#ญอผู้หญิงโศกา
ตอนที่ 10
ห้องแห่งความลับ
“ทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยไปนอนบ้านแจ็คเลยล่ะ?”
พอได้ยินแม่ถามแบบนี้เด็กหนุ่มก็สงสัยว่ามันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาไม่ได้หันไปบอกแม่ว่า ‘วันนี้จะไปนอนบ้านไอ้แจ็คนะ’ แล้วหลังจากนั้นก็จะเข้าไปกอดออดอ้อนขอโทษที่ทำให้แม่ต้องเหงาอยู่บ้านตามลำพังเพียงเพราะเขาติดเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้ว กี่ครั้งที่เท็นต้องฝังตัวเองอยู่ในห้องหรือไม่ก็ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนในเกมที่พวกไอ้แจ็ครู้จักเพียงเผิน ๆ เท่านั้น
เขาพยายามสร้างสังคมที่แตกต่างจนทุกวันนี้เป็นที่รู้จัก มีเพื่อนมากขึ้น แต่ก็น่าตลกดีที่ความเหงามันยังคงเดิมไว้ไม่ลดน้อยลง
“มันตั้งใจอ่านหนังสืออะแม่”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยิ่งควรไปค้างด้วยกันเลยไม่ใช่เหรอ จะได้ช่วยกันติวไงลูก”
“...”
จะต้องตอบอย่างไรเพื่อให้บทสนทนานี้สิ้นสุดลงไปได้ง่าย ๆ โดยไม่เกิดความน้อยใจ?
คำว่า ‘เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทุกอย่าง’ แทบไม่ได้ช่วยอะไร ตราบใดที่ระหว่างการรอไปดูหนังนั้นเขากับไอ้แจ็คก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันได้แค่ตอนอยู่ในชุดนักเรียน แต่พอฟ้ามืดความโดดเดี่ยวก็พรากมันไป และเหลือทิ้งไว้แค่ความเหงาที่เขายังโหยหา
“ไปไหม แม่ซื้อขนมมาเมื่อเย็น เอาไปฝากเพื่อนด้วย จะได้กินด้วยกันตอนติวนะ”
“แม่ --”
“ค้างหลาย ๆ วันก็ได้ แม่ไม่ว่าอยู่แล้วถ้าเป็นเรื่องเรียน”
“เท็นไม่อยากไป”
ทั้งคู่สบตากันนิ่งหลังจากได้ยินความชัดเจนจากปากคนเป็นลูก แม่หม้ายลูกติดยิ้มเล็ก ๆ พลางทัดผมกับหูตนเอง ก่อนจะเห็นเด็กหนุ่มกระชับกระเป๋าเป้แล้วเดินขึ้นไปบนห้องโดยไม่พูดอะไรอีก
*
“จริงเหรอคะพี่เท็น?”
“หะ?” ชายหนุ่มผมเทาเลิกคิ้วมองเด็กสาวที่ชะโงกหน้าถามพร้อมรอยยิ้ม เมื่อกี้ทั้งคู่คุยอะไรกันอยู่เขาเองก็แทบไม่ได้ฟัง
“พี่แจ็คบอกว่าพี่เท็นเล่นกีต้าร์ได้ด้วย เรื่องจริงหรือเปล่าคะ?”
“...” เขาเปลี่ยนโฟกัสไปทางเจ้าของใบหน้าเรียบเฉย พร้อมคำถามที่ว่าเพราะอะไรทำไมหัวข้อสนทนาออกรสหลังหนังจบถึงวกมาเป็นเรื่องของเขาได้
“พอดีแพรวเพิ่งบอกพี่แจ็คว่าอยากร้องเพลงคัพเวอร์ลงยูทูปแต่ยังหาคนมาเล่นกีต้าร์ให้ไม่ได้ พี่แจ็คเลยเล่าให้ฟังว่าพี่เท็นน่ะเล่นกีต้าร์เป็น แต่แพรวไม่ได้หมายความว่าจะขอให้พี่เท็นมาเล่นให้แพรวนะคะ แหะ...”
“หมายถึงเมื่อก่อนนะ ไม่รู้ตอนนี้มันยังเล่นอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่ได้เล่นแล้ว”
เป็นบทสนทนาที่บอกให้แพรวรู้ แต่เขากลับรู้สึกว่าทั้งคู่กำลังถาม-ตอบกันกับเรื่องในอดีตที่เลยผ่านไปโดยไม่มีใครอีกคนอยู่ข้าง ๆ
“งั้นเปลี่ยนคำพูดใหม่เป็นมันเคยเล่นได้เมื่อตอนก่อนนู้น”
“นู้นเลยเหรอออ?”
“กวนตีน?”
“5555555555555555555555555555”
แพรวไม่เหมือนบลูเลยสักนิด ทั้งลักษณะการแต่งตัวหรือนิสัยที่ร่าเริงกว่าเป็นไหน ๆ ชั่วขณะหนึ่งมันเกิดคำถามว่าสิบปีที่ผ่านไปไอ้แจ็คได้คบหาดูใจกับใครไปบ้าง ยังคงยึดติดอยู่กับผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหม ทุกวันนี้ชอบคนนิสัยแบบไหน สดใสแบบแพรวหรือว่าอะไรก็ได้ขอแค่ไม่นอกใจมัน?
“หนูว่าผู้ชายเล่นกีต้าร์น่ะมีเสน่ห์สุด ๆ เลย”
“แล้วพี่มีเสน่ห์ไหม?” สิ้นสุดคำถามไอ้แจ็คก็มองหน้าเขา ตอนนี้เท็นไม่อยากคาดเดาเลยว่าแววตาที่มองมานั้นกำลังคิดอะไรอยู่ หวงเหรอ? หรือว่าแค่สงสัยอะไร?
“หนูควรตอบไงดีอะ?”
“ก็ตอบตามที่คิด” หึงแน่ ๆ สีหน้าไอ้แจ็คเปลี่ยนไปแล้ว
“ถ้าพี่เท็นยังเล่นอยู่ก็คงมีเสน่ห์อะ แต่ตอนนี้ไม่ได้เล่นแล้วหนูก็เลยมองไม่เห็น”
“อยู่เป็นว่ะ” เขาหันไปมองเจ้าของคำพูด เพียงครู่เดียวไอ้แจ็คก็ยิ้มเล็ก ๆ เหมือนถูกใจคำตอบเด็กคนนี้นักหนา “ตอนแรกกลัวมันไม่ใช่หรือไง?”
“ก็กลัว แต่พอพี่เท็นถอดเสื้อให้คลุมตอนดูหนังหนูก็เลยไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว พี่เท็นใจดีอะ เนอะ”
บรรยากาศเริ่มอึดอัดเหมือนฉากนั้นในโรงหนังไม่มีผิด ใช่ เขาชิงตัดหน้าถอดเสื้อให้เด็กคนนี้คลุมเพียงเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายทำคะแนนได้ เท็นไม่ได้สนใจว่าการทำดีกับผู้หญิงแล้วจะได้ความรู้สึกแบบไหนกลับคืนมา เขาจะทำอะไรก็ตามที่จะไม่ส่งผลให้หงุดหงิดในภายภาคหน้า มันก็เท่านั้น
ไอ้แจ็คอาจจะหัวเสียแต่ไม่แสดงออก บางทีมันอาจจะขยาดอยู่ในใจว่าคนเลวอย่างเขาจ้องจะแย่งจีบคนที่มันชอบอีกแล้ว ซึ่งก็คงไม่แปลก แต่ก็บ้าเหลือเกินที่ชั่วขณะหนึ่งเท็นคิดไปว่าถ้าอีกฝ่ายเข้าใจอย่างนั้นเขาก็อยากจะอธิบายมันว่าไม่ใช่ความจริง
“เลิกเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
แปลกใจที่คนถามไม่ใช่แพรว และความรู้สึกดีลึก ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็ยากที่จะยอมรับอีกแล้ว
“นานจนจำไม่ได้”
“ทิ้งไปแล้วหรือยัง?”
“หมายถึงอะไร?”
เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงกลางได้แต่หันซ้ายขวามองหน้ารุ่นพี่ทั้งสอง ทำไมอยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกอีกแล้ว เหมือนตอนในโรงหนังไม่มีผิด
“กีต้าร์ตัวที่สอง”
“...”
เป็นอีกครั้งที่แพรวรู้สึกว่าอยู่ผิดที่เมื่อพี่แจ็คดึงแขนเธอให้มาเดินข้างหน้าเพียงเพราะว่าพี่เท็นเกือบจะเดินชนเสาจนต้องรีบคว้าออกมาจากจุดเดิม
คนที่ถูกดึงกลับไปในอดีตได้สติกลับคืนมาเพราะสัมผัสจาง ๆ ในความทรงจำแต่ชัดเจนในปัจจุบัน ภาพเด็กสองคนกับกีต้าร์ตัวนั้นได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งเพียงเพราะมันถูกพูดถึงโดยไอ้บ้าสติแตกข้างตัวเขา
*
“อยากได้เหรอ กูเห็นมึงมองหลายครั้งแล้ว”
จำได้ว่าวันนั้นฝนตก และชุดนักเรียนของเด็กมอสี่สองคนนั้นเปียกปอนเพราะความชื้นแฉะ ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องดนตรีซึ่งเป็นทางผ่านทุกครั้งเมื่อมาเดินสยาม และเท็นก็หันไปพยักหน้าบอกให้เพื่อนรู้ว่าเขาหลงรักความสวยงามของกีต้าร์ตัวนั้นมากแค่ไหน
“ไม่บอกแม่ซื้อให้วะ?”
เท็นส่ายศีรษะ เสี้ยววินาทีหนึ่งเขารู้สึกว่ากีต้าร์ตัวนั้นก็กำลังมองเขาเหมือนกัน
“กูอยากมีอะไรสักอย่างเป็นของตัวเองบ้างอะ อะไรก็ตามที่มาจากความพยายามโดยไม่ต้องแบมือขอใคร”
เพราะไอ้แจ็คเป็นคนไม่ค่อยพูด เท็นจึงค่อนข้างลุ้นว่าเพื่อนจะคิดอย่างไรกับเด็กโตไม่เป็นอย่างเขา
“เริ่มเก็บเงินยัง?”
“บ้างแล้ว”
“กี่เปอร์เซ็นต์ของราคาทั้งหมด?” ทั้งคู่เหลือบมองตัวเลขหลายหลักที่โชว์หราเพื่อบ่งบอกคุณค่าของกีต้าร์ตัวนั้น
“ห้าสิบมั้ง คงอีกสักพักใหญ่เลยกว่าจะเก็บครบ” เงินที่ว่าก็เป็นรางวัลจากการสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังได้ ส่วนที่ขยันเก็บเองก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น พอถึงจุดที่ต้องการอะไรสักอย่างเท็นก็สำเหนียกได้ว่าตนเองเป็นเพียงเด็กมอสี่ที่ยังหาเงินเองไม่ได้ พอไม่มีพ่อแม่เขาก็เป็นแค่เด็กโง่ ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย
“งั้น...”
“มึงห้ามออกช่วยกูเด็ดขาด” เท็นรีบแย้ง ไอ้คนหัวสกินเฮดได้แต่ยืนทำหน้านิ่งก่อนจะหลุดยิ้มออกมา
“เรื่องอะไรกูจะทำอย่างนั้น เมื่อกี้กูแค่จะบอกว่าถ้ามึงซื้อกีต้าร์ได้เมื่อไหร่กูก็มีอะไรดี ๆ จะให้มึงเหมือนกัน”
“อะไรวะ?” เท็นไม่รู้ว่าตอนนั้นสีหน้าตนเองเป็นอย่างไร มันคงตาโตเป็นประกายเพียงเพราะรู้ว่าจะได้อะไรสักอย่างจากเพื่อนสนิทซึ่งมันต้องทำให้รู้สึกดีสุด ๆ ไปเลย
“เรื่องอะไรจะบอก?” ไอ้แจ็คไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะปัดฝนบนหัวเกรียน ๆ ของมันใส่เขาอย่างวอนตีน เท็นเลิกคิ้วมองพลางถลกแขนเสื้อเปียก ๆ ขึ้น ตั้งท่าเตรียมไล่เตะก้นไอ้เพื่อนชั่วที่เสือกกวนไม่ดูเวล่ำเวลา คนเขาจะดื่มด่ำไปกับความสวยงามของกีต้าร์ไม่เห็นหรือไงวะ?!
*
คุณได้รับข้อความจาก...‘น้องแพรว’
[ พี่เท็นนี่แพรวเองน้า ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ หนูหมายถึงเรื่องที่พี่เตือนตอนหนูสปอยล์หนังพี่แจ็ค / เรื่องเสื้อคลุม / แล้วก็เรื่องช่วยหามือกีต้าร์ให้ด้วย ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ TwT วันนี้หนูได้รู้อะไรหลายอย่างจนรู้สึกผิดเลยที่เคยฟังเรื่องพี่จากปากคนอื่น (ไม่ใช่พวกพี่ธีร์นะคะ หนูหมายถึงคนในเน็ตที่พูดถึงพี่เท็นในทางไม่ค่อยดี) ขอโทษที่ตัดสินพี่ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งกับความใจดีในวันนี้นะคะ ฝันดีจ้า ]
“...”
ชายหนุ่มค้างอยู่ในท่าถอดรองเท้า เขามองข้อความในโทรศัพท์แล้วก็รู้สึกได้ว่านั่นคงมาจากความจริงใจของเด็กคนนั้นจริง ๆ ไม่ใช่เพราะอยากประจบประแจงหรือให้ท่า พูดกันตามตรง... อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่แปลกใจถ้าหากไอ้แจ็คจะตกหลุมรักเด็กสดใสไม่มีพิษไม่มีภัยอย่างแพรว เพราะจากที่สังเกตวันนี้แล้วเด็กคนนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีอ่อย หรือให้ความหวังอะไรใด ๆ ทั้งเขาและไอ้เวรนั่นเลยสักนิด กลับกันแล้วยังให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายทั้งสองพาน้องสาวมาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์เสียมากกว่า
พี่ซันวิ่งกระดิกหางออกมาต้อนรับพ่อถึงหน้าประตูด้านใน เขาจึงนั่งลงกับพื้นแล้วอ้าแขนกอดรับลูกชายสุดที่รักพร้อมฟัดหอมให้หายมันเขี้ยว
“มีคนบอกว่าพ่อใจดีด้วย ดูสิ” เขาหันโทรศัพท์ให้เจ้าขนทองดู และพี่ซันก็เอาจมูกไปดม ๆ จอโทรศัพท์ก่อนจะเงยหน้ามองตาแป๋ว “พ่อควรตอบไหม หรือปล่อยเบลอไปแล้วแต่เวรแต่กรรม”
พี่ซันไม่ได้แสดงออกกับเรื่องที่ฟังไม่รู้เรื่อง มันแค่อยู่ตรงนี้ จ้องหน้าเขาเพื่อบอกว่าต่อให้น้ำจะท่วมโลกหรือแผ่นดินไหว เจ้าขนทองแสนซื่อสัตย์ก็จะไม่ไปไหนจนกว่าเขาจะขยับตัว
“ใจดีอะไร พ่อก็แค่ไม่อยากให้สองคนนั้นจู๋จี๋กันต่อหน้าก็แค่นั้น พ่อไม่ชอบความรู้สึกการเป็นมือที่สาม ซันก็รู้”
เขาไหวไหล่พลางมองหน้าจอมือถืออีกครั้ง ระหว่างนั้นก็คิดว่าจะต้องใช้คำพูดแบบไหนกับเจ้าของหัวใจไอ้แจ็คดี?
คุณกำลังส่งข้อความถึง...‘น้องแพรว’
[ พี่เข้าใจที่แพรวเคยตัดสินพี่จากปากใคร ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จะใจดีอย่างที่แพรวคิด เพราะงั้นอย่าด่วนสรุปแค่เพราะพี่ทำดีแค่ครั้งสองครั้งเลย เดี๋ยวจะเสียใจทีหลัง ]
“หวังว่าเด็กคนนั้นจะเก็บไปคิดนะว่าการตัดสินว่าคนนั้นเป็นคนดี คนนี้ใช้ไม่ได้ก็ควรทำความรู้จักเขาให้นานกว่านี้หน่อย นี่อะไร แค่เอาผ้าคลุมให้ก็คิดว่าโอเคแล้วเหรอ ถ้าไม่มีพวกไอ้แจ็คคอยดูแลป่านนี้จะเป็นไงเนี่ย เฮ้อ ปะพี่ซัน เข้าบ้านกัน”
เจ้าขนทองกระดิกหางแรงกว่าเดิมแล้ววิ่งแซงพ่อไปก่อนจะหยุดรอเป็นพัก ๆ เมื่อถึงห้องนั่งเล่นก็เห็นว่าลูกสาวผู้เป็นที่รักกำลังนอนอืดมองมาราวกับอยากหาเรื่องว่าทาสผู้ซื่อสัตย์กล้าดีอย่างไรถึงกลับเอาป่านนี้?
“หิวยังหนู?”
“...” ไม่ตอบ สงสัยอยากต่อต้าน
เท็นเดินหายเข้าไปในครัวแล้วกลับมาพร้อมของบางอย่างที่เรียกความสนใจจากแมวหยิ่งยโสได้เพียงแค่เคาะเบา ๆ เท่านั้น ชายหนุ่มยิ้มขำกับท่าทางหมดฟอร์มของลูกสาวที่ร้องเมี้ยวม้าวอย่างหัวเสีย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟา
“ไหน ทูน่าน้ำเกรวี่ของโปรดใคร? -- อะไรพี่ซัน อันนี้ของน้อง เราน่ะรอก่อน – พี่ซัน – Sit down.” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่มีหรือเจ้าขนทองจะฟัง มันเอาแต่แลบลิ้นเอาขาหน้าวางบนเข่าเขาราวกับว่าจะชิมทูน่าน้ำเกรวี่ให้ได้โดยไม่สนใจนิ้วชี้ที่สั่งให้นั่งลงแม้แต่น้อย
เท็นเปิดฝากระป๋องทูน่าออกแล้วเอาไปวางบนชั้นสูง ๆ เพื่อให้อีมูนปีนขึ้นไปกินเองโดยไม่ต้องต่อสู้กับพี่ซมัน ระหว่างนั้นก็ฉุกคิดถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันได้เพียงเพราะตรงนี้เงียบจนเกินไป
‘ทิ้งไปแล้วหรือยัง?’
‘หมายถึงอะไร?’
‘กีต้าร์ตัวที่สอง’เท็นเงยหน้ามองบันไดแล้วคิดว่าควรขึ้นไปห้องนั้นหรือไม่ แต่ยังไม่ทันหาคำตอบให้ตัวเองได้ขายาวก็ก้าวขึ้นไปบนชั้นสองแล้วหยุดมองประตูสีขาวที่เป็นห้องเก็บของ ก่อนจะย้อนถามตนเองอีกครั้งว่าควรเปิดเข้าไปไหม นานแค่ไหนแล้วที่เท็นใส่กลอนล็อกกุญแจเพื่อขังความทรงจำทุกอย่างไว้ข้างในโดยไม่คิดจะเปิดประตูอีกครั้งเพื่อให้โอกาสสิ่งเหล่านั้นหายใจ
“...”
อาจจะสามนาทีหรือนานกว่านั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ก่อนจะปิดจมูกจามเพราะฝุ่นที่เกาะกรังสิ่งของมากมายข้างในซึ่งเขาเองก็จำไม่ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนถ้าไม่มีรอยปากกาเมจิกสีดำเขียนบอกข้างกล่อง
แต่ในขณะเดียวกันกลับมีของบางอย่างที่เท็นรู้ดีว่าวางอยู่ตรงไหน มันน่าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเพราะลึก ๆ อยากจะลืมมันไป เขาอยากนึกขึ้นได้เมื่อบังเอิญเปิดเจอมากกว่าจะจดจำได้อย่างขึ้นใจจนถึงทุกวันนี้
กดสวิตซ์ไฟจนแสงสีซีเปียฉายให้ความสว่าง จนถึงตอนนี้เท็นก็ยังตั้งคำถามกับตัวเองว่าควรก้าวเข้าไปทำตามสิ่งที่ใจคิดหรือควรฝังมันไว้ในอดีตเหมือนอย่างเคย มันอาจเป็นอย่างหลังถ้าหากว่าเขายังคงระริกระรี้อยู่กับสังคมจอมปลอมและความโด่งดังซึ่งจับต้องไม่ได้ แต่ในวันนี้เขาก้าวออกมาจากตรงนั้นไกลมากแล้ว และมันคงไกลมากพอที่จะทำให้ยอมโอนอ่อนลงเพียงเพราะได้กลับเข้าไปอยู่ในวงจรชีวิตใครบางคนอีกครั้ง
“...”
เป้าหมายแรกคือกระเป๋าหนังกีต้าร์สามตัวซึ่งตั้งเรียงกันอยู่ ชิ้นแรกเป็นของขวัญสำหรับความชอบที่ได้รับตั้งแต่ประถม ส่วนชิ้นที่สองได้เป็นรางวัลปลอบใจหลังจากบอกพ่อว่าถูกเพื่อนแกล้งที่โรงเรียน ส่วนชิ้นที่สามนั้นมันมาจากความพยายามของตนเองและครั้งหนึ่งมันเคยมีค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
มันคือของแพงชิ้นแรกในชีวิตที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งต้องใช้ความอดทนเพื่อให้ได้มาครอบครอง เท็นยังจำได้เป็นอย่างดีว่าตอนกอดมันไว้แนบอกนั้นมันสุขใจมากแค่ไหน
เพลงแรกที่เล่นคือ Officially missing you ของ Tamia และเหมือนทุกครั้งตรงที่ว่าเมื่อไหร่เขาเกากีต้าร์ ไอ้เพื่อนคนนี้ก็ร้องตามได้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
‘All I hear is raindrops
Falling on the rooftop
Oh baby tell me why'd you have to go’ กล่องลังสีน้ำตาลตรงมุมขวามือนั้นไม่ได้เด่นจนสังเกตได้ เท็นหยุดยืนอยู่ตรงหน้ามันและน่าตลกดีที่เขานึกออกว่าหน้าตาของข้างในนั้นอยู่ในสภาพไหน อาจเป็นเพราะครั้งสุดท้ายที่เห็นมันเขาจ้องอยู่นานก่อนจะตัดสินใจปิดฝากล่องล่ะมั้ง?
‘Just a week ago you were my baby
Now I don't even know you at all
I don't know you at all’รู้สึกเหมือนความทรงจำพวยพุ่งออกมาเป็นน้ำพุหลังจากเปิดฝากล่องออก ชายหนุ่มจ้องมองของล้ำค่าในอดีตที่ปัจจุบันต้องพยายามบอกตัวเองว่ามันไม่สำคัญอีกแล้ว ตลอดสิบปีที่ผ่านมาไม่ใช่แค่เรื่องการเล่นเกมที่เท็นทำได้ดี แต่ยังมีเรื่องหลอกตัวเองอีกอย่างที่เขาคิดว่าโคตรถนัดไม่แพ้ใครเลย
นัยน์ตาคมมองสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วหนังที่สะสมไว้เพียงเพราะมันเคยติดอยู่ในกระเป๋ากางเกงนักเรียน สมุดที่มีตราสัญลักษณ์สถาบันข้างหน้า แต่ข้างในนั้นเต็มไปด้วยรูปวาดดราก้อนบอลและแสลมดังค์ซึ่งถูกละเลงโดยเด็กผู้ชายสองคน ไปจนถึงหนังสือเพลงเล่มเก่าที่ปัจจุบันหาไม่ได้อีกแล้ว
และเมื่อเปิดไปยังหน้ายี่สิบสามก็จะพบกับปิ๊กกีต้าร์ที่ถูกแกะสลักเป็นคำว่า ‘10 out of 10’
‘All I hear is raindrops...
And I'm... officially missing you...’เจ้าของเสียงทุ้มต่ำนั้นยังคงยิ้มขณะร้องท่อนสุดท้ายของเพลง ก่อนมันจะแบมือออกมาพร้อมพยักหน้าเพื่อขอมือจากเขา เท็นจำได้ว่าตอนนั้นมันคงถึงเวลาตามสัญญาแล้ว ซึ่งมันคงบ้ามากถ้าหากว่าไอ้แจ็คจะเอาตุ๊กแกปลอมหรืออะไรสักอย่างที่น่ากลัวใส่มือเขา
แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิด เพราะหลังจากไอ้แจ็คเอามือปิดตาเพียงครู่เดียวเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างเย็น ๆ ที่ขนาดเล็ก ซึ่งพออีกฝ่ายเอามือออกเขาก็พบกับปิ๊กกีต้าร์ที่ถูกสลักอย่างสวยงาม และในนาทีนั้นเท็นก็ไม่รู้ว่าเขามีความสุขเพราะได้รับของชิ้นนี้หรือว่าเพราะรอยยิ้มที่แต่งแต้มบนใบหน้าไอ้แจ็คกันแน่
RRRrrrr!!!
ชายหนุ่มสะดุ้งจนอายตัวเอง ให้ตายสิวะ ไม่เคยชินกับการมีสายเข้าเลยสักครั้ง หรือว่าแพรวจะโทรมาเพราะไม่พอใจข้อความเมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกเพราะทั้งโลกก็ไม่มีใครพอใจกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่แล้ว
แต่เท็นคิดมากไป เพราะทันทีที่เห็นเบอร์โทรเข้าความประหลาดใจก็เพิ่มเป็นทวีคูณเพราะเบอร์ที่ขึ้นหน้าจอคือไอ้แจ็ค
“อะไร?”
( ถึงบ้านยัง? )
“ถึงแล้ว ถ้าโทรมาเรื่องแพรวกูวางนะ?”
( เปล่า กูแค่โทรมาบอกว่าผ้าเสร็จแล้ว แม่ให้โทรมาถามเพราะกลัวมึงไม่มีห่มนอน )
คนห่าอะไรจะมีผ้านวมชุดเดียว บ้าปะ? เท็นได้แต่คิดอย่างนั้นแต่ไม่ได้พูดออกไป เพราะสิ่งที่เขาทำตอนนี้คือเงียบเหมือนกำลังลุ้นว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ จะวางสายเลยเพราะหมดธุระแล้วหรือว่าจะชวนคุยต่อซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากขนาดนั้น เว้นแต่ว่าอีกฝ่ายอยากนึกครึ้มชวนทะเลาะเรื่องแพรว
( สรุปมีอีกชุดหรือเปล่า? )
“เออ เดี๋ยวกูไปเอาพรุ่งนี้”
( ตอบให้ตรงคำถามสิ มีผ้าห่มอีกชุดไหม? )
จะถามอะไรนักหนา การบอกว่าจะไปเอาพรุ่งนี้ก็หมายความว่าเขาจะเอาถุงเท้าห่มตัวเองนอนก็ได้ไม่ใช่ไงวะ แล้วมันก็น่าจะเดาออกได้เองด้วยว่าคนอย่างเขาต้องมีชุดผ้านวมอยู่ราว ๆ หก-เจ็ดชุดอยู่แล้ว เปลี่ยนใช้รายวันยังได้
“ถ้าบอกว่าไม่มีแล้วมึงจะแว๊นมอไซค์มาส่งให้เหรอกูถามก่อน?”
ไอ้แจ็คน่าจะคันตีนแล้วหลังจากโดนกวนตีน ก็จะทำไมล่ะ มันควรวางสายไปตั้งแต่เขาให้คำตอบแล้วไม่ใช่ไงวะ กะอีแค่ชุดเครื่องนอนมันไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนขนาดนั้นสักหน่อย
( ต้มมาม่ารอแล้วกัน )
“เดี๋ยว อะไรคือต้มมาม่ารอ มึงจะมาบ้านกูเหรอ?”
( อืม เอารสหมูสับนะ )
“อะไรของมึงเนี่ย ชุดเครื่องนอนมันใหญ่แล้วมึงจะขับยังไงได้ เดี๋ยวก็แหกโค้งคอหักตายหรอก”
( แล้วใครบอกว่าจะขับมอเตอร์ไซค์ไป บ้านกูก็มีรถยนต์ )
“...”
( ห้ามใส่เกลือลงไปในมาม่า ถ้าเค็มมึงตาย )
“ไอ้ฉิบหายรสหมูสับมันก็เค็มอยู่แล้วเปล่าวะ?”
( อีกสี่สิบนาทีถึง )
ไอ้ห่าราก ขอด่าหน่อยเถอะ ไอ้เหี้ย มึงมันบ้า โทรมาพูดเองเออเองแล้วก็วาง แบบนี้ใครจะตั้งหลักรับทันวะ แล้วไอ้อาการร้อน ๆ บนหน้านี่มันอะไรกัน ไข้ขึ้นเหรอ ต้องใช่แน่ ๆ วันนี้อากาศไม่ค่อยดี หรือเพราะพี่ซันมานัวเนี่ยวะ ต้องใช่แน่ ๆ เดี๋ยวลงไปจะให้อดข้าวเสียเลย
คนหัวร้อนไร้เหตุผลรีบวิ่งลงมาชั้นล่าง พอเห็นว่าทั้งหมาทั้งแมวกำลังมองมาแล้วก็รู้สึกเหมือนโดนจับผิดอย่างไรอย่างนั้น ราวกับพวกมันรู้ว่าเขาไปทำอะไรมาและเมื่อกี้คุยกับใคร
“มองอะไร?”
“...”
อาจเป็นเพราะฟาดทูน่าน้ำเกรวี่ของโปรดหมดแล้วตอนนี้อีมูนถึงหันมามองเหยียดเขาได้อย่างเต็มที่ พอเห็นว่าเขาตกอยู่ในสภาวะทำตัวไม่ถูกก็เลยจ้องจะเยาะเย้ยสินะ มันก็แค่ครั้งนี้เท่านั้นแหละเว้ย ใช่ว่าจะเป็นทุกวันเสียเมื่อไหร่ ก็แค่ไม่ชินที่ไอ้เวรนั่นจะมาหาถึงบ้านก็เท่านั้น
“มองอะไรนักหนา เดี๋ยวพรุ่งนี้จะอดข้าวนะมูน”
“โฮ่ง!!”
“อะไร ช่วยน้องเหรอ อ๋อใช่สิ แท็กทีมนี่ พอถึงตอนนี้คำว่าพ่อก็ไม่สำคัญแล้วใช่ไหม?”
คราวนี้หันไปพาลหมาบ้าง พี่ซันเดินมากระโดดตะกุยขาหน้าซึ่งคงเป็นเพราะพ่อมันทำตัวผีเข้าผีออกไม่หยุด
“แล้วมาม่าหมูสับอยู่ไหนล่ะ ห่าเอ๊ย จะแดกฟรีแล้วยังเลือกอีกนะ”
คนเราสามารถแสดงออกว่าหัวเสียทั้งที่กำลังอารมณ์ดีได้ด้วยหรือไง?
แม่งบ้าไปแล้ว
TBCมาม่าอาจจะหมูสับ แต่ถ้าอัพช้าอีกคนเขียนอาจจะโดนสับ