แต่ไม่มีกาลเวลาใดถูกหมุนย้อนกลับได้ หยดน้ำตาไม่ช่วยให้ความจริงแปรผัน เธอเป็นคนทำร้ายลูกชายให้พังทลาย กลับบ้านไปพร้อมลูกชายที่เป็นแรงบัลดาลใจของชีวิต เธอเลิกยาและหันหน้าไปตั้งใจทำงานเลี้ยงดูลูก คล้ายจะจบง่ายดายเกินไป สามีที่หนีออกจากบ้านไปสองปีหวนกลับคืนมาเมื่อหญิงสาวฮึดสู้หาเงินใช้หนี้ เวลาไม่อาจย้อนกลับ แต่เหตุการณ์เลวร้ายสามารถเกิดขึ้นได้เหมือนย้อนอดีต แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมเมื่อคนที่อาจจะเป็นพ่อเริ่มทำร้ายลูกรัก ในค่ำคืนหนึ่งดอกไม้บอบบางเป็นฝ่ายอุ้มลูกหนีหาย แต่ก็ถูกตามกลับมาและถูกทำร้ายหนักขึ้นและหนักขึ้น จุดแตกหักเมื่อเธอทนไม่ไหวต้องยอมพลีกายให้ชายในเครื่องแบบเพื่อแลกกับการตั้งข้อหาและดำเนินเรื่องจับกุมสามี สามีที่ถูกจับไปผูกใจเจ็บ ประกาศก้าวหากออกมาเมื่อไหร่จะตามฆ่า เธอใช้เรือนร่างแลกอีกครั้งกับการเปลี่ยนชื่อแซ่และประวัติทุกอย่าง ใช้ชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ กับงานที่แค่พอใช้ชีวิตอยู่ได้จนผมไปพบเข้า

          มันน่าขันตรงที่ในเรื่องราวความเป็นจริง บาดแผลไม่ได้หายไปเพียงเพราะได้รับชีวิตที่ดีขึ้น

          ยามเยาว์รอยช้ำที่คอของเทมบ่อยครั้งที่ผมเห็นและเริ่มวิตกหนัก

          คุณป้าเป็นโรคซึมเศร้าและบางครั้งก็ประสาทหลอนนึกย้อนกลับไปในอดีต ความรู้สึกขัดแย้งที่ให้กำเนิดลูกชายที่ผิดปกติจนไม่อยากให้เขาได้เติบโตไปอย่างยากลำบาก จนเคยคิดปลิดชีวิตเล็กๆ นั้นในช่วงค่ำคืน ...ผมใจหายและเริ่มหาที่ปรึกษาจากเลขาที่คุณยายเคยหาไว้ให้ ที่ปรึกษาจัดการทุกเรื่องให้อย่างรวดเร็วและดีเกินไป ในผลการตรวจสภาพจิตใจและร่างกายผลออกมาแย่มากกว่าที่คาด

          คุณป้ามีจิตผิดปกติ คล้ายเป็นคนสองบุคลิค ที่เมื่อเป็นปกติก็เป็นหญิงสาวอ่อนหวานอ่อนโยน เป็นแม่ที่ใจดีและเพียบพร้อม แต่เมื่อจิตใจอ่อนแอก็ร้องไห้โวยวายคิดแต่อยากทำร้ายทำลาย สุขภาพร่างกายก็พังไม่ต่าง โรคร้ายถูกหว่านเมล็ดและเติบโตอย่างรวดเร็ว

           HIV คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ...หรือติดผ่านเข็มฉีดยาที่ใช้ร่วมกัน

          ถ้ายังคงเป็นแค่ HIV มันไม่ได้น่ากลัว เพราะสามารถควบคุมและมีโอกาสที่จะรักษาให้หายหรือดูแลให้มีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน แต่ระยะที่ตรวจพบคือระยะที่สอง ผมยังคงใจสู้ สร้างหน่วยแพทย์เฉพาะทางขึ้นมาเพื่อยื้อทุกทางให้เทมยังคงสามารถมีครอบครัวทางสายเลือดคนสุดท้ายเอาไว้ แต่ร่างกายของคุณป้าดื้อต่อยารักษาเนื่องจากสารเสพติดในสมัยก่อนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันรวน ร่างกายที่ดื้อต่อยา ภายในสามปีมันก็เดินทางไปถึงระยะสุดท้ายที่เรียกว่า AIDS หรือชื่อเต็มคือ Acquired Immunodeficiency Syndrome ...เอดส์

          ภาวะแทรกซ้อนนานาชนิดและวัณโรคเข้ามาซ้ำเติม

          เป็นนาฬิกาทรายที่ทุกเมล็ดไหลออกอย่างรวดเร็ว

          ผมเริ่มหยุดความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเมื่อรู้เวลาที่แน่นอน จากเดิมผมก็เริ่มแยกเทมออกห่างจากคุณป้าทุกเลิกเรียนและเสาร์อาทิตย์ ต่อมาก็เริ่มแยกนานขึ้น และระแวดระวังการอยู่สองต่อสองของสองแม่ลูก ทั้งกังวลว่าคุณป้าจะเผลอทำร้ายเทมและเด็กน้อยเผลอติดโรค ในคอนโดที่เทมอยู่ติดกล้องวงจรปิดไว้ทุกห้อง ด้านหน้าประตูก็มีการ์ดคอยเฝ้าระวังตลอด ระยะเวลาที่คุณป้าอยู่กับเทมและการถูกเนื้อต้องตัวถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน คุณป้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีปฏิบัติตัวตามขอบเขต แต่หลายครั้งก็มีที่เกินควบคุมจนผมตัดสินใจยื่นคำขาด

          'เรื่องที่ผมจะพูดด้วย ขอให้คุณป้ามองข้ามอายุและช่วยขบคิดอย่างจริงจังด้วยครับ'

          รอจนผู้ร่วมบทสนทนาไม่คิดว่าผมล้อเล่น สูดหายใจลึกก่อนเอ่ยบอกความต้องการตามตรง

          'ผมไม่อยากให้คุณป้าเข้าใกล้หรือสร้างสายใยให้กับเทมไปมากกว่านี้ครับ'

          การสูญเสียแม่ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่สำหรับเด็กพิเศษ ผมกลัวเขาจะแตกสลายไปพร้อมร่างไร้วิญญาณของมารดา ยิ่งอยู่ด้วยกันมาก ยามสูญเสียยิ่งสิ้นหวัง ระยะห่างอาจไม่ได้ช่วยให้ไม่เจ็บ แต่ก็บรรเทาความหนักหนาลงได้

          ผมในวัยเด็กเลือกเส้นทางที่ใจร้ายให้ผู้หญิงคนนี้ ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตกับต้องห่างไกลกับคนที่รัก

          'เป็นคำขอที่โหดร้ายจังเลยนะคะ...' เธอยิ้ม 'แต่ป้าเข้าใจดีค่ะ ป้าจะทำตามที่น้องหมูหย็องบอกทุกอย่าง'

          'ผมได้ผลแล็บมาวันนี้ คุณป้าจะอยู่ได้อีกประมาณสิบปีครับถ้ายาตัวใหม่ได้ผล'

          เธอรับแฟ้มเอกสารไปเปิดดู ก่อนจะวางลงแล้วหลับตานิ่งอยู่นาน

          'สิบปี...สิบปีน้องเทมกับน้องหมูหย็องก็อายุยี่สิบสินะคะ...ดีจังเลยค่ะ อย่างน้อยก็ได้เห็นทั้งสองคนเรียนจนจบมอหก'

          '...ขอโทษนะครับกับความเห็นแก่ตัวของผม'

          'ไม่เลยค่ะ ไม่จริงเลย ป้าก็คิดเอาไว้แล้วตอนรู้ผลว่าตัวเองเป็นโรคร้าย...ถ้าไม่มีน้องหมูหย็อง ป้าก็คง...คงจะให้น้องเทมตายไปพร้อมกับป้าด้วย ปล่อยน้องเทมไว้ในโลกนี้ตัวคนเดียว น้องคงจะอยู่ไม่ได้ แต่พอมีน้องหมูหย็องคอยดูแลให้ กับแม่ที่..ฮึก...กับแม่ที่ทำร้ายเขาตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกแล้ว แล้วยังจะมาตายไปให้เขาเสียใจอีก ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้นค่ะ ไม่ว่าหนทางอะไรที่ทำให้น้องเทมเจ็บปวดน้อยที่สุด น้อยลงสักนิด ป้าก็พร้อมจะทำทุกอย่างค่ะ'

          ระยะเวลาสบตากินเวลาไปชั่วอึดใจ

          'เทมยังขาดแม่ไปไม่ได้ แต่ถ้าใกล้ถึงวันนั้น...ผมไม่อยากให้ความทรงจำสุดท้ายของเขาเห็นแม่ตัวเองตายแบบทุรนทุราย...มันจะเป็นภาพฝังใจ'

          คุณป้ายิ้มทั้งน้ำตา 'บังเอิญจังเลยค่ะ...ป้าก็กำลังจะขอแบบนั้นเลยเชียว'

          '...ครับ...'

          'อย่าทำหน้ารู้สึกผิดแบบนั้นเลยนะคะ...เอางี้แล้วกันนะคะ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน เรามาทำสัญญากันดีไหมคะ'

          'สัญญาหรือครับ?'

          'ใช่ค่ะ คุณป้ารู้น้า ว่าน้องหมูหย็องรักน้องเทมมากๆ เพราะงั้นนี่ถือว่าเป็นการแก้แค้นเล็กๆ ได้ไหมคะ ที่น้องหมูหย็องพรากน้องเทมและแย่งความรักจากน้องเทมไปเสียหมด น้องหมูหย็องต้องห้ามล่วงเกินน้องเทมก่อนอายุสิบแปดเด็ดขาดเลยนะคะ จูบก็ห้ามค่ะ'

          '...ยากเกินไปแล้วครับ ถ้าแค่จูบยังไม่ได้...'

          'อืม...งั้นหยวนๆ ให้ ถ้าน้องเทมเป็นคนเริ่มเองค่ะ แต่นอกจากนั้นต้องเป็นแฟนกันก่อนนะคะ ถึงจะจุ๊บๆ กันได้ แล้วก็ต้องทำให้น้องเทมเรียนจบมหาลัยให้ได้นะคะ จะจบตอนอายุห้าสิบก็ไม่เป็นอะไร แต่ถือเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัวที่อยากเห็นลูกชายเรียนจนจบแทนคุณแม่ที่ไม่จบแล้วกันนะคะ'

          'แค่นั้นหรือครับ'

          'โธ่ ไม่เห็นเป็นเรื่องยากเลยหรือคะ งั้น...อืม ก็ต้องดูแลน้องเทมให้ดีๆ ให้ทานอาหารครบห้าหมู่ แต่อย่าตามใจมากเกินไปนะคะ กอดเขาบ่อยๆ อยู่เคียงข้าง คอยให้กำลังใจและช่วยปกป้อง อยู่กับเขาให้นานที่สุด...ทำในส่วนที่ป้าทำไม่ได้'

          'ผมจะเป็นผู้ปกครองของเทมเองครับ จะทำให้ดีที่สุด'

          คุณป้าซับน้ำตาแล้วเริ่มหัวเราะ 'นั่นสินะคะ หน้าที่แบบนี้มันผู้ปกครองชัดๆ เลยนี่น่า เป็นผู้ปกครองหรือคะ...เป็นเพื่อนและเป็นผู้ปกครอง...เพื่อนผู้ปกครองสินะคะ'

          'ครับ...ผมจะเป็นทุกอย่างให้เขาเอง'

          'ป้าจะยังไม่ฝากน้องเทมตอนนี้ ตอนที่ป้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะป้าไม่อยากให้น้องหมูหย็องถูกน้องเทมฉุดรั้ง ถือว่าเป็นช่วงทดลองแล้วกันนะคะ ช่วงให้น้องหมูหย็องเก็บไปคิดจริงๆ ว่าจะรับทั้งหมดของเทมได้หรือเปล่า ส่วนถ้าวันใดหมดรัก...ถ้าวันไหนไม่เอ็นดูน้องแล้ว ก็ไม่อยากให้คิดมากในเรื่องจะปล่อยมือน้องนะคะ ไม่ต้องลังเล และที่สำคัญ ป้าไม่อยากให้ความตายของป้าเป็นการผลักภาระดูแลน้องเทมให้เป็นของหนู น้องหมูหย็องไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร'

          ผมยิ้ม

          'ต่อให้มีคนตายอีกมากมายขนาดไหน ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ ไม่มีใครหรืออะไรส่งผลต่อความรู้สึกของผมได้ถ้าผมไม่รัก ผมรักเทม รักขนาดที่ต่อให้ตาย ความรู้สึกสุดท้ายที่จะนึกถึงก่อนตายก็คงเป็นการบอกรักเขา ตอนนี้ผมเป็นแค่เด็กในสายตาทุกคน เลยฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่นับจากวันนี้ ผมจะแสดงให้ดู จะพยายามให้มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อความภาคภูมิและความสุขของตัวเอง ผมสามารถพูดแทนตัวเองในอีกห้าปีข้างหน้า สิบปีข้างหน้า แปดสิบปีข้างหน้าถ้าอยู่ถึง เทมจะเป็นความสุขของผมเสมอ และคุณป้าก็แค่เป็นฉนวนเร่งในเรื่องที่จะเป็นในอีกหลายปีข้างหน้าเท่านั้น ...ไม่ว่ายังไง สักวันผมก็จะเป็นผู้ครอบครองเขาอยู่ดี'

          เธอมองผมในวัยสิบขวบด้วยสายตาทึ่งไม่น้อย ก่อนจะยิ้ม

          'ใกล้เวลานั้นเมื่อไหร่ ถ้าน้องหมูหย็องยังยืนยันคำเดิม...มาขอน้องเทมกับป้าอีกครั้งนะคะ'



          สัญญาที่ก่อร่างในหลายปีก่อน ทำให้ผมมีเป้าหมายที่ชัดเจนจนเป็นเหตุผลที่ผมบังคับให้ตัวเองเรียนรู้ทุกอย่างจนเติบโตทางความคิดและวิสัยทัศน์รวดเร็วกว่าคนอื่น ผมมีพันธะสัญญาที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วงในเวลาที่จำกัด อยากเป็นผู้ปกครองที่เพียบพร้อมของเด็กน้อย

          แต่ก็ไม่นึกว่าเวลาที่จำกัดนั้นจะหมดลงเร็วขนาดนี้...

          เอกสารที่คุณยายเอาให้ดูเป็นผลจากแล็บล่าสุดถึงอาการของคุณป้า ร่างกายที่ดื้อยาแทบทุกตัวจนต้องคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ ทุกสามถึงสี่เดือน และตัวยาที่ใช้ปัจจุบันก็มีฤทธิ์แรงขนาดที่ผิดกฎหมายและไม่ถูกนำมาใช้ในสถานรักษาแห่งใด แต่ร่างกายคุณป้าและโรคก็เลิกตอบสนอง

          มันถึงทางตันแล้ว

          "...อีกหกเดือนครับ..."

          "...เร็วไปสามปีเลยนะคะ แย่จังเลยค่ะ...อดเห็นเด็กๆ ใส่ชุดครุยเลย"

          "แต่ถ้าเราลอง---"

          ไม่ทันพูดจบประโยค คุณป้าก็ยกมือเป็นเชิงไม่ต้องพูดต่อ ดวงหน้าที่มีส่วนคล้ายคลึงคนรักทำเอารู้สึกแย่ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอแสงเศร้าสร้อยก่อนฉายแววเด็ดเดี่ยว

          "คนที่รู้ดีเรื่องเวลาที่สุด...ก็ต้องเป็นเจ้าของร่างกายอยู่แล้วใช่ไหมล่ะคะ ป้าพอจะรู้ตัวเองค่ะ ถ้าปล่อยไปนานมากกว่านี้ น้องเทมคงจะจับได้แล้วเริ่มเป็นห่วง ให้ทุกอย่างจบลงในหกเดือนนี้เถอะนะคะ มาสร้างความทรงจำดีๆ กันนะ"

          ทั้งๆ ที่คนที่ควรจะถูกปลอบมากที่สุดคือเธอ แต่ฝ่ามืออ่อนโยนกับลูบลงบนศีรษะของผมอย่างแผ่วเบา

          "ไม่ว่ายังไง น้องหมูหย็องก็ทำดีที่สุดแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่พยายามรักษาคุณป้าด้วยทุกวิถีทางมาตลอด ไหนจะช่วยดูแลเทมอีก ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ...แล้ว...คำตอบของน้องหมูหย็องล่ะคะ"

          ผมเปิดแมคบุ๊คกดเข้าโปรแกรมสนทนาออนไลน์ หน้าจอถูกแบ่งออกเป็นหลายช่อง ด้านบนสุดคือคุณตาและคุณยายที่รู้เรื่องราวทุกอย่าง กับอีกสองช่องที่เป็นทนายความส่วนตัวของผมและประจำตระกูล คุณป้าตกใจไม่น้อยกับการเผชิญหน้าอีกครั้งแบบไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวรีบยกมือไหว้ผู้สูงวัยทั้งสอง ผมหยิบแฟ้มใส่เอกสารสำคัญมาวางลงบนโต๊ะ คลี่กางออกพลางยืดหลังตรง

         

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter



          "ในไทยการแต่งงานระหว่างผู้ชายกับผู้ชายยังไม่ได้รับการยอมรับ ผมจึงแต่งกับเขาเป็นหลักฐานให้คุณป้าสบายใจไม่ได้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ไม่ว่ายังไงผมก็จะแต่งงานกับเขาในที่ที่กฎหมายเอื้ออำนวย เทมจะไม่ใช่แค่แฟนหรือคนรัก เราจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องทั้งตามประเพณีและตามกฎหมาย แต่ถ้ามองว่าทะเบียนสมรสเป็นเพียงแผ่นกระดาษที่แสดงออกทางกฎหมายว่ามีสิทธิ์อันชอบธรรมในตัวอีกฝ่าย...แผ่นนี้ก็คงไม่ต่างกัน"

          "น้องหมูหย็องครับ...นี่มัน..."

          "ตอนนี้ผมเพิ่งตัดสินใจอนาคตตัวเองได้ว่าอยากทำงานเกี่ยวกับทางที่ดิน ตอนนี้เริ่มกว้านซื้อที่ต่างๆ ในหลากประเทศ ทั้งในรัสเซีย มอสโก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ปารีส อังกฤษ อเมริกา และในประเทศอื่นๆ อีก รวมกันกับที่มีอยู่แล้วทั้งหมดก็ประมาณแสนกว่าไร่ครับ นอกจากนั้นผมยังลงทุนในหลายบริษัทและหลายกิจการ ทั้งด้านอาหาร สื่อบันเทิง ที่อยู่อาศัย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และอีกหลายอย่าง สัมปทานที่เพิ่งได้สัญญาขาดมาคือสร้างรถไฟเอกชนในหลายประเทศ ก็เป็นรายได้หลักของตระกูลผมเหมือนกัน รายได้ของผมต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันสองร้อยกว่าล้านบาทหลังจากหักภาษีเรียบร้อยแล้วครับ"

          ผมตอบไม่ตรงคำถาม ก่อนวกมาที่คุณป้าสงสัย ลูบตัวหนังสือที่เขียนชัดถึงหน้าที่ของมัน

          "พินัยกรรมของผมเองครับ ผมใส่ชื่อเทมเป็นผู้รับมรดกในกรณีที่ถ้าหากว่าเกิดผมเป็นอะไรไปก่อน ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของผมและของชาโรนอฟจะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวในฐานะผู้รับมรดกครับ และฉบับนี้ก็คือสัญญาที่ถูกร่างขึ้นอย่างถูกต้อง ถ้าวันใดวันหนึ่งผมกับเขาเกิดเลิกกันขึ้นมา ข้อตกลงเดียวกันคือทุกอย่างของผมจะเป็นของเขา เทมจะมีคนคอยดูแล มีหมอประจำตัวทั้งด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ"

          คุณตาคุณยายเพียงนั่งเงียบและรับฟัง ทนายความทั้งสองและผู้ช่วยจดทุกคำพูดของผมลงแผ่นกระดาษและอัดวิดีโอบันทึกเอาไว้ อำนวยทุกอย่างให้เป็นผลประโยชน์แก่อีกฝ่าย ไม่ให้ผมสามารถผิดคำพูดได้ในอนาคต ตอนนี้ ณ ขณะนี้เหมือนทุกอย่างอยู่ในชั้นศาลพร้อมพยานที่ไม่มีทางบิดพลิ้วได้ บนโต๊ะแผ่นกระดาษที่มีตราประทับรับรองความถูกต้อง และมีชื่อของเทมเป็นเจ้าของเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสมุดบัญชีเงินฝากหลายสิบเล่ม โฉนดที่ดิน อสังหา ธุรกิจและหุ้นส่วนต่างๆ ที่เจ้าตัวไม่เคยรู้ว่าเป็นเจ้าของ

          "มากเกินไปค่ะ แค่ที่น้องหมูหย็องรักและจะดูแลเทมก็มากพอแล้ว ขอแค่คำสัญญา---"

          "ให้ผมได้ทำเถอะครับ"

          ไม่ใช่ความดื้อดึง แต่เป็นความจริงจัง การจะดูหนึ่งชีวิต ไม่ใช่เรื่องที่จะทำเป็นเล่นได้ ทางไหนที่ผูกมัดเชื่อมโยงและแสดงออกได้ ผมก็อยากจะทำ คุณป้าเงียบลงก่อนจะยอมพยักหน้าให้ผมพูดต่อ

          "เงินฝากพวกนี้เป็นรายได้ครึ่งหนึ่งที่ผมหาได้แล้วฝากเข้าธนาคารให้เขาครับ โฉนดที่ดิน บ้าน หุ้นและธุรกิจต่างๆ ผมโอนให้เขาเป็นเจ้าของในทุกวันเกิด ...เทมเคยบอกว่าอยากขายขนมหวานตอนโต ผมเลยซื้อคาเฟ่ให้เขาที่ปารีสกับภัตตาคารที่สิงคโปร์เพราะเจ้าตัวบอกสิงโตพ่นน้ำเท่ดี หึหึหึ...แต่เอาใจยากน่าดูเลยครับน้องเทมของคุณป้า เร็วๆ นี้บอกอยากเป็นนักชิมแทน ผมเลยกำลังดูๆ ที่เอาไว้สร้างโรงเรียนสอนทำอาหารให้เขาอยู่"

          คุณป้าหัวเราะทั้งน้ำตา เอ่ยแซว "ตามใจกันมากเกินไปแล้วนะคะ"

          "แก้ยากแล้วละครับ...ส่วนทางด้านนี้เป็นแผนการคร่าวๆ เกี่ยวกับอนาคตของเทมในช่วงที่...คุณป้าไม่อยู่แล้ว ทั้งเส้นทางการศึกษา สาขา โรงเรียน และมหาลัยที่ผมเลือกไว้ให้เขาเลือกอีกที"

          คุณป้ายกขึ้นมาอ่าน เริ่มหัวเราะเสียงดังขึ้น เพราะสาขาที่เทมอยากเรียน และอาชีพที่อยากทำล้วนแปลกๆ ทั้งสิ้น เหมือนหญิงสาวจะสะดุดตาอยู่ที่แผ่นหนึ่ง ท่านเงยหน้าขึ้นมาถาม

          "...สุสานชาโรนอฟหรือคะ?"

          "ในบั้นปลาย ครับ ผมจะพาเทมกลับไปอยู่ที่นั่นพร้อมครอบครัวทุกคน"

          "ไหนๆ ความตั้งใจที่อยากบริจาคร่างกายหลังตายก็ทำไม่ได้ จะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าจะรบกวนขอไปนอนรอที่นั้นด้วยอีกสักคน..."

          คุณยายยังคงเงียบ แต่คุณตานิ่งสักพักก่อนพยักหน้าตอบรับ

          "มาเถอะ เป็นแม่ของตาหนู ถึงยังไงก็นับเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว"

          คุณป้ายกมือไหว้ด้วยความซาบซึ้งใจ "ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ"

          ผมรอคุณป้าคุยกับคุณตาและคุณยายจบก่อนจะมองท่านแล้วโค้งศีรษะลง

          "ผมตั้งใจจะให้ความสำคัญกับเทมไปชั่วชีวิต จะดูแลเขาต่อให้สิ้นลมหายใจไปแล้วก็ตาม คุณป้าครับ...ยกเทมให้ผมนะครับ"

          ฝ่ามือเล็กโอบใบหน้าก่อนหน้าผากจรดลงบนโต๊ะ

          "...ป้า...ไม่สิ...แม่ขอฝากน้องเทมด้วยนะคะ"



       






end 59 .

Twitter #เพื่อนผู้ปกครอง







ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ถึงว่าเรื่องมันถึงซับซ้อนนัก

ว่าแต่เทมคงไม่ได้รับเชื้อมาใช่ไหม

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ Khratiin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Kirana9165

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

 



 


 

60




 
 

 

          ผมอยากให้ทุกอย่างจบลงอย่างสวยงามตรงนี้ อยากให้คำว่ามีความสุขตลอดไปเป็นจริง แต่ไม่มีใครที่สามารถมีความสุขได้โดยไร้ความทุกข์ แม้แต่เด็กน้อยที่ผมเฝ้าถนอมก็ตาม



          สถานที่ที่คุณป้าต้องเลือกยังคงมีอยู่ สิ่งที่ต้องตัดสินใจก็ยังมีอยู่เช่นกัน


         เสียงของเครื่องบินที่กำลังลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ความสั่นเล็กน้อยที่พอสัมผัสได้ ในห้องนั่งเล่นหลังการฝากเนื้อฝากตัวที่อบอุ่น บรรยากาศตื้นตันใจค่อยๆ เลือนหายไป



          "ที่ซูริกสวิตเซอร์แลนด์ก็ดีนะคะ คุณป้า..." ท่านสะดุดเล็กน้อย ก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ "ไม่ใช่สิ ต่อแต่นี้ไปคงต้องเป็นคุณแม่สินะคะ เฮ้อ ทั้งดีใจแล้วก็อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้เลยค่ะ ดีใจที่สุดที่น้องหมูหย็องยังรักและมั่นคงเสมอมากับน้องเทม แต่ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ คุณแม่ว่าคุณแม่ต้องเป็นแม่ที่หวงลูกชายหน่อยๆ แน่ๆ เลยค่ะ แต่กับลูกชายคนใหม่คนนี้คุณแม่ก็รู้สึกรักมากๆ เหมือนกัน กลายเป็นว่าลูกรักที่คุณแม่หวงทั้งสองคนรักกัน เลยไม่รู้จะห่วงใครก่อนเลยค่ะ ถ้าไม่ใช่น้องหมูหย็องคุณแม่คงต้องไว้หนวดแล้วถือปืนมาไล่แน่ๆ แบบว่าเป็นสไตล์พ่อกำนันที่ไม่ถูกกับลูกเขย"

 

          แม้จะว่าแบบนั้น แต่ผมก็แทบแยกไม่ออกเวลาที่คุณป้ามองมาที่ผมกับเทม ในนั้นเต็มไปด้วยความรักไม่ต่างกับลูกชายอีกคน คำเรียกขานที่คงช้ากว่าความรู้สึกรักและเอ็นดูที่มอบมาให้ผมมาก่อนนานแล้ว พอได้รับคำแทนตัวแบบนั้น อกและไหล่ทั้งสองข้างก็อดจะยกขึ้นเล็กน้อยอย่างภาคภูมิไม่ได้ ในที่สุดเส้นชัยที่พากเพียรวิ่งเข้าใส่ก็ก้าวถึง ได้รับการยอมรับ และได้รับมอบหมายสิ่งล้ำค่ามาดูแลเสียที



          "อย่ายิงผมเลยนะครับ เดี๋ยวเทมจะเสียใจ"

          พอเห็นผมรับมุก คุณป้ายิ่งหัวเราะจนตัวสั่นคลอน สองมือยกขึ้นทำท่าคล้ายปืน ปลดเซฟ ก่อนเก็บลงข้างลำตัว

          "คุณแม่ไม่กล้ายิงแล้วค่ะ ไม่งั้นน้องเทมคงร้องไห้จนตาบวมกลายเป็นคุณปลาทองแน่นอนเลย ดีไม่ดีแอบปีนห้องหนีตามน้องหมูหย็องไปอีกล่ะ คงได้กลายเป็นคุณแม่ร้องไห้แทนแน่ๆ"

          ผมคุยเล่นกับคุณป้าอีกพักใหญ่ ไม่อยากให้เรื่องที่เรากำลังจะคุยกันต่อไปมันเคร่งเครียด แม้ที่จริงแล้วเรื่องนี้มันจะหนักหนามากก็ตามที
 

          "ที่สวิต คุณแม่ยังไม่เคยไปเลยค่ะ แต่เห็นในรูปที่พี่เอเลนกับทุกคนไปเที่ยวมาแล้วสวยมาก สถาปัตยกรรมที่ยังคงอนุรักษ์เอาไว้ผสานกับความล้ำสมัยของยุคใหม่ และความงามของธรรมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม โครงสร้างของตึกนี้คนออกแบบช่างคิดจริงๆ! ดูสิคะน้องหมูหย็องความสมมาตรขององศาโค้งของตัวตึกดูแล้วอิ่มตาดีเหลือเกิน" ตาสีน้ำตาลวิบวับเมื่อได้พูดถึงสิ่งที่ชอบ



          ผมตอบรับรอยยิ้มด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน "คุณป๊ากับคุณตามีบ้านพักตากอากาศที่นั่นครับ ถ้าคุณป้าชอบเห็นวิวทะเลเชื่อมต่อกับภูเขาและเมือง ซึมซับความเงียบสงบของเมืองเก่า คงต้องเลือก Ascona ที่คุณตารัก แต่ถ้าชอบเดินทางสะดวก ใจกลางเมือง เสพสถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่พร้อมผู้คนและวิถีชีวิตคงต้องไปเยี่ยมที่บ้านพักของคุณพ่อ อืม...แต่จริงๆ มีอีกที่หนึ่งที่ผมอยากแนะนำ เมืองนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างธรรมชาติและผู้คน ยิ่งในฤดูที่ใกล้จะถึงนี้จะยิ่งสวยเป็นพิเศษ แสงของพระอาทิตย์ช่วงตกดินสะท้อนกับวิหารเก่าแก่จนเป็นลวดลายบนท้องถนนทอดตัวยาว แถมที่พักแถบนี้ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยครับ...นี่ครับ"



          ท่านก้มลงมองด้วยความคาดหวังกับคำโฆษณา ไม่ต้องเดาก็รู้จากรอยยิ้มที่ฉีกกว้างขึ้น คุณลูกค้าที่ผมเสนอขายพอใจกับตัวสินค้ามากขนาดไหน



          "ว้าว! สวยเหลือเกินสวยมากเลยค่ะ อะ...โดยเฉพาะตรงสวนสาธารณะตรงนี้ ทำเป็นธีมใต้ท้องทะเลหรือคะ เหมือนพระราชวังของเหล่าเงือกเลย สีน้ำเงิน ฟ้า ขาว เหลือง ส้ม ดำ อืม คุมโทนให้เหมือนใต้ทะเลที่มีแสงแดดส่องถึงสินะคะ ตายจริง ม้าลื่นสีฟ้าตรงนั้นน้องเทมต้องชอบมากแน่ๆ"



          นิ้วเรียวจรดไปที่หน้าจอ ตำแหน่งเดียวกับเหตุผลที่ผมจดที่นี่ไว้ในใจ คิดเอาไว้ว่าเจ้าตัวเล็กต้องชอบ ยิ่งได้คำยืนยันจากอีกหนึ่งเสียงกิตติมศักดิ์ ยิ่งมั่นใจว่าไม่มีทางคิดผิด

 

          ผมปล่อยให้คุณป้าเลือกชมสถานที่ต่อไปเงียบๆ เสนอแนะบ้างเป็นบางหนเมื่อถูกถามความคิดเห็น ทุกประโยคมักจะมาพร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอ่อนโยน ท่าทางเลื่อนหน้าจอไปมาอย่างตื่นเต้นและสนุกสนาน เหมือนที่เรากำลังเลือกอยู่ตอนนี้คือสถานที่ท่องเที่ยว

 

          ไม่ใช่สถานที่จบชีวิตแต่อย่างใด

 

          ออสเตรเลีย แคนาดา เบลเยียม เนเธอร์แลนด์สวิตเซอร์แลนด์ โคลัมเบีย ญี่ปุ่น อินเดีย ลักเซมเบิร์ก อเมริกา สิบประเทศคือตัวเลือกที่มีอยู่ในปัจจุบัน สถานที่สำคัญสุดท้ายที่ท่านต้องเลือกด้วยตัวเอง



        ปรานีฆาตหรือการุณยฆาตไม่น่าจะใช่คำทั่วไปที่ทุกคนคุ้นเคย แต่พวกเราก็ได้สนิทกับคำนี้มาสักพักใหญ่ การฆ่าตัวตายในแบบถูกต้องตามกฎหมาย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หนทางการจบชีวิตที่ตัวเราสามารถลิขิตระยะเวลากำหนดได้ด้วยตนเอง แต่ก็ใช่ว่าทุกประเทศจะถูกกฎหมาย และด้วยหลักเหตุผลทางศีลธรรมและอีกหลายๆ อย่าง การจะเข้ารับการการุณยฆาตเป็นเรื่องยากมาก ต้องดูเหตุผลด้านความจำเป็นที่จำกัดอยู่แค่ไม่กี่อย่าง เช่นเป็นโรคร้ายที่เกินรักษา สภาพจิตใจที่เกินเยียวยา ไม่ใช่แค่รู้สึกอยากตายก็เข้ารับได้ ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจทั้งสภาพจิตใจและร่างกายมากมาย แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็พอสมควรเช่นกัน


          สถานที่ทำการุณยฆาต



          เรากำลังเลือกที่แห่งสุดท้าย ที่แห่งสุดท้ายที่คุณป้าจะนอนหลับไปตลอดกาล
 

          สานต่อความต้องการสุดท้ายที่คุณป้าและผมตกลงร่วมกัน



          ผมไม่ได้เร่งรัด รอคุณป้าเลือกอย่างใจเย็น เพราะรู้ว่ามันยาก ภายใต้รอยยิ้มอ่อนหวาน ไม่รู้ว่าน้ำตามากมายขนาดไหน ผมกำมือแน่นก่อนค่อยๆ คลายออก การยอมรับความเป็นจริงเป็นเรื่องที่ลำบากเสมอ แม้จะพยายามถ่วงเวลาไว้แค่ แต่ในที่สุดวันนี้ก็ต้องมาถึง



          คุณป้าเม้มปาก ท่าทางคิดไม่ตก "เลือกไม่ถูกเลยค่ะ ยากมากจริงๆ ที่ไหนก็สวยเหลือเกิน น้องหมูหย็องอยากเป็นคนเลือกไหมคะ ถ้าให้คุณแม่เลือกเองคงได้ปีหน้านู่นแน่ๆ เลยล่ะค่ะ"

 

          "ไม่จำเป็นต้องเป็นหนึ่งในนั้น จะเป็นที่ไหนก็ได้นะครับ ถ้าคุณป้า...คุณแม่มีที่ไหนที่อยากไปก็สามารถบอกได้เลย ผมจะจัดการให้เรียบร้อย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอะไร แค่เลือกสถานที่ที่คุณแม่ชอบก็พอครับ ขอแค่ไม่ใช่ประเทศที่เทมจะใช้ชีวิตอยู่ก็พอแล้ว"
 


           อันที่จริงเรื่องเหล่านี้ต้องดำเนินการในโรงพยาบาล แต่ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงถ้าจะจัดการให้เกิดขึ้นในที่แห่งไหนก็ได้ ขอเพียงคุณป้าพอใจ และแค่ไม่ใช่ประเทศที่เจ้าตัวเล็กต้องใช้ชีวิตอยู่ก็เป็นพอ เทมคงจะทำใจยากหากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในสถานที่ใกล้ตัวเอง สถานที่บันทึกความทรงจำที่เจ็บปวด ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ห่างไกลได้มากที่สุด ไกลพอที่เขาจะสามารถหลบหลีกคมหนามพวกนั้นจนไม่โดนทำร้ายได้



          "ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ไม่อยากให้น้องหมูหย็องยุ่งยากไปมากกว่านี้ เอาตามที่มีจะสะดวกกว่า เป็นที่สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ค่ะ ยังไงก็คงไม่ต่างกันนัก"



          ผมหันไปพยักหน้าให้กับเลขาที่ยังคงอยู่บนหน้าจอรอคอยคำสั่ง อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับก่อนหน้าจอเล็กๆ จะดับไป ส่วนคุณตาคุณยายหลังจากช่วยมาเป็นพยานเมื่อครู่ ท่านก็ไปพักผ่อนต่อนานแล้วครับ คิดว่าอาจจะโดนดุย้อนหลังมาแหน่อยที่ทำตามอำเภอใจมากขนาดนี้ แต่คิดว่าสุดท้ายพวกท่านก็จะตามใจผมอยู่ดี



          "แล้วจะบอกทุกคนเมื่อไหร่ดีคะ ถ้าเป็นไปได้คุณแม่ก็อยากให้เป็นหลังเที่ยวเสร็จสักพัก ไม่อยากให้ทุกคนหมดสนุกกันด้วยเรื่องนี้"

          "ได้ครับ งั้นเราจะบอกทุกคนหลังเที่ยวเสร็จ แล้วก็...ผมมาคิดดูแล้ว ผมอยากจะขอเทมหมั้นแล้วก็จัดงานแต่งงานน่ะครับ"

          "อ๋อ...แต่งงานสินะคะ"



          คุณป้าทำสมุดในมือล่วงลงกับพื้น ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือสั่นๆ ชี้เข้าหาผมแล้วชี้ออกไปทางด้านนอกประตูสลับกันไปมา เผลออ้าปากเสียกว้างจนหมดภาพลักษณ์สาวน้อยเรียบร้อย ใช้เวลาพักใหญ่กว่าคุณป้าจะตั้งสติได้แล้วละล่ำละลักถาม



          "อ-เอ๊!? ม-หมั้น? หมั้น หมั้น แต่ง แต่ง แต่งงาน แต่งงานหรือคะ แต่งงานกับน้องเทมงั้นหรือคะ?! ตอนนี้เลยหรือคะ??? ไม่ใช่ตอนเรียนจบแล้วงั้นเหรอคะ? หมั้นที่หมายถึงจะแต่งงานกันน่ะเหรอคะ?! แต่งงาน แต่งงานที่แต่งงานแบบนั้นน่ะเหรอคะ เอ๊ ตอนนี้ ตอนนี้เลยเหรอคะ? เอ๊ น้อง น้องเทมอายุถึงแล้วงั้นเหรอคะ เอ๊ะ..ก็ ก็สิบหกแล้วสินะคะ แต่ว่าที่ต่างประเทศต้องอายุเกินยี่สิบหรือเปล่าคะ แล้ว แล้ว เอ๊??????"



          พอพูดตะกุกตะกักแล้วทำตาโตแบบนี้ก็อดทำให้หลุดยิ้มออกมาไม่ได้ คล้ายเด็กน้อยของผมตอนลนลานไม่มีมีผิด คุณป้าหรือสถานะใหม่คือคุณแม่อีกคนของผมยังคงดูแตกตื่น เรื่องที่ดูใหญ่โตที่ผมแจ้งอย่างกะทันหัน ทำเอาคนที่มักยิ้มรับทุกอย่างอย่างใจเย็น ถึงกับเรียบเรื่องเรื่องไม่ทัน คุณป้ายังคงทำหน้าตาตลกๆ ทั้งยิ้มกว้างและคล้ายจะร้องไห้สลับกันไปมา ดูท่าสติที่หลุดลอยออกไปคงยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก ท่านหลุดเสียงกรี๊ดออกมาเบาๆ มือที่ตกข้างลำตัวยกขึ้นปิดปาก น้ำใสๆ เอ่อคลอ



          "ตอนนี้จริงๆ เหรอคะ เป็นตอนนี้ได้จริงๆ หรือคะน้องหมูหย็อง"

          "เรื่องหมั้นคุณตากับคุณหม่าม้าคงจะติดต่อกับคุณแม่ไว้บ้างแล้วใช่ไหมครับ"

          "ก-ก็มีเกริ่นให้ฟังบ้างค่ะก่อนที่คุณตาของน้องหมูหย็องจะกลับ ตอนน้องหมูหย็องพูดเมื่อครู่ คุณแม่ก็คิดว่าคงจะเป็นหลังจากทั้งสองคนเรียนจบ คิดว่าคงจะอีกนาน"



          ก็ควรเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นเวลาอีกหลายปี กว่าจะถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม ผมอยากจะดึงธุรกิจของคุณยายและคุณตามาจัดการอะไรให้มันเรียบร้อยก่อนจะแต่งงานกับเทม เพื่อความปลอดภัย

          ผมคิดไว้ว่ารอเทมอายุสักยี่สิบก็จะขอเขาหมั้น ยี่สิบห้าถึงจะขอเขาแต่งงาน อยากให้เด็กน้อยโตขึ้นมากกว่านี้ เพราะมันเหมือนการเปิดตัว ด้วยฐานะที่ผมต้องก้าวไปยืน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ของการเป็นจุดสนใจ ลำพังเพียงแค่ฐานะของลูกชายนักธุรกิจชื่อก้องโลกกับดาวเด่นแห่งวงการแฟชั่น แค่นั้นก็เรียกร้องความสนใจจากผู้คนมากมาย ดูอย่างพวกเฮียปลาหรือหย็องหย็องก็ได้ ชีวิตไม่ค่อยมีความส่วนตัวนักหรอก คนเข้าหาบางครั้งก็น่าปวดหัวกับจุดประสงค์ ต้องมานั่งคาดเดาว่ามาดีหรือมาร้าย ยิ่งการแต่งงานกับเด็กผู้ชายที่เป็นเด็กพิเศษ ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นเรื่องที่แค่คิด ผู้คนก็ล้วนต้องหันมามองกันอย่างบ้าคลั่งแน่ คำวิพากษ์วิจารณ์ที่คงไม่ได้มาแค่ด้านบวก คำพูดในแง่ลบที่ต้องเผชิญ

          แค่คนธรรมดายังเป็นเรื่องอันตราย ยิ่งกับเด็กชายในกรงแก้วด้วยแล้ว... ถึงเทมจะไม่เข้าใจ แต่สายตาที่คนมองเวลาออกไปข้างนอกก็คงไม่ดีต่อเขา

          แต่มันก็ในกรณีที่ผมแต่งงานแบบจดทะเบียนสมรส เพราะถึงยังไงก็คงซ่อนข่าวลำบาก นามสกุลที่พ่วงท้าย ขยับตัวแต่ละทีก็แสนน่าอึดอัด



          แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีวิธี



          "ใช่ครับ แต่ไม่มีใครกำหนดไว้นี่ครับ ว่าเราจะแต่งงานกับคนเดิมได้กี่ครั้ง ถ้าผมจะแต่งงานตอนนี้ ในอนาคตผมก็แต่งงานกับเขาอีกรอบได้ ในอีกสิบปี สิบห้าปี ถึงวันนั้นผมค่อยคุกเข่าขอเขาแต่งงานอีกครั้งก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว"



          ที่ผมดื้อดึงอยากจัดงานในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเทมขอ แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจและคิดขึ้นได้



          "งานนี้จะไม่มีใครรู้นอกจากคนสนิท เพราะงานที่จะจัดผมจะยังไม่จดทะเบียนสมรส งานนี้ที่ขาดไปคือกระดาษแผ่นเดียวนั้น ผมขอทดแทนด้วยคำสัญญาอีกแผ่นที่ผมมอบให้คุณแม่เอาไว้ ส่วนทะเบียนสมรส เมื่อเทมพร้อม ผมจะเป็นคนจูงมือเขาไปเซ็นเองครับ"



          ในวันที่เขาควรมีความสุขที่สุด ในวันอันศักดิสิทธิ์ที่ควรมีสักขีพยานเป็นคนที่เขารักที่สุดมารวมตัวกัน พื้นที่ตรงนั้นไม่ควรขาดมารดาที่เด็กน้อยรักยิ่งไป ครอบครัวเพียงคนเดียวที่แสนสำคัญควรได้เฝ้ามองและร่วมรับรู้ความสุขนั้นด้วยกัน หญิงสาวที่อุ้มนางฟ้าตัวน้อยมา ควรได้ส่งเขาออกจากอ้อมกอดด้วยสองมือของตัวเอง



          "ถึงคุณแม่จะไม่ได้เห็นเทมในวันรับปริญญา แต่คุณแม่จะได้เห็นเทมปุระในชุดสูทนะครับ คุณแม่จะได้เห็นกับตาในวันที่เทมมีคนรับช่วงต่อดูแล วันสำคัญที่สุดหนึ่งวันของชีวิตของเทม ผมอยากให้มีคุณแม่ที่เทมรักมากร่วมอยู่ด้วย ไม่ใช่คุณป๊าหรือคุณม้า แต่ต้องเป็นคุณแม่เท่านั้น ไม่มีใครแทนที่ได้"

       

          "ค่ะ ค่ะ ได้ทั้งหมดเลยค่ะ แม่...แม่ไม่คิดเลยค่ะว่าจะได้อยู่ร่วมวันที่น้องเทมจะเข้าแต่งงาน มันดูเป็นอนาคตที่ห่างไกลที่คุณแม่ไม่สามารถจับต้องได้ มัน...ดู ฮึก ห่างไกล..."



          ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้คุณแม่ที่เริ่มร้องไห้แบบจริงจังจนจมูกแดงก่ำ คุณแม่ที่เริ่มสะอื้น พูดขอบคุณผมซ้ำไปมา ชั่งใจเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเอ่ยต่อ "คุณแม่ครับ ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องบอกคุณแม่ให้ทราบ เกี่ยวกับคนคนนั้น...เขาจะพ้นโทษปีหน้านะครับ"


           รอยยิ้มสลายลงช้าๆ ก่อนจะซีดเผือด ร่างบางกระตุกเฮือกและสั่นอย่างคนหวาดกลัวแม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อโดยตรง สองแขนเล็กยกขึ้นกอดตัวแน่นเหมือนพยายามป้องกันตัวจากเองบางสิ่ง หรือ'บางคน' ที่เคยทำร้ายกันเมื่อนานมาแล้ว ดวงตาสีอ่อนหันมองรอบตัวท่าทางร้อนรน มือบางยกขึ้นปิดปากท่าทางคล้ายหายใจไม่ออกและพะอืดพะอม คุณป้าลุกขึ้นยืนก่อนทรุดฮวบลงกับพื้น ขาอ่อนแรงพาท่านไปไหนไม่ได้ ได้แต่คว้าแจกันใกล้มือมาอาเจียนใส่ ท่านกอดแจกันแน่น



          "คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"



          ผมกำลังจะลุกไปแตะเรียกสติคุณป้าที่ดูหวาดเกรงถึงขีดสุดจนตัดขาดโลกภายนอก แต่ก็ไม่ทันผู้ชายอีกคนที่ผมจงใจแง้มประตูให้เขาได้ยินความเป็นไปในห้องมาตั้งแต่ต้น เฮียเนื้อหย็องเหลือบมองให้ผมหลบออกไปก่อน ก่อนจะรีบตรงปรี่เข้ากอดคุณป้าที่กำลังตื่นกลัว หญิงร่างเล็กที่จมจ่อมไปในอดีตคล้ายเห็นภาพซ้อนของบุคคลที่เพิ่งเข้ามาใหม่กับคนร้ายกาจหลายปีก่อน คุณป้าดิ้นก่อนขืนตัวหนี เมื่อหลุดจากอ้อมกอด สองมือเล็กก็คว้าสิ่งใกล้มืออย่างแจกันที่เคยกอดแน่น แล้วเขวี้ยงเข้าใส่ เสียงแตกดังก้องห้อง สิ่งที่บรรจุในนั้นเลอะเทอะกระจายไปทั่ว เฮียเนื้อหย็องไม่มีท่าทีรังเกียจ แม้สิ่งสกปรกเหล่านั้นจะเปรอะเปื้อนตัวเองมากกว่าครึ่ง ท่านกรีดร้องตะโกนว่าห้ามเข้ามา พยายามปกป้องตัวเองด้วยการทำร้ายอีกคน แต่แม้จะโดนทุบตีตบข่วนแขนแกร่งก็ไม่ปล่อย ใบหน้าคมสันโดนเล็บจิกจนเลือดซิบ แต่มือใหญ่ยังคงบรรจงลูบลงบนศรีษะอย่างปลอบโยน


 

          "...เมครับ เมกุมิ เมกุมิ ผมอยู่ตรงนี้กับคุณนะครับ มีแค่ผมและหมูหย็อง มีแค่เราสามคน ไม่มีใครอื่น เรื่องราวครั้งนั้นคุณผ่านมันมาแล้วทั้งหมด คุณที่อยู่ในตอนนี้ปลอดภัย ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล้ำกรายใกล้คุณ ผมจะปกป้องคุณเอง"



          คุณป้าส่ายหน้าไม่เชื่อ กรีดร้องเหมือนเจ็บปวดอย่างหนัก น้ำเสียงสั่นกลัวเค้นเอาคำตอบซ้ำไปมา
 

          "จริงนะคะนิโคลัส จริงๆ นะคะ มันไม่อยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ ไม่อยู่จริงๆ ใช่ไหมคะ ไม่มีใครอยู่ ไม่มีใคร ไม่มีมันใช่ไหมคะ"



          คุณป้าจับเฮียเนื้อหย็องไว้แน่น ไม่กล้าลืมตาขึ้นมองอะไร ดั่งกลัวว่าจะค้นพบใครคนนั้นบนนี้

 

          "ครับ ไม่มีใคร ทีนี้สูดลมหายใจเข้าออกตามจังหวะการบีบมือของผมนะครับ ...ดีมากครับ เชื่อใจผมนะเมกุมิ ค่อยๆ ลืมตา แล้วคุณจะเห็นแค่ผม เห็นแค่หมูหย็อง ไม่มีใครอีก"



          อย่างที่คิดเอาไว้ เรื่องนี้เซนซิทีฟเกินไปสำหรับคุณป้า...คิดถูกแล้วที่ให้การ์ดไปเรียกเฮียเนื้อหย็องมารออยู่ข้างนอก ผมรอให้คุณป้าใจเย็นลงในอ้อมแขนของพี่ชายตัวเองสักพัก ระหว่างนั้นก็เดินออกมานอกห้องเพื่อตรงไปยังห้องนอนท้ายเครื่อง แง้มประตูแอบดูคนที่ยังนอนหลับสนิทบนเตียง แก้มนิ่มจมลงบนหมอนนุ่มนิ่งสงบ คุณหมอกับพยาบาลเมื่อเห็นผมเข้า ก็ละสายตาจากเครื่องวัดชีพจร ลุกขึ้นยืน ผมโบกมือเป็นเชิงบอกไม่มีอะไร ก่อนจะพยักหน้าขอตัวเพื่อกลับมาห้องรับแขกเช่นเดิม เพราะไม่ใช่ห้องรับแขกที่บ้านที่เก็บเสียงได้มิดชิด จึงกลัวว่าเด็กน้อยจะตื่นจนได้ยินเสียงที่ไม่ควรเข้า
 

          ไม่มากครั้งนักที่ผมจะเห็นคุณป้าสติหลุด มีแค่ช่วงที่เชื้อเริ่มดื้อต่อยาตัวเดิมจนสภาพจิตใจอ่อนแอ ความเจ็บปวดที่รุมเร้าตัดเส้นควบคุมตัวเองให้ขาดสะบั้น แต่เมื่อได้รับยาตัวใหม่มาก็จะดีขึ้นจนเป็นปกติ แต่ได้ยินทั้งจากคุณหมอและพี่ชายตัวเอง ว่าคุณป้าควบคุมตัวเองได้ยากขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะจากปัจจัยหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นคงเป็นเพราะทั้งความเครียดและร่างกายที่เจ็บปวด จนบางครั้งสมองก็สั่งให้หลบหลีกความเจ็บนั้นด้วยการจมลงไปในบ่อของความเกรี้ยวกราด
 

          ดีแล้วที่เริ่มแยกเทมออกมา



          มันฟังดูโหดร้ายและสารเลวที่พรากแม่พรากลูกให้ห่างไกล แต่ผมกลัว ผมกลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอยถ้าเกิดคุณป้าขาดสติแล้วทำร้ายเทม เมื่อยังเด็กคุณป้ากระทำลงไปตอนเจ้าตัวน้อยหลับสนิท เขาจึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ถูกแม่ที่รักมากทำร้าย คงยิ่งกว่าเจ็บปวด ยิ่งได้รับรู้ว่าคุณแม่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ทำไปเพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้คงยิ่งกว่าเจ็บ การได้แต่ยืนมองคนที่ตัวเองรักเดินหน้าเข้าไปหาความทรมาน ผมรู้และเข้าใจดีกว่าใครว่ามันยิ่งกว่าตายทั้งเป็น



          ช่วงที่คุณป้าเริ่มถูกแยกห่าง ผมให้เธอไปทำตามความฝันทุกสิ่งที่ไม่เคยได้รับโอกาส แม้เวลาจะหมดก่อนจะศึกษาให้จบปริญญา แต่คุณป้าก็ได้เรียนสิ่งที่ต้องการ ได้ลองออกแบบบ้านและสร้างขึ้นมาจริงๆ ท่องเที่ยวในทุกๆ หนแห่ง และใช้เวลาช่วงสุดท้ายกับคนที่รักอย่างเดียวกับที่คนคนหนึ่งสมควรได้รับ
 

          เฮียเนื้อหย็อง

 

          เฮียเนื้อหย็องกับคุณป้ารักกัน...แต่ไม่ได้คบกัน



          ความสัมพันธ์ไร้ชื่อเรียกที่คุณป้าไม่ยอมมอบชื่อเรียกให้คงอยู่มายาวนานพอๆ กับที่ผมรักเทม หลังเฮียเนื้อหย็องมาขอกำลังใจจากผมไปสารภาพรักกับคุณป้า



          'กับพลุที่รอถูกจุดแล้วสลายไปในชั่วพริบตา อย่าเอาอนาคตมาผูกไว้ด้วยกันเลยนะคะ'

          คือคำตอบที่ถูกบอกเล่า
 

          แม้ถูกปฏิเสธแต่ก็ไม่สามารถตัดใจได้ กับคนที่เป็นเหตุผลให้อยากเรียนหมอเพื่อไปรักษา โยนอนาคตความฝันทุกอย่างทิ้งเพื่อไปจับหนังสืออ่านทั้งวันทั้งคืน


 

          ก็ไม่แปลกใจที่ผมจะได้ฟังคำขอร้องอะไรแบบนี้


 

          การ์ดที่ยืนอยู่หน้าห้องยังคงยืนสงบนิ่งอย่างมืออาชีพ ทำตัวเป็นเงาไม่ยุ่งเกี่ยว แม้จะเห็นผมยืนแอบฟังบทสนทนาในห้องก็ทำเป็นไม่รู้เห็น มือที่กำลังจะผลักประตูเปิดออกนิ่งค้างกับคำขอของพี่ชายของตัวเอง



          "ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วผมเคยคุกเข่าลงขอให้คุณรับรักผม และคุณตอบว่าไม่ ครั้งที่สองผมคุกเข่าลงอีกครั้งเพื่อขอให้คุณอยู่ต่อไปจนถึงลมหายใจสุดท้าย คุณก็ปฏิเสธอีกเช่นเดียวกัน"
 


           เสียงทุ้มแหบแห้งเอ่ยอย่างอ้อนวอน "ครั้งนี้ ถ้าผมขอตามคุณไป ตามคุณไปทุกหนแห่ง...แม้แต่โลกหลังความตาย คุณจะให้คำตอบที่เปลี่ยนไปกับผมได้ไหมครับเมกุมิ....ช่วยบอกตกลงกับผมได้ไหมครับ"


           คุณป้านิ่งอึ้งไป ตกใจจนเผลอลุกขึ้นยืน "...คุณนิโคลัส!"



          ก่อนที่จะสงบลงอย่างรวดเร็วแล้วยิ้มอ่อนหวาน ในดวงตาสะท้อนภาพเขียนแสนคล้ายคลึงยามเทมปุระมองผม มันเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งแม้ไม่พูดออกมา ที่ต่างคงเป็นเหล่ามวลสารที่อัดแน่นนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว แทนด้วยความรวดร้าวก่อนจะถูกกลบด้วยความอ่อนโยนเฉกเช่นเดิม "ขอบคุณมากนะคะที่รักกันมากขนาดนี้..และต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ที่ครั้งนี้คำตอบก็ยังคงเป็นการปฏิเสธเหมือนเดิม"

          มือเล็กแตะลงสันกรามชายคนรัก ลูบแผ่ว "จะให้เห็นแก่ตัวพาว่าที่คุณหมอไปด้วยกันได้ยังไงกันคะ มีคนเจ็บป่วยในอนาคตอีกหลายพันหลายหมื่นคนที่จะได้มือคู่นี้ช่วยชีวิตเอาไว้ ...คนตายไม่ต้องการหมอหรอกนะคะรู้ไหม"

          "แต่คุณต้องการผม"

          "...ใช่ค่ะ แต่ต้องไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ เมต้องการเจอคุณในตอนที่อายุเยอะกว่านี้มากๆ อย่างน้อยๆ ก็ต้องอายุเจ็ดสิบปีขึ้นไปนะคะ ต้องเป็นคุณปู่นิโคลัส เป็นคุณลุงเนื้อหย็องเสียก่อน เป็นคุณหมอเฉพาะทางสี่ด้านตามที่วาดหวังเอาไว้ ใช้ชีวิตให้เต็มที่"

          "จะมีประโยชน์อะไร เหมือนหัวล้านได้หวี เหมือนไก่ได้พลอย ผมจะเอาความสามารถพวกนั้นมาทำไมในตอนที่คุณไม่อยู่แล้ว ที่ผมทำมาทั้งหมด ตั้งใจเรียนมาทั้งหมดก็เพื่อเป็นหมอมารักษาคนไข้เพียงคนเดียวของผม ...อยู่ต่อได้ไหมครับ ถึงมันจะทรมาน แต่ช่วยอยู่ต่อไป อยู่ต่อไปเพื่อผม...อีกสักครึ่งปีก็ยังดี ระหว่างนี้ผมจะหายาตัวใหม่..."

          มือบางเลื่อนจากแก้มมาปิดปากที่ดื้อดึงต่อทางตัน "ไม่ดื้อนะคะ"
 

          "คุณหมอเนื้อหย็องก็รู้ใช่ไหมคะว่าอาการสุดท้ายของโรคเอดส์เป็นยังไง ร้ายกาจขนาดไหน เจ็บปวดเมทนได้ค่ะ ความเจ็บปวดแลกกับตอบรับคำขอของคุณ ไม่ยากเลยที่จะเลือก แต่...คุณทนเห็นได้หรือคะตอนที่โรคร้ายดำเนินไปในถึงช่วงสุดท้าย ถึงคุณทนได้ แต่...น้องเทมทนเห็นไม่ได้นะคะ เมจะให้ลูกเห็นสภาพคุณแม่ของเขาทุรนทุรายตายอย่างทรมานได้ยังไงกัน จะให้เมเป็นฝันร้ายของลูก เมทำไม่ได้ ไหนจะคุณอีก"
 

          มือบางสั่นสะท้าน เม้มปากแน่นก่อนจะค่อยๆ คลายออก "อย่าให้เมเป็นฝันร้ายของคุณได้ไหมคะ ให้เมไปในตอนที่เมพร้อมและยังเป็นรอยยิ้มเมื่อคุณนึกถึง เวลาที่ผ่านมามันดีมาก และเมก็อยากให้มันจบลงแบบนี้ ...อย่ายืดเวลาให้เจ็บปวดกันไปมากกว่านี้เลยนะคะ"



          สีหน้าเจ็บปวดราวโรคระบาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับบุคคลทั้งสอง

 

          "ขอร้องนะคะนิโคลัส อย่าคิดแบบนี้และอย่าได้ลงมือทำเป็นอันขาด ในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่ง ในฐานะที่เป็นคนที่ห่วงใยคุณไม่แพ้ใคร อยากให้คุณมีชีวิตที่ยืนยาว...และไม่จำเป็นต้องเป็นเม ใครก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุข อย่าขังตัวเองไว้กับคนที่ไม่มีลมหายใจแล้วนะคะ คุณต้องก้าวต่อไป ...แค่นานๆ คิดถึงกันบ้างก็เพียงพอแล้ว"
 

          ...ยากแค่ไหนกันนะ ที่ต้องตัดใจบอกให้คนที่ตัวเองรักไปมีชีวิตที่ดีโดยไร้ตัวเองเคียงข้าง...

          หัวใจต้องกว้างขวางขนาดไหนถึงสามารถอวยพรให้คนอื่นได้ ในชั่วเวลาที่ตัวเองต้องเผชิญสิ่งที่น่ากลัวเพียงลำพัง
 

 

          "ความสุขของผมคือคุณ" เฮียเนื้อหย็องร้องไห้เงียบๆ กับความเด็ดเดี่ยวที่หญิงร่างเล็กมี
 

          หลังถูกปลอบโยนก็เป็นฝ่ายปลอบโยนกลับ ใช้ปลายนิ้วเล็กช่วยซับน้ำตาให้คนตัวโต พูดเสียงเข้ม "ห้ามตามไปเด็ดขาดเลยนะคะ เอานิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวสัญญากันเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"

          แม้จะไม่เต็มใจและพยายามขัดขืน แต่สุดท้ายพี่ชายของผมก็พ่ายให็กับหญิงร่างเล็กที่ใจแสนยิ่งใหญ่
 

          "สัญญากันแล้วนะคะ ถ้าผิดสัญญาจะโกรธมากๆ" คุณป้าเงียบลงเล็กน้อย สีน้ำตาลสวยแฝงความเศร้า

          "ถ้า...เมไม่อยู่แล้ว รบกวนเฮียเนื้อหย็องช่วยน้องหมูหย็องดูแลน้องเทมด้วยนะคะ แล้วก็...ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ ใช้ชีวิตให้มีความสุขมากๆ นะคะรู้ไหม"



          เฮียเนื้อหย็องหันไปทางอื่นอย่างดื้อดึงอีกครั้ง
 

          "น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน"

          คุณป้าหัวเราะคิก"น้ำหยดลงหินทุกวัน หินลุกขึ้นวิ่งหนีต่างหากค่ะ ...แล้วหินก้อนนั้นก็คงไม่เหลือเวลามากพอให้คุณกร่อนด้วยนะคะ"



          ทั้งสองคนสบตากันในความเงียบ

         

ออฟไลน์ ZOFIARIN

  • ▇ โซเฟียริน • อวยพระเอก ▇ Whәи ɴᴏᴛʜɪɴɢ is یuгe , eveяything is possißle ♡
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
    • Twitter

          เมื่อทุกอย่างดูนิ่งสงบลงแล้ว
 


          ก๊อก ก๊อก



          ผมตัดสินใจเคาะลงประตูเพื่อให้คนในห้องรู้สึกตัว


 
          "คุณแม่ดีขึ้นหรือยังครับ"

          "อ๊ะ น้องหมูหย็องคะ" คุณป้าเมื่อเห็นผมเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้น ยกมือขึ้นๆ ลงๆ ท่าทางอยากจับผมหมุนตัวมองสำรวจด้วยความเป็นห่วง แต่คงเพราะเพิ่งจะอาเจียนออกมา ถึงจะเปลี่ยนชุดและทำความสะอาดแล้ว แต่ก็ยังลังเลที่จะเข้ามาใกล้ "แย่แล้ว...เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ เมื่อสักครู่ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ให้คุณป้าไปเรียกคุณหมอให้ดีไหมครับ อะ ตรงต้นคอนี่มีรอยแดงด้วย ทำยังไงดีครับน้องเนื้อหย็อง น้องหมูหย็องเจ็บตัวเสียแล้ว เจ็บมากไหมครับ โธ่ คุณป้าขอโทษจริงๆ นะครับ"



          ปกติถ้าไม่ใช่ต่อหน้าเทมปุระ คำลงท้ายของคุณป้าจะเป็นคะค่ะ ไม่ใช่ครับแบบที่พูดกับเจ้าตัวน้อย แต่ตอนนี้กลับเผลอใช้วิธีพูดแบบเดียวกับตอนที่พูดกับลูกชายตัวเอง ยามลนลานมักใช้คำผิดๆ ถูกๆ คล้ายคนแก้มนิ่มที่กำลังหลับอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน

 

          "ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้โดนอะไร ส่วนที่คอ อา รอยนี้คือ...เทมเป็นคนทำน่ะครับ"

          "อะ เอ๋? อะ...อ๋อ ง-งั้น...งั้นหรือคะ" คุณป้าตอบรับอย่างเขินอายก่อนจะเก้ๆ กังๆ กลับไปนั่งลงทีเดิม พึมพำเสียงเบาๆ "ด-เด็กๆ โตไวกันเหลือเกินค่ะ คุณแม่ใจบางไปหมดแล้ว"

 

          สบตากับเฮียเนื้อหย็องเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มรื้อบทสนทนาที่ค้างคาเอาไว้เมื่อครู่กลับมาสานต่อ



          "คุณแม่พอจะรับฟังต่อไหวไหมครับ"

          คุณแม่เกร็งตัวขึ้น แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงอุ่นไอของคนเคียงข้างก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนพยักหน้าช้าๆ

          "ค่ะ คุณแม่พร้อมแล้ว ...ข-เขาจะออกมาหรือคะ"

          "ครับ เลขาของผมแจ้งมาว่าเขาทำตัวดี เลยได้รับการลดโทษเร็วขึ้นครึ่งปี"


           นับว่าคนคนนี้อึดและโชคดีพอสมควรเลยทีเดียว ที่ยังรอดพ้นเหล่านักโทษที่ผมจ้างวานดูแลเขาเป็น 'พิเศษ' มาได้ถึงหลายปี แต่ก็อย่างว่า ผมไม่ค่อยชอบให้อะไรๆ มันจบอย่างง่ายดายนัก ความแค้นไม่สามารถระบายลงได้กับซากศพที่ไร้ความรู้สึกหรอกนะครับ



          "ถ้าออกมาเฉยๆ ผมก็คงจะปล่อยผ่านไม่เอาเรื่องนี้มาปรึกษาคุณแม่ แต่ว่าผมได้รับคำร้องขอ พวกจดหมายต่างๆ จากที่อยู่เก่าของคุณแม่ที่เขาเรียกร้องขอพบเทมมาหลายปีแล้วครับ ไหนจะข่าวที่ได้รับมาว่าเขาพยายามจะยื่นเอกสารเพื่อฟ้องร้องขอดูแลลูกชาย และในใบเกิดของเทม ในชื่อผู้ปกครองมีชื่อของเขาอยู่ในฐานะบิดา และเทมก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ในวันที่คุณแม่...ไม่อยู่แล้ว เขาจะกลายเป็นผู้ปกครองที่เหลือเพียงคนเดียว และมีสิทธิ์ขาดในตัวของเทมในฐานะพ่อ"



          คุณป้าลุกขึ้นพรวด หน้าซีดเผือดยิ่งกว่าครั้งไหน ตะโกนเสียงดังแบบที่ผมไม่เคยได้ยิน

 

          "ไม่ได้! ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้นะคะ ไม่ได้เด็ดขาด น้องเทม น้องเทมจะเจอมันไม่ได้เด็ดขาด! ไม่ว่ายังไงก็ห้ามเจอกันเด็ดขาด! ห้าม ห้ามนะคะ น้องหมูหย็อง ป้าขอร้อง อย่าให้มันพาน้องเทมไปนะคะ ถ้า ถ้า ถ้ามันได้เจอน้องเทม มันต้องทำเรื่องเลวร้ายแน่ๆ สัตว์นรกแบบนั้นต่อให้ตายก็ไม่มีทางสำนึก! ถ้าต้องให้มันพาเทมไป ให้น้องเทมตายตามป้าไปยังดีเสียกว่า!"

 

          ผมตากระตุกกับถ้อยคำระคายหู ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะจ้องหน้าเฮียเนื้อหย็อง

 

          "เมกุมิซัง ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ หมูหย็องไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายเทมแน่นอน"

          "ครับ ผมไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำร้ายและพรากเทมไปจากผมแน่นอน...แม้แต่คุณป้าเองก็ตาม"

          ความจริงจังที่เข้มจัดในน้ำเสียงและแววตาดึงให้ หญิงร่างเล็กค่อยๆ ตั้งสติอีกครั้ง น้ำตาไล่อาบสองข้างแก้มจนเปียกชุ่ม "ข-ขอโทษค่ะ พอเป็นเรื่องนี้แล้ว...ป้า ป้า ม-ไม่ไหวจริงๆ ...เป็นคนคนเดียวที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถยกโทษให้ได้"

          "ครับ ผมก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกันที่เสียงแข็งใส่คุณแม่เมื่อสักครู่ แต่ที่ผมต้องพูดถึงเรื่องนี้ก็เพราะต้องให้คุณแม่เซ็นเอกสารยินยอมมอบเทมเป็นลูกบุญธรรมให้กับทางครอบครัวของผม เพื่อให้เทมไม่ต้องไปอยู่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือไปอยู่กับญาติฝ่ายไหน"



          ที่ผมยังถอนรากถอนโคนเขาไม่ได้ เพราะมันยุ่งยากนิดหน่อยกับฝั่งของทางญาติของเขา ต้องใช้เวลานานนิดหน่อย ...พวกตำรวจที่ซื่อสัตย์ซื้อไม่ได้ด้วยเงินน่ะ น่ารำคาญจริงๆ นะ



          "แล้วถ้าเกิด...ถ้าเกิดมันมาฟ้องร้องแย่งสิทธิ์เป็นผู้ดูแลน้องเทมล่ะคะน้องหมูหย็อง ที่น้องหมูหย็องบอก มันจะมาขโมยน้องเทมไปใช่ไหมคะ"

          "คนตายขึ้นศาลไม่ได้หรอกครับ"

          "!?!"

          "ใบมรณะบัตรของเขา คงเรียบร้อยหลังพวกเรากลับจากเที่ยวพอดี"

 

          อันที่จริงเขาก็คงจะยังมีชีวิตอยู่ในการควบคุมดูแลที่เป็นพิเศษไปอีกสักพักใหญ่ ยังคงหายใจทว่าไร้ตัวตน ผลตอบแทนของต้นตอเรื่องร้ายๆ สิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ตอนนี้คือนรกชั่วกัปชั่วกัลป์ ไม่ว่าจะคนในคุก ครอบครัวของคุณป้าที่บีบคั้นคุณป้ามาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่ของสามีเก่าที่เลี้ยงลูกได้ตามใจจนเลวระยำ คนใดมีส่วนร่วมให้อนาคตต้องมาในเส้นทางนี้ ล้วนต้องได้รับแรงโทสะที่หมุนเวียนในอกผม ผมพอใจจะเล่นบทศาลเตี้ยไล่บี้ทุกคนจนกว่าจะสาแก่ใจและเก็บกวาดให้ราบเรียบ

 

          โทษทัณฑ์สำหรับน้ำตาในอนาคตของเด็กชายที่ผมรักจะต้องเสียไป ล้วนต้องถูกกำจัดให้สิ้น
 



          "ผมบอกรายละเอียดคุณแม่มากไม่ได้ แต่ตอนนี้ แค่ลายเซ็นของคุณแม่คนเดียวก็เพียงพอ และคนที่จะเป็นผู้ปกครองของเทม คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะเป็นแต่เพียงในนาม ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีตัวตน เป็นเพียงบุคคลนิรนามที่ผมสร้างขึ้น ตอนนี้ยุ่งยากนิดหน่อยผมจึงไม่สามารถให้เทมเป็นชาโรนอฟได้ แต่ไม่เกินสองสามปีนี้ รอจนถึงเทมบรรลุนิติภาวะ หรือหลังแต่งงาน เขาจะกลายเป็นฟ้าประธาน ชาโรนอฟทันทีครับ"

          ครั้งนี้น้ำตาที่หยดลงบนตัก ดูปิติดีใจและโล่งอกอย่างที่สุด "...ขอบคุณมากนะคะ"

          "แล้วน้องหมูหย็องจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ เรื่องผิด เอ่อ เรื่องสีเทาแบบนี้"

          ผมยิ้มรับเบาบาง "คุณป้าพูดเรื่องอะไรกันครับ ทุกอย่างล้วนเป็นเพียง 'ความบังเอิญ' ที่มาจากผลจากกรรมทั้งนั้น"

         

          จากกรรม กรรมที่มาจากการกระทำ และความบังเอิญที่ถูกคัดสรรโดยผม



          คุณป้าที่ประสานมือไว้บนตัก เอื้อมมาจับมือผมไว้ ก่อนเงยหน้าสบสายตาประสาน



          "น้องหมูหย็องคะ ไหนๆ วันนี้คุณแม่ก็ได้รับน้องหมูหย็องเป็นลูกชายอีกคนของคุณแม่แล้ว จะดุคุณแม่ไหมคะ ถ้าคุณแม่จะขอพูดอะไรบางอย่าง"



          ผมเคารพคุณป้ามาตลอด ไม่ต่างจากคุณป๊าคุณหม่าม้า สำหรับผมเธอเป็นครอบครัวอีกคนหนึ่ง ไม่แปลกเลยที่จะพยักหน้ารับอย่างไร้ความลังเล "คุณแม่พูดกับผมได้เสมอครับ"



          "น้องหมูหย็องคะ คุณแม่ทราบดีเลยค่ะ รับรู้มาตลอด ว่าน้องหมูหย็องคนเท่ที่น้องเทมรักนั้นเก่งขนาดไหน" ท่านเงียบลงหนึ่งอึดใจ ก่อนความห่วงใยในน้ำเสียงจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น "แต่...ตอนนี้หนูยังเด็กมากๆ มากไม่ต่างอะไรกับน้องเทมในสายตาของแม่ เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่น้องหมูหย็องก็เก็บไว้และจัดการคนเดียวทั้งหมด ถ้าเป็นไปได้ นอกจากฝากดูแลน้องเทมแล้ว ก็ขอฝากดูแลลูกอีกคนของคุณแม่ด้วยนะครับ ช่วยดูแลน้องหมูหย็องของคุณแม่และน้องเทมให้ดีๆ ดูแลตัวเองให้เก่ง พักผ่อนให้เพียงพอ ทานให้อิ่ม เล่นสนุกเอาแต่ใจบ้าง ไม่จำเป็นต้องแบกทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องบางอย่างเราก็ควบคุมมันไม่ได้ ทำได้เท่าที่ทำ ทำให้ดีที่สุดแล้วไม่ต้องเสียใจทีหลัง ที่เหลือแค่ปล่อยมันไปนะครับ ถ้าสุดท้ายเรื่องราวมันยังแย่ ก็ไม่ใช่ความผิดของหนู"

          เฮียเนื้อหย็องที่นั่งทำหน้าเครียดก็เอ่ยต่อทันที "พี่เห็นด้วยกับเมกุมิซังนะหมูหย็อง น้องทำดีที่สุดแล้ว วันหลังมีอะไร มาบอกพวกเราบ้างนะ ให้เราได้ทำอะไรเพื่อน้องบ้าง"

          "ทุกคนเป็นห่วงและพร้อมเป็นเบาะรองรับ เป็นที่พักพิงให้หนูนะครับ หนูรู้ใช่ไหมครับ เรื่องของคุณแม่ น้องหมูหย็องทำได้ดีมากๆ แล้ว"

          "ขอบคุณครับ"

         

           ผมก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน หวังให้ทุกอย่างดีพอ

 

           พวกเราคุยกันอีกสักพักก่อนแยกย้าย ก่อนแยกย้ายกัน คุณแม่เข้ามาบอกผมว่าสิ่งที่ช่วยให้เตรียมก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว



          "ไม่ต้องเกรงใจที่จะใช้นะคะ ถ้าเกิดเกินการควบคุมจริงๆ ใช้ได้เลยนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าสุดท้ายถ้าน้องเทมรู้แล้วจะโทษน้องหมูหย็อง ในคลิปที่เป็นคลิปสารภาพคุณแม่บอกน้องในนั้นแล้วว่าคุณแม่เป็นคนขอร้องให้น้องหมูหย็องทำแบบนี้เอง"

          "...ครับ ขอบคุณมากครับ"



           หวังให้ดีพอ และสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้อง

 

          ก ข ค ง เพียงสี่ข้อที่ให้เลือกตอบบนข้อสอบ หลังหมดเวลามีเฉลยคำตอบที่ถูกต้อง แต่ในหนึ่งวัฏจักรของหนึ่งช่วงชีวิต ไม่ได้มีตัวเลือกที่ตายตัวและคำตอบที่ถูกเพียงหนึ่งเหมือนโจทย์บนกระดาษ ไม่มีทริคกลโกงให้เลือกใช้ ไม่สามารถพลิกหน้าหนังสือไปท้ายเล่มเพื่อดูคำเฉลย ไม่มีอุปกรณ์วิเศษช่วยบอกอนาคตล่วงหน้า สิ่งที่ผมตัดสินใจเลือกเดิน ก็ได้แต่หวังว่ามันจะถูกต้อง...อย่างน้อย ก็ถูกต้องที่สุดในทุกทางเลือก

         

     ตอนเทมเห็นผมบาดเจ็บ เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะทำร้ายตัวเองเพื่อช่วยเหลือผม กรรไกรที่ปักเข้าร่างกายตัวเอง หยาดเลือดสีแดงสดที่ทะลักออกมาอย่างน่ากลัว เขาไม่สนใจด้วยซ้ำ กับคุณป้า กับคุณแม่ที่เจ้าตัวแสนรัก ผมก็กลัวเขาจะตามคุณแม่ไป หายไปจากผมตลอดกาล

          ที่ผมทำทุกอย่าง ก็เพียงแค่ให้เทมรักผมและอยู่กับผม ถ้าวันใดวันหนึ่งเทมหายไป

          แค่คิดโลกก็พังไปหมดแล้ว



          ผมมีสองทางเลือก

          หนึ่ง คือบอกให้เทมรู้ว่าคุณแม่กำลังจะตาย

          สอง คือเลือกที่จะไม่บอกความจริงกับเขาในตอนนี้  คุณป้าจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปีในหน้าจอเล็กๆ วิดีโอสั้นๆ นับร้อยคลิปที่ถูกบันทึกเอาไว้ กับคุณแม่ที่หนีออกจากบ้านไปเที่ยวรอบโลกกับเฮียเนื้อหย็อง คลิปที่จะถูกเปิดให้เขาดูอาทิตย์ละครั้งถึงสองครั้ง เพื่อให้เชื่อว่าคุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ พูดคุยโต้ตอบกับบทละครที่ผมได้มา



          ศีลธรรมน่ะหรือ...สิ่งที่ถูกต้องน่ะหรือ แล้วเรื่องพวกนั้นมันยังไงล่ะ

          ขอแค่ทำให้เขามีความสุขเรื่องอื่นก็ช่างหัวมันปะไร



           ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับผมตลอดมา ต่อให้เป็นเรื่องยาก ขอแค่ใส่ความพยายามและตั้งใจ ไม่นานก็สัมฤทธิ์ผลดังใจหวัง คำว่าเป็นไปไม่ได้ดูห่างไกลเมื่อเกิดมาพร้อมสติปัญญาสูงส่ง ความสามารถ และมีอำนาจอันยิ่งใหญ่รองรับทุกย่างก้าว สมบัติมหาศาลที่ซื้อได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ขอแค่ผมอยากได้ ไม่ว่าอะไรก็ต้องได้ เคยเชื่อแบบนั้น ...จนกระทั่งตอนนี้


 

          แค่ยืดเวลาออกไปให้นานอีกแค่หนึ่งปียังทำไม่ได้เลย



          ผมเปิดประตูออกและก้าวเข้าไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงนอน โบกมือไล่หมอและพยาบาลออกไป เมื่อเสียงประตูปิดสนิทลง ผมยืนจ้องมองเขาอยู่เนิ่นนานก่อนสอดตัวเข้าไปใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน ค่อยๆ ดึงหมอนที่เขานอนออก ขยับหัวทุยให้ขยับมาหนุนที่แขนของผม องค์ชายน้อยครางเสียงฮือในลำคอเพราะถูกรบกวนก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอเหมือนเดิมเมื่อผมกล่อม

          ฝ่ามือที่ติดสั่นนิดๆของผมค่อยๆ ลูบที่แก้มเขาแผ่วเบา

          บางครั้งบางหนในช่วงค่ำคืนของเวลารัตติกาล ในความมืด ผมเห็นภาพซ้อนเทมที่ยังเล็กกว่านี้มาก เป็นเทมที่ยังคงเป็นเด็กชายเทมปุระตัวน้อยตัวกระจ้อยร่อย เป็นเจ้าตัวเล็กที่สวมรองเท้าสีฟ้าอ่อนคู่จิ๋วที่ใหญ่เพียงครึ่งฝ่ามือ เดินเอียงสายเอียงขวาพร้อมเสียงจากรองเท้าคู่เก่งประกอบ คนเก่งของผมเริ่มเดินเก่งเมื่อตอนแปดขวบ ตอนที่เขาวิ่งได้เกินสามนาทีโดยไม่หกล้ม ตอนที่เขาพูดประโยคยาวๆ ได้ ผมกับคุณป้าแทบจะกอดคอกันร้องไห้ การเจริญเติบโตของเทมเป็นไปอย่างเชื่องช้า ช้าเสียจนคุณป้าคงไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นเขาเติบใหญ่ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเล็กของผมเพิ่งจะพูดคล่องเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาเพิ่งจะเลิกกลัวเวลาไปห้องน้ำคนเดียว เขายังเด็ก เด็กมากๆ อ่อนเยาว์และอ่อนวัยเสียเหลือเกินกับการต้องขาดแม่ไป


 

          เทมยังไม่พร้อมเลย

          แต่ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม กาลเวลาก็เตรียมพรากสิ่งสำคัญของเขาไปเสียแล้ว



          ...เขาจะอยู่ได้ไหมนะ เขาจะผ่านมันไปได้หรือเปล่า



          เป็นคำถามที่วนเวียนในหัวผมเป็นล้านๆ ครั้ง

          และเป็นล้านๆ ครั้ง ที่ไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้งเดียว...



         







.

.

.
















end 60 .

twitter #เพื่อนผู้ปกครอง

( ; _ ; ) <3





ออฟไลน์ Kirana9165

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบคุณมากๆ  ที่มาต่อนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด