Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ CH.16 GO THROUGH TOGETHER(14|11|18) p.11  (อ่าน 111706 ครั้ง)

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.01
«ตอบ #30 เมื่อ09-08-2018 10:33:33 »

น้องธูปถ้าถอดแว่นแปลงโฉมท่าจะน่ารักนะ

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
«ตอบ #31 เมื่อ10-08-2018 15:01:59 »

คุณเวสต์ทำเอาต้องไปกูเกิลหากาแฟเกอิชาเลย

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
«ตอบ #32 เมื่อ10-08-2018 15:47:16 »

พี่เวสสสสสสส กลับมาแย้ววววว

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
«ตอบ #33 เมื่อ10-08-2018 17:43:44 »

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
«ตอบ #34 เมื่อ10-08-2018 19:51:17 »

ทฤษฎีเยอะเหลือเกินนะธูปจะได้จีบมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
«ตอบ #35 เมื่อ11-08-2018 08:50:01 »

ตัวบางแต่แก้มย้วยจนอยากจับยืดนี่พี่เค้าคิดว่าน้องน่ารักแน่เลย
มังกรมาเป็นโหมดเผชิญโลก และชีวิตจริงมาก
ใช้ชีวิตได้คุ้มเลยนะ พลิกผันตลอด แต่ดีที่ไม่ทำตัวแย่ไปด้วย

ธูปคะ จะจีบเค้า แล้วคิดเยอะแบบนี้จะรอดไหม
พี่เค้ามีแฟนแล้วมั้ง คิดแบบนี้ไปละกัน

มาร์คกวนประสาทมาก พี่นันต์ควรทุบสักที

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
«ตอบ #36 เมื่อ11-08-2018 12:46:42 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
«ตอบ #37 เมื่อ11-08-2018 16:40:23 »

เริ่มมองเห็นอะไรอะไรแล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ◡̈ sexy naughty nerdy ch.02 LOVES IS INNOCENT (8/9/18)
«ตอบ #38 เมื่อ11-08-2018 22:52:40 »

เป็นบทสนทนาและความคิดที่น่าสนใจ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #39 เมื่อ16-08-2018 08:39:10 »

chapter 03


LOVE THEN EVOL 


             
            ผมสงสัยว่าวิธีการจีบสาวอันแสนหวานของเด็กเนิร์ดอย่างเนติธรจะเริ่มต้นยังไงเหมือนกัน

            คืนก่อนหน้านั้นผมแทบนอนไม่หลับเมื่อนึกถึงเรื่องสนุกๆ ของไอ้ธูป สารพัดจะเดาว่ามันจะทำยังไงกับรักแรกของตัวเอง หวังว่าคงไม่ใช่เดินเข้าไปบอกเซ่อๆ ซ่าๆ ว่าชอบ เป็นแฟนกันเถอะ เพราะก็ตระเตรียมแผนการไว้ตั้งแต่ก่อนผมจะได้โอกาสกึ่งแกล้งกึ่งเชียร์เจ้าตัวด้วยซ้ำ แน่นอนว่าผมยังไม่รู้จักธูปดี แต่ถ้าให้คาดเดาจากบทสนทนาสั้นๆ หรือลักษณะท่าทางก็ประเมินได้ว่าเป็นพวกล้มไม่เป็น แต่ครั้งนี้พนันกับตัวเองได้เลยว่าคุณกานดาไม่สนใจมันแน่ๆ

            ครอบครัวของธูปดูแลมันอย่างดี ถ้าจะมีหนึ่งอย่างที่เกินการควบคุมคงเป็นเพื่อนสนิทที่สลัดไม่หลุด ถ้าให้เปรียบให้ชัดว่าธูปเป็นปลาทอง ไอ้มาร์คก็เป็นขี้ปลาทอง ติดสอยห้อยตามไปด้วยบ่อยๆ จนกว่าพี่นันต์จะเป็นคนจับมันแยกจากกัน และอีกหนึ่งความควบคุมที่พ่อแม่ หรือใครก็ไม่อาจปกป้องได้คือหัวใจ หัวใจที่ใสและซื่ออย่างคนไม่เคยเจอโลกมาก่อน ธูปอาจเป็นหนอนหนังสือ เป็นเด็กเนิร์ดที่ดีตามครรลอง นิยายประโลมโลกคงไม่ใช่บทเรียนที่สอนมันได้เท่าการเผชิญหน้ากับความจริง ถ้าให้นึกถึงตัวเองแล้วผมตอนนี้ก็คงไม่ต่างกับปีศาจที่หยิบยาพิษให้มันลองชิม ไม่ตายหรอก แต่อาจจะทรมานเมื่อได้ลิ้มรสชาติของชีวิตนิดๆ หน่อยๆ

             “ไอ้มาร์คก็น่ารักดีนะ พี่ไม่สนใจเหรอ”

             อีกคนที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความบันเทิงในช่วงที่ตัวเองเป็นอิสระแบบนี้ก็คือพี่นันต์กับมาร์ค คนหนึ่งวิ่งพันแข้งพันขา อีกคนไม่  สะบัดให้หลุด แต่ถ้าบังเอิญเหยียบจะไม่ออมแรง พี่นันต์ใจร้ายกว่าทุกคนที่ผมเคยเจอคือเย็นชา ไม่แสดงว่ารังเกียจหรือให้ความหวัง ทำเหมือนมาร์คเป็นธาตุอากาศ เป็นเกมที่ยากกว่าปั่นหัวธูปขึ้นมาอีกระดับ

             “กูไม่ใช่เกย์” พี่นันต์พูดเสียงเรียบ วันนี้ลูกค้าเยอะ ผมมาช่วยพี่นันต์หลังเคาน์เตอร์ คอยล้างถ้วยชามและเครื่องมือให้ เมื่อไม่มีความรักเป็นของตัวเองการได้เย้าแหย่คนอื่นก็เป็นเรื่องสนุกสนาน แต่เมื่อสบตาจริงจังกับคู่สนทนาก็ได้แต่ยักไหล่เบาๆ

             “โทษที ผมไม่รู้ว่าพี่ไม่ชอบ”

             “ไม่เชิงไม่ชอบ แบบหยาบคายเลยคือตอนประถมกูก็เคยแกล้งตุ๊ดในโรงเรียน แต่โตมาก็เข้าใจความต่างของคน แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น กูแค่แน่ใจว่าชอบผู้หญิง”

             “ผู้ชายมันต้องแน่ใจด้วยเหรอวะว่าชอบผู้หญิง” ผมหัวเราะ พี่นันต์ก็พูดประหลาด “เหมือนพี่ลองคบผู้ชายมาก่อนแล้ว”

             “ก็เคย”

            เอ้า แล้วบอกว่าไม่ใช่เกย์

             “ไม่เชิง เป็นกะเทย ก็ดี ไม่จุกจิก ให้เงินใช้อีกต่างหาก เป็นคนเก่ง แต่สุดท้ายก็ยังชอบผู้หญิงมากกว่า ไม่รู้ว่ะ บางคนก็ไปกันรอด แบบนี้ถึงเรียกว่ารสนิยมส่วนตัวมั้ง”

             “ผมเก็ต” ก็ได้วะ “ผ่ายัง?”

             “มึงนี่หยาบคาย เรื่องส่วนตัว ไอ้สัด”

             “เอ้า ก็พูดกันตรงๆ” ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นล้วนๆ มนุษย์เป็นสัตว์ประเสือก ชอบนักเรื่องชาวบ้าน "ตุ๊ดกับกะเทยต่างกันยังไงพี่”

             “เมื่อก่อนก็เรียกกะเทยกันหมด จน Tootsie เข้าไทย เป็นหนังฮอลลีวูด ก็เลยใช้แยกตุ๊ดออกมา” ไอ้เชี่ยพี่นันต์ตอบแบบที่ผมคิดว่ากำลังถามรากศัพท์จากอาจารย์ที่ปรึกษา “แฟนเก่าเล่าให้ฟัง จริงๆ กะเทยมีความเป็นอยากเป็นผู้หญิงมากกว่า มึงรู้จักตุ๊ดหัวโปกไหมล่ะ”

             “แล้วอย่างมาร์คนี่เรียกตุ๊ดปะพี่”

             “เกย์มั้ง หรือไบเซ็กชวล กูไม่รู้ มันจ้องคุณกานดาตาเขม็ง บางทีก็งงว่าสรุปมันชอบธูปหรือคุณกานดา”

             “ตลกละ”

             ผมก็เห็นมันเทียวไล้เทียวขื่อแต่พี่นันต์ เจ้าตัวทำหน้าเหมือนทองไม่รู้ร้อน อยากถามว่าเป็นพี่น้องกับเดอะทอย หน้าเดียวหรือเปล่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือทำไมพี่นันต์คิดว่าไอ้มาร์คมันชอบธูป

           “มันสลัดเพื่อนออกทุกทีที่เจอพี่”

            “มาร์คก็คือมาร์ค มึงจะไปเอาอะไรกับมัน มันพร้อมจะสลัดทุกคนออกถ้าเจออะไรที่สนุกกว่านั่นแหละ เอ้า ล้างแก้วเสร็จยัง ตักน้ำแข็งให้หน่อย” พี่นันต์หันมาสั่ง ที่ร้านเปิดเพลงคลอเบาๆ เสียงเครื่องปั่นทำงานในกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมครางหึ่ง เมื่อเปิดออกเสียงใบมีดตัดน้ำแข็งดังลั่นจนกลบเพลง ไม่นานบาริสต้าก็ปิดเครื่อง เทเครื่องดื่มใส่แก้ว  ล้างเครื่องปั่นด้วยน้ำเปล่าแล้วเทน้ำแข็งที่ผมตักให้ลงไปในเครื่องปั่นตัวเดิม ระหว่างนั้นก็จัดท็อปปิ้งเมนูเฟรปเป้ของลูกค้ารวดเร็ว สวยงาม แล้วหันมาชงชาเขียวเติมในใส่เครื่องปั่นลูกรักไม่ยอมให้พักร้อน

             “ไวท์ช็อคเฟรปเป้ได้แล้วนะครับ!”

            ผมเดินออกจากเคาน์เตอร์เมื่อลูกค้าบางคนลุกไป จัดเก็บแก้วกาแฟใส่ถาดแล้ววนกลับมา ร้านนี้ดีอย่างตรงที่ไม่ต้องยกเสิร์ฟ เป็นร้านกาแฟขนาดเล็กที่ลูกค้าบริการตัวเอง แต่โชคร้ายตรงที่ผมต้องคอยเก็บแก้วให้ทันก่อนลูกค้าใหม่เข้ามา

             “วันนี้ลูกค้าเยอะสัด”

             ผมได้ยินพี่นันต์บ่น เทชาเขียวร้อนใส่เครื่องปั่น น้ำแข็งละลายแต่ยังเป็นสีเข้มข้น เขาสวมเสื้อมัดย้อมสีฟ้า คอกว้าง ตัดกับสีน้ำตาลของผ้ากันเปื้อนยูนิฟอร์มร้าน ข้อดีของผ้ามัดย้อมคือเบาสบาย แต่ข้อเสียคือร่วงจากหัวไหล่ง่าย ทุกครั้งที่เขาดึงแขนเสื้อขึ้นอวดรอยสักและกล้ามที่เกิดจากการทำงานก็ร่วงกลับที่เดิม

            “เออ วันนี้ฝากปิดร้านหน่อยดิ ขอออกก่อนครึ่งชั่วโมง ตอนแรกว่าจะไม่อาบน้ำแต่สงสัยต้องกลับหอไปอาบน้ำก่อนไปอีกร้าน”

             “ทำไมไม่อาบที่นี่เลยล่ะครับ”

             “ไม่ได้ทิ้งเสื้อผ้าไว้”

             “เอาเสื้อผมไปใส่ก่อนได้นะ ถ้าไม่รังเกียจ” พี่นันต์ยักไหล่ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ “พี่รับงานเยอะเหมือนกันเนอะ” 
 
            ทั้งบาริสต้า นักร้องร้านเหล้า บางครั้งก็มีอีเวนท์งานแต่ง
 
            “ความจนมันน่ากลัว”
 
           คนพูดนี่มีของแบรนด์เนมพอกรุบกริบ ผมเหลือบตามองโดยไม่ย้อนแต่เจ้าตัวก็แก้ตัวอัตโนมัติ
 
           “ลูกค้าซื้อให้ทั้งนั้น”
 
           “โห มีแฟนคลับ”
 
           “เคยทำวงกับเพื่อน ส่งไปแคสที่ค่ายเพลงอยู่นะ” เขาว่า ไม่มีถ่อมตัว “แต่เงื่อนไขมันแปลกๆ เลยไม่เอาดีกว่า”
 
           “เช่น...”
 
           “ในสัญญาไม่มีอะไรหรอก แต่ตอนคุยกับผู้จัดการวงเขาเหมือนหว่านล้อมให้ไปขายด้วย” พี่นันต์ยักคิ้ว มือยังคงทำงานเป็นระวิง ส่วนผมเหวอแดกไปแล้ว
 
            “ขายอะไรวะ”
 
            “เดาดิ” ไอ้พี่นันต์หันมาขยำก้นผมแล้วหัวเราะในลำคอ”
 
            “พูดเป็นเล่น”
 
             “ช่วยไม่ได้ เสือกหน้าตาดี พอถามพวกเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการก่อนแล้วเขาเล่าว่าธรรมดา ถ้าพื้นฐานไม่ได้มีมากก็ต้องหาสปอนเซอร์คอยดัน”
 
           ผมหัวเราะ พี่นันต์แม่งสุดจริง
 
           “พี่เลยไม่เป็นแม่งก็ได้ นักร้อง ยอมทำงานหนักดีกว่า เท่สัด”
 
           “เมื่อก่อนก็ขายนะ ขายเองเลือกลูกค้าเองได้ไง หาแต่ผู้หญิง โชคดีฉิบหายที่ไม่ติดเอดส์ก่อนเลิก คือ มึงต้องเข้าใจก่อนว่าแต่ละคนมีโอกาสไม่เท่ากัน บางคนข้าวมื้อนึงสามร้อย บางคนสามสิบบาทตอนสิ้นเดือนก็แพงแล้ว อย่างกูเนี่ย โตมากับมาม่าของลุง พอเขาตายแฟลตที่เคยอยู่ญาติเขาก็เข้ายึด กูไม่ใช่เลือดเนื้อก็เลยต้องย้ายมาหาทางรอดที่กรุงเทพฯ กับเพื่อน มันมันทำบาร์มาก่อน บาร์โฮสต์นะ ไม่ใช่บาร์เกย์” เขาว่าติดตลกในเรื่องที่ไม่ตลก ยกหลังมือปาดเหงื่อก่อนเงียบเสียงไปเมื่อหนึ่งในลูกค้าประจำเข้ามา เขย่งจากเคาน์เตอร์มองเมนูแนะนำประจำวันที่เขียนไว้ด้านหลัง
 
            “สมูธตี้สตอเบอรี่บานาน่านี่สตอเบอรี่สดหรือเปล่าคะ”
 
           พี่นันต์ชะงักครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “มีใส่ไซรัปสตอเบอรี่เพิ่มครับ แต่มีสตอเบอรี่สดด้วย”
 
           “งั้นกานขอแบบหวานน้อยที่นึงค่ะ”
 
           หญิงสาวยิ้ม เล่นเอาพี่ชายผู้คล่องแคล่วเงอะงะไปครู่หนึ่ง พอเจอใกล้ๆ ก็เข้าใจว่าทำไมไอ้แว่นถึงชอบคุณกานดา ต่อให้บอกว่าอายุสามสิบก็เถอะ สามสิบยังแจ๋วแม่งเป็นแบบนี้นี่เอง
 
            “กานได้โต๊ะหรือยัง วันนี้ลูกค้าเยอะหน่อย โต๊ะประจำโดนฉกไปแล้ว”
 
            “กานเห็นข้างในยังมีว่างอยู่ แอบเอากระเป๋าไปจองแล้วค่ะ” หมายถึงโต๊ะที่ไอ้แว่นนั่งเมื่อวาน พอกวาดตาไปรอบๆ แม่งโต๊ะเต็มทุกที่จริงๆ “วันนี้มาเลทหน่อยตื่นสาย”
 
            “เมื่อคืนนอนไม่หลับล่ะสิ”
 
            “ปั่นงานด้วยแหละ”
 
           พี่นันต์ยิ้มละมุนแบบที่ไม่ค่อยมีโอกาสเห็น เอาจริงๆ ผมชอบมองรอยยิ้ม ไม่ว่าใบหน้าใครก็ตามเมื่อเปื้อนรอยยิ้มมักสวยงามเสมอ
 
           “ผมเตือนแล้วว่าไม่ต้องเพิ่มช็อต” พี่นันต์เสียงสองจนผมเผลอทำเสียงหัวเราะในโพรงจมูก เสียงนุ่มทุ้มต่ำ พูดสุภาพกว่ากับเพื่อนๆ คนไหน สุภาพกว่าลูกค้าคนไหนๆ ด้วยซ้ำ แน่ล่ะ ผมรู้ มาร์คก็รู้ คงมีคนเดียวที่ไม่รู้ว่าพี่นันต์กับคุณกานดารู้สึกต่อกันแบบไหนคือไอ้เด็กที่ผมแสร้งบอกให้เดินหน้าจีบให้มันจบๆ ไป จะได้ไม่คาราคาซังคนเดียว
 
           นั่นล่ะ ที่เรียกว่าความรักทำให้ตาบอด
 
            เรามักเข้าข้างตัวเองเสมอแม้ในวันที่ไม่มีอะไรให้เข้าข้าง

           “ที่จริงกานไม่เห็นต้องทำงานหนักเลย ที่บ้านก็สบายอยู่แล้ว”

           “กานชอบทำงานนี่คะ” ฟังแล้วอยากซื้อต่อความขยันมาใช้กับธีสิสของตัวเองบ้าง ทั้งสองผูกบทสนทนาไว้ด้วยกันครู่หนึ่งก่อนคุณกานดาจะแวะวนมากล่าวถึงผมที่แอบฟังอยู่ใกล้ๆ บ้าง “วันนี้ลูกค้าเยอะจนต้องยืมลูกมือมาจากโซนสินค้าเลยสิ แล้วน้องธูปไปไหนคะ”

             “ยังไม่เห็นเหมือนกันครับ แต่ข้อความไปให้มาช่วยแล้ว กานไปนั่งรอก่อนเลยนะ เดี๋ยวผมให้มังกรไปเสิร์ฟให้”

            เดี๋ยวไอ้พี่นันต์ ที่นี่บริการตัวเองไม่ใช่เหรอวะ

            “ไม่เป็นไรเดี๋ยวกานมาเอาเอง”

            โชคดีที่คุณกานดาไม่ใช่ผู้หญิงประเภทลูกค้าที่งี่เง่า ส่วนพี่นันต์ก็ไม่ใช่บาริสต้าแสนดี เขาไม่เซ้าซี้ ยิ้มเคารพการตัดสินใจของหญิงสาวจนเธอเลี่ยงหลบตา ผมเห็นละอองสีชมพูลอยฟุ้ง แน่นอนว่าพี่นันต์โคตรจะแมนอย่างที่เจ้าตัวบอก และเดาได้ไม่ผิดแน่ว่าต่างฝ่ายต่างรู้สึกตรงกัน

             “น่ารักดีนะครับ” ผมพูดลอยๆ บาริสต้าหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก็มีท่าทีท้อใจแฝงออกมา

             “ทั้งๆ ที่บ้านรวยนะ แต่ก็ทำงานหนักเหมือนคนลำบาก”

              “ที่จริงผมว่าถ้าพี่ค้างที่นี่อาจารย์คงไม่ว่า จะได้ไม่ต้องทำงานหนักแข่งคุณกานดา”

              “มันไม่ใช่แค่เรื่องใครทำงานเยอะกว่าใคร มีรายได้มากกว่าใคร ผู้ชายมักจะมีอีโก้บางอย่างเป็นของตัวเอง จะบอกว่ากูมองดอกฟ้าก็ได้ ถึงเขาไม่ได้ชอบกูแต่ก็อยากทำตัวให้เข้มแข็งสมเป็นหมาวัดที่เอาตัวรอดด้วยตัวเองได้” พี่นันต์ว่า เสริมด้วยวลี “ด้วยวิธีถูกกฎหมาย”

              “พูดแบบนี้ผมแม่งเหมือนเหลือบไรไปเลยที่เกาะบ้านอาจารย์เป็นที่พัก” พูดพลางหัวเราะ แต่พี่นันต์แย้ง

              “มึงทำงานช่วยอาจารย์หลายอย่าง แทบตลอดเวลาเลยมั้ง งานสอนของอาจารย์ก็ทำด้วย อยู่นี่ก็ถูกแล้ว”

               “แค่ตรวจการบ้านกับพวกข้อสอบเก็บคะแนนเอง”

               “นั่นล่ะๆ อย่าคิดมากเอาไปเทียบกับกู ยังไงเสียกูก็อายุมากกว่ามึงหลายปี มากินอยู่เอาที่นี่จะมีหน้าไปจีบสาวที่ไหน”

               พี่นันต์กลับไปทำงานด้วยความกระฉับกระเฉงอีกครั้ง ส่วนผมยังคงเรื่อยเปื่อยกับงานง่ายๆ ที่ไม่ต้องขยับร่างกายมาก หางตาวูบไปเห็นการเคลื่อนไหวหลังประตูกระจกใส สักพักคนที่คุณกานดาพูดถึงเมื่อครู่ก็เข้ามา วันนี้ธูปไม่ใส่แว่น ตากลมหน้าใสจนต้องมองให้แน่ใจว่าไม่ผิดคน

             “กว่าจะโผล่หัวมา ไอ้ธูป” พี่นันต์บ่นมันก่อนทักเรื่องอื่น ธูปย่นจมูกเหมือนที่ชอบทำตอนแว่นร่วงจากหน้า คงติดเป็นลักษณะจำเพาะไปแล้ว “ละนั่นไปทำอะไรมา ทำไมไม่ใส่แว่น”

             “ทำไม แค่อยากลองใส่คอนแท็กเลนส์ ดูไม่ดีเหรอ ผมว่าดีออก” ธูปถาม แต่ไม่รอคำตอบ คิดเองเออเองก่อนหันมายักคิ้วให้ผมหนึ่งข้าง เชิงข่มว่าเห็นไหมล่ะคนจะหล่อจริงเขาไม่พูดเยอะ เจ็บคอ

             “ก็เหมือนเดิม”

             พี่นันต์ตัดความมั่นใจฉับ ไม่สนใจท่าทางเหวอแดกของมัน แต่ผมว่าดูดีขึ้นนะบุคลิกดีขึ้นมากแต่ไม่รู้พูดไปแล้วจะยิ่งเหลิงหรือเปล่า

             “ได้ไง...ผมใส่บิ๊กอายเลยนะ พี่รู้ไหมมันใส่โคตรรรร! ยาก!”

             บรรยายถึงความลำบากในชีวิตที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่างเผื่อว่าพี่ชายนอกสายเลือดจะเห็นใจบ้าง แต่เปล่า พี่นันต์ชี้นิ้วที่เครื่องดื่มของคุณกานดาแล้วพูดเสี้ยงห้วน “แรด มาช้าแล้วยังพูดมาก วางกระเป๋าแล้วยกไปให้พี่กาน น่ารำคาญจริงๆ มึงน่ะ”

             “พี่นันต์แม่งใจแห้งแล้งมาก” ไม่รู้ว่าเป็นคำด่าประเภทไหน เพราะไม่ว่าธูปจะบ่นอะไรพี่นันต์ก็ยังคงไม่ใส่ใจ เขาสะบัดมือไล่ อ่านออร์เดอร์ที่ลัดคิวไปทำให้คุณกานดาก่อนพูดลอยๆ ถึงลูกชายเจ้าของร้าน

             “พ่อมึงเจอหัวใจวายตายห่า เล่นอะไรไม่รู้เรื่องไอ้ธูป”

              ผมเลิกคิ้ว เขาหันมาชี้ถังน้ำแข็งพอดี หมายถึงให้เตรียมตักใส่แก้วรอ

              “มึงรู้ปะอาจารย์พิภพหวงมันฉิบ เขาว่าตอนเด็กๆ น่ารักน่าชัง พาไปมหา’ลัยโดนหยิกจนแก้มย้วยจนต้องให้มันอยู่แต่ที่บ้าน หรือถ้าจำเป็นต้องพาไปด้วยจะให้มันไปอยู่ในห้องสมุดจะได้ไม่เจออาจารย์ป้าๆ ผลัดกันอุ้ม กลัวเฉามือตาย”

               ผมหัวเราะ พี่นันต์เทียบธูปได้กับลูกหมาแรกเกิด จริงที่ว่าอาจารย์ไม่ค่อยเล่าเรื่องธูปให้ฟังนัก ไม่เคยเอาการบ้านลูกชายมาให้ช่วยตรวจหรือช่วยทำเหมือนอาจารย์คนอื่น ไม่เคยให้ผมไปรับธูปจากคณะหรือโรงเรียนสาธิตที่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ก็นึกไม่ออกว่าทั้งหมดทำเพราะไม่อยากให้คนในภาคเย้าลูกชายตัวเองคล้ายของเล่น อาจารย์พิภพเป็นคนใจดี มีเหตุผล ยิ่งพานให้นึกไม่ออกว่าเมื่อเห็นลูกชายน่ารักถูกใจใครต่อใครแล้วจะมีปฏิกิริยายังไง ผมเคยได้ยินว่ายิ่งคนใจเย็น เย็นแค่ไหน ถึงคราวร้อนจะพลิกกลับมาร้อนเป็นฟืนเป็นไฟได้เท่าตัว

             “ไม่รู้ว่าหวงมาแต่อ้อนแต่ออกหรือหวงตั้งแต่คบเพื่อนอย่างไอ้มาร์ค”
 
             ผมหัวเราะแทนคำตอบ ไม่วายวกกลับไปกัดคนที่ยังไม่โผล่หัวมาอยู่ดี

            “มึงก็เห็นมันเป็นยังไง” พี่นันต์ถอนหายใจยาว พยักเพยิดไปทางคนเพิ่งหัดแต่งตัว “เดี๋ยวได้แรดจนน่าเตะเหมือนกัน”

            หลังจากคลื่นลูกค้าระลอกใหญ่ผ่านไป งานที่ล้นมือบาริสต้าก็ซาลง ผมกลับไปนั่งในฝั่งร้านในความรับผิดชอบของตัวเอง มองคุณกานดากับเด็กแก่แดดหัวเราะคิกคัก จริงๆ แล้วถ้ามีคนบอกว่าคุณกานดาอายุสักยี่สิบห้าผมก็เชื่อ อาจเพราะรอยยิ้มที่ยิ้มทีเหมือนโลกทั้งใบสดใส ส่วนธูปก็ได้เปรียบตรงแว่นที่ทำให้มันดูแก่ลงโข ยกเว้นตอนนี้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ตาดำโตใสแบ๊ว แต่ยังไงๆ ก็ไม่เหมาะเป็นคู่รักอยู่ดี

            ผมเข้าใจว่าธูปเป็นคนเฉิ่มเพราะสภาพแวดล้อมชวนเฉิ่ม แต่จากที่พี่นันต์ว่ามันไม่แต่งตัวเพราะพ่อหวงกลับคิดได้ว่าจริงๆ แล้วถ้ามันดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้มีหวังสาวติดตรึม วาดภาพถึงสองหนุ่มคู่ซี้ คนหนึ่งลูกครึ่งหน้าติดไปโซนยุโรป ส่วนอีกคนทรงญี่ปุ่น คิขุ อาโนเนะ คล้ายเด็กมัธยมวัยหวาน ตัวติดกันไปไหนมาไหนคงดังกระหึ่มโซเชียล ยิ่งยุคที่หนุ่มหน้าตาดีจะถูกยกเป็นเซเลปตัวแทนมหา’ลัยง่ายๆ แล้วก็นึกดีใจแทนอาจารย์พิภพที่ลูกชายเนิร์ดเข้าขั้นกี๊ก ซึ่งในความเท่ของมนุษย์กี๊กก็มีเส้นกั้นบางๆ ที่ทำให้ใครไม่อยากสุงสิงด้วยมากเท่าไหร่

            ในโลกโซเชียล ธูปก็คล้ายเป็นบุคคลสาปสูญ มันใช้แอคเคาท์ที่เป็นชื่อประหลาดๆ สำหรับจัดแต่งหน้าเพจร้านแทนพ่อ ทำเว็บไซต์ง่ายๆ ไม่รู้ว่าจัดเป็นสไตล์มินิมอลหรือขี้เกียจ โปรโมตร้านที่ไม่ค่อยมีคนแชร์นักเพราะไม่สนใจเรื่องมาร์เก็ตติ้ง ส่วนอย่างอื่นไม่มีความจำเป็นเลย ไม่มีภาพถ่าย ไม่มีเพื่อน ผมแอดไปมันยังไม่รับด้วยซ้ำ แสร้งทำพูดซื่อว่าเล่นไม่เป็น เล่นไม่เป็นเตี่ยมึงสิถึงขั้นทำเว็บไซต์ของร้านได้ตั้งแต่ม.ต้น แต่ผมไม่ถือสา เพราะสำหรับผมเฟซบุ๊กก็นับเป็นการใช้เวลาให้หมดประโยชน์อันดับต้นๆเหมือนกัน ผมใช้มันต่อเมื่อไม่มีอะไรทำจริงๆ ซึ่งไม่เคยมีช่วงเวลานั้นสำหรับนักศึกษาปริญญาโท สัปดาห์ที่แล้วเพิ่งเข้าไปค้นหนังสือในห้องสมุด พุธหน้านัดกลุ่มตัวอย่างสำหรับคุยเรื่องงานวิจัย ไม่นับรวมวันศุกร์ที่มีทีมเด็กๆ มาทัศนศึกษา ผมขอแรงไอ้ธูปมาช่วยเพราะวันนั้นนักเรียนมาเที่ยวเล่นที่ร้านสองชุด แบ่งเป็นครึ่งวันเช้ากับบ่าย เป็นโรงเรียนลูกคนรวย นักเรียนไม่เยอะ แต่คุณภาพชีวิตดี ดีแบบที่พี่นันต์เปรียบเทียบเมื่อกี๊ทำให้ผมนึกถึงระดับความแตกต่างของชนชั้นชัดเจนขึ้นถนัก

             ค่าเทอมหนึ่งเทอมแพงกว่าผมกินใช้ตลอดทั้งปีด้วยซ้ำ



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
« ตอบ #39 เมื่อ: 16-08-2018 08:39:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #40 เมื่อ16-08-2018 08:39:47 »

             “พี่มังกร”

             เสียงทุ้มต่ำเรียกเบาแทบเป็นกระซิบ ผมใส่หูฟังแต่ไม่ได้เปิดเพลงได้ยินแว่วๆ เมื่อถอดออกมองหน้าเด็กที่ลากเก้าอี้มานั่งใหม่ เลิกคิ้วแทนคำถามว่ามีอะไรมันก็ตอบคำถามผมด้วยคำถามเหมือนกัน “ทำไรอะ”

             “ตรวจงานพ่อมึง”

             ธูปขยับเก้าอี้ใกล้ผมมากขึ้น อันที่จริงเมื่อไม่กี่วันก่อนมันเพิ่งสร้างมุมใหม่ของตัวเองในอาณาเขตของผม เริ่มจากเบาะรองนั่งทรงสี่เหลี่ยม โต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กๆ หมอนรูปเมล็ดถั่วขนาดใหญ่ที่บรรจุข้างในด้วยเม็ดโฟม เปลี่ยนรูปร่างไปตามน้ำหนักของคนนั่ง ปูพรมยิปซีแทนเสื่อเหนือขึ้นจากพื้นปาเก้  ผมมักแย่งที่นั่งมันบ่อย ยกเว้นบางวันที่ลูกค้าน้อยจะลุกมานั่งที่โต๊ะกาแฟเป็นกิจจะลักษณะ หรือถ้าต้องการความเอ็กคลูซีฟเหนือระดับจะทิ้งร้านให้พี่นันต์ดูแล หนีไปทำงานชั้นสองที่เป็นห้องทำงานอันเงียบเหงาและสันโดษแทน

             “คุณกานดาล่ะ” ผมถาม ไม่เห็นคนที่ถามถึงแล้ว ธูปขยำเส้นผมที่ติดกันเป็นก้อน  ยังไม่เป็นทรงตามประสามือใหม่แต่ให้คะแนนความพยายามเต็มสิบ แยกปลายนิ้วที่เหนียวเจลออก ทำหน้ามู่ทู่

             “กลับไปละ”

             “อ่าฮะ เป็นไงบ้าง เดี๋ยวนี้ดูคุยกันลื่นปร๋อ”

              “ไม่รู้สิ แต่แบบว่าไม่ชอบแต่งตัวแบบนี้เท่าไหร่ ก็ใส่ได้นะแต่ว่าไม่เห็นพี่กานจะทักว่าดี”

              “เหรอ แต่กูว่าดีขึ้นนะ เปลี่ยนกางเกงอีกหน่อย ไม่มีใครใส่ขาบานขนาดนี้แล้ว”

             “แม่บอกใส่เดฟแล้วเหมือนเป็นโปลิโอ”

             ผมหัวเราะ ถ้าเทียบกับรูปร่างท่าจะจริง “งั้นทรงกระบอกก็ได้ อันนี้มันกางเกงรุ่นพ่อ เป้ายานถึงตาตุ่มละมั้ง”

             “ก็เวอร์”

              มันบ่น กลิ้งตัวลงจากเก้าอี้ไปบนหมอนโฟมแบบไม่กลัวเจ็บ แปะร่างคว่ำคร่อมเหมือนตุ๊กแกเกาะฝนังฝา ตะแคงหน้ามองผม บูดบึ้ง ไม่สบอารมณ์

             “รู้สึกเหมือนจะอกหักเลยอะ”

             “อะไร ที่คุณกานไม่ทักเรื่องลุคใหม่อะนะ”

              “มันแบบ...ไม่สนใจเลยไงว่าผมมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง คือมันไม่ใช่นิดๆ อะพี่”

             “เออ” ผมเข้าใจ ยิ่งธูปคาดหวังกับความสำเร็จมากเท่าไร ปฎิกิริยาของผู้ที่มันจงใจให้รับสารยิ่งสำคัญ “คุณกานคงกลัวมึงประหม่าก็ได้ พี่นันต์ยังบอกเลยว่ามึงดูดี”

            “โห พี่นันต์อะนะ” ธูปทำเสียงเหมือนบาริสต้าคนสนิทจะเป็นคนสุดท้ายที่ชม แต่ถ้านับจากความหงุดหงิดของพี่นันต์แล้วผมคิดว่าเขาเห็นด้วยและกังวลว่าจะมีสาวมาติดไอ้ธูปจนต้องแสร้งแสดงไม่สนใจไม่ให้ธูปเหลิงมากกว่า

              “ผมโคตรไม่มั่นใจเลยยยยย”

              คนบ่นทำตาเศร้า ผมไม่ปลอบซ้ำ ใช้นิ้วเท้าหนีบเสื้อให้มันเลื้อยมานั่งใกล้ๆ แล้ววางมือบนหัว หัวเหนียวเหนอะหนะไปด้วยเจลที่ใส่เยอะเกินไปอย่างที่เจ้าตัวแสดงทีท่าแบบทีแรก เชี่ย โคตรอยากล้างมือขึ้นมาตงิดๆ

             “เจลใส่ผมนี่ก็ทำผมเหนียวจนน่ารำคาญ”

             ไม่รู้จะหัวเราะหรือสงสาร แต่มันเป็นขั้นตอนของการเปลี่ยนผ่านจากเด็กสู่วัยรุ่น ตอนผมนี่ทรงหัวไก่ฮอตฮิตติดชาร์จนะครับ

             “เอาน่า ที่จริงก็ดูคุยกันดีนี่นา”

             “ถามคำตอบคำมากกว่า พี่กานมองแต่พี่นันต์”

             นั่นยิ่งย้ำให้ผมเห็นความรู้สึกของคนทั้งสองคนชัดเจนขึ้น สำหรับพี่นันต์อาจเพราะชนชั้นที่ยังเป็นช่องโหว่ลึกกว้าง ส่วนคุณกานดาอาจเพราะอยู่ใต้บทบัญญัติของสตรีที่ดีงามทางสังคมทำให้ไม่กล้าพูดเผยความรู้สึกก่อน ไอ้เปี๊ยกนี่กับเพื่อนมันก็แค่คนไม่ดูตาม้าตาเรือ ผิดที่ผิดทาง ตลก สะเหร่อทั้งคู่

            “อย่าเพิ่งกังวล ผลยังไม่ออก”

            ผมยังคงยุให้ธูปเดินหน้า

            ความชั่วช้าของผมอาจเป็นหาเรื่องสนุกกับความผิดหวังของคนอื่นเหมือนที่เคยประสบโดยไม่ลงมือเอง เหมือนเล่นหมากรุกที่มีชีวิต เดิมพันผลแพ้ชนะด้วยความรู้สึก ความรู้สึกเดียวกับที่เกิดกับผมครั้งแล้วครั้งเล่าจนชินชา

             การมีอยู่และสูญเสียไป จนสงสัยว่าที่จริงแล้วมันเคยมีอยู่จริงหรือไม่

             ธูปทำจมูกย่น ส่งเสียงฮือๆ แกล้งร้องไห้เหมือนเด็ก ซุกหน้าลงบนเบาะนั่ง ใช้มือขยี้ผมเหนียวๆ จนจับเป็นก้อนทรงประหลาด

             “ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะอกหักจริงๆ นะ แพ้แน่เลย”

             “ถ้าไม่ไหวก็มาช่วยกูตรวจงาน ของเด็กปีหนึ่ง เอาไหม จะได้ไม่มีเวลาไปฟุ้งซ่าน”

             “โอ้ย อกหักแล้วต้องทำงานอีกเหรอ” ธูปพลิกหน้าขึ้นเล็กน้อย ผมเห็นเสี้ยวหน้ากับตากลมๆ ของมัน มองยังไงก็เหมือนเด็ก มีลักษณะของนีโอเทนีคือตาโตคล้ายทารก มันใช้ทฤษฎีที่คิดว่าการใส่คอนแท็กเลนส์ให้ม่านตาดูขยายและสามารถสื่อให้คนมองตกหลุมรักได้ง่ายขึ้นมาใช้กับคุณกานดาแน่ “ผมเศร้าแป๊บนึงได้ไหม ลางสังหรณ์ไม่ดีเลย”

             “เรื่องจีบสาวน่ะเหรอ”

             “เออสิ” ธูปถอนหายใจ ผมหัวเราะหึในลำคอ สลัดความสนใจจากเด็กงอแงมายังงานตรงหน้า ธูปทนความนิ่งเฉยได้ไม่นาน มันขยับนั่ง เอาคางมาเกยบนหัวเข่าผม

             “ทำอะ... ร้องไห้ทำไมวะเนี่ย! มึงเพิ่งจีบคุณกานดาวันแรกเองนะไอ้ธูป”

             คู่สนทนาส่ายหัวไม่ตอบ ตาแดงก่ำ จมูกเช่นกัน ธูปสูดน้ำมูกฟืดฟาดก่อนดึงชายเสื้อผมขึ้นเช็ดน้ำตา   

             “เฮ้ยๆ ทิชชู่อยู่นี่”

             “...ตา” เด็กหนุ่มพูดเสียงขาดเพราะสูดน้ำมูกทีแรก ธูปใช้ทิชชู่ขยี้ตาแรงจนผมต้องดึงมือมันออก ตากลมปิดเข้าหากัน แต่น้ำตายังไหลชุ่มขนตาทั้งสองข้าง แก้มขาวเปียกปอน พยายามซ่อนด้วยการก้มหน้าลงต่ำ

             “ธูป ใจเย็น”

             เริ่มลังเลคล้ายรู้สึกผิดเมื่อภาพที่เห็นรุนแรงกว่าที่คิด ธูปขมุบขมิบปากอีกครั้ง คล้ายจะพูด ผมเงียบเพื่อเงี่ยหูฟังให้ชัด

             “...ตา”

             “อะไร”

             “แสบตา”

             ไอ้เวรเอ๊ย เพราะคอนแท็กเลนส์งี่เง่านั่นแน่ๆ ธูปหยีตาเข้าหากันรั้งข้อมือจะมาขยี้ต่อให้ได้

            “พกน้ำยาล้างคอนแท็กมาไหม”

            ธูปส่ายหน้า น้ำตายังไหล สองแขนยื้อยุดให้หลุดออกจากผม เรี่ยวแรงที่มีได้เพียงโยกเยื้องไปมา ผมรวบแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มไว้ในกำมือเดียว ลุกขึ้นยืนก่อนดึงให้อีกฝ่ายลุกตาม พี่นันต์ชะโงกคอมองจากเคาน์เตอร์ แต่ติดลูกค้าเข้าใหม่ทำให้ไม่สะดวกเข้ามาดู

             “ผมแสบตา”

             “ล้างมือก่อนถอด ทำไมอยู่ๆ ก็แสบขนาดนี้ล่ะ เมื่อกี้อยู่กับสาวยังไม่เห็นเป็นไร”

             “ตามันแห้งอะ แล้วผมไปขยี้ รู้สึกเหมือนคอนแท็กเลนพับอยู่ในลูกตาเลย”

             “ไอ้ห่าธูป” ช่วยเอาความฉลาดของมึงที่มีมาใช้ตอนนี้ทีเถอะ “อย่าเพิ่งดื้อ เดี๋ยวพาไปล้างมือในห้องน้ำ แล้วพกแว่นมาหรือเปล่า”

            มันส่ายหน้า แต่เดินตาม ไม่รั้นถอดคอนแท็กเลนส์ด้วยมือสกปรก ถึงห้องน้ำผมแทบจับมือมันล้างให้ก่อนจัดการกับลูกตาตัวเอง แต่ธูปกระฉับกระเฉง ไม่ถีงห้าวินาทีคอนแท็กเลนส์บิ๊กอายสีดำก็หล่นกองแหมะบนอ่างล้างหน้าสองชิ้น ขาดคาตาไปครึ่งชิ้น

             “เชี่ยแม่ง โคตรแสบ ไม่คุ้มเลย”

             “อย่าเพิ่งไปขยี้”

             “พี่รู้ปะ เมื่อเช้าผมพยายามใส่เป็นชั่วโมง” พอพลาสติกคลุมตาดำหลุดออก ผมก็เห็นร่องรอยช้ำในดวงตา ธูปแหวกหนังตาออกให้ผมเห็นเงาตัวเองสะท้อนในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม “ทำไมตอนถอดแม่งหลุดง่ายจังวะ”

             “เออ คู่นี้ก็ทิ้งไปเลย ทีหลังจะใส่คอนแท็กเลนส์ก็พกตลับกับน้ำตาเทียมไว้ด้วย”

             “ไม่ใส่แม่งแล้ว ไม่เห็นได้อะไรเลย”

             ผมหัวเราะ ถามมันกลับ “คิดว่าใส่คอนแท็กบิ๊กอายแล้วได้อะไรล่ะ”

             “พี่ยังพูดอยู่เมื่อกี๊ว่าดูดีกว่าใส่แว่น”

             “แต่ตาธรรมชาติดูดีสุด”

              ผมพูดจริงๆ ตากลมๆ สีที่ไม่ดำ ไม่กลมเกินไป แววตาที่มีแสงสะท้อนของชีวิตชีวาและความสดใสของวัยดึงดูดได้มากกว่าความพยายามเป็นไหนๆ

             “ถามอย่างดิ มึงอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์กับความรักมาจีบคุณกานดาปะวะไอ้ธูป”

             “อะไร”

             “ไม่ต้องมาเฉไฉ”

             ไอ้เด็กปากแข็ง โดนจับได้ขนาดนี้ยังไม่ยอม ผมยักคิ้วสองครั้งติดโดยทิ้งหนังตาตกไว้ที่เดิม ธูปก็กลอกตาขึ้นเพดาน

             “พี่ก็รู้ว่าคนเราตกหลุมรักด้วยการสั่งการของสมอง”

            ผมหลุดหัวเราะก๊าก สมกับเป็นเนติธรลูกอาจารย์พิภพจริงๆ

             “แต่มึงจะทำตัวเองให้ตรงตามหนังสือเพื่อจีบสาวไม่ได้เว้ย มันคือฟีลลิ่ง ไม่ใช่การพิสูจน์สมมติฐาน”

             “ไม่ใช่สมมติฐานดิ อันนี้เป็นหลักการทำงานของสมองต่อเพศตรงข้ามที่ผ่านการวิจัยมาแล้วตั้งหลายปีนะ”

             “เถียงอีก แล้วผลเป็นไงล่ะ คุณกานดาสนใจเสียเมื่อไหร่” เอาความจริงมาแย้งธูปก็เงียบกริบ เราอยู่ในห้องน้ำเล็กๆ ของร้าน กลิ่นสะอาดของมะกรูดฝานลอยฟุ้ง เด็กหนุ่มหน้าบึ้ง หยิบซากคอนแท็กเลนส์ใส่ถังขยะ “รักมันใช้หลายอย่างประกอบกัน”

             “แต่ผมทำทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ไงว่าวิธีไหนได้ผล”

             “ธูป กูต้องย้ำมึงอีกไหมว่ารักไม่ใช่การทดลอง คุณกานดาไม่ใช่หนูที่มึงฉีดสารนั่นนี่ไปกระตุ้นแล้วดูพฤติกรรมได้ มึงอยากให้เขารักมึงต้องรักเขาก่อน ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามธรรมชาติเอง”

             “ใครบอกพี่ว่าผมไม่รัก”

             “คำพูดมึงดูเย็นชาเกินไปมั้ง” ผมหมายถึงการกระทำที่เหมือนเด็กเล่นสนุกก็ด้วย แต่ใครจะรู้ ผมไม่อาจตัดสินได้ว่าธูปจริงจังกับคุณกานดาแค่ไหน แต่ผมต้องการ ต้องการให้มันจริงจังและผิดหวัง บางทีอาจเพียงเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกเปลี่ยวเหงาจนเกินไป หรือไม่ลึกๆ ก็อยากสั่งสอนไอ้คนที่ทำเหมือนควบคุมโลกได้ด้วยสติปัญญาของตัวเองให้รู้สึก “บอกแล้วว่าให้กูติวให้ ไม่ต้องใส่คอนแท็กเลนส์แล้ว เป็นมึงอย่างที่มึงเป็นนั่นแหละ คิดว่าอยู่ในหนังไทยยุค 90 ที่ถอดแว่นแล้วสาวจะชอบหรือไง”

             “พี่เป็นคนบอกเองปะวะว่าผมต้องดูดีกว่านี้”

             “ถ้าใครคบมึงแค่เพราะมึงหล่อก็อย่าไปเอาเลย” เพราะว่าคนหล่อกว่ามึงมีอีกเยอะมากบนโลกใบนี้ ผมเว้นประโยคหลังไว้ในใจ

             “เอะอะก็อย่าเอาคนแบบนั้นอย่าเอาคนแบบนี้ พี่ถึงได้โสดไง เรื่องมากจริง”

            “นี่กูสอนอยู่ เดี๋ยวโดนหยิกหัวนมหลุด”

             ธูปยกแขนขึ้นกอดอกอัตโนมัติ ถอยกรูดจนติดประตู “ดุจังวะ”

             “ก็มึงมันน่านัก แล้วนี่มองเห็นหรือไง ถอยไปเสียไกล สายตาสั้นมากไม่ใช่เหรอ”

             “เหมือนตาบอดเลยล่ะ”

             “เวอร์จริง โทรตามไอ้มาร์คให้มารับไปส่งบ้านไป เรื่องคุณกานดาพักไว้ก่อน ไม่ใส่แว่นนานๆ เดี๋ยวปวดหัว” ผมหมายถึงเมื่อสมองทำงานไม่สัมพันธ์กับสายตา ธูปเลิกกวน หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แสกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกก่อนถูกผมแย่งมากดหาเบอร์มาร์คให้

             “Mark ชื่อนี้เลยนะ”

             ไอเดียการตั้งชื่อเพื่อนสนิทในสมุดโทรศัพท์ไม่มีความคูล ความประหลาดอะไรทั้งนั้น มันพยักหน้า ก่อนถูกผมดันหลังให้ออกจากห้องน้ำไปยังที่นั่งเดิม

             “ไม่รับ เดี๋ยวกูทิ้งข้อความไปให้มันแล้วกัน แล้วนี่มีเบอร์กูหรือยัง”

             “ไม่มีอะ ต้องมีด้วยเหรอ”

             “มีไว้ก็ดี เผื่อไปเซ่อซ่าที่ไหน” ผมพูดติดตลก เม็มเบอร์โทรศัพท์ตัวเองลงไปพร้อมตั้งชื่อเสร็จสรรพ ธูปไม่สนใจ ได้มือถือคืนก็นอนแหม็บบนกองหมอน พลิกตัวไปมาเหมือนเด็ก มันเลิกงอแงเรื่องคุณกานดาแล้ว ส่วนผมก็กลับมาทำงานระหว่างเฝ้าไม่ให้ธูปเดินไปไหนมาไหน ผมไม่รู้ว่าเมื่อไม่มีแว่นแล้วสายตาที่สั้นขนาดนี้สามารถเห็นอะไรได้บ้าง ดังนั้นการที่จับไอ้ธูปอยู่นิ่งๆ คงเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด

           “นอนไปเลยก็ได้ ถ้ามาร์คมาแล้วจะเรียก”

            ผมอนุญาต ธูปยังคงนอนเกลือกกลิ้งไปมาเหมือนแมวบนหลังคารถ ไม่นานก็ม้วนตัวหลับชิดบีนแบคอ้วนใหญ่ ร้านกาแฟตอนบ่ายแก่มีแสงสีส้มสาดส่องเข้ามา เป็นแสงของพระอาทิตย์ในฤดูร้อน ลมเย็นๆ จากพัดลมไล่เอาไอระอุภายในกระจัดกระจาย ผมละสายตาจากคอมพิวเตอร์เป็นระยะ กระทั่งแมวเมื่อครู่เคลื่อนหน้าผากชนหัวเข่า เด็กหนุ่มนอนตะแคง ตายังมีร่องรอยช้ำจากการขยี้ จมูกไม่แดงแล้ว ทำหน้าที่ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

            เส้นผมของธูปเป็นสีดำ แต่ดวงตาเป็นสีนำตาลเข้ม ขนาดพอดีกับกรอบตา ไม่เล็ก ไม่โต เข้ากันได้กับโครงหน้า ผมวางมือบนศีรษะเด็กหนุ่ม ปัดเอาเส้นผมที่เหนียวหนึบติดซอกคอออก

            พี่นันต์มองมาทำให้นึกขึ้นได้ว่าลืมยกมือออกจากแก้มมัน

            แก้มขาวหยุ่นและนุ่มเหมือนมาร์ชเมลโล่ ขัดกับริมฝีปากอมชมพูที่เจ่อขึ้นน้อยๆ ปากนั้นอาจนุ่มเหมือนเยลลี่ รสหวานคล้ายน้ำตาล หรือกลิ่นหอมเหมือนแป้งเด็ก แต่ทุกภาพลวงตาที่คิดขึ้นเป็นเพราะไอ้เด็กกวนประสาทที่ถือดีคนเก่าอยู่นิ่งๆ ไม่ก่อเรื่องก่อราว

             “มึงนี่มันสุดตีนจริงๆ”

            ผมบ่นแต่ก็ขำ ถ้าให้นึกถึงใครสักคนที่ประหลาดจนน่าสนใจ ลูกอาจารย์พิภพคงตกเป็นอันดับต้นๆ

            อย่างที่พี่นันต์บอก แม้ไม่ได้เข้ามาในฐานะพี่เลี้ยง แต่ความแสบสันต์ของไอ้เด็กนี่เห็นทีจะปล่อยวางไม่ได้ ผมเข้าใจที่มันบ่นคราวนั้นว่าทำไมพี่นันต์ถึงดุนักหนา แต่ถึงเป็นแบบนั้นผมก็ยังอดรู้สึกว่าอยากให้มันเรียนรู้ความโหดร้ายของโลกอีกมาก วางไม่ลงกับโลกของความรักอันหอมหวานในอุดมคติของมัน อยากเป็นคนผลักไสและยืนมอง กระทั่งตบบ่าเมื่อมันเดินย้อนกลับมาพร้อมความผิดหวังเต็มหน้าตัก

            โลกของผมก็เหมือนมัน เคยเป็นเหมือนกัน โลกที่คิดว่าเราสามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยสมองและสองมือ

tbc

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #41 เมื่อ16-08-2018 09:16:48 »

ธูปปปปปปปปปปปปปป
น้องงงงง มีความน้องในตัวสูงมาก
ฮืออเอ็นดู เข้าใจตามนั้นเลยว่าทำไมปล่อยไปไหนไม่ได้  อยากมีเลี้ยงไว้สักคน55555

ออฟไลน์ porjj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #42 เมื่อ16-08-2018 10:57:16 »

ธุปคนเนิร์ดเอ้ยย น้องน่ารักนะ
สนุกมากๆค่ะ ยังเดาทางไม่ถูกเลย
ใครจะตกหลุมก่อนกันนะ

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #43 เมื่อ16-08-2018 11:10:26 »

น้องธูปน่ารัก มีความเป็นตัวเองสูงมาก

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #44 เมื่อ16-08-2018 12:03:12 »

 :mew5: :mew4: :mew5: :mew5:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #45 เมื่อ16-08-2018 14:46:17 »

เอ็นดูน้องธูป

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #46 เมื่อ16-08-2018 16:41:38 »

อยากจะสอนน้อง แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็ไม่อยากปล่อยมือ เชื่อสิ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #47 เมื่อ16-08-2018 17:12:23 »

กางเกงขาบาน มายก็อด..ดดด  :ruready

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #48 เมื่อ16-08-2018 18:04:06 »

 น้องธูปน่ารัก เอ็นดูมาก

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #49 เมื่อ16-08-2018 18:37:02 »

นี่แอบเชียร์มาคึกับพี่นันต์ แต่คงไม่ทันแล้วสินะ ฮืออออออออ ชะนีหลบไปไป๊ เสนอหน้ามาอยู่ได้ อ่อยแบบเงียบๆสินะหล่อน ชิ   :fcuk:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
« ตอบ #49 เมื่อ: 16-08-2018 18:37:02 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #50 เมื่อ16-08-2018 19:48:43 »

น่าเอ็นดู

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #51 เมื่อ16-08-2018 20:10:51 »

มันมีบรรยากาศเหมือน...ตอนบ่ายแก่เกือบเย็นที่แสงสีส้มของพระอาทิตย์ทำให้รู้สึกทั้งผ่อนคลายทั้งอึดอัดได้ในเวลาเดียวกัน

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #52 เมื่อ17-08-2018 17:05:38 »

เอ็นดูธูปเถอะนะ :mew6:

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #53 เมื่อ20-08-2018 05:58:13 »

 ช๊อบชอบเรื่องนี้    :m1:

ออฟไลน์ fullmoonny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #54 เมื่อ23-08-2018 10:39:48 »

น่องธูปปปปปปป เอ็นดูน้องมาก
ทั้งสามตัวละคร พี่นัน มังกร ธูป ทำให้เราครุ่นคิดว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง 
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ TNM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #55 เมื่อ23-08-2018 11:34:47 »

นายเอกยังไม่โผล่มาใช่ไหมคะ ภาวนาอย่าให้น้องธูปเป็นนายเอกเลยให้ตายเถอะ แต่จากชื่อเรื่องแล้วไม่น่ารอด อยากให้น้องธูปเป็นน้องชายพระเอกอ่าแงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ◡̈ sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.03 LOVE THEN EVOL (16/8/18)
«ตอบ #56 เมื่อ23-08-2018 18:40:27 »

รู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิยายต่างประเทศ ทั้งสำนวนทั้งบรรยากาศของเรื่องฟีลนั้นเลยค่ะ ชอบๆ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
«ตอบ #57 เมื่อ23-08-2018 23:44:15 »

chapter 04
RUN BABY RUN


                  “ในไทยที่นี่เป็นที่แรก อาจารย์พิภพแกทำร้านนี้หลังจากไปเห็นงานในต่างประเทศน่ะครับ มันเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมที่เราช่วยกันได้ ตั้งใจทำเป็นร้านต้นแบบให้ที่อื่นๆ เอาไปใช้ต่อๆ กัน”

            ช่วงบ่ายวันศุกร์นักเรียนมาตามนัด ผมนั่งคุยกับอาจารย์ขณะที่ปล่อยให้เด็กๆ วาดรูปแนวทางลดการใช้ขยะของตัวเอง ธูปนั่งกลางวงล้อม ชวนเด็กคุยไปด้วย ทำกิจกรรมไปด้วย โม้เหม็นเรื่องเล่าของตัวเองสมัยเรียนที่เดียวกันกับเด็กๆ เมื่อเกือบสิบปีก่อน

             “ที่จริงอยากพาเด็กมาดูที่นี่ทุกชั้นเลยค่ะ แต่ดูแลกันไม่ไหว ยิ่งโตยิ่งซน”

             “ธรรมชาติของเด็กครับ” พูดเหมือนเข้าใจ แต่หัวร้อนเป็นไฟ ถ้าให้เรียงลำดับสิ่งมีชีวิตที่ผมจะอยู่ด้วยห่างมากที่สุด มนุษย์เด็กจะติดหนึ่งในห้าของสิ่งมีชีวิตประเภทนั้น “เด็กยิ่งซนยิ่งฉลาด”

            ส่วนเด็กเปรตก็คือเด็กเปรต ไม่ใช่เด็กซน สบถในใจ เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมไอ้ธูปต้องไปขลุกกับนักเรียนแทนที่จะเป็นผม เมื่อเช้ามันมาสาย ผมรับหน้าที่ดูแลนักเรียนเซ็ตแรกกับอาจารย์ที่พามาด้วย ร้านแทบระเบิด ถ้าไม่ใช่ร้านก็หัวผมนี่ล่ะครับที่จะระเบิด แม้แต่พี่นันต์ยังหัวคิ้วกระตุก เด็กสมัยนี้ดื้อฉิบหาย

             “ข้อดีของเด็กคือสอนง่ายค่ะ ปลูกฝังให้เขาเป็นแบบไหนก็มีแนวโน้มที่จะเป็นแบบนั้น บางเรื่องมาสอนกันตอนโตแล้วลำบาก”

             “ครับ ยิ่งสอนให้ลดการสร้างขยะได้ตั้งแต่เด็กยิ่งดี เสียดายนะครับที่ผมเพิ่งมาใส่ใจเรื่องนี้ตอนที่เรียนกับอาจารย์พิภพ”

             อาจารย์สาวยิ้มรับ เมื่อเช้าเป็นอาจารย์ผู้ชาย คุยไม่เก่งเท่านี้ อาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผมประสาทแดกก็ว่าได้ ลองคิดภาพผู้ชายหนึงกลุ่มที่มึนๆ ตึงๆ กับฝูงลิงจอมทะโมนที่ไม่มีใครจัดการลง สาบานเลยว่าเหตุการณ์วันนี้บอกผมว่าได้โปรดจงอย่าได้เมียที่อยากมีลูก

            “จริงๆ ก็มีการรณรงค์เรื่องขยะเป็นระยะมาตลอดเหมือนกันนะคะ จำได้ว่าสมัยเด็กๆ เป็นเรื่องทิ้งให้ลงถัง”

             “กระแสของสังคมมักจะวนทับที่เดิมครับ ที่เปลี่ยนไปคือวิธีการและแนวความคิด”

             “ดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมมากเลยนะคะ ถ้ามีคนอย่างคุณก้องเยอะๆ น่าจะดี”

            “คนเรามีดีมีเลวครับ มีคนแบบผมมากก็ไม่ดี เห็นทีมนุษย์จะสูญพันธุ์จริงๆ” ผมหัวเราหึๆ ในลำคอ พอดีกับเสียงนาฬิกาข้อมือดังเตือนเวลาหมดชั่วโมง คุณครูก็เร่งมือเด็กๆ

            “อีกสิบนาทีนะคะ เดี๋ยวต้องกลับไปที่โรงเรียนกันแล้ว”

            นักเรียนที่นอนหราบนพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสียงฮือ ธูปเงยหน้าขึ้นจากกระดาษของตัวเอง มันวาดอะไรยึกยือที่เด็กปอ.สี่ยังวาดได้ดีกว่า หลิ่วตามองผมกับคนข้างๆ อย่างมีนัยยะ ผมแก่กว่ามันไม่กี่ปี แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กวัยนี้สนใจแต่เรื่องความสัมพันธ์เชิงชู้สาวหรือไง

              อ้อ ใช่ ลืมไปว่าธูปเคยออกตัวว่าเป็นผู้ชายวัยกลัดมัน

             “คุณก้องเรียนโทอยู่กับอาจารย์พิภพเหรอคะ เสียดายจัง วันนี้ไม่ได้เจอ”

             “ครับ อาจารย์ติดสัมมนา กลับมาสอนสัปดาห์ละครั้ง สอนเสร็จก็กลับไปต่างจังหวัดแบบนี้ทั้งเดือน”

             คู่สนทนาพยักหน้ารับรู้

            “ฝากบอกอาจารย์ไว้ว่าถ้ามีโอกาสจะมาไหว้นะคะ แกเป็นคนไปพรีเซนต์โครงการให้พาเด็กๆ ออกมาเวิร์คช็อปที่ร้านด้วยตัวเองเมื่อปีก่อน ตอนนั้นดิฉันยังเป็นครูฝึกสอนอยู่เลย”

         โรงเรียนที่ว่าเป็นประถมที่ธูปเคยเรียนก่อนย้ายเมื่อสอบติดโรงเรียนมัธยมชื่อดังในสังกัดรัฐบาล

          “แกคงอยากช่วยน่ะครับ สอนลูกชายจนเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนั้น”

          ว่าพลางนึกว่าถ้าคนแสบสันต์อย่างไอ้ธูปออกนอกลู่นอกทางอาจารย์พิภพจะปวดหัวกับลูกชายคนเดียวของตัวเองขนาดไหน



             “ชอบแบบนั้นเหรอ”

            หลังเด็กๆ กลับ ผมกับลูกชายเจ้าของร้านก็ช่วยกันทำความสะอาดและเก็บของให้เป็นระเบียบ หลังเลิกงาน ราวหกโมงลูกค้าร้านกาแฟจะเพิ่มขึ้น ผมกับธูปยังไม่ได้กินมื้อเที่ยง ที่ตกถึงท้องมีแค่กาแฟของพี่นันต์เท่านั้น

             “เปล่า ไม่ได้สนใจ”

             “ม่ายด้ายโสนจายย” มันพูดเลียนแบบ ทำเสียงเล็ก กวนประสาท “แต่คุณครูดูสนใจพี่อยู่น้า”

             “เพ้อเจ้อ”

             “ไม่เห็นเขาชวนผมคุยเลยอะ” ธูปดันกล่องกระดาษเข้าชั้น จังหวะยืดตัวเสียงท้องร้องโครกครากดังออกมา เจ้าตัวยิ้มเผล่ เอามือปิดพุงราวกับสั่งให้หยุดได้

             “ก็มึงเล่นกับเด็กๆ เขาก็ไม่กวนสิ ออกไปหาอะไรกินกัน เดี๋ยวท้องจะร้องไล่ลูกค้าหมด”

             “ผมไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า”

             “ตื่นสายเอง ไม่ต้องมาขอความเห็นใจ บอกล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้ให้เข้ามาช่วยงาน”

             “นี่ผมไม่ได้เงินเดือนสักบาทนะ พี่น่ะได้ทั้งเงินเดือนทั้งที่พักแล้วยังใช้ผมอย่างกับทาส”

             “พูดมาก เดี๋ยวเลี้ยงข้าวก็ได้ กินอะไร”

             “เย้ บาบิก้อน” ตอบแบบไม่คิด แต่ก็ดี ดีกว่าคำว่ากินอะไรก็ได้หลายเท่า “พี่นันต์ผมไปกินข้าวกับพี่มังกรนะ เอาไรป่าว”

             “เออ ไปเหอะ กลับมาช่วยปิดร้านด้วย” พี่นันต์ไล่ ไม่วายสั่งกำชับ ผมกับธูปรับปากแล้วเดินออกมาข้างนอก อดข้าวทั้งวัน มื้อเย็นกินหนักๆ เลยก็ดี ชดเชยพลังงานที่เสียไป

             “ก่อนกลับแวะซื้อช็อกโกแลตได้ปะ” ธูปถาม ใช้นิ้วดันแว่นขึ้นชิดตา “ซื้อให้พี่กานดา”

             “อะไรของมึงวะ”

             “ผมลองคิดดูแล้ว” ธูปว่าลัดเลาะไปบนฟุตบาธ หลบเลี่ยงร้านค้าแผงลอยและวินมอเตอร์ไซค์เป็นระยะ จากตำแหน่งคาเฟต์ไปถึงห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดใช้เวลาเดินเท้าประมาณสิบห้านาที ทุกครั้งที่นึกอยากกินอาหารขึ้นห้างก็หนีไม่เคยพ้นที่นี่ “ร่างกายเราจะหลั่งสารอัลคาลอยที่ชื่อ Phenylethylamine ออกมาเวลาที่มีความรัก มันไปกระตุ้นโดปามีนกับเอนโดรฟินที่ทำให้มีความสุข”

             “อะไรของมึงอีกเนี่ย” ผมหลิ่วตามองมัน ไอ้ธูปยังคงพูดต่อเพ้อๆ ยิ้มค้างกับความเนิร์ดที่ล้นทะลักออกจากหัว

             “สารตัวนี้เจอในช็อกโกแลต” มันยักคิ้วคู่โดยทิ้งหนังตาให้ตก ท่านี้แม่งคุ้นฉิบหาย เหมือนโดนขโมยท่ากวนตีนของตัวเองไป

             “จะซื้อไปให้คุณกานดา?”

             “ปิ๊งป่อง แสนรู้มาก แล้วก็ชวนไปกินข้าวด้วย พี่ว่าไง”

             “ก็ลองดู” ผมยักไหล่ “ก็อย่างที่มึงอ่านมา กินข้าวสองคนเป็นการละลายพฤติกรรม มนุษย์หินแบ่งอาหารให้สาวที่จีบเพื่อแสดงความเป็นพวกเดียวกัน”

             “อ่าฮะ ผมจะใช้เวลาตอนนั้นพยายามเลียนแบบท่าทางพี่กานดาด้วย แต่ต้องเนียน พี่กานดาจะได้รู้สึกว่าเรามีอะไรเหมือนกันจังเลยเนาะแบบไม่รู้ตัว”

            ผมยิ้ม นึกถึงที่มันลอกพฤติกรรมกวนประสาทของผมไปในระยะเวลาไม่นาน พานนึกถึงตัวเองที่มักเผลอใช้มือปัดจมูกตามมันบ่อยๆ เมื่อเห็นมันดันแว่นขึ้นชิดตา

             “อืม อาจจะได้ผลก็ได้”

             “จริงอย่างพี่ว่า ผมยังไม่รู้ผลเสียหน่อย นี่นอนคิดทั้งคืนเลย”

             “ก็เลยมาสาย”

            มันหัวเราะแหะๆ ไม่เถียง แต่คนมีความรักก็แบบนี้ หมกมุ่นร้อนรนอยู่ในวังวน คิดจินตนาการถึงความสุขที่มาไม่ถึง เมื่อไรที่ความเป็นจริงแสดงมาตรงกันข้ามรู้ตัวว่าอกหักก็ไม่ต่างอะไรกับคนขาดยา อย่างที่ธูปว่า PEA มีในช็อกโกแลต เป็นคาเฟอีนที่ซ่อนอยู่ในสารเสพติด กระบวนการทำงานคือทำให้ปรารถนา หลงใหล และขาดไม่ได้

             “อีกสักตั้งจะเป็นไร” ธูปยิ้ม เลนส์ของแว่นหนาเกินไปทำให้ตามันเป็นขีด วิสัยทรรศไม่ดีจนรถที่วิ่งสวนเลนเข้ามาในซอยบีบแตรลั่น ให้ตายชีวิตดีๆ ที่ลงตัวฉิบหาย

             “เฮ้ย! เป็นไรป่าว”

            ผมคว้าคอเสื้อไอ้ธูปทันระหว่างที่มัวแต่คุย กระจกรถเฉี่ยวบางส่วนดังปึก โชคดีที่แค่เฉี่ยวและรถวิ่งไม่ไวมาก เด็กหนุ่มสะบัดข้อศอก เป็นรอยถลอกนิดๆ

             “ไม่เห็นเหรอวะว่ารถวิ่งทางเดียว” ธูปฉุน ผมอยากดุที่มันไม่ระวังด้วย แต่ก็อย่างที่บ่น ถ้าไอ้เวรนั่นเคารพกฎก็ไม่เกิดอุบัติเหตุแล้ว “ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ วิ่งในซอยจะทำไง แม่ง”

             “เออ มันไปแล้ว มึงอะเป็นไง”

             “ไม่เป็นอะไรหรอก” ธูปว่า “ดีที่พี่ดึงไว้ทัน ไม่งั้นแม่งเหยียบคอนเวิร์สผมเละแน่”

             “ยังห่วงรองเท้าอีก” สายตาเหลือบมองอัตโนมัติ แค่นี้ก็เน่าสิ้นดี

             “แต่เมื่อกี้พี่โคตรเท่” ผมยกมือปัดจมูก ไม่ลอยตามคำยอ ไอ้ธูปฉวยโอกาสจับต้นแขนผมแล้วซี้ดปาก ผมสะบัดข้อศอกหนี มองหน้า

             “อะไรของมึง”

             “กล้ามพี่แม่ง”

             “กล้ามเหี้ยอะไร ไม่ได้เล่นกล้าม”

             “ขอดูหน่อย”

            ผมกลอกตาเป็นวงกลม ถกแขนเสื้อให้มันดู ไอ้ธูปผิวปากหวือ ยกแขนของตัวเองขึ้นดู บีบเนื้อเหลวๆ แล้วย่นจมูก “พี่ดูดิ ผมแม่ง ผอมนะ แต่เนื้อโคตรย้อย”

             “ตอนนี้มหาลัยไง พอเริ่มทำงานมึงอ้วนแน่”

             “ไม่อ้วนดิ แบบลีนๆ อย่างพี่กำลังดี ไอ้พี่นันต์ก็ผอมไป แต่ว่าไม่ได้ นอนน้อย”

            ผมเห็นด้วยว่านอนน้อย แต่ไม่รู้สึกว่าพี่นันต์ผอม ส่วนไอ้เปี๊ยกเนื้อขาวนี่ถ้าออกกำลังกายบ้างน่าจะหุ่นดีใช้ได้

              “วิ่งไหม”

              “ไม่เอา หิว จะเป็นลมแล้ว ค่อยๆ เดินไปนี่ล่ะ เดี๋ยวก็ถึง”

              “กูหมายถึงอยากมาออกกำลังกายด้วยกันไหม กูวิ่งตอนเช้าตีห้าครึ่ง”

              “มืดขนาดนั้นไปวิ่งราวเหรอ”

              “วิ่งราวพ่อมึงสิ” พ่อมันก็อาจารย์ผมนี่ล่ะ “ตีห้าก็สว่างแล้ว ตอนเช้าๆ อากาศดี กูวิ่งทุกวัน”

             มันทำท่าสนอกสนใจ ร้านอาหารที่อยากกินคิวว่างอาจเพราะเพิ่งเป็นเวลาเลิกงานของมนุษย์เงินเดือนหมาดๆ พนักงานเลือกโต๊ะริมกระจก ห้าโมงครึ่งแดดเป็นสีส้มเดียวกับเมื่อวาน ส้มอมน้ำตาลที่กระทบผิวของธูปแล้วดูเป็นสีทองละมุนละไม

              “มึงสั่งเลย” ผมอนุญาต ไอ้ธูปจัดการสั่งเนื้อหมูเซ็ตใหญ่ ขอกะหล่ำซอยจากพนักงานให้เสิร์ฟรองท้องเป็นอย่างแรก

              “เออ ปกติเป็นมังสวิรัติไม่ใช่เหรอ”

             ธูปปฏิเสธ ส่ายหน้าหวือ “แม่เป็นมังสวิรัติคนเดียว ถ้าขี้เกียจทำกับข้าวกินเองก็ต้องยอมกินผัก”

              “เออ ดีว่ะ แม่ไม่บังคับ ปกติเห็นครอบครัวไหนกินจะกินกันทั้งบ้าน”

              “บ้านผมเป็นประชาธิปไตย” มันพูดกลั้วหัวเราะ มันหมูกับกะหล่ำปลีซอยเสิร์ฟเป็นอย่างแรก เตากะทะยังไม่ทันร้อนไอ้ธูปก็เอาผักลงแช่น้ำซุปทันที “เออ ว่าแต่เรื่องวิ่ง พรุ่งนี้พี่เลื่อนมาวิ่งสักหกโมงครึ่งได้ไหม ผมเดินทางมาเช้าขนาดนั้นไม่ไหวอะ”

              “นอนที่นี่ดิ” นานๆ ทีธูปจะนอนค้างที่ร้าน มาเฉพาะวันที่มีเหตุสุดวิสัยเช่นอยู่ทำงานกับเพื่อนที่มหา’ลัยจนดึก ธูปมีเซ็ตเครื่องนอนของตัวเอง ซ่อนอยู่ในลังบนห้องทำงานของอาจารย์พิภพ ผ้านวมผืนหนา หมอน เบาะรองนอนยางพาราสำหรับตัวเอง หลังปิดร้านมีพื้นที่ว่างสำหรับล้มตัวนอนได้

              “มีเรียนเก้าโมงอะ ต้องเอาชุดนักศึกษามา อีกอย่าง คอนเวิร์สคู่นี้ใส่วิ่งแล้วเจ็บตีน”

              “งั้นก็วิ่งวันอื่น”

              “เราไม่ควรผัดวันประกันพรุ่งนะพี่”

               โอเค แล้วแต่มึงเลย

              “ดีล หกโมงครึ่งผมมาพร้อมชุดวิ่ง เอาชุดนักศึกษามาเก็บที่ร้านก่อนค่อยออกไปสวนสาธารณะด้วยกัน” ธูปคีบกะหล่ำปลีต้มสุกแบ่งให้ผมก่อนใช้ตะเกียบชนตะเกียบเบาๆ แทนคำสัญญา

             ผมหัวเราะ ยกมือขึ้นนวดขมับ

              ไม่อยากนึก ถ้ามันรู้ว่ากะหล่ำปลีที่มีสาร PEA มากกว่าช็อกโกแลตที่จะซื้อให้สาวอีกจะยังตักให้ผมกินพูนถ้วยแบบนี้อยู่หรือเปล่า




              ธูปมาถึงเร็วกว่ากำหนดสิบนาที แต่ไม่เป็นปัญหา ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับออกวิ่ง ล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยกลับมาอาบน้ำยังทัน เมื่อวานธูปสัญญาว่าจะนอนเร็วกว่าปกติ ดีที่มันทำได้จริงส่วนผมกลับเป็นคนที่หลับไม่ลงเสียเอง

             ธูปใส่คอนแท็กเลนส์อีกครั้ง แต่ไม่ใช่คอนแท็กเลนส์ตาโตเหมือนครั้งก่อน เมื่อวานมันแวะซื้อหลังจากได้ช็อกโกแลตที่ตั้งใจจะให้คุณกานดา คิดว่าสะดวกกว่าถ้าได้วิ่งโดยไม่มีแว่น ผมตามใจมัน แค่ย้ำว่าอย่าขยี้ตาและถ้าพยายามใส่คอนแท็กเลนส์จนตาช้ำให้หยุดใส่แล้วสวมแว่น คนใส่แว่นวิ่งเยอะแยะทั่วประเทศก็ไม่มีใครกลัวจะมีปัญหามากเท่ามัน

              “พร้อมยัง” ผมถาม ยืดกล้ามเนื้อไปด้วย รองเท้าวิ่งไอ้ธูปใหม่กิ๊บ สวมกางเกงบอลสีกรมท่า กับเสื้อผ้าร่มแถมจากร้านเครื่องเขียน ชัยชนะแรกของธูปคือใส่คอนแท็กเลนส์ได้ ชัยชนะของผมคือมันไม่ลืมพกยาหยอดตากับแว่นเผื่อฉุกเฉินมาด้วย

             ธูปพยักหน้าหงึกหงัก ยืดแข้งขาตามผม ท่าทางเก้ๆ กังๆ ตามประสาคนไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

              “อุปกรณ์ครบเลยนะมึง”

             ผมว่า เห็นสปอร์ตนาฬิกาที่มันสวม เป็นของมีราคาย้อนแย้งกับเสื้อผ้าไปหมด

              “พ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เคยใช้ครั้งเดียวตอนออกไปปั่นจักรยานกับพ่อ”

              “แล้ว...”

              “ก็ไม่แล้วไง พ่อไม่ค่อยว่างเลยไม่ได้ไปอีก” มันบอกหน้าตาเฉย เข้าใจสำนวนไก่ได้พลอยก็วันนี้

              “เออ ดี เดี๋ยววิ่งกับกูได้ใช้ทุกวัน ปะ”

             ผมตบบ่าธูป ออกจากร้าน ก่อนล็อกประตูแน่นหนา เราเดินกันตามฟุตบาธสวนทางกับเมื่อวาน เลาะบนถนนใหญ่ การจราจรตอนเช้ากลางเมืองใหญ่ยังไม่แออัด ผู้คนเริ่มทยอยออกจากบ้านไปทำงาน เป็นผู้ใหญ่ที่ทั้งมีและไม่มี Passion ออกหากินตามตึกสูงระฟ้า เดินผ่านการคมนาคมอันสลับสับสนแทรกซ้อนทุกซอกซอย พื้นที่บีบอัดในปริมาณที่จำกัด ผมกับธูปเร่งฝีเท้าจากเดินเป็นออกวิ่งเชื่องช้า เป้าหมายคือสวนสาธารณะ วิ่งวนครบหนึ่งรอบแล้วเดินกลับรวมระยะทางราวสามกิโลเมตร สำหรับวันแรกของธูปอาจหนักเกินไปเสียด้วยซ้ำ

             แสงพระอาทิตย์ตอนรุ่งสางเป็นสีนวลกว่าช่วงเย็น ที่สวนผู้คนจำนวนหนึ่งวิ่งเหยาะไปในทิศทางเดียวกัน กลุ่มคนมีอายุออกกำลังด้วยการเคลื่อนไหวแช่มช้า ถ้าเป็นแม่บ้านจะอยู่ในกลุ่มแอโรบิกเสียมาก ธูปเดินสลับวิ่ง ผมพยายามรักษาจังหวะให้คงที่ คือปล่อยให้มันเดินนำบ้าง เดินตามบ้าง แต่ไม่ทิ้งห่างไปเสียทีเดียว

              “พี่ มันมีปลาอยู่ด้วยเหรอ”

             บางคนหลังตักบาตรแล้วซื้อขนมปังจากร้านของชำเล็กๆ มาโยนลงน้ำ ธูปสนอกสนใจ ผมเลยพามันมาแวะซื้อขนมปังปลาด้วยกัน

              “มีเต่า มีปลา มีเหี้ยด้วย”

              ผมยักคิ้ว บิก้อนขนมปังบางส่วนไว้ ที่เหลือให้ธูปโยนเล่นลงน้ำตามใจ มันไม่บ่นเหนื่อย แต่เหงือไหลไคลย้อยจนชุ่มเสื้อสีหม่น แทนที่จะบิขนมปังโยนให้ปลากินดีๆ ยังมีแรงเหลือปั้นเป็นก้อนกลมๆ โยนไปสุดแรงตามประสาเด็กทโมน

              “ให้ยืนพัก ไม่ใช่ให้ใช้แรงเพิ่ม เดี๋ยวเดินกลับไม่ไหว”

              “แค่นี้จิ๊บๆ พี่เหนื่อยแล้วเหรอ”

              “ปกติกูวิ่งอย่างน้อยสามรอบ”

              “โหดสัส” มันว่าโดยไม่สบตา ยังสนุกกับการโยนอาหารปลาเล่นไม่สนใจว่าจะมีใครมากินเบรคฟาสต์บายเนติธรหรือไม่ “ผมไม่เคยตื่นเช้าแล้วออกมาข้างนอกแบบนี้เลย”

              “ชอบไหมล่ะ”

              “ก็ดี"

             ไม่จริง มันชอบมากเลยต่างหาก

             ผมมองรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า ไม่มีแว่นกรอบดำบดบัง เห็นรูปหน้าของธูปชัดเจน มันคาดผมกันหน้าม้าไม่ให้ร่วงลงมา เป็นที่คาดผมโง่ๆ สีดำ ไม่มีลวดลาย ดันเอาเส้นผมสีเดียวกันเด้งกระโดกกระเดก ไม่มีการวางมาดใดๆ โดยสิ้นเชิง

             ยิ่งสายพระอาทิตย์ยิ่งโผล่พ้นมุมตึก ออกฤทธิ์แผดเผาให้เหงื่อยิ่งผุดจากไรผม หน้าที่มันเยิ้มของธูปยิ่งฉ่ำ ผมใช้นิ้วหัวแม่มือปาดเหงื่อเม็ดเป้งที่กำลังวิ่งถลาลงจากหน้าผากยังหางคิ้ว บังเอิญว่าอีกสี่นิ้วที่เหลือประคองไว้บนแก้มพอดิบพอดี ธูปชะงักมือที่กำลังจะขนมปังก้อนสุดท้าย เผลอทำร่วงกลิ้งไปบนหญ้าสีเขียวชอุ่ม ไหลลงริมบ่อน้ำเสร็จพี่เต่าที่ลอยคอไม่ใกล้ไม่ไกลจากฝั่ง มันเหลือบตามองผม เวลานั้นเงาเมฆผ่านพ้น แสงแดดแยงตาทำให้ต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่เห็นอาการของเด็กหนุ่มชัดเจน

             ธูปหลบตา ส่วนผมก็ดึงมือออก ป้ายเหงื่อของมันกับเสื้อแล้วแสร้งมองออกไป เข็มนาฬิกาไม่ได้หยุดหมุน ไม่มีใครกลั้นหายใจ เราหยุดวิ่งกันพักใหญ่ แต่หัวใจกลับเต้นตึกตักจนน่ารำคาญ

             ความเงียบเข้าปกคลุม แต่ไม่อึมครึม ผมได้ยินเสียงหวิดหวิวดังมาแต่ไกล แต่ไม่ใช่ มันคืออาการหูอื้อชั่วขณะเมื่อจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถูกซึ่งคงไม่ประหลาดถ้าคนที่ทำให้ผมเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าขนาดนี้ไม่เป็นเด็กผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหัว ไม่มีการประดิดประดอย มันทะเล้น กวนประสาท มิหนำซ้ำยังแต่งตัวธรรมดาๆ ไม่เป็นที่น่าสนใจ ไม่มีจุดดึงดูด ไม่มีกระทั่งเซ็กซ์แอพเพียล แต่สาเหตุที่นอนไม่หลับทั้งคืนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีมันเป็นส่วนประกอบ

              “อะ...เอามือมาจับหน้าผมทั้งที่ให้อาหารปลาเมื่อกี้ได้ไง สกปรกว่ะ”

             กลายเป็นธูปไหวพริบดีกว่าในสถานการณ์นี้ ผมยิ้มแกนๆ ปัดมือไปมากับขากางเกง

              “หน้ามึงสกปรกกว่าอาหารปลาอีก”

              “ตลกละ”

             มันย่นจมูก ผมเห็นผ่านหางตาเพราะไม่กล้าสบตากับตรงๆ ยืดแขนเหยียดออกได้ยินเสียงเส้นเอ็นลั่น บังเสียงหัวใจได้ประมาณหนึ่ง

              “พักพอยัง จะได้กลับ”

              “ยังขี้เกียจอยู่เลย”

              “เดี๋ยวต้องอาบน้ำสระผมไปเรียนอีก แล้วไปยังไง มาร์คมารับหรือเปล่า”

             ธูปพยักหน้ารับคำ

             “ไลน์บอกมันไว้แล้ว แต่ตอนนี้ผมหิวอะ หาอะไรกินกันก่อนได้ไหม”

              “หาเรื่องอู้ไปเรื่อย”

              “เช้าๆ มีร้านที่ไม่เคยเห็นตั้งเยอะ”

             ส่วนใหญ่แล้วเป็นร้านสำหรับพนักงานเงินเดือนที่ออกมารอรถ เป็นแซนวิช อาหารเพื่อสุขภาพ หรือไม่ก็ข้าวราดแกงแผงลอย ใช้โต๊ะสังกะสีไม้เป็นหน้าร้านชั่วคราว ชุกชุมมากบริเวณป้ายรถเมล์หรือตีนสะพานรถไฟฟ้า ธูปมองตามคอแทบเคล็ดตอนที่ผ่าน

              “อยากกินหมูทอดเจียงฮาย”

              “ที่วิ่งมานี่หมดเลยนะ”

              “วิ่งแล้วแปลว่ากินได้” ความหิวของเด็กนี่มันน่ากลัวจริงๆ “อยากกินน้ำเต้าหู้ด้วย ซื้อไปฝากพี่นันต์กัน พี่นันต์ต้องงงแน่ถ้ารู้ว่าผมมาออกกำลังกาย”

              “ใครๆ ก็งงปะ”

              “Surprised! ไง”

             ผมหัวเราะ ชอบสำเนียงภาษาอังกฤษเป๊ะเฟร่อ ของมัน นึกว่าอาจารย์อดัมมาเอง ธูปมองอ้อน ลูบท้องประกอบ ผมคิดแล้วว่าจะหาอะไรกลับไปกินด้วย แกล้งทำขึงขังไปอย่างนั้น อย่างน้อยสถานการณ์ก็ดีกว่าเมื่อตอนเอามือไปจับแก้มมันโข

              “โอเค งั้นก็ไป แวะล้างหน้าล้างตาหน่อย จะได้ล้างมือด้วย”

             ผมอนุญาต พยักเพยิดไปทางห้องน้ำของสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล ห้องน้ำชายมีแบ่งเป็นทั้งส้วมและโถสุขภัณฑ์ ช่วงเช้าตรู่กับตอนเย็นหลังพระอาทิตย์อ่อนแรงคนใช้บริการเยอะ แม่บ้านของกทม.คอยทำความสะอาดและเติมทิชชู่สม่ำเสมอ เป็นสวนที่ติดอันดับความนิยมของคนเมืองเพราะมีการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้

             ผู้ชายคนก่อนหน้านี้เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำไป เขาล้างมือแล้วดึงทิชชู่ใช้ก้อนใหญ่ ธูปมองตาม ล้างมือที่อ่างข้างกันกับผม

              “ทำไมต้องใช้ทิชชู่เยอะขนาดนั้นด้วยวะ”

              “มือเปียกก็ต้องเช็ดให้แห้งดิ” ผมตอบ วักน้ำขึ้นล้างหน้า ธูปทำตาม เปียกตั้งแต่หน้าจนถึงเสื้อ

              “พี่รู้ปะว่าถ้าคนเราสะบัดมือ 12 ครั้งก่อนใช้ทิชชู่มันประหยัดทิชชู่มากเลยนะ”

              “หืม”

              “ผมเคยฟัง Ted talk ของ Portland ถ้าคนเราสะบัดมือหลังล้างมือ 12 ครั้ง เท่าจำนวนภาษีที่เสีย ทิชชู่แค่แผ่นเดียวก็เช็ดมือแห้งได้”

             ผมพยักหน้า ฟังธูปพูดเพลิน

              “เฉพาะทิชชู่บางแบบหรือเปล่า เมืองนอกทิชชู่คนละคุณภาพกับบ้านเราไง”

              “ไม่ ผมลองแล้ว ใช้ได้กับทิชชู่ทุกแบบ พี่คิดดู ถ้าใช้ทิชชู่แผ่นเดียวเช็ดมือ เฉพาะในอเมริกาวิจัยว่าจะประหยัดภาษีได้ห้าร้อยกว่าล้านปอนด์เลยนะ ผมจำตัวเลขไม่ได้”

             ธูปเริ่มสะบัดมือ ผมมองมันผ่านกระจก เด็กหนุ่มนับออกเสียง พิสูจน์ทฤษฎีที่เคยได้ยินมา มีคนรอใช้อ่างล้างหน้าต่อ มองธูปสะบัดมือด้วยหน้าตาประหลาดแล้วเดินออกไปโดยไม่หยิบทิชชู่ด้วยซ้ำ

              “...สิบ สิบเอ็ด สิบสอง”

             เด็กหนุ่มนับถึงจำนวนที่บอกในเวลาไม่นาน ผมยืนพิงกำแพงอยู่ใกล้ๆ มันใช้ทิชชู่แผ่นเดียวมาพับครึ่ง ซับน้ำจากมือเชื่องช้า มือของธูปเป็นมือของคนไม่ทำงานหนัก ข้อนิ้วเล็ก ผิวขาว ลักษณะหนังไม่กระด้าง เส้นลายนิ้วมือไม่ชัด มันตัดเล็บสะอาดสะอ้าน ผิวบนใต้เล็บเป็นสีเนื้ออมชมพู นิ้วยาวเรียวสวย เห็นเส้นเลือดชัด นั่นอาจเป็นความแตกต่างของมือผู้หญิงกับผู้ชาย ผมมองมือที่บรรจงเช็ดไม่ทันระวัง ธูปเล่นทีเผลอด้วยการหันมาแปะมือบนแผ่นอกผมทั้งสองข้าง ยิ้มกว้างสดใส

             หัวใจผมเต้นหนักอีกครั้งเมื่อถูกสัมผัส แม้มีเสื้อคอยกั้นแต่เนื้อผ้าก็เบาและบางจนรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิจากอีกฝ่าย ธูปยิ้มค้าง ก่อนผมจะวางมือทับมืออีกฝ่ายให้รู้สึกตัว เด็กหนุ่มก็ชักมือกลับรวดเร็ว

              “เห็นไหม ไม่มีลายบอดี้โกล์ฟ”

             มันหมายถึงไม่มีรูปรอยฝ่ามือที่เป็นเครื่องหมายการค้าของสินค้าแบรนด์ดัง เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถเช็ดมือได้แห้งหลังจากสะบัดมือสิบสองครั้งจริง พลิกตัวหนีเอาทิชชู่ที่คามือทิ้งถังขยะ ส่วนผมนิ่งงันอยู่ตรงนั้น มองต้นคออีกฝ่ายที่แดงขึ้นมาจนเหมือนตอนวิ่งเสร็จหมาดๆ

              “อืม แห้งจริงด้วย”

             ครางรับในลำคอ มือยังคงวางบนเหนืออกด้านซ้าย ตำแหน่งที่ไอ้เด็กพิเรนทร์เอามือวางเมื่อครู่

             ความรู้สึกนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ไม่อาจปฏิเสธว่าไม่เข้าใจ ผมเรียนรู้จนจัดเจน ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวใจสั่นไหวง่ายดายแบบนี้ หรือบางทีทฤษฎีการจีบที่มันเผลอใช้กับผมโดยไม่ตั้งใจจะเป็นเรื่องจริง

              “ไปหาของกินกันเถอะครับ”

             ธูปเป็นคนแก้สถานการณ์อีกครั้ง ส่วนผมก็ได้แต่ทำเป็นละเลยความรู้สึกโลดโผนที่ก่อตัวขึ้นภายใน เดินเฉียดไหล่มันออกจากห้องน้ำก่อนโดยลอบมองเงาที่ไล่ตามกันมาไม่ห่าง

             เสียงร้องโครกของกระเพาะอีกฝ่ายดัง เงาที่เดินตามชะงัก ทิ้งระยะให้ไกลกว่าเดิมเล็กน้อย ผมหลุดยิ้ม สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่

              “หิวเลยดิ ไม่เคยตื่นเช้ามาวิ่งแบบนี้”

             หันกลับไปคว้าคอไอ้เปี๊ยกให้เดินใกล้ๆ กัน มันเอามือกุมท้อง ซ่อนสีหน้าด้วยผมหน้าม้าที่หลุดรอดมาจากที่คาดผม

              “พี่แม่งหูดีอย่างกับหมา”

              “ท้องมึงร้องจนดังไปจนถึงดาวอังคารแล้วเหอะ”

              “ก็บอกว่าหิวตั้งนานแล้ว”

             ธูปบ่นในลำคอ ผมชอบสถานการณ์ที่กลับมาเป็นเช่นเดิมรวดเร็ว ความสบายใจเมื่ออยู่กับอีกฝ่ายเป็นเหมือนสายลมอ่อนๆ

             ลมในฤดูร้อน หลังจากพระอาทิตย์สาดแสงแรงขึ้น และการออกกำลังกายที่กินเวลาเนิ่นนานพอประมาณ

 



TBC

รักใครให้ชวนไปวิ่ง แอร๊
ขอโทษที่มาเลทนะคะ ผิดไปแล้ววว สารภาพเลย เมื่อวานลืม /กรีดร้อง ไม่ได้มาลงนานเกินไป
แต่จะพยายามมาให้ตรงเวลานะ ฮือออออ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
«ตอบ #58 เมื่อ24-08-2018 05:08:57 »

น้องธูปฮาาา

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: sᴇxʏ ɴᴀᴜɢʜᴛʏ ɴᴇʀᴅʏ ch.04 Run baby run (23/8/18)
«ตอบ #59 เมื่อ24-08-2018 07:19:22 »

เอาแหล่ว ๆ พี่มังกรตกหลุมเด็กเนิร์ดแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด