ตอนที่ 9 : ขอโทษ“หิวไหม เมื่อกี้พี่ก็ลืมถามนะโม” พี่โชหันมามองผมเมื่อเหลือเราเพียงสองคนบนรถ หลังจากส่งนะโมที่บ้านแล้ว
“นิดๆ ครับ เมื่อกี้ผมไม่กล้ากินเยอะกลัวโดนหาว่าตะกละ”
“คิดมาก ไม่อิ่มก็กิน”
“ไม่ได้สิครับ ผมได้ชื่อว่าเป็นแฟนพี่โชก็ต้องรักษาหน้าพี่โชบ้าง จะมากินตะกละตะกลามได้ยังไง”
“ไม่เห็นจำเป็น พี่ไม่เคยสนใจอยู่แล้วว่าใครจะคิดยังไง จะทำดีหรือไม่ดีก็เท่ากัน”
“พี่โชโกรธคุณปู่ที่เรียกผมกับพี่โชไปเหรอครับ” ผมตัดสินใจถาม พี่โชชะงักหันหน้ามามองผม
“ถามทำไม”
“ไม่มีอะไรครับ ผมถามเพราะจะได้บอกว่าผมไม่โกรธคุณปู่ ไม่ได้คิดอะไร พี่โชไม่ต้องห่วง”
“เพราะเราไม่ใช่แฟนพี่จริงๆ ใช่ไหมเลยไม่กระทบ” พี่โชยกยิ้มมุมปาก
“เปล่าครับ เพราะผมคิดว่าผมเข้าใจท่าน อันที่จริงผมว่าผมเข้าใจอานรีด้วย”
“เข้าใจ?” คิ้วเข้มของพี่โชขมวดเข้าหากัน
“ครับ ผมว่าผมเข้าใจในสิ่งที่อานรีทำ พี่โชอย่าโกรธเลยครับยกโทษให้อานรีเถอะ”
“อย่าพูดเหมือนเรารู้ทุกอย่างทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย!” น้ำเสียงพี่โชเย็นเฉียบ กรามนูนขึ้นเป็นสัน ผมใจหายวาบรับรู้ว่าตัวเองล้ำเส้นเกินไป
“ขอโทษครับ” ผมมองพี่โชด้วยสายตาของคนที่รู้ตัวว่าผิด แต่ดวงตาคู่นั้นไม่หันมามองผม พี่โชมองตรงไปข้างหน้าด้วยดวงตาแข็งกระด้าง
“พี่โช” ผมยื่นมือไปหาแต่ไม่กล้าแตะ
“อย่าคิดว่าเพราะพี่เล่าให้ฟังเราจะพูดอะไรก็ได้ อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่น”
“พี่โช ผมขอโทษ”
น้ำเสียงที่แฝงความเจ็บปวดของพี่โชทำให้ผมรู้สึกผิด ผมมองด้วยสายตาของคนภายนอกไม่ใช่ผู้ถูกกระทำ ผมไม่ควรไปตัดสินใจว่าใครควรรู้สึกอย่างไร
ภายในรถเงียบสนิท ผมนั่งมองพี่โชหวังว่าอีกฝ่ายจะหันมาพูดด้วย แต่พี่โชนิ่งราวกับไม่มีผมอยู่ในรถ ผมคิดซ้ำไปซ้ำมาว่าควรทำอย่างไรดีสุดท้ายจึงตัดสินใจพูดออกไป ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ใช่ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้มิตรภาพของเราจบลง
“ผมรู้ว่าพี่โชกำลังโมโห แล้วอาจจะโมโหยิ่งขึ้นที่ผมไม่ยอมหยุดพูด แต่ถ้าผมไม่พูดออกมาตอนนี้ว่าเพราะอะไรผมถึงคิดแบบนั้น พี่โชจะคิดว่าผมพูดไม่รู้จักคิดตลอดไป” ผมหยุดพูดเพื่อรอว่าพี่โชจะพูดอะไรไหม แต่ทุกอย่างยังตกอยู่ในความเงียบเหมือนเดิม ผมถอนใจเบาๆ ก่อนเริ่มพูดต่อ
“ผมขอโทษที่ล้ำเส้น ขอโทษที่บอกให้พี่โชอภัยให้อานรีง่ายๆ ทั้งทีไม่เคยรู้เลยว่าอานรีทำอะไรลงไปบ้าง แต่ผมเชื่อจริงๆ นะครับว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไปเสมอ ผมคิดเอาเองว่าคุณปู่ให้ความสำคัญกับอานรีน้อยมาก ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับลูกผู้ชายมากกว่า ทั้งอายุทธทั้งคุณพ่อของพี่โช แม้กระทั่งตัวพี่โชเอง คุณปู่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะดึงกลับไป ขนาดพี่โชแสดงออกชัดเจนว่าไม่สนใจคุณปู่ก็ยังพยายาม” ผมคิดไปถึงตอนที่คุณปู่ให้อานรีออกไปจากห้อง คิดถึงสายตาและท่าทางที่ทุกคนแสดงออกกับอานรี ทุกอย่างที่เห็นทำให้ผมคิดแบบนั้น
“คนบางคนก็แค่พยายามรักตัวเองเมื่อไม่มีใครแสดงออกว่ารัก พยายามทำให้ตัวเองสำคัญเพราะไม่มีใครให้ความสำคัญ พยายามไขว้คว้าทุกอย่างมาเป็นของตัวเองเพราะไม่มีใครยื่นให้ ผมว่าบางทีที่อานรีทำไปก็เพราะไม่มีใครมองเห็นอานรีเลย”
ผมพูดทั้งหมดที่คิดออกไปแล้ว บอกเหตุผลที่ผมนึกสงสารอานรีให้พี่โชรับรู้ และหวังว่าพี่โชจะเข้าใจเจตนาของผมว่าไม่ได้คิดที่จะล้ำเส้นเลย
“ต่อไปผมจะระวังให้มากกว่านี้ พี่โชพูดถูกผมไม่ควรก้าวก่ายทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่ควรเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก ผมขอโทษ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างสูง ผมลอบถอนใจเบาๆ รับรู้ความเหินห่างที่เกิดขึ้น เหมือนเดินย้อนกลับไปยังจุดเดิม ภูเขาลูกนี้กลายเป็นน้ำแข็งอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาเมื่อพี่โชจอดรถที่หน้าบ้าน ผมรอจนแน่ใจว่าพี่โชไม่พูดอะไรแน่จึงเปิดประตูลงจากรถ
“ขับรถดีๆ นะครับ ขอโทษอีกครั้งที่ทำให้พี่โชไม่สบายใจ” ผมส่งยิ้มให้แต่มันคงเจื่อนสิ้นดี ได้แต่มองตามไฟท้ายรถของพี่โชไป
จบแล้วสินะ ความรักครั้งแรกของผม
• • • • • • • •
“แม่” ผมเดินเข้าไปกอดเอวมารดาจากทางด้านหลัง
“เป็นอะไร ลีไปงานวันเกิดไม่ใช่เหรอลูก ทำไมเป็นหมาหงอยกลับมาล่ะ” แม่หมุนตัวมามองหน้าผม
“วันนี้ผมทำตัวแย่มาก ผมทำให้คนอื่นเสียใจ”
“ทะเลาะกันเหรอ คนอื่นที่ว่าใช่พี่โชของเราหรือเปล่า”
“ใช่ครับ” ผมพยักหน้า ถอนใจออกมาเบาๆ
“พ่อลงมาหน่อย” เสียงตะโกนของแม่ดังพอจะทำให้เกิดเสียงเดินตึงตังลงมาจากชั้นบน
“เกิดอะไรขึ้น”
“นี่ไง หนูมาลีของพ่อกลายเป็นหมาหงอยไปแล้ว”
“อะไร เห็นคึกคักออกไปกับเจ้านะโมทำไมกลับมาหงอยแบบนี้ล่ะ” พ่อเดินเข้ามาหา จับหัวผมโยกไปมา
“ผมพูดจาไม่คิดทำพี่โชเสียใจ”
“แย่แน่ โดนทิ้งตั้งแต่ยังไม่ทันจีบล่ะมั้ง”
“พ่อ! ใช่เวลาพูดเล่นไหม” แม่ใช้เสียงเอ็ดพ่อ ตีมือลงไปที่แขนเบาๆ
“ฮ่าๆ พ่อก็แค่อยากให้ยิ้ม มาๆ เล่าให้ฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผมเดินตามแรงดึงของพ่อไปที่ห้องรับแขก แม่เดินตามมาด้วยอีกคน ผมนั่งลงที่โซฟาเริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เพื่อนที่ดีที่สุดของผมฟัง
“เข้าใจแล้ว พี่เขาไม่ผิดหรอกที่โกรธ ต่อไปลีต้องคิดให้มากๆ ก่อนพูด อย่าเอาตัวเองไปตัดสินปัญหาของคนอื่น เราออกความคิดเห็นได้แต่คิดแทนไม่ได้ อย่าบอกใครว่าต้องคิดยังไง ต้องรู้สึกยังไง ถ้าเราไม่ได้เจอปัญหานั้นด้วยตัวเอง”
“ผมคิดได้แล้วครับพ่อ”
“ดีแล้วลูก” แม่ผมยื่นมือมาลูบหัวผม “รู้ไหมลี การที่เราบอกว่าเราคิดต่างจากเขา มันคือการผลักไสเขาไปยืนฝั่งตรงข้ามกับเรา การคิดดีอย่างเดียวไม่พอนะลูกเราต้องรู้จักคิดถึงใจคนฟังด้วย ความหวังดีบางครั้งก็ไม่ได้ดีเสมอไป ถ้าเราไม่รู้ว่าสิ่งไหนควรพูดสิ่งไหนไม่ควร”
“ครับ ผมได้บทเรียนแล้ว” ผมเอียงศีรษะลงซบไหล่ของแม่ ถอนใจออกมาเบาๆ “ไม่รู้พี่โชโกรธผมมากหรือเปล่า จะยอมคุยกับผมอีกไหม”
“ถ้ารู้ตัวว่าผิดลีก็ต้องเป็นคนเข้าหา จะโกรธจะไม่มองหน้ายังไงก็ต้องอดทน รู้ไหม”
“ครับแม่”
“แต่พ่อว่า...” พ่อของผมลากเสียงยาว ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ว่าอะไรเหรอคะ” แม่เงยหน้าขึ้นมองพ่อ ผมเองก็รอฟัง
“ว่าบางคนอาจรู้ว่าลูกหวังดีก็ได้นะ รถคันนั้นใช่คันที่มารับเราไหม”
ผมขยับตัวทันที หันไปมองนอกหน้าต่าง รถคุ้นตาแล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูบ้าน
“รถพี่โช!”
“ออกไปหาพี่เขา ปรับความเข้าใจกันซะลูก” แม่ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ครับผม” ผมยิ้มกว้าง ความห่อเหี่ยวเมื่อครู่หายไปสิ้น ผมหยุดยืนที่หน้าประตู สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติก่อนเปิดประตูบ้านออกไป
“พี่โช” ผมเปิดประรั้วเหล็กออกไปหา พี่โชกอดอกรออยู่ข้างรถ สีหน้ายังเรียบเฉย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
พี่โชไม่ตอบผม หมุนตัวเข้าหารถ เปิดประตูหยิบถุงบางอย่างออกมาส่งให้ผม
“หิวไม่ใช่เหรอ”
ผมมองถุงสีขาวนิ่งก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของ พี่โชเบือนสายตาหนีผม สีหน้าของพี่โชดูเก้อเขินแม้จะพยายามทำหน้าบึ้ง
“ขอบคุณครับ กำลังหิวอยู่พอดีเลย” ผมเอื้อมมือออกไปรับ ยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้
“อืม กลับล่ะ”
“เดี๋ยวสิครับ!” ผมดึงแขนเสื้อของพี่โชไว้ ร่างสูงหันกลับมามอง เราสบตากัน
“พี่โชหิวไหมครับ ทานด้วยกันก่อน”
“....”
“นะครับ ทานเป็นเพื่อนกัน” เขากระตุกแขนเสื้อเบาๆ พี่โชเงียบจนผมคิดว่าพี่โชคงไม่ยอมอยู่ แต่ในที่สุดก็ได้ยินเสียงกดรีโมทปิดประตูรถ
“ก็ได้”
“เข้ามาก่อนครับ” ผมไม่ยอมปล่อยมือของแขนเสื้อของพี่โช ดึงอีกฝ่ายให้เดินตามเข้ามาภายในรั้วบ้าน ใช้มือเดียวกับที่ถือถุงอาหารเปิดประตูหน้า
ห้องรับแขกว่างเปล่า ผมดึงพี่โชไปที่โซฟา “นั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมเอาไปใส่จาน”
“อืม”
พี่โชนั่งลง เป็นจังหวะเดียวกับเสียงกระป๋องหล่นกระทบพื้นดังขึ้น ผมหันไปมองที่มาของเสียงพร้อมๆ กับพี่โช ร่างตะคุ่มๆ สองร่างยืนอยู่ในความมืด หลังเคาน์เตอร์ที่กั้นระหว่างห้องรับแขกกับห้องครัว
“พ่อมาหยิบเบียร์” พ่อผมชูกระป๋องเบียร์ให้ดู
“แม่มาหยิบน้ำ”
ผมหรี่ตาลงให้รู้ว่าผมรู้ทันนะเมื่อแม่ผมดูร่าเริงผิดปกติ
“ไม่มีอะไร พ่อขี้เกียจเปิดไฟเลยมืด” แม่ของผมชี้มือขึ้นไปยังหลอดไฟบนเพดาน
“แม่เราเบียดพ่อ กระป๋องเบียร์เลยหล่น” สองคนช่วยกันแก้ตัว
“งั้นทำความสะอาดก่อน” แม่ผมหันไปยิ้มให้พ่อ
“ใช่” พ่อรีบพยักหน้าดูสามัคคีกันมาก ทำท่าจะหันหลังให้ผมทั้งคู่
“เดี๋ยวครับ” ผมเบรกเอาไว้ พ่อไม่เท่าไหร่แต่แม่ผมออกอาการสะดุ้งเหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้ ผมเดินเข้าไปหากอดเอวแม่แล้วดึงมือพ่อให้เดินออกมาพร้อมกัน
“พี่โชครับนี่พ่อกับแม่ผม”
“สวัสดีครับ” พี่โชรีบลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้พ่อกับแม่
“พ่อแม่นี่รุ่นพี่ผมที่มหา’ลัยชื่อพี่โช” ผมแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน
“สวัสดีจ้ะ เคยได้ยินแต่ชื่อได้เจอตัวกันสักทีนะ”
“ครับ” พี่โชยิ้มรับ
“ผมชวนพี่โชเข้ามากินข้าว” ผมยกถุงที่พี่โชซื้อมาฝากให้แม่ดู
“หิวกันเหรอ”
“ครับ ในงานผมไม่กล้ากินเยอะ” ผมยกมือขึ้นลูบท้อง
“งั้นรอเดี๋ยว เดี๋ยวแม่ทำอะไรให้กิน โชรอก่อนนะลูก”
“ไม่เป็นไรครับ” พี่โชรีบบอกเมื่อแม่ผมทำท่ากระตือรือร้นจะเดินเข้าครัว
“เชื่อพ่ออย่าไปห้ามผู้หญิงเรื่องนี้ เดี๋ยวจะโดนงอนเปล่าๆ สู้เรานั่งรอกินของอร่อยดีกว่า” พ่อเดินไปนั่งลงบนโซฟา กวักมือเรียกพี่โชให้นั่งตาม
“หนูมาลีไปหยิบเบียร์มาสองกระป๋อง เผื่อให้พี่เขาด้วย บอกแม่ขอกับแกล้มมาก่อนเลย”
“คร้าบ” ผมรับคำพ่อ เดินตรงไปหาแม่ที่ครัว ได้ยินเสียงคุยกันดังแว่วๆ
“โชดูบอลหรือเปล่า
“ดูครับ”
“มาถูกเวลาเลยอยู่ดูเป็นเพื่อนพ่อก่อน คนนั้นลูกแม่ดูบอลไม่เป็น”
“ผมชอบดูครับ”
“เห็นไหมมันต้องแบบนี้”
ผมอมยิ้มรู้ว่าพ่อตั้งใจทำตัวตามสบายกับพี่โช รู้ว่าตั้งใจชวนคุยเล่นเรื่องอื่นเหมือนไม่มีเรื่องผิดใจระหว่างผมกับพี่โชเกิดขึ้น เหมือนพวกท่านไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“สบายใจแล้วใช่ไหม” แม่หันมายิ้มให้ผม พูดเสียงเบา
“ครับ ผมไม่คิดเลยว่าพี่โชจะขับรถกลับมา..”
“ง้อ”
“ง้อที่ไหนครับแม่” ผมหัวเราะขำเสียงแซวของมารดา “กลับมาให้รู้ว่าไม่โกรธผมต่างหาก”
“เป็นผู้ชายที่ใช้ได้เลยอย่างน้อยก็ไม่ทิฐิ”
“ครับ”
“แม่อนุมัติ”
“หือ?”
“เซ็นรับเป็นลูกเขยเลย”
“แม่คร้าบ~เบาๆ” ผมรีบยกนิ้วชี้แตะปาก ตาโต
“หึๆ ชอบพี่เขามากใช่ไหมลูกถึงร้อนรนขนาดนี้ พอพี่เขามาถึงดีใจใหญ่ หนูมาลีของแม่โตเป็นหนุ่มแล้ว”
“ผมเป็นหนุ่มตั้งนานแล้วครับ เฮ้อ ไม่น่าเล่าให้พ่อกับแม่ฟังเล้ยยย” ผมแกล้งลากเสียงยาว ผมไม่มีความลับกับพ่อแม่ เราคุยกันได้ทุกเรื่อง แชร์กันได้ทุกความรู้สึกตั้งแต่ผมเด็กจนโต แม่กับพ่อคือเพื่อนที่ดีที่สุดของผม
“รู้ใช่ไหมลูกว่ารักพี่เขาไม่ใช่เรื่องง่าย”
“รู้ครับแม่”
“สู้ๆ นะ พ่อกับแม่เอาใจช่วย”
“ขอบคุณครับ ผมรักพ่อกับแม่ที่สุด” ผมหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ รับรู้ถึงความโชคดีของตัวเอง
“เจ้าลีเบียร์พ่อกับพี่โชอยู่ไหน” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังเข้ามา แม่ยิ้มให้ผมตบมือลงบนหลังมือเบาๆ
“ออกไปเถอะ เสร็จแล้วเดี๋ยวแม่เรียก”
“ครับ”
“ลี”
“ครับแม่”
“อย่าลืมขอโทษพี่เขาอีกครั้งนะลูก”
“ครับผม”
ผมยิ้มกว้าง หยิบเบียร์ออกจากตู้เย็น สายตามองตรงไปยังผู้ชายสองคนที่นั่งอยู่ เสียงคุยกันดังเบาๆ สีหน้าของพี่โชดูผ่อนคลาย รอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก
ผมคิดถึงคำพูดของพ่อกับแม่ บางคนอาจต้องการรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและความสบายใจจากเรามากกว่าคำแนะนำดีๆ การตบบ่ากันเบาๆ อาจมีค่ากว่าคำพูดสวยหรูมากมาย ผมจะจำวันนี้เอาไว้ สัญญากับตัวเองว่านับจากนี้จะไม่ผลักไสพี่โชไปไหนอีก
ขอโทษนะครับและขอบคุณที่กลับมา
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin